กรรม และ วบิ าก เรยี บเรียงโดย พันเอก ธงชยั แสงรัตน์ จัดพิมพโ์ ดย นายสันติ เตชอคั รกุล
กรรม และ วบิ าก เรยี บเรยี งโดย : พนั เอก ธงชยั แสงรตั น์ ออกแบบปกหนา้ และปกหลงั : นายสรนยั น์ เตชอคั รกลุ ภาพหนา้ ปก : พระนสั สรณะพทุ ธปฏมิ า พระประธานในอโุ บสถ วดั นสิ สรณะวนาราม จ.อา่ งทอง ภาพปกหลงั : พระธมั เมกขสถปู สถานทแ่ี สดงปฐมเทศนา ต.สารนาถ เมอื งพาราณสี จดั พมิ พค์ รงั้ ที่ ๒ โดย : นายสนั ติ เตชอคั รกลุ จำ� นวนจดั พมิ พ ์ : ๒๐,๐๐๐ เลม่ เพอ่ื บชู าพระรตั นตรยั (พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ)์ และแจกเปน็ ธรรมทาน สถานทตี่ ดิ ตอ่ : โทรศพั ท์ ๐๒-๗๒๑-๖๑๘๔ โทรสาร ๐๒-๓๒๑-๘๗๙๒ พมิ พ ์ : สาละพมิ พการ ๙/๖๐๙ ซอยกระทมุ่ ลม้ ๖ ถนนพทุ ธมณฑลสาย ๔ ตำ� บลกระทมุ่ ลม้ อำ� เภอสามพราน จงั หวดั นครปฐม ๗๓๒๒๐ โทร. ๐๙๘-๘๗๖-๖๑๙๖, ๐๘๙-๘๒๙-๘๒๒๒ email:[email protected]
ค�านา� ความรอบรเู้ รอื่ งกรรมทถ่ี กู ตอ้ งตามคา� สอนของพระผมู้ พี ระภาคเจา้ มีความส�าคัญย่ิงนัก เพราะเป็นหัวใจของค�าสอนในพระพุทธศาสนา ผใู้ ดมกี มั มสั สกตาปญั ญาเชอ่ื เรอื่ งกรรมและผลของกรรมอยา่ งถกู ตอ้ ง ผนู้ น้ั จะมหี ริ โิ อตตปั ปะละอายตอ่ บาป เกรงกลวั ตอ่ บาป ไมก่ ลา้ ประพฤติ ชวั่ ในทลี่ บั ซงึ่ จะทา� ใหศ้ ลี ๕ ศลี ๘ หรอื ศลี ของพระภกิ ษบุ รสิ ทุ ธบ์ิ รบิ รู ณ์ ท้ังนี้เพราะหิริโอตตัปปะเป็นเหตุใกล้ของศีลทุกระดับ อน่ึงการ เรียบเรียงเร่ืองน้ีข้าพเจ้าได้รับความกรุณาจากพระภิกษุผู้ไม่ประสงค์ ออกนามรูปหนึ่งกับท่านอาจารย์สุรพงค์ เทพสุธาช่วยตรวจสอบ หลกั ฐานทมี่ าของพระพทุ ธพจนต์ ลอดจนตรวจความถกู ตอ้ งของเนอื้ หา ธรรมะจงึ ขอกราบขอบพระคณุ เปน็ อยา่ งสงู ตอ่ พระอาจารยแ์ ละอาจารย์ ทั้งสองไว้ ณ ท่ีนี้ด้วย อน่ึงเรื่องกรรมเป็นพุทธพจน์ เป็นภาษาธรรมะ การน�ามาสรุปเรียบเรียงเป็นภาษาไทยทุกค�าน้ันท�าไม่ได้เพราะค�า ในภาษาไทยมีไม่พอจ�าเป็นต้องทับศัพท์บ้างหรือใช้วิธีอธิบายขยาย ความตามหลงั ค�าศัพทน์ น้ั บ้าง หรืออธิบายไว้ในวงเล็บทงั้ นเ้ี พือ่ ไม่ให้ เน้ือหาธรรมผิดไปจากพระพุทธพจน์และเพื่อให้ผู้อ่านทั่ว ๆ ไปพอ เข้าใจได้ ดว้ ยความปรารถนาดีต่อผู้อา่ นเสมอ พนั เอก ธงชัย แสงรัตน์ ๑ ม.ค. ๖๒ ท่ีอยู่ ๑๑๖/๑๖ หมู่ ๑ ต. ชา้ งเผอื ก อ. เมือง จ. เชยี งใหม่ ๕๐๓๐๐
ค�าอนโุ มทนา ในสังคมปัจจุบัน ถ้าเราติดตามข่าวสารตามส่ือต่าง ๆ ก็จะเห็น ได้อย่างชัดเจนว่า ข่าวที่ปรากฏในส่ือต่าง ๆ ล้วนเป็นการกระท�าที่ เป็นอกุศลกรรมเกือบท้ังส้ิน (การกระท�าท่ีละเมิดศีล ๕ เป็นต้น) ถ้าต้ังค�าถามว่า เหตุไรจึงเป็นเช่นน้ัน ก็ตอบได้ว่า ในปัจจุบันน้ีเป็น ยุคของวัตถุนิยม เมื่อวัตถุกามได้รับการยอมรับและเป็นที่ต้องการ ของทุกคนอย่างย่ิง กิเลสกามก็จะเป็นตัวผลักดันให้ทุกคนกระท�า ทุกสิ่งทุกอย่าง เพ่ีอท่ีตอบสนองความต้องการของกิเลสและตัณหา โดยเข้าใจผิดคิดว่าส่ิงที่กระท�านั้น เป็นการไขว่คว้าหาความสุขให้ กับตนเอง จึงยอมกระท�าทุกอย่างโดยไม่ค�านึงถึงว่า อะไรคือ บุญ (กุศลกรรม) อะไรคอื บาป (อกศุ ลกรรม) โดยมองข้ามไปวา่ บญุ บาป ไม่มจี ริง กรรมดกี รรมชั่วไมม่ ีจริง ซ่งึ เปน็ ความเช่อื ทีผ่ ิด (มจิ ฉาทิฏฐิ) ถา้ บคุ คลใดมคี วามเชอื่ เชน่ น้ี กจ็ ะเปน็ มหนั ตภยั อนั ใหญห่ ลวงตอ่ ชวี ติ ของบุคคลน้ัน ทง้ั ชาตนิ ้แี ละชาติหน้า ทา่ นผกู้ ารธงชยั แสงรตั น์ ทา่ นไดม้ คี วามเมตตาเรยี บเรยี งหนงั สอื เรื่อง กรรม (คือการกระท�าทางกาย ทางวาจา และทางใจ ท้ังบุญ และ บาป) และ วิบาก (คือผลการกระท�าท้ังบุญ และ บาป) ตาม ค�าสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้อย่างชัดเจน น่าอ่าน นา่ ศกึ ษาอยา่ งยง่ิ ทา่ นมคี วามพากเพยี ร อตุ สาหะ สอบทาน ตรวจทาน ปรบั ปรงุ หนงั สอื กรรม และ วบิ าก เลม่ น้ี กบั พระอาจารยแ์ ละอาจารย์ ทเ่ี ช่ยี วชาญในพระไตรปิฎกและอรรถกถา ให้ถูกตอ้ งตามค�าสอนของ องคพ์ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ใหม้ ากทส่ี ดุ ในทส่ี ดุ หนงั สอื กรรมและวบิ าก
เล่มนี้ ก็เป็นหนังสือที่มีคุณค่าอีกเล่มหน่ึงในพระศาสนาของเรา ถ้า เราชาวพทุ ธทงั้ หลายไดศ้ กึ ษาเรอื่ งของ กรรม และ วบิ าก อยา่ งถอ่ งแท้ แลว้ แน่นอนก็จะตอ้ งมีความมุ่งม่ันในการกระท�ำแต่ความดี สด้งุ กลัว ต่อการท�ำช่ัว เพราะเช่ือม่ันว่าสัตว์โลกทั้งหลาย ย่อมเป็นไปตามกฎ ของกรรม คอื ทำ� ดไี ด้ดี ท�ำช่ัวได้ช่วั หนังสือ กรรม และ วิบาก เล่มน้ี ได้เคยตีพิมพ์ครั้งแรกแล้ว ผมเห็นคุณค่าของหนังสือเล่มนี้ จึงขออาสาจัดพิมพ์หนังสือเล่มน้ี เป็นคร้ังที่ ๒ และ ท่านผู้การธงชัย แสงรัตน์ ก็ได้อนุญาตให้จัดพิมพ์ เพื่อแจกจ่ายเป็นธรรมทาน ผมขออนโุ มทนาบญุ กบั ทา่ นผกู้ ารธงชยั แสงรตั น์ ทไี่ ดเ้ รยี บเรยี ง หนังสือ กรรม และ วบิ าก และขออนุโมทนาบุญกบั ผู้ทีไ่ ด้รับหนงั สอื ได้อ่านและปฏิบัติตามค�ำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีการ ใคร่ครวญธรรมว่าอะไรเป็น กรรม อะไรเป็น วิบาก กรรมใดท�ำแล้ว เป็นกุศล กรรมใดท�ำแล้วเป็นอกุศล ขอผลบุญอันไพบูรณ์น้ี จงเป็น เหตปุ จั จยั ใหท้ กุ ทา่ นเขา้ ถงึ ประโยชนท์ ง้ั ๓ ประการในพระพทุ ธศาสนา คือทิฎฐธรรมมิกประโยชน์ (ประโยชน์ในชาติน้ี คือครอบครัวมีแต่ ความสุขสงบ เจริญในหน้าที่และการงาน) สัมปรายิกัตถประโยชน์ (ประโยชน์ในชาติต่อไป คือไม่เกิดในอบาย ๔ ได้เกิดเป็นมนุษย์ และ เทวดา) และปรมัตถประโยชน์ (ประโยชน์อย่างยิ่ง คือเข้าถึง พระนิพพาน) ดว้ ยกนั ทุกทา่ นเทอญ นาย สันติ เตชอคั รกลุ วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒
อารมั ภกถา ข้าพเจ้าขอไหว้พระโลกนาถเจ้าผู้มีพระทัยเปยมล้น ไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จถึงฝังสาครคือ ญายธรรม ได้แล้ว ทรงแสดงธรรมอนั ละเอยี ดลึกซึง้ มีนยั อนั วิจติ ร ขา้ พเจา้ ขอไหวพ้ ระธรรมอนั สงู สดุ ทพ่ี ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทรงบูชาแล้ว อันเป็นเหตุน�าผู้สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ออกไปจากโลก ขา้ พเจ้าขอไหว้พระอรยิ สงฆผ์ ูส้ มบูรณด์ ว้ ยคณุ มีศลี คณุ เป็นต้น ผู้สถิตม่ันอยู่ในมรรคและผล เป็นเน้ือนาบุญอัน ยอดเยยี่ ม.... (ปรมัตถทปี นี อรรถกถา ขุททกนกิ าย เถรคาถา คนั ถารมั ภกถา) อนงึ่ บญุ ใดอนั เกดิ แตก่ ารไหวพ้ ระรตั นตรยั ดงั กลา่ วมานี้ ขอบุญน้ันจงบันดาลให้ข้าพเจ้าได้เรียบเรียงเร่ืองปริญญากิจ ในพระพุทธศาสนา ได้ถูกต้องตามพระคัมภีร์ ส�าเร็จลุล่วงไป ดว้ ยดี ดว้ ยเจตนาหวงั ให้ พระสทั ธรรมของ พระพทุ ธองคด์ า� รง มนั่ ต่อไป ในอนาคตกาลเทอญ
สารบญั หนา้ ๑-๖ เร่อื ง ๗ - ๑๘ บทท่ี ๑ กลา่ วทว่ั ไป ๑๙ - ๒๒ บทท่ี ๒ การให้ผลของกรรม ๒๓ - ๒๙ บทที่ ๓ คติ เปน็ ปจั จยั แกว่ ิบาก ๓๐ - ๓๓ บทท่ี ๔ อปุ ธิ เป็นปจั จัยแก่วิบาก ๓๔ - ๓๙ บทที่ ๕ กาล เป็นปจั จยั แกว่ ิบาก ๔๐ - ๔๘ บทที่ ๖ ปโยคะ เปน็ ปัจจัยแกว่ บิ าก ๔๙ - ๕๔ บทที่ ๗ การแก้ปญั หาชีวติ ด้วยปโยคะ ๕๕ - ๗๐ บทท่ี ๘ ตวั อยา่ งปโยควิบตั ิในชวี ติ จริง ๗๑ - ๘๔ บทท่ี ๙ การจ�าแนก กรรม - วบิ าก ๘๕ - ๙๕ บทท่ี ๑๐ กรรมบถ ๑๐ ๙๖ - ๙๘ บทที่ ๑๑ ปุจฉา - วสิ ัชนา บทที่ ๑๒ บทพิเศษท้ายเลม่
คำ� ยอ่ ในเล่ม พระไตรปิฎก ฉบบั มหามกฏุ ฯ ม.ม.ู มชั ฌิมนกิ าย มูลปณั ณาสก์ ม. อ.ุ มชั ฌมิ นกิ าย อปุ ริปณั ณาสก์ องฺ.ฉกกฺ . อังคุตตรนิกาย ฉักกนบิ าต อง.ฺ ทสก. องั คตุ ตรนิกาย ทสสกนบิ าต อง.ฺ ติกก. องั คุตตรนกิ าย ตกิ นิบาต ข.ุ อป. ขทุ ทกนิกาย อปาทาน ขุ.เถร.ี ขุททกนิกาย เถรีคาถา ข.ุ ปฏิ. ขทุ ทกนิกาย ปฏสิ มั ภทิ ามรรค หลักฐานท่ีใชเ้ รียบเรียง - หนังสือที่แนะน�ำให้อา่ น พระไตรปิฎก ฉบบั มหามกุฏ ฯ หนังสอื เรอื่ ง กฎแหง่ กรรม โดย พระธรรมวสิ ุทธิกวี หนังสือ รวมเร่ืองกรรม อาจารย์ไชยวัฒน์ กปิลกาญจน์ หนงั สอื เร่ือง กรรม โดยอาจารย์ ประณตี กอ้ งสมุทร
กรรม และ วบิ าก นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมมฺ าสมพฺ ทุ ฺธสฺส กรรมและวิบากในพระพุทธศาสนา บทท่ี ๑ กลา วทั่วไป พุทธศาสนาเปนศาสนาฝาย กรรมนิยม พระพุทธเจาตรัสรู ความจริงวาความเกิดข้ึนและความเปนไปของชีวิตสัตวโลกไมวาชีวิต ใดจะพบกับความสุขหรือความทุกข ไมวาชีวิตใดจะชั่วดีมีจนนั้น ขน้ึ อยูกบั อวิชชา ตัณหา กรรม ของแตละชีวิต ซงึ่ ตางกบั ศาสนาฝาย เทวนิยม ท่ีเชื่อวาความเกิดข้ึนและ ความเปนไปของชีวิต ไมวาจะดี หรือราย ขึ้นอยูกับพระเจาท้ังส้ิน หนาที่ของศาสนิกชน คือใหเคารพ และศรัทธาเช่ือในพระเจาเทานั้น สวนเหตุผลใน คําสอนไมควรนํา มาคิด เพราะจะเปนการดูหมิ่นในพระเจา แตศาสนาพุทธกลับให ความสําคัญในความคิด โดยใหนําคําสอนมาคิดใครครวญหาเหตุผล กอ นแลวจึงเชอ่ื ดังนั้นความรูความเขาใจเร่ืองกรรมของพุทธศาสนิกชนจึงมี ความสาํ คญั พุทธศาสนกิ ชนใด ไมมคี วามรเู รื่องกรรม ความไมร ูห รอื อวชิ ชานแี้ หละจะพาใหเ ขาไมเ ชอื่ เรอื่ ง บญุ -บาป ไมเ ชอื่ วา มนี รกสวรรค ไมเชื่อวามีชาติน้ีชาติหนา ตลอดไปจนไมเชื่อมรรคผลนิพพาน ผูน้ัน กจ็ ะกลายเปน พวกมจิ ฉาทฏิ ฐอิ อกนอกพระพทุ ธศาสนาไปโดยไมร ตู วั 1
พนั เอก ธงชยั แสงรัตน และถา เปน นยิ ตมจิ ฉาทฏิ ฐแิ ลว กไ็ มม โี อกาสทจ่ี ะกลบั มาเกดิ เปน มนษุ ย อีกเพราะตอ งไปสอู บายภมู ิอยา งแนนอน อันความไมรู ความไมเขาใจหรือเขาใจผิดในกฎแหงกรรมของ ชาวพุทธยุคน้ี สังเกตไดจากบุคคลท่ัวไป มักพูดกันวา ทําดีแตไดช่ัว ทําชั่วแตไดดี บางคนก็เขาใจวา กรรมเปนอนัตตา บังคับบัญชาไมได จึงตองปลอยใหเปนไปตามเวรตามกรรม บางก็เชื่อวาตองชดใช กรรมเกา ใหห มด จงึ จะพบความสขุ เปน ตน พระพุทธองคทรงตําหนิ ความเห็นผิดนี้วา ถามัวใชแตกรรมเกาใหหมดเสียกอน ชองทาง ทจี่ ะทาํ ที่สดุ แหงทุกขโ ดยชอบกไ็ มป รากฏ ความหมายของกรรม กรรมเปน คาํ บาลที เ่ี รานาํ มาใชแ ลว ความหมายเพยี้ นไป เชน ใคร ไดรับความเดือดรอน เขามักอุทานออกมาวา กรรมของเราแทๆ แตถ า ถกู สลาก ถกู รางวลั เขากลบั ไมอ ทุ านเชน นน้ั แสดงวา มกี ารเขา ใจ คําน้ีผิดเพี้ยนไป โดยเขาใจวากรรมเปนเรื่องความเลวรายไปหมด แทจริงกรรมเปนคํากลางๆ แปลวา การกระทํา เชน การกระทําทาง กาย เปนกายกรรม ทางวาจาเปนวจีกรรม ทางใจเปนมโนกรรม ซึ่งมี ทัง้ กรรมดี คือ กศุ ลกรรมและกรรมช่ัว คอื อกศุ ลกรรม ความหมายวิบาก วบิ าก คอื ผลของกรรม ก็เปน คํากลางๆ เชน กัน คือ มที ้ังวิบาก ดซี งึ่ เปน ผลของกรรมดแี ละวิบากไมดี ซ่งึ เปนผลของกรรมช่วั แตเ มอ่ื 2
กรรม และ วิบาก เรานําคํานี้มาใชในภาษาไทยแลว ความหมายก็เพี้ยนไปอีก ท้ังนี้ เพราะคาํ นไี้ ปตรงกบั คาํ วา ลาํ บากในภาษาไทย จงึ ทาํ ใหเ ขา ใจวา วบิ าก เปนเร่ืองเลวรายไปหมด เชน เม่ือเกิดปญหาใดข้ึนมาก็มักอุทานวา “วิบากกรรมของเราแท ๆ” แตเวลาไดลาภไดยศ กลับไมอุทาน เชนนั้น แทจริงวิบากเปนผลของกรรมท่ีตนทําไว ซึ่งมีท้ังกุศลกรรม และอกศุ ลกรรม ดงั นนั้ ผลของกรรมจงึ มที งั้ กศุ ลวบิ ากและอกศุ ลวบิ าก สภาวลักษณะของกรรม ในคมั ภีร องฺ.ฉกกฺ .นิพเพธิกสูตร (ขอ ๓๓๔ หนา ๗๗๑) พระ- พุทธองคต รัสวา เจตนาเปนตัวกรรมไว ดังน้ี เจตนาหํ ภิกขเว กมฺมํ วทามิ แปลวา ดูกอนภิกษุท้ังหลาย เรากลาวเจตนาวาเปนกรรม บุคคลคิดแลวจึงกระทํากรรม ดวย กายดวยวาจา ดว ยใจ พุทธพจนขางตน ตัวเจตนา คือ ความต้ังใจ หรือความจงใจ เปน ตัวกรรม ดังน้ัน เราจะรูวากรรมใดเปนกุศลหรืออกุศล ก็ใหดูท่ี เจตนา เชนพระภิกษุสาวกในสมัยพุทธกาลสงสัยวา วัตรปฏิบัติของ ทานผิดวินัยหรือไม จึงไปถามพระพุทธองค เมื่อจะทรงวินิจฉัย พระองคจะถามภิกษุสาวกน้ันกอนวา “ภิกษุเธอคิดอยางไร หรือ เธอมีเจตนาอยา งไร” เปน ตน เจตนาท่ีทําทางกายเรียกวา กายกรรม ทางวาจาเรียก วจีกรรม ทางใจเรียกมโนกรรม เจตนาหรือความต้ังใจน้ีแหละเปนตัวกรรม เจตนาเจตสกิ ประกอบอยใู นทกุ ๆ ขณะจติ ทท่ี าํ กรรม เชน ขณะฆา สตั ว 3
พนั เอก ธงชยั แสงรตั น เจตนาก็อยูในโทสจิตนั่นแหละ หรือขณะใหทาน เจตนาก็อยูใน กุศลจิตน้ัน เปนตน ดังน้ัน เราจะรูวากรรมที่ทําเปนกุศลหรืออกุศล ก็ใหดูท่ีตัวเจตนา หรือใหดูที่จิตก็ได สําหรับกายกรรมและวจีกรรม ใหดูที่เจตนา เพราะปรากฏชัดสวนมโนกรรม แมมีเจตนา แตก็ ไมป รากฏชัด ทานจึงใหด ูทส่ี ภาพจติ คอื ใหดทู ่ี โลภะ โทสะ เปนตน มูลเหตใุ นการทาํ กรรม มูลเหตุในการทํากรรม ไดแก ตัณหาและอวิชชา ดังพุทธพจน อวชิ ชฺ า ปจฺจยา สงขฺ ารา แปลวา อวิชชาเปนปจจยั แกสงั ขาร ซึง่ ในทีน่ ้ี ไดแก ปุญญาภิสังขาร (กุศลกรรม) อปุญญาภิสังขาร (อกุศลกรรม) เปนตน ถาม ตัณหา คือ โลภเจตสิกในโลภมลู จิตเปนเหตใุ หทาํ กรรม นั้น พอกําหนดรูได เพราะโลภจิตก็เกิดกับตนเองบอยๆ แตอวิชชา เมอ่ื เกิดกบั ตนกก็ าํ หนดรไู มได จงึ ขอใหอธิบายดวย ตอบ ตามปริยัติ อวิชชา คือ ความไมรูอริยสัจ ๔ กลาวอีก นัยหนึ่งคือ ความไมรู ความเปนมาและความเปนไปของชีวิตน่ันเอง อวิชชาหรือโมหเจตสิกที่เราแปลวา ความหลงหรือความมืดบอดนั้น เกิดกับอกุศลจิตทุกดวง ดังนั้น เม่ืออกุศลจิต เชนโทสะหรือโลภะ เกิดขึ้นเมื่อใด ก็ใหรูเถิดวา อวิชชากําลังเกิดขึ้นแลว น้ีเปนการรู โดยอนมุ านไปตามปริยตั ิ ท้งั นี้เพราะอวชิ ชานัน้ จะรไู ดก ต็ องมปี ญ ญา ซ่งึ ปญ ญาก็มีหลายระดบั ตง้ั แตข น้ั การฟง ขน้ั คิดพิจารณา (โยนโิ สฯ) และข้ันประจักษแจงแทงตลอด ซ่ึงเปนขั้นภาวนา ดังน้ันในข้ัน 4
กรรม และ วิบาก การรูความหมายตามอรรถะและพยัญชนะซ่ึงเปนขั้นการฟงหรือ การอานน้ี เปนปญญาข้ันตน ชื่อวา สุตมยปญญา คงรูไดเพียงเทานี้ ตอ เมื่อไดฟง ไดศกึ ษาเพ่ิมขน้ึ อีก ปญ ญาขน้ั สูงๆ กจ็ ะคอ ยๆ เกดิ ขึน้ กรรมเปนสมุทยสัจ สจั ๔ ไดแก ทุกขสัจ สมุทยสัจ นโิ รธสจั และมรรคสจั ซ่ึงกรรม และวิบากก็เปนสัจจะ เพราะกรรมเปนธรรมฝายเหตุ จึงสงเคราะห ลงในสมุทยสัจ สวนวิบากเปนธรรมฝายผล สงเคราะหลงในทุกขสัจ เมอ่ื พระพทุ ธองคท รงตรสั รอู รยิ สจั ๔ พวกเราเหลา สาวกของพระองค เปน เพยี งผศู กึ ษาและปฏบิ ตั ติ าม แลว จงึ ตรสั รอู รยิ สจั ๔ ตามพระองค ได ดังนัน้ ผใู ดศกึ ษากฎแหง กรรม ผูน้นั จงึ ไดชอ่ื วา เปนผูปฏบิ ัติธรรม ตามพระพุทธองค ประโยชนข องความรเู รอ่ื งกรรม ความรูเร่ืองกรรม ทําใหเรารูจักเลือกทําแตกรรมดีและรูจัก หลีกหนีกรรมช่ัว น้ีเปนการเลือกภพภูมิท่ีจะไปในชีวิตหนา ที่กําลัง จะมาถงึ นนั่ เอง การเตรียมตัวแตเนิ่นๆ พรอมที่จะรับเหตุการณสําคัญในชีวิต น่ันคือ วันท่ีเรากําลังเปล่ียนภพเปลี่ยนชาติ ซึ่งอาจเกิดไดทุกเมื่อ ก็ พหลุ กรรมคือ กรรมท่ที ําบอยๆ ทําเปน ประจําน้นั ยอ มทําใหเ รานกึ ถึง กรรม ๆ นน้ั ไดง า ยไดเ รว็ ครนั้ ใกลต าย ถา จติ ราํ พงึ ถงึ กศุ ลกรรมนนั้ ได จติ ยอมผองใส ความหวังท่จี ะไปปฏิสนธใิ นสคุ ติภมู ยิ อ มมหี วัง ดังนนั้ การเรยี นรูเรอ่ื งกรรมจึงมีความสาํ คญั ตอ ชวี ิต 5
พนั เอก ธงชัย แสงรตั น ขอแนะนําในการเตรียมตัวเพ่ือนํามาใชตอนหัวเลี้ยวหัวตอ ของชีวิตคือ ทุกคร้ังท่ีทําบุญทํากุศล ไมวาจะเปนกุศลชนิดใดเชน บํารุงมารดาบิดา สงเคราะหญาติ บํารุงสมณะชีพราหมณ ถือศีล ฟงธรรม ศึกษาธรรมะ ไหวพระเจดีย หรือทํากุศลเล็กๆ นอยๆ เชน ใหเศษอาหารแกนก ปลอยปูปลอยปลา แมแคจูงคนชราขามถนน ถามีโอกาส ก็ใหทําเสมอ เม่ือทําแลวจดจําไวดวย กอนนอนก็นํามา ทบทวนทุกคืน สวนอกุศลกรรมท่ีผานมา ใหลืมเสียท้ังหมด อยานํา มาคิดหรือนํามาพูด พหุลกรรมท่ีเปนกุศลนี้แหละ ถาเรานํามาตรึก ตอนใกลตาย ก็จะทําใหจิตผองใส พระผูมีพระภาคเจาตรัสไวใน คมั ภรี ม.ม.ู วตั ถสุ ตู ร (ขอ ๙๒-๙๓ หนา ๔๓๓) วา เมอื่ จติ ผอ งใส สคุ ติ ยอมมหี วงั 6
กรรม และ วิบาก บทที่ ๒ การใหผ ลของกรรม กรรม คอื การกระทํา เปนธรรมฝา ยเหตุ เมอ่ื มีเหตยุ อมตามมา ดว ยธรรมฝายผล เชน ใครกต็ าม ทาํ กุศลกรรมอะไรไว เขายอ มไดรบั กุศลวบิ ากน้นั ถาเขาทําอกุศลกรรมอะไรไว เขายอมไดรบั อกุศลวิบาก นั้น อนึ่งทั้งกรรมดีและกรรมช่ัวน้ีจะสงผลเร็วหรือชา หรือจะเปนผล หนกั เบาเพยี งใด ยงั ขึน้ อยูกบั ปจ จัยตา ง ๆ ซ่งึ จักกลา วในบทตอ ไป กฎแหง กรรมเปน กฎทมี่ อี ยแู ลว ตามธรรมชาติไมม ใี ครมาบญั ญตั ิ ไว จึงมีผลกับชนทุกเช้ือชาติ ทุกศาสนา ไมเวนแมสัตวบุคคลใด ๆ ไมวาใครจะเชื่อหรือไมเชื่อก็ตาม กรรมก็จะดําเนินไปตามกฎเกณฑ น้ีเสมอ กรรมนํามาซ่งึ ภพ กรรมบถ ๑๐ ท้ังกศุ ลกรรมบถและอกศุ ลกรรมบถเปน เหตเุ ปน ปจ จัยใหสัตวไ ปเกดิ ในภพภมู ติ า ง ๆ โดยใหผ ลใน ๒ กาล ดงั นี้ กศุ ลกรรมบถ ๑๐ สมบรู ณด ว ยศรทั ธา วริ ยิ ะ เปน กรรมทมี่ พี ลงั ยอมใหผลในปฏิสนธิกาล พาสัตวไปเกิดในสุคติภูมิเชน เปนเทวดา ในสวรรค ๖ ช้ัน ถาเกิดในมนุษยภูมิ ก็เปนมนุษยในชนชั้นวรรณะ ตา ง ๆ เชน เปน กษตั รยิ เปน พอ คา เปน ประชาชนทว่ั ไปและกศุ ลกรรม นีย้ งั ใหผลในปวัตตกิ าลดว ย โดยใหผลเปน กุศลวบิ ากทาง ตาหู จมูก ลนิ้ กาย ทําใหเห็นรูปดี ๆ เสียงดี ๆ เปนตน 7
พันเอก ธงชยั แสงรัตน อกุศลกรรมบถ ๑๐ คือกรรมที่ครบองคกรรมบถใหผลใน ปฏิสนธิกาลและปวัตติกาล กรรมนี้แลพาสัตวไปเกิดในอบายภูมิ เปนสัตวเดรัจฉาน เปนสัตวนรก ฯลฯ สวนอกุศลกรรมที่ไมครบองค ก็ใหผ ลในปวตั ติกาลเปน อกศุ ลวิบากทาง ตา หู จมกู ล้นิ กาย ทาํ ใหไ ด เห็นรปู ไมด ี ไดยนิ เสียงไมด ี เปน ตน ในระหวางมีชวี ติ ในภพนัน้ ๆ ถากรรมใดในอดีตยังไมมโี อกาส ใหผลกรรมน้ันก็มีอํานาจพรอมที่จะใหผลเปนวิบากและกัมมชรูป เมื่อเหตุปจจัยพรอม ดังมีคํากลาววา เราลืมกรรมน้ันแลวแต กรรมหาลมื เราไม ตวั อยา งการใหผ ลของกรรม กฎท่ัวไปของกรรมและการใหผลของกรรม คือ เหตุดียอม ใหผลดเี หตไุ มดี ยอมใหผลไมดี ดังตวั อยางตอ ไปน้ี ผูมีสุขภาพดี มีอายุยืน ก็เพราะเหตุที่ผูน้ัน มีเมตตาสัตว ไมเบียดเบียนสัตว ไมฆาสัตว เปนตน ดังนั้น ผูมีอายุยืน จึงไมใชมา จากเหตุเพราะเทพเจาองคใดมากรุณาใหคุณหรือมาใหรางวัล สวน ผูมีสุขภาพไมดีมีอายุสั้น ก็เพราะเหตุท่ีผูนั้นเคยเบียดเบียนสัตว เคยฆาสตั ว ทารุณสตั วเปน ตน ดงั นั้น ผูมีอายุสั้นจึงไมใชมาจากเหตุเพราะเทพเจาองคใดมาลงโทษ หรอื มาลองใจ ผูที่มีผิวพรรณงาม เพราะเปนคนไมมักโกรธ แมโกรธก็ไมนาน ไมผูกโกรธ ไมผูกพยาบาทอาฆาตจองเวรใคร ๆ มีจิตเมตตาเสมอ 8
กรรม และ วิบาก สวนผูมีผิวพรรณทราม เพราะเปนคนมักโกรธ เม่ือโกรธก็โกรธ นาน เปนผูมากไปดวยความคับแคนใจ มักมีจิตพยาบาทอาฆาต จองเวร เปนตน ทรัพยสินของผูใด ตองพินาศยอยยับไปกับอัคคีภัย อุทกภัย โจรภัย ถูกยึดทรัพย ฯลฯ ก็ไมไปโทษวา มีใครมาแกลงไมใชเหตุมา จากอิทธิพลของดวงดาว ไมใชเจาแมกาฬมาลงโทษหรือมาลองใจ แตเ พราะผนู นั้ เคยทาํ อกศุ ลเหตไุ ว เชน เคยทจุ รติ คดโกง เคยลกั ทรพั ย เคยคอรัปชัน่ เปนตน ผใู ดไดล าภไดย ศ ไดท รพั ยส นิ เงนิ ทอง กไ็ มใ ชเ พราะมตี น มะยม อยหู นา บา น ไมใ ชป า ย บา นนอ้ี ยแู ลว รวย ทง้ั ไมใ ชอ ทิ ธพิ ลของดวงดาว ไมใ ชพ ระเจา องคใ ดมาประทานให ไมใ ชพ ระพฆิ เนศองคโ ตมาใหล าภ แตเพราะผูนั้นเคยทําบุญทํากุศลไว เชน เคยใหทานรักษาศีล เคย สงเคราะหญ าติ เคยชว ยเหลือผยู ากจนไว เปน ตน ผูท่ีเกิดในตระกูลสูง มียศศักดิ์สูงก็เพราะผูน้ันเคยประพฤติ ออ นนอ ม ไมมจี ิตคดิ รษิ ยา มีมทุ ิตาจิตเสมอ ไมเยอ หยิ่งถือตัว เคารพ กราบไหวผ ูควรกราบไหว บชู าคนท่ีควรบูชา สว นผูทเ่ี กิดในตระกลู ต่าํ มียศศักด์ิต่ํา เพราะเปนผูมีจิตริษยา เปนคนแข็งกระดาง ไมเคารพ กราบไหวผ ทู คี่ วรเคารพกราบไหว เปน ตน ผทู ี่มีปญญา เพราะเปนผูเขาไปหาสมณะพราหมณ แลวไตถาม อะไรเปนกุศล อะไรเปนอกุศล อะไรเปนคุณ อะไรเปนโทษ ชอบฟง ธรรมหรือเปนผูสนใจศึกษาพระปริยัติธรรม สวนผูไมมีปญญา เพราะเปน ผไู มเ ขา หาสตั บรุ ษุ เพอื่ ไตถ าม อะไรเปน กศุ ล อะไรเปน อกศุ ล 9
พันเอก ธงชัย แสงรัตน อะไรเปนคุณ อะไรเปนโทษ ไมชอบฟงธรรมไมสนใจศึกษาพระ- ปรยิ ตั ิธรรม เปน ตน เหตกุ บั ผลตอ งสอดคลอ งตรงกนั เสมอ คอื กศุ ลกรรมยอ มใหผ ล เปนกุศลวิบาก อกุศลกรรมยอมใหผลเปนอกุศลวิบากไมตางจาก ปลูกมะมวงเปรี้ยว ยอมไดผลเปนมะมวงเปร้ียว ปลูกมะมวงมันยอม ไดผลเปนมะมวงมัน นี้เปนกฎธรรมชาติ ไมมีอํานาจใด ๆ มาลบลาง มาเปลี่ยนแปลงใหเ ปน อยา งอื่นได การใหผ ลของกรรมตองใชเวลา เน่ืองจากกรรมอันเปนตัวเหตุ กับวิบากอันเปนตัวผล เกิดใกล กันก็มี เกดิ หางกนั กม็ ี กรรมและวิบาก ที่เกดิ ในชาติเดียวกัน มีไมม าก เห็นไดไมชัดเจน สวนใหญเกิดหางกันขามภพขามชาติ ทั้งนี้เพราะ กรรมจะผลดิ อกออกผลเปน วบิ ากได กไ็ มใ ชม แี ตก รรมเปน ปจ จยั เดยี ว ยังมีปจจัยอื่น ๆ ดวย เหมือนปลูกทุเรียนดวยเมล็ดกวาเมล็ดจะงอก ออกมาเปนตนกลา ก็ไมใชอาศัยเมล็ดพันธุอยางเดียว ยังตองอาศัย ดิน นํ้า ปุย ตลอดจนการดูแลรักษา และตนกลากวาจะโตกวาจะ ผลดิ อกออกผล จนกวา จะเปน ทเุ รยี นอยบู นโตะ กต็ อ งใชเ วลายาวนาน ฉันใด กรรมที่ทําในแตละครั้ง ถาไมใช ครุกรรมไมใชมรรคจิตแลว กวากรรมจะสุกงอมจนใหผ ลเปนวบิ ากได ก็ตองใชเวลานาน ฉันน้ัน ความวจิ ิตรของกรรมและวบิ าก เพราะกรรมกับวิบากเปนสังขารธรรม เกิดขึ้นจากปจจัยตาง ๆ ปรุงแตง จึงมีความวิจิตรพิสดารอยางย่ิง เชน การทํากรรมของแตละ คนในแตละครั้ง จะเปนกรรมประเภทใดน้ัน ข้ึนอยูท่ีปจจัยตาง ๆ 10
กรรม และ วบิ าก เชนมีเจตนาตาง ๆ กัน ดังตัวอยางการบริจาคทรัพยสิ่งของ บางคน มีเจตนาใหเพื่อการสงเคราะห บางคนใหเพ่ือบูชาคุณ บางคนให เพราะหวังชื่อเสียง บางคนใหเพ่ือขัดเกลากิเลสเปนตน กุศลวิบากท่ี ไดร ับจงึ มากนอยตา งกนั ไป แมคณุ ธรรมของบคุ คลที่เราใหกม็ ีผลตอ วิบาก เชน ใหกับภกิ ษทุ ศุ ีล หรือใหกบั ภิกษุผูมีศลี หรือใหกบั คนนอก ศาสนา อานิสงสผลบุญยอ มตาง ๆ กันไป ตัวอยางผลของอกุศลกรรมท่ีแตกตางกันไป เชน ฆามด ฆาปลวก ฆาวัว ฆาควาย ฆาคนมีศีล หรือฆาโจรผูราย วิบากยอม ตางกัน นอกจากข้ึนอยูท่ีเจตนาและความเพียร ยังขึ้นอยูกับสัตวท่ี ถูกฆา วามคี ุณมากนอยแคไ หน เปนสตั วเล็กหรอื สตั วใ หญ เชน ฆามด ฆา ชา งฆา งพู ษิ ฯลฯ บาปกรรมยอ มตา งกนั ไป เปน ตน ดงั นน้ั บาปกรรม ท่ที าํ แตละครั้ง ของแตล ะคน จงึ หนักเบาตา งกันไป นเ้ี ปน ความวิจติ ร ของกรรม เชอื่ กรรมดวยศรัทธา ชาวพุทธผูมีตถาคตโพธิศรัทธา ก็เพราะเขามีศรัทธาเชื่อใน ความตรสั รดู ขี องพระพทุ ธเจา เขาจงึ เชอ่ื กฎแหง กรรมทพี่ ระองคต รสั รู แมจะเชื่อดวยศรัทธาโดยไมมีปญญาประกอบ ผูนั้นก็ยังชื่อวาเปน ชาวพทุ ธแตผ ใู ดไมเ ชอ่ื กฎแหง กรรมผนู นั้ ไมเ ชอ่ื ในคาํ สอนของพระองค ผูนัน้ ไมช ่ือวา เปน ชาวพทุ ธเลย เชอ่ื กรรมดวยปญ ญา ผทู ม่ี ตี ถาคตโพธศิ รทั ธาเพราะเชอื่ ในความตรสั รขู องพระพทุ ธเจา และผูท่ีเช่ือกฎแหงกรรมที่พระองคทรงแสดงอยางมีเหตุผล ผูนั้น ช่ือวาเปน ผมู ี กัมมสั สกตาปญญาดวย ผูน น้ั เปน ชาวพุทธท่แี ทจ รงิ 11
พนั เอก ธงชยั แสงรตั น ชาวพุทธที่มีท้ัง ตถาคตโพธิศรัทธาและกัมมัสสกตาปญญา ดังกลาว ถาผูน้ันพบกับโลกธรรมฝายช่ัว เชน พบกับความทุกข ความเสือ่ มลาภเส่ือมยศ ถกู นินทา ฯลฯ กไ็ มหวัน่ ไหวจนเกนิ ไป ไมไ ป โทษผูอื่นถาเขาไปพบผูอื่นกําลังไดลาภ ไดยศ ก็ไมมีจิตคิดริษยาแต กลับพลอยช่ืนชมยินดีดวยมุทิตาจิต ถาพบผูใดกําลังเส่ือมลาภ เสื่อมยศ ก็ไมไปซ้ําเติม ไมไปเพิ่มโทษ แตกลับคิดกรุณาหาทาง ชวยเหลือ ท้ังนี้เพราะรูดีวา กรรมดีหรือกรรมช่ัวของใคร ก็เปนของ คนนั้น กฎแหงกรรมยอมจัดการกับผูนั้นอยางยุติธรรมเสมอ อนึ่ง ผูใดมีกัมมัสสกตาศรัทธาและกัมมัสสกตาปญญาผูนั้นช่ือวาเปน กรรมวาทีบุคคล พระพุทธองคจะทรงแสดงอริยสัจ ๔ กับผูน้ันกอน เพราะโลกียกุศลธรรมทัง้ ๒ เปนอปุ ธารณะรองรบั โลกตุ ตรกุศล ผรู อบรูเร่ืองกรรมอยา งสมบรู ณ เน่อื งจากกรรมเปนสังขารธรรม เกดิ ขน้ึ เพราะเหตปุ จ จัยตา ง ๆ ปรุงแตง และวิบากก็เปนสังขารธรรมเกิดขึ้นเพราะเหตุปจจัยตาง ๆ ปรุงแตงเชนกัน ดังนั้น การท่ีจะเรียนรูกฎแหงกรรม จึงจําเปนตอง เรียนรูปจจัยตาง ๆ ทั้งปจจัยหลักไดแก อวิชชา ตัณหา และปจจัย อืน่ ๆ ดว ย เรื่องกรรมจึงเปนเรื่องใหญทีต่ อ งศกึ ษา ไมใชรแู คทาํ ดไี ด ดที ําชว่ั ไดช ่ัวเทา นั้น การที่จะรูกรรมและวิบากไดสมบูรณถูกตองแทจริงแลว นน่ั เปน วสิ ยั ของบคุ คลระดบั พระสมั มาสมั พทุ ธะเทา นนั้ สว นบคุ คลอนื่ แมจะเปนระดับพระปจเจกพุทธะหรือพระอัครสาวกก็ไมสามารถรู อยา งละเอยี ดทกุ แงท กุ มมุ ทง้ั นี้ เพราะบคุ คลระดบั พระสมั มาสมั พทุ ธะ 12
กรรม และ วิบาก เปนผูมีสัพพัญุตญาณ บุพเพนิวาสานุสติญาณและจุตูปปาตญาณ ซ่ึงเปนญาณระลึกถึงการกระทํากรรมและการรับผลกรรมในอดีตได อยา งไมจ าํ กัดชาติ ทัง้ ของพระองคเ องและของผูอ่ืนดว ย อน่ึง เราไดอานหนังสือเร่ืองกรรม ไดฟงเร่ืองกรรมบอย ๆ วา คนนน้ั รบั ผลกรรมอยา งนนั้ เพราะทาํ กรรมอยางนี้ เชน เรอ่ื งท่เี ลากนั มาวา คนฆาหมูเปนอาชีพ คร้ันใกลตาย ตองรองครวญครางเหมือน หมู เปน ตน ซ่ึงในพระคัมภีร กม็ ีตวั อยางเชน นี้ ในกรณีน้ีกรรมกบั ผล ของกรรมจะถกู ตอ งตรงกนั หรอื ไมน น้ั ไมม ใี ครระบุ ไดแ นช ดั นอกจาก พระพุทธเจาเทานั้น แตตัวอยางที่เลากันมา ก็ยังอยูในกฎเกณฑของ กรรม ท่ีวาอกุศลกรรมยอมใหผลเปนอกุศลวิบากเสมอ เชน หนังสือ เรื่องกรรมของนาย ท.เลียงพิบูลย เปนหนังสือที่มีประโยชนมาก เพราะทําใหเกิดหิริโอตตัปปะเกรงกลัวตอบาป เกิดกัมมศรัทธาเช่ือ กฎแหงกรรมยิ่งขนึ้ กมั มัสสกตาปญ ญา เปนปจ จยั แกก ารบรรลธุ รรม กรรม-วบิ าก เปน ธรรมทลี่ ะเอียดลกึ ซึ้งเพียงใด ดูไดจากคําพูด ท่วี า “ผใู ดทํากรรมใด ๆ ผนู ัน้ ยอมรบั ผลกรรมนน้ั ๆ” การพดู เชน น้ีฟงดูเหมือนถูก แตก็ยังไมถูกทีเดียว สวนคําพูดท่ีสมบูรณถูกตอง ทั้งอรรถและพยัญชนะ คือ พระดํารัสของพระพุทธองคท่ีตรัสเร่ืองนี้ กบั ภิกษุทั้งหลายใน คัมภรี อง.ฺ ตกิ ฺ.โลณกสูตร (ขอ ๕๔๐ หนา ๔๙๒) ดังนี้ “ดูกอนภิกษุท้ังหลาย ผูใดกลาววา คนทํากรรมอยางใด ๆ ยอ มเสวยกรรมนน้ั ๆ เมอื่ เปน อยา งนนั้ การอยปู ระพฤตพิ รหมจรรย ก็มีไมได ชองทางท่ีจะทําท่ีสุดแหงทุกขโดยชอบก็ไมปรากฏ สวน 13
พันเอก ธงชยั แสงรัตน ใครกลา ววา คนทาํ กรรมอนั จะพงึ ใหผ ลอยา งใด ๆ ดงั น้ี ยอ มเสวย ผลกรรมอยา งนั้น ๆ เม่อื เปนอยางนี้ การอยปู ระพฤตพิ รหมจรรย ยอ มมไี ด ชองทางทจ่ี ะทาํ ที่สุดแหง ทุกข โดยชอบ ยอ มปรากฏ เรามักไดยินคําวา แกกรรม ท่ีจริงตองพูดวา แกอกุศลวิบาก หรือแกผลของอกุศลกรรมจึงจะถูก เพราะอกุศลกรรมท่ีทําไปแลว ก็สําเร็จไปแลว ผานพนไปแลว ยอมแกไขอะไรไมได แตอกุศลวิบาก หรอื ผลของอกศุ ลกรรมทก่ี าํ ลงั ไดร บั อยกู ด็ ี หรอื คาดวา จะไดร บั กด็ ยี งั พอแกไขได วิธีแกน้ัน พระพุทธองคทรงแสดงไวในมหากัมม- วภิ งั คสตู รไดนาํ มาแสดงไวใ นบทตอไป กรรมและวิบากเปนของเฉพาะตัว หลักท่ัวไป กรรมดีก็ตาม กรรมชั่วก็ตาม ผูใดทําไว ผูน้ันแหละ เปนเจาของ เปนทายาทของกรรมน้ัน จะใหใครมาเปนทายาทแทนก็ ไมไ ด วบิ ากกเ็ ชน กนั จะโอนไปใหใ ครรับกไ็ มได ผไู มเ ขาใจเรือ่ งกรรม มกั คดิ วา ทาํ แทนกนั ได รบั ผลแทนกนั ได ดงั เหตกุ ารณต า ง ๆ ทปี่ รากฏ เปนขาวในยุคนี้ชวนใหเขาใจเชนนั้น เชน กรณีที่ลูกกอกรรมทําเข็ญ พอแมตองเดือดรอน ตองมีสวนไดรับผลกรรมน้ันดวย หรือพอแม ทาํ กรรมใด ลกู ๆ กม็ สี ว นไดร บั ผลกรรมนนั้ เปน ตน ความจรงิ ในอดตี อาจรวมกันทํากรรมจึงตองมารับวิบากพรอมกัน จะเห็นไดวา คนใน ครอบครัวเดียวกัน คนในกลุมเดียวกัน ในสังคมเดียวกัน มักเคยทํา กิจกรรมรว มกนั มาทั้งในอดตี และปจจบุ ัน ดงั ตัวอยา งตอ ไปนี้ 14
กรรม และ วิบาก อกุศลกรรม มีการรวมกันเชียรมวยเชียรฟุตบอล หรือรวมกัน ปลนทรัพย รวมกันคอรัปชั่น พากันไปลาสัตว ชาวประมงชวยกันจับ ปลา เปน ตน กุศลกรรม เชน มีการรวมกันทําบุญ ทอดผาปาทอดกฐิน รวมกันบูรณะพระเจดีย ศึกษาธรรมะรวมกัน สนทนาธรรมรวมกัน ชวยกันจดั พิมพหนังสอื ธรรมะ รว มกันเผยแพรธรรมะ เปน ตน บคุ คลดงั กลา วจงึ มอี ปุ นสิ ยั คลา ยๆกนั เมอื่ รว มทาํ กรรมเดยี วกนั จงึ มาเกดิ ในครอบครวั เดยี วกนั ในเครอื ญาตเิ ดยี วกนั ในสงั คมเดยี วกนั ครัน้ มาในชาติปจ จบุ ัน กย็ งั รวมกนั ทาํ กรรมใหมอ ีก ดังน้ัน เม่ือรับผล ของกรรมในปจจุบัน จึงไดรับวิบากเหมือนกัน จะแตกตางกันที่หนัก เบาไมเทากัน เพราะเจตนาก็ดี ความเพียรก็ดี ของแตละคนตางกัน ดงั ตัวอยาง ตอไปน้ี การฆาววั ตวั หนงึ่ บางคนชว ยกนั จบั บางคนลงมอื เชือดบางคน ชําแหละ บางคนเห็นแลวชอบใจ ดังน้ัน เม่ือกรรมใหผล ทุกคน จึงไดรับผลเหมือนกัน แตหนักเบาไมเทากัน ดังในคัมภีร ขุ, อป, (ขอ ๓๙๒ หนา ๘๗๕) พระพทุ ธองคทรงเลาวา สมัยพระองคเสวยพระชาติเปนเด็กลูกชาวประมงอยูบาน เกวัฏฏคาม เห็นคนทั้งหลายฆาปลาแลว เกิดโสมนัส ดวยวิบาก แหงกรรมนั้น ความทุกขที่ศีรษะ (ปวดศีรษะ) ไดมีแลวแกเรา ในเม่ือเจาศากยะท้ังหลายถูกพระเจาวิฑูทภะ โอรสของพระเจา- ปเสนทโิ กศลฆา ตาย เปน ตน 15
พนั เอก ธงชยั แสงรตั น น้ีเปนไปตามกฎแหงกรรม ที่ดําเนินไปอยางเท่ียงธรรม คือ ผลใด ๆ ท้ังดีและชั่วที่ผูใดไดรับ ลวนมาจากเหตุท่ีผูนั้นเคยทําไว ดังตัวอยางบุคคลระดับพระสัมมาสัมพุทธเจา กฎแหงกรรมน้ีก็ไม ยกเวน ใหต ราบใดทพ่ี ระองคย งั ทรงมขี นั ธ ๕ แมจ ะสน้ิ กเิ ลสแลว กต็ าม ดังนั้น เราจึงไมตองสงสัยวา ทําไมคนนั้นทํากรรมแคนี้ แตไดรับโทษ แคนั้นและไมตองไปซํ้าเติม หรือไปเพิ่มโทษใหใคร กฎแหงกรรม คงดําเนินไปอยางยุติธรรมเสมอ อนึ่ง ถาเราไปเพิ่มโทษใหใครก็ตาม น่ันเปน การไปขอแบงบาปกรรมมาใหตวั เอง ความสลับซบั ซอ นของกรรมและวบิ าก พระพุทธองคทรงแสดงความสลับซับซอนของ กรรม-วิบาก ไวในคัมภีร ม.อุ.มหากัมมวิภังคสูตร (ขอ ๖๐๓ หนา ๒๗๑) ดังนี้ ดกู อนอานนท บุคคล ๔ จาํ พวก มีปรากฏอยใู นโลก ดังน้ี (โดยสรุป) ๑. บุคคลบางคนในโลกน้ีเปนผูมักทําแตอกุศลกรรม เชน ทําชีวิตสัตวใหตกลวงไป เปนตน เขาตายไป ยอมเขาถึงอบาย ทุคติ วนิ บิ าต นรกกม็ ี ๒. บุคคลบางคนในโลกนี้เปนผูมักทําแตอกุศลกรรม เชน ทําชีวิตสัตวใหตกลวงไป เปนตน เขาตายไป ยอมเขาถึงสุคติ- โลกสวรรคก ็มี ๓. บุคคลบางคนในโลกน้ีเปนผูมักทําแตกุศลกรรม เชน เวนขาดจากปาณาติบาต เปนตน เขาตายไปยอมเขาถึงสุคติ- โลกสวรรคก็มี 16
กรรม และ วิบาก ๔. บุคคลบางคนในโลกนี้ เปนผูมักทําแตกุศลกรรม เชน เวนขาดจากปาณาติบาต เปนตน เขาตายไปยอมเขาถึงอบาย ทุคติ วนิ บิ าต นรกกม็ ี จากพระพุทธพจนขางตน เม่ืออานผิวเผิน ดูเหมือนขัดกับกฎ แหง กรรมทวี่ า กรรมดยี อ มใหผ ลดี กรรมชวั่ ยอ มใหผ ลชว่ั แตเ นอ่ื งจาก กรรมท่ีทําไวในอดีตชาติ มีทั้งกรรมดีและกรรมช่ัวน้ันมีมากมายใหญ โตเทาภูเขา การท่ีจะใหผลในชาติปจจุบันพรอมกันจึงเปนไปไมได และการใหผ ลของกรรมกย็ งั ขน้ึ อยกู บั ปจ จยั อนื่ ๆดว ยปจ จยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ล ตอ การใหผ ลของกรรม พระพทุ ธองคท รงแสดงไวใ นพระอภธิ รรมปฎ ก วิภังค (ขอ ๘๔๐ หนา ๖๐๖) วามี ๔ ประการ ดงั นี้ ๑. คติ ไดแ ก ภพภมู ิทีส่ ตั วไ ปเกิด ซ่ึงมีทงั้ สุคติภมู ิและทุคตภิ มู ิ ๒. อุปธิ ไดแก สรีระของสัตวที่สมบูรณหรือไมสมบูรณ งาม หรือไมงาม ๓. กาละ ไดแก ชวงเวลาท่ีเหตุการณในโลกเจริญหรือเสื่อม ในเร่ืองตาง ๆ ๔. ปโยคะ คือ ความฉลาด ความเพียรทางกาย ทางวาจาที่ ประกอบในภพนี้ ปจ จัย ๔ คือ คติ อปุ ธิ กาละ ปโยคะ มอี ิทธพิ ลตอการใหผ ลของ กรรม ดงั นั้น เร่ือง กรรม-วิบาก จงึ มคี วามละเอยี ดลึกซงึ้ และมคี วาม วิจิตรพิสดารเพียงใดน้ัน เห็นไดในพระพุทธพจน ท่ีพระพุทธองค ตรัสไวใ นพระอภิธรรมปฎ ก คัมภีรพ ระวภิ งั ค ญาณวิภงั ค (ขอ ๘๔๐) ดงั นี้ 17
พนั เอก ธงชัย แสงรัตน บาปอกุศลกรรมบางอยางไมใหผล เพราะคติสมบัติหามไว บาง เพราะอุปธิสมบัติหามไวบาง เพราะกาลสมบัติหามไวบาง เพราะปโยคสมบตั หิ า มไวบ าง บุญกุศลกรรมบางอยางไมใหผล เพราะคติวิบัติหามไวบาง เพราะอุปธิวิบัติหามไวบาง เพราะกาลวิบัติหามไวบาง เพราะ ปโยควิบตั หิ ามไวบ า ง บาปอกุศลกรรมบางอยางใหผล เพราะอาศัยคติวิบัติชวย ใหเกิดบาง เพราะอุปธิวิบัติชวยใหเกิดบาง เพราะกาลวิบัติ ชว ยใหเกดิ บาง เพราะปโยควิบตั ิชว ยใหเ กิดบาง บุญกุศลกรรมบางอยางใหผลเพราะอาศัยคติสมบัติชวย ผลจึงเกิดบาง เพราะอาศัยอุปธิสมบัติชวยผลจึงเกิดบาง เพราะ อาศัยกาลสมบัติชวย ผลจึงเกิดบางเพราะอาศัยปโยคสมบัติชวย ผลจึงเกดิ บา ง กรรมท่ีทําไวในอดีตจะใหผลเปนวิบากและกรรมชรูปที่ดี หรอื ไมดปี ระการใดนนั้ ขนึ้ อยูท่ปี จ จยั ๔ คอื คติ อุปธิ กาละ ปโยคะ ของแตละบุคคล ดังนั้น สัตวโลกแตละชีวิตจึงไดรับวิบากและกรรม ชรูปท่ีวิจิตรพิสดารแตกตางกันไป ซึ่งในบทตอไปน้ี เปนการนํา ตัวอยางชีวิตของคนสมัยพุทธกาลบางและคนในสมัยนี้บาง มาแสดง ใหเห็นวา การรับผลของกรรมน้ัน ขึ้นอยูกับปจจัย ๔ ดังกลาว รายละเอียดเรอ่ื งน้ไี ดนํามาอธบิ ายไวแ ลวในบทตอ ไป 18
กรรม และ วิบาก บทท่ี ๓ คติ เปนปจ จยั แกว ิบาก คําวา คติ มีอรรถวา ที่สัตวพึงถึง หมายถึงภพภูมิที่สัตวไปเกิด พระอภธิ รรมปฎ ก ญาณวภิ งั ค (ขอ ๘๔๐) และอรรถกถา (หนา ๗๐๘ - ๗๑๘) พระพุทธพจนกลาวถึง คติเปนปจจัยแกสัตวผูปฏิสนธิใน ๕ ภมู ิ ดังนี้ - สคุ ตภิ มู ิ ๒ ไดแก มนษุ ยภมู แิ ละเทวภูมิ - ทคุ ตภิ มู ิ ๓ ไดแก นริ ยภูมิ (นรก) เปตตภิ ูมิ เดรัจฉานภมู ิ การที่สัตวใดจะไปเกิดในสุคติภูมิหรือทุคติภูมิขึ้นอยูที่กรรมใด กรรมหน่ึงที่ทําไวในอดีตชาติ ผูที่ไปเกิดในสุคติภูมิ ผูนั้นชื่อวา เปน ผูมีคติสมบัติ สวนผูที่ไปเกิดในทุคติภูมิ ผูน้ันชื่อวา เปนผูมีคติวิบัติ ดังรายละเอยี ดตอไปนี้ คตสิ มบตั ิ คําวา คติ คือ ภพภูมิท่ีสัตวไปเกิด คําวา สมบัติ แปลวา ความ ถึงพรอม ความสมบูรณ ความพรั่งพรอม ดังนั้น คติสมบัติ จึง หมายถึงภพภมู ิท่สี มบรู ณ พร่ังพรอ มไปดว ยเบญจกามคณุ คอื รปู รส กลน่ิ เสียง สมั ผสั ทีด่ ี ทปี่ ระณีต สุคติภูมิชั้นลางสุด คือ มนุษยภูมิ ช้ันสูง ไดแกสวรรคช้ัน กามาวจร ๖ และชั้นพรหมโลก ๒๐ สัตวในสุคติภูมิช้ันสูง ๆ ข้ึนไป สมบัติ คือ เบญจกามคุณก็ย่ิงประณีต สวนจะมากหรือนอยยอม 19
พนั เอก ธงชยั แสงรตั น เปน ไปตามกศุ ลกรรมของแตล ะชวี ติ ผทู เี่ กดิ ในสคุ ตภิ มู ิ ทกุ รปู ทกุ นาม ช่อื วา เปน ผมู ี คตสิ มบตั ิ ในเทวภมู ิ สตั วท เี่ กดิ ในสวรรค นบั วา เปน ผมู คี ตสิ มบตั ทิ แี่ ทจ รงิ เพราะพร่ังพรอมไปดวยเบญจกามคุณ คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ท่ีประณีต ที่เปนทิพย สวนในมนุษยภูมิ มีเบญจกามคุณพอประมาณ คือ มีดีบางไมดีบาง มากบางนอยบาง ไมพรั่งพรอมสมบูรณเทาใน เทวภมู ิ ในมนุษยภูมิ ผูที่ทํากุศลกรรมไวมาก ก็จะเปนผูมีสมบัติใน ความเปนมนุษยสูง เชน ชนชั้นเจาฟาเจาแผนดิน ชนชั้นเศรษฐี เปน ตน ถา เปน สมบตั ใิ นความเปน มนษุ ยอ ยา งกลาง ๆ เชน พวกพอ คา วานิช ขาราชการทั่วไป ถาสมบัติในความเปนมนุษยตํ่าลงมาไดแก คนยากจน คนใชแรงงานและสมบัติในความเปนมนุษยตํ่าสุด ไดแก ชาวปา ชาวดอยคนช้ันวรรณอธศิ ทู ร เปน ตน แมคนที่มีสมบัติตํ่าสุด เชน พวกอธิศูทรในประเทศอินเดีย ซ่งึ เปน มนษุ ยท่มี ชี ีวิตอยดู วยเศษอาหาร มเี สื้อผาสกปรกท่เี ขาทิ้งแลว ที่อยูอาศัยเศราหมอง แตคนเหลานั้นก็ยังกินอาหารแบบมนุษยซึ่งดี กวา อาหารสตั วเ ดรจั ฉาน ยงั มเี สอื้ ผา ทใ่ี ชป อ งกนั ความรอ นความหนาว ซงึ่ สตั วไ มม ี กระตอ บขา งกองขยะ ทมี่ งุ ดว ยเศษผา ใบกย็ งั ดกี วา คอกววั คอกควาย เปนตน คนยากจนเหลาน้ีแมจะมีสมบัติความเปนมนุษย ต่ําเพียงใด แตก็ปฏิสนธิดวยกุศลวิบากจิต จึงมาเกิดในมนุษยภูมิ ยงั มีความเปน อยูส ูงกวาสัตวใ นอบายภมู ิ จงึ จัดวาเปนผูมีคตสิ มบตั ิ กค็ ตสิ มบตั นิ แี่ หละเปน ตวั ไปเปด ประตใู หก ศุ ลกรรมในอดตี บาง อยา ง สง ผลดมี าให สว นผลจะดมี ากหรอื ดนี อ ย ยอ มเปน ไปตามกรรม 20
กรรม และ วบิ าก ของแตละชีวิต สวนอกุศลกรรมบางอยางที่เคยทําไวในอดีตชาติ ก็ตอ งหยุดการใหผลไวกอ น เพราะถูกคติสมบัตหิ า มไว คตวิ บิ ตั ิ คําวา วิบัติ มาจากภาษาบาลีวา วิปตฺติ แปลเปนภาษาไทยวา ฉิบหาย หรือแปลทับศัพทวา วิบัติ คติวิบัติ จึงหมายถึงภพภูมิท่ีสัตว ไปเกดิ นนั้ มแี ตว ตั ถกุ ามทไ่ี มด ี กลา วคอื มแี ต รปู รส กลน่ิ เสยี ง สมั ผสั ท่ีเลวราย สัตวที่มี คติวิบัติ คือ สัตวที่ไปเกิดในอบาย ๔ ไดแกสัตว เดรจั ฉาน เปรต อสรุ กาย สัตวน รก อันความวบิ ตั ใิ นอบายก็มหี ลายชนั้ ต้ังแตวิบัติมากที่สุด ไปจนถึงวิบัตินอยท่ีสุด โดยเรียงตามลําดับ ลดหลั่นกันไป ดังน้ี สัตวท่ีมีความวิบัติมากที่สุดไดแกสัตวในอเวจี มหานรก วบิ ตั นิ อ ยลงมาไดแ ก เปรตบางจาํ พวกหรอื เปน สตั วเ ดรจั ฉาน บางจาํ พวก แมในดิรัจฉานภูมิ ระดับความวิบัติของสัตวเดรัจฉานก็มีมาก นอยตาง ๆ กนั ไปอีก เชน สตั วท ีม่ ีความวิบตั นิ อ ยไดแก ลงิ ชางมา วัว ควาย เปน ตน ถา มีความวิบัติมาก ไดแกสตั วช ้นั ตาํ่ เชนไสเดือน ไรฝุน ตลอดจนจลุ ชพี ตาง ๆ เปน ตน คติวิบัตินีแ่ หละ ทาํ ใหสตั วในอบาย ๔ ตอ งกนิ อาหารหยาบตาม สตั วประเภทน้ัน ๆ อาหารหยาบมากเปนของสตั วท ี่มคี วามวิบตั มิ าก อาหารหยาบนอ ย เปนของสตั วท ม่ี คี วามวิบัตนิ อ ย เชน สตั วจ ําพวกลงิ กนิ ผลไมใ นปา ซึ่งดีกวาสุนขั ทั่วไปทีก่ นิ เศษอาหารและสุนัขก็ดีกวาวัว ควายที่กินแตหญา แมวัวควายก็ดีกวาพวกมดพวกปลวกที่กินดิน 21
พันเอก ธงชัย แสงรตั น กินไม หรอื ทีเ่ ลวรา ยมาก ๆ ไดแ กเ ปรตบางจําพวกกินซากศพ กินสงิ่ ปฏกิ ูล สัตวที่มีคตวิ ิบตั สิ งู สดุ คอื สตั วน รก ตอ งกินของเผ็ดรอน เชน ตอ งกลนื กนิ นาํ้ ทองแดง เปน ตน กค็ ตวิ บิ ตั นิ แ้ี หละเปน ตวั ไปเปด ประตู กรรมช่ัว สง รูป รส กล่ิน เสียง สัมผัส ช่ัวรายมาให สวน กุศลกรรม บางอยาง ของอบายสัตวเหลาน้ันท่ีเคยทําไวในอดีตชาติ แมจะมาก เพยี งใด ก็ตอ งหยุดการใหผลไวก อ น เพราะถูกคติวบิ ัติหา มไว กฎแหง กรรมยุติธรรมเสมอ ไมเวนแมบ ุคคลระดับพระสมั มา- สัมพุทธะ เชน สมัยพระพุทธองคเสวยพระชาติ เปนแพะ เปนแกะ เปนนกกะทา ซึ่งเปนคติวิบัติ ก็ตองมีอาหาร มีท่ีอยูอาศัย ตามสัตว ประเภทนั้น ๆ อน่ึง กุศลวิบากของสัตวท่ีถูกคติวิบัติหามไวนั้น แต ก็มีกุศลกรรมบางอยาง อาจแทรกเขามาใหผลได เชน บางครั้ง สุนัข ไดกินอาหารอยางมนุษย ไดนอนกับมนุษย เปนตน ท้ังนี้เพราะ ยงั มปี จ จยั อนื่ ๆ เชน อปุ ธสิ มบตั ิ เปน ตน เขา มาใหผ ลบา งในบางคราว ดังจะกลาวในบทตอ ไปนี้ 22
กรรม และ วิบาก บทท่ี ๔ อุปธิ เปนปจ จัยแกว บิ าก ความหมายของอุปธิ คือ ธรรมท่ีทรงไวซึ่งทุกข เชน กิเลส (กเิ ลสปู ธ)ิ เปน ธรรมทน่ี าํ ทกุ ขม าให หรอื ขนั ธ ๕ (ขนั ธปู ธ)ิ กเ็ ปน ธรรม ทน่ี าํ ทกุ ขม าให ฯลฯ แตใ นทน่ี ี้ อปุ ธหิ มายถงึ อตั ภาพทปี่ ระกอบไปดว ย รูปรางหนาตา รวมถึงอวัยวะนอยใหญของสัตวโลก เชน ของพรหม ของเทวดา ของมนุษย ของเดรัจฉาน ซ่ึงก็ลวนเปนธรรมที่ทรงไวซ่ึง ทุกขเชนกัน เพราะอัตภาพดังกลาว ลวนนํามาซ่ึงชาติทุกข ชราทุกข มรณทกุ ข ถา สตั วใ ดมสี รรี ะรา งกายสมสว น สงา งาม วรรณะผอ งใส สขุ ภาพ แข็งแรง สัตวน้ันเปนผูมีอุปธิสมบัติ ตรงกันขาม ถาสรีระไมสมบูรณ หนา ตา ไมงาม หรือรา งกายพิการ จัดวา สตั วนั้นเปนผูม อี ุปธวิ ิบตั ิ อุปธิหรือรูปรางหนาตาของสัตวโลกนี่แหละ เปนปจจัยสําคัญ ปจจัยหนึ่งท่ีมีผลตอการใหผลของกรรม ท้ังอุปธิสมบัติและอุปธิวิบัติ ของสัตวในภพภูมิตาง ๆ ก็มีระดับมากนอยตางกันไป ตามกรรม ของแตล ะชีวติ ตวั อปุ ธิของสตั ว นี้แลจะไป เปด -ปด ประตใู หก รรมดี หรอื กรรมชว่ั สงผล วิบากดี-วิบากชว่ั บางอยางมาให ดงั นี้ อุปธิสมบตั ิ เทพในเทวภูมิท้ังหลาย ลวนเปนผูมีอุปธิสมบัติท่ีประณีต เชน เทวดาในกามาวจรภูมิและในรูปาวจรภูมิ เปนตน เทพในสวรรคชั้น 23
พนั เอก ธงชยั แสงรตั น ยิ่งสูง ๆ ขึ้นไป อุปธิสมบัติก็ย่ิงประณีต น่ันคือ มีวรรณะงาม มีรัศมี รุง เรือง เทพแตล ะองคก ็มอี ุปธิสมบัติประณีตมากนอยแตกตา งกนั ไป ตามกศุ ลกรรมของแตล ะองค ทส่ี งั่ สมมา เวน เทพทเี่ ปน พระอรยิ บคุ คล เปนผูมีอุปธิสมบัติพิเศษ คือ มีรัศมีรุงเรืองกวาเทพปุถุชนทั่วไปใน สวรรคช้ันนั้น ๆ เชน เทพท่ีเปนพระอริยบุคคล มีรัศมีขมทาวสักกะ จอมเทพได เปนตน (สมัยท่ที าวสกั กะยังเปนปุถชุ นอยู) เร่ืองการใหผลของกรรม บุคคลในสวรรคไดรับแตกุศลวิบาก เปนสวนใหญ เพราะนอกจากเปนผูมีคติสมบัติแลว ยังมีอุปธิสมบัติ ดว ย อนั อปุ ธิ คือ สรรี ะของเทพในสวรรคแ ตล ะช้นั กป็ ระณีตมากนอ ย ลดหลั่นกันไปตามความวิจิตรของกรรม ความมีศักด์ิสูงต่ําของเทพ วดั กนั ทร่ี ศั มี เทพผมู รี ศั มรี งุ เรอื งมาก ยอ มไดร บั ความยาํ เกรงจากเทพ ที่มีรัศมีนอยกวา ดังเร่ืองราวในพระคัมภีรกลาววา ในธรรมสภา ซึ่งเปนท่ีประชุมของทวยเทพในสวรรคช้ันดุสิต เทวดาผูมีศักด์ิตํ่า จะหลีกทาง หรือใหอาสนะขางหนา ๆ แกเทวดาผูมีศักดิ์สูงกวา นี้ก็ เปน เรอื่ งปกติ แมใ นโลกมนุษยก ็เชน กัน เพราะอิทธิพลของคติสมบัติน่ีแหละ เปนปจจัยใหประตูบุญ เปด กวา ง ทาํ ใหก ศุ ลวบิ ากหลงั่ ไหลออกมาเตม็ ท่ี สว นประตบู าปปด ไว ชวั่ คราว เทพทงั้ หลายจงึ เสวยแตค วามสขุ สว นความทกุ ขถ กู คตสิ มบตั ิ หา มไวช วั่ คราว เทวดาองคใ ดหมดบญุ เมอื่ ใด กอ็ าจกลบั มารบั ทกุ ขใ น ทุคติภมู ิได น้แี หละ คือ ภยั ของสังสารวัฎ ในมนษุ ยภ มู ิ ชายหญงิ ใด มสี รรี ะสมสว น ใบหนา งดงาม ผวิ พรรณ ผองใสจัดวาเปนผูมี อุปธิสมบัติ และอุปธิสมบัติของแตละคนก็มาก 24
กรรม และ วบิ าก นอยตางกัน ทั้งนี้แลวแตชนกกรรมของแตละคนท่ีสรางกัมมชรูปให ประณีตมากนอยตา ง ๆ กนั ไปตามกรรมท่ที ําไว ดงั นน้ั ประตกู รรมดี จะเปด ตามอทิ ธพิ ลของอปุ ธิสมบตั ิ ดงั น้ี มนุษยผูมีอุปธิสมบัติมาก ที่เห็นไดงาย ๆ ไดแก พวกนางงาม พวกดารานกั แสดง บุคคลเหลานีเ้ ปน ผมู ีชอ่ื เสยี ง มผี ูคนนิยมชมชอบ มีผเู สนอใหค วามอุปถมั ภเลย้ี งดู ใหทรัพยสินเงินทอง ทําใหมฐี านะดี ทั้งนี้เพราะอุปธิสมบัติ เปนตัวไปเปดประตูใหกุศลกรรมสงวิบากดี มาให สวนอกุศลกรรมท่ีสาวงามเหลาน้ันทําไวในอดีตตองหยุดการ ใหผลไวช่ัวคราว ดังตัวอยางชีวิตจริงในยุคนี้ หญิงสาวท่ีเกิดมาใน ครอบครัวยากจน การศึกษาไมสูง แตมีอุปธิสมบัติเปนสาวงาม จึงมี ผูนําไปอุปถัมภเลี้ยงดูหรือนําไปเปนประโยชนในธุรกิจบันเทิง ทําให เธอมรี ายไดมชี อื่ เสยี งมฐี านะทางสงั คมในชวั่ พรบิ ตาบางคนไดแ ตง งาน กับเศรษฐี บางคนไดเปนภรรยาของรัฐมนตรี หรือสมัยโบราณ ประวัติศาสตรของชนชาติอียิปตหรือชนชาติจีน ไดกลาวถึงหญิงงาม ในชนบท ไดเ ปน ถงึ ราชนิ ี ปกครองประเทศ นคี้ อื อทิ ธพิ ลของอปุ ธสิ มบตั ิ อกี ตวั อยา งหนง่ึ ทเ่ี หน็ ไดช ดั คอื เดก็ กาํ พรา ทถ่ี กู พอ แมน าํ ไปทงิ้ ไวในสถานที่เลี้ยงเด็ก ถาเด็กคนไหนมีรูปรางหนาตานารัก นาเอ็นดู ก็มักจะมีผูขอไปอุปการะเล้ียงเปนลูกบุญธรรม น้ีก็เพราะอิทธิพล ของอปุ ธสิ มบัติ ทาํ ใหเดก็ กําพรา นั้นพนจากความเปน ลูกกําพรา บาง รายทาํ กรรมไวด มี ากจากเดก็ ทถ่ี กู พอ แมท อดทงิ้ กลายมาเปน ลกู เศรษฐี ก็มี นี้ก็เปนผลของอุปธิสมบัติเปนปจจัยไปเปดประตูบุญและไป ปดประตูบาปไวชั่วคราว แตถาบุญหมดเมื่อใด หรือไปประกอบ ปโยควบิ ตั เิ มอ่ื ใด เขากต็ องมารับบาปตามเดมิ 25
พนั เอก ธงชยั แสงรัตน อีกตัวอยางหน่ึง แสดงอิทธิพลของอุปธิ เชน สมัยที่ยังมีทาส ผูเปนทาสยอมไดชื่อวา เปนผูมีสมบัติความเปนมนุษยอยูในขั้นต่ํา เพราะมคี วามเปนอยเู ย่ียงทาส ตองทํางานหนกั แตท าสหญงิ ชายใดมี อุปธิสมบัติ คือ มีรางกายแข็งแรง รูปรางดี หนาตางดงาม ผูเปนนาย ทาสกจ็ ะนําไปเล้ียงดเู ปนพเิ ศษ มอบหมายการงานทส่ี บายให หรอื ตง้ั ไวในฐานะลูกหลาน หรือยกฐานะ เปน ภรรยาทาส เปนตน นแ้ี สดงวา อกุศลวิบาก คือ ความยากจน ความทุกข จากความเปนทาส ถูกอุปธิ สมบตั ิหา มไว แมใ นเดรจั ฉานภมู ิ สตั วเ ดรจั ฉานตวั ใดมรี ปู รา งนา รกั เชน มขี น สวยงามกวาตัวอ่ืนหรือมีลักษณะเขาตํารา ก็สงเคราะหไดวา สัตวตัว นน้ั มี อปุ ธสิ มบตั ิ (งามแบบสตั ว) ซง่ึ อปุ ธสิ มบตั ขิ องสตั วแ ตล ะประเภท แตละตัว ก็มากนอยตางกันไป เชน ชางเผือกในวัง หมีแพนดาใน สวนสัตว แมวสุนัขที่นารักของเศรษฐี ฯลฯ สัตวเหลานี้ แมคติวิบัติ เพราะเกิดในเดรัจฉานภูมิ แตสมัยท่ีเกิดเปนมนุษย เคยทํากุศลไว จึงทําใหเปนเดรัจฉานที่มีอุปธิสมบัติ ๆ เปนปจจัยให กุศลวิบาก (อุปปฬกกรรม) ตามมาผลักดันใหอกุศลวิบากบางอยางออกไป มันจึงถูกนําไปเลี้ยงดูอยางดี เชน สุนัขของเศรษฐีไดนอนหองแอร มีอาหารท่ีประกอบดวยโปรตีน วิตามินเกลือแร หรือหมีแพนดา ในสวนสัตว มีมนุษยคอยดูแลรับใชตลอดเวลา ไดกินผลไมแพง ๆ ไดกินขนมที่ปรุงเปนพิเศษในวันเกิด มีการตรวจสุขภาพเปนประจํา ทั้งน้ีเพราะอุปธิสมบัติ เปนตัวไปเปดประตูใหกุศลกรรมบางอยางท่ี สตั วน น้ั ทําไวใ นอดตี สง ผลดมี าให 26
กรรม และ วบิ าก เพอ่ื ใหเ ขา ใจเรอ่ื งกรรมใหถ กู ตอ ง ผลของกศุ ลกรรมทช่ี วี ติ แตล ะ ชีวิตไดรับนั้นมิไดขึ้นอยูกับปจจัยท่ีเปนสมบัติเพียงปจจัยเดียว เชน ผูท่ีมีอุปธิสมบัติชั้นเยี่ยม จะมีวาสนาสูงสง เปนถึงพระราชินีไดก็ตอง มีปจจัยดีอื่น ๆ เขามาสงเสริมดวย ถาจะอาศัยความงามเพียงอยาง เดียว วาสนาก็ไมสงู สง ถงึ เพยี งนนั้ เชน สาวงามบางคน แมอ ปุ ธิสมบตั ิ ดเี ยี่ยม งามมาก แตชวี ิตตอ งตกตา่ํ ยากจน ตอ งเปน โสเภณกี ม็ ี ดงั นนั้ เรื่อง กรรม-วิบาก จึงเปนเร่ืองลึกซ้ึง สลับซับซอน วิจิตรพิสดาร อยางยิ่ง ถาผูใดไมมีปญญารูเร่ืองกรรม ก็อยาหวังจะบรรลุมรรคผล เลย เพราะกรรมเปนสมทุ ยั หนง่ึ ทท่ี ําใหเ กดิ บอ ย ๆ ตอ งทุกขบอย ๆ ตายบอ ย ๆ ดังพระพุทธพจน ทกุ ขฺ า ชาตปิ ุนปปฺ ุนํ อุปธวิ บิ ัติ ในมนุษยภมู ิ คนท่เี กดิ มามีสรรี ะไมงาม เต้ียเกินไป อวนเกินไป สูงเกนิ ไป ตาบอด พกิ ารแบบตาง ๆ จัดวาผูน ้ันมีอุปธิวบิ ตั ิ กอ็ ุปธวิ บิ ัติ นี้แหละ เปนตัวไปเปดประตูใหอกุศลกรรมสงผลเลว ๆ มาให เชน ทําใหถูกรังเกียจ ถูกดูหมิ่น ถูกเยาะเยยจากคนที่ขาดเมตตา ชีวิต ตอ งยากจน หางานทาํ ยาก ฯลฯ ในเดรัจฉานภูมิ สัตวเดรัจฉานบางตัว มีคติวิบัติอยูแลว ยังมี อปุ ธวิ บิ ตั ิดวย เชน เกิดเปนสุนัขจรจดั แถมยงั พิการหลังหัก ตองเดนิ ดว ยสองขาหนา เปน ตน สตั วพิการเหลานย้ี อ มไดอ าหารท่ยี ากลําบาก สภาพชวี ติ เลวรา ยกวา สุนขั ทั่วไป น้ีเปน ผลของความวิบัติ ๒ อยา ง คอื คติวิบัติและอปุ ธิก็วิบัติ 27
พนั เอก ธงชัย แสงรตั น สําหรับมนุษยในวัยหนุมสาว บางคนเปนผูมีรูปรางแข็งแรง ใบหนา เคยงดงาม บางคนเปน ถงึ นางสาวไทย บางคนเปน ดารา บคุ คล เหลา นเ้ี ปน ผมู อี ปุ ธสิ มบตั มิ ากอ น ครนั้ เขา สวู ยั ชรา รปู รา งหนา ตาทเี่ คย งดงามก็งามนอยลง ๆ ความไมงามก็จะเพิ่มขึ้น ๆ อุปธิสมบัติตอน วัยหนุมสาวก็คอย ๆ เปลี่ยนมาเปนอุปธิวิบัติในวัยชรา อุปธิวิบัติใน วัยชรานี่แหละ ไมวาจะเกิดกับพระราชาหรือเกิดกับเศรษฐีพันลาน หรอื เกดิ กบั ยาจก ลว นทาํ ใหป ระตอู กศุ ลกรรมของตนเปด ออก สง วบิ าก เลวรา ยมาให เมอ่ื ชรามากขนึ้ อปุ ธกิ ว็ บิ ตั ยิ งิ่ ขนึ้ ประตอู กศุ ลกรรมกเ็ ปด กวา งขนึ้ ทาํ ใหผ เู ฒา ผชู ราตอ งกนิ ตอ งเดนิ ตอ งนอน แบบคนชราตอ ง ถูกโรคชราเบียดเบียน เปนโรคพารคินสัน โรคสมองเสื่อม ประสาท เสอื่ ม ฯลฯ เรามักไดยนิ ขาว คนชราประสบอบุ ัตเิ หตุ ตกบันได ลม ใน หองนํ้าบอย ๆ ผูเฒาบางคนถูกลูกหลานทอดทิ้ง นี้เปนผลมาจาก อกุศลกรรมของแตละชีวิตที่ทําไวในอดีตสงวิบากเลวรายมาใหในวัย ทอี่ ปุ ธิวิบตั ิ ยงิ่ ชรามาก อปุ ธกิ ย็ งิ่ วบิ ตั มิ ากขนึ้ ประตอู กศุ ลกรรมถกู อปุ ธวิ บิ ตั ิ เปดกวางขึ้น ประตูกุศลกรรมถูกอุปธิวิบัติปดไว ดังนั้น กุศลกรรมท่ี คนชราเคยทาํ ไว แมจะมากเพียงใด เชนเคยใหทาน รกั ษาศลี เปนตน บญุ กศุ ลนน้ั ตอ งหยดุ การใหผ ลไวก อ น ถา ผเู ฒา ใดไมร เู รอ่ื งกฎธรรมชาติ ของกรรม มักจะพูดอยางนอยใจวา ทาํ ไมหนอโรครา ยนจี้ งึ เกดิ กบั เรา ทั้ง ๆ ที่ชาติน้ีเราก็ไดทําบุญทําทานไวมากเปนตน แตถาผูชราใดมี ปญญาเขาใจเร่ืองกรรม เขาก็จะไมนอยใจ ไมไปเพงโทษผูอ่ืน มีจิตท่ี 28
กรรม และ วบิ าก สงบ เหน็ จรงิ ตามพระพทุ ธองคต รสั วา ขนั ธ ๕ เปน ตวั ทกุ ข ถา ใกลต าย คิดเชน น้ี จติ เปนมหากศุ ล สุคตยิ อมมหี วัง สภาพรางกายคนชรา ทําใหเกิดทุกขเวทนาเสมอ โดยเฉพาะ เวลาเจ็บหนัก เวทนาแกกลา จิตมักตกไปในโทสะ เม่ือเวลาใกลตาย ถาจิตเศราหมอง ทุคติยอมมีหวัง ดังน้ัน ในวัยหนุมสาวจึงควรศึกษา พระธรรม เพื่อเปนทพี่ ่ึงในวยั ชรา 29
พนั เอก ธงชยั แสงรตั น บทที่ ๕ กาล เปนปจ จยั แกวิบาก คําวา กาละ ไดแก กาลเวลา หรือกาลสมัย ซึ่งเปนชวงเวลา ท่ียาวนานนับเปนกัปก็มี หรือชวงเวลาสั้น ๆ เปนพันป รอยป หรือ เปน เดอื นเปน วนั กม็ ี ซง่ึ ในชว งเวลาดงั กลา ว โลกมนษุ ยท ส่ี ตั วอ าศยั อยู ยอมมีเหตุการณตาง ๆ ตลอดจนสิ่งแวดลอม หมุนเวียนเปลี่ยนไป เจริญบาง เสื่อมบาง จึงใหคุณบาง ใหโทษบางแกชีวิตสัตวโลกท่ีเกิด ในชวงน้ัน ๆ เชน สมัยที่ผูปกครองประเทศ มีคุณธรรม มีความรู ความสามารถ ทําใหประเทศชาติเจริญ ประชาชนอยูดีกินดี ชวงเวลา นนั้ เปน กาลสมบัติ ถา ผูปกครองไมอยใู นศลี ในธรรม โงเขลา ออ นแอ ไมมีความรูความสามารถ ฉอราษฎรบังหลวง น่ันเปนกาลวิบัติของ ชาวประชา อันกาลสมบัติก็ดี กาลวิบัติก็ดี มาในรูปตาง ๆ เชนมาในรูป เศรษฐกจิ บา ง มาในรปู ฤดกู าลบา ง โรคระบาดบา ง เกดิ สงครามบา ง ฯลฯ กาลสมยั จงึ มที ง้ั เจรญิ และเสอื่ ม สลบั กนั ไป โดยเกดิ เปน ชว ง ๆ สน้ั บา ง ยาวบา ง ในพน้ื ท่ี เลก็ บา งใหญบ า ง นเี้ ปน ธรรมประจาํ โลก กก็ าลสมบตั ิ หรือวิบัตินี้แหละ ไมวา จะมาในรูปใด หรือสถานที่ใด ลวนมีอิทธิพล ตอการใหผลของกรรมแกชนหมูใหญบาง หมูเล็กบางท่ีอยูในถิ่น น้ัน ๆ ดังนั้น ในชวงชีวิตของแตละคนจึงตองผานกาลสมบัติบาง กาลวิบัตบิ าง ในรปู แบบตาง ๆ ในพ้นื ท่ีตาง ๆ ในชวงเวลาตาง ๆ ดงั นี้ 30
กรรม และ วิบาก กาลสมบัติ ในชวงเวลาที่ยาวนานผานมา เชน สมัยพุทธกาลเปนชวงที่ พระศาสนากําลังเจริญ จัดวาเปนกาลสมบัติของคนยุคน้ันที่อยูใน ประเทศนนั้ เพราะเปน สมยั ทพี่ ระพทุ ธองคย งั ทรงพระชนมอ ยูพระองค เปนยอดแหง กัลยาณมติ ร จงึ มีผูบรรลุมรรคผลจาํ นวนมาก นัน่ หมาย ถงึ กาลสมบตั เิ ปน ตวั ไปเปด ประตใู หส ตั วท มี่ อี นิ ทรยี ๕ แกก ลา จาํ นวน มาก เดนิ เขา สปู ระตพู ระนพิ พาน ถา เปน กาลวบิ ตั ิ เชน ยคุ น้ี พระศาสนา กําลังเส่ือม พระสงฆท่ัวไปกําลังสั่งสมเงินทองแขงกันหาลาภหายศ ละเลยการศึกษาพระไตรปฎก ปฏิรูปคําสอน กัลยาณมิตรหายาก จึงทําใหย ุคน้มี ีผบู รรลธุ รรมนอ ย นเ้ี ปน กาลวิบตั ิในเรื่องพระศาสนา ตัวอยางกาลสมบัติของคนกลุมเล็ก ๆ เชน พนักงานในบริษัท เปนตน ในชวงเทศกาล เชน ตรุษสงกรานตหรือตรุษจีน ถาปนั้น กิจการเจริญรุงเรือง ธุรกิจมีกําไร สมาชิกในบริษัทน้ัน ๆ ยอมไดฟง แตเ สยี งดี ๆ ไดโ บนัสงาม หรือไดไปทัศนาจร เปนตน นีเ้ ปน ตวั อยาง ใหเห็นอทิ ธพิ ลของกาลสมบัติ ที่มีผลตอคนกลมุ เล็ก ๆ ถงึ แมจ ะเปน เร่ืองเลก็ นอย แตก เ็ ปน ไปตามกฎแหงกรรมเสมอ กาลวิบตั ิ ตัวอยางกาลวิบัติท่ีเกิดข้ึนเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๒ คือ เมื่อ ๗๙ ป มาแลว เปนสมัยที่ผูมีอํานาจสูงสุดในประเทศเยอรมัน และในญ่ีปุน กอใหเกิดกาลวิบัติรายแรง ทําใหเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซ่ึงจัดวา เปนชวงกาลวิบัติอีกแบบหน่ึง ที่เกิดจากผูปกครองช่ัวทําข้ึน ซ่ึงเปน 31
พนั เอก ธงชยั แสงรตั น กาลวิบัติที่ยาวนานถึง ๔ ป เปนไปในพ้ืนท่ีกวางขวางท่ัวโลก เปน ความวบิ ตั ทิ เ่ี ลวรา ยมาก ผคู นเกอื บ ๖๐ กวา ลา นตอ งลม ตาย บา นเรอื น ทรัพยสินถูกอาวุธสงครามทําลาย อาหารขาดแคลน ผูคนอดอยาก หวิ โหย ตอ งเจบ็ ปว ย เพราะขาดแคลนยารกั ษาโรค ทง้ั นเ้ี พราะกาลวบิ ตั ิ เปน ตัวไปเปด ประตใู หก รรมช่ัว สง ผลรา ยมาใหค นสว นใหญ อกี ตวั อยา งหนึ่งที่เหน็ ไดงาย ๆ จดั วา เปน กาลวิบตั ิในชว งส้ัน ๆ เกดิ ในพนื้ ทเ่ี ลก็ ๆ ของคนกลมุ เลก็ ๆ เชน สมาชกิ ในครอบครวั เปน ตน ในวันที่ครอบครัวกําลังมีปญหา เชน กิจการของพอแมกําลังจะลม ละลาย ทรัพยสินกําลังถูกยึด กําลังถูกตัดน้ําตัดไฟ เปนตน ซ่ึงนับวา เปน กาลวิบัติ ในแบบชวงส้ัน ๆ ของคนกลุมเล็ก ๆ ท่ีกาลวิบัติเปน ปจจัยใหสมาชิกในครอบครัวไดรับอกุศลวิบาก เชน ทําใหสมาชิกได รับฟงแตเสียงวิตกทุกขรอน เสียงทะเลาะวิวาทกัน เกิดวิตกทุกขรอน เพราะตกงาน เปนตน นก้ี เ็ ปน ตวั อยางกาลวิบัตอิ ยางหนึง่ ทีน่ ําอกุศล วิบากมาใหคนกลุมนี้ ทําใหเห็นวา ไมวาจะเปนเรื่องเล็ก ๆ ระดับ ครอบครัว หรือระดับบริษัท หรือเรื่องใหญ ๆ ระดับชาติ ระดับโลก กฎแหงกรรมคงดาํ เนนิ ไปตามกรรมนยิ ามเสมอ อีกตัวอยางหน่ึงของ กาลวิบัติ ที่เกิดขึ้นเม่ือสิบกวาปที่ผานมา นน่ั คอื วิกฤติการเงินยุค I M F ซึ่งเปน กาลวบิ ัตอิ กี แบบหนึ่งทเ่ี กดิ ข้ึน ในหลายประเทศ ทําใหนักธุรกิจเดือดรอน เกิดหน้ีสินลนพนตัว ตอ งลม ละลาย หมดเน้ือหมดตัวไปเพียงช่ัวขา มคนื ประชาชนตกงาน เดอื ดรอ นกนั ทว่ั ไป ทง้ั นเี้ พราะกาลวบิ ตั ไิ ปเปด ประตใู หอ กศุ ลกรรมสง ผลมาใหคนสว นใหญ 32
กรรม และ วบิ าก ตวั อยางดังกลาวขา งตน แสดงใหเ หน็ กาลวิบัติ เปนตัวไปเปด ประตูให อกุศลกรรม สงผลมาให สวนกุศลกรรมที่ทุกคนเคยทําไว ในอดีต ถูกกาลวิบัติหามไว ทุกชีวิตตองพบทั้งกาลสมบัติและ กาลวิบัติ ในเรื่องตาง ๆ เล็กบางใหญบางสลับกันไป สัตวโลกจึงตอง สุขบาง ทุกขบาง น้ีเปนโลกธรรม คือ ธรรมประจําโลกหรือประจํา ชีวิตนั่นเอง น้ีแหละคือภัยของวัฏฏะ ตราบใดที่ยังมีขันธ ๕ ยอมหนี ไมพ น จากภยั น้ี เพราะขันธ ๕ เปน ทีร่ องรับผลของกรรม ขอสังเกต ในชวงกาลสมบัติ คนสวนใหญไดรับกุศลวิบาก เชน รํ่ารวย อยูดีกินดี แตก็มีบางคนกลับไดรับอกุศลวิบาก ตองยากจน ขัดสน ตอ งอดอยาก คาขายขาดทนุ หรอื ตรงกนั ขา ม ในสมยั กาลวบิ ัติ ที่คนท่วั ไปไดรบั อกศุ ลวบิ าก ตองเดอื ดรอน ตอ งเจบ็ ไข ยากจน แตก็ มีบางคนกลับคาขายรํ่ารวยมีความสุข เงินทองไหลมาเทมา เปนตน ที่เปนเชนน้ี เพราะยังมีปจจัยสําคัญอ่ืน ๆ อีกท่ีเขามามีอิทธิพลตอ การใหผลของกรรม นน่ั คอื ปโยคะ ดงั รายละเอียดอยใู นบทตอ ไป 33
พนั เอก ธงชัย แสงรัตน บทท่ี ๖ ปโยคะ เปน ปจจยั แกวิบาก คาํ วา ปโยคะ แปลตรง ๆ ไดแ ก ความเพยี รซงึ่ กไ็ มพ น จากความ หมายของการกระทํา น่นั คือ กายปโยคะเปนการกระทาํ กรรมทางกาย วจปี โยคะ เปน การกระทาํ กรรมทางวาจา กลา วอกี นยั หนงึ่ คอื กายกรรม และวจีกรรม ท่ีกระทําในภพปจจุบัน ถาทําดวยความฉลาด ทําดวย ความแยบคายเหมาะกับปญหา เหมาะกับเวลา ทําแลวแกปญหาได การกระทําน้ี จัดเปนปโยคสมบัติ ตรงกันขาม ถากายกรรม วจีกรรม ไมแ ยบคาย ทาํ ผิดเวลา ทาํ ไมเหมาะไมส มควรแกป ญหา หรอื ทําแลว เกดิ ผลเสียหาย การกระทําน้ีจดั เปนปโยควิบตั ิ กป็ โยคะนแี่ หละเปน ตวั ไปเปด -ปด ประตกู รรมดกี รรมชว่ั ทาํ นอง เดยี วกบั คติ กาล อุปธิ ทีก่ ลา วมาแลว แตป โยคะมีบทบาทสาํ คัญกวา เพราะนอกจาก ปโยคสมบัติเปนธรรมที่นําไปแกไ ขความวิบตั ิตา ง ๆ เชน แกคติวบิ ตั ิ อุปธวิ บิ ตั แิ ละกาลวบิ ัตแิ ลว ยงั แกปโยควิบตั ิไดดวย ปโยคสมบัติ คนท่ีเกิดมายากจน ตระกูลต่ํา แตเปนผูใฝหาความรู มีความ เพียรมีความซื่อสัตย ออนนอมถอมตน ไมเก่ียวของกับอบายมุข มี กายสจุ รติ วจสี ุจรติ ทาํ งานเขา ตาเจานาย เขายอมมีโอกาสไดต ําแหนง งานสงู ๆ หรอื อาจเปน ลกู เขยของนายจา ง ทาํ ใหเ ขาพน จากความตาํ่ ตอ ย พนจากความยากจน ดังตัวอยาง ท่ีเห็นกันอยูในยุคนี้ ทั้งน้ีเพราะ 34
กรรม และ วบิ าก ปโยคสมบัติของเขาไปเปดประตูใหกรรมดี ในอดีตที่เขาทําไวสงผล มาให สวนอกุศลวิบาก เชน ความต่ําตอย ความยากจน เปนตน อนั เปน ผลของอกศุ ลกรรมของเขา ถูกปโยคสมบตั หิ ามไวช่วั คราว ปโยควิบัติ บางคนเกิดในตระกูลสูง เปนเจาคนนายคน เปนลูกเศรษฐี แต ปโยควิบัติ เพราะเปนคนเกียจคราน ไมเลาเรียน คบปาปมิตร เปน นกั การพนนั ทาํ ใหม หี นส้ี นิ ลน พน ตวั และยงั เปน ผมู กี ายทจุ รติ วจที จุ รติ อยูเสมอ ในบ้ันปลายชีวิต จึงตองยากจน หมดเนื้อหมดตัว เชนยุคน้ี ขาวลกู เศรษฐีพนั ลา น ขับรถเกง คนั ละสบิ ลานตองมาจบชวี ิตลงในคกุ ในตะราง หรือตองกลายมาเปนบุคคลลมละลายหรือเปนผูตองหา หนีคดีไปอยูตางประเทศ เปนคนพิการเพราะอุบัติเหตุ น้ีคือ ผล ของปโยควิบัติ เปนตัวไปเปดประตูใหอกุศลกรรมสงวิบากเลว ๆ มาให สว นการเสวยผลบญุ เกา ทท่ี าํ ไวใ นอดตี ทที่ าํ ใหช วี ติ เคยสขุ สบาย มีความเปนอยูอยางลูกเศรษฐี มีรถหรู ๆ ขี่ ก็ตองมาสิ้นสุดลงเพราะ ถกู ปโยควิบัติหา มไว อกี ตัวอยา งหนึ่งของ ปโยควบิ ตั ิ ทเี่ กดิ ข้นึ บอ ย ๆ ไดยนิ เสมอ ๆ ในสมัยน้ี คือ ปญหาการกระทบกระท่ังกันขณะขับรถอยูบนทองถนน ซึ่งเกิดข้ึนบอยมาก เพียงรถเฉ่ียวกัน เกิดความเสียหายเล็กนอย แค ฝาครอบไฟทา ยแตก คดิ คา เสยี หายไมถ งึ ๕๐๐ บาท แตต อ งมาโตเ ถยี ง กัน ทํารายกัน จนเรื่องราวบานปลาย ตองข้ึนโรงขึ้นศาล ตองเสียชื่อ เสียอนาคต ดังขาวอื้อฉาวที่เกิดข้ึนในยุคนี้ คนขับรถเกงกับคนขับรถ เครอื่ งโตเ ถยี ง กลา วหากนั ดว ยผรสุ วาจา ในทสี่ ดุ ฝา ยรถเครอ่ื งบนั ดาล 35
พนั เอก ธงชัย แสงรัตน โทสะใชกอนหินปาไปที่กระจกรถเกง ทําใหกระจกรถแตก คนที่นั่ง อยูในรถไดรับบาดเจ็บ ในที่สุดตางคนตางเดือดรอน ตองข้ึนโรงข้ึน ศาล ช่ือเสียงตองมัวหมอง ตองถูกปลดออกจากงาน ตองเสียเวลา เสียเงินทอง น้ีเปนผลเริ่มมาจากวจีปโยควิบัติและลงทายดวย กายปโยควบิ ัติ อันวบิ ัติท้ังสองนแ้ี ลไปเปด ประตใู หอกศุ ลกรรมสง ผล เลว ๆ มาให หรือกลาวอีกนัยหนึ่ง ปโยควิบัติน้ีแล ไปเปดประตูคุก ประตตู ะรางรอไว อีกตัวอยางหน่ึงของวจีปโยควิบัติ คือ นักกีฬาลูกผสม แมไทย พอ ตา งชาตคิ นหนงึ่ เปน ผมู ฝี ม อื ในกฬี า ชอื่ เสยี งกาํ ลงั โดง เขาตงั้ ใจวา จะเปนคนมีชื่อเสียงในระดับโลก มีครอบครัวแลว มีภรรยามีบุตร ท่ีนารัก ในฐานะท่ีเขามีเช้ือสายคนไทย ชาวไทยจึงภูมิใจในตัวเขาไม นอย แตเม่ือเขาใหสัมภาษณดวยคําพูดท่ีหย่ิงผยอง ไมใหเกียรติ ชาวไทยวา เขาไมใชทั้งคนไทยและตางชาติ คําพูดเพียงเทานี้ใชเวลา ไมถึงเสี้ยวของนาที เขาก็ถูกเกลียดชังจากคนนับลาน น้ีเปนตัวอยาง วจีปโยควิบัติ ท่ีไปเปดประตูอกุศลกรรมทําใหเขาไดรับความ เกลยี ดชังจากคนไทยนับลาน ผลคือความไมเ ปน มงคลไดเ กดิ ข้นึ แลว ในชวี ติ ตัวอยางวจีปโยควิบัติขางตน ไมวาจะเปนผรุสวาจาขณะขับรถ ก็ดี หรือวาจาหย่ิงผยองของนักกิฬาก็ดี เราควรเขาใจใหถูก ดังน้ี วจีทุจริตนั้นเปนท้ังอกุศลกรรมและเปนปโยควิบัติ อกุศลกรรมน้ัน ใหผลเปนอกุศลวิบาก สวน วจีปโยคะเปนปจจัยไปเปดประตูให อกุศลกรรมในอดีตสงผลมาให และยังเปนกรรมใหมท่ีจะตองไปรับ 36
กรรม และ วิบาก ผลในอนาคตดวย ถาสังเกตใหดีจะพบความจริงวา การรับผลของ วจีกรรมก็อยางหน่ึง การรับผลของวจีปโยควิบัติก็อีกอยางหน่ึง ผลท่ีเกดิ จึงหนกั เบาแตกตางกันไป ดงั ตวั อยา งตอ ไปนี้ ในรานอาหาร โตะนาย ก. และนาย ข. อยูใกลกัน นาย ข.เมา สงเสียงดัง นาย ก.ไมพอใจพูดข้ึนมาลอย ๆ วา “หมาเหาเสียงดัง จังเลย” นาย ข.ไดยินเขา จึงไปถามนาย ก.วา “ล้ือวาใครวะ” นาย ก.ตอบไปวา “อ้ัววาหมา” นาย ข.โกรธมากที่นาย ก วาตน เปนหมา จึงชักปน ออกมายิงนาย ก. ตาย จากตัวอยา งเหตุการณด งั กลาวขา งตน การทน่ี าย ก.ตาย ครัง้ น้ี เกิดจาก วจีปโยควิบัติเปนตัวไปเปดประตูใหปาณาติบาตกรรมของ นาย ก.ที่เขาเคยทําไวในอดีตสงผลหนักมาให ทําใหเขาตองมาถูก ยิงตาย สวนผรุสวาจาของเขาน้ัน นอกจากทําหนาท่ีเปนปจจัยให กรรมเกาใหผลแลว ยังเปนกรรมใหมที่จะตองไปรับผลในชาติตอไป ดวย ดังน้ัน เราจึงควรจับคูตัวเหตุกับตัวผลใหตรงกัน มิฉะน้ัน จะ เขาใจผิดไปวา คนทํากรรมเล็กนอยแตตองไดรับโทษหนัก หรือคน ทํากรรมหนัก แตไดรับโทษเบาเปนตน ถาเขาใจ กรรม-วิบากได ถูกตอ ง ก็จะไมส งสัยในกรรมและผลของกรรมทแี่ ตล ะคนไดร ับเลย อน่ึง ผลของกรรมที่เกิดจากผรุสวาจานั้นอยาคิดวาเปนกรรม เลก็ นอ ย ถา ไปทาํ กบั บคุ คลทม่ี อี าํ นาจหรอื ผมู อี าวธุ อยใู นมอื อาจไดร บั ผลรายแรงถงึ ชวี ิตกไ็ ด หรือถาไปทาํ กับผูมคี ุณธรรมสงู ๆ เชน ทาํ กบั พระอรยิ บคุ คล เปนตน ผนู น้ั อาจเปน ไปตามคาํ ทพ่ี ดู เชน ในอดีตชาติ พระอัมพปาลีเถรีเคยทําอกุศลกรรมไว โดยไปวาภิกษุณีรูปหนึ่งวา 37
พันเอก ธงชัย แสงรตั น เปนหญิงแพศยา มาถึงชาติสุดทาย กอนออกบวชพระอัมพรปาลีเถรี ยงั ตอ งมอี าชีพเปนหญิงแพศยา เปนตน ผลของวจีทุจริต ยังทําใหเปนโรคเกี่ยวกับปาก เชน ปากพิการ โรคเหงือก โรคฟน เปนตน ดังตัวอยางในพระคัมภีร ที่ผูทําบาปทาง วาจาเพยี งไปตงิ ผกู าํ ลงั สรา งพระธาตเุ จดยี ว า สรา งสงู เกนิ ไป ผลทาํ ให ผูน้ันเกิดมามีรางกายเตี้ย เปนตน ดังนั้น ผูใดตองทรมาน เจ็บปวด เพราะถูกกรอฟนก็ดี ถูกถอนฟนก็ดี ก็ใหรูเถิดวา เราเคยทําวจีทุจริต มาแลว ในอดีต ถาผูใดไมเขาใจกฎแหงกรรม อันเปนกฎธรรมชาติ เมื่อไปพบ กับเหตุการณตาง ๆ ในปจจุบัน เขาก็จะตั้งตนเปนผูพิพากษาไปเพิ่ม โทษใหผ ทู าํ ผดิ บอ ย ๆ เชน กลา ววา โทษหนกั อยา งนี้ ตดิ คกุ ตลอดชวี ติ นอ ยไปตอ งเอาไปประหาร เปน ตน การกลา วเชน นี้ เปน อกศุ ลวจกี รรม ซ่ึงนํามาซ่ึงอกุศลวิบากท่ีทํารายตัวเอง ชาวพุทธท่ัวไปไมสนใจหลัก คาํ สอนเรือ่ งกรรม มักทาํ ผดิ เชน น้ี ขอ สงั เกต การทาํ กรรมในปจ จบุ นั ทางวาจากด็ ี และทางกายกด็ ี มชี อื่ วา วจปี โยคะและกายปโยคะ ซงึ่ มที ง้ั ปโยคสมบตั แิ ละปโยควบิ ตั มิ ี อิทธพิ ลตอชวี ติ มาก ผลของปโยคะใหผลสองทาง ดงั นี้ ๑. เปนตัวปจจัย ใหกรรมดีและกรรมช่ัวในอดีตสงผลมาใหใน ปจ จบุ นั หรือเปน ตวั ไปเปดประตกู รรมนนั่ เอง ๒. เปนตัวกรรมใหม ที่จะตองไปรับผลในอนาคต ในชาติหนา ตอ ไป 38
กรรม และ วบิ าก ปจ จยั ทไี่ ปเปด ประตกู รรมดงั กลา ว มอี ทิ ธพิ ลตอ ชวี ติ ในปจ จบุ นั คือ ดวยกรรมเลก็ ๆ นอ ย ๆ เชน วจปี โยควบิ ัติ คอื ทําทุจรติ ทางวาจา เพียง ๒ - ๓ คํา แตสามารถเรียกกรรมใหญ ๆ ในอดีตสงผลมาให ดงั ตวั อยา งในยคุ นด้ี ารานกั แสดงบางคน นกั กฬี าบางคน นกั การเมอื ง บางคน ชอื่ เสยี งกาํ ลงั โดง ดงั เงนิ ทองไหลมาเทมา อนาคตกาํ ลงั รงุ เรอื ง สดใส ดว ยวจที จุ รติ เปน คาํ พดู ทไี่ มถ กู ตอ ง ไมเ หมาะสม กบั กาละเทศะ เพียง ๒ - ๓ ประโยคเทานั้น ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็กลายมาเปน เสอ่ื มลาภ เสอื่ มยศ ถกู นนิ ทา เกดิ ความทกุ ขร อ น อนาคตทกี่ าํ ลงั รงุ โรจน สดใสกม็ าพังลงในชว่ั พรบิ ตาดังตัวอยางทีเ่ ห็นกนั อยใู นยคุ ปจจุบัน 39
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114