Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสืองานถวายผ้ากฐินพระราชทาน ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

หนังสืองานถวายผ้ากฐินพระราชทาน ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

Description: หนังสืองานถวายผ้ากฐินพระราชทาน ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

Search

Read the Text Version

ประวัติ วัดระฆังโฆสติ ารามวรมหาวหิ าร พระราชประวตั พิ ระบาทสมเด็จพระนงั่ เกลŒาเจาŒ อย‹ูหัว พระมหาเจษฎาราชเจŒา รัชกาลท่ี ๓ และสาระความรูตŒ า‹ ง ๆ จัดพมิ พเ์ ป็นท่ีระลึกเนื่องในโอกาส พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชริ เกลา้ เจา้ อยูห่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมพระราชทานผา้ พระกฐนิ ให้ มลู นิธิเฉลิมพระเกยี รติพระบาทสมเด็จพระนง่ั เกล้าเจา้ อยหู่ ัว ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพน่ี างเธอ เจ้าฟ้ากลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร์ โดยมี พลเอกจรลั กุลละวณชิ ย์ ประธานมลู นธิ ฯิ น้อมนําไปทอดถวาย ณ วัดระฆงั โฆสิตารามวรมหาวหิ าร ถนนอรณุ อมั รินทร์ แขวงศิรริ าช เขตบางกอกนอ้ ย กรงุ เทพมหานคร วนั เสารท์ ่ี ๓๐ ตลุ าคม พทุ ธศักราช ๒๕๖๔

มูลนิธิเฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกลา้ เจ้าอย่หู วั ในพระอุปถัมภ์สมเดจ็ พระเจา้ พนี่ างเธอ เจ้าฟ้ากลั ยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครนิ ทร์ จัดพิมพเ์ ป็นทรี่ ะลกึ เน่ืองในโอกาสงานกฐนิ พระราชทาน ทอดถวาย ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวหิ าร วนั เสาร์ที่ ๓๐ ตลุ าคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔ จดั พมิ พเ์ ผยแพร่ พุทธศักราช ๒๕๖๔ จ�ำนวน ๒,๐๐๐ เลม่ ข้อมลู ทางบรรณานุกรมของหอสมดุ แหง่ ชาติ มูลนธิ เิ ฉลิมพระเกียรตพิ ระบาทสมเด็จพระนั่งเกลา้ เจา้ อยู่หวั ในพระอปุ ถัมภ์ฯ ประวัติวดั ระฆงั โฆสติ ารามวรมหาวิหาร และพระราชประวตั พิ ระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกล้าเจ้าอย่หู ัว พระมหาเจษฎาราชเจา้ กรงุ เทพฯ : มลู นธิ ฯิ , ๒๕๖๔. ๑๖๒ หนา้ ๑. วดั ระฆงั โฆสติ ารามวรมหาวหิ าร ๒. พระบาทสมเดจ็ พระนัง่ เกลา้ เจา้ อยู่หัว, I กุลกุมทุ สิงหรา ณ อยธุ ยา ผเู้ รียบเรยี ง II ชอ่ื เรอื่ ง ISBN 978-616-93646-1-0 ทปี่ รึกษา พลเอกจรลั กลุ ละวณชิ ย์ คณะบรรณาธกิ าร นายกลุ กุมทุ สงิ หรา ณ อยุธยา นางสายไหม จบกลศึก นางวรัญญา ขาวเหลอื ง นางสาวรุจริ ัตน์ ลขิ ติ วงษ์ พมิ พท์ ่ี สาละพิมพการ ๙/๖๔๖ อ.สามพราน จ.นครปฐม โทร. ๐๒-๔๒๙๒๔๕๒, ๐๙๒-๒๕๔๔๑๑๖ แฟกซ์ ๐๒-๔๒๙๒๔๕๒

พระพทุ ธมหามณีรตั นปฏิมากร (พระแกว มรกต) พระพุทธรูปปฏิมาฉลองพระองคพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา จฬุ าโลก และพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา นภาลยั ในพระอโุ บสถวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม (จากหนงั สอื จติ รกรรมพทุ ธประวตั )ิ

สารจากประธาน พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าลงกรณ พระวชริ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ผทู้ รงพระคณุ อนั ประเสรฐิ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมพระราชทานผ้าพระกฐินให้มูลนิธิเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้า พน่ี างเธอ เจา้ ฟา้ กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครินทร์ ตามที่ มูลนิธฯิ ขอพระราชทานไป นับเปน็ พระมหากรณุ าเป็นล้นพน้ ในการน้ี ประธานมูลนิธิฯ จะนําไปทอดถวายพระภิกษุสงฆ์ จําพรรษากาล ถว้ นไตรมาส ณ วดั ระฆงั โฆสติ ารามวรมหาวหิ าร ในวนั เสารท์ ี่ ๓๐ ตลุ าคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔ มูลนิธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มวี ตั ถปุ ระสงคป์ ระการหนงึ่ ทจี่ ะชว่ ยทาํ นบุ าํ รงุ ศาสนสถานและพระอาราม ท่ีพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า ทรง สร้างและบูรณปฏิสังขรณ์ไว้ รวมท้ังวัดวาอารามที่สมาชิกแห่งราชสกุล ท่ีเก่ียวเนื่องกับพระองค์ท่าน ตลอดทั้งข้าราชการสร้างและร่วมบูรณะ ถวาย เพ่ือเป็นมรดกตกทอดที่เชิดชูเกียรติภูมิประเทศชาติ และเพื่อ เผยแพร่พระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหา เจษฎาราชเจ้าใหแ้ ผไ่ พศาล ในการนี้ มลู นธิ ิฯ ไดจ้ ดั พิมพ์หนังสอื ท่ีระลึก เร่ืองประวัติวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร พระราชประวัติพระบาท สมเด็จพระนง่ั เกลา้ เจา้ อยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า และยังมีบทความ ใหม่ ๆ ที่นา่ สนใจมาก ตลอดจนบทความทีเ่ ป็นอมตะและเป็นประโยชน์ ต่อส่วนรวม ดงั ทีป่ รากฏ มลู นธิ ฯิ หวงั วา่ หนงั สอื นจ้ี ะเปน็ ประโยชนแ์ กก่ ารศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ เกย่ี วกบั พระปรชี าสามารถและพระมหากรณุ าธคิ ณุ ของพระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า ในการบริหารปกครอง

ประเทศ วางรากฐานการป้องกันประเทศให้ม่ันคง ทํานุบํารุงพระบวร พุทธศาสนา สร้างสรรค์มรดกทางวัฒนธรรมและความมั่นคงทาง เศรษฐกิจสืบต่อมาถึงปจจุบัน ด้วยพระราชปณิธานแห่งพระองค์เป็น แรงบันดาลใจและพลวปจจัยอันกล้าแกร่ง ถ่ายทอดสู่ชนชั้นลูกหลาน ตลอดจนประชาชนและพลเมือง ได้ร่วมแสดงกตเวทิตาสนองพระ มหากรุณาธิคุณ ให้เกิดประโยชน์แก่พระอารามในพระพุทธศาสนา อย่างม่นั คงย่ังยืนสบื ไป มูลนิธิฯ รู้สึกสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ นับเป็นเกียรติอย่างสูงยิ่ง ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า โปรดกระหมอ่ มพระราชทานผ้าพระกฐนิ ในคร้ังน้ี พลเอก (จรลั กลุ ละวณิชย์) ประธานมูลนธิ เิ ฉลมิ พระเกียรติ พระบาทสมเดจ็ พระนัง่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ฯ

พิธถี วายผาŒ พระกฐินพระราชทาน ของมูลนิธเิ ฉลมิ พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนงั่ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัวฯ ณ วัดระฆังโฆสติ ารามวรมหาวิหาร ถนนอรณุ อมรนิ ทร์ แขวงศิรริ าช เขตบางกอกนอ้ ย กรงุ เทพมหานคร วนั เสาร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๔.๐๐ น. พลเอก จรลั กุลละวณิชย์ ประธานมูลนธิ ฯิ เป็นประธานพิธีทอดผา้ พระกฐนิ วันเสาร์ท่ี ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๓.๐๐ น. ผู้มีจติ ศรทั ธาพร้อมเพรยี งกันบรเิ วณพิธี ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เวลา ๑๔.๐๐ น. ประธานในพธิ ฯี เดนิ ทางถงึ วดั ระฆงั โฆสติ ารามวรมหาวหิ าร (ดรุ ิยางค์บรรเลงเพลงมหาฤกษ)์ • ประธานฯ ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชริ ลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยหู่ ัว • ประธานฯ ยกผ้าพระกฐินพระราชทาน จากพานอุ้ม ประคองไว้ตรงอกยืนตรงแสดงความเคารพ (ดุริยางค์ บรรเลงเพลงสรรเสรญิ พระบารมี) • ประธานฯ อัญเชญิ ผ้าพระกฐนิ พระราชทาน เข้าสูพ่ ธิ ี • จุดธูปเทยี น บูชาพระประธาน (พระรตั นตรัย) กราบ ๓ คร้ัง • กลา่ วคาํ ถวายผา้ พระกฐนิ พระราชทาน • พระสงฆก์ ระทาํ พิธอี ุปโลกนกรรม (กฐนิ กรรม) • ประธานฯ ถวายเครอ่ื งบรวิ ารพระกฐินพระราชทาน • ประเคนเครือ่ งไทยธรรม ถวายพระคสู่ วด ทง้ั ๒ รูป • ผูร้ ว่ มพธิ ีถวายจตุปจ จัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ • ประธานฯ ถวายใบปวารณาจตุปจ จยั แด่ประธานสงฆ์ • พระสงฆอ์ นุโมทนา • ประธานฯ กรวดนาํ้ รบั พร (ดรุ ยิ างคบ์ รรเลงเพลงสาธกุ าร) • กราบลาพระรัตนตรัย กราบลาพระสงฆ์ เป็นเสร็จพิธี

สารบัญ ๑. พระราชประวัตพิ ระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกล้าเจ้าอยหู่ วั ๑๗ ๒. ประวตั ิวัดระฆังโฆสิตาราม ๔๒ ๓. ประวตั อิ ดตี เจ้าอาวาส วัดระฆงั โฆสิตาราม ๗๓ ๔. พระบาทสมเด็จพระน่งั เกลา้ เจา้ อยู่หัว ๗๗ ผพู้ ระราชทานนาม “วัดบวรนเิ วศวิหาร” ๕. พระบาทสมเด็จพระนงั่ เกลา้ เจ้าอยู่หัว ๘๗ พระมหาเจษฎาราชเจ้า ทรงมงุ่ ม่นั สพู่ ระโพธิญาณ ๖. มรดกทีพ่ ระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกล้าเจ้าอยหู่ วั ๑๐๒ พระราชทานใหก้ บั แผ่นดนิ (โดยสงั เขป) ๗. คณุ ธรรมผนู้ ํา ๑๑๓ ๘. ธรรมสําหรับขา้ ราชการ ๑๒๙ ๙. การเสดจ็ เยอื นประเทศไทย ๑๓๖ ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (Pope Francis) ระหวา่ งวันที่ ๒๐-๒๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒ ๑๐. ประวัติการทอดกฐนิ พระราชทานของมลู นิธฯิ ๑๕๘ ๑๑. วตั ถุประสงค์ของมูลนธิ ิฯ ๑๕๙

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกลาŒ เจาŒ อยู‹หัว รชั กาลที่ ๑๐ สมเดจ็ พระนางเจาŒ สุทิดา พัชรสุธาพมิ ลลักษณ พระบรมราชนิ ี



พระบาทสมเด็จพระน่งั เกลาŒ ฯ ราชสดดุ ี สรวมชพี อาศริ พจน นอ มประณตพระภมู นิ ทร กรมหมืน่ เจษฎาบดินทร พระน่ังเกลาฯ เจาสยาม กลแกว เกิดประเสริฐงาม รัชกาลท่ีสามเทดิ ยงั สถิตจติ ประชา ราชวงศจักรีนาม สรางอาวาสราษฎรศ รทั ธา งามอารามประจําองค ทรงทะนพุ ทุ ธศาสน โสมนัสราชประสงค ดังวัดราชโอรสา บรู ณะปฏิสงั ขรณ แหลงพูนผลพิชาธร ทรงโปรดผสู รา งวดั ปฐมมหาวิทยาลยั ไทย วัดเกา ยงั ดาํ รง ไดเ งนิ ตรา ‘เจา สัวใหญ’ ภายหลงั ใชก ูบานเมือง อีกวดั พระเชตพุ นฯ ศรีวไิ ลไทยรุงเรอื ง ศิลาจารึกขจร แพทยแ ผนใหมห มายรกั ษา แทนพิมพต ้ังพมิ พส ารา ทรงสง สําเภาคา การศึกษากาวดาํ รง ‘ถุงแดง’ เงนิ ออมไว ลาวเวยี งจนั ทนเ จา อนวุ งศ ชาวโคราชกวาดตอนไป สยามทนั สมยั รวมราษฎรโ ตจนมชี ัย มชิ ชนั นารีเฟอ ง พระราชทานนามสดุดี ยิง่ ยรรยงปราบไพรี สมุดไทยเปล่ียนสมุดฝร่ัง อีกพมา ปลาตไป วรรณกรรมเผยแพรพา ศกึ ญวณพมา หมดสมัย อยา ใหตอ งถึงเสยี ที รัชสมัยพระองคน น้ั ชาวไทยเฝามงุ ภกั ดี คดิ คดกบฏทะนง ราษฎรสขุ ศรไี มมภี ยั พระลบั ลาประชาไทย สตรีเกงคณุ หญงิ โม ฟามืดมนอนธการ ‘ทา วสุรนาร’ี ไซร สดุ รําพันจารึกขาน พระนั่งเกลา ฯ ของชาวไทย ทัพไทยสมัยพระองค เขมรญวนมลายนู ี้ พระองคต รสั ไววา แตฝ รัง่ ระวงั ไว แผนดนิ พระน่ังเกลาฯ สยามรมเยน็ ทวี หกสบิ สพี่ ระพรรษา เฉกสูรยน ิราลยั พระเดชพระคณุ น้นั สดดุ ีเทิดภูบาล ดว ยเกลา ดวยกระหมอม ขอเดชะ ขา พระพุทธเจา รศ.ประพนธ เรืองณรงค : ผปู ระพนั ธ

พระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกลŒาเจาŒ อย‹ูหัว พระมหาเจษฎาราชเจŒา พ.ศ. ๒๓๓๐-พ.ศ. ๒๓๙๔

สมเดจ็ พระเจาŒ พน่ี างเธอ เจŒาฟ‡ากัลยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร องคอุปถัมภ มูลนิธิเฉลิมพระเกียรตพิ ระบาทสมเดจ็ พระนัง่ เกลาŒ เจาŒ อย‹หู วั

พ.ศ. ๒๔๖๖-พ.ศ. ๒๕๕๑



พระบาทสมเด็จพระน่ังเกลŒาเจŒาอย‹ูหวั พระมหาเจษฎาราชเจาŒ รชั กาลท่ี ๓ พระบิดาแหง‹ การคŒาไทย พระบดิ าแห‹งการแพทยแ ผนไทย พระมหากษัตรยิ ผ รŒู ิเริ่มการออม ซง่ึ เปนš ตนŒ แบบการคลังของชาติ เอกอคั รราชทูตกุลกมุ ทุ สิงหรา ณ อยธุ ยา



พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกล้าเจา้ อยูห่ ัว พระบาทสมเด็จพระนงั่ เกล้าเจ้าอยู่หวั มีพระนามเดมิ ว่า “พระองค์เจ้าชายทับ” ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และ เจ้าจอมมารดาเรียม (ต่อมาทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศ เป็นสมเด็จพระศรีสลุ าลยั ) เสด็จพระราชสมภพเม่อื วันจนั ทร์ ที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๓๐ ตรงกับรัชสมัยของพระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (พระอัยกา) ทรงเป็นหลานปู่พระองค์ใหญ่และเป็นท่ีโปรดปรานของ พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าฯ อย่างมาก เนอื่ งจากทรง มีพระลกั ษณะละมา้ ยคล้ายกบั ล้นเกลา้ รัชกาลท่ี ๑ ทงั้ ทว่ งที ท่าทาง และพระวรกาย จนเปน็ ท่ีกลา่ วขวัญเล่ืองลือไปทั่ว มีเรื่องราวบันทึกไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธ ยอดฟ้าฯ ทรงให้ความส�าคัญกับหลานปู่พระองค์ใหญ่ อย่างมาก โปรดเกล้าฯให้ประกอบพิธีโสกันต์ (โกนจุก) ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และเม่ือพระเจ้าหลานเธอ

มลู นธิ เิ ฉลมิ พระเกยี รติพระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยูห่ ัวฯ พระองค์เจ้าชายทับ มีพระชันษาครบอุปสมบท ก็ทรงให้ประกอบพิธีบรรพชาและ อุปสมบทเฉพาะพระพักตร์ที่วัดพระศรรี ตั นศาสดารามในปี พ.ศ. ๒๓๕๐ แม้ขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ จะทรงมีพระชนมายุถึง ๗๑ พรรษาแล้ว แต่ก็ ทรงพระวิริยะอุตสาหะเสด็จฯ ออกในพิธีบรรพชาและอุปสมบทของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าชายทับ ต้ังแต่ต้นพิธี จนเสร็จพิธี และโปรดฯ ให้เสด็จไปประทับ จา� พรรษาอยู่ ณ วดั ราชสทิ ธาราม (วัดพลับ) บางกอกใหญ่ ธนบรุ ี ในปี พ.ศ. ๒๓๕๒ เม่อื พระราชบิดา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลยั เสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์เจ้าชายทับ จึงได้เลื่อนฐานันดรศักด์ิจาก พระเจ้า หลานเธอ เปน็ พระเจา้ ลกู ยาเธอตามขตั ตยิ ราชประเพณี และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๕๖ พระเจ้าลูกยาเธอทับ ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าต่างกรม ทรงพระนามว่า พระเจ้า ลูกยาเธอกรมหม่ืนเจษฎาบดินทร์ เจษฎา มีความหมายว่า ผู้เป็นใหญ่ที่สุด บดินทร์ มีความหมายว่า พระเจ้าแผ่นดิน จึงมีนัยให้คิดว่าสมเด็จพระราชบิดาทรง ต้ังพระราชหฤทัยจะให้พระราชโอรสองค์ใหญ่นี้เป็น “พระเจ้าแผ่นดินผู้ยิ่งใหญ่” หรอื “พระราชทานนามใหเ้ ปน็ ศริ ิมงคล” กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงพระปรีชาสามารถและฉลาดปราดเปร่ืองใน ศาสตร์หลายแขนงทั้งในด้านอักษรศาสตร์ พุทธศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์และพาณิชยศาสตร์ จึงเป็นเหตุให้ ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระราชบิดาและโปรดเกล้าฯ ให้ทรงงานราชการ แผ่นดินเคียงคู่กับพระราชบิดามาโดยตลอด ทรงให้ก�ากับดูแลงานกรมท่า กรม พระคลังมหาสมบัติ กรมพระต�ารวจว่าความฎีกา ซึ่งเป็นส่วนราชการที่มีความ ส�าคัญอย่างยิ่งในสมัยนั้น นอกจากนี้ ยังโปรดเกล้าฯ ให้รับราชการต่างพระเนตร พระกรรณอีกดว้ ย ในขณะนั้น เป็นช่วงต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ ยังมีศึกสงครามกับประเทศ เพ่ือนบ้านและอยู่ระหว่างการก่อร่างสร้างบ้านแปงเมืองต่อเนื่องเรื่อยมาต้ังแต่ สมยั รชั กาลที่ ๑ กอปรกับสถานการณท์ างเศรษฐกจิ ของประเทศยังไม่มนั่ คง จึงเกิด 1๘

พระราชประวตั พิ ระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกลา้ เจา้ อยู่หวั ความคิดในเรื่องของการค้าขายกับต่างประเทศเพ่ือเพ่ิมพูนรายได้เข้าประเทศอย่าง จรงิ จงั กรมหมนื่ เจษฎาบดนิ ทรฯ์ ทรงไดร้ บั พระมหากรณุ าใหแ้ ตง่ สำ� เภาหลวง รวมทง้ั ส�ำเภาของพระองค์เอง และทรงชักชวนเจ้านายกับขุนนางต่าง ๆ ร่วมค้าส�ำเภา ออกไปค้าขายกับจีน ทรงรับราชการสนองพระเดชพระคุณอย่างเต็มความสามารถ และด้วยพระวิริยะอุตสาหะแรงกล้า ด้วยความรักและปรารถนาดีต่อประเทศชาติ ตลอดจนด้วยพระเมตตากรุณาต่อปวงชนข้าแผ่นดิน ในยามที่เงินของแผ่นดิน ขาดแคลน กรมหม่ืนเจษฎาบดินทร์ฯ ก็ได้น�ำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ท่ีได้จาก การค้าส�ำเภาในส่วนของพระองค์เองข้ึนน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระราชบิดา เพื่อ ใช้ประโยชน์ในราชการ บรรเทาความเดอื ดร้อนของบ้านเมืองไปได้ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงกล่าวชื่นชมถึงพระราชโอรส องค์ใหญ่ของพระองค์มาโดยตลอด จนข้าราชบริพารและพระประยูรญาติ ทรง ทราบถึงค�ำชมเชย ขณะก�ำกับราชการกรมท่า กรมหม่ืนเจษฎาบดินทร์ได้ท�ำให้ ประเทศไทยมีรายได้เพ่ิมขึ้นในท้องพระคลังอย่างท่ีไม่เคยปรากฏมาก่อน กรมหมื่น เจษฎาบดินทร์ทรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ดีกว่าใครในเวลาน้ัน ด้วย เหตผุ ลดังกล่าวสมเด็จพระราชบิดาจงึ ตรัสเรยี กพระราชโอรสองคน์ วี้ า่ “เจ้าสวั ” 19

มลู นิธเิ ฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกลา้ เจ้าอยหู่ วั ฯ เจ้าสัว ทรงประหยัดและระมัดระวังในการใช้จ่ายอย่างย่ิง ไม่โปรดการ จับจ่ายใช้สอยอย่างฟุ่มเฟอยเพ่ือพระองค์เอง หรือแม้แต่พระราชโอรสพระราชธิดา ของพระองค์ แต่ส�าหรับประชาชนผู้ขัดสน พระองค์จะให้ความส�าคัญอย่างมากและ ได้ทรงต้ังโรงทาน๑ เพ่ือช่วยเหลือเล้ียงดูผู้ยากไร้ท่ีหน้าวังท่าพระซ่ึงเป็นที่ประทับ ของพระองค์ในขณะน้ัน นับเป็นที่ซาบซ้ึงในพระมหากรุณาธิคุณท่ีพระองค์ได้ทรง เสียสละเพื่อประเทศชาติและพสกนิกรของพระองค์ อันควรค่าแก่การเคารพบูชา อย่างที่สดุ พระองค์ได้แบง่ แยกพระราชทรพั ยข์ องหลวงและของพระองค์ออกจาก กันอยา่ งเด็ดขาด ทรงเกบ็ หอมรอมริบพระราชทรพั ย์สว่ นพระองค์จากการคา้ สา� เภา ทีละเล็กทีละน้อยใส่ถุงแดง (เงินถุงแดง) เก็บรักษาไว้ที่ข้างพระแท่นท่ีบรรทม (เงินข้างที่) ต่อมามีจ�านวนมากข้ึนก็ทรงเก็บไว้ในห้องข้าง ๆ ท่ีบรรทม (คลังข้างท่ี) เพ่ือไว้ใช้ประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน ตอบแทนคุณงามความดีข้าราชการ และเกบ็ ไวใ้ ชใ้ นยามท่ีประเทศชาติเกิดความจา� เปน็ เงินเหรียญนกเม็กซิกนั “เงินถงุ แดง” ซ่ึงรชั กาลที่ ๓ ตรัสวา่ “ใหเ้ กบ็ ไว้ไถบ่ า้ นไถเ่ มอื ง” ๑ การตั้งโรงทาน กรมหมื่นเจษฎาบดนิ ทร์ ทรงตั้งโรงทานขึ้นเป็นคร้ังแรก เมอ่ื ความทราบถึงพระบาท สมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหล้านภาลยั ทรงด�าริเห็นชอบด้วย รบั สง่ั วา่ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เปน็ เจ้านาย ทรงกรม ยังอุตส่าห์ท�าทาน ควรจะมีของหลวงบ้าง ต่อมาพระราชบิดาจึงโปรดให้ต้ังโรงทานขึ้นที่ ขา้ งประตูศรีสนุ ทร 2๐

พระราชประวัตพิ ระบาทสมเด็จพระนง่ั เกลา้ เจ้าอยหู่ วั ในปี พ.ศ. ๒๓๖๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต และมิได้มอบหมายให้ผู้ใดเป็นผู้สืบราชสันตติวงศ์ กอปรกับกฎมณเฑียรบาลครั้ง กรุงศรีอยุธยาซึ่งได้มีการปรับปรุงแก้ไขในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ได้ระบุไว้เพียงกว้าง ๆ ว่า “ราชกุมารท่ีเกิดด้วยพระอัครมเหสี เป็นสมเด็จหน่อพุทธเจ้า”อย่างไรก็ดี ในสมัยรัชกาลท่ี ๒ แม้จะทรงมีพระชายาเป็นเจ้าฟ้าฯ๑ แต่ก็มิได้ทรงแต่งต้ังให้ใคร เป็นอัครมเหสี หรือ มเหสี ตำ� แหน่งใดต�ำแหน่งหน่ึงอย่างเปน็ ทางการ ท่ปี ระชุมของ เสนาบดีและพระบรมวงศานุวงศ์ จึงมีความเห็นเป็นอเนกมหาชนนิกรสโมสรสมมุต (ผู้ท่ีพสกนิกรชื่นชมยินดีอัญเชิญข้ึนเป็นพระมหากษัตริย์) ว่า พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมืน่ เจษฎาบดินทรเ์ หมาะสมที่สุดทจี่ ะช่วยรักษาประเทศให้อยรู่ อดปลอดภัย จงึ สมควรอย่างยิ่งท่ีจะขึ้นครองสิริราชสมบัติรักษาแผ่นดินสืบพระบรมราชตระกูลใน พระราชฐานะพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวรชั กาลที่ ๓ แหง่ กรงุ รัตนโกสินทร์ แม้กระน้ันก็ตาม กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระเชษฐาองค์ใหญ่ผู้ซ่ึงมีความรู้ แม่นย�ำเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โบราณราชประเพณีอย่างดี ได้ทรงแสดงความ เสียสละอย่างที่สุด ทรงคิดถึงพระอนุชาต่างพระมารดาของพระองค์คือเจ้าฟ้าใหญ่ (เจ้าฟ้ามงกุฎ) ซ่ึงขณะน้ันทรงผนวชเป็นพระภิกษุ ก็ควรจะมีสิทธ์ิท่ีจะขึ้นเสวยราชย์ ไดเ้ ชน่ กนั กรมหม่ืนเจษฎาบดนิ ทร์ จึงทรงแสดงน�ำ้ พระทยั ใหส้ อบถามความสมคั รใจ ของพระอนุชาด้วย อยา่ งไรกต็ าม สมเด็จพระศรสี รุ ิเยนทรามาตย์ (เจา้ ฟา้ บุญรอด) พระราชมารดา ของเจ้าฟ้ามงกุฎ ซึ่งเห็นแก่ชาติบ้านเมืองมากกว่าพระราชโอรส ได้น�ำพระแสงดาบ อาญาสิทธิ์ไปมอบให้แก่กรมหม่ืนเจษฎาบดินทร์ พร้อมกับตรัสว่า “พระเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตแล้ว น้องยังเล็กนัก ปกครองบ้านเมืองไม่ได้ เจ้าจงรับราชการ ๑ - คอื เจ้าฟา้ บญุ รอด เปน็ พระธิดาของ “คุณแก้ว” ซ่งึ เป็นพระเชษฐภคนิ ี องคร์ อง (องคท์ ี่ ๒) ของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ต่อมาคุณแก้วได้รับสถาปนาเป็น พระเจ้าพี่นางเธอ กรมสมเด็จพระศรีสดุ ารักษ์ - เจ้าฟ้าบุญรอด เป็นพระราชมารดาของล้นเกล้ารัชกาลท่ี ๔ และสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ตอ่ มาเจา้ ฟา้ บญุ รอดได้รบั การสถาปนาเปน็ สมเด็จพระศรีสรุ เิ ยนทรามาตย์ 21

มูลนธิ เิ ฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้าเจา้ อย่หู วั ฯ ปกครองไพร่ฟ้าข้าแผ่นดนิ ให้เป็นสุขเถดิ ” ในขณะน้นั เจา้ ฟ้ามงกุฎ เจา้ ฟา้ พระองค์ ใหญ่ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ยังทรงผนวชและยังทรง พระเยาว์ (๒๐ พรรษา) ไม่มปี ระสบการณ์บรหิ ารราชการแผน่ ดิน ไมส่ ามารถปกครอง บ้านเมืองในขณะท่ียังมีศึกสงครามได้ ราชสมบัติจึงควรแก่กรมหม่ืนเจษฎาบดินทร์ ซ่ึงเพียบพร้อมด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิอันจะเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง หลังจากนั้น สมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กรมหมนื่ เจษฎาบดินทร์ เสด็จออกไปประทบั ณ พระราชวงั เดมิ กับเจ้าฟา้ จฑุ ามณี พระราชโอรสองคเ์ ลก็ และทรงใชช้ ีวิตบนั้ ปลายพระชนม์ชพี อย่างสงบดว้ ยการเขา้ หา พระพทุ ธศาสนา นับเป็นเร่ืองที่น่ายินดีปรีดากันถ้วนหน้า ทุกฝ่ายล้วนมีความเห็นสอดคล้อง เป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน เห็นชอบร่วมกันกับข้อแนะน�าของเหล่าเสนาบดี พระบรม วงศานุวงศ์ ขุนนาง และพระราชาคณะว่า ผู้ท่ีเหมาะสมท่ีสุดและมีพระปรีชา สามารถทจ่ี ะปกปอ้ งประเทศใหร้ อดพน้ จากภยั อนั ตรายทงั้ ปวงไดค้ อื พระเจา้ ลกู ยาเธอ กรมหม่ืนเจษฎาบดินทร์ พระราชโอรสองค์ใหญ่ ซ่ึงมีความสามารถเป็นท่ีประจักษ์ อย่างแท้จริงและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เป็นที่เคารพย�าเกรงของชาวต่างชาติ๑ ทรงมีประสบการณ์รอบดา้ นในกิจการบา้ นเมือง ทรงเปน็ นักรบ นกั ปกครอง นักบรหิ าร ทรงรอบรู้ในเร่ืองกฎหมาย เศรษฐกิจ การค้ากับต่างประเทศ การพัฒนาประเทศ การหารายได้เข้าประเทศ ภาษีอากร ฯลฯ คุณสมบัติอันเหมาะสมเหล่านี้ล้วนเป็น องค์ประกอบครบถ้วนในจติ วญิ าณของกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ๑ จอห์น ครอฟอร์ด ทูตอังกฤษ ซ่ึงเดินทางมาประเทศไทย ในสมัยรัชกาลท่ี ๒ กล่าวถึงกรมหมื่น เจษฎาบดินทร์ไว้ว่า “เรื่องราชการไม่ว่ากรมกองใดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ทั้งสิ้น พระองค์ทรง แสดงพระปรชี าสามารถใหเ้ ปน็ ทป่ี ระจกั ษใ์ นพระราชกจิ ทพี่ ระองคท์ รงไดร้ บั มอบหมายในเรอื่ งตา่ ง ๆ ที่เก่ียวกับความสงบสุขของบ้านเมืองและการสงคราม การติดต่อกับต่างประเทศหรือกฎระเบียบของ บ้านเมือง การก�าหนดนโยบาย หรือความยุติธรรม จะเป็นไปตามประสงค์ของเจ้านายพระองค์นี้ ทงั้ สน้ิ ...” 22

พระราชประวัติพระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกล้าเจา้ อยหู่ ัว อน่งึ มพี ระราชนพิ นธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั (รชั กาล ที่ ๕) ในหนังสือเทศน์พระราชประวัติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า เจา้ อยหู่ วั ในพระราชวโรกาสครบรอบวนั พระราชสมภพ ๑๐๐ ปี ของลน้ เกลา้ รชั กาล ที่ ๓ กล่าวว่ารัชกาลที่ ๕ ได้ฟังจากพระโอษฐ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจา้ อยหู่ วั พระราชบดิ า (รชั กาลท่ี ๔) ตอนหนงึ่ ว่า ...“คร้นั มาในแผ่นดนิ พระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกล้าเจา้ อย่หู วั เพราะพระบาท สมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ไมไ่ ดด้ ำ� เนนิ พระบรมราชโองการมอบสริ ริ าชสมบตั ิ ดว้ ยประชวรเปน็ ปจั จบุ นั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั อนั เปน็ พระราชโอรส เกิดด้วยพระสนมก็จริงอยู่ แต่เป็นพระองค์ใหญ่ ทรงพระสติปัญญา โอบอ้อม เผื่อแผ่ และในเวลาน้ันทูลกระหม่อม (รัชกาลท่ี ๔) ก็ทรงผนวชและยังอ่อนแก่ ราชการ ข้าราชการท้ังปวงจึงได้พร้อมกันยินยอมให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า เจ้าอยู่หัวข้ึนเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ หากแม้นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัยมพี ระสตทิ ีจ่ ะสงั่ การได้ ทา่ น (รัชกาลท่ี ๔) ก็ไม่แน่พระทยั วา่ จะทรงมอบ พระราชสมบัติพระราชทานท่านหรือพระราชทานสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยในเวลานั้นบา้ นเมืองยังต้องรบพุ่งติดพันอย่กู บั พม่า จ�ำต้องหาพระเจ้าแผ่นดนิ ทีร่ อบรู้ในราชการท้ังปวง และเป็นท่นี ยิ มยนิ ดที ่วั หน้าจะได้ปอ้ งกนั ดสั กรภายนอก ได้ เพราะฉะน้ัน พระองค์ท่านจึงมิได้มีความโทมนัสเสียพระทัยและก่อการ ลุกลามอนั ใดข้นึ ในบา้ นเมอื งตามค�ำแนะนำ� ของบางคนซ่ึงคิดจะแก่งแย่ง”… สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ก็ทรงอธิบายเร่ืองน้ี ในท�ำนองเดียวกันว่า ที่ประชุมขุนนางมีการให้มาหย่ังเสียงเจ้าฟ้ามงกุฎ ขณะที่ยัง ทรงผนวชดูก่อนว่าประสงค์จะได้ราชสมบัติหรือไม่ จึงให้ไปทูลถามว่า “จะทรง ปรารถนาราชสมบัติหรือทรงผนวชต่อไป ฝ่ายพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎได้ทรงทราบ กิตติศัพท์อยู่แล้วว่าคิดกันจะถวายราชสมบัติแก่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า เจ้าอยู่หัว ทรงพิจารณาเห็นว่าถ้าพระองค์ปรารถนาราชสมบัติในเวลานั้น พระราชวงศ์คงแตกสามัคคีกนั อาจจะเลยเกดิ เหตรุ า้ ยข้ึนในบา้ นเมือง ตรสั ปรกึ ษา เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ ซ่ึงเป็นพระเจ้าน้าองค์น้อยทูลแนะน�ำว่าควรคิดเอา 23

มูลนธิ เิ ฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกล้าเจ้าอยหู่ วั ฯ ราชสมบัติตามที่มีสิทธิ์ พระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎ ไม่ทรงเห็นชอบด้วย ไปทูลปรึกษากรมหมื่น นุชิตชิโนรส พระปตุลาซึ่งทรงผนวชอยู่ กับ กรมขุนเดชอดศิ ร (ม่งั ) พระเชษฐาท่ที รงนับถือ มาก ทั้งสองพระองค์ตรัสว่า ไม่ใช่เวลาควรจะ ปรารถนา อยา่ หวงราชสมบตั ดิ กี วา่ เพราะฉะนนั้ เมื่อพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎทรงฟังค�าถาม จึง ตรัสตอบว่ามีพระราชประสงค์จะทรงผนวชอยู่ ต่อไป ก็เป็นอันส้ินความล�าบากในการที่จะ ถวายราชสมบตั แิ กพ่ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ กรมหม่ืนนุชิตชิโนรส เจ้าอยหู่ วั ” ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็น สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานชุ ิตชโิ นรส พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ สมเด็จพระสังฆราชองคท์ ่ี ๗ เสดจ็ ขน้ึ ครองสริ ริ าชสมบตั ดิ า� รงรกั ษาสบื ทอดราช แห่งกรงุ รัตนโกสินทร์ ตระกลู ในพระฐานะพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๓ แหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ เมอ่ื วนั พธุ ท่ี ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๖๗ ทรงพระนามตามพระสุพรรณบัฏว่า พระบาทสมเด็จพระ ปรมาธวิ รเสรฐิ มหาเจษฎาบดนิ ทร์ สยามนิ ทราวโรดม บรมธรรมกิ มหาราชาธริ าช บรมนาถบพิตร พระนัง่ เกล้าเจ้าอยหู่ ัว๑ ๑ แม้กระนัน้ กต็ าม มีผู้อา้ งตนเป็นนักวชิ าการ พยายามสรา้ งทฤษฎคี วามคดิ หรอื จนิ ตนาการแปลก ๆ ท่ีตนเองต้ังขึ้นมา โดยไม่มีหลักฐานข้อมูลทางประวัติศาสตร์รองรับ พยายามบิดเบือนเปล่ียนแปลง ประวัติศาสตร์ของชาติเพื่อแสวงหารายได้ด้วยการขายจินตนาการจากกรณีการส้ินพระชนม์ของ ล้นเกล้ารัชกาลท่ี ๒ ด้วยโรคภัยไข้เจ็บหรือถูกลอบวางยาพิษ กล่าวหาผู้ได้รับประโยชน์จากการ สิ้นพระชนม์ แย่งราชบัลลังก์พระอนุชา หรือเงินถุงแดงไม่มีจริง สิ่งต่าง ๆ เหล่าน้ีล้วนเกิดจาก ราคะจริต โทสะจรติ และโมหะจริต อนั น�ามาซ่งึ ความคิดท่เี ป็นอกศุ ล 24

พระราชประวัตพิ ระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาพจติ รกรรมบนเพดานยอดโดม พระท่นี ่งั อนันตสมาคม พระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสด็จพระราชดำ� เนิน ตรวจการสรา้ งพระปรางค์วดั อรุณฯ พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกของพระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดจ้ ดั ขนึ้ ตามโบราณราชประเพณี ระหว่างวันท่ี ๒๙ กรกฎาคม-๑ สิงหาคม ๒๓๖๗ ณ พระทนี่ งั่ จักรพรรดิพิมาน โดยลน้ เกล้ารชั กาลที่ ๓ ได้ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการ ว่า “ขอให้เหล่าพระยาเสนาบดีท้ังหลายได้ช่วยพระองค์บ�ำรุงดูแลรักษาแผ่นดิน สืบไป ทรงตั้งพระทัยจะรักษาแผ่นดินและพระบวรพุทธศาสนาไว้ด้วยพระทัย จะให้อยู่เญนเป็นสุขสิ้นด้วยกันฉันสุจริต” จากหนังสือสมุดไทยด�ำ จดหมายเหตุ รัชกาลที่ ๓ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์ทรงปกครอง ประเทศดว้ ยพระปรชี าสามารถและวสิ ยั ทัศน์ยาวไกล 25

พระบรมราชานุสาวรยี ์ รชั กาลที่ ๓ ทป่ี ระตเู มอื งกาญจนบุรี (ดา้ นหน้า) พระบรมราชานุสาวรยี ์ รัชกาลท่ี ๓ ท่ปี ระตเู มอื งกาญจนบรุ ี พ.ศ. ๒๓๗๔ (ดา้ นหลงั ) ก�าแพงเมอื งสงขลา เริ่มสร้างปี ๒๓๗๙ แลว้ เสรจ็ ในปี ๒๓๘๕

พระราชประวตั ิพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจา้ อยู่หวั ในด้านการป‡องกันประเทศ ทรงสร้างเสริมก�าลังป้องกันราชอาณาจักรและ โปรดให้สร้างป้อมปราการตามปากแม่น้�าส�าคัญ และหัวเมืองชายทะเล ทรงเล็งเห็น ภัยคุกคามจากตา่ งประเทศ ทรงสร้างเมืองหนา้ ศึก (กาญจนบุรี : ส้ศู กึ ทางฝ่ายพม่า, จันทบุรี : สศู้ กึ ทางฝา่ ยญวน, สงขลา : สูศ้ ึกทางฝา่ ยมลาย)ู ทรงยกระดบั บา้ นขึ้นเปน็ เมืองและให้ขึ้นตรงต่อการปกครองจากส่วนกลาง (ซ่ึงช่วยให้สยามรอดพ้นจาก เล่ห์เพทุบายของฝร่ังเศสในการอ้างสิทธิยึดครองดินแดนฝั่งขวาของแม่น้�าโขง หรือ ภาคอีสานของไทย) ตลอดระยะเวลา ๒๗ ปีแห่งการครองราชย์ มิได้ว่างเว้นจาก ศึกสงคราม แตพ่ ระบาทสมเด็จพระนง่ั เกล้าเจา้ อยหู่ ัวทรงสามารถปกป้องราชอาณาจักร สยามไวไ้ ด้ครบถว้ นทง้ั หมด ในด้านการพัฒนาประเทศ ทรงส่งเสริมการขุดคลองและใช้ทางน้�าเป็น ส�าคัญ ทั้งในการท�าสงครามและการค้าขาย คลองจึงมีความส�าคัญมากในการช่วย ย่นระยะทางและทรงโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองบางขุนเทียน คลองบางขนาก (คลองแสนแสบ) คลองหมาหอน เพ่ือเชื่อมกับแม่น้�าสายส�าคัญและออกสู่ทะเล ทรงสร้างป้อมปราการป้องกันข้าศึก ทรงริเริ่มระบบภาษีอากร ทรงแต่งส�าเภาไป ค้าขายกับต่างประเทศ ทรงเกบ็ ออมรายไดจ้ ากการคา้ เพ่ือมาใชใ้ นการพัฒนาประเทศ เป็นท่ียอมรับกันว่าในยุคสมัยของพระองค์เป็นยุคที่ประเทศชาติมีความเจริญรุ่งเรือง สูงสดุ ในสมัยรตั นโกสินทร์ตอนต้น 27

มลู นธิ เิ ฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนง่ั เกลา้ เจ้าอยู่หัวฯ จารกึ แผ่นศิลาในวดั โพธิ์ ในด้านการศึกษา ทรงโปรดเกล้าฯ ให้กรมหลวงวงศาธิราชสนิท แต่งต�ารา เรยี นภาษาไทย “จินดามณ”ี โปรดเกล้าฯ ใหผ้ รู้ ู้ตา� ราแขนงต่าง ๆ อาทิ อักษรศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ พุทธศาสตร์ โบราณคดี ฯลฯ จารึกต�าราลงบนแผ่นศิลาเพ่ือเผยแพร่ ความรู้ตามศาลารอบพุทธาวาส วัดพระเชตพุ นวมิ ลมังคลาราม ซึง่ ถือเป็นมหาวทิ ยาลัย แหง่ แรกของประเทศไทย และองคก์ าร UNESCO ได้ประกาศเทิดทนู พระเกียรติคุณ ขึ้นทะเบียนแผ่นจารึกต�าราส�าคัญต่าง ๆ ที่ทรงมีพระราชวิสัยทัศน์ เผยแพร่ความรู้ แก่ประชาชนทว่ั ไปเปน็ “มรดกแหง่ ความทรงจ�าโลก” ในด้านการทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา พระองค์ทรงเล่ือมใสในพระพุทธศาสนา อย่างมาก ได้ทรงสร้างพระพุทธรูปมากมาย เช่น พระพุทธปฏิมาประธานใน พระอุโบสถวัดสุทัศน์ วัดเฉลิมพระเกียรติ วัดปรินายก วัดนางนอง หลวงพ่อโต (พระพุทธไตรรัตนนายก หรือซ�าปอกง ในพระวิหารหลวงวัดกัลยาณมิตร) ฯลฯ ทรงสรา้ งวดั ใหมข่ น้ึ ๓ วัด คือ วัดเฉลมิ พระเกยี รติ วัดเทพธดิ าราม วดั ราชนดั ดาราม และโลหะปราสาท ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดเก่าอีก ๓๕ วัด เช่น วัดพระศรีรัตน ศาสดาราม วัดพระเชตพุ นฯ (วดั โพธ์ิ) วดั ราชโอรสาราม วดั อรณุ ราชวราราม๑ ฯลฯ ๑ ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ต่อเติมพระปรางค์วัดอรุณฯ จากที่พระราชบิดา (รัชกาลที่ ๒) ทรงสร้างไว้ท่ี ความสูง ๑๖ เมตร มาเป็น ๘๑.๘๕ เมตร ในปัจจุบัน และประดับด้วยจานและชามสังคโลกท่ี ซ้ือมาจากจีนในลักษณะยกมุมสูงต�่า เมื่อต้องแสงอาทิตย์จะส่งประกายระยิบระยับสวยงามมาก จนชาวต่างประเทศถึงกับขนานพระนามพระปรางค์วัดอรุณเป็นปฏิมากรรมท่ีเป็นสัญลักษณ์ส�าคัญ “Landmark” แห่งการเดินทางมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ทางแม่น�้าเจ้าพระยาและยั่งยืนต่อมา ตราบจนกระทั่งปจั จบุ นั 2๘

พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระน่งั เกล้าเจ้าอยูห่ วั กลองวนิ จิ ฉยั เภรี Dan Beach Bradley, M.D. ใ น ด ้ า น ชี วิ ต ค ว า ม เ ป ็ น อ ยู ่ ข อ ง ร า ษ ฎ ร ๒๓๔๗-๒๔๑๖ พระองค์ทรงก�ำกับราชการและควบคุมดูแลงาน ด้านการเมืองการปกครองอย่างใกล้ชิด ทรง ตรากฎหมายเพื่อใช้ปราบปรามโจรผู้ร้าย ทรง ปราบปรามปัญหาฝิ่นอย่างเด็ดขาดและจริงจัง ทรงโปรดให้ตั้ง กลองวินิจฉัยเภรี ไว้ให้ราษฎรที่ อาศัยอยู่ในพ้ืนที่ห่างไกลและมีทุกข์ร้อนมาตีร้องฎีกา ทพ่ี ระนครโดยไมต่ อ้ งรอคอยเวลาเสดจ็ ฯ ออกราชการ นอกพระนคร ทง้ั นพ้ี ระองคจ์ ะทรงรว่ มในการสอบสวน ตามคำ� รอ้ งทกุ ขด์ ้วย เพอ่ื ให้การตดั สนิ คดีความเปน็ ไปโดยบรสิ ทุ ธยิ์ ุติธรรม ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีศาสนาจารย์ แพทยช์ าวอเมรกิ ันและองั กฤษ เดนิ ทางมาเผยแพร่ คริสตศาสนาเพิ่มมากข้ึน อาทิ คุณหมอบรัดเลย์ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มให้มีการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ฉีด วัคซีนป้องกันอหิวาตกโรค การรักษาต้อกระจก การถอนฟัน การผดุงครรภ์ การใช้ยาชา และ การท�ำผ่าตัดขึ้นเป็นครั้งแรกในกรุงรัตนโกสินทร์ นอกจากนี้หมอบรัดเลย์ยังได้คิดตัวพิมพ์อักษรไทย ข้ึน ในปี พ.ศ. ๒๓๗๙ ท�ำให้มีการพิมพ์หนังสือ ภาษาไทยเปน็ คร้งั แรก 29

มลู นิธเิ ฉลมิ พระเกยี รติพระบาทสมเด็จพระนัง่ เกลา้ เจ้าอยู่หวั ฯ ในด้านการเมืองระหว่างประเทศ มีชาว Henry Burney (หนั แตรบารน)ี ต ะ วั น ต ก เ ข ้ า ม า ข อ เ จ ริ ญ ค ว า ม สั ม พั น ธ ์ ท า ง ๒๓๓๕-๒๓๘๘ พระราชไมตรีหลายประเทศ หลังจากขาดการ Edmund Roberts ติดต่อกันมาต้ังแต่กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า ๒๓๒๗-๒๓๗๙ พระองค์ทรงระมัดระวังเรื่องการได้เปรียบเสียเปรียบ ในการเจรจาความกับชาวตะวันตกอย่างมาก ทรง ยึดหลักการการรักษาศักดิ์ศรีและความเท่าเทียมใน การรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นส�าคัญ พระองค์ ทรงเล็งเห็นและทรงเตือนให้ตระหนักถึงอันตราย และเป้าหมายส�าคัญของมหาอ�านาจตะวันตกใน รปู แบบต่าง ๆ ท่ีกระทา� ตอ่ ประเทศเพอ่ื นบา้ น ตลอดรัชกาล มีเหตุการณ์ส�าคัญและกลาย เป็นจุดเปลี่ยนของประเทศหลายเหตุการณ์ ได้แก่ เฮนรี่ เบอร์นี เจ้าเมืองเบงกอลของอังกฤษ เข้ามา ขอทา� สนธสิ ญั ญาทางพระราชไมตรแี ละการพาณชิ ย์ ฉบับแรก เจ้าอนุวงศ์ก่อกบฏ ก�าเนิดวีรกรรมท้าว สุรนารี บังเกิดขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้วประจ�า รัชกาล ประธานาธิบดีอเมริกาส่งเอ็ดมันด์ โรเบิร์ต เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีคร้ังแรก สงครามกับญวน ทรงอภิเษกองค์ด้วงข้ึนเป็นสมเด็จพระหริรักษ์ฯ ครองกรุงกัมพูชา กบฏไทรบุรี ศึกเชียงตุง การ ปราบอั้งย่ีที่ฉะเชิงเทรา การเกิดอหิวาตกโรคใหญ่ อั ง ก ฤ ษ แ ล ะ ส ห รั ฐ อ เ ม ริ ก า ข อ แ ก ้ ส น ธิ สั ญ ญ า การปรับปรุงภาษีอากร ซ่ึงเป็นเหตุการณ์ทาง ประวัตศิ าสตรท์ น่ี ่าศึกษาเพ่ิมเติมอย่างย่ิง 3๐

พระราชประวตั ิพระบาทสมเด็จพระนง่ั เกลา้ เจ้าอย่หู วั ขนุ คลงั แกว้ ขนุ พลแกว้ เจา้ พระยานกิ รบดนิ ทร์ เจา้ พระยาบดินทรเดชา (โต กลั ยาณมิตร) (สงิ ห์ สงิ หเสน)ี ๒๓๒๗-๒๔๐๖ ๒๓๑๘-๒๓๙๒ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีเหตุการณ์ที่พระองค์ ทรงมีพระปริวิตกเกี่ยวกับการห่มครองจีวรของพระในคณะธรรมยุติ ซ่ึงเจ้าฟ้ามงกุฎ (พระวชิรญาณ) ได้ทรงสถาปนาขึ้น กล่าวคือหลังพระวชิรญาณจากทรงผนวชได้ ไม่นาน พระวชิรญาณได้พบกับพระสุเมธฺมุนี ซ่ึงเป็นพระมอญอยู่ทางวัดบวรมงคล มีความรอบรู้แตกฉานในพระวินัยปิฎก เคร่งครัดมาก พระวชิรญาณจึงเสด็จไปทรง สนทนาสอบถามเทียบเคียงกับหลักที่ได้ทรงศึกษามาและเห็นว่ามีความถูกต้อง ตรงตามพระไตรปิฎก จึงเกิดศรัทธาท่ีจะประพฤติปฏิบัติการห่มจีวรแบบแหวกอย่าง พระมอญ ส่งผลให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอัดอ้ันพระทัยมาก พระองค์ทรงเป็นห่วงในโบราณราชประเพณีท่ีดีงาม และทรงอดทนมาเป็นเวลานาน กวา่ ๒๐ ปี ก่อนจะเสดจ็ สวรรคตไดไ้ ม่นาน ร.๓ ได้มจี ดหมายกระแสพระราชโองการ ไปถึงพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าม่ัง (กรมขุนเดชอดิศร) ดุจดังกุศโลบายแก้ไข ปัญหาอย่างแนบเนียน ทรงบรรยายความอัดอ้ันพระทัยการห่มผ้าอย่างพระมอญ ของพระในคณะธรรมยุตคิ วามว่า 31

มลู นธิ ิเฉลิมพระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกลา้ เจา้ อยูห่ ัวฯ “พอ่ มง่ั ขา พอ่ จงเปน็ เชฐมตั ตญั ู พอ่ จงรวู้ ารนา้� จติ ต์และอธบิ ายของขา้ ผพู้ ี่ อนั ขนั ธะทพุ ลภาพมากอยแู่ ลว้ ดว้ ยแผน่ ดนิ ศรีอยุธยาทรงพระเจ้าแผ่นดินมา ๒ พระองค์แล้ว กับพ่ีด้วยอีกคนหนึ่งเป็น ๓ ต้ังแต่แผ่นดินล้นเกล้าล้นกระหม่อม สมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ ทา่ นไดป้ ราบดา ภิเษกปขาลน้ันมาได้ ๕ ป ถึงปมะแม พ่ีจึงเกิด ตั้งแต่จ�าความได้มาจนอายุได้ ๒๒ ป ได้บวชในแผ่นดินนนั้ ต่ออายุได้ ๒๓ ปจึงส้ินแผ่นดินไป มาเป็นแผ่นดิน ของลน้ เกล้าลน้ กระหม่อมอีก ๑๖ ป จงึ มาเป็นแผ่นดินของพ่ี พระภิกษุผู้เป็น สงฆรตั นในกรงุ ศรอี ยธุ ยา กเ็ หน็ นงุ่ สะบง ทรงจีวรเป็นลูกบวบท้ังส้ินด้วยกัน แต่ กรมขนุ เดชอดิศร พะมา่ รามญั ทเี่ ขา้ มาพง่ึ พระบรมโพธสิ มภาร (พระองคเ์ จ้ามง่ั ) ๒๓๓๖-๒๔๐๒ อยนู่ น้ั แหละ เหน็ ครองผา้ ผดิ กบั พระภกิ ษุ ของเรา จึงเรียกกันว่าพระมอญ เด๋ียวนี้พระไทยก็ห่มผ้าเป็นมอญ โดยอัตตโนมัติ ปัญญาของพี่เห็นว่า ถ้าล้นเกล้าล้นกระหม่อมยังเสด็จอยู่ ก็เห็นจะได้ประชุม พระราชาคณะได้ว่ากล่าวกันให้เห็นว่าควรไม่ควรนานแล้ว นี่พี่กลัวจะเป็นบาป เปน็ บญุ เปน็ คณุ เปน็ โทษ พระสงฆจ์ ะแตกรา้ วกนั ไป จงึ มไิ ดว้ า่ กลา่ ว แตใ่ จนน้ั รกั แต่ อยา่ งบรุ าณอยา่ งเดียวนั้นและสืบไปเบ้อื งหนา้ พระภกิ ษุไทยซ่งึ หม่ ผา้ เปน็ มอญนน้ั ศูนย์ไป พ่ีเห็นว่าจะควรกับศรีอยุธยา ก็ถ้าแม้นกลับมากขึ้นอีกด้วยเหตุอันใดอัน หน่ึง ช่ือของพี่ผู้ได้เป็นเจ้าแผ่นดินก็มีแต่จะเสียไป เขาจะว่าเป็นเมืองมอญเมือง พะม่าไปเสียมาแต่คร้ังแผ่นดินน้ัน น่ีแลเป็นความวิตกของพี่มากนักหนา ให้พ่อ 32

พระราชประวตั พิ ระบาทสมเด็จพระน่ังเกลา้ เจา้ อยู่หวั เห็นแก่พี่ ช่วยเอาข้ึนแจ้งกับกรมหมื่นนุชิตชิโนรส (พระราชโอรส ร.๑) เธอ เป็นบรมญาติอันใหญ่ ทรงไว้ซึ่งผ้ากาสาวพัสตร์ ท้ังรู้พระสัทธรรมของพระเจ้า เป็นอันมาก แล้วก็เป็นพระภิกษุศรีอยุธยา พ่ีมีจีวรอยู่ผืนหน่ึง ให้พ่อช่วยถวาย กรมหมนื่ นชุ ติ ถา้ เธอจะรบั เอาไวค้ รองได้ กใ็ หถ้ วายเธอเถดิ ถา้ เธอมริ บั ไวค้ รองแลว้ กใ็ หเ้ อาคืนมาเสีย” เมื่อได้รับพระบรมราชโองการ พ่อมั่ง (กรมขุนเดชอดิศร) ก็ไปกราบทูล กรมหมื่นนุชิตชิโนรส หรือสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส ในเวลาต่อมา ปรากฏว่าเม่ือรับพระราชทานจีวรแล้ว สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ท่านก็ทรงครองทันทีและครองแบบท่ีพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมี พระราชประสงค์ตลอดพระชนม์ชีพ หลังจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส ได้อธิบาย พระปรวิ ิตกของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓ ใหพ้ ระภกิ ษวุ ชริ ญาณทราบแลว้ กท็ รงยอมรบั วา่ “....ไดค้ บหากับพระสงฆ์พวกศกึ ษาคดิ ละเอียดไปตา่ ง ๆ ได้ฟงั ท่านพูดกนั ว่า ห่มอย่างรามัญ เห็นถูกต้องด้วยเหตุต่าง ๆ ก็พลอยเห็นไปด้วย....หาได้นึกมาถึง พระเกียรติยศและการแผ่นดินเป็นของส�ำคัญแข็งแรง เหมือนดังทรงพระด�ำริคร้ังน้ี ไม่เลย ถ้านึกได้แต่คร้ังนั้นก็มิได้ประพฤติมาดังน้ี....จะประพฤติตามพระราชประสงค์ สนองพระเดชพระคุณ มิให้ร�ำคาญเคืองพระอัธยาศัย พระเดชพระคุณเป็นท่ีล้นท่ีพ้น ชวี ติ อยู่ใต้ละอองธุลพี ระบาท...” ตลอดระยะเวลา ๒๗ ปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบริหาร และปกครองประเทศด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากความมักใหญ่ใฝ่สูง ไม่ทรง แต่งตั้งใครเป็นพระอัครมเหสี ไม่ทรงแต่งต้ังพระราชโอรสของพระองค์ขึ้นเป็น รัชทายาท ท้ัง ๆ ที่สามารถท�ำได้ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรและ ต่อประเทศชาติอย่างสูงย่ิง ด้วยพระปรีชาสามารถฉลาดปราดเปรื่องรอบด้าน ทรง สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างของประเทศ ทรงพัฒนาและสร้างฐานะของบ้านเมือง 33

มูลนิธเิ ฉลมิ พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนง่ั เกล้าเจ้าอยู่หวั ฯ น�าความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์๑ ทรงทุ่มเทพระวรกาย ปกป้องผืนแผ่นดินไทยไว้ให้ลูกหลาน ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มองการณ์ไกล รู้เท่าทันพวกฝร่ัง ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ (เงินถุงแดง) ให้แก่ ประเทศชาตไิ วใ้ ชใ้ นยามจา� เปน็ (แทนทจี่ ะมอบใหเ้ ปน็ มรดกของพระราชโอรสและ พระราชธดิ าของพระองคเ์ ฉกเชน่ คนทว่ั ไป) ดว้ ยนา�้ พระทยั อนั ยงิ่ ใหญข่ องพระองค์ จึงช่วยให้ชาตไิ ทยรอดพ้นจากการเสียเอกราชและตกเป็นเมอื งขน้ึ ของฝรง่ั เศส (หลังจากพระองค์เสด็จสวรรคต ๔๒ ปี ได้เกิดเหตุวิกฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖) เกิดการปะทะกันทางทหารระหว่างไทยกับฝร่ังเศส ประเทศไทย ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยี ขณะท่ีเรือรบของฝรั่งเศส สามารถทะลุทะลวงฝ่าแนวป้องกันของไทย และเข้ามาจอดทอดสมอท่ีท่าราชวรดิษฐ์ พร้อมกับข่มขู่จะท�าลายพระบรมมหาราชวังด้วยการหันปากกระบอกปนใหญ่ เล็งเป้าไปยังพระบรมมหาราชวัง หากฝ่ายไทยไม่สามารถชดใช้ค่าปฏิกรรมสงคราม เป็นเงินจ�านวน ๓ ล้านฟรังก์ ตามท่ีฝ่ายฝรั่งเศสเรียกร้องให้ช�าระภายในระยะเวลา ๔๘ ช่ัวโมง ซึ่งในขณะน้ันรัฐบาลไทยไม่มีเงินพอที่จะช�าระค่าปฏิกรรมสงครามได้ แต่เดชะบุญของประเทศที่ข้าราชบริพารท่านหน่ึงฉุกคิดถึงเงินถุงแดงที่ล้นเกล้า รชั กาลท่ี ๓ ได้พระราชทานไวใ้ หก้ ับแผ่นดินไวใ้ ชใ้ นยามจา� เป็น ซ่ึงในสมยั รัชกาลท่ี ๔ ก็ยังไม่ได้น�าเงินถุงแดงออกมาใช้ รัฐบาลไทยจึงได้ใช้เงินถุงแดงท่ีเหลืออยู่อีกจ�านวน ๓ หม่ืนช่ัง ซ่ึงมีค่าเท่ากับ ๒.๔ ล้านฟรังก์ หลังจากน้ันล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ และ พระบรมวงศานวุ งศ์ได้รว่ มกนั สมทบเงินอีก ๖ แสนฟรงั ก์ จนครบตามจา� นวน ชดใช้ ใหฝ้ รงั่ เศสได้ทันภายในระยะเวลาที่ก�าหนด) ๑ ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีความเห็นสอดคล้องกันในยุคสมัยของ ลน้ เกลา้ รัชกาลท่ี ๓ เป็นยคุ สมัยท่ปี ระเทศชาติมีความเจริญรุ่งเรอื งสูงสุด เปน็ ยคุ ท่อี าณาจักรสยาม แผ่ขยายกว้างใหญไ่ พศาลท่ีสุด พระองค์สามารถปกปักษ์รักษาอาณาจักรไว้ให้ลูกหลานได้ครบถ้วน สมบูรณ์ เศรษฐกิจของประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองสูงสุด และเป็นท่ียอมรับกันว่า หากไม่ได้ล้นเกล้า รัชกาลที่ ๓ กย็ ากทีจ่ ะรกั ษาความสงบเรยี บร้อยของแผน่ ดนิ ไวไ้ ด้ 34

พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระน่งั เกลา้ เจา้ อยู่หวั ทุกส่ิงทุกอย่างท่ีล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓ ได้พระราชทานให้กับแผ่นดินล้วนส่ง ประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างหาท่ีสุดมิได้ และล้วนแต่ส่งผลพวงมาถึงสมัยปัจจุบัน โดยเฉพาะการไถ่เอกราชอธิปไตยของชาติ การขุดคูคลองทางน้�ำเชื่อมกับแม่น้�ำและ ออกสู่ทะเลมากย่ิงกว่าสมัยใด การรักษาฝั่งขวาของแม่น้�ำโขงจากเล่ห์เพทุบายของ ฝร่ังเศส การแพทย์แผนไทย การนวดแผนไทย ทรงรวบรวมความรู้ด้านต่าง ๆ สมัยบรรพบุรุษ ทรงสร้างพระพุทธรูป พระประธานวัดต่าง ๆ สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม พระปรางคว์ ดั อรุณ พระพุทธไสยาสนว์ ดั โพธิ์ พระส�ำเภาเจดยี ว์ ดั ยานนาวา พระสมุทรเจดีย์ การประดิษฐ์ยอดซุ้มยอดปราสาทเป็นรูปทรงมงกุฏ ตุ๊กตาอับเฉา โลหะปราสาทวดั ราชนดั ดาราม ตลอดจนวดั วาอารามตา่ ง ๆ ที่พระองคท์ รงสร้างและ บรู ณปฏสิ งั ขรณล์ ว้ นเปน็ สถานทสี่ ำ� คญั ทยี่ งั ประโยชนใ์ หก้ บั ประเทศชาติ ประชาชนคน ไทยรวมทั้งชาวต่างประเทศท่ีมาเยือนประเทศไทย ได้มีโอกาสช่ืนชมจวบจนกระทั่ง ปัจจบุ นั พระสมุทรเจดีย์ สมุทรปราการ ความคิดที่จะสร้างพระสมุทรเจดีย์ น้ี มีมาต้ังแต่สมัยพระราชบิดา (รัชกาลที่ ๒) ซ่ึงโปรดให้หา หินและอิฐมาถมท่ีดิน แต่ยังไม่ได้สร้างองค์พระเจดีย์ รัชกาลท่ี ๒ ก็เสด็จสวรรคตไปเสียก่อน รัชกาลที่ ๓ จึงได้สืบทอดเจตนารมณ์ของพระราชบิดาและด�ำเนินการก่อสร้างพระสมุทรเจดีย์ จนแลว้ เสร็จในปี พ.ศ. ๒๓๗๑ 35

มูลนิธเิ ฉลิมพระเกยี รติพระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกลา้ เจา้ อย่หู วั ฯ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประชวรเม่ือปลายปี พ.ศ. ๒๓๙๓ ดว้ ยพระบรรทมไมห่ ลบั เสวยพระกระยาหารไดไ้ มด่ ี และไม่สบายพระองค์ (เกีย่ วกบั เร่ืองน้ี นพ.เอกชัย โควาวิสารัช ได้เขียนลงในหนังสือชันสูตรประวัติศาสตร์ โดยใช้ ความรทู้ างการแพทยป์ ระมวลวนิ จิ ฉยั จากพระอาการของโรคตามหลกั ฐานประวตั ศิ าสตร์ ท่ีหาได้ และมีความเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวอาจจะทรง พระประชวรด้วยพระโรคมะเร็งพระวกั กะ หรือโรคมะเร็งไต) ในส่วนของผู้สืบราชสมบัติท่ีปรากฏในพระราชพงศาวดาร พระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแสดงความห่วงใยต่อประเทศชาติและความสงบสุขของ ราษฎร ทรงเป็นนักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ทรงมีสายตายาวไกล หากพระองค์ มอบราชสมบัติแก่ผู้ใดตามพระราชด�าริของพระองค์แต่เพียงผู้เดียวแล้ว แต่ไม่เป็นที่ ชอบใจของประชาชนและบรรดาข้าราชการ กอ็ าจจะเกิดการแตกความสามคั คขี ้นึ ได้ พระองคต์ ระหนกั ดีวา่ ในทกุ ยคุ ทุกสมัย ประเทศชาติต้องการความสมคั รสมานสามคั คี พระองค์จึงทรงมีจดหมายกระแสพระโองการเก่ียวกับการปกครองแผ่นดิน ว่า “ทรงปฏิญาณยกพระนามพระรัตนตรัยสรณคมน์ อันอุดมเป็นปณิธานพยานอันยิ่ง ให้เห็นจริงในพระราชหฤทัยแล้ว ทรงพระราชด�ารัสยอมอนุญาตให้เจ้าพระยา พระคลัง ซ่ึงว่าที่สมุหพระกลาโหม พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี พระยา ราชสุภาวดีสมุหนายกกับขุนนางผู้น้อยทั้งปวง จงมีความสโมสรสามัคคีปรึกษา พร้อมกันเม่ือเห็นว่า พระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ใดท่ีมีวัยวุฒิ ปรีชารอบรู้ราชา นุวัตรเป็นศาสนูปถัมภก ยกพระบวรพุทธศาสนา และปกป้องไพร่ฟ้าอาณา ประชาราษฎร์ รักษาแผ่นดนิ ใหเ้ ป็นสขุ สวัสดิโ์ ดยย่ิง เป็นยนิ ดแี ก่มหาชนทั้งปวงได้ ก็สุดแต่จะเห็นดีประนีประนอมพร้อมใจกันยกพระบรมวงศ์องค์น้ันข้ึนเสวย มไหศวรรยธิปัตย์ถวัลยราช สืบสันตติวงศ์ด�ารงราชประเพณีต่อไปเถิด อย่าได้ กร่ิงเกรงพระราชอัธยาศัยเลย เอาแต่ให้ได้เป็นสุขท่ัวหน้า อย่าให้เกิดการรบรา ฆา่ ฟันใหไ้ ดค้ วามทกุ ขร์ ้อนแก่ราษฎร” 36

พระราชประวตั ิพระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจ้าอยูห่ วั ปจั ฉมิ โอวาท ก่อนจะเสด็จสวรรคตเพียงไมก่ ว่ี นั พระบาท สมด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งให้พระยา ศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)๑ เข้าไปเฝ้าในพระที่ มพี ระราชโองการถามวา่ “พระยาพิพัฒน์ฯ ได้เอาจดหมายที่ทรง อนญุ าตนน้ั ออกไปปรกึ ษาหารอื เสนาบดแี ลว้ หรอื เขาว่ากระไรบ้าง พระยาศรีสุริยวงศ์กราบทูลว่า ได้ทราบเกล้ากราบกระหม่อม ทุกคนพากัน เศร้าโศกและเห็นวา่ โปรดดงั น้ี พระเดชพระคุณ พระยาศรสี ุรยิ วงศ์ เป็นที่สุดแล้ว ปรึกษากันว่าพระโรคน้ันยังไม่ถึง (ชว่ ง บุนนาค) ๒๓๕๑-๒๔๒๖ ตัดรอน แพทย์หมอยังพอฉลองพระเดชพระคุณ ได้อยู่ ซึ่งจะยกพระวงศานุวงศ์พระองค์ใดพระองค์หน่ึงข้ึนก็ยังไม่สมควร จะช่วย กันฉลองพระเดชพระคุณว่าราชการแผ่นดินมิให้มีเหตุการณ์ภัยอันตรายขึ้นได้ ทรงรบั สง่ั ใหท้ า่ นพระยาศรสี รุ ยิ วงศ์ ขยบั เขา้ ไปใหช้ ดิ พระองค์ ใหล้ บู ดพู ระสรรี กาย แลว้ ดำ� รสั วา่ รา่ งกายทรดุ โทรมถงึ เพยี งนแ้ี ลว้ หมอเขาวา่ ยงั จะหายอยู่ ไมเ่ หน็ ดว้ ย เลย” “การแผน่ ดนิ ไปข้างหน้า ไม่เห็นผใู้ ดจะรกั ษาแผน่ ดนิ ได้ • กรมขนุ เดชาเลา่ (พระราชโอรส ร.๒ กับเจ้าจอมมารดาน่มิ ) ทา่ นกเ็ ป็นคนพระกรรณเบา ใครจะพูด อะไรกเ็ ชื่อง่าย ๆ จะเป็นใหญ่โตไปไมไ่ ด้ • กรมขนุ พิพธิ (พระราชโอรส ร.๒ กับ เจ้าจอมมารดาศิลา) ก็ไม่รู้จักการงาน ปัญญาก็ไม่สอดส่องไปได้ คิดแต่จะเล่น ๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็น “สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรี สุริยวงศ์” และเป็นบุคคลที่ด�ำรงต�ำแหน่งบรรดาศักดิ์ “สมเด็จเจ้าพระยา” เป็นองค์สุดท้ายของ ประวตั ศิ าสตรส์ ยาม 37

มูลนธิ เิ ฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนงั่ เกล้าเจา้ อยู่หวั ฯ อย่างเดียว • ที่สติปัญญาพอจะรักษาแผ่นดินได้อยู่ ก็เห็นแต่ท่านเจ้าฟ้าใหญ่ (เจา้ ฟ้ามงกฎุ ) ท่านเจา้ ฟา้ นอ้ ย (เจา้ ฟ้าจฑุ ามณี) สองพระองคก์ ็ทรงรังเกยี จอยู่ว่า ท่านเจา้ ฟ้าใหญ่ ถืออย่างมอญ ถ้าเป็นพระเจา้ แผ่นดนิ ขน้ึ กจ็ ะใหพ้ ระสงฆห์ ม่ ผา้ อย่างมอญเสียหมดท้งั แผ่นดินดอกกระมัง ท่านฟ้าน้อยเล่า (พระปน เกล้า) ก็มสี ติ ปญั ญารู้วิชาการช่างและการทหารต่าง ๆ อยู่ แตไ่ ม่พอใจท�าราชการ รกั แตก่ าร เลน่ สนกุ เทา่ นัน้ เพราะฉะนนั้ จงึ ไมท่ รงอนญุ าต กลวั เจา้ นายขา้ ราชการเขาจะไม่ ชอบใจ จึงโปรดอนุญาตใหต้ ามใจคนทงั้ ปวง สดุ แทจ้ ะเหน็ พร้อมเพรียงกนั ” “ต่อไปในภายหนา้ การศกึ ษาสงครามขา้ งญวณข้างพม่า ก็เหน็ จะไม่มแี ล้ว จะมีอยู่ก็แต่ข้างพวกฝร่ัง ให้ระวังให้ดี อย่าให้เสียทีแก่เขาได้ การงานสิ่งใด ของเขาที่คิดควรจะเรียนเอาไว้ ก็ให้เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเล่ือมใสไป ทีเดยี ว”๑ “ทุกวันน้ี คิดสละห่วงใหญ่ให้หมด อาลัยแต่วัด สร้างไว้ใหญ่โตหลายวัด ที่ยังค้างอยู่ก็มี ถ้าช�ารุดทรุดโทรมไปจะไม่มีผู้ช่วยทะนุบ�ารุง เงินในพระคลังท่ี เหลือจับจ่ายใช้ราชการแผ่นดินมีอยู่ ๔ หมื่นช่ัง ขอสัก ๑ หมื่นเถิด ถ้าผู้ใดเป็น เจ้าแผ่นดินแล้ว ให้ช่วยบอกแก่เขา ขอเงินรายนี้ให้ช่วยทะนุบ�ารุงวัดที่ช�ารุด และการวดั ทยี่ งั คา้ งคาอยนู่ น้ั เสยี ใหแ้ ลว้ ดว้ ย” พระยาศรสี รุ ยิ วงศร์ บั พระราชโองการ แล้วถึงกับรอ้ งไห้ และถอยออกมาจากท่ีเฝา้ จะเห็นได้ว่า พระวิจารณญาณของพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว แสดงให้เห็นถึงน้�าพระทัยอันย่ิงใหญ่ของพระองค์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความ เสียสละ และความห่วงใยต่อประเทศชาติเหนือส่ิงอื่นใด และเหนือประโยชน์ของ พระองค์เอง ซ่ึงพระองค์ได้ทรงประพฤติและปฏิบัติมาโดยตลอด จวบจนลมหายใจ สุดทา้ ยของพระชนมช์ ีพ กย็ ังทรงแสดงน�า้ พระทยั อนั ประเสรฐิ ยิง่ ปกติพระองค์ท่าน ๑ พระราชด�ารัสนี้บ่งบอกถึงพระวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงอันตรายจากนักล่าเมือง ขึ้นท่ีชอบใช้อ�านาจข่มขู่ “การทูตแบบเรือปน (Gun Boat Diplonacy)” คือ เจรจาบังคับขู่เข็ญ ยึดครอง 3๘

พระราชประวัตพิ ระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประทับที่พระท่ีน่ังจักรพรรดิพิมานด้านองค์ทิศตะวันออก แต่เมื่อทรงประชวร หนกั ทรงมพี ระราชปรารภกับขา้ ราชบรพิ ารวา่ ถา้ สวรรคต ณ ท่ีน่ันพระเจ้าแผน่ ดนิ องค์ต่อไปอาจรังเกียจ จึงโปรดให้เชิญพระองค์ออกไปบรรทมรอวันสวรรคตทางด้าน องค์ตะวันตก ซึ่งจะไม่กระทบหรือเป็นอุปสรรคกับการจัดพิธีบรมราชาภิเษกของ พระมหากษัตริย์องค์ตอ่ ไป พระพทุ ธไสยาสน์ (พระนอน) วดั พระเชตพุ นฯ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต ณ พระท่ีน่ังจักรพรรดิ พิมานองค์ตะวนั ตก เมอ่ื วนั พธุ ท่ี ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๓๙๔ สริ ิรวมพระชนมพรรษา ๖๔ พรรษา ๒ วัน สถิตในสิริราชสมบัติ ๒๖ ปี ๘ เดือน ๑๒ วัน และทรงให้ กำ� เนิดสายสืบสกลุ ๑๓ ราชสกลุ ประกอบดว้ ย ๑. ศริ วิ งศ ์ สบื สายจาก สมเดจ็ พระบรมราชมาตามหยั กาเธอ พระองค์เจา้ ศิริวงศ์ กรมหม่ืนมาตยาพิทักษ์ ทรงประสูติวันท่ี ๑๐ พฤศจิกายน ๒๓๕๕ ๒. งอนรถ สืบสายจาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้างอนรถ ทรง ประสตู วิ นั ท่ี ๔ มกราคม ๒๓๕๘ 39

มลู นิธิเฉลิมพระเกยี รติพระบาทสมเด็จพระน่งั เกลา้ เจ้าอย่หู ัวฯ ๓. ลดาวัลย์ สืบสายจาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลดาวัลย์ กรมหมื่นภมู ินทรภักดี ทรงประสตู ิวันท่ี ๒๘ มกราคม ๒๓๕๘ ๔. โกเมน สืบสายจาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโกเมน กรมหม่ืนเชษฐาธิเบนทร์ ทรงประสูติวันท่ี ๔ พฤษภาคม ๒๓๕๘ ๕. คเนจร สืบสายจาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคเนจร กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร์ ทรงประสูติวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๓๕๘ ๖. ชมุ สาย สืบสายจาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสหี วิกรม ทรงประสตู วิ ันท่ี ๑๒ มนี าคม ๒๓๕๙ ๗. ปยิ ากร สืบสายจาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปียก ทรง ประสูติวันท่ี ๓ พฤษภาคม ๒๓๖๒ ๘. อุไรพงศ์ สืบสายจาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุไร กรมหมื่น อดุลยลกั ษณสมบตั ิ ทรงประสูติ พ.ศ. ๒๓๖๒ ๙. อรณพ สืบสายจาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรรณพ กรมหมืน่ อุดมรัตนราษี ทรงประสตู วิ นั ท่ี ๑๐ มนี าคม ๒๓๖๓ ๑๐. ลา� ยอง สืบสายจาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าล�ายอง ทรง ประสูตวิ นั ท่ี ๑ มกราคม ๒๓๖๗ 4๐

พระราชประวตั ิพระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้าเจ้าอยหู่ ัว ๑๑. สุบรรณ สืบสายจาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุบรรณ กรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ทรงประสูติวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๓๖๙ ๑๒. สิงหรา สืบสายจาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหรา กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณฑีมชนม์เชษฐประยูร ทรง ประสตู วิ ันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๓๖๙ ๑๓. ชมพูนุท สืบสายจาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชมพูนุท กรมขุนเจริญผลพูลสวัสด์ิ ทรงประสูติวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๓๗๐ 41

ประวตั ิ วดั ระฆงั โฆสติ ารามวรมหาวหิ าร



พระอุโบสถ (หลงั ใหม)่ ภาพจติ รกรรมฝาผนัง เรือ่ งพทุ ธประวัติภายในพระอโุ บสถ พระอโุ บสถ (หลงั เก่า)

พระประธานยิม้ รับฟา วดั ระฆงั โฆสิตาราม เป็นพระพทุ ธรปู บางสมาธิ ขัดสมาธริ าบ วสั ดุเปน็ ทองส�ารดิ ลงรักปด ทอง หนา้ ตกั องค์พระกว้าง ๔ ศอก เปน็ ศิลปะในสมัยกรุงรตั นโกสินทร์ ประดษิ ฐานท่พี ระอุโบสถหลงั ใหม่

พระเจดีย์ ๓ องค์ สรา้ งในสมัยรชั กาลท่ี ๓ พระปรางค์ สรา้ งในสมยั รชั กาลท่ี ๑ ไดร้ บั ยกยอ่ ง ว่าเป็นพระปรางค์ต้นแบบในสมัยรัตนโกสินทร์ ตอนต้น ศาลาการเปรยี ญ

ตน้ พระศรีมหาโพธิ์ (รัชกาลที่ ๔ เสดจ็ มาทรงปลกู ด้วยพระองคเ์ อง) หอระฆงั ในวดั หอระฆัง แบบจตุรมขุ

หอพระไตรปฎ ก “ตา� หนักจนั ทน”์ ต้พู ระไตรปฎกลายรดน้า�


หนังสืองานถวายผ้ากฐินพระราชทาน ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

The book owner has disabled this books.

Explore Others