พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 99 แล้วมันไม่สำมำรถอยู่ให้เรำยึดได้ตลอดเพรำะเป็น “อนิจจัง” มันไม่เที่ยง และมันก็เป็น “อนัตตา” มันไม่มีตัวตน มันเพียงอำศัยเหตุปัจจัยให้เกิดข้ึน ตงั้ อยใู่ นกำละหนง่ึ เทศะหนงึ่ ในสภำวะหนง่ึ เทำ่ นน้ั แลว้ มนั กด็ บั ไป พระองค์ เลยช้ีให้เรำเห็นอย่ำงน้ีเพรำะฉะนั้นในกำรเจริญสติที่เรำผูกควำมรู้สึกตัว ให้เด่นขึ้นมำ เรำเห็นควำมเป็นไปในส่วนท่ีเป็นนำมขันธ์ แล้วไปเห็น ควำมคิดควำมรู้สึกท่ีมันปรุงแต่งขึ้นมำ เห็นอำรมณ์ต่ำง ๆ ที่คุณเห็นน้ัน มันยืดเยื้อมำจนป่ำนนี้มีบ้ำงไหม น่ันหมำยควำมว่ำ มันเกิดขึ้นแล้วมัน ก็ดับไป มันเกิดขึ้นมำเพื่อท�ำหน้ำที่ของมันในช่วงหน่ึง แล้วมันก็ดับไป เรำก็เห็นอยู่ดังนั้นธรรมะของพระพุทธเจ้ำเป็นธรรมะท่ี “สันทิฏฐิโก” ผู้ปฏิบัติพึงรู้ได้ ไม่ต้องรอเพรำะพิสูจน์ได้ทันที ดังน้ัน ธรรมใดก็ตำมท่ี สำมำรถพิสูจน์ได้ทันทีน่ันคือ ธรรมะแท้ของพระพุทธเจ้ำ ถ้ำเรำเร่ิมต้นและสำมำรถพิสูจน์ในธรรมของพระพุทธองค์ได้เรำก็ จะมีก�ำลังท�ำต่อไปเพ่ือเข้ำใจธรรมะท่ีละเอียดต่อไปได้ ดังน้ัน ถ้ำเรำเข้ำ ใจอย่ำงน้ีแล้ว ค�ำว่ำ “ไม่ทุกข์” ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสนั้น เข้ำใจให้ดีว่ำ พระพุทธองค์ตรัสถึงทำงแห่งควำมไม่ทุกข์ไม่ใช่ทำงแห่งควำมสุขนะ ควำมไม่ทุกข์คือ ภำวะของกำรท่ีจิตน้ัน “เปนกลาง” ที่ไม่เหวี่ยงไป ทำงสุขและทุกข์ นั่นคือ มัชฌิมำ ทำงตรงกลำงที่พระพุทธองค์ทรง สอนในส่ิงที่ไม่มีใครเคยสอน เพรำะก่อนหน้ำนี้มีแต่สอนในทำงสุข หรือ ทุกข์ คือ ๒ ฝังนี้ ดังนั้น ในสมัยพุทธกำล ค�ำสอนของพระพุทธเจ้ำจึง เหมือนเป็นกำรเปิดทำงใหม่ คนเรำมักจะติดในไม่สุขก็ทุกข์ ไม่บุญก็บำป
100 กลับมำ...รู้สึกตัว เป็น ๒ ฝังตลอด แต่พระองค์กลับช้ีตรงกลำงให้เห็น ไม่สุดโต่งทั้ง ๒ ฝัง ดังน้ัน กำรปฏิบัติของเรำเพ่ือตรงกลำงคือควำมไม่ทุกข์ เป็นกำร รู้เท่ำทันทุกข์ และดับทุกข์ลงเพ่ือกลับคืนควำมเป็นปรกติ ดังน้ัน คนสมัยโบรำณท�ำไมเข้ำใจค�ำสอนของพระพุทธเจ้ำได้อย่ำง รวดเร็วเพรำะคนสมัยน้ันจิตของคนเป็นสมำธิโดยธรรมชำติ เป็นปกติ เพรำะกำรกระตุ้นเร้ำทำงประสำทสัมผัสไม่แรง รูป รส กลิ่น เสียง ไม่ จัดจ้ำน เพรำะอยู่ท่ำมกลำงธรรมชำติ ซ่ึงหล่อหลอมเขำให้จิตของเขำ เป็นปรกติ แล้วพอมีวันหน่ึงควำมพลัดพรำก ควำมสูญเสีย ควำมหลง ผิดก็ท�ำให้เขำเกิดควำมทุกข์ โศก ร�่ำไรร�ำพันพระพุทธองค์ก็ทรงช้ีว่ำ “น่ัน ผิดปกติแล้ว เธอจงมีสติมำเถอะ” ท�ำให้เขำเห็นว่ำจริง และเมื่อเขำเห็น เช่นน้ัน เขำเคยปรกติมำก่อนจึงรู้ได้ว่ำต้องกลับไปทำงไหน เมื่อนั้นเขำ ก็สำมำรถได้รับรสแห่งพระธรรมทันที สำมำรถเข้ำใจได้ทันที ให้พวก เรำสังเกตว่ำทุกข์เกิดจำกอะไร เพรำะจิตมันเผลอไปปรุงแต่ง แล้วเผลอ ยึด ส�ำคัญหมำยกับสิ่งนั้นไป เช่นเรำเผลอปรุงแต่งต่อไปเรื่อย ๆ แล้วก็ เผลอยึดว่ำเป็นจริงเป็นจัง ทุกข์ก็เกิดข้ึน จนมีสติกลับมำรู้ตัวว่ำเผลอคิด ไปได้อย่ำงไร พอมีสติรู้ตัว ทุกข์มันก็ดับเท่ำนั้นเอง ดังน้ันกำรดับทุกข์นั้น มีจริง พระพุทธองค์ทรงตรัสว่ำ ถ้ำเรำยึดมั่นส�ำคัญหมำยว่ำ กำยน้ีเป็น ตัวเป็นตนของเรำมันก็ไม่แปลกหรอก เพรำะเธอเห็นควำมเปลี่ยนแปลง มันทุก ๆ ปจนเธออำยุ ๘๐ อำยุ ๙๐ เธอจึงจะยอมรับกับมันได้ว่ำมัน
พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 101 ไม่ใช่ตัวตนของเรำ เพรำะถ้ำยังมีควำมสดสวยอยู่ ก็ยังมีควำมรู้สึกว่ำ ยังเป็นเรำอยู่ พอเม่ือเรำแก่แล้ว เรำก็เร่ิมเห็นควำมจริง บำงคนยอมรับ ไม่ได้ พยำยำมท�ำให้กลับมำสำวเหมือนเดิม แต่เรำมองกระจกแล้ว รู้สึก ว่ำนั่นใครไม่ใช่เรำ และก็ยอมรับกับมัน น่ันคือ เรำเข้ำใจควำมไม่ยึดมั่น ส�ำคัญหมำยในตัวตนของเรำ ดังน้ัน กำรที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่ำมันไม่แปลกที่เรำจะยึดม่ัน ส�ำคัญหมำยในตัวตนนั้น ท่ำนต้องกำรสื่อว่ำ เรำเกิดมำกับกำยนี้ ยึดม่ัน ในกำยนี้มำนำน จะท�ำให้คลำยควำมยึดมั่นมันต้องใช้เวลำ แต่ถ้ำยึดม่ัน ส�ำคัญหมำยว่ำจิตน่ันมีตัวตนนั่นผิดมำก เพรำะจิตมันเกิดดับตลอดเวลำ ดังนั้น ควำมรู้สึก ควำมนึกคิด อำรมณ์ต่ำง ๆ มันจึงเป็นเพียงเกิดดับ เรำไม่ควรไปยึดมั่นส�ำคัญหมำยกับมัน แต่เรำมักเผลอเข้ำไปยึดมั่น ด้วยควำมพอใจ ควำมไม่พอใจ เผลอเอำควำมพอใจไม่พอใจ เข้ำไป เกี่ยวข้องอยู่เร่ือย ท่ำนจึงบอกว่ำ “อำตำป สัมปะชำโน สะติมำ วินะยะ โลเกอภิชชำ โทมนัสสัง” “มีความเพียรเปนเคร่ืองเผากิเลส มีสัมป- ชัญญะ มีสติ ถอนความพอใจ และความไม่พอใจในโลกออกเสีย ได” ไม่ใช่โลกใบน้ี โลกหมำยถึงกำรปรุงแต่ง มันเกิดขึ้นจำกอำยตนะ ผัสสะ เกิดกำรปรุงแต่งข้ึนมำ ทุกข์เกิดเพรำะเรำหลงเข้ำไปยึด พระองค์ จึงตรัสว่ำ “สังขิตเตนะปัญจุปาทา นักขันธาทุกขา” ว่ำโดยย่อคือ อุปำทำนขันธ์ทั้ง ๕ คือ ตัวทุกข์ ถ้ำไม่มีอุปำทำน ไม่เข้ำไปยึดมันก็ ไม่ทุกข์ เพรำะเมื่อเรำปฏิบัติถึงจุดหน่ึงเรำจะเข้ำใจว่ำ ขันธ์มันเป็น
102 กลับมำ...รู้สึกตัว ธรรมชำติของมัน เรำจะรู้จักมันหรือไม่รู้จักมัน มันก็มีอยู่อย่ำงน้ัน เรำจะ เข้ำไปยึดหรือไม่เข้ำไปยึดมันก็อยู่อย่ำงนั้น รูป รส กล่ิน เสียง โผฏฐัพพะ ธรรมำรมณ์ มันก็มีอยู่อย่ำงนั้น ยกตัวอย่ำงง่ำย ๆ ในขณะท่ีเรำเจริญสติมันจะมีควำมคิดต่ำง ๆ ผุดข้ึนมำมำกมำยใช่ไหม สังเกตไหมว่ำควำมคิดบำงควำมคิดมันท้ิงไป เลย ไม่สนใจ เพรำะเรำไม่ให้ควำมหมำยกับมัน มันก็ไม่มีค่ำกับเรำ แต่บำงควำมคิดท่ีมันผุดข้ึนมำท�ำไมมันมีผลบำงอย่ำงกับเรำ ยืดเยื้อ เพรำะเรำไปให้ควำมหมำยกับมัน บำงเร่ืองถ้ำยุติไม่ลงเพรำะเรำไปให้ ค่ำกับมัน สุดท้ำยพำเรำทุกข์เลย สิ่งเหล่ำน้ีเรำพิสูจน์ได้ตลอด น่ีแหละ คือธรรมะของพระพุทธเจ้ำสุดยอดแห่งมหำบุรุษ สิ่งที่ท�ำให้เรำพ้นทุกข์ ได้คือต้องหันกลับมำมองตัวเรำเอง จึงกล่ำวได้ว่ำ ศำสนำพุทธเป็นศำสนำ ของมนุษย์ โดยมนุษย์ เพ่ือมนุษย์ เพรำะเป็นเร่ืองรำวของมนุษย์ ไม่ใช่ ศำสนำของเทพเจ้ำใด ๆ หรือสิ่งศักด์ิสิทธิ์ใด ๆ หลำยคนเร่ิมมองเห็นมันจะคิดก็เรื่องของมันมันจะหดหู่ก็เร่ืองของ มัน มันจะฟุ้งซ่ำนก็เร่ืองของมัน ฉันจะด�ำรงของฉัน นั้นคือภำวะสู่ควำม เป็นกลำงที่มองเห็นทุกอย่ำงว่ำมันเป็นอย่ำงนั้น ซึ่งภำวะเป็นกลำงน้ีมัน ไม่ท�ำให้เป็นทุกข์ ดังนั้น เวทนำจะแรงกล้ำแค่ไหน อย่ำงตอนเวลำน่ัง แล้วปวดขำ คือปวดขำก็ปวดไป แต่ฉันจะน่ังของฉันอย่ำงนี้ เวทนำจะไม่ สำมำรถท�ำให้เรำเป็นทุกข์ แต่เวทนำนั้นก็ยังคงมีอยู่ เวลำควำมฟุ้งซ่ำน
พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 103 เกิดข้ึน ก็ปล่อยให้ฟุ้งไป ถ้ำเรำไม่สนใจมัน มันก็ดับไปเอง ไม่ต้องไป ทุกข์กับมัน บำงคนยังไม่ทันง่วงเลยถำมพระอำจำรย์ แล้วถ้ำง่วงท�ำยังไง แบบนี้ส่อแววทุกข์ต้ังแต่มันยังไม่มำเลย แบบนี้อุปำทำนแรงกล้ำมำก ยังไม่เจอควำมง่วงเลยกลัวไปก่อนแล้ว เพรำะฉะนั้น ขบวนกำรแห่งกำร เจริญสติมันต้องเป็นปัจจุบันทันที เพรำะปัจจุบันขณะที่จะเข้ำพบประสบ ส่ิงน้ันแล้วจะจัดกำรกับส่ิงน้ันในปัจจุบันทันที ปัจจุบันขณะเป็นส่ิงท่ีเรำ ต้องตระหนักที่สุด สรุปว่ำ “ทุกข์มีเพราะยึด ทุกข์ยืดเพราะพลอย ทุกข์นอยเพราะ หยุด ทุกข์หลุดเพราะปล่อย” ดังน้ันควำมรู้สึกนึกคิดอำรมณ์ต่ำง ๆ มันจะเกิดกี่ร้อยก่ีพันเร่ือง มันก็เป็นเร่ืองของมัน เรำท�ำได้แค่รู้กับมัน เฉย ๆ ส�ำคัญคือเรำด�ำรงสติของเรำไปเร่ือย ควำมรู้สึกตัวของเรำไป เร่ือย ๆ ส่ิงท่ีเรำเรียนมำตลอดคือ กำรเฝ้ำดูกำรหลงคิด ซึ่งมันเป็นตัว ปัญหำ เรำต้องเฝ้ำเรียนรู้กับมัน และเรำก็สรุปได้ในวันนี้ว่ำเพรำะเรำเผลอ เข้ำไปยึดกับควำมหลงคิด จึงท�ำให้เกิดปัญหำ ซึ่งเป็นที่มำของทุกข์
ñò. ร‹อ§รอÂการ´ับ·ุกข กำรท่ีเกิดควำมทุกข์ เพรำะเรำเข้ำไปยึดใช่หรือไม่ ถ้ำเรำเฉย ๆ เรำก็ไม่ทุกข์ ดังน้ัน ทุกข์จะเกิดบำงครั้งบำงเวลำเท่ำน้ัน จะเกิดทุกครั้ง ทุกครำวท่ีเรำเผลองั้นเรำก็ดับทุกข์บำงคร้ังบำงครำวก่อนสิ ก็ดับทุกคร้ังท่ี มันเกิด ทุกข์มันเกิดเม่ือไหร่ต้องดับมันเม่ือน้ันใช่หรือไม่ สิ่งส�ำคัญคือเมื่อ ควำมทุกข์เกิดขึ้นในขณะใดก็ตำม ถ้ำเรำสังเกตดูดี ๆ มันเกิดเพรำะเรำ เผลอเข้ำไปยึดควำมรู้สึก ควำมนึกคิด หรืออำรมณ์ต่ำง ๆ ถ้ำเรำสำมำรถ รู้ทันมันตรงน้ีหล่ะ รู้ว่ำน่ีมันก�ำลังเข้ำไปแล้ว รู้ทันมันก�ำลังปรุงแต่ง โดย มีสติรู้ทัน กำรปรุงแต่งดับลง ทุกข์ก็ดับลงโดยปริยำย ดังนั้น เรำต้องมี ควำมฉับไวในกำรก�ำหนดรู้ทุกข์ จิตจึงต้องมีควำมว่องไว ควรแก่กำร มองเห็นทุกข์ให้เร็วขึ้น ต้องเจริญสติให้มำก เรำจะสังเกตว่ำพอเรำ เจริญสติมำก เรำจะสัมผัสอะไรได้เร็วขึ้น เหมือนเรำดื่มน้�ำเปล่ำมำก ๆ เข้ำ แล้วจ�ำรสชำติน้�ำเปล่ำนั้นได้ พอจะมีอะไรมำใส่ให้รสชำติเปล่ียน แม้เพียงน้อยนิด เรำก็สำมำรถรู้ได้ จิตท่ีมีคุณภำพจะสำมำรถสัมผัสได้ เร็วขนำดนั้น เม่ือเรำเจริญสติไปมำก ๆ เข้ำ มันจะนุ่มนวล มันก็สัมผัส ได้เร็วกับกำรกระทบ คือ ท�ำให้เรำก�ำหนดรู้ควำมเปล่ียนแปลงได้เร็ว
106 กลับมำ...รู้สึกตัว ปุถุชน คนยังหนำ คือจิตใจที่หนำก็จะรู้ทุกข์ได้ยำก แต่เม่ือเจริญสติมำก จะสัมผัสได้ไว กำรสัมผัสได้ไวเป็นไปเพ่ือกำรก�ำหนดรู้ทุกข์ ทุกข์เป็นสิ่ง ต้องก�ำหนดรู้ เรำสำมำรถรู้ได้ว่ำใจเรำเป็นทุกข์ไม่ต้องให้ใครบอก รู้เอง ว่ำจิตเรำสั่นไหว กระเพื่อม แล้วกระบวนกำรแห่งกำรเจริญสติจะสำมำรถ จัดกำรมันได้เอง จะเห็นและรู้ทัน และเห็นควำมทุกข์มันดับลง ดังนั้นกระบวนกำรแห่งกำรเจริญสติ สิ่งแรกที่เรำจะเห็นคือ ควำม คิด ควำมรู้สึก และอำรมณ์ต่ำง ๆ ที่มันเกิดขึ้น ต้ังแต่วันแรกพระอำจำรย์ พำพวกคุณรู้คืออะไร กำรต้ังอำรมณ์กรรมฐำน จำกน้ันก็พำไปเห็นควำม หลงคิด ควำมลักคิด และเม่ือเห็นแล้วก็จะรู้ว่ำมันผุดข้ึนมำอยู่เรื่อย ๆ เมื่อเรำเห็นมันผุดข้ึนมำอยู่เร่ือยแล้วจะเห็นว่ำบำงเร่ืองมันท�ำให้เกิด ควำมยืดเยื้อ เรำไม่อำจสลัดมันท้ิงลงได้ เพรำะเรำเผลอเข้ำไปยืดให้ค่ำ ควำมหมำยกับมันและก็ปรุงแต่งและเมื่อรู้อย่ำงนี้แล้วก็หยุดให้ค่ำ ควำมหมำยกับมัน แล้วก็กลับมำท่ีควำมรู้สึกตัวมันก็จบ ท่ีทบทวนน้ีเพ่ือ เทียบเคียงบำงอย่ำงว่ำ กำรมองเห็นกำรเกิดขึ้นกำรดับลงของควำมรู้สึก ควำมนึกคิด อำรมณ์ต่ำง ๆ มันเปรียบได้กับครั้งท่ีเจ้ำชำยสิทธัตถะน่ัง ใต้ต้นศรีมหำโพธิ์ ส่ิงแรกท่ีเจ้ำชำยเห็นในตอนหัวค�่ำคือ ปัญญำช้ันแรก คือ กำรระลึกชำติล�ำดับที่ ๒ ปัญญำล�ำดับท่ี ๒ คือสำเหตุของกำรเกิด ล�ำดับที่ ๓ เม่ือเห็นสำเหตุท่ำนก็ตัดสำเหตุน้ัน และท่ำนก็เห็นว่ำตนเอง น้ันได้ดับหมดแล้ว ซ่ึงเหตุปัจจัยทั้งปวงส้ินสุดสักที พ้นแล้วซ่ึงอำสวะ กิเลสทั้งหลำย แล้วท�ำไมต้องระลึกชำติได้ก่อน รู้ไหม
พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 107 ในกำรระลึกชำติของพระพุทธเจ้ำเพ่ือให้เกิดควำมเบื่อหน่ำยใน กำรเกิด เพรำะเกิดทุกครำวเป็นทุกข์ร�่ำไป แต่ถ้ำมำเป็นสมัยนี้ใครระลึก ชำติได้แห่ไปดูกันใหญ่ คนสมัยนี้จึงเข้ำใจผิดมำกขึ้น กำรท่ีเรำเจริญสติ เห็นควำมคิดที่มันผุดข้ึนมำเร่ือย ๆ เพื่ออะไร เพ่ือเห็นควำมไร้สำระ ของมัน เพ่ือควำมเบ่ือหน่ำยมำกขึ้นเร่ือย ๆ เห็นมันเกิดแล้วดับอยู่อย่ำงนี้ ล�ำดับท่ี ๒ ท่ำนเห็นสำเหตุของกำรเกิด เรำเห็นไหมว่ำ บำงควำมคิดที่ มันยืดเย้ือมันดับไม่ลง ที่มันน�ำพำสู่ควำมทุกข์ เห็นสำเหตุมันไหม คือ เผลอเข้ำไปยึด ทุกข์เกิดขึ้นเพรำะเรำเผลอ เข้ำไปยึด พอล�ำดับที่ ๓ พอ เห็นสำเหตุแล้วก็ “ละ” สำเหตุนั้น พอละสำเหตุได้ ส่ิงท่ีเรำเผลอปรุงแต่ง ก็ดับได้ แล้วท่ำนก็บรรลุอำสวักขยญำณได้ ของเรำแค่เห็นว่ำเมื่อ เรำถอนจำกควำมหลงเข้ำไปยึด กำรปรุงแต่งก็ยุติ ควำมทุกข์ท่ีเกิดใน ขณะน้ัน ก็ดับลงในขณะน้ันเช่นเดียวกัน ดังน้ัน เม่ือเรำเจริญสติ เห็นควำมคิดที่มันผุดมำมำก ๆ จิตก็จะ เบื่อหน่ำยคลำยก�ำหนัด เห็นควำมไรส้ ำระ เรำกไ็ มเ่ ข้ำไปยดึ ให้เป็นสำระ เรำ ก็หลุดจำกทุกข์และเห็นว่ำมันเป็นอย่ำงน้ันของมันเอง แล้วมันก็ ดับไป ดังนั้นเรำสำมำรถดับทุกข์ได้ทุกขณะ เรื่องกำรดับทุกข์ของ พระพุทธเจ้ำก็เป็นเร่ืองท่ีเข้ำถึงได้ ไม่เหลือบ่ำกว่ำแรง ด้วยก�ำลังแห่งบุรุษ ด้วยควำมเพียร ด้วยควำมบำกบั่น ก็สำมำรถเข้ำถึงได้ แม้ไม่ใช่กำรดับ โดยสมุทเฉท แต่ก็เป็นกำรดับทุกข์ท่ีท�ำให้เรำได้สัมผัสรสชำติของกำร ดับลงแห่งทุกข์ ดังน้ันถ้ำเรำรู้ทันกระบวนกำรท่ีทันท�ำให้เกิดทุกข์เรำก็ จะสำมำรถดับทุกข์ขณะนั้นได้ แล้วจิตเขำก็จะยืนยันว่ำกำรดับทุกข์
108 กลับมำ...รู้สึกตัว ของพระพุทธเจ้ำนั้นท�ำได้ แม้มันจะไม่สมุทเฉทคือไม่โดยสิ้นเชิงก็ตำม แต่มันก็ดับเป็นขณะ ๆ ถ้ำจิตได้สัมผัสรสชำติแห่งกำรดับทุกข์น้ีไป เร่ือย ๆ แล้วโยนิโสมนสิกำรน่ันแหละสุดยอดแห่งควำมรู้ท่ีเรำจะเอำ ไปใช้ในกำรเดินทำงของเรำต่อไป ซึ่งถ้ำมีใครมำเล่ำให้เรำฟังก็ไม่สำมำรถ รู้ได้เท่ำเรำสัมผัสเอง เหมือนมีใครมำบอก ว่ำอำหำรอันน้ีอร่อยมำก ก็ได้ แต่ฟัง จนกระท่ังได้กินเองจึงจะรู้ คือเม่ือเรำได้สัมผัสแล้ว เรำก็จะจ�ำมัน ได้ พอจ�ำได้มันก็เกิดร่องรอยท่ีจะให้เขำเวียนกลับไปรสนั้นตลอด คนเรำ จะข้ึนสวรรค์หรือลงนรกก็อยู่ที่ตอนเป็นมนุษย์น่ีแหละ ถ้ำจิตสัมผัสกับ ควำมสุขตลอดเมื่อตำยไปมันก็เป็นร่องรอยน�ำพำให้ไปสวรรค์ แต่ถ้ำตอน เป็นมนุษย์จ�ำสัมผัสแต่ควำมทุกข์ตลอดมันก็เป็นทำงน�ำไปสู่นรก แต่เรำ ท�ำร่องรอยกำรดับทุกข์ ถ้ำเรำท�ำไปเรื่อย ๆ มันก็จะเป็นร่องรอยน�ำทำง เรำเอง มันจะไม่คลำดเคลื่อนไม่เคลื่อนคล้อย เรำปฏิบัติแค่น้ียังเห็นได ้ แล้วพระอริยะที่ท่ำนปฏิบัติมำก่อนเรำมำนำน เรำจะหมดควำมสงสัย ในพระธรรม ไม่ลังเลสงสัยในพุทธธรรมค�ำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ำ ควำมศรัทธำจะแนบแน่นลงในจิตเต็ม ๆ ไม่ต้องถำมอะไรอีกแล้ว จะมอง หำแค่ว่ำทุกข์อยู่ที่ไหน แล้วจะดับมันอย่ำงไร ไม่มัวไปติดกำรลูบคล�ำ ศีลพรต ไม่ถำมเร่ืองควำมงมงำย ทิ้งไปเลย ไม่มีกำรถำมว่ำสวดมนต์ บทน้ันบทน้ี แล้วจะเป็นอย่ำงไร เรำจะเดินตำมรอยบำท พระศำสดำอย่ำง เต็มท่ี
ñó. ธรรÁะàปšน·ÕèพèÖ§ä´Œจริ§ เอำหล่ะ วันนี้พระอำจำรย์ก็มีเรื่องเล่ำสู่กันฟัง ต้ังใจฟังกันให้ดี เมื่อคนเรำนั้นมีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ย่อมไม่มีควำมหวำดหว่ัน แม้ใน ขณะท่ีก�ำลังจะตำย มีเร่ืองเล่ำให้ฟัง ลองพิจำรณำดูอันนี้ พระอำจำรย์ต้องกำรยืนยัน ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำไม่ใช่เรื่องธรรมดำให้ผล ไม่ข้ึนอยู่กับกำลเวลำ มีโยมคนหนึ่งป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ำย พระอำจำรย์ได้รับโทรศัพท์นิมนต์จำกหมอท่ีโรงพยำบำลชัยภูมิบอกว่ำ มีผู้ ป่วยท่ีเป็นมะเร็งระยะสุดท้ำยทรมำนมำกอยำกตำย คือเวทนำมันแรง กล้ำมำกถึงขนำดออกปำกว่ำอยำกตำย หมอเลยนิมนต์พระอำจำรย์ไป คุยกับเขำ ในฐำนะท่ีพระอำจำรย์เคยบรรยำยกำรดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ำย วิถีพุทธให้กับโรงพยำบำล พอพระอำจำรย์ไปถึง เขำก็สลึมสลือ เหมือน เขำต้องใช้ยำในกำรระงับปวด พอไปถึงเขำนอนอยู่ พระอำจำรย์ก็ไปน่ัง ข้ำง ๆ เตียง หมอเขำก็บอกคนไข้ว่ำพระอำจำรย์มำเยี่ยม เขำก็พยำยำม ลุกข้ึนน่ังแล้วก็ยกมือไหว้ พระอำจำรย์ก็ถำมเขำว่ำเป็นอย่ำงไรบ้ำง เขำ
112 กลับมำ...รู้สึกตัว ก็เอำมือจับหน้ำอกเขำ บอกว่ำปวดมำก มันปวดทรมำนมำก พระอำจำรย์ ก็ถำมว่ำปวดอยู่ตลอดเวลำไหม เขำบอกว่ำปวดตลอดเวลำ ทีนี้เรำก็คุย กับเขำ คุยไปหลำย ๆ เรื่องจนเขำเพลิน พอเขำเผลอก็ลองถำมเขำว่ำ ตอนนี้ปวดไหม เขำบอกไม่ค่อยปวดแล้ว ก็ไหนบอกว่ำปวดตลอดเวลำไง เอำอย่ำงนี้ พระอำจำรย์บอกว่ำ อยำกรู้ว่ำคุณปวดมำกแค่ไหนลองบีบแขน พระอำจำรย์ ถ้ำมันปวดมำกบีบแขนพระอำจำรย์ ให้พระอำจำรย์รับรู้ ถึงควำมปวด เขำก็ก�ำแขนพระอำจำรย์ พอมันปวด เขำก็เริ่มบีบแขน พระอำจำรย์ บีบแน่นเลย พระอำจำรย์ก็บอกเอำใหม่ ถ้ำปวดอีกก็บีบ อีกนะ ตั้งใจบีบเลยนะ เต็มที่เลย พอมันปวดอีก เขำก็ต้ังใจบีบเลย พระอำจำรย์ก็บอกเค้ำเอำอีก เอำอีก ครำวน้ีพอมันเริ่มปวดอีกก็บีบอีกนะ ครำวน้ีพอมันจะปวดอีกเขำก็คว้ำแขนพระอำจำรย์บีบอีก เรำเล่นกัน อย่ำงนี้ไปซักพัก เขำบอกอำจำรย์ครับ มันไม่ค่อยเจ็บ มันเจ็บน้อยลง ครับ มันเป็นเพรำะอะไรครับ พระอำจำรย์บอก ก็เม่ือก่อนตอนคุณเจ็บ คุณเอำใจคุณท้ิงลงไป ร้อยเปอร์เซ็นต์กับควำมเจ็บนั้น แต่ตอนน้ีคุณ มำสำละวนกับกำรบีบแขนพระอำจำรย์ ใจคุณมำจดจ่อกับกำรบีบแขน พระอำจำรย์ ไอ้ท่ีมันเคยท้ิงไปร้อยเปอร์เซ็นต์กับควำมเจ็บปวดนั้น มันก็ ถูกแบ่งมำท่ีแขนพระอำจำรย์จิตใจท่ีเคยจดจ่อกับควำมเจ็บ มันถูกแบ่ง มำจดจ่อกับแขนที่จะบีบ ควำมเจ็บก็ผ่อนลงไป น่ีคือกระบวนกำรกำร เรียนรู้ ให้เข้ำใจเรื่องเวทนำทำงกำยกับเรื่องของจิตคนละอย่ำงกัน เรำใช้ เวลำเรียนรู้เรื่องน้ีด้วยกันอยู่ประมำณ ๓ ชั่วโมง เมื่อเรำอธิบำยให้เขำ เข้ำใจว่ำ เม่ือกี๊ที่คุณเจ็บน้อยลงเพรำะใจคุณไม่ได้เข้ำไปยุ่งกับควำม
พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 113 เจ็บปวดน้ัน แต่ใจของคุณมำสำละวนกับแขนพระอำจำรย์ และในกำรบีบ คุณก็ไม่สนใจเท่ำไหร่หรอก แต่ที่ส�ำคัญคือ สนใจจะบีบให้พระอำจำรย์ รู้ว่ำคุณเจ็บแค่ไหน เอำล่ะ ต่อไปน้ีให้คุณนอนหงำยมือคว�่ำมือ พอมันเจ็บ ก็รับรู้ว่ำมันเจ็บแต่ก็กลับมำรับรู้ท่ีมือท่ีหงำยท่ีคว่�ำ หงำยแล้วก็คว�่ำไป เร่ือย ๆ เพรำะเวลำที่มันเจ็บเรำไม่ได้เจ็บตลอดเวลำ ควำมเจ็บที่มันมี ข้ึนมำ มันเจ็บเป็นคร้ัง ๆ ไม่ได้เจ็บตลอดเวลำ มันเป็นบำงคร้ัง เพรำะฉะน้ัน พอเวลำเจ็บก็เอำใจไปรับรู้กับกำรหงำยคว่�ำของมือ แล้วพระอำจำรย์ก็กลับมำกรุงเทพฯ อีกประมำณอำทิตย์ พระ- อำจำรย์ไปโครำช ทำงโรงพยำบำลก็โทรตำมอีก พระอำจำรย์คนไข้อยำก พบพระอำจำรย์ คร้ังแรกท่ีพบคนไข้คือหมอยัดเยียดให้พบแต่ครั้งน้ี คนไข้อยำกพบ ขอร้องให้พระอำจำรย์แวะชัยภูมิก่อนกลับมำกรุงเทพฯ พอไปถึงครำวน้ีเขำนั่งแล้วเขำก็คว่�ำมือหงำยมือให้ดู แล้วเขำก็บอกตอน น้ีควำมเจ็บมันน้อยลงแล้ว แต่มันก็ยังเจ็บอยู่ แล้วก็นั่งคุยกัน พระ- อำจำรย์บอกว่ำ ครำวน้ีคุณลองท�ำใจกลำง ๆ กับมัน ในขณะคุณรับรู้กับ กำรเคล่ือนไหวของคุณ คุณลองสังเกตไหมว่ำบำงคร้ังใจคุณก็เอนเอียง เข้ำไปหำควำมเจ็บปวด ใช่ครับพระอำจำรย์แล้วคุณท�ำยังไง ผมก็ พยำยำมกลับมำรับรู้กับมือท่ีคว่�ำหงำยตรงนี้ ควำมพยำยำมกลับมำของ คุณมันเป็นควำมพยำยำมหนี หนีควำมเจ็บปวดออกมำรึเปล่ำ เอำใหม่ ครำวนี้คุณไม่ต้องหนีมัน แต่ควำมเจ็บปวดให้มันรู้ว่ำมี แต่คุณรู้แค่คว�่ำ หงำยมือ ควำมเจ็บปวดก็ให้มันเจ็บปวดไป แต่คุณรู้แค่จำกตรงนี้ คุณ
114 กลับมำ...รู้สึกตัว จะท�ำงำนตรงน้ีตรงน้ันก็ปล่อยให้มันท�ำงำนของมันไป เรำพบกันอีก ๓ ช่ัวโมง แล้วพระอำจำรย์ก็กลับ อีกไม่กี่วันพระอำจำรย์ก็ออกพรรษำ หมอ โทรไปหำบอกคนไข้เสียชีวิตแล้ว แต่ภรรยำเขำบอกไม่อยำกเช่ือเลย ว่ำธรรมะสำมำรถช่วยสำมีเขำได้ขนำดนี้ เลยถำมว่ำช่วยยังไง ภรรยำ บอกว่ำวันท่ีสำมีเขำจะตำย สำมีเขำลุกข้ึนนั่งเรียกลูกสำวไปกอด เรียก ลูกชำยไปกอด เรียกภรรยำไปกอดโดยไม่พูดอะไรสักค�ำ หลังจำกน้ันเขำ ก็เอนตัวลงนอน ภรรยำก็นึกว่ำสำมีหลับ ไม่มีอำกำรอะไรทั้งน้ัน ภรรยำ เอะใจ ท�ำไม่สำมีนอนนำน พอเข้ำไปดูใกล้ ๆ เลยรู้ว่ำสำมีไปแล้ว เขำ บอกไม่น่ำเช่ือเลยว่ำ ธรรมะที่เพ่ิงคุยกัน และเพ่ิงปฏิบัติไม่นำนมัน จะสำมำรถช่วยสำมีเขำได้ขนำดน้ี มันท�ำให้เขำจำกไปอย่ำงสงบ โดยไม่ มีอำกำรทุรนทุรำยเลย ถำมว่ำเขำหลงตำยไหม ไม่ใช่เลย เขำลำแล้วเขำ ไม่ต้องกำรให้ลูกและภรรยำร่�ำไห้ร�ำพัน คิดดูว่ำ ถ้ำภรรยำและลูกรู้ว่ำ เขำต้องตำยจะโวยวำยกันขนำดไหน เขำต้องกำรจำกไปอย่ำงสงบ ภรรยำและลูกก็ไม่ต้องมำน่ังคร่�ำครวญ ตัวเขำก็จะมีเวลำท�ำจิตของเขำ อย่ำงสงบและจำกไปอย่ำงสงบ ลองคิดดูว่ำ ถ้ำเขำก�ำลังจะตำย ภรรยำ ก็ร้องเรียกลูกก็ร้อง ต้องเรียกหมอ พยำบำลกันวุ่นวำย น่ันก็จะท�ำให้จิต เขำไม่สงบ จิตเผลอขึ้นมำห่วงภรรยำห่วงลูก ดังน้ัน ไปอย่ำงเงียบ ๆ เลย ดีกว่ำ เขำท�ำอย่ำงเงียบ ๆ เรียบ ๆ สบำย ๆ เขำไม่ได้ปฏิบัติอะไรนำนเลย นั่นหมำยถึงธรรมะของพระพุทธเจ้ำให้ผลได้เสมอ แม้ในเวลำสุดท้ำย ของชีวิต จริงอยู่ควำมเจ็บปวดและควำมตำยที่ใกล้เข้ำมำเยือน เขำมัน ท�ำให้เขำอำจจะต้องขวนขวำยให้มำกขึ้น แต่กำรขวนขวำยจะเกิดขึ้นไม่
พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 115 ได้ถ้ำเขำท�ำแล้วไม่ได้รับอำนิสงส์ของมัน เพรำะเขำได้รับอำนิสงส์ของ มัน ก็ย่ิงท�ำให้เขำขวนขวำยที่จะท�ำ เพรำะฉะนั้น กำรท่ีเขำมีสติรู้เท่ำทัน กับทุกขเวทนำที่เกิดข้ึนแล้วไม่ไปเป็นกับมัน แล้วประคองจิตตัวเองไว้ ให้รู้สึกกับกำรรู้สึกตัว มันท�ำให้เขำสำมำรถที่จะมีสติท่ีจะจบชีวิตของเขำ ได้อย่ำงงดงำม นี่เขำไม่เคยปฏิบัติธรรมเลยนะ ดูสิเขำมีโอกำสแค่นั้น เขำก็ยังท�ำแล้วมันก็ได้ผล จำกกำรท�ำตรงน้ัน แล้วเรำล่ะโอกำสเยอะ กว่ำเขำ แต่เพรำะเรำไม่มีอะไรมำไล่ก้นให้ท�ำ จริงอยู่เพรำะเขำมีอะไรมำ ไล่ก้น แต่ถ้ำเขำไม่ได้อำนิสงส์เขำก็ไม่ท�ำหรอก เคยมีโยมหลำยคนท่ี พระอำจำรย์พยำยำมบอกแต่เขำไม่รับ โชคดีท่ีคนป่วยคนน้ันเขำรับธรรมะ แห่งสมเด็จพระผู้มีพระภำคเจ้ำแล้วเขำก็ได้ธรรมะน้ันเป็นท่ีพ่ึง แล้วเขำ ก็ยังท�ำให้ลูกเมียเขำไม่ต้องทุกข์ทรมำนกับกำรจำกไปของเขำ เห็นไหม ว่ำธรรมะให้คุณแก่คนที่ตำยและคนท่ีอยู่ คงเคยเห็นคนท่ีก�ำลังจะตำย แล้วลูกหลำนร้องไห้ โวยวำย แล้วคนตำยก็ตำยตำมยถำกรรม ต้อง ใช้ค�ำว่ำยถำกรรม น่ำเสียดำยที่เรำเป็นชำวพุทธแต่ไม่เอำสิ่งน้ีมำใช้ใน กำรน�ำทำงคนท่ีจะตำยให้ไปอย่ำงสงบ สู่สุคติ เรำไม่ให้ควำมส�ำคัญของ เร่ืองน้ี แล้วเรำก็ปล่อยให้คนตำยตำยตำมยถำกรรม พระอำจำรย์เคยได้ยินมำว่ำ อย่ำงทำงทิเบตเวลำมีคนตำยในบ้ำน พวกเขำจะรีบไปนิมนต์รินโปเช คือพระอำจำรย์ของเขำ พระลำมะ ท่ีเป็น อำจำรย์สอนกรรมฐำนมำน�ำทำงคนท่ีใกล้ตำยของเขำ มำท�ำพิธีมำน�ำ ทำง แต่ชำวพุทธบ้ำนเรำปล่อย จะคิดถึงพระก็ตอนตำยแล้ว ให้ไปสวด
116 กลับมำ...รู้สึกตัว จริง ๆ แล้วสวดให้คนเป็นฟัง แต่คนเป็นคิดว่ำสวดให้คนตำยฟัง หูมันดับ ไปแล้ว จะได้ยินอะไร ไม่ต้องรอไปเคำะโลง มันไม่ต้องรอถึงตอนนั้น แต่สังคมไทยเป็นแบบน้ี เหตุผลน้ีแหละ พระอำจำรย์จึงพยำยำมอบรม กำรดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ำยวิถีพุทธ เพรำะเห็นอำนิสงส์ของมัน เห็นถึง ธรรมะของพระพุทธองค์ สำมำรถช่วยได้ แม้ในวินำทีสุดท้ำย พระเจ้ำ- สุทโธทนะทรงบรรลุควำมเป็นพระอรหันต์ ในขณะท่ีพระพุทธองค์นั่งอยู่ ข้ำงเคียงแล้วก็ทรงน�ำทำงให้พระเจ้ำสุทโธทนะทรงจบลงอย่ำงงดงำม เป็นผู้ท่ีดับลงโดยไม่เหลือในช่วงสุดท้ำย และอีกหลำยท่ำนท่ีสำมำรถ ฉวยโอกำสทองครั้งสุดท้ำยของชีวิตในกำรที่จบลงอย่ำงงดงำมก็เห็น มีประวัติมำแล้วท�ำไมเรำไม่คิดว่ำปัจจุบันก็ต้องท�ำได้บ้ำง แม้จะไม่ถึง ขนำดดับโดยไม่เหลือ แต่ดับอย่ำงสงบน่ำจะท�ำได้ เพรำะฉะนั้นถ้ำเรำ เข้ำใจกำรเจริญสติ คนแรกที่ได้อำนิสงส์คือเรำ และถ้ำเรำเข้ำใจอย่ำงดี คนรอบข้ำงเรำก็จะได้ และย่ิงกว่ำน้ัน แม้ว่ำมีใครจะจบชีวิตหรือมี คนป่วย เรำก็สำมำรถช่วยเขำได้ ถ้ำเรำเข้ำใจกำรเจริญสติ อย่ำงน้อย เรำก็สำมำรถช่วยผ่อนปรนทุกขเวทนำของเขำให้เบำบำงลงได้ และถ้ำ เป็นไปได้ก็สำมำรถน�ำทำงเขำได้ ให้เขำได้จบอย่ำงสงบในบ้ันปลำย และ ในฐำนะของพุทธบริษัทท่ีน�ำเอำค�ำสอนขององค์สัมมำสัมพุทธเจ้ำน�ำมำ ใช้ได้จริงไม่ใช่แค่จ�ำและอยู่บนหิ้ง ดังน้ัน เรำมีเวลำมีโอกำส สมควรไหม ท่ีจะเร่งควำมเพียรท�ำให้เข้ำใจ ท�ำให้เป็นท่ีพ่ึงเรำจริง ๆ
ñô. àกÕèÂวàน×èอ§´ŒวÂàËตุป˜จจั อรุณสวัสด์ิทุกท่ำน เช้ำนี้ก็ใกล้แล้วหล่ะ มีคนบอกว่ำจิตจะเบิกบำน เองเมื่อวันสุดท้ำยทุกทีเลย เป็นเพรำะว่ำเรำรู้ว่ำจิตจะได้กลับไปรับใช้ กิเลสอีกแล้ว เจ้ำนำยผู้ย่ิงใหญ่ เม่ือวำนเรำสวดมนต์เริ่มต้นด้วยว่ำ เม่ือเรำตั้งกำยตรงด�ำรงสติม่ัน ท่ำนให้เรำท�ำอะไร หำยใจเข้ำ หำยใจออก กรรมฐำนเบ้ืองต้น ดั้งนั้นพวกเรำสังเกตไหมว่ำ เมื่อจบแต่ละบท แต่ละ บทท่ำนให้เรำรู้ลมหำยใจเข้ำ ลมหำยใจออก คือกำรที่เรำต้ังอำรมณ์ กรรมฐำนไว้แล้วท�ำให้เรำรู้เห็นสภำวะท่ีมันเปล่ียนแปลงของจิต ดังนั้น กำรที่เรำยกมือสร้ำงจังหวะให้เรำรู้สึกตัวก็ไม่ต่ำงกัน ในขณะท่ีเรำยก มือสร้ำงจังหวะ เรำรู้กำยของเรำ แต่เมื่อจิตเรำหลงไปแล้ว ถ้ำเรำไปเป็น กับมันเรำก็จะไม่เห็นมัน ดังน้ันสิ่งที่เรำต้องมี คืออำรมณ์กรรมฐำน ดังน้ัน เม่ือเรำตั้งอำรมณ์กรรมฐำนใดก็ตำม อำรมณ์กรรมฐำนนั่นเองจะเป็นท่ี อำศัยให้เรำเรียนรู้ส่ิงท่ีเปลี่ยนแปลงไปในกำย และในจิตของเรำ เม่ือ ก่อนเรำไม่เคยรู้ เรำก็ไหลไปกับมัน เป็นไปกับมัน ต่อเมื่อเรำรู้ คือ เรำ ออกมำยืนดู เรำก็เห็นว่ำ นี่เอง มันเป็นเช่นนี้เอง “ตถตา” แปลว่ำ เป็น เช่นนี้เอง ดังนั้นเม่ือเรำมองเห็นควำมเป็นเช่นนั้นเอง ฟังให้ดีนะคือควำม
120 กลับมำ...รู้สึกตัว ไม่มีเรำ มีแต่สภำวธรรมที่เป็นไป เป็นควำมรู้สึก ควำมนึกคิด อำรมณ์ ใด ๆ ก็คือควำมที่มันเป็นไป ไม่ว่ำฝนตก ฟ้ำร้อง โลกร้อน มันก็เป็นไป ด้วยเหตุด้วยปัจจัยที่ท�ำให้มันเกิดขึ้น เพรำะมันมีหลำยส่ิงหลำยอย่ำง ที่มันเหมำะสมกัน มันถึงได้เกิดข้ึนมำ ปัจจุบันนี้ท่ีเรำมีควำมรู้ ควำม สำมำรถหำเงินหำทองเพ่ือควำมสุขสบำยมำกมำย และเรำคิดว่ำคน โบรำณอยู่กันอย่ำงยำกล�ำบำก แต่ควำมเข้ำใจในสภำวธรรมของเรำนั้น เทียบไม่ได้เลยกับคนโบรำณ คนโบรำณเข้ำถึงสภำวธรรม ขนำดที่เอำ กำรเข้ำถึงนิพพำนมำแต่งเพลงกล่อมเด็กนอนทำงใต้มีเพลงกล่อมเด็ก นอนอยู่เพลงหนึ่ง “มะพร้ำวนำฬิเก ต้นเดียวโนเน อยู่กลำงทะเลข้ีผึ้ง ฝนตกไม่ต้อง ฟ้ำร้องไม่ถึง กลำงทะเลขี้ผ้ึงถึงได้แต่ผู้พ้นบุญ” ขนำดสภำวะพระนิพพำน ยังสำมำรถมำแต่งเป็นเพลงกล่อมเด็กนอน แสดงว่ำคนโบรำณเขำได้ ยินเร่ืองรำวเหล่ำน้ีจนกลำยเป็นเร่ืองปกติ หรือคนโบรำณท่ีสอน เร่ืองปฏิจจสมุปบำท สอนเรื่องเหตุเรื่องปัจจัย สอนว่ำสิ่งเหล่ำน้ันมันมี เหตุ แต่เมื่อแก้ไขเหตุท่ีถูกต้องมันก็ย้อนกลับมำ แล้วก็ดับปัญหำได้ เช่ือ ไหมว่ำ คนสมัยนี้ กลับตัดวิชำเรียนเหล่ำน้ีออกไปจำกบทเรียนของเด็ก ทั้งที่เรำเรียนกันมำต้ังนำน ตำยำยปลูกถั่วปลูกงำให้หลำนเฝ้ำ หลำนไม่ เฝ้ำ อีกำมำลักไป ตำมำตำก็ด่ำ ยำยมำยำยก็ตี หลำนก็เลยรีบวิ่งไปขอ ควำมช่วยเหลือจำกใครรู้ไหม ไปขอนำยพรำน นำยพรำนบอกไม่ใช่เร่ือง ของฉัน ก็ว่ิงไปขอให้หนูมำกัดสำยธนูนำยพรำน หนูบอกไม่ใช่เร่ืองของ
พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 121 ฉัน ก็เลยต้องไปขอให้แมวมำไล่กัดหนู แมวก็บอกไม่ใช่เร่ืองของเขำ ก็ไป ขอให้หมำมำไล่กัดแมว หมำก็บอกไม่ใช่เร่ืองของฉัน ก็ขอร้องให้ไม้ค้อน มำตีหัวหมำ ไม้ค้อนก็บอกไม่เก่ียวกับเร่ืองของฉัน ก็ไปขอร้องไฟให้ มำไหม้ไม้ค้อน ไฟก็บอกไม่เกี่ยวกับฉัน ก็เลยไปขอให้น�้ำมำดับไฟ น�้ำก็บอกไม่เกี่ยวกับฉัน ก็ขอให้ตล่ิงพังทับน้�ำ ตลิ่งก็บอกไม่ใช่เรื่อง ของฉัน ก็ไปขอช้ำงมำกระทืบตลิ่ง ช้ำงก็บอกไม่เก่ียวกับฉัน สุดท้ำยก็ไป ขอแมลงหวี่มำเจำะหูช้ำง แมลงหว่ีโอเค พอแมลงหวี่โอเคเท่ำน้ัน ช้ำง ร�ำคำญไปขู่กระทืบตล่ิง ตล่ิงไปขู่พังใส่น�้ำ น�้ำก็ไปขู่ดับไฟ ไฟก็ไปขู่ เผำไม้ค้อน ไม้ค้อนก็ไปขู่ทุบหัวหมำ หมำก็ไปขู่ไล่กัดแมว แมวก็ไปขู่ ไล่กัดหนู หนูก็ไปขู่กัดสำยธนูนำยพรำน นำยพรำนก็เลยไปจัดกำรอีกำ นี่คือปฏิจจสมุปบำท น่ีแสดงว่ำมันมีเหตุปัจจัยให้หนุนเนื่องมำ แต่เมื่อ เรำถอนเหตุปัจจัยบำงอย่ำงได้ มันก็ย้อนกลับไป มันคือ สภำวธรรมท่ี คนโบรำณน�ำมำสอนให้เรำรู้จักเร่ืองของเหตุปัจจัยที่มันหนุนเนื่องซึ่งกัน และกันให้ก่อเกิด และเม่ือมันแก้ไขบำงส่ิงบำงอย่ำงได้ มันก็จะย้อนกลับ แลว้ กจ็ ะเปลย่ี นแปลงไปตำมเหตตุ ำมปจั จยั มนั เปน็ บทเรยี นทส่ี อนมำตงั้ แต่ เด็กให้เรียนรู้ เร่ืองเหตุปัจจัยท่ีหนุนเนื่องกัน อย่ำงเพลงง่ำย ๆ กบท�ำไม จึงร้อง กบมันร้องเพรำะท้องมันปวด ท้องท�ำไมถึงปวดเพรำะข้ำวมันดิบ ข้ำวท�ำไมถึงดิบ เพรำะไฟมันดับ ไฟท�ำไมถึงดับ เพรำะฟนมันเปยก ฟนท�ำไมจึงเปยก เพรำะฝนมันตก ฝนท�ำไมถึงตก เพรำะกบมันร้อง ก็จะมองเห็นควำมหนุนเนืองซึ่งกันและกัน ซ่ึงมันหำสำเหตุที่แท้จริง ไม่ได้ ซ่ึงจะแสดงให้เห็นควำมเป็นอนัตตำ ไม่มีอะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่
122 กลับมำ...รู้สึกตัว แท้จริง มีแต่กำรหนุนให้กันจนเกิดควำมเป็นไป ในทำงพระพุทธศำสนำ ไม่มีอะไรเป็นตัวเร่ิมต้นเลย มันมีแต่สภำวะของกำรหนุนเน่ืองซ่ึงกัน และกัน ชัดเจนไหม มีครั้งหน่ึงหลวงพ่อค�ำเขียนเล่ำให้ฟัง ป ๒๕๑๘ ตอนน้ัน เขำจัด กำรแสดงธรรมที่สวนลุมพินี วันนั้นมีหลวงพ่อธรรมธโรท่ีวัดไทรงำม ที่ สุพรรณบุรี ซึ่งสอนสติปัฏฐำนกำรเคลื่อนไหวเหมือนกัน มีหลวงพ่อค�ำเขียน และเจ้ำส�ำนักอีกท่ำนหน่ึง หลวงพ่อธรรมธโรเทศน์ก่อน ท่ำนพูดเรื่องสต ิ ก็ยืนยันเรื่องสติ ต่อมำท่ำนเจ้ำส�ำนักอีกท่ำนก็บอกว่ำอะไรก็สติ ๆ ศีล ต้องมำก่อนสิ เพรำะส�ำนักของท่ำนนั้น เขำจะเน้นเรื่องศีล ศีลต้องมำก่อน เห็นไหม ศีล สมำธิ ปัญญำ มันต้องเข้ำใจศีลก่อน ท�ำศีลให้ดี ถึงจะท�ำ สมำธิให้ดีพอ แล้วจะมีปัญญำ พอถึงหลวงพ่อค�ำเขียน หลวงพ่อบอกว่ำ ถ้ำไม่มีสติมันรักษำศีลไม่ได้ เพรำะฉะน้ันโดยมีสติเป็นตัวควบคุมทุกอย่ำง เพรำะถ้ำไม่มีสติก็รักษำศีลไม่ได้ เพรำะฉะน้ันค�ำสอนของพระพุทธเจ้ำ สอนให้เรำเข้ำใจควำมจริงของกำรหนุนเน่ืองของเหตุปัจจัย ที่ท�ำให้มัน ก่อเกิดจึงเป็นเหตุปัจจัยให้เปล่ียนแปลงตลอดเวลำ ซึ่งเรำเรียกว่ำ “สังขารธรรม” เพรำะสังขำรแปลว่ำ มันประกอบกันขึ้น มันปรุงแต่ง กันขึ้น ค�ำว่ำปรุงแต่งมันมีอย่ำงเดียวไม่ได้ มันต้องประกอบด้วย ๒ อย่ำง ข้ึนไป พอเป็นสองอย่ำงขึ้นไป มันจะเป็นควำมเที่ยงแท้แน่นอนได้ไหม ดังนั้นเม่ือมันประกอบกันขึ้นมันปรุงแต่งกันขึ้น มันก็มีควำมไม่เท่ียงแท้แล้ว เพรำะหมำยควำมว่ำ มันพร้อมที่จะมีเหตุปัจจัยให้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลำ
พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 123 ดังน้ัน ที่มันต้องเปลี่ยนแปลงตลอดเวลำ เรำเรียกว่ำมันเป็น อนิจจัง คือควำมท่ีมันไม่สำมำรถคงอยู่ในสภำพเดิมได้ ดังน้ันควำมที่ มันต้อง เปล่ียนแปลงไปทนอยู่ไม่ได้ จึงเรียกสภำวะนี้ว่ำ ควำมเป็น ทุกขัง บังคับมันไม่ได้ ไม่มีตัวตนท่ีแท้จริง มีแต่เหตุปัจจัยหนุนเนื่องกันให้ก่อ เกิด แล้วจะเปล่ียนไปตำมเหตุตำมปัจจัยที่เปล่ียนไป จึงไม่มีตัวตนที่แท้ จริง อยู่ได้ในภำวะหนึ่งในกำละหนึ่ง ในช่วงระยะเวลำหน่ึงเท่ำน้ัน ทีน้ี ย้อนกลับมำท่ีเพลงกล่อมเด็ก มะพร้ำวนำฬิเกต้นเดียวโนเนอยู่กลำง ทะเลขี้ผึ้ง ฝนตกไม่ต้อง ฟ้ำร้องไม่ถึง กลำงทะเลข้ีผ้ึง ถึงได้แต่ผู้ พ้นบุญ ไล่ตั้งแต่ตอนสุดท้ำย ผู้พ้นบุญ ท�ำไมไม่เอำผู้พ้นบำป ท�ำไม คือ ดีไม่เอำ ช่ัวไม่เอำ ดีรู้จัก ชั่วรู้จัก มันเป็นค�ำสอนที่เหนือย่ิงกว่ำค�ำสอน อ่ืนใด ซ่ึงโดยทั่วไปก็สอนให้ละเว้นท�ำควำมชั่ว มุ่งท�ำควำมดี และจะเห็น ว่ำในค�ำสอนโอวำทะปำฏิโมกข์นั้น ๒ ข้อน้ีขึ้นก่อน “สัพพะปาปัสสะ- อะกะระณัง กุสะลัสสูปะสัมปะทา” คือกำรละเว้นในกำรท�ำบำปท้ังปวง จงท�ำกุศลให้ถึงพร้อม นั่นหมำยถึงว่ำ กำรท�ำช่ัว ท�ำบำป น้ันเป็นค�ำสอน ท่ีมีอยู่แล้ว เป็นค�ำสอนที่มีมำนำน ทุกศำสนำก็สอนเหมือนกัน แต่ค�ำสอน ท่ี ๓ น่ีต่ำงหำกที่ไม่มีใครสอน “สะจิตตะปะริโยทะปะนัง” จงช�ำระจิต ของตนให้ผ่องแผ้วให้ขำวรอบ นั่นหมำยถึงว่ำ เหนือย่ิงกว่ำบุญและบำป ถ้ำบุญคือควำมสุข ผลแห่งบุญคือควำมสุข ผลแห่งบำปคือ ควำมทุกข์ ใช่หรือไม่ แต่ค�ำสอนของพระพุทธเจ้ำเหนือทุกข์ เหนือบำป เหนือบุญ เหนือสุข ภำวะแห่งควำมไม่ทุกข์น้ันมีอยู่ พระพุทธเจ้ำใช้ค�ำนี้ เพรำะฉะน้ัน ภำวะของควำมไม่ทุกข์จึงไม่ใช่สุข และไม่ใช่ทุกข์ จึงหมำยถึงว่ำคน
124 กลับมำ...รู้สึกตัว ท้ังหลำยมักจะหลงไปในทำง ๒ ฝังเสมอ ไม่สุขก็ทุกข์ใช่หรือไม่ พระพุทธ- องค์จึงทรงชี้ตรงกลำงว่ำ ควำมไม่สุขไม่ทุกข์น้ันมี นั่นคือ “มัชฌิมา” น่ันคือตรงกลำง ซ่ึงไม่มีใครเปิดทำงนี้เลย แต่ศำสดำหนุ่มอำยุเพียง ๓๕ ป กล้ำสอน ถือว่ำเป็นศำสดำที่หนุ่มที่สุด ถึงไม่แปลกท่ีท่ำนเดินผ่ำนพรำหมณ์ ผู้หนึ่ง พรำหมณ์ผู้นั้นถำมว่ำ ท่ำนนิยมค�ำสอนของศำสดำใด วรรณะ ของท่ำนผ่องแผ้วเหลือเกิน ท่ำนบรรลุธรรมของศำสนำใด เรำคือสยัมภ ู เรำเป็นเอง เรำรู้เอง นั่นคือค�ำตอบของพระพุทธเจ้ำ “เรำไม่มีครู เรำเป็น ผู้รู้เอง” พรำหมณ์นั่นมองหน้ำแล้วเดินจำกไป พระพุทธเจ้ำอำยุ ๓๕ ถือว่ำยังหนุ่มมำกกับกำรเป็นศำสดำแล้วประกำศตัวว่ำเป็นผู้รู้เองข้ึนมำ ซ่ึงท่ำนได้สอนว่ำส่ิงท่ีเหนือบุญและบำปน้ันมีอยู่ เรำละเว้นกำรท�ำบำป ท้ังปวงเพรำะน่ันคือสิ่งไม่ดี ท�ำกุศลให้ถึงพร้อมเพรำะสิ่งน้ันจะเอ้ือต่อจิต ของเรำท่ีจะอิ่มเอิบในบุญ ท�ำให้มีก�ำลังเพรำะจิตที่อยู่กับควำมดี จิตจะ ตื่นเบิกบำนเป็นกุศลซึ่งน่ันจะเป็นฐำนให้เรำรู้ว่ำ แม้ว่ำกำรเข้ำไปติดยึด ในควำมสุขเหล่ำน้ัน มันก็ยังเป็นกำรติดอยู่ เพรำะใน “อนุปุพพิกถา” พระพุทธเจ้ำท่ำนสอนชัดเจนมำกว่ำ ทำน ศีล ควำมสุขที่เกิดจำกกำร ให้ทำนรักษำศีล แต่ท่ำนก็ยังสอนถึง “อำทีนวะ” โทษของควำมสุข ก็คือ กฎพระไตรลักษณ์จะสุขแค่ไหน ประณีตแค่ไหนมันก็มีดับ มันก็มีควำม ไม่เท่ียงแท้แน่นอน ต่อให้เรำยึดมั่นถือมั่น หรือจะปรำรถนำมันแค่ไหน ก็ตำม มันก็อยู่ภำยใต้ กฎพระไตรลักษณ์ นั่นคือ โทษของมัน เพรำะฉะนั้น จึงไม่แปลกเลยว่ำ ถ้ำใครได้ฟัง “อนุปุพพิกถา” ของพระพุทธเจ้ำ ไล่ตำม
พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 125 ล�ำดับจิตจะค่อย ๆ ถูกท�ำให้เบิกบำน พระพุทธองค์จะไล่จำกกำรพูดถึง ทำน และบอกอำนิสงส์ของกำรให้ทำน พูดถึงกำรรักษำศีลและบอกถึง อำนิสงส์แห่งกำรรักษำศีล รวมทั้งบรรยำยว่ำอำนิสงส์แห่งกำรให้ทำน รักษำศีลน้ันเป็นอย่ำงไร จิตคนจะเบิกบำนข้ึนเร่ือย ๆ พอเบิกบำนข้ึน มำก ๆ เข้ำ พระพุทธองค์ก็ชี้ให้เห็นถึงอำทีนวะ สักพักควำมสุขน้ันจะ ดับลง เมื่อควำมสุขมันดับลง นั่นแหละโทษของสุข แม้จะสุขประณีต ขนำดไหนก็ตำม มันก็อยู่ภำยใต้กฎพระไตรลักษณ์ ดังนั้น ท่ำนจะชี้ให้ เห็นว่ำจิตที่มันฟูอ่ิมเอิบแล้วดับลงมันก็อยู่ภำยใต้กฎพระไตรลักษณ์ แล้วจิตก็เร่ิมเห็นควำมไม่เที่ยงแท้แน่นอนพระองค์ก็จะพูดถึง “เนกขัมมะ” คือกำรออกจำกกำมคุณ กำรปล่อยวำงจำกควำมสุขเป็นหนทำงท่ีประณีต กว่ำ จิตของเรำก็จะล่ืนไหลตำมเห็นตำมที่พระองค์ชี้ ดังน้ันมีกำรกล่ำวว่ำ ใครฟัง “อนุปุพพิกถา” จบกระบวนกำรครั้งท่ี ๑ อย่ำงต่�ำที่สุดคือ พระโสดำบัน (ต้องฟังจำกพระโอษฐ์พระพุทธเจ้ำ) เพรำะพระองค์คือ ผู้ช�่ำชองมำกในเรื่องนี้ และถ้ำได้ฟังคร้ังท่ี ๒ ติดกัน บรรลุควำมเป็น พระอรหันต์เลย นั่นคือค�ำสอนของพระพุทธเจ้ำท่ีเหนือยิ่งกว่ำและ แตกต่ำงจำกศำสดำอ่ืนถือเป็นค�ำสอนท่ีพลิกเลย แผ่นดินส่ันสะเทือน เพรำะเป็นค�ำสอนท่ีไม่มีใครสอนเลยและไม่มีใครชี้ตรงนี้เลย เพรำะฉะนั้น กำรถึงได้ในผู้พ้นบุญ คือเหตุผลที่กล่ำวมำท้ังหมด ว่ำท�ำไมถึงได้แต่ผู้ พ้นบุญ ย้อนเนื้อเพลงขึ้นไปอีก มะพร้ำวนำฬิเกต้นเดียวโนเน ท�ำไมเป็นต้น เดียว เมื่อก้ีพระอำจำรย์พูดเร่ืองสังขำรธรรมหมำยถึง ต้อง ๒ อย่ำงข้ึนไป
126 กลับมำ...รู้สึกตัว เพรำะฉะน้ันในค�ำสอนของพุทธศำสนำ ส่ิงท่ีมันไม่ใช่สังขำรธรรมเรำเรียก ว่ำ “วิสังขาร” เพรำะฉะน้ันที่ใช้ค�ำว่ำมีต้นเดียวโนเนน้ัน หมำยถึงสิ่งนั้น มันไม่ได้ปรุงแต่ง มันเหนือกำรปรุงแต่ง ไม่มีกำรปรุงแต่งในภำวะนั้น คือไม่ประกอบกันขึ้นมำ แต่พ้นจำกกำรประกอบกันข้ึนมำ ดังน้ัน ต้นเดียว โนเน คือมันไม่ต้องประกอบกับอะไร อยู่กลำงทะเลข้ีผึ้ง ท�ำไมต้องเป็น ทะเลขี้ผึ้ง กลำงทะเลทรำยหรือทะเลอื่นไม่ได้หรือ คือข้ีผึ้งมันแข็งตัวได ้ มันอ่อนตัวได้ มันละลำย และมันก็แข็งตัวข้ึนมำได้ด้วยเหตุด้วยปัจจัย บำงอย่ำง ก็ท�ำให้ขี้ผ้ึงน้ันอ่อนตัว และด้วยเหตุด้วยปัจจัยบำงอย่ำง ก็ท�ำ ให้ข้ีผึ้งน้ันแข็งตัวได้ ดังน้ันทะเลข้ีผึ้งจึงเป็นทะเลที่ไม่มีควำมเท่ียงแท้แน่นอน ท่ำนต้อง กำรบอกว่ำมันอยู่ตรงนั้นแหละตรงท่ีควำมเป็นอนิจจัง ทุกขังอนัตตำ น่ันแหละ มันอยู่กลำงพระไตรลักษณ์ อยู่กลำงควำมไม่เท่ียงแท้แน่นอน อยู่กลำงควำมที่มันทนสภำพเดิมไม่ได้ อยู่กลำงควำมไม่มีตัวตนที่แท้จริง ดังน้ันขบวนกำรกำรเข้ำถึงสภำวธรรมจ�ำเป็นต้องเห็นกฎพระ- ไตรลักษณ์ เห็นควำมเป็นจริงที่ไม่มีอะไรหนีพ้นจำกกฎพระไตรลักษณ์ น้ีได้ ควำมปล่อยวำงก็จะเกิดขึ้น เรำต้องหำทะเลข้ีผึ้งให้เจอ เข้ำใจทะเล ข้ีผึ้งให้ได้ เม่ือเข้ำใจชัดเจน แล้วเรำจะรู้ว่ำ เรำไม่มีสิทธ์ิอะไรเลย เม่ือ นั้นภำวะแห่งกำรพบมันก็จะเกิดข้ึนเอง ฝนตกไม่ต้อง ฟ้ำร้องไม่ถึง คือไม่มีอะไรท�ำอะไรได้ มันอยู่ในภำวะท่ีมันเหนือกว่ำ คนโบรำณนี่เขำ สุดยอด เขำเอำสภำวธรรมขั้นสุดยอดมำแต่งเป็นเพลงกล่อมลูกให้ลูก
พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 127 ได้คุ้นเคยกับสภำวธรรม ให้คุ้นเคยกับเร่ืองรำวแห่งธรรม ควำมที่เรำไม่ เข้ำใจสิ่งที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ มันก็เลยท�ำให้เรำห่ำงไกลออกจำกสมบัติ ช้ินส�ำคัญท่ีบรรพบุรุษท้ิงไว้ให้เรำ ๒,๐๐๐ กว่ำป คนก็เลยเข้ำถึงสิ่งที่ บรรพบุรุษท้ิงไว้ชิ้นน้ีน้อยลงเร่ือย ๆ ห่ำงไปเร่ือย ๆ และก็มองไม่เห็น คุณค่ำ เพรำะฉะนั้น พระอำจำรย์ต้องกำรให้มองเห็นว่ำ ภำวะแห่งกำร เข้ำถึงและเข้ำใจธรรมะสภำวธรรม มันเป็นส่ิงที่สำมำรถเข้ำถึงได้ใน ปัจจุบันขณะนี้แหละ ผลแห่งกำรปฏิบัติน้ัน ให้ผลเรำเร่ือยมำตลอด ให้เรำ ม่ันใจว่ำเรำเดินถูกทำง ถ้ำเรำสำมำรถท�ำจิตให้เป็นกลำงกับกำรมอง เห็น ปล่อยให้สภำวธรรมน้ันแสดงตัวโดยอิสระของเขำ สติที่ต้ังม่ันควำม รู้สึกตัวท่ีตื่นรู้น่ันเอง จะเห็นควำมจริงของธรรมชำติ เรำก็เฝ้ำมองทะเล ขี้ผึ้งท่ีมันจะแสดงตัวของมัน มันอำจจะซัก ๑๐ ปก็ช่ำงมัน ๒๐ ปก็ได ้ ไม่แน่ดูดี ๆ มันอำจจะแปบเดียว แล้วก็อื้อ มันอยู่ตรงนี้ แต่ไม่แน่อีกดู ไปดูมำจนหมดชำตินี้มันยังไม่ออก ต้องไปนั่งดูชำติหน้ำต่อเพรำะถ้ำมัน สร้ำงเหตุปัจจัยมันก็ต้องกลับมำนั่งใหม่อีก ก็ยังดีที่มันได้กลับมำนั่งอีก รอบ เป็นเพรำะเหตุปัจจัยท่ีมันท�ำให้สว่ำงโพลงน้ัน มันยังไม่ถึงพร้อม ก็ต้องมำดูกันอีก ส�ำคัญที่ว่ำจะเริ่มดูได้หรือยัง ถ้ำตรำบใดที่ยังไม่มำดู ก็ยิ่งแล้วใหญ่เลยไม่รู้จะได้กลับมำน่ังดูอีกหรือเปล่ำ แต่ถ้ำเร่ิมแล้วแต่ถ้ำ มันดูไม่เสร็จ มันก็จะกลับมำนั่งดูใหม่ได้ แต่ถ้ำไม่เร่ิมก็ไม่รู้ว่ำจะได้ กลับมำนั่งดูอีกหรือเปล่ำ เพรำะฉะนั้นเรำมำนั่งดูทะเลขี้ผึ้งกันต่อไป ไม่แน่อำจจะเจอมะพร้ำวนำฬิเกไม่วันใดก็วันหน่ึง
ñõ. ‹อÁรٌ䴌´ŒวÂตนàอ§ เมื่อก้ีได้น่ังสนทนำกันในกลุ่มเล็ก ๆ ก็คิดว่ำน่ำจะให้กลุ่มใหญ่ฟัง บ้ำง คือธรรมะนี้ บำงทีแค่นิดเดียวก็อำจท�ำให้คลิกได้ เพรำะบำงทีแค่ บัง ๆ อยู่ สะกิดแค่นิดเดียวก็เกิดควำมเข้ำใจด้วยตัวของตัวเอง กำร สอนธรรมะสิ่งหนึ่งท่ีพระอำจำรย์จ�ำมำตลอดและระมัดระวังอย่ำงมำก ก็คือ มีครั้งหน่ึงมีพระรูปหน่ึงท่ำนเทศน์ท่ำนพูดถึงสภำวธรรมเป็นอย่ำงน้ัน อย่ำงนี้ ปฏิบัติอย่ำงน้ีแล้วเป็นอย่ำงน้ัน ท่ำนเล่ำให้ฟังเลย หลวงพ่อ ค�ำเขียนท่ำนว่ำไม่รู้จะพูดท�ำไม กำรพูดน�ำอย่ำงนั้น ซึ่งไม่ใช่ส่ิงที่ด ี พระอำจำรย์จ�ำขึ้นใจเลย กำรพูดว่ำปฏิบัติธรรมแล้วจะเกิดอำกำรอย่ำงน้ัน อย่ำงน้ีเป็นกำรฝังควำมทรงจ�ำให้กับลูกศิษย์ ปัญหำคือ เมื่อลูกศิษย์ท�ำ ไม่ได้อย่ำงน้ัน และพอไม่ได้ก็จะคิดให้มันเป็นอย่ำงน้ันแล้วมันจะไม่พบ ของจริง จิตมันจะแค่น้อมใจเชื่อ อย่ำงบำงค�ำสอนของบำงส�ำนักท่ีจะ บอกว่ำ พอปฏิบัติถึงข้ันนี้จะเป็นนิมิตเป็นอย่ำงนี้ พออีกขั้นจะเห็นนิมิต เป็นอย่ำงน้ี สนุกไต่ข้ึนกันน่ำดู ซึ่งเป็นกำรท�ำร้ำยลูกศิษย์ จริง ๆ แล้ว น่ำบอกแค่ให้ลองท�ำอย่ำงน้ีดูนะว่ำผลจะออกมำเป็นอย่ำงไร ปล่อยให้
130 กลับมำ...รู้สึกตัว ลูกศิษย์ลองไปท�ำ และให้ลูกศิษย์สัมผัสเองจริง ๆ แค่น�ำทำงเพื่อให้เขำ เป็น ไม่ใช่ให้เขำจ�ำ และผู้ปฏิบัติก็ต้องหม่ันค้นหำค�ำตอบว่ำ ครูบำอำจำรย์ วำงอุบำยให้ ก็ให้เรำค้นหำค�ำตอบเอง ซึ่งถ้ำเรำไม่เข้ำใจก็หำค�ำตอบไม่ได้ ดังน้ัน ในขบวนกำรกำรเจริญสติ เม่ือเรำต้ังอำรมณ์กรรมฐำนด้วย กำรรู้สึกตัวไป ส�ำคัญมำก ๆ คือเรำต้องเข้ำไปสัมผัสรู้กับมันจริง ๆ เห็น มันจริง เห็นกำรเกิดข้ึนของควำมรู้สึกควำมนึกคิด และอำรมณ์ต่ำง ๆ เมื่อเรำสังเกตเห็นว่ำมันเกิดอะไรขึ้น เรำต้องเป็นผู้ได้รับค�ำตอบด้วยตัว เรำเอง เพรำะสิ่งนั้น ถ้ำเข้ำใจได้ชัดเจนกับมันและสัมผัสกับมันจริง ๆ มัน ก็จะกลำยเป็นคู่มือในกำรที่จะใช้ทะลุทะลวงทุกอย่ำง เป็นกุญแจที่จะ ไขทุกกรณี เพรำะไม่มีอะไรหนีพ้นตรงน้ันไปได้ ไม่ว่ำจะมีอะไรเกิดขึ้น เป็นร้อยเป็นพัน ก็ไม่มีอะไรหนีพ้นลักษณะนั้นไปได้ พระพุทธเจ้ำท่ำน ได้ตรัสว่ำ นั่นคือพระไตรลักษณ์ ท่ีสัมผัสด้วยตัวเรำเองและส่ิงท่ีท�ำให้ เห็นได้ง่ำยท่ีสุด ก็คือกำรเจริญสติ เฝ้ำดูกำรเกิดขึ้นของควำมรู้สึก ควำม นึกคิด อำรมณ์ต่ำง ๆ เพรำะควำมรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นในใจน้ันมันเกิด ดับเร็ว เด๋ียวมันเกิดเด๋ียวมันก็ดับ เพรำะฉะนั้น กำรที่เรำเข้ำไปเห็นมัน จริง ๆ ยิ่งเห็นมำกก็จะท�ำให้เรำยืนยันชัดเจน และเมื่อยืนยันชัดเจน มันก็ จะกลำยเป็นกุญแจให้กับเรำในกำรท่ีจะไขทุกอย่ำง ไม่ติดขัดไม่ค้ำงคำ ไม่ติดข้อง จะเกิดสภำวธรรมใดข้ึนมำมันก็ไขเลย เพรำะมันไม่มีอะไรหนี พ้นกฎพระไตรลักษณ์นี้ได้ เจ้ำชำยสิทธัตถะท่ำนทรงพบอันนี้ก่อน ก่อนท่ี จะเข้ำสู่กระบวนกำรตรัสรู้
พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 131 ดังนั้น กำรเจริญสติเพ่ือให้ได้กุญแจตัวนี้มันต้องมีควำมต่อเน่ือง อย่ำงเมื่อเช้ำที่เรำพูดถึงทะเลขี้ผึ้ง ท�ำไมต้องไปเจอทะเลขี้ผึ้งก่อน ก่อนท่ี จะไปพบกับต้นมะพร้ำว มันต้องให้เข้ำใจในควำมเป็นทะเลข้ีผ้ึง มันถึง จะเข้ำถึงต้นมะพร้ำว เพรำะฉะนั้น เรำจึงไม่บีบบังคับไม่กดไม่บังคับจิต เรำแค่ประคองมำไว้ให้เป็นท่ีเป็นทำงบ้ำงแต่ไม่ถึงกับบีบคั้นเขำไว้ แต่ เรำจะใช้สติเป็นตัวเฝ้ำดูเค้ำ กำรที่เรำมีเจตนำกับกำรเคลื่อนไหวก็มำดึง จิตมำประคับประคองไว้ แต่ก็คือกำรประคับประคองไว้แบบสบำย ๆ บีบ ให้เขำเป็นลูกนกน้อยในก�ำมือ คือบีบแรงลูกนกก็ตำย คลำยมำกมันก็ หล่น เอำมันพออยู่ให้นกมันร้องได้บ้ำง ด้ินได้บ้ำง เรำถึงจะรู้จักมัน ประคองประมำณนั้นแล้วก็เฝ้ำดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่ำงต่อเนื่องโดยมีควำมรู้ สึกตัวเป็นฐำน แล้วจะเห็นมันเอง ท�ำไปเรื่อย ๆ แล้วมันจะสะสม แล้ว มันจะเห็นควำมจริงไปเร่ือย ๆ เมื่อกี้ที่คุยกับข้ำงนอก คือ มีครั้งหน่ึง พระอำจำรย์ม่ันใจส่ิงท่ีตนเองเข้ำใจ แต่ตอนน้ันอำจจะไม่เข้ำถึงใจก็ได ้ ก็เดินไปหำหลวงพ่อ แล้วบอกหลวงพ่อว่ำ หลวงพ่อครับ “ทุกอย่างมันมี มีเพราะสมมุติ” หลวงพ่อมองหน้ำพระอำจำรย์ แล้วหลวงพ่อพูดว่ำ “ทุกอย่างมันมี มีเพ่ือว่าง” ค�ำพูดมันเรียงมำเหมือนกัน แต่หักกัน ตอนท้ำยก็ลองไปคิดดูแล้วกัน คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิด แล้วท�ำไปท�ำมำ ก็จะเข้ำใจเองว่ำมันต่ำงกันอย่ำงไร ใน ๒ ประโยคนั้น เอำหล่ะ ท้ิงไว้ตรงน ้ี เจริญสติกันต่อเถอะ
ñö. Êติ·ÕèรÙŒ·ัน บ่ำยนี้ก็เป็นบ่ำยที่มีใครหลำยคนเบิกบำน เพรำะใกล้จะได้กลับ บ้ำนแล้ว ก็ให้เรำเห็นมันก็แล้วกัน เคยได้ยินค�ำพูดของหลวงปู่ดูลย์ไหม ที่ท่ำนบอกว่ำ “จิตท่ีส่งออกนอกเปนสมุทัย ผลท่ีจิตส่งออกนอกคือ ทุกข์ จิตเห็นจิตเปนมรรค ผลที่จิตเห็นจิตเปนนิโรธ” จิตท่ีส่งออก นอกเป็นสมุทัยคือสำเหตุของกำรเกิดทุกข์ ค�ำว่ำจิตส่งออกนอก หมำยถึง ว่ำ จิตท่ีหลงออกไป หลงจำกควำมรู้สึกตัว หลงจำกอำรมณ์กรรมฐำนที่ เรำตั้งไว้ หลงคิดออกไป หลงปรุงแต่ง ภำวะแห่งกำรหลงคิด ลักคิด หลง ไปปรุงแต่ง ส่งผลให้เกิดข้ึนคือ ควำมทุกข์ คือทุกข์อริยสัจ ทุกข์อุปำทำน น่ันแหละท่ีเกิดขึ้นภำยในจิตใจของเรำ เพรำะฉะน้ัน จำกกำรท่ีเรำได้ต้ังใจ กับกำรเรียนรู้ เรำจะมองเห็นว่ำ เม่ือเรำตั้งอำรมณ์กรรมฐำนไว้อย่ำงต่อ เน่ือง มีกำรรู้สึกตัวด้วยกำรเจริญสติ เรำจะเห็นชัดเลยว่ำ กำรท่ีจิตมัน ออกไปมันมีอยู่ มันจะวิ่งไปข้ำงนอก หรือ ไหลเข้ำไปสู่ควำมสงบก็ม ี ภำวะที่ฟุ้งไปน่ันแหละคือส่องออกนอก นั่นคือ สมุทัย พอมันออกไปแล้ว ก็ปรุงแต่งในระดับซ้อนกัน มีภำวะเข้ำไปยึดมีควำมยึดม่ันส�ำคัญหมำยใน
134 กลับมำ...รู้สึกตัว กำรปรุงแต่งน้ันเข้ำไปอีก คือมันออกไปจำกควำมเป็นปรกติ ภำวะทุกข์ เหล่ำน้ันเรำได้สัมผัสหรือไม่ “จิตเห็นจิตท่ำนว่ำเป็นมรรค” คือ สติที่ไปรู้ ทัน เมื่อสติดึงควำมรู้สึกตัว เมื่อควำมรู้สึกตัวมันเห็นภำวะแห่งกำร ปรุงแต่งน้ัน น่ันแหละคือ มรรค ขบวนกำรท่ีมีสติรู้เท่ำทัน เอำสติไปรู้ทัน กำรปรุงแต่งเหล่ำน้ัน พอรู้ทันมันก็ดับ น่ันแหละนิโรธ ทุกข์ท่ีมันดับลงน้ัน แหละ แต่กำรดับลงลักษณะนี้ มันก็เป็นภำวะแห่งกำรดับชั่วคร้ังช่ัวครำว กำรดับเล็ก ๆ ท่ีพระอำจำรย์บอก แม้มันจะดับเล็ก ๆ แต่อำนิสงส์ที่มัน เห็นนะสิมันไม่ธรรมดำ อำนิสงส์ที่มันมองเห็นกำรดับลงของทุกข์น้ี ขณะ ท่ีมันแจ้งข้ึนสว่ำงขึ้นมันจะต่ืนเลย จะมีควำมสุขด้วย และเรำจะรู้ว่ำมัน เป็นอย่ำงน้ีคือองค์ควำมรู้ท่ีมันสัมผัสได้ ตรงนั้นต่ำงหำกท่ีเป็นอำนิสงส์ ที่แท้จริง เพรำะมันจะจดจ�ำสภำวะ จดจ�ำควำมรู้สึกของทุกข์ดับ แล้ว ควำมไม่ทุกข์ กำรออกจำกทุกข์ได้ให้มันแจ้งขึ้นมำ แม้เพียงเล็กน้อย แต่ นั่นมันก็เป็นร่องรอยที่เขำได้สัมผัสและได้ยืนยัน เขำจะใช้กระบวนกำร น้ีแหละเป็นทำงต่อไป ท่ีจะสำมำรถก�ำหนดรู้ท่ีละเอียดขึ้น หมำยถึง ก�ำหนดรู้กำรปรุงแต่งต่ำง ๆ ท่ีละเอียดขึ้น เพื่อที่จะละหรือดับทุกข์ที่เกิด ข้ึนตำมล�ำดับ ซ่ึงมันก็ใช้วิธีกำรเดียวกัน ถึงบอกว่ำถ้ำมันเห็นสักครั้งมัน จะได้เครื่องมือ ซ่ึงเป็นเครื่องมือของพระพุทธเจ้ำท่ีทิ้งไว้ให้เรำใช้ แก้ ปัญหำท่ีละเอียดต่อไปได้เรื่อย ๆ มันมีภำวะเชิงซ้อนท่ีลึกลงไป บำงทีเรำ เห็นว่ำมันไม่ใช่ทุกข์ แต่พอมองอีกทีมันใช่ แล้วเครื่องมือนี้จะช่วยเรำได้ เห็นต้นทำงกำรดับทุกข์ของพระพุทธเจ้ำ ซึ่งมันมีข้ันตอนของมันจริง ๆ
พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 135 เพรำะมีสิ่งน้ี สิ่งน้ีจึงเกิดขึ้นมำ ถ้ำดับเหตุส่ิงนี้ส่ิงน้ีจึงดับ มันก็เห็นอยู ่ เม่ือจิตเห็นไปเร่ือย ๆ มันก็จะเป็นเครื่องมือท่ีจะใช้แก้ปัญหำให้กับ ตัวเองได้ แก้ทุกข์ของตนเองได้ และเรำก็พอจะสัมผัสมันได้ ซ่ึงตอนนี้ ปฏิบัติมำ ๔-๕ วันแล้ว ทุกคนได้เห็นแล้วด้วย แต่มันยังหยำบ ๆ ไม่คมเฉียบ แต่มันก็มีไว้แก้ปัญหำที่มันหยำบ ๆ คงไม่มีใครเอำขวำนไปผ่ำตัด จะผ่ำตัด ตำก็จะต้องเอำแสงเลเซอร์มำผ่ำตัด ซ่ึงเครื่องมือนั้นมันต้องพัฒนำไป เร่ือย ๆ จนกว่ำจะมีควำมละเอียดอ่อน แต่ท้ังหมดก็เป็นแนวทำงเดียว กัน เพรำะนั่นคือส่ิงท่ีพระพุทธเจ้ำสอนมำแล้ว ตรัสมำแล้ว บ่ำยน้ีก็มำ พัฒนำเครื่องมือกัน ปฏิบัติกันตำมอัธยำศัย
ñ÷. ¡ÅѺÁÒ....ÃÙŒÊÖ¡µÑÇ พวกเรำเคยฟังเร่ืองกำรปรินิพพำนของสมเด็จพระผู้มีพระภำคเจ้ำ ไหม ในวันที่พระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพำน พระองค์เสด็จกลับจำก บ้ำนของนำยจุนทะ แล้วเดินทำงสู่อุทยำนของกษัตริย์มัลละท้ังหลำย และในระหว่ำงน้ันก่อนถึง พระองค์ทรงกระหำยน้�ำแล้วให้พระอำนนท์ ไปตักน้�ำ พระอำนนท์ไปตัก ตักแล้วก็ไม่ได้ คร้ังท่ีหนึ่งน้�ำก็ขุ่น กลับมำ พระพุทธเจ้ำก็ให้ไปใหม่ พอไปครั้งที่สองก็ยังไม่ได้อีก พอไปครั้งท่ีสำม ก็ได้ พระอำนนท์ก็สงสัยมำกว่ำเกิดอะไรขึ้นเพรำะโดยปรกติทั่วไป ส่ิงใด ก็ตำมท่ีสมเด็จพระผู้มีพระภำค ต้องกำรก็จะมีรองรับไว้เลย จะไม่มี อุปสรรคเช่นน้ีก็เลยถำมว่ำมันเกิดอะไรข้ึน พระองค์ก็บอกว่ำมันเป็นเศษ กรรมท่ีอดีตกำลนำนมำแล้ว ท่ำนเคยเล้ียงวัว เป็นเด็กเลี้ยงวัว แล้ววัว หิวน�้ำ บังเอิญว่ำกองคำรำวำนเกวียนเพิ่งผ่ำนไป น�้ำในล�ำธำรมันขุ่น ด้วยควำมหวังดีเลยดึงวัวไว้ไม่ให้กินน�้ำ คร้ังที่ ๑ ดึงไว้ น�้ำก็ยังขุ่น พอวัว ยื่นหน้ำไปอีก น้�ำก็ขุ่นอยู่ก็ดึงไว้ ๒ ครั้ง จนน้�ำใส แล้วปล่อยให้วัวมันกิน ด้วยเศษของกรรมนั้น ก็เลยมำส่งผล
138 กลับมำ...รู้สึกตัว มีอยู่วันหนึ่งมีพระรูปหนึ่งพูดเรื่องกรรมบอกต้องตำยถึงจะพ้นกรรม ถึงจะพ้นจำกกำรรับผลของกรรมประมำณน้ี พระอำจำรย์จึงบอกว่ำไม่ใช่ หรอก มันไม่ต้องถึงตำยหรอก แต่เมื่อใดก็ตำมเม่ือคุณบรรลุถึงควำมเป็น พระอรหันต์กรรมน้ันยังแสดงตัว แต่ไม่มีผู้รับผลของกรรม คือกรรมยังคง ด�ำเนินไปแต่ผู้รับผลมันไม่มี เหมือนมะม่วงท่ีคุณปลูก คุณปลูกมันแล้ว มันออกดอกออกผล แต่คุณไม่กินมัน มันก็ยังออกดอกออกผลอยู่ ทีนี้พระองค์ก็เสด็จไปถึงอุทยำน แล้วให้พระอำนนท์ปูผ้ำลงระหว่ำง ต้นรังทั้งคู่ แล้วพระองค์ก็ลงนอน หลังจำกน้ันก็เรียกประชุมพระภิกษุท่ี อยู่บริเวณนั้นทั้งหมดให้รีบมำเพรำะพระองค์จะปรินิพพำนในค�่ำคืนนี้ พอ ทุกคนมำกันพร้อมแล้ว พระองค์แสดงโอวำทครั้งสุดท้ำย ปัจฉิมโอวำท ควำมว่ำ ให้ภิกษุนั้นอยู่ในควำมไม่ประมำท “วะยะธัมมาสังขารา อัปมาเทนะสัมปาเทถะ” สังขำรท้ังหลำย มีควำมเสื่อมไปเป็นธรรมดำ เธอทั้งหลำยจงท�ำควำมไม่ประมำทให้ถึงพร้อมเถิด พอพระองค์ตรัสสอน เสร็จแล้ว พระองค์ก็ไม่สอนอะไรอีกเลย ก็ปิดพระโอษฐ์ จำกนั้นกล่ำวกัน ว่ำพระอนุรุทธ ได้ดูว่ำสมเด็จพระผู้มีพระภำคเจ้ำด�ำเนินจิตอย่ำงไรใน ขณะนั้น ก็บอกว่ำพระองค์น้ันทรงเข้ำฌำนสมำบัติ จำกปฐมฌำนไปสู่ ทุติยฌำน ตติยฌำน จตุตถฌำน ฌำนที่หนึ่งสองสำมสี่ถึงฌำนท่ีแปด คือ รูปฌำนถึงอรูปฌำน แล้วพระองค์ก็ถอยลงมำ จำกแปด มำเจ็ด มำ หก มำห้ำ มำส่ี มำสำม มำสอง มำหนึ่ง ข้ึนไปแล้วถอยลงมำจำกนั้น ก็ข้ึนไปอีกคร้ังหนึ่งถึงฌำนที่ส่ี ออกจำกสี่ไม่ยอมเข้ำห้ำ ดับลงตรงน้ัน
พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 139 ดับลงตรงระหว่ำงฌำนที่สี่กับฌำนที่ห้ำ นั่นหมำยถึง ท่ำนต้องกำรบอก ให้เรำรู้ว่ำ พระพุทธองค์ทรงดับลงตรงกลำง ตรงที่มันไม่มีรูป ไม่มีนำม รูปฌำนก็คือรูป อรูปฌำนคือนำม และที่เกิดดับ เกิดดับ คือ รูปกับนำม เม่ือไม่ส�ำคัญหมำยในรูป ก็ไม่ต้องเกิดกับรูป ดับกับรูป เม่ือไม่ส�ำคัญ หมำยในนำมก็ไม่ต้องเกิดกับนำมดับกับนำมอีกต่อไป เม่ือพระองค์ไม่ ได้ส�ำคัญหมำยท้ังสองส่วน ทั้งรูปและนำม มันก็ไม่มีกำรเกิดดับอีกต่อไป น่ันคือสิ่งที่ท่ำนต้องกำรบอกให้เรำรู้ว่ำ ท่ำนส�ำคัญหมำยส่ิงใดก็ตำม ท่ำน ก็จะเป็นกับสิ่งนั้น ถ้ำเรำไม่ส�ำคัญหมำยกับส่ิงใด เรำก็ไม่เป็นกับสิ่งนั้น คุณให้ควำมส�ำคัญหมำยกับส่ิงใดก็ตำม คุณก็เป็นกับสิ่งน้ัน เมื่อคุณ ท�ำสมำธิ คุณส�ำคัญหมำยกับลมละเอียด คุณก็เป็นกับลม เพรำะคุณ ส�ำคัญหมำยกับลมน้ัน แต่ถ้ำคุณใช้ควำมรู้สึกเข้ำมำเป็นฐำน ควำมรู้สึก ที่ว่ำไม่ใช่ควำมรู้สึกตัวนะ อย่ำงหมำยถึงรูปฌำนน่ี มีกำรใช้ลมเป็นฐำน หนึ่ง สอง สำม ส่ี เลยส่ีไป ลมหำย ลมดับ มันจึงไม่สนรูป รูปจึงตกไป พอเข้ำสู่ฌำนท่ีห้ำก็ใช้ควำมรู้สึก ซ่ึงเคยสังเกตไหมถ้ำเรำพิจำรณำดูให้ด ี มันมีอยู่บำงอย่ำง ถ้ำเรำเคยเห็น พอเรำเกิดอะไรข้ึนเรำจะมีภำวะรู้ และ ถ้ำลองพิจำรณำดูจะเห็นรู้มันอยู่ในรู้อีกทีหน่ึง มันมีรู้ซ้อนรู้ใช่ไหม พอดู อีกทีก็มีรู้ซ้อนรู้เข้ำไปอีกเร่ือย ๆ แล้วมันจะจบเป็นไหม เรียกว่ำรู้ไม่มีส้ิน สุด เพรำะฉะน้ันกระบวนกำรของเรำบำงทีก็ตกเข้ำไปสู่ควำมรู้สึกที่มันไม่ ใช้รูป มันใช้นำมธรรมมำเป็นฐำน เพรำะฉะนั้นถ้ำเรำส�ำคัญในนำมเรำก็ เกิดดับกับนำม ถ้ำเรำส�ำคัญในรูปเรำก็เกิดดับกับรูป พระพุทธองค์ทรงท�ำ
140 กลับมำ...รู้สึกตัว ให้เรำเห็นว่ำ ถ้ำจะดับไม่เหลือ มันต้องไม่ส�ำคัญมั่นหมำยท้ังรูปและ นำม ตรงกลำงที่ไม่ส�ำคัญหมำยในรูปและนำม เพรำะฉะน้ันจะเห็นว่ำ พระองค์ดับสนิทไม่เหลือ คือ ปรินิพพำน ปริ แปลว่ำ โดยรอบ นิพพำน ดับ เย็น คือดับเย็นโดยรอบไม่เหลือเลย คือ ตรงกลำงระหว่ำงรูปฌำน กับอรูปฌำน ตรงน้ีก็เป็นข้อให้เรำได้สังเกต แม้ว่ำจะยำกส�ำหรับเรำ แต่ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่ำด้วยก�ำลังแห่งบุรุษ ถ้ำเรำมีควำมเพียรควำม บำกบ่ันท่ีถูกต้อง บำงทีเพียรบำกบ่ันแต่คนละทำงก็ไม่ใช่ ส�ำคัญว่ำอะไร เป็นตัวชี้ว่ำถูกต้อง ประการแรกคือ คุณตองการพนทุกข์ ถาการปฏิบัติ ของคุณทําใหคุณพนทุกข์ คือถูกทาง แต่ถาคุณปฏิบัติ เพ่ือใหได อย่างน้ันอย่างนี้ เปนอย่างนั้นเปนอย่างน้ี นั่นคือ ผิด คือ ตั้งเปา หมายผิด ควำมเห็นเบ่ียงเบน คือควำมเห็นของพระพุทธเจ้ำ คือ กำร พ้นทุกข์ มองเห็นทุกข์ แล้วออกจำกทุกข์ แต่ที่เรำเคยได้ยินว่ำ ปฏิบัติ แล้วเพี้ยนเปล่ียนไป นั่นก็แปลว่ำ เขำต้ังเป้ำหมำยผิดต้ังแต่แรกเลย ลืมมองเรื่องทุกข์ และกำรดับทุกข์กลับมองเร่ืองอ่ืนจะไปเอำนู้นเอำน่ีก็ เลยหลงทำง เพรำะต้ังโปรแกรมจิตไว้ผิด เพรำะเจ้ำชำยสิทธัตถะท่ำน ทุกข์ทำงใจ แล้วท่ำนก็มองหำหนทำงท่ีจะดับทุกข์น้ัน ในระยะเวลำ ๖ ป แห่งกำรแสวงหำ ก็หำตรงนี้ คือ หำทำงออกจำกทุกข์ทำงใจ และอย่าง ที่สอง เม่ือคุณตั้งไวแน่วแน่ว่าจะออกจากทุกข์ คุณพบแนวทางท่ีถูก ตรงตอ่ คณุ แลว หรอื ยงั แลว ตรงตอ่ การทจี่ ะเขา ไปพน ทกุ ข์ จรงิ ๆ ไหม ซึ่งอันน้ีจะมาคู่กับขอสาม คือ มีกัลยาณมิตร และครูบาอาจารย์ที่
พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 141 ท่านเขาใจในเสนทางน้ัน ชัดเจนไหม และขอสุดทาย คือ ทําจริง แค่ไหน ความเพียรขนาดไหน ถ้ำส่ีข้อนี้ครบบริบูรณ์ โอกำสท่ีจะถึง จุดหมำยก็มีมำก แต่ท่ีสําคัญสุด คือ ขอหน่ึงและขอส่ี น่ีแหละ เปน ตัวเร่ิมตน คือต้ังตนถูกแลว มีความเพียรแลว ทางก็จะมาเอง พระอำจำรย์จะย้อนกลับมำหน่อยหนึ่ง ว่ำในควำมเพียรที่เรำ มุ่งม่ัน เพ่ือกำรพ้นทุกข์ก็ต้องมีกำรท�ำควำมเห็นให้ตรงในลักษณะที่ว่ำถ้ำมีคน ที่พยำยำมแนะน�ำหรือเรำศึกษำให้เข้ำใจว่ำจริง ๆ แล้วนี่ ธรรมะของ พระพุทธเจ้ำสอนเรื่องอะไรกันแน่มันก็เป็นแนวทำงให้เรำได้ แม้ตอนน้ียัง ไม่เข้ำใจ ก็ฟังไว้ก่อนแล้วคอยสังเกตว่ำ มันเป็นเช่นน้ัน จริงไหม คือเม่ือ เรำยึดมั่นส�ำคัญหมำยกับส่ิงใดเรำก็เป็นอย่ำงน้ันแหละ เช่ือไหม มีโยมคนหนึ่งจะต้องเข้ำห้องผ่ำตัด แกกลัวมำกกับกำรผ่ำตัด แกวิตกกังวลมำก พอแกกังวล ควำมกังวลก็ไปกับแก่ในห้องผ่ำตัด ในขณะ ท่ีถูกวำงยำสลบ แกก็ยังกังวลอยู่ โดยที่แกก็สลบไปโดยไม่รู้ว่ำสลบ พอ แกสลบเหมือนทุกอย่ำงมันจบ ส�ำคัญคือแกฟนขึ้นมำ ส่ิงแรกท่ีแกเอ่ย ปำกขึ้นมำคือ เขำจะเร่ิมผ่ำตัดหรือยัง เข้ำใจไหมพิจำรณำดูเอำ แกวิตก กังวลเรื่องกำรผ่ำตัดจนแกสลบไป คือ ดับไปตรงน้ัน พอแกฟนขึ้นมำ แกก็ยังวิตกกังวล จนไม่รู้ว่ำผ่ำตัดไปแล้ว คือ มันยึดมั่นในส่ิงไหนมันก็ เกิดในส่ิงน้ัน เพรำะฉะนั้น ถ้ำยึดในสุขก็เกิดดับในสุข ถ้ำยึดในทุกข์ก็เกิด ดับในทุกข์ เข้ำใจนะ ต่อไปกำรเจริญสติเฝ้ำดูจิตใจของเรำก็จะเห็นชัด
142 กลับมำ...รู้สึกตัว ขึ้น ส�ำคัญที่สุดคือเห็นตอนมันเข้ำไปยึด เพรำะมันยึดเม่ือไหร่ทุกข์เมื่อน้ัน เรำลองซ้อมได้ตอนนอนจะหลับ ลองเจริญสติในขณะท่ีจะหลับดู ดูว่ำ เกิดอะไรขึ้นในขณะนั้น ให้เห็นเอง เพรำะถ้ำฟังพระอำจำรย์เดี๋ยวก็น้อม เข้ำไป คิดว่ำใช่เลย ดังนั้น อย่ำงท่ีพระอำจำรย์เล่ำให้ฟัง จะเห็นว่ำ ในพระสูตรน้ันมี อะไรให้เรำถอดรหัส เพื่อเป็นหนทำงอยู่ในน้ันเยอะมำก แต่คนกลับมอง พระสูตรเป็นแค่เรื่องที่ไว้ท่องจ�ำ มำเล่ำสู่กันฟัง เคยสังเกตไหมเม่ือจบ พระสูตร เขำจะบอกว่ำเมื่อชนเหล่ำน้ันได้ฟังภำษิตแห่งพระผู้มีพระ- ภำคเจ้ำ ก็มีควำมเบิกบำนในธรรมเหล่ำนั้น ก็บรรลุธรรมกัน ข้ันต�่ำคือ พระโสดำบัน ข้ันสูงก็คือ พระอรหันต์ น่ันหมำยควำมว่ำในธรรมนั้นมีอะไร ใช่ไหม ไม่ใช่แค่จ�ำธรรมดำ พระพุทธเจ้ำทรงตรัสเองว่ำ กำรบรรลุธรรมนั้น มีหลำยบริบท บรรลุธรรมในขณะท่ีฟังธรรม บรรลุธรรมในขณะท่ีพิจำรณำ เน้ือควำมธรรม บรรลุในขณะสำธยำยธรรม บรรลุในขณะปฏิบัติธรรม ลองอ่ำนด ู ดังนั้น พระอำจำรย์อยำกฝำกพวกเรำไว้ก็คือ ลองอ่ำนดูในบทกำร บรรลุธรรมแห่งพระอรหันต์ในพระสูตรต่ำง ๆ มันมีกระบวนกำรที่ซ่อน อยู่ในนั้น ถ้ำเรำลองพิจำรณำดูให้ดี ตัวพระสูตรต้องตีควำมให้เข้ำใจ แต่พระอภิธรรมไม่ต้องตีควำม พระอภิธรรมคือสภำวธรรมตีควำมพระสูตร ให้เข้ำใจแล้วจะเข้ำใจพระอภิธรรมเอง เพรำะถ้ำไปตีควำมอภิธรรมก็เป็น แค่ควำมคิดของเรำท่ีไปตีควำมสภำวธรรม ท้ัง ๆ ที่มันมีอยู่แล้ว ลอง
พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 143 พิจำรณำดูอย่ำเพิ่งเช่ือ สภำวธรรมเป็นสิ่งท่ีเรำต้องเห็นต้องสัมผัสมัน ไม่ต้องตีควำม มันเป็นของมันอย่ำงนั้น แค่เรำมีสติ เข้ำไปรู้เท่ำทัน สภำวธรรมในขณะนั้น ไประลึกรู้ได้ทันขนำดไหน และมองเห็นกำรเกิด ดับของมัน แล้วเรำมีสติอย่ำงนี้ เพียรท�ำไปเรื่อย ๆ แล้วก็ลองดูว่ำมันจะ เกิดอะไรขึ้น มันจะเป็นยังไง เรำก็จงดูมันไป เรำจะแค่รู้กับมันแต่จะไม่ เป็นกับมัน เป็นผู้ดูเฉย ๆ กำยมันเป็นยังไงก็รับรู้ไป จิตเป็นยังไงก็รับรู้ไป แล้วเรำก็ฝกท่ีจะไม่ไปเป็นกับมัน ฝำกเอำไว้ และสุดท้ำยเม่ือครั้งที่พระอำจำรย์ปฏิบัติอยู่กับหลวงพ่อ มีอันโน้น อันนี้ มันเกิดขึ้นมำกมำย มันเกิดทีไรก็อยำกไปเล่ำให้หลวงพ่อฟัง อยำก ไปเล่ำให้ท่ำนฟัง ในใจมันก็รู้ทันอยู่ แต่มันก็ยังตำม ในใจมันมีควำมรู้สึก ฟูมำกเลย กับกำรที่ตัวเองเห็นอย่ำงน้ัน พอไปถึงกะจะไปพูดให้ท่ำนฟัง เสร็จแล้วรอ เพื่อจะฟังว่ำท่ำนจะพยำกรณ์เรำว่ำอย่ำงไร มันมีควำมรู้สึก อย่ำงนั้น เล่ำเต็มท่ีเลย หนึ่งช่ัวโมงผ่ำนไป หลวงพ่อนั่งฟังเสร็จ เรำก็ ลุ้นต่อ พอเรำหยุดเล่ำ เรำก็ลุ้นว่ำ หลวงพ่อท่ำนจะบอกเรำเป็นอย่ำงไร พอหลวงพ่อเอ่ยปำกออกมำ “กลับมาท่ีความรูสึกตัวรึเปลา” ปำกน่ีตอบ ทันทีนะ กลับครับ แต่ในใจรึเปล่ำนะ แล้วหลวงพ่อก็ไม่พูดอะไร หลวงพ่อ ย้ิม แล้วเรำก็จำกมำ แต่ในใจก็ เอ... ท�ำไมหลวงพ่อไม่พูดอะไรเลย อีกสองสำมวันต่อมำ โผล่หน้ำมำหำหลวงพ่ออีกแล้ว มันเป็นอย่ำงนี้ อย่ำงน้ัน หลวงพ่อน่ังน่ิง ในใจลุ้นต่อ ใจฟูคับอกเลย รอหลวงพ่อตอบ “กลับมาท่ีความรูสึกตัวรึเปลา” เรำก็ตอบ กลับ “ครับ” ในใจก็ยังไม่แน่ใจ
144 กลับมำ...รู้สึกตัว คร้ังที่สองกลับไป อีกสำมวันกลับมำเล่ำใหม่ หลวงพ่อก็ถำมค�ำเดียว “กลับมาทค่ี วามรูส ึกตวั รเึ ปลา ” ครำวนี้เกิดควำมสงสัยท�ำไมหลวงพ่อถำม ค�ำน้ี เอ...หรือเรำไม่ได้กลับ กลับไปท�ำใหม่ ผ่ำนไปอีกสำมวัน ครำวน้ีต้ังใจเดินมำเลย คิดว่ำคร้ังนี้แน่ ๆ สภำว- ธรรมท่ีเรำพบเด็ดขำดจริงกระหย่ิมยิ้มย่องมำเลย พอเดินมำถึงกลำงทำง ก็รับรู้กำรเดินของตัวเอง ตอนแรกเดินมำคิดแต่ หลวงพ่อจะว่ำยังไง พอ กลับมำรับรู้กำรเดินของตัวเองเท่ำน้ันแหละ หยุดกึก... แล้วเดินกลับไปเดิน จงกรมต่อ สักพักหลวงพ่อเดินมำ มองหน้ำแล้วย้ิม ๆ ทั้งหมดทั้งส้ิน มันหลงล้วน ๆ เลย มันเห็นชัด ๆ ว่ำตัวเองฟูฟ่อง ยังไม่รู้ตัวอีก น่ันแหละ ท�ำไมหลวงพ่อถึงถำมว่ำ “กลับมาที่ความรูสึกตัวรึเปลา” เพรำะฉะน้ัน วันนี้ก่อนจำกกันขอฝำกคำถำสุดยอดไว ้ “¡ÅѺÁÒ... ÃÙŒÊÖ¡µÑÇ”
ประวัติ พระอธิการครรชิต อกิญฺจโน ป ร ะ วั ติ ก า ร ศึ ก ษ า - นักธรรมเอก ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ก า ร ท ำ ง า น เป็นผู้จัดท�ำโครงการ ดังนี้ ๑. โครงการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายวิถีพุทธกับโรงพยาบาลต่าง ๆ ๒. โครงการธรรมะโยคะเพื่อผู้ป่วยกับเครือข่ายชีวิตสิกขาและ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ๓. โครงการพัฒนาศักยภาพพระภิกษุเพ่ือการเยียวยาผู้ป่วยโดย การสนับสนุนของ สสส. ๔. โครงการสื่อคุณธรรมกับพุทธวิถีชุมชนโดยการสนับสนุนของ ศูนย์คุณธรรม ๕. โครงการพัฒนาทีม End of life ให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ๖. โครงการท�ำดีเพื่อแผ่นดิน (ขบวนการตาสับปะรด) จังหวัดชัยภูมิ เป็นวิทยากรอบรมโครงการมิตรภาพบ�ำบัดให้กับโรงพยาบาล ต่าง ๆ
ผ ล ง า น ท า ง วิ ช า ก า ร ๑. รายงานโครงการการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายวิถีพุทธกับ โรงพยาบาลต่าง ๆ ๒. รายงานโครงการธรรมะโยคะเพื่อผู้ป่วยกับเครือข่ายชีวิตสิกขา และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ๓. รายงานโครงการพฒั นาศกั ยภาพพระภกิ ษเุ พอ่ื การเยยี วยาผปู้ ว่ ย โดยการสนับสนุนของ สสส. ๔. รายงานโครงการสอื่ คณุ ธรรมกบั พทุ ธวถิ ชี มุ ชนโดยการสนบั สนนุ ของศูนย์คุณธรรม ๕. รายงานโครงการพัฒนาทมี End of life ใหก้ บั โรงพยาบาลตา่ ง ๆ ๖. รายงานโครงการท�ำดีเพื่อแผ่นดิน (ขบวนการตาสับปะรด) จังหวัดชัยภูมิ ต ำ แ ห น่ ง ปั จ จุ บั น ๑. คณะอนุกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ จังหวัดชัยภูมิ ๒. คณะอนุกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน จังหวัดชัยภูมิ ๓. คณะอนุกรรมการวัฒนธรรมประจ�ำจังหวัดชัยภูมิ ๔. คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐานโรงเรียนกาญจนาภิเษก วิทยาลัยชัยภูมิและโรงเรียนบ้านวังโพน ๕. คณะกรรมการโครงการมิตรภาพบ�ำบัดโรงพยาบาลชัยภูมิและ โรงพยาบาลบุรีรัมย์
ค�ำขอบคุณ ขอขอบคุณพระอาจารย์ครรชิต อกิญฺจโน ผู้ให้แสงสว่างและหนทาง ตรงให้กับชีวิต ขอขอบคุณคุณแม่ศิริพร วรรณโกษิตย์ ผู้ให้ชีวิตที่ดี ขอขอบคุณพ่ีโป้ง โปรัชย์ อ่างแก้ว ที่ท�ำให้มีชีวิตครอบครัวท่ีมี ความสุขและอบอุ่น ขอขอบคุณทุกคนในครอบครัวที่น่ารักและห่วงใยกันเสมอ ขอขอบคุณครูบาอาจารย์ท้ังทางโลกและทางธรรม ขอขอบคุณเพ่ือน ๆ ที่เป็นกัลยาณมิตรที่ดีเสมอมา ขอขอบคุณพ่ีดา ปิยะดา ผู้ท่ีน�ำพาให้ได้ไปปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ และภาพประกอบ ที่น่ารัก วาดโดย หลานฝ้าย ศศิมนัส หุ่นสุวรรณ และป้อง ปุญชรรัศมิ์ อ่างแก้ว ศิรินทร อ่างแก้ว (ผู้ถอดค�ำบรรยาย)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152