แบบทดสอบ ก่อน-หลังเรียน เรื่อง ประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ และขั้นตอนการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ คาช้ีแจง 1) แบบทดสอบเป็นแบบเลอื กตอบ 4 ตัวเลือก จาํ นวน 5 ข้อ ใช้เวลา 5 นาที 1. ประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ จาํ แนกได้กี่ประเภท ก. 2 ประเภท ข. 4 ประเภท ค. 5 ประเภท ง. 7 ประเภท 2. โครงงานประเภทใดที่มลี ักษณะกิจกรรมทีเ่ ป็นการศึกษาหาคําตอบด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ก. โครงงานประเภทสาํ รวจ ข. โครงงานประเภทการพฒั นาหรอื ประดิษฐ์ ค. โครงงานประเภททดลอง ง. โครงงานประเภทการสร้างทฤษฎีหรอื อธิบาย 3. โครงงาน เรือ่ งเครอ่ื งสง่ สัญญาณกนั ขโมย นักศึกษาคดิ ว่าเปน็ โครงงานประเภทใด ก. โครงงานประเภทการพัฒนาหรือประดิษฐ์ ข. โครงงานประเภททดลอง ค. โครงงานประเภทสาํ รวจ ง. โครงงานประเภทการสร้างทฤษฎหี รืออธบิ าย 4. ขนั้ ตอนการทําโครงงานวิทยาศาสตรม์ ีก่ีขนั้ ตอน ก. 3 ข้นั ตอน ข. 5 ข้ันตอน ค. 7 ข้นั ตอน ง. 9 ขั้นตอน 5. “เป็นข้อความสัน้ ๆ กะทัดรัด ชดั เจน ส่อื ความหมายตรง และมคี วามเฉพาะเจาะจงวา่ จะศกึ ษาเรอื่ งใด” ขอ้ ความดงั กลา่ วคือส่วนใดของรายงาน ก. ชอ่ื โครงงาน ข. ทม่ี าและความสาํ คญั ค. วัตถุประสงค์โครงงาน ง. ผลท่คี าดว่าจะได้รบั
เฉลยแบบทดสอบ ก่อน-หลังเรียน เรื่อง ประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ และขั้นตอนการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ 1. ตอบ ข. 4 ประเภท 2. ตอบ ค. โครงงานประเภททดลอง 3. ตอบ ก. โครงงานประเภทการพฒั นาหรือประดิษฐ์ 4. ตอบ ค. 7 ขนั้ ตอน 5. ตอบ ก. ชื่อโครงงาน
กจิ กรรมที่ 1 การถอดบทเรยี นจากโครงงาน เร่ืองสบู่จากรังไหม ใหส้ อดคล้องกบั หลักเศรษฐกจิ พอเพียง คาชแี้ จง ให้นกั ศึกษาแบ่งกลุ่มเพ่ือระดมความคิด ถอดบทเรียนจากโครงงาน เร่ืองสบจู่ ากรังไหม ให้สอดคล้องกับ หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .............................................................................................................................................................................. ...... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................. .................................. ................................................................................................. ................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ...................................................................................................................................................................... .............. ..................................................................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .......................................................................................................................................... .......................................... ......................................................................................... ........................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .............................................................................................................................................................. ...................... ............................................................................................................. ....................................................................... ........................ ชือ่ ...................................................................... กศน.ตําบล ........................... ระดับ..............................
แผนการจดั การเรียนรรู้ ายวิชาสงั คมศึกษา คร้ังท่ี 11 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย กศน.ตาบลศรีโคตร 1. สปั ดาหท์ ่ี 12 วันที่ 4 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00 น. 2. วิชา สงั คมศกึ ษา รหัสวชิ า สค31001 จาํ นวน 3 หน่วยกติ 3. มาตรฐานที่ 5.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึงความสาํ คัญเก่ียวกบั ภูมิศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื ง การปกครอง สามารถนํามาปรบั ใชใ้ นการดํารงชีวิต 4. หน่วยการเรยี นรู้/เรื่องประวตั ิศาสตร์ 5. สาระสําคัญ การศึกษาทางประวัติศาสตร์ เป็นกระบวนการหรือขั้นตอนการศึกษา เรื่องราวของมนุษย์ในยคุ ตา่ ง ๆ เชน่ ความเปน็ อยู่ การปกครอง ศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ท่ีเปน็ สภาพเหตกุ ารณ์ในอดีตที่ถูกบนั ทึกไว้ให้ศกึ ษา ซงึ่ เหตกุ ารณ์เหลา่ นจี้ ะมีผลกระทบต่อความคิดของมนุษย์ปัจจบุ ัน ทั้งด้านความเข้าใจพลเมืองชาติตา่ ง ๆความสาํ เรจ็ ความประทับใจที่มีคุณค่าของบรรพบรุ ษุ มาศึกษาใหเ้ ขา้ ใจ สามารถนําไปสรา้ งองคค์ วามรู้ใหม่ในทางประวัตศิ าสตร์ ได้ 6. เน้อื หา เรอ่ื งท่ี 1 การแบ่งช่วงเวลาและยุคสมยั ทางประวัติศาสตร์ เรื่องที่ 2 แหล่งอารยธรรมโลก เรื่องที่ 3 ประวตั ิศาสตรช์ าตไิ ทย เร่อื งท่ี 4 บคุ คลสําคัญของไทยและของโลกในด้านประวัติศาสตร์ เร่ืองที่ 5 เหตกุ ารณ์สําคัญของโลกท่ีมีผลตอ่ ปัจจบุ นั 7. จดุ ประสงค์การเรียนรู้/ผลการเรยี นรู้ทีค่ าดหวัง (ดจู ากผังการออกขอ้ สอบ) 1. อธบิ ายเหตุการณ์สําคญั ทางประวัติศาสตร์ของประเทศต่าง ๆ ในโลก 2. วเิ คราะห์และเปรียบเทยี บเหตกุ ารณส์ าํ คัญทางประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศในโลกทมี่ ผี ล กระทบตอ่ ความเปล่ียนแปลงของประเทศต่าง ๆ ในโลก 3. วิเคราะหเ์ หตุการณ์โลกปจั จบุ ันและคาดคะเนเหตกุ ารณ์ทอ่ี าจจะเกดิ ข้นึ กับประเทศตา่ ง ๆ ในอนาคต 8. การบรู ณาการกับหลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง (2 เงอ่ื นไข 3 หลักการ การเชื่อมโยงสู่ 4 มติ ิ) ความรู้ - ผู้เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจ และตระหนักถึงความสําคญั เกี่ยวกบั ภมู ิศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื ง การปกครอง สามารถนํามาปรับใช้ในการดาํ รงชีวิตตาม หลักของปรัชญาของเศรษฐกิจพอพยี ง คุณธรรม - มคี วามช่ือสัตย์สจุ ริตในการทาํ งาน - มคี วามสามัคคใี นหมู่คณะ - มคี วามขยนั อดทน พอประมาณ - รจู้ ักการเลอื กใช้สือ่ เทคโนโลยใี ห้เขา้ กับยุคสมยั - ใช้ทรพั ยากรกรอยา่ งคมุ้ ค่าและเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ มีเหตผุ ล
- ได้ความรู้ความรู้ ความเข้าใจ และตระหนกั ถงึ ความสาํ คัญเก่ียวกบั ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื ง การปกครอง มีภมู คิ ุ้มกนั - สามารถสร้างรายได้และสามารถเตรยี มพรอ้ มรบั สถานการณ์การเปลย่ี นแปลงทาง เศรษฐกจิ ได้ วตั ถุ - รู้จักเลือกใชเ้ ทคโนโลยที เี่ หมาะสมสอดคล้องกบั ความต้องการ - มที กั ษะในการใชอ้ ุปกรณ์เทคโลโลยี และการดแู ลรกั ษา สังคม - มที กั ษะการอยรู่ ่วมกันในกลุ่ม และทํางานร่วมกบั ผู้อื่นได้อย่างมีความสุข - ช่วยเหลอื เกอ้ื กูลกนั - รรู้ ักสามัคคี สงิ่ แวดลอ้ ม - รู้จกั การนาํ บุคคลสําคัญของไทยและของโลกในด้านประวตั ิศาสตร์มาวิเคราะห์และ วางแผนพัฒนาการดําเนนิ ชีวิตใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสดุ วัฒนธรรม - ความสําเร็จ ความประทบั ใจทม่ี คี ณุ คา่ ของบรรพบุรุษมาสชู่ นรุน่ หลงั 9. กระบวนการจัดการเรยี นรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 กาํ หนดสภาพปัญหาการเรยี นรู้(O : Orientation) 1. ครเู ปดิ ตวั อยา่ งภาพยนตร์เรอ่ื งตํานานสมเดจ็ พระนเรศวรให้ผู้เรยี นดู และสนทนากบั ผู้เรียน เรือ่ งประวตั ิศาสตร์ 2. ครแู ละผู้เรียนรว่ มกันวเิ คราะห์ความสาํ คัญเกี่ยวกับบุคคลสําคัญของไทยและของโลกในดา้ น ประวัตศิ าสตร์ ข้ันท่ี 2 แสวงหาขอ้ มูลและจดั การเรยี นรู้(N : New ways of learning) 1. ครูอธบิ ายเรื่องประวัติศาสตร์พรอ้ มยกตัวอย่างเหตุการณส์ าํ คญั ของโลกท่ีมีผลตอ่ ปัจจบุ นั และ ใหผ้ เู้ รยี นศึกษาจากสอื่ อินเตอรเ์ นต็ และใบความรูท้ ี่ 1 เรอ่ื ง ประวัติศาสตร์ 2. ครูให้ผูเ้ รยี นแบง่ กล่มุ ออกเป็นกลุม่ ย่อย ๆ 5 กลุ่มๆ ละ 4–5 คน ค้นควา้ ในหวั ข้อดังต่อไปน้ี เรอ่ื งที่ 1 แหลง่ อารยธรรมโลก เรอ่ื งท่ี 2 ประวัติศาสตรช์ าติไทย เร่อื งท่ี 3 บคุ คลสําคัญของไทยและของโลกในด้านประวตั ิศาสตร์ เรื่องท่ี 4 เหตุการณส์ าํ คญั ของโลกท่มี ีผลต่อปจั จุบนั และสรุปองค์ความรู้ พร้อมนาํ เสนอ หน้าชั้นเรยี น ข้นั ที่ 3 การปฏบิ ัติและการนําไปใช้(I : Implementation) 1. ให้ตวั แทนกลุ่มนาํ เสนอผลงานทศ่ี ึกษาคน้ ควา้ ใหก้ ลุ่มอื่นฟงั 2. ผู้เรยี นทําใบงาน 3. ครูและผเู้ รียนชว่ ยกันสรุปเนื้อหาสาระสําคัญของเร่ืองและจดบนั ทึก ขัน้ ที่ 4 การประเมินผลการเรียนร้(ู E : Evaluation) 1. ครูและผเู้ รยี นนาํ แฟูมสะสมผลงาน และผลงานที่ได้จากการปฏิบัติ สรุปเป็นองค์ความร้เู พื่อใช้ เป็นแนวทาง กระบวนการปฏิบตั ิงาน
2. ครูวัดผลประเมนิ ผลผเู้ รียนจากเกณฑ์วดั ผลประเมินผล 3. ครสู ามารถประเมินผลการเรียนรขู้ องผู้เรยี น และผู้เรียนสามารถประเมนิ ความรู้ภายในกลุม่ หรอื ของตนเองได้ 10. ส่อื /แหลง่ เรียนรู้ - หนงั สอื เรียนวิชา สค31001 - สื่อ Internet - ใบงาน 11. การวดั และประเมินผล 11.1 วธิ กี ารวัดและประเมินผล - แบบประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทํางานร่วมกับผูอ้ น่ื ของนักศึกษารายบุคคล - ใบงาน - แบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรยี น 11.2 เครอ่ื งมอื วดั และประเมินผล - ประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานรว่ มกบั ผอู้ น่ื ของนกั ศึกษารายบุคคล - ผลจากการตรวจใบงาน - คะแนนแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน 11.3 เกณฑก์ ารวดั และการประเมินผล - แบบประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทํางานร่วมกบั ผูอ้ ื่นของนกั ศึกษารายบคุ คล ระดบั ดี พอใช้ และควรปรบั ปรงุ - ใบงานคะแนนเต็ม 10 คะแนน - แบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน เกณฑผ์ า่ นและไมผ่ า่ น กิจกรรมเสนอแนะ .................................................................................................................................................................. .................. ..... ........................................................................................................... ......................................................................... ..... ลงชอ่ื …………………………………………….ครูผู้สอน (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตําบล ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ รหิ าร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… … ............................................................................................................................. ....................................................... ..... ลงช่ือ………………………………………………………ผูอ้ นุมตั แิ ผน (นางปัทมาภรณ์ ศรีเนตร) ผู้อํานวยการ กศน.อาํ เภอจตุรพักตรพิมาน
บันทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู้ กศน.ตาํ บลศรีโคตร คร้งั ท่ี 11 วนั ที่ 4 เดอื น สงิ หาคม พ.ศ.2565 ครูผู้สอนนายปรเรศ นามโคตร ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระการพัฒนาสังคม รายวชิ า สงั คมศึกษา รหัสวิชา สค31001 จาํ นวนผเู้ รยี นทง้ั หมด ............... คนเข้าเรียน…………………คน ไมเ่ ขา้ เรยี น……………………….คน 1. ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้การประเมินโดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรียน - หลงั เรยี น พบวา่ คะแนนการทดสอบหลงั เรยี น มากกว่าก่อนเรียนจํานวน ........ คนคิดเปน็ ร้อยละ............ คะแนนการทดสอบหลังเรียน น้อยกว่าก่อนเรียนจาํ นวน ......... คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ............ 2. เน้ือหา/สาระ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................................................ ............ 3. กจิ กรรมการเรียนการสอน ข้ันท่ี 1 กาํ หนดสภาพปัญหาการเรียนรู้ (O) ......................................................... ....................................................................................................... ............ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................................................ ............ ข้ันท่ี 2แสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนร้(ู N) ........................................................................................... ..................................................................... ............ ............................................................................................................................. ............................................... .............................................................................................................................. .............................................. .................................................................................... ............................................................................ ............ ขั้นท่ี 3การปฏบิ ตั ิและการนําไปใช(้ I) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................................................ ............ ............................................................................................................................ ................................................ ขัน้ ที่ 4การประเมินผลการเรียนร(ู้ E) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... 4. ปัญหา/อปุ สรรค การเรียนการสอน ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................................................ ............ 5. แนวทางการแกป้ ัญหา ........................................................................................................ ....................................................................
............................................................................................................................. ............................................... ........................................................................................................................................... ................................. ลงชื่อ....................................................... (นายปรเรศ นามโคตร) ครูผสู้ อน วนั ท.่ี ............../.................../............... ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผ้บู รหิ าร ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................... ลงชื่อ.................................................................. (นางปัทมาภรณ์ ศรีเนตร) ผู้อํานวยการ กศน.อาํ เภอจตุรพักตรพมิ าน
แบทดสอบ กอ่ นเรยี นและหลังเรยี น จงทาํ เคร่ืองหมาย X หนา้ คําตอบทถ่ี ูกต้องทสี่ ุดเพียงข้อเดียว 1. ความหมายของคาํ ว่า “ประวตั ิศาสตร์” ในขอ้ ใดถูกต้องทีส่ ดุ ก. การกล่าวถงึ สภาพแวดล้อมท่ีเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ข. เปน็ เรือ่ งของความคดิ และการกระทําของมนษุ ย์ ค. การบนั ทึกเรื่องราวในอดีตอยา่ งมหี ลักฐาน ง. การเลา่ เร่อื งราวในอดีตทสี่ ืบคน้ มา 2. การศึกษาประวตั ศิ าสตร์ หมายถึงข้อใด ก. การหาหลกั ฐานซึ่งนาํ ไปสู่การวิเคราะห์เหตุการณ์ตา่ ง ๆ อย่างมีเหตผุ ล ข. การศึกษาพฤตกิ รรมของ ค. การใชว้ ธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ ง. การใหข้ ้อมลู จากแหล่งต่าง ๆ 3. ประเทศไทยเรม่ิ ใช้ปีพทุ ธศักราชสมยั ใด ก. พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั ข. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั ค. พระพทุ ธยอดฟูาจุฬาโลก ง. พระนารายณ์มหาราช 4. มนุษยร์ ู้จกั ประดิษฐ์ตวั อกั ษรและบันทึกไว้บนวสั ดตุ ่าง ๆ ในยุคไหน ก. ยคุ ประวตั ศิ าสตร์สากล ข. ยุคกอ่ นประวัติศาสตร์ ค. ยุคประวตั ิศาสตร์ ง. ยุคสงครามเยน็ 5. การแบ่งยุคสมัยทางประวัตศิ าสตร์ไทย ก. สมยั ประวัตศิ าสตร์สากล ข. สมัยโบราณและสมัยกรุงธนบุรี ค. สมยั อยธุ ยาและสมัยประวตั ศิ าสตร์ไทย ง. สมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ไทยและสมยั ประวตั ิศาสตร์ไทย 6. ข้อใดตรงกบั ความหมายของคาํ ว่าอารยธรรม ก. สภาพโบราณ ข. สภาพประวตั ิศาสตร์ ค. การถ่ายทอดอดตี สูป่ จั จบุ นั ง. สภาพทีพ่ ้นจากความปาุ เถื่อน 7. อารยธรรมเมโสโปเตเมยี กําเนดิ ในบริเวณลุ่มแม่น้ําใด ก. แมน่ ํ้าไททรสั และแมน่ าํ้ ยูเฟรตีส ข. แม่น้าํ ไทกรสี และแมน่ ้ําสเุ มเรียน ค. แมน่ า้ํ ยเู ฟรตสี และแมน่ ํ้าสุเมเรียน ง. แม่น้าํ ยูเฟรตสี และแมน่ ้าํ อะมอไรต์
8. ประวตั ิศาสตร์ของจนี แบง่ เป็นกย่ี คุ ก. 3 ข. 4 ค. 5 ง. 6 9. โคลอสเซียม เปน็ สถาปัตยกรรมของอารยธรรมประเทศใด ก. ฝร่ังเศส ข. อียิปต์ ค. โรมนั ง. กรกี 10. อารยธรรมของโลกตะวนั ออก มีรากฐานมาจากแหลง่ อารยธรรมประเทศอะไร ก. จีนและกัมพชู า ข. จีนและอนิ เดีย ค. อินเดียและกัมพชู า ง. จีนและประเทศไทย
ใบความรู้ที่ 1 ให้ผูเ้ รียนศกึ ษา เร่ืองประวัติศาสตร์ จาก OR-Code
แผนการจัดการเรยี นรู้รายวิชาสังคมศกึ ษา คร้งั ท่ี 12 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย กศน.ตาบลศรีโคตร 1. สัปดาห์ที่ 12 วันท่ี 9 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00 น. 2. วิชา สังคมศกึ ษา รหสั วิชา สค31001 จํานวน 3 หน่วยกิต 3. มาตรฐานท่ี 5.1 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และตระหนกั ถึงความสาํ คญั เกีย่ วกับภมู ิศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื ง การปกครอง สามารถนาํ มาปรบั ใชใ้ นการดาํ รงชวี ติ 4. หน่วยการเรยี นร/ู้ เรอ่ื งการเมืองการปกครอง 5. สาระสําคญั การศึกษาเรื่องการเมอื งการปกครอง นอกจากผเู้ รียนจะไดเ้ รียนรถู้ ึงการปกครองระบอบประชาธิปไตย และการปกครองระบอบเผด็จการของประเทศตา่ ง ๆ ในโลกแลว้ ยังไดร้ ้แู ละเขา้ ใจถงึ พัฒนาการของประเทศ ต่าง ๆ นบั ตัง้ แตย่ ุคโบราณ ยุคกลาง ชว่ งคริสตว์ รรษ ท่ี 18, 19 และ 20 โดยจะทราบว่าจดุ เริม่ ต้นของระบอบ ประชาธปิ ไตยมีความเป็นมาอย่างไร และประชาธิปไตยของประเทศต่าง ๆ รวมท้งั ประเทศไทยเป็นอย่างไรบา้ ง นอกจากนผ้ี ้เู รยี นยังได้เรียนรู้ถึงเหตกุ ารณส์ ําคญั ทางการเมืองการปกครองของประเทศไทยและของโลกว่า เหตุการณ์หรือสถานการณ์ทางการเมืองน้นั สง่ ผลกระทบต่อสงั คมไทยและสงั คมโลกอยา่ งไร รวมทัง้ ผู้เรียน จะได้ศกึ ษาเรยี นรูถ้ ึง หลักธรรมมาภิบาลและแนวปฏิบตั ติ ามหลกั ธรรมมาภิบาลเป็นอยา่ งไร เพื่อการนาํ ไปสกู่ าร ปฏิบตั ติ นของผ้เู รยี นไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง และเหมาะสมต่อไป 6. เนอ้ื หา เรอื่ งที่ 1 การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย เรอ่ื งที่ 2 การปกครองระบอบเผดจ็ การ เรื่องท่ี 3 พฒั นาการของระบบประชาธิปไตยของประเทศต่าง ๆ ในโลก เรื่องที่ 4 เหตกุ ารณ์สาํ คัญทางการเมือง การปกครองของประเทศไทย เรอื่ งท่ี 5 เหตุการณ์สาํ คัญทางการเมือง การปกครองของโลกทส่ี ่งผลกระทบตอ่ ประเทศไทย เร่อื งท่ี 6 หลกั ธรรมาภิบาล 7. จดุ ประสงค์การเรยี นร/ู้ ผลการเรียนรูท้ คี่ าดหวงั (ดูจากผังการออกข้อสอบ) 1. รู้และเขา้ ใจระบอบการเมืองการปกครองตา่ ง ๆ ท่ีใชอ้ ยู่ปจั จบุ ัน 2. ตระหนกั และเหน็ คุณค่าการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย 3. รแู้ ละเขา้ ใจผลทีเ่ กดิ จากการเปลย่ี นแปลงทางการเมืองการปกครองของประเทศไทยจากอดตี 4. รูแ้ ละเขา้ ใจผลที่เกดิ จากการเปลยี่ นแปลงทางการเมืองการปกครองของโลก 5. ตระหนักและเห็นคุณค่าของหลักธรรมาภบิ าลและนําไปปฏิบัติในชีวติ จรงิ ได้ 8. การบรู ณาการกับหลักแนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (2 เงอ่ื นไข 3 หลักการ การเช่ือมโยงสู่ 4 มติ ิ) ความรู้ - ผเู้ รียนมีความรู้ ความเขา้ ใจ และตระหนักถึงความสําคัญเกีย่ วกบั ภมู ศิ าสตร์ ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง สามารถนาํ มาปรับใชใ้ นการดาํ รงชีวิต คุณธรรม - มีความชอื่ สัตยส์ ุจรติ ในการทํางาน - มคี วามสามคั คีในหมู่คณะ - มคี วามขยัน อดทน พอประมาณ - รู้จักการเลอื กใช้สอื่ เทคโนโลยีให้เข้ากับยุคสมยั
- ใช้ทรพั ยากรกรอย่างคุ้มค่าและเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ มเี หตุผล - ไดเ้ รยี นรู้ถงึ หลกั ธรรมมาภิบาลและแนวปฏิบัตติ ามหลกั ธรรมมาภิบาลเปน็ อยา่ งไร เพอ่ื การนําไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิตนของผูเ้ รียนไดอ้ ย่างถูกต้อง และเหมาะสมสามารถนํามาปรบั ใชใ้ นการ ดาํ รงชีวติ ตามหลักของปรัชญาของเศรษฐกจิ พอพยี ง มภี มู ิคมุ้ กนั - สามารถสรา้ งรายไดแ้ ละสามารถเตรียมพร้อมรับสถานการณ์การเปลย่ี นแปลงทาง เศรษฐกิจได้ วัตถุ - รจู้ ักเลือกใชเ้ ทคโนโลยีที่เหมาะสมสอดคลอ้ งกับความต้องการ - มีทกั ษะในการใช้อปุ กรณเ์ ทคโลโลยี และการดแู ลรักษา สงั คม - มีทักษะการอยรู่ ว่ มกันในกลุ่ม และทาํ งานร่วมกบั ผู้อน่ื ได้อยา่ งมีความสขุ - ชว่ ยเหลือเก้อื กูลกัน - รู้รกั สามคั คี ส่งิ แวดลอ้ ม - รจู้ กั การนาํ บุคคลสาํ คัญของไทยและของโลกในดา้ นประวัติศาสตร์มาวิเคราะหแ์ ละ วางแผนพัฒนาการดําเนินชีวติ ให้เกิดประโยชน์สงู สุด วฒั นธรรม - ความสําเรจ็ ความประทับใจทมี่ ีคณุ คา่ ของบรรพบรุ ษุ มาสู่ชนรนุ่ หลงั 9. กระบวนการจดั การเรียนรู้และกิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นท่ี 1 กาํ หนดสภาพปญั หาการเรียนรู้(O : Orientation) 1. ครูเปดิ ตวั อย่างเหตุการณส์ ําคัญทางการเมืองให้ผเู้ รียนดู และสนทนากับผูเ้ รยี นเรอื่ งการเมือง การปกครอง 2. ครูและผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์ความสําคัญเกย่ี วกับเหตกุ ารณ์สาํ คญั ทางการเมอื ง การ ปกครองของประเทศไทย ขัน้ ท่ี 2 แสวงหาข้อมลู และจัดการเรียนรู้(N : New ways of learning) 1. ครูอธบิ ายเรื่องการเมืองการปกครองพร้อมยกตัวอยา่ งเหตุการณ์สําคัญทางการเมือง การ ปกครองของประเทศไทย และให้ผู้เรยี นศกึ ษาจากส่อื อนิ เตอรเ์ น็ตและใบความรู้ที่ 1 เรอ่ื ง การเมืองการปกครอง 2. ครูใหผ้ เู้ รยี นแบ่งกลุม่ ออกเปน็ กลุ่มยอ่ ย ๆ 6 กลุม่ ๆ ละ 4–5 คน คน้ ควา้ ในหวั ข้อดังต่อไปน้ี เรื่องท่ี 1 การปกครองระบอบประชาธิปไตย เรอ่ื งท่ี 2 การปกครองระบอบเผด็จการ เรอ่ื งที่ 3 พฒั นาการของระบบประชาธิปไตยของประเทศต่าง ๆ ในโลก เรือ่ งท่ี 4 เหตกุ ารณส์ าํ คัญทางการเมือง การปกครองของประเทศไทย เรอื่ งที่ 5 เหตุการณส์ าํ คัญทางการเมือง การปกครองของโลกทสี่ ง่ ผลกระทบต่อประเทศ ไทย เรอื่ งที่ 6 หลักธรรมาภิบาล และสรุปองค์ความรู้ พร้อมนําเสนอหนา้ ชนั้ เรียน ขั้นที่ 3 การปฏบิ ัตแิ ละการนําไปใช้(I : Implementation) 1. ใหต้ วั แทนกลุ่มนาํ เสนอผลงานท่ีศึกษาค้นควา้ ให้กลุ่มอน่ื ฟงั 2. ผู้เรียนทาํ ใบงาน
3. ครูและผู้เรยี นช่วยกนั สรุปเน้ือหาสาระสาํ คัญของเรื่องและจดบนั ทกึ ขนั้ ที่ 4 การประเมนิ ผลการเรียนร้(ู E : Evaluation) 1. ครแู ละผู้เรยี นนาํ แฟูมสะสมผลงาน และผลงานท่ีได้จากการปฏิบตั ิ สรปุ เปน็ องค์ความรูเ้ พอ่ื ใชเ้ ป็น แนวทาง กระบวนการปฏิบัติงาน 2. ครวู ัดผลประเมนิ ผลผเู้ รยี นจากเกณฑว์ ดั ผลประเมินผล 3. ครูสามารถประเมนิ ผลการเรยี นรู้ของผู้เรยี น และผู้เรียนสามารถประเมนิ ความรูภ้ ายในกลมุ่ หรอื ของตนเองได้ 10. ส่อื /แหลง่ เรียนรู้ - หนังสือเรียนวิชา สค31001 - สือ่ Internet/ ใบงาน 11. การวดั และประเมนิ ผล 11.1 วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล - ใบงาน 11.2 เคร่ืองมอื วัดและประเมินผล. - ผลจากการตรวจใบงาน 11.3 เกณฑ์การวัดและการประเมินผล - ใบงานคะแนนเต็ม 10 คะแนน กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ....................................................... ..... ..................................................................................................................................................................... ............... ..... ลงชื่อ…………………………………………….ครูผู้สอน (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตําบล ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ าร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …… ลงช่อื ………………………………………………………ผูอ้ นมุ ตั ิแผน (นางปัทมาภรณ์ ศรีเนตร) ผู้อํานวยการ กศน.อาํ เภอจตรุ พักตรพมิ าน
บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ กศน.ตาบลศรีโคตร ครัง้ ที่ 12 วันท่ี 9 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2565 ครูผสู้ อนนายปรเรศ นามโคตร ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระการพฒั นาสังคม รายวชิ า สงั คมศึกษา รหสั วชิ า สค31001 จาํ นวนผู้เรียนท้งั หมด ............... คนเข้าเรยี น…………………คน ไมเ่ ข้าเรียน……………………….คน 1. ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรูก้ ารประเมินโดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรยี น พบวา่ คะแนนการทดสอบหลังเรยี น มากกวา่ กอ่ นเรยี นจาํ นวน ........ คนคดิ เปน็ ร้อยละ............ คะแนนการทดสอบหลังเรยี น นอ้ ยกวา่ ก่อนเรยี นจํานวน ......... คนคดิ เปน็ ร้อยละ............ 2. เนื้อหา/สาระ ............................................................................................................................. ............................................... .............................................................................................................................. .............................................. .................................................................................... ............................................................................ ............ 3. กจิ กรรมการเรียนการสอน ขั้นที่ 1 กําหนดสภาพปัญหาการเรียนรู้ (O) ...................................................................................................... .......................................................... ............ ............................................................................................................................. ............................................... ......................................................................................................................................... ................................... ............................................................................................... ................................................................. ............ ขั้นท่ี 2แสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้(N) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................................................ ............ ............................................................................................................................. ............................................... ขน้ั ที่ 3การปฏบิ ัตแิ ละการนาํ ไปใช(้ I) ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................ ............................................ ...................................................................................... .......................................................................... ............ ............................................................................................................................. ............................................... ขัน้ ท่ี 4การประเมินผลการเรียนร(ู้ E) ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................................................ ............ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... 4. ปัญหา/อปุ สรรค การเรยี นการสอน .............................................................................................................................. ..................................
................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... 5. แนวทางการแกป้ ัญหา ...................................................................................................................................... .......................... ........................................................................................................ ........................................................ ............................................................................................................................. ................................... ลงชอื่ ....................................................... (นายปรเรศ นามโคตร) ครูผู้สอน วนั ท.ี่ ............../.................../............... ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บริหาร ............................................................................................................................. ....................................................... ................................................................................................................................................ .................................... ............................................................................................... ..................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................... ลงช่อื .................................................................. (นางปทั มาภรณ์ ศรีเนตร) ผอู้ าํ นวยการ กศน.อําเภอจตุรพกั ตรพิมาน
ใบงานท่ี 1 เรื่อง การปกครองระบอบประชาธิปไตย 1. การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย หมายถงึ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. เปรยี บเทยี บข้อดแี ละข้อเสียของระบอบประชาธปิ ไตย ข้อดี ข้อเสยี 3. การมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมทางการเมอื งตามระบอบประชาธิปไตย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
ใบงานท่ี 2 เร่ือง การปกครองระบอบเผดจ็ การ 1. สรุปหลกั การของการปกครองระบอบเผด็จการ 3 ขอ้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. เปรียบเทยี บขอ้ ดีและข้อเสียของระบอบเผดจ็ การ ข้อดี ข้อเสยี
ใบงานที่ 3 เรอ่ื ง เหตกุ ารณ์ทีส่ าํ คัญทางการเมอื งการปกครองของไทย 1. ใหผ้ ูเ้ รียนสรปุ เหตุการณท์ างการเมืองการปกครองของประเทศไทยในชว่ งปี 2475 จนถึงปี 2550 ท่ีผูเ้ รียนเหน็ ว่าเป็นเหตุการณ์รฐั ประหารเท่านัน้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. ให้ผเู้ รียนวเิ คราะหเ์ หตกุ ารณ์ทางการเมืองของไทยในปจั จบุ ัน (ปี 2551 – 2552) วา่ เป็นอย่างไร เพยี งสน้ั ๆ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
ใบงานท่ี 4 ใหผ้ ู้เรียนเขียนเคร่ืองหมาย √ หน้าข้อความทีถ่ ูกต้องและเขียนเครือ่ งหมาย X หน้าขอ้ ความท่ีเหน็ ว่าผิด ................... 1. เมอื งฮิโรชิมาและเมืองนาวาซากิ เปน็ เมืองของประเทศญ่ีปุนที่ถูกระเบดิ ปรมาณูในชว่ งสงครามโลกคร้ังที่ 2 ................... 2. ผลกระทบจากการเกดิ สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 ที่มีต่อสหภาพโซเวียต คือ ไดร้ บั ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ................... 3. สงครามเย็น คือ การต่อสู้ระหวา่ งค่ายประชาธิปไตยและคา่ ยคอมมวิ นสิ ต์ ................... 4. ลทั ธนิ าซีเป็นลัทธิของประเทศรัสเซีย ................... 5. ในช่วงสงครามเย็น ยโุ รปตะวนั ออกปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ................... 6. สังคมไทยไดร้ ับผลกระทบจากเหตุการณ์การล่มสลายของสหภาพโซเวยี ต ในปี ค.ศ. 1997 ................... 7. “ขบวนการนักศึกษาโลก” เกดิ ขน้ึ จากแนวความคิด “การปฏิบัติวัฒนธรรม” ................... 8. นักศึกษาไทยมสี ่วนร่วมในขบวนการต่อตา้ นสงครามเย็น ................... 9. ในปี ค.ศ. 1968 เกิด “ขบวนการนักศึกษา” ประท้วงในประเทศฝรัง่ เศสและสหรัฐอเมริกา ................... 10. “ขบวนการนักศึกษาไทย” ได้เกดิ ขน้ึ อนั เปน็ ผลมาจาก “การเมืองโลก” ในช่วง 14 มนี าคม 2520
แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ ครั้งท่ี 13 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย กศน.ตาบลศรโี คตร 1. สัปดาหท์ ่ี 14 วนั ที่ 11 เดือน สงิ หาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00น. 2. วชิ า อาชญากรรมบนโลกออนไลน์ รหัสวิชา สค0200037 จาํ นวน 2 หน่วยกติ 3. มาตรฐานที่ 5.3 ปฏิบตั ิตนเปน็ พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย มจี ิตสาธารณะ เพือ่ ความสงบสุข ของ สงั คม 4. หนว่ ยการเรียนรู้/เร่อื ง อาชญากรรม ออนไลน์ 5. สาระสําคัญ 1. ความหมายของ อาชญากรรมออนไลน์ 2. ประเภทของ อาชญากรรมออนไลน์ 3. อาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) 3.1 ความหมายของ อาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) 3.2 ประเภทแรงจงู ใจ ของอาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) 3.3 วธิ ปี อู งกนั การ โจรกรรมขอ้ มูลจาก อาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) 4. สาเหตุของปญั หา อาชญากรรมออนไลน์ และแนวทางการปอู งกัน 6. เนอื้ หา อาชญากรรม ออนไลน์ 7. จุดประสงค์การเรยี นร/ู้ ผลการเรยี นรู้ทีค่ าดหวัง (ดูจากผังการออกข้อสอบ) 1. บอกความหมายของอาชญากรรม ออนไลน์ได้ 2. ระบปุ ระเภทตา่ ง ๆ ของ อาชญากรรมออนไลน์ได้ 3. บอกความหมายและ ประเภท แรงจูงใจของอาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ และบอกวธิ ีการปูองกันการโจรกรรม ข้อมูลจากอาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) 4. อธบิ ายสาเหตุของปญั หา อาชญากรรมออนไลน์ได้ และบอก แนวทางการปูองกนั จาก อาชญากรรม ออนไลนไ์ ด้ 8. การบูรณาการกบั หลักแนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพียง (2 เงื่อนไข 3 หลกั การ การเช่ือมโยงสู่ 4 มิต)ิ ความรู้ - มคี วามรู้เรอื่ งอาชญากรรม ออนไลน์ - มคี วามสามารถในการเช่ือมโยงทีจ่ ะการนําความรู้ เร่อื งอาชญากรรม ออนไลน์ท่เี รยี นไป ประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจําวนั คุณธรรม - มีความขยนั - มคี วามสามคั คีในการทํางานร่วมกนั - มคี วามต้ังใจและม่งุ ม่นั พอประมาณ - ร้จู ักประเมนิ ความรู้ ความสามารถของตนเองและเพอ่ื น - จดั สรรเวลาในการ ทํากจิ กรรม มีเหตุผล
- สามารถใช้ความรเู้ รือ่ งอาชญากรรม ออนไลนใ์ นการ ทาํ กจิ กรรมและแบบฝึกหัดได้ - นาํ ความรู้เรือ่ งอาชญากรรม ออนไลน์ไปประยกุ ตใ์ ช้ ในการดาํ เนนิ ชีวติ ประจาํ วนั มีภมู คิ ุ้มกัน - มกี ารวางแผนในการปฏิบตั ิ กจิ กรรม - สามารถนาํ ความรู้ไปปรับให้เข้ากับ การใช้ชวี ติ ประจาํ วันได้อย่างเหมาะสม วตั ถุ - ไดร้ ับความรูเ้ ก่ียวกับ เรอื่ งอาชญากรรม ออนไลน์ - ทักษะการคดิ สังคม - ทกั ษะการรว่ มกนั ตอบ คําถามและแสดงความ คดิ เหน็ - ผ้เู รยี นไดช้ ว่ ยเหลือ ซึ่งกนั และกนั สง่ิ แวดล้อม - รูจ้ กั การใชส้ ื่อและ แหล่งเรยี นรู้อยา่ ง คมุ้ ค่าและคมุ้ เวลา วัฒนธรรม - ดํารงตนอยใู่ น สังคมอยา่ งมีความสุข - มที ักษะในการ วเิ คราะห์และการนําไป ใช้ได้อย่างเหมาะสม 9. กระบวนการจัดการเรียนรู้และกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 1 กําหนดสภาพปญั หาการเรยี นรู้ (O : Orientation) ครแู ละผู้เรยี นรว่ มกันกาํ หนดสภาพปญั หา ความต้องการในการเรยี นรู้เร่ืองอาชญากรรม ออนไลน์ ขั้นท่ี 2 แสวงหาขอ้ มูลและจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) ให้ผเู้ รยี นศึกษา เรื่องอาชญากรรม ออนไลน์ จากใบความรู้ ครูใชส้ ่อื You Tube เรอื่ ง อาชญากรรม ออนไลน์ เพอ่ื อธบิ ายความรู้เพม่ิ เติมใหผ้ ู้เรยี น ข้ันท่ี 3 การปฏบิ ตั ิและการนําไปใช้ (I : Implementation) 1. ครูให้ผเู้ รียนระดมความคิด ถอดบทเรยี นใหส้ อดคล้องกบั หลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง 2. ครแู ละผู้เรียนรว่ มกันแลกเปลี่ยนเรียนร้แู ละสรุปความรเู้ บอ้ื งตน้ ที่ไดจ้ ากแบบสอบถาม เพอ่ื นํามา วเิ คราะห์สรปุ ผล และจัดทํารายนําเสนอ ขน้ั ที่ 4 การประเมินผลการเรียนรู้ (E : Evaluation)
1. ใหผ้ ู้เรียนออกมาหน้าชัน้ เรียน เพ่ือนําเสนอการถอดบทเรยี นให้สอดคลอ้ งกับหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง จากน้ันครใู หค้ ะแนน 2. แบบทดสอบหลงั เรยี น 10. ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ - หนังสอื แบบเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน - สอ่ื อินเตอร์เน็ต 11. การวัดและประเมนิ ผล 11.1 วธิ ีการวัดและประเมินผล - แบบประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการทํางานร่วมกบั ผู้อืน่ ของนักศึกษารายบุคคล - ใบงาน 11.2 เครือ่ งมอื วดั และประเมินผล. - ประเมนิ ผลการสังเกตพฤตกิ รรมการทํางานรว่ มกับผูอ้ ่ืน ของนกั ศึกษารายบคุ คล - ผลจากการตรวจใบงาน 11.3 เกณฑ์การวัดและการประเมนิ ผล - แบบประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานร่วมกับผู้อ่ืนของนักศึกษารายบคุ คล ระดับดี พอใช้ และควรปรับปรุง - ใบงานคะแนนเตม็ 10 คะแนน กจิ กรรมเสนอแนะ .................................................................................................................................................................. .................. ................................................................................................................. ................................................................... ลงชื่อ…………………………………………….ครผู ู้สอน (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตําบล ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ าร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ………………………………………………………ผอู้ นุมตั ิแผน (นางปัทมาภรณ์ ศรีเนตร) ผอู้ ํานวยการ กศน.อําเภอจตุรพักตรพมิ าน
บันทึกหลังการจดั การเรยี นรู้ กศน.ตาบลศรีโคตร ครง้ั ท่ี 13 วัน/เดือน/ปวี นั ท่ี วันท่ี 11 เดือน สงิ หาคม พ.ศ. 2565 ครูผู้สอน นายปรเรศ นามโคตร ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระการพัฒนาสังคม วชิ า อาชญากรรมบนโลกออนไลน์ รหัสวชิ า สค0200037 จํานวนนกั ศกึ ษาทงั้ หมด ............... คนเข้าเรยี น…………………คน ไมเ่ ขา้ เรียน……………………….คน 1. ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรกู้ ารประเมนิ โดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรียน - หลงั เรียน พบวา่ คะแนนการทดสอบหลงั เรยี น มากกว่ากอ่ นเรยี นจํานวน ........ คนคดิ เปน็ ร้อยละ............ คะแนนการทดสอบหลงั เรยี น น้อยกวา่ ก่อนเรียนจาํ นวน ......... คนคิดเปน็ ร้อยละ............ 2. เนอื้ หา/สาระ/รายวิชา ............................................................................................. ...................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... 3. กิจกรรมการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 4. ปญั หา/อุปสรรคการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... 5. แนวทางการแก้ปญั หา ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงชือ่ .........................................................(ผู้บันทึก) (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาํ บล วันที่.........../................/..................... ความเห็น/ข้อเสนอของผบู้ รหิ าร ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ลงช่อื .................................................. (นางปัทมาภรณ์ ศรเี นตร) ผู้อํานวยการ กศน.อําเภอจตรุ พกั ตรพิมาน
ใบความรู้ที่ 1 ปจั จบุ นั อาชญากรรมบนโลกออนไลน์ หรอื ‘อาชญากรรมทางไซเบอร์ (Cybercrime)’ โดยมิจฉาชพี เหลา นใ้ี ช้เทคโนโลยเี พ่ือหลอกเหยื่อใหห้ ลงกลแล้วได้เงินมาแบบง่ายๆ เป็นภัยร้ายใกล้ตัวเพยี งแคป่ ลายนิว้ เพยี งแค่เปิด คอมพวิ เตอรห์ รือใชง้ านอนิ เทอรเ์ นต็ คณุ กอ็ าจจะตกเปน็ เหยอื่ จากอาชญากรรมทางไซเบอรไ์ ดโ้ ดยไม่รตู้ วั โดย อาชญากรรมทางไซเบอร์ ที่คนไทยมักจะตกเป็นเหยื่อบ่อยมากท่สี ดุ มีดังต่อไปน้ี การหลอกลวงผา่ นอเี มล (Email scam) SMS หรอื Email ปลอมทีท่ กุ คนรู้จักกัน มักจะอ้างวา่ ยนิ ดดี ้วยคณุ ถูกรางวลั ….. หรอื คุณไดร้ ับเงินจาก…. และเชญิ ชวนทาํ งาน เพยี งกดท่ีลงิ ก์นี้ สิง่ ท่ีมิจฉาชพี ต้องการคอื ใหเ้ หยื่อเขา้ ไปกรอกข้อมลู ในหนา้ เว็บไซต์ปลอมที่ถกู สร้างเอาไว้ การหลอกลวงขายสินค้า (Sales scam) ประเด็น ‘การโดนโกงจากการซื้อขายสินค้าออนไลน์’ พบเห็นได้บอ่ ยในลักษณะการหลอกขายสนิ คา้ ให้โอนเงินแต่ ไมส่ ่งสินค้า สินค้าไม่ตรงปกสั่งอกี อยา่ งส่งอีกอย่างมา และสินคา้ ไม่ไดม้ าตรฐานหรือไดส้ ินค้าของปลอม ท่ีอา้ งวา่ ลด ราคาขายถกู กวา่ ท้องตลาดทั่วไป การหลอกรักออนไลน์ (Romance Scam) มาหลอกใหร้ กั มาหลอกใหห้ ลง และจากไป มิจฉาชพี เหล่านมี้ ักจะสร้างโปรไฟล์ที่ดูดี หล่อ สวย มฐี านะ ดู นา่ เชอ่ื ถือ เขา้ มาพดู คุย ตสี นิทสนมสานสมั พนั ธ์ เมื่อเหย่ือหลงรกั หลงเชอื่ ใจจนขาดสติ จะใหโ้ อนเงนิ หรือทรัพยส์ นิ อนื่ ๆ ให้มิจฉาชีพ และบางรายถูกหลอกใช้ขนส่งยาเสพตดิ หรือส่งิ ผดิ กฎหมายก็มใี ห้เหน็ ด้วยเช่นกัน การหลอกรักลวงลงทุน (Hybrid Scam) มิจฉาชีพพวกนี้จะคล้ายกบั การ Romance Scam แต่จะใช้ความโลภของเหยื่อมาหลอกลวง ยง่ิ โลภมากยิ่งเสยี เงิน มาก โดยสรา้ งโปรไฟล์ปลอมเป็นนกั ลงทุน มีทรัพยส์ ินจํานวนมาก จากนั้นส่งข้อความถงึ เหย่ือเพ่ือสร้าง ความสมั พนั ธ์ในเชิงธรุ กจิ หลอกใหเ้ กดิ ความโลภอา้ งว่ามีชอ่ งทางการลงทนุ ทไี่ ดร้ ับผลตอบแทนสูง ถา้ เหยื่อไมไ่ ด้ เอะใจเกดิ โลภข้ึนมาอยากรวยทางลัดโดยไม่ศึกษาให้ดี จะถูกหลอกใหล้ งทนุ เร่อื ยๆ เพ่มิ เงินเขา้ ไปทีละนดิ โดยใช้ แอปพลเิ คชนั หรอื เว็บไซตล์ งทุนปลอมทม่ี ิจฉาชีพสร้างข้นึ มา และบทสรปุ ของเร่ืองนีก้ ็จะเจบ็ หนกั ถกู เชิดเงินหนี หายไป การหลอกลวงดว้ ยการโทรศัพทโ์ ดยแกง๊ คอลเซน็ เตอร์ (Vishing Phishing) รปู แบบนพ้ี บเหน็ ได้บอ่ ย และยงั คงมีคนหลงเชอ่ื เปน็ ประจํา โดยแกง๊ คอลเซน็ เตอร์พวกน้ีจะพยายามสรา้ ง สถานการณ์ เล่นกับความกลวั ให้เหยื่อตกใจ มกั จะอ้างวา่ เป็นเจ้าหนา้ ที่รฐั หรอื หนว่ ยงานต่างๆ อ้างว่าเหย่ือมีสว่ น รว่ มกบั สงิ่ ผดิ กฎหมาย บญั ชธี นาคารถูกใชฝ้ อกเงนิ หรอื ตรวจพบสงิ่ ของผิดกฎหมายจากบรกิ ารขนสง่ พอเหย่ือกลัว และตกใจจนขาดสติกจ็ ะใหบ้ อกข้อมลู สว่ นตัวหรือให้โอนเงินเพอื่ ความสจุ ริต การหลอกให้ลงทนุ แชร์ลูกโซ่ (Ponzi scheme) ขบวนการแชรล์ ูกโซม่ ีการพฒั นาใหท้ นั สมัยและทาํ ใหด้ ูนา่ เช่ือถือมากข้ึน มาท้ังในรปู แบบของแอปพลิเคชัน หรือ เว็บไซต์ มกั จะหลอกชักชวนให้รว่ มลงทุน มกั อ้างวา่ ถา้ คุณลงทนุ กบั เราจะมผี ลกาํ ไรตอบแทนที่สูงในระยะเวลาสน้ั ๆ โดยชว่ งแรกจะได้รับเงนิ จากการลงทุนจริง แต่เม่ือมเี หยื่อหลงกลรว่ มลงทนุ ขยายเครือขา่ ยมากขึน้ สุดท้ายก็ไมไ่ ดร้ ับ ผลตอบแทนตามที่อ้างไว้ และหนหี ายไปพร้อมกบั เงินท่ีลงทุน
แบบฝกหดั ท่ี 1 คาํ ชีแ้ จง ใหผูเรยี นยกตวั อย่างการตกเปน็ เหย่ือจากอาชญากรรมทางไซเบอร์ท่พี บบ่อย ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... .............................................................................................................................................................................. ... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ........................................................................................................................................................ ......................... ......................................................................................................... ........................................................................ ............................................................................................................................. .................................................... .................................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... .................................................................................................................................................................... ............. ..................................................................................................................... ............................................................ ............................................................................................................................. .................................................... .............................................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... .................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................ . ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... .......................................................................................................................................................... ....................... ........................................................................................................... ......................................................................
แผนการจัดการเรยี นรู้รายวิชาการเรยี นรสู้ ้ภู ัยธรรมชาติ 3 ครง้ั ที่ 14 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย กศน.ตําบลศรโี คตร 1. สปั ดาห์ท่ี 15 วันที่ 16 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00 น. 2. วชิ า การเรียนรูส้ ภู้ ยั ธรรมชาติ 3 รหัสวชิ า สค 32032 จาํ นวน 3 หนว่ ยกิต 3. มาตรฐานท่ี มาตรฐานที่ 5.1 มีความรคู้ วามเขา้ ใจและตระหนักเกีย่ วกับภมู ิศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื งการปกครองในโลก และนาํ มาปรบั ใช้ในการดาํ เนินชวี ติ เพ่ือความมน่ั คงของ ชาติ 4. หน่วยการเรยี นรู้/เรอ่ื ง ภยั แล้ง 5. สาระสาํ คัญ ภยั ธรรมชาติ เปน็ ภัยทส่ี ร้างความสูญเสียและเสียหายใหม้ วลมนุษยชาติอยา่ งประมาณค่า มิได้ ภยั ธรรมชาตทิ ่ี เกิดขึ้นบนโลกนม้ี หี ลายประเภท ไม่วา่ จะเป็นภยั แล้ง อุทกภยั วาตภยั อัคคีภัย แผน่ ดนิ ไหว แผ่นดนิ ถล่ม ดนิ โคลน ถลม่ รวมถึงภยั จากการสึนามิ ทเ่ี กิดในท้องทะเล และสง่ ผล ความเสยี หายมายังผพู้ ักอาศัยใกลท้ ะเล ภยั แตล่ ะ ประเภทมคี วามรุนแรง สรา้ งความเสียหายและส่ง ผลกระทบต่อโลกมากมายแตกตา่ งกันออกไป ซง่ึ ภัยธรรมชาติ ส่วนใหญ่ มนุษย์ไมส่ ามารถคาดคะเน ไดว้ า่ เกิดแล้วจะมคี วามรุนแรงและสร้างความเสียหายให้มากน้อยเพยี งใด 6. เน้อื หา 1. ความหมายของภยั แล้ง 2. ลกั ษณะการเกิดภัยแล้ง 7. จดุ ประสงคก์ ารเรียนร้/ู ผลการเรียนร้ทู ค่ี าดหวงั (ดจู ากผังการออกข้อสอบ) อธิบายความหมายของภยั แลง้ วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม ไฟปาุ หมอกควัน แผ่นดนิ ไหว และสึนาม ๘. การบูรณาการกบั หลักแนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพียง (2 เงือ่ นไข 3 หลกั การ การเช่ือมโยงสู่ 4 มติ ิ) ความรู้ - นักศกึ ษามคี วามรเู้ รื่อง ภยั แลง้ - นกั ศึกษามีความรู้เรื่อง ปัจจัยการเกดิ ภยั แล้ง ตามหลกั ของปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอพยี ง คุณธรรม - มีความชอ่ื สัตย์สจุ ริตในการทาํ งาน - มีความสามัคคีในหมู่คณะ - มคี วามขยัน อดทน พอประมาณ - ร้จู กั การเลอื กใช้สอ่ื เทคโนโลยีให้เขา้ กบั ศักยภาพของตนเอง - ใชท้ รพั ยากรกรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชนส์ ูงสดุ มีเหตุผล - ไดค้ วามรู้เกยี่ วกบั หลักเศรษฐกิจพอเพยี ง มภี มู คิ มุ้ กนั - สามารถเรยี นรู้และสามารถเตรยี มพร้อมรบั สถานการณ์การเปลย่ี นแปลงทาง สภาวะโลกได้
วตั ถุ - ตระหนกั ถงึ ภยั และผลกระทบทีเ่ กดิ จากภัยแล้ง - ร้สู าเหตุและปัจจยั การเกิดภัยแล้ง สังคม - มีทกั ษะการอยรู่ ่วมกันในกลุ่ม และทาํ งานรว่ มกับผู้อืน่ ได้อย่างมีความสขุ - ช่วยเหลือเก้อื กลู กนั - รู้รักสามคั คี ส่งิ แวดล้อม - เรยี นรู้สาเหตุและปจั จัยการเกดิ ภัยแลง้ มาวิเคราะหแ์ ละวางแผนวิธีการรับมือกบั ภัยแล้ง เพ่อื เกดิ ประโยชนส์ ูงสุด วฒั นธรรม - ต่อยอดความรู้วิธีการรบั มือกบั ภัยแลง้ สูช่ นรนุ่ หลัง 9. กระบวนการจัดการเรียนรู้และกจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ ที่ 1 กําหนดสภาพปัญหาการเรียนรู้ (O : Orientation) ครผู ู้สอนและนักศึกษาสนทนาแลกเปลยี่ นถึงปัญหาของภยั แล้ง ผลกระทบด้านต่างๆท่ีมใี น ปัจจุบนั ว่าเป็นอยา่ งไร ขั้นท่ี 2 แสวงหาข้อมูลและจดั การเรียนรู้ (N : New ways of learning) 1. ให้นักศึกษาศกึ ษาเรอ่ื ง ภัยแลง้ จากหนังสอื เรียน สาระการพัฒนาสังคมและชมุ ชน รายวชิ า การเรยี นรู้สภู้ ยั ธรรมชาติ 3 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย รหสั สค32032 2. ครใู ชส้ ่อื You Tube เร่อื ง ภยั แล้ง เพ่อื อธิบายความรู้เพมิ่ เตมิ ให้ นักศึกษา ขน้ั ท่ี 3 การปฏบิ ตั แิ ละการนําไปใช้ (I : Implementation) 1. ผเู้ รียนสามารถนําความรู้ และประสบการณห์ ลงั จากการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง 2. ผู้เรยี นสามารถแกไ้ ขปัญหา อปุ สรรคในการทาํ งานไดแ้ ต่ละครั้งพร้อมสรุปจดั ทาํ รายงาน รวบรวมเปน็ แฟมู สะสมงาน ขน้ั ที่ 4 การประเมินผลการเรยี นรู้ (E : Evaluation)
1. ครแู ละผู้เรียนนาํ แฟูมสะสมผลงาน และผลงานท่ีไดจ้ ากการปฏิบัติ สรปุ เปน็ องค์ความรเู้ พื่อใช้ เป็นแนวทาง กระบวนการปฏิบัตงิ าน 2. ครวู ัดผลประเมินผลผ้เู รยี นจากเกณฑว์ ดั ผลประเมนิ ผล 3. ครสู ามารถประเมนิ ผลการเรยี นรู้ของผเู้ รยี น และผูเ้ รียนสามารถประเมินความรู้ภายในกลุ่ม หรอื ของตนเองได้ 10. สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ 1. ใบความรู้ 2. หนงั สอื เรียน 3. ใบงาน 11. การวัดและประเมินผล 11.1 วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล - แบบประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานร่วมกับผูอ้ นื่ ของนักศึกษารายบุคคล - ใบงาน 11.2 เครอ่ื งมอื วดั และประเมินผล. - ประเมินผลการสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรว่ มกบั ผ้อู ื่น ของนักศกึ ษารายบุคคล - ผลจากการตรวจใบงาน 11.3 เกณฑ์การวัดและการประเมินผล - แบบประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทํางานรว่ มกบั ผ้อู ืน่ ของนกั ศึกษารายบุคคล ระดับดี พอใช้ และควรปรบั ปรุง - ใบงานคะแนนเตม็ 10 คะแนน กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................ .... ............................................................................................................................. ....................................................... ......... ลงชอื่ …………………………………………….ครผู ูส้ อน (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาํ บล ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหาร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...... ลงช่อื ………………………………………………………ผอู้ นมุ ตั แิ ผน (นางปัทมาภรณ์ ศรเี นตร) ผูอ้ าํ นวยการ กศน.อําเภอจตุรพกั ตรพิมาน
บนั ทึกหลังการจัดการเรียนรู้ กศน.ตาบลศรีโคตร ครั้งท่ี 14 วนั /เดือน/ปวี ันที่ 16 เดอื น สงิ หาคม พ.ศ. 2565 ครผู สู้ อนนายปรเรศ นามโคตร ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระการพฒั นาสงั คมและชมุ ชน รายวิชาการเรียนรสู้ ู้ภัยธรรมชาติ 3 รหสั สค32032 จาํ นวนนกั ศึกษาทง้ั หมด ............... คนเข้าเรยี น…………………คน ไม่เขา้ เรียน……………………….คน 1. ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้การประเมนิ โดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลังเรียน พบวา่ คะแนนการทดสอบหลังเรยี น มากกว่ากอ่ นเรยี นจํานวน ........ คนคดิ เป็นรอ้ ยละ............ คะแนนการทดสอบหลงั เรยี น นอ้ ยกว่าก่อนเรยี นจาํ นวน ......... คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ............ 2. เนอ้ื หา/สาระ/รายวชิ า ............................................................................................................................. ...................................... .................................................................................................................................................... ............... 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน .......................................................................................... ......................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... 4. ปญั หา/อุปสรรคการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 5. แนวทางการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงช่อื .........................................................(ผูบ้ นั ทึก) (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาํ บล ความเห็น/ข้อเสนอของผบู้ รหิ าร ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงชือ่ .................................................. (นางปทั มาภรณ์ ศรเี นตร) ผอู้ าํ นวยการ กศน.อําเภอจตุรพกั ตรพิมาน ใบความรู้ที่ 1
ความหมายของภยั แล้ง 1.1 ความหมายของภัยแลง้ ภัยแลง้ คือ ความแหง้ แล้ง (Dryness) ลักษณะ ภูมอิ ากาศทม่ี ีฝนน้อยกวา่ ปกติ หรอื ฝนไม่ตกตอ้ งตามฤดูกาลเป็นระยะเวลานานกวา่ ปกติ และครอบคลุมพื้นท่ี บริเวณกวา้ ง ทาํ ให้ เกดิ การขาดแคลนนํ้าในพนื้ ที่ใดพนื้ ท่หี นึง่ เปน็ เวลานาน ๆ ความแห้งแลง้ เป็นภัยธรรมชาติ ประเภท หน่งึ ทีเ่ กิดข้นึ เปน็ ประจําทกุ ปใี นภมู ิภาคต่าง ๆ ของโลก ความหมายของฝนแล้ง ฝนทิง้ ช่วง ฝนแลง้ หมายถึง ความแห้งแลง้ ของลมฟูาอากาศอนั เกิดจากการที่ฝนนอ้ ยกว่าปกติ ไมเ่ พียงพอ ต่อความต้องการหรือฝนไม่ตกต้องตามฤดกู าล ทาํ ให้เกดิ การขาดแคลนน้ําใชแ้ ละพชื ตา่ ง ๆ ขาดนํา้ หลอ่ เลี้ยง ขาด ความชุม่ ชน้ื ทําใหพ้ ชื ผลไมส่ มบรู ณ์และไม่เจริญเติบโต ไม่ให้ผล ตามปกตเิ กิดความเสยี หายและเกดิ ความอดอยาก ขาดแคลนไปท่วั ความรนุ แรงของฝนแล้งขึน้ อยู่ กบั ความชื้นในอากาศ ความช้ืนในดนิ ระยะเวลาทเ่ี กดิ ความแห้ง แล้งและความกว้างใหญ่ของพ้ืนทท่ี ่ี มีความแหง้ แล้งฝนแลง้ ทีก่ อ่ ให้เกิดความเสยี หายอย่างมาก ได้แก่ ฝนแลง้ ท่เี กดิ ในชว่ งฤดูฝน โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ชว่ งฝนทงิ้ ช่วงทยี่ าวนานระหว่างเดือนมถิ ุนายนต่อเน่ืองเดอื นกรกฎาคม ทาํ ให้ พชื ไรต่ า่ ง ๆ ท่ที ําการเพาะปลูกไปแลว้ ขาดนา้ํ และได้รบั ความเสยี หายพ้นื ทท่ี ่ีได้รบั ผลกระทบจาก ฝนแล้ง ไดแ้ ก่ บรเิ วณภาคตะวันออกเฉยี งเหนือตอนกลางเพราะเป็นบริเวณท่ีอิทธิพลของลมมรสุม ตะวันออกเฉยี งใตเ้ ขา้ ไปไมถ่ ึง และปีใดไม่มีพายุเคลอ่ื นที่ผ่านในแนวดังกล่าวแล้ว จะก่อใหเ้ กดิ ฝนแล้งท่มี ีความรุนแรงมาก ฝนท้ิงชว่ ง หมายถงึ ช่วงทีม่ ีปริมาณฝนตกไม่ถึง 1 มิลลิเมตรตดิ ต่อกันเกิน 15 วนั ในช่วงฤดฝู น เดอื นที่มี โอกาสเกิดฝนท้ิงชว่ งสงู คือ เดือนมถิ ุนายน และเดือนกรกฎาคม เปน็ สาเหตุ สาํ คญั ในการเกิดไฟปาุ เพราะความ แห้งแล้งของลมฟาู อากาศ ทําใหฝ้ นมปี รมิ าณน้อยกว่าปกติและ ฝนไมต่ กต้องตามฤดกู าล ผลทีต่ ามมาคือ การขาด แคลนน้ํา ลกั ษณะการเกดิ ภัยแลง้ จากสภาพฝนแล้งและฝนทิ้งชว่ ง จะเปน็ สาเหตสุ ําคญั ใหเ้ กดิ ภัยแล้ง ความแหง้ แลง้ ของ สภาพภูมิอากาศ ภมู ิประเทศ จะทําใหเ้ กิดไฟไหมป้ ุาหรอื สภาพดินแห้งแตกระแหงได้ สาเหตแุ ละปัจจัยการเกิดภยั แล้ง ปจั จยั ทท่ี าํ ใหเ้ กิดภัยแล้งเกดิ ขน้ึ จากสาเหตหุ ลายประการ ทงั้ ท่เี กิดขน้ึ เองโดย ธรรมชาติและจากการกระทําของมนษุ ย์ 2.1.1 โดยธรรมชาติ 1) การเปล่ียนแปลงอุณหภูมิโลกคือ บรรยากาศของโลก เป็นสงิ่ ที่ เคล่ือนไหวอยู่ตลอดเวลา (Dynamic) ภูมอิ ากาศของโลกจงึ มีการเปลีย่ นแปลงเป็นช่วงเวลาสน้ั บา้ ง ยาวบ้าง ขน้ึ อยู่กับปัจจยั สาเหตนุ านาประการ
ตวั อย่างเช่น การระเบิดของภูเขาไฟทาํ ใหเ้ กิด การเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศเพียงช่วงเดอื นหรอื ปี การพุ่งชน ของอกุ าบาตทําให้เกดิ การ เปลีย่ นแปลงหลายสิบปี การเพ่ิมข้ึนของมลภาวะทางอากาศกอ่ ใหเ้ กิดการเปลย่ี นแปลง นับศตวรรษ การเปล่ยี นแปลงของกระแสนํ้าในมหาสมุทรและขนาดของแผน่ นา้ํ แขง็ ตลอดจนการเปล่ยี นแปลง ของ วงโคจรโลก 2) การเปลี่ยนแปลงสภาพภมู ิอากาศหรอื การเปลย่ี นแปลงภูมอิ ากาศ คือ การเปลย่ี นแปลงการกระจาย ทางสถติ ขิ องรูปแบบสภาพอากาศ เม่ือสภาพอากาศเฉลยี่ หรือความ แปรผันของเวลาของสภาพอากาศเกย่ี วกับ ภาวะเฉลยี่ ทก่ี นิ เวลานานหลายสิบปถี งึ หลายล้านปี อาจมีการเปลี่ยนแปลงคอื มีเหตุการณส์ ภาพอากาศสุดขัว้ มาก ขน้ึ หรือนอ้ ยลง การเปลย่ี นแปลง ภูมิอากาศมสี าเหตุจากปจั จัยหลายอยา่ ง เช่น กระบวนการชีวนะ ความแปรผนั ของรงั สดี วงอาทติ ย์ที่โลกไดร้ ับ การแปรสณั ฐานแผน่ ธรณภี าค และการปะทุของภเู ขาไฟ กจิ กรรมบางอย่างของ มนษุ ย์ ยงั ถูกระบวุ ่าเปน็ สาเหตุสําคัญของการเปล่ียนแปลงภมู ิอากาศล่าสดุ มกั เรยี กวา่ “โลกร้อน” 3) การเปล่ยี นแปลงของระดับนํ้าทะเล คือ ระดับนํ้าทะเลท่เี พมิ่ ขน้ึ บง่ ช้ี การเปลี่ยนแปลงอากาศเมื่อ อุณหภูมมิ หาสมุทรสูงขึ้น ไดส้ ง่ ผลใหร้ ะดับนํา้ ทะเลที่สงู ขนึ้ หรือเรยี กว่า Sea Level Rise มาจาก 2 สาเหตุหลกั คอื การขยายตวั ของมวลนาํ้ ทะเลจากท่ีอุณหภมู สิ งู ขนึ้ (ประมาณรอ้ ยละ 30) และการเพ่ิมขน้ึ ของปรมิ าณนา้ํ ทะเล เนอื่ งจากการละลายของธารนํ้าแข็ง บนแผ่นดินและการละลายของนา้ํ แขง็ ขั้วโลก (ประมาณรอ้ ยละ 55) 4) ภยั ธรรมชาติ เช่น วาตภยั คือ ภยั จากลม หรอื พายทุ ่ีมีความรุนแรงจน ทาํ ให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงในวงกวา้ ง คาํ วา่ วาตภัย เกิดจากคําสองคาํ มาผสมกนั คือคําว่า วาต ท่แี ปลว่า ลม และคาํ ว่า ภัย ทีแ่ ปลวา่ อันตรายวาตภยั สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เชน่ เกดิ พายหุ มุนเขตร้อน เชน่ พายุไตฝ้ ุนและพายุโซนร้อน โดยเม่ือเกิดพายุ จะทําให้เกดิ ลมแรง สามารถพัดใหบ้ า้ นเรือนเสียหาย ต้นไม้และเสาไฟฟูาหักโคน่ ปาู ยโฆษณาพงั ถล่ม ซ่ึงเกิด อนั ตราย ตอ่ ชวี ติ และทรพั ย์สิน แตถ่ ้าพายุดังกล่าวเกิดในทะเล จะทําให้เกดิ ฝนฟูาคะนอง คลืน่ สงู พัดถล่ม ชายฝง่ั ซึ่งสามารถทําใหส้ ง่ิ ปลูกสร้างทอ่ี ย่ชู ายฝัง่ เรือประมงหรือเรือประเภทอนื่ ๆ เสียหาย ในบางคร้งั พบวา่ เรอื ขนาด ใหญ่พลกิ ควาํ่ ได้ แผน่ ดนิ ไหว คอื เป็นปรากฏการณส์ น่ั สะเทือนหรือเขย่าของพน้ื ผิวโลก เพื่อปรบั ตวั ให้ อย่ใู น สภาวะสมดุล ซึง่ แผ่นดนิ ไหวสามารถก่อใหเ้ กิดความเสยี หายและภัยพิบัติต่อบา้ นเรือน ท่อี ย่อู าศัย สง่ิ มชี ีวิต ส่วน สาเหตุของการเกิดแผ่นดนิ ไหวน้นั สว่ นใหญเ่ กิดจากธรรมชาติ โดยแผ่นดนิ ไหวบางลักษณะ สามารถเกดิ จากการ กระทาํ ของมนุษย์ได้ แต่มคี วามรุนแรงนอ้ ยกวา่ ท่ี เกดิ ขน้ึ เองจากธรรมชาติ แผน่ ดินไหวเป็นปรากฏการณธ์ รรมชาติ ทีเ่ กดิ จากการเคล่ือนท่ีของแผ่น เปลอื กโลก (แนวระหวา่ งรอยต่อธรณภี าค) ทําใหเ้ กดิ การเคลอื่ นตวั ของช้ันหิน ขนาดใหญเ่ ลื่อน เคล่ือนท่ี หรือแตกหักและเกิดการโอนถ่ายพลังงานศักยผ์ ่านในชนั้ หินที่อยตู่ ดิ กัน พลงั งานศักย์นี้ อย่ใู นรปู คลื่นไหวสะเทือน
ใบงานท่ี 1 ใบงานเรื่อง ภัยแลง้ กจิ กรรมที่ 1.1 อธบิ ายความหมายภัยแลง้ ฝนแล้ง และฝนท้ิงช่วง 1) ภยั แล้ง หมายถงึ …………………………...............................................................…........................................................... ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................................. .............. 2) ฝนแลง้ หมายถึง ................................................................................................. .…………….........…………………………… ............................................................................................................................. .............................. ........................................................................................................................................................... 3) ฝนทง้ิ ชว่ ง หมายถงึ ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. .............................................................................................. ............................................................. กิจกรรมท่ี 1.2 บอกความแตกต่างระหว่างฝนแล้งและฝนท้ิงชว่ งมาพอสังเขป ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................................ ............... ................................................................................................................... ........................................ กิจกรรมที่ 1.3 บอกสาํ เหตุของการเกดิ ภัยแลง้ พอสงั เขป ............................................................................................................................. .............................. .................................................................................................................................... ....................... ........................................................................................................... ................................................ ............................................................................................................................. ............................. ชื่อ........................................................................... กศน.ตาํ บล..................... ระดับ.............................
แผนการจัดการเรียนรรู้ ายวิชาช่องทางการขยายอาชีพ คร้ังท่ี 15 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย กศน.ตาบลศรีโคตร 1. สปั ดาหท์ ่ี 16 วนั ที่ 18 เดือน สงิ หาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00น. 2. วิชา ชอ่ งทางการขยายอาชีพ รหัสวชิ า อช31001 จํานวน 2 หน่วยกติ 3. มาตรฐานที่ ความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติท่ดี ีในงานอาชพี วเิ คราะหล์ ักษณะงาน ขอบขา่ ยงานอาชีพใน ชมุ ชน สงั คม ประเทศ และโลกท่ีเหมาะสมกับศักยภาพของตนเอง และสอดคล้องกบั ชมุ ชนเพื่อการขยายอาชพี 4. หน่วยการเรยี นรู้/เรื่อง อธิบายความจําเปน็ ในการมองเหน็ ช่องทางในการขยายอาชีพได้อยา่ งเหมาะสมกบั ตนเอง 5. สาระสําคัญ การมองเหน็ ช่องทางในการขยายอาชพี 6. เน้ือหา ความจําเป็นในการมองเห็นช่องทางการประกอบอาชีพ 7. จุดประสงค์การเรียนรู้/ผลการเรียนรูท้ ีค่ าดหวงั (ดจู ากผังการออกข้อสอบ) อธิบายความจําเปน็ ในการมองเห็นช่องทางในการขยายอาชีพได้อย่างเหมาะสมกับตนเองได้ 8. การบูรณาการกับหลักแนวคดิ ของเศรษฐกิจพอเพียง (2 เงอ่ื นไข 3 หลักการ การเชื่อมโยงสู่ 4 มติ )ิ ความรู้ - มีความรู้เร่อื งการมองเหน็ ช่องทางในการขยายอาชพี มีความสามารถในการเช่ือมโยงท่จี ะการนําความรู้ เรือ่ งการมองเหน็ ชอ่ งทางในการขยายอาชีพทีเ่ รียนไป ประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจาํ วนั คณุ ธรรม - มคี วามขยัน - มีความสามคั คใี นการทํางานร่วมกนั - มีความตั้งใจและม่งุ มัน่ พอประมาณ - รู้จกั ประเมนิ ความรู้ ความสามารถของตนเองและเพือ่ น - จัดสรรเวลาในการ ทาํ กจิ กรรม มีเหตุผล -สามารถใชค้ วามรูเ้ ร่ืองการมองเห็นชอ่ งทางในการขยายอาชีพในการทํากิจกรรมและแบบฝกึ หดั ได้ -นําความร้เู ร่อื งการมองเห็นช่องทางในการขยายอาชพี ไปประยุกต์ใชใ้ นการดาํ เนินชีวิตประจําวัน มีภูมิค้มุ กัน - มีการวางแผนในการปฏิบัติ กิจกรรม - สามารถนําความรู้ไปปรับให้เขา้ กับ การใชช้ ีวิตประจําวันได้อย่างเหมาะสม วตั ถุ - ได้รับความรู้เก่ียวกับ เร่อื งการมองเห็นชอ่ งทางในการขยายอาชีพ - ทักษะการคิด สงั คม
- ทักษะการรว่ มกันตอบ คาํ ถามและแสดงความ คิดเหน็ - ผู้เรียนไดช้ ่วยเหลือ ซึ่งกนั และกนั ส่ิงแวดลอ้ ม - ร้จู กั การใช้สอ่ื และ แหลง่ เรยี นรู้อย่าง คมุ้ คา่ และคมุ้ เวลา วฒั นธรรม - ดํารงตนอยใู่ น สังคมอยา่ งมีความสุข - ส่งเสริมให้คนในชมุ ชนนยิ มการใชส้ ินคา้ ที่มีอย่ใู นชมุ ชนน้ันๆ 9. กระบวนการจดั การเรียนรู้และกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 1 กําหนดสภาพปัญหาการเรยี นรู้ (O : Orientation) ครูและผู้เรียนร่วมกนั กําหนดสภาพปญั หา ความต้องการในการเรยี นรเู้ ร่อื งการมองเห็นช่องทาง ในการขยายอาชพี ขัน้ ท่ี 2 แสวงหาข้อมลู และจัดการเรยี นรู้ (N : New ways of learning) ใหผ้ เู้ รียนศกึ ษา เรื่องการมองเหน็ ชอ่ งทางในการขยายอาชพี จากใบความรู้ ครใู ช้สอ่ื You Tube เรื่อง ชอ่ งทางในการขยายอาชีพ เพ่ืออธบิ ายความรเู้ พิ่มเติมให้ผเู้ รยี น ข้นั ที่ 3 การปฏบิ ัติและการนําไปใช้ (I : Implementation) 1. ครูให้ผู้เรียนระดมความคิด ถอดบทเรยี นให้สอดคล้องกบั หลักเศรษฐกิจพอเพียง 2. ครูและผูเ้ รียนร่วมกันแลกเปลี่ยนเรยี นร้แู ละสรุปความรู้เบอ้ื งตน้ ที่ได้จากแบบสอบถาม เพอื่ นาํ มา วิเคราะหส์ รุปผล และจดั ทาํ รายนําเสนอ ขั้นที่ 4 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) 1. ให้ผ้เู รยี นออกมาหน้าชั้นเรียน เพอ่ื นําเสนอการถอดบทเรยี นใหส้ อดคล้องกบั หลกั เศรษฐกิจ พอเพยี ง จากน้นั ครใู หค้ ะแนน 2. แบบทดสอบหลงั เรยี น 10. ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้ - หนังสอื แบบเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน - ส่ืออนิ เตอร์เน็ต 11. การวัดและประเมนิ ผล 11.1 วิธีการวดั และประเมนิ ผล
- แบบประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานร่วมกับผ้อู ่นื ของนักศึกษารายบุคคล - ใบงาน 11.2 เคร่ืองมอื วดั และประเมินผล. - ประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทํางานรว่ มกบั ผู้อนื่ ของนักศกึ ษารายบุคคล - ผลจากการตรวจใบงาน 11.3 เกณฑก์ ารวดั และการประเมนิ ผล - แบบประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานรว่ มกับผู้อ่นื ของนกั ศึกษารายบคุ คล ระดับดี พอใช้ และควรปรับปรุง - ใบงานคะแนนเตม็ 10 คะแนน กจิ กรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ......... ลงชือ่ …………………………………………….ครผู ู้สอน (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตําบล ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหาร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …............................................................................................. ................................................................................. ... .......... ลงชื่อ………………………………………………………ผู้อนุมัตแิ ผน (นางปัทมาภรณ์ ศรเี นตร) ผูอ้ าํ นวยการ กศน.อําเภอจตรุ พักตรพิมาน
บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ กศน.ตาบลศรีโคตร ครง้ั ท่ี 15 วัน/เดอื น/ปวี ันที่ วันที่ 18 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2565 ครผู ู้สอน นายปรเรศ นามโคตร ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระทกั ษะการพฒั นาอาชีพ วชิ า ช่องทางการขยายอาชีพ รหสั วชิ า อช31001 จํานวนนักศึกษาท้ังหมด ............... คนเข้าเรียน…………………คน ไมเ่ ข้าเรียน……………………….คน 1. ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรูก้ ารประเมินโดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน พบว่า คะแนนการทดสอบหลงั เรยี น มากกวา่ กอ่ นเรียนจํานวน ........ คนคดิ เป็นร้อยละ............ คะแนนการทดสอบหลังเรยี น นอ้ ยกว่าก่อนเรียนจํานวน ......... คนคดิ เป็นรอ้ ยละ............ 2. เนื้อหา/สาระ/รายวิชา ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................................ ....................... 3. กิจกรรมการเรียนการสอน .................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ...................................... 4. ปัญหา/อุปสรรคการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 5. แนวทางการแก้ปญั หา ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงชอื่ .........................................................(ผบู้ นั ทกึ ) (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตําบล ความเหน็ /ข้อเสนอของผู้บรหิ าร ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงชือ่ .................................................. (นางปัทมาภรณ์ ศรเี นตร) ผู้อํานวยการ กศน.อาํ เภอจตุรพกั ตรพมิ าน
ใบความรู้ที่ 1 เรื่อง ช่องทางการประกอบอาชีพ การมองเห็นช่องทางการประกอบอาชพี โอกาสและความสามารถทีจ่ ะนาํ มาประกอบอาชพี ไดกอนผูอื่น เปนหัวใจสาํ คญั ของการประกอบอาชีพ หากผูประกอบอาชีพตามท่ีตลาดตองการและเปนอาชพี ท่ีเหมาะสมกับ สถานการณในขณะนนั้ ยอมทําใหมี โอกาสประสบความสําเรจ็ สามารถพฒั นาตนเองใหมองเหน็ โอกาสในการ ประกอบอาชีพได คอื 1. ความชํานาญจากงานท่ีทําในปจจบุ นั จะเปนแหลงความรู ความคดิ ทจ่ี ะชวยใหมองเห็นโอกาส ในการประกอบ อาชีพไดมาก เชน บางคนมีความชาํ นาญทางดานการทาํ อาหาร ตัดเย็บเสอื้ ผา ซอมเครื่องใชไฟฟา ตอทอํนา้ ประปา ชางไม ชางปูกระเบอ้ื ง ชางทาสี ฯลฯ ซง่ึ สามารถนําความชํานาญดังกลาวมาพฒั นาและ ประกอบอาชีพได บางคนทํางานท่โี รงงานตัดเย็บเสื้อผา เม่ือกลบั มาภมู ิลําเนาเดิมของตนเอง ก็นาํ ความรู ความสามารถและความ ชํานาญมาใชเปนชองทางการประกอบอาชีพของตนเองได 2. ความชอบความสนใจสวนตัว เปนอีกทางหนึ่งท่ีชวยใหมองเห็นชองทางโอกาสในการประกอบอาชีพ บางคน ชอบประดษิ ฐดอกไม บางคนชอบวาดรูป ทําใหบุคคลเหลาน้ีพฒั นางานท่ชี อบ ซง่ึ เปนงานอดิเรก กลาย เปนอา ชีพหลกั ทาํ รายไดเปนอยางดี 3. การฟงความคิดเหน็ จากแหลงตาง ๆ พดู คุยแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ กับบคุ คล เปนแหลงความรู และ กอใหเกดิ ความคดิ รเิ ร่ิมเปนอยางดี ในบางครั้งเรามีความคดิ แลว และไดพดู คุยกับบุคคลตาง ๆ จะชวยให การ วเิ คราะห ความคดิ ชัดเจนขึ้น ชวยใหมองไปขางหนาไดอยางรอบคอบกอนทีจ่ ะลงมือทํางานจริง 4. การศึกษาคนควาจากหนังสอื นิตยสาร หนังสือพิมพ การดวู ดี ีทัศน ฟงวิทยุ ดูรายการโทรทัศน จะ ชวยให เกิดความรูและความคดิ ใหม ๆ 5. ขอมูล สถิติ รายงาน ขาวสารจากหนวยราชการและเอกชน รวมทัง้ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ ของ ประเทศในการ มองหาชองทางในการประกอบอาชพี ผูที่จะมองหาอาชพี พัฒนาอาชีพ ควรใหความสนใจขอมูล ตาง ๆ ในการ ตดิ ตามเหตุการณใหทัน แลวนํามาพิจารณา ประกอบการตดั สนิ ใจประกอบอาชพี ความเป็นไปไดข้ องการขยายอาชพี การประเมินความเป็นไปได้ในการนํากรอบแนวคดิ ไปใชใ้ นการขยายอาชพี ได้ จริง
จากแผนภูมดิ งั กลาวแสดงใหเห็นกรอบแนวคิดในการประเมินความเปนไปได มีองคประกอบ รวมกัน 6 องค ประกอบ ในแตละองคประกอบมตี ัวแปรดังน้ี 1. รูปแบบการขยายอาชพี มีตวั แปรรวม ดงั น้ี 1.1 ผลผลติ 1.2 กระบวนการผลติ 1.3 ปจจัยนําเขาการผลิต 2. ความยากงายของการดาํ เนินการจัดการ มีตวั แปรรวม ดงั น้ี 2.1 การบริหารจดั การ แรงงาน เงนิ ทุน 2.2 แผนธรุ กจิ 3. การรับไดของลูกคา มตี ัวแปรรวมดังน้ี 3.1 ผลผลติ อยูในความนิยม 3.2 เปนสิ่งจาํ เปนตอชวี ติ 3.3 ราคา 4. การรับไดของสังคมชมุ ชน มีตัวแปรรวม ดังนี้ 4.1 สภาพแวดลอม 4.2 วฒั นธรรมประเพณี 5. ความเหมาะสมของเทคนิควทิ ยาการท่ีใชในการขยายอาชีพ 5.1 เทคนคิ วิทยาการเพอื่ การลดตนทนุ 5.2 เทคนคิ วิทยาการเพอื่ การลดของเสยี วธิ ีการวเิ คราะห การวิเคราะหเพอื่ การตัดสนิ ใจมีความจาํ เปนทเ่ี จาของธุรกจิ จะตองประเมนิ ตดั สนิ ใจดวย ตนเองสําหรับ กรณที ธ่ี รุ กิจมีหุนสวนหรอื ผูเกยี่ วของ ควรจะใชวธิ สี นทนาเจาะลึกและวิธคี วามสัมพันธรวมกนั โดยมี วิธกี าร วเิ คราะหความสมั พนั ธระหวางองคประกอบดวยตนเอง ดวยรายละเอียดและความเปนไปได ความเปน พวกเดียวกัน โดยทบทวนหลาย ๆ ครงั้ จนม่นั ใจแลวจึงตดั สินใจ การปฏิบัติการใชความรู โดยใชวงจรเด็มมงิ่ เปนกรอบการทํางาน - P - Plan ดวยการทาํ เอกสารคูมือดําเนนิ งาน (ซ่ึงไดมาจากกจิ กรรมยกระดบั ความรู มาศกึ ษา วเิ คราะหจัด ระบบปฏิบตั ิการท่ีประกอบดวยกจิ กรรมขั้นตอน และผูรบั ผิดชอบกําหนดระยะเวลาการทาํ งาน กาํ หนดปจจัยนําเข าดาํ เนินงานใหสามารถทํางานไดอยางมปี ระสิทธิภาพ - D - Do การปฏิบตั ิการทํางานตามระบบงานทจี่ ัดไวอยางเครงครดั ควบคุมการผลติ ใหเสียหาย นอยท่สี ุด ได ผลผลติ ออกมามีคุณภาพเปนไปตามขอกําหนด - C - Check การตรวจสอบหาขอบกพรองในการทํางานโดยผูปฏบิ ตั กิ ารหาเหตผุ ลของการเกิด ขอบกพรองและจด บันทกึ - A - Action การนําขอบกพรองทต่ี รวจพบของคณะผูปฏิบตั กิ ารมารวมกันเรยี นรูหาแนวทางแกไข ขอบกพรอง จนสรุปไดผลแลวนาํ ขอมูลไปปรบั ปรุงเอกสารคูมือดาํ เนินงานเปนระยะ ๆ กจ็ ะทําใหองคความรู สงู ขน้ึ โดยลาํ ดบั แลวสงผลตอประสทิ ธภิ าพของธุรกิจ ประสบผลสําเร็จนาํ ไปสูความเขมแขง็ ย่งั ยืน 2. ทนุ ทางปญญา ผลจากการนาํ องคความรูไปใช มกี ารตรวจสอบหาขอบกพรอง และปฏิบัตกิ าร แกไขขอบกพร องเปนระยะ ๆ อยางตอเนื่องทผ่ี ลทาํ ใหองคความรูสงู ขึน้ เปนลาํ ดบั จนกลายเปนทุนทางปญญา ของตนเอง หรอื ของชมุ ชนที่จะเกดิ ผลตอธุรกิจ ดงั น้ี - องคความรูสามารถใชสรางผลผลิตทีค่ นอน่ื ไมสามารถเทียบเคียงได และไมสามารถทําตามได จงึ ไดเปรียบ ทางการ
แขงขัน - การเปลยี่ นแปลงยกระดับคุณภาพผลผลิตอยางตอเนื่อง ทาํ ใหลกู คาเช่ือมัน่ ภกั ดตี อการทําธรุ กจิ รวมกนั - เป นการสรางทนุ ทางมนษุ ยผูรวมงานไดเรยี นรูบริหารระบบธุรกิจดวยตนเอง สามารถเกิด ภูมปิ ญญาในตัวบคุ คล ทาํ ใหชุมชนพรอมขยายขอบขายอาชพี ออกสูความเปนสากล 3. ธุรกิจสูความเขมแข็งย่ังยืน การจัดการความรูทําใหองคความรูสูงขึ้นโดยลําดับ การขยายของอาชีพ จึงเปนการ ทํางานที่มีภูมิคมุ กัน โอกาสของความเสี่ยงในดานตาง ๆ ต่ําลง ดังน้ัน ความนาจะเปนในการขยาย อาชีพจึงประสบความสาํ เรจ็ คอนขางสูง เพราะมีการจัดการความรู ยกระดับความรูนํา ไปใชและปรบั ปรุงแกไข เปนระยะ ๆ อยางตอเนอ่ื ง จึงสงผลทําใหธุรกิจเขมแข็ง ย่ังยืนได เพราะรูจกั และเขาใจ ตนเองตลอดเวลา การจัดทาํ แผนปฏบิ ตั กิ าร (P) การจดั ทาํ แผนปฏิบตั กิ ารทางอาชีพ เปนการดาํ เนินการทม่ี ีองคประกอบรวม ดงั นี้ 1. เหตกุ ารณหรือขั้นตอนการทํางาน ซึง่ จะบอกวาเหตกุ ารณใดควรทาํ พรอมกนั หรือควรทําทีหลัง เปนการ ลําดบั ข้ันตอนในแตละกจิ กรรมใหเปนแผนการทาํ งาน 2. ระยะเวลาที่กาํ หนดวาในแตละเหตุการณจะใชเวลาไดไมเกินเทาไร เพ่ือออกแบบการใชปจจยั ดําเนินงานให สมั พนั ธกัน 3. ปจจยั นําเขาและแรงงาน เปนการระบุปจจัยนาํ เขาและแรงงานในแตละเหตุการณวาควรใชเทาไร การจดั ทํา แผนปฏิบัตกิ ารทางอาชีพ มักจะนิยมใชผงั การไหลของงานมาใชออกแบบการทํางานให มองเหน็ ความสมั พันธรวม ระหวางเหตกุ ารณ ระยะเวลา ปจจัยนาํ เขาและแรงงานจะชวยใหผูปฏบิ ัติงานและ ผูจดั การไดขบั เคลื่อนการทํางาน สูความสําเรจ็ ได ดังนั้น ในการออกแบบแผนปฏิบัติงาน จาํ เปนตองใช องคความรูทส่ี รปุ ไดในรปู ของเอกสาร ขัน้ ตอนการทาํ งานมาคิดวเิ คราะหและสรางสรรคใหเกดิ แผนปฏิบตั ิการ
แบบฝกหัดที่ 1 เรอื่ งชอ่ งทางการประกอบอาชพี คําช้แี จง : ใหผูเรยี นจัดทําแผนปฏบิ ัติการอาชีพของตนเองโดยใชวงจรเด็มม่งิ 1.การจัดแผนปฏบิ ัติการ (P) ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. 2. การทาํ งานตามแผนปฏิบัตกิ าร (D) ...................................................................................................... ........................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................... .................................................. 3. การตรวจสอบหาขอบกพรอง (C) .............................................................................................................................................................................. ... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... 4. การปฏิบัตกิ ารแกไขและพัฒนา (A) ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ....................................................
แผนการจดั การเรียนรูร้ ายวิชาทกั ษะการขยายอาชีพ ครั้งที่ 16 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กศน.ตาบลศรโี คตร 1. สปั ดาห์ท่ี 17 วันท่ี 25 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00 น. 2. วิชา ทกั ษะการขยายอาชีพ รหสั วชิ า อช31002 จาํ นวน 4 หนว่ ยกติ 3. มาตรฐานท่ี มาตรฐานท่ี 3.1 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคติทดี่ ใี นงานอาชีพ มองเห็นช่องทาง และ ตัดสนิ ใจประกอบอาชีพได้ตามความต้องการ และศักยภาพของตนเอง 4. หน่วยการเรยี นรู/้ เร่อื ง ฝกึ ทักษะเทคโนโลยเี พือ่ การขยายอาชพี 5. สาระสําคญั สร้างความมนั่ คงบนพื้นฐานความรใู้ นกระบวนการผลิต กระบวนการตลาด ที่ใชน้ วตั กรรม เทคโนโลยีท่เี หมาะสม มีความหลากหลายทางชีวภาพ พัฒนาต่อยอดและประยกุ ต์ใช้ภูมิปัญญา และ สามารถจดั ทําแผนงานและโครงการธุรกจิ เพ่ือขยายอาชีพเข้าส่ตู ลาดการแข่งขัน ตามแนวคดิ ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงเพอ่ื สู่ความม่นั คง 6. เน้ือหา 1. ความจาํ เปนในการฝกทักษะอาชีพ 2. ทกั ษะการใชนวตั กรรมและเทคโนโลยีเพ่ือการขยายอาชพี 7. จดุ ประสงค์การเรยี นรู/้ ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวงั (ดูจากผังการออกข้อสอบ) อธิบายทกั ษะท่ีเกี่ยวของในกระบวนการผลิตและการตลาดทใี่ ชนวตั กรรม เทคโนโลยีในการ ขยายอาชีพที่ตัดสนิ ใจเลือก ๘. การบูรณาการกับหลักแนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (2 เงือ่ นไข 3 หลกั การ การเช่ือมโยงสู่ 4 มิต)ิ ความรู้ - นกั ศกึ ษามคี วามรเู้ ร่ือง ความจาํ เปนในการฝกทกั ษะอาชีพ - นักศึกษามคี วามรเู้ รื่อง ทักษะการใชนวัตกรรมและเทคโนโลยเี พอ่ื การขยายอาชีพ ตาม หลกั ของปรัชญาของเศรษฐกิจพอพียง คุณธรรม - มคี วามช่ือสัตย์สุจรติ ในการทํางาน - มคี วามสามคั คีในหมู่คณะ - มคี วามขยัน อดทน พอประมาณ - รู้จักการเลือกใชส้ อื่ เทคโนโลยีให้เขา้ กับอาชพี - ใช้ทรพั ยากรกรอยา่ งคมุ้ ค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด มเี หตุผล - ได้ความรูเ้ ก่ียวกบั หลักเศรษฐกิจพอเพียง มีภมู คิ ุม้ กนั - สามารถสรา้ งรายไดแ้ ละสามารถเตรยี มพรอ้ มรับสถานการณก์ ารเปลี่ยนแปลงทาง เศรษฐกิจได้ วัตถุ - รูจ้ กั เลือกใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการ
- มที ักษะในการใช้อปุ กรณ์เทคโลโลยี และการดูแลรักษา สงั คม - มที กั ษะการอยู่ร่วมกันในกลุ่ม และทาํ งานร่วมกับผู้อ่ืนได้อยา่ งมีความสขุ - ชว่ ยเหลือเกอื้ กูลกนั - รู้รักสามัคคี สิ่งแวดล้อม - รจู้ ักการนําอาชีพมาวเิ คราะหแ์ ละวางแผนพัฒนาอาชพี ให้เกิดประโยชน์สูงสุด วัฒนธรรม - ต่อยอดภูมิปญั ญาท้องถนิ่ ในการทําอาชีพ สูช่ นรุน่ หลงั 9. กระบวนการจัดการเรียนรู้และกจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1 กาํ หนดสภาพปญั หาการเรียนรู้ (O : Orientation) ครผู ้สู อนและนักศึกษาสนทนาแลกเปลี่ยนถงึ ปัญหาของชมุ ชน ผลกระทบดา้ นต่างๆท่ีมี ในปัจจบุ นั ว่าเปน็ อย่างไร ขน้ั ที่ 2 แสวงหาขอ้ มลู และจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) 1. ให้นกั ศึกษาทาํ แบบทดสอบก่อนเรยี นดว้ ย Google form เพ่ือทดสอบความรู้ เบือ้ งตน้ 2. ให้นักศึกษาศกึ ษาเรือ่ งฝกึ ทักษะเทคโนโลยีเพอื่ การขยายอาชพี จากหนงั สอื เรียน สาระความรู้พ้นื ฐาน รายวิชาทักษะการขยายอาชีพ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รหัส อช31002 3. ครูใชส้ ่ือ You Tube เรื่อง ฝึกทักษะเทคโนโลยีเพือ่ การขยายอาชีพ เพอ่ื อธิบาย ความรู้เพิม่ เติมใหน้ ักศึกษา ขั้นที่ 3 การปฏบิ ัติและการนําไปใช้ (I : Implementation) 1. ผ้เู รียนสามารถนาํ ความรู้ และประสบการณ์หลงั จากการเรยี นรู้ด้วยตนเอง 2. ผูเ้ รียนสามารถแก้ไขปัญหา อปุ สรรคในการทาํ งานได้แต่ละคร้ังพรอ้ มสรปุ จัดทาํ รายงานรวบรวมเป็นแฟูมสะสมงาน ขน้ั ท่ี 4 การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ (E : Evaluation) 1. ครแู ละผเู้ รียนนาํ แฟมู สะสมผลงาน และผลงานที่ได้จากการปฏิบตั ิ สรปุ เป็นองค์ ความร้เู พื่อใช้เป็นแนวทาง กระบวนการปฏิบัติงาน 2. ครูวัดผลประเมนิ ผลผเู้ รียนจากเกณฑ์วัดผลประเมินผล 3. ครูสามารถประเมินผลการเรียนร้ขู องผู้เรียน และผู้เรยี นสามารถประเมนิ ความรู้ ภายในกลุ่มหรือของตนเองได้ 10. สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ 1. ใบความรู้ 2. หนงั สือเรียน
3. ใบงาน 11. การวัดและประเมนิ ผล 11.1 วธิ กี ารวัดและประเมินผล - แบบประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการทํางานร่วมกับผอู้ ื่นของนกั ศึกษารายบุคคล - ใบงาน - แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลงั เรยี น 11.2 เครื่องมือวัดและประเมินผล. - ประเมนิ ผลการสังเกตพฤตกิ รรมการทํางานรว่ มกับผู้อน่ื ของนกั ศึกษารายบุคคล - ผลจากการตรวจใบงาน - คะแนนแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน 11.3 เกณฑก์ ารวดั และการประเมินผล - แบบประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานรว่ มกบั ผ้อู ืน่ ของนักศึกษารายบคุ คล ระดับดี พอใช้ และควรปรบั ปรุง - ใบงานคะแนนเต็ม 10 คะแนน - แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลงั เรียน เกณฑ์ผ่านและไม่ผ่าน กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... .......... ลงช่อื …………………………………………….ครูผ้สู อน (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาํ บล ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ าร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...... ลงชอ่ื ………………………………………………………ผู้อนมุ ตั แิ ผน (นางปทั มาภรณ์ ศรเี นตร) ผูอ้ ํานวยการ กศน.อําเภอจตรุ พกั ตรพิมาน
บันทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้ กศน.ตาบลศรโี คตร คร้ังท่ี 16 วนั /เดอื น/ปีวนั ที่ 25 เดอื น สงิ หาคม พ.ศ. 2565 ครูผู้สอนนายปรเรศ นามโคตร ระดับ มธั ยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระความรู้พ้นื ฐาน รายวิชา ทักษะการขยายอาชีพ รหัสวิชา อช3100๒ จาํ นวนนักศึกษาท้ังหมด ............... คนเข้าเรียน…………………คน ไม่เขา้ เรยี น……………………….คน 1. ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้การประเมนิ โดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรียน พบว่า คะแนนการทดสอบหลงั เรยี น มากกว่าก่อนเรียนจานวน ........ คนคิดเปน็ ร้อยละ............ คะแนนการทดสอบหลังเรียน นอ้ ยกว่าก่อนเรียนจานวน ......... คนคิดเป็นรอ้ ยละ............ 2. เนอื้ หา/สาระ/รายวชิ า ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... 3. กิจกรรมการเรยี นการสอน ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... 4. ปัญหา/อปุ สรรคการเรียนการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 5. แนวทางการแกป้ ญั หา ..................................................................................................................... .............................................. ............................................................................................................................. ...................................... ลงช่อื .........................................................(ผูบ้ นั ทกึ ) (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาบล วันที่............/................/.............. ความเห็น/ข้อเสนอของผ้บู รหิ าร ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงชื่อ.................................................. (นางปัทมาภรณ์ ศรีเนตร) ผู้อานวยการ กศน.อาเภอจตุรพักตรพมิ าน
แบทดสอบ ก่อนเรยี นและหลังเรียน ให้นกั ศึกษาเลือกคาตอบขอ้ ที่ถูกท่ีสุด 1. ขั้นตอนแรกของการเขยี นโครงการ คือ ก. เหตุผล หลกั การ ข. เปาู ประสงค์ ค. ชือ่ โครงการ ง. วธิ ีดาํ เนินงาน 2. ข้อใดคือขน้ั ตอนของการควบคมุ การตรวจสอบการขยายอาชพี ส่คู วามม่ันคง ก. การควบคมุ การตรวจสอบ การประเมิน การรายงานผล ข. การรายงานผล การควบคุม การตรวจ สอบ การประเมิน ค. การควบคมุ การรายงานผล การตรวจ สอบ การประเมิน ง. การควบคมุ การประเมนิ การตรวจสอบ การรายงาน 3. องค์ประกอบของการพัฒนาอาชพี สคู่ วามม่นั คงไดแ้ ก่ด้านใดบา้ ง ก. ดา้ นตนเอง ด้านสงั คม ด้านวิชาการ ข. ดา้ นสินคา้ ด้านผู้ซื้อ ดา้ นผ้ขู าย ค. ดา้ นธรุ กิจ ด้านการประกอบอาชีพ ง. ด้านจิตใจ ดา้ นรา่ งกาย ดา้ นสติปัญญา 4. คณุ ธรรมในการประกอบอาชีพ คืออะไร ก. ความขยัน ข. ความประหยัด ค. ความซือ่ สตั ย์ ง. ถกู ทกุ ขอ้ 5. ข้อใดคือปัจจัยรว่ มที่สาํ คญั ทท่ี ําให้อัตราการเส่ียงของผลผลติ ลดลง ก. สร้างความเปน็ กันเองกับลูกค้า ข. ผลติ สินค้าจํานวนจาํ กัด ค. ผลติ เฉพาะสนิ ค้าทีข่ ายดเี ท่านั้น ง. การสรา้ งความหลากหลา 6. ขอ้ ใดคือองคป์ ระกอบทจี่ ะพัฒนาไปสู่ความมน่ั คงยนื ยง ก. ลดความเส่ยี งผลผลิต ข. มุ่งม่ันพฒั นาอาชีพ ค. ยดึ หลักคณุ ธรรม ง. ถูกทุกข้อ 7. ผูใ้ ดเปน็ ผกู้ ลา่ วว่า “ เคร่อื งมือที่เยี่ยมที่สุดประดิษฐม์ าจากห้องปฏบิ ัติการ ผลติ ภัณฑ์ที่เย่ยี มท่ีสดุ มาจากฝุาย การตลาด ” ก. Mike H.William
ข. Joe H.William ค. William H.Davidow ง. WillaimH.Window 8. ความตอ้ งการของผู้บรโิ ภค แบ่งออกได้ 2 ประเภทใหญๆ่ คอื อะไรบ้าง ก. ความต้องการความรัก และความต้องการความปลอดภยั ข. ความตอ้ งการความพอใจ และความต้องการความอบอุ่น ค. ความตอ้ งการด้านรา่ งกาย และความต้องการด้านอารมณ์ ง. ความต้องการ การยอมรบั และความต้องการความพอใจ 9. หากตอ้ งการเปิดร้านขายข้าวแกงสาขาที่ 2 จะตอ้ งดาํ เนินกจิ กรรมตามขั้นตอนใด ก. เปิดร้านอาหาร จัดเตรยี มวัสดุ อุปกรณ์ จดั บรกิ ารลูกค้า ข. เปดิ รา้ นอาหาร จัดเตรยี มอปุ กรณ์ ศึกษาเกย่ี วกับเมนอู าหารใหมๆ่ ค. จดั หาทําเลทต่ี ั้ง เปิดร้านอาหาร จัดบริการลกู ค้า ง. ศึกษาเกีย่ วกับเมนูอาหารใหมๆ่ จัดหาทาํ เลที่ตัง้ เปดิ รา้ นอาหาร 10. ปจั จยั ท่ีบ่งช้คี ุณภาพของการบรกิ าร ได้แก่ ก. น่าเช่ือถอื มีความรู้ มีความรบั ผิดชอบ ข. มีราคา มีคุณภาพ เชือ่ ถือได้ ค. มีเวลา มีประโยชน์ เชอื่ ถือได้ ง. มสี นิ ค้า มีผู้ซ้อื มผี ู้ขาย เฉลย 1. ค 2. ก 3. ก 4. ง 5. ง 6. ง 7. ค 8. ค 9. ค 10. ก
ใบความรู้ ที่ 1 QR Code เรื่องท่ี 1 ความจาเป็นในการฝกึ ทักษะอาชีพ
ใบความรู้ ที่ 2 QR Code เร่อื งที่ 2 ทักษะการใช้นวตั กรรมและเทคโนโลยเี พ่ือการขยายอาชพี ใบความรู้ แผนภูมสิ ามารถอธบิ ายได้วา่ ประสทิ ธิภาพมีองค์ประกอบร่วมอย่างน้อย 3 องค์ประกอบ คือ (1) ความ ถูกต้องเป็นไปตามวตั ถปุ ระสงค์ (2) มีความรวดเร็ว และ (3) สามารถลดต้นทนุ รายจ่ายได้ นอกจากนั้นในแตล่ ะ องคป์ ระกอบจะต้องมคี วามสัมพนั ธต์ ่อกัน หากนาํ กรอบแนวคดิ น้ีมาอธบิ ายกบั ประสทิ ธภิ าพของนวตั กรรมหรือ เทคโนโลยี ประสิทธภิ าพของนวัตกรรม เทคโนโลยีการประกอบอาชีพขน้ึ อยูก่ ับองคป์ ระกอบ ดังนี้ 1. ความสามารถทาํ งานได้ ถกู ต้องตามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละมขี องเสียน้อย 2. ประหยัดคา่ ใชจ้ ่าย 3. ทํางานไดร้ วดเรว็
ประเมินการทาํ งานใหถ้ ูกต้องตามวตั ถปุ ระสงค์ของเทคโนโลยี การประเมนิ ความสามารถทาํ งานไดต้ าม วัตถุประสงค์ของนวัตกรรม เทคโนโลยี ผูเ้ รยี นต้องคิดลกั ษณะบง่ ช้ีความสาํ เรจ็ และตวั ช้วี ดั ความสาํ เรจ็ ด้วยตนเอง ดงั ตัวอยา่ งน้ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184