บทที่ 4 การใชส้ ่ือและโสตทศั นูปกรณใ์ นการส่งเสริมการเกษตร ตำรำงที่ 4.1 ขอ้ ดแี ละขอ้ จากดั ของโสตทศั นูปกรณช์ นิดตา่ งๆ (ต่อ) ชนดิ ของ ข้อดี ข้อจำกดั โสตทศั นปู กรณ์ 12 .เทปบนั ทึกเสียง 1. สามารถบนั ทกึ เสียงจริงของผพู้ ดู ได้ 1.ไดย้ ินแตเ่ สียงแตไ่ ม่เห็นภาพ 13. เครื่องขยายเสียง 14. วิทยกุ ระจายเสียง 2. เก็บรักษาไดน้ าน 2. บนั ทกึ ยุ่งยากตอ้ งใชค้ วามรูค้ วาม 15. ภาพยนตร์ ชานาญ 16. โทรทศั น์ 1. ทาใหผ้ เู้ รียนไดย้ ินผสู้ อนไดช้ ดั เจน 1. ราคาแพง 17. คอมพวิ เตอร์ 2. กระตนุ้ ความสนใจของผเู้ รียนได้ 2. นาไปใชใ้ นทอ้ งถนิ่ ต่างๆลาบาก และตอ้ งมไี ฟฟ้า 1. ส่ือสารไดก้ วา้ งขวางทวั่ ประเทศ 1. ผเู้ รียนสอบถามขอ้ มูลไดย้ าก 2. เผยแพร่ขา่ วสารไดร้ วดเร็ว 2.ไมส่ ามารถเกบ็ รักษาขอ้ มูลไว้ 3. ลงทนุ ต่าเมือ่ คิดต่อจานวนผเู้ รียน ศกึ ษาตอนหลงั ได้ 1. ให้ภาพทเ่ี คล่อื นไหวและใหเ้ สียง 1.ตน้ ทนุ การผลิตมีราคาสูง ทีเ่ หมือนจริง 2. ตอ้ งฉายในทีม่ ดื 2. ใชไ้ ดก้ บั ผเู้ รียนจานวนมาก 3. ตอ้ งฉายในห้องท่ีมไี ฟฟ้า 3. สรา้ งความสนใจแกผ่ เู้ รียนไดด้ ี 1. เผยแพร่ขอ้ มลู ข่าวสารไดก้ วา้ งขวาง 1. ราคาแพง ไปยงั ทอ้ งถน่ิ ตา่ งๆของประเทศ 2. ตอ้ งใชใ้ นทอ้ งท่ที ม่ี ีไฟฟ้า 2. สร้างความสนใจแก่ผเู้ รียนไดด้ เี น่ือง จากเป็นภาพเคล่อื นไหวและมที ้งั ภาพ และเสียง 3. เผยแพร่ขอ้ มูลข่าวสารไดร้ วดเร็ว 1. ใชป้ ระกอบกบั ส่ืออ่ืนๆไดห้ ลายชนิด 1. ตอ้ งใชค้ วามรู้ความชานาญสูง 2. ให้ขอ้ มูลขา่ วสารไดถ้ ูกตอ้ ง 2. มีราคาแพง 3. เป็นเทคโนโลยที ที่ นั สมยั และกา้ ว หนา้ จึงสามารถทาใหเ้ กิดนวตั กรรม ใหมๆ่ ข้นึ มากมาย ทม่ี ำ: วลั ลภ พรหมทอง (2541) วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 82
บทท่ี 4 การใชส้ ่ือและโสตทศั นูปกรณใ์ นการส่งเสริมการเกษตร 6. หลักในกำรเลอื กใช้โสตทศั นูปกรณ์สำหรับงำนส่งเสริมกำรเกษตร เนื่องจากวา่ โสตทศั นูปกรณ์ที่จะนาไปใช้ประกอบการส่งเสริมเผยแพร่วิทยาการเกษตร แผนใหมน่ ้นั มอี ยู่มากมายหลายประเภท แต่ละประเภทผใู้ ชจ้ าเป็นตอ้ งรูจ้ กั เลือกใชโ้ สตทศั นูปกรณ์ แต่ละประเภทแต่ละชนิดให้สอดคลอ้ งกบั วิทยาการที่เผยแพร่ให้มากท่ีสุด ดงั น้นั พรชุลีย์ นิลวิเศษ (2551) จงึ ไดส้ รุปหลกั การในการเลือกใชโ้ สตทศั นูปกรณ์ ไวด้ งั ตอ่ ไปน้ี 6.1 โสตทศั นูปกรณ์ท่ีนามาใชจ้ ะตอ้ งมเี น้ือหาถูกตอ้ งตรงกบั ความเป็ นจริงและตอ้ งตระ หนักว่า ความจริงในสถานการณห์ รือทอ้ งถิน่ หน่ึงอาจจะไมเ่ หมาะสมกบั ความจริงบางประการใน อกี สถานการณ์หน่ึง หรืออีกทอ้ งท่ีหน่ึงกเ็ ป็นได้ เช่น การปลูกยางพาราในภาคใตอ้ าจมีขอ้ แตกตา่ ง กบั การปลกู ยางพาราในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 6.2 โสตทศั นูปกรณท์ ่ีนาเสนอจะตอ้ งมีเน้ือหาหรือเน้ือเร่ืองเหมาะสมกบั กลุ่มเป้าหมาย และเหมาะสมกับวิทยาการ เพ่ือให้เกษตรกรสามารถเรียนรู้ได้ดแี ละมีความเขา้ ใจ โดยโสตทศั นูป กรณ์ท่ีนาไปใชจ้ ะตอ้ งมีประสิทธิภาพสูงสุด ตรงตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการส่งเสริมในแต่ละคร้งั และ ระยะเวลาของการใชโ้ สตทศั นูปกรณ์ตอ้ งพอดีกบั เน้ือหาสาระของวิทยาการท่นี าเสนอ 6.3 โสตทศั นูปกรณ์ที่ใช้ตอ้ งมีคุณภาพและเทคนิคที่ดี เพื่อกระตุน้ ความสนใจของผู้ เรียน ส่วนเน้ือหาก็ตอ้ งทนั สมยั และตรงกบั เน้ือหาในเร่ืองท่ีจะไปส่งเสริม และจะตอ้ งเป็นส่วนท่ีจะ เสริมใหเ้ กดิ จุดร่วมของความสนใจและเกิดกจิ กรรมต่างๆในการใชส้ ื่อร่วมกนั ตามท่ีผนู้ าเสนอตอ้ ง การ นอกจากน้ีโสตทศั นูปกรณ์ที่นาไปใช้จะตอ้ งสร้างกิจกรรมต่อเน่ือง เพื่อให้สัมพนั ธ์กบั กิจกรรม อื่นๆทมี่ ีอยู่เดมิ สามารถใชไ้ ดห้ ลายคร้ัง คมุ้ ค่ากบั การลงทุน มีความสะดวกในการใช้และเก็บรักษา งา่ ย 7. วธิ ีกำรใช้โสตทัศนูปกรณ์ในงำนส่งเสริมกำรเกษตร เม่ือเขา้ ใจถึงหลกั การเลือกใช้โสตทศั นูปกรณ์ให้เหมาะกับลกั ษณะงานส่งเสริ มการ เกษตรในแตล่ ะคร้งั แลว้ สิน พนั ธุพ์ นิ ิจ (2556) กลา่ ววา่ วธิ ีการใชโ้ สตทศั นูปกรณ์ถือว่าเป็นข้นั ตอน ท่มี ีความสาคญั ยงิ่ เจา้ หนา้ ท่ีส่งเสริมการเกษตรจะตอ้ งเขา้ ใจถงึ ข้นั ตอนวธิ ีการใชโ้ สตทศั นูปกรณ์ ซ่ึง แบ่งออกเป็น 3 ข้นั ตอน ดงั น้ี 7.1 ข้นั เตรียมการ (preparation) ข้นั น้ีจะเป็นข้นั เตรียมการใชส้ ่ือ มีข้นั ตอน ดงั น้ี 7.1.1 เตรียมตนเอง หมายถึง ก่อนที่จะนาโสตทัศนูปกรณ์ไปใชจ้ ริง นักส่งเสริม ตอ้ งเตรียมตวั ให้มีความพร้อมท่ีจะใชส้ ่ือด้วยความมนั่ ใจว่าจะไม่มีขอ้ ผิดพลาดใดๆเกิดข้ึน ได้แก่ การ เตรียมเน้ือหาและคาบรรยายที่จะใชป้ ระกอบส่ือน้ันๆ และทาการตรวจเชค็ ภาพและเสียงของส่ือทใี่ ช้ การเรียงลาดบั ภาพทน่ี าเสนอกอ่ น-หลงั เป็นตน้ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 83
บทที่ 4 การใชส้ ่ือและโสตทศั นูปกรณใ์ นการส่งเสริมการเกษตร 7.1.2 การเลือกหาสถานที่ ควรเลือกสถานที่ที่เอ้ืออานวยตอ่ ความสะดวกในการท่ี จะใชโ้ สตทศั นูปกรณ์แตล่ ะประเภท 7.1.3 เตรียมสถานท่ี สถานท่จี ะตอ้ งเตรียมให้เหมาะกบั อุปกรณ์ที่จะใช้ เช่น ถา้ มีการ ใชเ้ คร่ืองฉายตา่ งๆ จะตอ้ งคานึงถึงแสง และตอ้ งมไี ฟฟ้า เป็นตน้ 7.1.4 การเตรียมสภาพแวดลอ้ มและส่ิงอานวยความสะดวกต่างๆ ไดแ้ ก่ การจดั เตรียม วสั ดุอุปกรณใ์ ห้มีความเหมาะสมในการเห็น การไดย้ ินชัดเจน การจดั ห้องประชมุ การจดั ท่ีนงั่ การ ควบคุมแสง และการระบายอากาศ เจา้ หนา้ ที่ส่งเสริมควรมาถงึ สถานทก่ี ่อนเวลาบรรยาย และติดต้งั อุปกรณ์ก่อนถงึ เวลาใชจ้ ริง 7.1.5 ทดสอบเคร่ืองมือท่ีจะใช้ก่อนที่จะนาอุปกรณ์ไปใช้จริง ควรทดสอบเพ่ือหา ขอ้ บกพร่องตา่ งๆเสียก่อน หากพบว่ามีขอ้ บกพร่องจะไดท้ าการแกไ้ ขไดท้ นั ที 7.1.6 การเตรียมกลุ่มเป้าหมายให้พร้อมท่ีจะเปิ ดรับส่ือ ในข้นั น้ีเป็ นการประกาศ หรือแจง้ ให้กลมุ่ เป้าหมายทราบกาหนดการที่จะมีการพบปะ ประชุม หรือร่วมกิจกรรมกนั กอ่ น การ นาเสนอส่ือควรแจง้ ให้ทราบว่าจะให้เขาดูหรือฟังอะไร จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมน้นั อย่างไร ผดู้ จู ะ ได้เตรียมตัวรับข่าวสาร หรือมีปฏิกิริยาตอบสนองในทางท่ีถูกต้อง เช่น อาจกาหนดให้มีการ อภปิ รายเมือ่ ไดน้ าเสนอสื่อน้นั แลว้ 7.2 ข้นั นาเสนอส่ือหรือการใช้โสตทัศนูปกรณ์ (presentation) ในข้นั ตอนการนาเสนอ ส่ือหรือโสตทศั นูปกรณ์ เป็ นช่วงที่สาคญั อีกช่วงหน่ึง การเตรียมการมาดีทุกอย่างแลว้ แต่ไม่ไดด้ า เนินการตามแผนท่ีวางไวก้ ็อาจไดผ้ ลไม่เตม็ ท่ี ในทานองเดียวกนั บางคร้ังก็อาจตอ้ งมีการปรับแผน การใชส้ ่ือทีเ่ ตรียมไวใ้ หเ้ ขา้ กับสภาพการณ์ที่อาจแตกตา่ งจากที่เราคิดและวางแผนไวก้ ็ได้ หลกั เกณฑ์ ในการนาเสนอสื่อโสตทศั นูปกรณ์ มดี งั น้ี 7.2.1 ควรใชส้ ื่อโสตทศั นูปกรณ์เรียงตามลาดบั ก่อนหลงั ตามที่ได้กาหนดไวแ้ ลว้ ยกเวน้ แต่เมือ่ มีความจาเป็นบงั คบั เช่น ระยะเวลาเปล่ยี นไปหรือมกี ารเปลยี่ นแปลงหัวขอ้ บรรยาย ก็ สามารถปรับแผนการใชส้ ่ือให้ยดื หย่นุ ไดต้ ามความเหมาะสม 7.2.2 ใช้สื่อโสตทศั นูปกรณ์ในเวลาท่ีเหมาะสมและท่ีกาหนดไว้ ถึงแมว้ ่าทศั นะ วสั ดชุ ว่ ยใหก้ ารเรียนรู้เป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่กค็ วรใชเ้ วลาในการนาเสนอให้เหมาะกบั เน้ือหาวิชา 7.2.3 ควรให้ผูด้ ูมีส่วนร่วมในกิจกรรมการใชส้ ่ือโสตทศั นูปกรณ์น้นั เช่น ใช้วสั ดุ ของจริงในการอภปิ รายหรือตอบคาถามในกลมุ่ เป็นตน้ 7.2.4 ในขณะท่ีกาลงั ใชส้ ื่อโสตทศั นูปกรณ์ ตอ้ งให้แน่ใจว่าไดป้ รับภาพชดั เจนและ ไมเ่ กิดแสงสีขาวบนจอเขา้ มารบกวนสายตาผดู้ ู ควบคมุ เสียงใหด้ งั ทมุ้ แหลมพอดี วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 84
บทที่ 4 การใชส้ ื่อและโสตทศั นูปกรณใ์ นการส่งเสริมการเกษตร 7.2.5 ในขณะท่ีนาเสนอ ผพู้ ูดควรมีความสาคญั อนั ดับสอง สื่อทศั นะวสั ดุทใี่ ชค้ วร เป็ นศูนยข์ องความสนใจอนั ดับแรก เป็ นศูนยร์ วมของการอภิปราย ดงั น้นั ขณะใชส้ ่ือผูพ้ ูดจึงควร ระวงั ไม่ใหอ้ ยูใ่ นตาแหน่งทีบ่ งั สื่อ และไมค่ วรหันหลงั ใหผ้ ชู้ ม การช้ี การแสดงหรือการกระทาอะไร กบั ส่ือกต็ ามควรหันหนา้ เขา้ หาผชู้ มเสมอ 7.2.6 เวน้ จงั หวะในการนาเสนอสื่อโสตทัศนูปกรณ์ ให้แน่ใจว่าผูด้ ูสามารถเห็น และเขา้ ใจได้ และให้ดทู ศั นะวสั ดซุ ้าเมือ่ สรุปประเดน็ สาคญั 7.3 การติดตามผล (follow-up) หลงั จากใช้สื่อโสตทศั นูปกรณ์แลว้ ควรมีการซักถาม ตอบคาถามหรืออภปิ รายเกยี่ วกบั เน้ือหา หรือสรุปประสบการณ์ที่ได้จากส่ือน้นั ๆ บางคร้ังอาจจะให้ ทาแบบทดสอบ เพ่ือตรวจดูว่าผูเ้ รียนได้เรียนรู้อะไรจากสื่อโสตทศั นูปกรณ์ไปบา้ งและยงั ช่วยทด สอบประสิทธิภาพของสื่อโสตทศั นูปกรณ์ ตลอดจนวิธีการใชส้ ื่อดว้ ยว่ามีจุดบกพร่องตรงไหนบา้ ง เพอื่ นาขอ้ มลู ไปวเิ คราะห์และนามาปรบั ปรุงแกไ้ ขตอ่ ไป 8. ข้อควรคำนึงบำงประกำรในกำรใช้โสตทศั นูปกรณ์ ทุกคร้ังท่ีมีการใช้โสตทศั นูปกรณ์ประกอบการส่งเสริมเผยแพร่ เจา้ หน้าที่ส่งเสริมการ เกษตรควรจะคานึงถึงสิ่งตอ่ ไปน้ีคือ 8.1 เกษตรกรแตล่ ะคนมคี วามแตกตา่ งกนั ในเร่ืองความสามารถท่จี ะรับรู้ตลอดจนความ แตกตา่ งกนั ในเรื่องความตอ้ งการทจ่ี ะเรียนรู้ 8.2 ประเพณีวฒั นธรรมมีผลตอ่ ความเขา้ ใจในการเรียนรู้ เพราะฉะน้นั เกษตรกรท่ีอย่ตู า่ ง ทอ้ งถน่ิ กนั ความเขา้ ใจอาจจะแตกตา่ งกนั แมว้ ่าจะเป็นการเรียนรูเ้ รื่องเดียวกนั 8.3 การใชโ้ สตทศั นูปกรณ์ ตอ้ งพยายามใชใ้ นลกั ษณะที่จะใหผ้ ูด้ ูเกิดความคิดข้ึนเอง เจ้า หนา้ ที่ส่งเสริมเพยี งเป็นผูช้ ้ีแนวทาง ท้งั น้ีเพ่ือกอ่ ใหเ้ กดิ ความภาคภูมิใจแก่พวกเขานน่ั เอง สรุป โสตทัศนูปกรณ์ หมายถึง เคร่ืองช่วยเหลือในการได้ยินและมองเห็น สาหรับส่ือความ หมายให้เกิดความเขา้ ใจแก่ผเู้ รียนหรือกล่มุ เป้าหมาย โสตทศั นูปกรณท์ ่ใี ชใ้ นงานส่งเสริมการเกษตร มปี ระโยชน์ คือ สามารถนาเสนอเหตุการณ์ในอดตี ได้ สามารถย่อขยายขนาดของวตั ถุได้ ชะลอหรือ เร่งการเคล่ือนไหวได้ นาสิ่งที่อยูไ่ กลและซับซ้อนมาศึกษาได้ สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ และความ เขา้ ใจใหเ้ ป็นรูปธรรม และสามารถทาให้เป็นศูนยร์ วมของความสนใจของเกษตรกรได้ การแบ่งประ เภทหรือชนิดของโสตทศั นูปกรณ์ สามารถแบ่งออกได้หลายวธิ ีข้นึ อย่กู บั ว่าจะยึดหลกั หรือพจิ ารณา สื่อน้นั ๆในแง่มุมใด เชน่ แบ่งตามลกั ษณะของการใช้ แบ่งตามลกั ษณะของส่ือ และแบง่ ตามหลกั วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 85
บทท่ี 4 การใชส้ ื่อและโสตทศั นูปกรณใ์ นการส่งเสริมการเกษตร ประสบการณ์ของการเรียนรู้ โสตทศั นูปกรณ์หรือสื่อการศึกษาที่สาคญั และใช้อยู่เสมอในงานส่ง เสริมการเกษตร ไดแ้ ก่ กระดานชอลก์ แผนภมู ิ แผน่ พลิก รูปภาพ สิ่งพิมพ์ แผ่นโฆษณา ป้ายโฆษณา แผ่นป้ายผา้ สาลี ของจาลอง ของจริง เครื่องฉายภาพขา้ มศรี ษะ เทปบนั ทกึ เสียง เคร่ืองขยายเสียงและ เครื่องขยายเสียงแบบมือถือ วิทยุกระจายเสียง ภาพยนตร์ โทรทศั น์และเทปวีดีทศั น์ และคอมพิว เตอร์ ซ่ึงโสตทศั นูปกรณ์แต่ละชนิดต่างกม็ ีขอ้ ดแี ละขอ้ จากดั ท่ีแตกต่างกนั ผใู้ ชจ้ าเป็นตอ้ งรู้จกั เลือก ใชโ้ สตทศั นูปกรณ์แต่ละประเภทแต่ละชนิดใหส้ อดคลอ้ งกบั วิทยาการที่เผยแพร่ใหม้ ากที่สุด โดยมี วิธีการใช้ 3 ข้นั ตอน คือ ข้นั เตรียมการ ข้นั การนาเสนอ และข้นั ติดตามผล โดยตอ้ งคานึงถึงความ แตกตา่ งกนั ของเกษตรกรดว้ ย คำถำมท้ำยบท ให้นกั ศึกษำตอบคำถำมต่อไปนใี้ ห้ได้ใจควำมสมบรู ณ์ 1. จงอธิบายความหมายของโสตทศั นูปกรณ์มาให้ถกู ตอ้ ง 2. โสตทศั นูปกรณ์มปี ระโยชน์ต่องานส่งเสริมการเกษตรอย่างไร 3. โสตทศั นูปกรณ์แบง่ ออกเป็นกป่ี ระเภท อะไรบา้ ง 4. จงเปรียบเทยี บขอ้ ดีและขอ้ จากดั ของโสตทศั นูปกรณ์แตล่ ะชนิดมาให้ถกู ตอ้ ง 5. จงอธิบายหลกั การเลอื กใชโ้ สตทศั นูปกรณใ์ นงานส่งเสริมการเกษตรมาให้ถูกตอ้ ง วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 86
บทท่ี 4 การใชส้ ื่อและโสตทศั นูปกรณใ์ นการส่งเสริมการเกษตร เอกสำรอ้ำงองิ พรชุลยี ์ นิลวิเศษ. 2551. หลกั การใชส้ ่ือเพอ่ื การเผยแพร่สารสนเทศในงานส่งเสริมการเกษตร. เอกสำรกำรสอนชุดวิชำสำรสนเทศและสื่อทใ่ี ช้ในงำนส่งเสริมกำรเกษตร หน่วย 8 – 15. พิมพค์ ร้ังท่ี 12. นนทบุรี: มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. วลั ลภ พรหมทอง. 2541. หลกั และวธิ กี ำรส่งเสริมกำรเกษตร. กรุงเทพฯ: ฟิ สิกส์เซนเตอร์. สิน พนั ธุ์พนิ ิจ. 2544. กำรส่งเสริมกำรเกษตร. กรุงเทพฯ: รวมสาสน์ . . 2556. หลักและวิธกี ำรส่งเสริมกำรเกษตร. (ออนไลน์). แหลง่ ทมี่ า: www.kmitl.ac.th. วนั ท่สี ืบคน้ วนั ท่ี 20 กุมภาพนั ธ์ 2558. วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 87
บทท่ี 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่ งเสริมการเกษตร
บทที่ 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร บทที่ 5 กำรดำเนินงำนและกำรประสำนงำนในกำรส่ งเสริมกำรเกษตร จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม เมอ่ื นกั ศึกษาเรียนจบบทเรียนน้ีแลว้ นกั ศกึ ษาสามารถ 1. บอกประเภทของหนว่ ยงานท่ีมสี ่วนเกยี่ วขอ้ งในการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรได้ อยา่ งถกู ตอ้ ง 2. บอกบทบาทหนา้ ท่ีของกรมส่งเสริมการเกษตรไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 3. อธิบายความหมายและความสาคญั ของการประสานงานในงานส่งเสริมการเกษตรได้ อย่างถูกตอ้ ง 4. บอกประเภทและองคป์ ระกอบในการประสานงานในงานส่งเสริมการเกษตรไดอ้ ย่าง ถกู ตอ้ ง 5. บอกวิธีการสร้างความร่วมมือและเทคนิคในการประสานงานไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 6. บอกขอ้ จากดั ท่ีเป็นอุปสรรคในการประสานงานไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง บทนำ การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรเป็ นภารกิจหลักในการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ เกษตรกรซ่ึงท้งั หน่วยงานภาครัฐ รัฐวสิ าหกิจ และเอกชนถือวา่ เป็นกลไกสาคญั ของประเทศในการ ถ่ายทอดความรู้ หน่วยงานในภาคตา่ งๆท่ีกล่าวมามคี วามสาคญั และมคี วามสมั พนั ธ์กนั แตล่ ะภาคใช้ ยทุ ธศาสตร์ ยุทธวิธี แนวคิดและปรัชญาท่ีแตกตา่ งกนั ตามภาระหนา้ ที่ของหน่วยงาน แต่มีเป้าหมาย ในการพฒั นาคลา้ ยกนั นอกจากน้ีในปัจจุบนั หน่วยงาน และบริการของรัฐ รฐั วิสาหกจิ และเอกชนมี เพม่ิ มากข้ึนตามอตั ราการเพมิ่ ของประชากร ส่วนราชการท่ีเคยปฏิบตั ิโดยเจา้ หน้าท่นี อ้ ยคนก็ตอ้ งใช้ เจา้ หนา้ ทห่ี ลายคนช่วยกนั ปฏบิ ตั ิเพ่อื ให้บริการของรัฐมีผลทวั่ ถึงแก่ประชากรในทอ้ งถิน่ ดงั น้นั จาก การเพมิ่ จานวนเจา้ หนา้ ทใี่ ห้เพียงพอแก่ประชากรในทอ้ งถนิ่ ดงั กล่าว จงึ จาเป็นตอ้ งมีการแบง่ งานกัน ทาระหว่างเจา้ หนา้ ที่ที่เก่ียวขอ้ งและแบ่งงานปฏิบตั ิท่ีเป็ นสัดส่วนข้ึน ฝ่ ายที่มีหน้าที่ในด้านการอา นวยการตอ้ งตรวจตราดแู ลให้ฝ่ ายเจา้ หนา้ ทีป่ ฏิบตั ทิ ุกฝ่ายไดป้ ฏิบตั ิ ตลอดจนการควบคุมการใชเ้ งิน และทรัพยากร ใหเ้ ป็นไปตามวตั ถุประสงคข์ ององคก์ ร ดงั น้นั การประสานงานจึงเกิดข้ึนและตอ้ งจดั ให้มีในทกุ ระดบั ของการบริหารงาน รวมถึงการประสานงานระหว่างองคก์ ารหรือหน่วยงานต่างๆ ท้งั หลายดว้ ย วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 88
บทที่ 5 การดาเนนิ งานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร เนื้อหำ 1. กำรดำเนินงำนในกำรส่งเสริมกำรเกษตร เบญจมาศ อยู่ประเสริฐ (2542) กลา่ วว่า การส่งเสริมการเกษตรในประเทศไทย มีหน่วย งานทเี่ ขา้ มารับผิดชอบในงานส่งเสริมการเกษตรโดยตรง โดยเฉพาะอย่างย่ิงหน่วยงานภาครัฐ ซ่ึง งานส่งเสริมการเกษตรจดั เป็ นภารกิจที่สาคญั ของภาครฐั มาทุกยุคทกุ สมยั แตป่ ัจจบุ นั เน่ืองจากสถาน การณ์เปล่ียนแปลงไปตามความผนั แปรของภาวะเศรษฐกิจและสังคมท่ีมีการเปล่ียนแปลงอยตู่ ลอด เวลา ทาให้หน่วยงานที่เขา้ มาเกี่ยวขอ้ งกับการส่งเสริมการเกษตรขยายขอบข่ายมากข้ึน ท้งั ในส่วน ของภาครัฐเอง รัฐวสิ าหกิจ รวมไปจนถึงภาคเอกชน ท้งั น้ีภาครัฐบาลได้เปิ ดโอกาสให้บุคคลอื่นๆ เขา้ มามีส่วนร่วมในการปฏิบตั ิงานส่งเสริมการเกษตรมากข้ึน เพื่อเป็ นการแกไ้ ขปัญหาการพฒั นา การเกษตรให้เป็ นระบบ และอยู่ในสภาพท่ีดีข้ึนกว่าที่ผ่านมา ดงั จะเห็นว่ารัฐบาลได้กาหนดแผน ข้ึนมาแผนหน่ึงช่ือว่า แผนประสานความร่วมมือส่ีภาค เพ่ือการพฒั นาการเกษตร หรือเราเรียกอีก อย่างหน่ึงว่า แผนส่ีประสาน ซ่ึงประกอบดว้ ย ภาครัฐบาล เอกชน สถาบนั การเงนิ และตวั เกษตรกร เอง โดยเนน้ การผนึกกาลงั ระหว่างหน่วยงานของรฐั รฐั วสิ าหกิจ เอกชน และเกษตรกร เพื่อร่วมกัน มุ่งแกป้ ัญหาข้นั พ้ืนฐานของเกษตรกรควบคู่ไปกบั การสนบั สนุนทางดา้ นการผลิต การเพ่ิมรายได้ และการมงี านทา โดยเนน้ การใชเ้ ทคโนโลยที เ่ี หมาะสมกบั ทอ้ งถิ่น 2. ประเภทของหน่วยงำนท่ีมีส่วนเกยี่ วข้องกับงำนส่งเสริมกำรเกษตร หน่วยงานท่ีเขา้ มามีส่วนเกี่ยวขอ้ งในงานส่งเสริมการเกษตร มีอยู่ 3 ประเภทหลกั ๆ คือ หน่วยงานภาครฐั บาล หน่วยงานรัฐวิสาหกจิ และองคก์ รภาคเอกชน ซ่ึงหน่วยงานท้งั 3 ประเภทน้ี เบญจมาศ อยูป่ ระเสริฐ (2542) ไดจ้ าแนกออกเป็นหน่วยงานย่อยๆ ไดอ้ กี หลายหน่วยงาน ดงั น้ี 2.1 หน่วยงานของรัฐ บทบาทสาคญั ในการส่งเสริมการเกษตรน้ันอยู่ในความรับผิด ชอบโดยตรงของรัฐ ดังน้ัน รัฐบาลจึงได้กระจายความรับผิดชอบออกไปสู่หน่วยงานต่างๆ หลาย หน่วยงานดว้ ยกนั ซ่ึงมที ้งั หน่วยงานที่ต้งั ข้ึนมาเพือ่ ปฏบิ ตั งิ านส่งเสริมการเกษตรโดยตรง และหน่วย งานท่ีต้งั ข้ึนมาเพ่ือรับผิดชอบงานหลายอย่าง แต่ขณะเดียวกันก็มีการส่งเสริมการเกษตรผนวกอยู่ ดว้ ย ซ่ึงหน่วยงานภาครัฐที่เขา้ มาทางานส่งเสริมการเกษตรแบ่งออกไดเ้ ป็ น 2 ประเภทใหญ่ๆดว้ ย กนั คือ 2.1.1 หน่วยงานของรฐั ทร่ี บั ผดิ ชอบงานส่งเสริมการเกษตร หมายถึง หน่วยงานที่ มหี นา้ ท่ปี ฏิบตั ิงานส่งเสริมการเกษตรโดยมบี คุ ลากรทท่ี าหนา้ ที่ส่งเสริมการเกษตรโดยเฉพาะ ฉะน้นั กจิ กรรมท่ีปฏบิ ตั จิ ึงเนน้ กจิ กรรมท่เี กย่ี วขอ้ งกบั การส่งเสริมการเกษตรท้งั ส้ิน หน่วยงานทม่ี หี นา้ ท่ีดงั กล่าวคือ หน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไดแ้ ก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 89
บทท่ี 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมพฒั นาทด่ี ิน กรมป่ าไม้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมชลประทาน สานกั งานการปฏิรูป ท่ีดินเพอื่ เกษตรกรรม และหน่วยงานของรฐั อนื่ ๆ ไดแ้ ก่ กรป.กลาง และโครงการหลวง 2.1.2 หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวขอ้ งสนับสนุนงานส่งเสริมการเกษตรได้แก่ หน่วย งานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เช่น กรมวิชาการเกษตร สานกั งานเศรษฐกิจการเกษตรและ สานักงานปลดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานในสงั กดั กระทรวงมหาดไทย เชน่ กรมการ พฒั นาชมุ ชน กรมประชาสงเคราะห์และสานกั งานเร่งรดั พฒั นาชนบท หน่วยงานในสงั กดั กระทรวง ศึกษาธิการ เช่น กรมการศึกษานอกโรงเรียน มหาวิทยาลยั ราชภฎั สานกั งานคณะกรรมการการ อาชีวศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ราชมงคล และสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน หน่วยงานใน สังกดั ทบวงมหาวทิ ยาลยั เช่น มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น มหาวิทยาลยั เชียง ใหม่ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช มหาวิทยาลยั แมโ่ จแ้ ละสถาบนั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ (เจา้ คุณทหารลาดกระบงั ) หน่วยงานในสังกดั กระทรวงพาณิชย์ เช่น กรม การคา้ ภายใน และกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ หน่วยงานในสังกดั กระทรวงกลาโหม เชน่ สานกั งาน ทหารพฒั นาการ และศูนยส์ ่งเสริมการเกษตรขยายพนั ธุ์สัตว์ หน่วยงานของรัฐอื่นๆ เช่น องค์การ ทหารกองหนุนเพื่อความมน่ั คงของชาติ และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 2.2 หน่วยงานรัฐวิสาหกจิ ถึงแมง้ านส่งเสริมการเกษตรจะเป็นภารกิจโดยตรงของหน่วย งานภาครัฐ แต่เนื่องจากงานส่งเสริมการเกษตรเป็ นงานที่ตอ้ งครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายจานวนมาก ทาใหห้ น่วยงานของรัฐเขา้ ไปบริการไดไ้ มท่ ว่ั ถงึ ทาให้งานส่งเสริมการเกษตรของรฐั ดาเนินไปอย่าง ไม่เตม็ ท่เี ท่าท่ีควร นอกจากน้ียงั มปี ัญหาตา่ งๆเกิดข้นึ เชน่ ปัญหาการตลาดหรือการขาดแหล่งรับซ้ือ ผลผลิต ทาให้เกษตรกรไม่สามารถที่จะขยายผลผลิตออกสู่ตลาดได้ ทาให้ฐานะทางเศรษฐกิจของ เกษตรกรยงั ต่าอยู่เช่นเดิม ตอ้ งกู้หน้ียืมสินเกิดเป็ นปัญหาทางดา้ นสินเชื่อการเกษตรอีกปัญหาหน่ึง ดงั น้นั เพื่อเป็นการแกป้ ัญหาดังกลา่ ว จงึ ไดข้ ยายขอบข่ายของงานส่งเสริมการเกษตรไปสู่องคก์ รทเ่ี รียก วา่ รัฐวิสาหกิจ ส่วนคาว่า องคก์ รรฐั วิสาหกิจทางการเกษตร นที ขลิบทอง (2526) ไดใ้ หค้ วามหมาย ไว้ว่า หมายถึง องค์กรหรือหน่วยงานทางธุรกิจซ่ึงรัฐและเอกชนเป็ นเจา้ ของร่วมกนั และร่วมกัน บริหารและควบคุมดาเนินงานทางธุรกจิ เกษตร ให้มีกาไรพอเล้ียงตวั เองและเป็ นประโยชนต์ ่อการ พฒั นาการเกษตรโดยส่วนรวม โดยเนน้ การรับซ้ือสินคา้ เกษตรในราคาอนั ชอบธรรมแลว้ นามาแปร รูป เพ่อื บริการแก่ชุมชนในอตั ราคา่ ตอบแทนทย่ี ุตธิ รรมทีส่ ามารถทาให้องคก์ ารหรือหน่วยงานธรุ กจิ น้นั คงอย่ไู ด้ จะเห็นว่าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเขา้ มาเก่ียวขอ้ งกบั การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตร ก็ เพ่ือท่ีจะสนบั สนุนการพฒั นาการเกษตร และเพื่อทจี่ ะประกอบธุรกิจการเกษตรใหค้ รบวงจร ตลอด จนทาให้หน่วยงานท่ีได้วตั ถุดิบมาแปรรูปตามที่ต้องการ ท้ังด้านปริมาณและคุณภาพ ปัจจุบัน สามารถแบ่งประเภทของหน่วยงานรัฐวสิ าหกิจไดเ้ ป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 90
บทท่ี 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร 2.2.1 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่มีส่วนเก่ียวขอ้ งรับผิดชอบงานส่งเสริมการเกษตร โดยตรง โดยดาเนินการติดต่อเพื่อใหค้ วามรู้กบั เกษตรกรโดยตรง แบง่ ออกตามหน่วยงานที่สงั กดั ได้ 2 กลุ่มด้วยกัน คือ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานรัฐ วสิ าหกิจท่ีสังกัดกระทรวงการคลงั ซ่ึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจท่ีสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไดแ้ ก่ องคก์ ารส่งเสริมกจิ การโคนมแห่งประเทศไทย องคก์ ารอตุ สาหกรรมป่ าไม้ องคก์ ารสวนยาง สานกั งานกองทุนสงเคราะห์สวนยางและบริษทั ไมอ้ ดั ไทย ส่วนหน่วยงานรฐั วิสาหกจิ ท่ีสังกดั กระ ทรวงการคลงั ไดแ้ ก่ โรงงานยาสูบ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ 2.2.2 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจท่ีมีส่วนเก่ียวขอ้ งสนับสนุนงานส่งเสริมการเกษตร เป็ นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจท่ีปฏิบตั ิภารกิจที่เกี่ยวขอ้ งกบั การพฒั นาการเกษตร แต่ไม่ไดอ้ อกไปดา เนินการตดิ ต่อกบั เกษตรกรโดยตรง เชน่ เขา้ ไปมีส่วนร่วมในการให้ขอ้ มลู หรือให้การสนบั สนุนการ ดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรของหน่วยงานอ่ืน หน่วยงานประเภทน้ี เป็ นหน่วยงานที่สังกดั กระ ทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ องค์การตลาดเพ่ือเกษตรกร องค์การสะพานปลา และองค์การ อุตสาหกรรมห้องเยน็ 2.3 หน่วยงานเอกชน นอกจากหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจแลว้ ยงั มีหน่วยงาน เอกชนทเ่ี ขา้ มามีบทบาทเก่ียวขอ้ งกบั การส่งเสริมการเกษตรอกี หน่วยงานหน่ึง ถา้ พิจารณาตามวตั ถุ ประสงคข์ องหน่วยงานเอกชนท่ีเขา้ มาเกี่ยวขอ้ งกบั การส่งเสริมการเกษตร สามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็ น 2 ประเภท ใหญๆ่ คือ 2.3.1 หน่วยงานเอกชนท่ีหวงั ผลกาไร จะเขา้ ไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการเกษตร ในดา้ นของเงินทุน วิชาการ เทคโนโลยีสมยั ใหม่ และการตลาด แบ่งออกไดเ้ ป็ น 2 กลมุ่ คือหน่วย งานของเอกชนภาคการผลิต การคา้ และการบริการ และสถาบนั การเงินของเอกชน ซ่ึงหน่วยงาน ของเอกชนภาคการผลติ การคา้ และการบริการไดแ้ ก่ บริษทั หา้ งร้านต่างๆ ท่ีจาหน่ายปัจจยั การผลิต บริษทั ห้างร้านท่ีซ้ือขายพืชผล บริษัทผูด้ าเนินการผลิตผลิตผลการเกษตรและอุตสาหกรรมการ เกษตร เช่น บริษทั เจียไต๋ส่งเสริมเกษตรกรรม จากดั บริษทั เบทาโกร จากดั บริษทั แหลมทองสหการ จากัด บริษทั สหฟาร์ม จากัด และบริษทั ในเครือเจริญโภคภณั ฑ์ เป็ นตน้ ส่วนสถาบนั การเงินของ เอกชน จะอานวยสินเช่ือการเกษตรแก่ เกษตรกรท้งั รายบุคคล เป็ นกลุ่ม ไดแ้ ก่ ธนาคารกรุงเทพ จากัด ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทย และธนาคารกรุงศรีอยธุ ยา เป็นตน้ 2.3.2 หน่วยงานเอกชนที่ไม่หวงั ผลกาไร เกิดจากความตอ้ งการของกลุ่มบุคคลท้งั ในองคก์ ารธุรกิจและองคก์ ารศาสนา ที่ปรารถนาจะเขา้ มาส่งเสริมและพฒั นาประชาชนที่มีรายได้ นอ้ ยและยากจนให้สามารถมีอาชีพที่เหมาะสมและมีรายได้เพิ่มข้ึน การส่งเสริมการเกษตรเป็ นไป ในลกั ษณะให้การช่วยเหลือแบบให้เปล่า คอื เป็ นการบาเพญ็ ประโยชนเ์ พ่ือส่วนรวม ไดแ้ ก่ มูลนิธิ สมาคม ชมรม ฯลฯ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 91
บทที่ 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร จากประเภทของหน่วยงานท่ีมสี ่วนเกี่ยวขอ้ งกบั งานส่งเสริมการเกษตรท่ีกล่าวมาขา้ ง ตน้ สิน พนั ธุพ์ ินิจ (2544) ไดส้ รุปการแบง่ ส่วนราชการและองคก์ ารรัฐวสิ าหกิจของกระทรวงเกษตร และสหกรณ์เป็นแผนภมู ิ ดงั ภาพที่ 5.1 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ งำนบริหำรงำนท่ัวไป งำนวิชำกำรเกษตร งำนสนับสนุนปัจจัย งำนพฒั นำ กำรผลิต 4สานกั งานเลขานุการ 4กรมวิชาการเกษตร 4กรม 4กรมส่งเสริม รมต. 4กรมพฒั นาทด่ี นิ ชลประทาน การเกษตร 4สานกั งาน 4กรมปศุสัตว์ ปลดั กระทรวง 4กรมประมง 4สานกั งาน 4กรมส่งเสริม 4กรมป่ าไม้ ปฏริ ูปทด่ี นิ เพอ่ื สหกรณ์ 4สานกั งานเศรษฐกิจ เกษตรกรรม การเกษตร 4กรมตรวจบญั ชี สหกรณ์ องค์กำรรัฐวสิ ำหกิจ 4องคก์ ารส่งเสริมกจิ การโคนมแห่งประเทศไทย 4องคก์ ารตลาดเพื่อเกษตรกร 4องคก์ ารสะพานปลา 4องคก์ ารอุตสาหกรรมป่ าไม้ 4องคก์ ารสวนยาง 4สานกั งานกองทุนสงเคราะหก์ ารทาสวนยาง4บริษทั ไมอ้ ดั ไทย จากดั ภำพที่ 5.1 แผนภูมกิ ารแบ่งส่วนราชการและองคก์ ารรัฐวิสาหกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่มี ำ: ดดั แปลงจาก สิน พนั ธุพ์ ินิจ (2544) วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 92
บทที่ 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร 3. สถำบันกำรเกษตร สถาบนั การเกษตร เป็นสถาบนั ที่เกษตรกรเขา้ มารวมตวั กนั เพ่ือดาเนินงานให้ความตอบ สนองความตอ้ งการของสมาชิกในดา้ นการผลิต การตลาด เงินทุน ตลอดจนเทคโนโลยีสมยั ใหม่เพอ่ื ท่ีจะทาให้สมาชิกได้รับประโยชน์มากท่ีสุด สถาบนั เกษตรกรท่ีรัฐบาลสนบั สนุนให้จดั ต้งั ข้ึนใน ปัจจุบนั มี 2 สถาบนั คือ สหกรณ์การเกษตร และกลุ่มเกษตรกร ซ่ึงท้งั สองสถาบนั น้ีส่วนหน่ึงจะเป็น แหลง่ ท่ีอานวยสินเช่ือการเกษตรให้กบั เกษตรกรที่เป็ นสมาชิก โดยสถาบนั จะกยู้ ืมเงนิ จากธนาคาร เพอื่ การเกษตรและสหกรณ์ แลว้ นามาใหส้ มาชิกกู้ยมื อีกต่อหน่ึง เชน่ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประ เทศไทยในพระบรมราชูปถมั ภ์ มูลนิธิการศึกษาเพื่อชีวิตและสังคม สภาคาทอลกิ แห่งประเทศไทย เพื่อการพฒั นา มูลนิธิศึกษาเพ่ือการพฒั นาชนบท สมาคมผูบ้ าเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทย สมาคมพฒั นาประชากรและชุมชนแห่งเอเชีย และกองทุนสงเคราะหช์ ุมชน เป็นตน้ 4. หน่วยงำนของรัฐท่ีรับผดิ ชอบโดยตรงในกำรส่งเสริมกำรเกษตร เนื่องจากงานส่งเสริมการเกษตรเป็นภารกิจหลกั ของหน่วยงานของรัฐ มีหน่วยงานท่ีรับ ผดิ ชอบโดยตรง ไดแ้ ก่ กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จดั ต้งั ข้นึ เม่ือวนั ที่ 21 ตุลาคม 2510 มหี น้าท่ีในการอานวยการ บริการ และเผยแพร่วิชาการทางการ เกษตรแผนใหมส่ ู่เกษตรกร เพ่ือให้เกษตรกรสามารถเพิม่ ผลผลติ การเกษตรท้งั ทางดา้ นปริมาณและ คณุ ภาพให้เหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของตลาด อนั จะช่วยให้เกษตรกรมรี ายไดแ้ ละ มีฐานะดขี ้ึน ซ่ึงจะเป็นการชว่ ยส่งเสริมเศรษฐกจิ ส่วนรวมของประเทศให้มนั่ คงยิง่ ข้นึ 4.1 ภารกิจของกรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตรในฐานะเป็ นองค์การ หลกั ท่ีดแู ลรับผิดชอบการส่งเสริมการเกษตรของประเทศไทยโดยตรง จาเป็ นตอ้ งกาหนดภารกิจ หลกั เพ่ือให้การดาเนินงานส่งเสริมครอบคลมุ ตามขอบเขตของอานาจหน้าที่ของกรมส่งเสริมการ เกษตร รวมท้งั กิจกรรมการผลิต การแปรรูป และการจาหน่ายผลิตผลการเกษตรของเกษตรกร เม่ือ กลา่ วโดยสรุปแลว้ สิน พนั ธพ์ นิ ิจ (2544) กลา่ ววา่ ภารกจิ หลกั ของกรมส่งเสริมการเกษตร มดี งั น้ี 4.1.1 เสนอแนวคิดในการประกอบอาชีพให้แก่บุคคลเป้าหมายให้สอดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติ ชีววิทยา เทคโนโลยกี ารผลติ เศรษฐกิจ วฒั นธรรม และการเมอื ง 4.1.2 เป็นตวั กลางในการนาเทคโนโลยีทางการเกษตรจากสถาบนั วจิ ยั หรือแหล่ง ความรู้ต่างๆ และนาเทคโนโลยีเหล่าน้ันมาดดั แปลงปรบั ปรุงให้งา่ ยข้ึน แลว้ ถา่ ยทอดไปสู่เกษตรกร ในขณะเดยี วกนั ก็รบั ปัญหาต่างๆของบคุ คลเป้าหมายมาพิจารณาแกไ้ ขหรือส่งต่อไปยงั สถาบนั วิจยั วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 93
บทที่ 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร 4.1.3 ส่งเสริมให้มีการผลิตทางการเกษตรให้เพียงพอแก่การบริโภคภายในประ เทศ การใชใ้ นอตุ สาหกรรม และเพ่อื ส่งออกไปยงั ต่างประเทศ โดยเนน้ การเพม่ิ ประสิทธิภาพในการ ผลติ และลดตน้ ทุนการผลติ 4.1.4 ใหก้ ารบริการและสนบั สนุนปัจจยั การผลติ บางชนิดในบางโอกาสแก่เกษตร กร เช่น กรณีประสบภยั ธรรมชาติ ศตั รูพชื ระบาดรุนแรง และกรณีอนื่ ๆ ที่เกษตรกรไม่สามารถชว่ ย เหลือตวั เองได้ เพ่ือให้การผลิตของเกษตรกรเป็นไปอย่างตอ่ เนื่อง 4.1.5 ส่งเสริมและสนบั สนุนให้เกษตรกรมีการรวมตวั กนั เป็ นสถานบนั เกษตรกร หรือกลมุ่ กิจกรรมเฉพาะเร่ือง เพ่ือใหเ้ กษตรกรร่วมกนั ผลิตและแกไ้ ขปัญหาร่วมกนั และมีโอกาส ขยายการผลติ ของทอ้ งถน่ิ ให้มขี นาดใหญ่พอทจ่ี ะจดั เป็ นธุรกิจเกษตร รวมท้งั มีอานาจต่อรองในการ จาหน่ายผลติ ผล 4.1.6 ประสานงานกบั สถาบนั ที่เก่ียวขอ้ งกบั การพฒั นาการเกษตร ท้งั ภาครฐั และ เอกชนในทุกๆดา้ น เพอ่ื ให้การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรเป็นไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ 4.2 โครงสร้างการบริหารงานของกรมส่งเสริมการเกษตร จากภาระหนา้ ท่ีความรับผิด ชอบของกรมส่งเสริมการเกษตรดังกล่าว ไดม้ กี ารจดั แบง่ ส่วนงานออกเป็นกองตา่ งๆ ตามภาระหน้า ทท่ี ี่รบั ผิดชอบ ซ่ึงแต่ละหน่วยงานกจ็ ะกระจายความรับผิดชอบกนั ไปตามภาระหนา้ ท่ีหลกั โดยกรม ส่งเสริมการเกษตร (2554) ได้แบ่งส่วนราชการออกเป็ น 2 ส่วน ตามรายละเอียด และแผนภูมิโครง สร้างตามภาพท่ี 5.2 ดงั น้ี 4.2.1 การบริหารราชการส่วนกลาง มีหน้าท่ีกาหนดนโยบายให้สอดคลอ้ งกับ นโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แผนพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติและนโยบาย ของรัฐบาล มีหนา้ ที่ดาเนินการวางแผน ติดตามและประเมินผลการดาเนินงานของหน่วยงานระดับ ภมู ิภาค การจดั สรรงบประมาณ การบริหารงานบุคคล ศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั เพื่อหาเทคโนโลยที ี่เหมาะ สมสาหรับเกษตรกร การนิเทศงานในส่วนภูมิภาค การให้การสนบั สนุนการดาเนินงานของหน่วย งานในส่วนภมู ภิ าค 4.2.2 การบริหารราชการส่วนภูมิภาค ประกอบด้วย สานกั งานเกษตรจงั หวดั 76 จงั หวดั สานกั งานเกษตรอาเภอ 879 อาเภอ โดยสานกั งานเกษตรจงั หวดั มบี ทบาทหนา้ ทรี่ ับผิดชอบ ในการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร องค์กรเกษตรกรและวิสาหกิจเกษตรของชุมชน ส่งเสริมและ ประสานการถ่ายทอดความรู้ดา้ นการผลติ การจดั การผลผลติ พชื ประมง และปศสุ ตั ว์ กากบั ดูแลและ สนบั สนุนการปฏบิ ตั ิงานของสานกั งานเกษตรอาเภอ และปฏบิ ตั ิงานร่วมหรือสนบั สนุนการปฏบิ ตั งิ าน ของหน่วยงานอ่นื ทเ่ี กี่ยวขอ้ งหรือทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ส่วนสานกั งานเกษตรอาเภอ มีบทบาทหน้าที่ รบั ผิดชอบในการวางแผนและส่งเสริมการผลิตการเกษตรในอาเภอ ส่งเสริมและพฒั นาเกษตรกร วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 94
บทท่ี 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร องค์กรเกษตรกรและวิสาหกิจเกษตรของชุมชน ส่งเสริมและประสานการถ่ายทอดความรู้ดา้ นการ ผลิต การจดั การผลผลิตพืช ประมง และปศุสัตว์ ให้บริการและส่งเสริมอาชีพการเกษตรทุกสาขา และปฏิบตั งิ านร่วมมอื สนบั สนุนการปฏิบตั ิงานของหน่วยงานอ่ืนทเี่ กย่ี วขอ้ งหรือที่ไดร้ บั มอบหมาย เป็ นตน้ ซ่ึง กรมส่งเสริมการเกษตร (2554) ได้จดั แบ่งโครงสรา้ งการบริหารงานของกรมส่งเสริม การเกษตร ไดด้ งั ภาพที่ 5.2 ดงั น้ี ภำพที่ 5.2 แผนภมู โิ ครงสร้างการแบง่ ส่วนราชการของกรมส่งเสริมการเกษตร 95 ท่มี ำ: กรมส่งเสริมการเกษตร (2554) วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร
บทที่ 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร 4.3 ระบบการส่งเสริมการเกษตรของกรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตรได้ กาหนดนโยบายเร่ือง “ระบบส่งเสริมการเกษตร” โดยมีพ้ืนฐานของระบบฝึ กอบรมและเย่ียมเยียน (training and visit system) ระบบส่งเสริมการเกษตรประกอบด้วย ระบบการทางานในพ้ืนที่ และ ระบบการสนบั สนุนการทางานในพ้นื ท่ี 4.3.1 ระบบการทางานในพ้ืนท่ี หมายถึง วธิ ีการทางานของเจา้ หนา้ ทีส่ ่งเสริมการ เกษตรในระดบั พ้ืนที่สามารถกาหนดวิธีการปฏบิ ตั ไิ ดต้ ามความเหมาะสม โดยใชศ้ ูนยบ์ ริการและถ่าย ทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจาตาบล เป็นกลไกหลกั ในการทางานในพ้ืนที่ ยึดหลกั การและการ ปฏิบตั ิ คือ 4.3.1.1 ส่งเสริมชมุ ชนใหม้ ีส่วนร่วมในการพฒั นาดา้ นการเกษตรของชุมชน และมีบทบาทหลกั ในการบริหารจดั การศูนยบ์ ริการและถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตรประจาตาบล สร้างกระบวนการเรียนรู้แก่ชุมชน โดยการจดั เวทชี ุมชนแบบมีส่วนร่วมอยา่ งต่อเน่ือง เพอ่ื ใหช้ ุมชนคิด เป็ นทาเป็ นและแกไ้ ขปัญหาเองได้ นอกจากน้ียงั ดาเนินกิจกรรมตามแผนชุมชนโดยการพฒั นากลุ่ม เครือข่ายในระดบั ตาบล มาขบั เคลื่อนกจิ กรรมเพื่อใหเ้ กดิ การเรียนรูแ้ ละบริหารการจดั การกิจกรรมของ ชุมชนดว้ ยตนเอง 4.3.1.2 บทบาทของเจา้ หนา้ ทใี่ นการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรในพ้ืน ท่ี โดยเจ้าหนา้ ที่ส่งเสริมจะตอ้ งทาหนา้ ที่เป็ นผูอ้ านวยความสะดวก เป็ นที่ปรึกษา แนะนา กระตุน้ ดา้ นวิชาการตามความเหมาะสมของพ้ืนท่ี เป็ นผปู้ ระสานงานกับหน่วยงานตา่ งๆ และใหบ้ ริการถา่ ย ทอดความรู้ทีส่ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของชุมชน และเป็นผตู้ ดิ ตามประเมนิ ผลแบบมสี ่วนร่วม 4.3.2 ระบบการสนบั สนุนการทางานในพ้ืนท่ี กาหนดให้มีการประชุม/สมั มนาเพื่อ แลกเปลย่ี นความรู้และวางแผนการปฏิบตั งิ าน ไดแ้ ก่ 4.3.2.1 การสัมมนาเชิงปฏิบตั ิการส่งเสริมการเกษตรระดับจังหวดั (provincial workshop, PW) กาหนดจดั ปี ละ 1-2 คร้ัง การสัมมนาเชิงปฏิบตั กิ ารส่งเสริมการเกษตร ระดับอาเภอ (district workshop, DW) กาหนดจดั 2 เดือนต่อคร้ังรวม 5 คร้ังในรอบปี การประชุม เกษตรจงั หวดั และหัวหน้าส่วนราชการระดับเขต กาหนดจดั ประชุมทุก 2 เดือน และการประชุม เกษตรอาเภอประจาเดือน (monthly meeting, MM) เป็ นการประชุมร่วมกนั ของผูบ้ ริหารและผูร้ ับ ผดิ ชอบงานระดบั จงั หวดั และผบู้ ริหารงาน ระดับอาเภอ เพอ่ื ร่วมกนั วางแผนการปฏิบตั ิงานกาหนด จดั เดอื นละ 1 คร้งั ในชว่ งสปั ดาหท์ ่ี 4 4.3.2.2 การนิเทศงานส่งเสริมการเกษตร ในระดบั จงั หวดั จะดาเนินการให้ ผูร้ ับการนิเทศมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์สถานการณ์/ปัญหา กาหนดเป้าหมายและร่วมตดั สินใจ ปรบั ปรุงแกไ้ ขการปฏิบตั ิงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจดั เป็ นทีมนิเทศงานใน วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 96
บทที่ 5 การดาเนนิ งานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร ระดบั จงั หวดั ประกอบดว้ ยเจา้ หนา้ ท่จี ากทุกฝ่าย/ทุกกลมุ่ งานในแตล่ ะทีมและดาเนินการในสปั ดาห์ท่ี 3 โดยทกุ อาเภอไดร้ บั การนิเทศอย่างนอ้ ย 2 เดือนต่อคร้งั ส่วนในระดบั อาเภอใหเ้ กษตรอาเภอวางแผน ออกนิเทศงานส่งเสริมการเกษตรให้ครบทุกตาบลอย่างนอ้ ย เดอื นละ 1 คร้ัง หรือแตง่ ต้งั คณะนิเทศ งานของสานกั งานเกษตรอาเภอออกนิเทศงานในระดบั ตาบล 4.3.2.3 การวจิ ยั และพฒั นางานส่งเสริมการเกษตรใหม้ ีการศกึ ษาวิจยั เพื่อ นาผลการศึกษาวจิ ยั มาปรับปรุงและพฒั นางานของอาเภอและจงั หวดั 4.3.2.4 การประชาสัมพันธ์ การปฏิบัติงานตามระบบงานส่งเสริมการ เกษตรให้หน่วยงานต่างๆ ที่เก่ียวขอ้ งท้งั ภาครฐั เอกชนและเกษตรกรได้รบั รู้ข่าวสารเพื่อการประ สานงานโดยใชร้ ะบบส่งเสริมการเกษตรเป็นชอ่ งทางในการดาเนินงานแบบบูรณาการ 4.3.2.5 การเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์จงั หวดั กาหนดแนวทางปฏิบตั ิงาน ตามระบบส่งเสริมการเกษตรท่ีสามารถเชื่อมโยงและประสานสอดคลอ้ งกับการดาเนินงานตาม ยทุ ธศาสตร์ของจงั หวดั น้นั ๆ 4.3.2.6 การจดั ทาปฏทิ ินการปฏิบตั ิงานตามระบบส่งเสริมการเกษตรของ จงั หวดั โดย กรมส่งเสริมการเกษตร (2552) กล่าววา่ ควรยึดสัปดาห์ปฏิบตั งิ าน ดงั น้ีคือ สัปดาห์ท่ี 1 เป็ นสัปดาห์ประชุม DM สัปดาห์ท่ี 2 เป็ นสัปดาห์จดั กิจกรรมในภาพรวมระดับเขตและประเทศ สัปดาหท์ ี่ 3 เป็ นสปั ดาห์การตดิ ตามนิเทศงาน และสัปดาหท์ ี่ 4 เป็นสัปดาหส์ าหรับ DW และประชุม MM 4.4 วิธีการส่งเสริมการเกษตรของกรมส่งเสริมการเกษตร วลั ลภพรหมทอง(2541)กล่าว วา่ วิธีการส่งเสริมการเกษตรของกรมส่งเสริมการเกษตรท่ีดาเนินการอยู่ในปัจจุบนั ขณะน้ี สามารถสรุปได้ 5 วธิ ีการคือ 4.4.1 การทาแปลงสาธิต เป็ นการแสดงผลของการสาธิต โดยจดั ทาแปลงสาธิตใน พ้ืนท่ขี องเกษตรกร กรมส่งเสริมการเกษตรจะสนบั สนุนเร่ืองเมล็ดพนั ธุ์ ป๋ ยุ สารเคมี และเคร่ืองมือ อปุ กรณ์ต่างๆ และมีเจา้ หนา้ ที่ส่งเสริมคอยดูแลและให้คาแนะนา ส่วนเกษตรกรรบั ผิดชอบในเร่ือง ของแรงงานในการปฏบิ ตั ิดูแลรักษา เกษตรกรทีเ่ ขา้ ร่วมโครงการส่วนใหญจ่ ะเป็นเกษตรกรผนู้ าใน ทอ้ งถ่นิ แปลงสาธิตน้ีสามารถใชเ้ ป็นแปลงตวั อยา่ งสาหรับการศกึ ษาของเกษตรกรรายอืน่ ๆ ในทอ้ ง ถน่ิ 4.4.2 การทาแปลงทดสอบพืช มีลกั ษณะคลา้ ยกบั แปลงสาธิต แต่แตกต่างกันใน เร่ืองของการทาแปลงเพ่ือผลการวิจยั จากสถาบนั วิจยั หรือสถานีทดลอง มาทดลองในแปลงของ เกษตรกรในทอ้ งถิ่น เพ่ือทดสอบส่ิงที่คน้ พบน้นั ว่าเหมาะสมกบั ทอ้ งถ่ินหรือๆไม่ โดยเปรียบเทียบ กบั พนั ธุ์พชื และกรรมวิธีการผลิตในทอ้ งถ่ินน้นั ๆ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 97
บทท่ี 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร 4.4.3 การจดั นิทรรศการ นบั ว่าเป็นวธิ ีการส่งเสริมท่ไี ดผ้ ลดีอีกวิธีหน่ึง เนื่องจากมี เกษตรกรหรือบคุ คลเป้าหมายให้ความสนใจกนั มาก เช่น งานวนั เกษตรแห่งชาติ งานเกษตรประจาปี ของจงั หวดั ต่างๆ เป็นตน้ 4.4.4 การประกวด เป็ นงานท่ีจดั ข้ึนเพื่อให้เกษตรกรนาผลิตผลมาประกวดกัน และในขณะเดียวกนั งานประกวดน้นั จะมกี ารนาเทคโนโลยกี ารเกษตรใหม่ๆ มาแสดง ซ่ึงเกษตรกร สามารถศึกษาหาความรู้ได้ เช่น งานประกวดพนั ธุ์พืช พนั ธุ์สัตว์ งานประกวดผลไม้ งานประกวด โป๊ ยเซียน เป็นตน้ 4.4.5 การส่งเสริมดว้ ยวธิ ีอืน่ ๆ วธิ ีท่ใี ชอ้ ยใู่ นปัจจบุ นั เช่น การออกหน่วยเคลอ่ื นท่ี การประชุมกลุ่มต่างๆ การศกึ ษาดูงานนอกสถานท่ี การจดั งานวนั สาธิต การใชส้ ื่อเอกสารส่ิงพิมพ์ การจดั รายการวิทยุกระจายเสียง การจดั รายการโทรทัศน์ การจดั รายการโตต้ อบปัญหาทางการ เกษตร เป็นตน้ 5. บทบำทกำรดำเนินงำนส่งเสริมกำรเกษตรของหน่วยงำนอื่นๆ หน่วยงานประเภทน้ีมีท้ังหน่วยงานภาครัฐ ภาครัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนเป็ น หน่วยงานท่ีไมม่ ีบุคลากรรบั ผิดชอบงานส่งเสริมการเกษตรโดยตรง เป็ นเพยี งการใหก้ ารสนับสนุน งานส่งเสริมการเกษตรเท่าน้นั หน่วยงานเหลา่ น้ีมีอยหู่ ลายหน่วยงานส่วนใหญ่มกั จะทางานผูกพนั กบั ชนบท ซ่ึงอาชีพหลกั คือ อาชีพการเกษตรนนั่ เอง ดงั น้นั หน่วยงานเหลา่ น้ีจึงเขา้ ไปมีส่วนเกี่ยวขอ้ ง ในการส่งเสริมการเกษตร ดงั น้ี 5.1 หน่วยงานที่สังกัดภาครัฐบาล การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรของหน่วยงานท่ี สังกดั ภาครัฐบาล มดี งั น้ี 5.1.1 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานที่ทาหน้าที่ให้การส่งเสริมการ เกษตร สงั กดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นอกจากกรมส่งเสริมการเกษตรแลว้ ยงั มีหน่วยงานอืน่ ๆ ดงั น้ี คือ 5.1.1.1 กรมวิชาการเกษตร มหี นา้ ท่ีหลกั คือ ศึกษาวจิ ยั และคน้ ควา้ ทดลอง เก่ียวกบั การผลิตพืชชนิดตา่ งๆ ในขณะเดียวกนั ก็ทาหนา้ ที่ในการส่งเสริมการเกษตรไปพรอ้ มๆ กนั ดว้ ย หน่วยงานเหล่าน้ี ไดแ้ ก่ สถาบนั วิจยั พืชไร่ สถานบนั วิจยั ยาง สถาบนั วิจยั ขา้ ว กองเกษตรเคมี กองวตั ถุมีพิษ ฯลฯ นอกจากน้ียงั มศี ูนยว์ ิจยั และสถานีทดลองต่างๆท่ีสังกดั ในกรมวิชาการเกษตร กระจายอยูใ่ นส่วนภูมภิ าคทวั่ ประเทศ 5.1.1.2 กรมปศุสัตว์ เป็ นหน่วยงานท่ีทาหนา้ ท่ีในการส่งเสริมการเกษตร เช่นเดียวกบั กรมส่งเสริมการเกษตร เพียงแต่กรมส่งเสริมการเกษตรรับผิดชอบในดา้ นพืช ส่วนกรม วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 98
บทที่ 5 การดาเนนิ งานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร ปศสุ ตั วร์ ับผิดชอบทางดา้ นสตั ว์ โดยเฉพาะในดา้ นการส่งเสริมการเล้ียงสัตวแ์ ละการป้องกันกาจดั โรค ระบาด การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรของกรมปศุสัตว์ มหี น่วยงานท่รี ับผดิ ชอบหลายหน่วยงาน คอื กองบารุงพนั ธุ์สัตว์ กองผสมเทยี ม กองอาหารสัตว์ และหน่วยงานส่วนภูมิภาค เช่น สถานีบารุง พนั ธุส์ ัตว์ สถานีผสมเทยี ม สถานีพืชอาหารสตั ว์ ปศสุ ตั วเ์ ขต ปศุสัตวจ์ งั หวดั ปศุสตั วอ์ าเภอ เป็นตน้ 5.1.1.3 กรมการขา้ ว เป็ นหน่วยงานทม่ี ีหน้าที่หลกั ในการทางานวิจยั และ พฒั นาเทคโนโลยดี า้ นการทานา เพราะขา้ วเป็ นพืชเศรษฐกิจหลกั ของไทย กรมการขา้ วจะทางานท้งั ทางดา้ นงานวจิ ยั และงานส่งเสริมเผยแพร่ 5.1.1.4 กรมประมง มีหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบในการศกึ ษา วจิ ยั คน้ ควา้ และทด ลองเก่ียวกับการเพาะเล้ียงสัตว์น้า การบารุงพันธุ์สัตว์น้า การพฒั นาเคร่ืองมือและอุปกรณ์การ ประมง ตลอดจนการส่งเสริมและเผยแพร่การเพาะเล้ียงสัตวน์ ้า การจบั สตั ว์น้าและงานอาชีพประมง อนื่ ๆ ประกอบดว้ ยหน่วยงานตอ่ ไปน้ี คอื กองส่งเสริมประมง กองประมงน้าจืด กองประมงน้ากร่อย และกองประมงทะเล 5.1.1.5 กรมป่ าไม้ ประกอบด้วยหน่วยงาน คือ กองจดั การที่ดินป่ าสงวน แห่งชาติ และกองอนุรักษต์ น้ น้า โดยกองจดั การท่ีดินป่ าสงวนแห่งชาติ มหี นา้ ที่ในการกาหนดและ วางแผนในการใชท้ ่ีดินของป่ าสงวนเพอ่ื การประกอบอาชีพการเกษตร โดยไมท่ าลายทรพั ยากรป่ า ไม้ ส่วนกองอนุรักษต์ น้ น้า มีหน้าท่ีศึกษาคน้ ควา้ และวิจยั เกี่ยวกบั การอนุรักษแ์ หล่งตน้ น้าลาธาร โดยเนน้ การปลกู ป่ าและทาการเกษตรทีส่ นับสนุนการอนุรักษแ์ หล่งตน้ น้า และส่งเสริมการปลูกพืช เศรษฐกจิ อน่ื ๆ เพอื่ ทดแทนการทาไร่เลือ่ นลอย 5.1.1.6 กรมพฒั นาที่ดิน การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรของกรมพฒั นาท่ี ดนิ ประกอบดว้ ยหลายหน่วยงาน เช่น กองบริรักษ์ที่ดิน ศูนยพ์ ฒั นาที่ดิน หน่วยพฒั นาทีด่ ิน สถานี ปรับปรุงบารุงดิน เป็นตน้ หน่วยงานเหลา่ น้ีมีหนา้ ท่ใี นการศึกษาคน้ ควา้ วิจยั และบริการส่งเสริมเผย แพร่ความรูแ้ ละเทคโนโลยีดา้ นการพฒั นาท่ดี นิ สู่เกษตรกร สถาบนั เกษตรกร และประชาชนผสู้ นใจ โดยการจดั การฝึกอบรม การจดั นิทรรศการด้านการเกษตร การจดั ทาแปลงสาธิต การใหค้ าแนะนา ทางเอกสารส่ิงพิมพ์ การเสนอบทความทางวิทยุและโทรทศั น์ เป็นตน้ 5.1.1.7 กรมชลประทาน มีหน้าท่ีเก่ียวกับการพัฒนาแหล่งน้าเพื่อการ เกษตร การอุตสาหกรรม การอปุ โภค-บริโภค การจดั สร้างแหล่งน้าเพอ่ื การเกษตร รวมท้งั ใหค้ วามรู้ เร่ืองการใชน้ ้าในเขตชลประทานแกเ่ กษตรกร 5.1.1.8 สานกั งานปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม มีหน้าท่ีจดั สรรที่ดินและ ปฏริ ูปท่ีดินใหแ้ ก่เกษตรกรผูไ้ ม่มีท่ีดนิ เป็ นของตนเอง รวมท้งั การดาเนินงานฝึกอบรมส่งเสริมอาชีพ การเกษตรแก่เกษตรกรในเขตปฏริ ูปที่ดนิ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 99
บทที่ 5 การดาเนนิ งานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร 5.1.1.9 กรมส่งเสริมสหกรณ์ มีบทบาทในการควบคุมดูแลช่วยเหลือกิจ กรรมสหกรณ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิง สหกรณ์การเกษตร จึงมีการเผยแพร่ความรู้เก่ียวกบั การ รวมกลุ่มการเกษตร รวมท้งั เผยแพร่ความรู้ทางการเกษตรแก่สมาชิกสหกรณ์การเกษตรดว้ ย 5.1.1.10 สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร มีบทบาทในการรวมกลุ่มข้อมูล ดา้ นเศรษฐกิจการเกษตร รวมท้งั เผยแพร่ความรูเ้ ก่ียวกบั การตลาด ราคาสินคา้ เกษตรไปสู่เกษตรกร 5.1.2 ทบวงมหาวิทยาลยั สถาบนั อุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลยั สังกัดทบวงมหา วิทยาลยั ของรัฐ ท่ีมีหน้าท่ีดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรไดแ้ ก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหา วิทยาลยั ขอนแกน่ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมา ธิราช มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง มหาวิทยาลยั เหลา่ น้ีมคี ณะเกษตรสงั กดั อยูด่ ว้ ย และคณะเกษตรน้ีทาหน้าท่สี ่งเสริมและเผยแพร่วิชา ความรู้ทางการเกษตรสู่เกษตรกร การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรของมหาวทิ ยาลยั ต่างๆ มีดงั น้ี 5.1.2.1 จดั ฝึกอบรมวชิ าชีพเกษตรกรรมภาคฤดูร้อนแกป่ ระชาชน เช่น จดั ฝึ กอบรมหลกั สูตรการเพาะเห็ด การขยายพนั ธุ์พืช การปลูกไมผ้ ล การเล้ียงกลว้ ยไม้ การถนอม อาหาร เป็ นตน้ หลกั สูตรการฝึ กอบรมเหล่าน้ี จดั ข้ึนเพ่ือเป็นการบริการและถ่ายทอดความรู้ให้แก่ เกษตรกรและประชาชนผูส้ นใจทว่ั ไป โดยจดั ฝึกอบรมท้งั ภายในและภายนอกมหาวทิ ยาลยั 5.1.2.2 เผยแพร่ความรู้ทางวิชาการแก่ประชาชน เช่น เผยแพร่ทางวิทยุ กระจายเสียง โทรทศั น์ เอกสารสิ่งพมิ พ์ การจดั นิทรรศการทางการเกษตร เป็นตน้ 5.1.2.3 จดั ทาหรือผลติ ส่ือเพื่อใชใ้ นการเผยแพร่ความรู้แก่บุคคลเป้าหมาย เชน่ สไลดป์ ระกอบเสียง และเทปวีดีทศั น์ โดยจดั ไวบ้ ริการแก่สถาบนั เกษตรกร รวมท้งั จาหน่ายให้ แก่เกษตรกรและผูส้ นใจทวั่ ไปดว้ ย 5.1.2.4 จดั ส่งคณาจารยอ์ อกไปแนะนาเผยแพร่ความรูแ้ ก่เกษตรกร ตามจุด ต่างๆ ภายนอกมหาวิทยาลยั หรือปฏิบตั ิงานร่วมกับหน่วยงานอ่ืน เช่น ร่วมกับโครงการหลวงเพื่อ พฒั นาชาวเขาในภาคเหนือ โครงการโคขุนกาแพงแสน โครงการเล้ยี งไก่พ้นื เมือง โครงการส่งเสริมการ ปลูกหน่อไมฝ้ รั่ง โครงการอาสาพฒั นาการเพาะเห็ดในชุมชนแออดั ในเขตกรุงเทพมหานคร เป็นตน้ 5.1.3 กระทรวงศกึ ษาธิการ หน่วยงานทจ่ี ดั การเรียนการสอนวชิ าเกษตรหรืออาชีพ เกษตร กจ็ ะทาหนา้ ทส่ี ่งเสริมบริการความรู้แก่เกษตรกรและประชาชนทว่ั ไปดว้ ย หน่วยงานเหลา่ น้ี คอื 5.1.3.1 สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา การดาเนินงานส่งเสริม การเกษตรของสานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ดาเนินงานโดยวทิ ยาลยั เกษตรและเทคโน โลยีและวิทยาลยั ประมง ซ่ึงต้งั อยู่ทวั่ ประเทศมีบทบาทในการจดั ฝึ กอบรมวิชาชีพเกษตรกรรมให้แก่ เกษตรกรในชนบทตามโครงการฝึ กอบรมอาชีพเกษตรกรรมหลกั สูตรระยะส้ัน โครงการพฒั นา วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 100
บทที่ 5 การดาเนนิ งานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร อาชีพแบบบูรณาการเพอ่ื แกป้ ัญหาความยากจนอย่างยงั่ ยืน โครงการชีววิถีเพือ่ การพฒั นาอย่างยง่ั ยืน โครงการตน้ หญา้ อาชีพ โครงการ 108 อาชีพ โครงการสร้างอาชีพเพือ่ ชุมชน เป็นตน้ 5.1.3.2 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล งานส่งเสริมการเกษตรเป็นงาน หน่ึงท่ีอยู่ในความรบั ผิดชอบของสถาบนั ฯ โครงการน้ีมีชื่อว่า “โครงการพัฒนาอาชีพในชนบท” (เดมิ ชื่อว่าโครงการฝึกอบรมวิชาชีพเกษตรกรรมหลกั สูตรระยะส้นั ) เป็นโครงการท่ีจดั ข้ึนเพื่อฝึกอบรม และถา่ ยทอดความรู้ทางการเกษตรใหแ้ ก่เกษตรกรและผูส้ นใจทว่ั ไป หลกั สูตรที่จดั ข้ึนจดั ตามความ ตอ้ งการของเกษตรกร โดยใชร้ ะยะเวลาในการฝึกอบรมหลกั สูตรละประมาณ 3-7 วนั นอกจากท้งั 2 หน่วยงานท่ีกล่าวมาแลว้ ยงั มีหน่วยงานอื่นๆ เช่น กรมการศกึ ษานอกโรง เรียน มีงานส่งเสริมการเกษตรโดยจดั ฝึ กอบรมอาชีพเกษตรกรรมให้แก่ เกษตรกรในทอ้ งถิ่น และ กรมสามญั ศึกษาที่มีโปรแกรมเกษตรสาหรับนักเรียนระดบั มธั ยมศกึ ษา มกี ารสอนความรูท้ างดา้ น เกษตรในช้นั เรียน ขณะเดียวกนั ก็สนบั สนุนกิจกรรมยุวเกษตรท่ีเรียกวา่ ช.ก.ท. (ชมุ นุมเกษตรกรใน อนาคตแห่งประเทศไทย) อกี ดว้ ย 5.1.4 กระทรวงมหาดไทย การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรของหน่วยงานสงั กัด กระทรวงมหาดไทย มดี งั น้ี 5.1.4.1 กรมพฒั นาชุมชน เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบงานดา้ นการพฒั นา ให้ประชาชนมีฐานะทางเศรษฐกิจและสงั คมดีข้ึน ในดา้ นการส่งเสริมท่ีไดด้ าเนินการ คือ กระตนุ้ ให้ เกษตรกรใชว้ ทิ ยาการเกษตรแผนใหม่ โดยจดั ฝึกอบรมใหแ้ ก่เกษตรกร ซ่ึงการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตร ของกรมพฒั นาชมุ ชนส่วนใหญ่ จะทาในรูปของการประสานงานและร่วมมอื กบั หน่วยงานอน่ื 5.1.4.2 สานักงานเร่งรัดพฒั นาชนบท (รพช.) งานที่เก่ียวขอ้ งกบั การส่ง เสริมการเกษตร คือ การพฒั นาเพื่อแกไ้ ขปัญหาทางเศรษฐกจิ ใหก้ บั ประชาชนในชนบท เช่น การส่ง เจา้ หนา้ ท่ีส่งเสริมไปแนะนาช่วยเหลือในการประกอบอาชีพแก่เกษตรกร การจดั หายงุ้ ฉาง การจดั หา ตลาดจาหน่ายผลิตผลการเกษตร เป็นตน้ 5.1.5 กระทรวงแรงงานและสวสั ดิการสังคม หน่วยงานท่ีทาหน้าที่เกี่ยวข้องกับ งานส่งเสริมการเกษตร คือ กรมประชาสงเคราะห์ ประกอบดว้ ยงาน ดงั ตอ่ ไปน้ี 5.1.5.1 กองนิคมสร้างตนเอง มีหนา้ ท่ีในการจดั สร้างนิคม เพ่ือให้ประชา ชนไดม้ ที ีท่ ากนิ และไดด้ าเนินการเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตรให้แก่เกษตรกรในนิคมสรา้ งตนเองน้นั 5.1.5.2 กองสงเคราะหช์ าวเขา ดาเนินงานส่งเสริมอาชีพทางการเกษตรให้ แก่ประชาชนชาวเขา ท้งั ทางดา้ นการปลูกพชื และเล้ยี งสัตว์ เพ่อื ป้องกนั ไม่ให้ชาวเขาตดั ไมท้ าลายป่ า อนั เป็นตน้ กาเนิดของแหล่งน้าลาธาร วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 101
บทที่ 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร 5.1.6 กระทรวงกลาโหม หน่วยงานสงั กดั กระทรวงกลาโหมที่ดาเนินงานส่งเสริม การเกษตร คือ กองอานวยการรกั ษาความปลอดภยั กลาง (กรป.กลาง) โดย กรป.กลางไดจ้ ดั ต้งั หน่วย พฒั นาการเคล่ือนท่ีข้ึนตามหมู่บา้ นหรือทอ้ งที่ท่ีมีปัญหาในเรื่องของความมน่ั คง วิธีดาเนินการส่ง เสริมของหน่วยพฒั นาการเคลือ่ นที่ จะอยใู่ นลกั ษณะจดั ฝึกอบรม สาธิต และนิทรรศการ รวมท้งั แจก เอกสารแก่เกษตรกร การดาเนินการของ กรป.กลางน้ี มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรท้งั ทาง ดา้ นการปลกู พืชและการเล้ยี งสตั ว์ นอกจากการส่งเสริมของหน่วยพฒั นาเคลือ่ นท่ตี ามทอ้ งถน่ิ ต่างๆ แลว้ ยงั มีโครงการพิเศษตา่ งๆอกี เช่น โครงการเกษตรกรรมจอมทอง โครงการเล้ยี งปศุสตั วเ์ พอื่ ส่ง ออกไปต่างประเทศ เป็นตน้ โดยจดั หาที่ดิน พนั ธุ์พชื พนั ธุส์ ัตว์ และสิ่งจาเป็นตอ่ การเกษตรอนื่ ๆให้ แก่สมาชิกของโครงการ ส่วนการแนะนาส่งเสริมน้นั จะดาเนินงานร่วมกับเจา้ หน้าท่ีส่งเสริมจาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5.1.7 โครงการหลวง เป็ นโครงการท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลย เดช ทรงพระราชทานพระราชทรัพยส์ ่วนพระองค์ เพื่อใชใ้ นการศึกษาคน้ ควา้ และวิจยั วิชาความรู้ ทางการเกษตรสาหรบั นาไปถา่ ยทอดเผยแพร่แก่เกษตรกร เพือ่ ให้เกษตรกรนาไปใชใ้ นการประกอบ อาชีพ รวมท้งั เป็ นการแกป้ ัญหาในการประกอบอาชีพของเกษตรกร โดยวิธีการดาเนินงานส่งเสริม การเกษตรของโครงการหลวงน้นั ใชว้ ิธีการส่งเสริมหลายรูปแบบแตกต่างกนั ไปในแตล่ ะโครงการ เช่น การจดั ฝึ กอบรม การทาแปลงสาธิต การให้คาแนะนาแก้ไขปัญหาต่างๆ เป็ นตน้ ท้งั น้ีในทุก โครงการจะมีเจา้ หนา้ ทใ่ี นการส่งเสริมและร่วมประสานงานกบั หน่วยงานราชการอน่ื ๆเป็นคร้ังคราว ตวั อย่างโครงการหลวงที่กาลงั ดาเนินการอยูใ่ นปัจจบุ นั ไดแ้ ก่ โครงการพฒั นาท่ีดินหุบกะพง โครง การ พฒั นาเขาหินซ้อนอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ สหกรณโ์ คนมหนองโพราชบุรี จากดั (ในพระบรม ราชปู ถมั ภ)์ โครงการฟาร์มส่วนพระองคห์ าดทรายใหญ่ โครงการเกษตรหลวงภาค เหนือ ฯลฯ 5.2 หน่วยงานสังกดั ภาครัฐวิสาหกิจ การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรของหน่วยงาน รฐั วิสาหกจิ มีดงั น้ี 5.2.1 องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เป็ นรัฐวิสาหกิจ สงั กดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซ่ึงจดั ต้งั ข้ึนโดยมีวตั ถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและบริการให้แก่ ผูส้ นใจเล้ียงโคนม เพือ่ ให้ไดผ้ ลผลิตท่ีมีคณุ ภาพ วธิ ีการดาเนินงานส่งเสริมของ อ.ส.ค. ได้แก่ จดั ฝึ ก อบรมวชิ าการและปฏิบตั ิให้แก่กลุ่มเกษตรกรท่ีตอ้ งการเล้ยี งโคนมเป็นอาชีพหลกั หรืออาชีพรอง โดย ร่วมมอื ประสานงานกับหน่วยงานอ่นื ๆ ในการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตร เช่น กรมปศสุ ัตว์ กรม ส่งเสริมการเกษตร กรป.กลาง เป็นตน้ นอกจากน้ี ยงั ให้บริการเผยแพร่ขอ้ มลู ข่าวสารเกย่ี วกบั หลกั การ เล้ยี งโคนมการทานมพาสตเ์ จอร์ไรซ์ และความรูอ้ น่ื ๆที่น่าสนใจทางดา้ นเกษตร โดยเผยแพร่ผ่านทาง ส่ือวิทยกุ ระจายเสียง โทรทศั น์ นิทรรศการ และเอกสารส่ิงพมิ พต์ ่าง ๆ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 102
บทท่ี 5 การดาเนนิ งานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร 5.2.2 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร (ธ.ก.ส) เป็นสถาบนั การเงิน ทเ่ี ป็นรัฐวสิ าหกิจ สังกดั กระทรวงการคลงั ซ่ึงจดั ต้งั ข้ึนเพ่อื บริการสินเชื่อแก่ สถานบนั เกษตรกรและ เกษตรกร เพ่ือให้เกษตรกรสามารถจดั หาทุนมาดาเนินการเกษตรได้ ส่วนการดาเนินงานดา้ นการส่งเสริม การเกษตรน้นั อยู่ในความรับผิดชอบของกองฝึกอบรมและกองบริการ การดาเนินงานส่งเสริมของ ธ.ก.ส. มีดงั น้ีคอื พนกั งานสินเช่ือของธนาคารทาหนา้ ท่ีถา่ ยทอดความรู้ใหแ้ ก่เกษตรกรเพ่ือนาไปใชใ้ น การประกอบอาชีพและปรับปรุงการประกอบอาชีพ รวมท้งั ควบคุมการใช้จ่ายเงินของเกษตรกร ลูกหน้ี โดยมีการบริการขอ้ มูลข่าวสารและความรู้ทางการเกษตร โดยส่งผ่านทางสื่อสารมวลชน ชนิดตา่ งๆ เช่น วทิ ยุ โทรทศั น์ เอกสารสิ่งพิมพ์ และ จดั ทาจดหมายเหตุ ธ.ก.ส ราย 2 เดือน เผยแพร่ แกล่ กู คา้ จดั และมหี น่วยประชาสัมพนั ธ์เคลอื่ นทไี่ ปบรรยายความรู้ ท้งั ทเ่ี ก่ยี วกบั การดาเนินงานของ ธนาคารและความรู้ทางการเกษตร นอกจากน้ียงั มีการจดั ฝึ กอบรมความรูท้ างการเกษตรแก่ลูกคา้ โดยประสานความร่วมมือกบั หน่วยงานต่างๆ ท่ีปฏบิ ตั หิ นา้ ทใี่ นการส่งเสริมการเกษตรอีกดว้ ย 5.2.3 กองทุนสงเคราะห์ชาวสวนยาง เป็ นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสงั กัดกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ จดั ต้งั ข้นึ เพือ่ วตั ถปุ ระสงคใ์ นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ท้งั ในดา้ นการ ถา่ ยทอดความรู้ในการผลิตยาง ดา้ นเงินทนุ แกเ่ กษตรกร โดยเฉพาะในกรณีทชี่ าวสวนยางประสบภยั พบิ ตั ิหรือในกรณียางราคาตกต่า และใหข้ อ้ มูลข่าวสารการตลาดยาง วิธีการดาเนินงานส่งเสริมการ เกษตรมีท้งั การใชน้ กั ส่งเสริมออกไปแนะนาความรูแ้ กเ่ กษตรกรโดยตรง การจดั นิทรรศการและการ เผยแพร่ความรู้ผ่านส่ือสารมวลชนตา่ ง ๆ 5.3 องคก์ รสงั กดั ภาคเอกชน การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรขององคก์ รภาคเอกชนท่ี ทาหน้าท่ีส่งเสริมการเกษตร แบ่งเป็ น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ องคก์ รเอกชนท่ีหวงั ผลกาไร และองค์กร เอกชนทีไ่ มห่ วงั ผลกไร โดยมีรายละเอียดดงั น้ี 5.3.1 องค์กรเอกชนท่ีหวงั ผลกาไร ได้แก่ บริษทั และห้างร้านต่างๆ ที่จาหน่าย ปัจจยั การผลิตและซ้ือขายผลิตภณั ฑ์ทางการเกษตร ธนาคารพาณิชย์ บริษทั ผูผ้ ลิตผลิตภณั ฑ์ทาง การเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร โดยองค์กรเหล่าน้ีไดพ้ ฒั นารูปแบบการเกษตรแบบครบ วงจร คือ ใหก้ ารส่งเสริมโดยให้เงนิ ทุนหรือปัจจยั ในการผลิตแก่เกษตรกรเพื่อนาไปใชใ้ นการผลิต ภายใตก้ ารแนะนาทางดา้ นวิชาการจากเจา้ หนา้ ที่ขององคก์ รเหลา่ น้นั และผลิตผลท่ีได้องค์กรจะรับ ซ้ือหรือจดั หาตลาดจาหน่ายให้ 5.3.2 องคก์ รเอกชนทีไ่ ม่หวงั ผลกาไร เป็นองคก์ รทไ่ี มไ่ ดท้ าธุรกิจทางการเกษตร และไม่หวงั ผลตอบแทน ส่วนใหญ่จะเป็นมูลนิธิ ชมรม และสมาคมต่างๆไดแ้ ก่ มูลนิธิบรู ณะชนบท แห่งประเทศไทย ชมรมถา่ ยทอดเทคโนโลยีทางการเกษตร สมาคมพฒั นาประชากรและชมุ ชน แห่ง เอเชีย การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรขององคก์ รเหล่าน้ี มีวิธีการดาเนินงานคือ ดาเนินการปรับ ปรุงและเปล่ียนแปลงพฤติกรรมการประกอบอาชีพของเกษตรกรให้มีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน โดยการ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 103
บทที่ 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร แนะนาเทคโนโลยีใหม่ๆในการเกษตร เช่น การใชพ้ ืชพนั ธุ์ดี การใชป้ ๋ ุยและสารเคมีป้องกันกาจดั ศตั รูพืช การทาฟาร์มผสมผสาน เป็นตน้ นอกจากน้ียงั ดาเนินการปรับปรุงสุขภาพอนามยั ของเกษตร กรให้ดีข้ึน โดยแนะนาใหเ้ กษตรกรรูจ้ กั วิธีการป้องกนั โรคภยั ไขเ้ จบ็ การจดั การบา้ นเรือนทอ่ี ยอู่ าศยั ให้ ถกู สุขอนามยั ให้การศึกษาพ้ืนฐานแก่เด็ก เยาวชน และผูใ้ หญ่ท่ีไม่รู้หนังสือ เร่งรัดและสนบั สนุน การรวมกลุ่มของเกษตรกรเป็นสถาบนั เพ่ือให้เกษตรกรมีพลงั ในการต่อรองในเร่ืองการซ้ือปัจจยั การผลติ และการจาหน่ายผลผลิต 6. กำรประสำนงำนในกำรส่งเสริมกำรเกษตร งานส่งเสริมการเกษตร เป็นงานท่ีมุ่งไปสู่การพฒั นาชนบทเป็ นส่วนใหญ่ จึงมีโครงการ ต่างๆหลายโครงการท้งั ของหน่วยงานเดยี วกนั และตา่ งหน่วยงานทจ่ี ดั ทาในทอ้ งถิ่น โดยเฉพาะอยา่ ง ยิ่งโครงการพฒั นาชนบทแบบผสมผสานระหวา่ งหน่วยงานต่างๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งท้งั ภาครฐั รัฐวิสาหกิจ และเอกชน เช่น ดา้ นการเกษตร การศึกษา การพฒั นาชมุ ชน หรือดา้ นอน่ื ๆ ซ่ึงจาเป็นตอ้ งมีการประ สานงานกนั เป็นอยา่ งมาก หากการประสานงานไม่ดกี ็ไมส่ ามารถดาเนินงานให้สาเร็จลุล่วงตามเป้า หมายทกี่ าหนดไวไ้ ด้ ดงั น้ันการดาเนินงานในการส่งเสริมการเกษตรโดยลาพงั บคุ คลใดบุคคลหน่ึง หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหน่ึง ไม่สามารถสาเร็จได้ จึงตอ้ งมีความจาเป็ นในการประสานความ ร่วมมือกันของบุคลากรท้งั ภายในองค์กรเดียวกนั และระหว่างองคก์ รงานจึงสาเร็จลุล่วงตามวตั ถุ ประสงคแ์ ละเป้าหมายทีก่ าหนดไว้ 6.1 ความหมายของการประสานงาน การประสานงาน หมายถึง การจดั ให้มคี วามเกย่ี ว เน่ืองกนั ในการทางานท้งั ในส่วนท่ีเกี่ยวกบั บุคคล จิตใจ วสั ดุ และวิธีการ ตลอดจนการตรวจตราดู แลเพือ่ ให้เจา้ หนา้ ทีท่ ุกฝ่ายร่วมมอื กนั ปฏิบตั งิ านเป็นน้าหน่ึงใจเดียวกนั ไม่ทาให้งานซ้าซ้อนขดั แยง้ หรือเหลอ่ื มล้ากนั เพ่อื ให้งานดาเนินไปอย่างราบร่ืนสอดคลอ้ งกันและบรรลุวตั ถุประสงคข์ ององค์ การน้นั อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการประสานงาน เป็นการประสานกาลงั ความสามารถของบคุ คล เขา้ ดว้ ยกนั อย่างกลมเกลียวเป็นระเบยี บ เพ่ือให้เกิด “แรงประสาน” ของบคุ คลหลายๆ คนท่ีทางาน ร่วมกนั ในเวลาเดยี วกนั แนวทางเดียวกนั เพ่อื ให้บรรลุวตั ถปุ ระสงคเ์ ดียวกนั จากความหมายท่ีกล่าวมา สมศกั ด์ิ สุระวดี และจุมพล หนิมพานิช (2539) ได้สรุป ลกั ษณะของการประสานงาน ไวว้ ่า การประสานงาน เป็ นการประสานพลงั ความสามารถของบุคคล ในการทางาน ซ่ึงรวมท้งั จติ ใจ ความรู้ความสามารถและแรงงานท้งั หมดเขา้ ดว้ ยกนั อยา่ งเป็นกลุ่มกอ้ น โดยมกี ารประสานพลงั ความสามารถทางานในจงั หวะหรือเวลาเดียวกนั เพอ่ื ม่งุ เนน้ ไปสู่จดุ ประสงค์ อนั เดียวกนั โดยเป็ นการประสานความร่วมมือของบุคคลระหวา่ งระดบั ต่าไปหาระดบั สูงหรือจาก ระดบั สูงมาต่าหรือในระดบั เดียวกนั วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 104
บทที่ 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร 6.2 ความสาคญั ของการประสานงาน การปฏิบตั งิ านของบคุ คลในองค์กร หากทุกฝ่ายมี การประสานงานที่ดีและมีความสอดคลอ้ งกนั ย่อมจะช่วยใหค้ ุณภาพของงานเป็นไปตามวตั ถุประ สงคข์ ององค์กร ชว่ ยประหยดั เงินและเวลา ชว่ ยลดการขดั แยง้ ระหว่างเจา้ หนา้ ท่ีผูป้ ฏิบตั ิงาน ดงั น้นั การประสานงานที่ดี จะทาให้เจา้ หนา้ ที่แต่ละฝ่ายเขา้ ใจบทบาทหนา้ ที่ของตนเป็นอย่างดี ไม่ทางาน กา้ วกา่ ยซ่ึงกันและกนั การทางานท่ีซ้าซ้อนกนั จะสิ้นเปลืองกาลงั คน กาลงั ทรัพย์ วสั ดทุ ่ีใช้ และเวลา ซ่ึงการประสานงานที่ดจี ะชว่ ยขจดั ปัญหาเหล่าน้ี 6.3 วตั ถุประสงค์ของการประสานงาน การประสานงานไม่ว่าจะเป็ นการประสานงาน รูปแบบใด ย่อมมีวตั ถุประสงค์ ดังน้ีคือ เพื่อแจ้งให้ผูซ้ ่ึงมีส่วนเก่ียวขอ้ งทราบ เพื่อรักษาไวซ้ ่ึง ความสัมพนั ธ์อนั ดี เพ่ือขอคายินยอมหรือความเห็นชอบ เพื่อขอความชว่ ยเหลอื เพื่อขจดั ขอ้ ขดั แยง้ อันอาจมีข้ึน เพื่อให้งานสาเร็จตามเป้าหมาย และสุดทา้ ยเพ่ือให้งานมีคุณภาพตามมาตรฐานท่ี กาหนดไว้ 6.4 ประเภทของการประสานงาน การดาเนินงานใดกต็ ามตอ้ งมกี ารประสานงานเพอื่ ให้ ผทู้ ีม่ สี ่วนเกี่ยวขอ้ งเขา้ ใจบทบาทหนา้ ท่ขี องตนเอง ประเภทของการประสานงานมี 2 ประเภท ดงั น้ี 6.4.1 การประสานงานภายในองคก์ ารและภายนอกองคก์ าร 6.4.1.1 การประสานงานภายในองคก์ าร หมายถึง การประสานงานภายใน หน่วยงานหรือองคก์ รเดยี วกนั เช่น การประสานงานภายในกระทรวง ทบวง กรมเดียวกัน การประ สานงานภายในองค์การเป็นการทาความเขา้ ใจในบทบาทหนา้ ท่ขี องบุคลากรภายในองคก์ ร เพ่ือให้ ทราบและเขา้ ใจอย่างแน่ชดั ว่าตนเองมีหนา้ ท่ีอะไร ได้แก่ การกาหนดหน้าท่ีความรับผิดชอบของ บคุ ลากรในองคก์ ร การประชมุ ช้ีแจงทาความเขา้ ใจ การปรึกษาหารือกนั ระหวา่ งผูท้ ่ีมสี ่วนเก่ียวขอ้ ง ในองค์กร การจดั กิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพนั ธ์อนั ดีระหว่างคนในองคก์ ร เช่น การจดั กิจกรรม การแข่งขนั กีฬา งานเล้ียงพบปะสงั สรรคท์ เ่ี ป็ นทางการและไมเ่ ป็นทางการ การสรา้ งวฒั นธรรมองค์ กรท่ีเอ้ืออาทรต่อกันจะมีส่วนสาคญั ในการประสานงานท่ีมีประสิทธิภาพ ดงั น้ัน อุทยั หิรัญโต (2531) ได้กล่าวว่า การประสานงานภายในองค์กรส่งเสริมการเกษตร หมายถึงการประสานงาน ภายในหน่วยงานส่งเสริมการเกษตร เช่น ในสานกั งานเกษตรจงั หวดั สานกั งานเกษตรอาเภอ หรือ หน่วยงานส่งเสริมการเกษตรหน่วยงานอ่ืนๆ รวมท้งั การประสานงานภายในศูนยบ์ ริการและถ่าย ทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจาตาบล 6.4.1.2 การประสานงานภายนอกองค์การ หมายถึง การประสานงาน ระหว่างหน่วยงานหรือองคก์ ารหน่ึงกบั อีกองคก์ ารหน่ึง รวมถึงการติดต่อกับบุคคลภายนอกต่างๆ การประสาน งานระหว่างองค์การเป็ นการติดต่อสื่อสารกันระหว่างองค์กรเพื่อประสานความ ร่วมมือในการปฏิบตั งิ านให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ เช่น การตดิ ตอ่ ขอความร่วมมอื ในเร่ืองใด วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 105
บทที่ 5 การดาเนนิ งานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร เร่ืองหน่ึงอย่างเป็นทางการโดยใชจ้ ดหมายขอความอนุเคราะห์หรือหนงั สือราชการการจดั ทาบนั ทึก ขอ้ ตกลงทีจ่ ะทางานร่วมกนั (MOU) การประชุมร่วมกนั ระหว่างหน่วยงานเพือ่ เตรียมความพรอ้ มใน การปฏิบัติงานร่วมกันในเรื่องใดเรื่องหน่ึงโดย อุทัย หิรัญโต (2531) กล่าวว่า การประสานงาน ระหว่างองคก์ รส่งเสริมการเกษตร หมายถึง การประสานงานระหว่างหน่วยงานที่ทางานดา้ นการ ส่งเสริมการเกษตรกบั หน่วยงานท่ีทางานท่ีเก่ียวขอ้ ง เช่นการประสานงานระหวา่ งศนู ยบ์ ริการและ ถา่ ยทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจาตาบลกบั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น เป็นตน้ 6.4.2 การประสานงานในแนวดิ่ง และการประสานงานในแนวนอน 6.4.2.1 การประสานงานในแนวด่ิง (แนวยืน)หมายถึง การประสานงานจากผู้ บงั คบั บัญชามาสู่ผูใ้ ตบ้ งั คบั บัญชา (top down) และการประสานงานระหว่างผูใ้ ต้บงั คบั บัญชากับ ผบู้ งั คบั บญั ชา (bottom up) 6.4.2.2 การประสานงานในแนวนอน หมายถึง การประสานงานในระดับ เดยี วกนั เช่น การประสานงานระหว่างเกษตรอาเภอกบั พฒั นากรอาเภอ อธิบดกี รมประมงกบั อธิบดี กรมส่งเสริมการเกษตร เหล่าน้ีเป็นตน้ 6.5 องค์ประกอบของการประสานงาน การประสานงานท่ีจะมีความสาเร็จในการ ปฏิบตั งิ านน้นั สมิต สัชฌุกร (2553) กลา่ วว่า มอี งคป์ ระกอบทส่ี าคญั ดงั ต่อไปน้ี 6.5.1 ความร่วมมือในการปฏบิ ตั งิ าน ซ่ึงจะตอ้ งมีความเขา้ ใจหรือมกี ารตกลงร่วมกนั มี การระดมความคิด วธิ ีการ เทคนิค และการจดั หาทรพั ยากรมาสนบั สนุนการทางานกนั 6.5.2 จงั หวะเวลา ซ่ึงผูท้ ี่ปฏบิ ตั ิงานจะตอ้ งมีความรับผิดชอบท่ีจะทาให้งานสาเร็จ ลลุ ่วงตามระยะเวลาทีก่ าหนด โดยงานทท่ี าจะตอ้ งมีความสอดคลอ้ งกนั อยา่ งเหมาะสม 6.5.3 การติดต่อส่ือสาร ในการประสานการทางานภายในองคก์ รหรือระหวา่ งองคก์ ร ตอ้ งมีระบบการติดต่อสื่อสารท่มี ีประสิทธิภาพ สามารถแลกเปลีย่ นขอ้ มูลข่าวสารต่างๆไดอ้ ยา่ งชดั เจนไมค่ ลมุ เครือ รวดเร็วทนั เวลา ราบเรียบไม่ติดขดั การติดต่อส่ือสารท่ไี ม่มปี ระสิทธิภาพอาจนาไป สู่ความเขา้ ใจท่ีคาดเคลือ่ นในการปฏบิ ตั งิ าน ซ่ึงบางคร้ังอาจกอ่ ใหเ้ กิดความเสียหายจนแกไ้ ขไมไ่ ด้ 6.5.4 ศกั ยภาพของผปู้ ระสานงานผปู้ ระสานงานตอ้ งมีศกั ยภาพพอที่จะประสานความ ร่วมมอื จากทกุ ฝ่ายให้สามารถปฏบิ ตั งิ านจนสาเร็จล่วงตามวตั ถปุ ระสงคท์ ี่ไดก้ าหนดไวร้ ่วมกนั ในการ ทางานส่งเสริมการเกษตร เจา้ หน้าท่ีส่งเสริมเป็ นผูท้ ่ีตอ้ งทาหนา้ ที่เป็ นผูป้ ระสานงาน ดังน้ีจึงตอ้ ง ศกึ ษาเรียนรู้ถงึ เทคนิควิธีการในการสรา้ งความร่วมมือให้เกิดข้ึนในทกุ ภาคส่วนท่เี ก่ียวขอ้ ง 6.5.5 บคุ ลากรผปู้ ฏิบตั ิงานในองคก์ ร เป็นองคป์ ระกอบทีม่ คี วามสาคญั เพราะงานท่ี ทาจะสาเร็จตามเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ได้หรือไม่น้ัน ข้ึนอยู่กับศกั ยภาพ ค่านิยม ทัศนคติ ของ บคุ ลากรผปู้ ฏบิ ตั งิ าน วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 106
บทท่ี 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร 6.6 ปัจจยั ทมี่ ผี ลตอ่ ประสิทธิภาพในการประสานงาน ประสิทธิภาพในการประสานงาน ตอ้ งอาศยั ปัจจยั ทีส่ าคญั คอื การกาหนดบทบาทหนา้ ท่ขี องแตล่ ะส่วนงานในองคก์ รและผปู้ ฏบิ ตั งิ าน ให้ชดั เจนเพือ่ ให้ทุกฝ่ายเขา้ ใจบทบาทหนา้ ท่ีของตนเอง และบทบาทหนา้ ท่ีของส่วนงาน ควรจดั ให้มี ระบบการตดิ ต่อส่ือสารท่ีมปี ระสิทธิภาพ ท้งั น้ีเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทนั สมยั เป็ นปัจจยั ที่มีผลโดยตรง ต่อประสิทธิภาพในการประสานงาน นอกจากน้ีความร่วมมือของผปู้ ฏบิ ตั งิ านจะเกดิ ข้นึ ไดก้ ็ตอ่ เมอื่ ผู้ ปฏิบตั งิ านเหน็ คุณคา่ ของการทางานร่วมกนั ฝ่ ายบริหารองคก์ รเห็นความสาคญั ของการสร้างแรงจูง ใจและขวญั กาลังใจของผูป้ ฏิบัติงาน เม่ือมีการมอบหมายหน้าท่ีควรจดั ให้มีการประชุมทีมงาน กาหนดแนวการทางานและประสานงานร่วมกนั ควบคู่กบั การฝึกอบรม พฒั นาทมี งานเพือ่ ให้ทมี งาน สามารถทางานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และท่ีสาคญั การมอบอานาจการตดั สินใจในบาง ระดับให้ผูท้ าหน้าที่ประสานงาน เป็ นการเพ่ิมคุณค่าของผูท้ าหน้าท่ีประสานงาน ทาให้เกิดความ มนั่ ใจและความคดิ ริเร่ิมสร้างสรรค์ 7. วธิ ีสร้ำงควำมร่วมมือในกำรประสำนงำน การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตร สุดปฐพี เวียงสี (2553) กล่าวว่า เป็ นการร่วมมือกัน ระหว่างบุคคลท้งั ในองค์กรเดียวกนั และระหว่างองค์กร ซ่ึงมีความจาเป็ นอย่างย่ิงท่ีจะตอ้ งมีการ ประสานงานให้การดาเนินงานเป็ นไปอย่างราบร่ืนและบรรลวุ ตั ถุประสงค์ อาจใชแ้ นวทางปฏิบตั ิ ดงั น้ี 7.1 การช้ีให้เห็นประโยชน์ร่วมกัน ทาให้บุคคลท่ีเกี่ยวขอ้ งมีความรู้สึกต่องานตรงกนั ดว้ ยการรบั ฟังความคิดเหน็ ของผเู้กี่ยวขอ้ ง และทาความเขา้ ใจถึงผลงานท่ีจะเป็นประโยชนร์ ่วมกนั การชัก จงู ใหเ้ หน็ ประโยชน์ของส่วนรวมอาจใชไ้ ม่ไดก้ บั คนบางคน จงึ ตอ้ งช้ีใหเ้ หน็ ถงึ ประโยชน์ทางออ้ มที่ ผเู้ กี่ยวขอ้ งในการประสานงานจะไดร้ บั ดว้ ย 7.2 การสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกัน เป็ นการสร้างบรรยากาศแห่งการผูกมิตร ทาให้ผู้ ปฏบิ ตั งิ านมนี ้าใจท่จี ะช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ดว้ ยวธิ ีให้ผเู้ กี่ยวขอ้ งร่วมแสดงความคิดเห็นถึงปัญหา อปุ สรรคและแนวทางแกไ้ ขเพือ่ ใหง้ านบรรลุผลสาเร็จใหจ้ งได้ และย้าให้เหน็ ว่าเป็นความสาเร็จร่วม กนั หรือมีการทากิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ เช่น การแข่งขนั กีฬา การจดั งานเล้ียงสังสรรค์ในโอกาส ต่างๆ 7.3 การจดั ให้มีการติดต่อส่ือสารที่ดี ทาให้มีประสบการณ์ร่วมกันหรือสร้างสภาวะ คลา้ ยคลึงด้วยการร่วมกันคิด หากสามารถร่วมวางแผนปฏิบตั ิการด้วยกนั ต้งั แต่ตน้ ก็จะช่วยให้มี กรอบแห่งการอา้ งอิง(frameof reference) ร่วมกนั ทางานอยูใ่ นวงประสบการณ์ทมี่ ีสภาวะคลา้ ยคลงึ กนั วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 107
บทท่ี 5 การดาเนนิ งานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร 7.4 เพ่ิมความใกล้ชิด ทาให้มีการพบปะหารือกันอยู่เสมอเพื่อให้ไวว้ างใจกัน เพราะ ความใกลช้ ิดจะช่วยให้เปลี่ยนความคิดเหน็ และถ่ายทอดความรู้สึกถึงกนั ยิ่งใกลช้ ิดกนั มากเทา่ ใดก็ จะเกิดความเขา้ ใจและรูจ้ กั คุน้ เคยกนั มากข้ึน ถา้ มีความหวงั ดีตอ่ กนั มีเจตนาทบี่ ริสุทธ์ิและจริงใจก็ จะเพ่มิ ความเช่ือถือไวว้ างใจกนั ยงิ่ ข้นึ 7.5 การให้คาแนะนาในการปฏิบตั ิงาน เป็ นการจดั ให้มีการแนะนา การฝึ กทกั ษะใน การปฏบิ ตั งิ าน สาหรับผปู้ ฏิบตั ิงานท่มี ที กั ษะในการติดตอ่ สื่อสารหรือการปฏบิ ตั ิงานที่ดอ้ ยกว่า เพื่อ ใหผ้ ปู้ ฏิบตั งิ านท่ีตอ้ งทางานร่วมกนั สามารถทางานร่วมกนั ได้ 8. เทคนิคกำรประสำนงำน (techniques coordination) การประสานงาน เพอื่ ให้เกิดความร่วมมอื ระหว่างบุคคล ท้งั การปฏิบตั ิงานในองคก์ รเดยี ว กนั และการปฏิบตั ิงานร่วมกนั ระหว่างองคก์ ร มีเทคนิควิธีการประสานงานท่คี วรปฏิบตั ิ คอื การจดั ใหม้ รี ะบบการติดตอ่ ส่ือสารท้งั ภายในหน่วยงานและภายนอกหน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพ มกี าร กาหนดอานาจหนา้ ทแี่ ละตาแหน่งงานอยา่ งชดั เจน มกี ารสัง่ การและการมอบหมายอานาจหนา้ ที่และ ความรับผดิ ชอบ ควรใชค้ ณะกรรมการหรือเจา้ หนา้ ท่ีทท่ี าหนา้ ท่ีประสานงาน โดยเฉพาะการประสาน งานภายในองคก์ ร ควรจดั ให้มีการประสานงานระหว่างพนักงานในองค์กร และจดั ให้มีการฝึ ก อบรมและพฒั นาผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา หลงั จากน้นั ก็มีการตดิ ตามผล 9. ข้อจำกดั ทเ่ี ป็ นอุปสรรคของกำรประสำนงำน ในการประสานงานน้นั มกั จะมขี อ้ จากดั ตา่ งๆทเ่ี ป็นอุปสรรคขดั ขวางหรือส่ิงที่เป็นปัญหา ท่ที าให้การประสานงานไม่ประสบผลสาเร็จ สาหรบั ขอ้ จากดั ที่อาจเกิดข้ึนจนเป็ นอุปสรรคในการ ประสานงานน้นั หรรษา เจริญทรพั ย์ (2548) ไดส้ รุปขอ้ จากดั ทเ่ี ป็นอปุ สรรคของการประสานงานไว้ ดงั น้ี 9.1 การกาหนดบทบาทอานาจหน้าท่ีรับผิดชอบขององค์กรและบุคคล พร้อมท้งั การ กาหนดแผนการปฏบิ ตั งิ านไมช่ ดั เจน ส่งผลทาให้เกิดการทางานซ้าซ้อน การก้าวก่ายอานาจหน้าท่ี การงานระหวา่ งกนั ก่อให้เกดิ ความขดั แยง้ ในการปฏบิ ตั ิงาน 9.2 ความแตกต่างด้านต่างๆของบุคคลในองค์กร ไดแ้ ก่ ความรู้ความสามารถ ค่านิยม ทศั นคติ ประสบการณ์ บุคลิกภาพ การขาดมนุษยสมั พนั ธ์อาจทาให้เกิดความไม่เขา้ ใจกนั ระหว่าง ผปู้ ฏิบตั งิ าน 9.3 ขาดระบบการติดตอ่ ส่ือสารท่ีดี เทคโนโลยีการส่ือสารไม่ทนั สมยั หรือแตกต่างกนั มาก ทาใหเ้ กิดมีขอ้ จากดั ในการตดิ ตอ่ ส่ือสาร ความคลาดเคล่ือนของขอ้ มลู ขา่ วสารอาจเป็นเหตุทาใหเ้ กิด ความเขา้ ใจผดิ สร้างความขดั แยง้ ในการปฏิบตั ิงาน วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 108
บทที่ 5 การดาเนินงานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร 9.4 ความแตกตา่ งกนั ในดา้ นเทคนิควธิ ีการปฏิบตั ิงาน สภาพแวดลอ้ มในการทางานของ แต่ละองคก์ ร 9.5 ความแตกต่างกนั ในด้านการดาเนินนโยบายและประสิทธิภาพขององค์กร รวมถึง การขาดผบู้ งั คบั บญั ชาหรือผบู้ ริหารท่มี ีความสามารถ ขาดการนิเทศงานที่ดี สรุป การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรเป็นภารกจิ หลกั ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่เกษตร กรซ่ึงท้งั หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนถือว่าเป็ นกลไกสาคญั ของประเทศในการถ่าย ทอดความรู้ ซ่ึงหน่วยงานภาครฐั ที่เขา้ มาทางานส่งเสริมการเกษตรแบง่ ออกไดเ้ ป็น 2 ประเภทใหญๆ่ คือ หน่วยงานของรฐั ที่รบั ผดิ ชอบดาเนินงานดา้ นการส่งเสริมการเกษตรโดยตรง เช่น กรมส่งเสริม การเกษตร ฯลฯ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวขอ้ งสนบั สนุนงานส่งเสริมการเกษตร เช่น กรมวิชา การเกษตร กรมการพฒั นาชุมชน ฯลฯ ส่วนหน่วยงานภาครฐั วิสาหกิจที่เขา้ มาดาเนินการด้านการ ส่งเสริมการเกษตร แบง่ เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ เช่นกนั คือ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่มสี ่วนเก่ียวขอ้ ง รบั ผิดชอบดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรโดยตรง เช่น องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศ ไทย ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์ และ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่มีส่วนเก่ียวขอ้ งสนับสนุน งานส่งเสริมการเกษตร ปฏิบตั ิภารกิจท่ีเก่ียวขอ้ งกับการพฒั นาการเกษตร แต่ไม่ไดอ้ อกไปดาเนิน การติดต่อกับเกษตรกรโดยตรง เช่น องคก์ ารตลาดเพ่ือเกษตรกร องค์การสะพานปลา เป็นตน้ ส่วน หน่วยงานเอกชนทเี่ ขา้ มามบี ทบาทเก่ยี วขอ้ งกบั การส่งเสริมการเกษตร ถา้ พจิ ารณาตามวตั ถุประสงค์ สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท ใหญๆ่ คอื หน่วยงานเอกชนทหี่ วงั ผลกาไร และหน่วยงานเอกชน ท่ีไม่หวงั ผลกาไร ส่วนสถาบนั เกษตรกรท่ีรัฐบาลสนับสนุนให้จดั ต้งั ข้ึนในปัจจุบนั มี 2 สถาบนั คือ สหกรณ์การเกษตร และกล่มุ เกษตรกร การประสานงานในงานส่งเสริมการเกษตร งานส่งเสริมการเกษตรเป็นงานทม่ี งุ่ ไปสู่การ พฒั นาชนบทเป็ นส่วนใหญ่ จึงมีโครงการต่างๆ หลายโครงการท้งั ของหน่วยงานเดียวกนั และต่าง หน่วยงานที่จดั ทาในท้องถ่ิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการพฒั นาชนบทแบบผสมผสานระหว่าง หน่วยงานท้งั ภาครฐั รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ซ่ึงการประสานงานมีความสาคญั ต่อความสาเร็จใน การปฏบิ ตั ิงานช่วยประหยดั เงนิ และเวลาและช่วยลดการขดั แยง้ ระหว่างเจา้ หน้าท่ีผูป้ ฏิบตั ิงาน ซ่ึง ประเภทของการประสานงานมี 2 ประเภท คือ การประสานงานภายในองคก์ ารและภายนอกองค์ การ และการประสานงานในแนวดิ่งและการประสานงานในแนวนอน โดยการประสานงานให้ ประสบผลสาเร็จน้นั ตอ้ งอาศยั ปัจจยั ต่างๆที่มีประสิทธิภาพ มีวิธีการสร้างความร่วมมอื ในการประ สานงาน และจะตอ้ งคานึงถงึ ขอ้ จากดั บางประการท่ีอาจเป็นอปุ สรรคของการประสานงาน วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 109
บทที่ 5 การดาเนนิ งานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร คำถำมท้ำยบท ให้นักศึกษำตอบคำถำมต่อไปนี้ให้ได้ใจควำมสมบรู ณ์ 1. หน่วยงานทม่ี บี ทบาทในการดาเนนิ งานส่งเสริมการเกษตรแบง่ ออกเป็ นกี่ประเภท อะไรบา้ ง 2. จงบอกบทบาทหนา้ ท่ีของกรมส่งเสริมการเกษตรมาใหถ้ กู ตอ้ ง 3. จงอธิบายความหมายและความสาคญั ของการประสานงานในงานส่งเสริมการเกษตรมา ใหถ้ ูกตอ้ ง 4. จงบอกประเภทและองคป์ ระกอบในการประสานงานในงานส่งเสริมการเกษตรมาให้ ถกู ตอ้ ง 5. จงบอกวธิ ีการสรา้ งความร่วมมอื และเทคนิคในการประสานงานมาใหถ้ กู ตอ้ ง 6. จงบอกขอ้ จากดั ท่เี ป็นอุปสรรคในการประสานงานมาใหถ้ กู ตอ้ ง วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 110
บทที่ 5 การดาเนนิ งานและการประสานงานในการส่งเสริมการเกษตร เอกสำรอ้ำงอิง กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. 2552. แผนยทุ ธศำสตร์กรมส่งเสริม กำรเกษตร พ.ศ.2552-2554. (ออนไลน์). แหล่งที่มา: http://www..doae.go.th/prompt/2552/090713-3/1.pdf. วนั ทสี่ ืบคน้ วนั ท่ี 3 พฤษภาคม 2558. . 2554. โครงสร้ำงกรมส่งเสริมกำรเกษตร. (ออนไลน)์ . แหล่งที่มา: http://www.doae.go.th/page/organization_chart. วนั ที่สืบคน้ วนั ที่ 2 เมษายน 2558. นที ขลบิ ทอง. 2526. การส่งเสริมการเกษตรของหนว่ ยงานรฐั วิสาหกิจ. เอกสำรกำรสอนชุดวชิ ำ ส่งเสริมกำรเกษตรเปรียบเทียบ หน่วยที่ 8–15. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. เบญจมาศ อย่ปู ระเสริฐ. 2542. หน่วยงานของรัฐ รัฐวสิ าหกิจ และเอกชนที่เกยี่ วขอ้ งกบั การส่งเสริม การเกษตร. เอกสำรกำรสอนชุดวิชำควำมรู้ทว่ั ไปเกย่ี วกับกำรส่งเสริมกำรเกษตร. หน่วยที่ 8–15. นนทบรุ ี: มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. วลั ลภ พรหมทอง. 2541. หลกั และวธิ กี ำรส่งเสริมกำรเกษตร. กรุงเทพฯ: ฟิ สิกสเ์ ซนเตอร์. สุดปฐพี เวียงสี. 2553. กำรประสำนงำนอย่ำงไรให้เกดิ ประโยชน์สูงสุด. (ออนไลน)์ . แหลง่ ทีม่ า: http://web1.mfu.ac.th/division/planblog/?p=67. วนั ท่ีสืบคน้ วนั ท่ี 10 ธนั วาคม 2558. สิน พนั ธุพ์ ินิจ. 2544. กำรส่งเสริมกำรเกษตร. กรุงเทพฯ: รวมสาส์น. สมศกั ด์ิ สุระวดี และจมุ พล หนิมพานิช. 2539. การประสานงานและควบคุมงาน. เอกสำร กำรสอนชุดวิชำกำรบริหำรงำนส่งเสริมกำรเกษตรและสหกรณ์ หน่วยที่ 1–7. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. สมติ สชั ฌกุ ร. 2553. เทคนคิ กำรประสำนงำน. พมิ พค์ ร้ังที่ 2. กรุงเทพฯ: สายธาร. หรรษา เจริญทรัพย.์ 2548. กำรประสำนงำนเพือ่ สงเครำะห์และค้มุ ครองเดก็ ทถี่ ูกทำรุณกรรมของ นกั สังคมสงเครำะห์ทำงกำรแพทย์. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท, มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์. อุทยั หิรญั โต. 2531. หลกั กำรบริหำรงำนบคุ คล. พิมพค์ ร้งั ที่ 2. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 111
บทท่ี 6 การวางแผนโครงการในการส่ งเสริมการเกษตร
บทที่ 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร บทที่ 6 กำรวำงแผนโครงกำรในกำรส่ งเสริมกำรเกษตร จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม เมอ่ื นกั ศกึ ษาเรียนจบบทเรียนน้ีแลว้ นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายความหมายของการวางแผนโครงการส่งเสริมการเกษตรไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 2. บอกความสาคญั ของการวางแผนโครงการส่งเสริมการเกษตรไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 3. อธิบายข้นั ตอนการวางแผนงานส่งเสริมการเกษตรไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 4. อธิบายข้นั ตอนในการวางแผนและปัญหาในการวางแผนงานส่งเสริมการเกษตรได้ 5. อธิบายแนวทางการวางแผนงานส่งเสริมการเกษตรระดบั ทอ้ งถน่ิ ได้ บทนำ โครงการ เป็นส่วนประกอบท่ีสาคญั ของแผน งานหลกั ในองค์กร ซ่ึงแผนงานแต่ละแผน จะประกอบไปดว้ ยโครงการที่จะตอ้ งมีความครอบคลุมกิจกรรมทุกด้านของแผน แผนงานจะไม่ สามารถดาเนินการไปไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพหากแผนน้ันขาดโครงการท่ีไม่ครอบคลุมงานหรือ กิจกรรม ไดแ้ ก่ การกาหนดวตั ถุประสงค์ เป้าหมาย วิธีการดาเนินกิจกรรมท่ีชัดเจน เพื่อให้การ ดาเนินกิจกรรมบรรลุผลสาเร็จของโครงการ ซ่ึงการวางแผนโครงการในงานส่งเสริมการเกษตร เกษตรกรที่จะตดั สินใจเขา้ ร่วมโครงการส่งเสริมใดๆน้นั จะพิจารณาถึงวตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมาย ของโครงการน้นั ๆ ว่าตรงกบั ความตอ้ งการของตนหรือไม่ เพราะเกษตรกรจะตอ้ งเสียเวลาทิง้ ไร่นา มารับการส่งเสริมฯ ดังน้ันถ้าสิ่งท่ีเจ้าหน้าที่ส่งเสริมให้แก่เขาเป็ นประโยชน์ต่อการพัฒนาอาชีพ เกษตร ตลอดจนชีวิตและครอบครัวของเขา กจ็ ะเป็นสิ่งจูงใจให้เกษตรกรเขา้ มาร่วมโครงการ ดงั น้ัน การวางแผนโครงการส่งเสริมการเกษตร ตอ้ งพิจารณาถงึ โครงการทเี่ ป็นประโยชน์ตอ่ เกษตรกรเป็นสาคญั เนือ้ หำ 1. ควำมหมำยของกำรวำงแผนโครงกำรส่งเสริมกำรเกษตร 1.1 การวางแผน (planning) โดยความหมายอาจกล่าวได้ว่า การวางแผนเป็ นกระบวน การซ่ึงบุคคลหรือองคก์ ารทาการตดั สินใจไวล้ ่วงหน้าเก่ียวกบั งานบางอย่างที่จะกระทาในอนาคต กระ บวนการดงั กล่าวจะประกอบดว้ ยข้นั ตอนต่างๆ ทเ่ี ป็นกิจกรรมทีต่ ่อเน่ืองกนั ซ่ึงบางข้นั ตอนอาจ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 112
บทท่ี 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร เป็ นเร่ืองท่ีตอ้ งทาทนั ที เพื่อจะให้บรรลุถงึ เป้าหมายที่ตอ้ งการ การวางแผนถา้ หากสนใจทาและทา ได้ถูกต้องจะเป็ นส่ิงที่มีคุณค่ายิ่งสาหรับองค์กร ในอันที่จะช่วยให้องค์กรสามารถบรรลุวตั ถุ ประสงคท์ ี่วางไว้ ซ่ึงไดม้ นี กั วิชาการหลายทา่ นไดใ้ ห้ความหมายไวต้ า่ งๆกนั ดงั น้ี วิจิตร อาวะกุล (2535) กล่าวว่า การวางแผน หมายถึง การกาหนดวตั ถุประสงค์ไวล้ ่วง หน้าเป็ นการแน่นอน ว่าจะทาอะไรให้สาเร็จ มีข้นั ตอน วิธีการ และรายละเอียดที่จะดาเนินการ เพ่ือให้บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ ่ตี ้งั ไวต้ ามกาหนดเวลาและรายละเอยี ดดงั กลา่ ว สมชยั ศรีสุทธิยากร (2546) กล่าวว่า การวางแผน คือ การวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบนั คาดการณ์ไปลว่ งหนา้ และกาหนดแนวทางท่คี าดวา่ น่าจะดที ่สี ุด เพอ่ื ใหเ้ กิดการปฏิบตั อิ ย่างไดผ้ ล สมพิศ สุขแสน (2547) กล่าววา่ การวางแผนเป็นกระบวนการวเิ คราะห์และตดั สินใจของ ผบู้ ริหารที่จะกาหนดวิธีการไวล้ ่วงหนา้ อย่างเป็ นระบบ เพื่อใชเ้ ป็ นแนวทางปฏิบตั ิใหบ้ รรลุผลทาง เป้าหมายและวตั ถปุ ระสงคท์ ก่ี าหนดไวอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ จากความหมายของการวางแผนที่กล่าวมา จึงพอสรุปความหมายของการวางแผนได้ว่า การวางแผน (planning) หมายถึง กระบวนการตดั สินใจเลือกวิธีดาเนินงานท่ีดีท่ีสุดล่วงหน้าดว้ ย ความมีเหตุผลในการกาหนดวตั ถุประสงค์ การใชป้ ัจจยั และวิธีดาเนินการอย่างมีระบบ ว่าจะทา อะไร ท่ีไหน เมื่อใด อย่างไร และใครเป็นผูก้ ระทา เพ่ือใหง้ านบรรลุเป้าหมายท่ีวางไว้ และจากท่ีมี นกั วชิ าการหลายทา่ นไดใ้ ห้ความหมายของการวางแผนไว้ ซ่ึง บุญธรรม จิตตอ์ นนั ต์ (2540) ไดส้ รุป สาระท่สี าคญั ของการวางแผนไว้ 4 ลกั ษณะ คอื การวางแผนเป็นเรื่องของอนาคตซ่ึงมีเร่ืองของเวลาเขา้ มาเก่ยี วขอ้ งในกิจกรรมที่เป็นข้นั ตอน มีการกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ คือส่ิงทม่ี ่งุ หวงั หรือปรารถนาจะให้ เกิดข้ึน และมีแนวทางการปฏิบตั ิ หรือวิธีการท่ีจะทาอย่างไร จะทาอะไรก่อน-หลงั เพ่ือให้วตั ถุประ สงคป์ ระสบความสาเร็จ 1.2 โครงการ (project) มคี วามหมายโดยสรุปว่า เป็นการกาหนดกิจกรรมและเขยี นข้นั ตอนในการดาเนินกิจกรรมเหล่าน้ันไวล้ ่วงหนา้ เพื่อให้บรรลุวตั ถุประสงค์ตามท่ีต้งั ไว้ เพื่อให้ได้ โครงการที่มีลกั ษณะครบถว้ นสมบูรณ์ กล่าวคือ มีความรอบคอบชดั เจน สามารถดาเนินงานหรือ นาไปปฏบิ ตั ไิ ดผ้ ลตอบแทนคมุ้ ค่าอย่างแทจ้ ริง ตามเป้าหมายทีต่ ้งั ไว้ ดว้ ยการประหยดั ทรัพยากรต่างๆ 1.3 การวางแผนโครงการ (project planning) คือ ความพยายามท่ีจะคาดคะเนเวลาและ คา่ ใชจ้ ่ายท่ีจะใชใ้ นการดาเนินงานโครงการใดโครงการหน่ึง นอกจากน้ียงั รวมถึงผลประโยชน์ท่ี คาดวา่ จะไดร้ บั จากโครงการ การกาหนดข้นั ตอนในการทางาน กิจกรรมที่จะตอ้ งทา เวลาที่ใชใ้ นแต่ ละกจิ กรรม รวมท้งั บุคลากรท่ีเหมาะสมในแตล่ ะกิจกรรมดว้ ย 1.4 การวางแผนโครงการส่งเสริมการเกษตร คือ การวิเคราะห์สถานการณ์ ปัจจยั แวด ลอ้ มท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั การประกอบอาชีพการเกษตรของเกษตรกร ต้งั แต่อดตี จนถึงปัจจุบนั ไดแ้ ก่ ชนิด วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 113
บทที่ 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร ของพชื ท่ีปลูก สภาพความอดุ มสมบรู ณ์ของดิน ระบบชลประทาน ปริมาณน้าฝน สภาพปัญหาแรง งาน ความตอ้ งการของตลาดสินคา้ เกษตร ความผนั ผวนของสภาพเศรษฐกิจ แลว้ นาสถานการณ์ เหล่าน้ีมากาหนดแนวทางในการปฏิบตั ิงานในอนาคต ในปัจจบุ นั กรมส่งเสริมการเกษตรมีหน่วย งานในการส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรประจาตาบล มีบทบาทหนา้ ทส่ี าคญั ในการจดั ทา แผนพฒั นาการเกษตรประจาตาบล 2. ควำมสัมพนั ธ์ของนโยบำย แผน และโครงกำร สิน พันธุ์พินิจ (2544) กล่าวว่า แผนมีจุดกาเนิดมาจากนโยบาย ทาหนา้ ที่เป็ นเครือข่าย เช่ือมโยงและถ่ายทอดกิจกรรมต่างๆไปสู่แผนงาน โครงการ และกิจกรรม มีศพั ทบ์ างอย่างที่เก่ียว ขอ้ งกบั การวางแผน ซ่ึงควรทาความเขา้ ใจ ดงั น้ี 2.1 นโยบาย (policy) หมายถึง หลักและแนวทางการปฏิบัติ ซ่ึงแสดงถึงคุณค่าและ ประโยชน์ที่จะไดร้ ับ นโยบายเปรียบเสมือนเขม็ ทิศทจ่ี ะนาทางการบริหารจดั การกจิ กรรมตา่ งๆของ องคก์ รให้ดาเนินไปในทศิ ทางท่ีถกู ตอ้ ง ให้สามารถแก้ปัญหาและสนองความตอ้ งการ วตั ถปุ ระสงค์ ของนโยบายจะมีลกั ษณะขอ้ ความทเี่ ป็ นนามธรรมกวา้ งๆไม่มีรายละเอียด แต่จะบ่งบอกถึงขอบเขต และรายละเอยี ดไว้ 2.2 แผน (plan) หมายถงึ ส่ิงทก่ี าหนดถอื เป็นแนวดาเนินงาน หรือส่ิงทไ่ี ดเ้ ตรียมไวเ้ พื่อ ยดึ ถอื เป็นหลกั เป็นแนวทางในการปฏิบตั งิ านใหบ้ รรลวุ ตั ถุประสงค์ อาจจะเป็นแผนอย่างกวา้ งๆ หรือแผนระยะค่อนขา้ งยาว เชน่ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ หรือแคบลงมาเป็นแผน เฉพาะกลุ่มปัญหา เชน่ แผนแกป้ ัญหาความยากจนในชนบท แผนพฒั นาโครงสร้างและกระจาย บริการทางสงั คม ซ่ึงจะตอ้ งมี “แผนงาน” มารองรับการปฏบิ ตั ิให้บรรลผุ ล 2.3 แผนงาน (program) หรือเรียกวา่ โครงการใหญ่ มีวตั ถปุ ระสงคป์ ระกอบดว้ ยกลมุ่ ของโครงการ (projects) ท่เี ก่ียวขอ้ งกนั มีวตั ถปุ ระสงคร์ ่วมกนั โดยปกติแผนงานมกั แยกออกจาก แผน (plan) ท่ีมีลกั ษณะของงานกวา้ งกว่า เช่น แผนงานส่งเสริมสถาบนั เกษตรกร แผนงานส่งเสริม การผลิตไมด้ อกไมป้ ระดบั เป็นตน้ 2.4 โครงการ (project) หมายถึง เค้าโครงกิจกรรม การทางานเป็ นข้ันตอนที่มีการ กาหนดวตั ถุประสงค์ และระยะเวลาทางานแน่ชัด โดยปกติโครงการของรัฐบาลมกั แยกมาจาก แผนงาน เป็ นโครงการเฉพาะเจาะจงเร่ืองใดเร่ืองหน่ึง เช่น โครงการส่งเสริมไมต้ ดั ดอกแต่ละชนิด โครงการส่งเสริมการผลิตไมใ้ บแตล่ ะชนิด เป็นตน้ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 114
บทท่ี 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร 2.5 โครงการย่อย (sub-project) เป็นโครงการเล็กทแี่ ยกออกมาจากโครงการ เพราะบาง กรณีโครงการยงั ไม่อยใู่ นลกั ษณะทจี่ ะปฏิบตั ิงานไดส้ ะดวก กจ็ าเป็นตอ้ งแบง่ ให้เลก็ ลงเป็นโครงการ ยอ่ ย 2.6 กิจกรรม (activity) เป็นกลุ่มของงานที่จะตอ้ งปฏบิ ตั ิในโครงการหรือโครงการย่อย เพื่อทาใหส้ ะดวกตอ่ การปฏบิ ตั ิงาน และการมอบหมายหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบ เพอ่ื ให้สามารถทาความเขา้ ใจได้ชัดเจนย่ิงข้ึน จึงขอให้พิจารณาความสัมพนั ธ์ของนโยบาย แผน แผนงาน โครงการและ กจิ กรรม ดงั ตวั อย่างที่แสดงในผงั แสดงระดบั ของแผน ดงั ภาพท่ี 6.1 ควำมต้องกำรหรือปัญหำ กำรนำนโยบำยไปปฏบิ ัติ นโยบำย แผน แผนงำน กำรสนองนโยบำย โครงกำร โครงกำร กิจกรรม ภำพท่ี 6.1 ความสัมพนั ธ์ของนโยกบิจากยรแรผมน แผนงาน โครงการ และกจิ กรรม ที่มำ: ดดั แปลงจาก สิน พนั ธุพ์ ินิจ (2544) 3. ประโยชน์ของกำรวำงแผนโครงกำรส่งเสริมกำรเกษตร การวางแผนโครงการมคี วามสาคญั สาหรบั การพฒั นาการเกษตรเป็นอย่างมาก เพราะงาน พฒั นาเป็นงานที่จะตอ้ งสอน ใหค้ าแนะนา และชว่ ยเหลือเกษตรกร เพ่ือให้เขามีชีวติ ความเป็นอยทู่ ี่ดี ข้ึน ดงั น้ันจึงตอ้ งมีการรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบปัจจัยต่างๆ ที่เก่ียวขอ้ งกับสภาพชีวิตความ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 115
บทท่ี 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร เป็นอยู่ของเกษตรกร เม่ือไดข้ อ้ มูลแลว้ จะนามาวิเคราะหแ์ ละกาหนดแนวทางที่ช่วยเหลือเกษตรกร ต่อไป ซ่ึงประโยชน์ของการวางแผนโครงการ สิน พนั ธุ์พนิ ิจ (2556) กล่าววา่ มปี ระโยชน์ คือ เป็ น สิ่งที่ช้ีให้เห็นว่าจะต้องทาอะไร ทาเมื่อไหร่ ทาท่ีไหน ทาอย่างไร ใครเป็ นผูร้ ับผิดชอบและเป็ นผูร้ ับ ประโยชน์ เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายที่ต้งั ไว้ ช่วยให้ผูร้ ับผิดชอบและทีมงานรู้ขอบเขตงาน เพื่อใชใ้ น การตดั สินใจและปฏิบตั ิงานในระหว่างดาเนินงาน นอกจากน้ียงั สามารถช่วยให้ผูบ้ ริหารสามารถ ควบคุมการดาเนินงานไดง้ ่าย ช่วยใหส้ ามารถแกป้ ัญหาต่างๆของเกษตรกรไดถ้ ูกตอ้ งและตรงตาม ความตอ้ งการ นอกจากน้ีการวางแผนโครงการยงั ช่วยให้เกิดการประหยดั การใช้ทรัพยากร และ ปัจจยั ต่างๆท่ีมอี ยอู่ ย่างจากดั และใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์มากทส่ี ุด ชว่ ยให้การติดตามประเมินผลทาได้ สะดวกชว่ ยใหก้ ารดาเนินการทาไดง้ า่ ยข้นึ ไมซ่ ้าซ้อน อกี ท้งั ยงั ชว่ ยให้การประสานงานกบั หน่วยงาน อื่นๆที่เกี่ยวขอ้ งเป็นไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ ไม่เกิดการเสียหายในกรณีที่เปลีย่ นแปลงผูป้ ฏิบตั ิงาน และท่ีสาคญั เมื่อมีการเปล่ียนผูบ้ ริหารระดับกาหนดนโยบาย จะช่วยลดความกดดันจากสถานการณ์ ภายนอกได้ โครงการใดทอี่ นุมตั ิแลว้ จะไดร้ บั ผลกระทบนอ้ ย 4. ลักษณะทดี่ ีของกำรวำงแผนโครงกำรส่งเสริมกำรเกษตร โครงการส่งเสริมการเกษตร เป็ นเครื่องมือสาคญั ในการนาการเปล่ียนแปลงไปสู่เกษตร กรแตล่ ะคน กลมุ่ เกษตรกรและชุมชนเกษตรกร การวางแผนโครงการส่งเสริมการเกษตรท่ีดีควรมี ลกั ษณะดงั ตอ่ ไปน้ี คอื 4.1 การวางแผนโครงการข้ึนอยู่กับการวิเคราะห์สถานการณ์ท่ีเป็ นจริงในขณะน้ัน ไดแ้ ก่ ขอ้ มูลต่างๆ ที่เก่ยี วกบั ท่ดี ิน ประชากร ครอบครวั ชมุ ชน องคก์ รและสถาบนั ในชนบท ตลอด จนหน่วยงานท่ที างานพฒั นาในพ้ืนที่และการประเมินผลโครงการต่างๆ ทีเ่ คยทามาก่อนหนา้ น้นั จา เป็นตอ้ งเก็บรวบรวมมาเพื่อการวิเคราะห์สถานการณ์ในขณะน้นั โดยขอ้ มูลท้งั หมดที่ได้มาควรจะ จดั ทาเป็นหมวดหมู่ วเิ คราะห์และนาเสนอในรูปแบบทจี่ ะนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ดง้ ่าย 4.2 การเลอื กโครงการ ตอ้ งเป็ นโครงการท่เี ป็ นความตอ้ งการของเกษตรกรอยา่ งแทจ้ ริง ท่ีได้มาจากการวิเคราะห์สถานการณ์ โดยยึดความคิดเห็นของเกษตรกรเป็ นหลกั โครงการน้นั จึง เป็นโครงการท่ีจะแกป้ ัญหาหรือตอบสนองความตอ้ งการของชุมชนเกษตรกรได้ 4.3 วตั ถปุ ระสงคแ์ ละวิธีการดาเนินงานตามโครงการตอ้ งสร้างความพอใจใหก้ บั เกษตร กร การกาหนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละวิธีการดาเนินงานในโครงการ ตอ้ งอยใู่ นขอบเขตทีท่ าให้เกษตรกร ในชุมชนไดร้ บั ผลประโยชน์จากการดาเนินงานตามโครงการจริงๆ วตั ถปุ ระสงคแ์ ละวธิ ีการดา เนิน งานไม่จาเป็ นตอ้ งสลบั ซับซ้อน ใช้วธิ ีการแบบง่ายๆก็จะเป็นทส่ี นใจของเกษตรกรและเกดิ การยอม รับไปปฏิบตั อิ ย่างแพร่หลาย ทาให้โครงการท่ีเรานาเสนอน้นั ประสบความสาเร็จไดง้ ่ายข้ึน วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 116
บทท่ี 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร 4.4 โครงการทีด่ ีตอ้ งมคี วามชดั เจนแน่นอนแตส่ ามารถยดื หยนุ่ ไดบ้ า้ ง การวางแผนโครง การเป็นการมองไปขา้ งหนา้ มีความชดั เจน ต่อเน่ืองและถาวร แต่ในระหวา่ งท่ีนาโครงการไปปฏิบตั ิ อาจมีกิจกรรมบางอย่างที่ตอ้ งการปรบั ปรุงใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณแ์ ละความตอ้ งการของเกษตร กรทีเ่ ป็นอยู่ในขณะน้นั ดงั น้นั จงึ ควรจะมีความยืดหยนุ่ ไดบ้ า้ งในบางกิจกรรม แต่ตอ้ งไมก่ ระทบต่อ วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมายหลกั ของโครงการ 4.5 การวางแผนโครงการตอ้ งมีการกาหนดแผนปฏิบตั งิ านอยา่ งชดั เจน แผนปฏบิ ตั ิงาน คอื การกาหนดการปฏบิ ตั งิ านตามแผนที่วางไว้ ซ่ึงจะตอ้ งมีการกาหนดกิจกรรมต่างๆ ที่ตอ้ งทาให้ ชดั เจน คือ ประชากรเป้าหมาย วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมายของโครงการ เวลา สถานท่ีท่ีจะปฏิบตั ิ กิจกรรมต่างๆ วธิ ีการส่งเสริมหรือวธิ ีการสอน หน้าที่ความรับผดิ ชอบของผทู้ เี่ กี่ยวขอ้ ง ผูน้ าทอ้ งถิ่น และอาสาสมคั รท่ีมาร่วมโครงการ การประสานงานกบั หน่วยงานอื่นๆ และการติดตามประเมินผล โครงการ 4.6 การวางแผนโครงการเป็ นกระบวนการท่ีต้องทาอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมของโครง การส่งเสริมการเกษตรน้นั มกี ารสอนและการฝึกอบรมเกษตรกร ผทู้ ่ีทาหนา้ ท่ีวางแผนโครงการควร มีส่วนร่วมในกระบวนการวางแผนโครงการต้งั แต่ตน้ คือ ต้งั แต่การหาขอ้ มูล การวิเคราะห์ขอ้ มูล การกาหนดวิธีการแก้ปัญหาบนพ้ืนฐานของสถานการณ์ที่เป็ นจริง ซ่ึงจะตอ้ งมีการเรียนรู้เก่ียวกับ การวิเคราะห์ขอ้ มลู และสรุปความสัมพนั ธ์ระหว่างปัจจยั ต่างๆท่ีก่อใหเ้ กดิ ปัญหาน้นั ๆได้ ดงั น้นั ผูท้ ่ี เกย่ี วขอ้ งกบั การวางแผนโครงการใดๆ ควรจะไดม้ สี ่วนร่วมในกระบวนการวางแผนโครงการต้งั แต่ ตน้ อยา่ งต่อเน่ือง 4.7 การวางแผนโครงการส่งเสริมการเกษตรเกี่ยวขอ้ งกบั โอกาสในการให้ความรู้แก่ เกษตรกร โดยการจดั ทาเป็นโครงการตอ้ งมกี ารกาหนดวิธีการสอน หลกั สูตร ตลอดจนวสั ดุอุปกรณ์ ตา่ งๆทจ่ี ะใช้ ซ่ึงตอ้ งมีการพจิ ารณาอย่างรอบคอบ เพอ่ื ให้การสอนมีประสิทธิภาพมากทส่ี ุด 4.8 การวางแผนโครงการเก่ียวขอ้ งกบั การประสานงาน การดาเนินงานในโครงการใดๆ น้นั ไมส่ ามารถทาใหบ้ งั เกิดผลไดโ้ ดยบุคคลหน่ึงบุคคลใดหรือองคก์ รใดองคก์ รหน่ึงเพียงหน่วยเดยี ว เท่าน้ัน แต่ตอ้ งอาศยั ความร่วมมือประสานงานกบั บุคคลหรือหน่วยงานอ่ืนๆที่เกี่ยวขอ้ งกับการ พฒั นางานเกษตร ท้งั น้ีเพื่อเป็ นการระดมสติปัญญา ความรู้ ความคิด และทรัพยากรต่างๆมาใช้ให้ เกดิ ประโยชน์สูงสุด 4.9 โครงการที่ดีต้องมีการกาหนดวิธีการประเมินผลไว้ดว้ ย การประเมินผลเป็ นกิจ กรรมท่ีตอ้ งทาอยา่ งตอ่ เน่ืองในกระบวนการวางแผนโครงการต้งั แต่เร่ิมตน้ วางแผนโครงการจนถึง ข้นั ตอนสุดทา้ ยของโครงการ วตั ถุประสงคห์ ลกั ของการประเมนิ ผลก็คือ การปรบั ปรุงโครงการใน วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 117
บทที่ 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร ระหว่างดาเนินงานและเพื่อประเมินความสาเร็จของโครงการเม่ือสิ้นสุดโครงการ ดงั น้ันในการ เขยี นโครงการควรมีการกาหนดวธิ ีการประเมนิ ผลไวด้ ว้ ย 5. ข้นั ตอนกำรวำงแผนโครงกำรส่งเสริมกำรเกษตร ในการวางแผนโครงการน้นั ควรเป็นงานตอ่ เนื่องและเป็ นกจิ กรรมร่วมกนั ระหวา่ งบคุ คล หลายฝ่าย หลายหน่วยงานที่เกีย่ วขอ้ งสัมพนั ธก์ นั เพ่ือการแกไ้ ขปัญหาของบุคคลเป้าหมายหรือตอบ สนองความตอ้ งการของบคุ คลเป้าหมายน้ันๆ ดงั น้นั ในการวางโครงการส่งเสริมการเกษตรจะประ กอบไปด้วยข้นั ตอนตา่ งๆ 5 ข้นั ตอน คือ ข้นั การเก็บรวบรวมขอ้ มูล และวิเคราะห์สภาพการณ์ ข้นั การต้งั วตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายของโครงการ ข้นั การทาแผนปฏิบตั ิงาน ข้นั การดาเนินงานตาม แผน และข้นั การประเมินและติดตามผล ดงั ภาพที่ 6.2วงจรการวางแผนโครงการส่งเสริมการเกษตร กำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู และวเิ ครำะห์สภำพกำรณ์ กำรประเมนิ และตดิ ตำมผล กำรต้งั วตั ถุประสงค์และ เป้ำหมำยของโครงกำร กำรดำเนนิ งำนตำมแผน กำรทำแผนปฏบิ ตั งิ ำน ภำพที่ 6.2 วงจรการวางแผนโครงการส่งเสริมการเกษตร ท่ีมำ: ดดั แปลงจาก วลั ลภ พรหมทอง ( 2541) 5.1 ข้นั การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลและวิเคราะห์สภาพการณ์ ข้นั ตอนน้ีเป็ นข้นั ตอนแรกใน การวางโครงการเพอ่ื เกบ็ รวบรวมขอ้ เท็จจริงท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั สภาพการณ์และบริบทในพ้ืนทเี่ ป้าหมาย ท้งั ในดา้ นปัญหาและความตอ้ งการของกลมุ่ บคุ คลเป้าหมาย รวมท้งั ทรพั ยากรต่างๆท่มี อี ยู่ และนามา วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 118
บทท่ี 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร เพื่อใช้ประโยชน์ในการวางแผนโครงการ วิเคราะห์สภาวการณ์ของกลุ่มเป้าหมาย ซ่ึงจาเป็ นที่จะ ตอ้ งวิเคราะห์ท้งั ทีเ่ กีย่ วกบั ทรพั ยากรมนุษย์ และทรัพยากรวตั ถุ ขอ้ มลู ทตี่ อ้ งวเิ คราะห์เก่ยี วกบั ทรพั ยากรมนุษย์ ไดแ้ ก่ ขอ้ มูลในดา้ นตา่ งๆ ดงั น้ี 5.1.1 ขอ้ มูลทางดา้ นวฒั นธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ในการวางแผนโครง การควรมีการศึกษาถึงขอ้ มูลด้านวฒั นธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อ พจิ ารณาวา่ โครงการน้นั มคี วามเหมาะสม หรือสอดคลอ้ งกบั ความเป็นอย่ขู องกลมุ่ เป้าหมายน้นั หรือ ไม่ ขอ้ มลู ทางดา้ นน้ีไดแ้ ก่ ลกั ษณะของอาชีพ ภาษา ระดบั การศกึ ษา ซ่ึงเกี่ยวขอ้ งกับระดบั การเขา้ ใจ ในวฒั นธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณี ลกั ษณะครอบครัวเป็ นครอบครัวเดี่ยวหรือครอบครัว ขยาย การเคลอื่ นไหวทางสังคมในมิตติ ่างๆ เช่น ด้านการพฒั นาชุมชนให้เขม้ แข็ง การเคล่ือนไหว เพ่ือต่อสู้กับความยากจนของคนในชุมชน การเคลื่อนไหวเกี่ยวกบั การอนุรักษท์ รัพยากรและส่ิง แวดลอ้ มในชมุ ชน 5.1.2 ขอ้ มูลทางด้านองค์ประกอบทางสังคม ไดแ้ ก่ ผูน้ าในชุมชน เช่น พระสงฆ์ ปราชญ์ชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็ นตน้ โครงสร้างทางอานาจของชุมชนหรือท้องถิ่น พฤติกรรมการซ้ือและการบริโภคสินคา้ ในชุมชน ประเด็นน้ีควรพิจารณาหรือมีข้อมูลของการ บริโภคสินคา้ ของสมาชิกในชุมชน วา่ ชุมชนบริโภคสินคา้ ท่ผี ลติ ข้ึนในชมุ ชนเป็นหลกั หรือบริโภค สินคา้ ท่ีตอ้ งนาเขา้ จากภายนอกชุมชนเป็ นหลกั ท้งั น้ีขอ้ มลู การบริโภคจะเป็ นขอ้ มูลที่มีความสาคญั เก่ียวขอ้ งกบั ความเขม้ แขง็ ของชุมชน กลมุ่ ต่างๆ ทางสงั คม 5.1.3 ขอ้ มูลทางดา้ นจิตวิทยาของชุมชน ได้แก่ เจตคติของชุมชนท่ีมีต่ออาชีพ ความตอ้ งการและแรงจูงใจ ความมุ่งหวงั ในอาชีพ ในกรณีเรื่องเจตคติได้มีตวั อย่างของการศึกษา เกี่ยวกบั อาชีพการทานา โดย ผ่องพรรณ ตรัยมงคลกลุ และคณะ (2544) พบว่า กลุ่มชาวนามืออาชีพ (professional farmer) ทยี่ งั คงเหลือมีเพยี งรอ้ ยละ 23 ของจานวนแรงงานในหมู่บา้ น และในชาวนามือ อาชีพเหล่าน้ีแทบจะไม่มีชาวนาวยั หนุ่มสาว (อายุ 20-30 ปี ) อยู่เลย ท้งั น้ีเน่ืองจากคนหนุ่มสาวนิยมไป ทางานในโรงงานอุตสาหกรรมมากกว่า 5.1.4 ขอ้ มูลทางดา้ นเศรษฐกจิ ของชมุ ชน ไดแ้ ก่ อาชีพหลกั อาชีพรอง รายไดเ้ ฉลี่ย ตอ่ ครอบครวั เน้ือท่ถี ือครอง สถติ ิราคาสินคา้ โดยเฉพาะราคาสินคา้ ทางดา้ นการเกษตร สภาพหน้ีสิน เป็นขอ้ มูลที่มคี วามสาคญั ต่อการพฒั นาชมุ ชน ตอ้ งมีขอ้ มูลเชิงลึกของมูลเหตแุ ห่งสภาพหน้ีสินของ สมาชิกในชุมชน ดา้ นการเขา้ ถึงบริการของรัฐ เชน่ ไฟฟ้า ประปา เสน้ ทางการคมนาคม ระบบการ ขนส่งสาธารณะ ระบบการใหบ้ ริการสาธารณสุข เป็นตน้ การลงทุนทางอุตสาหกรรมท่ีเกิดข้ึนใน ทอ้ งถิ่น ควรศกึ ษาผลกระทบท้งั ทางบวกและทางลบที่มตี อ่ ชุมชน วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 119
บทที่ 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร 5.1.5 ขอ้ มูลทางด้านการเมืองการปกครอง ไดแ้ ก่ การทางานของกลุ่มทางสังคม ความสามารถในการตดั สินใจของตวั บุคคลและกลุ่ม การควบคุมวิถที างดาเนินชีวิตของประชาชน ในสังคมของชุมชนเป้าหมาย ประเดน็ ท่เี กี่ยวขอ้ ง เช่น โครงการท่ีตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากภาค การเมืองหรือการปกครอง ผูเ้ สนอโครงการควรจะมีขอ้ มูลเกี่ยวกบั การเมืองและการปกครองใน ทอ้ งถ่นิ น้นั เพือ่ การเจรจาตอ่ รองในการดาเนินโครงการให้บรรลตุ ามจดุ มุ่งหมายทต่ี ้งั ไว้ 5.1.6 ขอ้ มูลพ้ืนฐานเกี่ยวกบั ประชากร ไดแ้ ก่ จานวนประชากรแยกตามเพศ อายุ อาชีพ รายได้ และระดบั การศึกษา ขอ้ มูลเหล่าน้ีเป็นขอ้ มูลพ้นื ฐานเบ้ืองตน้ สาหรับการบริหารจดั การ โครงการใหม้ ีความเหมาะสม เช่น ขอ้ มลู ทางดา้ นเพศ อาจมีความเกย่ี วขอ้ งกบั การจดั ท่ีพกั หากโครง การตอ้ งมีการคา้ งแรมเกิดข้ึน ขอ้ มูลทางดา้ นอายุอาจเกี่ยวขอ้ งถึงการจดั การดา้ นอาหารท่ีเหมาะสม สาหรับแตล่ ะวยั ขอ้ มูลทางดา้ นรายไดอ้ าจเกยี่ วขอ้ งกบั ค่าใชจ้ า่ ยทผ่ี เู้ ขา้ ร่วมโครงการตอ้ งรับผิดชอบ หากผเู้ ขา้ ร่วมโครงการมรี ายไดน้ อ้ ย การวางโครงการกต็ อ้ งใชก้ ลยทุ ธ์ทจ่ี ะใหผ้ ูเ้ ขา้ ร่วมโครงการเสีย คา่ ใชจ้ า่ ยนอ้ ยที่สุด หรือไม่ตอ้ งรบั ผดิ ชอบค่าใชจ้ ่าย ส่วนดา้ นการศึกษาตวั อย่างทเ่ี กยี่ วขอ้ งน่าจะเป็น ดา้ นการจดั เน้ือหาทางดา้ นวิชาการของโครงการ หากผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการมีการศึกษาสูงหรือมีความ เชี่ยวชาญในสาขาน้นั ๆก็ไม่มีปัญหาสาหรับการจดั การทางดา้ นวชิ าการ แต่หากผเู้ ขา้ ร่วมโครงการมี ความรู้นอ้ ย การจดั การทางดา้ นวิชาการของโครงการกจ็ าเป็นตอ้ งลดระดบั ความเขม้ ขน้ ของเน้ือหา วชิ าการให้เหมาะสมกบั ผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการ ขอ้ มูลท่ตี อ้ งวิเคราะห์เกี่ยวกบั ทรพั ยากรวตั ถุ ไดแ้ ก่ ขอ้ มูลในดา้ นต่างๆ ดังน้ีคือ ด้านส่ิงก่อสร้างต่างๆที่มีอยู่ในชุมชน อนั ได้แก่ ระบบการชลประทาน สถานีอนามยั โรงเรียน ศนู ยบ์ ริการตา่ งๆ ถนน ไฟฟ้า ประปา ตลอดจนโบราณสถานตา่ งๆที่มคี ุณค่า เป็ นตน้ ปัจจยั ทางภูมิศาสตร์เป็ นปัจจยั ท่ีมีความจาเป็ นอย่างมากทางการเกษตร โดยจะตอ้ งมีการ คานึงถงึ สภาพลกั ษณะทางภมู ศิ าสตร์ อาณาเขตตดิ ต่อใกลเ้ คียง สถานท่ตี ้งั ของชมุ ชน การคมนาคมท่ี สามารถตดิ ต่อกับบุคคลอืน่ ได้ ลกั ษณะสภาพของเน้ือดิน ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ความลาดชนั ของพ้นื ท่ี จานวนท่ดี ินท่ีใชใ้ นการ เกษตร ลกั ษณะของการใช้ทดี่ ิน จานวนท่ดี ินในเขตชลประทาน ขอ้ มูลพ้นื ฐานทางด้านภมู ศิ าสตร์เหล่าน้ีลว้ นเป็นตวั แปรทีส่ าคญั ต่อการวางโครงการทางดา้ นเกษตร และส่ิงแวดลอ้ มท้งั สิ้น 5.1.7 แหลง่ ของขอ้ มูล ขอ้ มูลท่นี ามาใช้ในการวางแผนโครงการสามารถเกบ็ รวบ รวมมาไดจ้ ากหลายแหล่งและจากบุคคลหลายฝ่าย คือ เกษตรกรท่อี าศยั อยูใ่ นพ้ืนที่ยอ่ มเป็นผใู้ หข้ อ้ มลู ท่ีดีและถูกตอ้ งเป็ นจริงมากท่ีสุด ขอ้ มูลที่ไดม้ าจากการบอกเล่าของเกษตรกรจะเป็ นเรื่องที่เป็ น จริงและถูกตอ้ ง สามารถนามาใชเ้ ป็นพ้ืนฐานในการวางแผนโครงการได้เป็ นอยา่ งดี นอกจากน้ีเจา้ หนา้ ท่ีฝ่ายต่างๆ ทมี่ ีเขตปฏิบตั งิ านในพ้ืนท่ีน้นั ๆ กส็ ามารถเป็ นแหล่งขอ้ มูลไดเ้ ป็ นอย่างดีเพราะเป็ น ผทู้ ่อี ยใู่ กลช้ ิดกบั เกษตรกร มคี วามเขา้ ใจในปัญหาของท้งั ทอ้ งถนิ่ และตวั เกษตรกร และสุดทา้ ยขอ้ มูล วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 120
บทที่ 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร จากแหลง่ รวบรวม เชน่ ศนู ยส์ ถิติ ห้องสมุด หน่วยงานของรัฐและเอกชน ซ่ึงเป็ นขอ้ มูลที่ได้จดั เก็บ ไวแ้ ลว้ ( secondary data ) เป็ นขอ้ มูลท่ีสามารถนามาใชป้ ระโยชน์ได้ทนั ที แต่ตอ้ งคดั เลือกเฉพาะ ชนิดและประเภทขอ้ มลู ทม่ี คี วามเหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั เร่ืองที่ตอ้ งการ 5.2 การกาหนดวตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายของโครงการ มรี ายละเอียด ดงั น้ี 5.2.1 วตั ถปุ ระสงค์ คอื ขอ้ ความที่มุ่งอธิบายว่า บคุ คลหรือกลุ่มบุคคลตอ้ งการจะ ทาอะไรให้สาเร็จ หรือกล่าวอีกนัยหน่ึงก็คือ การกาหนดทิศทางหรือแนวทางในการปฏิบตั ิ ซ่ึง สามารถวดั ไดแ้ ละมีการกาหนดเวลาที่ชัดเจนหรือไม่ก็ได้ สรุปไดว้ ่า การกาหนดวตั ถุประสงคน์ ้ัน เป็ นส่ิงที่ช้ีทิศทางหรือแนวทางในการดาเนินงาน เป็ นพ้ืนฐานในการเลือกวิธีดาเนินงานและเป็ น พ้ืนฐานในการประเมินผลโครงการดว้ ย การแบ่งชนิดของวตั ถุประสงคน์ ้ันสามารถแบ่งออกใน ลกั ษณะต่างกนั ไดด้ งั น้ี 5.2.1.1 การแบ่งวตั ถุประสงคโ์ ดยยึดหลกั ของความเป็ นเจา้ ของ เรียกว่า วตั ถุประสงค์ของบุคคลหรือของกลุ่ม ในการทากิจกรรมหรือดาเนินชีวิตของแต่ละบุคคล ย่อมมี วตั ถุประสงค์เป็ นของตนเอง เมื่อไปทางานรวมกันเป็ นกลุ่มก็จาเป็ นที่จะต้องมีการตกลงกันเพ่ือ กาหนดวตั ถุประสงคข์ องกลุ่มโดยเฉพาะ เพ่ือใชเ้ ป็ นแนวทางในการดาเนินงานให้ไปในทิศทาง เดยี วกนั 5.2.1.2 การแบ่งวตั ถุประสงคโ์ ดยยึดระยะเวลาของการดาเนินโครงการ เป็นหลกั เรียกว่า วตั ถุประสงคร์ ะยะส้ันหรือระยะยาว การกาหนดวตั ถุประสงคข์ องโครงการภายใน ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ถอื กันว่าเป็นวตั ถุประสงคร์ ะยะส้ัน วตั ถุประสงคข์ องโครงการท่ีมีช่วงระยะ เวลามากกวา่ 1 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี ถอื ว่าเป็นวตั ถปุ ระสงคร์ ะยะปานกลาง ส่วนวตั ถปุ ระสงคข์ องโครง การท่ีมีระยะเวลามากกวา่ 5 ปี ถอื ว่าเป็นวตั ถุประสงคร์ ะยะยาว 5.2.1.3 การแบ่งวตั ถุประสงคโ์ ดยยดึ ขอบเขต เรียกว่า วตั ถุประสงคท์ ว่ั ไป หรือ วตั ถุประสงค์เฉพาะ การกาหนดวตั ถุประสงค์ในลกั ษณะน้ีจะพิจารณาจากลาดบั ข้นั ของการ วางแผน โดยมีลกั ษณะวา่ ถา้ แผนหรือโครงการขนาดใหญ่ วตั ถปุ ระสงคข์ องแผนหรือโครงการน้นั ๆ ก็จะกวา้ งเราจึงเรียกวตั ถปุ ระสงคข์ องแผนหรือโครงการน้ีวา่ วตั ถปุ ระสงคท์ ว่ั ไป และการทีจ่ ะทาให้ แผนหรือโครงการใหญ่ๆ เหล่าน้นั สาเร็จลงไดก้ ็จาเป็นจะตอ้ งแยกยอ่ ยแผนและโครงการเหล่าน้นั ให้ เล็กลงเป็นโครงการยอ่ ยๆ ซ่ึงในแตล่ ะโครงการย่อยๆ เหล่าน้ีกจ็ ะกาหนดวตั ถุประสงคท์ ่ีเฉพาะเจาะ จงลงไปให้เหมาะสมกับเน้ืองานหรือกิจกรรมท่ีจะทาและง่ายต่อการนาไปปฏิบตั ิ การเขียนวตั ถุ ประสงคข์ องโครงการ ควรจะตอ้ งคานึงถึงลกั ษณะทีด่ ี 5 ประการ หรือจะตอ้ งกาหนดข้ึนดว้ ยความ ฉลาด (SMART) ดงั น้ี วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 121
บทที่ 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร simple หมายถึง เป็นประโยคทใี่ ชภ้ าษางา่ ยตอ่ การเขา้ ใจ measurable หมายถงึ สามารถท่ีจะประเมินผลหรือสามารถวดั ผลไดท้ ้งั ใน ดา้ นคณุ ภาพและปริมาณ attainable หมายถงึ สามารถดาเนินการใหบ้ รรลุจดุ ม่งุ หมายได้ realistic หมายถงึ สามารถปฏิบตั ิตามสภาพเป็นจริงได้ time bound หมายถึง มีขอบเขตระยะเวลากาหนดใหเ้ พียงพอ 5.2.2 เป้าหมายของโครงการ เป้าหมายเป็ นการกาหนดทศิ ทางที่ชดั เจนของความ สาเร็จของงานท่จี ะทาให้บงั เกิดข้ึนในเวลาใดเวลาหน่ึง หรือเมือ่ สิ้นสุดระยะเวลาหน่ึง ว่าทาเสร็จส้ิน ตามทก่ี าหนดไวห้ รือไม่ โดยมกี ารกาหนดรายละเอยี ดทส่ี ามารถวดั ไดท้ ้งั ระยะเวลาและปริมาณ เช่น แมบ่ า้ นเกษตรกรร้อยละ 80 สามารถนาเอาความรู้ทไ่ี ดร้ ับจากการฝึ กอบรมการทาปลาดุกแดดเดยี ว ไปประกอบเป็นอาชีพเสริม เมือ่ ส้ินสุดโครงการ 5.2.3 ความสัมพนั ธ์ระหว่างวตั ถุประสงคก์ บั เป้าหมาย วตั ถปุ ระสงคก์ บั เป้าหมาย ของแผนงานหรือโครงการส่งเสริมการเกษตร มีความเกี่ยวขอ้ งสัมพนั ธก์ นั มาก หากขาดเป้าหมายก็ จะไมท่ ราบว่าวตั ถปุ ระสงคน์ ้นั ๆบรรลคุ วามสาเร็จเพยี งใดเมอ่ื เสร็จส้ินโครงการ จงึ จาเป็นตอ้ งเขยี น เป้าหมายควบคกู่ นั ไป เช่น วตั ถปุ ระสงค์ เป้ำหมำย เพอ่ื สร้างถนนในหมูบ่ า้ น ถนนลกู รงั กวา้ ง 4 เมตร ยาว 1 ก.ม. 1 สาย เพ่ืออบรมให้เกษตรกรรู้จกั ปรบั ปรุงดนิ ผลิตขา้ วไดเ้ พ่ิมข้ึนเป็น 50 ถงั /ไร่ เพอื่ ผลติ ปลานิลไวแ้ จกจา่ ยแก่เกษตรกร ลกู ปลานิล 50,000 ตวั 5.3 การจดั ทาแผนปฏิบตั ิงาน (work plan) วลั ลภ พรหมทอง (2541) ได้ให้ความหมาย ของการจดั ทาแผนปฏิบตั ิงานไวว้ ่า หมายถึง การกาหนดวิธีการ ข้นั ตอน ระยะเวลา และบคุ ลากรที่ รับผิดชอบ รวมท้งั กาหนดการใชท้ รพั ยากรต่างๆ เพ่ือนาไปสู่การปฏิบตั ิให้บรรลุวตั ถุประสงค์และ เป้าหมายทต่ี ้งั ไวใ้ นการจดั ทาแผนปฏิบตั ิงานน้นั สิ่งท่ีตอ้ งกาหนดไวม้ ีดงั น้ี คือ ตอ้ งการทาอะไรให้ สาเร็จ (what) โดยยึดตามวตั ถุประสงคท์ ตี่ ้งั ไว้ มีวธิ ีการทาอย่างไร (how) ดาเนินการท่ีไหน (where) ดาเนินการเมือ่ ใด (when) ใครเป็ นผรู้ บั ผิดชอบ (who) ใชง้ บประมาณและวสั ดุอุปกรณอ์ ยา่ งไร (cost and facilities) 5.4 ข้นั การดาเนินงานตามแผน หลงั จากที่จดั ทาโครงการ และตรวจสอบความถูกตอ้ ง พร้อมท้งั วเิ คราะห์ส่วนต่างๆ ของโครงการเป็ นที่เรียบร้อยแลว้ เห็นสมควรท่ีจะดาเนินโครงการน้ี วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 122
บทที่ 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร แลว้ ก็ดาเนินการจดั พมิ พ์โครงการข้นึ เพอื่ เสนอขออนุมตั ิจากผบู้ งั คบั บญั ชาหรือหน่วยงานท่ใี หก้ าร สนบั สนุนท้งั ในดา้ นงบประมาณและบุคลากร เม่ือไดร้ บั การอนุมตั ิแลว้ จงึ ดาเนินการจดั พิมพส์ าเนา แจ้งบุคคล หรือหน่วยงานที่เกย่ี วขอ้ งให้ทราบ เพื่อถือเป็ นแนวทางปฏิบตั ิงานต่อไป ก่อนท่ีจะเร่ิม ดาเนินการตามโครงการ ควรมีการประชุมซักซ้อมความเขา้ ใจอีกคร้ังหน่ึง เพ่ือเปิ ดโอกาสให้ผู้ ปฏิบตั งิ านตามแผนไดซ้ ักถาม และทาความเขา้ ใจในวิธีการดาเนินงานในแตล่ ะกิจกรรม เพ่ือป้องกนั ความผิดพลาดและขอ้ บกพร่องท่ีอาจจะเกิดข้ึนในขณะดาเนินงานตามโครงการ สาหรบั ข้นั ตอนใน การปฏบิ ตั ิงานน้นั สามารถระบุเป็นข้นั ๆ ดงั น้ีคอื 5.4.1 ตอ้ งศึกษาลกั ษณะของโครงการเสียก่อนว่า มเี ป้าหมายอะไรทแ่ี น่นอน วตั ถุ ประสงค์ทแ่ี ทจ้ ริงของโครงการน้นั เป็นอย่างไร มีนโยบายทีเ่ กี่ยวขอ้ งในระดับต่างๆเป็นอยา่ งไรบา้ ง มีผลกระทบหรือผลดตี ่อสิ่งอนื่ ๆอย่างไรบา้ ง เพอ่ื จะไดเ้ ตรียมหาวิธีการแกไ้ ขหรือปรบั ปรุงในส่วนที่ จะทาให้เกิดความเสียหายน้นั ท้ังหมดน้ีผูป้ ฏิบตั ิงานตามแผนจะตอ้ งศึกษาอย่างละเอียดทาความ เขา้ ใจให้ถ่องแทแ้ ละพิจารณาหาทางเลือกท่ีดีท่ีสุด เพื่อให้บรรลุวตั ถุประสงค์ท่ีได้กาหนดไวต้ าม โครง การ 5.4.2 การดาเนินงานตามโครงการ การปฏิบัติงานในข้นั น้ีเป็ นการเร่ิมตน้ ดาเนิน งานตามแผนทไี่ ดจ้ ดั เตรียมไวแ้ ลว้ การมอบหมายอานาจและความรบั ผดิ ชอบแกท่ ุกคนในองค์การ เป็นความจาเป็ นที่ตอ้ งมีการกระทากอ่ น โดยให้ผทู้ ี่มีส่วนร่วมในแผนทุกระดบั เขา้ ร่วมประชุมเพ่ือ รบั ทราบและทาความเขา้ ใจในวิธีการปฏิบตั ิงานท่ีได้กาหนดข้นึ มา และบทบาทหนา้ ท่ีความรับผิด ชอบของตนเองอย่างชดั เจน เพื่อโครงการจะไดด้ าเนินไปอย่างราบรื่น 5.4.3 การควบคุมโครงการ ผูป้ ฏิบตั ิตามโครงการจะตอ้ งมีระบบควบคุมในการ ปฏิบตั ิงาน เพ่ือท่ีแต่ละฝ่ ายหรือบุคคลจะได้ดาเนินงานไปตามแนวทางที่ต้องการ โดยปกติแลว้ ผู้ ปฏิบตั ิงานในภาคสนามจะตอ้ งรายงานความก้าวหนา้ และประเมินผลการปฏิบตั ิงานของโครงการ หากมีปัญหาที่ผูป้ ฏิบตั ิโครงการไม่สามารถแก้ไขได้ ผูค้ วบคุมโครงการจะไดด้ าเนินการแก้หรือ ปรับปรุงให้ทนั ต่อสถานการณ์ โดยจะตอ้ งพยายามรักษาวตั ถุประสงค์และนโยบายของโครงการ น้นั ๆไว้ ดงั น้ันการควบคุมงานจงึ หมายถึงการแก้ไขปัญหาตา่ งๆที่เกดิ ข้ึน และหาหนทางป้องกนั มิ ใหป้ ัญหาตา่ งๆ เกดิ ข้ึนดว้ ยเช่นกนั 5.4.4 การแก้ไขดัดแปลงโครงการ ในขณะที่ดาเนินโครงการอยู่น้ัน บางคร้ังมี ความจาเป็นจะตอ้ งแกไ้ ขดดั แปลงแผนปฏิบตั งิ านทีว่ างไวใ้ ห้สามารถปฏิบตั ิงานไดต้ ามสภาพความ เป็นจริง การแกไ้ ขปรับปรุงแผนปฏบิ ตั ิงานจงึ เป็นสิ่งท่ีจาเป็ นไมค่ วรละเลย ถา้ หากตอ้ งการให้โครง การท่ีวางไว้บรรลุวตั ถุประสงค์หรือเป้าหมายที่ต้องการ แต่การแก้ไขแผนปฏิบตั ิงานน้ันตอ้ ง พจิ ารณาอยเู่ สมอว่า การแก้ไขแผนปฏบิ ตั ิงานน้ันจะไม่ทาให้วตั ถุประสงคเ์ ปลี่ยนแปลงไปหรือขดั วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 123
บทท่ี 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร กบั นโยบายหลกั ของโครงการน้นั ๆ ในการปรบั ปรุงเปลี่ยนแปลงแผนปฏบิ ตั งิ านน้นั จะตอ้ งปรึกษา หารือกับผูร้ ับผิดชอบโครงการ คือผูบ้ งั คบั บัญชาหรือผู้บริหารในการหาทางปรับปรุงแก้ไขให้ เหมาะสมตอ่ ไป การแกไ้ ขแผนปฏิบตั ิงานอย่างสม่าเสมอ จะทาให้ผูป้ ฏิบตั งิ านสามารถดาเนินงาน ตามแผนไดถ้ กู ตอ้ งมากย่งิ ข้ึน พร้อมท้งั สามารถกาหนดค่าใชจ้ ่ายหรือเวลาที่เปล่ียนแปลงไปอย่างถูก ตอ้ งดว้ ย ขอ้ สาคญั ของการเปล่ียนแปลงแผนปฏิบตั ิงานจะตอ้ งให้ผูบ้ ริหารหรือผูร้ ับผิดชอบโครง การยอมรับการเปลี่ยนแปลง และการเปลีย่ นแปลงจะตอ้ งเป็นผลดตี ่อโครงการดว้ ย 5.4.5 การรายงานความก้าวหนา้ โครงการระยะส้ันๆที่ใช้เวลาไม่ก่ีวนั หรือไม่กี่ สัปดาห์ อาจไม่จาเป็ นท่จี ะตอ้ งรายงานความกา้ วหนา้ แต่โครงการท่ีใชร้ ะยะเวลาในการดาเนินงาน นานเป็ นปี ๆน้นั การรายงานความกา้ วหนา้ เป็นสิ่งจาเป็ นทผ่ี ูป้ ฏบิ ตั ิงานตามโครงการจะตอ้ งรายงาน ความกา้ วหนา้ ของโครงการ ตอ่ ผูบ้ งั คบั บญั ชาหรือผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการ การรายงานความกา้ วหนา้ จะรายงานเป็นระยะๆ ตลอดการทาโครงการและมกี ารสรุปรายงานการทาโครงการท้งั หมด เมือ่ ส้ิน สุดการทาโครงการน้นั ๆ โดยปกตริ ายงานจะไมย่ ืดยาวจนเกนิ ไป และควรจะใหร้ ายละเอยี ดเกี่ยวกับ ความกา้ วหนา้ ของโครงการ ในเรื่องเก่ยี วกบั ค่าใชจ้ ่ายในการดาเนินโครงการ ปัญหาอุปสรรคท่ีเกิด ข้ึนในระหวา่ งทาโครงการและส่ิงสาคญั อน่ื ๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั โครงการ เช่น สภาพแวดลอ้ ม ผลกระ ทบของโครงการ เป็นตน้ การรายงานความกา้ วหนา้ ของโครงการ จะเป็น ประโยชน์อยา่ งแทจ้ ริงต่อ ผบู้ ริหารโครงการหรือผูบ้ ริหารระดับสูงจริง กต็ ่อเมื่อการรายงานความกา้ วหน้าน้ันเป็ นระบบไม่ เป็นการรายงานเทจ็ หรือยกเมฆขอ้ มูล 5.4.6 การบริหารบุคลากรในโครงการ เป็ นการจดั กาลงั คนในการทางานในโครง การที่จดั ทา บุคลากรที่ทาโครงการอาจจะเป็ นเจ้าหน้าที่ประจาของหน่วยงาน หรือเป็ นบุคลากรท่ี จา้ งชวั่ คราว ผูบ้ ริหารโครงการจะตอ้ งมีเทคนิคในการบริหารงานบุคคลากรที่ร่วมโครงการให้ สามารถทางานในส่วนต่างๆได้อย่างมีความสุข ตอ้ งสร้างขวญั และกาลงั ใจให้กับบุคลากรภายใน โครงการดว้ ย 5.5 ข้นั การประเมินและติดตามผล เป็นข้นั ตอนสุดทา้ ยของการวางโครงการ ผูว้ างโครง การควรจะระบุรายละเอียดเกี่ยวกบั กลไกการติดตามและประเมินผลการดาเนินงานของโครงการ โดยจะตอ้ งกาหนดหน่วยงานและบุคคลที่รบั ผิดชอบให้ชัดเจน ท้งั น้ีเพราะจะตอ้ งมีผรู้ ับผิดชอบต่อ ผลของการประเมิน การกาหนดหน่วยงานและบุคคลผูร้ ับผิดชอบให้ชัดเจนจะทาให้การติดตาม สอบถามระหว่างผตู้ ิดตามประเมนิ ผลกบั ผปู้ ฏิบตั ติ ามโครงการเป็นไปอย่างรวดเร็วและถูกตอ้ ง ส่วน การติดตามผลน้ันเป็ นการรวบรวมวิเคราะห์ขอ้ มูลเก่ียวกับการใช้วสั ดุอุปกรณ์ งบประมาณและ บุคลากรในโครงการ ประสิทธิภาพของการดาเนินงานและประสิทธิภาพของงาน นอกจากน้ียงั วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 124
บทท่ี 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร สามารถใชเ้ ป็ นเคร่ืองมือสาหรับผูบ้ ริหาร ในการนาขอ้ มูลมาใชแ้ ก้ไขปรับปรุงการดาเนินงานให้ เป็นไปตามแผนการปฏิบตั งิ านไดอ้ ย่างเหมาะสมอีกดว้ ย 6. องค์ประกอบและแนวทำงกำรเขยี นโครงกำร รูปแบบหรือหัวขอ้ ในการเขียนโครงการขา้ งตน้ อาจจะมีหัวขอ้ และรายละเอยี ดแตกตา่ ง กนั ไปตามลกั ษณะหรือประเภทของโครงการ บางโครงการมีรายละเอียดมาก บางโครงการมีราย ละเอียดน้อย บางโครงการอาจตอ้ งเพิ่มเติมหัวขอ้ ท่ีมคี วามสาคญั เขา้ ไป เชน่ โครงการทางดา้ นวิชา การอาจตอ้ งมีการเพิ่มหัวขอ้ เอกสารอา้ งองิ เป็นตน้ ท้งั น้ีแลว้ แต่ผเู้ ขียนโครงการจะพยายามจดั ทาข้ึน หรือยึดถอื โดยมุ่งหวงั ให้ผอู้ ่านโครงการหรือผูป้ ฏิบตั ิตามโครงการมีความชดั เจนและเขา้ ใจโดยง่าย ทส่ี ุด ซ่ึงการเขยี นโครงการมหี ลายรูปแบบ แต่หวั ขอ้ สาคญั จะประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ดงั น้ี 6.1 ช่ือโครงการ หมายถึง โครงการท่ดี าเนินการน้นั ใชช้ ื่อว่าอะไร อาจระบชุ ่ือท้งั ภาษา ไทยและภาษาองั กฤษโดยมีลกั ษณะการเขยี นโดยศกึ ษาจากวตั ถปุ ระสงค์ ตอ้ งกะทดั รัด ชดั เจน 6.2 หลกั การและเหตุผล ให้ระบุหลกั การ ความเป็นมา ความสาคญั ของการดาเนินการตลอด จนปัญหาและความจาเป็ นท่ีจะตอ้ งดาเนินการ ลกั ษณะการเขียนตอ้ งเน้นให้เห็นความสาคญั ของ โครงการ ถา้ ไม่ทาจะส่งผลกระทบหรือเกิดผลเสียอะไรหรือไม่ เพื่อเป็ นการเพ่มิ น้าหนักและความ สาคญั ของโครงการ ซ่ึงจะมีผลต่อการอนุมตั โิ ครงการ การเขียนหลกั การและเหตุผลควรเขยี นใหส้ ้นั กระชบั เข้าใจง่ายถึงสภาพปัญหา ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดมากข้ึนและแนวทางแก้ไข โดยใช้ โครงการน้ีเขา้ ไปชว่ ย 6.3 วตั ถุประสงคโ์ ครงการ คือ ส่ิงที่บอกใหท้ ราบว่า การดาเนินการตามโครงการน้นั มี ความตอ้ งการทาอะไรและตอ้ งการให้อะไรเกดิ ข้ึน ควรเป็นวตั ถปุ ระสงคท์ ชี่ ดั เจนเขา้ ใจงา่ ย สามารถ ปฏิบตั ิไดไ้ ม่เลอ่ื นลอย วดั และประเมนิ ผลได้ มลี กั ษณะเฉพาะเจาะจงในเรื่องทเี่ ก่ียวขอ้ งโดยตรงกบั ส่ิงทโ่ี ครงการตอ้ งการ ซ่ึงโครงการบางโครงการอาจมีมากกวา่ 1 วตั ถุประสงค์ แต่ไมค่ วรมีมากเกิน กวา่ 5 วตั ถปุ ระสงค์ การเขียนวตั ถุประสงค์ ตอ้ งให้สอดคลอ้ งกบั สภาพปัญหา และผลทคี่ าดว่าจะได้ รับดว้ ย 6.4 เป้าหมาย แบ่งออกเป็น 2 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ 6.4.1 เป้าหมายการดาเนินการเป็นการกาหนดขอบเขตในการดาเนินการ ประกอบ ดว้ ยเป้าหมายเชิงปริมาณ เช่น จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เกษตรกรกลุ่มใด จานวนเท่าใด และเป้า หมายเชิงคณุ ภาพหรือเชิงเน้ือหา เช่น ในดา้ นใดหรือเรื่องอะไรบา้ ง อย่างไร วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 125
บทที่ 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร 6.4.2 เป้าหมายของโครงการ เป็นการคาดหวงั ล่วงหนา้ ในส่ิงท่ีจะเกดิ ข้ึนหลงั จาก ทีส่ ้ินสุดโครงการ (ผลทีค่ าดว่าจะได้รบั ) สามารถเขยี นได้ท้งั เชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เป้าหมาย เชิงปริมาณจะระบตุ วั เลขตามหน่วยทีต่ อ้ งการ เช่น ความถ่ี ร้อยละ อตั ราส่วน หรือเป็นจานวนตวั เลข ธรรมดาก็ได้ ส่วนเป้าหมายเชิงคุณภาพ เช่น ความรู้ ทกั ษะ ทศั คติ ความเห็น ความสามารถ ความ สะอาดเรียบร้อย ความสวยงาม ความคงทนถาวร ความสมบูรณ์ ความยง่ั ยืน เป็นตน้ 6.5. ระยะเวลาดาเนินการโครงการ จะเร่ิมดาเนินงานตามโครงการเม่ือใด (วนั /เดอื น/ปี ) และส้ินสุดการดาเนินการโครงการเมอ่ื ใด 6.6 สถานท่ีดาเนินการ ระบสุ ถานท่ีทดี่ าเนินการโครงการ 6.7 วธิ ีดาเนินการ ควรอธิบายให้เห็นถึงวิธีการและข้นั ตอนการดาเนินการโครงการ 6.8 ผรู้ ับผิดชอบโครงการ หมายถงึ ผูท้ ่ีจะทาหนา้ ท่ีจดั ต้งั หรือบริหารงานรับผิดชอบใน โครงการน้นั ซ่ึงอาจไดแ้ ก่ บคุ คล คณะบุคคล หรือหน่วยงาน ซ่ึงจาแนกเป็นบคุ คล คณะบคุ คล หรือ หน่วยงานผรู้ บั ผดิ ชอบในโครงการ 6.9 งบประมาณ ระบุวา่ งบประมาณท่จี ะดาเนินการโครงการท้งั สิ้นจะใชเ้ งินเทา่ ใด โดย ให้ระบุรายละเอยี ดของคา่ ใชจ้ า่ ย และแหล่งงบประมาณท่ีจะใชด้ าเนินการโครงการดว้ ย 6.10 ผลทีค่ าดวา่ จะไดร้ ับ ให้ระบุผลงานที่คาดวา่ จะเกิดข้นึ เมอื่ ได้ดาเนินการโครงการถา้ เป็นโครงการทีข่ ยาย/ปรับปรุง ยกฐานะจากเดิมใหแ้ สดงผลงานของโครงการทีผ่ ่านมา เช่น จานวน ผสู้ าเร็จ หรือผลงานอ่ืนๆ ซ่ึงจะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ องการดาเนินโครงการ 6.11 การประเมินโครงการ ให้ระบุกิจกรรมการประเมินโครงการเพื่อให้ทราบถึง วิธี การประเมินผลการดาเนินการโครงการ 6.12 เอกสารอ้างอิง เป็ นเอกสารท่ีใช้ในการคน้ คว้าเพื่อจะจดั ทาโครงการ มีเอกสาร อะไรบา้ งทเี่ ก่ียวขอ้ ง และสามารถคน้ ควา้ เพิม่ เติมได้ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 126
บทท่ี 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร ตวั อย่ำงกำรเขยี นโครงกำร โครงกำรฝึ กอบรมวชิ ำชีพหลกั สูตรระยะส้ัน วทิ ยำลัยประมงตณิ สูลำนนท์ ประจำปี งบประมำณ 2558 ---------------------------------------------------------------- 1. ช่ือโครงกำร โครงการฝึกอบรมวิชาชีพหลกั สูตรระยะส้ัน 2. ผ้รู ับผดิ ชอบโครงกำร 1. นายชูศกั ด์ิ ทองแกมแกว้ 2. นางองั สนา หะยีหะเต็ง 3. นายธาฎา ศิณโส 3. หลกั กำรและเหตผุ ล ตามแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ท่ีมงุ่ เนน้ ในดา้ นการพฒั นาชนบทเพ่ือใหเ้ กดิ การกินดีอยู่ดีเพ่ือยกระดบั คณุ ภาพชีวิตของประชาชนในประเทศ สานกั งานคณะกรรมการการอาชีว ศกึ ษาไดม้ ีนโยบายที่สอดคลอ้ งกันในการพฒั นาอาชีพแบบบรู ณาการ เพื่อบริการวชิ าชีพแก่ชุมชน วิทยาลยั ประมงตณิ สูลานนท์ ไดด้ าเนินงานโครงการฝึกอบรมวชิ าชีพหลกั สูตรระยะส้ันข้ึน เพือ่ เป็ น การพฒั นาวชิ าชีพให้แก่เกษตรกรชาวประมงและผูส้ นใจทว่ั ไป ให้มีโอกาสทางการศึกษา และยก ระดบั ความรูค้ วามสามารถ พฒั นาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบทใหท้ นั ต่อสภาพปัจจุบนั และ เทคโนโลยใี หม่ๆ 4. วตั ถุประสงค์ของโครงกำร 4.1 เพอ่ื สนองแนวพระราชดาริเรื่องเศรษฐกิจพอเพยี ง 4.2 ส่งเสริมใหเ้ กดิ การอนุรักษแ์ ละฟ้ื นฟสู ่ิงแวดลอ้ มอย่างยง่ั ยนื 4.3 สนบั สนุนส่งเสริมภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ินและการเรียนรู้อย่างตอ่ เน่ือง 4.4 เพือ่ ใหเ้ กษตรกรสามารถพฒั นาศกั ยภาพในการพ่งึ ตนเอง โดยการเพาะเล้ยี งสตั ว์ น้าและแปรูปสตั วน์ ้าเป็นอาชีพได้ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 127
บทท่ี 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร 5. เป้ำหมำยและตวั ชี้วดั ควำมสำเร็จ 5.1 เชิงปริมาณ 5.1.1 จานวนเกษตรกรและผสู้ นใจทเ่ี ขา้ รบั การฝึกอบรมวิชาชีพหลกั สูตรระยะส้นั ดา้ น การประมง จานวน 500 คน 5.1.2 กลุ่มแม่บา้ นเกษตรกรและผูส้ นใจที่เข้ารับการฝึ กอบรมวิชาชีพหลักสูตร ระยะส้นั ดา้ นการแปรรูปสตั วน์ ้า จานวน 500 คน 5.2 เชิงคุณภาพ 5.2.1 จานวนเกษตรกรและผสู้ นใจท่เี ขา้ รบั การฝึกอบรมวิชาชีพหลกั สูตรระยะส้นั ดา้ น การประมง มีความพึงพอใจในความรู้และทกั ษะที่ไดจ้ ากการฝึกอบรม และสามารถนาไปใชใ้ นการ พฒั นาอาชีพในระดบั ดี 5.2.2 กลุ่มแม่บา้ นเกษตรกรและผูส้ นใจที่เขา้ รับการฝึ กอบรมวิชาชีพหลกั สูตรระยะ ส้ันด้านการแปรรูปสตั วน์ ้า มีความพึงพอใจในความรู้และทกั ษะที่ไดจ้ ากการฝึ กอบรม และสามารถ นาไปใชใ้ นการปรับปรุงคณุ ภาพผลผลิตและพฒั นาอาชีพในระดบั ดี 6. ระยะเวลำดำเนินกำรโครงกำร 1 ตลุ าคม 2558 - 1 กนั ยายน 2559 7. สถำนทีด่ ำเนินกำร 7.1 รุ่นที่ 1 ฐานการเรียนรู้ที่ 7 หมทู่ ่ี 7 ตาบลราแดง อาเภอสิงหนคร จงั หวดั สงขลา 7.2 รุ่นท่ี 2 ศาลาประชาคมหมบู่ า้ น หมทู่ ี่ 9 ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง จงั หวดั สงขลา วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 128
บทที่ 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร 8. วธิ ดี ำเนินกำร/แผนกำรปฏบิ ตั ิงำน ท่ี กำร พ.ศ. 2558 พ.ศ. 2559 ก.ค. ส.ค. ก.ย. ดำเนนิ กำร ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. 1 สารวจความ ตอ้ งการของผู้ เขา้ รบั การ อบรม 2 จดั ตารางการ ฝึ กอบรมและ จดั หาวทิ ยากร 3 จดั เตรียมวสั ดุ- อุปกรณ์ในการ อบรม 4 ดาเนินการ ฝึ กอบรม 5 ติตามและ ประเมินผล การฝึ กอบรม 6 สรุปการ ปฏิบตั งิ านและ จดั ทารายงาน 9. งบประมำณ 9.1 คา่ ตอบแทน คา่ ใชส้ อย คา่ วสั ดุ จานวน 150,000 บาท 9.2 คา่ น้ามนั เช้ือเพลงิ จานวน 50,000 บาท 9.3 คา่ ซ่อมแซมยานพาหนะ จานวน 50,000 บาท รวมเป็ นเงนิ ทง้ั สิ้น จำนวน 205,000 บำท วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 129
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186