ยุคเร่ิมต้นถึงการเสียกรุงครั้งที่ ๑ 49 ภาพประกอบ: พระปรางค์และมณฑปวัดจุฬามณี http://dew55.blogspot.com/2012/11/167.html ๓.๕.๖ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงผนวช การผนวชในครั้งน้ีของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เป็นการทรงผนวชใน ขณะทรงครองราชย์สมบัติอยู่ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “ศักราช ๘๑๑ ปีมะเส็งเอกศก (พ.ศ.๑๙๙๒) สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เจ้า ทรงพระผนวชวัดจุฬามณีได้ ๘ เดือน แล้วลาผนวช”๔๐ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ฉบับหลวงประเสริฐ ระบุศักราช ๘๒๗ พ.ศ.๒๐๐๘ ๓.๕.๗ ฉลองพระศรีรัตนมหาธาตุ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี
50 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา “ศักราช ๘๒๖ ปีวอกฉอศก (พ.ศ.๒๐๐๗) ทรงพระกรุณาให้เล่นการ มหรสพ ฉลองพระศรีรัตนมหาธาตุ ๑๕ วัน”๔๑ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ฉบับหลวงประเสริฐ ระบุ พ.ศ.๒๐๒๕ และระบุอีกว่า ทรงพระราชนิพนธ์ มหาชาติค�ำหลวงจบบริบูรณ์ด้วย๔๒ ๓.๕.๘ พระบรมราชาออกผนวช ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “ศักราช ๘๒๘ ปจี ออัฐศก (พ.ศ.๒๐๐๙) พระบรมราชาผเู้ ปน็ พระราชโอรส ทรงผนวช”๔๓ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ฉบับหลวงประเสริฐระบุว่า พ.ศ.๒๐๒๗ ทรงผนวช ๒ พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระเชษฐาธิราชเจ้า, พระราชโอรสสมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้า ต่อมา พ.ศ. ๒๐๒๘ พระราชโอรสในสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงผนวช๔๔ สรุป ในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ มีบันทึกเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ๘ เร่ือง กล่าวคือ เร่ืองการสถาปนา ๒ เร่ือง ได้แก่ วัดพระราม และวัดพระศรี สรรเพชญ์, การสร้างพระวิหารวัดจุฬามณี ๑ เรื่อง, การทะนุบ�ำรุงพระพุทธศาสนา ๑ เรื่อง, การหล่อรูปพระโพธิสัตว์ ๑ เรื่อง, การฉลองพระ ๑ เร่ือง, การฉลองวัด ๑ เร่ือง, การเสด็จออกผนวชของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ๑ เรื่อง ๓.๖ รัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีท่ี ๒ สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี ๒ ข้ึนเสวยราชสมบัติระหว่างปี ๒๐๑๓-๒๐๕๒ (จ.ศ.๘๓๒-๘๗๑) รวมระยะเวลา ๔๐ ปี มีเหตุการณ์เก่ียวกับพระพุทธศาสนา ดังรายละเอียดตามล�ำดับต่อไปนี้ ๓.๖.๑ การสร้างพระวิหารวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ และหล่อพระศรี สรรเพชญ์
ยุคเริ่มต้นถึงการเสียกรุงครั้งที่ ๑ 51 โปรดเกล้าให้สร้างพระวิหารวัดพระศรีสรรเพชญ์ และหล่อพระศรีสรรเพชญ์ ในปี ๒๐๒๒ จากนั้นอีก ๔ ปี คือในปี ๒๐๒๖ จึงโปรดให้มีการฉลอง ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “ศักราช ๘๔๑ ปีกุนเอกศก (พ.ศ.๒๐๒๒) แรกสร้างพระวิหารวัดพระ ศรีสรรเพชญ์ สมเด็จพระรามาธิบดี แรกหล่อพระศรีสรรเพ็ชญ์ในวันอาทิตย์ เดือน ๖ ข้ึน ๘ ค�่ำ”๔๕ ข. ข้อสังเกตเพิ่มเติม ฉบับหลวงประเสริฐระบุขนาดพระศรีสรรเพชญ์ไว้ว่า “แต่พระบาทถึงยอด พระรัศมีน้ันสูงได้ ๘ วา พระพักตร์นั้นยาวได้ ๔ ศอก กว้างพระพักตร์น้ัน ๓ ศอก แลพระอุระน้ันกว้าง ๑๑ ศอก แลทองหล่อพระพุทธรูปน้ันหนัก ๕ หม่ืน ๓ พันช่ัง ทองค�ำหุ้มนั้นหนัก ๒๘๖ ชั่ง ข้างหน้าน้ันทองเนื้อ ๗ น�้ำสองขา ข้างหลังน้ัน ทองเน้ือ ๖ น้�ำสองขา”๔๖ ๓.๖.๒ ฉลองพระพุทธรูป ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “ศักราช ๘๔๕ ปีเถาะเบญจศก (พ.ศ.๒๐๒๖) วันศุกร์เดือน ๘ ข้ึน ๑๑ ค่�ำ ฉลองพระพุทธเจ้าพระศรีสรรเพชญ์ คณนาพระพุทธเจ้าน้ันแต่พระบาทถึง ยอดพระรัศมี สูงได้ ๘ วา พระพักตร์นั้นยาวได้ ๔ ศอก โดยกว้างได้ ๓ ศอก พระอุระกว้างได้ ๑๑ ศอก และทองหล่อพระพุทธเจ้าหนัก ๕๓,๐๐๐ ช่ัง ทองค�ำ หุ้มน้ันหนัก ๒๘๖ ชั่ง ข้างหน้าน้ันทองเน้ือ ๗ ชั้น ๒ ขา ข้างหลังนั้นทองเนื้อ ๖ ช้ัน ๒ ขา”๔๗ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ฉบับหลวงประเสริฐ ระบุศักราช ๘๖๒ วอกศก (พ.ศ.๒๐๔๓) คร้ันถึง พ.ศ.๒๐๔๖ จึงได้ท�ำการฉลอง
52 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา สรุป ในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ มีบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธ ศาสนา ๒ เรื่อง ได้แก่ เรื่อง การสร้างพระวิหารวัดพระศรีสรรเพชญ์ และการหล่อ พระศรีสรรเพชญ์ ๑ เร่ือง, และการฉลองพระศรีสรรเพชญ์ ๑ เร่ือง ๓.๗ รัชกาลสมเด็จพระไชยราชาธิราช สมเด็จพระไชยราชาธิราช เสวยราชสมบัติระหว่างปี ๒๐๕๗-๒๐๗๐ (จ.ศ.๗๘๖-๘๘๙) รวมระยะเวลา ๑๔ ปี มีเหตุการณ์เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ดังรายละเอียดตามล�ำดับต่อไปนี้ ๓.๗.๑ พระเทียรราชาออกผนวช ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “ฝ่ายพระเทียรราชาซ่ึงเป็นเชื้อพระวงศ์สมเด็จพระไชยราชาธิราชเจ้าน้ัน จึง ด�ำหริว่า ครั้นจะอยู่ในฆราวาส บัดนี้เห็นภัยจะยังเกิดมีเป็นมั่นคง ไม่เห็นสิ่งใดจะเป็น ท่ีพ่ึงได้ เห็นแต่พระพุทธศาสนา และผ้ากาสาวพัตร์อันเป็นธงชัยแห่งพระอรหันต์ จะเป็นที่พึ่งพ�ำนักพ้นภัยอุปัทวันตราย คร้ันแล้วด�ำหริออกไปอุปสมบทเป็นภิกษุภาวะ อยู่ในวัดราชประดิษฐ์”๔๘ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม การเสด็จออกผนวชของพระเทียรราชา ถือเป็นการอาศัยผ้ากาสาวพัตร์เพื่อ ให้พ้นจากราชภัย ด้วยเม่ือพระชัยราชาธิราชสวรรคตแล้ว ก็จะเป็นที่ระแวงจากพระ ราชโอรสผู้ท่ีจะสืบราชสมบัติต่อไป ๓.๗.๒ สมเดจ็ พระไชยราชาธริ าชสถาปนาพระพทุ ธเจา้ และพระเจดยี ์ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “ศักราช ๙๐๐ จอศก (พ.ศ.๒๐๘๑) แรกให้พูนดิน ณ วัดชีเชียงในเดือน ๖ น้ันแรกสถาปนาพระพุทธเจ้าและพระเจดีย์”๔๙ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม
ยุคเร่ิมต้นถึงการเสียกรุงครั้งท่ี ๑ 53 (๑) พระราชพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ไม่มีระบุเรื่องนี้ (๒) ค�ำว่า สถาปนาพระพุทธเจ้า พบครั้งน้ีครั้งแรก และครั้งเดียวใน พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เข้าใจว่า น่าจะมีความหมายเดียวกับ “สร้างพระ” หรือ “หล่อพระ” เพราะบริบทคาบเกี่ยวไปถึงพระวิหารด้วย หรืออีกนัยหน่ึงอาจหมาย ถึงการน�ำพระพุทธรูปไปประดิษฐานไว้ในพระเจดีย์ที่ทรงโปรดให้สร้างข้ึน สรุป ในรัชกาลสมเด็จพระชัยราชาธิราช มีบันทึกเร่ืองราวเก่ียวกับพระพุทธ ศาสนา ๒ เรื่อง ได้แก่ เรื่องการเสด็จออกผนวชของพระเทียรราชา และเร่ืองสถาปนา พระพุทธเจ้าและพระเจดีย์ ๓.๘ รัชกาลขุนวรวงศาธิราช๕๐ ขุนวรวงศาธิราชอยู่ในราชสมบัติ ๖ เดือน แรกเร่ิมก็อยู่ในฐานะเป็นผู้ส�ำเร็จ ราชการแทนพระยอดฟ้า ซ่ึงยังทรงพระเยาว์มาก แต่ต่อมาขุนวรวงศาธิราชก็สมคบ กับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ ได้น�ำเอาพระยอดฟ้าไปประหารชีวิต สถาปนาตนเองเป็น กษัตริย์ปกครองกรุงศรีอยุธยาเป็นล�ำดับที่ ๑๔ ระหว่างนี้มีเหตุการณ์เกี่ยวกับพระพุทธ ศาสนาดังรายละเอียดตามล�ำดับต่อไปน้ี ๓.๘.๑ การใช้วัดเป็นสถานท่ีประหารชีวิต ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีวัดหลายแห่งถูกใช้เป็นสถานที่ประหารชีวิต และจาก หลักฐานในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ผู้ที่จะถูกน�ำมาประหาร หรือส�ำเร็จโทษ ท่ีวัดต่าง ๆ เหล่านี้ มักจะเป็นเชื้อพระวงศ์ หรือเจ้านายช้ันผู้ใหญ่ สาเหตุส่วนใหญ่ก็ มักจะเก่ียวข้องกับอ�ำนาจ พบเห็นอยู่บ่อยคร้ัง โดยเฉพาะในช่วงรอยต่อของการเปล่ียน อ�ำนาจ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี (๑) “ศักราช ๘๙๑ ปีฉลูเอกศก (พ.ศ.๒๐๗๒) ณ วันอาทิตย์ เดือน ๘ ขึ้น ๕ ค�่ำ ขุนวรวงศาธิราชเจ้าแผ่นดินคิดกับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ให้เอา พระยอดฟ้าไปประหารชีวิตเสีย ณ วัดโคกพระยา”๕๑
54 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา (๒) “ขุนพิเรนทรเทพก็เร่งให้พายรีบกระหนาบเรือพระท่ีนั่งขึ้นมา แล้วช่วยกันเข้ากลุ้มรุมจับขุนวรวงศาธิราชกับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ และบุตรซึ่งเกิด ด้วยกันนั้นฆ่าเสีย แล้วเอาศพไปเสียบประจานไว้ ณ วัดแร้ง”๕๒ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม สมัยอยุธยา มีช่ือวัดหลายแห่งที่ระบุเป็นสถานท่ีใช้ส�ำหรับประหารชีวิต เช่น วัดโคกพระยา, วัดแร้ง, วัดพระราม เป็นต้น ๓.๘.๒ พิธีเสี่ยงเทียน พิธีเส่ียงเทียน ถือเป็นการเสี่ยงทายชนิดหนึ่ง เพียงแต่การเส่ียงทายน้ีจะใช้ เทียนเป็นส่ือในการทาย การเส่ียงทายหากต้องการความศักด์ิสิทธิ์หรือแม่นย�ำ มักจะ ท�ำเป็นพิธีการ และเชื่อมโยงส่ิงศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งท่ีผู้นั้นให้ความเคารพนับถือ เช่น พิธีเส่ียงเทียนท่ีขุนพิเรนทรเทพ และพวกท�ำขึ้น ก็เอายึดพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นต้น เป็นสักขีพยาน ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “ขุนพิเรนทรเทพ ขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา และหลวงศรียศ คิดว่า เราคดิ การทง้ั ปวงนเ้ี ปน็ การใหญห่ ลวงนกั จำ� จะไปอธษิ ฐานเสยี่ งเทยี นจำ� เพาะพระพกั ตร์ พระพุทธเจ้าพระพุทธปฏิมากร ขอเอาพระพุทธคุณเป็นที่พ�ำนักให้ประจักษ์แจ้งว่า พระเทียรราชากอบด้วยบุญบารมี จะเป็นท่ีศาสนูปถัมภกปกป้องอาณาประชาราษฎร์ ได้หรือมิได้ประการใดจะได้แจ้ง”๕๓ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ค�ำอธิษฐานเสี่ยงทาย ระบุถึงพระเจดีย์ ๕ ประเภท ถือเป็นเสมือนของต่าง องค์พระพุทธเจ้าซึ่งได้ปรินิพพานแล้ว ได้แก่ พระปฏิมากร ต้นศรีมหาโพธ์ิ พระสถูป พระชินธาตุ และพระไตรปิฎก๕๔ สรุป ในรัชกาลขุนวรวงศาธิราช มีบันทึกเก่ียวกับพระพุทธศาสนา ๓ เร่ือง สองเรื่องแรกเป็นการใช้วัดเป็นสถานที่ประหารชีวิตนักโทษ ส่วนเรื่องท่ี ๓ เป็นเรื่องเก่ียวกับการใช้สถานที่ส�ำคัญทางพระพุทธศาสนาในการประกอบพิธีเส่ียงทาย ก่อนจะท�ำการใหญ่ของขุนพิเรนทรเทพ และคณะ
ยุคเริ่มต้นถึงการเสียกรุงครั้งท่ี ๑ 55 ๓.๙ รัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราช สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าช เสวยราชสมบตั ิ ๒ ชว่ ง ชว่ งแรกระหวา่ ง พ.ศ.๒๐๗๑-๒๐๙๕ (๒๔ ปี) คร้ังท่ี ๒ ระหว่าง พ.ศ.๒๐๙๗-๒๐๙๘ (๑ ปี) รวมอยู่ในสิริราชสมบัติ ๒๕ ปี ระหว่างน้ีมีเหตุการณ์เก่ียวกับพระพุทธศาสนา ดังรายละเอียดตามล�ำดับต่อไปนี้ ๓.๙.๑ พิธีสถาปนาพระเจ้าแผ่นดิน พิธีสถาปนาพระเจ้าแผ่นดินในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้กระท�ำต่อที่ประชุมใหญ่ มีตัวแทนคณะสงฆ์เข้าร่วมด้วยพร้อมกันท้ังพุทธจักร อาณาจักร ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “ครั้นได้มหามหุติวารศุภฤกษ์พิชัยดิถี จึงประชุมสมเด็จพระสังฆราช พระราชา คณะ คามวาสอี รญั ญวาสี มขุ มนตรี กวมี าตยา โหราราชครหู มพู่ ราหมณป์ โุ รหติ าจารย์ ก็โอมอ่านอิศรวรเวทวิศณุมนต์ พร้อมทั้งพุทธอาณาจักร มอบเครื่องเบญจราช กกุธภัณฑ์ถวายภิเศโกทกมุรธารา ปราบดาภิเษกถวัลยราชประเพณี สืบศรีสุริยวงศ์ กษัตริย์”๕๕ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม หลักฐานพงศาวดาร มีค�ำว่า อรัญญวาสี (พระอยู่ป่า) คามวาสี (พระอยู่ ละแวกบา้ น) แสดงใหเ้ หน็ วา่ มกี ารแบง่ ประเภทของพระตามลกั ษณะทอ่ี ยอู่ าศยั /การปฏบิ ตั ิ ๓.๙.๒ ทรงบ�ำเพ็ญพระราชกุศลต่าง ๆ เพ่ือแสดงกตเวทิตาธรรม สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชได้สถาปนาพระต�ำหนัก สร้างพระวิหาร อารามวัดวังชัย และถวายอากรเป็นกัปปิยะแด่พระภิกษุ-สามเณรวัดวังชัย เพื่อเป็น การสนองคุณเมื่อคร้ังพระองค์ได้ทรงผนวชที่วัดแห่งนี้ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ซ่อมแซมก�ำแพงพระนครซ่ึงช�ำรุดปรักหักพังให้มั่นคง โดยรอบคอบแลว้ ใหส้ ถาปนาทพ่ี ระตำ� หนกั วงั เปน็ พระอโุ บสถ และสรา้ งพระวหิ ารอาราม
56 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ให้นามช่ือวัดวังชัย อธิการให้ชื่อพระนิกรม แล้วตรัสว่า เม่ือเราอุปสมบทนั้น บิณฑบาต ข้ึนไปป่าโทน ป่าถ่านจนถึงป่าชมพู อากรซึ่งข้ึนสรรพากรเป็นหลวงนั้น ให้เถรเณรไป ขอเป็นกัปปิยจังหันเถิด”๕๖ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ขอ้ ความวา่ “ใหส้ ถาปนาทพ่ี ระตำ� หนกั วงั เปน็ พระอโุ บสถ...” พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ระบุว่า “ให้สถาปนาที่พระต�ำหนักวังเดิมเป็นพระอุโบสถ....”๕๗ ๓.๙.๓ พระราชพิธีอาจริยาภิเษก และบ�ำเพ็ญสตสดกมหาทาน ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “ศักราช ๘๙๙ ปีระกานพศก (พ.ศ.๒๐๘๐) ณ วันอาทิตย์ เดือน ๕ ขน้ึ คำ�่ หนงึ่ เกดิ เพลงิ ไหมใ้ นพระราชวงั อนงึ่ ในเดอื น ๓ นน้ั ทำ� พระราชพธิ อี าจรยิ าภเิ ษก และกระท�ำการพระราชพิธีอินทราภิเษกในพระราชวัง อนึ่งในเดือน ๕ นั้น สมเด็จ พระมหาจักรพรรดิราชาธิราช พระราชทานสตสดกมหาทาน”๕๘ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม (๑) ฉบับหลวงประเสริฐระบุว่า “ศักราช ๙๑๙ มะเส็งศก (พ.ศ. ๒๑๐๐) เกิดเพลิงไหม้ในพระราชวังมาก อนึ่งในเดือน ๓ นั้น ท�ำการพระราชพิธี อาจาริยาภิเษก และท�ำการราชพิธีอินทราภิเษกในวัง อน่ึงในเดือน ๔ น้ัน พระราชทาน สัตสดกมหาทาน”๕๙ (๒) พระราชพิธีอาจริยาภิเษก พิจารณาแล้วไม่น่าจะเก่ียวกับพระพุทธ ศาสนา พิจารณาจากบริบท เพราะหลังจากนั้นก็ทรงประกอบพิธีอินทราภิเษกด้วย ส่วนสตสดกมหาทาน ถือเป็นค�ำที่เน่ืองด้วยคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา คือเป็นทาน ชนิดหน่ึงท่ีผูกติดอยู่กับจ�ำนวนวัตถุท่ีถวาย ๓.๙.๔ มหานาคช่วยบ้านเมืองป้องกันข้าศึก มหานาคบวชอยวู่ ดั ภเู ขาทอง คราวพมา่ ยกทพั มาตกี รงุ ศรอี ยธุ ยา ไดส้ กึ ออกมา และท�ำการชักชวนผู้ท่ีมีความเคารพนับถือช่วยเหลือต้านทัพพม่าด้วยการระดมขุด คูคลองนอกค่าย เพื่อป้องกันการเข้ามาของทัพของพม่า
ยุคเร่ิมต้นถึงการเสียกรุงครั้งที่ ๑ 57 ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “ฝ่ายมหานาคบวชอยู่วัดภูเขาทอง ศึกออกรับตั้งค่ายกันทัพเรือ ตั้งค่ายแต่ วัดภูเขาทองลงมาจนวัดป่าพลู พรรคพวกสมก�าลังญาติโยมทาสชายหญิงของมหานาค ช่วยกันขุดคูนอกค่ายกันทัพเรือ จึงเรียกว่าคลองมหานาค”๖๐ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ในยามคับขัน หรือบ้านเมืองก�าลังมีภัย พระสงฆ์ก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ได้ช่วยเป็น ก�าลังส�าคัญต้านศัตรูทุกวิถีทาง มหานาคถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ส่วนส�าคัญพาชาวบ้าน ช่วยกันขุดคูนอกค่ายกันทัพเรือของพม่าท่ีจะเข้าเมืองหลวง ภาพ: คลองมหานาคในอดีต
58 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ๓.๙.๕ สถาปนาวัดศพสวรรค์ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าให้แต่งการพระราชทานเพลิงศพ พระสุริโยทัยซึ่งขาดคอช้างเสร็จแล้วให้สถาปนาท่ีพระราชทานเพลิงน้ันเป็นพระเจดีย์ วิหารเสร็จแล้ว ให้นามชื่อวัดศพสวรรค์”๖๑ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ฉบับพระราชหัตถเลขาระบุความว่า “สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ให้แต่งการพระราชทานเพลิงศพพระสุริโยทัยซ่ึงขาดคอช้างเสร็จแล้วให้สถาปนาที่ พระราชทานเพลิงนั้นเป็นพระเจดีย์วิหารเสร็จแล้ว ให้นามชื่อวัดศพสวรรค์”๖๒ ภาพประกอบ: เฟสบุควัดสบสวรรค์ https://www.facebook.com/pages/
ยุคเริ่มต้นถึงการเสียกรุงคร้ังท่ี ๑ 59 ๓.๙.๖ ประหารชีวิตพระพนรัต พระศรสี นิ จะกอ่ การกบฏ เตรยี มยดึ อำ� นาจจากพระเจา้ แผน่ ดนิ จงึ ไดไ้ ปขอฤกษ์ ยามกับพระพนรัตวัดป่าแก้ว พระพนรัตก็ให้ฤกษ์ยามวันเดือนปี แต่แผนไม่สำ� เร็จตามท่ี วางเอาไว้ ทำ� ใหพ้ ระศรสี นิ ถกู จบั ได้ และถกู สอบสวนเชอ่ื มโยงมาถงึ พระพนรตั ดว้ ย ทำ� ให้ พระพนรัตถูกจับไปประหารชีวิตตามไปด้วย ฐานผู้ร่วมก่อการกบฏ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ก็เสด็จคืนเข้าพระราชวัง ครั้นรู้ว่า พระพนรัตวัดป่าแก้วให้ฤกษ์พระศรีสินเป็นแท้ ก็ให้พระพนรัตป่าแก้ว และพระยาเดโช พระยาท้ายน�้ำ พระยาพิชัยรณฤทธิ หม่ืนภักดีศวร หม่ืนภัยนรินทร์ ฆ่าเสีย ไปเสียบไว้ ณ ตะแลงแกงกับศพพระศรีสิน”๖๓ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ฉบับหลวงประเสริฐระบุศักราช ๙๒๓ ระกาศก (พ.ศ.๒๑๐๔) พระศรีศิลป์ เดิมบวชอยู่วัดมหาธาตุ๖๔ ต่อมาหนีไปออกไปอยู่ต�ำบลม่วงมดแดง ได้คิดการกบฏ จึงไปขอฤกษ์กับสมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว๖๕ และนับเป็นครั้งแรกท่ีมีการประหาร ชีวิตพระเถระผู้ใหญ่ในแผ่นดิน ๓.๙.๗ การใช้พระสงฆ์เป็นทูตในยามสงคราม ในสมัยอยุธยา มีหลักการใช้พระสงฆ์เป็นทูตดูก�ำลังข้าศึก เพื่อน�ำมารายงาน และประเมินก�ำลังว่าจะด�ำเนินการต่อไปอย่างไร จะรบหรือยอมแพ้ เช่นกรณีของ พระมหาธรรมราชา เจ้าเมืองพิษณุโลก ซึ่งถูกทัพหงสาวดีล้อม เม่ือเห็นว่าก�ำลังจาก อยุธยามาช่วยไม่ทัน ก็จ�ำต้องยอมเปิดประตูเมืองต้อนรับ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “เม่ือคร้ังกษตั ริยห์ งสาวดียกทพั มาอยธุ ยา ผา่ นเมืองพิษณุโลก ไดล้ ้อมเมอื งไว้ และให้ยอมแพ้แต่โดยโดยดี พระมหาธรรมราชา เจ้าเมืองพิษณุโลกจึงนิมนต์พระสงฆ์ ๔ รูป ออกไปฟังการ พระสงฆ์ออกไป สมเด็จพระเจ้าหงสาวดีให้น�ำพระสงฆ์ไปดูมูล
60 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ดินและบันใดหกบันไดพาดแล้วให้เอาข่าวไปแจ้ง พระมหาธรรมราชาจึงออกไปเฝ้า พระเจ้าหงสาวดี”๖๖ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ในประวัติศาสตร์ของไทยพบมีการใช้พระสงฆ์เป็นทูตสังเกตการณ์ฝ่ายข้าศึก อยู่หลาย ท้ังสมัยอยุธยา และกรุงธนบุรี แม้ข้าศึกก็ให้เกียรติ และไม่ท�ำอันตราย พระสงฆ์ ๓.๙.๘ การงดสงคราม อา้ งสมณชพี ราหมณ์ ปวงประชาจะเดอื ดรอ้ น บ่อยคร้ังท่ีบ้านเมืองอยู่ในภาวะคับขัน กษัตริย์ต้องตัดสินใจว่าจะรบ หรือ ยอมแพ้ เงื่อนไขหนึ่งก็คือถ้าเห็นว่าก�ำลังสู้ไม่ได้ รบไปแล้ว สมณชีพราหมณ์ ไพร่ฟ้า ประชาราษฎร์จะเดือดร้อน ก็จะงดการศึกสงครามน้ัน ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี (๑) “ถ้าเรามิออกไป พระเจ้าหงสาวดีก็จะให้ทหารเข้าหักเหยียบเอา เมือง สมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรจะเถิงแก่พินาศฉิบหายส้ิน พระพุทธศาสนา ก็จะเศร้าหมองดูมิควรเลย”๖๗ (๒) “สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราช คร้ันได้แจ้งในลักษณะพระ ราชสาส์น จึงทรงพระราชด�ำหริว่า ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เห็นเหลือมือก�ำลังทหาร จะกู้พระนครไว้ได้ ถ้าเราจะมิออกไป สมณชีพราหมณ์ประชาราษฎรไพร่ฟ้าข้าขอบ ขัณฑสีมา จะถึงแก่พินาศฉิบหายสิ้น ท้ังพระศาสนาก็จะเศร้าหมอง จ�ำเราจะออกไป มาตรว่าสมเด็จพระเจ้าหงสาวดีมิคงอยู่ในสัตยานุสัตย์ดั่งราชสาส์นเข้ามานั้นก็ตามเถิด แต่เราจะรักษาสัตยานุสัตย์ให้มั่น”๖๘ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ฉบับพระราชหัตถเลขาระบุว่า “ถ้าเรามิออกไป สมณชีพราหมณ์อาณา ประชาราษฎร์ไพร่ฟ้าข้อขอบขัณฑสีมาจะถึงแก่พินาศฉิบหายส้ิน ท้ังพระศาสนาก็จะ เศร้ามอง”๖๙
ยุคเริ่มต้นถึงการเสียกรุงคร้ังที่ ๑ 61 ๓.๙.๙ การใช้วัดเป็นท่ีตั้งทัพ คราวพม่ายกทัพมาประชิดกรุงศรีอยุธยา กษัตริย์พม่าใช้วัดหลายแห่งใน การได้ต้ังค่าย เช่น ต�ำบลทุ่งวัดโพธาราม, ต�ำบลวัดพุทไธสวรรค์, วัดการ้อง, วัดชัยวัฒนาราม และต้ังทัพหลวงท่ีวัดมเหยงค์ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ (๑) “รุ่งข้ึน ณ วันพุธ เดือนย่ี แรม ๑๐ ค�่ำ ศักราช ๙๑๑ ปีระกา เอกศก (พ.ศ.๒๐๙๒) พระเจ้าหงสาวดีเสด็จยาตราทัพลงมาพระนครศรีอยุธยา และทัพพระมหาอุปราชากองหน้า ตั้งค่ายต�ำบลเพนียด ค่ายพระเจ้าแปรปีกซ้าย ต้ังต�ำบลทุ่งวัดโพธารามไปคลองเกาะแก้ว ทัพพระเจ้าอังวะปีกขวา ตั้งค่ายต�ำบลวัด พุทไธสวรรค์มาคลองตะเคียน ทัพพระยาจิตตอง ทัพพระยาละเคิ่งเกียกกาย ตั้งค่าย แต่วัดการ้องลงไปวัดชัยวัฒนาราม”๗๐ (๒) “ฝ่ายทัพหลวงก็ยกไปตั้ง ณ วัดมเหยงค์ และทัพอันล้อมพระนคร ท้ังสี่ด้านน้ัน”๗๑ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ในสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดหลายวัด ถูกใช้เป็นยุทธศาสตร์ในการตั้งค่ายในยาม ศึกสงคราม ๓.๙.๑๐ การใช้สัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราช เม่ือจะออกไปต้อนรับทัพหงสาวดีซ่ึงยก มาตีกรุงศรีอยุธยา ได้รับส่ังให้ต้ังโต๊ะหมู่บูชา อัญเชิญพระพุทธปฏิมาเป็นประธาน ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “ทรงพระราชด�ำหริดังน้ันแล้ว ก็ให้แต่งลักษณะพระราชสาส์นก�ำหนดท่ีจะ เสด็จให้ทูตานุทูตถือออกไปถวายพระเจ้าหงสาวดี แล้วตรัสให้เจ้าพนักงานออกไปปลูก สัณฐาคาร ณ ต�ำบลวัดพระเมรุราชิการามกับวัดหัศดาวาส ต่อกันมีราชบัลลังกาอาสน์ ๒ พระท่ีน่ังสูงเสมอกันหว่างพระที่นั่งห่าง ๔ ศอก แล้วให้แต่งรัตนยาอาสน์สูงกว่า ราชาอาสน์อีกพระที่นั่ง ให้อัญเชิญพระศรีรัตนตรัยออกไปไว้เป็นประธาน”๗๒
62 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม การอัญเชิญพระพุทธปฏิมา มาเป็นประธานในการเจรจาความเมืองกันครั้งนี้ ถือวา่ เป็นจติ วิทยาอย่างหน่งึ คล้าย ๆ ตอ้ งการสอื่ เป็นสญั ลกั ษณ์บอกพระเจา้ หงสาวดี เป็นนัย ๆ ว่า เราเมืองพุทธด้วยกัน คงจะคุยกันด้วยไมตรีได้ซึ่งก็มีผล เพราะทันทีที่ พระเจ้าหงสาวดีทอดพระเนตร ก็ตรัสว่า “สมเด็จพระเจ้าพี่เราให้อาราธนาพระพุทธ ปฏิมากรเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้ามาเป็นประธานก็ดีอยู่แล้ว ขอจงเป็นสักขี พยานเถิด”๗๓ จากน้ันก็ทรงย้อนความในลักษณะน้อยพระทัยว่า ขอพระราชทานช้าง แค่ ๒ เชือกก็ไม่ให้ ท�ำให้ต้องล�ำบากยกทัพมาไกล สรุป ในรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราช มีบันทึกเรื่องราวเก่ียวกับ พระพุทธศาสนา จ�ำนวน ๑๐ เรื่อง ได้แก่ การมีส่วนร่วมของประมุขสงฆ์ในการ สถาปนาพระมหากษัตริย์, การยกพระต�ำหนักเป็นพระอุโบสถ, การสร้างพระวิหารวัด วังชัย, การถวายอากรกัปปิยะแด่พระสงฆ์, การแสดงความกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อ พระอาจารย์ และถวายสตสดกมหาทาน, พระมหานาคช่วยป้องกันบ้านเมืองในยาม สงคราม, การสถาปนาวัดศพสวรรค์, การประหารชีวิตสมเด็จพระวนรัตน์วัดป่าแก้ว, การใชพ้ ระสงฆเ์ ปน็ ทตู ในยามสงคราม, การงดสงครามโดยอา้ งความเดอื ดรอ้ นของสมณ ชีพราหมณ์, การต้ังค่ายทหารในวัด, และการต้ังโต๊ะหมู่บูชาในคราวเจรจาความเมือง ๓.๑๐ รัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราช สมเด็จพระมหินทราธิราช ทรงครองราชสมบัติ ๒ ช่วง ช่วงแรกระหว่าง พ.ศ.๒๐๙๕-๒๐๙๗ (๒ ปี) และช่วงท่ี ๒ ระหว่าง ๒๐๙๘-๒๐๙๙ (ไม่ครบ ปี) ระหว่างนี้มีเหตุการณ์เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาดังรายละเอียดตามล�ำดับต่อไปนี้ ๓.๑๐.๑ บูรณะอาราม ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “ณ วนั เดอื น ๓ กเ็ สดจ็ ไปเมอื งลพบรุ ี ตรสั ใหบ้ รู ณะอารามพระศรรี ตั นมหาธาตุ ให้สมบูรณ์ และแต่งปะขาวนางชี ๒๐๐ กับข้าพระให้อยู่รักษาพระมหาธาตุ แล้วก็ เสด็จลงมายังกรุงพระมหานครศรีอยุธยา”๗๔
ยุคเริ่มต้นถึงการเสียกรุงคร้ังที่ ๑ 63 ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม พระราชกรณยี กจิ อยา่ งหนง่ึ ของพระมหากษตั รยิ ใ์ นฐานะทรงเปน็ ศาสนปู ถมั ภก ๓.๑๐.๒ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชออกผนวช/ลาผนวช ครองราชย์เป็นคร้ังท่ี ๒ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “ถึง ณ วันเดือน ๘ ปีขาลฉอศก (พ.ศ.๒๐๙๗) สมเด็จพระมหาจักร พรรดริ าชาธริ าช เสดจ็ ออกผนวช ขา้ ราชการกบ็ วชโดยเสดจ็ เปน็ อนั มาก ตอ่ มาลาผนวช ในเดือน ๔ แรม ๑๓ ค�่ำ ปีขาลฉอศก (พ.ศ.๒๐๙๗)”๗๕ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม มลู เหตใุ นการลาผนวชในครง้ั นี้ เนอื่ งจากเหตกุ ารณบ์ า้ นเมอื งอยใู่ นภาวะคบั ขนั ด้วยมีศึกพม่าเข้ามาประชิด ขณะที่บ้านเมืองโดยการน�ำของพระมหินทราธิราช ซ่ึงเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ไม่อาจน�ำพาประเทศชาติฝ่าวิกฤตได้ จึงพร้อมด้วยพระยาราม เสด็จเชิญพระเจ้าช้างเผือกลาผนวช ๓.๑๐.๓ ใช้พระสงฆ์เป็นทูตในยามสงคราม ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “พระเจ้าแผ่นดินให้จ�ำพระยาราม แต่งคนคุมออกไปส่ง แล้วให้อาราธนา พระสังฆราชกับพระภิกษุ ๔ องค์ไปด้วย คร้ันพระสังฆราชและผู้คุมพระยารามไปถึง พระมหาธรรมราชาให้ถอดจ�ำพระยารามออกแล้วน�ำไปถวายบังคมพระเจ้าหงสาวดี” “ซง่ึ ไดพ้ ระยารามออกมาแลว้ น้ี เสมอื นไดแ้ ผน่ ดนิ อยธุ ยา อนั ซง่ึ จะเปน็ ราชไมตรี นั้นหาต้องการไม่ ขอให้ยกเข้าหักเอากรุงให้จนได้”๗๖ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม เหตุการณ์คร้ังน้ี น�ำไปสู่การสูญเสียอิสรภาพให้แก่พม่าอย่างสมบูรณ์ ในวัน อาทิตย์ แรม ๑๑ ค�่ำ เดือน ๙ พุทธศักราช ๒๑๑๒ (จ.ศ.๙๓๑)๗๗
64 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ๓.๑๐.๔ การใช้วัดเป็นสถานที่ต้ังค่าย พม่าต้ังค่ายต�ำบลวัดเขาดิน, ต�ำบลวัดสะพานเกลือ, และต�ำบลวัดจันทร์ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “พระเจ้าหงสาวดีบัญชาการให้พระมหาอุปราชไปต้ังค่ายต�ำบลวัดเขาดิน ตรงเกาะแก้ว พระเจ้าอังวะบุตรเขยน้ัน ต้ังค่ายต�ำบลวัดสะพานเกลือ พระเจ้าแปร ผู้หลาน ต้ังค่ายต�ำบลวัดจันทร์ตรงบางเอียน”๗๘ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ในพงศาวดารระบุว่า “ต�ำบลวัด...” เกือบทุกแห่ง อาจท�ำให้เกิดข้อสงสัยต่อ ไปอีกว่า ต้ังค่ายที่ “วัด” หรือที่ “ต�ำบลวัด...” ผู้ศึกษายังไม่มีเวลาหาหลักฐานมา คลี่คลายข้อสงสัยน้ี ๓.๑๐.๕ การใช้วัดเป็นสถานที่ประหารชีวิต โดยปกติถ้าเป็นพระมหากษัตริย์ เช้ือพระองค์ หรือเจ้านายช้ันผู้ใหญ่ ประเพณี นิยมจะใช้วัดเป็นสถานที่ในการประหารชีวิต ในรัชสมัยของพระมหินทราธิราช ก็โปรด ให้ประหารชีวิตพระศรีเสาวราช ณ วัดพระราม ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินมิได้เอาพระทัยในการศึก มาคิดแคลง พระเจ้าลูกเธอพระศรีเสาวราชว่า การศึกหนักเบามิได้มาแจ้งก่อน ท�ำแต่อ�ำเภอใจ จึงให้หาพระศรีเสาราชเข้ามาแล้ว สั่งให้พระยาธรรมาเอาตัวพระศรีเสาวราชไปล้างเสีย ณ วัดพระราม”๗๙ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม วัดดังกล่าวนี้ เท่าท่ีหลักฐานปรากฏในพงศาวดาร ใช้ส�ำเร็จโทษเฉพาะ พระราชวงศ์ผู้ใหญ่เท่าน้ัน ไม่ใช่สถานที่ส�ำเร็จโทษนักโทษทั่วไป
ยุคเร่ิมต้นถึงการเสียกรุงครั้งท่ี ๑ 65 สรุป ในรัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราช มีบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธ ศาสนา ๕ เร่ือง ได้แก่ การบูรณะวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ, สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ราชาธิราชเสด็จออกผนวชเป็นคร้ังที่ ๒, การใช้พระสงฆ์เป็นทูตในยามศึกสงคราม, การต้ังค่ายทหารในวัด, และการใช้วัดเป็นสถานท่ีประหารชีวิต ๓.๑๑ รัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธริ าช (สมเดจ็ พระสรรเพช็ ท่ี ๑) เปน็ พระมหากษตั รยิ ์ องค์ที่ ๑๗ แห่งกรุงศรีอยุธยา เสวยราชสมบัติระหว่าง พ.ศ.๒๐๙๙-๒๑๒๒ รวมอยู่ในสิริราชสมบัติท้ังส้ิน ๒๒ ปี ระหว่างนี้มีเหตุการณ์เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ดังรายละเอียดตามล�ำดับต่อไปนี้ ๓.๑๑.๑ ปิดทองพระมหาธาตุ, ถวายพระภูษาเป็นฉัตรธงบูชา พระธาตุ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “สมเดจ็ พระนเรศวรเปน็ เจา้ เสดจ็ ยกพยหุ ยาตราไปถงึ พระพนมตรดั ใหป้ ดิ ทอง พระมหาธาตุนั้นแล้ว ก็ถวายพระภูษาเป็นฉัตรธงบูชาพระมหาธาตุแล้วจึงยกทัพหลวง คืนมายังเมืองพิษณุโลก ถึงแล้วเสด็จเปล้ืองเคร่ืองทรงออกถวายพระชินราชเจ้า พระชินศรีเจ้า ให้ท�ำการสรรพสมโภชมีการมหรสพ ๓ วัน”๘๐ ข. ข้อสังเกตเพิ่มเติม ความในพระราชพงศาวดาร ฉบบั พระราชหตั ถเลขา กลา่ วถงึ เฉพาะการเปลอื้ ง เครื่องทรงออกบูชาพระชินราช พระชินสีห์ ไม่มีกล่าวถึงการปิดทองพระมหาธาตุ ๓.๑๑.๒ ปาฏิหาริย์พระธาตุ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ (๑) “สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ทอดพระเนตรเห็นพระบรมสารีริธาตุ ปาฏิหาริย์แต่บุรทิศ ผ่านพระคชาธารไปโดยประตูแสนไปถึงต�ำบลรัดยมท้ายเมือง ก�ำแพงเพชร ณ วันพุธ เดือน ๓ แรม ๙ ค�่ำ เพลาบ่ายโมง เกิดวาตพายุฝนตก ห่าใหญ่ แผ่นดินไวเป็นอัศจรรย์”๘๑
66 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา (๒) “คร้ันวันศุกร์ เดือน ๖ แรม ๓ ค่�ำ เพลา ๑๑ ทุ่ม ให้เอาพระ คชาธารเข้ามาเทียบเกย (พระนเรศวร) ทอดพระเนตรเห็นพระบรมสารีริกบรมธาตุเสด็จ ปาฏิหาริย์มาแต่ประจิมทิศผ่านคชาธารไปข้างบุรทิศ”๘๒ (๓) “เถิง ณ วันพฤหัสบดี เดือน ๘ แรม ๖ ค�่ำ เพลายัง ๒ บาท จะรุ่ง ให้เรียกช้างพระที่น่ังประทับเกย เห็นพระสารีริกธาตุเสด็จปาฏิหาริย์แต่ตะวันตก ผ่านช้างพระที่นั่งมาตะวันออกโดยทางที่เสด็จมานั้นเท่าผลมะพร้าวปอก ก็ยกทัพหลวง เสด็จคืนมาโดยทางน้�ำขุ่น”๘๓ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม (๑) การท่ีพระธาตุแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นก่อนยาตราทัพ ถือเป็น สัญลักษณ์มงคลมาชั่วหลายรัชกาล โดยเฉพาะในรัชกาลของสมเด็จพระนเรศวร ความในตอนนี้ระบุถึงแผ่นดินไหวด้วย (๒) ในรัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช พระบรมสารีริกธาตุ แสดงปาฏิหาริย์ให้ปรากฏแก่สมเด็จพระนเรศวร จ�ำนวน ๓ คร้ัง ๓.๑๑.๓ ต้ังค่ายพักแรม พระเจ้าหงสาวดี หาทางก�ำจัดพระนเรศวร เนื่องจากเห็นว่า ถ้าปล่อยท้ิงไว้ จะรับมือไม่ไหว เน่ืองจากทรงเห็นว่าเป็นคนมีศักด์ิใหญ่ จึงวางแผนให้ออกจากเมือง จากน้ันก็จะใช้ก�ำลังจัดการ คร้ังสมเด็จพระนเรศวรยกทัพไปเมืองแครง เจ้าเมืองแครง ให้ปลัดเมืองออกมาทูลเชิญเสด็จพักพลอยู่นอกเมืองก่อน จากน้ันก็ส่งข่าวให้พระเจ้า หงสาวดีทราบ และให้ส่งก�ำลังคอยซุ่มดักไว้ สมเดจ็ พระนเรศวรไดพ้ กั แรกตามคำ� ของเจา้ เมอื งแครง แตเ่ ลอื กทจ่ี ะพกั อยใู่ กลว้ ดั ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าก็ให้พักพลอยู่ใกล้อารามพระมหาเถรคันฉอง”๘๔ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา มักพบการต้ังค่ายทหารพักแรมบริเวณใกล้เคียงวัด หรือบางคร้ังก็ต้ังในวัด ดังได้กล่าวมาแล้ว
ยุคเร่ิมต้นถึงการเสียกรุงครั้งท่ี ๑ 67 ๓.๑๑.๔ พระมหาเถรคันฉองบอกความลับต่อสมเด็จพระนเรศวร พระมหาเถรคันฉองเป็นพระพม่า แต่ก็ให้ความรัก ความเอ็นดูแก่สมเด็จพระ นเรศวร เน่ืองจากเห็นว่าไม่มีความผิด แต่ถูกวางแผนหลอกออกจากเมืองมาเพื่อ ก�ำจัดท้ิง อีกท้ังยังเห็น ภายภาคหน้า จะเป็นก�ำลังส�ำคัญในการช่วยทะนุบ�ำรุงพระพุทธ ศาสนา จึงได้บอกความจริงให้ทรงทราบ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “พระมหาเถรคันฉอง มีใจกรุณาต่อสมเด็จพระนเรศวรเจ้า ด้วยเห็นว่าจะได้ บ�ำรุงพระพุทธศาสนาและอาณาประชาราษฎร์ให้ถาวรสืบต่อไป จึงได้เข้าเฝ้าในเพลาค�่ำ ทูลถวายความจริงให้ทราบว่า พระเจ้าหงสาวดีคิดประทุษร้ายพระองค์”๘๕ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม เป็นสาเหตุหน่ึงที่ท�ำให้พระนเรศวรเคารพ และบูชาพระมหาเถรคันฉอง และ นิมนต์มาพักอยู่วัดพระมหาธาตุ ถวายการดูและอุปถัมภ์อย่างดี โดยได้รับการสถาปนา เป็นสมเด็จพระสังฆราช ส่วนสมเด็จพระวันรัตน ซ่ึงเป็นพระสังฆราชเดิมนั้น ก็ให้ ปกครองเฉพาะคณะปักษ์ใต้ เป็นฝ่ายขวา๘๖ ถือเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีอีก โสตหน่ึงด้วย ๓.๑๑.๕ บูชาพระชินราช พระชินศรี พระพุทธชินราช และพระชินศรีถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดพิษณุโลก พระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยาหลายพระองค์ มีความเคารพศรัทธา และมักหาโอกาส เสด็จไปนมัสการอยู่เสมอ บางครั้งก็โปรดให้มีการเล่นมหรสพสมโภช ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “สมเด็จพระนเรศวรถวายบังคมลากลับมายังเมืองพิษณุโลก เสด็จไปถวาย นมัสการพระชินราช พระชินศรี ทรงพระราชูทิศศรัทธา เปลื้องเคร่ืองสุวรรณลังกาขัตติ ยาภรณ์ออกกระท�ำการบูชา”๘๗ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ฉบับพระราชหัตถเลขาว่า “เปล้ืองเคร่ืองสุวรรณอลังการ์ขัติยาภรณ์”๘๘
68 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ๓.๑๑.๖ ท�ำน้�ำสาบานอ้างพระรัตนตรัยเป็นสักขีพยาน พิธีถือน้�ำพิพัฒน์สัตยา เพ่ือให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ และเกิดพันธสัญญา หรือ ข้อผูกพันระหว่างกันอย่างแน่นแฟ้น มักจะนิยมอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือส่ิงเคารพบูชามา เป็นสักขีพยาน เป็นการโน้มน้าวจิตใจให้เกิดความกลัว หรือไม่กล้าล่วงเกินค�ำสัญญา ที่ให้ไว้ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “สมเด็จพระนเรศวร ทรงพระกรุณาให้ชาวพ่อชุมนุมพราหมณาจารย์ เอาน�้ำ ในบ่อพระสยมภูวนาถ และเอาน�้ำตระพังโพยศรีมาต้ังบูชาโดยพิธีกรรมเป็นน�้ำ สัตยาธิษฐาน และเอาพระศรีรัตนตรัยเจ้าเป็นประธาน ให้ท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุข อ�ำมาตย์ทหารทั้งหลายกินน�้ำสัตยา”๘๙ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม การถือน้�ำพิพัฒน์สัตยาคร้ังนี้ ถือเป็นจุดเร่ิมต้นของการสร้างขวัญและ ก�ำลังใจให้เป็นหน่ึงเดียว พร้อมที่จะท�ำการใหญ่ คือกอบกู้เอกราชคืนจากพม่า ๓.๑๑.๗ หนีภัยพึงพระ/วัด วัดถือเป็นเขตอภัยทาน ในอดีตนับต้ังแต่สมัยพุทธกาลมาแล้ว ผ้ากาสาวพัตร์ ถือเป็นสัญลักษณ์ของการสละตนจากโลกภายนอก มุ่งแสงหาทางแห่งความหลุดพ้น ผทู้ ถี่ อื เพศดงั กลา่ วจงึ ไดร้ บั การยกยอ่ งไวใ้ นฐานะสงู สง่ เหตดุ งั กลา่ วจงึ ทำ� ใหเ้ กดิ ชอ่ งวา่ ง ใช้เป็นสถานท่ีหลบหนีความผิด ในสมัยอยุธยาก็มีเหตุการณ์ท�ำนองนี้ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “พระยาสวรรคโลกก็หนีไปพ่ึงอยู่บนกุฏิพระสงฆ์ในวัดไผ่ใต้ และทหารก็ได้ ตัวพระยาสวรรคโลกในวัดนั้นมาถวาย ส่วนพระยาพิชัยหนีกจากเมืองสวรรคโลกไปเถิง แดนกระจุกจะไปเชียงใหม่ ชาวด่านก็กุมเอาพระยาพิชัยมาถวาย สมเด็จพระนเรศวร บรมราชาธิราชบพิตรเป็นเจ้าก็ตรัสให้ทะเวนแล้วฆ่าพระยาท้ังสองนั้นเสีย”๙๐ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม
ยุคเร่ิมต้นถึงการเสียกรุงคร้ังท่ี ๑ 69 (๑) “ไปเถิงแดนกระจุก จะไปเชียงใหม่” ฉบับพระราชหัตถเลขว่า “ไปถึงแดนกะจุน จะไปพึ่งเมืองเชียงใหม่”๙๑ (๒) “ใหท้ ะเวนแลว้ ฆา่ พระยาทง้ั สองนนั้ เสยี ” ฉบบั พระราชหตั ถเลขาวา่ “ให้ตระเวนรอบทัพแล้วให้ฆ่าเสีย”๙๒ ๓.๑๑.๘ การหล่ังน�้ำทักษิโณทก ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “เถิงวันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ ข้ึน ๘ ค�่ำ ก็ประกอบด้วยศุภฤกษ์ จึงฝังสีมา จารึกสัตยาธิษฐานลงในศิลาบาตร์ แล้วก็หล่ังน�้ำษิโณทกตกเหนือมหาปฐพีเป็นสักขี พยาน เพ่ือให้พระราชไมตรีสีมานั้น ท้ังสองฝ่ายม่ันคงตรงเท่ากัลปวสานแล้ว ก็ให้ อุปสมบทกรรมภิกษุ ๖ รูปในท่ีน้ัน”๙๓ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม (๑) ในพระราชพงศาวดารใช้ค�ำว่า น้�ำษิโณทก (๒) การอุปสมบทตามพระวินัยท�ำเป็นสังฆกรรม และต้องท�ำในสีมา โดยนัยจึงเท่ากับว่า พื้นที่ส�ำหรับลงสัตยาธิษฐานนั้น ต้องได้รับการสมมติสีมาจาก สงฆ์ด้วย จึงถือเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ สรุป ในรัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช มีบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ พระพุทธศาสนา ๘ เรื่อง ได้แก่ การปิดทองบูชา, สมโภชพระธาตุ, พระบรมสารีริกธาตุ แสดงปาฏิหาริย์, การต้ังค่ายทหารพักแรมใกล้วัด, พระมหาเถรคันฉองถวายคำ� แนะน�ำ ต่อพระนเรศวร,การอ้างพระรัตนตรัยท�ำน้�ำสาบาน, การอาศัยวัดหลบหนีภัยสงคราม, การพิธีท�ำสัตยาธิษฐานด้วยการฝังสีมาจารึกค�ำสัตยาธิษฐาน ๓.๑๒ สรุปท้ายบท จากการสืบพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ในระหว่าง พ.ศ.๑๘๙๓-๒๑๑๒ พบมีเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา จ�ำนวน ๑๒ รัชกาล ประกอบด้วย รัชกาล สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี ๑ (พระเจ้าอู่ทอง), สมเด็จพระราเมศวร, สมเด็จพระบรม
70 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ราชาธิราชท่ี ๑, สมเด็จพระบรมราชาธิราชท่ี ๒, สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ, สมเด็จ พระรามาธิบดีท่ี ๒, สมเด็จพระไชยราชาธิราช, ขุนวรวงศาธิราช, สมเด็จพระมหา จักรพรรดิราชาธิราช, สมเด็จพระมหินทราธิราช, สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช เร่ืองราวพระพุทธศาสนาท่ีพบในช่วงระหว่างนี้ ประมวลสรุปดังรายละเอียด ในตาราง
ยุคเริ่มต้นถึงการเสียกรุงครั้งท่ี ๑ 71
72 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา รัชกาล พุทธศักราช ล�ำดับเหตุการณ์ ๑๘๙๖ สถาปนาวัดพุทไธศวรรค์ สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี ๑ ๑๙๐๖ สถาปนาวัดป่าแก้ว สมเด็จพระบรมราชาธิราช (ท่ี ๑) ๑๙๑๒ สร้างวัดพระราม สมเด็จพระราเมศวร ๑๙๑๗ สถาปนาพระศรีรัตนมหาธาตุ สมเด็จพระบรมราชาธิราช (ที่ ๒) ๑๙๒๗ ๑. เสด็จนมัสการพระชินศรี พระชินราช สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ที่พิษณุโลก ๑๙๓๐ ๒. พระสารีริกธาตุแสดงปาฏิหาริย์ให้ทอด สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ๑๙๖๑ พระเนตรเห็น และสถาปนาวัดมหาธาตุ ๑๙๖๔ สถาปนาวัดภูเขาทอง สถาปนาวัดราชบูรณะ ๑๙๖๗ ทรงโปรดให้เอารูปเคารพมีโค สิงห์ และสัตว์ ทั้งปวงมาไว้ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ และวัด ๑๙๗๗ พระศรีสรรเพชญ์ เพ่ือบูชา ๑๙๘๗ ๑. สร้างวัดมเหยงค์ ๑๙๘๙ ๒. ทอดพระเนตรน�้ำเนตรพระพุทธชินราชตก ๑๙๙๑ เป็นโลหิต ๑๙๙๒ ๑. สถาปนาวัดพระศรีสรรเพชญ์ ๒๐๐๗ ๒. สถาปนาวัดพระราม ๒๐๐๙ ให้บ�ำรุงพระพุทธศาสนา ๒๐๒๒ หล่อรูปพระโพธิสัตว์ ๕๕๐ พระชาติ ทรงโปรดให้มีการเล่นมหรสพฉลองพระ สร้างพระวิหารวัดจุฬามณี เสด็จออกผนวช และประทับอยู่ท่ีวัดจุฬามณี ๘ เดือน ทรงโปรดให้มีการเล่นมหรศพฉลองพระศรี รัตนมหาธาตุ ๑๕ วัน พระบรมราชาผู้เป็นพระราชโอรสทรงผนวช ๑. สร้างพระวิหารวัดพระศรีสรรเพชญ์ ๒. หล่อพระศรีสรรเพชญ์ ทองหล่อหนัก ๕๓,๐๐๐ ชงั่ หมุ้ ด้วยทองคำ� หนกั ๒๘๖ ชง่ั ๒๐๒๖ ฉลองพระศรีสรรเพชญ์
ยุคเริ่มต้นถึงการเสียกรุงครั้งที่ ๑ 73 สมเด็จพระไชยราชาธิราช ๒๐๖๑ ๑. โปรดให้พูนดินวัดชีเชิง (ชีเชียง) ขุนวรวงศาธิราช ๒๐๗๐ ๒. สถาปนาพระพุทธเจ้าและพระเจดีย์ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระเทียรราชาเสด็จออกผนวช เพ่ือไม่ให้เป็น ราชาธิราช ๒๐๗๒ ทรี่ ะแวงพระทยั เหตเุ ปน็ เชอ้ื พระวงศช์ น้ั ผใู้ หญ่ ขณะบวชประทับอยู่ท่ีวัดราชประดิษฐาน ๒๐๗๒ ๑. ประหารชีวิตพระยอดฟ้าท่ีวัดโคกพระยา ๒๐๗๓ และประหารชีวิตขุนวรวงศากับแม่อยู่หัว ศรีสุดาจันทร์ที่วัดแร้ง ๒๐๘๐ ๒. ขุนพิเรนทร์เทพ ประชุมวางแผนลับที่วัด ๒๐๘๖ ราชประดิษฐาน เป้าหมายคือยึดอ�ำนาจขุนว รวงศาธริ าช โดยกอ่ นการลงมอื ไดก้ ระทำ� การ ๒๐๘๗ เส่ียงเทียนต่อหน้าพระประธานอุโบสถ ๒๐๙๒ วัดป่าแก้ว พิธีสถาปนาพระมหากษัตริย์ กระท�ำในที่ ประชุมอันมีสมเด็จพระสังฆราช พระราชา คณะ คามวาสี อรัญญวาสี มุขมนตรี กวี อ�ำมาตย์ โหราราชครู พราหมณ์ปุโรหิต ๑. สถาปนาที่พระต�ำหนักวังเป็นพระอุโบสถ ๒. สร้างพระวิหารอาราม ให้นามว่า วัดวังชัย ๓. ถวายอากรหลวงบ�ำรุงเป็นค่าภัตตาหาร แด่สงฆ์วัดวังชัย ถวายสตสดกมหาทาน ๑. มหานาควัดภูเขาทอง พาญาติโยมทาส หญิงชายขุดคูนอกค่ายกันทัพพม่า จึงได้นาม ว่า คลองมหานาค ๒. สถาปนาวัดศพสวรรค์ เพื่อเป็นอนุสรณ์ พระสุริโยทัย ประหารชีวิตพระนพรัต เน่ืองจากให้ฤกษ์พระ ศรีสินก่อ กบฏ พม่ายกทัพมาต้ังต�ำบลวัดทุ่งโพธาราม, ต�ำบล วดั พทุ ไธศวรรค,์ วดั การอ้ ง, วดั ชยั วฒั นาราม, วัดมเหยงค์
74 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหินราธิราช ๒๐๙๕ บูรณะวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ๒๐๙๗ สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าชเสดจ็ ออก ๒๑๑๒ ผนวช ๒๑๑๗ สมเด็จพระนเรศวรเสด็จปิดทองพระมหาธาตุ และถวายพระภูษาเป็นฉัตรธงบูชาพระธาตุ ๑. พระธาตุแสดงปาฏิหาริย์แก่สมเด็จ พระนเรศวรคราวยกทัพไปเมืองพิษณุโลก ๒. พระมหาเถรคันฉองบอกความลับการ ที่พระเจ้า หงสาวดีคิดก�ำจัดแก่สมเด็จ พระนเรศวร เพ่ือจะได้ระวังตัว
ยุคเร่ิมต้นถึงการเสียกรุงคร้ังท่ี ๑ 75 เชิงอรรถ ๑ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันพันจันทนุมาศ (เจิม), (นนทบุรี: ส�ำนักพิมพ์ ศรีปัญญา, ๒๕๕๓), หน้า ๔๑. ๒ พระพนรัตน์, จุลยุทธการวงศ์, (กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๕), หน้า ๓๒๐. ๓ แสงเพชร, เกร็ดประวัติศาสตร์บนแผ่นดินอยุธยา, (กรุงเทพฯ: ไทยควอลิต้ีบุ๊คส์ (๒๐๐๖), ๒๕๕๖), หน้า ๔๑. ๔ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๔๑. ๕ พระพนรัตน์, จุลยุทธการวงศ์, อ้างแล้ว, หน้า ๓๒๐. ๖ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๓๙๐. ๗ แสงเพชร, เกร็ดประวัติศาสตร์บนแผ่นดินอยุธยา, หน้า ๔๒. ๘ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๔๗. ๙ แสงเพชร, เกร็ดประวัติศาสตร์บนแผ่นดินอยุธยา, หน้า ๔๒-๔๓. ๑๐ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๔๗. ๑๑ ปวัตร นวะมะรัตน, อยุธยาที่ไม่คุ้นเคย, (กรุงเทพฯ: ศิลปวัฒนธรรม, ๒๕๕๗), หน้า ๑๓๗. ๑๒ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ค�ำให้การชาวกรุงเก่า, หน้า ๕๐๗. ๑๓ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๔๘. ๑๔ พระพนรัตน์, จุลยุทธการวงศ์, อ้างแล้ว, หน้า ๓๒๘. ๑๕ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๔๓. ๑๖ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๓๙๑. ๑๗ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๓๙๑.
76 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ๑๘ พระราชพงษาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ภาค ๑, หน้า ๓. จุลยุทธการวงศ์ระบว่า ก่อนสร้างได้ปรึกษาพระมหากัลยาณเถร ดู พระพนรัตน์, จุลยุทธการวงศ์, อ้างแล้ว, หน้า ๓๒๒. ๑๙ ปวัตร นวะมะรัตน, อยุธยาท่ีไม่คุ้นเคย, หน้า ๔๙. ๒๐ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๕๑. ๒๑ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๓๙๔. ๒๒ แสงเพชร, เกร็ดประวัติศาสตร์บนแผ่นดินอยุธยา, หน้า ๔๙. ๒๓ พระราชพงษาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ภาค ๑, หน้า ๙. ๒๔ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๕๑. ๒๕ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๓๙๕. ๒๖ วัดมเหยงคณ์, [ออนไลน์]: http://www.watmaheyong.org/index.php/th/mhy- about [๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘]. ๒๗ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔, (กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๕๖), หน้า ๑๐๕๑. ๒๘ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๕๒. ๒๙ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๓๙๕. ๓๐ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๕๓. ๓๑ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๕๓. ๓๒ พระราชพงษาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ภาค ๑, หน้า ๑๐. ๓๓ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๕๔. ๓๔ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๓๙๗. ๓๕ พระราชพงษาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ภาค ๑, หน้า ๑๐.
ยุคเริ่มต้นถึงการเสียกรุงครั้งท่ี ๑ 77 ๓๖ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๕๔. ๓๗ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๓๙๗. ๓๘ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๕๔. ๓๙ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๓๙๙. ๔๐ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๕๔. ๔๑ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๕๕. ๔๒ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๔๐๐. ๔๓ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๕๕. ๔๔ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๔๐๐. ๔๕ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๕๗. ๔๖ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๔๐๒. เชิงอรรถอธิบาย: น้�ำหนักทอง ๑ ช่ัง เท่ากับ ๘๐ บาท อัตราการเปรียบเทียบเนื้อทองค�ำเร่ิมจากท้อง ค�ำเนื้อส่ี เน้ือห้า เนื้อเจ็ด เน้ือแปด และเน้ือเก้า ทองค�ำเนื้อสี่มีคุณภาพต่�ำสุดมีส่วนผสม ของแร่ธาตุอื่นอยู่มาก ทองเน้ือเก้ามีคุณภาพดีท่ีสุด เพราะเป็นทองค�ำบริสุทธ์ิ คุณภาพ ทองค�ำต้ังแต่เน้ือสี่ถึงเนื้อแปด มีอัตราส่วนแต่ละเนื้อเท่ากัน เทียบเท่ากับน�้ำหนัก ๔ ขา ก�ำหนดอัตราเปรียบเทียบ ๑ ขา เท่ากับ ๑ สลึง ๔๗ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๕๗. ๔๘ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๖๓. ๔๙ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๔๐๔. ๕๐ พงษาวดารหลายฉบับ ไม่นับขุนวรวงศาธิราชเป็นกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา เนื่องเพราะ รังเกียจในพฤติกรรมลอบเป็นชู้กับพระนางศรีสุดาจันทร์ แต่ฉบับพันพันจันทนุมาศ นับ เข้าด้วย จ�ำนวนกษัตริย์ท่ีเสวยราชสมบัติกรุงศรีอยุธยาจึงมีท้ังหมด ๓๔ พระองค์
78 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ๕๑ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๖๖. ๕๒ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๖๗. ๕๓ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๖๗. ๕๔ พงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา เล่ม ๑, หน้า ๒๑ ๕๕ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๗๐. ๕๖ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๗๔. ๕๗ พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ภาค ๑, (พิมพ์ข้ึนเป็นส่วนพระกุศลทานมัย ในงานพระศพพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรเสฐสุดา, ๗ มีนาคม ๒๔๕๕), หน้า ๒๗. ๕๘ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๗๗. ๕๙ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๔๐๙. ๖๐ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๗๘. ๖๑ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๙๐. ๖๒ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๙๐. ๖๓ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๙๑. ๖๔ พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ภาค ๑ ระบุว่า “บวชเป็นสามเณรอยู่ ณ วัดราชประดิษฐาน” ต่อมาถูกจับได้ว่าคิดการกบฏ จึงถูกควบคุมตัวไว้ที่วัดธรรมิกราช คร้ันอายุได้ครบบวช ก็ทรงอุปถัมภ์ให้บวช ครั้นบวชแล้วก็หนีไปอยู่ที่ตำ� บลม่วงแดง ดู รายละเอียด หน้า ๔๘. ๖๕ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๔๑๐. ๖๖ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๙๖. ๖๗ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๙๖. ๖๘ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๑๐๐.
ยุคเริ่มต้นถึงการเสียกรุงครั้งท่ี ๑ 79 ๖๙ พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ภาค ๑, หน้า ๖๐. ๗๐ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๙๘. ๗๑ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๑๑๔,๑๒๗. ๗๒ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๑๐๐. ๗๓ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๑๐๐. ๗๔ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๑๐๕. ๗๕ มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา, นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา, ๒๕๔๔), หน้า ๑๑๔. ๗๖ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๑๒๑-๑๒๒. ๗๗ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ, หน้า ๔๑๒. ๗๘ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๑๐๙. ๗๙ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๑๒๓. ๘๐ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๑๓๗. ๘๑ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๑๔๑. ๘๒ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๑๔๔. ๘๓ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๑๔๙. ๘๔ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๑๔๒. ๘๕ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๑๔๓. ๘๖ พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ภาค ๑, หน้า ๑๑๔. ๘๗ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๑๔๕. ๘๘ พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ภาค ๑, หน้า ๑๑๔.
80 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ๘๙ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๑๔๗. ๙๐ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๑๔๙. ๙๑ พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ภาค ๑, หน้า ๑๑๘. ๙๒ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๑๑๙. ๙๓ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า ๑๕๕.
82 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา
ยุคกู้อิสรภาพถึงการเสียกรุงครั้งที่ ๒ 83 ๔ ยุคกอู้ ิสรภาพถงึ การเสยี กรงุ คร้งั ท่ี ๒
พระพุทธศาสนาในช่วงท่ี ๒ (ระหว่าง พ.ศ.๒๑๒๑-๒๓๑๐) ช่วงที่ ๒ นี้ นับเอาต้ังแต่รัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภายหลังกอบกู้ อิสรภาพจากพม่าได้แล้ว ก็ทรงได้การสถาปนาพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ ๑๘ แห่งกรุงศรีอยุธยา และก็มีพระมหากษัตริย์สืบสันติวงศ์เรื่อยไปจนถึงรัชสมัยสมเด็จ พระท่ีน่ังสุริยาศน์อมรินทร์ กรุงศรีอยุธยาก็เสียอิสรภาพให้แก่พม่าอีกเป็นคร้ังท่ี ๒ ในช่วงระหว่างนี้ มีเหตุการณ์บันทึกเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาดังรายละเอียด ต่อไปน้ี ๔.๑ รัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (สมเด็จพระสรรเพ็ชท่ี ๒) เป็นพระมหากษัตริย์ องค์ที่ ๑๘ แห่งกรุงศรีอยุธยา เสวยราชสมบัติระหว่าง พ.ศ.๒๑๒๑-๒๑๓๖ รวมอยู่ในสิริราชสมบัติท้ังสิ้น ๑๕ ปี ระหว่างนี้มีเหตุการณ์เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ดังรายละเอียดตามล�ำดับต่อไปน้ี ๔.๑.๑ การเสด็จบ�ำเพ็ญพระราชกุศล สมเด็จพระเอกาทศรฐ ได้เสด็จไปบ�ำเพ็ญพระราชกุศลในโอกาสต่าง ๆ เช่น เสด็จนมัสการ และปิดทองพระชินราช และพุทธสิหิงค์ เป็นต้น หลายครั้ง แสดงให้ เห็นถึงพระราชศรัทธาของพระองค์ที่มีต่อพระพุทธศาสนา ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้
ยุคกู้อิสรภาพถึงการเสียกรุงครั้งที่ ๒ 85 (๑) “พระบาทสมเด็จพระเอกาทศรฐอิศวร บรมนาถบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จนมัสการพระชินราชในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุในเมือง พระพิษณุโลก แล้วก็เสด็จไปประพาสในจังหวัดเมืองพระพิษณุโลกนั้นทุกต�ำบล”๑ (๒) “เสด็จปิดพระพุทธปฏิมาพระชินราชด้วยพระหัตถ์ เสร็จบริบูรณ์ ก็แต่งการฉลอง แล้วให้เล่นมหรสพบูชานมัสการแก่พระพุทธเจ้าน้ัน ๗ วัน ๗ คืน เป็นมหามโหฬารนักหนา”๒ (๓) “พระเจ้าเชียงใหม่กราบทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระบรมบพิตร พระพุทธเจา้ อยหู่ วั ทั้งสองพระองค์ เสดจ็ เขา้ ไปนมัสการพระพทุ ธสหิ งิ คใ์ นเมืองเชียงใหม่ นั้น และต้ังทัพอยู่ในเมืองเชียใหม่น้ันเดือนหน่ึง๓ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ท้ังสมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรฐ ทรงเลื่อมใสในพระพุทธ ชินราช และชินศรีมาก ทุกครั้งท่ีมีโอกาส มักจะเสด็จไปถวายสักการะอยู่เนือง ๆ ๔.๑.๒ ปาฏิหาริย์พระสารีริกธาตุ พระสารีริกธาตุได้แสดงปาฏิหาริย์ให้เป็นท่ีปรากฏแก่สมเด็จพระนเรศวร หลายครั้ง ต้ังแต่สมัยท่ียังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ การปรากฏของพระสารีริกธาตุแต่ละครั้ง จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล เพราะทุกคร้ังท่ีเห็นก็มักจะน�ำความโชคดี หรือมีชัยอย่างใดอย่างหน่ึงมาให้เสมอ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี (๑) “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรเห็นพระสารีริกบรมธาตุเสด็จ ปาฏิหาริย์ ช่วงเท่าผลส้มเกล้ียงมาแต่ขิณทิศ เวียนเป็นทักษิณาวัฏแล้วเสด็จผ่านไป อุดรทิศ ทรงพระปีติซ่านไปท้ังพระองค์ ยกพระหัตถ์ถวายทัศนัขสโมธาน อธิษฐานขอ สวัสดิชัยแก่ปรปักษ์”๔ (๒) “เดชะพระบารมีสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ถ้ามีชัยแก่ข้าศึกคร้ังใด ก็ให้เห็นศุภนิมิตประจักษ์ทุกคร้ัง พอเพลา ๓ ยาม ๗ บาท พระสารีริกบรมธาตุใหญ่
86 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เท่าผลส้มเกลี้ยง เสด็จผ่านด้านตะดาวศรีมาแต่ทิศอุดรไปเฉียงอาคเนย์ พระรัศมีสว่าง วาบไปทงั้ อากาศและปฐพี สมเดจ็ พระพทุ ธเจา้ อยหู่ วั เหน็ ดงั นน้ั ทรงพระปตี โิ สมนสั ถวาย ทัศนัขสโมธาน เหนือพระศิโรตม์ด้วยเบญจางคประดิษฐ์ แล้วสั่งปุโรหิตาจารย์ทั้งหลาย ให้ประโคมแตรสังข์ดุริยดนตรี ปีพาทย์ฆ้องชัยในทันที ให้ฝรั่งแม่นปืนจุดจ่ารงคว่�ำทอง ท้ายที่น่ัง ๓ บอกไล่กันเป็นส�ำคัญ ฝ่ายนายทัพนายกองได้ยินเสียงปืนใหญ่เป็นส�ำคัญ ก็ให้ทหารรุดกันเอาบันไดพาดก�ำแพงเมือง จุดพลุพะเนียงเสียงเป็นโกลาหล”๕ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม (๑) คำ� วา่ “มาแตข่ ณิ ทศิ เวยี นเปน็ ทกั ษณิ าวฏั ” ฉบบั พระราชหตั ถเลขา ว่า “มาแต่ทักษิณทิศเวียนเป็นทักขิณาวัฎ”๖ (๒) กลายเป็นคติความเชื่อว่า ถ้าจะมีชัยแก่ข้าศึกครั้งใด ก็จะเห็น ศุภนิมิตนี้ประจักษ์แจ้งทุกคร้ัง ๔.๑.๓ พระพนรัตน์บิณฑบาตชีวิตทหาร พระพนรัตน์วัดป่าแก้ว และพระราชาคณะ ๒๕ รูป ช่วยชีวิตทหารซ่ึงมีโทษ ต้องประหารจากการตามเสด็จสมเด็จพระนเรศวรไม่ทัน ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “คราวสมเด็จพระนเรศวรท�ำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราช นายทัพนายกอง ตามเสด็จไม่ทัน ท�ำให้พระองค์ต้องอยู่ในท่ามกลางข้าศึก เมื่อมีชัย จึงใช้กฎอัยการศึก ส่ังลงโทษนายทัพนายกองเหล่านั้น แต่ติดตรงที่เป็นวันพระ จึงทรงให้จองจ�ำไว้ก่อน ความทราบถงึ พระพนรตั น์ จงึ พรอ้ มดว้ ยพระราชาคณะ ๒๕ รูป ไดม้ าทลู ขอบิณฑบาต ชีวิตเอาไว้ โดยยกเหตุผลว่า ที่เป็นเช่นน้ัน เพราะเทวดาดลใจต้องการโลกได้ทราบ เกียรติยศของให้ยิ่งยอด๗ “พระคุณเจ้าขอแล้วโยมก็จะให้ แต่ทว่าจะให้ไปตีเมืองตะนาวศรี เมืองทวาย แก้ตัวก่อน “การซ่ึงจะใช้ไปตีบ้านเมืองน้ัน สุดแล้วแต่พระราชสมภารเจ้าจะสงเคราะห์ ใช่กิจสมณะ”๘
ยุคกู้อิสรภาพถึงการเสียกรุงครั้งที่ ๒ 87 ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ท�ำเนียมแต่โบราณ วันพระจะงดเว้นการประหารชีวิต ฉบับพระราชหัตถเลข ระบุว่า “บัดน้ีจวนวันจาตุททสีบัณณรสีอยู่ ให้เอานายทัพนายกองจ�ำเรือนตรุไว้สามวัน พ้นแล้วจึงให้ส�ำเร็จโทษโดยพระไอยการศึก”๙ ๔.๑.๔ พระมหาเถรเสียมเพรียมวางแผนยุทธศาสตร์เสนอพระยา ตองอู พระมหาเถรเสียมเพรียม เป็นพระพม่า และมีบทบาทส�ำคัญท่ีปลุกความรู้สึก ของพระยาตองอูให้เกิดความเชื่อมั่น ไม่ยอมละทิ้งเอกราชของชาติ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “พระมหาเถรเสียมเพรียม ทราบข่าวว่าพระยาตองอูจะสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์ กรุงศรีอยุธยา จึงได้เข้าเฝ้า กล่าวให้ก�ำลังใจพร้อมทั้งเสนอแนะหาทางออกให้กับ ประเทศในช่วงท่ีพระยาตองอูมองไม่เห็นช่องทางอื่น”๑๐ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม (๑) พระมหาเถระเสียมเพรียมเป็นภิกษุชาวพม่า และมีบทบาทส�ำคัญ ในการชี้น�ำการศึกหลายคร้ัง จึงถือเป็นกรณีตัวอย่างท่ีน่าสนใจ (๒) ฉบับราชหัตถเลขาระบุว่าเป็น “เจ้าอธิการ”๑๑ ๔.๑.๕ การกระท�ำสัตยาถวายสัตย์ สมเด็จพระเอกาทศรฐ ได้ทรงปรับความเข้าใจระหว่างเจ้าเมืองเชียงใหม่ และเจ้าพระยาแสนหลวงแสนเมืองทั้งปวง มีหม่ืนเพชรไพรี และพระรามเดโช เป็นต้น มิให้ผูกโกรธอาฆาตต่อกัน โดยวิธีให้ทั้งหมดถือน�้ำพิพัฒน์สัตยาต่อหน้าพระรัตนตรัย ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “พระเจ้าเชียงใหม่และท้าวพระยาลาวท้ังปวง กระท�ำสัตย์ปฏิญาณถือน้�ำ พระพิพัฒน์ต่อพระเจ้าเชียงใหม่ ๆ ก็ถวายสัตย์ต่อสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว จ�ำเพาะ พระพักตรพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆ์เจ้า”๑๒
88 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม การกระท�ำสัตยา ถือเป็นวิธีการหน่ึงที่จะท�ำให้เกิดความเชื่อม่ัน ย่ิงหากได้ กระท�ำโดยการอ้างส่ิงศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งเคารพสูงสูด ย่อมเป็นอุบายให้ค�ำสัตยามี ความมั่นคงแน่นแฟ้นยิ่งข้ึน แสดงให้เห็นถึงความสูงส่งทางด้านคุณธรรมของคนใน สังคมได้เป็นอย่างดี สรุป ในรัชกาลสมเด็จพระเรศวรมหาราช มีบันทึกเร่ืองราวเกี่ยวกับพระพุทธ ศาสนา ๕ เร่ือง ได้แก่ การเสด็จบ�ำเพ็ญพระราชกุศล มีนมัสการ และสมโภชพระ พุทธชินราช การเสด็จนมัสการพระพุทธสิหิงค์เป็นต้น, การแสดงปาฏิหาริย์ของ พระสารีริกธาตุ, พระพนรัตน์และพระราชาคณะ ๒๕ รูป ช่วยชีวิตนายทัพ นายกอง ที่จะถูกประหารชีวิต, พระพม่าช่วยวางแผนการศึกสงคราม, และท�ำสัตยาธิษฐานโดย การอ้างพระพุทธปฏิมาเป็นสักขีพยาน ๔.๒ รัชกาลสมเด็จพระเอกาทศรฐ สมเด็จพระเอกาทศรฐ (สมเด็จพระสรรเพ็ชที่ ๓) เป็นกษัตริย์องค์ที่ ๑๙ แห่ง กรุงศรีอยุธยา เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชากับพระวิสุทธิกษัตรีย์ เป็นพระอนุชาในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงด�ำรงอยู่ในสิริราชสมบัติระหว่าง พ.ศ.๒๑๓๖-๒๑๔๔ รวมระยะเวลา ๘ ปี ระหว่างนี้มีเหตุการณ์เก่ียวกับพระพุทธ ศาสนาดังรายละเอียดตามล�ำดับต่อไปน้ี ๔.๒.๑ การทะนุบ�ำรุงพระพุทธศาสนาด้วยการสร้างวัด สร้างพระ และสร้างคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา สมเด็จพระเอกาทศรฐ ทรงมีพระทัยฝักใฝ่ในการบ�ำเพ็ญพระราชกุศลอยู่ เปน็ นติ ย์ นบั ตง้ั แตย่ งั ดำ� รงตำ� แหนง่ เปน็ อปุ ราช ครนั้ ไดเ้ สดจ็ ขนึ้ ครองราชยต์ อ่ จากสมเดจ็ พระนเรศวร ก็ยังคงด�ำเนินรอยตามบุพจริยาไม่เปล่ียนแปลง ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “สร้างโพธิสมภารบ�ำเพ็ญพุทธการกธรรมบารมี อาทิ สร้างพระวรเชษฐาราม มหาวิหาร อันรจนาพระพุทธปฏิมามหาเจดีย์บรรจุพระสารีริกธาตุส�ำเร็จ กุฏิสถาน
ยุคกู้อิสรภาพถึงการเสียกรุงคร้ังที่ ๒ 89 ปราการสมด้วยอรัญวาสีแล้ว ก็สร้างพระไตรปิฎกกรรมจบบริบูรณ์ท้ังพระบาลีอรรถ กถาฎีกาคันถีวิวรณ์ท้ังปวง จึงแต่งหอพระสัทธรรมเสร็จ ก็นิมนต์พระสงฆ์อรัญวาสีผู้ ทรงศีลาธิคุณอันวิเศษมาอยู่ครองพระวรเชษฐารามน้ันแล้ว ก็แต่งขุนหมื่นข้าหลวงไว้ ส�าหรับอารามน้ัน แล้วจ�าหน่ายพระราชทรัพย์ไว้ให้แต่งจตุปัจจัยไทยทานถวายแก่สงฆ์ เป็นนิจกาล แล้วให้แต่งฉทานศาลา แล้วประสาทพระราชทรัพย์ ให้แต่งโภชนาหาร จังหันถวายแก่พระภิกษุสงฆ์เป็นนิตยภัตมิได้ขาด”๑๓ ข. ข้อสังเกตเพิ่มเติม ในราชกาลของสมเด็จพระนเรศวรซึ่งเป็นพระเชษฐามีการศึกและสงครามบ่อย ท�าให้ขาดการทะนุบ�ารุงพระพุทธศาสนา ๔.๒.๒ การสร้างพระพุทธรูปฉลองพระองค์ ประกอบพิธีฉลอง พระพุทธปฏิมา ๗ วัน ๗ คืน การสร้างพระพุทธรูปฉลองพระองค์ เร่ิมมีปรากฏให้เห็นบ้างแล้วในหลาย รัชกาล แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาอย่างแน่นแฟ้นต่อพระพุทธศาสนาของพระมหา กษัตริย์ไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดีอีกทางหน่ึง
90 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ให้รจนาพระพุทธปฏิมาเป็น พระพุทธรูปสนองพระองค์ห้าพระองค์ องค์หน่ึงบุทองนพคุณทรงเครื่องมงกุฏกุณฑล พาหุรัดย่อมประดับเนาวรัตน์ และบัลลังก์น้ันบุทองจ�ำหลักประดับเพชรรัตน์ องค์หน่ึง บุทองนพคุณ บัลลังก์นั้นบุทองจ�ำหลัก องค์หนึ่งนั้นเป็นพระพุทธรูปปฏิมานาคาศนะ พระพุทธองค์นั้นรจนาด้วยนาคสวาด และเครื่องทรงนั้นทองจ�ำหลักประดับเนาวรัตน์ และบัลลังก์นั้นรจนาด้วยสวาด พระพุทธปฏิมาบุเงิน ๒ องค์ และฐานเงินจ�ำหลัก สรรพางค์ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวก็ทรงเคร่ืองสุวรรณาภรณ์ บวรวิภูษิตากาญจน์เสร็จ แล้วเสด็จทรงพระท่ีน่ังบุษบกรัตนมหาพิมาน อันอลังการกลางเรือสุพรรณหงส์ พยุหยาตรา คลาเคลื่อนโดยขบวนเสด็จ ประเวศมาประทับท่าขนานมหาวาสุกรี คอย ทอดพระเนตรขบวนแห่พระพุทธปฏิมากร อันมเหาฬาราด้วยเรือต้นทั้งปวง คร้ันเรือ พระพุทธปฏิมากรบรรทับขนานแล้ว ก็อัญเชิญพระพุทธปฏิมากรเสด็จทรงพระคชาธาร แห่กลับไปประดิษฐาน ณ พระศรีสรรพเพชญดาราม แล้วให้แต่งการสมโภชเล่นมหรสพ ๗ วัน เป็นมโหฬารยิ่งนัก”๑๔ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ความในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ระบุท�ำนองเดียวกันว่า มีการแห่อัญเชิญพระพุทธรูปไปประดิษฐานท่ีวัดพระศรีสรรเพชดาราม และท�ำการ สมโภช ๗ วัน สรปุ ในรชั กาลสมเดจ็ พระเอกาทศรฐ มบี นั ทกึ เรอื่ งราวเกยี่ วกบั พระพทุ ธศาสนา ๒ เรื่อง ได้แก่ การทะนุบ�ำรุงพระพุทธศาสนา มีการสร้างวัดวรเชษฐาราม สร้าง พระพทุ ธปฏมิ า สรา้ งพระเจดยี บ์ รรจพุ ระบรมสารรี กิ ธาตุ และสรา้ งคมั ภรี พ์ ระพทุ ธศาสนา ๑ เร่ือง, การสร้างพระพุทธรูปฉลองพระองค์ ๑ และการฉลองพระพุทธรูป ๑ เรื่อง ๔.๓ รัชกาลสมเด็จศรีเสาวภาค สมเด็จพระศรีเสาวภาค (สมเด็จพระสรรเพ็ชท่ี ๔) เป็นกษัตริย์องค์ที่ ๒๐ แห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นราชโอรสในสมเด็จพระเอกาทศรฐ ทรงด�ำรงอยู่ในสิริราชสมบัติ
ยุคกู้อิสรภาพถึงการเสียกรุงคร้ังที่ ๒ 91 ระหว่าง พ.ศ.๒๑๔๔-๒๑๔๕ รวมระยะเวลา ๑ ปี ๒ เดือน ระหว่างน้ีมีเหตุการณ์ เก่ียวกับพระพุทธศาสนาดังรายละเอียดตามล�ำดับต่อไปน้ี ๔.๓.๑ พระพิมลธรรม (พระศรีสิน) วัดระฆัง ยึดอ�ำนาจพระเจ้า แผ่นดิน วัดระฆังต้ังอยู่ริมคลองท่อฝั่งซ้ายตรงข้ามกับพระราชวังหลวง สันนิษฐานว่า น่าจะสร้างขึ้นก่อนรัชกาลพระเจ้าทรงธรรม พระศรีสิน นักประวัติศาสตร์หลายท่าน ตีความว่า น่าจะเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเอกาทศรฐ ได้บวชพ�ำนักอยู่ท่ีวัด แห่งน้ีจนได้สมณศักด์ิเป็นพระพิมลธรรม ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “จุลศักราช ๙๖๔ (พ.ศ.๒๑๔๕) พระศรีสินบวชอยู่วัดระฆัง รู้พระไตรปิฎก สันทัด ได้สมณฐานันดรเป็นพระพิมลธรรม์อนันตปรีชาช�ำนาญไตรเพทางคศาสตร์ ราชศาสตร์ มีศิษย์โยมมาก ทั้งจม่ืนศรีเสาวรักษ์ถวายตัวเป็นบุตรเลี้ยง คิดกันเป็น ความลบั ซอ่ งสมุ พวกไดม้ ากแลว้ กป็ รวิ ตั รออกเพลาพลบคำ่� กพ็ ากนั ไปซมุ่ พล ณ ปรางค์ วัดศรีรัตนมหาธาตุ ครั้นได้เวลาอุดมนักขัตฤกษ์ ก็ยกพลมาฟันประตูมงคลสุนทร เข้าไป ได้ในท้องสนาม พระพิมลธรรมเข้าพระราชวังได้ ก็คุมเอาพระเจ้าแผ่นดินไปให้พันธนาไว้ม่ันคง รุ่งข้ึนนิมนต์พระบังสุกุล ๑๐๐ ให้ธูปเทียนษมา แล้วก็ให้ส�ำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์ แล้วเอาศพไปฝัง ณ วัดโคกพระยา๑๕ ข. ข้อสังเกตเพิ่มเติม พงศาวดารบางฉบับระบุว่า สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ ถูกพระอินทราชา พระโอรสต่างมารดาในสมเด็จพระเอกาทศรฐชิงราชสมบัติ เดิมทรงผนวชอยู่ท่ีวัดระฆัง จนได้เป็นพระพิมลธรรมอนันตปรีชา สรุป ในรัชกาลสมเด็จศรีเสาวภาค มีบันทึกเร่ืองราวเก่ียวข้องกับพระสงฆ์ใน พระพุทธศาสนา ๑ เรื่อง ได้แก่ เรื่องพระพิมลธรรม วัดระฆัง ได้ก่อการกบฏยึดอ�ำนาจ จากสมเด็จพระศรีเสาวภาค สถาปนาตนเป็นพระเจ้าทรงธรรม
92 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ๔.๔ รัชกาลสมเด็จพระบรมราชาท่ี ๑ (พระเจ้าทรงธรรม) สมเด็จพระบรมราชาท่ี ๑ (พระเจ้าทรงธรรม) เป็นกษัตริย์องค์ที่ ๒๑ แห่ง กรุงศรีอยุธยา ทรงด�ำรงอยู่ในสิริราชสมบัติระหว่าง พ.ศ.๒๑๔๕-๒๑๗๐ รวมระยะ เวลา ๒๕ ปีเศษ ระหว่างน้ีมีเหตุการณ์เก่ียวกับพระพุทธศาสนาดังรายละเอียดตาม ล�ำดับต่อไปนี้ ๔.๔.๑ พระสงฆ์วัดประดู่ทรงธรรมช่วยปกป้องพระเจ้าทรงธรรม ญป่ี นุ่ ทมี่ าทำ� มาคา้ ขายสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา เกดิ ความไมพ่ อใจทพ่ี ระเจา้ ทรงธรรม ยึดอ�ำนาจจากพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ก่อน จึงหาช่องทางในการลอบปลงพระชนม์ ได้อาศัยพระภิกษุท่ีมาเรียนหนังสือพาหนีรอดพ้นจากภัยครั้งน้ี ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “คร้ังน้ัน ญี่ปุ่นเข้ามาค้าขายหลายล�ำ ญี่ปุ่นโกรธว่าเสนาบดีมิได้เป็นธรรม คบคิดเข้าด้วยพระพิมลธรรมฆ่าพระมหากษัตริย์เสีย ญ่ีปุ่นคุ้มกันได้ประมาณ ๕๐๐ ยกเข้ามาในท้องสนามหลวง คอยจะกุมเอาพระเจ้าอยู่หัวอันเสด็จออกมาฟังพระสงฆ์ บอกหนังสือ ณ พระที่น่ังจอมทองสามหลัง ขณะนั้นพอพระสงฆ์วัดประดู่ทรงธรรมเข้า มา ๘ รูป พาพระองค์เสด็จออกมาต่อหน้าญี่ปุ่น ครั้นพระสงฆ์พาเสด็จไปแล้ว ญ่ีปุ่น ร้องอ้ืออึงข้ึนว่า จะกุมเอาพระองค์แล้วเป็นไรจึงนิ่งเสียเล่า ญ่ีปุ่นทุ่มเถียงเป็น โกลาหล”๑๖ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม (๑) ในยามที่มีเหตุการณ์คับขัน ได้อาศัยพระสงฆ์ช่วย ท�ำให้พระเจ้า แผ่นดินรอดพ้นจากมือญ่ีปุ่น และเพราะสาเหตุนี้เอง พระเจ้าทรงธรรมจึงมีพระบรม ราชโองการให้แต่งกัปปิยจังหันถวายพระสงฆ์วัดประดู่ทรงธรรมเป็นนิจ (๒) ตามเอกสารต่างชาติระบุว่าเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเคยเกิดข้ึน ในรัชกาลสมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ด้วย ๑ คร้ัง
ยุคกู้อิสรภาพถึงการเสียกรุงครั้งที่ ๒ 93 ๔.๔.๒ ย้ายพระมงคลบพิตรจากตะวันออกมาไว้ฝั่งตะวันตก พระมงคลบพิตร องค์พระก่อด้วยอิฐแล้วหุ้มด้วยส�ำริดแผ่น เป็นพระพุทธรูป ท่ีใหญ่ท่ีสุดองค์หน่ึงของไทย สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น แต่ไม่ ปรากฏชัดว่าสร้างในรัชกาลใด เดิมประดิษฐานอยู่ทางด้านตะวันออกของวังหลวง ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “ศักราช ๙๖๕ ปีเถาะศก (พ.ศ.๒๑๔๖) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ชัก พระมงคลบพิตรอยู่ฝ่ายตะวันออก มาไว้ฝ่ายตะวันตก แล้วให้ก่อพระมณฑปใส่ให้”๑๗ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม เดิมอยู่ฝั่งตะวันออกของพระราชวังมาไว้ด้านทิศตะวันตกของพระราชวัง ซึ่ง ประดิษฐานอยู่ตราบเท่าปัจจุบัน ๔.๔.๓ พบรอยพระพุทธบาทที่สระบุรี ในรัชกาลของพระเจ้าทรงธรรม ทางสระบุรีได้แจ้งมาว่า พบรอยพระพุทธบาท ที่เขาสุวรรณบรรพต มีลายกงจักรประกอบด้วยสัญลักษณ์มงคล ๑๐๘ ประการตาม พระบาลี และตรงกับที่ทางศรีลังกาให้ข้อมูลมา ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี (๑) “ศักราช ๙๖๘ ปีมะเมียศก (พ.ศ.๒๑๔๙) เมืองสระบุรีบอก มาว่า พรานบุนพบรอยเท้าอันใหญ่บนไหล่เขาเป็นประหลาด สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดี พระทัย เสด็จพระที่นั่งชัยพยุหยาตรา พร้อมด้วยเรือท้าวพระยาสามนตราราชดาษดา โดยชลมารคนทีธารประทับท่าเรือ รุ่งข้ึนเสด็จทรงพระที่นั่งสุวรรณปฤษฎางค์ พร้อม ด้วยคเชนทรเสนางคนิกรเป็นอันมาก” “พรานบุญเป็นมัคคุเทศก์น�ำทางลัดตัดดงไปเชิงเขา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัส ทอดพระเนตรเห็นแท้เป็นพระบรมพระพุทธบาทมีลายลักษณ์กงจักร แล้วต้องกับเมือง ลังกาบอกเข้ามาว่ากรุงศรีอยุธยามีรอยพระพุทธบาทเหนือยอดเขาสุวรรณบรรพต ก็ ทรงโสมนัสปรีดา ถวายทัศนัขเหนือเขาสุวรรณบรรพต ด้วยเบญจางคประดิษฐ์เป็น หลายครา ท�ำสักการบูชาด้วยธูปเทียนคันธรสจะนับมิได้”๑๘
94 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา (๒) “ทรงให้สร้างมณฑปสวมรอยพระพุทธบาท สร้างพระวิหาร สร้างกุฏิ สร้างทาง ใช้เวลา ๔ ปี จัดพิธีสมโภช ๗ วัน”๑๙ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม ทรงอุทิศท่ีดินโดยรอบรอยพระพุทธบาท ๑ โยชน์ (๑๖ กิโลเมตร) ถวาย พระพุทธศาสนา จากนั้นทรงสร้างมณฑปครอบพระพุทธบาท สร้างโบสถ์ พระอาราม ตำ� หนัก และถนนเชื่อมตอ่ เพอื่ ใชใ้ นการโดยเสร็จนมสั การพระพทุ ธบาท โดยใชร้ ะยะเวลา สร้าง ๔ ปี จึงแล้วเสร็จ ๔.๔.๔ ทรงทะนุบ�ำรุงพระพุทธศาสนา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แต่งมหาชาติค�ำหลวง และสร้างพระไตรปิฎก ถือเป็นการทะนุบ�ำรุงพระพุทธศาสนาอีกรูปแบบหนึ่ง และถือครั้งที่ ๒ ในสมัย กรุงศรีอยุธยาท่ีปรากฏมีการแต่งวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “ลุศักราช ๙๘๙ ปีมะแมศก (พ.ศ.๒๑๗๐) ทรงพระกรุณาแต่งมหาชาติ ค�ำหลวง แล้วสร้างพระไตรปิฎกธรรมไว้ส�ำหรับพระศาสนาจบบริบูรณ์”๒๐ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม มหาชาติค�ำหลวง พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ ระบุว่า สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ “ทรงพระราชนิพนธ์” ระบุ พ.ศ.๒๐๒๕๒๑ ขณะที่พระราชพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ไม่มีระบุว่าสร้างในสมัยสมเด็จ พระบรมไตรโลกนาถ แต่มาปรากฏหลักฐานว่าพระเจ้าทรงธรรมโปรดให้สร้างขึ้นใน ปี ๒๑๗๐ สรุป ในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาท่ี ๑ (พระเจ้าทรงธรรม) มีบันทึกเร่ือง ราวเก่ียวกับพระพุทธศาสนา ๔ เร่ือง ได้แก่ พระสงฆ์วัดประดูโรงธรรมช่วยพระเจ้า ทรงธรรมจากการจับกุมของกบฏชาวญ่ีปุ่น, การย้ายพระมงคลบพิตรจากฝั่งตะวันออก มาประดิษฐานฝั่งตะวันตกของพระราชวัง, การพบรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี, การแต่งมหาชาติค�ำหลวง และการสร้างพระไตรปิฎก
ยุคกู้อิสรภาพถึงการเสียกรุงคร้ังที่ ๒ 95 ๔.๕ รัชกาลสมเด็จพระบรมราชาท่ี ๒ (สมเด็จพระเชษฐาธิราช) สมเด็จพระบรมราชาท่ี ๒ (สมเด็จพระเชษฐาธิราช) เป็นกษัตริย์องค์ท่ี ๒๒ แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงด�ำรงอยู่ในสิริราชสมบัติระหว่าง พ.ศ.๒๑๗๐-๒๑๗๒ รวม ระยะเวลา ๑ ปี ๗ เดอื น ระหวา่ งนม้ี เี หตกุ ารณเ์ กย่ี วกบั พระพทุ ธศาสนาดงั รายละเอยี ด ตามล�ำดับต่อไปนี้ ๔.๕.๑ การใช้วัดเป็นสถานที่ประหารชีวิต วัดโคกพระยา ถือเป็นวัดอีกวัดหนึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยาที่มักถูกใช้เป็นสถาน ท่ีส�ำหรับประหารชีวิต โดยเฉพาะเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ มีพระเจ้าแผ่นดิน เชื้อพระวงศ์ถูก ประหารชีวิตท่ีจ�ำนวน ๕ พระองค์ เจ้านายช้ันผู้ใหญ่อีกจ�ำนวน ๖ ท่าน๒๒ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี “พระพันปีศรีสินคิดแย่งราชสมบัติจากพระเชษฐาธิราช จึงจัดแต่งก�ำลังเตรียม ก่อการ แต่ไม่ทันได้ลงมือ ถูกลอบจับเสียก่อน และถูกน�ำมาประหารชีวิตเสีย ณ วัดโคกพระยา”๒๓ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม สาเหตุที่พระศรีศิลป์คิดยึดอำ� นาจเพราะโกรธท่ีเสนาอำ� มาตย์ไม่ยกราชสมบัติให้ แก่ตนในฐานะเป็นพระอนุชา ๔.๕.๒ ปาฏิหาริย์พระธาตุ การแสดงปาฏิหาริย์ของพระธาตุให้ปรากฏ ถูกตีความเป็นสัญลักษณ์ หรือเป็น ลางบอกเหตดุ แี กผ่ พู้ บเหน็ ถอื เปน็ คตคิ วามเชอื่ ทมี่ มี านาน และพบบอ่ ยครงั้ ในพงศาวดาร กรุงศรีอยุธยา ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ รวบรวมก�ำลังพลยึดราชบัลลังก์จากพระเชษฐา ธิราช ก่อนด�ำเนินการได้ตั้งจิตอธิษฐานให้ส�ำเร็จดังประสงค์ เพลาค�่ำจึงมาต้ังซุ่มพลอยู่
96 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ณ วัดสุธาวาศ ครั้นเพลา ๘ ทุ่ม น่ิงคอยฤกษ์พร้อมกัน เห็นพระสารีริกธาตุเสด็จมา แต่ประจิมทิศผ่านไปปราจีนทิศ ได้นิมิตเป็นมหามงคลฤกษ์อันประเสริฐ ก็ยกพลเข้า ประตูมงคลสุนทร”๒๔ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาระบุถึงค�ำอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้า ปรารถนาพระโพธิญาณ ถ้าจะเสร็จแก่พระพุทธสมบัติเป็นแท้ จะยกเข้าไปล้างผู้อาสัตย์ ขอให้ส�ำเร็จดังปรารถนา”๒๕ สรุป ในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาท่ี ๒ (สมเด็จพระเชษฐาธิราช) มีบันทึก เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ๒ เร่ือง ได้แก่ การประหารชีวิตพระพันปี ศรีสินท่ีวัดโคกพระยา, การแสดงปาฏิหาริย์ของพระสารีริกธาตุ ๔.๖ รัชกาลสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๕ (พระเจ้าปราสาททอง) สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๕ (พระเจ้าปราสาททอง) เป็นกษัตริย์องค์ที่ ๒๔ แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงด�ำรงอยู่ในสิริราชสมบัติระหว่าง พ.ศ.๒๑๗๓-๒๑๙๘ รวมระยะเวลา ๒๖ ปี ระหว่างน้ีมีเหตุการณ์เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาดังรายละเอียด ตามล�ำดับต่อไปน้ี ๔.๖.๑ พระสงฆ์ร่วมพิธีสถาปนากษัตริย์ การสถาปนาพระมหากษัตริย์มีทั้งพิธีพราหมณ์ และพิธีสงฆ์ผสมผสานกันไป มีตัวแทนฝ่ายสงฆ์เข้าร่วมพิธี แสดงให้เห็นถึงบทบาทของท้ังพราหมณ์ และพระพุทธ ศาสนาที่มีต่อราชส�ำนักคู่กันมาตราบเท่าถึงปัจจุบัน ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จในหน้าฆ้องชัย ช�ำระพระบาท พระยาธรมาบดีก็ ล่ันฆ้องชัย ประโคมแตรสังข์ดุริยดนตรี ตีอินทเภรีเป็นทุติยวาร จึงเสด็จขึ้นไพชยนต์ มหาปราสาท สถิตเหนือบัลลังก์อาสน์อลังการ หมู่ทวิชาจารย์ก็เป่าสังข์ทักษิณาวรรต ประโคมแตรสังข์ดุริยดนตรี ตีอินทเภรีเป็นตติยวาร สมเด็จพระสังฆราชราชาคณะ
ยุคกู้อิสรภาพถึงการเสียกรุงครั้งที่ ๒ 97 ท้ังปวง ก็สวดพระพุทธมนต์ถวายชัย พระมหาราชครู พระครู ปุโรหิตสุภาวดีศรีทิชา จารย์ท้ังหลายก็แซ่ซ้องโอมอ่านอิศวรเวทวิศณุมนต์ถวายชัยพร้อมเสร็จ”๒๖ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม สมเด็จพระสงั ฆราช และพระราชาคณะเป็นผ้แู ทนฝ่ายศาสนจักรในพธิ สี ถาปนา พระเจ้าแผ่นดิน ๔.๖.๒ สถาปนาวัดพระศรีสรรเพชญ์ และท�ำการฉลอง วดั พระศรสี รรเพชญ์ เปน็ วดั สำ� คญั ในราชสำ� นกั กรงุ ศรอี ยธุ ยา อยใู่ นพระราชวงั หลวง เปน็ วดั ทไ่ี มม่ พี ระสงฆจ์ ำ� พรรษา เปรยี บไดก้ บั วดั พระศรรี ตั นศาสดารามในพระบรม มหาราชวัง กรุงเทพฯ หรือวัดมหาธาตุในสุโขทัย๒๗ ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังนี้ “ศักราช ๙๙๓ ปีมะแมศก (พ.ศ.๒๑๗๔) ทรงพระกรุณาให้ช่างถ่ายอย่าง พระนครหลวง และปราสาทกรุงกัมพูชาประเทศเข้ามาให้ช่างกระท�ำพระราชวังท่ีประทับ ร้อน ต�ำบลริมวัดเทพจันทร ส�ำหรับจะเสด็จขึ้นไปนมัสการพระพุทธบาท จึงเอานามเดิม ซึ่งถ่ายมา ให้ชื่อว่าพระนครหลวง และในปีสร้างพระนครหลวงน้ัน ก็สถาปนาวัด พระศรีสรรเพชญ์เสร็จและท�ำการฉลอง มีมหรสพเป็นอเนกทุกประการ”๒๘ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม (๑) ฉบบั พระราชหตั ถเลขาวา่ “มมี หรศพสมโภชเปนอเนกนปุ ระการ”๒๙ (๒) เป็นวัดท่ีใช้ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีถือน้�ำ พิพัฒน์สัตยา เป็นท่ีเสด็จออกบ�ำเพ็ญพระราชกุศล และเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิพระมหา กษัตริย์อยุธยาเกือบทุกพระองค์๓๐ ๔.๖.๓ สถาปนาวัดไชยวัฒนาราม วัดชุมพลนิกายาราม เป็นวัดหลวงฝ่ายอรัญวาสี ต้ังอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้นอกเกาะเมือง ริมแม่น้�ำเจ้าพระยา หันหน้าไปทางทิศตะวันออกตามคตินิยมในการสร้างวัดท่ีปฏิบัติ
98 สืบพระพุทธศาสนาจากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เป็นประเพณีสืบกันมา ถือเป็นวัดประจ�ำรัชกาลของพระเจ้าปราสาททอง ถัดจากน้ัน อีก ๒ ปี คือในปี ๒๑๗๕ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าสถาปนาวัดชุมนิกายาราม ก. หลักฐานจากพงศาวดาร ระบุดังน้ี (๑) “ท่ีบ้านสมเด็จพระพันปีหลวงน้ัน พระเจ้าอยู่หัวให้สถาปนาสร้าง พระมหาธาตุเจดีย์ มีพระระเบียงรอบและมุมพระระเบียงน้ัน กระท�ำเป็นทรงเมรุทิพเมรุ รายอันรจนาและกอปรด้วยพระอุโบสถ พระวิหารการเปรียญ และสร้างกุฏิถวาย พระสงฆเ์ ปน็ อนั มากแลว้ เสรจ็ ใหน้ ามชอื่ วดั ไชยวฒั นาราม เจา้ อธกิ ารนนั้ ถวายพระนาม ชื่ออชิตเถระ ราชาคณะฝ่ายอรัญญวาสี ทรงพระราโชทิศถวายนิตยภัตกัลปนาเป็น นิรันดรมิได้ขาด”๓๑ (๒) “ทรงพระกรณุ าใหส้ รา้ งพระทน่ี ง่ั ไอศวรรยท์ พิ อาสน์ ณ เกาะบางนาอนิ มีราชนิเวศน์ปราการ ประกอบพฤกษาชาติร่มรื่นเป็นท่ีส�ำราญราชหฤทัย ประพาสราช ตระกูลสุริยวงศ์อนงค์นารีทั้งปวง แล้วสร้างพระอารามเคียงพระราชนิเวศน์ถวายเป็น สังฆทาน มีพระเจดีย์วิหารเป็นอาทิส�ำหรับพระศาสนาเสร็จบริบูรณ์ แล้วให้นามช่ือ วัดชุมพลนิกายาราม”๓๒ ข. ข้อสังเกตเพ่ิมเติม (๑) ต�ำแหน่งพระราชาคณะในสมัยกรุงศรีอยุธยา ก็มีการแบ่งเป็น คามวาสี อรญั ญวาสี สงั เกตได้นามเจา้ อาวาสวัดไชยวัฒนาราม ระบุเป็นพระราชาคณะ ฝ่ายอรัญญวาสี (๒) พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระราชหัตถเลขาระบุว่า วัดไชยวัฒนารามน้ี สร้างข้ึนเม่ือ พ.ศ.๒๑๗๓ (๓) การสร้างวัดชุมพลนิกายารามเคียงข้างพระราชนิเวศน์มีพระ ประสงค์เพ่ือเป็นที่เสด็จบ�ำเพ็ญพระราชกุศลด้วย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254