ประเมนิ ความประหยดั ค่าใช้จ่าย เป็นการประเมนิ เทียบเคียงระหวา่ งนวตั กรรมเทคโนโลยอี นั ใหม่ทจี่ ะนาํ เข้ามาใช้ เทียบเคยี งกบั นวตั กรรม เทคโนโลยีเก่า โดยมตี วั แปรการประเมินประกอบการ 1 ราคานวัตกรรม เทคโนโลยีตอ้ ง จ่ายเท่าไร 2 คา่ ใชจ้ ่ายระหวา่ งการใชเ้ ท่าไร 3 ลดรายจ่ายจากเดิมเท่าไร ประเมินความรวดเร็ว เปน็ การประเมนิ เทียบเคยี งหรือเปรียบเทยี บระหว่างการใช้เวลาทํางานจากนวัตกรรมเทคโนโลยีทจี่ ะนาํ เข้ากับ นวัตกรรม เทคโนโลยีที่ใช้อยเู่ ดมิ ดังตวั อยา่ งการพรวนดินการใชแ้ รงงานคนกับเคร่ืองจกั รกลขนาดเลก็ พบวา่ เครอ่ื งจักรกลขนาดเล็กพรวนดิน ใช้เวลาเพยี ง 3 ชวั่ โมง แต่แรงงานคนจะต้องใชเ้ วลาถงึ 6 ชั่วโมง ต้องพบกบั ความยงุ่ ยากในการจัดการคนใหท้ ํางานไปตามเปูาหมาย สรปุ การตัดสินใจนํานวตั กรรม เทคโนโลยีเข้ามาใช้ประกอบอาชีพ จําเป็นตอ้ งประเมนิ ให้มองเห็นเหตผุ ลการนําเขา้ มา ความคุ้มค่า และศกั ยภาพในการเป็นภูมิคุ้มกนั ให้อาชีพมั่นคงยงั่ ยืน จงึ ตอ้ งมกี ารประเมนิ ด้วยองค์ประกอบทง้ั 3 ด้านและตวั แปรรว่ มต่าง ๆ จึงมคี วามจําเป็นทจี่ ะต้องแสวงหาความรขู้ ้อมูลใหม้ ากพอท่จี ะใช้ประเมนิ ตดั สนิ ใจ ดังน้นั การประเมินประสิทธภิ าพนวัตกรรม เทคโนโลยีจงึ เป็นส่วนหนึง่ ของการทํางานบนฐานความรู้
ใบงานที่ 1 ใบงานเร่อื งการวางแผนในการฝกึ ทักษะอาชีพ การวางแผนมคี วามสําคญั ต่อการจดั การอาชีพ หรือธุรกจิ อย่างไรบ้าง อธบิ าย ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............... ให้นกั ศึกษายกตวั อย่างทักษะทีต่ ้องการฝกึ มา 1 ตัวอย่าง พรอ้ มเขยี นขอ้ มลู ลงในตารางการวางแผนการฝกึ ทักษะ อาชพี ขั้นตอน สถานที่ เวลา การประเมินผล
วิธกี ารฝกึ ทกั ษะมีก่วี ิธี อะไรบ้าง จงอธิบาย ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................. ....................................................... .................... ............................................................................................................................. ....................................................... .............................................................................................................................. ...................................................... .................................................................................................................................................................................... ............... การจดบนั ทึกข้อมลู การฝึกทกั ษะอาชพี มีประโยชน์อย่างไรต่อผู้ฝกึ จงอธบิ าย .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ..................................................................................................................................................................... ............... .................... ............................................................................................... ..................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ......................................................................................... ชือ่ ........................................................................... กศน.ตําบล..................... ระดับ.............................
แผนการจัดการเรยี นรู้รายวิชาทักษะการขยายอาชพี ครั้งที่ 17 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย กศน.ตาบลศรีโคตร 1. สปั ดาหท์ ่ี 18 วนั ท่ี 1 เดอื น กนั ยายน พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00 น. 2. วิชา ทกั ษะการขยายอาชีพ รหสั วิชา อช31002 จํานวน 4 หน่วยกิต 3. มาตรฐานท่ี 3.4 มีความรู้ ความเข้าใจ ในการพฒั นาอาชีพให้มีความมัน่ คง 4. หน่วยการเรียนร/ู้ เร่ือง การจัดทําและพัฒนาระบบการขยายอาชพี ตามแนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 5. สาระสาํ คญั สร้างความมนั่ คงบนพื้นฐานความรใู้ นกระบวนการผลติ กระบวนการตลาด ท่ีใชน้ วตั กรรม เทคโนโลยีทเี่ หมาะสม มคี วามหลากหลายทางชีวภาพ พฒั นาตอ่ ยอดและประยกุ ต์ใช้ภมู ปิ ัญญา และสามารถจัดทาํ แผนงานและโครงการธุรกจิ เพื่อขยายอาชีพเขา้ สตู่ ลาดการแข่งขนั ตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเพื่อสู่ ความม่นั คง 6. เน้อื หา 1. องคประกอบของระบบขยายอาชพี ตามแนวคดิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 2. การจัดทําแผนธุรกจิ 7. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร/ู้ ผลการเรียนรู้ทีค่ าดหวัง (ดจู ากผังการออกข้อสอบ) สามารถดําเนนิ การจัดทาํ หรือปรบั ปรงุ แผนธุรกิจดานการจัดการการผลติ หรอื การบรกิ าร และ ดานการ จดั การการตลาด ตามแนวคดิ ของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ๘. การบรู ณาการกบั หลักแนวคดิ ของเศรษฐกิจพอเพียง (2 เงือ่ นไข 3 หลกั การ การเช่ือมโยงสู่ 4 มติ )ิ ความรู้ - นักศึกษามีความรเู้ ร่ือง องคประกอบของระบบขยายอาชีพตามแนวคดิ ปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพยี ง - นักศกึ ษามีความรเู้ รื่อง การจดั ทาํ แผนธรุ กจิ คณุ ธรรม - มคี วามขยนั อดทน - มคี วามสามคั คใี นหมู่คณะ - มีความชอื่ สัตยส์ จุ ริตในการทาํ งาน พอประมาณ - รจู้ กั การเลอื กใชส้ ่อื เทคโนโลยใี หเ้ ขา้ กบั อาชีพ - ใช้ทรัพยากรกรอย่างค้มุ ค่าและเกิดประโยชน์สงู สุด มีเหตุผล - ไดค้ วามรู้เกีย่ วกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง มีภูมิค้มุ กนั - สามารถสรา้ งรายได้และสามารถเตรยี มพร้อมรบั สถานการณก์ ารเปลี่ยนแปลงทาง เศรษฐกิจได้
วตั ถุ - รู้จกั เลือกใช้เทคโนโลยที เี่ หมาะสมสอดคล้องกับความต้องการ - มีทกั ษะในการใชอ้ ปุ กรณ์เทคโลโลยี และการดแู ลรกั ษา สังคม - มที กั ษะการอยู่รว่ มกนั ในกลุ่ม และทํางานรว่ มกับผู้อ่ืนได้อยา่ งมคี วามสุข - ชว่ ยเหลอื เก้ือกลู กนั - ร้รู กั สามัคคี สิ่งแวดล้อม - รู้จกั การนาํ อาชีพมาวิเคราะหแ์ ละวางแผนพฒั นาอาชพี ให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุด วฒั นธรรม - ต่อยอดภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ ในการทาํ อาชีพ สชู่ นรุน่ หลงั 9. กระบวนการจดั การเรียนรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นท่ี 1 กําหนดสภาพปญั หาการเรยี นรู้ (N : New ways of learning) ครูผูส้ อนและนักศึกษาสนทนาแลกเปลย่ี นถงึ ปัญหาของชมุ ชน ผลกระทบดา้ นต่างๆท่มี ี ในปัจจุบันว่าเปน็ อยา่ งไร ข้นั ท่ี 2 แสวงหาขอ้ มูลและจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 1. ให้นักศึกษาทําแบบทดสอบก่อนเรียนดว้ ย Google form เพอื่ ทดสอบความรู้ เบ้อื งต้น 2. ใหน้ ักศึกษาศกึ ษาเร่อื งการจัดทาํ และพัฒนาระบบการขยายอาชพี ตามแนวปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพยี ง จากหนังสือเรียนสาระความรู้พนื้ ฐาน รายวชิ าทักษะการขยายอาชพี ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย รหัส อช31002 3. ครูใช้ส่อื You Tube เร่ือง การจดั ทําและพัฒนาระบบการขยายอาชีพ ตามแนว ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพยี ง เพอ่ื อธบิ ายความรู้เพิม่ เติม ข้นั ท่ี 3 การปฏิบตั ิและการนําไปใช้ ( I : Implementation) 1. ผเู้ รยี นสามารถนําความรู้ และประสบการณห์ ลงั จากการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 2. ผเู้ รยี นสามารถแก้ไขปัญหา อุปสรรคในการทาํ งานได้แต่ละครง้ั พร้อมสรปุ จัดทํา รายงานรวบรวมเป็นแฟมู สะสมงาน ขัน้ ท่ี 4 การประเมินผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) 1. ครูและผู้เรยี นนาํ แฟมู สะสมผลงาน และผลงานที่ได้จากการปฏิบตั ิ สรปุ เปน็ องค์ ความรู้เพื่อใชเ้ ป็นแนวทาง กระบวนการปฏบิ ตั ิงาน 2. ครวู ัดผลประเมนิ ผลผู้เรียนจากเกณฑ์วดั ผลประเมนิ ผล 3. ครูสามารถประเมินผลการเรยี นรูข้ องผ้เู รียน และผูเ้ รียนสามารถประเมินความรู้ ภายในกลุม่ หรือของตนเองได้ 10. ส่อื /แหล่งเรียนรู้ 1. ใบความรู้ 2. หนังสอื เรียน 3. ใบงาน
11. การวัดและประเมนิ ผล 11.1 วิธีการวัดและประเมนิ ผล - แบบประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการทํางานร่วมกับผูอ้ ่นื ของนกั ศึกษารายบุคคล - ใบงาน - แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน 11.2 เครอื่ งมือวดั และประเมินผล. - ประเมินผลการสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานร่วมกบั ผ้อู ่ืน ของนกั ศกึ ษารายบุคคล - ผลจากการตรวจใบงาน - คะแนนแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรียน 11.3 เกณฑ์การวดั และการประเมินผล - แบบประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานรว่ มกบั ผู้อ่นื ของนักศึกษารายบคุ คล ระดบั ดี พอใช้ และควรปรับปรุง - ใบงานคะแนนเตม็ 10 คะแนน - แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลงั เรยี น เกณฑ์ผ่านและไมผ่ ่าน กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................... ................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... .......... ลงชอ่ื …………………………………………….ครผู ู้สอน (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาํ บล ขอ้ เสนอแนะของผ้บู รหิ าร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...... ลงชื่อ………………………………………………………ผ้อู นมุ ตั ิแผน (นางปัทมาภรณ์ ศรีเนตร) ผอู้ ํานวยการ กศน.อําเภอจตรุ พกั ตรพมิ าน
บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู้ กศน.ตาบลศรีโคตร คร้ังที่ 17 วัน/เดือน/ปวี นั ที่ 1 เดอื น กนั ยายน พ.ศ. 2565 ครูผสู้ อนนายปรเรศ นามโคตร ระดับ มธั ยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระความรู้พืน้ ฐาน รายวิชา ทักษะการขยายอาชีพ รหสั วชิ า อช3100๒ จาํ นวนนักศกึ ษาท้งั หมด ............... คนเขา้ เรียน…………………คน ไม่เข้าเรยี น……………………….คน 1. ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้การประเมนิ โดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรยี น พบว่า คะแนนการทดสอบหลงั เรยี น มากกว่ากอ่ นเรียนจานวน ........ คนคิดเป็นร้อยละ............ คะแนนการทดสอบหลงั เรียน นอ้ ยกว่าก่อนเรยี นจานวน ......... คนคิดเป็นรอ้ ยละ............ 2. เนือ้ หา/สาระ/รายวิชา .......................................................................................................................................................... ......... ......................................................................................................................... .......................................... 3. กิจกรรมการเรียนการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ..................................................................................................................................................... .............. 4. ปญั หา/อปุ สรรคการเรียนการสอน ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... 5. แนวทางการแกป้ ัญหา ............................................................................................................................. ...................................... .................................................................................... ............................................................................... ลงชอ่ื .........................................................(ผบู้ นั ทึก) (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาบล ความเหน็ /ข้อเสนอของผ้บู ริหาร ............................................................................................................................. ...................................... ......................................................................................... .......................................................................... ลงชื่อ.................................................. (นางปทั มาภรณ์ ศรีเนตร) ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอจตุรพกั ตรพมิ าน
แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรยี น ให้นักศึกษาเลือกคาตอบทถี่ ูกทส่ี ดุ 1. คณุ ภาพตามลกั ษณะภายนอก หมายถึง ก. ประสิทธิภาพการทํางาน ข. ความเหมาะสมในการใช้งาน ค. รูปร่างสวยงาม สสี ันสดใส ง. ถกู ทกุ ข้อ 2. การทจี่ ะสรา้ งความพึงพอใจให้แกล่ กู คา้ ได้นัน้ ผ้ปู ระกอบธุรกิจต้องคาํ นึงถงึ ปัจจัยเร่ืองใด ก. การพฒั นาสนิ คา้ ให้ตรงตามความต้องการของผปู้ ระกอบธรุ กิจ ข. สนิ คา้ มรี าคาแพงมากเปน็ พิเศษ ค. สินค้าตรงตามความต้องการของลูกคา้ ง. จาํ กัดจาํ นวนสินคา้ ท่ีจะขายให้แก่ลกู คา้ 3. องค์ประกอบด้านเหตุผลส่คู วามสาํ เรจ็ ของการขยายอาชีพประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบด้านไหนบ้าง ก. ด้านการลงทุน ด้านลูกค้า ด้านผลผลิต ด้านการเรียนรพู้ ฒั นาตนเอง ข. ด้านเปาู หมาย ดา้ นความสาํ เรจ็ ดา้ นวัตถุประสงค์ ดา้ นความตอ้ งการ ค. ดา้ นปจั จยั นาํ เขา้ ดา้ นการแปรรปู ด้านการดําเนินงาน ด้านผลผลติ ง. ทุกข้อเปน็ ปจั จัยดา้ นเหตผุ ลทง้ั หมด 4. โครงสรา้ งการเขยี นพันธกิจมีองค์ประกอบรว่ ม 3 ดา้ น คอื ก. ใคร ทําอะไร ทไี่ หน ข. อยา่ งไร ทําไม เมื่อไหร่ ค. ทําอะไร ทําไมต้องทาํ ทําอยา่ งไร ง. เมือ่ ไหร่ อยา่ งไร ทีไ่ หน 5. ขอ้ ใดคือขนั้ ตอนของการดําเนินงานท่ถี ูกต้องท่ีสุด ก. ทศิ ทางธรุ กิจ – เปูาหมาย – แผน ข. เปาู หมาย – แผน – ทศิ ทางธรุ กจิ ค. เปาู หมาย – ทิศทางธรุ กิจ – แผน ง. แผน – ทิศทางธรุ กจิ – เปาู หมาย 6. เส้นทางของเวลาในความหมายเชิงธรุ กจิ หมายถึง ก. วงจรของการประกอบอาชีพธุรกจิ สินค้า หรือบรกิ ารในช่วงระยะเวลาหน่งึ ของการดําเนนิ การ ข. วงจรของการดําเนนิ ชวี ติ ของผผู้ ลติ ในช่วงรยะเวลาหนงึ่ ของการดาํ เนนิ การ ค. วงจรของการผลติ สินค้า ในช่วงระยะเวลาหนึ่งของการดําเนินธรุ กจิ ง. วงจรของการขายสนิ คา้ ในชว่ งระยะเวลาหนงึ่ ของการทําธรุ กิจ 7. ข้อใดคือทนุ ทางปัญญา ก. องคค์ วามร้ทู ีส่ ร้างขึ้น ข. แรงงาน ค. หุ้นสว่ น ง. เงนิ ทนุ 8. ขอ้ ใดคือปัจจัยนําเข้าเพ่ือการขยายอาชีพ
ก. ทนุ ข. บคุ ลากร ค. การจดั การ ง. ถูกทกุ ข้อ 9. ขอ้ ใดคือปจั จยั การผลติ ก. เศรษฐกิจ ข. เงินทุน ค. อายุ ง. ถูกทุกข้อ 10. ข้อใดคือความสาํ คัญ และความจาํ เปน็ ของการพฒั นาอาชพี ก. เพอ่ื ใหม้ สี ินค้าที่ดีตรงตามความตอ้ งการของผู้บริโภค ข. เพื่อใหผ้ ผู้ ลิตได้มีการคิดค้นผลิตภัณฑห์ รือสนิ คา้ ได้ตลอดเวลา ค. ทําใหเ้ ศรษฐกิจของชุมชนของประเทศดีข้นึ ง. ถกู ทุกข้อ เฉลย 1. ค 2. ค 3. ก 4. ค 5. ก 6. ก 7. ก 8. ง 9ข 10. ง
ใบความรู้ ท่ี 1 QR Code เร่อื งท่ี 1 องค์ประกอบของระบบขยายอาชพี ตามแนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ภาพรวมขององค์ประกอบระบบการขยายอาชพี ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ระบบตา่ งๆ ทั่วไปมักจะประกอบด้วยการจัดปจั จยั นาํ เข้า กระบวนการดาํ เนินงานผลผลิต และการ ประเมนิ พฒั นา ดังนนั้ การจัดทาํ ระบบขยายอาชีพตามแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพียง เพื่อพัฒนาเศรษฐกจิ ของผ้เู รยี น ครอบครัวชุมชนให้มีความพอเพยี งไดด้ ้วยการนาํ เปูาหมายความคดิ ของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาอ้างองิ ประยกุ ตเ์ ปน็ ระบบดาํ เนินการ ซึ่งมลี กั ษณะภาพรวมดังนี้ แผนภูมิ : แสดงระบบการขยายอาชพี ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง จากแผนภูมิขา้ งต้นทาํ ให้ทราบว่า ระบบการขยายอาชีพตามแนวคิดเศรษฐกจิ พอเพียง มีข้ันตอนดังนี้ 1. ข้นั ตอนการใช้เหตผุ ล วิเคราะห์ ปัญหาความต้องการ ของการขยายอาชพี เพ่ือได้ข้อมูลสารสนเทศทเี่ ปน็ เหตุ เป็นผล ดว้ ยการศกึ ษาสาํ รวจ ตรวจสอบเหตุการณ์ สรปุ จําแนกข้อมลู เชงิ เหตผุ ลด้านต่างๆ เชน่ (1) ลกู คา้ (2)
คุณภาพผลติ ภณั ฑ์ท่ลี กู คา้ ต้องการ (3) ชอ่ งทางการตลาดเพอ่ื การจัดจาํ หน่าย (4) ทนุ ท่ีมีอยู่ ทั้งเงินทนุ อุปกรณ์ ทด่ี ิน แรงงาน และองค์ความรู้ท่จี ะต้องใช้ 2. ขน้ั ตอนการใชห้ ลักความพอประมาณความพอดี กาํ หนดแผนธุรกิจทีเ่ หมาะสม ทาํ ไดจ้ ริง ตอ้ งการนําข้อมูลเชิง เหตุและผลมาเปน็ ฐานในการคดิ 3. ข้นั ตอนการใช้หลักภมู ิค้มุ กัน สร้างความมน่ั คงลดความเส่ียงท่ีจะเกิดขึ้นกับการขยายอาชีพดว้ ยการวิเคราะห์ ศกั ยภาพ เพอ่ื จัดการความเส่ียงกับผลการดาํ เนนิ งาน เช่น (1) สภาวะแวดล้อมภายในจุดอ่อน จดุ แข็ง ของการ ดาํ เนนิ งานทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ผลิตภัณฑ์ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ของกําไร คแู่ ข่ง สว่ นแบ่งตลาด และสมรรถนะของธุรกจิ (2) สภาวะแวดล้อมภายนอกดา้ นโอกาสและอุปสรรคทเี่ กีย่ วข้อง นโยบาย ของฝาุ ยปกครอง ค่แู ข่งขนั กฎหมาย ระเบียบตา่ งๆ 4. ขนั้ ตอนการใช้หลักความรอบรู้ เพ่ือวางระบบการจดั การการตลาดและการจดั การการผลิต ข้ันตอนนี้เป็นการ กําหนดกจิ กรรมและขัน้ ตอนดําเนนิ กจิ กรรมเป็นรายละเอียดของการทาํ งานท่ีจะตอ้ งให้ผู้รว่ มงานได้รเู้ ท่ากนั ทุกฝาุ ย จึงมีรายละเอียดของความรูม้ ากมายทจี่ ะต้องเรยี นรู้ ทาํ ความเขา้ ใจ จัดเป็นเอกสารคู่มือดําเนินงาน 5. ขน้ั ตอนการใชห้ ลักคณุ ธรรม เพอ่ื การขบั เคลื่อน ควบคมุ ประเมินและพัฒนาผลไดท้ างธรุ กจิ ที่มีลักษณะสงั คม ชน่ื ชมยนิ ดีและเปน็ ไปในทางทีต่ อ้ งการ ความสัมพันธ์ ระหว่างความมีเหตุผล ความพอดี และภูมิคุ้มกนั เพ่ือนาํ ไปสู่การจัดทาํ แผนธรุ กิจของการขยายอาชพี หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง มคี วามประสงคท์ ่ีจะให้ประชาชนดาํ เนนิ การประกอบอาชีพไปอย่างมีเหตุผล มี ความพอดี มีภมู ิคุ้มกนั ใหป้ ลอดจากอันตราย ดังน้ันแผนพฒั นาธุรกจิ จึงต้องมีความสมั พนั ธก์ ับหลกั การ จากแผนภูมดิ งั กลา่ วทําให้มองเห็นวา่ การขยายหรอื พัฒนาอาชพี จะต้องเร่ิมมาจากการใช้ข้อมลู สารสนเทศของ เหตผุ ล หรอื สง่ิ ทท่ี าํ ให้เกิดผลทางธรุ กิจได้แก่ ทนุ ลูกคา้ ผลิตภัณฑ์ และความสามารถของกลุ่มหรอื บุคคลที่ ประกอบการอาชีพ มากําหนดวสิ ัยทัศน์ พนั ธกิจ และกลยุทธ์ดาํ เนนิ งานของแผนธุรกจิ ที่มคี วามถูกตอ้ ง มีความ เท่ากบั ความต้องการ หรือความพอดีท่ีควรจะเปน็ โดยผปู้ ระกอบการอาชีพจะต้องเข้าถึงจดุ ออ่ น จดุ แข็ง โอกาสที่ ควรจะได้รับและอปุ สรรคต่างๆ ท่ขี วางหนา้ ไม่คาดหวงั ทะเยอทะยานเกินตนเอง มีความกลา้ ที่จะเผชญิ หนา้ แกป้ ัญหากบั ส่งิ ที่ไมต่ ้องการใหเ้ กิด และยึดหลกั การทาํ งานร่วมกันท่ใี ห้ทุกคน รเู้ ทา่ ทันกันซ่ึงเป็นภมู คิ ุ้มกัน ใช้เปน็ หลกั ในการกําหนดแผนพฒั นาธุรกจิ
ความรอบรู้กบั การทาํ แผนข้นั ตอนการจดั การการตลาดและการผลติ ข้ันตอนต่อไปจากการทาํ แผนธรุ กิจเปน็ ข้นั ตอนการจัดทาํ แผนปฏิบัตกิ ารธรุ กจิ เป็นการกําหนดกิจกรรมและ ขน้ั ตอนการดาํ เนนิ งานของการจดั การการตลาดและการผลิต เป็นข้นั ตอนทีผ่ ู้ประกอบอาชีพจะต้องมีประสบการณ์ ความรทู้ ห่ี ลากหลายและซบั ซ้อนไปตามลกั ษณะธุรกจิ ใหเ้ พียงพอ ผู้ประกอบอาชีพจําเปน็ ทีจ่ ะต้องพัฒนาตนเองให้ เปน็ บุคคลรอบรู้ จากแผนภมู ดิ งั กล่าวข้างต้น จะพบว่า หากวิเคราะห์กล่มุ ความรู้ท้งั 4 ดา้ นดงั กล่าวขา้ งต้น จะมีความรู้มากมายท่ผี ู้ ประกอบอาชีพจะต้องเรียนร้สู รา้ งภาวะความเปน็ ผ้รู อบรู้อย่างต่อเนื่อง ลกั ษณะการใช้คณุ ธรรม ขบั เคลอ่ื นธุรกจิ คุณธรรมตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง หมายถงึ สภาพคุณงามความดีของการทํามาหากนิ การผลติ การ จําหนา่ ยจ่ายแจก การบรโิ ภค การใชส้ อยที่มคี วามขยนั ความประหยดั ความซอ่ื สัตย์ และความอดทนเป็นหลักใน การทาํ งาน
จากแผนภูมิ จะมองเห็นลกั ษณะการใช้คุณธรรมขบั เคลื่อนธุรกิจ เชน่ 1. การเป็นผ้ปู ระกอบการลาํ ดบั แรกต้องเป็นผ้ขู ยันขันแข็งในการเรียนรู้ ทาํ งานอย่างเขม้ แข็งเป็นปกติ 2. การใช้ทรัพยากรปัจจยั การดาํ เนนิ งานจะต้องใชห้ ลกั ประหยดั ยบั ยง้ั ระมัดระวัง ที่จะควบคมุ ใหข้ องเสียน้อย ทส่ี ุดและนําของเสยี กลับมาเปลีย่ นรูปใหเ้ กดิ มลู ค่าใหม้ ากท่ีสุด 3. การจัดการการผลิตและการตลาด ตอ้ งเปน็ ไปด้วยความซื่อสตั ย์ประพฤตติ รง และจรงิ ใจ ทจ่ี ะผลิตสินค้ามี คุณภาพตามข้อตกลง ส่งมอบสินคา้ ตามข้อกําหนด ยึดมนั่ ความปลอดภยั และสรา้ งขวญั กําลังใจให้กบั ผู้รว่ มงาน 4. การควบคุมคุณภาพการดําเนนิ งานต้องใชค้ วามอดทน อดกล้นั ในการขับเคล่ือนการดาํ เนินงานให้เป็นไปตาม ข้อกําหนด ถึงแม้จะมแี รงกดดันจากภายใน และภายนอกท่ีกระทบเข้ามา
ใบความรู้ ที่ 1 QR Code เรอื่ งที่ 1 การจดั ทาแผนธุรกจิ โครงสรา้ งแผนธรุ กิจตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง การทําธรุ กจิ หมายถงึ การงานประจาํ เก่ยี วกบั การทํามาหากนิ ค้าขายแลกเปลยี่ น จากความหมายดงั กล่าว ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งได้ ระบุพัฒนาการของการทาํ มาหากินไวเ้ ปน็ ระดบั ตั้งแต่ (1) ทําให้พออยู่พอกนิ (2) ทาํ ให้อยดู่ มี ีสุข และเข้าสู่ (3) ความมัง่ มีศรสี ุข การทํามาหากนิ คา้ ขาย แลกเปลีย่ นหรือที่เรียกวา่ ธุรกจิ น้นั จําเป็นท่ี จะต้องมแี ผนในทกุ ระดบั เชน่ 1.1 แผนธุรกจิ เศรษฐกิจพอเพียงระดับพออย่พู อกนิ เป็นการทาธุรกจิ เพ่ือนาพาชีวติ ครอบครัวให้รอดพน้ จาก ความขาดแคลนและอดอยากสชู้ วี ติ ให้อยู่ได้ร่วมกนั ของคนในชมุ ชน
1.2 แผนธุรกิจเศรษฐกจิ พอเพียงระดับอยดู่ ีมีสขุ เปน็ การทําธุรกิจหารายไดท้ ่ีใช้ความเอื้ออาทรของสงั คมเป็นฐาน ในการขับเคลื่อนมีลักษณะในการสรา้ งทางธุรกจิ ดังนี้ 1.3 แผนธรุ กจิ เศรษฐกิจพอเพียงระดับมั่งมีศรีสขุ เปน็ ธุรกิจทต่ี ้องมีความเฉพาะตัวตรงกับความตอ้ งการของลูกคา้ ต้องเชื่อมโยงกับสถาบันทางการเงิน ตอ้ งสร้างพนั ธมิตรทางธุรกจิ ต้องเทยี บเคยี งแขง่ ดีกบั ธรุ กจิ ประเภทเดยี วกนั เพ่อื ยกระดบั คณุ ภาพผลผลิต ขยายตลาดและส่วนแบง่ ตลาดให้มีรายได้พอเพยี งกับการดํารงและขยายธุรกิจออกไป อยไู่ ด้อย่างม่นั คงต่อเน่ืองไป ซึ่งมลี กั ษณะโครงสร้างของแผนธรุ กิจดังนี้ จากโครงสรา้ งแผนธรุ กิจตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงทงั้ 3 ระดบั ตัง้ แตท่ ําเพอื่ ให้พอเพยี งกับการดํารงชีวติ ใหอ้ ยรู่ อดไม่อดอยาก ไปสู่การยกระดบั ความคดิ การกระทาํ ใช้ชวี ติ อยู่ดมี ีสุข ซ่งึ จะต้องมรี ายได้ เพื่อมาพฒั นาความ เป็นอยทู่ ่ดี ีขึ้น และการส่งบุตรหลานเขา้ รบั การศึกษา และระดับสดุ ท้ายท่ีคนสว่ นใหญค่ วรจะก้าวไปให้ถงึ ความมง่ั มี ศรีสขุ ที่สมั พันธก์ บั สภาพเปน็ จรงิ ของตนเอง ซ่งึ จะต้องเรียนรรู้ ะบบธรุ กิจท่มี ีความซับซ้อนขึ้นไป
ใบงานท่ี 1 คาชแี้ จง จงตอบคาํ ถามต่อไปน้ี 1. การเขยี นโครงการการพัฒนาอาชพี จะต้องวิเคราะห์ความเป็นไปไดข้ องโครงการก่อนดําเนนิ การ โดยการ ตดั สินใจเลอื กโครงการจะพจิ ารณาจากอะไรบา้ ง .............................................................................................................................................. ....................... ...................................................................................................................... ............................................... ............................................................................................................................. ........................................ .............................................................................................................................................. ....................... ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................. ........................................ ........................................................ ...................................................................................... ....................... ............................................................................................................................. ........................................ 2. การตรวจสอบความเป็นไปได้ของโครงการ (Project Audit) จะพิจารณาจากอะไรบ้างว่าโครงการบรรลุเปูาหมาย ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ 3. การทําโครงการพัฒนาอาชีพให้มีความมัน่ คง จะต้องประกอบดว้ ยส่วนสาํ คัญอะไรบา้ ง ............................................................................................................................. ........................................ .......................................................................................................................................... ........................... ....................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................................. ........................................ .............................................................................................................................................. ....................... ..................................................................................................................... ................................................ ............................................................................................................................. ........................................ .............................................................................................................................................. ....................... ............................................................................................................................. ........................................ ชอื่ ..................................................................................... กศน.ตําบล....................... ระดับ.......................
ใบงานที่ 2 คาชี้แจง ให้ผูเ้ รยี นเขียนโครงการธุรกจิ ระยะส้ันท่ีผูเ้ รียนคิดวา่ เหมาะสมกบั การหารายไดพ้ เิ ศษระหว่างเรยี น จํานวน 1 โครงการ (ตามรปู แบบตอ่ ไปนี้) แบบฟอร์มการจัดทาโครงการ ชื่อโครงการ.................................................................................................................. ................... ความสาํ คัญของโครงการ / หลักการและเหตผุ ล (อะไรคือที่มาทไี่ ป หลกั การและเหตุผลของโครงการ) ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................. ........................................ วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ (อะไรคือวัตถปุ ระสงค์ของโครงการ) .............................................................................................................................................. ...................................... .......................................................................................................... ............................................ ผลผลิตและผลลัพธข์ องโครงการ (ผลผลติ และผลลพั ธข์ องโครงการน้คี ืออะไร) ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................. ........................................ ตัวช้ีวดั ความสําเร็จของโครงการ (ตวั ชวี้ ดั ทบี่ ่งบอกวา่ โครงการน้ีบรรลุผลผลติ และผลลัพธ์คืออะไร) ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการ ............................................................................................................................. ........................................ ทรพั ยากรที่ตอ้ งใช้ (นอกเหนือจากงบประมาณแลว้ โครงการนีจ้ ะต้องใชท้ รัพยากรใดเพมิ่ เตมิ อีกบ้าง) ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................. ........................................ งบประมาณ (งบประมาณของโครงการน้เี ท่ากับเทา่ ไร) ........................................................................................................................................ ............................. ผู้เกีย่ วขอ้ งกับโครงการนห้ี รอื ผ้ทู รี่ บั ผลกระทบจากโครงการนี้ (ใครคือผทู้ ี่ไดร้ บั ผลกระทบจากโครงการนแ้ี ละได้รับ ผลกระทบอยา่ งไร) ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................................................................................ ความเสี่ยง (อะไรคอื ความเสีย่ งทีส่ าํ คญั ท่ีจะทาํ ใหโ้ ครงการนี้ไม่ประสบความสําเร็จ) .............................................................................................. ................................................ ................ ระยะเวลาและกจิ กรรมทส่ี ําคัญของโครงการ (อะไรคือกจิ กรรมท่สี าํ คญั ของโครงการและระยะเวลาที่ต้องใช)้ ................................................................................................ ................................................................. ช่อื ..................................................................................... กศน.ตําบล....................... ระดับ.......................
แผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาพัฒนาอาชีพให้มคี วามม่ันคง คร้งั ท่ี 18 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย กศน.ตาบลศรีโคตร 1. สัปดาห์ท่ี 19 วนั ท่ี 8 เดือน กนั ยายน พ.ศ. 2565 เวลา 08.-30-12.00 น. 2. วชิ า พฒั นาอาชพี ใหม้ คี วามม่นั คง รหัสวิชา อช31003 จํานวน 2 หนว่ ยกติ 3. มาตรฐานที่ 3.4 มคี วามรู้ ความเข้าใจ ในการพฒั นาอาชีพใหม้ ีความมน่ั คง 4. หน่วยการเรียนร/ู้ เรือ่ ง โครงการพฒั นาอาชีพใหมีความม่ันคง 5. สาระสาํ คัญ วิเคราะหความเปนไปไดข้ องแผนการตลาดและการผลติ หรอื การบริการการเขียนโครงการการพฒั นา อาชีพได ตรวจสอบความเปนไปไดของโครงการพัฒนาอาชีพ และปรบั ปรงุ โครงการพัฒนาอาชีพ 6. เนอื้ หา 1. การวิเคราะหความเปนไปไดของแผนการ ตลาดและการผลิตหรือการบรกิ าร 2. การเขยี นโครงการการพฒั นาอาชพี 3. การตรวจสอบความเปนไปไดของโครงการ 4. การปรบั ปรุงโครงการพฒั นาอาชพี 7. จุดประสงค์การเรียนร/ู้ ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั (ดูจากผังการออกข้อสอบ) 1. วเิ คราะหความเปนไปได้ของแผนการตลาดและการผลิตหรือการบรกิ ารได้ 2. เขยี นโครงการการพัฒนาอาชพี ได 3. ตรวจสอบความเปนไปไดของโครงการพัฒนาอาชพี ได้ 4. สามารถปรบั ปรงุ โครงการพัฒนาอาชีพได้ ๘.การบรู ณาการกบั หลักแนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (2 เง่อื นไข 3 หลักการ การเช่ือมโยงสู่ 4 มิต)ิ ความรู้ - นกั ศึกษามคี วามรเู้ ร่ือง การทําโครงการพฒั นาอาชพี คุณธรรม - มคี วามม่งุ มั่นในการทาํ งาน - มคี วามสามัคคีในหมู่คณะ - ใฝหุ าความรู้เพอื่ พัฒนาอย่เู สมอ พอประมาณ - รู้จักการวางแผนพัฒนาอาชีพของตน มเี หตผุ ล - ได้ความรู้จกั การวางแผนพัฒนาอาชพี ของตน - วเิ คราะห์ความเปน็ ไปได้ในอาชีพของตน มภี ูมคิ มุ้ กัน - รจู้ กั การวางแผนพฒั นาอาชีพของตน - สรา้ งอาชพี ทมี่ ีรายไดแ้ ละมั่นคง
วัตถุ - รูจ้ ักการวางแผนพฒั นาอาชีพ - การเขยี นโครงการอาชพี สงั คม - มีทักษะการอย่รู ่วมกันในกลุ่ม และทํางานร่วมกับผู้อืน่ ได้อยา่ งมคี วามสุข -สามารถนาํ ความร้ดู ้านโครงการพัฒนาอาชีพและการวางแผนไปตอ่ ยอดให้กบั ชมุ ชน สง่ิ แวดลอ้ ม - รู้จักการนาํ อาชีพมาวิเคราะหแ์ ละวางแผนพฒั นาอาชีพให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสดุ วัฒนธรรม - ตอ่ ยอดภูมปิ ัญญาท้องถิน่ ในการทําอาชพี สู่ชนรนุ่ หลงั 9. กระบวนการจัดการเรียนรู้และกจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 กาํ หนดสภาพปัญหาการเรียนรู้ (O : Orientation) 1. ครูและผเู้ รียนรว่ มกันกําหนดสภาพปัญหา ความต้องการวางแผนการตลาดและการผลิตหรือ บรกิ าร การเขยี น การตรวจสอบ และการปรับปรุงโครงการเพื่อพฒั นาอาชีพ 2. ครูและผ้เู รียนร่วมกันวเิ คราะห์ และทาํ ความเข้าใจการวางแผนการตลาดและการผลิตหรือ บริการ การเขียน การตรวจสอบ และการปรบั ปรงุ โครงการเพอ่ื พฒั นาอาชีพ 3. ครูและผู้เรยี นร่วมกนั วางแผน และกาํ หนดแนวทางในการเรียนรู้ด้วยตนเอง ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาขอ้ มูลและจัดการเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 1. ผเู้ รียนเรยี นรู้ด้วยตนเอง คดิ หาเหตผุ ลเชงิ ประจักษ์ของตนเอง ในการวเิ คราะห์ศักยภาพธรุ กจิ ในชว่ งระยะเร่ิมต้น สร้างตวั และทรงตวั ตกตา่ํ หรือสูงขึน้ จากผูม้ ีประสบการณ์ ผ้รู ู้ ภมู ิปัญญา สอื่ 2. ผู้เรยี นแบ่งกลุม่ รว่ มกันศึกษาใบความรู้ท่ี 1 เรื่อง โครงการพฒั นาอาชีพใหม้ ีความมน่ั คง และ ทําใบงานที่ 1 เร่อื ง โครงการพัฒนาอาชพี ให้มคี วามม่นั คง 3. ครูและผเู้ รยี นร่วมกันแลกเปล่ียนเรียนรู้ และสรุปความรู้เบ้อื งตน้ ท่ีได้ไปศึกษา ค้นคว้า เรยี นรู้ มาจากแหลง่ เรียนรตู้ า่ ง ๆ เพื่อนาํ มาประยุกตใ์ ช้เรียนรู้ ข้ันที่ 3 การปฏบิ ัตแิ ละการนําไปใช้ (I : Implementation) 1. ผู้เรยี นสามารถนาํ ความรู้ และประสบการณห์ ลังจากการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง 2. ผู้เรยี นสามารถแก้ไขปัญหา อปุ สรรคในการทาํ งานได้แต่ละคร้ังพรอ้ มสรปุ จดั ทาํ รายงาน รวบรวมเป็นแฟูมสะสมงาน ขนั้ ท่ี 4 การประเมินผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) 1. ครูและผเู้ รียนนําแฟูมสะสมผลงาน และผลงานท่ีได้จากการปฏิบตั ิ สรุปเปน็ องค์ความรู้ เพ่อื ใช้เปน็ แนวทาง กระบวนการปฏิบัติงาน 2. ครวู ดั ผลประเมินผลผเู้ รียนจากเกณฑ์วัดผลประเมินผล 3. ครูสามารถประเมินผลการเรียนรูข้ องผเู้ รียน และผูเ้ รยี นสามารถประเมินความร้ภู ายใน กลมุ่ หรอื ของตนเองได้
10. สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ -หนังสอื แบบเรยี น - ใบความรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง โครงการพฒั นาอาชีพใหม้ ีความมนั่ คง -ใบงานท่ี 1 เรือ่ ง โครงการพัฒนาอาชพี ให้มคี วามม่นั คง - สือ่ อนิ เทอร์เน็ต -ห้องสมุดประชาชน -ภูมปิ ญั ญา/ผรู้ ู้ -แหล่งเรียนรู้ในชมุ ชน 11. การวดั และประเมนิ ผล 11.1 วธิ กี ารวัดและประเมินผล - แบบประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานร่วมกบั ผอู้ ่ืนของผู้เรียนรายบคุ คล - ใบงาน 11.2 เครอ่ื งมือวัดและประเมินผล. - ประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทํางานร่วมกับผอู้ ื่นของผู้เรยี นรายบคุ คล - ผลจากการตรวจใบงาน 11.3 เกณฑ์การวัดและการประเมินผล - แบบประเมินผลการสงั เกตพฤติกรรมการทํางานร่วมกับผู้อ่นื ของผเู้ รียนรายบุคคล ระดับดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ - ใบงานคะแนนเต็ม 10 คะแนน กจิ กรรมเสนอแนะ .............................................................................................................................................. ...................................... ........................................................................................................................................................................ ลงชื่อ…………………………………………….ครผู ู้สอน (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาํ บล ข้อเสนอแนะของผูบ้ รหิ าร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………........ ลงชอื่ ………………………………………………………ผู้อนุมตั แิ ผน (นางปทั มาภรณ์ ศรีเนตร) ผู้อาํ นวยการ กศน.อาํ เภอจตรุ พกั ตรพิมาน
บันทกึ หลังการจัดการเรียนรู้ กศน.ตาบลศรโี คตร คร้ังท่ี 18 วนั /เดือน/ปวี ันที่ 8 เดอื นกันยายน พ.ศ. 2565 ครผู ู้สอนนายปรเรศ นามโคตร ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระความรู้พ้ืนฐาน รายวชิ าพฒั นาอาชีพให้มีความม่นั คง รหัสวิชา อช31003 จาํ นวนผ้เู รียนทั้งหมด ............... คนเขา้ เรียน…………………คน ไม่เขา้ เรยี น……………………….คน 1. ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรกู้ ารประเมนิ โดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรยี น พบวา่ คะแนนการทดสอบหลังเรียน มากกวา่ กอ่ นเรยี นจาํ นวน ........ คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ............ คะแนนการทดสอบหลงั เรียน น้อยกวา่ ก่อนเรยี นจาํ นวน ......... คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ............ 2. เน้อื หา/สาระ/รายวิชา ............................................................................................................................. ....................................................... ......................................................................................................................................... ........................................... .......... 3. กิจกรรมการเรยี นการสอน .................................................... ............................................................................................................... ................. ................................................................................................................................ .................................................... 4. ปญั หา/อุปสรรคการเรียนการสอน ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................. .................................................. 5. แนวทางการแก้ปญั หา ................................................................................................................................................................... ................. .......................................................................................................................... .......................................................... ลงชือ่ .........................................................(ผู้บนั ทึก) (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาํ บล วนั ท่ี....../................./................ ความเห็น/ข้อเสนอของผบู้ ริหาร ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................................................................................................................ ............ ลงชอ่ื .................................................. (นางปทั มาภรณ์ ศรีเนตร) ผอู้ าํ นวยการ กศน.อาํ เภอจตุรพกั ตรพิมาน
ใบงานที่ 1 เรือ่ งท่ี 1 การเขยี นโครงการพฒั นาอาชีพสูความมน่ั คง โครงการเปนเอกสารภาพรวมของแผนธรุ กจิ เพ่อื ใชนาํ เสนอตอสงั คมในการเผยแพรความคดิ หรือใชนาํ เสนอเพ่ือ ขอความชวยเหลือ สนบั สนุนเงนิ ทุน ซ่ึงประกอบดวยสาระที่แสดงใหเห็นความสาํ คญั และคณุ คาของการ ดําเนนิ งาน ซึง่ ประกอบดวย 1. ชอ่ื โครงการ 2. เหตผุ ล หลักการ 3. เปาประสงค 4. วัตถปุ ระสงค 5. ผลไดของโครงการ 6. วธิ ดี าํ เนนิ งาน 7. งบประมาณดําเนินการ 8. ผลดาํ เนินโครงการ การเขียนโครงการ 1. การเขยี นช่ือโครงการ โดยทัว่ ไป มี 2 องคประกอบ คือ (1) ขอความบงบอกวาทําอะไร (2) ขอความวาเปนของ ใครและ (3) นาํ เสนอใคร “โครงสรางขยายอาชีพเกษตรอนิ ทรยี ชุมชนบานครองหาด นาํ เสนอขอการสนับสนนุ จาก ทางอําเภอครองหาด” 2. การเขยี น ความสาํ คัญและหลักการ เปนสาระสวนที่บอกความสาํ คญั ของการจดั ทาํ โครงการและหลักการ ดาํ เนินการ ซงึ่ มี โครงสรางการเขยี น ดงั นี้ 2.1 โครงสรางการเขยี นความสําคญั การเขียนความสําคัญในการขยายอาชีพ ควรจะเปน สาระสําคัญในธุรกจิ ซึ่งประกอบดวย 2.1.1 เขียนบงบอกสภาวะแวดลอมอาชีพ ไดแก (1) สภาพท่ีดิน ส่งิ แวดลอมที่สงเสริมการดาํ เนินโครงการ (2) ผลติ ผลอะไรที่เหมาะสมในการผลติ (3) ลักษณะคุณภาพผลผลิตท่ีลกู คาตองการ (4) ลูกคาเปนใคร อยางไร (5) ขายใหกับใคร สวนแบงทางการตลาดเปนอยางไร (6) จะสามารถเขาไปยึดตลาดสวนแบงตลาดไดรอยละเทาไร 2.1.2 เขียนสรปุ ใหเหน็ ความสําคัญทเี่ ก่ียวของกบั (1) การสรางงาน สรางรายไดใหกับชมุ ชน (2) การมีสวนรวมสรางความพอเพยี งดานตาง ๆ ใหกบั ชมุ ชน 2.2 การเขียนหลกั การ เปนขอความตาง ๆ เพื่อบงบอกวา โครงการจะทําอะไร ใหใคร ทาํ แคไหน และทํา อยางไร ดังนี้
2.2.1 จะทําอะไร ใหใคร ดงั ตัวอยาง (1) มงุ เนนผลิตผกั ผลไมระบบเกษตรอินทรีย ขายใหกบั กลุมผูรักษาสุขภาพ 2.2.2 ทําอยางไรดงั ตวั อยาง (1) ใหความสําคัญกับการประยกุ ตระบบนิเวศธรรมชาติเขาสูระบบการเกษตร 2.2.3 ทาํ ท่ไี หน ดงั ตัวอยาง (2) การดําเนนิ งาน จะเร่ิมตนทีแ่ ปลงเกษตรของผูทาํ แลวสงเสรมิ การเรยี นรูขยาย เครอื ขายการ ปลูกผกั อินทรียออกไป 3. เปาประสงค 3.1 โครงสรางการเขียนเปาหมายโครงการ ประกอบดวย 3.2 การเขยี นขอความเปาหมายโครงการ ควรพจิ ารณาส่งิ ตอไป (1) ขอความบงช้ีวาทําอะไร ตองเปนเร่ืองสาํ คญั เปนหัวเรื่องหลักของโครงการ (2) ปรมิ าณงานที่ระบุตองมีขอความสามารถทําไดจรงิ (3) ระยะเวลาสาํ เรจ็ ตองเหมาะสมกบั ปรมิ าณงาน และมคี วามเปนไปไดจรงิ ท่จี ะทาํ สาํ เรจ็ 4. วตั ถปุ ระสงค เปนขอความทีข่ ยายภาพของเปาหมายโครงการใหมองเห็นภาระงานทจ่ี ะตองทาํ ให สาํ เร็จ โดยมรี ายละเอียดการคดิ การเขยี น ดังนี้ 4.1 วเิ คราะหเปาหมาย กาํ หนดภาระงานที่ควรทําแลวทาํ ใหเกิดความสาํ เร็จตามเปาหมาย โครงการได 4.2 วเิ คราะหภาระงาน กาํ หนดลักษณะบงชี้ความสาํ เร็จ 4.3 เขยี นวัตถปุ ระสงคโครงการตามโครงสรางน 5. ผลไดของโครงการ การเขียนผลไดของโครงการเปนการเขียนสิง่ ท่ีจะเกดิ ข้ึนอันเนื่องมาจากโครงการอยางมเี หตุ มีผล ดวยการนําวตั ถปุ ระสงคโครงการมาวิเคราะหกําหนดผลได 6. วิธีดําเนินงาน เปนการเขยี นเรียงลาํ ดับในแตละจุดประสงค โดยมีขนั้ ตอนการเขยี นดงั นี้ 6.1 ยกขอความ วัตถุประสงคและผลไดโครงการมาเปนตัวต้ัง 6.2 ดําเนินการวิเคราะหผลไดแตละตัวเพ่ือกําหนด กิจกรรมข้ันตอนวธิ ีการดําเนนิ งานไดเกดิ ผล ได 6.3 ระบุเกณฑช้วี ัดความสาํ เร็จของงาน 6.4 กําหนดระยะเวลาดาํ เนินงานทีเ่ ปนจรงิ 7. งบประมาณดําเนนิ การ เปนการนํากิจกรรมขัน้ ตอนดําเนนิ การมาวิเคราะหรายละเอียดของรายจายแลวจดั ทํา เอกสารบรรจใุ นโครงการ 8. ผลดาํ เนนิ โครงการ เปนการนําผลไดวา คดิ วเิ คราะหวา ถาการดาํ เนนิ งานเกิดผลไดตามที่กําหนด จะมผี ลท่เี กิด อะไรบาง และมีผลกระทบอยางไรที่ทําใหมองเห็นคุณคาของโครงการ
ใบงานที่ 1 การเขียนโครงการพฒั นาอาชพี สูความมัน่ คง กิจกรรมท่ี 1 ใหผูเรยี นจดั ทาํ เอกสารรายงานผล การควบคุมตรวจสอบการขยายอาชีพสูความมั่นคงของตนเอง หรอื สมั ภาษณผูประสบความสําเรจ็ ในอาชีพตามรปู แบบของเอกสารขางตน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ชื่อ…………………………………………………………………… กศน.ตําบล……………………………ระดบั ……………………….
แผนการจดั การเรียนรรู้ ายวิชาประวตั ศิ าสตรชาตไิ ทย คร้งั ท่ี 20 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย กศน.ตาบลศรโี คตร 1. สัปดาห์ท่ี 19 วันที่ 15 เดือน กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00น. 2. วชิ า ประวัติศาสตรชาติไทย รหสั วิชา สค 32034 จาํ นวน 3 หนว่ ยกติ 3. มาตรฐานท่ี มีความรู ความเขาใจ ตระหนกั เก่ียวกบั ภมู ิศาสตร ประวตั ศิ าสตร เศรษฐศาสตร การเมือง การ ปกครองในโลก และนาํ มาปรับใชในการดําเนนิ ชีวติ เพ่ือความมน่ั คงของชาติ 4. หน่วยการเรยี นร/ู้ เรอ่ื ง 1. อธบิ ายความหมาย ความสําคญั ของสถาบันหลักของชาติ 2. อธิบายความเปนมาของชนชาตไิ ทย 5. สาระสาํ คัญ การเรยี นรูประวัตศิ าสตรชาติไทยกอใหเกดิ ความภาคภูมใิ จในความเปนชาตไิ ทย ไดเรียนรู ความหมาย ความเปนมา และความสําคญั ของสถาบันหลกั ของชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ความเปนมาของชาติไทย เสรีภาพในการนบั ถือศาสนาของไทย และบุญคุณของพระมหากษัตรยิ ไทย 6. เน้ือหา ความภูมใิ จในความเปนชาติไทย 7. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้/ผลการเรียนรู้ที่คาดหวงั (ดจู ากผังการออกขอ้ สอบ) 1. อธิบายความหมาย ความสําคญั ของสถาบนั หลักของชาติได้ 2. อธิบายความเปนมาของชนชาติไทยได้ 8. การบูรณาการกับหลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง (2 เง่อื นไข 3 หลักการ การเชื่อมโยงสู่ 4 มติ )ิ ความรู้ - มีความรเู้ รอื่ งการมองเห็นความภูมิใจในความเปนชาติไทย มคี วามสามารถในการเช่ือมโยงทจี่ ะการนําความรู้ เรือ่ งความภูมใิ จในความเปนชาติไทย คุณธรรม - มคี วามขยัน - มีความสามคั คใี นการทํางานรว่ มกัน - มคี วามตั้งใจและมุง่ ม่นั พอประมาณ - รูจ้ ักประเมนิ ความรู้ ความสามารถของตนเองและเพอ่ื น - จัดสรรเวลาในการ ทํากิจกรรม มเี หตผุ ล - สามารถใชค้ วามรู้เรอื่ งความภูมิใจในความเปนชาติไทยในการทาํ กจิ กรรมและแบบฝึกหัดได้ - นาํ ความรู้เรอื่ งการมองเหน็ ความภูมิใจในความเปนชาติไทยไปประยุกตใ์ ช้ในการดาํ เนิน ชวี ติ ประจําวนั มีภูมคิ มุ้ กนั - มกี ารวางแผนในการปฏบิ ัติ กิจกรรม - สามารถนาํ ความรู้ไปปรับให้เขา้ กบั การใช้ชวี ติ ประจําวนั ได้อย่างเหมาะสม
วัตถุ - ได้รบั ความรเู้ กย่ี วกับ เร่ืองการมองเห็นความภูมิใจในความเปนชาตไิ ทย - ทกั ษะการคดิ สงั คม - ทกั ษะการรว่ มกนั ตอบ คําถามและแสดงความ คิดเหน็ - ผเู้ รยี นไดช้ ่วยเหลือ ซ่งึ กนั และกัน สิ่งแวดลอ้ ม - รจู้ กั การใชส้ ่ือและ แหลง่ เรยี นรอู้ ยา่ ง คุ้มค่าและคุ้มเวลา วัฒนธรรม - ดํารงตนอยใู่ น สังคมอย่างมีความสุข - ส่งเสริมใหค้ นในชุมชนนยิ มการใช้สนิ คา้ ทม่ี ีอยูใ่ นชุมชนนั้นๆ 9. กระบวนการจัดการเรยี นรู้และกจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นท่ี 1 กําหนดสภาพปญั หาการเรียนรู้ (O : Orientation) ครูและผเู้ รยี นรว่ มกนั กําหนดสภาพปญั หา ความต้องการในการเรยี นรเู้ ร่อื งความภูมใิ จในความ เปนชาตไิ ทย ขั้นที่ 2 แสวงหาขอ้ มลู และจดั การเรียนรู้ (N : New ways of learning) ให้ผู้เรียนศึกษาเร่ืองความภูมใิ จในความเปนชาติไทย จากใบความรแู้ ละหนงั สือเรียน รายวชิ า ประวตั ิ ศาสตรชาติไทย ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รหสั สค 32034 ขั้นที่ 3 การปฏิบัตแิ ละการนําไปใช้ (I : Implementation) 1. ครใู ห้ผ้เู รยี นระดมความคิด ถอดบทเรียนให้สอดคลอ้ งกับหลักเศรษฐกจิ พอเพียง 2. ครูและผูเ้ รยี นรว่ มกันแลกเปลี่ยนเรยี นรแู้ ละสรปุ ความรู้เบอ้ื งต้นท่ีไดจ้ ากแบบสอบถาม เพื่อ นาํ มา วิเคราะหส์ รปุ ผล และจดั ทํารายนาํ เสนอ ข้ันท่ี 4 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) 1. ให้ผเู้ รยี นออกมาหน้าชนั้ เรียน เพ่อื นาํ เสนอการถอดบทเรียนให้สอดคลอ้ งกบั หลักเศรษฐกิจ พอเพียง จากน้ันครูใหค้ ะแนน 2. แบบทดสอบหลังเรยี น 10. ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ - หนงั สอื แบบเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรียน - สื่ออินเตอรเ์ น็ต 11. การวดั และประเมินผล 11.1 วิธีการวดั และประเมินผล - แบบประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการทํางานรว่ มกบั ผอู้ ่นื ของนกั ศึกษารายบุคคล - ใบงาน 11.2 เครื่องมือวัดและประเมินผล. - ประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการทํางานร่วมกบั ผอู้ นื่ ของนักศกึ ษารายบคุ คล - ผลจากการตรวจใบงาน
11.3 เกณฑก์ ารวดั และการประเมินผล - แบบประเมินผลการสงั เกตพฤติกรรมการทํางานร่วมกบั ผู้อื่นของนกั ศึกษารายบุคคล ระดับดี พอใช้ และควรปรบั ปรุง - ใบงานคะแนนเต็ม 10 คะแนน กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... .......... ลงชื่อ…………………………………………….ครผู ู้สอน (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาํ บล ข้อเสนอแนะของผู้บริหาร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …............................................................................................................................. .................................................... ......... ลงช่ือ………………………………………………………ผู้อนุมัติแผน (นางปทั มาภรณ์ ศรีเนตร) ผู้อํานวยการ กศน.อําเภอจตุรพักตรพมิ าน
บนั ทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้ กศน.ตาบลศรโี คตร ครั้งท่ี 20 วัน/เดอื น/ปีวันที่ วนั ท่ี 15 เดอื น กนั ยายน พ.ศ. 2565 ครูผู้สอน นายปรเรศ นามโคตร ระดับ มธั ยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระการพัฒนาสังคมและชมุ ชน วชิ า ประวตั ิศาสตรชาติไทย รหสั วชิ า สค 32034 จํานวนนกั ศึกษาทั้งหมด ............... คนเข้าเรียน…………………คน ไมเ่ ขา้ เรียน……………………….คน 1. ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้การประเมินโดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรียน พบวา่ คะแนนการทดสอบหลังเรยี น มากกวา่ กอ่ นเรยี นจํานวน ........ คนคิดเปน็ รอ้ ยละ............ คะแนนการทดสอบหลงั เรียน นอ้ ยกว่าก่อนเรียนจาํ นวน ......... คนคดิ เป็นรอ้ ยละ............ 2. เนอื้ หา/สาระ/รายวิชา ........................................................................................................................................ ........................... ....................................................................................................... ............................................................ 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................... ................................ 4. ปญั หา/อปุ สรรคการเรยี นการสอน ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... 5. แนวทางการแกป้ ัญหา ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ลงช่อื .........................................................(ผ้บู ันทกึ ) (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาํ บล วันที่ ........./................../............... ความเหน็ /ข้อเสนอของผบู้ รหิ าร ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................ ................................... ลงชอ่ื .................................................. (นางปทั มาภรณ์ ศรเี นตร) ผูอ้ ํานวยการ กศน.อําเภอจตุรพักตรพมิ าน
ใบความรู้ที่ 1 ความสาคญั ของสถาบนั หลกั ของชาติ เรอ่ื งสถาบนั หลักของชาติ สถาบนั หลกั ของชาติประกอบดวย ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ซง่ึ เปน สถาบันทอี่ ยูกับสงั คมไทยมาชานาน โดยเฉพาะอยางย่ิงสถาบนั พระมหากษัตรยิ ซ่ึงเปนเสาหลกั ในการสราง ชาตใิ หเปนปกแผน เปนศนู ยรวมจิตใจของปวงชน เปนบอเกดิ ของความรักความสามัคคี นาํ พาประเทศชาติใหผาน พนภยั นานาประการ ไมวาจะเปนภัยรุกรานของประเทศอนื่ ภัยจาก การลาอาณานคิ มและการแผขยายลทั ธิการ ปกครอง อีกทง้ั สถาบันพระมหากษัตริยมีบทบาทสําคัญ ในการพัฒนาความเปนอยูของประชาชนในทวั่ ทกุ ภูมภิ าค โดยเฉพาะอยางย่ิงในทองถ่นิ ทห่ี างไกล สงผลใหมีการยกระดับคุณภาพชีวติ ของประชาชนในทกุ มิติ และเปนราก ฐานใหประเทศชาติ มีความม่ันคงสืบมาจนถงึ ปจจบุ นั ชนชาตไิ ทยในอดีต จึงถือวาสถาบันพระมหากษัตริย เปนสถาบันสงู สดุ ของชาติ ทม่ี ีบทบาทสําคัญในการเปนผูนาํ รวมประเทศชาติใหเปนปกแผน และพระมหากษัตรยิ ทุกพระองค ปกครอง ดแู ลและบรหิ ารประเทศชาตโิ ดยใชหลักธรรม ที่เปนคําสอนของศาสนา ดวยความเขมแขง็ ของสถาบันพระมหากษัตริย ทีม่ คี วามศรทั ธาเลอื่ มใสในสถาบนั ศาสนา ทเี่ ปนเสมือนเครื่องยดึ เหน่ยี ว ทางจติ ใจให คนในชาติประพฤตปิ ฏบิ ัติในทางท่ีดงี าม เพราะทุกศาสนาลวนแตสอนใหคนประพฤติ และคอยประคบั ประคอง จิตใจใหดีงาม มีความศรัทธาในการบําเพ็ญตนตามรอยพระศาสดาของ แตละศาสนา และเม่ือพระมหากษัตรยิ เปนผูทป่ี ระพฤติตนอยูในธรรม และปกครองแผนดินโดย ธรรมแลว ไพรฟาประชาราษฎรตางอยูดวยความรมเย็น เปนสขุ จงึ ทาํ ใหสถาบันชาติ ท่ีเปนสัญลักษณ เปรียบเสมอื นอาณาเขตผนื แผนดนิ ที่เราอยูอาศยั มีความม่นั คง พฒั นาและยนื หยัดไดอยางเทาเทยี ม อารยประเทศ ดงั นัน้ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา และสถาบัน พระมหากษัตรยิ จึงเปนสถาบันหลักของ ชาติไทย ที่ไมสามารถแยกจากกันได สามารถยึดเหน่ียวจิตใจของปวงชน ชาวไทยและคนในชาติ มาจวบจนทุกวันน้ี “ชนชาตไิ ทย” เปนชนชาตทิ ี่มรี ากเหงาทางประวัตศิ าสตรและความ เปนมาทย่ี าวนาน ไมแพชาติใดในโลก เรามีแผนดินไทยที่อุดมสมบรู ณ ในน้ํามปี ลา ในนามขี าว มีพชื พันธุธญั ญาหาร ท่ีอดุ มสมบรู ณ มภี ูมิอากาศ และภูมิประเทศที่เปนชัยภูมิ อากาศไมรอนมาก ไมหนาวมาก มีความหลากหลายของ แหลงทรัพยากรธรรมชาติทีส่ มบรู ณ มีท่รี าบลุมแมนา้ํ ทอี่ ดุ มสมบรู ณ เหมาะแกการเพาะปลกู มีภูเขา มีทะเลท่ี มคี วามสมดลุ และสมบรู ณเพียบพรอมเปนทห่ี มายปอง ของนานาประเทศ นอกจากน้ี ชนชาติไทยยงั มีขนมธรรม เนียม ประเพณีและวฒั นธรรมทด่ี งี าม หลากหลาย งดงาม เปนเอกลักษณของชาตทิ โี่ ดดเดน ซึง่ สิ่งเหลานีล้ กู หลาน ไทยทุกคนควรมี ความภาคภูมิใจทีไ่ ดเกิดมาเปนคนไทย ในแผนดินไทย แตกอนทจี่ ะสามารถรวมชนชาติไทยใหเปน ปกแผน ทาํ ใหลูกหลานไทยไดมแี ผนดินอาศยั อยูอยางรมเย็นเปนสุขหลายชั่วอายคุ นมาจวบจนทกุ วนั น้ี บรรพบุรษุ ของชนชาติไทยในอดตี ทานไดสละชพี เพื่อชาติ ใชเลือดทาแผนดิน ตอสูเพ่ือ ปกปองดินแดนไทย กอบกูเอกราชด วยหวงั ไววา ลูกหลานไทยตองมแี ผนดินอยู ไมตองไปเปนทาส ของชนชาติอ่ืน ซ่งึ การรวมตัวมาเปนชนชาติไทยท่ีมี ทงั้ คนไทยและแผนดินไทยของบรรพบรุ ุษไทย ในอดีต ก็ไมใชเรือ่ งทสี่ ามารถทําไดโดยงาย ตองอาศยั ความรัก ความสามคั คี ความกลาหาญ ความเสียสละ อดทน และสิ่งที่สําคญั คือ ตองมีศนู ยรวมใจที่ เปนเสมอื นพลงั ใน การตอสูและผูนําทีม่ ีความชาญฉลาด ดานการปกครองและการรบ คือสถาบันพระมหากษัตริยที่อยูคูคนไทยมาช านาน และหากลูกหลานไทย และคนไทยทุกคนไดศึกษาพงศาวดารและประวตั ศิ าสตรชาติไทย ก็จะเหน็ วา ดวย เดชะพระบารมี และพระปรีชาสามารถของบรู พมหากษัตริยของไทยในอดตี ทเี่ ปนผูนําสามารถรวบรวมชนชาติไทย ใหเปนปกแผน แมวาเราจะเคยเสยี เอกราชและดนิ แดนมามากหมายหลายครงั้ บูรพมหากษตั ริยไทย ก็สามารถ กอบกเู อกราชและรวบรวมชนชาวไทยใหเปนปกแผนไดเสมอมา และเหนือสง่ิ อืน่ ใด พระมหากษัตริยไทยทกุ พระองค เปนพระมหากษตั ริยทปี่ กครองประเทศชาติดวยพระบารมีและ ทศพธิ ราชธรรม ใชธรรมะและคาํ สงั่ สอน ของพระพทุ ธองคมาเปนแนวในการปกครอง ทําใหคนในชาติ อยูรวมกันอยางรมเยน็ เปนสขุ สมกับคาํ ทีว่ า “ประเทศไทย เปนประเทศแผนดินธรรมแผนดินทอง” แผนดินธรรม หมายถึง แผนดินที่มผี ูปฏิบัติธรรม และการ ปฏบิ ตั ิธรรมน้ัน หมายถงึ การปฏิบัตหิ นาทีอ่ ยางถูกตอง แผนดนิ ทอง หมายถึง แผนดินที่ประชาชนไดรบั ประโยชน
และความสุขอยางทวั่ ถงึ ตามควรแกอตั ภาพ 1.1 ชาติ การจะรับรูความเขาใจในความ เปนชาตหิ รือความรูสึกท่ี หวงแหนความเปนชาตไิ ดนัน้ ผูเรยี นมีความจาํ เปนที่จะตองเขาใจบริบทของความเปนชาตเิ สียกอน ดงั น้ี 1.1.1 ความหมาย ความสาํ คัญของชาติ ชาติ หมายถงึ กลุมคนที่มีภาษา วฒั นธรรม และเชื้อชาติ ประวัติศาสตร เดียวกัน หรอื ใกลเคียงกัน มีแผนดิน อาณาเขตการปกครอง ทเี่ ปนระบบ เปนสดั สวน มผี ูนําหรอื รัฐบาลที่ใช อาํ นาจ หรือมีอํานาจอธิปไตยท่นี าํ มาใชในการปกครองประชาชน ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน กล าววา ชาติ หมายถงึ ประเทศ ประชาชนทเ่ี ปนพลเมืองของประเทศ กลุมชนที่มีความรูสกึ ในเรอ่ื งเช้ือชาติ ศาสนา ภาษา ประวตั ิ ความเปนมา ขนบธรรมเนียมประเพณี และวฒั นธรรมอยางเดยี วกันหรืออยูในปกครองรฐั บาล เดียวกัน 1.1.2 ความเปนมาของชนชาตไิ ทย เปนสงิ่ ทีต่ องทําความเขาใจกอนท่ีเก่ียวของกบั ความเปนมาของชนชาตไิ ทยนน้ั ยังไมมีการสรปุ เปนประเดน็ ที่สามารถยนื ยนั ไดชดั เจน เพราะการพจิ ารณาความเปนมาของ ชนชาติไทยนัน้ ตอง พจิ ารณาจากหลักฐานหรืองานวิจยั การคนควาทางวชิ าการทหี่ ลากหลายจาก นักวชิ าการไทยและตางประเทศ อกี ท้งั ยังตองพิจารณามิติทางเอกสาร โบราณคดี เชอ้ื ชาติหรือ ชาติพันธุ ภาษา และวัฒนธรรม ดังนี้ 1) สมเดจ็ พระเจาบรมวงศเธอ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ ขอมูลทปี่ รากฏ ในพระนิพนธเรือ่ ง “แสดงบรรยาย พงศาวดารสยาม และลักษณะการปกครองสยามแตโบราณ” เปนการนําขอมลู ของนกั วชิ าการตะวนั ตกมาประกอบ สรปุ วาถนิ่ ดั้งเดิมของชนชาตไิ ทยอยูทางตอนใต ของจนี แถบมณฑลยูนนาน กวางโจว กวางสี จนกระท่ังจนี แผ อิทธิพลทางการปกครองลงมา จนทําให ผูคนในบริเวณนน้ั ตองอพยพลงมาถึงบริเวณลุมแมน้ําเจาพระยาตอนบน 2) หลวงวิจิตรวาทการ ขอมูลที่เสนอผานผลงานเร่อื ง “งานคนควาเร่ือง ชนชาติไทย” ไดอธบิ ายวาถ่นิ เดิมของชน ชาตไิ ทยอยูบริเวณตอนกลางของจนี แถบมณฑลเสฉวน ตง้ั ถิน่ ฐานกระจัดกระจายต้งั แตแนวแมนํา้ พรหมบุตรไป จนถึงทะเลจีนใตแถบอาวตังเกยี๋ 3) ขอมลู ของจติ ร ภูมิศักด์ิ ผานผลงานเรอ่ื ง “ความเปนมาของคาํ สยามไทย ลาว และขอม และลกั ษณะทางสงั คม ของช่อื ชนชาติ” ไดศึกษาผานการวิเคราะหภาษา และตํานาน ทองถน่ิ ของภาคเหนอื ไดสรุปวา ถิน่ กําเนดิ ของคน ไทยน้นั ครอบคลุมบรเิ วณกวางใหญทางตอนใต ของจีน เวียดนาม ลาว เขมร ภาคเหนือของไทย พมา ไปจนถึง รฐั อสั สัมของอนิ เดยี เน่ืองจากมพี ืน้ ฐาน ทางนริ กุ ตศิ าสตรที่คลายคลงึ กัน 6 4) ขอมลู ของศาสตราจารย ดร.ประเสริฐ ณ นคร นักวชิ าการคนสําคญั ของ ประเทศไทย ทานไดศึกษา วิเคราะห จากหลกั ฐานของชาวตะวนั ตกทงั้ ทางดานภาษาศาสตร ประวัตศิ าสตร โบราณคดี และมานษุ ยวทิ ยา รวมไปถึงการ ลงพ้ืนทีด่ วยตนเอง ไดสรปุ ไววา ถนิ่ เดมิ ของคนไทยนาจะอยูบริเวณมณฑลกวางสี ทางใตของจีน เนื่องจากในเขต ดงั กลาวเปนพน้ื ทก่ี ลุมชน ท่ีมคี วามหลากหลายท้ังทางวัฒนธรรมและประเพณี ขอมูลประวตั ิความเปนมาสวนใหญ จะอธิบายใกลเคยี งกนั ในลักษณะของการอพยพ ลงใตจากจีน แลวแผขยายลงหลกั ปกฐานอยใู นบริเวณกวางทาง ภาคเหนอื ของไทยเกิดเปนเมืองและ เมืองขนาดใหญทข่ี ยายตัวเปนอาณาจักรตามมา กลาวอกี นัยหน่งึ ตัง้ แตทีส่ มยั ไทยอพยพลงมาน้ัน ดินแดนแหลมทองเปนทีอ่ ยูของชนชาตมิ อญ ละวาของขอม พวกมอญอยูทางตะวันตกของ ลุ มแมนํา้ เจาพระยาไปจรดมหาสมทุ รอินเดีย พวกละวามีอาณาเขตอยูในบรเิ วณภาคกลาง มีเมอื ง นครปฐมเปนเมือง สาํ คัญพอถึงพุทธศตวรรษท่ี 14 ขอมซ่งึ อยูทางตะวันออกมีอาํ นาจมากขน้ึ เขายึด เอาดินแดนพวกละวาไปไวใน อํานาจ แลวแบงการปกครองเปน 2 สวน คือ สวนภาคเหนือ และสวน ภาคใต ตอมาในพุทธศตวรรษที่ 16 สมดุล อํานาจในการแยงชิงพนื้ ที่ไดเปลยี่ นแปลงไป มอญกับ ขอมสูรบกนั จนเสื่อมอํานาจลง และในชวงเวลานั้นสโุ ขทัยได ปรากฏขึน้ มาอยางชดั เจนในหนา ประวัตศิ าสตรไทย จากรองรอยหลกั ฐานทางเอกสารทางประวัติศาสตรตาง ๆ มี การยนื ยันและเช่ือวา ประวตั ิศาสตรของชนชาตไิ ทยในแหลมทอง (Golden Khersonese) เร่มิ ตนเม่ือประมาณ พ.ศ. 800 (พทุ ธศตวรรษท่ี 8 - 12) เปนตนมา โดยมดี นิ แดนของอาณาจักรและแควนตาง ๆ เชน อาณาจกั ร ฟูนัน ต้งั อยูบรเิ วณทางทศิ ตะวันตกและชายทะเลของอาวไทย และมีอาณาจักรหริภญุ ชัยทางเหนอื อาณาจักรศรี วชิ ัยทางใต และมีอาณาจักรทวารวดี (พทุ ธศตวรรษที่ 12) บริเวณลุมแมน้ําเจาพระยา ตอนลาง เปนตน และ ไดรวมตวั เปนปกแผน มีพระมหากษัตรยิ ไดสถาปนาอาณาจกั รสโุ ขทัยเปนราชธานี แหงแรกของชนชาติไทย ราวป
พ.ศ. 1762 โดยพอขนุ ศรนี าวนาํ ถม พระราชบิดาของพอขุนผาเมือง เปนผูปกครองอาณาจักรจากหลักฐานและข อมลู ขางตนน้ี รวมถงึ สมมติฐานของแหลงอารยธรรมตาง ๆ ของโลก ซึ่งสวนใหญแหลงกาํ เนิดของชนชาตกิ ลุมใน อดีตจะอยูบริเวณลุมแมน้ํา อาทิ แหลงอารยธรรม เมโสโปเตเมีย ตง้ั อยูบรเิ วณทีร่ าบลุมระหวางแมน้าํ ไทกรสิ (Tigris) ทางตะวนั ออก และแมนํ้ายูเฟรตสิ (Euphrates) ทางตะวนั ตกหรืออารยธรรมอนิ เดยี โบราณหรอื อารย ธรรมลุมแมนา้ํ สนิ ธุ ตง้ั อยูบริเวณ ลุมแมนํา้ เปนตน ดังนั้น จงึ มคี วามเปนไปไดท่ชี นกลุมตาง ๆ ท่ีเคยอาศัยในลุมแม นาํ้ เจาพระยา หรอื บรเิ วณรอบอาวไทย มีการรวมตัวกันเปนปกแผน มีการพฒั นาเปนชุมชน สงั คม และเมือง จน กลายมาเปนอาณาจักรตาง ๆ ของชนชาติไทยตามพงศาวดาร 1.1.3 การรวมไทยเปนปกแผน ภายหลังการลมสลายของอาณาจักรอยธุ ยา ใน พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจา กรงุ ธนบรุ ีไดพยายามกอบกูเอกราชและศักด์ิศรขี องอาณาจักรกลับคืนมา หลังจากการสถาปนา อาณาจักรธนบรุ ีข้นึ ต องเผชญิ กบั สงครามภายนอกจากกองทัพพมา และสงครามภายใน คอื การปราบชุมนมุ ที่แยงชงิ ความเปนใหญแตก กันเปนกกเปนเหลา ชวงเวลาผานไปจนถงึ พ.ศ. 2325 อาณาจกั รรตั นโกสนิ ทรเปนแผนดินไทยที่พอจะเรียกไดวา “เปนปกแผน” ขึ้นมาบาง ถงึ แมวาใน เวลาตอมาจะเกิดสงครามเกาทพั ทเ่ี ปนศึกใหญในสมยั รตั น โกสนิ ทร แต กถ็ ือวาเปนชวงแหงสันติสุข มาไดยาวนาน ความเปนปกแผนของความมน่ั คงของสยามเดนชดั มากขึ้นในสมยั จอม พล ป. พิบูลสงคราม เปนนายกรฐั มนตรี มีการเปลย่ี นชือ่ ประเทศจากสยาม เปน “ไทย” กลาวอกี นยั หน่งึ “การสร างชาติ” ไดเกดิ ขึน้ อยางสมบรู ณในยุคสมัยนี้ คือ มีครบทั้งอาณาเขต ดนิ แดน ประชากร อํานาจ อธิปไตย รัฐบาล ไปจนถึงสญั ลักษณของชาติที่แสดงถงึ เอกลกั ษณวัฒนธรรมไทย เชน ภาษาไทย และ ธงชาตไิ ทย เปนสิ่งสาํ คัญที่ผู คนในยคุ ปจจบุ นั จะตองอนรุ ักษหวงแหนใหสามารถดาํ รงสืบไปในอนาคต แหลงกําเนิดของชนชาตไิ ทย จะอพยพมา จากที่ใด จะมีการพิสจู นหรือไดรบั การยอมรับหรือไม คงไมใชประเดน็ สําคญั ทีจ่ ะตองพสิ ูจนหาความจริง คงปล อยใหเปนเรื่องของ นักประวตั ิศาสตรหรือนักวชิ าการ แตความสาํ คญั อยูทีล่ ูกหลานคนไทยทุกคนทีอ่ าศยั อยูบนพื้น แผนดินไทย ตองไดเรยี นรูและตองยอมรับวา การรวมชนชาตไิ ทยใหเปนปกแผน และอยูสขุ สบาย จนถงึ ปจจบุ ันนี้ คนไทยและลูกหลานไทยทุกคนตองตระหนกั ถึงบญุ คุณของบรรพบุรุษไทยและ พระปรชี าสามารถของบูรพมหา กษัตรยิ ไทยในอดตี ท่ีสามารถรวบรวมชนชาวไทย ปกปองรักษา เอกราชและรวบรวมชาตไิ ทยใหเปน ปกแผน จงึ เป นพระราชกรณียกจิ ท่สี าํ คญั ของพระมหากษัตริยไทย ในอดีต ซ่งึ หากจะยอนรอยไปศึกษาพงศาวดารฉบับตาง ๆ รวมถงึ ประวตั ศิ าสตรชาติไทย ต้ังแต ยคุ กอนการสถาปนากรุงสโุ ขทยั ใหเปนราชธานีแหงแรกของชนชาวไทยแลว การสถาปนาราชธานี ทุกยุคทุกสมยั ไมวาจะเปนการสถาปนากรุงศรีอยธุ ยา กรุงธนบรุ ี กรงุ รัตนโกสิ นทร รวมไปถึงการกอบกู เอกราชหลงั จากการเสยี กรงุ ศรีอยุธยาทง้ั 2 ครั้ง ลวนเปนวีรกรรมและบทบาทอันสําคัญ ของ พระมหากษัตริยไทยทั้งสิ้น 1.1.4 พระมหากษัตรยิ ไทยกับการรวมชาติ การรวมชาติไทยใหเปนปกแผน เปนบทบาททส่ี าํ คญั ของพระมหา กษัตริยไทย ในอดตี หากรัฐใดแควนใด ไมมีผูนาํ หรือ พระมหากษัตรยิ ท่ีเขมแขง็ มีพระปรีชาสามารถทง้ั ดานการ รบ การปกครองรวมถึงดานการคา เศรษฐกิจการคลงั รัฐน้ันหรือแควนน้ัน ยอมมกี ารเสื่อมอํานาจลง และถูกยดึ ครองไปเปนเมืองขน้ึ หรอื ประเทศราชภายใตการปกครองของชนชาติอน่ื การถูกยึดครอง หรือไปเปนเมอื งข้นึ ภาย ใตการปกครองของอาณาจักรอ่ืนในอดีต สามารถทาํ ไดหลายกรณี อาทิ 8 การยอมสโิ รราบโดยดี โดยการเจรญิ ไมตรีและสงบรรณาการถวาย โดยไมมศี ึกสงครามและการเสีย เลอื ดเน้อื สถาบนั พระมหากษัตริย ไดมี บทบาทสาํ คญั ในการรวมชาติใหเปนปกแผน รวมถึงการปกปอง ประเทศชาตแิ ละมาตุภมู ิสืบไวใหลกู หลานไทยได มีแผนดินอยู ซึ่งหากชนชาตไิ ทยในอดตี ไมมีผูนําหรือ กษัตรยิ ทม่ี พี ระปรีชาสามารถ ในวันนอ้ี าจไมมชี าติไทย หลงเหลืออยูในแผนที่โลก หรือชนชาติไทย อาจตองตกไปอยูภายใตการปกครองของชาติใดชาติหนง่ึ
แบบฝกหัดที่ 1 ความสาคญั ของสถาบนั หลกั ของชาติ คาํ ชี้แจง ใหผูเรยี นสรปุ ความหมาย และความสําคญั ของชาติ มาพอสงั เขป กิจกรรมท่ี 1) ชาติคอื อะไร ............................................................................................................................. .................................................... ......................................................................................................................................................... ........................ .......................................................................................................... ....................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................... .............................................. .................................................................................... ............................................................................................. กิจกรรมที่ 2) ชาติสาํ คัญอยางไร ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... .......................................................................................................................................................... ....................... ........................................................................................................... ...................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... .................................................................................................................................... ............................................. กจิ กรรมท่ี 3) อธิบายความเปนมาของชนชาตไิ ทย คําช้ีแจง ใหผูเรียนอธิบายความเปนมาของชนชาติไทย อยางนอย 1 เรอ่ื ง ............................................................................................................................. .................................................... ..................................................................................................................................................................... ............ ...................................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................................... .................................. ................................................................................................ ................................................................................. ช่ือ....................................................... กศน.ตําบล................................ ระดับ .............................
คณะผู้จัดทา ที่ปรกึ ษา ผอู้ าํ นวยการ กศน.อาํ เภอจตุรพกั ตรพมิ าน นางปทั มาภรณ์ ศรเี นตร ครู นายพรทวี เกตบุตตา ครูผู้ชว่ ย นางสาวนภิ าพร คณุ ศิริ ครู กศน.ตาํ บล ผู้จดั ทา นายปรเรศ นามโคตร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184