ข้อมูลพ้ืนฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 39 จากหลักฐานดังกล่าวข้างต้นสรุปได้ว่าชุมชนเหล่านี้เป็นชุมชนเก่าแก่โบราน เน่ืองจากมีคูคันดินล้อมรอบ ส่วนการใช้พื้นท่ีภายในคูคันดินมีความแตกต่างกันไปข้ึน อยู่กับขนาดของพื้นที่และลักษณะของภูมิประเทศ ส่วนใหญ่การขุดคูคันดินล้อมรอบมี ลักษณะการกักเก็บน�้าท้ังหมด และมีคูคันดินมากกว่าหน่ึงช้ัน บางแห่งมีการทับซ้อน กันแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการและการอาศัยอยู่ต่อเนื่องยาวนาน คันดินบางแห่งสูงมาก แสดงว่านอกจากการกับเก็บน�้าเพื่ออุปโภคบริโภคแล้ว ยังเป็นประโยชน์ด้านเป็นก�าแพง กั้นศัตรู คันดินบางแห่งยังสามารถเช่ือมโยงไปถึงการใช้ประโยชน์เป็นศาสนสถาน ซึ่ง แสดงให้เห็นว่าชุมชนน้ันเป็นชุมชนขนาดใหญ่ นอกจากนั้น หากมองในด้านสภาพ ภูมิประเทศ ชุมชนแต่ละแห่งล้วนมีการออกแบบให้สอดคล้องกับภูมิประเทศได้อย่าง ลงตัว ชุมชมด้ังเดิมก่อนกลุ่มชนปัจจุบันน่าจะเป็นส่วนหน่ึงในการสร้างปราสาทหิน บริเวณจังหวัดบุรีรัมย์ ๒.๖ กลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์มีกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ผสมผสานกันอยู่ในหลายท้องที่ จ�าแนก รายละเอียดได้ดังน้ี ๒.๖.๑ ไทยโคราช สว่ นใหญอ่ าศยั อยเู่ ขตอา� เภอปะคา� อา� เภอนางรอง อา� เภอ หนองกแี่ ละอา� เภอลา� ปลายมาศ คดิ เปน็ ประมาณ ๒๐% ของประชากรในจงั หวดั บรุ รี มั ย์ ชาวไทยโคราชจะมีลักษณะการแต่งตัวเป็นเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่ม กล่าวคือ จะนุ่งโจง กระเบนท้ังชายและหญิง เสื้อคอกลมผ้าขาวม้าพาดบ่าด้านซ้าย หญิงนิยมทัดดอกไม้ ท่ีหู ส่วนประเพณีท่ีชาวไทยโคราชนิยมท�ากันคือ ประเพณีท�าบุญสารทหรือบุญสารไทย เดือน ๑๐ ตรุษไทยเดือน ๔ และเทศน์บุญมหาชาติ เดือน ๑๒ ๒.๖.๒ ไทยอีสาน ส่วนใหญ่กระจายกันอยู่ในเขตอ�าเภอพุทไธสง อ�าเภอ นาโพธ์ิ อ�าเภอสตกึ อ�าเภอล�าปลายมาศ อ�าเภอคเู มอื ง อา� เภอบา้ นใหม่ไชยพจน์ อา� เภอ หนองก่ี และอ�าเภอแคนดง คิดเป็นประมาณ ๓๕% ของประชากรในจังหวัดบุรีรัมย์ ลักษณะการแต่งตัวนั้น ชายนิยมแต่งกายแบบผ้าขากวยหรือโสร่ง นิยมนุ่งผ้าหัวกุด เสือนิยมนุ่งเสื้อม่อฮ่อม ส่วนมากเป็นสีคราม ผ้าขาวม้าลายส�าหรับชายและผ้าไหม พาดบ่าส�าหรับหญิง ชาวไทยอีสานมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างหน่ึงคือเคารพเชื่อฟัง
40 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ผู้ใหญ่ผู้ใหญ่ ส่วนประเพณีล้วนแต่เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา เช่น บุญปัœนข้าวจ่ี เดือน ๓ บุญผะเหวดเดือน ๔ บุญสงกรานต์เดือน ๕ บุญบ้ังไฟเดือน ๖ บุญออก พรรษา บุญข้าวประดับดินเดือน ๙ และบุญข้าวสากเดือน ๑๐ ๒.๖.๓ ไทยเขมร ประชากรชาวไทยเขมรคิดเป็นประมาณร้อยละ ๕๐% ของประชากรท้ังจังหวัด ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัด ได้แก่ อ�าเภอ ประโคนชยั อา� เภอนางรอง อา� เภอปะคา� อา� เภอละหานทราย อา� เภอกระสงั อา� เภอสตกึ และอ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ ชาวไทยเขมรมีเอกลักษณ์เด่นชัดด้านความเชื่อไสยศาสตร์ เครื่องรางของขลัง การเสกเป่า และยาสั่ง ส่วนการแต่งกายก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กล่าวคือ เดิมน้ันนิยมนุ่งโจงกระเบน ใช้ผ้าสไบมานคล้ายคลึงกับท้าวสุรนารี (ย่าโม) ปัจจุบันหญิงสูงอายุจะนุ่งโจงกระเบนสวมเสื้อคอกระเช้าหรือเสื้อส�าเร็จรูปคล้องหรือ พาดไหล่ด้วยผ้าขาวม้า หรือผ้าสไบสีขาวด�า ส่วนชายจะนุ่งกางเกงขากวย ผ้าขาวม้า หรือโสร่ง ไม่นิยมสวมเสื้อขณะอยู่ท่ีบ้าน หากไปนอกบ้านงานบุญนิยมนุ่งโสร่ง สวม เส้ือแขนยาว ผ้าขาวม้าคาดเอวหรือนุ่งกางเกงขายาว ส่วนประเพณีชาวไทยเขมรที่ รักษาสืบต่อกันมาคือการท�าบุญแซนโฎนตาหรือท�าบุญอุทิศให้แก่ผู้ตายไปแล้ว ๒.๖.๔ ไทยกวย บางทีเรียกว่ากูย ประชากรชาวไทยกวยคิดเป็นประมาณ ร้อยละ ๒% ของประชากรทั้งจังหวัด การแต่งกายของชาวไทยกวยน้ัน หากเป็นผู้ชาย ไม่นิยมใส่เสื้อ นุ่งโสร่งหรือโจงกระเบน แต่งกายคล้ายเขมร เมื่อมีงานบุญในหมู่บ้าน หรือท่ีวัดชอบสีเขียว ด�าหรือน้�าเงิน ส่วนผู้หญิงนุ่งผ้าถุง มีผ้าสไบเฉียงและนิยมทัด ดอกไม้ท่ีหูท้ังสอง ชาวไทยกวยส่วนใหญ่จะอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่และเคารพ กันด้วยระบบอาวุโส ชาวไทยกวยจะถือเคร่งครัดในเรื่องการตอบแทนผู้มีพระคุณ เช่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ลูกหลานจะต้องหาบน้�าไปให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายอาบ พร้อมท้ังหาเส้ือผ้าใหม่ให้ผลัดเปล่ียนเป็นประจ�าทุกป‚ หากวิเคราะห์เช้ือชาติเผ่าพันธุ์ในปัจจุบัน ย่อมไม่สามารถคาดการณ์ได้ถึง กลุ่มชนดั้งเดิมที่สร้างวัฒนธรรมแบบขอม อาจเป็นเพราะความเปล่ียนแปลงทางการ เมืองประการหนึ่ง และอาจเป็นเพราะความเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ จึงมีการ อพยพโยกย้ายถิ่นฐานจึงยากที่จะก�าหนดกลุ่มชนด้ังเดิมให้แน่นอนว่าเป็นชาติพันธุ์ใด แต่หลักฐานด้านโบราณคดีที่มีการขุดค้นพบก็สามารถยืนยันได้ว่ามีกลุ่มชนหน่ึงอาศัย อยู่บริเวณจังหวัดบุรีรัมย์สมัยอดีต
ข้อมูลพ้ืนฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 41 ภาพที่ ๒.๑ แผนที่ท่องเท่ียว แสดงอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดอ่ืนและประเทศเพ่ือนบ้าน http://www.buriram.go.th/general/location.html. ๙ ธันวาคม ๒๕๕๘.
42 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม เชิงอรรถ ๑ บุรีรัมย์, ท่ีระลึกงานพระราชทานเพลิงศพคุณแม่ละออง ชิดชอบ, ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ หน้า, ๓. ๒ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๙. ๓ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๑๐. ๔ ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๗๐ เร่ืองเมืองจ�าปาศักดìิ, (พระนคร: โรงพิมพ์พระจันทร์, ๒๔๘๔), หน้า ๑๓. ๕ https://province.dopa.go.th/buriram/news/cate๘/view๓๔ สืบค้น ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๙. ๖ ส�านักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์ เขต ๑-๔ และส�านักงานเขตพ้ืนที่ มัธยมศึกษา เขต ๓๒ ป‚การศึกษา ๒๕๕๘. ÷ https://province.dopa.go.th/buriram/news/cate๘/view๓๔. สืบค้น ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๙.
ข้อมูลพื้นฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 43
44 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 45 ๓ สํารวจขอ้ มลู ปราสาทขอมในจังหวดั บรุ ีรมั ย
ส�ำรวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ โบราณสถานท่ีปรากฏอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ มีอยู่มากมาย กระจายอยู่ตาม อ�ำเภอต่าง ๆ ทั้งท่ียังปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน และถูกสร้างทับหรือท�ำลายไป แล้ว แต่มีหลักฐานการข้ึนทะเบียน และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ผู้วิจัยจะได้ทำ� การส�ำรวจ จากเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ท่ีสามารถค้นคว้าได้ เช่น แผ่นท่ีทหาร กรมศิลปากร และจากการส�ำรวจสถานท่ีจริง
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 47 ๓.๑ ปราสาทเขาพนมรุ้ง ที่ต้ัง หมู่ท่ี ๒ (บ้านดอนหนองแหน) บ้านตาเปˆก ต�าบลตาเปˆก อ�าเภอ เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ (๑) ประวัติความเป็นมา ปราสาทเขาพนมรงุ้ ตง้ั อยบู่ นยอดภเู ขาไฟทดี่ บั สนทิ แลว้ เปน็ เทวาลยั ในศาสนา ฮินดู ลัทธิไศวะนิกาย สูงประมาณ ๒๐๐ เมตร จากพื้นราบ (ประมาณ ๓๕๐ เมตร จากระดับน�้าทะเลปานกลาง) ค�าว่า พนมรุ้ง นั้น มาจากภาษาเขมร ค�าว่า “วน�รุง” แปลว่า ภูเขาใหญ่๑ ผู้วิจัยเป็นชนชาวไทยเขมรบุรีรัมย์ได้สอบถามความหมายของค�าน้ี จากนักปราชญ์ ได้ความว่า ควรจะแปลว่า ภูเขาอันมีโพรง ซ่ึงโพรงดังกล่าวได้ถูกปิด แล้วเพราะเกรงว่า จะเกิดอันตรายกับเด็กหรือนักท่องเที่ยว ภควัต ปิตตาทะโน กล่าว ไว้ตอนหนึ่งว่า ชาวภาคอีสานทางตอนใต้และกัมพูชา เรียกว่าปราสาทหรือทางอีสาน ตอนบนและกลุ่มชนท่ีพูดภาษาลาวเรียกว่า กู่ แต่ในภาคกลางมักจะเรียกว่าปรางค์หรือ พระปรางค์ ส่วนค�าว่า พนมรุ้ง เป็นค�าเก่าแก่ท่ีปรากฏอยู่ในศิลาจารึกพบในปราสาท หินพนมรุ้ง ซ่ึงเขียนว่า วนมฺรุงฺ ค�าว่า วนมฺ หมายถึง พนม ในภาษาเขมรซ่ึงแปลว่า ภูเขาส่วนค�าว่า รุงฺ น้ันหมายถึงความยิ่งใหญ่และเมื่อรวมกันเข้าจึงมีความหมายแปลว่า ภูเขาที่ย่ิงใหญ่๒ ปรางค์อิฐองค์แรกสร้างเมื่อประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๕ และเช่ือกันว่าได้รับการ บูรณะซ่อมแซมโดยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ ๓ (พ.ศ. ๑๔๘๗-๑๕๑๑) ได้สถาปนา เทวาลัยถวายพระอิศวรท่ีเขาพนมรุ้ง ซึ่งสมัยแรก ๆ ยังไม่ใหญ่โตนัก ต่อพระเจ้า ชัยวรมันท่ี ๕ (พ.ศ. ๑๕๑๑-๑๕๔๔) ได้ทรงอุทิศที่ดินและข้าทาสถวายแด่เทวสถาน พระองคท์ รงเปน็ ผอู้ ปุ ถมั ภศ์ าสนาฮนิ ดู ลทั ธไิ ศวะนกิ าย ลทั ธดิ งั กลา่ วตลอดพทุ ธศตวรรษ ท่ี ๑÷ จนถึงพุทธศตวรรษท่ี ๑๘ ในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันท่ี ÷๓ แห่งราช อาณาจักรขอมได้หันมานับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน เทวสถานแห่งน้ีจึงถูกดัดแปลง เป็นอาคารพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ในยุคแรกสร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพู๔
48 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม (๒) ความส�าคัญ ปราสาทเขาพนมรุ้ง ประกอบด้วยส่ิงก่อสร้างจากเชิงเขา ยอดเขา ตามล�าดับ คือ ส่ิงก่อสร้างนอกระเบียงชั้นนอก, ระเบียงชั้นนอก, ระเบียงช้ันใน และโบราณสถาน ที่สร้างด้วยหินทรายและศิลาแลงภายในระเบียงคต องค์ประกอบส�าคัญของปราสาทหิน พนมรุ้งประกอบด้วย ๑. ปรางค์ประธาน เป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม มีขนาดกว้างด้านละ ๘.๒๐ เมตร สูง ๒๖.๕๐ เมตรมีมุขย่ืนออกไปท้ัง ๔ ทิศ มีประตูทั้ง ๔ ด้าน มีรูปพระศิวะ ประทับประดิษฐานอยู่ ใต้ฐานพระศิวลิงค์จะมีน�้าไหลผ่านออกท่ีปลายโยนีโธรณะหรือ ฐานศิวลิงค์ อันเป็นลักษณะของพระนางอุมา๕ สร้างด้วยหินทราย ต้ังอยู่กลางลาน ปราสาทชั้นใน อายุสมัยราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๖-๑๗๖ ๒. วิหารหรือมณฑปด้านทิศตะวันออกของปรางค์ประธาน ถัดจากมุม ฉนวนออกไปมีห้องโถง ขนาด ๘ x ๑๐ เมตร ทับหลังด้านในแกะสลักเป็นรูปฤาษี ใช้เป็นวิหารหรือโรงสวด ด้านหน้าข้างมุขมีประตูออกทางด้านทิศตะวันออกเชื่อมกับ ประตูโคปุระด้านหลัง หน้าบรรณเหนือประตูตะวันออกแกะสลักเป็นรูปศิวนาฏราช÷ ๓. ปรางค์อิฐ เดิมเข้าใจว่ามี ๓ องค์๘ แต่ปัจจุบันเหลือให้เห็นเพียง ๒ องค์ สรา้ งดว้ ยอฐิ และหนิ ทราย๙ ตง้ั อยทู่ างทศิ ตะวนั ออกเฉยี งเหนือของปรางคป์ ระธาน องค์หน่ึงหันหน้าสู่ทิศตะวันออก อีกองค์หน่ึงหันหน้าสู่ทิศใต้๑๐ อายุสมัยราว พุทธศตวรรษที่ ๑๕๑๑ ๔. ปรางค์น้อย ต้ังอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของปรางค์ประธาน ก่อสร้างเป็นรูปส่ีเหล่ียมจัตุรัสย่อมุม ขนาดกว้างด้านละ ๖ เมตร ก่อด้วยศิลาทราย ด้านในเป็นศิลาแลง๑๒ สลักลวดลายประดับเป็นลายดอกไม้ ใบไม้ ภาพฤาษี เทพ ประจ�าทิศ ศิวนาฏราช๑๓ มีอายุสมัยราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖๑๔ ๕. บรรณาลัย สร้างด้วยศิลาแลงเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีประตู เข้า-ออก ด้านเดียว หลังคาเป็นรูปประทุนเรือ มี ๒ หลัง คือ หลังหนึ่งอยู่ทางด้าน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปรางค์ประธาน มีขนาด ๔.๕๖ x ๘.๘๐ เมตร
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 49 หันหน้าไปทางทิศใต้ คือหันเข้าหาปรางค์ประธาน ส่วนอีกหนึ่งหลังอยู่ทางด้านทิศตะวัน ออกเฉียงใต้ มีขนาด ๙.๕๐ x ๗.๖๐ เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันตก เพื่อใช้เป็น บรรณาลัยหรือหอสมุด เทียบได้กับหอไตรในพุทธศาสนสถาน๑๕ อายุสมัยราวพุทธ ศตวรรษท่ี ๑๘๑๖ ๖. โคปุระหรือ«ุ้มประตู โคปุระหมายถึงประตูเมืองหรือทางผ่านเข้าออก เป็นส�ญลักษณ์การกั้นอาณาเขตระหว่างแดนมนุษย์กับแดนพระเจ้า จากโคปุระด้าน ทิศตะวันตกสามารถมองทะลุผ่านปรางประธานและกรอบประตู ๑๕ ช่อง ถึงโคปุระ ทิศตะวันออกได้๑÷ ๗. ระเบียบคต ด้านทิศเหนือและทิศใต้ยาวด้านละ ๖๖ เมตร ด้านตะวัน ออกและตะวันตกยาวด้านละ ๘๘ เมตร สร้างด้วยหินทราย ยกเว้นทิศเหนือสร้าง ด้วยศิลาแลง ระเบียงคตต่อเป็นก�าแพง ๒ ชั้น ข้างในเป็นช่องทางเดินกว้าง ๑.๙๐ เมตร มกี ารกน้ั หอ้ งเปน็ ชว่ งๆ บางแหง่ ทา� เปน็ ประตหู ลอกไว้ บางแหง่ ทา� เปน็ ชอ่ งอากาศ ส�าหรับมองลอดออกข้างนอกได้ หลังคาเป็นศิลาทรายสกัดเป็นทรงโค้ง มีบราลีท�าด้วย ศิลาทรายกลึงติดตั้งไว้บนหลังคาเป็นระยะๆ ๘. บาราย (สระน�้า) ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาทห่างจากถนน หน้าปราสาทออกไปประมาณ ๕ เมตร มีสระน�้าอยู่ ๓ สระ เรียกว่า สระไทร สระ ใหญ่ และสระบน ขอบกรุด้วยศิลาแลง มีน�้าขังตลอดป‚ ที่หน้าปราสาทก่อนถึงซุ้มประตู ยังมีสระเล็กๆ อีก ๔ สระ ข้างละ ๒ สระ กรุด้วยศิลาทราย คงใช้ขังน้�าไว้ใช้บริโภค ล้างมือ ล้างหน้า ก่อนเข้าสวดมนต์ ๙. เนนิ พลบั พลา ดา้ นหนา้ ปราสาทหา่ งจากทางขนึ้ สปู่ ราสาทประมาณ ๕๐ เมตร มีเนินกว้างประมาณ ๑๕๐ x ๕๐ เมตร ทางทิศตะวันออกมีบันไดศิลาแลงลง สู่พ้ืนชั้นต่�าได้ ๙ ชั้น ทางทิศตะวันตกมีอัฒจันทร์ ๓ ชั้น ทอดยาวตามสันเนินดิน ถัดจากอัฒจันทร์ไปมีศาลาเป็นแนวหินเรียงเป็นรูปกากบาท๑๘ ๑๐. ธรรมศาลา (มีชื่อตามทะเบียนโบราณสถานว่าโรงช้างเผือกพนมรุ้ง)๑๙ ห่างจากถนนหน้าปราสาทไปทางทิศเหนือประมาณ ๓ เมตร สร้างด้วยหินทราย และศิลาแลงปนกนั หันหน้าไปทางทิศใตส้ ถู่ นนข้นึ ปราสาท ตรงกลางยกพนื้ สงู ๑ เมตร
50 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม กว้าง ๖.๔๐ x ๒๐.๔๐ เมตร มีมุขยื่น มีชานชาลา มีทางข้ึนลง มีระเบียงคต ล้อมรอบท้ัง ๓ ด้าน ช่องว่างทางเดินภายในระเบียงคตกว้าง ๔.๓๐ เมตร ถัดจาก ระเบียงคตไปมีก�าแพงศิลาล้อมรอบ ๓ ด้าน๒๐ อาคารหลังน้ีใช้เป็นท่ีพักเปลื้องเคร่ือง ทรงของกษัตริย์ และจัดกระบวนเสด็จก่อนท่ีจะเสด็จขึ้นไปประกอบพิธีบนปราสาทเขา พนมรุ้ง๒๑ ๑๑. ถนนหน้าปราสาท ถนนสายน้ีปูด้วยศิลาทรายและศิลาแลง เริ่มต้นจาก ฐานพลับพลาตัดตรงไปจรดสะพานนาคราช ถนนยาว ๑๖๐ x ๗ เมตร ขอบถนน มเี สานางเรยี งหรอื เสาเทยี น๒๒ เปน็ เสาหนิ ทรายยอดคลา้ ยดอกบวั ตมู สงู ๑.๖๐ เมตร จ�านวน ๖๘ ต้น ตั้งเรียงกันเป็นระยะ ๆ ตรงกันทั้ง ๒ แถว๒๓ ๑๒. สะพานนาคราช เปน็ สะพานเชอ่ื มระหวา่ งถนนกบั บนั ไดนาคราช กอ่ ดว้ ย หินทรายเป็นรูปกากบาท ยกพ้ืนสูง ๑.๕๐ เมตร มีบันได ๓ ชั้น อยู่ท้ัง ๓ ทิศทาง ราวสะพานท�าเป็นล�าตัวพญานาค ปลายสุดของสะพานทุกช้ันจะสลักเป็นเศียรนาค ๕ เศียร แผ่พังพานมีรัศมีรอบเป็นแผ่นเดียวกัน กว้าง ๖.๒๐ x ๒๐ เมตร เสาสะพาน และราวสะพาน ล้วนสลักลวดลายประณีตสวยงามทุกส่วน ตรงกลางสะพานสลักเป็น รูปดอกบัวบาน๒๔ แปดกลีบ อาจหมายถึง เทพประจ�าทิศท้ังแปด ในศาสนาฮินดู๒๕ ก�าหนดเป็นจุดศูนย์กลางของพิธีกรรมบางอย่าง๒๖ ท่ีผู้มาท�าการบูชา ตั้งจิตอธิษฐาน จากสะพานนาคราชชั้นที่ ๑ มีบันไดจ�านวน ๕๒ ชั้น ขึ้นไปยังลานยอดเขา๒÷ ๑๓. บันไดข้ึนสู่ปราสาท สร้างด้วยหินทราย ต้ังอยู่ต่อจากสะพานนาคราช ช่วงแรกเป็นทางเดินขึ้นไปยังลานบนยอดเขา มีขนาด ๑๖ x ๕๒ เมตร สูง ๑๐ เมตร มี ๕ ชั้น แต่ละช้ันมีชานพักบันไดข้ึนปราสาท มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑÷๒๘ ๑๔. ชานบันไดและที่ตั้งปราสาท ชั้นสูงสุดมีชานบันไดปูด้วยหินทราย กว้าง ๖.๒๕ x ๑๖ เมตร บริเวณนี้เป็นท่ีตั้งขององค์ปราสาท รอบองค์ปราสาทเป็นที่ว่าง ซง่ึ กอ่ ดว้ ยศลิ าเปน็ เขอื่ นกนั พงั บรเิ วณดา้ นทศิ ตะวนั ออกยาว ๑๘.๕๐ เมตร ทศิ ตะวนั ตกยาว ๒๓.๕๐ เมตร ทิศเหนือยาว ๑๕ เมตร ทิศใต้ยาว ๑÷.๘๐ เมตร๒๙ กรมศิลปากร ด�าเนินการขุดแต่งและบูรณะปราสาทเขาพนมรุ้งด้วยวิธี อนัสติโลซิส (Anastylosis) ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๔-๒๕๓๑
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 51 อายุสมัย ประมาณกลางพุทธศตวรรษท่ี ๑๕-๑๘ (๓) การประกาศข้ึนทะเบียนโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๒ ตอนที่ ๗๕ วันท่ี ๘ มีนาคม ๒๔๗๘ (๔) การประกาศกา� หนดขอบเขตโบราณสถาน ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม ๙๓ ตอนที่ ๑๔๑ วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๙ เน้ือที่ประมาณ ๔๕๑ ไร่ ๑๑ ตารางวา๓๐ (๕) ชุมชนท่ีอยู่โดยรอบปราสาท ประกอบด้วย ๑. ทิศเหนือ เขตติดต่อ ที่นา บ้านหินกอง รีสอร์ทพนมรุ้ง ประชาชนส่วน ใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม คือท�านา ท�าไร่ ๒. ทิศใต้ เขตติดต่อ ท่ีนาของประชาชน ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพ เกษตรกรรมท�านา ท�าไร่ ๓. ทิศตะวันออก เขตติดต่อ บ้านหนองบัวราย ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพ เกษตรกรรมท�านา ท�าไร่ ๔. ทิศตะวันตก เขตติดต่อ บ้านตาเป็ก ประชาชนส่วนใหญ่ท�านา ท�าไร่และ ค้าขายเป็นส่วนน้อย ท่ีมา: https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/5/5b
52 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๓.๒ ปราสาทหินเมืองต่�า ที่ตั้ง บ้านโคกเมือง หมู่ ๖ และ ๙ ต�าบลจระเข้มาก อ�าเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ส่ิงส�าคัญ ๑. ปรางค์ประธาน ๕ หลัง ๒. ระเบียงคต ๓. สระน้�า ๔ สระ ๔. ก�าแพง ๕. ซุ้มประตู (๑) ประวัติสังเขป ปราสาทเมืองต�่าเป็นศิลปะบาปวนตอนต้น ถูกท้ิงร้างไว้นานต้ังแต่ราวพุทธ ศตวรรษท่ี ๑๘ จวบจนราวปี พ.ศ. ๒๔๙๐ จึงเริ่มมีการอพยพเข้ามาของชาวบ้าน มาต้ังถ่ินฐานในบริเวณน้ีอีกคร้ัง ที่ช่ือว่า ปราสาทเมืองต่�า เนื่องจากสถานที่ต้ังอยู่พื้นท่ี ราบ เมื่อเทียบกับปราสาทพนมรุ้งซ้ึงตั้งอยู่บนยอดเขา๓๑ ส่วนส�าคัญของโครงสร้าง ประกอบด้วย ปรางค์ก่ออิฐ ๕ องค์เรียงเป็น ๒ แถว ๒ หน้า ๓ องค์ แถวหลัง ๒ องค์ ต้ังอยู่บนฐานชั้นเดียว แผนผังของปรางค์เป็นรูปส่ีเหล่ียมจตุรัส ตัวปรางค์ ก่อด้วยอิฐขัดเรียบ แถวหน้า ปรางค์ประธาน ต้ังอยู่ตรงกลางเยื้องไปข้างเล็กน้อยระหว่างปรางค์บริวาร ท้ังสองมีสภาพพังทลายเหลือแต่ฐานมีขนาดใหญ่กว่าปรางค์บริวารอีก ๔ องค์ ทั้งหลัง เป็นหินทรายจ�าหลังภาพเทวะ นั่งยกเข่าซ้ายอยู่บนแท่นเหนือเศียรเกียรติมุข ส่วนบน ของทับหลังจ�าหลักภาพฤาษีน่ังประนมมือเป็นแถว จ�านวน ๗ ตน การขุดแต่งบริเวณปรางค์ประธานได้พบทับหลังประตูมุขปรางค์ สลักเป็นภาพ เทพถือดอกบัวขาบประทับน่ังเหนือหน้ากาล แวดล้อมด้วยสตรีเป็นบริวาร หน้าบัน สลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ๓๒ เป็นศิลปะบาปวน๓๓ ส่วนทับหลังประตูปรางค์ สลักเป็นเทพนั่งชันเข่าเหนือหน้ากาล และยังได้พบชิ้นส่วนลวดลายปูนปัœนประดับฐาน อีกด้วย๓๔
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 53 ปรางค์ด้านหน้า มีขนาด ๔.๔๐ x ๔.๔๐ เมตร มีประตูทางด้านทิศ ตะวันออก ทับหลังเป็นหินทรายจ�าหลักภาพพระอิศวรทรงโคนนทิ พระหัตถ์ซ้ายอุ้มนาง ปราพตี พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูลโคนนทิน้ียืนอยู่บนแท่นเหนือเศียรเกียรติมุข ซ่ึงคาย ท่อนพวงมาลัย ขอบบนสุดจ�าหลักภาพฤาษีน่ังรัดเข่าประนมมือ จ�านวน ๑๐ ตน ปรางค์ด้านทิศใต้ มีขนาด ๔.๔๐ x ๔.๔๐ เมตร มีประตูทางด้านทิศตะวัน ออก ลับหลังหินทรายจ�าหลักภาพเทวะนั่งชันเข่าขวาอยู่เหนือเศียรเกียรติมุขซ่ึงคาย ทอ่ นพวงมาลยั ออกมาทง้ั สองขา้ ง ขอบบนของทบั หลงั จา� หลกั ภาพฤาษนี งั่ จา� นวน ๙ ตน แถวหลัง ปรางค์ด้านทิศเหนือ มีขนาด ๔.๔ x ๔.๔ เมตร ประตูอยู่ทางด้านทิศตะวัน ออก ทับหลังหินทรายจ�าหลักภาพพระกฤษณะยกเขาโควรรธนะ ปรางค์ด้านทิศใต้ มีขนาด ๔ x ๔ เมตร ประตูอยู่ด้านทิศตะวันออก ทับหลัง หินทรายจ�าหลักภาพพระอรุณนั่งชันเข่าในซุ้มเหนือแท่นซึ่งมีหงส์ ๓ ตัว ยืนแบกอยู่ เหนือเศียรเกียรติมุขก�าลังคายท่อนพวงมาลัยออกมาทั้งสองด้าน๓๕ ระเบียงคตและซุ้มประตู ก่อด้วยอิฐ มีขนาดประมาณ ๓๘.๖๐ x ๓๘.๖๐ เมตร มซี มุ้ ประตูทงั้ ๔ ด้าน กอ่ ดว้ ยหินทราย หลังคาเป็นหินทรายท�าเปน็ รูปประทุนเรอื มีประตู ๓ ด้าน พื้นของซุ้มประตูยกสูงขึ้นจากพื้นลานโดยรอบ๓๖ ประตูกลาง ซ่ึงเป็นประตูหลักมีขนาดประมาณ ๒.๑๐ x ๑.๑๕ เมตร ด้าน ข้างของซุ้มประตูท�าเป็นช่องหน้าต่างทึบด้านละ ๒ ช่อง ด้านนอกติดลูกกรงลูกมะหวด ท่ีหน้าบันซุ้มประตู ด้านทิศตะวันออกด้านนอกจ�าหลักภาพเทวะน่ังชันเข่าอยู่ เหนือเศียรเกียรติมุข เหนือขึ้นไปเป็นนาค ๕ เศียร ครอบ ๒ ช้ัน ทั้ง ๒ ข้าง ทับหลังหินทรายจ�าหลักภาพเกียรติมุขคายท่อนพวงมาลัยออกมาทั้ง ๒ ข้าง เสากรอบประตูกลาง จ�าหลักภาพสิงห์ยืนเท้าพระเอวจับพุ่มกนกและโคนเสา เป็นภาพฤาษีนั่งยอง ๆ ประนมมือ
54 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ท่ีหน้าบันซุ้มประตู ด้านทิศตะวันออกด้านในจ�าหลักภาพสิงห์ท่ามกลางลิง และช้าง ประดับด้วยลวดลายพันธุ์พฤกษา ทับหลังจ�าหลักภาพพระกฤษณะตอนปราบ นาคกาลียะ สระน้�า ตั้งอยู่ที่ลานขนาด ๑๐ x ๑๐ เมตร รอบนอกระเบียงคตทั้ง ๔ ด้าน สระน้�าทั้ง ๔ สระนี้มีขนาดประมาณ ๒๐ x ๔๐ เมตร กรุพ้ืนสระด้วยหินทรายซ้อน เปน็ ชนั้ ๆ แบบบนั ได ปากผายกน้ สอบ ทมี่ ขุ ขอบสระทกุ มมุ ทา� เปน็ ตวั พญานาคชคู อสอง ข้างบาทวิถี ระหว่างซุ้มประตูระเบียงคตกับซุ้มประตูก�าแพงทุกด้านมีบันไดลงสู่สระน้�า ทั้งสองข้างทาง เหนือบันไดท�าเป็นเสาซุ้มประตูทั้งสองข้าง ก�าแพงแก้วและ«ุ้มประตู ต้ังอยู่รอบนอกห่างจากสระน้�าประมาณ ๑๐ เมตร ก�าแพงแก้วก่อด้วยศิลาแลงเป็นรูปส่ีเหลี่ยม๓÷ มีขนาด ๑๑๔.๕๐ x ๑๔๐ เมตร บนสันก�าแพงท�าเป็นรางต้ืน ๆ ส�าหรับวางท่อหินสี่เหลี่ยมทั้งสี่ด้าน ซ่ึงถูกเจาะรูกลม เป็นระยะ ๆ คงใช้เป็นที่ปักบราลีตรงกลางก�าแพงทั้งสี่ด้าน๓๘ ท�าเป็นซุ้มประตูจัตุรมุข มีประตูด้านละ ๓ ช่อง มุงหลังคาด้วยหินทรายโค้งเป็นรูปประทุนเรือ ทับหลังหินทราย
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 55 เหนือประตูของซุ้ม ประตูด้านทิศตะวันออกจ�าหลักภาพกฤษณะปราบนาคกาลียะ ท่ี ซุ้มประตูด้านทิศตะวันตกมีร่องรอบแสดงว่ายังตกแต่งลวดลายไม่เสร็จระหว่างประตู ท้ัง ๓ ช่อง เป็นหน้าต่างหลอกติดลูกกรงลูกมะหวดเลียบก�าแพงศิลาแลง มีทางเท้า ปูด้วยก้อนศิลาแลง ขนาดกว้าง ๑ เมตร รอบทุกด้าน๓๙ ห่างจากปราสาทเมืองต�่าไปทางทิศเหนือประมาณ ๒๐๐ เมตร เป็นบาราย ขนาดใหญ่เรียกว่า ทะเลเมืองต�่า มีขนาด ๕๑๐ x ๑๐๙๐ เมตร ลึกประมาณ ๓ เมตร ก่อขอบสระด้วยศิลาแลง ๓ ชั้น บนขอบสระด้านยาวคือ ด้านทิศเหนือและ ทิศใต้มีท่าน�้าเป็นชานประมาณ ๖.๙๐ x ๑๗ เมตร ปูพ้ืนด้วยศิลาแลงลาดลงไปยัง ฝั›งน้�า ซ่ึงก่อบันไดท่าน้�าเป็นทางลงสระรวม ๕ ช้ัน ท่าน�้าท้ัง ๒ ฟากนี้อยู่ในแนวตรง กันประมาณก่ึงกลางของขอบสระ๔๐ อายุสมัย ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๖ – ๑÷ (๒) การประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๒ ตอนที่ ๗๕ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๔๗๘๔๑ (๓) ชุมชนท่ีอยู่โดยรอบปราสาท ประกอบด้วย ๑. ทศิ เหนอื ตดิ บาราย ทงุ่ นา บา้ นหนองบวั ราย หา่ งจากถนนโชคชยั -เดชอดุ ม ประมาณ ๓ กิโลเมตร ๒. ทิศใต้ เขตติดต่อบ้านโคกเมือง หมู่ ๖ และ ๙ ๓. ทิศตะวันออก เขตติดต่อวัดปราสาทบูรพาราม บ้านโคกเมือง ๔. ทิศตะวันตก เขตติดต่อบ้านโคกเมือง
56 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๓.๓ ปราสาทเขากระโดง ท่ีตั้ง บ้านน้�าซับ ต�าบลเสม็ด อ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ส่ิงส�าคัญ ๑. ปราสาท ๑ หลัง ๒. รอยพระพุทธบาท ๑ รอย (๑) ความส�าคัญ ปราสาทบ้านเขากระโดงตั้งอยู่บนภูเขาไฟกระโดงซ่ึงเป็นเทือกเขาเล็กซึ่งสูง ประมาณ ๑๒๐ เมตร๔๒ มีลักษณะเป็นปรางค์องค์เดียวโดด ๆ ก่อสร้างด้วยหินทราย สีขาว๔๓ กว้างยาว ๘ ศอก๔๔ บนฐานศิลาแลงมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม ขนาด ๔ x ๔ เมตร มีประตู ๔ ด้าน ยอดปราสาทหักพังหรือถูกร้ือลงมา มีผู้น�าหิน มาเรียงขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ตรงตามรูปแบบเดิม ในสมัยรัตนโกสินทร์ ตระกูลสิงห์เสนีย์ได้ ประดษิ ฐานพระพทุ ธบาทจ�าลองไวใ้ นองค์ปรางคแ์ ลว้ สรา้ งมณฑปครอบทบั ปราสาทเขา กระโดงถกู ประกาศขนึ้ ทะเบยี นเปน็ โบราณสถานของชาตใิ นราชกจิ จานเุ บกษาเลม่ ที่ ๕๒
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 57 ตอนท่ี ๗๕ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๑๘ ขอบเขตโบราณสถาน ๑ งาน ๖๐ ตารางวา๔๕ (๒) ลักษณะรูปแบบศิลปกรรม ปราสาทศิลปะเขมรโบราณ (๓) ลักษณะการใช้งานปัจจุบัน เป็นโบราณสถาน๔๖ (๔) การประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๒ ตอนที่ ๗๕ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๔๗๘ (๕) การประกาศกา� หนดขอบเขตโบราณสถาน ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม ๙๙ ตอนท่ี ๑๕๕ วันท่ี ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๕ เน้ือท่ีประมาณ ๑ งาน ๕๐ ตารางวา๔÷ (๖) ชุมชนที่อยู่โดยรอบปราสาท ประกอบด้วย ๑. ทิศเหนือ ติดทางหลวงหมายเลข ๒๒๖ (นครราชสีมา-สุรินทร์) ๒. ทิศใต้ ติดบ้านสารภี หมู่ที่ ๕ วัดเขาน้อย และค่ายทหาร ประชาชนส่วน ใหญ่มีอาชีพท�านา ๓. ทิศตะวันออก ติดโรงโม่หินบุรีรัมย์ บ้านสวายจีก บ้านโคกตาสิงห์ หมู่ที่ ๑๓ และถนนบุรีรัมย์-สวายจีก ๔. ทิศตะวันตก ติดบ้านน้�าซับ วัดพระพุทธบาทเขากระโดง วิทยาลัยสงฆ์ บุรีรัมย์ และถนนบุรีรัมย์-ประโคนชัย
58 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๓.๔ ปราสาทหนองหงส์ ท่ีตั้ง หมู่ ๙ บ้านโนนดินแดง ต�าบลโนนดินแดง อ�าเภอโนนดินแดง จังหวัด บุรีรัมย์ ประวัติ ชื่อปราสาทได้มาจากช่ือของสระน้�าขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างไปทางทิศ เหนือประมาณ ๑๐๐ เมตร ชาวบ้านเรียกว่า สระหนองหงส์ หรือนางหงส์ ความส�าคัญ องค์ประกอบของโบราณสถาน มีดังน้ี ๑. ปรางค์ประธาน เป็นปรางค์ก่อด้วยอิฐ มีจ�านวน ๓ องค์ ต้ังอยู่บนฐาน ศิลาแลงเดียวกัน ขนาด ๖.๗๐ x ๑๘ เมตร๔๘ เฉพาะปรางค์องค์กลางยกฐานสูง กว่า ๒ หลัง กรอบประตูท�าด้วยหินทรายท้ัง ๓ หลัง๔๙ มีมุขย่ืนออกไป มีชานชาลา กากบาทรับกับซุ้มประตู (โคปุระ) ทางเข้าด้านตะวันออก ซึ่งต่อเป็นก�าแพงศิลาแลงรูป สี่เหล่ียมล้อมรอบปรางค์ เว้นแต่ด้านตะวันตกซ่ึงมีซุ้มประตูก่อด้วยอิฐ๕๐ ทับหลัง หน้าบัน ท�าด้วยหินทราย แกะสลักเป็นลวดลายแสดงเรื่องราวตามคัมภีร์ของศาสนา
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 59 ฮินดู๕๑ หลังด้านทิศเหนือจ�าหลักเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑอยู่เหนือเศียรเกียรติมุข หลังกลางจ�าหลักเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณอยู่เหนือเกียรติมุข หลังทางด้านทิศ ใต้จ�าหลักเป็นรูปอิศวรทรงโคศุภราชอยู่เหนือเศียรเกียรติมุข๕๒ ๒. อาคารศิลาแลง ซ่ึงมีอิฐก่อบางส่วนจากรูปแบบอาคารเข้าใจว่า อาจมา สร้างซ่อมแซมหรือต่อเติมสมัยหลัง เน่ืองจากเป็นแบบนิยมในสมัยการสร้างพุทธสถาน ของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ในพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ตั้งอยู่ระหว่างปรางค์องค์ทิศใต้กับ ซุ้มประตูด้านทิศตะวันออก ๓. มีก�าแพงก่อด้วยศิลาแลงเป็นรูปสี่เหล่ียมรอบปรางค์ไว้ มีซุ้มประตูทางเข้า ด้านทิศตะวันออกและทัศตะวันตก ซึ่งสร้างด้วยอิฐ๕๓ อายุสมัย ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๖-๑๗ มีการต่อเติมในสมัย พุทธศตวรรษที่ ๑๘ การประกาศข้ึนทะเบียนโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๕๒ ตอนท่ี ๙๕ วันท่ี ๘ มีนาคม ๒๔๗๘ การประกาศก�าหนดขอบเขตโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๙ ตอนท่ี ๑๕๕ วันท่ี ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๕ เน้ือท่ีประมาณ ๗ ไร่ - งาน ๖๓ ตารางวา๕๔ ชุมชนที่อยู่โดยรอบปราสาท ประกอบด้วย ๑. ทิศเหนือ เขตติดต่อวิทยาลัยเทคโนโลยีและการจัดการโนนดินแดง ๒. ทิศใต้ เขตติดต่อเข่ือนล�านางรอง ๓. ทิศตะวันออก เขตติดต่อศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรวิทยาลัย เทคโนโลยีและการจัดการโนนดินแดง ๔. ทศิ ตะวนั ตก เขตตดิ ตอ่ หมบู่ า้ นเกษตรกรซงึ่ เปน็ ทด่ี นิ จดั สรรจากทางราชการ
60 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๓.๕ ปราสาทโคกปราสาท (ปราสาทโคกง้ิว) ที่ต้ัง วัดโคกงิ้ว หมู่ ๓ ต�าบลปะค�า อ�าเภอปะค�า จังหวัดบุรีรัมย์ ความส�าคัญ ๑. ปรางค์ประธาน ก่อด้วยศิลาแลง แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาด ประมาณ ๕ x ๕ เมตร มีประตูทางด้านทิศตะวันออก ด้านอ่ืน ๆ อีกสามด้านเป็น ประตูหลอกอยูในสภาพพังทลายเหลือเพียงฐาน ๒. บรรณาลัย ก่อด้วยศิลาแลง มีขนาดประมาณ ๔ x ๗ เมตร ต้ังอยู่ ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ใกล้กับก�าแพงแก้ว ๓. ก�าแพงแก้วและซุ้มประตู ก่อด้วยศิลาแลง มีขนาดประมาณ ๒๕ x ๒๕ เมตร มีซุ้มประตูหินทรายอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ก�าแพงแก้วได้พังทลายลง เหลือพอให้เห็นเป็นแนวทั้ง ๔ ด้าน
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 61 ๔. สระน�้า เป็นสระดิน มีขนาดประมาณ ๑๐๐ x ๑๕๐ เมตร บางส่วน ของสระถูกถมเป็นถนนสายนางรอง – ปะค�า ๕. แผ่นจารึกส�าริดรูปวงโค้งขนาดสูง ๑๓.๕ เซนติเมตร กว้าง ๒๑.๗ เซนติเมตร จารึกด้วยอักษรและภาษาขอม ความว่า๕๕ มหาศักราช ๑๑๑๕ ไทยธรรมของพระบาทกมรเตงมอญ ศรีชยวรมเหวะ ถวายแด่พระอโรคยศาล ณ วิเรนทรปุระ๕๖ ๖. ประติมากรรมหินทรายและรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหินทราย ปัจจุบัน เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร อายุสมัย สร้างข้ึนในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ÷ ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๘๕÷ การประกาศข้ึนทะเบียนโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๕๒ ตอนที่ ๗๕ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๔๗๘ และเล่ม ๑๐๐ ตอน ๓๖ วันท่ี ๑๕ มีนาคม ๒๕๒๖ เนื้อท่ีประมาณ ๒ ไร่ ๓ งาน ๘๗ ตารางวา ชุมชนท่ีอยู่โดยรอบปราสาท ประกอบด้วย ๑. ทิศเหนือ เขตติดต่อแขวงป่าไม้ปะค�า ๒. ทิศใต้ เขตติดต่อทุ่งนา และบ้านโคกง้ิว ๓. ทิศตะวันออก เขตติดต่อวัดโคกงิ้ว ถนนนางรอง-ปะค�า ๔. ทิศตะวันตก เขตติดต่อที่นาของราษฎร
62 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๓.๖ ปราสาทหนองโปร่ง (ปราสาทหนองปล่อง) ท่ีตั้ง หมู่ที่ ๓ บ้านหนองปล่อง ต�าบลหนองปล่อง อ�าเภอนางรอง (ปัจจุบัน ตั้งอยู่ท่ีวัดป่าโคกปราสาท บ้านหัวลาว หมู่ ๒ ต�าบลหนองปล่อง อ�าเภอช�านิ จังหวัด บุรีรัมย์) ความส�าคัญ ๑. ซากอาคาร กอ่ ดว้ ยศิลาแลงมหี ินทรายเปน็ สว่ นประกอบ ดา้ นหน้าตรงสว่ น ที่เป็นห้องโถงผนังด้านทิศเหนือและทิศใต้ช�ารุดเหลือให้เห็นเพียงร่องรอยของกรอบ หน้าต่างหลายบาน ด้านหลังทิศตะวันตกซ่ึงเป็นส่วนท่ีเป็นปรางค์พังทลายลงหมด ๒. สระน้�าเป็นสระรูปส่ีเหล่ียมตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของซากอาคาร อายุสมัย ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๘๕๘ ชุมชนท่ีอยู่โดยรอบปราสาท ประกอบด้วย๕๙ ๑. ทิศเหนือ เขตติดต่อบ้านหัวลาว หมู่ ๒ ต�าบลหนองปล่อง อ�าเภอช�านิ อาชีพท�านาและปลูกมันส�าปะหลัง
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 63 ๒. ทิศใต้ เขตติดต่อบ้านหนองยาง ต�าบลหนองยายพิมพ์ อ�าเภอช�านิ อาชีพท�านาและปลูกมันส�าปะหลัง ๓. ทิศตะวันออก เขตติดต่อกับทุ่งนาและห้วยบ้านสิงห์ ๔. ทิศตะวันตก เขตติดต่อป่าหนองโคก และทุ่งนา ๓.๗ ปราสาทถมอ (ปราสาททะมอ) ที่ตั้ง บ้านละหานทรายเก่า ต�าบลหินลาด อ�าเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ บ้านศรีสุข ต�าบลเขาดินเหนือ (ปัจจุบันบ้านละหานทรายเก่า ต�าบลหินลาด)๖๐ อ�าเภอ บ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ความส�าคัญ เป็นโบราณสถานขนาดเล็กจ�านวน ๑ หลัง ในศาสนาพุทธลัทธิมหายาน เป็นศาสนสถานประจ�าท่ีพักคนเดินทาง ก่อด้วยศิลาแลง มีแผนผังเป็นรูปส่ีเหล่ียม ผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีช่องหน้าต่างเฉพาะผนังอาคารด้านทิศใต้
64 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม จารึกปราสาทพระขรรค์ ในประเทศกัมพูชากล่าวว่า พระเจ้าชัยวรมันท่ี ๗ (พ.ศ. ๑๗๒๓-๑๗๖๑) แห่งราชอาณาจักรเขมรโบราณ โปรดให้สร้างท่ีพักคนเดิน ทางตามเส้นทางส�าคัญท่ัวท้ังอาณาจักรของพระองค์ จ�านวน ๑๒๑ แห่ง ซ่ึงปราสาท ถมอน้ีเป็นที่พักคนเดินทาง ๑ ใน ๑๗ แห่งตามเส้นทางจากพระนครหลวง การประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๕๒ ตอนที่ ๗๕ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๔๗๘ การประกาศก�าหนดขอบเขตโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๙ ตอนท่ี ๑๕๕ วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๕ เน้ือท่ีประมาณ ๖ ไร่ ๑ งาน ๑๐ ตารางวา๖๑ สภาพปัจจุบัน สระน�้ายังคงเหลือให้เห็นเพียงสระเดียวทางด้านทิศใต้ของ บริเวณปราสาท ชุมชนที่อยู่โดยรอบปราสาท ประกอบด้วย ๑. ทิศเหนือ ติดกับทุ่งนา ห่างออกไปประมาณ ๓-๔ กิโลเมตร เป็น บ้านละหานทรายเก่า ๒. ทิศใต้ ติดกับทุ่งนา สวนยางพารา และสวนยูคา ๓. ทิศตะวันออก ติดกับทุ่งนา สวนยางพารา ๔. ทิศตะวันตก ติดกับทุ่งนา ป่าอ้อย ห่างจากถนนสายโนนเจริญ-บ้านกรวด ประมาณ ๑ กิโลเมตร๖๒
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 65 ๓.๘ ปราสาทบ้านปราสาท ที่ตั้ง วัดบ้านปราสาท ต�าบลจันดุม อ�าเภอพลับพลาชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ความส�าคัญ เป็นศาสนสถานในคติฮินดู สร้างขึ้นโดยชุมชนวัฒนธรรมเขมรโบราณ ของ ดินแดนแถบนี้ ในช่วงพุทธศตวรรษท่ี ๑๖-๑๗ ประกอบไปด้วยส่ิงก่อสร้างส�าคัญคือ ๑. ปราสาทประธาน ๑ หลัง ๒. สระน้�า ๑ สระ ปราสาทประธาน ก่อด้วยอิฐทรายและศิลาแลง หันหน้า ไปทางทิศตะวันออก มีแผนผังเป็นรูปสี่เหล่ียมจัตุรัส มีประตูเข้าออกประตูเดียวทางทิศ ตะวันออก สภาพปราสาทช�ารุด ส่วนยอดหักพัง เหลือเพียงส่วนเรือนธาตุลงมาถึงพื้น สระน�้า ห่างจากปราสาทไปทางทิศตะวันออกประมาณ ๒๐ เมตร๖๓ เป็น สระน�้าขนาดใหญ่รูปส่ีเหลี่ยมผืนผ้าสันนิษฐานว่า สระน้�าแห่งน้ีสร้างขึ้นมาพร้อมกับ ปราสาท เพ่ือใช้ในการอุปโภคบริโภคของนักบวชและประชาชนท่ัวไป๖๔
66 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม การประกาศข้ึนทะเบียนโบราณสถาน ยังไม่ได้ประกาศข้ึนทะเบียน ชุมชนที่อยู่โดยรอบปราสาท ประกอบด้วย ๑. ทิศเหนือ เขตติดต่อบ้านปลัดพัฒนา หมู่ที่ ๑๘ ต�าบลเดียวกันประมาณ ๓ กิโล ส่วนใหญ่มีอาชีพท�านา ๒. ทิศใต้ เขตติดต่อบ้านหนองม่วง อ�าเภอประโคนชัย ประมาณ ๕ กิโล ส่วนใหญ่มีอาชีพท�านา ๓. ทิศตะวันออก เขตติดต่อบ้านน้อย หมู่ ๑๐ ต�าบลจันดุมประมาณ ๓-๔ กิโล ส่วนใหญ่มีอาชีพท�านา ๔. ทิศตะวันตก เขตติดต่อบ้านส�าโรง อ�าเภอประโคนชัยประมาณ ๑ กิโล ส่วนใหญ่มีอาชีพท�านา
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 67 ๓.๙ ปราสาทกู่สวนแตง ท่ีตั้ง บ้านดงยาง ต�าบลกู่ส่วนแตง อ�าเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ ความส�าคัญ เป็นปราสาทอิฐ ๓ หลัง เรียงล�าดับจากทิศเหนือไปทิศใต้ ตั้งอยู่บนฐานศิลา แลงเดียวกันหันหน้าไปทางทิศตะวันออกสภาพท่ัวไปมีต้นไม้ยืนต้นและวัชพืชปกคลุม อยู่มาก แนวฐานร่วมถูกทับถมด้วยดินและเศษอิฐ บางจุดดินถมอยู่สูงจนเลยขอบฐาน และเกือบครึ่งผนังปรางค์ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาทพบแนวศิลาแลงที่ถูก จัดเรียงข้ึนใหม่เป็นรูปส่ีเหลี่ยมขนาด ๕.๒๙ x ๕.๖๐ เมตร และทิศตะวันออก เฉียงใต้มีลานพ้ืนปูน ถัดออกไปเป็นสระน้�าโบราณและกุฏิวัด ทิศตะวันตกมีส�านักสงฆ์ ภายหลังการขุดแต่งปราสาทองค์กลาง บริเวณฐานด้านหน้ามีลักษณะเป็นมุข ยน่ื ออกมาจากฐานศลิ าแลง โดยมชี อ่ งบนั ไดทางขน้ึ ขนาด ๒.๓ x เมตร บนั ไดมี ๔ ชน้ั ข้ึนสู่ชาลารอบปราสาท ลักษณะชาลาทรุดตัวลง ตัวฐานชั้นบนซึ่งรองรับองค์ปรางค์ เป็นฐานศิลาแลงย่อมุมรับกับฐานช้ันล่าง มีขนาด ๙.๖๐ x ๘.๗ เมตร โดยมีมุข ยื่นออกจากองค์ปรางค์ประธาน ๒.๙๕ x ๕.๓๒ เมตร และมีตะพักทางขึ้นเข้าสู่ ภายในองค์ปรางค์ มุขท่ียื่นออกมาจากองค์ปรางค์น้ันบนมุขท่ีย่ืนออกมาทางด้านหน้า ของปราสาททั้งสองข้างช�ารุด ก้อนศิลาแลงหลุดเคล่ือนออกจากที่ ลักษณะขององค์ปรางค์ ก่อด้วยอิฐประตูทางเข้า ส่วนอีก ๓ ด้าน ท�าเป็น ประตูหลอก โดยมีอกเสาแบ่งครึ่งกลางสร้างด้วย ถัดจากประตูหลอกข้ึนไปเป็นหน้าบัน มีหินทรายรองรับหน้าบันท้ัง ๓ ด้าน หลังคาเป็นช้ันซ้อนลดหล่ันกันข้ึนไป ภายในองค์ปรางค์ เป็นห้องรูปส่ีเหล่ียม มีขนาด ๓.๔๓ เมตร ภายใน พบฐานเทวรูป ๒ ฐาน พื้นห้องถูกขุดเจาะมุมห้องด้านทิศใต้น�าอิฐมาเรียงใช้แทน ศิลาแลงที่ถูกขุดไป๖๕ ตามบันทึกของนายเอเตียน เอ็ดมองค์ ลูเนต์ เคอ ลาจองกิเยร์ (E E Lunet de Lajonguiere) นักวิชาการชาวฝร่ังเศส ซ่ึงมาศึกษาศาสนศถานแห่งนี้ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๐ เมื่อครั้งปรางค์ท้ัง ๓ องค์ อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ท�าให้ทราบว่า ปรางค์
68 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ประธานองค์กลางมีทับหลังเป็นรูปศิวะนาฏราช และเทพองค์อ่ืน ๆ เล่นดนตรีประกอบ เช่น พระคเณศตีกลอง พระพรหมตีฉ่ิง พระอุมาถือไม้เท้าขาคน๖๖ ปราสาทด้านทิศเหนอื ลักษณะส่วนยอดพงั ทลายลงมาโดยเฉพาะดา้ นทิศเหนือ พังทลายลงมาเกือบถึงหน้าบัน รอบ ๆ องค์ปรางค์แตกร้าวแยกออกจากกัน ฐานมี ขนาด ๗.๓๒ x ๗.๓๗ เมตร สภาพช�ารุดทรุดตัวท�าให้ตัวปรางค์เอียงไปทางด้าน ทิศเหนือ มีประตูทางเข้าด้านเดียว มีมีประตูหลอก กรอบประตูสร้างด้วยหินทราย ด้านหน้าประตูทางเข้ามีหลุมทั้งสองข้างสลักลงบนก้อนศิลาแลง สันนิษฐานว่า น่าจะ เป็นที่ตั้งทวารบาล ปราสาทด้านทิศใต้ มีสภาพช�ารุดมากส่วนยอดปรางค์พังลงมาจนถึงเรือนธาตุ โดยเฉพาะด้านหน้าของปรางค์พงลงมาจนถึงกรอบประตู องค์ปรางค์ต้ังอยู่บนฐานร่วม เดียวกัน มีบันไดทางข้ึนด้านทิศตะวันออก มีกรอบประตูสร้างด้วยศิลาทราย ไม่มีประตู หลอก ภายในองค์ปรางค์พบฐานต้ังรูปเคารพลักษณะเป็นฐานตั้งรูปเคารพคู่ มีขนาด ๓๑ x ๒๒ สูง ๑๕ เซนติเมตร ภายหลังจากการขุดแต่งด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศตะวันออก เฉียงใต้ พบว่า เป็นบรรณาลัย ๒ หลัง ต้ังอยู่ ทับหลังพบทั้งหมดจ�านวน ๓ ชิ้น ชิ้นแรกแกะสลักลวดลายแสดงภาพวิษณุ อนันตศายินปัทมนากะ ชิ้นที่สองแสดงภาพวิษณุตรีวิกรมหรือวสนาวตาร ศิลปะร่วม แบบนครวัด ชิ้นท่ีสามแสดงภาพบุคคลประทับในท่ามหาราชสีลาศนะถือดอกบัวตูมใน พระหัตถ์ขวาเหนือคชาธารแวดล้อมด้วยบริวารถือเคร่ืองสูง ทับหลังท้ัง ๓ ช้ิน จัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพิมาย นอกจากนี้ ยังพบประติมากรรมหินทรายโดยท�าเป็นรูปเคารพและกลีบขนุน ประจ�าช้ันหลังคาปราสาทรูปเคารพท่ีพบแตกหักทั้งหมด โดยประติมากรรมเหล่านี้ท�า เป็นรูปบุคคลในท่ายืนมีทั้งรูปบุรุษ และสตรี ไม่ทราบแน่ชัดว่าหมายถึงเทพเจ้าองค์ใด อาจจะเป็นทวารบาลก็ได้ ส่วนกลีบขนุนมีสภาพแตกเป็นช้ิน ๆ เช่นกัน โดยสลักเป็น ภาพฤาษี นางอัปสร นาค ๕ เศียร และเทพประจ�าทิศ เช่น พระอินทร์ ประจ�าทิศ
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 69 ตะวันออก พระยมประจ�าทิศใต้ โดยประติมากรรมเหล่านี้จะใช้ประดับตามชั้นหลังคา ปราสาท เช่นเดียวกันกับปราสาทหินพิมาย หรือปราสาทเขาพนมรุ้ง ดังนั้น จึงสันนิษฐานได้ว่า ปราสาทกู่ส่วนแตงแห่งน้ี เป็นปราสาทท่ีสร้างข้ึน ตามแบบศิลปกรรมเขมรสมัยนครวัด อายุสมัย ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑÷ การประกาศข้ึนทะเบียนโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๕๒ ตอนที่ ๗๕ วันท่ี ๘ มีนาคม ๒๔๗๘ การประกาศก�าหนดขอบเขตโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๙๘ ตอนที่ ๑๐๔ วันท่ี ๓๐ มิถุนายน ๒๕๒๔ เนื้อท่ีประมาณ ๕ ไร่ ๒ งาน ๔๒ ตารางวา๖๘ ชุมชนท่ีอยู่โดยรอบปราสาท ประกอบด้วย๖๙ ๑. ทิศเหนือ เขตติดต่อบ้าน กม.ศูนย์ ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพค้าขาย และท�านา ๒. ทิศใต้ เขตติดต่อบ้านดงยาง หมู่ ๑ ต�าบลหนองแวง ประชาชนส่วนใหญ่ มีอาชีพท�านา ๓. ทิศตะวันออก เขตติดต่อโรงเรียนกู่สวนแตงพิทยาคม ๔. ทิศตะวันตก เขตติดต่อกับทุ่งนาของชาวบ้าน
70 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๓.๑๐ ปราสาทโคกปราสาท (ปราสาทหนองกงหรือปราสาทท้าวกง) ที่ตั้ง ล้อมรอบด้วยทุ่งนา ระหว่างบ้านหนองกงกับบ้านตะลองตอง ต�าบล หนองกง อ�าเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ประวัติสังเขป เป็นศาสนสถานขอมท่ีสร้างด้วยศิลาแลง กรอบประตูท�าด้วยหินทราย อยู่ใน สภาพพังทลาย คงเหลือเพียงผนังของซุ้มปรางค์และมุขด้านทิศเหนือเท่านั้น (สภาพ ปัจจุบันเหลือแต่กองเนินหิน)÷๐ อายุสมัย ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๘÷๑ ชุมชนท่ีอยู่โดยรอบปราสาท ประกอบด้วย ๑. ทิศเหนือ เขตติดต่อกับทุ่งนาของชาวบ้าน ๒. ทิศใต้ เขตติดต่อกับทุ่งนาของชาวบ้าน ๓. ทิศตะวันออก เขตติดต่อกับทุ่งนาของชาวบ้าน ๔. ทิศตะวันตก เขตติดต่อกับทุ่งนาของชาวบ้าน
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 71 เหตุผลในการเลือกปราสาท ๑๐ แห่ง เพ่ือท�าการวิจัยในครั้งนี้ ๑. เป็นการสุ่มตัวอย่าง เพื่อความเหมาะสมกับระยะเวลาในการท�าวิจัย ๒. มีความโดดเด่นและความสมบูรณ์กว่าปราสาทอื่นตามล�าดับและอยู่ ต่างอ�าเภอ ๓. ประชาชนให้ความส�าคัญเป็นพิเศษกว่าปราสาทขอมอ่ืนๆ ๔. มีคุณค่าและอิทธิพลต่อประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ๕. ควรได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากรให้เป็นสถานที่ท่องเท่ียว จ�านวนกลุ่มปราสาทขอมและสถานท่ีตั้งอยู่ จ�าแนกประเภทที่ตั้งในแต่ละ อ�าเภอ ที่ปราสาทตั้งอยู่ในจ�านวน ๑๐ แห่ง จะน�าเสนอเฉพาะ ท่ีต้ังเท่านั้น จะไม่ลง รายละเอียดซ้�าอีก ซ่ึงปราสาทในแต่ละอ�าเภอ เป็นการน�าเสนอเพื่อเป็นข้อมูลเบ้ืองต้น ในการศึกษาค้นคว้าในโอกาสต่อไป ซ่ึงสามารถจ�าแนกได้ ดังต่อไปนี้ อ�าเภอ/ล�าดับ ชื่อปราสาท ที่ตั้ง ๑. เมืองบุรีรัมย์ ๑.๑ ปราสาทเขากระโดง÷๒ บ้านน�้าซับ ต�าบลเสม็ด อ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ๒. คูเมือง ๑.๒ ปราสาทหัววัว (ปราสาทหนองเบง) บ้านหัววัว ต�าบลเสม็ด อ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ๓. กระสัง ๒.๑ ปราสาทหัววัว วัดบ้านปะเคียบ (วัดทรงศิรินาวาส) ต�าบลปะเคียบ อ�าเภอคูเมือง จังหวัด ๔. นางรอง (ปราสาทหนองเบง) ÷๓ บุรีรัมย์ บ้านสระสี่เหลี่ยม หมู่ที่ ๙ ต�าบลกันทรารมย์ อ�าเภอกระสัง จังหวัด ๓.๑ ปราสาทกะน็อบ บุรีรัมย์ ๔.๑ ปราสาทวัดตะวันตกนางรอง (ปัจจุบันอยู่ในเขตพ้ืนท่ีวัดร่องมันเทศ)÷๔ บ้านนางรอง ต�าบลนางรอง (วัดร่องมันเทศ) อ�าเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ๔.๒ ปราสาทสระตะโก (ปัจจุบันอยู่ในเขตพ้ืนท่ีที่พักสงฆ์ปราสาทธรรมาวร)÷๕ หมู่ที่ ๑๑ บ้าน (ปราสาทธรรมาวร) หนองถ่ัวแปบ ต�าบลล�าไทรโยง อ�าเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์÷๖ ๔.๓ ปราสาทสระส่ีเหล่ียม (ปราสาท (ปัจจุบันอยู่ในเขตพื้นท่ีท่ีพักสงฆ์สระส่ีเหล่ียม)÷÷ หมู่ที่ ๑๑ บ้านหนอง หนองถั่วแปบหรือปราสาทหนองลังกา) ถ่ัวแปบ ต�าบลล�าไทรโยง อ�าเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ๔.๔ ปราสาทสระส่ีเหลี่ยม (ปราสาทเถาวัลย์เปรียง) บ้านหนองโบสถ์ ต�าบลหนองโบสถ์ อ�าเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ๔.๕ ปราสาทวัดหนองโบสถ์ บ้านหนองโบสถ์ ต�าบลหนองโบสถ์ อ�าเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ๔.๖ กุฏิฤาษี บ้านหนองทองลิ่ม ต�าบลหนองโบสถ์ อ�าเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ บ้านหัวถนน (ปัจจุบันอยู่ในเขตพื้นท่ีวัดหัวถนน) ต�าบลหัวถนน อ�าเภอ ๔.÷ ปราสาทหัวถนน นางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
72 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๔.๘ แท่นบัลลังก์ (ปัจจุบันอยู่ในเขตพ้ืนท่ีวัดแท่นบัลลังก์)÷๘ บ้านแท่นบัลลังก์ ต�าบลทรัพย์ พระยา อ�าเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ วัดเย้ยปราสาท บ้านเย้ยปราสาท ต�าบลเย้ยปราสาท อ�าเภอหนองก่ี ๕. หนองก่ี ๕.๑ ปราสาทเย้ยปราสาท จังหวัดบุรีรัมย์ ๖. ละหานทราย ๗. ประโคนชัย ๖.๑ ปราสาทหนองบัว หมู่ ๖ บา้ นหนองสะแกวน ตา� บลโนนดนิ แดง อา� เภอละหานทราย จงั หวดั บุรีรัมย์ ๘. บ้านกรวด ๖.๒ ปราสาทเขาดุม บ้านถาวร ต�าบลถาวร อ�าเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ÷.๑ ปราสาทปลายบัด ๑ บ้านโคกเมือง ต�าบลจระเข้มาก อ�าเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ๙. พุทไธสง ÷.๒ ปราสาทบ้านบุ บ้านบุ ต�าบลจระเข้มาก อ�าเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๐. ล�าปลายมาศ ๗.๓ ปราสาทวัดโคกปราสาท (ปัจจุบัน ๑๑. สตึก ปราสาทวัดบ้านโคกปราสาทเหนือ) วัดบ้านโคกปราสาท ต�าบลละเว้ีย อ�าเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์๗๙ ๑๒. ปะค�า ๗.๔ ปราสาทวัดโคกปราสาทประชา บ้านพูนสุข (ปัจจุบันบ้านปราสาท หมู่ที่ ๑๐)๘๐ ต�าบลหนองบอน อ�าเภอ อนรุ กั ษ์ (ปจั จบุ นั ปราสาทวดั โคกปราสาทใต)้ ประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ วัดบ้านโคกปราสาท ต�าบลละเวี้ย อ�าเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ๗.๕ ปราสาทโคกปราสาท (คนท้องถ่ิน ถนนจรอกใหญ่-ละเว้ีย ห่างจากถนนประโคนชัย-เดชอุดม ประมาณ ๔ เรียกปราสาทเหนือ) กิโลเมตร ๗.๖ กุฏิฤาษี บ้านโคกเมือง ต�าบลจระเข้มาก อ�าเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ÷.÷ ปราสาทหินเมืองต่�า๘๑ บ้านโคกเมือง ต�าบลจระเข้มาก อ�าเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ÷.๘ ปราสาทบ้านบุ บ้านบุ ต�าบลจระเข้มาก อ�าเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ๗.๙ กุฎิฤษีหนองบัวราย (สระเพลง) บ้านหนองบัวลาย ต�าบลจระเข้มาก อ�าเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ÷.๑๐ ศาลเจ้าปู†หรือกระท่อมเมียะตา บ้านแสลงโทน ต�าบลแสลงโทน อ�าเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ๗.๑๑ ปราสาทวัดโคกปราสาทเหนือ (ปราสาทบ้านปราสาท) บ้านโคกปราสาทสามัคคี ต�าบลละเวี้ย อ�าเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ๘.๑ ปราสาทโคกยาง บ้านโคกยาง หมู่ ๑๔ ต�าบลบ้านกรวด อ�าเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ บ้านกรวด (ปัจจุบันต้ังอยู่พื้นที่บ้านสายตรี ๓ ต�าบลปราสาท)๘๒ ต�าบล ๘.๒ แหล่งหินตัด บ้านกรวด อ�าเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ๘.๓ ปราสาทละลมธม บ้านศรีสุข ต�าบลโนนเจริญ (ปัจจุบันต�าบลเขาดินเหนือ)๘๓ อ�าเภอ บ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ๘.๔ ปราสาทถมอ (ปราสาททะมอ)๘๔ บ้านละหานทรายเก่า ต�าบลหินลาด๘๕ อ�าเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ๘.๕ ปราสาททอง บ้านปราสาท ต�าบลปราสาท อ�าเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ๘.๖ ปราสาทไบแบก บ้านสายโท ๖ ต�าบลจันทบเพชร อ�าเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ๙.๑ กู่ฤาษี หมู่ ๘ บ้านกุฏิฤาษี ต�าบลหนองเยือง อ�าเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ เขตท่ีดินมีโฉนดของ นายบุญมี นางสุจิตร รักพร้า บ้านเลขที่ ๑๖ หมู่ ๑๐.๑ โบราณสถานบ้านข้ีตุ่น ๔ บ้านขี้ตุ่น ต�าบลโคกสะอาด อ�าเภอล�าปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ห่าง จากหมู่บ้านไปทางทิศเหนือราว ๕๐๐ เมตร ๑๐.๒ ปราสาทเมืองสูง บ้านไผทรินทร์ ต�าบลไผทรินทร์ อ�าเภอล�าปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๐.๓ ปรางค์บ้านส�าโรง บ้านส�าโรง ต�าบลไผทรินทร์ อ�าเภอล�าปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ปราสาทหิน วัดปราสาทหินโนนตูม ต�าบลดอนมนต์ อ�าเภอสตึก จังหวัด ๑๑.๑ ปราสาทหิน บุรีรัมย์ ๑๒.๑ ถ้�าเป็ดทอง บ้านหินโคน ต�าบลโคกมะม่วง อ�าเภอปะค�า จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๒.๒ ปราสาทโคกปราสาท (ปราสาท โคกง้ิว)๘๖ บ้านโคกง้ิว ต�าบลปะค�า อ�าเภอปะค�า จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๒.๓ ปราสาทหนองไข่น้�า บ้านโคกง้ิว ต�าบลปะค�า อ�าเภอปะค�า จังหวัดบุรีรัมย์
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 73 ๑๒.๔ ปราสาททุ่งศรีสุข (ปราสาทโคก บ้านโคกง้ิว หมู่ ๓ ต�าบลปะค�า อ�าเภอปะค�า จังหวัดบุรีรัมย์ ตาสุขหรือหนองตาสุข) ๑๒.๕ โบราณสถานวัดโพธ์ิย้อยหรือวัด บ้านปะค�า วัดโพธ์ิย้อย บ้านปะค�า ต�าบลปะค�า อ�าเภอปะค�า จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๒.๖ ปราสาทหนองน้�าขุน (ปราสาทบุ บ้านหนองน้�าขุน ต�าบลหนองบัว อ�าเภอปะค�า จังหวัดบุรีรัมย์ กล้วย) ๑๒.÷ ปราสาทหนองตาสี (ปราสาทตาดา� ) บ้านโคกสมบูรณ์ ต�าบลไทยเจริญ อ�าเภอปะค�า จังหวัดบุรีรัมย์ วัดพระแม่มารดา บ้านโคกปราสาท ต�าบลไทยเจริญ อ�าเภอปะค�า จังหวัด ๑๒.๘ ปราสาทบ้านใหม่ไทยเจริญ บุรีรัมย์ ๑๒.๙ ปราสาทสระตะคร้อ บ้านโคกปราสาท ต�าบลไทยเจริญ อ�าเภอปะค�า จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๒.๑๐ ปราสาทอหี อ (ปราสาทปา† อหี อ) บ้านโคกปราสาท ต�าบลไทยเจริญ อ�าเภอปะค�า จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๒.๑๑ ปราสาทบุทอง บ้านดอนใต้ ต�าบลหนองบัว อ�าเภอปะค�า จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๓. นาโพธ์ิ ปราสาทดอนกลาง บ้านดอนกลาง ต�าบลบ้านคู อ�าเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๔. หนองหงส์ ๑๔.๑ กุฏิฝ้าย บ้านเมืองฝ่าย ต�าบลเมืองฝ่าย อ�าเภอหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๔.๒ ปราสาทผึ้ง ต�าบลไทยสามัคคี อ�าเภอหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๔.๓ ปราสาททอง บ้านฝ้าย ต�าบลไทยสามัคคี อ�าเภอหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๔.๔ ปราสาทกลางบ้าน บ้านฝ้าย ต�าบลไทยสามัคคี อ�าเภอหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๕. พลับพลาชัย ๑๕.๑ ปราสาทโคกคฤ บ้านมะมัง ต�าบลป่าชัน อ�าเภอพลับพลาชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๕.๒ ปราสาทบ้านปราสาท๘÷ บ้านปราสาท ต�าบลจันดุม อ�าเภอพลับพลาชัย จังหวัดบุรีรัมย์ วัดปราสาทสูง (บ้านเพชร) หมู่ที่ ๗ ต�าบลห้วยราชา อ�าเภอห้วยราช ๑๖. ห้วยราช ปราสาทสูง จังหวัดบุรีรัมย์ ๑÷. โนนสุวรรณ ไม่ปรากฏหลักฐาน บ้านปราสาท ต�าบลช่อผกา อ�าเภอช�านิ จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๘. ช�านิ ๑๘.๑ ปราสาทเทพสถิต๘๘ บ้านหนองกง (ปัจจุบันตั้งอยู่ต้ังพื้นท่ีบ้านหนองบัวลาว หมู่ ๒ ต�าบล ๑๘.๒ ปราสาทโคกปราสาท๘๙ หนองปลอ่ ง อา� เภอชา� น)ิ ๙๐ ตา� บลหนองกง อา� เภอนางรอง จงั หวดั บรุ รี มั ย์ บ้านกระจับโพรง (ปัจจุบันต้ังอยู่ตั้งอยู่พื้นท่ีบ้านดอนหวาย หมู่ ÷ ต�าบล ๑๘.๓ ปราสาทกระจับโพรง หนองปล่อง อ�าเภอช�านิ)๙๑ ต�าบลหนองปล่อง อ�าเภอนางรอง จังหวัด บุรีรัมย์ บ้านหนองปล่อง (ปัจจุบันต้ังอยู่ต้ังอยู่พ้ืนท่ีบ้านหนองปรือ หมู่ ๒ ต�าบล ๑๘.๔ ปราสาทประจิต หนองยายพมิ พ์ อา� เภอชา� น)ิ ๙๒ ตา� บลหนองปลอ่ ง อา� เภอนางรอง จงั หวดั บุรีรัมย์ บ้านดอนหวาย (ปัจจุบันตั้งอยู่พื้นท่ีวัดปราสาทวนาราม หมู่ ๘ ต�าบล ๑๘.๕ ปราสาทดอนหวาย (ปราสาท หนองปล่อง อ�าเภอช�านิ)๙๓ ต�าบลหนองปล่อง อ�าเภอนางรอง จังหวัด หนองยายพิมพ์) บุรีรัมย์ ๑๘.๖ กุฏิฤาษี บ้านหนองเทา (ปัจจุบันเป็นต�าบลละลวด อ�าเภอช�านิ)๙๔ ต�าบลช�านิ อ�าเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ บ้านหนองตาเปล่ง ต�าบลช�านิ (ปัจจุบันเป็นต�าบลช่อผกา อ�าเภอช�านิ)๙๕ ๑๘.÷ ปราสาทหนองตาเปล่ง อ�าเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ๑๙. บา้ นใหมไ่ ชย ๑๙.๑ ปราสาทกู่สวนแตง๙๖ บ้านดงยาง ต�าบลกู่ส่วนแตง อ�าเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ พจน์ ๑๙.๒ ปราสาทกู่ฤาษี บ้านดงยาง ต�าบลกู่ส่วนแตง อ�าเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ หมู่ ๘ บ้านโนนดินแดง ต�าบลโนนดินแดง อ�าเภอโนนดินแดง จังหวัด ๒๐. โนนดินแดง ๒๐.๑ ปราสาทหนองหงส์๙๗ บุรีรัมย์
74 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๒๑. บ้านด่าน ๒๑.๑ ปราสาทบ้านปราสาท วัดบ้านปราสาท ต�าบลปราสาท อ�าเภอบ้านด่าน จังหวัดบุรีรัมย์ ๒๒. แคนดง ไม่ปรากฏหลักฐาน หมู่ที่ ๒ (บ้านดอนหนองแหน) บ้านตาเปˆก ต�าบลตาเปˆก อ�าเภอ ๒๓.๑ ปราสาทเขาพนมรุ้ง๙๘ เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ บ้านยายแย้ม ต�าบลยายแย้ม (ปัจจุบันต�าบลยายแย้มวัฒนา) อ�าเภอ ๒๓.๒ ปราสาทเขาปลายบัด ๒ เฉลิมพระเกียรติ ข้อสังเกตเพ่ิมเติม จากการลงพ้ืนท่ีส�ารวจปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ ท�าให้ทราบจ�านวน ปราสาทที่ยังมีร่องรอยเหลืออยู่จ�านวน ๖๙ ปราสาท ส่วนใหญ่แล้วจะเหลือแต่ซาก กองหินและเนินดิน และพบประเด็นปัญหาต่าง ๆ มากมาย สามารถสรุปเป็นข้อ ๆ ได้ดังต่อไปน้ี ๑. มีปราสาทขอมอีกเป็นจ�านวนมากท่ีตกส�ารวจ ซ่ึงทางกรมศิลปากร ยังไม่ ได้ส�ารวจ และท่ีส�ารวจแล้ว ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ๒. ปราสาทขอมส่วนหนึ่งที่ตกส�ารวจเน่ืองจากเจ้าของพื้นที่ไม่ยอมแจ้งทาง กรมศิลปากร เพราะเกรงว่า จะถูกกรมศิลปากร เว้นคืนพ้ืนที่ ซึ่งแม้แต่วัดบ้างแห่งทาง วัดและชาวบ้านก็มีความคิดเห็นเช่นน้ัน รอจนขอเป็นวัดเรียบร้อยแล้วจึงแจ้งให้กรม ศิลปากรทราบภายหลัง ส่วนที่อยู่ในท่ีดินของชาวบ้านก็เกรงว่าจะเสียท่ีดิน จึงไม่ยอม แจ้งให้กรมศิลปากรได้ทราบ ๓. ปราสาทขอมท่ีถูกท�าลาย นอกจากเกิดจากภัยทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น เร่ืองของกาลเวลา ที่ท�าให้ส่ิงก่อสร้างผุพังไปตามกาลเวลาแล้ว ยังมีภัยส�าคัญท่ีเกิด จากผู้คนหรือนักล่าสมบัติท่ีมีความโลภอันเกิดจากความเช่ือที่ว่า ปราสาทขอมแต่ละ แห่งมีการฝังสมบัติและของมีค่าบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวปราสาท ท�าให้มีการขุด ท�าลายเพื่อหาสมบัติ จากการสอบถามประชาชนและพระสงฆ์ท่ีอยู่ดูแลปราสาท ทราบ ว่า ผู้คนท่ีขุดหาสมบัติส่วนใหญ่เป็นคนต่างพื้นท่ีและมาจ้างคนในพ้ืนท่ีเป็นผู้ขุด เหตุการณ์นี้เกิดข้ึนเมื่อประมาณ ๑๕-๒๐ ปีท่ีแล้ว ท�าให้พระสงฆ์และประชาชนใน พ้ืนท่ีที่มีความห่วงแหนในสมบัติของชาติ ต้องจัดเวรยามรักษาความปลอดภัยปราสาท จากนักล่าสมบัตินักกล่าว
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 75 เชิงอรรถ ๑ ไกรภพ สาระกุล, เจาะอารยธรรมโบราณ ขอมพันป‚, (กรุงเทพมหานคร : บริษัท พรอสเพอร์ เซอร์วิส ซัพพลาย, ๒๕๕๔), หน้า ๘๐. ๒ ภควัต ปิตตาทะโน, “นาฏยประดิษฐ์ : การศึกษาประติมากรรมภาพสลักปราสาท พนมรุ้งเพ่ือสร้างชุดการแสดง”, ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ๒๕๕๓), หน้า ๑๗๓. ๓ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถ่ินบุรีรัมย์, (บุรีรัมย์ : ม.ป.ท., ม.ป.ป.),, หน้า ๗๖, และไกรภพ สาระกุล, เจาะอารยธรรมโบราณ ขอมพันป‚, หน้า ๙๑. ๔ ไกรภพ สาระกุล, เจาะอารยธรรมโบราณ ขอมพันป‚, หน้า ๙๕. ๕ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๖. ๖ กลุ่มวิชาการโบราณคดี, ส�านักงานศิลปากรที่ ๑๒ นครราชสีมา, โบราณสถานใน จังหวัดบุรีรัมย์, นครราชสีมา : ม.ป.ท., ม.ป.ป. หน้า ๙. (อัดเสาเนา) ÷ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๖. ๘ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๗๗. ๙ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙. ๑๐ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๗. ๑๑ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙. ๑๒ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๗.
76 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๑๓ ไกรภพ สาระกุล, เจาะอารยธรรมโบราณ ขอมพันป‚, หน้า ๙๑. ๑๔ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙. ๑๕ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๗. ๑๖ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙. ๑÷ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๗. ๑๘ เรื่องเดียวกัน หน้า ๗๗-๗๘. ๑๙ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙. ๒๐ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๘. ๒๑ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙. ๒๒ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๘. ๒๓ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙. ๒๔ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๘. ๒๕ ไกรภพ สาระกุล, เจาะอารยธรรมโบราณ ขอมพันป‚, หน้า ๘๒. ๒๖ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๘. ๒÷ ไกรภพ สาระกุล, เจาะอารยธรรมโบราณ ขอมพันป‚, หน้า ๘๒. ๒๘ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๑๐.
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 77 ๒๙ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๗๘. ๓๐ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๙-๑๐. ๓๑ ไกรภพ สาระกุล, เจาะอารยธรรมโบราณ ขอมพันป‚, หน้า ๑๐๐. ๓๒ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๒๑. ๓๓ ไกรภพ สาระกุล, เจาะอารยธรรมโบราณ ขอมพันป‚, หน้า ๑๐๐. ๓๔ คณะกรรมการบริหารสภาวัฒนธรรมจังหวัดบุรีรัมย์, บุรีรัมย์ภูมิหลังประวัติศาสตร์และ วัฒนธรรม, (กรุงเทพมหานคร : บริษัท ที.เค.พริ้นติ้ง จ�ากัด, ๒๕๕๕), หน้า ๑๓๐. ๓๕ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๒๑-๒๒. ๓๖ ไกรภพ สาระกุล, เจาะอารยธรรมโบราณ ขอมพันป‚, หน้า ๑๐๓. ๓÷ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๒๑-๒๒. ๓๘ ไกรภพ สาระกุล, เจาะอารยธรรมโบราณ ขอมพันป‚, หน้า ๑๐๕. ๓๙ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๒๑-๒๒. ๔๐ ไกรภพ สาระกุล, เจาะอารยธรรมโบราณ ขอมพันป‚, หน้า ๑๐๗. ๔๑ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๒๒-๒๓. ๔๒ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๘๐. ๔๓ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๑. ๔๔ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๘๐. ๔๕ นางสาวเฌอมา ปัญญพิชญ์, “การศึกษาแนวทางการจัดการท่องเท่ียวเชิงนิเวศ : กรณศี กึ ษาวนอทุ ยานเขากระโดง จงั หวดั บรุ รี มั ย”์ , วทิ ยานพิ นธศ์ ลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ , (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๕๒), หน้า ๑๔๑.
78 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๔๖ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๑. ๔÷ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๑. ๔๘ กรมศิลปากร, ท�าเนียบโบราณสถานขอมในประเทศไทย เล่ม ๒ จังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๓๘. ๔๙ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๘๐. ๕๐ กรมศิลปากร, ท�าเนียบโบราณสถานขอมในประเทศไทย เล่ม ๒ จังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๓๘. ๕๑ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๓๖. ๕๒ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๘๐. ๕๓ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๓๖. ๕๔ กรมศิลปากร, ท�าเนียบโบราณสถานขอมในประเทศไทย เล่ม ๒ จังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๔๐. ๕๕ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๕๐. ๕๖ ส�านักงานจังหวัดบุรีรัมย์, อ้างใน ผศ.พัชรินทร์ ศิริอ�าพันธ์กุล, อีสานใต้ศึกษา เล่ม ๑ Ï, หน้า ๕๐. ๕÷ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๕๐. ๕๘ กรมศิลปากร, ท�าเนียบโบราณสถานขอมในประเทศไทย เล่ม ๒ จังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๖๓, ๖๕. ๕๙ สัมภาษณ์พระกีรติกร ยสนฺธโร (เจ้าคณะต�าบลหนองปล่อง), วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๖๐ ผู้วิจัยลงพ้ืนที่ส�ารวจ, เม่ือวันท่ี ๒ ตุลาคม ๒๕๕๖.
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 79 ๖๑ ป้ายส�านักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ ๑๒ นครราชสีมา, ผู้วิจัย ลงพ้ืนท่ีเมื่อวันท่ี ๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ ๖๒ ผู้วิจัยลงพื้นท่ีส�ารวจ, เมื่อวันท่ี ๒ ตุลาคม ๒๕๕๖. ๖๓ สภาวัฒนธรรมจังหวัดบุรีรัมย์, บุรีรัมย์ภูมิหลังประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม, (กรุงเทพมหานคร : บริษัท ที.เค.พร้ินต้ิง จ�ากัด, ๒๕๕๕), หน้า ๒๑๔. ๖๔ ป้ายส�านักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติท่ี ๑๒ นครราชสีมา, ผู้วิจัย ลงพื้นท่ีเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๖ และจากการสัมภาษณ์พระปลัดบุญทิพย์ รวิวณฺโณ เจ้าอาวาสวัดบ้านปราสาท. ๖๕ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๖๓-๖๔. ๖๖ กรมศิลปากร, ท�าเนียบโบราณสถานขอมในประเทศไทย เล่ม ๒ จังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๒๕ และ ๒÷. ๖÷ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๖๓-๖๔. ๖๘ กรมศิลปากร, ท�าเนียบโบราณสถานขอมในประเทศไทย เล่ม ๒ จังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๒÷. ๖๙ ลงพ้ืนท่ีส�ารวจเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๖. ÷๐ ลงพ้ืนท่ีส�ารวจเม่ือวันพฤหัสบดีท่ี ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖. ÷๑ กลุ่มวิชาการโบราณคดีฯ, โบราณสถานในจังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๑๘. ÷๒ ดูประวัติความเป็นมา หน้า ๑๘-๑๙. ÷๓ ผู้สนใจรายละเอียดประวัติความเป็นมา สามารถศึกษาได้ตามท่ีอยู่ข้างต้น. ÷๔ สัมภาษณ์พระครูศรีปริยัติวิบูลย์ และพระปลัดสุรศักด์ิ โชติวโร, วันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ÷๕ สัมภาษณ์พระครูศรีปริยัติวิบูลย์ และพระปลัดสุรศักด์ิ โชติวโร, วันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖.
80 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ÷๖ กรมศิลปากร, ท�าเนียบโบราณสถานขอมในประเทศไทย เล่ม ๒ จังหวัดบุรีรัมย์, หน้า ๔๘. ÷÷ สัมภาษณ์พระครูศรีปริยัติวิบูลย์ และพระปลัดสุรศักดิ์ โชติวโร, วันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ÷๘ สัมภาษณ์พระครูศรีปริยัติวิบูลย์ และพระปลัดสุรศักดิ์ โชติวโร, วันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๗๙ ลงพ้ืนท่ีและสัมภาษณ์คุณยายเบือน สอประโคน, วันท่ี ๖ ตุลาคม ๒๕๕๖. ๘๐ ลงพ้ืนท่ีและสัมภาษณ์พระประชา , วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๖. ๘๑ ดูประวัติความเป็นมา หน้า ๑๕-๑๘. ๘๒ สัมภาษณ์ พระครูพิศาลสังฆกิจ (เจ้าคณะอ�าเภอบ้านกรวด), วันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๘๓ สัมภาษณ์ พระครูพิศาลสังฆกิจ (เจ้าคณะอ�าเภอบ้านกรวด), วันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๘๔ ดูประวัติความเป็นมา หน้า ๒๒-๒๓. ๘๕ ผู้วิจัยลงพื้นท่ีส�ารวจ, เม่ือวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๖. ๘๖ ดูประวัติความเป็นมา หน้า ๒๒-๒๓. ๘÷ ดูประวัติความเป็นมา หน้า ๒๔. ๘๘ ไม่ปรากฏหลักฐานและรายละเอียด. ๘๙ ดูประวัติความเป็นมา หน้า ๒๗. ๙๐ สัมภาษณ์พระกีรติกร ยสินฺธโร (อดีตเลขานุการเจ้าคณะอ�าเภอช�านิ), วันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๙๐๑ สัมภาษณ์พระกีรติกร ยสินฺธโร (เลขานุการเจ้าคณะอ�าเภอช�านิ), วันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖.
ส�ารวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ 81 ๙๒ สัมภาษณ์พระกีรติกร ยสินฺธโร (เลขานุการเจ้าคณะอ�าเภอช�านิ), วันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๙๓ สัมภาษณ์พระกีรติกร ยสินฺธโร (เลขานุการเจ้าคณะอ�าเภอช�านิ), วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๙๔ สัมภาษณ์พระกีรติกร ยสินฺธโร (เจ้าคณะต�าบลหนองปล่อง), วันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๙๕ สัมภาษณ์พระกีรติกร ยสินฺธโร (เจ้าคณะต�าบลหนองปล่อง), วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖. ๙๖ ดูประวัติความเป็นมา หน้า ๒๕-๒๗. ๙๗ ดูประวัติความเป็นมา หน้า ๑๙-๒๐. ๙๘ ดูประวัติความเป็นมา หน้า ๑๐-๑๕.
82 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม
วิเคราะห์คติความเชื่อการสร้างปราสาท 83 ๔ วิเคราะหค ตคิ วามเช่อื การสรา้ งปราสาท
แนวความคิดของพราหมณ์ พุทธ จุดเริ่มต้นการสร้างปราสาท การสร้างปราสาทที่มีปรากฏข้ึนมากมายน้ัน เกิดจากคติความเช่ือของศาสนา พราหมณ์ ท่ีมีความเช่ือว่า การสร้างปราสาท เป็นการจ�ำลองรูปจักรวาลจากสวรรค์สู่ พื้นโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจ�ำลองเอารูปเขาไกรลาส อันเป็นท่ีประทับของพระศิวะ หรือเขาพระสุเมรุอันเป็นแกนกลางของจักรวาล รูปเทวสตรี เป็นเร่ืองราวที่แสดงความ เป็นมาของพุทธศาสนาลัทธิตันตระ แสดงถึงความเป็นผู้มีปัญญาสูงสุด ธรรมศาลา และอโรคยศาลา แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ส่วน พระพทุ ธรปู ทป่ี รากฏอยตู่ ามปราสาทขอมนนั้ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ยคุ สมยั ของพระพทุ ธศาสนา แบบเถรวาท ในบทน้ี เป็นการศึกษาคติความเช่ือ ในการสร้างปราสาทขอม ผู้ศึกษายกเอา ปราสาทเขาพนมรุ้ง เป็นหลัก เป็นตัวต้ังในการอธิบายคติความเช่ือ สาเหตุท่ียกเอา ปราสาทพนมรุ้งเป็นตัวตั้ง เพราะมีองค์ประกอบที่สมบูรณ์กว่าปราสาทอื่น ๆ นับแต่ส่ิง ก่อสร้างจากเชิงเขา ยอดเขา ตามล�ำดับ องค์ประกอบส�ำคัญของปราสาทหินพนมรุ้งมี คติความเช่ือดังต่อไปน้ี การสร้างปราสาทส่วนใหญ่ เป็นการจ�ำลองรูปจักรวาลสู่พื้นโลก คือการสร้าง ปราสาทหินบนยอดเขาท่ีเรียกว่า ศาสนบรรพต โดยมุ่งความหมายถึง เขาไกรลาส อันเป็นท่ีประทับของพระศิวะ หรือเขาพระสุเมรุอันเป็นแกนกลางของจักรวาล๑ เป็นการ สร้างถวายเพื่อเป็นทิพย์วิมานของเทพเจ้า อีกท้ังยังเป็นราชสุสานของพระองค์เองเม่ือ ทรงสวรรคต๒ เป็นสถานท่ีปฏิบัติธรรมประกอบพิธีกรรมและศูนย์รวมทางจิตใจของ
วิเคราะห์คติความเชื่อการสร้างปราสาท 85 ประชาชนท่ีอยู่รอบ ๆ ปราสาท เมื่อมองจากส่วนสูง มีลักษณะเหมือนกับศิวลึงค์ต้ัง อยู่บนฐานท่ี เรียกว่า โยนีโธรณะ ปรางค์ประธานหรือวิมาน ท�าหน้าท่ีเป็นศิวลึงค์ หรือ ลึงค์๓ ปราสาทส่วนใหญ่จะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เนื่องจากเชื่อกันว่าเป็นทิศ มงคลทพี่ ระอาทติ ยข์ น้ึ อนั เปรยี บเสมอื นการเรม่ิ ตน้ ชวี ติ ใหม่ หรอื การเรมิ่ ตน้ ความเจรญิ รุ่งเรือง และยังเชื่อว่าแสงอาทิตย์จะก่อให้เกิดพลังแก่รูปท่ีประดิษฐานอยู่ภายในด้วย๔ ภาพมุมสูงแสดงให้เห็นถึงปรางค์ประธาน ๔.๑ ปรางค์ประธาน เปน็ รปู สเ่ี หลยี่ มยอ่ มมุ มีขนาดกวา้ งดา้ นละ ๘.๒๐ เมตร สูง ๒๖.๕๐ เมตร มีมุขย่ืนออกไปทั้ง ๔ ทิศ มีประตูทั้ง ๔ ด้าน มีรูปพระศิวะประทับประดิษฐานอยู่ ใต้ฐานพระศิวลิงค์จะมีน�้าไหลผ่านออกท่ีปลายโยนีโธรณะหรือฐานศิวลิงค์ อันเป็น ลักษณะของพระนางอุมา๕ สร้างด้วยหินทราย ตั้งอยู่กลางลานปราสาทชั้นใน อายุสมัย ราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๖-๑๗๖
86 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม อ้างอิง: http://travelthai5.blogspot.com/2014/12/phanomrung.html ปรางค์ประธาน ประตูด้านทิศตะวันออก ที่มา: http://travelthai5.blogspot.com/2014/12/phanomrung.html
วิเคราะห์คติความเช่ือการสร้างปราสาท 87 คติความเชื่อ สร้างตามคติความเช่ือเรื่องจักรวาล ปรางค์ประธานเปรียบ เสมอื นเปน็ ศนู ยก์ ลางของจกั รวาล เปน็ ดจุ เขาไกรลาสหรอื เขาพระสเุ มรุ อนั เปน็ ทปี่ ระทบั ของพระศิวะ ประมุขของรัฐในท้องถ่ินจะสร้างศิวลึงค์อันเป็นตัวแทนขององค์พระศิวะ ประดิษฐานไว้ที่ปรางค์ประธาน ใต้ฐานพระศิวลิงค์จะมีน�้าไหลผ่านออกท่ีปลายโยนี โธรณะหรือฐานศิวลิงค์ อันเป็นลักษณะของพระนางอุมา ถือว่าเป็นน�้าที่ศักดิ์สิทธิ์เช่น เดียวกับแม่พระคงคาในประเทศอินเดีย÷ ๔.๒ วิหารหรือมณฑป ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของปรางค์ประธาน ถัดจากมุมฉนวนออกไปมี ห้องโถง ขนาด ๘ ื ๑๐ เมตร ทับหลังด้านในแกะสลักเป็นรูปฤาษี ใช้เป็นวิหารหรือ โรงสวด ด้านหน้าข้างมุขมีประตูออกทางด้านทิศตะวันออกเชื่อมกับประตูโคปุระด้าน หลัง หน้าบรรณเหนือประตูตะวันออกแกะสลักเป็นรูปศิวนาฏราช๘ คติความเชื่อ การสลักรูปฤาษี มีคติความเช่ือว่า ฤาษีแปลว่าผู้เห็น หมายถึง แลเห็นด้วยความรู้ท่ีพิเศษที่เกิดจากฌานและเป็นผู้รู้ในกาลทั้งสาม คืออดีต-ปัจจุบัน- อนาคต จุดมุ่งหมายของเหล่าฤษีคือโมกษะและการหลุดพ้นจากสังสารวัฏ ฤาษีน่ังอ่าน คัมภีร์สลักท่ีโคนเสาติดผนัง ปราสาทเขาพนมรุ้ง จากต�าแหน่งภาพประดับดังกล่าว สันนิษฐานว่า คงหมายถึงฤาษีระดับสามัญธรรมดาที่อยู่ในโลกสวรรค์และโลกมนุษย์ โดยเฉพาะเหล่าฤาษีผู้บ�าเพ็ญตบะอยู่บริเวณเชิงเขาไกรลาส ฤาษีเหล่าน้ีส่วนใหญ่เป็น บริวารพระศิวะ ซ่ึงถือเป็นเทพฤาษีผู้มีตบะบารมีสูงส่ง เป็นครูของเหล่าฤาษีทั้งปวง๙ นอกจากนแี้ ลว้ ยงั มคี ตคิ วามเชอ่ื วา่ ฤาษี ทปี่ รากฏอยู่ หมายถงึ ผสู้ รา้ งปราสาท นั้น ๆ สละเพศฆราวาสเพ่ือออกบวชเป็นฤาษี เพ่ือบ�าเพ็ญธรรม หรืออีกนัยหน่ึง หมายถึงผู้สร้างได้ต้ังอยู่ในธรรม ๔.๓ ปรางค์อิฐ เดิมเข้าใจว่ามี ๓ องค์ แต่ปัจจุบันเหลือให้เห็นเพียง ๒ องค์๑๐ สร้างด้วย อิฐและหินทราย๑๑ ต้ังอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปรางค์ประธาน องค์หน่ึงหัน หน้าสู่ทิศตะวันออก อีกองค์หนึ่งหันหน้าสู่ทิศใต๑้ ๒ อายุสมัยราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕๑๓
88 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม คตคิ วามเชอื่ ปรางคอ์ ฐิ ๓ องค์ มคี วามหมายถงึ เทพทงั้ สามทเี่ ปน็ ผมู้ อี า� นาจ หน้าที่ ดังต่อไปนี้ ๑. พระพรหม จุติมาจากด้านขวาของพระ มีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างโลก และสิ่งต่างๆ ในโลก มนุษย์ท่ีสร้างขึ้นมานั้นประกอบด้วยวรรณะท้ัง ๔ คือ พราหมณ์ กษัตริย์ ไวศยะ และศูธ ๒. พระวิษณุ จุติมาจากด้านซ้ายพระศิวะ มีหน้าท่ีรับผิดชอบในการคุ้มครอง ดูแลส่ิงที่พระพรหมสร้างขึ้น และจะต้องคุ้มครองดูแลรักใคร่เอ็นดูต่อพระปิตามหา คือ พระพรหม ซ่ึงเป็นผู้สร้าง ๓. พระมเหศวร พระรุทระ หรือพระศิวะเป็นองค์เดียวกัน สร้างข้ึนจากส่วน ของพระขนง (ค้ิว) ของพระพรหม มีหน้าท่ีรับผิดชอบในการท�าลายล้าง๑๔ สรรพส่ิงท้ัง หลายท้ังปวงในโลก ๔.๔ ปรางค์น้อย ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของปรางค์ประธาน ก่อสร้างเป็นรูป สี่เหล่ียมจัตุรัสย่อมุม ขนาดกว้างด้านละ ๖ เมตร ก่อด้วยศิลาทราย ด้านในเป็น ศิลาแลง๑๕ สลักลวดลายประดับเป็นลายดอกไม้ ใบไม้ ภาพฤาษี เทพประจ�าทิศ ศิวนาฏราช๑๖ มีอายุสมัยราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๖๑÷ คติความเชื่อ ในการสร้าง หมายถึง เทพองค์ท่ีสอง คือ พระวิษณุ เป็น เทพผู้คุ้มครองโลกและจักรวาล สันนิษฐานได้จากสถานท่ีต้ังของปรางค์น้อย ท่ีอยู่ ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประธาน ซ่ึงเป็นต�าแหน่งเบ้ืองขวา หรือมือขวา จึงสามารถเทียบเคียงได้ด้วยเหตุผลดังกล่าว ๔.๕. บรรณาลัย สร้างด้วยศิลาแลงเป็นอาคารรูปสี่เหล่ียมผืนผ้า มีประตูเข้า-ออก ด้านเดียว หลังคาเป็นรูปประทุนเรือ มี ๒ หลัง คือ หลังหน่ึงอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของปรางค์ประธาน มีขนาด ๔.๕๖ x ๘.๘๐ เมตร หันหน้าไปทางทิศใต้ คือหัน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182