ใบความรู้ “การศึกษาคือกระบวนการท่ีทาใหค้ นและสังคมเจรญิ งอกงาม ยิง่ เรยี นย่งิ ขยนั ยิ่งเรยี นย่งิ อดทน ยงิ่ เรยี นย่ิงซ่อื สตั ย์ ย่ิงเรียนยิ่งมคี วามกตัญํู ยง่ิ เรียนย่ิงรักปูุย่าตายาย ดแู ลปยูุ า่ ตายาย ไปไหนกด็ ูแลซ่ึงกนั และกนั บ้านเมืองกจ็ ะมีแต่ความสขุ ” เน้อื หาในสว่ นนี้ไดร้ วบรวมสาระ แนวคดิ บทความของทา่ น ดร.โกวทิ วรพิพัฒน์ ทเี่ ป็นผใู้ หน้ ยิ าม คา วา่ คดิ เป็น\"กระบวนการคดิ เพ่ือตัดสนิ ใจ\" โดยใชข้ ้อมลู 3 ดา้ น คือ ข้อมลู ส่วนตวั ข้อมลู ทาง สงั คมหรือ สง่ิ แวดลอ้ ม และข้อมูลทางวชิ าการ ปรชั ญา \"คิดเปน็ \" มีรายละเอียดและสาระทนี่ า่ ศึกษา แนวคดิ \"คดิ เปน็ \" ของ ดร. โกวทิ วรพิพัฒน์ ดร.โกวทิ วรพิพฒั น์และคณะ ไดป้ ระยุกตแ์ นวความคดิ ในเร่ือง“คดิ เปน็ ” และนามาเป็นเปาู หมาย สาคญั ในการใหบ้ รกิ ารการศึกษาผ้ใู หญ่ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2513 เปน็ ต้น มีหลักการทเ่ี ป็นหวั ใจสาคญั ดงั นี้ การ วิเคราะห์ป๎ญหาและแสวงหาคาตอบหรือทางเลือกเพื่อแก้ป๎ญหา คดิ อย่างรอบคอบโดยอาศยั ข้อมูลตนเอง ข้อมูลสังคม สิง่ แวดล้อมและข้อมูลทางวิชาการประกอบการตดั สนิ ใจ แก้ป๎ญหาหรือหาทางเลอื กเพ่อื นาไป ปฏบิ ัติ รู้จกั คดิ เพ่ือแกป้ ญ๎ หา ดว้ ยการกระทาการอย่างเหมาะสมและพอดี จากหลกั การดังที่กล่าวมา พอจะสรูปความหมายของคาวา่ คิดเปน็ ดงั น้ี \"คดิ เปน็ \" หมายถงึ กระบวนการท่ีคนเรานามาใชใ้ นการตดั สนิ ใจ โดยตอ้ งแสวงหาข้อมลู ของตนเอง ขอ้ มูลของสภาพแวดลอ้ มในชุมชนและสังคม และข้อมูลทางหลักวิชาการ แลว้ นามาวิเคราะห์หาทางเลือกใน การตดั สินใจทีเ่ หมาะสม มคี วามพอดรี ะหว่างตนเองและสงั คม เมอื่ ครั้งดร.โกวทิ วรพิพฒั น์ ปฏิบัตงิ านในตาแหนง่ หวั หน้ากองการศึกษาผู้ใหญ่ กรมสามญั ศึกษา (ระหวา่ งปี พ.ศ.2511-2518) ทา่ นได้รเิ รม่ิ โครงการการศึกษาผูใ้ หญแ่ บบเบด็ เสร็จ (Functional Literacy) แบบไทย มุ่งให้ผู้เขา้ รับการศึกษาระดบั ชาวบา้ นได้รจู้ กั คิดแกไ้ ขป๎ญหา ใหส้ อดคลอ้ งกับสภาพสถานะของตน และของกลุ่มท่เี รียกวา่ \"คิดเป็น\" โดยมีหลกั การวา่ เรียนแลว้ สามารถนาข้อมลู ทางวชิ าการ ขอ้ มลู ข้อจากัด สว่ นตัวของแตล่ ะบุคคล และข้อมูลเกี่ยวกับสงั คม มาประมวลแล้วคดิ หาคาตอบให้กับป๎ญหาของแตล่ ะคนหรอื สงั คม ซ่ึงจะได้คาตอบท่หี ลากหลายและตรงกับสภาพของแตล่ ะบคุ คลหรือสงั คม ไม่ใชว่ า่ หนังสอื บอกไวอ้ ย่างไร แลว้ ต้องทาตามเหมือนกันหมด คดิ เองไม่เปน็ แตถ่ ้าคดิ เปน็ แลว้ คาถามหรือปญ๎ หาเดยี วกันอาจได้คาตอบไม่ เหมอื นกนั ก็เป็นได้ ผลสาเรจ็ ของโครงการ \"คดิ เป็น\" ทาให้ ดร.โกวิท วรพิพฒั น์ ไดร้ บั เชิญจากองค์การยูเนสโกให้ไปเสนอผลงาน ดงั กล่าว ทป่ี ระเทศสหรฐั อเมริกา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากประเทศตา่ งๆ อยา่ งมาก จนองคก์ ารยูเนสโก นาเรอื่ งน้ี ไปเผยแพร่ทว่ั โลก ทาให้ ดร.โกวทิ ไดร้ บั ฉายาจากตา่ งประเทศว่า \"นายคดิ เปน็ \" (Mr.Khit Pen)
ใบงาน คาส่งั ใหท้ ่านคัดเลือกข่าวเกีย่ วกับสภาพสังคมป๎จจบุ ันทที่ า่ นสนใจมา 1 ขา่ ว และดาเนนิ การ วิเคราะห์ว่าขา่ วน้ดี ี หรือไม่ เหมาะสม อยา่ งไร พร้อมใหเ้ หตุผลในการวเิ คราะห์ขา่ วว่า ได้นาขอ้ มูลด้านตนเอง ด้านสงั คมส่งิ แวดล้อม และด้านวชิ าการ มาใช้ประกอบในการวิเคราะห์ เขียนตามแบบกาหนด 1. เขียนหัวขอ้ ข่าว………………………………………….. 2. รายละเอยี ดของขา่ ว (ตัดข่าวมาตดิ ไว้) 3. สังเคราะห์ข่าวได้ดังน้ี …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… ช่ือ..............................................นามสกลุ ............................................ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ กศน.ตาบลศรโี คตร คร้งั ท่ี 17 วนั /เดอื น/ปวี นั ที่ 31 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2565 ครผู ้สู อน นายปรเรศ นามโคตร ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น เวลา 09.00-12.00 น. สาระทักษะการเรียนรู้ รายวชิ า ทกั ษะการเรียนรู้ รหสั วชิ า ทร21001 จานวนผเู้ รยี นทั้งหมด ............... คนเข้าเรียน…………………คน ไมเ่ ขา้ เรียน……………………….คน 1. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้การประเมินโดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลังเรยี น พบว่า คะแนนการทดสอบหลงั เรยี น มากกวา่ ก่อนเรยี นจานวน ........ คนคิดเปน็ ร้อยละ............ คะแนนการทดสอบหลังเรียน นอ้ ยกวา่ ก่อนเรยี นจานวน ......... คนคดิ เป็นร้อยละ............ 2. เนอื้ หา/สาระ/รายวิชา ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 3. กิจกรรมการเรียนการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... 4. ปัญหา/อปุ สรรคการเรียนการสอน .................................................................................................................................................... ............... ................................................................................................................... ................................................ 5. แนวทางการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................... ................ ลงชอื่ .........................................................(ผูบ้ ันทกึ ) (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาบล ความเห็น/ข้อเสนอของผ้บู รหิ าร ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงชอื่ .................................................. (นางปท๎ มาภรณ์ ศรีเนตร) ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอจตุรพกั ตรพมิ าน
แผนการจัดการเรยี นรู้รายวิชาทกั ษะการเรยี นรู้ ครัง้ ที่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ กศน.ตาบลศรโี คตร 1. สัปดาหท์ ่ี 18 วันท่ี 7 เดอื น กนั ยายน พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00น. 2. วิชา ทักษะการเรียนรู้ รหัสวชิ า ทร2101 จานวน 1 หน่วยกติ 3. มาตรฐานที่ 1.1 มคี วามรู้ความเขา้ ใจ ทักษะ และเจตคติท่ดี ตี อ่ การเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง 4. หนว่ ยการเรียนร/ู้ เร่อื ง คิดเป็น 5. สาระสาคัญ ทบทวนทาความเข้าใจกับความเช่ือพืน้ ฐานทางการศกึ ษาผูใ้ หญ่ และเช่ือมโยงไปสกู่ ารเรยี นรเู้ ร่อื งการ คิดเปน็ กระบวนการแกป้ ญ๎ หาของคนคดิ เป็นและปรชั ญาคิดเปน็ ศึกษาวิเคราะหล์ ักษณะของขอ้ มูลทงั้ ดา้ น วิชาการ ตนเอง และสงั คม ส่ิงแวดล้อม รวมท้งั เทคนิคการเกบ็ ข้อมูล เพื่อนาไปใช้ในการเลอื กเก็บขอ้ มลู ดงั กล่าวมาใชป้ ระกอบการตัดสินใจอย่างคนคดิ เป็น 6. เนอื้ หา การรวบรวมและวเิ คราะห์สภาพป๎ญหา ของตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และคิดวิเคราะห์ โดยใช้ ขอ้ มูลดา้ นตนเอง ด้านวิชาการ และ ดา้ นสงั คมส่ิงแวดล้อม 7. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้/ผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวัง มคี วามรู้ ความเข้าใจ และวิจารณห์ รือแสดงความคดิ เหน็ และความรสู้ กึ ต่อการแสดงประเภทต่างๆ ได้ 1. อธิบายหรอื ทบทวนปรชั ญาคดิ เป็น และการใช้ระบบข้อมลู ทางวชิ าการ ตนเอง และสังคมสิ่งแวดล้อม มา วเิ คราะห์ สังเคราะห์ เพ่ือประกอบกระบวนการคิด การตัดสินใจในการแกป้ ญ๎ หา 1.1 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ ระหว่างความเช่อื พ้ืนฐานทางการศึกษาผู้ใหญ/่ การศึกษานอก ระบบกับปรชั ญาคิดเปน็ 1.2 อธบิ ายความสาคัญของการคดิ เป็น ท่มี ตี ่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน 2. อธบิ ายและปฏบิ ตั ิการใชเ้ ทคนคิ วิธกี ารฝึกทักษะการคิดเป็นทซ่ี ับซ้อนและนาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ที่ เก่ียวข้องมาส่งเสริมกระบวนการคิดเป็นให้มากข้ึน 2.1 อธบิ ายวธิ ีการรวบรวม ป๎ญหาของตนเอง ครอบครัวและชุมชน 2.2 อธิบายการวิเคราะห์ป๎ญหา ของตนเอง ครอบครัวและชมุ ชนดว้ ย กระบวนการคิดเป็น 2.3 บอกวธิ ีและกระบวนการรวบรวมขอ้ มลู ด้านตนเอง ด้านวิชาการ และดา้ นสงั คมส่งิ แวดลอ้ ม เพื่อ นามาใช้ในกระบวนการคดิ เป็น 2.4 วเิ คราะหข์ ้อมลู วชิ าการ ขอ้ มลู ตนเอง และข้อมลู สงั คมสง่ิ แวดลอ้ ม เพือ่ ตัดสินใจเลอื กแนว ทางการแก้ไขป๎ญหาตนเอง ครอบครวั และชุมชน 2.5 เลือกแนวทางในการแก้ไขป๎ญหาดว้ ยกระบวนการคิดเปน็ ไดอ้ ย่างมีคุณธรรม จรยิ ธรรม 2.6 วางแผนแก้ไขป๎ญหาของชุมชนตามเหตุการณ์ทีกาหนดให้ โดยใชก้ ระบวนการคิดเปน็ 3. อภปิ ราย ถกแถลงถึงป๎ญหาและอุปสรรคในการใชก้ ระบวนการคดิ เป็นประกอบการแกป้ ๎ญหา 3.1 อภิปรายและระบุป๎ญหาท่เี ป็นอปุ สรรคต่อการพัฒนากระบวนการคดิ เป็น 3.2 บอกแนวทางการแก้ปญ๎ หาท่เี ป็นอุปสรรคต่อการพัฒนากระบวนการคดิ เปน็
8. การบรู ณาการกบั หลกั แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง (2 เง่ือนไข 3 หลกั การ การเชอ่ื มโยงสู่ 4 มิต)ิ ความรู้ ความรเู้ รอื่ งการคิดเป็น วิเคราะหส์ ภาพปญ๎ หา ของตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน คณุ ธรรม - มีความขยัน - มีความสามคั คีในการทางานร่วมกัน - มีความตั้งใจและมงุ่ มนั่ พอประมาณ - ความถนดั ในการศกึ ษาหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ - ตน้ ทุน - เวลา มีเหตุผล - มคี วามรู้เพ่ือพฒั นาตนเอง - บรหิ ารเวลาในการศึกษาหาความรูไ้ ด้อย่างมีประสทิ ธิภาพ มีภมู คิ มุ้ กนั - นาความรทู้ ไ่ี ด้มาพฒั นาทักษะดา้ นต่างๆไดเ้ หมาะสมกบั ตนเอง วัตถุ - มที รพั ยากรในการศึกษาหาความรู้ทีห่ ลากหลาย สังคม - มีการทางานร่วมกันเปน็ กลุ่มแลกเปลี่ยนความคดิ และวเิ คราะหร์ ว่ มกนั สง่ิ แวดล้อม - ใช้ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมในการศึกษาหาความรู้ วฒั นธรรม - มีความรู้ท่ไี ด้จากภมู ปิ ญ๎ ญาในท้องถน่ิ และทรพั ยากรในท้องถ่ิน 9. กระบวนการจัดการเรยี นรูแ้ ละกิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ ที่ 1 กาหนดสภาพปัญหาการเรียนรู้(O : Orientation) 1. ครูทกั ทาย/สวัสดีผู้เรยี น ชแี่ จงบอกวตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้ 2. ให้ผู้เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ข้ันที่ 2 แสวงหาขอ้ มลู และจัดการเรยี นรู้(N : New ways of learning) 1. ครทู ักทาย/สวสั ดีผ้เู รียน ชี่แจงบอกวตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ 2. สุม่ ตัวอยา่ งผเู้ รยี น 2-3 คนใหเ้ ล่าถงึ กระบวนการคดิ เป็นที่ผ้เู รียนพอเขา้ ใจให้เพ่ือนๆฟง๎ วา่ มกี ระบวนการและขนั้ ตอนอย่างไร และตอบข้อคาถามของครูและเพอ่ื นๆได้ 3. ครใู ห้ผเู้ รียนทุกคนออกแบบในเร่อื งของกระบวนการคิดเป็นวา่ มขี ั้นตอนและกระบวนการ อยา่ งไรตามความเข้าใจของผเู้ รียน
ขน้ั ท่ี 3 การปฏิบัติและการนาไปใช้(I : Implementation) 1. ครใู หผ้ ู้เรยี นระดมความคิด ถอดบทเรยี นให้สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพยี ง 2. ให้แตล่ ะคนนาเสนอผลการออกแบบขัน้ ตอนและกระบวนการคิดเปน็ หนา้ ชน้ั เรยี น 3. ครสู รปุ หลงั จากทุกคนนาเสนอหนา้ ช้นั เรียนเรยี บร้อยแล้ว 4. ครูใหค้ วามรเู้ พิม่ เติมในสว่ นที่ผเู้ รยี นขาดหาย ครเู ชอ่ื มโยงจากสงิ่ ทีผ่ ้เู รยี นนาเสนอกับ เนอื้ หาในเร่อื งของกระบวนการคดิ เป็น 5. แจกใบงานใหท้ ดสอบความรู้ ความเขา้ ใจ และทดสอบหลงั เรยี น ข้นั ท่ี 4 การประเมินผลการเรียนร้(ู E : Evaluation) 1. ใหน้ ักศึกษาออกมาหนา้ ชั้นเรยี น เพอื่ นาเสนอการถอดบทเรียนใหส้ อดคล้องกับหลกั เศรษฐกิจ พอเพียง จากนั้นครใู ห้คะแนน 2. ครูและผเู้ รียนรว่ มกันสรปุ หลังจากทุกกลุ่มนาเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี น 3. ครเู ชอ่ื มโยงกิจกรรมที่ผู้เรยี นได้ปฏบิ ัตกิ ับเน้ือหาในเรื่องการคดิ เปน็ 4. แบบทดสอบหลงั เรียน 10. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวชิ าทกั ษะการเรยี นรู้ (ทร2100๑) ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น 2. ใบงาน 3. ใบความรู้ 4. สือ่ อินเตอรเ์ น็ต 11. การวดั และประเมินผล 11.1 วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล - แบบประเมินผลการสงั เกตพฤติกรรมการทางานร่วมกับผอู้ ่ืนของนกั ศึกษารายบคุ คล - ใบงาน 11.2 เคร่อื งมอื วัดและประเมินผล. - ประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทางานร่วมกับผอู้ ืน่ ของนกั ศึกษารายบุคคล - ผลจากการตรวจใบงาน 11.3 เกณฑ์การวดั และการประเมินผล - แบบประเมินผลการสงั เกตพฤติกรรมการทางานรว่ มกบั ผอู้ นื่ ของนกั ศึกษารายบุคคล ระดับดี พอใช้ และควร ปรบั ปรงุ - ใบงานคะแนนเต็ม 10 คะแนน
กิจกรรมเสนอแนะ .................................................................................................. ............................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................... ........................................... ................................ ลงช่อื …………………………………………….ครูผสู้ อน (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาบล ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหาร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………….................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................ ลงชอ่ื ………………………………………………………ผู้อนุมัตแิ ผน (นางปท๎ มาภรณ์ ศรีเนตร) ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอจตรุ พกั ตรพมิ าน
บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ กศน.ตาบลศรโี คตร ครงั้ ที่ 18 วัน/เดือน/ปวี ันท่ี 7 เดือน กนั ยายน พ.ศ. 2565 ครผู สู้ อน นายปรเรศ นามโคตร ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ เวลา 09.00-12.00 น. สาระทักษะการเรียนรู้ รายวชิ า ทักษะการเรียนรู้ รหสั วิชา ทร2100๑ จานวนผเู้ รยี นทงั้ หมด ............... คนเขา้ เรยี น…………………คน ไม่เข้าเรียน……………………….คน 1. ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้การประเมนิ โดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลังเรยี น พบว่า คะแนนการทดสอบหลังเรยี น มากกวา่ กอ่ นเรยี นจานวน ........ คนคิดเป็นร้อยละ............ คะแนนการทดสอบหลงั เรยี น นอ้ ยกว่าก่อนเรยี นจานวน ......... คนคดิ เป็นรอ้ ยละ............ 2. เน้ือหา/สาระ/รายวิชา ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 3. กจิ กรรมการเรียนการสอน ........................................................................................................................... ........................................ ............................................................................................................................. ...................................... 4. ปัญหา/อุปสรรคการเรียนการสอน ................................................................................................................................................. .................. ................................................................................................................ ................................................... 5. แนวทางการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................ ................... ลงช่ือ.........................................................(ผบู้ นั ทกึ ) (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาบล ความเห็น/ข้อเสนอของผบู้ รหิ าร ......................................................................................................................... .......................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงชื่อ.................................................. (นางปท๎ มาภรณ์ ศรีเนตร) ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอจตุรพักตรพิมาน
ใบความรู้ “การเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง” การเรียนรเู้ ปน็ เร่อื งของทุกคนศักดศ์ิ รีของผเู้ รียนจะมีไดเ้ ม่ือมีโอกาสในการเลือกเรยี นในเรื่องที่ หลากหลายและมีความหมายแกต่ นเองการเรียนรู้มอี งค์ประกอบ 2 ดา้ นคอื องค์ประกอบภายนอกได้แก่ สภาพแวดลอ้ มโรงเรียนสถานศกึ ษาสงิ่ อานวยความสะดวกและครูองคป์ ระกอบภายในได้แกก่ ารคิดเป็น พงึ่ ตนเองได้มอี สิ รภาพใฝรุ ู้ใฝุสร้างสรรคม์ ีความคิดเชงิ เหตผุ ลมจี ติ สานกึ ในการเรยี นรู้มเี จตคติเชิงบวกต่อการ เรยี นรู้การเรยี นรทู้ ่ีเกดิ ข้ึนมิได้เกิดข้ึนจากการฟง๎ คาบรรยายหรือทาตามที่ครผู สู้ อนบอกแต่อาจเกดิ ข้นึ ได้ใน สถานการณ์ต่างๆต่อไปนี้ 1. การเรียนรโู้ ดยบงั เอิญการเรยี นรแู้ บบนเ้ี กดิ ขนึ้ โดยบงั เอิญมิได้เกดิ จากความต้งั ใจ 2. การเรยี นรดู้ ้วยตนเองเปน็ การเรียนรูด้ ้วยความตง้ั ใจของผเู้ รียนซงึ่ มีความปรารถนาจะร้ใู นเรอื่ งนนั้ ผูเ้ รียนจึงคิดหาวธิ กี ารเรยี นด้วยวิธีการตา่ งๆหลงั จากนน้ั จะมีการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดว้ ยตนเองจะเป็น รูปแบบการเรียนรู้ที่ทวคี วามสาคญั ในโลกยุคโลกาภวิ ตั น์บุคคลซึง่ สามารถปรบั ตนเองใหต้ ามทันความกา้ วหน้า ของโลกโดยใช้ส่อื อุปกรณ์ยคุ ใหม่ไดจ้ ะทาใหเ้ ปน็ คนที่มีคุณค่าและประสบความสาเร็จได้อย่างดี 3. การเรยี นรโู้ ดยกล่มุ การเรียนรแู้ บบนี้เกดิ จากการที่ผเู้ รยี นรวมกล่มุ กันแลว้ เชญิ ผ้ทู รงคุณวฒุ ิมา บรรยายให้กบั สมาชิกทาใหส้ มาชิกมคี วามรู้เรื่องท่วี ิทยากรพดู 4. การเรยี นร้จู ากสถาบันการศกึ ษาเปน็ การเรยี นแบบเปน็ ทางการมหี ลกั สูตรการประเมินผลมี ระเบียบการเขา้ ศึกษาทีช่ ดั เจนผเู้ รียนตอ้ งปฏิบตั ติ ามกฎระเบยี บท่กี าหนดเม่อื ปฏบิ ตั ิครบถว้ นตามเกณฑ์ที่ กาหนดก็จะไดร้ ับปริญญาหรอื ประกาศนียบตั รจากสถานการณ์การเรียนรูด้ งั กล่าวจะเห็นได้วา่ การเรยี นรู้อาจ เกดิ ไดห้ ลายวิธีและการเรยี นรู้นนั้ ไม่จาเปน็ ต้องเกิดขน้ึ ในสถาบันการศึกษาเสมอไปการเรียนรูอ้ าจเกิดขึ้นไดจ้ าก การเรยี นรดู้ ้วยตนเองหรือจากการเรียนโดยกลุ่มก็ไดแ้ ละการทบ่ี ุคคลมีความตระหนักเรยี นรอู้ ยภู่ ายในจติ สานึก ของบุคคลน้ันการเรียนรดู้ ้วยตนเองจงึ เปน็ ตัวอย่างของการเรยี นรใู้ นลกั ษณะทเ่ี ปน็ การเรยี นร้ทู ี่ทาใหเ้ กิดการ เรียนรูต้ ลอดชวี ติ ซงึ่ มีความสาคัญสอดคล้องกบั การเปลย่ี นแปลงของโลกปจ๎ จุบันและสนบั สนุนสภาพ “สงั คม แหง่ การเรียนรู้” ไดเ้ ปน็ อย่างดี การเรยี นร้ดู ้วยตนเองคืออะไร เม่ือกลา่ วถึงการเรียนดว้ ยตนเองแลว้ บคุ คลโดยทวั่ ไปมกั จะเข้าใจวา่ เปน็ การเรียนทีผ่ ้เู รยี น ทาการศึกษาคน้ คว้าดว้ ยตนเองตามลาพังโดยไมต่ ้องพ่งึ พาผู้สอนแตแ่ ท้ท่ีจริงแล้วการเรยี นด้วยตนเองที่ต้องการ ใหเ้ กดิ ข้ึนในตัวผู้เรยี นนั้นเปน็ กระบวนการเรยี นรู้ทผ่ี เู้ รยี นริเรมิ่ การเรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจความ ต้องการและความถนัดมเี ปา้ หมายรจู้ ักแสวงหาแหล่งทรัพยากรของการเรยี นรูเ้ ลอื กวิธกี ารเรียนรจู้ นถงึ การ ประเมินความกา้ วหน้าของการเรยี นร้ขู องตนเองโดยจะดาเนินการด้วยตนเองหรอื ร่วมมือช่วยเหลือกบั ผูอ้ น่ื หรอื ไมก่ ็ได้ซึ่งผเู้ รยี นจะต้องมีความรบั ผิดชอบและเปน็ ผ้คู วบคมุ การเรยี นของตนเอง ทงั้ น้ีการเรียนด้วยตนเองนั้นมีแนวคิดพื้นฐานมาจากแนวคิดทฤษฎกี ลุ่มมนุษยนิยมท่มี ีความเชื่อในเร่ือง ความเปน็ อสิ ระและความเป็นตวั ของตัวเองของมนุษย์ว่ามนุษยท์ กุ คนเกดิ มาพร้อมกบั ความดีมคี วามเป็นอสิ ระ เปน็ ตวั ของตัวเองสามารถหาทางเลือกของตนเองมีศกั ยภาพและสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อยา่ งไม่ มขี ีดจากัดรวมท้ังมีความรับผิดชอบตอ่ ตนเองและผูอ้ ่นื ซ่ึงการเรยี นด้วยตนเองก่อใหเ้ กดิ ผลในทางบวกต่อการ เรยี นโดยจะส่งผลให้ผู้เรยี นมคี วามเช่ือมน่ั ในตนเองมีแรงจูงใจในการเรยี นมากข้นึ มีผลสัมฤทธิท์ างการเรียน สงู ขน้ึ และมีการใช้วิธีการเรยี นทีห่ ลากหลายการเรยี นด้วยตนเองจงึ เป็นมาตรฐานการศึกษาท่คี วรสง่ เสริมให้
เกิดขึ้นในตวั ผู้เรยี นทุกคนเพราะเมื่อใดก็ตามทผ่ี เู้ รยี นมใี จรกั ท่ีจะศึกษาคน้ คว้าจากความต้องการของตนเอง ผเู้ รียนกจ็ ะมีการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งต่อเนอ่ื งต่อไปโดยไม่ตอ้ งมีใครบอกหรือบังคับเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความ อยากรู้อยากเห็นต่อไปไม่มที ีส่ ้ินสุดซงึ่ จะนาไปสกู่ ารเปน็ ผู้เรียนรตู้ ลอดชวี ิตตามเปาู หมายของการศึกษาต่อไป การเรยี นด้วยตนเองมอี ยู่ 2 ลกั ษณะคือลกั ษณะทเี่ ป็นการจัดการเรียนรู้ท่ีมจี ุดเนน้ ให้ผเู้ รียนเป็นศูนย์กลางใน การเรียนโดยเปน็ ผู้รับผดิ ชอบและควบคุมการเรยี นของตนเองโดยการวางแผนปฏิบตั ิการเรยี นร้แู ละประเมิน การเรียนร้ดู ว้ ยตนเองซง่ึ ไม่จาเป็นจะตอ้ งเรียนดว้ ยตนเองเพียงคนเดยี วตามลาพงั และผู้เรยี นสามารถถา่ ยโอน การเรียนรแู้ ละทักษะที่ไดจ้ ากสถานการณ์หนึง่ ไปยงั อกี สถานการณ์หนง่ึ ไดใ้ นอกี ลักษณะหนึ่งเปน็ ลกั ษณะทาง บคุ ลกิ ภาพที่มอี ยู่ในตัวผูท้ เ่ี รยี นดว้ ยตนเองทุกคนซงึ่ มีอยู่ในระดับท่ีไม่เท่ากันในแตล่ ะสถานการณ์การเรยี นโดย เป็นลักษณะท่ีสามารถพฒั นาใหส้ งู ขน้ึ ได้และจะพฒั นาไดส้ งู สดุ เมอ่ื มีการจดั สภาพการจดั การเรียนรทู้ เ่ี อ้ือกนั การเรยี นรู้ด้วยตนเองมคี วามสาคัญอย่างไร การเรียนร้ดู ้วยตนเอง (Self-Directed Learning) เปน็ แนวทางการเรียนรู้หนึ่งทีส่ อดคลอ้ งกับการ เปล่ียนแปลงของสภาพปจ๎ จุบันและเปน็ แนวคิดทีส่ นับสนุนการเรียนรตู้ ลอดชีวติ ของสมาชิกในสงั คมสู่การเป็น สังคมแห่งการเรียนรโู้ ดยการเรียนร้ดู ว้ ยตนเองเป็นการเรียนรทู้ ่ีทาให้บคุ คลมีการรเิ รม่ิ การเรยี นรู้ดว้ ยตนเองมี เปาู หมายในการเรยี นรูท้ ีแ่ น่นอนมคี วามรบั ผดิ ชอบในชีวิตของตนเองไม่พ่ึงคนอนื่ มีแรงจูงใจทาใหผ้ เู้ รยี นเปน็ บคุ คลทใี่ ฝุรใู้ ฝเุ รยี นที่มีการเรียนร้ตู ลอดชีวิตเรียนรู้วธิ เี รยี นสามารถเรียนร้เู ร่อื งราวตา่ งๆได้มากกวา่ การเรียนทีม่ ี ครูปอู นความรใู้ ห้เพียงอยา่ งเดียวการเรยี นรู้ด้วยตนเองไดน้ บั ว่าเป็นคณุ ลักษณะท่ีดีทส่ี ุดซ่ึงมีอย่ใู นตัวบุคคลทุก คนผู้เรียนควรจะมีคณุ ลกั ษณะของการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเองการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเองจัดเปน็ กระบวนการเรียนรู้ตลอด ชีวติ ยอมรับในศักยภาพของผเู้ รยี นว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถที่จะเรียนรู้สง่ิ ต่างๆไดด้ ้วยตนเองเพือ่ ท่ตี นเอง สามารถทด่ี ารงชีวิตอยใู่ นสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาไดอ้ ย่างมคี วามสุขดังนั้นการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง มคี วามสาคญั ดังน้ี 1. บุคคลทีเ่ รียนรู้ดว้ ยการรเิ ร่ิมของตนเองจะเรียนได้มากกว่าดีกวา่ มีความตงั้ ใจมีจุดมุ่งหมายและมี แรงจูงใจสงู กวา่ สามารถนาประโยชนจ์ ากการเรียนรู้ไปใชไ้ ด้ดกี ว่าและยาวนานกวา่ คนทีเ่ รียนโดยเปน็ เพยี งผรู้ บั หรือรอการถ่ายทอดจากครู 2. การเรยี นรู้ด้วยตนเองสอดคลอ้ งกับพัฒนาการทางจิตวทิ ยาและกระบวนการทางธรรมชาตทิ าให้ บคุ คลมีทิศทางของการบรรลุวฒุ ภิ าวะจากลักษณะหนงึ่ ไปสู่อีกลกั ษณะหนงึ่ คือเมื่อตอนเด็กๆเป็นธรรมชาติที่ จะต้องพ่งึ พงิ ผู้อื่นต้องการผปู้ กครองปกปูองเลี้ยงดูและตัดสินใจแทนใหเ้ มื่อเตบิ โตมีพฒั นาการขึ้นเรื่อยๆพฒั นา ตนเองไปส่คู วามเป็นอิสระไม่ตอ้ งพ่งึ พิงผปู้ กครองครูและผู้อน่ื การพัฒนาเปน็ ไปในสภาพที่เพ่มิ ความเป็นตัวของ ตวั เอง 3. การเรยี นรู้ด้วยตนเองทาให้ผู้เรยี นมคี วามรับผดิ ชอบซง่ึ เป็นลกั ษณะทส่ี อดคลอ้ งกบั พัฒนาการใหม่ๆ ทางการศึกษาเช่นหลกั สตู รห้องเรยี นแบบเปิดศูนยบ์ ริการวิชาการการศึกษาอย่างอสิ ระมหาวิทยาลัยเปิดลว้ น เนน้ ใหผ้ ้เู รยี นรับผิดชอบการเรยี นรู้เอง 4. การเรียนรู้ด้วยตนเองทาใหม้ นษุ ย์อย่รู อดการมีความเปลีย่ นแปลงใหม่ๆเกิดขึน้ เสมอทาให้มคี วาม จาเป็นทจี่ ะต้องศึกษาเรียนร้กู ารเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองจงึ เป็นกระบวนการต่อเนอื่ งตลอดชวี ิต การเรียนร้ดู ้วยตนเองมีลกั ษณะอย่างไรการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองสามารถจาแนกออกเปน็ 2 ลกั ษณะสาคญั ดังนี้ 1. ลักษณะทเ่ี ป็นบุคลกิ คุณลักษณะสว่ นบุคคลของผูเ้ รียนในการเรียนดว้ ยตนเองจัดเป็นองค์ประกอบ ภายในทีจ่ ะทาให้ผูเ้ รียนมแี รงจงู ใจอยากเรียนต่อไปโดยผเู้ รยี นท่มี คี ณุ ลักษณะในการเรียนด้วยตนเองจะมคี วาม รับผิดชอบตอ่ ความคิดและการกระทาเกย่ี วกบั การเรียนรวมทั้งรบั ผดิ ชอบในการบรหิ ารจัดการตนเองซึง่ มี โอกาสเกิดขนึ้ ได้สูงสุดเมอ่ื มีการจัดสภาพการเรียนรู้ท่ีส่งเสริมกัน
2. ลักษณะที่เป็นการจดั การเรียนร้ใู ห้ผูเ้ รยี นได้เรียนดว้ ยตนเองประกอบด้วยข้ันตอนการวางแผนการ เรียนการปฏบิ ัตติ ามแผนและการประเมนิ ผลการเรยี นจัดเป็นองคป์ ระกอบภายนอกทสี่ ง่ ผลต่อการเรียนด้วย ตนเองของผเู้ รียนซึง่ การจดั การเรียนรแู้ บบน้ผี ู้เรยี นจะไดป้ ระโยชน์จากการเรยี นมากทส่ี ุด Knowles (1975) เสนอให้ใช้สญั ญาการเรียน (Learning contracts) เปน็ การมอบหมายภาระงานให้แกผ่ ้เู รียนวา่ จะตอ้ งทา อะไรบ้างเพ่ือให้ไดร้ บั ความรตู้ ามเปูาประสงคแ์ ละผเู้ รียนจะปฏิบตั ิตามเง่อื นไขน้ัน องค์ประกอบของการเรยี นรู้ด้วยตนเองมีอะไรบ้างองคป์ ระกอบของการเรยี นรู้ด้วยตนเองมดี งั น้ี 1. การวเิ คราะห์ความต้องการของตนเองจะเริม่ จากใหผ้ เู้ รียนแต่ละคนบอกความต้องการ และความสนใจของตนในการเรียนกบั เพ่ือนอีกคนทาหน้าท่ีเปน็ ทีป่ รึกษาแนะนาและเพอ่ื นอกี คน ทาหนา้ ท่จี ดบันทึกและใหก้ ระทาเชน่ น้ีหมุนเวียนทัง้ 3 คนแสดงบทบาทครบท้งั 3 ดา้ นคือผ้เู สนอ ความตอ้ งการผูใ้ หค้ าปรึกษาและผู้คอยจดบนั ทึกการสงั เกตการณ์เพ่ือประโยชนใ์ นการเรียน รว่ มกนั และช่วยเหลอื ซึง่ กันและกนั ในทุกๆดา้ น 2. การกาหนดจุดมงุ่ หมายในการเรียนโดยเรม่ิ จากบทบาทของผูเ้ รียนเปน็ สาคัญผูเ้ รยี น ควรศึกษาจดุ ม่งุ หมายของวิชาแล้วเขียนจดุ มุ่งหมายในการเรียนของตนให้ชัดเจนเน้นพฤติกรรมที่ คาดหวังวัดได้มีความแตกต่างของจุดมุง่ หมายในแตล่ ะระดับ 3. การวางแผนการเรยี นใหผ้ ู้เรียนกาหนดแนวทางการเรียนตามวัตถปุ ระสงคท์ ่ีระบุไว้ จัดเนอื้ หาใหเ้ หมาะสมกบั สภาพความต้องการและความสนใจของตนระบกุ ารจัดการเรียนรู้ให้ เหมาะสมกับตนเองมากทสี่ ุด 4. การแสวงหาแหล่งวทิ ยาการทัง้ ท่เี ป็นวัสดุและบุคคล 4.1 แหลง่ วทิ ยาการทเ่ี ปน็ ประโยชนใ์ นการศึกษาค้นควา้ เชน่ ห้องสมดุ พิพิธภัณฑ์เป็นต้น 4.2 ทักษะต่างๆทม่ี ีสว่ นชว่ ยในการแสวงแหล่งวทิ ยาการได้อย่างสะดวกรวดเร็วเช่น ทกั ษะการต้งั คาถามทักษะการอ่านเปน็ ตน้ 5. การประเมนิ ผลควรประเมินผลการเรยี นดว้ ยตนเองตามทก่ี าหนดจุดมุ่งหมายของการ เรียนไว้และให้สอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงคเ์ ก่ยี วกับความรู้ความเขา้ ใจทักษะทัศนคติคา่ นยิ มมี ขน้ั ตอนในการประเมินคือ 5.1 กาหนดเปาู หมายวัตถปุ ระสงคใ์ ห้ชัดเจน 5.2 ดาเนนิ การใหบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ซงึ่ เป็นสงิ่ สาคญั 5.3 รวบรวมหลกั ฐานจากผลการประเมินเพื่อตัดสินใจซ่ึงต้องต้งั อยู่บนพ้นื ฐานของข้อมูลท่ีสมบรู ณ์ และเชื่อถือได้ 5.4 เปรยี บเทยี บข้อมูลก่อนเรียนกับหลังเรยี นเพ่ือดวู า่ ผ้เู รียนมคี วามกา้ วหน้าเพียงใด 5.5 ใช้แหลง่ ข้อมูลจากครูและผเู้ รียนเปน็ หลกั ในการประเมิน
ใบงาน เรือ่ ง การเรยี นรู้ด้วยตนเองน้ัน สาคัญไฉน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชื่อ…………………………………………….………นามสกลุ ………………………………………………ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้
แผนการจดั การเรยี นรูร้ ายวิชาเศรษฐกิจพอเพยี ง คร้งั ท่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ กศน.ตาบลศรโี คตร 1. สัปดาหท์ ่ี 19 วันที่ 14 เดอื น กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00น. 2. วชิ า เศรษฐกิจพอเพียง รหัสวิชา ทช 21001 จานวน1หน่วยกติ 3. มาตรฐานท่ี 2.2 รู้ เข้าใจ ยอมรับ เห็นคุณค่า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถประยุกต์ใช้ ในการประกอบอาชพี และมภี มู ิคมุ้ กนั ในการดาเนนิ ชีวิตของตนเอง ครอบครวั และชุมชนอย่างมคี วามสุข 4. หน่วยการเรียนรู/้ เรอ่ื งความพอเพียง 5. สาระสาคัญ เศรษฐกิจพอเพยี งเป็นหลักคดิ หลักปฏิบัติในการดาเนินชีวิตตามแนวทางสายกลางของกลุ่ม บคุ คลทุก ระดบั ตัง้ แต่ระดบั ครอบครัว ชุมชน และระดบั ประเทศ โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกจิ ให้ กา้ วทันต่อความ เปลีย่ นแปลงในยคุ โลกาภวิ ัฒนด์ ้วยความพอเพียง คอื มีความพอประมาณ ความมเี หตุผล มรี ะบบภูมคิ ุ้มกนั ใน ตัวทีดตี ่อการมีผลกระทบต่างๆ อนั เกิดจากการเปล่ียนแปลงทงั ภายนอกและ ภายในประเทศ โดยจะต้องมี ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวัง ควบคไู่ ปกับการมีความรู้ ทเี หมาะสม มีความสานกึ ใน คุณธรรม เพื่อใหส้ มดุลและพร้อมรองรับการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วและ กว้างขวางท้ังทางดา้ นวตั ถุ สงั คม ส่ิงแวดลอ้ ม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอยา่ งดี 6. เนื้อหา 1. ความเปน็ มาความหมาย หลกั การแนวคิดของปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2. การแสวงหาความรู้ 2.1 ความหมาย ความสาคัญของการแสวงหาความรู้ 2.2 แหล่งความรแู้ ละวิธกี ารแสวงหาความรู้ 7. จุดประสงค์การเรียนรู้/ผลการเรยี นรทู้ ีค่ าดหวงั (ดูจากผงั การออกข้อสอบ) อธบิ ายแนวคิด หลักการ ความหมาย ความสาคัญของปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้ 8. การบรู ณาการกับหลกั แนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (2 เงื่อนไข 3 หลักการ การเช่อื มโยงสู่ 4 มติ ิ) ความรู้ ความเป็นมาความหมาย หลักการแนวคดิ ของปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง การ แสวงหาความรู้ คุณธรรม - มีความขยนั - มีความสามัคคใี นการทางานรว่ มกนั - มคี วามอดทน พอประมาณ - การใชช้ ิวติ อยา่ งเหมาะสม มีเหตุผล - มแี นวคดิ และตดั สินใจในการใช้ชีวิตประจาวันได้อยา่ งถูกต้ มภี มู คิ มุ้ กนั
- สามารถใช้ชีวติ ในสังคมป๎จจุบันท่มี ีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้ วัตถุ - ดาเนินชีวิตได้อย่างมีแบบแผน สงั คม - เปน็ ตวั อยา่ งการดารงชวี ติ ใหก้ บั ผู้อน่ื ส่งิ แวดล้อม - อนรุ กั ษ์ส่ิงแวดล้อมด้วยการใช้ทรัพยากรในชมุ ชนห่างไกลการใชส้ ารเคมี วฒั นธรรม - อนุรักษ์วีถีชีวิตและประเพณีในทอ้ งถ่นิ 9. กระบวนการจดั การเรยี นรู้และกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 1 กาหนดสภาพปญั หาการเรยี นรู้(O : Orientation) 1. ครอู ธบิ ายรายละเอียดสาระสาคัญและผลการเรยี นรู้ท่ีคาดหวงั ในรายวิชา ทช21001 เศรษฐกิจพอเพยี ง พร้อมทงั้ แจกเอกสารใบความรู้ที่ 1 ให้ผเู้ รยี นทาความเข้าใจเกยี่ วกับเนอ้ื หาสาระ ของรายวิชานี้ โดยใชเ้ วลา 15 นาที 2. ครูตง้ั คาถามชวนคิดใหก้ บั ผเู้ รยี น ได้แลกเปล่ียนเรียนรดู้ ้วยคาถาม “เศรษฐกจิ พอเพยี งมี ประโยชน์ ต่อการดารงชีวิตอย่างไร?” โดยผู้เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็นและคดิ คาตอบ จากนั้นครู เชือ่ มโยงเขา้ สู่เนื้อหาความเป็นมาของหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมคี วามสาคัญและจาเป็นต่อ การดาเนนิ ชวี ิต โดยกล่าวถึงว่า เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรชั ญาท่พี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ทรงมี พระราชดารชิ แ้ี นะแนวทางการดาเนนิ ชีวิต เพือ่ แก้ไขใหร้ อดพน้ วิกฤตทางด้านเศรษฐกจิ และสามารถ ดารงชีวติ อย่ไู ด้อยา่ งมน่ั คงและยงั่ ยืน หลักการของเศรษฐกิจพอเพียงตง้ั อยบู่ นพื้นฐานของทางสาย กลางและความไมป่ ระมาท โดยคานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การสร้างภูมคิ ุ้มกันในตัวท่ดี ี ตลอดจนใช้ความรู้ ความรอบคอบ และคณุ ธรรมประกอบการวางแผนการตดั สินใจและการกระทา สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการดาเนินชวี ิตได้ 3. ครูแบ่งกลุ่มผูเ้ รยี นกล่มุ ละ 3 คน ใหศ้ กึ ษาคน้ ควา้ “ความหมายและความเปน็ มาหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง” จากหนงั สอื แบบเรยี นวิชา ทช21001 เศรษฐกจิ พอเพียง ระดับ มธั ยมศึกษาตอนต้น และตอบคาถามจากใบงานที่ 1 เร่ือง เศรษฐกจิ พอเพียง คืออะไร ขั้นที่ 2 แสวงหาข้อมลู และจัดการเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 1. ครใู ห้ผูเ้ รยี นดวู ดี ที ศั น์เก่ียวกบั เศรษฐ์กจิ พอเพยี ง เรือ่ ง พอเพยี ง..ตามรอยพ่อ สารคดี โทรทัศน์ขบั เคลอื่ นเศรษฐกจิ พอเพียง ผลติ โดยโครงการสนับสนนุ การขบั เคล่ือนเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศกึ ษาและเยาวชน สานกั งานทรัพย์สินสว่ นพระมหากษัตรยิ ์ เป็นเวลา 20 นาที 2. ครชู ักชวนผูเ้ รยี นพดู คยุ ถึงเรอื่ งราวจากการชมวีดีทัศน์ โดยยกตัวอยา่ งบางช่วงบา้ งตอน ของวีดที ัศนม์ ากล่าวถงึ อาทเิ ช่น “เศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นเสมือนรากฐานของชีวิต รากฐานความม่ันคง ของแผ่นดนิ เปรียบเสมอื นเสาเขม็ ท่ีถูกตอกรองรับบ้านเรือนตวั อาคารไว้นัน่ เอง สงิ่ ก่อสร้างจะมัน่ คงได้ ก็อยู่ท่เี สาเขม็ แต่คนส่วนมากมองไม่เหน็ เสาเข็มและลมื เสาเข็มเสียดว้ ยซ้าไป..”(พระราชดารัสจาก พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั : 4 ธันวาคม 2542)
3. ครใู หผ้ ้เู รยี นสรุปความรทู้ ี่ไดร้ บั จากการชมวดี ีทัศน์เก่ียวกับเศรษฐกจิ พอเพยี งเรื่อง พอ เพียง..ตามรอยพอ่ โดยเขียนเปน็ เรยี งความลงบนกระดาษท่ีครแู จกให้ ข้นั ที่ 3 การปฏิบัตแิ ละการนาไปใช้(I : Implementation) 1. ครใู หผ้ เู้ รียนทาใบงานเรอ่ื ง เพอ่ื นบา้ น...พอเพียง โดยให้ผเู้ รยี นยกตัวอยา่ งเพ่อื นบ้านหรอื บุคคลที่ ผเู้ รียนรู้จกั ที่นาหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาใชใ้ นชีวติ ประจาวนั จากน้ันตอบคาถามตามหวั ข้อท่ี ครกู าหนดใหด้ ังนี้ 1.1 ชอ่ื ..............นามสกลุ .............ทอ่ี ยู่.........................(ของเพื่อนบา้ น....พอเพียง) 1.2 วิธีปฏบิ ตั ิตนในการดาเนินชีวิตแบบพอเพียงของเพือ่ นบ้าน....พอเพยี งเปน็ อย่างไร 1.3 ผู้เรยี นคดิ ว่า การดาเนนิ ชวี ติ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของเพื่อนบ้าน...พอเพียง สามารถนามาปรบั ใชก้ บั ตนเองได้อย่างไรบ้าง 2. ครูจับฉลากหากลุม่ ผู้โชคดีออกมาเลา่ ถงึ เพ่ือนหรือบคุ คลที่ตนเองกลา่ วถึง 3. ครพู ร้อมผเู้ รียนสรุปเนอื้ หาร่วมกัน พรอ้ มใหท้ ุกคนนาผลงานไปติดไว้ทีบ่ อร์ดหน้า หอ้ งเรียน ขน้ั ที่ 4 การประเมินผลการเรยี นรู้(E : Evaluation) 1. ประเมินผลจากการทาใบงาน 2. การสงั เกตการมีสว่ นร่วม 10. สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ 1. หนังสอื แบบเรยี น วิชา ทช21001 เศรษฐกิจพอเพยี ง ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน 4.วดี ีทศั น์ เร่อื ง พอเพยี ง...ตามรอยพ่อ 11.การวัดและประเมนิ ผล 11.1 วธิ กี ารวดั และประเมินผล - แบบประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการทางานร่วมกบั ผ้อู ่ืน ของผ้เู รยี นรายบุคคล - ใบงาน 11.2 เคร่อื งมอื วดั และประเมนิ ผล. - ประเมินผลการสงั เกตพฤติกรรมการทางานรว่ มกบั ผู้อนื่ ของผ้เู รยี นรายบุคคล - ผลจากการตรวจใบงาน 11.3 เกณฑก์ ารวัดและการประเมินผล - แบบประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทางานร่วมกับผอู้ ่นื ของผู้เรยี นรายบุคคล ระดบั ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง - ใบงานคะแนนเต็ม 10 คะแนน
กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................. ................................................................................. ..................... ลงชอื่ …………………………………………….ครูผู้สอน (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาบล ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ าร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………........ ..................... ลงชอ่ื ………………………………………………………ผ้อู นมุ ตั แิ ผน (นางปท๎ มาภรณ์ ศรเี นตร) ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอจตุรพักตรพมิ าน
บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้ คร้งั ที่ 19 วนั ที่ 14 เดือน กันยายน พ.ศ. 2565 ครูผู้สอน นายปรเรศ นามโคตร ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ เวลา 09.00-12.00 น. สาระทกั ษะการดาเนนิ ชวี ิต รายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง รหสั วิชา ทช21001 จานวนผูเ้ รียนทั้งหมด ............... คนเข้าเรยี น…………………คน ไม่เขา้ เรยี น……………………….คน 1. ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้การประเมนิ โดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรียน พบวา่ คะแนนการทดสอบหลงั เรียน มากกวา่ ก่อนเรียนจานวน ........ คนคดิ เป็นร้อยละ............ คะแนนการทดสอบหลงั เรยี น น้อยกว่าก่อนเรียนจานวน ......... คนคิดเป็นร้อยละ............ 2. เนื้อหา/สาระ/รายวชิ า ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... 3. กิจกรรมการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 4. ปญั หา/อปุ สรรคการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... 5. แนวทางการแกป้ ัญหา ............................................................................................................................................................. ...... ............................................................................................................................ ....................................... ลงชื่อ.........................................................(ผ้บู นั ทึก) (นายปรเรศ นามโคตร) ครู กศน.ตาบล ความเหน็ /ข้อเสนอของผบู้ ริหาร .................................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................. ...................................... ลงชือ่ .................................................. (นางป๎ทมาภรณ์ ศรีเนตร) ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอจตรุ พกั ตรพมิ าน
ใบความรู้ที่ 1 โครงสร้างรายวชิ า ทช 21001 เศรษฐกจิ พอเพยี ง ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น สาระสาคัญ เศรษฐกจิ พอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว ทรงมีพระราชดารัสชี้แนะแนวทางการ ดาเนินชวี ติ แก่พสกนกิ รมาโดยตลอดตง้ั แตก่ ่อนวกิ ฤตการณท์ างเศรษฐกิจ เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดาเนิน ชีวิตและปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับ ตามวิถีไทยแบบเรียบง่าย เดินทางสายกลางนาไปใช้จัดการ ทรัพยากรท่ีมีอยู่ท้ังของตนเอง ครอบครัว ประยุกต์ใช้ประกอบอย่างเหมาะสม มีข้อมูลในการวางแผน การ ดาเนินงาน บนพ้นื ฐานของความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล ความภูมิคุ้มกันท่ีดี เง่ือนไขของความรู้ และ เงื่อนไขของคุณธรรม อาศัยเครือข่ายชุมชนที่ประสบความสาเร็จในการดาเนินชีวิตแบบพอเพียง เพ่ือเป็น แบบอย่างในการดาเนินการสร้างอาชีพท่จี ะต้องอาศยั พลังงานทกุ ภาคส่วนในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจาก ภายนอกได้เป็นอย่างดี ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวัง 1. อธบิ ายแนวคดิ หลักการ ความหมาย ความสาคัญ ของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงได้ 2. บอกแนวทางในการนาปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ไปประยุกต์ใชใ้ นการประกอบอาชีพ 3. เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ัตติ ามหลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง 4. แนะนาส่งเสริมสมาชกิ ในครอบครัว และชมุ ชนใหเ้ ห็นคุณค่าและนาไปปฏิบตั ิในการดาเนินชีวิต
ชื่อ-สกลุ ................................................................. รหสั นกั ศึกษา........................................................ ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง เศรษฐกิจพอเพยี ง คืออะไร จงตอบคาถามต่อไปนี้ 1. เศรษฐกิจพอเพยี งมีความเป็ นมาอยา่ งไร ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ใหอ้ ธิบายความหมายของ “ความพอเพยี ง” ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ใหย้ กตวั อยา่ งหลกั การปฏิบตั ิตนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมา 5 ขอ้ ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................................
ชื่อ- สกลุ ................................................... รหสั นกั ศึกษา............................................ ใบงานท่ี 2 เรือ่ ง พอเพียง....ตามรอยพอ่ ใหผ้ เู้ รยี นสรุปความรูท้ ่ีไดร้ บั จากการชมวีดีทศั น์ เร่ือง พอเพียง....ตามรอยพอ่ ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ....................................
ชื่อ- สกุล................................................... รหสั นกั ศึกษา............................................ ใบงานท่ี 3 เรือ่ ง เพอ่ื นบา้ น....พอเพยี ง ให้ผู้เรียนเลือกเพ่ือนในห้องหรือเพ่ือนบ้าน ท่ีนาหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดาเนินชีวิต พรอ้ มตอบคาถามท่ีกาหนดใหต้ อ่ ไปนี้ 1. ช่ื อ . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . น า ม ส กุ ล ....................................................................... อายุ..............................ปี เพศ................................................ อาชีพ ................................................ ท่ีอย.ู่ ................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... . 2. วธิ ีปฏิบตั ติ นในการดาเนินชีวิตแบบพอเพียงของเพ่ือนบา้ น....พอเพียงเป็นอยา่ งไร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 3. ผเู้ รียนคิดวา่ การดาเนินชีวิตตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงของเพ่ือนบา้ น...พอเพียง .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................................
ทปี่ รึกษา ผูจ้ ัดทา นางปทั มาภรณ์ ศรีเนตร ผู้อานวยการ กศน.อาเภอจตุรพกั ตรพมิ าน นายพรทวี เกตบตุ ตา ครูชานาญการ นางสาวนิภาพร คุณศิริ ครผู ู้ช่วย ผ้จู ัดทา ครู กศน.ตาบล นายปรเรศ นามโคตร ครู กศน.ตาบล รวบรวมและจดั พิมพ์ นายปรเรศ นามโคตร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172