หากถามว่าการเกดิ ภาวะเงนิ เฟอ้ ไมด่ ีอยา่ งไร (อา่ นเพม่ิ เตมิ ได้จากบทความทา้ ยเล่ม เรือ่ ง “เงินเฟอ้ มนั นา่ กลวั จรงิ หรือ ?” โดยนายไพบูลย์ กติ ติศรกี ังวาน รองผู้วา่ การ ด้านบรหิ าร ธนาคารแหง่ ประเทศไทย) 115เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
ประการที่ 1 การเกิดภาวะเงินเฟ้อ จะทำ�ให้เงินจำ�นวนเท่าเดิมท่ีเราถืออยู่มีค่าลดลง ทำ�ให้ซ้ือของได้น้อยลง (ใช้เงนิ มากแต่ซ้อื สินคา้ ได้น้อย) ยกตวั อยา่ งเชน่ สมมติว่าวนั น้ีเงิน 100 บาท สามารถใช้ซ้ือกว๋ ยเต๋ียวราคาชามละ 25 บาทได้ 4 ชาม แตเ่ ม่อื เกิดภาวะเงนิ เฟ้อขน้ึ อย่างรนุ แรง วนั พรุ่งนีร้ าคากว๋ ยเตีย๋ วเพม่ิ ขน้ึ เป็นชามละ 50 บาท ท�ำ ให้เงนิ 100 บาทของเรา ใชซ้ ้อื กว๋ ยเต๋ยี วไดเ้ พียง 2 ชามเท่านั้น หรอื กลา่ วไดว้ ่าอำ�นาจซอื้ ของเงนิ 100 บาทลดลงเหลือเพียงคร่งึ เดียว วารู…ไหม? ในปี 2548 ประเทศซิมบับเว เคยเจอวกิ ฤติปญั หาเงินเฟอ้ ทีพ่ ุ่งสงู ถึง 2,200,000% คนต้องพกเงนิ เปน็ กระสอบ ๆ เพอื่ ไปจ่ายตลาด ราคาของเบียร์ 1 ขวดในขณะนัน้ เทา่ กับ 100,000,000,000 ซมิ บบั เวียนดอลลาร์ นเี่ พยี งเพราะรัฐบาลท�ำ การพิมพเ์ งนิ มหาศาล เพือ่ ใช้คืนหนส้ี นิ ของประเทศ แมจ้ ะได้ผล หนห้ี ายวบั ไปกบั ตา แต่ผลทตี่ ามมา เมอื่ เงิน จำ�นวนมหาศาลไหลกลับเขา้ มาในระบบคา่ ของเงินสกลุ ซมิ บบั เวกล็ ดคา่ ลง เพราะใคร ๆ กม็ เี งินอย่ใู นมือ ข้าวของกเ็ รม่ิ แพงข้นึ ๆ รัฐบาลกพ็ มิ พ์เงินเพ่ืออัดฉีดเข้าไปอีก เม่ือปริมาณเงินมากขน้ึ เรือ่ ย ๆ อยา่ งขาดความสมดลุ กบั เศรษฐกิจ ในท่ีสดุ คา่ ของ เงินสกลุ ซมิ บบั เวก็ดิ่งลงเหว ไมม่ ใี ครเช่ือถอื และอยากใช้อีกต่อไป เงินสกลุ ซมิ บบั เว จึงไมแ่ ตกตา่ งจากกระดาษใบหนงึ่ ในทส่ี ดุ การซ้ือขายทวั่ ไปจึงถูกก�ำ หนดราคากนั ใหม่ ด้วยเงนิ สกลุ เงนิ ตราตา่ งประเทศ และท่ีเพง่ิ เกิดข้นึ กบั ประเทศเวเนซุเอลาท่ภี าวะเงนิ เฟ้อข้ันรนุ แรงราคาสินค้าแพงขน้ึ ตอ่ เนอื่ งแบบรวดเรว็ เงนิ เฟ้อพ่งุ ทะลุ 1,000,000% ในปี 2561 สง่ ผลใหเ้ งนิ ดอ้ ยค่าจนไมม่ ใี ครอยากได้ จากประเทศท่ีเคยรำ่�รวยดว้ ยน้ำ�มนั และทรัพยากรธรรมชาติ แต่ดว้ ยการอัดฉดี เงินเพ่ือประชานิยมแบบสุดโตง่ และการควบคุมราคาสินค้าใหต้ ำ่�กว่าความเป็นจรงิ ไดท้ ำ�ลายกลไกตลาด เอกชน ไมส่ ามารถอยรู่ อดได้ รฐั จงึ ตอ้ งผลิตเอง แตเ่ มื่อเกิดวกิ ฤตริ าคานำ�้ มันตกตำ�่ ต้งั แตป่ ี 2557 รายไดห้ ลักหายไป รัฐบาลกลบั แก้ปัญหา ด้วยการยิ่งพิมพ์เงิน ซง่ึ ผลเสยี ของการพมิ พ์เงินเพมิ่ เพอ่ื มาเปน็ ค่าใชจ้ ่ายของรัฐบาล กย็ ่ิงทำ�ใหเ้ งนิ เฟอ้ ย่ิงทะยานสงู ขนึ้ ไปอกี จนในที่สดุ ประชาชนขาดความเชอื่ มนั่ ในเงนิ สกลุ ตวั เองโดยสนิ้ เชงิ และนำ�มาส่กู ารลม่ สลายของระบบเศรษฐกิจในทีส่ ุด ประการท่ี 2 การเกดิ ภาวะเงนิ เฟ้อ จะทำ�ให้ตน้ ทนุ การผลติ สนิ คา้ สูงขึน้ ท�ำ ให้เราต้องตง้ั ราคาแพงขน้ึ เพอื่ ให้คุ้ม กบั ตน้ ทุน เม่ือราคาแพง ลูกจ้างก็เรียกร้องปรบั คา่ แรงเพมิ่ (เหมอื นเช่นตอนน)ี้ กย็ ่ิงทำ�ใหต้ ้นทนุ การผลติ สงู ขน้ึ ไปอีก กต็ ้องปรบั ราคาข้นึ อีก วนแบบน้ไี ปเรอ่ื ย ๆ (spiral) หรอื ทเ่ี ขาเรยี กวา่ วงจรการขนึ้ ราคาสินค้า-ค่าจา้ ง (wage-price spiral) นีล่ ะ่ ที่น่ากลัว ถา้ ไม่สามารถหยุดวงจรนไี้ ด้ ก็จะนำ�ไปสูป่ ญั หาเงินเฟ้อทีร่ ุนแรงข้นึ ตอ่ ไป 116 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดยี วอยู่
ประการท่ี 3 การเกิดภาวะเงินเฟอ้ ทำ�ให้ความสามารถในการสง่ ออก วารู…ไหม? สนิ ค้าและบรกิ ารของเราลดลง เพราะเราทราบแลว้ วา่ เมื่อเกิดเงนิ เฟ้อ ทำ�ให้ ราคาสินค้าแพงขึ้น ดงั นนั้ ถา้ เงนิ เฟ้อของไทยสูงกว่าคู่แขง่ ด้วยแล้ว ย่ิงท�ำ ให้ ต้นทุนเราสูงกวา่ ราคาส่งออกสินค้าของเราจึงแพงกวา่ ด้วย ขายแขง่ กบั ใคร เขาคงไมไ่ ด้ wage-price spiral เคยเกดิ ใน สหรัฐฯ ตอนชว่ งวกิ ฤตกิ ารณ์ ประการที่ 4 การเกิดภาวะเงินเฟ้อ เพ่ิมความไม่เป็นธรรม น�ำ้ มนั ครงั้ กอ่ น ๆ เนอ่ื งจากระบบ ไม่เท่าเทียมกันในรายได้ เพราะเป็นการซ้ำ�เติมคนท่ีมีรายได้ประจำ� สหภาพแรงงาน (โดยเฉพาะสหภาพ แรงงานผลิตรถยนต์) เข้มแขง็ มาก เชน่ ข้าราชการ ผูส้ ูงอายุท่มี รี ายไดจ้ ากบำ�นาญ เปน็ ตน้ เน่อื งจากมรี ายได้ ทำ�ให้การหยดุ งานประทว้ งเพอ่ื เรียก เท่าเดิม แต่ราคาสินค้ากลับแพงขึ้น ในขณะที่คนที่มีรายได้จากการค้าขาย รอ้ งค่าจา้ งมใี ห้เห็นอยู่บอ่ ย ๆ เชน่ นกั ธรุ กจิ และพอ่ คา้ จะไดร้ บั ผลกระทบนอ้ ยกวา่ เพราะสามารถปรบั ราคา แต่ในปัจจบุ ัน wage-price spiral สินค้าให้แพงขึ้นเพ่ือชดเชยต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นได้ ทำ�ให้รายได้โดยรวม อาจจะเปล่ียนแปลงไปไม่มากนัก ยงั เห็นไม่ชดั นกั เน่อื งจากตลาด แรงงานมีความยืดหยุ่นมากขน้ึ เพราะบรษิ ทั ต่าง ๆ ไมง่ อ้ แรงงานใน ประเทศอีกต่อไปแล้ว เน่อื งจากมกี าร ใช้เคร่ืองจักรแทนแรงงานมากข้ึน และ ประการที่ 5 การเกิดภาวะเงินเฟ้อ ทำ�ให้ประชาชนคาดการณ์ราคา สามารถหาแรงงานตา่ งดา้ วราคาถูก สินค้าและบริการในอนาคตได้ยากว่า ราคาข้าวของจะเพ่ิมข้ึนเป็นเท่าไร ได้จากทว่ั โลก ทำ�ให้ยากต่อการตัดสินใจในเรื่องการบริโภค การออม และการลงทุนใน ปัจจบุ นั ด้วย ตวั อย่างเชน่ ถ้าคุณออมเงนิ 100 บาท ไดร้ ับผลตอบแทน 3% เมื่อครบ 1 ปี คณุ จะได้รบั เงนิ 103 บาท แตถ่ า้ ระหวา่ งปีนั้น อตั ราเงินเฟ้อ เทา่ กับ 5% ราคาสนิ คา้ กจ็ ะเพ่มิ ขึ้นจาก 10 บาท เป็น 10.50 บาท หากนำ� คำ�ถามชวนคดิ ...? ผลตอบแทนทไ่ี ด้รับจำ�นวน 103 บาท ไปซือ้ สนิ คา้ ชนิดเดมิ จะซ้อื ไดเ้ พียง ท�ำ ไมเราไม่พิมพ์เงนิ ออกมามาก ๆ 9.81 หน่วย จากเดิมทีซ่ อื้ ได้ 10 หน่วย แสดงให้เห็นวา่ เม่อื เกิดเงินเฟ้อขน้ึ เพ่ือใหป้ ระเทศร�่ำ รวยข้ึน จะได้ไม่เป็นหน้ี (5%) จะทำ�ใหผ้ ลตอบแทนทีไ่ ดร้ บั แทจ้ ริงลดลง สะทอ้ นจากจ�ำ นวนสนิ คา้ ท่ี เปน็ สนิ ซือ้ ได้น้อยลง (9.81 หน่วย) คราวนีเ้ ปน็ ใครก็คงไม่อยากออมเงิน สูก้ นิ ใช้ในวันน้จี ะดกี วา่ ในทีส่ ดุ กจ็ ะกลบั กลายว่า คนก็เร่งใช้จ่ายซื้อของ มิหน�ำ ซ�ำ้ อาจจะกู้ยมื มาใชจ้ ่ายดว้ ยซ้�ำ เชน่ ซอื้ บ้าน ซ้ือรถ เพราะซ้ือวันน้ดี ีกว่า แมจ้ ะเสยี ดอกเบ้ียบ้าง แต่เม่ือเทียบกับราคาที่จะสูงขึ้นตามเงินเฟ้อ ยังคุ้มกว่า และหากขืนรอต่อไปราคาอาจสูงข้ึนจนไม่มี ปญั ญาซือ้ กเ็ ปน็ ได้ หรอื อาจจะกูไ้ ปลงทุนในสินทรพั ย์อืน่ ๆ ท้งั คอนโดมเิ นียม ทองค�ำ ทดี่ นิ เพราะตา่ งกค็ าดวา่ ราคา จะสูงขึ้นตามเงินเฟ้อ และการเกิดภาวะเงินเฟ้อทำ�ให้ผู้กู้รู้สึกว่าต้นทุนการกู้เงินถูกลง เพราะรายจ่ายดอกเบ้ีย ทตี่ อ้ งจา่ ยมคี า่ นอ้ ยลง ซึง่ นน่ั ก็เท่ากบั วา่ เปน็ การเพ่มิ ความเสย่ี งให้กับระบบเศรษฐกจิ ดว้ ย และอาจสะสมจนเกดิ เปน็ ภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่เหมอื นเม่ือช่วงกอ่ นเกดิ วกิ ฤติปี 2540 ก็เป็นไปได้ 117เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
เสริมความรู้ ภาวะเศรษฐกจิ ฟองสบู่ คือ ภาวะทเ่ี ศรษฐกิจเติบโตอยา่ งรวดเรว็ จนเกดิ ภาพลวงตา ทำ�ใหเ้ ห็นวา่ ทกุ อยา่ งดูดี ราคาของ สินทรพั ยท์ ถ่ี อื ไว้เพ่ิมขนึ้ อยา่ งมาก คนรสู้ กึ รวยขึน้ และแนวโนม้ ของราคาทีเ่ พมิ่ สูงขึน้ อยา่ งมากนี้ ยงั ท�ำ ใหค้ นคาดการณ์ว่า ราคาน่าจะเพ่มิ สงู ขึน้ ตอ่ ไปเรือ่ ย ๆ เลยแหก่ นั ซื้อเพอื่ เก็งกำ�ไร ก็ยิ่งทำ�ให้ราคาสนิ ทรัพยน์ น้ั ๆ เพ่ิมเร็วขนึ้ อกี กระท่ังวนั หน่งึ ทคี่ นเร่มิ ไมม่ น่ั ใจ เพราะราคาสินทรพั ย์นนั้ สงู มากเกนิ ไปกวา่ พื้นฐานทค่ี วรจะเป็น ราคากจ็ ะเร่ิมลดลง คนกต็ กใจรบี เทขาย แต่สว่ นมากไมม่ ีใครอยากจะซอื้ เพราะเหน็ วา่ ราคาเปน็ ขาลง ท�ำ ให้ราคายิ่งรว่ งเรว็ มากขนึ้ อกี ในที่สุด ฟองสบู่ท่ีสวยงาม กแ็ ตกสลายไป สินทรพั ยท์ ี่ซอ้ื มา มลู คา่ ลดหายไป หรือทเี่ รยี กวา่ “ภาวะฟองสบแู่ ตก” น่นั เอง วารู…ไหม? ประการท่ี 6 การเกดิ ภาวะเงนิ เฟอ้ ท�ำ ให้ภาคธรุ กจิ ก�ำ หนดราคาขาย สินคา้ ยาก เพราะคาดการณต์ ้นทุนการผลิตล่วงหนา้ ไมไ่ ด้ และถงึ แม้ผูผ้ ลิต ตอนน้ปี ระเทศไทยเรามกี ารออก อาจจะผลักภาระต้นทุนการผลิตที่สูงข้ึนไปยังราคาขายให้กับผู้บริโภค พนั ธบัตรชดเชยเงินเฟอ้ แต่กใ็ ช่ว่าผ้บู ริโภคจะมีกำ�ลงั ซือ้ การทเี่ งินเฟอ้ เพม่ิ ข้นึ ก�ำ ลงั ซ้อื ของผู้บรโิ ภค (inflation-linked bond) เปน็ ก็ลดลงด้วย ส่งผลต่อยอดขายของผู้ผลิต ผู้ผลิตอาจจะชะลอการผลิต ทางเลือกหนง่ึ ในการออมและ ลดการจ้างงาน ท้ายที่สุดก็ส่งผลต่อรายได้และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การลงทุนของเราเพ่ือที่จะสูก้ ับ นอกจากนี้ เม่ือเกิดความไม่แน่นอนเช่นนี้ การวางแผนการลงทุนก็ทำ�ได้ เงินเฟอ้ เพราะผลตอบแทนจาก ยากมาก จะทราบได้อย่างไรว่าจะคุ้มกับท่ีลงทุนไปหรือไม่ การเกิดภาวะ พนั ธบตั รนจี้ ะเพ่มิ ขึน้ ตามเงินเฟ้อ เงินเฟ้อจึงเท่ากับเป็นการบ่ันทอนการลงทุนที่ถือเป็นสิ่งสำ�คัญในการเพิ่ม ด้วย ท้งั น้ี การออกพันธบตั รชดเชย ศักยภาพการผลติ ของประเทศในระยะยาว อนั จะมีผลต่อการขยายตวั อย่าง เงินเฟอ้ เกดิ ขึ้นครั้งแรกที่ประเทศ ยง่ั ยนื ของเศรษฐกจิ องั กฤษเม่อื ปี 1981 118 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดยี วอยู่
เม่ือเราทราบอย่างนี้แล้ว คงจะเข้าใจแล้วว่า ทำ�ไมธนาคารกลาง วารู…ไหม? ต่าง ๆ ถึงให้ความสำ�คัญกับการดูแลเงินเฟ้อ การดำ�เนินนโยบายการเงิน ของแบงก์ชาติ จึงต้องให้ความสำ�คัญกับการรักษาเสถียรภาพของราคา จรงิ ๆ แลว้ เงินเฟ้อไมใ่ ชเ่ ป็น โดยพยายามให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในเป้าหมายท่ีกำ�หนดเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค ส่งิ เลวร้ายเสมอไป หากเป็นเงนิ เฟ้อ ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และขัดขวางการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ อยา่ งอ่อน ๆ (mild inflation) ในระยะยาว อย่างไรก็ดี นโยบายการคลังก็มีส่วนช่วยชะลอเงินเฟ้อได้ เช่น สกั 2 - 3% จะเปน็ ผลดีชว่ ย โดยรัฐบาลอาจจะลดรายจ่ายที่ไม่จำ�เป็นลงและเพ่ิมการจัดเก็บภาษีเพื่อดึง กระตุน้ เศรษฐกจิ ได้ เพราะจะชว่ ย เงินออกจากระบบเศรษฐกิจอันจะเป็นการลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจลง สรา้ งแรงจงู ใจใหผ้ ูผ้ ลิตมกี ารลงทุน ซงึ่ จะท�ำ ใหแ้ รงกดดนั เงนิ เฟอ้ ลดลงดว้ ย เพราะไมว่ า่ จะเปน็ การด�ำ เนนิ นโยบาย ขยายการผลิต และมกี ารจ้างงาน การเงนิ หรอื นโยบายการคลงั กม็ เี ปา้ หมายเดยี วกนั คอื ใหป้ ระชาชนกนิ ดอี ยดู่ ี ส่งผลให้เศรษฐกจิ ขยายตวั มากข้นึ ซ่ึงการดูแลเงินเฟ้อมีความจำ�เป็นไม่แพ้กับการสร้างความเจริญเติบโต ทางเศรษฐกจิ (จะกล่าวอย่างละเอยี ดอีกคร้ังในบทตอ่ ไป) Key Points การเกิดภาวะเงินเฟ้อมีผลเสยี ตอ่ ระบบเศรษฐกิจ ซง่ึ จะส่งผลต่อไปถึงรายได้และการกนิ ดีอยดู่ ีของประชาชนดว้ ย • ทำ�ใหเ้ งนิ ในกระเปา๋ ของทกุ คนมีค่านอ้ ยลง เพราะเงนิ จำ�นวนเท่าเดิม ซอ้ื ของได้น้อยลง • ลดแรงจูงใจในการออมเงนิ ขณะท่เี ร่งใหเ้ กิดการใช้จ่าย และอาจเปน็ บ่อเกิดของการเก็งกำ�ไร เพิม่ ความเสยี่ งให้กบั ระบบเศรษฐกจิ • หากคุมเงินเฟอ้ ไม่ได้ ทกุ คนจะตกอยู่ในภาวะไมแ่ นน่ อน ผู้บริโภคเองก็ไม่ทราบว่าราคาสนิ ค้าและบริการจะปรับข้นึ ไปอีกเทา่ ไร จะบรโิ ภคหรือจะออมเทา่ ไรดี ในสว่ นของภาคธุรกจิ จะต้ังราคาขายอยา่ งไรให้คุ้มทนุ เพราะตน้ ทนุ การผลติ สูงขน้ึ เรอ่ื ย ๆ คาดการณ์ ไม่ได้ ยงิ่ ถา้ คิดจะลงทนุ ด้วยแลว้ ความไม่แน่นอนเชน่ นีจ้ ะกลา้ ลงทุนไหม ดงั นั้น การเกิดเงนิ เฟอ้ เทา่ กบั เป็นการบ่นั ทอนการบริโภค การออม การผลติ และการลงทนุ • สญู เสยี ความสามารถในการแขง่ ขนั ดา้ นราคา เพราะตน้ ทุนการผลติ และราคาสนิ ค้าส่งออกไทยแพงกวา่ ค่แู ข่ง • วงจรการขึ้นราคาสินคา้ -ค่าจา้ ง (price-wage spiral) จะนำ�ไปสปู่ ัญหาเงนิ เฟ้ออยา่ งรนุ แรงในอนาคต และอาจนำ�ไปสวู่ กิ ฤติ เศรษฐกจิ การเงนิ 119เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดียวอยู่
กล่องความรทู้ ่ี 7 อตั ราเงินเฟ้อตำ�่ ลงท่ัวโลกเพราะอะไร และจะสง่ ผลอยา่ งไร ต่อการดำ�เนนิ นโยบายการเงิน ? คงจะเหน็ แลว้ วา่ การดแู ลเงนิ เฟอ้ มคี วามส�ำ คญั อยา่ งไร หากเงนิ เฟอ้ พงุ่ สงู ขนึ้ ตน้ ทนุ การผลติ กจ็ ะสงู ขน้ึ ซง่ึ จะกระทบตอ่ ความสามารถ ในการแข่งขัน และบ่ันทอนการค้าการลงทุน ส่งผลต่อการจ้างงานและการบริโภคด้วย แต่ในทางตรงข้าม เงินเฟ้อที่ต่ำ�มากๆ ก็อาจไม่จูงใจหรือกระตุ้นให้เกิดการผลิตและการจ้างงานก็ได้ ซ่ึงปรากฏการณ์ในขณะน้ี อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกยังคงตำ่�ต่อเนื่อง แม้หลงั จากวิกฤติเศรษฐกจิ การเงนิ โลกไดผ้ ่านพ้นไปแลว้ ซงึ่ เปน็ ผลจากปัจจัยเชงิ โครงสรา้ งหลายอย่างทงั้ จาก 1) ต้นทุนการผลิตที่ต่ำ�ลงจากการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต ตัวอย่างท่ีเห็นชัดเจน คือ การขุดเจาะน้ำ�มันในช้ันหินดินดาน (shale oil) ทท่ี �ำ ใหป้ รมิ าณนำ้�มนั ดิบในตลาดโลกมมี ากขนึ้ และราคาต�ำ่ ลง ความยืดหยุน่ ของอุปทานน�้ำ มนั ตอ่ ราคาจงึ สูงขึ้นด้วย น่ันคือ จะตอบสนองต่อราคาได้เร็ว โอกาสท่ีราคาน้ำ�มันจะเปล่ียนแปลงเร็วและแรงจึงมีน้อยลง ขณะท่ีการผลิตสินค้าอ่ืนๆ ก็มีการน�ำ เครือ่ งจกั รมาทดแทนแรงงาน (automation) เพิ่มขน้ึ 2) กระแสโลกาภิวัตน์ (globalization) ซึ่งคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายอุตสาหกรรมล้วนมีเครือข่ายการผลิตและลูกค้ากระจายอยู่ ทว่ั โลก กลายเป็นห่วงโซอ่ ุปทานโลก (global value chain) ท่เี ชือ่ มโยงกนั สงู ขนึ้ ท�ำ ใหป้ ระเทศตา่ ง ๆ สามารถเขา้ ถงึ วัตถุดบิ ไดง้ า่ ยและมรี าคาถกู ลง การเคลอื่ นยา้ ยปจั จยั การผลติ คลอ่ งตวั มากขน้ึ และยงั สามารถน�ำ เขา้ สนิ คา้ ราคาถกู จากประเทศเกดิ ใหม่ ไดด้ ว้ ย เชน่ ประเทศจนี ทไี่ ดเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มในเวทกี ารคา้ โลกมากขนึ้ ท�ำ ใหก้ ารแขง่ ขนั เขม้ ขน้ ขนึ้ ผปู้ ระกอบการจงึ อาจตอ้ งยอม ลดราคาและก�ำ ไรลงบางส่วนเพ่อื รกั ษาส่วนแบง่ ตลาด 3) การขยายตวั ของธรุ กจิ e-commerce กเ็ ปน็ อกี ปจั จยั ทท่ี �ำ ใหก้ ารแขง่ ขนั ดา้ นราคารนุ แรงขนึ้ เพราะการซอ้ื ขายผา่ นระบบออนไลน์ มีสินค้าให้ผู้ซื้อเลือกมากข้ึน และผู้ซ้ือก็สามารถเปรียบเทียบราคาได้ง่ายข้ึนด้วย (price transparency) ผู้ประกอบการจึง ปรับราคาสนิ คา้ ขนึ้ คอ่ นข้างยาก 4) การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (aging society) ที่อาจจะทำ�ให้หลายคนใช้จา่ ยน้อยลงเพ่ือเก็บออมไว้ใช้ในยามเกษียณ และบางคน กอ็ าจจะมรี ายได้ไมพ่ อ ต้องพง่ึ พาลูกหลาน ซ่ึงจะลดทอนก�ำ ลังซื้อของประชากรวัยท�ำ งานอีกด้วย จะเห็นว่าปัจจัยทกี่ ลา่ วมาทงั้ หมดน้ี จะท�ำ ใหอ้ ตั ราเงินเฟ้ออาจไม่สูงหรือเรง่ ข้นึ มากเทา่ ในอดีต และอาจใช้เวลาในการสง่ ผา่ นผลบวก จากเศรษฐกิจท่ีขยายตัวมายังการปรับข้ึนราคาหรืออัตราเงินเฟ้อนานข้ึน ซึ่งจะมีนัยต่อการกำ�หนดเป้าหมายนโยบายการเงิน ท่ีเหมาะสมในระยะข้างหน้า เพราะหากแบงก์ชาติกำ�หนดเป้าหมายที่อยู่ในระดับสูงเกินไปอาจจะกระทบความน่าเช่ือถือของการ ด�ำ เนนิ นโยบายได้ และดอกเบยี้ ตอ้ งอยใู่ นระดบั ต�่ำ และยาวนานขนึ้ หรอื ด�ำ เนนิ นโยบายทผ่ี อ่ นคลายมากเพอื่ กระตนุ้ เศรษฐกจิ ใหเ้ งนิ เฟอ้ ไปถงึ เป้าหมาย ซงึ่ อาจจะสร้างความเส่ียงต่อเสถียรภาพระบบการเงนิ ได้ เพราะดอกเบย้ี ทตี่ �ำ่ คนกจ็ ะลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงนิ ที่มีความเส่ียงเพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่สูงข้ึน ผู้อ่านจะได้ทำ�ความเข้าใจมากข้ึนเกี่ยวกับการดำ�เนินนโยบายการเงินเพื่อให้บรรลุ เป้าหมายเงนิ เฟอ้ ในบทตอ่ ไป 120 เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
3. การจ้างงานเตม็ ที่ (full employment) คอื เราสามารถใชก้ ำ�ลัง Exam Tipแรงงานท่ีมีทั้งหมดอย่างเต็มท่ีตามความสามารถหรือศักยภาพของแรงงาน หรอื พดู งา่ ย ๆ วา่ คนที่อย่ใู นวยั ท�ำ งานทกุ คนท่ตี ้องการทำ�งาน สามารถหา งานทำ�ได้ ไมป่ ลอ่ ยใหเ้ กดิ การว่างงานและเสยี โอกาสไปฟรี ๆ ซง่ึ จะไมค่ มุ้ คา่ กับส่ิงท่ีได้ลงทุนไปทั้งท่ีลงทุนเองและส่วนท่ีรัฐลงทุนท้ังในด้านการศึกษา สาธารณสุข และสวัสดกิ ารดา้ นอื่น ๆ และเมือ่ ไมม่ ีงานท�ำ ยอ่ มไมม่ รี ายได้ ท่ีจะไว้จับจ่ายใช้สอย ซ่ึงจะก่อให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาสังคม ตามมาอกี มาก การจา้ งงานเตม็ ที่ (full employment) ไม่ได้หมายความว่า แรงงานทกุ คนตอ้ ง มีงานท�ำ อาจจะเกิดการว่างงานชั่วคราว ก็ได้ เชน่ อยรู่ ะหวา่ งการหางานใหม่ การว่างงานหลังฤดทู ำ�นา คนที่เพง่ิ ส�ำ เรจ็ การศึกษา เปน็ ต้น 4. การแกป้ ัญหาการกระจายรายได้ (income distribution) คณุ อาจ จะเคยได้ยินคำ�ว่า “รวยกระจุก จนกระจาย” คือ ผู้มีรายได้สูงมีไม่ก่ีคน แต่ผู้มีรายได้น้อยมีมาก และรายได้ของผู้มีรายได้สูงและผู้มีรายได้น้อยก็มี ความแตกต่างกันมาก หรือ เกดิ ความไม่เทา่ เทียมกันของรายได้ (income inequality) จริงอยวู่ ่า แต่ละคนมีความรูค้ วามสามารถ และโอกาสในการ หารายได้ไม่เท่ากัน บางคนอาจจะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตจำ�นวนมาก ขณะท่ีบางคนอาจมีน้อย การที่เศรษฐกิจโตหรือรายได้ประชาชาติสูงขึ้น ไม่ได้หมายความว่ารายได้เฉลี่ยของทุกคนสูงข้ึน หรือทุกคนมีความกินดี อยดู่ มี ากขน้ึ เพราะรายไดข้ องประเทศทเ่ี พม่ิ ขนึ้ อาจจะไปตกอยกู่ บั ประชาชน กลมุ่ ใดกลมุ่ หนงึ่ หรอื เพยี งบางกลมุ่ เทา่ นน้ั ซง่ึ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความไมเ่ สมอภาค ในการกระจายรายได้ ดังน้ัน เป้าหมายของการเพิ่มระดับรายได้ หรือ การขยายตวั ทางเศรษฐกจิ ตอ้ งควบคไู่ ปกบั เปา้ หมายในการกระจายรายไดด้ ว้ ย คือ ต้องทำ�ให้ประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้เพ่ิมขึ้น หรือมีรายได้เพ่ิมขึ้นไป พร้อม ๆ กนั ไมว่ ่าจะเปน็ ผมู้ รี ายได้สูงหรอื ผู้มีรายไดน้ ้อย 121เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
วารู…ไหม? ระดับราคา เสน้ Phillips Curve การดำ�เนินนโยบายการคลังมีส่วนช่วยแก้ปัญหาการกระจายรายได้ โดยผ่าน (1) การใชจ้ ่ายของรฐั บาล (government spending) โดยนำ�เงิน อตั ราการว่างงาน ภาษมี าใชจ้ า่ ยเพอื่ ผลประโยชนข์ องผมู้ รี ายไดน้ อ้ ย เชน่ การสรา้ งถนนในชนบท การใช้จ่ายด้านการศึกษาและสาธารณสุข เป็นต้น ซึ่งเสมือนกับเป็นการ ในความเป็นจรงิ เรากอ็ าจเหน็ นำ�เงินจากผู้มีรายได้สูงไปช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย (2) เงินโอน (transfer อตั ราเงนิ เฟอ้ สงู ขึน้ พรอ้ ม ๆ กบั payments) หรอื การให้เงินชว่ ยเหลือผูม้ ีรายไดน้ อ้ ย (โอนให้เปลา่ ๆ ไมไ่ ด้รบั อัตราการว่างงานไดเ้ หมอื นกัน สินค้าและบริการตอบแทน) เช่น เบี้ยผู้สูงอายุ โครงการบัตรสวัสดิการ อยา่ งในช่วงท่เี ศรษฐกิจทซ่ี บเซามาก แห่งรัฐเพือ่ ช่วยเหลอื ผมู้ ีรายไดน้ ้อย เปน็ ต้น และ (3) การเก็บภาษีผู้มีรายได้ (stagflation) จากตน้ ทุนสินคา้ สูงมากกว่า ซ่ึงอัตราภาษีในลักษณะนี้ เราเรียกว่า เป็นอัตราก้าวหน้า ท่ีสูงข้ึนอย่างรวดเรว็ เช่น ราคา (progressive income tax) หรือก็คือ การเก็บภาษีในอัตราท่ีเพิ่มข้ึน น้�ำ มัน ผู้ประกอบการจึงจ�ำ เป็น ตามรายไดท้ เ่ี พม่ิ ขึน้ อาทิ ภาษีเงนิ ได้บคุ คลธรรมดา ต้องข้นึ ราคาสนิ คา้ ท�ำ ใหผ้ ู้บริโภคลด การบริโภคลง และเมื่อผ้ปู ระกอบการ การผสมผสานเป้าหมายของเศรษฐกจิ มหภาค ขายของได้นอ้ ยลงกต็ อ้ งลดการผลิต และการลงทนุ ทำ�ให้มีคนว่างงาน เพิม่ ขึน้ ในทสี่ ุด ดูเหมือนว่าเป้าหมายของเศรษฐกิจมหภาคท่ีกล่าวมาน้ีบางอย่างอาจ จะมคี วามขดั แย้งกนั เช่น หากต้องการให้เศรษฐกิจโต โดยการกระตนุ้ การ บรโิ ภค กอ็ าจจะน�ำ ไปสู่ปญั หาเงนิ เฟ้อตามมา แต่แทจ้ ริงแล้วถ้าเราสามารถ ผสมผสานเปา้ หมายกนั ใหด้ ี เชน่ ใหเ้ ศรษฐกจิ โต ขณะทย่ี อมใหม้ เี งนิ เฟอ้ บา้ ง เล็กน้อย กอ็ าจเป็นผลดี จงู ใจให้มกี ารลงทนุ ขยายการผลิต เกดิ การจ้างงาน ช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว ก็จะทำ�ให้ประชาชนกินดีอยู่ดี แต่ถ้าเรามุ่งที่ เป้าหมายใดเปา้ หมายหนึ่งมากจนเกนิ ไป กจ็ ะท�ำ ให้เศรษฐกจิ เสยี สมดุล เช่น หากต้องการให้เศรษฐกิจโตมาก ๆ อย่างรวดเร็วอาจเป็นผลดีในระยะสั้น แตเ่ งนิ เฟ้อท่ีเพิ่มขึน้ กลับจะเป็นอปุ สรรคต่อการเติบโตในระยะยาวได้ 122 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดยี วอยู่
กล่องความรู้ท่ี 8 ทำ�ไมต้องแบง่ แยกบทบาทหน้าทรี่ ัฐบาลกับธนาคารกลาง หากจะว่าไปแล้ว ระบบเศรษฐกิจสามารถดำ�รงอยู่ได้ด้วยตัวเอง เพราะเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนของคนในสังคม ซึ่งแต่ละคนก็ ทราบดวี า่ ตนเองตอ้ งการอะไร แตด่ ว้ ยความไมเ่ ทา่ เทยี มกนั ของทรพั ยส์ นิ ความรคู้ วามสามารถ จงึ เปน็ ธรรมดาทผี่ ทู้ มี่ ที รพั ยส์ นิ มากกวา่ หรือมีความรู้ความสามารถสูงกว่าก็จะเป็นผู้ได้เปรียบ บางครั้งผู้ผลิตก็อาจจะกำ�หนดราคาสินค้าและบริการแพงเกินไปจนผู้มี รายได้น้อยหมดโอกาสในการบริโภคของเหล่านั้น หรือบางครั้งเองผู้ผลิตก็อาจไม่ยินดีที่จะผลิตของส่ิงน้ัน หรืออาจจะผลิตแต่น้อย เกนิ ไปส�ำ หรบั ความต้องการของผบู้ ริโภค จงึ ตอ้ งมีภาครัฐบาลเข้ามาช่วยจัดการ โดยผ่านการใช้จา่ ยของภาครัฐบาล ซ่ึงหากรฐั บาล มเี งนิ มาก ไมว่ า่ จะมาจากรายไดห้ รอื เงนิ กู้ กย็ อ่ มใชจ้ า่ ยไดม้ าก แตน่ น่ั กจ็ ะมผี ลกระทบตอ่ เสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ เพราะการใชจ้ า่ ย ท่ีมากเกินไป ก็จะนำ�มาซึ่งเงินเฟ้อท่ีเร่งขึ้น และย่ิงถ้าเงินที่ใช้จ่ายนั้นมาจากเงินกู้ด้วยแล้ว ก็ย่อมกระทบกับวินัยการคลังและ ความน่าเชื่อถือของประเทศ ซ่งึ อาจนำ�ไปส่ปู ญั หาเสถยี รภาพทางเศรษฐกิจตามมา โดยปกติแล้วรัฐบาลมักให้ความสำ�คัญกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (economic growth) ซ่ึงเป็นเป้าหมายในระยะสั้นมากกว่า เป้าหมายระยะกลาง - ยาวทตี่ ้องรักษาเสถียรภาพเศรษฐกจิ เพือ่ ให้เศรษฐกิจเตบิ โตในระยะยาว ทง้ั นี้ กเ็ พราะรัฐบาลมีเทอมในการ บริหารประเทศ (อยู่ในตำ�แหน่งคราวละ 4 ปี หากไม่มกี ารยบุ สภาผแู้ ทนราษฎรหรอื การทำ�รัฐประหารกอ่ น) ทำ�ให้ต้องท�ำ นโยบายที่ เหน็ ผลไดเ้ รว็ เพอ่ื หวงั ผลทจ่ี ะไดร้ บั ความนยิ มและคะแนนเสยี งในการเลอื กตงั้ ครงั้ ตอ่ ไป ซง่ึ ความพยายามกระตนุ้ เศรษฐกจิ ในบางครง้ั อาจท�ำ ใหเ้ ศรษฐกจิ ตอ้ งประสบกบั ความเสย่ี งทจ่ี ะขาดเสถยี รภาพในระยะยาว ดงั ทอี่ ดตี ประธานธนาคารกลางสหรฐั ฯ Ben Bernanke ไดก้ ล่าวสนุ ทรพจน์ไวท้ กี่ รุงโตเกยี วว่า “การที่รฐั บาลมกั กดดอกเบีย้ ให้ต�ำ่ เพอ่ื กระตุ้นเศรษฐกจิ ผลลัพธด์ งั กลา่ ว อาจดดู ใี นชว่ งแรก และมีประโยชน์มากในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง แต่มันไม่ย่ังยืนเพราะในไม่ช้าผลดีเหล่าน้ันก็เหือดหายไป เหลือไว้แต่ภาวะเงินเฟ้อ ซึง่ ยงิ่ ซ�ำ้ เตมิ เศรษฐกจิ ระยะยาวใหย้ งิ่ ย�ำ่ แย่ลง ดงั นน้ั การแทรกแซงของนกั การเมอื งรงั แตจ่ ะทำ�ใหเ้ กดิ วฏั จักรฟองสบู่ ซ่งึ น�ำ ไปสูภ่ าวะ ขาดเสถยี รภาพและเงนิ เฟ้อในทา้ ยท่ีสุด” แมร้ ฐั บาลจะผลดั เปลยี่ นกนั เขา้ มาบรหิ ารประเทศ และอาจมแี นวนโยบายทแ่ี ตกตา่ งกนั ไปตามแตล่ ะยคุ สมยั แตส่ �ำ หรบั ธนาคารกลาง ยงั คงมเี ปา้ หมายหลกั คือ การรักษาเสถยี รภาพทางเศรษฐกิจ (economic stability) ควบคไู่ ปกบั การขยายตวั ทางเศรษฐกจิ ซงึ่ เป็น ความท้าทายที่ต้องพยายามหาความพอดี หรือ balance ระหว่างเป้าหมายในระยะส้ันของรัฐบาลกับเป้าหมายในระยะยาว เพราะในฐานะผู้ด�ำ เนนิ นโยบายไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรอื ธนาคารกลางตา่ งกม็ เี ปา้ หมายสุดท้ายรว่ มกนั คือ เพ่ือให้เศรษฐกิจด�ำ เนินไป ไดด้ ว้ ยดแี ละทกุ คนมคี วามกนิ ดอี ยดู่ ี ซง่ึ แนน่ อนวา่ ไมไ่ ดห้ มายความวา่ เศรษฐกจิ จะตอ้ งโตเพยี งอยา่ งเดยี ว แตต่ อ้ งโตแบบมเี สถยี รภาพ และย่ังยืนด้วย หากเราเปรียบรัฐบาลเป็นกองหน้าในกีฬาฟุตบอลที่ต้องคอยรุกข้ึนทำ�แต้มยิงประตู ธนาคารกลางก็เปรียบเสมือน กองหลังทมี่ หี นา้ ทีป่ อ้ งกันการบกุ ของคู่ตอ่ สู้ และสกัดกั้นประตูไว้อยา่ งเหนียวแน่น 123เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอยู่
กล่องความรู้ท่ี 8 (ตอ่ ) ท�ำ ไมต้องแบ่งแยกบทบาทหน้าที่รฐั บาลกบั ธนาคารกลาง บทบาทหน้าทส่ี �ำ คัญทีส่ ดุ ของธนาคารกลางทกุ แหง่ คอื การด�ำ เนินนโยบายการเงนิ โดยการควบคุมปริมาณเงินใหเ้ หมาะสมกบั ระบบ เศรษฐกิจ ดงั นนั้ ธนาคารกลางจึงมลี ักษณะพเิ ศษ คอื สามารถพิมพ์หรอื สร้างเงินเองได้ จงึ ไม่นา่ แปลกทจ่ี ะตอ้ งแยกบทบาทหนา้ ท่ี ของรฐั บาลในฐานะผใู้ ชเ้ งนิ กบั ธนาคารกลางซง่ึ เปน็ ผพู้ มิ พเ์ งนิ เอง ลองคดิ ดหู ากเราไมแ่ ยกบทบาทหนา้ ทข่ี องรฐั บาลและธนาคารกลาง ออกจากกันแล้ว ย่อมจะมีความเส่ียงที่รัฐบาลอยากจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เศรษฐกิจเฟ่ืองฟูด้วยการ “พิมพ์เงิน” เพิ่มเข้าไป ในระบบเศรษฐกจิ จ�ำ นวนมาก ๆ เพอ่ื ใหป้ ระชาชนมเี งนิ ไว้ใชจ้ า่ ย ซึ่งเป็นการกระต้นุ เศรษฐกิจท่งี ่ายมาก แต่ส่งผลร้ายตอ่ เสถยี รภาพ ของประเทศในระยะยาว เพราะการพมิ พ์เงนิ เพิม่ เขา้ ไปอยา่ งไมเ่ หมาะสมกบั สภาวะเศรษฐกจิ ยอ่ ม “ผลกั ” ให้ราคาสนิ คา้ และบรกิ าร ท้ังระบบ “สูงข้ึน” อย่างหลกี เลย่ี งไม่ได้ เท่ากับว่ามีเงินเยอะ แต่ต้องไล่ล่าสินค้าที่มีจำ�กัด ในที่สุด ราคาสินค้าก็ต้องปรับข้ึนเพราะสินค้าเป็นท่ีต้องการ ทำ�ให้เงินท่ีพิมพ์ ออกมามหาศาลจะด้อยค่าลง เสถยี รภาพของระบบเศรษฐกิจก็จะถกู ทำ�ลายไป ดงั ตัวอย่าง เม่ือคร้ังประเทศเยอรมนแี พส้ งครามโลก ครงั้ ท่ี 1 และตอ้ งจา่ ยคา่ ปฏิกรณส์ งครามเป็นจำ�นวนเงินมหาศาลถึง 269,000 ล้านมารก์ (2,790 มารก์ เทียบเท่ากับทองคำ�บริสทุ ธ์ิ 1 กิโลกรัม) หรอื คิดเป็นเงินกวา่ 23,600 ลา้ นปอนด์ หรือ 32,000 ล้านดอลลารส์ หรัฐฯ รฐั บาลเยอรมนีในสมัยน้นั ไม่อยากเกบ็ ภาษีจากประชาชนที่ต้องเดอื ดรอ้ นจากภยั สงคราม จึงส่ังใหธ้ นาคารกลางพิมพธ์ นบัตรออกมา ใช้หนแ้ี ทน แมจ้ ะไดผ้ ล ปัญหาหนี้ของรัฐบาลหมดไป แตม่ ปี ัญหาใหม่ตามมาแทน คือ ธนบตั รทพ่ี มิ พอ์ อกมาจำ�นวนมาก ๆ นน้ั กลับด้อยค่าลงทนั ที เงินทปี่ ระชาชนถืออย่ใู นมือมีค่าน้อยลง ไมส่ ามารถใชซ้ ้ือของได้เทา่ เดมิ จากนั้น รฐั บาลแกป้ ญั หาโดยการขึ้น ค่าแรงเพ่ือเป็นการเพ่ิมรายได้ให้ประชาชนและลดจำ�นวนช่ัวโมงทำ�งาน ด้วยหวังจะทำ�ให้ประชาชนมีความต้องการจับจ่ายใช้สอย เพ่ิมข้ึน โดยลืมไปวา่ การลดช่ัวโมงท�ำ งานกลับท�ำ ให้อปุ ทานของสินคา้ และบริการมนี ้อยลง จงึ เกิดปัญหาวา่ อยากซ้ือของแตข่ องไม่มี จะใหซ้ อ้ื ขณะเดยี วกนั เงนิ เฟอ้ ก็พุ่งสงู ขึ้นจนควบคมุ ไมไ่ ด้ เกิดภาวะทเี่ รยี กว่า ภาวะเงินเฟ้ออยา่ งรุนแรง (hyper inflation) ว่ากนั ว่า ตามร้านอาหาร พนักงานต้องคอยบอกราคาใหม่ทุก ๆ 30 นาทีเลยทีเดียว ราคาสินค้าปรับเพิ่มข้ึนเท่าตัวในทุก ๆ 2 วัน หรือ เทา่ กบั วา่ อตั ราเงนิ เฟอ้ อยทู่ ่ี 3,250,000% ตอ่ เดอื น เวลาจะซอื้ ของแตล่ ะครงั้ ตอ้ งขนเงนิ ใสร่ ถเขน็ และเมอ่ื คนไดร้ บั คา่ แรงมาแลว้ กต็ อ้ ง รีบไปซื้อของก่อนท่ีราคาจะขึ้นไปอีก ทำ�ให้แม้แต่อาหารที่จะซื้อก็ลดน้อยลงจนเหลือเพียงแค่ขนมปังและมันฝรั่งเพียงเท่าน้ัน เงินมาร์กของเยอรมนีในขณะนั้นก็เสมือนเป็นเพียงแค่เงินกระดาษที่แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย เหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ก็เกิดขึ้น ซ้ำ�รอยในประเทศซิมบับเวในปี 2548 และประเทศเวเนซุเอลาในปี 2561 (อ่านเพ่ิมเติมในบทนี้ หัวข้อ “เสถียรภาพด้านราคา”) เราเหน็ แล้ววา่ ธนาคารกลางในฐานะผพู้ ิมพเ์ งินมีบทบาทสำ�คญั มากตอ่ การสร้างเสถยี รภาพทางเศรษฐกิจ สามารถเปน็ ไดท้ งั้ ผสู้ ร้าง ภูมิคุม้ กันที่ดี แต่หากขาดวินยั ก็สามารถกลายเปน็ ผ้ทู ำ�ลายภมู ิคุ้มกนั ไดง้ ่ายเชน่ กนั 124 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดียวอยู่
กล่องความรู้ท่ี 8 (ต่อ) ท�ำ ไมตอ้ งแบ่งแยกบทบาทหนา้ ท่รี ัฐบาลกับธนาคารกลาง การด�ำ เนนิ นโยบายของธนาคารกลางจึงตอ้ งมีกรอบ กตกิ า และกฎหมายกำ�หนดบทบาทอำ�นาจหน้าที่ชัดเจน และควรมอี ิสระในการ ดำ�เนนิ นโยบาย ซึ่งสิง่ ที่สังเกตไดง้ ่าย ๆ และสะท้อนความเป็นอิสระของธนาคารกลาง กค็ ือ อัตราการเปลี่ยนผ้วู ่าการธนาคารกลาง (turnover rate for central bank’s governorship) ซึ่งถ้าอัตราการเปล่ียนผู้ว่าธนาคารกลางยิ่งสูงก็แสดงว่ามีการแทรกแซงทาง การเมืองมาก ตัวอย่างเช่น ประเทศอาร์เจนตินาในช่วง 80 ปีท่ีผ่านมานี้ มีการเปลี่ยนผู้ว่าการธนาคารกลางไปแล้วถึง 56 คน เฉล่ียอยู่ในตำ�แหน่งแค่คนละประมาณ 1 ปีครึ่งเท่าน้ัน จึงไม่น่าแปลกใจที่การดำ�เนินนโยบายการเงินของอาร์เจนตินาค่อนข้าง จะตดิ ๆ ขัด ๆ และไม่บรรลเุ ปา้ หมายทว่ี างไวม้ ากนัก สำ�หรับธนาคารแห่งประเทศไทย เรามีพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 และพระราชบัญญัติธนาคาร แห่งประเทศไทย ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2551 (พ.ร.บ. ธปท.) ที่กำ�หนดอำ�นาจการแต่งต้ังและถอดถอนผู้ว่าการ โดยผู้ว่าการแม้จะ แต่งต้ังโดยคำ�แนะนำ�ของคณะรัฐมนตรี แต่ก็จะมีคณะกรรมการคัดเลือกเป็นผู้เสนอชื่อ มีการกำ�หนดวาระการดำ�รงตำ�แหน่ง และคณะรัฐมนตรีจะถอดถอนได้ต้องแสดงเหตุผลในการถอดถอนอย่างชัดเจนว่าเป็นการขาดคุณสมบัติหรือบกพร่องในหน้าท่ีอย่าง ร้ายแรงอยา่ งไร นอกจากนี้ พ.ร.บ. ธปท. ยังกำ�หนดวตั ถปุ ระสงค์ รวมทั้งอ�ำ นาจหน้าทีข่ องแบงก์ชาตใิ นการดำ�เนนิ งานเพอื่ ให้บรรลุ วตั ถปุ ระสงคน์ ้นั ๆ ไวอ้ ย่างชัดเจนด้วย คณุ เรยี นรู้สงิ่ เหล่านี้แลว้ หรอื ยงั • สามารถบอกถึงเป้าหมายของเศรษฐกจิ มหภาคได้ • อธิบายวา่ เหตุใดจึงกำ�หนดเป้าหมายของเศรษฐกจิ มหภาคเช่นนั้น จากบทนี้เราทราบแล้วว่าเป้าหมายของเศรษฐกิจมหภาค ก็คือ ต้องการให้ทุกคนมีความกินดีอยู่ดี ในบทต่อไป เราจะได้ทราบว่า เราจะต้องดำ�เนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคอย่างไรเพ่ือให้บรรลุเป้าหมาย ตามทีต่ ้องการน้ี 125เศรษฐศาสตร์...เล่มเดยี วอยู่
บทที่ 9 การดำ�เนนิ นโยบายเศรษฐกิจมหภาค (เพ่อื ให้บรรลเุ ปา้ หมาย) Fiscal Policy IMntoenrentaatriyonPaollicy Monetary Policy บทนี้เป็นการทำ�ความเข้าใจเก่ียวกับการดำ�เนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคทั้งนโยบายการคลัง นโยบาย การเงิน และการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายของเศรษฐกิจโดยรวมที่วางไว้ ซ่ึงนโยบาย การคลงั สามารถกระตนุ้ อปุ สงค์ได้โดยตรงจงึ มกั ใชก้ ระตนุ้ เศรษฐกจิ ในชว่ งซบเซา แตอ่ าจมผี ลตอ่ เสถยี รภาพ เศรษฐกิจได้หากรัฐบาลไม่รักษาวินัยทางการคลัง ขณะท่ีนโยบายการเงินจะเน้นดูแลเสถียรภาพด้านราคา เพ่ือไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และขัดขวางการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว สำ�หรับการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนก็จะเคล่ือนไหวขึ้นลงตามกลไกตลาด การแทรกแซงทำ�ได้เท่าที่จำ�เป็น และตอ้ งไม่ขดั กับการด�ำ เนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเปา้ หมายเงนิ เฟอ้ 126 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดยี วอยู่
Exam Tip จากบทกอ่ น เราทราบแล้วว่า เปา้ หมายของเศรษฐกิจโดยรวม กค็ อื ความกินดีอยู่ดีของประชาชน อย่างไรก็ตาม การที่จะบรรลุเป้าหมายการ การเพิม่ ปริมาณเงนิ ในระบบ กินดีอยู่ดี โดยมุ่งหวังให้เศรษฐกิจเติบโตในอัตราสูง ๆ อย่างต่อเน่ืองนั้น เศรษฐกิจจะทำ�ให้คนเอาเงนิ สว่ นนี้ ก็อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงที่มากข้ึนได้ เปรียบเทียบเหมือนกับคุณกำ�ลัง ไปซอื้ สนิ ค้าและบริการ ท�ำ ให้อุปสงค์ ขับรถ ถ้าคุณเหยียบคันเร่งเต็มที่ อยู่ ๆ เกิดฝนตกถนนลื่น เจอทางโค้ง รวมในสินค้าและบรกิ ารเพิ่มขึ้น ลาดชัน หรือมีสิ่งกีดขวางอยู่ที่ถนน ถามว่าจะเกิดอะไรขึ้น คำ�ตอบก็คือ ถ้าอปุ ทานยงั พอท่ีจะสามารถ โอกาสเกิดอันตรายสูงที่จะเอาชีวิตไปเส่ียง ทางที่ดีเราควรประคองรถด้วย ตอบสนองได้ อปุ สงคท์ ่ีเพ่มิ ขึน้ การผ่อนคันเร่งบ้าง เหยียบเบรกบ้าง เพื่อชะลอให้รถไปช้า ๆ พอที่จะ ก็จะมผี ลใหเ้ ศรษฐกิจขยายตวั บังคับได้ เศรษฐกิจกเ็ หมือนกนั เราก็ไม่ตอ้ งการให้รอ้ นแรงจนเกินไป น่ันคือ แตห่ ากระบบเศรษฐกจิ อยู่ในระดบั ต้องสร้างความสมดุลของระบบเศรษฐกิจท้ังภายในและภายนอกเพื่อให้ ที่ใชท้ รัพยากรเต็มที่แล้ว อปุ ทาน เศรษฐกิจโตไปได้อย่างไม่สะดุดจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกท่ีเข้ามา ไม่สามารถตอบสนองอปุ สงคท์ ี่ กระทบ ซงึ่ กต็ อ้ งมีการผสมผสานของนโยบายการเงิน นโยบายการคลัง และ เพิ่มขน้ึ ได้ กจ็ ะทำ�ใหเ้ กดิ เงินเฟ้อหรอื การบรหิ ารอตั ราแลกเปลย่ี นใหเ้ หมาะสมเพอ่ื เออ้ื ใหเ้ ศรษฐกจิ สามารถเตบิ โตได้ มีผลตอ่ ราคามากกวา่ การขยายตวั ตามศกั ยภาพและยง่ั ยนื นโยบายทง้ั 3 อยา่ งทก่ี ลา่ วมานใี้ นทางเศรษฐศาสตร์ ของเศรษฐกจิ จะเรียกวา่ “นโยบายเศรษฐกิจมหภาค” ทฤษฎีลูกโป่ง 3 สูบของ ดร.ป๋วย เป็นกรอบท่ีแสดงให้เห็นถึงการ ผสมผสานของนโยบายเศรษฐกจิ มหภาคทัง้ 3 อยา่ งเขา้ ด้วยกัน โดยให้ความ ส�ำ คญั กบั เสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ ซงึ่ จะตอ้ งควบคมุ ปรมิ าณเงนิ ทห่ี มนุ เวยี น ในระบบเศรษฐกจิ ให้อยใู่ นระดบั พอเหมาะพอควรกับปริมาณผลผลิตท่ีระบบ เศรษฐกิจผลิตได้ หากปรมิ าณเงนิ ทหี่ มนุ เวียนมีน้อยเกินไป ย่อมเกิดปญั หา การขาดสภาพคล่องและอาจตามมาด้วยปัญหาเงินฝืด แต่ถ้าหากปริมาณ เงนิ เพิม่ ขึน้ มากเกนิ ไปย่อมสรา้ งแรงกดดันให้เกิดภาวะเงนิ เฟ้อได้ ดร.ป๋วย ได้อุปมาอุปไมยปริมาณเงินท่ีหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เสมอื นหนงึ่ ลกู โปง่ ในยามทร่ี ะบบเศรษฐกจิ มปี รมิ าณเงนิ เพมิ่ ขน้ึ เปรยี บประดจุ ลูกโป่งพองลม ในยามที่ปริมาณเงินลดลงเปรียบประดุจลูกโป่งแฟบลม การกำ�กับปริมาณเงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจก็เช่นเดียวกับ การกำ�กับปริมาณลมในลูกโป่ง โดยท่ีช่องทางที่กระทบต่อปริมาณเงิน ในระบบเศรษฐกิจมีอยู่ 3 ช่องทาง เสมือนหนึ่งว่าลูกโป่งมี 3 ลูกสูบ อนั ประกอบดว้ ย (1) ลกู สบู การคลงั (การเกบ็ ภาษแี ละการใชจ้ า่ ยของรฐั บาล) 127เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดยี วอยู่
(2) ลูกสูบการเงินภายในประเทศ (การขยายหรือลดสินเชื่อของระบบสถาบันการเงิน) และ (3) ลูกสูบการเงิน ระหว่างประเทศ (การเคล่ือนย้ายเงินเข้าและออกระหวา่ งประเทศ) หัวใจของการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาค อย่ทู ่กี ารก�ำ กบั ลูกสบู ทั้งสามนี้ หากสว่ นใดส่วนหนึง่ ท�ำ ให้ปริมาณเงินในระบบมากเกินไป สว่ นท่ีเหลือกต็ ้องทำ�หนา้ ที่ ดูดเงินออกจากระบบ มิฉะน้ัน ก็จะนำ�ไปสู่เงินเฟ้อและเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมได้ และหาก ปริมาณเงินในระบบน้อยเกินไป ส่วนท่ีเหลือก็ต้องทำ�หน้าที่เพ่ิมเงินเข้าสู่ระบบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสภาพคล่อง และปญั หาเงนิ ฝดื ตามมา ซง่ึ กจ็ ะเปน็ อนั ตรายตอ่ เศรษฐกจิ โดยรวมเชน่ กนั ดงั นนั้ จะเหน็ วา่ นโยบายเศรษฐกจิ มหภาค ทั้ง 3 อย่างไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลย แลว้ นโยบายเศรษฐกิจมหภาคทงั้ 3 อยา่ ง ทำ�งานกนั อยา่ งไร ทฤษฎลี ูกโปง่ 3 สบู ของ ดร.ปว๋ ย ภายในปกราะรเเทงศน รกะาหรวเงา นงประเทศ ขยายเครดติ สบู เขา ชำระเงนเขาประเทศ สูบเขา หดเครดิต สบู ออก ชำระเงนออก สูบออก การคลัง รายจา ย สบู เขา รายรับ สบู ออก 128 เศรษฐศาสตร์...เล่มเดยี วอยู่
นโยบายการคลัง เราก็ทราบกันอยู่แล้วว่าเครื่องมือของรัฐบาลในการดำ�เนินนโยบาย การคลงั มีหลัก ๆ อยู่ 2 อยา่ ง คอื การใช้จ่าย (รายจ่าย) กบั การเกบ็ ภาษี (รายได)้ ถ้าต้องการกระตุน้ เศรษฐกิจ กจ็ ะใช้นโยบายการคลังเพ่ือเพิม่ ปริมาณ เงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ โดยผ่านการใช้จ่ายของรัฐบาลอาจออกมา ในรูปของการซ้ือสินค้าและบริการ หรือเงินลงทุนต่าง ๆ ของภาครัฐ ซ่ึงส่งผลโดยตรงต่อการเพ่ิมการใช้จ่ายโดยรวม ทำ�ให้มีการผลิตสินค้า และบริการมากขึ้น และ/หรือ ผ่านการลดภาษีให้ประชาชนมีเงินเหลือไว้ ใช้จ่ายมากข้นึ รวมถึงการใชจ้ ่ายในลักษณะของเงนิ โอน (โอนเงินให้เปล่า ๆ) สมู่ อื ประชาชน อาทิ เบี้ยผูส้ ูงอายุ เงนิ ช่วยเหลือผู้มีรายได้นอ้ ย นโยบายชอ้ ป ช่วยชาติ ชิมช้อปใช้ ก็มีผลทางอ้อมทำ�ให้การบริโภคของประชาชนเพ่ิมข้ึน ซง่ึ การกระตนุ้ ใหเ้ กดิ การใชจ้ า่ ยนจ้ี ะสง่ ผลใหก้ ารผลติ และการจา้ งงานเพมิ่ ขน้ึ ประชาชนมีรายได้เพ่ิมขึ้น น่ันก็คือ เศรษฐกิจขยายตัว เราเรียกนโยบาย การคลงั แบบนวี้ า่ “นโยบายการคลงั แบบขยายตวั ” หรอื “นโยบายงบประมาณ แบบขาดดลุ ” (รายจ่ายมากกว่ารายได้) นน่ั เอง ในทางกลบั กัน ถ้าต้องการชะลอเศรษฐกิจ ไมใ่ ห้ร้อนแรงจนเกนิ ไป กจ็ ะใช้ นโยบายการคลงั เพือ่ ดงึ เงนิ ออกจากระบบเศรษฐกจิ โดยลดการใช้จา่ ย และ/ หรือเพ่ิมภาษี การใช้จ่ายก็จะน้อยลง ส่งผลให้การผลิตและการจ้างงาน กล็ ดลง การขยายตวั ทางเศรษฐกจิ กจ็ ะชะลอตัวลง เราเรยี กนโยบายการคลัง แบบน้ีว่า “นโยบายการคลังแบบหดตัว” หรือ “นโยบายงบประมาณแบบ เกนิ ดลุ ” (รายไดม้ ากกวา่ รายจา่ ย) นั่นเอง แต่ก็มีเหมือนกันที่เห็นว่า เศรษฐกิจสมดุลและมีเสถียรภาพแล้ว ไม่จำ�เป็น ต้องใช้นโยบายการคลังเพ่ือกระตุ้นหรือชะลอเศรษฐกิจ ก็อาจใช้ “นโยบาย การคลงั แบบสมดลุ ” หรอื “นโยบายงบประมาณสมดลุ ” ซง่ึ กค็ อื รายไดเ้ ทา่ กบั รายจา่ ยน่นั เอง 129เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดียวอยู่
กล่องความรูท้ ี่ 9 ใครคอื ผู้ชที้ ิศทางแนวนโยบายการคลงั ? ถ้าพูดถึง “นโยบายการคลัง” คนทั่วไปก็คงเข้าใจว่าเป็นเร่ืองของรัฐบาลนำ�โดยกระทรวงการคลังเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่านอกจาก กระทรวงการคลงั แลว้ ยังมอี กี 3 หนว่ ยงาน ซง่ึ เปน็ ผู้ร่วมกำ�หนดนโยบายการคลงั เราเรยี ก 4 หน่วยงานหลกั น้อี ยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการ วา่ “Gang of Four ดา้ นเศรษฐกจิ ” ซง่ึ กจ็ ะประกอบไปด้วย กระทรวงการคลงั สำ�นกั งบประมาณ สำ�นกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ (สศช. หรอื สภาพฒั น์ฯ) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท. หรือแบงก์ชาติ) ลองมาดูกันว่าแต่ละหนว่ ยงานมีหนา้ ทอ่ี ะไรกันบ้าง เรมิ่ จากกระทรวงการคลงั เปรยี บเสมือนพอ่ บ้าน มหี น้าที่ในการจัดหาเงิน ทง้ั การ จัดเกบ็ ภาษแี ละรายไดท้ มี่ ิใช่ภาษี รวมถึงบริหารการใชจ้ ่ายให้มีประสิทธิภาพ ขณะท่สี ำ�นกั งบประมาณกเ็ ปรียบเสมือนแมบ่ ้านท่ีตอ้ ง จดั สรรเงนิ งบประมาณของแผน่ ดนิ ทมี่ อี ยจู่ �ำ กดั อยา่ งประหยดั คมุ้ คา่ และเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ ทางดา้ น สศช. กจ็ ะเปน็ ผทู้ �ำ แผนพฒั นา เศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาตเิ พือ่ ใชเ้ ปน็ แนวทางในการพฒั นาประเทศในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงยงั เปน็ ผู้พิจารณาแผนการลงทุนของ ประเทศให้เป็นไปตามแนวทางการพัฒนาท่ีวางไว้ ส่วน ธปท. มีหน้าท่ีสำ�คัญในการสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจให้เอื้อต่อ การพัฒนาประเทศ โดยการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสถาบันการเงิน และสร้างเสถียรภาพให้กับระบบเศรษฐกิจ รวมท้ัง การรกั ษาระดบั เงนิ เฟ้อไมใ่ หส้ งู จนเปน็ อุปสรรคต่อการขยายตวั ทางเศรษฐกิจ ในแต่ละปี 4 หน่วยงานน้ีจะประชุมร่วมกันเพ่ือกำ�หนดกรอบและวงเงินงบประมาณรายจ่ายในปีนั้น ๆ ให้เป็นไปอย่างเหมาะสม โดยจะดูว่าแรงกระตุ้นทางด้านการคลังจากงบประมาณรายจ่ายสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจโดยรวมหรือไม่ เช่น ถ้าเศรษฐกิจ ชะงักงัน ภาคเอกชนอ่อนแรง การฟ้ืนตัวของเศรษฐกิจต้องการแรงกระตุ้นจากภาครัฐ รัฐบาลก็ควรทำ�นโยบายงบประมาณ แบบขาดดุลเพ่ือกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีการคิดถึงรายจ่ายด้านการลงทุนในโครงสร้างพ้ืนฐานเพ่ือให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ ในระยะยาว แตก่ ย็ ังตอ้ งไม่ลืมที่จะรกั ษาวนิ ัยทางการคลังไปพร้อม ๆ กับการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกจิ แล้วพิจารณาอย่างไรถึงเรียกว่าเหมาะสม นโยบายท่ีผ่านมามักจะเป็นการขาดดุลเพ่ือกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหลักการของขนาด การขาดดลุ ทเ่ี หมาะสมจะพจิ ารณา 5 เรอ่ื งดว้ ยกนั คอื (1) งบประมาณมเี พยี งพอตอ่ รายจา่ ยลงทนุ ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ การขยายตวั ของเศรษฐกจิ ในระยะยาวและรายจา่ ยเพอื่ การด�ำ เนนิ นโยบายของรฐั บาล (2) การขาดดลุ จะตอ้ งไมก่ ระทบตอ่ เสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ ซงึ่ พจิ ารณา ทั้งการขาดดุลในงบประมาณ ดุลเงินนอกงบประมาณ และรัฐวิสาหกิจ หรือเราเรียกรวมกันว่า ดุลของภาครัฐ (public sector balance) (3) ไมเ่ ปน็ การแยง่ การใช้ทรพั ยากรกบั ภาคเอกชน (crowding out) ท่มี ากเกนิ ไป (4) หนีส้ าธารณะต้องอยใู่ นระดับที่ จดั การได้ และ (5) ควรเปน็ การขาดดุลจากการใชจ้ า่ ยสำ�หรับการพฒั นาประเทศหรือเพอ่ื การลงทนุ มากกว่าที่จะขาดดลุ เพ่ือนำ�มา ใชจ้ า่ ยทว่ั ไป ไม่เพยี งแต่ในเรือ่ งการก�ำ หนดวงเงินงบประมาณเทา่ นนั้ แม้ในด้านพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ 4 หนว่ ยงานนี้ยังรว่ มกนั ทำ�หน้าท่ีเสนอแนะและให้ความเห็นเกี่ยวกับแผนงานการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเพื่อให้การลงทุนของภาครัฐ ดำ�เนินไปในทิศทางท่ีถูกต้องและคุ้มค่า โดยในแง่การก่อหน้ีเพ่ือมาลงทุน ก็จะมีคณะกรรมการนโยบายและกำ�กับการบริหาร หนี้สาธารณะเข้ามาดแู ล ซง่ึ ท้ัง 4 หน่วยงานต่างก็มสี ว่ นร่วมเชน่ เดยี วกนั 130 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดยี วอยู่
ประสิทธิผลของนโยบายการคลงั 2021 แม้นโยบายการคลังจะถูกกำ�หนดจาก รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐในด้านเศรษฐกิจ 2020 แต่จะต้องผ่านการพิจารณาของรัฐสภาเพ่ือ 2018 2019 ออกเป็นกฎหมาย จึงทำ�ให้การดำ�เนนิ นโยบาย 2017 การคลังไม่สามารถทำ�ได้ทันที แต่นโยบาย การคลังมีข้อดีตรงที่ว่า นโยบายการคลังโดย การใช้จ่ายสามารถกระตุ้นอุปสงค์ได้โดยตรง Stage 1 Stage 2 Stage 3 Stage 4 Stage 5 โดยรัฐบาลใช้เงินเข้าไปซ้ือสินค้าและบริการ ในตลาด สง่ ผลใหก้ ารผลติ และการจา้ งงานเพม่ิ ขนึ้ นโยบายการคลงั จงึ มกั จะ ใช้ในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซาที่คนไม่ค่อยใช้จ่ายเพ่ือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็อาจมีผลกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงระยะส้ัน ๆ หากการดำ�เนินนโยบาย การคลังไม่ได้สร้างความมนั่ ใจให้ภาคเอกชนอย่างเพียงพอว่าเศรษฐกิจจะโต ต่อเนือ่ งไป หรอื ขยายตัวอยา่ งย่งั ยืน ดงั นน้ั การด�ำ เนนิ นโยบายการคลงั ใด ๆ จงึ ตอ้ งท�ำ ควบคไู่ ปกบั การสรา้ งความยง่ั ยนื ของการขยายตวั ทางเศรษฐกจิ ในระยะยาวดว้ ย ซ่ึงคงหนีไม่พ้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านการลงทุนทางด้าน การศึกษา สาธารณสุข รวมทั้งดูแลในเรื่องสังคมและสวัสดิการ ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็ยังมีความจำ�เป็นท่ีจะต้องพัฒนาโครงสร้าง พนื้ ฐานอกี เปน็ จ�ำ นวนมาก เชน่ ถนน ไฟฟา้ ประปา การคมนาคมขนสง่ และ การชลประทาน เปน็ ตน้ เพื่อใหเ้ ออื้ ต่อการพัฒนาประเทศ ซ่ึงจะชว่ ยดึงดูด การลงทุนของภาคเอกชน หรือศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์ท่ีเรียกกันว่า crowding in effect แต่แน่นอนมี in ก็ตอ้ งมี out นนั่ คอื การดำ�เนนิ นโยบาย การคลังท่ีไม่เหมาะสมก็อาจจะเกิดในลักษณะ crowding out effect ได้ด้วย เชน่ กนั หากการใชจ้ า่ ยของรฐั บาลอยใู่ นชว่ งทเี่ ศรษฐกจิ ดี ภาคเอกชนมคี วาม ต้องการสินค้าและบริการมากจนเต็มความสามารถในการผลิตของระบบ เศรษฐกิจแล้วการใช้จ่ายของรัฐบาลในสภาวะเช่นนี้จะเป็นการแย่งใช้ ทรัพยากรกบั ภาคเอกชน ซ่ึงจะท�ำ ใหก้ ารลงทุนของเอกชนลดลงได้ 131เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดียวอยู่
อย่างไรก็ดี นโยบายการคลังอาจมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของ วารู…ไหม? เศรษฐกิจได้ด้วยเช่นกัน หากรัฐบาลไม่รักษาวินัยทางการคลัง ซึ่งก็คงไม่ แตกต่างไปจากวินัยการใช้จ่ายของครัวเรือนที่ต้องพยายามไม่ใช้จ่ายเกินตัว ปี 2554 บางประเทศในยโุ รป แมแ้ ต่ หรือก็คือ ต้องดูแลให้รายจ่ายสมดุลกับขีดความสามารถในการหารายได้ ยักษ์ใหญ่อยา่ งสหรัฐอเมรกิ าเอง น่ันเอง ถ้าจำ�เปน็ ต้องก่อหน้บี า้ ง การใชจ้ ่ายนัน้ ก็ตอ้ งมผี ลตอบแทนทีค่ มุ้ คา่ กป็ ระสบปญั หาวินยั การคลงั จากการ เมือ่ เทียบกบั ตน้ ทุนการกยู้ มื ทเ่ี สียไป น่นั ก็คือ ควรเป็นการกมู้ าลงทนุ ไมใ่ ช่กู้ ใช้จ่ายเกินตัว ท�ำ ให้หนส้ี งู ต่างประเทศ เพื่อมาบรโิ ภค หากลองนกึ ถึงบริษัทสักแหง่ หนึ่ง หากตอ้ งกู้เงินมาเพอื่ ใช้จา่ ย ไมเ่ ชื่อมั่นจนเกอื บต้องพกั ช�ำ ระหนี้ ประจ�ำ วนั ไมว่ า่ จะเปน็ คา่ น�ำ้ คา่ ไฟ เงนิ เดอื นคา่ จา้ ง บรษิ ทั นนั้ จะอยไู่ ดอ้ ยา่ งไร หรอื เบ้ยี วหน้ี ส่งผลตอ่ ความเช่อื มนั่ ผู้ให้กู้ก็คงต้องคิดดอกเบี้ยแพงเพราะเป็นการให้กู้กับผู้ท่ีมีความเส่ียงสูง ทางเศรษฐกิจของสหรฐั อเมรกิ าและ ซง่ึ อาจจะเปน็ หนสี้ ญู ได้ ดอกเบยี้ ทคี่ ดิ จงึ ตอ้ งชดเชยกบั ความเสยี่ งทมี่ ที ง้ั หมด ยโุ รป และสง่ ผลลามไปถงึ เศรษฐกจิ ทำ�ให้ตน้ ทุนการกู้ยมื สงู ขน้ึ หรอื อาจถงึ ข้ันไม่มใี ครกล้าใหก้ เู้ ลยก็ได้ และการเงินโลก นโยบายการเงนิ จากบทกอ่ น เราทราบแลว้ วา่ การเกดิ ภาวะเงนิ เฟอ้ มผี ลเสยี ตอ่ ระบบ เสรมิ ความรู้ เศรษฐกจิ อย่างไร นโยบายการเงนิ ของทกุ ประเทศทวั่ โลกจึงมเี ปา้ หมายหน่งึ ทสี่ �ำ คัญ คอื การดแู ลเสถียรภาพดา้ นราคา เพราะเสถียรภาพด้านราคาหรือ วิธกี ารของการด�ำ เนินนโยบายการเงิน อัตราเงินเฟ้อที่ตำ่�จะช่วยให้ภาระค่าครองชีพของประชาชนไม่เพ่ิมข้ึนมาก ท่ธี นาคารกลางของแตล่ ะประเทศใช้เพ่ือ อย่างรวดเร็ว ต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตไม่สูงนัก ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความ ควบคุมดูแลระดบั ราคานนั้ มหี ลายรูปแบบ สามารถในการผลิตและการลงทุนของผู้ประกอบการ เกิดการผลิตและ ไดแ้ ก่ การจ้างงานในระบบเศรษฐกิจที่ย่ังยืนในระยะยาว เศรษฐกิจขยายตัว 1. การตง้ั เป้าหมายทีอ่ ตั ราแลกเปลยี่ น แม้ธนาคารกลางจะมีเป้าหมายของนโยบายการเงินที่เหมือนกัน แต่ในทาง (exchange rate targeting) ปฏบิ ตั แิ ล้ว วิธีการด�ำ เนนิ นโยบายการเงนิ เพือ่ ใหบ้ รรลุเปา้ หมายมีหลายแบบ 2. การตง้ั เปา้ หมายทป่ี รมิ าณเงิน ซ่ึงได้พัฒนามาเรื่อย ๆ จนในปัจจุบันหลายประเทศหันมาใช้การดำ�เนิน (monetary targeting) นโยบายการเงนิ ภายใตก้ รอบเปา้ หมายเงนิ เฟอ้ แบบยดื หยนุ่ (flexibleinflation 3. การต้ังเป้าหมายเงินเฟอ้ (inflation targeting) ซ่ึงประเทศไทยก็ได้เปลี่ยนมาใช้กรอบนโยบายนี้มาต้ังแต่ปี targeting) 2543 การดำ�เนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อมีข้อดี คือ 4) ไม่ได้ใช้ตัวใดตัวหนึง่ เป็นหลัก มีความชัดเจน (clarity) เพราะมีการประกาศเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อให้ อยา่ งชดั เจน แต่จะปรบั เปล่ียน สาธารณชนทราบ เป็นตัวเลขท่ีชัดเจนช่วยให้ประชาชนสามารถคาดการณ์ แนวนโยบายการเงินไปตาม เงนิ เฟ้อในอนาคต และมกี ระบวนการทำ�นโยบายที่โปร่งใส (transparency) สถานการณ์ หรอื เรยี กว่า เพราะมีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เป็นผู้พิจารณาและกำ�หนด just-do-it approach 132 เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
อัตราดอกเบ้ียนโยบาย พร้อมทั้งส่ือสารให้ประชาชนเข้าใจเหตุผลของการ ข้ึนลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่ละครั้ง ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน จะต้องรับผิดชอบ (accountability) ในการดำ�เนินนโยบายการเงินเพ่ือให้ อัตราเงินเฟ้อในอนาคตเป็นไปตามที่ประกาศไว้ ซ่ึงประชาชนสามารถ ตรวจสอบได้ ทง้ั หมดนี้จะทำ�ใหก้ ารดำ�เนินนโยบายการเงินมคี วามน่าเชื่อถอื (creditability) ซ่ึงความน่าเชื่อถือน้ีเองจะเป็นหัวใจสำ�คัญท่ีจะทำ�ให้การ ดำ�เนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อประสบผลสำ�เร็จ นอกจากน้ี การด�ำ เนนิ นโยบายการเงนิ ตามกรอบนโยบายนยี้ งั มคี วามยดื หยนุ่ (flexibility) สามารถใช้เคร่ืองมือผสมผสานได้ท้ังการส่งสัญญาณผ่าน อัตราดอกเบี้ยนโยบาย และมาตรการกำ�กับดูแลเสถียรภาพระบบการเงิน เพ่ือสามารถให้นำ้�หนักในการดูแลเสถียรภาพราคา เสถียรภาพเศรษฐกิจ และเสถยี รภาพระบบการเงินให้เหมาะสมในแต่ละสภาวการณไ์ ด้ กเปาา้ หรมดา�ำยเเนงินนิ เนฟโย้อบแบายบกยาืดรหเงยิน่นุ ภายใต้กรอบ (flexible inflation targeting) เมื่อเรากล่าวว่า แบงก์ชาติดำ�เนินนโยบายการเงินนั้น หมายถึง การปรับขึ้น คง หรือลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยคณะกรรมการนโยบาย การเงิน (กนง.) เช่น ปรับข้ึนอัตราดอกเบ้ียนโยบายร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 1.75 เป็นร้อยละ 2.00 ต่อปี ซึ่งเมื่อประกาศแล้ว แบงก์ชาติ ก็จะดำ�เนินการให้อัตราดอกเบ้ียนโยบายปรับตัวเข้าสู่อัตราที่กำ�หนดไว้ โดยอาศัยเคร่ืองมือตา่ ง ๆ ท่ีแบงกช์ าติมี เสรมิ ความรู้ การปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบ้ียนโยบายกเ็ พ่อื ควบคมุ อตั ราเงนิ เฟ้อให้อยใู่ นเปา้ หมายทก่ี ำ�หนดไว้ โดยเปา้ หมายเงนิ เฟอ้ ที่ใช้ อยใู่ นปจั จบุ นั คอื อัตราเงินเฟ้อท่ัวไป ซ่งึ กค็ ือ อัตราการเปล่ียนแปลงของราคาสินคา้ และบริการทีม่ ีความจ�ำ เปน็ ในการดำ�รงชีวิต ประจำ�วนั ทซ่ี ื้อขายกนั ในตลาด สอดคล้องกบั คา่ ครองชพี ของประชาชน จึงงา่ ยต่อการสือ่ สารและชว่ ยใหส้ าธารณชนคาดการณ์ เงนิ เฟอ้ ไดด้ ี นอกจากนี้ เป้าหมายดังกล่าว ยงั เปน็ เปา้ หมายนโยบายการเงินในระยะปานกลางและมีความยืดหยนุ่ มากขนึ้ ดว้ ย หมายความว่า การปรบั อัตราดอกเบย้ี นโยบายในวนั นี้ มุ่งควบคมุ อตั ราเงินเฟ้อในชว่ งเวลาหลายปีขา้ งหนา้ เพราะใชเ้ วลาสง่ ผา่ น ผลไปยังภาคเศรษฐกจิ จริง จงึ ไมย่ ดึ ติดวา่ นโยบายการเงนิ ตอ้ งดแู ลเฉพาะเงินเฟ้อตลอดเวลา เพ่ือเพิ่มความยดื หยุ่นใหอ้ ตั รา ดอกเบย้ี นโยบายสามารถปรับขนึ้ หรอื ลงเพ่ือดแู ลการขยายตัวของเศรษฐกจิ และดูแลเสถียรภาพระบบการเงนิ ควบคู่กันไปได้ 133เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอยู่
กมาี 2รดแำ�บเนบินนคโยือบายการเงนิ Exam Tip 1. นโยบายการเงินแบบผอ่ นคลาย แม้ว่านโยบายการเงินแบบผอ่ นคลาย จะสามารถใชเ้ ปน็ เครอื่ งมือในการ หากในช่วงท่ีเศรษฐกิจซบเซา ไม่มีแรงกดดันเงินเฟ้อ เนื่องจาก กระต้นุ เศรษฐกจิ ได้ แต่หากผู้ผลติ ผู้คนไม่ค่อยมีการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้การผลิตสินค้าและบริการลดลง ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทนั กบั หรือเลิกกิจการ เกิดปัญหาการว่างงาน ซึ่งก็จะส่งผลต่อเศรษฐกิจตามมา ความต้องการ ราคาสนิ ค้าก็จะ เป็นลูกโซ่ เมื่อเป็นเช่นน้ี แบงก์ชาติก็จะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย สูงขึน้ แทน ซง่ึ จะนำ�ไปสปู่ ญั หา โดยลดอัตราดอกเบ้ียนโยบายลงมาเพื่อส่งสัญญาณไปยังอัตราดอกเบ้ียเงินกู้ เงนิ เฟอ้ และท�ำ ใหเ้ ศรษฐกิจ และเงนิ ฝากในตลาดใหเ้ ปลย่ี นแปลงไปในทศิ ทางเดยี วกนั เมอื่ อตั ราดอกเบยี้ กลับชะลอตวั ลงได้ในที่สุด เงนิ ฝากลดลง กค็ ือ ตน้ ทนุ คา่ เสียโอกาสของเงนิ ลดลงดว้ ย (ดอกเบ้ยี เงินฝาก ก็คอื ต้นทนุ ของเงนิ จากการที่เราจะถอื ไวเ้ พ่ือใช้จา่ ย) คนก็อาจจะนำ�เงินไป ใชจ้ า่ ยซอ้ื สนิ คา้ และบรกิ ารมากขน้ึ ได้ ขณะเดยี วกนั การทอ่ี ตั ราดอกเบย้ี เงนิ กู้ ลดลง คนก็อยากซ้ือบ้าน ซ้ือรถ รวมถึงการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากขึ้น ส่วนผู้ผลิตก็อาจจะขยายการผลิตมากขึ้นเพราะความต้องการบริโภค มีมากข้นึ และตน้ ทนุ การกยู้ ืมกถ็ ูกลงด้วย จะเห็นวา่ เศรษฐกจิ กจ็ ะกลับมา คกึ คกั เนอื่ งจากการบรโิ ภคและการลงทนุ เพมิ่ ขน้ึ ซงึ่ กจ็ ะท�ำ ใหม้ กี ารผลติ และ การจา้ งงานมากขน้ึ ด้วย แตก่ อ็ าจจะท�ำ ให้ราคาสนิ คา้ และบริการสูงขนึ้ บ้าง ค�ำ ถามชวนคิด...? กลไกทอ่ี ตั ราดอกเบ้ียนโยบายสง่ ผ่านไปยังอตั ราดอกเบ้ยี ในตลาด และมีผลกระทบตอ่ ตัวแปรทางเศรษฐกิจไมว่ ่าจะเปน็ การบริโภค การลงทุน การจ้างงาน จนกระทง่ั ถงึ ระดับราคานน้ั เราเรียกว่า กลไกการส่งผ่านนโยบายการเงนิ ซงึ่ การสง่ ผ่านช่องทางนี้เราเรียกว่า “ชอ่ งทางอัตราดอกเบ้ีย” แตค่ ณุ รู้หรอื ไม่ว่า จริง ๆ แล้ว ผลของอตั ราดอกเบ้ยี นโยบายยงั เดนิ ทางไปสู่เศรษฐกจิ และอัตราเงนิ เฟอ้ ผ่านช่องทางอืน่ ๆ ได้อีก ลองคิดว่าจะมชี ่องทาง อะไรได้อีกบ้าง (ค�ำ ใบ้ : เฉลยอยใู่ นหัวข้อ “กลไกการส่งผ่านนโยบายการเงนิ ”) 134 เศรษฐศาสตร์...เล่มเดยี วอยู่
วารู…ไหม? 2. นโยบายการเงนิ แบบตึงตัว การขน้ึ ดอกเบ้ีย แมจ้ ะกระทบต้นทนุ ในทางกลับกนั หากเศรษฐกจิ เตบิ โตอย่างรอ้ นแรง จนทำ�ให้ราคา ของผู้ผลติ ใหส้ ูงขน้ึ บ้าง และอาจ สนิ ค้าและบริการโดยท่ัวไปแพงขึ้นอยา่ งตอ่ เนอื่ งหรือเงนิ เฟ้อสูงขน้ึ เนื่องจาก เป็นการชะลอเศรษฐกจิ แตก่ ็ ผู้คนแย่งกันซ้ือสินค้า ผู้ผลิตแข่งกันขายสินค้าและขยายกิจการ และมีการ เป็นเพียงผลในระยะสนั้ เทา่ นน้ั กว้านซ้ือวัตถุดิบ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เม่ือเป็น แตใ่ นระยะยาว ต้นทนุ ของผู้ผลติ เช่นนี้ แบงก์ชาติก็จะใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว โดยจะปรับข้ึน จะลดลง เพราะการขึ้นดอกเบ้ยี อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้อัตราดอกเบ้ียเงินกู้และเงินฝากในตลาด จะชว่ ยชะลอเงนิ เฟอ้ ส่งผลให้เกิด ปรับเพ่มิ ขึ้นดว้ ย เช่นเดียวกนั เมื่ออตั ราดอกเบ้ียเงินฝากเพ่ิมขน้ึ คนกอ็ าจจะ การผลิตและการจ้างงาน เศรษฐกจิ นำ�เงินไปฝากธนาคาร การจับจ่ายซ้ือสินค้าและบริการก็น้อยลง และเมื่อ จะกลบั มาเตบิ โต อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพ่ิมข้ึน ต้นทุนการกู้แพงข้ึน คนก็จะไม่อยากซื้อบ้าน ซ้ือรถ รวมถึงการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตก็จะลดลง เมื่อการบริโภคน้อยลง และต้นทุนการกู้แพงขึ้น ผู้ผลิตก็จะผลิตน้อยลง ไม่มีการขยายการผลิต ในช่วงนี้ จะเหน็ วา่ เศรษฐกิจกจ็ ะลดความรอ้ นแรงลง ราคาสนิ ค้า โดยทั่วไป จะเพิ่มข้ึนช้าลง อัตราเงินเฟ้อจะลดลง และเศรษฐกิจกลับมาเติบโต แบบคอ่ ยเป็นค่อยไปในท่สี ดุ ค�ำ ถามชวนคดิ ...? หากสมมตใิ หร้ ะบบเศรษฐกจิ ไทยเปรยี บเสมอื นรถยนต์ โดยมแี บงกช์ าติ เปน็ ผขู้ บั แนน่ อนวา่ ในขณะขบั รถ ผขู้ บั จะตอ้ งมองทง้ั กระจกหนา้ และกระจก หากสมมติใหร้ ะบบเศรษฐกจิ ไทย มองหลัง โดยการมองไปข้างหนา้ ผ่านกระจกหนา้ รถกเ็ พ่อื ดูเสน้ ทางและดูวา่ เปรียบเสมือนรถยนต์โดยมแี บงก์ชาติ ระยะทางข้างหน้ามีอุปสรรคใด ๆ หรือไม่ ซ่ึงถ้ามีอุปสรรค เช่น ฝนตก เป็นผขู้ บั และอัตราดอกเบยี้ นโยบาย ถนนลื่น ผู้ขับก็จะผ่อนคันเร่งหรืออาจต้องแตะเบรกเพ่ือชะลอความเร็ว เปรียบเสมือนคันเร่งและเบรกที่ใช้ควบคุม ของรถลง แต่หากระยะทางข้างหน้าไม่มอี ุปสรรคและรถยงั แล่นช้าอยู่ ผู้ขบั ก็ ความเร็วของรถให้อยใู่ นระดบั ที่เหมาะสม สามารถเหยยี บคนั เรง่ เพอื่ เพมิ่ ความเรว็ ของรถขนึ้ อกี ได้ ดงั นน้ั คณุ สมบตั ขิ อง ถามวา่ การมองกระจกหนา้ รถเปรียบ ผู้ขับที่ดีต้องขับอย่างระมัดระวังและสามารถควบคุมความเร็วให้เสมอต้น เสมอื นวิธีการใดของการด�ำ เนนิ นโยบาย เสมอปลาย ไมเ่ รว็ เกนิ ไปจนอาจเสย่ี งทจี่ ะเกดิ อนั ตราย และตอ้ งขบั ใหน้ ม่ิ นวล การเงิน สำ�หรับผู้โดยสารและเป็นการถนอมรถด้วย ดังนั้น อัตราดอกเบ้ียนโยบาย จงึ เปรยี บเสมอื นคนั เรง่ และเบรก และการมองไปขา้ งหลงั ผา่ นกระจกมองหลงั ของผู้ขับ ก็เปรียบเหมือนการพิจารณาภาวะเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ 135เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
ในปัจจุบันที่ได้เกิดขึ้นแล้ว แต่เท่านั้นยังไม่พอ การดำ�เนินนโยบายการเงิน คำ�ถามชวนคิด...? ภายใต้กรอบเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่นยังต้องมองไปข้างหน้า เพราะกวา่ เบรกและคนั เรง่ จะสง่ ผา่ นไปสเู่ ครอ่ื งยนตเ์ ศรษฐกจิ และท�ำ ใหเ้ ศรษฐกจิ มคี นพดู ว่า เงนิ เฟอ้ ทเ่ี กดิ จากตน้ ทุน ชะลอหรือกลับมาคึกคัก ในความเป็นจริงต้องใช้เวลา การดำ�เนินนโยบาย การผลิตท่สี ูงข้นึ เช่น ราคาน้ำ�มันเพิม่ ขน้ึ การเงินจึงต้องคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อและแนวโน้มเศรษฐกิจล่วงหน้า แรงงานขาดแคลนท�ำ ใหค้ า่ จ้างสงู ข้นึ กล่าวคอื หากธนาคารกลางคาดการณ์วา่ เศรษฐกิจในระยะต่อไปมแี นวโน้ม เช่นน้ีไม่ได้เกี่ยวกับการจบั จ่ายใช้สอย ที่จะร้อนแรง แรงกดดันด้านเงินเฟ้อมีมาก แบงก์ชาติก็จะปรับข้ึนอัตรา ทีร่ ้อนแรงเลย แต่เปน็ เรื่องของต้นทนุ ดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดการคาดการณ์เงินเฟ้อท่ีจะเร่งข้ึน ชะลอความ ของภาคการผลิตท่เี พมิ่ ขน้ึ กรณเี ช่นน้ี ร้อนแรงของเศรษฐกจิ เปน็ ตน้ แบงกช์ าติก็ไมค่ วรขน้ึ ดอกเบีย้ แนวคิด แบบน้ีถอื ว่าถกู หรือผดิ อยา่ งไร ? แแนบวงทกาง์ชกาาตรดิจ�ำ ะเยนินดึ นหโยลบกั าย3กาขร้อเงินของ คงตอ้ งตอบวา่ ถ้าเงินเฟอ้ เกิดจากตน้ ทนุ (1) ต้องสอดคล้องกับเป้าหมายการรักษาเสถียรภาพด้านราคา การผลิตสงู ขึ้นเพียงชั่วคราว และผ้ผู ลิต (long-term price stability) และการเติบโตทางเศรษฐกจิ อยา่ งมี ตอ้ งปรบั ราคาขน้ึ ตามตน้ ทนุ อย่างไรกด็ ี เสถียรภาพ หากผู้บรโิ ภคไม่มีความต้องการ (2) ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยให้ม่ันใจว่า ระดับราคาของสินคา้ และบริการเหล่านัน้ การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีการขยายตัวในเกณฑ์ดี กจ็ ะไม่ได้เพิม่ ขน้ึ มาก แบงกช์ าตกิ ็ไม่ควร ตอ่ เนื่อง เข้าไปทำ�อะไร แต่หากต้นทนุ การผลติ สงู ข้ึน (3) ไมช่ า้ จนกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาความไมส่ มดลุ เชน่ การคงอตั ราดอกเบยี้ เรือ่ ย ๆ และสง่ ผ่านไปยังสินค้าอื่น ๆ ไว้ต�ำ่ นาน ๆ อาจจะส่งเสริมใหม้ ีการลงทุนในสนิ ทรัพย์เสย่ี งหรอื ในวงกว้าง เช่น ค่าขนส่ง ค่าอาหาร เปน็ ตน้ การลงทุนในรูปแบบที่ไม่น่าจะก่อให้เกิดผลิตภาพการผลิตใน และถ้าบวกกับมคี วามตอ้ งการสนิ คา้ ระยะยาวท้ังคอนโดมิเนยี ม ทองคำ� และโภคภัณฑอ์ นื่ ๆ ซ่งึ อาจ และบรกิ ารน้ัน ๆ เขา้ มาเสริม กจ็ ะทำ�ให้ จะสะสมจนเกดิ ภาวะเศรษฐกจิ ฟองสบตู่ ามมา สง่ ผลตอ่ เสถยี รภาพ ระดบั ราคาสงู ข้ึน และมีการคาดการณ์วา่ ของระบบเศรษฐกจิ ระดบั ราคาจะสูงตอ่ เนอ่ื งไปอีก สดุ ทา้ ยแลว้ จะสง่ ผลกระทบตอ่ เศรษฐกจิ อยา่ งมาก เมือ่ นั้น แบงก์ชาติก็ควรเข้าไปดแู ล โดย ข้นึ ดอกเบีย้ เพอื่ ควบคมุ เงนิ เฟ้อและลด การคาดการณเ์ งินเฟอ้ ของประชาชน เพอ่ื ไมใ่ หป้ ญั หาเงินเฟอ้ รุนแรงขึน้ ไปอีก 136 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
ชอ่ งทางการสง่ ผ่านผลของนโยบายการเงนิ และ ประสิทธผิ ลของนโยบายการเงนิ INTEREST RATES เราทราบแล้วว่าเม่ือมีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบ้ียนโยบายจะส่งผล ให้อัตราดอกเบ้ียในตลาดมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปด้วย ซึ่งอัตราดอกเบ้ีย ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ จะมีผลต่อพฤติกรรมของประชาชนและนักธุรกิจ ท�ำ ใหก้ จิ กรรมทางเศรษฐกจิ ไมว่ า่ จะเป็นการผลิต การบรโิ ภค การคา้ และ การลงทุนเพิ่มข้ึนหรือลดลง และส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและอัตรา เงินเฟ้อในที่สุด เราเรียกขั้นตอนการส่งผลกระทบของนโยบายการเงิน ตอ่ ระบบเศรษฐกิจ ซ่งึ เรมิ่ ตั้งแต่อตั ราดอกเบีย้ นโยบายจนไปถึงอัตราเงินเฟอ้ นวี้ า่ กลไกการสง่ ผา่ นนโยบายการเงนิ ซง่ึ มชี อ่ งทางหลกั อยู่ 5 ชอ่ งทาง ไดแ้ ก่ 1. ช่องทางอัตราดอกเบี้ย หากแบงก์ชาติดำ�เนินนโยบายการเงิน แบบตึงตัว (ปรับข้ึนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) เพ่ือควบคุมเงินเฟ้อ จะทำ�ให้ อัตราดอกเบ้ียในตลาดเพิ่มข้ึนตามไปด้วย อัตราดอกเบี้ยตลาดที่เพิ่มขึ้นนี้ จะทำ�ให้ต้นทุนการบริโภคและการลงทุนสูงข้ึน การบริโภคและการลงทุน ก็จะน้อยลง การผลิตและการจ้างงานก็จะน้อยลง ช่วยชะลอความร้อนแรง ของเศรษฐกิจ ราคาสินค้าโดยทั่วไปจะเพ่ิมขึ้นช้าลง อัตราเงินเฟ้อจะลดลง ซึง่ ไดก้ ลา่ วไปแล้ว 2. ชอ่ งทางสนิ เชอ่ื เมอ่ื อตั ราดอกเบยี้ เงนิ กเู้ พม่ิ ขน้ึ ภาระการผอ่ นช�ำ ระ เงินกู้ของธุรกิจและประชาชนจะเพ่ิมข้ึน ซึ่งธนาคารพาณิชย์ทราบดีว่า ภาระท่ีสูงข้ึนน้ีทำ�ให้ความสามารถในการผ่อนชำ�ระหนี้ของลูกค้าลดลง ดงั นั้น เม่อื มกี ารมาขอสนิ เชอ่ื ใหม่ ธนาคารพาณิชย์มกั จะเพ่มิ ความเข้มงวด ในการอนุมัติสินเชื่อแก่ลูกค้า เมื่อประชาชนกู้เงินได้ยากขึ้น กิจกรรมทาง เศรษฐกจิ กจ็ ะชะลอลง ซ่ึงสง่ ผลให้อตั ราเงนิ เฟ้อลดลงในทีส่ ดุ 137เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
3. ช่องทางมูลค่าสินทรัพย์ หรือก็คือ ช่องทางความมั่งค่ัง เม่ืออัตรา คำ�ถามชวนคิด...? ดอกเบ้ียนโยบายปรับสูงข้ึนและอัตราดอกเบ้ียเงินฝากก็ปรับสูงข้ึนตาม ผู้ออมหรือนักลงทุนจะมีแนวโน้มต้องการนำ�เงินของตนมาฝากไว้กับ ทำ�ไมเม่ือ กนง. มีการปรับเปลย่ี นอตั รา ธนาคารพาณชิ ย์มากขึ้น โดยบางสว่ นอาจถอนมาจากการลงทุนในสินทรัพย์ ดอกเบ้ียนโยบายแลว้ จงึ ท�ำ ใหอ้ ัตรา ประเภทอ่ืน เช่น หุ้น คอนโดมเิ นียม และทด่ี นิ เป็นตน้ ซึ่งจะส่งผลใหร้ าคา ดอกเบีย้ ในตลาดมแี นวโน้มเปลย่ี นแปลง ของสนิ ทรพั ยเ์ หลา่ นด้ี อ้ ยลงไป(ความตอ้ งการลดลง สง่ ผลใหร้ าคาลดลงดว้ ย) ตามไปในทศิ ทางเดียวกนั ด้วย ประชาชนท่ีถือสินทรัพย์เหล่าน้ันอยู่จะรู้สึกมั่งค่ังน้อยกว่าเดิมและลดการ จับจา่ ยใช้สอย คำ�ตอบก็คอื เพราะเป็นท่ีทราบกันดี 4. ช่องทางอัตราแลกเปล่ยี น ช่องทางน้คี ่อนขา้ งจะซบั ซอ้ น คือ อัตรา อยแู่ ลว้ วา่ แบงกช์ าตมิ หี นา้ ทใ่ี นการพมิ พเ์ งนิ ดอกเบย้ี มคี วามสมั พนั ธเ์ กยี่ วโยงกบั อตั ราผลตอบแทนในประเทศ ซง่ึ จะสง่ ผล จึงสามารถเพมิ่ หรือลดอปุ ทานของเงนิ ต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยอัตราดอกเบี้ยของไทยที่สูงข้ึน ในระบบได้ ดงั นน้ั เมื่อใดที่ กนง. ประกาศ เมอื่ เทยี บกบั ตา่ งประเทศ กเ็ ปน็ แรงจงู ใจใหน้ กั ลงทนุ ตา่ งชาตนิ �ำ เงนิ มาลงทนุ ปรับอัตราดอกเบ้ยี นโยบาย แบงกช์ าติ ในประเทศไทยมากข้นึ ท�ำ ให้มีการขายเงนิ ตราตา่ งประเทศแลกเปน็ เงนิ บาท ก็พรอ้ มทจ่ี ะเพ่ิมหรือลดสภาพคลอ่ ง เพื่อมาลงทุนมากข้ึน เงินบาทก็จะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และการที่เงินบาท แบบไม่อ้นั (อุปทานของเงนิ ) เพอ่ื ใหอ้ ตั รา แข็งค่าก็จะทำ�ให้ต้นทุนการนำ�เข้าสินค้าวัตถุดิบ ตลอดจนสินค้าสำ�เร็จรูป ดอกเบ้ียในตลาดปรับตวั ตามอตั รา ต่าง ๆ จากต่างประเทศเม่อื คิดเปน็ เงนิ บาทกจ็ ะถูกลง มกี ารน�ำ เข้ามากข้นึ ดอกเบีย้ นโยบายท่ี กนง. ประกาศไว้ แต่ขณะเดียวกันการที่เงินบาทแข็งค่าก็จะทำ�ให้ราคาสินค้าส่งออกของเรา โดยด�ำ เนนิ การผา่ นการปลอ่ ยกู้ข้ามคนื แพงข้ึนในสายตาของต่างชาติ เมื่อการส่งออกลดลง การนำ�เข้ามากข้ึน ใหก้ บั ธนาคารพาณชิ ย์ (ไม่จำ�กดั ปรมิ าณ เศรษฐกิจก็จะขยายตัวในอัตราท่ชี ะลอลง อัตราเงินเฟ้อก็จะลดลง ตราบใดทีธ่ นาคารพาณิชยม์ ีหลักทรพั ย์ 5. ช่องทางการคาดการณ์ ผลของนโยบายการเงินผ่านช่องทางนี้ ชนั้ ดีมาวางเป็นหลกั ประกนั ) หรอื ทเี่ รยี กว่า มคี วามไมแ่ น่นอน ข้ึนอย่กู บั ความคดิ ของประชาชนสว่ นใหญ่วา่ การด�ำ เนนิ หนา้ ต่าง standing facility ลองคดิ ดวู า่ นโยบายการเงนิ ตามทีแ่ บงก์ชาตปิ ระกาศจะมผี ลตอ่ เศรษฐกิจอย่างไร แมว้ า่ ถา้ กนง. ประกาศขน้ึ อตั ราดอกเบยี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพ่ิมขึ้นตามอัตราดอกเบ้ียนโยบาย ก็ไม่จำ�เป็นท่ีอัตรา นโยบาย แล้วธนาคารพาณชิ ยแ์ ห่งหนงึ่ เงนิ เฟอ้ จะลดลง อาจเพิ่มขึน้ กไ็ ด้ คณุ คิดวา่ จะเกิดขน้ึ ในกรณีไหน จะขอก้ทู อ่ี ัตราดอกเบีย้ เท่าเดมิ คงไม่มใี คร ยอมให้กู้ท่อี ัตราดอกเบีย้ เท่าเดิมอีกตอ่ ไป เพราะอยา่ งนอ้ ยถ้าเอาไปให้แบงกช์ าติ กผู้ ่านหน้าตา่ ง standing facility จะตอ้ ง ได้ผลตอบแทนมากกวา่ การใหก้ ู้ของ แบงก์ชาติข้างตน้ จึงท�ำ ใหอ้ ตั ราดอกเบี้ย ในตลาดมีแนวโน้มทีจ่ ะตอ้ งปรับตาม แตท่ ้งั นกี้ อ็ าจไมเ่ หน็ การปรับอตั ราดอกเบยี้ ของธนาคารพาณชิ ย์ในทันที เพราะการ ปรับดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขึน้ อยู่กบั หลายปัจจัยด้วยกนั ทง้ั ในเร่ือง สภาพคล่องและโครงสรา้ งตน้ ทนุ ของ ธนาคาร รวมถึงการแข่งขันระหว่าง ธนาคาร 138 เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดียวอยู่
“ หากแบงก์ชาติเห็นว่า เศรษฐกิจร้อนแรงจนทำ�ให้เงินเฟ้อสูงข้ึน แบงก์ชาติจึงประกาศขึ้นอัตราดอกเบ้ียนโยบายส่งผลให้อัตราดอกเบ้ียใน หากประชาชนเช่ือว่าการข้ึน ตลาดเพิ่มตามไปด้วย แต่ถ้าประชาชนพากันเชื่อว่า แนวโน้มเศรษฐกิจ ดอกเบยี้ ของแบงกช์ าติ ในอนาคตจะยงั คงดี และมกี ารเตบิ โตอยา่ งแขง็ แกรง่ กจ็ ะสง่ ผลใหป้ ระชาชน จะส่งผลใหภ้ าวะเศรษฐกจิ มีความเช่ือม่ันและจับจ่ายใช้สอยมากข้ึนแม้อัตราดอกเบ้ียจะสูงข้ึนก็ตาม ในอนาคตจะชะลอตัว นักธุรกิจเองก็ยังต้องการขยายกิจการเพ่ือรองรับความต้องการท่ีเพ่ิมข้ึนน้ี ประชาชนก็จะชะลอ ส่งผลให้การจ้างงานเพิ่มข้ึน เศรษฐกิจคึกคัก ราคาสินค้าและบริการก็จะ การจับจา่ ยใช้สอย แพงข้ึน จนทำ�ใหแ้ รงกดดนั เงนิ เฟ้อเพมิ่ ขน้ึ ไปอีกได้เช่นกนั ในทางกลับกัน หากประชาชนเช่ือว่า การข้ึนดอกเบี้ยของแบงก์ชาติ ” จะส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจในอนาคตจะชะลอตัว ประชาชนก็จะชะลอการ จับจ่ายใช้สอย ธุรกิจอาจจะยังไม่ปรับราคาสินค้าและบริการเพ่ิมขึ้น เนื่องจากเกรงว่าประชาชนจะลดการบริโภคลงไปอีก ยิ่งไปกว่าน้ันอาจ ปรับราคาลดลงด้วยเพ่ือกระตุ้นยอดขาย ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลง ในขณะเดียวกัน นักธุรกิจท่ีคาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวในอนาคตจะชะลอ การลงทุนหรือขยายกิจการ งดการจ้างงานเพ่ิม หรือลดจำ�นวนคนงานลง เศรษฐกจิ ก็จะชะลอลง แรงกดดันเงินเฟ้อกจ็ ะลดลง จะเหน็ ไดว้ า่ ผลลพั ธข์ องนโยบายการเงนิ ผา่ นชอ่ งทางการคาดการณน์ ้ี มีความสำ�คัญและค่อนข้างอ่อนไหว เป็นไปได้ทั้งสองทาง เศรษฐกิจคึกคัก แรงกดดันเงินเฟ้อเพ่ิมขึ้น หรือเศรษฐกิจชะลอตัว แรงกดดันเงินเฟ้อลดลง ท้ังนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความคิดของประชาชนหลังจากการรับรู้ข่าวสารเป็นสำ�คัญ ไมว่ า่ จะเปน็ ขา่ วการก�ำ หนดอตั ราดอกเบย้ี นโยบายของ กนง. หรอื ขา่ วเกย่ี วกบั ภาวะเศรษฐกจิ โดยรวมของประเทศ ดงั นนั้ การสอื่ สารและสรา้ งความเชอื่ มนั่ ในนโยบายการเงินท่ีประกาศออกไปจึงมีความสำ�คัญเพราะจะส่งผลต่อ ประสิทธิภาพของนโยบายการเงนิ ด้วย 139เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอยู่
จากชอ่ งทางการสง่ ผา่ นทวี่ า่ มาขา้ งตน้ จะเหน็ วา่ การปรบั เปลย่ี นอตั ราดอกเบยี้ นโยบายจะมผี ลตอ่ อตั ราเงนิ เฟอ้ มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยท่ีสำ�คัญ ได้แก่ (1) การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาดตาม อัตราดอกเบ้ียนโยบาย โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ซ่ึงธนาคารพาณิชย์ยังคงเป็นตัวกลางทาง การเงินที่มีบทบาทมากท่ีสุด (2) พฤติกรรมการตอบสนองของประชาชนและนักธุรกิจต่ออัตราดอกเบี้ยในตลาด ที่เปล่ยี นแปลงไป และ (3) การคาดการณ์แนวโนม้ เศรษฐกิจของประชาชน นอกจากน้ี การส่งผ่านผลของนโยบายการเงินยังค่อนข้างจะซับซ้อนและอาจจะใช้เวลานานกว่านโยบาย การคลัง ซ่ึงในแต่ละช่องทางก็ใช้ระยะเวลาไม่เท่ากัน โดยช่องทางการคาดการณ์จะมีผลกระทบเร็วที่สุด เพราะเม่ือแบงก์ชาติประกาศขึ้นดอกเบี้ย คนก็จะคาดการณ์เศรษฐกิจในอนาคตทันทีว่า จะดีข้ึนหรือแย่ลง และ ตดั สนิ ใจว่า เขาควรจะบรโิ ภคและลงทนุ มากน้อยแคไ่ หน ซึ่งย่อมสง่ ผลตอ่ เศรษฐกจิ ในทันที ในขณะทชี่ ่องทางอน่ื ๆ เช่น ชอ่ งทางอัตราดอกเบ้ยี ตลาดและช่องทางสนิ เชอื่ ต้องอาศัยระยะเวลาสักพกั หนงึ่ จึงจะเร่ิมส่งผล เนอื่ งจากตอ้ งรอ ให้อัตราดอกเบ้ียในตลาดปรับตัวก่อน โดยอัตราดอกเบี้ยตลาดอาจจะไม่สามารถปรับตัวตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไดท้ นั ที เช่น อตั ราดอกเบย้ี เงนิ ฝากประจำ�ระยะ 3 เดอื น 6 เดือน หรือ 12 เดือน จะสง่ ผลต่อการออมเงินจรงิ ๆ กต็ อ้ งรอใหเ้ งนิ ฝากประจ�ำ กอ้ นเดมิ ครบก�ำ หนดแลว้ จงึ จะไดร้ บั อตั ราดอกเบย้ี ใหม่ เมอ่ื ฝากเงนิ เขา้ ระบบอกี ครง้ั เปน็ ตน้ แต่เราก็จะเห็นอัตราดอกเบี้ยในตลาดค่อย ๆ ปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับอัตราดอกเบ้ียนโยบายเม่ือเวลาผ่านไป ดงั นัน้ ชอ่ งทางอืน่ ๆ จะมีผลตอ่ ภาคเศรษฐกิจจรงิ ชา้ กว่า จะเหน็ ไดว้ า่ ประสทิ ธผิ ลของนโยบายการเงนิ มขี อ้ จ�ำ กดั เพราะการสง่ ผา่ นผลของนโยบายขนึ้ อยกู่ บั ผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง ทงั้ หลายในระบบเศรษฐกิจ ไมว่ า่ จะเป็นธนาคารพาณชิ ย์ นกั ธรุ กิจ หรือประชาชนซึง่ เปน็ ผูบ้ ริโภค ท�ำ ให้ประสิทธผิ ล ของนโยบายการเงนิ จึงขึ้นอยู่กับความเช่อื มั่นของภาคเอกชนเปน็ สำ�คญั นอกจากน้ี ผลของนโยบายการเงินยงั อาจจะ กระตนุ้ ไดเ้ พยี งในระยะสนั้ แตไ่ มส่ ามารถยกระดบั ศกั ยภาพในระยะยาวได้ ไมเ่ หมอื นกบั นโยบายการคลงั ทท่ี �ำ ไดผ้ า่ น การลงทนุ ในโครงสรา้ งพน้ื ฐาน นโยบายการเงนิ เพยี งแคช่ ว่ ยสรา้ งบรรยากาศในการลงทนุ ของประเทศเพราะการรกั ษา ระดับราคาไม่ให้สูงจะทำ�ให้ผู้ผลิตควบคุมและสามารถคาดการณ์ต้นทุนได้ ถ้าสามารถรักษาระดับอัตราเงินเฟ้อได้ ตน้ ทนุ การผลติ กจ็ ะไมส่ งู กวา่ คแู่ ขง่ ขนั ท�ำ ใหส้ ง่ ผลดตี อ่ ความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ อนั จะท�ำ ใหเ้ ศรษฐกจิ ขยายตวั ได้ในระยะยาว 140 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดียวอยู่
เพิ่มอตั ราดอกเบี้ยนโยบาย แลว จะเกดิ อะไรขึน้ ? เมื่อแบงกช าติประกาศเพม่ิ อตั ราดอกเบ้ียนโยบายเพ่ือชะลอความรอ นแรงของเศรษฐกจิ จะสง ผลมาถึงประชาชนและภาคธุรกิจผา น 5 ชอ งทางดว ยกนั 1. ชองทางอตั ราดอกเบยี้ (Interest Rate Channel) แบงกช าติขน้ึ ดอกเบ้ยี เงินฝาก+เงนิ กู ประชาชนตองการบรโิ ภค กจิ กรรมทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบ้ยี นโยบาย ปรับเพ่ิมขึน้ ตน ทนุ การ และลงทนุ ลดลง และเงนิ ฟอ ลดลง ลงทุนและบรโิ ภคเพิ่มข้ึน 2. ชองทางสินเชอ่ื (Credit Channel) แบงกช าตขิ ้นึ ดอกเบ้ียเงนิ ฝาก+เงนิ กู ภาคธรุ กจิ มภี าระหนี้เพมิ่ ขึน้ ธในนากคาารรปเพลอ่มิ ยคสวินามเชเข่อื ม ภาคธุรกจิ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ อตั ราดอกเบ้ยี นโยบาย ปรบั เพม่ิ ขึ้น ตนทุนการ ฐานะการเงินดอ ยลง ลงทนุ และบริโภคเพิม่ ขน้ึ ใหภาคธุรกิจ กมู าขยายการผลิต และเงินเฟอชะลอลง และลงทนุ ยากขึ้น 3. ชองทางมลู คาสนิ ทรัพย (Asset Price Channel) แบงกชาตขิ ้ึน ดอกเบย้ี เงนิ ฝาก+เงนิ กู ประชาชนถอนการลงทนุ ราคาสินทรพั ยล ดลง ประชาชนใชจายลดลง กิจกรรมทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบยี้ นโยบาย ปรับเพิ่มขึ้น ตนทุนการ ในรปู แบบอน่ื มาฝากธนาคาร ประชาชนรสู ึกมงั่ คงั่ ลดลง และเงินเฟอ ชะลอลง ลงทนุ และบรโิ ภคเพม่ิ ขึ้น 4. ชอ งทางอตั ราแลกเปล่ียน (Exchange Rate Channel) แบงกช าตขิ ึ้น สวนตา งอตั ราดอกเบี้ย เงนิ บาทแขง็ คา ข้นึ การสง ออกลดลง การผลิตในประเทศ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ชะลอลง และเงินเฟอลดลง อตั ราดอกเบย้ี นโยบาย กับตา งประเทศเพ่ิมขึน้ การนําเขา มากขึน้ เงินทุนไหลเขา 5. ชอ งทางการคาดการณ (Expectations Channel) ถาภาคธรุ กิจและประชาชน การบริโภคและการลงทนุ กจิ กรรมทางเศรษฐกิจ คิดวาเศรษฐกจิ ยงั คงดี เพิม่ ขนึ้ และเงนิ เฟอเพ่มิ ข้นึ แบงกช าตขิ นึ้ ถาภาคธรุ กิจและประชาชน การบรโิ ภคและการลงทุน กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ อตั ราดอกเบ้ียนโยบาย คิดวาเศรษฐกจิ จะแยล ง ลดลง และเงินเฟอชะลอลง 141เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอยู่
กล่องความรูท้ ี่ 10 การดำ�เนินนโยบายการเงนิ แบบพิเศษ (unconventional monetary policy) ของประเทศเศรษฐกิจหลกั เรารแู้ ล้วว่า ธนาคารกลางจะส่งสญั ญาณผ่านอตั ราดอกเบย้ี นโยบายเปน็ เครอื่ งมอื ในการดำ�เนินนโยบายการเงิน แล้วปล่อยให้กลไก ตลาดเป็นตัวกำ�หนดให้ดอกเบ้ียตลาดปรับตาม หากต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยลดอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายลงมา อัตราดอกเบ้ียในตลาดมีแนวโน้มลดลงด้วย ทำ�ให้การบริโภคและการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ในช่วง global financial crisis ปี 2551 ธนาคารกลางสหรฐั อเมริกา ธนาคารกลางยโุ รป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปนุ่ ต่างใช้นโยบายการเงินและ เครอ่ื งมือปกติ โดยลดดอกเบย้ี นโยบายลงเหลอื ศนู ย์ ซง่ึ เปน็ อัตราท่ีต่ำ�ทสี่ ดุ ในประวตั ิศาสตร์ แต่กย็ งั ไม่สามารถพลกิ ฟืน้ เศรษฐกจิ ได้ อตั ราการวา่ งงานเพม่ิ สงู ขน้ึ สถาบนั การเงนิ ออ่ นแอ ไมส่ ามารถท�ำ หนา้ ทเ่ี ปน็ ตวั กลางทางการเงนิ สง่ ผลตอ่ ภาคธรุ กจิ และภาคครวั เรอื น เคร่ืองมอื ทีธ่ นาคารกลางใช้ตามปกติถึงทางตัน จงึ เปน็ ท่มี าของการใช้นโยบายการเงนิ แบบพเิ ศษ หรือ unconventional monetary policy ซง่ึ วิธกี ารหน่งึ ท่ีใช้กันแพรห่ ลาย คอื การผอ่ นคลายนโยบายการเงินเชงิ ปรมิ าณ (Quantitative Easing : QE) เพอ่ื ชว่ ยประคอง เศรษฐกจิ และทำ�ใหร้ ะบบการเงินท�ำ งานไดเ้ ป็นปกติ QE หรือพดู งา่ ยๆ คือ การอดั ฉีดสภาพคลอ่ ง (หรือพมิ พเ์ งิน) เขา้ ไปในระบบเศรษฐกจิ แบบมหาศาล เพอ่ื ช่วยลดตน้ ทุนการระดมทุน ในระบบเศรษฐกิจการเงนิ เพราะการซื้อสินทรพั ยจ์ ากสถาบันการเงิน ท�ำ ใหส้ ถาบันการเงนิ มสี ภาพคลอ่ งมากข้นึ และเป็นการเพ่มิ อุปสงค์ของสินทรัพย์ที่เข้าซ้ือ ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้น ในกรณีของพันธบัตรรัฐบาล เม่ือราคาเพ่ิมขึ้นจะส่งผลให้อัตรา ผลตอบแทนพนั ธบตั รรฐั บาลปรบั ลดลง และเมอ่ื อตั ราผลตอบแทนพนั ธบตั รลดลง ยอ่ มสง่ ผลใหท้ ง้ั รฐั บาลและเอกชนสามารถระดมทนุ โดยการออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้ได้ในต้นทุนท่ีถูกลง เป็นการลดต้นทุนทางการเงินให้ผู้ผลิต ผู้บริโภค และนักลงทุนกู้เงินได้ถูกลง กระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากน้ี ยังทำ�ให้สถาบันการเงินและผู้ที่ถือพันธบัตรอยู่มีความมั่งค่ังมากขึ้น ช่วยกระตุ้น เศรษฐกิจอีกด้านหน่ึงด้วย อีกเคร่ืองมือหน่ึง คือ การสื่อสารทิศทางของนโยบายการเงินในอนาคต (forward guidance) ท้ังนี้ ก็เพ่ือให้ประชาชนคาดการณ์อัตราดอกเบ้ียในอนาคตว่า จะอยู่ในระดับตำ่�ไปอีกนาน (low for long) ซึ่งจะทำ�ให้อัตราดอกเบี้ย ระยะยาวลดลง ชว่ ยผ่อนคลายตน้ ทุนทางการเงนิ และกระตนุ้ เศรษฐกจิ ไดต้ อ่ เนอ่ื งมากขนึ้ การใช้นโยบายการเงินและเคร่ืองมือการเงินแบบพิเศษนี้ต้องมั่นใจว่า เศรษฐกิจจะไม่กลับไปยำ่�แย่จนต้องกลับมาแก้ปัญหาอีกรอบ เพราะการดำ�เนินนโยบายจะมีขีดจำ�กัด (policy space) ท่ีจะน้อยลง อีกทั้งการดำ�เนินนโยบายลักษณะนี้เป็นสิ่งท่ีธนาคารกลาง ไมเ่ คยท�ำ มากอ่ นในอดตี หากธนาคารกลางไมส่ ามารถสรา้ งความเชอ่ื มนั่ วา่ จะสามารถยตุ แิ นวนโยบายเชน่ นี้ และกลบั มาใชน้ โยบาย การเงนิ แบบปกตใิ นเวลาที่เหมาะสม กจ็ ะกระทบต่อความน่าเชื่อถอื ในการดำ�เนนิ นโยบาย ซ่ึงเป็นหัวใจของธนาคารกลาง และหาก ประชาชนไมเ่ ชือ่ ถอื นโยบายของธนาคารกลาง ความเชอ่ื มนั่ ในการถอื เงินของประชาชนจะหมดไป เงินเฟอ้ ก็จะไรเ้ สถียรภาพเพราะ ประชาชนจะไมเ่ ชือ่ ถือเป้าหมายเงินเฟอ้ ทธ่ี นาคารกลางประกาศอกี ต่อไป การคาดการณต์ ้นทนุ และเงนิ เฟอ้ ในอนาคตของผ้ผู ลิตและ นักลงทุนจะทำ�ได้ยาก ส่งผลต่อการลงทุนและศักยภาพในการผลิตของประเทศ ซ่ึงจะกระทบการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของ ประเทศในระยะยาว เราได้เรียนเรอื่ ง no free lunch มาแลว้ คงทราบวา่ การด�ำ เนนิ นโยบายทกุ อยา่ งต้องมีตน้ ทุนเสมอ การท�ำ QE ของเหล่าธนาคารกลางคร้ังน้ี จึงต้องประเมินผลได้เสียให้รอบคอบเพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจถึงแม้จะสำ�เร็จในระยะส้ัน แต่ก็ต้อง แลกมาดว้ ยความนา่ เชอื่ ถือในการดำ�เนนิ นโยบายในระยะยาว 142 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดยี วอยู่
ทั้งนี้ การดำ�เนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ แบบยืดหยุ่น (flexible inflation targeting) แบงก์ชาติไม่ได้ดูเพียง แค่เฉพาะเสถียรภาพด้านราคาเท่านั้น แต่ได้พิจารณาเสถียรภาพของ ระบบการเงินด้วย ซ่ึงมีความสำ�คัญมากขึ้นหลังเกิดวิกฤติการเงินโลก ในช่วงปี 2551 เพ่ือประเมินความเปราะบางหรือความเสี่ยงในระบบ การเงินที่อาจสร้างความไม่สมดุลในระบบเศรษฐกิจ (อ่านเพิ่มเติมได้จาก บทความในกรอบ “การกำ�หนดกรอบและเป้าหมายนโยบายการเงินที่ เหมาะสมของไทยท่ามกลางความท้าทายจากบริบททางเศรษฐกิจและ การเงินท่ีเปลี่ยนแปลงไป” ในรายงานนโยบายการเงิน ฉบับเดือนธันวาคม 2561) การประเมินเสถียรภาพระบบการเงินสามารถพิจารณาจาก 7 ด้านหลัก ได้แก่ (1) ภาคครัวเรือน เช่น ภาคครัวเรือนมีหนี้มากเกินควรหรือไม่ (2) ภาคธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน เช่น มีกลุ่มธุรกิจใดที่หากธุรกิจ หยดุ ชะงกั แลว้ จะสง่ ผลกระทบใหเ้ กดิ ปญั หาลกุ ลามตอ่ ระบบเศรษฐกจิ และระบบการเงนิ หรอื ไม่ (3) ภาคสถาบนั การเงนิ เชน่ ธนาคารพาณิชย์มฐี านะการเงินทแี่ ข็งแกรง่ หรอื ไม่ มีสภาพคลอ่ งเพียงพอหรือไม่ (4) ตลาดการเงิน เชน่ ตลาด อัตราแลกเปล่ียนและตลาดทุนทำ�หน้าที่ได้ปกติหรือไม่ (5) ภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น มีสัญญาณฟองสบู่ในราคา อสงั หารมิ ทรพั ยห์ รอื ไม่(6) ภาคตา่ งประเทศ เชน่ เกดิ ความผดิ ปกตใิ นดลุ การช�ำ ระเงนิ หรอื มสี ญั ญาณหนตี้ า่ งประเทศ เร่งขึ้นมากหรือไม่ และ (7) ภาคการคลัง เช่น หนี้ภาครัฐมีแนวโน้มเร่งขึ้นจนน่ากังวลหรือไม่ ซึ่งเสถียรภาพท้ัง 7 ด้านน้ีมคี วามเชอ่ื มโยงกัน เชน่ แมใ้ นภาวะทีเ่ ศรษฐกิจเตบิ โตได้ดี และไมม่ ีปญั หาเงินเฟอ้ แต่หากภาคครัวเรือน มีหน้ีสินมากจนไม่สามารถชำ�ระคืนเงินที่กู้ยืมมาจากธนาคารพาณิชย์ได้ ภาคสถาบันการเงินก็จะเกิดความเส่ียงที่มี หนเี้ สยี (Non-performing Loans : NPLs) ตามมา หรอื หากรัฐบาลกู้ยืมต่างประเทศมาใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ มากจนเกนิ ไป เสถียรภาพด้านหนี้ตา่ งประเทศและภาคการคลังกจ็ ะมคี วามเส่ียงสูงขึน้ ต่างประเทศอาจหมดความ เชอื่ มั่นและเรียกคืนหนจี้ นเกดิ ภาวะวิกฤติขนึ้ ได ้ จากความเช่ือมโยงระหว่างภาคเศรษฐกิจที่สูงนั้นอาจก่อให้เกิดความเส่ียงต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมได้ หากภาคใดภาคหน่ึงเกิดปัญหาและส่งผลกระทบต่อกันเป็นลูกโซ่ ดังจะเห็นได้ชัดจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ปี 2551 ซงึ่ มจี ุดเรม่ิ ต้นท่ีภาคสถาบันการเงินในสหรฐั ฯ แตท่ ้ายสดุ กล็ กุ ลามไปถึงตลาดเงนิ ตลาดทุน รวมไปถึงปญั หา ในภาคการคลงั (ใชจ้ ่ายเกินตวั เพื่อมาพยุงเศรษฐกิจ) จนส่งผลกระทบต่อการจา้ งงานและเศรษฐกจิ โดยรวม ดังนนั้ การเฝ้าดูแลความเสี่ยงแต่ละภาคส่วนจึงมีความจำ�เป็นอย่างย่ิง เพ่ือไม่ให้ความเสี่ยงก่อตัวและสะสมจนเกิดปัญหา ที่รนุ แรงและลุกลามไปยงั ภาคสว่ นอน่ื ๆ ซงึ่ จะท�ำ ใหก้ ารปรบั ตวั ในภายหลังอาจรนุ แรงและมตี น้ ทนุ สูงกวา่ การจดั การ ตง้ั แตเ่ น่นิ ๆ การประเมินความเสย่ี งต่อเสถยี รภาพระบบการเงินจงึ ต้องมองไปข้างหนา้ (forward looking) เพ่ือให้ 143เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดียวอยู่
เทา่ ทนั พฒั นาการและความเชือ่ มโยงของความเส่ียงใหม่ ๆ ท่อี าจเกิดขึน้ ในรูปแบบที่หลากหลายและคาดเดาได้ยาก รวมทั้งอาจทวีความรุนแรงข้ึน อาทิ ความเสี่ยงเก่ียวกับสกุลเงินดิจิทัล นวัตกรรมใหม่ ๆ ลักษณะนี้ ยังมีเข้ามา อีกมากภายใต้สภาวะแวดล้อมของโลกท่ีกำ�ลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทางการและประชาชนจึงต้องติดตาม และประเมนิ ความเสย่ี งตา่ ง ๆ อย่างใกล้ชดิ เพือ่ ให้รเู้ ท่าทนั การเปล่ียนแปลงและเตรยี มตวั รองรบั ในการดำ�เนินนโยบายการเงิน นอกจาก กนง. จะติดตามพัฒนาการของเสถียรภาพทั้ง 7 ด้านอย่าง สมำ่�เสมอแล้ว กนง. ยังให้นำ้�หนักกับการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินในการตัดสินนโยบายด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่เศรษฐกจิ ทยอยฟื้นตัวและอตั ราเงนิ เฟ้ออาจอยู่ในระดบั ตำ�่ แต่หน้คี รัวเรอื นยงั กอ่ ตัวและอยใู่ นระดับสงู กนง. อาจตัดสินใจคงอัตราดอกเบ้ียนโยบายไว้ในระดับต่ำ�เพื่อช่วยดูแลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ แต่ไม่ลดอัตราดอกเบ้ียเพิ่ม เพื่อป้องกันการก่อหนี้เพิ่ม และ ธปท. อาจใช้เคร่ืองมือหรือมาตรการทางการเงินอื่นเพ่ือร่วมดูแลเสถียรภาพ การเงนิ ดว้ ย กล่องความรู้ท่ี 11 กระบวนการทำ�นโยบายการเงนิ ของแบงก์ชาติในปจั จุบัน หลงั จากเข้าใจทฤษฎกี ันแล้ววา่ นโยบายการเงนิ คืออะไร เหตไุ ฉนจงึ ส�ำ คัญ คำ�ถามตอ่ ไปคอื ในทางปฏิบัตแิ บงกช์ าติมกี ระบวนการ การทำ�นโยบายการเงินกันอย่างไร... เริ่มแรกมาทำ�ความรู้จักกับผู้กำ�หนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายกันก่อน โดยผู้กำ�หนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายว่าจะเพิ่มขึ้น คงที่ หรือ ลดลง เราเรยี กกนั ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงนิ หรือเรยี กสั้น ๆ ว่า กนง. ซ่งึ มที ้งั หมด 7 คน ได้แก่ ผวู้ ่าการ ธปท. รองผู้วา่ การ ธปท. 2 คน และผทู้ รงคณุ วฒุ จิ ากภายนอก ธปท. 4 คน ซ่งึ จะมกี ารประชุมทุกๆ 6 - 8 สัปดาห์ หรอื ปีละ 8 คร้งั โดยหลังจาก การประชมุ กนง. แต่ละคร้งั จะมกี ารแถลงข่าวเพื่อแสดงเหตุผลของการตดั สนิ ใจทุกครง้ั อาจมีคนเคยสงสยั ว่าการตัดสนิ นโยบายทส่ี ำ�คัญอยา่ งนี้ กนง. พจิ ารณาอะไรกนั บา้ ง แน่นอนว่า กนง. จะพจิ ารณาจากข้อมูลต่าง ๆ อย่างรอบด้านเพอ่ื ประเมนิ แนวโน้มการขยายตวั ของเศรษฐกจิ แนวโน้มเงนิ เฟอ้ และเสถยี รภาพระบบการเงนิ - สำ�หรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ กนง. พิจารณาจากการวิเคราะห์ประเด็นเศรษฐกิจสำ�คัญทั้งในและต่างประเทศ ครอบคลมุ การผลติ การบรโิ ภค การลงทุน การส่งออก การเงิน การคลัง สถาบันการเงินและปจั จยั เส่ียงท้ังในดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม การเมอื ง สภาพแวดลอ้ มทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ ระบบเศรษฐกจิ เชน่ วกิ ฤตเิ ศรษฐกจิ ในประเทศอตุ สาหกรรมส�ำ คญั ภยั ธรรมชาติ ความไม่สงบทางการเมือง การกดี กนั ทางการคา้ ระหว่างประเทศ เปน็ ต้น - สำ�หรับด้านเสถียรภาพระบบการเงิน กนง. พิจารณาจากความเสี่ยงและความเปราะบางทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ ภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ภาคสถาบันการเงิน ตลาดเงินและตลาดทุน ภาคอสังหาริมทรัพย์ ภาคต่างประเทศ และ ภาคการคลัง 144 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดยี วอยู่
กล่องความร้ทู ี่ 11 (ตอ่ ) กระบวนการทำ�นโยบายการเงินของแบงกช์ าติในปัจจุบัน นอกจากน้ี กนง. ยังใช้ข้อมูลจากงานศึกษาวิจัยท่ีเกี่ยวข้องประกอบการตัดสินใจ และยังพิจารณาข้อมูลจากการลงพ้ืนท่ีพบกับ นกั ธุรกจิ และประชาชนดว้ ยเพอื่ ให้ประเมินภาพเศรษฐกิจการเงินได้ชัดเจนขน้ึ การพิจารณาในด้านตา่ ง ๆ ข้างตน้ น้ี ไม่ใชป่ ระเมิน แค่สิ่งทเี่ กิดขึ้นในปจั จุบันเทา่ น้นั กนง. ยังตอ้ งมองไปในอนาคตดว้ ย โดยค�ำ นงึ ถงึ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจการเงนิ ที่อาจเกิดข้นึ ได้ เพราะการตัดสินใจของ กนง. ไม่มีผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจท่ีเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน แต่จะส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะ เกิดขนึ้ ในอนาคต หรอื อาจกล่าวได้วา่ การตดั สนิ ใจของ กนง. ในวนั นี้ เปน็ การตัดสนิ ใจเพื่ออนาคตนนั่ เอง กนง. จะมกี ารแถลงผลการประชุมทุกคร้ังเพอื่ ใหป้ ระชาชนเขา้ ใจถึงเหตผุ ลในการตัดสนิ ใจในแต่ละครง้ั ว่า กนง. พจิ ารณาข้อมูลใด และประเมินขอ้ ดีข้อเสยี รอบด้านก่อนตดั สนิ ใจ การประเมินของ กนง. ไม่ได้ดแู ค่เงินเฟ้ออย่างเดยี ว แต่จะมีการชง่ั นำ้�หนกั ระหวา่ ง ความเสี่ยงของเงินเฟ้อ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพระบบการเงินมาอย่างดีแล้ว และการตัดสินใจทุกครั้งคิดถึง ผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายท้ายสุดเพื่อความกินดีอยู่ดีของประชาชนผ่านการรักษาเสถียรภาพด้านราคา ควบคู่ไปกับการดูแลการเติบโตทางเศรษฐกิจและการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน นอกจากนี้ กนง. ยังให้ความสำ�คัญ ต่อข้อความในเอกสารแถลงข่าวอย่างมากเพราะข้อความท่ีจะส่ือสารออกไปจะมีผลต่อความเข้าใจและพฤติกรรมของนักธุรกิจ และประชาชน การแถลงผลการตัดสินใจของ กนง. จะมีข้ึนในเวลา 14.00 น. ของวันประชุม กนง. โดยผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ในฐานะเลขานุการ กนง. จะท�ำ หนา้ ทแี่ ถลงผลการประชุม ซึ่งถา่ ยทอดสดผา่ นส่ือสงั คมออนไลน์ และตอบข้อซักถามของสอื่ มวลชน หลังจากนั้นในส่วนของภาคปฏิบัติ แบงก์ชาติจะเตรียมทำ�ธุรกรรมในตลาดเงินเพื่อรักษาระดับอัตราดอกเบ้ียนโยบายให้เป็นไป ตามที่ กนง. กำ�หนด ท้ังนี้ ท่านสามารถอ่านผลการประชุม กนง. โดยสรุปได้ท่ีเว็บไซต์ของแบงก์ชาติในเวลา 14.30 น. ของวนั ประชุมหลงั การแถลงขา่ ว สงั เกตได้วา่ กนง. ใหค้ วามสำ�คญั กบั การอธบิ ายเหตผุ ลในการตดั สนิ ใจนโยบายในแตล่ ะครง้ั โดยส่อื สารกบั สาธารณชนอย่างตอ่ เนอื่ ง ซึ่งสรปุ ช่องทางการติดตามท้ังเหตุผลการตัดสนิ ใจและมุมมองต่าง ๆ ของ กนง. ได้ดงั นี้ กำ�หนดการ เน้ือหาการเผยแพรแ่ ละสอื่ สาร ขอ้ มูลท่ปี ระชาชนทราบ ชอ่ งทางการตดิ ตาม กนง. วันประชุม กนง. แถลงขา่ วการประชุมและข่าว ธปท. ผลการตดั สนิ และเหตผุ ลสรุป เวบ็ ไซตแ์ ละสื่อออนไลน์ ประกอบการตัดสนิ ใจ ธปท. 2 สัปดาห์หลงั การประชุม รายงานผลการประชมุ กนง. ฉบบั ยอ่ เนื้อหาข้อมูลและมุมมองท่ี กนง. พิจารณาในหอ้ งประชุม เวบ็ ไซต์ ธปท. 2 สปั ดาหห์ ลังการประชมุ รายงานนโยบายการเงิน รายละเอียดการประเมินภาพเศรษฐกจิ ของทกุ ส้นิ ไตรมาส เงนิ เฟอ้ และเสถยี รภาพระบบการเงนิ ทงั้ ในปจั จบุ นั และการมองไปข้างหนา้ ทกุ ไตรมาส หลงั รายงาน งานประชมุ นักวิเคราะห์ (คลิปวดี ิทัศน ์ สรุปแนวโนม้ เศรษฐกจิ และนโยบาย นโยบายการเงนิ เผยแพร่ และสไลด์น�ำ เสนอ) การเงิน พรอ้ มคำ�ตอบขอ้ ซักถาม แกน่ กั วิเคราะห์และสือ่ มวลชน 145เศรษฐศาสตร์...เล่มเดยี วอยู่
กล่องความรูท้ ่ี 11 (ตอ่ ) กระบวนการทำ�นโยบายการเงินของแบงก์ชาติในปัจจบุ ัน นอกจากน้ี เพื่อให้เข้าถึงรูปแบบของการสื่อสารสมัยใหม่ แบงก์ชาติยังส่ือสารผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ อาทิ Twitter Facebook Youtube และ Line ด้วยภาพท่ีเข้าใจ ได้งา่ ยและรวดเร็วอย่าง infographic หลายคนอาจสงสยั วา่ ท�ำ ไมตอ้ งสอ่ื สารกนั หลายทาง ทเ่ี ปน็ แบบน้ี เพราะการส่ือสารให้ประชาชนเข้าใจถึงกระบวนการทำ�งานและ เหตุผลการตัดสินใจของ กนง. นอกจากจะสร้างความโปร่งใส ของการดำ�เนินนโยบายการเงินอันจะนำ�ไปสู่ความเชื่อม่ันแล้ว ยังช่วยให้ภาคธุรกิจและประชาชนเข้าใจแนวทางการดำ�เนิน นโยบายการเงนิ ของ กนง. ไดด้ ขี น้ึ ท�ำ ใหส้ าธารณชนปรบั ตวั และ ตดั สนิ ใจวางแผนกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ใหส้ อดคลอ้ งกบั แนวโนม้ เศรษฐกจิ การเงินในอนาคตไดด้ ียิ่งข้นึ กจิ กรรมทดสอบความเขา้ ใจ หากตอนน้ี เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง ขณะท่ีอัตราเงินเฟ้อเพิ่มข้ึนตามต้นทุนการผลิต และความต้องการใช้จ่ายในประเทศยังขยายตัวได้ดี รวมทั้งการดำ�เนินการตามการใช้จ่ายของรัฐบาล ย่ิงเพิ่มแรงกดดันด้านราคา คุณคิดว่าในสภาวการณ์เช่นนี้ นโยบายการเงินและนโยบายการคลัง ทีเ่ หมาะสมควรเป็นเชน่ ไร 146 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดยี วอยู่
การบรหิ ารอัตราแลกเปลย่ี น การด�ำ เนนิ นโยบายการเงนิ ของแบงกช์ าตภิ ายใตก้ รอบเปา้ หมายเงนิ เฟอ้ แบบยดื หยนุ่ เชน่ ในปจั จบุ นั จะด�ำ เนนิ การ ควบคู่ไปกับระบบอัตราแลกเปลี่ยนในลักษณะลอยตัวแบบมีการจัดการ (managed float) ซึ่งหมายความว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ (เช่น 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) จะเป็นไปตามกลไกตลาด น่ันคือ อตั ราแลกเปลย่ี นในแตล่ ะวนั จะไมเ่ ทา่ กนั ขน้ึ อยกู่ บั ความตอ้ งการซอื้ ขายเงนิ บาทและเงนิ ตราตา่ งประเทศของคนไทย และคนต่างชาติ (อุปสงค์และอุปทานของเงินบาทเทียบกับเงินตราต่างประเทศ) หากมีความต้องการซ้ือเงินบาท มากกว่าขาย เงินบาทจะแข็งค่าข้ึนเมื่อเทียบกับเงินตราต่างประเทศ (มีราคาแพงขึ้น) ในทางกลับกัน หากมีความ ตอ้ งการขายเงนิ บาทมากกวา่ ซอ้ื เงนิ บาทจะออ่ นคา่ ลงเมอ่ื เทยี บกบั เงนิ ตราตา่ งประเทศ (มรี าคาถกู ลง) ตลาดซอ้ื ขาย เงนิ ตราตา่ งประเทศมีขนาดท่ใี หญม่ าก เพราะมีผ้ซู ้อื ขายจากท่วั โลก ดงั นน้ั จะเห็นวา่ แบงก์ชาติไม่สามารถกำ�หนด ค่าเงินบาทให้อยู่ที่ระดับใดระดับหนึ่งได้ ทำ�ได้เพียงเข้าไปแทรกแซง โดยซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศเพื่อลด ความผันผวนในบางช่วงที่ค่าเงินบาทมีความผันผวนมาก โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวจากเงินทุนไหลเข้าออกเพื่อ เก็งกำ�ไร ซึง่ อาจทำ�ให้ค่าเงนิ บาทออ่ นค่าหรือแข็งคา่ อย่างรวดเร็ว ทง้ั นี้ ก็เพื่อให้ภาคเอกชนมีเวลาในการปรับตวั เสรมิ ความรู้ แม้คา่ เงินบาททแ่ี ขง็ ขน้ึ เม่ือเทียบกับดอลลาร์สหรฐั ฯ จะท�ำ ให้ความสามารถในการส่งออกของไทยแยล่ ง เนื่องจากราคาสินคา้ ของไทยทีอ่ ยู่ในรูปดอลลารส์ หรัฐฯ จะแพงขน้ึ แต่จรงิ ๆ แล้วถ้าค่าเงินของประเทศคูค่ า้ ของเราปรับแขง็ คา่ ข้นึ เทียบกบั ดอลลารส์ หรฐั ฯ ดว้ ยเชน่ เดียวกบั เรา การแข็งคา่ ของเงนิ บาทก็จะไมส่ ่งผลตอ่ การส่งออกของไทยมากนกั นอกจากค่าเงนิ ของคคู่ า้ เราตอ้ งพจิ ารณาถงึ คา่ เงินของคู่แข่งดว้ ย เพราะถา้ คา่ เงินของประเทศคูแ่ ขง่ ปรบั แขง็ ค่าขน้ึ เทยี บกบั เงนิ ดอลลาร์ สหรัฐฯ ไปพร้อม ๆ กับการแข็งคา่ ของเงนิ บาทก็จะทำ�ให้ราคาสนิ คา้ ทัง้ จากไทยและประเทศคู่แข่งต่างสงู ข้นึ เชน่ กนั ตดิ ตามข้อมลู NEER และ REER ได้ท่ี การพจิ ารณาความสามารถในการแขง่ ขนั จงึ ต้องพจิ ารณาคา่ เงินของประเทศคู่คา้ และคู่แข่งไปพร้อม ๆ กนั ซึง่ ธปท. จึงไดจ้ ัดทำ�ดัชนีค่าเงนิ บาท (Nominal Effective Exchange Rate : NEER) ขน้ึ ซึ่งเปน็ การ ค�ำ นวณจากอัตราแลกเปลย่ี นระหว่างเงินบาทกบั สกลุ เงนิ ของประเทศต่าง ๆ 21 ประเทศ ท้งั ทเ่ี ป็นคู่คา้ และค่แู ขง่ ของไทยโดยใหน้ �ำ้ หนกั ตามความส�ำ คัญดา้ นการคา้ โดยเผยแพร่เป็นรายเดือนในเว็บไซต์ ธปท. ความสามารถในการแข่งขันนอกจากขนึ้ อยกู่ ับอตั ราแลกเปลี่ยนแลว้ ยงั ข้ึนอยกู่ ับต้นทุนการผลิตของเราว่า จะมากหรอื น้อย กว่าคู่คา้ คแู่ ขง่ ด้วย ซึ่งถา้ ราคาสินค้าของประเทศเราแพงกวา่ ประเทศค่คู ้าและคูแ่ ข่ง ตน้ ทนุ การผลติ ของเราก็จะสงู กวา่ เราก็จะ เสยี เปรียบในการแข่งขันดา้ นราคา ซึง่ การพิจารณาความสามารถในการแขง่ ขนั ท่ีแทจ้ ริงที่รวมเอาผลจากทง้ั อตั ราแลกเปล่ียน และราคาสินคา้ เปรียบเทียบกับประเทศคู่คา้ คู่แข่งเข้ามาด้วยน้ี สะท้อนได้จากดชั นีคา่ เงินบาททแี่ ท้จรงิ (Real Effective Exchange Rate : REER) ซงึ่ ก็ได้เผยแพรท่ างเว็บไซต์ ธปท. เช่นกัน 147เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดียวอยู่
การดูแลค่าเงนิ บาทของแบงกช์ าติ วารู…ไหม? จะยึดหลกั 3 ขอ้ เชน่ กัน คือ นับตง้ั แตป่ ระเทศไทยได้เปลยี่ นมาใช้ การดำ�เนนิ นโยบายการเงินภายใต้ (1) ดแู ลความผนั ผวน(volatility) ของคา่ เงนิ ใหอ้ ยใู่ นระดบั ทเ่ี ศรษฐกจิ กรอบเปา้ หมายเงินเฟอ้ แบบยืดหยนุ่ รบั ได้ ควบคู่ไปกับระบบอตั ราแลกเปลี่ยน (2) รกั ษาความสามารถในการแขง่ ขนั โดยพจิ ารณาจากดชั นคี า่ เงนิ บาท แบบลอยตวั กลไกการทำ�งานของ (Nominal Effective Exchange Rate หรือเรยี กย่อ ๆ ว่า NEER) เป็นหลกั ระบบเศรษฐกิจมคี วามยืดหยนุ่ ข้นึ ซ่ึงประกอบด้วยสกุลเงินของคู่ค้าและคู่แข่งท่ีสำ�คัญ ไม่ใช่เฉพาะดอลลาร์ นโยบายการเงนิ สามารถใชร้ ักษา สหรฐั ฯ (อา่ นเพม่ิ เติมในกล่องเสรมิ ความร)ู้ เสถยี รภาพของระดบั ราคาได้ (3) ไม่ฝืนแนวโน้มที่สอดคล้องกับปัจจัยพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจ โดยไม่ถูกจำ�กัดทจ่ี ะตอ้ งใช้เพ่ือ เพราะจะน�ำ ไปสูค่ วามไม่สมดุลของเศรษฐกจิ (imbalances) รักษาระดับอตั ราแลกเปล่ียน เราทราบแล้วว่า การแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินบาทมีผลกระทบ โดยตรงต่อผู้สง่ ออก ผู้น�ำ เขา้ ผูล้ งทุน และผทู้ กี่ ้เู งินตราต่างประเทศ ซ่งึ มที งั้ กลมุ่ คนทไ่ี ดแ้ ละเสยี ประโยชนเ์ สมอ การดแู ลคา่ เงนิ บาทของแบงกช์ าตจิ งึ ตอ้ ง พิจารณาผลกระทบให้รอบด้าน อาจจะมีบางกลุ่มท่ีพยายามกดดันให้ แบงกช์ าตดิ �ำ เนนิ นโยบายเพอ่ื ใหค้ า่ เงนิ บาทออ่ นหรอื แขง็ ตามแตผ่ ลประโยชน์ ท่ีไดร้ ับ แตส่ ง่ิ ที่ต้องทำ�ความเขา้ ใจ คือ การด�ำ เนนิ นโยบายการเงินภายใต้ กรอบเปา้ หมายเงินเฟอ้ แบบยดื หยุน่ (flexible inflation targeting) ควบคูไ่ ป กบั นโยบายอตั ราแลกเปลย่ี นลอยตวั แบบมกี ารจดั การ (managed float) นนั้ การดำ�เนินนโยบายการเงินโดยการข้ึนลงอัตราดอกเบ้ียนโยบายก็เพ่ือดูแล รักษาเสถียรภาพด้านราคา ในขณะที่อัตราแลกเปล่ียนจะเป็นไปตามกลไก ตลาด แบงก์ชาติจะไม่สามารถกำ�หนดระดับอัตราแลกเปล่ียนให้อยู่ที่ค่าใด ค่าหน่ึงได้ หรือพยายามฝืนกลไกตลาดเพื่อให้ค่าเงินบาทอ่อนหรือแข็งไป ขา้ งใดขา้ งหนงึ่ ได้ เชน่ หากเศรษฐกิจรอ้ นแรง เราส่งออกสินคา้ ไดม้ ากกว่า การน�ำ เขา้ และมกี ารลงทนุ จากตา่ งประเทศ กจ็ ะท�ำ ใหเ้ งนิ ทนุ ไหลเขา้ มามาก ส่งผลใหเ้ งนิ บาทแขง็ คา่ ข้นึ จึงเป็นไปไม่ไดท้ ่แี บงก์ชาตจิ ะฝืนตลาดเพอื่ ทำ�ให้ คา่ เงินบาทอ่อนลงเพ่อื ประโยชนข์ องบางกลมุ่ 148 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดยี วอยู่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172