ระเบียบวดั และประเมนิ ผลโรงเรยี นนครสวรรค์ พุทธศกั รำช ๒๕๖๔ หลักสูตรโรงเรยี นนครสวรรค์ พุทธศกั รำช ๒๕๖๔ ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขนั้ พน้ื ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑ โรงเรยี นนครสวรรค์ สำนกั งำนเขตพน้ื ท่กี ำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำนครสวรรค์ สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พื้นฐำน กระทรวงศกึ ษำธิกำร
ระเบยี บการวัดผลและประเมินผลโรงเรยี นนครสวรรค พุทธศกั ราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 สํานักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษานครสวรรค สาํ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
ก ประกาศโรงเรยี นนครสวรรค เร่ือง ใหใชระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลโรงเรียนนครสวรรค พุทธศกั ราช 2564 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ----------------------------- ระเบียบวัดและประเมินผลโรงเรยี นนครสวรรค พุทธศักราช 2561 เปน ระเบยี บวัดและ ประเมนิ ผลท่มี ีความสอดคลอ งกับหลกั สตู รโรงเรยี นนครสวรรค พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 และไดด าํ เนินการตามคาํ สง่ั กระทรวงศกึ ษาธิการ ท่ี สพฐ 1239/2560 ลงวันท่ี 7 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2560 เรอ่ื งใหใชห ลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 โดยระเบียบนีก้ ําหนดใหใชค วบคูกับหลักสตู รโรงเรียนนครสวรรค พทุ ธศักราช 2561 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 เพ่ือใหก ารวัดและประเมนิ ผลของโรงเรยี นมีความสอดคลอ งกบั ประกาศของสํานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน โรงเรียนนครสวรรคจงึ ไดจ ดั ทําระเบยี บการวดั และประเมนิ ผลโรงเรียน นครสวรรค พุทธศกั ราช 2561 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐานพทุ ธศักราช 2551 ขึ้น ดวย ความรวมมอื ของทกุ ฝา ยทเี่ ก่ียวของเพือ่ ใหบ ุคลากรยดึ ถือเปนแนวทางในการจัดการเรียนการสอน พัฒนาและ สงเสริมใหผ เู รยี นมคี ุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู มีความเขาใจทชี่ ดั เจนตรงกนั รวมกันรบั ผิดชอบและ ทาํ งานรว มกันอยางมรี ะบบ ท้ังน้ี ระเบียบการวัดและประเมินผลโรงเรียนนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2564 ไดรับความ เห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน เมื่อวันที่ 7 เดือน ธนั วามคม พ.ศ. 2563 จึงประกาศให ใชร ะเบยี บวัดและประเมินผลโรงเรยี นนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2564 ตั้งแตบ ดั นี้เปน ตนไป ประกาศ ณ วนั ท่ี 7 ธนั วามคม พ.ศ. 2564 (นายจติ ตเกษม นโิ รจนธ นรฐั ) (นางสาวจงกล เดชปน ) ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ผูอ าํ นวยการโรงเรยี นนครสวรรค โรงเรียนนครสวรรค
ข คํานาํ หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เปน หลกั สูตรแกนกลางของ ประเทศมจี ุดประสงคท ่จี ะพัฒนาคณุ ภาพของผูเ รียนใหเ ปนคนดี มปี ญ ญา มคี ณุ ภาพชีวิตทด่ี ี มีขดี ความสามารถ ในการแขงขนั โดยเฉพาะอยางยิ่งการเพิ่มศกั ยภาพของผูเรียนใหส งู ข้ึน สามารถดาํ รงชีวติ อยา งมี ความสขุ บนพนื้ ฐานของความเปน ไทยและความเปนสากล รวมทั้งมคี วามสามารถในการประกอบอาชีพ หรือ ศกึ ษาตอ ตามความถนดั ความสนใจและความสามารถของแตล ะบุคคลการวดั และประเมนิ ผลการเรียนเปน มาตรการหนงึ่ ทจี่ ะชวยใหไดมาซงึ่ ขอมลู มาพัฒนาผเู รียนใหบรรลเุ ปา หมายของหลกั สูตร เพ่ือความเขา ใจ ตรงกนั และมีแนวทางปฏบิ ตั ิ ในเรือ่ งการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นไปในทิศทางเดียวกัน โรงเรยี น นครสวรรค จงึ ไดจ ัดทาํ ระเบยี บการวดั และประเมนิ ผลโรงเรยี นนครสวรรค พุทธศกั ราช 2564 ท่สี อดคลอ ง กับหลกั สูตรโรงเรียนนครสวรรค พุทธศักราช 2564 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือใหผูบ รหิ าร ครู และผทู ีเ่ กยี่ วขอ งเขาใจสาระและเจตนารมณของระเบยี บตลอดจนแนวปฏิบตั ทิ ี่ ถกู ตอง โรงเรียนนครสวรรคขอขอบคุณ คณะกรรมการบริหารหลักสตู รและวชิ าการโรงเรียนนครสวรรค ทไ่ี ดร วมกันปรบั ปรุงระเบียบการวัดและประเมนิ ผลของโรงเรยี นมา ณ ท่ีน้ดี วย โรงเรยี นนครสวรรค หวังเปน อยา งยิ่งวา ระเบียบการวัดและประเมินผลโรงเรยี นนครสวรรค พทุ ธศักราช 2564 ฉบบั น้จี ะเปน ประโยชนตอ การปฏิบัติงานดา นการวดั ผลประเมนิ การเรยี นอนั จะนําไปสกู ารพฒั นาคุณภาพของผเู รยี นอยางมปี ระสิทธภิ าพ และเกิดประสทิ ธผิ ล (นางสาวจงกล เดชปน ) ผอู าํ นวยการโรงเรยี นนครสวรรค
สารบญั ค ประกาศโรงเรยี นนครสวรรค หนา คํานํา สารบัญ ก ระเบียบโรงเรยี นนครสวรรค วา ดว ยการวดั และประเมนิ ผล ระดบั มัธยมศกึ ษา พุทธศกั ราช 2564 ข ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ค หมวด 1 หลักการดาํ เนินการวัดและประเมนิ ผลการเรียน 1 การประเมินผลการเรียน 2 หมวด 2 องคป ระกอบของการวัดและประเมินผลการเรยี นรู 2 3 การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู 3 หมวด 3 วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู 4 4 การประเมินผลเพอ่ื ปรบั ปรุงพฒั นาการเรียนรู 5 การประเมนิ ผลเพ่อื ปรบั ปรงุ การเรยี นรู 6 หมวด 4 เกณฑการวัดและประเมินผลการเรยี นรู 6 การตดั สินผลการเรียน 6 การกําหนดคะแนนระหวา งเรยี นและปลายภาค 9 การประเมนิ ผลการเรยี นรใู หระดบั ผลการเรียน 14 การเปลี่ยนผลการเรยี น 13 การเล่ือนชัน้ 15 การเรียนซํา้ ช้ัน 15 การสอนซอมเสริม 15 เกณฑก ารตัดสนิ ผลการเรียนจบหลกั สตู รสถานศึกษา 16 หมวด 5 การเทยี บโอนผลการเรยี น 17 หมวด 6 การรายงานผลการเรียน 17 จุดมงุ หมายการรายงานผลการเรียน 17 ขอมูลในการรายงานผลการเรียน 18 ลกั ษณะขอ มลู สาํ หรบั การรายงาน 18 เปาหมายการรายงาน 19 วธิ กี ารรายงาน 20 การกาํ หนดระยะเวลาในการรายงาน 20 หมวด 7 เอกสารหลกั ฐานการศึกษา 20 เอกสารหลักฐานการศึกษาท่กี ระทรวงศกึ ษาธกิ ารกําหนด 23 หมวด 8 การยา ยสถานศกึ ษา บรรณานุกรม
สารบญั (ตอ) หนา ภาคผนวก ก แผนผัง กระบวนการตัดสินและแกไ ขผลการเรยี น และวธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล ข ประกาศโรงเรียนนครสวรรค เร่ืองเกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู ค การประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค ง การประเมินการอา น คิด วเิ คราะหแ ละเขียน จ การประเมนิ สมรรถนะของผเู รยี น ฉ ประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เรอ่ื งการเทยี บโอนผลการเรียนการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน และการศกึ ษาระดับอุดมศกึ ษาระดับตํ่ากวาปริญญา และแนวปฏบิ ัตเิ กยี่ วกับการเทียบโอน ผลการเรยี น ช คําสั่งสํานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 42 เร่ือง แตงตั้งคณะกรรมการ บรหิ ารหลักสตู รและงานวชิ าการสถานศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน ซ ประกาศสาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน เรอื่ งแนวปฏิบัติการใชขอสอบ แบบเขยี นตอบในการวดั และประเมนิ คณุ ภาพผเู รียน/ตารางวิเคราะหแ บบทดสอบ (Test Blueprint) /อนุกรมวิธานท่ปี รับปรุงมาจากบลมู
1 ระเบยี บการวัดและประเมินผลโรงเรียนนครสวรรค พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551
2 ระเบยี บโรงเรียนนครสวรรค วาดว ยการวัดผลและประเมินผล ระดับมธั ยมศกึ ษา พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 --------------------------------- ตามท่โี รงเรยี นนครสวรรค ไดประกาศใชหลักสตู รโรงเรียนนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ตามคําส่ัง กระทรวงศกึ ษาธิการ ท่ี สพฐ 1239/2560 ลงวนั ท่ี 8 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2560 เร่อื งใหใ ชหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 จึงเปน การสมควรท่ีกาํ หนดระเบยี บโรงเรยี นนครสวรรค วาดว ยการวัดผลและประเมนิ ผล การเรยี นรตู ามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธราช 2551 เพอ่ื สามารถดาํ เนินการไดอยางมี ประสทิ ธิภาพ และสอดคลองกับประกาศดังกลา ว ฉะนน้ั อาศยั อํานาจตามความใน มาตรา 39 แหงพระราชบัญญตั ิ ระเบียบบรหิ ารราชการ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร พ.ศ. 2546 และกฎกระทรวงแบงสวนราชการ คณะกรรมการบริหารหลักสตู ร และงาน วิชาการ สถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐานโดยความเหน็ ขอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้นื ฐาน จึงวางระเบียบ ไว ดังตอ ไปนี้ ขอ 1 ระเบียบนี้เรยี กวา “ระเบยี บโรงเรียนนครสวรรค วาดว ยการวดั และประเมินผล การเรยี นรู” ขอ 2 ระเบยี บน้ใี หใชบ งั คบั ต้ังแตป การศกึ ษา 2564 เปน ตนไป ขอ 3 ใหย กเลกิ ระเบยี บ ขอบังคบั หรอื คําส่ังอ่ืนใด ในสว นท่ีกาํ หนดไวใ นระเบยี บนีซ้ ่ึงขัด หรอื แยงกับระเบียบน้ี ใหใ ชร ะเบียบน้แี ทน ขอ 4 ระเบยี บนีใ้ หใชค วบคูกับหลักสูตรโรงเรยี นนครสวรรค พุทธศักราช 2564 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ขอ 5 ใหผูอาํ นวยการโรงเรยี นนครสวรรครกั ษาการใหเ ปน ไปตามระเบียบนี้ หมวด 1 หลักการดาํ เนนิ การวดั และประเมนิ ผลการเรียน ขอ 6 การประเมินผลการเรยี น การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรขู องโรงเรยี นนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 เปนกระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความ ผลการ เรียนรู และพัฒนาการดานตางๆ ของผูเ รยี นตามมาตรฐานการเรียนรู/ตัวชีว้ ัด ผลการเรยี นรู ของหลักสูตร นาํ ผลไปปรบั ปรุงพฒั นาการจัดการเรียนรแู ละใชเ ปนขอ มลู สาํ หรับการตัดสินผลการเรยี น โรงเรยี นจงึ มี กระบวนการจดั การทเ่ี ปน ระบบ เพือ่ ใหการดาํ เนินการวัดและประเมินผลการเรียนรเู ปนไปอยางมคี ุณภาพและ ประสทิ ธิภาพ ผลการประเมินตรงตามสภาพการเรยี นรู ความสามารถทีแ่ ทจ ริงของผูเรยี น ถกู ตอ งตาม หลักการวัดและประเมินผลการเรยี นรู รวมทงั้ สามารถรองรับการประเมินภายในและการประเมินภายนอก
3 ตามระบบประกนั คุณภาพการศกึ ษาได โรงเรยี นจึงกําหนดหลกั การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู เพื่อเปน แนวทางในการตัดสนิ ใจเกี่ยวกับการวดั และประเมินผลการเรียนรูของโรงเรียน ดังน้ี 6.1 การประเมนิ ผลการเรียนรขู องผเู รยี น เปด โอกาสใหท ุกฝายทเ่ี ก่ียวของมสี วนรว ม ในการประเมนิ ผล 6.2 การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรตู องสอดคลองและครอบคลุมมาตรฐานการ เรียนรู/ ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู ตามกลมุ สาระการเรยี นรทู ่ีกาํ หนดในหลกั สตู ร และจดั ใหมกี ารประเมนิ การอาน คิดวเิ คราะหและเขียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค สมรรถนะของผูเรียน ตลอดจนกจิ กรรมพฒั นาผูเรยี น 6.3 การประเมินการเรียนรูของผเู รยี นพิจารณาจากพฒั นาการของผเู รียน ความ ประพฤติ การสงั เกต พฤติกรรมการเรยี นรู การรวมกิจกรรมและการทดสอบควบคไู ปในกระบวนการเรียนการ สอน ตามความ เหมาะสมของแตละระดับ 6.4 การวดั และประเมินผลการเรยี นรเู ปนสวนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรยี นการ สอน ตอ งดําเนินการดวยเทคนคิ วิธกี ารท่หี ลากหลาย เพ่ือใหสามารถวดั และประเมนิ ผลผูเรียนไดอ ยา งรอบดาน ทง้ั ดา นความรู ความคิด กระบวนการ พฤติกรรมและเจตคติ เหมาะสมกับสง่ิ ทตี่ องการวัด ธรรมชาตวิ ิชา และ ระดับชน้ั ของผเู รยี นโดยตัง้ อยูบนพน้ื ฐานความเท่ยี งตรง ยตุ ิธรรม และเช่ือถือได 6.5 การประเมนิ ผลการเรยี นรู มีจดุ มงุ หมายเพ่อื ปรบั ปรงุ พัฒนาผเู รยี น พฒั นาการ จดั การ เรยี นรแู ละตัดสินผลการเรียน 6.6 เปด โอกาสใหผ เู รยี นและผมู ีสวนเกย่ี วของตรวจสอบผลการประเมินผลการเรียนรู 6.7 มกี ารเทียบโอนผลการเรียนระหวางสถานศึกษาและรูปแบบการศกึ ษาตา ง ๆ 6.8 จัดทําเอกสารหลักฐานการศึกษา เพื่อเปน หลกั ฐานการประเมินผลการเรียนรู รายงาน ผลการเรียน แสดงวฒุ กิ ารศกึ ษาและรบั รองผลการเรียนของผเู รียน หมวด 2 องคประกอบของการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู ขอ 7 การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู หลกั สูตรโรงเรยี นนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กาํ หนดจดุ หมาย สมรรถนะสาํ คัญของผูเรยี น มาตรฐานการเรยี นรูเปน เปาหมาย และกรอบทศิ ทางในการพฒั นาผเู รยี นใหเปน คนดี มีปญญา มีคุณภาพชีวิตทด่ี แี ละมขี ีดความสามารถ ในการ แขง ขนั ในเวทรี ะดับโลก กําหนดใหผูเรยี นไดเรียนรูตามมาตรฐานการเรียนรู/ตวั ชี้วดั /ผลการเรยี นรู ทกี่ าํ หนดในกลมุ สาระการ เรียนรู 8 กลุม สาระ มคี วามสามารถดานการอาน คิดวิเคราะหและเขยี น มีคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค สมรรถนะของผเู รียนและ เขารวมกจิ กรรมพัฒนาผูเรียน และการวดั และ ประเมนิ ผลการเรียนรูมีองคป ระกอบดังนี้ 7.1 การวดั และประเมินผลการเรยี นรูตามกลุมสาระการเรียนรู ผสู อนทําการวัดและ ประเมินผลการเรียนรูผเู รยี นเปนรายวชิ าตามมาตรฐานการเรยี นรู/ ตวั ช้วี ัด/ผลการเรยี นรู ทีก่ ําหนดในหนวย การเรยี นรดู วยวธิ กี ารท่ีหลากหลาย ใหไดผลการประเมินตามความสามารถท่ีแทจริงของผูเรยี น โดยทําการวัด และประเมินผลการเรียนรูไปพรอมกบั การจดั การเรียนการสอน ไดแก การสงั เกตพฒั นาการและความ ประพฤติของผูเรยี น การสังเกตพฤติกรรมการเรยี น การรว มกิจกรรมและการทดสอบ ซ่ึงผสู อนตองนํา นวตั กรรมการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรูทหี่ ลากหลาย เชน การประเมนิ สภาพจรงิ การประเมนิ การ
4 ปฏิบตั ิงาน การประเมนิ จากโครงงานและการประเมินจากแฟม สะสมผลงาน ไปใชใ นการประเมินผลการเรยี นรู ควบคูไปกบั การใชแบบทดสอบแบบตางๆ และใหความสาํ คัญกับการประเมินระหวางภาคมากกวา การประเมิน ปลายภาค 7.2 การประเมนิ การอา น คดิ วเิ คราะหแ ละเขยี น เปนการประเมนิ ศักยภาพของ ผเู รียนใน การอา น การฟง การดูและการรบั รจู ากหนังสือ เอกสารและสอื่ ตาง ๆ ไดอยางถกู ตอง แลว นาํ มาคดิ วิเคราะหเนอื้ หาสาระทีน่ ําไปสกู ารแสดงความคดิ เห็น การสังเคราะหสรา งสรรคในเร่ืองตาง ๆ และถา ยทอด ความคิดนนั้ ดว ยการเขียนซง่ึ สะทอนถึงสติปญ ญา ความรู ความเขาใจ ความสามารถในการคดิ วิเคราะห แกปญ หา และสรางสรรคจินตนาการอยางเหมาะสมและมีคณุ คา แกตนเอง สงั คม และประเทศชาติ พรอม ดวยประสบการณและทกั ษะในการเขยี นทม่ี สี ํานวนภาษาถูกตอ ง มเี หตุผลและลาํ ดบั ขน้ั ตอนในการนาํ เสนอ สามารถสรา งความเขา ใจแกผ อู า นไดอยางชัดเจนตามระดับความสามารถในแตล ะระดบั ชนั้ แลว รวบรวมผล การประเมินการประเมินการ อาน คิดวิเคราะหแ ละเขยี น จากผปู ระเมินทุกฝา ยและแหลงขอ มูลหลายแหลง เพ่ือใหไ ดขอมูลนํามาพจิ ารณาสรุปผลเปน รายภาค เพ่อื ใชเ ปนขอ มูลประเมนิ การเลอื่ นชน้ั เรียนและการจบ การศกึ ษา 7.3 การประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 เปนการประเมนิ รายคณุ ลกั ษณะ แลวรวบรวมผลการประเมนิ จากผูประเมนิ ทกุ ฝา ยและแหลงขอมลู หลายแหลง เพ่ือใหไดขอ มลู นาํ มาพจิ ารณาสรุปผลเปนรายภาค เพ่ือใชเปนขอมลู ประเมนิ การเลือ่ นชัน้ เรยี นและการจบการศึกษา 7.4 การประเมนิ สมรรถนะของผูเ รยี น เปน การประเมินศักยภาพของผูเรยี นใน ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกปญ หา ความสามารถในการใช ทักษะชวี ติ และความสามารถในการใชเทคโนโลยี แลวรวบรวมผลการประเมนิ จากทุกฝา ยและแหลงขอมลู หลายแหลง เพื่อใหไดขอ มูลนํามาพิจารณาสรปุ ผลเปนรายภาค 7.5 การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผูเรียน เปน การประเมนิ การปฏิบตั ิกิจกรรมตาม จุดประสงค และเวลาในการเขา รวมกจิ กรรมตามเกณฑท ี่กําหนดไวในแตละกิจกรรมและใชเปนขอมูลประเมิน การเลื่อนชั้น เรียนและการจบการศกึ ษา หมวด 3 วิธีการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู ขอ 8 การประเมินผลเพ่ือปรับปรุงพัฒนาการเรยี นรู 8.1 การจัดการเรียนรู 8.1.1 กลุมสาระการเรียนรู ครูผูสอนแจงใหนักเรียนทราบดงั น้ี 1) มาตรฐานการเรียนรู/ ตัวชว้ี ดั ผลการเรยี นรู 2) คุณลักษณะอนั พึงประสงค 3) การอาน คิดวิเคราะห และเขยี น 4) สมรรถนะของผเู รียน 5) วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล ขอ 1), 2), 3) และ 4)
5 6) เกณฑการผานขอ 1), 2), 3) และ 4) 8.1.2 การจดั การเรยี นรกู จิ กรรมพัฒนาผเู รยี นครผู สู อนแจง ใหน ักเรียน ทราบดงั น้ี 1) จุดประสงคก ารเรียนรู 2) คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค 3) การอาน คิดวเิ คราะห และเขียน 4) สมรรถนะของผูเรยี น 5) วธิ กี ารวัดและประเมินผล ขอ 1), 2), 3) และ 4) 6) เกณฑการผา นขอ 1), 2), 3) และ 4) 8.2 กอ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู ผสู อนตอ งประเมนิ ผลกอนเรยี นเพ่ือตรวจสอบ ความรูพ ้นื ฐานและทักษะเบอ้ื งตนของนกั เรียน 8.3 ระหวา งเรียน ผสู อนประเมินผลการเรยี นรูของนักเรียนเปนระยะๆ ดังนี้ 8.3.1 ประเมินผลตามมาตรฐานการเรยี นรู/ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรียนรขู อง รายวชิ าเพือ่ พัฒนาการเรียนรูของผเู รยี นและเพื่อการผานตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรู 8.3.2 กลางภาคเรยี น เมือ่ กระบวนการเรยี นรผู า นมารอ ยละ 50 มกี าร ประเมินผลการเรียนรูกลางภาคเรยี น โดยเลือกประเมินเฉพาะตัวชวี้ ดั /ผลการเรยี นรูที่สําคัญใหครอบคลุมทงั้ ความรู ทกั ษะกระบวนการ และการอา นคดิ วิเคราะห 8.3.3 ประเมินผลตามมาตรฐานการอา น คดิ วเิ คราะห และเขียน เพื่อพฒั นาการเรียนรแู ละการผา นการประเมินการอาน คิดวิเคราะห และเขียน 8.3.4 ประเมนิ ผลตามตัวบงช้ีแตล ะคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค เพื่อประเมินวินจิ ฉยั และปรบั เปลีย่ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค และการผานการประเมินคณุ ลักษณะอนั พึง ประสงค 8.3.5 ประเมนิ ผลตามตัวชว้ี ัดแตละสมรรถนะของผูเ รยี น เพอ่ื พฒั นาการ เรียนของผเู รียน และการผานการประเมินสมรรถนะของผูเรียน 8.3.6 ประเมินผลตามจุดประสงคก ารเรยี นรขู องกจิ กรรมพัฒนาผเู รียน เพอื่ พฒั นาการเรียนรขู องผูเรียนและเพื่อผา นจุดประสงคก ารเรียนรขู องกจิ กรรมพัฒนาผเู รียน 8.4 ปลายภาคเรียน เม่อื จบกระบวนการเรียนรู มีการประเมนิ ผลการเรยี นรูป ลาย ภาคเรียน โดยเลือกประเมนิ เฉพาะตัวช้วี ัด/ผลการเรียนรูท่ีสาํ คัญใหค รอบคลมุ ทั้งความรู ทกั ษะกระบวนการ และการอา นคิดวิเคราะหและ เขียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค สมรรถนะของผเู รียน เพ่ือตรวจสอบคุณภาพ ตามทกี่ ําหนดไวใ นหลกั สตู ร ขอ 9 การประเมนิ ผลเพื่อปรับปรงุ การเรยี นรตู ามขอ 8.3 ระหวา งเรยี น ถา ผูเรียนมีความรู ความสามารถตํ่ากวา เกณฑท่ีกาํ หนดไวด งั นี้ 9.1 ตามขอ 8.3.1 ใหผ ูสอนสอนซอมเสริมใหส อดคลอ งกับลักษณะการเรยี นรูของ ผูเรยี นซึง่ มีผลการประเมนิ ไมถึงรอยละ 70 ใหประเมนิ ผลเพือ่ ปรบั ปรงุ การเรยี นรูไมเกิน 3 ครั้ง โดยผลการ ประเมินเพ่ือปรบั ปรุงการเรยี นรไู ดเปน รอยละ 70 หรอื ใชค ะแนนสูงสุดของการสอบซอ มใน 3 คร้งั นต้ี องไมต ํ่า กวารอ ยละ 60
6 9.2 ตามขอ 8.3.2 ใหผ สู อน สอนซอ มเสริมใหส อดคลอ งกับลักษณะการเรียนรูของ ผูเรียนซ่ึงมผี ลการประเมินไมถึงรอ ยละ 60 ใหประเมินผลเพอื่ ปรับปรงุ การเรียนรูไ มเกิน 2 ครงั้ โดยผลการ ประเมนิ เพื่อปรบั ปรุงการเรยี นรูไ ดเ ปนรอยละ 60 ขอ 10 ใหใ ชผ ลการประเมินตามขอ 8 ในการตัดสนิ ผลดงั น้ี 10.1 ตามขอ 8.3.1 ตดั สินผลการผา นตวั ชีว้ ัด/ผลเรียนรูของรายวิชา และ ขอ 8.3.2 กลางภาคเรียน เพ่ือพฒั นาการเรียนรขู องผูเรียน เพือ่ ผานตวั ชีว้ ดั /ผลการเรียนรู ใชตัดสนิ ผลการ ผา นตวั ชว้ี ัด/ผลการเรียนรู 10.2 ตามขอ 8.3.1 การประเมินผลตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรขู องรายวชิ า และขอ 8.3.2 กลางภาคเรยี น เพ่ือพัฒนาการเรียนรูของผูเรยี นและเพื่อผานตัวชีว้ ดั /ผลการเรยี นรู กบั ขอ 8.4 การประเมินผลปลายภาคเรยี น เม่ือจบกระบวนการเรยี นรใู ชต ดั สนิ ผลการเรียนรู 10.3 ตามขอ 8.3.3 การประเมนิ ผลตามมาตรฐานการอาน คิดวเิ คราะห และเขียน กับ การประเมินผลปลายภาคเรียนใชตัดสนิ ผลการผานการประเมินการอาน คดิ วิเคราะหและเขยี น 10.4 ตามขอ 8.3.4 ตัดสินผลการผานคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค 10.5 ตามขอ 8.3.5 ตดั สินผลการผานสมรรถนะของผเู รียน 10.6 ตามขอ 8.3.6 ตัดสนิ ผลการผา นเกณฑก ิจกรรมพัฒนาผเู รยี น หมวด 4 เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู ขอ 11 การตัดสินผลการเรยี น หลักสตู รโรงเรียนนครสวรรค พทุ ธศักราช 2564 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ไดกําหนดโครงสรา งเวลาเรยี น มาตรฐาน การเรยี นรู/ตวั ช้ีวดั /ผลกาเรยี นรู การอาน คิดวิเคราะหและเขยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคแ ละกจิ กรรม พฒั นาผูเรยี นทโ่ี รงเรยี นตองจดั ใหผเู รยี นเกดิ การเรียนรูมคี ณุ ภาพเต็มตามศักยภาพ โรงเรียนจงึ กาํ หนดเกณฑ การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู เพ่อื ตดั สนิ ผลการเรียนของผูเรยี น ดังนี้ 11.1 ผเู รียนตอ งมเี วลาเรียนไมนอ ยกวา รอ ยละ 80 ของเวลาเรยี นท้งั หมด 11.2 ผูเรยี นตอ งไดรบั การประเมนิ ทุกมาตรฐานการเรยี นรู/ตัวช้วี ัด/ผลการเรยี นรู และผานการประเมนิ รอยละ 100 ของตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู ของรายวชิ า 11.3 ผเู รยี นตอ งไดรับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา 11.4 ผเู รียนตองไดร ับการประเมนิ และมีผลการประเมินผา นตามเกณฑท ่ีกาํ หนด ในการ อาน คิดวิเคราะหแ ละเขียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค สมรรถนะของผเู รียนและกิจกรรมพฒั นาผเู รียน ขอ 12 การกําหนดคะแนนระหวา งเรียนและปลายภาค เพื่อใชต ัดสินผลการเรยี นกําหนด ดังน้ี 12.1 รายวิชาของกลุมสาระการเรียนรู ใหน ําคะแนนระหวา งเรยี นรวมกับปลาย ภาคเรียน แลว นาํ มาตดั สินผลการเรียน ดงั น้ี 12.1.1 กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย, คณติ ศาสตร, วทิ ยาศาสตร และเทคโนโลยี , สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และภาษาตา งประเทศ กาํ หนดดังน้ี คะแนนระหวา งภาคเรียน 70 คะแนน คะแนนปลายภาคเรยี น 30 คะแนน
7 รวม 100 คะแนน 12.1.2 กลมุ สาระการเรียนรูสขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ศิลปะ และการงาน อาชีพ กําหนดดงั นี้ คะแนนระหวา งภาคเรยี น 80 คะแนน คะแนนปลายภาคเรียน 20 คะแนน รวม 100 คะแนน 12.2 การประเมนิ การอาน คิดวิเคราะห และเขยี น เพ่ือการเลอื่ นระดับชน้ั และจบ การศกึ ษากําหนดเกณฑการตัดสนิ เปน 4 ระดับ และความหมายของแตล ะระดบั ดังนี้ ดีเยยี่ ม (3) หมายถึง มผี ลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอา น คดิ วิเคราะห และเขียนที่มีคุณภาพท่ีดีเลศิ อยเู สมอ ดี (2) หมายถึง มีผลงานท่แี สดงถึงความสามารถในการอา น คดิ วิเคราะห และเขียนท่ีมีคุณภาพเปนทีย่ อมรับ ผาน (1) หมายถึง มผี ลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอาน คิดวิเคราะห และเขียนท่ีมี คณุ ภาพเปน ท่ยี อมรบั แตย งั มขี อบกพรอง บางประการ ไมผาน (0) หมายถงึ ไมมีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอา น คดิ วิเคราะหและเขียน หรือถามีผลงาน ผลงานนนั้ ยงั มี ขอบกพรองที่ตอ งไดรบั การปรบั ปรงุ แกไ ขหลายประการ 12.3 การสรุปผลประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงครวมทุกคุณลักษณะเพื่อการ เลื่อนระดับชัน้ และจบการศึกษากาํ หนดเกณฑก ารตดั สินเปน 4 ระดบั และความหมายของแตล ะระดับดังน้ี ดเี ยี่ยม (3) หมายถึง นกั เรียนปฏิบัติตามคุณลักษณะจนเปนนสิ ยั และนาํ ไปใช ในชวี ติ ประจําวนั เพ่อื ประโยชนสขุ ของตนเองและสงั คม โดยพิจารณาจาก ผลการประเมินระดับดีเย่ยี มจํานวน 5 -๘ คณุ ลักษณะ และไมม ี คุณลกั ษณะใดไดผ ลการ ประเมนิ ตา่ํ กวาระดบั ดี ดี (2) หมายถงึ นกั เรยี นมคี ุณลกั ษณะในการปฏิบัติตามเกณฑเ พอื่ ใหเ ปน การยอมรับ ของสังคมโดยพจิ ารณาจาก (1) ไดผลการ ประเมนิ ระดบั ดเี ย่ียมจาํ นวน 1-4 คุณลกั ษณะและไมมี คณุ ลักษณะใดท่ีไดผ ลการการประเมนิ ต่าํ กวา ระดับดีหรือ (2) ไดผ ลการประเมนิ ระดบั ดีเยีย่ มจาํ นวน 4 คณุ ลักษณะ และไมมคี ุณลักษณะใดที่ไดผลการการประเมนิ ตา่ํ กวา ระดบั ดีหรอื (3) ไดผลการประเมินระดับดีเยย่ี มจาํ นวน 5-8 คณุ ลักษณะและไมมี คณุ ลักษณะใดทไี่ ดผลการ ประเมินต่าํ กวา ระดับดี ผาน (1) หมายถงึ นกั เรียนรบั รูแ ละปฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑแ ละเงื่อนไขท่ี โรงเรยี นกําหนดโดย พจิ ารณาจาก (1) ไดผลการประเมนิ ระดับผานจํานวน 5-8 คณุ ลักษณะและไมมคี ุณลักษณะ ใดทีไ่ ดผลการการประเมนิ ต่าํ กวา ระดับผานหรือ (2)
8 ไดผ ลการประเมินระดับดีจาํ นวน 4 คุณลักษณะและไมมี คณุ ลักษณะใดท่ไี ดผลการการประเมนิ ตาํ่ กวาระดบั ผา น ไมผ า น (0) หมายถึง นักเรียนรับรูแ ละปฏิบัติไดไมครบตามกฎเกณฑและ เง่อื นไขทีโ่ รงเรยี นกําหนด โดยพจิ ารณาจากมีผลการ ประเมนิ ระดบั ไมผ าน ต้งั แต 1 คุณลักษณะ 12.4 การสรุปผลประเมินสมรรถนะของผูเ รียนรวมทุกสมรรถนะเพอื่ การเลอ่ื น ระดบั ชน้ั และจบการศกึ ษากําหนดเกณฑก ารตัดสินเปน 4 ระดบั และความหมายของแตละระดับดังน้ี ดีเยย่ี ม (3) หมายถึง นกั เรียนมีพฤติกรรมบงช้ีตามสมรรถนะและนาํ ไปใช ในชวี ิตประจาํ วนั เพ่อื ประโยชนสุขของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจาก ผลการประเมนิ ระดับดีเยีย่ มจาํ นวน 3 -5 สมรรถนะ และไมมสี มรรถนะใดไดผลการ ประเมินตา่ํ กวา ระดับดี ดี (2) หมายถึง นกั เรยี นมพี ฤติกรรมบง ชต้ี ามสมรรถนะในการปฏิบตั ิ ตามเกณฑโ ดยพจิ ารณาจาก (1) ไดผลการ ประเมนิ ระดบั ดีเย่ยี มจาํ นวน 1-2 สมรรถนะและไมมี สมรรถนะใดทไี่ ดผ ลการการประเมนิ ต่ํากวาระดับดหี รอื (2) ไดผลการประเมนิ ระดับดีเยย่ี มจาํ นวน 2 สมรรถนะ และไมมีสมรรถนะใดท่ีไดผลการการประเมินต่าํ กวา ระดับดีหรือ (3) ไดผลการประเมินระดับดจี ํานวน 3-5 สมรรถนะและไมม สี มรรถนะใดท่ีไดผ ลการ ประเมนิ ตาํ่ กวา ระดบั พอใช ผา น (1) หมายถงึ นกั เรียนรบั รแู ละปฏิบัตติ ามกฎเกณฑและเงื่อนไขที่ โรงเรียนกาํ หนดโดย พจิ ารณาจาก (1) ไดผลการประเมิน ระดับผา นจํานวน 3-5 สมรรถนะและไมมสี มรรถนะใด ท่ไี ดผ ลการการประเมินตาํ่ กวาระดับไมผ านหรอื (2) ไดผลการประเมนิ ระดับผานจํานวน 3 สมรรถนะ และไมม ีสมรรถนะใดทีไ่ ดผลการการประเมินตํ่ากวาระดบั ผา น ไมผาน (0) หมายถึง นกั เรยี นรับรแู ละปฏบิ ตั ิไดไมครบตามกฎเกณฑและ เงอื่ นไขทีโ่ รงเรียนกําหนด โดยพิจารณาจากมีผลการ ประเมนิ ระดบั ไมผ า น ตง้ั แต 1 สมรรถนะ 12.5 การประเมินกิจกรรมพัฒนาผูเ รยี นจะตอ งพิจารณาทั้งเวลาการเขารวม กจิ กรรมอยา งนอยรอยละ 80 การปฏบิ ัตกิ จิ กรรม และผลงานของนักเรยี นตองผานรอยละ 70 และใหผ ลการ ประเมนิ เปน “ผา น” และ “ไมผา น” โดยใหใชต ัวอักษรแสดงผลการประเมินดงั น้ี “ผ” หมายถึง นกั เรยี นมีเวลาการรวมกจิ กรรมการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม และมผี ลงานผานเกณฑ “มผ” หมายถงึ นกั เรยี นมีเวลาการเขา รวมกิจกรรมการปฏบิ ตั ิกิจกรรม และมผี ลงานไมผา นเกณฑ
9 ในกรณที ่ีนักเรยี นไดผลการเรียน “มผ” ใหค รผู สู อนจัดซอมเสริมใหนกั เรยี นทาํ กิจกรรมในสวนทนี่ ักเรยี นไมไ ดเขา รวมหรือไมไดทาํ จนครบถวน แลว จึงเปลีย่ นผลการเรยี นจาก ๆ ไมผ านเปน ผา น ท้ังนีต้ อ งดําเนินการใหเสรจ็ สิ้นภายในปก ารศึกษานั้น 12.6 การสอนซอมเสริม เปนสวนหน่งึ ของกระบวนการจัดการเรยี นรูและเปนการ ใหโอกาสแก ผเู รียนไดม ีเวลาเรียนรสู ่ิงตางๆ เพิม่ ขน้ึ จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรยี นร/ู ตวั ชว้ี ัด ผลการ เรยี นรทู ่ีกําหนดไว การสอนซอมเสรมิ เปนการสอนกรณพี ิเศษนอกเหนอื ไปจากการสอนตามแผนการจัดการ เรยี นรปู กติ เพื่อแกไขขอบกพรองท่ีพบในผูเ รียน โดยจดั กระบวนการเรยี นรทู ี่หลากหลายและคาํ นงึ ถึงความ แตกตางระหวางบุคคลของผเู รียน การสอนซอมเสริมสามารถดาํ เนนิ การไดใ นกรณดี งั ตอไปน้ี 12.6.1 ผเู รียนมคี วามรู/ทักษะพนื้ ฐานไมเพียงพอทจ่ี ะศกึ ษาในแตละ รายวิชานน้ั จะจัดการสอนซอมเสริม ปรับความร/ู ทักษะพน้ื ฐาน 12.6.2 การประเมินระหวางเรยี น ผเู รียนไมสามารถแสดงความรู ทักษะ กระบวนการหรือ เจตคต/ิ คุณลกั ษณะทีก่ ําหนดไวต ามมาตรฐานการเรยี นร/ู ตัวชวี้ ัด ผลการเรยี นรู 12.6.3 ผลการเรียนไมถึงเกณฑ หรือต่ํากวา เกณฑการประเมนิ ตอง จดั การสอนซอมเสรมิ กอนจะใหผเู รยี นสอบแกต ัว ขอ 13 การประเมนิ ผลการเรียนรูแ ละใหร ะดับผลการเรียน โรงเรยี นกําหนดเกณฑก ารตัดสนิ ผลการเรยี น ซง่ึ สามารถอธิบายผลการเรยี นวา ผเู รียนตอ งมี ความรู ทักษะและคุณลักษณะโดยรวม ซงึ่ กําหนดเกณฑก ารตัดสินผา นแตล ะรายวิชาท่รี อยละ 50 ดังน้ี 13.1 กลุมสาระการเรียนรู กําหนดผลการเรียนเปน 8 ระดับ ดงั น้ี ชว งคะแนนเปนรอยละ ความหมาย ระดบั ผลการเรียน 80 - 100 ผลการเรียนดีเยี่ยม 4 75 - 79 ผลการเรียนดีมาก 3.5 70 - 74 ผลการเรียนดี 3 65 - 69 ผลการเรียนคอ นขา งดี 2.5 60 - 64 ผลการเรยี นปานกลาง 2 55 - 59 ผลการเรียนพอใช 1.5 50 - 54 ผลการเรยี นผานเกณฑขั้นตาํ่ 1 0 - 49 ผลการเรียนตํา่ กวาเกณฑ 0 กรณีที่ไมส ามารถใหระดบั ผลการเรยี นเปน 8 ระดบั ได ใหใ ชต ัวอกั ษรระบุเงอ่ื นไข ของผลการเรียน ดังน้ี “มส” หมายถงึ ผเู รียนไมมีสทิ ธเิ ขา รับการวดั ผลปลายภาคเรียน เน่ืองจากผูเรยี น มีเวลาเรียนไมถึงรอยละ 80 ของเวลาเรยี นในแตละรายวชิ า และไมไ ดร ับการผอ นผนั ใหเขา รับการวดั ผลปลาย ภาคเรยี น “ร” หมายถงึ รอการตดั สินและยังตดั สินผลการเรียนไมไดเ น่ืองจากผูเรยี นไม มีขอมูล ผลการเรยี นรายวชิ าน้นั ครบถวน ไดแ ก ไมไดว ัดผลระหวา งภาคเรยี น/ปลายภาคเรียน ไมไ ดสงงานท่ี มอบหมายใหทาํ ซงึ่ งานนัน้ เปนสว นหนงึ่ ของการตดั สินผลการเรียน หรอื มีเหตสุ ุดวสิ ยั ทที่ าํ ใหประเมินผลการ เรียนไมได
10 13.2 ตัวชวี้ ดั ความสามารถในการอา น คิดวเิ คราะห และเขยี น มี 5 ตัวชี้วัด คือ 13.2.1 สามารถอานเพื่อการศึกษาคนควา เพม่ิ พนู ความรู ประสบการณ และการประยกุ ตใชในชีวิตประจาํ วัน 13.๒.2 สามารถจบั ประเด็นสําคญั ลําดับเหตุการณจ ากการอานส่อื ที่มี ความซบั ซอน 1๓.2.3 สามารถวิเคราะหสิ่งทผ่ี เู ขียนตองการสื่อสารกบั ผูอาน และ สามารถวพิ ากษ ใหขอเสนอแนะในแงมุมตา ง ๆ 13.2.๔ สามารถประเมินความนาเชอื่ ถือ คณุ คา แนวคดิ ท่ีไดจ ากสิ่งทอ่ี าน อยางหลากหลาย 13.2.๕ สามารถเขียนแสดงความคิดเห็นโตแ ยง สรุป โดยมขี อ มูลอธบิ าย สนบั สนนุ อยางเพียงพอและสมเหตุสมผล 13.3 ตัวชว้ี ัดคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท ัง้ 8 ประการ ไดแก 13.3.1 รักชาติ ศาสน กษตั รยิ มี 4 ตัวชว้ี ดั คือ 1) เปนพลเมืองดีของชาติ 2) ธาํ รงไวซ ่ึงความเปน ชาติไทย 3) ศรัทธา ยดึ ม่ันและปฏบิ ตั ิตนตามหลักศาสนา 4) เคารพเทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษตั รยิ 4 คะแนน 13.3.2 ซือ่ สัตยส จุ รติ มี 2 ตวั ชีว้ ดั คือ 1) ประพฤตติ รงตามความเปนจริงตอ ตนเองทัง้ ทางกาย วาจาใจ 2) ประพฤตติ รงตามความเปนจรงิ ตอผูอืน่ ทั้งทางกาย วาจาใจ 13.3.3 มีวินัย มี 1 ตัวชี้วัด คือ 1) ปฏบิ ตั ิตามขอตกลง กฎเกณฑ ระเบยี บ ขอ บังคับของ ครอบครัว โรงเรียน และสังคม 13.3.4 ใฝเ รยี นรู มี 2 ตัวชว้ี ัด คอื 1) ตั้งใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขารวมกจิ กรรมการเรยี นรู 2) แสวงหาความรจู ากแหลงเรยี นรตู างๆ ทัง้ ภายในและภายนอก โรงเรียนดวยการเลอื กใชส อ่ื อยา งเหมาะสม สรุปเปน องคค วามรู และสามารถนาํ ไปใชใ นชวี ิตประจําวันได 13.3.5 อยอู ยางพอเพยี ง มี 2 ตัวช้ีวัด คือ 1) ดาํ เนนิ ชีวติ อยา งพอประมาณ มีเหตผุ ล รอบคอบ มีคุณธรรม 2) มภี ูมิคมุ กันในตัวทด่ี ี และปรบั ตัวเพื่ออยูในสงั คมไดอยางมี ความสขุ 13.3.6 มุง มนั่ ในการทํางาน มี 2 ตัวช้วี ัด คอื 1) ตั้งใจและรับผดิ ชอบในหนาท่ีการงาน 2) ทํางานดวยความเพยี รพยายามและอดทนเพื่อใหง านสําเร็จ ตามเปา หมาย 13.3.7 รักความเปน ไทย มี 3 ตวั ชว้ี ัด คือ 1) ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ วฒั นธรรมไทย และมีความกตญั ู กตเวที
11 2) เหน็ คุณคา และใชภ าษาไทยในการส่อื สารไดอยางถูกตองและ เหมาะสม 3) อนรุ ักษ และสบื ทอดภมู ปิ ญญาไทย 13.3.8 มีจิตสาธารณะ มี 2 ตัวชวี้ ัด คอื 1) ชวยเหลือผูอ่ืนดวยความเต็มใจโดยไมหวงั สงิ่ ตอบแทน 2) เขารว มกจิ กรรมทเี่ ปน ประโยชนต อโรงเรยี น ชุมชนและสังคม 13.4 ตัวช้ีวดั สมรรถนะของผเู รยี นทงั้ 5 สมรรถนะ ไดแก 13.4.1 ความสามารถในการส่ือสาร มี 4 ตวั ชวี้ ัด คือ 1) ใชภาษาถายทอดความรูความเขา ใจความคดิ ความรูสึก และทศั นะของตนเองดว ยการพดู และการเขียน 2) พดู เจรจาตอรอง 3) เลอื กรับหรือไมรบั ขอ มูลขาวสารไดอ ยางมีเหตุผลและ ถูกตอ ง 4) เลอื กใชวธิ กี ารสือ่ สารโดยคํานงึ ถึงผลกระทบตอตนเองและสังคม 13.3.2 ความสามารถในการคดิ มี 2 ตวั ชี้วัด คือ 1) จัดความสําคัญของแนวคิดในบริบทของการดาํ เนนิ ชีวติ ประจาํ วนั 2) ความคดิ สรา งสรรค อยา งมีวิจารณญาณ สรา งสรรคส ิง่ ใหม เพอ่ื ประโยชนต อตวั เองและสังคมโดยใชเกณฑท่ีเหมาะสม 13.3.3 ความสามารถในการแกป ญ หา มี 2 ตัวช้ีวัด คอื 1) ใชกระบวนการแกปญหาโดยการวิเคราะหป ญหา วางแผนใน การแกป ญหาดําเนนิ การแกป ญหาตรวจสอบและสรุปผล 2) คณุ ภาพของผลงานการแกปญ หาและทําไปประยุกตใช 13.3.4 ความสามารถในการใชทักษะชวี ิต มี 6 ตวั ช้ีวัด คือ 1) นาํ ความรู ทักษะ และกระบวนการทหี่ ลากหลาย มาสรางผลงาน/โครงงานทเ่ี ปนระบบ มีข้นั ตอนชดั เจน และมีประสทิ ธิภาพ ไปใชใ นการดําเนินชวี ติ ประจําวัน 2) มีวิธีการในการศึกษาความรูเพ่มิ เตมิ เพ่ือขยายประสบการณ ไปสูการเรียนรสู งิ่ ใหม และสรางองคความรู ตามความสนใจอยางตอเนือ่ ง 3) ปฏิบตั งิ าน ในสวนรวม อยา งมคี วามสขุ 4) วเิ คราะห สถานการณ ปญ หาและมีการจัดการไดเหมาะสม 5) ปรบั ตัวตอ การเปลี่ยนแปลงทางสงั คม สภาพแวดลอม 6) จัดการกบั อารมณแ ละความเครียดไดอ ยา งถูกตองและ เหมาะสม 13.3.5 ความสามารถในการใชเทคโนโลยี มี 2 ตวั ชวี้ ดั คอื 1) การเลอื กและใชเทคโนโลยีในการแกป ญ หาอยา งสรา งสรรค และมีคุณธรรม 2) การออกแบบ ปรับปรุง แกไ ขงาน และประเมนิ ผล
12 13.5 การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผูเรยี น เปน การประเมนิ การปฎบิ ัติกจิ กรรมและ ผลงานของผูเรยี นทาํ การประเมินเวลาการเขารวมกิจกรรม การปฏบิ ตั กิ จิ กรรม และผลงานของผูเ รยี น โดยผลการประเมนิ เปน “ผาน” หรือ “ไมผาน กิจกรรมพฒั นาผเู รยี น มี ๓ ลกั ษณะ คือ ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรยี น ซ่ึงประกอบดวย (๑) กิจกรรมลกู เสือ-เนตรนารี (๒) กิจกรรมชุมนุม ๓) กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน ทง้ั น้ี ผเู รียนระดบั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 1-3 จะตอ งเขารวมกิจกรรมทงั้ ขอ ๑) กจิ กรรม แนะแนว ,ขอ 2) กจิ กรรมนักเรยี น ทั้งสองกจิ กรรม และ ขอ 3) กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน สาํ หรับผูเ รยี นระดบั มัธยมศึกษาปที่ 4-6 จะตองเขารวมกจิ กรรม ขอ 1) กจิ กรรม แนะแนว , ขอ 2) กิจกรรมนกั เรียนใน ขอ (2) กจิ กรรมชุมนมุ ไดแกกิจกรรมชุมนมุ โครงงาน หรือกจิ กรรม ชมุ นุมสงเสรมิ วิชาการ(กจิ กรรมทสี่ ง เสรมิ ความสามารถของผูเรียน ความสนใจของผเู รยี น) หรือกิจกรรม นักศึกษาวชิ าทหาร (นทศ.) ซึ่งผเู รยี นตองเลอื กเขารวมกิจกรรมหนึ่งกจิ กรรม และ ขอ 3) กจิ กรรมเพ่อื สังคม และสาธารณประโยชน การประเมนิ ผลกจิ กรรมพัฒนาผเู รียน กําหนดการประเมนิ เปน 2 ระดับ ดังนคี้ อื “ผ” หมายถงึ ผูเ รียนมเี วลาเขารวมกิจกรรมพัฒนาผเู รียน ปฏิบตั กิ จิ กรรมและ มีผลงานตามเกณฑทส่ี ถานศึกษากาํ หนด “มผ” หมายถึง ผเู รียนมีเวลาเขารวมกิจกรรมพฒั นาผเู รยี น ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมและ มผี ลงานไมเ ปนไปตามเกณฑท ส่ี ถานศึกษากําหนด ขอ 14 การเปลีย่ นผลการเรยี น 14.1 การเปล่ยี นผลการเรยี น “0” สถานศกึ ษาจัดสอนซอ มเสริมในมาตรฐานการเรียนรู/ตัวช้ีวดั หรือผลการเรียนรู ทผี่ ูเ รยี น สอบไมผานกอน แลวจงึ สอบแกตัวไดไ มเ กิน ๒ ครั้ง ถาผูเรียนไมดําเนนิ การสอบแกตัวตามระยะเวลา ท่ีสถานศกึ ษากําหนดใหอยใู นดุลยพินจิ ของสถานศึกษาพิจารณาขยายเวลาออกไปอกี ๑ ภาคเรยี น สาํ หรับ ภาคเรียนที่ ๒ ตองดาํ เนินการใหเสรจ็ ส้ินภายในปก ารศกึ ษานั้น การสอบแกตัวใหไ ดร ะดับผลการเรียนไมเ กิน “๑” ถาสอบแกตวั ๒ คร้งั แลว ยงั ไดร ะดบั ผลการเรียน “๐” อีก ใหสถานศกึ ษาแตงตัง้ คณะกรรมการดําเนนิ การเกย่ี วกับการเปลี่ยนผลการเรยี นของผเู รียนโดยปฏิบตั ิดงั น้ี ๑) ถาเปนรายวิชาพนื้ ฐาน ใหเรยี นซ้ํารายวชิ านน้ั ๒) ถาเปนรายวชิ าเพมิ่ เติม ใหเ รียนซํ้าหรอื เปล่ียนรายวชิ าเรยี นใหม ทั้งน้ี ใหอยใู น ดลุ ยพนิ จิ ของสถานศึกษา ในกรณีท่เี ปลีย่ นรายวิชาเรยี นใหมใ หหมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรยี นวา เรียน แทนรายวชิ าใด 14.2 การเปล่ียนผลการเรยี น “ร” การเปล่ยี นผลการเรียน “ร” ใหดาํ เนนิ การดังนี้ ใหผูเรยี นดาํ เนินการแกไ ข “ร” ตามสาเหตุ เมื่อผูเรยี นแกไขปญหาเสรจ็ แลว ใหไ ด ระดบั ผลการเรียนตามปกติ (ต้งั แต ๐ - ๔) ถาผูเ รียนไมดําเนนิ การแกไข “ร” กรณที ีส่ งงานไมค รบ แตม ผี ลการ
13 ประเมิน ระหวา งภาคเรียนและปลายภาค ใหผูส อนนาํ ขอมูลหรือคะแนนทม่ี ีอยตู ดั สนิ ผลการเรยี นไดเลย ยกเวน มีเหตุสุดวิสยั ใหอยใู นดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก “ร” ออกไปอกี ไมเกนิ ๑ ภาค เรียน สําหรับภาคเรียนที่ ๒ ตองดําเนนิ การใหเสร็จสิน้ ภายในปก ารศกึ ษาน้นั เมื่อพนกาํ หนดนี้แลวใหเ รยี นซํ้า หากผลการเรยี นเปน “๐” ใหดาํ เนินการแกไขตามหลักเกณฑ 14.3 การเปลย่ี นผลการเรยี น “มส” การเปลยี่ นผลการเรียน “มส” มี ๒ กรณดี งั น้ี ๑) กรณผี เู รียนไดผ ลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรยี นไมถ ึงรอ ยละ ๘๐ แตมเี วลา เรียนไมน อ ยกวา รอยละ ๖๐ ของเวลาเรียนในรายวชิ าน้ันใหสถานศกึ ษาจัดใหเ รียนเพมิ่ เติม โดยใชช ว่ั โมงซอม เสริม หรือใชเวลาวา ง หรือใชวนั หยดุ หรอื มอบหมายงานใหทาํ จนมเี วลาเรยี นครบตามท่ีกาํ หนดไว สาหรบั รายวชิ าน้ัน แลว จงึ ใหวดั ผลปลายภาคเปนกรณีพิเศษผลการแก “มส” ใหไดร ะดบั ผลการเรยี นไมเ กนิ “1” การแก “มส” กรณีนี้ใหกระทําใหเสรจ็ ภายในปการศึกษาน้ัน ถา ผเู รียนไมมาดาํ เนนิ การแก “มส” ตาม ระยะเวลาที่กําหนดไวนใ้ี หเรยี นซ้าํ ยกเวน มีเหตสุ ดุ วิสยั ใหอ ยใู นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศึกษาท่ีจะขยายเวลาการแก “มส” ออกไปอีกไมเ กนิ ๑ ภาคเรียน แตเมื่อพนกาํ หนดนแี้ ลว ใหปฏบิ ัติดังน้ี (๑) ถา เปนรายวชิ าพ้นื ฐานใหเ รยี นซ้ํารายวชิ านั้น (๒) ถาเปน รายวชิ าเพ่มิ เติมใหอ ยูในดุลยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาใหเ รียนซ้ําหรอื เปลี่ยนรายวชิ าเรียนใหม ๒) กรณีผูเ รยี นไดผ ลการเรยี น “มส” เพราะมเี วลาเรียนนอ ยกวารอยละ ๖๐ ของ เวลาเรยี นท้งั หมดใหสถานศกึ ษาดําเนินการดงั น้ี (๑) ถา เปนรายวชิ าพน้ื ฐาน ใหเรยี นซํ้ารายวิชานัน้ (๒) ถาเปนรายวชิ าเพ่ิมเติมใหอยใู นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศึกษาใหเรียนซา้ํ หรือ เปล่ียนรายวชิ าเรียนใหมใ นกรณที เี่ ปลี่ยนรายวชิ าเรยี นใหมใหห มายเหตใุ นระเบยี นแสดงผลการเรยี นวา เรยี น แทนรายวชิ าใด การเรยี นซ้ํารายวชิ า ผูเ รียนท่ีไดรับการสอนซอมเสรมิ และสอบแกตัว ๒ ครง้ั แลวไมผานเกณฑการประเมินใหเรียนซา้ํ รายวิชานนั้ ทัง้ น้ใี หอยใู นดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาในการจัดใหเรียน ซ้าํ ในชวงใดชว งหนงึ่ ทีส่ ถานศกึ ษาเห็นวาเหมาะสม เชน พักกลางวัน วันหยดุ ชวั่ โมงวา งหลังเลกิ เรยี น ภาคฤดรู อน เปนตน ในกรณภี าคเรยี นที่ ๒ หากผเู รียนยังมีผลการเรียน “๐” หรอื “ร” หรือ “มส” ใหดําเนนิ การใหเสรจ็ สน้ิ กอนเปดเรียนปก ารศกึ ษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปด การเรยี นการสอนในภาคฤดูรอน เพ่ือแกไขผลการเรียนของผูเ รียน 14.4 การเปลยี่ นผล “มผ” กรณีทผ่ี ูเ รยี นไดผ ล “มผ” สถานศกึ ษาตองจัดซอ มเสริมใหผูเรียนทํากจิ กรรมในสว น ที่ผูเ รยี นไมไดเ ขา รวมหรือไมไ ดท าํ จนครบถวน แลวจงึ เปลีย่ นผลจาก “มผ” เปน “ผ” ไดท ง้ั นี้ดําเนนิ การให เสร็จสิ้นภายในภาคเรยี นนนั้ ๆ ยกเวน มเี หตสุ ดุ วิสัยใหอยใู นดุลยพินิจของสถานศกึ ษาขยายเวลาออกไปอีกไม เกนิ ๑ ภาคเรียน สําหรบั ภาคเรยี นที่ ๒ ตองดาํ เนนิ การใหเสรจ็ สิ้นภายในปก ารศกึ ษานั้น ขอ 15 การเลื่อนช้ัน โรงเรยี นกาํ หนดกฎเกณฑก ารเล่อื นชนั้ โดยพจิ ารณาใหสอดคลองกบั เกณฑการตัดสินผล การเรียน ตลอดจนกําหนดเกณฑเก่ยี วกับการผานตัวชวี้ ัดท่ีชดั เจนและประกาศใหทราบท่ัวกนั ดงั น้ี 15.1 ผูเรียนตอ งมีเวลาเรยี นตลอดปการศกึ ษาไมน อยกวารอยละ 80 ของเวลา เรยี นท้งั หมด
14 15.2 ผเู รยี นตองไดรบั การประเมนิ ทุกตวั ช้ีวัด/ผลการเรยี นรู และตอ งผานทุก ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรูของแตละรายวิชา 15.3 ผูเรยี นตองไดร ับการตดั สินผลการเรยี น และผา นทุกรายวชิ าของกลุมสาระ การเรยี นรู โดยมีเกณฑก ารผาน ดงั น้ี 15.1.1 เวลาเรยี นในแตละรายวิชาของกลุมสาระการเรยี นรูไมนอ ยกวา รอยละ 80 ของเวลาเรยี นท้งั หมด 15.1.2 ตองไดรบั การประเมินทุกตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู และผานตวั ชีว้ ดั / ผลการเรยี นรไู มนอยกวารอ ยละ 100 ของตวั ชี้วัด/ผลการเรยี นรใู นรายวชิ า 15.1.3 ระดับผลการเรียนเฉลีย่ ในปการศกึ ษาไมตา่ํ กวา 1.00 15.2 การประเมินการอา น คิดวิเคราะห และเขยี น ผูเรยี นตอ งไดระดับผลการ ประเมนิ “ผา น” ขน้ึ ไป 15.3 การประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค ผูเรียนตองไดผลการประเมนิ ระดับ “ผาน” ขึน้ ไป 15.4 การประเมิน การเขารว มกิจกรรมพัฒนาผเู รียน ผูเรยี นตองไดผ ลการประเมนิ ระดับ “ผา น” โดยมีเกณฑการผา น ดังนี้ 15.4.1 ผเู รียนตองมีเวลาเขา รวมกิจกรรมแตล ะปไ มน อ ยกวารอ ยละ 80 ของเวลาเรียน 15.4.2 ผเู รยี นผา นจดุ ประสงคก ารเรียนรูไมน อยกวารอ ยละ 100 ของ จดุ ประสงค การเรียนรใู นกจิ กรรมพฒั นาผูเรยี น 15.4.3 ผเู รียนเขา รว มกจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชนตาม เวลาทีก่ าํ หนดไวใ นโครงสรา งของหลกั สตู ร ดงั นี้ 1) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 1 จํานวน 15 ชว่ั โมง 2) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 2 จํานวน 15 ช่ัวโมง 3) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 3 จาํ นวน 15 ชว่ั โมง 4) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 จาํ นวน 20 ชว่ั โมง 5) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 จํานวน 20 ชัว่ โมง 6) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 จาํ นวน 20 ช่วั โมง ท้งั นี้ ถาผเู รยี นมขี อบกพรองเพียงบางตัวชว้ี ัด ซ่ึงพิจารณาเหน็ วา สามารถ พัฒนาและสอน ซอ มเสรมิ ได กใ็ หอยใู นดลุ ยพินิจของคณะกรรมการท่จี ะผอ นผนั ใหเล่อื นชัน้ ได ในกรณที ีผ่ เู รียนมสี ติปญ ญาและความสามารถดีเลิศ สามารถเรยี นรไู ดเ ร็วเปน พิเศษ สถานศกึ ษาจะใหโอกาสผเู รยี นเลือ่ นชนั้ ระหวา งปก ารศึกษา โดยสถานศกึ ษาแตงต้งั คณะกรรมการ ประกอบดวย คณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รและวิชาการโรงเรยี นนครสวรรค และผแู ทนของเขตพน้ื ท่ี การศกึ ษาอยา งนอ ย 1 คน เมื่อผูเ รียนมี คณุ สมบตั ิครบถวนตามเง่อื นไขทัง้ 3 ประการ ตอไปน้ี 1) มผี ลการเรยี นปก ารศึกษาท่ีผา นมาและมผี ลการเรียนระหวา งปอ ยใู นเกณฑดีเยี่ยม 2) มีวุฒิภาวะเหมาะสมทจี่ ะเรียนในชัน้ ที่สงู ขน้ึ 3) ผานการประเมินผลความรูความสามารถตามตัวชว้ี ัด/ผลการเรียนรทู ั้งหมดในภาคเรียนท่ี 2 ป ปจ จุบนั และภาคเรยี นท่ี 1 ของปการศึกษาถัดไป การอนมุ ัติใหเ ลื่อนไปเรียนชนั้ สงู ได 1 ระดบั ชั้นนี้ ตอ ง ไดร บั การยินยอมจากนักเรียนและ ผูป กครองและดําเนนิ การใหเสรจ็ สิ้นภายในวนั ที่ 1 กันยายนของป
15 การศกึ ษานั้น สาํ หรับในกรณีท่ีพบวา มีผูเรียนกลุม พิเศษประเภทตา ง ๆ ท่ีมีปญหาในการเรยี นรสู ถานศึกษาจะ ดําเนนิ งานรว มกบั สาํ นักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาหาแนวทางการแกไขและพฒั นา ขอ 16 การเรยี นซา้ํ ชน้ั หลกั สูตรโรงเรยี นนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษา ขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 กาํ หนดวาหากผเู รียนมผี ลการเรยี นเฉลยี่ ตํา่ กวา 1.00 หรอื มผี ลการเรยี น “0” หรือ “ร” เกนิ รอยละ 50 ของรายวิชาที่เรียนหรือมแี นวโนมวา จะเปน ปญ หาตอ การเรยี นในระดับชน้ั ท่ี สงู ขึน้ โรงเรียนอาจต้งั คณะกรรมการพิจารณาใหเ รียนซ้ําช้ันได ท้งั นใี้ หคํานงึ ถึงวฒุ ิภาวะและความรู ความสามารถของนกั เรยี นเปนสําคัญ ผเู รียนทีไ่ มมีคุณสมบัตติ ามเกณฑก ารอนมุ ัติเล่ือนช้นั เรยี น จะตองจัดใหเ รยี นซา้ํ ชัน้ ในกรณีท่ี ผูเรียนขาดคณุ สมบตั ลิ กั ษณะใดลักษณะหนง่ึ คณะกรรมการอาจใชดลุ พนิ จิ ใหเ ลอ่ื นชัน้ ได หากพิจารณาเหน็ วา 1) ผเู รียนมีเวลาเรียนไมถ ึงรอยละ 80 อันเนอ่ื งจากสาเหตจุ ําเปน หรอื เหตุสุดวสิ ยั แตม ี คณุ สมบตั ิตามขออื่น ๆ ครบถวน 2) ผูเรยี นผา นมาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั /ผลการเรยี นรไู มถึงเกณฑตามทกี่ ําหนดในแตละรายวชิ า และเห็นวา สามารถสอนซอมเสริมไดใ นปการศึกษาถัดไปและมีคุณสมบัติขออื่น ๆ ครบถวน ขอ 17 การสอนซอมเสรมิ การสอนซอมเสรมิ เปน สว นหนง่ึ ของกระบวนการจดั การเรียนรูและเปน การใหโ อกาสแก ผูเ รียนไดม เี วลาเรยี นรูสิง่ ตางๆ เพม่ิ ขึน้ เพ่ือพฒั นาการเรยี นรูของผูเ รียนใหเต็มตามศักยภาพ จนสามารถบรรลุ ตามมาตรฐานการเรยี นรู/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรูท่กี าํ หนดไว การสอนซอ มเสรมิ เปน การสอนกรณพี ิเศษ นอกเหนือไปจากการสอนตามแผนการจัดการเรยี นรปู กติ เพือ่ แกไ ข ขอ บกพรองท่ีพบในผูเรียน โดยจัด กระบวนการเรยี นรูท่หี ลากหลายและคาํ นึงถึงความแตกตางระหวา งบคุ คล ของผูเรียน การสอนซอมเสรมิ สามารถดําเนนิ การไดในกรณีดังตอไปนี้ 17.1 ผูเรียนมคี วามรู/ทกั ษะพ้ืนฐานไมเพยี งพอทจี่ ะศกึ ษาในแตละรายวชิ านนั้ จะจัดการสอนซอมเสริม ปรับความรู/ทกั ษะพ้นื ฐาน 17.2 การประเมินระหวางเรียน ผูเ รียนไมสามารถแสดงความรู ทกั ษะกระบวนการ หรอื เจตคติ/คุณลกั ษณะ ทก่ี ําหนดไวตามมาตรฐานการเรยี นร/ู ตัวชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู 17.3 ผลการเรียนไดระดับผลกาเรยี น “0” ใหจดั การสอนซอ มเสริมกอ นสอบแกต วั ขอ 18 เกณฑก ารตดั สินผลการเรยี นจบหลกั สตู รสถานศกึ ษา 18.1 เกณฑก ารจบระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน ผเู รียนมีคุณสมบตั ิ ดังนี้ 18.1.1 ผูเรียนเรียนเรียนรายวิชาพนื้ ฐานและเพ่ิมเตมิ โดยเปน วชิ าพ้ืนฐาน 66 หนว ยกิต และมรี ายวชิ าเพ่มิ เตมิ ตามท่ีสถานศกึ ษากาํ หนด 18.1.2 ผูเรียนตองไดหนวยกิตตลอดหลักสูตรไมนอยกวา 77 หนวยกิต โดยเปน รายวิชาพ้ืนฐาน 66 หนวยกติ และรายวชิ าเพม่ิ เตมิ ไมน อ ยกวา 11 หนว ยกติ 18.1.3 ผเู รียนมผี ลการประเมินการอาน คิด วเิ คราะห และเขียน อยูในระดบั “ผา น” ข้ึนไป 18.1.4 ผูเรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค อยูในระดับ “ผา น” ขน้ึ ไป 18.1.5 ผูเรยี นเขารวมกิจกรรมพัฒนาผูเรียน และมีผลการประเมิน “ผาน” ทกุ กจิ กรรม
16 18.2 เกณฑการจบระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ผูเรยี นมีคุณสมบัติ ดงั นี้ 18.2.1 ผูเรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพ่ิมเติม โดยเปนวิชาพื้นฐาน 41 หนวยกติ และรายวชิ าเพม่ิ เตมิ ไมนอยกวา 36 หนว ยกติ 18.2.2 ผูเรยี นตองไดหนวยกิตตลอดหลักสูตรไมนอยกวา 77 หนวยกิต โดย เปน รายวิชาพ้ืนฐาน 41 หนว ยกติ และรายวิชาเพ่มิ เตมิ ไมนอยกวา 36 หนว ยกิต 18.2.3 ผูเรียนมีผลการประเมินการอาน คิดวิเคราะหและเขียน อยูในระดับ “ผา น” ขน้ึ ไป 18.2.4 ผูเรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค อยูในระดับ “ผา น” ข้ึนไป 18.2.5 ผเู รยี นเขารวมกจิ กรรมพัฒนาผูเรียนและมีผลการประเมนิ “ผาน” ทุกกจิ กรรม ทัง้ นเ้ี กณฑการวัดและประเมินผลการเรียนรใู หเ ปน ไปตามประกาศโรงเรียนนครสวรรค หลักการและแนวทางการกาํ หนดเกณฑวัดและประเมินผลการเรียนรขู องโรงเรยี นนครสวรรค หมวด 5 การเทียบโอนผลการเรียน ขอ 19 การเทียบโอนผลการเรียนของผูเรยี น กรณยี ายสถานศึกษา การเปลี่ยน รูปแบบการศึกษา การยา ยหลักสตู ร การละทงิ้ การศกึ ษา และขอกลบั เขารับการศกึ ษาตอ การศึกษาจาก ตา งประเทศและขอเขา ศึกษาตอในประเทศ เทยี บโอนความรู ทักษะ ประสบการณจ ากแหลงการเรียนรอู ่ืน ๆ เชน สถานประกอบการ สถาบันทางศาสนา สถาบนั การ ฝกอบรมอาชีพ การศกึ ษาโดยครอบครวั การเทยี บโอนผลการเรยี นดาํ เนนิ การในชว งกอนเปด ภาคเรียน หรือตนภาคเรยี นของ โรงเรียน ท้ังน้ี ผเู รยี นทไี่ ดร บั การเทยี บโอนผลการเรยี นตองศึกษาตอ เนือ่ งในสถานศึกษาน้ีอยางนอ ย 1 ภาค เรยี น โดยสถานศกึ ษากําหนดรายวชิ า จํานวน หนวยกิต ทีจ่ ะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม การพิจารณาการเทียบโอนดาํ เนินการดงั น้ี 19.1 พจิ ารณาจากหลกั ฐานการศกึ ษาและเอกสารอ่นื ๆ ท่ีใหขอมูลแสดงความรู ความสามารถของผเู รียน 19.2 พจิ ารณาจากความรคู วามสามารถของผูเรียน โดยการทดสอบดวยวิธีการตา งๆ ท้งั ภาคความรู และภาคปฏิบัติ 19.3 พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏิบัติจรงิ ในกรณมี ีเหตุผลจาํ เปนระหวางเรียน ผูเรยี นสามารถแจงความจาํ นงขอไปศกึ ษาบาง รายวชิ าในสถานศกึ ษา/สถานประกอบการอนื่ แลวนํามาเทียบโอนได โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการ บริหารหลักสตู รและวิชาการโรงเรยี นนครสวรรค การเทียบโอนผลการเรียนใหดาํ เนนิ การในรปู ของ คณะกรรมการการเทยี บโอนจํานวน 3 – 5 คน โดยการเทียบโอนดาํ เนนิ การดังนี้ 1) กรณผี ูขอเทยี บโอนมีผลการเรยี นมาจากหลกั สูตรอื่น นํารายวชิ าที่มี ตัวช้ีวัด/มาตรฐานการเรยี นร/ู ผลการเรยี นรู/จุดประสงค/เนื้อหาท่สี อดคลอ งกนั ไมน อยกวารอ ยละ 60
17 มาเทียบโอนผลการเรียนและพจิ ารณาใหระดบั ผลการเรียนใหสอดคลองกบั หลกั สูตรโรงเรียนนครสวรรค พทุ ธศักราช 2564 2) กรณกี ารเทยี บโอนความรู ทกั ษะและประสบการณ พจิ ารณาจากเอกสาร หลกั ฐาน (ถามี) โดยใหมีการประเมินดว ยเคร่ืองมอื ท่ีหลากหลายและใหระดับผลการเรียนใหสอดคลองกับ หลกั สูตรโรงเรียนนครสวรรค พุทธศักราช 2564 3) กรณีการเทียบโอนทผี่ ูเรียนเขา โครงการแลกเปลย่ี นตา งประเทศ ดําเนนิ การตามประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ ารเรื่องหลกั การและแนวปฏิบัติการเทียบช้ันการศกึ ษาสาํ หรบั ผูเรียนทีเ่ ขา รวมโครงการแลกเปลีย่ น ทง้ั น้ีวิธกี ารเทยี บโอนผลการเรยี นใหเปนไปตามหลักการและแนวทางการเทียบ โอนผลการเรียนตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการเรื่องการเทยี บโอนผลการเรยี นการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน และการศึกษาระดบั อดุ มศกึ ษา ระดบั ตา่ํ กวาปรญิ ญา ประกาศ ณ วันท่ี 10 ตลุ าคม พ.ศ. 2546 และแนว ปฏบิ ตั ิที่เกย่ี วกบั การเทยี บโอนผลการเรยี นเขา สูการศกึ ษาในระบบการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน (สงิ หาคม 2549 ) ซ่ึงจัดทําโดยสาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน หมวด 6 การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการเรยี น เปน การแจงผลการเรยี นรแู ละพฒั นาการในดา นตาง ๆ ซ่งึ เปน ความกา วหนา ของผเู รียนใหผ ูเ รยี นและผทู ่ีเก่ียวของรับทราบอยา งนอยภาคเรยี นละ 1 ครั้ง เพ่อื ใชเปน ขอ มูลใน การปรบั ปรงุ แกไขและสง เสริมพฒั นาการของผูเรียนใหประสบความสาํ เร็จอยา งมปี ระสทิ ธิภาพ รวมท้ังใชเ ปน ขอมูลสาํ หรบั ออกเอกสารหลักฐานการศึกษา การตรวจสอบ ยืนยัน การรบั รองผลการเรียนและวฒุ กิ ารศกึ ษา ของผูเรยี น ขอ 20 จุดมุงหมายการรายงานผลการเรยี น 20.1 เพอ่ื แจงใหผ ูเรียน ผเู ก่ียวของทราบความกาวหนา ของผูเรียน 20.2 เพื่อใหผ เู รียน ผูเ กีย่ วของใชเปน ขอ มลู ในการปรับปรงุ แกไ ข สง เสริมและ พฒั นาการเรียนของผูเรยี น 20.3 เพอ่ื ใหผเู รยี น ผูเกยี่ วขอ งใชเปน ขอ มูลในการวางแผนการเรียนกําหนด แนวทางการศึกษาและการเลือกอาชพี 20.4 เพ่อื เปนขอมลู ใหผูท ่ีมหี นาท่เี ก่ียวขอ ง ใชด ําเนินการออกเอกสารหลกั ฐาน การศกึ ษา ตรวจสอบและรบั รองผลการเรียน หรือวฒุ ทิ างการศกึ ษาของผูเรยี น 20.5 เพ่ือเปนขอมลู สําหรับสถานศึกษา เขตพ้ืนที่การศกึ ษาและหนวยงานตน สงั กัด ใชป ระกอบในการกาํ หนดนโยบาย วางแผนในการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา ขอ 21 ขอ มูลในการรายงานผลการเรียน 21.1 ขอมลู ระดับชน้ั เรยี น ประกอบดวย ผลการประเมนิ ความรู ความสามารถ พฤติกรรมการเรยี น ความประพฤติและผลงานในการเรียนของผูเรียน เปนขอมลู สําหรบั รายงานใหผมู สี วน เก่ียวของ ไดแ ก ผเู รยี น ผสู อนและผูป กครอง ไดรบั ทราบความกาวหนา ความสําเร็จในการเรยี นของผเู รยี น เพื่อนาํ ไปใชในการวางแผนกาํ หนดเปาหมายและวิธีการในการพฒั นาผูเรียน
18 21.2 ขอ มลู ระดบั สถานศกึ ษา ประกอบดว ย ผลการประเมินผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น กลมุ สาระการเรยี นรู 8 กลมุ สาระ ผลการประเมนิ การอา น คดิ วเิ คราะหและเขยี น ผลการประเมิน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค ผลการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผูเรียนรายภาค ผลการประเมิน ความกาวหนา ใน การเรียนรรู ายภาคโดยรวมของสถานศกึ ษา เพ่ือใชเปนขอมูลและสารสนเทศในการ พัฒนาการเรยี นการสอน และคณุ ภาพของผเู รยี น ใหเปนไปตามมาตรฐานการเรยี นรู/ ตัวชี้วัด ผลการเรียนรู การตัดสินการเล่ือนช้นั และ การซอ มเสรมิ ผูเรียนทมี่ ีขอ บกพรอ งใหผา นระดบั ชั้นและเปนขอมลู ในการออกเอกสารหลักฐาน การศึกษา 21.3 ขอมูลการประเมินคณุ ภาพระดับเขตพ้นื ที่การศกึ ษา ไดแก ผลการประเมนิ คุณภาพของผเู รียนดว ยแบบประเมนิ ทีส่ ํานักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาจัดทาํ ข้ึนในกลมุ สาระการเรียนรทู สี่ าํ คัญใน ระดับช้ันที่นอกเหนือจากการประเมินคุณภาพระดบั ชาติ เปน ขอมลู ทีผ่ ูเ ก่ียวของใชวางแผนและดาํ เนินการ พัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศกึ ษาเพ่ือใหเ กิดการยกระดบั คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของผูเรียน และสถานศึกษา 21.4 ขอมูลผลการประเมนิ คุณภาพระดับชาติ ไดแก ผลการประเมินคุณภาพของ ผูเ รียนดวยแบบประเมินท่ีเปนมาตรฐานระดับชาตใิ นกลมุ สาระการเรียนรูทีส่ ําคญั ในช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ 3 และ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 ซง่ึ ดําเนินการโดยหนวยงานระดับชาติ เปนขอมลู ทผี่ ูเก่ียวขอ งใชวางแผนและดาํ เนินการ พฒั นาคณุ ภาพ การศึกษาในสว นที่เกยี่ วของ เพ่ือใหเ กิดการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของ ผูเ รยี น สถานศกึ ษา และนําไปรายงานในเอกสารหลกั ฐานการศึกษาของผเู รยี น 21.5 ขอมูลพฒั นาการของผเู รียนดานอ่ืน ๆ ประกอบดว ย ขอมลู เก่ียวกับ พัฒนาการ ทางดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคมและพฤติกรรมตา ง ๆ เปน ขอ มูลสว นหนึ่งของการแนะแนว และ จดั ระบบการดแู ลชว ยเหลือเพ่ือแจงใหผ เู รียน ผูส อน ผปู กครอง และผูเก่ียวของไดร ับทราบขอมลู โดยผูม ี หนาท่ีรบั ผดิ ชอบแตล ะฝา ยนาํ ไปใชปรับปรงุ แกไ ขและพัฒนาผเู รยี นใหเกิดพฒั นาการอยางถกู ตอง เหมาะสม รวมท้ังนําไปจดั ทาํ เอกสารหลักฐานแสดงพัฒนาการของผเู รียน ขอ 22 ลกั ษณะขอมูลสําหรับการรายงาน การรายงานผลการเรียน สถานศกึ ษารายงานผลการเรยี นดังน้ี 22.1 ผลการเรียนรกู ลุมสาระการเรยี นรูร ายงานเปน ระดบั ผลการเรยี น “0 – 4” ( 8 ระดบั ) 22.2 ผลการประเมนิ การอา นคิดวิเคราะหแ ละเขียน รายงานผลการประเมิน คุณภาพเปน ดีเยีย่ ม ดี ผา น และไมผาน 22.3 ผลการประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงคร ายงานผลการประเมนิ คณุ ภาพ เปน ดีเยี่ยม ดี ผาน และไมผ าน 22.4 ผลการประเมินกิจกรรมพฒั นาผเู รยี นรายงานผลการประเมนิ คุณภาพเปน ผา น และ ไมผ าน ขอ 23 เปาหมายการรายงานการดาํ เนินการจัดการศึกษา ประกอบดว ยบุคลากรหลายฝายรว มมอื ประสานงานกนั พัฒนา ผเู รยี นท้งั ทางตรงและ ทางออม ใหมคี วามรคู วามสามารถ คุณธรรม จรยิ ธรรมและคา นิยมอนั พึงประสงค โดยมี ผมู สี วนเกยี่ วขอ งควร ไดรบั การรายงานผลการประเมินของผเู รียนเพื่อใชเปนขอมูลในการดาํ เนินงานดังนี้
19 กลุม เปา หมายการรายงาน การใชขอมลู ผเู รียน - ปรบั ปรงุ แกไขและพัฒนาการเรียน รวมทง้ั พฒั นารางกาย อารมณ สงั คม และพฤติกรรมตา งๆ ของคน - วางแผนการเรยี น การเลือกแนวทางการศกึ ษา และอาชพี ในอนาคต - แสดงผลการเรยี น ความรู ความสามารถ และวุฒิการศึกษาของตน ผสู อน - วางแผนและดาํ เนินการปรับปรงุ แกไขและพฒั นาผเู รยี น - ปรับปรงุ แกไขและพัฒนาการจดั การเรยี นการสอน ครูวดั ผล - ตรวจสอบความถูกตองในการประเมินผลของผสู อน/ผูเ รียน - พัฒนาระบบ ระเบยี บและแนวทางการประเมนิ ผลการเรยี น นายทะเบยี น - จัดทําเอกสารหลกั ฐานการศึกษา ครูแนะแนว - - ใหคาํ แนะนาํ ผเู รยี นในดา นตาง ๆ คณะกรรมการบรหิ าร - พิจารณาใหความเหน็ ชอบผลการเรียนของผูเ รยี น หลักสตู รและวิชาการของ - พัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาของสถานศกึ ษา สถานศกึ ษา ผูบรหิ ารสถานศกึ ษา - พิจารณาตดั สนิ และอนุมัตผิ ลการเรียนของผูเรียน - พฒั นากระบวนการจดั การเรยี นของสถานศกึ ษา - วางแผนการบรหิ ารจัดการศึกษาดานตาง ๆ ผปู กครอง - รบั ทราบผลการเรียนและพัฒนาการของผเู รียน - ปรับปรงุ แกไขและพฒั นาการเรียนของผเู รียน รวมทง้ั การดแู ล สุขภาพ อนามัย รางกาย จติ ใจ อารมณ สังคมและพฤติกรรมตา ง ๆ ของผเู รียน - พจิ ารณาวางแผนและสง เสรมการเรยี น การเลือกแนวทางการศกึ ษา และอาชีพในอนาคตของผูเรียน ฝาย/หนวยงานทมี่ หี นา ท่ี - ตรวจสอบ และรบั รองผลการเรยี นและวุฒิการศกึ ษาของผูเรียน ตรวจสอบรับรองความรู และ - เทียบระดับ/วฒุ ิการศกึ ษาของผูเ รียน วฒุ กิ ารศกึ ษา/สถานศกึ ษา - เทียบโอนผลการเรียน สํานักงานเขตพืน้ ท่ี - ยกระดับและพฒั นาการศกึ ษาของสถานศึกษาในเขตพน้ื ที่การศึกษา การศกึ ษา/หนว ยงานตน - นเิ ทศ ตดิ ตาม และใหค วามชว ยเหลอื การพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา สังกัด ของสถานศกึ ษาท่มี ีผลการประเมินตํ่ากวาคาเฉลยี่ ของสาํ นักงานเขต พ้นื ทีก่ ารศกึ ษา ขอ 24 วิธกี ารรายงาน การรายงานผลการเรยี นใหผเู กย่ี วของรับทราบดําเนินการดังน้ี 24.1 การรายงานผลการเรียนในเอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา ไดแ ก 241.1 ระเบียบแสดงผลการเรยี น (ปพ.1) 24.1.2 หลกั ฐานแสดงวุฒกิ ารศึกษา (ใบประกาศนียบัตร : ปพ.2) 24.1.3 แบบรายงานผูสาํ เร็จการศกึ ษา (ปพ.3) 24.1.4 แบบแสดงผลการพัฒนาคุณลักษณะอนั พึงประสงค (ปพ.4) 24.1.5 แบบแสดงผลการพัฒนาคุณภาพของผเู รยี น (ปพ.5) 24.1.6 แบบรายงานผลการพฒั นาคณุ ภาพผเู รยี นรายบคุ คล (ปพ.6) 24.1.7 ใบรบั องผลการศกึ ษา (ปพ.7)
20 24.1.8 ระเบยี นสะสม (ปพ.8) 24.1.9 สมดุ บนั ทกึ ผลการเรียน (ปพ.9) 24.2 การรายงานคณุ ภาพการศึกษาใหผเู กย่ี วของทราบ รายงานหลายวธิ ี เชน 24.2.1 รายงานคุณภาพการศึกษาประจําป 24.2.2 วารสาร/จลุ สารของสถานศกึ ษา 24.2.3 จดหมายสว นตวั 24.2.4 การใหคําปรกึ ษาหารือเปนรายบุคคล 24.2.5 การใหพ บครูทป่ี รกึ ษาหรอื การประชมุ ผูปกครอง 24.2.6 การใหข อมลู ทางอินเตอรเน็ตผา นเวบ็ ไซคของโรงเรียน ขอ 25 การกําหนดระยะเวลาในการรายงาน ดังน้ี 25.1 ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นกลุม สาระการเรียนรู 8 กลุมสาระ ผลการประเมินการ อา น คิดวิเคราะหแ ละเขียน ผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค ผลการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผเู รยี น จะรายงานหลังจากประเมินผลปลายภาคแลว เสรจ็ ภายใน 15 วัน 25.2 ผลการประเมินคณุ ภาพระดบั เขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา จะรายงานผลหลังจากได รับทราบ ผลภายใน 15 วัน 25.3 ผลการประเมนิ คณุ ภาพระดบั ชาติ จะรายงานผลหลังจากไดร บั ทราบภายใน 15 วนั 25.4 ขอมลู พฒั นาการของนักเรียนประกอบดวย ขอมูลเกีย่ วกับพัฒนาการ ทางดาน รางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และพฤตกิ รรมตาง ๆ จะรายงานใหท ราบพรอมกับการรายงานผลใน ขอ 25.1 หมวด 7 เอกสารหลักฐานการศึกษา หลักสตู รโรงเรยี นนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษา ขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กาํ หนดใหมเี อกสารหลักฐานทางการศึกษา 2 ประเภท คือ เอกสารหลกั ฐาน การศกึ ษาท่ีกระทรวงศกึ ษาธิการกําหนด และเอกสารหลักฐานการศกึ ษาที่สถานศกึ ษากําหนดรายละเอยี ด ดังน้ี ขอ 26 เอกสารหลักฐานการศกึ ษาทีก่ ระทรวงศกึ ษาธิการกําหนดเปน เอกสารควบคมุ และ บงั คับแบบ เรยี กวา แบบประเมินผลตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน (ปพ.) จัดทําขึ้นเพอื่ ตัดสิน รบั รองผลการเรยี นของผูเ รยี นตามหลกั สตู รโรงเรยี นนครสวรรค พทุ ธศกั ราช 2551 ท่ีใชเปนหลกั ฐานสาํ หรบั การตรวจสอบยืนยัน และรับรองคณุ สมบัติทางการศึกษาของผเู รยี นไดต ลอดไป สถานศกึ ษาตองใชแ บบพิมพ และดาํ เนินการจัดทําตามท่กี ระทรวงศึกษาธิการกาํ หนดไวเ ปนมาตรฐานเดยี วกัน ดงั น้ี 26.1 เอกสารหลักฐานการศึกษาควบคุมและบงั คบั แบบมดี งั นี้ 26.1.1 ระเบยี นแสดงผลการเรียน (ปพ.1) เปน หลกั ฐานเพื่อแสดงผลการเรียนและ รบั รองผลการเรียนของผเู รียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอา น คิดวิเคราะหและเขยี น ผลการประเมิน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคข องสถานศกึ ษา และผลการประเมินกิจกรรมพฒั นาผเู รยี นสถานศกึ ษาจะตอง
21 บนั ทึกขอมลู และออกเอกสารนใ้ี หผ เู รยี นเปนรายบคุ คล เม่ือผูเรยี นจบการศกึ ษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน หรอื ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย หรือเมอ่ื ลาออกจากสถานศึกษาในทุกกรณี ระเบียนแสดงผลการเรยี น (ปพ.1) นําไปใชประโยชน ดังน้ี 1) แสดงผลการเรยี นของผเู รียนตามโครงสรางหลกั สตู รของสถานศกึ ษา 2) รบั รองผลการเรยี นของผูเ รียนตามขอมูลท่บี นั ทึกในเอกสาร 3) ตรวจสอบผลการเรยี นและวุฒกิ ารศึกษาของผเู รยี น 4) ใชเ ปน หลกั ฐานการศกึ ษาเพื่อสมคั รเขา ศึกษาตอ สมัครงานหรอื ขอรบั สิทธปิ ระโยชนอน่ื ใดที่พึงมไี ดตามวฒุ กิ ารศึกษาน้นั 26.1.2 แบบรายงานผสู าํ เรจ็ การศกึ ษา (ปพ.3) เปน เอกสารอนมุ ตั กิ ารจบหลักสตู ร โดยบันทึกรายช่อื และขอมูลของผูจบการศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาปที่ 3 หรือชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 6 แบบรายงานผสู ําเรจ็ การศึกษา (ปพ.3) นาํ ไปใชป ระโยชน ดังน้ี 1) ใชต ดั สินและอนุมตั ิผลการเรยี นของผูเรียน 2) แสดงรายชอื่ ผูจบหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐานแตล ะระดับ การศกึ ษาท่ีไดรบั การรบั รองวุฒจิ ากกระทรวงศกึ ษาธิการ 3) ใชส ําหรบั ตรวจสอบ คนหา พสิ จู น ยนื ยันและรบั รองวุฒหิ รือผล การศกึ ษาของผูจ บหลักสตู รการศึกษา 26.2 เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาท่ีสถานศึกษาดําเนินการเอง เอกสารหลกั ฐาน การศกึ ษาทสี่ ถานศึกษากําหนด เปน เอกสารทจี่ ัดทาํ ขึน้ เพื่อบนั ทกึ พัฒนาการผลการเรียนรู และขอมูลสําคญั เกย่ี วกบั ผเู รยี น เชน แบบบนั ทึกผลการเรยี นประจํารายวิชา แบบรายงานประจําตัวนกั เรียน ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียน และเอกสารอื่น ๆ ตามวตั ถปุ ระสงคของการนาํ เอกสารไปใช 26.2.1 แบบรายงานผลการพัฒนาคณุ ภาพผเู รยี นรายบุคคล เปนเอกสารท่ี สถานศกึ ษา จัดทาํ ขนึ้ เพ่ือบนั ทกึ ขอมลู ผลการเรียนรายวิชา และพฒั นาการดานตา ง ๆ ของผูเ รียนแตล ะคน ตามเกณฑก าร ตดั สินผา นระดบั ชน้ั ของหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน รวมทั้งขอมลู ดา นอน่ื ๆ ของ ผเู รยี นทีบ่ า นและสถานศึกษา โดยจดั ทําเปน เอกสารรายบุคคล เพือ่ ใชสาํ หรับสื่อสารใหผ ปู กครองของผเู รียน แตละคนได รบั ทราบผลการเรียนและพฒั นาการดานตา ง ๆ ของผูเรยี นอยางตอเนอ่ื ง แบบรายงานประจําตัวนกั เรยี นนําไปใชป ระโยชน ดังน้ี 1) รายงานผลการเรยี น ความประพฤติ และพฒั นาการของผูเรียนใหผ แู ก ผูป กครองไดร บั ทราบ 2) ใชเปน เอกสารส่ือสาร ประสานงาน เพือ่ ความรวมมือในการพฒั นาและ ปรับปรงุ แกไขผเู รยี น 3) เปนเอกสารสาํ หรบั ตรวจสอบ ยืนยัน และรบั รองผลการเรยี นและ พฒั นาการตา ง ๆ ของ ผูเรยี น 26.2.2 แบบบันทึกผลการเรียนประจํารายวชิ า เปน เอกสารทส่ี ถานศกึ ษาจัดทําขนึ้ เพอ่ื ใหค รผู ูสอนใชบ ันทึกพฒั นาการผลการเรียนรู กจิ กรรมพัฒนาผเู รยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงค และการ อาน คดิ วเิ คราะห และเขียนสําหรับการพิจารณาตัดสนิ ผลการเรียนแตล ะรายวชิ าเปนรายหอ งเรียน เอกสารบนั ทึกผลการเรียนรายวชิ านาํ ไปใชประโยชน ดงั น้ี 1) ใชบ ันทกึ พฒั นาการผลการเรยี นรู คุณลักษณะอนั พึงประสงค การอาน คิด วิเคราะห และเขียน และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผูเรียนของผเู รยี นแตล ะรายวิชา
22 2) ใชเ ปน หลักฐานสําหรบั ตรวจสอบ รายงาน และรับรองขอมลู เกยี่ วกบั พฒั นาการ และผลการเรียนรูของผูเรียน เอกสารบนั ทึกผลการเรยี นรายวชิ านําไปใชประโยชน ดงั น้ี 1) ใชบ ันทึกพฒั นาการผลการเรยี นรู คุณลกั ษณะอันพึงประสงค การอาน คิด วิเคราะห และเขียน และผลการประเมินกจิ กรรมพฒั นาผเู รียนของผเู รียนแตละรายวิชา 2) ใชเ ปนหลกั ฐานสําหรบั ตรวจสอบ รายงาน และรับรองขอมูลเก่ียวกับ พัฒนาการ และผลการเรียนรูของผเู รยี น 26.2.3 ระเบยี นสะสม เปน เอกสารท่สี ถานศึกษาจัดทําขึ้น เพ่ือบนั ทึกขอมูล เกี่ยวกบั พฒั นาการของผูเรยี นในดา นตางๆ เปน รายบุคคล โดยจะบันทึกขอมูลของผูเ รียนอยางตอเนอื่ ง ระเบยี นสะสมนําไปใชประโยชน ดังน้ี 1) ใชเ ปน ขอมูลในการแนะแนวทางการศึกษาและการประกอบอาชีพของ ผเู รยี น 2) ใชเปน ขอ มลู ในการพัฒนาปรบั ปรงุ บคุ ลกิ ภาพ ผลการเรียน และการ ปรบั ตัว ของผูเรียน 3) ใชติดตอ ส่ือสาร รายงานพัฒนาคณุ ภาพของผเู รยี นระหวา งสถานศึกษา กับ ผูปกครอง 4) ใชเ ปนหลักฐานสาํ หรบั ตรวจสอบ รบั รอง และยนื ยันคณุ สมบัตขิ อง ผเู รียน 26.2.4 ใบรบั รองผลการเรยี น เปน เอกสารท่ีสถานศึกษาจัดทาํ ขึ้นเพื่อใชเ ปน เอกสารสาํ หรับรบั รองความเปน นกั เรยี นของผเู รยี นเปน การชั่วคราวตามท่ผี เู รียนรอ งขอทง้ั กรณีท่ผี ูเ รียนกําลัง ศกึ ษาอยใู นสถานศึกษาและเมือ่ จบการศกึ ษาไปแลว ใบรบั รองผลการเรยี น นาํ ไปใชป ระโยชน ดังน้ี 1) รบั รองความเปน นักเรยี นของสถานศกึ ษาทเี่ รียนหรือทเ่ี คยเรยี น 2) รับรองและแสดงความรู วุฒิการศกึ ษาของผูเรียน 3) ใชเ ปนหลกั ฐานแสดงคณุ สมบตั ขิ องผเู รยี นในการสมัครเขา ศกึ ษาตอ สมัครเขา ทํางาน หรือมกี รณอี ื่นใดทผ่ี เู รยี นแสดงคุณสมบัติเกี่ยวกับวฒุ ิ ความรูหรือสถานการณเ ปนผูเ รยี น ของตน 4) เปน หลกั ฐานสาํ หรับตรวจสอบ รบั รอง ยนื ยนั การใชส ทิ ธคิ์ วามเปน ผูเรยี น หรอื การไดร บั การรบั รองจากสถานศึกษา 26.2.5 แบบบนั ทึกผลการประเมนิ มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู/ จุดประสงคการเรียนรู เปน เอกสารทส่ี ถานศึกษาจัดทาํ ขึ้นเพ่อื ใชเปน เอกสารหลักฐานสําหรบั แสดงผลการเรียน ตามมาตรฐานการเรยี นรู/ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู โดยแสดงผลการประเมินมาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชีว้ ดั /ผลการ เรยี นรู ท่ผี เู รยี นไดร ับการประเมินไปแลว ในระดับชั้นท่ผี เู รียนกําลังศกึ ษาอยู สถานศึกษาจะออกเอกสาร หลักฐานแบบบนั ทึกผลการ ประเมนิ มาตรฐานการเรียนรู/ตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู เมอื่ ผูเรียนยายทเ่ี รียนไปยัง สถานศึกษาอืน่ ในขณะทีย่ ังไมไดรบั การประเมนิ ผลปลายภาคของปก ารศกึ ษาน้ัน
23 หมวด 8 การยายสถานศกึ ษา ขอ 27 ผเู รียนคนใดจําเปนตองยา ยที่เรยี น โรงเรยี นจัดทาํ เอกสารหลกั ฐานการเรยี นของ ผูเรยี นไปใหโ รงเรียนใหม ดังน้ี คือ 27.1 ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) 27.2 แบบรายงานผลการพัฒนาคณุ ภาพผูเรียนรายบุคคล 27.3 ระเบยี นสะสม 27.4 แบบบันทึกผลการประเมินมาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชี้วัด/ผลการเรียนร/ู จดุ ประสงคการเรยี นรู 27.5 หนังสอื สงตวั จากสถานศกึ ษาเดิม ประกาศ ณ วนั ที่ 7 เดอื น ธันวาคม พ.ศ. 2563 (นางสาวจงกล เดชปน) ผูอาํ นวยการโรงเรยี นนครสวรรค
24 บรรณานกุ รม
25 บรรณานกุ รม สํานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ; (2551). เอกสารประกอบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 แนวปฏบิ ตั ิการวดั และประเมินผลการเรยี นร.ู กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพองคก ารรบั สง สินคา และพสั ดุภณั ฑ (ร.ส.พ). . (2550) แนวทางการจดั ทาํ เอกสารหลักฐานการศกึ ษา ปพ.1 ปพ.2 และ ปพ.3 ตามหลกั สูตรการศกึ ษาขืนพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2544. กรงุ เทพมหานคร โรงพิมพครุ ุสภาลาดพราว.
26 ภาคผนวก ก - กระบวนการตัดสินและแกไขผลการเรียนระดับมธั ยมศกึ ษา - วธิ กี ารวัดและประเมินผล โรงเรยี นนครสวรรค
27 ได “0” ได “1” แก “ร” ได “1-4” แกต วั ไดอกี 1 คร้งั ได “ร” สอนซอ มเสรมิ /สอบแกต ัว ไมแ ก “ร” ได “0” ได “1” ไมเขาวัดผลกลางภาค/ไมเขา ภายใน วดั ผลปลายภาค/สง งานไมครบ 1 ได “0” ได “1” ภาคเรียน สอนซอมเสรมิ /สอบแกตวั ย่นื คํารองแก “0” วดั ผลปลายภาคเปนกรณพี เิ ศษ ได “0” ได “1-4” เรยี นซา้ํ เพิ่มเติม เวลาเรียนครบ ตดั สนิ ผล 60% < เวลาเรียน < 80% เวลาเรียน < 60% การเรยี น ได “มส” วดั ผล อนญุ าต ไมอนญุ าต ปลายภาค ดุลยพินิจ ไมแ ก เรยี น “มส” มีเวลาเรยี น ภายใน มเี วลาเรียนต้งั แต ไมถ งึ 80% ภาคเรียน 80% น้นั หมายเหตุ วัดผล - คะแนนกลางภาคเรียนผาน 60% ระหวา งภาค - คะแนนกอ นกลางภาค+คะแนนหลงั กลางภาคผา น 70% เรยี นซา้ํ เรียน เรียนซํา้ แผนผัง แสดงกระบวนการตดั สนิ และแกไขผลการเรียนโรงเรยี นนครสวรรค
28 วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล โรงเรยี นนครสวรรค ตามระเบยี บการวดั และประเมินผลโรงเรยี นนครสวรรค พุทธศักราช 2564 ประเดน็ ที่ 1 เกณฑผ า นในการวดั และประเมินผลและจํานวนครัง้ ในการสอบซอ ม (คณิต/วิทย/ไทย/ภาษาตา งประเทศ/สงั คมฯ 70 : 30 การงาน/สุขศกึ ษา/ศลิ ปะ 80 : 20 ) F1 ขอตกลงรวมกัน : Midterm F2 Final นกั เรียนมสี ทิ ธิ์สอบซอม เพื่อไดค ะแนนผา นเกณฑ เกณฑผ า น 70% เกณฑผ า น 60% เกณฑผ าน 70% แตถา ซอมไมผ านหรือเลย กาํ หนดเวลาใหใชค ะแนน ซอมไดไมเกนิ 3 คร้ัง ซอ มได 2 คร้ัง ซอ มไดไ มเกนิ 3 ครั้ง ครัง้ ท่ดี ีท่สี ดุ หมายเหตุ ขาดสอบกลางภาค/ปลายภาค โดยไมม เี หตอุ ันควร อนญุ าตใหส อบตามชว งเวลาท่กี ลุมบริหารวิชาการกาํ หนด ประเดน็ ที่ 2 การตดิ “0” และการแก “0” ตดิ “0”รายวชิ าพ้ืนฐาน ขน้ั ตอนการซอม “0” ขั้นตอน การเรียนซ้าํ รายวิชา และรายวชิ าเพ่มิ เตมิ 1) ลงทะเบยี นเรยี นซา้ํ ทีง่ านวดั ผล 1) ติดตองานวดั ผล ลงทะเบียน 2) รับแบบบนั ทึกเวลาเรยี น ไมสามารถจบการศกึ ษาได 3) เรยี นซอ มเสรมิ นอกเวลาโดยนบั ชงั่ โมงตาม การซอ ม “0” ซอมได 2 ครง้ั แกผลการเรยี น “0” หนวยกิต 2) ติดตอครูผูสอนเพื่อเรยี นซอ มเสรมิ 4) ทํางานตามที่ครมู อบหมาย 5) สง งานตามกาํ หนดเวลา ประกาศผลการเรียน และรับงานมาซอม 3) สงงานตามกําหนด ครูประเมินงาน จํานวนหนว ยกติ จาํ นวนช่ัวโมงทีเ่ รยี นซอ มเสริม 0.5 ถาผาน ไดเ กรด 1 1.0 6 ชว่ั โมง ถา ไมผ าน ซอม “0” คร้ังที่ 2 1.5 12 ช่วั โมง 4) กรณซี อ มครัง้ ท่ี 2 ไมผ า น ให 18 ช่ัวโมง ลงทะเบยี นเรียนซํ้ารายวชิ าน้ันๆ ประเด็นที่ 3 การตดิ “มส” และการแก “มส” “มส” คือ มีเวลาเรียนไมถึง 80% จาํ นวนคาบท่ขี าดเรยี นทที่ ําใหตดิ “มส” ขอ ตกลงรวมกัน : แตไ มนอยกวา 60% 1) เตอื นนักเรยี น 3 ครงั้ คือ ขาดสอบ จาํ นวน จํานวน ขาด เกิน 20% นกั เรยี นไมมีสทิ ธเิ์ ขา สอบปลาย หนว ยกิต คาบเรียน 20% ตดิ “มส” 10%,15%,20% ภาคจนกวา จะซอ มเวลาเรยี นครบ 0.5 20 คาบ 4 คาบ 5 คาบ 2) การนบั เวลาเรียนและไมน บั เวลาเรยี น หลงั ซอ มเวลาและไดส ทิ ธ์สิ อบแลว 1.0 40 คาบ 8 คาบ 9 คาบ กิจกรรมท่ีโรงเรยี นเปน ผจู ดั หรือสงเขารวม จะมีสทิ ธไ์ิ ดผลการเรยี นไมเ กนิ 1 1.5 60 คาบ 12 คาบ 13 คาบ 2.0 80 คาบ 16 คาบ 17 คาบ ใหนับเวลาเรยี น มเี วลาเรยี นไมถึง 60% ของวชิ า ลากิจ/ขาดเรียนไปรวมกจิ กรรมอ่นื ๆ ดว ย ใหลงเรียนซา้ํ รายวชิ า ตวั เองไมน ับเวลาเรยี น เวนแตจะไดร บั การ ประเดน็ ที่ 4 การติด “ร” และการแก “มผ” พิจารณาโดยหัวหนาสถานศึกษา ลาไปเรยี นซอม นศท. ไมน ับเวลาเรยี น การตดิ “ร” คือ รอการตดั สนิ ผลการเรยี น เน่ืองจากผูเรยี นไมมขี อ มลู ผลการ การตดิ “มผ” เรยี นรายวชิ านัน้ ครบถวน เชน ไมไ ดว ัดผลระหวางภาคเรยี น/ปลายภาคเรยี น การตดิ “มผ” ไมจบชวงช้ัน (ม.3/ม.6) ไมไ ดสง งานทมี่ อบหมายใหท าํ เพราะมเี หตสุ ุดวสิ ยั (พจิ ารณาเหตสุ ดุ วสิ ยั โดย วิชาท่ีประเมนิ คือ การประเมินอา น คดิ หัวหนาสถานศกึ ษา เชน เกิดอุบตั เิ หตุ หรอื เจ็บปว ยรา ยแรง) เมื่อนักเรียน ดําเนินการสอบหรือสง งานที่คา งใหเ รียบรอ ย จะไดผ ลการเรยี น 0-4 ถา ผูเรยี นไม วเิ คราะหแ ละเขียน/การประเมินลกั ษณะอันพงึ ดําเนนิ การแกไ ข “ร” กรณไี มส ง งานไมค รบ แตมผี ลการประเมิน ระหวา งภาค เรียนและปลายภาค ใหผูสอนนาํ ขอ มลู หรอื คะแนนทม่ี ีอยูต ดั สนิ ผลการเรยี นไดเ ลย ประสงค ประเมินสมรรถนะ/กิจการพฒั นา ยกเวน มีเหตุสดุ วสิ ัย ใหอยใู นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษา ผูเรยี น
29 ภาคผนวก ข ประกาศโรงเรียนนครสวรรค เรือ่ งเกณฑการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู
30 ประกาศโรงเรยี นนครสวรรค เร่ือง เกณฑการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู ดว ยโรงเรียนนครสวรรค เปน โรงเรยี นของรัฐบาลทรี่ ับนักเรียนในระดบั มัธยมศึกษาและมี อัตราการแขง ขันสงู มเี กณฑก ารรบั สมคั รแยกจากเกณฑการรับนกั เรยี นของโรงเรียนมธั ยมศกึ ษาอ่ืนๆ เปน โรงเรียนทส่ี งเสรมิ ผเู รียนท่มี ีความสามารถดานตา ง ๆ และโรงเรยี นจดั หองเรยี นพิเศษ จํานวน 5 โครงการ ไดแก หองเรียนดาวรงุ มุงโอลิมปก หองเรยี นพิเศษวทิ ยาศาสตร คณติ ศาสตร เทคโนโลยีและสิ่งแวดลอ ม หอ งเรียนสง เสริมผูมีความสามารถพเิ ศษทางวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี (พสวท. สมทบ) และหอ งเรยี นพิเศษ โครงการพัฒนาประเทศไทยเปน ศูนยกลางการศึกษาในภมู ิภาค (Education Hub) หรอื หองเรยี นพหุภาษา (MP: Multilingual Program) เพ่ือพฒั นาการเรียนรู การวดั และประเมนิ ผลเพ่ือพัฒนาการเรยี นร(ู Formative Assessment) ท่ีเกิดข้นึ ในหองเรียนทุกวนั เปน การประเมนิ เพอ่ื ใหร จู ดุ เดน จุดทต่ี องปรับปรุงและพฒั นา ให ขอ มลู ยอนกลับแกผ ูเรยี นในลักษณะคาํ แนะนําท่เี ชือ่ มโยงความรูเดมิ กับความรใู หมทาํ ใหการเรียนรพู อกพนู แกไ ขความคดิ ความเขา ใจเดมิ ท่ไี มถกู ตอง ตลอดจนการใหผูเรยี นสามารถตงั้ เปา หมายและพฒั นาตนได คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู รและงานวชิ าการโรงเรยี นนครสวรรค จึงไดก ําหนดคะแนน เปาหมาย/เกณฑการวัดและประเมินผลการเรยี นรูในแตละรายวิชา ในกลุม สาระการเรียนรดู ังน้ี ท่ี กลุมสาระการเรียนรู คะแนนการวดั และประเมินผล (K : A : P) สดั สว นคะแนน ผลการเรยี นระดบั 3-4 (K : Knowledge, A : Attitude, P : Process) ระหวา งเรยี น : ปลายภาค (จาํ นวนรอ ยละไมน อ ยกวา) 1 การงานอาชพี 40 : 10 : 50 80 : 20 80 2 คณิตศาสตร 60 : 10 : 30 70 : 30 70 3 วทิ ยาศาสตร 65 : 05 : 30 70 : 30 70 4 ภาษาตางประเทศ 70 : 10 : 20 70 : 30 70 5 ภาษาไทย 60 : 20 : 20 70 : 30 70 6 ศิลปะ 20 : 20 : 60 80 : 20 80 7 สังคมศึกษา ศาสนาและ 60 : 20 : 20 70 : 30 70 วฒั นธรรม 8 สขุ ศึกษาและพละศกึ ษา 20 : 20 : 60 80 : 20 80 ทงั้ นต้ี ั้งแต ตง้ั แตว นั ท่ี 16 พฤษภาคม 2564 เปน ตนไป ประกาศ ณ วนั ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2563 (นางสาวจงกล เดชปน ) ผูอ าํ นวยการโรงเรยี นนครสวรรค
ภาคผนวก ค การประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
การประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ตามหลกั สตู รโรงเรียนนครสวรรค์ พุทธศักราช ๒๕61 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ทั้ง ๘ ประการ ได้แก่ ๑) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒) ซ่อื สัตย์สจุ ริต ๓) มวี ินยั ๔) ใฝเ่ รียนรู้ ๕) อยู่อย่างพอเพียง ๖) มุ่งม่นั ในการทางาน ๗) รกั ความเป็นไทย ๘) มีจติ สาธารณะ การนาคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ท้งั ๘ ประการดงั กล่าว ไปพฒั นาผ้เู รยี นใหม้ ีประสทิ ธิภาพและเกิด ประสิทธิผลนนั้ สถานศกึ ษาตอ้ งมีความเขา้ ใจเก่ียวกับคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์อยา่ งชัดเจน โดยพิจารณาจาก นยิ าม ตัวชวี้ ดั พฤตกิ รรมบ่งช้ี และเกณฑก์ ารให้คะแนนของคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ซงึ่ มีรายละเอยี ดดงั นี้ ขอ้ ที่ ๑ รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ นยิ าม รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ หมายถึง คุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติ ธารงไว้ซึง่ ความ เปน็ ชาตไิ ทย ศรทั ธา ยึดมั่นในศาสนา และเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ผ้ทู ่รี ักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ คือ ผทู้ มี่ ลี ักษณะซง่ึ แสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดขี องชาติ มคี วามสามัคคี ปรองดอง ภมู ใิ จ เชิดชคู วามเป็นชาตไิ ทย ปฏิบตั ิตนตามหลักศาสนาที่ตนนับถือ และแสดงความจงรกั ภักดีตอ่ สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ ตัวช้ีวดั ๑.๑ เปน็ พลเมอื งดีของชาติ ๑.๒ ธารงไวซ้ ึ่งความเป็นชาติไทย ๑.๓ ศรัทธา ยึดมั่น และปฏิบัตติ นตามหลกั ศาสนา ๑.๔ เคารพเทิดทนู สถาบนั พระมหากษตั ริย์ ตัวชว้ี ัด พฤติกรรมบ่งช้ี ๑.๑ เป็นพลเมืองดขี องชาติ ๑.๑.๑ ยนื ตรงเคารพธงชาติ รอ้ งเพลงชาติ และอธบิ ายความหมายของ เพลงชาติได้ถกู ต้อง ๑.๑.๒ ปฏบิ ตั ิตนตามสิทธแิ ละหน้าท่ีพลเมอื งดขี องชาติ ๑.๑.๓ มีความสามัคคปี รองดอง ๑.๒ ธารงไว้ซ่ึงความเป็นชาติไทย ๑.๒.๑ เขา้ รว่ มส่งเสริมสนบั สนุนกิจกรรมท่สี ร้างความสามัคคี ปรองดองทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อโรงเรียนชุมชน และสงั คม ๑.๒.๒ หวงแหน ปกป้อง ยกย่องความเป็นชาติไทย ๑.๓ ศรัทธา ยึดมั่น และปฏบิ ตั ิ ๑.๓.๑ เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาทีต่ นนับถือ ตนตามหลักของศาสนา ๑.๓.๒ ปฏิบัตติ นตามหลกั ของศาสนาที่ตนนบั ถือ ๑.๓.๓ เปน็ แบบอยา่ งท่ีดีของศาสนกิ ชน
ตวั ชีว้ ดั พฤติกรรมบง่ ชี้ ๑.๔ เคารพเทิดทนู สถาบนั ๑.๔.๑ เขา้ ร่วมและมีส่วนร่วมในการจัดกจิ กรรมที่เกีย่ วกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ พระมหากษัตริย์ ๑.๔.๒ แสดงความสานกึ ในพระมหากรุณาธคิ ณุ ของพระมหากษตั รยิ ์ ๑.๔.๓ แสดงออกซ่ึงความจงรักภกั ดีตอ่ สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตวั ช้ีวดั ที่ ๑.๑ เป็นพลเมืองดีของชาติ พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไมผ่ ่าน (๐) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดีเยยี่ ม (๓) ๑.๑.๑ ยนื ตรงเคารพ ไมย่ นื ตรงเคารพธง ยืนตรงเม่อื ได้ยนิ ยนื ตรงเมื่อไดย้ ิน ยนื ตรงเม่ือได้ยนิ เพลงชาตริ ้องเพลง ธงชาติ ร้องเพลงชาติ ชาติ เพลงชาติ ร้องเพลง เพลงชาติ ร้องเพลง ชาติ และอธบิ าย ความหมายของ และอธบิ าย ชาติ และอธบิ าย ชาติ และอธบิ าย เพลงชาติได้ถกู ต้อง ปฏิบัตติ นตาม ความหมายของ ความหมายของ ความหมายของ สิทธิและหน้าท่ีของ พลเมอื งดแี ละให้ เพลงชาตไิ ด้ถูกต้อง เพลงชาติ เพลงชาติได้ถูกต้อง ความร่วมมอื ร่วมใจ ในการทากิจกรรม ๑.๑.๒ ปฏิบตั ติ นตาม ได้ถูกต้อง ปฏบิ ตั ติ น ปฏิบัตติ นตามสิทธิ กับสมาชิก ในโรงเรียนและ สทิ ธแิ ละหน้าที่ ตามสทิ ธแิ ละหนา้ ที่ และหนา้ ท่ขี อง ชุมชน พลเมืองดขี องชาติ ของนักเรยี นและให้ นกั เรยี นและให้ ๑.๑.๓ มีความสามัคคี ความรว่ มมือร่วมใจ ความร่วมมือร่วมใจ ปรองดอง ในการทากจิ กรรม ในการทากจิ กรรม กับสมาชิกในช้นั กับสมาชิก เรียน ในโรงเรยี น ตัวชี้วัดท่ี ๑.๒ ธารงไว้ซึง่ ความเป็นชาติไทย พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไม่ผา่ น (๐) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดเี ยีย่ ม (๓) ๑.๒.๑ เข้าร่วม ไมเ่ ข้ารว่ มกจิ กรรมท่ี เข้าร่วมกจิ กรรมท่ี เขา้ ร่วมกิจกรรมและ เขา้ รว่ มกิจกรรมและ ส่งเสริมสนบั สนนุ สรา้ งความสามัคคี สรา้ งความสามคั คี มสี ่วนรว่ มในการจดั มีส่วนร่วมในการจัด กิจกรรมที่สรา้ ง ปรองดองและเป็น กจิ กรรมที่สร้าง กิจกรรมท่สี ร้าง ความสามัคคี ประโยชนต์ อ่ ความสามัคคี ความสามคั คี ปรองดองทเ่ี ปน็ โรงเรียนและชมุ ชน ปรองดอง และเปน็ ปรองดอง และเป็น ประโยชนต์ ่อ ประโยชน์ตอ่ ประโยชนต์ ่อ โรงเรียน โรงเรยี นและชมุ ชน โรงเรยี นชมุ ชน และ ชุมชน และสงั คม สงั คม ช่ืนชมใน ๑.๒.๒ หวงแหน ความเปน็ ชาตไิ ทย ปกป้องยกย่องความ เปน็ ชาตไิ ทย
ตัวชีว้ ัดท่ี ๑.๓ ศรทั ธา ยดึ มั่น และปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ของศาสนา พฤติกรรมบ่งช้ี ไม่ผ่าน (๐) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดีเยย่ี ม (๓) ๑.๓.๑ เขา้ ร่วม ไม่เข้าร่วมกจิ กรรม เข้าร่วมกิจกรรมทาง เข้าร่วมกจิ กรรมทาง เข้าร่วมกิจกรรมทาง กิจกรรมทางศาสนา ทางศาสนาที่ตนนับ ศาสนาที่ตนนบั ถือ ศาสนาทีต่ นนับถือ ศาสนาทต่ี นนบั ถือ ท่ีตนนบั ถือ ถือ และปฏบิ ตั ิตนตาม และปฏบิ ัติตนตาม และปฏิบตั ิตนตาม ๑.๓.๒ ปฏิบัติตน หลกั ของศาสนาตาม หลกั ของศาสนา หลักของศาสนา ตามหลกั ของศาสนา โอกาส อยา่ งสม่าเสมอ อย่างสม่าเสมอและ ที่ตนนบั ถือ เป็นแบบอยา่ งทีด่ ี ๑.๓.๓ เป็น ของศาสนิกชน แบบอย่างทด่ี ีของ ศาสนกิ ชน ตวั ช้ีวดั ท่ี ๑.๔ เคารพเทดิ ทนู สถาบันพระมหากษัตริย์ พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไม่ผ่าน (๐) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดเี ยยี่ ม (๓) ๑.๔.๑ เขา้ ร่วมและมี ไมเ่ ข้ารว่ ม เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ี เขา้ รว่ มกิจกรรมและ เขา้ ร่วมกจิ กรรมและ สว่ นรว่ มในการจดั กิจกรรม เก่ียวกับสถาบนั มีสว่ นรว่ มในการจดั มสี ว่ นรว่ มในการจัด กิจกรรมทเ่ี กยี่ วกับ ที่เกย่ี วกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ กิจกรรมท่ีเกย่ี วกบั กิจกรรมทเ่ี ก่ยี วกบั สถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ ตามท่โี รงเรยี นและ สถาบัน สถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ ชมุ ชนจัดขึ้น พระมหากษัตริย์ พระมหากษัตรยิ ์ ๑.๔.๒ แสดงความ ตามท่ีโรงเรียนและ ตามที่โรงเรียนและ สานึกในพระมหา ชมุ ชนจดั ข้ึน ชมุ ชนจดั ข้ึนชน่ื ชม กรุณาธิคุณของ ในพระราชกรณยี กจิ พระมหากษัตรยิ ์ พระปรชี าสามารถ ๑.๔.๓ แสดงออกซึ่ง ของพระมหากษตั ริย์ ความจงรักภักดตี ่อ และพระราชวงศ์ สถาบัน พระมหากษัตริย์
เกณฑ์พจิ ารณาสรุปผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคข์ อ้ ท่ี ๑ รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ระดบั เกณฑ์การพจิ ารณา ดีเย่ียม (๓) ๑. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดีเย่ียม ทุกตัวชวี้ ดั หรอื ดี (๒) ๒. ได้ผลการประเมนิ ระดับดีเย่ียม ต้ังแต่ ๒ ตัวขึ้นไป ผ่าน (๑) และไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดี อย่างน้อย ๑ ตัวชีว้ ัด ไม่ผ่าน (๐) ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี ทกุ ตวั ช้ีวดั หรอื ๒. ไดผ้ ลการประเมินไมต่ ่ากวา่ ดี จานวน ๓ ตัวชวี้ ัด และตวั ช้ีวดั ท่เี หลอื ไดผ้ ลการประเมินระดบั ผ่าน ๑ ตวั ช้วี ดั ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดับผ่าน ทกุ ตัวชว้ี ัด หรอื ๒. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ผา่ น จานวน ๒ ตวั ช้วี ดั และ ไม่มีผลการประเมินตัวชวี้ ัดใดตา่ กวา่ ระดบั ผา่ น มผี ลการประเมินตัวชี้วดั ขอ้ ใดขอ้ หนง่ึ ไดร้ ะดับไม่ผ่าน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ตวั ชีว้ ัดที่ ๑.๑ เปน็ พลเมอื งดีของชาติ พฤติกรรมบ่งชี้ ไมผ่ า่ น (๐) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดีเยีย่ ม (๓) ๑.๑.๑ ยนื ตรง ไมย่ นื ตรงเคารพธง ยืนตรงเม่ือไดย้ ิน ยนื ตรงเม่ือได้ยิน ยืนตรงเมื่อไดย้ ิน เพลงชาตริ ้องเพลง เคารพธงชาติ รอ้ ง ชาติ เพลงชาติ รอ้ งเพลง เพลงชาติ รอ้ งเพลง ชาติ และอธิบาย ความหมายของ เพลงชาตแิ ละ ชาติ และอธิบาย ชาติ และอธบิ าย เพลงชาตไิ ด้ถกู ต้อง ปฏิบตั ิตนตาม อธิบายความหมาย ความหมายของ ความหมายของ สทิ ธิและหนา้ ทีข่ อง พลเมืองดีและให้ ของเพลงชาติได้ เพลงชาติได้ถกู ต้อง เพลงชาตไิ ด้ถกู ต้อง ความร่วมมอื ร่วมใจ ในการทากจิ กรรม ถูกต้อง ปฏบิ ตั ติ นตามสิทธิ ปฏิบัตติ นตามสิทธิ กับสมาชกิ ใน โรงเรยี น ชมุ ชน และ ๑.๑.๒ ปฏิบัติตน และหนา้ ทข่ี อง และหน้าทข่ี อง สงั คม ตามสิทธิและหน้าที่ นักเรียนและให้ นักเรยี นและให้ พลเมอื งดขี องชาติ ความร่วมมอื รว่ มใจ ความร่วมมอื ร่วมใจ ๑.๑.๓ มคี วาม ในการทากจิ กรรม ในการทากิจกรรม สามคั คปี รองดอง กบั สมาชกิ ใน กบั สมาชิก โรงเรียน ในโรงเรยี นและ ชมุ ชน
ตวั ชีว้ ัดท่ี ๑.๒ ธารงไว้ซึ่งความเป็นชาตไิ ทย พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไมผ่ ่าน (๐) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดเี ยยี่ ม (๓) ๑.๒.๑ เข้ารว่ ม ไมเ่ ขา้ รว่ มกจิ กรรมท่ี เข้าร่วมกจิ กรรมและ เข้ารว่ มกจิ กรรมและ เป็นผนู้ าหรอื เปน็ สง่ เสรมิ สนับสนุน สร้างความสามัคคี มีส่วนร่วมในการจดั มีส่วนรว่ มในการจดั แบบอยา่ งในการจดั กิจกรรมทสี่ รา้ ง กจิ กรรมที่สร้าง กจิ กรรมทสี่ ร้าง กิจกรรมทส่ี ร้าง ความสามคั คี ความสามัคคี ความสามคั คี ความสามัคคี ปรองดองที่เปน็ ปรองดอง และเป็น ปรองดอง และเปน็ ปรองดอง และเป็น ประโยชนต์ ่อ ประโยชนต์ ่อ ประโยชนต์ อ่ ประโยชน์ต่อ โรงเรียน ชุมชน และ โรงเรยี นและชุมชน โรงเรยี น ชุมชน และ โรงเรียน ชุมชน และ สงั คม สังคม ชนื่ ชมใน สงั คม ปกป้อง ใน ๑.๒.๒ หวงแหน ความเป็นชาตไิ ทย ความเป็นชาตไิ ทย ปกปอ้ งยกยอ่ งความ เป็นชาติไทย ตวั ชีว้ ดั ที่ ๑.๓ ศรทั ธา ยึดมั่น และปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไมผ่ า่ น (๐) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดเี ยยี่ ม (๓) ๑.๓.๑ เขา้ ร่วม ไมเ่ ขา้ ร่วมกจิ กรรม เขา้ รว่ มกจิ กรรมทาง เขา้ รว่ มกจิ กรรมทาง เขา้ ร่วมกจิ กรรมทาง กิจกรรมทางศาสนา ทางศาสนาที่ตนนบั ศาสนาท่ตี นนับถือ ศาสนาทีต่ นนับถือ ศาสนาท่ีตนนบั ถือ ท่ีตนนบั ถือ ถอื และปฏิบัติตนตาม และปฏบิ ัตติ นตาม และปฏบิ ัตติ นตาม ๑.๓.๒ ปฏบิ ตั ิตน หลกั ของศาสนาตาม หลกั ของศาสนา หลักของศาสนา ตามหลกั ของศาสนา โอกาส อย่างสม่าเสมอ อยา่ งสมา่ เสมอและ ทีต่ นนบั ถือ เป็นแบบอยา่ งที่ดี ๑.๓.๓ เปน็ แบบอยา่ ง ของศาสนิกชน ทด่ี ขี องศาสนิกชน ตัวช้วี ดั ท่ี ๑.๔ เคารพเทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ พฤตกิ รรมบ่งชี้ ไมผ่ า่ น (๐) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดีเยี่ยม (๓) ๑.๔.๑ เข้ารว่ มและมี ไมเ่ ขา้ ร่วม เขา้ ร่วมกิจกรรมท่ี เขา้ รว่ มกิจกรรมและ เขา้ ร่วมกิจกรรมและ สว่ นร่วมในการจดั กิจกรรมท่ีเกย่ี วกับ เก่ยี วกบั สถาบนั มีสว่ นร่วมในการจัด มีส่วนรว่ มในการจัด กจิ กรรมทเ่ี ก่ยี วกับ สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ กจิ กรรมท่เี กย่ี วกบั กิจกรรมทีเ่ ก่ยี วกบั สถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ ตามท่ีโรงเรียนและ สถาบัน สถาบนั พระมหากษัตริย์ ชุมชนจัดขึ้น พระมหากษัตรยิ ์ พระมหากษัตริย์ ๑.๔.๒ แสดงความ ตามที่โรงเรยี นและ ตามที่โรงเรียนและ สานึกในพระมหา ชมุ ชนจดั ขึ้น ชมุ ชนจดั ข้นึ ชนื่ ชม กรณุ าธิคุณของ ในพระราชกรณียกจิ พระมหากษัตรยิ ์ พระปรีชาสามารถ ๑.๔.๓ แสดงออกซ่ึง ของพระมหากษัตรยิ ์ ความจงรักภกั ดีต่อ และพระราชวงศ์ สถาบนั พระมหากษัตริย์
เกณฑ์พจิ ารณาสรปุ ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ข้อท่ี ๑ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ระดับ เกณฑ์การพจิ ารณา ดีเย่ยี ม (๓) ๑. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดีเยย่ี ม ทุกตวั ชี้วดั หรือ ดี (๒) ๒. ได้ผลการประเมินระดบั ดีเยีย่ ม ต้งั แต่ ๒ ตวั ขนึ้ ไป ผ่าน (๑) และไดผ้ ลการประเมินระดับดี อยา่ งน้อย ๑ ตัวชวี้ ัด ไม่ผา่ น (๐) ๑. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดี ทกุ ตัวชว้ี ดั หรือ ๒. ไดผ้ ลการประเมินไมต่ ่ากวา่ ดี จานวน ๓ ตัวชี้วัด และตวั ช้วี ดั ท่เี หลือไดผ้ ลการประเมินระดับผ่าน ๑ ตวั ช้ีวดั ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดับผ่าน ทุกตวั ช้วี ดั หรอื ๒. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ผา่ น จานวน ๒ ตวั ชี้วดั และ ไม่มผี ลการประเมนิ ตัวช้ีวัดใดต่ากวา่ ระดับผ่าน มผี ลการประเมินตัวช้ีวดั ข้อใดขอ้ หนง่ึ ได้ระดับไม่ผา่ น ขอ้ ที่ ๒ ซอื่ สตั ย์สจุ ริต นิยาม ซ่ือสตั ยส์ ุจรติ หมายถึง คณุ ลักษณะทแ่ี สดงออกถึงการยึดม่ันในความถูกต้อง ประพฤติ ตรงตามความเปน็ จริงตอ่ ตนเองและผอู้ ่นื ท้งั ทางกาย วาจา ใจ ผ้ทู ่ีมีความซื่อสตั ย์สุจริต คอื ผทู้ ีป่ ระพฤตติ รงตามความเป็นจรงิ ทง้ั ทางกาย วาจา ใจ และยดึ หลักความ จริงความถูกต้องในการดาเนินชวี ิต มีความละอายและเกรงกลวั ตอ่ การกระทาผดิ ตวั ชว้ี ดั ๒.๑ ประพฤตติ รงตามความเป็นจริงตอ่ ตนเองท้ังทางกาย วาจา ใจ ๒.๒ ประพฤตติ รงตามความเปน็ จริงต่อผู้อ่นื ท้ังทางกาย วาจา ใจ ตวั ชี้วัด พฤติกรรมบ่งช้ี ๒.๑ ประพฤตติ รงตามความเปน็ จรงิ ต่อตนเองทัง้ ทางกาย วาจา ๒.๑.๑ ให้ขอ้ มลู ท่ีถูกต้องและเป็นจริง ใจ ๒.๑.๒ ปฏิบัติตนโดยคานงึ ถึงความถกู ต้อง ละอายและเกรงกลวั ตอ่ การกระทาผดิ ๒.๒ ประพฤติตรงตามความเป็น ๒.๑.๓ ปฏิบัตติ ามคามน่ั สัญญา จรงิ ตอ่ ผอู้ ื่นทงั้ ทางกาย วาจา ใจ ๒.๒.๑ ไมถ่ อื เอาส่ิงของหรือผลงานของผู้อ่ืนมาเป็นของตนเอง ๒.๒.๒ ปฏบิ ตั ติ นต่อผอู้ ืน่ ด้วยความซ่ือตรง ๒.๒.๓ ไม่หาประโยชนใ์ นทางท่ีไม่ถูกต้อง
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตัวชว้ี ดั ที่ ๒.๑ ประพฤตติ รงตามความเปน็ จริงต่อตนเองทง้ั ทางกาย วาจา ใจ พฤตกิ รรมบ่งชี้ ไมผ่ ่าน (๐) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดเี ยยี่ ม (๓) ๒.๑.๑ ใหข้ อ้ มลู ที่ ไม่ใหข้ ้อมูลท่ีถูกต้อง ใหข้ อ้ มูลท่ถี ูกต้อง ให้ขอ้ มูลที่ถูกตอ้ ง ใหข้ อ้ มลู ทีถ่ ูกต้อง ถูกต้องและเปน็ จริง และเปน็ จรงิ และเป็นจริง ปฏิบัติ และเปน็ จรงิ ปฏิบตั ิ และเป็นจรงิ ปฏิบัติใน ๒.๑.๒ ปฏบิ ัติตน ในสิ่งทถ่ี ูกต้อง ทา ในสิง่ ทถ่ี กู ต้อง ทา สง่ิ ทถ่ี กู ต้อง ทาตาม โดยคานึงถงึ ความ ตามสัญญาทตี่ นให้ ตามสญั ญาท่ตี นให้ สัญญาทต่ี นให้ไว้กับ ถูกต้องละอายและ ไว้กบั เพ่ือน พอ่ แม่ ไว้กับเพ่ือน พ่อแม่ เพอื่ น พ่อแมห่ รอื เกรงกลวั ตอ่ การ หรอื ผู้ปกครองและ หรือผปู้ กครองและ ผปู้ กครองและครู กระทาผิด ครู ครูละอายและเกรง ละอายและเกรงกลัว ๒.๑.๓ ปฏิบัตติ าม กลวั ที่จะทาความผดิ ทจ่ี ะทาความผิด คามัน่ สัญญา เป็นแบบอย่างทดี่ ี ดา้ นความซื่อสัตย์ ตวั ชวี้ ัดที่ ๒.๒ ประพฤตติ รงตามความเปน็ จริงต่อผู้อ่ืนทั้งทางกาย วาจา ใจ พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไมผ่ ่าน (๐) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดเี ย่ยี ม (๓) ๒.๒.๑ ไมถ่ อื เอา นาสิ่งของของคนอนื่ ไม่นาสง่ิ ของและ ไม่นาสงิ่ ของและ ไมน่ าสง่ิ ของและ ผลงานของผู้อ่ืนมา สิ่งของหรือผลงาน มาเปน็ ของตนเอง ผลงานของผู้อน่ื มา ผลงานของผู้อ่ืนมา เปน็ ของตนเอง ปฏบิ ตั ิตนต่อผอู้ ่ืน ของผู้อนื่ มาเป็นของ เป็นของตนเอง เป็นของตนเอง ด้วยความซอ่ื ตรงไม่ หาประโยชน์ในทาง ตนเอง ปฏบิ ัตติ นตอ่ ผ้อู ืน่ ปฏบิ ตั ติ นต่อผูอ้ นื่ ทไี่ ม่ถูกต้อง และเปน็ แบบอย่างทดี่ แี ก่ ๒.๒.๒ ปฏิบัติตนตอ่ ด้วยความซอ่ื ตรง ดว้ ยความซือ่ ตรงไม่ เพือ่ นด้านความ ซอ่ื สตั ย์ ผอู้ ่นื ด้วยความ หาประโยชนใ์ นทาง ซือ่ ตรง ที่ไม่ถูกต้อง ๒.๒.๓ ไม่หา ประโยชน์ในทางที่ไม่ ถกู ต้อง เกณฑพ์ จิ ารณาสรปุ ผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ข้อท่ี ๒ ซื่อสตั ยส์ จุ ริต ระดับ เกณฑก์ ารพิจารณา ดีเย่ียม (๓) ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีเยีย่ ม ทกุ ตวั ช้ีวดั หรอื ดี (๒) ๒. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดีเยีย่ ม และดี ระดบั ละ ๑ ตัวช้วี ดั ผา่ น (๑) ๑. ได้ผลการประเมินระดบั ดี ทกุ ตวั ช้ีวดั หรอื ไมผ่ า่ น (๐) ๒. ได้ผลการประเมินระดบั ดีเยีย่ ม และระดบั ผา่ น ระดับละ ๑ ตัวชี้วดั ๑. ได้ผลการประเมินระดับผา่ น ทุกตวั ช้ีวดั หรอื ๒. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี และระดับผา่ น ระดบั ละ ๑ ตวั ชี้วัด มผี ลการประเมินตัวชีว้ ัดข้อใดขอ้ หน่ึงไดร้ ะดับ ไมผ่ ่าน
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ตวั ช้วี ดั ที่ ๒.๑ ประพฤติตรงตามความเปน็ จริงต่อตนเองทง้ั ทางกาย วาจา ใจ พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไม่ผา่ น (๐) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดีเยีย่ ม (๓) ๒.๑.๑ ใหข้ ้อมูลที่ ไม่ให้ข้อมูลทถี่ กู ต้อง ใหข้ อ้ มูลทถี่ ูกตอ้ ง ให้ข้อมูลท่ีถูกตอ้ ง ให้ข้อมลู ทถี่ ูกต้อง ถูกต้องและเปน็ จรงิ และเป็นจรงิ และเป็นจริง ปฏิบัติ และเปน็ จรงิ ปฏิบตั ิ และเปน็ จรงิ ปฏิบัติ ๒.๑.๒ ปฏบิ ัตติ น ในสง่ิ ท่ีถูกตอ้ ง ทา ในส่ิงท่ถี ูกต้อง ทา ในสง่ิ ทถี่ กู ตอ้ ง ทา โดยคานึงถึงความ ตามสัญญาท่ีตนให้ ตามสญั ญาที่ตนให้ ตามสญั ญาทีต่ นให้ ถูกต้องละอายและ ไวก้ บั เพื่อน พอ่ แม่ ไว้กบั เพื่อน พอ่ แม่ ไวก้ บั เพื่อน พ่อแม่ เกรงกลัวต่อการ หรอื ผูป้ กครองและ หรอื ผปู้ กครองและ หรอื ผู้ปกครองและ กระทาผิด ครู ครูละอายและเกรง ครลู ะอายและเกรง ๒.๑.๓ ปฏบิ ัติตาม กลวั ทจ่ี ะทาความผิด กลัวทจี่ ะทาความผดิ คามัน่ สัญญา เป็นแบบอย่างท่ีดี ดา้ นความซ่ือสัตย์ ตัวชว้ี ดั ที่ ๒.๒ ประพฤตติ รงตามความเปน็ จริงต่อผอู้ ื่นท้ังทางกาย วาจา ใจ พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (๐) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดีเยีย่ ม (๓) ๒.๒.๑ ไมถ่ ือเอา นาสง่ิ ของของคนอ่ืน ไมน่ าสง่ิ ของและ ไม่นาสิง่ ของและ ไม่นาสงิ่ ของและ ผลงานของผู้อ่นื มา สิ่งของหรือผลงาน มาเปน็ ของตนเอง ผลงานของผู้อน่ื มา ผลงานของผู้อ่ืนมา เป็นของตนเอง ปฏบิ ตั ติ นตอ่ ผอู้ นื่ ของผู้อน่ื มาเป็นของ เปน็ ของตนเอง เป็นของตนเอง ดว้ ยความซอ่ื ตรงไม่ หาประโยชนใ์ นทาง ตนเอง ปฏิบัตติ นตอ่ ผอู้ ่ืน ปฏิบัตติ นตอ่ ผอู้ ่ืน ท่ีไม่ถูกต้อง และเปน็ แบบอย่างท่ดี แี ก่ ๒.๒.๒ ปฏบิ ัติตนต่อ ด้วยความซอื่ ตรง ดว้ ยความซอ่ื ตรงไม่ เพ่ือนด้านความ ซื่อสัตย์ ผอู้ นื่ ด้วยความ หาประโยชนใ์ นทาง ซ่ือตรง ที่ไม่ถูกต้อง ๒.๒.๓ ไม่หา ประโยชนใ์ นทางที่ไม่ ถูกต้อง เกณฑ์พจิ ารณาสรุปผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ข้อท่ี ๒ ซ่ือสัตย์สุจรติ ระดับ เกณฑก์ ารพิจารณา ดีเย่ยี ม (๓) ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดับดีเยีย่ ม ทกุ ตวั ช้ีวดั หรือ ดี (๒) ๒. ได้ผลการประเมนิ ระดับดีเยี่ยม และดี ระดับละ ๑ ตวั ชว้ี ัด ผา่ น (๑) ๑. ได้ผลการประเมินระดบั ดี ทกุ ตวั ช้ีวดั หรือ ไมผ่ ่าน (๐) ๒. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดีเยย่ี ม และระดบั ผ่าน ระดบั ละ ๑ ตัวช้ีวดั ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดับผ่าน ทุกตวั ช้ีวดั หรอื ๒. ได้ผลการประเมินระดบั ดี และระดับผา่ น ระดับละ ๑ ตวั ชวี้ ดั มีผลการประเมินตวั ช้ีวัดข้อใดข้อหน่ึงไดร้ ะดับ ไมผ่ า่ น
ข้อท่ี ๓ มีวินัย นยิ าม มีวินยั หมายถงึ คุณลกั ษณะที่แสดงออกถึงการยึดม่นั ในข้อตกลง กฎเกณฑ์ และระเบียบข้อบงั คับของ ครอบครวั โรงเรยี นและสังคม ผมู้ วี ินัย คอื ผูท้ ี่ปฏิบัตติ นตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของครอบครวั โรงเรียน และ สังคมเป็นปกติวสิ ยั ไม่ละเมดิ สิทธขิ องผ้อู ืน่ ตัวชว้ี ดั ๓.๑ ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บขอ้ บังคบั ของครอบครัว โรงเรียน และสงั คม ตัวช้ีวัด พฤติกรรมบ่งชี้ ๓.๑ ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง ๓.๑.๑ ปฏบิ ตั ติ นตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบงั คับของ กฎเกณฑ์ ระเบยี บขอ้ บงั คับของ ครอบครัว โรงเรยี น และสงั คม ไมล่ ะเมิดสิทธขิ องผ้อู ื่น ครอบครัว โรงเรียน และสังคม ๓.๑.๒ ตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวนั และ รับผิดชอบในการทางาน เกณฑ์การให้คะแนน ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ตวั ช้ีวดั ที่ ๓.๑ ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บขอ้ บังคบั ของครอบครัว โรงเรยี น และสงั คม พฤติกรรมบ่งช้ี ไมผ่ า่ น (0) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดีเย่ยี ม (๓) ๓.๑.๑ ปฏิบัติตนตาม ไม่ปฏิบัตติ นตาม ปฏิบตั ิตามข้อตกลง ปฏิบัติตามข้อตกลง ปฏิบัติตามข้อตกลง ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ข้อตกลง กฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์ ระเบียบ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของ ระเบียบ ข้อบังคับ ขอ้ บงั คับของ ข้อบงั คบั ของ ข้อบังคับของ ครอบครวั โรงเรยี น และ ของครอบครัวและ ครอบครัว และ ครอบครวั และ ครอบครัว โรงเรียน สงั คม ไม่ละเมิดสิทธิของ โรงเรยี น โรงเรียน ตรงตอ่ โรงเรยี น ตรงต่อ และสงั คม ไม่ละเมิด ผ้อู ่ืน เวลาในการปฏิบตั ิ เวลาในการปฏบิ ตั ิ สทิ ธิของผูอ้ ื่น ตรง ๓.๑.๒ ตรงต่อเวลาใน กจิ กรรมตา่ งๆใน กจิ กรรมตา่ งๆใน ตอ่ เวลาในการ การปฏิบัตกิ ิจกรรมต่างๆ ชวี ิตประจาวัน ชีวิตประจาวัน และ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั และ รบั ผิดชอบในการ ในชีวิตประจาวัน รบั ผิดชอบในการทางาน ทางาน และรบั ผดิ ชอบใน การทางาน เกณฑ์พจิ ารณาสรปุ ผลการประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ข้อที่ ๓ มวี ินัย ระดบั เกณฑ์การพจิ ารณา ดีเยย่ี ม (๓) ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดีเยี่ยม ได้ผลการประเมินระดับดี ดี (๒) ได้ผลการประเมินระดับผ่าน ผา่ น (๑) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ไม่ผ่าน ไม่ผา่ น (๐)
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ตวั ชว้ี ัดที่ ๓.๑ ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคบั ของครอบครัว โรงเรยี น และสังคม พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไมผ่ ่าน (0) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดเี ยี่ยม (๓) ๓.๑.๑ ปฏิบตั ิตนตาม ไม่ปฏิบตั ติ นตาม ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง ปฏบิ ัติตามข้อตกลง ปฏิบตั ิตามข้อตกลง ข้อตกลง กฎเกณฑ์ ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ระเบียบ ข้อบังคับของ ระเบยี บ ข้อบังคบั ขอ้ บงั คับของ ขอ้ บังคับของ ขอ้ บังคบั ของ ครอบครัว โรงเรยี น และ ของครอบครัวและ ครอบครวั และ ครอบครวั และ ครอบครวั โรงเรยี น สังคม ไม่ละเมดิ สิทธิของ โรงเรียน โรงเรยี น ตรงตอ่ โรงเรียน ตรงตอ่ และสงั คม ไมล่ ะเมดิ ผู้อน่ื เวลาในการปฏิบตั ิ เวลาในการปฏิบัติ สทิ ธิของผอู้ ่ืน ตรง ๓.๑.๒ ตรงต่อเวลาใน กจิ กรรมต่างๆใน กจิ กรรมตา่ งๆใน ต่อเวลาในการ การปฏิบัตกิ จิ กรรมต่างๆ ชวี ติ ประจาวนั ชีวิตประจาวัน และ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตา่ งๆ ในชีวิตประจาวนั และ รบั ผดิ ชอบในการ ในชีวิตประจาวนั รบั ผิดชอบในการทางาน ทางาน และรบั ผดิ ชอบใน การทางาน ปฏบิ ตั ิ เป็นปกติวสิ ัย และ เป็นแบบอย่างท่ีดี เกณฑ์พิจารณาสรปุ ผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ ้อท่ี ๓ มวี นิ ัย ระดับ เกณฑ์การพจิ ารณา ดีเยย่ี ม (๓) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดีเยยี่ ม ได้ผลการประเมินระดบั ดี ดี (๒) ได้ผลการประเมินระดบั ผา่ น ผา่ น (๑) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ไมผ่ า่ น ไมผ่ า่ น (๐) ขอ้ ที่ ๔ ใฝเ่ รียนรู้ นยิ าม ใฝเ่ รยี นรู้ หมายถึง คุณลักษณะทแ่ี สดงออกถงึ ความตง้ั ใจ เพียรพยายามในการเรยี น แสวงหาความรู้ จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี น ผูท้ ใี่ ฝเ่ รียนรู้ คือ ผทู้ ม่ี ลี กั ษณะซึง่ แสดงออกถงึ ความตัง้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเข้ารว่ มกิจกรรม การเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแหลง่ เรียนรู้ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียนอยา่ งสมา่ เสมอ ดว้ ยการเลอื กใชส้ ื่อ อยา่ งเหมาะสม บันทึกความรู้ วเิ คราะห์ สรปุ เปน็ องค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ถา่ ยทอด เผยแพร่ และ นาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้ ตัวชีว้ ัด ๔.๑ ตัง้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี น และเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้ ๔.๒ แสวงหาความรจู้ ากแหลง่ เรียนรูต้ ่างๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี นด้วยการเลอื ก ใช้ส่ือ อยา่ งเหมาะสม สรุปเป็นองคค์ วามรู้ และสามารถนาไปใช้ในชีวติ ประจาวันได้
ตัวชีว้ ดั พฤตกิ รรมบ่งช้ี ๔.๑ ตง้ั ใจ เพียรพยายามใน ๔.๑.๑ ต้งั ใจเรียน การเรยี น และเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๔.๑.๒ เอาใจใสแ่ ละมคี วามเพียรพยายามในการเรียนรู้ การเรียนรู้ ๔.๑.๓ สนใจเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรยี นร้ตู า่ ง ๆ ๔.๒ แสวงหาความรจู้ ากแหล่ง ๔.๒.๑ ศกึ ษาค้นควา้ หาความรจู้ ากหนังสือ เอกสาร สง่ิ พิมพ์ สื่อ เรยี นรู้ตา่ งๆ ทัง้ ภายในและ เทคโนโลยตี า่ ง ๆ แหลง่ เรยี นรทู้ ง้ั ภายในและภายนอก ท้ังภายในและ ภายนอกโรงเรียนด้วยการ ภายนอกโรงเรียน และเลือกใช้สื่อได้อยา่ งเหมาะสม เลอื กใชส้ อื่ อยา่ งเหมาะสม สรปุ ๔.๒.๒ บันทึกความรู้ วเิ คราะห์ ตรวจสอบ จากสิง่ ที่เรยี นรู้ สรปุ เป็น เปน็ องค์ความรู้ และสามารถ องค์ความรู้ นาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ ๔.๒.๓ แลกเปลยี่ นความรู้ดว้ ยวิธีการตา่ ง ๆ และนาไปใชใ้ น ชวี ติ ประจาวนั เกณฑ์การให้คะแนน ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ ตัวชวี้ ดั ท่ี ๔.๑ ตั้งใจ เพียรพยายาม ในการเรยี น และเขา้ ร่วมกจิ กรรม พฤติกรรมบ่งช้ี ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดเี ยีย่ ม (๓) ๔.๑.๑ ต้งั ใจเรียน ไมต่ ั้งใจเรยี น เข้าเรยี นตรงเวลา เข้าเรียนตรงเวลา เขา้ เรียนตรงเวลา ตัง้ ใจเรียน เอาใจใส่ ๔.๑.๒ เอาใจใส่และมี ตงั้ ใจเรียน เอาใจใส่ ตั้งใจเรียน เอาใจใส่ และมีความเพียร พยายามในการ ความเพยี รพยายามใน ในการเรยี น มีสว่ น และมคี วามเพยี ร เรียนรู้ และเข้าร่วม กจิ กรรมการเรียนรู้ การเรียนรู้ รว่ มในการเรียนรู้ พยายามในการ ตา่ งๆทง้ั ภายในและ ภายนอกโรงเรยี น ๔.๑.๓ เข้าร่วมกจิ กรรม และเขา้ ร่วมกิจกรรม เรยี นรู้ และเข้าร่วม เป็นประจา การเรียนร้ตู า่ งๆ การเรียนรูต้ า่ งๆเปน็ กจิ กรรมการเรยี นรู้ บางคร้งั ต่าง ๆบ่อยคร้ัง
ตวั ชวี้ ดั ที่ ๔.๒ แสวงหาความรู้จากแหลง่ เรียนรู้ตา่ งๆ ทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น ด้วยการเลือกใชส้ ื่อ อย่างเหมาะสม สรุปเป็นองคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชช้ ีวติ ประจาวนั ได้ พฤติกรรมบ่งช้ี ไมผ่ า่ น (0) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดเี ย่ียม (๓) ๔.๒.๑ ศึกษาค้นควา้ หา ไมศ่ ึกษาค้นคว้าหา ศึกษาค้นควา้ ความรู้ ศกึ ษาค้นคว้าหา ศกึ ษาคน้ ควา้ หา ความรู้จากหนงั สือ ความรู้ จากหนงั สือ ความรู้จากหนังสือ ความรูจ้ ากหนงั สือ เอกสาร สงิ่ พิมพ์ สือ่ เอกสาร สงิ่ พิมพ์ เอกสาร สิ่งพิมพ์ เอกสาร ส่งิ พิมพ์ เทคโนโลยตี ่างๆ แหลง่ ส่อื เทคโนโลยี ส่ือ เทคโนโลยีและ สือ่ เทคโนโลยแี ละ เรียนรทู้ งั้ ภายในและ แหลง่ เรยี นรทู้ ้งั สารสนเทศ แหลง่ สารสนเทศ แหล่ง ภายนอกโรงเรียน และ ภายในและภายนอก เรยี นรทู้ งั้ ภายในและ เรียนรทู้ งั้ ภายในและ เลอื กใช้สื่อได้อย่าง โรงเรียน เลือกใช้ ภายนอกโรงเรียน ภายนอกโรงเรียน เหมาะสม สอ่ื ได้อยา่ งเหมาะสม และเลอื กใชส้ ื่อได้ เลือกใชส้ ่ือได้อย่าง ๔.๒.๒ บันทึกความรู้ และมีการบนั ทึก อย่างเหมาะสม มี เหมาะสม มีการ วเิ คราะหข์ ้อมูล จากส่ิงท่ี ความรู้ การบันทกึ ความรู้ บันทึกความรู้ เรียนรู้ สรุปเปน็ องค์ วเิ คราะหข์ ้อมูล วิเคราะห์ข้อมลู ความรู้ สรปุ เปน็ องค์ความรู้ สรปุ เปน็ องค์ความรู้ ๔.๒.๓ แลกเปลี่ยน และแลกเปลยี่ น และแลกเปลย่ี น เรียนรดู้ ้วยวิธีการต่างๆ เรยี นรกู้ ับผู้อ่นื ได้ เรยี นรดู้ ว้ ยวธิ กี ารท่ี และนาไปใช้ใน หลากหลาย และ ชวี ิตประจาวนั นาไปใช้ในชีวิต ประจาวันได้ เกณฑ์พิจารณาสรปุ ผลการประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ ้อที่ ๔ ใฝเ่ รียนรู้ ระดับ เกณฑก์ ารพิจารณา ดเี ยี่ยม (๓) ๑. ได้ผลการประเมินระดับดีเยย่ี มทกุ ตวั ชวี้ ัด หรอื ๒. ไดผ้ ลการประเมินระดับดีเยี่ยม และดี ระดบั ละ ๑ ตัวชวี้ ดั ดี (๒) ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี ทุกตัวช้ีวดั หรอื ผ่าน (๑) ๒. ไดผ้ ลการประเมินระดับดีเยี่ยม และระดับผ่าน ระดบั ละ ๑ ไม่ผา่ น (๐) ตวั ช้วี ัด ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ผ่าน ทุกตัวชี้วดั หรือ ๒. ได้ผลการประเมนิ ระดับดี และระดบั ผ่าน ระดับ ละ ๑ ตัวชว้ี ัด มผี ลการประเมินตวั ชวี้ ัดข้อใดข้อหน่งึ ไดร้ ะดับ ไมผ่ ่าน
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ตัวชว้ี ัดท่ี ๔.๑ ตัง้ ใจ เพียรพยายาม ในการเรยี น และเข้ารว่ มกิจกรรม พฤตกิ รรมบ่งชี้ ไมผ่ ่าน (0) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดีเยี่ยม (๓) ๔.๑.๑ ต้ังใจเรียน ไมต่ ง้ั ใจเรียน เขา้ เรยี นตรงเวลา เขา้ เรยี นตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา ต้งั ใจเรยี น เอาใจใส่ ๔.๑.๒ เอาใจใสแ่ ละมี ตัง้ ใจเรยี น เอาใจใส่ ตัง้ ใจเรียน เอาใจใส่ และมีความเพยี ร พยายามในการ ความเพยี รพยายามใน ในการเรียน มีสว่ น และมีความเพียร เรียนรู้ มสี ว่ นรว่ มใน การเรียนรแู้ ละเข้า การเรยี นรู้ รว่ มในการเรยี นรู้ พยายามในการ ร่วมกิจกรรมการ เรยี นรู้ต่างๆท้งั ๔.๑.๓ เขา้ ร่วมกิจกรรม และเขา้ รว่ มกิจกรรม เรยี นรู้ และเข้าร่วม ภายในและ ภายนอกโรงเรียน การเรียนรูต้ ่างๆ การเรยี นร้ตู ่างๆ กิจกรรมการเรียนรู้ เปน็ ประจาและเปน็ แบบอยา่ งทดี่ ี เปน็ บางครั้ง ตา่ ง ๆ ท้งั ภายใน และภายนอก โรงเรียนบ่อยครง้ั ตัวช้วี ัดที่ ๔.๒ แสวงหาความรจู้ ากแหล่งเรียนร้ตู า่ งๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรยี น ด้วยการเลือกใช้สื่อ อยา่ งเหมาะสม สรุปเป็นองค์ความรู้ สามารถนาไปใชช้ ีวติ ประจาวนั ได้ พฤติกรรมบ่งช้ี ไมผ่ ่าน (0) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดีเยี่ยม (๓) ๔.๒.๑ ศึกษาคน้ ควา้ หา ไมศ่ ึกษาคน้ คว้าหา ศึกษาค้นคว้าความรู้ ศกึ ษาคน้ ควา้ หา ศึกษาคน้ ควา้ หา ความรูจ้ ากหนงั สือ ความรู้ จากหนังสือ ความรู้จากหนงั สือ ความร้จู ากหนงั สือ เอกสาร สง่ิ พิมพ์ ส่ือ เอกสาร ส่ิงพิมพ์ เอกสาร ส่งิ พิมพ์ เอกสาร ส่งิ พิมพ์ เทคโนโลยีต่างๆ แหล่ง ส่ือเทคโนโลยี สอ่ื เทคโนโลยแี ละ สือ่ เทคโนโลยีและ เรยี นรูท้ ้งั ภายในและ แหล่งเรียนรทู้ ัง้ สารสนเทศ แหลง่ สารสนเทศ แหลง่ ภายนอกโรงเรยี น และ ภายในและภายนอก เรียนร้ทู ้ังภายในและ เรียนรูท้ ้งั ภายในและ เลอื กใช้สือ่ ได้อย่าง โรงเรยี น เลือกใช้ ภายนอกโรงเรียน ภายนอกโรงเรยี น เหมาะสม ส่ือได้อยา่ งเหมาะสม และเลือกใชส้ อื่ ได้ เลอื กใช้สือ่ ได้อย่าง ๔.๒.๒ บันทึกความรู้ และมีการบนั ทึก อยา่ งเหมาะสม มี เหมาะสม มีการ วเิ คราะห์ข้อมูล จากสงิ่ ที่ ความรู้ การบนั ทึกความรู้ บันทกึ ความรู้ เรียนรู้ สรปุ เปน็ องค์ วิเคราะหข์ ้อมลู วิเคราะห์ข้อมลู ความรู้ สรุปเป็นองค์ความรู้ สรุปเปน็ องค์ความรู้ ๔.๒.๓ แลกเปลย่ี น และแลกเปล่ยี น และแลกเปลยี่ น เรยี นรูด้ ้วยวธิ ีการตา่ งๆ เรยี นรกู้ บั ผู้อนื่ ได้ เรียนร้ดู ้วยวธิ ีการท่ี และนาไปใช้ใน และนาไปใชใ้ น หลากหลาย และ ชวี ติ ประจาวัน ชวี ิตประจาวันได้ เผยแพรแ่ ก่บุคคล ท่วั ไป นาไปใช้ใน ชีวิตประจาวันได้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120