Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การจัดการทรัพยากรสัตว์ป่าในพื้นที่คุ้มครอง

การจัดการทรัพยากรสัตว์ป่าในพื้นที่คุ้มครอง

Description: การจัดการทรัพยากรสัตว์ป่าในพื้นที่คุ้มครอง

Search

Read the Text Version

2. บทบาททางนเิ วศถนิ่ ทอี่ าศยั เฉพาะตวั (Ecological โดยใช้ต้นไม้เป็นท่ีท�ำรังอาศัยหลับนอน กินแมลง ไส้เดือน และผลไม้ Niche) เป็นอาหาร และถา่ ยเมลด็ ออกมากอ่ นทจี่ ะงอกเปน็ ต้นไมต้ ่อไป บทบาททางนเิ วศถน่ิ ทอ่ี าศยั เฉพาะตวั เปน็ ลกั ษณะปจั จยั ทางดา้ น ชนิดพันธุ์มีบทบาทที่ส�ำคัญในการแสดงออกในระบบนิเวศ และ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา ที่ชนิดพันธุ์สัตว์ป่าต้องการเพ่ือการด�ำรงชีวิต การด�ำรงชีวิตที่มีผลกระทบกับส่ิงมีชีวิตชนิดอ่ืนเป็นสาเหตุให้ประชากร และมสี ุขภาพสมบรู ณ์ สามารถขยายพันธุ์ไดใ้ นระบบนิเวศ ลดลงหรือหาได้ยาก ถิ่นที่อาศัยเฉพาะตัวช่วยให้มีประโยชน์แก่มนุษย์ ถ่ินท่ีอาศัยที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เป็นสถานท่ีในระบบนิเวศ คือ ในด้านการจัดการสัตว์เลี้ยง พืชป่าหรือสัตว์ป่าที่เป็นอาหารของมนุษย์ การอาศยั ในพ้นื ทีแ่ ละการดำ� รงชวี ติ เชน่ ถิ่นทอ่ี าศัยของนกกางเขน เปน็ หรือทรัพยากรอื่นๆ แม้กระท่ังการช่วยลดชนิดพันธุ์อื่นจากระบบนิเวศ ป่าละเมาะ ป่าไม้ สวนสาธารณะ พ้ืนท่ีเกษตร สวนไร่นา สนามหญ-้า55เ-ชน่ นกชว่ ยกินแมลงในระบบนเิ วศไร่นา ระดับเหนือยอดไม้ 40 เหยีย่ ว นกเงือก 35 30 ระดับชน้ั เรอื นยอด ความ ูสง (เมตร) 25 20 พญากระรอก ระดับใต้ เรอื นยอด 15 สมเสรจ็ 10 5 ระดับไม้พมุ่ นกแตว้ แล้ว 0 บทบาททางนเิ วศถน่ิ ทอี่ าศยั เฉพาะตวั ของสตั วป์ า่ ระดับพืน้ ดนิ ภาพที่ 3.3 แสดงใหเ้ หน็ ถงึ บทบาทท1า0ง0นิเวศถิ่นท่ีอาศัยเฉพาะตวั ของสัตวป์ ่า ศาสตร์และศิลป์ การจดั การทรพั ยากรสัตว์ปา่ ในพ้นื ที่คมุ้ ครอง

นกทั้งสองชนิดกินไส้เดือนเป็นอาหาร แต่วิธีการหากินที่ต่างกัน เพื่อป้องกันการต่อสู้แก่งแย่ ซ่ึงกันและกัน นกชนิดหนึ่งอาศัยหากินตามพื้นดินที่โล่งเตียน หรือป่าละเมาะใกล้บ้านเรือนชาวบ้าน มองห เหย่ือโดยการเห็นตัว แต่นกอีกชนิดหน่ึงหากินตามป่าละเมาะใกล้บ้านเรือนแหล่งท่ีอาศัยของคนริมป่า จะใช จะงอยปากซึ่งมีระบบประสาทรับความรู้สึกเจาะลงไปในดินเพ่ือหาเหย่ือที่เคลื่อนไหวในดินปลายจะงอยปาก ไดป้ รบั ใหจ้ บั เหยอื่ ใต้ดินได้ หากว่าจะอธิบายถึงการใช้พื้นท่ีถิ่นท่ีอาศัยเพื่อการหากินในการดารงชีวิต สัตว์ป่าท้ังสองชนิดม การแบง่ เขตการหากนิ อธิบายได้ จากภาพ (1) และ (2) แสดงการเปรียบเทียบการอาศยั หากนิ ของนกทง้ั สองชนิด กข ก ความสำ� คญั ของถิน่ ทอ่ี าศยั เฉพาะตวั มีความจ�ำเปน็ ต้องท�ำความ ข เขา้ ใจเพอื่ นำ� ไปสกู่ ารตดิ ตามและปรบั ปรงุ ถนิ่ ทอี่ าศยั เฉพาะตวั แบง่ ออกได้ (1) (2) 2 ประเภท คอื คาอธภิบาาพย ภ(า1พ) (1ส)ัตสวัต์ปว์ป่า่าสสอองงชชนนิดิดมมีขีขออบเบขเตขกตารกหาารกหินาแยกกินจแากยกกันจจาึงกไมก่มันีผลกระทบกับ (1) specialized niche เป็นถ่ินท่ีอาศยั เฉพาะตัว เปฉพ่า าแะลใปเหจะร้เาะใกบะชิดาจไกกผงาร่รทแัง้กสจมง่ อแงึขี งยไอชม่งนบซม่ ดิ่ึงเผีกสขนัลว่ตนแกกลรภาะะรากทพหันบทา(2กาก)ในิบัหสทส้ปตั ตัวบัรวป์ ะซป์่าช้อส่าาอนชกงกนชริดนันทใดิ ดงั้ ใมชสชขี นออ้อดิ งาบหชหเนขนาต่ึงดิรสกชญูาสนรพว่หิดันนาเธกภดุไ์ ินดายี ทห้พวบัรกอืซ(นั2ห้อ)นนจสไีกปะันตั อทใวยชำ�ป์ ู่ท้อใา่าีอ่หหส่นื เ้ าอกรงิดชชนกนดิาเดิรดยี วกัน จะทา ของสัตวป์ า่ เช่น หมแี พนดา้ มีถน่ิ ท่อี าศัยและอาหาร คือ เทา่ น้นั มนษุ ย์เรานำ� ไม้ไผ่ ใบไผม่ าใช้ เป็นการแย่งอาหารของหมแี พนด้า แก่งแย่งซ่ึงกันและกัน ส่งผลให้สัตว์ป่าชนิดใดชนิดหนึ่งสูญพันธุ์หรือ ท�ำใหห้ มีแพนด้าใกล้สญู พันธุ์เพราะขาดอาหาร หนีไปอย่ทู ี่อน่ื แทน (2) generalized niche เปน็ การปรบั ตวั ของชนดิ พนั ธใ์ุ หส้ ามารถ 3. สมรรถนะของพน้ื ที่ในการรองรบั ประชากร อาศยั อยใู่ นหลายสภาพพนื้ ท่ี กนิ อาหารไดห้ ลายชนดิ ชนดิ พนั ธเ์ุ หลา่ นจี้ ะ (Carrying Capacity) ไดร้ บั ผลกระทบนอ้ ยมากเพราะสามารถปรบั ตัวได้ คำ� วา่ สมรรถนะของพ้ืนทีใ่ นการรองรบั ประชากร ไดม้ กี ารน�ำมา ในการจดั การสตั วป์ า่ ถน่ิ ทอี่ าศยั เฉพาะตวั นบั วา่ มคี วามสำ� คญั มาก ใชก้ นั เปน็ เวลานานแลว้ โดยเฉพาะในกลมุ่ ของนกั วทิ ยาศาสตรส์ าขาตา่ งๆ ท่ีนักจัดการสัตว์ป่าจะต้องเข้าใจ อันจะน�ำไปสู่การพิจารณาจัดการถิ่นท่ี ที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดการทุ่งหญ้าเพ่ือการปศุสัตว์ จะบ่งบอกว่าพื้นท่ี อาศัยให้สัมพันธ์กับประชากรสัตว์ป่า ซึ่งเป็นที่เข้าใจง่ายๆ ว่าวิธีการ ทุ่งหญ้าดังกล่าวสามารถรองรับจ�ำนวนประชากรของสัตว์เลี้ยงได้จ�ำนวน ทสี่ ตั วป์ า่ ใชพ้ น้ื ทถี่ นิ่ ทอ่ี าศยั ในพน้ื ทเี่ ดยี วกนั สตั วป์ า่ จะมกี ารปรบั ตวั ใหด้ �ำรง เท่าไร การจัดการสัตว์ป่าในพ้ืนที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าก็บ่งบอกว่า ชีวิตอยู่ภายใต้โครงสร้างของถ่ินท่ีอาศัย และมีพฤติกรรมการกินที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสามารถรองรับจ�ำนวนประชากรสัตว์ป่าชนิดใด แตกต่างกัน เพ่ือลดการแกง่ แย่งซง่ึ กันและกนั ชนิดหนึ่งได้จำ� นวนเทา่ ไร โดยพจิ ารณาจากความสัมพนั ธข์ องการอย่รู อด ตัวอย่างเช่น มีนก 2 ชนิด กินอาหารอย่างเดียวกัน มีบทบาท ของประชากรสัตว์ป่ากับส่ิงแวดล้อม โดยเฉพาะในเร่ืองของอาหารและ หน้าท่ีในพ้ืนที่ที่คล้ายคลึงกัน วิธีการกินอาหารจะมีความแตกต่างกัน ระยะเวลาท่กี ำ� หนด เพื่อลดการแก่งแย่งซ่ึงกันและกัน เช่น นกชนิดหนึ่งอาศัยหากินตาม ความหมายของสมรรถนะของพื้นท่ีในการรองรับประชากร พนื้ ดนิ ทโี่ ลง่ เตยี น หรอื ปา่ ละเมาะใกลบ้ า้ นเรอื นชาวบา้ น มองหาเหยอื่ โดย ได้มีผู้ให้ความหมายไว้หลายลักษณะตามแนวความคิด เช่น ความคิด การเห็นตัว แต่นกอีกชนิดหนึ่งหากินตามป่าละเมาะใกล้บ้านเรือนแหล่ง ในเรื่องของอาหารกับจ�ำนวนประชากรสัตว์ป่า ความคิดในเร่ืองของ ที่อาศัยของคนริมป่า จะใช้จะงอยปากซึ่งมีระบบประสาทรับความรู้สึก ปัจจัยต่างๆ ในระบบนิเวศท่ีเก่ียวข้องกับการเพ่ิมข้ึนของประชากร เจาะลงไปในดนิ เพอ่ื หาเหยอ่ื ทเี่ คลอ่ื นไหวในดนิ ปลายจะงอยปากสามารถ สัตว์ป่า ฉะน้ัน ความหมายของ Carrying Capacity หมายถึง ปรบั ใหจ้ บั เหยอ่ื ใตด้ ินได้ “จำ� นวนทมี่ ากทส่ี ดุ ของประชากรสตั วป์ า่ ตามชนดิ ในระบบนเิ วศทกี่ ลา่ วถงึ หากจะอธิบายถึงการใช้พื้นที่ถิ่นท่ีอาศัยเพื่อหากินส�ำหรับการ สามารถด�ำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยในสภาพของส่ิงแวดล้อมท่ี ด�ำรงชีวิต สัตว์ป่าทั้งสองชนิดมีการแบ่งเขตการหากิน อธิบายได้จาก เลวรา้ ยท่สี ุดในชว่ งเวลาทีก่ ลา่ วถึง” ภาพ (1) และ (2) ซึ่งแสดงการเปรียบเทียบการอาศัยหากินของนก จากความหมายดังกล่าวได้เน้นหนักให้เห็นถึงความส�ำคัญของ ทั้งสองชนดิ สง่ิ แวดล้อม (environmental factors) ที่มคี วามสมั พันธก์ ับคุณสมบัติ ของชนิดสัตว์ป่า (species characteristics) โดยปจั จยั สำ� คญั ท่มี ีผลต่อ 101 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจัดการทรัพยากรสัตว์ปา่ ในพนื้ ทีค่ ุ้มครอง

ขดี ความสามารถในการรองรบั ไดข้ องพนื้ ทอ่ี ยา่ งมาก คอื อาหาร โดยความ ระดับ (1) เป็นช่วงที่ประชากรสัตว์ป่าเพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็ว สัมพันธ์ระหวา่ งประชากรสตั ว์ปา่ กบั ถน่ิ ท่อี าศยั สามารถอธบิ ายได้ ดังน้ี (acceleration phase) เนอื่ งดว้ ยปจั จยั ตา่ งๆ เกย่ี วกบั ถนิ่ ทอี่ าศยั อาหาร น�้ำ ที่คุ้มกันภัย มีความอุดมสมบูรณ์ที่จะช่วยสนับสนุนการเพ่ิมขึ้นของ Y (4) Carrying Capacity ประชากรสตั ว์ป่า ระดับ (2) เป็นจุดท่ีประชากรสัตว์ป่าเพ่ิมมากที่สุด (point of จำนวน (3) deceleration phase inflection) ถา้ พนื้ ทถี่ นิ่ ทอี่ าศยั ใหผ้ ลผลติ ดา้ นปจั จยั การดำ� รงชวี ติ สงู ทสี่ ดุ ประชำกร (2) point of inflection สตั ว์ปา่ ก็จะมีประชากรสงู สุดเช่นเดยี วกัน สตั ว์ปำ่ (1) acceleration phase ระดบั (3) เปน็ ชว่ งทปี่ ระชากรสตั วป์ า่ ลดจำ� นวนลง (deceleration O เวลำ X phase) เนอื่ งจากมปี จั จยั ดา้ นถน่ิ ทอ่ี าศยั มาควบคมุ และปจั จยั ดา้ นอาหาร น�ำ้ ที่ค้มุ กนั ภัยมีอยูจ่ �ำกัด กราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหว่างการเจรญิ เตบิ โต ระดบั (4) เปน็ จดุ ทแ่ี สดงวา่ พนื้ ทถ่ี นิ่ ทอ่ี าศยั สามารถรองรบั จำ� นวน ของประชากรสตั วป์ ่ากับถ่ินทอ่ี าศยั ประชากรสัตว์ป่าได้มากที่สุด (Carrying Capacity) หากว่าจ�ำนวน 102 ศาสตร์และศิลป์ การจดั การทรัพยากรสัตว์ป่าในพื้นทค่ี ุ้มครอง

ประชากรเพ่ิมมากกว่าจุดน้ี จะเกิดปัญหามากมาย อาหารและน�้ำจะ การทดแทนในบงึ (pond succession) แหลง่ นำ้� จดื มีความ ไมพ่ อ ปจั จยั เหล่านจ้ี ะควบคุมจำ� นวนประชากรใหส้ มดลุ แตกต่างกันตามขนาดและความลึกของน�้ำ การทดแทนเกิดขึ้นจากการ การจัดการถ่ินที่อาศัยให้เหมาะสมกับขีดความสามารถในการ ตื้นเขิน การตกตะกอนของซากพืชและดินรอบบึงที่ไหลลงมา ท�ำให้บึง รองรบั ได้ของพ้ืนท่ี มีดังนี้ ตนื้ เขิน ซึง่ ลักษณะดังกล่าวท�ำใหแ้ สงแดดสอ่ งถงึ พน้ื ดนิ ใตน้ ำ้� ได้ จงึ มักจะ 1. ปรบั ปรุงถน่ิ ท่อี าศยั ใหเ้ หมาะสมกบั ชนิดของสตั วป์ ่า สตั วป์ า่ มพี ืชที่อยใู่ นนำ�้ พืชลอยนำ้� พืชทห่ี ยัง่ รากลงไปในดนิ หรอื พืชท่ีโผล่ใบพ้น ชนดิ ใดตอ้ งการถน่ิ ทอ่ี าศยั แบบใด มวี ธิ กี ารปรบั ปรงุ อยา่ งไรเพอื่ ใหส้ ตั วป์ า่ น�้ำแต่รากอยูใ่ ต้ดินขึ้นอยู่ ชนดิ น้ันๆ อาศัยอยไู่ ด้อย่างปลอดภัย เช่น การตดั สางขยายระยะไมท้ กุ ปี 2. การทดแทนทุติยภูมิ (secondary succession) เป็นการ ในช่วงฤดูทว่ี กิ ฤต เพื่อใหก้ วางไดก้ นิ อาหารเพียงพอ ทดแทนในพ้ืนที่ที่เคยเป็นป่ามาก่อน แต่กลายเป็นพ้ืนที่ว่างอันเนื่อง 2. ในพื้นท่ีถ่ินที่อาศัยซ่ึงมีสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงอาศัยหากิน มาจากสาเหตุหลายประการ เชน่ การแผว้ ถางป่า และการละทง้ิ พ้นื ท่ที ่ี ดว้ ยกนั ในชว่ งเวลาทเ่ี กิดวิกฤตท่ีควรลดความแก่งแย่งลง เคยใช้ประโยชน์ทางการเกษตรมากอ่ น 3. การปรบั ปรุงถ่ินท่อี าศัยของพืน้ ทใ่ี ดๆ ใหพ้ ยายามหลกี เลีย่ ง การทดแทนในพ้ืนท่ีไร่ร้าง (succession in old field) การรวมกลุ่มของประชากรสัตว์ป่า เพราะการที่สัตว์ป่าจ�ำนวนมากอยู่ พชื ทข่ี นึ้ บรเิ วณไรร่ า้ งจะเปน็ หญา้ คา สาบเสอื มตี น้ ไมเ้ ลก็ ๆขน้ึ อยกู่ ระจาย รวมกันในพ้ืนที่เพียงจุดเดียวในช่วงเวลาวิกฤต จะเป็นการท�ำลายถ่ินที่ ท่ัวไป เช่น โมกหลวง ตวิ้ เอนอ้า หญ้าพง หญ้าเลา เป็นต้น กระบวนการ อาศัยนน้ั ทดแทนได้มีการกระท�ำกันในหลายพ้ืนท่ีที่ได้ถูกเปล่ียนเป็นพื้นที่ 4. ควรส่งเสริมหรือปรับปรุงให้ถ่ินที่อาศัยมีหลายรูปแบบและ เกษตรกรรมแล้วถูกท้ิงไว้ พ้ืนท่ีจะกลับคืนสู่ธรรมชาติ จะพบเห็นได้ว่ามี กระจายทงั้ พนื้ ที่ ทงั้ นี้ เพราะองคป์ ระกอบถน่ิ ทอี่ าศยั แตกตา่ งกนั ตามชนดิ กระบวนการทดแทนเกดิ ขนึ้ ในหลายพน้ื ทขี่ องประเทศไทย ผลการทดแทน พันธุ์ของสตั ว์ป่า จะมคี วามแตกตา่ งกนั เนอื่ งมาจากปจั จยั หลายประการ เชน่ ความรนุ แรง 4. การทดแทนของสังคมทางนิเวศ (Ecological Succession) การทดแทนของสังคมทางนิเวศเป็นเร่ืองท่ีเกี่ยวกับการทดแทน ของสงั คมพืช โดยปกตแิ บ่งออกไดเ้ ปน็ 2 ลักษณะ คอื 1. การทดแทนปฐมภูมิ (primary succession) เป็นการ ทดแทนของสังคมพืช เกิดข้ึนในหลายรูปแบบในสถานท่ีที่แตกต่างกัน ซงึ่ ตอ้ งท�ำความเขา้ ใจในบรเิ วณพ้นื ทด่ี ังกล่าว เชน่ การทดแทนบนลานหนิ (rock succession) จะพบในบรเิ วณ พื้นท่ีท่ีมีร่องหินหรือแอ่งท่ีมีดิน จะมีพวกมอสหรือไลเคนขึ้นอยู่ พืชใน กลมุ่ นสี้ ามารถทนตอ่ การขาดนำ้� ไดด้ ี สามารถเจรญิ เตบิ โตไดด้ เี มอ่ื มฝี นตก และมคี วามชน้ื รากพชื จะชอนไชเขา้ ไปในเนอ้ื หนิ ชว่ ยในการสลายตวั ของหนิ การทดแทนบนกองทราย (dune succession) มกั จะเกดิ ขน้ึ บริเวณชายทะเล ฝง่ั ทะเลสาบ ริมลำ� นำ้� พืชท่ีสามารถขึ้นอยู่บนทรายได้ จะทนตอ่ ความแห้งแลง้ และลมพัดแรงไดด้ ี มรี ากหายใจ เชน่ ผกั บงุ้ ทะเล พันธไุ์ มย้ นื ต้นทพ่ี บ คือ เตยทะเล เป็นตน้ 103 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจัดการทรพั ยากรสัตว์ป่าในพ้นื ทีค่ ุ้มครอง

ของการท�ำลาย สภาพภมู อิ ากาศและสังคมพืชโดยรอบ จะเริ่มขึ้น กระบวนการทดแทนจะเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับพื้นท่ีที่ การทดแทนในพนื้ ทหี่ ลงั เกดิ ไฟปา่ (succession after forest ถกู ท�ำลายโดยการแผว้ ถางปา่ fire) ไฟป่าในประเทศไทยไม่ค่อยจะรุนแรงในระดับที่ก่อให้เกิดความ เสียหายและการเปล่ียนแปลงของพืชคลุมดิน ส่วนใหญ่จะเป็นไฟผิวดิน 5. แนวเชอ่ื มต่อระหว่างถนิ่ ทอ่ี าศยั (Ecotone) ไหมเ้ ฉพาะหญา้ แหง้ ใบไมแ้ หง้ สว่ นราก หวั ลำ� ตน้ ใตด้ นิ ยงั คงอยู่ สามารถ แนวเชอื่ มตอ่ ระหวา่ งถนิ่ ทอี่ าศยั หมายถงึ แนวเชอื่ มตอ่ ของสงั คม แตกหน่อขึ้นมาใหม่ได้ หากว่าพ้ืนที่ดังกล่าวมีความช้ืนเกิดข้ึนจากฝนตก พชื ทแี่ ตกตา่ งกนั ตงั้ แต่ 2 สงั คมขน้ึ ไป เชน่ แนวเขตเชอ่ื มระหวา่ งทงุ่ หญา้ ท�ำให้พื้นท่ีท่ีเปิดโล่ง พันธุ์ไม้จึงแตกใบอ่อน ยอดอ่อนท่ีเป็นอาหารของ กบั ปา่ ดงดบิ ทงุ่ หญา้ กบั ปา่ เตง็ รงั หรอื ปา่ เตง็ รงั กบั ปา่ ดงดบิ เปน็ บรเิ วณ สัตวป์ ่าเป็นอยา่ งดี ทมี่ คี วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสตั วป์ า่ กบั ถนิ่ ทอี่ าศยั เปน็ บรเิ วณทม่ี ีชนดิ พนั ธ์ุ การทดแทนในพ้ืนที่เล้ียงสัตว์ (grazing succession) และปริมาณของสัตวป์ า่ สงู กว่าบริเวณอ่นื เพราะสตั ว์ป่าได้อาศยั ในพ้ืนท่ี ในพนื้ ทมี่ สี งั คมพชื ทข่ี นึ้ อยตู่ ามธรรมชาติ และมกี ารนำ� สตั วเ์ ขา้ ไปเลย้ี งเปน็ สงั คมพชื ชนดิ หนงึ่ เปน็ แหลง่ อาหารและใชพ้ น้ื ทส่ี งั คมของพชื อกี ชนดิ หนงึ่ จำ� นวนมาก เชน่ ววั ควาย แพะ เป็นต้น สง่ ผลกระทบกบั สงั คมพืช เชน่ เป็นที่หลบภัย ซง่ึ กลา่ วได้วา่ สตั วป์ ่าไดอ้ าศยั อยใู่ นหลายสงั คมของพืช การกดั กินหญ้า (grazing) การแทะเล็มใบไม้ (browsing) การเหยียบยำ�่ แนวเชอื่ มตอ่ ระหวา่ งถน่ิ ทอ่ี าศยั เปน็ ทฤษฎคี วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง พืช เม่อื ไรก็ตามท่ยี ้ายสัตว์เลีย้ งออกจากพน้ื ที่ การทดแทนของสงั คมพชื ชนดิ และประชากรสตั วป์ า่ กบั ถนิ่ ทอ่ี าศยั เรยี กวา่ “Theory of Interspersion” 104 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสัตว์ปา่ ในพ้นื ทคี่ มุ้ ครอง

การประเมนิ ถน่ิ ทอ่ี าศยั หรอื การปรบั ปรงุ ถน่ิ ทอ่ี าศยั มรี ายละเอยี ดทจี่ ะตอ้ ง พิจารณา ดังตอ่ ไปนี้ (1) ชนดิ ป่าและพนั ธไุ์ มใ้ นแนวเชอ่ื มตอ่ เชน่ ป่าดงดิบ ปา่ เตง็ รงั หรอื ทงุ่ หญ้า ป่าแต่ละชนดิ มีไม้ประเภทใด (2) ความกว้างของแนวเชื่อมต่อ บริเวณแนวเชื่อมต่อจะกว้าง หรอื แคบ พจิ ารณาไดจ้ ากการเปลยี่ นแปลงของพชื เบกิ นำ� เชน่ แนวเชอ่ื มตอ่ ระหว่างทุ่งหญ้ากับป่าดงดิบ ป่าดงดิบจะขยายพื้นท่ีเข้าไปในทุ่งหญ้า บริเวณแนวเชื่อมต่อจะมีหญ้าสาบเสือเป็นพืชเบิกน�ำ จากน้ันพันธุ์ไม้ จำ� พวกปอตา่ งๆ จะเจรญิ ตามหลงั สาบเสอื และไมช้ นดิ อนื่ ๆ จะขน้ึ ทดแทน ไม้ปอในโอกาสต่อไป (3) ความยาวของแนวเชื่อมต่อ พิจารณาจากแนวเขตระหว่าง สงั คมของพืช (4) สภาพภูมิประเทศของแนวเชื่อมต่อเป็นแบบใด เช่น ท่ีราบ เชิงเขา หรือหบุ เขา และมีความลาดชนั มากน้อยเพียงใด การวิเคราะหภ์ ัยคกุ คามท่มี ีตอ่ ถ่ินที่อาศยั การจดั การถน่ิ ทอ่ี าศยั เพอ่ื การอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ จะตอ้ งเนน้ เรอื่ งการ ดำ� เนนิ งานใหอ้ ยบู่ นพน้ื ฐานของ basic science คอื การเนน้ ใชว้ ทิ ยาศาสตร์ ท่ีได้มาตรฐานหรือวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพ เนื่องจากว่าในสถานการณ์ ปจั จบุ นั มกี ารใชค้ ำ� วา่ “วทิ ยาศาสตร”์ หรอื “science” ในโครงการตา่ งๆ มากมาย หลายๆ โครงการไม่ไดใ้ หค้ วามส�ำคัญกับคุณภาพและกระบวน การทางวิทยาศาสตร์ท่ีได้มาตรฐานมากนัก แต่ส�ำหรับการจัดการพ้ืนท่ี ถนิ่ ทอี่ าศยั ของสตั วป์ า่ ไดเ้ นน้ ยำ้� วา่ ตอ้ งมกี ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทไ่ี ดม้ าตรฐานเป็นพน้ื ฐานของข้อมลู ทส่ี นบั สนุนการจัดการ ขอ้ มลู หลกั ในการจดั การทรพั ยากรดา้ นถน่ิ ทอ่ี าศยั จะแบง่ ออกเปน็ 1. ข้อมูลดา้ นนิเวศวิทยา ดา้ นพชื สัตว์ และอืน่ ๆ 2. ขอ้ มลู ดา้ นเศรษฐกิจและสงั คม นอกจากความตอ้ งการทจ่ี ะไดข้ อ้ มลู ทเ่ี ปน็ พน้ื ฐานในการจดั การแลว้ ยังเน้นการตรวจสอบการเปล่ียนแปลงของระบบนิเวศ (ecological monitoring) ซึ่งต้องกระท�ำอย่างต่อเนื่องเพ่ือปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย ทนั ตอ่ สถานการณ์ และเพอื่ การปรบั แผนกลยทุ ธก์ ารจดั การตามสถานการณ์ ทเ่ี ปลีย่ นแปลงไป นกจาบคาเล็กฺ (Merops orientalis) 105 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรพั ยากรสัตวป์ า่ ในพืน้ ท่ีค้มุ ครอง

คุณลักษณะท่ีส�ำคัญทางนิเวศ (key ecological attributes : นกยางกรอกพันธจุ์ นี (Ardeola bacchus) KEA) หมายถึง คุณลักษณะทางชีววิทยาหรือนิเวศวิทยาของถ่ินท่ีอาศัย หากถกู เปลี่ยนแปลงหรอื สญู เสยี ไป จะท�ำใหไ้ ม่สามารถทจ่ี ะอนรุ กั ษพ์ น้ื ท่ี ถ่ินที่อาศัยในระยะยาวได้ คุณลักษณะท่ีส�ำคัญทางนิเวศจึงเป็นสิ่งส�ำคัญ กับการคงอยู่หรือความบริบูรณ์ของพ้ืนท่ี หากจะให้ความหมายทาง วิชาการ จะหมายถึงส่วนประกอบท่ีส�ำคัญในทางชีววิทยา ซ่ึงประกอบ ด้วยองค์ประกอบโครงสร้าง การปฏิสัมพันธ์ กระบวนการทางชีววิทยา ระดับของสภาพแวดล้อมและการจัดเรียงตัวตามสภาพภูมิทัศน์ที่เป็น ปัจจัยที่ท�ำให้เป้าหมายของพื้นท่ีคงอยู่ตลอดไป หรือมีความบริบูรณ์ ครอบคลุมท้งั พ้ืนท่แี ละตามกาลเวลาที่เปลย่ี นแปลงไป การประเมินความคงอยู่ของถิ่นที่อาศัย (viability) สามารถ ประเมนิ ได้ 3 ลกั ษณะ คอื (1) ขนาดของพ้นื ที่ (size) (2) สภาพพืน้ ที่ (condition) และ (3) ลักษณะของพื้นท่ีโดยรอบ (landscape context) ทง้ั นี้ การประเมนิ ความคงอยขู่ องถน่ิ ทอี่ าศยั เปน็ กระบวนการสำ� คญั ทต่ี อ้ ง พจิ ารณาโดยใชร้ ายละเอยี ด แหลง่ ข้อมลู ความรู้ ประสบการณ์ และการ ปฏิบตั ิงานในพน้ื ทป่ี ระกอบในการตดั สนิ ใจ ขนาดของพนื้ ท่ี พจิ ารณาจากขนาด ความมากนอ้ ยของถนิ่ ทอี่ าศยั ที่ปรากฏในดา้ นสงั คมและนเิ วศ เช่น ลักษณะทางภมู ศิ าสตร์ สภาพพ้ืนท่ี พิจารณาจากองค์ประกอบ โครงสร้างและปฏิกิริยา ทางชวี ภาพท่ีเปน็ เอกลักษณ์ รวมทัง้ ปจั จัยอืน่ ๆ ลักษณะพื้นท่ีโดยรอบ พิจารณาจากข้อมูลสองส่วนประกอบกัน คือ (1) กระบวนการทางนิเวศวิทยา กระบวนการทที่ �ำให้เกิดหรือรกั ษา เป้าหมายของพื้นท่ที ปี่ รากฏอยู่ และ (2) ความเชือ่ มโยงสัมพนั ธ์กนั ของ กระบวนการทางนเิ วศวทิ ยา รวมถงึ ลกั ษณะทางอทุ กวทิ ยา การเกดิ ไฟปา่ สมเสรจ็ (Tapirus indicus) หมปู า่ (Sus scrofa) ววั แดง (Bos javanicus) 106 ศาสตร์และศลิ ป์ การจดั การทรพั ยากรสัตวป์ า่ ในพื้นท่คี มุ้ ครอง

และปัจจัยที่มากระทบความเช่ือมโยงของชนิดพันธุ์ต่างๆ ที่เข้าไปอาศัย ของขนาดถนิ่ ทอี่ าศยั การขยายของลกั ษณะทางสงั คม ระบบนเิ วศ ทำ� ให้ อยู่ในถ่ินที่อาศัยและทรัพยากรต่างๆ กับความสามารถของพ้ืนท่ีท่ีตอบ โครงสรา้ งถนิ่ ทอี่ าศยั เปลยี่ นแปลงไป สง่ ผลตอ่ ลกั ษณะโครงสรา้ งอายขุ อง สนองตอ่ การเปลยี่ นแปลงสง่ิ แวดลอ้ มโดยการแพรก่ ระจายหรอื การอพยพ ป่าเบญจพรรณและกระบวนการเกดิ ไฟปา่ ครัง้ ต่อไป การประเมนิ ความคงอยขู่ องถน่ิ ทอ่ี าศยั เนอื่ งดว้ ยพน้ื ทถ่ี น่ิ ทอี่ าศยั ในการวเิ คราะหภ์ ยั คกุ คามทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ กบั ถนิ่ ทอี่ าศยั จะตอ้ งมี ส่วนใหญ่จะถูกรบกวนจากมนุษย์ การประเมินความคงอยู่ต้องพิจารณา ข้อมูลดังท่ีได้กล่าวมาแล้วโดยเฉพาะข้อมูลทางนิเวศวิทยา เศรษฐกิจ งบประมาณทีใ่ ช้ในการลงทนุ เพอ่ื จัดการถน่ิ ท่ีอาศัยนัน้ ด้วย และสังคม โดยการคน้ หาภัยคุกคาม (threat) และสาเหตขุ องภัยคกุ คาม (sources of threat) ภัยคกุ คามท่ีมีผลตอ่ ถ่ินทอี่ าศยั ภยั คกุ คาม หมายถงึ สงิ่ ตา่ งๆ หรอื การกระทำ� ใดๆ ทสี่ ามารถ ระบบในธรรมชาตทิ ง้ั หมดลว้ นถกู รบกวน ไมเ่ วน้ แมแ้ ตพ่ นื้ ทท่ี อ่ี ยู่ ท�ำลายหรือสร้างความเสียหายหรือท�ำให้เสื่อมสภาพให้กับพื้นที่น้ันๆ ห่างไกลจากชมุ ชนหรือพ้นื ท่ปี า่ สมบรู ณ์ ซึ่งในส่วนของการวางแผนการ โดยมีผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของความหลากหลายทางชีวภาพ จัดการพ้ืนที่ถิ่นที่อาศัยของสัตว์ป่า จะต้องพิจารณาและวิเคราะห์ภัย อนั ไดแ้ ก่ คณุ ลกั ษณะทสี่ ำ� คญั ทางนเิ วศและความคงอยไู่ ด้ ซงึ่ เกย่ี วขอ้ ง คุกคามท่ีเกิดจากการกระท�ำของมนุษย์ท้ังทางตรงหรือทางอ้อมที่มีผล กบั ขนาด สภาพ หรอื พนื้ ทโ่ี ดยรอบ ท�ำใหถ้ ่ินทอ่ี าศัยเกิดความเสียหาย เสือ่ มสภาพ หรือถูกท�ำลาย ส่วนใหญ่ สาเหตขุ องภยั คกุ คาม หมายถงึ ตน้ เหตขุ องปญั หาหรอื สงิ่ ทที่ ำ� ให้ ภัยคุกคามจะเกิดข้ึนโดยตรงจากความเห็นไม่ตรงกัน ไม่ว่าจะเป็นเร่ือง เกดิ ภยั คกุ คามนนั้ ๆ โดยตรง ของวัตถุประสงค์ คุณค่าในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ทัง้ น้ี ตอ้ งพิจารณาและแยกแยะอย่างรอบคอบ นับวา่ เป็นเรื่องท่ี การใช้ประโยชนท์ ีด่ ิน นำ้� และทรพั ยากรธรรมชาตขิ องมนุษย์ ซ่ึงประเดน็ สำ� คญั มากทจ่ี ะตอ้ งทำ� ความเขา้ ใจในสองเรอ่ื งนี้ ภยั คกุ คามและสาเหตขุ อง ทสี่ ำ� คญั ทตี่ อ้ งการจะชใ้ี หเ้ หน็ คอื ภยั คกุ คามทงั้ หมดจะสรา้ งความเสยี หาย ภยั คกุ คามมผี ลตอ่ พน้ื ทถ่ี นิ่ ทอ่ี าศยั ในการวางแผนการจดั การหลายๆ พนื้ ที่ ใหก้ บั ลกั ษณะทสี่ ำ� คญั ทางนเิ วศวทิ ยา เชน่ ขนาด สภาพหรอื พนื้ ทโี่ ดยรอบ มักมองข้ามความส�ำคัญของท้ังภัยคุกคามและสาเหตุ ซึ่งเป็นเร่ืองที่ไม่ ของถิน่ ทอี่ าศัย สมควรอย่างยิ่ง เพราะแผนยุทธศาสตร์การอนุรักษ์ท่ีมีประสิทธิภาพจะ ตวั อยา่ งเชน่ การประเมนิ ภยั คกุ คามตา่ งๆ ที่มตี อ่ ป่าเบญจพรรณ ตอ้ งพิจารณาทั้งสองประเด็นประกอบกนั ซง่ึ เปน็ หนงึ่ ในเปา้ หมายการอนรุ กั ษพ์ น้ื ทถี่ นิ่ ทอ่ี าศยั พบวา่ การเปลย่ี นแปลง 107 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรพั ยากรสัตวป์ า่ ในพื้นท่คี มุ้ ครอง

ภยั คกุ คามทส่ี �ำคญั ภัยคกุ คามทีส่ ำ� คญั ท่เี กิดขน้ึ กับถน่ิ ท่ีอาศยั ของสตั ว์ปา่ มดี ังนี้ 1. การขยายพื้นท่ีของตัวเมือง การเพ่ิมข้ึนของประชากรของ ประเทศ ทำ� ใหม้ คี วามตอ้ งการใชป้ ระโยชนจ์ ากทด่ี นิ ทรพั ยากรธรรมชาติ ตอ้ งการทที่ ำ� กนิ เพาะปลกู พชื ผลทางการเกษตร ตลอดจนการสรา้ งบา้ นเรอื น เป็นท่ีอยู่อาศัย ท�ำให้มีการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินป่าไม้เพ่ิมข้ึน มกี ารสรา้ งชมุ ชน หมบู่ า้ นเลก็ ๆ กลายเปน็ หมบู่ า้ นขนาดใหญ่ ขยายตวั เปน็ ระดับตำ� บลหรืออ�ำเภอ พ้ืนที่ที่เปน็ ถิ่นทอี่ าศัยของสตั วป์ ่ากย็ ่งิ ลดนอ้ ยลง สัตว์ป่าจำ� เปน็ ตอ้ งหนไี ปอยูใ่ นพน้ื ที่อ่นื ทม่ี ีความสมบูรณ์กวา่ 2. การขยายพน้ื ทเี่ พอ่ื การเกษตร เมอื่ จำ� นวนประชากรในชนบท เพม่ิ ขนึ้ ความตอ้ งการทที่ ำ� กนิ จงึ เพมิ่ ขน้ึ เปน็ สง่ิ ทหี่ ลกี เลยี่ งไมไ่ ด้ การขยาย พื้นที่เพาะปลูกมีมากกว่าการปรับปรุงสมรรถนะการผลิต จึงจ�ำเป็นต้อง แผ้วถางปา่ เพอื่ น�ำพืน้ ทม่ี าใชท้ �ำการเกษตร สง่ ผลโดยตรงตอ่ การลดพ้ืนที่ ถน่ิ ทีอ่ าศยั ของสตั ว์ปา่ 3. การยึดถือครอบครองท่ีดิน ส่วนใหญ่การยึดถือครอบครอง ทดี่ นิ ปา่ ไม้ ซงึ่ เปน็ ถน่ิ ทอี่ าศยั ของสตั วป์ า่ จะเปน็ ไปในลกั ษณะขดั ตอ่ กฎหมาย โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ปลกู พชื เศรษฐกจิ เชน่ ยางพารา ปาลม์ นำ�้ มนั เปน็ ตน้ ทำ� สวนผลไม้ สรา้ งทีพ่ กั ผ่อนหย่อนใจ รสี อร์ท หรอื บ้านเรือนอีกด้วย 4. การสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ของดิน ในท้องที่ป่าชนิดใดท่ี มดี ินอุดมสมบรู ณ์ มแี ร่ธาตอุ าหารของพืชมาก ต้นไม้ พืชอาหารสัตวจ์ ึงมี การเจริญเติบโตดี ย่อมจะมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากและมีการขยายพันธุ์ เพ่ิมข้ึน ความเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดจากการท�ำลาย เช่น การเผาป่า หรือ มนษุ ยเ์ ขา้ ไปใชป้ ระโยชน์ สง่ ผลใหห้ นา้ ดนิ ไมม่ สี งิ่ ปกคลมุ หากฝนตกหนกั น้�ำจะไหลบ่าอยา่ งแรง เกดิ การชะลา้ งและพงั ทลายของดนิ แรธ่ าตใุ นดนิ จงึ ถกู ชะลา้ งไปดว้ ย 5. การลกั ลอบตดั ไมแ้ ละการเกบ็ หาของปา่ ในพน้ื ทปี่ า่ ไมท้ เ่ี ปน็ ถ่ินท่ีอาศัยของสัตว์ป่า ไม้ท่ีมีล�ำต้นโตและมีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจ มกั ถกู ลกั ลอบตดั มาใชป้ ระโยชนใ์ นการกอ่ สรา้ งบา้ นเรอื นและเฟอรน์ เิ จอร์ ปกตติ น้ ไมข้ นาดใหญจ่ ะอำ� นวยผลประโยชนด์ า้ นอาหารของสตั วป์ า่ รวมทงั้ เปน็ ที่อาศัยท�ำรังวางไข่ของสัตว์ป่าหลายชนิด เม่ือไม่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ จึงไม่มีท่ีคุ้มกันภัย ต้นไม้ขนาดเล็กไม่เหมาะสมเป็นที่อยู่อาศัย สัตว์ป่า จำ� เปน็ ตอ้ งอพยพหนไี ปอาศยั อยใู่ นพน้ื ทอ่ี น่ื ตวั อยา่ ง เชน่ บรเิ วณปา่ เตง็ รงั เม่อื ไมจ้ �ำพวกเต็ง รัง เหียง พลวง ซงึ่ เป็นตน้ ไม้ขนาดใหญ่ ถูกตดั ไปสร้าง 108 ศาสตร์และศลิ ป์ การจดั การทรัพยากรสัตว์ปา่ ในพ้ืนท่ีคุ้มครอง

บา้ นเรอื นหรอื สงิ่ กอ่ สรา้ งอนื่ ๆ สตั วป์ า่ ทเี่ คยอาศยั อยจู่ งึ หายไปจากพน้ื ทด่ี ว้ ย สาเหตุของภยั คุกคาม เพราะไม่มแี หลง่ หาอาหารและที่สรา้ งรังวางไข่ สาเหตขุ องภยั คกุ คามทม่ี ผี ลกระทบตอ่ ถน่ิ ทอี่ าศยั แตล่ ะเปา้ หมาย 6. การทำ� ลายถ่ินทีอ่ าศยั โดยภยั ธรรมชาติ เชน่ การเกิดวาตภัย มดี ังนี้ อทุ กภยั หรืออาจจะเกดิ จากการทำ� ลายของมนุษย์ โดยการเผาป่าเพ่อื ให้ 1. ภัยคุกคามทางตรง (direct threats) เป็นตัวกระท�ำหรือ โล่งเตียนหรือเพื่อล่าสัตว์ป่า เป็นต้น ภัยเหล่านี้จะท�ำให้ถ่ินท่ีอาศัย ปจั จยั ทที่ ำ� ใหเ้ ปา้ หมายการอนรุ กั ษเ์ สอื่ มลงโดยตรง ภยั คกุ คามโดยตรงจะ ถูกรบกวนเป็นอย่างมาก สัตว์ป่าส่วนใหญ่จะมีความอ่อนไหวต่อการ ถกู จัดไวใ้ นกลุ่มภัยคกุ คามรุนแรง เช่น การท�ำไม้ การบกุ รุกยึดถอื ครอบ เปลย่ี นแปลงของถ่ินทีอ่ าศยั อาจท�ำใหส้ ตั ว์ปา่ ตอ้ งอพยพย้ายถนิ่ ครองทด่ี ิน เปน็ ตน้ 7. ผลผลติ ของอาหารในพนื้ ทถี่ น่ิ ทอี่ าศยั ลดลง เนอื่ งมาจากการ 2. ภยั คุกคามทางออ้ ม (indirect threats) เป็นปจั จัยท่ีได้จาก เปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ เช่น บางฤดูกาลแห้งแล้ง ฝนตกน้อย การวเิ คราะหส์ ถานการณแ์ ละเปน็ ปจั จยั ทที่ ำ� ใหเ้ กดิ แรงกดดนั ตอ่ ภยั คกุ คาม ผลผลิตของอาหารจะลดลง ท�ำให้สัตว์ป่าต้องแก่งแย่งอาหาร แหล่งน�้ำ โดยตรง มกั จะเปน็ เรอื่ งเกย่ี วกบั นโยบาย เชน่ นโยบายการทำ� ไม้ นโยบาย หรอื ท่ีคมุ้ กนั ภัย การปฏริ ปู ท่ดี นิ เป็นตน้ 8. การเลี้ยงปศุสัตว์ภายในพื้นที่คุ้มครอง ในปัจจุบันพบว่า อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหลายแห่ง ชาวบ้านในชุมชน ปัจจัยทม่ี ีผลต่อการจดั ระดบั ภยั คุกคาม ใกล้เคียงน�ำวัวเข้าไปปล่อยให้หากินตามธรรมชาติ ท�ำให้เกิดแก่งแย่ง เมื่อภัยคุกคามก่อให้เกิดความเสียหายต่อถิ่นที่อาศัย มีการ อาหารระหวา่ งสัตว์ปา่ กบั สตั ว์เลีย้ ง นอกจากน้ี สตั ว์เลี้ยงอาจเปน็ แหล่ง พิจารณาระดับความเสยี หายจากปจั จัย ดงั ตอ่ ไปนี้ แพรเ่ ช้ือโรคสสู่ ัตว์ป่า 1. ระดบั ความรนุ แรงของความเสยี หาย (severity of damage) 9. การทพี่ นื้ ทป่ี า่ ไมถ้ กู แบง่ แยกออกเปน็ หยอ่ มๆ ซงึ่ เกดิ จากการ ระดบั ใดๆ ของความเสยี หายทมี่ ตี อ่ ถน่ิ ทอ่ี าศยั ทคี่ าดวา่ จะเกดิ ขนึ้ ในระยะ ยึดถือครอบครองที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ราบระหว่าง เวลา 10 ปีขา้ งหนา้ ภายใตส้ ถานการณป์ ัจจุบันที่เป็นอยู่ คือ ถกู ทำ� ลาย ภูเขา หบุ เขา หรือใชท้ ำ� ประโยชนอ์ ย่างอนื่ ท�ำใหถ้ ิน่ ทีอ่ าศยั ไมต่ ิดตอ่ เปน็ ทงั้ หมด เสอื่ มสภาพอยา่ งมาก เสอื่ มสภาพปานกลาง และเสยี หายเลก็ นอ้ ย ผนื เดยี วกนั ส่งผลกระทบต่อการอยูอ่ าศัยและหากินของสตั ว์ปา่ เกิดการ 2. ขอบเขตของความเสยี หาย (scope of damage) ขอบเขต อพยพย้ายถน่ิ หรือสูญเสยี พันธุกรรม ทางภมู ศิ าสตรข์ องผลกระทบทม่ี ตี อ่ ถน่ิ ทอ่ี าศยั ทค่ี าดวา่ จะเกดิ ขนึ้ ในระยะ เวลา 10 ปี ภายใตส้ ถานการณ์ปจั จุบันที่เปน็ อยู่ ภัยคกุ คามน้ันท�ำใหเ้ กดิ ความเสยี หายกบั พน้ื ทที่ งั้ หมดหรอื เฉพาะท่ี ขอบเขตความเสยี หายแตล่ ะ ความรุนแรงจะแบ่งออกเปน็ ระดบั สูงมาก สูง ปานกลาง และต่�ำ ส�ำหรับภัยคุกคามรุนแรงท่ีเป็นปัญหามากท่ีสุด ส่วนใหญ่จะเป็น สาเหตทุ ถ่ี กู จดั ใหอ้ ยใู่ นระดบั สงู และสงู มากทม่ี ผี ลตอ่ ถน่ิ ทอี่ าศยั ทป่ี ระกอบ ด้วยพื้นที่ถูกท�ำลาย (scope) ระดับความรุนแรง (severity) สัดส่วน (contribution) และความสามารถในการฟน้ื ฟคู นื สภาพเดมิ (reversibility) ส่วนการจัดอันดับภัยคุกคามอาศัยข้อมูลจากรายงานต่างๆ ที่ได้จัดท�ำจากการประชุมเชิงปฏิบัติการ การเก็บข้อมูลในพื้นที่และ ประสบการณ์เฉพาะตัวของผู้จัดการพ้ืนท่ีคุ้มครอง การวิเคราะห์จาก ทมี งานวางแผน โดยการจดั อันดบั จะวิเคราะห์จากปัจจยั ดงั กล่าวข้างต้น ในแตล่ ะเป้าหมายของการอนรุ ักษ์ 109 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรพั ยากรสตั ว์ป่าในพน้ื ทีค่ ุ้มครอง

การตดิ ตามและประเมินถน่ิ ท่ีอาศยั วิธีการติดตามและประเมินถิ่นที่อาศัยประกอบด้วยวิธีการเก็บ การตดิ ตามและประเมนิ ถนิ่ ทอี่ าศยั เปน็ การวเิ คราะหว์ า่ ถนิ่ ทอี่ าศยั ข้อมูล การวิเคราะห์และการน�ำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ วิธีการท่ีใช้ในการ มคี วามเหมาะสมส�ำหรบั สัตวป์ ่ามากนอ้ ยเพยี งใด จะมวี ิธกี ารตดิ ตามและ ตดิ ตามและประเมนิ จะตอ้ งทำ� ไดง้ า่ ยและมหี ลกั เกณฑ์ ผปู้ ฏบิ ตั งิ านจะตอ้ ง ประเมนิ วา่ ถน่ิ ทอ่ี าศยั สตั วป์ า่ มกี ารใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งไร มภี ยั คกุ คามอะไร มปี ระสบการณใ์ นการเกบ็ ขอ้ มลู สำ� หรบั ตวั ชวี้ ดั จะพจิ ารณาตามเปา้ หมาย เกิดข้ึนบ้าง พื้นที่มีการเปล่ียนแปลงอย่างไร และจะด�ำเนินการอย่างไร และวตั ถปุ ระสงค์ เชน่ ประชากรของสตั วป์ า่ ในทอ้ งถนิ่ คงอยู่ กระบวนการ ตอ่ ไปในอนาคต ทางนิเวศคงอยแู่ ละกระบวนการทดแทนของความหลากหลายดขี ึ้น ในกระบวนการตดิ ตามตอ้ งตรวจสอบอะไรบา้ งทจ่ี ะทำ� ใหท้ ราบวา่ ขนั้ ตอนของการตดิ ตามและประเมนิ มี 5 ขัน้ ตอนดงั น้ี พนื้ ทถ่ี น่ิ ทอ่ี าศยั มคี วามเหมาะสมสำ� หรบั สตั วป์ า่ หรอื ไม่ มคี วามอดุ มสมบรู ณ์ 1. ข้อมูลแบบไม่เจาะลึก เป็นการพิจารณาด้านอาหาร น้�ำ เพียงใด สามารถรองรับจ�ำนวนประชากรในท้องถ่ินได้เพียงพอหรือไม่ ที่คุ้มกันภัย สภาพลักษณะภูมิประเทศ การกระจายและลักษณะของ การดำ� เนนิ การทผ่ี า่ นมามกี ารเปลย่ี นแปลงอยา่ งไรบา้ ง คำ� ถามเหลา่ นผี้ บู้ งั คบั ระบบนเิ วศ เช่น ประวัติสงั คมพชื ลกั ษณะทางกายภาพ เปน็ ตน้ บัญชาระดับสูงจะสอบถามผู้ปฏิบัติงานในพื้นท่ี ผู้ปฏิบัติงานจะต้องหา 2. ข้อมูลแบบละเอียด เป็นการเพ่ิมเติมรายละเอียดจากวิธี คำ� ตอบโดยการตดิ ตามและประเมนิ วธิ กี ารดำ� เนนิ งาน การเกบ็ ขอ้ มลู ในขอ้ 1 เชน่ ปรมิ าณ ขนาด ตำ� แหนง่ ทตี่ งั้ การกระจาย เปน็ ตน้ ปจั จบุ นั ความสำ� เรจ็ ในการจดั การพนื้ ทคี่ มุ้ ครองจะเปน็ การวดั ผล 3. การวิเคราะห์เพ่ือหาปริมาณ การปรากฏ การอยู่รอด ทอี่ าศยั การสำ� รวจความหลากหลายทางชวี ภาพ โดยการประเมนิ ผลความ ภยั คุกคาม ผลผลติ และแนวโนม้ ในอนาคต อดุ มสมบรู ณข์ องความหลากหลายทางชวี ภาพและภยั คกุ คามทเ่ี กดิ ขนึ้ โดย 4. การก�ำหนดคา่ ดัชนหี รือตัวชวี้ ดั (indicator) ทั่วไป และเม่ือมีการน�ำแผนการจัดการมาใช้ สถานภาพและภัยคุกคาม 5. การน�ำข้อมูลไปใช้ในการปรับปรุงและป้องกัน อาจเป็นข้อ ลดลงหรือไม่ แผนยุทธศาสตร์การจัดการเชิงบูรณาการมีการด�ำเนินการ คิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ เช่น การปรับปรุงหรือเพิ่มแหล่งอาหาร อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพหรอื ไม่ และความอดุ มสมบรู ณข์ องความหลากหลาย แหล่งนำ�้ และที่คุ้มกนั ภยั การลดภัยคกุ คาม การเพ่มิ ผลผลิต การขยาย ทางชีวภาพเพิ่มมากขึ้นหรอื ไม่ พืน้ ที่ ตลอดจนการปลูกพชื เพิ่มเตมิ 110 ศาสตร์และศิลป์ การจดั การทรัพยากรสตั วป์ ่าในพ้ืนที่คมุ้ ครอง

นกกก (Buceros bicornis) 111 ศาสตร์และศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสตั ว์ปา่ ในพืน้ ทีค่ ้มุ ครอง

เสือดาว (Panthera pardus) การส�ำรวจระบบนิเวศของถ่ินท่ีอาศัย เป็นการเก็บข้อมูลด้าน ทไ่ี ม่สามารถปรับตวั ไดท้ ัน ระบบนิเวศทุกปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เพ่ือสังเกตความเปลี่ยนแปลงของถ่ินท่ี 2. ปรมิ าณนำ้� ฝน (rainfall) สงั คมพชื ตา่ งๆ ในถน่ิ ทอี่ าศยั มคี วาม อาศยั หรอื การเกบ็ ขอ้ มลู ดา้ นสตั วป์ า่ เพอ่ื ศกึ ษาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสตั วป์ า่ ต้องการนำ้� ไมเ่ ท่าเทียมกัน ขึน้ อยู่กบั การปรบั ตัวและการววิ ฒั นาการของ กบั ถน่ิ ทอี่ าศยั และสง่ิ แวดลอ้ ม ทง้ั การตดิ ตามและการประเมนิ ถนิ่ ทอี่ าศยั สงั คม ปา่ ผลดั ใบตอ้ งการนำ�้ นอ้ ยกวา่ ปา่ ดงดบิ โดยในชว่ งฤดแู ลง้ เมอื่ ตน้ ไม้ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับถ่ินที่อาศัยที่จะต้องน�ำไปประกอบในการ ผลดั ใบจงึ ตอ้ งการใชน้ ้ำ� จากดนิ นอ้ ย ส่วนช่วงฤดูกาลเจรญิ เติบโตต้องการ พิจารณาเก็บข้อมูลเพ่ือประโยชน์ในการก�ำหนดแผนยุทธศาสตร์การ น�ำ้ สูงสุด การกระจายของฝนมีความส�ำคัญต่อช่วงความยาวนานของดิน จัดการถ่ินทอี่ าศัย มีดังนี้ ที่จะมีน้�ำให้แก่ต้นไม้ได้ ปริมาณน�้ำฝนจึงมีความสัมพันธ์กับการเกิดของ 1. อณุ หภมู ิ (temperature) จะเกย่ี วขอ้ งกบั พลงั งานความรอ้ น ปา่ ชนิดต่างๆ การกระจายของอุณหภูมิของโลก ผลกระทบของอุณหภูมิต่อถ่ินที่อาศัย 3. สภาพภมู ปิ ระเทศ (topography) เปน็ ปจั จยั ทมี่ ผี ลตอ่ สงั คม สว่ นใหญจ่ ะมผี ลกระทบกบั ชนดิ พนั ธไ์ุ ม้ เชน่ การเจรญิ เตบิ โต การทำ� ลาย พืช การกระจายของสังคมพืชและพันธุ์พืชบางชนิดจะสัมพันธ์กับปัจจัย และการกอ่ ใหเ้ กดิ การปรบั ตวั ของรปู รา่ ง การเปลย่ี นแปลงของอณุ หภมู ทิ ี่ ภมู ปิ ระเทศ เชน่ ระดบั ความสงู จากระดบั นำ้� ทะเล ความลาดชนั ดา้ นลาด เปน็ ไปอยา่ งรวดเรว็ มกั จะกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หากบั พชื หลายชนดิ โดยเฉพาะพชื สภาพของผิวพ้ืนที่ ความผันแปรของสภาพภูมปิ ระเทศ เชน่ การผกุ ร่อน 112 ศาสตร์และศลิ ป์ การจดั การทรัพยากรสัตวป์ า่ ในพ้นื ทคี่ ุม้ ครอง

ของหนิ การพฒั นาของดนิ การทบั ถม การพงั ทลาย การสะสมธาตอุ าหาร อยา่ งยงิ่ ตอ่ การไดร้ บั ปรมิ าณน้�ำฝน ดา้ นลาดทห่ี นั ไปทางตะวนั ตกเฉยี งใต้ และความชื้น จะเห็นได้จากสภาพพื้นท่ีในท่ีลุ่ม เชิงเขา สันเขาท่ีมี ไดร้ บั ลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต้ มโี อกาสไดร้ บั ลมมรสมุ จากทะเลอนั ดามนั ลักษณะดนิ ทแี่ ตกตา่ งกัน ปริมาณน�้ำฝนจะมากกว่าด้านลาดที่หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 4. ระดบั ความสงู (elevation) ระดบั ความสงู จากระดบั นำ้� ทะเล ปา่ ไม้ทีเ่ ป็นป่าผสมผลดั ใบจะมีความอดุ มสมบูรณ์ ปานกลางมีความสมั พนั ธ์กบั สังคมพชื และอณุ หภูมิ โดยเก่ยี วขอ้ งกบั การ 7. ดิน (soil) ดินเป็นปัจจัยท่ีส�ำคัญย่ิงต่อสังคมแห่งชีวิต กระจายและการเจริญเตบิ โตของพนั ธุพ์ ืชโดยตรง การกระจายของสงั คม เนอ่ื งจากสง่ิ มชี วี ติ ทกุ ชนดิ ตอ้ งอาศยั ดนิ เพอื่ การเจรญิ เตบิ โต ดนิ เปน็ แหลง่ พชื ตา่ งๆ ในประเทศไทยมกี ารเรยี งตวั ของปา่ ชนดิ ตา่ งๆ โดยเรมิ่ ตน้ ทรี่ ะดบั ยึดเหนย่ี วของพืช ให้ธาตอุ าหาร นำ�้ อากาศ และความอบอ่นุ ท�ำให้เกิด ทต่ี ำ�่ สดุ ทรี่ ะดบั น�้ำทะเลจะเปน็ ป่าชายหาด ป่าชายเลน ป่าพรุ เมือ่ ระดบั ประโยชนต์ อ่ สง่ิ มชี วี ติ นบั ตงั้ แตจ่ ลุ นิ ทรยี ์ เชอ้ื รา มนษุ ย์ ความอดุ มสมบรู ณ์ นำ้� ทะเลสงู ขนึ้ ไปไมเ่ กนิ 600 เมตร จะเปน็ พน้ื ทท่ี ม่ี ฝี นตกชกุ เปน็ ปา่ ดบิ ชนื้ ของดินเป็นสิ่งวัดความอุดมสมบูรณ์ของสังคมแห่งชีวิต ดินท่ีอุดม หากว่ามีความแห้งแล้งจะเป็นป่าดิบแล้ง ป่าผสมผลัดใบและป่าเต็งรัง สมบูรณ์สามารถให้ธาตุอาหารที่จ�ำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชใน จนถงึ ระดบั ความสงู ท่ี 1,200 – 2,000 เมตร จากระดบั นำ้� ทะเลปานกลาง ปริมาณและอัตราส่วนทพี่ อเหมาะ เป็นปา่ ดบิ เขา เป็นต้น 8. ไฟป่า (fire) นับว่าเป็นปัจจัยที่ส�ำคัญและมีผลต่อสังคม 5. ความลาดชนั (slope) หมายถงึ มมุ ความลาดเอยี งของผวิ ดนิ พืชคลุมดนิ ไฟป่ามักจะเกิดจากนำ�้ มอื ของมนุษย์ สังคมพชื คลุมดนิ หลาย หรือผิวพื้นท่ีจากแนวระดับมาตรฐาน ความลาดเอียงของพ้ืนที่มีผลต่อ สังคมมกี ารปรบั ตัวใหเ้ ข้ากบั สภาพการเกิดไฟป่า เชน่ ปา่ เตง็ รัง ทงุ่ หญา้ สงั คมพชื น้อย แตม่ ีอิทธิพลตอ่ ปจั จัยอืน่ ๆ โดยตรง เชน่ การเจรญิ เติบโต เปน็ ตน้ ผลกระทบของไฟปา่ ตอ่ พชื สามารถแบง่ ออกไดว้ า่ เปน็ การทำ� ลาย ของไม้ การปรากฏของไม้แตล่ ะชนดิ โครงสรา้ งของพืช ระบบการระบาย หรอื เป็นประโยชน์ตอ่ สงั คมพชื พนั ธไ์ุ มบ้ างชนิดมกี ารสร้างเปลือกท่หี นา น�้ำผิวดินและส่วนลึกของดิน น้�ำท่ีไหลตามผิวดินจะมีอัตราความเร็วสูง ขนึ้ เพอื่ ใหท้ นตอ่ ไฟปา่ บางชนดิ ลดความสามารถในการตดิ ไฟของเนอ้ื เยอ่ื โอกาสการซมึ ลงส่สู ่วนลึกของดนิ นอ้ ย มคี วามช้ืนตำ่� สังคมพชื คลมุ ดนิ จงึ บางชนิดมีล�ำต้นเล้ือยไปใต้ดินและสามารถงอกข้ึนมาใหม่หลังไฟไหม้ เป็นสงั คมทตี่ ้องปรับตวั เข้ากับความแหง้ แลง้ หรอื บางชนดิ ปรบั ตวั ในการงอกของเมลด็ เชน่ เมลด็ ไมท้ ม่ี เี ปลอื กหมุ้ แขง็ มาก 6. ด้านลาด (aspects) หมายถงึ ความลาดเอยี งของพ้ืนที่ ซึง่ มี ทนอยู่ในดินไดน้ าน เมอ่ื มไี ฟปา่ เกดิ ข้นึ พ้ืนท่ีเปิดโล่งจะงอกข้ึนมาทันที ผลตอ่ การไดร้ บั พลงั งานจากดวงอาทติ ย์ ปรมิ าณของฝนทตี่ กและลมทพ่ี ดั 9. มนุษย์ (human) มนษุ ย์มสี ่วนสัมพันธ์กับปา่ ไม้มานาน คือ เอาความแห้งแล้งเข้ามาในพ้ืนที่ ดา้ นลาดของภูเขาในประเทศไทย มผี ล ใชป้ า่ เปน็ แหลง่ อาหาร แหลง่ นำ�้ ทอ่ี ยอู่ าศยั และทค่ี มุ้ กนั ภยั จนถงึ ปจั จบุ นั นกโพระดกธรรมดา (Megalaima lineata) นกปลกี ลว้ ยเลก็ (Arachnothera longirostra) 113 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรัพยากรสัตว์ปา่ ในพืน้ ที่ค้มุ ครอง

มนุษย์ยังคงมีความสัมพันธ์กับป่าไม้ในการด�ำรงชีวิต เช่น การปลูกพืช โดยการดูดซับธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรองจากดิน น�้ำและ เล้ยี งสัตว์ เก็บหาของปา่ ใช้เนื้อไมใ้ นการกอ่ สรา้ ง เป็นตน้ กิจกรรมหลาย บรรยากาศ ผลิตแป้งและน้�ำตาลเพื่อน�ำไปใช้ในการด�ำรงชีพของพืช อยา่ งของมนุษย์มผี ลกระทบต่อสงั คมพืช เช่น การท�ำไม้ การเล้ียงปศสุ ตั ว์ กอ่ ใหเ้ กดิ ความเจรญิ เติบโตและใช้เพื่อการขยายพันธุต์ อ่ ไป ในปา่ การเปลยี่ นสภาพปา่ ไมห้ รอื ทงุ่ หญา้ ใหเ้ ปน็ พนื้ ทเี่ กษตรกรรม การทำ� ผู้บรโิ ภคอนั ดบั แรก จะเป็นสัตว์ที่กินพชื เป็นอาหาร ได้แก่ แมลง เหมอื งแร่ การสรา้ งเขอื่ น การท�ำให้เกดิ ไฟปา่ และการก่อมลพษิ ชนิดต่างๆ กระตา่ ย หนู เก้ง กวางปา่ กระทิง ววั แดง และชา้ ง เป็นต้น ซ่ึงต้องประเมินถ่ินท่ีอาศัยของสัตว์ป่าดังกล่าวว่ามีความอุดมสมบูรณ์ การประเมินถิ่นทีอ่ าศยั มากน้อยเพียงใด และจะน�ำผลการประเมินไปใช้อย่างไร ซึ่งจะน�ำไปสู่ ในการประเมินถิ่นที่อาศัย ผู้ด�ำเนินการจะต้องมีความรู้ความ การบรโิ ภคอันดบั สอง อนั ได้แก่พวกสตั วท์ ีก่ ินสตั ว์กินพืชเป็นอาหาร เชน่ ช�ำนาญในเรื่องของนิเวศวิทยาของถ่ินที่อาศัยหรือความรู้พ้ืนฐานทาง เสอื หมี อีเห็น เป็นตน้ นเิ วศวิทยา การปา่ ไมแ้ ละการจดั การสตั ว์ปา่ ซึ่งมีขอ้ ทค่ี วรพจิ ารณา คอื ส่วนกลุ่มผู้สลายอินทรียวัตถุ เป็นองค์ประกอบท่ีท�ำหน้าที่สลาย 1. หน้าที่ขององค์ประกอบในระบบนิเวศ (ecosystem อินทรียวัตถุให้แตกแยกเป็นสารอาหารหลักกลับสู่ดินและส่ิงแวดล้อม functioning) จะตอ้ งเขา้ ใจถงึ กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ซงึ่ เปน็ การ พลงั งานจะถกู ปลดปลอ่ ยออกไปในรปู ของพลงั งานความรอ้ นสสู่ ง่ิ แวดลอ้ ม สร้างอินทรียวัตถุข้ึนจากอินทรียวัตถุท่ีมีอยู่ในสิ่งแวดล้อมเพ่ือการใช้ และแผ่รังสีสู่อากาศ จะมีสิ่งมีชีวิตท�ำการสลายชิ้นส่วนของพืชและซาก ประโยชน์ของพืช สัตว์ และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก พืชท�ำหน้าที่เป็นผู้สร้าง สตั วท์ ี่แข็งใหเ้ ลก็ ลง เช่น ปลวก มด ไส้เดอื น เปน็ ตน้ มีเช้อื รา แบคทเี รีย อินทรียวัตถุ หมายถึง ผู้สร้างหรือผู้ผลิต ที่ท�ำการดูดซับพลังงานรังสี สลายเซลลโู ลสใหส้ ลายตัวและคนื สสู่ ภาพแวดลอ้ มตามธรรมชาติต่อไป จากดวงอาทติ ย์ โดยวธิ กี ารสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ทำ� การสรา้ งอนิ ทรยี วัตถุขึน้ 114 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรัพยากรสัตว์ป่าในพืน้ ทค่ี ุ้มครอง

พลังงานจาก - 65 - ดวงอาทิตย์ สสารจากดนิ นา้ บรรยากาศ ผสู้ ร้าง ผยู้ อ่ ยสลาย Producer Decomposer กระรอกปลายหางด�ำ (Callosciurus caniceps) ผูบ้ รโิ ภคอนั ดับแรก ผูบ้ รโิ ภคอนั ดบั สอง กินเป็นอาหารจากแปลงตัวอย่าง การนับและช่ังผลไม้ในแปลงตัวอย่าง Primary Secondary การนบั ยอดไมแ้ ละชง่ั หาน�้ำหนกั การกะประมาณดว้ ยสายตา การวดั หา Consumer Consumer ปริมาณแร่ธาตุอาหารและอาหารโปรตีน การสังเกตการเปล่ียนแปลง ภกาาพรแทสำ� ดงงาในห้เขหอ็นงถอึงงกคารป์ ทราะงกานอขบอใงนอรงคะป์บรบะนกอิเวบศในระบบนิเวศ การทดแทนของสังคมพืชท่ีเกิดจากอิทธิพลความเปลี่ยนแปลงของสภาพ ภูมิอากาศ กิจกรรมของพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสังคมนั้น สัตว์ป่า ผ2ู้บ. ริโภคคุณอภันาดพับขแอรกงถ(ิ่นPrทim่ีอาaศryัยCแoลnะsปuรmะชeาr)กจระเ(ปh็นaสbัตitวa์ทt่ีกqินuพaชื lเiปty็นอาเหลาอื รกไอดา้แศกยั ่ อแยมใู่ลนงสงั คมพชื ทแี่ ตกต่างกันมมี ากนอ้ ยเพยี งใด ชนิดตา่ งๆanกdระpตoา่ pยuหlนatู iอoเี nกsง้ )กวางปา่ กระทงิ ววั แดงและช้าง เปน็ ตน้ ซ่งึ การประเมินถ น่ิ ที่อาศยั กขาอรงใสชัตป้ วร์ ะโยชน์ พืชชนดิ ใดบ้างท่สี ตั วป์ ่าชอบกินเปน็ อาหารและ บแปอเีต่ารหดิกโน็ภแังคกยเปอลก็นั่นาเ ทคปวตดุณีอ่็วนน้ับ่าาสภสมศาอาีครัยพงสอวเห่วหาขา(นมSลหอมeกอกัางาcลรุดถกะoหุ่มม่นิาสnผลรสทมdู้สักวมหอ่ีลaเิกบคาราrลyูรยศรอื ับณาอยัไCสะมิน์มoู่ดห=ท่าnิจนด ์กรsะแียา้นuตลวนm้อตัะ้อคยอถสeงณุเาุิ่งมrพ()หแภDปีียวอาeางัจดรันใcพจลดoไ+จยัด้อmแะร้แมนลตวpกะำ้�มอพo้่พจsขงลว+eะพกัองrนงสทจิ)งาาัตทาเ่ีคนผปรวงั้้มุกลน็์ทณ็กจ5กอ่ีกาะนัางินวปถรคภสา่ปูกัจป์ ัตัยคปจรรวณุะะัยล+์กกเดภินมคอปาพินบือพลืชไท่ปอขเี่ทปยใอชา็นองห้ออถอนยาน่ิก้าห่าไทงาปไ่ีสรรใลปทชชนเซาชออรดรย่ึง่นะูบปบแจอโขมทกะินเยสอานินทชนือกงานรใโพไียนคกพม์ปลวรแาาชืสััตง่งกรตชงู่กถเหจา่ลนาุใจนนมหระดิรี้เฤิญใรดดยี เบูกกตา้วิาบงา่ลโทถตไกไู่ีดขมท้หอไ่ ำ�รดงลือพใ้ าชไืชยมป้ มโ่รดีมโะยดาโสยกยตัชเนวฉน้อป์พเ์ ยลา่ ามเยะพาใพียกนชืงเทกใชดุน่ิงนหไดิปสญใาด(้าoมทซvาสี่่ึงeรจตั rถะgวทrมแ์ aี่จทีกzะiาะnงรเgอลใ)ชม็ก้ ความร้อน สู่ส่ิง แวดล ้อม และแ ผ่รังสีสู่อากาศพจ้ืนะทม่ีเีสพ่ิงือ่ มกีชิจีวิตกทรรามกา+รสปลาัจยจชยั ิ้นเฉสพ่วนาขะองพืชและซา กสัตว์ท่ีแ3ข.็ งใหกเ้ ลา็กรท�ำแผนที่แหล่งอาหาร (food map) ในพื้นท่ีจัดการ ลง เช่น ปลวก มด ไส้เดือน ฯลฯ มีเชื้อรา แบคทีเรียสลายเซลลูโลสให้สลายตัวและคืนสู่สภสัตาพวแ์ปว่าดจละ้อมมีกตาารมท�ำแผนที่แสดงท่ีตั้งหรือสภาพที่พบของพืชที่เป็นแหล่ง หธรรรอื มไมชาเ่ หตมิตก สาอ่ัตาะไวรสป์กมปินรจ2หพอะ.ะลชืตาเักคมอ้หแุณกงลานิ ใาภระหรคขากม้วพณุอนิีปิเขคงจัเภอนสรจงัตาือ้าัยถะรวอพิ่นวห์ปาทอมศ์ด่าี่อขา้จัยาาอหนะศองยัปทคยาแุังู้ใ่ณรรนลาข5ภะบกอปาปฏรรพงัจเิอะวจสจยชณัยะัตาู่ใตพกนคว้รอือพื้น์ปง(ทื้นHพ่าเี่ทaิจดb่ีปายี i่ราtวaไณกtมนัาQ้หวuรก่าือaาคlทรุiณtปุ่งyภหรaาะญnพเdม้าขทนิ Pอี่มดoงpา้ีทถนu่ิน้ังlทat่ีอioสsอาpnตัาศseหวัย)c์ปาจiร่าeะสsเตั)หวมท์าุ่งชะหนสญมดิ พ้า นั ชธนุ์ไมิด้ทพ่เีันปธ็นุ์ไมต้แ้นลไมะใ้แหหญล่ห่งทรอืี่มชีกนารดิ ใพชัน้ปธรุเ์ะดโ่นยช(นd์พoืชmอiาnหanารt อาหารคจณุะปภราะพกของบถดน่ิ ้วทยีอ่ าศยั = อาหาร + น้า + ที่คุ้มกันภัย + พน้ื ทเ่ี พ่อื กิจกรรม + ปจั จยั เฉพาะ 1. การปรากฏในพนื้ ท่ี องคป์ ระกอบและผลผลติ ของชนดิ พนั ธไ์ุ ม้ การประเมินคุณภาพแหล่งนำ้� ที่เป็นอาหารสัตว์ป่า ผลิตผลด้านพืชหรือผลผลิตท่ีอ�ำนวยผลประโยชน์ การประเมนิ แหลง่ นำ�้ ในพนื้ ทถี่ น่ิ ทอี่ าศยั ของสตั วป์ า่ ขอ้ มลู จำ� เปน็ ให้แก่สัตว์ป่า ปริมาณการน�ำส่วนของพืชมาใช้ประโยชน์ อัตราส่วนการ ท่ีจะต้องพจิ ารณาส�ำหรบั การประเมินคณุ ภาพของถ่ินทอี่ าศัย คอื ขอ้ มูล เพ่ิมขึ้นของผลผลติ สภาพของสังคมพืชตามธรรมชาติ ความหลากหลาย ต�ำแหน่งการปรากฏของแหล่งน�ำ้ ประเภทของแหล่งนำ้� เป็นแบบใด เช่น ทางชีวภาพ สถานภาพของพนั ธพุ์ ืชและต้นไมท้ ่ยี ืนตายอยใู่ นป่า ลำ� หว้ ย ลำ� ธาร แอง่ นำ้� ขนาดเลก็ หรอื ใหญ่ นำ�้ ซบั นำ้� ตก เปน็ ตน้ ปรมิ าณนำ้� 2. ปรมิ าณและคณุ ภาพ ประเมนิ โดยการหามวลชวี ภาพ (biomass) จะมอี ยตู่ ลอดปหี รอื ไม่ การใชป้ ระโยชนข์ องสตั วป์ า่ มมี ากหรอื นอ้ ยเพยี งใด ซ่ึงเป็นการชั่งหาน้�ำหนักสดและน้�ำหนักแห้งของใบ ก่ิงก้านพืชที่สัตว์ป่า และมีความสัมพันธ์กับชนิดของป่าไม้น้ันๆ หรือไม่ แหล่งน้�ำแต่ละแห่ง 115 ศาสตร์และศิลป์ การจดั การทรพั ยากรสตั ว์ปา่ ในพน้ื ท่คี ุ้มครอง

มคี วามเหมาะสมตอ่ การใชป้ ระโยชนข์ องสตั วป์ า่ หรอื ไม่ หากไมเ่ หมาะสม การทำ� แผนท่ที คี่ มุ้ กนั ภยั (cover map) สามารถใชแ้ ผนทร่ี ะวาง จะมวี ิธกี ารปรบั ปรงุ อยา่ งไร เพือ่ อำ� นวยประโยชนใ์ ห้แก่สัตวป์ า่ มากทสี่ ดุ ก�ำหนดแหล่งท่ีเป็นถ้�ำ ต้นไม้ท่ีสัตว์ป่าใช้อาศัยหลับนอน แหล่งสร้างรัง และให้มีน�้ำเพียงพอตลอดทั้งปี ส่ิงส�ำคัญท่ีสุดท่ีควรค�ำนึงถึง คือ ความ วางไข่ หรอื แหลง่ ปกคลมุ ของตน้ ไมข้ นาดใหญท่ เี่ ปน็ กลมุ่ ๆ แหลง่ ทม่ี ตี น้ ไม้ สะอาดของนำ�้ ตอ้ งตรวจสอบวา่ แหลง่ นำ�้ มสี ารพษิ เจอื ปนอยหู่ รอื ไม่ หากมี ตายเปน็ กลมุ่ (snag location) นอกจากนี้ ยงั สามารถกำ� หนดบรเิ วณพนื้ ท่ี สาเหตเุ กดิ จากอะไร ท่เี ปน็ แหลง่ ต้นไมข้ ยายพันธไ์ุ ด้ดี การจัดท�ำแผนที่แสดงแหล่งน�้ำ (water map) สามารถอาศัย การประเมินสามารถด�ำเนินการได้หลายวิธี มีท้ังแบบง่าย และ แผนท่ีระวางท่ีมีอยู่ในการก�ำหนดจุดท่ีมีแหล่งน�้ำอยู่และมีการกระจาย แบบมีระบบ หรือการวางแปลงตัวอย่าง วิธีการท่ีท�ำได้โดยง่าย คือ อยู่ทั่วพ้ืนท่ีหรือไม่ จะต้องให้ประชากรสัตว์ป่ากระจายกันตลอดพ้ืนที่ การตรวจสอบ (checking) หรือการสังเกต (observing) ไมก่ ระจกุ ตวั รวมกนั ในบรเิ วณใดบรเิ วณหนง่ึ การทำ� แผนทจี่ ะแสดงใหเ้ หน็ ส�ำหรับการวางแปลงตัวอย่างเพ่ือประเมินคุณภาพที่คุ้มกันภัย ต�ำแหน่งโดยรวมของล�ำห้วย ล�ำธาร แหล่งน้�ำซับ น�้ำพุ และแอ่งน�้ำ สามารถกระท�ำได้หลายรูปแบบ โดยข้ึนอยู่กับข้อควรพิจารณา ดังน้ี ไดช้ ดั เจนมากย่งิ ข้ึน (1) การใช้แปลงตัวอย่างขนาดแตกต่างกันตามชนิดของทรัพยากรท่ีต้อง การส�ำรวจ (2) การใช้แปลงตวั อยา่ งที่เปน็ วงกลม (3) การสมุ่ เลอื กหรือ การประเมินคุณภาพทค่ี ุ้มกนั ภยั ทำ� เป็นระบบ และ (4) การใช้หลักการทางสถิติช่วยในการวเิ คราะห์ สตั วป์ า่ มกี ารใชป้ ระโยชนจ์ ากทค่ี มุ้ กนั ภยั หลายอยา่ ง ไมว่ า่ จะเปน็ การพิจารณาว่า ควรจะเก็บข้อมูลใดบ้างเพื่อน�ำไปใช้ในการ ที่หลบซ่อน หนีภัยอันตรายจากศัตรู หลบภัยจากความแปรปรวนของ ประเมินน้ัน ข้ึนอยู่กับผู้จัดการพ้ืนที่คุ้มครองและทีมงาน โดยมีการ อากาศ เป็นที่สรา้ งรัง วางไข่ เลย้ี งลกู หรอื เปน็ พน้ื ที่แสดงกจิ กรรมต่างๆ ตดั สนิ ใจร่วมกนั ใช้วิธีที่ง่าย และไดม้ าตรฐาน เป็นต้น การประเมินคุณภาพที่คุ้มกันภัยมีหลายวิธี เช่น การประเมิน การเก็บข้อมูลด้านพันธุ์พืช ข้อมูลท่ีใช้จะเป็นชนิดพันธุ์เด่น โดย ด้วยสายตา การใช้ภาพถ่ายทางอากาศ การวัดแสงท่ีผ่านเรือนยอดของ ท�ำการวัดขนาดของต้นไม้ การปกคลุมของเรือนยอด จากการวางแปลง ต้นไม้ การวัดความเร็วลมที่พัดผ่านต้นไม้ การนับจ�ำนวนต้นไม้ที่เป็น ตัวอย่างขนาดใหญ่ เก็บข้อมูลพันธุ์ไม้พ้ืนล่าง ไม้พุ่ม ไม้ขนาดเล็ก หญ้า ชนิดพันธุ์เด่น การกะประมาณพื้นท่ีว่ามีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่นมากหรือ หรอื ลกู ไมเ้ ลก็ ๆ พรอ้ มนบั จำ� นวน จากแปลงตวั อยา่ งขนาดกลาง เกบ็ ขอ้ มลู น้อยโดยการเปรียบเทียบ การมีถ�้ำหรือหน้าผาชันท่ีสามารถใช้เป็นท่ี พนั ธพ์ุ ชื ทส่ี ตั วป์ า่ ใชป้ ระโยชน์ วา่ เปน็ สว่ นใดของพชื ชนดิ ใดบา้ ง ถกู ใชม้ าก หลบภยั ไดห้ รอื ไม่ เปน็ ตน้ รวมไปถงึ การมโี พรงตน้ ไมต้ ายทส่ี ตั วป์ า่ สามารถ หรอื น้อยเพียงใด จากแปลงตวั อย่างขนาดเล็ก อีกท้ังเก็บตัวอยา่ งดนิ เพอ่ื ใช้ท�ำรังวางไขไ่ ด้ วเิ คราะหแ์ รธ่ าตอุ าหาร ผลผลติ ของพนั ธพ์ุ ชื และปรมิ าณความชนื้ ของปา่ ข้อมูลลักษณะทางกายภาพของพ้ืนท่ีท่ีต้องการประเมิน จะ ประกอบดว้ ยลักษณะดิน หิน หนา้ ผา ถ้�ำ ทศิ ทางดา้ นลาด ความลาดชนั ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ แหลง่ นำ้� ลำ� ธาร ลำ� หว้ ย แอง่ นำ�้ นำ�้ พุ นำ�้ ซบั และเสน้ ทางเดินภายในพน้ื ที่ ระดบั การใชป้ ระโยชน์ของสัตว์ปา่ ในพื้นทถ่ี น่ิ ทีอ่ าศัย ตรวจวดั ได้ โดยทำ� การสำ� รวจดรู อ่ งรอยทเี่ กดิ ขนึ้ ในแปลงตวั อยา่ ง เชน่ รอยมลู รอยตนี การท�ำรงั การขดุ ดนิ ท�ำโพรง รอยถตู วั โพรงไม้หรอื ตน้ ไมท้ ่สี ัตว์ใช้เป็นท่ี หลบั นอน ต้นไม้ทส่ี ตั ว์ใชก้ นิ ผลไม้ เป็นต้น ซึง่ จะนำ� ไปสขู่ ัน้ การพจิ ารณา วางแผน ปรบั ปรงุ หรือการป้องกนั ดูแลรักษาพน้ื ท่ี 116 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสัตว์ปา่ ในพืน้ ที่คุ้มครอง

การปรับปรงุ ถิ่นทอี่ าศัยสัตว์ปา่ Aldo Leopold (1933) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ Game หลักการจัดการสัตว์ป่าต้องท�ำให้เกิดความสมดุลกันระหว่าง Management วา่ “ขวาน ไถ ววั และไฟ” เปน็ เครอ่ื งมอื สำ� หรบั ใชใ้ นการ การจัดการประชากรสัตว์ป่าและการจัดการถ่ินที่อาศัย โดยมุ่งเน้นไปยัง จัดการถ่ินท่ีอาศัยของสัตว์ป่า จ�ำเป็นต้องพิจารณาค�ำกล่าวข้างต้นว่า หลักการส�ำคญั 2 ประการ คือ ตลอดระยะเวลากว่า 80 ปที ผ่ี า่ นมาจนถึงปจั จุบนั อปุ กรณ์เหล่าน้ียงั คง 1. การจดั การสตั วป์ า่ ทเ่ี นน้ ดา้ นการจดั การถนิ่ ทอี่ าศยั ของสตั วป์ า่ ถกู ใชก้ ันอย่หู รอื ไม่ และมีวิวฒั นาการเปล่ียนแปลงไปอยา่ งไร เปน็ สำ� คญั เรยี กวา่ macro – management มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ตอ้ งการ เดิมที Aldo Leopold อาศัยอุปกรณ์ดังกล่าวในการปรับปรุง ให้สัตว์ป่าได้อาศัยอยู่ในพ้ืนท่ีอย่างปลอดภัย มีแหล่งอาหาร แหล่งน้�ำ ถนิ่ ทอี่ าศยั เชน่ ใชข้ วานตดั ตน้ ไมใ้ นพน้ื ทปี่ า่ เพอ่ื ประโยชนแ์ กส่ ตั วป์ า่ กลมุ่ ทีค่ ุ้มกนั ภัยทสี่ มบูรณ์ ส�ำหรบั สัตวป์ า่ ไดใ้ ช้ในการดำ� รงชวี ิต ทช่ี อบกนิ ใบและยอดไมอ้ อ่ นเปน็ อาหาร โดยเฉพาะกวางหางขาว (white- 2. การจัดการสัตว์ป่าท่ีเน้นด้านการจัดการประชากรสัตว์ป่า tailed deer) การใชไ้ ถและววั เทยี มไถ สำ� หรบั การปรบั ปรงุ ทงุ่ หญา้ ซง่ึ ใช้ เป็นส�ำคัญ จะเรียกว่า micro – management มีวัตถุประสงค์เพื่อ เฉพาะทีร่ าบ ไม่ลาดชัน เพ่ือใหห้ ญ้าท่ีแก่แตกยอดออ่ นใหม่ และใช้ไฟเผา ตอ้ งการใหป้ ระชากรสตั วป์ า่ ทอ่ี าศยั อยใู่ นพน้ื ทถ่ี นิ่ ทอี่ าศยั มคี วามปลอดภยั ทุ่งหญ้าแบบมีการควบคุม เป็นการเผาหญ้าท่ีแก่ให้แตกยอดอ่อน และมีจ�ำนวนท่ีสมดุลกับทรัพยากร หากพื้นท่ีไม่สามารถรองรับจ�ำนวน ซ่งึ เรียกว่า หญ้าระบัด อนั เปน็ แหล่งอาหารช้นั ดขี องสัตว์ปา่ จ�ำพวกกวาง ประชากรสัตว์ป่า ณ ขณะน้ันๆ ได้ ก็จ�ำต้องอนุญาตให้ล่าประชากร กระทงิ เป็นต้น ส่วนเกินออกหรือใหน้ ำ� มาใชป้ ระโยชน์ ในความหมายของ Leopold อุปกรณ์เหล่าน้ีเป็นเครื่องมือที่ใช้ ในที่น้ีจะกล่าวถึงการจัดการถ่ินท่ีอาศัยหรือปัจจัยการด�ำรงชีวิต ในการปรบั ปรงุ ถน่ิ ทอี่ าศยั โดยใชอ้ งคค์ วามรดู้ า้ นเทคนคิ และวธิ กี ารตา่ งๆ ของสัตว์ป่า การจัดการถ่ินท่ีอาศัยมีหลักการด�ำเนินงานอยู่ 2 วิธี คือ มาประกอบกนั อปุ กรณท์ งั้ 4 อยา่ งนี้ เปน็ เครอื่ งมอื แบบงา่ ยๆ ของชาวนา (1) การคงไว้ซ่ึงคุณภาพของถ่ินท่ีอาศัยของสัตว์ป่าตามสภาพธรรมชาติ – ชาวไร่ ผลลัพธ์ของการด�ำเนนิ การจะดีเพียงใดนัน้ ข้ึนอยู่กับปจั จยั ของ หรอื ในระบบนเิ วศทม่ี อี ยู่ และ (2) การจดั การปรบั ปรงุ ถนิ่ ทอี่ าศยั ในกรณี พนื้ ท่แี ละลักษณะภมู ิประเทศ ทแ่ี หลง่ นำ�้ แหลง่ อาหารและทคี่ มุ้ กนั ภยั มไี มเ่ พยี งพอกบั จำ� นวนประชากร การปรับปรุงถิ่นที่อาศัย มักมีหลายค�ำถามเกิดขึ้นเกี่ยวกับ สัตว์ป่า ประโยชน์ใดบ้างท่ีสัตว์ป่าจะได้รับ ภายหลังการปรับปรุงเสร็จสิ้นแล้ว เสือด�ำ (Panthera pardus) วัวแดง (Bos javanicus) 117 ศาสตร์และศิลป์ การจดั การทรัพยากรสัตวป์ า่ ในพ้นื ทีค่ ้มุ ครอง

ตัวอย่างเช่น ท�ำให้ชนิดพันธุ์สัตว์ป่าเพ่ิมจ�ำนวนมากข้ึนหรือไม่ ใช้เป็น 1.2 การลดความแก่งแย่ง หมายถึง การก�ำจัดวัชพืชหรือ ถิ่นที่อาศัยของสัตว์ป่าได้ดีเพียงใด การเพ่ิมทุ่งหญ้าให้แก่สัตว์ป่าจ�ำพวก ตน้ ไมอ้ นื่ ๆ ขา้ งเคยี งทค่ี อยแกง่ แยง่ อาหารจากตน้ ไมท้ ต่ี อ้ งการเพม่ิ ผลผลติ กวาง ควรใช้วิธีการใดจึงจะเหมาะสม เป็นต้น การดูแลรักษาหรือการ โดยการตัดออกหรอื กานไม้ ปรบั ปรงุ ถน่ิ ทอ่ี าศยั เปน็ หลกั การทส่ี ำ� คญั ของการจดั การสตั วป์ า่ เนอื่ งจาก 1.3 การป้องกัน เป็นวิธีการดูแลรักษาต้นไม้ท่ีต้องการ ในปัจจุบันพื้นท่ีป่าไม้อันเป็นถ่ินท่ีอาศัยของสัตว์ป่าเกิดการเปลี่ยนแปลง จนกว่าจะผลิดอกออกผลได้ เพ่ือมใิ ห้เกดิ ความเสยี หายต่อตน้ ไมน้ ัน้ จาก หรอื ลดจำ� นวนลงอยา่ งมาก ไมว่ า่ จะดว้ ยสาเหตจุ ากการทำ� ไมอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง สัตว์ป่าเหยียบย่�ำท�ำลายหรือโรคภัยต่างๆ มีท้ังการท�ำท่ีก�ำบังลมหรือ ตามกฎหมาย การลกั ลอบตดั ไม้ หรอื การแผว้ ถางปา่ เพอ่ื ยดึ ถอื ครอบครอง ป้องกนั จากภัยธรรมชาตอิ นื่ ๆ ทดี่ นิ เปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั และทำ� การเกษตรกรรม การเกบ็ หาของปา่ การเผาปา่ 2. การปลกู พนั ธพ์ุ ชื ทใ่ี ชย้ อดหรอื ใบออ่ น เปน็ การปลกู พวกไมพ้ มุ่ หรอื การใช้ประโยชน์อย่างอ่นื การสรา้ งถนนหนทาง หรอื การสร้างเข่อื น ขนาดเล็ก ซึ่งให้ผลผลิตด้านใบ หน่อ ก่ิงอ่อน ซ่ึงสัตว์ป่าใช้เป็นอาหาร เกบ็ กกั นำ้� ปจั จยั เหลา่ นล้ี ว้ นเปน็ ตน้ เหตทุ ท่ี ำ� ใหพ้ นื้ ทถี่ นิ่ ทอ่ี าศยั ของสตั วป์ า่ ในบางพ้ืนทีใ่ ชว้ ิธีการเผาโดยมกี ารควบคุม เช่น ทงุ่ หญ้า เพื่อเผาสว่ นท่ีแก่ ถูกเปล่ียนแปลงหรอื สญู เสยี ไป ดงั นั้น การปรับปรุงถนิ่ ท่ีอาศยั จึงมคี วาม ให้หญ้าแตกยอดอ่อน ใบอ่อนท่ีสัตว์ป่าชอบกินเป็นอาหารและมีแร่ธาตุ จ�ำเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องกระท�ำ เพื่อให้พ้ืนท่ีสามารถรองรับจ�ำนวนของ อยู่เป็นจ�ำนวนมาก หรือใช้การตัดสางขยายระยะเพื่อลดการแก่งแย่ง ประชากรสัตวป์ ่าได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ โดยตัดไม้ชนิดที่ไม่ต้องการออก การตัดไม้ให้แตกหน่อใหม่ หรือใบใหม่ ก่อนท่ีจะด�ำเนินการปรับปรุงถ่ินท่ีอาศัย ต้องพิจารณาถึงเหตุผล หรอื ใช้วธิ ีการหวา่ นเมล็ดใหง้ อกข้ึนตามธรรมชาติ เป็นตน้ ความจ�ำเป็นให้รอบด้าน ผลประโยชน์ท่ีจะได้รับแลกมากับผลเสียท่ีจะ กระทบกับทรัพยากรธรรมชาติชนิดอ่ืนๆ การด�ำเนินการควรมีข้ันตอนที่ ประหยดั และคมุ้ คา่ อกี ท้ังต้องคงไว้หรอื รกั ษาไวซ้ ึ่งสภาพเดมิ หรือมีการ เปล่ียนแปลงสภาพพื้นท่ีในลักษณะที่เป็นธรรมชาติมากท่ีสุด ให้พืชและ สัตว์ปา่ ด�ำรงชวี ติ อย่แู ละสามารถสบื พันธ์ไุ ดใ้ นถนิ่ เดมิ ตอ่ ไป สาเหตุหลักที่ท�ำให้มีการปรับปรุงถ่ินท่ีอาศัย คือ เพื่อให้เกิด ความสมดลุ ระหวา่ งการจดั การถน่ิ ทอ่ี าศยั กบั ชนดิ พนั ธห์ุ รอื ประชากรของ สัตว์ป่า จึงจ�ำเป็นต้องพิจารณาถึงสาเหตุท่ีถ่ินท่ีอาศัยเกิดการสูญเสีย ไปดงั ท่ไี ด้กลา่ วมาแล้ว การปรบั ปรุงแหลง่ อาหารสัตว์ปา่ นกหกเล็กปากแดง (Loriculus vernalis) การปรับปรุงแหล่งอาหารมีเป้าหมายเพ่ือให้มีอาหารรองรับ สัตวป์ า่ อย่างเพยี งพอ สามารถกระทำ� ไดด้ ังน้ี 1. การเพมิ่ ผลิตผลของผลไมป้ า่ ท้ังน้ีมีสตั วป์ ่าหลายชนดิ อาศัย ผลไม้หรือเมล็ดไม้เป็นอาหาร ซ่ึงมักจะขึ้นอยู่อย่างกระจัดกระจายตาม ชนดิ ของป่าไมใ้ นพื้นท่ี เช่น กะบก มะม่วงป่า มะกอก ไทร หวา้ ตะขบ เปน็ ต้น วิธีการปรบั ปรุงเพื่อเพิม่ ผลติ ผลของผลไม้ แบ่งไดเ้ ป็น 3 วธิ ี คือ 1.1 การปลูก อันได้แก่ การปลูกโดยตรง การน�ำพันธุ์ไม้ที่ ตอ้ งการไปปลกู เสริมในพน้ื ที่ปา่ ไม้ ทตี่ ้องการให้มลี ูกไม้ ผลไมเ้ พ่มิ ขึน้ 118 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรัพยากรสัตวป์ า่ ในพืน้ ทคี่ ้มุ ครอง

119 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรพั ยากรสตั วป์ ่าในพ้ืนทีค่ ้มุ ครอง

3. การปลกู พนั ธพ์ุ ชื ขนาดเลก็ เปน็ การปลกู พนั ธไ์ุ มท้ เี่ ปดิ โอกาส อุปโภคบรโิ ภค ใหร้ ว่ มดำ� เนนิ การใชป้ ระโยชนท์ ด่ี นิ ดา้ นอนื่ ๆ เชน่ การปลกู ตน้ ไมท้ มี่ คี วาม การปรบั ปรุงแหล่งนำ้� สามารถกระท�ำได้หลายประการ เชน่ สำ� คญั ทางเศรษฐกจิ การปลกู บำ� รงุ ดนิ การปลกู เสรมิ รมิ เสน้ ทางเดนิ ในปา่ 1. การสร้างฝายก้ันล�ำน�้ำล�ำธาร เพ่ือเก็บกักน้�ำตามล�ำห้วย การปลูกพืชปกคลุมดินเพื่อให้ดินมีความชุ่มชื้น หลักการคล้ายๆ กับวิธี ลำ� ธารไวส้ ำ� หรบั สตั วป์ า่ ในชว่ งฤดแู ลง้ ซงึ่ เปน็ ประโยชนต์ อ่ ระบบนเิ วศโดย ทสี่ องคอื การลดความแกง่ แยง่ เพอ่ื ใหพ้ นั ธไ์ุ มท้ ป่ี ลกู ใหมไ่ ดร้ บั ความชมุ่ ชน้ื รวมและตอ่ มนษุ ยด์ ว้ ย กลา่ วคอื ชว่ ยรกั ษาความชมุ่ ชน้ื ใหแ้ กป่ า่ ไมบ้ รเิ วณ หรอื มแี รธ่ าตเุ พยี งพอ ควบคมุ การใชป้ ระโยชนจ์ ากปศสุ ตั ว์ และเลอื กชนดิ ริมล�ำห้วยล�ำธาร และมนุษย์สามารถใช้น้�ำเพ่ือการเกษตรหรืออุปโภค พนั ธุ์ใหเ้ หมาะสมกับพื้นท่ี บรโิ ภคได้ 4. การปลูกพืชอาหารเสริมในพ้ืนท่ีที่ไม่มีแหล่งอาหาร อาจจะ 2. บอ่ นำ้� ธรรมชาติ บรเิ วณทเี่ ปน็ แอง่ หนิ พน้ื ทท่ี มี่ นี ำ�้ ไหลลงสทู่ ตี่ ำ�่ ทำ� เปน็ แปลงปลกู พชื ใหส้ ตั วไ์ ดม้ าอาศยั หากนิ เชน่ แปลงปลกู หญา้ แปลง การปรับปรุงสามารถกระท�ำได้โดยการขุดลอกให้ลึกกว่าเดิม เพื่อให้ ปลูกขา้ ว เปน็ ต้น เก็บกักน้ำ� ไดม้ ากข้นึ หรือการท�ำทางไหลของนำ�้ ลงไปสูบ่ อ่ น�ำ้ 5. การจัดท�ำโป่งเทียม โดยการนำ� เกลือแร่ไปคลุกกับดินที่เป็น 3. น�้ำจากน�้ำพหุ รือนำ้� ซบั จัดท�ำแหล่งเกบ็ กกั นำ้� เล็กๆ เพื่อเก็บ โปง่ เดมิ ในความเปน็ จรงิ สตั วป์ า่ เรยี นรไู้ ดต้ ามธรรมชาตอิ ยแู่ ลว้ วา่ บรเิ วณ กักนำ�้ จากนำ้� พหุ รือน�้ำซับ และท�ำทางให้นำ�้ ไหลลงสูแ่ อ่งน�้ำดงั กลา่ ว ใดมีลักษณะเป็นดินเค็ม สัตว์ป่าจึงสามารถหาโป่งกินเองได้ แต่หาก 4. การสรา้ งทเี่ กบ็ กกั นำ้� ในพ้นื ที่ท่มี ีความแห้งแล้ง โดยทำ� เป็น สร้างโป่งเทียมข้ึน จะเป็นการชักน�ำการเปลี่ยนนิสัยของสัตว์ป่าให้มาอยู่ บอ่ คอนกรตี ใหม้ รี ปู รา่ งแตกตา่ งกนั ไปใชเ้ กบ็ กกั นำ�้ สำ� หรบั สตั วป์ า่ วธิ กี ารนี้ รวมกลุ่มกัน กลายเป็นแหล่งที่สัตว์ป่าจะหากินได้ง่ายข้ึน โดยเฉพาะ ใชไ้ ดใ้ นพนื้ ทค่ี มุ้ ครองสำ� หรบั สตั วป์ า่ บางแหง่ ในบรเิ วณทงุ่ หญา้ ทแี่ หง้ แลง้ จำ� พวกสัตว์กินเน้อื ท่ีจะมาคอยจบั เหย่ือ เช่น ในเขตอทุ ยานแหง่ ชาติครูเกอร์ สาธารณรฐั แอฟรกิ าใต้ ท้ังน้ี เพ่ือให้ สัตว์ป่าอยู่อย่างกระจัดกระจายทั่วไป ไม่ไปรวมกลุ่มกันเฉพาะบริเวณใด การปรบั ปรงุ แหลง่ น้ำ� บริเวณหนึ่ง เป้าหมายของการปรบั ปรงุ แหล่งน้ำ� คือ ตอ้ งการใหม้ ีนำ�้ เพียงพอ 5. การปรับปรุงแหล่งน้�ำ ต้องให้มีการดูแลรักษาแหล่งน�้ำมิให้ และได้น้�ำที่มีคุณภาพดีตลอดท้ังปี การปรับปรุงแหล่งน้�ำสามารถกระท�ำ มีมลพิษเกิดข้ึน เช่น บริเวณแหล่งน้�ำขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ร่วมกันกับการปรับปรุงเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ได้ ซึ่งมีประโยชน์ท้ัง 2 ต้องมิให้เกิดน�้ำเน่าเสีย เพราะน้�ำเสียจะส่งผลกระทบกับสัตว์ป่าทุกชนิด ฝ่าย คือ สัตว์ป่าได้รับประโยชน์ทางด้านด่ืมกินและมนุษย์ได้ใช้น�้ำเพ่ือ ทงั้ สัตว์บกและสตั ว์น�้ำ 120 ศาสตร์และศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสัตว์ป่าในพื้นท่ีคุม้ ครอง

6. บริเวณที่เป็นแอ่งน�้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ท่ีต้ืนเขิน สามารถ การปรบั ปรงุ ท่ีคุ้มกันภัย ขดุ ลอกใหล้ กึ เพอ่ื ใหเ้ กบ็ กกั นำ�้ ไดม้ ากขน้ึ หรอื อาจจดั ทำ� เปน็ เกาะกลางนำ�้ การปรบั ปรงุ ทคี่ มุ้ กนั ภยั สง่ิ สำ� คญั คอื การปอ้ งกนั ดแู ลมใิ หเ้ กดิ การ แล้วปลูกต้นไม้เพ่ือให้นกน�้ำชนิดต่างๆ ได้อาศัยสร้างรัง วางไข่ เล้ียงลูก ท�ำลายชนิดพันธุ์ไม้ ซึ่งเป็นท่ีคุ้มกันภัยจากปัจจัยทางธรรมชาติ เช่น ส่วนพันธุ์ไม้ท่ีปลูก ควรเป็นไม้ท่ีทนต่อน้�ำขังได้ ในบึงหรือแหล่งน�้ำจะมี แสงแดด ฝนตก ลมพายุ หรือหลบภยั จากศตั รูหรอื สตั ว์ผ้ลู ่า การปรบั ปรุง นำ�้ ขน้ึ ลงตามฤดูกาล บางครงั้ อาจจะเกดิ น้�ำทว่ มในฤดูฝน สามารถกระท�ำได้ ดงั น้ี นอกจากน้ี การปรบั ปรงุ แหล่งน�ำ้ ในบริเวณถ่นิ ทอ่ี าศยั สามารถใช้ 1. การปลกู ชนดิ พนั ธไ์ุ มเ้ ปน็ แถวหรอื เปน็ แนวเพอื่ คมุ้ กนั ภยั จาก ประโยชนอ์ ยา่ งอนื่ ไดอ้ ีกดว้ ย เช่น เพือ่ ประโยชน์ทางการทอ่ งเท่ยี ว การ ศัตรูและเป็นทีพ่ ักอาศัย ปอ้ งกันไฟปา่ เปน็ ต้น 2. การปลกู ตน้ ไมใ้ หเ้ ปน็ กลมุ่ ๆ ทง้ั ไมข้ นาดใหญห่ รอื ไมพ้ มุ่ หรอื ขอ้ ควรระวงั เรอื่ งการปรบั ปรงุ แหลง่ นำ้� คอื ตอ้ งใหค้ วามปลอดภยั ปลูกไม้ให้ดูลักษณะเป็นเกาะในทุ่งหญ้า สัตว์ป่าจะได้หลบภัยจากศัตรู แกส่ ตั วป์ า่ บางครง้ั ถา้ ทำ� ไมด่ อี าจจะกลายเปน็ กบั ดกั สตั วไ์ ด้ เชน่ สตั วต์ กลง หรือหลบภยั จากภยั ธรรมชาติ ไปในบ่อน้�ำ การปรับปรุงควรท�ำให้มีทางท่ีสัตว์ข้ึนลงได้ เพราะบางชนิด 3. การป้องกันท่ีคุ้มกันภัยให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์ เช่น การ ชอบลงไปเล่นน้�ำ เช่น ช้างป่า และต้องมีเส้นทางและที่คุ้มกันภัยให้ ปอ้ งกนั ไฟปา่ มกี ารทำ� แนวกนั ไฟ ปอ้ งกนั ไฟไหมป้ า่ ทเี่ ปน็ ทค่ี มุ้ กนั ภยั หรอื สตั ว์ปา่ หลบหนศี ัตรไู ด้ดว้ ย ปอ้ งกันการลกั ลอบตัดไม้ 121 ศาสตร์และศิลป์ การจัดการทรัพยากรสตั วป์ ่าในพน้ื ทค่ี มุ้ ครอง

5การจัดการสัตว์ปา่ ในมมุ มองอ่นื ๆ 122 ศาสตร์และศิลป์ การจดั การทรัพยากรสตั ว์ปา่ ในพื้นท่ีคุม้ ครอง

123 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรพั ยากรสตั วป์ ่าในพ้ืนทีค่ ้มุ ครอง

บทท่ี 5 การจัดการสตั ว์ป่าในมมุ มองอืน่ ๆ (Wildlife Management in other Perspectives) การอนุรกั ษ์ป่าไม้เพื่อการจัดการสัตว์ปา่ สำ� หรบั ดม่ื กนิ หรอื นอนแชป่ ลกั หรอื ทำ� ความสะอาดรา่ งกาย ในพน้ื ทปี่ า่ ไม้ ปา่ ไมม้ คี วามสมั พนั ธก์ บั สตั วป์ า่ อยา่ งใกลช้ ดิ ทง้ั นก้ี เ็ พราะวา่ ปา่ ไม้ ไม่ว่าจะเป็นป่าชนิดใดจะมีต้นไม้หลายชนิดขึ้นอยู่ บางพ้ืนที่มีโขดหิน เป็นถ่ินท่ีอาศัยของสัตว์ป่า เป็นที่รวมของปัจจัยสิ่งแวดล้อมส�ำหรับการ โพรงหินหรอื ถ้ำ� ในป่าดงดิบจะมตี ้นไมข้ นาดใหญ่ มีโพรง มีพพู อน หรือ ด�ำรงชีวิตของสัตว์ป่า อันประกอบด้วยอาหาร น้�ำ ท่ีคุ้มกันภัยและพื้นที่ ต้นไม้ยืนตายหรือล้มลงโดยภัยธรรมชาติ ย่อมจะเป็นแหล่งคุ้มกันภัย เพื่อกิจกรรมต่างๆ เร่ืองของอาหารสัตว์ป่าจะพิจารณาถึงปริมาณและ ส�ำหรบั สัตว์ปา่ สตั วป์ า่ จะใช้เปน็ ทที่ ำ� รงั วางไข่ ออกลูก เล้ยี งลกู หลบภยั คุณภาพมีมากน้อยเพียงใด เพียงพอส�ำหรับประชากรสัตว์ป่าหรือไม่ จากศัตรูหรือหลบภยั จากอันตรายต่างๆ เชน่ ความรอ้ น แสงแดดหรือฝน อาหารชนิดใดท่ีมีการใช้ประโยชน์หรือสัตว์ป่าชอบกินไม่ว่าจะเป็นผลไม้ หากว่าป่าไม้ถูกท�ำลาย สิ่งที่เป็นคุ้มกันภัยจะถูกท�ำลายไปด้วย ประการ ใบไมห้ รือเมลด็ ไม้ ชนดิ พันธไุ์ ม้มกี ารเจริญเตบิ โตหรอื ใหผ้ ลผลิตมากนอ้ ย สุดทา้ ย พื้นทเ่ี พือ่ กิจกรรมตา่ งๆ พืน้ ท่ปี า่ ไม้ทีม่ ีอาณาเขตกวา้ งขวางจะมี เพียงใด มีปัจจยั แวดล้อมอะไรบา้ งท่ีมาเกีย่ วข้องท�ำใหม้ ีการท�ำลายแหลง่ ปัจจัยตา่ งๆ ทใ่ี ช้ในการดำ� รงชีวิตดงั กล่าวแล้ว ท�ำให้สตั ว์ป่าได้แสดงออก อาหารของสตั วป์ า่ เชน่ การทำ� ลายปา่ ไม้ เมอื่ ปา่ ไมซ้ งึ่ เปน็ แหลง่ อาหารของ ซึ่งกจิ กรรมต่างๆ เช่น อาณาเขตการหากินเพราะมแี หล่งอาหารกระจาย สตั วป์ า่ ถกู ทำ� ลายสตั วป์ า่ กจ็ ะไมม่ อี าหารกนิ อาจจะอดอยาก ลม้ ตาย หรอื อยใู่ นพนื้ ทป่ี า่ ไม้ อาณาเขตครอบครองซง่ึ เปน็ แหลง่ ทหี่ ลบภยั วางไขเ่ ลยี้ งลกู อพยพไปอยู่อาศัยในพ้ืนท่ีอื่น แหล่งน�้ำเป็นส่ิงจ�ำเป็นของสัตว์ป่า พ้ืนที่ ซ่งึ จะมากหรอื นอ้ ยขึ้นอยกู่ ับสตั วป์ า่ แต่ละชนดิ ป่าไม้ตามภูเขาสูงหรือที่ราบสูงมักจะเป็นแหล่งต้นนำ�้ ล�ำธารที่น้�ำจะไหล ในการจดั การสตั วป์ า่ จะตอ้ งพจิ ารณาถงึ ถน่ิ ทอ่ี าศยั ของสตั วป์ า่ วา่ ลงสู่ที่ต�่ำสู่แม่น้�ำล�ำธารต่างๆ สัตว์ป่าได้อาศัยน�้ำจากแหล่งน้�ำในป่าใช้ มีความเหมาะสมเพียงใด เพียงพอกับการรองรับจ�ำนวนประชากรของ 124 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจัดการทรพั ยากรสัตว์ปา่ ในพ้นื ที่คมุ้ ครอง

สตั วป์ า่ แตล่ ะชนดิ ไดห้ รอื ไม่ หากจะมกี ารปรบั ปรงุ จะมวี ธิ กี ารใชว้ ธิ กี ารใด การเปล่ียนแปลงต่อไปอีก สังคมของพืชยุคสุดท้ายที่ขึ้นอยู่อย่างถาวรนี้ เช่น ถ้าขาดพืชอาหารสัตว์ อาจจะต้องปลูกพันธุ์ไม้ท่ีเป็นอาหารเพิ่มขึ้น เรยี กว่า สังคมยคุ ไคลแม็กซ์ (climax) ปัจจยั ต่างๆ ทีเ่ ป็นตัวกำ� หนดวา่ การปรับปรุงแหล่งน้�ำควรใช้วิธีการขุดบ่อน้�ำหรือสร้างฝายกั้นน้�ำ หรือมี พชื ทอ่ี ยใู่ นยคุ ไคลแมก็ ซน์ น้ั จะเปน็ พชื ชนดิ ใดคอื ภมู อิ ากาศของทอ้ งถนิ่ และดนิ การสรา้ งรงั โพรง หรอื ถำ�้ ใหเ้ ปน็ ทคี่ มุ้ กนั ภยั ของสตั วป์ า่ ซง่ึ ไดก้ ลา่ วมาแลว้ กระบวนการทดแทนของสังคมพืชท่ีเกิดข้ึนมีส่วนประกอบที่ ในบทที่ 4 เกย่ี วขอ้ ง คอื การอพยพของพชื เมลด็ ของพชื จากถนิ่ เดมิ ไปสสู่ งั คมแหลง่ ใหม่ มักจะมีค�ำถามว่าการจัดการป่าไม้กับการจัดการสัตว์ป่าสามารถ ที่จะมีการทดแทนเกดิ ข้นึ การตัง้ ตวั เกิดขึน้ เมอื่ เมล็ดหรอื ชนิ้ ส่วนของพชื ด�ำเนินการควบคู่กันไปด้วยกันได้หรือไม่ มักจะมีการถกเถียงกันในหมู่ ทจี่ ะสบื พนั ธ์ุ มกี ารงอกเจรญิ เตบิ โตและสามารถสบื พนั ธใ์ุ นทแี่ หลง่ ใหมไ่ ด้ นกั วชิ าการแตล่ ะสาขา แตอ่ ยา่ งไรกด็ ี แนวคดิ ในการจดั การปา่ ไมเ้ พอ่ื การ การจับกลุ่มของพันธุ์ไม้ท่ีข้ึนรวมกันอยู่เป็นกลุ่มอาจจะเป็นชนิดเดียวกัน อนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ สามารถนำ� มาใชไ้ ดใ้ นบางพน้ื ทแี่ ละการปฏบิ ตั ติ อ้ งกระทำ� หรือต่างชนิดกัน ท�ำให้เกิดเป็นสังคมพืชใหม่ สังคมพืชมีการแก่งแย่งกัน อย่างจริงจัง ระเบียบกฎหมายท่ีก�ำหนดไว้ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นแสงแดดหรือธาตุอาหาร ต้นไม้ท่ีไม่สามารถสู้ได้จะตายไป มฉิ ะน้นั การจดั การจะไมเ่ กดิ ผลอะไรเลย สดุ ทา้ ยคอื ปฏกิ ริ ยิ าอทิ ธพิ ลของพชื ทม่ี ตี อ่ สง่ิ แวดลอ้ ม เชน่ หลงั จากทมี่ พี ชื เปา้ หมายของการจดั การปา่ ไมเ้ พอื่ ตอ้ งการไมห้ รอื นำ� เนอ้ื ไมม้ าใช้ ขึ้นแล้วดินที่เคยแห้งแล้งจะมีอินทรียวัตถุเพ่ิมข้ึน พืชช่วยบดบังดินไม่ให้ ประโยชน์กับมนุษย์หรือประชาชนในการก่อสร้าง ท�ำวัสดุอุปกรณ์และ ถกู แสงแดด ลดการระเหยของนำ�้ ชว่ ยใหห้ นิ แตกสลายกลายเปน็ ดนิ มากขน้ึ ส่งิ จ�ำเป็นอนื่ ๆ เพอื่ ความสุขสบาย มกี ารเกบ็ หาของปา่ เชน่ พชื สมนุ ไพร ทำ� ใหด้ นิ มคี วามลกึ เพม่ิ ขนึ้ อดุ มสมบรู ณไ์ ปดว้ ยแรธ่ าตอุ าหารและคณุ สมบตั ิ หนอ่ ไม้ เห็ด ดิน หนิ หญา้ เปลือกไม้ เปน็ ตน้ รวมท้งั การจัดการเพอ่ื การ ของดินมกี ารเปล่ยี นแปลงด้วย ปลูกป่าเพ่มิ ขนึ้ เป็นการจัดการปา่ ไมด้ ว้ ย เปา้ หมายของการจดั การสตั วป์ า่ เพอ่ื ตอ้ งการใหส้ ตั วป์ า่ มปี ระโยชน์ ต่อมนุษย์ในด้านการใช้เน้ือเป็นอาหาร ใช้หนังเป็นเคร่ืองนุ่งห่ม รวมท้ัง เพื่อการศกึ ษาทางดา้ นวิทยาศาสตร์และการแพทย์ การพกั ผอ่ นหย่อนใจ ในการชมสัตวป์ า่ และการรักษาระบบนเิ วศ ฉะนนั้ ปา่ ไมแ้ ละสตั วป์ า่ มคี วามสมั พนั ธก์ นั อยา่ งใกลช้ ดิ โดยเฉพาะ ป่าไม้เป็นถิ่นที่อาศัยหลักของสัตว์ป่า เป็นแหล่งอาหาร น้�ำ ท่ีคุ้มกันภัย และพื้นท่ีเพื่อกิจกรรม สัตว์ป่าช่วยปลูกป่าหรือขยายพ้ืนที่ป่า ตลอดจน การรักษาความสมดลุ ทางระบบนิเวศ ประโยชนข์ องป่าไม้ต่อสตั วป์ า่ เก้ง (Muntiacus muntjak) ในการจดั การปา่ ไมเ้ พอื่ การอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ เรามคี วามจำ� เปน็ อยา่ งยง่ิ ท่ีจะต้องเข้าใจถึงระบบนิเวศป่าไม้และป่าไม้อ�ำนวยผลประโยชน์ให้แก่ สัตวป์ า่ อย่างไรบา้ ง 1. ความเข้าใจของการทดแทนของสังคมพืช (plant succession) การทดแทนของสังคมพืชเป็นกระบวนการที่สังคมหน่ึง ของพชื เข้าไปทดแทนสังคมพชื ทีม่ อี ยู่กอ่ นตามลำ� ดบั ๆ ไป สังคมพชื ใหม่ ที่เข้าไปทดแทนน้ีจะประกอบด้วยพืชพันธุ์ที่ชอบความชุ่มช้ืนมากกว่าพืช ท่ีข้ึนอยกู่ อ่ น การทดแทนจะดำ� เนนิ การไปเร่อื ยๆ จนถงึ จุดสุดท้ายท่ไี ม่มี 125 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจัดการทรพั ยากรสัตวป์ า่ ในพนื้ ที่ค้มุ ครอง

การทดแทนของสงั คมพชื มคี วามสมั พนั ธอ์ ยา่ งใกลช้ ดิ กบั สงั คมของ 3. ความเข้าใจเกี่ยวกับแร่ธาตุอาหารท่ีป่าไม้อ�ำนวย สตั วป์ า่ อาจจะกล่าวไดว้ า่ เม่อื สังคมของพืชมีการทดแทนเกดิ ข้ึน สังคม ผลประโยชน์ให้แก่สัตว์ป่า สัตว์ป่าทุกชนิดมีความต้องการอาหารท่ี ของสัตว์ปา่ ก็มีการทดแทนเกดิ ขนึ้ เช่นกัน จากการศกึ ษาทผ่ี า่ นมา พบว่า มแี รธ่ าตุ เพอื่ นำ� ไปสรา้ งความแขง็ แรง สรา้ งพลงั งานใหแ้ กร่ า่ งกาย โดยเฉพาะ สัตว์ป่าบางชนิดอาศัยอยู่ในสังคมพืชยุคเร่ิมต้นท่ีมีการเปลี่ยนแปลง อาหารจำ� พวกคารโ์ บไฮเดรต ซงึ่ จะพบไดม้ ากในพชื หรอื สตั วป์ า่ ทก่ี นิ สตั ว์ บางชนิดอาศัยอยู่ในสังคมพืชยุคสุดท้าย ทั้งน้ี สังคมพืชเป็นแหล่งที่ จะได้แร่ธาตุอาหารจากสัตว์กินพืช แร่ธาตุที่สัตว์ป่าต้องการจ�ำนวนมาก อำ� นวยผลประโยชนใ์ หส้ ตั วป์ า่ มอี าหารกนิ มที คี่ มุ้ กนั ภยั และสามารถดำ� รง ไดแ้ ก่ โซเดียม แคลเซียม ฟอสฟอรสั ทองแดง โคบอลต์ เปน็ ตน้ ซงึ่ แรธ่ าตุ ชวี ิตอยไู่ ด้ เหลา่ นจี้ ะพบในผลไม้ เมลด็ ไม้ ซงึ่ พชื พรรณไมไ้ ดจ้ ากดนิ มาปรงุ อาหาร 2. ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์พื้นท่ีป่าไม้ของ สัตว์ป่าจ�ำพวกที่กินหญ้าหรือกินใบไม้ เป็นสัตว์ป่าที่มีประชากร สัตว์ป่า โดยปกติแล้วเราจะแบ่งสัตว์ป่าออกเป็น 2 กลุ่ม กล่าวคือ มากกว่าชนิดอ่ืน ซ่ึงถ้าหากว่าอาหารพวกนี้มีไมเ่ พยี งพอ สตั วป์ ่ากจ็ ะขาด ชนิดพันธุ์สัตว์ป่าท่ีไม่สามารถอาศัยอยู่ได้เม่ือไม่มีต้นไม้หรือต้นไม้ถูกตัด อาหาร บางครั้งได้รับความอดอยาก หรือมีอาหารท่ีไม่มีคุณภาพเป็น ออกไป ท้ังนี้ เพราะต้นไม้อ�ำนวยปัจจัยการด�ำรงชีวิตให้แก่สัตว์ป่า เช่น ใบแก่หรือก่ิงแก่ ส่วนสัตว์ป่าท่ีกินยอดอ่อนใบอ่อนของพันธุ์ไม้สามารถ นกหัวขวานท่ีท�ำรังตามโพรงไม้ หากินแมลงตามต้นไม้ สัตว์ป่าในกลุ่มน้ี ทจ่ี ะไดร้ บั โปรตนี และแรธ่ าตมุ าก ในการจดั การปา่ ไมเ้ พอ่ื การอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ เรยี กวา่ obligatory use สว่ นอกี กลมุ่ หนงึ่ เปน็ ชนดิ พนั ธท์ุ สี่ ามารถปรบั ตวั ต้องพจิ ารณาพนั ธไุ์ มท้ ี่เปน็ แหล่งอาหารสัตวด์ ว้ ย อยู่ได้ แม้ว่าต้นไม้หรือป่าไม้ถูกท�ำลายไป เช่น อีกา นกเป็ดน้�ำ ที่ท�ำรัง สัตว์ป่าจ�ำพวกที่กินผลไม้และเมล็ดไม้จะได้อาหารที่พืชสะสม บนก่ิงก้านของต้นไม้ที่มีพุ่มหนาทึบหรือโพรงไม้ แต่สามารถปรับตัวให้ ไวเ้ พอื่ การขยายพนั ธป์ุ ระกอบดว้ ยอาหารทม่ี คี ณุ คา่ มาก มกี ารกลา่ วกนั วา่ สามารถท�ำรังวางไข่บนพ้ืนดิน ก้อนหินหรือหน้าผาได้ สัตว์ป่าในกลุ่มนี้ สตั วป์ า่ ทกี่ นิ เมลด็ พชื เปน็ อาหารมกี ารทำ� ลายถนิ่ ทอ่ี าศยั นอ้ ยกวา่ พวกทกี่ นิ เรยี กวา่ facultative หรอื discretionary use คอื สามารถปรับตัวใหเ้ ข้า ใบ ก่ิง ก้านของพืช ส่วนสัตว์ป่าที่กินผลไม้ จะมีส่วนที่เป็นเมล็ดไม้จะ กบั ส่ิงแวดล้อมได้ ถ่ายออกสูพ่ น้ื ดินและงอกเพ่อื การขยายพันธตุ์ ่อไป 126 ศศาาสสตตรร์แ์แลละะศศลิ ลิ ปป์ ์กกาารรจจัดดั กกาารรททรรัพพั ยยาากกรรสสัตตั วว์ปป์ ่าา่ในในพพ้นื ืน้ ทท่ีคีค่ ุ้ม้มุ คครรอองง

สตั วป์ า่ ทกี่ นิ เนอื้ เปน็ อาหารจะไดร้ บั อาหารพวกแรธ่ าตจุ ากสตั วท์ ี่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมากเพราะอาศัยกินหญ้า กินใบไม้ เม่ือต้นไม้โตข้ึน กินพืชเป็นอาหาร หากว่าในพื้นที่ท่ีมีสัตว์กินพืชน้อยหรือไม่มี พวกสัตว์ ประชากรของสัตว์เล้ียงลูกด้วยนมจะลดลง เนื่องจากขาดแคลนหญ้า กนิ เนอ้ื กจ็ ะแพรก่ ระจายออกไปหากนิ ไกล ขอบเขตพน้ื ทหี่ ากนิ จะกวา้ งขวาง ดว้ ยเรอื นยอดไมบ้ ดบงั แสงอาทติ ยไ์ มใ่ หส้ อ่ งลงถงึ พนื้ ดนิ ในขณะเดยี วกนั เช่น เสือโครง่ เป็นตน้ สวนปา่ ทปี่ ลกู ใหม่ ประชากรของนกหลายชนดิ จะนอ้ ยโดยเฉพาะขาดพวก 4. ความเข้าใจเกี่ยวกับป่าไม้ให้ที่คุ้มกันภัยต่อสัตว์ป่า กินผลไม้ เมล็ดไม้ แต่จะค่อยเพิ่มจ�ำนวนประชากรเม่ือต้นไม้โตและมี ต้นไม้ในป่าหลายชนิดหลายขนาดมีประโยชน์ในการคุ้มกันภัยให้แก่ ผลไมเ้ กิดข้นึ สัตว์ป่าในด้านป้องกันภัยจากส่ิงแวดล้อม เช่น ความร้อน ความหนาว 6. ความเข้าใจเก่ยี วกบั รอยเชือ่ มของปา่ (forest edge) ฝนตกหนกั หรือภูมิอากาศ หรอื การหลบหลีกศตั รูหรือสัตวผ์ ลู้ ่า สัตวป์ า่ ซึ่งมีความส�ำคัญต่อสัตว์ป่า โดยปกติธรรมชาติของสัตว์ป่า ถิ่นที่อาศัย ใช้ป่าไม้เป็นแหล่งสร้างรัง วางไข่ เช่น นกเงือก นกหัวขวาน ส่วน หากินและที่คุ้มกันภัยจะประกอบด้วยป่าหลายชนิด มีพันธุ์ไม้หลาก นกเหย่ียวหรือนกอินทรีท�ำรังบนก่ิงไม้ที่มีเรือนยอดไม้ค่อนข้างหนา หลาย สัตว์ป่าอาศัยหากินในทุ่งหญ้า ใช้ป่าไม้เป็นที่คุ้มกันภัย ระหว่าง และทึบ ที่คุ้มกันภัยของป่าไม้สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ ทุ่งหญ้าและป่าไม้ซ่ึงเป็นบริเวณรอยเชื่อมของป่าทั้งสองชนิดพบว่ามี ประเภทท่ีคุ้มกันภัยจากดินฟ้าอากาศเรียกว่า ท่ีก�ำบัง (shelter) และ สัตว์ป่าอาศัยอยอู่ ย่างหนาแน่น เปน็ พน้ื ท่ีคอยจบั เหย่ือของสตั ว์ผลู้ ่า เขต อีกประเภทหนึง่ ใชเ้ ปน็ ท่คี ุม้ กันภัยจากศตั รหู รอื สตั ว์ผู้ลา่ เรียกว่า ทป่ี กปิด ตดิ ตอ่ ระหวา่ งปา่ ไมห้ รอื ทงุ่ หญา้ หรอื เขตตดิ ตอ่ ระหวา่ งสงั คมพชื นจ้ี ะเรยี ก (concealment) วา่ ecotone หรือ edge effect ซ่งึ จะอธบิ ายถงึ ความหลากหลายของ 5. ความเข้าใจเกยี่ วกบั การเปลย่ี นแปลงของสภาพป่าไม้ ถ่ินทอี่ าศัย หรือ habitat diversity หรือ A mosaic of types หรอื อาจจะเป็นกระบวนการทดแทนหรือพ้ืนที่สวนป่าท่ีมีการจัดการป่าไม้ interspersion ในทางการจดั การสตั วป์ า่ นน้ั บรเิ วณแนวเชอื่ มตอ่ ปา่ ถอื วา่ เพอ่ื ประโยชนท์ างเศรษฐกจิ สตั วป์ า่ ทอี่ าศยั จะมปี ระชากรทเี่ ปลย่ี นแปลง มคี วามสำ� คญั เปน็ อยา่ งมากในเรอ่ื งจำ� นวนประชากร ชนดิ พนั ธแ์ุ ละความ ตามการเจริญเติบโตของพรรณไม้ในป่า พ้ืนท่ีสวนป่าเร่ิมปลูกใหม่จะพบ สมั พันธข์ องชนิดพันธุ์ 127 ศศาาสสตตรรแ์ แ์ ลละะศศลิ ิลปป์ ก์ กาารรจจัดดักกาารรททรรพั พั ยยาากกรรสสตั ตัววป์ ป์ ่าา่ในในพพ้ืน้นื ททคี่ ่คีุ้ม้มุคครรอองง

M สตั วจ์ ำ� พวกนกเพมิ่ ขน้ึ ปสรตะั ชวป์ากา่ ร M สตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมลดลง ทงุ่ หญา้ ไมพ้ มุ่ ลกู ไม้ ไมห้ นมุ่ ไมแ้ ก่ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งอายุของตน้ ไม้กับประชากรสตั ว์ปา่ 7. ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั พน้ื ที่รมิ น�ำ้ (riparian forest 1. ระบบการเลอื กตดั (selection system) หมายถงึ การเลอื ก habitat) ตน้ ไมท้ ขี่ น้ึ อยตู่ ามรมิ ฝง่ั ของแมน่ ำ�้ ลำ� หว้ ย ลำ� ธารในปา่ เรยี กวา่ ตดั ตน้ ไม้ทม่ี ขี นาดความโตตามทก่ี ฎระเบียบกำ� หนดไว้ มกี ารชักลากออก riparian forest มคี วามสำ� คญั 6ตอ่. การดำ� รงชวี ติ ของสตั วป์ า่ เปน็ อยา่ งมาก มา(จFาoกrปes่าtทe�ำdใหge้ม)ีช่องว่างเกิดข้ึนในป่า เพราะเรือนยอดของต้นไม้ที่มี โดยเฉพาะชนิดพันธุ์ท่ีอาศัยตามแหล่งน้�ำ ริมฝั่งและพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ขนาดโตนจี้ ะใหญแ่ ผก่ วา้ ง เมอื่ ตดั ลงมาแลว้ เกดิ ชอ่ งวา่ งทำ� ใหแ้ สงแดดสอ่ ง นาก ตะกวด เต่า งชู นิดตา่ งๆ ปัจจุบนั พื้นท่ีรมิ น�ำ้ ในพ้นื ทีป่ า่ ไม้หลายแหง่ ถึงพ้ืนป่า ลูกไม้ ไม้ขนาดเล็ก หญ้า เม่ือได้รับแสงแดดจะเจริญเติบโต ถูกพัฒนาด้วยส่ิงก่อสร้างเพื่อการท่องเท่ียว รวมทั้งเป็นท่ีอยู่อาศัยของ กลายเปน็ แหลง่ อาหารของสตั วป์ า่ จำ� พวกกวางปา่ เกง้ หรอื สตั วก์ นิ พชื ชนดิ มนุษย์ ท�ำให้พ้ืนที่ริมน้�ำถูกท�ำลาย ดินริมตลิ่งพังทลาย การปลูกพืช อนื่ ๆ ทำ� ให้ประชากรของสตั ว์ป่าเพ่มิ มากขนึ้ ริมฝั่งแม่น�้ำ การใช้สารเคมี ท�ำให้น�้ำในล�ำน�้ำเน่าเสียมีผลกระทบต่อ อ ซวัชึ่งอเพกรืชหียหกมร2วดือ่า.ท สห้ังHeวญแรadนะป้าbgบปลไeดบi่งาt้รกaeัหบมาtfรลแีกfตeDัสงาจัดรcงiเาแหvtผกดมeาตดดรrัดอิsบ(ไยicเมtศ่าly้eอษงEaอเไตcrกม็มocม้เทพutาo่ีื่tอแtเทลniAมn้ว�ำeลgกจ็ดmะาsไyรทมosป�ำ้งtsลกeอaูกาmกEรตiขc)ปd้นึ้นเลgไปมoมูกeา็นf้ขขใกห้ึึ้นนามมมร่ทตาาใใดั�ำหหใไหมมม้่่้ ชนดิ พนั ธุส์ eตั วffน์ eำ�้ ct การจดั กtาyรpปe่าsไม้กับกInาtรeจrsดั pกeาrsรioสnตั ว์ป่า กไามร้ยทไืนดำ� ตไ้มมาีกยอ้ าทอรก่เี กถมดิกผี ขเลถ้ึนกียใรนงะกปทัน่าบธใกนรบัรห7จม.มำ�ชู่นนาักวตนวิคิปชวารระกนชา�ำามรกดารใ้าชสนป้ตั ปวร่าป์ะไโา่ มยมช้แานลกห์นะรสอ้ อืัยตไเวมพ์ป่ยี แ่างลวใด(ะ่าRipจสเaปะตัrน็ iมวaแป์ีนnหา่้อลทยFง่ Rเี่อoพเiาพprม่ิหeรaขาsาrนึ้ระtiขaตไHอnด้นงaแ้ไสFมbกตั oย้่iวพtrงัป์aeวมา่tกsีข)สนtนตั กาวกดป์ นิเา่ ลจแ็กำ�มยพลงัวงไกตมกา่่อนิงอๆพกชืแดจตอะน่กอกออกกอนิ มกเามผหลลาด็กไนิ มป้ เมระลชด็ าพกชืร (1) 3. ระบบเลือกตัดเว้นแม่ไมไ้ ว้ (seed tree cutting system) (2) (3) การจดั การสตั วป์ า่ มสี ว่ นชว่ ยในการจดั การปา่ ไมอ้ ยา่ งไร การตัดไม้หรือท�ำไม้ออกจากป่า เพื่อน�ำไม้มาใช้ประโยชน์อยา่ ง เปน็ การตัดไมอ้ อกมาจากปา่ โดยเว้นต้นไม้ท่ีใหผ้ ลทส่ี มบรู ณ์ เพ่ือใหม้ ีผล ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าใช้ประโยชน์ในการก่อสร้าง ท�ำเฟอร์นิเจอร์ เมล็ดท่ีสมบูรณ์และใช้ในการขยายพันธุ์ต่อไป หรือนัยหน่ึงเป็นแหล่ง หรือประโยชน์อยา่ งอืน่ มหี ลายวิธี ตัวอยา่ งเช่น แม่ไม้ ผลไม้ท่ีผลิตได้ นอกจากเก็บไว้เพ่ือขยายพันธุ์แล้ว ยังเป็นแหล่ง 128 ศาสตร์และศิลป์ การจดั การทรัพยากรสตั ว์ปา่ ในพ้ืนท่ีคุ้มครอง (1)

กะเลน็ ปลายหูส้นั (Tamiops burmis) 129 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรพั ยากรสัตวป์ า่ ในพ้นื ทค่ี มุ้ ครอง

อาหารของสัตว์ป่าเป็นอย่างดี ต้นไม้ท่ีถูกตัดออกเว้นช่องว่างให้แสงแดด เช่น กวางป่าลับเขากับต้นไม้ ช้างป่าถูตัวกับต้นไม้หรือดึงก่ิงไม้หรือ สอ่ งถงึ พื้นป่า พืชตามพนื้ ปา่ จะเป็นแหล่งอาหารของสตั วป์ ่าเป็นอย่างดี ดนั ต้นไม้ใหล้ ้มลงเพ่ือกนิ ใบเปน็ อาหาร 4. ระบบการท�ำไม้แบบไว้ร่มเงา (shelterwood system) ฉะนน้ั ยทุ ธศาสตรก์ ารจดั การปา่ ไมเ้ พอ่ื การอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ จะเปน็ วธิ ีการนีค้ ลา้ ยๆ กับการเลอื กตดั เวน้ แม่ไมไ้ ว้ ตา่ งกันเพยี งแต่เวน้ ตน้ ไมท้ ี่ รูปแบบการจัดการเชิงบูรณาการในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา มพี มุ่ หนาเปน็ ทกี่ ำ� บงั แดดใหแ้ กล่ กู ไมท้ งี่ อกขน้ึ มาใหม่ เนอื่ งจากลกู ไมบ้ าง มีการจดั การป่าไม้และการจัดการสัตว์ปา่ เชงิ บรู ณาการ การจัดการป่าไม้ ชนิดไม่สามารถทนแดดได้ กลา้ ไม้จะตายไป ซึง่ ต้นไมท้ ่ีเกบ็ ไวเ้ ปน็ ร่มเงาน้ี เป็นการจัดการเชงิ เศรษฐกจิ อาจจะมกี ารเปลยี่ นแปลงสภาพปา่ แตจ่ ะมี จะเป็นต้นไม้ท่ีอ�ำนวยผลประโยชน์ให้แก่สัตว์ป่าในด้านการคุ้มกันภัย ผลดีกับสัตว์ป่า ซึ่งการจัดการได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีระหว่าง ท้งั จากศตั รูและภูมอิ ากาศ เช่น แสงแดด เปน็ ตน้ เจา้ หน้าทแ่ี ละประชาชนทต่ี ้องปฏบิ ตั ิตามกฎระเบยี บของรฐั ในกรณีต้นไม้ยืนตาย ยังมีการถกเถียงกันของนักวิชาการว่าควร จะเกบ็ ไวห้ รอื ตดั ออกมาใชป้ ระโยชน์ นกั จดั การปา่ ไมจ้ ะมคี วามเหน็ วา่ จะ ตอ้ งตดั ออกมาใชป้ ระโยชนเ์ พราะเปน็ แหลง่ สะสมของศตั รปู า่ ไม้ แมลงจะ เข้าไปอาศัยและกัดกินต้นไม้ เปน็ แหลง่ เพาะพนั ธ์ุ เห็ด ราที่ท�ำลายตน้ ไม้ จึงต้องตดั ตน้ ไมอ้ อกมาใช้ประโยชน์ใหค้ ุ้มคา่ กับการจดั การ แต่นักจัดการ สตั วป์ า่ มคี วามเหน็ วา่ ตอ้ งเกบ็ ไวต้ ามธรรมชาตใิ หเ้ ปน็ แหลง่ ทำ� รงั ทำ� โพรง วางไข่เล้ียงลูกของสัตว์ป่าบางชนิด เป็นที่หลบภัยของสัตว์ป่าบางชนิด รวมทง้ั เปน็ แหลง่ หากนิ ของนกบางชนดิ เพราะตน้ ไมย้ นื ตายจะมมี ดแมลง มาท�ำรังวางไขต่ ามเปลอื กไม้ เชน่ กัน ส�ำหรับการจัดการสัตว์ป่าในพื้นที่ที่มีการจัดการป่าไม้ สัตว์ป่า จะมีประโยชน์หรือช่วยในการปลูกป่า โดยเฉพาะสัตว์ป่าท่ีกินผลไม้และ เมล็ดไม้จะน�ำผลไม้ เมล็ดไม้ ไปถ่ายในพื้นที่อ่ืนๆ เมล็ดไม้ก็จะงอก เจรญิ เติบโตเปน็ ตน้ ใหม่ เทา่ กบั สตั วป์ า่ ชว่ ยในการปลกู ปา่ และเพมิ่ พน้ื ทป่ี า่ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยก�ำจัดศัตรูพืชซึ่งหมายถึงสัตว์ป่าที่กินแมลงเป็น อาหาร ช่วยก�ำจัดแมลงศตั รูป่าไม้ทำ� ให้ไม้ในป่าเจรญิ เติบโตดีขึ้น อย่างไรก็ดี สัตว์ป่ามีผลกระทบต่อการจัดการป่าไม้เช่นกัน ซ่ึง นกั จัดการป่าไม้ตอ้ งมีการปอ้ งกันชนดิ พันธุ์ไม้ เชน่ 1. ชนดิ พนั ธส์ุ ัตวแ์ ทะเล็มจะกนิ ยอดไม้ ใบไม้ ลกู ไม้ เชน่ พวก กวางป่า เก้ง กระต่ายหรอื หนู จะกินสว่ นดังกลา่ วของพชื ท�ำให้พชื ได้รับ ความเสียหายไมเ่ จรญิ เตบิ โต 2. ชนิดพันธุ์ที่กินเปลือกของต้นไม้ เช่น พวกเม่น กวางป่า กระรอกหรือกระต่าย จะแทะเปลอื กไมก้ ินเป็นอาหาร ทำ� ให้ตน้ ไมต้ าย 3. ชนิดพันธุ์ที่กินเมล็ดไม้ เป็นการท�ำลายเมล็ดไม้ที่ต้องการ ขยายพันธ์ุ เช่น กระรอกแทะกินเมลด็ ไมเ้ ป็นอาหาร 4. ความเสยี หายทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการเหยยี บยำ่� ลกู ไม้ ตน้ ไมข้ นาดเลก็ นกกระเต็นลาย (Lacedo pulchella) 130 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสตั วป์ า่ ในพืน้ ทค่ี มุ้ ครอง

หลักการเลอื กชนดิ พันธสุ์ ัตว์ป่าในการจดั การ 1. featured species concept เปน็ การเลอื กชนดิ พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ทตี่ อ้ งการจดั การในดา้ นการใหแ้ หลง่ อาหาร นำ้� และทค่ี มุ้ กนั ภยั โดยการจดั การ แบบบรู ณาการรว่ มกนั ในหลายวตั ถปุ ระสงค์ (multiple – objectives) 2. species diversity เปน็ การเลอื กจดั การชนดิ พนั ธ์ทุ ีม่ คี วาม อุดมสมบูรณ์ในระบบนิเวศมากกว่าจะจัดการเพียงชนิดเดียว เป็นการ จดั การแบบใหม้ สี งั คมของสตั วห์ ลายชนดิ อยรู่ ว่ มกนั (community basis) ปจั จบุ นั ในหมนู่ กั วชิ าการทงั้ สองกลมุ่ ไดม้ กี ารพจิ ารณาถงึ กลมุ่ ของ ป่าไม้ที่แยกออกเป็นกลุ่มๆ หรือท่ีเรียกว่า forest fragmentation คือ ทำ� อยา่ งไรทจ่ี ะทำ� ใหป้ า่ ไมส้ องกลมุ่ เชอ่ื มตอ่ กนั เพอื่ ทจ่ี ะใหส้ ตั วป์ า่ เดนิ ทาง ไปมาหากันได้ เช่น กลุ่มป่าแก่งกระจานกับกลุ่มป่าตะวันตก ซึ่งถูก แบ่งแยกออกจากกันโดยท่ีดินที่เป็นพ้ืนที่ทางการเกษตร ส่ิงก่อสร้าง และอื่นๆ หรืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และอุทยานแห่งชาติทับลาน ถูกแบ่งโดยถนนทางหลวง 304 เปน็ ตน้ การจดั การเชงิ ระบบนเิ วศเพ่ือการอนรุ กั ษส์ ัตวป์ ่า อีเห็นหนา้ ขาว (Arctogalidia trivirgata) แนวทางการจดั การเชงิ ระบบนเิ วศเปน็ การดำ� เนนิ งานการอนรุ กั ษ์ และการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพ ปัจจุบันผู้คนมี ใช้เป็นเครื่องมือที่ส�ำคัญในการพัฒนาและบรรเทาความยากจนของ ความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบและกระบวนการท่ีสลับซับซ้อนของ ประชาชน โดยอยบู่ นพน้ื ฐานของความรทู้ เี่ หมาะสม เนน้ ในเรอื่ งของระบบ ระบบนิเวศมากข้ึน ซ่ึงสิ่งมีชีวิตทุกชนิดท้ังพืช สัตว์และจุลินทรีย์มี นิเวศเป็นหลัก ซึ่งตระหนักว่ามนุษย์และวัฒนธรรมอันหลากหลายเป็น ปฏิสมั พันธ์ต่อกันเสมือนเป็นหน่วยโครงสร้างเดยี วกัน สว่ นหน่ึงของระบบนิเวศดว้ ยกัน หลกั การจดั การเชิงระบบนเิ วศ คือ การจดั การความหลากหลาย เป็นท่ีทราบกันดีอยู่แล้วว่า อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์ ทางชีวภาพให้สามารถตอบสนองต่อท้ังความต้องการของสังคมมนุษย์ สัตว์ป่า เป็นพื้นที่คุ้มครอง (protected areas) ท่ีจัดตั้งขึ้นโดยอาศัย รวมท้ังด�ำรงรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศไว้ได้ อ�ำนาจตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 และพระราช เพอ่ื ใหร้ ะบบนเิ วศนนั้ ๆ สามารถใหผ้ ลผลติ และบรกิ ารแกช่ นรนุ่ หลงั ตอ่ ไป บญั ญตั สิ งวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ พ.ศ. 2503 ซง่ึ ถกู ยกเลกิ แลว้ ใชพ้ ระราช ในอนาคต โดยไม่ถูกท�ำลายหรือท�ำให้เสื่อมสภาพลง เช่น ระบบนิเวศ บัญญตั ิสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 แทน เพ่ือคุ้มครองระบบ ปา่ ไมแ้ ละระบบนเิ วศพนื้ ทร่ี มิ นำ�้ ทอี่ ยใู่ นระบบนเิ วศเดยี วกนั เปน็ สว่ นหนง่ึ นิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ให้ท�ำหน้าที่เก้ือกูลประโยชน์ได้ ของกันและกันแยกออกจากกันไม่ได้ ในการวางแผนการจัดการจึงต้อง อยา่ งสมดลุ และยงั่ ยนื ไมว่ า่ จะเปน็ แหลง่ ตน้ นำ�้ ลำ� ธาร ปา่ ไม้ แหลง่ อาหาร มองทงั้ ในประเดน็ ของปา่ ไมแ้ ละพน้ื ทร่ี มิ นำ�้ ไปพรอ้ มๆ กนั ทงั้ การควบคมุ ของบรรดาส่ิงมีชีวิตต่างๆ พื้นท่ีคุ้มครองบางแห่งถูกคุกคามและเกิดการ ปอ้ งกนั นำ�้ ทว่ มและการกดั เซาะของหนา้ ดนิ จงึ ตอ้ งเปน็ การอนรุ กั ษป์ า่ ไม้ สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ มีการลักลอบตัดไม้ การเก็บหา และความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศพืน้ ที่ริมนำ้� ของปา่ การลักลอบลา่ สตั วป์ า่ การขยายพนื้ ทที่ ำ� การเกษตรหรอื แมแ้ ตก่ าร การจัดการเชิงระบบนิเวศ เป็นยุทธศาสตร์ส�ำหรับการจัดการ พัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานท่ีไม่เหมาะสมกับสภาพพ้ืนที่ ท�ำให้เกิดความ ทรัพยากรธรรมชาติแบบบูรณาการ สนับสนุนการอนุรักษ์ การใช้ เสียหายต่อสภาพแวดล้อมและประชาชน เป็นเหตุให้สูญเสียชีวิตและ ประโยชนอ์ ยา่ งยง่ั ยนื และการแบง่ ปนั ผลประโยชนอ์ ยา่ งยตุ ธิ รรม อนั ทจี่ ะ ทรัพย์สนิ เป็นจำ� นวนมาก 131 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรัพยากรสตั ว์ป่าในพ้ืนทีค่ ้มุ ครอง

- 87 - กันไมไ่ ด้ ในการวางแผนการจดั การจึงตอ้ งมองทงั้ ในประเด็นของป่าไม้และพน้ื ที่รมิ นำ้ ไปพรอ้ มๆกัน การควบคมุ ป้องกันน้ำท่วมและการกัดเซาะของหน้าดนิ จึงตอ้ งเปน็ การอนุรกั ษป์ า่ ไมแ้ ละความหลากหลายทางชวี ภาพของระบบนิเวศพื้นท่ีรมิ น้ำ การจัดการเชงิ ระบบนิเวศ เป็นยุทธศาสตรส์ ำหรับการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติอย่างบูรณากา สนับสนุนการอนรุ ักษ์ การใชป้ ระโยชน์อยา่ งยั่งยืนและการแบง่ ปันผลประโยชน์อยา่ งยตุ ิธรรม อนั ทีจ่ ะใช้เปน็ เครอื่ งมอื ท่สี ำคัญในการพฒั นาและบรรเทาความยากจนของประชาชน โดยอยบู่ นพื้นฐานของความรู้ท่เี หมาะสมเน้นในเรอ่ื งของระบบนิเวศเป็นหลัก ซ่งึ ตระหนักว่ามนษุ ย์และวฒั นธรรมอนั หลากหลายก็เป็นส่วนหนงึ่ ของระบบนเิ วศ เปน็ ทท่ี ราบกนั ดีอยู่แลว้ ว่าอุทยานแหง่ ชาติและเขตรักษาพนั ธุ์สัตว์ป่า เปน็ พืน้ ท่คี มุ้ ครอง (Protected Areas) ทีจ่ ัดตั้งขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบญั ญตั อิ ุทยานแหง่ ชาติ พ.ศ. 2504 และพระราชบัญญตั สิ งวนและคุ้มครองสตั วป์ า่ พ.ศ. 2503 (ถูกยกเลิกแล้วใช้พระราชบัญญตั สิ งวนและคุ้มครองสตั วป์ า่ พ.ศ. 2535 แทน) เพอื่ คุ้มครองระบบนเิ วศและความหลากหลายทางชวี ภาพ ให้ทำหน้าทีเ่ ก้ือกลู ประโยชนไ์ ดอ้ ย่างสมดุลและยง่ั ย ไม่วา่ จะเป็นแหล่งตน้ น้ำลำธาร ปา่ ไม้ แหล่งอาหารของบรรดาสิ่งมีชีวิตตา่ งๆ พน้ื ทีค่ ุ้มครองบางแหง่ ถกู คกุ คามและเกิดการสญู เสียความหลากหลายทางชวี ภาพ มกี ารลักลอบตัดไม้ เก็บหาของปา่ การลักลอบลา่ สัตวป์ า่ กทาำรใหขย้เกาดิยคพว้นื าทม่ทีเสำยีกหาราเยกตษ่อตสรภหารพอื แแวมด้แลตอ้ กก่ มราแะรลซพู่ะัฒ(ปDนรicาะeโชrคoารชrงhนสinรเuา้ปงs็นพsเื้นหuฐmตาใุ aนหtท้สreญูี่ไมnเเ่sสหiียsม)ชาีวะิตสแมลกะับทสรภพั ายพ์สพนิ นื้เปทน็ ่ี จำนวนมาก กรอบแนวคดิ ในการจดั การเชิงระบบนิเวศ ด้านระบบนิเวศ เป้าหมายในการ การดำ� เนนิ การจดั การเชงิ ระบบนเิ วศ (ecosystem management) - ปจั จยั กายภาพ จดั การเชงิ ระบบนิเวศ ตามหลักการดังกล่าวเป็นการด�ำเนินงานเพ่ือสนับสนุนกรอบกิจกรรม - ปัจจยั ชีวภาพ สถาบนั นโยบาย ในการดำ� เนนิ งานของอนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยความหลากหลายทางชวี ภาพ หรอื - กฎหมาย Convention on Biodiversity หรอื เรยี กยอ่ ๆ วา่ CBD ซงึ่ มวี ตั ถปุ ระสงค์ - บุคลากร เพอื่ ดำ� เนนิ การดา้ นการอนรุ กั ษ์ การใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งยงั่ ยนื และการแบง่ - งบประมาณ ปันผลประโยชน์อย่างยุติธรรม หากศึกษารายละเอียดของหลักการของ ดา้ นสังคม การจดั การเชงิ ระบบนเิ วศทค่ี ณะกรรมาธกิ ารดา้ นการจดั การเชงิ ระบบนเิ วศ - ผมู้ ีสว่ นเกย่ี วขอ้ ง - ประเดน็ ปญั หาตา่ งๆ หรอื The Commission on Ecosystem Management ของ IUCN ก�ำหนดค�ำตอบว่าพ้ืนท่ีคุ้มครองมีการอนุรักษ์อะไร ใครเป็นผู้ด�ำเนินการ การใช้ประโยชนอ์ ย่างยัง่ ยนื ทำ� อยา่ งไร ใครเป็นผ้ใู ชป้ ระโยชน์ และมีการ กรอบแนวคิดในการจัดการเชงิ ระบบนเิ วศ ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ตกามารหจลัดักกกกาาารรร1ทดด3รำังพั2เกนยลินา่ากกวรากสรค็ ตัจงวัดเป์ปกา่็นาใรกนเาชพริงน้ืดรทำะเ่คีบนุ้มบนิ คนงราเิ อวนงศเพ(E่ือcสoนsบั yสstนeุนmกรMอบanกaจิ gกeรmรมeใnนtก)ารดำเนินงานของอนุสัญญาวา่ ด้ว

แบง่ ปนั ผลประโยชนก์ นั อยา่ งไร อยา่ งไรกต็ าม ไมม่ ใี ครทจี่ ะเขา้ ใจลกึ ซงึ้ วา่ ระบบนิเวศในพ้ืนท่ีจริงๆ มีความสัมพันธ์กันมากน้อยเพียงใด ควรมีการ จัดการอย่างไรและอยู่ในระดับใด คณะกรรมาธิการด้านการจัดการเชิง ระบบนิเวศ ได้ก�ำหนดแนวทางการวางแผนการจัดการเชิงระบบนิเวศไว้ 5 ข้ันตอน คอื 1. การวเิ คราะหร์ ะบบนเิ วศของพนื้ ท่ี ผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ในพน้ื ท่ี และความสัมพันธ์ระหว่างกัน ถึงแม้ว่าขั้นตอนน้ีจะเป็นงานอันดับแรก แต่ต้องใช้เวลาในการด�ำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล ที่เป็นข้อมูลพ้ืนฐาน ทงั้ จากเอกสาร ข้อมูลปฐมภมู ิ ตลอดจนข้อเทจ็ จริงในพนื้ ท่ี การวเิ คราะหร์ ะบบนเิ วศของพนื้ ท่ี เชน่ พนื้ ทค่ี มุ้ ครองทกี่ ำ� หนดให้ มกี ารจัดการเชงิ ระบบนิเวศขนาดกวา้ งขวางมากน้อยแค่ไหน ระบบนิเวศ เปน็ อยา่ งไร มพี น้ื ทป่ี า่ แตล่ ะประเภทจำ� นวนเทา่ ไร ปรากฏเปน็ กลมุ่ ๆ หรอื คา่ งแวน่ ถิน่ ใต้ (Trachypithecus obscurus) กระจายอยทู่ วั่ ไป มขี อบเขตทแี่ นน่ อนหรอื ไม่ มคี ณุ คา่ ทางวชิ าการอยา่ งไรบา้ ง ความหลากหลายทางชีวภาพภายในพื้นที่ เดิมทีเดียวผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีรปู แบบของการบรหิ ารทางกฎหมาย วัฒนธรรม อย่างไร จะไม่ค�ำนึงถึงระบบนิเวศ แต่จะเน้นในด้านเศรษฐกิจและสังคมมากกว่า ผทู้ มี่ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ในพน้ื ทค่ี มุ้ ครองมอี ยหู่ ลายกลมุ่ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั จึงมีความจ�ำเป็นในการพจิ ารณาผู้มสี ่วนไดส้ ว่ นเสีย ในดา้ นองคป์ ระกอบ 133 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสตั ว์ป่าในพ้ืนท่คี ุ้มครอง

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างระบบนิเวศกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก ในพื้นท่ี จะต้องสร้างความเข้าใจว่า ใครเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักใน พน้ื ท่ี องคก์ รใดหรอื ใครเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามตง้ั ใจและจรงิ จงั ในการจดั การพน้ื ท่ี หรือการก�ำหนดขอบเขตของพ้ืนท่ีระบบนิเวศ สถาบันหรือหน่วยงานใด ที่มคี วามสามารถในการดแู ลและการจดั การ 2. ความเข้าใจต่อลักษณะโครงสร้างและองค์ประกอบ โดย หน้าที่ของระบบนิเวศและกลไกจะแยกลักษณะโครงสร้างและ องคป์ ระกอบของระบบนเิ วศใหเ้ ปน็ สนิ คา้ ทตี่ อ้ งการและบรกิ ารไดอ้ ยา่ งไร หรือจะบอกกล่าวให้ผู้อื่นทราบได้อย่างไรว่าระบบนิเวศถูกคุกคาม เนอ่ื งจากการใช้ประโยชน์มากเกนิ ไป ทางความรู้ วัฒนธรรม ประสบการณ์ ผลงานและความสนใจใน ในความเป็นจริงจะต้องยอมรับว่า ระบบนิเวศท่ีถูกรบกวนเกิด กระบวนการจัดการเชิงระบบนิเวศ ซ่ึงแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม จากการใชป้ ระโยชนท์ รพั ยากรในพน้ื ทมี่ ากนอ้ ยตา่ งกนั ซง่ึ เปน็ ปรากฏการณ์ ผู้เก่ียวข้องกับทรัพยากรและมีความต้ังใจที่จะท�ำงาน และกลุ่มผู้ท่ีมี ท่พี บเห็นได้โดยท่วั ไป การด�ำเนนิ งานดา้ นการจัดการต้องแสดงให้เหน็ ว่า ส่วนสนบั สนนุ การท�ำงานรว่ มกนั หรอื ท�ำงานร่วมกบั ผทู้ ่อี าศัยอย่ใู นพืน้ ที่ ระบบนิเวศใดต้องการใหป้ ระชาชนเข้ามามสี ่วนรว่ มในการจัดการ ระบบ 134 ศาสตร์และศลิ ป์ การจดั การทรพั ยากรสัตวป์ ่าในพนื้ ที่คุม้ ครอง

นกกก (Buceros bicornis) นเิ วศใดตอ้ งการความช่วยเหลอื และขอรับการสนบั สนนุ หรอื ระบบนิเวศ 3. ระบบเศรษฐกิจ เป็นประเด็นส�ำคัญที่อาจมีผลกระทบต่อ ใดตอ้ งการให้องค์กรหรอื หน่วยงานอน่ื เข้ามาช่วยเหลอื ในการจดั การ ระบบนิเวศและชุมชนในท้องถิ่นที่อาศัย จึงมีความจ�ำเป็นอย่างย่ิงที่จะ ลกั ษณะการบรหิ ารจดั การทม่ี กี ารกระจายอำ� นาจไปสรู่ ะดบั ทอ้ งถน่ิ ต้องวิเคราะห์ข้อมูลด้านเศรษฐกิจท่ีมีผลกระทบต่อระบบนิเวศและ เปน็ แนวทางการบรหิ ารจดั การทม่ี รี ะดบั แตกตา่ งกนั เชน่ ระดบั กลมุ่ ชมุ ชน ประชาชนท่ีอาศัยอยู่ในพ้ืนที่ ซ่ึงจะเป็นทางเลือกของวิธีการจัดการ ทอ้ งถน่ิ ระดบั กลมุ่ เกษตรกร ระดบั กลมุ่ ผบู้ รหิ าร ระดบั ชาตหิ รอื นานาชาติ เชิงระบบนเิ วศ มีปจั จยั ทางเศรษฐกิจอะไรบา้ งทที่ �ำให้เกดิ แรงจงู ใจ หรือ ซง่ึ เปน็ ขอ้ พจิ ารณาวา่ ผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี จะตอ้ งมคี วามเขา้ ใจในโครงสรา้ ง มีการชดเชย หรือท�ำให้ประชาชนมีงานท�ำ หรือการใช้ทรัพยากรจาก องคป์ ระกอบ และความร้ขู องระบบนิเวศ ทรพั ยากรธรรมชาติที่ไมย่ ง่ั ยนื 135 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรัพยากรสัตวป์ ่าในพ้ืนทีค่ ุม้ ครอง

จะต้องมีการปรับแผนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ แต่ต้องมีการติดตาม ประเมินผลก่อน โดยพิจารณาถึงเครื่องมืออุปกรณ์สนับสนุน ส่ิงส�ำคัญ ทส่ี ดุ คอื ผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี จะตอ้ งเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการแกไ้ ขปญั หาหรอื ปรับแผน รวมทั้งผู้จัดการหรือหัวหน้าจะต้องท�ำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ที่ เกยี่ วขอ้ ง และพิจารณาถงึ เศรษฐกิจ – สังคม การตลาด วัฒนธรรม ผู้มี สว่ นได้สว่ นเสีย การบริหารและการจดั การดว้ ย หลักการท้ัง 5 ขั้นตอนน้ีจึงเป็นแนวทางการวางแผนการจัดการ เชงิ ระบบนเิ วศ ซงึ่ สามารถนำ� ไปใชใ้ นการอนรุ กั ษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพ ในพ้ืนท่ีให้สมบูรณ์ต่อไปได้และยังมีการจัดการอย่างมีส่วนร่วม (joint management) ควบคไู่ ปกบั การจดั การเชงิ ระบบนเิ วศ ซง่ึ เปน็ กระบวนการ ทำ� งานทเ่ี ปดิ โอกาสใหป้ ระชาชน หรอื ชมุ ชนทอ้ งถนิ่ หรอื ภาคอี นื่ ใดเขา้ มา การวิเคราะห์เชิงเศรษฐกิจท่ีเกี่ยวข้องอีกประการหน่ึง คือ การ มีส่วนในกระบวนการเรียนรู้ ศึกษาปัญหาและร่วมคิดวิเคราะห์วางแผน ตลาด ผลจากการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าในท้องตลาดจะท�ำให้มี หรอื ดำ� เนนิ การในเรอ่ื งใดเรอ่ื งหนงึ่ ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ รวมถงึ การมสี ว่ นรว่ ม ผลทางเศรษฐกจิ ดว้ ย ไมว่ า่ จะเปน็ ทางลบหรอื ทางบวก คณุ คา่ หรอื ผลกำ� ไร ในการตดิ ตามประเมินผล ตรวจสอบการด�ำเนนิ กจิ กรรม ซึง่ ช่วยกระตนุ้ ทไ่ี ดม้ าจากการจดั การเปน็ สงิ่ สำ� คญั แนวทางการจดั การพยายามหลกี เลย่ี ง ให้เกิดกระบวนการพัฒนา รวมทั้งกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยใน การนำ� ผลกำ� ไรจากระบบนเิ วศมาใชม้ ากเกนิ ไป ประชาชนในชมุ ชนทอี่ าศยั ระดับชุมชน การด�ำเนินงานภายใต้ข้อตกลงและเงื่อนไขที่ได้ก�ำหนดข้ึน อยู่ในพื้นที่กับประชาชนท่ีอยู่นอกพ้ืนท่ีมีการใช้ประโยชน์แตกต่างกัน โดยอาศยั ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ระบบนเิ วศของพน้ื ทคี่ มุ้ ครอง เพอื่ ใหม้ กี ารจดั การ อยา่ งไร หากเปรยี บเทยี บกนั แลว้ การใชป้ ระโยชนจ์ ากประชาชนภายนอก ทย่ี ง่ั ยนื บรรลเุ ปา้ หมายทง้ั ในดา้ นการอนรุ กั ษ์ ความตอ้ งการใชป้ ระโยชน์ อาจจะมีผลกระทบกับระบบนิเวศมากกว่าบุคคลท่ีอาศัยอยู่ในพ้ืนท่ี ของชุมชนตลอดจนผูม้ ีสว่ นได้ส่วนเสยี อ่นื ๆ อย่างเป็นธรรมและสมดลุ ซงึ่ ปกตจิ ะนำ� ทรพั ยากรมาใชส้ อยในครวั เรอื น เปน็ ตน้ ฉะนนั้ แนวทางการ จดั การเชงิ ระบบนเิ วศจะตอ้ งสรา้ งองคค์ วามรู้ ความเขา้ ใจใหแ้ กช่ มุ ชนทอ้ งถน่ิ พืน้ ทเี่ พือ่ อนุรกั ษ์สตั วป์ ่า เพือ่ ทำ� ให้คุณภาพการด�ำรงชวี ิตของชุมชนดขี น้ึ พ้ืนท่ีเพ่ือการอนุรักษ์สัตว์ป่าในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ ซึ่งตาม 4. ผลกระทบทอี่ าจจะเกดิ ขนึ้ ตอ่ ระบบนเิ วศในพนื้ ทแ่ี ละบรเิ วณ หลักสากลเรียกว่า “พื้นท่ีคุ้มครอง” หรือ Protected Areas คณะ ใกล้เคียง เช่น การขยายพ้ืนที่การเกษตรหรือการเลี้ยงปศุสัตว์ ซึ่งจะไม่ กรรมาธิการพ้ืนท่ีคุ้มครองของโลก (The World Commission on อนญุ าตใหด้ ำ� เนนิ การในระบบนเิ วศนน้ั ๆ แตม่ กั จะมกี ารฝา่ ฝนื เกดิ ขน้ึ การเกดิ Protected Areas: WCPA) ขององคก์ ารระหวา่ งประเทศเพอื่ การอนรุ กั ษ์ ไฟป่า เป็นต้น ลกั ษณะภัยเหล่านจี้ ะท�ำให้ระบบนเิ วศมกี ารเปล่ียนแปลง ธรรมชาติ (IUCN : International Union for Conservation of Nature) แผนการจัดการจะต้องก�ำหนดว่าจะท�ำอย่างไร โดยธรรมชาติแล้วการ ได้ก�ำหนดบทนิยาม มาตรฐาน รูปแบบและประเภทของพ้ืนท่ีคุ้มครอง เปลยี่ นแปลงของระบบนเิ วศในพน้ื ทจ่ี ะเปน็ ไปตามขน้ั ตอนของระยะเวลา เพอ่ื ให้การด�ำเนินงานการจดั การใหม้ ีประสิทธิภาพ ดงั น้ี ผู้ท่ีอาศัยอยู่ในพ้ืนที่จะต้องหาวิธีการสร้างความเข้าใจและวิธีการแก้ไข พ้ืนท่ีคุ้มครอง หมายถึง พื้นที่ดินหรือพ้ืนที่น�้ำท่ีจัดต้ังข้ึนเพ่ือ ปัญหาอนั อาจจะเกิดข้ึน เป็นการป้องกันและบ�ำรุงรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ รวมท้ัง 5. ระยะเวลาในการดำ� เนนิ การ แผนการจะกำ� หนดเปน็ เปา้ หมาย ทรพั ยากรธรรมชาติ ทรพั ยากรทางวฒั นธรรม และคณุ คา่ ทางทศั นยี ภาพ ในระยะยาวหรอื ระยะสนั้ ก็ได้ และสามารถปรับเปล่ยี นแผนได้ แผนการ ซ่ึงด�ำเนินการโดยใชก้ ฎหมายในการจัดต้ังและบริหารจดั การ จัดการจะเป็นการคาดคะเนล่วงหน้าหรือตั้งความคาดหวังเอาไว้ หากมี คณะกรรมาธิการพื้นที่คุ้มครองของโลกได้ชักชวนรัฐบาลของ การเปลยี่ นแปลงเปา้ หมาย หรอื เปลย่ี นวธิ กี ารทจ่ี ะใหบ้ รรลผุ ลตามเปา้ หมาย นานาชาติโดยได้ก�ำหนดข้อเสนอแนะและค�ำแนะน�ำไว้หลายประการให้ 136 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจัดการทรพั ยากรสตั ว์ป่าในพน้ื ท่คี ้มุ ครอง

ช้างป่า (Elephas maximus) เห็นความส�ำคัญของพ้ืนที่คุ้มครอง พัฒนาระบบของการจัดการพ้ืนที่ ประเภทที่ I พื้นท่ีอนุรักษ์อย่างเข้มข้น (Strict Nature คมุ้ ครองใหม้ คี วามสำ� คญั ระดบั ทอ้ งถน่ิ ระดบั ชาติ ระดบั ภมู ภิ าคหรอื ระดบั Reserve/ Wilderness Area) หมายถงึ พนื้ ทีค่ ้มุ ครองทีจ่ ดั ตัง้ ขน้ึ แยก นานาชาติ จดั ระบบวธิ กี ารใชข้ อ้ มลู จากการวจิ ยั เพอื่ การจดั การ แบง่ ประเภท ออกเปน็ 2 ลกั ษณะ คือ ของพนื้ ทีค่ มุ้ ครองให้ชดั เจนและก�ำหนดรูปแบบ สรา้ งความเข้าใจในการ (I a) Strict Nature Reserve หมายถงึ พนื้ ทท่ี มี่ คี วามสำ� คญั จัดการเพอื่ การอนรุ ักษ์แกส่ าธารณชนและการมีสว่ นรว่ ม หรือเป็นตัวแทนของระบบนิเวศ มีลักษณะทางธรณีวิทยาหรือสรีรวิทยา ส�ำหรับวัตถุประสงค์การจัดตั้งตามบทนิยาม เพื่อรักษาความ หรือชนิดพันธุ์ที่อ�ำนวยประโยชน์ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หรือการ หลากหลายทางชวี ภาพ โดยมกี ารจดั การทถ่ี กู ตอ้ ง คอื การทก่ี ำ� หนดพน้ื ท่ี ติดตามผลด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งน้ี เพื่อเป็นการป้องกันถิ่นที่อาศัย ระบบ คมุ้ ครองขน้ึ โดยมกี ฎระเบยี บทเี่ กย่ี วขอ้ งใชบ้ งั คบั เพอ่ื การดำ� เนนิ งานจดั การ นิเวศและชนิดพันธุ์มิให้ถูกรบกวน รักษาพันธุกรรมให้คงอยู่และมีการ บรหิ าร ซงึ่ วตั ถปุ ระสงคม์ คี วามแตกตา่ งกนั ไปขน้ึ อยกู่ บั ประเภทของพนื้ ท่ี วิวัฒนาการตามธรรมชาติและระบบนิเวศ โดยไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่เพ่ือ คุ้มครอง กล่าวคือ การค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การป้องกันพ้ืนที่ สาธารณประโยชน์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าท่ีจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ ถิ่นเดิม การสงวนชนิดพันธุ์และความหลากหลายทางพันธุกรรม การ สงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ พ.ศ. 2535 ถกู จดั ไวเ้ ปน็ พน้ื ทท่ี เี่ ขม้ งวดตอ่ การ อนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม การท่องเท่ียวและการพักผ่อนหย่อนใจ การรักษา อนุรกั ษ์ประเภทน้ี ทศั นยี ภาพทางธรรมชาตแิ ละวฒั นธรรม และการใชป้ ระโยชน์อย่างยงั่ ยนื (I b) Wilderness Area หมายถงึ พน้ื ทท่ี เ่ี ปน็ พื้นทธี่ รรมชาติ องคก์ ารระหวา่ งประเทศเพอื่ การอนรุ กั ษธ์ รรมชาติ (1994) ไดแ้ บง่ ขนาดใหญท่ ยี่ งั คงสภาพธรรมชาตเิ ดมิ ไวอ้ ยา่ งถาวรหรอื มกี ารจดั การใหอ้ ยู่ พ้นื ทค่ี ุม้ ครองออกเปน็ 6 ประเภท ดงั นี้ ในสภาพธรรมชาติ เพอื่ ใหธ้ รรมชาตมิ กี ารววิ ฒั นาการโดยไมม่ กี ารรบกวน 137 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรพั ยากรสตั ว์ป่าในพื้นท่คี ุ้มครอง

เป็นการรักษาชีวิตเผ่าพันธุ์เดิม คงความสมดุลในธรรมชาติและใช้เป็น ครอบครองหรือท�ำลายพื้นที่ เพื่อการท่องเที่ยวท่ีมีความส�ำคัญในระดับ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจด้านธรรมชาติท่ีไม่มีการรบกวน พ้ืนที่คุ้มครอง ทอ้ งถ่นิ ระดบั ชาติ ระดบั ภูมภิ าคและระดบั นานาชาติ และการให้ชุมชน ของประเทศไทยประเภทน้ี ได้แก่ พ้ืนที่ช้ันคุณภาพลุ่มน้�ำ ช้ัน 1 และ ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อ ป่าชายเลน ประโยชนข์ องชุมชนท้องถิน่ เอง อทุ ยานแหง่ ชาตทิ ่จี ัดตั้งขนึ้ ตามพระราช ประเภทท่ี II อทุ ยานแหง่ ชาติ (National Park) หมายถงึ พ้นื ที่ บญั ญัติอทุ ยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ไดถ้ ูกจัดไวใ้ นประเภทที่ II นี้ คุ้มครองท่ีมีการจัดการเพื่อการป้องกันระบบนิเวศและเพ่ือการพักผ่อน ประเภทที่ III อนุสาวรีย์ธรรมชาติ วัฒนธรรม (Natural หย่อนใจ จะหมายถึงที่ดินตามธรรมชาติหรือพื้นที่น้�ำท่ีได้มีการประกาศ Monument/ Natural Landmark) หมายถึง พ้นื ท่ีคมุ้ ครองท่มี ีการ ตามกฎหมาย เพ่ือคุ้มครองระบบนิเวศที่มีการเปลี่ยนแปลงและเป็น จดั การเพอื่ การอนรุ กั ษล์ กั ษณะธรรมชาติ เปน็ พนื้ ทที่ เ่ี ปน็ สภาพธรรมชาติ ตัวแทนท่ีแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง ไม่ให้มีผู้ใดเข้าไปครอบครอง หรือวัฒนธรรมอย่างใดอย่างหน่ึงหรือหลายๆ อย่างที่มีคุณค่า จะต้องมี หรือท�ำลาย และเป็นแหล่งสนับสนุนการศึกษาวิจัย การพักผ่อน ความส�ำคัญและหายาก ประเภทธรรมชาติได้แก่ น้�ำตก ถ้�ำ หน้าผา หยอ่ นใจและการท่องเทีย่ ว โดยมีวตั ถุประสงค์ทชี่ ดั เจนคอื การคงไวต้ าม ซากพืช ซากสัตว์ หรือการก�ำเนิดของพื้นดินท่ีเป็นเอกลักษณ์ของพืช สภาพธรรมชาติของสังคมสิ่งมีชีวิต พันธุกรรม ชนิดพันธุ์เพื่อให้มีความ และสัตว์ ประเภททางวัฒนธรรม เชน่ ชนเผ่าทอ่ี าศยั ในถ้ำ� ก�ำแพงเมือง สมดลุ ทางระบบนเิ วศและความหลากหลายทางชีวภาพ การรกั ษาสภาพ ตามหน้าผา การก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมและธรรมชาติผสมกับ ทางนเิ วศวทิ ยา ธรณวี ทิ ยาและทศั นยี ภาพทสี่ วยงาม การปอ้ งกนั การยดึ ถอื วัฒนธรรม จึงเป็นพ้ืนที่ธรรมชาติที่สร้างความสนใจแก่มนุษย์ด้านการ 138 ศาสตร์และศิลป์ การจัดการทรัพยากรสัตว์ป่าในพ้ืนที่คมุ้ ครอง

ศึกษาและวิจัยโดยเฉพาะชนิดพันธุ์พืชและชนิดพันธุ์สัตว์ท้องถิ่น ในการ พ้นื ทชี่ มุ่ น้�ำ ทะเลสาบ ปากแม่น้�ำท้องทะเลและแหลง่ ปะการัง พื้นท่ีของ จัดการจะเป็นการลดการท�ำลายและป้องกันการยึดถือครอบครองหรือ ประเทศไทย คือ เขตห้ามลา่ สัตวป์ ่าที่ประกาศโดยอาศยั พระราชบญั ญัติ การปฏิบตั ิทข่ี ดั แย้งกับกฎหมายหรอื การกระท�ำผดิ กฎหมาย สงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ พ.ศ. 2535 ประเภทที่ IV พ้ืนท่ีจัดการถิ่นท่ีอาศัย/ ชนิดพันธุ์ (Habitat/ ประเภทท่ี V พน้ื ทีค่ ้มุ ครองธรรมชาตทิ ส่ี วยงาม (Protected Species Management Area) หมายถงึ พนื้ ทคี่ มุ้ ครองทม่ี กี ารจดั ตง้ั ขน้ึ Landscape/ Seascape) หมายถึง พื้นทคี่ ุ้มครองทเ่ี ป็นพนื้ ทีอ่ นรุ กั ษ์ที่ เพ่ือการจัดการและดูแลถ่ินที่อาศัยและชนิดพันธุ์ เป็นพื้นที่ที่มีการด�ำรง เปน็ ชายฝง่ั และทะเลทเี่ ปน็ ธรรมชาตแิ ละมวี วิ ทวิ ทศั นท์ สี่ วยงาม เปน็ แหลง่ ชวี ติ ของสงิ่ มชี วี ติ ภายในพนื้ ทเี่ ปน็ สำ� คญั โดยเฉพาะชนดิ พนั ธ์ุ กลมุ่ พนั ธพ์ุ ชื พักผ่อนหย่อนใจ มีความส�ำคัญทางระบบนิเวศ วัฒนธรรมและมีความ และพนั ธส์ุ ตั ว์ สงั คมสง่ิ มชี วี ติ ในพนื้ ทที่ สี่ ามารถมชี วี ติ อยไู่ ด้ สบื พนั ธ์ุ ขยาย หลากหลายทางชีวภาพสูง มีการป้องกันและบ�ำรุงรักษาพ้ืนท่ี เพื่อให้มี พันธไุ์ ด้ มีอาหารอดุ มสมบูรณ์และมีถน่ิ ท่อี าศัยท่ีเหมาะสมในการป้องกนั การจดั การทรพั ยากรทด่ี นิ อยา่ งเหมาะสม พน้ื ทค่ี มุ้ ครองประเภทนจ้ี ะเปน็ การสูญพันธุ์ของส่ิงมีชีวิตนั้นๆ วัตถุประสงค์หลัก คือ การป้องกันให้ พน้ื ทธี่ รรมชาตหิ รอื กงึ่ ธรรมชาตทิ มี่ คี วามสวยงามและมคี วามอดุ มสมบรู ณ์ สง่ิ มชี วี ติ แตล่ ะชนดิ พนั ธแ์ุ ตล่ ะสงั คมสามารถดำ� รงชวี ติ อยไู่ ดภ้ ายใตเ้ งอ่ื นไข ตงั้ อยหู่ า่ งไกลจากตวั เมอื งใหญ่ มที รพั ยากรธรรมชาตทิ สี่ วยงามทส่ี ามารถ ของส่ิงแวดล้อมท่ีเหมาะสม โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของ ดึงดดู ความสนใจของประชาชน ใชเ้ ป็นแหลง่ ทอ่ งเท่ยี ว เพ่อื ผลประโยชน์ ชนิดพันธุ์ การสร้างรัง วางไข่ เลี้ยงลูกอ่อน แหล่งที่เป็นป่าไม้ ทุ่งหญ้า ของสังคมชนบทภายใต้ผลผลิตของทรัพยากรธรรมชาติ พื้นท่ีคุ้มครอง 139 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรพั ยากรสัตวป์ ่าในพน้ื ทีค่ มุ้ ครอง

ประเภทน้ีของประเทศไทยคือ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์และ เพอ่ื การบรกิ าร และเปน็ สนิ คา้ ไดอ้ ยา่ งดี หากมกี ารใชท้ รพั ยากรธรรมชาติ สวนรุกขชาติ อยา่ งถกู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการ ทรพั ยากรเหลา่ นนั้ สามารถตอบสนองความ ประเภทที่ VI พืน้ ที่จดั การทรัพยากร (Managed Resources ต้องการอย่างต่อเนื่อง ในพ้ืนท่ีท่ีมีการจัดการแบบอเนกประสงค์หรือ Protected Area) หมายถงึ พนื้ ทท่ี มี่ กี ารจดั การใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งยงั่ ยนื เชิงบรู ณาการจะท�ำใหม้ กี ารใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งยง่ั ยนื ได้ ของระบบนิเวศธรรมชาติ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ความหลากหลายทาง เกณฑก์ ารพจิ ารณาในการเลอื กพน้ื ทเ่ี พอ่ื จดั ตงั้ เปน็ พน้ื ทค่ี มุ้ ครอง ชีวภาพ การรักษาไว้ซ่ึงธรรมชาติและอ�ำนวยผลประโยชน์ให้แก่ความ มหี ลายหลกั เกณฑซ์ งึ่ ขน้ึ อยกู่ บั ความเหมาะสม ความสำ� คญั ดา้ นคณุ คา่ และ ต้องการของชุมชน วัตถุประสงคท์ ่ตี ้องการ เช่น พน้ื ทค่ี มุ้ ครองทง้ั 6 ประเภทดงั กลา่ ว เปน็ พน้ื ทธี่ รรมชาตทิ ม่ี คี วาม 1. ขนาดของพ้ืนท่ี ควรเป็นพ้ืนท่ีท่ีกว้างขวางพอสมควร อดุ มสมบรู ณจ์ ำ� เปน็ จะตอ้ งมกี ารวางแผนการจดั การใชป้ ระโยชนใ์ หเ้ หมาะสม เหมาะสมในการเป็นที่อยู่อาศัยของส่ิงมีชีวิต หรือมีประสิทธิภาพใน มฉิ ะนน้ั จะทำ� ใหเ้ กดิ ผลกระทบในทางท่ีเกิดความเสียหายต่อความสมดุล การรองรับความหลากหลายทางชีวภาพ หรือสามารถรองรับจ�ำนวน ของธรรมชาติ การขาดแคลนเทคโนโลยี ข้อจ�ำกัดทางด้านก�ำลังคนและ ประชากรของพชื และสตั วป์ ่าให้อาศยั อย่อู ย่างปลอดภัย ต้นทุน สภาพทางเศรษฐกิจ สังคมและทรัพยากรธรรมชาติเป็นปัจจัยท่ี 2. มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ทำ� ใหม้ กี ารใชป้ ระโยชนอ์ ย่างไม่ยง่ั ยนื และการจดั การท่ไี มม่ ปี ระสิทธิภาพ โดยเฉพาะความหลากหลายทางชีวภาพด้านพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ พื้นที่ธรรมชาติสามารถตอบสนองและอ�ำนวยประโยชน์ในด้านที่ การมคี วามหลากหลายของระบบนเิ วศสงู เปน็ การสนบั สนนุ การดำ� รงชวี ติ เปน็ แหลง่ นำ�้ ป่าไม้ ทุ่งหญ้า ถ่ินที่อาศัยของสตั ว์ปา่ และแหลง่ ท่องเทย่ี ว ของสิ่งมีชีวิต เป็นแหล่งอนุรักษ์ความหลากหลายทางพันธุกรรมของ ความหลากหลายขององคป์ ระกอบภายในพน้ื ทสี่ ามารถนำ� มาใชป้ ระโยชน์ เมล็ดพันธพ์ุ ชื และชนดิ พนั ธสุ์ ตั ว์ 140 ศศาาสสตตรร์แแ์ ลละะศศลิ ิลปป์ ก์ กาารรจจัดดั กกาารรททรรัพพั ยยาากกรรสสตั ตั ววป์ ป์ ่า่าในในพพน้ื น้ื ทที่คคี่ ุ้มมุ้ คครรอองง

3. ความหายาก ความหายากของชนิดพันธุ์อาจเกี่ยวข้องกับ หรอื สภาพถน่ิ ทอี่ าศยั มคี วามเหมาะสมเปน็ แหล่งท่องเท่ียวทสี่ ำ� คญั การอยู่อาศัยเฉพาะถิ่นหรือแหล่งหากินพิเศษ หรือเป็นพ้ืนท่ีที่ล่อแหลม 8. มีความจ�ำเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องก�ำหนดเป็นพ้ืนที่คุ้มครองท่ี ตอ่ การทำ� ลายจากมนษุ ยท์ ง้ั โดยทางตรงและทางออ้ ม มกี ารคมุ้ ครองชนดิ ส�ำคัญ เช่น เปน็ แหล่งตน้ น�ำ้ ล�ำธาร พนื้ ท่ีที่สูงหรอื เป็นตวั แทนของแหล่ง พันธ์ุหรอื ประชากรทใี่ กล้สญู พนั ธ์ุ โดยก�ำหนดใหพ้ นื้ ทีค่ มุ้ ครองหลายแห่ง ท่ีอยู่อาศัยของสัตว์อพยพย้ายถ่ิน หรือได้รับการเรียกร้องจากประชาชน เปน็ พนื้ ทคี่ ุ้มครองสัตวป์ ่าท่ีหายาก โดยต้องการให้มีการคุ้มครองเพื่อประโยชน์ของชุมชนด้านการใช้ 4. ความเปราะบาง พน้ื ทค่ี มุ้ ครองบางแหง่ เปน็ ทอี่ าศยั ของชนดิ ประโยชนเ์ พือ่ การดำ� รงชีวติ การท่องเทีย่ วหรือมกี ารใช้ประโยชนร์ ว่ มกัน พันธุ์และกลุ่มส่ิงมีชีวิตท่ีเปราะบาง ซึ่งมีความเส่ียงต่อการถูกท�ำลาย ส�ำหรับประโยชน์ของพื้นที่คุ้มครองได้มีการอนุรักษ์ การจัดการ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม หรือกระบวนการทดแทน ให้เกิดประโยชน์มากมาย เช่น การรักษาอุณหภูมิของโลกเพื่อมิให้เกิด หรือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เช่น การเกิด ภาวะโลกร้อน การอนุรกั ษแ์ หล่งต้นนำ�้ ล�ำธาร การอนรุ ักษ์ธรรมชาตแิ ละ อทุ กภยั วาตภยั หรอื อคั คภี ยั พันธุกรรม การอนุรักษ์แหล่งขยายพันธุ์ของประชากรท้ังพืชและสัตว์ 5. มลี กั ษณะเปน็ ทรี่ วมของระบบนเิ วศและธรณภี มู ศิ าสตร์ พน้ื ท่ี การรกั ษาคุณภาพของส่งิ แวดล้อม ประเพณแี ละวัฒนธรรม ความสมดุล คมุ้ ครองขนาดใหญใ่ นผนื เดยี วกนั จะมคี วามหลากหลายชนดิ พนั ธข์ุ องกลมุ่ ของธรรมชาติ การศกึ ษาและวจิ ยั ไมว่ า่ จะเปน็ ทางดา้ นชวี วทิ ยา นเิ วศวทิ ยา สิ่งมีชีวิตและความหลากหลายของถ่ินท่ีอาศัย บางพ้ืนที่เป็นตัวแทนของ ธรณวี ทิ ยา ภมู ศิ าสตร์ สงั คมและเศรษฐศาสตร์ การสง่ เสรมิ การทอ่ งเทย่ี ว ถน่ิ อาศยั ตามเขตชวี ภมู ศิ าสตร์ และการสรา้ งงานของชุมชนในทอ้ งถน่ิ เป็นต้น 6. มีความส�ำคัญด้านธรรมชาติและวัฒนธรรม พ้ืนท่ีคุ้มครอง ในปจั จบุ นั ผลจากการใชป้ ระโยชนข์ องพนื้ ทค่ี มุ้ ครองหลายๆ แหง่ หลายๆ แห่งที่ก�ำหนดขึ้นมีความเป็นธรรมชาติ ไม่ถูกรบกวนจากมนุษย์ ไดร้ บั ผลกระทบจากการใชป้ ระโยชนจ์ ากการทอ่ งเทย่ี ว การเกบ็ หาของปา่ หรือถูกรบกวนจากมนุษย์บ้างแต่น้อยและสามารถฟื้นฟูได้ บางพื้นที่ การบกุ รกุ ยดึ ถอื ครอบครองทด่ี นิ ไฟปา่ การลา่ สตั วป์ า่ หรอื ภยั คกุ คามอนื่ ๆ อาจจะมีหลักฐานประวัติศาสตร์หรือการวิวัฒนาการที่มีความส�ำคัญและ ซึ่งนักวิชาการท่ีเกี่ยวข้องได้พยายามที่จะน�ำวิธีการจัดการบางวิธีมาใช้ จ�ำเป็นต้องดูแลรกั ษาไว้ อาจเปน็ แหล่งท่องเทยี่ วที่สำ� คัญ เพื่อการควบคุมการใช้ประโยชน์จากประชาชนที่เพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็ว 7. มคี วามสวยงามทางภูมิทศั น์ หรอื ความเป็นเอกลกั ษณ์ และ ในท่ีน้ีจะขอยกตัวอย่างที่พบเห็นบ่อยในพื้นที่คุ้มครองไม่ว่าจะเป็นใน มคี วามสำ� คญั ทางชวี วทิ ยา มรี ปู แบบการใชป้ ระโยชนท์ ด่ี นิ ทม่ี คี วามสำ� คญั ประเทศหรือตา่ งประเทศ ทางชวี ภมู ศิ าสตร์ มลี กั ษณะเดน่ เปน็ พเิ ศษทไี่ มม่ ที ใี่ ดทเี่ หมอื นกบั พนื้ ทนี่ น้ั ๆ กระทงิ (Bos gaurus) พญากระรอกบนิ หดู �ำหางสีสม้ (Petaurista philippensis) 141 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรพั ยากรสัตว์ป่าในพนื้ ที่คมุ้ ครอง

สาเหตุ ผลกระทบทเ่ี กดิ ขึน้ ขอ้ เสนอแนะในการจัดการ 1. นักทอ่ งเทย่ี วมากเกินไป – เกดิ ภยั คกุ คามสง่ิ แวดล้อม หรือธรรมชาติถกู ทำ� ลาย – จ�ำกัดขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเท่ียว – สัตวป์ า่ แสดงอาการเปลี่ยนนิสยั และมกี ฎระเบียบทเ่ี ขม้ งวด 2. การพฒั นามากเกนิ ไป – สง่ิ กอ่ สรา้ งมากเกินไปกวา่ ทัศนียภาพของธรรมชาติ – ก�ำหนดเขตบรกิ าร หรือ Service Zone – เกิดสลมั ในพ้นื ที่ 3. นนั ทนาการ – รถยนต์ / เรือยนต์ – รบกวนสตั วป์ ่า – ลดมลภาวะทางเสยี ง – ทำ� ลายความเงยี บ – กำ� หนดฤดกู าลและชว่ งเวลาการใชย้ านพาหนะหรอื หลีกเล่ียงการเข้าไปในพื้นท่ี – การส่องสตั ว์ – การรบกวนสัตวป์ า่ – กำ� หนดการใชป้ ระโยชนต์ ามฤดูกาล 4. มลภาวะ – เสยี ง เชน่ วทิ ยุ เครอื่ งเสยี ง – รบกวนเสียงธรรมชาติ – ออกกฎระเบียบหา้ มอย่างเคร่งครัด – ขยะ – ทำ� ใหว้ ิวทวิ ทัศน์ขาดความสวยงาม – ก�ำหนดวิธกี ารเก็บขยะหรอื ก�ำจดั ขยะ – สตั วป์ า่ ออกมาหากิน 5. การให้อาหารแกส่ ัตว์ป่า – การเปล่ยี นแปลงพฤติกรรมของสัตว์ป่า – ออกกฎระเบียบท่ีเข้มงวดและมีการกระท�ำอย่าง – อนั ตรายแก่นักทอ่ งเที่ยว จริงจัง 6. ยานพาหนะ – การตายของสตั วป์ า่ – จำ� กัดความเรว็ – ความเรว็ – ธรรมชาตเิ สยี หาย – เข้มงวดตามกฎระเบียบ – การขบั รถออกนอกเสน้ ทาง – ระบบนเิ วศเปลีย่ นไป – ก�ำหนดช่วงเวลาการใชย้ านพาหนะ – การขับรถกลางคืน 7. สงิ่ อ�ำนวยความสะดวก – ควบคมุ ดูแลใหส้ อดคล้องกบั ระบบนิเวศ – การขดุ บ่อนำ�้ – ไม่เปน็ ไปตามธรรมชาติ – ดูแลซอ่ มแซมทกุ คร้ัง การท�ำโป่งเทียม – ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าควรดำ� เนินการ – ส่งิ อ�ำนวยความสะดวก – ทำ� ลายสงิ่ อำ� นวยความสะดวก ชำ� รดุ หรอื ไม่ 8. การนำ� พชื และสตั วต์ า่ งถน่ิ – เกดิ การแกง่ แยง่ กบั พชื หรอื สัตว์ประจำ� ถ่นิ เขา้ มาในพื้นทค่ี ุม้ ครอง – เกดิ ความเสียหายต่อระบบนิเวศ ล่ินหรือนมิ่ (Manis javanica) กวางป่า (Cervus unicolor) 142 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรัพยากรสัตว์ปา่ ในพน้ื ท่ีคมุ้ ครอง

ชะนมี อื ขาว (Hylobates lar) 143 ศาสตร์และศิลป์ การจัดการทรพั ยากรสตั วป์ ่าในพื้นท่คี ุ้มครอง

(กCาoรจnัดseกrาvรaสtตั ioวn์ป่าaเnชdงิ อEนcุรoกั nษo์แmละicเชSงิ pเศeรcษieฐsกิจ ท่ีเพาะเล้ียงขยายพันธุ์สัตว์ท่ีมีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจ สามารถน�ำ Management) เนื้อมาขายและประกอบเป็นอาหาร นอกจากประโยชน์ดงั กลา่ ว ยงั เป็น แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วชมสตั วป์ า่ และเปน็ สถานทส่ี ง่ เสรมิ ใหค้ วามรแู้ กป่ ระชาชน การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ามีบทบาทที่ส�ำคัญยิ่งในการพัฒนา และผ้สู นใจในเรือ่ งสตั วป์ า่ ใหก้ ว้างขวางย่งิ ขึ้น ประเทศ ทง้ั น้ี เพราะสตั วป์ า่ เปน็ ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ม่ี ปี ระโยชนห์ ลายๆ ด้าน เชน่ ดา้ นการค้า เปน็ แหล่งอาหารโปรตนี ด้านการพกั ผ่อนหยอ่ นใจ แนวคิดและนโยบาย หรือการท่องเท่ียว เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สาขา การเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์สัตว์ป่าเพื่อการอนุรักษ์เป็นการขยาย ชีววิทยา ตลอดจนคุณค่าทางระบบนิเวศ สัตว์ป่าจะไม่มีวันหมดส้ินไป พันธุ์สัตว์ป่าบางชนิดที่หาได้ยากหรือใกล้สูญพันธุ์ เพ่ือให้ประชากร ถา้ หากว่าได้รบั การพัฒนาและบ�ำรุงรักษาอย่างถกู ต้องตามหลกั วชิ าการ สตั วป์ า่ เพมิ่ จำ� นวนมากขนึ้ และสามารถทจี่ ะนำ� ไปปลอ่ ยคนื สปู่ า่ ธรรมชาตไิ ด้ ในปจั จบุ นั ความตอ้ งการใชป้ ระโยชนจ์ ากสตั วป์ า่ เพมิ่ มากขนึ้ เชน่ งานเพาะเลยี้ งขยายพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ เพอ่ื การอนรุ กั ษจ์ ะเปน็ ภาระหนา้ ทข่ี องรฐั ต้องการเน้ือเป็นอาหาร ต้องการหนังหรือขนเป็นเคร่ืองประดับหรือ ผู้ท�ำหน้าที่รับผิดชอบการอนุรักษ์ชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและการคุ้มครองถ่ินท่ี การค้า หรือเลย้ี งไว้ดเู ล่น ชนดิ พันธ์บุ างชนดิ จงึ ลดจ�ำนวนลงจนหาได้ยาก อาศัยของสตั ว์ป่า หรอื ใกลส้ ญู พนั ธ์ุ รวมทงั้ มกี ารนำ� ไปเลย้ี งขยายพนั ธโ์ุ ดยผดิ กฎหมาย ทำ� ให้ ส่วนการเพาะเล้ียงขยายพันธุ์สัตว์ป่าเพ่ือเศรษฐกิจ เพื่อต้องการ ประชากรสตั วป์ า่ ในธรรมชาตลิ ดจำ� นวนลง แนวทางหนง่ึ ทส่ี ามารถจดั การ น�ำเน้ือสตั ว์ปา่ ไปเปน็ อาหาร หรอื การค้าหรอื เพ่ือการบรโิ ภค หรอื นำ� ส่วน ประชากรในปจั จุบันให้เพิม่ จ�ำนวนมากขึ้น คือ การแก้ปัญหาการลกั ลอบ อ่ืนๆ ของสัตว์ป่าท�ำเป็นผลิตภัณฑ์เพ่ือการค้าขาย หรือน�ำไปใช้ผสมยา ล่าสัตว์ป่าในธรรมชาติ หรือการแก้ปัญหาการท�ำลายถ่ินที่อาศัยของ แผนโบราณ การดำ� เนนิ งานจะเป็นภาระหนา้ ทข่ี องรฐั และเอกชนร่วมกัน สัตวป์ า่ และเพ่มิ จำ� นวนประชากรสัตวป์ า่ ใหม้ ากขน้ึ โดยเฉพาะชนิดพนั ธ์ุ ที่หาได้ยากหรือชนิดพันธุ์ที่มีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถ เป้าหมาย กระท�ำได้ โดยการเพาะเลยี้ งขยายพนั ธ์ุในกรงหรือคอกกกั ขงั เปา้ หมายการเพาะเลย้ี งขยายพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ทง้ั ชนดิ พนั ธเ์ุ ชงิ อนรุ กั ษ์ การดำ� เนนิ การเพอื่ เพมิ่ จำ� นวนประชากรสตั วป์ า่ โดยการเพาะเลยี้ ง และเชิงเศรษฐกิจ สามารถทจี่ ะกำ� หนดได้ ดงั นี้ ขยายพันธุ์สัตว์ป่าชนิดท่ีหายาก และชนิดที่มีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจ 1. เป้าหมายเชิงอนุรักษ์ เพื่อเพ่ิมจ�ำนวนชนิดพันธุ์สัตว์ป่าให้ ใหเ้ พมิ่ ปรมิ าณมากขนึ้ จนถงึ ขนั้ ทส่ี ตั วป์ า่ สามารถอยไู่ ดใ้ นสภาพธรรมชาติ มากขึน้ คงไว้ชนิดพนั ธุส์ ตั วป์ า่ มิใหส้ ูญพนั ธุแ์ ละรักษาความหลากหลาย โดยปลอดภัย ท�ำโดยจัดต้ังฟาร์มเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์สัตว์ป่าขึ้น ฟาร์ม ทางพนั ธกุ รรมของสัตว์ป่า ไกฟ่ ้าหลงั ขาว (Lophura nycthemera) กวางปา่ (Cervus unicolor) 144 ศาสตร์และศลิ ป์ การจดั การทรัพยากรสัตวป์ า่ ในพน้ื ที่คุ้มครอง

ชา้ งปา่ (Elephas maximus) 2. เป้าหมายเชิงปศุสัตว์ เป็นการจัดการเก่ียวกับการคัดเลือก ต้องการผลิตให้ได้จ�ำนวนมากขึ้น มีการพิจารณาถึงความหลากหลาย พันธุ์ การปรับปรุงและบ�ำรุงรักษาสายพันธุ์แต่ละชนิด หรืออาจจะมี ทางพันธุกรรมเพื่อเป้าหมายเชิงอนุรักษ์ ปศุสัตว์หรือเชิงพาณิชย์ และ การผสมพันธุ์เทียมเพ่ือสนองผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งท่ีมนุษย์ ระดบั การพฒั นาการผลติ ชนดิ พนั ธท์ุ ป่ี ระสบความสำ� เรจ็ ในการเพาะพนั ธ์ุ ตอ้ งการ แตจ่ ะกระทำ� ไดต้ อ่ เมอ่ื ประชากรสตั วป์ า่ ชนดิ นนั้ ๆ มปี รมิ าณมาก ต้องพฒั นากระบวนการผลติ ใหม้ ีคณุ ภาพดยี ่งิ ๆ ขนึ้ ไป พอจนแน่ใจวา่ พ้นวกิ ฤตแหง่ การสูญพันธ์ุ การเพาะเลย้ี งขยายพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ในระดบั นโยบาย เปน็ การจดั วาง 3. เป้าหมายเชิงพาณิชย์ เป็นการจัดการเพาะพันธุ์สัตว์ป่าเพ่ือ ระบบพนื้ ฐานตา่ งๆ ทจ่ี ะทำ� ใหก้ ารเพาะเลยี้ งขยายพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ดำ� เนนิ การ การค้าโดยตรง สตั วป์ า่ ชนิดใดที่เปน็ ที่สนใจของประชาชน มกี ารซ้อื ขาย ในระดับปฏิบัติได้ถูกต้องเหมาะสม สามารถด�ำเนินการได้โดยสะดวก หรือมีตลาดรองรับ ย่อมจะได้รับการน�ำมาท�ำการเพาะเล้ียงขยายพันธุ์ ตามแนวทางปฏิบัติท่ีชัดเจน ภายใต้กรอบหรือกฎเกณฑ์ท่ีก�ำหนดไว้ เพื่อประโยชน์ดังกล่าว อีกทั้งเป็นการเพ่ิมจ�ำนวนประชากรทั้งในเชิง การศกึ ษาหาความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั วสิ ยั ทศั นก์ ารเพาะเลย้ี งขยายพนั ธ์ุ อนรุ กั ษแ์ ละเชิงปศุสตั ว์ สัตว์ป่าในด้านต่างๆ มีการก�ำหนดแนวทางปฏิบัติ มีเป้าหมายท่ีชัดเจน 4. เป้าหมายในเชิงความส�ำเร็จในการเพาะเล้ียงขยายพันธุ์ ในการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ในเชิงพาณิชย์ ปศุสัตว์หรือการอนุรักษ์ การเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์สัตว์ป่าแต่ละชนิด มีความส�ำเร็จในระดับท่ี ชนดิ พนั ธใ์ุ ดควรใหร้ ฐั และประชาชนทำ� การเพาะเลย้ี งขยายพนั ธไ์ุ ด้ ทศิ ทาง แตกตา่ งกนั เปน็ งานทที่ า้ ทายความสามารถของผทู้ สี่ นใจงานดา้ นน้ี ความ การเพาะเลย้ี งขยายพนั ธท์ุ ง้ั ในประเทศและตา่ งประเทศ ชนดิ พนั ธใ์ุ ดทค่ี วร ส�ำเร็จในการเพาะพันธุ์สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ คือ ระดับ เข้มงวดต่อการน�ำมาเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ การวางระบบเกี่ยวกับการ การคน้ ควา้ หาทางผลติ สำ� หรบั ชนดิ พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ทยี่ งั ไมป่ ระสบความสำ� เรจ็ คัดเลือกสายพันธุ์ การให้ความส�ำคัญกับสายพันธุ์แท้ การสร้างระบบ ในการเพาะพนั ธใ์ุ นสถานทเ่ี ลย้ี งสตั วป์ า่ ระดบั การผลติ เปน็ การเพาะเลย้ี ง การควบคมุ ตรวจสอบการเพาะเลย้ี ง การทำ� เครอ่ื งหมาย การสรา้ งระบบ ขยายพันธุ์ชนิดที่มีการค้นคว้าได้แล้วว่าสามารถเพาะพันธุ์ได้ดีและผู้ผลิต รับรองมาตรฐานการผลิตสัตว์เพ่ือการส่งออก การป้องกันโรคระบาด 145 ศาสตร์และศลิ ป์ การจดั การทรพั ยากรสัตว์ปา่ ในพืน้ ทค่ี ุม้ ครอง

การสรา้ งกลไกการตลาด การปอ้ งกนั การลกั ลอบนำ� สตั วป์ า่ จากปา่ ธรรมชาติ ชนดิ ต่างๆ นกยงู นกปรอดหัวโขน นกขนุ ทอง เป็นตน้ มาค้าขายในท้องตลาดและการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบการ 3. สัตว์ป่าที่สามารถเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์เพ่ือการค้าหรือ ตา่ งๆ เกย่ี วกบั การเพาะเลย้ี งขยายพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ เพอ่ื ประโยชนท์ างการคา้ ต้องการเนื้อเป็นอาหาร หรือต้องการซากสัตว์ป่า โดยเฉพาะสัตว์ป่าที่ คนใช้เน้ือเป็นอาหาร หรือใช้ช้ินส่วนเป็นเคร่ืองประดับ หรือใช้ประกอบ หลกั การพจิ ารณาชนดิ พันธสุ์ ัตว์ป่า ยาแพทย์แผนโบราณ สามารถท่ีจะส่งเสริมและท�ำการเพาะเลี้ยงขยาย กอ่ นทจ่ี ะดำ� เนนิ การเพาะเลยี้ งขยายพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ จะตอ้ งมเี ปา้ หมาย พันธุ์เป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ป่าได้ เช่น กวางป่า เก้ง เน้ือทราย ชะมดเช็ด ทแ่ี นน่ อนวา่ มสี ตั วป์ า่ ชนดิ ใดบา้ งทจ่ี ำ� เปน็ ตอ้ งเพาะเลยี้ งขยายพนั ธใ์ุ หเ้ พมิ่ หรอื สัตวเ์ ลือ้ ยคลานบางชนิด มากขนึ้ ชนดิ พนั ธใ์ุ ดทไ่ี มต่ อ้ งการใหม้ กี ารขยายพนั ธใ์ุ นกรงขงั หรอื ชนดิ พนั ธ์ุ 4. สัตวป์ า่ ทไี่ มม่ ีความจ�ำเป็นทจ่ี ะตอ้ งขยายพันธ์ุ เปน็ สตั วท์ ี่หา ใดบา้ งทเี่ พาะเลย้ี งขยายพนั ธเ์ุ พอ่ื การคา้ ได้ จะไดไ้ มเ่ กดิ ปญั หาในทางปฏบิ ตั ิ ได้ยากในธรรมชาติ ราคาไม่แพง ถ้าด�ำเนินการเพาะเล้ียงขยายพนั ธุ์ก็จะ ตอ่ ไป เชน่ ปญั หาการอนรุ กั ษ์ การดำ� รงเผา่ พนั ธ์ุ การปลอ่ ยคนื สธู่ รรมชาติ สน้ิ เปลอื งงบประมาณหรอื เปน็ อนั ตราย เชน่ ลิง ชะนี อเี หน็ เปน็ ต้น การตลาดธรุ กจิ งบประมาณดำ� เนนิ การ โดยมหี ลกั การพจิ ารณา ดงั น้ี 5. สตั วป์ า่ ทตี่ อ้ งการเพอ่ื ทำ� การวจิ ยั หรอื ศกึ ษาพฤตกิ รรมอาจจะ 1. ความต้องการด้านการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์สัตว์ป่าที่หายาก เปน็ สตั วป์ า่ ทไ่ี มม่ คี วามสำ� คญั หรอื เปน็ สตั วป์ า่ ทห่ี ายาก แตเ่ ปน็ ทส่ี นใจทาง หรอื ใกล้สญู พันธ์ุ เพอ่ื เป็นการเพ่ิมจ�ำนวนให้มากขึ้น มใิ ห้สัตวป์ ่าดงั กลา่ ว วิทยาศาสตร์ท่ีจะด�ำเนินการศึกษาชีวิตความเป็นอยู่หรือรักษาสาย ต้องสูญพันธุ์ สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ เช่น เลียงผา กวางผา พันธกุ รรม หรือเพอ่ื กจิ กรรมทางการแพทย์โดยเฉพาะสัตว์ทดลอง เสอื ลายเมฆ เก้งหม้อ นกหวา้ เป็นต้น หลกั การพจิ ารณาชนดิ พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ทด่ี ำ� เนนิ การเพาะเลยี้ งขยายพนั ธ์ุ 2. สตั ว์ปา่ ที่เปน็ ท่ตี อ้ งการของตลาด อาจจะเปน็ สตั วป์ ่าทีห่ าได้ เชิงพาณิชย์ มดี ังนี้ ง่ายหรือหาไดย้ าก แต่เปน็ ทีต่ ้องการของประชาชนหรอื ตลาดเพือ่ การคา้ 1. ชนดิ พนั ธท์ุ ตี่ อ้ งการเพาะเลย้ี งขยายพนั ธ์ุหาไดง้ า่ ยหรอื หาไดย้ าก หรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น และสามารถน�ำไปจ�ำหน่ายได้ เช่น ไก่ฟ้า สถานภาพใกล้สูญพันธุ์เพียงใดหรือสถานภาพในธรรมชาติมีลักษณะ 146 ศาสตร์และศลิ ป์ การจัดการทรพั ยากรสัตว์ปา่ ในพ้ืนที่คุ้มครอง

อย่างไร 2. สังคมมนุษย์มีอุปสงค์หรือมีความต้องการใช้ประโยชน์จาก สัตวป์ ่าชนิดใดและมากน้อยเพียงใด 3. ความสามารถในการผลิตหรอื การเพาะเลี้ยงขยายพันธ์ุ ส่วนหลักการพิจารณาชนิดพันธุ์สัตว์ป่าท่ีด�ำเนินการเพาะเลี้ยง เพ่ือการอนุรักษ์มักเป็นชนิดพันธุ์ท่ีหายากหรือใกล้สูญพันธุ์ และน�ำ ปล่อยคืนสธู่ รรมชาติต่อไป ขอ้ พจิ ารณาองคป์ ระกอบของการเพาะเลยี้ งขยายพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ นกปรอดหวั โขน (Pycnonotus jocosus) นกชาปีไหน (Caloenas nicobarica) ข้อมูลที่กล่าวถึงจะเป็นข้อพิจารณาส่วนหน่ึงเพ่ือน�ำไปใช้ในการ เพาะเลี้ยงขยายพันธุส์ ัตว์ป่า แต่อาจจะมีข้อพิจารณามากกว่านี้ เก้ง (Muntiacus muntjak) 1. ธรรมชาตกิ ารขยายพนั ธข์ุ องสัตว์ป่า (natural breeding of wild animals) พิจารณาถึงพฤติกรรมการผสมพันธุ์ การเก้ียวพาราสี อัตราสว่ นของเพศ ชนั้ อายุ การจับคูแ่ ละพฤติกรรมทางสงั คม ทสี่ รา้ งรงั ถิน่ ท่ีอาศัย โดยการปรบั ตวั ใหเ้ ข้ากบั สภาพแวดลอ้ ม มกี ารสร้างกรงหรอื คอกให้มคี วามคล้ายคลึงกบั สภาพธรรมชาติ 2. การคัดเลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่มีลักษณะท่ีดี มีวัยเจริญพันธุ์ ทเ่ี หมาะสม 3. ปัจจัยที่เก่ียวกับตัวสัตว์ป่า ขนาดตัวของสัตว์ป่าจะสัมพันธ์ กับกรงหรอื คอกที่สร้างขึ้น รูปแบบกรงหรือคอก การรกั ษาความสะอาด การถา่ ยเทของอากาศตลอดจนทีก่ �ำบังหลบภัย 4. การดูแลเลี้ยงสัตว์ป่าและการให้อาหารสัตว์ป่าที่เหมาะสม ทัง้ สัตวป์ ่าในกลมุ่ สตั ว์กินพืช สตั วก์ นิ เมลด็ พชื หรือสตั วก์ ินเนอ้ื 5. การป้องกนั โรคและสาเหตุของการเกดิ โรค 6. การจับและขนย้ายสัตว์ป่าไม่ว่าจะเป็นขนย้ายจากฟาร์มสู่ ฟาร์มหรอื จากฟารม์ สปู่ ่าธรรมชาตเิ พื่อน�ำปล่อยสูธ่ รรมชาติ ส�ำหรับสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครอง สัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ได้ก�ำหนดชนิดพันธุ์สัตว์ป่าท่ีสามารถด�ำเนินการ เพาะพันธไ์ุ ด้ เปน็ ผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจ โดยอาศัยอำ� นาจตามความ ในมาตรา 17 แห่งพระราชบญั ญัตสิ งวนและคมุ้ ครองสตั ว์ปา่ พ.ศ. 2535 ซ่ึงบัญญัติไว้ว่า “มาตรา 17 ให้รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะ กรรมการมีอ�ำนาจก�ำหนดชนิดพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่ เพาะพันธ์ุได้โดยกำ� หนดเปน็ กฎกระทรวง” 147 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจัดการทรัพยากรสตั วป์ า่ ในพื้นทค่ี มุ้ ครอง

ตามกฎกระทรวงฉบบั ท่ี 6 (พ.ศ. 2537) และกฎกระทรวงฉบับที่ ของสตั วป์ า่ ทจี่ ะปลอ่ ยและพน้ื ทที่ จี่ ะปลอ่ ย โดยสงิ่ สำ� คญั ทจี่ ะตอ้ งพจิ ารณา 10 (พ.ศ. 2540) ทอ่ี อกตามความในมาตรา 17 แหง่ พระราชบญั ญตั สิ งวน ปจั จยั พื้นฐานหลัก 3 ประการ ดังน้ี และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 สัตว์ป่าท่ีเพาะพันธุ์ได้ประกอบด้วย 1. พน้ื ทถี่ นิ่ ทอ่ี าศยั มคี วามสามารถทจี่ ะรองรบั ชนดิ พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สัตว์ป่าคุ้มครองจ�ำนวน 59 ชนดิ เช่น กวางปา่ กระจงเล็ก เกง้ ชะมดเช็ด ทปี่ ลอ่ ยไดม้ ากนอ้ ยเพยี งใด หรอื มคี วามเหมาะสมมากนอ้ ยเพยี งใดเพอ่ื ให้ เน้อื ทราย ลิงกัง ไก่จกุ ไกป่ ่า ไกฟ่ ้าพญาลอ ไก่ฟ้าหลังขาว นกกระทาดง สัตวป์ ่าไดอ้ าศยั อยูอ่ ยา่ งปลอดภัย ผดู้ �ำเนนิ การจะตอ้ งพิจารณาถึงระบบ นกกระทาทงุ่ นกหวา้ นกยงู นกแวน่ งเู หลอื ม งหู ลาม จระเขน้ ำ�้ เคม็ จระเข้ นิเวศเปน็ สำ� คัญ เชน่ สัตว์ปา่ ครอบครองพนื้ ที่เต็มตามจำ� นวนแลว้ หรือไม่ นำ�้ จดื กบทูด เป็นตน้ 2. สัตว์ป่าที่เพาะพันธุ์ได้จ�ำนวนมากมีลักษณะท่ีเหมาะสมท่ีจะ ปล่อยคนื สปู่ า่ ธรรมชาติหรือไม่ การปลอ่ ยสัตวป์ ่าคนื ส่ปู า่ ธรรมชาติ 3. สตั วป์ า่ แตล่ ะชนดิ ทจี่ ะปลอ่ ยคนื สธู่ รรมชาตจิ ะมชี วี ติ รอดหรอื สัตว์ป่าชนิดท่ีหายากหรือใกล้สูญพันธุ์ที่ได้ด�ำเนินการเพาะพันธุ์ สามารถปรบั ตวั ไดห้ รอื ไม่ หลงั จากปลอ่ ยจากการเลย้ี งในกรงขงั หรอื คอก เพอ่ื น�ำปลอ่ ยคนื สปู่ ่าธรรมชาติ มีข้อทีจ่ ะตอ้ งพจิ ารณาถึงความเหมาะสม กกั ขงั ไปสกู่ ารหากินในธรรมชาติ เนือ้ ทราย (Cervus porcinus) 148 ศาสตร์และศลิ ป์ การจดั การทรัพยากรสตั ว์ปา่ ในพืน้ ที่คมุ้ ครอง

เทคนคิ การปล่อยสตั ว์ปา่ คนื ส่ธู รรมชาติ การจัดการสตั วป์ า่ ในเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ัตว์ปา่ (Wildlife ขอ้ พจิ ารณาในการดำ� เนนิ งานทเ่ี กย่ี วขอ้ งคอื ควรมกี ารฝกึ สตั วป์ า่ Management in Wildlife Sanctuary) ทเี่ พาะพนั ธไ์ุ ดใ้ นกรงหรอื คอกกกั ขงั ใหส้ ามารถอาศยั อยใู่ นปา่ ธรรมชาตไิ ด้ การจัดการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้เริ่มด�ำเนินการมาตั้งแต่การ เช่น การฝกึ ใหห้ าอาหารกนิ เอง การทำ� รงั นอนหรือวางไข่ การหลบซอ่ น ประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ตวั เอง การรจู้ กั หลบหลกี ศตั รู หรอื การหลกี เลย่ี งจากสตั วผ์ ลู้ า่ โดยการหลบั ไดม้ กี ารแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ 228 (พ.ศ. 2515) นอนบนคอนไมห้ รอื กง่ิ ไม้ การปลอ่ ยสตั วป์ า่ คนื สธู่ รรมชาตใิ นระยะทดลอง ตอ่ มาไดม้ พี ระราชบญั ญตั สิ งวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ พ.ศ. 2535 ประกาศ ควรปล่อยในปริมาณน้อยและเหมาะสม เพ่ือศึกษาว่าสัตว์ป่าสามารถ บังคับใช้ ยกเลิกการใช้พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. อยู่รอดได้หรือไม่ หากได้ผลดีจึงจะท�ำการปล่อยคราวละมากๆ ทั้งชนิด 2503 และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี 228 (พ.ศ.2515) ตาม และจำ� นวนได้ สดุ ทา้ ยคอื การตดิ ตามและการเกบ็ ขอ้ มลู ซงึ่ วธิ กี ารตดิ ตาม รายละเอยี ดของกฎหมายเนน้ หลกั การปอ้ งกนั มากกวา่ การบรหิ ารจดั การ และประเมินผลสามารถกระทำ� ได้ดงั น้ี ทำ� ใหเ้ กดิ ขอ้ ขดั แยง้ ในการบรหิ ารและจดั การเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ทำ� ให้ 1. การทำ� เครอื่ งหมาย เปน็ การตดิ เครอื่ งหมายอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ มีผลกระทบต่อผู้บริหารและผู้ปฏิบัติ ส่งผลท�ำให้การด�ำเนินงานบริหาร ที่เหมาะสม โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือใช้ในการจ�ำแนกและติดตามสัตว์ป่า จัดการไม่มีประสทิ ธิภาพ ข้อควรระวัง คือ การหลุดหายไปของเครื่องหมายจะท�ำให้ยากต่อการ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเป็นพ้ืนท่ีคุ้มครองประเภทหนึ่ง ในสภาพ ติดตามผล ความเป็นจริง การจัดต้ังพ้ืนที่คุ้มครองเพื่อจะด�ำเนินการจัดการให้ได้ 2. การติดตามด้วยเครือ่ งรบั - ส่งสัญญาณวทิ ยุ 3. การติดตามและเฝ้าสงั เกตพฤตกิ รรมโดยตรง ผลตามวัตถุประสงค์ที่ก�ำหนดไว้ การจัดการจะมีท้ังแบบวัตถุประสงค์ เฉพาะอยา่ งหรอื หลายอยา่ ง เชน่ เพอื่ คมุ้ ครองสตั วป์ า่ ชนิดท่ีใกล้สูญพันธุ์ 4. การดักจับสัตว์ป่าท่ีปล่อยไปแล้วเพ่ือตรวจสอบข้อมูลต่างๆ การรักษาถ่ินที่อาศัยของสัตว์ป่า การจัดการถ่ินท่ีอาศัยของสัตว์ป่าและ โดยใชอ้ ปุ กรณด์ ักจับ ประชากรสัตว์ปา่ ใหส้ มดุลกนั การรกั ษาความงามตามธรรมชาติ เปน็ ต้น ประโยชนข์ องการน�ำสตั ว์ป่าคืนสธู่ รรมชาติ พ้ืนที่คุ้มครองจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของวัตถุประสงค์ของการ จดั การและผนั แปรตามรปู แบบของวฒั นธรรม องคก์ รทางสงั คม เศรษฐกจิ 1. เพิ่มจ�ำนวนสัตวป์ ่าในถิน่ ทีอ่ าศัยเดิมของสตั วป์ ่าให้มากขน้ึ และการเมอื ง การจำ� แนกและการจดั การพนื้ ทค่ี มุ้ ครองจะมคี วามสมั พนั ธ์ 2. ปรบั ปรุงพนั ธส์ุ ัตว์ป่าทีม่ ีอยู่ใหม้ โี อกาสรักษาเผ่าพันธุ์ต่อไป ที่ต่อเน่ืองกันเพ่ือตอบสนองต่อแผนการพัฒนาประเทศ โดยพิจารณาถึง 3. คงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพในถิ่นที่อาศัยเดิมของ ความอุดมสมบูรณ์ของถ่ินท่ีอาศัย การศึกษาวิจัยทางวิชาการ และการ สตั ว์ป่า ปอ้ งกนั ความสำ� คญั ของพน้ื ทค่ี มุ้ ครองเพอ่ื การอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ จงึ ถกู กำ� หนด 4. รักษาสมดลุ ของระบบนเิ วศในธรรมชาติ ไวใ้ นนโยบายและแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ 5. ใชเ้ ปน็ แหลง่ พกั ผอ่ นหยอ่ นใจและศกึ ษาความรเู้ กยี่ วกบั สตั วป์ า่ 6. ใชเ้ ป็นการทดลองศกึ ษาวจิ ัยดา้ นการจัดการสตั ว์ปา่ 149 ศาสตร์และศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสตั ว์ปา่ ในพนื้ ทคี่ มุ้ ครอง