Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E-Book วิชาหลักการส่งเสริมการเกษตร

E-Book วิชาหลักการส่งเสริมการเกษตร

Published by angsana.kung2507, 2020-05-14 04:08:58

Description: E-Book วิชาหลักการส่งเสริมการเกษตร

Search

Read the Text Version

บทที่ 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร 10. ผลทค่ี ำดว่ำจะได้รับ 10.1 เกษตรกร แม่บา้ นเกษตรกร ชาวประมง และผูส้ นใจทวั่ ไปไดร้ ับความรู้ด้านการ ประมง และดา้ นการแปรรูปสตั วน์ ้าตามหลกั สูตรท่จี ดั ฝึกอบรม 10.2 เกษตรกร แม่บา้ นเกษตรกร ชาวประมง และผูส้ นใจทว่ั ไปสามารถนาความรู้ท่ี ไดร้ บั ไปใชใ้ นการพฒั นาอาชีพและปรบั ปรุงคณุ ภาพผลผลิตให้ดขี ้นึ ได้ 11. กำรติดตำมและกำรประเมนิ ผลโครงกำร 11.1 ประเมนิ ผลความพึงพอใจของผูเ้ ขา้ รบั การฝึกอบรมหลงั สิ้นสุดการฝึกอบรม 11.2 ตดิ ตามประเมินผลหลงั การฝึกอบรม ลงชื่อ...............................................ผเู้ สนอโครงการ (นายชศู กั ด์ิ ทองแกมแกว้ ) หัวหนา้ งานโครงการพเิ ศษและบริการชุมชน ลงชื่อ..............................................ผตู้ รวจโครงการ (นายวรี ะ กาฬสิงห)์ รองผอู้ านวยการฝ่ายพฒั นากิจการนกั เรียนนกั ศกึ ษา ลงชื่อ..............................................ผอู้ นุมตั โิ ครงการ (นายเสริมศกั ด์ิ นิลวลิ ยั ) ผูอ้ านวยการวิทยาลยั ประมงตณิ สูลานนท์ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 130

บทที่ 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร สรุป การวางแผนโครงการส่งเสริมการเกษตร คือ การวิเคราะห์สถานการณ์ ปัจจยั แวดลอ้ มที่ เก่ยี วขอ้ งกบั การประกอบอาชีพการเกษตรของเกษตรกร ต้งั แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั โครงการส่งเสริม การเกษตร เป็ นเครื่องมือสาคญั ในการนาการเปล่ียนแปลงไปสู่เกษตรกร ซ่ึงการวางแผนโครงการ ส่งเสริมการเกษตรทด่ี ีจะตอ้ งตรงกบั ความตอ้ งการและสามารถแกป้ ัญหาของเกษตรกรได้ ซ่ึงในการ วางโครงการส่งเสริมการเกษตรจะประกอบไปดว้ ยข้นั ตอนตา่ งๆ 5 ข้นั ตอน คอื ข้นั การเกบ็ รวบรวม ขอ้ มลู และวิเคราะหส์ ภาพการณ์ ข้นั การต้งั วตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายของโครงการ ข้นั การทาแผน ปฏิบตั ิงาน ข้นั การดาเนินงานตามแผน และข้นั การประเมินและติดตามผล โดยการเขยี นโครงการ ในการส่งเสริมการเกษตร มีองคป์ ระกอบหรือสาระสาคญั ตามหัวขอ้ ได้แก่ ช่ือโครงการ หลกั การ และเหตผุ ล วตั ถปุ ระสงค์ เป้าหมาย ระยะเวลาดาเนินการโครงการ สถานทด่ี าเนินการ วธิ ีดาเนินการ ผรู้ บั ผิดชอบโครงการ งบประมาณ ผลท่ีคาดว่าจะไดร้ บั และการประเมนิ ผลโครงการ คำถำมท้ำยบท ให้นกั ศึกษำตอบคำถำมต่อไปนี้ให้ได้ใจควำมสมบูรณ์ 1. จงอธิบายความหมายของการวางแผนโครงการส่งเสริมการเกษตรมาใหถ้ ูกตอ้ ง 2. จงบอกความสาคญั ของการวางแผนโครงการส่งเสริมการเกษตรมาใหถ้ กู ตอ้ ง 3. จงอธิบายข้นั ตอนการวางแผนงานส่งเสริมการเกษตรมาให้ถูกตอ้ ง 4. จงอธิบายข้นั ตอนในการวางแผนและปัญหาในการวางแผนงานส่งเสริมการเกษตรมา ให้ถูกตอ้ งได้ 5. จงอธิบายแนวทางการวางแผนงานส่งเสริมการเกษตรระดบั ทอ้ งถน่ิ มาให้ถูกตอ้ ง วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 131

บทท่ี 6 การวางแผนโครงการในการส่งเสริมการเกษตร เอกสำรอ้ำงอิง บญุ ธรรม จติ ตอ์ นนั ต.์ 2540. ส่งเสริมกำรเกษตร. พิมพค์ ร้งั ที่ 2. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. ผอ่ งพรรณ ตรยั มงคลกุล, ประสงค์ ตนั พิชยั และ สนั ติ ศรีสวนแตง. 2544. บทสะทอ้ นการปรับตวั ของชาวนาไทยในท่ีราบลุม่ ภาคกลาง. วำรสำรเกษตรศำสตร์. 22: 1-13. วจิ ิตร อาวะกุล. 2535. หลกั กำรส่งเสริมกำรเกษตร. กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นาพาณิชย.์ วลั ลภ พรหมทอง. 2541. หลกั และวิธกี ำรส่งเสริมกำรเกษตร. กรุงเทพฯ: ฟิ สิกส์เซนเตอร์. สมชยั ศรีสุทธิยากร. 2546. กำรวำงแผนกลยทุ ธ์. กรุงเทพฯ: เธิร์ดเวฟ เอด็ ดเู คชน่ั . สิน พนั ธุพ์ นิ ิจ. 2544. กำรส่งเสริมกำรเกษตร. กรุงเทพฯ: รวมสาสน์ . . 2556. หลกั และวิธกี ำรส่งเสริมกำรเกษตร. (ออนไลน)์ . แหล่งที่มา: www.kmitl.ac.th วนั ที่สืบคน้ วนั ที่ 30 กนั ยายน 2558. สมพศิ สุขแสน. 2547. กำรประเมนิ ผลโครงกำร. อตุ รดติ ถ:์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุตรดติ ถ.์ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 132

บทท่ี 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร

บทที่ 7 การประเมินผลการส่งเสริมการเกษตร บทที่ 7 กำรประเมนิ ผลกำรส่งเสริมกำรเกษตร จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม เมือ่ นกั ศึกษาเรียนจบบทเรียนน้ีแลว้ นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายความหมายและความสาคญั ของการประเมนิ ผลงานส่งเสริมการเกษตรได้ 2. อธิบายประเภทของการประเมนิ ผลงานส่งเสริมการเกษตรได้ 3. อธิบายองคป์ ระกอบสาคญั ของการประเมนิ ผลงานส่งเสริมการเกษตรได้ 4. อธิบายข้นั ตอนการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตรได้ 5. บอกองคป์ ระกอบในการจดั ทารายงานการประเมินผลได้ 6. อธิบายแนวทางการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตรได้ บทนำ ปัจจุบนั การประเมินผลเป็ นเคร่ืองมอื ที่สาคญั ของฝ่ ายบริหารท้งั ภาครฐั และภาคเอกชน มี บทบาทในการตรวจสอบและตดั สินคุณค่าในทุกข้นั ตอนของกระบวนการวางแผนงาน ช่วยให้ผู้ บริหารทราบสถานการณก์ อ่ นการดาเนินงาน ทราบปัญหาอปุ สรรคการใชป้ ัจจยั ตา่ งๆของโครงการ ทราบความกา้ วหนา้ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และผลกระทบของโครงการ สามารถนาผลของการ ประเมินไปประกอบการตดั สินใจในการบริหารโครงการอย่างถูกตอ้ ง แม่นยาและรวดเร็วย่ิงข้ึน นอกจากน้ียงั ชว่ ยในการปรบั ปรุงและพฒั นางานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไปเป็ นอยา่ ง มาก งานส่งเสริมการเกษตรซ่ึงเป็ นงานท่ีต้องการการปรับปรุ งและพัฒนางานให้เหมาะสมสอด คลอ้ งกบั สถานการณ์และสภาพแวดลอ้ มท่ีเปลยี่ นแปลงไปตลอดเวลา จงึ มีความตอ้ งการดาเนินการ ดา้ นการประเมนิ ผลเป็นอยา่ งยิ่ง เนื้อหำ 1. ควำมหมำยของกำรประเมินผลงำนส่งเสริมกำรเกษตร คาวา่ การประเมนิ ผล (evaluation) หมายถึง กระบวนการท่ีจดั ทาข้ึนอย่างมรี ะบบและมี วตั ถุประสงคท์ ่ีแน่ชดั เพอื่ พิจารณาความเชื่อมโยงของประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และผลสาเร็จของ กิจกรรมต่างๆ ที่มุ่งให้บรรลุวตั ถุประสงคข์ องกิจกรรมน้นั ๆ นอกจากน้ัน การประเมินผลยงั เป็ น วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 133

บทท่ี 7 การประเมินผลการส่งเสริมการเกษตร กระบวนการท่ีช่วยให้ฝ่ ายจดั การโครงการนาไปใชป้ รับปรุงแกไ้ ขกิจกรรมต่างๆ ที่อยู่ในระหว่าง ดาเนินโครงการและเมื่อส้ินสุดโครงการ โดยมีการเปรียบเทียบเหตุการณ์ก่อนและหลงั โครงการ ตลอดจนตรวจสอบประสิทธิภาพการใชป้ ัจจยั และคณุ ภาพของผลผลติ หรือประสิทธิผลที่ไดร้ ับ โดย มีเกณฑ์ (criteria) ท่ีกาหนดไวเ้ พื่อการตดั สินใจ นอกจากน้ียงั มีนักวิชาการหลายท่าน ได้อธิบาย ความหมายของคาวา่ การประเมนิ ผลไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี วลั ลภ พรหมทอง (2541) กล่าวว่าการประเมินผล หมายถึง กระบวนการพิจารณาและ ตรวจสอบว่าไดม้ ีการทาอะไรสาเร็จไปบา้ ง ผลท่ไี ดร้ ับเป็นอยา่ งไร โดยเปรียบเทยี บกบั วตั ถุประสงค์ และเป้าหมายที่ต้งั ไว้ ผลท่ีไดร้ ับดีหรือไม่ดอี ย่างไร รวมท้งั พิจารณาในเร่ืองปัญหาอุปสรรค ตลอด จนทรพั ยากรท่ีใชใ้ นการดาเนินกจิ กรรมโครงการน้นั ๆ วิจิตร อาวะกลุ (2535) กล่าวว่าการประเมินผล หมายถึง กระบวนการพิจารณา วินิจฉัย เพ่ือให้ทราบว่าการกระทากิจกรรมหรืองานตา่ งๆ ทเี่ ราไดท้ าไปน้นั เกดิ ผลอย่างไร โดยการสังเกต เก็บขอ้ มูลตวั เลขของผลท่ีออกมาน้นั แลว้ นามาเปรียบเทียบหรือวดั กับเกณฑ์ หรือมาตรฐานที่เรา มี อยหู่ รือต้งั ข้ึน จากน้นั เราก็ตดั สินและสรุป คอื ตดั สินใจวา่ ดหี รือต่ากว่ามาตรฐานมากนอ้ ยเพียงใด จากความหมายของการประเมนิ ผลดงั กล่าวขา้ งตน้ จะพบว่าความหมายเหล่าน้นั จะกล่าวถึง การประเมินผลในลกั ษณะสาคญั 3 ประการ คือ เป็ นกระบวนการในการศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มูล เป็ น การตีคา่ หรือหาความหมายของขอ้ มลู น้นั ๆในการเปรียบเทียบกบั กฎเกณฑท์ ี่กาหนดไว้ และเป็นการ ดาเนินการอยา่ งมหี ลกั เกณฑแ์ ละเป็นระบบ นอกจากน้ี สุนนั ท์ สีสงั ข์ และสินีนุช ครุฑเมอื ง (2547) กล่าวว่า คาวา่ การประเมินผลยงั มคี าที่มีความหมายทเี่ กย่ี วขอ้ งและใกลเ้ คยี งกนั ดงั น้ี การประเมิน(assessment)หมายถงึ กระบวนการท่ีประกอบดว้ ยเทคนคิ ตา่ งๆในการรวบรวม และสังเคราะห์ขอ้ มลู ใหอ้ ย่ใู นรูปทีส่ ามารถตคี วามได้เพอื่ ใชเ้ ป็นพ้ืนฐานในการนาไปสู่ข้นั การประเมิน เทคนิคทีใ่ ช้ ไดแ้ ก่ การทดสอบ การตอบแบบสอบถาม และเทคนิคการรวบรวมขอ้ มูลหรือการวดั การตดิ ตามผล (follow up) เป็นการประเมนิ ในลกั ษณะหน่ึง ท่ีกระทาหลงั จากที่ไดด้ าเนิน งานตามโครงการสิ้นสุดลงแลว้ ระยะหน่ึงเช่น มีการตดิ ตามผลโดยทง้ิ ชว่ งเวลาหลงั จากโครงการส้ิน สุดแลว้ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี เป็ นตน้ เพอ่ื ติดตามดวู ่าการดาเนินงานตามโครงการเป็ นไปตาม วตั ถปุ ระสงคท์ ่ีวางไวห้ รือไม่ และมีผลกระทบอะไรตามมาบา้ ง เน่ืองจากโครงการหรือกจิ กรรมบาง อย่างอาจตอ้ งทิ้งช่วงเวลา หลงั จากโครงการสิ้นสุดลงสักระยะหน่ึง จึงจะสามารถเห็นผลงานได้ อย่างชดั เจน หรือเหน็ ผลกระทบที่เกดิ จากโครงการได้ การกากบั งานหรือควบคุมงาน (monitoring) เป็ นการรวบรวมข้อมูลต่างๆที่เกิดข้ึนจาก การปฏบิ ตั ิงานตามโครงการโดยการเฝ้าดู สงั เกต หรือตรวจสอบจากรายงานเพื่อควบคุมการปฏบิ ตั ิตาม วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 134

บทที่ 7 การประเมินผลการส่งเสริมการเกษตร โครงการให้เป็นไปตามแผนทีไ่ ดก้ าหนดไวอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ และทนั เวลาโดยเนน้ ท่ีการจดั สรร ทรัพยากร การใชท้ รัพยากรการปฏบิ ตั ิงานตามที่กาหนดไวใ้ นแผน ใหท้ นั กบั ชว่ งเวลาทีก่ าหนดไว้ เพ่ือนาขอ้ มูลทไี่ ดม้ าใชก้ ากบั งานหรือควบคมุ งานใหต้ รงตามแผนและเวลาทีก่ าหนดไว้ การตีคา่ หรือตดั สินคณุ ค่า (appraisal) เป็นกระบวนการตดั สินเพือ่ การยอมรับ ปกตจิ ะใช้ การตัดสินใจของผูเ้ ช่ียวชาญ เช่น การประเมินโครงการก่อนการอนุมตั ิให้ทา หรือการพิจารณา อนุมตั ใิ หท้ ุนดาเนินโครงการต่างๆ การประเมินราคาที่ดิน เป็ นตน้ ซ่ึงผูเ้ ชี่ยวชาญในแต่ละดา้ นจะมี เกณฑก์ ารประเมนิ ทเ่ี ป็นลกั ษณะเฉพาะตน เฉพาะกลุ่ม หรือเฉพาะเรื่อง การประเมินผลโครงการ ( program evaluation ) เป็ นกระบวนการในการเก็บรวบรวม ขอ้ มลู และวิเคราะห์ขอ้ มูลของการดาเนินโครงการ และพจิ ารณาให้ทราบถึงจุดเดน่ หรือจดุ ดอ้ ยของ โครงการน้นั อย่างมรี ะบบแลว้ ตดั สินใจว่าจะปรับปรุงแก้ไขโครงการน้นั เพ่อื การดาเนินงานต่อไป หรือจะยุตกิ ารดาเนินงานโครงการน้ันลง นอกจากน้ีคาว่า การประเมนิ ผลโครงการยงั มีนกั วิชาการ อีกหลายท่านไดใ้ หค้ วามหมายไวด้ งั น้ี เยาวดี วิบูลยศ์ รี (2551) กล่าวว่า การประเมินโครงการ หมายถึง กระบวนการรวบรวม และวเิ คราะห์ขอ้ มูลอยา่ งเป็นระบบ เพอื่ สรุปผลวา่ โครงการน้นั ๆไดบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ เป้าหมายและมี ประสิทธิภาพเพียงใด สมหวงั พิริยานุวฒั น์ (2544) กล่าวว่า การประเมินโครงการ หมายถึง กระบวนการท่ี กอ่ ใหเ้ กิดสารนิเทศในการปรบั ปรุงโครงการ และสารนิเทศในการตดั สินผลสมั ฤทธ์ิของโครงการ จากความหมายของการประเมินผลดังกล่าวขา้ งต้น สมศักด์ิ สุริโย และนที ขลิบทอง (2542) ไดส้ รุปความหมายของการประเมนิ ผลงานส่งเสริมการเกษตรไวว้ า่ เป็นการพิจารณาค่าความ สาเร็จในการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตร ดว้ ยการนาเอาผลท่ีไดจ้ ากการดาเนินงานมาเปรียบเทยี บ กบั วตั ถปุ ระสงค์และเป้าหมายทก่ี าหนดไว้ ดว้ ยวิธีการรวบรวม เปรียบเทียบ วิเคราะห์ และตีความ ขอ้ มูลอยา่ งเป็นระบบและมกี ฎเกณฑ์ โดยมลี กั ษณะสาคญั 5 ประการคอื 1.1 เป็ นการพิจารณาผลของการส่งเสริมการเกษตรอันได้แก่ การถ่ายทอดความรู้ ทางการเกษตรให้แก่เกษตรกรว่าสามารถทาให้เกษตรกรยอมรับและมีการเปล่ียนแปลงโดยการ นาไปใชป้ ฏบิ ตั มิ ากนอ้ ยอย่างไร โดยเปรียบเทยี บกบั วตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายที่กาหนดไว้ 1.2 เป็นกระบวนการในการศกึ ษาขอ้ มูลในส่วนทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การถ่ายทอดความรู้ทาง การเกษตร ท้งั ในด้านผูถ้ ่ายทอดองค์ความรู้ กระบวนการถ่ายทอดและผลท่ีเกิดข้ึนกบั ผูร้ ับการถ่าย ทอด 1.3 เป็นการดาเนินการอย่างเป็ นระบบโดยเนน้ เกณฑใ์ นการพจิ ารณาเปรียบเทยี บการเปลีย่ น แปลงทเี่ กิดข้ึนจากการส่งเสริมการเกษตรในแตล่ ะช่วงเวลา วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 135

บทที่ 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร 1.4 เป็ นการประเมินผลในลกั ษณะการประเมินผลโครงการ โดยเน้นประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลในการดาเนินโครงการส่งเสริมการเกษตรแตล่ ะโครงการ 1.5 เป็ นการศึกษาปัญหาอุปสรรคในการดาเนินการส่งเสริมการเกษตร รวมท้งั ผลกระ ทบที่เกดิ ข้นึ เพ่ือนาไปใชใ้ นการปรบั ปรุงแกไ้ ข และพฒั นาการดาเนินการให้เหมาะสมย่ิงข้นึ ต่อไป 2. ควำมสำคัญของกำรประเมนิ ผลงำนส่งเสริมกำรเกษตร การประเมนิ ผลงานส่งเสริมการเกษตรมีความสาคญั ต่อการดาเนินการส่งเสริมการเกษตร ในเร่ืองต่างๆ ดงั น้ี 2.1 ทาให้ทราบผลสัมฤทธ์ิในการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรท่ีผ่านมาว่าเป็นอย่างไร ท้งั น้ีจะไดม้ ขี อ้ มลู ในการพจิ ารณาตดั สินใจการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรในโอกาสต่อไป 2.2 ทาให้ทราบผลท่เี กิดข้นึ จากการปฏิบตั ิงานว่าเม่ือไดด้ าเนินงานไปแลว้ จะมผี ลอะไร เกดิ ข้ึนบา้ ง ผลทไ่ี ด้คมุ้ ค่ากบั การลงทนุ ในการดาเนินงานน้นั หรือไม่ และผลท่ีไดม้ ผี ลกระทบต่อสิ่ง ตา่ งๆ อย่างไร 2.3 ทาให้สามารถวิเคราะห์เหตุของความสาเร็จหรือความลม้ เหลวในการดาเนินงานท่ี ผ่านมา ท้ังน้ีเพื่อจะได้นามาใช้เป็ นข้อคิดในการพัฒนาและปรับปรุงการดาเนินงานน้ันๆให้มี ประสิทธิภาพและประสิทธิผลยง่ิ ข้ึนต่อไป 2.4 ทาให้สามารถติดตามและควบคุมการดาเนินงานไดอ้ ย่างเหมาะสมถูกตอ้ ง เน่ืองจาก ไดท้ ราบผลการเปล่ียนแปลงทเี่ กิดข้ึนจากสาเหตตุ า่ งๆไดอ้ ยา่ งต่อเนื่อง 2.5 ทาใหส้ ามารถแกไ้ ขปัญหาอปุ สรรคท่ีเกิดข้ึนไดท้ นั ท่วงที และสามารถท่ีจะหาแนว ทางป้องกนั แกไ้ ขปัญหาอปุ สรรคทอ่ี าจจะเกิดข้นึ ต่อไปไดเ้ ป็นอยา่ งดี 2.6 ทาให้สามารถวางแผนและพิจารณาจดั สรรทรัพยากร ท่ีจะใชใ้ นการดาเนินการต่อไป ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ต่อเนื่อง และมปี ระสิทธิภาพ 2.7 ทาให้ทราบว่าวตั ถุประสงค์ เป้าหมายและแผนงานที่กาหนดไว้ มีความเหมาะสม ถูกตอ้ งตอ่ การนาไปใชม้ ากนอ้ ยเพยี งใด 2.8 ทาให้ผเู้ ก่ียวขอ้ งกบั การดาเนินการส่งเสริมการเกษตรมคี วามเช่ือมนั่ ในการดาเนินการ และมแี นวทางทิศทางตลอดจนขอบเขตในการดาเนินงานอย่างชดั เจน 2.9 ทาให้สามารถควบคุม กากับดูแลและเร่งรัดการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรให้ เป็นไปตามวตั ถปุ ระสงค์ เป้าหมาย และแผนงานทีก่ าหนดไว้ 2.10 ทาให้มีแนวทางในการชะลอ ยุบเลิก เปล่ียนแปลงหรือปรับปรุงการดาเนินงาน ส่งเสริมการเกษตรไดอ้ ย่างเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ มและสถานการณ์ทเี่ ปล่ยี นไป วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 136

บทท่ี 7 การประเมินผลการส่งเสริมการเกษตร 3. ประเภทของกำรประเมินผลงำนส่งเสริมกำรเกษตร กญั ญา กีรตพิ งษ์ (2555) กลา่ ววา่ การประเมนิ ผล สามารถแบง่ ออกเป็นประเภทตา่ งๆได้ หลายลกั ษณะ แลว้ แตจ่ ะใชส้ ่ิงใดเป็นตวั กาหนด ดงั น้ี 3.1 ใชร้ ะยะเวลาเป็นตวั กาหนด สามารถแบง่ การประเมนิ ผลไดเ้ ป็น 3 ประเภท คือ 3.1.1 การประเมินกอ่ นเริ่มโครงการ (pre-evaluation) เป็นการประเมินความเป็นไป ไดท้ ีจ่ ะดาเนินการ โดยตรวจสอบความพร้อมในดา้ นทรัพยากรและส่ิงอนื่ ที่เกีย่ วขอ้ ง เพอื่ หาคาตอบ วา่ จะดาเนนิ การหรือไม่ และกอ่ นดาเนนิ การอยใู่ นสภาพอยา่ งไร 3.1.2 การประเมินขณะดาเนินโครงการ (on-going evaluation) เป็นการประเมิน ความกา้ วหนา้ ของโครงการ โดยพจิ ารณาตรวจสอบผลสาเร็จ ปัญหาอุปสรรคในการดาเนนิ การเพือ่ นามาใชป้ รับปรุงแกไ้ ขการดาเนินงานให้มีประสิทธิภาพตอ่ ไป 3.1.3 การประเมินเมอ่ื ส้ินสุดโครงการ ( post-evaluation ) เป็นการประเมินผล สาเร็จของโครงการ โดยเปรียบเทียบกบั วตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายที่กาหนดไว้ รวมท้งั ผลกระทบที่ เกิดจากการดาเนินโครงการน้นั ดงั น้นั จากรายละเอียดประเภทของการประเมินผลที่ใชร้ ะยะเวลาเป็นตวั กาหนดทกี่ ลา่ ว มาขา้ งตน้ กญั ญา กรี ตพิ งษ์ (2555) จงึ ไดส้ รุปการอธิบายน้นั ไดด้ งั ภาพที่ 7.1 ดงั น้ี ภำพท่ี 7.1 ประเภทของการประเมนิ ผลทใ่ี ชร้ ะยะเวลาเป็นตวั กาหนด 137 ทม่ี ำ: ดดั แปลงจาก กญั ญา กรี ตพิ งษ์ (2555) วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร

บทท่ี 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร 3.2 ใช้ลักษณะการตัดสินใจเป็ นตัวกาหนด สามารถแบ่งการประเมินผลได้เป็ น 2 ประเภท คอื 3.2.1 การประเมินความกา้ วหน้าของโครงการ เป็ นการตรวจสอบผลการดาเนิน งานระหว่างการดาเนินการเพ่อื หาแนวทางแกไ้ ขปรับปรุงใหม้ ปี ระสิทธิภาพยิ่งข้ึน 3.2.2 การประเมินผลสัมฤทธ์ิของโครงการ เป็ นการตรวจสอบความสาเร็จของ โครงการตามวตั ถุประสงคท์ ี่กาหนด เพ่อื ใชใ้ นการตดั สินใจท่จี ะดาเนินการโครงการน้นั ต่อ หรือจะ ยุบ เลิก เปลีย่ นแปลงโครงการตอ่ ไป 3.3 ใชส้ ิ่งทถ่ี กู ประเมินเป็นตวั กาหนด สามารถแบง่ การประเมินผลไดเ้ ป็น 4 ประเภทคือ 3.3.1 การประเมินสภาพแวดลอ้ ม เป็ นการประเมนิ สภาพแวดลอ้ มที่เก่ียวขอ้ งกบั โครงการ ไม่วา่ จะเป็นนโยบาย เป้าหมายและสภาพทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ท้งั น้ีเพื่อนามาใช้ ในการกาหนดความตอ้ งการของโครงการ 3.3.2 การประเมินปัจจยั นาเขา้ เป็นการประเมนิ การใชว้ ทิ ยากรเพื่อให้ได้ผลลพั ธ์ เกิดข้ึนตามวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีกาหนด 3.3.3 การประเมินกระบวนการเป็นการประเมนิ การปฏบิ ตั ิงานในแง่ของความคมุ้ ค่า ทางเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพ ความประหยดั ความสมบูรณ์ถูกตอ้ งและความเพียงพอเหมาะสมใน การดาเนินการ 3.3.4 การประเมินผลงาน เป็ นการประเมินผลผลิตที่ได้ว่าเป็ นไปตามวัตถุ ประสงค์และเป้าหมายท่ีกาหนดไวห้ รือไม่อย่างไร รวมท้งั ผลกระทบท่ีเกิดข้ึนจากการดาเนินการใน ลกั ษณะต่างๆ 3.3.5 การประเมนิ ผลงานส่งเสริมการเกษตร สามารถแบง่ ออกเป็นประเภทต่างๆ ตามลกั ษณะดงั กล่าวขา้ งตน้ ส่วน สมศกั ด์ิ สุริโย และนที ขลิบทอง (2542) กลา่ ววา่ โดยทว่ั ไป จะใช้ ระยะเวลาและลกั ษณะการตดั สินใจเป็นตวั กาหนดร่วมกนั โดยแบง่ ออกไดเ้ ป็น 4 ประเภท คือ 3.3.5.1 การประเมินผลเพื่อวินิจฉัย เป็ นการประเมินผลส่ิงที่เกี่ยวขอ้ งก่อน ดาเนินการส่งเสริมการเกษตร ไมว่ า่ จะเป็นเกษตรกรผจู้ ะรบั การส่งเสริมการเกษตร หรือเคร่ืองมือที่ จะใชใ้ นการส่งเสริมการเกษตร หรือสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั การส่งเสริมการเกษตรน้นั ๆ ท้งั น้ี เพ่อื กาหนดสภาพพ้นื ฐานหรือสภาพเบ้ืองตน้ ของสิ่งเหล่าน้ันว่าอย่ใู นสภาพอยา่ งไรก่อนท่จี ะมีการ ส่งเสริมการเกษตร ส่ิงท่ีได้จากการประเมินผลลกั ษณะน้ีจะเป็ นประโยชน์อย่างมากต่อการเปรียบ เทียบใหเ้ ห็นภาพของการเปล่ยี นแปลงเม่ือมกี ารดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรเกดิ ข้นึ ตอ่ ไปได้อย่าง ชดั เจน วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 138

บทท่ี 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร 3.3.5.2 การประเมินผลความกา้ วหน้า เป็ นการประเมินผลย่อยเพื่อหาความ ก้าวหน้าท่ีเกิดข้ึนจากการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรในแต่ละช่วงเวลา โดยส่ิงที่ได้จากการ ประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตรจะเป็ นประโยชน์ต่อการแก้ไขปรับปรุงข้อบกพร่องในการ ดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรท่ีกาลงั ดาเนินการอยูใ่ ห้เหมาะสม และสอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงค์ที่ กาหนดไวต้ ลอดเวลา 3.3.5.3 การประเมนิ ผลรวม เป็นการประเมนิ ผลเมื่อการดาเนินงานส่งเสริม การเกษตรแต่ละโครงการได้สิ้นสุดลงแลว้ หรือเมื่อกระบวนการดาเนินการน้นั ไดด้ าเนินการจน ครบวฎั จกั ร การประเมินผลลกั ษณะน้ี จะเหมอื นกบั เป็นการประเมินผลเพอ่ื สรุปผลงานวา่ ไดผ้ ลจาก การดาเนินงานเป็ นไปตามวตั ถุประสงค์และเป้าหมายท่ีวางไวม้ ากน้อยอย่างไร ส่ิงที่ได้จากการ ประเมินลักษณะน้ีคือ ช้ีให้เห็นถึงความสาเร็จหรือความลม้ เหลวของโครงการ และสิ่งที่ควรจะ ดาเนินการตอ่ จากโครงการทส่ี ิ้นสุดไปแลว้ น้ี 3.3.5.4 การประเมินผลติดตาม เป็ นการประเมินผลในลักษณะเดียวกับการ ประเมนิ ผลรวมแต่ต่างกนั ตรงช่วงเวลา โดยการประเมินผลรวมจะเป็ นการประเมินเมื่อโครงการได้ ส้ินสุดลง แต่การประเมินผลติดตามเป็ นการประเมินผลหลงั จากท่ีโครงการได้ส้ินสุดและมีการ ประเมนิ ผลรวมไประยะหน่ึงแลว้ โดยการประเมนิ ผลตดิ ตามจะเนน้ การประเมินความคงท่ขี องผลท่ี เกดิ ข้ึนเมอื่ เวลาผา่ นไปแลว้ ว่าส่ิงทเี่ กดิ ข้ึนจากการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรจะยงั คงอยเู่ หมือน เดิมหรือมีการเปลี่ยนแปลงไปในลกั ษณะใด สิ่งที่ไดร้ ับจากการประเมนิ ผลลกั ษณะน้ี คอื สิ่งที่จะช้ี ให้เหน็ ถงึ แนวทางการส่งเสริมการเกษตรทจ่ี ะดาเนินการต่อไป ดงั น้นั การประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตรท้งั 4 ประเภทท่แี ตกต่างกันดงั กล่าวขา้ งตน้ แมจ้ ะมวี ตั ถุประสงคแ์ ละแนวทางในการประเมินผลท่แี ตกตา่ งกนั แตจ่ ะมีความเชื่อมโยงสมั พนั ธก์ นั โดยการประเมินผลแต่ละลกั ษณะจะเป็ นฐานในการเปรียบเทียบกบั การประเมินผลในลกั ษณะอื่น และผลของการประเมินผลในแต่ละลกั ษณะ จะเป็ นส่วนสนับสนุนและยนื ยนั ผลการประเมินงาน ส่งเสริมการเกษตรท้งั หมดรวมกนั 4. องค์ประกอบของกำรประเมินผลงำนส่งเสริมกำรเกษตร การประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตร เป็นการดาเนินงานท่ีเกิดจากหลายส่วนประกอบกนั มอี งคป์ ระกอบสาคญั 4 ส่วน ซ่ึงมสี าระสาคญั แตกตา่ งกนั ดงั น้ี 4.1 ผูเ้ ก่ียวขอ้ งโดยตรงกับการประเมินผล ผูเ้ ก่ียวขอ้ งกับการประเมินผลงานส่งเสริม การเกษตรในที่น้ี หมายถึง บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวขอ้ งกับการดาเนินการประเมินผลงานส่งเสริมการ เกษตรโดยตรง ซ่ึงสามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 139

บทที่ 7 การประเมินผลการส่งเสริมการเกษตร 4.1.1 ผปู้ ระเมิน ซ่ึงไดแ้ ก่ ผบู้ ริหารงานส่งเสริมระดบั สูง จะเป็ นผปู้ ระเมินผลการ ปฏิบตั งิ านของนักส่งเสริมการเกษตรระดบั ล่าง หรือบุคคลภายนอกที่ไดร้ ับมอบหมายใหป้ ระเมิน ผลงานส่งเสริมเร่ืองใดเร่ืองหน่ึงโดยตรง ซ่ึงผทู้ ี่ทาหนา้ ท่ปี ระเมนิ ผลควรมีลกั ษณะ คือ เป็นผทู้ ี่เขา้ ใจ และยดึ มน่ั ในวตั ถุประสงคข์ องการประเมนิ ผล มคี วามซ่ือสตั ย์ ศรทั ธาและต้งั ใจจริงทจ่ี ะพฒั นางาน ส่งเสริมการเกษตรใหก้ ้าวหน้า มีความรูค้ วามสามารถท้งั ด้านการประเมินผล และการดาเนินงานส่ง เสริม เป็ นผูท้ ี่มีความเป็ นกลาง คือไม่มีอคติหรือลาเอียง เพื่อให้ผลประเมินออกมาในทิศทางท่ีตอ้ ง การ 4.1.2 ผรู้ ับการประเมิน ไดแ้ ก่ เกษตรกรผูร้ บั การส่งเสริมการเกษตรซ่ึงจะตอ้ งถูก ประเมินว่ามีการเปล่ียนแปลงอย่างไร และนักส่งเสริมการเกษตรซ่ึงจะต้องรับการประเมินว่า สามารถดาเนินงานส่งเสริมให้บรรลุผลสาเร็จตามวัตถุประสงคแ์ ละเป้าหมายท่ีวางไว้ได้มากน้อย เพียงใด 4.1.3 ผนู้ าผลการประเมินมาใชป้ ระโยชน์ ซ่ึงมี 4 กลุ่มใหญ่ๆ คอื กล่มุ แรกหวั หนา้ โครงการและเจา้ หน้าที่โครงการที่รบั ผิดชอบโครงการส่งเสริมการเกษตร จะนาผลประเมินไปใช้ ปรับปรุงโครงการ หรือนาไปใชป้ ระกอบการรายงาน และการดาเนินโครงการต่อไปให้สมบูรณ์และเป็ น ประโยชน์มากข้ึน กลุ่มท่ีสองหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนท่ีเกี่ยวขอ้ งกับโครงการ เพ่ือนาผลประ เมินไปใชค้ วบคมุ การดาเนินงาน ติดตามความกา้ วหนา้ และตรวจสอบผลสมั ฤทธ์ิของโครงการ กลุ่มท่ี สามผทู้ ท่ี าหนา้ ทีใ่ นการวางแผนงานส่งเสริมการเกษตรในระดบั ตา่ งๆ จะนาผลการประเมินไปใชใ้ น การวางแผนและควบคุมการดาเนินการให้เป็ นไปตามแผนที่วางไว้ และสุดทา้ ย คือ กลุ่มผูร้ ับการ ประเมินท้งั นกั ส่งเสริมหรือเกษตรกร ซ่ึงควรจะทราบผลการประเมนิ เพ่ือนาไปใชใ้ นการพฒั นาปรับ ปรุงรวมท้งั การประสานงาน การเตรียมตวั และการขอความร่วมมือจากฝ่ายตา่ งๆท่เี กยี่ วขอ้ งตอ่ ไปได้ 4.2 สิ่งที่ถูกประเมิน ส่ิงทีถ่ ูกประเมินในการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตร หมายถึง ส่ิงทใ่ี ห้ขอ้ มลู ที่จะนามาใช้ในการเปรียบเทยี บ วเิ คราะห์ และตีความเพือ่ สรุปเป็นผลของงานส่งเสริม การเกษตรโดยแบง่ ออกเป็น 4.2.1 สภาพแวดลอ้ มของโครงการ หมายถึง สภาพแวดลอ้ มที่เกี่ยวขอ้ งและมีผลต่อ การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตร เช่น นโยบายและเป้าหมายของหน่วยงาน สภาพทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ของชุมชนในทอ้ งถิ่น เป็ นตน้ โดยส่ิงเหล่าน้ีมีผลกระทบโดยตรงต่อความสาเร็จ หรือความลม้ เหลวในการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตร 4.2.2 ปัจจยั นาเขา้ หมายถงึ ทรัพยากรทจ่ี ะใชใ้ นการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตร ไดแ้ ก่ นกั ส่งเสริมผูถ้ า่ ยทอดความรู้ ส่ือที่ใชถ้ ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยีการเกษตรท่ีเป็ นองคค์ วามรู้ ตลอดจนวสั ดุอปุ กรณ์ งบประมาณและทรัพยากรอ่ืนๆท่ีจะนามาใช้ โดยปัจจยั นาเขา้ จะเป็ นตวั บอก วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 140

บทท่ี 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร ถึงความพร้อม หรือสิ่งเร่ิมตน้ ก่อนดาเนินการรวมท้งั ส่ิงที่จะใช้ในการดาเนินการ เพื่อประเมิน ประสิทธิภาพในการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรต่อไป 4.2.3 กระบวนการ หมายถึง ข้นั การปฏิบตั ใิ นการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตร นับต้งั แต่การเริ่มต้นถ่ายทอดความรู้ของนกั ส่งเสริมไปจนถึงการยอมรับความรู้แลว้ นาไปปฏิบตั ิ ของเกษตรกร ในกระบวนการจะเนน้ ถึงวธิ ีการ กิจกรรม เทคนิค และแนวทางการดาเนินงานให้บงั เกิดผลดงั กลา่ ว โดยกระบวนการจะเป็นตวั บอกถงึ ประสิทธิภาพในการดาเนินงานโดยตรง 4.2.4 ผลผลิต หมายถึง ผลที่ได้จาการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตร เช่น การเปลี่ยน แปลงของพฤติกรรมและเจตคตขิ องเกษตรกร ความรูค้ วามสามารถในการประกอบอาชีพ ปริมาณ และคณุ ภาพของผลิตผลเกษตร รายไดแ้ ละความพึงพอใจของเกษตรกร เป็ นตน้ โดยประเมินว่าผล ผลิตท่ีได้สอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมายท่กี าหนดไวเ้ พียงใด คมุ้ ค่ากบั การดาเนินงานหรือ ไม่ นอกจากน้ี ผลผลิตยงั รวมถงึ ผลกระทบหรือผลขา้ งเคยี งทเ่ี กดิ ข้ึนจากการดาเนินงานส่งเสริม เช่น การเปล่ียนแปลงของประชาชนในทอ้ งถ่ินที่ไมใ่ ช่กลุ่มเป้าหมาย เป็ นตน้ ท้งั ผลทีไ่ ดแ้ ละผลกระทบ ของการดาเนินงานส่งเสริมการเกษตร จะเป็นตวั บอกถึงความสาเร็จในการดาเนินงาน โดยสามารถ พิจารณาไดจ้ ากการนาไปเปรียบเทยี บกบั วตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายท่กี าหนดไวโ้ ดยตรง 4.3 กระบวนการประเมิน สมศกั ด์ิ สุริโย และนที ขลิบทอง (2542) กล่าวว่า กระบวน การปฏิบตั ใิ นการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตร ท่ีจะใหไ้ ด้ผลการประเมนิ ออกมาน้นั ประกอบ ดว้ ยส่วนสาคญั 4 ส่วน ดงั น้ี 4.3.1 การรวบรวมขอ้ มลู เป็นส่วนประกอบสาคญั ถา้ ไม่มกี ารรวบรวมขอ้ มูลจะเรียกวา่ ประเมินผลไมไ่ ดเ้ พราะการประเมินผลเป็นการนาขอ้ มูลมาตคี วาม 4.3.2 ขอ้ มูลและเกณฑ์ในการพิจารณา ในการประเมินผลตอ้ งมีขอ้ มูลท่ีไดม้ าจาก การรวบรวมเพอื่ นามาพิจารณาเปรียบเทยี บ โดยขอ้ มูลดงั กล่าวอาจเป็นท้งั ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ เชน่ เพศ ศาสนา เป็ นตน้ หรือขอ้ มลู เชิงปริมาณ เช่น ความสูง น้าหนกั เป็ นตน้ นอกจากขอ้ มูลแลว้ การประ เมนิ ผลจะตอ้ งมเี กณฑท์ กี่ าหนดไว้ เพื่อนาขอ้ มลู มาพจิ ารณาเปรียบเทียบกนั เช่น รายไดข้ องเกษตรกร ตอ้ งมีการกาหนดเกณฑว์ า่ รายไดเ้ ทา่ ใดอยู่ในเกณฑใ์ ด มาก ปานกลาง หรือ ตา่ 4.3.3 การเปรียบเทียบขอ้ มลู เป็นการนาขอ้ มลู ที่ไดม้ าพจิ ารณาเปรียบเทียบกบั เกณฑ์ ทีก่ าหนดไวอ้ ย่างเป็นระบบ เช่น กาหนดวา่ ตอ้ งนาขอ้ มูลใดมาเปรียบเทียบกบั ขอ้ มูลใด ในอตั ราส่วน ของแตล่ ะขอ้ มลู เทา่ ใดจงึ จะเหมาะสม เป็นตน้ 4.3.4 การตคี วามและการสรุปผล หลงั จากรวบรวมขอ้ มูลและนาขอ้ มลู ท่ีไดม้ าจดั เรียง เปรียบเทียบกับเกณฑ์ท่ีกาหนดแล้ว ตอ้ งตีความข้อมูลดังกล่าวว่าหมายความว่าอย่างไร ความ สัมพนั ธข์ องส่วนประกอบสาคญั ท้งั 4 ส่วน แสดงไดด้ งั ภาพท่ี 7.2 วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 141

บทท่ี 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร กำรเปรียบเทยี บ กำรรวบรวม ขข้อ้อมมลู ู ล กำรตีควำมและสรุปผล ภำพท่ี 7.2 ความสัมพนั ธข์ องส่วนประกอบในกระบวนการประเมนิ ผล ที่มำ: ดดั แปลงจาก สมศกั ด์ิ สุริโย และนที ขลิบทอง (2542) จากภาพแสดงให้เห็นว่าส่วนประกอบท้งั 4 ส่วน มีความสัมพนั ธ์ต่อเนื่องกนั โดยการ ดาเนินการท้ัง 3 ลกั ษณะคือ การรวบรวม การเปรียบเทียบ และการตีความสรุปผล จะดาเนินการ อย่างตอ่ เน่ือง ส่วนแกนกลางคือส่วนประกอบในส่วนทเ่ี ป็นขอ้ มลู นนั่ เอง 4.4 ผลการประเมิน ผลที่ได้จากการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตร เกี่ยวขอ้ งกับ รายละเอียดของขอ้ มูล ตอ่ ไปน้ี คือ ความสาเร็จตามวตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายทก่ี าหนดไว้ คณุ ภาพ ของการปฏิบตั ิงาน ผลท่ไี ดร้ บั จากการดาเนินการ ความคุม้ คา่ ในการดาเนินการ สมรรถภาพในการ ดาเนินการ ผลกระทบที่เกดิ จากการดาเนินโครงการท้งั ทางตรงและทางออ้ ม ปัญหาอุปสรรคตลอด จนสาเหตุของปัญหาอุปสรรคเหล่าน้นั และแนวทางแก้ไขปรับปรุงการดาเนินการให้สัมฤทธ์ิผล ต่อไป โดยผลการประเมินทด่ี ีควรมลี กั ษณะดงั น้ี 4.4.1 มีความถูกตอ้ งแม่นยา น่าเชื่อถือ โดยตอ้ งมีคาอธิบายเกี่ยวกับผลที่ไดอ้ ย่างมี เหตผุ ลและมีน้าหนัก ท้งั ตอ้ งแสดงถึงหลกั เกณฑ์และการดาเนินการอย่างรอบคอบถ่ีถว้ น เพื่อให้ผู้ สนใจผลการประเมนิ มคี วามเช่ือมน่ั และเชื่อถอื ผลการประเมินมากทีส่ ุด 4.4.2 มคี วามสมบรู ณ์ครอบคลมุ เน้ือหาสาระตามความตอ้ งการ ครอบคลมุ ทุกดา้ น ทีเ่ กี่ยวขอ้ งและมีความสอดคลอ้ งตรงตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการประเมิน และการนาผลประเมินไป ใชอ้ ย่างแทจ้ ริง 4.4.3 มีความชดั เจน ทนั สมยั เป็นรูปธรรม สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ไดง้ ่าย วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 142

บทท่ี 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร 5. ข้นั ตอนกำรประเมนิ ผลงำนส่งเสริมกำรเกษตร การประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตร ต้องมีข้นั ตอนการดาเนินงานที่ชัดเจนและเป็ น ระบบ จงึ จะทาให้ผลการประเมินบรรลุตามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมายท่ีวางไว้ ซ่ึงลาดบั การปฏิบตั ิ ในการดาเนินการประเมนิ ผลงานส่งเสริมการเกษตร แบง่ ออกเป็นข้นั ตอนตามลาดบั ดงั ต่อไปน้ี 5.1 วเิ คราะหโ์ ครงการเพ่อื พิจารณาข้นั ตอนแรกของการประเมนิ ผลงานส่งเสริมการเกษตร คือ การวิเคราะห์โครงการท่ีจะทาการประเมินผลเบ้ืองตน้ ว่ามีเหตุผลและความจาเป็ นในการประ เมินผลอย่างไรบา้ ง สามารถทาไดด้ งั น้ี 5.1.1 วิเคราะห์สถานการณ์ทั่วไป เป็ นการวิเคราะห์ว่าโครงการที่จะทาการ ประเมนิ ผลมีพ้นื ฐานความเป็นมาอยา่ งไร ทาไมจงึ จดั ทาโครงการน้ีข้ึนมา โครงการน้ีมจี ุดมุ่งหวงั จะ ทาอะไรหรือแก้ปัญหาอะไร โดยอาจวิเคราะห์จากเอกสารของโครงการในส่วนของหลกั การและ เหตุผลท่ีได้ระบุถึงความจาเป็ นในการจดั ทาโครงการหรือซักถามจากเจ้าหน้าท่ีท่ีรับผิดชอบการ จดั ทาโครงการโดยตรง 5.1.2 วิเคราะห์วตั ถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ เม่ือทราบพ้ืนฐานหรือ สถานการณ์เบ้ืองตน้ ของโครงการแลว้ ลาดบั ต่อไปคือการวเิ คราะห์ว่าโครงการน้นั มีวตั ถุประสงค์ และเป้าหมายอย่างไร สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ทไ่ี ดว้ ิเคราะห์ไวห้ รือไม่อย่างไร 5.1.3 วิเคราะห์แผนการปฏิบตั ิงาน เม่ือทราบสถานการณ์และเป้าหมายของโครง การแล้ว ข้นั ต่อไปคือ การวิเคราะห์แผนการปฏิบัติงานของโครงการว่า มีแผนการปฏิบัติงาน อย่างไรบา้ ง เช่น จะทากิจกรรมอะไร ใครเป็ นผูร้ ับผิดชอบ มีแนวทางการปฏิบตั ิกิจกรรมอย่างไร กจิ กรรมแต่ละประเภทดาเนินการเมื่อใด มีแนวทางการประสานงานอย่างไร และมีการกาหนดแนว ทางการดาเนินการติดตามประเมนิ ผลในโครงการไวอ้ ยา่ งไร 5.2 กาหนดวตั ถุประสงคใ์ นการประเมินผล เนื่องจากวตั ถุประสงค์ในการประเมินผล เป็นส่ิงท่ีช้ีหรือเป็ นตวั กาหนดทศิ ทางและแนวทางในการดาเนินการประเมินผลโครงการวา่ เป็ นไป ในลกั ษณะใด การกาหนดวตั ถุประสงคใ์ นการประเมินผล จึงควรเป็ นการดาเนินการต่อมาจากการ วิเคราะห์โครงการเพ่ือพิจารณาหาเหตุผลและความจาเป็ นในการประเมินผล ท้งั น้ีเพ่ือใหม้ ีแนวทาง และกรอบในการดาเนินการประเมินผลในเบ้ืองตน้ สาหรับวตั ถุประสงคใ์ นการประเมินผลทจี่ ะกาหนดข้ึน ควรมีลกั ษณะดงั น้ี 5.2.1 เป็ นวตั ถุประสงค์ท่ีสอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงค์ เป้าหมายตลอดจนเร่ืองราว หรือเน้ือหาสาระในโครงการทีจ่ ะประเมิน 5.2.2 ตอ้ งระบุวตั ถุประสงค์ในการประเมนิ ผลให้ชดั แจ้ง เพ่ือป้องกนั ไมใ่ ห้เขา้ ใจ หรือตคี วามเป็นอย่างอ่ืน เช่น ถา้ กาหนดวตั ถุประสงคใ์ นการประเมนิ ผลอย่างกวา้ งๆ วา่ เพอื่ ประเมิน วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 143

บทท่ี 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร ว่าโครงการส่งเสริมการผลิตขา้ วได้รับความสาเร็จหรือไม่ ก็อาจทาให้ผูท้ ่ีเก่ียวขอ้ งตีความหรือ วนิ ิจฉยั คาว่า “สาเร็จ” ไปในแงม่ มุ ตา่ งๆได้ 5.2.3 ตอ้ งกาหนดวตั ถปุ ระสงคก์ ารประเมนิ ผลให้ครอบคลุมเน้ือหาท่ีจะประเมนิ เช่น ตอ้ งการให้เกษตรกรเพิ่มผลผลิตจาก 300 กิโลกรัมเป็ น 500 กิโลกรัมต่อไร่ โดยใชข้ า้ วพนั ธุ์ กข.7 และ ใชป้ ๋ ุยเคมี 30 กโิ ลกรมั ต่อไร่ แตถ่ า้ ไปกาหนดวตั ถุประสงคใ์ นการประเมินผลแต่เพียงว่า เพ่ือประ เมนิ ว่าเกษตรกรจะใชข้ า้ วพนั ธุ์ กข. 7 หรือไม่กจ็ ะทาให้วตั ถุประสงคก์ ารประเมินผลไม่ครอบคลุมเรื่อง ที่ควรประเมินทกุ เร่ือง เพราะถา้ จะประเมินตามวตั ถุประสงคท์ ี่กาหนดไวน้ ้ีการประเมินก็จะได้ผล ให้ทราบแต่เพียงว่ามีการใช้ขา้ วพนั ธุ์ กข.7 ตามที่กาหนดไว้หรือไม่ แต่จะไม่ทราบเลยว่าขา้ วน้ัน สามารถปลูกไดแ้ ละสามารถใหผ้ ลผลติ ไดต้ ามแผนทีว่ างไวห้ รือไม่ 5.2.4 วตั ถุประสงคข์ องการประเมนิ ผลตอ้ งอยใู่ นวิสยั ทีป่ ฏบิ ตั ิได้ หรือสามารถประ เมินไดใ้ นภาวการณ์ขณะน้นั เพราะถา้ วตั ถปุ ระสงค์ทก่ี าหนดไม่สอดคลอ้ งกบั ภาพความเป็นจริง ทาให้ ไมส่ ามารถปฏิบตั ไิ ดห้ รือปฏบิ ตั ิไดย้ ากแลว้ การประเมินผลก็จะไม่สามารดาเนินการให้สาเร็จตามที่ ตอ้ งการไดเ้ ลย 5.3 กาหนดขอ้ มูลท่ีจะตอ้ งรวบรวม การกาหนดวา่ ตอ้ งรวบรวมขอ้ มูลอะไรบ้าง จึงจะ สามารถตองสนองวตั ถุประสงคข์ องการประเมินผลที่กาหนดไวไ้ ด้ โดยการกาหนดขอ้ มูลจะตอ้ ง รวบรวมอยา่ งละเอียดรอบคอบครบถว้ นและไม่สิ้นเปลอื งโดยไม่จาเป็น ซ่ึงในการพิจารณากาหนดขอ้ มลู ที่จะรวบรวมในข้นั ตอนน้ี จะกาหนดเฉพาะประเภทขอ้ มลู ที่ตอ้ งการ โดยยงั ไมม่ กี ารจดั กลุ่มหรือ เรียงลาดบั ดงั น้ันจึงควรใชว้ ธิ ีการกาหนดขอ้ มูลให้เป็ นไปตามวตั ถุประสงค์ของการประเมินผลท่ี กาหนดไวแ้ ตล่ ะขอ้ เป็นหลกั 5.4 กาหนดตวั ช้ีวดั ตวั ช้ีวดั ในการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตรแต่ละโครงการก็ คือ ตวั ที่จะบอกให้ทราบว่าอะไรคือสิ่งท่ีจะบอกคาตอบในแต่ละวตั ถุประสงค์ท่ีตอ้ งการ หากการ ประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตรไมก่ าหนดตวั ช้ีวดั ในการประเมินผลให้ชัดเจน จะทาให้ไดผ้ ลการ การดาเนินงานที่ไร้ประสิทธิภาพ ขาดรายละเอียด เพราะส่วนใหญจ่ ะไดอ้ อกมาแตใ่ นรูปของความ สาเร็จหรือความลม้ เหลวในการดาเนินโครงการเทา่ น้นั 5.5 กาหนดแหล่งขอ้ มูล เป็นการกาหนดว่าจะไปรวบรวมขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการตามท่ีกาหนด ไวจ้ ากที่ใดบา้ ง เป็ นแหล่งให้ขอ้ มูลในลกั ษณะบุคคล กลุ่มบุคคล หรือเอกสารส่ิงพิมพ์ ท้งั น้ีเพอ่ื ให้ เห็นความเป็นไปได้และแนวทางตลอดจนกรอบท่ีจะดาเนินการรวบรวมขอ้ มูลต่อไป โดยใช้หลกั พจิ ารณาว่าใครหรือส่ิงใดก็ตามที่มีส่วนเกีย่ วขอ้ งกบั โครงการท่ีจะประเมนิ มโี อกาสท่ีจะเป็ นแหล่ง ขอ้ มลู ท้งั สิ้น อยู่ท่ีการเลือกแหลง่ ขอ้ มูลเหล่าน้ันวา่ ควรเป็นแหล่งทใ่ี ห้ขอ้ มลู ไดถ้ ูกตอ้ งแมน่ ยา ตรง กบั ความตอ้ งการและไม่ยุ่งยากในการดาเนินการ หรือส้ินเปลืองทรัพยากรในการดาเนินการโดยไม่ จาเป็ น นอกจากการกาหนดแหล่งขอ้ มูลว่าจะเป็ นแหลง่ ใดแลว้ ส่ิงท่ีตอ้ งกาหนดควบคู่กนั ไปก็คือ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 144

บทท่ี 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร จานวนและลักษณะข้อมูลท่ีจะเก็บรวบรวมมาแต่ละแหล่งน้ันว่า ควรเป็ นจานวนเท่าใดจึงจะ สามารถเป็นตวั แทนที่จะให้คาตอบตามที่ตอ้ งการไดเ้ ป็ นอย่างดี และความเป็ นขอ้ มูลลกั ษณะใดจึง จะให้คาตอบไดค้ รบตรงกบั วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมายของการประเมนิ ผลทีไ่ ดก้ าหนดไว้ 5.6 กาหนดวิธีการและเคร่ืองมือในการรวบรวมขอ้ มลู ข้นั ตอนตอ่ จากการกาหนดแหลง่ ขอ้ มลู กค็ ือ การกาหนดวธิ กี ารและเครื่องมอื ท่จี ะใชใ้ นการรวบรวมขอ้ มูลจากแหลง่ ขอ้ มลู ทก่ี าหนด ไว้ โดยทว่ั ไปวิธีการรวบรวมขอ้ มลู ทีน่ ิยมใชใ้ นการประเมนิ ผลจะมอี ยู่ 5 วิธีการไดแ้ ก่ 5.6.1 การรวบรวมจากเอกสาร เป็นการรวบรวมขอ้ มูลจากเอกสารสิ่งพมิ พท์ ่ีเก่ยี ว ขอ้ งไม่วา่ จะเป็ นแบบเสนอโครงการ รายงานผลการดาเนินงานประจาปี เอกสารทางราชการ เช่น คาสงั่ ระเบียบ ประกาศหรือบนั ทึกขอ้ ความ รวมท้งั หนงั สือทว่ั ไปหรือหนงั สืออ่ืนๆ จดุ เด่นของการ รวบรวมขอ้ มูลจากเอกสารคอื ไดข้ อ้ มูลท่มี กี ารยืนยนั เป็นหลกั ฐานแน่นนอนและทบทวนไดง้ า่ ย แต่ จุดออ่ นคอื ความลา้ สมยั หรือความไมช่ ดั เจนในการตคี วามจากเอกสาร เป็นตน้ 5.6.2 การสังเกต เป็ นการรวบรวมขอ้ มูลโดยใชก้ ารศึกษาติดตามลกั ษณะหรือการ เปลี่ยนแปลงหรือปรากฏการณใ์ นเรื่องตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งโดยการเฝ้าดแู ละบนั ทึกผลดว้ ยผปู้ ระเมนิ เอง จุดเด่นของการสังเกตคือ การท่ีสามารถตรวจสอบและควบคุมขอ้ มูลที่ตอ้ งการได้ท้ังขอ้ มูลใน ลกั ษณะท่ีเป็ นธรรมชาติ ไม่ใชข้ อ้ มูลที่ถูกจดั วางหรือสร้างข้ึนเพื่อปกปิ ดขอ้ มูลส่วนอื่น แต่จุดอ่อน ของการสังเกตคือ การตีความขอ้ มูลท่ีได้พบดว้ ยตนเอง อาจทาให้เกิดความคลาดเคลื่อนหรือขาด ความเป็นกลางไดง้ า่ ย 5.6.3 การสมั ภาษณ์ เป็นการรวบรวมขอ้ มลู โดยการพบปะสนทนา ทราบคาตอบจาก แหล่งขอ้ มูลโดยตรง จุดเด่นของการรวบรวมขอ้ มูลวิธีการน้ีคือ การได้ขอ้ มูลจากสภาพท่ีเป็ นจริง และอาจไดข้ อ้ มูลบางส่วนเพ่ิมเติมทีจ่ ะชว่ ยให้การพจิ ารณาวนิ ิจฉัยขอ้ มูลท่ีไดม้ คี วามถูกตอ้ งชัดเจน ยงิ่ ข้นึ แต่จุดอ่อนของวิธีการน้ีคือ ความยุ่งยากซบั ซ้อนในการปฏิบตั ิ ความส้ินเปลืองเวลา งบประมาณ ตลอดจนทรัพยากรอ่ืนในการดาเนินการ และความคลาดเคล่ือนเน่ืองจากการครอบงาหรือความไม่ สันทดั จดั เจนของผสู้ มั ภาษณ์ 5.6.4 การใช้แบบสอบถาม เป็ นการรวบรวมขอ้ มูลโดยวิธีการการส่งแบบสอบ ถามไปให้แหล่งขอ้ มูลตอบ หรือกรอกขอ้ มูลแลว้ ส่งกลบั คืนมา จุดเด่นของวิธีน้ีคือ ความสะดวก รวดเร็วและประหยดั ในการดาเนินการ แต่จุดอ่อนของวิธีการน้ีคือความคลาดเคลือ่ นท่อี าจเกดิ จากความ ไมเ่ ขา้ ใจของผูต้ อบ การให้ผูอ้ ื่นตอบแทนและขอ้ จากดั ของคาถามรวมท้งั ความไมส่ ามารถให้ขอ้ มูล ดว้ ยวิธีการน้ีของแหลง่ ขอ้ มลู บางกลมุ่ ทมี่ ศี กั ยภาพดา้ นการอา่ นและการเขยี นต่า เป็นตน้ 5.6.5 การนบั และการตรวจวดั เป็นการรวบรวมขอ้ มลู ในเชิงปริมาณโดยใชเ้ ครื่อง มอื ในการนับและตรวจวดั ขอ้ มูลจากแหล่งขอ้ มูลโดยตรง เช่น การสารวจจานวนแมลงท่ีผ่านจุดที่ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 145

บทท่ี 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร ตอ้ งการศึกษาในช่วงเวลาใดเวลาหน่ึง การชง่ั น้าหนักลูกสุกร การวดั ความสูงของตน้ พืชในแปลง ทดลอง และการสารวจปริมาณการขายผลิตผลเกษตรของเกษตรกรแต่ละราย เป็ นตน้ โดยการกา หนดวิธีการรวบรวมขอ้ มูลก็คือ การพิจารณาเลือกว่าวิธีการใดเป็ นวิธีการท่ีจะให้ขอ้ มูลตามท่ีตอ้ ง การไดม้ ากทส่ี ุด และคมุ้ ค่าทส่ี ุด การกาหนดวิธีการและเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล กล่าวโดยสรุปก็คือ การ ประเมนิ ผลแต่ละโครงการจะเลือกใช้วธิ ีการแตกต่างกนั ไป และในแตล่ ะโครงการอาจใชห้ ลายวิธีการ ประกอบกนั ก็ได้ นอกจากน้ีเมือ่ ได้วธิ ีการรวบรวมขอ้ มูลแลว้ ข้นั ต่อมาก็คือการกาหนดเครื่องมือท่ี ใชใ้ นการรวบรวมขอ้ มูลซ่ึงก็คอื การกาหนดเครื่องมือทีจ่ ะเป็ นส่ือนาขอ้ มูลมาจากแหล่งขอ้ มูลตาม วิธีการทีก่ าหนด เครื่องมือในการรวบรวมขอ้ มูลจึงตอ้ งสอดคลอ้ งกนั กบั วธิ ีการ เช่น การสัมภาษณ์ จะใชแ้ บบสัมภาษณ์และการสังเกตจะใชแ้ บบบนั ทึกการสงั เกตเป็นเครื่องมอื เป็นตน้ 5.7 การประมวลผลและการวิเคราะห์ขอ้ มูล เมอื่ รวบรวมขอ้ มูลมาไดแ้ ลว้ ข้นั ตอนตอ่ มา คอื การนาเอาขอ้ มลู น้นั มาจดั เรียงให้เป็นระเบียบอยา่ งง่าย และอยใู่ นลกั ษณะที่พรอ้ มจะวเิ คราะห์ต่อ ไปได้ โดยอาจอยู่ในรูปของกราฟหรือตารางก็ได้การจดั ขอ้ มูลใหอ้ ยู่ในลกั ษณะดงั กล่าวเรียกว่า การ ประมวลผลขอ้ มูล ตอ่ จากการประมวลผลขอ้ มูลก็คือ การนาเอาขอ้ มูลน้ันมาวเิ คราะห์หาค่าโดยใช้ วธิ ีการทางสถิติต่างๆ เช่น การหาค่าแนวโนม้ เขา้ ส่วนกลางของขอ้ มูล โดยใชค้ ่าตวั กลางมชั ฌิมาเลข คณิต หรือหาค่าความแตกต่างในกลุ่มของขอ้ มลู ชุดเดยี วกนั โดยใชค้ ่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เป็นตน้ 5.8 การเปรียบเทยี บขอ้ มลู เป็นการนาขอ้ มลู ที่ไดม้ าเปรียบเทียบกนั ตามเกณฑก์ ารพิจารณา ที่กาหนดไว้ ท้งั น้ีเพื่อหาความแตกต่าง ความสัมพนั ธ์และความสอดคลอ้ งระหว่างขอ้ มูลท่ีได้และ ขอ้ มลู ทใี่ ห้ความสนใจ 5.9 การตีความและสรุปผล เป็ นข้นั ของการให้ความหมายแก่ขอ้ มูลท่ีวิเคราะห์และ เปรียบเทียบมาแลว้ ว่าเป็นอย่างไร เพื่อสรุปเป็ นขอ้ คน้ พบที่ไดจ้ ากการรวบรวม วิเคราะห์และตีความ ขอ้ มลู ท้งั หมดหรือคาตอบของการประเมิน โดยการสรุปผลน้ีตอ้ งเป็ นการตอบขอ้ คาถามหรือตอบ สนองความตอ้ งการท่ีกาหนดไวใ้ นวตั ถปุ ระสงค์ และเป้าหมายของการประเมินผลท่ีกาหนดไวโ้ ดย ตรง 5.10 การจดั ทารายงาน โดยทว่ั ไปเม่ือมีการสรุปผลการประเมินแลว้ การดาเนินการเป็ นส่วน สุดทา้ ยของการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตรกค็ ือ การจดั ทารายงานประเมินผลเพ่ือเสนอต่อ หน่วยงานตน้ สังกดั หรือเพือ่ เผยแพร่ใหผ้ เู้ กย่ี วขอ้ งไดใ้ ชป้ ระโยชน์ต่อไป ซ่ึงกญั ญา กรี ติพงษ์ (2555) ไดส้ รุปองคป์ ระกอบของรายงานการประเมินผลไวว้ ่า รายงานการประเมนิ ผลมีสาระทส่ี าคญั 3 ส่วน ใหญ่ๆไดแ้ ก่ ส่วนนา ส่วนเน้ือเร่ือง และส่วนอา้ งองิ ดงั รายละเอยี ดในภาพท่ี 7.3 วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 146

บทท่ี 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร องค์ประกอบของกำรจัดทำรำยงำนกำรประเมนิ ผล ส่วนนำ ส่วนเนื้อเรื่อง ส่วนอ้ำงอิง •ปกหนา้ •บทท่ี 1 บทนา •บรรณานุกรม •ปกใน •บทท่ี 2 เอกสารและรายงาน •ภาคผนวก •บทสรุปสาหรบั ผบู้ ริหาร •คานา การตดิ ตามประเมินผลที่ •สารบญั เกีย่ วขอ้ ง •สารบญั ตาราง •สารบญั ภาพ •บทที่ 3 วิธีการตดิ ตาม ประเมินผล •บทท่ี 4 ผลการประเมนิ ผล •บทที่ 5 สรุปอภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ ภำพท่ี 7.3 องคป์ ระกอบของการจดั ทารายงานการประเมนิ ผล ที่มำ: ดดั แปลงจาก กญั ญา กรี ติพงษ์ (2555) ข้นั ตอนการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตรดังกล่าวขา้ งตน้ อาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยเพ่ิมเตมิ หรือลดหรือปรับหรือเรียงลาดบั ข้นั ตอนแตกตา่ งกันไปตามสถานการณ์ สภาพแวดลอ้ ม ความพรอ้ ม และความรู้ความสามารถ ตลอดจนความถนดั ความชานาญของผูป้ ระเมนิ แต่โดยทวั่ ไป แลว้ ข้นั ตอนการประเมนิ ผลงานส่งเสริมการเกษตรจะใชข้ ้นั ตอนท้งั 10 ข้นั ตอนดงั กล่าวเป็นหลกั ในการดาเนินการ 6. แนวทำงกำรประเมนิ ผลงำนส่งเสริมกำรเกษตร การดาเนินการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตรจะสัมฤทธ์ิผลตามวตั ถุประสงค์และ เป้าหมายท่กี าหนดไวห้ รือไม่ มีแนวทางท่ีควรปฏบิ ตั ิ ดงั ต่อไปน้ี วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 147

บทท่ี 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร 6.1 ดาเนินการให้ทุกฝ่ ายท่ีเกี่ยวขอ้ งมีความเข้าใจร่วมกันว่าเป็ นการดาเนินการเพื่อ พฒั นางานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งข้ึน หากทุกฝ่ายท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การประเมินผลงาน ส่งเสริมการเกษตรไม่เขา้ ใจกัน ไม่ไวใ้ จซ่ึงกันและกนั ขอ้ มูลที่จะไดจ้ ากแต่ละฝ่ ายก็จะเป็ นขอ้ มูล ลวงหรือขอ้ มูลบิดเบอื นไมต่ รงกบั ความเป็ นจริง ซ่ึงจะมีผลทาใหผ้ ลการประเมนิ เบ่ียงเบนและคลาด เคลอ่ื นไปในทส่ี ุด 6.2 ในการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตร ไม่จาเป็ นท่ีจะตอ้ งใช้วธิ ีการประเมินผล ให้ยากหรือมีความซับซอ้ น ควรใชว้ ิธีการธรรมดาง่ายๆ แต่ไดผ้ ลตรงตามวตั ถุประสงค์ ไดผ้ ลท่ีถูก ตอ้ งตามความเป็นจริงและนาไปใชไ้ ดม้ ากท่ีสุด 6.3 ดาเนินการล่วงหน้าอย่างมีแผนและข้นั ตอน การดาเนินการอยา่ งเป็ นระบบ มีประ เดน็ ของคาถามและคาตอบท่ีตอ้ งการอยา่ งชดั เจน ช้ีใหเ้ ห็นถึงความเป็ นไปไดใ้ นการดาเนินการและ มปี ระโยชน์คมุ้ คา่ ของผลท่ีได้ จะชว่ ยให้การดาเนินการประเมินผลเป็ นไปอย่างต่อเนื่อง ท้งั ไม่หลง ทิศทางในระหว่างดาเนินการ 6.4 ตอ้ งกาหนดผูร้ ับผิดชอบและทรัพยากรที่จะใชใ้ นการดาเนินการประเมินผลให้ ชดั เจน เช่น กาหนดว่าใครตอ้ งรับผิดชอบข้นั ตอนไหน ทาอะไรบา้ ง แต่ละข้นั ใชเ้ วลาและงบประ มาณอยา่ งไร ควรมปี ฏิทินการปฏิบตั งิ านประเมินผลอย่างชดั เจน สิ่งเหลา่ น้ีจะชว่ ยให้การดาเนินการ ประเมินผลมีการใช้ทรัพยากรอย่างคุม้ ค่าเหมาะสม ท้งั สามารถประสานงานส่วนต่างๆ ท้งั ภายใน และภายนอกไดอ้ ย่างตอ่ เน่ืองมีประสิทธิภาพ ทาใหก้ ารประเมินผลสาเร็จไดภ้ ายในระยะเวลาท่ีกาหนด 6.5 ตอ้ งมีความยึดหยุ่นในการดาเนินการ เน่ืองจากสถานการณ์และสภาพแวดลอ้ มที่ เกย่ี วขอ้ งกับการส่งเสริมการเกษตรมีการเปลยี่ นแปลงตลอดเวลา ความสามารถในการยึดหย่นุ และ ปรับการดาเนินงานส่วนย่อยต่างๆให้เหมาะสมภายใตห้ ลกั ใหญ่ที่คงไว้ จะช่วยให้สามารถแก้ไข ปัญหาอุปสรรคทีจ่ ะเกิดข้ึนระหว่างการดาเนินการประเมินผลไดเ้ ป็นอย่างดี 6.6 ทกุ ข้นั ตอนของการดาเนินการประเมนิ ผลตอ้ งประสานสอดคลอ้ งและเป็ นเอกภาพ โดยมวี ตั ถุประสงคข์ องการประเมนิ ผลเป็ นหลกั ให้ทุกส่วนที่เก่ียวขอ้ ง ปรับและใช้แนวทางในการ ปฏิบตั ใิ ห้สอดคลอ้ งร่วมกนั 6.7 คาตอบของการประเมินผลที่สาคญั จะตอ้ งประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนแรกประ สิทธิผล เป็นคาตอบที่ทาใหท้ ราบว่า ผลทีไ่ ดก้ บั วตั ถปุ ระสงคท์ ีก่ าหนดไวม้ คี วามแตกตา่ งกนั อย่างไร และสาเหตุใดท่ีทาให้เกิดความแตกต่างกนั ส่วนที่สอง ความสาคญั เป็นคาตอบท่ีทาให้ทราบว่าการสัม ฤทธ์ิผลตามเป้าหมายที่กาหนดน้นั มีผลต่อการพฒั นางานหรือการขยายโครงการส่งเสริมการเกษตร น้นั ๆอย่างไร และมผี ลกระทบอยา่ งอื่นเกดิ ข้ึนหรือไมอ่ ย่างไร ส่วนทส่ี ามประสิทธิภาพเป็นคาตอบที่ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 148

บทที่ 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร ทาให้ทราบว่าการดาเนินงานน้ัน ไดผ้ ลคุม้ ค่ากบั งบประมาณที่ใชไ้ ปหรือไม่และมีแนวทางท่ีดกี ว่า เพื่อบรรลุเป้าหมายทีก่ าหนดไวห้ รือไม่อยา่ งไร 6.8 การประเมินผลตอ้ งเป็ นไปอย่างถกู ตอ้ ง เชื่อถอื ได้ และยตุ ิธรรม โดยมีหลกั กาหนด ในแต่ละส่วนดงั น้ีคือ ความถูกตอ้ ง ตอ้ งประกอบดว้ ยวตั ถุประสงคท์ ช่ี ดั เจน ตวั ช้ีวดั ทแ่ี น่นอน ขอ้ มูล ท่ีถูกตอ้ งตรงความเป็ นจริง เชื่อถือได้ เพียงพอและทนั สมยั มีเกณฑใ์ นการพิจารณาท่ีชดั เจนครบ ถว้ น เหมาะสมยตุ ิธรรม และดุลยพินิจของผปู้ ระเมินท่ีมีความรอบรู้ มคี วามเป็ นธรรม ความเช่ือถือ ได้ ตอ้ งประกอบด้วยคุณภาพของข้อมูล คุณภาพของเครื่องมือท่ีใช้และวิธีการใช้ ภายใตเ้ งื่อนไข เวลาและสภาพการณ์ท่ีเหมาะสม ความยุติธรรม ตอ้ งประกอบดว้ ยความเป็ นกลาง ความอิสระใน การพิจารณาตดั สินใจ และความต้องการท่ีจะพัฒนา สร้างสรรค์งานส่งเสริมการเกษตรของผู้ ประเมิน 6.9 ขอ้ ควรระวงั ที่ตอ้ งคานึงถงึ มีดังน้ีคือไมเ่ ลอื กประเมินเฉพาะส่วนทด่ี ีของโครงการ โดยหลกี เลย่ี งการกลา่ วถึงปัญหาหรือความลม้ เหลว ไมป่ กปิ ดความผิดพลาดของโครงการ โดยการ แต่งขอ้ มลู ไปในทิศทางที่ตอ้ งการ หรือตดั ทอนขอ้ มูลท่ีไม่ตอ้ งการออก ไม่มีอคติในโครงการที่จะ ทาการประเมนิ ผล ไมเ่ ลือกเวลาและพ้ืนทปี่ ระเมนิ ผลโครงการ ตอ้ งไมเ่ นน้ เฉพาะพ้ืนที่และเวลาท่ีให้ ความสะดวกและให้ผลดแี ก่โครงการมากกว่าความถูกตอ้ งและความเป็นกลางตามหลกั วชิ าการและ สุดทา้ ยไม่เนน้ ประเดน็ หรือประเมนิ ในส่วนที่ไม่สาคญั แทนการประเมินในประเดน็ สาคญั ซ่ึงจะมี ผลทาใหผ้ ลรวมของการประเมนิ ผลผดิ พลาดได้ 6.10 เกณฑใ์ นการพจิ ารณาสาหรับการประเมินผลตอ้ งชดั เจนครอบคลุมทุกดา้ นคือ ดา้ น เศรษฐกจิ สงั คม การเมือง การบริหารโครงการ เทคนิคการดาเนินงาน สิ่งแวดลอ้ ม และทรัพยากรท่ี ใชใ้ นการดาเนินโครงการ จากแนวทางการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตรขา้ งตน้ เป็นแนวทางปฏิบตั ิทว่ั ไป ซ่ึง ยงั มีเทคนิคและแนวทางปลีกย่อยอกี หลายลกั ษณะในการประเมินผลการส่งเสริมการเกษตร ที่ตอ้ งใช้ ประสบการณ์ การศึกษาคน้ ควา้ และฝึกฝนเพ่ิมเติมตามกรณี ซ่ึงความสาเร็จของการประเมนิ ผลงาน ส่งเสริมการเกษตรไม่ได้อยู่ที่การประเมินผลให้บรรลุผลสาเร็จตามวตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายท่ี กาหนดไวเ้ พียงอย่างเดียว หากแต่ยงั ตอ้ งคานึงถึงแนวทางในการนาผลการประเมินท่ไี ดไ้ ปใช้ดว้ ย เพราะแมผ้ ลการประเมนิ จะดเี ลิศสกั เพียงใด แตห่ ากไม่มีการนาไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ การประเมิน น้นั ก็เป็นเพยี งการรายงานผลงานให้ทราบ แต่ไมส่ ามารถสรา้ งคณุ คา่ ของงานออกมาไดอ้ ย่างแทจ้ ริง วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 149

บทท่ี 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร สรุป การประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตร เป็นการพจิ ารณาค่าความสาเร็จในการดาเนินงาน ส่งเสริมการเกษตรดว้ ยการนาเอาผลท่ไี ดจ้ ากการดาเนินงานมาเปรียบเทียบกบั วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้า หมายท่กี าหนดไวด้ ว้ ยวิธีการรวบรวม เปรียบเทียบ วเิ คราะห์และตคี วามขอ้ มูลอย่างเป็นระบบ ส่วน ความสาคญั ของการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตร คอื การทาใหท้ ราบผลสมั ฤทธ์ิในการดาเนิน งาน ปัญหาอปุ สรรคและผลกระทบทเ่ี กดิ ข้นึ เพอื่ นามาใชป้ ระโยชนใ์ นการติดตาม ควบคุม ปรับปรุง แก้ไข และพัฒ น าก ารด าเนิ น งานส่ งเสริ ม การเกษ ตรให้ มีป ระสิ ทธิ ภ าพแ ละป ระสิ ท ธิ ผล ต่อไ ป สาหรบั ประเภทของการประเมนิ ผลงานส่งเสริมการเกษตร แบ่งออกไดเ้ ป็นหลายประเภทแลว้ แตว่ ่า จะใชส้ ่ิงใดเป็ นตวั กาหนด แต่โดยทว่ั ไปจะใชร้ ะยะเวลาและลกั ษณะการตดั สินใจเป็ นตวั กาหนด ร่วมกัน ซ่ึงสามารถแบ่งออกไดเ้ ป็ น 4 ประเภท คือ การประเมินผลเพ่ือวินิจฉัย การประเมินผล ความก้าวหน้า การประเมินผลรวม และการประเมินผลติดตาม ส่วนข้ันตอนที่สาคัญในการ ประเมินผล ไดแ้ ก่ การวิเคราะหโ์ ครงการ การกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ในการประเมินผล การกาหนด ขอ้ มูลท่ีจะตอ้ งรวบรวม การกาหนดตวั ช้ีวดั การกาหนดแหล่งข้อมูล การกาหนดวิธีการ และ เคร่ืองมือในการรวบรวมขอ้ มลู การประมวลผลและการวเิ คราะหข์ อ้ มูล การเปรียบเทียบขอ้ มูล การ ตคี วามและสรุปผล และการจดั ทารายงาน สาหรบั แนวทางการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตร หมายถึง แนวปฏิบตั ิท่ีจะทาให้การดาเนินการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตรสัมฤทธ์ิผลตาม วตั ถุประสงค์และเป้าหมายที่กาหนด ซ่ึงได้แก่ การสร้างความเขา้ ใจและความร่วมมือของทุกฝ่ าย การประเมินผลให้ตรงวตั ถุประสงค์ การดาเนินการอย่างมีแบบมีหลกั เกณฑ์และมีข้นั ตอนอย่าง เหมาะสมสอดคลอ้ งเป็นระบบ เป็นตน้ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 150

บทท่ี 7 การประเมินผลการส่งเสริมการเกษตร คำถำมท้ำยบท ให้นกั ศึกษำตอบคำถำมต่อไปนีใ้ ห้ได้ใจควำมสมบรู ณ์ 1. จงอธิบายความหมายและความสาคญั ของการประเมนิ ผลงานส่งเสริมการเกษตรมา ให้ถกู ตอ้ ง 2. การประเมนิ ผลงานส่งเสริมการเกษตรแบ่งออกก่ีประเภท อะไรบา้ ง 3. จงอธิบายองคป์ ระกอบของการประเมนิ ผลงานส่งเสริมการเกษตรมาให้ถูกตอ้ ง 4. จงอธิบายข้นั ตอนการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตรมาใหถ้ ูกตอ้ ง 5. บอกองคป์ ระกอบในการจดั ทารายงานการประเมนิ ผลมาใหถ้ ูกตอ้ ง 6. จงอธิบายแนวทางการประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตรมาให้ถกู ตอ้ ง วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 151

บทท่ี 7 การประเมนิ ผลการส่งเสริมการเกษตร เอกสำรอ้ำงอิง กญั ญา กรี ติพงษ.์ 2555. แนวทำงกำรพฒั นำกำรประเมนิ ผลโครงกำรฝึ กอบรม. (ออนไลน)์ . แหล่งที่มา: http://webhost.cpd.go.th/cooptrain/download/ วนั ท่ีสืบคน้ วนั ที่ 10 ธนั วาคม 2558 เยาวดี วบิ ูลยศ์ รี. 2551. กำรประเมินโครงกำร: แนวคิดและแนวปฏบิ ตั ิ. พิมพค์ ร้ังท่ี 6. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . วจิ ิตร อาวะกลุ . 2535. หลกั กำรส่งเสริมกำรเกษตร. กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นาพาณิช. วลั ลภ พรหมทอง. 2541. หลักและวิธกี ำรส่งเสริมกำรเกษตร. กรุงเทพฯ: ฟิ สิกสเ์ ซนเตอร์. สุนนั ท์ สีสังข์ และสินีนุช ครุฑเมือง. 2547 การประเมินผลการเผยแพร่สารสนเทศในงานส่งเสริม การเกษตร. เอกสำรกำรสอนชุดวิชำสำรสนเทศและสื่อท่ีใช้ในงำนส่งเสริมกำรเกษตร. หน่วยที่ 8-15. นนทบุรี: มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. สมศกั ด์ิ สุริโย และนที ขลบิ ทอง. 2542. การวางแผนและประเมินผลงานส่งเสริมการเกษตร. เอกสำรกำรสอนชุดวิชำ ควำมรู้ทัว่ ไปเก่ียวกับกำรส่งเสริมกำรเกษตร หน่วยท่ี 8-15. นนทบุรี: มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. สมหวงั พริ ิยานุวฒั น์. 2544. รวมบทควำมทำงกำรประเมินโครงกำร. พิมพค์ ร้งั ที่ 6. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 152

บทท่ี 8 ปัญหาการส่ งเสริมการเกษตรและแนวทางแก้ไข

บทท่ี 8 ปัญหาการส่งเสริมการเกษตรและแนวทางแกไ้ ข บทท่ี 8 ปัญหำกำรส่ งเสริมกำรเกษตรและแนวทำงแก้ไข จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เม่อื นกั ศึกษาเรียนจบบทเรียนน้ีแลว้ นกั ศกึ ษาสามารถ 1. จาแนกปัญหาทเี่ กดิ ข้นึ กบั การส่งเสริมการเกษตรไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2. วเิ คราะห์ปัญหาทเี่ กิดข้ึนกบั การส่งเสริมการเกษตรจากสาเหตตุ า่ งๆไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 3. อธิบายแนวทางการแกไ้ ขปัญหาการส่งเสริมการเกษตรทเี่ กิดจากสาเหตุต่างๆไดถ้ ูกตอ้ ง บทนำ ปัญหาการส่งเสริมการเกษตร คือปัญหาที่นกั ส่งเสริมหรือหน่วยงานด้านการเกษตรทา การถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีทางดา้ นการเกษตรแลว้ เกษตรกรไม่สามารถพฒั นาอาชีพการ เกษตรของตนจนสามารถพ่งึ ตนเองไดอ้ ย่างยง่ั ยืน ซ่ึงมีปัจจยั ที่ทาใหก้ ารส่งเสริมการเกษตรไมบ่ รรลุ ผล ไดแ้ ก่ ปัจจยั ท่ีเกิดจากการทางานดา้ นการส่งเสริมการเกษตรของหน่วยงานองคก์ รภาครัฐ ภาค เอกชน ปัจจยั ท่ีเกิดจากระบบการผลิต การตลาดสินคา้ เกษตร และปัจจยั ท่เี กิดจากตวั เกษตรกร ส่วน แนวทางในการแกไ้ ขปัญหาการส่งเสริมการเกษตร คือการบูรณาการความร่วมมอื เรียนรู้และพฒั นา ร่วมกนั ทุกฝ่ายอยา่ งเป็นระบบท้งั เกษตรกรหน่วยงานภาครฐั และเอกชน เนื้อหำ 1. ปัญหำกำรส่งเสริมกำรเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร (2553) กล่าวว่า การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรต้งั แตใ่ นอดีตที่ ผ่านมา ดาเนินงานโดยหลายหน่วยงานท้งั ภาครัฐและเอกชน จนกระทงั่ ในปี พ.ศ. 2511 ไดม้ ีการ จดั ต้งั กรมส่งเสริมการเกษตรข้ึน ซ่ึงเป็ นหน่วยงานท่ีรวมงานลกั ษณะงานส่งเสริมการเกษตรจาก หน่วยงานต่างๆ ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มารวมไวใ้ นกรมส่งเสริมการเกษตร มหี น่วยงาน ระดับภูมิภาคกระจายอยทู่ วั่ ประเทศ ได้แก่ สานกั งานเกษตรจงั หวดั สานกั งานเกษตรอาเภอ มีเจ้า หนา้ ทสี่ ่งเสริมการเกษตรประจาอย่ทู ุกตาบล แตก่ ็ยงั มีปัญหาอุปสรรคอยู่หลายประการ ที่ทาให้การ ดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรยงั ไมป่ ระสบผลสาเร็จเท่าท่ีควร ปัญหาการส่งเสริมการเกษตรสรุปได้ ดงั น้ี วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 153

บทท่ี 8 ปัญหาการส่งเสริมการเกษตรและแนวทางแกไ้ ข 1.1 ปัญหาทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เกษตรกร ครอบครวั กลุ่มองคก์ รเกษตรกรและชมุ ชน 1.1.1 ปัญหาความรู้ความสามารถของเกษตรกรในการผลิตและจัดการสินค้า เกษตร โดย กรมส่งเสริมการเกษตร (2556) กล่าวว่า เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ท่ีประกอบอาชีพ การเกษตรอย่ใู นปัจจบุ นั เป็นเกษตรกรรายย่อย ไมม่ ีเงนิ ทุนเพียงพอในการพฒั นาการผลิตและจดั การ สินคา้ เกษตรของตนเองให้มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภยั และไดม้ าตรฐานตามความตอ้ งการของ ตลาด มีความหลากหลายมากข้ึน เกษตรกรยงั ขาดแหล่งเงินทุนเพือ่ นามาพฒั นาอาชีพของตน การ เขา้ ถึงขอ้ มูลข่าวสารเพ่ือการพฒั นา เน่ืองจากเกษตรกรส่วนมากมีความรู้ต่า อายุมาก มีภาระหน้ีสิ้น รายไดน้ ้อยแต่ค่าใชจ้ ่ายสูง ไม่สามารถเขา้ ถึงขอ้ มูลข่าวสารท่มี ีการพฒั นาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทาให้ไม่สามารถวางแผนการผลิตของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สามารถวิเคราะห์และ คาดการณ์ทางดา้ นการตลาดได้ 1.1.2 ปัญหาศกั ยภาพและความเข้มแข็งของกลุ่มองค์กรเกษตรและชุมชน โดย กรมส่งเสริมการเกษตร (ม.ป.ป.) กลา่ ววา่ ในการดาเนินกิจการขององคก์ รและการสร้างเครือข่าย ใน สภาวะปัจจบุ นั มีการเคล่ือนยา้ ยแรงงานจากภาคการเกษตรสู่ภาคอุตสาหกรรมและบริการมากข้ึน เน่ืองจากในภาคการเกษตรมีความเสี่ยงในด้านผลตอบแทนและรายได้ ทาให้ภาคเกษตรขาด บคุ ลากรที่มีลกั ษณะผูน้ าที่มีความรู้ความสามารถในการกระตุน้ ชักจูงให้เกิดการรวมกลมุ่ บริหาร จดั การกลุ่มใหส้ ามารถชว่ ยเหลอื เก้อื กลู กนั อย่างมีประสิทธิภาพ 1.1.3 ปัญหาการเขา้ ถึงขอ้ มูลข่าวสารและบริการทางการเกษตรที่รวดเร็วทวั่ ถึงทนั สมยั และเป็นประโยชน์ต่อการพฒั นาอาชีพการเกษตร เนื่องจากเกษตรกรในระดบั รากหญา้ มีการ ศึกษานอ้ ย อายมุ าก รายไดต้ า่ ขาดศกั ยภาพความรู้ความสามารถในการเขา้ ถึงขอ้ มูลข่าวสารดา้ นการ ประกอบอาชีพ ท้งั โดยรวมแลว้ ภาครัฐยงั ขาดระบบฐานขอ้ มูลและการเชื่อมโยงฐานขอ้ มูลท่ีมี ประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในภาคการเกษตร การขาดโอกาสในการเขา้ ถึงขอ้ มูลข่าวสารดังกล่าวทา ใหไ้ ม่สามารถบริหารจดั การวางแผนกระบวนการผลิตของตนเองไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 1.1.4 ขาดกระบวนการส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกันและการสร้างเครือข่ายของ เกษตรกร ซ่ึง กรมส่งเสริมการเกษตร (2556) กล่าววา่ การดาเนินผลติ ของเกษตรกรในอดีตท่ผี ่านมา เป็ นไปในลกั ษณะต่างคนต่างทา ขาดการเรียนรู้ร่วมกันในด้านเทคนิค วิธีการประกอบอาชีพ การ แลกเปล่ียนองค์ความรู้ระหว่างกันและการสร้างเครือข่าย ทาให้การพฒั นาการประกอบอาชีพ การเกษตรเป็นไปอยา่ งเช่ืองชา้ นอกจากน้ียงั ขาดการรวมกล่มุ เพ่ือการบริหารดา้ นการตลาดและเพ่ือ ใชป้ ัจจยั การผลติ ร่วมกนั เชน่ เคร่ืองจกั รกลการเกษตร ต่างคนต่างซ้ือ ต่างคนต่างใช้ เมื่อสิ้นสุดฤดูการ ผลติ ก็จะถูกท้งิ ร้างไม่ไดใ้ ชป้ ระโยชน์ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 154

บทท่ี 8 ปัญหาการส่งเสริมการเกษตรและแนวทางแกไ้ ข 1.1.5 เกษตรกรทป่ี ระกอบอาชีพการเกษตรในปัจจบุ นั มีอายมุ าก เนื่องจากประเทศ ไทยมีแนวโนม้ ท่ีจะพฒั นาประเทศไปสู่อุตสาหกรรมมากข้นึ คนหนุ่มสาวอพยพจากชนบทสู่เมือง ใหญ่ ทิ้งไร่ทง้ิ นา คนอายมุ ากทท่ี างานในโรงงานไม่ไดก้ ลบั สู่ไร่นาประกอบอาชีพการเกษตร การรบั รู้เทคโนโลยีต่างๆเป็ นไปได้ชา้ ขาดความกระตือรือรน้ และศกั ยภาพที่จะแสวงหาความรู้ใหม่เพ่ือ พฒั นาอาชีพของตน นอกจากน้ีการประกอบอาชีพการเกษตรของเกษตรกรในปัจจุบนั ขาดผูส้ ืบ ทอดเพราะลูกหลานคนรุ่นใหม่ถือว่าการประกอบอาชีพการเกษตร เป็ นอาชีพที่ตอ้ งทางานหนัก เสี่ยงกบั การขาดทุน ทาให้เกษตรกรท่ีประกอบอาชีพการเกษตรอยู่ในปัจจุบนั ขาดกาลงั ใจที่จะ พฒั นาอาชีพของตนเพ่อื ลกู หลาน 1.1.6 ผลกระทบจากการพฒั นาประเทศทีผ่ า่ นมา ทาใหป้ ระชาชนในชนบทที่ประ กอบอาชีพการเกษตรมีค่านิยมท่ผี ิด คอยแตร่ อรับความช่วยเหลือจากภาครัฐแต่ฝ่ายเดียว ไมม่ ีแนว คิดที่จะรวมกลุ่มกันเพ่ือการพ่ึงพาตนเอง นอกจากน้ีเกษตรกรยงั ขาดความรู้และประสบการณ์ท่ีจะ บริหารจดั การทรัพยากรท่ีตนเองมีอยู่ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ขาดความรู้เร่ืองการปรับปรุงบารุง ดนิ การใชป้ ระโยชน์จากวสั ดุเหลือใชม้ าลดตน้ ทนุ การผลติ และการบริหารจดั การไร่นา 1.1.7 ปัญหาสังคมบริโภคนิยม สานักงานส่งเสริมการเกษตรจงั หวดั แพร่ (2546) กล่าวว่า ปัญหาสังคมเกษตรในปัจจุบัน เกษตรกรมกั บริโภคนิยม โดยเฉพาะอย่างย่ิงโทรทัศน์มี บทบาทต่อชีวิตความเป็ นอยู่ของเกษตรกรเป็ นอย่างมาก สื่อโทรทศั น์เป็ นส่ือที่เขา้ ถึงเกษตรกร ไดม้ ากทสี่ ุด จะมกี ารกระตุน้ ด้วยการโฆษณาส่ิงต่างๆตลอดเวลา ทาให้เกษตรกรบริโภคทรัพยากร อย่างไร้เหตุผล นอกจากน้ีปัญหาของชมุ ชน ได้แก่ ปัญหาอบายมุข ปัญหาความขดั แยง้ ของคนใน ชุมชน ปัญหาที่ดินทากินซ่ึงส่ิงเหลา่ น้ีก็เป็ นอุปสรรคสาคญั อย่างย่งิ ตอ่ ความสาเร็จของงานส่งเสริม การเกษตร 1.2. ปัญหาการผลติ และการตลาดสินคา้ การเกษตร มีปัญหาที่มผี ลกระทบทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั การดาเนนิ งานส่งเสริมการเกษตร ดงั น้ี 1.2.1 ปัญหาปัจจยั การผลติ ทางการเกษตร ไดแ้ ก่ พนั ธุ์พืช พนั ธุ์สตั ว์ ป๋ ุยเคมี สาร กาจดั ศตั รูพืช อาหารสัตวม์ รี าคาแพง เกษตรกรตอ้ งแบกภาระตน้ ทุนการผลิตสูง ทาใหเ้ กษตรกรบาง รายตอ้ งเลิกกิจการของตนเองไปในที่สุด นอกจากน้ีระบบการตลาดสินคา้ เกษตรเป็ นระบบการ ตลาดเสรี บางคร้ังเกษตรกรผผู้ ลิตสินคา้ เกษตรตอ้ งตกอย่ใู นสภาวะท่ผี ลติ สินคา้ เกษตรจนลน้ ตลาด ทา ให้ราคาสินคา้ เกษตรตกตา่ ระบบการผลติ พชื บางชนิดยงั พ่งึ พาระบบการตลาดตา่ งประเทศ 1.2.2 ปัญหาแรงงานภาคเกษตรอยู่ในสภาวะที่ขาดแคลนเนื่องจากทิศทางการ พฒั นาประเทศในช่วงเวลาที่ผา่ นมา มีแนวโนม้ เปล่ียนทศิ ทางนาประเทศไปสู่ภาคอุตสาหกรรมและ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 155

บทท่ี 8 ปัญหาการส่งเสริมการเกษตรและแนวทางแกไ้ ข บริการมากข้ึน การขยายตัวดังกล่าวทาให้เกิดการเคล่ือนยา้ ยแรงงานออกจากภาคเกษตร ทาให้ เกษตรกรผปู้ ระกอบการขนาดกลางบางรายตอ้ งจา้ งแรงงานต่างดา้ วทาให้เกดิ ปัญหาสังคม 1.2.3 ปัญหาความเส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ปัญหาดินขาดความอุดมสบบูรณ์ เน่ืองจากดินขาดอินทรียวตั ถุ การกดั เซาะพงั ทลายของหน้าดิน ปัญหาน้ีเป็ นปัญหาที่มีความสาคญั นอกจากน้ีปัญหาการใช้ประโยชน์จากที่ดินไม่เหมาะสม เช่น ที่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์มีแหล่งน้าแต่กลบั ทิ้งไวใ้ ห้รกร้างว่างเปล่า หรือบางแห่งถูกเปล่ียนไปเป็ น สนามกอลฟ์ โรงงานอตุ สาหกรรม หรือทาที่พกั อาศยั เพ่ือบริการนกั ทอ่ งเท่ียว 1.2.4 ปัญหาการถือครองท่ีดินทากินของเกษตรกร จะพบเห็นกนั โดยทว่ั ไป ใน ปัจจบุ นั เกษตรกรที่ประกอบอาชีพการเกษตรจริงๆ ส่วนใหญ่ไม่ใช่เจา้ ของทด่ี นิ แต่เป็นผเู้ ชา่ มีความ รู้สึกว่าท่ีดินท่ีตนเองทากินอยู่ไม่ใช่ที่ดินของตนเอง มุ่งการผลิตเพ่ือจะทาให้เกิดผลกาไรแต่เพียง อย่างเดียว แต่ขาดการปรบั ปรุงบารุงดิน มีการใชส้ ารเคมีกาจดั วชั พืชอย่างรุนแรง โดยไม่คานึงถึง ผลเสียทเ่ี กิดข้ึนทาใหพ้ ้นื ดนิ เส่ือมโทรม 1.2.5 ปัญหาทเ่ี ป็ นผลกระทบจากความผนั ผวนของภาวะเศรษฐกิจโลก จะเห็นได้ จากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจท่ีเกิดในประเทศสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2550 ทเ่ี รียกว่าวิกฤติซับไพร์ มี ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทว่ั โลก ธุรกิจห้างร้านในสหรัฐอเมริกาปิ ดกิจการลงทาใหค้ นตกงาน กาลงั ซ้ือลดลง สภาวการณ์ดงั กล่าวส่งผลกระทบตอ่ การส่งออกสินคา้ ท้งั ภาคอุตสาหกรรมและภาค เกษตรกรรม เพราะสหรัฐอเมริกาเป็ นประเทศคู่ค้าที่สาคญั ประเทศหน่ึงของไทย ทาให้โรงงาน อุตสาหกรรมบางแห่งท่ีส่งสินค้าไปจาหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกาตอ้ งปิ ดกิจการลง เกิดการ ว่างงานข้ึน แรงงานกลบั คนื ถ่นิ บางรายตอ้ งกลบั มาประกอบอาชีพการเกษตร แตย่ งั ขาดความรูแ้ ละ ประสบการณด์ า้ นการประกอบอาชีพเกษตร ทาให้ตอ้ งประสบกบั การขาดทนุ 1.2.6 ปัญหาผลกระทบวกิ ฤตพลงั งาน จะเหน็ ไดว้ า่ ในปัจจุบนั ทวั่ โลกไดเ้ ห็นความ สาคญั ของวิกฤตพลงั งาน เช้ือเพลิงชีวภาพจะเป็ นทางออกท่ีดีสาหรับปัญหาราคาน้ามนั ท่ีเพิ่มใน ขณะน้ี และยงั เป็ นเช้ือเพลิงที่เป็ นมิตรกบั สิ่งแวดลอ้ ม แต่การพฒั นาเช้ือเพลิงชีวภาพจาเป็ นจะตอ้ ง ดาเนินการบนพ้ืนฐานการผลิตทยี่ งั่ ยืน (sustainable production) เน่ืองจากการผลติ เช้ือเพลิงชีวภาพ อาจสร้างผลเสียตอ่ ส่ิงแวดลอ้ มไดเ้ ชน่ กนั อาทิ การทาลายพ้นื ทป่ี ่ าจากการเพมิ่ พ้นื ทป่ี ลกู พชื พลงั งาน การกาจดั กากของเสีย รวมท้งั การบริหารจดั การพ้ืนท่ีเพาะปลกู ในระยะยาว สมดุลของการปลูกพืช อาหารและพืชพลงั งานโดยใชน้ โยบายจดั แบง่ พ้นื ที่ (zoning) สาหรับปลกู พชื ประเภทตา่ งๆ 1.2.7 ปัญหาภยั ธรรมชาติ ในปัจจุบนั เราจะเห็นไดว้ ่า เกดิ จากความแปรปรวนของ สภาพแวดลอ้ ม นบั ทวีความรุนแรงมากข้ึนโดยเฉพาะอย่างย่ิง ภยั แลง้ น้าท่วม ซ่ึงส่งผลกระทบโดย วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 156

บทท่ี 8 ปัญหาการส่งเสริมการเกษตรและแนวทางแกไ้ ข ตรงต่อการประกอบอาชีพการเกษตรของเกษตรกร จึงมีความจาเป็ นที่ภาครัฐจะตอ้ งให้ความช่วย เหลอื ในลกั ษณะของการสงเคราะห์ในกรณีเกดิ สถานการณฉ์ ุกเฉิน 1.3 ปัญหาการทางานส่งเสริมการเกษตรของหน่วยงานภาครัฐ 1.3.1 ปัญหาการขาดการประสานความร่วมมอื ของหน่วยงานภาครฐั วลั ลภ พรมทอง (2541) กล่าววา่ การขาดการประสานความร่วมมอื ของหน่วยงานภาครฐั ที่ทางานด้านการส่งเสริมการ เกษตรท้งั ในระดบั นโยบายและระดับปฏบิ ตั ิการ ท้งั กับหน่วยงานภาครัฐดว้ ยกนั เองและกบั หน่วยงาน ภาคเอกชน ทาให้เกิดปัญหาการทางานเหลื่อมล้าซ้าซ้อนกัน บางคร้ังทาให้เกิดความเขา้ ใจผิดระหว่าง หน่วยงานในระดบั พ้ืนที่ นอกจากน้ีความเชื่องชา้ มากข้นั ตอนของระบบราชการ เป็นอุปสรรคสาคญั ของการพฒั นางานส่งเสริมการเกษตร 1.3.2 เจา้ หนา้ ทีส่ ่งเสริมการเกษตร มภี าระงานมากท้งั งานประจาท่รี บั ผิดชอบ และ ยงั มีงานตามนโยบาย โดย กรมส่งเสริมการเกษตร (มปป) กล่าวว่า นอกจากเจา้ หน้าท่ีส่งเสริมการ เกษตร มีภาระงานมาก ยงั ขาดทกั ษะในการสอนและการถ่ายทอดความรู้ เพราะไมไ่ ดร้ บั การฝึ กอบ รมอย่างจริงจงั ในเรื่องการถ่ายทอดความรู้ ขาดประสิทธิภาพในการปฏิบตั งิ าน เพราะเจ้าหนา้ ที่ไม่ ไดร้ บั การฝึกอบรมเพือ่ การเพิม่ พูนความรู้ ทกั ษะประสบการณท์ ีจ่ าเป็นอย่างต่อเน่ือง 1.3.3 ขอ้ จากดั ดา้ นงบประมาณ ในสภาวการณ์ปัจจุบนั ถือไดว้ ่า งบประมาณท่ีรัฐ จดั สรรใหแ้ กห่ น่วยงานยงั ไม่เพียงพอสาหรับการทางานส่งเสริมการเกษตร การจดั สรรงบประมาณ บางส่วนยงั ไม่สอดคลอ้ งกับระยะเวลาและกิจกรรมที่จะดาเนินการเท่าท่ีควร นอกจากน้ีการสร้าง เครือขา่ ยประชาชนดา้ นการส่งเสริมการเกษตรยงั ขาดประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกบั การสรา้ งเครือขา่ ยดา้ น อื่น เชน่ ดา้ นการสาธารณสุข 1.3.4 บทบาทของนักการเมืองท้งั ระดับทอ้ งถิ่นและระดบั ชาติ มีผลกระทบต่อการ ปฏิบตั หิ นา้ ที่ของนกั ส่งเสริมภาครฐั เพราะบางคร้ังตอ้ งทางานสนองนกั การเมือง 1.3.5 ระบบการนิเทศติดตามการทางานส่งเสริมการเกษตรของหน่วยงานภาครัฐ ยงั ขาดประสิทธิภาพ และนโยบายภาครัฐต่องานส่งเสริมการเกษตร ยงั ไมช่ ัดเจนจริงจงั โดยเฉพาะ อยา่ งย่ิงปรัชญาการส่งเสริมการเกษตร ท่ีมุ่งใหเ้ กษตรกรสามารถพ่ึงพาตนเอง การกาหนดนโยบาย ในแนวประชานิยมเป็นอุปสรรคสาคญั ตอ่ งานส่งเสริมการเกษตรและการพฒั นาการเกษตร 1.3.6 การวางแผนและดาเนินการพฒั นาการเกษตร มกั เป็ นไปตามกรอบนโยบาย ของหน่วยงานและเป็นบทบาทหนา้ ท่ีของเจา้ หนา้ ท่ีส่งเสริมการเกษตร เกษตรกรไมค่ ่อยมีส่วนร่วมใน การตดั สินใจ บางคร้ังไม่สอดคลอ้ งกับการแกป้ ัญหาการพฒั นาการเกษตร นอกจากน้ีนักส่งเสริม การเกษตรไม่ให้ความสาคญั กับการทาให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันในเชิงบรู ณาการ ท้งั การ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 157

บทที่ 8 ปัญหาการส่งเสริมการเกษตรและแนวทางแกไ้ ข ทางานด้านการส่งเสริมการเกษตรยงั ขาดความต่อเนื่อง เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดาเนินงานตาม โครงการ เมอ่ื หมดงบประมาณก็ส้ินสุดการดาเนินงานไมไ่ ดค้ านึงถึงความยง่ั ยนื ของอาชีพ 1.3.7 ในห้วงเวลาท่ีผ่านมาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างย่ิง องคก์ ารบริหารส่วนตาบล ยงั มีบทบาทนอ้ ยมากต่องานส่งเสริมการเกษตรท้งั ๆที่เป็นบทบาทหนา้ ที่ โดยตรงทจ่ี ะพฒั นาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ผบู้ ริหารองคก์ ารปกครองส่วนทอ้ งถ่ินยงั ไม่เห็น ความสาคญั ของการพฒั นาการเกษตร 1.3.8 ขาดการศึกษาคน้ ควา้ วิจยั ทางดา้ นการเกษตร โดย ดิเรก ฤกษ์หร่าย (2550) กลา่ วว่า การศึกษาคน้ ควา้ วจิ ยั ทางดา้ นการเกษตร เป็นแนวทางในการพฒั นาการส่งเสริมในรูปแบบ ทด่ี ีท่ีเหมาะสมกับทอ้ งถิน่ และเกษตรกรท่มี สี ภาพทางเศรษฐกิจและสังคมวฒั นธรรมในเขตชนบท ยากจน แต่เน่ืองจากนักวิจยั ทางดา้ นการส่งเสริมการเกษตรมีน้อยและขาดแรงจูงใจในการคน้ ควา้ วจิ ยั ทางดา้ นการเกษตร และการนาผลงานวจิ ยั น้นั มาใชป้ ระโยชน์ 1.4. ปัญหาการทางานส่งเสริมการเกษตรขององคก์ รภาคเอกชน 1.4.1 หน่วยงานภาคเอกชนทีม่ งุ่ ผลกาไร ทาธุรกิจขายตรงผลติ ภณั ฑท์ างดา้ นการเกษตร บางคร้ังมกี ารโฆษณาเกินความเป็นจริง ทาใหเ้ กษตรกรเกดิ ความสับสนหลงเชื่อ ทาให้เสียโอกาสใน การไดผ้ ลผลิตตามท่ีควรจะเป็ น ทาให้เกษตรกรเสียเปรียบในการประกอบการ และมักจะปล่อยให้ เกษตรกรรับสภาพความเส่ียงโดยลาพงั 1.4.2 ขาดการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพกบั หน่วยงานภาครัฐที่ทาหน้าท่ี ส่งเสริมโดยตรง จึงทาให้ภาคเอกชนมกั ไม่ได้รับความไวว้ างใจจากเกษตรกร เพราะเกษตรกรอาจ รู้สึกว่าตนเองกาลงั ถูกเอาเปรียบ นอกจากน้ีภาคเอกชนบางองคก์ รยงั ขาดความรู้และประสบการณ์ ดา้ นการประกอบอาชีพการเกษตรอย่างแทจ้ ริง แลว้ นาไปถ่ายทอดให้เกษตรกรทาให้เกดิ ผลเสียหาย แก่ตวั เกษตรกร 1.4.3 ภาคเอกชนท่ีเป็นส่ือสารมวลชน มีบทบาทสาคญั ต่อการส่งเสริมการเกษตร เพราะเกษตรกรจะไดร้ ับรูข้ า่ วสารจากสื่อมวลชนในวงกวา้ ง บางคร้ังขอ้ มูลขา่ วสารมีความคลาดเคลือ่ น ในเชิงวชิ าการและความเป็นจริง ในประเดน็ น้ีควรมหี น่วยงานภาครัฐกลน่ั กรองขอ้ มูลขา่ วสารเบ้อื ง ตน้ เพราะถา้ เกษตรกรไดร้ ับขอ้ มูลผดิ ๆ จะทาใหเ้ กิดผลเสียตอ่ การประกอบอาชีพ 1.4.4 การดาเนินงานการส่งเสริมการเกษตรของภาคเอกชนโดยเฉพาะอย่างย่ิง ระบบ contact farming เกษตรกรบางรายยงั ขาดความซ่ือสัตยใ์ นการประกอบอาชีพ ไม่ดาเนินการ ตามสัญญาทใี่ หไ้ วก้ บั บริษทั เอกชนท่ีร่วมลงทุน ทาให้โครงการเกษตรบางโครงการตอ้ งลม้ เลิกไป ท้งั ๆทเี่ ป็นโครงการที่มีประโยชน์ตอ่ การพฒั นาอาชีพของเกษตรกร ตวั อย่างเช่น โครงการส่งเสริม วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 158

บทที่ 8 ปัญหาการส่งเสริมการเกษตรและแนวทางแกไ้ ข การปลูกอ้อย โดยโรงงานน้าตาลให้ทุนแก่เกษตรกรไปดาเนินการก่อน แต่เมื่อได้ผลผลิตแล้ว เกษตรกรกลบั ไม่ยอมจาหน่ายผลผลติ ใหแ้ กโ่ รงงาน และยงั นาผลผลิตน้นั ไปจาหน่ายแก่โรงงานอืน่ 2. แนวทำงกำรแก้ไขปัญหำกำรส่งเสริมกำรเกษตร ปัญหาการส่งเสริมการเกษตรเป็ นปัญหาท่ีส่งผลกระทบโดยตรงต่อการพฒั นาประเทศ เพราะอาชีพการเกษตรเกย่ี วขอ้ งกบั ชีวติ ความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ เพราะภาคการเกษตรเป็นภาค การผลิตปัจจยั สี่ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ในเร่ืองของอาหารซ่ึงเป็นปัจจยั หน่ึงในปัจจยั สี่ท่เี ก่ียวขอ้ งกบั ทุก คน ประเทศตอ้ งมีความมนั่ คงทางอาหาร งานส่งเสริมการเกษตรจงึ เป็นงานที่มีความสาคญั อย่างยิ่ง ต่อการพฒั นาประเทศและชีวิตความเป็ นอยู่ของประชาชน จึงมีความจาเป็ นทต่ี อ้ งมีการบูรณาการ ความร่วมมือกันทุกฝ่ าย ท้งั หน่วยงานภาครฐั และเอกชนอย่างเป็ นระบบร่วมกนั โดยให้เกษตรกร เป็ นศูนยก์ ลางของการพัฒนา ซ่ึงเกษตรกร นักส่งเสริมการเกษตร และองค์กรที่ทางานด้านการ ส่งเสริมการเกษตรควรร่วมมือกนั แกไ้ ขปัญหา ดงั น้ี 2.1 เกษตรกรและองค์กรเกษตรกร จากสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สงั คมและส่ิงแวดลอ้ ม เกษตรกรและองคก์ รเกษตรกรควรไดพ้ ฒั นาศกั ยภาพของตนเอง ดงั น้ี 2.1.1 ดา้ นเศรษฐกิจ เกษตรกรตอ้ งรูจ้ กั ใชภ้ ูมิปัญญาที่มีอยู่ในทอ้ งถ่ินในการเพ่ิม มลู ค่าสินคา้ และตอ้ งติดตามสถานการณค์ วามเปลยี่ นแปลงตา่ งๆ ที่เกย่ี วกบั ตนเองและสงั คม เพือ่ ให้ รู้จกั ปรับตวั และบริหารความเส่ียง รู้จกั การรวมกลุม่ กันเป็นวิสาหกิจชมุ ชน เช่ือมโยงเครือข่ายเพื่อ สร้างความเขม้ แข็ง ร่วมมือกันสร้างงาน สร้างอาชีพในชุมชนเพ่ือเพ่ิมขีดความสามารถในการ บริหารจดั การดา้ นการผลิต การจดั การทุนและการตลาด 2.1.2 ดา้ นการผลิตสินคา้ เกษตร พฒั นาการผลติ สินคา้ ท่ีมุ่งเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มท่ี มคี วามหลากหลายเฉพาะเจาะจง สินคา้ ทีม่ รี าคาสูงควรมีการผลิตตามคาสั่งซ้ือ สินคา้ ท่ีผลติ ควรเน้น ธรรมชาติ สุขภาพ เกษตรอินทรีย์ พัฒนาศักยภาพการผลิตพืชทดแทนพลังงาน ร่วมมือกับ ภาคเอกชนในการผลิตตามแนวทาง contact farming มีการสร้างตราสินคา้ (brand) ให้เป็นท่ียอมรับ ของผบู้ ริโภค ผลิตสินคาท่ีมีคุณภาพไดม้ าตรฐานและมีการตรวจรบั รอง ในขณะเดียวกันก็เพ่ิมขีด ความสามารถในการวเิ คราะห์และคาดการณด์ า้ นการตลาด 2.1.3 ดา้ นเทคโนโลยแี ละนวตั กรรม เกษตรกรตอ้ งเขา้ ไปมสี ่วนร่วมในระบบการ ผลิตแบบอตุ สาหกรรมและระบบการผลติ ทใี่ ชเ้ ทคโนโลยีสูง พฒั นาตนเองใหม้ ีศกั ยภาพในการผลิต รูปแบบรับจา้ งผลิต รับจา้ งเล้ียง พฒั นาเทคโนโลยีการผลิตไดด้ ว้ ยตนเอง ตดิ ตามความเปลย่ี นแปลง ของเทคโนโลยกี ารผลิตแลว้ นามาประยุกต์ใช้อยา่ งเหมาะสม และพฒั นาศกั ยภาพตนเองให้เขา้ ถึง เครือข่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 159

บทที่ 8 ปัญหาการส่งเสริมการเกษตรและแนวทางแกไ้ ข 2.1.4 ดา้ นสังคม เกษตรกรควรดาเนินชีวติ ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพยี ง ลด ละ เลิกอบายมุข อนั เป็ นปัจจยั สาคญั ที่ทาให้องคก์ รลม้ เหลว ดารงตนเองอย่างมีเกียรติมีศกั ด์ิศรี เป็ นท่ี ยอมรับของสงั คม และควรสร้างคา่ นิยมการพ่งึ พาตนเอง ร่วมมือร่วมใจกนั สร้างสรรค์องคก์ รแห่ง ความเอ้ืออาทรช่วยเหลอื เก้อื กลู กนั 2.1.5 ดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ควรร่วมมือกันผลิตสินคา้ ที่เป็ น มติ รกบั ส่ิงแวดลอ้ ม และใชท้ รพั ยากรอย่างคุม้ คา่ ลดการใชพ้ ลงั งาน ปรบั ระบบการผลติ และวิถชี ีวิต ใหอ้ ยรู่ ่วมกบั สภาพแวดลอ้ มท่เี ปล่ียนไปและภยั ธรรมชาตทิ เ่ี กิดข้ึน 2.2 นกั ส่งเสริมการเกษตรและองคก์ ารทีท่ างานดา้ นการส่งเสริมการเกษตร 2.2.1 ดา้ นเศรษฐกิจ ควรพฒั นาขีดความสามารถของเกษตรกรให้มีศกั ยภาพใน การแขง่ ขนั พฒั นาใหเ้ กษตรกรมีคณุ ภาพชีวติ ท่ีดี ช่วยเหลอื เก้ือกลู กนั มีคา่ นิยมในการพ่งึ พาตนเอง ทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมและพฒั นาให้ครอบคลุมท้งั กระบวนการผลิตต้งั แตเ่ กษตรกร กระบวนการ ผลิตตวั สินคา้ การตลาดและโลจสิ ติกส์ 2.2.2 ด้านสินคา้ เกษตร พฒั นาองค์ความรู้และส่งเสริมเกษตรกรด้านการตลาด และ โลจสิ ติกส์ สร้างระบบฐานขอ้ มูลทางการเกษตรที่ทนั สมยั ให้เกษตรกรสามารถใชข้ อ้ มูลในการ ผลิตได้ตรงตามมาตรฐานตามความนิยมของตลาดและผู้บริโภค นอกจากน้ีควรสนับสนุนให้ เกษตรกรผลติ สินคา้ ท่ีมีเอกลกั ษณ์มมี าตรฐานเพือ่ เพ่ิมมูลค่าสินคา้ สนบั สนุนการสร้างตราสินคา้ 2.2.3 ดา้ นเทคโนโลยีและนวตั กรรม พัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้มี ประสิทธิภาพ สร้างองคค์ วามรู้และฐานขอ้ มูลอย่างทนั สมยั เพียงพอตอ่ การส่งเสริม และการให้บริการ แก่เกษตรกรไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ และนานวตั กรรมมาประยุกตใ์ ช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการส่ง เสริมและพฒั นาเกษตรกร องคก์ รเกษตรกร 2.2.4 ดา้ นสังคม พฒั นาเกษตรกรให้ดารงชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เขา้ ถึง เกษตรกรและให้บริการครอบคลุมทุกครัวเรือน และพฒั นาเทคนิควธิ ีการส่งเสริมทีเ่ หมาะสมในการ การพฒั นากลุม่ เกษตรกรท้งั ทีส่ ูงวยั และอายุนอ้ ย 2.2.5 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม พฒั นาระบบพยากรณ์และการ เตือนภยั ท้งั ดา้ นการผลิต ศตั รูพืช และภยั ธรรมชาติ พฒั นาระบบประกันภัยพืชผลทางการเกษตร และใหค้ วามสาคญั กบั การแกป้ ัญหาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม 2.2.6 ดา้ นการทางานร่วมกับองคก์ รอื่น (พนั ธมิตร) ปรับระบบวิธีการทางานใน พ้ืนท่ีดว้ ยการสรา้ งพนั ธมิตรเครือขา่ ย การทางานบูรณาการให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุดแก่เกษตรกร 2.2.7 ด้านโครงสร้างองค์กร พฒั นาโครงสร้างองค์กรให้เป็ นองค์กรแห่งการ เรียนรู้ ปรับระบบวิธีการทางานให้องค์กรมีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน มีความ วิชาหลกั การส่งเสริมการเกษตร 160

บทท่ี 8 ปัญหาการส่งเสริมการเกษตรและแนวทางแกไ้ ข ยืดหยุ่นในการปฏิบตั ิงาน สามารถปรับตวั ได้อย่างรวดเร็ว และที่สาคญั ตอ้ งสร้างพันธมิตรและ เครือข่ายการทางาน 2.2.8 ดา้ นบุคลากรในองคก์ ร พฒั นาใหบ้ ุคลากรในองคก์ รเป็น knowledge worker สร้างและสรรหาบุคลากรท่ีมีความรู้ความสามารถเพื่อทดแทนกาลงั คนที่ลดลง ให้บุคลากรใน องคก์ รมีความสุขในการทางาน มีความภูมิใจ ไดร้ ับการยอมรับจากเกษตรกรและสงั คม และปรับ เปลย่ี นกระบวนทศั น์ วฒั นธรรมและค่านิยมในการทางาน ดารงชีวิตตามแนวเศรษฐกจิ พอเพียง สรุป ปัญหาการส่งเสริมการเกษตร คอื ปัญหาที่นกั ส่งเสริมหรือหน่วยงานด้านการเกษตรทาการ ถา่ ยทอดความรูแ้ ละเทคโนโลยที างดา้ นการเกษตร แลว้ เกษตรกรไม่สามารถพฒั นาอาชีพการเกษตร ของตนจนสามารถพ่งึ พาตนเองไดอ้ ย่างยง่ั ยืน ส่งผลให้การดาเนินงานส่งเสริมการเกษตรไม่ประสบ ผลสาเร็จเทา่ ท่คี วร ปัญหาเหล่าน้นั ไดแ้ ก่ ปัญหาท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั เกษตรกร ครอบครัวและกล่มุ องคก์ ร เกษตร ปัญหาการผลิตและการตลาดสินคา้ เกษตร ปัญหาการทางานส่งเสริมการเกษตรของหน่วย งานภาครฐั และเอกชน ส่วนแนวทางแกไ้ ขปัญหาการส่งเสริมการเกษตรตอ้ งมีการบูรณาการความ ร่วมมือกนั ท้งั หน่วยงานภาครฐั และเอกชน โดยให้เกษตรกรเป็นศูนยก์ ลางของการพฒั นาซ่ึงเกษตร กร นักส่งเสริมการเกษตรและองค์กรที่ทางานด้านการส่งเสริมการเกษตรควรร่วมมือกันแก้ไข ปัญหา ดงั น้ีคือ ปัญหาทเ่ี ก่ียวกบั ตวั เกษตรกรและองคก์ รเกษตร ควรพฒั นาศกั ยภาพของเกษตรกรใน ดา้ น การนาภูมิปัญญามาเพม่ิ มูลคา่ สินคา้ ของตนเอง รวมกลุ่มกนั สรา้ งงานสร้างอาชีพ ใชพ้ ลงั งานทด แทน ร่วมมือกับภาคเอกชนในระบบ contact farming สร้างตราสินคา้ ของตนเอง เพิ่มขีดความ สามารถในการวิเคราะหก์ ารตลาด เขา้ ไปมีส่วนในการผลติ สินคา้ เชิงอตุ สาหกรรมที่มีการใชเ้ ทคโน โลยชี ้ันสูง เขา้ ถึงเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ดาเนินชีวติ ตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพียง ลด ละ เลกิ อบาย มุข ดารงตนอยา่ งมีเกยี รติ มศี กั ด์ิศรี ร่วมมือกนั สร้างสรรคส์ ังคมแห่งความเอ้ืออาทร ร่วม มอื กนั ผลติ สินคา้ ทเ่ี ป็นมิตรกบั สิ่งแวดลอ้ ม และปรับระบบการผลิตให้เขา้ กบั ความเปลีย่ นแปลงของ สภาพแวดลอ้ มและภยั ธรรมชาติ ส่วนปัญหาทเี่ กีย่ วกบั ตวั นกั ส่งเสริมการเกษตรและองคก์ รทท่ี างาน ดา้ นการส่งเสริมการเกษตร สิ่งท่ีควรดาเนินการ คอื ตอ้ งพฒั นาศกั ยภาพของเกษตรกรให้มขี ดี ความ สามารถในการแข่งขนั สร้างฐานขอ้ มูลทางการเกษตรท่ีทนั สมยั สามารถให้ขอ้ มูลการผลิตไดต้ าม มาตรฐาน พฒั นาเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพ มีองค์ความรู้และฐานขอ้ มูลที่ทนั สมัย สนบั สนุนให้เกษตรกรดาเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกจิ พอเพยี ง การพฒั นาระบบเตอื นภยั การประกัน พืชผล สร้างเครือข่ายพนั ธมิตรทางานร่วมกับองคก์ รอ่ืนและพฒั นาองค์กรให้เป็ นองค์กรแห่งการ เรียนรู้ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 161

บทท่ี 8 ปัญหาการส่งเสริมการเกษตรและแนวทางแกไ้ ข คำถำมท้ำยบท คำถำมท้ำยบท ให้นักศึกษำตอบคำถำมต่อไปนใี้ ห้ได้ใจควำมสมบูรณ์ 1. จงจาแนกปัญหาที่เกิดขค้นึ ำกถบัำมกาทร้ำสย่งบเสทริมการเกษตรมาใหถ้ กู ตอ้ ง 2. จงวเิ คราะห์ปัญหาที่เกิดข้นึ กบั การส่งเสริมการเกษตรจากสาเหตตุ า่ งๆมาให้ถูกตอ้ ง 3. จงอธิบายแนวทางการแก้ไขปัญหาการส่งเสริมการเกษตรท่ีเกิดจากสาเหตุต่างๆมาให้ ถกู ตอ้ ง วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 162

บทท่ี 8 ปัญหาการส่งเสริมการเกษตรและแนวทางแกไ้ ข เอกสำรอ้ำงองิ กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ 2553. พัฒนำกำรงำนส่งเสริมกำรเกษตร ของประเทศไทย. ( ออนไลน)์ . แหล่งทม่ี า: http://www.research.doae.go.th/webphp/kasedthai.pdf. วนั ที่สืบคน้ วนั ที่ 1 ธนั วาคม 2558. __________. 2556. แผนยทุ ธศำสตร์กรมส่งเสริมกำรเกษตร พ.ศ. 2556-2559. ( ออนไลน)์ . แหลง่ ที่มา: http://www.udonthani.doae.go.th/files.2556-2559.pdf. วนั ทีส่ ืบคน้ วนั ที่ 12 ธนั วาคม 2558. __________. ม.ป.ป. สภำพปัญหำด้ำนกำรส่งเสริมกำรเกษตรของประเทศไทย. ( ออนไลน์). แหล่งทม่ี า: http://e-learning.doae.go.th/courseware/doae/exe_9.html วนั ที่สืบคน้ วนั ที่ 15 มกราคม 2559. ดเิ รก ฤกษห์ ร่าย. 2550. ปัญหาการส่งเสริมการเกษตรในประเทศไทย. ชุดวิชำควำมรู้ท่ัวไป เก่ียวกับกำรส่งเสริมกำรเกษตร หน่วยท่ี 8-15. นนทบุรี: มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. วลั ลภ พรหมทอง. 2541. หลกั และวิธกี ำรส่งเสริมกำรเกษตร. กรุงเทพฯ: ฟิ สิกสเ์ ซนเตอร์ สานกั งานส่งเสริมการเกษตรจงั หวดั แพร่.กรมส่งเสริมการเกษตร. 2546. นโยบายและแนวทางการ ปฏบิ ตั งิ านกรมส่งเสริมการเกษตร ปี งบประมาณ 2546. เอกสำรประกอบกำรประชุม สัมมนำเชิงปฏิบตั ิกำรเจ้ำหน้ำทีส่ ่งเสริมกำรเกษตรระดบั จงั หวัด ประจำปี 2546. แพร่. โรงแรมนครแพร่ทาวเวอร์ วชิ าหลกั การส่งเสริมการเกษตร 163


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook