Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระเบียบวัดผล64

ระเบียบวัดผล64

Published by samai.c, 2021-05-25 08:58:42

Description: ระเบียบวัดผล64

Keywords: โรงเรียนนครสวรรค์

Search

Read the Text Version

ระเบียบวดั และประเมนิ ผลโรงเรยี นนครสวรรค์ พุทธศกั รำช ๒๕๖๔ หลักสูตรโรงเรยี นนครสวรรค์ พุทธศกั รำช ๒๕๖๔ ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขนั้ พน้ื ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑ โรงเรยี นนครสวรรค์ สำนกั งำนเขตพน้ื ท่กี ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครสวรรค์ สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พื้นฐำน กระทรวงศกึ ษำธิกำร

ระเบยี บการวัดผลและประเมินผลโรงเรยี นนครสวรรค พุทธศกั ราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 สํานักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษานครสวรรค สาํ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

ก ประกาศโรงเรยี นนครสวรรค เร่ือง ใหใชระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลโรงเรียนนครสวรรค พุทธศกั ราช 2564 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ----------------------------- ระเบียบวัดและประเมินผลโรงเรยี นนครสวรรค พุทธศักราช 2561 เปน ระเบยี บวัดและ ประเมนิ ผลท่มี ีความสอดคลอ งกับหลกั สตู รโรงเรยี นนครสวรรค พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 และไดด าํ เนินการตามคาํ สง่ั กระทรวงศกึ ษาธิการ ท่ี สพฐ 1239/2560 ลงวันท่ี 7 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2560 เรอ่ื งใหใชห ลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 โดยระเบียบนีก้ ําหนดใหใชค วบคูกับหลักสตู รโรงเรียนนครสวรรค พทุ ธศักราช 2561 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 เพ่ือใหก ารวัดและประเมนิ ผลของโรงเรยี นมีความสอดคลอ งกบั ประกาศของสํานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน โรงเรียนนครสวรรคจงึ ไดจ ดั ทําระเบยี บการวดั และประเมนิ ผลโรงเรียน นครสวรรค พุทธศกั ราช 2561 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐานพทุ ธศักราช 2551 ขึ้น ดวย ความรวมมอื ของทกุ ฝา ยทเี่ ก่ียวของเพือ่ ใหบ ุคลากรยดึ ถือเปนแนวทางในการจัดการเรียนการสอน พัฒนาและ สงเสริมใหผ เู รยี นมคี ุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู มีความเขาใจทชี่ ดั เจนตรงกนั รวมกันรบั ผิดชอบและ ทาํ งานรว มกันอยางมรี ะบบ ท้ังน้ี ระเบียบการวัดและประเมินผลโรงเรียนนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2564 ไดรับความ เห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน เมื่อวันที่ 7 เดือน ธนั วามคม พ.ศ. 2563 จึงประกาศให ใชร ะเบยี บวัดและประเมินผลโรงเรยี นนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2564 ตั้งแตบ ดั นี้เปน ตนไป ประกาศ ณ วนั ท่ี 7 ธนั วามคม พ.ศ. 2564 (นายจติ ตเกษม นโิ รจนธ นรฐั ) (นางสาวจงกล เดชปน ) ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ผูอ าํ นวยการโรงเรยี นนครสวรรค โรงเรียนนครสวรรค

ข คํานาํ หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เปน หลกั สูตรแกนกลางของ ประเทศมจี ุดประสงคท ่จี ะพัฒนาคณุ ภาพของผูเ รียนใหเ ปนคนดี มปี ญ ญา มคี ณุ ภาพชีวิตทด่ี ี มีขดี ความสามารถ ในการแขงขนั โดยเฉพาะอยางยิ่งการเพิ่มศกั ยภาพของผูเรียนใหส งู ข้ึน สามารถดาํ รงชีวติ อยา งมี ความสขุ บนพนื้ ฐานของความเปน ไทยและความเปนสากล รวมทั้งมคี วามสามารถในการประกอบอาชีพ หรือ ศกึ ษาตอ ตามความถนดั ความสนใจและความสามารถของแตล ะบุคคลการวดั และประเมนิ ผลการเรียนเปน มาตรการหนงึ่ ทจี่ ะชวยใหไดมาซงึ่ ขอมลู มาพัฒนาผเู รียนใหบรรลเุ ปา หมายของหลกั สูตร เพ่ือความเขา ใจ ตรงกนั และมีแนวทางปฏบิ ตั ิ ในเรือ่ งการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นไปในทิศทางเดียวกัน โรงเรยี น นครสวรรค จงึ ไดจ ัดทาํ ระเบยี บการวดั และประเมนิ ผลโรงเรยี นนครสวรรค พุทธศกั ราช 2564 ท่สี อดคลอ ง กับหลกั สูตรโรงเรียนนครสวรรค พุทธศักราช 2564 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือใหผูบ รหิ าร ครู และผทู ีเ่ กยี่ วขอ งเขาใจสาระและเจตนารมณของระเบยี บตลอดจนแนวปฏิบตั ทิ ี่ ถกู ตอง โรงเรียนนครสวรรคขอขอบคุณ คณะกรรมการบริหารหลักสตู รและวชิ าการโรงเรียนนครสวรรค ทไ่ี ดร วมกันปรบั ปรุงระเบียบการวัดและประเมนิ ผลของโรงเรยี นมา ณ ท่ีน้ดี วย โรงเรยี นนครสวรรค หวังเปน อยา งยิ่งวา ระเบียบการวัดและประเมินผลโรงเรยี นนครสวรรค พทุ ธศักราช 2564 ฉบบั น้จี ะเปน ประโยชนตอ การปฏิบัติงานดา นการวดั ผลประเมนิ การเรยี นอนั จะนําไปสกู ารพฒั นาคุณภาพของผเู รยี นอยางมปี ระสิทธภิ าพ และเกิดประสทิ ธผิ ล (นางสาวจงกล เดชปน ) ผอู าํ นวยการโรงเรยี นนครสวรรค

สารบญั ค ประกาศโรงเรยี นนครสวรรค หนา คํานํา สารบัญ ก ระเบียบโรงเรยี นนครสวรรค วา ดว ยการวดั และประเมนิ ผล ระดบั มัธยมศกึ ษา พุทธศกั ราช 2564 ข ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ค หมวด 1 หลักการดาํ เนินการวัดและประเมนิ ผลการเรียน 1 การประเมินผลการเรียน 2 หมวด 2 องคป ระกอบของการวัดและประเมินผลการเรยี นรู 2 3 การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู 3 หมวด 3 วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู 4 4 การประเมินผลเพอ่ื ปรบั ปรุงพฒั นาการเรียนรู 5 การประเมนิ ผลเพ่อื ปรบั ปรงุ การเรยี นรู 6 หมวด 4 เกณฑการวัดและประเมินผลการเรยี นรู 6 การตดั สินผลการเรียน 6 การกําหนดคะแนนระหวา งเรยี นและปลายภาค 9 การประเมนิ ผลการเรยี นรใู หระดบั ผลการเรียน 14 การเปลี่ยนผลการเรยี น 13 การเล่ือนชัน้ 15 การเรียนซํา้ ช้ัน 15 การสอนซอมเสริม 15 เกณฑก ารตัดสนิ ผลการเรียนจบหลกั สตู รสถานศึกษา 16 หมวด 5 การเทยี บโอนผลการเรยี น 17 หมวด 6 การรายงานผลการเรียน 17 จุดมงุ หมายการรายงานผลการเรียน 17 ขอมูลในการรายงานผลการเรียน 18 ลกั ษณะขอ มลู สาํ หรบั การรายงาน 18 เปาหมายการรายงาน 19 วธิ กี ารรายงาน 20 การกาํ หนดระยะเวลาในการรายงาน 20 หมวด 7 เอกสารหลกั ฐานการศึกษา 20 เอกสารหลักฐานการศึกษาท่กี ระทรวงศกึ ษาธกิ ารกําหนด 23 หมวด 8 การยา ยสถานศกึ ษา บรรณานุกรม

สารบญั (ตอ) หนา ภาคผนวก ก แผนผัง กระบวนการตัดสินและแกไ ขผลการเรยี น และวธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล ข ประกาศโรงเรียนนครสวรรค เร่ืองเกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู ค การประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค ง การประเมินการอา น คิด วเิ คราะหแ ละเขียน จ การประเมนิ สมรรถนะของผเู รยี น ฉ ประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เรอ่ื งการเทยี บโอนผลการเรียนการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน และการศกึ ษาระดับอุดมศกึ ษาระดับตํ่ากวาปริญญา และแนวปฏบิ ัตเิ กยี่ วกับการเทียบโอน ผลการเรยี น ช คําสั่งสํานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 42 เร่ือง แตงตั้งคณะกรรมการ บรหิ ารหลักสตู รและงานวชิ าการสถานศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน ซ ประกาศสาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน เรอื่ งแนวปฏิบัติการใชขอสอบ แบบเขยี นตอบในการวดั และประเมนิ คณุ ภาพผเู รียน/ตารางวิเคราะหแ บบทดสอบ (Test Blueprint) /อนุกรมวิธานท่ปี รับปรุงมาจากบลมู

1 ระเบยี บการวัดและประเมินผลโรงเรียนนครสวรรค พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551

2 ระเบยี บโรงเรียนนครสวรรค วาดว ยการวัดผลและประเมินผล ระดับมธั ยมศกึ ษา พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 --------------------------------- ตามท่โี รงเรยี นนครสวรรค ไดประกาศใชหลักสตู รโรงเรียนนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ตามคําส่ัง กระทรวงศกึ ษาธิการ ท่ี สพฐ 1239/2560 ลงวนั ท่ี 8 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2560 เร่อื งใหใ ชหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 จึงเปน การสมควรท่ีกาํ หนดระเบยี บโรงเรยี นนครสวรรค วาดว ยการวัดผลและประเมนิ ผล การเรยี นรตู ามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธราช 2551 เพอ่ื สามารถดาํ เนินการไดอยางมี ประสทิ ธิภาพ และสอดคลองกับประกาศดังกลา ว ฉะนน้ั อาศยั อํานาจตามความใน มาตรา 39 แหงพระราชบัญญตั ิ ระเบียบบรหิ ารราชการ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร พ.ศ. 2546 และกฎกระทรวงแบงสวนราชการ คณะกรรมการบริหารหลักสตู ร และงาน วิชาการ สถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐานโดยความเหน็ ขอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้นื ฐาน จึงวางระเบียบ ไว ดังตอ ไปนี้ ขอ 1 ระเบียบนี้เรยี กวา “ระเบยี บโรงเรียนนครสวรรค วาดว ยการวดั และประเมินผล การเรยี นรู” ขอ 2 ระเบยี บน้ใี หใชบ งั คบั ต้ังแตป การศกึ ษา 2564 เปน ตนไป ขอ 3 ใหย กเลกิ ระเบยี บ ขอบังคบั หรอื คําส่ังอ่ืนใด ในสว นท่ีกาํ หนดไวใ นระเบยี บนีซ้ ่ึงขัด หรอื แยงกับระเบียบน้ี ใหใ ชร ะเบียบน้แี ทน ขอ 4 ระเบยี บนีใ้ หใชค วบคูกับหลักสูตรโรงเรยี นนครสวรรค พุทธศักราช 2564 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ขอ 5 ใหผูอาํ นวยการโรงเรยี นนครสวรรครกั ษาการใหเ ปน ไปตามระเบียบนี้ หมวด 1 หลักการดาํ เนนิ การวดั และประเมนิ ผลการเรียน ขอ 6 การประเมินผลการเรยี น การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรขู องโรงเรยี นนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 เปนกระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความ ผลการ เรียนรู และพัฒนาการดานตางๆ ของผูเ รยี นตามมาตรฐานการเรียนรู/ตัวชีว้ ัด ผลการเรยี นรู ของหลักสูตร นาํ ผลไปปรบั ปรุงพฒั นาการจัดการเรียนรแู ละใชเ ปนขอ มลู สาํ หรับการตัดสินผลการเรยี น โรงเรยี นจงึ มี กระบวนการจดั การทเ่ี ปน ระบบ เพือ่ ใหการดาํ เนินการวัดและประเมินผลการเรียนรเู ปนไปอยางมคี ุณภาพและ ประสทิ ธิภาพ ผลการประเมินตรงตามสภาพการเรยี นรู ความสามารถทีแ่ ทจ ริงของผูเรยี น ถกู ตอ งตาม หลักการวัดและประเมินผลการเรยี นรู รวมทงั้ สามารถรองรับการประเมินภายในและการประเมินภายนอก

3 ตามระบบประกนั คุณภาพการศกึ ษาได โรงเรยี นจึงกําหนดหลกั การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู เพื่อเปน แนวทางในการตัดสนิ ใจเกี่ยวกับการวดั และประเมินผลการเรียนรูของโรงเรียน ดังน้ี 6.1 การประเมนิ ผลการเรียนรขู องผเู รยี น เปด โอกาสใหท ุกฝายทเ่ี ก่ียวของมสี วนรว ม ในการประเมนิ ผล 6.2 การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรตู องสอดคลองและครอบคลุมมาตรฐานการ เรียนรู/ ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู ตามกลมุ สาระการเรยี นรทู ่ีกาํ หนดในหลกั สตู ร และจดั ใหมกี ารประเมนิ การอาน คิดวเิ คราะหและเขียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค สมรรถนะของผูเรียน ตลอดจนกจิ กรรมพฒั นาผูเรยี น 6.3 การประเมินการเรียนรูของผเู รยี นพิจารณาจากพฒั นาการของผเู รียน ความ ประพฤติ การสงั เกต พฤติกรรมการเรยี นรู การรวมกิจกรรมและการทดสอบควบคไู ปในกระบวนการเรียนการ สอน ตามความ เหมาะสมของแตละระดับ 6.4 การวดั และประเมินผลการเรยี นรเู ปนสวนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรยี นการ สอน ตอ งดําเนินการดวยเทคนคิ วิธกี ารท่หี ลากหลาย เพ่ือใหสามารถวดั และประเมนิ ผลผูเรียนไดอ ยา งรอบดาน ทง้ั ดา นความรู ความคิด กระบวนการ พฤติกรรมและเจตคติ เหมาะสมกับสง่ิ ทตี่ องการวัด ธรรมชาตวิ ิชา และ ระดับชน้ั ของผเู รยี นโดยตัง้ อยูบนพน้ื ฐานความเท่ยี งตรง ยตุ ิธรรม และเช่ือถือได 6.5 การประเมนิ ผลการเรยี นรู มีจดุ มงุ หมายเพ่อื ปรบั ปรงุ พัฒนาผเู รยี น พฒั นาการ จดั การ เรยี นรแู ละตัดสินผลการเรียน 6.6 เปด โอกาสใหผ เู รยี นและผมู ีสวนเกย่ี วของตรวจสอบผลการประเมินผลการเรียนรู 6.7 มกี ารเทียบโอนผลการเรียนระหวางสถานศึกษาและรูปแบบการศกึ ษาตา ง ๆ 6.8 จัดทําเอกสารหลักฐานการศึกษา เพื่อเปน หลกั ฐานการประเมินผลการเรียนรู รายงาน ผลการเรียน แสดงวฒุ กิ ารศกึ ษาและรบั รองผลการเรียนของผเู รียน หมวด 2 องคประกอบของการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู ขอ 7 การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู หลกั สูตรโรงเรยี นนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กาํ หนดจดุ หมาย สมรรถนะสาํ คัญของผูเรยี น มาตรฐานการเรยี นรูเปน เปาหมาย และกรอบทศิ ทางในการพฒั นาผเู รยี นใหเปน คนดี มีปญญา มีคุณภาพชีวิตทด่ี แี ละมขี ีดความสามารถ ในการ แขง ขนั ในเวทรี ะดับโลก กําหนดใหผูเรยี นไดเรียนรูตามมาตรฐานการเรียนรู/ตวั ชี้วดั /ผลการเรยี นรู ทกี่ าํ หนดในกลมุ สาระการ เรียนรู 8 กลุม สาระ มคี วามสามารถดานการอาน คิดวิเคราะหและเขยี น มีคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค สมรรถนะของผเู รียนและ เขารวมกจิ กรรมพัฒนาผูเรียน และการวดั และ ประเมนิ ผลการเรียนรูมีองคป ระกอบดังนี้ 7.1 การวดั และประเมินผลการเรยี นรูตามกลุมสาระการเรียนรู ผสู อนทําการวัดและ ประเมินผลการเรียนรูผเู รยี นเปนรายวชิ าตามมาตรฐานการเรยี นรู/ ตวั ช้วี ัด/ผลการเรยี นรู ทีก่ ําหนดในหนวย การเรยี นรดู วยวธิ กี ารท่ีหลากหลาย ใหไดผลการประเมินตามความสามารถท่ีแทจริงของผูเรยี น โดยทําการวัด และประเมินผลการเรียนรูไปพรอมกบั การจดั การเรียนการสอน ไดแก การสงั เกตพฒั นาการและความ ประพฤติของผูเรยี น การสังเกตพฤติกรรมการเรยี น การรว มกิจกรรมและการทดสอบ ซ่ึงผสู อนตองนํา นวตั กรรมการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรูทหี่ ลากหลาย เชน การประเมนิ สภาพจรงิ การประเมนิ การ

4 ปฏิบตั ิงาน การประเมนิ จากโครงงานและการประเมินจากแฟม สะสมผลงาน ไปใชใ นการประเมินผลการเรยี นรู ควบคูไปกบั การใชแบบทดสอบแบบตางๆ และใหความสาํ คัญกับการประเมินระหวางภาคมากกวา การประเมิน ปลายภาค 7.2 การประเมนิ การอา น คดิ วเิ คราะหแ ละเขยี น เปนการประเมนิ ศักยภาพของ ผเู รียนใน การอา น การฟง การดูและการรบั รจู ากหนังสือ เอกสารและสอื่ ตาง ๆ ไดอยางถกู ตอง แลว นาํ มาคดิ วิเคราะหเนอื้ หาสาระทีน่ ําไปสกู ารแสดงความคดิ เห็น การสังเคราะหสรา งสรรคในเร่ืองตาง ๆ และถา ยทอด ความคิดนนั้ ดว ยการเขียนซง่ึ สะทอนถึงสติปญ ญา ความรู ความเขาใจ ความสามารถในการคดิ วิเคราะห แกปญ หา และสรางสรรคจินตนาการอยางเหมาะสมและมีคณุ คา แกตนเอง สงั คม และประเทศชาติ พรอม ดวยประสบการณและทกั ษะในการเขยี นทม่ี สี ํานวนภาษาถูกตอ ง มเี หตุผลและลาํ ดบั ขน้ั ตอนในการนาํ เสนอ สามารถสรา งความเขา ใจแกผ อู า นไดอยางชัดเจนตามระดับความสามารถในแตล ะระดบั ชนั้ แลว รวบรวมผล การประเมินการประเมินการ อาน คิดวิเคราะหแ ละเขยี น จากผปู ระเมินทุกฝา ยและแหลงขอ มูลหลายแหลง เพ่ือใหไ ดขอมูลนํามาพจิ ารณาสรุปผลเปน รายภาค เพ่อื ใชเ ปนขอ มูลประเมนิ การเลอื่ นชน้ั เรียนและการจบ การศกึ ษา 7.3 การประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 เปนการประเมนิ รายคณุ ลกั ษณะ แลวรวบรวมผลการประเมนิ จากผูประเมนิ ทกุ ฝา ยและแหลงขอมลู หลายแหลง เพ่ือใหไดขอ มลู นาํ มาพจิ ารณาสรุปผลเปนรายภาค เพ่ือใชเปนขอมลู ประเมนิ การเลือ่ นชัน้ เรยี นและการจบการศึกษา 7.4 การประเมนิ สมรรถนะของผูเ รยี น เปน การประเมินศักยภาพของผูเรยี นใน ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกปญ หา ความสามารถในการใช ทักษะชวี ติ และความสามารถในการใชเทคโนโลยี แลวรวบรวมผลการประเมนิ จากทุกฝา ยและแหลงขอมลู หลายแหลง เพื่อใหไดขอ มูลนํามาพิจารณาสรปุ ผลเปนรายภาค 7.5 การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผูเรียน เปน การประเมนิ การปฏิบตั ิกิจกรรมตาม จุดประสงค และเวลาในการเขา รวมกจิ กรรมตามเกณฑท ี่กําหนดไวในแตละกิจกรรมและใชเปนขอมูลประเมิน การเลื่อนชั้น เรียนและการจบการศกึ ษา หมวด 3 วิธีการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู ขอ 8 การประเมินผลเพ่ือปรับปรุงพัฒนาการเรยี นรู 8.1 การจัดการเรียนรู 8.1.1 กลุมสาระการเรียนรู ครูผูสอนแจงใหนักเรียนทราบดงั น้ี 1) มาตรฐานการเรียนรู/ ตัวชว้ี ดั ผลการเรยี นรู 2) คุณลักษณะอนั พึงประสงค 3) การอาน คิดวิเคราะห และเขยี น 4) สมรรถนะของผเู รียน 5) วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล ขอ 1), 2), 3) และ 4)

5 6) เกณฑการผานขอ 1), 2), 3) และ 4) 8.1.2 การจดั การเรยี นรกู จิ กรรมพัฒนาผเู รยี นครผู สู อนแจง ใหน ักเรียน ทราบดงั น้ี 1) จุดประสงคก ารเรียนรู 2) คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค 3) การอาน คิดวเิ คราะห และเขียน 4) สมรรถนะของผูเรยี น 5) วธิ กี ารวัดและประเมินผล ขอ 1), 2), 3) และ 4) 6) เกณฑการผา นขอ 1), 2), 3) และ 4) 8.2 กอ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู ผสู อนตอ งประเมนิ ผลกอนเรยี นเพ่ือตรวจสอบ ความรูพ ้นื ฐานและทักษะเบอ้ื งตนของนกั เรียน 8.3 ระหวา งเรียน ผสู อนประเมินผลการเรยี นรูของนักเรียนเปนระยะๆ ดังนี้ 8.3.1 ประเมินผลตามมาตรฐานการเรยี นรู/ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรียนรขู อง รายวชิ าเพือ่ พัฒนาการเรียนรูของผเู รยี นและเพื่อการผานตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรู 8.3.2 กลางภาคเรยี น เมือ่ กระบวนการเรยี นรผู า นมารอ ยละ 50 มกี าร ประเมินผลการเรียนรูกลางภาคเรยี น โดยเลือกประเมินเฉพาะตัวชวี้ ดั /ผลการเรยี นรูที่สําคัญใหครอบคลุมทงั้ ความรู ทกั ษะกระบวนการ และการอา นคดิ วิเคราะห 8.3.3 ประเมินผลตามมาตรฐานการอา น คดิ วเิ คราะห และเขียน เพื่อพฒั นาการเรียนรแู ละการผา นการประเมินการอาน คิดวิเคราะห และเขียน 8.3.4 ประเมนิ ผลตามตัวบงช้ีแตล ะคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค เพื่อประเมินวินจิ ฉยั และปรบั เปลีย่ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค และการผานการประเมินคณุ ลักษณะอนั พึง ประสงค 8.3.5 ประเมนิ ผลตามตัวชว้ี ัดแตละสมรรถนะของผูเ รยี น เพอ่ื พฒั นาการ เรียนของผเู รียน และการผานการประเมินสมรรถนะของผูเรียน 8.3.6 ประเมินผลตามจุดประสงคก ารเรยี นรขู องกจิ กรรมพัฒนาผเู รียน เพอื่ พฒั นาการเรียนรขู องผูเรียนและเพื่อผา นจุดประสงคก ารเรียนรขู องกจิ กรรมพัฒนาผเู รียน 8.4 ปลายภาคเรียน เม่อื จบกระบวนการเรียนรู มีการประเมนิ ผลการเรยี นรูป ลาย ภาคเรียน โดยเลือกประเมนิ เฉพาะตัวช้วี ัด/ผลการเรียนรูท่ีสาํ คัญใหค รอบคลมุ ทั้งความรู ทกั ษะกระบวนการ และการอา นคิดวิเคราะหและ เขียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค สมรรถนะของผเู รียน เพ่ือตรวจสอบคุณภาพ ตามทกี่ ําหนดไวใ นหลกั สตู ร ขอ 9 การประเมนิ ผลเพื่อปรับปรงุ การเรยี นรตู ามขอ 8.3 ระหวา งเรยี น ถา ผูเรียนมีความรู ความสามารถตํ่ากวา เกณฑท่ีกาํ หนดไวด งั นี้ 9.1 ตามขอ 8.3.1 ใหผ ูสอนสอนซอมเสริมใหส อดคลอ งกับลักษณะการเรยี นรูของ ผูเรยี นซึง่ มีผลการประเมนิ ไมถึงรอยละ 70 ใหประเมนิ ผลเพือ่ ปรบั ปรงุ การเรยี นรูไมเกิน 3 ครั้ง โดยผลการ ประเมินเพ่ือปรบั ปรุงการเรยี นรไู ดเปน รอยละ 70 หรอื ใชค ะแนนสูงสุดของการสอบซอ มใน 3 คร้งั นต้ี องไมต ํ่า กวารอ ยละ 60

6 9.2 ตามขอ 8.3.2 ใหผ สู อน สอนซอ มเสริมใหส อดคลอ งกับลักษณะการเรียนรูของ ผูเรียนซ่ึงมผี ลการประเมินไมถึงรอ ยละ 60 ใหประเมินผลเพอื่ ปรับปรงุ การเรียนรูไ มเกิน 2 ครงั้ โดยผลการ ประเมนิ เพื่อปรบั ปรุงการเรยี นรูไ ดเ ปนรอยละ 60 ขอ 10 ใหใ ชผ ลการประเมินตามขอ 8 ในการตัดสนิ ผลดงั น้ี 10.1 ตามขอ 8.3.1 ตดั สินผลการผา นตวั ชีว้ ัด/ผลเรียนรูของรายวิชา และ ขอ 8.3.2 กลางภาคเรียน เพ่ือพฒั นาการเรียนรขู องผูเรียน เพือ่ ผานตวั ชีว้ ดั /ผลการเรียนรู ใชตัดสนิ ผลการ ผา นตวั ชว้ี ัด/ผลการเรียนรู 10.2 ตามขอ 8.3.1 การประเมินผลตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรขู องรายวชิ า และขอ 8.3.2 กลางภาคเรยี น เพ่ือพัฒนาการเรียนรูของผูเรยี นและเพื่อผานตัวชีว้ ดั /ผลการเรยี นรู กบั ขอ 8.4 การประเมินผลปลายภาคเรยี น เม่ือจบกระบวนการเรยี นรใู ชต ดั สนิ ผลการเรียนรู 10.3 ตามขอ 8.3.3 การประเมนิ ผลตามมาตรฐานการอาน คิดวเิ คราะห และเขียน กับ การประเมินผลปลายภาคเรียนใชตัดสนิ ผลการผานการประเมินการอาน คดิ วิเคราะหและเขยี น 10.4 ตามขอ 8.3.4 ตัดสินผลการผานคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค 10.5 ตามขอ 8.3.5 ตดั สินผลการผานสมรรถนะของผเู รียน 10.6 ตามขอ 8.3.6 ตัดสนิ ผลการผา นเกณฑก ิจกรรมพัฒนาผเู รยี น หมวด 4 เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู ขอ 11 การตัดสินผลการเรยี น หลักสตู รโรงเรียนนครสวรรค พทุ ธศักราช 2564 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ไดกําหนดโครงสรา งเวลาเรยี น มาตรฐาน การเรยี นรู/ตวั ช้ีวดั /ผลกาเรยี นรู การอาน คิดวิเคราะหและเขยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคแ ละกจิ กรรม พฒั นาผูเรยี นทโ่ี รงเรยี นตองจดั ใหผเู รยี นเกดิ การเรียนรูมคี ณุ ภาพเต็มตามศักยภาพ โรงเรียนจงึ กาํ หนดเกณฑ การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู เพ่อื ตดั สนิ ผลการเรียนของผูเรยี น ดังนี้ 11.1 ผเู รียนตอ งมเี วลาเรียนไมนอ ยกวา รอ ยละ 80 ของเวลาเรยี นท้งั หมด 11.2 ผูเรยี นตอ งไดรบั การประเมนิ ทุกมาตรฐานการเรยี นรู/ตัวช้วี ัด/ผลการเรยี นรู และผานการประเมนิ รอยละ 100 ของตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู ของรายวชิ า 11.3 ผเู รยี นตอ งไดรับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา 11.4 ผเู รียนตองไดร ับการประเมนิ และมีผลการประเมินผา นตามเกณฑท ่ีกาํ หนด ในการ อาน คิดวิเคราะหแ ละเขียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค สมรรถนะของผเู รียนและกิจกรรมพฒั นาผเู รียน ขอ 12 การกําหนดคะแนนระหวา งเรียนและปลายภาค เพื่อใชต ัดสินผลการเรยี นกําหนด ดังน้ี 12.1 รายวิชาของกลุมสาระการเรียนรู ใหน ําคะแนนระหวา งเรยี นรวมกับปลาย ภาคเรียน แลว นาํ มาตดั สินผลการเรียน ดงั น้ี 12.1.1 กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย, คณติ ศาสตร, วทิ ยาศาสตร และเทคโนโลยี , สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และภาษาตา งประเทศ กาํ หนดดังน้ี คะแนนระหวา งภาคเรียน 70 คะแนน คะแนนปลายภาคเรยี น 30 คะแนน

7 รวม 100 คะแนน 12.1.2 กลมุ สาระการเรียนรูสขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ศิลปะ และการงาน อาชีพ กําหนดดงั นี้ คะแนนระหวา งภาคเรยี น 80 คะแนน คะแนนปลายภาคเรียน 20 คะแนน รวม 100 คะแนน 12.2 การประเมนิ การอาน คิดวิเคราะห และเขยี น เพ่ือการเลอื่ นระดับชน้ั และจบ การศกึ ษากําหนดเกณฑการตัดสนิ เปน 4 ระดับ และความหมายของแตล ะระดบั ดังนี้ ดีเยยี่ ม (3) หมายถึง มผี ลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอา น คดิ วิเคราะห และเขียนที่มีคุณภาพท่ีดีเลศิ อยเู สมอ ดี (2) หมายถึง มีผลงานท่แี สดงถึงความสามารถในการอา น คดิ วิเคราะห และเขียนท่ีมีคุณภาพเปนทีย่ อมรับ ผาน (1) หมายถึง มผี ลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอาน คิดวิเคราะห และเขียนท่ีมี คณุ ภาพเปน ท่ยี อมรบั แตย งั มขี อบกพรอง บางประการ ไมผาน (0) หมายถงึ ไมมีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอา น คดิ วิเคราะหและเขียน หรือถามีผลงาน ผลงานนนั้ ยงั มี ขอบกพรองที่ตอ งไดรบั การปรบั ปรงุ แกไ ขหลายประการ 12.3 การสรุปผลประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงครวมทุกคุณลักษณะเพื่อการ เลื่อนระดับชัน้ และจบการศึกษากาํ หนดเกณฑก ารตดั สินเปน 4 ระดบั และความหมายของแตล ะระดับดังน้ี ดเี ยี่ยม (3) หมายถึง นกั เรียนปฏิบัติตามคุณลักษณะจนเปนนสิ ยั และนาํ ไปใช ในชวี ติ ประจําวนั เพ่อื ประโยชนสขุ ของตนเองและสงั คม โดยพิจารณาจาก ผลการประเมินระดับดีเย่ยี มจํานวน 5 -๘ คณุ ลักษณะ และไมม ี คุณลกั ษณะใดไดผ ลการ ประเมนิ ตา่ํ กวาระดบั ดี ดี (2) หมายถงึ นกั เรยี นมคี ุณลกั ษณะในการปฏิบัติตามเกณฑเ พอื่ ใหเ ปน การยอมรับ ของสังคมโดยพจิ ารณาจาก (1) ไดผลการ ประเมนิ ระดบั ดเี ย่ียมจาํ นวน 1-4 คุณลกั ษณะและไมมี คณุ ลักษณะใดท่ีไดผ ลการการประเมนิ ต่าํ กวา ระดับดีหรือ (2) ไดผ ลการประเมนิ ระดบั ดีเยีย่ มจาํ นวน 4 คณุ ลักษณะ และไมมคี ุณลักษณะใดที่ไดผลการการประเมนิ ตา่ํ กวา ระดบั ดีหรอื (3) ไดผลการประเมินระดับดีเยย่ี มจาํ นวน 5-8 คณุ ลักษณะและไมมี คณุ ลักษณะใดทไี่ ดผลการ ประเมินต่าํ กวา ระดับดี ผาน (1) หมายถงึ นกั เรียนรบั รูแ ละปฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑแ ละเงื่อนไขท่ี โรงเรยี นกําหนดโดย พจิ ารณาจาก (1) ไดผลการประเมนิ ระดับผานจํานวน 5-8 คณุ ลักษณะและไมมคี ุณลักษณะ ใดทีไ่ ดผลการการประเมนิ ต่าํ กวา ระดับผานหรือ (2)

8 ไดผ ลการประเมินระดับดีจาํ นวน 4 คุณลักษณะและไมมี คณุ ลักษณะใดท่ไี ดผลการการประเมนิ ตาํ่ กวาระดบั ผา น ไมผ า น (0) หมายถึง นักเรียนรับรูแ ละปฏิบัติไดไมครบตามกฎเกณฑและ เง่อื นไขทีโ่ รงเรยี นกําหนด โดยพจิ ารณาจากมีผลการ ประเมนิ ระดบั ไมผ าน ต้งั แต 1 คุณลักษณะ 12.4 การสรุปผลประเมินสมรรถนะของผูเ รียนรวมทุกสมรรถนะเพอื่ การเลอ่ื น ระดบั ชน้ั และจบการศกึ ษากําหนดเกณฑก ารตัดสินเปน 4 ระดบั และความหมายของแตละระดับดังน้ี ดีเยย่ี ม (3) หมายถึง นกั เรียนมีพฤติกรรมบงช้ีตามสมรรถนะและนาํ ไปใช ในชวี ิตประจาํ วนั เพ่อื ประโยชนสุขของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจาก ผลการประเมนิ ระดับดีเยีย่ มจาํ นวน 3 -5 สมรรถนะ และไมมสี มรรถนะใดไดผลการ ประเมินตา่ํ กวา ระดับดี ดี (2) หมายถึง นกั เรยี นมพี ฤติกรรมบง ชต้ี ามสมรรถนะในการปฏิบตั ิ ตามเกณฑโ ดยพจิ ารณาจาก (1) ไดผลการ ประเมนิ ระดบั ดีเย่ยี มจาํ นวน 1-2 สมรรถนะและไมมี สมรรถนะใดทไี่ ดผ ลการการประเมนิ ต่ํากวาระดับดหี รอื (2) ไดผลการประเมนิ ระดับดีเยย่ี มจาํ นวน 2 สมรรถนะ และไมมีสมรรถนะใดท่ีไดผลการการประเมินต่าํ กวา ระดับดีหรือ (3) ไดผลการประเมินระดับดจี ํานวน 3-5 สมรรถนะและไมม สี มรรถนะใดท่ีไดผ ลการ ประเมนิ ตาํ่ กวา ระดบั พอใช ผา น (1) หมายถงึ นกั เรียนรบั รแู ละปฏิบัตติ ามกฎเกณฑและเงื่อนไขที่ โรงเรียนกาํ หนดโดย พจิ ารณาจาก (1) ไดผลการประเมิน ระดับผา นจํานวน 3-5 สมรรถนะและไมมสี มรรถนะใด ท่ไี ดผ ลการการประเมินตาํ่ กวาระดับไมผ านหรอื (2) ไดผลการประเมนิ ระดับผานจํานวน 3 สมรรถนะ และไมม ีสมรรถนะใดทีไ่ ดผลการการประเมินตํ่ากวาระดบั ผา น ไมผาน (0) หมายถึง นกั เรยี นรับรแู ละปฏบิ ตั ิไดไมครบตามกฎเกณฑและ เงอื่ นไขทีโ่ รงเรียนกําหนด โดยพิจารณาจากมีผลการ ประเมนิ ระดบั ไมผ า น ตง้ั แต 1 สมรรถนะ 12.5 การประเมินกิจกรรมพัฒนาผูเ รยี นจะตอ งพิจารณาทั้งเวลาการเขารวม กจิ กรรมอยา งนอยรอยละ 80 การปฏบิ ัตกิ จิ กรรม และผลงานของนักเรยี นตองผานรอยละ 70 และใหผ ลการ ประเมนิ เปน “ผา น” และ “ไมผา น” โดยใหใชต ัวอักษรแสดงผลการประเมินดงั น้ี “ผ” หมายถึง นกั เรยี นมีเวลาการรวมกจิ กรรมการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม และมผี ลงานผานเกณฑ “มผ” หมายถงึ นกั เรยี นมีเวลาการเขา รวมกิจกรรมการปฏบิ ตั ิกิจกรรม และมผี ลงานไมผา นเกณฑ

9 ในกรณที ่ีนักเรยี นไดผลการเรียน “มผ” ใหค รผู สู อนจัดซอมเสริมใหนกั เรยี นทาํ กิจกรรมในสวนทนี่ ักเรยี นไมไ ดเขา รวมหรือไมไดทาํ จนครบถวน แลว จึงเปลีย่ นผลการเรยี นจาก ๆ ไมผ านเปน ผา น ท้ังนีต้ อ งดําเนินการใหเสรจ็ สิ้นภายในปก ารศึกษานั้น 12.6 การสอนซอมเสริม เปนสวนหน่งึ ของกระบวนการจัดการเรยี นรูและเปนการ ใหโอกาสแก ผเู รียนไดม ีเวลาเรียนรสู ่ิงตางๆ เพิม่ ขน้ึ จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรยี นร/ู ตวั ชว้ี ัด ผลการ เรยี นรทู ่ีกําหนดไว การสอนซอมเสรมิ เปนการสอนกรณพี ิเศษนอกเหนอื ไปจากการสอนตามแผนการจัดการ เรยี นรปู กติ เพื่อแกไขขอบกพรองท่ีพบในผูเ รียน โดยจดั กระบวนการเรยี นรทู ี่หลากหลายและคาํ นงึ ถึงความ แตกตางระหวางบุคคลของผเู รียน การสอนซอมเสริมสามารถดาํ เนนิ การไดใ นกรณดี งั ตอไปน้ี 12.6.1 ผเู รียนมคี วามรู/ทักษะพนื้ ฐานไมเพียงพอทจ่ี ะศกึ ษาในแตละ รายวิชานน้ั จะจัดการสอนซอมเสริม ปรับความร/ู ทักษะพน้ื ฐาน 12.6.2 การประเมินระหวางเรยี น ผเู รียนไมสามารถแสดงความรู ทักษะ กระบวนการหรือ เจตคต/ิ คุณลกั ษณะทีก่ ําหนดไวต ามมาตรฐานการเรยี นร/ู ตัวชวี้ ัด ผลการเรยี นรู 12.6.3 ผลการเรียนไมถึงเกณฑ หรือต่ํากวา เกณฑการประเมนิ ตอง จดั การสอนซอมเสรมิ กอนจะใหผเู รยี นสอบแกต ัว ขอ 13 การประเมนิ ผลการเรียนรูแ ละใหร ะดับผลการเรียน โรงเรยี นกําหนดเกณฑก ารตัดสนิ ผลการเรยี น ซง่ึ สามารถอธิบายผลการเรยี นวา ผเู รียนตอ งมี ความรู ทักษะและคุณลักษณะโดยรวม ซงึ่ กําหนดเกณฑก ารตัดสินผา นแตล ะรายวิชาท่รี อยละ 50 ดังน้ี 13.1 กลุมสาระการเรียนรู กําหนดผลการเรียนเปน 8 ระดับ ดงั น้ี ชว งคะแนนเปนรอยละ ความหมาย ระดบั ผลการเรียน 80 - 100 ผลการเรียนดีเยี่ยม 4 75 - 79 ผลการเรียนดีมาก 3.5 70 - 74 ผลการเรียนดี 3 65 - 69 ผลการเรียนคอ นขา งดี 2.5 60 - 64 ผลการเรยี นปานกลาง 2 55 - 59 ผลการเรียนพอใช 1.5 50 - 54 ผลการเรยี นผานเกณฑขั้นตาํ่ 1 0 - 49 ผลการเรียนตํา่ กวาเกณฑ 0 กรณีที่ไมส ามารถใหระดบั ผลการเรยี นเปน 8 ระดบั ได ใหใ ชต ัวอกั ษรระบุเงอ่ื นไข ของผลการเรียน ดังน้ี “มส” หมายถงึ ผเู รียนไมมีสทิ ธเิ ขา รับการวดั ผลปลายภาคเรียน เน่ืองจากผูเรยี น มีเวลาเรียนไมถึงรอยละ 80 ของเวลาเรยี นในแตละรายวชิ า และไมไ ดร ับการผอ นผนั ใหเขา รับการวดั ผลปลาย ภาคเรยี น “ร” หมายถงึ รอการตดั สินและยังตดั สินผลการเรียนไมไดเ น่ืองจากผูเรยี นไม มีขอมูล ผลการเรยี นรายวชิ าน้นั ครบถวน ไดแ ก ไมไดว ัดผลระหวา งภาคเรยี น/ปลายภาคเรียน ไมไ ดสงงานท่ี มอบหมายใหทาํ ซงึ่ งานนัน้ เปนสว นหนงึ่ ของการตดั สินผลการเรียน หรอื มีเหตสุ ุดวสิ ยั ทที่ าํ ใหประเมินผลการ เรียนไมได

10 13.2 ตัวชวี้ ดั ความสามารถในการอา น คิดวเิ คราะห และเขยี น มี 5 ตัวชี้วัด คือ 13.2.1 สามารถอานเพื่อการศึกษาคนควา เพม่ิ พนู ความรู ประสบการณ และการประยกุ ตใชในชีวิตประจาํ วัน 13.๒.2 สามารถจบั ประเด็นสําคญั ลําดับเหตุการณจ ากการอานส่อื ที่มี ความซบั ซอน 1๓.2.3 สามารถวิเคราะหสิ่งทผ่ี เู ขียนตองการสื่อสารกบั ผูอาน และ สามารถวพิ ากษ ใหขอเสนอแนะในแงมุมตา ง ๆ 13.2.๔ สามารถประเมินความนาเชอื่ ถือ คณุ คา แนวคดิ ท่ีไดจ ากสิ่งทอ่ี าน อยางหลากหลาย 13.2.๕ สามารถเขียนแสดงความคิดเห็นโตแ ยง สรุป โดยมขี อ มูลอธบิ าย สนบั สนนุ อยางเพียงพอและสมเหตุสมผล 13.3 ตัวชว้ี ัดคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท ัง้ 8 ประการ ไดแก 13.3.1 รักชาติ ศาสน กษตั รยิ  มี 4 ตัวชว้ี ดั คือ 1) เปนพลเมืองดีของชาติ 2) ธาํ รงไวซ ่ึงความเปน ชาติไทย 3) ศรัทธา ยดึ ม่ันและปฏบิ ตั ิตนตามหลักศาสนา 4) เคารพเทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษตั รยิ  4 คะแนน 13.3.2 ซือ่ สัตยส จุ รติ มี 2 ตวั ชีว้ ดั คือ 1) ประพฤตติ รงตามความเปนจริงตอ ตนเองทัง้ ทางกาย วาจาใจ 2) ประพฤตติ รงตามความเปนจรงิ ตอผูอืน่ ทั้งทางกาย วาจาใจ 13.3.3 มีวินัย มี 1 ตัวชี้วัด คือ 1) ปฏบิ ตั ิตามขอตกลง กฎเกณฑ ระเบยี บ ขอ บังคับของ ครอบครัว โรงเรียน และสังคม 13.3.4 ใฝเ รยี นรู มี 2 ตัวชว้ี ัด คอื 1) ตั้งใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขารวมกจิ กรรมการเรยี นรู 2) แสวงหาความรจู ากแหลงเรยี นรตู างๆ ทัง้ ภายในและภายนอก โรงเรียนดวยการเลอื กใชส อ่ื อยา งเหมาะสม สรุปเปน องคค วามรู และสามารถนาํ ไปใชใ นชวี ิตประจําวันได 13.3.5 อยอู ยางพอเพยี ง มี 2 ตัวช้ีวัด คือ 1) ดาํ เนนิ ชีวติ อยา งพอประมาณ มีเหตผุ ล รอบคอบ มีคุณธรรม 2) มภี ูมิคมุ กันในตัวทด่ี ี และปรบั ตัวเพื่ออยูในสงั คมไดอยางมี ความสขุ 13.3.6 มุง มนั่ ในการทํางาน มี 2 ตัวช้วี ัด คอื 1) ตั้งใจและรับผดิ ชอบในหนาท่ีการงาน 2) ทํางานดวยความเพยี รพยายามและอดทนเพื่อใหง านสําเร็จ ตามเปา หมาย 13.3.7 รักความเปน ไทย มี 3 ตวั ชว้ี ัด คือ 1) ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ วฒั นธรรมไทย และมีความกตญั ู กตเวที

11 2) เหน็ คุณคา และใชภ าษาไทยในการส่อื สารไดอยางถูกตองและ เหมาะสม 3) อนรุ ักษ และสบื ทอดภมู ปิ ญญาไทย 13.3.8 มีจิตสาธารณะ มี 2 ตัวชวี้ ัด คอื 1) ชวยเหลือผูอ่ืนดวยความเต็มใจโดยไมหวงั สงิ่ ตอบแทน 2) เขารว มกจิ กรรมทเี่ ปน ประโยชนต อโรงเรยี น ชุมชนและสังคม 13.4 ตัวช้ีวดั สมรรถนะของผเู รยี นทงั้ 5 สมรรถนะ ไดแก 13.4.1 ความสามารถในการส่ือสาร มี 4 ตวั ชวี้ ัด คือ 1) ใชภาษาถายทอดความรูความเขา ใจความคดิ ความรูสึก และทศั นะของตนเองดว ยการพดู และการเขียน 2) พดู เจรจาตอรอง 3) เลอื กรับหรือไมรบั ขอ มูลขาวสารไดอ ยางมีเหตุผลและ ถูกตอ ง 4) เลอื กใชวธิ กี ารสือ่ สารโดยคํานงึ ถึงผลกระทบตอตนเองและสังคม 13.3.2 ความสามารถในการคดิ มี 2 ตวั ชี้วัด คือ 1) จัดความสําคัญของแนวคิดในบริบทของการดาํ เนนิ ชีวติ ประจาํ วนั 2) ความคดิ สรา งสรรค อยา งมีวิจารณญาณ สรา งสรรคส ิง่ ใหม เพอ่ื ประโยชนต อตวั เองและสังคมโดยใชเกณฑท่ีเหมาะสม 13.3.3 ความสามารถในการแกป ญ หา มี 2 ตัวช้ีวัด คอื 1) ใชกระบวนการแกปญหาโดยการวิเคราะหป ญหา วางแผนใน การแกป ญหาดําเนนิ การแกป ญหาตรวจสอบและสรุปผล 2) คณุ ภาพของผลงานการแกปญ หาและทําไปประยุกตใช 13.3.4 ความสามารถในการใชทักษะชวี ิต มี 6 ตวั ช้ีวัด คือ 1) นาํ ความรู ทักษะ และกระบวนการทหี่ ลากหลาย มาสรางผลงาน/โครงงานทเ่ี ปนระบบ มีข้นั ตอนชดั เจน และมีประสทิ ธิภาพ ไปใชใ นการดําเนินชวี ติ ประจําวัน 2) มีวิธีการในการศึกษาความรูเพ่มิ เตมิ เพ่ือขยายประสบการณ ไปสูการเรียนรสู งิ่ ใหม และสรางองคความรู ตามความสนใจอยางตอเนือ่ ง 3) ปฏิบตั งิ าน ในสวนรวม อยา งมคี วามสขุ 4) วเิ คราะห สถานการณ ปญ หาและมีการจัดการไดเหมาะสม 5) ปรบั ตัวตอ การเปลี่ยนแปลงทางสงั คม สภาพแวดลอม 6) จัดการกบั อารมณแ ละความเครียดไดอ ยา งถูกตองและ เหมาะสม 13.3.5 ความสามารถในการใชเทคโนโลยี มี 2 ตวั ชวี้ ดั คอื 1) การเลอื กและใชเทคโนโลยีในการแกป ญ หาอยา งสรา งสรรค และมีคุณธรรม 2) การออกแบบ ปรับปรุง แกไ ขงาน และประเมนิ ผล

12 13.5 การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผูเรยี น เปน การประเมนิ การปฎบิ ัติกจิ กรรมและ ผลงานของผูเรยี นทาํ การประเมินเวลาการเขารวมกิจกรรม การปฏบิ ตั กิ จิ กรรม และผลงานของผูเ รยี น โดยผลการประเมนิ เปน “ผาน” หรือ “ไมผาน กิจกรรมพฒั นาผเู รยี น มี ๓ ลกั ษณะ คือ ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรยี น ซ่ึงประกอบดวย (๑) กิจกรรมลกู เสือ-เนตรนารี (๒) กิจกรรมชุมนุม ๓) กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน ทง้ั น้ี ผเู รียนระดบั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 1-3 จะตอ งเขารวมกิจกรรมทงั้ ขอ ๑) กจิ กรรม แนะแนว ,ขอ 2) กจิ กรรมนักเรยี น ทั้งสองกจิ กรรม และ ขอ 3) กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน สาํ หรับผูเ รยี นระดบั มัธยมศึกษาปที่ 4-6 จะตองเขารวมกจิ กรรม ขอ 1) กจิ กรรม แนะแนว , ขอ 2) กิจกรรมนกั เรียนใน ขอ (2) กจิ กรรมชุมนมุ ไดแกกิจกรรมชุมนมุ โครงงาน หรือกจิ กรรม ชมุ นุมสงเสรมิ วิชาการ(กจิ กรรมทสี่ ง เสรมิ ความสามารถของผูเรียน ความสนใจของผเู รยี น) หรือกิจกรรม นักศึกษาวชิ าทหาร (นทศ.) ซึ่งผเู รยี นตองเลอื กเขารวมกิจกรรมหนึ่งกจิ กรรม และ ขอ 3) กจิ กรรมเพ่อื สังคม และสาธารณประโยชน การประเมนิ ผลกจิ กรรมพัฒนาผเู รียน กําหนดการประเมนิ เปน 2 ระดับ ดังนคี้ อื “ผ” หมายถงึ ผูเ รียนมเี วลาเขารวมกิจกรรมพัฒนาผเู รียน ปฏิบตั กิ จิ กรรมและ มีผลงานตามเกณฑทส่ี ถานศึกษากาํ หนด “มผ” หมายถึง ผเู รียนมีเวลาเขารวมกิจกรรมพฒั นาผเู รยี น ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมและ มผี ลงานไมเ ปนไปตามเกณฑท ส่ี ถานศึกษากําหนด ขอ 14 การเปลีย่ นผลการเรยี น 14.1 การเปล่ยี นผลการเรยี น “0” สถานศกึ ษาจัดสอนซอ มเสริมในมาตรฐานการเรียนรู/ตัวช้ีวดั หรือผลการเรียนรู ทผี่ ูเ รยี น สอบไมผานกอน แลวจงึ สอบแกตัวไดไ มเ กิน ๒ ครั้ง ถาผูเรียนไมดําเนนิ การสอบแกตัวตามระยะเวลา ท่ีสถานศกึ ษากําหนดใหอยใู นดุลยพินจิ ของสถานศึกษาพิจารณาขยายเวลาออกไปอกี ๑ ภาคเรยี น สาํ หรับ ภาคเรียนที่ ๒ ตองดาํ เนินการใหเสรจ็ ส้ินภายในปก ารศกึ ษานั้น การสอบแกตัวใหไ ดร ะดับผลการเรียนไมเ กิน “๑” ถาสอบแกตวั ๒ คร้งั แลว ยงั ไดร ะดบั ผลการเรียน “๐” อีก ใหสถานศกึ ษาแตงตัง้ คณะกรรมการดําเนนิ การเกย่ี วกับการเปลี่ยนผลการเรยี นของผเู รียนโดยปฏิบตั ิดงั น้ี ๑) ถาเปนรายวิชาพนื้ ฐาน ใหเรยี นซ้ํารายวชิ านน้ั ๒) ถาเปนรายวชิ าเพมิ่ เติม ใหเ รียนซํ้าหรอื เปล่ียนรายวชิ าเรยี นใหม ทั้งน้ี ใหอยใู น ดลุ ยพนิ จิ ของสถานศึกษา ในกรณีท่เี ปลีย่ นรายวิชาเรยี นใหมใ หหมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรยี นวา เรียน แทนรายวชิ าใด 14.2 การเปล่ียนผลการเรยี น “ร” การเปล่ยี นผลการเรียน “ร” ใหดาํ เนนิ การดังนี้ ใหผูเรยี นดาํ เนินการแกไ ข “ร” ตามสาเหตุ เมื่อผูเรยี นแกไขปญหาเสรจ็ แลว ใหไ ด ระดบั ผลการเรียนตามปกติ (ต้งั แต ๐ - ๔) ถาผูเ รียนไมดําเนนิ การแกไข “ร” กรณที ีส่ งงานไมค รบ แตม ผี ลการ

13 ประเมิน ระหวา งภาคเรียนและปลายภาค ใหผูส อนนาํ ขอมูลหรือคะแนนทม่ี ีอยตู ดั สนิ ผลการเรยี นไดเลย ยกเวน มีเหตุสุดวิสยั ใหอยใู นดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก “ร” ออกไปอกี ไมเกนิ ๑ ภาค เรียน สําหรับภาคเรียนที่ ๒ ตองดําเนนิ การใหเสร็จสิน้ ภายในปก ารศกึ ษาน้นั เมื่อพนกาํ หนดนี้แลวใหเ รยี นซํ้า หากผลการเรยี นเปน “๐” ใหดาํ เนินการแกไขตามหลักเกณฑ 14.3 การเปลย่ี นผลการเรยี น “มส” การเปลยี่ นผลการเรียน “มส” มี ๒ กรณดี งั น้ี ๑) กรณผี เู รียนไดผ ลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรยี นไมถ ึงรอ ยละ ๘๐ แตมเี วลา เรียนไมน อ ยกวา รอยละ ๖๐ ของเวลาเรียนในรายวชิ าน้ันใหสถานศกึ ษาจัดใหเ รียนเพมิ่ เติม โดยใชช ว่ั โมงซอม เสริม หรือใชเวลาวา ง หรือใชวนั หยดุ หรอื มอบหมายงานใหทาํ จนมเี วลาเรยี นครบตามท่ีกาํ หนดไว สาหรบั รายวชิ าน้ัน แลว จงึ ใหวดั ผลปลายภาคเปนกรณีพิเศษผลการแก “มส” ใหไดร ะดบั ผลการเรยี นไมเ กนิ “1” การแก “มส” กรณีนี้ใหกระทําใหเสรจ็ ภายในปการศึกษาน้ัน ถา ผเู รียนไมมาดาํ เนนิ การแก “มส” ตาม ระยะเวลาที่กําหนดไวนใ้ี หเรยี นซ้าํ ยกเวน มีเหตสุ ดุ วิสยั ใหอ ยใู นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศึกษาท่ีจะขยายเวลาการแก “มส” ออกไปอีกไมเ กนิ ๑ ภาคเรียน แตเมื่อพนกาํ หนดนแี้ ลว ใหปฏบิ ัติดังน้ี (๑) ถา เปนรายวชิ าพ้นื ฐานใหเ รยี นซ้ํารายวชิ านั้น (๒) ถาเปน รายวชิ าเพ่มิ เติมใหอ ยูในดุลยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาใหเ รียนซ้ําหรอื เปลี่ยนรายวชิ าเรียนใหม ๒) กรณีผูเ รยี นไดผ ลการเรยี น “มส” เพราะมเี วลาเรียนนอ ยกวารอยละ ๖๐ ของ เวลาเรยี นท้งั หมดใหสถานศกึ ษาดําเนินการดงั น้ี (๑) ถา เปนรายวชิ าพน้ื ฐาน ใหเรยี นซํ้ารายวิชานัน้ (๒) ถาเปนรายวชิ าเพ่ิมเติมใหอยใู นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศึกษาใหเรียนซา้ํ หรือ เปล่ียนรายวชิ าเรียนใหมใ นกรณที เี่ ปลี่ยนรายวชิ าเรยี นใหมใหห มายเหตใุ นระเบยี นแสดงผลการเรยี นวา เรยี น แทนรายวชิ าใด การเรยี นซ้ํารายวชิ า ผูเ รียนท่ีไดรับการสอนซอมเสรมิ และสอบแกตัว ๒ ครง้ั แลวไมผานเกณฑการประเมินใหเรียนซา้ํ รายวิชานนั้ ทัง้ น้ใี หอยใู นดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาในการจัดใหเรียน ซ้าํ ในชวงใดชว งหนงึ่ ทีส่ ถานศกึ ษาเห็นวาเหมาะสม เชน พักกลางวัน วันหยดุ ชวั่ โมงวา งหลังเลกิ เรยี น ภาคฤดรู อน เปนตน ในกรณภี าคเรยี นที่ ๒ หากผเู รียนยังมีผลการเรียน “๐” หรอื “ร” หรือ “มส” ใหดําเนนิ การใหเสรจ็ สน้ิ กอนเปดเรียนปก ารศกึ ษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปด การเรยี นการสอนในภาคฤดูรอน เพ่ือแกไขผลการเรียนของผูเ รียน 14.4 การเปลยี่ นผล “มผ” กรณีทผ่ี ูเ รยี นไดผ ล “มผ” สถานศกึ ษาตองจัดซอ มเสริมใหผูเรียนทํากจิ กรรมในสว น ที่ผูเ รยี นไมไดเ ขา รวมหรือไมไ ดท าํ จนครบถวน แลวจงึ เปลีย่ นผลจาก “มผ” เปน “ผ” ไดท ง้ั นี้ดําเนนิ การให เสร็จสิ้นภายในภาคเรยี นนนั้ ๆ ยกเวน มเี หตสุ ดุ วิสัยใหอยใู นดุลยพินิจของสถานศกึ ษาขยายเวลาออกไปอีกไม เกนิ ๑ ภาคเรียน สําหรบั ภาคเรยี นที่ ๒ ตองดาํ เนนิ การใหเสรจ็ สิ้นภายในปก ารศกึ ษานั้น ขอ 15 การเลื่อนช้ัน โรงเรยี นกาํ หนดกฎเกณฑก ารเล่อื นชนั้ โดยพจิ ารณาใหสอดคลองกบั เกณฑการตัดสินผล การเรียน ตลอดจนกําหนดเกณฑเก่ยี วกับการผานตัวชวี้ ัดท่ีชดั เจนและประกาศใหทราบท่ัวกนั ดงั น้ี 15.1 ผูเรียนตอ งมีเวลาเรยี นตลอดปการศกึ ษาไมน อยกวารอยละ 80 ของเวลา เรยี นท้งั หมด

14 15.2 ผเู รยี นตองไดรบั การประเมนิ ทุกตวั ช้ีวัด/ผลการเรยี นรู และตอ งผานทุก ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรูของแตละรายวิชา 15.3 ผูเรยี นตองไดร ับการตดั สินผลการเรยี น และผา นทุกรายวชิ าของกลุมสาระ การเรยี นรู โดยมีเกณฑก ารผาน ดงั น้ี 15.1.1 เวลาเรยี นในแตละรายวิชาของกลุมสาระการเรยี นรูไมนอ ยกวา รอยละ 80 ของเวลาเรยี นท้งั หมด 15.1.2 ตองไดรบั การประเมินทุกตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู และผานตวั ชีว้ ดั / ผลการเรยี นรไู มนอยกวารอ ยละ 100 ของตวั ชี้วัด/ผลการเรยี นรใู นรายวชิ า 15.1.3 ระดับผลการเรียนเฉลีย่ ในปการศกึ ษาไมตา่ํ กวา 1.00 15.2 การประเมินการอา น คิดวิเคราะห และเขยี น ผูเรยี นตอ งไดระดับผลการ ประเมนิ “ผา น” ขน้ึ ไป 15.3 การประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค ผูเรียนตองไดผลการประเมนิ ระดับ “ผาน” ขึน้ ไป 15.4 การประเมิน การเขารว มกิจกรรมพัฒนาผเู รียน ผูเรยี นตองไดผ ลการประเมนิ ระดับ “ผา น” โดยมีเกณฑการผา น ดังนี้ 15.4.1 ผเู รียนตองมีเวลาเขา รวมกิจกรรมแตล ะปไ มน อ ยกวารอ ยละ 80 ของเวลาเรียน 15.4.2 ผเู รยี นผา นจดุ ประสงคก ารเรียนรูไมน อยกวารอ ยละ 100 ของ จดุ ประสงค การเรียนรใู นกจิ กรรมพฒั นาผูเรยี น 15.4.3 ผเู รียนเขา รว มกจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชนตาม เวลาทีก่ าํ หนดไวใ นโครงสรา งของหลกั สตู ร ดงั นี้ 1) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 1 จํานวน 15 ชว่ั โมง 2) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 2 จํานวน 15 ช่ัวโมง 3) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 3 จาํ นวน 15 ชว่ั โมง 4) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 จาํ นวน 20 ชว่ั โมง 5) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 จํานวน 20 ชัว่ โมง 6) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 จาํ นวน 20 ช่วั โมง ท้งั นี้ ถาผเู รยี นมขี อบกพรองเพียงบางตัวชว้ี ัด ซ่ึงพิจารณาเหน็ วา สามารถ พัฒนาและสอน ซอ มเสรมิ ได กใ็ หอยใู นดลุ ยพินิจของคณะกรรมการท่จี ะผอ นผนั ใหเล่อื นชัน้ ได ในกรณที ีผ่ เู รียนมสี ติปญ ญาและความสามารถดีเลิศ สามารถเรยี นรไู ดเ ร็วเปน พิเศษ สถานศกึ ษาจะใหโอกาสผเู รยี นเลือ่ นชนั้ ระหวา งปก ารศึกษา โดยสถานศกึ ษาแตงต้งั คณะกรรมการ ประกอบดวย คณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รและวิชาการโรงเรยี นนครสวรรค และผแู ทนของเขตพน้ื ท่ี การศกึ ษาอยา งนอ ย 1 คน เมื่อผูเ รียนมี คณุ สมบตั ิครบถวนตามเง่อื นไขทัง้ 3 ประการ ตอไปน้ี 1) มผี ลการเรยี นปก ารศึกษาท่ีผา นมาและมผี ลการเรียนระหวา งปอ ยใู นเกณฑดีเยี่ยม 2) มีวุฒิภาวะเหมาะสมทจี่ ะเรียนในชัน้ ที่สงู ขน้ึ 3) ผานการประเมินผลความรูความสามารถตามตัวชว้ี ัด/ผลการเรียนรทู ั้งหมดในภาคเรียนท่ี 2 ป ปจ จุบนั และภาคเรยี นท่ี 1 ของปการศึกษาถัดไป การอนมุ ัติใหเ ลื่อนไปเรียนชนั้ สงู ได 1 ระดบั ชั้นนี้ ตอ ง ไดร บั การยินยอมจากนักเรียนและ ผูป กครองและดําเนนิ การใหเสรจ็ สิ้นภายในวนั ที่ 1 กันยายนของป

15 การศกึ ษานั้น สาํ หรับในกรณีท่ีพบวา มีผูเรียนกลุม พิเศษประเภทตา ง ๆ ท่ีมีปญหาในการเรยี นรสู ถานศึกษาจะ ดําเนนิ งานรว มกบั สาํ นักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาหาแนวทางการแกไขและพฒั นา ขอ 16 การเรยี นซา้ํ ชน้ั หลกั สูตรโรงเรยี นนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษา ขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 กาํ หนดวาหากผเู รียนมผี ลการเรยี นเฉลยี่ ตํา่ กวา 1.00 หรอื มผี ลการเรยี น “0” หรือ “ร” เกนิ รอยละ 50 ของรายวิชาที่เรียนหรือมแี นวโนมวา จะเปน ปญ หาตอ การเรยี นในระดับชน้ั ท่ี สงู ขึน้ โรงเรียนอาจต้งั คณะกรรมการพิจารณาใหเ รียนซ้ําช้ันได ท้งั นใี้ หคํานงึ ถึงวฒุ ิภาวะและความรู ความสามารถของนกั เรยี นเปนสําคัญ ผเู รียนทีไ่ มมีคุณสมบัตติ ามเกณฑก ารอนมุ ัติเล่ือนช้นั เรยี น จะตองจัดใหเ รยี นซา้ํ ชัน้ ในกรณีท่ี ผูเรียนขาดคณุ สมบตั ลิ กั ษณะใดลักษณะหนง่ึ คณะกรรมการอาจใชดลุ พนิ จิ ใหเ ลอ่ื นชัน้ ได หากพิจารณาเหน็ วา 1) ผเู รียนมีเวลาเรียนไมถ ึงรอยละ 80 อันเนอ่ื งจากสาเหตจุ ําเปน หรอื เหตุสุดวสิ ยั แตม ี คณุ สมบตั ิตามขออื่น ๆ ครบถวน 2) ผูเรยี นผา นมาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั /ผลการเรยี นรไู มถึงเกณฑตามทกี่ ําหนดในแตละรายวชิ า และเห็นวา สามารถสอนซอมเสริมไดใ นปการศึกษาถัดไปและมีคุณสมบัติขออื่น ๆ ครบถวน ขอ 17 การสอนซอมเสรมิ การสอนซอมเสรมิ เปน สว นหนง่ึ ของกระบวนการจดั การเรียนรูและเปน การใหโ อกาสแก ผูเ รียนไดม เี วลาเรยี นรูสิง่ ตางๆ เพม่ิ ขึน้ เพ่ือพฒั นาการเรยี นรูของผูเ รียนใหเต็มตามศักยภาพ จนสามารถบรรลุ ตามมาตรฐานการเรยี นรู/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรูท่กี าํ หนดไว การสอนซอ มเสรมิ เปน การสอนกรณพี ิเศษ นอกเหนือไปจากการสอนตามแผนการจัดการเรยี นรปู กติ เพือ่ แกไ ข ขอ บกพรองท่ีพบในผูเรียน โดยจัด กระบวนการเรยี นรูท่หี ลากหลายและคาํ นึงถึงความแตกตางระหวา งบคุ คล ของผูเรียน การสอนซอมเสรมิ สามารถดําเนนิ การไดในกรณีดังตอไปนี้ 17.1 ผูเรียนมคี วามรู/ทกั ษะพ้ืนฐานไมเพยี งพอทจี่ ะศกึ ษาในแตละรายวชิ านนั้ จะจัดการสอนซอมเสริม ปรับความรู/ทกั ษะพ้นื ฐาน 17.2 การประเมินระหวางเรียน ผูเ รียนไมสามารถแสดงความรู ทกั ษะกระบวนการ หรอื เจตคติ/คุณลกั ษณะ ทก่ี ําหนดไวตามมาตรฐานการเรยี นร/ู ตัวชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู 17.3 ผลการเรียนไดระดับผลกาเรยี น “0” ใหจดั การสอนซอ มเสริมกอ นสอบแกต วั ขอ 18 เกณฑก ารตดั สินผลการเรยี นจบหลกั สตู รสถานศกึ ษา 18.1 เกณฑก ารจบระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน ผเู รียนมีคุณสมบตั ิ ดังนี้ 18.1.1 ผูเรียนเรียนเรียนรายวิชาพนื้ ฐานและเพ่ิมเตมิ โดยเปน วชิ าพ้ืนฐาน 66 หนว ยกิต และมรี ายวชิ าเพ่มิ เตมิ ตามท่ีสถานศกึ ษากาํ หนด 18.1.2 ผูเรียนตองไดหนวยกิตตลอดหลักสูตรไมนอยกวา 77 หนวยกิต โดยเปน รายวิชาพ้ืนฐาน 66 หนวยกติ และรายวชิ าเพม่ิ เตมิ ไมน อ ยกวา 11 หนว ยกติ 18.1.3 ผเู รียนมผี ลการประเมินการอาน คิด วเิ คราะห และเขียน อยูในระดบั “ผา น” ข้ึนไป 18.1.4 ผูเรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค อยูในระดับ “ผา น” ขน้ึ ไป 18.1.5 ผูเรยี นเขารวมกิจกรรมพัฒนาผูเรียน และมีผลการประเมิน “ผาน” ทกุ กจิ กรรม

16 18.2 เกณฑการจบระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ผูเรยี นมีคุณสมบัติ ดงั นี้ 18.2.1 ผูเรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพ่ิมเติม โดยเปนวิชาพื้นฐาน 41 หนวยกติ และรายวชิ าเพม่ิ เตมิ ไมนอยกวา 36 หนว ยกติ 18.2.2 ผูเรยี นตองไดหนวยกิตตลอดหลักสูตรไมนอยกวา 77 หนวยกิต โดย เปน รายวิชาพ้ืนฐาน 41 หนว ยกติ และรายวิชาเพ่มิ เตมิ ไมนอยกวา 36 หนว ยกิต 18.2.3 ผูเรียนมีผลการประเมินการอาน คิดวิเคราะหและเขียน อยูในระดับ “ผา น” ขน้ึ ไป 18.2.4 ผูเรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค อยูในระดับ “ผา น” ข้ึนไป 18.2.5 ผเู รยี นเขารวมกจิ กรรมพัฒนาผูเรียนและมีผลการประเมนิ “ผาน” ทุกกจิ กรรม ทัง้ นเ้ี กณฑการวัดและประเมินผลการเรียนรใู หเ ปน ไปตามประกาศโรงเรียนนครสวรรค หลักการและแนวทางการกาํ หนดเกณฑวัดและประเมินผลการเรียนรขู องโรงเรยี นนครสวรรค หมวด 5 การเทียบโอนผลการเรียน ขอ 19 การเทียบโอนผลการเรียนของผูเรยี น กรณยี ายสถานศึกษา การเปลี่ยน รูปแบบการศึกษา การยา ยหลักสตู ร การละทงิ้ การศกึ ษา และขอกลบั เขารับการศกึ ษาตอ การศึกษาจาก ตา งประเทศและขอเขา ศึกษาตอในประเทศ เทยี บโอนความรู ทักษะ ประสบการณจ ากแหลงการเรียนรอู ่ืน ๆ เชน สถานประกอบการ สถาบันทางศาสนา สถาบนั การ ฝกอบรมอาชีพ การศกึ ษาโดยครอบครวั การเทยี บโอนผลการเรยี นดาํ เนนิ การในชว งกอนเปด ภาคเรียน หรือตนภาคเรยี นของ โรงเรียน ท้ังน้ี ผเู รยี นทไี่ ดร บั การเทยี บโอนผลการเรยี นตองศึกษาตอ เนือ่ งในสถานศึกษาน้ีอยางนอ ย 1 ภาค เรยี น โดยสถานศกึ ษากําหนดรายวชิ า จํานวน หนวยกิต ทีจ่ ะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม การพิจารณาการเทียบโอนดาํ เนินการดงั น้ี 19.1 พจิ ารณาจากหลกั ฐานการศกึ ษาและเอกสารอ่นื ๆ ท่ีใหขอมูลแสดงความรู ความสามารถของผเู รียน 19.2 พจิ ารณาจากความรคู วามสามารถของผูเรียน โดยการทดสอบดวยวิธีการตา งๆ ท้งั ภาคความรู และภาคปฏิบัติ 19.3 พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏิบัติจรงิ ในกรณมี ีเหตุผลจาํ เปนระหวางเรียน ผูเรยี นสามารถแจงความจาํ นงขอไปศกึ ษาบาง รายวชิ าในสถานศกึ ษา/สถานประกอบการอนื่ แลวนํามาเทียบโอนได โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการ บริหารหลักสตู รและวิชาการโรงเรยี นนครสวรรค การเทียบโอนผลการเรียนใหดาํ เนนิ การในรปู ของ คณะกรรมการการเทยี บโอนจํานวน 3 – 5 คน โดยการเทียบโอนดาํ เนนิ การดังนี้ 1) กรณผี ูขอเทยี บโอนมีผลการเรยี นมาจากหลกั สูตรอื่น นํารายวชิ าที่มี ตัวช้ีวัด/มาตรฐานการเรยี นร/ู ผลการเรยี นรู/จุดประสงค/เนื้อหาท่สี อดคลอ งกนั ไมน อยกวารอ ยละ 60

17 มาเทียบโอนผลการเรียนและพจิ ารณาใหระดบั ผลการเรียนใหสอดคลองกบั หลกั สูตรโรงเรียนนครสวรรค พทุ ธศักราช 2564 2) กรณกี ารเทยี บโอนความรู ทกั ษะและประสบการณ พจิ ารณาจากเอกสาร หลกั ฐาน (ถามี) โดยใหมีการประเมินดว ยเคร่ืองมอื ท่ีหลากหลายและใหระดับผลการเรียนใหสอดคลองกับ หลกั สูตรโรงเรียนนครสวรรค พุทธศักราช 2564 3) กรณีการเทียบโอนทผี่ ูเรียนเขา โครงการแลกเปลย่ี นตา งประเทศ ดําเนนิ การตามประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ ารเรื่องหลกั การและแนวปฏิบัติการเทียบช้ันการศกึ ษาสาํ หรบั ผูเรียนทีเ่ ขา รวมโครงการแลกเปลีย่ น ทง้ั น้ีวิธกี ารเทยี บโอนผลการเรยี นใหเปนไปตามหลักการและแนวทางการเทียบ โอนผลการเรียนตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการเรื่องการเทยี บโอนผลการเรยี นการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน และการศึกษาระดบั อดุ มศกึ ษา ระดบั ตา่ํ กวาปรญิ ญา ประกาศ ณ วันท่ี 10 ตลุ าคม พ.ศ. 2546 และแนว ปฏบิ ตั ิที่เกย่ี วกบั การเทยี บโอนผลการเรยี นเขา สูการศกึ ษาในระบบการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน (สงิ หาคม 2549 ) ซ่ึงจัดทําโดยสาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน หมวด 6 การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการเรยี น เปน การแจงผลการเรยี นรแู ละพฒั นาการในดา นตาง ๆ ซ่งึ เปน ความกา วหนา ของผเู รียนใหผ ูเ รยี นและผทู ่ีเก่ียวของรับทราบอยา งนอยภาคเรยี นละ 1 ครั้ง เพ่อื ใชเปน ขอ มูลใน การปรบั ปรงุ แกไขและสง เสริมพฒั นาการของผูเรียนใหประสบความสาํ เร็จอยา งมปี ระสทิ ธิภาพ รวมท้ังใชเ ปน ขอมูลสาํ หรบั ออกเอกสารหลักฐานการศึกษา การตรวจสอบ ยืนยัน การรบั รองผลการเรียนและวฒุ กิ ารศกึ ษา ของผูเรยี น ขอ 20 จุดมุงหมายการรายงานผลการเรยี น 20.1 เพอ่ื แจงใหผ ูเรียน ผเู ก่ียวของทราบความกาวหนา ของผูเรียน 20.2 เพื่อใหผ เู รียน ผูเ กีย่ วของใชเปน ขอ มลู ในการปรับปรงุ แกไ ข สง เสริมและ พฒั นาการเรียนของผูเรยี น 20.3 เพอ่ื ใหผเู รยี น ผูเกยี่ วขอ งใชเปน ขอ มูลในการวางแผนการเรียนกําหนด แนวทางการศึกษาและการเลือกอาชพี 20.4 เพ่อื เปนขอมลู ใหผูท ่ีมหี นาท่เี ก่ียวขอ ง ใชด ําเนินการออกเอกสารหลกั ฐาน การศกึ ษา ตรวจสอบและรบั รองผลการเรียน หรือวฒุ ทิ างการศกึ ษาของผูเรยี น 20.5 เพ่ือเปนขอมลู สําหรับสถานศึกษา เขตพ้ืนที่การศกึ ษาและหนวยงานตน สงั กัด ใชป ระกอบในการกาํ หนดนโยบาย วางแผนในการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา ขอ 21 ขอ มูลในการรายงานผลการเรียน 21.1 ขอมลู ระดับชน้ั เรยี น ประกอบดวย ผลการประเมนิ ความรู ความสามารถ พฤติกรรมการเรยี น ความประพฤติและผลงานในการเรียนของผูเรียน เปนขอมลู สําหรบั รายงานใหผมู สี วน เก่ียวของ ไดแ ก ผเู รยี น ผสู อนและผูป กครอง ไดรบั ทราบความกาวหนา ความสําเร็จในการเรยี นของผเู รยี น เพื่อนาํ ไปใชในการวางแผนกาํ หนดเปาหมายและวิธีการในการพฒั นาผูเรียน

18 21.2 ขอ มลู ระดบั สถานศกึ ษา ประกอบดว ย ผลการประเมินผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น กลมุ สาระการเรยี นรู 8 กลมุ สาระ ผลการประเมนิ การอา น คดิ วเิ คราะหและเขยี น ผลการประเมิน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค ผลการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผูเรียนรายภาค ผลการประเมิน ความกาวหนา ใน การเรียนรรู ายภาคโดยรวมของสถานศกึ ษา เพ่ือใชเปนขอมูลและสารสนเทศในการ พัฒนาการเรยี นการสอน และคณุ ภาพของผเู รยี น ใหเปนไปตามมาตรฐานการเรยี นรู/ ตัวชี้วัด ผลการเรียนรู การตัดสินการเล่ือนช้นั และ การซอ มเสรมิ ผูเรียนทมี่ ีขอ บกพรอ งใหผา นระดบั ชั้นและเปนขอมลู ในการออกเอกสารหลักฐาน การศึกษา 21.3 ขอมูลการประเมินคณุ ภาพระดับเขตพ้นื ที่การศกึ ษา ไดแก ผลการประเมนิ คุณภาพของผเู รียนดว ยแบบประเมนิ ทีส่ ํานักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาจัดทาํ ข้ึนในกลมุ สาระการเรียนรทู สี่ าํ คัญใน ระดับช้ันที่นอกเหนือจากการประเมินคุณภาพระดบั ชาติ เปน ขอมลู ทีผ่ ูเ ก่ียวของใชวางแผนและดาํ เนินการ พัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศกึ ษาเพ่ือใหเ กิดการยกระดบั คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของผูเรียน และสถานศึกษา 21.4 ขอมูลผลการประเมนิ คุณภาพระดับชาติ ไดแก ผลการประเมินคุณภาพของ ผูเ รียนดวยแบบประเมินท่ีเปนมาตรฐานระดับชาตใิ นกลมุ สาระการเรียนรูทีส่ ําคญั ในช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ 3 และ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 ซง่ึ ดําเนินการโดยหนวยงานระดับชาติ เปนขอมลู ทผี่ ูเก่ียวขอ งใชวางแผนและดาํ เนินการ พฒั นาคณุ ภาพ การศึกษาในสว นที่เกยี่ วของ เพ่ือใหเ กิดการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของ ผูเ รยี น สถานศกึ ษา และนําไปรายงานในเอกสารหลกั ฐานการศึกษาของผเู รยี น 21.5 ขอมูลพฒั นาการของผเู รียนดานอ่ืน ๆ ประกอบดว ย ขอมลู เก่ียวกับ พัฒนาการ ทางดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคมและพฤติกรรมตา ง ๆ เปน ขอ มูลสว นหนึ่งของการแนะแนว และ จดั ระบบการดแู ลชว ยเหลือเพ่ือแจงใหผ เู รียน ผูส อน ผปู กครอง และผูเก่ียวของไดร ับทราบขอมลู โดยผูม ี หนาท่ีรบั ผดิ ชอบแตล ะฝา ยนาํ ไปใชปรับปรงุ แกไ ขและพัฒนาผเู รยี นใหเกิดพฒั นาการอยางถกู ตอง เหมาะสม รวมท้ังนําไปจดั ทาํ เอกสารหลักฐานแสดงพัฒนาการของผเู รียน ขอ 22 ลกั ษณะขอมูลสําหรับการรายงาน การรายงานผลการเรียน สถานศกึ ษารายงานผลการเรยี นดังน้ี 22.1 ผลการเรียนรกู ลุมสาระการเรยี นรูร ายงานเปน ระดบั ผลการเรยี น “0 – 4” ( 8 ระดบั ) 22.2 ผลการประเมนิ การอา นคิดวิเคราะหแ ละเขียน รายงานผลการประเมิน คุณภาพเปน ดีเยีย่ ม ดี ผา น และไมผาน 22.3 ผลการประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงคร ายงานผลการประเมนิ คณุ ภาพ เปน ดีเยี่ยม ดี ผาน และไมผ าน 22.4 ผลการประเมินกิจกรรมพฒั นาผเู รยี นรายงานผลการประเมนิ คุณภาพเปน ผา น และ ไมผ าน ขอ 23 เปาหมายการรายงานการดาํ เนินการจัดการศึกษา ประกอบดว ยบุคลากรหลายฝายรว มมอื ประสานงานกนั พัฒนา ผเู รยี นท้งั ทางตรงและ ทางออม ใหมคี วามรคู วามสามารถ คุณธรรม จรยิ ธรรมและคา นิยมอนั พึงประสงค โดยมี ผมู สี วนเกยี่ วขอ งควร ไดรบั การรายงานผลการประเมินของผเู รียนเพื่อใชเปนขอมูลในการดาํ เนินงานดังนี้

19 กลุม เปา หมายการรายงาน การใชขอมลู ผเู รียน - ปรบั ปรงุ แกไขและพัฒนาการเรียน รวมทง้ั พฒั นารางกาย อารมณ สงั คม และพฤติกรรมตา งๆ ของคน - วางแผนการเรยี น การเลือกแนวทางการศกึ ษา และอาชพี ในอนาคต - แสดงผลการเรยี น ความรู ความสามารถ และวุฒิการศึกษาของตน ผสู อน - วางแผนและดาํ เนินการปรับปรงุ แกไขและพฒั นาผเู รยี น - ปรับปรงุ แกไขและพัฒนาการจดั การเรยี นการสอน ครูวดั ผล - ตรวจสอบความถูกตองในการประเมินผลของผสู อน/ผูเ รียน - พัฒนาระบบ ระเบยี บและแนวทางการประเมนิ ผลการเรยี น นายทะเบยี น - จัดทําเอกสารหลกั ฐานการศึกษา ครูแนะแนว - - ใหคาํ แนะนาํ ผเู รยี นในดา นตาง ๆ คณะกรรมการบรหิ าร - พิจารณาใหความเหน็ ชอบผลการเรียนของผูเ รยี น หลักสตู รและวิชาการของ - พัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาของสถานศกึ ษา สถานศกึ ษา ผูบรหิ ารสถานศกึ ษา - พิจารณาตดั สนิ และอนุมัตผิ ลการเรียนของผูเรียน - พฒั นากระบวนการจดั การเรยี นของสถานศกึ ษา - วางแผนการบรหิ ารจัดการศึกษาดานตาง ๆ ผปู กครอง - รบั ทราบผลการเรียนและพัฒนาการของผเู รียน - ปรับปรงุ แกไขและพฒั นาการเรียนของผเู รียน รวมทง้ั การดแู ล สุขภาพ อนามัย รางกาย จติ ใจ อารมณ สังคมและพฤติกรรมตา ง ๆ ของผเู รียน - พจิ ารณาวางแผนและสง เสรมการเรยี น การเลือกแนวทางการศกึ ษา และอาชีพในอนาคตของผูเรียน ฝาย/หนวยงานทมี่ หี นา ท่ี - ตรวจสอบ และรบั รองผลการเรยี นและวุฒิการศกึ ษาของผูเรียน ตรวจสอบรับรองความรู และ - เทียบระดับ/วฒุ ิการศกึ ษาของผูเ รียน วฒุ กิ ารศกึ ษา/สถานศกึ ษา - เทียบโอนผลการเรียน สํานักงานเขตพืน้ ท่ี - ยกระดับและพฒั นาการศกึ ษาของสถานศึกษาในเขตพน้ื ที่การศึกษา การศกึ ษา/หนว ยงานตน - นเิ ทศ ตดิ ตาม และใหค วามชว ยเหลอื การพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา สังกัด ของสถานศกึ ษาท่มี ีผลการประเมินตํ่ากวาคาเฉลยี่ ของสาํ นักงานเขต พ้นื ทีก่ ารศกึ ษา ขอ 24 วิธกี ารรายงาน การรายงานผลการเรยี นใหผเู กย่ี วของรับทราบดําเนินการดังน้ี 24.1 การรายงานผลการเรียนในเอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา ไดแ ก 241.1 ระเบียบแสดงผลการเรยี น (ปพ.1) 24.1.2 หลกั ฐานแสดงวุฒกิ ารศึกษา (ใบประกาศนียบัตร : ปพ.2) 24.1.3 แบบรายงานผูสาํ เร็จการศกึ ษา (ปพ.3) 24.1.4 แบบแสดงผลการพัฒนาคุณลักษณะอนั พึงประสงค (ปพ.4) 24.1.5 แบบแสดงผลการพัฒนาคุณภาพของผเู รยี น (ปพ.5) 24.1.6 แบบรายงานผลการพฒั นาคณุ ภาพผเู รยี นรายบคุ คล (ปพ.6) 24.1.7 ใบรบั องผลการศกึ ษา (ปพ.7)

20 24.1.8 ระเบยี นสะสม (ปพ.8) 24.1.9 สมดุ บนั ทกึ ผลการเรียน (ปพ.9) 24.2 การรายงานคณุ ภาพการศึกษาใหผเู กย่ี วของทราบ รายงานหลายวธิ ี เชน 24.2.1 รายงานคุณภาพการศึกษาประจําป 24.2.2 วารสาร/จลุ สารของสถานศกึ ษา 24.2.3 จดหมายสว นตวั 24.2.4 การใหคําปรกึ ษาหารือเปนรายบุคคล 24.2.5 การใหพ บครูทป่ี รกึ ษาหรอื การประชมุ ผูปกครอง 24.2.6 การใหข อมลู ทางอินเตอรเน็ตผา นเวบ็ ไซคของโรงเรียน ขอ 25 การกําหนดระยะเวลาในการรายงาน ดังน้ี 25.1 ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นกลุม สาระการเรียนรู 8 กลุมสาระ ผลการประเมินการ อา น คิดวิเคราะหแ ละเขียน ผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค ผลการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผเู รยี น จะรายงานหลังจากประเมินผลปลายภาคแลว เสรจ็ ภายใน 15 วัน 25.2 ผลการประเมินคณุ ภาพระดบั เขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา จะรายงานผลหลังจากได รับทราบ ผลภายใน 15 วัน 25.3 ผลการประเมนิ คณุ ภาพระดบั ชาติ จะรายงานผลหลังจากไดร บั ทราบภายใน 15 วนั 25.4 ขอมลู พฒั นาการของนักเรียนประกอบดวย ขอมูลเกีย่ วกับพัฒนาการ ทางดาน รางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และพฤตกิ รรมตาง ๆ จะรายงานใหท ราบพรอมกับการรายงานผลใน ขอ 25.1 หมวด 7 เอกสารหลักฐานการศึกษา หลักสตู รโรงเรยี นนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษา ขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กาํ หนดใหมเี อกสารหลักฐานทางการศึกษา 2 ประเภท คือ เอกสารหลกั ฐาน การศกึ ษาท่ีกระทรวงศกึ ษาธิการกําหนด และเอกสารหลักฐานการศกึ ษาที่สถานศกึ ษากําหนดรายละเอยี ด ดังน้ี ขอ 26 เอกสารหลักฐานการศกึ ษาทีก่ ระทรวงศกึ ษาธิการกําหนดเปน เอกสารควบคมุ และ บงั คับแบบ เรยี กวา แบบประเมินผลตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน (ปพ.) จัดทําขึ้นเพอื่ ตัดสิน รบั รองผลการเรยี นของผูเ รยี นตามหลกั สตู รโรงเรยี นนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2551 ท่ีใชเปนหลกั ฐานสาํ หรบั การตรวจสอบยืนยัน และรับรองคณุ สมบัติทางการศึกษาของผเู รยี นไดต ลอดไป สถานศกึ ษาตองใชแ บบพิมพ และดาํ เนินการจัดทําตามท่กี ระทรวงศึกษาธิการกาํ หนดไวเ ปนมาตรฐานเดยี วกัน ดงั น้ี 26.1 เอกสารหลักฐานการศึกษาควบคุมและบงั คบั แบบมดี งั นี้ 26.1.1 ระเบยี นแสดงผลการเรียน (ปพ.1) เปน หลกั ฐานเพื่อแสดงผลการเรียนและ รบั รองผลการเรียนของผเู รียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอา น คิดวิเคราะหและเขยี น ผลการประเมิน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคข องสถานศกึ ษา และผลการประเมินกิจกรรมพฒั นาผเู รยี นสถานศกึ ษาจะตอง

21 บนั ทึกขอมลู และออกเอกสารนใ้ี หผ เู รยี นเปนรายบคุ คล เม่ือผูเรยี นจบการศกึ ษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน หรอื ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย หรือเมอ่ื ลาออกจากสถานศึกษาในทุกกรณี ระเบียนแสดงผลการเรยี น (ปพ.1) นําไปใชประโยชน ดังน้ี 1) แสดงผลการเรยี นของผเู รียนตามโครงสรางหลกั สตู รของสถานศกึ ษา 2) รบั รองผลการเรยี นของผูเ รียนตามขอมูลท่บี นั ทึกในเอกสาร 3) ตรวจสอบผลการเรยี นและวุฒกิ ารศึกษาของผเู รยี น 4) ใชเ ปน หลกั ฐานการศกึ ษาเพื่อสมคั รเขา ศึกษาตอ สมัครงานหรอื ขอรบั สิทธปิ ระโยชนอน่ื ใดที่พึงมไี ดตามวฒุ กิ ารศึกษาน้นั 26.1.2 แบบรายงานผสู าํ เรจ็ การศกึ ษา (ปพ.3) เปน เอกสารอนมุ ตั กิ ารจบหลักสตู ร โดยบันทึกรายช่อื และขอมูลของผูจบการศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาปที่ 3 หรือชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 6 แบบรายงานผสู ําเรจ็ การศึกษา (ปพ.3) นาํ ไปใชป ระโยชน ดังน้ี 1) ใชต ดั สินและอนุมตั ิผลการเรยี นของผูเรียน 2) แสดงรายชอื่ ผูจบหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐานแตล ะระดับ การศกึ ษาท่ีไดรบั การรบั รองวุฒจิ ากกระทรวงศกึ ษาธิการ 3) ใชส ําหรบั ตรวจสอบ คนหา พสิ จู น ยนื ยันและรบั รองวุฒหิ รือผล การศกึ ษาของผูจ บหลักสตู รการศึกษา 26.2 เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาท่ีสถานศึกษาดําเนินการเอง เอกสารหลกั ฐาน การศกึ ษาทสี่ ถานศึกษากําหนด เปน เอกสารทจี่ ัดทาํ ขึน้ เพื่อบนั ทกึ พัฒนาการผลการเรียนรู และขอมูลสําคญั เกย่ี วกบั ผเู รยี น เชน แบบบนั ทึกผลการเรยี นประจํารายวิชา แบบรายงานประจําตัวนกั เรียน ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียน และเอกสารอื่น ๆ ตามวตั ถปุ ระสงคของการนาํ เอกสารไปใช 26.2.1 แบบรายงานผลการพัฒนาคณุ ภาพผเู รยี นรายบุคคล เปนเอกสารท่ี สถานศกึ ษา จัดทาํ ขนึ้ เพ่ือบนั ทกึ ขอมลู ผลการเรียนรายวิชา และพฒั นาการดานตา ง ๆ ของผูเ รียนแตล ะคน ตามเกณฑก าร ตดั สินผา นระดบั ชน้ั ของหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน รวมทั้งขอมลู ดา นอน่ื ๆ ของ ผเู รยี นทีบ่ า นและสถานศึกษา โดยจดั ทําเปน เอกสารรายบุคคล เพือ่ ใชสาํ หรับสื่อสารใหผ ปู กครองของผเู รียน แตละคนได รบั ทราบผลการเรียนและพฒั นาการดานตา ง ๆ ของผูเรยี นอยางตอเนอ่ื ง แบบรายงานประจําตัวนกั เรยี นนําไปใชป ระโยชน ดังน้ี 1) รายงานผลการเรยี น ความประพฤติ และพฒั นาการของผูเรียนใหผ แู ก ผูป กครองไดร บั ทราบ 2) ใชเปน เอกสารส่ือสาร ประสานงาน เพือ่ ความรวมมือในการพฒั นาและ ปรับปรงุ แกไขผเู รยี น 3) เปนเอกสารสาํ หรบั ตรวจสอบ ยืนยัน และรบั รองผลการเรยี นและ พฒั นาการตา ง ๆ ของ ผูเรยี น 26.2.2 แบบบันทึกผลการเรียนประจํารายวชิ า เปน เอกสารทส่ี ถานศกึ ษาจัดทําขนึ้ เพอ่ื ใหค รผู ูสอนใชบ ันทึกพฒั นาการผลการเรียนรู กจิ กรรมพัฒนาผเู รยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงค และการ อาน คดิ วเิ คราะห และเขียนสําหรับการพิจารณาตัดสนิ ผลการเรียนแตล ะรายวชิ าเปนรายหอ งเรียน เอกสารบนั ทึกผลการเรียนรายวชิ านาํ ไปใชประโยชน ดงั น้ี 1) ใชบ ันทกึ พฒั นาการผลการเรยี นรู คุณลักษณะอนั พึงประสงค การอาน คิด วิเคราะห และเขียน และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผูเรียนของผเู รยี นแตล ะรายวิชา

22 2) ใชเ ปน หลักฐานสําหรบั ตรวจสอบ รายงาน และรับรองขอมลู เกยี่ วกบั พฒั นาการ และผลการเรียนรูของผูเรียน เอกสารบนั ทึกผลการเรยี นรายวชิ านําไปใชประโยชน ดงั น้ี 1) ใชบ ันทึกพฒั นาการผลการเรยี นรู คุณลกั ษณะอันพึงประสงค การอาน คิด วิเคราะห และเขียน และผลการประเมินกจิ กรรมพฒั นาผเู รียนของผเู รียนแตละรายวิชา 2) ใชเ ปนหลกั ฐานสําหรบั ตรวจสอบ รายงาน และรับรองขอมูลเก่ียวกับ พัฒนาการ และผลการเรียนรูของผเู รยี น 26.2.3 ระเบยี นสะสม เปน เอกสารท่สี ถานศึกษาจัดทําขึ้น เพ่ือบนั ทึกขอมูล เกี่ยวกบั พฒั นาการของผูเรยี นในดา นตางๆ เปน รายบุคคล โดยจะบันทึกขอมูลของผูเ รียนอยางตอเนอื่ ง ระเบยี นสะสมนําไปใชประโยชน ดังน้ี 1) ใชเ ปน ขอมูลในการแนะแนวทางการศึกษาและการประกอบอาชีพของ ผเู รยี น 2) ใชเปน ขอ มลู ในการพัฒนาปรบั ปรงุ บคุ ลกิ ภาพ ผลการเรียน และการ ปรบั ตัว ของผูเรียน 3) ใชติดตอ ส่ือสาร รายงานพัฒนาคณุ ภาพของผเู รยี นระหวา งสถานศึกษา กับ ผูปกครอง 4) ใชเ ปนหลักฐานสาํ หรบั ตรวจสอบ รบั รอง และยนื ยันคณุ สมบัตขิ อง ผเู รียน 26.2.4 ใบรบั รองผลการเรยี น เปน เอกสารท่ีสถานศึกษาจัดทาํ ขึ้นเพื่อใชเ ปน เอกสารสาํ หรับรบั รองความเปน นกั เรยี นของผเู รยี นเปน การชั่วคราวตามท่ผี เู รียนรอ งขอทง้ั กรณีท่ผี ูเ รียนกําลัง ศกึ ษาอยใู นสถานศึกษาและเมือ่ จบการศกึ ษาไปแลว ใบรบั รองผลการเรยี น นาํ ไปใชป ระโยชน ดังน้ี 1) รบั รองความเปน นักเรยี นของสถานศกึ ษาทเี่ รียนหรือทเ่ี คยเรยี น 2) รับรองและแสดงความรู วุฒิการศกึ ษาของผูเรียน 3) ใชเ ปนหลกั ฐานแสดงคณุ สมบตั ขิ องผเู รยี นในการสมัครเขา ศกึ ษาตอ สมัครเขา ทํางาน หรือมกี รณอี ื่นใดทผ่ี เู รยี นแสดงคุณสมบัติเกี่ยวกับวฒุ ิ ความรูหรือสถานการณเ ปนผูเ รยี น ของตน 4) เปน หลกั ฐานสาํ หรับตรวจสอบ รบั รอง ยนื ยนั การใชส ทิ ธคิ์ วามเปน ผูเรยี น หรอื การไดร บั การรบั รองจากสถานศึกษา 26.2.5 แบบบนั ทึกผลการประเมนิ มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู/ จุดประสงคการเรียนรู เปน เอกสารทส่ี ถานศึกษาจัดทาํ ขึ้นเพ่อื ใชเปน เอกสารหลักฐานสําหรบั แสดงผลการเรียน ตามมาตรฐานการเรยี นรู/ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู โดยแสดงผลการประเมินมาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชีว้ ดั /ผลการ เรยี นรู ท่ผี เู รยี นไดร ับการประเมินไปแลว ในระดับชั้นท่ผี เู รียนกําลังศกึ ษาอยู สถานศึกษาจะออกเอกสาร หลักฐานแบบบนั ทึกผลการ ประเมนิ มาตรฐานการเรียนรู/ตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู เมอื่ ผูเรียนยายทเ่ี รียนไปยัง สถานศึกษาอืน่ ในขณะทีย่ ังไมไดรบั การประเมนิ ผลปลายภาคของปก ารศกึ ษาน้ัน

23 หมวด 8 การยายสถานศกึ ษา ขอ 27 ผเู รียนคนใดจําเปนตองยา ยที่เรยี น โรงเรยี นจัดทาํ เอกสารหลกั ฐานการเรยี นของ ผูเรยี นไปใหโ รงเรียนใหม ดังน้ี คือ 27.1 ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) 27.2 แบบรายงานผลการพัฒนาคณุ ภาพผูเรียนรายบุคคล 27.3 ระเบยี นสะสม 27.4 แบบบันทึกผลการประเมินมาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชี้วัด/ผลการเรียนร/ู จดุ ประสงคการเรยี นรู 27.5 หนังสอื สงตวั จากสถานศกึ ษาเดิม ประกาศ ณ วนั ที่ 7 เดอื น ธันวาคม พ.ศ. 2563 (นางสาวจงกล เดชปน) ผูอาํ นวยการโรงเรยี นนครสวรรค

24 บรรณานกุ รม

25 บรรณานกุ รม สํานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ; (2551). เอกสารประกอบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 แนวปฏบิ ตั ิการวดั และประเมินผลการเรยี นร.ู กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพองคก ารรบั สง สินคา และพสั ดุภณั ฑ (ร.ส.พ). . (2550) แนวทางการจดั ทาํ เอกสารหลักฐานการศกึ ษา ปพ.1 ปพ.2 และ ปพ.3 ตามหลกั สูตรการศกึ ษาขืนพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2544. กรงุ เทพมหานคร โรงพิมพครุ ุสภาลาดพราว.

26 ภาคผนวก ก - กระบวนการตัดสินและแกไขผลการเรียนระดับมธั ยมศกึ ษา - วธิ กี ารวัดและประเมินผล โรงเรยี นนครสวรรค

27 ได “0” ได “1” แก “ร” ได “1-4” แกต วั ไดอกี 1 คร้งั ได “ร” สอนซอ มเสรมิ /สอบแกต ัว ไมแ ก “ร” ได “0” ได “1” ไมเขาวัดผลกลางภาค/ไมเขา ภายใน วดั ผลปลายภาค/สง งานไมครบ 1 ได “0” ได “1” ภาคเรียน สอนซอมเสรมิ /สอบแกตวั ย่นื คํารองแก “0” วดั ผลปลายภาคเปนกรณพี เิ ศษ ได “0” ได “1-4” เรยี นซา้ํ เพิ่มเติม เวลาเรียนครบ ตดั สนิ ผล 60% < เวลาเรียน < 80% เวลาเรียน < 60% การเรยี น ได “มส” วดั ผล อนญุ าต ไมอนญุ าต ปลายภาค ดุลยพินิจ ไมแ ก เรยี น “มส” มีเวลาเรยี น ภายใน มเี วลาเรียนต้งั แต ไมถ งึ 80% ภาคเรียน 80% น้นั หมายเหตุ วัดผล - คะแนนกลางภาคเรียนผาน 60% ระหวา งภาค - คะแนนกอ นกลางภาค+คะแนนหลงั กลางภาคผา น 70% เรยี นซา้ํ เรียน เรียนซํา้ แผนผัง แสดงกระบวนการตดั สนิ และแกไขผลการเรียนโรงเรยี นนครสวรรค

28 วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล โรงเรยี นนครสวรรค ตามระเบยี บการวดั และประเมินผลโรงเรยี นนครสวรรค พุทธศักราช 2564 ประเดน็ ที่ 1 เกณฑผ า นในการวดั และประเมินผลและจํานวนครัง้ ในการสอบซอ ม (คณิต/วิทย/ไทย/ภาษาตา งประเทศ/สงั คมฯ 70 : 30 การงาน/สุขศกึ ษา/ศลิ ปะ 80 : 20 ) F1 ขอตกลงรวมกัน : Midterm F2 Final นกั เรียนมสี ทิ ธิ์สอบซอม เพื่อไดค ะแนนผา นเกณฑ  เกณฑผ า น 70%  เกณฑผ า น 60%  เกณฑผ าน 70% แตถา ซอมไมผ านหรือเลย กาํ หนดเวลาใหใชค ะแนน  ซอมไดไมเกนิ 3 คร้ัง  ซอ มได 2 คร้ัง  ซอ มไดไ มเกนิ 3 ครั้ง ครัง้ ท่ดี ีท่สี ดุ หมายเหตุ ขาดสอบกลางภาค/ปลายภาค โดยไมม เี หตอุ ันควร อนญุ าตใหส อบตามชว งเวลาท่กี ลุมบริหารวิชาการกาํ หนด ประเดน็ ที่ 2 การตดิ “0” และการแก “0”  ตดิ “0”รายวชิ าพ้ืนฐาน ขน้ั ตอนการซอม “0” ขั้นตอน การเรียนซ้าํ รายวิชา และรายวชิ าเพ่มิ เตมิ 1) ลงทะเบยี นเรยี นซา้ํ ทีง่ านวดั ผล 1) ติดตองานวดั ผล ลงทะเบียน 2) รับแบบบนั ทึกเวลาเรยี น ไมสามารถจบการศกึ ษาได 3) เรยี นซอ มเสรมิ นอกเวลาโดยนบั ชงั่ โมงตาม การซอ ม “0” ซอมได 2 ครง้ั แกผลการเรยี น “0” หนวยกิต 2) ติดตอครูผูสอนเพื่อเรยี นซอ มเสรมิ 4) ทํางานตามที่ครมู อบหมาย 5) สง งานตามกาํ หนดเวลา ประกาศผลการเรียน และรับงานมาซอม 3) สงงานตามกําหนด ครูประเมินงาน จํานวนหนว ยกติ จาํ นวนช่ัวโมงทีเ่ รยี นซอ มเสริม 0.5  ถาผาน ไดเ กรด 1 1.0 6 ชว่ั โมง  ถา ไมผ าน ซอม “0” คร้ังที่ 2 1.5 12 ช่วั โมง 4) กรณซี อ มครัง้ ท่ี 2 ไมผ า น ให 18 ช่ัวโมง ลงทะเบยี นเรียนซํ้ารายวชิ าน้ันๆ ประเด็นที่ 3 การตดิ “มส” และการแก “มส”  “มส” คือ มีเวลาเรียนไมถึง 80% จาํ นวนคาบท่ขี าดเรยี นทที่ ําใหตดิ “มส” ขอ ตกลงรวมกัน : แตไ มนอยกวา 60% 1) เตอื นนักเรยี น 3 ครงั้ คือ ขาดสอบ จาํ นวน จํานวน ขาด เกิน 20%  นกั เรยี นไมมีสทิ ธเิ์ ขา สอบปลาย หนว ยกิต คาบเรียน 20% ตดิ “มส” 10%,15%,20% ภาคจนกวา จะซอ มเวลาเรยี นครบ 0.5 20 คาบ 4 คาบ  5 คาบ 2) การนบั เวลาเรียนและไมน บั เวลาเรยี น  หลงั ซอ มเวลาและไดส ทิ ธ์สิ อบแลว 1.0 40 คาบ 8 คาบ  9 คาบ  กิจกรรมท่ีโรงเรยี นเปน ผจู ดั หรือสงเขารวม จะมีสทิ ธไ์ิ ดผลการเรยี นไมเ กนิ 1 1.5 60 คาบ 12 คาบ  13 คาบ 2.0 80 คาบ 16 คาบ  17 คาบ ใหนับเวลาเรยี น  มเี วลาเรยี นไมถึง 60% ของวชิ า  ลากิจ/ขาดเรียนไปรวมกจิ กรรมอ่นื ๆ ดว ย ใหลงเรียนซา้ํ รายวชิ า ตวั เองไมน ับเวลาเรยี น เวนแตจะไดร บั การ ประเดน็ ที่ 4 การติด “ร” และการแก “มผ” พิจารณาโดยหัวหนาสถานศึกษา  ลาไปเรยี นซอม นศท. ไมน ับเวลาเรยี น การตดิ “ร” คือ รอการตดั สนิ ผลการเรยี น เน่ืองจากผูเรยี นไมมขี อ มลู ผลการ การตดิ “มผ” เรยี นรายวชิ านัน้ ครบถวน เชน ไมไ ดว ัดผลระหวางภาคเรยี น/ปลายภาคเรยี น  การตดิ “มผ” ไมจบชวงช้ัน (ม.3/ม.6) ไมไ ดสง งานทมี่ อบหมายใหท าํ เพราะมเี หตสุ ุดวสิ ยั (พจิ ารณาเหตสุ ดุ วสิ ยั โดย  วิชาท่ีประเมนิ คือ การประเมินอา น คดิ หัวหนาสถานศกึ ษา เชน เกิดอุบตั เิ หตุ หรอื เจ็บปว ยรา ยแรง) เมื่อนักเรียน ดําเนินการสอบหรือสง งานที่คา งใหเ รียบรอ ย จะไดผ ลการเรยี น 0-4 ถา ผูเรยี นไม วเิ คราะหแ ละเขียน/การประเมินลกั ษณะอันพงึ ดําเนนิ การแกไ ข “ร” กรณไี มส ง งานไมค รบ แตมผี ลการประเมิน ระหวา งภาค เรียนและปลายภาค ใหผูสอนนาํ ขอ มลู หรอื คะแนนทม่ี ีอยูต ดั สนิ ผลการเรยี นไดเ ลย ประสงค ประเมินสมรรถนะ/กิจการพฒั นา ยกเวน มีเหตุสดุ วสิ ัย ใหอยใู นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษา ผูเรยี น

29 ภาคผนวก ข ประกาศโรงเรียนนครสวรรค เรือ่ งเกณฑการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู

30 ประกาศโรงเรยี นนครสวรรค เร่ือง เกณฑการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู ดว ยโรงเรียนนครสวรรค เปน โรงเรยี นของรัฐบาลทรี่ ับนักเรียนในระดบั มัธยมศึกษาและมี อัตราการแขง ขันสงู มเี กณฑก ารรบั สมคั รแยกจากเกณฑการรับนกั เรยี นของโรงเรียนมธั ยมศกึ ษาอ่ืนๆ เปน โรงเรียนทส่ี งเสรมิ ผเู รียนท่มี ีความสามารถดานตา ง ๆ และโรงเรยี นจดั หองเรยี นพิเศษ จํานวน 5 โครงการ ไดแก หองเรียนดาวรงุ มุงโอลิมปก หองเรยี นพิเศษวทิ ยาศาสตร คณติ ศาสตร เทคโนโลยีและสิ่งแวดลอ ม หอ งเรียนสง เสริมผูมีความสามารถพเิ ศษทางวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี (พสวท. สมทบ) และหอ งเรยี นพิเศษ โครงการพัฒนาประเทศไทยเปน ศูนยกลางการศึกษาในภมู ิภาค (Education Hub) หรอื หองเรยี นพหุภาษา (MP: Multilingual Program) เพ่ือพฒั นาการเรียนรู การวดั และประเมนิ ผลเพ่ือพัฒนาการเรยี นร(ู Formative Assessment) ท่ีเกิดข้นึ ในหองเรียนทุกวนั เปน การประเมนิ เพอ่ื ใหร จู ดุ เดน จุดทต่ี องปรับปรุงและพฒั นา ให ขอ มลู ยอนกลับแกผ ูเรยี นในลักษณะคาํ แนะนําท่เี ชือ่ มโยงความรูเดมิ กับความรใู หมทาํ ใหการเรียนรพู อกพนู แกไ ขความคดิ ความเขา ใจเดมิ ท่ไี มถกู ตอง ตลอดจนการใหผูเรยี นสามารถตงั้ เปา หมายและพฒั นาตนได คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู รและงานวชิ าการโรงเรยี นนครสวรรค จึงไดก ําหนดคะแนน เปาหมาย/เกณฑการวัดและประเมินผลการเรยี นรูในแตละรายวิชา ในกลุม สาระการเรียนรดู ังน้ี ท่ี กลุมสาระการเรียนรู คะแนนการวดั และประเมินผล (K : A : P) สดั สว นคะแนน ผลการเรยี นระดบั 3-4 (K : Knowledge, A : Attitude, P : Process) ระหวา งเรยี น : ปลายภาค (จาํ นวนรอ ยละไมน อ ยกวา) 1 การงานอาชพี 40 : 10 : 50 80 : 20 80 2 คณิตศาสตร 60 : 10 : 30 70 : 30 70 3 วทิ ยาศาสตร 65 : 05 : 30 70 : 30 70 4 ภาษาตางประเทศ 70 : 10 : 20 70 : 30 70 5 ภาษาไทย 60 : 20 : 20 70 : 30 70 6 ศิลปะ 20 : 20 : 60 80 : 20 80 7 สังคมศึกษา ศาสนาและ 60 : 20 : 20 70 : 30 70 วฒั นธรรม 8 สขุ ศึกษาและพละศกึ ษา 20 : 20 : 60 80 : 20 80 ทงั้ นต้ี ั้งแต ตง้ั แตว นั ท่ี 16 พฤษภาคม 2564 เปน ตนไป ประกาศ ณ วนั ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2563 (นางสาวจงกล เดชปน ) ผูอ าํ นวยการโรงเรยี นนครสวรรค

ภาคผนวก ค การประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

การประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ตามหลกั สตู รโรงเรียนนครสวรรค์ พุทธศักราช ๒๕61 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ทั้ง ๘ ประการ ได้แก่ ๑) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒) ซ่อื สัตย์สจุ ริต ๓) มวี ินยั ๔) ใฝเ่ รียนรู้ ๕) อยู่อย่างพอเพียง ๖) มุ่งม่นั ในการทางาน ๗) รกั ความเป็นไทย ๘) มีจติ สาธารณะ การนาคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ท้งั ๘ ประการดงั กล่าว ไปพฒั นาผ้เู รยี นใหม้ ีประสทิ ธิภาพและเกิด ประสิทธิผลนนั้ สถานศกึ ษาตอ้ งมีความเขา้ ใจเก่ียวกับคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์อยา่ งชัดเจน โดยพิจารณาจาก นยิ าม ตัวชวี้ ดั พฤตกิ รรมบ่งช้ี และเกณฑก์ ารให้คะแนนของคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ซงึ่ มีรายละเอยี ดดงั นี้ ขอ้ ที่ ๑ รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ นยิ าม รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ หมายถึง คุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติ ธารงไว้ซึง่ ความ เปน็ ชาตไิ ทย ศรทั ธา ยึดมั่นในศาสนา และเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ผ้ทู ่รี ักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ คือ ผทู้ มี่ ลี ักษณะซง่ึ แสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดขี องชาติ มคี วามสามัคคี ปรองดอง ภมู ใิ จ เชิดชคู วามเป็นชาตไิ ทย ปฏิบตั ิตนตามหลักศาสนาที่ตนนับถือ และแสดงความจงรกั ภักดีตอ่ สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ ตัวช้ีวดั ๑.๑ เปน็ พลเมอื งดีของชาติ ๑.๒ ธารงไวซ้ ึ่งความเป็นชาติไทย ๑.๓ ศรัทธา ยึดมั่น และปฏิบัตติ นตามหลกั ศาสนา ๑.๔ เคารพเทิดทนู สถาบนั พระมหากษตั ริย์ ตัวชว้ี ัด พฤติกรรมบ่งช้ี ๑.๑ เป็นพลเมืองดขี องชาติ ๑.๑.๑ ยนื ตรงเคารพธงชาติ รอ้ งเพลงชาติ และอธบิ ายความหมายของ เพลงชาติได้ถกู ต้อง ๑.๑.๒ ปฏบิ ตั ิตนตามสิทธแิ ละหน้าท่ีพลเมอื งดขี องชาติ ๑.๑.๓ มีความสามัคคปี รองดอง ๑.๒ ธารงไว้ซ่ึงความเป็นชาติไทย ๑.๒.๑ เขา้ รว่ มส่งเสริมสนบั สนุนกิจกรรมท่สี ร้างความสามัคคี ปรองดองทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อโรงเรียนชุมชน และสงั คม ๑.๒.๒ หวงแหน ปกป้อง ยกย่องความเป็นชาติไทย ๑.๓ ศรัทธา ยึดมั่น และปฏบิ ตั ิ ๑.๓.๑ เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาทีต่ นนับถือ ตนตามหลักของศาสนา ๑.๓.๒ ปฏิบัตติ นตามหลกั ของศาสนาที่ตนนบั ถือ ๑.๓.๓ เปน็ แบบอยา่ งท่ีดีของศาสนกิ ชน

ตวั ชีว้ ดั พฤติกรรมบง่ ชี้ ๑.๔ เคารพเทิดทนู สถาบนั ๑.๔.๑ เขา้ ร่วมและมีส่วนร่วมในการจัดกจิ กรรมที่เกีย่ วกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ พระมหากษัตริย์ ๑.๔.๒ แสดงความสานกึ ในพระมหากรุณาธคิ ณุ ของพระมหากษตั รยิ ์ ๑.๔.๓ แสดงออกซ่ึงความจงรักภกั ดีตอ่ สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตวั ช้ีวดั ที่ ๑.๑ เป็นพลเมืองดีของชาติ พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไมผ่ ่าน (๐) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดีเยยี่ ม (๓) ๑.๑.๑ ยนื ตรงเคารพ ไมย่ นื ตรงเคารพธง ยืนตรงเม่อื ได้ยนิ ยนื ตรงเมื่อไดย้ ิน ยนื ตรงเม่ือได้ยนิ เพลงชาตริ ้องเพลง ธงชาติ ร้องเพลงชาติ ชาติ เพลงชาติ ร้องเพลง เพลงชาติ ร้องเพลง ชาติ และอธบิ าย ความหมายของ และอธบิ าย ชาติ และอธบิ าย ชาติ และอธบิ าย เพลงชาติได้ถกู ต้อง ปฏิบัตติ นตาม ความหมายของ ความหมายของ ความหมายของ สิทธิและหน้าท่ีของ พลเมอื งดแี ละให้ เพลงชาตไิ ด้ถูกต้อง เพลงชาติ เพลงชาติได้ถูกต้อง ความร่วมมอื ร่วมใจ ในการทากิจกรรม ๑.๑.๒ ปฏิบตั ติ นตาม ได้ถูกต้อง ปฏบิ ตั ติ น ปฏิบัตติ นตามสิทธิ กับสมาชิก ในโรงเรียนและ สทิ ธแิ ละหน้าที่ ตามสทิ ธแิ ละหนา้ ที่ และหนา้ ท่ขี อง ชุมชน พลเมืองดขี องชาติ ของนักเรยี นและให้ นกั เรยี นและให้ ๑.๑.๓ มีความสามัคคี ความรว่ มมือร่วมใจ ความร่วมมือร่วมใจ ปรองดอง ในการทากจิ กรรม ในการทากจิ กรรม กับสมาชิกในช้นั กับสมาชิก เรียน ในโรงเรยี น ตัวชี้วัดท่ี ๑.๒ ธารงไว้ซึง่ ความเป็นชาติไทย พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไม่ผา่ น (๐) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดเี ยีย่ ม (๓) ๑.๒.๑ เข้าร่วม ไมเ่ ข้ารว่ มกจิ กรรมท่ี เข้าร่วมกจิ กรรมท่ี เขา้ ร่วมกิจกรรมและ เขา้ รว่ มกิจกรรมและ ส่งเสริมสนบั สนนุ สรา้ งความสามัคคี สรา้ งความสามคั คี มสี ่วนรว่ มในการจดั มีส่วนร่วมในการจัด กิจกรรมที่สรา้ ง ปรองดองและเป็น กจิ กรรมที่สร้าง กิจกรรมท่สี ร้าง ความสามัคคี ประโยชนต์ อ่ ความสามัคคี ความสามคั คี ปรองดองทเ่ี ปน็ โรงเรียนและชมุ ชน ปรองดอง และเปน็ ปรองดอง และเป็น ประโยชนต์ ่อ ประโยชน์ตอ่ ประโยชนต์ ่อ โรงเรียน โรงเรยี นและชมุ ชน โรงเรยี นชมุ ชน และ ชุมชน และสงั คม สงั คม ช่ืนชมใน ๑.๒.๒ หวงแหน ความเปน็ ชาตไิ ทย ปกป้องยกย่องความ เปน็ ชาตไิ ทย

ตัวชีว้ ัดท่ี ๑.๓ ศรทั ธา ยดึ มั่น และปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ของศาสนา พฤติกรรมบ่งช้ี ไม่ผ่าน (๐) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดีเยย่ี ม (๓) ๑.๓.๑ เขา้ ร่วม ไม่เข้าร่วมกจิ กรรม เข้าร่วมกิจกรรมทาง เข้าร่วมกจิ กรรมทาง เข้าร่วมกิจกรรมทาง กิจกรรมทางศาสนา ทางศาสนาที่ตนนับ ศาสนาที่ตนนบั ถือ ศาสนาทีต่ นนับถือ ศาสนาทต่ี นนบั ถือ ท่ีตนนบั ถือ ถือ และปฏบิ ตั ิตนตาม และปฏบิ ัติตนตาม และปฏิบตั ิตนตาม ๑.๓.๒ ปฏิบัติตน หลกั ของศาสนาตาม หลกั ของศาสนา หลักของศาสนา ตามหลกั ของศาสนา โอกาส อยา่ งสม่าเสมอ อย่างสม่าเสมอและ ที่ตนนบั ถือ เป็นแบบอยา่ งทีด่ ี ๑.๓.๓ เป็น ของศาสนิกชน แบบอย่างทด่ี ีของ ศาสนกิ ชน ตวั ช้ีวดั ท่ี ๑.๔ เคารพเทดิ ทนู สถาบันพระมหากษัตริย์ พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไม่ผ่าน (๐) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดเี ยยี่ ม (๓) ๑.๔.๑ เขา้ ร่วมและมี ไมเ่ ข้ารว่ ม เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ี เขา้ รว่ มกิจกรรมและ เขา้ ร่วมกจิ กรรมและ สว่ นรว่ มในการจดั กิจกรรม เก่ียวกับสถาบนั มีสว่ นรว่ มในการจดั มสี ว่ นรว่ มในการจัด กิจกรรมทเ่ี กยี่ วกับ ที่เกย่ี วกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ กิจกรรมท่ีเกย่ี วกบั กิจกรรมทเ่ี ก่ยี วกบั สถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ ตามท่โี รงเรยี นและ สถาบัน สถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ ชมุ ชนจัดขึ้น พระมหากษัตริย์ พระมหากษัตรยิ ์ ๑.๔.๒ แสดงความ ตามท่ีโรงเรียนและ ตามที่โรงเรียนและ สานึกในพระมหา ชมุ ชนจดั ข้ึน ชมุ ชนจดั ข้ึนชน่ื ชม กรุณาธิคุณของ ในพระราชกรณยี กจิ พระมหากษัตรยิ ์ พระปรชี าสามารถ ๑.๔.๓ แสดงออกซึ่ง ของพระมหากษตั ริย์ ความจงรักภักดตี ่อ และพระราชวงศ์ สถาบัน พระมหากษัตริย์

เกณฑ์พจิ ารณาสรุปผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคข์ อ้ ท่ี ๑ รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ระดบั เกณฑ์การพจิ ารณา ดีเย่ียม (๓) ๑. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดีเย่ียม ทุกตัวชวี้ ดั หรอื ดี (๒) ๒. ได้ผลการประเมนิ ระดับดีเย่ียม ต้ังแต่ ๒ ตัวขึ้นไป ผ่าน (๑) และไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดี อย่างน้อย ๑ ตัวชีว้ ัด ไม่ผ่าน (๐) ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี ทกุ ตวั ช้ีวดั หรอื ๒. ไดผ้ ลการประเมินไมต่ ่ากวา่ ดี จานวน ๓ ตัวชวี้ ัด และตวั ช้ีวดั ท่เี หลอื ไดผ้ ลการประเมินระดบั ผ่าน ๑ ตวั ช้วี ดั ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดับผ่าน ทกุ ตัวชว้ี ัด หรอื ๒. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ผา่ น จานวน ๒ ตวั ช้วี ดั และ ไม่มีผลการประเมินตัวชวี้ ัดใดตา่ กวา่ ระดบั ผา่ น มผี ลการประเมินตัวชี้วดั ขอ้ ใดขอ้ หนง่ึ ไดร้ ะดับไม่ผ่าน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ตวั ชีว้ ัดที่ ๑.๑ เปน็ พลเมอื งดีของชาติ พฤติกรรมบ่งชี้ ไมผ่ า่ น (๐) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดีเยีย่ ม (๓) ๑.๑.๑ ยนื ตรง ไมย่ นื ตรงเคารพธง ยืนตรงเม่ือไดย้ ิน ยนื ตรงเม่ือได้ยิน ยืนตรงเมื่อไดย้ ิน เพลงชาตริ ้องเพลง เคารพธงชาติ รอ้ ง ชาติ เพลงชาติ รอ้ งเพลง เพลงชาติ รอ้ งเพลง ชาติ และอธิบาย ความหมายของ เพลงชาตแิ ละ ชาติ และอธิบาย ชาติ และอธบิ าย เพลงชาตไิ ด้ถกู ต้อง ปฏิบตั ิตนตาม อธิบายความหมาย ความหมายของ ความหมายของ สทิ ธิและหนา้ ทีข่ อง พลเมืองดีและให้ ของเพลงชาติได้ เพลงชาติได้ถกู ต้อง เพลงชาตไิ ด้ถกู ต้อง ความร่วมมอื ร่วมใจ ในการทากจิ กรรม ถูกต้อง ปฏบิ ตั ติ นตามสิทธิ ปฏิบัตติ นตามสิทธิ กับสมาชกิ ใน โรงเรยี น ชมุ ชน และ ๑.๑.๒ ปฏิบัติตน และหนา้ ทข่ี อง และหน้าทข่ี อง สงั คม ตามสิทธิและหน้าที่ นักเรียนและให้ นักเรยี นและให้ พลเมอื งดขี องชาติ ความร่วมมอื รว่ มใจ ความร่วมมอื ร่วมใจ ๑.๑.๓ มคี วาม ในการทากจิ กรรม ในการทากิจกรรม สามคั คปี รองดอง กบั สมาชกิ ใน กบั สมาชิก โรงเรียน ในโรงเรยี นและ ชมุ ชน

ตวั ชีว้ ัดท่ี ๑.๒ ธารงไว้ซึ่งความเป็นชาตไิ ทย พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไมผ่ ่าน (๐) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดเี ยยี่ ม (๓) ๑.๒.๑ เข้ารว่ ม ไมเ่ ขา้ รว่ มกจิ กรรมท่ี เข้าร่วมกจิ กรรมและ เข้ารว่ มกจิ กรรมและ เป็นผนู้ าหรอื เปน็ สง่ เสรมิ สนับสนุน สร้างความสามัคคี มีส่วนร่วมในการจดั มีส่วนรว่ มในการจดั แบบอยา่ งในการจดั กิจกรรมทสี่ รา้ ง กจิ กรรมที่สร้าง กจิ กรรมทสี่ ร้าง กิจกรรมทส่ี ร้าง ความสามคั คี ความสามัคคี ความสามคั คี ความสามัคคี ปรองดองที่เปน็ ปรองดอง และเป็น ปรองดอง และเปน็ ปรองดอง และเป็น ประโยชนต์ ่อ ประโยชนต์ ่อ ประโยชนต์ อ่ ประโยชน์ต่อ โรงเรียน ชุมชน และ โรงเรยี นและชุมชน โรงเรยี น ชุมชน และ โรงเรียน ชุมชน และ สงั คม สังคม ชนื่ ชมใน สงั คม ปกป้อง ใน ๑.๒.๒ หวงแหน ความเป็นชาตไิ ทย ความเป็นชาตไิ ทย ปกปอ้ งยกยอ่ งความ เป็นชาติไทย ตวั ชีว้ ดั ที่ ๑.๓ ศรทั ธา ยึดมั่น และปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไมผ่ า่ น (๐) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดเี ยยี่ ม (๓) ๑.๓.๑ เขา้ ร่วม ไมเ่ ขา้ ร่วมกจิ กรรม เขา้ รว่ มกจิ กรรมทาง เขา้ รว่ มกจิ กรรมทาง เขา้ ร่วมกจิ กรรมทาง กิจกรรมทางศาสนา ทางศาสนาที่ตนนบั ศาสนาท่ตี นนับถือ ศาสนาทีต่ นนับถือ ศาสนาท่ีตนนบั ถือ ท่ีตนนบั ถือ ถอื และปฏิบัติตนตาม และปฏบิ ัตติ นตาม และปฏบิ ัตติ นตาม ๑.๓.๒ ปฏบิ ตั ิตน หลกั ของศาสนาตาม หลกั ของศาสนา หลักของศาสนา ตามหลกั ของศาสนา โอกาส อย่างสม่าเสมอ อยา่ งสมา่ เสมอและ ทีต่ นนบั ถือ เป็นแบบอยา่ งที่ดี ๑.๓.๓ เปน็ แบบอยา่ ง ของศาสนิกชน ทด่ี ขี องศาสนิกชน ตัวช้วี ดั ท่ี ๑.๔ เคารพเทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ พฤตกิ รรมบ่งชี้ ไมผ่ า่ น (๐) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดีเยี่ยม (๓) ๑.๔.๑ เข้ารว่ มและมี ไมเ่ ขา้ ร่วม เขา้ ร่วมกิจกรรมท่ี เขา้ รว่ มกิจกรรมและ เขา้ ร่วมกิจกรรมและ สว่ นร่วมในการจดั กิจกรรมท่ีเกย่ี วกับ เก่ยี วกบั สถาบนั มีสว่ นร่วมในการจัด มีส่วนรว่ มในการจัด กจิ กรรมทเ่ี ก่ยี วกับ สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ กจิ กรรมท่เี กย่ี วกบั กิจกรรมทีเ่ ก่ยี วกบั สถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ ตามท่ีโรงเรียนและ สถาบัน สถาบนั พระมหากษัตริย์ ชุมชนจัดขึ้น พระมหากษัตรยิ ์ พระมหากษัตริย์ ๑.๔.๒ แสดงความ ตามที่โรงเรยี นและ ตามที่โรงเรียนและ สานึกในพระมหา ชมุ ชนจดั ขึ้น ชมุ ชนจดั ข้นึ ชนื่ ชม กรณุ าธิคุณของ ในพระราชกรณียกจิ พระมหากษัตรยิ ์ พระปรีชาสามารถ ๑.๔.๓ แสดงออกซ่ึง ของพระมหากษัตรยิ ์ ความจงรักภกั ดีต่อ และพระราชวงศ์ สถาบนั พระมหากษัตริย์

เกณฑ์พจิ ารณาสรปุ ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ข้อท่ี ๑ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ระดับ เกณฑ์การพจิ ารณา ดีเย่ยี ม (๓) ๑. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดีเยย่ี ม ทุกตวั ชี้วดั หรือ ดี (๒) ๒. ได้ผลการประเมินระดบั ดีเยีย่ ม ต้งั แต่ ๒ ตวั ขนึ้ ไป ผ่าน (๑) และไดผ้ ลการประเมินระดับดี อยา่ งน้อย ๑ ตัวชวี้ ัด ไม่ผา่ น (๐) ๑. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดี ทกุ ตัวชว้ี ดั หรือ ๒. ไดผ้ ลการประเมินไมต่ ่ากวา่ ดี จานวน ๓ ตัวชี้วัด และตวั ช้วี ดั ท่เี หลือไดผ้ ลการประเมินระดับผ่าน ๑ ตวั ช้ีวดั ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดับผ่าน ทุกตวั ช้วี ดั หรอื ๒. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ผา่ น จานวน ๒ ตวั ชี้วดั และ ไม่มผี ลการประเมนิ ตัวช้ีวัดใดต่ากวา่ ระดับผ่าน มผี ลการประเมินตัวช้ีวดั ข้อใดขอ้ หนง่ึ ได้ระดับไม่ผา่ น ขอ้ ที่ ๒ ซอื่ สตั ย์สจุ ริต นิยาม ซ่ือสตั ยส์ ุจรติ หมายถึง คณุ ลักษณะทแ่ี สดงออกถึงการยึดม่ันในความถูกต้อง ประพฤติ ตรงตามความเปน็ จริงตอ่ ตนเองและผอู้ ่นื ท้งั ทางกาย วาจา ใจ ผ้ทู ่ีมีความซื่อสตั ย์สุจริต คอื ผทู้ ีป่ ระพฤตติ รงตามความเป็นจรงิ ทง้ั ทางกาย วาจา ใจ และยดึ หลักความ จริงความถูกต้องในการดาเนินชวี ิต มีความละอายและเกรงกลวั ตอ่ การกระทาผดิ ตวั ชว้ี ดั ๒.๑ ประพฤตติ รงตามความเป็นจริงตอ่ ตนเองท้ังทางกาย วาจา ใจ ๒.๒ ประพฤตติ รงตามความเปน็ จริงต่อผู้อ่นื ท้ังทางกาย วาจา ใจ ตวั ชี้วัด พฤติกรรมบ่งช้ี ๒.๑ ประพฤตติ รงตามความเปน็ จรงิ ต่อตนเองทัง้ ทางกาย วาจา ๒.๑.๑ ให้ขอ้ มลู ท่ีถูกต้องและเป็นจริง ใจ ๒.๑.๒ ปฏิบัติตนโดยคานงึ ถึงความถกู ต้อง ละอายและเกรงกลวั ตอ่ การกระทาผดิ ๒.๒ ประพฤติตรงตามความเป็น ๒.๑.๓ ปฏิบัตติ ามคามน่ั สัญญา จรงิ ตอ่ ผอู้ ื่นทงั้ ทางกาย วาจา ใจ ๒.๒.๑ ไมถ่ อื เอาส่ิงของหรือผลงานของผู้อ่ืนมาเป็นของตนเอง ๒.๒.๒ ปฏบิ ตั ติ นต่อผอู้ ืน่ ด้วยความซ่ือตรง ๒.๒.๓ ไม่หาประโยชนใ์ นทางท่ีไม่ถูกต้อง

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตัวชว้ี ดั ที่ ๒.๑ ประพฤตติ รงตามความเปน็ จริงต่อตนเองทง้ั ทางกาย วาจา ใจ พฤตกิ รรมบ่งชี้ ไมผ่ ่าน (๐) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดเี ยยี่ ม (๓) ๒.๑.๑ ใหข้ อ้ มลู ที่ ไม่ใหข้ ้อมูลท่ีถูกต้อง ใหข้ อ้ มูลท่ถี ูกต้อง ให้ขอ้ มูลที่ถูกตอ้ ง ใหข้ อ้ มลู ทีถ่ ูกต้อง ถูกต้องและเปน็ จริง และเปน็ จรงิ และเป็นจริง ปฏิบัติ และเปน็ จรงิ ปฏิบตั ิ และเป็นจรงิ ปฏิบัติใน ๒.๑.๒ ปฏบิ ัติตน ในสิ่งทถ่ี ูกต้อง ทา ในสิง่ ทถ่ี กู ต้อง ทา สง่ิ ทถ่ี กู ต้อง ทาตาม โดยคานึงถงึ ความ ตามสัญญาทตี่ นให้ ตามสญั ญาท่ตี นให้ สัญญาทต่ี นให้ไว้กับ ถูกต้องละอายและ ไว้กบั เพ่ือน พอ่ แม่ ไว้กับเพ่ือน พ่อแม่ เพอื่ น พ่อแมห่ รอื เกรงกลวั ตอ่ การ หรอื ผู้ปกครองและ หรือผปู้ กครองและ ผปู้ กครองและครู กระทาผิด ครู ครูละอายและเกรง ละอายและเกรงกลัว ๒.๑.๓ ปฏิบัตติ าม กลวั ที่จะทาความผดิ ทจ่ี ะทาความผิด คามัน่ สัญญา เป็นแบบอย่างทดี่ ี ดา้ นความซื่อสัตย์ ตวั ชวี้ ัดที่ ๒.๒ ประพฤตติ รงตามความเปน็ จริงต่อผู้อ่ืนทั้งทางกาย วาจา ใจ พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไมผ่ ่าน (๐) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดเี ย่ยี ม (๓) ๒.๒.๑ ไมถ่ อื เอา นาสิ่งของของคนอนื่ ไม่นาสง่ิ ของและ ไม่นาสงิ่ ของและ ไมน่ าสง่ิ ของและ ผลงานของผู้อ่ืนมา สิ่งของหรือผลงาน มาเปน็ ของตนเอง ผลงานของผู้อน่ื มา ผลงานของผู้อ่ืนมา เปน็ ของตนเอง ปฏบิ ตั ิตนต่อผอู้ ่ืน ของผู้อนื่ มาเป็นของ เป็นของตนเอง เป็นของตนเอง ด้วยความซอ่ื ตรงไม่ หาประโยชน์ในทาง ตนเอง ปฏบิ ัตติ นตอ่ ผ้อู ืน่ ปฏบิ ตั ติ นต่อผูอ้ นื่ ทไี่ ม่ถูกต้อง และเปน็ แบบอย่างทดี่ แี ก่ ๒.๒.๒ ปฏิบัติตนตอ่ ด้วยความซอ่ื ตรง ดว้ ยความซือ่ ตรงไม่ เพือ่ นด้านความ ซอ่ื สตั ย์ ผอู้ ่นื ด้วยความ หาประโยชนใ์ นทาง ซือ่ ตรง ที่ไม่ถูกต้อง ๒.๒.๓ ไม่หา ประโยชน์ในทางที่ไม่ ถกู ต้อง เกณฑพ์ จิ ารณาสรปุ ผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ข้อท่ี ๒ ซื่อสตั ยส์ จุ ริต ระดับ เกณฑก์ ารพิจารณา ดีเย่ียม (๓) ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีเยีย่ ม ทกุ ตวั ช้ีวดั หรอื ดี (๒) ๒. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดีเยีย่ ม และดี ระดบั ละ ๑ ตัวช้วี ดั ผา่ น (๑) ๑. ได้ผลการประเมินระดบั ดี ทกุ ตวั ช้ีวดั หรอื ไมผ่ า่ น (๐) ๒. ได้ผลการประเมินระดบั ดีเยีย่ ม และระดบั ผา่ น ระดับละ ๑ ตัวชี้วดั ๑. ได้ผลการประเมินระดับผา่ น ทุกตวั ช้ีวดั หรอื ๒. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี และระดับผา่ น ระดบั ละ ๑ ตวั ชี้วัด มผี ลการประเมินตัวชีว้ ัดข้อใดขอ้ หน่ึงไดร้ ะดับ ไมผ่ ่าน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ตวั ช้วี ดั ที่ ๒.๑ ประพฤติตรงตามความเปน็ จริงต่อตนเองทง้ั ทางกาย วาจา ใจ พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไม่ผา่ น (๐) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดีเยีย่ ม (๓) ๒.๑.๑ ใหข้ ้อมูลที่ ไม่ให้ข้อมูลทถี่ กู ต้อง ใหข้ อ้ มูลทถี่ ูกตอ้ ง ให้ข้อมูลท่ีถูกตอ้ ง ให้ข้อมลู ทถี่ ูกต้อง ถูกต้องและเปน็ จรงิ และเป็นจรงิ และเป็นจริง ปฏิบัติ และเปน็ จรงิ ปฏิบตั ิ และเปน็ จรงิ ปฏิบัติ ๒.๑.๒ ปฏบิ ัตติ น ในสง่ิ ท่ีถูกตอ้ ง ทา ในส่ิงท่ถี ูกต้อง ทา ในสง่ิ ทถี่ กู ตอ้ ง ทา โดยคานึงถึงความ ตามสัญญาท่ีตนให้ ตามสญั ญาที่ตนให้ ตามสญั ญาทีต่ นให้ ถูกต้องละอายและ ไวก้ บั เพื่อน พอ่ แม่ ไว้กบั เพื่อน พอ่ แม่ ไวก้ บั เพื่อน พ่อแม่ เกรงกลัวต่อการ หรอื ผูป้ กครองและ หรอื ผปู้ กครองและ หรอื ผู้ปกครองและ กระทาผิด ครู ครูละอายและเกรง ครลู ะอายและเกรง ๒.๑.๓ ปฏบิ ัติตาม กลวั ทจ่ี ะทาความผิด กลัวทจี่ ะทาความผดิ คามัน่ สัญญา เป็นแบบอย่างท่ีดี ดา้ นความซ่ือสัตย์ ตัวชว้ี ดั ที่ ๒.๒ ประพฤตติ รงตามความเปน็ จริงต่อผอู้ ื่นท้ังทางกาย วาจา ใจ พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (๐) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดีเยีย่ ม (๓) ๒.๒.๑ ไมถ่ ือเอา นาสง่ิ ของของคนอ่ืน ไมน่ าสง่ิ ของและ ไม่นาสิง่ ของและ ไม่นาสงิ่ ของและ ผลงานของผู้อ่นื มา สิ่งของหรือผลงาน มาเปน็ ของตนเอง ผลงานของผู้อน่ื มา ผลงานของผู้อ่ืนมา เป็นของตนเอง ปฏบิ ตั ติ นตอ่ ผอู้ นื่ ของผู้อน่ื มาเป็นของ เปน็ ของตนเอง เป็นของตนเอง ดว้ ยความซอ่ื ตรงไม่ หาประโยชนใ์ นทาง ตนเอง ปฏิบัตติ นตอ่ ผอู้ ่ืน ปฏิบัตติ นตอ่ ผอู้ ่ืน ท่ีไม่ถูกต้อง และเปน็ แบบอย่างท่ดี แี ก่ ๒.๒.๒ ปฏบิ ัติตนต่อ ด้วยความซอื่ ตรง ดว้ ยความซอ่ื ตรงไม่ เพ่ือนด้านความ ซื่อสัตย์ ผอู้ นื่ ด้วยความ หาประโยชนใ์ นทาง ซ่ือตรง ที่ไม่ถูกต้อง ๒.๒.๓ ไม่หา ประโยชนใ์ นทางที่ไม่ ถูกต้อง เกณฑ์พจิ ารณาสรุปผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ข้อท่ี ๒ ซ่ือสัตย์สุจรติ ระดับ เกณฑก์ ารพิจารณา ดีเย่ยี ม (๓) ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดับดีเยีย่ ม ทกุ ตวั ช้ีวดั หรือ ดี (๒) ๒. ได้ผลการประเมนิ ระดับดีเยี่ยม และดี ระดับละ ๑ ตวั ชว้ี ัด ผา่ น (๑) ๑. ได้ผลการประเมินระดบั ดี ทกุ ตวั ช้ีวดั หรือ ไมผ่ ่าน (๐) ๒. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดีเยย่ี ม และระดบั ผ่าน ระดบั ละ ๑ ตัวช้ีวดั ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดับผ่าน ทุกตวั ช้ีวดั หรอื ๒. ได้ผลการประเมินระดบั ดี และระดับผา่ น ระดับละ ๑ ตวั ชวี้ ดั มีผลการประเมินตวั ช้ีวัดข้อใดข้อหน่ึงไดร้ ะดับ ไมผ่ า่ น

ข้อท่ี ๓ มีวินัย นยิ าม มีวินยั หมายถงึ คุณลกั ษณะที่แสดงออกถึงการยึดม่นั ในข้อตกลง กฎเกณฑ์ และระเบียบข้อบงั คับของ ครอบครวั โรงเรยี นและสังคม ผมู้ วี ินัย คอื ผูท้ ี่ปฏิบัตติ นตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของครอบครวั โรงเรียน และ สังคมเป็นปกติวสิ ยั ไม่ละเมดิ สิทธขิ องผ้อู ืน่ ตัวชว้ี ดั ๓.๑ ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บขอ้ บังคบั ของครอบครัว โรงเรียน และสงั คม ตัวช้ีวัด พฤติกรรมบ่งชี้ ๓.๑ ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง ๓.๑.๑ ปฏบิ ตั ติ นตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบงั คับของ กฎเกณฑ์ ระเบยี บขอ้ บงั คับของ ครอบครัว โรงเรยี น และสงั คม ไมล่ ะเมิดสิทธขิ องผ้อู ื่น ครอบครัว โรงเรียน และสังคม ๓.๑.๒ ตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวนั และ รับผิดชอบในการทางาน เกณฑ์การให้คะแนน ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ตวั ช้ีวดั ที่ ๓.๑ ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บขอ้ บังคบั ของครอบครัว โรงเรยี น และสงั คม พฤติกรรมบ่งช้ี ไมผ่ า่ น (0) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดีเย่ยี ม (๓) ๓.๑.๑ ปฏิบัติตนตาม ไม่ปฏิบัตติ นตาม ปฏิบตั ิตามข้อตกลง ปฏิบัติตามข้อตกลง ปฏิบัติตามข้อตกลง ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ข้อตกลง กฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์ ระเบียบ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของ ระเบียบ ข้อบังคับ ขอ้ บงั คับของ ข้อบงั คบั ของ ข้อบังคับของ ครอบครวั โรงเรยี น และ ของครอบครัวและ ครอบครัว และ ครอบครวั และ ครอบครัว โรงเรียน สงั คม ไม่ละเมิดสิทธิของ โรงเรยี น โรงเรียน ตรงตอ่ โรงเรยี น ตรงต่อ และสงั คม ไม่ละเมิด ผ้อู ่ืน เวลาในการปฏิบตั ิ เวลาในการปฏบิ ตั ิ สทิ ธิของผูอ้ ื่น ตรง ๓.๑.๒ ตรงต่อเวลาใน กจิ กรรมตา่ งๆใน กจิ กรรมตา่ งๆใน ตอ่ เวลาในการ การปฏิบัตกิ ิจกรรมต่างๆ ชวี ิตประจาวัน ชีวิตประจาวัน และ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั และ รบั ผิดชอบในการ ในชีวิตประจาวัน รบั ผิดชอบในการทางาน ทางาน และรบั ผดิ ชอบใน การทางาน เกณฑ์พจิ ารณาสรปุ ผลการประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ข้อที่ ๓ มวี ินัย ระดบั เกณฑ์การพจิ ารณา ดีเยย่ี ม (๓) ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดีเยี่ยม ได้ผลการประเมินระดับดี ดี (๒) ได้ผลการประเมินระดับผ่าน ผา่ น (๑) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ไม่ผ่าน ไม่ผา่ น (๐)

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ตวั ชว้ี ัดที่ ๓.๑ ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคบั ของครอบครัว โรงเรยี น และสังคม พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไมผ่ ่าน (0) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดเี ยี่ยม (๓) ๓.๑.๑ ปฏิบตั ิตนตาม ไม่ปฏิบตั ติ นตาม ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง ปฏบิ ัติตามข้อตกลง ปฏิบตั ิตามข้อตกลง ข้อตกลง กฎเกณฑ์ ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ระเบียบ ข้อบังคับของ ระเบยี บ ข้อบังคบั ขอ้ บงั คับของ ขอ้ บังคับของ ขอ้ บังคบั ของ ครอบครัว โรงเรยี น และ ของครอบครัวและ ครอบครวั และ ครอบครวั และ ครอบครวั โรงเรยี น สังคม ไม่ละเมดิ สิทธิของ โรงเรียน โรงเรยี น ตรงตอ่ โรงเรียน ตรงตอ่ และสงั คม ไมล่ ะเมดิ ผู้อน่ื เวลาในการปฏิบตั ิ เวลาในการปฏิบัติ สทิ ธิของผอู้ ่ืน ตรง ๓.๑.๒ ตรงต่อเวลาใน กจิ กรรมต่างๆใน กจิ กรรมตา่ งๆใน ต่อเวลาในการ การปฏิบัตกิ จิ กรรมต่างๆ ชวี ติ ประจาวนั ชีวิตประจาวัน และ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตา่ งๆ ในชีวิตประจาวนั และ รบั ผดิ ชอบในการ ในชีวิตประจาวนั รบั ผิดชอบในการทางาน ทางาน และรบั ผดิ ชอบใน การทางาน ปฏบิ ตั ิ เป็นปกติวสิ ัย และ เป็นแบบอย่างท่ีดี เกณฑ์พิจารณาสรปุ ผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ ้อท่ี ๓ มวี นิ ัย ระดับ เกณฑ์การพจิ ารณา ดีเยย่ี ม (๓) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดีเยยี่ ม ได้ผลการประเมินระดบั ดี ดี (๒) ได้ผลการประเมินระดบั ผา่ น ผา่ น (๑) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ไมผ่ า่ น ไมผ่ า่ น (๐) ขอ้ ที่ ๔ ใฝเ่ รียนรู้ นยิ าม ใฝเ่ รยี นรู้ หมายถึง คุณลักษณะทแ่ี สดงออกถงึ ความตง้ั ใจ เพียรพยายามในการเรยี น แสวงหาความรู้ จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี น ผูท้ ใี่ ฝเ่ รียนรู้ คือ ผทู้ ม่ี ลี กั ษณะซึง่ แสดงออกถงึ ความตัง้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเข้ารว่ มกิจกรรม การเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแหลง่ เรียนรู้ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียนอยา่ งสมา่ เสมอ ดว้ ยการเลอื กใชส้ ื่อ อยา่ งเหมาะสม บันทึกความรู้ วเิ คราะห์ สรปุ เปน็ องค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ถา่ ยทอด เผยแพร่ และ นาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้ ตัวชีว้ ัด ๔.๑ ตัง้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี น และเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้ ๔.๒ แสวงหาความรจู้ ากแหลง่ เรียนรูต้ ่างๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี นด้วยการเลอื ก ใช้ส่ือ อยา่ งเหมาะสม สรุปเป็นองคค์ วามรู้ และสามารถนาไปใช้ในชีวติ ประจาวันได้

ตัวชีว้ ดั พฤตกิ รรมบ่งช้ี ๔.๑ ตง้ั ใจ เพียรพยายามใน ๔.๑.๑ ต้งั ใจเรียน การเรยี น และเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๔.๑.๒ เอาใจใสแ่ ละมคี วามเพียรพยายามในการเรียนรู้ การเรียนรู้ ๔.๑.๓ สนใจเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรยี นร้ตู า่ ง ๆ ๔.๒ แสวงหาความรจู้ ากแหล่ง ๔.๒.๑ ศกึ ษาค้นควา้ หาความรจู้ ากหนังสือ เอกสาร สง่ิ พิมพ์ สื่อ เรยี นรู้ตา่ งๆ ทัง้ ภายในและ เทคโนโลยตี า่ ง ๆ แหลง่ เรยี นรทู้ ง้ั ภายในและภายนอก ท้ังภายในและ ภายนอกโรงเรียนด้วยการ ภายนอกโรงเรียน และเลือกใช้สื่อได้อยา่ งเหมาะสม เลอื กใชส้ อื่ อยา่ งเหมาะสม สรปุ ๔.๒.๒ บันทึกความรู้ วเิ คราะห์ ตรวจสอบ จากสิง่ ที่เรยี นรู้ สรปุ เป็น เปน็ องค์ความรู้ และสามารถ องค์ความรู้ นาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ ๔.๒.๓ แลกเปลยี่ นความรู้ดว้ ยวิธีการตา่ ง ๆ และนาไปใชใ้ น ชวี ติ ประจาวนั เกณฑ์การให้คะแนน ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ ตัวชวี้ ดั ท่ี ๔.๑ ตั้งใจ เพียรพยายาม ในการเรยี น และเขา้ ร่วมกจิ กรรม พฤติกรรมบ่งช้ี ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดเี ยีย่ ม (๓) ๔.๑.๑ ต้งั ใจเรียน ไมต่ ั้งใจเรยี น เข้าเรยี นตรงเวลา เข้าเรียนตรงเวลา เขา้ เรียนตรงเวลา ตัง้ ใจเรียน เอาใจใส่ ๔.๑.๒ เอาใจใส่และมี ตงั้ ใจเรียน เอาใจใส่ ตั้งใจเรียน เอาใจใส่ และมีความเพียร พยายามในการ ความเพยี รพยายามใน ในการเรยี น มีสว่ น และมคี วามเพยี ร เรียนรู้ และเข้าร่วม กจิ กรรมการเรียนรู้ การเรียนรู้ รว่ มในการเรียนรู้ พยายามในการ ตา่ งๆทง้ั ภายในและ ภายนอกโรงเรยี น ๔.๑.๓ เข้าร่วมกจิ กรรม และเขา้ ร่วมกิจกรรม เรยี นรู้ และเข้าร่วม เป็นประจา การเรียนร้ตู า่ งๆ การเรียนรูต้ า่ งๆเปน็ กจิ กรรมการเรยี นรู้ บางคร้งั ต่าง ๆบ่อยคร้ัง

ตวั ชวี้ ดั ที่ ๔.๒ แสวงหาความรู้จากแหลง่ เรียนรู้ตา่ งๆ ทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น ด้วยการเลือกใชส้ ื่อ อย่างเหมาะสม สรุปเป็นองคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชช้ ีวติ ประจาวนั ได้ พฤติกรรมบ่งช้ี ไมผ่ า่ น (0) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดเี ย่ียม (๓) ๔.๒.๑ ศึกษาค้นควา้ หา ไมศ่ ึกษาค้นคว้าหา ศึกษาค้นควา้ ความรู้ ศกึ ษาค้นคว้าหา ศกึ ษาคน้ ควา้ หา ความรู้จากหนงั สือ ความรู้ จากหนงั สือ ความรู้จากหนังสือ ความรูจ้ ากหนงั สือ เอกสาร สงิ่ พิมพ์ สือ่ เอกสาร สงิ่ พิมพ์ เอกสาร สิ่งพิมพ์ เอกสาร ส่งิ พิมพ์ เทคโนโลยตี ่างๆ แหลง่ ส่อื เทคโนโลยี ส่ือ เทคโนโลยีและ สือ่ เทคโนโลยแี ละ เรียนรทู้ งั้ ภายในและ แหลง่ เรยี นรทู้ ้งั สารสนเทศ แหลง่ สารสนเทศ แหล่ง ภายนอกโรงเรียน และ ภายในและภายนอก เรยี นรทู้ งั้ ภายในและ เรียนรทู้ งั้ ภายในและ เลอื กใช้สื่อได้อย่าง โรงเรียน เลือกใช้ ภายนอกโรงเรียน ภายนอกโรงเรียน เหมาะสม สอ่ื ได้อยา่ งเหมาะสม และเลอื กใชส้ ื่อได้ เลือกใชส้ ่ือได้อย่าง ๔.๒.๒ บันทึกความรู้ และมีการบนั ทึก อย่างเหมาะสม มี เหมาะสม มีการ วเิ คราะหข์ ้อมูล จากส่ิงท่ี ความรู้ การบันทกึ ความรู้ บันทึกความรู้ เรียนรู้ สรุปเปน็ องค์ วเิ คราะหข์ ้อมูล วิเคราะห์ข้อมลู ความรู้ สรปุ เปน็ องค์ความรู้ สรปุ เปน็ องค์ความรู้ ๔.๒.๓ แลกเปลี่ยน และแลกเปลยี่ น และแลกเปลย่ี น เรียนรดู้ ้วยวิธีการต่างๆ เรยี นรกู้ ับผู้อ่นื ได้ เรยี นรดู้ ว้ ยวธิ กี ารท่ี และนาไปใช้ใน หลากหลาย และ ชวี ิตประจาวนั นาไปใช้ในชีวิต ประจาวันได้ เกณฑ์พิจารณาสรปุ ผลการประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ ้อที่ ๔ ใฝเ่ รียนรู้ ระดับ เกณฑก์ ารพิจารณา ดเี ยี่ยม (๓) ๑. ได้ผลการประเมินระดับดีเยย่ี มทกุ ตวั ชวี้ ัด หรอื ๒. ไดผ้ ลการประเมินระดับดีเยี่ยม และดี ระดบั ละ ๑ ตัวชวี้ ดั ดี (๒) ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี ทุกตัวช้ีวดั หรอื ผ่าน (๑) ๒. ไดผ้ ลการประเมินระดับดีเยี่ยม และระดับผ่าน ระดบั ละ ๑ ไม่ผา่ น (๐) ตวั ช้วี ัด ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ผ่าน ทุกตัวชี้วดั หรือ ๒. ได้ผลการประเมนิ ระดับดี และระดบั ผ่าน ระดับ ละ ๑ ตัวชว้ี ัด มผี ลการประเมินตวั ชวี้ ัดข้อใดข้อหน่งึ ไดร้ ะดับ ไมผ่ ่าน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ตัวชว้ี ัดท่ี ๔.๑ ตัง้ ใจ เพียรพยายาม ในการเรยี น และเข้ารว่ มกิจกรรม พฤตกิ รรมบ่งชี้ ไมผ่ ่าน (0) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดีเยี่ยม (๓) ๔.๑.๑ ต้ังใจเรียน ไมต่ ง้ั ใจเรียน เขา้ เรยี นตรงเวลา เขา้ เรยี นตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา ต้งั ใจเรยี น เอาใจใส่ ๔.๑.๒ เอาใจใสแ่ ละมี ตัง้ ใจเรยี น เอาใจใส่ ตัง้ ใจเรียน เอาใจใส่ และมีความเพยี ร พยายามในการ ความเพยี รพยายามใน ในการเรียน มีสว่ น และมีความเพียร เรียนรู้ มสี ว่ นรว่ มใน การเรียนรแู้ ละเข้า การเรยี นรู้ รว่ มในการเรยี นรู้ พยายามในการ ร่วมกิจกรรมการ เรยี นรู้ต่างๆท้งั ๔.๑.๓ เขา้ ร่วมกิจกรรม และเขา้ รว่ มกิจกรรม เรยี นรู้ และเข้าร่วม ภายในและ ภายนอกโรงเรียน การเรียนรูต้ ่างๆ การเรยี นร้ตู ่างๆ กิจกรรมการเรียนรู้ เปน็ ประจาและเปน็ แบบอยา่ งทดี่ ี เปน็ บางครั้ง ตา่ ง ๆ ท้งั ภายใน และภายนอก โรงเรียนบ่อยครง้ั ตัวช้วี ัดที่ ๔.๒ แสวงหาความรจู้ ากแหล่งเรียนร้ตู า่ งๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรยี น ด้วยการเลือกใช้สื่อ อยา่ งเหมาะสม สรุปเป็นองค์ความรู้ สามารถนาไปใชช้ ีวติ ประจาวนั ได้ พฤติกรรมบ่งช้ี ไมผ่ ่าน (0) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดีเยี่ยม (๓) ๔.๒.๑ ศึกษาคน้ ควา้ หา ไมศ่ ึกษาคน้ คว้าหา ศึกษาค้นคว้าความรู้ ศกึ ษาคน้ ควา้ หา ศึกษาคน้ ควา้ หา ความรูจ้ ากหนงั สือ ความรู้ จากหนังสือ ความรู้จากหนงั สือ ความร้จู ากหนงั สือ เอกสาร สง่ิ พิมพ์ ส่ือ เอกสาร ส่ิงพิมพ์ เอกสาร ส่งิ พิมพ์ เอกสาร ส่งิ พิมพ์ เทคโนโลยีต่างๆ แหล่ง ส่ือเทคโนโลยี สอ่ื เทคโนโลยแี ละ สือ่ เทคโนโลยีและ เรยี นรูท้ ้งั ภายในและ แหล่งเรียนรทู้ ัง้ สารสนเทศ แหลง่ สารสนเทศ แหลง่ ภายนอกโรงเรยี น และ ภายในและภายนอก เรียนร้ทู ้ังภายในและ เรียนรูท้ ้งั ภายในและ เลอื กใช้สือ่ ได้อย่าง โรงเรยี น เลือกใช้ ภายนอกโรงเรียน ภายนอกโรงเรยี น เหมาะสม ส่ือได้อยา่ งเหมาะสม และเลือกใชส้ อื่ ได้ เลอื กใช้สือ่ ได้อย่าง ๔.๒.๒ บันทึกความรู้ และมีการบนั ทึก อยา่ งเหมาะสม มี เหมาะสม มีการ วเิ คราะห์ข้อมูล จากสงิ่ ที่ ความรู้ การบนั ทึกความรู้ บันทกึ ความรู้ เรียนรู้ สรปุ เปน็ องค์ วิเคราะหข์ ้อมลู วิเคราะห์ข้อมลู ความรู้ สรุปเป็นองค์ความรู้ สรุปเปน็ องค์ความรู้ ๔.๒.๓ แลกเปลย่ี น และแลกเปล่ยี น และแลกเปลยี่ น เรยี นรูด้ ้วยวธิ ีการตา่ งๆ เรยี นรกู้ บั ผู้อนื่ ได้ เรียนร้ดู ้วยวธิ ีการท่ี และนาไปใช้ใน และนาไปใชใ้ น หลากหลาย และ ชวี ติ ประจาวัน ชวี ิตประจาวันได้ เผยแพรแ่ ก่บุคคล ท่วั ไป นาไปใช้ใน ชีวิตประจาวันได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook