Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore PA001-หนังสือกลับมา...รู้สึกตัว

PA001-หนังสือกลับมา...รู้สึกตัว

Description: PA001-หนังสือกลับมา...รู้สึกตัว

Search

Read the Text Version

¡ÅѺÁÒ...ÃÙŒÊÖ¡µÑÇ รวบรวม-เรียบเรียง : พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน พิมพ์แจกเปนธรรมทาน พิมพ์ครั้งท่ี ๓ : มีนำคม ๒๕๕๘ จํานวนพิมพ์ : ๕,๐๐๐ เล่ม ออกแบบปกโดย : เอนก เอ้ือกำรุณวงศ์ ภาพประกอบโดย : ศศิมนัส หุ่นสุวรรณ ออกแบบรูปเล่ม : ส�ำนักพิมพ์จันทร์เพ็ญ Dhammaintrend ร่วมเผยแพร่และแบ่งปันเปนธรรมทาน ดํา เ นิ น ก า ร จั ด พิ ม พ โ ด ย พิ ม พ ท่ี สํานักพิมพจันทรเพ็ญ บริษัท พิมพพัฒน การพิมพ จํากัด 121 หมู 10 ซอยบรมราชชนนี 119 ถนนบรมราชนนี 22/9 ตําบลศาลากลาง แขวงศาลาธรรมสพน เขตทววี ฒั นา กรงุ เทพมหานคร 10170 อําเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทร. 0-28848269, 081-8307740 โทร. 089-8298222, 086-5711685 email:[email protected] email:[email protected]

“ÊØ´·ŒÒÂàÃÒÍÒ¨Çҧ䴌¨¹¶Ö§·ÕèÊØ´ ¶ŒÒµÑé§ã¨»¯ÔºÑµÔ´Õ æ áÅŒÇÁÕʵԤÍÂཇҴ٢³Ð·ÕèàÃÒ¡íÒÅѧ¨ÐËÅѺ áÅŒÇཇÒàËç¹à½‡ÒàÃÕ¹ÃÙŒ àËÁ×͹Í‹ҧ·èÕ¾ÃÐÍÒ¨ÒϺ͡¾ÃзèÕÇÑ´Ç‹Ò “«ŒÍÁµÒ” ¡çäÁ‹á¹‹¹ÐàÃÒÍҨ໚¹¼ÙŒ·Õè»Å‹ÍÂÇҧ䴌¶Ö§·èÕÊØ´ ã¹¢³Ð·èÕÅÁËÒÂã¨àÎ×Í¡ÊØ´·ŒÒ¢ͧàÃÒ¨ºÅ§¡çä´Œ”



ค�าอนุโÁ·นาãนการจั´พิÁพ เน่ืองจำกหนังสือเร่ือง “กลับมารูสึกตัว” ท่ีได้จัดพิมพ์เป็นธรรมทำน ให้กับผู้ปฏิบัติธรรม กับพระอำจำรย์ได้หมดลง แต่ก็ยังมีผู้สนใจท่ีเข้ำมำ ปฏิบัติธรรมรำยใหม่ อยำกได้ไว้อ่ำนเพื่อเพิ่มพูนควำมเข้ำใจและใช้เป็น คู่มือกำรปฏิบัติเจริญสติ ทำงคณะผู้จัดพิมพ์ มีควำมเห็นว่ำ ควรจะได้มี กำรจัดพิมพ์ใหม่ เพื่อเป็นธรรมบรรณำกำรแด่ผู้สนใจวิธีกำรเจริญสติ แนวเคลื่อนไหว จึงได้ปรำรภในกำรขอจัดพิมพ์อีกครั้งหน่ึง พระอำจำรย์มีควำมยินดีเป็นอย่ำงย่ิง ที่มีบุคคลสนใจในกำรศึกษำ และปฏิบัติธรรม จึงขออนุโมทนำร่วมกับคณะผู้จัดพิมพ์ในครั้งนี้ อนึ่งในกำรพิมพ์คร้ังนี้ ก็ได้มีกำรจัดตรวจสอบค�ำผิด จัดวรรคตอน ใหม่ ให้อ่ำนง่ำยข้ึน เพ่ือให้ผู้อ่ำนได้มีควำมสะดวกและเข้ำใจได้มำกยิ่งขึ้น อีกด้วย บุญกุศลอันใดอันเกิดขึ้นจำกกำรท�ำงำนในครั้งนี้ ก็ขอให้บุญกุศลน้ัน จงส�ำเร็จแก่ท่ำนทั้งหลำยท่ีได้ร่วมกันจัดท�ำ และจงส�ำเร็จแก่ผู้มุ่งม่ันใน กำรเจริญสติ สมำธิ วิปัสสนำ อันเป็นไปเพ่ือกำรเรียนรู้เร่ืองทุกข์และ กำรดับทุกข์ ด้วยกันทุกท่ำนทุกคนเทอญ พระอธิการครรชิต อกิฺจโน วัดวีรวงศาราม ต.นาฝาย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘

ค�าน�า กำรพิมพ์หนังสือเร่ือง “กลับมารูสึกตัว” ของพระอาจารย์ครรชิต อกิฺจโน ในครั้งนี้ เป็นกำรพิมพ์รอบท่ีสำม หลังจำกกำรที่หนังสือที่ พิมพ์ในครั้งท่ีสองกว่ำ ๒๒,๐๐๐ เล่ม ได้มีกำรแจกจ่ำย เป็นธรรมทำนให้ กับผู้ที่เข้ำปฏิบัติธรรมกับพระอำจำรย์ครรชิต ในช่วงระยะเวลำ สองปเศษ เสร็จสิ้นลง ในขณะทที่ ำงศษิ ยข์ องพระอำจำรยก์ ำ� ลงั ดำ� รจิ ะพมิ พห์ นงั สอื เลม่ ใหม่ อยู่น้ัน ก็ปรำกฏว่ำ มีผู้เข้ำปฏิบัติธรรมกับพระอำจำรย์รุ่นหลัง ๆ ยังไม่มี โอกำสได้อ่ำนหนังสือเล่มนี้ และปรำรภว่ำ หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือ พนื้ ฐำนทอี่ ำ่ นเขำ้ ใจงำ่ ย และนำ่ จะทำ� ใหผ้ มู้ ำใหมเ่ ขำ้ ใจในแนวทำงกำรปฏิบัติ กรรมฐำนแบบเคล่ือนไหว ได้อย่ำงชัดเจน ทำงศิษย์ท้ังหลำยจึงตกลงใจ กันว่ำ จะพิมพ์หนังสือเล่มนี้ซ้�ำอีกคร้ังหน่ึง เป็นคร้ังที่สำม เพื่อเปิดโอกำส ให้ผู้ยังไม่ชัดเจนในกำรปฏิบัติธรรม ใช้อ่ำนเป็นคู่มือ เพ่ือสร้ำงเสริม ปัญญำให้แก่กล้ำมำกข้ึน ทำงคณะผู้จัดท�ำ จึงได้ท�ำกำรขออนุญำต พระอำจำรย์ท่ีจะท�ำกำรจัดพิมพ์เพิ่มอีกประมำณ ๕,๐๐๐ เล่ม และมอบให้ พระอำจำรย์เพื่อแจกเป็นธรรมทำนแก่ผู้ที่เข้ำมำใหม่

ในกำรจัดพิมพ์ใหม่ครั้งน้ี ได้มีกำรปรับเปลี่ยนรูปหน้ำปก วรรคตอน และตัวสะกดให้ถูกต้อง รวมท้ังเปล่ียนขนำดตัวอักษรให้ใหญ่สบำยตำใน กำรอ่ำนมำกขึ้น ซึ่งทำงคณะผู้จัดท�ำหวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำ ท่ำนผู้อ่ำนก็คง จะได้อรรถรสจำกกำรอ่ำนดีข้ึนด้วย คุณควำมดีอันในอันเกิดจำกกำรท�ำบุญกุศลในครั้งน้ี คณะผู้จัดท�ำ ขอมอบให้แก่ผู้บริจำคปัจจัยในกำรผลิตสื่อธรรมทำนทุก ๆ ท่ำน และผู้ ร่วมในกำรผลิตและช่วยเหลืออ่ำนทบทวนทุกขั้นตอนจนงำนน้ีส�ำเร็จ ออกมำด้วยดี ตลอดจนถึงผู้ที่ผลิตเป็นกลุ่มแรก และรุ่นต่อ ๆ มำ หำก ไม่ได้มีกำรเร่ิมท่ีดีของรุ่นแรก ๆ เรำก็คงต้องใช้เวลำอีกนำนกว่ำงำนน้ีจะ ส�ำเร็จลง สุดท้ำยนี้ คณะผู้จัดท�ำขออนุโมทนำในบุญกุศลของทุกท่ำนท่ีได้ อ่ำนหนังสือเล่มนี้ และหวังเป็นอย่ำงย่ิงว่ำ ควำมรู้ควำมเข้ำใจในกำรอ่ำน คงจะท�ำให้ท่ำนก้ำวไปสู่กำรเจริญในธรรมและล่วงพ้นทุกข์ได้โดยเร็วด้วย เทอญ คณะผูจัดทํา

ค�านิÂÁ รู้จักพระอำจำรย์ครรชิตจำกสภำวธรรม เรำก็เป็นศิษย์ที่ครูสอนมำ เรำก็สอนผู้อ่ืนตำมที่ครูสั่งสอน ผู้ท่ีสอนก็ท�ำตำมค�ำสอน ก็ได้ฟังค�ำพูดจำก ผู้ท่ีสอนพูดให้ฟังอันเกิดจำกกำรปฏิบัตินั้น เรำก็รู้ว่ำผิดถูกอย่ำงไร ก็บอกให้ แก่ผู้ปฏิบัติฟัง ถ้ำผิดก็ให้แก้ไขเอำเองถ้ำถูกก็ท�ำไป ผู้ปฏิบัติก็จะรู้เองท�ำเอง ได้ประสบกำรณ์เองก็จะรู้ธรรมที่ควรรู้ควรเห็นตำมสมควรแก่ผู้ปฏิบัติ พระอำจำรย์ครรชิตท่ำนก็พูดให้ฟังจำกสภำวธรรมท่ีท่ำนรู้ท่ำนเห็น สภำวธรรมทเ่ี ปน็ สจั ธรรมตอ้ งเปน็ อนั เดยี วกนั นเ่ี รำกร็ จู้ กั พระอำจำรยค์ รรชติ ด้วยสภำวธรรมเช่นนี้ สภำวธรรมท่ีท่ำนพูดให้ฟังนั้น ท่ำนก็สอนผู้อื่นตำมท่ีท่ำนพูดให้เรำฟัง กำรสอนธรรมกำรปฏิบัติธรรมของท่ำนกลำยมำเป็นหนังสือเล่มนี้ สมควร แก่กำรศึกษำแก่ผู้แสวงหำธรรมอันเป็นสัจจะและหนังสือเล่มนี้ยังเป็นเรื่อง ท่ีท่ำนพูดให้เรำฟัง และยังมีกำรท�ำให้ดู สัมผัสได้จนถึงวันน้ี ยังคงเส้นคงวำ เสมอมำ

ท่ำนพูดท่ำนสอนอย่ำงไร เรำก็พูดก็สอนอย่ำงท่ำน ขออนโุ มทนำดว้ ยพระอำจำรยค์ รรชติ ทม่ี คี วำมตงั้ ใจพำกเพยี รสงั่ สอน ผู้อื่นมำนำนจนมำถึงบัดนี้ และจงเพียรสอนต่อไปก็จะเกิดกุศลร่วมกัน ทุกถ้วนหน้ำและย่ิง ๆ ขึ้นไปน้ันเทอญ หลวงพ่อคําเขียน สุวณฺโณ วัดปาสุคะโต ท่ามะไฟหวาน ชัยภูมิ



ÊÒúÑÞ õ ö ค�าอนุโÁ·นาãนการจั´พิÁพ ø ค�าน�า ñó ค�านิÂÁ ñ÷ บ·น�า òó óó ñ. จั§ËวะÊÅะ·ุกข ôó ò. ตéั§ãจคิ´กับËŧคิ´ õñ ó. àËçนอ‹าàปšน õù ô. àจริÞÊติ´Õ‹อÁÁÕ·ÕèอาÈัÂชั´àจน öõ õ. รÙŒáÅŒววา§Â‹อÁ¶Ö§·า§พŒน·ุกข ÷ó ö. ·�าÊบา æ ãËŒต‹อàนè×อ§ ÷. รÙŒÊÖกตัวàปšนÁรรค¼Å ø. ÊรŒา§ร‹อ§รอÂàอาäวŒ

ù. ·ิ¯°ิÊÁบÙรณäรŒอุปา·าน øó ñð. อานิʧʏขอ§การàจริÞÊติ ùñ ññ. ÂÖ´ÁัèนÊ�าคัÞËÁาÂàปšน·ุกข ù÷ ñò. ร‹อ§รอÂการ´ับ·ุกข ñðõ ñó. ธรรÁะàปšน·Õèพè֧䴌จริ§ ñññ ñô. àกèÕÂวàน×èอ§´ŒวÂàËตุป˜จจั ññù ñõ. ‹อÁรٌ䴌´ŒวÂตนàอ§ ñòù ñö. Êติ·èÕรÙŒ·ัน ñóó ñ÷. กÅับÁา...รÙŒÊÖกตัว ñó÷ ประวัติพระอธิการครรชิต อกิญฺจโน ñôõ ค�าขอบคุณ ñô÷

บ·น�า เจริญพร ท่ำนผู้เข้ำร่วมอบรมทุกท่ำน หลำยท่ำนคงเคยนั่ง สมำธิและปฏิบัติธรรมกันมำบ้ำงแล้วในหลำกหลำยรูปแบบ ซึ่งนั่นก็ บ่งบอกว่ำท่ำนเป็นผู้ใฝ่ในกำรศึกษำอันเป็นคุณสมบัติของผู้ได้สั่งสม บำรมีมำก่อน จึงได้มีโอกำสในกำรท�ำกิจเหล่ำน้ี แน่นอนว่ำในควำม แตกตำ่ งของวธิ กี ำรกอ็ ำจทำ� ใหผ้ ลกำรปฏบิ ตั ทิ แ่ี ตกตำ่ ง บำงวธิ กี อ็ ำจ ท�ำให้เรำรู้สึกว่ำจิตของเรำนิ่งสงบ บำงวิธีอำจท�ำให้เรำสัมผัสได้ถึง ควำมตน่ื ร ู้ บำงวธิ อี ำจใชก้ ำรกำ� หนดรทู้ ลี่ มหำยใจเขำ้ ออก บำงวธิ อี ำจ ใช้กำรก�ำหนดกับค�ำบริกรรม แต่ท่ีพระอำจำรย์จะสอนพวกเรำใน วันน้ีคือกำรเจริญสติด้วยกำรเคล่ือนไหวตำมแนวทำงกำรปฏิบัติ ของหลวงปเู่ ทยี น จติ ตฺ สโุ ภ ซง่ึ เปน็ กำรปฏบิ ตั ติ ำมหลกั กำรสตปิ ฏั ฐำน ด้วยกำรต้ังอำรมณ์กรรมฐำน ผ่ำนกำรยกมือสร้ำงจังหวะ ๑๔ จังหวะ ในขณะทเ่ี รำฟงั พระอำจำรยพ์ ดู อยนู่ ี้ จติ ใจเรำเปน็ อยำ่ งไร เฉย ๆ แลว้ เรำรู้ไหม แล้วถ้ำลองเอำมือไว้ข้ำงหลังแล้วก�ำมือ เรำรู้ไหมว่ำก�ำมือ แบมือ เรำรู้ไหมว่ำเรำแบมือ เห็นไหมว่ำเรำรู้ว่ำเรำท�ำอย่ำงนั้นโดยท่ี เรำไม่ต้องมองเห็นมือของเรำด้วยซ้�ำเพรำะมันไม่ได้อำศัยกำรรู้ด้วย ตำแต่มันอำศัยรู้ด้วยอะไรบำงอย่ำงที่เกิดขึ้นจำกภำยในใช่หรือไม่ เอำหล่ะ ครำวน้ีเรำมำท�ำกำรสร้ำงจังหวะโดยกำรต้ังอำรมณ์ กรรมฐำน ๑๔ จังหวะ โดยกำรใช้เจตนำในกำรท�ำ เจตนำในกำร เคลื่อนไหว ให้เรำ “รับรู” ไปกับกำรเคล่ือนไหวของมือ

14 กลับมำ...รู้สึกตัว ๑. เอำมือวำงไว้ท่ีขำ ๒. พลิกมือขวำตะแคงขึ้น ๓. ยกมือขวำขึ้นครึ่งตัว.. ท้ังสองข้ำงคว่�ำไว้ ท�ำช้ำ ๆ ...ให้รู้สึก ให้รู้สึก มันหยุดก็ให้รู้สึก ๔. เอำมือขวำมำท่ีสะดือ ๕. พลิกมือซ้ำยตะแคงขึ้น... ๖. ยกมือซ้ำยข้ึนครึ่งตัว... ให้รู้สึก ให้รู้สึก ให้มีควำมรู้สึก ๗. เอำมือซ้ำยมำที่สะดือ... ๘. เลื่อนมือขวำขึ้นหน้ำอก... ๙. เอำมือขวำออกตรงข้ำง ให้รู้สึก ให้รู้สึก ให้รู้สึก

พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 15 ๑๐. ลดมือขวำลงที่ขำขวำ ๑๑. คว่�ำมือขวำลงที่ขำขวำ... ๑๒. เลื่อนมือซ้ำยขึ้นที่ ตะแคงไว้...ให้รู้สึก ให้รู้สึก หน้ำอก...ให้มีควำมรู้สึก ๑๓. เอำมือซ้ำวยออกมำตรงข้ำง... ๑๔. ลดมือซ้ำยลงท่ีขำซ้ำย. ๑๕. คว่�ำมือซ้ำยลงที่ขำซ้ำย ให้มีควำมรู้สึก ตะแคงไว้...ให้มีควำมรู้สึก ให้รู้สึกท�ำต่อไปเรื่อย ๆ...ให้รู้สึก เอำหล่ะ ทีนี้เรำมำลองท�ำกัน ให้เรำใส่ควำมตั้งใจในกำรเคลื่อนไหว มือในแต่ละครั้งแต่ละจังหวะ ท�ำไปเรื่อย ๆ แล้วก็อย่ำลืมสังเกตใจของเรำ ด้วยว่ำเป็นอย่ำงไร กำรสร้ำงจังหวะไม่มีจังหวะตำยตัว ทุกคนจะมีจังหวะ ของตัวเอง โดยใช้กำรรู้สึกกับกำรเคลื่อนไหวที่ชัดเป็นตัวช้ีวัดว่ำประมำณ ไหน เอำหล่ะมำลองท�ำกันดู



ñ. จั§ËวะÊÅะ·ุกข ขณะนี้เรำมำยกมือสร้ำงจังหวะกัน ขณะท่ีเรำมำปฏิบัติก็มีกำรปวด กำรเมื่อยเรำควรจะมีกำรเปลี่ยนอิริยำบถ เพื่อกำรปฏิบัติของเรำจะได้ เกิดควำมต่อเน่ือง ก่อนที่จะเข้ำสู่กำรเดินจงกรม มำทวนกันนิดนึง ในบทน�ำ พระอำจำรย์ได้ให้พวกเรำตั้งอำรมณ์กรรมฐำน ๑๔ จังหวะ ด้วยกำรใช้ เจตนำในกำรท�ำ เจตนำกับกำรเคล่ือนไหวท�ำให้จิตไปอยู่ที่ตรงนั้น รู้ได้ อย่ำงไรว่ำมันอยู่ รู้ได้เพรำะมันรู้ เพรำะธรรมชำติของจิต คือ ธำตุรู้ เมื่ออยู่ กับส่ิงใดเขำจะรู้กับสิ่งน้ัน เพรำะฉะนั้น ขณะท่ีเรำต้ังใจยกมือสร้ำงจังหวะ เรำจะรู้ทันทีว่ำมือของเรำเคลื่อนไหว แล้วพระอำจำรย์ก็สอนพวกเรำเกี่ยว กับจิตท่ีอยู่ในอารมณ์กรรมฐาน กับหลงออกจากอารมณ์กรรมฐาน มันมีอยู่จริงใช่หรือไม่ ในขณะที่มันรู้อยู่ในสิ่งที่ตนเองท�ำน่ันแปลว่ำมัน อยู่ในอำรมณ์กรรมฐำนนั้น ๆ อีกขณะหนึ่งแทนที่มันจะรู้ในส่ิงท่ีตนเองท�ำ มันกลับไปรู้อย่ำงอื่น เรำจะใช้ค�ำว่ำ “มันหลง” ขอให้เข้ำใจตำมนี้ก่อนว่ำ กำรรู้อยู่กับอำรมณ์กรรมฐำนแปลว่ำ “มนั รอู ยู่” และกำรท่ีออกไปรู้อย่ำงอื่น ท่ีไม่ใช่ส่ิงท่ีเรำก�ำหนดแปลว่ำ “มันหลง” เพ่ือให้แยกแยะระหว่ำงควำมรู้ อยู่และควำมหลงออกไป เพรำะจะท�ำให้เรำเรียนรู้ได้ง่ำยข้ึน เพรำะกำรท่ี

18 กลับมำ...รู้สึกตัว จิตใจเรำรู้อยู่ในอำรมณ์กรรมฐำนมันไม่ได้สร้ำงปัญหำอะไร แต่กำรที่จิต หลงออกจำกอำรมณ์กรรมฐำนมันจะสร้ำงปัญหำในอนำคต ซ่ึงจะเป็น อย่ำงไรน้ันเรำจะเรียนรู้กันต่อไป ก็ขอให้เข้ำใจตำมนี้ก่อนว่ำมันมีอยู่ ๒ อย่ำงเป็นพื้นฐำน ทกุ ครงั้ ทพี่ ระอำจำรยไ์ ปเทศนก์ บั หลวงพอ่ หลวงพอ่ จะใหพ้ ระอำจำรย์ เทศน์ก่อนในเรื่องพื้นฐำน แล้วหลวงพ่อค่อยเทศน์ ไม่อย่ำงนั้นจะฟังไม่ เข้ำใจใน เร่ืองลักคิด หลงคิดกำรรู้ในอำรมณ์กรรมฐำนหรือกำรออกจำก อำรมณ์กรรมฐำน ทีน้ีเรำมำเปลี่ยนอิริยำบถกัน คือกำรเดินจงกรมเปล่ียนจำกกำร นั่งสร้ำงจังหวะ มำใช้กำรเคลื่อนไหวในรูปแบบกำรเคล่ือนไหวของเท้ำ สัมผัสกับพื้น เรำอำจจะเคยเดินจงกรมกันมำ ไม่ว่ำใครจะปฏิบัติแนวทำง ใดก็ตำม กำรเดินจงกรมจะเป็นเรื่องคล้ำย ๆ กันอยู่แล้ว ตอนนี้อยากให กาํ หนดรเู บา ๆ แคก่ ระทบ แคฝ่ า เทา กระทบพน้ื พอไมต่ อ งไปรลู ะเอยี ด เอาแค่รับรู รับรูพอ แต่ถ้ำใครสำมำรถก�ำหนดรับรู้ละเอียดได้ก็ท�ำไป ส่วนคนที่ยังไม่เคยก็เอำง่ำย ๆ ก่อน ก็คือ แค่ แปะ แปะ แปะ เอำง่ำยท่ีสุด แต่ใครเคยปฏิบัติมำแล้วสำมำรถก�ำหนดละเอียดได้ก็ไม่ว่ำกัน เวลำเรำ เปลี่ยนจำกน่ังมำเดิน เวลำจะลุก เอำมือเท้ำพื้นนิดนึงแล้วยกตัวข้ึนมำ น่ังทับส้นเท้ำไว้ กำรที่เรำสำมำรถลุกข้ึนเป็นจังหวะได้มันจะเป็นผลดีต่อ กำรเซพร่ำงกำยของเรำอย่ำงท่ีหน่ึง อย่ำงที่สองจะเป็นกำรเจริญสติเป็น จังหวะ เป็นจังหวะ จังหวะท่ีหนึ่งเรำนั่งทับส้นเท้ำ จังหวะที่สองยืดตัวข้ึน

พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 19 จังหวะที่สำมก็ต้ังเข่ำขึ้น จังหวะท่ีสี่ก็ยกตัวข้ึน จังหวะท่ีห้ำชิดเท้ำ ครำวน้ี ลองขยับเท้ำส�ำรวมมือไว้ รู้ฝ่ำเท้ำกระทบพ้ืนแต่ละครั้ง พอเดินมำสุดทำง หมุนตัวกลับ เดินสบำย ๆ รับรู้กับฝ่ำเท้ำของเรำ ตำมองทำงเดิน เพรำะตำ เรำจะท�ำให้หลงไปได้ง่ำยกับส่ิงที่ผ่ำนมำ ครำวนี้เรำพยำยำมจะตะล่อม ให้จิตเขำกลับคืนมำอยู่เป็นท่ีเป็นทำง คือกลับมำอยู่ในอำรมณ์กรรมฐำน นั่นเอง เรำแค่ประคองแค่ “รู รู รู” เป็นกำรเขย่ำธำตุรู้ให้มันต่ืนข้ึนมำ เพ่ือควำมฉับไวในกำรเห็นสภำวธรรม ในขณะที่รูกับฝาเทาที่กระทบพ้ืน น้ันแค่รับรูเฉย ๆ และถาจิตเราแวบคิดเร่ืองอ่ืนไป หลงออกไปก็รับรู กำรรับรู้ไปเร่ือย ๆ น้ันจะท�ำให้เรำตระหนักรู้ ดังนั้นกำรท่ีเรำเผลอออกไป ก็ไม่เปนไร ระลึกรูแลวกลับมาเท่านั้นเอง คือให้กลับมำรับรู้ที่อำรมณ์ กรรมฐำนของเรำ อย่าหวังว่าจิตจะอยู่กับอารมณ์กรรมฐานตลอดเวลา แต่ขอให้แค่มันหลงแล้วกลับมำรูแลวกลบั มาอยเู่ ร่อื ย ๆ เวลำเรำเดินด้วย ควำมเจตนำให้เดินเต็ม ๆ ฝ่ำเท้ำ ใส่ควำมต้ังใจลงไป มีเจตนาแต่ไม่เพ่ง ถ้ำรู้สึกเพ่งหรือหนักศีรษะให้มองไกลออกไปนิดนึง ให้รับรู้อย่ำงสบำย ๆ จะสังเกตว่ำเรำเดินไปเดินมำเรำจะเริ่มเพลิน นิวรณ์จะเร่ิมแทรกได้ เพรำะ เรำเผลอจะเดินด้วยควำมเคยชิน เพรำะฉะนั้นขบวนกำรของการเจริญสติ เราตอ งคอยเฝา ดตู วั เอง เฝา ดคู วามรสู กึ ตวั เองวา่ ความรสู กึ ตวั ของเรา ชัดไหมหรือควำมรู้สึกของเรำเบลอ ๆ พอเร่ิมเบลอปุบเรำก็ใส่เจตนำลงไป ในระยะแรกในกำรเดินจงกรมควรเดินเต็ม ๆ ฝ่ำเท้ำ เพรำะปกติเรำจะไม่ เดินอย่ำงน้ัน มันก็จะท�ำให้เกิดควำมต้ังใจในกำรท�ำ เหมือนกำรยกมือ สร้ำงจังหวะ มันไม่ใช่อิริยำบถธรรมชำติ ไม่มีใครท�ำ

20 กลับมำ...รู้สึกตัว ดงั นนั้ กำรทำ� อริ ยิ ำบถอยำ่ งนม้ี นั ตอ้ งใสค่ วำมตงั้ ใจลงไป เพรำะฉะนน้ั กระบวนกำรแห่งกำรเจริญสติเรำต้องคอยดูคอยเช็คอยู่เรื่อย ๆ ว่ำควำม รู้สึกตัวของเรำชัดไหม ถ้ำมันไม่ชัดมันเบลอ ๆ ควรเน้นด้วย ควำมเจตนำ เพิ่มเจตนำลงไป ในเรื่องของกำรเดินส�ำคัญอย่ำงหนึ่ง อย่ำไปก้มศีรษะมำกเกินไป อย่ำไปกังวลมำกเกินไป เดินสบำย ๆ คอต้ังปรกติ แต่สำยตำหลุบต�่ำลง เพรำะถ้ำก้มมำก ๆ มันจะล้ำ เกิดทุกขเวทนำทำงกำยมำกขึ้น เรำไม่ต้อง เพ่ิมให้มันเพรำะเด๋ียวมันจะแสดงตัวมันเอง มีเรื่องหน่ึงพระอำจำรย์จะเล่ำให้ฟัง พระอำจำรย์เดินต้ังใจมำก ขณะบิณฑบำต เดินก้มหน้ำก้มตำไม่มองอะไรเลย มันก็เหมือนมีคน มำนั่งรอใส่บำตร พระอำจำรย์ก็เดินเข้ำไปเตรียมเปิดบำตร อะไรรู้ไหม หมำมันนั่งอยู่ข้ำงทำง เพรำะควำมท่ีเรำก้มหน้ำก้มตำไม่มองให้เต็ม ๆ เห็นอยู่ไกล ๆ ก็เรำเห็นไม่ชัดพอเดินเข้ำไปใกล้ ๆ เป็นหมำซะน ี่ ดังน้ัน เรำเดินสบำย ๆ พอรู้สึกอึดอัดให้หำยใจเข้ำลึก ๆ ผ่อนลม หำยใจช้ำ ๆ ลองดูถ้ำเม่ือยก็มองไกล ๆ ซักนิดหนึ่ง เวลำเรำเดินนำน ๆ นิวรณ์ก็แทรกเข้ำมำก็ให้เรำหำยใจเข้ำลึก ๆ ผ่อนสำยตำออกไป มันจะ ช่วยได้ จิตจะสดช่ืนข้ึนมำ

พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 21 ดังน้ันเรำต้องหมั่นคอยสังเกตจิต เพรำะเวลำเรำเดินไปเดินมำจิต ของเรำเพ่ง มันจ้องที่ฝ่ำเท้ำมำก รับรู้ที่ฝ่ำเท้ำกระทบพื้นต่อเนื่องมำก ๆ มันตกเข้ำไปข้ำงใน มันจะเข้ำสู่ควำมสงบ แล้วควำมรู้สึกตัวก็จะเบลอ ๆ ดังนั้นต้องออกมำ บำงทีมันฟุ้งออกไปก็ดึงลมหำยใจช่วย มันหันมำสนใจ ลมหำยใจ ก็จะกลับข้ึนมำได้ ดังนั้น ขบวนกำรต้องค่อยเรียนรู้ค่อย ๆ ดูไป



ò. ตéั§ãจคิ´กับËŧคิ´ เรื่องของกำรปฏิบัติเป็นเรื่องที่เรำต้องให้ควำมใส่ใจ ต้องให้เวลำกับ ตัวเองให้มำกข้ึน เพรำะบำงทีผู้ปฏิบัติหลำยคนมักจะหวังพึ่งครูบำอำจำรย์ จนไม่คิดที่จะหำค�ำตอบด้วยตัวเอง มันก็จะไม่ได้สัมผัสเองมันจะไม่ชัดเจน ตัวเองไม่ประจักษ์แจ้งกับมัน ไม่ได้ชิมรสชำติของมัน ดังน้ัน ตองทําดวย ตัวเองใหมันประจักษ์แจงในตัวคุณเอง มันจะไม่คลำดเคล่ือนไม่เคลื่อน คล้อย ดังน้ัน เวลาปฏิบัติตองคอยสังเกตส่ิงท่ีมันเกิดข้ึน พระอำจำรย์ ไม่อยำกใช้ค�ำว่ำ “พิจำรณำ” เพรำะเวลำใช้ค�ำนี่คนมักจะคิดว่ำไปคิด ๆ เอำ ซ่ึงมันไม่ใช่ค�ำว่ำ “สังเกต” เหมือนคุณทดลองทำงวิทยำศำสตร์ เช่น ถ้ำ คุณอยำกรู้ว่ำ สำร A ผสมกับ สำร B มันจะเป็นยังไง คุณต้องเอำ สำรท้ังสองมำผสมกันแล้วก็ “ดูมัน สังเกตมัน” แล้วก็จดบันทึกส่ิงที่ สังเกตว่ำมีกำรเปลี่ยนแปลงเป็นอย่ำงไรบ้ำง ขบวนกำรกำรปฏิบัติธรรม ก็ไม่แตกต่ำงจำกนั้น คําว่า “สังเกต” จึงเป็นส่ิงจ�ำเป็นมำกส�ำหรับผู้ ปฏิบัติ เพรำะกำรสังเกตเป็น “โยนิโสมนสิการ” คือ กำรพิจำรณำเฝ้ำ สังเกตอย่ำงแยบคำย กับส่ิงที่เกิดขึ้นภำยในใจกำยของเรำ ขบวนกำรท่ี

24 กลับมำ...รู้สึกตัว มันเกิดข้ึนท้ังหมดมันเกิดข้ึนอยู่ในตัวของเรำเอง มันไม่ได้อยู่ข้ำงนอก เพรำะถ้ำเรำเฝ้ำสังเกตอำกำรต่ำง ๆ ที่มันเกิดข้ึนทำงกำยทำงใจของเรำ ในขณะท่ีเรำปฏิบัติไป มันจะท�ำให้เรำได้ประสบกำรณ์ ซึ่งมันส�ำคัญ มำก ๆ จ�ำไว้ว่ำ ปัญญำไม่ใช่ส่ิงท่ีเรำจะไปยัดเยียดให้กันได้ ต่อให้ พระอำจำรย์อธิบำยธรรมะขนำดไหนก็ตำมก็ไม่ใช่ปัญญำแท้ ๆ ท่ีคุณจะ ได้รับ มันไม่ใช่ของจริง ปัญญำมันเป็นกระบวนกำรที่ให้จิตของเรำน้ัน ได้รับประสบกำรณ์ ส่ังสม ๆ มำก ๆ เข้ำแล้วปัญญำก็จะค่อย ๆ สว่ำงข้ึน มำเอง เพรำะฉะนั้นกระบวนกำรท่ีเรำเรียว่ำ “วิปัสสนา” นั้น แปลว่ำ “อุบายในการทําใหปัญญามันเรืองข้ึน” ดังนั้น วิปัสสนำไม่ใช่ตัวปัญญำ แต่เป็นกระบวนกำรท่ีต้องสร้ำง ข้ึนมำ พยำยำมให้จิตเรำได้ประสบกำรณ์ กำรที่เขำสำมำรถเห็นสภำวธรรม ครั้งท่ี ๑ ก็เป็นประสบกำรณ์ ๑ คร้ัง ที่เขำเห็น คร้ังท่ี ๒ ที่ ๓ หรือเม่ือจิต อยู่ในอำรมณ์กรรมฐำน จิตก็จะรู้ว่ำเวลำที่เรำอยู่ในอำรมณ์กรรมฐำนเป็น อย่ำงไร และเวลำท่ีเรำหลงออกไปจำกอำรมณ์กรรมฐำนเป็นอย่ำงไร กำรหลงออกไปน้ัน แล้วเรำรู้สึกตัวกลับมำได้ จิตเขำก็จะได้ประสบกำรณ์ ว่ำ กำรที่หลงออกไปจำกอำรมณ์กรรมฐำนแล้วกลับมำได้อย่ำงไร กำรที่ เขำสำมำรถมองเห็น ๒ อย่ำง ว่ำที่อยู่ในอำรมณ์กรรมฐำนและกำรหลง ออกไปเป็นอย่ำงไร เรำเห็นท้ัง ๒ ส่วน ท�ำให้เห็นควำมแตกต่ำงและ สำมำรถแยกแยะได้ดว้ ยตวั เองว่ำอะไรใช่ อะไรไมใ่ ช่ อะไรควร อะไรไมค่ วร

พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 25 ดังนั้น กระบวนกำรปฏิบัติในกำรเจริญสติ เรำจึงไม่กลัวเร่ืองควำม หลง ให้หลงไป ยิ่งหลงให้เรำยิ่งรู้กับมัน ย่ิงหลงแลวเรารูตัวว่ามันหลง นั่นแหละปัญญาย่ิงจะคมเหมือนการลับมีด เวลำลับมีดเขำจะไถไปดึง กลับเหมือนหลงไปดึงกลับมำทุกคร้ังท่ีมันหลงไป รู้ว่ำมันหลงไปปุบดึง กลับมำได้ปับ ประสบกำรณ์ท่ีผ่ำนพบเห็นแล้ว ดังน้ันเวลามันหลงเราอย่าไปเอาเรื่องราวของมัน เอาแต่อาการ ของมัน เกิดอะไรขึ้นก็ตำมอย่ำเอำเรื่องเอำรำว เอำอำกำรของมัน ถ้ำเอำ เร่ืองรำวของมันก็แปดหม่ืนส่ีพันเร่ือง แต่ถาเอาอาการของมันก็มีแค่เกิด แลวก็ดับ คือตอนที่มันหลงมันจะหลงไปเร่ืองอะไรก็ตำมพอมันกลับมำได้ มันก็ดับ อย่ำไปเอำเรื่องรำวให้เห็นอำกำรของมัน ดังนนั้ ในขณะทย่ี กมอื สรำ้ งจงั หวะหรอื เดนิ จงกรมหรือปฏบิ ตั ิอย่ำงไร ก็ตำม สิ่งท่ีจะเกิดก็คือ ๑. จิตตั้งอยู่ในอารมณ์กรรมฐานเบื้องตน ๒. คือจิตหลงออกจากอารมณ์กรรมฐาน ๓. เม่ือรูตัวว่าจิตหลงออกไป เมื่อรูตัวมันทําใหจิตกลับคืนมา สติมันระลึกได้ พอกลับมำปุบ กำรปรุงแต่งควำมนึกคิดอำรมณ์ ต่ำง ๆ เหล่ำน้ันมันก็ดับ ประสบกำรณ์ท่ีมันเห็นว่ำจิตมันหลงออกไป สติระลึกได้มันก็ดับ เห็นซ้�ำ ๆ อย่ำงน้ีมันจะเกิดเห็นควำมไม่เที่ยง มอง สิ่งต่ำง ๆ เหล่ำนั้นมันชั่วครำว เกิดมำด้วยเหตุปัจจัยช่ัวครำวและก็ดับไป กำรที่เห็นบ่อยขึ้น ชัดข้ึน ซึ่งแต่ละคนจะใช้เวลำไม่เท่ำกัน บำงคนอำจจะ

26 กลับมำ...รู้สึกตัว เห็นไม่ก่ีคร้ังก็สำมำรถกะเทำะเปลือกไข่ออกมำได้ เรำไม่สำมำรถท�ำให้ มันกะเทำะออกมำได้ เหมือนแม่ไก่ก็แค่ใหความอบอุ่นเท่านั้น ลูกไก่ ตองกะเทาะออกมาเอง แต่แม่ไก่ตองสรางเหตุปัจจัยใหลูกไก่กะเทาะ ออกมา ดังนั้น ขบวนกำรวิปัสสนำของเรำเป็นเหมือนแม่ไก่ต้องทะนุถนอม อย่ำงเวลำแม่ไก่ฟักไข่ ถ้ำรู้สึกว่ำมันร้อนเกินไป เขำจะยกตัวขึ้นให้ลม ผ่ำน ไม่ใช่ว่ำนอนฟักท้ังวันทั้งคืน เขำจะพยำยำมปรับอุณหภูมิ ตอนแม่ไก่ ยกตัวเขำจะใช้ปำกพลิกไข่เพื่อให้ควำมร้อนอย่ำงทั่วถึง ดังน้ันกำรปฏิบัติ ธรรมก็เป็นลักษณะน้ันเช่นกัน ต้องค่อยหมั่นสังเกตต้องปรับต้อง เปล่ียนแปลง เพื่อให้จิตได้ประสบกำรณ์ พอประสบกำรณ์มำก ๆ เข้ำ มันจะเจำะออกมำเอง เจำะเปลือกไข่ที่ขังไว้ออกมำคือ ปัญญำจะสว่ำง ขึ้นมำด้วยตัวมันเอง เพรำะฉะน้ันจึงจ�ำเป็นอย่ำงยิ่งท่ีต้องท�ำให้มำก เจริญให้มำกเพื่อให้ ได้ประสบกำรณ์มำก ๆ ส่ังสมมำก ๆ จะเป็นตัวผลักดันให้เกิดกำร เปลี่ยนแปลงด้วยตัวของเขำเอง เรำไม่มีสิทธิ์ไปเปล่ียนแปลงเขำ เขำจะ เป็นของเขำเอง แต่ต้องอำศัยเรำเป็นผู้ประคับประคองสร้ำงประสบกำรณ์ ให้กับเขำ เอื้อต่อกำรท่ีจะเกิดประสบกำรณ์ให้กับเขำ เพรำะฉะนั้น ถ้ำเรำสังเกตให้ดี กำรท่ีเรำได้ประสบกำรณ์ช่วยจนเห็นควำมไม่เที่ยง ก็ เหมือนครั้งที่ท่ำนโกณฑัญญะฟังเทศน์พระพุทธเจ้ำแล้วพิจำรณำตำม แล้ว

พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 27 เห็นกำรเกิดดับในจิตของตน แล้วก็ร้องออกมำว่ำ “ยังกิญจิสมุทยธัมมัง สัพพัญตัง นิโรธะธัมมันติ” ส่ิงใดสิ่งหน่ึงมีการเกิดขึ้นเปนธรรมดา สิ่งใดส่ิงน้ันมีการดับเปนธรรมดา น่ันคือพระอัญญำโกณฑัญญะนั่นเอง เพรำะฉะน้ันกระบวนกำรแห่งกำรเจริญสติจะต้องท�ำให้จิตน้ีมันต่ืนขึ้นมำ คือต้องใช้กระบวนกำรเขย่ำ เขย่ำให้มันตื่น โดยกำรเคลื่อนไหวใหมาก แลวใหจิตมัน “รับรู” กับการเคลื่อนไหวใหมาก ให้สติมันอยู่กับกำร เคล่ือนไหวให้มำก เพรำะเรำมักจะหลงไปกับกำรหลับ ดงั นน้ั หลวงปเู ทยี นกบั หลวงพอ่ คาํ เขยี นจงึ เนน ใหม กี ารเคลอื่ นไหว อยู่ตลอด จะไม่อยำกให้นั่งนิ่ง ๆ เพรำะเวลำนั่งน่ิง ๆ หลำยคนมักจะไหล เข้ำไปสู่ควำมสงบ แล้วจิตก็จะง่ำยที่จะไปติดอยู่ที่ควำมสุข จึงไม่แปลก หรอกว่ำ ทําไมกามฉันทะคือนิวรณ์ตัวแรก เพราะคนมักจะติดสุขง่าย เพรำะฉะน้ันแนวทำงกำรเจริญสติของหลวงปู่เทียน ท่ำนจะสอนให้เรำ เดินทั้งวัน ยกมือสร้ำงจังหวะท้ังวัน ในขณะท่ีเรำเดินท้ังวันเรำก็ต้องคอยดู ด้วย คอยปรับเพรำะบำงทีเดินไปเดินมำมันเพลิน จังหวะเดิม ๆ ซ�้ำ ๆ จะท�ำให้เกิดควำมเพลินและควำมเคยชิน พอเกิดควำมเคยชิน ควำมรู้สึก ตัวไม่เกิดแต่มันก็ไปได้ จังหวะมือก็ไปได้ เหมือนเวลำกินข้ำว ใครตั้งใจ ตักข้ำวใส่ปำก ไม่มี เรำท�ำด้วยควำมเคยชิน แต่เรำไม่เคยพลำดเป้ำ บำงที หันมองอย่ำงอ่ืนก็ตักใส่ปำกได้ เพรำะเรำท�ำด้วยควำมเคยชินก็จะท�ำให้ สติไม่เข้มแข็ง ควำมต่ืนตัวก็ไม่เกิดข้ึน

28 กลับมำ...รู้สึกตัว ดังน้ัน ขบวนกำรของกำรปฏิบัติมันจึงต้องกำรกำรขยับปรับเปล่ียน จังหวะอยู่ตลอดเวลำ คือ มีควำมเพียรในกำรเฝ้ำสังเกตเป็นหลัก จะท�ำ ช้ำท�ำเร็วไม่มีผล เอาความรูสึกเปนหลัก ความรูสึกตัวท่ีมันรูชัดกับ การกระทําของเรา ถ้ำท�ำไปนำน ๆ เกิดควำมเคยชิน ก็ต้องปรับเปล่ียน จังหวะ ดังน้ัน หลักสําคัญคือ การเห็นอาการท่ีมันเกิดขึ้นจริง ๆ โดยที่ เราไม่สนใจว่ามันจะเรียกว่าอะไรก็ตาม แต่เรำสนใจแค่ว่ำเห็นอำกำร ที่มันเกิดข้ึน ดังนั้น ในขณะที่เรำเดินจงกรม หรือยกมือสร้ำงจังหวะ แล้วเกิดมัน หลงปรุงแต่งไป เรำจะไม่ใส่ช่ือให้มันว่ำมันเป็นอะไร รู้แต่ว่ำมันเป็นภำวะ ท่ีผิดปรกติไปแล้วก็กลับมำ แล้วเรำจะเห็นภำวะเป็นปรกติกลับคืนมำ ซ่ึงเรำจะเห็น ๒ อย่ำง คือ ความเปนปรกติกับความเปล่ียนแปลง ไม่ ต้องสนใจว่ำเป็นกุศล อกุศล เป็นควำมโกรธ ควำมโลภ ควำมชัง ไม่ต้อง สนเพรำะถ้ำเรำมัวแต่ไปสนว่ำมันคืออะไรมันจะเกิดควำม “ยืดเย้ือ” เพรำะเรำไปมีเยื่อใย ดังนั้น ให้เรำรู้แค่นี้ก่อน รูภาวะปรกติและหลงออกไป เพรำะ ควำมหลงนั้นแหละที่ท�ำให้เกิดควำมโลภ ควำมชัง ควำมรักต่ำง ๆ มำกมำย ดังนั้น ถาเรารูเท่าทันความหลง เราก็จะสามารถกลับมา ถาเรารูไม่ เท่าทันเราก็จะไหลไปกับความหลง ครำวน้ีเรำจะมำลองทดสอบกัน เอำกระดำษกับปำกกำมำเขียน หัวข้อกลำงกระดำษว่ำ

พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 29 “เร่ืองที่ใจหลงคิด” แล้วให้ยกมือสร้ำงจังหวะ แล้วเม่ือใดก็ตำมท่ี ใจมันหลงออกไป ให้มำเขียน เช่น ขณะยกมือสร้ำงจังหวะไปมันแวบ คิดถึงบ้ำนก็ให้เขียนว่ำคิดถึงบ้ำน แล้วกลับมำยกมือสร้ำงจังหวะอีก แวบไปอีก คิดถึงหมำก็เขียนว่ำคิดถึงหมำ ขอให้ทุกคนต้ังใจ เชิญเริ่มได ้ ยกมือสร้ำงจังหวะพอมันหลงไปก็เขียน ลองมำดูกันว่ำได้กี่เรื่อง ถ้ำทุกคร้ัง ที่มันหลงไปมีสติรู้ทันจะดีมำก ๆ เลย (ผ่ำนไป ๑๐ นำที) เอำหละ ครำวน้ีพระอำจำรย์จะให้กิจกรรมที่ ๒ ข้อที่ ๑ อำหำรที่ชอบ เขียนอำหำรที่ชอบ ๑ อย่ำง ข้อที่ ๒ ส่วนประกอบ วัตถุดิบมีอะไรบ้ำง ข้อที่ ๓ วิธีท�ำ ใครไม่เคยท�ำก็ลองคิดเอง คำดกำรณ์เอง ( ผ่ำนไป ๑๐ นำที) เสร็จแล้วลองมำดูซิ ระหว่ำงอันแรกเป็นกำรเขียนจำกหลงคิดอันที่ สองเป็นกำรเขียนจำกต้ังใจคิด แล้วเรำจะสรุปว่ำยังไง มันแตกต่ำงกัน อย่ำงไร อย่ำงแรกคือ ความหลงคิด อย่ำงที่ ๒ คือ ความตั้งใจคิด ถ้ำเรำสรุปได้เรำจะเข้ำใจบทเรียนน้ีเลย ซึ่งมีผลต่อกำรเจริญทำงจิต มีผล ต่อกำรบ�ำเพ็ญทำงจิต สังเกตว่าอันดับแรกมันหลงคิดไม่เปนเรื่อง เปนราว สะเปะสะปะ ส่วนต้ังใจคิดมันมีการเรียงลําดับเปนเร่ืองราว มีข้ันตอน

30 กลับมำ...รู้สึกตัว ดังนั้น ในชีวติ ของคนเรามันจะเกี่ยวขอ งกบั ความคดิ อยู่ ๒ อยา่ ง คือ หลงคิดกับต้ังใจคิด แล้วลองคิดดูว่ำ วันหน่ึงเรำอยู่กับกำรตั้งใจคิด หรือหลงคิดมำกกว่ำกัน ลองดูซิว่ำควำมตั้งใจคิดมันจะเกิดขึ้นได้ต้อง ท�ำอย่ำงไรคือต้องมีเป้ำหมำย มีกระบวนกำรต้องท�ำ มีปัญหำต้องแก้ ซ่ึง ในแต่ละวันมันมีส่ิงที่เรำต้องท�ำอย่ำงน้ันเยอะไหม มันก็ไม่เยอะเท่ำ หลงคิด แล้วดูซิว่ำตั้งใจคิดจบเปนไหม มันจบเปน แต่หลงคิดมัน จบไม่เปน มันโดดไปเร่ือย ๆ จำกเรื่องโน้นไปเรื่องนี้ แต่ในควำมต้ังใจคิด มันเรียงของมัน มันจบ ในความต้ังใจคิด มันมีความรูสึกตัว เพราะมัน มีสติในการคิด ดังน้ันมันเป็นควำมคิดท่ีเรำควบคุมได ้ ดังนั้น ในเร่ืองควำมทุกข์จึงไม่มีใครตั้งใจให้ตัวเองทุกข์ เพรำะฉะน้ัน ในกำรตั้งใจคิดมันจึงไม่มีปัญหำ เพรำะกำรคิดแบบต้ังใจคิดมันมีสต ิ มีควำมรู้สึกตัวในกำรคิด เพื่อแก้ค�ำว่ำมันมีควำมรู้สึกตัวเฉพำะกำร เคลื่อนไหวเท่ำนั้นหรือ ผิดหล่ะ แม้ในควำมคิด ถ้ำเรำมีควำมต้ังใจมีสติมัน ก็มีควำมรู้สึกตัว เพรำะฉะน้ัน สิ่งที่เรำต้องเข้ำไปจัดกำรเรียนรู้ให้เข้ำใจคือ ตัวหลงคิด น่ันคือส่ิงท่ีเรำต้องไปเรียนรู้ให้เข้ำใจ เพรำะถ้ำเรำไม่เข้ำใจมัน ก็สร้ำงปัญหำให้เรำได้

พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 31 ดังน้ัน เรำต้องเจริญสติและเฝ้ำเรียนรู้กับกำรหลงคิดเพ่ือให้เห็น ควำมจริง แล้วจะเรียนรู้ได้เองว่ำในกำรหลงคิดบำงควำมคิดก็ไม่ได้สร้ำง ปัญหำ มีเพียงบำงเร่ืองบำงครั้ง และบำงครำวท่ีมีปัญหำเพรำะ ความคิด มันเปนขันธ์ มันมีของมันอยู่แลว แต่เปนอุปาทานขันธ์ต่างหากที่ เปนทุกข์



ó. àËçนอ‹าàปšน เรำเป็นนักปฏิบัติเห็นมันปวด เห็นมันเมื่อย เรำเห็นมันเป็น อย่ำเอำ เรำไปเป็น ถ้ำเอำเรำไปเป็นเมื่อไร เรำก็เป็นไปกับมันเม่ือน้ัน มีคนหนึ่ง เขียนว่ำ “เมื่อหลงคิดก็เอำปัจจัย ๕ ตัวที่พระอำจำรย์สอนมำรู้ก็ช่วยให้ หำยไปได้” พระอำจำรย์ก็งงมำก ว่ำสอนตอนไหนเรำว่ำเรำสอนปัจจัย ๔ เอำมำดูว่ำอ่ำนผิดจังหวะหรือเปล่ำ ต้องอ่ำนว่ำเมื่อหลงคิดก็เอำปัจจัย ๕ ตัว ท่ีพระอำจำรย์สอน เอออย่ำงนี้ค่อยเข้ำใจถูกหน่อย ซ่ึงมีอะไรบ้ำงนะ ๑. สติมันอ่อน สติยังไม่มีกําลัง ๒. มีความรูสึกมันเปนอัตตา ว่าเปนเร่ืองของเรา ๓. มีความเพลิน ๔. มีความอยาก มีความเสียดาย ๕. เขาไปเปนกับมัน ซึ่งเราเขาไปเห็นเอง เหตุปัจจัยเย่ินเย้อท่ีท�ำให้เรำเป็นไปกับมัน ท่ีเรำไม่สำมำรถสลัดท้ิง ได้อันดับแรก คือ

34 กลับมำ...รู้สึกตัว ๑. สติยังไม่มีกําลังท�ำให้เกิดควำมยืดเย้ือ จะใช้สัญลักษณ์เปรียบ เทียบกับสติ คือ แมวที่มันยังตัวเล็กตำมภำษำหลวงปู่เทียน มันยัง ไม่สำมำรถสู้กับหนูท่อกรุงเทพฯ ตัวใหญ่ คือควำมหลงคิด ท่ีเข้ำไปมันท�ำ ให้มีควำมยืดเยื้อเกิดกำรปรุงแต่งทำงจิตและไม่สำมำรถสลัดได้ ๒. คือเร่ืองที่มันเผลอคิดข้ึนมา ความรูสึกนึกคิดที่เกิดข้ึนมา มันมีตัวเรามีไดมีเสีย มันเปนเรื่องของเรา ตัวเรา ของเรา พอมันมี ควำมรู้สึกแบบน้ีขึ้นมำมันก็ออกได้ยำก แต่ถ้ำจิตปรุงแต่งเร่ืองสัพเพเหระ มนั จะสละทงิ้ ไดง้ ำ่ ยมำกเลยมนั จะสลดั ทงิ้ ไดเ้ องดว้ ยตวั ของมนั โดยพน้ื ฐำน สติมันจะเขี่ยท้ิงอยู่แล้ว ซึ่งแตกต่ำงจำกกำรปรุงแต่งท่ีมีตัวเรำของเรำ มันเกิดอัตตำตัวตน มันจะสลัดทิ้งได้ยำก มันจะเกิดควำมยืดเยื้อต่อไป ๓. เมื่อมันมี “นันทิ” คือ มีความเพลิน ติดในรสชาติของการ ปรุงแต่งนั้น กำรที่จะออกได้ง่ำย ๆ ก็เป็นไปได้ยำก แม้ทุกข์มันมีรสชำติ แบบทุกข์ ควำมหลงเพลิดเพลินในรสชำติมันหลงข้ำมภพข้ำมชำติได้ อย่ำงที่บอกว่ำ เพราะมันติดในรสมันจึงเกิดชาติ บรรพบุรุษของเรำ จึงก�ำหนดค�ำว่ำ รสชาติ ข้ึนมำ จะเห็นว่ำบรรพบุรุษของเรำท่ำนใช้ ปรมัตถธรรม ท่ำนใช้ธรรมช้ันสูงในกำรบัญญัติศัพท์อย่ำง “คุณค่ากับ มูลค่า” ต่ำงกันลิบลับ คุณค่ำคือ ค่ำท่ีบ่งบอกถึงควำมมีคุณ แต่มูลค่ำมัน ผิดต้ังแต่มันข้ึนต้นว่ำมูลแล้ว มูลเป็นของต่�ำ ซ่ึงมูลค่ำเรำตีควำมหมำย เป็นเรื่องของรำคำ รำคำก็มำจำกค�ำว่ำ รำคะ อย่ำงของที่มีรำคำมำกก็คือ ของที่มันย่ัวรำคะเรำได้มำก มันสำมำรถดึงรำคะเรำได้มำกนั่นเอง ดังนั้น ค�ำว่ำ รสชาติ เพราะมีรสจึงเกิดชาตะ คือ ตองเวียนว่ายตายเกิด เพราะติดในรส เป็นชำติแล้วชำติเล่ำเพรำะติดในรส

พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 35 มีเรื่องหน่ึงในชำดก พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องนี้ มีกวำงตัวหน่ึง สวยมำก พระรำชำมำเห็นอยำกได้ คนสวนบอกจะจับมำให้ เลยเอำ หญ้ำไปจุ่มน้�ำผึ้งก็หลอกล่อมำเร่ือย ๆ จนมันติดในรสชำติ เลยตำมมำจน จับได้ ท่ำนทรงต้ังใจจะบอกว่ำเพรำะการติดในรสชาติทําใหนําภัยมา ใหตนเอง และภัยท่ีใหญ่หลวงที่สุด คือ ภัยในวัฏฏสงสาร พระอำจำรย์ขอยกตัวอย่ำงว่ำ หลวงปู่ม่ัน บ�ำเพ็ญเพียรอยู่ท่ีถ้�ำ สำลิกำ แล้วท่ำนสังเกตว่ำเวลำเข้ำสมำธิทีไรจะมีนิมิตเป็นลูกหมำมำ เกำะแข้งเกำะขำ สงสัยว่ำมันคืออะไร เม่ือท่ำนพิจำรณำดูแล้วจึงรู้ว่ำ อดีตชำติของท่ำน ท่ำนเคยเกิดเป็นลูกหมำถึง ๗ ชำติ เพรำะติดใจใน รสชำติของควำมเป็นหมำ ก็เลยต้องเวียนว่ำยในควำมเป็นหมำ ซึ่งควำม ติดใจในรสชำตินั้นท�ำให้เรำถอนออกมำได้ยำก ไม่สำมำรถสลัดควำมรู้ สึกนึกคิดนั้นออกมำง่ำย ๆ มันเกิดควำมอยำก เสียดำย มันจึงท�ำให้ไหล ออกไปกับส่ิงนั้น เรำจึงกลำยเปนผูเปนกับความรูสึกนึกคิดอารมณ์ ต่าง ๆ เหล่านั้น ตกเข้ำหลุมพรำงในเวทนำ จิต และธรรม ควำมรู้สึก คือเวทนำ ควำมคิดคือจิตตำ และธรรมำรมณ์ต่ำง ๆ หรืออำรมณ์ต่ำง ๆ คือ ธรรมมำนุปัสสนำ หลุมพรำงเหล่ำนี้มันเป็นหลุมพรำงท่ีจิตเรำมักจะ เผลอ และก็ตกเข้ำไปอยู่เร่ือย ๆ พอเรำตกเข้ำไปปุบเรำก็กลำยเป็นผู้เป็น เป็นผู้อยู่ในเวทนำน้ัน เป็นผู้อยู่ในจิตตำน้ัน เป็นผู้อยู่ในควำมคิดเหล่ำน้ัน เป็นผู้อยู่ในธรรมำรมณ์เหล่ำน้ัน กลำยไปเป็นผู้เป็น

36 กลับมำ...รู้สึกตัว ดงั นน้ั พระพทุ ธเจำ้ สอนเรำวำ่ ใหเ้ รำเปน ผเู หน็ เหน็ เวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรม ท่ำนไม่ได้บอกให้เราไปเปน ท่ำน บอกให้เรำเห็น ดังน้ัน เรำจะเปนผูเห็น คือ ภาวะเราหลุดออกมา แลวเปนผู ดู ผูเห็นมัน แล้วอะไรที่จะเป็นตัวน�ำพำให้เรำหลุดออกมำ คือ สติ สติสัมปชัญญะจะเป็นตัวน�ำพำให้เรำหลุดออกมำ แล้วมองย้อนกลับ ไปเห็นมัน เพรำะขณะท่ีเรำมะรุมมะตุ้มอยู่ในมันเรำจะไม่เห็นมัน เพรำะ เวลาเกิดอะไรข้ึนมาแลวเราเขาไปเปนกับมัน เรำจะไม่เห็น เพรำะ เรำอยู่ในกระแสของมัน เหมือนลูกศิษย์พระอำจำรย์ที่ช่ือแอนด์ดร ู เขำบอกเพิ่งรู้จักวัดแม้ว่ำอยู่วัดมำต้ังนำนจนเขำเข้ำไปในเมืองเจอควำม วุ่นวำยในเมือง จึงรู้ว่ำวัดนี้มันสงบอย่ำงน้ีนี่เอง ก็เหมือนกับตอนท่ีเขำมำ อยู่เมืองไทย เขำจึงเพิ่งรู้ว่ำ เยอรมนีเป็นอย่ำงไรแล้วเม่ือเขำออกจำก เมืองไทยเขำถึงจะเห็นเมืองไทย คือ ขบวนกำรท่ีเรำไปอยู่ท่ำมกลำง มัน เรำไปเป็นกับมันเม่ือไร เรำไม่มีทำงรู้จักมัน เรำต้องออกไปก่อน ดังนั้น ขบวนการแห่งการเจริญสติน่ีเอง ทําใหเราออกไปก่อน เราถึงจะมอง ยอนกลับเขามาได คร้ังหนึ่งพระอำจำรย์ไปเท่ียวกับหลวงพ่อ ไปเพชรบุรีขึ้นไปบน ยอดเขำ โยมบอกว่ำจะพำไปดูทะเลหมอก ท้ังพระอำจำรย์กับหลวงพ่อ ก็ไปยืนตรงหน้ำผำกัน โยมคนท่ีพำไปก็บอกว่ำ หลวงพ่อครับ ถ้ำเรำมำ เช้ำกว่ำน้ีหมอกมันจะขึ้นมำถึงเรำเลยนะครับเน่ีย เรำจะอยู่ท่ำมกลำงมัน

พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 37 เลย หลวงพ่อก็เลยบอกว่ำดีแล้วหล่ะ ถ้ำเรำอยู่ท่ำมกลำงมันเรำก็ไม่เห็น มัน เรำจะเห็นทะเลหมอกได้ยังไง ถ้ำเรำอยู่ท่ำมกลำงมัน เพรำะฉะน้ัน เมื่อเรำอยู่ข้ำงนอกมัน เรำก็จะเห็นว่ำมันมีลักษณะรูปร่ำงอย่ำงไร นั่น คือ ลักษณะที่จะให้เรำรู้ว่ำเม่ือเกิดอะไรข้ึน เกิดความรูสึกนึกคิดอะไร ก็ตาม สิ่งท่ีเราตองทําก็คือ เจริญสติ เมื่อเรำเจริญสติ รู้สึกตัว มีสติสัมปชัญญะ เรำจะหลุดออกไป พอเรำหลุดออกไป เรำก็จะมอง ย้อนกลับมำเห็น เม่ือเรำย้อนกลับมำเห็น เรำก็จะเห็นธรรมชำติของเวทนำ ว่ำเป็นอย่ำงไร คือ เห็นเวทนำในเวทนำเห็นควำมเป็นจริงในเวทนำนั่นเอง เห็นจิตในจิต คือเห็นธรรมชำติของกำรปรุงแต่งทำงจิต คือควำมคิด ท่ีมันปรุงแต่งกันข้ึนมำตำมควำมเป็นจริง พระพุทธเจ้ำท่ำนสอนให้เรำเห็น ตำมควำมเป็นจริง ดังนั้น กระบวนกำรที่เรำจะเห็นตำมควำมเป็นจริงได้ คือเรำต้องไม่ เข้ำไปเป็นกับมัน หลวงพ่อค�ำเขียน จึงพูดวลีที่ ๒ ว่ำ “ผูดู ผูเปน” คือ เมื่อเรำเป็นผู้ดู เรำจะไม่เป็นผู้เป็น แต่ถ้ำเรำเป็นผู้เป็นเรำก็ไม่มีวันเป็นผู้ ดูได้ เพรำะฉะนั้นขบวนกำรเจริญสติอย่ำงต่อเนื่อง แล้วท�ำให้ควำมรู้สึก ตัวชัดข้ึนเรื่อย ๆ และท�ำให้ความรูสึกตัวน้ันเปนวิหารธรรมข้ึนมำ คือ เม่ือเรำเจริญสติดีแล้ว คือกำรที่เรำมีควำมรู้สึกตัวดี รู้ตัวท่ัวพร้อม มันจะ กลำยเป็น “วิหารธรรม” ธรรมอันเป็นเคร่ืองอำศัย แล้วมันจะอยู่ตรง กลำงระหว่ำงท่ีมันจะมองเห็นทั้งข้ำงในและข้ำงนอก ไม่ตกเขาไปขางใน ไม่ฟุงออกไปขางนอก ซ่ึงอยู่ตรงกลำง และตรงนี้แหละคือเคล็ดท่ีท�ำให้ เจ้ำชำยสิทธัตถะ ค้นพบในค�่ำคืนวันเพ็ญเดือน ๖ และท่ำนใช้ตัวนี้แหละ

38 กลับมำ...รู้สึกตัว เฝ้ำดูส่ิงท่ีเกิดขึ้นตลอดค�่ำคืนนั้น สมัยก่อนเจ้ำชำยสิทธัตถะฝกเป็นผู้ เป็นหมดเลย ได้สมำบัติ ๘ คือ รูปฌำน ๔ อรูปฌำน ๔ ได้ส่ิงนั้นแล้ว เกิดอะไรขึ้น คือ เกิดภำวะของผู้เป็น คือเข้ำไปเสวยควำมรู้สึกของฌำน อำรมณ์ของฌำน ฌำนคือควำมเป็นผู้เป็น วิปัสสนำญำณท�ำให้ไม่เป็น ญำน คือผู้ดูผู้เห็น ฌำนคือผู้เป็น ถ้ำยังติดในอำรมณ์ของฌำน แปลว่ำ ยังเป็นผู้เป็น แต่ถ้ำเป็นญำน แปลว่ำ มันหลุดออกมำแล้ว มันพ้นออกมำ แล้ว ถึงจะมองเข้ำไปเห็น เพรำะฉะนั้นในขณะที่ท่ำนได้สมำบัติ ๘ ท่ำนก็ ยังเปนผูเปนอยู่ ยังเข้ำไปเป็นภำยในด�ำดิ่งลงไป พอมำเปลี่ยนมำทรมำน กำยย่ิงไปกันใหญ่ จนกระท่ังท่ำนเปลี่ยนมำเป็นขบวนกำรเจริญสติ ใน วันเพ็ญเดือน ๖ ท่ำนประคองจิตเฉย ๆ ไม่ให้ตกเข้ำไปข้ำงในไม่ให้ฟุ้ง ออกไปข้ำงนอก แต่ใช้ลมหำยใจเข้ำหำยใจออกเป็นฐำนท่ีตั้ง ถ้ำเรำดู อำนำปำนสตสิ ตู ร จะเหน็ วำ่ รอู้ ยแู่ ละแลเหน็ รลู้ มหำยใจเขำ้ รลู้ มหำยใจออก รู้ลมหำยใจเข้ำยำว รู้ลมหำยใจออกยำว รู้ลมหำยใจเข้ำส้ัน รู้ลมหำยใจ ออกส้ัน รู้กำรปรุงแต่งของลมกับกำยว่ำเป็นอย่ำงไร รู้จิตว่ำเป็นอย่ำงนั้น อย่ำงนี้ เพรำะฉะนั้นภำวะควำมเป็นผู้รู้ได้เกิดกับท่ำน นั่นคือ สติ ที่ต้ัง ม่ันและประคองจิตเอำไว้ ไม่ให้ตกเข้ำไปภำยในและไม่ให้ฟุ้งออกไป ข้ำงนอก แต่รับรู้ทุกส่ิงทุกอย่ำงที่เกิดขึ้น มองเห็นควำมสัมพันธ์กันระหว่ำง กำยกับจิตอย่ำงต่อเนื่อง ท่ำนมองเห็นว่ำ เมื่อกำยระงับจิตก็ระงับ เม่ือ ลมละเอียดกำยก็ละเอียด ไม่ไดเปนกับมัน ท่านมองเห็นมันเปน ขบวนกำรนี้เองท�ำให้ท่ำนเข้ำใจตำมควำมเป็นจริงนั่นแหละ เพรำะฉะน้ัน กำรท่ีเรำปฏิบัติแล้วเข้ำไปดื่มด่�ำกับควำมสุขสงบ ก็ไม่ผิด เป็นไปเพ่ือ

พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 39 ให้จิตมีก�ำลังบ้ำงน่ันคือกำรพัก แต่ที่ถูกกว่ำ แมแต่ความสงบและความ สุขเหล่าน้ัน เราก็เปนเพียงแค่เห็น เห็นว่ำมันมี เห็นว่ำมันเป็น มันจะ มีอำกำรสงบลงไปเรำก็รู้ว่ำมันเป็นอย่ำงน้ัน กระบวนการแห่งการเจริญ สติ เราจะเฝาดูจิตของเราแปรเปล่ียนเปนอาการต่าง ๆ แม้แต่ควำม สงบท่ีเกิดข้ึนก็เป็นอำกำรหนึ่งของจิต ฟุ้งซ่ำนก็เป็นอำกำรหน่ึงของ จิต มันเป็นอย่ำงไรก็ตำม มันก็เป็นอำกำรที่เปล่ียนไปของจิต ถ้ำเรำมีผู้รู้ ตัวควำมรู้สึกตัวชัดเจน เรำกลำยเป็นผู้ดู มันจะมองเห็นขบวนกำร กำรเปล่ียนแปลงไปของจิต แต่ภาวะผูดูมันจะทําใหมองเห็นว่า แมว่า มันจะเปล่ียนเปนอาการใดก็ตาม สุดทายอาการที่เปลี่ยนไปเหล่านั้น มันก็หาย มันก็ดับ จะเห็นอยู่อย่ำงนั้น ซ่ึงเห็นตำมธรรมชำติของ มัน เห็นตำมควำมจริงเห็นไม่ผิดจำกพระไตรลักษณ์ ถ้ำเห็นผิดจำก พระไตรลักษณ์เรำเรียกว่ำ “วิปลาส” มีค�ำพูดของหลวงปู่สำยวัดป่ำกล่ำวว่ำ “เห็นกานํ้า ๑ ใบ รูจักกาน้ํา ๑ ใบ มีรอยมีพันกา มันก็เปนอย่างเดียวกัน” เม่ือจิตมองเห็นควำม ไม่แตกต่ำง มันจะเกิดกำรวำงเฉยต่อกำรหลงเข้ำไปยึด คลำยจำกกำร หลงเข้ำไปยึด มันก็เป็นอย่ำงน้ีเอง มันจะไม่หลงไปเอำส่ิงน้ันมีค่ำควำม หมำยอีก ไม่ให้ควำมหมำยมันอีกต่อไปมันก็เท่ำนั้น แต่ส่ิงน้ันมันก็ยัง มีอยู่ แต่ควำมรู้สึกในกำรให้ค่ำให้ควำมหมำย มันไม่มี นั่นก็คือส่ิงท่ี พระพุทธเจ้ำสอน และวำงแนวทำงกำรปฏิบัติให้เรำไปพบส่ิงน้ี ไปเข้ำใจ อย่ำงนี้ เพื่อให้เรำใช้ชีวิตได้อย่ำงถูกต้องจริง ๆ เรำจะเกี่ยวข้องทุกอย่ำง ได้อย่ำงเป็นปรกติมำก ๆ ตำมเหตุปัจจัยของมัน ตำมสมมติบัญญัติ

40 กลับมำ...รู้สึกตัว ของมัน ก็ไม่แปลก เพรำะพระพุทธองค์ทรงตรัสว่ำ พระองค์ไม่ไดปฏิเสธ โลก ไม่ไดมองโลกในแง่ราย แต่มองเห็นโลกตามความเปนจริง จึง เห็นว่ำแม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่ค�ำสอนของพระพุทธศำสนำก็ยังใช้กับ โลกได้ตลอดไปเพรำะมันเป็นจริง ไม่มีอะไรหนีพ้นกฎพระไตรลักษณ์ได้ ดังนั้น ชาวพุทธจึงเปนผูปรับตัวเขากับโลกเพราะรูเท่าทันว่า น่ันมัน ตองเปนไปตามเหตุตามปัจจัย ดังน้ันเรำต้องสร้ำงควำมรู้สึกตัวให้มันเด่นข้ึนมำ ขอเนนอีกว่า ความรูสึกตัวเกิดข้ึนไดในทุก ๆ อิริยาบถ เพียงแค่เราใส่เจตนาที่ จะทํามันและรูกับสิ่งท่ีทําในปัจจุบันขณะนั้น ในบทภัทเทกะรัตตะคำถำ “แมผูใดเห็นธรรมเกิดขึ้นเฉพาะหนาในท่ีน้ัน ๆ อย่างแจ่มแจง ไม่ ง่อแง่นคลอนแคลน เขาควรพอกพูนอาการน้ันไว แล้วเรำควรท�ำ ให้มันเจริญให้มำกข้ึน ด้วยวิธียกมือสร้ำงจังหวะก็รู้สึก เดินจงกรมรู้สึก หำยใจเข้ำหำยใจออกรู้สึกท้องยุบเข้ำพองออกรู้สึก กระพริบตำ กลืน น้�ำลำยรู้สึกกับมันได้ อย่ำเป็น แค่รู้กับสิ่งน้ัน อะไรก็เป็นฐำนท่ีต้ังในกำร เจริญสติได้หมดเลย แม้ลมพัดมำกระทบโดนผิวเรำ เรำก็รู้ บำงครั้งไม่ ต้องแทนด้วย ภำษำก็ได้ มีเรื่องเล่ำ ท่ำนเจ้ำคุณกับหลวงตำวัดป่ำ เทศน์ ๒ ธรรมำสน ์ วันนี้เรำจะมำสำธยำยให้ญำติโยมได้ฟังพอสดับสติปัญญำว่ำด้วย อำทิตตปริยำยสูตร ควำมโลภมันร้อนเป็นไฟ ควำมโกรธมันร้อนเป็นไฟ

พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 41 ควำมหลงมันร้อนเป็นไฟ ท่ำนเจ้ำคุณ ป.ธ. ๙ อธิบำยก่อน ควำมโลภมัน รอ้ นเปน็ ไฟ ทำ่ นก็อธบิ ำย ด้วยภำษำสดุ ยอด ด้วยควำมรู้ทเ่ี รยี นมำ ชำวบำ้ น ก็สรรเสริญว่ำ ท่ำนอธิบำยชัดเจนแจ่มแจ้ง เสร็จแล้วท่ำนเจ้ำคุณก็ หันมำทำงหลวงตำ เอ้ำ หลวงตำช่วยอธิบำยให้ โยมเข้ำใจหน่อยซิ ควำม โกรธมันร้อนเป็นไฟมันเป็นอย่ำงไร ท่ำนหลวงตำก็น่ังเฉย ท่ำนเจ้ำคุณก็ ว่ำ หลวงตำได้ยินไหม หลวงตำก็นั่งเฉย ได้ยินไหมเน่ีย เสียงเร่ิมห้วน หลวงตำยังเฉย หลวงตำได้ยินไหม หลวงตำก็หันไปมองหน้ำแล้วเฉย ท่ำนเจ้ำคุณก็เริ่มหงุดหงิด ซักพักหลวงตำก็หยิบไมค์มำ แล้วพูดส้ัน ๆ ๒ พยำงค์ “ส้นตีน” ลองคิดดูว่ำจะเกิดอะไรข้ึน ท่ำนเจ้ำคุณเดือดปุด ๆ หลวงตำเป็นใครบังอำจมำว่ำเรำ ปำกสั่น หลวงตำหันไปมองแล้วก็พูด ว่ำ “น่ีไงความโกรธมันรอนเปนไฟ ไม่ตองอธิบายหรอกมันมีอยู่แลว แต่ว่าเราจะไปเห็นมันหรือเปล่า หรือเราจะไปเปนกับมัน” พูดแค่นี้ จบคือถ้ำเห็นก็แปลว่ำเรำทัน ถ้ำเป็นคือเรำไม่ทัน ดังนั้นเรำก็มำเจริญสติ เพ่ือเห็น จะได้ไม่เป็น เร่ิมเลย



ô. àจริÞÊติ´Õ‹อÁÁÕ·ÕèอาÈัÂชั´àจน ถ้ำเป็นผู้เจริญสติที่ดีจะนอนหลับง่ำยมำกสำมำรถตัดสวิตช์เร็ว เพรำะจะไม่ฟุ้งไม่มีเร่ืองต้องคิดอะไร เร่ืองลักคิดท่ีมันโผล่ขึ้นมำเรำก็จะ ท้ิงได้เร็ว แล้วหลับไปเลย ถ้ำเรำสำมำรถเจริญสติไปเร่ือย ๆ จนกระทั่ง เห็นมันหลับยิ่งดีใหญ่ เพรำะถ้ำเรำสำมำรถมองเห็นในขณะจะหลับ มัน จะท�ำให้เรำเข้ำใจอะไรบำงอย่ำงซึ่งช่วงน้ีเป็นช่วงเวลำที่วิเศษมำก ๆ ที่ เรำเห็นในกระบวนกำรท่ีจะหลับลงไป ซ่ึงวิเศษอย่ำงไรเรำจะเข้ำใจบำง อย่ำงที่เกี่ยวข้อง ท่ีเขำบอกว่ำ เวลำใกล้ตำยมันจะเกิดอะไรขึ้น กำรเห็น ภำวะจะหลับของเรำจะสำมำรถเข้ำใจสภำวะน้ันได้ แล้วจะรู้เองว่ำท�ำไม พระพุทธเจ้ำจึงบอกว่ำ สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง พึงละเวนจากการ ทําบาปท้ังปวง กุสะลัสสูปะสัมปะทา พึงทํากุศลใหถึงพรอม สะจิต- ตะปะริโยทะปะนัง ชําระจิตของตนใหผ่องแผว จะเข้ำใจว่ำถ้ำเรำไม่ มีสติที่เพียงพอ ส่ิงท่ีเรำท�ำมำท้ังหมดมันจะย้อนมำให้เรำเห็น จะเรียง หน้ำมำในรูปแบบของควำมคิด ท้ังกรรมดีและกรรมไม่ดี เพรำะฉะน้ัน ถ้ำเรำสำมำรถที่จะรู้ทัน และวำงจิตเป็นกลำงต่อส่ิงท่ีมันเรียงหน้ำเข้ำมำ เหล่ำน้ันได้ สุดท้ำยเรำอำจจะวำงได้จนถึงท่ีสุด

44 กลับมำ...รู้สึกตัว ถ้ำเรำต้ังใจปฏิบัติดี ๆ แล้วมีสติคอยเฝ้ำดู ขณะที่มันจะหลับ แล้ว เฝ้ำเห็นเรียนรู้เหมือนอย่ำงที่พระอำจำรย์ บอกพระที่วัดว่ำ “ซอมตาย” ก็ไม่แน่นะ เรำอำจจะเป็นผู้ปล่อยวำงได้ถึงท่ีสุดในขณะที่ลมหำยใจ เฮือกสุดท้ำยของเรำจบลงก็ได้ อย่ำลืมว่ำผู้ที่สำมำรถบรรลุในวำระ สุดท้ำยนั้นมีเยอะในสมัยพุทธกำล พระอรหันต์หลำยรูปท่ีส�ำเร็จขณะ ที่ก�ำลังจะหมดลมหำยใจ เพรำะฉะน้ันมันเป็นหนทำงหน่ึงจึงอยำกให้ มำตั้งใจเจริญสติให้ดี ๆ อยำกให้หงำยมือคว�่ำมือเบำ ๆ ประคองไปจน กว่ำเรำจะหลับ มันจะท�ำให้เรำหลับได้ง่ำยขึ้นเพรำะจิตไม่มีกังวล จิตไม่ ไปฟุ้งซ่ำนเอำเร่ืองโน้นเร่ืองน้ีมำคิด มันจะรับรู้ในอำรมณ์กรรมฐำนของตัว เองอย่ำงต่อเนื่อง พระอำจำรย์อยำกทบทวนเร่ืองท่ีเรำท�ำเม่ือวำนคือ ควำมแตกต่ำง ระหว่ำงหลงคิดกับตั้งใจคิด ถ้ำเรำมำนั่งมองมันจริง ๆ แล้วพยำยำม ค้นหำค�ำตอบกับมัน พระอำจำรย์บอกเลยว่ำมันจะเฉลยบำงส่ิงบำงอย่ำง ให้เรำเห็นได้ชัดมำก โดยเฉพำะส่ิงแรกเลย เมื่อหันกลับไปมองมันอีกครั้ง หนึ่งจะเห็นควำมไร้สำระของควำมหลงคิด จะรู้จะเห็นเลยว่ำมันคิดไปได้ อย่ำงไร ดูซินั่งอยู่ท่ีนี่ดี ๆ มันก็คิดเร่ืองอะไรก็ไม่รู้เดี๋ยวก็ไปโน้นเด๋ียว ก็เป็นน่ันเป็นนี่ ถ้ำเรำมองเห็นอย่ำงน้ีมองย้อนกลับไปภำวะของกำร ได้มองย้อนกลับไปเห็น คือภำวะน้ีส�ำคัญมำก ๆ มีเด็กฝรั่งคนหน่ึง มำบวชอยู่กับพระอำจำรย์ชื่อแอนด์ดรู คนฝร่ังนี่ดีอย่ำงหน่ึง คือเขำ จริงจัง เวลำเขำอยำกเรียนรู้อะไร เขำจะจริงจังกับมัน ใส่ใจ เขำอยู่กับ พระอำจำรย์นำนพอสมควร

พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 45 วันหนึ่งบอกแอนด์ดรูพระอำจำรย์จะไปอบรมผู้ป่วย HIV จะไปไหม ไปครับ อยำกไปฟังด้วย พระอำจำรย์ก็พำเขำไป วันนั้นเป็นวันท่ีอำกำร ร้อนมำก ๆ จีวรเขำหนำกว่ำของพระอำจำรย์ เขำก็ยิ่งร้อนมำกแต่ ก็ท�ำอะไรไม่ได้ พระอำจำรย์ก็เห็นแล้วว่ำเขำอึดอัด จำกโรงพยำบำล พระอำจำรยก์ พ็ ำไปโรงเรยี นทพี่ ระอำจำรยส์ อน นกั เรยี นเหน็ ฝรงั่ บวช กส็ นใจ ก็เข้ำมำคุยมะรุมมะตุ้ม ทีนี้มำรยำทเขำดีนะ เขำก็คุยด้วย แต่เรำก็เห็นว่ำ เขำอึดอัดมำกเพรำะมันร้อนพอกลับถึงวัดแอนด์ดรูถอดจีวรออก ไม่ ไหว ๆ ร้อน วุ่นวำยมำกพระอำจำรย์ ถ้ำกลับไปเยอรมนีแล้วมันวุ่นวำย อย่ำงนี้จะบวชตลอดชีวิต น่ีเพ่ิงจะรู้จักวัดครับพระอำจำรย์ เป็นอย่ำงไร หรือ ผมอยู่วัดต้ังนำนยังไม่รู้จักวัดเลย วันนี้ผมเพ่ิงรู้จักวัดว่ำสงบครับ เมืองวุ่นวำยครับ เหมือนตอนนี้ผมเพิ่งรู้จักเยอรมนีเพรำะผมมำอยู่ เมืองไทย และตอนน้ีผมยังไม่รู้จักประเทศไทย ผมต้องกลับไปเยอรมนี ซะก่อน ผมถึงจะรู้จักประเทศไทย ค�ำพูดของเขำเข้ำท่ำนะ พระอำจำรย์ เลยบอกเขำว่ำใช่แล้วหล่ะ ถ้ำเรำยังอยู่ในส่ิงใดก็ตำม เรำจะไม่รู้จักส่ิงน้ัน แต่ถ้ำเรำออกจำกมันเมื่อไหร่ เรำมองย้อนกลับมำเรำจะรู้จักสิ่งน้ัน ควำม รู้สึกควำมนึกคิดอำรมณ์ต่ำง ๆ เช่นเดียวกัน ถ้ำเรำยังอยู่ในเขำ เรำจะ ไม่รู้จักเขำ เพรำะถ้ำเรำยังอยู่กับเขำ เรำก็ตกอยู่ในกระแสเขำ และเมื่อ ใดก็ตำมเรำหลุดออกจำกกระแสเขำได้ เรำย้อนกลับมองเข้ำมำ เรำจะรู้ จักเขำ และเห็นเขำตำมควำมเป็นจริง เพรำะฉะน้ันคนท่ีอยู่ในควำมโกรธ จะไม่รู้จักควำมโกรธเพรำะตัวเองอยู่ในกระแสของมัน แต่เมื่อออกจำก มันได้คุณจะขนหัวลุกเมื่อเห็นควำมโกรธมันเป็นอย่ำงนี้ มันมีอิทธิพล

46 กลับมำ...รู้สึกตัว ต่อจิตใจเรำอย่ำงไร เรำจะมองเห็นมัน เพรำะฉะนั้นกระบวนกำรแรกท่ี พระอำจำรย์พำไปท�ำ คือให้เห็นกำรออกจำกส่ิงน้ันแล้วย้อนกลับมำมอง คือกำรมองเห็นกำรลักคิดของตนเอง มองเห็นขยะท่ีมันเยอะมำกและ สิ่งเหล่ำน้ีมันเข้ำมำในชีวิตของเรำตลอดเวลำ บำงเรื่องบำงอย่ำงบำงที ก็ไหลเข้ำไปเผลอไปกับมัน ดังนั้นเมื่อมองย้อนกลับไป เรำจะเห็นควำม ไร้สำระมำกมำยของมัน ประกำรต่อมำคือ เมื่อเรำเจริญสติจะเห็นมันชัดในขณะที่เม่ือก่อน เรำไม่เคยรู้จักมัน ไม่เคยสนใจ แต่เม่ือวำนพระอำจำรย์พำคุณกลับไปดู เขำ ซ่ึงมันมีควำมส�ำคัญอย่ำงยิ่งท่ีจะต้องรู้จักเขำ เห็นเขำ เห็นควำม หลงคิดเหล่ำนั้น เพรำะกระบวนกำรกำรปรุงแต่งทำงจิตที่มันจะปรุงแต่ง กันสู่ควำมรู้สึกควำมนึกคิดอำรมณ์ต่ำง ๆ นั้น มันมีจุดเริ่มต้นที่ตรง หลงคิดตรงน้ัน ควำมรัก ควำมหลง ควำมโกรธ ควำมชัง อำฆำต พยำบำท สุข ทุกข์ อะไรก็ตำมมันเริ่มต้นท่ีตรงน้ัน จำกกำรท่ีจิตมัน แวบออกไปจำกอำรมณ์กรรมฐำน ภำวะแห่งกำรที่มันผุดข้ึนมำน้ี จำก จิตใจเรำน่ีแหละ มันเป็นตัวเริ่มต้นให้เรำไหลไปสู่ควำมรู้สึกควำมนึก คิดอำรมณ์ต่ำง ๆ ถ้ำตำมสติปัฏฐำนเขำบอกว่ำ หมวดแห่งจิตตำนุปัส- สนำสติปัฏฐำน เวทนำนุปัสสนำสติปัฏฐำนและธัมมำนุปัสสนำสติปัฏฐำน ส่ิงเหล่ำน้ีคือหลุมพรำง ท�ำให้จิตของเรำตกเข้ำไปอยู่กับมัน เพรำะฉะนั้น ถ้ำเรำเห็นต้นเค้ำว่ำหลุมพรำงเหล่ำนั้น มันก�ำลังล่อหลอกให้เรำหลงไป เรำก็จะได้ไม่ตกไปในหลุมแต่เรำจะมองลงไปในหลุมและเห็นควำมจริง น่ันคือส่ิงท่ีเรำต้องเรียนรู้ แต่เรำไม่ต้องจ้องว่ำมันจะเกิดเมื่อไหร่ มันจะ

พระอธิกำรครรชิต อกิญฺจโน 47 เกิดของมันเอง ไม่เรียงล�ำดับ เดี๋ยวเวทนำก็มำ เด๋ียวจิตตำนุปัสสนำ ก็มำ เด๋ียวสภำวธรรมต่ำง ๆ มันก็มำให้เรำเห็น อำรมณ์ต่ำง ๆ เด๋ียวมันมำ ให้เรำเห็นเอง ส�ำคัญที่สุด คือ เรำต้องเจริญสติเอำไว้ไม่ให้ตกเข้ำไป ในกระแสของส่ิงเหล่ำน้ัน แล้วเรำจะเห็นสิ่งเหล่ำนั้นเกิดขึ้นและผ่ำนไป ซ่ึงกำรที่เรำจะเห็นอย่ำงนั้นได้ เรำต้องเห็นต้นเค้ำของมันก่อนว่ำมันผุด ข้ึนมำอย่ำงไร ดังนั้น ขบวนกำรรู้เท่ำทันของกำรลักคิด ควำมหลงคิดน่ีเอง จะ เป็นกำรที่ท�ำให้เรำเห็นต้นเค้ำของมัน ดังนั้น กำรเจริญสติที่ดีนั้นจะท�ำให้ เรำมีที่อำศัย เค้ำเรียกว่ำ “วิหารธรรม” เหมือนกับเรำนั่งบนก้อนหิน ก้อนใหญ่ ๆ อยู่กลำงล�ำธำร น้�ำมันไหลมำเอ่ือย ๆ เรำก็เห็น มันจะไหล มำอย่ำงรุนแรง เหมือนน้�ำป่ำเรำก็เห็น แต่เรำจะไม่ตกเข้ำไปในกระแส ของมันเพรำะเรำมีท่ีน่ังอย่ำงปลอดภัย เรำจะมองเห็นว่ำน้�ำมันไหลมำ จำกทิศทำงใด แล้วจะไม่แปดเปอนกับมันเรำจะเป็นเพียงผู้ดูและเห็นมัน ดังน้ัน ที่พระอำจำรย์ให้แยกระหว่ำงตั้งใจคิดและหลงคิด ควำม ตั้งใจคิดมันไม่ได้เกิดเรื่อย ๆ มันเกิดขึ้นมำเป็นบำงคร้ังที่เรำท�ำงำนต้อง หำค�ำตอบกับมัน ที่เรำต้องท�ำโน่นท�ำน่ี ในระหว่ำงกำรปฏิบัติเรำตัด ท้ิงไปเลย เพรำะเรำไม่ได้ท�ำงำนตอนน้ี ดังนั้น ควำมคิดท่ีผุดขึ้นมำต่ำง ๆ ต่อไปน้ีคือลักคิด เรำจะเห็น “ความลักคิด” เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลำ เด๋ียว ก็ผุดข้ึนมำ เรำไม่อำจจะปฏิเสธมัน “ในขบวนการเจริญสติเราจะไม่ ปฏิเสธความลักคิดหรือหลงคิดแต่เราจะรูเท่าทันมัน” เพรำะถ้ำปฏิเสธ

48 กลับมำ...รู้สึกตัว เม่ือไหร่แปลว่ำไปกดข่มจิตใจเอำไว้ จะท�ำให้เรำไม่มีทำงรู้ควำมจริงของ ธรรมชำติจิต เพรำะตัวลักคิดหรือหลงคิดจะเป็นตัวแสดงธรรมชำติ ของจิตให้เรำได้เห็น คุณจะรู้จักจริตนิสัยใจคอตัวเองชัดเจนขึ้น รู้จัก ตัวเองมำกขึ้น เพรำะถ้ำคนเรำมีควำมคุ้นชินทำงไหนมันก็จะผุดเร่ือง น้ันขึ้นมำเรื่อย ๆ เพรำะคือส่ิงท่ีเรำส่ังสม และเม่ือเรำมองย้อนกลับไปใน สิ่งที่เรำลักคิด เรำจะเห็นควำมไร้สำระของจิตเรำมำกมำยขนำดน้ี เพ่ือ ให้เบื่อหน่ำยคลำยจำกกำรเข้ำไปหลงยึดม่ันถือมั่นกับควำมหลงคิด เหล่ำนั้น เมื่อจิตเห็นมันก็จะเริ่มคลำยจำกกำรเข้ำไปหลงยึด เหมือน ผู้หญิงคนหนึ่งไปหำพระอำจำรย์ที่วัด ท่ำทำงทุกข์มำกเหมือนคนไม่ ได้หลับได้นอน พระอำจำรย์ก็ถำมมีอะไร เขำบอกว่ำฝันว่ำไปงำนศพ พอจุดธูปเคำรพศพเสร็จ ก็เงยหน้ำเห็นว่ำเป็นรูปเธอเอง เธอกลัวมำก เธอบอกพระอำจำรย์ว่ำเธอฝันแม่น พระอำจำรย์ถำมว่ำคืนนั้นฝันก่ีเร่ือง เธอบอกจ�ำไม่ได้ เดินมำหำพระอำจำรย์เดินคิดมำก่ีเร่ือง จ�ำไม่ได้ จ�ำไว้ให้ ดี “กลำงคืนว่ำฝันกลำงวันว่ำคิด” มันไม่ได้แตกต่ำงกัน คนเรำมันจะจ�ำ ได้เฉพำะ ๒ อย่ำงเท่ำน้ัน ๑. พอใจ ๒. ไม่พอใจ ถ้ำมันพอใจมันก็จะ จ�ำได้ ถ้ำมันไม่พอใจมันก็จ�ำ ได้ถ้ำเฉย ๆ ไม่สนเพรำะควำมฝันน้ันคุณ ไม่พอใจ เลยจ�ำได้ แต่ทั้งคืนนั้นฝันเป็นร้อยเร่ือง แต่กลับจ�ำไม่ได้ ก็เลย พำโยมคนนั้นเจริญสติ ให้มองเห็นควำมลักคิด พอท�ำไปก็เร่ิมเข้ำใจ เพรำะฉะนั้นอย่ำไปคิดมำก น่ีผ่ำนมำ ๕ ปแล้วยังไม่ตำยเลย แต่งงำนมี ลูกไปแล้วด้วย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook