คู่มอื ครู Teacher Script วทิ ยาศาสตร์ ป.2 และเทคโนโลยี เล่ม 1 ช้ันประถมศกึ ษาปท ่ี 2 ตามมาตรฐานการเรยี นรแู ละตวั ช้ีวัด กลมุ สาระการเรียนรูวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ผูเรยี บเรยี งหนังสอื เรยี น ผูต รวจหนังสอื เรยี น บรรณาธกิ ารหนังสือเรยี น ดร.เพ็ญพักตร ภูศลิ ป นางสาวศริ ริ ตั น วงศศ ริ ิ นายฐาปกรณ คาํ หอมกุล ดร.พลอยทราย โอฮามา นางวชริ าภรณ ปถ วี นายวนั เฉลมิ กล่ินศรีสขุ นางจิตติมา ไทรแกวดวง ผเู รยี บเรียงคูมือครู บรรณาธิการคมู อื ครู นางจติ ติมา ไทรแกว ดวง นายวนั เฉลิม กลิ่นศรสี ุข นางกุสุมาลย ตลึงจติ ร นางสาวปทติ ตา ขาํ ทพั พิมพครงั้ ท่ี 4 สงวนลขิ สทิ ธต์ิ ามพระราชบัญญัติ รหสั สนิ คา 1248036
Chapter Concept Overview ส่งิ มีชวี ติ ต่าง ๆ รอบตวั เรามีอยูม่ ากมาย ในการสังเกตวา่ ส่งิ ใดเปนส่ิงมชี วี ิตหรอื ส่งิ ไม่มีชวี ิตน้นั เราสามารถสงั เกตไดจ้ ากลกั ษณะ ส�าคัญท่เี ปนลักษณะเฉพาะตวั ของสงิ่ มีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวติ ซงึ่ มีลกั ษณะส�าคัญท่ีแตกตา่ งกนั ดังนี้ ลักษณะสาํ คญั ของสิ่งมชี ีวติ 1. ม ีการเจริญเตบิ โตของร่างกาย 2. ตอ้ งการอากาศเพอื่ หายใจ 3. ม ีการสืบพันธอุ์ อกลูกออกหลาน 4. ต้องการอาหารและนา้� 5. มกี ารขับถ่ายของเสีย 6. ม ีการตอบสนองต่อสิ่งเรา้ หรือส่ิงกระตุน้ 7. สามารถเคล่อื นไหวและเคล่ือนทไ่ี ด้เอง T30
ลักษณะสาํ คญั ของส่ิงไมม ชี ีวิต หนว ยการเรยี นรทู ่ี 2 1. ไม่ มกี ารเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกาย 2. ไ มห่ ายใจ 3. ไ ม่มีการสืบพันธุ์ 4. ไม่ต้องการอาหารและนา�้ 5. ไมม่ กี ารขบั ถา่ ยของเสยี 6. ไมม่ กี ารตอบสนองต่อส่งิ เร้าหรือสิง่ กระตุ้น 7. ไ มส่ ามารถเคล่อื นไหวและเคลื่อนที่ได้เอง T31
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ 2ˡҹËÇàÂÃÕ¹÷ŒÙ Õè ʧÔè áÇ´ÅÍŒ ÁÃͺµÇÑ àÃÒ กระตนุ้ ความสนใจ ÊèÔ§áÇ´ÅŒÍÁ·ÕèÍÂÙ‹Ãͺ æ µÑÇàÃÒ¹Ñé¹ »ÃСͺ´ŒÇ ÊèÔ§ÁÕªÕÇÔµáÅÐÊÔè§äÁ‹ÁÕªÕÇÔµ 1. ครแู จง จดุ ประสงคก ารเรยี นรูใ หน ักเรยี นทราบ «Öè§ÊèÔ§ÁÕªÕÇÔµ¨ÐÁÕÅѡɳзèÕᵡµ‹Ò§¨Ò¡ 2. นักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน เพื่อวัด ÊÔ§è äÁÁ‹ ªÕ ÇÕ µÔ ความรเู ดิมของนักเรยี นกอนเขาสูบ ทเรยี น ตัวชี้วัด เปรียบเทยี บลกั ษณะของส่ิงมีชวี ติ และส่ิงไมมชี ีวิต จากขอ มูลทร่ี วบรวมได (มฐ. ว 1.3 ป.2/1) เกร็ดแนะครู ในการจัดการเรียนการสอนหนวยนี้ ครูควรใหนักเรียนไดสํารวจสังเกต เกย่ี วกบั ส่ิงแวดลอ มรอบตวั และเปด โอกาสใหน ักเรยี นนําขอมูลทไ่ี ดม าอภปิ ราย และสรปุ เปน ความรู โดยครเู ปน ผสู ง เสรมิ ใหน กั เรยี นไดอ ธบิ ายแนวคดิ ดว ยคาํ พดู ของนกั เรยี นเอง เพอ่ื สง เสริมใหนกั เรียนสรุปเปนองคความรูของตนเองได T32
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ º··èÕ 1 ขนั้ นาํ ʧèÔ ÁÕªÕÇµÔ áÅÐÊÔ§è äÁ‹ÁªÕ ÕÇÔµ กระตนุ้ ความสนใจ ศัพทนา รู 3. ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ประจาํ บทวา นกั เรยี นคดิ วา สง่ิ มชี วี ติ มลี กั ษณะสาํ คญั อยา งไรบา ง แลว ให คําศพั ท นักเรียนชว ยกันแสดงความคดิ เหน็ environment 4. ครูฝกใหนักเรียนเรียนรูและอานคําศัพทใน living things หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร ป.2 เลม 1 หนานี้ non-living things move คําอาน คาํ แปล อนิ ' ไวเออรนั มึนท สิ่งแวดลอ ม 'ลิฟวงิ ธงิ ส สิง่ มชี วี ติ นอน'ลฟิ วิง ธิงส ส่งิ ไมม ชี วี ิต เคลื่อนไหว มฟู ว environment non-living things living things ¹Ñ¡àÃÕ¹¤Ô´Ç‹Ò ÊèÔ§ÁÕªÕÇÔµÁÕÅѡɳР?ÊíÒ¤ÑÞÍ‹ҧäúŒÒ§ move แนวตอบ คําถามสาํ คัญประจําบท 27 ส่ิงมีชีวิตมีลักษณะสําคัญ ดังนี้ มีการเคล่ือนท่ี กินอาหาร ขับถาย หายใจ เจริญเติบโต สืบพันธุ และตอบสนองตอ สิง่ เราได นักเรียนควรรู นกั เรยี นเรยี นรูแ ละฝก อานคาํ ศัพทว ทิ ยาศาสตร ดังน้ี คําศพั ท คําอาน คาํ แปล living things (‘ลฟิ วิง ธงิ ) สง่ิ มชี ีวติ non-living things (นอน ‘ลิฟวิง ธิง) สง่ิ ไมม ชี วี ติ move (มฟู ว) เคลอ่ื นไหว excrete (เอค็ ซ’กรที ) ขับถา ย reproduce (รีพร’ึ ดิวซ) สบื พันธุ environment (อนิ ‘ไวเออรนั มนึ ท) ส่ิงแวดลอม T33
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน กิจกรรมนําสูการเรยี น สาํ รวจคน้ หา อานเรื่องราวทกี่ ําหนดให แลวตอบคําถาม นกั เรียนทํากิจกรรมนาํ สกู ารเรยี น จากหนงั สอื 1. วันหน่งึ มะลิไปตลาดกบั คุณแม มะลแิ ละ 2. มะลิดแู ลใหอ าหารแกล ูกปลาทองทุกวัน เรยี น หนา 28 โดยอา นเรือ่ งราวของมะลิแลวตอบ คณุ แมเ ดนิ ผา นรา นขายปลาสวยงาม มะลิ ชวงเวลาเชาและเย็น คําถามลงในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร จงึ ขอคณุ แมซ อื้ ลกู ปลาทองมาเลยี้ ง 1 ตวั ป.2 เลม 1 (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใชแบบ 3. มะลิทําความสะอาดโหลปลาทองทุก ๆ 4. เมอ่ื เวลาผา นไป ลกู ปลาทองเจรญิ เตบิ โต สงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานรายบคุ คล) สปั ดาห เพราะทก่ี น ของโหลมเี ศษอาหาร และพรอ มทีจ่ ะขยายพนั ธุ มะลจิ ึงไดย าย และส่ิงสกปรกตาง ๆ มากมาย ซึ่งอาจ ลูกปลาทองไปไวในตูปลาที่มีปลาทอง อธบิ ายความรู้ ทาํ ใหน า้ํ เนา เสยี และปลาทองอาจตายได ตัวอนื่ อยู เพอ่ื สืบพนั ธุและออกลกู 1. ครูชูบัตรภาพของสิ่งมีชีวิตและส่ิงไมมีชีวิต แลวใหนักเรียนชวยกันตอบวา ภาพใดเปน ส่ิงมชี วี ติ หรอื สง่ิ ไมม ชี ีวิต 2. ครูถามคําถามวา นักเรียนจะรูไดอยางไรวา ส่ิงท่ีเราสังเกตคือส่ิงไมมีชีวิต แลวใหนักเรียน ชวยกนั แสดงความคดิ เห็น 3. ครตู ดิ บตั รคาํ สงิ่ มชี วี ติ และสง่ิ ไมม ชี วี ติ ไวค นละ ฝงกระดาน จากนั้นนําบัตรภาพของสิ่งมีชีวิต และส่ิงไมมชี วี ิตใสไวใ นกลอ ง 4. ครูสุมนักเรียนออกมาหยิบบัตรภาพในกลอง ทีละคน แลวนําไปติดบนกระดานใหตรงกับ บัตรคําสิ่งมีชีวิตและส่ิงไมมีชีวิตที่ครูติดไวบน กระดาน 5. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบคําตอบท่ีติด ไวบ นกระดาน แนวตอบ กจิ กรรมนาํ สูการเรียน 1 ¨Ò¡àÃÍè× §ÃÒÇ ¹Ñ¡àÃÕ¹¤Ô´Ç‹Ò »Åҷͧ໹š Êè§Ô ÁÕªÇÕ ÔµËÃ×ÍäÁ‹ à¾ÃÒÐÍÐäà 2 ¹Ñ¡àÃÕ¹¤Ô´Ç‹Ò ÁÕÊèÔ§ã´ºŒÒ§·ÕèÁÕ¡ÒÃà¨ÃÔÞàµÔºâµ¢Í§Ã‹Ò§¡ÒÂàËÁ×͹¡Ñº»Åҷͧ 1) ปลาทองเปนสง่ิ มีชีวติ เพราะปลาทองตอง กนิ อาหารและนาํ้ ตอ งการอากาศเพอื่ หายใจ มกี าร ¨§Â¡µÇÑ Í‹ҧÁÒ 3 µÑÇÍÂÒ‹ § ขบั ถายของเสีย และมีการเจรญิ เติบโตของรา งกาย 28 2) ตวั อยา งสิ่งมีชีวติ เชน สนุ ขั คน ไก มา วัว ชาง ลิง เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครจู ดั กระบวนการเรยี นรูโดยการใหน ักเรยี นปฏบิ ัติ ดงั น้ี ขอใดเปนส่ิงมชี ีวิต • สาํ รวจและสังเกตส่ิงตา งๆ รอบตัว 1. โตะ • อภิปรายเกีย่ วกบั ลกั ษณะสําคญั ของสิ่งมชี ีวิต 2. เส้ือ • เปรียบเทยี บความแตกตางระหวา งสิ่งมชี ีวติ และสิ่งไมม ีชีวิต 3. กหุ ลาบ จนเกิดเปนความรูความเขาใจวา สิ่งมีชีวิตจะมีการเคล่ือนท่ี กินอาหาร ขบั ถา ย หายใจ เจรญิ เตบิ โต สบื พันธุ และตอบสนองตอ สง่ิ เรา ได แตส ิง่ ไมม ีชวี ติ (วิเคราะหค าํ ตอบ โตะและเสอื้ จัดเปน ของใช ซ่ึงเปน ส่งิ ไมมีชวี ิต จะไมมีลักษณะดังกลาว กุหลาบเปนพืช พืชจัดเปนส่ิงมีชีวิต ซ่ึงส่ิงมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต จะมีลกั ษณะท่แี ตกตา งกนั ดังนน้ั ขอ 3. จงึ เปน คาํ ตอบทถ่ี ูกตอ ง) T34
นาํ สอน สรปุ ประเมิน 2หนวยการเรียนรทู ี่ ขนั้ สอน ÊèÔ§áÇ´ÅÍŒ ÁÃͺµÑÇàÃÒ ขยายความเขา้ ใจ Å¡Ñ É³Ð¢Í§Êè§Ô ÁÕªÕÇµÔ áÅÐʧèÔ äÁ‹ÁÕªÇÕ Ôµ 1. ครูอธบิ ายเนือ้ หาจากหนงั สอื เรยี น หนา 29 ให นักเรยี นเขา ใจเพิ่มมากขึน้ สิง่ ตา ง ๆ ที่อยูรอบตัวเรา มีมากมายหลายชนดิ เชน สัตว พชื บา น รถยนต ส่งิ เหลาน้ี เราเรยี กวา สิง่ แวดลอม 2. ครูแจกใบงาน เรอื่ ง สิง่ มชี ีวติ และสิง่ ไมมีชีวติ ใหนักเรียนวาดภาพส่ิงมีชีวิตและส่ิงไมมีชีวิต ในส่ิงแวดลอมจะมีทั้งสิ่งมีชีวิตและส่ิงไมมีชีวิตอยูรวมกัน มาอยางละ 1 ชนดิ พรอมบอกลักษณะของสงิ่ เซค่ึงลสื่อ่ิงนมไีชหีววิตไ1ดจะสมว ีลนักสษิง่ ณไมะมสชี ําีวคิตัญจะไเมชมนีลักกษินณอะาดหงั ากรลไาดว หายใจได ทว่ี าด (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช แบบสงั เกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) ขนั้ สรปุ ตรวจสอบผล 1. ครสู มุ เรยี กนกั เรยี น 3-4 คน ใหอ อกมานาํ เสนอ ใบงาน แลว ใหน กั เรยี นทง้ั หอ งรว มกนั อภปิ ราย เก่ียวกบั ส่งิ มีชวี ติ และสิ่งไมม ชี วี ิต 2. ครูใหนักเรียนดูบัตรภาพของส่ิงมีชีวิตและ สงิ่ ไมม ชี วี ติ อกี ครง้ั พรอ มชว ยกบั ตอบวา สงิ่ ใด เปน สงิ่ มชี ีวติ หรือสิ่งไมมีชีวติ ภาพท่ี 2.1 ส่งิ มีชีวติ และสง่ิ ไมม ีชวี ิตในสิง่ แวดลอ ม àÃÒ¨ÐÃäŒÙ ´ÍŒ ÂÒ‹ §äÃÇÒ‹ ʧèÔ ·àÕè ÃÒÊ§Ñ à¡µ ขนั้ ประเมนิ ¤Í× Ê§Ôè äÁÁ‹ ªÕ ÇÕ µÔ ตรวจสอบผล 29 1. ครตู รวจสอบผลการทาํ แบบทดสอบกอนเรยี น 2. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมนําสูการเรียน ในสมุดหรือในแบบฝกหัดวิทยาศาสตร ป.2 เลม 1 3. ครูตรวจสอบผลการทาํ ใบงาน เร่ือง สิง่ มีชวี ิต และสิง่ ไมม ีชีวติ แนวตอบ คําถาม ส่ิงไมมีชีวิต มีลักษณะสําคัญ ดังนี้ ไมมีการ เคล่อื นที่ ไมก ินอาหาร ไมม ีการขบั ถาย ไมห ายใจ ไมม ีการเจริญเติบโต ไมม ีการสืบพันธุ และไมตอบ สนองตอ ส่ิงเรา ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET นักเรียนควรรู ขอ ใดกลาวไมถกู ตอ ง 1 เคลอื่ นไหว (move) พชื เปน สงิ่ มชี วี ติ ทส่ี ามารถเคลอ่ื นไหวได แตไ มส ามารถ 1. ส่ิงมีชวี ติ ทุกชนดิ เคลือ่ นที่ได เคลอ่ื นทจ่ี ากบรเิ วณหนงึ่ ไปยงั อกี บรเิ วณหนง่ึ ได ซง่ึ การเคลอ่ื นไหวของพชื อาจเกดิ 2. สงิ่ มชี วี ติ ทุกชนิดตองกินอาหาร ขนึ้ อยางชาๆ จนเราไมส ามารถสงั เกตเห็นไดหากไมไดเฝา มองอยา งตัง้ ใจ เชน 3. สง่ิ มชี วี ิตทกุ ชนิดมกี ารเจริญเตบิ โต การหบุ -บานของดอกไม การโนมลําตนเขาหาแสง การหุบของใบไมบ างชนิด (วเิ คราะหค าํ ตอบ สง่ิ มชี วี ติ ทกุ ชนดิ ตอ งการอาหาร และมกี ารเจรญิ แนวทางการวัดและประเมินผล เติบโต ซ่ึงมีส่ิงมีชีวิตบางชนิดไมสามารถเคลื่อนที่ไดแตสามารถ เคลือ่ นไหวได เชน พืช ดงั น้ัน ขอ 1. จึงเปน คําตอบทถี่ กู ตอ ง) ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการตอบคําถามรายบุคคล พฤติกรรมการ ทาํ งานกลุม และการนาํ เสนอผลงานหนา ชั้นเรียนของนักเรียน โดยศกึ ษาเกณฑ การวัดและประเมินผลท่ีแนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูของหนวยการเรียนรู ที่ 2 สงิ่ แวดลอมรอบตัวเรา T35
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ ¡Ô¨¡ÃÃÁ·èÕ 1 ÊѧࡵʧÔè ÁªÕ ÇÕ ÔµáÅÐʧÔè äÁÁ‹ ªÕ ÇÕ µÔ ทักษะกระบวนการ กระตนุ้ ความสนใจ ¨Ø´»ÃÐʧ¤ ทางวิทยาศาสตรท ่ีใช 1. การสงั เกต 1. ครใู ชว ธิ สี อนโดยใชเ กมแบบแขง ขนั ในการสอน 2. การลงความเหน็ จากขอมูล โดยแบงนกั เรยี นออกเปน สองกลุม 1. สงั เกตและอธบิ ายลกั ษณะของสงิ่ มชี วี ติ และสง่ิ ไมม ชี วี ติ 3. การจดั กระทาํ และสอื่ ความหมายขอ มลู (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช 2. เปรยี บเทยี บลกั ษณะของส่ิงมชี วี ติ และส่ิงไมมีชวี ิต 4. การตคี วามหมายขอ มลู และลงขอ สรปุ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทํางานกลมุ ) µŒÍ§àµÃÕÂÁµÍŒ §ãªŒ 2. ครูช้ีแจงวิธีการเลนใหนักเรียนเขาใจกอนดังน้ี ครจู ะชบู ตั รภาพขนึ้ มา แลว ใหแ ตล ะกลมุ ยกมอื 1. น้าํ 2 ลิตร 5. อาหารปลา 1 ซอง ขน้ึ เพอื่ ตอบวา สง่ิ ทอ่ี ยใู นภาพคอื สงิ่ มชี วี ติ หรอื 2. สีไม 1 กลอ ง 6. กอนหนิ เล็ก 1-2 กอ น สง่ิ ไมม ชี วี ติ เลน จนบตั รภาพหมด กลมุ ใดตอบ 3. ขวดโหลใส 1 ใบ 7. ปลาหางนกยูง 1 ตัว ถูกตองมากท่สี ุดจะเปน ผชู นะ 4. แหลง ขอมูล เชน อินเทอรเนต็ 8. กระดาษแขง็ แผน ใหญ 1 แผน ขน้ั สอน Åͧ·Òí ´Ù สาํ รวจคน้ หา 1. นกั เรยี นแบง กลมุ จากนนั้ ใหค รนู าํ กอ นหนิ และปลาใสลงในขวดโหล 1. ครใู ชร ปู แบบการเรยี นรแู บบรว มมอื เทคนคิ เพอื่ น ที่มนี ํา้ อยู 12 ของขวดโหล คคู ดิ สสี่ หาย โดยใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 2. แตล ะกลมุ สงั เกตกอ นหนิ และปลา 4 คน แลว ทํากจิ กรรมท่ี 1 จากหนา นี้ ลงใน ท่ีอยูในขวดโหล แลวบันทึกผล สมดุ หรอื ในแบบฝก หดั วทิ ยาศาสตร ป.2 เลม 1 ลงในสมุด ภาพท่ี 2.2 สังเกตกอ นหนิ และปลา 2. ครูสุมใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอ 3. ครนู าํ อาหารปลา 4-5 เมด็ ใสล งในขวดโหล แลวใหแตล ะกลุม สังเกต ผลจากการทํากิจกรรม โดยครูตง้ั คําถาม ดังน้ี กอ นหนิ และปลาอีกครงั้ แลวบนั ทกึ ผล • เมอื่ นกั เรียนสงั เกตกอ นหินและปลา สิง่ ใดมี การเคล่ือนท่ี (แนวตอบ ปลา) • เมื่อครใู สอ าหารปลาลงไปในขวดโหล สิ่งใด ท่กี นิ อาหาร (แนวตอบ ปลา) อธบิ ายความรู้ ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและสรุป เก่ียวกับผลการทํากิจกรรมท่ี 1 สังเกตลักษณะ สงิ่ มชี ีวิตและสิง่ ไมม ชี วี ติ 30 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET มีนาเดินสํารวจส่ิงตางๆ รอบบานของตนเอง แลวบันทึกผล ในการเรียนการสอนเรื่อง ลักษณะของสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต ครูอาจ การสํารวจ ดงั ตาราง รวบรวมภาพสิ่งมีชีวิตและส่ิงไมมีชีวิตตางๆ มาใหนักเรียนไดสังเกตนอกเหนือ มกี าร ตอ งการ จากภาพในหนังสือเรียน เพ่ือใหนักเรียนเกิดความเขาใจมากย่ิงขึ้น หรือครู สง่ิ ท่สี งั เกตได เจรญิ เติบโต อาหารและนา้ํ เคลอ่ื นทีไ่ ด สามารถใชบัตรภาพที่ไดแนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูท่ี 2 เรื่อง สังเกต สงิ่ มีชีวิตและส่ิงไมมีชวี ติ ของหนวยการเรยี นรูที่ 2 สิง่ แวดลอ มรอบตวั เรา A- - - B ✓✓ - T36 C ✓✓✓ จากตาราง สิ่งทม่ี นี าสังเกตสิง่ ใดทเ่ี ปน ตน ไม 1. A 2. B 3. C (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตน ไมเ ปน สง่ิ มชี วี ติ ทม่ี ลี กั ษณะทว่ั ไปทเ่ี หมอื นกบั ส่ิงมีชีวิตชนิดอ่ืนๆ ซึ่งตนไมสามารถเคล่ือนไหวไดแตไมสามารถ เคลือ่ นทไ่ี ด ดังน้นั ขอ 2. จงึ เปน คําตอบท่ถี ูกตอ ง)
นาํ สอน สรุป ประเมิน 2หนว ยการเรยี นรทู ี่ ขน้ั สอน ÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁÃͺµÇÑ àÃÒ ขยายความเขา้ ใจ 4. ครูใหแตละกลุมรวมกันสืบคน ภาพท่ี 2.3 สบื คน ขอ มลู จากแหลง ขอ มลู ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา ขอมูลเก่ียวกับลักษณะสําคัญ ถาครูเปล่ียนจากปลาหางนกยูงเปนปลาชนิดอื่น ของส่ิงมีชีวิตและส่ิงไมมีชีวิต วนั ท่ี เดือน พ.ศ. ผลการสังเกตลักษณะของสิ่งมีชีวิตจะเหมือนเดิม จากแหลงขอมูลตาง ๆ แลว หรอื ไม อยางไร บนั ทกึ ขอ มลู ทไ่ี ดล งในสมดุ เปรียบเทยี บลักษณะสําคญั ขนั้ สรปุ 5. นําขอมูลท่ีไดจากการสืบคน สิ่งมีชีวติ สิง่ ไมม ีชีวติ มาเขียนแผนผังหรือแผนภาพ ตรวจสอบผล เปรียบเทียบลักษณะสําคัญของ • หายใจ • ไมหายใจ ส่ิงมีชีวิตและส่ิงไมมีชีวิตลงใน 1. ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คน ใหอ อกมาบอกลกั ษณะ กระดาษแข็ง พรอมระบายสี • • สําคัญของส่ิงมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิตหนาช้ัน และตกแตงใหสวยงาม แลว • • เรยี น นําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช ภาพที่ 2.4 นําเสนอผลงานหนาชนั้ เรียน แบบสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานรายบคุ คล) ทํากิจกรรมอยา งปลอดภยั 2. นักเรียนทํากิจกรรมหนูตอบไดจากหนังสือ เรียน หนา 31 ลงในสมุดหรือในแบบฝกหัด ระมดั ระวังไมนําสงิ่ ของมาเคาะขวดโหล เพราะขวดโหลทําจากแกวเมอ่ื ถกู กระแทก วทิ ยาศาสตร ป.2 เลม 1 แรง ๆ อาจทาํ ใหแ ตกได และเศษแกว ทีแ่ ตกอาจทําใหเราไดร บั บาดเจ็บได ขน้ั ประเมนิ ˹ٵͺ䴌 ตรวจสอบผล 1. สง่ิ มีชวี ิตมีลกั ษณะสาํ คัญอยา งไรบาง 32..3.สรวเถ่ิงรายไยี ดมนนภมตเาพชีเ คพีวอื่ ลิตแแอ่ื มลลนะลีกทบักเอี่ปันษยลทณบูยี่ ึกะนนขตถขอานอ งมนมจูลไาลู ทดกกี่สสบัจังง่ิงึเเมพจกดัชีต่อื เวีนไปิตดเน พอลสยงอื่ งิ่ใานมนงกชีไสลรวีมบมุติ ุดาอใชงนื่ แห ๆลรอืวนไมําเเสพนรอาะหอนะาไรชั้น 1. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมที่ 1 สังเกต สิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต จากในสมุดหรือใน (หมายเหตุ : คาํ ถามขอสุดทา ยของหนูตอบได เปน คําถามท่ีออกแบบใหผเู รยี นฝก ใชท กั ษะการคดิ ขัน้ สูง 31 แบบฝกหดั วิทยาศาสตร ป.2 เลม 1 คือ การคิดแบบใหเ หตุผล และการคดิ แบบโตแ ยง ซึ่งผเู รียนอาจเลอื กตอบอยา งใดอยางหนง่ึ ก็ได ใหค รู พจิ ารณาจากเหตุผลสนบั สนุน) 2. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมหนูตอบไดใน สมดุ หรอื ในแบบฝก หดั วทิ ยาศาสตร ป.2 เลม 1 แนวตอบ หนูตอบได้ ขอ 3. ไมใช เพราะรถยนตเคลื่อนท่ีเองไมได แต เคล่ือนที่ไดโดยใชเครื่องยนต และรถยนตไมกิน อาหาร ไมมีการเจริญเติบโต ไมหายใจ ดังนั้น รถยนตจึงจัดเปนสิง่ ไมม ชี วี ิต เฉลย ผลการทาํ กจิ กรรมท่ี 1 (ตวั อยาง) แนวทางการวัดและประเมินผล ตาราง สังเกตลกั ษณะของส่ิงมชี ีวิตและสิง่ ไมมีชวี ิต ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการตอบคําถามรายบุคคล พฤติกรรมการ การทดลอง สิ่งทีส่ งั เกต ทาํ งานกลมุ และการนาํ เสนอผลงานหนา ชน้ั เรียนของนกั เรียน โดยศกึ ษาเกณฑ ปลา กอนหิน การวัดและประเมินผลที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูของหนวยการเรียนรู ท่ี 2 สิ่งแวดลอ มรอบตวั เรา สงั เกตการเคลื่อนที่ ✓มกี ารเคลือ่ น มีการเคลื่อน ของปลาและกอนหนิ โดยโบกครีบและหาง โดยกลง้ิ ไปมาเองได ในขวดโหล อยูน ่งิ กบั ท่ี ✓อยนู ่ิงกับท่ี ครใู สอ าหารปลาลงใน ✓กนิ อาหาร กนิ อาหาร ขวดโหล ไมกินอาหาร ✓ไมก นิ อาหาร สรุปผล จากการทํากิจกรรม พบวา ปลาจัดเปนสิ่งมีชีวิต เพราะปลากินอาหาร เคลอ่ื นทแี่ ละเคลอ่ื นไหวเองได สว นกอ นหนิ จดั เปน สงิ่ ไมช วี ติ เพราะกอ นหนิ ไมก นิ อาหาร ไมส ามารถเคล่ือนท่ีและเคล่ือนไหวเองได T37
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ·èÕ 2 ÊÒí ÃǨÊè§Ô ÁªÕ ÇÕ µÔ áÅÐÊè§Ô äÁÁ‹ ÕªÕÇµÔ ทักษะกระบวนการ กระตนุ ความสนใจ ¨Ø´»ÃÐʧ¤ ทางวทิ ยาศาสตรท ใี่ ช 1. สํารวจสงิ่ มชี ีวิตและสง่ิ ไมม ชี ีวติ บรเิ วณโรงเรยี น 1. การสังเกต 1. ครเู ลาเรือ่ ง “สุนัขของแกว” ใหน กั เรยี นฟง 2. จําแนกส่ิงมีชีวิตและส่ิงไมมีชีวิต โดยใชขอมูล 2. การจําแนกประเภท 2. ครูถามคําถามจากเร่ืองสุนัขของแกววา สุนัข 3. การลงความเหน็ จากขอมูล 4. การจดั กระทาํ และสอื่ ความหมายขอ มลู ท้งั 4 ตัวของแกว แสดงลักษณะของสิง่ มีชวี ติ อะไรบา ง จากการสาํ รวจ ขนั้ สอน µŒÍ§àµÃÕÂÁµŒÍ§ãªŒ สาํ รวจคน หา 1. แวนขยาย 1 อนั 3. ดนิ สอ 1 แทง 2. สีไม 1 กลอง 4. กระดาษแขง็ 1 แผน 1. ครใู ชร ปู แบบการเรยี นรแู บบรว มมอื เทคนคิ เพอ่ื คคู ดิ สส่ี หาย โดยใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 4 Åͧ·Òí ´Ù คน แลวทํากจิ กรรมที่ 2 จากหนา นี้ ลงในสมุด หรอื ในแบบฝก หดั วิทยาศาสตร ป.2 เลม 1 1. แบง กลมุ จากนัน้ ใหแ ตล ะกลุมออกไปสาํ รวจส่งิ มีชีวติ และส่ิงไมม ีชีวติ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช ในบรเิ วณตา ง ๆ รอบโรงเรยี น แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ) 2. วาดภาพและเขียนชื่อส่ิงที่พบ พรอมบอกลักษณะของส่ิงที่สังเกตได 2. ครูสุมใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอ ลงในสมดุ ผลจากการทาํ กจิ กรรมหนา ชนั้ เรยี น โดยครตู งั้ คาํ ถาม ดังนี้ • ยกตวั อยา งสง่ิ มชี วี ติ และสง่ิ ไมม ชี วี ติ ทแี่ ตล ะ กลุม สํารวจไดมาอยา งละ 3 ชนิด (แนวตอบ ผลขึน้ อยูจ ากการสาํ รวจ) • ลกั ษณะของสง่ิ มชี วี ติ ที่ไดจ ากการสํารวจ (แนวตอบ กนิ อาหาร เคลอ่ื นที่ หายใจ ขบั ถา ย) อธบิ ายความรู ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและสรุป เก่ียวกับผลการทํากิจกรรมท่ี 2 สํารวจส่ิงมีชีวิต และสิ่งไมม ชี วี ิต 32 ภาพท่ี 2.5 สาํ รวจสิ่งมีชีวติ และสิ่งไมมีชวี ติ เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ แนว O-NET ตารางบนั ทึกผลการสาํ รวจสงิ่ ตางๆ รอบตัว ครูเลาเรอ่ื ง “สนุ ัขของแกว ” ใหนกั เรยี นฟง ดังน้ี มีการ ตอ งการ สุนขั ของแกว สง่ิ ท่สี งั เกตได เจริญเตบิ โต อาหารและน้าํ เคลื่อนที่ได แกวเปนคนที่มีนิสัยโอบออมอารี เชาวันหนึ่งมีคนนําลูกสุนัข 4 ตัว A- - - มาทิ้งไวที่หนาบานของแกว แกวจึงนําลูกสุนัขมาเล้ียงโดยใหอาหารและ B ✓✓ - นา้ํ อยา งเพยี งพอ อาบนา้ํ และทาํ ความสะอาดลกู สนุ ขั เปน ประจาํ บา นของ C ✓✓ แกว มสี นามหญา ใหลกู สนุ ัขไดข บั ถา ยและว่ิงเลน ✓ เมอื่ เวลาผา นไปหลายเดอื นลกู สนุ ขั มขี นาดตวั ทใี่ หญข นึ้ จนกลายเปน จากตารางสรปุ ได ดังน้ี 2. สงิ่ มชี วี ติ ตอ งมกี ารเจรญิ เตบิ โต สนุ ขั วยั หนมุ ทพี่ รอ มจะสบื พนั ธุ แกว เลยี้ งดสู นุ ขั ดว ยความรกั และเอาใจใส 1. A เปน สิ่งมีชวี ิต สนุ ขั ทกุ ตวั จงึ รกั แกว เชน กนั ทกุ วนั ทแี่ กว ไปและกลบั จากโรงเรยี น สนุ ขั ทงั้ 3. สิ่งมชี วี ิตมที ง้ั ท่เี คลือ่ นท่ไี ดและเคลื่อนทไ่ี มไ ด 4 ตัว จะคอยวิ่งแขงกันจนเหน่ือยหอบเพื่อไปสงและรับแกวที่หนาบาน ขอ ใดสรปุ ไดถูกตอง และเวลาท่ไี มม ีใครอยบู าน สุนัขทง้ั 4 ตัว จะคอยเฝาบา นใหเปน อยางดี 1. ขอ 1. และ 2. 2. ขอ 1. และ 3. 3. ขอ 2. และ 3. T38 (วเิ คราะหค าํ ตอบ A ไมจ ดั เปน สง่ิ มชี วี ติ เพราะไมม กี ารเจรญิ เตบิ โต ไมต อ งการอาหารและน้าํ และไมม ีการเคลอ่ื นท่ี ดงั นัน้ ขอ 3. จงึ เปนคําตอบท่ถี ูกตอ ง)
นาํ สอน สรุป ประเมิน 2หนวยการเรยี นรูท่ี ขน้ั สอน ÊÔ§è áÇ´ÅŒÍÁÃͺµÇÑ àÃÒ ขยายความเขา้ ใจ 3. นําขอมูลท่ีไดจากการสํารวจมาชวยกันจัดจําแนกเปนกลุมส่ิงมีชีวิต 1. ครูใหนักเรียนทําใบงาน เร่ือง รูจักสิ่งมีชีวิต หรือกลุมสิ่งไมมีชีวิต พรอมบอกเหตุผลประกอบ โดยเขียนลงใน และสิ่งไมมีชีวติ กระดาษแขง็ และระบายสตี กแตงใหส วยงาม (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทํางานรายบุคคล) 4. นาํ เสนอผลการจาํ แนกกลมุ สงิ่ มชี วี ติ และกลมุ สง่ิ ไมม ชี วี ติ หนา ชน้ั เรยี น เพือ่ แลกเปลีย่ นขอมลู กบั เพ่อื นกลุม อ่ืน ๆ 2. ครูสุมนักเรียนใหออกมานําเสนอใบงานเร่ือง รูจักส่ิงมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต แลวใหนักเรียน วนั ท่ี เดือน พ.ศ. ท้ังหองรวมกันอภิปรายเก่ียวกับสิ่งมีชีวิตและ สิง่ ไมมีชีวิต จาํ แนกสิง่ มีชวี ิตและสิ่งไมม ีชวี ติ ขน้ั สรปุ สิ่งมีชวี ิต สิ่งไมมีชีวิต ตรวจสอบผล ภาพท่ี 2.6 นําเสนอผลงานหนา ชั้นเรยี น นักเรียนทํากิจกรรมหนูตอบไดจากหนังสือ ˹ٵͺ䴌 เรียน หนา 33 ลงในสมุดหรือในแบบฝกหัด วทิ ยาศาสตร ป.2 เลม 1 1. ยกตัวอยางส่ิงมีชีวิตที่นักเรียนรูจักมา 3 ตัวอยาง พรอมบอกวา 2.3.เยเหหวเกราตตตียดุุใใัวนดดภอเจจาพยึึงงพือ่าจจแงแััดดสลลเเิ่ปปงะกไบนนเมปันสสมลท่งิง่ิ ีชีย่ไมึกมีวนีชขิตมขีวอทีชติอมี่นวีมูลิตักูลทเกร่ีสับียังเนเพกรตื่อูจนไักดเมพลางอื่ ในน3กสลตมมุ ัวุดออ่นืยแๆาลงวนพํารเอสนมอบหอกนวาาช้ัน ขน้ั ประเมนิ 3. สตั วส ามารถเคลอ่ื นทเ่ี องไดจ งึ จดั เปน สง่ิ มชี วี ติ สว นตน ไมเ คลอ่ื นทเี่ อง ตรวจสอบผล ไมไ ด ตนไมจึงจดั เปนส่งิ ไมมชี วี ติ ใชห รือไม เพราะอะไร 1. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมท่ี 2 สํารวจ (หมายเหตุ : คําถามขอ สดุ ทายของหนตู อบได เปน คาํ ถามท่อี อกแบบใหผ เู รยี นฝกใชท กั ษะการคิดขัน้ สูง 33 สิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต ในสมุดหรือใน คอื การคดิ แบบใหเหตุผล และการคดิ แบบโตแ ยง ซึ่งผูเ รยี นอาจเลือกตอบอยา งใดอยา งหน่ึงก็ได ใหครู แบบฝก หดั วทิ ยาศาสตร ป.2 เลม 1 พิจารณาจากเหตผุ ลสนับสนุน) 2. ครูตรวจผลการทาํ ใบงาน เรอื่ ง รูจกั ส่ิงมีชีวติ และส่ิงไมม ีชวี ิต 3. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมหนูตอบไดใน สมดุ หรอื ในแบบฝก หดั วทิ ยาศาสตร ป.2 เลม 1 แนวตอบ หนตู อบได้ ขอ 3. ไมใ ช เพราะตนไมตองการนา้ํ และอาหาร มี การเจริญเติบโต สืบพันธุได ถึงตนไมจะเคลื่อนท่ี เองไมไดแตสามารถเคล่ือนไหวได ตนไมจึงเปน สิ่งมีชวี ติ เฉลย ผลการทํากจิ กรรมที่ 2 (ตวั อยาง) เกร็ดแนะครู ตาราง ผลการสํารวจสง่ิ มีชวี ิตและสิง่ ไมมชี วี ิต ลักษณะของ สงิ่ ท่ีสังเกต ครูสามารถใชใบงาน เร่ือง รูจักสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต ไดจากแผน สิ่งทส่ี งั เกต ชอื่ ของส่ิงท่ี จําแนก การจดั การเรยี นรูที่ 3 สาํ รวจส่ิงมชี ีวติ และส่งิ ไมม ีชีวิต ของหนวยการเรียนรทู ่ี 2 สังเกต สงิ่ มชี ีวิต สงิ่ ไมมชี ีวติ สง่ิ แวดลอมรอบตัวเรา (ขึน้ อยกู บั ผลการสํารวจของนกั เรยี น) แนวทางการวัดและประเมินผล สรุปผล จากการทํากิจกรรม พบวา เราสามารถจัดกลุมส่ิงตางๆ ไดเปน 2 กลุม ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการตอบคําถามรายบุคคล พฤติกรรมการ ทาํ งานกลมุ และการนําเสนอผลงานหนาชัน้ เรยี นของนกั เรียน โดยศกึ ษาเกณฑ คอื ส่ิงมีชวี ิตกบั สงิ่ ไมมีชีวติ โดยส่ิงมชี ีวติ จะมีลกั ษณะสาํ คัญที่แตกตา งจากสงิ่ ไมม ีชีวิต การวัดและประเมินผลท่ีแนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูของหนวยการเรียนรู ที่ 2 สง่ิ แวดลอ มรอบตัวเรา T39
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ ส่ิงแวดลอมท่ีอยูรอบตัวเรา มีทั้งส่ิงมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต การสังเกตวาส่ิงใดเปนส่ิงมีชีวิตหรือส่ิงไมมีชีวิตนั้น เราสามารถ กระตนุ้ ความสนใจ สังเกตไดจากลักษณะสําคัญที่เปนลักษณะเฉพาะตัวของสิ่งมีชีวิต และสิ่งไมมีชีวติ ซึ่งมคี วามแตกตางกัน ดังนี้ 1. ครูใหนักเรียนดูวีดิทัศนเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตและ สิ่งไมมีชวี ิต Å¡Ñ É³ÐÊÒí ¤ÑޢͧÊèÔ§ÁÕªÕÇÔµ 2. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับลักษณะของ สิ่งมชี ีวติ และสงิ่ ไมม ชี วี ิตท่ไี ดด ูจากวดี ิทศั น 1 สง่ิ มชี วี ติ มกี ารเจรญิ เตบิ โต คน สัตว และพืช จะมีการเจริญเติบโต และหยดุ เจริญเตบิ โตเมือ่ โตเตม็ วัย 3 สงิ่ มชี วี ติ ตอ งการอากาศหายใจ 2 สง่ิ มีชวี ิตมกี ารขบั ถา ยของเสีย คนและสตั วต า ง ๆ หายใจ เพอื่ ออกจากรา งกาย แกการสดคําารรบงชอีวนิตไดอสอวกนไซพดืชมหาาสยรใาจงเอพา่ือหนารํา2 รา งกายของคนและสตั วจ ะขบั ของเสยี ออกมา ถาส่ิงมีชีวิตทุกชนิดไมมีอากาศหายใจก็ จในะรขปบูั อขอองกเมหางทอ่ื างปรส ปู สาากวใะบแ1เลชนะอจุ จาระ สว นพชื จะตาย การคายนาํ้ 34 ลกั ษณะสาํ คญั ของสงิ่ มชี วี ติ นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 ปากใบ (stoma) เปนชอ งเลก็ ๆ ท่ีอยรู ะหวางเซลลค มุ ซึ่งเปนทางผานของ เตากบั สุนขั จัดเปนสง่ิ มีชวี ติ เหมอื นกัน เพราะอะไร นํ้าและแกส สามารถพบไดท ใ่ี บของพชื ทกุ ชนิด 1. มสี ี่เทาเหมอื นกัน 2. หายใจไดเหมือนกนั เซลลค ุม 3. กนิ สตั วอ น่ื เหมือนกัน รูปากใบ (วิเคราะหคําตอบ ลักษณะสําคัญของส่ิงมีชีวิต คือ กินอาหาร 2 สรางอาหาร การสรางอาหารของพืชหรือกระบวนการสังเคราะหดวยแสง มีการเจริญเติบโต เคลื่อนไหว ขับถาย หายใจ สืบพันธุ และ (photosynthesis) เปนกระบวนการสรางอาหารของพืชโดยอาศัยแสงเปน ตอบสนองตอสิ่งเราได ดงั นัน้ ขอ 2. จึงเปนคําตอบทถ่ี กู ตอง) ตัวทําใหเกิดกระบวนการสรางอาหาร ซ่ึงผลลัพธท่ีพืชไดจากกระบวนการนี้ คอื นํ้า แกสออกซเิ จน และน้ําตาล T40
5 สิ่งมีชวี ติ ตอ งการอาหารและน้ํา นาํ สอน สรปุ ประเมนิ เพอ่ื สรา งพลงั งานและการเจรญิ เตบิ โต ของรางกาย ถารางกายคนและสัตวไดรับ 2หนว ยการเรียนรูท ี่ ขน้ั สอน อาหารและนํ้าไมเพียงพอ และถาตนพืชได รับน้ําและธาตุอาหารไมเพียงพอ อาจทําให ʧèÔ áÇ´ÅÍŒ ÁÃͺµÇÑ àÃÒ สาํ รวจคน้ หา ไมเจริญเติบโตและตายได 4 สงิ่ มชี วี ติ มกี ารตอบสนองตอ สงิ่ เรา 1 1. ครูชูบัตรภาพสิ่งมีชีวิตใหนักเรียนสังเกต แลว เพอื่ ความอยรู อดในการดาํ รงชวี ติ ของ ชวยกันตอบวา สิ่งมีชีวิตในภาพมีลักษณะ สงิ่ มชี วี ติ เชน ทานตะวนั ทก่ี าํ ลงั เจรญิ เตบิ โต สาํ คญั ของสง่ิ มีชวี ติ อยางไร จะหนั ดอกเขา หาแสงอาทติ ยเ สมอเพอื่ รบั แสง 2. ครูใชรูปแบบการเรียนรูแบบรวมมือเทคนิค 6 ส่งิ มชี ีวิตมกี ารสืบพันธุ เพ่ือนคูคิดสี่สหาย โดยใหนักเรียนแบงกลุม เพ่ือออกลูกเพ่ิมจํานวนของส่ิงมีชีวิต กลมุ ละ 4 คน ชนิดเดียวกัน และเปนการรักษาเผาพันธุ (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช ไม ใหสูญพนั ธุไป แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทํางานกลุม) 3. ใหแตละกลุมศึกษาขอมูลเกี่ยวกับลักษณะ สาํ คญั ของสงิ่ มชี วี ติ และสงิ่ ไมม ชี วี ติ จากหนงั สอื เรยี น หนา 34-37 หรอื ดจู าก PowerPoint เรอ่ื ง ลักษณะสําคัญของส่ิงมีชีวิต หรือสแกนจาก QR Code เรอื่ ง ลกั ษณะสําคัญของสง่ิ มีชีวติ จากหนงั สอื เรยี น หนา 34 7 สง่ิ มชี วี ติ มกี ารเคลอ่ื นไหวและเคลอื่ นที่ คนและสัตวสามารถเคลื่อนท่ีและ เคลอื่ นไหวได สว นพชื มกี ารเคลอ่ื นไหวอยา งชา ๆ และสงั เกตไดค อ นขา งยาก 35 ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู “มกี ารเจรญิ เตบิ โต หายใจ เคลอ่ื นท”่ี สง่ิ ใดทมี่ ลี กั ษณะดงั กลา ว 1 การตอบสนองตอส่ิงเรา คือการที่ส่ิงมีชีวิตแสดงพฤติกรรมในการตอบ ทง้ั หมด สนองตอ ส่งิ ตางๆ เชน สุนขั กระดิกหางเมื่อไดยนิ เสียงเจาของเรยี ก แมวโกง ตวั ทําขนพองเพื่อขูสนุ ัข นกบินหนเี ม่ือมคี นว่ิงไล 1. แมว แกวนา้ํ 2. ปลา หมู สื่อ Digital 3. เสือ ทานตะวัน ครูใหนักเรียนเรียนรูเก่ียวกับลักษณะสําคัญของส่ิงมีชีวิต เพ่ิมเติมจาก (วิเคราะหคําตอบ แมว ปลา หมู เสือ จัดเปนส่ิงมชี ีวิตทม่ี ีลกั ษณะ ส่ือดิจิทัล โดยสแกน QR Code เร่ืองลักษณะสําคัญของสิ่งมีชีวิต จาก ดงั กลา วทง้ั หมด ทานตะวนั กจ็ ดั เปน สงิ่ มชี วี ติ ทส่ี ามารถเคลอ่ื นไหวได หนงั สอื เรียน หนา 34 หรือเปด PowerPoint เร่ือง ลักษณะสาํ คัญของสิ่งมีชวี ติ แตไมสามารถเคล่ือนที่ได สวนแกวนํ้าจัดเปนส่ิงไมมีชีวิต ดังน้ัน ประกอบในการสอนได เพ่ือใหน ักเรยี นเกิดความเขา ใจมากย่ิงข้ึน ขอ 2. จึงเปนคาํ ตอบทถี่ ูกตอ ง) T41
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ÅѡɳÐÊíÒ¤ÞÑ ¢Í§ÊÔè§äÁ‹ÁÕªÕÇÔµ อธบิ ายความรู้ 1. ครูใหแตละกลุมรวมกันอภิปรายและสรุป ความรทู ไ่ี ดจ ากการศกึ ษา แลว นาํ มาจดั กระทาํ ในรูปแบบตางๆ ตามความคิดเห็นของแตละ กลุมลงในกระดาษท่ีครูแจกให (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช แบบสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานกลุม) 1 ไมมีการเจรญิ เติบโต 2 ไมตองการ 3 ไมม กี ารสบื พนั ธุ 1 อากาศเพอ่ื หายใจ 4 ไมต องการ อาหารและนํา้ 36 นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด 1 การสืบพันธุ (reproduction) คือ การเพ่ิมจํานวนของส่ิงมีชีวิต ซ่ึงการ ขอ ใดคอื ลักษณะของสงิ่ ไมม ีชีวติ สบื พันธขุ องส่งิ มชี วี ิตมี 2 ประเภท คอื 1. อยูนง่ิ กบั ที่ 2. ขับถายของเสยี 1. การสบื พนั ธแุ บบอาศยั เพศ (sexual reproduction) เปน การสบื พนั ธโุ ดย 3. มกี ารเจริญเตบิ โต ใชเ ซลลสืบพันธขุ องเพศผแู ละเพศเมีย (วเิ คราะหค าํ ตอบ การขบั ถา ยของเสียและมกี ารเจรญิ เตบิ โตเปน 2. การสบื พนั ธแุ บบไมอ าศยั เพศ (asexual reproduction) เปน การสบื พนั ธุ ลักษณะของส่ิงมีชีวติ สวนการอยูน ิ่งกบั ท่ี คอื ไมมกี ารเคลอ่ื นไหว โดยไมใ ชเซลลส ืบพันธุ เชน การแตกหนอ การงอกใหม การสรา งสปอร หรือเคลื่อนที่เปนลักษณะของส่ิงไมมีชีวิต ดังน้ัน ขอ 1. จึงเปน การปก ชํา การตอนก่ิง คาํ ตอบท่ีถกู ตอ ง) T42
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2หนว ยการเรียนรทู ่ี ขน้ั สอน ʧèÔ áÇ´ÅŒÍÁÃͺµÑÇàÃÒ อธบิ ายความรู้ 2. ครสู มุ ใหแ ตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอผลงานการ สรปุ ความรหู นา ชน้ั เรยี น โดยมคี รแู ละนกั เรยี น กลุมอ่ืนชวยกันเสนอแนะและแสดงความคิด เห็นเก่ยี วกับผลงานของกลุมทีอ่ อกมานําเสนอ 5 ไมสามารถเคล่ือนไหว และเคลอื่ นที่ ไดเอง 6 ไมมกี ารตอบสนองตอ ส่ิงเรา หรือสิ่งกระตุน 7 ไมม ีการขบั ถา ย 1 ของเสยี à¡Ã´ç Ç·Ô Â¹ Ò‹ Ì٠สงิ่ มีชีวติ ตายได ไมว าจะเปน คน สัตว หรอื พชื ตาง ๆ ท่เี ปนสง่ิ มีชวี ิตลว นตอ งตาย เพราะเปนกฎธรรมชาติของชีวิต เม่ือถึงเวลาหนึ่งท่ีรางกายเส่ือมสภาพจนหมดชวงอายุ ส่งิ มีชวี ติ กจ็ ะตายไป นอกจากน้ี หากสงิ่ มีชีวิตเจ็บปว ยหรอื ไดร ับอาหาร อากาศ หรือน้าํ ไมเ พียงพอ ก็เปน สาเหตทุ ่ีทาํ ใหสงิ่ มชี ีวติ ตายไดเ ชน กนั 37 ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ถาเรานําสตั วมาเลย้ี งโดยไมใหน้ําและอาหารแกส ัตว จะสงผล 1 การขบั ถา ย (excretion) เปน การกาํ จดั ของเสยี ออกนอกรา งกาย ซง่ึ รา งกาย เสยี ตอสัตว ยกเวนขอใด ของมนุษยส ามารถขบั ถา ยของเสยี ออกมาไดหลายรปู แบบ ดังนี้ 1. สัตวจะเจ็บปว ย เพราะขาดอาหาร 1. การขับถายของเสยี ในรปู ของแข็ง คอื อุจจาระ 2. สตั วจะตาย เพราะขาดอาหารและนา้ํ 2. การขบั ถา ยของเสยี ในรปู แกส คอื แกสคารบอนไดออกไซด และไอน้าํ 3. สตั วจ ะสามารถดํารงชวี ิตอยูต อ ได เพราะยงั มีอากาศ 3. การขับถายของเสยี ในรูปของเหลว คือ น้าํ ปส สาวะ และเหงื่อ หายใจ (วิเคราะหคําตอบ สัตวเปนส่ิงมีชีวิตที่ตองการอาหารและนํ้าใน ปรมิ าณท่ีเพยี งพอตอ การดาํ รงชีวิต ถา สัตวไ มไดรับอาหารและนํ้า อาจจะทาํ ใหส ตั วเ กดิ การเจบ็ ปว ยหรอื ตายได ดงั นนั้ ขอ 3. จงึ เปน คาํ ตอบทถ่ี กู ตอ ง) T43
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106