บทที่ 2 เทคนิคและวธิ ีการส่งเสริมการเกษตร ภำพท่ี 2.3 แสดงการสาธิตการทาป๋ ยุ หมกั ชวี ภาพเพือ่ ใชใ้ นการเกษตร ถ่ำยภำพโดย องั สนา หะยหี ะเตง็ (2558) 3.2.2.2 เทคนิคการสาธิตผล (result demonstration) การสาธิตผลเป็นการสาธิต ใหเ้ หน็ ถงึ ผลของการปฏิบตั ิโดยเปรียบเทียบกบั การปฏบิ ตั ิแบบเดิมๆกบั วิทยาการแผนใหม่ว่าไดผ้ ล แตกต่างกันอย่างไร เพ่ือสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมายอมรับวิทยาการแผนใหม่ เร่ิมจากข้ัน เตรียมการสาธิตมีเทคนิควิธีการดงั น้ีคือ เรื่องท่ีสาธิตตอ้ งพิจารณาให้แน่ชดั ว่าจะแสดงให้เห็นจริงใน เรื่องอะไร แลว้ คดั เลือกผดู้ าเนินการสาธิต โดยขอความร่วมมอื จากผูน้ าทอ้ งถิ่นเลือกบคุ คลทมี่ คี วาม พร้อมและคาดว่าจะทางานได้สาเร็จ แลว้ วางแผนการปฏิบตั ิงานร่วมกนั ส่วนสถานที่ ตอ้ งมีขนาด พ้นื ท่ีที่เป็นแปลงใหญ่พอที่จะสร้างความเช่ือถือแก่ผูช้ ม และตอ้ งอยู่ในบริเวณทีเ่ กษตรกรหรือประชาชน พบเหน็ ไดง้ า่ ย และสามารถแวะชมไดส้ ะดวก ส่วนข้นั การดาเนินการสาธิตน้นั เร่ิมจากนักส่งเสริมตอ้ ง ซักซ้อมความเขา้ ใจกบั ผดู้ าเนินการหรือผแู้ สดงตามแผนปฏบิ ตั งิ านที่เตรียมไว้ มีการประชาสัมพนั ธใ์ ห้ เกษตรกร หรือประชาชนในทอ้ งถิ่นมาชมการสาธิต ส่วนการตรวจเยยี่ ม ตอ้ งไปตรวจเย่ยี มแปลงสาธิต เพ่ือดูความก้าวหนา้ และพบกบั ผูท้ าการสาธิตให้บ่อยคร้ัง เพื่อให้กาลงั ใจและให้คาปรึกษาเพ่ือใหก้ าร สาธิตดาเนินตามแผนจนสาเร็จ และที่สาคญั ควรตดิ ต้งั ป้ายให้ประชาชนทราบในเวลาอนั เหมาะสม การ สาธิตบางแห่งติดต้งั ป้ายต้งั แต่เร่ิมตน้ การสาธิต ข้นั ตอนการสาธิตผลท่คี วรเผยแพร่อาจถ่ายภาพและ เขยี นข่าวประกอบ และอาจนาไปเผยแพร่ทางส่ือมวลชน เมื่อจบการสาธิตสิ่งท่ีตอ้ งดาเนินการคอื จดั การประชุมเกษตรกรที่แปลงสาธิต เพ่ือแสดงให้เห็นถึงผลสาเร็จต่างๆ เปิ ดโอกาสให้เกษตรกร วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 34
บทที่ 2 เทคนิคและวิธีการส่งเสริมการเกษตร เจา้ ของแปลงสาธิตได้อธิบายช้ีแจงให้เพื่อนเกษตรกรด้วยกนั ได้ทราบ และเกิดความคิดท่ีจะปฏิบตั ิ ตาม แลว้ จดบนั ทึกสรุปผลการสาธิต ถา่ ยภาพและเขียนขา่ วออกเผยแพร่ทางสื่อมวลชน 3.2.3 เทคนิคการจดั ทศั นศึกษา (field trip) การจดั ทศั นศึกษาเป็ นการแนะนาส่ง เสริมแบบกลุ่มวิธีหน่ึง ซ่ึงนบั ว่าไดผ้ ลดี เพราะวา่ เกษตรกรจะไดเ้ ห็นของจริง มีโอกาสไดซ้ ักถามก่อ ให้เกิดความเขา้ ใจและสามารถนาไปปฏิบตั ิตามได้ หรือนามาเปรียบเทียบกับสิ่งท่ีตนกาลงั ปฏิบตั ิ หรือปรับปรุงงานของตนให้ดีข้ึน ยิ่งกวา่ น้นั การเปลี่ยนสถานท่ีและสถานการณ์จะทาให้เกษตรกร เกิดความต่ืนเตน้ และเกิดความสนใจไปพรอ้ มๆ กัน ซ่ึงการจดั ทศั นศึกษาให้บรรลุวตั ถุประสงค์ มี เทคนิคที่ควรปฏิบตั ิดงั น้ีคือ สารวจระยะทางทีจ่ ะพาเกษตรกรไปและจานวนคร้ังที่จะหยุดใหล้ งชม สถานที่ต่างๆ ควรกาหนดให้เหมาะสม มีการแจกแผนทแี่ ละรายการเดินทางให้แก่ผรู้ ่วมเดนิ ทางทุก คนเพ่อื ให้ทราบถึงรายละเอยี ด โดยแจง้ สถานท่แี ละกาหนดเวลานัดหมายใหเ้ ขา้ ใจตรงกัน กอ่ นออก เดินทางให้ทาสญั ลกั ษณ์ยานพาหนะทีเ่ ดินทางใหเ้ ด่นชดั เพ่ือป้องกนั การหลงรถของเกษตรกร มกี าร ควบคมุ ความเร็วของรถให้อยูใ่ นระดบั ปานกลาง ถา้ มีรถในการเดินทางมากกว่า 1 คนั ควรขบั ใหอ้ ยู่ ในระยะท่ีเห็นกันได้ ไม่ควรห่างกนั มากเกินไป และที่สาคญั ก่อนเดินทางควรตรวจเส้นทางก่อน เสมอ ท้งั น้ีเพ่ือให้การเดินทางเป็นไปตามกาหนดเวลา และควรเลือกเส้นทางที่ดีท่สี ุด หากเป็ นการ ทศั นศึกษาตลอดท้งั วนั ควรกาหนดเวลาพกั รบั ประทานอาหารแต่ละม้อื ให้เหมาะสม เพื่อที่บางคร้ัง เกษตรกรจะได้มีโอกาสรวมกลุ่มแลกเปล่ียนความคิดเห็นอนั จะเป็ นประโยชน์ย่ิงข้ึน แต่ก่อนท่ีจะ ออกเดินทางจะตอ้ งอธิบายและช้ีแจงให้ผูร้ ่วมเดินทางที่ไปทศั นศึกษาไดเ้ ขา้ ใจถงึ วตั ถุประสงค์ของ การไปทศั นศกึ ษาและปูพ้ืนความรูเ้ กี่ยวกบั สถานที่ทีจ่ ะไปเย่ยี มชม เมื่อเดินทางกลบั มาแลว้ ควรจดั ให้มีการพบปะร่วมกนั เพื่อประเมนิ ผลการจดั ไปทศั นศึกษา และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเก่ียวกับ ส่ิงท่ีไดเ้ ห็นมา และมีการบนั ทึกอุปสรรคและปัญหาต่างๆท่ีเกิดข้ึนในการไปทศั นศึกษาเพื่อนาไป ปรับปรุงแกไ้ ขในคร้งั ต่อไป ดังภาพท่ี 2.4 ซ่ึงแสดงให้เห็นลกั ษณะของการนาเกษตรกรจานวนมาก ไปทศั นศึกษา ซ่ึงเจา้ หนา้ ทีส่ ่งเสริมจะตอ้ งเตรียมการต่างๆ ให้พรอ้ ม เช่น สถานท่ี และยานพาหนะ เป็ นตน้ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 35
บทที่ 2 เทคนิคและวิธีการส่งเสริมการเกษตร ภำพท่ี 2.4 แสดงให้เหน็ ลกั ษณะของการนาเกษตรกรไปทศั นศกึ ษา ถ่ำยภำพโดย องั สนา หะยหี ะเต็ง (2558) 3.2.4 เทคนิคการจดั ฝึกอบรมพิเศษ (special training course ) เป็นการจดั หลกั สูตร ระยะส้นั ๆ อาจใชเ้ วลา 1-3 วนั หัวขอ้ ท่นี ามาพดุ หรือบรรยายตอ้ งเหมาะสมเป็นท่สี นใจตรงกบั ความ ตอ้ งการของกล่มุ อาจมีการฝึ กภาคปฏิบตั ิในเร่ืองที่ได้แนะนา เพื่อให้เกิดความเขา้ ใจและเชื่อมั่นว่า สามารถกระทาได้ โดยมีเทคนิควิธีท่ีควรนาไปปฏิบตั ิคอื มีการเตรียมการทดี่ ี ใชโ้ สตทศั นูปกรณ์เขา้ ชว่ ยในการฝึกอบรมใหม้ ากที่สุด อยา่ จดั ให้มกี ารบรรยายมากเกนิ ไป เพราะอาจทาให้ผเู้ ขา้ อบรมเกิด ความเบื่อหน่ายได้ ควรจดั อบรมในลกั ษณะเนน้ ให้ผเู้ ขา้ อบรมมีส่วนร่วมใหม้ าก เช่น การเปิ ดโอกาส ใหม้ ีการซกั ถามปัญหา หรือมกี ารฝึกปฏบิ ตั ิจริง หากมกี ารจดั อบรมมากกว่า 1 วนั ตอ้ งจดั เตรียมทพี่ กั อาหารให้พร้อมและเหมาะสมกบั ผเู้ ขา้ อบรม 3.2.5 เทคนิคการทดสอบในท้องถิ่น (verification trials) การทดสอบในทอ้ งถ่ิน เป็นกระบวนการวจิ ยั ท่ีทดลองทาสิ่งหน่ึงสิ่งใดหลายๆวิธีในไร่นาของเกษตรกรในทอ้ งถ่ิน เพ่ือที่จะ หาวา่ วิธีไหนดที ่ีสุดหรือใหผ้ ลดีท่ีสุด เชน่ ทดลองปลูกพชื โดยใชเ้ มล็ดพนั ธุต์ า่ งกนั การใชป้ ๋ ยุ ตา่ งกนั ฯลฯ โดยมเี ทคนิคปฏิบตั ิดงั น้ีคือ ตอ้ งดาเนินการโดยนักวิจยั ที่มีทกั ษะความรู้ความชานาญเพ่อื ให้ ผลการวจิ ยั ทดสอบถูกตอ้ ง และนาไปปฏบิ ตั ไิ ดจ้ ริงในทอ้ งถนิ่ น้นั การเตรียมการและดาเนินการทด สอบในทอ้ งถ่ิน ตอ้ งพิจารณาว่าจะใชแ้ ปลงทดสอบของเกษตรกรขนาดเท่าใด จะทาการทดสอบกี่ คร้ัง กแ่ี ปลงจึงจะเพยี งพอ จะวดั ผลการทดสอบอยา่ งไร เมอื่ เกษตรกรมาชมแปลงทดสอบ นกั ส่งเสริม ตอ้ งให้ความรู้โดยแนะนาให้เกษตรกรทราบว่าเป็นการทดลองอะไร ข้นั ตอนและวธิ ีการเป็นอย่างไร วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 36
บทท่ี 2 เทคนิคและวิธีการส่งเสริมการเกษตร 3.3 เทคนิคการส่งเสริมแบบมวลชน (mass methods ) วธิ ีการส่งเสริมแบบมวลชน เป็ น วธิ ีท่ีเขา้ ถึงชนกลุม่ ใหญ่หรือมวลชนโดยอาศยั สื่อ เชน่ หนงั สือพมิ พ์ นิทรรศการ เอการเผยแพร่ วิทยุ ภาพยนตร์ โทรทศั น์ การประกวด และการรณรงค์ แตล่ ะวธิ ีมีเทคนิควธิ ีปฏิบตั ิทีแ่ ตกต่างกนั ดงั น้ี 3.3.1 เทคนิคการส่งเสริมการเกษตรดว้ ยหนงั สือพมิ พ์ (newspaper) การถ่ายทอดความ รู้ในงานส่งเสริมการเกษตรโดยใชห้ นังสือพิมพ์ ตอ้ งมกี ารพิจารณาขอ้ เขียนหรือความรู้ต่างๆดงั น้ี คือ ขา่ วสารหรือความรู้ท่ีจะเผยแพร่ตอ้ งมีคุณค่า มีประโยชน์ต่อเกษตรกรจริงๆ โดยความรู้น้นั ๆจะตอ้ งนาไป ปฏิบตั ิตามได้จริง ปฏิบตั ิตามไดง้ ่าย เพราะคอลมั นใ์ นหนา้ หนังสือพิมพจ์ ะมีพ้ืนท่ีในการเขียนไม่มาก ถา้ เป็นความรู้วชิ าการทยี่ ุ่งยากตอ่ การปฏิบตั ิจะเขียนไดไ้ ม่ครบถว้ น สามารถระบุรายละเอียดได้ใน เรื่องของค่าใช้จ่าย เวลา เพื่อเป็ นขอ้ มูลในการตดั สินใจของเกษตรกร ซ่ึงเทคนิคการเขียนเรื่องเพ่ือ เผยแพร่ผ่านทางหนังสือพิมพ์ มีดังน้ีคือ เขียนหัวเรื่องหรือนาเร่ืองโดยใชข้ อ้ ความท่ีน่าสนใจ เช่น “ยุคทองของสมุนไพร” “ไก่พนั ธุ์ใหมเ่ ล้ียงง่ายโตเร็ว” เขียนความรู้ทางวิชาการให้เป็นคาพดู ธรรมดา อย่าใชศ้ พั ทเ์ ทคนิคท่ีคนไม่เขา้ ใจ อย่าเขยี นอธิบายยืดยาว วกวน ควรสรุปย้าประเด็นสาคญั ใหก้ ระชบั กะทดั รดั และใชภ้ าพประกอบเร่ืองราวท่ีเขยี นจะชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจไดด้ ียงิ่ ข้ึน 3.3.2 เทคนิคการส่งเสริมการเกษตรดว้ ยนิทรรศการ (exhibits) มเี ทคนิคดังน้ีคอื ควร จดั นิทรรศการในช่วงโอกาสพิเศษ หรืองานเทศกาลประจาปี เพราะจะเป็ นท่ีรวมบุคคลเป้าหมายใน ระดับต่างๆ แต่ตอ้ งมนั่ ใจว่าบุคคลเป้าหมายจะมาชมนิทรรศการท่ีเราจดั หากจดั นิทรรศการข้ึนเป็ น กรณีพเิ ศษเฉพาะงาน เชน่ งานวนั เกษตรแห่งชาติ งานวนั ผลไม้ วนั บุปผาชาติ งานศลิ ปาชีพ นิทรรศ การลกั ษณะน้ีอาจจดั ใหม้ ีกิจกรรมอื่นๆร่วมดว้ ย เช่น การประกวดต่างๆ ส่วนการจดั นิทรรศการใน สานกั งานควรแบ่งบริเวณส่วนหน่ึงของสานกั งานนามาจดั นิทรรศการย่อยๆ ประกอบกบั เรื่องทีก่ า ลงั ดาเนินการส่งเสริมอยู่ในขณะน้นั ซ่ึงนิทรรศการลกั ษณะน้ีตอ้ งเปล่ียนแปลงให้ทนั สมยั อย่ตู ลอด เวลา ส่วนการจดั นิทรรศการย่อยในงานประชุมสมั มนาตา่ งๆ ทม่ี กี ลุ่มบุคคลเป้าหมายเฉพาะกลุ่มจะ เป็ นการให้ความรู้แก่บุคคลเป้าหมายได้มากข้ึนนอกเหนือจากการฟังการบรรยายอย่างเดียว นอก จากน้ีการจดั นิทรรศการเคลือ่ นท่ีบนรถทีส่ ามารถเคลื่อนยา้ ยหมุนเวียนไปยงั สถานทตี่ ่างๆไดโ้ ดยจดั แสดงดว้ ยแผน่ ป้ายท่ีมลี กั ษณะเบาถอดประกอบไดง้ ่าย ก็สามารถถ่ายทอดความรูไ้ ดด้ เี ชน่ เดยี วกนั 3.3.3 เทคนิคการส่งเสริมการเกษตรดว้ ยเอกสารสิ่งพิมพ์ (publication) เอกสารสิ่ง พิมพ์ มีการใช้อย่างแพร่หลายในงานส่งเสริมการเกษตร เพราะมีลกั ษณะที่แตกต่างจากวิธีการส่ง เสริมวิธีอื่นๆ คือ สามารถเก็บรักษาเน้ือหาความรู้ไวไ้ ด้นาน และนามาอา่ นทบทวนเน้ือหาความรูไ้ ด้ ตลอด สามารถบรรจุเน้ือหาสาระไดอ้ ย่างละเอียด สามารถนาภาพมาประกอบเน้ือหาสาระได้มาก ตามทตี่ อ้ งการ ชว่ ยให้เกษตรกรเขา้ ใจไดง้ ่ายข้ึนเมอ่ื ดูภาพประกอบ และสามารถเปิ ดอ่านไดท้ ุกเวลา วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 37
บทท่ี 2 เทคนิคและวิธีการส่งเสริมการเกษตร ดว้ ยลกั ษณะท่พี ิเศษดงั กลา่ วขา้ งตน้ จึงมีการนาเอกสารสิ่งพิมพไ์ ปใชใ้ นงานส่งเสริมการเกษตรอยา่ ง มากมาย เทคนิคในการนาเอกสารส่ิงพมิ พไ์ ปใช้ สามารถทาไดห้ ลายรูปแบบ คือ เอกสารสรุปผลการ คน้ ควา้ ทดลอง ซ่ึงผคู้ น้ ควา้ วจิ ยั ไดเ้ ขียนข้ึนอาจเขียนแบบวิชาการหรือก่ึงวิชาการ ตอ่ ไปคือเอกสาร เผยแพร่ทีผ่ ูเ้ ชี่ยวชาญการส่งเสริมเขียนข้ึนเพ่อื ใหเ้ จา้ หนา้ ที่ส่งเสริมไดใ้ ชเ้ ป็นคู่มือในการส่งเสริมโดย จะนารายงานสรุปผลการวิจยั คน้ ควา้ ทดลองหรือขอ้ มูลจากเอกสารอา้ งอิงอ่ืนๆ มาเขียนอธิบายให้ ผอู้ น่ื เขา้ ใจงา่ ย และสุดทา้ ยคือ เอกสารเผยแพร่แก่ผูร้ บั การส่งเสริมเกี่ยวกบั เรื่องน้ันๆ โดยตรงซ่ึงจา เป็นตอ้ งเขียนให้อา่ นงา่ ย เหมาะกับระดบั การศึกษาของเกษตรกร มีการสอดแทรกรูปภาพ แผนภูมิ การ์ตูน ใส่สีสนั เขา้ ช่วยเสริมให้เป็ นเอกสารท่ีน่าอ่าน น่าศกึ ษา เชน่ เอกสารการแนะนาการปลูกพืช หรือการเล้ียงสัตว์ต่างๆ เอกสารท้ัง 3 ลกั ษณะท่ีกล่าวมาน้ัน มีเทคนิคในการนาไปเผยแพร่ได้หลาย รูปแบบ ดงั น้ี 3.3.3.1 ใบปลิวหรือแผ่นปลิว (leaflets) เป็ นเอกสารแผ่นเดียว มกั จดั ทาข้ึน เฉพาะกิจ ข่าวสารขอ้ มูลที่นาเสนอเป็ นลกั ษณะการเชิญชวนใหร้ บั รูแ้ ลว้ เกดิ ความสนใจเทคโนโลยี ทางการเกษตร หรือนวตั กรรม แต่ไมส่ ามารถเสนอขอ้ มลู ที่เป็นรายละเอยี ดได้ 3.3.3.2 แผ่นพบั (folder) เป็ นเอกสารที่จดั ทาข้ึนเพื่อวตั ถุประสงคเ์ ดียวกับ ใบปลิว แต่พบั เป็ นส่วนๆ อาจพบั ได้ต้งั แต่ 2-8 พบั แลว้ แต่เน้ือหาที่ตอ้ งการนาเสนอ การนาเสนอ ขอ้ มลู ในรูปแบบน้ีอาจใชป้ ระกอบการบรรยาย การสาธิต การจดั นิทรรศการ หรือการส่งเสริมการ เกษตรวธิ ีอนื่ ๆ ไดเ้ ป็นอย่างดี 3.3.3.3 วารสาร (journal) หรือนิตยสาร (magazine) เป็ นเอกสารส่ิงพิมพ์ท่ี จดั ทาข้ึนเป็ นรูปเล่ม เผยแพร่ขอ้ มูลข่าวสารทางดา้ นเทคโนโลยีการเกษตร โดยจดั ทาเป็นรูปเล่ม มีเน้ือหา หลากหลาย มกี าหนดเวลาในการจดั พิมพเ์ ผยแพร่ที่แน่นอน เช่น ออกเผยแพร่เป็นรายสัปดาห์ รายปักษ์ หรือรายเดือน สามารถนาเสนอขอ้ มลู ท่ีมีรายละเอียดได้ ซ่ึงเป็ นการนาไปสู่การใช้เทคนิควิธีการไป แกป้ ัญหาในการประกอบอาชีพได้ ซ่ึงตวั อย่างวารสารและนิตยสารทางการเกษตร ไดแ้ ก่ เคหเกษตร เกษตรกา้ วหนา้ เทคโนโลยีการเกษตร เป็นตน้ 3.3.3.4 จุลสาร (pamphets) เป็นเอกสารเผยแพร่เล่มเล็กๆ ทนี่ าเสนอเรื่องราว ที่อยู่ในความสนใจในชว่ งเวลาใดเวลาหน่ึง โดยเนน้ การให้ขอ้ มูลท่ีทนั สมยั ในช่วงน้ัน รูปแบบการ นาเสนอในแต่ละเล่มจะนาเสนอเพียงเรื่องเดียวจนจบบริบูรณ์ เขียนให้อ่านแลว้ เขา้ ใจง่าย มีความ ยาวไม่มาก มีความหนาต้งั แต่ 5 หนา้ แต่ไมเ่ กนิ 48 หนา้ รูปเล่มเอกสารเป็นเลม่ บางปกออ่ น เชน่ เอก สารคาแนะนาต่างๆทางการเกษตรของกรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ และมหา วทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ เป็นตน้ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 38
บทท่ี 2 เทคนิคและวธิ ีการส่งเสริมการเกษตร 3.3.3.5 อนุสาร (booklet) หมายถึง หนงั สือเลม่ เล็ก ที่ใชน้ าเสนอขอ้ มูลเก่ียว กบั กิจกรรมหรืองานในหน้าที่รับผิดชอบขององคก์ ร หน่วยงาน ชมรม หรือสมาคม ฯลฯ เป็ นเอก สารส่ิงพิมพท์ ่ีมขี นาดเล็ก เน้ือหาไมม่ าก ทาให้จดั พิมพเ์ ผยแพร่ไดจ้ านวนมาก 3.3.3.6 จดหมายเวยี น (circular letter) เป็ นจดหมายทสี่ ่งข่าวสารไปยงั บคุ คล จานวนมาก อาจนาจดหมายเวียนมาใชเ้ มื่อนกั วิชาการไดค้ น้ พบวิธีการใหม่ๆในการปลูกพืช เล้ียง สตั ว์ และตอ้ งการใหน้ กั ส่งเสริมส่งขา่ วสารน้นั ไปยงั เกษตรกร แต่จดหมายเวียนถา้ ใชค้ าอธิบายเพียง อย่างเดียวอาจไม่เพยี งพอ บางกรณีจงึ ควรใชแ้ ผนภาพ (diagram) ประกอบกบั คาอธิบายเพือ่ ให้ผอู้ ่าน เขา้ ใจไดง้ า่ ยข้นึ นกั ส่งเสริมในทอ้ งถ่ินอาจใชก้ ารออกจดหมายเวยี นไปยงั กลุ่มผนู้ าเกษตรกร หรือตวั เกษตรกรท่ีมคี วามสามารถในการอ่าน ซ่ึงจะมีความสะดวกมากกว่าท่ีจะไปพบบคุ คลเหลา่ น้ีดว้ ยตน เองทุกคร้ ังเน่ืองจากมีเวลาจากดั 3.3.3.7 หนงั สือพิมพก์ าแพง (wall newspaper) เป็นส่ิงพมิ พป์ ระเภทหน่ึงที่มี ลกั ษณะและขนาดเทา่ ๆกับหนงั สือพมิ พท์ วั่ ไป ออกเผยแพร่โดยมชี ื่อเดียวกนั ออกเป็นประจาในราย สัปดาห์ รายปักษ์ หรือรายเดือนก็ได้ หนงั สือพิมพ์กาแพงโดยปกติมีแผ่นเดียวและพิมพ์หน้าเดียว เพื่อใชห้ น้าท่ีไม่ไดพ้ ิมพ์ ติดกับผนงั หรือกาแพงหรือป้ายประกาศ ตอ้ งพิมพด์ ว้ ยตวั อกั ษรที่มีขนาด โตกวา่ ตวั อกั ษรในหนา้ หนงั สือพมิ พท์ วั่ ไป เพื่อให้มีขนาดโตเพียงพอที่ผอู้ ่านจะยนื อา่ นเป็นกล่มุ เล็ก ประมาณ 5-6 คนได้ หนงั สือพิมพก์ าแพงท่หี น่วยราชการมีการจดั พิมพ์ เช่น สารการศึกษานอกโรง เรียนของกรมการศกึ ษานอกโรงเรียน ข่าวเกษตรของศูนยข์ ่าวเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 3.3.4 เทคนิคการส่งเสริมการเกษตรดว้ ยวทิ ยกุ ระจายเสียง(radio) วทิ ยุกระจายเสียงใช้ ในการเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตรมาเป็นเวลานาน เหมาะสาหรับใชช้ ้ีชวน กระตนุ้ ชกั จูงให้บคุ คล เป้า หมายเกิดความสนใจเพ่อื นาไปสู่การแสวงหารายละเอียดเกี่ยวกบั ขอ้ มลู ความรู้เทคโนโลยีหรือ นวตั กรรมน้ัน วิทยุเป็ นสื่อสารมวลชนท่ีเขา้ ถึงบุคคลเป้าหมายรวมถึงประชาชนทวั่ ไปได้รวดเร็ว และกวา้ งขวาง ผูฟ้ ังที่อ่านหนังสือไม่ออก ก็สามารถรับความรู้ไดโ้ ดยผ่านทางรายการวทิ ยุ ซ่ึงใน ปัจจุบนั รัฐบาลได้เปิ ดโอกาสให้มีสถานีวิทยุชุมชนได้ในทอ้ งถิ่น โดยทวั่ ไปวิทยุชุมชนจึงเป็ นอีก ชอ่ งทางหน่ึงท่ีสามารถเผยแพร่ข่าวสารขอ้ มูลทางการเกษตรไดเ้ ป็ นอยา่ งดี นกั ส่งเสริมสามารถใช้ วทิ ยเุ ป็นเครื่องมือหน่ึงในงานส่งเสริมการเกษตร ซ่ึงการจดั รายการวิทยทุ างการส่งเสริมการเกษตรมี รูปแบบที่นามาเป็นเทคนิคในการปฏบิ ตั ิได้ ดงั น้ี 3.3.4.1 รายการข่าว (new) เป็ นการจดั รายการวิทยุโดยการนาเสนอข่าวสาร ทางการเกษตร ท่ีเป็ นประโยชน์ เช่น ข่าวราคาสินคา้ เกษตร ข่าวการจดั งานวนั เกษตรในระดับ จงั หวดั หรือระดบั ภาค ขา่ วการฝึกอบรมความรูต้ ่างๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การเกษตร เป็ นตน้ การจดั ราย วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 39
บทที่ 2 เทคนิคและวธิ ีการส่งเสริมการเกษตร การขา่ วอาจจดั เป็นรายการขา่ วอยา่ งเดียว หรือนาข่าวไปรายงานสอดแทรกในรายการรูปแบบอ่ืนก็ ได้ ทมี งานผจู้ ดั รายการควรไดเ้ ตรียมการแสวงหาข่าวสารที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์มานาเสนอ อยา่ งตอ่ เน่ืองไม่ขาดตอน และตอ้ งคานึงถึงความถูกตอ้ งของเน้ือหาสาระวา่ ถูกตอ้ งตามหลกั วิชาการ หรือไม่ เพราะถา้ ใหข้ อ้ มูลทค่ี าดเคลือ่ นอาจส่งผลเสียแก่บคุ คลเป้าหมายท่ีนาเอาไปปฏิบตั ิได้ 3.3.4.2 รายการบทความ (talks) เป็ นการนาเสนอบทความเกี่ยวกับความรู้ ทางการเกษตร ซ่ึงสามารถจดั ทาเป็นบทความส้ันๆ 1-2 นาที หรือเป็ นบทความยาวๆ ก็ได้ ตามเวลา ท่ีกาหนดไว้ แตไ่ ม่ควรเกนิ 5-10 นาที ใชภ้ าษาทเ่ี ขา้ ใจง่ายหลีกเลีย่ งการใชภ้ าษาต่างประเทศ 3.3.4.3 รายการสัมภาษณ์ (interview) เป็ นรายการพูดคุยในลกั ษณะการซัก ถามและตอบปัญหาระหว่างบุคคล 2 ฝ่ าย โดยฝ่ ายหน่ึงเป็ นผูส้ ัมภาษณ์ และอีกฝ่ ายหน่ึงเป็ นผูถ้ ูกสัม ภาษณ์ซ่ึงผูถ้ ูกสัมภาษณ์อาจจะมีมากกว่า 1 คนก็ได้ ซ่ึงโดยทว่ั ไปแลว้ ผูถ้ ูกสัมภาษณ์จะเป็ นผูท้ รง คุณวุฒิทม่ี ีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องทีจ่ ะสัมภาษณ์ หรือเป็นเกษตรกรทปี่ ระสบความสาเร็จ ในการประ กอบอาชีพก็ได้ ซ่ึงผสู้ ัมภาษณค์ วรไดม้ กี ารนดั หมายเตรียมการซกั ซ้อมขอ้ คาถามกบั ผถู้ ูก สมั ภาษณ์ไวล้ ว่ งหนา้ แต่ไม่ควรเป็นการเตรียมบทพดู ของผถู้ กู สัมภาษณ์โดยตรง เพราะจะทาให้การ สัมภาษณ์ไม่เป็นธรรมชาติ ทาให้รายการไมน่ ่าสนใจสามารถดาเนินการสัมภาษณไ์ ด้ 3 รูปแบบ คือ การสัมภาษณ์ ออกอากาศโดยตรงในห้องจดั รายการ สัมภาษณแ์ ลว้ บนั ทึกเทปนามาออกอากาศภาย หลงั สมั ภาษณ์สดในสถานทีจ่ ริง แลว้ ออกอากาศ 3.3.4.4 รายการสนทนา เป็ นรายการลกั ษณะการพูดคยุ ระหว่างคน 2 คนใน เรื่องใดเรื่องหน่ึง โดยท้งั 2 คนจะให้ความเห็นหรือความรู้ร่วมกนั 3.3.4.5 รายการอภิปราย (discussion) เป็ นการนาเสนอรายการที่ประกอบ ดว้ ยผดู้ าเนินการอภิปรายกบั ผรู้ ่วมอภิปราย ซ่ึงเป็นผทู้ รงคุณวุฒิหรือวทิ ยากร 1-2 คน มาสนทนาร่วม กนั ในหวั ขอ้ รายการลกั ษณะน้ีจะมผี ูด้ าเนินการอภปิ ราย คอยดาเนินการนาเสนอความคิดเห็นของผู้ ร่วมอภิปราย ซ่ึงจะเหมือนกนั หรือขดั แยง้ กนั ก็ได้ ซ่ึงภาพที่ 2.5 เป็ นการแสดงให้เห็นรูปแบบของ การจดั รายการวทิ ยแุ บบการสัมภาษณ์สดออกอากาศจากห้องจดั รายการ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 40
บทท่ี 2 เทคนิคและวธิ ีการส่งเสริมการเกษตร ภำพท่ี 2.5 แสดงการจดั รายการวิทยแุ บบการสัมภาษณ์สดออกอากาศจากห้องจดั รายการ ถ่ำยภำพโดย องั สนา หะยีหะเตง็ (2558) 3.3.5 เทคนิคการส่งเสริมการเกษตรด้วยภาพยนตร์ (motion picture) ในปัจจุบนั การนาภาพยนตร์มาใชใ้ นการเผยแพร่ความรูท้ างการเกษตรมีมากข้นึ โดยมกี ารใชด้ าราท่ีเป็นท่นี ิยม มาเป็ นผแู้ สดง เพื่อใหค้ วามรู้ทางการเกษตรซ่ึงภาพยนตร์ก็มีลกั ษณะเด่นอยู่หลายประการ กล่าวคือ ภาพยนตร์สามารถนาเสนอเรื่องราวให้ผูด้ ูเกิดการเรียนรู้ โดยไม่ตอ้ งอาศยั ทกั ษะการอ่านสามารถ แสดงการกระทาท่ีตอ่ เน่ืองตามความเป็นจริงได้อย่างถูกตอ้ ง ให้ความชดั เจนแจ่มชัดในแง่มมุ ต่างๆ ตามลกั ษณะท่ีเกิดข้ึนจริง ในการถา่ ยภาพยนตร์สามารถปรับการเคลื่อนไหวของวตั ถุให้เร็วหรือชา้ ไดต้ ามตอ้ งการ เช่น ภาพชา้ ภาพหยุดนิ่ง หรือภาพเร็ว จึงช่วยให้เกิดการเรียนรูไ้ ดด้ ขี ้ึน จากลกั ษณะ เดน่ หลายประการดงั กล่าวขา้ งตน้ จงึ มีการนาภาพยนตร์มาใชถ้ ่ายทอดความรู้ท่ตี อ้ งการให้เหน็ ความ เคลื่อนไหวท่ีเป็ นตามธรรมชาติได้ดีกว่าส่ือชนิดอื่นๆ โดยเทคนิคในการใช้ภาพยนตร์ในการส่ง เสริมการเกษตร มดี งั น้ีคือ ใช้ภาพยนตร์ประกอบการสอนในการฝึกอบรม การประชมุ สัมมนาเพื่อ เสนอปัญหาหรือกระตนุ้ ความคิด ความรู้สึกของกลมุ่ เป้าหมาย ใหส้ นใจตระหนกั ต่อปัญหาและแนว ทางแกป้ ัญหา เช่น ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มเป็นพิษจากการใชส้ ารเคมีกาจดั ศตั รูพืชหรือการใชภ้ าพยนตร์ เป็ น ส่ือในการรณรงคต์ ่างๆ นอกจากน้ีสามารถใชภ้ าพยนตร์เผยแพร่ผ่านส่ือประเภทโทรทศั น์ ซ่ึงจะช่วย ใหเ้ น้ือหาของภาพยนตร์เผยแพร่ออกไปได้อยา่ งกวา้ งขวางสู่กล่มุ บุคคลเป้าหมายเป็นจานวนมากได้ และบางคร้ังเราสามารถใช้ภาพยนตร์ในหน่วยรถเคล่อื นที่ เคล่ือนยา้ ยไปตามทอ้ งถน่ิ ต่างๆ เพ่ือให้ ความรู้แกบ่ ุคคลเป้าหมายได้ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 41
บทท่ี 2 เทคนิคและวธิ ีการส่งเสริมการเกษตร 3.3.6 เทคนิคการส่งเสริมการเกษตรดว้ ยโทรทศั น์ (television) ในปัจจบุ นั โทรทศั น์ เป็ นสื่อท่ีเขา้ ถึงในทุกครัวเรือนและมีบทบาทสาคญั ต่อวถิ ีชีวิตความเป็ นอยู่ของผูค้ นในสังคม โดย เฉพาะเกษตรกรในทอ้ งถ่ินชนบทสามารถเขา้ ถึงโทรทศั นไ์ ดโ้ ดยไมย่ าก การใชโ้ ทรทศั น์ในการเผย แพร่ข่าวสารทางการเกษตร จงึ เป็ นแนวทางหน่ึงท่ีสามารถทาไดอ้ ย่างกวา้ งขวาง รวดเร็ว ดงั น้นั การ เผยแพร่ข่าวสารทางการเกษตรผ่านทางโทรทศั น์สามารถทาได้ดงั น้ีคือ การจดั เป็ นรายการประจา โดยนาเสนอเน้ือหาสาระทที่ นั สมยั อยู่ในความสนใจของกลมุ่ บุคคลเป้าหมาย การนาเสนอทาไดใ้ น หลายรูปแบบ เช่น รูปแบบสารคดี รูปแบบละคร รูปแบบการอภิปราย ฯลฯโดยอาจบนั ทึกเทปใน หอ้ งสตดู ิโอ หรือจากสถานทจ่ี ริงกไ็ ดเ้ ช่นกัน การนาเสนอเรื่องราวทีบ่ นั ทึกภาพมาจากงานเทศกาล ตา่ งๆ งานแสดงสินคา้ งานประกวด การทาเป็นสปอร์ตโฆษณาโดยใชเ้ วลาส้นั ๆ เพ่ือกระตุน้ เร่งเร้าให้ กลมุ่ บุคคลเป้าหมายไดต้ ระหนกั หรือเหน็ ความสาคญั ของส่ิงตา่ งๆ 3.3.7 เทคนิคการส่งเสริมการเกษตรโดยใช้การประกวด การประกวดทางการ เกษตรมีหลายอย่างอาจจะจดั ข้นึ มาโดยเฉพาะ หรือจดั เป็นส่วนหน่ึงของนิทรรศการทางการเกษตรก็ ได้ เชน่ การประกวดผลิตผลจากพชื ผกั ผลไม้ ไมด้ อกไมป้ ระดบั หรือการประกวดสัตวจ์ าพวกพวก สตั ว์ ปี ก สัตวเ์ ล็ก สัตวใ์ หญ่ มีเทคนิควิธีการคอื เริ่มจากการแจง้ ให้เกษตรกรส่งผลติ ผลเขา้ ประกวด แลว้ ประกาศแจง้ ใหเ้ กษตรกรและผสู้ นใจเขา้ ชมการประกวด โดยเตรียมคณะกรรมการผทู้ รงคุณวุฒิ เฉพาะเรื่องเป็ นผูต้ ดั สิน พร้อมท้งั จดั เตรียมรางวลั หรือเกียรติบตั รเพื่อมอบให้เป็ นเกียรติสาหรับผู้ ชนะการประกวดหรือการแข่งขนั โดยตอ้ งยกย่องผูท้ ช่ี นะการประกวดซ่ึงถอื ว่าเป็นผทู้ เ่ี ป็ นตวั อย่าง ให้บุคคลอี่นได้ติดตามหรือศึกษาว่า เขาดาเนินงานอย่างไรผลผลิตหรือผลงานจึงออกมาดี ทาให้ เกษตรกรเองและครอบครัวเกิดความภูมิใจในอาชีพเกษตรที่ทาอยู่ และเกิดกาลงั ใจที่จะทางานให้ เจริญกา้ วหนา้ ต่อไป ดงั ภาพที่ 2.6 เป็นการมอบเกยี รติบตั รเพื่อเป็นเกยี รติสาหรบั ผชู้ นะการประกวด พชื ผลทางการเกษตร ภำพที่ 2.6 การมอบเกยี รตบิ ตั รเพ่ือเป็นเกยี รติสาหรับผชู้ นะการประกวดพืชผลทางการเกษตร ถ่ำยภำพโดย อบั ดุลเลาะ หะยีหะเต็ง (2560) วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 42
บทท่ี 2 เทคนิคและวิธีการส่งเสริมการเกษตร 3.3.8 เทคนิคการส่งเสริมการเกษตรโดยใชก้ ารรณรงค์ วธิ ีการรณรงคจ์ ะนามาใชเ้ มอ่ื มี ปัญหาสาคญั เกดิ ข้นึ กบั เกษตรกรจานวนมาก และเป็นปัญหาทส่ี ามารถแกไ้ ขได้โดยตวั เกษตรกรเอง ซ่ึงการรณรงคจ์ ะตอ้ งอาศยั คนจานวนมากมาชว่ ยกันทางานเป็นกรณีพิเศษ และตอ้ งทางานหนกั กว่า การทางานแบบปกตปิ ระจาวนั เพอ่ื แกป้ ัญหาร่วมกนั เนื่องจากวตั ถปุ ระสงคข์ องการรณรงคม์ ีเฉพาะ ชว่ั ระยะเวลาหน่ึงเท่าน้นั ตวั อย่างการรณรงค์ด้านการส่งเสริมการเกษตร ช่น การรณรงคก์ ารปราบ ตก๊ั แตนปาทงั กา การปราบหนูนา การส่งเสริมการใชป้ ๋ ยุ การปลูกป่ า เป็นตน้ โดยมีเทคนิควิธีการคือ จดั ให้มีการประชาสมั พนั ธอ์ ย่างกวา้ งขวาง และทวั่ ถึงเพือ่ ใหบ้ คุ คลเป้าหมายเกิดความสนใจเขา้ ร่วม กิจกรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะทาได้ แล้วจดั กิจกรรมให้มีความหลากหลายในช่วงรณรงค์เพ่ือให้ เกษตรกรสามารถเลอื กร่วมกิจกรรมไดต้ ามความเหมาะสม เช่น การจดั ประชมุ เพ่ือแลกเปลย่ี นความ คิดเห็น การจดั นิทรรศการการประกวดคาขวญั การประกวดผลผลติ การแขง่ ขนั การจบั ตก๊ั แตนหรือจบั หนูนา โดยนากิจกรรมบนั เทิงเขา้ มาสอดแทรกในช่วงการรณรงค์ เพ่อื สร้างความสนใจให้แกเ่ กษตรกร และที่สาคญั ควรจดั กิจกรรมส่งเสริมการเกษตรอย่างต่อเน่ืองหลงั ช่วงรณรงคผ์ ่านไป เช่น การเย่ียม เยียนเกษตรกร การพาไปทศั นศกึ ษา การฝึกอบรม ฯลฯ 3.3.9 เทคนิคการส่งเสริมการเกษตรโดยผา่ นเครือข่ายอนิ เตอร์เน็ต ปัจจุบนั ความรู้ ทางดา้ นเทคโนโลยกี ารเกษตร เกษตรกรสามารถสืบคน้ ขอ้ มลู ขา่ วสารผา่ นทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ไดอ้ ย่างกวา้ งขวาง เน่ืองจากมหี น่วยงานท้งั ภาครฐั และเอกชนนามาเผยแพร่ ซ่ึงในปัจจุบนั มีบทบาท เป็ นอย่างมากต่องานส่งเสริมการเกษตรแต่ยงั มีข้อจากัดอยู่บ้างตรงที่เกษตรกรบางส่วนยงั ไม่ สามารถเขา้ ถึงสื่อประเภทน้ีได้ เนื่องจากยงั ขาดความรูค้ วามสามารถในการใชง้ านคอมพวิ เตอร์และ คอมพิวเตอร์ยงั มีราคาค่อนขา้ งสูงเมื่อเปรียบเทียบกับวิทยุและโทรทัศน์ เทคนิคท่ีนามาใช้ในการ ส่งเสริมก็คือ กาหนดชื่อเร่ืองในการนาเสนอให้เป็ นเรื่องท่ีกาลงั อย่ใู นความสนใจทนั ต่อเหตกุ ารณ์ไม่ ลา้ สมยั หรือตรงกบั ปัญหาที่เกษตรกรกาลงั ประสบอยู่จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ แลว้ นาเสนอขอ้ มูล ท่ีเข้าใจง่าย หลีกเล่ียงการใชศ้ พั ทท์ างวิชาการหรือภาษาต่างประเทศ การใช้ภาพประกอบจะทาให้ บคุ คลเป้าหมายเกิดความเขา้ ใจไดด้ ยี งิ่ ข้ึน ส่วนเน้ือหาทนี่ าเสนอก็ไม่ควรยาวจนเกินไป หากผเู้ ขา้ ชม ตอ้ งการรายละเอียดเพิ่มเติม ควรแนะนาหมายเลขโทรศพั ทข์ องหน่วยงานหรือองค์กรที่นาเสนอ ข่าวสารไวด้ ว้ ย และก่อนทจ่ี ะนาเสนอขอ้ มูลหน่วยงานหรือองค์กรควรได้มีการพิจารณากลน่ั กรอง ขอ้ มูลท่ีให้มีความถูกตอ้ งเสียก่อนเพราะหากขอ้ มูลไม่ถูกตอ้ ง เม่ือเกษตรกรนาไปปฏิบตั ิอาจเกิด ความเสียหายได้ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 43
บทท่ี 2 เทคนิคและวิธีการส่งเสริมการเกษตร 4. กำรยอมรับนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีทำงกำรเกษตรของเกษตรกร วลั ลภ พรหมทอง (2541) กลา่ ววา่ งานส่งเสริมการเกษตรจะสาเร็จไดน้ ้ัน ตอ้ งอาศยั ความ ร่วมมือจากบุคคลหลายฝ่ าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวของเกษตรกรเองว่าจะยอมรับนวตั กรรมหรือ เทคโนโลยีทางการเกษตรที่นักส่งเสริมนาไปเผยแพร่ให้หรือไม่ ดังน้นั จึงตอ้ งทาความเขา้ ใจกับ ความหมายของคาตอ่ ไปน้ีเสียกอ่ นคอื การยอมรับ (adoption) หมายถงึ การเปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรมของบุคคลหลงั จากไดเ้ รียนรู้ ซ่ึงทาให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ทักษะและความชานาญ และสามารถนามาใชใ้ นการปฏิบตั ิ เช่น เกษตรกรไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั การให้วคั ซีนป้องกันโรคสัตวแ์ ลว้ เกิดการเรียนรู้ถึงผลดีของวคั ซีนรวม ถงึ ไดเ้ รียนรูถ้ งึ วธิ ีการปฏิบตั ิจนเกิดความชานาญ หลงั จากน้นั ก็นามาใชป้ ฏิบตั ิในการประกอบอาชีพ ของตนเองได้ นวตั กรรม (innovation) หมายถึง ความคดิ การกระทา ความรู้ หรือเทคนิควิธีการต่างๆท่ี บคุ คลรูส้ ึกวา่ เป็นเร่ืองใหมส่ าหรบั เขา ซ่ึงไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยไดย้ ิน หรือไม่เคยปฏบิ ตั ิมาก่อน เทคโนโลยี (technology) หมายถึง การนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไปประยกุ ตใ์ ช้ให้เกิด ประโยชน์ในทางปฏบิ ตั ใิ นการทางานอย่างมีระบบเพื่อการพฒั นา จากความหมายขา้ งตน้ อาจกล่าวไดว้ ่า นวตั กรรมและเทคโนโลยตี า่ งกนั ในแงค่ วามรู้สึกของ บุคคล หากเร่ืองน้นั เป็นเรื่องท่ีเขาพ่งึ ไดร้ บั รู้ เร่ืองน้นั ก็คือนวตั กรรมของเขา และเมือ่ เขาไดใ้ ชค้ วามรู้ หรือเทคนิคน้นั ๆไปปฏิบตั แิ ลว้ ระยะหน่ึง เรื่องน้นั ก็ไมใ่ ชน่ วตั กรรมสาหรบั เขาอีกต่อไป แต่เรื่องน้นั ยงั คงเป็นเทคโนโลยที เ่ี ขานาไปใชน้ นั่ เอง 4.1 กระบวนการยอมรับ (adoption process ) กระบวนการยอมรบั เป็นกระบวนการทาง จิตใจของบุคคล ท่ีเกิดข้ึนในการยอมรับนวตั กรรม กระบวนการน้ีจะเกดิ ข้ึนในตวั บคุ คลอย่างเป็ น ข้นั ตอน ซ่ึงเร่ิมจากการเร่ิมรับรู้หรือได้ยินเก่ียวกับนวตั กรรมแล้วไปสิ้นสุดลงดว้ ยการตดั สินใจ ยอมรบั ไปปฏบิ ตั ิ แตก่ ารทีบ่ ุคคลจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากทเ่ี คยปฏบิ ตั อิ ยเู่ ดมิ มายอมรับวิธีการ ปฏบิ ตั ิแบบใหมน่ ้นั จะเกดิ ข้นึ โดยผา่ นข้นั ตอนในกระบวนการยอมรบั ซ่ึงมอี ยู่ 5 ข้นั ตอนดว้ ยกนั คือ 4.1.1 ข้นั ต่ืนตนหรือรับรู้ (awareness) เป็ นข้นั แรกท่ีบุคคลเริ่มรับรู้เก่ียวกับเร่ือง ใหม่หรือแนวความคิดใหมแ่ ต่ไม่ทราบในรายละเอียด กล่าวคือรู้ว่าเร่ืองน้ันเกิดข้ึนแลว้ หรือทาได้ แลว้ แต่เป็นเรื่องใหม่สาหรับตน เพราะไม่เคยได้ยินหรือไม่เคยเห็นมาก่อน การรับรู้อาจเกิดข้ึนโดย บงั เอิญดว้ ยการพบเห็นดว้ ยตนเอง หรือโดยการเผยแพร่ของเจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐบาลหรือเอกชน ข้นั น้ี เป็ นข้นั ตอนที่สาคญั เพราะเป็ นข้นั แรกที่บุคคลเริ่มรับรู้เกี่ยวกบั แนวความคิดใหม่ หรือส่ิงปฏิบตั ิ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 44
บทท่ี 2 เทคนิคและวธิ ีการส่งเสริมการเกษตร ใหม่ๆในข้นั น้ีตอ้ งมีการกระตุน้ ให้เกิดความสนใจอันจะนาไปสู่ข้ันสุดท้ายคือ การยอมรับหรือ ปฏิเสธกไ็ ด้ 4.1.2 ข้นั สนใจ (interest) เป็นข้นั ท่ีบุคคลมคี วามสนใจในนวตั กรรมน้ันๆ เขาก็จะ พยายามติดต่อผรู้ ู้หรือสอบถามผรู้ ู้เพ่ือหารายละเอียดเก่ียวกบั นวตั กรรมน้นั ในข้นั น้ี หากรายละเอียด ที่เขาหาไดไ้ มช่ ดั เจนพอหรือมากพอ ข้นั ตอนท่ี 3 ก็อาจจะลม้ เหลวหรือไม่เกิดข้ึนกไ็ ด้ 4.1.3 ข้นั ไตร่ตรอง (evaluation) ในข้นั น้ีบคุ คลจะนารายละเอียดของนวตั กรรมน้นั มาเปรียบเทียบกบั ส่ิงท่ีเขาปฏิบตั ิอยูใ่ นปัจจุบนั โดยพิจารณาว่าถา้ รบั นวตั กรรมน้นั มาปฏบิ ตั จิ ะเกิด ผลดีผลเสียอยา่ งไรบา้ งท้งั ในปัจจุบนั และอนาคต ควรจะนามาทดลองดูหรือไม่ เพื่อใหเ้ กิดความแน่ ใจก่อนทจี่ ะรับไปปฏบิ ตั ิจริงๆ ซ่ึงข้นั ตอนน้ีหากไดร้ ับการสนับสนุนจากครอบครัวและกลุม่ เพอื่ นท่ี ตวั เองสงั กดั กม็ กั จะไปถึงข้นั ที่ 4 4.1.4 ข้นั ลองทา (trial) ในข้นั น้ีบุคคลจะตดั สินใจทดลองทาตามนวตั กรรมน้นั โดย ทาแต่เพียงเล็กนอ้ ยก่อน เพ่ือดูว่าเขา้ กันไดก้ บั สภาวการณ์ในปัจจบุ นั ของตนหรือไม่ และผลจะได้ ตามทคี่ ิดไวห้ รือไม่ คนส่วนมากมกั จะไม่ยอมรบั แนวความคิดใหม่จนกว่าจะไดท้ าการทดลองจน เป็นทแี่ น่ใจ ดงั น้นั ในข้นั น้ีจึงเป็นข้นั สาคญั ที่จะนาไปสู่ข้นั ตอนสุดทา้ ยของกระบวนการยอมรับ คือ การยอมรับนวตั กรรมน้ันไปปฏิบัติ ในข้นั ตอนน้ีหากได้รับการช้ีแนะอย่างใกลช้ ิดจากเจ้าหน้าที่ ส่งเสริมก็จะทาให้ประสบผลสาเร็จไปถึงข้นั ยอมรบั 4.1.5 ข้นั นาไปปฏิบตั ิหรือข้นั ยอมรับ (adoption) เป็ นข้นั ที่บุคคลตดั สินใจยอมรับ แนวความคิดใหม่หรือนวตั กรรมน้นั ไปปฏิบตั ิ หลงั จากทีไ่ ดท้ ดลองปฏิบตั ิดู และทราบผลจนเป็นที่ พอใจแลว้ จุดสาคญั ของข้นั น้ี เป็ นการพิจารณาผลการทดลองจากข้นั ท่ี 4 และบุคคลจะตดั สินใจ แน่วแน่ที่จะนานวตั กรรมน้นั ไปปฏบิ ตั ใิ ห้เต็มรูปแบบ หรือแทนที่การปฏบิ ตั ิแบบเดิมของตน ดงั น้นั ขอ้ มลู รายละเอียดทีถ่ กู ตอ้ งของนวตั กรรมจึงเป็นสิ่งทส่ี าคญั มากตอ่ การยอมรับนวตั กรรมของบุคคล โดยนกั ส่งเสริมจะมีบทบาทมากในการช่วยใหเ้ กษตรกรเกดิ ความมนั่ ใจจนยอมรบั นวตั กรรมน้นั ได้ ซ่ึง วิจิตร อาวะกลุ (2535) ไดส้ รุปข้นั ตอนของกระบวนการยอมรับเป็ นแผนภาพทชี่ ัดเจน ดงั ภาพท่ี 2.7 วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 45
บทที่ 2 เทคนิคและวธิ ีการส่งเสริมการเกษตร ข้ันตอนของกระบวนกำรยอมรับ ข้นั ต่ืนตน ข้นั สนใจ ข้นั ไตร่ตรอง ข้นั ลองทำ ข้นั นำไปใช้ awareness interest evaluation trial adoption ป) หน้ำทีท่ ่นี กั ส่งเสริมต้องปฏบิ ตั ิ สร้ำงควำม ม่นั ใจ ให้ข่ำวสำร เพอื่ ให้เกดิ จูงใจ ช่วยตัดสินใจ กำรใช้ นวัตกรรม แหล่งข่ำวสำคญั ของข่ำวสำรในแต่ละข้ันตอน วิทยุ วิทยุ ครอบครัว เพอ่ื นบ้ำนผู้ ประสบกำรณ์ โทรทัศน์ โทรทัศน์ เพ่ือนบ้ำนท่ี มปี ระสบ ของตนเอง ส่ือสิ่งพมิ พ์ ส่ือ ไว้ใจได้ กำรณ์ เพอ่ื นบ้ำนผ้มู ี เพอ่ื นบ้ำน สิ่งพิมพ์ สังเกตจำก เอกสำร ประสบ กำรณ์ เจ้ำหน้ำท่ี เพ่ือน ผลกำรทดลอง เกี่ยวกับวิธที ำ กำรสังเกต ส่งเสริม บ้ำน ในท้องถน่ิ แบบเรียน เจ้ำหน้ำที่ สำเร็จ ส่งเสริม เจ้ำหน้ำท่ี ส่งเสริม ภำพท่ี 2.7 สรุปข้นั ตอนของกระบวนการยอมรับนวตั กรรมทางการเกษตร ทีม่ ำ: ดดั แปลงจาก วจิ ติ ร อาวะกลุ (2535) 4.2 ปัจจยั ทม่ี ีอทิ ธิพลตอ่ การยอมรบั ของเกษตรกร สาหรับการยอมรับขอ้ แนะนาหรือสิ่ง ใหม่ๆ ของเกษตรกรน้ัน วลั ลภ พรหมทอง (2541) กล่าวว่า เกี่ยวขอ้ งกับปัจจยั หลายอย่างท้งั จาก เทคโนโลยีทีแ่ นะนา และสภาพแวดลอ้ มต่างๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 46
บทท่ี 2 เทคนิคและวิธีการส่งเสริมการเกษตร 4.2.1 เกดิ จากนวตั กรรมหรือเทคโนโลยีท่ีแนะนา โดยนวตั กรรมน้นั จะตอ้ งเป็นสิ่ง ที่ มีประโยชน์และคุม้ ค่ามากกว่าส่ิงท่ีเคยปฏิบตั ิอยู่เดิม การปฏิบตั ิไม่ยุ่งยากสลบั ซับซ้อนสามารถ ปฏบิ ตั ไิ ดง้ ่าย และสอดคลอ้ งกบั ส่ิงทีม่ หี รือปฏิบตั ิอยู่เดมิ เช่น การแนะนาให้เกษตรกรทาป๋ ยุ หมกั ถา้ หากเกษตรกรมีเศษพืชหรือฟางขา้ วและป๋ ุยคอกอยแู่ ลว้ เม่ือแนะนาเกษตรกรให้ทา เกษตรกรก็จะ สามารถนาไปปฏบิ ตั ิไดเ้ ลย และสามารถแบ่งทดลองปฏบิ ตั ิจานวนเล็กนอ้ ยได้ เมื่อนาผลการทดลอง น้นั มาเปรียบเทยี บกบั ผลการปฏิบตั เิ ดมิ ถา้ ดกี วา่ ก็จะยอมรับนาไปปฏบิ ตั ิ 4.2.2 สภาพแวดลอ้ มทางเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกร มีส่วนสาคญั ในการ ยอมรับนวตั กรรม กล่าวคือ เกษตรกรที่มีฐานะดี ความรู้ดีมีการศึกษาสูงเป็ นสมาชิกของสถาบนั การ เกษตร มีอายุค่อนขา้ งน้อยแต่มีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพเน่ืองจากบรรพบุรุษประกอบอาชีพ ทางการเกษตรมาก่อน และมีเจตคติท่ีดีต่อผูแ้ นะนานวตั กรรมโดยผูแ้ นะนาน้ันเป็ นหน่วยงานหรือ สถาบนั ที่เป็นทย่ี อมรับของคนส่วนใหญ่ในทอ้ งถิน่ ดว้ ยแลว้ เกษตรกรก็มีแนวโน้มทจี่ ะยอมรบั นวตั กรรมน้ัน และที่สาคัญถ้าเทคโนโลยีหรือนวตั กรรมน้ันสอดคล้องกับระบบสังคมนิยมและ วฒั นธรรมของเกษตรกรดว้ ยแลว้ การยอมรับกจ็ ะมมี ากทเี ดยี ว 5. ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกระบวนกำรยอมรับกับวธิ กี ำรส่งเสริมกำรเกษตร การส่งเสริมการเกษตรท้งั 3 วธิ ี ไดแ้ ก่ การส่งเสริมแบบรายบุคคล การส่งเสริมแบบกลุ่ม และการส่งเสริมแบบมวลชน มคี วามสัมพนั ธก์ บั กระบวนการยอมรบั กล่าวคอื การส่งเสริมแตล่ ะวธิ ี จะทาใหเ้ กษตรกรเกดิ การยอมรบั นวตั กรรมไปถงึ ข้นั ตา่ งๆ ที่แตกตา่ งกนั ดงั ภาพท่ี 2.8 การส่งเสริม นาไปใช้ ปฏิบตั ิและ แบบรายบคุ คล เกดิ ความพอใจ การส่งเสริมแบบกลมุ่ ลองทา ไตร่ตรอง การส่งเสริมแบบมวลชน สนใจ ตน่ื ตน ภำพท่ี 2 8 ความสัมพนั ธร์ ะหว่างกระบวนการยอมรบั กบั วธิ ีการส่งเสริมการเกษตร ที่มำ: ดดั แปลงจาก วลั ลภ พรหมทอง (2541) วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 47
บทท่ี 2 เทคนิคและวธิ ีการส่งเสริมการเกษตร จากภาพท่ี 2.8 ถา้ ในบริเวณสามเหล่ียมเป็ นจานวนเกษตรกรทไี่ ดร้ บั การถ่ายทอดความรู้ ดว้ ยวิธีการส่งเสริมแบบตา่ งๆ จะเห็นวา่ วธิ ีการส่งเสริมแบบมวลชนจะมีเกษตรกรเป็นจานวนมากที่ ไดร้ บั การถา่ ยทอดความรู้ แตค่ วามรู้ทีไ่ ดร้ บั น้นั จะทาใหเ้ กษตรกรไปถึงข้นั สนใจในกระบวนการยอมรบั เท่าน้นั แต่เมื่อเราถ่ายทอดความรู้ดว้ ยวิธีการส่งเสริมแบบกลุ่ม จานวนเกษตรกรท่ีไดร้ บั การส่งเสริม จะน้อยลง แต่เกษตรกรจะไดร้ บั เน้ือหาวิชาการหรือรายละเอียดต่างๆมากข้ึน ช่วยให้เกษตรกรนา เน้ือหารายละเอียดของนวตั กรรมน้นั ไปช่วยในการไตร่ตรองหรือประเมนิ ผลและอาจไปจนถงึ ข้นั ลองทา ส่วนการถ่ายทอดความรู้หรือเผยแพร่นวตั กรรมดว้ ยวธิ ีการส่งเสริมแบบรายบุคคล จานวน เกษตรกรท่ีไดร้ ับการถ่ายทอดจะมีจานวนนอ้ ยท่ีสุด แต่จะได้รับเน้ือหาวิชาการที่เขม้ ขน้ มากท่ีสุด เน่ืองจากได้รับการช้ีแนะอย่างใกลช้ ิดจากเจ้าหน้าท่ีส่งเสริม โดยเฉพาะในข้ันลองทา จึงทาให้ ความสมั พนั ธ์ระหว่างกระบวนการยอมรบั กบั วิธีการส่งเสริมการเกษตรไปถึงข้นั นาไปใชห้ รือข้นั ยอมรับไปปฏิบตั ิแทนการปฏบิ ตั ิแบบเดมิ 6. ประเภทของเกษตรกรในงำนส่งเสริมกำรเกษตร จากการวิเคราะห์กลมุ่ เกษตรกรโดยใชก้ ระบวนการยอมรับและอตั ราในการยอมรับของ เกษตรกรท่ไี ดร้ บั การส่งเสริมเผยแพร่เทคโนโลยีหรือนวตั กรรมเพือ่ นาไปปฏบิ ตั ิน้นั จะมคี วามแตก ต่างกนั ออกไป เกษตรกรบางคนยอมรับเทคโนโลยหี รือนวตั กรรมไดร้ วดเร็ว แต่บางคนยอมรับได้ ชา้ โดย บญุ สม วราเอกศริ ิ (2539) ไดแ้ บง่ ประเภทของเกษตรกรออกเป็น 6 จาพวก ดงั ต่อไปน้ี 6.1 พวกหัวไวใจสู้หรือผูน้ าการเปล่ยี นแปลง (innovator) เป็นเกษตรกรท่ีมีความต่ืนตวั สูง พร้อมที่จะยอมรับความคิด นวตั กรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เสมอ เป็นเกษตรกรที่มีการศึกษาดี มี ฐานะทางเศรษฐกจิ ดี มีความคิดกา้ วหน้า มกั มีฟาร์มขนาดใหญ่ มีการลงทุนสูง มีสถานภาพในชุม ชนสูงไดร้ ับฉายาวา่ เป็น “พวกกลา้ ไดก้ ลา้ เสีย” ใชเ้ วลาในการตดั สินใจยอมรบั นวตั กรรมเร็ว เกษตรกร ประเภทน้ีนบั ว่ามีความสาคญั ตอ่ ความสาเร็จของงานส่งเสริมมาก เพราะให้ความร่วมมือกบั นักส่ง เสริมมากทส่ี ุด แต่เกษตรกรจาพวกน้ีมีอยู่เป็นจานวนนอ้ ย คือ ประมาณรอ้ ยละ 2.5 เท่าน้นั 6.2 พวกรอดูทีท่าหรือพวกที่ยอมรับเร็ว (early adopter) เกษตรกรพวกน้ีจะมีความคลา้ ยคลึง กบั พวกแรกในดา้ นเศรษฐกจิ การศกึ ษา ลกั ษณะการใฝ่รู้ ความคดิ กา้ วหนา้ ความสามารถในการทา ความเขา้ ใจกบั ปัญหาหรือเรื่องราวตา่ งๆและการมองการณ์ไกล แต่เกษตรกรพวกน้ีจะไม่ชอบเส่ียง ไม่ ชอบทดลอง อยากไดแ้ ต่กลวั เสีย จึงมกั ยบั ย้งั ชั่งใจ รอดูทีท่าหรือสถานการณ์เกยี่ วกบั การปฏิบตั ิตาม นวตั กรรมน้นั ๆกอ่ นโดยติดตามดูผลงานของพวกหัวไวใจสู้ เมอ่ื เห็นว่ามปี ระโยชนค์ มุ้ คา่ แน่นอนจงึ จะทาตามและจะทาในปริมาณมากดว้ ย แต่ถา้ เกษตรกรพวกแรกประสบความลม้ เหลวหรือขาดทุน วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 48
บทที่ 2 เทคนิคและวธิ ีการส่งเสริมการเกษตร พวกรอดูทที ่าก็จะไมท่ าตามลกั ษณะของเกษตรกรพวกน้ีไดร้ บั ฉายาวา่ “พวกหวั การคา้ ” เกษตรกรพวก น้ีมีอยู่ประมาณร้อยละ 13.5 6.3 พวกเบ่ิงตาลงั เลหรือพวกยอมรับในระดบั ปานกลาง (early majority) เป็ นพวกที่มี ทศั นคติท่ีดีต่อแนวความคิดใหม่หรือนวตั กรรม และมีแนวโนม้ จะเชื่อคาแนะนาช้ีแจงของนักส่ง เสริมแต่ขาดความมนั่ ใจ เน่ืองจากมฐี านะทางเศรษฐกิจไม่มนั่ คงหรือมีการศึกษานอ้ ย และมีประสบ การณห์ รือความรู้รอบตวั จากดั จึงทาให้เกิดความลงั เลใจ ในภาวะเชน่ น้ีหากถกู กระตนุ้ ซ่ึงไมว่ า่ พวก ทางบวกหรือทางลบ เกษตรกรพวกน้ีจะตดั สินใจคลอ้ ยตามแรงกระตนุ้ น้นั ซ่ึงเกษตรกรพวกน้ีไดร้ ับ ฉายาว่าเป็ น “พวกประสบการณ์จากดั ” ดงั น้ันวธิ ีชนะใจพวกน้ีนักส่งเสริมจะตอ้ งมีการกระตุน้ ให้ เขาเกดิ ความมน่ั ใจให้ไดก้ ่อนทเี่ ขาจะถูกกระตนุ้ ไปในทางลบ โดยเกษตรกรพวกท่ี 4 คอื พวกหนั เห หัวด้ือ ซ่ึงเขาคลกุ คลีสนิทสนมอยดู่ ้วยมากกว่านกั ส่งเสริม เกษตรกรพวกน้ีจะมีอยู่ประมาณรอ้ ยละ 34 6.4 พวกหันเหหัวด้ือหรือพวกที่ยอมรับชา้ (late majority) เกษตรกรพวกน้ีมีลกั ษณะ คลา้ ยคลึงกับพวกเบ่ิงตาลงั เล แต่พวกน้ีมีทศั นคติโนม้ เอียงที่จะไม่ยอมเช่ือคาแนะนาหรือการถ่าย ทอดนวตั กรรมของนกั ส่งเสริม กลวั การสูญเสียผลประโยชน์ และมองไม่เห็นคุณคา่ ของการเปลย่ี น แปลงนวตั กรรมต่างๆ ท่นี าไปเผยแพร่ จงึ มกั ยึดมนั่ อยู่ในกรรมวิธีเดิมที่เคยปฏิบตั ิมาแต่คร้ังรุ่นป่ ู ย่า ตา ยายอย่างเหนียวแน่น นอกจากน้ียงั มคี วามเป็ นคนหัวด้ือ และเป็ นตวั การคอยขดั แยง้ ต่อตา้ นการดา เนินงานของนกั ส่งเสริม จนได้รับฉายาว่าเป็ น “พวกชอบชกั ใบให้เรือเสีย”วิธีการเอาชนะใจของ เกษตรกรพวกน้ีตอ้ งใชห้ ลกั ของการสาธิต คือ ตอ้ งพิสูจน์ให้เห็นจริง ชดั เจน เด็ดขาด จากวิธีการ ปฏิบตั ิหรือจากแปลงสาธิตต่างๆ จึงจะเช่ือถือ เกษตรกรพวกน้ีจะมีอยู่ประมาณร้อยละ 34 เท่ากับ พวกเบ่ิงตาลงั เล 6.5 พวกงอมือจบั เจ่าหรือพวกท่ียอมรับช้าท่ีสุด (late adopter or laggard ) เกษตรกรพวกน้ีมี ลกั ษณะด้อยกวา่ เกษตรกรท้งั 4 พวกทกี่ ล่าวมา ท้งั ดา้ นเศรษฐกิจและสังคมมกั จะมีสติปัญญาค่อน ขา้ งต่า เกียจคร้าน เฉื่อยชา แต่เป็นคนหัวอ่อน ชอบงอมืองอเทา้ จนไดร้ บั ฉายาว่าเป็น “พวกชอบรอ คอยความหวงั จากพระเจา้ ” วิธีเอาชนะใจพวกน้ี นกั ส่งเสริมจะตอ้ งใชค้ วามอดทนพยายามซ้าแลว้ ซ้า อีกไปทลี ะข้นั ตอนชา้ ๆ เกษตรกรพวกน้ีมีอย่ปู ระมาณรอ้ ยละ 13.5 ซ่ึงเท่ากบั พวกรอดูทา่ ที 6.6 พวกไมเ่ อาไหนเลยหรือพวกไมย่ อมรับ (dogmatist) เกษตรกรพวกน้ียากแก่การส่ง เสริมแนะนาอย่างที่สุด ลกั ษณะจะเป็ นพวกมีอายุมากเป็ นส่วนใหญ่ มีการศึกษาน้อยถึงปานกลาง และอาจมีฐานะดพี อสมควรก็ได้ เกษตรกรพวกน้ีมีความฝังใจอยู่กบั การปฏิบตั ิด้งั เดิม ประกอบกบั อาจมีประสบการณ์ในทางลบเก่ียวกบั การส่งเสริมหรือตวั นกั ส่งเสริมมากอ่ น จงึ ทาให้มีปฏิกิริยาไม่ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 49
บทที่ 2 เทคนิคและวธิ ีการส่งเสริมการเกษตร รบั รู้ ไม่ยอมรับในคาแนะนาหรือนวตั กรรมใดๆท้งั ส้ิน เกษตรกรประเภทน้ีนับวา่ เป็ นปัญหาและ อุปสรรคในงานส่งเสริมการเกษตรเป็ นอย่างย่ิง ส่ิงเดียวที่จะทาให้เกษตรกรพวกน้ีเปล่ียนแปลง พฤติกรรมได้ก็คือ เป็ นไปในรูป “สังคมพาไป” มีอยู่ประมาณร้อยละ 2.5 ซ่ึงเท่ากับพวกหัวไวใจสู้ โดย วจิ ติ ร อาวะกุล (2535) กล่าวว่า หากนาจานวนของเกษตรกรท้งั 6 จาพวกมาเปรียบเทียบคา่ ร้อย ละ เราจะเขียนกราฟได้เป็ นรูประฆงั คว่า ดังภาพท่ี 2.9 และลกั ษณะของเกษตรกร 6 จาพวกท่ีนัก ส่งเสริมจะตอ้ งพบเจออยเู่ สมอ ดงั ภาพที่ 2.10 หวั ไวใจสู้ รอดุทีท่ำ เบง่ิ ตำลงั เล หนั เหหวั ดื้อ งอมือจบั เจ่ำ ไม่เอำไหนเลย ร้อยละ 2.5 ร้อยละ 13.5 ร้อยละ 34 ร้อยละ 34 ร้อยละ 13.5 ร้อยละ 2.5 ประเภทของเกษตรกรในงำนส่งเสริมกำรเกษตร ภำพที่ 2.9 เปรียบเทียบค่าร้อยของเกษตรกรแต่ละประเภทเป็นเสน้ กราฟรูประฆงั ควา่ ทม่ี ำ: วิจติ ร อาวะกลุ (2535) ภำพท่ี 2.10 ลกั ษณะของเกษตรกร 6 จาพวกทีน่ กั ส่งเสริมจะตอ้ งพบเจออยูเ่ สมอ 50 ท่ีมำ: วจิ ติ ร อาวะกุล (2535) วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร
บทที่ 2 เทคนิคและวิธีการส่งเสริมการเกษตร สรุป วธิ ีการส่งเสริมการเกษตร หมายถึง วิธีการที่นักส่งเสริมการเกษตรติดต่อกับบุคคลเป้า หมายโดยมวี ตั ถุประสงคเ์ พอื่ สอน ให้ความรู้ แจง้ ข่าวสาร แนะนาจูงใจให้ปฏบิ ตั ิ หรือรบั ฟังปัญหา ขอ้ คดิ เหน็ ต่างๆ แบง่ ออกเป็น 3 วิธี ไดแ้ ก่ การส่งเสริมแบบรายบคุ คล การส่งเสริมแบบกลุ่มและการ ส่งเสริมแบบมวลชน โดยวิธีการทที่ าใหเ้ กษตรกรยอมรับเทคโนโลยีหรืนวตั กรรมมากท่สี ุด ไดแ้ ก่ วธิ ีการส่งเสริมแบบรายบุคคล ซ่ึงการยอมรับดังกล่าวน้ันตอ้ งอาศัยความร่วมมือจากบุคคลหลาย ฝ่าย โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ตวั ของเกษตรกรเอง ซ่ึงการท่ีเกษตรกรจะเปล่ียนแปลงพฤติกรรมจากที่เคย ปฏิบตั ิอยเู่ ดิมมายอมรับวิธีการปฏิบตั แิ บบใหม่น้นั จะเกดิ ข้ึนโดยผา่ นกระบวนการๆ หน่ึง ซ่ึงเรียกว่า กระบวนการยอมรับ (adoption process )ซ่ึงมีอยู่ 5 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่ ข้นั ตืน่ ตน ข้นั สนใจ ข้นั ไตร่ตรอง ข้นั ลองทา และข้นั นาไปใช้หรือข้นั ยอมรับนาไปปฏิบตั ิน่นั เอง โดยกระบวนการยอมรับท้งั 5 ข้นั ตอนน้ีจะสัมพนั ธ์กบั วธิ ีการส่งเสริมการเกษตร ซ่ึงแต่ละวธิ ีจะทาให้เกษตรกรยอมรับนวตั กรรมใน ข้นั ท่แี ตกต่างกนั กล่าวคือ ถา้ หากใชว้ ธิ ีส่งเสริมแบบมวลชนจะทาใหเ้ กษตรกรยอมรบั แค่ข้นั ต่นื ตน และสนใจเทา่ น้นั แต่ถา้ ใชว้ ิธีการส่งเสริมแบบกลมุ่ จะทาใหเ้ กษตรกรยอมรับไปถงึ ข้นั ไตร่ตรองและ ลองทาและเมอื่ ถงึ ข้นั ลองทาถา้ ใชว้ ิธีการส่งเสริมแบบรายบุคคล โดยนกั ส่งเสริมเขา้ ไปช้ีแนะในแต่ ละข้นั ตอนอยา่ งใกลช้ ิด ก็จะทาให้การลองทาน้ันประสบความสาเร็จ ทาให้เกษตรกรยอมรับไปถึง ข้นั นาไปใชห้ รือนาไปปฏิบตั ินัน่ เอง นอกจากน้ีจากการวเิ คราะห์กลุ่มเกษตรกรโดยใชก้ ระบวนการ ยอมรับและอตั ราในการยอมรับนวตั กรรม สามารถแบง่ ประเภทของเกษตรกรได้เป็น 6 จาพวก ได้ แก่ พวกแรก คอื พวกหวั ไวใจสู้ซ่ึงเป็ นพวกทย่ี อมรับเร็วท่ีสุด พวกท่ีสองคอื พวกรอดูทีท่าหรือพวก ท่ยี อมรบั เร็วรองลงมา พวกที่สามคอื พวกเบิ่งตาลงั เลหรือพวกยอมรับในระดบั ปานกลาง พวกที่สี่คือ พวกหนั เหหวั ด้อื หรือพวกที่ยอมรับชา้ พวกท่หี ้าคอื พวกงอมือจบั เจ่าหรือพวกท่ียอมรบั ชา้ ทส่ี ุด และ พวกสุดทา้ ยคือ พวกไม่เอาไหนเลยหรือพวกท่ีปฏิเสธการยอมรับ ซ่ึงการแบ่งประเภทบุคคลเป้า หมายหรือเกษตรกรตามลกั ษณะและอตั ราการยอมรับน้ี นับว่าเป็ นประโยชน์ต่องานส่งเสริมการ เกษตรเป็นอยา่ งมาก เพราะเจา้ หนา้ ทสี่ ่งเสริมจะไดร้ ูว้ า่ บุคคลประ เภทใดควรใชว้ ิธีการส่งเสริมแบบ ใด จึงจะทาใหเ้ กษตรกรยอมรบั นวตั กรรมน้นั ได้ นอกจากน้ี ความน่าเชื่อถือและศรัทธาทมี่ ีตอ่ ตวั นกั ส่งเสริมกเ็ ป็นปัจจยั หน่ึงท่ีมผี ลต่ออตั ราของการยอมรบั นวตั กรรมของเกษตรกรเช่นเดียวกนั วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 51
บทท่ี 2 เทคนิคและวิธีการส่งเสริมการเกษตร คำถำมท้ำยบท ให้นักศึกษำตอบคำถำมต่อไปนใี้ ห้ได้ใจควำมสมบรู ณ์ 1. วิธีการส่งเสริมการเกษตรแบง่ ออกเป็นกีว่ ธิ ี อะไรบา้ ง 2. จงบอกขอ้ ดแี ละขอ้ จากดั ของการส่งเสริมการเกษตรแตล่ ะวธิ ีมาใหอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 3. จงอธิบายเทคนิคของการส่งเสริมการเกษตรในแต่ละวิธีมาให้ถูกตอ้ ง 4. ประเภทของเกษตรกรในงานส่งเสริมการเกษตรแบง่ ออกเป็นกจ่ี าพวก อะไรบา้ ง 5. จงเรียงลาดบั ข้นั ตอนของกระบวนการยอมรับมาใหถ้ ูกตอ้ ง 6. จงอธิบายความสัมพนั ธ์ระหว่างกระบวนการยอมรับกบั วธิ ีการส่งเสริมการเกษตรมา ให้ถูกตอ้ ง วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 52
บทท่ี 2 เทคนิคและวธิ ีการส่งเสริมการเกษตร เอกสำรอ้ำงอิง กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. 2556. ค่มู ือปฏบิ ตั งิ ำนเจ้ำหน้ำที่ส่งเสริม. กำรเกษตร. พิมพค์ ร้งั ที่ 1. กรุงเทพ: โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย. บุญธรรม จิตตอ์ นนั ต.์ 2540. ส่งเสริมกำรเกษตร. พิมพค์ ร้งั ที่ 2. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. บุญสม วราเอกศิริ. 2539. หลักและวธิ ีกำรส่งเสริมกำรเกษตร. พมิ พค์ ร้งั ที่ 4. เชียงใหม่: สถาบนั เทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ.้ รุจ ศริ ิสัญลกั ษณ์. 2550. หลกั การและวธิ ีการส่งเสริมการเกษตร. เอกสำรกำรสอนชุดวชิ ำควำม ทว่ั ไปเกยี่ วกบั ส่งเสริมกำรเกษตร หน่วยที่ 1-7. ปรับปรุงคร้งั ท่ี 1. นนทบรุ ี: มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. วลั ลภ พรหมทอง. 2541. หลักและวธิ กี ำรส่งเสริมกำรเกษตร. กรุงเทพฯ: ฟิ สิกส์เซนเตอร์. วิจติ ร อาวะกุล. 2535. หลกั กำรส่งเสริมกำรเกษตร. กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นาพาณิช. วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 53
บทท่ี 3 การติดต่อส่ื อสารในการส่ งเสริมการเกษตร
บทท่ี 3 การตดิ ต่อสื่อสารในการส่งเสริมการเกษตร บทท่ี 3 กำรติดต่อส่ื อสำรในกำรส่ งเสริมกำรเกษตร จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม เม่อื นกั ศึกษาเรียนจบบทเรียนน้ีแลว้ นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายความหมายของการตดิ ตอ่ สื่อสารทางการเกษตรไดถ้ กู ตอ้ ง 2. บอกวตั ถุประสงคข์ องการติดตอ่ สื่อสารไดถ้ กู ตอ้ ง 3. จาแนกประเภทของการติดตอ่ สื่อสารไดถ้ ูกตอ้ ง 4. อธิบายวิธีการติดต่อสื่อสารในงานส่งเสริมการเกษตรไดถ้ ูกตอ้ ง 5. บอกองคป์ ระกอบของการติดต่อสื่อสารไดถ้ กู ตอ้ ง 6. อธิบายกระบวนการตดิ ต่อสื่อสารไดถ้ กู ตอ้ ง 7. วเิ คราะห์ปัญหาอุปสรรคในการตดิ ตอ่ ส่ือสารไดถ้ กู ตอ้ ง บทนำ การตดิ ตอ่ สื่อสารเป็นกระบวนการ ทบ่ี คุ คลใชใ้ นการสื่อความคิดความรู้สึกซ่ึงกนั และกัน โดยมบี ุคคลต้งั แตส่ องคนข้นึ ไปมีส่วนร่วมในการแลกเปล่ียนขา่ วสารความคดิ หรือทศั นคติเพื่อสรา้ ง ความเขา้ ใจต่อกนั การส่ือสารเป็ นกิจกรรมสาคญั ที่มนุษยต์ อ้ งการบอกผอู้ ่ืนให้รู้ว่าตนเองตอ้ งการ อะไร ทาอย่างไร โดยผา่ นส่ือหรือชอ่ งทางต่างๆ ที่เหมาะสมให้เขา้ ใจตรงกัน ดงั น้นั ในงานส่งเสริม การเกษตร การตดิ ต่อสื่อสารจึงเป็ นเครื่องมือที่สาคญั ในการถ่ายทอดขอ้ มูลความรู้ ข่าวสารให้เกิด ความเขา้ ใจตรงกนั ท้งั ผรู้ ับสารและผสู้ ่งสาร โดยเจา้ หนา้ ท่ีส่งเสริมจะทาหนา้ ที่เป็นผสู้ ่งสารส่วนสาร กค็ อื เทคโนโลยีหรือนวตั กรรมและข่าวสารตา่ งๆทีถ่ ูกส่งไปยงั ผรู้ ับสารซ่ึงก็คอื เกษตรกรหรือบคุ คล เป้าหมายนนั่ เอง ในขณะเดยี วกนั ผรู้ บั สารหรือเกษตรกรหรือบุคคลเป้าหมายก็อาจมีปฏกิ ริ ิยาสะทอ้ น กลบั เพื่อส่งสารผ่านสื่อไปยงั เจา้ หนา้ ท่สี ่งเสริมการเกษตรไดเ้ ช่นเดียวกนั เช่น เกิดการเปล่ยี นแปลง พฤติกรรมจากเดิมที่ไม่มคี วามรู้ความเขา้ ใจ กลายเป็ นบุคคลทม่ี ีความรู้ ความเขา้ ใจและสามารถนา ความรู้น้นั ไปพฒั นาการประกอบอาชีพของตนเองใหม้ ีประสิทธิภาพยง่ิ ข้นึ ได้ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 54
บทท่ี 3 การติดต่อสื่อสารในการส่งเสริมการเกษตร เนือ้ หำ 1. ควำมหมำยของกำรติดต่อสื่อสำร การติดต่อส่ือสาร ตรงกบั ภาษาองั กฤษว่า “communication” มาจากคาในภาษาลาตนิ ว่า “comunis” แปลว่า การติดต่อซ่ึงกนั และกัน ซ่ึงหมายถึง การท่ีทาให้บุคคล 2 ฝ่ าย มีความเขา้ ใจ เหมือนกันและตรงกัน จากความหมายดังกล่าว วลั ลภ พรหมทอง (2541) ได้สรุปความหมายของ การติดต่อสื่อสารไวว้ า่ การติดต่อสื่อสาร คือกระบวนการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคดิ อารมณ์ ท่าทาง ตลอดจนขอ้ มูลข่าวสาร จากบุคคลหน่ึงไปยงั อีกบุคคลหน่ึง หรือจากบุคคลหน่ึงไปยงั กลุ่มบุคคล ดว้ ยวธิ ีการแบบยคุ ลวิถี เพอ่ื ให้เกดิ ความเขา้ ใจตรงกนั ในการปฏบิ ตั งิ านร่วมกนั การติดตอ่ สื่อสารทางการเกษตร (agricultural communication) หรือ การส่ือสารเพือ่ การ ส่งเสริมการเกษตร สิน พนั ธุพ์ นิ ิจ (2544) ไดก้ ลา่ ววา่ การติดต่อส่ือสารทางการเกษตร หมายถงึ กระ บวนการถ่ายทอดแลกเปลยี่ นสารสนเทศ ความคดิ และทศั นคตริ ะหวา่ งบุคคลโดยผา่ นชอ่ งทางหรือ ส่ือต่างๆ เช่น การส่ือสารระหว่างเจา้ หนา้ ที่ส่งเสริมการเกษตรกับเกษตรกร การสื่อสารระหว่างนัก วจิ ยั กบั เจา้ หนา้ ท่ีส่งเสริมการเกษตรหรือเกษตรกร หรืออาจกลา่ วไดอ้ ีกนยั หน่ึงว่า การสื่อสารในการ ส่งเสริมการเกษตรน้ันเป็น “กระบวนการให้การศกึ ษาแก่เกษตรกร” นน่ั เอง นอกจากน้ีในปัจจบุ นั การส่งเสริมการเกษตร ยงั มีลกั ษณะการส่งเสริมและถา่ ยทอดเทคโนโลยีโดยผ่านเกษตรกรดว้ ยกนั เองอีกด้วย ตวั อย่างเชน่ ศนู ยบ์ ริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตร ดงั น้นั จงึ น่าจะกล่าวได้ วา่ การตดิ ต่อสื่อสารทางการเกษตร หมายถึงกระบวนการถา่ ยทอดแลกเปลยี่ นสารสนเทศ ความคิด และทศั นคตขิ องบคุ คล กลุม่ บคุ คลที่เกย่ี วขอ้ งหรืออยู่ในแวดวงเกษตรโดยผา่ นชอ่ งทางหรือสื่อต่างๆ 2. หน้ำท่ีของกำรตดิ ต่อส่ือสำร การติดตอ่ สื่อสารเป็นพ้ืนฐานของกระบวนการทางสงั คม ทาใหค้ นเราสามารถติดตอ่ และ มีปฏสิ ัมพนั ธก์ บั บคุ คลอ่ืน ทาให้มนุษยเ์ รามีการสังคมซ่ึงกนั และกนั ถา้ ปราศจากการสื่อสารแลว้ ก็ จะไม่มีสังคม ดงั น้ัน สิน พนั ธุพ์ ินิจ (2544) ไดส้ รุปหนา้ ทข่ี องการติดตอ่ สื่อสารในสังคมมนุษยไ์ ว้ 8 ประการ ดงั น้ี 2.1 ด้านสารสนเทศซ่ึงหมายรวมถึง การรวบรวม การจดั เก็บ กระบวนการและการถ่าย ทอดขา่ ว ขอ้ มลู ภาพ ความจริงและข่าวสารต่างๆ เพอื่ ประโยชนใ์ นการใช้งานของผคู้ นในทุกสาขา อาชีพ 2.2 ดา้ นสังคม การสื่อสารเป็นพ้ืนฐานแห่งความรู้ทม่ี นุษยใ์ ชใ้ นการแลกเปลี่ยนกบั สมาชิกอ่ืนๆในสังคม ช่วยส่งเสริมให้สังคมมกี ารอยูร่ ่วมกนั และมีส่วนร่วมในชุมชนและสังคมมากข้นึ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 55
บทที่ 3 การตดิ ตอ่ สื่อสารในการส่งเสริมการเกษตร 2.3 ดา้ นการสรา้ งแรงจูงใจ การตดิ ตอ่ สื่อสารช่วยกระตนุ้ ใหแ้ ต่ละบคุ คลไดเ้ ลือกในส่ิงท่ี ตนชอบ มีความหวงั ในสิ่งท่ีตนปรารถนา และทากิจกรรมของชุมชนให้ประสบผลสาเร็จตามเป้า หมายของสังคม 2.4 ดา้ นการสัมมนาและการอภิปราย การสื่อสารให้โอกาสคนเราแลกเปลีย่ นความจริง และทาให้เร่ืองทีส่ งั คมสงสัยขอ้ งใจเกิดความกระจ่าง และส่งเสริมใหม้ ีความสนใจในระดบั ทอ้ งถ่ิน ระดบั ชาติ และระดบั นานาชาติ 2.5 ด้านการศึกษา การสื่อสารเป็ นเครื่องมือในการถ่ายทอดความรู้ขอ้ มูลข่าวสารใน ทุกๆ ดา้ น ไมว่ ่าจะเป็นในรูปแบบของการศึกษาในระบบหรือนอกระบบโรงเรียน 2.6 ดา้ นการใหค้ วามบนั เทงิ การตดิ ต่อสื่อสารใหค้ วามบนั เทิงกบั มนุษยเ์ ราในหลายรูป แบบ อาทิ ในรูปแบบของดนตรี และศิลปะ เป็นตน้ 2.7 ดา้ นการส่งเสริมวฒั นธรรม การติดต่อสื่อสารทาหนา้ ที่ในการถ่ายทอดวฒั นธรรม จากอดตี มาสู่ผคู้ นในยุคปัจจุบนั 2.8 ด้านการผสมผสานบุคคลและกลุ่มคน ให้เข้าถึงข่าวสารท่ีเขาต้องการจะทราบ เขา้ ใจและมีความซาบซ้ึงซ่ึงกนั และกนั 3. ควำมสำคัญของกำรตดิ ต่อส่ือสำร จากหนา้ ที่ของการติดต่อส่ือสารทกี่ ล่าวมาขา้ งตน้ เห็นไดว้ ่าการติดต่อส่ือสารเป็นปัจจยั ที่มี ความสาคญั ต่อชีวิตมนุษย์ เน่ืองจากมนุษยต์ อ้ งอาศยั การตดิ ตอ่ สื่อสารเป็นเคร่ืองมือในการทีจ่ ะทาให้ บรรลุวตั ถปุ ระสงคต์ ่างๆซ่ึงกรมส่งเสริมการเกษตร (2557) กล่าวว่า หากพิจารณาถึงความสาคญั ของ การติดตอ่ สื่อสารทมี่ ีตอ่ มนุษย์ สามารถแบ่งไดด้ งั น้ี คอื 3.1 การสื่อสารเป็ นปัจจยั สาคญั ในการดารงชีวิตของมนุษยท์ ุกเพศทกุ วยั ไมม่ ีใครที่จะ ดารงชีวติ ไดโ้ ดยปราศจากการสื่อสาร ทุกสาขาอาชีพก็ตอ้ งใชก้ ารสื่อสารในการปฏิบตั ิงาน การทา ธุรกิจตา่ งๆ โดยเฉพาะสังคมมนุษยท์ มี่ ีการเปลี่ยนแปลงและพฒั นาตลอดเวลา พฒั นาการทางสังคม จงึ ดาเนินไปพร้อมๆกบั พฒั นาการทางการสื่อสาร 3.2 การส่ือสารก่อใหเ้ กิดการประสานสมั พนั ธ์กนั ระหวา่ งบคุ คลและสังคม ชว่ ยเสริมสร้าง ความเขา้ ใจอนั ดีระหว่างคนในสงั คม ชว่ ยสืบทอดวฒั นธรรมประเพณี สะทอ้ นให้เห็นภาพความเจริญ รุ่งเรือง วิถชี ีวิตของผคู้ นช่วยธารงสงั คมใหอ้ ย่รู ่วมกนั เป็นปกติสุข และอย่รู ่วมกนั อย่างสนั ติ 3.3 การสื่อสารเป็ นปัจจยั สาคัญในการพฒั นาความเจริญก้าวหน้าท้งั ตัวบุคคล และ สงั คม การพฒั นาทางสังคมในดา้ นคุณธรรม จริยธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯลฯ รวมท้งั ศาสตร์ในการส่ือสารจาเป็นตอ้ งพฒั นาอยา่ งไม่หยุดย้งั วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 56
บทที่ 3 การตดิ ต่อสื่อสารในการส่งเสริมการเกษตร 4. วัตถปุ ระสงค์ในกำรติดต่อสื่อสำร กระบวนการติดต่อสื่อสารโดยท่ัวไปมกั จะมีวตั ถุประสงค์ท่ีแน่นอนและชัดเจน แต่ ณรงค์ สมพงษ์ (2543) ไดก้ ล่าววา่ การตดิ ต่อส่ือสารแตล่ ะคร้ังอาจไมไ่ ดม้ วี ตั ถุประสงคอ์ ยา่ งใดอย่าง หน่ึงเพยี งอยา่ งเดียวและในบางคร้ังวตั ถปุ ระสงคข์ องผสู้ ่งสารและผูร้ ับสารก็ยงั อาจไม่สอดคลอ้ งกนั ได้ ซ่ึงการติดต่อสื่อสาร มกี ารจาแนกวตั ถปุ ระสงคไ์ วด้ งั น้ี คอื 4.1 เพื่อแจง้ ให้ทราบ (to inform) คือ ผูส้ ่งสารตอ้ งการเผยแพร่หรือบอกกล่าวเรื่องราว เหตุการณ์ตา่ งๆ กิจกรรมนโยบายความเคล่ือนไหว ฯลฯ ของตนเองหรือหน่วยงานให้ผูร้ ับสารได้ ทราบ ส่วนผูร้ ับสารก็มีความประสงคท์ ่ีจะได้รบั ทราบข่าวสาร เพื่อนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั หรือ เป็นขอ้ มลู สาหรบั การตดั สินใจ 4.2 เพื่อให้การศึกษา (to educate) เป็ นวตั ถุประสงค์ท่ีผูส้ ่งสารต้องการให้ผูร้ ับสารได้ เรียนรู้และเกิดความเขา้ ใจท่ีลึกซ้ึงมากกว่าการไดร้ ับทราบ เช่น การเรียนรู้วิธีจดั หน้าหนงั สือการ เรียนรูว้ ิธีประดษิ ฐ์ดอกไมแ้ หง้ เป็นตน้ ในขณะทผี่ รู้ ับสารกม็ คี วามประสงคท์ ่จี ะเรียนรู้และศกึ ษา 4.3 เพ่อื โนม้ นา้ วใจ (to persuade) ผสู้ ่งสารตอ้ งการใหผ้ รู้ บั สารเกิดความรูส้ ึกชอบใจ สนใจ คลอ้ ยตาม สนบั สนุนและตอ้ งการที่จะปฏบิ ตั ิตาม ส่วนผูร้ ับสารก็ทาการสื่อสารเพื่อตอ้ งการทจ่ี ะได้ ขอ้ มลู สาหรับการตดั สินใจ การสื่อสารประเภทน้ีไดแ้ ก่ การโฆษณาและการประชาสัมพนั ธ์ 4.4 เพื่อความบนั เทิง (to entertain) วตั ถุประสงคใ์ นขอ้ น้ี คือ การท่ีผสู้ ่งสารตอ้ งการให้ ผรู้ ับสารเกิดความพึงพอใจ สนุกสนาน ส่วนผูร้ ับสารก็รับสารเพ่ือความพอใจ เพลิดเพลินใจ หรือ สนุกสนาน ดงั น้นั วตั ถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสารของผูส้ ่งสารและผูร้ ับสารท่ีกล่าวมาขา้ งตน้ น้ัน ณรงค์ สมพงษ์ (2543) ไดเ้ ปรียบเทียบวตั ถุประสงคใ์ นการตดิ ตอ่ สื่อสารเพอ่ื ความชดั เจน ตามตาราง ที่ 3.1 ดงั น้ี ตำรำงท่ี 3.1 การเปรียบเทยี บวตั ถปุ ระสงคใ์ นการตดิ ต่อส่ือสารของผสู้ ่งสารและผรู้ ับสาร วตั ถุประสงคข์ องผสู้ ่งสาร วตั ถปุ ระสงคข์ องผรู้ บั สาร 1. เพ่ือแจง้ ใหท้ ราบ 1. เพื่อรับทราบขอ้ มลู ข่าวสาร 2. เพื่อใหก้ ารศกึ ษาหรือให้ความรู้ 2. เพอื่ เรียนรู้ และศกึ ษาหาความรูเ้ พ่ิมเติม 3. เพื่อโนม้ นา้ วหรือชกั จูงใจ 3. เพ่ือแสวงหาขอ้ มูลในการตดั สินใจ 4. เพอ่ื ใหค้ วามบนั เทิง,สรา้ งความพอใจ 4. เพ่อื แสวงหาความสนุกสนาน ความพอใจ ทมี่ ำ: ณรงค์ สมพงษ์ (2543) วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 57
บทที่ 3 การติดต่อสื่อสารในการส่งเสริมการเกษตร 5. ประเภทของกำรติดต่อสื่อสำร การติดตอ่ ส่ือสารสามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็นหลายประเภทข้นึ อย่กู บั วิธีการ จาแนกไดด้ งั ต่อ ไปน้ี 5.1 จาแนกตามลกั ษณะการใชป้ ระโยชน์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื 5.1.1 การติดต่อสื่อสารแบบเป็ นทางการ (formal communication) เป็ นการติดต่อ ส่ือสารทเ่ี ป็นระบบ มีหลกั ฐานท่เี ป็นลายลกั ษณ์อกั ษร เช่น หนงั สือเวยี น คาสัง่ ตา่ งๆ เป็นตน้ 5.1.2 การตดิ ต่อส่ือสารแบบไมเ่ ป็ นทางการ (informal communication) เป็นการติดต่อ ส่ือสารท่ีไมเ่ ป็นระบบ ไม่มหี ลกั ฐานอา้ งอิง เช่น การพดู คยุ กนั การแสดงทา่ ทางต่างๆ เป็นตน้ 5.2 จาแนกตามลกั ษณะของสื่อทใ่ี ช้ แบง่ ออกเป็น 6 ประเภท คอื 5.2.1 การติดต่อสื่อสารโดยใช้คาพูด (verbal communication) เป็นการสื่อสารโดยใช้ ภาษาพดู เป็นสื่อ 5.2.2 การติดตอ่ ส่ือสารโดยใชภ้ าษาเขยี น (written communication) เป็นการสื่อสาร โดยใชต้ วั อกั ษรเป็นส่ือ 5.2.3 การติดตอ่ ส่ือสารโดยการแสดงท่าทางของร่างกาย(physical communication) เป็นการส่ือสารโดยการแสดงออกทางสีหนา้ แววตา และการเคลื่อนไหวต่างๆ 5.2.4 การสื่อสารโดยใชค้ วามงามหรือสุนทรียภาพตา่ งๆ (esthetic communication) เป็นการสื่อสารโดยใชค้ วามงามจากส่ิงต่างๆ เช่น รูปภาพ เสียงดนตรี การแสดง เป็นตน้ 5.2.5 การส่ือสารโดยใช้สัญลกั ษณ์ (symbolic communication) เป็ นการใช้สญั ลกั ษณ์ ตา่ งๆ แทนการส่ือสาร เช่น หน่วยงานหรือองคก์ รต่างๆ มีสัญลกั ษณ์ของตนองและเป็นท่ีเขา้ ใจของ บุคคลทวั่ ไป 5.2.6 การสื่อสารโดยใชเ้ ครื่องหมายเป็นสื่อ (sign communication) เป็นการสื่อสาร โดยการใช้เคร่ืองหมายแทนคาพูด เช่น เคร่ืองหมายจราจร เครื่องหมายห้ามสูบบุหร่ี เคร่ืองหมาย หา้ มถ่ายภาพ เป็นตน้ 5.3 จาแนกตามจานวนบคุ คลเป้าหมายทท่ี าการตดิ ตอ่ จาแนกไดเ้ ป็น 3 ประเภท คือ 5.3.1 การติดต่อสื่อสารรายบุคคล ( individual communication ) เป็ นการส่ือสาร ระหว่างบุคคลตอ่ บคุ คล เชน่ การพดู คุยกนั การเขียนจดหมายติดต่อกนั เป็นตน้ 5.3.2 การติดต่อส่ือสารกบั กลุ่ม ( group communication ) เป็ นการสื่อสารระหว่าง บุคคลมากกว่า 2 คนข้ึนไป ได้แก่ ระหว่างบุคคลกบั กลมุ่ คน กลุ่มคนกับกลุ่มคน ฯลฯ เช่น การใช้ การฝึกอบรม การใชก้ ารสาธิต การศกึ ษาดงู าน การจดั งาน field day เป็นตน้ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 58
บทที่ 3 การตดิ ตอ่ ส่ือสารในการส่งเสริมการเกษตร 5.3.3 การติดต่อส่ือสารกับมวลชน (mass communication) เป็ นการติดต่อส่ือสาร กนั ระหว่างบคุ คลกบั มวลชน หรือหน่วยงานกบั มวลชน การติดตอ่ แบบน้ีตอ้ งใชส้ ่ือ (media) มาช่วย เชน่ หนงั สือพมิ พ์ วิทยุ โทรทศั น์ นิทรรศการ เป็นตน้ 6. วิธกี ำรติดต่อส่ือสำรกับเกษตรกรในงำนส่งเสริมกำรเกษตร นกั ส่งเสริมการเกษตร มีการติดต่อส่ือสารกบั เกษตรกรดว้ ยวิธีการตา่ งๆได้ 5 วิธี คอื 6.1 การติดต่อส่ือสารดว้ ยการพดู (oral communication) เป็นการติดต่อสื่อสารท่ใี ช้มาก ท่ีสุดในงานส่งเสริมการเกษตร โดยที่นักส่งเสริมสื่อสารดว้ ยคาพูดกับเกษตรกรผูเ้ ป็ นบุคคลเป้า หมาย ส่ิงทคี่ วรพจิ ารณาในการสื่อสารรูปแบบน้ีสาหรับนกั ส่งเสริม คอื การพูดดว้ ยภาษาที่เขา้ ใจงา่ ยมี ความชดั เจน ไม่ควรใชค้ าศพั ทว์ ิชาการหรือภาษาตา่ งประเทศมากเกินไป ในบางโอกาสนกั ส่งเสริม อาจตอ้ งใชภ้ าษาทอ้ งถน่ิ ในการสื่อสาร จะทาใหเ้ กษตรกรเกิดความรูค้ วามเขา้ ใจมากข้นึ 6.2 การตดิ ต่อส่ือสารด้วยภาษาเขียน (written communication) เป็ นวธิ ีการสื่อสารที่มีการ ใชม้ ากในงานส่งเสริมการเกษตร ตวั อย่างเช่น การที่นกั ส่งเสริมใช้หนงั สือราชการเชิญให้เกษตรกร เขา้ ร่วมกิจกรรมในงานตา่ งๆที่จดั ข้ึน การใช้จดหมายท่ีเป็นทางการจะทาให้เกษตรกรเกิดความเชื่อ มน่ั และให้ความสนใจเขา้ ร่วมกิจกรรม การส่ือสารดว้ ยการเขียนน้ีรวมไปถงึ การใชข้ อ้ ความเผยแพร่ ขอ้ มูลข่าวสารผ่านสื่อตา่ งๆเช่น แผ่นป้ายโฆษณา เอกสารส่ิงพิมพต์ ่างๆซ่ึงนักส่งเสริมควรตอ้ งพิจารณา ถงึ วตั ถุประสงค์ของการส่ือสารว่ามีวตั ถุประสงคเ์ พ่ืออะไร แลว้ นามาพิจารณากาหนดเป็ นเน้ือหา สาระ สาหรบั งานส่งเสริมการเกษตรตอ้ งเนน้ ให้เกษตรกรเกิดความรู้ความเขา้ ใจในขอ้ มลู ข่าวสารท่ี ตอ้ งการจะสื่อสาร ความชดั เจนของสาระสาคญั ของขอ้ มูลข่าวสารมีผลต่อการยอมรับเทคโนโลยี ของเกษตรกร 6.3 การติดต่อส่ือสารโดยไม่ใชค้ าพูดและตวั หนงั สือ (non-verbal communication) เป็ น การติดต่อสื่อสารท่ีใช้การแสดงออกทางร่างกาย ไม่ใช้การพูดหรือการเขียน หรือบางคร้ังเรียกว่า ภาษาทา่ ทาง การตดิ ต่อส่ือสารดว้ ยวธิ ีการน้ี เป็นการติดตอ่ สื่อสารที่มคี วามสาคญั ภาษาท่าทางจะบ่ง บอกถึงอารมณ์ ความรู้สึก เช่น การนง่ั การยนื เดินของบคุ คลสามารถส่ือให้ทราบถึงว่าบุคคลผนู้ ้นั มี สุขภาพเป็ นอย่างไร การยิ้ม การขยิบตา การพยกั หน้า การยกั ไหล่ การกวกั มือ เป็ นภาษากายท่ี สามารถส่ือสารใหผ้ รู้ ับรูถ้ งึ อารมณ์ความรู้สึกของผสู้ ่งข่าวสาร ในงานส่งเสริมการเกษตรนกั ส่งเสริม สามารถใช้การสังเกตพฤติกรรมของเกษตรกรซ่ึงเป็ นภาษากาย ในการประเมินความพึงพอใจของ เกษตรกรเป้าหมาย ในการรบั รูข้ อ้ มลู ข่าวสารที่นกั ส่งเสริมใหค้ าแนะนา รวมไปถึงการใช้ภาษากาย แสดงการสาธิตทางการเกษตรเป็นการติดตอ่ ส่ือสารทมี่ ปี ระสิทธิภาพ ทาให้บคุ คลเป้าหมายสามารถ เรียนรู้เทคนิควธิ ีการปฏิบตั ิในเร่ืองใดเร่ืองหน่ึงไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ แต่ท้งั น้ีนกั ส่งเสริมควรได้ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 59
บทที่ 3 การตดิ ต่อส่ือสารในการส่งเสริมการเกษตร ผสมผสานภาษากาย การแสดงการสาธิตร่วมกบั ภาษาพูดบรรยายประกอบ จะทาใหก้ ารติดต่อส่ือ สารมีประสิทธิภาพสูงสุด 6.4 การติดต่อส่ือสารโดยการใช้สัญลกั ษณ์ (symbolic communication) เป็ นการติดต่อสื่อ สารโดยการใช้สัญลกั ษณ์ต่างๆ ที่แสดงออกเป็ นเคร่ืองหมาย หรือเสียงที่ใช้แทนความหมาย เช่น สญั ญาณไฟจราจร การใชเ้ ครื่องแบบชุดทมี เป็ นการตดิ ต่อส่ือสารโดยใชส้ ัญลกั ษณ์ ในงานส่งเสริม การเกษตรมกี ารใช้สญั ลกั ษณ์ในการตดิ ตอ่ สื่อสาร เช่น การใชส้ ัญลกั ษณห์ ัวกะโหลกไขวแ้ สดงถึง สารพิษอนั ตรายทางการเกษตร การจดั ทาเส้ือทีมของกลมุ่ แม่บา้ นใชเ้ ป็ นสัญลกั ษณ์แสดงถึงความ เป็นน้าหน่ึงใจเดยี วกนั ของกลมุ่ เป็นตน้ 6.5 การตดิ ต่อส่ือสารดว้ ยรูปภาพ (picture communication)เป็นวิธีที่ช่วยอธิบายขา่ วสาร ความรู้ไดด้ วี ิธีการหน่ึง วิธีการติดต่อส่ือสารวิธีการน้ี ไดแ้ ก่ การใชต้ ารางแสดงขอ้ มูล แผนภมู ิ แผน ที่ ภาพน่ิง ภาพเคลื่อนไหว ตวั แบบสามมติ ิ ในงานส่งเสริมการเกษตรมีการนาวิธีการติดต่อส่ือ สาร วธิ ีการน้ีมาใชค้ ่อนขา้ งมาก ซ่ึงโดยทว่ั ไปจะมีการใชผ้ สมผสานกบั การใช้ภาษาพูดและภาษาเขียน เช่น การทาชุดการนาเสนอเพาเวอร์พอยท์ประกอบคาบรรยาย การจดั ทาวีซีดีภาพเคลื่อนไหว ประกอบคาบรรยาย 7. องค์ประกอบพืน้ ฐำนของกำรติดต่อส่ือสำร วิจิตร อาวะกลุ (2535) กลา่ วว่า การท่ีนกั ส่งเสริมการเกษตรจะทาการสื่อสารไดด้ ี จะต้อง เขา้ ใจองคป์ ระกอบของการสื่อสารตลอดจนข้นั ตอน เพื่อให้การส่ือสารสามารถดาเนินการไปตาม ข้นั ตอน เกิดประสิทธิภาพและมศี ิลปะแห่งการถา่ ยทอดความรูส้ ึกนึกคดิ ไปยงั ผอู้ ่ืน องคป์ ระกอบที่ สาคญั ในการตดิ ต่อสื่อสารมดี งั น้ี คือ 7.1 ผูส้ ่งสาร (sender) หรือแหล่งท่ีมาของข่าวสาร (source) ซ่ึงอาจจะเป็ นบุคคลเดียว เป็นกลุ่ม หรือสื่อมวลชนกไ็ ด้ ในงานส่งเสริมการเกษตรผูส้ ่งสารน้นั หมายถึง นกั ส่งเสริมการเกษตร 7.2 ตวั ข่าวสาร (message) หรือเน้ือหาสาระที่ส่งออกไปจากผูส้ ่ง ซ่ึงอาจจะเป็ นวิชา ความรู้ ข่าวสาร เร่ืองราว โดยออกมาเป็นคาพูด ขอ้ เขยี น รูปภาพ หรือสญั ลกั ษณ์ เป็นตน้ 7.3 ช่องทางส่ือสาร (channel) คือ วิธีการ วิถที างหรือสื่อซ่ึงเป็นตวั กลาง หรือสิ่งท่ีจะนา ขา่ วสารจากผสู้ ่งไปยงั ผรู้ ับ ไดแ้ ก่ การพูด การเขียน การสาธิต หรือส่ือสารมวลชน เป็นตน้ 7.4 ผรู้ ับสาร (receiver) หรือบุคคลเป้าหมาย เช่น เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร ที่ผูส้ ่งตอ้ ง การที่จะใหไ้ ดร้ ับข่าวสาร มีความรู้ความเขา้ ใจตรงกบั ท่ีผูส้ ่งปรารถนาหรือมวี ตั ถปุ ระสงค์จะให้เกิด ความเขา้ ใจถกู ตอ้ งร่วมกนั ดงั น้นั การสื่อสารจะได้ผลดี ตอ้ งตรวจสอบจากองคป์ ระกอบของการสื่อสาร กลา่ วคอื ผรู้ ับ สารตอ้ งไดร้ บั ข่าวสารน้ัน มคี วามเขา้ ใจ เชื่อถือและมนั่ ใจในตวั ขา่ วสาร จนสามารถปฏบิ ตั ิตามได้ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 60
บทที่ 3 การติดต่อสื่อสารในการส่งเสริมการเกษตร และทส่ี าคญั ตอ้ งมีปฏกิ ิริยาตอบกลบั (feed back) คอื มโี อกาสซักถามตอบโตใ้ นกรณีมขี อ้ สงสยั หรือ ขดั แยง้ ไม่เห็นดว้ ย โดยองคป์ ระกอบพ้ืนฐานของการตดิ ตอ่ สื่อสารไดแ้ สดงตามภาพท่ี 3.1 ผสู้ ่งสาร ตวั ข่าวสาร ช่องทาง ผรู้ บั สาร (sender) (message) ส่ือสาร (receiver) (channel) ปฏกิ ริ ิยำตอบกลบั (feed back) ภำพท่ี 3.1 องคป์ ระกอบพ้ืนฐานของการตดิ ต่อสื่อสาร ท่มี ำ: ดดั แปลงจาก วจิ ิตร อาวะกุล (2535) 8. กระบวนกำรติดต่อสื่อสำร กระบวนการตดิ ต่อส่ือสารเป็นกระบวนการท่เี กี่ยวขอ้ งกบั การพูด การเขียน การอ่าน การ ฟัง การแลกเปล่ียนทศั นะ ขอ้ เท็จจริง ความคิดเห็นและประสบการณ์ อนั ก่อให้เกิดปฏสิ ัมพนั ธ์ ใน บรรดาบุคคลทอี่ ย่ใู นสังคม วิธีการส่งเสริมเผยแพร่ความรูท้ างการเกษตร จึงเป็นวธิ ีการท่ีตอ้ งใชก้ าร ส่ือสารแทบท้ังสิ้นโดย วรทศั น์ อินทรัคคมั พร (2556) กล่าวว่า นักส่งเสริมการเกษตรจึงเปรียบ เสมือนเป็นผสู้ ่งขา่ วสาร (communicator) นาข่าวสารจากแหล่งความรู้ คอื จากนกั วจิ ยั ไปสู่เกษตรกร หรือผูร้ ับข่าวสาร (receiver) จงึ จาเป็ นอย่างยิ่งที่นกั ส่งเสริมการเกษตรตอ้ งมีศิลปะในการทาหน้าท่ี ส่งข่าวสาร คอื ความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ ถา่ ยทอดไปยงั ผรู้ บั ขา่ วสารหรือเกษตรกรอย่างครบถว้ น ซ่ึงตอ้ งใชค้ วามสามารถเป็ นอย่างมาก ข่าวสารหรือความรู้และเทคโนโลยีจะมีความสมบรู ณ์มากน้อย เพยี งใด ข้ึนอย่กู บั ความรูค้ วามสามารถและประสบการณ์ของผูร้ ับและผูส้ ่งดว้ ย โดยผ่านช่องทางที่ เหมาะสม และในการติดต่อส่ือสารน้นั วลั ลภ พรหมทอง (2541)ไดม้ ีการแบ่ง กระบวนการติดต่อ สื่อสาร ออกเป็น 2 วธิ ี คือ 8.1 การติดต่อสื่อสารแบบทางเดยี วหรือแบบเอกวิถี (one-way communication) เป็นการตดิ ต่อ ส่ือสารที่ผสู้ ่งข่าวสารส่งขา่ วสารไปยงั ผูร้ ับและเม่ือผรู้ บั ไดร้ ับข่าวสารก็ไมม่ โี อกาสโตต้ อบจึงเป็นการติด ต่อสื่อสารท่ีไม่สมบูรณ์ เช่น การจดั รายการวิทยุที่ไม่มีการโตต้ อบกบั ผูฟ้ ัง การประกาศข่าวตาม วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 61
บทที่ 3 การติดตอ่ สื่อสารในการส่งเสริมการเกษตร เคร่ืองขยายเสียงที่ผูฟ้ ังมิไดโ้ ตต้ อบกลบั มา การไมต่ อบโตท้ าให้ผสู้ ่งขา่ วสารไม่ทราบว่าผรู้ ับเขา้ ใจ ในขา่ วสารน้นั หรือไมเ่ พยี งไร ดงั ภาพที่ 3.2 ผ้สู ่งสำร 3.สง่ ผา่ นช่องทางสอ่ื ผ้รู ับสำร 1. ควำมคดิ เป็ นนำมธรรม 4. รับสัญณำณและถอดรหัส 2. เข้ำรหัสเป็ นสัญณำณ 5. มีควำมเข้ำใจ ต่ำงๆ 6. ตอบสนองต่อข่ำวสำร ภำพท่ี 3.2 การติดตอ่ ส่ือสารแบบทางเดียวหรือแบบเอกวถิ ี (one-way communication) ที่มำ : ดดั แปลงจากวลั ลภ พรหมทอง (2541) 8.2 การติดต่อสื่อสารแบบสองทางหรือแบบยคุ ลวิถี (two-way communication)เป็นการ ติดต่อสื่อสารที่ผูส้ ่งข่าวสาร ส่งข่าวสารไปยงั ผรู้ ับและเมอ่ื ผูร้ ับไดร้ ับข่าวสารแลว้ ผูร้ บั จะส่งปฏิกริ ิยา ยอ้ นกลบั ไปยงั ผสู้ ่งสาร เพื่อให้ทราบว่าผูร้ ับมคี วามเขา้ ใจอย่างไร การส่ือสารแบบน้ี ไดแ้ ก่ การสอน หนงั สือ การพูดคุย การโตต้ อบทางจดหมาย ฯลฯ ดังน้นั ในงานส่งเสริมการเกษตรนกั ส่ง เสริมควร เลือกวธิ ีการติดต่อสื่อสารแบบสองทาง ดงั แสดงตามภาพท่ี 3.3 นอกจากน้ี วลั ลภ พรหมทอง (2541) ยงั ไดเ้ ปรียบเทยี บความแตกต่างระหว่างการส่ือสารแบบทางเดยี วและแบบสองทาง ตามตารางท่ี 3.2 วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 62
บทท่ี 3 การตดิ ต่อสื่อสารในการส่งเสริมการเกษตร 3. ส่งผ่ำนช่องทำงส่ือ ผ้สู ่งสำร 7. ส่งกลบั ควำมเข้ำใจ ผ้รู ับสำร 4. รับสัญณำณและถอดรหสั 1. ควำมคิดเป็ นนำมธรรม ของผ้รู ับ 5. มีควำมเข้ำใจ 6. ตอบสนองต่อข่ำวสำร 2. เข้ำรหสั เป็ นสัญณำณ ป้อนกลบั ข่ำวสำร ภำพท่ี 3.3 การติดตอ่ ส่ือสารแบบสองทางหรือแบบยุคลวิถี (two-way communication) ทม่ี ำ: ดดั แปลงจาก วลั ลภ พรหมทอง (2541) ตำรำงท่ี 3.2 การเปรียบเทียบความแตกตา่ งระหว่างการส่ือสารแบบทางเดยี วและแบบสองทาง กำรเปรียบเทยี บ แบบทำงเดยี ว (เอกวถิ ี) แบบสองทำง(ยคุ ลวถิ )ี 1. ความเร็วในการส่งข่าว 2. ความถกู ตอ้ งของข่าวสาร เร็วกว่า ชา้ กว่า 3. ความเชื่อมนั่ ในข่าวสาร 4. ผลดา้ นจิตใจของผรู้ ับ ถูกตอ้ งนอ้ ย ถกู ตอ้ งมากกวา่ 5. ความเป็นระเบยี บในการตดิ ต่อ 6. ค่าใชจ้ า่ ยในการตดิ ตอ่ ส่ือสาร ไม่มนั่ ใจ ไมก่ ลา้ ตอบสนอง มนั่ ใจและตอบสนองได้ 7. วธิ ีปฏบิ ตั ใิ นการติดตอ่ ไมภ่ าคภูมิใจ ภาคภมู ิใจ ที่มำ: วลั ลภ พรหมทอง (2541) มีระเบียบและเรียบรอ้ ย ไม่มีระเบียบ นอ้ ยกวา่ มากกวา่ ยุ่งยากนอ้ ยกว่า มากกวา่ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 63
บทท่ี 3 การตดิ ตอ่ สื่อสารในการส่งเสริมการเกษตร 9. ปัจจยั ท่ีทำให้กำรติดต่อสื่อสำรประสบผลสำเร็จ ในการติดต่อสื่อสารทางการเกษตร ระหว่างนกั ส่งเสริมกบั เกษตรกรน้นั วลั ลภ พรหมทอง (2541) กล่าวว่า มีปัจจยั ท่ีสาคญั อยู่ 2 ประการใหญ่ๆ ที่จะทาให้การติดตอ่ ส่ือสารประสบผลสาเร็จ ปัจจยั ดงั กล่าว ไดแ้ ก่ 9.1 พ้ืนฐานประสบการณ์ (field of experience) หมายถึง ประสบการณ์ต่างๆ ที่นักส่งเสริม และเกษตรกรไดร้ บั มาตลอดชีวติ มดี งั ตอ่ ไปน้ี 9.1.1 ความชานาญในการติดต่อสื่อสาร (communication skill) ไดแ้ ก่ ความสามารถ ในการรับ-ส่งข่าวสาร การพูด การฟัง การเขียน การอ่าน การตีความ เป็ นตน้ หากนักส่งเสริม และ เกษตรกรมคี วามชานาญในการติดตอ่ ส่ือสารใกลเ้ คยี งกนั โอกาสในการติดตอ่ ส่ือสารจะประสบผล สาเร็จก็มีมาก 9.1.2 เจตคติ (attitude) ได้แก่ ความรูส้ ึกที่มีต่อกนั ระหว่างนกั ส่งเสริมกับเกษตรกร โดยเฉพาะนกั ส่งเสริม จะตอ้ งมีเจตคติทีด่ ีตอ่ ตนเอง ต่อเกษตรกรและตอ่ ความรู้ทจ่ี ะนาไปส่งเสริม 9.1.3 ความรู้ (knowledge) หมายถึง ความรู้ในเร่ืองที่จะไปส่งเสริมของนกั ส่งเสริม และเกษตรกร หากมีความรูท้ คี่ าบเก่ยี วกนั ก็จะสามารถติดตอ่ ส่ือสารกนั ไดด้ ี ความรู้ในท่นี ้ีอาจหมาย รวมถึง ระดบั การศึกษาของเกษตรกรด้วย ระดบั การศึกษาของเกษตรกรมีความสัมพนั ธ์กับความ ชานาญในการตดิ ต่อส่ือสาร ดงั น้นั การพฒั นาใหเ้ กษตรกรไดร้ บั การศึกษาในระดบั ทสี่ ูงข้นึ จะชว่ ย พฒั นาพ้นื ฐานประสบการณ์ได้ 9.1.4 ลกั ษณะของสงั คมและวฒั นธรรม(social cultural setting) เชน่ ขนบธรรมเนียม ประเพณี ภาษา เป็ นตน้ หากลกั ษณะสังคมและวฒั นธรรมของนักส่งเสริมและเกษตรกรมีลกั ษณะ ใกลเ้ คยี งกนั กจ็ ะประสบผลสาเร็จในการติดตอ่ สื่อสาร 9.2 กรอบแห่งการอา้ งอิง (frame of reference) หมายถึง ขอบเขตซ่ึงแสดงถึงความกวา้ งขวาง ของพ้นื ฐานประสบการณข์ องเกษตรกรและนกั ส่งเสริม ถา้ หากกรอบน้ีมาซ้อนกนั เรียกว่า กรอบแห่ง การอา้ งอิงร่วม (common frame of reference) และถา้ หากกรอบแห่งการอา้ งอิงร่วมของเกษตรกร และนกั ส่งเสริมมีมาก ก็จะสามารถถ่ายทอดหรือรับรู้ในส่ิงตา่ งๆไดง้ ่ายและรวดเร็ว การปรบั ตวั เขา้ หากนั หรือมีประสบการณ์ร่วมกนั จะทาให้การสื่อสารได้ผลดี ซ่ึงพ้ืนฐานประสบการณ์ (field of experience) ของผรู้ บั และผสู้ ่ง หรือเกษตรกรและนกั ส่งเสริม อาจเขยี นแสดง ดงั ภาพที่ 3.4 วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 64
บทที่ 3 การติดตอ่ สื่อสารในการส่งเสริมการเกษตร ภำพที่ 3.4 แสดงกรอบแห่งการอา้ งอิง (frame of reference) ทีม่ ำ: ดดั แปลงจาก ณรงค์ สมพงษ์ (2543) จากภาพ พ้ืนที่ในวงกลม A คือ ความรู้ ประสบการณข์ องผสู้ ่งสาร พ้นื ท่ีในวงกลม B คือ ความรู้ ประสบการณ์ของผูร้ ับสาร พ้ืนท่ี C คือส่วนของความรู้และประสบการณ์ท่ีมีความเหมือน กนั หรือเขา้ ใจตรงกัน ก่อนการติดต่อส่ือสารผูส้ ่งสารและผูร้ ับสาร อาจมีขนาดของกรอบแห่งการ อา้ งองิ แตกต่างกนั แต่ตามหลกั การติดต่อสื่อสารแลว้ หากพ้นื ที่ C มมี ากแสดงวา่ การติดต่อสื่อสารมี โอกาสทีจ่ ะประสบความสาเร็จมาก 9.3 วสั ดุอุปกรณ์ในการติดต่อสื่อสารหรือส่ือในการตดิ ต่อส่ือสาร (media) หากวสั ดอุ ุป กรณ์ในการตดิ ตอ่ ส่ือสารมีคณุ ภาพดี และเหมาะสมก็จะทาใหก้ ารติดต่อสื่อสารประสบผลสาเร็จ 10. ปัญหำอุปสรรคในกำรติดต่อส่ือสำร การติดตอ่ ส่ือสารเป็ นเครื่องมือท่ีสาคญั ในงานส่งเสริมการเกษตร นกั ส่งเสริมจะใช้การตดิ ต่อ สื่อสารในการถ่ายทอดขอ้ มูลข่าวสารและเทคโนโลยีทางการเกษตรสู่เกษตรกรเป้าหมาย แต่โดย สภาพความเป็ นจริงแลว้ การติดต่อสื่อสารมกั ประสบกับปัญหาและอุปสรรคหลายประการ ได้แก่ การตดิ ต่อส่ือสารติดขดั ส่ือสารกนั ไมไ่ ด(้ communication breakdown)การติดตอ่ สื่อสารไม่สมบูรณห์ รือ การติดต่อสื่อสารผิดปกติ ทาให้เกิดความเขา้ ใจทไี่ มถ่ กู ตอ้ งคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ทาให้เกิด ความเสียหาย เม่ือเกษตรกรตดั สินใจใชเ้ ทคโนโลยีท่ีนักส่งเสริมนาไปเผยแพร่ปัญหาอุปสรรคใน การตดิ ตอ่ สื่อสารอาจเกิดจากสาเหตุ ดงั น้ี 10.1 ความแตกต่างระหว่างบุคคล ท้งั นกั ส่งเสริม เกษตรกรฯ หรือบุคคลทวั่ ไปลว้ นมี ความแตกตา่ งกนั ท้งั ส้ิน ความแตกต่างที่เป็นอปุ สรรคในการติดตอ่ สื่อสารเหล่าน้ีไดแ้ ก่ การมองเห็น วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 65
บทท่ี 3 การตดิ ต่อสื่อสารในการส่งเสริมการเกษตร หรือสายตา การได้ยิน การตอบสนองต่อสิ่งเร้า วิธีการเรียนรู้ พนั ธุกรรมและสิ่งแวดลอ้ มซ่ึงหาก ความแตกตา่ งเหล่าน้ีมมี ากเทา่ ไร ยิง่ จะเป็นปัญหาในการสื่อสารมากเท่าน้นั 10.2 บรรยากาศในการตดิ ต่อสื่อสาร หากบรรยากาศไมด่ ี เชน่ เคร่งครัด ระเบยี บเกินไป ไม่เป็ นกนั เองหรือสภาพแวดลอ้ มไม่เหมาะสมในการติดต่อส่ือสาร เช่น เสียงรบกวน อากาศร้อน เกนิ ไปก็จะเป็นปัญหาในการติดตอ่ สื่อสารไดเ้ ช่นกนั 10.3 วสั ดุอุปกรณใ์ นการตดิ ต่อส่ือสารไม่พร้อม เชน่ การติดต่อสื่อสารกบั เกษตรกรเป็ น จานวนมาก แต่ขาดโสตทศั นูปกรณ์ชว่ ย กจ็ ะทาใหเ้ กดิ ปัญหาในการตดิ ตอ่ ส่ือสาร เป็นตน้ สรุป การตดิ ตอ่ สื่อสาร คอื กระบวนการถ่ายทอดความรูส้ ึกนึกคดิ อารมณ์ ท่าทาง ตลอดจนขอ้ มลู ขา่ วสารจากบคุ คลหน่ึงไปยงั อกี บคุ คลหน่ึง หรือจากบุคคลหน่ึงไปยงั กลุ่มบคุ คล ดว้ ยวธิ ีการแบบ ยุคลวิถีเพ่ือใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจตรงกนั ในการปฏบิ ตั งิ านร่วมกนั ส่วนการติดตอ่ ส่ือสารทางการเกษตร หมายถงึ กระบวนการถ่ายทอดแลกเปล่ยี นสารสนเทศ ความคิดและทศั นคติของบุคคล กลุม่ บุคคลที่ เกย่ี วขอ้ งหรืออยู่ในแวดวงเกษตรโดยผ่านช่องทางหรือสื่อต่างๆการตดิ ตอ่ สื่อสารมหี นา้ ที่ 8 ประการ คือ ดา้ นสารสนเทศ ดา้ นสังคม ดา้ นการสรา้ งแรงจงู ใจ ดา้ นการสัมมนาและการอภิปราย ดา้ นการ ศกึ ษา ด้านการให้ความบนั เทงิ ดา้ นการส่งเสริมวฒั นธรรม และดา้ นการผสมผสานบคุ คลและกลุ่ม คนให้เขา้ ถึงข่าวสาร ส่วนความสาคัญของการติดต่อสื่อสารท่ีมีต่อมนุษย์ ได้แก่ ความสาคญั ต่อ ความเป็นสงั คม ต่อชีวติ ประจาวนั ตอ่ อุตสาหกรรมและธุรกจิ ต่อการปกครองและการเมอื งระหว่าง ประเทศ ส่วนวตั ถปุ ระสงค์ของการติดต่อส่ือสาร ก็คือ เพื่อแจง้ ให้ทราบ เพ่ือใหก้ ารศึกษา เพอื่ โน้ม นา้ วใจ และเพื่อความบนั เทิง นอกจากน้ีการติดตอ่ ส่ือสารกบั เกษตรกรในงานส่งเสริมการเกษตร มี 5 วิธีด้วยกัน คือ การติดต่อสื่อสารดว้ ยการพูด การเขียน ภาษาท่าทาง การใช้สัญลกั ษณ์ และการติดต่อสื่อ สารดว้ ยภาพ องคป์ ระกอบสาคญั ของการติดตอ่ ส่ือสาร ประกอบดว้ ย ผสู้ ่งข่าว ตวั ขา่ วสาร ช่องทาง ข่าวสาร และผรู้ บั ข่าวสาร ส่วนกระบวนการตดิ ต่อสื่อสาร มี 2 กระบวนการ คอื กระบวนการตดิ ต่อ สื่อสารแบบเอกวิถีและแบบยุคลวิถี ส่วนปัจจยั ท่ีทาให้การติดต่อสื่อสารประสบผลสาเร็จไดข้ ้ึนอยู่ ปัจจยั 2 ประการ คือ พ้ืนฐานประสบการณ์และ กรอบแห่งการอา้ งอิง ส่วนปัญหาอุปสรรคในการ ติดต่อส่ือสารไดแ้ ก่ ความแตกต่างระหวา่ งบุคคล บรรยากาศในการติดต่อส่ือสาร และวสั ดุอุปกรณ์ที่ ใชใ้ นการติดต่อสื่อสาร วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 66
บทที่ 3 การติดต่อส่ือสารในการส่งเสริมการเกษตร คำถำมท้ำยบท ให้นกั ศึกษำตอบคำถำมต่อไปนีใ้ ห้ได้ใจควำมสมบูรณ์ 1. จงอธิบายความหมายของการตดิ ต่อส่ือสารทางการเกษตรมาให้ถูกตอ้ ง 2. วตั ถุประสงคข์ องการตดิ ต่อสื่อสารมีอะไรบา้ ง 3. ประเภทของการตดิ ต่อสื่อสารจาแนกไดก้ ่ปี ระเภท อะไรบา้ ง 4. จงอธิบายวธิ ีการติดต่อส่ือสารในงานส่งเสริมการเกษตรมาให้ถกู ตอ้ ง 5. องคป์ ระกอบพ้นื ฐานของการติดต่อสื่อสารมีอะไรบา้ ง 6. จงอธิบายกระบวนตดิ ตอ่ ส่ือสารมาใหถ้ กู ตอ้ ง 7. จงวเิ คราะห์ปัญหาอุปสรรคในการติดตอ่ สื่อสารมาใหถ้ ูกตอ้ ง วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 67
บทท่ี 3 การติดตอ่ สื่อสารในการส่งเสริมการเกษตร เอกสำรอ้ำงอิง กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ 2557. กำรสื่อสำรเพอื่ กำรประสำนควำม ร่วมมือในงำนส่งเสริมกำรเกษตร. (ออนไลน)์ . แหลง่ ท่ีมา: http://www.k-station.doae.go.th/kstation/wp-content/uploads/ วนั ที่สืบคน้ วนั ที่ 7 เมษายน 2558. ณรงค์ สมพงษ.์ 2543. สื่อสำรมวลชนเพอ่ื งำนส่งเสริม. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. วิจติ ร อาวกลุ . 2535. หลกั กำรส่งเสริมกำรเกษตร. พิมพค์ ร้งั ท่ี 1. กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นาพานิช. วรทศั น์ อนิ ทรคั คมั พร. 2556. กำรติดต่อส่ือสำรทำงกำรเกษตร. (ออนไลน์). แหลง่ ทม่ี า: http://agecon-extens.agri.cmu.ac.th/Course_online/course_352311.htm. วนั ท่ีสืบคน้ วนั ที่ 3 เมษายน 2558 วลั ลภ พรหมทอง. 2541. หลกั และวธิ กี ำรส่งเสริมกำรเกษตร. กรุงเทพฯ: ฟิ สิกสเ์ ซนเตอร์ สิน พนั ธุพ์ ินิจ. 2544. กำรส่งเสริมกำรเกษตร. กรุงเทพฯ: รวมสาสน์ . วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 68
บทท่ี 4 การใช้สื่อและโสตทศั นูปกรณ์ในการส่งเสริมการเกษตร
บทท่ี 4 การใชส้ ื่อและโสตทศั นูปกรณ์ในการส่งเสริมการเกษตร บทท่ี 4 กำรใช้ส่ือและโสตทศั นูปกรณ์ในกำรส่งเสริมกำรเกษตร จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เมอ่ื นกั ศกึ ษาเรียนจบบทเรียนน้ีแลว้ นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายความหมายของโสตทศั นูปกรณไ์ ดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 2. บอกประโยชนข์ องโสตทศั นูปกรณ์ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 3. บอกประเภทของโสตทศั นูปกรณ์ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 4. เปรียบเทยี บขอ้ ดีและขอ้ จากดั ของโสตทศั นูปกรณ์แตล่ ะชนิดไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 5. อธิบายหลกั การเลือกใชโ้ สตทศั นูปกรณ์ในงานส่งเสริมการเกษตรไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง บทนำ การถ่ายทอดความรูเ้ พอื่ พฒั นาอาชีพและคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ประกอบไปดว้ ยการ จดั การเรียนการสอนและกิจกรรมต่างๆ เพ่ือให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรมแก่กลุ่มเป้าหมาย ซ่ึง นักส่งเสริมที่ดีจะต้องมีทกั ษะในการถ่ายทอดวิทยาการ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และกระตุน้ ให้เกิด กจิ กรรมท้งั ทางร่างกายและการใชค้ วามคิด โสตทศั นูปกรณ์จึงมบี ทบาทสาคญั ท่ีมีอิทธิพลต่อการ ยอมรับนวตั กรรมหรือเทคโนโลยขี องเกษตรกร ถา้ หากเกษตรกรไดร้ ับขอ้ มูลข่าวสารจากโสตทศั นู ปกรณต์ ่างๆ ถกู ตอ้ ง สมบูรณ์ น่าเชื่อถือและรวดเร็ว ก็จะชว่ ยให้เกษตรกรนาเน้ือหาท่ีไดเ้ รียนรู้ผา่ น โสตทศั นูปกรณ์น้นั ไปประกอบการตดั สินใจยอมรับการส่งเสริมไดเ้ ร็วข้ึน เนื้อหำ 1. ควำมหมำยของโสตทศั นูปกรณ์ คาวา่ โสตทศั นูปกรณ์ (audio-visual aids) วลั ลภ พรหมทอง ( 2541) ไดใ้ ห้ความหมายไว้ ว่า โสตทศั นูปกรณ์ มาจากคา 3 คา รวมกนั คือ โสต+ทศั นู+อุปกรณ์ แปลตามตวั อกั ษร ไดด้ งั น้ี โสต (audio) หมายถึง หู หรือการไดย้ ิน ทศั น (visual) หมายถึง ตาหรือการมองเห็น อุปกรณ์ (aids) หมาย ถึง เครื่องชว่ ยเหลือหรือส่ิงอานวยความสะดวกที่ใชส้ ื่อความหมายช่วยให้ผูเ้ รียนสนใจและเขา้ ใจใน เน้ือหาสาระที่นาไปสอนมากยง่ิ ข้ึน เมอ่ื นาความหมายของท้งั 3 คามารวมแลว้ คาว่าโสตทศั นูปกรณ์ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 69
บทที่ 4 การใชส้ ื่อและโสตทศั นูปกรณ์ในการส่งเสริมการเกษตร จึงหมายถึง เคร่ืองชว่ ยเหลือในการได้ยินและมองเห็น สาหรับส่ือความหมายให้เกิดความเขา้ ใจแก่ ผเู้ รียนหรือกลุ่มเป้าหมาย แต่ในทางปฏบิ ตั นิ ้นั โสตทศั นูปกรณ์ ยงั หมายถงึ อปุ กรณ์ทีใ่ ชป้ ระสาทสัม ผสั ท้ัง 5 ได้แก่ หู ตา จมูก ล้ิน และผิวกายในการรับรู้ของมนุษย์ ดังน้ันในบางคร้ังคาว่า โสตทัศนู ปกรณ์ จงึ ใชค้ าว่า “ส่ือการศกึ ษา” แทน 2. ประโยชน์ของโสตทัศนูปกรณ์ โสตทศั นูปกรณ์น้นั นบั วา่ มีประโยชน์ต่อการเรียนการสอนเป็ นอยา่ งมาก โดยเฉพาะอยา่ งยิ่ง ในงานส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ถา้ หากผูส้ อนไมไ่ ดใ้ ช้โสตทศั นูปกรณ์ประ กอบการสอนแลว้ การ สอนน้นั ยอ่ มไมม่ ีประสิทธิภาพ ดงั น้นั สิน พนั ธุ์พนิ ิจ (2544) ไดก้ ล่าววา่ โสตทศั นูปกรณท์ ่ีใชใ้ นงาน ส่งเสริมการเกษตรมีประโยชน์ต่อเกษตรกร ดงั ตอ่ ไปน้ี คือ 2.1 การนาเสนอเหตุการณ์ในอดีต เช่น การศึกษาประวตั ิความเป็ นมาของการเกษตร โลก อาจจารึกเป็นรูปภาพไวบ้ นผนงั อาคาร ผนงั ถ้า บนั ทึกไวใ้ นเอกสาร ตารา ถ่ายทาเป็นภาพยนตร์ ไว้ ตลอดจนการเก็บรักษาไถ คราด เครื่องมือนวดขา้ วไวใ้ นพิพิธภณั ฑ์ หรือศูนยว์ ฒั นธรรมการ เกษตรซ่ึงคนรุ่นใหมจ่ ะศึกษาจากแหล่งและสื่อตา่ งๆ ดงั กล่าวได้ 2.2 การย่อขนาดวตั ถทุ ่ใี หญ่ใหเ้ ลก็ ลง เช่น การวาดภาพ การถ่ายภาพยนตร์ วีดที ศั น์ และ ภาพนิ่ง สภาพภเู ขา ป่ าไม้ แมน่ ้า พนั ธุ์สัตวไ์ วศ้ กึ ษา เป็นตน้ 2.3 การขยายขนาดวตั ถุที่เล็กให้โตข้ึน เช่น การขยายขนาดของเช้ือแบคทีเรีย เช้ือรา เซลล์ พชื เซลลส์ ัตว์ จนสามารถมาศกึ ษาได้ 2.4 การชะลอการเคลอื่ นไหว ในบางคร้ังวตั ถุส่ิงของหรือสตั วบ์ างชนิดมกี ารเคล่ือนไหว เร็ว เราสงั เกตไมท่ นั เช่น การไหลของน้า การพงั ทลายของดนิ การกระโดดของสัตวห์ รือแมลงต่างๆ เมื่อเราบนั ทึกภาพยนตร์หรือวีดที ศั น์ไวก้ ส็ ามารถจะบงั คบั เรื่องใหช้ า้ ลงได้ 2.5 การเร่งการเคลื่อนไหวของวตั ถุ สิ่งของบางอย่างเคลื่อนไหวช้ามากผูเ้ รียนอาจ สงั เกตไม่เหน็ การเคลือ่ นไหวและความแตกต่างในแต่ละช่วง เช่น การบานของดอกไม้ การขยายตวั ของเซลลพ์ ชื เซลล์สัตว์ เมื่อถ่ายภาพยนตร์ไวแ้ ลว้ กส็ ามารถเร่งความเร็ว เพื่อศกึ ษาการเคลือ่ นไหว การ พฒั นาการและการบานของดอกไมไ้ ดอ้ ย่างชดั เจน 2.6 การนาสิ่งทอี่ ยไู่ กลมาศกึ ษาได้ เชน่ การที่เกษตรกรไทยสามารถจะเรียนรูก้ ารทาการ เกษตรของเกษตรกรในต่างประเทศได้ หรือศึกษาเรื่องราวของดวงจนั ทร์และโลกอ่นื ทอ่ี ยู่ห่างไกล จากโลกมนุษยเ์ ราโดยการบนั ทึกภาพยนตร์ วดี ที ศั นห์ รือส่ิงอ่ืนๆไวแ้ ลว้ นามาศกึ ษา ในสมยั ก่อนคน ไทยไม่สามารถชมการแข่งขนั ฟุตบอลยุโรปได้ เพราะไม่มีส่ือถา่ ยทอด แต่ปัจจุบนั เรามีส่ือสารดาว วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 70
บทที่ 4 การใชส้ ่ือและโสตทศั นูปกรณใ์ นการส่งเสริมการเกษตร เทียมถ่ายทอดสดการแข่งขนั ฟุตบอลยุโรป ฟุตบอลโลก กฬี าโอลมิ ปิ ก ฯลฯ คนไทยจึงรับชมรายการ ตา่ งๆ ทางโทรทศั น์หรือรับฟังทางรายการวทิ ยุ 2.7 การนาส่ิงทซ่ี บั ซ้อนมาศกึ ษาได้ เช่น กายวภิ าคของสตั ว์และกายวภิ าคของพืช ตลอด จนโครงสรา้ งของเช้ือพนั ธุกรรม (gene) และส่วนประกอบของส่ิงมชี ีวติ การกองป๋ ยุ หมกั มคี วามซับ ซอ้ นมากยากตอ่ การศึกษา จงึ ตอ้ งทาเป็นสิ่งตา่ งๆ เช่น ภาพวาด จะช่วยใหค้ นศกึ ษาเขา้ ใจงา่ ยข้นึ 2.8 การสร้างประสบการณ์ใหม่ อาจเป็ นประสบการณ์ตรง อาทิ การลงมือทดลองทา การดูของจริง การทศั นศึกษา การชมไร่นาตวั อย่าง หรือการรบั ประสบการณ์ทางออ้ ม เช่น การชม ภาพยนตร์ วีดที ศั น์ และการชมนิทรรศการ 2.9 การสร้างความเขา้ ใจเป็ นรูปธรรม การได้รับประสบการณ์ตรง ประสบการณ์ทาง ออ้ ม หรือการรับรองเร่ืองราวต่างๆ จากสื่อ จะทาให้ผูเ้ รียนหรือเกษตรกรเกิดความคิดใหม่ และ พฒั นาไปสู่การปฏิบตั ิเป็นรูปธรรมได้ เชน่ การพฒั นาระบบการให้น้า รถไถนาแบบเดนิ ตาม ฯลฯ 2.10 การเป็ นศูนยร์ วมของความสนใจ โสตทศั นูปกรณ์บางอย่างมีท้งั ภาพสี เสียง การเคล่ือน ไหวหรือการทาสื่อประสมโดยเฉพาะสื่อสมยั ใหม่มาช่วยถ่ายทอดความรู้ หรือช่วยในการสอน เกษตรกร ทาให้เกษตรกรสนใจเน้ือหาและส่ือท่ีนาเสนอ เกษตรกรจะไม่เบื่อหน่ายจะติดตามการ สอนการอภปิ รายตลอดเวลา ดงั น้นั ประโยชน์ของโสตทศั นูปกรณท์ ใ่ี ชใ้ นการส่งเสริมการเกษตรทีม่ ี ตอ่ เกษตรกร ท้งั 10 ประการท่ีกล่าวมาน้นั สิน พนั ธุ์พินิจ ( 2544) ได้สรุปเป็ นแผนภาพที่เกี่ยวขอ้ ง สัมพนั ธก์ นั เพ่อื ความเขา้ ใจท่ชี ดั เจน ดงั ภาพที่ 4.1 วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 71
บทที่ 4 การใชส้ ่ือและโสตทศั นูปกรณ์ในการส่งเสริมการเกษตร นาเสนอเหตกุ ารณ์ในอดีต ชะลอความเคลอ่ื นไหว เร่งความเคลื่อนไหว ยอ่ ขนาด ประโยชนข์ อง นาส่ิงที่ซบั ซอ้ นมาศึกษา ขยายขนาด โสตทศั นูปกรณ์ นาส่ิงท่อี ยไู่ กลมาศกึ ษา โสตทศั นูปกรณ์ เป็นศนู ยร์ วมของความสนใจ การสร้างประสบการณ์ใหม่ สรา้ งความเขา้ ใจเป็นรูปธรรม ภำพท่ี 4.1 ประโยชนข์ องโสตทศั นูปกรณต์ อ่ เกษตรกรในงานส่งเสริมการเกษตร ทมี่ ำ: ดดั แปลงจาก สิน พนั ธุพ์ ินิจ (2544) 3. ประเภทของโสตทัศนูปกรณ์ พรชลุ ีย์ นิลวิเศษ (2551) กล่าวว่า การแบง่ ประเภทหรือชนิดของโสตทศั นูปกรณ์ สามารถ แบง่ ออกไดห้ ลายวธิ ี ข้นึ อยกู่ บั ว่าจะยึดหลกั หรือพิจารณาส่ือน้นั ๆในแงม่ มุ ใด โดยทวั่ ไปยึดหลกั ใน การแบ่ง ดงั ต่อไปน้ี 3.1 แบ่งตามลกั ษณะของการใช้ การแบ่งโดยวิธีน้ีสามารถแบ่งออกได้เป็ น 2 ประเภท ดงั น้ี 3.1.1 ประเภทที่ไม่ตอ้ งใชเ้ ครื่องมือ (non-projected visuals) หมายถึง สื่อหรืออุป กรณ์ท่ีไมต่ อ้ งใชเ้ คร่ืองมอื หรืออุปกรณ์การฉายประเภทตา่ งๆประกอบในการใช้ เช่น กระดานชอล์ก ภาพพลิก รูปภาพ ตวั อย่างของจริง เป็นตน้ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 72
บทที่ 4 การใชส้ ื่อและโสตทศั นูปกรณใ์ นการส่งเสริมการเกษตร 3.1.2 ประเภทท่ีตอ้ งใช้เคร่ืองมือ (projected visuals) หมายถึง ส่ือหรืออุปกรณ์ที่ ตอ้ งใช้เครื่องมือหรือเคร่ืองฉายประกอบ เช่น เทปบนั ทึกเสียง ฟิ ล์มสไลด์ แผ่นโปร่งใส เทปวีดีทศั น์ เป็ นตน้ 3.2 แบง่ ตามลกั ษณะของส่ือ การแบ่งโดยวธิ ีน้ีสามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น 3 ประเภท คอื 3.2.1 ประเภท เคร่ืองมือหรืออุปกรณ์ (hardware) หมายถึง ส่ือหรืออุปกรณ์ประ เภทท่ีประกอบไปด้วยกลไกไฟฟ้าหรืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น เคร่ืองฉายภาพขา้ มศีรษะ เครื่อง ฉายสไลด์ เครื่องขยายเสียง โทรทศั น์ คอมพิวเตอร์ เป็นตน้ 3.2.2 ประเภทวสั ดุ (software) หมายถึง ท้งั ส่ือท่ีส่ือความหมายไดด้ ว้ ยตวั ของมนั เอง เช่น รูปภาพ แผ่นพลิก โปสเตอร์ ของจาลอง ของจริง เป็ นตน้ และส่ือที่ไม่สามารถส่ือความ หมายไดด้ ว้ ยตวั ของมนั เอง เช่น ฟิ ลม์ สไลด์ ฟิ ลม์ ภาพยนตร์ แผน่ ดิสกข์ องคอมพวิ เตอร์ เป็นตน้ 3.2.3 ประเภทเทคนิคหรือวิธีการ (techniques or methods) หมายถึง การถา่ ยทอด ความรูห้ รือประสบการณ์ในรูปของกิจกรรม เช่น เจา้ หนา้ ทส่ี ่งเสริมตอ้ งการถ่ายทอดความรู้เก่ยี วกบั การขยายพนั ธุ์พืชดว้ ยวิธีการทาบกิ่ง เจา้ หนา้ ท่ีส่งเสริมจะตอ้ งใชส้ ่ือหลายๆอย่างประกอบกนั ไดแ้ ก่ รูปภาพ ของจริง แผ่นพลิก ฯลฯ เพ่ือประกอบการอธิบายและการแสดงการสาธิตให้เกษตรกรชม ซ่ึง จะทาให้เกษตรกรเขา้ ใจและสามารถนาไปใชป้ ฏบิ ตั ไิ ด้ 3.3 แบ่งตามหลกั ประสบการณ์ของการเรียนรู้ การแบ่งสื่อแบบน้ี พรชุลีย์ นิลวิเศษ (2551) กล่าวว่า Edgar Dales ได้จาแนกประสบการณ์ของการเรียนรู้เป็ นหลายชนิด โดยจัดให้มี ลกั ษณะของกรวยคว่า ซ่ึงเรียกว่า “กรวยประสบการณ์” (con of experiences) โดยใช้หลกั ความ ต่อเน่ืองของประสบการณ์ท่ีเป็ นรูปธรรม (concrete) และนามธรรม (abstract) ซ่ึงจัดให้ประสบ การณร์ ูปธรรมอย่ทู โี่ คนกรวย ส่วนประสบการณ์นามธรรมอยู่ทยี่ อดกรวย ตามภาพท่ี 4.2 วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 73
บทท่ี 4 การใชส้ ่ือและโสตทศั นูปกรณ์ในการส่งเสริมการเกษตร นำมธรรม (abstract) รูปธรรม (concrete) วจนะ สญั ลกั ษณ์verb นำมธรรม (abstract) al symbol ทศั นสญั ลกั ษณ์ visual symbol วทิ ยุ ภาพน่ิง แถบเสียง ภำพ (iconic) radio,still picture,tape recorder กำรกระทำ ภาพยนตร์ โทรทศั น์ (enactive) motion picture,television นิทรรศการ exhibition การศกึ ษาดูงานนอกสถานท่ี field trips การสาธิต demonstration ประสบการณน์ าฏการ dramatic participation ประสบการณจ์ าลอง contrived experiences ประสบการณต์ รง direct and purposeful experiences ภำพท่ี 4.2 กรวยประสบการณข์ อง Edgar Dale ที่มำ: ดดั แปลงจาก พรชลุ ีย์ นิลวิเศษ (2551) วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 74
บทท่ี 4 การใชส้ ื่อและโสตทศั นูปกรณใ์ นการส่งเสริมการเกษตร พรชลุ ีย์ นิลวเิ ศษ (2551) กล่าววา่ จากกรวยประสบการณข์ อง Edgar Dale อธิบายลกั ษณะ ของส่ือแต่ละชนิดได้ ดงั น้ี 3.3.1 วจนสัญลกั ษณ์ (verbal symbol) เป็ นการสื่อด้วยเสียงหรือภาษาพูด เช่น การ สอนดว้ ยการบรรยายหรืออภปิ ราย การส่ือสารดว้ ยการถา่ ยทอดความรูแ้ บบน้ี ผเู้ รียนจะไดร้ ับความรู้ และประ สบการณ์เป็ นนามธรรมมากท่ีสุด ไมเ่ หมาะสมกบั การถ่ายทอดความรู้ที่เป็นการปฏบิ ตั ิเพื่อ ใหเ้ กดิ ทกั ษะและความชานาญ 3.3.2 ทศั นสัญลกั ษณ์ ( visual symbol ) เป็ นการสื่อความหมายดว้ ยการใชเ้ ครื่อง หมายและสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น เครื่องหมายแสดงอันตรายตามฉลากสารเคมี (รูปกะโหลกไขว้) เครื่องหมายหา้ มสูบบุหร่ี เครื่องหมายจราจรบอกทิศทาง เป็นตน้ 3.3.3 วิทยุ ภาพน่ิง และแถบเสียง (radio,still picture, and tape recorder) เป็นการใช้ วทิ ยุ ภาพน่ิง และแถบเสียงในการสื่อหรือถา่ ยทอดความรู้ทาให้เกิดความเขา้ ใจและการเรียนรู้ข้ึนใน กรณีน้ีผูเ้ รียนจะใชต้ าดูภาพ ใชห้ ูฟังเสียงของเรื่องราวทเี่ กดิ ข้ึนจากสื่อตา่ งๆ สื่อแบบน้ียงั ถอื วา่ ทาให้ ผู้ เรียนเกิดประสบการณ์ในทางนามธรรม 3.3.4 ภาพยนตร์และโทรทศั น์ (motion picture,and television) เป็ นสื่อท่ีทาให้ผู้ เรียนไดย้ ินท้งั เสียงและไดเ้ ห็นท้งั ภาพทีเ่ คลื่อนไหวได้ ทาใหเ้ กิดรูปธรรมมากข้ึน 3.3.5 นิทรรศการ ( exhibition ) เป็ นการส่ือความหมายโดยใช้ภาพ วสั ดุอุปกรณ์ ต่างๆ รวมท้งั ของจริงประกอบ เพอื่ แสดงถงึ เน้ือหาสาระและข้นั ตอนตา่ งๆ ของกิจกรรมน้นั 3.3.6 การศึกษาดูงานนอกสถานท่ี (field trip) เป็นการพาผเู้ รียนไปศกึ ษาดงู านตาม ท่ีตา่ งๆ ทป่ี ระสบผลสาเร็จ เพ่ือให้ผเู้ รียนไดร้ ับความรูแ้ ละประสบการณ์จากการทไ่ี ดไ้ ปศึกษาสถาน ทจ่ี ริง 3.3.7 การสาธิต (demonstration) เป็นการแสดงวธิ ีทาและข้นั ตอนในการปฏิบตั ใิ ห้ ผเู้ รียนดู พรอ้ มท้งั บรรยายประกอบ ซ่ึงจะทาใหผ้ เู้ รียนเกิดความรู้และความเขา้ ใจมากข้ึน 3.3.8 ประสบการณ์นาฏการ ( dramatic participation ) เป็ นการถ่ายทอดโดยให้ผู้ เรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม เช่น การแสดงละครหรือบทบาทสมมุติ (roleplaying) จะทาให้ผูเ้ รียนเกิด ประสบการณแ์ ละทกั ษะในเร่ืองน้นั ๆ 3.3.9 ประสบการณ์จาลอง (contrived experiences) เป็นการเรียนรู้และหาประสบ การณ์โดยการจาลองจากของจริง เชน่ การฝึ กเกษตรกรให้รีดนมโคจากเตา้ นมยาง ซ่ึงทาจาลองข้ึน เพื่อให้เกดิ ประสบการณแ์ ละทกั ษะเม่อื ไปปฏิบตั ิของจริง 3.3.10 ประสบการณ์ตรง (direct and purposeful experiences) เป็ นการให้ลงมือทา หรือปฏิบตั ิของจริง เช่น ฝึกใหเ้ กษตรกรผสมเทยี มปลา ตอนก่งิ มะม่วง หรือการรีดนมโคจริงๆ เป็ น วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 75
บทท่ี 4 การใชส้ ื่อและโสตทศั นูปกรณใ์ นการส่งเสริมการเกษตร ตน้ วิธีการสื่อสารหรือถา่ ยทอดความรูแ้ บบน้ี จะทาให้ผูเ้ รียนหรือเกษตรกรเกิดประสบการณ์และมี ทกั ษะหรือความชานาญมากทสี่ ุด 4. โสตทัศนูปกรณ์ทส่ี ำคญั ในงำนส่งเสริมกำรเกษตร พรชุลีย์ นิลวิเศษ (2551) กล่าวว่า โสตทศั นูปกรณ์หรือสื่อการศึกษาที่สาคญั และใชอ้ ยู่ เสมอในงานส่งเสริมการเกษตร มีดงั น้ี 4.1 กระดานชอลก์ (chalkboard) เป็นโสตทศั นูปกรณ์ที่ผลิตง่าย ใชส้ ะดวกและราคาถูก สามารถใชไ้ ดก้ บั บุคคลทุกประเภท เหมาะสาหรบั การถ่ายทอดเน้ือหาทีไ่ ม่ยงุ่ ยากซับซ้อนมากนกั สิ่ง ทส่ี าคญั ที่ผใู้ ชจ้ ะตอ้ งคานึงถงึ ก็คือ จะตอ้ งเขียนให้ถกู ตอ้ ง ชดั เจน และมีขนาดใหญ่ พอที่ผเู้ รียนทุก คนมองเห็นได้ สีของชอลก์ ที่ใชเ้ ขียนจะตอ้ งเป็นสีท่ีตดั กับพ้ืนกระดาน เช่น สีขาวบนพ้ืนสีเขียว สี ขาวบนพ้ืนสีดา เป็นตน้ 4.2 แผนภูมิ (chart) เป็ นโสตทศั นูปกรณ์ท่ีใชถ้ ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับข้ันตอนและวิธี การต่างๆรวมท้งั โครงสร้างของส่ิงต่างๆ แผนภูมิใชส้ ่ือความหมายในเรื่องภาษาเขียน รูปภาพและ สัญลกั ษณ์ต่างๆ ผูส้ อนสามารถเตรียมมาก่อนการสอนได้ ส่ิงที่สาคญั ของแผนภูมิ ก็คือ จะตอ้ งมี ความถกู ตอ้ ง สวยงาม และน่าสนใจ รวมท้งั มีความชดั เจนสมบูรณ์ในตวั ผูเ้ รียนจะไดไ้ ม่เกดิ ความ สบั สนในการเรียนรู้ 4.3 แผน่ พลิก (flip charts) เป็นโสตทศั นูปกรณ์อยา่ งงา่ ยๆ มลี กั ษณะคลา้ ยกบั อลั บ้มั ภาพ ประกอบดว้ ย แผนภูมหิ ลายๆแผน่ นามาประกอบกนั และพลิกดูทลี ะแผน่ ตามข้นั ตอนของเน้ือหาโดย ปกติจะจดั ทาเป็นเร่ืองทว่ั ไป เรื่องละชดุ อาจมี 3-4 แผ่น หรือ 9-10 แผ่น แต่ไมค่ วรเกนิ 15 แผน่ 4.4 รูปภาพ (picture) เป็นโสตทศั นูปกรณท์ ใ่ี ชแ้ ทนวตั ถุจริง เพราะในบางคร้ัง เจา้ หนา้ ท่ี ส่งเสริมไม่สามารถนาของจริงหรือพาเกษตรกรไปชมของจริงได้ รูปภาพสามารถส่ือความหมาย แทนของจริงได้ และจะทาให้ผูเ้ รียนเกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจในเร่ืองน้นั ๆไดด้ กี วา่ การสอนหรือการส่ือ ด้วยการพูดหรือการบรรยายเพียงอย่างเดียว นอกจากน้ี รูปภาพยงั สามารถผลิตได้ง่าย ใช้สะดวก และสามารถเก็บไวไ้ ดน้ านอีกด้วย เชน่ รูปพนั ธุพ์ ืช พนั ธุ์สัตวต์ ่างๆ รวมท้งั ภาพกิจกรรมหรือฟาร์ม ตา่ งๆที่ประสบผลสาเร็จ 4.5 ส่ิงพิมพ์ (publications) เป็นสื่อทน่ี ิยมใชก้ ันอย่างแพร่หลาย เพราะวา่ ส่ือส่ิงพิมพน์ ้ัน สามารถนาไปใชไ้ ดอ้ ย่างกวา้ งขวางท้งั ในเมอื งและชนบท โดยไมต่ อ้ งใช้ประกอบกับเคร่ืองมือหรือ อปุ กรณท์ ี่ตอ้ งใช้ไฟฟ้า สิ่งพิมพส์ ามารถท่ีจะเก็บไวใ้ ชไ้ ดน้ านๆโดยท่ีผสู้ อนไม่ตอ้ งสอนดว้ ยตวั เองอีก แต่สิ่งพิมพ์ก็มีขอ้ จากดั ก็คือ ถา้ หากเกษตรกรมีการศึกษาต่า อ่านหนังสือไม่ออก ก็จะใช้ไม่ไดผ้ ล นอกจากน้ีส่ือสิ่งพมิ พเ์ ป็นการสื่อสารทางเดียว ดงั น้นั การผลิตสื่อส่ิงพมิ พน์ ้นั ผผู้ ลิตจะตอ้ งผลติ ให้มี วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 76
บทท่ี 4 การใชส้ ื่อและโสตทศั นูปกรณ์ในการส่งเสริมการเกษตร เน้ือหาหรือขอ้ ความถกู ตอ้ งชัดเจน อ่านแลว้ เขา้ ใจง่าย ส่ือสิ่งพิมพ์ที่นิยมใชก้ นั มากในงานส่งเสริม การเกษตรในปัจจุบัน เช่น หนังสือ วารสาร นิตยสาร หนงั สือพิมพ์ หนังสือพิมพ์กาแพง จุลสาร แผ่นพบั แผน่ ปลิว จดหมายข่าว จดหมายเวยี น เป็นตน้ 4.6 แผ่นโฆษณา (poster) เป็นส่ือท่ีดีในงานส่งเสริมการเกษตรอย่างหน่ึง มีลกั ษณะให้ ข่าวสารอย่างง่ายๆ ส้ันกะทดั รัด ประกอบด้วยรูปภาพและขอ้ ความส้ันๆ เหมาะสาหรับใช้ในการ โฆษณา ชกั ชวน หรือกระตุน้ ให้เกษตรกรเรียนรู้ หรือปฏิบตั ิอย่างใดอย่างหน่ึง เช่น โปสเตอร์ เชิญ ชวนให้เขา้ รบั การฝึกอบรม โปสเตอร์รณรงคก์ ารกาจดั หอยเชอรี่ หรือการแนะนาพชื พนั ธุใ์ หม่ เป็นตน้ 4.7 ป้ายโฆษณา (cutout) เป็ นส่ือใช้สาหรับส่ือสารคลา้ ยกับแผ่นโฆษณา แต่มีขนาด ใหญ่และลกั ษณะมน่ั คงถาวรมากกวา่ โดยทว่ั ไปป้ายโฆษณาจะทาดว้ ยแผ่นไมอ้ ดั หรือโลหะอ่ืนๆ ท่ี มลี กั ษณะเป็ นแผน่ ป้ายโฆษณามกั ใชส้ าหรบั ประกาศ เชิญชวน หรือโฆษณากิจกรรมต่างๆในงาน ส่งเสริมการเกษตร เชน่ แผนการปฏบิ ตั ิงาน ข้นั ตอนการดาเนินงาน การแสดงผลการสาธิต เป็นตน้ 4.8 แผ่นป้ายผา้ สาลี (flannel boards) เป็ นอปุ กรณ์การสอนที่สามารถใชส้ อนแสดงเน้ือ หาสาระ ภาพหรือข้นั ตอนของกิจกรรมต่างๆ แผ่นป้ายผา้ สาลีมีขอ้ ดี ก็คือ ผูส้ อนสามารถติดหรือ เปล่ยี นขอ้ ความและภาพไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว จึงเหมาะทีจ่ ะใช้ประกอบการสอนเก่ียวกบั เร่ืองราวทีม่ ีการ เปลี่ยนแปลง หรือเปรียบเทยี บสิ่งต่างๆ เป็นตน้ 4.9 ของจาลอง (model) การสื่อสารหรือการถา่ ยทอดความรู้น้นั บางคร้ังกไ็ มส่ ามารถใช้ ของจริงประกอบได้ จึงจาเป็นตอ้ งใชข้ องจาลองหรือของตวั อย่างประกอบ เพอื่ ให้เกิดความรู้ ความ เขา้ ใจยงิ่ ข้ึน ของจาลองอาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่กว่าของจริงก็ได้ เช่น หุ่นจาลองสตั วต์ ่างๆ เพ่ือใช้ ศึกษาถึงอวยั วะและระบบต่างๆของสัตว์ชนิดน้ัน หรือโมเดลจาลองระบบของเครื่องจกั รกลการ เกษตร เป็นตน้ 4.10 ของจริง (real object) นบั ว่าเป็ นโสตทัศนูปกรณ์ท่ีมีประสิทธิภาพมากท่ีสุด เน่ือง จากการเรียนรู้น้นั ถา้ หากไดเ้ รียนรู้และปฏิบตั ิจากของจริง จะทาให้ผูเ้ รียนเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะและประสบการณ์มากกว่าการเรียนรู้ด้วยสิ่งอ่ืนๆ เช่น การสอนเกษตรกรให้ตอนไก่ ถา้ หากผู้ สอนนาของจริงมาใชใ้ นการสอน เชน่ ตวั ไก่ มีดผา่ ตดั ชอ้ นตกั อณั ฑะ ทงิ เจอร์ สาลี เป็นตน้ สิ่งตา่ งๆ เหล่าน้ีเป็นของจริง เมอื่ นาส่ิงตา่ งๆเหลา่ น้ีมาใหเ้ กษตรกรไดเ้ รียนรูแ้ ละปฏิบตั ิ เกษตรกรกจ็ ะเกดิ การ เรียนรู้ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 4.11 เครื่องฉายภาพขา้ มศีรษะ (overhead projector) เป็นโสตทศั นูปกรณ์ท่ีไดร้ ับความนิยม อย่างหน่ึง ใช้ถ่ายทอดความรู้ในลกั ษณะการบรรยาย เนื่องจากเป็ นส่ือท่ีใช้แทนส่ืออ่ืนๆได้หลาย ชนิด เช่น กระดานชอลก์ รูปภาพ แผน่ พลิก แผนภูมิ เป็นตน้ เนื่องจากสามารถนาเน้ือหาสาระหรือ ข้อมูลข่าวสารจากส่ือต่างๆ เหล่าน้ันมาเขียนหรือวาดลงบนแผ่นโปร่งใส (transparency) ได้ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 77
บทที่ 4 การใชส้ ื่อและโสตทศั นูปกรณใ์ นการส่งเสริมการเกษตร นอกจากน้ี การนาเสนอดว้ ยเครื่องฉายภาพขา้ มศีรษะมีขอ้ ดี ก็คือ ผูส้ อนสามารถเตรียมมาลว่ งหนา้ ได้ สามารถตรวจสอบความถูกตอ้ งกอ่ นสอน และถา้ เกิดความผดิ พลาดกส็ ามารถแก้ไขหรือเพมิ่ เติมลง ไปไดง้ ่าย ขอ้ ดอี ีกประการหน่ึง กค็ ือ ดึงดูดความสนใจได้ รวมท้งั ผูส้ อนสามารถสังเกตความสนใจ และพฤติกรรมของผเู้ รียนไดด้ ว้ ย 4.12 เทปบนั ทึกเสียง (tape recorder) มีความจาเป็นตอ่ งานส่งเสริมการเกษตรเพราะวา่ ใน บางคร้ังไม่สามารถพาเกษตรกรไปฟังการบรรยายจากนกั วชิ าการ หรือผเู้ ช่ียวชาญในบางสาขาไดจ้ ึง จาเป็ นต้องมีการบนั ทึกเสียงเพื่อนามาเปิ ดให้เกษตรกรฟัง นอกจากน้ีเทปบันทึกเสียงยงั จาเป็ น สาหรบั การบนั ทึกการประชุม สัมมนา การบรรยาย และการอภิปรายตา่ งๆ ดว้ ย 4.13 เคร่ืองขยายเสียงและเคร่ืองขยายเสียงแบบมือถอื (amplifier and megaphone) ระบบ การขยายเสียงจดั วา่ เป็นส่ือที่มีความจาเป็นต่องานส่งเสริมการเกษตร เน่ืองจากการถ่ายทอดความรู้ ในบางคร้งั หรือบางวธิ ีการน้นั มจี านวนผูเ้ รียนหรือเกษตรกรจานวนมาก เชน่ การประชมุ สัมมนาจงึ จาเป็ นตอ้ งใช้เครื่องขยายเสียง เพื่อให้การพูดหรือการบรรยายน้ันได้ยินอย่างทว่ั ถึง การใช้เคร่ือง ขยายเสียงนับวา่ เป็นการกระตนุ้ ใหผ้ เู้ รียนเกิดความต่นื ตวั และสนใจตอ่ การเรียนอยูเ่ สมอ เพราะวา่ ผู้ สอนสามารถท่จี ะปรบั ระดบั เสียงให้เหมาะสมได้ ซ่ึงจะเป็นการกระตุน้ ให้ผูเ้ รียนสนใจในบทเรียน มากข้ึน 4.14 วทิ ยุกระจายเสียง (radio) ปัจจบุ นั วิทยกุ ระจายเสียงไดเ้ ขา้ มามีบทบาทตอ่ การดาเนิน งานส่งเสริมการเกษตรเป็ นอย่างมาก เนื่องจากวิทยุกระจายเสียงสามารถส่งหรือเผยแพร่ขอ้ มูลข่าว สารไปยงั ภมู ภิ าคต่างๆ ของประเทศไดอ้ ยา่ งทว่ั ถึง ไม่ว่าจะเป็นทอ้ งถน่ิ ทรุ กนั ดารหรือทอ้ งถิ่นท่ไี ม่มี ไฟฟ้าใชก้ ็ตามกย็ งั สามารถใชแ้ บตเตอรี่ (ถ่านไฟฉาย) ได้ รวมท้งั เกษตรกรของประเทศแทบทกุ หลงั คาเรือนมวี ิทยุกนั การส่งเสริมการเกษตรโดยใชว้ ทิ ยุกระจายเสียงน้นั เป็นการส่ือสารทางเดยี วอาจไม่ เหมาะสมกบั กิจกรรมทต่ี อ้ งใชท้ กั ษะหรือความชานาญ เพราะถา้ หากเกษตรกรไมเ่ ขา้ ใจก็ไมส่ ามารถ จะสอบถามได้ แต่ถา้ ในกรณีเกดิ ปัญหาเร่งดว่ น เช่น เกิดโรคระบาด หรือเกิดภาวะภยั พิบตั ิ การใช้ วิทยกุ ระจายเสียงจะสามารถแกไ้ ขปัญหาไดท้ นั เหตุการณ์ 4.15 ภาพยนตร์ (motion picture or film) เป็ นสื่อการสอนที่มีประสิทธิภาพสูง เน่ืองจาก ภาพยนตร์น้นั ทาให้ผูเ้ รียนไดเ้ ห็นภาพที่เคล่ือนไหวเหมอื นกบั การกระทาจริงตามธรรมชาติ พรอ้ ม ท้งั มเี สียงพูดประกอบด้วย แต่เดิมภาพยนตร์ได้รับความนิยมมากในงานส่งเสริมการเกษตร เพราะ ผสู้ อนจะนามาฉายให้เกษตรกรดู ทาให้เกษตรกรมีความสนใจมากกว่าการสอนดว้ ยตนเอง แต่ใน ปัจจุบนั น้ีความนิยมในการนาภาพยนตร์มาใช้ลดน้อยลง เน่ืองจากการผลิตภาพยนตร์น้นั ข้นั ตอน ยุง่ ยากและตน้ ทุนสูงท้งั เคร่ืองฉายกม็ รี าคาแพงดว้ ย วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 78
บทท่ี 4 การใชส้ ่ือและโสตทศั นูปกรณใ์ นการส่งเสริมการเกษตร 4.16 โทรทศั น์และเทปวีดีทศั น์ (television and video recorder) เป็ นส่ือท่ีมีคุณภาพ และ ประสิทธิภาพสูง และนิยมใช้กนั มากท่ีสุดชนิดหน่ึงในปัจจุบนั เน่ืองจากเป็ นส่ือที่ให้ท้งั เสียงและ ภาพท่ีเคล่ือนไหวเหมอื นของจริง นอกจากน้ี การผลติ และการใชก้ ง็ า่ ยและสะดวกกวา่ และยงั มีราคา ถกู กว่าดว้ ยเม่ือเทียบกับภาพยนตร์ ในบางทอ้ งท่ีเกษตรกรจะมีโทรทศั นแ์ ละวีดีทศั น์อยู่พร้อมแลว้ เพียงแต่ผูส้ อนนาตลบั เทปไปก็สามารถใชใ้ นการถ่ายทอดความรู้ได้ จึงทาให้ท้งั หน่วยงานท้งั ของ ทางราชการและภาคเอกชนผลติ สารคดีเน้ือหาความรู้ทางการเกษตรดว้ ยเทปวดี ที ศั นก์ นั อย่างแพร่หลาย ในปัจจุบนั เช่น รายการข่าวเกษตรกรของช่อง 7 รายการไม่ลองไมร่ ูข้ องช่อง 9 รายการเกษตรดนิ ดา น้าช่มุ ของช่อง 5 เป็นตน้ 4.17 คอมพิวเตอร์ (computer) เป็ นส่ือท่ีมีประสิทธิภาพสูง เน่ืองจากสามารถนามาใช้ ประกอบการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะคอมพิวเตอร์เป็ นส่ือผสม (multi-media) คอื สามารถให้ท้งั ภาพและเสียง และผสู้ อนสามารถป้อนขอ้ มูลตา่ งๆเขา้ ไปไดต้ ามความตอ้ งการของ ผูส้ อน ซ่ึงนบั ว่าขณะน้ีมคี วามสาคญั มากในงานส่งเสริมการเกษตร เพราะสามารถใช้แทนส่ือชนิด อื่นๆไดห้ ลายชนิด รวมท้งั สามารถนามาผลติ ส่ือชนิดอน่ื ได้ เช่น แผน่ โปร่งใส รูปภาพ แผนภูมิ แผ่น พลกิ เป็นตน้ ดงั น้นั คอมพิวเตอร์จึงนบั ว่าเป็นส่ือทีม่ ีความสาคญั มากในปัจจุบนั 5. ข้อดีและข้อจำกัดของโสตทศั นูปกรณ์ชนดิ ต่ำงๆ โสตทศั นูปกรณท์ ่ีนิยมใชใ้ นงานส่งเสริมการเกษตรชนิดต่างๆ ทก่ี ล่าวมาต่างก็มีขอ้ ดีและ ขอ้ จากดั ทแ่ี ตกต่างกนั บางชนิดอาจเหมาะสมในการใช้กับงานส่งเสริมการเกษตรประเภทหน่ึงแต่ อาจไมเ่ หมาะสมกบั งานส่งเสริมการเกษตรอีกประเภทหน่ึงกไ็ ด้ ดงั น้นั วลั ลภ พรหมทอง (2541) ได้ สรุปขอ้ ดีและขอ้ จากดั ของโสตทศั นูปกรณ์แต่ละชนิด เพื่อความเขา้ ใจทช่ี ดั เจนไวต้ ามตารางที่ 4.1 ดงั น้ี วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 79
บทท่ี 4 การใชส้ ื่อและโสตทศั นูปกรณ์ในการส่งเสริมการเกษตร ตำรำงท่ี 4.1 ขอ้ ดีและขอ้ จากดั ของโสตทศั นูปกรณช์ นิดตา่ งๆ ชนดิ ของ ข้อดี ข้อจำกดั โสตทัศนปู กรณ์ 1. กระดานชอลก์ 1.ใชง้ ่ายสะดวก ใชไ้ ดท้ ้งั ภายในและนอก 1. หากเขียนตวั อกั ษรไมส่ วยงาม 2. แผนภูมิ หอ้ ง จะทาใหไ้ มน่ ่าสนใจ 3. แผ่นพลิก 2.ไมต่ อ้ งใชไ้ ฟฟ้า 2. ไมส่ ามารถเตรียมการสอนมา 4. รูปภาพ 5. ส่ิงพมิ พ์ ลว่ งหนา้ ได้ ทาใหผ้ ดิ พลาดไดง้ า่ ย 6. แผ่นโฆษณา 3. ขณะที่เขยี นผสู้ อนจะหันหลงั ใหผ้ เู้ รียน 1. ผลติ ง่ายราคาถูก 1. ใชก้ บั กลมุ่ คนจานวนมากไมไ่ ด้ 2. สามารถเขียนหรือเตรียมมาลว่ งหนา้ ได้ 2. ถา้ หากเขียนไม่สวย ภาพไมด่ ี 3. แสดงข้นั ตอนเน้ือหาทาให้ผเู้ รียนเขา้ ใจ จะทาใหผ้ เู้ รียนไมส่ นใจ ไดด้ ี 1. แสดงข้นั ตอนความสาคญั เน้ือหาไดด้ ี 1. การจดั ทาตอ้ งใชค้ วามรู้ทาง 2. เหมาะสาหรับการเรียนดว้ ยตนเอง ศิลปะสูง 2. ใชก้ บั กลุ่มคนจานวนมากไมไ่ ด้ 1. แสดงแทนของจริงไดด้ ี 1. มีขนาดเลก็ 2. ผลิตง่าย ราคาถูก 2. เป็นภาพที่เคล่อื นไหวไม่ได้ 3. น้าหนกั เบา เก็บรกั ษางา่ ย 1. สามารถผลติ ไดเ้ ป็นจานวนมากใชไ้ ด้ 1.ไม่เหมาะกบั เกษตรกรทม่ี ีการ กบั บคุ คลอย่างกวา้ งขวางแพร่หลาย ศึกษานอ้ ย 2. สามารถศึกษาไดห้ ลายคร้ัง 2. ตน้ ทุนการผลติ มรี าคาสูง 3. เก็บรักษาไวไ้ ดน้ าน 3. ขอ้ มูลลา้ สมยั ง่าย 1. นาไปใชไ้ ดส้ ะดวกทุกสถานท่ี 1. ตน้ ทุนการผลติ มรี าคาสูง 2. เป็นส่ือทีม่ ีท้งั รูปภาพและขอ้ ความ 2. ไม่เหมาะสาหรบั เรื่องที่มี ส้ันๆ เขา้ ใจไดง้ า่ ย รายละเอียดมากๆ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 80
บทที่ 4 การใชส้ ่ือและโสตทศั นูปกรณใ์ นการส่งเสริมการเกษตร ตำรำงท่ี 4.1 ขอ้ ดแี ละขอ้ จากดั ของโสตทศั นูปกรณ์ชนิดต่างๆ (ตอ่ ) ชนดิ ของ ข้อดี ข้อจำกดั โสตทศั นปู กรณ์ 7. ป้ายโฆษณา 1. มขี นาดใหญ่สามารถมองเหน็ ไดช้ ดั เจน 1. ตน้ ทุนการผลิตมรี าคาสูง 2. ใชไ้ ดด้ ีกบั งานเผยแพร่ประชาสมั พนั ธ์ 2. การผลิตยงุ่ ยากจะตอ้ งใชค้ วามรู้ เร่งดว่ น ความชานาญทางดา้ นศลิ ปะสูง 8. แผ่นป้ายผา้ สาลี 1. ชว่ ยดงึ ดดู ความสนใจของผเู้ รียน 1. ตน้ ทุนการผลติ มรี าคาสูง 2. เหมาะสาหรบั แสดงเน้ือหาที่มคี วาม 2. นาไปใชใ้ นที่ตา่ งๆไม่สะดวก เก่ยี วพนั เป็นข้นั ตอน 3. สามารถแสดงการเคลอ่ื นไหวบน กระดานได้ 4. กลุ่มเป้าหมายสามารถมสี ่วนร่วมใน กจิ กรรมได้ 9. ของจาลอง 1. เหมาะสาหรับการแสดงส่ิงท่ีไม่ 1. ตอ้ งอาศยั ความชานาญในการผลิต สามารถมองเห็นได้ เช่น การแสดง 2. ส่วนมากราคาแพง อวยั วะภายในของสตั วต์ ่างๆ 3. ชารุดเสียหายงา่ ย 2. เป็นสื่อสามมิตลิ กั ษณะเหมอื นของจริง สามารถจบั ตอ้ งได้ 3. ช่วยทาใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ได้ 10. ของจริง 1. ผเู้ รียนเกดิ การเรียนรู้และประสบการณ์ 1. บางคร้งั หาของจริงไดย้ าก ไดด้ ี 2. ของจริงบางอยา่ งเสียหายง่าย 2. สัมผสั ไดด้ ว้ ยสัมผสั ท้งั ห้า 3. เกดิ ทกั ษะความชานาญและจาไดน้ าน 11. เครื่องฉายภาพ 1. ผสู้ อนสามารถเตรียมมาล่วงหนา้ ได้ 1. เคร่ืองมรี าคาแพง ขา้ มศรี ษะ 2. ใชไ้ ดก้ บั ผเู้ รียนกลุ่มใหญ่ 2. ตอ้ งใชป้ ระกอบกบั ไฟฟ้า 3. ผสู้ อนหนั หนา้ เขา้ หาผเู้ รียนตลอดเวลา 3. ถา้ ผใู้ ชไ้ มม่ ที กั ษะจะทาใหผ้ เู้ รียน ไมส่ นใจ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 81
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186