Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Training_plan

Training_plan

Description: Training_plan

Search

Read the Text Version

151 - ในวนั ที่เกิดปรากฏการณจ์ นั ทร์ยมิ้ น้ีจะพบดวงจนั ทร์ในทิศตะวนั ตก วนั น้ีเป็นวนั ขา้ งข้ึนหรือขา้ งแรม นกั เรียนทราบไดอ้ ยา่ งไร (วนั ขา้ งข้ึน เนื่องจากดวงจนั ทร์ข้ึนเร็ว และตกเร็ว ขณะที่เห็นดวงจนั ทร์กาลงั จะตกจึงอยทู่ างทิศตะวนั ตก) - หากมองดดู วงจนั ทร์ในวนั ถดั ไป ตรงสถานท่ีและเวลาเดิม จะเห็นดวงจนั ทร์มี ตาแหน่งเปลีย่ นไปหรือไม่ อยา่ งไร (มตี าแหน่งเปล่ียนไป โดยดวงจนั ทร์จะอยสู่ ูงกว่า ตาแหน่งเดิม เพราะดวงจนั ทร์ข้ึนชา้ ไปวนั ละประมาณ 50 นาที หรือเคล่อื นที่ไป ประมาณ 130 จึงตกชา้ ไปกวา่ เดิมดงั น้นั จึงอยทู่ ่ีตาแหน่งสูงกวา่ เดิม) สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

152 ความรู้เพม่ิ เตมิ สาหรับครู ข้างขึน้ ข้างแรม การที่ดวงจนั ทร์โคจรรอบโลกและหมุนรอบตวั เอง ทาให้ลกั ษณะของดวงจนั ทร์ที่ปรากฏแก่ คนบนโลกเปลย่ี นแปลงไปทุกวนั จากวนั เดือนดบั คือ วนั ท่ีมองไมเ่ ห็นดวงจนั ทร์เลย และจะค่อยๆ เห็น เป็นเส้ียวมสี ่วนสว่างเพิ่มข้ึนจนเห็นส่วนสวา่ งเต็มดวงเป็นวนั เดือนเพญ็ จากน้นั ส่วนสว่างก็จะเป็ นเส้ียว เลก็ ลงๆ จนมองไมเ่ ห็นดวงจนั ทร์ ช่วงเวลาจากวนั เพ็ญหน่ึงถึงอีกวนั เพ็ญคร้ังที่ถดั ไปเป็ นระยะเวลา 1 เดือน หรือประมาณ 30 วนั การที่ดวงจนั ทร์โคจรรอบโลกในช่วงเวลาสม่าเสมอ จึงใชด้ วงจนั ทร์เป็ น เคร่ืองวดั เวลาในการทาปฏิทินทางจนั ทรคติ 1. ปฏทิ ินทางจนั ทรคติ เป็นปฏทิ ินท่ีมวี นั ขา้ งข้ึน-ขา้ งแรม เร่ิมตน้ ดว้ ยขา้ งข้ึน 1 ค่า ไปจนถึงข้ึน 15 ค่า ต่อไปเป็นแรม 1 ค่า ถงึ แรม 14 ค่า หรือ 15 ค่า เป็นสิ้นสุดของเดือน แลว้ แต่กรณี 2. การนบั เดือนทางจนั ทรคติมหี ลกั เกณฑด์ งั น้ี - เดือนท่ีเป็ นเลขคู่จะมี 30 วนั เร่ิมจากข้ึน 1 ค่า ถึงแรม 15 ค่า เรียกว่า เดือนเต็ม เช่น เดือน 2 เดือน 4 เดือน 6 ... - เดือนท่ีเป็ นเลขค่ีจะมี 29 วนั เร่ิมจากข้ึน 1 ค่า ถึงแรม 14 ค่า เรียกว่า เดือนขาด เช่น เดือน 1 เดือน 3 เดือน 5 ... 3. การเขียนวนั และเดือนทางจนั ทรคติ ประกอบดว้ ยเลข 3 ตาแหน่ง ดงั น้ี - เลขตาแหน่งท่ี 1 หมายถึงวนั มี 7 เลขเรียงตามลาดบั คือ 1 วนั อาทิตย์ 2 วนั จนั ทร์ ... - เลขตาแหน่งท่ี 2 หมายถึง ขา้ งข้ึน เขียนไวบ้ นเคร่ืองหมาย “ฯ” ส่วนขา้ งแรม เขียนไว้ ใตเ้ คร่ืองหมาย “ฯ” มเี ลขต้งั แต่ 1-15 - เลขตาแหน่งท่ี 3 หมายถึง เดือนทางจนั ทรคติ มีเลขต้งั แต่ 1-12 โดยท่ีเดือน 1 หรือที่ เรียก วา่ เดือนอา้ ย หมายถงึ เดือนธนั วาคม อา่ นวา่ วนั เสาร์ ข้ึน 2 ค่า เดือน 12 หรือ เดือนพฤศจิกายน อา่ นว่า วนั องั คาร แรม 11 ค่า เดือน 12 หรือ เดือนพฤศจิกายน สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

153 ความรู้เพมิ่ เตมิ สาหรับครู - การสงั เกตดวงจนั ทร์ ขา้ งข้ึน-ขา้ งแรม ดงั น้ี การท่ีเห็นดวงจนั ทร์เป็นเส้ียวจะรู้ว่าเป็นขา้ งข้ึน – ขา้ งแรม ดจู ากดา้ นสว่าง โดย ข้างขึน้ ดา้ นสวา่ ง (ดา้ นนูน) จะหนั ไปทางทิศตะวนั ตก (ทิศไปทางดวงอาทิตย)์ ข้างแรม ดา้ นสว่าง (ดา้ นนูน) จะหนั ไปทางทิศตะวนั ออก (ทิศไปทางดวงอาทิตย)์ การบอกเวลาโดยประมาณสามารถบอกไดจ้ ากการสงั เกตตาแหน่ง และลกั ษณะของ ดวงจนั ทร์แต่ละวนั ต้งั แต่ตาแหน่ง 1-8 ดงั รูป โดยเวลาที่แสดงในแผนภาพเป็นเวลาท่ีดวงจนั ทร์ อยใู่ นตาแหน่งสูงสุดบนทอ้ งฟ้ า แสงอาทติ ย์ การบอกเวลาดว้ ยดวงจนั ทร์ แรม 14 หรือ 15 ค่า จะมองไม่เห็นดวงจนั ทร์ เพราะไมม่ ดี วงจนั ทร์บนทอ้ งฟ้ าเวลากลางคืน เน่ืองจากดวงจนั ทร์ตกลบั สขถอาบบนั ฟส้ า่งไเสปรพิมรก้อารมสกอบั นดววิทงยอาศาาทสิตตยร์แ์ ละเทคโนโลยี

154 ใบกจิ กรรมที่ 4.1 กจิ กรรม 4.1 “ข้างขนึ้ ข้างแรม เกดิ ขนึ้ ได้อย่างไร” หนงั สือเรียนสาระการเรียนรู้พ้นื ฐาน ตอนท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปี ท่ี 6 1. นาลกู ปิ งปองเสียบไมด้ งั ภาพ เรื่อง ขา้ งข้ึน ขา้ งแรม เกิดข้นึ ไดอ้ ยา่ งไร 2. ใหผ้ เู้ รียนคนหน่ึงเคลื่อนลกู ปิ งปองเป็น วงกลม ผสู้ งั เกตอยนู่ อกวงกลม ณ ตาแหน่งท่ี รายการวสั ดุ – อุปกรณ์ แสดง สงั เกตแสงที่ตกกระทบลกู ปิ งปอง สงั เกต 1. กระดาษแผน่ ใหญ่วาดตาแหน่ง 8 ส่วนมดื ส่วนสวา่ งบนลกู ปิ งปอง พร้อมท้งั แรเงา ตาแหน่ง ส่วนมืด 2. เทปใส 3. ลกู ปิ งปอง ดวงจนั ทร์ แสง 4. ไมบ้ รรทดั แข็ง 5. หลอดไฟ 6. ไมเ้ สียบลกู ช้ิน ผสู้ งั เกต อวกาศ ตอนที่ 2 1. วาดภาพกระต่ายบนลกู ปิ งปองแลว้ ติดลกู ปิ งปองบนปลายไมบ้ รรทดั แขง็ ดว้ ยเทปใส โดยใหด้ า้ นที่มีรูปกระต่ายหนั เขา้ หาผู้ สงั เกตและติดใหม้ ีลกั ษณะดงั รูป 2. วาดตาแหน่ง 8 ตาแหน่ง บนกระดาษ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

155 แผน่ ใหญ่ ดงั รูป 3. ทดลองในหอ้ งมดื โดยยนื่ ไมบ้ รรทดั ที่ติดลกู ปิ งปอง ออกไปขา้ งหนา้ ใหส้ ุดแขน และชใู หอ้ ยู่ ระดบั สูงกว่าศรี ษะ ใหล้ กู ปิ งปองอยู่ ระหว่างผสู้ งั เกตและแหลง่ กาเนิดแสง ณ ตาแหน่งท่ี 1 สงั เกตส่วนมดื และส่วนสวา่ ง บนลกู ปิ งปอง บนั ทึกผลโดยแรเงาส่วนมดื 4. ทาเช่นเดียวกบั ขอ้ 3 แต่เปลยี่ นตาแหน่งของ ลกู ปิ งปองทวนเขม็ นาฬกิ าจากตาแหน่งที่ 1 เป็น ตาแหน่งท่ี 2 ถงึ 8 สงั เกตและ บนั ทึกในใบบนั ทึก กิจกรรม 4.1 ตอนที่ 2 ตาแหน่ง 3 ตาแหน่ง 4 ตาแหน่ง 2 ตาแหน่ง 5 ผสู้ ังเกต ตาแหน่ง 1 ตาแหน่ง 6 ลกู ปิ งปอง ตาแหน่ง 8 หลอดไฟ ตาแหน่ง 7 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

156 ใบบนั ทกึ กจิ กรรมที่ 4.1 ช่ือ............................................................ช้นั ...........................เลขที่.................................. วนั ที่ ...................... เดือน .............................................พ.ศ. ............................. ผลที่สังเกตได้จากการทากจิ กรรม 4.1 ตอนที่ 1 1. ถา้ ลกู ปิ งปองท่ีเสียบไมแ้ ทนดวงจนั ทร์ ไฟฉายแทนดวงอาทิตย์ เรามองเห็นแสงจากดวงจนั ทร์ได้ อยา่ งไร ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... 2. ดวงจนั ทร์ดา้ นที่ไดร้ ับแสงและดา้ นที่ไมไ่ ดร้ ับแสง มีลกั ษณะเหมือนหรือแตกต่างกนั อยา่ งไร ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... 3. เมื่อเคล่ือนลกู ปิ งปองไปเป็นวงกลม ผสู้ งั เกตที่อยนู่ อกวงกลม ณ ตาแหน่งที่แสดง จะเห็นส่วนมดื ส่วนสวา่ งบนลกู ปิ งปองเป็นอยา่ งไร ใหแ้ รเงาส่วนมืดที่สงั เกตเห็น แสง ผสู้ งั เกต 4. ส่วนของดวงจนั ทร์ที่ไดร้ ับแสงในแต่ละวนั เท่าเดิมหรือไม่ เป็นสดั ส่วนเท่าไรของดวงจนั ทร์ท้งั ดวง ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

157 ใบบนั ทกึ กจิ กรรมท่ี 4.1 (ต่อ) ชื่อ............................................................ช้นั ...........................เลขท่ี.................................. วนั ท่ี ...................... เดือน .............................................พ.ศ. ............................. ผลทส่ี ังเกตได้จากการทากจิ กรรม 4.1 ตอนที่ 2 1. เมอ่ื เคลอื่ นลกู ปิ งปองเป็นวงกลมรอบตวั ผสู้ งั เกต จากตาแหน่งท่ี 1-8 ผสู้ งั เกตจะเห็นลกู ปิ งปอง ณ ตาแหน่งต่างๆ เป็นอยา่ งไร วาดภาพแสดงส่วนมืด ส่วนสว่างของลกู ปิ งปอง โดย แรเงาตามท่ีสงั เกตเห็น แแสสงจงอากาทหติ ลยอ์ ดไฟ ผสู้ ังเกต หดวลงออดาทไฟิตย์ ตาตแาหแนห่งนท่งี่ ท1 ่ี 1 ตาแหน่งที่ 8 2. ผเู้ รียนมองเห็นส่วนสว่างของลกู ปิ งปองไดอ้ ยา่ งไร ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... 3. ขณะท่ีลกู ปิ งปองโคจรรอบโลก ตาแหน่งใดท่ีเห็นดวงจนั ทร์มดื ท้งั ดวง และสว่างเต็มดวง ตามลาดบั ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

158 ใบบันทกึ กจิ กรรมที่ 4.1 (ต่อ) ชื่อ............................................................ช้นั ...........................เลขท่ี.................................. วนั ท่ี ...................... เดือน .............................................พ.ศ. ............................. 4. จากการสงั เกตดวงจนั ทร์ต้งั แต่ตาแหน่งท่ี 1 ถึงตาแหน่งท่ี 5 จะมองเห็นส่วนสวา่ งของดวงจนั ทร์ มีการเปล่ียนแปลงอยา่ งไร และช่วงเวลาดงั กล่าวน้ีเรียกวา่ อะไร ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... 5. จากตาแหน่งที่ 5 ถึงตาแหน่งที่ 8 จะมองเห็นส่วนสวา่ งของดวงจนั ทร์มีการเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร และช่วงเวลาดงั กล่าวน้ีเรียกว่าอะไร ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... 6. จากตาแหน่งที่ 1 ถงึ ตาแหน่งท่ี 5 ดวงจนั ทร์จะเริ่มสว่างจากส่วนใดของภาพกระต่ายในดวงจนั ทร์ ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 7. จากตาแหน่งที่ 5 ถงึ ตาแหน่งที่ 8 ดวงจนั ทร์จะเริ่มมืดจากส่วนใดของภาพกระต่ายในดวงจนั ทร์ ………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… 8. เพราะเหตุใดเราจึงเห็นดวงจนั ทร์มสี ่วนสวา่ งแตกต่างกนั ในแต่ละตาแหน่ง ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... 9. แบบจาลองน้ีจะสรุปผลว่าอยา่ งไร ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

159 ใบกจิ กรรมท่ี 4.2 กจิ กรรม 4.2 “ข้างขนึ้ ข้างแรม เป็ นอย่างไร” หนงั สือเรียนสาระการเรียนรู้พ้นื ฐาน ตอนที่ 1 วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปี ที่ 6 1. สงั เกตดวงจนั ทร์ในปฏทิ ินที่แจกให้ เร่ือง ขา้ งข้ึน ขา้ งแรม เกิดข้นึ ไดอ้ ยา่ งไร (สิงหาคม พ.ศ. 2553) ในวนั ที่มดี วงจนั ทร์ หนา้ 129 ขา้ งข้ึน ในวนั ข้นึ 12 ค่า ข้ึน 13 ค่า ข้ึน 14 ค่า ข้ึน 15 ค่า และดวงจนั ทร์ขา้ งแรม ในวนั แรม 8 ค่า แรม 9 ค่า แรม 12 ค่า และ แรม 13 ค่า แรเงาลกั ษณะดวงจนั ทร์ในวนั ดงั กล่าวในใบบนั ทกึ กจิ กรรม 4.2 ตอนท่ี 1 รายการวสั ดุ – อุปกรณ์ ตอนท่ี 2 1. ปฏทิ ินจนั ทรคติท่ีมภี าพแสดงขา้ งข้ึน 1. ทานายดวงจนั ทร์ขา้ งข้ึน และดวงจนั ทร์ ขา้ งแรม ขา้ งแรมในเดือนถดั ไป วา่ วนั ใดจะเป็นวนั 2. ดินสอดา ข้ึน 15 ค่า, แรม 15 ค่า, ข้ึน 8 ค่า, และแรม 8 ค่า โดยวาดภาพดวงจนั ทร์และแรเงาส่วน มืดส่วนสว่างดว้ ยดินสอดา ในใบบนั ทึก กิจกรรม 4.2 ตอนที่ 2 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

160 ใบบันทกึ กจิ กรรมที่ 4.2 ช่ือ............................................................ช้นั ...........................เลขที่.................................. วนั ที่ ...................... เดือน .............................................พ.ศ. ............................. ผลที่สังเกตได้จากการทากจิ กรรม 4.2 ตอนท่ี 1 1. สงั เกตดวงจนั ทร์ในวนั ขา้ งข้ึนจากปฏิทิน 3-4 วนั ที่ต่อเน่ืองกนั วาดภาพดวงจนั ทร์และแรเงา ดว้ ยดินสอดาตรงส่วนมดื ข้ึน..............ค่า ข้ึน..............ค่า ข้ึน..............ค่า ข้ึน..............ค่า 2. สงั เกตดวงจนั ทร์ในวนั ขา้ งแรมจากปฏิทิน 3-4 วนั ที่ต่อเน่ืองกนั วาดภาพดวงจนั ทร์และแรเงา ดว้ ยดนิ สอดาตรงส่วนมดื แรม..............ค่า แรม..............ค่า แรม..............ค่า แรม..............ค่า 3. จากการสงั เกตจะสรุปผลไดอ้ ยา่ งไร ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

161 ใบบันทกึ กจิ กรรมท่ี 4.2 ช่ือ............................................................ช้นั ...........................เลขที่.................................. วนั ท่ี ...................... เดือน .............................................พ.ศ. ............................. ผลที่สังเกตได้จากการทากจิ กรรม 4.2 ตอนที่ 2 ทานาย วนั ข้ึน 15 ค่า, แรม 15 คา่ , ข้ึน 8 คา่ , และแรม 8 ค่า ของเดือน.................. ปี พ.ศ............... อาทิตย์ จนั ทร์ องั คาร พุธ พฤหสั บดี ศุกร์ เสาร์ ผลการทานายการเปลยี่ นแปลงของลกั ษณะดวงจนั ทร์ ในเดือน................ ปี พ.ศ............. …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ปฏิทนิ เดือนสิงหาคม 2553 162 อาทติ ย์ จนั ทร์ องั คาร พธุ พฤหสั บดี ศกุ ร์ เสาร์ 12 34 5 6 7 14 89 แรม 8 คา่ เดอื น 8 12 13 21 15 16 19 20 28 10 11 22 23 29 30 แรม 15 ค่า เดอื น 8 17 18 ข้ึน 8 คา่ เดือน 9 24 25 26 27 ข้นึ 15 คา่ เดือน 9 31 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการอบรมครู 5 163 สาระ 7 ดาราศาสตร์และอวกาศ เวลา 2 ช่ัวโมง เรื่อง การขึน้ ตกของดวงจนั ทร์ แนวความคดิ หลกั โลกและดวงจนั ทร์ต่างหมนุ รอบตวั เอง ขณะที่ดวงจนั ทร์กโ็ คจรรอบโลกดว้ ย การที่ดวงจนั ทร์ โคจรรอบโลก นอกจากจะทาใหเ้ กิดปรากฏการณ์ขา้ งข้ึน ขา้ งแรมแลว้ ยงั ทาใหค้ นบนโลกเห็นดวง จนั ทร์ในเวลาท่ีแตกต่างกนั ในแต่ละวนั โดยดวงจนั ทร์จะข้นึ ชา้ ลงวนั ละประมาณ 50 นาที และการ ที่ดวงจนั ทร์หมุนรอบตวั เองโดยใชเ้ วลาประมาณเท่าเวลาที่โคจรรอบโลก จึงทาใหค้ นบนโลกเห็น ดวงจนั ทร์เพียงดา้ นเดยี ว ผลการเรียนรู้ทีค่ าดหวงั 1. สร้างแบบจาลองเพื่ออธิบายเวลาของการเห็นดวงจนั ทร์ 2. สร้างแบบจาลองเพ่ืออธิบายการเห็นดวงจนั ทร์ดา้ นเดียว ความรู้พนื้ ฐาน 1. ดวงจนั ทร์โคจรรอบโลกใชเ้ วลาประมาณ 29.5 วนั 2. ดวงจนั ทร์ หมุนรอบตวั เองใชเ้ วลาประมาณ 29.5 วนั 3. โลกหมุนรอบตวั เองใชเ้ วลา 1 วนั ความเข้าใจคลาดเคลอื่ น ในวนั แรม 14 ค่าหรือ แรม 15 ค่า มองไม่เห็นดวงจนั ทร์เพราะเห็นส่วนมืดของดวงจนั ทร์ วธิ กี ารจดั กจิ กรรม 1. ผสู้ อนต้งั คาถามใหผ้ เู้ รียนร่วมกนั อภิปราย เช่น - เราสามารถเห็นดวงจนั ทร์ในเวลากลางวนั ไดห้ รือไม่ อยา่ งไร (เห็นได้ เป็นสีขาวๆ ในเวลา ขา้ งแรม) - ในเวลาขา้ งข้ึน 1-4 ค่า หลงั ดวงอาทิตยต์ กดินแลว้ เห็นดวงจนั ทร์อยทู่ างทิศใด (ทิศ ตะวนั ตก) - ดวงจนั ทร์มีปรากฏการณ์ข้ึนและตกเหมือนดวงอาทิตยห์ รือไม่ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

164 2. ใหผ้ เู้ รียนแสดงบทบาทสมมติเป็นโลก ดวงอาทิตย์ และดวงจนั ทร์ โดยกาหนดใหด้ วงจนั ทร์อยู่ ท่ีตาแหน่งวนั ข้ึน 8 ค่า และคนที่สมมติเป็นโลกกางแขนแทนเสน้ ขอบฟ้ าแลว้ หมนุ รอบตวั เอง ในทิศทวนเขม็ นาฬกิ า สงั เกตว่าเมื่อดวงอาทิตยล์ บั ขอบฟ้ าจะเห็นดวงจนั ทร์อยไู่ หน จากน้นั หมนุ ต่อไปอกี จะเห็นดวงจนั ทร์เคลอื่ นที่อยา่ งไร (บนทอ้ งฟ้ าตรงกลางศรีษะ เมือ่ หมุนต่อไปดวง จนั ทร์จะใกลข้ อบฟ้ าทางทิศตะวนั ตกมากข้ึน) 3. ใหผ้ เู้ รียนคานวณว่าใน 1 วนั ดวงจนั ทร์จะโคจรรอบโลก โดยเปลีย่ นตาแหน่งไปจากตาแหน่ง เดิมเป็ นมุมประมาณเท่าใด (ประมาณ 12 เพราะ 29.5 วนั ได ้ 360 ดงั น้นั 129ว.5นั ควรไปเป็นมุม 360 = 12.2 ≈ 12) 4. ใหผ้ เู้ รียนคานวณว่าโลกจะใชเ้ วลาเท่าใดในการหมุนรอบตวั เองไปเป็นเท่ากบั มุมท่ีดวงจนั ทร์ กวาดไปไดใ้ นหน่ึงวนั (48 นาที เพราะ โลกหมุน 360 ใชเ้ วลา 24 x 60 นาที ดงั น้นั ถา้ โลกหมุน 5. ไผปสู้ 1อ23น6แ0จละะใผชเู้ รเ้ วียลนาร่ว2ม4กxนั 6อ0ภxิป1ร2า=ยต4า8แนหานท่งี)และการมองเห็นดวงจนั ทร์วนั และเวลาต่างๆ โดยใช้ คาถามดงั น้ี - วนั ข้นึ 15 ค่า ตาแหน่งของดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และโลก เป็นอยา่ งไร - เม่ือดวงอาทิตยล์ บั ขอบฟ้ าเป็นเวลาประมาณ 18.00 น. จะเห็นดวงจนั ทร์ทางทิศใด - วนั แรม 1 ค่า ดวงจนั ทร์อยทู่ ่ีตาแหน่งเดิมหรือไม่ - วนั แรม 1 ค่าจะเห็นดวงจนั ทร์หรือไม่ จะเห็นเวลาใด 6. ใหผ้ เู้ รียนทากิจกรรม 5.1 สงั เกตและบนั ทึกผลในใบบนั ทึกกิจกรรม 5.1 จากน้นั ร่วมอภิปราย ควรสรุปไดว้ ่า - ในวนั ขา้ งแรม 14, 15 ค่า จะไมเ่ ห็นดวงจนั ทร์ เพราะดวงจนั ทร์ข้ึนและตกพร้อมดวงอาทิตย์ - ในวนั ข้ึน 1-7 ค่า จะเห็นดวงจนั ทร์ทางทิศตะวนั ตกหลงั ดวงอาทิตยต์ กดิน และช่วงน้ีดวง จนั ทร์กจ็ ะตกดินเร็ว - ในวนั ข้ึน 15 ค่า เห็นดวงจนั ทร์ ท่ีข้ึนทางทิศตะวนั ออกพร้อมๆ เวลาที่ดวงอาทิตยต์ กดนิ - ในวนั แรม 1-7 ค่า จะเห็นดวงจนั ทร์ข้นึ ตอนหวั ค่าทางทิศตะวนั ออก และเมือ่ เห็นดวง อาทิตยข์ ้ึนในตอนเชา้ ดวงจนั ทณ์ยงั คนอยบู่ นทอ้ งฟ้ าทางทิศตะวนั ตก - ในวนั แรม 8-12 ค่า จะเห็นดวงจนั ทร์ข้ึนตอนดึกและหลงั ดวงอาทิตยข์ ้ึน ดวงจนั ทร์จะยงั คง อยบู่ นทอ้ งฟ้ าทางทิศตะวนั ออก 7. ผสู้ อนถามผเู้ รียนวา่ เคยสงั เกตเห็นรูปอะไรอยใู่ นดวงจนั ทร์หรือไม่ รูปกระต่ายบนดวงจนั ทร์จะ เปลย่ี นแปลงหรือไม่ อยา่ งไร และมีรูปร่างท่ีเปล่ียนไปหรือไม่ จากน้นั ใหผ้ เู้ รียนทากจิ กรรม 5.2 สงั เกต และบนั ทึกผล ลงในใบกิจกรรม 5.2 8. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั อภิปรายดงั น้ี สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

165 - คนที่แสดงเป็นโลกจะเห็นคนท่ีแสดงเป็นดวงจนั ทร์อยา่ งไร (เห็นดา้ นหนา้ คนที่แสดงเป็น ดวงจนั ทร์เสมอ) - ขณะท่ีคนแสดงเป็นดวงจนั ทร์โคจรรอบผทู้ ี่แสดงเป็นโลก เขาหมุนรอบตวั เองหรือไม่ รู้ได้ อยา่ งไร (หมุนรอบตวั เอง เพราะเห็นภาพดา้ นหลงั ของผแู้ สดงเป็นโลกเปลี่ยนไป) - ช่วงเวลาท่ีดวงจนั ทร์โคจรรอบโลกสมั พนั ธก์ บั ช่วงเวลาท่ีดวงจนั ทร์หมนุ รอบตวั เอง อยา่ งไร (ช่วงเวลาท่ีดวงจนั ทร์โคจรรอบโลกเท่ากบั ช่วงเวลาท่ีดวงจนั ทร์หมุนรอบตวั เอง) - กิจกรรมน้ีสรุปผลไดว้ า่ อยา่ งไร (คนบนโลกสงั เกตเห็นดวงจนั ทร์ดา้ นเดียวเสมอ เน่ืองจาก ช่วงเวลาที่ดวงจนั ทร์โคจรรอบโลกเท่ากบั ช่วงเวลาท่ีดวงจนั ทร์หมนุ รอบตวั เอง) 9. ผเู้ รียนนาเสนอผลการทากิจกรรมซ่ึงควรจะสรุปไดว้ ่า เห็นดวงจนั ทร์หนา้ เดียวเสมอ เนื่องจาก ดวงจนั ทร์หมนุ รอบตวั เองใชเ้ วลาเท่ากบั ที่โคจรรอบโลก สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

166 ความรู้เพม่ิ เตมิ สาหรับครู ตารางแสดงเวลาขึน้ ตกของดวงอาทติ ย์ และดวงจนั ทร์ กองบญั ชาการกองทพั เรือ ละตจิ ูด 13º 44’ 33’’ เหนอื ลองจจิ ดู 100º 29’ 33’’ ตะวนั ออก กจิ กรรม 5.1 การขึน้ ตกของดวงจนั ทร์ ใบกจิ กรรม 5.1 ตอนท่ี 1 1. ใหผ้ เู้ รียน 3 คนมาแสดงเป็นโลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทิตยโ์ ดยกาหนดใหว้ นั ที่สงั เกต เป็นวนั ข้ึน 15 ค่า 2. ใหผ้ เู้ รียนที่เป็นโลก กางแขนออกแทนเสน้ ขอบฟ้ า แลว้ หมุนรอบตวั เองในทิศทวนเข็ม นาฬกิ า เมอื่ มองจากดา้ นบน สงั เกตผเู้ รียนที่ เป็นดวงจนั ทร์วา่ ผเู้ รียนท่ีเป็นโลกจะเห็นดวง จนั ทร์ข้นึ ทางทิศตะวนั ออกท่ีเวลาใด บนั ทึก ผล 3. ใหผ้ เู้ รียนที่เป็นดวงจนั ทร์เคล่อื นที่ไปอยทู่ ี่ ตาแหน่งวนั แรม 1 ค่า ส่วนผเู้ รียนท่ีเป็นโลก ใหท้ าซ้าขอ้ 2 4. ทาซ้าขอ้ 3 แต่ผเู้ รียนท่ีเป็นดวงจนั ทร์ใหย้ า้ ย ไปยงั ตาแหน่งแรม 4 ค่า, แรม 8 ค่า, แรม 15 ค่า, ข้ึน 4 ค่า, ข้นึ 8 ค่า, ข้ึน 12 และข้ึน 15 ค่า สงั เกตและบนั ทึกผล ท่ีมา: กรมอทุ กศาสตร์ กองทัพเรือ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

167 ความรู้เพมิ่ เตมิ สาหรับครู ตารางแสดงเวลาขึน้ ตกของดวงอาทิตย์ และดวงจนั ทร์ กองบญั ชาการกองทพั เรือ ละตจิ ูด 13º 44’ 33’’ เหนอื ลองจจิ ูด 100º 29’ 33’’ ตะวนั ออก ทม่ี า: กรมอทุ กศาสตร์ กองทัพเรือ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

168 ความรู้เพม่ิ เตมิ สาหรับครู จากตารางจะเห็นว่าดวงจนั ทร์จะข้ึนชา้ ไปวนั ละประมาณ 50 นาที ท้งั น้ีเพราะดวงจนั ทร์โคจรรอบ โลกไปในทิศทางเดียวกบั การหมุนรอบตวั เองของโลก โดยดวงจนั ทร์โคจรรอบโลกใชเ้ วลา 29.5 วนั เทียบ กบั ดวงอาทิตย์ หรือ 27.3 วนั เทียบกบั ดาวฤกษ์ ดงั น้นั ในหน่ึงวนั ดวงจนั ทร์จะเปลีย่ นตาแหน่งจากตาแหน่ง เดิมไป 1/27.3 รอบ หาเป็นองศาท่ีเปลีย่ นไปไดจ้ าก ในเวลา 27.3 วนั ดวงจนั ทร์โคจรไปได้ = 360 องศา ดงั น้นั ในเวลา 1 วนั ดวงจนั ทร์โคจรไปได้ = 360/27.3 = 13 องศา การที่คนบนโลกจะเห็นดวงจนั ทร์อยทู่ ่ีตาแหน่งเดิมได้ โลกตอ้ งหมนุ ไป 13 องศา และเนื่องจากโลก หมนุ รอบตวั เองไดม้ มุ 360 องศา ในเวลา 24 ชวั่ โมง ดงั น้นั ถา้ โลกหมนุ 13 องศา จะใชเ้ วลา (13 x 24)/360 ชว่ั โมง หรือเท่ากบั (13 x 24 x 60)/360 = 52 นาที หรือประมาณ 50 นาที จึงทาใหค้ นบนโลกเห็นดวงจนั ทร์ ข้ึนชา้ ไปวนั ละประมาณ 50 นาที เช่น A เสน้ ขอบฟ้ า E โBล•ก คน W แสงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ รูป ก ตามรูป ก เป็นเวลา 18.00 น. ของคืนวนั เพญ็ ขณะท่ดี วงอาทิตยอ์ ยทู่ ่ีทิศตะวนั ตก ดวงจนั ทร์อยทู่ าง ทิศตะวนั ออกทต่ี าแหน่ง A ซ่ึงเป็นเวลาท่ีดวงจนั ทร์ข้ึนพอดี ค•น W 13º โลก เสน้ ขอบฟ้ า แสงอาทติ ย์ B ดวงจนั ทร์ รูป ข เม่อื เวลาผา่ นไป 1 วนั ดวงจนั ทร์จะเปลีย่ นจากตาแหน่งเดิมไปทางตะวนั ออก 13 องศา อยทู่ ี่ ตาแหน่ง B เมอื่ ดวงอาทิตยต์ กดิน ซ่ึงเป็นเวลา 18.00 น. ดวงจนั ทร์ยงั ไม่ข้ึนจากเสน้ ขอบฟ้ า ดงั รูป ข. สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

169 ความรู้เพมิ่ เตมิ สาหรับครู เม่ือโลกหมุนไป 13 องศา จะเห็นดวงจนั ทร์อยทู่ ี่เสน้ ขอบฟ้ าทางทิศตะวนั ออก ซ่ึงตอ้ งใชเ้ วลา ประมาณ 50 นาที ดงั รูป ค. จึงทาใหด้ วงจนั ทร์ข้ึนชา้ ไปวนั ละประมาณ 50 นาที คน 1•3º W แสงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ โลก รูป ค สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

170 ใบบนั ทกึ กจิ กรรมท่ี 5.1 ช่ือ............................................................ช้นั ...........................เลขท่ี.................................. วนั ที่ ...................... เดือน .............................................พ.ศ. ............................. ตารางบนั ทึกผลเวลาทด่ี วงจนั ทร์ขนึ้ วนั เวลาที่ดวงจนั ทร์ข้ึนโดยประมาณ ข้ึน 15 ค่า แรม 1 ค่า แรม 4 ค่า แรม 15 ค่า ข้ึน 1ค่า ข้ึน 4 ค่า ข้ึน 15 ค่า จากการทากจิ กรรมจะสรุปไดว้ า่ อยา่ งไร .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

171 ใบกจิ กรรมที่ 5.2 กจิ กรรม 5.2 เห็นดวงจนั ทร์หน้าเดิมหรือไม่ รายการวสั ดุ – อุปกรณ์ 1. ใหผ้ เู้ รียนแสดงเป็นโลก ยนื ตรงจุด กระดาษแผน่ ใหญ่วาดตาแหน่ง ศนู ยก์ ลางของวงกลม 8 ตาแหน่ง 2. ใหผ้ เู้ รียนท่ีแสดงเป็นดวงจนั ทร์ยนื ที่   ตาแหน่ง 1 หนั หนา้ เขา้ หาผแู้ สดงที่เป็นโลก  พร้อมกบั ยกมอื ขวาข้ึนแลว้ ช้ีนิ้วไปขา้ งหนา้  3. ใหผ้ เู้ รียนคนอน่ื สงั เกต ผทู้ ่ีแสดงเป็นโลก และดวงจนั ทร์   4. ใหผ้ เู้ รียนท่ีเป็นดวงจนั ทร์เดินรอบวงกลม ตามตาแหน่ง 3 …. 8 โดยช้ีน้ิวเขา้ หาผู้ แสดงที่เป็นโลกเสมอ และใหร้ ายงานวา่ ดา้ นหลงั ของผทู้ ่ีแสดงเป็นโลกคืออะไร 5. เพื่อใหผ้ เู้ รียนคนอ่ืนสงั เกตวา่ ขณะที่ผเู้ รียน ที่เป็นดวงจนั ทร์เดินรอบผเู้ รียนที่เป็นโลก เขาหมนุ รอบตวั เองหรือไม่ สงั เกตและ บนั ทึกผล ในใบบนั ทึกกิจกรรม 5.2 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

172 ใบบันทกึ กจิ กรรมท่ี 5.2 ช่ือ............................................................ช้นั ...........................เลขที่.................................. วนั ท่ี ...................... เดือน .............................................พ.ศ. ............................. ผลทสี่ ังเกตได้จากการทากจิ กรรม 5.2 1.คนท่ีแสดงเป็นโลกจะเห็นคนท่ีแสดงเป็นดวงจนั ทร์อยา่ งไร ..................................................................................................................................................... 2.ขณะทคี่ นแสดงเป็นดวงจนั ทร์โคจรรอบผทู้ ่ีแสดงเป็นโลก เขาหมนุ รอบตวั เองหรือไม่ รู้ไดอ้ ยา่ งไร ..................................................................................................................................................... 3. ช่วงเวลาที่ดวงจนั ทร์โคจรรอบโลกสมั พนั ธก์ บั ชว่ งเวลาที่ดวงจนั ทร์หมนุ รอบตวั เองอยา่ งไร ..................................................................................................................................................... 4. กิจกรรมน้ีสรุปผลไดว้ ่าอยา่ งไร ..................................................................................................................................................... สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

173 แผนการอบรมครู 6 สาระ 7 ดาราศาสตร์และอวกาศ เวลา 1.5 ชั่วโมง เรื่อง สุริยุปราคา จนั ทรุปราคา แนวความคดิ หลกั โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ในขณะที่ดวงจนั ทร์ก็โคจรรอบโลก เมื่อโลก ดวงจนั ทร์ และดวง อาทิตย์ เขา้ มาอยใู่ นแนวเสน้ ตรงเดียวกนั ถา้ ดวงจนั ทร์อย่รู ะหว่างโลกและดวงอาทิตยโ์ ดยเงาของ ดวงจนั ทร์ตกลงบนโลก ทาให้คนบนโลกท่ีอยใู่ นบริเวณเงาเห็นดวงอาทิตยม์ ืดไปชว่ั ขณะ เรียก ปรากฏการณ์น้ีวา่ สุริยปุ ราคา แต่ถา้ โลกอยรู่ ะหวา่ งดวงอาทิตยแ์ ละดวงจนั ทร์โดยเงาของโลกตกลง บนดวงจนั ทร์ ทาใหเ้ ห็นดวงจนั ทร์มืดไปชวั่ ขณะ เรียกปรากฏการณ์น้ีว่าจนั ทรุปราคา ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั 1. สร้างแบบจาลองเปรียบเทียบและอธิบายการมองเห็นขนาดของวตั ถุในระยะต่างๆ 2. ทดลองและอธิบายการเห็นแหลง่ กาเนิดแสง เมื่อมองจากบริเวณเงามดื และบริเวณเงามวั 3. สร้างแบบจาลองเพอ่ื อธิบายการเกิดสุริยปุ ราคาและจนั ทรุปราคา ความรู้พนื้ ฐาน 1. ดวงจนั ทร์เป็นดาวบริวารของโลก และโลกเป็นดาวเคราะหบ์ ริวารของดวงอาทิตย์ 2. เมือ่ ใชว้ ตั ถุทึบแสงมารับแสงจะสงั เกตเห็นเงาเกิดข้ึนบนฉากหลงั วตั ถุ ความเข้าใจคลาดเคลอื่ น 1. สุริยปุ ราคาและจนั ทรุปราคาเกดิ จากการที่วตั ถุท่ีใหญ่กวา่ มาบงั ดวงอาทิตยห์ รือดวงจนั ทร์ (บางคร้ังนกั เรียนบอกว่า ราหู มาอม ตามความเช่ือโบราณ) 2. นกั เรียนไม่เช่ือวา่ ดวงจนั ทร์ท่ีมขี นาดเลก็ บงั ดวงอาทิตยไ์ ด้ วธิ ีการจดั กจิ กรรม 1. ผสู้ อนนาเขา้ สู่บทเรียนดว้ ยการนาวดี ิทศั น์ (Video Clip) เก่ียวกบั สุริยปุ ราคาเตม็ ดวงมาใหผ้ เู้ รียนดู และถามดงั น้ี - ผเู้ รียนสงั เกตเห็นอะไร (สิ่งท่ีเห็นคือ ดวงอาทิตยม์ ืดลงทีละส่วนจนมืดหมดท้งั ดวง) - ทาไมดวงอาทิตยจ์ ึงมดื ลง (ผเู้ รียนอาจคิดว่าอาจมีส่ิงอื่นมาบงั ดวงอาทิตย)์ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

174 - ส่ิงที่ทาใหด้ วงอาทิตยม์ ืดลงทีละส่วนน้นั น่าจะมขี นาด รูปร่าง อยา่ งไรไดบ้ า้ ง (มีขนาด ใหญ่ ขนาดเลก็ และอื่นๆ มรี ูปร่างกลม แบน และอืน่ ๆ) - สิ่งน้นั น่าจะเป็นอะไรไดบ้ า้ ง (ผเู้ รียนตอบตามความคดิ โดยอาจมคี วามรู้เดิมว่าดวง จนั ทร์บงั ดวงอาทิตย)์ 2. ผสู้ อนสาธิตใหผ้ เู้ รียนเห็นว่าสามารถใชน้ ิ้วหวั แม่มอื มาบงั เพอ่ื นไดท้ ้งั หมด โดยนาน้ิวหวั แมม่ อื มาไวใ้ กลส้ ายตา จากน้นั ผสู้ อนชกั ชวนใหผ้ เู้ รียนจาลอง การบงั วตั ถใุ หญ่ดว้ ยวตั ถุเลก็ กว่า ตาม ใบกิจกรรม 6.1 เลก็ -ใหญ่ มองเห็นเป็นอยา่ งไร โดยร่วมกนั อภิปรายก่อนทากิจกรรมใน ประเดน็ ต่อไปน้ี - คาถามท่ีผเู้ รียนตอ้ งการหาคาตอบในกิจกรรมน้ีคืออะไร (ผลมะนาวขนาดเลก็ จะบงั ผลสม้ และผลฝรั่งที่มขี นาดใหญ่ไดห้ รือไม่) - ในการทดลองว่าผลมะนาวจะสามารถบงั ผลสม้ และผลฝรั่งไดห้ รือไม่ ผเู้ รียนจะมี วิธีการอยา่ งไร 3. ผเู้ รียนสงั เกต และบนั ทึกผลในใบบนั ทกึ กิจกรรม 6.1 และร่วมอภิปราย - ผลมะนาว ผลสม้ และผลฝร่ัง ที่วางเรียงหนา้ กระดานเป็นเสน้ ตรง เมื่อมองดว้ ยตาขา้ ง เดียวจะเห็นผลไมช้ นิดใดมขี นาดใหญ่ที่สุดและเลก็ ที่สุด (ผลฝรั่งมขี นาดใหญ่ท่ีสุด และผลมะนาวมีขนาดเลก็ ที่สุด) - เม่ือเลื่อนผลสม้ จนเห็นขนาดของผลสม้ เท่ากบั ขนาดของผลมะนาว ระยะจากจดุ ที่ วางผลสม้ ในคร้ังแรกถึงระยะของผลสม้ ในขณะน้ี เป็นระยะเท่าใด ผเู้ รียนเล่อื นผลสม้ อยา่ งไร (ระยะจากจดุ ที่วางผลสม้ ในคร้ังแรก จนถงึ ผลสม้ ท่ีเล่ือนแลว้ ข้ึนอยกู่ บั การ ทดลองของแต่ละกล่มุ โดยระยะจากจุดสงั เกตถงึ ผลสม้ จะมากกว่าระยะจากจุดสงั เกต ถึงผลมะนาว ซ่ึงผเู้ รียนเล่ือนผลสม้ ให้ถอยห่างออกไป) - ท่ีระยะน้ี ถา้ ผลมะนาวอยใู่ นแนวเดียวกนั กบั ผลสม้ ผลมะนาวจะบงั ผลสม้ ไดห้ รือไม่ (บงั ได)้ - เม่ือใชผ้ ลฝรั่งแทนผลสม้ แลว้ เลือ่ นผลฝรั่งจนมองเห็นผลฝรั่งมขี นาดเท่าขนาดของผล มะนาว ระยะจากจุดทีว่ างผลฝรั่งในคร้ังแรกถึงระยะของผลฝรั่งในขณะน้ีเป็นระยะ เท่าใด ผเู้ รียนเลอ่ื นผลฝร่ังอยา่ งไร และระยะน้ีมากหรือนอ้ ยกว่าระยะท่ีวดั ไดใ้ นคร้ัง แรกอยา่ งไร (ระยะจากจุดท่วี างผลฝรั่งในคร้ังแรก จนถึงผลฝร่ังที่เล่อื นแลว้ ข้ึนอยกู่ บั การทดลองของแต่ละกล่มุ โดยระยะจากจุดสงั เกตถึงผลฝรงั่ จะมากกว่าระยะจากจุด สงั เกตถึงผลมะนาว ซ่ึงผเู้ รียนเล่ือนผลฝร่ังใหถ้ อยห่างออกไป) - การทดลองน้ีจะสรุปผลไดอ้ ยา่ งไร (เม่อื วตั ถอุ ยหู่ ่างจากผสู้ งั เกตมากข้ึน ผสู้ งั เกตจะ เห็นวตั ถุมขี นาดเลก็ ลง) สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

175 4. ผสู้ อนสาธิตการที่ดวงจนั ทร์บงั ดวงอาทิตย์ เปิ ดไฟฉายแลว้ วางไวบ้ นโต๊ะ จากน้นั นาลกู ปิ งปอง มาบงั แสงไฟฉาย ซ่ึงผสู้ อนต้งั คาถามวา่ จะบงั ไดห้ รือไม่ อยา่ งไรและนาอภิปรายตามคาถาม ต่อไปน้ี - ผเู้ รียนคิดวา่ สิ่งใดเขา้ มาบงั ดวงอาทิตยใ์ นปรากฏการณน์ ้ี (ดวงจนั ทร์บงั ดวงอาทิตย)์ - ถา้ ใหล้ กู ปิ งปองเป็นดวงจนั ทร์ และไฟฉายเป็นดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์จะบงั ดวง อาทิตยไ์ ดห้ รือไม่ (ลกู ปิ งปองจะบงั ไฟฉายได้ ซ่ึงจะเห็นบงั มดิ หรือบงั ไมม่ ิด แลว้ แต่ ตาแหน่งที่ผสู้ งั เกตยนื ) 5. ผสู้ อนต้งั ประเดน็ คาถาม “สมมติวา่ ผเู้ รียนอยใู่ นบริเวณที่เกิดเงา และบริเวณนอกเงา เม่ือมองไฟ ฉายที่ถกู ลกู ปิ งปองบงั จะสงั เกตเห็นไฟฉายเหมอื นหรือต่างกนั ” จากน้นั ใหผ้ เู้ รียนทากิจกรรม 6.2 เงามืด-เงามวั มองเห็นจากแหล่งกาเนิดแสงเหมือนกนั หรือไม่ และบนั ทึกในใบบนั ทึก กิจกรรม 6.2 จากน้นั ร่วมอภิปรายในคาถามต่อไปน้ี - เมื่อฉายไฟฉายไปยงั ลกู ปิ งปอง แสงสามารถผา่ นลกู ปิ งปองไปยงั กระดาษขาวได้ หรือไม่ ทราบไดอ้ ยา่ งไร (แสงไม่สามารถผา่ นลกู ปิ งปองได้ ทราบไดเ้ พราะเห็นเงา ของลกู ปิ งปองบนฉากกระดาษขาว) - ส่วนใดของเงาของลกู ปิ งปองบนกระดาษที่เรียกว่าเงามืด และส่วนใดเรียกวา่ เงามวั (ส่วนของเงาที่มดื สนิทอยตู่ รงกลางเรียกวา่ เงามดื และรอบๆ บริเวณเงามืดเป็น บริเวณไมม่ ดื สนิท เรียกวา่ เงามวั ) - เม่อื สงั เกตผา่ นรูที่เจาะบนกระดาษไปยงั ไฟฉาย จะมองเห็นไฟฉายจากบริเวณต่างๆ แตกต่างกนั หรือไม่ อยา่ งไร (แตกต่างกนั โดยรูท่ีเจาะบริเวณเงามืดจะมองไม่เห็นไฟ ฉาย รูท่ีเจาะบริเวณเงามวั จะมองเห็นไฟฉายบางส่วน และรูที่เจาะบริเวณไม่มีเงาจะ มองเห็นไฟฉายท้งั หมด) - รร ร อ ร (เมอื่ ไฟฉาย ลกู ปิ งปอง และฉาก อยใู่ นระยะที่พอดี ตามแนวเสน้ ตรง เงาของลกู ปิ งปองจะตกลงบนฉาก ทาใหเ้ กิดเงามดื -เงามวั บนฉาก คนที่สงั เกตไฟฉายจากหลงั ฉากบริเวณเงามดื จะมองไม่เห็นไฟฉาย แต่คนท่ีสงั เกตไฟ ฉายจากหลงั ฉากบริเวณเงามวั จะมองเห็นไฟฉายบางส่วน และคนที่สงั เกตไฟฉายจาก หลงั ฉากบริเวณที่ไม่เกิดเงาจะเห็นไฟฉายท้งั หมด) 6. ผเู้ รียนสร้างแบบจาลองการเกิดสุริยปุ ราคา ตามใบกิจกรรม 6.3 บนั ทึกผลในใบบนั ทึกกิจกรรม 6.3 และอภิปรายคาถามต่อไปน้ี - เมอ่ื นาผลมะนาวบงั แสงจากไฟฉาย โดยมีผลสม้ อยหู่ ่างออกไปเป็นฉากอยหู่ ลงั ผล มะนาวจะสงั เกตเห็นอะไรบา้ ง (เห็นเงาของผลมะนาวตกบนผลสม้ ) สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

176 - เมอื่ เล่ือนผลมะนาวไปมาระหว่างไฟฉายกบั ผลสม้ ที่อยหู่ ่างออกไป เงาของผลมะนาว ตกลงบนผลสม้ ทุกระยะที่เล่ือนผลมะนาวหรือไม่ (ไม่เกดิ เงาในทุกระยะ โดยเงาของ ผลมะนาวจะตกลงบนผลสม้ เม่ือผลมะนาวห่างจากผลสม้ ในระยะที่พอเหมาะ) - เมื่อจดั ใหเ้ งาของผลมะนาวตกลงบนผลสม้ เงาที่เกิดข้ึนมลี กั ษณะอยา่ งไร (เงาที่เกิด บนผลสม้ จะเป็นเงามืดและเงามวั ) - ถา้ ใหเ้ ปรียบเทียบไฟฉาย ผลมะนาว และผลสม้ กบั โลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทิตย์ ของแต่ละอยา่ งเทียบไดก้ บั อะไร (ไฟฉายแทนดวงอาทิตย์ ผลมะนาวแทนดวงจนั ทร์ และผลสม้ แทนโลก) - ถา้ ดวงจนั ทร์โคจร อยใู่ นแนวเสน้ ตรงระหวา่ ง ดวงอาทิตย์ และโลก จะเกิดอะไรข้ึน (ถา้ ระยะห่างระหว่างดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และโลกพอเหมาะแลว้ เงาของดวงจนั ทร์ จะไปตกบนโลก) - คนท่ีอยบู่ นโลกตรงตาแหน่งเงามดื พอดี จะมองเห็นดวงอาทิตยห์ รือไม่ อยา่ งไร (มอง ไม่เห็นดวงอาทิตย)์ - คนท่ีอยบู่ นโลกตรงบริเวณเงามวั จะมองเห็นดวงอาทิตยห์ รือไม่ อยา่ งไร (มองเห็น ดวงอาทิตยบ์ างส่วน) - คนที่อยบู่ นโลกบริเวณอ่ืนๆ นอกเงาของดวงจนั ทร์ จะมองเห็นดวงอาทิตยห์ รือไม่ อยา่ งไร (มองเห็นดวงอาทิตยท์ ้งั ดวง) - ปรากฏการณ์ที่เห็นดวงอาทติ ยม์ ดื ท้งั หมด หรือมืดบางส่วนน้ี เรียกว่าอะไร (สุริยปุ ราคาเตม็ ดวง หรือ สุริยปุ ราคาบางส่วน) - ปรากฏการณ์น้ีมองเห็นไดใ้ นวนั ที่ดวงจนั ทร์อยใู่ นตาแหน่งใด และเป็นวนั ใดตาม จนั ทรคติ (ดวงจนั ทร์มตี าแหน่งอยรู่ ะหวา่ งดวงอาทิตยแ์ ละโลก เป็นวนั แรม 15 ค่า หรือข้ึน 1 ค่า) - การทดลองน้ีจะสรุปผลไดว้ า่ อยา่ งไร (เมื่อดวงจนั ทร์โคจรมาอยรู่ ะหว่างดวงอาทิตย์ และโลกในแนวเสน้ ตรงเดียวกนั โดยดวงจนั ทร์และโลกอยหู่ ่างกนั เป็นระยะที่ พอเหมาะจะปรากฏเงาของดวงจนั ทร์ตกลงบนโลก ถา้ ผสู้ งั เกตอยบู่ ริเวณเงามดื ของ ดวงจนั ทร์ จะเห็นดวงอาทิตยม์ ดื ไปท้งั ดวง เรียกว่าสุริยปุ ราคาเตม็ ดวง แต่ถา้ ผสู้ งั เกต อยบู่ ริเวณเงามวั จะเห็นดวงอาทิตยม์ ดื ไปบางส่วน เรียกวา่ สุริยปุ ราคาบางส่วน) สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

177 7. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนดูภาพสุริยปุ ราคาแบบต่างๆ และถามผเู้ รียนดว้ ยคาถามต่อไปน้ี ภาพที่ 1 ภาพท่ี 2 ภาพที่ 3 - ภาพท้งั หมดน้ีคือภาพอะไร มคี วามเหมอื นหรือแตกต่างกนั อยา่ งไร (ภาพท้งั หมดคือภาพ สุริยปุ ราคา มคี วามแตกต่างกนั ตรงส่วนมืดและส่วนสว่างของดวงอาทิตย์ คือ บางภาพจะ เห็นดวงอาทิตยม์ ดื หมดท้งั ดวง บางภาพจะเห็นดวงอาทิตยม์ ดื บางส่วน และบางภาพเห็น ดวงอาทิตยม์ ดื ตรงกลาง) - ทาไมจึงสงั เกตเห็นดวงอาทิตยม์ ืดไม่เหมอื นกนั (เพราะสงั เกตในพ้ืนที่ต่างกนั ) - จะสงั เกตเห็นตามภาพท้งั 3 ไดใ้ นคราวเดียวกนั หรือไม่ (ได้ แต่ตอ้ งสงั เกตจากพ้ืนที่ต่างกนั โดย ภาพท่ี 1 สงั เกตเห็นในพ้ืนที่เงามดื ของดวงจนั ทร์ที่ตกกระทบโลก และภาพท่ี 3 สงั เกตเห็นในพ้นื ที่เงามวั ของดวงจนั ทร์ที่ตกกระทบโลก ส่วนในภาพที่ 2 สงั เกตเห็นใน พ้ืนท่ีเงามวั ส่วนในซ่ึงเป็นเงาดา้ นตรงขา้ มเงามดื ที่ปลายโคนดา้ นเงามดื ส้ินสุดก่อนจะมาถงึ ผวิ โลก) 8. ผสู้ อนถามผเู้ รียนว่า “ผเู้ รียนเคยเห็นปรากฏการณ์อ่ืนๆ ท่ีคลา้ ยสุริยปุ ราคาอกี หรือไม่ เคยเห็น เป็นอยา่ งไร” (จนั ทรุปราคาหรือราหูอมจนั ทร์ จะเห็นดวงจนั ทร์ค่อยๆ มดื จากดา้ นหน่ึงไปอีก ดา้ นหน่ึง) จากน้นั ใหผ้ เู้ รียนสร้างแบบจาลองการเกิดจนั ทรุปราคา ตามใบกจิ กรรม 6.4 โดยใช้ อุปกรณ์ชุดเดิมคือ ไฟฉาย ผลสม้ และผลมะนาว บนั ทกึ ผลการทากิจกรรมในใบบนั ทึกกิจกรรม 6.4 และสงั เกตผล (นาผลมะนาวมารองรับเงาของสม้ ) จากน้นั ร่วมกนั อภิปรายผลการสงั เกต ดงั ต่อไปน้ี - นาผลสม้ บงั แสงจากไฟฉายแลว้ ค่อยๆ เลือ่ นผลมะนาวผา่ นเงาของผลสม้ ชา้ ๆ เงาของ ผลสม้ ท่ีตกลงบนผลมะนาวจะมีลกั ษณะอยา่ งไร (เม่ือผลมะนาวค่อยๆ เคลอื่ นเขา้ ไป ในเงาของผลสม้ จะเห็นผลมะนาวมืดบางส่วนโดยบริเวณส่วนมดื จะมากข้ึนๆ จนมืด ท้งั ผล จากน้นั เมือ่ เคล่อื นผลมะนาวต่อไป ผลมะนาวบางส่วนเร่ิมออกจากบริเวณเงา ทาใหเ้ ห็นส่วนสว่างโดยบริเวณส่วนสว่างจะมากข้ึนๆ จนสวา่ งท้งั ผล) - ถา้ โลกโคจรผา่ นเขา้ ไประหวา่ งดวงจนั ทร์และดวงอาทิตยใ์ นแนวเสน้ ตรงเดยี วกนั จะ เกิดอะไรข้ึน (ถา้ ระยะห่างของโลกและดวงจนั ทร์พอเหมาะ เงาของโลกจะไปตกบน ดวงจนั ทร์) สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

178 - ขณะดวงจนั ทร์โคจรผา่ นเขา้ ไปในเงาของโลก คนบนโลกจะเห็นดวงจนั ทร์เป็น อยา่ งไร (เมื่อดวงจนั ทร์โคจรเขา้ ไปในเงาของโลกจะเห็นดวงจนั ทร์ส่วนท่ีอยใู่ นเงา ค่อยๆ มดื จนมดื ท้งั ดวงหรือมดื บางส่วน จากน้นั เมอื่ ดวงจนั ทร์โคจรต่อไปจะเริ่ม ออกจากบริเวณเงา ทาใหเ้ ห็นส่วนสว่างของดวงจนั ทร์โดยบริเวณส่วนสวา่ งจะมาก ข้ึนๆ จนสว่างท้งั ดวง) - ปรากฏการณ์ท่ีเห็นดวงจนั ทร์มดื ท้งั หมด หรือมดื บางส่วนเรียกว่าอะไร (เรียกว่า จนั ทรุปราคาโดยถา้ เห็นดวงจนั ทร์มืดท้งั หมด เรียกวา่ จนั ทรุปราคาเต็มดวง แต่ถา้ เห็นดวงจนั ทร์มดื บางส่วน เรียกว่า จนั ทรุปราคาบางส่วน) - ปรากฏการณ์น้ีมองเห็นไดใ้ นคืนที่ดวงจนั ทร์อยตู่ าแหน่งใด และเป็นวนั ใด ตาม จนั ทรคติ (ดวงจนั ทร์อยตู่ าแหน่งตรงขา้ มกบั ดวงอาทิตยโ์ ดยมีโลกอยตู่ รงกลาง เป็น คืนจนั ทร์วนั เพญ็ ) - การทดลองน้ีจะสรุปผลไดว้ า่ อยา่ งไร (จนั ทรุปราคา เป็นปรากฏการณ์ท่ีเห็นดวง จนั ทร์มดื ซ่ึงเกิดข้ึนเพราะเงาของโลกตกลงบนดวงจนั ทร์ขณะท่ีโลกอยรู่ ะหว่างดวง อาทิตยแ์ ละดวงจนั ทร์) 9. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั อภิปรายร่วมกนั วา่ การเกิดจนั ทรุปราคาในธรรมชาติ คิดวา่ จะมองเห็น ดวงจนั ทร์มีลกั ษณะอยา่ งไร และร่วมกนั อภิปรายเหตุผลท่ที าใหเ้ กิดสีคล้า (เมื่อเกิดจนั ทรุปราคา เตม็ ดวง จะสงั เกตเห็นดวงจนั ทร์เป็นสีสม้ คล้า เนื่องจากปรากฏการณ์แสงโลก (Earthshine) 10. ผสู้ อนเลา่ เรื่องความเชื่อของคนโบราณเกี่ยวกบั สุริยปุ ราคา และจนั ทรุปราคา คือ เดิมเชื่อว่ามี ราหูมากินดวงอาทิตยแ์ ละดวงจนั ทร์ จึงเรียกปรากฏการณน์ ้ีวา่ สุริยคราส และจนั ทรคราส คาว่า “คราส” หมายถงึ กิน ต่อมาจึงเปลีย่ นเป็น สุริยปุ ราคา และจนั ทรุปราคา ซ่ึงคาว่า “อุปราคา” มี ความหมายว่าทาใหม้ ีมลทิน ทาใหด้ า ทาใหม้ ืดมิด 11. ผสู้ อนอภิปรายร่วมกบั ผเู้ รียนวา่ - การเกิดสุริยปุ ราคา และจนั ทรุปราคา เกิดข้ึนเป็นวฏั จกั รหรือไม่ (เป็นวฏั จกั รเพราะ สุริยปุ ราคาและจนั ทรุปราคาเป็นปรากฏการณ์ท่ีเกิดข้ึนในลกั ษณะเป็นวงจรท่ี วนเวยี นกลบั มาเกิดซ้าๆ กนั แต่ใชเ้ วลาในการทจ่ี ะเกิดข้ึนซ้าอีกนาน) - ผเู้ รียนทานายไดห้ รือไม่ ประเทศไทยเราจะเห็นสุริยปุ ราคาหรือจนั ทรุปราคาเม่ือใด ( สามารถทานายไดเ้ พราะมนั เกดิ เป็นวฎั จกั รที่ดวงอาทิตย์ โลก ดวงจนั ทร์ มแี บบรูป (pattern) ของทางโคจรคงที่ โดยสุริยปุ ราคาเตม็ ดวงจะเกิดข้ึนประมาณทุกๆ 7 ปี ณ ตาแหน่งที่แตกต่างกนั ส่วนจนั ทรุปราคาจะเห็นไดป้ ระมาณปี ละ 1-2 คร้ัง โดยที่คนท่ี อยปู่ ระเทศไทยสามารถสงั เกตไดเ้ ช่นเดียวกนั ท้งั น้ีจนั ทรุปราคาไม่สามารถเกิดข้ึน สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

179 ทุกเดือน เน่ืองจากระนาบทโ่ี ลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ และระนาบที่ดวงจนั ทร์โคจร รอบโลก ไมใ่ ช่ระนาบเดียวกนั แต่ทามมุ กนั ประมาณ 5 องศา) - ผเู้ รียนทราบหรือไมว่ า่ ในประวตั ิศาสตร์ไทยใครสามารถทานายการเกิดสุริยปุ ราคา ไดถ้ กู ตอ้ งแม่นยาเป็นคนแรก และทานายว่าจะเกิดข้ึนที่ใด เมื่อใด (พระบาทสมเด็จ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงคานวณไวว้ า่ จะเกดิ สุริยปุ ราคาเต็มดวงในวนั ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 ณ ต.หวา้ กอ จ. ประจวบคีรีขนั ธ์ จึงกาหนดให้ วนั ท่ี 18 สิงหาคม เป็นวนั วทิ ยาศาสตร์ไทย และพระองคท์ รงเป็นพระบิดาแห่งวทิ ยาศาสตร์ ไทย) 12. ผเู้ รียนสรุปส่ิงท่ีตนเองเรียนรู้โดยอธิบายเก่ียวกบั การเกิดสุริยปุ ราคา และจนั ทรุปราคา และ ผสู้ อนนาผเู้ รียนอภิปรายเกี่ยวกบั กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ในกิจกรรมน้ีโดย ผูเ้ รียน ดาเนินการคน้ หาความรู้โดยเริ่มตน้ จากส่ิงท่ีตนเองรู้จกั เก่ียวกบั สุริยปุ ราคา และจนั ทรุปราคา จากน้ันเกิดขอ้ คาถามท่ีอยากรู้เกี่ยวกับสุริยุปราคา และจนั ทรุปราคา ไดอ้ อกแบบโดยการใช้ ส่ิงของรอบตวั มาช่วยในการสร้างแบบจาลองเพ่ือสารวจตรวจสอบท่ีใชใ้ นการอธิบายการเกิด สุริยุปราคา และจนั ทรุปราคา จากน้ันไดว้ ิเคราะห์คาอธิบายแบบจาลองร่วมกนั ในแต่ละกลุ่ม และไดส้ ื่อสารสิ่งที่กลุ่มต่างๆ สารวจตรวจสอบมา ซ่ึงนามาสู่การสร้างขอ้ สรุปของการเกิด สุริยปุ ราคา และจนั ทรุปราคา รวมท้งั ขอ้ คาถามที่สามารถสารวจตรวจสอบเพ่ิมเติม การเตรียมตวั ล่วงหน้าของผู้สอน 1. ในการเตรียมทรงกลมเพื่อแทน ดวงจนั ทร์ และโลก ควรคานึงถึงสัดส่วนจริงโดย โลกมีเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางใหญ่เป็น 4 เท่าของดวงจนั ทร์ ข้อเสนอแนะเพมิ่ เตมิ 1. ผสู้ อนแนะนาวิธีดูสุริยปุ ราคา โดยหา้ มไม่ให้ผสู้ ังเกตมองดวงอาทิตยโ์ ดยตรง เพราะ จะทาใหส้ ายตาเสียขณะเมื่อแสงจา้ กระทบตาโดยตรง ควรมองผา่ นฟิ ลม์ ที่ใชส้ าหรับ การมองปรากฏการณ์สุริยปุ ราคาโดยเฉพาะ 2. ในการจดั กิจกรรมผสู้ อนอาจใชว้ ตั ถทุ รงกลมอน่ื ๆ แทน ฝรั่ง สม้ และมะนาวได้ เช่น ลกู เทนนิส ลกู ปิ งปอง ดินน้ามนั ป้ันเป็นกอ้ นกลม เป็นตน้ 3. เมือ่ ฉายแสงผา่ นผลมะนาวเพ่อื ทาใหเ้ กิดเงามืด เงามวั บนกระดาษ ควรตรึงผลมะนาว ใหอ้ ย่กู บั ท่ีเพ่ือไม่ให้ตาแหน่งของเงามืด เงามวั เล่ือนไปมา เช่น การตรึงผลมะนาว โดยใชไ้ มเ้ สียบผลมะนาวไว้ แลว้ ปักไมไ้ วก้ บั ดินน้ามนั หรือกระบะทราย สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

180 ความรู้เพมิ่ เตมิ สาหรับครู สุริยุปราคา ปรากฏการณ์สุริยปุ ราคา เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติท่ีเกิดจากดวงจนั ทร์ทอดเงามาที่โลก ทาให้ คนบนโลกบริเวณพ้ืนท่ีของเงาเห็นดวงอาทิตยม์ ดื ท้งั ดวงหรือมืดบางส่วน โลกและดวงจนั ทร์เป็ นวตั ถุ ทึบแสงท่ีมีขนาดเล็กกว่าดวงอาทิตยม์ าก ดงั น้ันเงาของโลกหรือของดวงจันทร์จึงมีท้งั เงามืดซ่ึงมี ลกั ษณะเป็นกรวยปลายแหลม และเงามวั ซ่ึงมีลกั ษณะบานออกไปในอวกาศ ดงั รูป แสดงเงามดื และเงามวั ของดวงจนั ทร์หรือของโลก การท่ีดวงจนั ทร์จะทอดเงาไปท่ีโลกไดน้ ้นั จะตอ้ งเป็ นเวลากลางวนั และเป็ นวนั ซ่ึงดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และโลกเรียงอย่ใู นแนวเสน้ ตรงเดียวกนั สุริยปุ ราคาจึงเกิดในเวลากลางวนั และตรงกบั วนั แรม 15 ค่า หรือ ข้ึน 1 ค่า คนท่ีอยใู่ ตเ้ งามดื ของดวงจนั ทร์จะเห็นดวงจนั ทร์บงั ดวงอาทิตยจ์ นมิด เรียกว่า เกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ในขณะท่ีคนอย่ภู ายใตเ้ งามวั จะเห็นดวงอาทิตยถ์ ูกบงั ไม่หมด เรียกว่า เกิด สุริยุปราคาบางส่วน ถา้ ในวนั ที่เกิดสุริยปุ ราคา ดวงจนั ทร์อย่หู ่างโลกมากกว่าปกติจะทาใหเ้ งามืดของ ดวงจนั ทร์ทอดไปไมถ่ งึ โลก แต่ถา้ ต่อเสน้ ขอบของเงามดื ออกไปสมั ผสั ผวิ โลกจะเป็ นเขตเงามวั ส่วนใน ผทู้ ่ีอยภู่ ายใตเ้ งามวั ส่วนน้ีจะเห็น สุริยุปราคาวงแหวน ซ่ึงสุริยปุ ราคาประเภทต่างๆ ปรากฏ ดงั รูป สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

181 ความรู้เพม่ิ เตมิ สาหรับครู เนื่องจากขนาดของเงามืดที่พาดผ่านโลกเล็กมากเมื่อเทียบกบั ขนาดของเงามวั ดงั น้นั เม่ือเกิด สุริยปุ ราคาเตม็ ดวงข้ึนคร้ังใดจะมีคนจานวนมากท่ีเห็นเป็ นสุริยปุ ราคาบางส่วน และมีเพียงคนจานวน นอ้ ยเท่าน้นั ที่อยภู่ ายใตเ้ งามืด ซ่ึงเห็นเป็นสุริยปุ ราคาเต็มดวง สุริยุปราคาเต็มดวงที่สาคัญในประวตั ิศาสตร์ของไทย คือสุริยุปราคาเต็มดวงเม่ือวนั ท่ี 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 เรียกวา่ สุริยุปราคา-เต็มดวง ท่ีหว้ากอ ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงคานวณไวล้ ่วงหน้าถึง 2 ปี และไดเ้ สด็จไปทอดพระเนตรดว้ ยพระองค์เองท่ีบา้ นหวา้ กอ จงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ สุริยุปราคาเต็มดวงที่เห็นในประเทศไทยเต็มดวงคร้ังต่อมาเกิดข้ึน เม่ือวนั ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2418 วนั ท่ี 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2472 และวนั ท่ี 20 มถิ ุนายน พ.ศ. 2498 ซ่ึงคร้ังน้ีเห็นที่กรุงเทพฯ ดว้ ย คร้ัง สุดท้ายเกิดเม่ือวนั ท่ี 24 ตุลาคม พ.ศ. 2538 สามารถเห็นไดใ้ น 11 จังหวดั ไดแ้ ก่ ตาก กาแพงเพชร อทุ ยั ธานี นครสวรรค์ ลพบุรี เพชรบรู ณ์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สระแกว้ พิจิตร และชยั ภูมิ สุริยปุ ราคาเตม็ ดวงเป็นปรากฏการณ์ท่ีมปี ระโยชน์ในการศึกษาเกี่ยวกบั ดวงอาทิตย์ โดยเฉพาะ บรรยากาศรอบนอกที่เรียกว่า แสงคอโรนา นอกจากน้ียงั พบปรากฏการณ์ต่างๆ ท่ีเกิดจากสุริยปุ ราคา ไดแ้ ก่ ปรากฏการณ์ลกู ปัดของเบลีย่ ์ และปรากฏการณ์แหวนเพชร สุริยปุ ราคาเตม็ ดวงและแสงคอโรนา ปรากฏการณ์ลูกปัดของเบลยี่ ์ ปรากฏการณ์แหวนเพชร ก่อนที่ดวงจนั ทร์จะบดบงั ดวงอาทิตยห์ มดท้งั ดวง แสงของดวงอาทิตยส์ ่วนท่ีเหลอื อยเู่ พียงเลก็ นอ้ ย น้นั จะทาปฏิกิริยากบั พ้นื ผวิ ของดวงจนั ทร์เกิดเป็นประกายแวววาวในรูปแบบต่างๆ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

182 ความรู้เพม่ิ เตมิ สาหรับครู ปรากฏการณ์ลกู ปัดเบลีย์ (Baily's Beads) จะเกิดก่อนท่ีดวงจนั ทร์จะบดบงั ดวงอาทิตยห์ มดท้งั ดวง แสงของดวงอาทิตยส์ ่วนท่ีเหลืออยเู่ พียงเลก็ นอ้ ยน้ันจะส่องลอดผา่ นบริเวณท่ีลุ่ม ท่ีต่า หุบเขา หุบ เหวลึกบนพ้ืนผวิ ดวงจนั ทร์อนั ขรุขระเป็นหลมุ เป็นบ่อ ปรากฏเป็ นประกายแวววาวเหมือนลูกปัดสี สวยสดใสที่เรี ยงร้อยกันล้อมรอบดวงจันทร์สวยงามมากเราเรี ยกปรากฏการณ์แบบน้ีว่า ปรากฏการณ์ลูกปัดเบลีย์ เพื่อให้เป็ นเกียรติแก่นกั ดาราศาสตร์ชาวองั กฤษ คือ ฟรานซิส เบลีย์ (Francis Baily) ซ่ึงเป็ นผอู้ ธิบายปรากฏการณ์น้ีไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเป็ นคนแรก เม่ือเกิดสุริยปุ ราคาวง แหวนเมือ่ วนั ที่ 15 พฤษภาคม ปี พ.ศ. 2379 ซ่ึงปรากฏการณ์ลูกปัดจะใชเ้ วลาเพียงไม่กี่วินาที และ ปรากฏการณ์แหวนเพชร (The diamond ring effect) จะเกิดข้ึนเมื่อลาแสงสุดทา้ ยของดวงอาทิตย์ หรือลาแสงของลกู ปัดสุดทา้ ยท่ีเหลืออยลู่ อดผ่านลงมา ซ่ึงจะเกิดก่อนและหลงั การบงั มืดหมดดวง ประมาณ 10 วนิ าที ปรากฏการณ์เป็ นดวงสว่างจา้ อย่เู พียงดวงเดียวบนขอบเส้ียวของดวงอาทิตยท์ ี่ กาลงั จะลบั ไป เป็นรูปคลา้ ยแหวนเพชรส่องประกายสวยงามมาก สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

183 ความรู้เพม่ิ เตมิ สาหรับครู จนั ทรุปราคา “จนั ทรุปราคา” เกิดจากการที่ดวงจนั ทร์โคจรผา่ นเขา้ ไปในเงาของโลก ทาใหเ้ ห็นดวงจนั ทร์ค่อย ๆ แหวง่ มากข้ึน จนหมดลบั ดวงและโผล่กลบั ข้ึนมาอีกคร้ัง จนั ทรุปราคาจะเกิดข้ึนเฉพาะในคืนวนั เพญ็ 15 ค่า หรือคืนวนั พระจนั ทร์เต็ม ดวง อยา่ งไรกต็ ามปรากฏการณ์จนั ทรุปราคา มิสามารถเกิดข้ึนทุกเดือน เน่ืองจากระนาบท่ีโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ และ ระนาบที่ดวงจนั ทร์โคจรรอบโลก มิใช่ระนาบเดียวกนั หากตดั กนั เป็นมุม 5 องศา ดงั น้ันโอกาสท่ีจะเกิดจนั ทรุปราคา จึงมี เพียงประมาณปี ละ 1-2 คร้ัง โดยท่ีสามารถมองเหน็ จากประเทศไทย เพยี งปี ละคร้งั ภาพ แสดงระนาบท่ีดวงจนั ทร์โคจรรอบโลกตดั กบั ระนาบที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตยเ์ ป็นมุม 5 องศา จนั ทรุปราคาเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดในเวลากลางคืน ขณะท่ีเป็ นจนั ทร์เพ็ญ ดวงจนั ทร์อยตู่ รง ข้ามกับดวงอาทิตยพ์ อดี โดยมีโลกอยู่กลาง ถา้ ดวงจันทร์เขา้ ไปอยู่ในเงามืดท้ังดวง เรี ยกว่า เกิด จนั ทรุปราคาเตม็ ดวง ถา้ เขา้ ไปอยใู่ นเงามดื เพยี งบางส่วน เรียกว่า เกดิ จันทรุปราคาบางส่วน และถา้ เขา้ ไปอยใู่ นเงามวั เท่าน้นั เรียกวา่ เกดิ จนั ทรุปราคาในเงามวั ซ่ึงสงั เกตยาก เพราะดวงจนั ทร์ไม่มดื สนิท ภาพ แสดงการเคล่ือนของดวงจนั ทร์ผา่ นเงาของโลกทาใหเ้ กิดสุริยปุ ราคาแบบตา่ งๆ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

184 ความรู้เพมิ่ เตมิ สาหรับครู ในประวตั ิศาสตร์ของไทย มีหลกั ฐานที่แสดงว่าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงส่องกลอ้ ง โทรทรรศน์เพอื่ ทอดพระเนตรจนั ทรุปราคาเตม็ ดวงที่พระราชวงั ในลพบุรี เมื่อคืนวนั ที่ 11 ธนั วาคม พ.ศ. 2228 และทอดพระเนตรสุริยปุ ราคาบางส่วนบนฉากท่ีรับภาพจากกลอ้ งโทรทรรศน์ที่บาทหลวงเจซูอิต ต้งั ถวายเมื่อวนั ท่ี 30 เมษายน พ.ศ. 2231 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

185 ใบกจิ กรรมที่ 6.1 กจิ กรรม 6.1 เลก็ -ใหญ่ มองเห็นเป็นอยา่ งไร หนงั สือเรียนสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน 1. วาง ร วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปี ที่ 6 ร ร บ ดงั ภาพ เร่ือง เลก็ -ใหญ่ มองเห็นเป็นอยา่ งไร 2. ใหผ้ เู้ รียนอยชู่ ิดขอบโตะ๊ หนา้ 133 รบ บ อ 3. วางผลมะนาวไวท้ ี่เดิม เลอื่ นผลสม้ ออกจาก ตาแหน่งเดิม จนเห็นขนาดของผลสม้ เท่ากบั ผล รายการวสั ดุ – อุปกรณ์ มะนาว วดั ระยะจากตาแหน่งเดิมของผลสม้ 1. ผลสม้ ผลมะนาว และผลฝรงั ่ จนถึงระยะ ท่ีเห็นผลสม้ มขี นาดเท่ากบั ผล 2. ไมบ้ รรทดั มะนาว 4. เลื่อน มาวางแทนตาแหน่งเดิมของ ในคร้ังแรก สงั เกตการบงั กนั ของผลไม้ ท้งั สองชนิด 5. ทดลองเช่นเดิม แต่เปลี่ยนมาใชผ้ ลฝร่ังแทน ผลสม้ ผลมะนาว ผลส้ม ผลฝร่งั สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

186 ใบบนั ทกึ กจิ กรรมท่ี 6.1 ช่ือ............................................................ช้นั ...........................เลขที่.................................. วนั ที่ ...................... เดือน .............................................พ.ศ. ............................. ผลท่ีสังเกตได้จากการทากจิ กรรม 1. ผลมะนาว ผลสม้ และผลฝร่ัง ที่วางเรียงหนา้ กระดานเป็นเสน้ ตรง เม่อื มองดว้ ยตาขา้ งเดียวจะ เห็นผลไมช้ นิดใดมขี นาดใหญ่ท่ีสุดและเลก็ ท่ีสุด ................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. 2. เมอื่ เล่อื นผลสม้ จนเห็นขนาดของผลสม้ เท่ากบั ขนาดของผลมะนาว 2.1 ระยะจากจุดท่ีวางผลสม้ ในคร้ังแรกถงึ ระยะของผลสม้ ในขณะน้ี เป็นระยะเท่าใด ผเู้ รียนเลอ่ื นผลสม้ อยา่ งไร .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. 2.2 ท่ีระยะน้ี ถา้ ผลมะนาวอยใู่ นแนวเดียวกนั กบั ผลสม้ ผลมะนาวจะบงั ผลสม้ ไดห้ รือไม่ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. 3. เม่อื ใชผ้ ลฝรั่งแทนผลสม้ แลว้ เลอื่ นผลฝรั่งจนมองเห็นผลฝร่ังมขี นาดเท่าขนาดของผลมะนาว ระยะจากจุดทว่ี างผลฝรั่งในคร้ังแรกถงึ ระยะของผลฝร่ังในขณะน้ีเป็นระยะเท่าใด ผเู้ รียน เลื่อนผลฝรั่งอยา่ งไร และระยะน้ีมากหรือนอ้ ยกว่าระยะท่วี ดั ไดใ้ นขอ้ 2.1 อยา่ งไร ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... 4. การทดลองน้ีจะสรุปผลไดว้ า่ อยา่ งไร .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

187 ใบกจิ กรรมท่ี 6.2 กจิ กรรม 6.2 จากเงามดื เงามวั มองเหน็ แหล่งกาเนดิ แสงเหมอื นกนั หรือไม่ หนงั สือเรียนสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน 1. นาไฟฉายวางบนดนิ น้ามนั หรือหนงั สือท่ี วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปี ที่ 6 ซอ้ นกนั ดงั ภาพ เสียบลกู ปิ งปองดว้ ยไม้ ปลาย เร่ือง “จากเงามดื เงามวั มองเห็น อีกขา้ งหน่ึงปักไวก้ บั ดินน้ามนั อกี กอ้ น จากน้นั แหล่งกาเนิดแสงเหมือนกนั หรือไม”่ นาเทปใสติดกระดาษขาวไวก้ บั แผน่ พลาสติก หนา้ 134 ใส ต้งั ไวบ้ นโต๊ะดว้ ยคลปิ หูขาว 2 อนั ดงั ภาพ 2. เลอ่ื นไมเ้ สียบลกู ปิ งปอง ใหล้ กู ปิ งปองบงั รายการวสั ดุ – อุปกรณ์ แสงไฟฉาย จดั ใหเ้ งาตกลงกลางแผน่ กระดาษ 1. ลกู ปิ งปอง พอดี 2. ไมส้ าหรับเสียบลกู ปิ งปอง 3. เจาะรูเลก็ ๆ บริเวณท่ีไม่เกิดเงา บริเวณเงามืด 3. ดินน้ามนั 2 กอ้ น และบริเวณเงามวั ตาแหน่งละ 1 รู ใหผ้ เู้ รียน 4. กระดาษขาว A4 สงั เกตและเปรียบเทียบ การเห็นไฟฉายเม่ือมอง 5. คลิปหูขาวขนาดใหญ่ 2 อนั ผา่ นรูท้งั 3 บนั ทึกผล และอภิปรายสิ่งท่ีเกดิ ข้ึน 6. แผน่ พลาสติกใสหนา 7. ไฟฉาย แผ่นพลาสติกใส ตดิ ไฟฉาย กระดาษ ดา้ นหลงั ลูกปิ งปอง คลิปหูขาว สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

188 ใบบนั ทกึ กจิ กรรมท่ี 6.2 ชื่อ............................................................ช้นั ...........................เลขท่ี.................................. วนั ท่ี ...................... เดือน .............................................พ.ศ. ............................. ผลที่สังเกตได้จากการทากจิ กรรมเป็ นดงั นี้ 1. เมื่อฉายไฟฉายไปยงั ลกู ปิ งปอง แสงสามารถผา่ นลกู ปิ งปองไปยงั กระดาษขาวไดห้ รือไม่ ทราบไดอ้ ยา่ งไร ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... 2. ใหว้ าดรูปเงาที่ผเู้ รียนเห็น พร้อมท้งั แรเงาส่วนมดื ดว้ ย 3. ส่วนใดของเงาของลกู ปิ งปองบนกระดาษท่ีเรียกวา่ เงามืด และส่วนใดเรียกวา่ เงามวั ใหร้ ะบุ ลงในรูปท่ีวาดในขอ้ 2. 4. เมอื่ สงั เกตผา่ นรูท่ีเจาะบนกระดาษไปยงั ไฟฉาย จะมองเห็นไฟฉายจากบริเวณต่างๆ แตกต่าง กนั หรือไม่ อยา่ งไร ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... 5. รร ร อ ร ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

189 ใบกจิ กรรมท่ี 6.3 กจิ กรรม 6.3 สุริยปุ ราคาเกดิ ขนึ้ ได้อย่างไร หนงั สือเรียนสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน 1. นาไฟฉายแทนดวงอาทิตย์ ผลมะนาวแทน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปี ที่ 6 ดวงจนั ทร์ ผลสม้ แทนโลก เรื่อง “สุริยปุ ราคาเกดิ ข้ึนไดอ้ ยา่ งไร” 2. สร้างแบบจาลองโดยใชไ้ มเ้ สียบผลมะนาว หนา้ 135 จดั ใหผ้ ลมะนาวบงั แสงจากไฟฉายอยใู่ นแนว เสน้ ตรงเดียวกนั กบั ผลสม้ จากน้นั เลื่อนผล รายการวสั ดุ – อุปกรณ์ มะนาวไปมาระหว่างไฟฉายกบั ผลสม้ จนเงา 1. ผลมะนาว ผลสม้ ของผลมะนาวตกลงบนผลสม้ ชดั เจน 2. ไฟฉาย 3. สงั เกตเงาที่เกิดข้ึนบนผลสม้ วาดภาพ และ 3. ไมส้ าหรับเสียบผลไม้ บนั ทึกผลในใบบนั ทึกกิจกรรม 4. ดินน้ามนั 2 กอ้ น ไฟฉาย ผลมะนาว ผลสม้ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

190 ใบบนั ทกึ กจิ กรรมที่ 6.3 ช่ือ............................................................ช้นั ...........................เลขที่.................................. วนั ที่ ...................... เดือน .............................................พ.ศ. ............................. ผลท่ีสงั เกตไดจ้ ากการทากิจกรรมเป็นดงั น้ี 1. เม่ือนาผลมะนาวบงั แสงจากไฟฉาย โดยมผี ลสม้ อยหู่ ่างออกไปเป็นฉากอยหู่ ลงั ผลมะนาวจะ สงั เกตเห็นอะไรบา้ ง ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... 2. เม่อื เล่อื นผลมะนาวไปมาระหวา่ งไฟฉายกบั ผลสม้ ที่อยหู่ ่างออกไป เงาของผลมะนาวตกลง บนผลสม้ ทุกระยะท่ีเล่ือนผลมะนาวหรือไม่ ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... 3. เมอื่ จดั ใหเ้ งาของผลมะนาวตกลงบนผลสม้ เงาท่ีเกิดข้นึ มลี กั ษณะอยา่ งไร พร้อมเขียน ภาพประกอบ ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

191 ใบบนั ทกึ กจิ กรรมที่ 6.3 (ต่อ) ช่ือ............................................................ช้นั ...........................เลขท่ี.................................. วนั ที่ ...................... เดือน .............................................พ.ศ. ............................. ผลที่สงั เกตไดจ้ ากการทากิจกรรมเป็นดงั น้ี 4. ถา้ ใหเ้ ปรียบเทียบไฟฉาย ผลมะนาว และผลสม้ กบั โลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทิตย์ ของแต่ ละอยา่ งเทียบไดก้ บั อะไร เพราะเหตุใด ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... 5. ถา้ ดวงจนั ทร์โคจร อยใู่ นแนวเสน้ ตรงระหวา่ งดวงอาทิตย์ และโลก จะเกิดอะไรข้ึน ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... 6. คนที่อยบู่ นโลกตรงตาแหน่งเงามดื พอดี จะมองเห็นดวงอาทิตยห์ รือไม่ เพราะเหตุใด ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... 7. คนที่อยบู่ นโลกตรงบริเวณเงามวั จะมองเห็นดวงอาทิตยห์ รือไม่ อยา่ งไร ................................................................................................................................ 8. คนท่ีอยบู่ นโลกบริเวณอ่นื ๆ นอกเงาของดวงจนั ทร์ จะมองเห็นดวงอาทิตยห์ รือไม่ ............................................................................................................................... 9. ปรากฏการณ์ที่เห็นดวงอาทติ ยม์ ดื ท้งั หมด หรือ มืดบางส่วนน้ี เรียกว่าอะไร ................................................................................................................................ 10. ปรากฏการณ์น้ีมองเห็นไดใ้ นวนั ที่ดวงจนั ทร์อยใู่ นตาแหน่งใด และเป็นวนั ใดตามจนั ทรคติ ........................................................................................................................................... 11. การทดลองน้ีจะสรุปผลไดว้ า่ อยา่ งไร ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

192 ใบกจิ กรรมที่ 6.4 กจิ กรรม 6.4 จนั ทรุปราคาเกดิ ขนึ้ ได้อย่างไร หนงั สือเรียนสาระการเรียนรู้พ้นื ฐาน 1. นาไฟฉายแทนดวงอาทิตย์ ผลมะนาวแทน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปี ที่ 6 ดวงจนั ทร์ ผลสม้ แทนโลก เร่ือง “จนั ทรุปราคาเกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งไร” 2. สร้างแบบจาลองโดยวางผลสม้ ผลมะนาว หนา้ 139 และไฟฉายอยใู่ นแนวเสน้ ตรงเดียวกนั ผลสม้ อยตู่ รงกลาง จากน้นั เล่ือนผลมะนาวใหค้ ่อยๆ รายการวสั ดุ – อปุ กรณ์ โคจรเขา้ ไปในเงาของผลสม้ ซ่ึงแทนโลก ให้ 1. ผลมะนาว ผลสม้ สงั เกตผลมะนาวขณะท่ีโคจรเขา้ ไปในเงาของ 2. ไฟฉาย ผลสม้ จนกระทงั่ โคจรออกจากเงา บนั ทึกผลลง 3. ไมส้ าหรับเสียบผลไม้ ในใบกิจกรรม ผลมะนาว ไฟฉาย ผลส้ม สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

193 ใบบันทกึ กจิ กรรมท่ี 6.4 ชื่อ............................................................ช้นั ...........................เลขท่ี.................................. วนั ที่ ...................... เดือน .............................................พ.ศ. ............................. ผลที่สงั เกตไดจ้ ากการทากิจกรรมเป็นดงั น้ี 1. นาผลสม้ บงั แสงจากไฟฉายแลว้ ค่อยๆ เล่ือนผลมะนาวผา่ นเงาของผลสม้ ชา้ ๆ เงาของผลสม้ ท่ี ตกลงบนผลมะนาวจะมลี กั ษณะอยา่ งไร ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... 2. ถา้ โลกโคจรผา่ นเขา้ ไประหวา่ งดวงจนั ทร์และดวงอาทิตยใ์ นแนวเสน้ ตรงเดียวกนั จะเกิด อะไรข้ึน ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... 3. ขณะดวงจนั ทร์โคจรผา่ นเขา้ ไปในเงาของโลก คนบนโลกจะเห็นดวงจนั ทร์เป็นอย่างไร ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... 4. ปรากฏการณ์ที่เห็นดวงจนั ทร์มดื ท้งั หมด หรือมืดบางส่วนเรียกว่าอะไร ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... 5. ปรากฏการณ์น้ีมองเห็นไดใ้ นคืนท่ีดวงจนั ทร์อยตู่ าแหน่งใด และเป็นวนั ใดตามจนั ทรคติ ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... 6. การทดลองน้ีจะสรุปผลไดว้ า่ อยา่ งไร ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

194 ใบบันทกึ การเรียนรู้ของฉัน ชื่อ...............................................ช้นั ..............................................เลขที่.............................................. วนั ท่ี.....................................เดือน...............................พ.ศ........................................ 1. ฉนั เรียนรู้อะไรบา้ งเกี่ยวกบั เร่ืองน้ี ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. ฉนั ไดท้ าอะไรบา้ งเพื่อหาคาตอบในสิ่งที่ไดเ้ รียนรู้ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 3. ฉนั รู้สึกอยา่ งไรเก่ียวกบั การเรียนเรื่องน้ี 3.1 ฉนั ชอบเรียนเรื่องน้ีหรือไม่ เพราะเหตุใด ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 3.2 การเรียนเร่ืองน้ีแลว้ สามารถนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ดห้ รือไม่ อยา่ งไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 3.3 ฉนั ไดท้ าอะไรเหมือนนกั วทิ ยาศาสตร์บา้ ง ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook