Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนศิลปะ ป.2 2566

แผนศิลปะ ป.2 2566

Published by juthamanee.suksawai, 2023-05-20 02:16:28

Description: แผนศิลปะ ป.2 2566

Search

Read the Text Version

คำนำ แผนการจดั การเรียนรชู้ น้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 2 ปกี ารศึกษา 2566 จัดทาข้ึนเพื่อกาหนดหรือวางแผน เรื่องทจี่ ะสอนอย่างเป็นระบบ ให้สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้วี ัดของ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญให้ผู้เรียนได้เป็น ผู้คิดและปฏิบัติด้วยตนเองตาม สภาพแวดลอ้ มและบรบิ ทของโรงเรียน คดิ ออกแบบ จดั หา จัดซ้ือ สือ่ อุปกรณ์ท่ีเหมาะกับสาระการเรียนรู้ วัดและประเมนิ ผลดว้ ยวิธีการทห่ี ลากหลาย เหมาะสมกับ จุดประสงคใ์ นการเรียนรู้และวยั ของผเู้ รยี น แผนการจัดการเรียนรู้ให้ประโยชน์หลายประการ นอกจากจะช่วยทาให้ผู้สอนเกิดความมั่นใจ ใน การสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ยังมีส่วนช่วยในการวางแผน การจัดการ เรยี นการสอนให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งการสอนที่มปี ระสิทธิภาพ จะสะทอ้ นให้เหน็ ถึงคุณภาพ ของผู้เรยี น เมื่อ พบข้อบกพร่องและปัญหาในการจัดการเรียนการสอนจากการเขียนบันทึกหลังการสอน ผู้สอนได้นา ประเด็นปญั หาท่ีพบเจอมาปรับปรงุ แกไ้ ขให้ถูกต้องเหมาะสมกับผู้เรียนและสภาพห้องเรียนที่ จัดการเรียนรู้ ซึ่งช่วยให้การจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อันจะส่งผลไปถึงศักยภาพการเรียนรู้ ของผู้เรียนให้มี คุณภาพตามเป้าหมายทางการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ฉบับน้ี ประกอบไปดว้ ย มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้วี ัด ชัน้ ประถมศึกษาปี ที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนร้ศู ลิ ปะ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปี ที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2566 การประเมนิ และการให้คะแนน รวมทั้งแผนการจัดการเรยี นรู้ทั้งหมด 40 แผน สอ่ื ใบงาน วัดผลสัมฤทธิ์ท่ีใช้ในการประเมินความรู้ ความสามารถของผู้เรียน วิธีการและเกณฑ์การประเมิน การเรียนรู้ของผู้เรียน ผู้สอนขอขอบพระคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่ให้คาแนะนา และเป็นที่ปรึกษาในการจัดทา แผนการจดั การเรยี นรูท้ มี่ ปี ระโยชน์และมีคุณคา่ ต่อการจดั การเรียนการสอน อันจะเปน็ ประโยชน์สงู สุด ตอ่ ตวั ผู้เรยี นไว้ ณ โอกาสนี้ ลลติ ญา บณุ ศรีสกลุ

สำรบญั • คาอธบิ ายรายวิชา 5 • โครงสรา้ งรายวิชาพน้ื ฐาน กล่มุ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ : ดนตรี-นาฏศิลป์ 6 • โครงสร้างการจัดเวลาเรยี น 9 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 สสี นั ของเสยี ง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 สสี นั ของเสยี งมนษุ ย์ 12 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 สสี ันของเสียงดนตรี 20 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 คณุ ลักษณะของเสียงดนตรี 24 หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ 2 จังหวะดนตรี แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 คุณลกั ษณะของจงั หวะ : จังหวะสามัญ 28 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 5 คุณลักษณะของจังหวะ : จังหวะเพลงไทย 31 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 6 การเคลอื่ นไหวร่างกายประกอบเนือ้ หาในบทเพลง 36 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 7 การเลน่ เคร่ืองดนตรปี ระกอบเพลง 40 หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ 3 กำรขับร้อง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 8 การขับรอ้ ง : เพลงออกกาลงั 43 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 9 การขับรอ้ ง : เพลงในน้ามปี ลา ในนามขี ้าว 47 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 10 การขบั ร้อง : เพลงโด เร มี ฟา 50 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 11 การแสดงการขับร้องเพลง 54 หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี 4 บทเพลงสร้ำงสรรค์ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 12 เพลงปลกุ ใจ : เพลงเราสู้ 57 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 13 เพลงสอนใจ : เพลงตื่นแต่เช้า 61 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 14 เพลงสอนใจ : เพลงข้ามถนน 64 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 5 บทเพลงและดนตรที ้องถิน่ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 15 เพลงพื้นเมืองและดนตรีพ้นื เมืองของไทย 68 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 16 เพลงพน้ื เมืองและดนตรีพื้นเมืองภาคเหนือ 74 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 17 เพลงพ้ืนเมืองและดนตรีพน้ื เมืองภาคกลาง 77 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 18 เพลงพน้ื เมืองและดนตรีพน้ื เมืองภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื 80 แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 19 เพลงพ้ืนเมืองและดนตรพี ้ืนเมืองภาคใต้ 83 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 20 การแสดงเพลงพื้นเมืองของไทย 86

4 หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ 6 กิจกรรมดนตรี แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 21 ดนตรีกบั โอกาสสาคัญในโรงเรยี น 89 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 22 ดนตรกี บั วันสาคัญของชาติ 93 หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี 7 กำรเคลื่อนไหวอยำ่ งมีรปู แบบ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 23 การเคลื่อนไหวอย่างอิสระ 96 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 24 การเคลื่อนไหวอย่างมีรูปแบบ 100 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 25 การเคล่ือนไหวประกอบจังหวะ 103 แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 26 การประดิษฐ์ทา่ ราจากการเคล่อื นไหวอยา่ งมรี ูปแบบ 106 หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ่ี 8 นำฏยศพั ทแ์ ละภำษำทำ่ ทำงนำฏศิลป์ไทย แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 27 นาฏยศัพท์ (1) 109 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 28 นาฏยศพั ท์ (2) 113 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 29 นาฏยศัพท์ (3) 116 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 30 ภาษาทา่ ทางนาฏศิลป์ไทย 120 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 31 การใช้นาฏยศัพทแ์ ละภาษาท่าทางนาฏศิลปไ์ ทยประกอบจงั หวะ 125 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 32 การแสดงโดยใชน้ าฏยศพั ท์และภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยประกอบจังหวะ 128 หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 9 มำรยำทในกำรชมกำรแสดงนำฏศลิ ปไ์ ทย แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 33 มารยาทในการชมการแสดง (1) 132 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 34 มารยาทในการชมการแสดง (2) 136 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 10 กำรละเลน่ พน้ื บ้ำนของไทย แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 35 การละเล่นพน้ื บา้ นที่สัมพนั ธก์ บั การดารงชีวติ ของคนไทย 139 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 36 การละเลน่ พ้นื บา้ นของไทย 4 ภาค 143 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 37 การละเล่นพน้ื บา้ นภาคเหนอื 147 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 38 การละเลน่ พื้นบ้านภาคกลาง 150 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 39 การละเล่นพน้ื บ้านภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 153 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 40 การละเล่นพื้นบา้ นภาคใต้ 15

คำอธบิ ำยรำยวิชำ 5 ศ12101 ดนตรี-นำฏศิลป์ กล่มุ สำระกำรเรียนร้ศู ิลปะ ช้ันประถมศึกษำปีท่ี 2 เวลำเรียน 40 ชัว่ โมง ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับเรื่องเสียงมนุษย์ เสียงดนตรี คุณลักษณะของเสียงดนตรี คุณลักษณะของ จังหวะ การขับร้อง ความหมายและความสาคัญของบทเพลง บทเพลงและดนตรีพ้ืนเมือง กิจกรรมดนตรีใน โอกาสพิเศษ การเคล่ือนไหวอย่างมีรูปแบบ การใช้นาฏยศัพท์และภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทย การมีมารยาทใน การชมการแสดงนาฏศิลป์ไทยและการละเล่นพ้นื บ้านของไทย ให้ผู้เรียนสังเกตภาพการกาเนิดเสียง เครื่องดนตรีไทย การเคลื่อนไหวอย่างมีรูปแบบ นาฏยศัพท์ ภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทย ทา่ ทางการรา่ ยราประกอบเพลงตา่ ง ๆ การเปน็ ผูช้ มทด่ี ีและไมด่ ีเพื่อวเิ คราะห์และ เขียนอธิบายเกี่ยวกับภาพ การอ่านสถานการณ์และวิเคราะห์คาถาม การฝึกการขับร้องเพลงให้ถูกต้องตาม จังหวะสามารถเขียน บอก เล่า อธิบายความรู้สึกได้จากประสบการณ์เดิม โดยการถ่ายทอดจินตนาการและ ความคิดของตนเองอย่างอิสระ สามารถปฏิบัติท่ารา ขับร้อง และเข้าใจจังหวะได้ด้วยตนเองโดยการใช้ ทกั ษะกระบวนการต่างๆ และสรปุ ความรทู้ ีไ่ ด้ลงในแผนภาพต่าง ๆ เห็นคุณค่าและความสาคัญของศิลปวัฒนธรรมทางดนตรี-นาฏศิลป์ นาความรู้มาประยุกต์ใช้ใน ชีวติ ประจาวันได้อย่างเหมาะสม และมจี ิตสาธารณะในการอนรุ ักษ์ศลิ ปวฒั นธรรมไทย รหสั ตัวช้ีวดั ศ 2.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4, ป.2/5 ศ 2.2 ป.2/1, ป.2/2 ศ 3.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4, ป.2/5 ศ 3.2 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3 รวมทง้ั หมด 15 ตวั ช้ีวัด

6 โครงสร้ำงรำยวิชำพน้ื ฐำน กลมุ่ สำระกำรเรยี นรูศ้ ลิ ปะ : ดนตรี-นำฏศิลป์ ชัน้ ประถมศกึ ษำปีท่ี 2 เวลำเรยี น 40 ชั่วโมง ลำดบั ที่ ชอ่ื หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ สำระสำคญั เวลำ น้ำหนกั ตวั ช้ีวัด (ชั่วโมง) คะแนน ดนตรี 1 สีสันของเสียง ศ 2.1 ป.2/1, ป.2/2 1. เสยี งมนษุ ยม์ ีลักษณะตา่ งกันแบ่งเปน็ 3 เสียงพดู และเสยี งขบั รอ้ ง 2. เคร่อื งดนตรีแตล่ ะประเภท มีการกาเนดิ เสยี ง วิธกี ารบรรเลง และคุณลักษณะของเสยี งทแี่ ตกตา่ ง กนั เมื่อนามาบรรเลงรว่ มกนั จะเกดิ เปน็ เพลงท่ีมที านองเสียงท่ี ไพเราะ 2 จงั หวะดนตรี ศ 2.1 ป.2/3 จังหวะเปน็ ส่ิงทกี่ าหนดความพรอ้ มเพรียง 4 ในการทากจิ กรรมตา่ ง ๆ และเป็นตวั ควบคมุ ความชา้ -เร็ว ของบทเพลง ทาให้ บทเพลงมจี ังหวะแตกตา่ งกนั ไป 3 การขบั ร้อง ศ 2.1 ป.2/4 การขบั ร้องเพลงทดี่ ีจะต้องขับร้องตาม 4 หลักการขบั ร้องเพลงทถ่ี ูกต้อง และหม่ัน ฝึกซ้อมร้องเพลงอยู่เสมอ จะทาใหร้ ้อง เพลงได้ถูกต้องและไพเราะ และเกดิ ความ ซาบซ้ึงประทบั ใจแก่ผูฟ้ ัง 4 บทเพลงสรา้ งสรรค์ ศ 2.1 ป.2/5 บทเพลงเปน็ สงิ่ ทท่ี าให้มนษุ ย์มีความสุข 3 เกดิ ความผ่อนคลายบางบทเพลงให้ข้อคิด คติสอนใจ ชว่ ยขดั เกลาจิตใจ และสร้าง ความสามัคคีใหก้ บั คนในชาติ

7 ลำดบั ท่ี ชอ่ื หน่วยกำร มำตรฐำนกำรเรียนร้/ู สำระสำคัญ เวลำ น้ำหนกั 5 เรียนรู้ ตวั ช้ีวัด (ชว่ั โมง) คะแนน 6 บทเพลงและดนตรี ศ 2.2 ป.2/1 เพลงพนื้ เมืองและดนตรีพ้นื เมืองเกดิ จากภมู ิ 6 7 ท้องถิ่น ศ 2.2 ป.2/2 ปัญญาของคนในทอ้ งถ่ิน มเี อกลักษณ์ท่ี กิจกรรมดนตรี ศ 3.1 ป.2/1, ป.2/2 สะทอ้ นวิถชี ีวิตของคนในท้องถิ่นนน้ั ๆ นำฏศลิ ป์ การเคลอ่ื นไหว อนั เปน็ สง่ิ ที่ควรคา่ แก่การศึกษาและอนุรกั ษ์ อยา่ งมีรปู แบบ ไวเ้ พอ่ื เป็นศลิ ปวฒั นธรรมของชาตสิ บื ไป ดนตรมี บี ทบาทและความสาคัญในการจดั 2 กจิ กรรมตา่ ง ๆ เพราะจะทาใหก้ ารจัด กจิ กรรมมีความสนกุ สนานผ้มู าร่วมกจิ กรรม ช่นื ชอบ มีความสุข ซ่งึ ในการนาดนตรมี าใช้ บรรเลงและการขบั ร้องเพลงจะตอ้ งมี ความเหมาะสมกับการจดั งานหรือกจิ กรรม นน้ั ๆ การเคล่ือนไหวอย่างมีรูปแบบทาใหร้ ่างกาย 4 เคลอ่ื นไหวได้ คล่องแคล่ว ซงึ่ ในการ เคลอ่ื นไหวสามารถนาจงั หวะเข้ามามีส่วน ร่วมในการเคล่ือนไหวได้ จะทาใหก้ าร เคลื่อนไหวนน้ั มีระเบียบและเกดิ ความพร้อม เพรียงสวยงาม ซึ่งในการเคล่ือนไหวเรา สามารถประดิษฐ์ท่าทางให้เข้ากับจงั หวะและ เนือ้ หาของบทเพลงไดจ้ ะทาใหก้ าร เคลอ่ื นไหวมีความนา่ สนใจสวยงามมากข้นึ

8 ลำดบั ท่ี ชอ่ื หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ สำระสำคัญ เวลำ นำ้ หนกั ตวั ชว้ี ัด (ช่วั โมง) คะแนน 8 นาฏยศพั ท์และภาษา ศ 3.1 ป.2/3, ป.2/4 นาฏยศัพทแ์ ละภาษาท่าทาง 6 ท่าทางนาฏศิลป์ไทย นาฏศลิ ป์ไทยเปน็ ส่งิ ท่ีใชส้ ่อื ความหมายในการแสดงนาฏศิลป์ ทาให้การแสดงมคี วามสวยงาม เม่อื นานาฏยศัพท์ และภาษา ท่าทางนาฏศลิ ป์ไทยมาใช้ ประกอบการแสดงจะทาใหก้ าร แสดงน่าสนใจ มีความสวยงาม ทา ให้ผชู้ มสามารถเข้าใจ การแสดงไดง้ ่ายขึน้ 9 มารยาทในการชม ศ 3.1 ป.2/5 การมีมารยาทในการชมการแสดง 2 การแสดงนาฏศิลป์ไทย จะทาให้ได้รบั ประโยชน์ ความ สนกุ สนานในการชมการแสดง ทา ใหผ้ ู้แสดงมีสมาธใิ นการแสดง และ ผู้ชมคนอน่ื ๆ ไดร้ บั ความ สนุกสนานไปดว้ ย 10 การละเล่นพื้นบ้านของ ศ 3.2 ป.2/1, ป.2/2, การละเล่นพนื้ บ้านของไทย 6 ไทย ป.2/3 เปน็ ส่ิงท่ีสืบทอดกนั มาช้านาน แสดงใหเ้ หน็ ถึงความสัมพันธ์ กับวิถีชวี ติ ของคนไทย และเป็นสิง่ ทสี่ รา้ งความสนุกสนาน บันเทิงใจ ซึง่ คนไทยทกุ คนควรรว่ มมือกัน อนุรกั ษส์ ืบทอดต่อไป รวม 40

9 โครงสร้ำงกำรจัดเวลำเรียนกลุ่มสำระกำรเรียนรศู้ ิลปะ : ดนตรี – นำฏศลิ ป์ ชัน้ ประถมศกึ ษำปีท่ี 2ภำคเรยี นท่ี 1 เวลำเรยี น 20 ชั่วโมง หนว่ ยกำรเรยี นรู้ / แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ เวลำเรยี น (ช่วั โมง) หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ 1 สีสนั ของเสยี ง แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี 1 สีสันของเสียงมนษุ ย์ 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี 2 สีสนั ของเสียงดนตรี 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี 3 คณุ ลักษณะของเสียงดนตรี 1 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ 2 จงั หวะดนตรี แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี 4 คณุ ลกั ษณะของจังหวะ : จังหวะสามญั 1 แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ี่ 5 คุณลักษณะของจงั หวะ : จังหวะเพลงไทย 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ 6 การเคลอื่ นไหวร่างกายประกอบเนื้อหาในบทเพลง 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ 7 การเล่นเคร่อื งดนตรีประกอบเพลง 1 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ 3 กำรขับร้อง แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 8 การขบั ร้อง : เพลงออกกาลัง 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ 9 การขบั ร้อง : เพลงในนา้ มปี ลา ในนามขี ้าว 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ 10 การขับร้อง : เพลงโด เร มี ฟา 1 แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ 11 การแสดงการขับรอ้ งเพลง 1 หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี 4 บทเพลงสรำ้ งสรรค์ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 12 เพลงปลุกใจ : เพลงเราสู้ 1 แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี 13 เพลงสอนใจ : เพลงต่นื แต่เช้า 1 แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 14 เพลงสอนใจ : เพลงข้ามถนน 1 หน่วยกำรเรียนรทู้ ่ี 5 บทเพลงและดนตรีทอ้ งถนิ่ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ 15 เพลงพน้ื เมืองและดนตรีพนื้ เมืองของไทย 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ่ี 16 เพลงพ้นื เมืองและดนตรีพื้นเมืองภาคเหนือ 1 แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี 17 เพลงพ้ืนเมืองและดนตรพี ้นื เมืองภาคกลาง 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ 18 เพลงพ้ืนเมอื งและดนตรพี ้ืนเมอื งภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 1 แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี 19 เพลงพน้ื เมืองและดนตรีพน้ื เมืองภาคใต้ 1 แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี 20 การแสดงเพลงพน้ื เมืองของไทย 1 รวมเวลำเรียน 20

10 โครงสร้ำงกำรจดั เวลำเรียน กลุม่ สำระกำรเรียนรศู้ ิลปะ : ดนตรี - นำฏศิลป์ ชนั้ ประถมศกึ ษำปีท่ี 2 ภำคเรยี นที่ 2 เวลำเรยี น 20 ชว่ั โมง หน่วยกำรเรยี นรู้ / แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ เวลำเรยี น (ชัว่ โมง) หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี 6 กจิ กรรมดนตรี แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ 21 ดนตรกี บั โอกาสสาคัญในโรงเรยี น 1 แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ี่ 22 ดนตรกี บั วันสาคัญของชาติ 1 หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี 7 กำรเคลอ่ื นไหวอย่ำงมรี ปู แบบ 1 แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ี่ 23 การเคลื่อนไหวอยา่ งอิสระ 1 แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 24 การเคล่ือนไหวอยา่ งมรี ปู แบบ 1 แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี 25 การเคลื่อนไหวประกอบจังหวะ 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ 26 การประดิษฐ์ทา่ ราจากการเคลื่อนไหวอย่างมี รปู แบบ หน่วยกำรเรียนรทู้ ่ี 8 นำฏยศพั ท์และภำษำทำ่ ทำงนำฏศลิ ป์ไทย 1 แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 27 นาฏยศพั ท์ (1) 1 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 28 นาฏยศพั ท์ (2) 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ่ี 29 นาฏยศัพท์ (3) 1 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 30 ภาษาทา่ ทางนาฏศิลป์ไทย 1 แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 31 การใชน้ าฏยศัพท์และภาษาทา่ ทางนาฏศิลป์ไทย ประกอบจังหวะ 1 แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ 32 การแสดงโดยใชน้ าฏยศัพท์และภาษาท่า ทางนาฏศิลปไ์ ทยประกอบจังหวะ หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี 9 มำรยำทในกำรชมกำรแสดงนำฏศิลปไ์ ทย 1 แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ี่ 33 มารยาทในการชมการแสดง (1) 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ 34 มารยาทในการชมการแสดง (2)

หนว่ ยกำรเรยี นรู้ / แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ 11 หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 9 มำรยำทในกำรชมกำรแสดงนำฏศิลป์ไทย เวลำเรยี น แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ่ี 33 มารยาทในการชมการแสดง (1) (ชวั่ โมง) แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ่ี 34 มารยาทในการชมการแสดง (2) 1 1 หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ 10 กำรละเลน่ พ้นื บำ้ นของไทย 1 แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 35 การละเล่นพน้ื บ้านท่ีสมั พนั ธ์กบั การดารงชวี ิต ของคนไทย แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี 36 การละเลน่ พื้นบา้ นของไทย 4 ภาค 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ 37 การละเลน่ พนื้ บา้ นภาคเหนือ 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ 38 การละเลน่ พื้นบ้านภาคกลาง 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี 39 การละเลน่ พน้ื บา้ นภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี 40 การละเลน่ พน้ื บ้านภาคใต้ 1 20 รวมเวลำเรยี น

12 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 1 กลุม่ สำระกำรเรียนรู้ศิลปะ ศ 12101 ช้นั ประถมศกึ ษำปที ่ี 2 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 สสี ันของเสียง ภำคเรียนที่ 1 เรื่อง สสี นั ของเสียงมนุษย์ เวลำ 1 ช่ัวโมง ครูผู้สอน นำงสำวลลติ ญำ บุณศรสี กุล ………………………………………………………………………………………………….……………………………………… มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตวั ชี้วัด มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า ดนตรีถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตประจาวนั ตวั ชี้วัด ศ 2.1 ป.2/1 จาแนกแหลง่ กาเนิดของเสยี งทีไ่ ดย้ ิน ศ 2.1 ป.2/2 จาแนกคุณสมบตั ขิ องเสียงสูง - ตา่ ดัง - เบา ยาว - สัน้ ของดนตรี จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายความแตกต่างระหว่างเสียงพูดกบั เสียงขับร้อง (K) 2. จาแนกแหลง่ กาเนิดเสยี ง (P) 3. ชื่นชมเสียงขับร้องท่ตี รงกับทานองและจงั หวะของเพลงที่กาหนดไว้ (A) สำระสำคัญ มนุษย์แต่ละคนมีลักษณะของเสียงพูดและเสียงขับร้องเพลงท่ีแตกต่างกัน ข้ึนอยู่กับเพศและวัย การเปล่งเสียงขับร้องให้ตรงกับทานองและจังหวะของเพลงท่ีกาหนดไว้จะทาให้เพลงที่ขับร้องมีความ ไพเราะ น่าฟังมากขึ้น สำระกำรเรียนรู้ สีสันของเสียงมนุษย์ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มงุ่ มน่ั ในกำรทำงำน ตวั ช้วี ดั ที่ 6.1 ตงั้ ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบัติหนา้ ทก่ี ารงาน สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการคดิ

13 กำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 1. ครูคดั เลอื กผู้แทนนักเรียนชาย 2 คน ใหอ้ อกมากล่าวคาแนะนาตนเอง 1 คนและรอ้ งเพลง 1 คนจากนัน้ ครใู ช้คาถามเพ่ือให้นักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น ดังน้ี ผ้แู ทนนกั เรียนคนท่ี 1 ทาอะไร (กลำ่ วคำแนะนำตนเอง) ผ้แู ทนนกั เรียนคนท่ี 2 ทาอะไร (ร้องเพลง) เสยี งท่ผี ู้แทนนกั เรยี นคนที่ 1 กบั 2 เปลง่ ออกมาเหมือนหรือแตกตา่ งกนั (เหมือน/ แตกตำ่ ง) 2. ครูนาบัตรคา เสียงพดู เสียงขบั รอ้ ง มาติดไว้บนกระดานแล้วนานักเรียนอ่าน จานวน 1 รอบ จากนน้ั ใชค้ าถามเพ่อื ใหน้ ักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ ดังนี้ เสียงพูดและเสียงขับร้อง เหมอื นกันหรือไม่อย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ ไมเ่ หมอื นกัน โดยเสียงพูดคือเสียงท่ีเปล่งออกมำจำกลำคอและช่องปำก แต่เสียงขับร้องต้องเปล่งให้ตรงกับ ทำนองและจงั หวะของเพลงท่กี ำหนดไว้) นกั เรียนชอบเสยี งใด (เสียงพูด/เสยี งขับรอ้ ง) จากนั้นครอู ธบิ ายเกี่ยวกับเสยี งพูดและเสียงขับร้องให้นักเรียนฟงั จนจบ 3. ครูนาบัตรคาต่อไปน้ีมาติดไว้บนกระดานเพื่อให้นักเรียนเลน่ เกมเสยี งอะไรหนอ ซึ่งมวี ิธีการเล่น ดังข้นั ตอนตอ่ ไปนี้ เสียงมนษุ ย์ เสียงเคร่อื งดนตรี เสียงหวั เราะ เสียงเป่าขลยุ่ เสียงรอ้ งเพลง เสียงรอ้ งไห้ เสียงระนาด เสียงพดู คยุ เสียงซอ เสียงตีกลอง เสียงทะเลาะ เสียงดีดกีตาร์ ครูนานักเรียนอ่านบัตรคาดังกล่าว 1 รอบ แลว้ ควา่ บัตรคาดงั กลา่ วใหค้ ละกนั ให้นักเรยี นแบง่ กลุ่มตามความเหมาะสม ครูแจกบตั รคา เสียง เสียงเคร่อื งดนตรี ให้นักเรยี นกลุ่มละ 1 ชุด มนษุ ย์ ครแู บ่งกระดานออกเป็น 2 สว่ น โดยสว่ นที่ 1 ตดิ บตั รคา เสียงมนษุ ย์ และส่วนที่ 2 ตดิ บตั รคา เสียงเคร่อื งดนตรี ครูอธิบายวิธีการเล่นเกมเสียงอะไรหนอให้นักเรียนฟัง ดังนี้ ครูพลิกบัตรคาทีละใบ แล้วให้แต่ละกลุ่มบอกว่าเสียงในบัตรคาเป็นเสียงมนุษย์หรือเสียงเคร่ืองดนตรี โดยใช้วิธีการยก

14 บัตรคาตอบห้ามส่งเสียงตอบ กลุ่มใดส่งเสียงตอบจะหมดสิทธ์ิได้คะแนนในข้อน้ัน กลุ่มใดตอบถูก ได้ 1 คะแนน กล่มุ ท่ีไดค้ ะแนนมากทส่ี ุดเป็นฝา่ ยชนะ ดาเนินการเลน่ เกมตามข้ันตอนดงั กล่าว โดยครแู ละนกั เรียนร่วมกันตรวจสอบความ ถกู ต้อง ครูนาบัตรคามาติดแยกไว้ตามประเภทของแหล่งกาเนิดเสียงแล้วนานักเรียนอ่าน บัตรคาดังกล่าวตามประเภทอีกครั้ง 4. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสมคละชาย-หญิง แล้วครูนาแถบประโยคและบัตรคา ต่อไปน้มี าตดิ ไว้บนกระดาน โอย้ ! เจบ็ จงั สวสั ดี ชว่ ยดว้ ย แล้วพานักเรียนแต่ละกลุ่มอ่านจานวน 1 รอบ จากน้ันให้นักเรียนแต่กลุ่มร่วมกันฝึกปฏิบัติออก เสียงลักษณะตา่ ง ๆ ตามเงอ่ื นไขต่อไปนี้ โอย้ ! เจ็บจงั พดู เปน็ เสียงสูง และเสียงต่า สวสั ดี พูดเปน็ เสยี งดัง และเสียงเบา ชว่ ยดว้ ย พูดเป็นเสียงยาว และเสยี งส้ัน เมื่อนักเรียนแตล่ ะกลุ่มฝึกปฏบิ ัตกิ ารออกเสยี งลักษณะต่าง ๆ ได้ชานาญแล้วใหอ้ อกมานาเสนอผล การฝึกปฏิบัติของกลุ่มตนเองตามเพศชายหญิงให้เพ่ือนกลุ่มอื่น ๆ ฟังทีละกลุ่มจนครบทุกกลุ่ม จากนั้นครู ใชค้ าถามเพ่ือให้นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น ดงั นี้ เสียงพดู ของนักเรยี นชายและนกั เรยี นหญิงเหมือนกนั หรอื ไม่ (เหมือน / ไม่เหมือน) เสียงพูดของนักเรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกันอย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ ลกั ษณะของนำ้ เสยี งไม่เหมือนกนั ) ถา้ เปลย่ี นจากเสยี งพดู เปน็ เสยี งขับรอ้ ง เสียงสงู ของผหู้ ญิงเราเรียกวา่ อะไร (โซปรำโน) ถ้าเปล่ยี นจากเสียงพดู เปน็ เสียงขบั รอ้ ง เสียงสูงของผู้ชายเราเรียกว่าอะไร (เทเนอร์) ถ้าเปลยี่ นจากเสียงพดู เปน็ เสียงขบั รอ้ ง เสียงตา่ ของผหู้ ญิงเราเรียกวา่ อะไร (อัลโต) ถา้ เปลย่ี นจากเสยี งพูดเป็นเสียงขับร้อง เสยี งต่าของผชู้ ายเราเรียกว่าอะไร (เบส)

15 นักเรียนชืน่ ชอบเสียงลกั ษณะใด (ตัวอยำ่ งคำตอบ เสยี งตำ่ ของผู้ชำย) นักเรียนไมช่ ่ืนชอบเสยี งลักษณะใด (ตัวอย่ำงคำตอบ เสียงสูงของผหู้ ญงิ ) โซปราโน เสียงสงู ของผหู้ ญิง เสียงต่า เบส เสยี งขับร้อง เทเนอร์ เสียงสงู ของ ของผชู้ าย ของมนุษย์ ผชู้ าย อลั โต เสียงต่าของผหู้ ญิง 5. ครูและนักเรียนร่วมกันร้องเพลงช้างประกอบจังหวะ และแสดงท่าทางประกอบจังหวะ จานวน 2 รอบ แล้วครใู ชค้ าถามเพ่ือใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น ดังนี้ นกั เรียนรอ้ งเพลงได้ถูกต้องตามทานองและจังหวะหรอื ไม่ (ถูกตอ้ ง / ไม่ถกู ต้อง) นักเรียนรู้สึกอย่างไรท่ีร้องเพลงได้ถูกต้องตามทานองและจังหวะ (ตัวอย่ำงคำตอบ ภมู ใิ จและสนกุ สนำน) ถ้าทุกคนร้องเพลงได้ถูกต้องตามทานองและจังหวะจะเกิดผลดีอย่างไร (ตัวอย่ำง คำตอบ เพลงที่ขบั รอ้ งมคี วำมไพเรำะนำ่ ฟงั มำกขึน้ ) นกั เรยี นร้สู กึ อย่างไรท่ีได้แสดงท่าทางประกอบเพลง (ตวั อยำ่ งคำตอบ สนกุ สนำน เพลิดเพลนิ ) นกั เรียนจะมีแนวทางในการขบั รอ้ งเพลงให้ถูกต้องตามทานองและจังหวะได้อยา่ งไร (ตวั อย่ำงคำตอบ ฝกึ ขบั รอ้ งเพลงบ่อย ๆ) 6. ให้นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดังนี้ มนุษย์แต่ละคนมีลักษณะของเสียงพูดและเสียงขับร้องท่ีแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเพศและวัย การขับ ร้องเพลงให้ไพเราะน่าฟัง ควรเปล่งเสียงให้ตรงกับทานองและจังหวะของ เ พลงท่ีกาห น ด ไว้ จะทาให้เพลงท่ีขับร้องมคี วามไพเราะนา่ ฟงั มากข้ึน 7. ให้นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ าถามท้าทาย ดังนี้ เสียงตามธรรมชาติเสียงใดท่ีมคี วามคล้ายคลงึ กับเสียงสงู ของผหู้ ญงิ 8. ใหน้ ักเรียนทาชิ้นงานที่ 1 เรือ่ ง สีสนั ของเสียงมนุษย์

16 ส่อื กำรเรียนรู้ 1. บตั รคา 2. แถบประโยค 3. เกมเสียงอะไรหนอ 4. เพลงชา้ ง 5. ช้นิ งานที่ 1 เรอ่ื ง สีสันของเสียงมนษุ ย์ กำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ 1. วธิ กี ำรวัดและประเมนิ ผล 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม 1.2 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1.3 ตรวจช้นิ งานที่ 1 2. เคร่อื งมือ 2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม 2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์กำรประเมนิ 3.1 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผ่ำน ผ่าน 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผำ่ น 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกล่มุ คะแนน 9-10 ระดับ ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดับ พอใช้ คะแนน 0-4 ระดับ ควรปรับปรงุ

17 กำรประเมินผลตำมสภำพจริง การประเมนิ ช้ินงานที่ 1 ให้ผูส้ อนพิจารณาจากเกณฑก์ ารประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics) เรือ่ ง จาแนกเสียงตามแหล่งกาเนดิ เสียง เกณฑก์ ำรประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 จาแนกเสยี งตาม 32 จาแนกเสียงตาม จาแนกเสยี งตาม แหลง่ กาเนิดเสียง จาแนกเสยี งตาม จาแนกเสียงตาม แหลง่ กาเนิดเสียง แหล่งกาเนิดเสยี ง ได้ถูกต้อง โดยครู แหล่งกาเนดิ เสียง แหลง่ กาเนดิ เสยี ง ได้ถูกต้อง โดยครู ไมต่ ้องแนะนา ได้ถูกต้อง โดยครู ได้ถูกต้อง โดยครู ตอ้ งให้คาแนะนา และอธิบาย ใหค้ าแนะนา ให้คาแนะนา ตลอดเวลาแตไ่ ม่ ลกั ษณะของเสยี ง บางครง้ั และ บางคร้ังแต่ไม่ สามารถอธิบาย ได้สัมพันธ์กับ อธบิ ายลักษณะ สามารถอธิบาย ลกั ษณะของเสยี ง แหลง่ กาเนิดเสยี ง ของเสยี งไดส้ ัมพันธ์ ลักษณะของเสียง ไดส้ มั พันธ์กบั กบั แหล่งกาเนิด ไดส้ มั พนั ธ์กบั แหล่งกาเนดิ เสียง เสยี ง แหลง่ กาเนดิ เสียง

เสยี งพดู 18 เสียงขบั รอ้ ง เสยี งมนษุ ย์ เสยี งเครอ่ื งดนตรี เสียงหวั เราะ เสยี งเป่าขลยุ่ เสยี งรอ้ งเพลง เสียงรอ้ งไห้

19 เสยี งระนาด เสยี งพดู คยุ เสียงซอ เสยี งตีกลอง เสยี งทะเลาะ เสยี งดีดกีตาร์ โอย้ ! เจบ็ จงั สวสั ดี ชว่ ยดว้ ย

20 แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ 2 กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ศิลปะ ศ 12101 ช้นั ประถมศึกษำปที ่ี 2 หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ 1 สสี ันของเสียง ภำคเรยี นท่ี 1 เรื่อง สีสนั ของเสียงดนตรี เวลำ 1 ชั่วโมง ครูผูส้ อน นำงสำวลลิตญำ บณุ ศรีสกลุ ………………………………………………………………………………………………….………………………………………. มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า ดนตรีถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจาวนั ตวั ช้ีวัด ศ 2.1 ป.2/1 จาแนกแหล่งกาเนดิ ของเสียงท่ไี ด้ยิน ศ 2.1 ป.2/2 จาแนกคุณสมบตั ิของเสียงสูง - ตา่ ดัง - เบา ยาว -สนั้ ของดนตรี จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายเกยี่ วกับเคร่ืองดนตรีไทย (K) 2. จาแนกเคร่อื งดนตรีไทย (P) 3. ชนื่ ชมเสียงดนตรีไทย (A) สำระสำคญั เสียงดนตรีเกิดจากเครื่องดนตรีไทยทั้งประเภทดีด สี ตีและเป่า ซึ่งมีความไพเราะตามเอกลักษณ์ ของดนตรี เม่ือนามาบรรเลงร่วมกันอย่างถูกต้องตามทานองและจังหวะของเพลงจะทาให้มีความไพเราะน่า ฟงั มากข้นึ สำระกำรเรียนรู้ สีสนั ของเสยี งดนตรี คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ มงุ่ มั่นในกำรทำงำน ตวั ช้วี ัดท่ี 6.1 ตัง้ ใจและรับผิดชอบในการปฏบิ ัติหนา้ ท่กี ารงาน สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ความสามารถในการคดิ การกระทาใดที่ทาให้เกิดเสียงคลา้ ยเคร่ืองดนตรปี ระเภทตี กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 1. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับประสบการณ์การเลน่ เคร่อื งดนตรไี ทย ของนักเรยี น โดยครใู ช้คาถาม ดงั นี้

21 นกั เรียนรู้จักเครอ่ื งดนตรไี ทยชนดิ ใดบา้ ง (ตวั อยำ่ งคำตอบ ฉ่ิง ระนำด) นักเรยี นเคยเลน่ เครื่องดนตรีไทยใดบา้ ง (ตัวอยำ่ งคำตอบ ฉิ่ง ขลุ่ยเพยี งออ) เครื่องดนตรีไทยท่ีนักเรียนเล่นจดั เป็นเครื่องดนตรีไทยประเภทใด (ตัวอยำ่ งคำตอบ ตี เป่ำ) นกั เรียนรู้สกึ อย่างไรเมื่อไดเ้ ล่นเครอ่ื งดนตรีไทย (ตัวอย่ำงคำตอบ มีควำมสุข สนกุ สนำน) เคร่ืองดนตรีไทยมีความสาคัญตอ่ ชาตไิ ทยอย่างไร (ตวั อย่ำงคำตอบ ทำให้ชำตไิ ทย มเี อกลักษณ์ทีน่ ่ำภำคภูมิใจ) 2. ครนู าบตั รภาพต่อไปน้มี าติดไว้บนกระดาน ภาพฉ่ิง ภาพขลยุ่ เพียงออ ภาพจะเข้ ภาพซอสามสาย แลว้ ใช้คาถามเพอื่ ให้นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็น ดังน้ี บตั รภาพท่ี 1 คอื ภาพเคร่ืองดนตรไี ทยใด (ภำพฉิง่ ) ฉงิ่ เปน็ เคร่อื งดนตรีไทยประเภทใด (ตี) บัตรภาพท่ี 2 คือภาพเครื่องดนตรไี ทยใด (ขลยุ่ เพียงออ) ขลุ่ยเพียงออเป็นเครอื่ งดนตรีไทยประเภทใด (เปำ่ ) บัตรภาพที่ 3 คอื เครอื่ งดนตรีไทยใด (จะเข้) จะเขเ้ ปน็ เครื่องดนตรีไทยประเภทใด (ดีด) บัตรภาพที่ 4 คอื เคร่ืองดนตรีไทยใด (ซอสำมสำย) ซอสามสายเปน็ เครื่องดนตรีไทยประเภทใด (สี) จากน้ันใหน้ ักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับเครือ่ งดนตรไี ทยประเภทต่าง ๆ ท่ีรู้จัก เพม่ิ เติมพร้อมทั้งครูอธิบายเกี่ยวกับเครอื่ งดนตรไี ทยประเภทต่าง ๆ จนนักเรียนทุกคนเข้าใจ และนาข้อมูล ท่ีได้มาเขยี นสรปุ ลงในแผนภาพบนกระดานดังตวั อย่างต่อไปนี้

22 ป่ีชวา ระนาด ป่ีใน เป่ า ขลยุ่ เพียงออ ฉ่ิง ขมิ จะเข้ เคร่อื ง กรบั ตี ดนตรีไทย ดีด พิณนา้ เตา้ ซอดว้ ง สี ซอสามสาย ซออู้ 3. ใหน้ กั เรยี นเลือกเคร่อื งดนตรีไทยท่ตี นเองชื่นชอบแลว้ วาดภาพเครื่องดนตรีไทยน้ันพร้อมท้ัง ระบายสีให้สวยงาม จากนัน้ ใหอ้ อกมานาเสนอผลงานของตนเองตามหวั ขอ้ ต่อไปนี้ ช่ือเครือ่ งดนตรี ประเภทของเครือ่ งดนตรี เหตุผลที่ชอบ วิธีการอนุรกั ษ์เคร่ืองดนตรีไทยชนิดน้ี จากนนั้ ครูนาข้อมูลทไ่ี ด้จากการนาเสนอผลงานนักเรยี นทุกคนมาสรปุ ใหน้ ักรียนฟงั อีกคร้ัง 4. ครูอธิบายเพมิ่ เติมความรเู้ ก่ียวกับอาเซยี น ดงั นี้ กระปือ (Krapeu) ในภาษากัมพูชา หมายถึง จะเข้เป็นเครื่องดนตรีคลาสสิกของกัมพูชา สมยั ปจั จุบนั ทาให้เกิดเสียงดว้ ยวธิ ีการดีด ตวั เครือ่ งประดบั ดว้ ยลวดลาย มสี ามสายเหมอื นกบั จะเข้ของไทย มกั ใชส้ าหรับเป็นเคร่ืองดนตรีบรรเลงในงานแตง่ งาน

23 5. ให้นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้ เสียงดนตรีไทยที่ไพเราะมีแหล่งกาเนิดเสียงมาจากเครื่องดนตรีไทยหลายประเภททั้งดีด สี ตี และเป่า แต่เมื่อนามาบรรเลงตามทานองและจังหวะของเพลงร่วมกันแล้วจะทาให้เกิด ความไพเราะนา่ ฟงั มากขึ้น 6. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ าถามท้าทาย ดังนี้ การกระทาใดท่ีทาให้เกิดเสยี งคล้ายเครื่องดนตรีไทยประเภทตี สอ่ื กำรเรยี นรู้ บัตรคา กำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ 1. วธิ ีกำรวัดและประเมินผล สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม 2. เครือ่ งมือ แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม 3. เกณฑก์ ำรประเมิน การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผา่ นตัง้ แต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผ่ำน ผา่ น 1 รายการ ถือวา่ ไมผ่ ำ่ น

24 แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 3 กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ศลิ ปะ ศ 12101 ชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี 2 หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 1 สสี ันของเสียง ภำคเรยี นท่ี 1 เรื่อง คุณลักษณะของเสียงดนตรี เวลำ 1 ช่ัวโมง ครผู สู้ อน นำงสำวลลติ ญำ บุณศรสี กลุ ………………………………………………………………………………………………….……………………………………… มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า ดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจาวัน ตัวชวี้ ดั ศ 2.1 ป.2/1 จาแนกแหลง่ กาเนดิ ของเสียงท่ไี ดย้ นิ ศ 2.1 ป.2/2 จาแนกคุณสมบตั ขิ องเสยี งสูง - ต่า ดัง - เบา ยาว - ส้ัน ของดนตรี จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธบิ ายคณุ ลักษณะของเสยี งทเี่ กดิ จากเคร่ืองดนตรีไทย (K) 2. จาแนกคุณลักษณะของเสยี ง (P) 3. ชืน่ ชม คุณลักษณะของเสียงดนตรไี ทย (A) สำระสำคญั เคร่ืองดนตรีไทยแต่ละชนิดจะมีเสียงแตกต่างกันท้ังเสียงสูง ต่า ดัง เบา ส้ัน และยาว ซ่ึง คณุ ลกั ษณะของเสยี งเหล่าน้จี ะให้ความรู้สกึ ท่ีแตกต่างกัน สำระกำรเรยี นรู้ คณุ ลกั ษณะของเสียงดนตรี คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มุ่งม่นั ในกำรทำงำน ตวั ช้วี ดั ที่ 6.1 ตงั้ ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบตั หิ นา้ ท่ีการงาน สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน ความสามารถในการคดิ กำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 1. ครูนายางรดั ของมาดีดให้เกิดเสียงให้นักเรยี นดูและฟัง จากนน้ั ใชค้ าถามเพื่อให้นักเรียนร่วมกัน แสดงความคิดเห็น ดังน้ี วัตถทุ ่คี รนู ามาทาให้เกดิ เสยี งคืออะไร (ตวั อยำ่ งคำตอบ ยำงรดั ของ)

25 วิธีท่ีทาให้เกิดเสยี งคือวธิ ีใด (ตัวอย่ำงคำตอบ ดดี ) เสียงท่ีเกิดจากการดีดยางรัดของมีคุณลักษณะของเสียงแบบใด (ตัวอย่ำงคำตอบ เบำและส้นั ) นักเรียนสามารถนาวัตถุชนิดน้ีเลียนเสียงเคร่ืองดนตรีชนิดใดได้บ้าง (ตัวอย่ำง คำตอบ จะเข้ พิณน้ำเต้ำ) จากน้นั ครอู ธิบายเก่ยี วกบั คุณลักษณะของเสยี งดนตรีให้นักเรยี นฟงั จนเขา้ ใจ 2. ให้นักเรียนแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 8 กลุ่ม แล้วให้แต่ละกลุ่มส่งผู้แทนกลุ่มออกมาจบั สลากเพื่อเลือก ประเภทของเคร่อื งดนตรีไทยไปรว่ มกนั ทากจิ กรรมทีค่ รูกาหนดใหต้ ามข้นั ตอนต่อไปน้ี เครอ่ื งดนตรีไทยประเภทดีด (2 กลมุ่ ) เคร่ืองดนตรีไทยประเภทสี (2 กลมุ่ ) เครื่องดนตรีไทยประเภทตี (2 กลุ่ม) เครือ่ งดนตรีไทยประเภทเป่า (2 กลุ่ม) จากน้ันให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสังเกตและคัดเลือกวัตถุที่อยู่รอบ ๆ ตัวเพ่ือนามาทาการทดลองให้ เกิดเสียง เหมือนการกระทาของครูในข้อ 1 แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันบันทึกผลการปฏิบัติตาม หวั ข้อตอ่ ไปน้ี ลงในแบบบนั ทึก ชื่อวตั ถุท่ที าให้เกิดเสียง วธิ ีทท่ี าใหว้ ตั ถุเกดิ เสยี ง คุณลักษณะของเสียงทีเ่ กิดจากวตั ถุ สามารถนาวตั ถดุ ังกลา่ วไปเลยี นเสียงเคร่ืองดนตรีไทยชนิดใดไดบ้ า้ ง แล้วให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมาทาการทดลองปฏิบัตกิ ารใชว้ ัตถุทาใหเ้ กิดเสียงของกลุ่มตนเองให้ เพื่อนและครูดูและฟังพร้อมท้ังตรวจสอบความถูกต้อง โดยครูให้คาแนะนาเพิ่มเติมหากพบข้อบกพร่อง เพ่ือใหน้ กั เรยี นนาไปปรับปรุงแกไ้ ขทลี ะกลุม่ จนครบทุกกลุ่ม 3. ใหน้ กั เรียนเลือกเคร่อื งดนตรีไทยท่ีตนเองรูจ้ กั มา 1 ชนดิ แล้ววาดภาพเคร่อื งดนตรไี ทยดังกล่าว ลงในกระดาษ A4 พร้อมทั้งระบายสีให้สวยงาม แล้วให้นักเรียนออกมานาเสนอผลงานของตนเองตาม หัวขอ้ ต่อไปนท้ี ีละคนจนครบทุกคน โดยมีครแู ละเพอ่ื น ๆ รว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ชอื่ เครื่องดนตรี คณุ ลักษณะของเสียงดนตรี ความร้สู กึ ทีม่ ีต่อเสียงเครื่องดนตรี 4. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับคุณลักษณะของเสียงท่ีนักเรียนช่ืนชอบแล้ว ครนู าขอ้ มลู ทีไ่ ดม้ าเขียนสรุปลงในแผนภาพความคดิ บนกระดาน ดงั ตัวอย่างตอ่ ไปนี้

26 ต่า ดงั สงู คุณลักษณ เบา ะของเสียง ยาว สนั้ 5. ให้นักเรยี นและครรู ่วมกันสรุปความรู้ ดงั น้ี เคร่ืองดนตรีไทยแต่ละชนิดจะมีเสียงแตกต่างกันทั้งเสยี งสูง ต่า ดัง เบา สั้น และยาว ซึ่งคุณลักษณะของเสียงเหล่านี้จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน แต่เมื่อนามาบรรเลง รว่ มกันตามจังหวะและทานองของเพลงจะทาให้เกิดความไพเราะนา่ ฟงั มากขน้ึ 6. ใหน้ กั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ าถามท้าทาย ดงั น้ี เสยี งดนตรไี ทยเบา ๆ ทาให้นกั เรียนรู้สึกอย่างไร 7. ให้นักเรียนทาช้ินงานที่ 2 เรื่อง คุณลักษณะของเสียงดนตรี สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1. ยางรดั ของ 2. สลาก 3. ภาพวาดเครื่องดนตรีไทยที่นกั เรียนช่ืนชอบ 4. ชิ้นงานท่ี 2 เร่ือง คณุ ลักษณะของเสยี งดนตรี กำรวัดและประเมินผลกำรเรยี นรู้ 1. วิธกี ำรวัดและประเมินผล 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม 1.2 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ 1.3 ตรวจช้ินงานที่ 2 2. เคร่ืองมือ 2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม 2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม 3. เกณฑก์ ำรประเมิน 3.1 การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผา่ นตัง้ แต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่ำน ผา่ น 1 รายการ ถอื ว่า ไมผ่ ำ่ น

27 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดับ ควรปรบั ปรุง กำรประเมินผลตำมสภำพจรงิ การประเมนิ ชนิ้ งานที่ 2 ให้ผู้สอนพจิ ารณาจากเกณฑ์การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics) เรือ่ ง จาแนกคณุ สมบตั ขิ องเสยี งสงู -ตา่ , ดัง-เบา, สั้น-ยาวของดนตรี เกณฑก์ ำรประเมิน ระดับคะแนน จาแนกคุณสมบตั ขิ อง 4 321 เสียงสูง-ต่า , ดงั -เบา, สนั้ -ยาวของดนตรี จาแนกคุณสมบตั ขิ อง จาแนกคุณสมบัติของ จาแนกคุณสมบตั ิ จาแนกคุณสมบตั ขิ อง เสยี งสงู -ต่า , ดงั -เบา, เสยี งสงู -ตา่ , ดงั -เบา, ของเสียงสงู -ต่า , เสียงสูง-ตา่ , สนั้ -ยาวของดนตรีได้ ส้ัน-ยาวของดนตรไี ด้ ดงั -เบา, สัน้ -ยาว ดงั -เบา, สน้ั -ยาว สมั พนั ธ์กบั สมั พนั ธ์กบั ของดนตรสี ัมพันธ์ ของดนตรีได้แต่ไม่ แหลง่ กาเนิดเสียง แหล่งกาเนดิ เสียงและ กับแหลง่ กาเนิด สามารถเชอื่ มโยงให้ และแตกต่างจากทีค่ รู แตกต่างจากที่ครู เสยี งตามทีค่ รู เห็นถึงความสมั พนั ธ์ ยกตวั อยา่ ง โดยครู ยกตัวอย่าง โดยครู ยกตวั อย่าง โดยครู กับแหล่งกาเนิดเสยี ง ไม่ต้องให้คาแนะนา ให้คาแนะนาบา้ งเป็น ให้คาแนะนา บางครั้ง

28 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 4 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรูศ้ ลิ ปะ ศ 12101 ชัน้ ประถมศกึ ษำปที ่ี 2 หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ 2 จงั หวะดนตรี ภำคเรียนที่ 1 เรอ่ื ง คณุ ลกั ษณะของจังหวะ : จังหวะสำมัญ เวลำ 1 ชั่วโมง ครผู ู้สอน นำงสำวลลิตญำ บุณศรีสกลุ ………………………………………………………………………………………………….………………………………………… มำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ ตัวชว้ี ัด มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า ดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตประจาวัน ตัวชวี้ ัด ศ 2.1 ป.2/3 เคาะจงั หวะหรอื เคลื่อนไหวรา่ งกายใหส้ อดคล้องกบั เน้ือหาของเพลง จุดประสงคก์ ำรเรยี นรูส้ ู่ตวั ช้ีวดั 1. อธิบายเกี่ยวกบั จงั หวะสามัญ (K) 2. ปฏิบตั ิการย่าเทา้ ตามจังหวะสามญั (P) 3. ช่ืนชมการปฏบิ ัตติ ามจงั หวะสามญั ท่ีงดงาม (A) สำระสำคญั จังหวะสามัญเป็นจังหวะท่ีตัวเรากาหนดขึ้นเพื่อความพร้อมเพรียงในการทากิจกรรมร่วมกันกับ ผู้อ่ืน สำระกำรเรียนรู้ คุณลักษณะของจังหวะ : จงั หวะสามัญ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ มีวนิ ยั ตวั ชีว้ ดั ที่ 3.1 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คับของครอบครัว โรงเรยี นและสงั คม สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต กำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 1. ครูนาภาพการเดินขบวนพาเหรด มาให้นักเรียนดูแล้วใช้คาถามเพื่อให้นักเรียนร่วมกันแสดง ความคดิ เหน็ เกยี่ วกับประสบการณ์การเดนิ ขบวนพาเหรดของตนเอง ดงั นี้ ภาพทน่ี ักเรียนเห็นคือภาพอะไร (ตวั อยำ่ งคำตอบ ภำพกำรเดนิ ขบวนพำเหรด ในงำนแขง่ ขันกีฬำสีของโรงเรยี น)

29 ทุกคนในภาพเดนิ ขบวนพาเหรดไดพ้ รอ้ มเพรยี งกนั หรือไม่ (พรอ้ มเพรียง/ไมพ่ รอ้ มเพรยี ง) เพราะเหตุใดทุกคนจึงสามารถเดินขบวนพาเหรดได้พร้อมเพรียงกัน (ตัวอย่ำงคำตอบ เพรำะทกุ คนเดนิ ตำมจงั หวะเสยี งกลอง) การเดินตามจังหวะกลองท่ีพร้อมเพรียงกันมีประโยชน์อย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ ทำให้ขบวนพำเหรดมีควำมสวยงำม น่ำชนื่ ชม) นกั เรียนเคยทาเหมือนในภาพหรือไม่ (เคย/ไมเ่ คย) ผลของการเดินขบวนพาเหรดของนักเรียนเป็นอย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ พร้อม เพรียง และสวยงำม) เพราะเหตุใดผลของการเดินขบวนพาเหรดของนักเรียนจึงเป็นเช่นนั้น (ตัวอย่ำง คำตอบเพรำะ ทุกคนในขบวนเดนิ ตำมจังหวะเสียงกลองโดยพร้อมเพรียงกนั ) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมที่นักเรียนทาในชีวิตประจาวันท่ีมี จงั หวะโดยครใู ช้คาถาม ดังนี้ กิจกรรมใดบ้างที่นักเรียนทาในชีวิตประจาวันแบบมีจังหวะอย่างสม่าเสมอ (ตัวอยำ่ งคำตอบ กำรหำยใจ กำรเดิน) การทากจิ กรรมต่าง ๆ พร้อมผ้อู ่นื อย่างมจี ังหวะก่อใหเ้ กิดประโยชนอ์ ย่างไร (ตวั อยำ่ งคำตอบ ทำให้เกิดควำมพร้อมเพรียงกัน เกิดควำมสำมัคคี สวยงำมน่ำมอง) จากนั้นครูอธิบายเก่ียวกับจังหวะสามัญให้นักเรียนฟังจนทุกคนเข้าใจและนาข้อมูลเกี่ยวกับ ประโยชน์ของการปฏิบัติตามจงั หวะมาเขยี นสรปุ ลงในแผนภาพบนกระดานดังตัวอย่างต่อไปนี้ เกิดความพรอ้ มเพรียง เกิดแบบแผนท่ีดใี น ประโยชนข์ องการ เกิดความสามคั คี การปฏิบตั กิ ิจกรรม ปฏบิ ัตติ ามจังหวะ เกิดความสวยงาม นา่ ช่ืนชม 3. ครสู าธติ การฝกึ นับจังหวะสามญั พร้อมกบั ย่าเท้าอยกู่ ับท่ีตามจังหวะ ดงั น้ี นบั 1 พรอ้ มกับยา่ เท้าซ้าย นับ 2 พรอ้ มกับย่าเทา้ ขวา

30 แล้วให้นักเรียนปฏิบัติตาม จากน้ันให้นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสมเพ่ือฝึกการนับ จังหวะสามัญพร้อมกับย่าเท้าโดยพร้อมเพรียงกัน เมื่อทุกกลุ่มฝึกปฏิบัติจนพร้อมเพรียงกันแล้วให้ออกมา ปฏิบัติพร้อมทั้งบอกปัญหาท่ีพบในการฝึกและแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจนสามารถปฏิบัติได้โดย พร้อมเพรียงกันให้ครูและเพื่อนกลุ่มอื่น ๆ ดูและตรวจสอบความพร้อมเพรียงกันทีละกลุ่มจนครบทุกกลุ่ม แลว้ ใหท้ กุ กลมุ่ บันทึกผลการปฏิบัตขิ องกล่มุ ตนเองลงในแบบบนั ทึกผลตามหัวขอ้ ต่อไปนี้ ปัญหาท่พี บ แนวทางแกไ้ ขปญั หา ผลการปฏิบตั ติ ามจงั หวะสามญั ความรสู้ ึกทมี่ ีต่อผลการปฏบิ ัตติ ามจังหวะสามัญของกล่มุ ตนเอง หากพบข้อบกพร่อง ให้ครูให้คาแนะนาเพ่ิมเติมเพ่ือให้นักเรียนนาไปเป็นแนวทางในการแก้ไข ปญั หาของกลมุ่ ตนเองจนไดผ้ ลการปฏิบตั ิท่ีนา่ พอใจทกุ กลุ่ม 4. ให้นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ความรู้ ดังน้ี การดาเนินชีวิตประจาวันของคนเราต้องอาศัยจังหวะสามัญซึ่งเป็นจังหวะท่ีตัวเรา กาหนดข้นึ เพอื่ ใหเ้ กิดความพร้อมเพรียงในการทากิจกรรมรว่ มกนั กบั ผูอ้ นื่ 5. ให้นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามทา้ ทาย ดังน้ี ในการดาเนินชีวติ ประจาวันนกั เรียนสามารถกาหนดจังหวะสามัญกับการทากิจกรรมใดได้บ้าง สอ่ื กำรเรียนรู้ ภาพการเดนิ ขบวนพาเหรด กำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ 1. วิธกี ำรวัดและประเมินผล 1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม 1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 2. เคร่อื งมือ 2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม 2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์กำรประเมนิ 3.1 การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผา่ นตัง้ แต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผ่ำน ผา่ น 1 รายการ ถอื ว่า ไม่ผำ่ น 3.2 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดับ ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดับ พอใช้ คะแนน 0-4 ระดับ ควรปรบั ปรงุ

31 แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 5 กลุ่มสำระกำรเรียนรูศ้ ิลปะ ศ 12101 ช้ันประถมศึกษำปที ่ี 2 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ 2 จงั หวะดนตรี ภำคเรยี นท่ี 1 เรื่อง คุณลกั ษณะของจังหวะ : จงั หวะเพลงไทย เวลำ 1 ชั่วโมง ครผู ู้สอน นำงสำวลลติ ญำ บุณศรีสกลุ ………………………………………………………………………………………………….………………………………………… มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า ดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใช้ใน ชีวติ ประจาวัน ตวั ชว้ี ัด ศ 2.1 ป.2/3 เคาะจงั หวะหรอื เคล่ือนไหวรา่ งกายให้สอดคล้องกับเน้ือหาของเพลง จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายความสาคัญของจังหวะเพลงไทย (K) 2. ปฏบิ ัตกิ ารเคาะจังหวะตามจังหวะฉิง่ และกลอง (P) 3. ชนื่ ชมการปฏบิ ัติการเคาะจังหวะฉิ่งและกลองท่ีพรอ้ มเพรยี งกนั (A) สำระสำคัญ จงั หวะฉงิ่ และกลองมีความสาคัญในการบรรเลงดนตรีไทย เปน็ การกาหนดจงั หวะในการบรรเลง เพลงเพื่อใหเ้ กดิ ความพร้อมเพรยี งกัน สำระกำรเรยี นรู้ คณุ ลกั ษณะของจงั หวะ : จังหวะเพลงไทย คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มวี นิ ยั ตวั ชี้วัดที่ 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบครัว โรงเรียนและสงั คม สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ กำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 1. ครูตีฉ่ิงเป็นจังหวะช้าให้นักเรียนฟังแล้วใช้คาถามเพ่ือให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น ดงั นี้ เสยี งที่นักเรยี นได้ยินคอื เสียงอะไร (เสยี งตฉี ิ่ง) เสยี งทนี่ กั เรยี นไดย้ ินมจี งั หวะช้าหรอื เร็ว (ช้ำ)

32 นักเรียนเคยตีฉิ่งในจังหวะน้ีหรือไมอย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ เคย โดยตีประกอบ กำรรอ้ งเพลงไทยเดมิ ) เมอ่ื ไดต้ ฉี ิง่ ประกอบการรอ้ งเพลงนักเรียนรสู้ กึ อย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ สนุกสนำน) 2. ครูนาแผนภมู ิจังหวะฉิ่งมาติดไวบ้ นกระดานดงั ตัวอยา่ งต่อไปนี้ - - - - - - - ฉ่งิ - - - - - - - จงั หวะช้า 1 จังหวะสามชั้น ฉบั 2 จงั หวะสองช้นั - - - ฉ่ิง - - - - - - ฉิง่ - - - จงั หวะปานกลาง ฉบั ฉบั 3 จังหวะชน้ั เดียว - ฉง่ิ - ฉบั - ฉ่งิ - ฉับ - ฉ่ิง - ฉับ - ฉ่ิง - ฉับ จงั หวะเร็ว แล้วอธิบายพร้อมท้ังสาธิตวิธกี ารตีฉิ่งตามจังหวะดังกล่าว (จังหวะชั้นเดียว จังหวะสองช้ัน และ จังหวะสามชน้ั ) ใหน้ ักเรยี นดแู ละฟงั 3. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน เพื่อร่วมกันฝึกการปรบมือประกอบจังหวะการตีฉ่ิง ทงั้ สามจงั หวะตามแผนภูมิบนกระดาน โดยมีเงอ่ื นไขในการปฏิบัติ คือ ถา้ เสียงฉ่ิงให้แบมือแยกกนั ถ้าเสียง ฉับให้ปรบมือโดยเอามือประกบกันทั้งสองข้าง โดยมีครูสาธิตและให้นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติตามก่อนให้ ไปฝึกปฏิบัติเองจนเกิดความชานาญพร้อมเพรียงกัน ซ่ึงครูคอยแนะนาอย่างใกล้ชิด จากน้ันให้แต่ละกลุ่ม ออกมาแสดงการปรบมือประกอบจังหวะฉิ่งที่ครูเป็นผู้ตี ให้ครูและเพ่ือนกลุ่มอ่ืน ๆ ดูพร้อมทั้งตรวจสอบ ความถูกตอ้ ง ทีละกลมุ่ โดยใหแ้ ต่ละกล่มุ นาเสนอรายละเอยี ดในการฝกึ ปฏบิ ตั ติ าม หัวขอ้ ตอ่ ไปนี้ ปญั หาทพ่ี บในการฝกึ ปฏิบัติ แนวทางแก้ไขปัญหา ผลการปฏบิ ตั ิของกลุ่ม ความร้สู กึ ทมี่ ตี ่อผลการปฏิบัติ จากนัน้ ให้ทุกกลมุ่ ปรบมือประกอบจงั หวะฉง่ิ ท่ีครูเป็นผู้ตี โดยพร้อมเพรยี งกัน 4. ครูนาแผนภมู ิการฝกึ ปฏิบัติการนับจังหวะกลองมาติดไวบ้ นกระดาน จงั หวะของกลองยาว จงั หวะของกลองทดั จงั หวะของกลองแขก บอ่ ม - เพ่งิ - บอ่ ม ตมุ้ - ตมุ้ - ตอ้ ม - ตอ้ ม โจ๊ะ - จ๊ะ - ตงิ - ท่งั จากนนั้ ครูอธิบายเกี่ยวกับความสาคัญของจังหวะกลองและสาธิตการฝึกนับจังหวะกลองพร้อมกับ เคาะโต๊ะตามจังหวะกลองให้นักเรียนดูและฟังแล้วให้นักเรียนฝึกปฏิบัติตามจนทุกคนสามารถทาได้พร้อม เพรยี งกนั โดยมคี รคู อยดแู ลและแนะนาอยา่ งใกล้ชิด 5. ครูและนกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั จังหวะเพลงไทย โดยครูใช้คาถาม ดังนี้

33 เคร่ืองดนตรีทใ่ี ชป้ ระกอบจงั หวะเพลงไทยทส่ี าคัญคืออะไร (ตวั อยำ่ งคำตอบ ฉง่ิ และกลอง) จงั หวะเพลงไทยมีความสาคัญอย่างไร (ตวั อยำ่ งคำตอบ เปน็ สิง่ ทใ่ี ช้ควบคุมควำม ชำ้ เร็วของทำนองเพลงไทย ทำให้รู้สึกสนกุ สนำน คกึ คัก) การเคาะจังหวะให้เข้ากับทานองเพลงได้พรอ้ มเพรยี งกนั ก่อให้เกิดผลดีอยา่ งไร (ตัวอยำ่ งคำตอบ ทำให้เพลงที่บรรเลงมคี วำมไพเรำะน่ำฟังมำกข้นึ ) จากน้นั ครูนาข้อมลู เก่ยี วกับจังหวะเพลงไทยมาเขยี นสรุปเป็นแผนภาพบนกระดานดังตัวอยา่ ง ตอ่ ไปน้ี ควบคมุ ความ ฉ่ิง เคร่อื งดนตรีประกอบจงั หวะ ทาใหท้ านอง ชา้ เรว็ ของ กลอง เพลงมีความ ทานองเพลง คกึ คกั สนกุ สนาน เป็นเคร่ืองกากบั จงั หวะ จังหวะ ใชต้ ีควบคมุ จงั หวะ เพลงไทย บทเพลงท่ีบรรเลง ความสาคญั ทาใหร้ ูส้ กึ สนกุ สนาน ไพเราะนา่ ฟัง คกึ คกั ควบคมุ ความชา้ เรว็ ของทานองเพลงไทย 6. ให้นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ความรู้ ดงั นี้ จังหวะฉง่ิ และกลองมคี วามสาคญั ในการบรรเลงดนตรีไทย เป็นการกาหนดจังหวะใน การบรรเลงเพลงเพื่อให้เกิดความพร้อมเพรียงกันและทาให้เพลงท่ีบรรเลงมีความไพเราะน่าฟัง มากขึน้ 7. ใหน้ กั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ชค้ าถามท้าทาย ดังน้ี นกั เรียนสามารถใช้จังหวะฉงิ่ และกลองกาหนดจงั หวะในการทากิจกรรมใดไดบ้ ้าง 8. ให้นกั เรยี นทาช้นิ งานที่ 3 เรอ่ื ง คณุ ลักษณะของจงั หวะ : จังหวะเพลงไทย

34 สื่อกำรเรยี นรู้ 1. ฉ่งิ 2. แผนภมู ิจงั หวะฉิง่ 3. แผนภมู จิ ังหวะกลอง 4. กลอง 5. ชน้ิ งานที่ 3 เรื่อง คณุ ลกั ษณะของจงั หวะ : จังหวะเพลงไทย กำรวดั และประเมินผลกำรเรยี นรู้ 1. วิธกี ำรวดั และประเมนิ ผล 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม 1.2 สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 1.3 ตรวจชิ้นงานที่ 3 2. เคร่อื งมือ 2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม 2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม 3. เกณฑก์ ำรประเมนิ 3.1 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผ่านตงั้ แต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผำ่ น ผา่ น 1 รายการ ถอื ว่า ไมผ่ ่ำน 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุม่ คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดับ ดี คะแนน 5-6 ระดับ พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรบั ปรงุ

35 กำรประเมินผลตำมสภำพจริง การประเมินช้นิ งานท่ี 3 ใหผ้ ู้สอนพจิ ารณาจากเกณฑ์การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เรื่อง ปฏิบัติการนบั จงั หวะพร้อมปรบมือหรอื เคาะประกอบจงั หวะ เกณฑก์ ำรประเมิน ระดบั คะแนน ปฏิบัติการนบั จงั หวะ 4 32 1 พร้อมปรบมือหรือเคาะ ประกอบจงั หวะ ปฏบิ ตั ิการนับจงั หวะ ปฏิบตั ิการนบั จงั หวะ ปฏบิ ตั กิ ารนบั จงั หวะ ปฏบิ ตั ิการนับจงั หวะ พร้อมปรบมอื หรือ พรอ้ มปรบมอื หรือ เคาะประกอบจังหวะ พรอ้ มปรบมอื หรือ พร้อมปรบมือหรือ เคาะประกอบจงั หวะ ร่วมกบั ผู้อ่ืนได้ ได้ตามแบบอย่างหรอื ถกู ต้องพร้อมเพรียง เคาะประกอบจงั หวะ เคาะประกอบจงั หวะ ทาตามท่ีครูแนะนา กนั และสามารถ เท่าน้ัน แกไ้ ขปัญหาใน โดยมคี รหู รือผอู้ ื่น โดยมคี รูหรือผู้อื่น ระหวา่ งการปฏิบัติได้ ดว้ ยตนเอง แนะนาบ้าง แนะนาตลอดเวลา

36 แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 6 กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ศิลปะ ศ 12101 ช้นั ประถมศึกษำปีที่ 2 หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ 2 จังหวะดนตรี ภำคเรยี นท่ี 1 เรอื่ ง กำรเคล่ือนไหวร่ำงกำยประกอบเนื้อหำในบทเพลง เวลำ 1 ชั่วโมง ครูผสู้ อน นำงสำวลลติ ญำ บุณศรีสกุล ………………………………………………………………………………………………….……………………………………… มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ ตัวชี้วดั มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่าดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจาวัน ตวั ชว้ี ดั ศ 2.1 ป.2/3 เคาะจังหวะหรอื เคล่ือนไหวร่างกายให้สอดคล้องกับเน้ือหาของเพลง จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายประโยชนข์ องการเคล่อื นไหวรา่ งกายประกอบเนื้อหาในบทเพลง (K) 2. เคล่อื นไหวร่างกายประกอบเนื้อหาในบทเพลง (P) 3. ชืน่ ชมการเคลอื่ นไหวรา่ งกายประกอบเน้ือหาในบทเพลง (A) สำระสำคัญ การเคลอื่ นไหวร่างกายประกอบเนื้อหาในบทเพลงจะทาใหผ้ ู้ปฏบิ ัติมรี ่างกายที่แข็งแรงเคล่ือนไหว ไดค้ ลอ่ งแคล่วเกิดความสนกุ สนาน มจี นิ ตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ที่ดี สำระกำรเรียนรู้ การเคลอื่ นไหวรา่ งกายประกอบเน้ือหาในบทเพลง คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มวี ินัย ตวั ชี้วดั ท่ี 3.1 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ของครอบครวั โรงเรยี นและสังคม สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ กำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 1. ครูเปิดเพลงท่ีมีจังหวะสนุกสนานให้นักเรียนฟังและแสดงท่าทางประกอบเพลงอย่างอิสระ 1 เพลงแล้วใช้คาถามเพ่ือใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกับการกระทาดังกล่าว ดังนี้ นกั เรียนกาลังทาอะไร (ตัวอย่ำงคำตอบ เตน้ ประกอบเพลง) นักเรยี นรู้สึกอยา่ งไรเมื่อไดเ้ ต้นประกอบเพลง (ตัวอย่ำงคำตอบ สนกุ สนำน)

37 นกั เรยี นชอบการกระทานห้ี รือไม่ เพราะเหตุใด (ตัวอยำ่ งคำตอบ ชอบเพรำะ สนุกสนำน) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ การเคลื่อนไหวร่างกายประกอบเนื้อหา ในบทเพลง โดยครูใชค้ าถาม ดงั นี้ การเคลอ่ื นไหวรา่ งกายประกอบเน้ือหาในบทเพลงมีผลดีต่อรา่ งกายอย่างไร (ตวั อยำ่ งคำตอบ เปน็ กำรออกกำลังกำยทีด่ ี ทำให้รำ่ งกำยแขง็ แรง เคลื่อนไหวได้ คล่องแคล่ว) การเคลื่อนไหวร่างกายประกอบเนอื้ หาในบทเพลงมีผลดีต่อการจินตนาการและ ความคดิ สร้างสรรคห์ รือไม่ เพราะเหตใุ ด (ตัวอยำ่ งคำตอบ มผี ลดี เพรำะจะทำใหผ้ ู้ปฏิบัตมิ ี จินตนำกำรและควำมคดิ สร้ำงสรรค์ทดี่ ขี น้ึ ) การเคล่ือนไหวร่างกายประกอบเน้อื หาในบทเพลงอย่างอสิ ระก่อให้เกิดผลดีต่อจติ ใจ อย่างไร (ตวั อยำ่ งคำตอบ ทำใหม้ ีจิตใจร่ำเริงแจม่ ใส สนุกสนำน) จากน้นั ครอู ธบิ ายเก่ยี วกบั การเคล่ือนไหวร่างกายประกอบเน้อื หาในบทเพลงใหน้ ักเรียนฟัง เพิม่ เติม และนาข้อมูลดังกลา่ วมาเขียนสรุปเป็นแผนภาพความคิดบนกระดานดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี เคล่ือนไหวรา่ งกาย ดา้ นรา่ งกาย สขุ ภาพแข็งแรง ไดค้ ลอ่ งแคลว่ รา่ เรงิ แจม่ ใส ดา้ นจิตใจ ประโยชนข์ องการ ผอ่ นคลาย เคลื่อนไหวร่างกาย ประกอบเนือ้ หาในบทเพลง สนกุ สนาน มีจนิ ตนาการท่ีดี ดา้ นสตปิ ัญญา มีความคิดรเิ ร่มิ สรา้ งสรรค์ 3. ครนู าแผนภูมิเพลงต่อไปน้ีมาติดไว้บนกระดาน เพลงแมงมุมลาย เนือ้ ร้อง วชิ ยั นอ้ ยเสนีย์ ทานอง Eency Weency Spider แมงมมุ ลายตวั นนั้ ฉันเห็นมนั ซมซานเหลือทน ยามเม่ือมนั ถกู ฝน ไหลหลน่ จากบนหลงั คา พระอาทติ ยส์ อ่ งแสง นา้ แหง้ เหือดไปลบั ตา มนั ว่งิ ไตข่ นึ้ ฝา หนั หลงั มาทาตาลกุ วาว

เพลงช้าง 38 เนือ้ ร้อง คณุ หญิงชิน้ ศลิ ปบรรเลง ทานอง พมา่ เขว ชา้ ง ชา้ ง ชา้ ง หนรู ูจ้ กั ชา้ งหรอื เปลา่ ชา้ งมนั ตวั โตไมเ่ บา จมกู มนั ยาวเรยี กวา่ งวง สองเขีย้ วขา้ งงวงเรียกวา่ งา มีหมู ีตาหางยาว เพลงจับปูดา เนื้อร้อง-ทานอง สกุ รี ไกรเลศิ จะจบั ปดู า ขยาปนู า จะจบั ปมู า้ เลยไปควา้ เอาปทู ะเล สนกุ จรงิ เอยแลว้ เลยนอนเปล ชะโอละเหน่ อนในเปลใหห้ ลบั ไป เพลงเป็ ดอาบนา้ เนื้อร้อง-ทานอง สกุ รี ไกรเลศิ กา้ บ กา้ บ กา้ บ กา้ บ เป็ดอาบนา้ ในคลอง ตาก็จอ้ งแลมอง เพราะในคลองมีหอยปลาปู กา้ บ กา้ บ กา้ บ กา้ บ เป็ดอาบนา้ ในคู ตาก็จอ้ งแลดู เพราะในคมู ีหอยปปู ลา จากนน้ั ครพู านกั เรียนปฏิบตั ิตามขน้ั ตอนดงั ต่อไปน้ี ครูนานักเรียนอ่านเนื้อร้องทีละท่อนจนทุกคนอ่านได้คล่องแล้วฝึ กร้องเพล งแล ะ ปรบมอื ประกอบจงั หวะจนทุกคนทาได้ทีละเพลงจนครบทั้ง 4 เพลง ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน แล้วให้แต่ละกลุ่มส่งผู้แทน กลุ่มออกมาจับสลากเพ่ือเลือกเพลง 1 ใน 4 เพลง ไปร่วมกันออกแบบท่าทางการเคลื่อนไหว รา่ งกายประกอบเนือ้ หาในบทเพลงอยา่ งอสิ ระ ให้แต่ละกลุ่มฝกึ ปฏิบัตกิ ารเคลื่อนไหวร่างกายประกอบเน้ือหาในบทเพลงอย่างอิสระ จนทกุ คนในกลุม่ สามารถทาได้ถกู ต้องพร้อมเพรียงกัน ให้แต่ละกลุ่มออกมาแสดงการเคล่ือนไหวร่างกายประกอบเนื้อหาในบทเพลงท่ีกลุ่ม ตนเองรับผิดชอบให้ครูและเพ่ือนกลุ่มอื่น ๆ ดูทีละกลุ่มจนครบทุกกลุ่ม โดยให้นักเรียนกลุ่มท่ีดู กลา่ วแสดงความรสู้ ึกชืน่ ชมตอ่ การแสดงของเพ่อื นกลุ่มท่ที าการแสดง 4. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการเคาะจังหวะประกอบการร้องเพลง โดย ครูใชค้ าถาม ดังน้ี

39 การเคาะจงั หวะได้ถกู ต้องตามจังหวะเพลงจะก่อใหเ้ กิดผลดีต่อการร้องเพลงอย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ ทำใหม้ กี ำรร้องเพลงทีพ่ รอ้ มเพรยี งกัน และไพเรำะนำ่ ฟังมำกขนึ้ ) เมอ่ื นักเรยี นเคาะจังหวะไดถ้ ูกตอ้ งตามจังหวะของเพลงที่กาหนดไว้ รู้สึกอย่างไร (ตวั อยำ่ งคำตอบ ภมู ิใจ สนกุ สนำน) 5. ให้นกั เรียนและครรู ่วมกันสรุปความรู้ ดงั น้ี การเคล่อื นไหวรา่ งกายประกอบเน้ือหาในบทเพลงได้ถูกต้องตามจังหวะจะทาให้ผู้ ปฏิบตั ิรู้สึกสนกุ สนาน มรี ่างกายท่ีแขง็ แรง สามารถเคลือ่ นไหวไดอ้ ยา่ งคล่องแคลว่ นอกจากนย้ี งั ส่งเสริมให้มจี ินตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ทีด่ ี 6. ให้นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความความคิดเหน็ โดยครูใช้คาถามทา้ ทาย ดังนี้ นกั เรียนชอบเคลื่อนไหวร่างกายประกอบเน้ือหาในบทเพลงใดมากทสี่ ดุ เพราะเหตุใด สื่อกำรเรียนรู้ 1. แถบบันทึกเสียง 2. เครอ่ื งเล่นแถบบนั ทกึ เสยี ง 3. แผนภูมิเพลงแมงมมุ ลาย 4. แผนภูมเิ พลงชา้ ง 5. แผนภูมิเพลงจบั ปูดา 6. แผนภมู ิเพลงเป็ดอาบนา้ กำรวดั และประเมินผลกำรเรยี นรู้ 1. วิธกี ำรวัดและประเมินผล 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม 1.2 สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 2. เคร่ืองมอื 2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม 2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 3. เกณฑก์ ำรประเมนิ 3.1 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผา่ นต้งั แต่ 2 รายการ ถอื วา่ ผ่ำน ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผ่ำน 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ คะแนน 9-10 ระดับ ดีมาก คะแนน 7-8 ระดับ ดี คะแนน 5-6 ระดับ พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรบั ปรุง

40 แผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ่ี 7 กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้ศู ลิ ปะ ศ 12101 ช้นั ประถมศึกษำปีที่ 2 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 2 จงั หวะดนตรี ภำคเรียนท่ี 1 เร่อื ง กำรเลน่ เครอื่ งดนตรีประกอบเพลง เวลำ 1 ช่ัวโมง ครผู สู้ อน นำงสำวลลิตญำ บุณศรีสกลุ ………………………………………………………………………………………………….………………………………………… มำตรฐำนกำรเรียนร้/ู ตัวชี้วัด มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่าดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตประจาวนั ตัวช้วี ดั ศ 2.1 ป.2/3 เคาะจังหวะหรือเคลือ่ นไหวร่างกายให้สอดคล้องกับเน้ือหาของเพลง จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. อธบิ ายความสาคญั ของการมีสมาธิและทักษะในการเล่นเคร่อื งดนตรี (K) 2. เลน่ เคร่อื งดนตรีประกอบเพลง(P) 3. ชน่ื ชมการเล่นเครอ่ื งดนตรีประกอบเพลงทถ่ี ูกตอ้ งตามจงั หวะและทานอง (A) สำระสำคัญ การมีสมาธิและทักษะในการเล่นเครื่องดนตรีที่ดี จะทาให้ผู้เล่นสามารถเล่นดนตรีได้ถูกต้องตาม จงั หวะและทานองของบทเพลง ทาใหบ้ ทเพลงที่บรรเลงมคี วามไพเราะนา่ ฟงั สำระกำรเรียนรู้ การเล่นเคร่อื งดนตรปี ระกอบเพลง คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ มวี ินัย ตัวช้ีวัดท่ี 3.1 ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครวั โรงเรียนและสังคม สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ กำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 1. ครนู าแผนภมู เิ พลงช้างมาติดไว้บนกระดานแล้วให้นักเรียนร้องเพลงพร้อมทั้งปรบมือ ประกอบ จังหวะ แล้วใช้คาถามเพอ่ื ให้นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ ดงั นี้ นักเรียนสามารถปรบมือประกอบจังหวะได้ถูกตอ้ งพร้อมเพรยี งกันหรือไม่ (ตวั อยำ่ งคำตอบ ถกู ต้องพร้อมเพรยี งกนั )

41 นักเรียนรู้สึกอย่างไรเม่ือสามารถปรบมือได้ถูกต้องพร้อมเพรียงกันตามจังหวะของ เพลง (ตัวอย่ำงคำตอบ ภูมใิ จ สนกุ สนำน) นอกจากการปรบมือประกอบจังหวะแล้วนักเรียนคิดว่าจะใช้เคร่ืองดนตรีใดประกอบจังหวะการ ร้องเพลงชา้ ง (ตัวอยำ่ งคำตอบ ฉงิ่ กลอง) จากนั้นครูร้องเพลงชา้ ง โดยใช้การตีฉิ่งเป็นการกาหนดจังหวะเพลงให้นักเรียนฟังจานวน 1 รอบ และอธิบายเก่ียวกบั การเลน่ เครือ่ งดนตรปี ระกอบเพลงให้นักเรยี นฟงั จนเขา้ ใจ 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลน่ เครื่องดนตรีประกอบเพลงโดยใช้ คาถามดงั น้ี เครอ่ื งดนตรีประกอบเพลงใดท่สี ามารถเล่นไดง้ า่ ย (ตัวอยำ่ งคำตอบ ฉิ่ง กลอง) การเล่นเครื่องดนตรีประกอบเพลงผ้เู ล่นต้องมีคุณสมบัติใดบ้าง (ตัวอย่ำงคำตอบ มี สมำธิ ในกำรเลน่ มที กั ษะทดี่ ีในกำรเล่นเครื่องดนตรี) การเล่นเคร่ืองดนตรีประกอบเพลงได้ถูกต้องตามจังหวะและทานองของเพลง ก่อใหเ้ กดิ ผลดีอย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ ทำใหบ้ ทเพลงทบี่ รรเลงมีควำมไพเรำะน่ำฟงั ) นักเรียนจะมีแนวทางในการเล่นเคร่ืองดนตรีประกอบเพลงให้ไพเราะได้อย่างไร (ตวั อย่ำงคำตอบ ฝึกฝนอยสู่ ม่ำเสมอ) จากนนั้ ครนู าข้อมลู ทไี่ ด้มาเขยี นสรปุ เปน็ แผนภาพความคิดบนกระดานดังตัวอย่างตอ่ ไปน้ี กลอง เคร่อื งดนตรี การเล่นเคร่อื ง ประกอบเพลง ดนตรปี ระกอบเพลง มีสมาธิในการเลน่ ฉ่ิง แนวทางการเลน่ เคร่ืองดนตรี มีทกั ษะในการเลน่ ประกอบเพลงใหไ้ พเราะ เคร่อื งดนตรี ฝึกฝนอยเู่ สมอ 3. ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลมุ่ แล้วให้แต่ละกล่มุ สง่ ผแู้ ทนกลมุ่ ออกมาจับสลากเพอื่ เลือก เครื่องดนตรีไปฝกึ บรรเลงประกอบเพลงช้าง ดงั นี้ ฉงิ่ (2 กลุม่ ) กลอง (2 กลุ่ม)

42 จากน้ันให้แต่ละกลุ่มฝึกการใช้เครื่องดนตรีประกอบเพลงจนสามารถทาได้ถูกต้องพร้อมเพรียง ไพเราะ และน่าฟัง โดยมีครูคอยดูแลและแนะนาอย่างใกลช้ ิด แล้วให้แต่ละกลุ่มออกมาแสดงการใชเ้ คร่อื ง ดนตรีประกอบเพลงให้ครูและเพ่ือนกลุ่มอื่น ๆ ดูและฟัง พร้อมทั้งตรวจสอบความถูกต้อง เม่ือแต่ละกลุ่ม แสดงจบ ให้กล่มุ อ่ืน ๆ ท่ีฟงั กล่าวแสดงความร้สู ึกชื่นชมต่อการแสดงของเพ่ือนกลมุ่ นั้น หากพบข้อบกพร่อง ให้ครูใหค้ าแนะนาเพ่มิ เตมิ 4. ใหน้ ักเรียนและครรู ่วมกนั สรปุ ความรู้ ดงั นี้ การบรรเลงบทเพลงใหไ้ พเราะผ้เู ล่นตอ้ งมีสมาธิและทกั ษะในการเลน่ เคร่อื งดนตรที ดี่ ี 5. ให้นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คาถามท้าทาย ดงั น้ี นกั เรียนมีแนวทางในการเลน่ เครอ่ื งดนตรปี ระกอบเพลงให้ไพเราะได้อย่างไร ส่อื กำรเรียนรู้ 1. แผนภมู เิ พลงช้าง 2. ฉิ่ง 3. กลอง กำรวดั และประเมินผลกำรเรยี นรู้ 1. วิธกี ำรวัดและประเมินผล 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม 1.2 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 2. เครอื่ งมอื 2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม 2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3. เกณฑก์ ำรประเมนิ 3.1 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผำ่ น ผา่ น 1 รายการ ถอื ว่า ไมผ่ ำ่ น 3.2 การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดับ ดี คะแนน 5-6 ระดับ พอใช้ คะแนน 0-4 ระดับ ควรปรับปรุง

43 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 8 กลุ่มสำระกำรเรียนรูศ้ ิลปะ ศ 12101 ชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ 2 หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี 3 กำรขบั ร้อง ภำคเรยี นท่ี 1 เร่ือง กำรขบั ร้อง : เพลงออกกำลัง เวลำ 1 ชั่วโมง ครูผ้สู อน นำงสำวลลิตญำ บุณศรีสกลุ ………………………………………………………………………………………………….……………………………………… มำตรฐำนกำรเรียนร้/ู ตวั ชว้ี ัด มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่าดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตประจาวนั ตัวชวี้ ัด ศ 2.1 ป.2/4 รอ้ งเพลงงา่ ย ๆ ทเ่ี หมาะสมกบั วัย จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. อธบิ ายหลกั การรอ้ งเพลงใหไ้ พเราะและถูกต้อง (K) 2. รอ้ งเพลงไดถ้ ูกตอ้ งตามจงั หวะและทานองเพลง (P) 3. ชน่ื ชมการร้องเพลงท่ีมีความไพเราะนา่ ฟัง (A) สำระสำคญั การร้องเพลงที่ถูกต้อง ต้องร้องตามจังหวะและทานองเพลง เราสามารถฝึกร้องเพลงโดยฝึกอ่าน เนื้อร้องให้ถูกต้อง แบ่งวรรคตอนตามจังหวะและทานองเพลง นอกจากน้ีควรแสดงอารมณ์และสีหน้า ทา่ ทางใหเ้ หมาะสมกับเนอ้ื หาของเพลงจะทาใหเ้ พลงทข่ี บั ร้องมีความไพเราะน่าฟัง สำระกำรเรยี นรู้ การขับร้อง : เพลงออกกาลงั คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ ตัวชวี้ ดั ท่ี 4.1 ตัง้ ใจ เพยี รพยายามในการเรยี นและเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น ความสามารถในการคดิ กำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 1. ให้นักเรียนร่วมกันร้องเพลงช้างพร้อมท้ังปรบมือประกอบจังหวะ แล้วครูใช้คาถามเพื่อให้ นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ ดงั น้ี นักเรียนร้องเพลงช้างได้ถูกต้องตามจังหวะและทานองเพลงหรือไม่ (ถูกต้อง/ไม่ ถูกตอ้ ง)

44 นกั เรยี นรูส้ กึ อยา่ งไรตอ่ การร้องเพลงช้างของตนเอง (ตัวอยำ่ งคำตอบ พอใจ) นักเรียนมีแนวทางในการฝึกร้องเพลงช้างให้ถูกต้องอย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ ฝึก อ่ำน เนอ้ื ร้องให้ถูกต้องและกำรฝกึ ร้องเพลงช้ำงอยู่เสมอ) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เพลงทีน่ ักเรียนชอบร้องและหลักการขับร้อง เพลงให้ถกู ตอ้ งและไพเราะของนักเรยี น โดยครูใช้คาถาม ดงั น้ี นักเรียนชอบรอ้ งเพลงอะไร (ตวั อยำ่ งคำตอบ เพลงแมงมุมลำย) เพลงท่ีนกั เรียนชอบร้องมจี ังหวะชา้ หรือเรว็ (ตวั อยำ่ งคำตอบ ชำ้ ) นักเรียนมีหลักในการร้องเพลงน้ีอย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ ฝึกอ่ำนเน้ือร้องจน ถกู ต้อง แลว้ เคำะจงั หวะประกอบกำรรอ้ งเพลง) จากนัน้ ครอู ธิบายเก่ียวกับหลักการขับร้องเพลงให้ไพเราะและถูกต้อง ใหน้ ักเรยี นฟังและนาข้อมูล ดงั กล่าวมาสรุปเป็นแผนภาพบนกระดานดังตวั อย่างตอ่ ไปนี้ 5. แสดงอารมณแ์ ละสีหนา้ ทา่ ทางใหเ้ หมาะสมกบั เนือ้ หาของเพลง 4. ฝึกรอ้ งเพลงใหถ้ กู ตอ้ งตามเนือ้ รอ้ งและจงั หวะ 3. ฝึกอ่านเนือ้ รอ้ งตามทานองเพลง 2. ฝึกอ่านเนือ้ รอ้ งตามวรรคตอนของจงั หวะเพลง 1. ฝึกอา่ นเนือ้ รอ้ งตามลกั ษณะคาประพนั ธใ์ หถ้ กู ตอ้ งชดั เจน หลกั กำรขบั ร้องเพลงใหไ้ พเรำะและถูกตอ้ ง 3. ครนู าแผนภมู ิเพลงออกกาลังมาตดิ ไวบ้ นกระดานดังตวั อยา่ งต่อไปน้ี แผนภูมเิ พลงออกกาลัง ออกกาลงั ดว้ ยการรอ้ งราทาเพลง ใหค้ รนื้ เครงเสียงเพลงบรรเลงจบั ใจ รารอ้ งกนั ไปไมม่ ีหมน่ หมองฤทยั แลว้ เราเพลินใจในการรอ้ งราทาเพลง จากน้นั ครพู านกั เรียนฝกึ การร้องเพลงออกกาลงั ตามหลักการขับร้องเพลงให้ไพเราะและถูกต้องใน แผนภาพจนทุกคนสามารถขับร้องไดถ้ ูกต้องพร้อมเพรียงกนั

45 4. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสมแล้วให้แต่ละกลุ่มร่วมกันฝึกขับร้องเพลงออกกาลัง และแสดงท่าทางประกอบเพลงจนทุกคนในกลุ่มสามารถขับร้องและแสดงท่าทางประกอบเพลงได้ถูกต้อง สวยงามพร้อมเพรียงกนั จากน้นั ครใู ห้นักเรียนแต่ละกล่มุ ออกมาแสดงการขับร้องและแสดงท่าทางประกอบ เพลงออกกาลังให้ครูและเพ่ือนกลุ่มอ่ืน ๆ ดู พร้อมทั้งตรวจสอบความถูกต้องและกล่าวแสดงความช่ืนชม การแสดงของแตล่ ะกลุ่มทลี ะกลุม่ จนครบทุกกลุ่ม 5. ครูนาแถบประโยคต่อไปนมี้ าติดไว้บนกระดาน แล้วพานักเรยี นอ่านจานวน 1 รอบ จากนั้นให้ นกั เรยี นเล่นเกมถูกหรือผิด โดยมขี นั้ ตอน ดงั น้ี ไมต่ อ้ งออกเสียงควบกลา้ ใหช้ ดั เจน อา่ นเนือ้ เพลงตามวรรคตอนของทานองเพลง ฝึกออกเสียงพยญั ชนะ สระ วรรณยุกตใ์ หช้ ดั เจน ดแู ลตนเองใหม้ ีความสวยงามอยเู่ สมอ เปลง่ เสียงคารอ้ งใหต้ รงกบั ทานองเพลง แสดงสีหนา้ ทา่ ทางเหมาะสมกบั เนือ้ หาของเพลง ครูควา่ แถบประโยคทีเ่ ก่ียวกับหลักการรอ้ งเพลงให้ไพเราะและถูกตอ้ ง ให้นักเรยี นแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 5 กลมุ่ แลว้ ครูแจกปา้ ยวงกลม  และ  ใหก้ ล่มุ ละ 1 ชุด ครอู ธิบายวธิ ีการเลน่ เกมถกู หรือผิดให้นักเรยี นฟังว่า “ครจู ะพลกิ แถบประโยคข้ึนมา แลว้ อา่ น 1 รอบใหแ้ ตล่ ะกลุ่มยกเครือ่ งหมาย  ถ้าแถบประโยคดังกลา่ วเป็นหลกั การร้องเพลง ให้ไพเราะและถูกต้องและยกเครื่องหมาย  ถา้ แถบประโยคดังกล่าวไม่ใช่หลักการร้องเพลง ให้ไพเราะและถูกต้อง กลุ่มใดตอบถูกได้ 1 คะแนน กลุ่มใดมีคะแนนมากท่ีสุดเป็นฝ่ายชนะ” จากนั้นครูดาเนินการเล่นเกมตามขั้นตอนดังกล่าวและนาประโยคท่ีเป็นหลักการร้องเพลงให้ ไพเราะและถูกต้องมาสรุปเปน็ แผนภาพบนกระดานใหน้ กั เรยี นดู 6. ให้นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี การร้องเพลงท่ีถูกต้องตามจงั หวะและทานองเพลง มีการออกเสียงชัดเจน แสดงสีหน้าและท่าทาง ไดเ้ หมาะสมกบั เนอ้ื รอ้ งของเพลงจะทาใหเ้ พลงท่ขี บั ร้องมีความไพเราะน่าฟังมากข้ึน 7. ให้นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ าถามท้าทาย ดังน้ี

46 การแสดงท่าทางประกอบการรอ้ งเพลงออกกาลงั มผี ลดตี ่อนักเรียนอยา่ งไร สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1. เพลงชา้ ง 2. แผนภมู เิ พลงออกกาลงั 3. แถบประโยค 4. เกมถกู หรือผิด 5. ป้ายวงกลม  และ  กำรวดั และประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ 1. วธิ ีกำรวัดและประเมนิ ผล 1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม 1.2 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 2. เคร่ืองมือ 2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม 3. เกณฑก์ ำรประเมิน 3.1 การประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผ่านตงั้ แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่ำน ผา่ น 1 รายการ ถอื วา่ ไม่ผำ่ น 3.2 การประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดับ พอใช้ คะแนน 0-4 ระดับ ควรปรับปรงุ

47 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 9 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ศิลปะ ศ 12101 ช้นั ประถมศึกษำปีที่ 2 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ 3 กำรขบั ร้อง ภำคเรยี นท่ี 1 เร่ือง กำรขบั ร้อง : เพลงในนำ้ มปี ลำ ในนำมีขำ้ ว เวลำ 1 ชั่วโมง ครูผสู้ อน นำงสำวลลติ ญำ บุณศรสี กุล ………………………………………………………………………………………………….……………………………………….... มำตรฐำนกำรเรยี นรู/้ ตัวชี้วัด มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่าดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตประจาวัน ตวั ช้วี ดั ศ 2.1 ป.2/4 ร้องเพลงง่าย ๆ ท่ีเหมาะสมกบั วยั จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. อธิบายประโยชน์ของการปฏบิ ัตติ ามหลักการขับรอ้ งเพลงให้ไพเราะและถูกต้อง (K) 2. ร้องเพลงในนา้ มปี ลา ในนามขี ้าว (P) 3. ชื่นชมการร้องเพลงในน้ามีปลา ในนามขี ้าวทไ่ี พเราะและถูกต้อง (A) สำระสำคญั การร้องเพลงที่ถูกต้อง ต้องร้องตามจังหวะและทานองเพลง เราสามารถฝึกร้องเพลงโดยฝึกอ่าน เนื้อร้องให้ถูกต้อง แบ่งวรรคตอนตามจังหวะและทานองเพลง นอกจากน้ีควรแสดงอารมณ์และสีหน้า ทา่ ทางให้เหมาะสมกบั เนือ้ หาของเพลงจะทาให้เพลงทีข่ บั ร้องมีความไพเราะน่าฟัง สำระกำรเรียนรู้ การขับร้อง : เพลงในนา้ มปี ลา ในนามีข้าว คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ ตวั ช้วี ัดที่ 4.1 ตงั้ ใจ เพยี รพยายามในการเรยี นและเขา้ รว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการคดิ กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ 1. ครูเปิดเพลงในนา้ มปี ลา ในนามีข้าวใหน้ กั เรยี นฟงั จานวน 1 รอบแลว้ ใช้คาถามเพื่อใหน้ ักเรยี น รว่ มกันแสดงความคดิ เห็น ดงั นี้ นักเรียนเคยไดย้ ินเพลงนหี้ รือไม่ (เคย/ไม่เคย) เพลงน้คี ือเพลงอะไร (ตัวอย่ำงคำตอบ เพลงในนำ้ มปี ลำ ในนำมขี ำ้ ว)

48 นักเรยี นเคยรอ้ งเพลงนี้หรอื ไม่ (เคย/ไมเ่ คย) เม่อื ได้ฟังเพลงน้นี กั เรยี นร้สู ึกอย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ ภำคภมู ิใจในประเทศของ ตน) 2. ครูนาแผนภมู ิเพลงในนา้ มีปลา ในนามีขา้ วมาติดไว้บนกระดานแล้วปฏิบัตติ ามขั้นตอน ดังนี้ พานักเรียนอ่านเน้ือร้องของเพลงจนทกุ คนอ่านได้คล่องและชดั เจน พานักเรียนรอ้ งเพลงในน้ามีปลา ในนามขี ้าว ทลี ะท่อนจนจบเพลง พานักเรียนปรบมือประกอบเป็นจงั หวะในการร้องเพลงในน้ามีปลา ในนามีข้าว จน ทกุ คนสามารถร้องเพลงประกอบจงั หวะการปรบมือได้ถูกต้อง โดยมคี รคู อยดูแลและให้คาแนะนา อย่างใกลช้ ิด 3. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 5 คน เพื่อร่วมกันฝึกการขับร้องเพลงในน้ามีปลา ในนามี ข้าวพร้อมแสดงท่าทางประกอบเพลง เม่ือทุกกลุ่มร่วมกันฝึกจนเกิดความถูกต้องพร้อมเพรียงกันแล้วให้ ออกมาแสดงให้เพื่อนและครูดูพร้อมท้งั ตรวจสอบความถูกต้องโดยเมื่อกล่มุ ใดแสดงการขับร้องและท่าทาง ประกอบเพลงจบใหเ้ พ่อื น ๆ ทดี่ กู ลา่ วแสดงความรู้สึกช่ืนชมการแสดงดังกล่าว 4. ให้นักเรียนและครูร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการฝึกการร้องเพลงในน้ามีปลา ในนามี ข้าว ของนกั เรียนโดยครูใชค้ าถาม ดังน้ี นักเรียนฝึกร้องเพลงในน้ามีปลา ในนามีข้าวตามหลักการขับร้องเพลงให้ไพเราะและถูกต้อง หรือไม่ (ปฏบิ ัตติ ำม/ไมป่ ฏิบตั ิตำม) การปฏบิ ตั ติ ามหลกั การขบั รอ้ งเพลงใหไ้ พเราะและถกู ต้องมีประโยชน์อยา่ งไร (ตัวอย่ำงคำตอบ ขับร้องเพลงได้ถูกต้อง ขับร้องเพลงได้ไพเรำะน่ำฟัง เป็นท่ีชื่นชอบของผู้ฟัง มีทักษะในกำรขบั ร้องเพลงทีด่ ี) จากนั้นครูนาข้อมลู ทไ่ี ด้มาเขยี นสรปุ ลงในแผนภาพบนกระดานดงั ตัวอย่างต่อไปน้ี ขบั รอ้ งเพลงไดถ้ กู ตอ้ ง มีทกั ษะในการขบั รอ้ ง ประโยชนข์ องการ ขบั รอ้ งเพลงไดไ้ พเราะนา่ ฟัง เพลงท่ีดี ปฏิบัตติ าม หลักการขับร้อง เพลง เป็นท่ีช่ืนชอบของผฟู้ ัง

49 5. ให้นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดังน้ี การร้องเพลงที่ถูกต้องตามจังหวะและทานองเพลง มีการออกเสียงชัดเจน แสดงสี หน้าท่าทางได้เหมาะสมกบั เน้ือร้องของเพลงจะทาให้ร้องเพลงได้ไพเราะน่าฟงั มากข้ึน 6. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครูใช้คาถามท้าทาย ดังนี้ เพลงในนา้ มีปลา ในนามีข้าวกลา่ วถงึ อาชพี ใดของคนไทยบ้าง สือ่ กำรเรียนรู้ 1. แถบบันทกึ เสียง 2. เครอ่ื งเล่นแถบบนั ทึกเสยี ง 3. แผนภมู ิเพลงในน้ามปี ลา ในนามขี ้าว กำรวัดและประเมินผลกำรเรียนรู้ 1. วิธกี ำรวดั และประเมนิ ผล 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรม 1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม 2. เคร่อื งมอื 2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์กำรประเมิน 3.1 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผา่ นตั้งแต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผำ่ น ผา่ น 1 รายการ ถอื ว่า ไม่ผ่ำน 3.2 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ คะแนน 9-10 ระดับ ดีมาก คะแนน 7-8 ระดับ ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรับปรุง

50 แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี 10 กล่มุ สำระกำรเรียนรศู้ ิลปะ ศ 12101 ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ 2 หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ 3 กำรขับรอ้ ง ภำคเรยี นท่ี 1 เร่ือง กำรขบั ร้อง : เพลงโด เร มี ฟำ เวลำ 1 ชั่วโมง ครผู สู้ อน นำงสำวลลติ ญำ บุณศรสี กุล ………………………………………………………………………………………………….…………........…………………… มำตรฐำนกำรเรยี นรู/้ ตัวชว้ี ดั มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่าดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใช้ใน ชวี ติ ประจาวัน ตัวช้ีวดั ศ 2.1 ป.2/4 ร้องเพลงงา่ ย ๆ ท่ีเหมาะสมกบั วยั จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. อธิบายประโยชนข์ องการร้องเพลงโด เร มี ฟา (K) 2. รอ้ งเพลงโด เร มี ฟา (P) 3. ชนื่ ชมการร้องเพลงโด เร มี ฟา (A) สำระสำคญั การร้องเพลงที่ถูกต้อง ต้องร้องตามจังหวะและทานองเพลง เราสามารถฝึกร้องเพลง โดยฝึก อ่านเน้ือร้องให้ถูกต้อง แบ่งวรรคตอนตามจังหวะและทานองเพลง นอกจากน้ีควรแสดงอารมณ์และสีหน้า ทา่ ทางให้เหมาะสมกับเนือ้ หาของเพลงจะทาใหเ้ พลงทีข่ บั ร้องมีความไพเราะน่าฟัง สำระกำรเรยี นรู้ การขบั ร้อง : เพลงโด เร มี ฟา คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ ตวั ชีว้ ัดที่ 4.1 ต้ังใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการคดิ กำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 1. ครูเปิดเพลงโด เร มี ฟา ให้นักเรียนฟังจานวน 1 รอบ แล้วใช้คาถามเพ่ือให้นักเรียนร่วมกัน แสดงความคิดเห็น ดงั น้ี นกั เรยี นเคยได้ยนิ เพลงนีห้ รือไม่ (เคย/ไมเ่ คย) เพลงน้คี อื เพลงอะไร (ตัวอย่ำงคำตอบ เพลง โด เร มี ฟำ)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook