Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore LK012-หนังสือคุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม

LK012-หนังสือคุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม

Description: LK012-หนังสือคุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม

Search

Read the Text Version

วิเคราะห์คติความเชื่อการสร้างปราสาท 89 เข้าหาปรางค์ประธาน ส่วนอีกหน่ึงหลังอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีขนาด ๙.๕๐ x ๗.๖๐ เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันตก อายุสมัยราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๘๑๘ คตคิ วามเชอื่ สรา้ งตามคตคิ วามเชอ่ื ทีว่ า่ เปรียบบรรณาลัยเป็นเสมอื นหอสมดุ เทียบได้กับหอไตรในพุทธศาสนสถาน๑๙ ไว้เก็บรักษาคัมภีร์ส�าคัญ ๆ ในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวะนิกาย ภาพ: โคปุระ หรือซุ้มประตู ท่ีมา: http://www.manager.co.th/travel/viewnews.aspx?NewsID=9560000098879

90 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๔.๖ โคปุระหรือ«ุ้มประต ู โคปุระหมายถึงประตูเมืองหรือทางผ่านเข้าออก จากโคปุระด้านทิศตะวันตก สามารถมองทะลผุ า่ นปรางประธานและกรอบประตู ๑๕ ชอ่ ง ถงึ โคปรุ ะทศิ ตะวนั ออกได๒้ ๐ คติความเชอื่ สร้างตามคติความเช่ือทวี่ ่า เพอื่ เป็นสัญลกั ษณก์ ารกัน้ อาณาเขต ระหว่างแดนมนุษย์กับแดนพระเจ้า ๔.๗ ระเบียงคต ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ยาวด้านละ ๖๖ เมตร ด้านตะวันออกและ ตะวันตกยาวด้านละ ๘๘ เมตร สร้างด้วยหินทราย ยกเว้นทิศเหนือสร้างด้วยศิลา แลง ระเบียงคตต่อเป็นก�าแพง ๒ ช้ัน ข้างในเป็นช่องทางเดินกว้าง ๑.๙๐ เมตร มี การกนั้ ห้องเปน็ ชว่ งๆ บางแห่งทา� เปน็ ประตูหลอกไว้ บางแหง่ ทา� เป็นช่องอากาศส�าหรบั มองลอดออกข้างนอกได้ หลังคาเป็นศิลาทรายสกัดเป็นทรงโค้ง มีบราลีท�าด้วยศิลา ทรายกลึงติดต้ังไว้บนหลังคาเป็นระยะๆ

วิเคราะห์คติความเช่ือการสร้างปราสาท 91 คติความเช่ือ สร้างไว้ส�าหรับการท�า ทักษิณาวรรต และอุตราวรรต ทักษิณาวรรตคือการเดินเวียนขวาเพื่อท�าความเคารพเทพเจ้าท่ีสถิตอยู่บนปราสาทแห่ง น้ัน มีองค์พระศิวะ เป็นต้น ส่วน อุตราวรรต คือการเดินเวียนซ้าย เป็นการถวายความ เคารพองค์ต่อศพของบรรพบุรุษของผู้สร้าง๒๑ หรือแม้กระทั่งผู้สร้างเองผู้ล่วงลับไปแล้ว ก็จะมาสถิตอยู่เป็นองค์เดียวกันกับพระศิวะ ตามคติความเชื่อของศาสนาฮินดู ๔.๘ บาราย (สระน้�า) ตง้ั อยทู่ างดา้ นตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของปราสาทหา่ งจากถนนหนา้ ปราสาทออก ไปประมาณ ๕ เมตร มีสระน้�าอยู่ ๓ สระ เรียกว่า สระไทร สระใหญ่ และสระบน ขอบกรุด้วยศิลาแลง มีน�้าขังตลอดป‚ ท่ีหน้าปราสาทก่อนถึงซุ้มประตูยังมีสระเล็กๆ อีก ๔ สระ ข้างละ ๒ สระ กรุด้วยศิลาทราย คงใช้ขังน้�าไว้ใช้บริโภค ล้างมือ ล้างหน้า ก่อนเข้าสวดมนต์ คตคิ วามเชอ่ื การสรา้ งบาราย มที ง้ั คตคิ วามเชอ่ื และประโยชนใ์ ชส้ อย ประโยชน์ ใช้สอบ มี ๒ ประการ คือ (๑) เพื่อการใช้น�้าในการอุปโภคและบริโภค (๒) เพื่อ

92 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ป้องกันการรุกรานจากศัตรูภายนอกก่อนที่จะเข้าสู่เขตภายในต้องผ่านสระน้�าก่อน ส่วนคติความเชื่อทางศาสนาฮินดู เชื่อว่าเป็นการจ�าลองมหาสมุทรท่ีล้อมรอบจักร๒๒ และเป็นสถานท่ีเกิดของสรรพสิ่งท้ังหลายด้วย ๔.๙ เนินพลับพลา ด้านหน้าปราสาทห่างจากทางขึ้นสู่ปราสาทประมาณ ๕๐ เมตร มีเนินกว้าง ประมาณ ๑๕๐ x ๕๐ เมตร ทางทิศตะวันออกมีบันไดศิลาแลงลงสู่พ้ืนชั้นต�่าได้ ๙ ช้ัน ทางทิศตะวันตกมีอัฒจันทร์ ๓ ชั้น ทอดยาวตามสันเนินดิน ถัดจากอัฒจันทร์ ไปมีศาลาเป็นแนวหินเรียงเป็นรูปกากบาท๒๓ คติความเชื่อ สร้างไว้เพ่ือเป็นท่ีพักและเตรียมการในพิธีส�าคัญ๒๔ หลังจาก เดินทางไกลต้องมีการพักให้หายเหนื่อย ก่อนที่จะไปท�ากิจกรรมอย่างใดอย่างหน่ึงใน เนื่องปราสาท ไม่ว่าจะเป็นการพักเพื่อเตรียมความพร้อม หรือพักเพื่อให้หายเหน่ือย หรือการจัดเตรียมเครื่องบวงสรวงให้เรียบร้อย ๔.๑๐ ธรรมศาลา มีช่ือตามทะเบียนโบราณสถานว่าโรงช้างเผือกพนมรุ้ง๒๕ ห่างจากถนนหน้า ปราสาทไปทางทิศเหนือประมาณ ๓ เมตร สร้างด้วยหินทรายและศิลาแลงปนกัน หัน หน้าไปทางทิศใต้สู่ถนนข้ึนปราสาท ตรงกลางยกพ้ืนสูง ๑ เมตร กว้าง ๖.๔๐ x ๒๐.๔๐ เมตร มีมุขย่ืน มีชานชาลา มีทางขึ้นลง มีระเบียงคตล้อมรอบทั้ง ๓ ด้าน๒๖ ช่องว่างทางเดินภายในระเบียงคตกว้าง ๔.๓๐ เมตร ถัดจากระเบียงคตไปมีก�าแพง ศิลาล้อมรอบ ๓ ด้าน อาคารหลังน้ีใช้เป็นท่ีพักเปล้ืองเคร่ืองทรงของกษัตริย์ และจัด กระบวนเสด็จก่อนที่จะเสด็จข้ึนไปประกอบพิธีบนปราสาทเขาพนมรุ้ง๒÷ คติความเช่ือ ต่างจากความเช่ือที่เนินพลับพลา ตรงท่ีธรรมศาลาเป็นท่ีพัก เพื่อเตรียมความพร้อมส�าหรับกษัตริย์ ผู้ที่จะเข้าไปประกอบพิธีเท่านั้น เพราะกษัตริย์มี เคร่ืองหรือขบวนใหญ่ จึงต้องใช้ธรรมศาลา และเป็นการแบ่งเขตแดนระหว่างชนช้ัน ท่ัวไปกับผู้ปกครองอย่างชัดเจน

วิเคราะห์คติความเชื่อการสร้างปราสาท 93 ๔.๑๑ ถนนหน้าปราสาท ถนนสายนี้ปูด้วยศิลาทรายและศิลาแลง เริ่มต้นจากฐานพลับพลาตัดตรงไป จรดสะพานนาคราช ถนนยาว ๑๖๐ x ๗ เมตร ขอบถนนมีเสานางเรียงหรือเสา เทียน๒๘ เป็นเสาหินทรายยอดคล้ายดอกบัวตูม สูง ๑.๖๐ เมตร จ�านวน ๖๘ ต้น ตั้งเรียงกันเป็นระยะ ๆ ตรงกันท้ัง ๒ แถว๒๙ คติความเชื่อ เป็นเขตแดนในการจัดขบวนพิธีต่าง ๆ ให้เกิดความสวยงาม เกิดความศักด์ิสิทธ์ิ เสานางเรียงเป็นประดุจ การปักธงหรือการประดับบริเวณเขตแดน พิธี เพ่ือเป็นการบูชาองค์เทพเจ้าที่ประทับ ณ ปราสาทแห่งนี้ ให้สมพระเกียรติ ๔.๑๒ สะพานนาคราช เป็นสะพานเชื่อมระหว่างถนนกับบันไดนาคราช ก่อด้วยหินทรายเป็นรูป กากบาท ยกพื้นสูง ๑.๕๐ เมตร มีบันได ๓ ชั้น อยู่ท้ัง ๓ ทิศทาง ราวสะพานท�า เป็นล�าตัวพญานาค ปลายสุดของสะพานทุกชั้นจะสลักเป็นเศียรนาค ๕ เศียร แผ่ พังพานมีรัศมีรอบเป็นแผ่นเดียวกัน กว้าง ๖.๒๐ x ๒๐ เมตร เสาสะพาน และราว สะพาน ลว้ นสลกั ลวดลายประณตี สวยงามทกุ สว่ น ตรงกลางสะพานสลกั เปน็ รปู ดอกบวั บาน๓๐ ก�าหนดเป็นจุดศูนย์กลางของพิธีกรรมบางอย่าง๓๑ ท่ีผู้มาท�าการบูชา ตั้งจิต อธษิ ฐาน จากสะพานนาคราชชน้ั ท่ี ๑ มบี นั ไดจา� นวน ๕๒ ชนั้ ขนึ้ ไปยงั ลานยอดเขา๓๒ คติความเชื่อ ในการสร้างหรือสลักรูปนาคและรูปดอกบัวน้ัน มีความหมายดัง ต่อไปนี้ นาคตามต�านานพื้นเมืองเขมรเล่าว่า ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรเขมรมาจาก ดินแดนอื่น ต่อมาได้เสกสมรสกับธิดานางนาค ตั้งเป็นบ้านเมืองขึ้น ด้วยเหตุน้ี ชาว เขมรจึงถือว่าพญานาคเป็นผู้ดูแลรักษาอาณาจักรและคุ้มครองศาสนสถาน ซึ่งอาจเป็น เหตุหน่ึงที่มักพบรูปพญานาคประดับอยู่ตามปราสาทหินเขมร ตามคติดังเดิมท่ีรับมาจากอินเดีย ถือว่าพญานาคเป็นผู้ให้ให้น�้าเพื่อสร้าง ความชุ่มชื่นแก่โลก มีถิ่นท่ีอยู่ทั้งใต้ดินและบนฟ้า๓๓ เป็นท้ังผู้ปกปักรักษาราชอาณาจักร และในขณะเดียวกันก็เป็นผู้ปกป้องคุ้มครองศาสนสถานไปพร้อมกัน๓๔

94 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม นาคท่ีอยู่ใต้ดินอาศัยอยู่นาคพิภพที่เป็นวังบาดาล มีความงามเทียบเทียม สรวงสวรรค์ส่วนนาคที่อยู่บนฟ้าเป็นผู้ให้น�้า บันดาลสายฝนให้ตกลงมายังโลก การที่ นาคอาศัยอยู่ท้ังใต้ดินและบนท้องฟ้า แสดงให้เห็นว่านาคมีภาวะอยู่ท้ังบนพื้นโลกและ บนสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ ประติมากรรมรูปนาคตามราวสะพานหรือราวบันไดท่ีทอดเข้าสู่ ศาสนสถาน จึงเป็นสัญลักษณ์สะพานท่ีทอดจากโลกมนุษย์สู่ดินแดนของเทพเจ้าบน สรวงสวรรค์ เชน่ เดยี วกบั ความเชอื่ ในบางทอ้ งทข่ี องอนิ เดยี ทว่ี า่ รงุ้ กนิ นา้� ๒ ตวั เปรยี บ ประดุจล�าตัวของนาคเช่ือมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับสรวงสวรรค์หรือโลกของเทพเจ้า และยังหมายถึงการเดินทางของเทพเจ้าไปสู่ท้องฟ้า๓๕ อีกคติความเช่ือ เป็นการแสดง เรื่องราวท่ีพญานาคได้อุทิศตนเองนอนทอดเปน็ สะพานให้คนเหยียบย้า� เข้าสศู่ าสนสถาน ทั้งฝ่ายพุทธและพราหมณ์ โดยหวังอานิสงส์ท่ีจะเกิดในภพภูมิของมนุษย์ในชาติต่อไป๓๖ รูปดอกบัวแปดกลีบ มีความหมายดังต่อไปน้ี ๑. หมายถึง เทพประจ�าทิศท้ังแปด ในศาสนาฮินดู๓÷ ๒. ดอกบวั ไมเ่ ปอœ„ นโคลน เปรยี บเสมอื นกา� เนดิ อนั บรสิ ทุ ธแ์ิ ละอมตะของสรรพชวี ติ ๓. เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าและพระเทวีในศาสนาฮินดูหลายองค์ เช่น เทวีแห่ง ดอกบัว ได้แก่พระนางลักษมี ชายาพระวิษณุ พระนางเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี และความม่ันคง อีกทั้งยังเป็นประธานแห่งความอุดมสมบูรณ์ อัญมณี และโลหะมีค่าที่ อยู่พื้นดินทั้งปวง ๔. พระพรหม เป็นผู้ถือก�าเนิดจากนาภีของพระวิษณุเม่ือครั้งสร้างโลก เม่ือ พระวิษณุทางท�าสมาธิเพ่ือสร้างระเบียบแก่จักรวาล ก็บังเกิดดอกบัวผุดออกจาก พระนาภี บนดอกบัวมีพระพรหมประทับอยู่เพื่อสร้างสรรพส่ิงบนโลกข้ึนอีกครั้ง๓๘ ในดอกบัว ๘ กลีบ ยังสลักล้อมรอบด้วยยันต์ ขีดเป็นคู่ขนานกันไปกับราว สะพานหัวยันต์ขมวดเป็นรูปกลีบบัว ยันต์มีไว้ส�าหรับบวงสรวงและประกอบพิธีเพ่ือ ความส�าเร็จ เช่น ปราบศัตรูรวมทั้งป้องกันภยันตรายท้ังปวง ท่ีส�าคัญยังหมายถึงการ เป็นสัญลักษณ์แห่งศูนย์กลางของจักรวาลกึ่งกลางพอดี เป็นจุดก�าหนดท่ีผู้มาท�าการ บูชาเทพเจ้าต้ังจิตอธิษฐานขอความคุ้มครองจากเทพเจ้า หรือการขอพรอันศักด์ิสิทธ๓ิ์ ๙

วิเคราะห์คติความเช่ือการสร้างปราสาท 95 ๔.๑๓ บันไดขึ้นสู่ปราสาท สร้างด้วยหินทราย ตั้งอยู่ต่อจากสะพานนาคราชช่วงแรกเป็นทางเดินขึ้นไปยัง ลานบนยอดเขา มีขนาด ๑๖ x ๕๒ เมตร สูง ๑๐ เมตร มี ๕ ชั้น แต่ละช้ันมี ชานพักบันไดข้ึนปราสาท มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑÷๔๐ คติความเชื่อ บันไดข้ึนปราสาท ๕ ช้ัน หมายถึง การบูชาองค์ศิวเทพสูงสุด ในศาสนาฮนิ ดไู ศวนกิ าย ซง่ึ ศาสนกิ หรอื ผนู้ บั ถอื สามารถเขา้ ถงึ พระองคไ์ ดด้ ว้ ยการปฏบิ ตั ิ ที่องค์พระศิวเทพทรงโปรดปราน ๕ วิธี ดังนี้ ๑. การบูชา สวดมนต์ด้วยบทสวดประจ�าวัน ๒. การบวงสรวง สังเวย และการบูชาไฟ ๓. การให้ทาน ๔. การถือศีลบ�าเพ็ญพรต ปฏิบัติสมาธิ ๕. การสวดมนต์บูชาเทวรูป บูชาไฟ หรือการปฏิบัติต่อพราหมณ์ด้วยการ รับใช้ ๑๕ ประการ นอกจากน้ียังหมายถึง บทสวดท่ีพระศิวมหาเทพท่ีได้ทรงก�าหนดบทสวดให้ พระวิษณุและพระพรหมน�าไปสวดเพื่อระลึกถึงองค์พระศิวเทพ บทสวดน้ีคือ โอมการ หรือ อักษร โอม อันแบ่งออกเป็น ๕ พยางค์อันมีท่ีมาต่างกันดังนี้ ๑. อ มาจากพระพักตร์ทิศเหนือของพระศิวะ ๒. โอ มาจากพระพักตร์ทิศตะวันตกของพระศิวะ ๓. ม มาจากพระพักตร์ทิศใต้ของพระศิวะ ๔. (พินทุ) มาจากพระพักตร์ทิศตะวันออกของพระศิวะ ๕. เสียง นาท คือเสียงท่ีไม่อาจเข้าใจได้ลึกซ้ึงมาจากพระพักตร์ตรงกลางของ พระศิวะ มนต์ นี้ยังเป็นที่มาของมนต์ ๕ พยางค์ คือ นมศฺศิวาย และมนต์นี้เป็นเหตุ ให้พระแม่ท้ัง ๕ อุบัติข้ึน คือ

96 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๕.๑ พระแม่ศิโรมนต์ ๕.๒ พระแม่ลักษมี ๕.๓ พระแม่สรัสดี ๕.๔ พระแม่อุษา ๕.๕ พระแม่กายตรี๔๒ ๔.๑๔ ชานบันไดและท่ีต้ังปราสาท ช้ันสูงสุดมีชานบันไดปูด้วยหินทราย กว้าง ๖.๒๕ x ๑๖ เมตร บริเวณนี้ เป็นท่ีต้ังขององค์ปราสาท รอบองค์ปราสาทเป็นท่ีว่างซึ่งก่อด้วยศิลาเป็นเขื่อนกันพัง บริเวณด้านทิศตะวันออกยาว ๑๘.๕๐ เมตร ทิศตะวันตกยาว ๒๓.๕๐ เมตร ทิศเหนือยาว ๑๕ เมตร ทิศใต้ยาว ๑÷.๘๐ เมตร๔๓ คติความเช่ือ หมายถึงการสวดมนต์บูชาเทวรูป บูชาไฟ หรือการปฏิบัติต่อ พราหมณ์ด้วยการรับใช้ ๑๕ ประการ คือ ๑) อาวหนะ เช้ือเชิญ ๒) อาสนะ จัดท่ี น่ังให้ ๓) อรฆยะ ให้น�้าด่ืม ๔) ปาทยะ ล่างเท้าให้ ๕) อาจมนะ ให้น้�าบวนปาก ๖) อภยังคสนาม ให้น�้ามันทาตัว ๗) คันธะ ให้ของหอม ๘) ปุษปะ ให้ดอกไม้ ๙) พดี ให้ธูปหอม ๑๐) ทีปะ ให้เทียน ๑๑) นิเวทนะ ให้อาหาร ๑๒) นิราชนะ ให้ แสงสวา่ ง ๑๓) ตน้ พลู ใหใ้ บพลู ๑๔) มนสั การ กราบไหว้ ๑๕) วสิ รชน สวดคา� สดดุ ๔ี ๔ ความหมายและคติความเชื่อเก่ียวกับประติมากรรมรูปภาพแกะสลักหรือรูปปัœน ต่าง ๆ ท่ีปรากฏอยู่ท่ัวไปของตัวปราสาทหรือเพ่ือประดับให้เกิดความสวยงามตามแบบ สถาปัตยกรรมก็ดี ล้วนมีความหมายและแฝงไว้ด้วยคติความเชื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องราว ของพระศิวะทั้งสิน (๑) รูปพระศิวะ คติความเชื่อ หมายถึง เทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย และทรง เป็นเทพสูงสุดองค์หน่ึงในตรีมูรติ คัมภีร์ศิวปุราณะกล่าวว่า พระศิวะเป็นต้นก�าเนินของ สรรพสิ่งในจักรวาล พระองค์ทรงมีก�าเนิดจากหัวใจของพระศิวะอันสูงสุด๔๕

วิเคราะห์คติความเชื่อการสร้างปราสาท 97 (๒) รูปพระพรหม คติความเช่ือ หมายถึง เทพผู้สร้างโลกในตอนต้นของกัลปŠน้ัน๔๖ เป็นผู้รักษา ทิศเบื้องบน ประทับนั่งในท่ามหาราชลีลาเหนือแท่น มีหงส์ ๓ ตัวรองรับ บางคร้ังก็ เป็นพาหนะของพระวรุณเทพผู้รักษาทิศตะวันตก๔÷ (๓) รูปพระคเณศ มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น คณปติ (พระคเณศหรือพิฆเนศวร) ตามคติ ความเช่ือ หมายถึง เทพเจ้าแห่งอุปสรรค์มีเศรียรเป็นช้างและมีพระองค์อวบอ้วน๔๘ (๔) รูปพระวิษณุ คติความเช่ือ หมายถึง ทรงเป็นเทพเจ้าแห่งแสงสว่างตั้งแต่ยุคพระเวทได้ กลายเป็นเทพเจ้าสูงสุดของผู้นับถือลัทธิไวษณพนิกาย แต่ส�าหรับผู้ที่นับถือลัทธิไศว นิกาย พระองค์ทรงเป็นอีกรูปหนึ่งของพระศิวะ (เป็นรูปจ�าแลงของพระศิวะ ผู้ศึกษา) โดยท่ัวไปน้ัน พระวิษณุทรงเป็นผู้บ�ารุงรักษาโลก และเป็นผู้ปกป้องมวลมนุษย์๔๙ (๕) รูปเทวสตรี คติความเชื่อ หมายถึง รูปเคารพในพุทธศาสนาลัทธิตันตระ อันได้แก่ รูปนางปรัชญาปารมิตา ซึ่งเป็นบุคลาธิษฐานของปัญญาอันสูงสุด๕๐ (๖) รูปศิวลึงค์ ที่ปราสาทพนมรุ้งนั้นได้ค้นพบศิวลึงค์ หลายองค์ซ่ึงมีขนาดหลายหลากกันอัน ประกอบด้วนส่วนท่ีส�าคัญสามส่วนซ้อนกัน ส่วนส�าคัญท้ังสามน้ีมีคติความเชื่อหรือมี ความหมายถึงเทพเจ้าที่ส�าคัญสามองค์มีช่ือเรียกว่า ตรีมูรติ ๑. ส่วนล่างสุดเป็นรูปส่ีเหลี่ยมจัตุรัสเรียกว่า พรหมภาค หมายถึง พระพรหม คือผู้สร้าง ๒. ส่วนท่ีสองซ่ึงเป็นส่วนกลางเป็นรูปแปดเหล่ียม เรียกว่า วิษณุภาค หมายถึง พระวิษณุคือผู้รักษา

98 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๓. ส่วนท่ีสามเป็นส่วนยอดรูปทรงกระบอก เรียกว่า รุทธภาค หรือ บูชาภาค หมายถึง พระรุทธหรือพระศิวะคือผู้ท�าลาย๕๑ (๗) รูปทวารบาล การสร้างทวารบาลเป็นการสร้างตามคติความเชื่อหรือความนิยมท่ีว่า เพื่อ ต้องการให้รูปดังกล่าวเป็นผู้เฝ้าศาสนสถาน มิให้ส่ิงชั่วร้ายท้ังหลายผ่านเข้ามาสู่ ศาสนสถานซ่ึงเป็นสถานท่ีอันศักดิ์สิทธิ์๕๒ แทน่ หนิ ทรายรปู สเ่ี หลย่ี มสลกั ภาพพระอคั นี หมายถงึ เทพผรู้ กั ษาทศิ ตะวนั ออก เฉียงใต้ ทรงแรดหรือระมาดเป็นพาหนะ แทน่ หนิ ทรายรปู สเ่ี หลย่ี มสลกั ภาพพระวรณุ เทพ หมายถงึ เทพผรู้ กั ษาทศิ ตะวนั ตก ทรงนาค ๕ เศียรเป็นพาหนะ แท่นหินทรายรูปส่ีเหลี่ยมสลักภาพพระอินทร์ หมายถึง เทพผู้รักษาทิศตะวัน ออก ทรงช้างเอราวัณเป็นพาหนะ แท่นหินทรายรูปส่ีเหล่ียมสลักภาพท้าวกุเวร หมายถึง เทพผู้รักษาทิศเหนือ ทรงคชสีห์เป็นพาหนะ แท่นหินทรายรูปสี่เหล่ียมสลักภาพพระอีสาน หมายถึง เทพผู้รักษาทิศตะวัน ออกเฉียงเหนือ ทรงโคเป็นพาหนะ แท่นหินทรายสลักเป็นรูปกระบือ หมายถึง พาหนะของพระพรหม เทพผู้รักษา ทิศเบ้ืองล่าง บางคร้ังก็ถือว่าเป็นเทพผู้รักษาทิศใต้ ส่วนแท่นหินทรายสลักเป็นรูปสิงห์ อันหมายถึงเทพผู้พิทักษ์รักษาศาสน สถาน๕๓ แสดงถงึ หนา้ ทคี่ วามรบั ผดิ ชอบ ทม่ี มี ากกวา่ บรรดาเทพพาหนะทง้ั ปวงทปี่ ระจา� อยู่ ณ สถานที่แห่งน้ี หรือเปรียบเสมือนเป็นแม่ทัพนายกอง ท่ีมีหน้าที่ในการคุมทหาร เพื่อรักษาเมืองสวรรค์แห่งนี้ไว้ ให้มีความปลอดภัยจากอันตรายท้ังหลาย เทพเหล่าน้ีประจ�าอยู่ท่ีเขาไกรลาสหรือเขาพระสุเมรุ เป็นการจ�าลองท้ังเขา ไกรลาสและเทพผู้พิทักษ์รักษาทิศต่าง ๆ ให้เห็นเป็นประจักษ์ เพ่ือสะท้อนคติความเช่ือ ของผู้สร้างเอง และผู้นับถือพระศิวะ หรือเพ่ืออุทิศถวายแด่องค์พระศิวะ

วิเคราะห์คติความเช่ือการสร้างปราสาท 99 (๘) หน้ากาล หน้ากาล หมายถึง ลวดลายหน้าสัตว์ในเทพนิยาย มีเฉพาะในหน้าท่ีดู คล้ายสิงห์ แต่ไม่มีขากรรไกรล่าง มักพบประดับอาคาร ศาสนสถานเนื่องในศาสนาฮินดู คา� วา่ กาลนน้ั ในความหมายหนงึ่ หมายถงึ เวลา มนี ยั วา่ เวลายอ่ มกลนื กนิ ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ ง ร่วมทั้งตัวของมันเองด้วย นอกจากนั้น ยังมีความหมายในลักษณะผู้ปกครองดูแลรักษามิให้ส่ิงช่ัวร้าย เขา้ ไปภายในอาคารศาสนสถานแลว้ ยงั มคี วามหมายโดยสมมตุ ถิ งึ ดนิ แดนสตั วห์ มิ พานต์ เชงิ เขาพระสเุ มรุ สอดคลอ้ งกบั คตกิ ารจา� ลองภมู จิ กั รวาลทถ่ี า่ ยทอดสศู่ าสนสถานดว้ ย๕๔ คติความเช่ือเก่ียวกับรูปสัตว์ คติความเช่ือเกี่ยวกับรูปสัตว์ที่ปรากฏตามจุดต่าง ๆ ของปราสาทขอม ทั้งใน ส่วนท่ีเป็นประติมากรรม รูปปัœน ลวดลาย เป็นต้น เหล่านี้ล้วนสร้างจากคติความเช่ือ เร่ืองทางศาสนาฮินดู พราหมณ์ พุทธ โดยเฉพาะอย่างย่ิง ความเช่ือเรื่องสัตว์ต่าง ๆ ท่ีอาศัยอยู่บนเขาพระสุเมรุหรือเขาไกรลาสซ่ึงเปรียบเสมือนดินแดนแห่งเทพเจ้าผู้ศักดิ์ มีดังนี้ (๑) โคนนทิ โคนนทิ (Nandi) ถือว่าเป็นพาหนะอย่างหนึ่งของพระศิวะ หรือมิฉะน้ันก็เป็น องค์พระศิวะในรูปของโค ซึ่งเป็นไปได้ทั้ง ๒ ความหมาย สาเหตุท่ีเลือกโคนนทิเป็นพาหนะของพระศิวะ มาจากคติความเช่ือที่ว่า สัตว์ ดังกล่าวมีพละก�าลังเข้มแข็งและมีลักษณะอันอุดมสมบูรณ์ ซ่ึงนามของโคนนทิก็มีความ หมายว่า โชคดีหรือความสุข๕๕ (๒) หงส์ หงส์เป็นนกน้�าในจินตนาการ มีกายสีขาวบริสุทธ์ิ กิริยาเย้ืองกรายสง่างาม ทั้งยังมีเสียงอันไพเราะก้องกังวาน ถือกันว่าหงส์เป็นสัตว์ประเสริฐ เฉลียวฉลาด และมีความสามารถแยกนมออกจากน้�าได้ หมายความว่าหงส์เป็นสัตว์ท่ีมีปัญญา สามารถแยกสิ่งท่ีดีออกจากสิ่งอันเป็นสามัญได้

100 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ด้วยเหตุที่หงส์อาศัยอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย ใกล้เขาไกรลาสอันเป็นที่สถิตของ พระศิวะ เม่ือประกอบกับสถานะเทพพาหนะของพระพรหม ซ่ึงมีวิมานอยู่บนพรหมโลก หงส์จึงเป็นสัญลักษณ์แสดงเขตแดนแห่งสวรรค์ด้วย ดังนั้น ลวดลายแนวหงส์บนปราสาทหินย่อมบ่งบอกให้ทราบว่า พ้ืนท่ีตอนบน เหนือแนวหงส์ขึ้นไปนั้นเป็นเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่เกิดข้ึนบนสรวงสวรรค์นั่นเอง๕๖ ในบรรดาสัตว์ที่เป็นพาหนะของเทพผู้รักษาทิศทั้งหลายน้ัน หงส์ถือว่าเป็นสัตว์ สูงศักดิ์ มีความสง่างาม เป็นที่ต้องการของเทพ เพ่ือจะน�ามาประดับบารมีของตน ดังนั้นหงส์จึงเป็นพาหนะของพระพรหมเทพผู้รักษาทิศเบ้ืองบน หรือเป็นพาหนะของ พระวรุณ (Varuna) เทพผู้รักษาทิศตะวันตก๕÷ (๓) ครุฑ ครุฑได้รับพรจากพระอินทร์ว่า ให้เหล่านาคเป็นอาหารของครุฑ ครุฑจึงคอย จับนาคกินเป็นอาหารต้ังแต่น้ันมา นอกจากครุฑจะเป็นพาหนะและผู้รับใช้พระวิษณุตาม คติศาสนาฮินดูลัทธิไวษณพนิกายแล้ว ตามคติจักรวาล ครุฑยังเป็นสัญลักษณ์ของ สวรรค์ และเป็นผู้พิทักษ์เขตแดนเชิงเขาพระสุเมรุด้วย๕๘ อาศัยอยู่ท่ีวิมานช่ือว่า ฉิมพลี หรือต้นไม้งิ้ว ใกล้ฝั›งมหาสมุทรทางทิศทักษิณของมัธยมประเทศ๕๙ (๔) รูปสิงห์ สิงห์จะเป็นด้านปราการที่จะปกป้องดูแลสถานที่หรือเทวะสถานส�าคัญ จึงมัก มีการสลักรูปสิงห์ไว้ ด้านหน้าหรือประตูทางเข้าของศาสนสถานน้ัน ๆ ให้เห็นเสมอ๖๐ งานศิลปกรรมรูปสิงห์พบทั่วไปในปราสาทหินเขมร ท้ังประติมากรรมลอยตัว ตรงเชิงบันไดทางข้ึนเทวสถาน หรือในลวดลายประดับตกแต่งบนแผ่นทับหลัง กรอบ ประตู สิงห์มีความหมายหลายประการ ดังต่อไปน้ี ๑. เป็นเจ้าแห่งสัตว์ทั้งหลาย เสียงค�ารามของสิงห์ท�าให้สัตว์อื่น ๆ หวาดกลัว จึงมักเปรียบเทียบว่าสิงห์เป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ มักเรียกพระสุรเสียงของกษัตริย์ ว่า สีหนาท หมายถึงเสียงท่ีมีอ�านาจบัญชาไปทั่วเขตแดน

วิเคราะห์คติความเช่ือการสร้างปราสาท 101 ๒. เป็นสัตว์สมมุติในเทพนิยาย ถือว่าเป็นสัตว์หิมพานต์ในแดนเหล่าเทพ สิงห์ในลักษณะนี้มีหลายประเภท เช่น เทพสิงห์ คชสิงห์ เป็นต้น ๓. เป็นสัตว์ประจ�าทิศร่วมกับช้าง และเป็นสัญลักษณ์ของความม่ันคง มี อ�านาจพิทักษ์ทางขึ้นเขาพระสุเมรุ ดงั นนั้ สงิ หใ์ นความหมายนี้ เปน็ สญั ลกั ษณข์ องเขตแดนสรวงสวรรค์ เชน่ เดยี ว กับหงส์และครุฑ๖๑ (๕) ช้าง ช้างเป็นพาหนะของท้าวสักกะ (sukka) หรือพระอินทร์ (Indra) เป็นองค์ เดียวกันแต่มีช่ือเรียกต่างกัน* เป็นเทพผู้รักษาทิศตะวันออก หรือเป็นช้างแห่งจักรวาล (Dinnaga) คือผู้รักษาทิศ๖๒ วรรณคดีสันสกฤตบางเล่มกล่าวถึงช้างประจ�าทิศท้ังแปด ได้แก่ ไอราวต ปุณฑริกะ วามนะ กุมุทะ อัญชนะ ปุษปทันตะ สารวเภามะ สุประติกะ ส่วนมหากาพย์รามายณะกล่าวถึงคติช้างค�้าจักรวาลว่า มีช้างยืนแบกโลกหรือ จักรวาลประจ�าทิศทั้งส่ี เรียกว่า ช้างแห่งจักรวาล โดยกล่าวถึงคร้ังที่โอรสของท้าว สาครออกติดตามหาม้าอุปการของพระราชบิดาที่หายไปว่า เหล่าโอรสติดตามลงไปถึง ใต้จักรวาล และพบว่ามีช้างแบกโลกอยู่ส่ีเชือก นอกจากน้ี ค�าว่า นาค ในภาษาสันสกฤตยังมีความหมายถึงช้างด้วย ถือกัน ว่าเป็นสัญลักษณ์ของน�้า และอาจหมายถึงเมฆฝน ซ่ึงเป็นแหล่งก�าเนิดของสรรพชีวิต ท้ังปวง๖๓ (๖) ระมาด ระมาด เป็นสัตว์พาหนะของพระอัคนี (Agni) เทพผู้รักษาทิศ ตะวันออกเฉียงใต้และเป็นเทพแห่งไฟ (Tejovati)๖๔ (๗) กระบือ กระบือ เป็นสัตว์พาหนะของพระยม (Yama) เทพผู้รักษาทิศใต้ และเทพผู้ตัดสินคดีภายในนรก๖๕

102 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม (๘) ม้า ม้าเป็นพาหนะของพระวายุ (Vayu) เทพผู้รักษาทิศตะวันตก เฉียงเหนือ๖๖ (๙) คชสีห์ คชสีห์เป็นพาหนะของพระกุเวร (Kuvera) เทพผู้รักษาทิศเหนือ๖÷ (๑๐) นางอัปสร นางอัปสร หรือเทพอัปสร แปลว่า ผู้เคล่ือนไหวในน�้า บางครั้งเรียกว่า สุรสุนทรี หรือวิทยาธร คมั ภรี ป์ รุ าณะของฮนิ ดเู ลา่ วา่ นางอปั สรเกดิ จากการกวนเกษยี รสมทุ รของเหลา่ ทวยเทพและอสูร เพ่ือให้ได้มาซ่ึงน้�าอมฤต โดยก่อนท่ีจะได้น�้าอมฤตนั้น บังเกิดสิ่ง ของมากมายหลายอย่าง หนึ่งในสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นคือนางอัปสรนับหม่ืนนับแสน ท้ังหมดล้วนเป็นหญิงงาม ประดับด้วยเคร่ืองถนิมพิมพาภรณ์อย่างอลังการ แต่ไม่มี เทวดาองค์ใดหรืออสูรตนใดยอมรับเป็นคู่ครอง ด้วยเหตุน้ี พวกนางจึงกลายเป็นของ กลาง มีหน้าทีขับกล่อมดนตรีและบ�าเรอกามให้แก่เหล่าเทพและอสูร นอกจากน้ี นางอัปสรยังมีหน้าที่น�าวิญญาณของวีรบุรุษท่ีตายในสนามรบข้ึน สู่สรวงสวรรค์ และถวายรายงานต่อเทพเจ้าด้วย การสลักภาพนางอัปสรไว้ตามผนังปราสาทหิน จึงมีความหมายหรือเป็น สัญลักษณ์การแสดงนัยว่า ปราสาทหินเป็นแดนแห่งสรวงสวรรค์ อันเป็นท่ีสถิตของ เหล่านางอัปสรและเทวดาท้ังหลาย๖๘ (๑๑) ธรรมศาลาและอโรคยศาลา พระเจ้าชัยวรมันที่ ÷ ทรงโปรดให้สร้างข้ึนเป็นศาสนสถานเพ่ือบูชาพระ พุทธศาสนานิกายมหายาน คือ ธรรมศาลาและอโรคยศาลาท่ัวทั้งราชอาณาจักร๖๙ เพราะมีคติความเช่ือว่า จะท�าให้ผู้สร้างมีอานิสงส์เป็นอันมาก ท�าให้เป็นคน มีอายุยืน ไม่มีโรคภัยเบียนเบียด สุขภาพร่างกายแข็งแรง สรุปคติความเชื่อเก่ียวกับการสร้างปราสาทขอม

วิเคราะห์คติความเชื่อการสร้างปราสาท 103 คติความเชื่อเกี่ยวกับการสร้างปราสาทขอมในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีจ�านวน ปราสาทมากมาย สามารถสรุปได้ดังต่อไปน้ี ๑. เพ่ือจ�าลองเขาไกรลาสหรือเขาพระสุเมรุอันเป็นที่อยู่ของเทพ ๒. เพื่อถวายแก่องค์พระศิวะเจ้าในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวะนิกาย ๓. เพ่ืออุทิศถวายให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว ๔. เพ่ือเป็นที่เก็บอัฐิของบรรพบุรุษและของผู้สร้างเองเมื่อคราวละสังขาร ๕. เพ่ือเป็นทีอ่ ย่ขู องดวงวิญญาณของผสู้ ร้างและการอย่รู ่วมกันเป็นหนึง่ เดยี ว กับองค์พระศิวะ ๖. เพื่อเป็นการประกาศเกียรติศักด์ิ และอ�านาจบารมีของผู้สร้างเองให้ปรากฏ แก่สายตาของคนทั่วไป ท่ีกล่าวมาทั้ง ๖ ข้อ ข้างต้น เป็นความหมายหรือคติความเชื่อเกี่ยวกับการ สร้างปราสาทพนมรุ้งและเมืองต่�าท่ีมีการสลักภาพแกะสลักรูปต่าง ๆ ส่วนปราสาทอื่น ๆ เป็นการสร้างเพื่อจุดประสงค์ดังต่อไปน้ี ๑. เป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนขนาดใหญ่ หรือเป็นที่พักขนาดใหญ่ก่อนขึ้นไปท�า พิธี บนเขาพนมรุ้ง ซึ่งสังเกตได้จากแหล่งน้�าขนาดใหญ่ หมายถึง ปราสาทเมืองต่�า ๒. เพ่ือเป็นที่พักระหว่างการเดินทาง ที่รักษาพยาบาลคนไข้ ที่เรียกว่า อโรคยศาล มีเป็นจ�านวนปานกลาง ๓. เพื่อเป็นท่ีพักค้างคืนช่ัวคราวระหว่างการเดินทาง มีจ�านวนมากที่สุด ๔. เพื่อเป็นท่ีพักชั่วคราวระหว่างการเดิน นั่งพักให้หายเหน่ือย นิยมเรียกว่า ปราสาทประเภทนว้ี า่ ปราสาทเกร่ (ปราสาทเตยี งหรอื ตง่ั ) เชน่ ทอี่ ทุ ยานภเู ขาไฟกระโดง เป็นต้น ๕. เพ่ือเป็นท่ีอยู่ของนักพรต นิยมเรียกว่า กุฎิฤาษี

104 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๖. ธรรมศาลาและอโรคยศาลา เพื่อบูชาพระพุทธศาสนานิกายมหายาน จากคติความเช่ือเร่ืองการสร้างปราสาทขอมในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ น�าไปสู่ คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งผู้ศึกษาจะได้ น�าเสนอรายละเอียดในบทท่ี ๔ ต่อไป

วิเคราะห์คติความเชื่อการสร้างปราสาท 105 เชิงอรรถ ๑ อรุณศักด์ิ ก่ิงมณี, ทิพยนิยายจากปราสาทหิน, (กรุงเทพมหานคร : ส�านักพิมพ์เมือง โบราณ, ๒๕๕๕), หน้า ๓๒. ๒ พระมหาถนัด อตฺถจารี, ท่องศิลานครแดนปราสาทขอม, (กรุงเทพมหานคร : นิติธรรม การพิมพ์, ๒๕๕๒), หน้า ๗๔. ๓ ผศ.ดร.สรเชต วรคามวิชัย, “พระศิวะอภิมหาเทพในอีสานใต้,” ในสมบัติอีสานใต้ คร้ังที่ ๔, (บุรีรัมย์ : วิทยาลัยครูบุรีรัมย์, ๒๕๓๔), หน้า ๘๐. ๔ เรื่องเดียวกัน หน้า ๓๓-๓๔. อรุณศักด์ิ กิ่งมณี, ทิพยนิยายจากปราสาทหิน, ๕ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๖. ๖ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙. ÷ ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้อง ถิ่นบุรีรัมย์, (บุรีรัมย์ : ม.ป.ท., ม.ป.ป.), หน้า ๗๖. ๘ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๖. ๙ อรุณศักดิ์ กิ่งมณี, ทิพยนิยายจากปราสาทหิน, หน้า ๕๕,๕๖,๕๘. ๑๐ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๗. ๑๑ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙. ๑๒ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๗. ๑๓ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙. ๑๔ ผศ.ดร.สรเชต วรคามวิชัย, “พระศิวะอภิมหาเทพในอีสานใต้,” หน้า ๘๕.

106 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๑๕ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ÷÷. ๑๖ ไกรภพ สาระกุล, เจาะอารยธรรมโบราณ ขอมพันปี, หน้า ๙๑. ๑÷ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙. ๑๘ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๙. ๑๙ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๗. ๒๐ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๗๗. ๒๑ พระมหาถนัด อตฺถจารี, ท่องศิลานครแดนปราสาทขอม, หน้า ๑๒๙-๑๓๐. ๒๒ อรุณศักด์ิ ก่ิงมณี, ทิพยนิยายจากปราสาทหิน, หน้า ๒๗. ๒๓ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๗-๗๘. ๒๔ ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ ฯ, หน้า ๗๙. ๒๕ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙. ๒๖ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๘. ๒÷ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙. ๒๘ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๘. ๒๙ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙. ๓๐ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๘. ๓๑ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๗๘.

วิเคราะห์คติความเช่ือการสร้างปราสาท 107 ๓๒ ไกรภพ สาระกุล, เจาะอารยธรรมโบราณ ขอมพันป‚, หน้า ๘๒. ๓๓ อรุณศักด์ิ กิ่งมณี, ทิพยนิยายจากปราสาทหิน, หน้า ๔๙-๕๑. ๓๔ ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์, ปราสาทพนมรุ้ง : ศาสนบรรพตที่งดงามท่ีสุดใน ประเทศไทย, หน้า ๒๕๕. ๓๕ อรุณศักดิ์ ก่ิงมณี, ทิพยนิยายจากปราสาทหิน, หน้า ๔๙-๕๑, และคณะกรรมการ ฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ, วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร ์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดบุรีรัมย์, (ม.ป.ท., ๒๕๔๒), หน้า ๖๖. ๓๖ พระมหาถนัด อตฺถจารี, ท่องศิลานครแดนปราสาทขอม, หน้า ๑๖๒. ๓÷ ไกรภพ สาระกุล, เจาะอารยธรรมโบราณ ขอมพันป‚, หน้า ๘๒, และคณะกรรมการ ฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ, วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๖๖. ๓๘ อรุณศักดิ์ กิ่งมณี, ทิพยนิยายจากปราสาทหิน, หน้า ๔๓-๔๕. ๓๙ คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ, วัฒนธรรมพัฒนาการทาง ประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๖๖. ๔๐ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๑๐. ๔๑ ผศ.ดร.สรเชต วรคามวิชัย, “พระศิวะอภิมหาเทพในอีสานใต้,” หน้า ๘๘. ๔๒ ผศ.ดร.สรเชต วรคามวิชัย, “พระศิวะอภิมหาเทพในอีสานใต้,” หน้า ๘๔. ๔๓ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๘. ๔๔ ผศ.ดร.สรเชต วรคามวิชัย, “พระศิวะอภิมหาเทพในอีสานใต้,” หน้า ๘๘. ๔๕ ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสด์ิ, ปราสาทพนมรุ้ง : ศาสนบรรพตที่งดงามที่สุดใน ประเทศไทย, พิมพ์ครั้งท่ี ๔ (กรุงเทพมหานคร : ส�านักพิมพ์มติชน, ๒๕๓๙), หน้า ๒๑๓, ๒๑๕.

108 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๔๖ ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสด์ิ, ปราสาทพนมรุ้ง : ศาสนบรรพตท่ีงดงามที่สุดใน ประเทศไทย, หน้า ๒๑๕. ๔÷ ส�านักโบราณคดี กรมศิลปากร, ปราสาทพนมรุ้ง, พิมพ์ครั้งท่ี ๕ (บุรีรัมย์ : โรงพิมพ์ วินัย, ๒๕๔๘), หน้า ๙๑. ๔๘ ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์, ปราสาทพนมรุ้ง : ศาสนบรรพตที่งดงามท่ีสุดใน ประเทศไทย, หน้า ๒๑๗. ๔๙ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๒๑๙. ๕๐ อ้างแล้ว, หน้า ๒๒๘. ๕๑ อ้างแล้ว, หน้า ๒๓๑. ๕๒ อ้างแล้ว, หน้า ๒๓๓-๒๓๔. ๕๓ ส�านักโบราณคดี กรมศิลปากร, ปราสาทพนมรุ้ง, พิมพ์ครั้งท่ี ๕ (บุรีรัมย์ : โรงพิมพ์ วินัย, ๒๕๔๘), หน้า ๙๑-๙๒. ๕๔ อรุณศักดิ์ กิ่งมณี, ทิพยนิยายจากปราสาทหิน, หน้า ๔๔, ๔๗. ๕๕ ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสด์ิ, ปราสาทพนมรุ้ง : ศาสนบรรพตท่ีงดงามท่ีสุดใน ประเทศไทย, หน้า ๒๔๓. ๕๖ อรุณศักด์ิ กิ่งมณี, ทิพยนิยายจากปราสาทหิน, หน้า ๔๗, ๔๙. ๕÷ ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสด์ิ, ปราสาทพนมรุ้ง : ศาสนบรรพตท่ีงดงามที่สุดใน ประเทศไทย, หน้า ๒๔๙. ๕๘ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๔๑,๕๓. ๕๙ พระยาสัจจาภิรมย์ (สรวง ศรีเพ็ญ), เทวก�าเนิด, พิมพ์คร้ังท่ี ๑๘ (กรุงเทพมหานคร : ส�านักพิมพ์อมรินทร์, ๒๕๕๖), หน้า ๑๓๔. ๖๐ ภควัต ปิตตาทะโน, “นา¯ยประดิษฐ์ : การศึกษาประติมากรรมภาพสลักปราสาท พนมรุ้งเพ่ือสร้างชุดการแสดง”, ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ๒๕๕๓), หน้า ๒๑๘.

วิเคราะห์คติความเช่ือการสร้างปราสาท 109 ๖๑ อรุณศักด์ิ กิ่งมณี, ทิพยนิยายจากปราสาทหิน, หน้า ๕๓. *ท่ีได้ชื่อว่า ท้าวสักะ เพราะเป็นผู้ให้ทานโดยความเคารพ ในสมัยท่ียังเป็นมนุษย์อยู่ ที่ ได้ช่ือว่า พระอินทร์ เพราะทรงเป็นใหญ่ในหมู่เทพแห่งช้ันดาวดึงส์ ๖๒ ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์, ปราสาทพนมรุ้ง : ศาสนบรรพตท่ีงดงามที่สุดใน ประเทศไทย, หน้า ๒๔๔-๒๔๕. ๖๓ อรุณศักด์ิ กิ่งมณี, ทิพยนิยายจากปราสาทหิน, หน้า ๕๕. ๖๔ ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสด์ิ, ปราสาทพนมรุ้ง : ศาสนบรรพตท่ีงดงามที่สุดใน ประเทศไทย, หน้า ๒๔๗-๒๔๘. ๖๕ ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสด์ิ, ปราสาทพนมรุ้ง : ศาสนบรรพตที่งดงามท่ีสุดใน ประเทศไทย, หน้า ๒๔๗-๒๔๘. ๖๖ ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์, ปราสาทพนมรุ้ง : ศาสนบรรพตที่งดงามที่สุดใน ประเทศไทย, หน้า ๒๕๐. ๖÷ ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสด์ิ, ปราสาทพนมรุ้ง : ศาสนบรรพตที่งดงามที่สุดใน ประเทศไทย, หน้า ๒๕๑. ๖๘ อรุณศักด์ิ กิ่งมณี, ทิพยนิยายจากปราสาทหิน, หน้า ๕๘,๖๑. ๖๙ ส�านักงานจังหวัดสุรินทร์, มหัศจรรย์เมืองสุรินทร์, (สุรินทร์ : โรงพิมพ์รุ่งธนเกียรติ ออฟเซ็ท, ๒๕๕๔), หน้า ๔๕.

110 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม

คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ 111 ๕ คณุ คาและอทิ ธพิ ลของกลุมปราสาทขอม ที่มีตอชุมชนในจงั หวดั บุรรี มั ย

๕.๑ คุณค่าของกลุ่มปราสาทขอมที่มีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ เป็น การน�ำข้อคิดเห็นท่ีได้จากการสัมภาษณ์ประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์ และน�ำมาอธิบาย เป็นความเรียง ในด้านต่าง ๆ ตามแบบสัมภาษณ์ ๕.๑.๑ ด้านเอกลักษณ์ คุณค่าด้านเอกลักษณ์ จังหวัดบุรีรัมย์ได้น�ำมาเป็นค�ำขวัญของจังหวัด คือ เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม จากค�ำขวัญดังกล่าว แสดง ให้เห็นถึงเอกลักษณ์ ประจ�ำจังหวัดบุรีรัมย์ คือ ทับหลังนารายณ์ ซ่ึงเป็นได้ท้ังคุณค่า ด้านจิตใจ เพราะท�ำให้ประชาชนในจังหวัดเกิดความภาคภูมิใจในถิ่นท่ีอยู่ของตน นอกจากน้ันยังมีคุณค่าด้านเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัด เกิดการท่องเที่ยวเพื่อชมความ งามของปราสาท และยังซื้อของที่ระลึกท่ีท�ำจ�ำลองเป็นรูปทับหลังนารายณ์อีกด้วย ในที่น้ีจะขอกล่าวถึงเฉพาะ ค�ำขวัญที่ว่า เมืองปราสาทหินเท่านั้น เพราะจะได้ตรงกับ งานวิจัย เมืองปราสาทหิน ที่ได้ชื่อว่า เมืองปราสาทหิน เพราะมีปราสาทหินมากมาย ท่ีสร้างมาตั้งแต่อดีตที่ถูกค้นพบและบางส่วนได้มีการข้ึนทะเบียนเป็นแหล่งโบราณสถาน และเป็นแหล่งศิลปกรรม๑ คุณค่าด้านเอกลักษณ์ของปราสาทหินมีมากมาย ในที่นี้จะ ได้น�ำเอาข้อความท่ีได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก มาเขียนเป็นความเรียง จากประเด็น และมุมมองของผู้ให้สัมภาษณ์ มีดังต่อไปนี้

คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมที่มีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ 113 ท�าให้คนพื้นท่ีเกิดความภาคภูมิใจในถิ่นก�าเนิด ดินแดนในแถบนี้มีความเจริญ รุ่งเรืองนับพันปี น�าไปสู่ความรัก ความภาคภูมิใจ ต่อถิ่นเกิด มีการสร้างสรรค์ส่ิงท่ีดี งามให้แก่สังคมและคนในท้องถ่ิน เป็นศูนย์วัฒนธรรมด้านความคิด มีผลต่อการพัฒนา ท้องถ่ิน เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิต เกิดความร่วมมือ เกิดพลังสามัคคีงานฝีมือ และอาชีพ๒ มีคุณค่าต่อชีวิตของคนในท้องถ่ินคือช่างฝีมือในท้องถ่ิน เช่น ช่างทอผ้าไหม ช่างทอเสือกก ช่างแกะสลักหินทราย และช่างศิลปะและการออกแบบสามารถน�า เอกลักษณ์ของปราสาทขอมท้ังด้านโครงสร้างทางสถาปัตยกรรม ด้านการแกะสลัก ลวดลายประดับหรือคติความเชื่อน�ามาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ท่ีเกิดลักษณ์ ประจ�าถิ่นได้๓ ที่ปราสาทเขาพนมรุ้งในรอบ ๑ ปี จะมีปรากฏการณ์พระอาทิตย์ขึ้น – ตก ตรง ๑๕ ช่องบานประตูของปราสาทหินพนมรุ้งอย่างน่าพิศวง ชาวบ้านจะเดินเท้าข้ึน มาเพ่ือชมความอลังการท่ีผสานระหว่างธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างของบรรพชน จาก เอกลักษณ์ดังกล่าวสอนให้พุทธศาสนิกชนในท้องถิ่นยึดถือปฏิบัติกันมาช้านาน คือ ละเว้นความช่ัว ท�าความดี ท�าจิตใจให้บริสุทธิ์ มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณค่าของโบราณสถานที่แสดงการรับรู้ หรือความเข้าใจถึงท่ีมา สถานที่ ตั้งชนชาติ ความเชื่อ ศาสนา ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของชุมชน โดยเฉพาะ เป็นที่รับรู้กันว่าเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์ ตลอดจนเป็นความภาคภูมิใจของ ชาวบุรีรัมย์๔ จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก�าหนดจัดงาน “ประเพณีข้ึนเขาพนมรุ้ง” ประจ�าปีในเดือนเมษายนของทุกปี ณ อุทยานประวัติศาสตร์ พนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เพ่ืออนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีโบราณอันเป็น เอกลักษณ์ และมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าให้คงอยู่สืบไป รวมท้ังเพ่ือส่งเสริม การท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ ด้วยปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นปราสาทหินเก่าแก่ศิลปะขอม ทรี่ งั สรรคจ์ ากภมู ปิ ญั ญาอนั แยบยลของคนโบราณ ทอี่ าศยั พนื้ ฐานตามความเปน็ ไปของ ธรรมชาติ จนก่อให้เกิดความอัศจรรย์ท่ีแสดงให้เห็นถึงความมีอัจฉริยะในการสร้าง ปราสาทหิน นั้นคือปรากฏการณ์ท่ีในรอบ ๑ ปี จะมีช่วงเวลาท่ีพระอาทิตย์ข้ึน – ตก

114 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ตรง ๑๕ ช่องบานประตูของปราสาทหินพนมรุ้งอย่างน่าพิศวง ด้วยความเชื่อนับพันปี ทปี่ ราสาทหนิ แหง่ น้ี เปน็ ศาสนสถานทส่ี รา้ งถวายแดอ่ งคพ์ ระศวิ ะเทพเจา้ สงู สดุ ในศาสนา ฮินดู ลัทธิไศวนิกาย บนเขาภูเขาไฟท่ีดับสนิทแล้ว๕ ศาสนสถานแห่งนี้จึงเปรียบเสมือน เป็นเคร่ืองหมายของศูนย์กลางแห่งจักรวาล อีกทั้งนายสมคิด เป็นรัมย์ ได้กล่าวว่าปราสาทขอมมีคุณค่าต่อวิถีชีวิตของ คนในท้องถ่ินเป็นอย่างมาก เช่น รูปทับหลังนารายณ์บรรทมศิลปŠ ท�าให้คนท่ัวโลกรู้จัก เม่ือเห็นภาพนารายณ์บรรทมศิลปŠแล้วนึกถึงจังหวัดบุรีรัมย์ท�าให้ผู้คนอยากมาเที่ยว มาพบเห็นด้วยตนเอง๖ อีกท้ังยังได้สร้างความศักดิ์สิทธ์ิ ความขลัง ให้กับสถานที่อย่าง ยิ่ง÷ มีคุณค่าต่อชีวิตของคนในท้องถ่ินคือช่างฝีมือในท้องถ่ิน เช่น ช่างทอผ้าไหม ช่าง ทอเสือก ช่างแกะสลักหินทราย และช่างศิลปะและการออกแบบสามารถน�าเอกลักษณ์ ของปราสาทขอมทงั้ ดา้ นโครงสรา้ งทางสถาปตั ยกรรม ดา้ นการแกะสลกั ลวดลายประดบั หรือคติความเชื่อน�ามาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ท่ีเป็นเอกลักษณ์ประจ�าถ่ินได้๘ สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของอาจารย์พิพัฒน์ ว่าเป็นการสร้างความภาคภูมิใจแก่ ชุมชนและคนในท้องถ่ิน ได้เห็นถึงความสามารถของบรรพบุรุษท่ีสามารถสร้างสรรค์ งานสถาปัตยกรรมที่มเี อกลกั ษณ์ และเป็นสญั ลักษณข์ องจังหวดั ตลอดจนใช้เป็นสถาน ที่ศึกษาเรียนรู้ของผู้ที่สนใจทางประวัติศาสตร์ศิลปะ และศาสนาความเช่ือได๙้ อีกทั้งยัง ท�าให้ทราบถึงความเจริญรุ่งเรืองของคนในอดีต ท่ีได้มีปราสาทท่ีนั่นย่อมแสดงถึงความ อุดมสมบูรณ์ ความมั่งค่ัง และแสดงให้เห็นถึงกลุ่มชาติพันธ์ของคนในอดีตตรงตาม สันนิษฐาน ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะต่อ เช่น รูปแบบของปราสาทแต่ละแห่ง๑๐ อาจารย์สมบัติ ประจญศาสนต์ กล่าวว่ามีการน�าสัญลักษณ์รูปแบบ มาผลิต เป็นสินค้า ของที่ระลึก เช่นปราสาทหินจ�าลอง พิมพ์ลวดลาย ปราสาท เส่ือถักทอ และอ่ืน ๆ๑๑ อีกทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์เพ่ิมพูนความรู้ความสามรถที่ จะต้องมีการสืบสานอนุรักษ์ให้คงอยู่ตลอดไป๑๒ และยังเป็นท่ีน่าเชื่อถือได้ มีความเด่น ชัดเป็นที่น่าศึกษามีแบบมีแผนตามประวัติศาสตร์มีคุณค่าต่อวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น อย่างมากมาย เช่น วัฒนธรรม ความเช่ือถือ ความสวยงาม ความอ่อนน้อม๑๓ สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของพระสุนทรธรรมเมธี ว่าเป็นท่ีเคารพนับถือต้ังแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน๑๔ สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของนายวิชัย สิมมาอ่อน ว่าปราสาท

คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมที่มีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ 115 เป็นสถานท่ีปฏิบัติกิจกรรมตามความเชื่อความเชื่อเป็นวิถีชีวิตของคนในชุมชน/ท้องถิ่น บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของการด�าเนินชีวิตของคนในอดีต-ปัจจุบัน๑๕ อีกทั้งยังมีคุณค่า ต่อวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นในแง่ของประเพณีวัฒนธรรมและความเชื่อของคนในท้อง ถ่ินซ่ึงมีความผูกพันระหว่างคนในท้องถ่ินกับปราสาทขอมสะท้อนให้เห็นถึงภูมิหลังของ คนในท้องถิ่นอย่างเห็นได้ชัด๑๖ ทั้งยังน�าเอารูปแบบของปราสาทขอมไปเป็นแบบในการ สร้างส่ิงก่อสร้างต่าง ๆ ตามแบบของปราสาทขอม เช่น ตามวัดต่าง ๆ พบสถานที่ ราชการ ตามชุมชนต่าง ๆ๑÷ และตัวปราสาทยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน เป็น ขวญั ใจของมวลชน ทา� ใหแ้ ตล่ ะคนมคี วามมนั่ ใจและเชอ่ื มน่ั ในความเปน็ ตวั ของตวั เอง๑๘ มีคุณค่าต่อชีวิตของคนในท้องถ่ินให้รู้สึกรักและผูกพันกับการท�าความดี๑๙ ๕.๑.๒ ด้านการศึกษา ตัวโบราณสถานจะมีคุณค่า เนื่องจากว่าไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร คุณค่าจึงอยู่ที่ตัวปราสาทและอยู่ที่ภาพแกะสลัก ที่เล่าเร่ืองราวความเป็นมา และเรื่อง ราวต่าง ๆ ด้วยภาพสลักเรื่องราวเหล่าน้ัน เราสามารถศึกษาเรื่องราวได้จาก ลวดลาย ภาพสลักเล่าเร่ืองราวต่าง ๆ ว่าในอดีตเขามีวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร มีความ เล่ือมใสศรัทธา ในศาสนาอะไร หรือมีพิธีกรรมอะไรในวิถีชีวิตของชุมชน ประวัติศาสตร์ ในท้องถิ่น ไม่ได้บันทึกเรื่องราวการสร้างปราสาท กระบวนการข้ันตอนในการสร้างเป็น อย่างไร การออกแบบใครเป็นผู้ออก ลวดลายที่สลักตรงน้ี ส่ือความหมายอะไร ไม่มี ใครบอก ฉะน้ัน ตรงนี้ นักโบราณคดี นักการศึกษา นักประวัติศาสตร์ ได้ท�าการศึกษา อ่านเร่ืองราวจากภาพแกะสลัก จากตัวปราสาท สถาปัตยกรรม รู้เร่ืองราวจากภาพ ตรงน้ัน การสร้าง วัตถุประสงค์ของการสร้าง จากภาพแกะสลัก สถาปัตยกรรม จาก ตัวปราสาท ภาพหน่ึงภาพสามารถแทนค�าบรรยายได้เป็นพันค�า เช่น ปุราณธัญกะท่ีสลัก อยทู่ ปี่ ระตกู อ่ นเขา้ ตวั ปรางคป์ ระธาน เปน็ เรอื่ งราวเกย่ี วกบั การทา� เกษตร ภาพนารายณ์ บรรทมสินธุ์ เก่ียวข้องกับความเช่ือเร่ืองการสร้างโลก สร้างจักรวาล ทุกอย่างท่ีเขา สร้างไว้มีความหมาย มีที่มาที่ไปท�าให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ความภาคภูมิใจ ความรัก ในท้องถิ่น ประเทศชาติ๒๐ จากจารึกที่ปราสาทหินพนมรุ้ง ท�าให้เราทราบถึง ประวัติศาสตร์ เหตุการณ์ที่กลุ่มชนโบราณประพฤติปฏิบัติอยู่ ท้ังวัฒนธรรม การศึกษา

116 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม การปกครอง ลักษณะตัวอักษรและวิวัฒนาการ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างย่ิงในด้านอักษร ศาสตร์๒๑ ในการศึกษาศิลปะขอมในประเทศไทย ได้ใช้การเรียกช่ือศิลปะอย่างเดียวกับ ศิลปะขอมในประเทศกัมพูชาเป็นหลัก ซึ่งในการก�าหนดอายุของปราสาทขอมนั้นได้แบ่ง ออกเป็น ๒ สมัยใหญ่ ๆ ได้แก่ สมัยก่อนเมืองพระนคร (พุทธศตวรรษท่ี ๑๑ - ๑๔) และสมัยเมืองพระนคร (พุทธศตวรรษท่ี ๑๔ - ๑๘) และแบ่งออกเป็นสมัยย่อยเรียก เป็นชื่อศิลปะแบบต่าง ๆ รวม ๑๔ แบบ ดังน้ี ก. สมัยก่อนเมืองพระนคร ๑. ศิลปะแบบพนมดา ราว พ.ศ. ๑๑๐๐ – ๑๑๕๐ ๒. ศิลปะแบบสมโบร์ไพรกุก ราว พ.ศ. ๑๑๕๐ – ๑๒๐๐ ๓. ศิลปะแบบไพรกเมง ราว พ.ศ. ๑๑๘๐ – ๑๒๕๐ ๔. ศิลปะแบบก�าพงพระ ราว พ.ศ. ๑๒๕๐ – ๑๓๕๐ ข. สมัยเมืองพระนคร ๕. ศิลปะแบบกุเลน ราว พ.ศ. ๑๓÷๐ – ๑๔๒๐ ๖. ศิลปะแบบพระโค ราว พ.ศ. ๑๔๒๐ – ๑๔๔๐ ๗. ศิลปะแบบบาแค็ง ราว พ.ศ. ๑๔๔๐ – ๑๔๗๐ ๘. ศิลปะแบบเกาะแกร์ ราว พ.ศ. ๑๔๖๕ – ๑๔๙๐ ๙. ศิลปะแบบแปรรูป ราว พ.ศ. ๑๔๙๐ – ๑๕๑๐ ๑๐. ศิลปะแบบบันทายสรี ราว พ.ศ. ๑๕๑๐ – ๑๕๕๐ ๑๑. ศิลปะแบบคลัง (หรือเกลียง) ราว พ.ศ. ๑๕๕๐ – ๑๕๖๐ ๑๒. ศิลปะแบบบาปวน ราว พ.ศ. ๑๕๖๐ – ๑๖๓๐ ๑๓. ศิลปะแบบนครวัด ราว พ.ศ. ๑๖๕๐ – ๑๗๒๐ ๑๔. ศิลปะแบบบายน ราว พ.ศ. ๑๗๒๐ - ๑๗๘๐๒๒ ช่วยให้คนรุ่นหลังได้รู้จักวิถีชีวิตและชาติก�าเนิดของตนเอง มีคุณค่าโดยตรง ต้ังแต่เริ่มศึกษาถึงประวัติความเป็นมา คติความเชื่อ และแนวคิดในการจัดวางผัง ต่าง ๆ ส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศในการเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศิลปวัฒนธรรม และด้านสถาปัตยกรรม เมื่อมีข้อมูลองค์ความรู้ที่ถูกต้องแล้วคนใน

คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมที่มีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ 117 ท้องถิ่นก็สามารถน�าไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์และตระหนักในคุณค่า๒๓ อีกทั้งยัง ใช้เป็นสถานที่เรียนรู้ทีสามารถสัมผัสได้หลายมิติ สัมผัสได้ถึงคุณค่าและได้เรียนรู้ถึง ความสามารถในด้านการก่อสร้าง (เทคนิค) และการประดับตกแต่งช่างฝีมือชั้นสูง น�ามาซึ่งองค์ความรู้ของช่างสมัยก่อน๒๔ เพื่อตระหนักถึงความส�าคัญและคุณค่าของ ภูมิปัญญามรดกทางวัฒนธรรมท้องถ่ิน มีความรู้ ความเข้าใจ และเกิดความซาบซ้ึงใน ศลิ ปวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ของตน และสามารถเผยแพรแ่ กส่ าธารณชนดว้ ยความภาคภมู ใิ จ ในด้านสถาปัตยกรรมและประติมากรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม การ ท่องเที่ยวและการอนุรักษ์๒๕ มีคุณค่าต่อการศึกษารูปแบบของศิลปะยุคขอม ศึกษา เกี่ยวกับคติความเชื่อทางศาสนาเชื่อมโยงถึงยุคปัจจุบัน๒๖ คนในท้องถ่ินได้ศึกษาศิลปะ การก่อสร้างท่ีเป็นสถาปัตยกรรม/ศิลปกรรม เป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชนเกี่ยวกับโบราณ สถานและโบราณคดี เป็นแหล่งเรียนรู้เก่ียวกับวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ ค่านิยม จารีต ประเพณี พิธีกรรม และภูมิปัญญาของคนในชุมชน/ท้องถ่ิน๒÷ อีกท้ังยังเป็น แหล่งศึกษาเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ทั้งในเรื่องโบราณคดี สถาปัตยกรรม ภาพแกะ สลักในปราสาท นางอัปสรา ท�าให้เกิดการแสดงหลายชุดให้นักเรียนในบุรีรัมย์ได้น�าไป แสดงประกวดกับจังหวัดอ่ืน ๆ ได้อย่างงดงาม๒๘ ปราสาทขอมเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์สมัยพันกว่าปี บริเวณรอบ ๆ ปราสาทน้ีเป็นอาณาจักรขอมโบราณ มีภาษาพูด มีอาหารการกินท่ียังสืบมาถึงปัจจุบัน น้ี การละเล่นเกี่ยวกับพวกเขมรโบราณและงานบุญท่ีจัดกันอยู่ เช่น พิธีแซนโฎนตา คือ ประเพณีการไหว้ผีบรรพบุรุษ เป็นความเช่ือซึ่งมีอยู่หลายจังหวัดในอีสานใต้ จัดกัน ทุกบ้าน ท่ีบ้านใหม่ไชยพจน์เขียนเป็นหลักสูตร ส่วนท่ีเขากระโดงยังไม่ได้เขียนเป็น หลกั สตู ร ถา้ จะเขยี นเปน็ หลกั สตู รจรงิ ๆ กเ็ ขยี นได้ เพราะนอกจากจะเปน็ แหลง่ ปราสาท ขอมโบราณที่มีอยู่แล้วก็ยังมีของโบราณจริง ๆ อีกอย่างที่น่าศึกษาก็คือ คูเมืองเก่า ๆ มีการขุดล้อมเมืองโบราณอยู่หลายจุด เป็นเนินดินไว้ประกอบพิธีกรรมก็มี แต่ก็เห็นว่า เปน็ เนินดิน สร้างเนนิ ดินอยู่ใกล้ ๆ เช่น หว้ ยตลาดก็เห็นมีการสรา้ งเนนิ ดิน๒๙ ปราสาท ทุกแห่งมีคุณค่ามากเนื่องจากเป็นโบราณสถานเก่าแก่ เป็นศิลปะขอมในประเทศไทยที่ สา� คญั และมคี วามสมบรู ณม์ คี ณุ คา่ ทางสถาปตั ยกรรมสงู เปน็ แหลง่ ศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ จารึกโบราณ ศิลปะขอม สถาปัตยกรรม โบราณคดี๓๐ แสดงให้เห็นถึงความมานะ อตุ สาหะ ของการนา� กอ้ นหนิ ขนาดใหญม่ าเรยี งตอ่ กนั ไดอ้ ยา่ งสนทิ แลว้ ใชค้ วามสามารถ

118 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ในการแกะสลักก้อนหิน ให้เป็นลวดลายท่ีอ่อนช้อย เป็นสถานท่ีเรียนรู้ด้านศิลปวิทยา วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ (การเรียนรู้ด้านการปกครอง) ความเชื่อของชนชั้นปกครอง ในยุคเรืองอ�านาจต่าง ๆ การเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์) การก�าเนิดหิน แหล่ง หินชนิดต่าง ๆ ในท้องถิ่น ท�าให้ทราบอายุของปราสาทตามหลักวิทยาศาสตร์๓๑ เป็น องค์ความรู้ของคนในท้องถ่ิน และคนในต่างถ่ินที่ต้องการศึกษาหาความรู้ และส่งเสริม เยาวชนในท้องถิ่นให้ได้รับการศึกษาที่ดีข้ึน๓๒ ท่ีมา: https://picpost.postjung.com/262386.html#pic23 ๕.๑.๓ ด้านเศรษฐกิจ ในด้านเศรษฐกิจนั้นจังหวัดบุรีรัมย์มีค�าขวัญที่กล่าวไว้ว่าเป็น “เมืองปราสาท หิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม” บุรีรัมย์ คือดินแดนภูเขาไฟเมืองไทย และเป็นแหล่งรวมอารยธรรมขอมโบราณ จึงมีความส�าคัญในฐานะแหล่งท่องเท่ียวทาง ประวัตศิ าสตร์ นอกจากน้ีบุรรี มั ยย์ งั ไดร้ ับสมญานามว่าดนิ แดนปราสาทหิน อันมากมาย ไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรม โดยมีงานศิลปหัตถกรรมลือเลื่องคือผ้าไหมและผ้ามัดหม่ี นาโพธ์ิ จากการศึกษาของนักโบราณคดี พบหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์มาต้ังแต่ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยทวารวดี และท่ีส�าคัญที่สุด คือมีการค้นพบหลักฐานทาง

คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ 119 วัฒนธรรมของเขมรโบราณ ซึ่งมีท้ังปราสาทอิฐและปราสาทหินจ�านวนมากกว่า ๖๐ แห่ง รวมท้ังพบแหล่งโบราณคดีที่ส�าคัญ คือ เตาเผา ภาชนะดินเผา และภาชนะดิน เผาแบบท่ีเรียกว่า “เครื่องถ้วยเขมร” ซึ่งก�าหนดอายุได้ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๕ ถึง ๑๘ มีการจัดกิจกรรมและงานประเพณีข้ึนเขาพนมรุ้ง พธิ บี วงสรวงสง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ ชมดวงอาทติ ยข์ นึ้ ตรง ๑๕ ชอ่ งประตู ชมดวงอาทติ ย์ ตกตรง ๑๕ ช่องประตู นมัสการพระพุทธศรีพนมรุ้ง เจ้าพ่อปราสาททอง บวงสรวง ด้วยดอกบัวแปดกลีบ ชมขบวนแห่พระนางภูปตินทรลักษมี และขบวนแห่เทพพาหนะ ท้ัง ๑๐ ทิศ ชมการแสดงแสง-เสียง ชุด “พนมรุ้งมหาเทวาลัย” การจ�าหน่ายสินค้า หนึ่งต�าบลหน่ึงผลิตภัณฑ์ ประเพณีมหกรรมว่าวอีสานบุรีรัมย์ ชมการแข่งขันว่าวทุก ประเภทรอบคัดเลือกและรอบชิงชนะเลิศ แข่งขันการแกว่งแอก ขบวนแห่มหกรรมว่าว อีสานบุรีรัมย์ การจ�าหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน งานแข่งเรือยาว ประเพณี ชิงถ้วยพระราชทานจังหวัดบุรีรัมย์ ชมขบวนแห่ช้างพาเหรดอัญเชิญถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การแข่งขันเรือยาวกลางประเภทต่าง ๆ เช่น เรือยาว ใหญ่ประเภท ก. (๕๕ ฝีพาย) เรือยาวกลางประเภท ข. (๔๐ ฝีพาย) และเรือโลหะ (๓๘ ฝีพาย) การแข่งขันเรือ ยาวใหญก่ ับเรอื ยาวกลางเพื่อชงิ ความเป็นเจ้ายทุ ธจกั รลมุ่ น้า� มูล การแขง่ ขันช้างวา่ ยน�า้ ช้างแข่งกับช้าง และช้างว่ายน้�าแข่งกับคน การแข่งขันชกมวยทะเล เป็นต้น๓๓ มีการ น�ารูปปราสาทมาเป็นสโลแกนในการประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์ ท่ีมา: https://picpost.postjung.com/262386.html#pic23

120 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม คนบุรีรัมย์มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีบ้านเมืองน่าอยู่ และเป็นศูนย์กลางการท่อง เทยี่ วทางอารยธรรมขอม สรา้ งรายไดใ้ หแ้ กร่ าษฎร โดยการพฒั นาอาชพี ทางดา้ นเกษตร และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง การยกระดับสินค้าชุมชน การส่งเสริมทางด้านการท่องเท่ียว และกฬี า การชว่ ยเหลอื และสนบั สนนุ การพฒั นาโครงสรา้ งพนื้ ฐานในการประกอบอาชพี การศึกษา การสาธารณสุข การอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการ รักษาความสงบเรียบร้อย เพ่ือยกระดับคุณภาพชีวิตราษฎรให้ดีข้ึน มีแหล่งท่องเที่ยวที่ เป็นศูนย์กลางอารยธรรมขอม แหล่งโบราณสถาน โบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ แหล่ง ท่องเท่ียวทางธรรมชาติ และมีวัฒนธรรมประเพณีท่ีหลากหลาย เช่น ปราสาทเขา พนมรุ้ง ซึ่งมีปรากฏการณ์มหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรม ปราสาทเมืองต่�า ภูเขาไฟที่ ดับแล้วหลายลูก อุทยานแห่งชาติตาพระยา ประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง๓๔ ตัวโบราณสถานเหล่าน้ี จะแปรสภาพจากอาคาร มาเป็นแหล่งท่องเท่ียว การท่องเปรียบเสมือนกับฝน ท�าให้เกิดส่ิงอื่นตามมา เช่น ท�าให้คนในท้องถิ่นมีรายได้ มีกิจกรรมและการประกอบอาชีพ โรงแรม ร้านอาหาร ของที่ระลึก การจัดทัวร์ ไกด์ โฮมสเตย์ ที่พักท่ีอาศัย รวมไปถึง ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรม สามารถ น�ามาขายได้ เช่น การแสดงละครต่าง ๆ การท�าผลิตภัณฑ์ พวงกุญแจท่ีระลึก รูปจ�าลองทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ลวดลายภาพถ่ายพนมรุ้ง ภาพนารายณ์บรรทม สินธ์น�ามาสกรีนใส่เสื้อขายให้กับนักท่องเที่ยว ซ่ึงเป็นคุณค่าในเชิงเศรษฐกิจ ท่ีมีคุณค่า มากมายมหาศาล ปราสาทเปน็ ตวั โปรโหมด ใหค้ นมาทอ่ งเทย่ี ว มรี ายได้ ปหี นงึ่ ประมาณ ๑๐๐-๒๐๐ ล้านบาท คนท่ีอยู่ในละแวกน้ันจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย๓๕ ภาพ: ผลิตภัณฑ์ย้อมดินภูเขาไฟ เช่น ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ เส้ือผ้าชาย-หญิง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ท่ี ท�ารายได้ให้กับชุมชนบ้านเจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ในปัจจุบัน ท่ีมา: https://pantip.com/topic/33358781

คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ 121 จังหวัดบุรีรัมย์ ขึ้นช่ือเรื่องสถานท่ีท่องเท่ียวทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะ สถาปัตยกรรมหินแบบขอม ที่โด่งดังและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวรวมถึงธุรกิจท่อง เที่ยวมากท่ีสุด คือ ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่�า บริษัททัวร์มักจัดสถานที่ท่อง เท่ียวท้ังสองนี้ไว้ในทริปเดียวกัน ความส�าคัญ คือ มัคคุเทศก์ที่มีความรู้ทางด้าน ประวัติศาสตร์ศิลปะ โบราณคดีก็จะได้เปรียบมัคคุเทศก์ที่อบรมมาแบบรวม ๆ แต่ถ้า หากมัคคุเทศก์ ศึกษาข้อมูลเก่ียวกับสถาปัตยกรรมแบบขอมอย่างลึกซึ้งแล้ว ก็จะ สามารถน�าไปใช้กับสถาปัตยกรรมแบบขอมในที่อื่น ๆ ได้๓๖ ตัวปราสาทจะดึงดูนักท่อง เที่ยว ดังน้ัน วิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นจะถูกปรับตัวตาม เช่น เรื่องการจ�าหน่ายของที่ ระลึก อาหารหรือการค้าขายผ้าไหม ฯลฯ ท�าให้เศรษฐกิจดีข้ึน ประชาชนโดยรอบ ได้ รับผลประโยชน์เชิงการท่องเท่ียวทางวัฒนธรรมเกิดเป็นธุรกิจ Home stay สินค้าที่ ระลึก OTOP ส่วนประชาชนในจังหวัดได้รับผลประโยชน์คือเศรษฐกิจในจังหวัดดีขึ้น๓÷ ภาพ: ผลิตภัณฑ์พ้ืนบ้านท่ีถักลวดลายเป็นปราสาทขอม ที่มา: https://pantip.com/topic/33358781

122 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ภัทรานิษฐ์ จริยาโสวรรณ ให้สัมภาษณ์ว่า คนในท้องถ่ินได้ค้าขายแลกเปลี่ยน สินค้า เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางอารยะธรรมท่ีส�าคัญของภูมิภาค เกิดการ หมุนเวียนเงิน ทั้งในและต่างประเทศ คนในท้องถ่ินขายสินค้าได้ มีฐานะความเป็นอยู่ดี ขึ้น๓๘ อีกทั้งเป็นแหล่งท่องเท่ียวที่ท�าให้เกิดรายได้สู่ท้องถ่ิน ท�าให้คนในท้องถ่ินมีสภาพ ความเป็นอยู่ท่ีดีข้ึน คนในท้องถ่ินให้ความส�าคัญต่อปราสาท ท�าให้ปราสาทเป็นแหล่ง ทอ่ งเทยี่ วและทศ่ี กึ ษาทา� ใหเ้ ศรษฐกจิ ดขี น้ึ ๓๙ สอดคลอ้ งกบั การใหส้ มั ภาษณว์ า่ เปน็ สถาน ท่ีท่องเท่ียว ท�าให้คนในท้องถ่ิน มีรายได้เกิดข้ึนได้หลาย ๆ ด้าน หลาย ๆ อาชีพ เช่น การค้าขายของกินของใช้ ส่ิงประดิษฐ์ต่าง ๆ จากคนในท้องถ่ิน เพ่ือเป็นท่ีระลึก ให้แก่นักท่องเที่ยว ท�าให้เกิดรายได้ให้คนในท้องถิ่นรวมท้ังที่พักอาศัยต่าง ๆ อีกด้วย๔๐ อีกท้ังยังเป็นแหล่งท่องเท่ียวท่ีท�าให้แต่ละอ�าเภอที่มีปราสาทขอมมีช่ือเสียงท�าให้คนรู้จัก แวะมาเที่ยวชม ผู้คนในท้องถ่ินได้ค้าขายท�าให้มีรายได้พิเศษ ในแต่ละปีจะมีคนมา ท่องเที่ยวเป็นจ�านวนมาก๔๑ ท�าให้คนในท้องถ่ินมีรายได้จากการท่องเท่ียว มีอาชีพเกิด ข้ึน ประดิษฐ์ของท่ีระลึก ผ้า เครื่องจักรสาน รูปถ่าย ทับหลัง โปสเตอร์ ลายผ้า สร้างงาน สร้างอาชีพ มัคคุเทศก์ แหล่งขายของ เส้ือ อาหาร ของคนท้องถ่ิน ท่ีพัก ขันโตก ชมพระอาทิตย์ข้ึน มีบริการรถสองแถว๔๒ เมืองปราสาทหิน หมายถึง บุรีรัมย์มีปราสาทหินเขาพนมรุ้ง เป็นเอกลักษณ์ ของจังหวัด ถิ่นภูเขาไฟ หมายถึง บุรีรัมย์มีภูเขาไฟท่ีดับสนิทแล้วหลายแห่ง ผ้าไหมสวย หมายถึง บุรีรัมย์มีการทอผ้าไหมขึ้นช่ือ ท่ีอ�าเภอนาโพธิ์ รวยวัฒนธรรม หมายถึง บุรีรัมย์มีความเจริญทางด้านสังคม และเศรษฐกิจ

คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมที่มีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ 123 ภาพ: ผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกซึ่งถูกออกแบบโดยใช้สัญลักษณ์ปราสาทขอมเป็นลายประดับ ท่ีมา: http://www.bundanthai.com/th/news/18 ในด้านเศรษฐกิจน้ันจะเห็นได้ชัดเจนจากการต้ังสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ พีอีเอ (PEA จาก PEA มาเป็น BURIRAM UNITED) และสโมสรฟุตบอลจังหวัดบุรีรัมย์ (FC) ที่มีรูปปราสาทขอมเป็น ตราสัญลักษณ์ของสโมสรและติดท่ีเส้ือของนักฟุตบอล และท�าจ�าหน่ายให้กับบุคคลท่ัวไป ภาพ: เส้ือสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด

124 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๕.๑.๔ ด้านสังคม ปราสาทขอมที่มีต่อสังคมไทยที่เห็นชัดเจน คือ การนับถือพระพุทธศาสนาและ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยเฉพาะพระพุทธศาสนาได้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบันและมี อิทธิพลต่อการสร้างสรรค์งานศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ตลอดจนวิถีชีวิตของผู้คนบนผืน แผ่นดินไทย เช่น การสร้างสรรคพ์ ระพุทธรปู ทม่ี ีลกั ษณะเฉพาะของแต่ละสมยั และเจดีย์ รูปแบบต่าง ๆ เช่น เจดีย์ทรงดอกบัวตูมหรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ในสมัยสุโขทัย เจดีย์ ทรงลังกาท่ีได้รับอิทธิพลจากลังกาและ เจดีย์ทรงปรางค์ที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรม เขมร วรรณกรรมในพระพุทธศาสนา เช่น ไตรภูมิพระร่วง มหาชาติค�าหลวง ตลอด จนประเพณีต่าง ๆ ท่ีเก่ียวเน่ืองกับพระพุทธศาสนา เป็นต้น ศูนย์ร่วมจิตใจ คนในท้องถ่ินนับถือศาสนาพุทธ ตัวปราสาทสร้างในศาสนา พราหมณ์ ก่อนที่จะมาเป็นพุทธ มีรากเหง้าทางความเชื่อ โดยมีการนับถือทั้งผี ทั้งพุทธ ท้ังพราหมณ์ ผสมผสานกัน ในช่วงแต่ละปีชาวบ้านแถบนั้นจะมีการจัดงานประเพณีข้ึน เขาพนมรุ้ง ก่อนที่กรมศิลปากรจะมาเป็นเจ้าของครอบครอง พอกรมศีลปากรมาครอบ ครองท�าให้ชาวบ้านในแถบนั้นก็ไม่สามารถขึ้นไปประกอบพิธีกรรมได้ ความเช่ือ ความผูกพันเหล่าน้ันต่อตัวปราสาทขอมท่ีมีอยู่จึงค่อย ๆ สางสา จางลงไป ความเชื่อ เหล่านั้นสามารถควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคมและท้องถิ่นนั้นได้ เพราะมีเร่ืองเล่า ว่า ถ้าใครไปหยิบไปจับ หรือขโมยส่ิงของท่ีเก่ียวกับปราสาท จะมีวิญญาณมาตามทวง เอาส่ิงของคืนท�าให้คน ๆ น้ัน เจ็บป่วย ต้องไปประกอบพิธีบนบานศาลกล่าว การ แก้บน ซ่ึงเป็นตัวควบคุมผู้คนในสังคม ให้อยู่ในกรอบของศีลธรรมอันดีงาม เร่ืองเหล่า นี้ เป็นกุศโลบายอย่างดี เพราะบ้างเร่ืองในเชิงกฎหมาย บอกแล้ว ปรามแล้ว แต่คน จะไม่ค่อยเช่ือ แต่ถ้าเป็นส่ิงที่มองไม่เห็น พิสูจน์ไม่ได้ไม่รู้ว่าจะเกิดตอนไหน และถ้าเกิด ขึ้นมา คนทั้งหลายก็จะอ้างว่า ครั้งหน่ึงเคยไปท�าสิ่งน้ันสิ่งน้ี จึงท�าให้วิญญาณติดตาม มาทวง คนก็จะเช่ือว่าเป็นวิญญาณ ท�าให้เกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าท่ีจะไปท�าลาย โบราณสถานในเชงิ สญั ลักษณ์ คนในสงั คมจะท�าการกราบไหว้บชู าที่มตี ่อเทพเจา้ ถือว่า เป็นของศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่อยู่อาศัยของเทพเจ้า เทวดา๔๓

คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมที่มีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ 125 ๕.๑.๕ ด้านการเมือง การอ้างเอาพื้นที่พื้นถ่ิน ท�าให้เหมารวมเอาว่าเป็นกลุ่มชนอารยธรรมเดียวกัน คือขอม อ้างว่าเป็นลูกเจ้าพ่อ เจ้าแม่พนมรุ้งเหมือนกัน เซาะกราวเหมือนกัน เอามา อ้างเพ่ือสร้างความกลุ่มเดียวกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงให้คนเลือก คนท่ีลงสมัคร ว่าเป็นคนกลุ่มเดียวกัน ท�าให้เกิดความม่ันใจแก่ชาวบ้านผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเกิด ความนิยมชมชอบ บางคร้ังมีการท�าสัญญาว่า ถ้าไม่เป็นไปตามท่ีให้สัญญาไว้ ขอให้มี อันเป็นไป ขอให้เจ้าพ่อ เจ้าแม่พนมรุ้ง ส่ิงศักดิ์สิทธ์ิในโบราณสถานมาลงโทษ อย่างน้ี ก็มี ท�าให้เกิดความม่ันใจ ว่าผู้สมัครจะท�าตามสัญญาที่ให้ไว้กับคนในท้องถิ่น การอ้าง อย่างน้ี มีท้ังระดับท้องถิ่น และระดับชาติ๔๔ ๕.๑.๖ ด้านสุนทรียะ คุณค่าด้านสุนทรียะ สถาปัตยกรรม ภาพแกะสลัก ลวดลายบนตัวปราสาทได้ สนองต่ออารมณ์ หรือความรู้สึกในแง่ความงาม จินตนาการ ความรัก ความโกรธ เป็นต้น๔๕ ศิลปะไทย เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันดีงามของชาติไทย ท่ีสะท้อนให้เห็น ถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ทางสังคม ความเช่ือ ประเพณี การแต่งกาย การละเล่น ตลอด จนสาระเรื่องราวอื่น ๆ ของแต่ละยุคสมัย อันเป็นเอกลักษณ์แห่งความเป็นไทยให้ ปรากฏในศิลปกรรมแต่ละประเภท คือศิลปะท่ีมองเห็นได้ คือทัศนศิลปŠนั่นเอง สุนทรียศาสตร์ ท่ีปรากฏในปราสาทขอม หมายถึง ความงามท่ีแฝงอยู่ในปราสาทแต่ละ แห่ง ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม รูปแบบของสุนทรียะ ส่วนมาก สร้างจากความเชื่อตามท่ีสังคมเห็นว่าดีงาม ดังน้ัน ศิลปะที่ปรากฏในแต่ละสมัย จึงมี ลกั ษณะทางสนุ ทรยี ะเฉพาะตน นอกจากนน้ั รปู แบบของศลิ ปะนน้ั เปลย่ี นแปลงได้ เพราะ ได้รับอิทธิพลจากรูปแบบของศิลปะ ในสังคมอื่น เช่น จากศิลปะในแถบเอเชีย และแถบ ตะวันตก ท้ังนี้เกิดจากการติดต่อไปมาหาสู่กันระหว่างกลุ่มชน จึงมีการแลกเปล่ียน วัฒนธรรมกนั กลุ่มชนทมี่ วี ัฒนธรรมสูงกว่ามศี ิลปะท่งี ดงามกวา่ มีเทคนคิ วธิ กี ารในการ สร้างงานที่ดีกว่า ก็จะถ่ายทอดท้ังความเช่ือและวิธีการสร้างศิลปะ ให้แก่ชุมชนที่มี วัฒนธรรมด้อยกว่าเสมอ

126 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม การออกแบบ รูปทรงต่าง ๆ สร้างด้วยหิน ดูแล้วเทอะทะ ดูแล้วอึดอัด แต่ไป ดูพนมรุ้ง ไม่มีความรู้สึกว่าอึดอัด มันมีความลงตัว มีความงามในตัว ลวดลายต�าแหน่ง ลงตัว สวยงาม ต้ังอยู่ในสถานที่ท่ีเหมาะสม มีสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม ตัวปราสาทเอง มีลวดลายต่าง ๆ ท่ีแกะสลัก อย่างเหมาะสม สวยงามลงตัว ก่อให้เกิดความงาม ด้านองค์ประกอบของภาพ ตัวรูปแบบ รูปทรง ลวดลายต่าง ๆ ท่ีเหมาะสมลงตัว๔๖ ๕.๑.๗ ด้านอื่น æ วัฒนธรรม-ประเพณี ชาวบ้าน นักการศึกษา ครูอาจารย์ในสายนาฏศิลปŠ หรอื สายวฒั นธรรม มกี ารถอดเครอื่ งแตง่ กาย มาประกอบในการแสดง ดา้ นวรรณกรรม มีการแต่งเรื่องราวต่าง ๆ เช่น ปาจิต- อรพิม ช่ือบ้านนามเมือง มีส่วนเก่ียวข้องกับ ปราสาท การแสดงเรื่องราวต่าง ๆ มีการผูกเร่ืองกับเส้นทางอารยธรรมขอมมายัง ปราสาทต่าง ๆ จากเมืองพระนครมายังเมืองพิมายผ่านปราสาทพนมรุ้ง เมืองต่�า๔÷

คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ 127 ๕.๒ อิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ ๕.๒.๑ ด้านจักรวาลวิทยา มคี วามเชอ่ื ในเรอื่ งฤกษย์ าม การเพม่ิ พลงั แกเ่ ทพเจา้ มคี วามเชอ่ื วา่ ชว่ งเชา้ ๆ ท่ีพระอาทิตย์ลอดช่องประตูไปกระทบกับองค์ศิวลึงค์ที่อยู่ตรงกลาง เป็นการเพิ่มพลังให้ กับเทพเจ้า พระศิวะ เหมือนเป็นการชาร์จแบตเตอรี ชาวบ้านเองก็มากราบไหว้ขอพร ขอให้มีโชคมีชัย ต่าง ๆ นานา เป็นการจ�าลองเขาพระสุเมรุ ตัวพนมรุ้งคือเทวสถาน ท่ีประทับของเทพเจ้า ส่วนใดที่มีรูปเทพเจ้าศูนย์กลางจักรวาล๔๘ ๕.๒.๒ ด้านเทววิทยา ความผูกพันท่ีปะปนกันอยู่ระหว่างพุทธกับพราหมณ์ เร่ืองเทพเจ้า เทวดา พระอินทร์ พระพรหม วิญญาณของบรรพบุรุษท้ังหลาย ล้วนเป็นเร่ืองของเทววิทยา ปราสาทเหล่าน้ีสร้างขึ้นเพ่ืออุทิศแด่เทพเจ้า เช่น พนมรุ้ง สร้างอุทิศถวายแด่พระศิวะ เมืองต่�าอุทิศแด่อินทร์ สร้างอุทิศใครสามารถดูได้จากทับหลังนารายณ์ จะมีเทพต่าง ๆ เต็มไปหมด๔๙ ๕.๒.๓ ด้านสถาปัตยกรรม สร้างเปน็ สา� นักงานของทางราชการ กรมศิลปากรเวลาสร้างจะสร้างให้มคี วาม กลมกลืนกับตัวปราสาท การท่องเที่ยว ชุมชน อบต เวลาท�าป้าย เป็นการเลียนแบบ สถาปัตยกรรมขอม เพ่ือแสดงเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น หน่วยงานต่าง ๆ เช่น มหาวิทยาลัย จะมีการสร้างอาคาร หอวัฒนธรรมเลียนแบบสถาปัตยกรรมขอม ศาลหลักเมือง ส่วนใหญ่จะเป็นก่อสร้างที่เป็นสาธารณะ สร้างด้วยเอกชน หน่วยงาน ราชการ หรอื ชมุ ชน ไมน่ ยิ มสรา้ งเปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั ของคน เพราะถอื วา่ รปู ทรงนเ้ี ปน็ ของสงู เป็นที่อยู่ของเทพเจ้า สถาปัตยกรรมท่ีสร้างข้ึนส่วนใหญ่ จะสร้างในเชิงสัญลักษณ์๕๐

128 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ภาพตัวอย่าง: สถาปัตยกรรมท่ีได้รับอิทธิพลจากปราสาทขอม ในภาพเป็นพระบรมธาตุเจดีย์ศรีสุวจ คุณานุสรณ์ วัดป่าเขาน้อย ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ภาพศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ รูปทรงสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลปราสาทขอม ท่ีมา: http://princessofnapier.blogspot.com/2014/06/blog-post.html

คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมที่มีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ 129 ภาพอาคารศูนย์วัฒนธรรมอีสานใต้ ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ที่มา: http://princessofnapier.blogspot.com/2014/06/blog-post.html การออกแบบสถาปัตยกรรมตัวอาคาร และภูมิทัศน์รอบอาคาร ได้รับอิทธิพลจากปราสาทขอม ท่ีมา: https://sites.google.com/a/acc.msu.ac.th/sujitra_moonwat-2040/

130 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ภาพเปรียบเทียบ ท่ีมา: http://khakhway.blogspot.com/2015/03/blog-post_12.html ๕.๒.๔ ด้านวรรณกรรมพื้นบ้าน มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับการสร้างปราสาทแต่ละแห่งมีความหมาย คือสร้างเป็นศาสนสถาน เป็นเทวสถาน แต่ในตัวปราสาทเหล่าน้ีมีคนในท้องถิ่น และ ชุมชนเกิดมาท่ีหลังไม่รู้ว่าจุดประสงค์การสร้างคืออะไร ใครเป็นผู้สร้าง สร้างถวายแก่ ใคร เพราะมีอายุเป็นพัน ๆ ปี แต่คนในชุมชนมีอายุเพียง ๑๐๐-๒๐๐ ปี เม่ือไม่รู้ ก็มีการสร้างเรื่องขึ้นมาว่า ตรงนี้เป็นท่ีอยู่ของนางผมหอม ปราจิต-อรพิมพ์ นิทาน ต�านาน เร่ืองปราจิต-อรพิมพ์ เส้นทางสายวัฒนธรรม จะมีการต้ังชื่อ เช่น ล�ามาศ เป็นล�าน�้าท่ีปราจิตน�าเอาเคร่ืองสินสอดมาเพื่อขอแต่งงานกับอรพิมพ์แล้วเรือก็ล้ม มาศ ค�าน้ีเป็นชื่อของสินสอด ค�าว่ามาศเป็นการเรียกสินสอด บ้านกงรถ การเดินทางของ ปราจิตแล้วกงล้อมันหัก เลยตั้งช่ือหมู่บ้านตรงน้ันว่า บ้านกงรถ พิมาย มาจากค�าว่า พี่มา๕๑ นิทานที่เป็นวรรณกรรมท้องถ่นิ ทีม่ ีความเกยี่ วข้องกบั ปราสาท คือเรอ่ื ง ปาจิต- อรพิม เป็นวรรณกรรมท้องถ่ินประเภทนิทานหรือวรรณกรรมต�านาน ได้แก่ นอกจาก นั้นแล้วยังมีเรื่อง ท้าวคันธนาม ท้าวผาแดง-นางไอ่ ซึ่งแต่งด้วยบทร้อยกรอง ประเภท กลอนสุภาพ ซ่ึงผู้แต่งได้จินตนาการ เร่ืองราวจากเหตุการณ์ส�าคัญภายในชุมชน โดย มีจุดมุ่งหมายหลักของวรรณกรรมนิทาน คือ มุ่งให้ความบันเทิง ในขณะเดียวกัน ผู้ แต่งได้แทรกคติธรรม และค�าสอนไว้ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อ่านอีกด้วย เพ่ืออบรมส่ังสอน ให้คนท่ัวไปเป็นคนดีมีศีลธรรม เป็นส�านวนมุขปาฐะ ได้กล่าวถึงต�านาน การต้ังชื่อเมือง

คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ 131 ภเู ขา ลา� นา้� และหมบู่ ้านตา่ ง ๆ ไวเ้ ปน็ จา� นวนมาก และยงั อธบิ ายเกี่ยวโยงถึง ปราสาท หินพิมาย ปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทหินเมืองต�่า อันเป็นโบราณสถานท่ีส�าคัญ๕๒ นอกจากน้ี ยังกล่าวถึงความเช่ือ ขนบธรรมเนียมประเพณี และความสัมพันธ์ ระหว่างเชื้อชาติเขมร และชนชาติไทย อีกทั้งยังอธิบายถึงสภาพภูมิศาสตร์ พ้ืนที่ติดต่อ กันระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา๕๓ วรรณกรรมทปี่ ระพนั ธเ์ ปน็ ประเภทฉนั ท์ เชน่ อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ท์ อเุ ปนทรวเิ ชยี ร ฉันท์ อุปชาติฉันท์ วสันตดิลกฉันท์และมาลินีฉันท์ เป็นต้น๕๔ ๕.๒.๕ ด้านศิลปะการแสดง มีการแสดงโดยน�าเร่ืองจากวรรณกรรมมาเกี่ยวข้อง การแต่งกาย เป็นการ ถอดแบบมาจากภาพแกะสลัก เน้ือหา เนื้อร้อง ท�านอง ท่าร�า จะเป็นการกล่าวถึงตัว โบราณสถาน ซึ่งเกิดจากความภาคภูมิใจ และมีการสอดแทรกเรื่องคุณธรรม จริยธรรม เข้ามาในการแสดงนั้น ๆ ด้วย๕๕ ในบรรดาท่าร�าที่ได้รับอิทธิจากศิลปะจ�าหลักของกลุ่มปราสาทขอมปัจจุบันมี หลายชุด เช่น ๑. ท่าร�าศิวนา¯ราช๕๖ ภาพการร่ายร�าของพระศิวะนับว่ามีบทบาทส�าคัญใน คติความเช่ือของผู้ท่ีนับถือศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ตามต�านานระบุว่าการร่ายร�า ของพระศิวะเป็นท่ีเล่ืองลือและยกย่องของเหล่าเทพทั้งมวลถึงความสวยงามและน่า ย�าเกรงในที ในจังหวะลีลาอันเป็นสัญลักษณ์แห่งการเนรมิตสร้างสรรค์ การร่ายร�าน้ีภายหลังพระภรตมุนีได้ทราบ จึงขอร้องให้พระพิฆคเณศไปกราบ บังคมทูลให้พระศิวะซ่ึงเป็นพระราชบิดาร่ายร�าอีกคร้ังเพื่อจะได้จารึกท่าการร่ายร�าน้ีเป็น บทนาฎยศาสตร์สืบไป พระศิวะท่านจึงได้ร่ายร�าให้ชมอีกและได้เรียกเหล่าเทพเทวดาทั้ง ปวงมาชมพระองค์ร่ายร�าอีกครั้ง บางต�านานกล่าวว่าพระยาอนันตนาคราชได้ชมการร่ายร�าน้ีเม่ือองค์พระอิศวร ท่านร่ายร�าหลังจากปราบฤåษีผู้ฝ่าฝ„นเทวบัญญ้ติ และปรารถนาจะได้ชมอีก องค์พระ นารายณ์ได้ประทานค�าแนะน�าให้ไปบ�าเพ็ญตบะท่ีเชิงเขาไกรลาสเพ่ือบูชาองค์พระศิวะ

132 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ด้วยอ�านาจแห่งการบูชานี้ องค์พระศิวะจึงโปรดประทานพรให้ และถามในส่ิงที่พระยานั นตนาคราชปรารถนา พระยานาคราชจึงกราบทูลว่าอยากจะได้เห็นองค์พระศิวะร่ายร�า อีกสักคร้ัง พระศิวะก็โปรดประทานดังปรารถนา และได้เสด็จลงมาร่ายร�ายังมนุษยโลก ซึ่งเชื่อกันว่าสถานท่ีน้ันคือ วิหาร จิทัมพรัม ในรัฐทมิฬนาดู ประเทศอินเดีย ท่าฟ้อนร�าท้ัง ๑๐๘ ท่าขององค์พระศิวะน้ีเป็นท่าพื้นฐานส�าหรับวิชานาฎ ยศาสตร์ อันเป็นท่าร�าต้นแบบของชาวอินเดีย และแพร่หลายมาถึงเขมร และไทย ผู้รับ อิทธิพลด้านวัฒนธรรมของอินเดียสืบต่อมา ผู้ท่ีนับถือศาสนาฮินดูนั้นเช่ือว่าจังหวะการ รา่ ยรา� ของพระศวิ ะอาจบนั ดาลใหเ้ กดิ ผลดแี ละผลรา้ ยแกโ่ ลกได้ ฉะนน้ั จงึ จา� เปน็ ทจี่ ะตอ้ ง อ้อนวอนให้พระองค์ฟ้อนร�าในจังหวะท่ีพอดี โลกจึงจะร่มเย็นเป็นสุข หากพระองค์โกรธ กริ้วด้วยการร่ายร�าในจังหวะท่ีรุนแรงแล้วก็ย่อมจะน�ามาซ่ึงภัยพิบัติแก่โลกนานัปการ ภาพประกอบ: ศิวนาฏราช เหนือทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ปราสาทหินพนมรุ้ง ทม่ี า: http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=karnoi&date=13-08-2013&group=73&g- blog=51

คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ 133 ที่มา: https://picpost.postjung.com/262386.html#pic26 ท่าร�าปัจจุบันที่ได้รับอิทธิพลจากศิวนาฏราช ๒. ระบา� เทพอปั สรพนมรงุ้ เกดิ จากแนวความคดิ สรา้ งสรรคข์ องอาจารยเ์ ฉลย ศุขวนิช ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลปŠไทยแห่งวิทยาลัยนาฏศิลปŠ กรมศิลปากร ได้ประดิษฐ์ ท่าร�าข้ึนเพื่อให้สอดลคล้อง และกลมกลืนกับภาพจ�าหลักของนางอัปสร อันเป็น สถาปัตยกรรมศิลปะขอมบายนตอนปลายต่อกับนครวัตตอนต้นท่ีปราสาทเขาพนมรุ้ง

134 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม อาจารย์มนตรี ตราโมท ได้น�าเพลง “เขมรกล่อมลูก” และ “เขมรชมดง” จาก ของเดิมมาปรับปรุงขึ้นใหม่ โดยใช้ท่าร�าของนางอัปสรที่ถือดอกบัวเพ่ือถวายบูชา ณ ศาสนสถานแห่งน้ี นางอัปสรเป็นภาพจ�าหลักที่แสดงลีลาการร่ายร�าที่อ่อนช้อย งดงาม ตรึงตรา ตรึงใจผู้ที่ได้พบเห็น การแสดงนี้เกิดข้ึนจากจินตนาการของผู้ประดิษฐ์ท่าร�าที่ ต้องการถ่ายทอดความงามของนางอัปสรจากแผ่นศิลาสู่สีสันของท่าร�าอันอ่อนช้อย วิจิตรบรรจง๕÷ ภาพประกอบ: ระบ�าอัปสร http://idaprom.blogspot.com/2016/03/blog-post.html ๕.๒.๖ ด้านวิถีชีวิต ข้อห้าม ข้อปฏิบัติต่าง ๆ ของคนในสังคม เร่ืองของศีลธรรม ให้คนได้ปฏิบัติ ไมเ่ อาเปรยี บคนอน่ื ไมท่ า� ทา� ลายสง่ิ ทเี่ ปน็ สาธารณสมบตั ติ า่ ง ๆ คะลา� แนวปฏบิ ตั ติ น ๕๘

คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมที่มีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ 135 ๕.๒.๗ ด้านอื่น æ การน�าตัวปราสาทพนมรุ้งมาท�าเป็นโลโก้ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ท่ีมีฉายาว่า ปราสาทสายฟ้า เป็นทีมฟุตบอลท่ีสามารถคว้าแชมปŠได้ถึง ๔ ถ้วยใหญ่ ด้วยกันภายในปีเดียว ส่วนหน่ึงเกิดจากการสร้างความหึกเหิมว่าทีมของตนเป็นทีมท่ีมี ส่ิงศักด์ิคอยคุ้มครอง ปกป้องรักษา ท�าให้ผู้เล่นมีก�าลังใจในการเล่นกีฬา

136 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม เชิงอรรถ ๑ คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ, วัฒนธรรม พัฒนาการทาง ประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๒๑๙. ๒ สัมภาษณ์ รศ.ดร. สมมาตร์ ผลเกิด, รองอธิการบดี ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, เม่ือวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖. ๓ สัมภาษณ์ นางกิติสา วงศ์ค�า, รองผู้อ�านวยการส�านักงานศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, เม่ือวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖. ๔ พระครูวินัยธรอ�านาจ พลปญฺโญ ดร., อาจารย์ประจ�าวิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์, สัมภาษณ์ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๖. ๕ Kapok, ประเพณีข้ึนเขาพนมรุ้ง ประจ�าป‚ 2556 (ททท.), [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: http://travel.kapook.com/view58944.html [๑ ก.ค.๒๕๕๓] ๖ สัมภาษณ์ นายสมคิด เป็นรัมย์, พนักงานกระทรวง (พนักงานช่วยเหลือคนไข้), โรงพยาบาลบุรีรัมย์, เมื่อวันท่ี ๑๓ กันยายน ๒๕๕๖. ÷ สัมภาษณ์ พระครูศรีปริยัตยานุศาสน์ ปญฺญาปสุโต วิเวกรัมย์, เลขานุการรองเจ้าคณะ จังหวัดบุรีรัมย์, เมื่อวันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๘ สัมภาษณ์ อาจารย์ อุดมพงษ์ เกศศรีพงษ์ศา, อาจารย์ มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์, เมื่อวันท่ี ๒๙ กันยายน ๒๕๕๖. ๙ สัมภาษณ์ อาจารย์พพิ ฒั น์ ประจญศานต,์ ส�านักงานศลิ ปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัย ราชภัฎบุรีรัมย์, เมื่อวันท่ี ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖. ๑๐ สมั ภาษณ์ อาจารยก์ ิตตฤิ กษ์ ปิตาทะสจั จ์, ส�านักงานศิลปะและวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลัย ราชภัฎบุรีรัมย์, เมื่อวันท่ี ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖. ๑๑ สมั ภาษณ์ อาจารยส์ มบตั ิ ประจญศาสนต,์ สา� นกั งานศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎบุรีรัมย์, เมื่อวันท่ี ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖. ๑๒ สัมภาษณ์ พระศรีปริยัติธาดา, อาจารย์ประจ�าวิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์ มจร และรองเจ้า คณะจังหวัดบุรีรัมย์, เมื่อวันท่ี ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖.

คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ 137 ๑๓ สัมภาษณ์ เจ้าอธิการไสว อธิวโร, เจ้าอาวาสวัดชายอรัญ และเจ้าคณะต�าบลทองหลาง, เมื่อวันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๑๔ สัมภาษณ์ พระสุนทรธรรมเมธี, เจ้าอาวาสวัดท่าสว่าง และรองเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์, เม่ือวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๑๕ สัมภาษณ์ นายวชิ ัย สมิ มาออ่ น, ผู้อา� นวยการกลุ่มส่งเสรมิ ศาสนา ศลิ ปะและวัฒนธรรม, เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๑๖ สมั ภาษณ์ พระมหาประยงค์ โฆสการ,ี เจา้ หนา้ ทศี่ นู ยบ์ ณั ฑติ ศกึ ษา วทิ ยาลยั สงฆบ์ รุ รี มั ย,์ เม่ือวันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๑÷ สัมภาษณ์ นายจรูญ วังงาม, อาจารย์พิเศษ วิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์, ข้าราชการบ�านาญ, เม่ือวันท่ี ๑๐ กันยายน ๒๕๕๖. ๑๘ สัมภาษณ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สรเชต วรคามวิชัย, กรรมการวัฒนธรรม ข้าราชการ บา� นาญ ศนู ยศ์ ลิ ปหตั ถกรรมพน้ื บา้ น จงั หวดั บรุ รี มั ย,์ เมอ่ื วนั ที่ ๒๖ กนั ยายน ๒๕๕๖. ๑๙ สัมภาษณ์ นายบุญเหลือ บุญผุย, หัวหน้าส่วนการศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม, เม่ือ วันท่ี ๓ กันยายน ๒๕๕๖. ๒๐ สัมภาษณ์ รศ.ดร. สมมาตร์ ผลเกิด, รองอธิการบดี ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖. ๒๑ ผศ.สัทธา อริยะธุกันต์, “วรรณกรรมค�าสอนอีสานใต้”, ใน เอกสารประกอบการสัมมนา ทางวิชาการ อีสานใต้ศึกษา : กรณีบุรีรัมย์, รวบรวมโดย ผศ. อาลัย จันทร์พาณิชย์, (บุรีรัมย์ : ม.ป.ท., ๒๕๓๙): หน้า ๓. ๒๒ รองศาตราจารย์ ดร. ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “ปราสาทขอมและพัฒนาการในดินแดน ไทย”,<http://guru.sanook.com/encyclopedia/> 29 October 2013. ๒๓ สัมภาษณ์ อาจารย์อุดมพงษ์ เกศศรีพงษ์ศา, มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์, เม่ือวันท่ี ๒๙ กันยายน ๒๕๕๖. ๒๔ สมั ภาษณ์ อาจารย์พิพฒั น์ ประจญศานต์, สา� นกั งานศิลปะและวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎบุรีรัมย์, เม่ือวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖.

138 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๒๕ สัมภาษณ์ พระครูวินัยธรอ�านาจ พลปญฺโญ ดร., อาจารย์ประจ�าวิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์, เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๖. ๒๖ สัมภาษณ์ นายจรูญ วังงาม, อาจารย์พิเศษ วิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์, ข้าราชการบ�านาญ, เม่ือวันท่ี ๑๐ กันยายน ๒๕๕๖. ๒÷ สัมภาษณ์ นายวชิ ยั สมิ มาอ่อน, ผู้อ�านวยการกลมุ่ ส่งเสรมิ ศาสนา ศิลปะและวฒั นธรรม, เมื่อวันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๒๘ สัมภาษณ์ นางปฏิญญา เป็นรัมย์, พนักงานกระทรวงสาธารณสุข (พนักงานช่วยเหลือ คนไข้) โรงพยาบาลบุรีรัมย์, เมื่อวันท่ี ๑๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๒๙ สัมภาษณ์ นายรณภพ ณรงค์, หัวหน้าวนอุทยานภูเขาไฟกระโดง, เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖. ๓๐ สัมภาษณ์ อาจารย์ธิดารัตน์ งามรัตนะ, ส�านักงานศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัย ราชภัฎบุรีรัมย์, เม่ือวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖. ๓๑ สัมภาษณ์ ภัทรานิษฐ์ จริยาโสวรรณ, ส�านักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์, เม่ือ วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖. ๓๒ สัมภาษณ์ พระศรีปริยัติธาดา และพระสุนทรธรรมเมธี, รองเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างแล้ว, ๓๓ บรุ ีรัมย์ ททท., “บุรีรมั ย์ เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ”, <http://travel.kapook. com/ view17169.html> 29 October 2013. ๓๔ Buriram, “วิสัยทัศน์จังหวัดบุรีรัมย์ (VISION), < http://www.buriram.go.th/ general/vision.php> 29 October 2013. ๓๕ สัมภาษณ์ รศ.ดร. สมมาตร์ ผลเกิด. รองอธิการบดี ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เมื่อวันท่ี ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖. ๓๖ วาทิน ศานติ์ สันติ, “ข้อมูลปราสาทพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ เพ่ือการท่องเท่ียว”, ศูนย์ บูรณาการพัฒนามนุษย์, <http://www.thaiihdc.org/web/index.php?option> 29 October 2013.