Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 7 ฉบับที่ 2

วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 7 ฉบับที่ 2

Published by sakdinan.lata, 2021-09-13 06:17:12

Description: วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 7 ฉบับที่ 2

Search

Read the Text Version

วารสารวิชาการISSN1906-2087 ป.ป.ช. NACC Journal ปีท่ี 7 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม 2557) บทความพิเศษ Special Articles บทความทางวิชาการ Anti-Corruption Articles ป.ป.ช. ปกิณกะ NACC Miscellaneous สา� นักงานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. NACC Journal ISSN 1906-2087 ปีที่ 7 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม 2557) เจ้าของ ที่ปรกึ ษา ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. วชิ า มหาคณุ 361 ถนนนนทบรุ ี ตำ� บลทา่ ทราย ภักดี โพธิศิริ อำ� เภอเมือง จงั หวัดนนทบุรี 11000 เมธี ครองแก้ว โทรศัพท์ 0 2528 4800 ต่อ 5814 วตั ถปุ ระสงค์ โทรสาร 0 2528 4703 n เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมความรู้และเผยแพร่ E-mail: [email protected] Website: http://www.nacc.go.th ผลงานวิจัยและผลงานทางวิชาการอื่น ๆ ด้าน บรรณาธกิ าร การปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ อัจนา ไวความดี n เพ่ือสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัย กองบรรณาธกิ าร ผลงานวิชาการ และการสร้างความตระหนัก ดารารตั น์ อานันทนะสวุ งศ์ ร่วมกนั ในการตอ่ ต้านการทุจริต โกวิทย์ กงั สนนั ท์ n เพอ่ื สง่ เสรมิ เครอื ขา่ ยความรว่ มมอื และประสาน ณัฏฐพงศ์ ทองภกั ดี งานในการบริการจัดการข้อมูลงานวิจัยด้าน สริ ิลักษณา คอมันตร์ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระหว่าง ศริ ริ ัตน์ วสวุ ัต หนว่ ยงานและสถาบันวิจัยตา่ ง ๆ กองการจัดการ n เพื่อให้มีการแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและ พัชรี มนี สุข เอกสารสิ่งตีพิมพ์ต่าง ๆ กับหน่วยงานและ อนัญญา แม้นโชติ เครือขา่ ยท่เี กีย่ วขอ้ ง เสาวณยี ์ ทพิ อตุ ก�ำ หนดพมิ พเ์ ผยแพร่ ฉนั ท์ชนก เจนณรงค์ ปลี ะ 2 คร้งั ธีรวรรณ เอกรุณ ศักดนิ ันท์ คุณเอนก ผขู้ ดั เกลาภาษาอังกฤษ William Wyn Ellis เนอื้ หา/ข้อความในวารสารนเี้ ปน็ ความคิดเหน็ ของผ้เู ขยี น มิใช่ของสำ�นักงานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ

NACC Journal ISSN 1906 – 2087 Vol 7 No. 2 (July, 2014) Publisher Advisory Board Office of the National Anti-Corruption Vicha Mahakun Commission Pakdee Pothisiri 361 Nonthaburi District Medhi Krongkaew Amphur Muangnonthaburi Nonthaburi Province Objectives 11000 Thailand n To serve as a knowledge center for Tel: 66 2528 4800 Ext. 5814 disseminating research findings and Fax: 66 2528 4800 Ext. 5814 other academic works on corruption E-mail: [email protected] prevention and suppression. Website: http://www.nacc.go.th n To encourage the use of research to enhance public awareness and collectively Editor counter corruption at all levels. Atchana Waiquamdee n To promote networking and cooperation among academic and technical agencies Editorial Board on countering corruption among the Dararatt Anantanasuwong agencies and research institutions. Kowit Kangsanan • To promote exchange of information and Nattapong Thongpakdee publications among related agencies Sirilaksana Khoman and networks. Sirirat Vasuvat Publication Frequency Managerial Board Bi-annual Pacharee Meensuk Ananya Manchot Saowanee Thip-ut Chanchanoke Chennarong Theerawan Eakrun Sakdinan Khunanek English Language Editor William Wyn Ellis Views expressed in the published articles in this Journal exclusively belong to the authors and do not necessarily reflect of the official position of the NACC

สารบัญ บทบรรณาธกิ าร 2 ตอนที่ 1: บทความพเิ ศษ 7 ธรรมะในดา้ นเศรษฐกิจ 9 ปว๋ ย อึง๊ ภากรณ์ 100 ปี ชาตกาล ศาสตราจารย์ ดร.ปว๋ ย อง๊ึ ภากรณ ์ 14 ม.ร.ว.ปรดี ยิ าธร เทวกลุ 34 การเชอ่ื มโยงระหวา่ งเศรษฐศาสตรก์ บั นิติศาสตร์ในการตอ่ ต้าน 63 85 การทุจรติ คอร์รัปชันในประเทศไทย วิชา มหาคณุ 100 ตอนที่ 2: บทความทางวชิ าการ: การทุจริตและการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ การฟืน้ ฟูกิจการในตลาดหลักทรพั ยก์ ับอทิ ธิพลทางการเมอื ง สมศกั ด์ิ ประถมศรเี มฆ การเปรียบเทียบค่าตอบแทนและสิทธปิ ระโยชน์ของกรรมการรฐั วิสาหกิจ และผู้บรหิ ารระดบั สงู ของหน่วยงานภาครฐั มนต์ชยั พนิ ิจจิตรสมุทร วัฒนธรรมความไว้วางใจกบั จริยธรรมของข้าราชการไทย ชนดิ า จติ ตรทุ ธะ มาตรการปอ้ งกนั การทุจริตในการจัดซอื้ จัดจา้ งภาครฐั : ศึกษากรณีสหรัฐอเมริกา สาธารณรฐั เกาหลี และเขตเศรษฐกจิ ไตห้ วัน คณพล จันทนห์ อม ศภุ ศิษฏ์ ทวแี จ่มทรัพย์ การจดั ท�ำ Benchmark ด้านคอรร์ ัปชันส�ำหรับประเทศไทย วิชัย รูปข�ำดี ตอนที่ 3: ป.ป.ช. ปกิณกะ ยุทธศาสตร์และแผนงานดา้ นการวิจยั ของศูนยว์ จิ ัยเพอ่ื ต่อตา้ นการทจุ ริต ป๋วย อึ๊งภากรณ ์ 122 สำ� นักงาน ป.ป.ช. (พ.ศ. 2558 – 2560) ณัฐวุฒิ สมบูรณ์ยงิ่

Contents Part I: Special Articles 2 7 Dharma in Economic Affairs 9 Puey Ungphakorn The Centenary Celebration of Dr. Puey Ungphakorn 14 M.R. Pridiyathorn Devakula 34 Nexus between Economics and Law in Preventing Corruption Vicha Mahakun 63 85 Part II: Articles on Anti-Corruption 100 Listed Companies under Rehabilitation and Political Influence Somsak Pratomsrimek 122 A Comparative Study of Executive Compensation and Fringe Benefits of State Enterprise Board and Government Officials Montchai Pinitjitsamut Trust Culture and Ethics of Thai Officials Chanida Jittarutha Corruption Prevention Measures in Public Procurement: Case Studies of USA, Republic of Korea and Chinese Taipei Kanaphon Chanhom Supasit Taweejamesap Construction of Corruption Benchmark in Thailand Vichai Roopkhumdee Part III: NACC Miscellaneous Puey Ungphakorn Anti-Corruption Research Center Strategic Plan (2015 - 2017) Nuttavut Somboonying

บทบรรณาธิการ วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ฉบบั นีเ้ ปน็ ฉบบั ท่ี 2 ของปี พ.ศ. 2557 อันเปน็ ปีทรี่ ว่ มรำ� ลกึ “100 ปี ชาตกาล ดร.ป๋วย อ๊ึงภากรณ์” ซ่ึงเป็นการแสดงเจตนารมณ์ท่ีส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีมาโดยตลอด คือ การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในเร่ืองการทุจริตควบคู่ไปกับภารกิจส�ำคัญของส�ำนักงาน ป.ป.ช. คือ การปราบปรามและปอ้ งกนั การทจุ ริตคอรร์ ปั ชัน ในวารสารฉบบั นเ้ี รม่ิ ตน้ ดว้ ยการนำ� บทความของ อ.ปว๋ ย องึ๊ ภากรณ์ ซงึ่ เปน็ สว่ นหนง่ึ ในการบรรยาย ของท่านในเรื่อง “เศรษฐกิจแห่งประเทศไทย” ซ่ึงตีพิมพ์คร้ังแรกในปี พ.ศ. 2496 เรื่อง “ธรรมะในด้าน เศรษฐกิจ” อ.ป๋วย ได้กล่าวถึงการประพฤติตนของคนในสังคมและข้าราชการท่ีถือว่าผิดหลักธรรมะ มีผลต่อเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเอารัดเอาเปรียบของคนในสังคม การท่ีเจ้าหน้าท่ีของรัฐรับสินบนหรือ ใชห้ นา้ ที่การงานของตนแสวงหาประโยชนส์ ว่ นตวั การทจุ ริตคอร์รปั ชนั และแม้กระทง่ั การไม่กระตอื รือร้น ในการทำ� งาน ส่งิ ตา่ ง ๆ เหลา่ นีถ้ ือเปน็ การไม่มีหลกั ธรรมะและท�ำใหป้ ระเทศเสียหาย บทความพิเศษเร่ือง “100 ปีชาตกาล ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์” เขียนโดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เพื่อร�ำลึกถึง อ.ป๋วย ในฐานะผู้น�ำของสังคมคนส�ำคัญท่ีต่อสู้กับการฉ้อราษฎร์ บังหลวงมาตลอดเวลาท่ีรับราชการ เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ข้าราชการท้ังหลาย ในด้านความซื่อสัตย์สุจริต และเปน็ ตวั อยา่ งของความกล้าหาญในการตอ่ สู้เพื่อความถกู ต้อง อันเป็นคณุ สมบตั ทิ ีข่ า้ ราชการควรมี ศาสตราจารย์พเิ ศษ วิชา มหาคณุ เขยี นบทความพเิ ศษให้กับวารสารวิชาการฉบับน้ี ในหวั ขอ้ เรื่อง “การเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐศาสตร์กับนิติศาสตร์ในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย” บทความของทา่ นชใี้ หเ้ หน็ วา่ เมอื่ สงั คม การเมอื ง และเศรษฐกจิ มคี วามสลบั ซบั ซอ้ นมากขนึ้ การวางนโยบาย และยุทธศาสตร์เพ่ือต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันจะต้องเป็นแบบบูรณาการของศาสตร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งวิชาเศรษฐศาสตร์ควรมีบทบาทและเก้ือกูลมากข้ึน เพราะเราไม่สามารถอาศัยเพียงกฎหมายและ บทลงโทษทางกฎหมายเท่านัน้ นอกจากบทความพิเศษข้างต้น วารสารฉบับน้ีซ่ึงมีบทความทางวิชาการที่เป็นส่วนหน่ึงของงาน วจิ ยั เพอื่ ตอ่ ตา้ นการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั บทความแรกเปน็ การศกึ ษาเรอ่ื ง “การฟน้ื ฟกู จิ การในตลาดหลกั ทรพั ย์ และอิทธิพลทางการเมือง” ผู้เขียนได้ศึกษาวิเคราะห์บริษัทท่ีอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการในตลาดหลักทรัพย์ 80 แห่ง ในช่วงปี พ.ศ. 2539 ถึง พ.ศ. 2552 บทความน้ีมีความน่าสนใจตรงท่ีได้สะท้อนให้เห็น ถงึ ความสัมพันธ์ระหวา่ ง ความสำ� เรจ็ ของการฟนื้ ฟูกจิ การของบรษิ ทั เหลา่ นี้กับอิทธิพลทางการเมือง บทความของ ดร.มนต์ชัย พินิจจิตรสมทุ ร เร่อื ง “การเปรยี บเทยี บค่าตอบแทนและสิทธปิ ระโยชน์ ของกรรมการรัฐวิสาหกิจและผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐ” โดยช้ีให้เห็นถึงความแตกต่าง ในการให้สิทธิประโยชน์และค่าตอบแทนกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ท�ำให้มีปัญหาความขัดแย้งกันระหว่าง ผลประโยชน์สว่ นตัวและสว่ นรวม และไรซ้ ง่ึ จติ ส�ำนึกในประโยชนข์ องสาธารณะ

บทความของ ผศ.ดร.ชนิดา จิตตรุทธะ เร่ือง “วัฒนธรรมความไว้วางใจกับจริยธรรม ของข้าราชการไทย” เป็นความพยายามท่ีจะวัดความเช่ือถือไว้วางใจของประชาชนท่ีมีต่อข้าราชการ หากข้าราชการมีจรยิ ธรรมในดา้ น “ความซอื่ สตั ย”์ แลว้ ก็จะไดร้ ับความไวว้ างใจจากประชาชนสูง บทความต่อมาเป็นเร่ือง “มาตรการป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ: ศึกษากรณี สหรฐั อเมรกิ า สาธารณรฐั เกาหลี และเขตเศรษฐกิจไต้หวัน” โดย ดร.คณพล จันทนห์ อม และ ดร.ศุภศิษฏ์ ทวีแจ่มทรัพย์ บทความนี้เปรียบเทียบประเด็นทางกฎหมายของท้ัง 3 ประเทศข้างต้น ที่มีส่วนก�ำหนด พฤติกรรมการทุจริตในการจัดซ้ือจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐ การอภิปรายประเด็นทางกฎหมายนี้ สามารถน�ำมาประยุกต์ใช้กับกฎหมายไทยท่ีใช้บังคับอยู่ เพื่อพัฒนาปรับปรุงในการแก้ปัญหาการทุจริต ในการจดั ซอ้ื จัดจา้ งของประเทศไทยไดท้ างหนึ่ง บทความสุดทา้ ยของวารสารฉบับน้ี เป็นงานของ ดร.วิชยั รปู ข�ำดี เร่อื ง “การจดั ทำ� Benchmark ดา้ นคอร์รัปชันสำ� หรับประเทศไทย” เพ่ือใช้เป็นเครอื่ งมอื ในการประเมินสถานภาพเกี่ยวกับการคอร์รัปชัน ในประเทศไทย โดยใชต้ วั ช้ีวัดต่าง ๆ ส่วนสุดท้ายของวารสารนี้ เป็นการเสนอแผนยุทธศาสตร์ของศูนย์วิจัยเพ่ือต่อต้านการทุจริต ปว๋ ย อง๊ึ ภากรณ์ ทีจ่ ดั ทำ� ข้นึ เพอ่ื ใหส้ อดคล้องกับวสิ ยั ทศั นข์ องสำ� นักงาน ป.ป.ช. ในการเป็น “องคก์ รหลัก ในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ทไี่ ดร้ บั การยอมรบั และเชอ่ื มนั่ ทง้ั ในและตา่ งประเทศ” และเพอ่ื ให้ มีการสร้างองค์ความรู้และน�ำองค์ความรู้มาประยุกต์ใช้กับภารกิจหลักของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ศูนย์วิจัยฯ จึงต้องมีแผนยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกันและต่อเน่ือง รวมทั้งมีตัวชี้วัดเพื่อวัดผลการปฏิบัติงานของ ศนู ยว์ จิ ัยฯ อย่างเปน็ ระบบ กองบรรณาธิการคาดว่าวารสารวิชาการฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ส�ำหรับผู้อ่านท่ีมีความสนใจและ ติดตามปญั หาการทุจรติ ซง่ึ บั่นทอนและเป็นปญั หาอุปสรรคส�ำคัญของประเทศในขณะนี้ อัจนา ไวความดี บรรณาธกิ ารวารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ่ี 7 ฉบบั ที่ 2

1ตอนที่ บทความพิเศษ Special Articles

2 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ธรรมะในดา้ นเศรษฐกจิ * Dharma in Economic Affairs ปว๋ ย องึ๊ ภากรณ์ I ธรรมะเปน็ คำ� คกู่ บั ศลี คำ� วา่ “ศลี ” หมายถงึ การประพฤติตนผิดหลักธรรมะในด้าน การระงับ ไม่เบียดเบียนท้ังตนเองและผู้อื่น เศรษฐกจิ น้นั มไี ด้หลายกรณี เชน่ ส่วนความหมายของค�ำว่า “ธรรมะ” คือการช่วย 1. เจา้ หนา้ ทร่ี ฐั บาลบางคนใชอ้ ำ� นาจและ ส่งเสริมให้สถานะดีขึ้น เพ่ือความเจริญของเอกชน หนา้ ทท่ี ไี่ ดร้ บั มอบหมายมาเปน็ ประโยชนส์ ว่ นตวั ไม่ มหาชน และส่วนประกอบท่ีส�ำคัญแห่งธรรมะก็คือ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อตรงเพื่อให้ทุกคนได้รับ ความยตุ ิธรรม ประโยชน์ร่วมกัน กลับมีใจล�ำเอียงช่วยเหลือแต่ ตวั อยา่ งการประพฤตผิ ดิ หลกั ธรรมะท่ีเหน็ เฉพาะผ้ทู ี่ใหส้ ินบน ท่ีว่าผดิ หลกั ธรรมเพราะ ไดง้ า่ ย เชน่ โจรทป่ี ลน้ ทรพั ย์ เราถอื วา่ ไดท้ ำ� ผดิ ทง้ั ศลี ก. ราษฎรส่วนใหญ่ท่ีท�ำมาหาเล้ียงชีพ และธรรมะในด้านเศรษฐกิจ เพราะได้เบียดเบียน ด้วยความสุจริตก็เกิดความย่อท้อที่จะท�ำดีต่อไป เจา้ ทรพั ยแ์ ละถว่ งความเจรญิ คอื นอกจากตวั เองจะไม่ คดิ แกง่ แยง่ เบยี ดเบยี นกนั ไมม่ ผี ใู้ ดคดิ จะทำ� งานทใี่ ช้ ประกอบสัมมาอาชีวะแล้วยังขัดขวางผู้อื่นซึ่งจะ เวลานาน ๆ กวา่ จะไดผ้ ลตอบแทน กอ่ ใหเ้ กดิ โจรภยั ท�ำการประกอบสัมมาอาชีวะเพื่อประโยชน์และ มีการปล้นแย่งชิงกันมากข้ึนในท้องถิ่นตามจังหวัด ความเจรญิ ของส่วนรวมอกี ดว้ ย ต่าง ๆ อาชีพส่วนใหญ่ของราษฎรคือการท�ำนา ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้ใดมีความมานะ ประเทศไดอ้ าศยั ขา้ วเปน็ สนิ คา้ ออกทสี่ ำ� คญั นำ� รายได้ อดทนพากเพียรคิดสร้างสรรค์สิ่งหน่ึงส่ิงใดขึ้นช่วย มาสู่คลังของชาติได้มาก แต่เม่ือเกิดเหตุเช่นน้ีก็ เศรษฐกจิ ของประเทศ เรากถ็ อื วา่ บคุ คลผนู้ นั้ มคี วาม เท่ากับตัดรายได้ของประเทศจากภายนอก ดีความชอบและทำ� ถกู หลักธรรมะ * ปกปอ้ ง จันวิทย.์ (2545). ปว๋ ย อ๊ึงภากรณ์: ทัศนะว่าด้วยเศรษฐกจิ . กรงุ เทพมหานคร: มูลนธิ โิ กมลคมี ทอง. I อดีตผู้วา่ การธนาคารแหง่ ประเทศไทย สมาชกิ ขบวนการเสรไี ทย และอดีตอธิการบดมี หาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์

ปที ่ี 7 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม 2557) 3 ข. การที่กสิกรไทยท้ังหลายสามารถ ฉะน้ัน รัฐบาลจะต้องถือเป็นหน้าที่ท่ีจะ ท�ำการเพาะปลูกได้ผลดี เท่ากับเพิ่มปริมาณการผลิต ปรับปรุงข้าราชการในทุกกรมกองให้มีความ ใหม้ ากขนึ้ ทำ� ใหก้ ารคา้ สะดวกยง่ิ ขนึ้ แตส่ งิ่ เหลา่ นจี้ ะ กระตอื รอื รน้ ในการท�ำงาน จดั วางระเบียบงานและ เป็นไปไม่ได้ถ้ามีโจรปล้นทรัพย์ เจ้าหน้าท่ีทุจริต ข้าราชการในทุกกรมกองให้เหมาะสมกับต�ำแหน่ง มาก ๆ เพราะส่ิงผลิตจะมีน้อยลง ไม่พอกับความ หน้าท่ีและความรับผิดชอบ ไม่ให้ก้าวก่ายกัน ต้องการของสังคมที่เพ่มิ ข้ึนอยูเ่ สมอ ความไมพ่ อดีนี้ ใหป้ ระสานงานกนั ได้ดว้ ยดี และทกุ สว่ นราชการจะ เป็นผลกระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจของประเทศ ตอ้ งรวู้ ่าแต่ละสว่ นมหี นา้ ท่อี ย่างไร เพื่อจะไดท้ �ำการ เป็นอยา่ งมาก งานตดิ ตอ่ กนั ใหร้ วดเรว็ ถา้ เปน็ การทำ� งานตดิ ตอ่ กบั 2. เจ้าหน้าที่ที่มีผลประโยชน์ส่วนตัวใน ประชาชนจะต้องท�ำให้อย่างรวดเร็วเรียบร้อย และ หน้าท่ีการงานของตนขัดกับประโยชน์ของส่วนรวม ไมเ่ รยี กรอ้ งคา่ ธรรมเนยี มใด ๆ เกนิ กวา่ ทท่ี างราชการ ถือว่าเป็นผู้ปฏิบัติผิดหลักธรรมะในด้านเศรษฐกิจ ไดก้ �ำหนดไว้ อาทิ ในฐานะเปน็ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั บาล บคุ คลนนั้ จะ การทข่ี า้ ราชการแตล่ ะคนพยายามปรบั ปรงุ ตอ้ งปฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องตนในขอบเขตแหง่ นโยบายของ ตัวเองให้มีความสามารถเหมาะสมกับหน้าท่ี หรือ รัฐ ถ้าในขณะเดียวกันเจ้าหน้าท่ีผู้น้ันไปมีต�ำแหน่ง การท่รี ัฐบาลเขา้ ใจใชค้ นที่มีความรคู้ วามสามารถใน หน้าที่และรับผิดชอบส่วนงานของเอกชน ไม่ว่าจะ กิจการงานชนิดนั้นโดยแท้จริง ถือว่าได้ปฏิบัติถูก เพียงแห่งเดียวหรือหลายแห่งก็ตาม อาจเป็น หลักธรรมะ ประธานกรรมการ กรรมการผจู้ ดั การ ผถู้ อื หนุ้ ไมว่ า่ 4. นโยบายเศรษฐกิจที่มุ่งช่วยเหลือ จะโดยทางตรงหรือทางอ้อม แม้จะสุจริตเพียงใด หมู่ชนกลุ่มใดกลุ่มหน่ึงโดยเฉพาะน้ัน ถ้าท�ำให้คน บคุ คลภายนอกยอ่ มจะระแวงสงสยั และตง้ั ขอ้ รงั เกยี จ กลมุ่ ใหญเ่ ดอื ดรอ้ นแลว้ ถอื วา่ ผดิ หลกั ธรรมะในดา้ น ฉะน้ัน ทางท่ีสมควรคือ เจ้าหน้าที่ผู้นั้นควรจะต้อง เศรษฐกิจ เพราะเป็นนโยบายเศรษฐกิจท่ีไม่ได้ให้ ลาออกจากหน้าที่หรือตำ� แหน่งต่าง ๆ เสีย ทำ� งาน ความยตุ ิธรรมต่อสังคม การให้เงนิ เฟอ้ ถงึ ขนาดการ แต่เพียงประเภทเดียวโดยไม่ขัดกับประโยชน์ของ เก็บภาษีอากรไม่ท่ัวถึง ผู้ท่ีมีอาชีพท่ีแน่นอนหรือ ส่วนรวม ถ้าเป็นไปได้ถือว่าบุคคลคนน้ันได้ท�ำ ข้าราชการส่วนมากซ่ึงมีบัญชีแสดงรายได้และ ถกู หลักธรรมะในด้านเศรษฐกิจ เงนิ เดอื นเปน็ หลกั ฐานเทา่ นน้ั ทตี่ อ้ งรบั ภาระภาษเี ตม็ ท่ี 3. ข้าราชการแม้ว่าจะไม่ทุจริต แต่ไม่ ถ้ารัฐบาลสามารถวางหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม ท�ำงานให้รวดเร็วเพ่ือประโยชน์แก่ประชาชน มเี จา้ หนา้ ทที่ ม่ี คี วามซอ่ื สตั ยต์ อ่ หนา้ ทที่ ำ� งานอยแู่ ลว้ กข็ ดั ขวางความเจรญิ ในทางเศรษฐกจิ และโดยเฉพาะ เท่ากับว่าได้พยายามท�ำให้ถูกหลักธรรมะในด้าน ส่วนราชการท่ีจ�ำเป็นท่ีต้องติดต่อกับประชาชน เศรษฐกจิ โดยตรง เช่น อ�ำเภอ ถ้าทำ� งานล้าชา้ นอกจากงาน 5. ราษฎรที่สมคบกับข้าราชการท�ำการ ของรัฐจะไม่ก้าวหน้าไปแล้ว ยังไม่เปิดโอกาสให้ เอาเปรยี บสว่ นรวมถอื วา่ ทำ� ผดิ ธรรมะในทางเศรษฐกจิ ราษฎรไดท้ �ำงานของตนไดท้ นั เวลาดว้ ย ตัวอย่างท่ีเห็นได้ชัดก็คือ การให้สินบนข้าราชการ ท�ำให้จิตใจของข้าราชการท่ีจะท�ำดี เสื่อมลง และ

4 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ในทสี่ ดุ ความเดอื ดรอ้ นกจ็ ะเกดิ มขี นึ้ ทวั่ ไป ถา้ ในสว่ น 7. การกกั ตนุ สนิ คา้ ในยามขาดแคลนเพอ่ื ที่เกี่ยวข้องกับรายได้ของรัฐบาลในขณะใดก็ตาม หวังก�ำไรการค้าในตลาดมืด การปฏิบัติตนให้ ถา้ รฐั บาลตอ้ งการจะควบคมุ การคา้ การผลติ ไวช้ วั่ ระยะ เป็นการฝ่าฝืนข้อบัญญัติแห่งกฎหมาย ถือเป็นการ หน่ึง ถ้าประชาชนทุกคนเข้าใจหน้าที่อันดีของตน ปฏิบัติผิดหลักธรรมะทั้งสิ้น เพราะก่อความ ไมเ่ อารดั เอาเปรยี บกนั หรอื ไมฉ่ วยโอกาสคา้ กำ� ไร หรอื เดอื ดรอ้ นใหก้ ับผอู้ ื่นและกบั ส่วนรวม ไมใ่ หส้ นิ บนเจา้ หนา้ ทฝ่ี า่ ยศลุ กากรเพอ่ื เอาสนิ คา้ ตอ้ ง 8. การที่ราษฎรแต่ละคนไม่มีอาชีพหรือ ห้ามหรือจ�ำกัดบางประเภทเข้ามาในประเทศแล้ว ไมพ่ ยายามทำ� งานเพอ่ื เลยี้ งชวี ติ ของตนในทางทชี่ อบ รัฐบาลและธนาคารก็จะสามารถควบคุมการเงิน ไม่เข้าใจหน้าท่ี และไม่รู้จักประมาณและความ ใหห้ มนุ เวยี นอยใู่ นขอบเขตทตี่ อ้ งการ ตลอดจนสามารถ พอเพยี ง เอารดั เอาเปรยี บ ไมม่ ีการศกึ ษาอบรมท่ดี ี คุมการถ่ายเทสินค้าให้มีราคาและปริมาณพอดีกับ เทา่ กบั ไมช่ ว่ ยเหลอื ใหเ้ ศรษฐกจิ ของชาตกิ า้ วหนา้ ไป ความต้องการและก�ำลังซ้ือของประชาชน แต่ถ้ามี คือถ่วงความเจริญของชาติ เหล่านี้ถือว่าปฏิบัติตน การทุจริต รัฐบาลก็ไม่อาจท�ำได้ และยังต้องขาด ไม่ถกู หลกั ธรรมะในดา้ นเศรษฐกิจ รายไดบ้ างสว่ นดว้ ย เงินจำ� นวนนน้ั จะกลบั ไปตกอยู่ 9. การท่ีมีบุคคลกลุ่มน้อยร่�ำรวยข้ึน กบั คนหมนู่ อ้ ย คนหมใู่ หญต่ อ้ งซอื้ สนิ คา้ ทมี่ รี าคาแพง อย่างมาก เป็นการผิดหลักธรรมะ เพราะในขณะท่ี จ�ำเป็นท่ีเขาจะต้องมีรายได้เพ่ิมข้ึน แต่ถ้าไม่มีทาง กลมุ่ คนมง่ั มมี าก ๆ มจี ำ� นวนคนนอ้ ย กลมุ่ คนจนกข็ ยาย เพิ่มขึ้นเพราะรัฐบาลไม่มีรายได้เพิ่มขึ้นตามส่วนที่ จ�ำนวนออกไป เกิดปัญหาในสังคม มีการแบ่งแยก สมควรจะจ่ายให้เป็นรายได้ของประชาชนแล้ว ชั้นของคนโดยไม่ควร และการแบ่งแยกกัน กท็ ำ� ใหเ้ ศรษฐกจิ ของประเทศตอ้ งถกู กระทบกระเทอื น ในลักษณะน้ีเป็นผลเสียทั้งในด้านจิตใจและ เพราะประชาชนส่วนใหญม่ ีมาตรฐาน การครองชีพ การครองชีพของประชาชนเป็นปัญหาหนักส�ำหรับ ต�่ำลง ฉะนน้ั เราจงึ เห็นไดว้ ่าการเอาเปรียบสว่ นรวม รัฐบาลในการปกครองประเทศ นับว่ากระทบ จะโดยวิธีใดก็ตาม ถือเป็นการผิดธรรมะในด้าน กระเทือนต่อเศรษฐกิจของประเทศทุกทาง เศรษฐกจิ สำ� หรบั ขอ้ น้ี ถา้ พจิ ารณาถงึ การพนนั ตา่ ง ๆ อนึ่ง การควบคุมของรัฐบาลถ้าเป็นเพียง การมสี ลากกนิ แบง่ ซง่ึ เปน็ การรวมเงนิ จากประชาชน เลก็ นอ้ ยช่ัวครั้งช่ัวคราวไม่เปน็ ไร แต่ถา้ ควบคมุ มาก หรือคนกลุ่มใหญ่มาเป็นรางวัลให้แก่บุคคลเดียว จะทำ� ใหก้ ารคา้ การผลติ ของประเทศปน่ั ปว่ น เทา่ กบั หรือบุคคลกลุ่มน้อย จึงเป็นการปฏิบัติที่ผิดหลัก กอ่ ความเดอื ดรอ้ นใหแ้ กร่ าษฎร ถอื วา่ ผดิ หลกั ธรรมะ ธรรมะดว้ ย แตถ่ า้ หากวา่ ผถู้ กู รางวลั สลากนนั้ นำ� เงนิ ในดา้ นเศรษฐกจิ มาใช้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมได้มากท่ีสุด 6. การหลบเลย่ี งการเสยี ภาษขี องราษฎร กไ็ มถ่ อื วา่ ไดป้ ฏบิ ตั ติ นผดิ หลกั ธรรมะแตอ่ ยา่ งใด เชน่ ก็ผิดหลักธรรมะ เพราะรัฐบาลเก็บเงินได้น้อยกว่า ผู้ถูกรางวัลเอาเงินท้ังหมดท่ีได้มามอบให้แก่ ที่ควรจะเก็บได้ โรงพยาบาลหรอื สถานศกึ ษาตา่ ง ๆ ซง่ึ วธิ กี ารทก่ี ลา่ ว นเ้ี หน็ วา่ ไดผ้ ลนอ้ ยมาก เพราะผมู้ โี ชคเชน่ นนั้ สว่ นมาก ก็มกั จะใชเ้ งินนัน้ ในทางอนื่ ทีใ่ หค้ วามสขุ เฉพาะตัว

ปที ี่ 7 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม 2557) 5 ฉะนั้น ทางที่จะระงับก็คือ ไม่มีการพนัน ฟ่มุ เฟือย ถือได้ว่าได้ทำ� การเบยี ดเบียนเพือ่ นมนุษย์ ทกุ ประเภท แตอ่ ยา่ งไรกด็ ี รฐั บาลยงั คงไดป้ ระโยชนจ์ าก ในยามนนั้ เพราะในขณะใดขณะหนง่ึ ความสมบรู ณ์ การขายสลากกินแบ่งอยู่บ้าง รางวัลท่ีให้น้ันเป็น ของชาตวิ ดั ไดด้ ว้ ยจำ� นวนสนิ คา้ ไมใ่ ชเ่ งนิ ถา้ จำ� นวน เพยี งเพอื่ จงู ใจใหร้ าษฎรนำ� เงนิ ทม่ี อี ยมู่ ามอบรวมให้ ประชากร 1 ใน 10 ของชาตสิ ามารถเปน็ เจา้ ของและ แกร่ ฐั บาลเพอ่ื ใชเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ประเทศโดยทว่ั ไป ไดร้ บั ประโยชนถ์ งึ ครง่ึ หนงึ่ ของสนิ คา้ ทมี่ อี ยู่ อกี 9 ใน เปรียบเทียบการขายสลากกินแบ่งของรัฐบาลกับ 10 ส่วน ก็ย่อมจะได้รับความเดือดร้อน เพราะ การขายพันธบัตรของรัฐบาลเอง จะเห็นได้ว่า ขาดแคลนสิ่งต่าง ๆ ท่ีจ�ำเป็นต่อการยังชีพของตน ปริมาณและจ�ำนวนเงินที่ขายนั้นมากน้อยกว่ากัน มาตรฐานของบุคคลเหล่าน้ันก็จะตกต�่ำอย่าง จนเทยี บไมไ่ ด้ แมว้ า่ ผซู้ อื้ พนั ธบตั รจะไดเ้ งนิ คนื พรอ้ มทงั้ มากมาย ระดบั ความเป็นอยู่ของบคุ คลหมู่ 1 ใน 10 ดอกเบยี้ กต็ าม ฉะนนั้ การปฏบิ ตั ผิ ดิ หลกั ธรรมะของ กับ 9 ใน 10 จะต่างกนั อยา่ งเทียบไมไ่ ด้ นอกจากว่า รัฐบาลในข้อนี้รัฐบาลก็ได้มีส่วนได้ประโยชน์ด้วย บุคคลทั้งสองกลุ่มนั้นจะได้พยายามปรับปรุงตัวเอง และประโยชน์ที่ได้นั้นก็ย่อมจะตกถึงราษฎรทุกคน ไมใ่ ช่ให้กลุม่ ใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะเป็นฝา่ ยปฏบิ ตั ิ ดว้ ย จงึ เปน็ หนา้ ทข่ี องรฐั บาลจะตอ้ งพจิ ารณาวา่ ควร การที่ฝ่ายที่ยากจนจะเรียกร้องให้ฝ่ายที่ จะมีอย่หู รอื เลิกไป ร่�ำรวยเฉล่ียทรัพย์สินรายได้ให้แก่ตน โดยท่ีตนเอง 10. บุคคลท่ีมีความสามารถในกิจการค้า ไมท่ ำ� อะไรเลยกถ็ อื วา่ ผดิ หลกั ธรรมะเหมอื นกนั หรอื หรือท�ำงานใดก็ตามท�ำให้มีรายได้ส่วนตัวมากมาย การท่ีฝ่ายร�่ำรวยตั้งหน้ากอบโกยเงินทองเข้าไว้ หรือมที รพั ย์สมบัติเปน็ มรดกตกทอดมา แม้ว่าจะได้ โดยไมค่ ำ� นงึ ถึงคนอืน่ ก็ผิดหลักธรรมะเชน่ กัน รับมาโดยสุจริต ถ้าไม่ได้ท�ำให้ทรัพย์นั้นเกิดเป็น ฉะนน้ั การถอื หลกั “ทำ� ดไี ดด้ ี ทำ� ชว่ั ไดช้ วั่ ” ผลประโยชน์ต่อส่วนรวมแล้ว ถือว่าไม่ถูกหลักธรรมะ น่ันก็นับว่าเป็นการยุติธรรม และควรจะใช้ได้ใน ในทางเศรษฐกิจ การที่กล่าวมาเช่นนี้เพราะมีความ ทุกกรณี คนท่ีสามารถหารายได้หรือมีทรัพย์มรดก เขา้ ใจวา่ การทบี่ คุ คลผมู้ ที รพั ยม์ ากมายนนั้ จะนำ� เงนิ ตกทอดมานน้ั ถา้ ไมไ่ ดท้ ำ� ทรพั ยน์ น้ั ใหเ้ กดิ ประโยชน์ มาลงทุนท�ำงานให้เกิดผลประโยชน์ต่อส่วนรวมได้ ก็ไม่เรียกว่าท�ำดี และเม่ือเขาท�ำไม่ดีทรัพย์น้ันก็จะ ปฏิบัติถูกหลักธรรมะแล้ว เพราะได้ช่วยส่งเสริมให้ หมดไป อย่างไรก็ดี ข้อท่ีน่าคิดก็คือ การที่มีบุคคล ประเทศมีเศรษฐกิจดีข้ึน โดยบุคคลผู้น้ันไม่ได้รับ หมนู่ อ้ ยรำ่� รวยมาก ๆ นน้ั ไมส่ มควร แลว้ จะทำ� อยา่ งไร ประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว บุคคลอื่น ๆ ก็ได้รับ เพ่ือให้ทุกคนมีรายได้หรือทรัพย์สินส่วนตัวในระดับ ประโยชนจ์ ากเงนิ นนั้ ดว้ ย และถา้ บคุ คลผมู้ ที รพั ยน์ นั้ ทใี่ กล้เคียงกัน ถา้ เราจะเพง่ เลง็ ถึงแตพ่ วกท่มี ีรายได้ ไดพ้ ยายามทจ่ี ะจดั สรรใหต้ วั เองไดร้ บั ประโยชนจ์ าก สงู ฝา่ ยเดยี ว กจ็ ะทำ� ใหบ้ คุ คลเหลา่ นนั้ เกดิ ยอ่ ทอ้ ทจ่ี ะ เงนิ นน้ั เทา่ เทยี มหรอื อยใู่ นระดบั ทใี่ กลเ้ คยี งกบั บคุ คล ทำ� งานใหไ้ ดผ้ ลดมี าก ๆ ขน้ึ ไป อื่น ๆ จะได้รับ ก็นับว่าได้ท�ำถูกหลักธรรมะนั้น พิจารณาตามหลักธรรมะในด้านเศรษฐกิจ โดยแท้จริง แล้วจะเห็นว่า ถ้าจะท�ำให้ถูกหลักธรรมะ คือ แต่ถ้าบุคคลผู้มีทรัพย์หรือรายได้ส่วนตัว ต้องช่วยสร้างความเจริญให้มีขึ้นทุกทางและต้องมี มากมายไมไ่ ดท้ ำ� ประโยชนแ์ กส่ งั คมเลย มเี งนิ ใชจ้ า่ ย ความยุติธรรมในสังคมนั้น ๆ ฉะน้ัน ถ้าจะดึงเอา

6 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. รายได้ของคนท่ีมั่งมีมาโดยพลการก็ถือว่าไม่ได้ให้ ความยตุ ธิ รรมแกผ่ ทู้ ไี่ ดท้ ำ� งานมาแตแ่ รกเรม่ิ เปน็ การ กระทบกระเทอื นตอ่ จติ ใจของกลมุ่ ชน ซงึ่ แมจ้ ะเปน็ หมู่น้อยก็ถือว่าบุคคลเหล่าน้ันได้รับการปฏิบัติท่ี ไมถ่ กู หลกั ธรรมะเหมือนกัน วิธีการโดยละมอ่ มกม็ ีอยู่ คอื เกบ็ ภาษจี าก ทกุ ๆ คนตามรายไดแ้ ละทรพั ยส์ นิ ทม่ี อี ยู่ โดยเฉพาะ ภาษจี ากมรดก แมจ้ ะจดั เกบ็ ในอตั ราทสี่ งู กอ็ าจจะไม่ กระทบกระเทือนต่อทายาทผูร้ บั มรดกมากนกั ส่วน การเก็บภาษีจากรายได้ ควรเพิ่มอัตราข้ึนตาม ปริมาณเงินได้ ผู้ท่ีมีรายได้น้อยก็เสีย ในอัตราที่ต่�ำ แตผ่ ทู้ มี่ รี ายไดม้ ากกจ็ ะตอ้ งเสยี สละเสยี ภาษใี นอตั รา สูง แต่ในเรอื่ งนี้ตอ้ งอาศัยความรูแ้ ละความเข้าใจใน ระหวา่ งหมชู่ นดว้ ยกนั จงึ จะไดผ้ ล ถา้ ราษฎรพยายาม หลบเล่ียงการเสียภาษีให้กับรัฐบาลหรือไม่ท�ำการ อาชีพ คือ ไม่ปฏบิ ัตติ ามหลักธรรมะมาแตต่ น้ กเ็ ป็น ปัญหาท่ีไม่อาจจะแกก้ นั ให้ตกได้ สรปุ รวมความวา่ ในการรกั ษาระดบั รายได้ ของคนใหอ้ ยใู่ กลเ้ คยี งกนั หรอื ใหม้ คี วามแตกตา่ งกนั เพียงเล็กน้อยน้ัน ควรพิจารณาถึงภาษีมรดกและ ภาษีเงินได้เป็นส่วนส�ำคัญ และประการสุดท้าย ทุกคนจะต้องมอี าชีพท่สี ุจรติ ไมถ่ ่วงความเจรญิ ของ สว่ นรวมดว้ ยการไมท่ ำ� งานหรอื ปฏบิ ตั ผิ ดิ หลกั ธรรมะ ในดา้ นเศรษฐกิจดังได้กลา่ วมาแลว้ การมีการศกึ ษา อบรมในทางท่ีดี เข้าใจนโยบายของรัฐ เข้าใจถึง เสรภี าพของตนในทางทถี่ กู มคี วามหวงั ทจ่ี ะกา้ วหนา้ ให้เท่าเทียมกันโดยไม่เป็นภัยต่อสังคม ท�ำงานด้วย ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ ย่อมจะเป็นผลดีต่อ ส่วนรวม และจะท�ำใหป้ ัญหาเศรษฐกจิ ในด้านอืน่ ๆ ไมย่ ากเกนิ กว่าท่ีบุคคลทุกคนจะชว่ ยกันแกไ้ ข

ปที ่ี 7 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม 2557) 7 100 ปี ชาตกาล ศาสตราจารย์ ดร.ปว๋ ย อึง๊ ภากรณ์ The Centenary Celebration of Dr. Puey Ungphakorn ม.ร.ว.ปรดี ิยาธร เทวกลุ I คอร์รัปชนั หรือการฉ้อราษฎรบ์ งั หลวง คือ ในระหว่างรับราชการ อาจารย์ป๋วยแสดงตัวให้ มะเรง็ รา้ ยทเี่ กาะกนิ เศรษฐกจิ ของประเทศ เมอื่ ขยาย ปรากฏวา่ ตอ่ ตา้ นการฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวง ในโครงการ ตัวมากขึ้นถึงจุดหน่ึง ประชาชนก็จะทนไม่ได้และ ต่าง ๆ ของรัฐ ในสมัยท่ีผมยังเป็นเด็กได้อ่านข่าว ลุกข้ึนมาต่อต้าน การประท้วงทางการเมืองต้ังแต่ อาจารยป์ ว๋ ยตอ่ สกู้ บั ขบวนการฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวงเปน็ ปลายปี 2556 จนถงึ กลางปี 2557 ก็มีสาเหตสุ �ำคัญ ประจำ� ยงั จำ� ไดถ้ งึ ภาพในหนงั สอื พมิ พท์ อ่ี าจารยป์ ว๋ ย มาจากการฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวงขนาดใหญข่ องรฐั บาล ลงไปตรวจจบั การฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวงในโครงการวาง โดยไมเ่ กรงกลวั กฎหมายผคู้ นทวั่ ไปทนไมไ่ ด้ เมอื่ มผี นู้ ำ� ทอ่ ประปาในกรงุ เทพฯ ประท้วงรัฐบาลด้วยสาเหตุหนึ่ง ผู้คนที่เกลียดการ กลา่ วไดว้ า่ ดร.ปว๋ ย องึ๊ ภากรณ์ เปน็ ขวญั ใจ ฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวงจงึ เขา้ รว่ มประทว้ งอยา่ งเตม็ ที่ และ ของประชาชนที่รังเกียจการฉ้อราษฎร์บังหลวงเป็น ยืดเยอ้ื นานเปน็ ประวัตกิ ารณ์ ขวญั ใจของขา้ ราชการทต่ี อ่ สกู้ บั ผมู้ อี ำ� นาจซงึ่ กระทำ� การฉ้อราษฎร์บังหลวงน้ันมีมานานแล้ว การทผ่ี ดิ ทำ� นองคลองธรรม อาจารยป์ ว๋ ยถอื วา่ ความ ต้ังแต่ผมจ�ำความได้ผมได้ยินและได้อ่านข่าว ซ่ือสัตย์สุจริตคือคุณสมบัติที่ข้าราชการต้องมี คอร์รัปชันมาโดยตลอด คู่ขนานกันไปกับข่าวคราว นอกจากปฏบิ ตั ติ นเปน็ ตวั อยา่ งในเรอ่ื งความซอ่ื สตั ย์ เรอื่ งการฉ้อราษฎร์บังหลวง ก็คือขา่ วคราวของการ แลว้ อาจารยป์ ว๋ ยยงั เปน็ ตวั อยา่ งของความกลา้ หาญ ต่อสู้กับคอร์รัปชันเพราะสังคมไทยเป็นสังคมท่ี ในการต่อสู้เพ่ือความถูกต้อง ทุกคร้ังท่ีผู้มีอ�ำนาจ ประชาชนท่ัวไปอยู่ในศีลในธรรม ถือว่าการ ต้องการให้อาจารย์ป๋วยกระท�ำในส่ิงท่ีไม่ถูกต้อง ฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวงเปน็ การทำ� ชว่ั ทน่ี า่ รงั เกยี จ เมอ่ื ผทู้ ี่ อาจารย์ปว๋ ยปฏิเสธเสมอไมว่ ่าจะเปน็ กรณีท่ไี มย่ อม ท�ำช่ัวเป็นผู้ที่มีอ�ำนาจ ก็มักจะมีผู้ที่กล้าหาญเพียง ยกเว้นการปรับธนาคารสหธนาคารตามค�ำขอร้อง พอที่จะต่อสู้กับผู้มีอ�ำนาจเพื่อสกัดความชั่วร้ายนี้ ของจอมพลสฤษด์ิ ธนรัชต์ หรอื กรณที ใี่ ห้ความเห็น ไมใ่ หล้ กุ ลามต่อไป ขัดขวางความประสงค์ของพลต�ำรวจเอกเผ่า ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นผู้น�ำของสังคม ศรยี านนท์ ในเรอื่ งการจา้ งบรษิ ทั ตา่ งชาตทิ ไี่ มน่ า่ เชอ่ื ถอื คนสำ� คญั ทตี่ อ่ สกู้ บั การฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวงมาโดยตลอด พิมพ์ธนบัตรของไทย แม้ว่าการกระท�ำเช่นน้ันจะ I รองนายกรฐั มนตรีและทีป่ รึกษาคณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ

8 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. มผี ลใหอ้ าจารยป์ ว๋ ยถกู ปลดออกจากตำ� แหนง่ หนา้ ที่ ทุกปีในวันที่ 9 มีนาคม ซ่ึงเป็นวันคล้าย ที่ทำ� อยกู่ ต็ าม อาจารย์ปว๋ ยกล่าวไวว้ า่ “คนเราถ้าไม่ วนั เกดิ ของ ดร.ปว๋ ย ลกู ศษิ ยแ์ ละลกู นอ้ งเกา่ มารวมกนั พะวงรกั ษาเกา้ อี้ มักจะตัดสนิ ใจได้ถูกตอ้ ง” เพ่ือท�ำบุญให้ท่านและเพื่อระลึกถึงท่านอยู่แล้ว การที่กล้าต่อสู้ผู้มีอ�ำนาจเพ่ือรักษาความ ถ้าเราจะสามารถผลักดันให้วันที่ 9 มีนาคมเป็น ถกู ตอ้ งพรอ้ มกบั ยดึ ถอื ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ อยา่ งจรงิ จงั วนั ตอ่ ตา้ นคอรร์ ปั ชนั ของชาตไิ ด้ กจ็ ะเปน็ วนั ทเี่ ราจะ ท�ำให้ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์กลายเป็นตัวอย่างที่ดี สามารถใช้เป็นโอกาสแจกรางวัลให้ข้าราชการหรือ สำ� หรบั ขา้ ราชการในสมยั น้ัน รังสรรค์ ธนะพรพนั ธ์ุ อดตี ขา้ ราชการทซี่ อ่ื สตั ยส์ จุ รติ ในการทำ� งานไดอ้ ยา่ ง เขยี นถงึ อาจารยป์ ว๋ ยไวว้ า่ เปน็ “บคุ คลทซี่ อ่ื สตั ยพ์ อท่ี เหมาะสม รางวัลดังกล่าวน่าจะเป็นจุดเร่ิมต้นที่ดี จะเรียกร้องให้ผู้อื่นซ่ือสัตย์ตามได้ ข้าราชการ ในการชกั จงู ใหข้ า้ ราชการหนั มาใหค้ วามสำ� คญั ในเรอื่ ง ตัวอย่างท่ีกล้าคัดค้านและกล้ายืนหยัดเพ่ือความ ความซ่อื สตั ยส์ จุ ริตกันอย่างจริงจังอกี ครง้ั หนึง่ ถูกต้อง” ในสมยั ที่ ดร.ปว๋ ย รบั ราชการอยู่ การปฏบิ ตั ิ ตนของทา่ นชว่ ยเชดิ ชคู ณุ ธรรมในเรอื่ งความซอื่ สตั ย์ สุจริตใหเ้ ป็นที่ปรากฏ ทำ� ใหข้ ้าราชการจ�ำนวนมาก มีก�ำลังใจที่จะยึดถือความซ่ือสัตย์สุจริตเป็น หลกั สำ� คัญในการท�ำงาน อันเป็นผลให้นักการเมือง หาประโยชนจ์ ากงานของราชการได้ไมง่ ่ายนกั แต่ในระยะหลังเหตุการณ์เปลี่ยนไปมาก คณุ ธรรม ความซอื่ สตั ยส์ จุ รติ ซง่ึ ขา้ ราชการสว่ นใหญ่ ยังยึดถืออยู่มิได้เป็นคุณสมบัติส�ำคัญในเร่ืองความ ก้าวหน้าในการงาน ความซ่ือสัตย์สุจริตลดความ ส�ำคัญลงในการปฏิบัติตนของข้าราชการ ถึงเวลา แล้วที่เราควรจะปลุกคุณธรรมในข้อน้ีข้ึนมาให้เป็น สิ่งท่ีข้าราชการต้องยึดถือ โครงการจิตวิทยาสังคม ง่าย ๆ เช่น การก�ำหนดให้มีวันต่อต้านคอร์รัปชัน และให้มีการแจกรางวัลข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซ่ือสัตย์สุจริตจนเป็นท่ียอมรับของวงการ ขา้ ราชการเพอื่ เปน็ ตวั อยา่ งทดี่ ขี องขา้ ราชการทว่ั ไป ทุกปี ปีละ 1 คร้ัง ก็จะเป็นจุดเร่ิมในการเชิดชู คุณธรรมด้านน้ีได้เปน็ อย่างดี

ปที ่ี 7 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม 2557) 9 การเชื่อมโยงระหวา่ งเศรษฐศาสตร์กับนิติศาสตร์ ในการตอ่ ต้านการทจุ รติ คอรร์ ัปชนั ในประเทศไทย Nexus between Economics and Law in Preventing Corruption วิชา มหาคณุ I ในการวางแผนป้องกันและปราบปราม วัฒนธรรมแหง่ การทจุ รติ คอรร์ ปั ชัน ทุจริตคอร์รัปชัน ผู้บริหารมักจะคิดถึงการน�ำหลัก สังคมมีส่วนพัฒนา “วัฒนธรรมแห่งการ กฎหมายและบรรดาระเบยี บขอ้ บงั คบั ตา่ ง ๆ เปน็ ตวั ตง้ั ทุจริตคอร์รัปชัน” (cultures of corruption) ในการคิดหาวิธีแก้ไขปัญหา แต่ก็ต้องพบว่าต่อให้ เพราะพวกเขาทงั้ หลายตดิ อยใู่ นกบั ดกั แหง่ วงจรอบุ าทว์ ออกกฎหมายมากมายเพยี งไร หรอื บงั คบั ใชก้ ฎหมาย (vicious circle) ของความไมเ่ ทา่ เทียมกนั อย่างยงิ่ หนักขึ้นเพียงใด สังคมก็ยังเต็มไปด้วยปัญหาการ ในกลมุ่ ทมี่ คี วามเชอื่ ถอื ศรทั ธาตำ่� อยา่ งยงิ่ และมกี าร ทุจริต ด้วยเหตุนี้ การน�ำศาสตร์อ่ืนนอกจากวิชา ทจุ ริตทีส่ งู อย่างยิ่ง กฎหมายหรือนิติศาสตร์มาวิเคราะห์และวางหลัก ภายใต้ “วัฒนธรรมแห่งการทุจริต การป้องกันและปราบปรามการทุจริต เช่น วิชา คอรร์ ปั ชนั ” ผคู้ นยอมจา่ ยสนิ บนเพราะพวกเขาไมม่ ี เศรษฐศาสตร์ จึงอาจเชื่อมโยงช่วยท�ำให้การต่อสู้ ทางออก และล้วนแลว้ แต่ตดิ อยู่ในกบั ดกั แห่งความ กับการทุจริตได้ผลดีย่ิงขึ้น อันเป็นการเปิดมิติใหม่ ไม่เท่าเทียมกันและยากท่ีจะมีความสุขในกับดักน้ัน ในโลกของการตอ่ ตา้ นทจุ ริต เชน่ นกั ธรุ กจิ ทย่ี อมจา่ ยเงนิ สนิ บน หรอื “ของขวญั ” ทุจรติ คอร์รปั ชนั คืออะไร ให้กับนักการเมืองผู้ทรงอ�ำนาจ มิใช่ว่าพวกเขามี ความสุขกับการจ่ายสินบน แต่เป็นเพราะพวกเขา หากไม่เข้าใจถึงความหมายของทุจริต ไม่มีทางเลือกอ่ืน จึงต้องยอมรับทางเลือกท่ีมิอาจ คอร์รัปชันที่ชัดเจน เราอาจตกเป็นเหยื่อของ ปฏิเสธได้ คำ� อธบิ ายตามความคดิ ทเี่ หน็ วา่ การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั เป็นสิ่งที่รับได้ไม่น่ารังเกียจแต่อย่างใด ท้ังนี้เพราะ เรามักจะตกอยู่ในกับดักของความไม่เท่าเทียมกัน การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั มปี ญั หาในทางกฎหมาย (inequality trap) ในทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นบ่อเกิดของ “ความสุจริตของสังคมที่ทุจริต 1. บทบัญญัติแห่งกฎหมายมีมากมาย คอรร์ ปั ชนั ” (honesty of a corrupt society) หรอื แต่ไม่อาจบอกเราได้มากนักเกี่ยวกับการบังคับใช้ เหน็ กงจกั รเปน็ ดอกบวั หลงคดิ วา่ ความทจุ รติ เปน็ สง่ิ ท่ี กฎหมาย (enforcement of the law) โดยเฉพาะ ยอมรับไดย้ ่ิงกวา่ ความซอื่ สตั ยส์ จุ รติ ผู้มีฐานะดีและผู้มีอ�ำนาจมักอยู่ห่างไกลจากการ บังคับใช้กฎหมาย I กรรมการ ป.ป.ช.

10 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. 2. กฎหมายบางครั้งก็ก่อให้เกิดผลที่ จำ� แนกประเภทของทุจรติ คอรร์ ัปชัน แตกตา่ งกนั อยา่ งนา่ ฉงนสนเทห่ ์ เชน่ กรณกี ารขดั กนั ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ Heidenheimer (อา้ งใน Eric M. Uslaner, ส่วนรวม หรือการมีผลประโยชน์ทับซ้อน ตาม 2008) จ�ำแนกการทุจริตคอรร์ ปั ชนั ออกเปน็ 3 แบบ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ทวี่ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั ได้แก่ การทุจริตคอร์รัปชันขนาดเล็ก (petty และปราบปรามการทจุ รติ มาตรา 100 หากรฐั มนตรี corruption) การทุจริตคอร์รัปชันเป็นประจ�ำ ท�ำสัญญากับบริษัทที่รัฐมนตรีเป็นเจ้าของกับ (routine corruption) และการทุจริตคอร์รัปชัน หนว่ ยงานทรี่ ฐั มนตรี กำ� กบั ดแู ล รฐั มนตรมี คี วามผดิ ร้ายแรง (aggravated corruption) สองประเภท แต่ถ้าท�ำสัญญาดังกล่าวกับหน่วยงานอ่ืนท่ีรัฐมนตรี แรกเป็นการทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดข้ึนเป็นธรรมดา ผนู้ น้ั มไิ ดเ้ ปน็ ผกู้ ำ� กบั ดแู ล รฐั มนตรผี นู้ นั้ กไ็ มต่ อ้ งรบั ผดิ สามัญในสังคมท่ีขาดแคลน เมื่อคนธรรมดาต้อง ขนึ้ ตรงตอ่ ผอู้ ปุ ถมั ภ์ การคอรร์ ปั ชนั ขนาดเลก็ เปน็ กรณี การเชอ่ื มโยงระหวา่ งการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั กบั ท่ีเก่ียวข้องกับเงินจ�ำนวนน้อย เช่น การจ่ายเงินให้ ความไม่เทา่ เทยี ม ต�ำรวจ ให้รางวัลแพทย์ท่ีแทรกคิวคนไข้ให้เร็วข้ึน การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั เปน็ ประจำ� ไดแ้ ก่ การใหเ้ พอื่ ได้ การเช่ือมโยงระหว่างการทุจริตคอร์รัปชัน สัญญาจัดซ้ือจัดจ้างกับหน่วยราชการ หรือให้ของ และความไม่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าเก่ียวกับรายได้หรือ ขวัญกับผู้อุปถัมภ์ การทุจริตคอร์รัปชันร้ายแรง ในแงข่ องกฎหมาย ลว้ นแตช่ ใ้ี หเ้ หน็ ถงึ จดุ ออ่ นในการ เก่ียวข้องกับเงินจ�ำนวนมาก ส่วนใหญ่ให้แก่ผู้น�ำ โตแ้ ยง้ ตามแบบดง้ั เดมิ เกย่ี วกบั คำ� วา่ ทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ทางการเมืองเป็นเงินตอบแทนหรือสินบนที่ได้ ซึ่งเป็นถ้อยค�ำท่ีสะท้อนยิ่งกว่าค�ำอธิบายในทาง สญั ญาจากรฐั บาล กฎหมาย แนวความคิดของการทุจริตคอร์รัปชัน การทุจริตคอร์รัปชันขนาดเล็กยังคงอยู่ สว่ นใหญก่ ลา่ วถงึ เร่ือง “ความผิด” ในขณะท่ลี ะเลย ในสงั คม มใิ ชเ่ พราะประชาชนยอมรับหรอื ทนไดก้ ับ ต่อความโปร่งใส องค์กรน�ำในด้านต่อต้านทุจริต การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั เชน่ นน้ั พวกเขาไมอ่ าจหลบหนอี อก ระดบั สากล คอื องคก์ รเพือ่ ความโปรง่ ใสนานาชาติ ไปได้เพราะไม่เห็นทางออก ระบบการเมืองและ ดูประหนึ่งว่าการทุจริตคอร์รัปชันถูกแอบซ่อนไว้ กฎหมายไมอ่ าจทำ� หนา้ ทไี่ ดอ้ ยา่ งเปน็ ธรรม และอาจ ถ้าคุณมีความประพฤติสุจริตไม่ว่าในหน่วยงาน ทำ� หนา้ ทไ่ี ดน้ อ้ ยเกนิ ไป หากไมไ่ ดร้ บั การกระตนุ้ โดย ภาครฐั หรอื ภาคเอกชนคณุ กไ็ มจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งหลบซอ่ น “ของขวัญ” หรือ “รางวัล” พิเศษ ในท่ีสุด การกระทำ� ของตน ตรงขา้ มควรเปดิ เผยใหเ้ ปน็ ทร่ี กู้ นั นกั วชิ าการบางคนมองวา่ การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ขนาดเลก็ เพราะ “ความโปรง่ ใส” หมายถึง การส่องสวา่ งเพ่อื เป็น “สินบนที่สุจริต” (honest graft) หรือ ให้เห็นส่ิงต่าง ๆ ไดอ้ ย่างชัดแจง้ การทุจริตคอร์รัปชันสีขาว (white corruption) ซ่ึงต่างจากการทุจริตคอร์รัปชันร้ายแรง หรือการ ทุจริตคอรร์ ปั ชนั ขนาดใหญ่ (grand corruption) ที่ถือเป็น “สินบนที่ไม่สุจริต” (dishonest graft) เช่น การซื้อขายต�ำแหน่งราชการ หรือต�ำแหน่ง ทางการเมือง รวมท้ังการทุจริตเชิงนโยบาย และ การทำ� ลายทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ปีที่ 7 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม 2557) 11 ในภาพรวมของปญั หาการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ท่ีเกิดข้ึนในโลกและสังคมไทย มีความสลับซับซ้อน และมีปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมเข้ามา เกย่ี วขอ้ งอยา่ งมากทไี่ มอ่ าจแยกออกพจิ ารณาแตล่ ะ ภาคส่วน โดยไม่บูรณาการความคิด นโยบายและ ยุทธศาสตร์เพ่ือการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันเป็น องคร์ วม ดงั นนั้ แนวทางการปอ้ งกนั และปราบปราม การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั จงึ มอิ าจใชเ้ พยี งบทกฎหมาย หรอื บทลงโทษตามกฎหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แตต่ อ้ งอาศยั ศาสตรอ์ นื่ โดยเฉพาะวชิ าเศรษฐศาสตร์ มาเป็นเครื่องมือร่วมกับวิชานิติศาสตร์ การใช้วิชา เศรษฐศาสตร์เพื่อการวิเคราะห์ปัญหาร่วมกับ แนวทางออกของกฎหมาย นับว่าเป็นสิ่งท้าทาย อย่างย่ิงในสังคมวิชาการของไทยท่ีชอบศึกษาแบบ แยกส่วน แต่หากประสบความส�ำเร็จก็ถือว่าเป็น คณุ ปู การตอ่ การศกึ ษา ในระดบั ปรญิ ญาตรี ปรญิ ญาโท ปรญิ ญาเอก และภายหลงั ปรญิ ญาเอกตอ่ ไปในภายหนา้ อยา่ งมิตอ้ งสงสัย เอกสารอา้ งอิง Uslaner Eric M. . (2008). Corruption, Inequality and the Rule of Law, Cambridge: Cambridge University Press.

12 วารสารวิชาการ ป.ป.ช.

2ตอนที่ บทความทางวิชาการ: การทจุ รติ และการต่อต้านการทจุ รติ Articles on Anti-Corruption

14 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. การฟน้ื ฟูกจิ การในตลาดหลักทรพั ย์กบั อิทธิพลทางการเมอื ง Listed Companies under Rehabilitation and Political Influence สมศักด์ิ ประถมศรีเมฆ I บทคัดย่อ การศึกษาคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ทราบถึงรูปแบบของการแสวงหาประโยชน์จากการฟื้นฟู กิจการ ซ่ึงอาจเช่ือมโยงกับการใช้อิทธิพลทางการเมืองในการสร้างผลก�ำไรจากการลงทุนท่ีไม่เป็นธรรม จากการศึกษาเปรียบเทียบค่าเฉล่ียระหว่างกิจการท่ีเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูโดยกลุ่มทุนทางการเมืองกับ กลุ่มทุนทั่วไปจ�ำนวน 101 แห่ง ท่ีเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการในช่วงปี พ.ศ. 2539 ถึง พ.ศ. 2552 พบขอ้ บง่ ชซี้ งึ่ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความเปน็ ไปไดท้ อี่ ทิ ธพิ ลทางการเมอื งจะมคี วามสมั พนั ธใ์ นเชงิ บวกตอ่ การฟน้ื ฟกู จิ การ ตลอดจนพบข้อบ่งช้ีถึงความด้อยคุณภาพของหลักทรัพย์ของกิจการหลายแห่งที่ผ่านการฟื้นฟูกิจการ ผลจากการศกึ ษาใหข้ อ้ เสนอแนะดงั นี้ 1) หนว่ ยงานภาครฐั ควรสง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนเพอื่ ควบคมุ พฤติกรรมของกล่มุ ทุนทางการเมอื ง ในการเข้าแสวงหาประโยชน์จากการฟ้นื ฟูกิจการ 2) หน่วยงานกำ� กบั ดูแลตลาดทุนควรก�ำหนดกลไกส่งเสริมการลงทุนท่ีช่วยลดการบิดเบือนของราคา 3) นักลงทุนควรศึกษา ปัจจัยพ้นื ฐานของกจิ การ ทผี่ า่ นกระบวนการฟ้ืนฟูกจิ การอย่างถ่ถี ้วนกอ่ นตดั สนิ ใจลงทนุ คำ� สำ� คัญ: การฟื้นฟกู ิจการ อทิ ธิพลทางการเมือง ตลาดหลกั ทรัพยแ์ หง่ ประเทศไทย I อาจารย์ประจ�ำ คณะการจัดการและการท่องเท่ียว มหาวิทยาลยั บูรพา

ปที ่ี 7 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม 2557) 15 Abstract This study aims to explore the main patterns of exploitation within corporate rehabilitation activities which may be linked to the abuse of political influence to generate an unjustified return on investment. A comparative study was undertaken of 2 groups of 101 listed companies that entered into the rehabilitation process between 1996 and 2009. The research revealed that political influence was positively associated with rehabilitated firms. The study also exposed the inferior quality of the securities of many rehabilitated companies. The study’s recommendations are as follows: 1) The public sector should encourage public participation to monitor the behavior of “political capitalists”. 2) Regulators should establish mechanisms to eliminate distortion of the stock price of re-traded securities. 3) Investors should carefully focus on the business fundamentals before investing in any rehabilitated company. Keywords: rehabilitation, political influence, listed companies 1. บทน�ำ ในรูปแบบการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงย่ิงจาก วิกฤตการณ์ทางการเงินในช่วงปี พ.ศ. ตลาดทุน ท้ังนี้ ความส�ำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ 2539 ถึง พ.ศ. 2542 ส่งผลให้กิจการจดทะเบียน อันเกิดจากกลุ่มทุนสองกลุ่ม คือ กลุ่มทุนทั่วไป และ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมากกว่า 100 กลมุ่ ทนุ ทางการเมอื ง ปรากฏการณใ์ นครงั้ น้ี จงึ กอ่ ใหเ้ กดิ แห่ง ต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ต่อมาเม่ือ ค�ำถามวิจัยที่น่าสนใจว่า “กลุ่มทุนทางการเมืองมี เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวอย่างชัดเจนนับแต่ปี พฤติกรรมเข้าฉกฉวยผลประโยชน์จากการฟื้นฟู พ.ศ. 2544 มากกว่าคร่ึงหนึ่งของกิจการเหล่าน้ี กิจการของกจิ การจดทะเบียนหรอื ไม่” ซง่ึ ข้อบ่งช้ี กส็ ามารถฟืน้ ฟกู ิจการไดส้ �ำเร็จ แม้ปัจจัยของความ ทร่ี ะบถุ งึ พฤตกิ รรมดงั กลา่ วนนั้ อาจพสิ จู นไ์ ดจ้ ากการ ส�ำเร็จส่วนหนึ่งเกิดจากศักยภาพภายในตัวกิจการ เปรยี บเทยี บผลจากการฟน้ื ฟกู จิ การระหวา่ งกลมุ่ ทนุ ตลอดจนอาจมีการตกแต่งก�ำไรเข้ามาเกี่ยวข้อง ท้ังสองกลุ่ม หากพบว่าความมีประสิทธิภาพในการ การปรับปรุงในองค์กร (สมศักดิ์ ประถมศรีเมฆ, ฟื้นฟูกิจการ อัตราผลตอบแทน ตลอดจนเม็ดเงิน 2548) แต่ปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลต่อความส�ำเร็จใน ผลตอบแทนที่ได้จากการฟื้นฟูกิจการของกลุ่มทุน การฟืน้ ฟูกิจการดว้ ย คอื ความสมั พันธ์ระหว่างการ ทางการเมืองสงู กวา่ กลุ่มทุนทว่ั ไป ย่อมเป็นข้อบง่ ชี้ ฟน้ื ฟกู จิ การในตลาดหลกั ทรพั ยก์ บั ทนุ ทางการเมอื ง ส�ำคัญถึงการเข้าฉกฉวยผลประโยชน์ที่เกิดจาก สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคม และ ชอ่ งวา่ งในกฎระเบยี บของตลาดหลกั ทรพั ยฯ์ ตลอดจน การเมืองของไทยนับจากวิกฤตการณ์ทางการเงิน อาจเป็นข้อบ่งช้ีท่ีแสดงให้เห็นถึงการใช้อิทธิพล ปี พ.ศ. 2540 จนกระท่ังเศรษฐกิจเร่ิมฟื้นตัว เป็น ทางการเมอื งในการสรา้ งประโยชนใ์ หก้ บั ตนเองและ โอกาสให้สามารถศึกษาเชิงเปรียบเทียบถึงอิทธิพล พวกพ้องในแบบท่ีไม่อาจเกิดข้ึนได้กับนักลงทุน ทางการเมอื งทอี่ าจมตี อ่ การฟน้ื ฟกู จิ การ ซงึ่ เปน็ หนง่ึ ท่ัวไป

16 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. จากเหตุการณ์การรัฐประหารในวันท่ี 19 ฟื้นฟูกิจการ และเน่ืองจากการศึกษาในครั้งนี้ กันยายน พ.ศ. 2549 ส่งผลใหอ้ �ำนาจทางการเมอื ง ตอ้ งการประเมนิ ความสำ� เรจ็ ของกจิ การทอ่ี าจไดร้ บั ถูกเปล่ียนมือไปยังกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม อทิ ธิพลจากกลมุ่ ทุนทางการเมือง ช่วงเวลาดงั กลา่ ว ซึ่งรวมถึงกลุ่มทุนทางการเมืองที่มีบทบาทในการ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างเหมาะสม โดยจะเป็น ฟน้ื ฟกู จิ การของบรษิ ทั จดทะเบยี นฯ ดว้ ยเหตกุ ารณ์ ชว่ งเวลาทม่ี รี ฐั บาลทห่ี ลากหลาย ทง้ั จากการนำ� โดย รัฐประหารครั้งน้ัน จึงก่อให้เกิดโอกาสวิจัยท่ีหาได้ พรรคประชาธปิ ตั ย์ พรรคไทยรกั ไทย ตลอดจนคณะ ยากยิ่งที่จะตอบค�ำถามท่ีว่า “กิจการท่ีได้รับการ รัฐบาลท่ีได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐประหารในปี ฟน้ื ฟโู ดยกลมุ่ ทนุ ทางการเมอื งมคี วามยง่ั ยนื ในการ พ.ศ. 2549 ซ่ึงกลุ่มการเมืองเหล่านี้มีจุดยืนท่ี ด�ำเนินงานมากน้อยเพียงใด หลังจากกลุ่มทุนฯ แตกต่างกันอย่างชัดเจน ความส�ำเร็จในการฟื้นฟู เหลา่ นนั้ สญู เสยี อำ� นาจทางการเมอื งไปแลว้ ” หาก กิจการวัดจากการที่ตลาดหลักทรัพย์อนุญาตให้ ผลจากการวิจัยพบว่าภายหลังจากกลุ่มทุนทาง ซอื้ ขายหลกั ทรพั ยข์ องกจิ การเหลา่ นน้ั อกี ครงั้ ซง่ึ หมายถงึ การเมอื งทห่ี นนุ หลงั อยสู่ ญู เสยี อำ� นาจไปแลว้ ผลการ กิจการเหล่านั้นสามารถปรับโครงสร้างหน้ีได้อย่าง ดำ� เนนิ งานและฐานะการเงนิ ไมไ่ ดด้ ขี นึ้ เมอื่ เปรยี บเทยี บ น้อยร้อยละ 50 รวมท้ังผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแผนการ กับกิจการท่ีผ่านการฟื้นฟูโดยนักลงทุนทั่วไป ฟน้ื ฟกู จิ การแลว้ (ตลาดหลกั ทรพั ยแ์ หง่ ประเทศไทย, ยอ่ มเปน็ ขอ้ บง่ ชท้ี แี่ สดงใหเ้ หน็ วา่ ผลการดำ� เนนิ งาน 2543) ตลอดจนแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ผลการดำ� เนนิ งานท่ี ของกิจการเหล่านั้นอาจขึ้นอยู่กับแรงสนับสนุน ปรบั ปรงุ ไปในทางทด่ี ี ฐานะการเงนิ ทเ่ี รมิ่ เขา้ สภู่ าวะ ทางการเมอื ง หรอื อาจเปน็ เพราะศกั ยภาพทางธรุ กจิ ปกติ กระแสเงินสดจากการดำ� เนนิ งานทสี่ งู พอ และ ของกจิ การเหลา่ น้นั ผูกติดกับนโยบายทางการเมือง มีความคืบหนา้ ในการฟ้ืนฟูกิจการ การศึกษาคร้ังน้ีมุ่งศึกษาการแสวงหา แนวคิดเบ้ืองหลังการศึกษาน้ีคือ แนวคิด ผลประโยชน์ของกลุ่มทุนทางการเมืองจากกิจการ การประเมินมูลค่า (valuation) โดยมูลค่าของ จดทะเบยี นทตี่ อ้ งเขา้ สกู่ ระบวนการฟน้ื ฟกู จิ การตาม สินทรัพย์ลงทุนใด ๆ ข้ึนอยู่กับความคาดหวังถึง หลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กระแสเงินสดที่ผู้ลงทุนจะได้รับในอนาคตคิดลด ดังนั้น กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการศึกษาจึงจ�ำกัดอยู่ กลับมาเป็นมูลค่าปัจจุบันด้วยอัตราผลตอบแทนที่ เพียงแค่กลุ่มกิจการท่ีต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู เหมาะสม (Williams, 1938) โดยมูลค่าของสินทรัพย์ กจิ การ ในชว่ งปี พ.ศ. 2539 ถงึ ปี พ.ศ. 2552 จำ� นวน จะเปน็ ผลมาจากกระแสเงนิ สดในอนาคต ความเสยี่ ง 83 กิจการ โดยไมร่ วมกจิ การสถาบนั การเงนิ 1 โดยปี ของกระแสเงินสด ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนต้องการ พ.ศ. 2539 เป็นปีแรกท่ีตลาดหลักทรัพย์แห่ง ตลอดจนความยงั่ ยนื ของกระแสเงนิ สด ซงึ่ แมย้ งั ไมม่ ี ประเทศไทยได้ก�ำหนดเง่ือนไขที่เป็นการกดดัน การศกึ ษาใด ๆ ทร่ี ะบถุ งึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอตั รา กจิ การทป่ี ระสบปญั หาทางการเงนิ เขา้ สกู่ ระบวนการ ผลตอบแทนทคี่ าดหวงั กบั ความเสยี่ งทเ่ี กย่ี วขอ้ งจาก 1 ประกอบดว้ ย ธนาคาร เงนิ ทนุ หลกั ทรพั ย์ และประกนั ภยั เขา้ มาเปน็ กลมุ่ ตวั อยา่ ง เนอ่ื งจากสถาบนั การเงนิ จะถกู ก�ำ กบั ดแู ล อย่างเข้มงวด โดยหนว่ ยงานก�ำ กับดูแลอนั ประกอบด้วยธนาคารแหง่ ประเทศไทย และกรมการประกนั ภัย จงึ ไมส่ ามารถ ตัดสนิ ใจไดโ้ ดยอสิ ระเชน่ เดยี วกบั กิจการปกติ หากน�ำ กจิ การเหล่านเี้ ขา้ มาศึกษาอาจท�ำ ให้ผลการศกึ ษาถูกบิดเบอื นได้

ปที ่ี 7 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม 2557) 17 การลงทุนในการฟื้นฟูกิจการของไทย แต่ภายใต้ มากกวา่ กจิ การทวั่ ไป ซง่ึ อาจนำ� ไปสคู่ วามมง่ั คงั่ ทส่ี งู ภาวการณป์ กตอิ าจตง้ั ขอ้ สมมตไิ ดว้ า่ อตั ราผลตอบแทน กว่าเม่ือวัดจากผลตอบแทนจากการลงทุน และ ของการฟื้นฟูกิจการท่ีสูงมากน่าจะคุ้มค่ากับความ อัตราส่วน “ราคาหลักทรัพย์ต่อมูลค่าตามบัญชี” เสี่ยงในระดับสูง อย่างไรก็ตาม การลงทุนฟื้นฟู โดยเฉพาะกิจการทรี่ บั สัมปทานจากรฐั กิจการอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักหากผู้ลงทุนต้อง งานวิจัยในข้างต้นสอดคล้องอย่างมากกับ สญู เมด็ เงนิ ลงทนุ จำ� นวนมากไปทงั้ หมด แตห่ ากมกี ลไก งานศึกษาของ Bunkanwanich and Wiwatt- ใด ๆ ท่ีมีประสิทธภิ าพในการลดความเสย่ี งจากการ anakantang (2008) ทั้งสองได้พบว่า กิจการที่ ลงทุน ในขณะท่ีสามารถคงระดับของอัตรา เกย่ี วขอ้ งกบั กลมุ่ ทนุ ทางการเมอื งสามารถมสี ว่ นแบง่ ผลตอบแทนท่ีเหมาะสมไว้ การลงทุนในการฟื้นฟู ทางการตลาดเพิ่มข้ึนถึงร้อยละ 46.74 ในขณะที่ กิจการนั้นอาจเป็นการลงทุนที่ดีท่ีสุดคร้ังหนึ่งที่ กิจการคู่แข่งที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับกลุ่มทุน ผลู้ งทนุ พงึ กระทำ� ทง้ั น้ี การลดความเสย่ี งในการลงทนุ ทางการเมืองมีส่วนแบ่งทางการตลาดลดลงร้อยละ อาจสะท้อนออกมาในรูปของการใช้อิทธิพลทาง 4.6 น่ันหมายความวา่ กลมุ่ ทุนที่มสี ายสมั พันธ์อันดี การเมอื ง หรอื การมขี อ้ มลู เชงิ ลกึ เกย่ี วกบั นโยบายของรฐั กับนักการเมืองย่อมมีโอกาสในการเข้าถึงส่วนแบ่ง ท่ีเอื้อประโยชน์ต่อการด�ำเนินงานในอนาคตของ ทางการตลาดทเี่ พมิ่ สงู ขน้ึ นอกจากนี้ เมอื่ กลมุ่ ธรุ กจิ กจิ การ อันทำ� ให้ความเสี่ยงในการลงทนุ ลดลง ต่าง ๆ เข้าถึง หรือได้รับโอกาสทางธุรกิจท่ีเพิ่ม มากขึ้น กลุ่มทุนเหล่าน้ีมีกระบวนการในการรักษา 2. กลมุ่ ธรุ กจิ และนกั การเมอื งมผี ลประโยชน์ ความมน่ั คงของผลประโยชนใ์ นรปู ของการรกั ษาอำ� นาจ ร่วมกนั ผกู ขาดในเชงิ ธรุ กจิ นอกจากนย้ี งั มงี านของ Boubakri, เม่ือกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มทุน Cosset และ Saffar ซึ่งได้ข้อค้นพบในลักษณะ และนักการเมือง งานของ Charumilind และคณะ เดียวกันว่า กิจการที่มีสายสัมพันธ์กับการเมือง (2006) Bunkanwanich and Wiwattanakantang มีแนวโน้มด�ำเนินธุรกิจในกิจการผูกขาดมากกว่า (2008) และ Boubakri, Cosset and Saffar (2008) กจิ การที่ไม่มสี ายสมั พนั ธท์ างการเมอื ง ไดช้ ใี้ หเ้ หน็ วา่ กลมุ่ ธรุ กจิ ทเี่ ขา้ สเู่ วทที างการเมอื งหรอื เมื่อน�ำภาพความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มทุน มสี ายสมั พนั ธอ์ นั ดกี บั กลมุ่ กอ้ นทางการเมอื ง มเี ปา้ หมาย และกลุ่มการเมืองข้างต้น มาวิเคราะห์กับกรณีของ ท่ีส�ำคัญเพ่ือรักษาผลประโยชน์ในเชิงธุรกิจรูปแบบ ประเทศไทย งานของผาสกุ พงษไ์ พจติ ร และสงั ศติ ต่าง ๆ โดยเฉพาะ Charumilind และคณะ (2006) พิริยะรังสรรค์ (2535) ได้ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ ไดช้ ใ้ี หเ้ หน็ วา่ ผลประโยชนใ์ นเชงิ ธรุ กจิ เหลา่ นี้ หมายถงึ ระหวา่ ง รฐั นายทนุ และเจา้ พอ่ ทอ้ งถน่ิ ในสงั คมไทย ผลตอบแทนจากราคาหลักทรัพย์ และผลประโยชน์ ซึ่งการท่ีนักธุรกิจแสวงหาอ�ำนาจทางการเมือง ในแง่ของการเข้าถึงแหล่งเงินกู้เป็นส�ำคัญ พวกเขา โดยการสนบั สนนุ พรรคการเมอื งหรอื ตง้ั พรรคการเมอื ง ได้ร่วมกันศึกษาสภาพความสัมพันธ์ระหว่างทุนกับ เสียเองคือจุดเริ่มต้นที่กลุ่มทุนทางการเมืองได้มี การเมอื งในบรบิ ทของไทย โดยเขาพบวา่ กจิ การของ โอกาสเขา้ มาบรหิ ารรฐั บาลอยา่ งจรงิ จงั และเกดิ เปน็ การ ไทยทม่ี สี ายสมั พนั ธใ์ กลช้ ดิ กบั ธนาคารและนกั การเมอื ง แสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันของกลุ่มนายทุนและ จะไดร้ บั สทิ ธพิ เิ ศษในการเขา้ ถงึ แหลง่ เงนิ กรู้ ะยะยาว รฐั บาล

18 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. 3. การฟน้ื ฟกู จิ การและการแสวงหาประโยชน์ จากการฟื้นฟูกิจการกับกลุ่มทุนทางการเมือง ของกลมุ่ ทนุ โดยกิจการท่ีสามารถฟื้นฟูได้จ�ำนวนหน่ึงเก่ียวข้อง กับนักการเมืองอย่างชัดแจง้ สมศกั ดิ์ ประถมศรเี มฆ (2548) ไดช้ ใี้ หเ้ หน็ วา่ งานวิจัยของ Stian Rafoss Obrestad การลงทุนฟื้นฟูกิจการเป็นการลงทุนที่ต้องใช้เงิน (2009) และงานของ Korteweg (2007) พบว่า เป็นจำ� นวนมากและมีความเสยี่ งสูง แต่หากประสบ คา่ เฉลยี่ ของราคาหนุ้ ของกจิ การทนี่ กั ลงทนุ ฟน้ื ฟกู จิ การ ความสำ� เรจ็ ผลู้ งทนุ ยอ่ มมโี อกาสทไ่ี ดร้ บั ผลตอบแทน (vulture investor) เข้าลงทนุ จ�ำนวน 36 แหง่ เพ่ิม ที่น่าพอใจย่ิงเช่นเดียวกัน ภายใต้กรอบของการ สงู ขน้ึ กวา่ รอ้ ยละ 326 รวมทงั้ การทกี่ จิ การทปี่ ระสบ ลงทุนสมัยใหม่ มูลค่าของสินทรัพย์ลงทุนใด ๆ ปัญหาทางการเงินอาจมีผลประกอบการที่ไม่น่า ยอ่ มขน้ึ อยกู่ บั ความคาดหวงั ถงึ กระแสเงนิ สดทส่ี นิ ทรพั ย์ พงึ พอใจ เนอื่ งจากตอ้ งเรง่ ขายสนิ ทรพั ยท์ มี่ ใี นราคาตำ่� นนั้ ๆ จะสามารถสรา้ งขน้ึ ได้ ทงั้ น้ี การลดความเสยี่ ง และไม่สามารถลงทุนในโครงการท่ีมีความคุ้มค่าได้ ในขณะที่คงโอกาสที่ได้รับผลตอบแทนท่ีน่าพอใจ ท�ำให้ราคาหุ้นต�่ำเกินไปไม่สะท้อนถึงปัจจัยพ้ืนฐาน ไวไ้ ดเ้ ชน่ เดมิ ยอ่ มทำ� ใหก้ ารลงทนุ ฟน้ื ฟกู จิ การนา่ สนใจ ทค่ี วรจะเปน็ สง่ิ นเ้ี ปน็ แรงจงู ใจอยา่ งสงู ทจ่ี ะดงึ ดดู ให้ ยงิ่ ข้ึน การศึกษาชิ้นน้ีพบว่า กจิ การทีป่ ระสบความ นักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ เข้าลงทุน เพราะอัตรา สำ� เรจ็ ในการฟน้ื ฟกู จิ การมคี ณุ ลกั ษณะทดี่ ซี ง่ึ บง่ บอก ผลตอบแทนที่สูงจะสามารถชดเชยผลขาดทุน ถึงความสามารถในการฟื้นตัว (good recovery ในกรณที บี่ รษิ ทั ลม้ เหลวในการลงทนุ ในกจิ การแหง่ อน่ื prospects)2 อนั ประกอบไปดว้ ยความเจริญเตบิ โต ได้เปน็ อย่างดี ของยอดขายและความส�ำเร็จในการปรับปรุง นอกจากน้ี จากการศกึ ษาของ Lim (2007) โครงสร้างหนี้ที่มีปัญหา มีการเปิดเผยข้อมูลและ วิเคราะห์ให้เห็นว่า นักลงทุนเอกชนสามารถ การบริหารจัดการขององค์กรที่โปร่งใสมากขึ้น ซื้อกิจการท่ีประสบปัญหาทางการเงินได้ในราคาที่ ตลอดจนมีระดับของรายการคงคา้ งท่ีเกดิ จากความ ต่�ำมาก3 ผนวกกับการเก้ือหนุนของภาคการเมือง ตั้งใจ (discretionary accruals) เพ่ิมขึ้นอย่างมี ด้วยการใช้งบประมาณแผ่นดินลงทุนในโครงการท่ี นยั สำ� คญั อนั นำ� ไปสผู่ ลกำ� ไรทเี่ ปน็ บวก เพอ่ื วตั ถปุ ระสงค์ เอื้อประโยชน์ในเชิงธุรกิจ ท�ำให้ความสัมพันธ์ ในการดึงดูดเงินทุนจากภายนอกและเพ่ือให้เป็นไป ดังกล่าวเป็นไปอย่างเก้ือหนุนกัน ทั้งสองฝ่าย ตามเง่ือนไขของการฟื้นฟูกิจการที่ก�ำหนดขึ้นโดย มีกระบวนการในการแบ่งสรรผลประโยชน์เก่ียวกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อย่างไรก็ตาม โครงการก่อสร้างด้วยการสมยอมราคาส�ำหรับ จากการศกึ ษาพบประเดน็ ทเี่ ชอ่ื มโยงระหวา่ งความสำ� เรจ็ 2 เชน่ เดยี วกบั การศกึ ษาของปฏญิ ญา ชลู วิ รรณฬี (2547) ทร่ี ะบวุ า่ ความสามารถในการท�ำ ก�ำ ไรเปน็ สงิ่ ส�ำ คญั ตอ่ ความส�ำ เรจ็ ในการฟน้ื ฟูกิจการ 3 ตัวอย่างเชน่ จากคำ�ให้สัมภาษณ์ของคณุ สทุ ธศิ กั ด์ิ โล่ห์สวสั ด์ิ (บสิ เิ นสไทย, 2547) ได้ระบวุ า่ “มีคนมองว่า EMC (บริษทั อีเอม็ ซี จำ�กดั (มหาชน)) เป็นหุน้ การเมอื ง มลี กู ชายท่านนายกรฐั มนตรเี ข้ามาถือห้นุ อยู่ประมาณ 10 ล้านหนุ้ คิดเปน็ สัดส่วนประมาณ 3% ซึ่งถือว่าต้องขอขอบคุณที่เป็นนักลงทุนแล้วมาร่วมหัวจมท้ายกับเรา จริง ๆ ก็รู้จักกันในช่วงท่ี อยู่ในแผนฟื้นฟูฯ ก็ได้ไปคุยให้ฟังว่า ผู้บริหารเป็นคนซื่อสัตย์สามารถไว้วางใจได้ และประการสำ�คัญได้ต่อสู้และมีงาน ในมือรองรับ และในช่วงที่เข้าสู่กระบวนการฟ้ืนฟูได้มีการแก้ปัญหาแบบยั่งยืนและระยะยาว ดังน้ันจึงได้ขายไอเดียว่า ถา้ ตอ้ งการจะลงทนุ ระยะยาวก็สามารถท�ำ ไดล้ งทุนไมก่ ่ี 10 ล้านบาท และเขาก็มาลงทุน”

ปที ี่ 7 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม 2557) 19 โครงการขนาดใหญ่ (ฮ้ัวประมูล)4 ตลอดจนการใช้ ผา่ นการฟน้ื ฟโู ดยผลู้ งทนุ ทม่ี คี วามสมั พนั ธก์ บั กลมุ่ ทนุ ขอ้ มลู ภายในเพอื่ สรา้ งผลประโยชนใ์ นเชงิ ธรุ กจิ และ ทางการเมือง จะมีความผันผวนที่สูงกว่าราคา เพอ่ื การสรา้ งราคาหลกั ทรพั ย์ ทงั้ นี้ จากการถกู ระงบั หลกั ทรพั ยข์ องกจิ การทผ่ี า่ นการฟน้ื ฟโู ดยผลู้ งทนุ ทว่ั ไป การซื้อขายเป็นเวลานานของกิจการที่ต้องเข้าสู่ สมมติฐานขอ้ ท่ี 5 ระยะเวลาการถือครอง กระบวนการฟื้นฟู รวมท้ังความด้อยประสิทธิภาพ หุ้นของผู้เข้าไปลงทุนฟื้นฟูกิจการที่มีความสัมพันธ์ ของตลาดทนุ ไทยเมอ่ื เทยี บกบั ตลาดทนุ ของประเทศ กับกลุ่มทุนทางการเมือง จะสั้นกว่าระยะเวลาการ ท่พี ฒั นาแลว้ ก่อให้เกดิ โอกาสแสวงหาผลตอบแทน ถอื ครองหนุ้ โดยผลู้ งทนุ ทว่ั ไป ทส่ี งู จากการเขา้ ฟน้ื ฟกู จิ การทป่ี ระสบปญั หาทางการ สมมติฐานข้อท่ี 6 ภายหลังจากปี พ.ศ. เงินอยา่ งรนุ แรง 2549 ผลประกอบการของกิจการท่ีผ่านการฟื้นฟู ในการศกึ ษาเปรยี บเทยี บระหวา่ งนกั ลงทนุ โดยผู้ลงทุนที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มทุนทาง ทสี่ มั พนั ธก์ บั กลมุ่ ทนุ การเมอื ง นกั ลงทนุ ทว่ั ไปในเรอ่ื ง การเมอื ง จะลดลงต่�ำกว่าผลประกอบการกอ่ นหนา้ ความส�ำเร็จของการฟื้นฟู ผู้เขียนได้ต้ังสมมติฐาน ปี พ.ศ. 2549 โดยพจิ ารณาจากการเปรยี บเทยี บกำ� ไร 6 ขอ้ คือ จากการด�ำเนินงานหลังภาษี (net operating สมมติฐานข้อท่ี 1 อัตราความส�ำเร็จจาก profit after tax) กอ่ นและหลังจากปี พ.ศ. 2549 การฟื้นฟูกิจการโดยผู้ลงทุนท่ีมีความสัมพันธ์กับ ของกิจการท่ีผ่านการฟื้นฟู โดยผู้ลงทุนที่มีความ กลุ่มทุนทางการเมืองสูงกว่าอัตราความส�ำเร็จจาก สัมพันธก์ บั กลมุ่ ทุนทางการเมอื ง การฟ้ืนฟกู ิจการโดยผูล้ งทนุ ทั่วไป หากการทดสอบเป็นไปตามสมมติฐาน สมมติฐานข้อท่ี 2 ระยะเวลาการฟื้นฟู ขอ้ ท่ี 1 ถงึ ขอ้ ที่ 3 ก็เปน็ เหตุผลทเี่ ช่ือไดว้ ่าอาจมกี ารใช้ กิจการโดยผู้ลงทุนท่ีมีความสัมพันธ์กับกลุ่มทุน อิทธิพลทางการเมืองต่อการเข้าแสวงหาประโยชน์ ทางการเมือง จะส้ันกวา่ ระยะเวลาการฟ้ืนฟกู จิ การ จากการฟ้ืนฟกู จิ การของกิจการในตลาดหลักทรพั ย์ โดยผูล้ งทุนทว่ั ไป ในขณะทห่ี ากเป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 4 ถึงข้อที่ สมมติฐานข้อท่ี 3 ผลตอบแทนจากการ 5 ย่อมแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการเข้าแสวงหา ลงทนุ ในกจิ การทเี่ ขา้ สกู่ ระบวนการฟน้ื ฟกู จิ การโดย ผลกำ� ไรระยะเวลาสนั้ ๆ ดว้ ยการฟน้ื ฟกู จิ การใหส้ ำ� เรจ็ ผู้ลงทุนที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มทุนทางการเมือง แล้วเร่งขายท�ำก�ำไรออกไป และหากเป็นไปตาม จะสงู กวา่ ผลตอบแทนจากการลงทนุ โดยผลู้ งทนุ ทวั่ ไป สมมติฐานข้อท่ี 6 ย่อมแสดงให้เห็นถึงอิทธิพล สมมตฐิ านขอ้ ที่ 4 ราคาหลกั ทรพั ยห์ ลงั จาก ทางการเมืองมีส่วนสัมพันธ์ในเชิงบวกต่อผลการ การผ่านกระบวนการฟื้นฟูกิจการของกิจการที่ ดำ� เนินงานของกิจการ 4 ในประเด็นดังกล่าวนี้ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ (2547) ได้นำ�เสนอตัวเลขการประมูลโครงการย่อยจำ�นวน 3 โครงการของ โครงการครัวการบินในหนังสือ “ใครว่าคนรวยไม่โกง (เรื่องจริง)” ผลจากการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าผู้ชนะประมูล กระจายไปยังผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่หลายราย รวมถึงกิจการแห่งหน่ึงที่มีสายสัมพันธ์ทางการเมือง และเคยเข้าสู่ กระบวนการฟื้นฟูกิจการด้วย โดยราคาที่ประมูลได้นั้นแตกต่างจากราคากลางที่ตั้งไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

20 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. 4. สมมตฐิ านขอ้ ท่ี 1: อตั ราความสำ� เรจ็ ในการ ความส�ำเร็จในการฟื้นฟูกิจการเท่ากับร้อยละ 69 ฟนื้ ฟูกจิ การ เทียบกับอัตราความส�ำเร็จร้อยละ 52 ของกลุ่ม นกั ลงทนุ ทวั่ ไป ซึง่ เม่อื ทดสอบความแตกต่างโดยใช้ อัตราความส�ำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการ คา่ สถติ ิ Pearson Chi-Square ทม่ี คี า่ เทา่ กบั 2.275 โดยผู้ลงทุนท่ีมีความสัมพันธ์กับกลุ่มทุนทางการ แสดงใหเ้ หน็ ความแตกตา่ งอยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ิ เมืองสูงกว่าอัตราความส�ำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการ (ระดับนัยส�ำคัญเท่ากับ 0.099 ซึ่งน้อยกว่าระดับ โดยผูล้ งทนุ ทั่วไป 0.10) จึงยอมรับสมมติฐานที่ 1 โดยอัตราความ จากตารางที่ 1 แสดงอตั ราสว่ นความสำ� เรจ็ ส�ำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการโดยผู้ลงทุนท่ีมีความ ในการฟื้นฟูกิจการแยกตามกลุ่มที่สัมพันธ์และ สมั พนั ธ์กับกลุม่ ทนุ ทางการเมือง สงู กว่าอัตราความ ไม่สัมพันธ์กับกลุ่มทุนทางการเมือง โดยกลุ่ม ส�ำเร็จจากการฟน้ื ฟกู จิ การโดยผลู้ งทนุ ทั่วไป นกั ลงทนุ ทส่ี มั พนั ธก์ บั กลมุ่ ทนุ ทางการเมอื งมอี ตั ราสว่ น ตารางที่ 1: ความส�ำเรจ็ ในการฟืน้ ฟกู ิจการแยกตามความสัมพันธก์ บั กลุ่มทนุ ทางการเมือง ความสัมพนั ธ์กับกล่มุ ทนุ ทางการเมือง ความส�ำเรจ็ ในการฟน้ื ฟู ไมส่ ัมพันธ์ สัมพันธ์ รวม ฟื้นฟูไม่สำ� เรจ็ จ�ำนวน รอ้ ยละ จ�ำนวน ร้อยละ จ�ำนวน ร้อยละ ฟืน้ ฟูสำ� เร็จ 23 48 11 31 34 41 รวม 25 52 24 69 49 59 48 100 35 100 83 100 ตารางที่ 2 เป็นการแสดงอัตราส่วนความ จากการทดสอบความแตกต่างของระดับ สำ� เรจ็ ในการฟน้ื ฟกู จิ การแยกตามกลมุ่ ทนุ ทางการเมอื ง ของความส�ำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ พบว่า ท้ังน้ี จะเห็นได้ว่าอัตราความส�ำเร็จในการฟื้นฟู คา่ Pearson Chi-Square เทา่ กบั 7.030 (ระดบั นยั สำ� คญั กิจการของกิจการที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มทุน ทางสถิติเทา่ กบั 0.03 ซงึ่ นอ้ ยกวา่ ระดบั 0.10) จงึ ทางการเมืองจากพรรคการเมือง ข (ร้อยละ 81) สรุปได้ว่ากิจการท่ีมีความสัมพันธ์กับกลุ่มทุน และพรรคการเมอื ง ก (ร้อยละ 78) มคี วามสำ� เรจ็ ใน ทางการเมืองมีอัตราการประสบความส�ำเร็จในการ อตั ราใกลเ้ คยี งกนั ในขณะทกี่ ลมุ่ ทนุ ทางการเมอื งอนื่ ฟื้นฟูกิจการมากกว่ากิจการที่ไม่มีความสัมพันธ์กับ สามารถฟ้นื ฟกู จิ การได้สำ� เร็จ ในสดั ส่วนร้อยละ 40 กลุ่มทุนทางการเมืองอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ เท่าน้ัน ซึ่งต่�ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างท้ังหมด โดยกจิ การทมี่ คี วามสมั พนั ธก์ บั กลมุ่ ทนุ พรรคการเมอื ง ข ซ่ึงอย่ทู รี่ ะดับรอ้ ยละ 59 และพรรคการเมือง ก มีอัตราความส�ำเร็จที่สูงกว่า กลมุ่ ทุนอ่ืน ๆ

ปที ่ี 7 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม 2557) 21 ตารางที่ 2: ความส�ำเรจ็ ในการฟื้นฟกู จิ การแยกตามกลุ่มทุนทางการเมอื ง ความสมั พนั ธ์กบั กลุม่ ทนุ ทางการเมอื ง ความสำ� เรจ็ ไมส่ มั พนั ธ์ พรรค ข สมั พันธ์ กล่มุ อ่นื ๆ รวม ในการฟืน้ ฟู พรรค ก ฟน้ื ฟูไม่ส�ำเร็จ จำ� นวน รอ้ ยละ จำ� นวน รอ้ ยละ จำ� นวน ร้อยละ จำ� นวน ร้อยละ จำ� นวน ร้อยละ ฟืน้ ฟูสำ� เร็จ 23 48 3 19 2 22 6 60 34 41 รวม 25 52 13 81 7 78 4 40 49 59 48 100 16 100 9 100 10 100 83 100 5. สมมติฐานข้อท่ี 2: ระยะเวลาการฟื้นฟู 25 แห่งท่ีไม่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มทุนทางการเมือง กิจการ ใชเ้ วลาในการฟน้ื ฟเู ฉลยี่ 1,280 วนั ในขณะทก่ี จิ การ ระยะเวลาการฟื้นฟูกิจการโดยผู้ลงทุนท่ีมี ทมี่ คี วามสมั พนั ธก์ บั กลมุ่ ทนุ ทางการเมอื งจำ� นวน 24 แหง่ ความสัมพันธ์กับกลุ่มทุนทางการเมืองจะสั้นกว่า ใช้เวลาในการฟื้นฟูเฉล่ีย 1,444 วัน อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาการฟ้ืนฟูกิจการโดยผูล้ งทนุ ทวั่ ไป ระยะเวลาในการฟื้นฟูกิจการของทั้งสองกลุ่ม จากตารางที่ 3 แสดงให้เห็นจ�ำนวนวัน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ (ระดับ ในการฟน้ื ฟกู จิ การของกจิ การทฟี่ น้ื ฟสู ำ� เรจ็ นบั จากวนั นยั ส�ำคัญ 0.24 ซง่ึ มากกวา่ ระดับ 0.10) จงึ ปฏิเสธ ท่ีเริ่มเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการจนถึงวันที่ สมมตฐิ านที่ 2 กลมุ่ ทนุ ใหมน่ ำ� เงนิ เขา้ ฟน้ื ฟกู จิ การ โดยกจิ การจำ� นวน ตารางท่ี 3: ความแตกตา่ งของระยะเวลาทใี่ ช้ในการฟ้ืนฟกู ิจการ ความสมั พนั ธก์ ับ จำ� นวน ระยะเวลา ค่าสถติ ิ Sig. กลุ่มทนุ ทางการเมือง กจิ การ ฟ้ืนฟฯู เฉล่ยี (วนั ) แบบ t (1 - tailed) -0.70 ไม่สมั พันธ์ 25 1,280 0.24 สมั พันธ์ 24 1,444 จากตารางท่ี 4 แสดงให้เห็นอัตรา 6 . สมมติฐานข้อที่ 3: ผลตอบแทนจากการ ผลตอบแทนจากการลงทนุ โดยวดั จากกำ� ไรวนั แรกที่ ลงทุนในกิจการท่ีเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู เขา้ ซอื้ ขายอกี ครง้ั หลงั ผา่ นกระบวนการฟน้ื ฟกู จิ การ กจิ การ ซ่ึงการฟื้นฟูกิจการให้ผลตอบแทนที่สูงย่ิง โดยท้ัง ผลตอบแทนจากการลงทุนในกิจการที่ สองกลุ่มได้รับผลตอบแทนมากกว่าร้อยละ 200 เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการโดยผู้ลงทุนท่ีมีความ อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ สั ม พั น ธ ์ กั บ ก ลุ ่ ม ทุ น ท า ง ก า ร เ มื อ ง จ ะ สู ง ก ว ่ า แตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ิ (ระดบั นยั สำ� คญั ผลตอบแทนจากการลงทุนโดยผลู้ งทุนทั่วไป 0.46 ซงึ่ มากกวา่ ระดบั 0.10)

22 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ตารางที่ 4: อัตราผลตอบแทนจากการลงทนุ วัดจากก�ำไรวันแรกท่ีเข้าซ้ือขาย ความสัมพันธ์ จำ� นวน อตั ราผลตอบแทน คา่ สถิติ ระดบั นัยสำ� คัญ กบั กล่มุ ทุนทางการเมือง กิจการ วันแรกฯ เฉลีย่ แบบ t (1 - tailed) 0.092 ไมส่ มั พนั ธ์ 25 251% 0.4635 สมั พันธ์ 24 242% 7. สมมตฐิ านขอ้ ที่ 4: ความผนั ผวนของการ 360 วัน และ 540 วัน แตกต่างอย่างมีนัยส�ำคัญ เคล่ือนไหวของราคาหลักทรัพย์หลังจาก ทางสถิตทิ รี่ ะดับ 0.05 โดยในช่วง 360 วนั นบั จาก ผา่ นกระบวนการฟนื้ ฟูกิจการ ฟื้นฟูกิจการส�ำเร็จ หลักทรัพย์ของกิจการท่ีผ่าน การฟื้นฟูโดยกลุ่มนักลงทุนท่ีมีความสัมพันธ์กับ ราคาหลักทรัพย์หลังจากการผ่าน กลุ่มทุนทางการเมืองมีค่าเฉล่ียของค่าเบ่ียงเบน กระบวนการฟน้ื ฟกู จิ การ ของกจิ การทผ่ี า่ นการฟน้ื ฟู มาตรฐาน (0.411) ที่สูงกวา่ กิจการท่ีผา่ นการฟนื้ ฟู โดยผู้ลงทุนที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มทุนทาง โดยกลมุ่ นกั ลงทนุ ทว่ั ไป (0.302) เชน่ เดยี วกบั ในชว่ ง การเมือง จะมีความผันผวนที่สูงกว่าราคาหลักทรัพย์ 540 วันที่หลักทรัพย์ของกิจการที่ผ่านการฟื้นฟู ของกจิ การที่ผ่านการฟ้ืนฟโู ดยผู้ลงทุนทว่ั ไป โดยกลุ่มนักลงทุนท่ีมีความสัมพันธ์กับกลุ่มทุน ตารางที่ 5 แสดงคา่ เฉลย่ี ของคา่ เบย่ี งเบน ทางการเมืองมีค่าเฉล่ียของค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน มาตรฐานต่อราคาหุ้นถัวเฉลี่ยของราคาหลักทรัพย์ (0.495) ท่ีสูงกว่ากิจการท่ีผ่านการฟื้นฟูโดยกลุ่ม (avg. STDEV / avg. PRICE) หลังจากผ่าน นกั ลงทนุ ท่วั ไป (0.380) กระบวนการฟื้นฟู โดยแยกทดสอบความแตกต่าง จากผลการทดสอบความแตกต่างของ 5 ช่วง คือ ช่วงเวลานับต้ังแต่ตลาดหลักทรัพย์ คา่ เฉลย่ี ของคา่ เบยี่ งเบนมาตรฐานตอ่ ราคาหนุ้ ถวั เฉลยี่ อนุญาตให้ซื้อขายอีกครั้งเป็นเวลา 30 วัน 60 วัน ของราคาหลักทรัพย์ (avg. STDEV / avg. PRICE) 180 วนั 360 วัน และ 540 วัน โดยหากค่าเบยี่ งเบน หลังจากผ่านกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ท่ีแสดง มาตรฐานของราคาหุ้นยิ่งสูงเท่าใดย่อมหมายถึง ให้เห็นว่าค่าเฉลี่ยฯ ของกิจการที่ฟื้นฟูโดยกลุ่มทุน ความผันผวนของราคาหุ้นท่ีสูงขึ้นเท่านั้น ตัวอย่าง ทางการเมืองสูงกว่ากลุ่มนักลงทุนท่ัวไปอย่างมี เช่น ค่าเฉลย่ี ฯ 30 วัน (avg. STDEV / avg. PRICE) นัยส�ำคัญทางสถิติ จึงยอมรับสมมติฐานที่ 4 ของกลุ่มนักลงทุนท่ัวไปท่ีเท่ากับ 0.153 หมายถึง ซึ่งหมายถึงว่าราคาหลักทรัพย์หลังจากการผ่าน ในชว่ ง 30 วัน หลกั ทรพั ยท์ ี่ฟ้ืนฟโู ดยกลุ่มนักลงทุน กระบวนการฟน้ื ฟกู จิ การ ของกจิ การทผ่ี า่ นการฟน้ื ฟู ทั่วไป ผันผวนในระดับร้อยละ 15 ของราคาหุ้น โดยผลู้ งทนุ ทมี่ คี วามสมั พนั ธก์ บั กลมุ่ ทนุ ทางการเมอื ง ในชว่ งดงั กลา่ ว และเมอื่ เปรยี บเทยี บคา่ เฉลยี่ ระหวา่ ง จะมีความผันผวนที่สูงกว่าราคาหลักทรัพย์ของ กลุ่มนักลงทุนท่ัวไป และกลุ่มนักลงทุนที่มีความ กจิ การทผี่ ่านการฟ้นื ฟูโดยผู้ลงทนุ ทวั่ ไป สัมพันธ์กับกลุ่มทุนทางการเมือง พบว่า ค่าเฉล่ียฯ ในช่วง 30 วัน ถึง 180 วันไม่แตกต่างกันอย่างมี นัยส�ำคัญทางสถิติ ในขณะท่ีค่าเฉลี่ยฯ ในช่วง

ปีท่ี 7 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม 2557) 23 ตารางท่ี 5: ค่าเฉลยี่ ของค่าเบีย่ งเบนมาตรฐานต่อราคาหุ้นถัวเฉล่ียหลงั จากผา่ นการฟืน้ ฟูกิจการ จ�ำนวนวันซื้อขาย N avg. STDEV / avg. PRICE sig. (1-tailed) หลังฟื้นฟูกิจการ นกั ลงทนุ ทัว่ ไป N นกั ลงทนุ การเมอื ง 30 24 0.153 24 0.145 0.367 60 180 24 0.166 24 0.181 0.260 360 540 24 0.289 24 0.283 0.445 24 0.302 24 0.411 0.014 24 0.380 24 0.495 0.045 ทง้ั น้ี ความผนั ผวนของราคาหนุ้ นน้ั เกดิ จาก กลุ่มตัวอย่างที่ประสบความส�ำเร็จในการฟื้นฟูฯ สาเหตุและอาจเป็นข้อบ่งชี้ถึงพฤติกรรมของการ 49 แหง่ เปน็ จ�ำนวน 18 คร้ัง โดยกจิ การทีถ่ ูกฟ้ืนฟู ทจุ รติ เพอ่ื ทจ่ี ะแสวงหาผลประโยชนใ์ นรปู แบบตา่ ง ๆ โดยนักลงทุนท่ีเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนทางการเมือง เช่น การยักยอกทรัพย์ของบริษัท การปั่นราคาหุ้น ถกู สำ� นกั งาน ก.ล.ต. ระบถุ งึ ความทจุ รติ หรอื สงั่ ใหแ้ กไ้ ข การบิดเบือนข้อมูลทางการเงิน หรือการใช้ข้อมูล งบการเงนิ ถงึ 14 ครง้ั ในขณะทก่ี จิ การทถ่ี กู ฟน้ื ฟโู ดย ภายในเพื่อท�ำก�ำไรจากการซื้อขายหุ้นของบริษัท นักลงทนุ ทว่ั ไปถกู สง่ั ใหแ้ ก้ไขงบการเงินเพยี ง 4 คร้งั ซงึ่ พฤตกิ รรมดงั กลา่ วยอ่ มกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแก่ เท่าน้ัน เม่ือทดสอบความแตกต่างโดยใช้ค่าสถิติ ผู้ถือหุ้นของบริษัทและนักลงทุนที่เข้ามาซื้อหุ้นของ ไคสแควร์ (chi-square) พบวา่ แตกตา่ งกันอย่างมี บริษัทเป็นอย่างมาก หลักฐานที่จะน�ำมายืนยัน นยั สำ� คญั ทางสถติ ใิ นระดบั 0.015 ซงึ่ นอ้ ยกวา่ ระดบั พฤติกรรมทุจริตดังกล่าวคือ การกล่าวโทษ 0.10 ดงั ที่แสดงใหเ้ หน็ ในตารางที่ 6 ความแตกต่าง โดยส�ำนักงานคณะกรรมการก�ำกับหลักทรัพย์และ ดังกล่าวสอดคล้องกับข้อสมมติฐานท่ี 4 ที่พบว่า ตลาดหลักทรัพย์ (ส�ำนักงาน ก.ล.ต.) ซึ่งผู้วิจัยได้ ราคาหลักทรัพย์ของกิจการท่ีผ่านการฟื้นฟูโดย รวบรวมขอ้ มลู ขา่ ว ก.ล.ต. ของกจิ การทป่ี ระสบความ นกั ลงทนุ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั กลมุ่ ทนุ ทางการเมอื งมคี วาม ส�ำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ ว่าถูกกล่าวโทษ ผันผวนสูงกว่ากิจการที่ผ่านการฟื้นฟูโดยนักลงทุน ในประเดน็ ที่เก่ียวขอ้ งกบั การทจุ ริต การสร้างราคา ทัว่ ไป หรอื การใชข้ อ้ มลู ภายในเพอื่ ทำ� กำ� ไรจากการ ซอื้ ขาย หุ้นของกจิ การหรือไม่ ผลจากการรวบรวมขอ้ มลู พบวา่ สำ� นกั งาน ก.ล.ต. มีการกล่าวโทษในกรณียักยอก หรือสร้าง ราคาหลักทรัพย์ หรือส่ังให้กิจการแก้ไขงบการเงิน ในช่วงปี พ.ศ. 2544 ถงึ พ.ศ. 2553 สำ� หรบั กจิ การ

24 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ตารางที่ 6: จำ� นวนครง้ั ของการถูกกลา่ วโทษ/ส่ังใหแ้ กไ้ ขงบการเงินโดยสำ� นักงาน ก.ล.ต. การถกู กล่าวโทษ/สงั่ แก้งบการเงนิ ความสมั พันธก์ บั กลมุ่ ทนุ ทางการเมอื ง ไมม่ คี วามสมั พันธ์ มคี วามสัมพันธ์ รวม ไม่ถูกสง่ั ถูกสัง่ 20 15 35 รวม 4 14 18 24 29 53 8. สมมติฐานขอ้ ท่ี 5: ระยะเวลาการถือครองหนุ้ ในระดับ 0.019 ซึ่งน้อยกว่าระดับ 0.10) ในปีทสี่ อง ของผ้เู ข้าไปลงทนุ ฟ้ืนฟกู ิจการ ผู้ลงทุนทั่วไปขายหุ้นสะสมเท่ากับร้อยละ 11.6 ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนท่ีเก่ียวข้องกับกลุ่มทุน ระยะเวลาการถือครองหุ้นของผู้เข้าไป ทางการเมืองขายออกไปสะสมเทา่ กบั รอ้ ยละ 30.4 ลงทุนฟื้นฟูกิจการที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มทุน (คา่ เฉลย่ี ฯ ของสดั สว่ นการขายหนุ้ แตกตา่ งกนั อยา่ ง ทางการเมืองจะส้ันกว่า ระยะเวลาการถือครองหุ้น มนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ใิ นระดบั 0.02 ซง่ึ นอ้ ยกวา่ ระดบั โดยผลู้ งทุนทัว่ ไป 0.10) และในปีที่สามผู้ลงทุนทั่วไปขายหุ้นสะสม ตารางที่ 7 แสดงให้เห็นถึงสัดส่วนหุ้นท่ี เท่ากับร้อยละ 16.3 ในขณะที่กลุ่มนักลงทุน ขายออกสะสมเปรียบเทียบระหว่างนักลงทุน ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั กลมุ่ ทนุ ทางการเมอื งขายออกไปสะสม สองกลมุ่ โดยนกั ลงทนุ ทวั่ ไปขายหนุ้ ทไ่ี ดจ้ ากกระบวนการ เทา่ กบั รอ้ ยละ 41.7 (คา่ เฉลยี่ ฯ ของสดั สว่ นการขาย ฟ้ืนฟูฯ สะสมเท่ากับร้อยละ 7.6 เทยี บกบั นกั ลงทุน หุ้นแตกต่างกันอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ ในระดับ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กลมุ่ ทนุ ทางการเมอื งทข่ี ายหนุ้ ออกไป 0.007 ซึ่งน้อยกว่าระดบั 0.10) เทา่ กบั รอ้ ยละ 20.7 ในปแี รก (คา่ เฉลย่ี ฯ ของสดั สว่ น การขายหุ้นแตกต่างกันอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ ตารางท่ี 7: สัดส่วนหนุ้ ท่ีขายออกสะสม สัดส่วนหุ้นทีข่ ายออกสะสม sig. งวดเวลา (ปี) หลงั จากฟนื้ ฟูกจิ การ N นกั ลงทนุ ท่ัวไป N (1-tailed) นกั ลงทนุ การเมือง 0.019 0.020 1 ปี 24 0.076 24 0.207 0.007 2 ปี 23 0.116 23 0.304 3 ปี 21 0.163 22 0.417

ปที ี่ 7 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม 2557) 25 จากผลการทดสอบความแตกต่างของ สัมพันธ์กับกลุ่มทุนทางการเมือง ไม่แตกต่างจาก สัดส่วนการขายหุ้นสะสมที่กลุ่มนักลงทุนที่มีความ ผลประกอบการก่อนหน้าปี พ.ศ. 2549 สมั พนั ธก์ บั ทนุ ทางการเมอื ง ขายหนุ้ ออกไปมากกวา่ ตารางที่ 8 เป็นการเปรียบเทียบผลการ กลุ่มนักลงทุนท่ัวไปอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ ด�ำเนินงานในช่วงปี พ.ศ. 2548 ถึง พ.ศ. 2551 จึงยอมรับสมมติฐานขอ้ ที่ 5 ซ่ึงหมายถึงระยะเวลา ของกจิ การทผี่ า่ นการฟน้ื ฟโู ดยนกั ลงทนุ ทมี่ คี วามสมั พนั ธ์ การถือครองหุ้นของผู้เข้าไปลงทุนฟื้นฟูกิจการ กบั กลมุ่ ทนุ ทางการเมอื ง จากการเปรยี บเทยี บพบวา่ ทม่ี คี วามสมั พนั ธก์ บั กลมุ่ ทนุ ทางการเมอื งจะสน้ั กวา่ รายได้หลกั (revenue) ก�ำไรขัน้ ตน้ (gross profit) ระยะเวลาการถือครองหุน้ โดยผลู้ งทนุ ทั่วไป และกำ� ไรจากการด�ำเนินงานหลังหักภาษี (NOPAT) ของกจิ การทผี่ า่ นการฟน้ื ฟโู ดยกลมุ่ ทนุ ทางการเมอื ง 9. สมมติฐานข้อท่ี 6: ผลการด�ำเนินงาน ของแตล่ ะปี ไมแ่ ตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ิ ภายหลังจากเหตุการณ์รัฐประหาร ในปี เมื่อเทียบกับผลการด�ำเนินงานใน ปี พ.ศ. 2551 พ.ศ. 2549 ซ่ึงแสดงให้เห็นว่าผลการด�ำเนินงานภายหลังจาก ภายหลงั จากปี พ.ศ. 2549 ผลประกอบการ เหตุการณ์รัฐประหารของกลุ่มกิจการท่ีได้รับการ ของกิจการที่ผ่านการฟื้นฟูโดยผู้ลงทุนที่มีความ ฟืน้ ฟูโดยกลุ่มทนุ ทางการเมืองไมไ่ ดด้ ีขนึ้ แต่อย่างใด ตารางท่ี 8: เปรียบเทียบผลการด�ำเนินงาน ของกิจการท่ีผ่านการฟื้นฟูโดยนักลงทุนท่ีมีความสัมพันธ์ กับกลุม่ ทนุ ทางการเมือง ค่าเฉลยี่ ตวั ชีว้ ัดผลการดำ� เนินงาน (N = 24) 2551 2550 2549 2548 sig. (1-tail) Revenue 13,775 12,273 11,667 11,189 2550 - 2551 1,502 0.125 2549 - 2551 2,108 0.116 2548 - 2551 2,586 0.159 Gross Profit (58) 936 1,219 1,440 2550 - 2551 (994) 0.204 2549 - 2551 (1,277) 0.201 2548 - 2551 (1,498) 0.188 NOPAT (617) 377 115 468 2550 - 2551 (994) 0.196 2549 - 2551 (732) 0.228 2548 - 2551 (1,085) 0.195

26 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ในขณะทต่ี วั เลขชวี้ ดั ผลการดำ� เนนิ งานของ เม่ือเปรียบเทียบก�ำไรจากการด�ำเนินงานหลัง กลุ่มกิจการที่ผ่านการฟื้นฟูฯ โดยนักลงทุนทั่วไปที่ หกั ภาษี พบวา่ คา่ เฉลยี่ ของกำ� ไรจากการดำ� เนนิ งาน แสดงในตารางที่ 9 มกี ารฟน้ื ตัวดีข้นึ ท้งั สามตวั แปร หลังหกั ภาษใี นปี พ.ศ. 2551 มสี ูงกวา่ ปี พ.ศ. 2550 ทางการเงนิ โดยคา่ เฉลีย่ ของยอดขายปี พ.ศ. 2551 เทา่ กับ 91 ล้านบาท (ระดับนยั ส�ำคญั ท่ี 0.027) เพม่ิ จากปี พ.ศ. 2550 จำ� นวน 493 ลา้ นบาท (ระดบั ผลจากการทดสอบจึงแสดงให้เห็นว่า นัยส�ำคัญที่ 0.003) เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2549 ผลการดำ� เนนิ งานภายหลงั จากเหตกุ ารณร์ ฐั ประหาร เป็นเงนิ 1,011 ล้านบาท (ระดบั นัยส�ำคัญที่ 0.02) ของกลุ่มกิจการท่ีได้รับการฟื้นฟูโดยกลุ่มทุนทั่วไป และเพมิ่ จากปี พ.ศ. 2548 เปน็ เงิน 1,005 ล้านบาท ดขี น้ึ อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั จงึ ยอมรบั สมมตฐิ านที่ 6 ซงึ่ แสดง (ระดับนัยส�ำคัญท่ี 0.062) เช่นเดียวกับค่าเฉลี่ย ใหเ้ หน็ วา่ ภายหลงั จากปี พ.ศ. 2549 ผลประกอบการ ของก�ำไรขั้นต้นของปี พ.ศ. 2551 ที่ปรับตัวดีข้ึน ของกิจการที่ผ่านการฟื้นฟูโดยผู้ลงทุนท่ีมีความ 133 ลา้ นบาท เมอ่ื เทยี บกับปี พ.ศ. 2550 (ระดับนัย สัมพันธ์กับกลุ่มทุนทางการเมือง ไม่แตกต่างจาก สำ� คญั ที่ 0.004) และ 468 ล้านบาท เมือ่ เทียบกบั ผลประกอบการก่อนหน้าปี พ.ศ. 2549 ปี พ.ศ. 2549 (ระดับนัยส�ำคัญที่ 0.087) และ ตารางที่ 9: เปรยี บเทยี บผลการดำ� เนนิ งานของกิจการที่ผา่ นการฟื้นฟูโดยนกั ลงทนุ ทั่วไป คา่ เฉลีย่ ของตัวชี้วดั ผลการด�ำเนินงาน (N = 21) 2548 2549 2550 2551 sig. (1-tail) Revenue 2,719 2,714 3,232 3,725 2551 – 2550 493 0.003 2551 – 2549 1,011 0.020 2551 – 2548 1,005 0.062 Gross Profit 971 1,075 1,410 1,543 2551 – 2550 133 0.004 2551 – 2549 468 0.087 2551 – 2548 572 0.109 NOPAT 491 587 942 1,033 2551 – 2550 91 0.027 2551 – 2549 446 0.134 2551 – 2548 542 0.148 ผลจากการศึกษาแสดงให้เห็นถึงหลักฐาน 1 ปที ฟ่ี น้ื ฟกู จิ การไดส้ ำ� เรจ็ พบวา่ ราคาหนุ้ สามญั ของ สนับสนุนสมมติฐานท่ีต้ังไว้ 4 ประการ โดยพบว่า กิจการที่ฟื้นฟูโดยนักลงทุนที่เก่ียวข้องกับกลุ่มทุน นกั ลงทนุ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั กลมุ่ ทนุ ทางการเมอื งมโี อกาส ทางการเมืองมีความผันผวนมากกว่ากิจการที่ฟื้นฟู ฟื้นฟูกิจการได้ดีกว่านักลงทุนท่ัวไป ซ่ึงภายหลัง โดยนักลงทุนทั่วไป นอกจากนี้ พบว่านักลงทุน

ปีท่ี 7 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม 2557) 27 ท่ีเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนทางการเมืองมีการถือครอง ข้อมูลเชิงประจักษ์ข้างต้นแสดงให้เห็นถึง หลักทรัพย์ที่ได้ลงทุนในกระบวนการฟื้นฟูกิจการท่ี ยทุ ธศาสตรก์ ารสรา้ งมลู คา่ เพมิ่ ทม่ี คี วามสอดคลอ้ งกนั ส้ันกว่า และกิจการท่ีผ่านกระบวนการฟื้นฟูโดย โดยเริ่มจากการเข้าฟื้นฟูกิจการท่ีประสบปัญหา นักลงทุนท่ีเก่ียวข้องกับกลุ่มทุนทางการเมืองมี ทางการเงนิ อยา่ งรนุ แรงในราคาทค่ี มุ้ คา่ และไรค้ แู่ ขง่ ผลประกอบการท่ีไมเ่ ปล่ยี นแปลงไปจากเดมิ ผดิ กบั โดยเฉพาะการเข้าซื้อกิจการท่ีด�ำเนินธุรกิจหลัก กิจการที่ผ่านกระบวนการฟื้นฟูโดยนักลงทุนทั่วไป ในการเปน็ คสู่ ญั ญากบั รฐั หรอื กจิ การทไี่ ดร้ บั ประโยชน์ ทีม่ ผี ลการด�ำเนินงานทว่ี ดั จากยอดขาย ก�ำไรขัน้ ตน้ จากนโยบายของรัฐบาล อันจะท�ำให้สามารถ และกำ� ไรสุทธทิ ่ีดีขึน้ อย่างเห็นได้ชดั ลดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับท่ีคุ้มค่าต่อการลงทุน นอกจากนย้ี งั พบวา่ กลมุ่ กจิ การระหวา่ งการ ผนวกกับกลไกการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหลักทรัพย์ ฟ้ืนฟูน้ี ไดร้ ับผลประโยชนจ์ ากการฟ้นื ฟูกจิ การเป็น อยา่ งเปน็ ระบบหลงั จากหลกั ทรพั ยด์ งั กลา่ วเขา้ ซอ้ื ขาย อย่างมาก โดยค่าเฉลี่ยของผลก�ำไรจากการปรับ อกี ครง้ั หนง่ึ อนั ประกอบดว้ ยการสรา้ งราคา (ปน่ั หนุ้ ) โครงสร้างหน้ีของกิจการที่ประสบความส�ำเร็จ การให้ข่าวเชิงบวกด้านผลประกอบการหรือ ในการฟื้นฟูสูงถึงกว่า 3,000 ล้านบาท ซ่ึงคิดเป็น ความมอี ทิ ธพิ ลของผเู้ ปน็ “เจา้ ของ” ของหลกั ทรพั ย์ ร้อยละ 34 ของหน้ีสินรวมก่อนการปรับโครงสรา้ ง นน้ั ๆ และรวมถึงการบิดเบอื นรายงานทางการเงนิ โดยกจิ การทไี่ ด้ ผา่ นการฟน้ื ฟโู ดยผลู้ งทนุ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั เพ่ือท�ำให้หลักทรัพย์เหล่านั้นมีราคาท่ีสูงกว่ามูลค่า กลุ่มทุนทางการเมือง มีอัตราความส�ำเร็จจากการ ที่แท้จริง อันจะน�ำมาซึ่งผลก�ำไรจากการถือครอง ฟื้นฟูกิจการท่ีสูงกว่า และเมื่อพิจารณาใน หลกั ทรพั ยใ์ นอตั ราทแี่ ทบเปน็ ไปไมไ่ ดจ้ ากการลงทนุ รายละเอยี ด พบวา่ กจิ การทป่ี ระกอบธรุ กจิ หลกั เปน็ ในชอ่ งทางทว่ั ไป คสู่ ญั ญากบั รฐั หรอื รบั สมั ปทานจากรฐั มอี ตั ราความ การศกึ ษาครง้ั นย้ี งั พบวา่ ผลู้ งทนุ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ส�ำเร็จท่ีสูงเป็นอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับกิจการท่ีไม่ได้ กับกลุ่มทุนทางการเมือง มีระยะเวลาการถือหุ้นท่ี เปน็ คูส่ ญั ญากับรฐั โดยกจิ การ 9 แห่งจาก 10 แหง่ สนั้ กวา่ และราคาหนุ้ ของกจิ การกลมุ่ นมี้ คี วามผนั ผวน ที่ประกอบธุรกิจหลักเป็นคู่สัญญากับรัฐสามารถ กว่าราคาหุ้นของกิจการที่ผ่านการฟื้นฟูโดยกลุ่ม ฟน้ื ฟูกจิ การไดส้ �ำเร็จ ยงิ่ ไปกวา่ นั้น กจิ การรับเหมา ผลู้ งทนุ ทว่ั ไป อกี ทงั้ ยงั พบขอ้ บง่ ชขี้ องการสรา้ งราคา ก่อสร้างที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูฯ ที่มีอยู่ทั้งหมด หลกั ทรัพย5์ และการซือ้ ขายหุ้นโดยใชข้ อ้ มูลภายใน 6 แหง่ ตา่ งประสบความสำ� เร็จจากการฟืน้ ฟูกิจการ (insider trading)6 การถูกกล่าวโทษดังกล่าว และกจิ การ 7 แหง่ จาก 9 แหง่ ที่ประสบความสำ� เร็จ นอกจากแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมท่ีไม่ค่อย ในการฟื้นฟูต่างมีความสัมพันธ์กับกลุ่มทุนทาง นา่ ไวว้ างใจของหลกั ทรพั ยเ์ หลา่ นน้ั แลว้ ยงั สะทอ้ นใหเ้ หน็ การเมอื งทงั้ สนิ้ ถึงคุณภาพของหลักทรัพย์ท่ีต่�ำกว่าท่ีควรจะเป็น 5 สำ�นักงาน ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษในกรณียักยอก หรือสร้างราคาหลักทรัพย์ หรือสั่งให้กิจการแก้ไขงบการเงินในช่วง ปี พ.ศ. 2544 ถึง พ.ศ. 2553 ซึ่งกิจการทีถ่ ูกฟน้ื ฟโู ดยนักลงทนุ ทีเ่ กี่ยวข้องกบั กลมุ่ ทุนทางการเมอื ง ถูกส�ำ นักงาน ก.ล.ต. ระบถุ งึ ความทจุ รติ หรอื สง่ั ใหแ้ กไ้ ขงบการเงนิ มากถงึ 14 ครง้ั ในขณะทกี่ จิ การทถี่ กู ฟนื้ ฟโู ดยนกั ลงทนุ ทว่ั ไป ถกู สงั่ ใหแ้ กไ้ ข งบการเงินเพียง 4 คร้ังเท่านน้ั 6 หลักทรัพยท์ ปี่ ระสบความส�ำ เร็จในการฟ้ืนฟูกิจการท่เี กย่ี วข้องกับกลมุ่ ทุนทางการเมืองซึ่งเปน็ กลุม่ ตัวอยา่ งในการศกึ ษา ครงั้ นีถ้ งึ 5 หลักทรัพยม์ ีการซ้ือขายผิดปกติตงั้ แต่ 12 สัปดาหข์ ้ึนไปในช่วงปี พ.ศ. 2548 – พ.ศ. 2550 ในขณะทไ่ี ม่พบ พฤตกิ รรมดงั กลา่ วจากหลกั ทรพั ย์ทผี่ ่านการฟน้ื ฟโู ดยนกั ลงทนุ ทวั่ ไปเลย

28 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ท่ีอาจไม่คุ้มค่าต่อการถือครองในระยะยาวก็เป็นได้ ที่ดีข้ึนอย่างเป็นสาระส�ำคัญ การศึกษาคร้ังน้ีจึงได้ ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั คำ� เตอื นของนายธรี ะชยั ภวู นาถนรานบุ าล ข้อสรุปท่ีว่า อิทธิพลทางการเมืองมีผลในเชิงบวก (ส�ำนักงานก�ำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, กับความส�ำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ และนักลงทุน 2548) เลขาธิการส�ำนักงาน ก.ล.ต. ที่เคยเตือน ท่ีเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนทางการเมืองมีวัตถุประสงค์ ผู้ลงทุนให้ระมัดระวังการลงทุนในหุ้นกลุ่มฟื้นฟู ท่ีค่อนข้างชัดเจนในการลงทุนระยะส้ันเป็นหลัก กิจการ (Company under Rehabilitation โดยไม่มีความมุ่งหวังผลตอบแทนจากการถือครอง Process - REHABCO) โดยควรลงทุนเม่ือมั่นใจ หลักทรัพย์ในระยะยาว และมีส่วนต่อการสร้าง ว่ากิจการแห่งนั้นสามารถพลิกฟื้นธุรกิจได้จริง มูลค่าเพ่ิมให้กับกิจการที่เข้าฟื้นฟูน้อยกว่า เท่าน้ัน ผลการศึกษาท่ีได้จึงน�ำมาซึ่งข้อบ่งชี้ที่ กลุ่มนักลงทนุ ทว่ั ไป8 ค่อนข้างหนักแน่นเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักลงทุน การศึกษาคร้ังนี้ยังพบว่า กิจการรับเหมา ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนทางการเมืองในการเข้า กอ่ สรา้ งทดี่ ำ� เนนิ ธรุ กจิ หลกั ในการเปน็ คสู่ ญั ญากบั รฐั แสวงหาประโยชนจ์ าก การลงทนุ ในตลาดหลกั ทรพั ย์ ซึ่งถูกฟื้นฟูกิจการโดยกลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องกับ แม้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่ พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลช่วงปี พ.ศ. 2544 ถึง กลุ่มผู้ลงทุนท้ังสองได้รับไม่แตกต่างกัน แต่ก็เป็น พ.ศ. 2549 มี “มูลค่างานในมือ” สูงมากในช่วงปี ผลตอบแทนเกินปกติอย่างย่ิงที่ยากจะได้รับจาก พ.ศ. 2547 ถึง พ.ศ. 2548 แตม่ ลู คา่ งานกลบั ลดลง การลงทุนในกิจการใด ๆ อีกท้ังการศึกษายังพบว่า เกือบทั้งหมดภายหลังจากการรัฐประหารในปี นักลงทุนที่เก่ียวข้องกับกลุ่มทุนทางการเมืองยังมี พ.ศ. 2549 ซ่ึงสวนทางกับกิจการรับเหมาท่ีฟื้นฟู ระยะเวลาการถือหุ้นที่สั้นกว่ากลุ่มผู้ลงทุนท่ัวไป กิจการโดยนักลงทุนท่ีมีความสัมพันธ์กับพรรคร่วม อันแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการลงทุนระยะส้ัน รัฐบาลในปัจจุบันพรรคหนึ่ง คือพรรคการเมือง ค ทม่ี ุ่งหวงั ก�ำไรจากการถือครองหลักทรัพย์ (capital ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกพรรคด�ำรง gain) เป็นหลัก โดยไม่มีความตั้งใจในการสร้าง ต�ำแหน่งรัฐมนตรีนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 จนถึง มูลค่าเพิ่มในระยะยาว7 ข้อสรุปน้ีสอดคล้องกับ ปัจจุบัน ท้ังนี้กิจการดังกล่าวมีมูลค่างานในมือ ผลการศกึ ษาทพี่ บความผนั ผวนของราคาหนุ้ ทมี่ ากกวา่ สูงมาก โดยในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2553 กิจการ และผลประกอบการท่ีไม่ได้ดีข้ึนซ่ึงผิดกับกิจการ แห่งนม้ี ีมลู คา่ งานในมอื สูงถงึ 3 เทา่ ของรายไดต้ ่อปี ทผี่ า่ นการฟน้ื ฟโู ดยนกั ลงทนุ ทว่ั ไปทมี่ ผี ลประกอบการ ซึ่งถือเป็นมูลค่างานท่ีสูงท่ีสุดนับแต่ก่อตั้งกิจการมา 7 นอกจากนี้ กจิ การบางแหง่ ทม่ี คี วามสมั พนั ธก์ บั กลมุ่ ทนุ ทางการเมอื งยงั ถกู ส�ำ นกั งานก�ำ กบั หลกั ทรพั ยแ์ ละตลาดหลกั ทรพั ย์ ส่ังให้ตรวจสอบงบการเงินเป็นกรณีพิเศษ (special audit) ซ่ึงสืบเนื่องจากการท่ีงบการเงินอาจมีความผิดพลาดอย่าง เปน็ สาระส�ำ คญั และอาจทำ�ให้นักลงทุนตัดสินใจผดิ พลาดได้ 8 การศึกษาคร้ังนี้ วัดระยะเวลาในการฟื้นฟูกิจการตั้งแต่วันท่ีตลาดหลักทรัพย์ระงับการซื้อขายหลักทรัพย์ไปจนถึงวันท่ี ผ้ลู งทนุ ในการฟ้นื ฟูกจิ การเพิม่ ทุนเข้าไปในกิจการ ในขณะท่ีวนั ทเี่ รมิ่ ตน้ ของการเจรจาเพ่อื เขา้ ฟ้ืนฟกู จิ การนัน้ อาจเป็น เวลาใดก็ได้ภายในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ลงทุนในการฟื้นฟูกิจการ ซ่ึงถือเป็นข้อจำ�กัดของ การศึกษาครงั้ นี้ในการเข้าสืบคน้ ข้อมูล

ปีท่ี 7 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม 2557) 29 และงานส่วนใหญ่ต่างเป็นงานท่ีเป็นคู่สัญญากับรัฐ (สฤณี อาชวานันทกุล, 2549) อีกทั้งในผู้ลงทุน ซ่ึงเป็นทิศทางเดียวกับกิจการรับเหมาก่อสร้างที่มี หลายรายที่เกี่ยวข้องกับกิจการเปล่าน้ีถูกกล่าวหา สายสมั พนั ธก์ บั พรรคแกนนำ� จดั ตง้ั รฐั บาลในปจั จบุ นั โดยส�ำนักงาน ก.ล.ต. เกี่ยวกับการสร้างราคา (2553) ท่ีมีมูลค่างานในมือเพ่ิมขึ้นอย่างเป็น หลักทรัพย์11 การลงทุนในกิจการเหล่านี้จึงเป็น นัยส�ำคัญ ข้อค้นพบเหล่าน้ีแสดงให้เห็นว่า การลงทุนที่เส่ียงย่ิง รวมท้ังส�ำนักงาน ก.ล.ต. ผลประกอบการของกิจการรับเหมาก่อสร้างท่ีผ่าน เคยห้ามโบรกเกอร์ไม่ให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพ่ือซ้ือ การฟน้ื ฟกู จิ การจำ� นวน 5 แหง่ มคี วามสมั พนั ธท์ คี่ อ่ นขา้ ง หลกั ทรพั ย์ (margin loan) และซอ้ื ขายแบบหกั กลบ ชัดเจนไปในทิศทางเดียวกับอทิ ธพิ ลทางการเมือง ลบหน้ีหุ้นเดียวกันภายในวันเดียวกัน (net ในสว่ นของนกั ลงทนุ รายยอ่ ย ผลการศกึ ษา settlement) ส�ำหรับกิจการที่อยู่ระหว่างฟื้นฟู ครั้งน้ีแสดงให้เห็นว่ากลุ่มนักลงทุนเหล่านี้มีโอกาส กจิ การในชว่ งปี พ.ศ. 2546 อกี ดว้ ย ทงั้ นี้ การกำ� หนด เสียประโยชน์จากการฟื้นฟูกิจการได้ทั้งก่อนและ มาตรการท่ีเหมาะสมนอกจากจะสร้างความ หลังจากที่สามารถฟื้นฟูกิจการได้ส�ำเร็จ กล่าวคือ เปน็ ธรรมใหก้ บั ผลู้ งทนุ ทกุ กลมุ่ แลว้ ยงั เปน็ การพฒั นา กิจการส่วนใหญ่ท่ีเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู ไม่ว่าจะ ตลาดทุนได้ในภาพรวมอีกดว้ ย ส�ำเร็จหรือไม่ก็ตาม กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมอาจสูญเสีย ความม่ังค่ังของตนเองไปแทบท้ังหมด9 ในกรณีที่ 10. ข้อเสนอแนะตอ่ องค์กร เลวร้ายที่สุดคือผู้ถือหุ้นเดิมจะสูญเสียสัดส่วนการ ถือครองหลักทรัพย์ท่ีตนเองมีอยู่เหลือเพียงร้อยละ การศึกษาคร้ังน้ีพบความเช่ือมโยงและ 5 - 10 เทา่ นนั้ โดยผลู้ งทนุ รายใหมจ่ ะเขา้ มาถอื หนุ้ ใหญ่ รปู แบบของการแสวงหาประโยชนจ์ ากการเขา้ ฟน้ื ฟู ในสัดส่วนร้อยละ 90 - 95 แทน10 อีกทั้งจากการ กจิ การโดยกลมุ่ ทนุ ทางการเมอื งดว้ ยการฉวยโอกาส ที่หลักทรัพย์ที่ผ่านกระบวนการฟื้นฟูจ�ำนวนมาก จากกฎระเบียบในการฟื้นฟูกิจการท่ีมีอยู่แล้ว มีความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ท่ีสูง และมี จงึ ไมอ่ าจสรปุ ไดว้ า่ พฤตกิ รรมดงั กลา่ วเปน็ การกระทำ� ราคาลดลงอย่างรุนแรงภายหลังจากท่ี เข้าซื้อขาย ทผี่ ดิ กฎหมาย อยา่ งไรกต็ าม ขอ้ คน้ พบประการหนงึ่ อีกครั้ง ซึ่งหุ้นท่ีเคยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ จากการศึกษาครั้งนี้คือ แม้รัฐธรรมนูญแห่ง อยใู่ นขา่ ยทจ่ี ะถกู “ปน่ั ” ไดง้ า่ ยผา่ นตวั แทนนบั สบิ ราย ราชอาณาจกั รไทยมาตรา 265 และ มาตรา 269 ซงึ่ เปน็ บทบญั ญตั ทิ หี่ า้ มการกระทำ� ขดั กนั แหง่ ผลประโยชน์ 9 สอดคลอ้ งกบั ผลการศกึ ษาของ Vongvipanond et al. (2006: 11) ที่พบว่าภายหลงั จากวกิ ฤตการณ์ทางการเงนิ ในปี พ.ศ. 2540 ผ้ถู อื หุ้นของกจิ การในประเทศไทยสญู เสียสว่ นไดเ้ สยี ของตนไปอยา่ งเปน็ สาระสำ�คัญ จากรอ้ ยละ 65 กอ่ น ปี พ.ศ. 2539 เหลือเพยี งร้อยละ 24 ในปี พ.ศ. 2548 เนอ่ื งจากกระบวนการปรบั ปรุงโครงสร้างหนี้ 10 ภายใต้กระบวนการการฟื้นฟูกิจการ หากการดำ�เนินการใดท่ีทำ�ให้สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม <10% ของ ทุนชำ�ระแล้วภายหลังดำ�เนินการ ตลาดหลักทรัพย์จะถือว่าไม่ค�ำ นึงถึงประโยชน์ผู้ถือหุ้นรายย่อย (ตลาดหลักทรัพย์ แหง่ ประเทศไทย 2549) 11 ผลู้ งทนุ หลายรายถกู ส�ำ นกั งาน ก.ล.ต.กลา่ วโทษเกย่ี วกบั การสรา้ งราคาหลกั ทรพั ยห์ รอื “ปนั่ หนุ้ ” ซง่ึ สามารถเขา้ สบื คน้ ได้ จากเวบ็ ไซตข์ องส�ำ นกั งาน ก.ล.ต. www.sec.or.th โดยมกี จิ การทผ่ี า่ นกระบวนการฟน้ื ฟฯู เปน็ จ�ำ นวนมากท่ี ส�ำ นกั งาน ก.ล.ต. ระบุว่าเคยถูกสรา้ งราคามาก่อน

30 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ได้ระบุถึงการห้ามครอบครองหุ้นในบริษัทท่ีเป็น ขอ้ ครหาตอ่ สังคมเขา้ มาร่วมบรหิ ารประเทศ คสู่ ญั ญาสมั ปทาน ตลอดจนหา้ มกระทำ� การใด ๆ ทจ่ี ะ นอกจากน้ี หนว่ ยงานภาครฐั และหนว่ ยงาน เป็นการใช้อ�ำนาจเข้าไปบริหารงานทั้งทางตรงและ ดา้ นการศกึ ษาควรกำ� หนดกระบวนการ ใหก้ ารศกึ ษา ทางออ้ มโดยสมาชกิ รฐั สภาและรฐั มนตรี แตม่ กี จิ การ ท่ีมุ่งเน้นให้สังคมเห็นผลร้ายของการคอร์รัปชันท่ีมี บางแห่งซึ่งเป็นที่ทราบโดยท่ัวกัน ในเชิงพฤตินัยว่า ตอ่ สงั คมโดยรวม ตวั อยา่ งเชน่ อาจทำ� การเปรยี บเทยี บ มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองระดับประเทศ ถนนที่พิสูจน์ชัดว่ามีการคอร์รัปชันกับถนนปกติ กลับได้รับประโยชน์จากการเข้าท�ำสัญญาก่อสร้าง ว่ามีคุณภาพต่างกันเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ กับรัฐ รวมท้ังยังพบพฤติกรรมการถือหุ้นแทน อัตราการเสอ่ื มสภาพ ความเหมาะสมในการใช้งาน (nominee) ผ่านกองทุน หรือสถาบันการเงิน หรืออัตราการเกิดอุบัติเหตุที่เป็น ผลสืบเน่ืองจาก ตา่ งประเทศ ซง่ึ ยากตอ่ การตรวจสอบความเปน็ เจา้ ของ การใช้ถนนที่ด้อยคณุ ภาพนนั้ เปน็ ต้น ที่แท้จริง พฤติกรรมดังกล่าวอาจก่อให้เกิดการ กระท�ำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ แม้จะมีการรับรู้ 11. ขอ้ เสนอแนะตอ่ องคก์ รเอกชนสาธารณะ ในวงกวา้ งถึงความเปน็ เจา้ ของ ทีแ่ ท้จริงของกิจการ น้ัน ๆ กต็ าม ทงั้ นี้ การเปดิ โปงพฤติกรรมท่ีแสดงถงึ มาตรการในการเรง่ รดั ใหเ้ กดิ การฟน้ื ฟกู จิ การ ความไม่โปร่งใสของนักการเมืองท่ีมีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ตลาดหลักทรัพย์บังคับใช้ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2539 กับพฤติกรรมการขัดกันซ่ึงผลประโยชน์ให้สังคม ถือเป็นมาตรการที่บรรลุประสิทธิผลท่ีท�ำให้กิจการ ไดร้ บั รู้ ยอ่ มทำ� ใหผ้ มู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ไดร้ บั ขอ้ มลู ทจี่ ำ� เปน็ จ�ำนวนมากสามารถฟื้นฟูกิจการขึ้นจากปัญหา เพอ่ื ทำ� ใหต้ ระหนกั ถงึ ความเปน็ ไปไดท้ วี่ า่ นกั การเมอื ง ทางการเงินอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม มาตรการ ผนู้ นั้ อาจเขา้ แสวงหาประโยชนท์ ไ่ี มเ่ หมาะสมจากรฐั ดังกล่าวกลับสร้างปัญหาส�ำคัญที่ส่งผลกระทบต่อ อั น น ่ า จ ะ ส ่ ง ผ ล ต ่ อ ค ะ แ น น นิ ย ม ใ น ร ะ ย ะ ย า ว ความเปน็ ธรรมในการลงทนุ กลา่ วคอื ทงั้ ๆ ทกี่ จิ การ ของพรรคการเมอื งที่นักการเมอื งนน้ั สงั กัดอยู่ ยังมีคุณค่าบางประการหรือสินทรัพย์ไม่มีตัวตน แนวทางหน่ึงที่สามารถช่วยลดโอกาส บางอยา่ งทอี่ าจระบมุ ลู คา่ ไดย้ าก แตภ่ ายใตห้ ลกั เกณฑ์ ในการแสวงหาประโยชน์ที่ไม่เหมาะสมโดย การฟื้นฟูกิจการอาจท�ำให้ผู้ถือหุ้นเดิม โดยเฉพาะ นกั การเมอื งลงได้ คอื การสง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของ ผู้ถือหุ้นรายย่อยเสียเปรียบอย่างมาก ดังจะเห็นได้ ประชาชนเพิ่มเติมจากการใช้กระบวนการทาง จากการทผี่ ถู้ อื หนุ้ รายยอ่ ยตอ้ งเสยี สดั สว่ นการถอื หนุ้ กฎหมาย ซึ่งการเปิดช่องทางให้ข้อมูลภูมิหลังของ ไปแทบทง้ั หมด ในขณะทภ่ี ายหลงั จากการฟน้ื ฟกู จิ การ นักการเมือง หรือตั้งกลุ่มองค์กรอิสระท่ีเป็น สำ� เรจ็ ราคาหนุ้ ของกจิ การหลาย ๆ แหง่ พงุ่ สงู ขนึ้ เปน็ ศูนย์กลางข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับพฤติกรรมของ อยา่ งมาก ซง่ึ แสดงใหเ้ หน็ วา่ ความมงั่ คง่ั ของผถู้ อื หนุ้ เดมิ รัฐมนตรี หรือว่าที่รัฐมนตรีให้กับประชาชนได้รับรู้ ถูกถ่ายโอนไปให้กับผู้ลงทุนรายใหม่ ซึ่งในหลาย ๆ ย่อมเป็นการป้องปรามให้พฤติกรรมเหล่าน้ันลดลง กรณีอาจมองได้ว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ถือหุ้นเดิม ได้อกี ในทางหนง่ึ ตลอดจนเปน็ การกดดันทางสงั คม แต่อย่างใด นอกจากน้ี การฟื้นฟูกิจการยังมีส่วน ให้นายกรัฐมนตรีสรรหาคณะรัฐมนตรีที่ไม่เป็น ทำ� ให้ราคาหลกั ทรพั ย์เคลื่อนไหวอยา่ งผดิ ธรรมชาติ โดยหลาย ๆ กรณีราคาหลักทรัพย์พุ่งสูงข้ึนเป็น

ปที ่ี 7 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม 2557) 31 อยา่ งมากในชว่ งเวลาสนั้ ๆ ภายหลงั จากฟน้ื ฟกู จิ การ ราคาขึ้นลงอย่างไร้ขีดจ�ำกัด ตลอดจนควรก�ำหนด สำ� เรจ็ แลว้ คอ่ ย ๆ ปรบั ตวั ลดลงจนเหลอื มลู คา่ เพยี ง แนวทางในการให้ความรู้และพัฒนานักลงทุน เล็กน้อยเม่ือเทียบกับราคาในช่วงแรก ๆ ที่ฟื้นฟู รายย่อยทเี่ ปน็ รปู ธรรม ซึ่งจะชว่ ยลดความเสยี่ งของ กิจการได้ส�ำเร็จ ซึ่งหมายความว่าผู้ลงทุนส่วนใหญ่ นกั ลงทนุ ลง และเปน็ การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพของตลาด อาจเป็นนักลงทุนรายย่อยที่เข้าซ้ือหุ้นเพ่ือหวัง ทุนได้อยา่ งเหมาะสม เก็งก�ำไรอาจประสบปัญหาขาดทุนจากการลงทุน เปน็ อยา่ งมาก เหตกุ ารณด์ งั กลา่ วอาจเปน็ ผลสบื เนอ่ื ง 12. ข้อเสนอแนะตอ่ องค์กรภาคประชาชน จากหลักเกณฑ์การฟื้นฟูกิจการที่ส่งผลให้เกิด แมผ้ ลู้ งทนุ ในการฟน้ื ฟกู จิ การจะไดผ้ ลกำ� ไร การบิดเบือนกลไกการลงทุน ท้ังน้ี แม้หลักเกณฑ์ เกินปกติในสัดส่วนที่สูงมาก แต่ส�ำหรับนักลงทุน ดงั กลา่ วจะเพมิ่ แรงจงู ใจแกน่ กั ลงทนุ ในการเขา้ ฟน้ื ฟู รายยอ่ ยแลว้ การลงทนุ ในกจิ การทผี่ า่ นการฟน้ื ฟแู ละ กิจการ แต่อาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ กลับมาซ้ือขายอีกครั้งหนึ่งอาจเป็นทางเลือกที่ไม่ ผถู้ อื หนุ้ เดมิ รวมทง้ั ยงั กอ่ ใหเ้ กดิ โอกาสในการสรา้ งราคา คมุ้ คา่ เท่าใดนกั เนือ่ งจากการถกู พกั การซื้อขายเปน็ หลักทรัพย์ภายหลังจากท่ีเข้าซื้อขายได้อีกครั้งหน่ึง เวลานานท�ำให้หลักทรัพย์เหล่าน้ันไม่มีราคาอ้างอิง ซ่ึงตลาดหลักทรัพย์ควรพิจารณาหาทางแก้ปัญหา รวมทง้ั การอนญุ าตใหร้ าคาซอื้ ขายขนึ้ ลงอยา่ งอสิ ระ ดงั กล่าว ท�ำให้ราคาหลักทรัพย์มีความผันผวนสูงและอาจ โดยปกติ ราคาหลกั ทรพั ยท์ วั่ ไปจะถกู จำ� กดั ถูกบิดเบือนได้อย่างง่ายดาย ประกอบกับมีความ ไว้ให้ไม่แตกต่างจากราคาปิดของวันก่อนเกินกว่า ไมแ่ นน่ อนถงึ ความยง่ั ยนื ในการฟน้ื ฟกู จิ การและการที่ ร้อยละ 30 แต่หลักทรัพย์ท่ีผ่านกระบวนการฟื้นฟู ผลประกอบการอาจผูกติดกับอิทธิพลทางการเมือง กจิ การทไ่ี ดร้ บั การอนญุ าตใหซ้ อื้ ขายอกี ครงั้ จะไมถ่ กู ท�ำให้หลักทรัพย์ของกิจการจ�ำนวนมากที่ผ่านการ กำ� หนดราคาซอ้ื ขายสูงสดุ และต�ำ่ สดุ แมห้ ลกั เกณฑ์ ฟื้นฟูมีราคาปรับลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจาก ดังกล่าวจะท�ำให้ราคาหลักทรัพย์ปรับสู่ดุลยภาพได้ อนญุ าตใหซ้ อ้ื ขายอกี ครง้ั หนง่ึ ผนวกกบั การทผ่ี ลู้ งทนุ อย่างรวดเร็วหลังจากท่ีถูกพักการซ้ือขายเป็น ในการฟื้นฟูฯ ที่เก่ียวข้องกับการเมืองมีแรงจูงใจ เวลานาน แตห่ ลกั เกณฑด์ งั กลา่ วกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสย่ี งตอ่ ในระดบั สงู ในการขายหลกั ทรพั ยน์ นั้ ออกไป ยง่ิ ทำ� ให้ นกั ลงทนุ รายยอ่ ยเปน็ อยา่ งมาก เนอื่ งจากหนุ้ สว่ นใหญ่ การซ้ือหุ้นของกิจการท่ีประสบความส�ำเร็จในการ ของกิจการที่ผ่านการฟื้นฟูนั้นจะตกอยู่ในมือ ฟื้นฟูฯ หลาย ๆ แห่งใกลเ้ คียงกับการเล่นการพนนั ของนักลงทุนท่ีเข้าฟื้นฟูกิจการ รวมทั้งหลักทรัพย์ มากกว่าการลงทุนที่อยู่บนพื้นฐานของความ ดงั กลา่ วนน้ั ขาดราคาอา้ งองิ ทำ� ใหห้ ลกั ทรพั ยเ์ หลา่ นนั้ มเี หตผุ ล การลงทนุ ในกจิ การทผี่ า่ นการฟน้ื ฟคู วรตอ้ ง อาจถกู สรา้ งราคาเกนิ จรงิ โดยเฉพาะในชว่ งวนั แรก ๆ พิจารณาปัจจัยพื้นฐานของกิจการอย่างถ้วนถี่ ของการเข้าซื้อขาย ดังนั้น บทบาทของหน่วยงาน มากกว่าการเข้าซ้ือขายตามกระแสของตลาด ก�ำกับดูแลตลาดทุนจึงควรก�ำหนดมาตรการท่ี โดยเฉพาะในช่วงแรกท่ีตลาดหลักทรัพย์แห่ง ชว่ ยลดความเสยี่ งดงั กลา่ วลง ไดแ้ กก่ ารกำ� หนดชว่ งของ ประเทศไทยอนุญาตให้ซื้อขายหลักทรัพย์เหล่าน้ัน การซอ้ื ขายระหวา่ งวนั ใหเ้ หมาะสมกวา่ การปลอ่ ยให้ ได้อกี ครงั้ หนง่ึ

32 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. นอกจากนี้ นักลงทุนรายย่อยควรพัฒนา สมศักด์ิ ประถมศรีเมฆ. (2548). ปัจจัยท่ีน�ำไปสู่ เก่ียวกับความรู้และทักษะในการลงทุนที่เพียงพอ ความสำ� เร็จในการฟน้ื ฟูกิจการ หลักฐาน เ พ่ื อ ที่ จ ะ ส า ม า ร ถ คั ด เ ลื อ ก ห ลั ก ท รั พ ย ์ ที่ ใ ห ้ เชิงประจักษ์จากตลาดหลักทรัพย์แห่ง ผลตอบแทนท่ีเหมาะสมกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ประเทศไทย. ดษุ ฎนี พิ นธบ์ ญั ชดี ษุ ฎบี ณั ฑติ ตลอดจนการพฒั นาทกั ษะในการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทาง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , กรงุ เทพฯ. เศรษฐกจิ และขอ้ มลู ทางการเงนิ ของกจิ การ เพอ่ื เพม่ิ ประสิทธิภาพของการลงทุน ซ่ึงนอกจากจะเป็น กรงุ เทพธรุ กจิ ออนไลน.์ กลต.กลา่ วโทษ ‘ทกั ษิณ- ผลประโยชนโ์ ดยตรงกบั ผลู้ งทนุ แลว้ ความเชย่ี วชาญ พจมาน’ ซุกหุ้นชินฯ. กรุงเทพธุรกิจ. 28 ด้านการลงทุนยังเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาด เมษายน 2553. สืบคน้ เมือ่ 18 พฤศจิกายน ทุนของประเทศในระยะยาวอีกด้วย 2553, จาก http://www.bangkokbi- znews.com/ home/detail/finance/ เอกสารอ้างอิง finance /20100428/112585//กลต. กลา่ วโทษทกั ษณิ -พจมาน-ซกุ หนุ้ ชนิ ฯ.html กอร์ปศกั ดิ์ สภาวสุ. (2547). ใครวา่ คนรวยไมโ่ กง (เรอื่ งจริง). กรุงเทพฯ: บ.ี บ.ี บซิ เิ นสไทย. สทุ ธิศกั ด์ิ โล่ห์สวัสดิ์ EMC ไม่ใชห่ ุน้ การเมอื ง. 16 ตลุ าคม 2547. สบื คน้ เมอ่ื 18 จุลธิดา จงกลนี. (2548). การฟื้นฟูกิจการธุรกิจ พฤศจิกายน 2553, จาก http://www. อสงั หารมิ ทรพั ย:์ ศกึ ษาผลกระทบตอ่ ผซู้ อ้ื computertoday.net/businessnews. และแนวทางแกไ้ ข. วทิ ยานพิ นธน์ ติ ศิ าสตร์ php?id=408835 มหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ. สฤณีอาชวานนั ทกลุ .การใชน้ อมนิ ใี นตลาดหลกั ทรพั ย์ หลักฐานและผลกระทบต่อตลาดทุนไทย. ผาสกุ พงษไ์ พจติ ร และสงั ศติ พริ ยิ ะรงั สรรค.์ (2535). 25 สิงหาคม 2549. สืบค้นเม่ือ 18 รัฐ ทุน เจ้าพ่อท้องถิ่นกับสังคมไทย. พฤศจกิ ายน 2553, จาก www.fringer.org/ กรุงเทพฯ: ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์ wp-content/writings/demu-present. การเมอื ง คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์ ppt. มหาวิทยาลัย. ส�ำนักงานก�ำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์. ผาสุก พงษ์ไพจิตร. (2535). รายงานการวิจัย ก.ล.ต. สงั่ PP และ TCJ ทำ� special audit. เร่ืองนายทุน เทคโนแครท และนายพล: ขา่ ว ก.ล.ต. ฉบบั ท่ี 53/2548. 9 มิถนุ ายน การศึกษาเรื่องกลุ่มธุรกิจ คอรัปชั่นและ 2548. สบื ค้นเมอ่ื 18 พฤศจกิ ายน 2553, ประชาธิปไตยในสังคมไทย. กรุงเทพฯ: จาก http://capital.sec.or. th. webapp/ ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะ webnews/news.php?cboType= เศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . S&lg=th&news_no=53&news_ yy=2548

ปที ่ี 7 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม 2557) 33 Boubakri, N. Cosset, J., Saffar W. (2008). Vongvipanond,P. (2006). Asian Insolvency Political connections of newly priva- Systems: The Thai Perspective. tized firms. Journal of Corporate The Fifth Forum for Asian Insol- Finance, 14, 654-673. vency Reform (FAIR), Beijing, China. Retrieved November 18, Bunkanwanich, P., Wiwattanakantang, Y. 2010, from http://www.oecd.org/ (2008). Big Business Owners in dataoecd/41/42/38182567.pdf Politics. Review of Financial Stud- ies, 22, 2133-2168. Charumilind, C., Wiwatanakantang, Y., Kali, R. (2006). Connected Lending: Thailand before the Financial Crisis. Journal of Business, 79, 181-218. Korteweg, A.G. (2007). The costs of financial distress across industries. Doctoral Dissertation, the University of Chicago. Retrieved November 18, 2010, from http://papers.ssrn. com/sol3/papers.cfm?abstract_ id=945425&http://www.google.co. th/search?hl=th&q=%22The+Costs +of+Financial+Distress+across+Ind ustries%22&aq=f&aqi=&aql=&oq= &gs_rfai= Lim, K. (2007). Ranking market efficiency for stock markets: A nonlinear per- spective. Physica A, 376, 445–454. Obrestad, S.R. (2009). The role of vulture investors in the governance and reorganization of distressed firms: An empirical analysis of 53 companies filing for Chapter 11 between 1999 and 2004. November 18, 2010, from http://www.vernim- men.net/ftp /The_role_of_vulture_ investors_in_the_ governance_and_ reorganization_of_distressed_firms. pdf

34 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. การเปรียบเทียบคา่ ตอบแทนและสิทธิประโยชนข์ องกรรมการรฐั วสิ าหกิจ และผบู้ รหิ ารระดบั สูงหน่วยงานภาครัฐ A Comparative Study of Executive Compensation and Fringe Benefits of State Enterprises Board and Government Officials มนตช์ ยั พินิจจติ รสมทุ ร I บทคัดยอ่ รัฐวิสาหกิจหลายแห่งมีการจ่ายผลตอบแทนคณะกรรมการท่ีแตกต่างและไม่เป็นมาตรฐาน เดียวกัน รัฐวิสาหกิจที่มีการจ่ายค่าตอบแทนค่อนข้างสูง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย การปิโตรเลียม แหง่ ประเทศไทย และการบนิ ไทย คณะกรรมการสามารถกำ� หนดคา่ ตอบแทน ของตนเองโดยผา่ นการแตง่ ตั้ง คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนฯ และการขอมติทป่ี ระชมุ ผู้ถือห้นุ การกำ� หนดค่าตอบแทนแก่ตนเอง สมุ่ เสยี่ งตอ่ ปญั หาความขดั แยง้ กนั ระหวา่ งผลประโยชนฯ์ แมค้ า่ ตอบแทนกรรมการรฐั วสิ าหกจิ ในตลาดหลกั ทรพั ย์ จะสูงกว่ารัฐวิสาหกิจท่ัวไป โดยพิจารณาตามสถานะการเงินและเปรียบเทียบกับบริษัทเอกชน แต่มักจะ สะท้อนถึงการน�ำหลักเกณฑ์มาพิจารณาเฉพาะส่วนที่เป็นประโยชน์ เป็นการท�ำงานในเชิงนโยบาย จงึ จำ� กดั ในการมสี ว่ นรว่ มกบั ผลประกอบการองคก์ าร คา่ ตอบแทนสงู จะสรา้ งแรงจงู ใจใหเ้ กดิ ความพยายาม ท่ีจะเป็นกรรมการมากย่ิงข้ึน แทนที่จะยึดผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก การศึกษาการด�ำเนินงาน ของกรมศุลกากรอาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาความขัดแย้งกันเชิงผลประโยชน์ฯ เน่ืองจากอธิบดีนั้น มีส่วนในการรับเงนิ สินบนและรางวลั ด้วยขณะเปน็ ผมู้ ีอ�ำนาจตามระเบยี บกรมศุลกากรว่าดว้ ย การจา่ ยเงิน สินบนและรางวัล มาตรการทางกฎหมายเพ่ือป้องกันปัญหาความขัดแย้งของผลประโยชน์ส่วนรวมและ สว่ นตวั ควรมหี ลกั การ ดงั นี้ 1) การตดั สนิ ใจใดทผี่ ตู้ ดั สนิ ใจมสี ว่ นเกย่ี วขอ้ งในการไดร้ บั ผลประโยชนโ์ ดยตรง ไมส่ ามารถกระท�ำได้ 2) ระบใุ หบ้ ุคคลสามารถดำ� รงต�ำแหนง่ การเปน็ กรรมการรัฐวสิ าหกจิ ได้ไม่เกิน 1 แหง่ และ 3) การบังคับใช้ระเบียบการก�ำหนดหลักเกณฑ์คุณสมบัติการเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจให้เข้มงวด โดยมขี อ้ เสนอแนะวา่ สำ� นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาตคิ วรมรี ะเบยี บ และ กฎเกณฑ์บางอย่างที่เก่ียวข้อง เช่น 1) ก�ำหนดเพดานขั้นสูงของจ�ำนวนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ที่ กรรมการรฐั วสิ าหกจิ จะไดร้ บั 2) สรา้ งใหม้ กี ลไกการสรา้ งแรงจงู ใจทไ่ี มเ่ ปน็ ตวั เงนิ 3) ประกาศเผยแพรข่ อ้ มลู ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ให้เป็นข้อมูลสาธารณะ 4) รณรงค์สร้างค่านิยมในการให้ความส�ำคัญต่อ การกระท�ำความขัดแย้ง เชิงผลประโยชน์อนั เป็นการสร้างจติ ส�ำนึกในประโยชนข์ องสาธารณะ คำ� ส�ำคญั : การขดั แยง้ ของผลประโยชน์ คา่ ตอบแทน คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ I อาจารยค์ ณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

ปที ี่ 7 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม 2557) 35 Abstract This study found that state enterprises including Krungthai Bank, the Petroleum Authority of Thailand (PTT) and Thai Airways International Pcl. pay relatively high levels of compensation to their board members. Moreover, compensation levels and systems do not follow a common standard or regulations. Instead, remuneration policy is decided by corporate compensation committees, and then proposed to shareholders for approval. Since the income of the committee members themselves will be affected by its decisions, this represents a conflict of interest problem. Board members of registered companies in the Stock Exchange of Thailand (SET) always set their compensation level above that of other non-listed companies because their companies base the committee’s compensation level upon the company’s financial performance together with industry benchmark compensation levels. This means that the criteria considered for the committee’s compensation is selective. Furthermore, board members are responsible for policy making and may not fully reflect the firm’s financial performance. High compensation levels within state enterprises offer strong incentive for people to compete for board membership, while public interest is viewed as a second priority. Another finding is that of a potential conflict of interest within the Department of Customs, where the Director General is a major recipient of departmental rewards and payoffs while acting as an authorized person in making decisions on regulations for payment and distribution of rewards. Legal and operational measures to improve this issue could include: 1) compulsory regulation of an operation and/or decision in which the authorized person has a conflict of interest; 2) a person should not be assigned to a committee for more than one enterprise; 3) companies should strictly adopt regulations of criteria for committee qualification. The Office of the Anti-Corruption Commission should initiate the following: 1) a ceiling for committee compensation and benefits; 2) a non-financial incentive mechanism to motivate higher efficiency; 3) publication of compensation levels of the board members of every state enterprise; and 4) an effort to promote the new values for society to prioritize the elimination of conflicts of interest. Keywords: conflict of interest, compensation, state enterprise board

36 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. 1. ความเปน็ มาและความสำ� คัญของปญั หา ความขัดแย้งกันของผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งเป็นสถานการณ์ซึ่งบุคคล ปญั หาความขดั แยง้ กนั ระหวา่ งผลประโยชน์ ท่ีเป็นข้าราชการ ลูกจ้าง หรือผู้เชี่ยวชาญของ ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมซ่ึงเป็นรูปแบบ หน่วยราชการ ใช้อ�ำนาจหน้าท่ีไปในทางที่เป็น การคอร์รัปชันอย่างหนึ่งที่มีความคลุมเครือ และ ประโยชน์ตอ่ ตนเอง (Katz and Kahn, 1978: 623) ยังขาดการตระหนักถึงปัญหาและการมีส่วนร่วม และในบางครงั้ ปัญหาตัวแทนและความขัดแยง้ กัน น้ี ของประชาชนเท่าท่ีควร ปัญหาเหล่าน้ีหากเกิดขึ้น ถูกอ้างเป็นสิ่งเดียวกัน (Hart, 1995: 678) และ ในกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ งานศึกษาของ McDonald (อ้างใน ไพโรจน์ และภาครัฐ ที่ท�ำหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ส่วนรวม ภัทรนรากุล, 2546: 14) กลา่ วว่า ความขดั แย้งกัน ของสังคมย่อมบ่ันทอนความเจริญก้าวหน้าในการ ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ พัฒนาประเทศ นอกจากนั้นยังน�ำไปสู่วิถีทาง ส่วนรวม เป็นเร่ืองเก่ียวข้องกับจริยธรรม อันเป็น ธรรมเนยี มปฏบิ ตั ิ และวฒั นธรรมทส่ี ง่ เสรมิ ใหป้ ญั หา สถานการณ์ท่ีบุคคล เช่น เจ้าหน้าที่รัฐ ลูกจ้าง ดังกล่าวยังคงด�ำรงอยู่ในสังคม โดยท่ีความขัดแย้ง หรือผู้เช่ียวชาญ มีผลประโยชน์ส่วนตัวเหนือส่วน กันระหว่างผลประโยชน์น้ีอาจจะพัฒนาไปสู่ บุคคลมากจนกระท่ังกระทบต่อการปฏิบัติหน้าท่ี การกระทำ� คอรร์ ปั ชนั อยา่ งเตม็ รปู แบบ หากขาดการ อยา่ งตรงไปตรงมา ในทำ� นองเดยี วกันในงานศกึ ษา ควบคมุ และตรวจสอบทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ สาเหตสุ ำ� คญั ของสมพร แสงชัย (2528) (อ้างใน ไพโรจน์ ของปัญหาน้ีเกิดขึ้นจากเง่ือนไขของปัญหาตัวแทน ภัทรนรากุล, 2546: 28) ได้แสดงถึงทัศนะของ (agency problem) (Pindyck and Rubinfeld, Heidenheimer ในเร่ืองความขัดแย้งกันระหว่าง 2005: 627) อนั เปน็ ปญั หาจากความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ผลประโยชน์ส่วนตน และผลประโยชน์ส่วนรวม ผู้บริหารระดับสูง และ/หรือคณะกรรมการ ว่าเป็นการคอร์รัปชันประเภทหนึ่ง โดยอาจเป็น ซงึ่ เปรยี บเสมอื นตวั แทน (agent) ของผถู้ อื หนุ้ ในการ คอร์รัปชันสีขาว อันเป็นการกระท�ำคอร์รัปชัน ท�ำหน้าที่บริหารกิจการกับประชาชน อันหมายถึง ที่ประชาชนโดยท่ัวไปและผู้น�ำในสังคมยอมรับ สังคมโดยรวม ซ่ึงถือว่าเป็นเจ้าของ (principal) แต่ไม่สมควรจะลงโทษผู้กระท�ำความผิด หรืออาจ อันเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในหน่วยงานภาครัฐ จะคลุมเครือจนเป็นคอร์รัปชันสีเทา ซ่ึงเป็นการ โดยท่ีปัญหาเกิดจากตัวแทนเหล่านี้มขี ้อมลู เกยี่ วกบั คอร์รัปชันที่บางส่วนของผู้น�ำในสังคมเห็นว่า กิจการมากกว่าเจ้าของ ในขณะที่การเฝ้าติดตาม เป็นการท�ำผิด แต่ประชาชนทั่วไปยังสองจิตสองใจ ตรวจสอบ และมสี ว่ นร่วมจากประชาชนมคี า่ ใชจ้ า่ ย อยู่มาก คอร์รัปชันสองประเภทนี้แตกต่างไปจาก ที่สูงและเข้าถึงข้อมูลได้ยากท�ำให้การตัดสินใจ คอร์รัปชันสีด�ำ ที่เป็นลักษณะที่ทุกฝ่ายในสังคม ในเรื่องต่าง ๆ และการด�ำเนินงานของตัวแทน เหน็ ว่าเป็นการกระทำ� ที่ผดิ อยา่ งชดั เจน และเหน็ วา่ มแี นวโนม้ ทจ่ี ะมงุ่ ไปยงั เปา้ หมายอนั เปน็ ผลประโยชน์ ควรได้รับโทษทางกฎหมายทกุ ประการ ของตนเองมากกว่าการระลึกถึงเป้าหมายท่ีเป็น จากงานศึกษาของ ไพโรจน์ ภัทรนรากุล ผลประโยชนข์ องสังคมโดยรวม (2546: 14-16) ได้วิเคราะห์ถึงปัจจัยสาเหตุของ ระบบความสัมพันธ์แบบตัวแทน (agent ความขัดแย้งกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ relationship) น้ัน เป็นสาเหตุส�ำคัญที่ท�ำให้เกิด

ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม 2557) 37 ผลประโยชนส์ ว่ นรวม โดยแบง่ ออกเปน็ 2 สว่ น ไดแ้ ก่ ระดับสูง ซึ่งกรรมการก็จะเกรงใจผู้บริหารระดับสูง ปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก ส�ำหรับปัจจัย ในแง่มุมน้ี ขณะที่งานศึกษาของ Hallock (1997) ภายในเกี่ยวข้องกับค่านิยมส่วนบุคคล เป็นคุณค่า พบว่าผู้บริหารระดับสูงและกรรมการมีการสลับกัน (values) ทแี่ ตล่ ะคนยดึ ถอื ซงึ่ มอี ทิ ธพิ ลตอ่ ความคดิ ด�ำรงต�ำแหน่งในองค์กรต่างๆ เช่น นาย ก เป็น การตัดสินใจ และการกระท�ำ เป็นค่านิยมใน ผบู้ รหิ ารระดบั สงู ของหนว่ ยงานท่ี 1 ขณะทท่ี ำ� หนา้ ท่ี 1) อ�ำนาจนิยม คือ อ�ำนาจน�ำไปสู่ผลประโยชน์ เป็นกรรมการอยู่ในหน่วยงานที่ 2 ขณะท่ี นาย ข ยิง่ ตำ� แหน่งสงู ย่ิงมีอำ� นาจมาก ก็สามารถใชใ้ นการ ท�ำหน้าท่ีสลับกันโดยเป็นผู้บริหารระดับสูง แสวงประโยชน์ส่วนตนได้ โอกาสที่มีผลประโยชน์ ในหนว่ ยงานที่ 2 และท�ำหนา้ ที่เปน็ กรรมการก�ำกบั ขัดแย้งกัน ก็มากข้ึนเท่านั้น และ 2) วัตถุนิยม ดูแลในหนว่ ยงานท่ี 1 ซง่ึ ลักษณะการสลบั กันเช่นน้ี เป็นค่านิยมที่ยกย่องเงินและวัตถุ และใช้เป็น อาจเป็นไปมากกว่า 2 คน และเนอื่ งจากกรรมการ เคร่ืองวัดความส�ำเร็จ เงินท�ำให้ได้มาซึ่งอ�ำนาจ หนว่ ยงานมหี ลายคนทที่ ำ� หนา้ ท่ี จงึ เปน็ ทแี่ นน่ อนวา่ และต�ำแหน่ง ความมีหน้ามีตาในสังคม ความรัก ท้งั นาย ก และนาย ข ตอ้ งมีการถอ้ ยทีถอ้ ยอาศยั กนั ความเคารพ ส่วนปัจจัยภายนอก ได้แก่ ภูมิหลัง และกัน และเป็นไปได้มากว่าแต่ละฝ่ายจะมุ่งที่ ด้านครอบครัว ความจ�ำเป็นทางเศรษฐกิจ สภาพ เป้าหมายผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าเป้าหมาย แวดล้อมที่เอ้ือให้แสวงประโยชน์ ความบกพร่อง ผลประโยชนส์ ่วนรวมของหนว่ ยงาน ของผู้บังคับบัญชา ช่องว่างและความล้าหลังของ ในกระบวนการคัดสรรบุคคลเข้าเป็น กฎหมาย และความยินยอมพร้อมใจหรือความ กรรมการในคณะกรรมการน้ัน จากการศึกษาของ ไมเ่ ขา้ ใจของประชาชน Bebchuk and Kahan (1990) โดยทวั่ ไปกรรมการ ปญั หาตวั แทนทเ่ี กดิ ขน้ึ ในระดบั คณะกรรมการ จะถูกเสนอช่ืออย่างเป็นการเฉพาะราย โดยฝ่าย จะบ่อนท�ำลายความสามารถในการแก้ไขปัญหา บรหิ าร และปญั หาในการเสนอชอื่ เพอ่ื ขดั ขวาง หรอื อย่างมีประสิทธิภาพ ในงานศึกษาของ Bebchuk แข่งขันอย่างเข้มข้นน้ันจะเกิดข้ึนไม่มาก ดังน้ัน and Fried (2003: 73) พบว่าโดยท่ัวไปแล้ว ปัจจัยส�ำคัญในการเข้าสู่ต�ำแหน่งกรรมการก็คือ กรรมการแต่ละคนแล้วย่อมปรารถนาจะได้รับคัด สมั พนั ธภาพทด่ี กี บั ฝา่ ยบรหิ าร เพอ่ื ใหม้ ชี อื่ เขา้ อยใู่ น เลอื กกลบั เขา้ มาเปน็ คณะกรรมการอกี ซง่ึ นอกเหนอื กระบวนการคัดสรร นั่นคือ อิทธิพลของผู้บริหาร จากเงินเดือนและผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจแล้ว ระดับสูงจะมีผลต่อพฤติกรรมและการด�ำเนินงาน สถานภาพการเป็นกรรมการขององค์กรขนาดใหญ่ ของกรรมการ จากการศึกษาของ Bebchuk and โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจจะได้รับสิทธิพิเศษหลาย Fried (2003: 74) โดยที่กรรมการทั้งหลายย่อมมี ประการ และมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจและสังคม แรงจูงใจท่ีจะด�ำเนินการตามข้อเสนอของผู้บริหาร ท่ีมีคุณค่า และผู้บริหารระดับสูงจะมีบทบาท ระดับสูง การโต้แย้งคัดค้านหรือการตั้งข้อสังเกต อย่างส�ำคัญในการแต่งต้ังกรรมการเข้ามาอยู่ใน ในระเบยี บ หรอื เรอื่ งทนี่ ำ� เสนอของฝา่ ยบรหิ ารอนั มี คณะกรรมการของหน่วยงาน ดังนั้น กรรมการทั้ง ลักษณะท่ีคลุมเครือ หรือบ่ันทอนผลประโยชน์ของ หลายโดยทั่วไปย่อมจะมีแรงจูงใจท่ีจะปฏิสัมพันธ์ หน่วยงานและสังคม รวมทั้งการละเลยปล่อยผ่าน อย่างดี โดยสร้างความประทับใจให้กับผู้บริหาร เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับความคิดเห็น

38 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. กรรมการสว่ นใหญ่ หรอื ฝา่ ยบรหิ าร ซงึ่ จะลดโอกาส ทงั้ หมด เมอ่ื เปน็ ไปในลกั ษณะนี้ ประชาชนแตล่ ะคน ของตนในการได้รับเชิญเป็นกรรมการ ในคณะ ย่อมแสดงพฤติกรรมแบบได้ประโยชน์ โดยไม่ต้อง กรรมการอีกวาระหนึง่ ออกแรง (free rider) ซง่ึ ทกุ คนก็จะคิดในแนวทาง ดังน้ัน สิ่งน้ีแสดงให้เห็นว่า ผลตอบแทน เดียวกัน ท�ำให้ไมม่ ใี ครที่เฝ้าตดิ ตามดอู ยา่ งจรงิ จงั สิทธิประโยชน์ และสถานะทางสังคม รวมถึงกลไก อยา่ งไรกต็ าม หน่วยงานทงั้ หลายต้องการ การปรนเปรอโดยหน่วยงาน มีอิทธิพลอย่างสูงต่อ หลกี เลย่ี งความไมพ่ อใจของสาธารณะและไมต่ อ้ งการ แนวโน้มการตัดสินใจและการท�ำหน้าท่ีของคณะ ใหเ้ ปน็ จดุ สนใจนำ� ไปวพิ ากษว์ จิ ารณ์ แรงจงู ใจในการ กรรมการ หากคณะกรรมการหรอื ผบู้ รหิ ารระดบั สงู ปิดข้อมูลเหล่าน้ี หรือท�ำให้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากและ มอี ำ� นาจในการดำ� เนนิ การเรอื่ งนี้ โดยมรี ะเบยี บหรอื ซับซ้อน ยากต่อการท�ำความเข้าใจและเข้าถึงของ กฎหมายรองรับอย่างชัดเจน หรือมีอ�ำนาจมาก สาธารณะ อาจจะมาจากความตอ้ งการลดแรงกดดนั ความสามารถในการดึงค่าเช่าทางเศรษฐกิจ (rent จากการเฝา้ ติดตามผลการด�ำเนนิ งาน และอ�ำพราง extraction) เขา้ ไปเปน็ ผลประโยชนส์ ว่ นตนกม็ มี าก กระบวนการเกบ็ คา่ เชา่ ทางเศรษฐกจิ ตอ่ ไป (Bebchuk ไปด้วย จากสาเหตุดงั กล่าว ท�ำให้บางหนว่ ยงานท่ีมี and Kahan, 1990) ดงั นน้ั การเปดิ เผยขอ้ มลู อยา่ ง ปญั หาความขดั แยง้ กนั ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน โปร่งใสย่อมมีผลกระทบอย่างสูงต่อค่าตอบแทน และผลประโยชนส์ ว่ นรวม และมกั จะสะทอ้ นไดจ้ าก ของผ้บู ริหารระดับสูงและคณะกรรมการ ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ รวมท้ังกลไกการ จัดสรรสิทธิประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีข้ึนใน 2. นิยามของความขัดแย้งกันระหว่าง รัฐวิสาหกิจและหนว่ ยงานภาครัฐ ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ นอกจากนั้น ประชาชนยงั ไม่สามารถจะรับรู้ ส่วนรวม ข้อมูลข่าวสารของประชาชนเก่ียวกับค่าตอบแทน และสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการและผู้บริหาร เมธี ครองแก้ว (2550) กล่าวไว้ว่า ระดับสูงเหล่านี้ได้มากนัก แนวคิดน้ีสอดคล้องกับ ความขัดแย้งกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ งานศกึ ษาของ Hart (1995: 680) ที่เห็นว่าองค์กร ผลประโยชนส์ ว่ นรวม หรอื ทเ่ี รยี กอกี คำ� กลา่ วหนงึ่ วา่ สาธารณะทั้งหมดมีประชาชนเป็นเจ้าของ ที่แต่ละ ความทับซ้อนของผลประโยชน์ ถือได้ว่าเป็น คนถอื หนุ้ ในสดั สว่ นเพยี งนอ้ ยนดิ ทำ� ใหข้ าดแรงจงู ใจ การทุจริตอย่างหนึ่ง เพราะเจ้าหน้าท่ีของรัฐท่ี ในการเฝ้าติดตามประสิทธิภาพการท�ำงาน หรือ เก่ียวข้องได้รับผลประโยชน์เฉพาะตนอันไม่สมควร ผลประกอบการขององค์กรเหล่าน้ี ยิ่งกว่านั้น โดยที่ประโยชน์น่าจะเป็นของรัฐหรือส่วนรวม การเฝ้าติดตามเป็นสินค้าสาธารณะท่ีมีต้นทุน ผลประโยชน์ทับซ้อนเกิดข้ึนได้หลายรูปแบบ อาทิ การดำ� เนนิ การสงู โดยเฉพาะการเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ดงั นน้ั การใช้ข้อมูลจากต�ำแหน่งหน้าท่ีเพื่อประโยชน์ ถ้ามีคนใดคนหน่ึงเฝ้าติดตาม และน�ำไปสู่การ ส่วนตนหรือการเอ้ือประโยชน์จากงานในหน้าที่ ปรับปรุงประสิทธิภาพการด�ำเนินงานขององค์กร ให้แก่ผู้ใกล้ชิด เป็นต้น ขณะท่ีงานศึกษาของ ใหด้ ขี นึ้ ประชาชนทกุ คนกจ็ ะไดร้ บั ประโยชนด์ ว้ ยกนั ธนาคารโลก1 ได้ให้ความหมาย ความขัดแย้งกัน ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วน 1 http://web.worldbank.org/WBSITE/EXTERNAL/EXTABOUTUS/ORGANIZATION

ปีที่ 7 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม 2557) 39 รวมไว้ว่า เป็นสถานการณ์ที่เป็นความขัดแย้งกัน ความขัดแย้งกันระหว่างผลประโยชน์ ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ ส่วนตน และผลประโยชน์สว่ นรวม2 สามารถมองได้ สว่ นรวม (conflict of interest) เกดิ ข้ึนเม่ือบุคคล ใน 2 ระดับ คอื หรือสถาบันท่ีอยู่ในฐานะท่ีจะต้องใช้ดุลยพินิจ 1. ระดับนโยบายหรือระดับมหภาค ในเรื่องใดเร่ืองหน่ึงกลับเบ่ียงเบนออกไปจาก จะเกยี่ วขอ้ งกบั ผทู้ ม่ี สี ว่ นในการกำ� หนดนโยบายในดา้ น ผลประโยชน์ขององค์กร เช่น เม่ือผลประโยชน์ ต่าง ๆ ของประเทศ เช่น นโยบายด้านพลังงานและ ส่วนตัวของสมาชิกต่างไปจากผลประโยชน์ของ นโยบายด้านการส่ือสาร เป็นต้น ดังนั้น ผู้ท่ีอยู่ใน ธนาคารโลก นอกจากน้ัน ขยายความอกี วา่ สมาชกิ ขอบข่ายของความขัดแย้งกันในระดับน้ี จึงได้แก่ ท้ังหลายมีความรับผิดชอบที่จะต้องหลีกเล่ียง นกั การเมอื งขา้ ราชการระดบั สงู กลมุ่ ธรุ กจิ (การเมอื ง) การเกิดสถานการณ์และกิจกรรมท่ีอาจจะแสดง และบรษิ ทั เอกชนขนาดใหญ่ เป็นต้น ให้เห็นว่ามีผลประโยชน์ขัดแย้งกับองค์กร และ 2. ระดับปฏิบัติการซึ่งเป็นปัญหาความ ระมัดระวังมิให้น�ำไปสู่สถานการณ์ความขัดแย้ง ขัดแย้งเชิงผลประโยชน์ในระดับบุคคล คือ ในตัว เชงิ ผลประโยชนท์ เี่ ปน็ ขน้ึ มาจรงิ ๆ หรอื แคม่ แี นวโนม้ เจา้ หนา้ ทผ่ี ปู้ ฏบิ ตั งิ านทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การใชอ้ ำ� นาจรฐั ก็ตาม ความขัดแย้งเชิงผลประโยชน์ หรือ รวมถงึ กลมุ่ วชิ าชพี ตา่ ง ๆ ทมี่ คี วามเสย่ี งตอ่ การกระทำ� ความทับซ้อนกันของผลประโยชน์ มักจะถือเป็น ท่ีขัดแย้งกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ จรรยาบรรณการท�ำงาน และเป็นข้อห้ามที่ส�ำคัญ ผลประโยชน์ส่วนรวม เช่น วิชาชีพ ท่ีเก่ียวข้องกับ ในการบริหารรัฐกิจ ความหมายของความขัดแย้ง การจดั เกบ็ รายได/้ ภาษวี ชิ าชพี เกย่ี วกบั กระบวนการ เชิงผลประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวมน้ัน อาจจะ ยุติธรรม เปน็ ต้น ครอบคลมุ ถงึ การทบี่ คุ คลดำ� รงตำ� แหนง่ มากกวา่ หนง่ึ ปญั หาความขดั แยง้ กนั ระหวา่ งผลประโยชน์ สถานะหรือหนึ่งองค์กรในเวลาเดียวกัน โดยที่ ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมจะเกิดข้ึนเม่ือ สถานะในองคก์ รทแี่ ตกตา่ งนนั้ มผี ลประโยชนข์ ดั แยง้ การตัดสินใจของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งสาธารณะได้รับ กัน เชน่ การท�ำผลประโยชน์สงู สดุ ให้แก่องค์กรหนึ่ง ผลกระทบจากการเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว อาจท�ำให้ผลประโยชน์ในอีกองค์กรหนึ่งเสียหาย มากกว่าประโยชน์สว่ นรวม หรอื เปน็ “โอกาสความ หรือพร่องไป เช่น การห้ามนายทหารถือหุ้นหรือ น่าจะเป็น” ท่ีจะท�ำให้รัฐบาลเสียผลประโยชน์ ด�ำรงตำ� แหนง่ ในบรษิ ัทคา้ อาวธุ เปน็ ต้น เพราะการ ในการนี้สามารถแยกได้ว่าความขัดแย้งเชิง ตัดสินใจน้ันอาจจะมีความล�ำเอียง ขาดการใช้ ผลประโยชน์ ดงั กล่าวมี 2 ส่วนทีส่ ำ� คัญ คือ ดลุ ยพนิ จิ ทถ่ี ูกต้องเหมาะสม โดยอาจตัดสนิ ใจเลือก (1) ความขดั แยง้ ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ น ซอื้ อาวธุ จากบรษิ ทั ทตี่ นมสี ว่ นไดเ้ สยี นน้ั แทนทจี่ ะดู ตนและผลประโยชน์ส่วนรวมท่ีเกิดขึ้นจริง (real ว่าดีเหมาะท่ีสุดต่อการใช้งานราชการสงคราม น่ัน conflict of interests) ซ่ึงคือสถานการณ์ที่ผดู้ ำ� รง คือ ผลประโยชน์ขัดแย้งที่เกิดข้ึนจากการท�ำหน้าที่ ตำ� แหนง่ สาธารณะ (เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ) มผี ลประโยชน์ ในต�ำแหนง่ ทดี่ �ำรงอยู่ ส่วนตัว ซงึ่ เข้ามามอี ทิ ธิพลตอ่ การปฏิบตั หิ น้าท่ีตาม ต�ำแหน่งความรบั ผิดชอบ 2 http://audit.anamai.moph.go.th/ewt_news.php?nid=65

40 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. (2) โอกาสการเกดิ ความขดั แยง้ กนั ระหวา่ ง เคล่อื นที่ได้หรอื เคลอ่ื นทไ่ี ม่ได้ ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม (2) งานในต�ำแหน่ง การจ้างงาน หรือ (potential conflict of interests) ซงึ่ เกดิ ขึน้ เมอ่ื สญั ญาใด ๆ ผมู้ อี ำ� นาจในการตดั สนิ ใจพบวา่ ตนเองอยใู่ นสถานการณ์ (3) คา่ ตอบแทนตา่ ง ๆ การปลดปลอ่ ยหรอื ทผ่ี ลประโยชนส์ ว่ นตนมีโอกาส หรือสามารถเขา้ มา การส้ินสุดสภาพของหน้ีเงินกู้หรือพันธะผูกพันหรือ มอี ทิ ธพิ ลตอ่ การปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ซงึ่ ในลกั ษณะนยี้ งั ไมม่ ี เง่อื นไขอน่ื ใดกแ็ ลว้ แตไ่ มว่ า่ จะท้งั หมดหรือบางส่วน การตดั สนิ ใจหรอื ดำ� เนนิ การตามหนา้ ท่ี การทโี่ อกาส (4) บรกิ ารอืน่ ใด การอำ� นวยความสะดวก เกิดความขัดแย้งเชิงผลประโยชน์จะพัฒนาไปเป็น หรืออภิสิทธ์ิอ่ืนในรูปแบบใดก็ตาม รวมท้ังการให้ สถานการณค์ วามขดั แยง้ จรงิ ได้ กต็ อ่ เมอ่ื ผทู้ ต่ี ระหนกั การคุ้มกันหรือคุ้มครองจากการถูกลงโทษหรือ ถึงความขัดแย้งนั้นไม่ได้ละท้ิงผลประโยชน์ส่วนตัว การถกู กกั กนั ดว้ ยวธิ กี ารใดกแ็ ลว้ แตจ่ ากการดำ� เนนิ การ หรอื ถอนตวั ออกจากสถานการณด์ งั กลา่ ว อาจกลา่ ว ตามมาตรการทางด้านวินัยหรือทางอาญา ได้ว่าสถานการณ์คอร์รัปชันทุกกรณีเกิดจากปัญหา (5) ข้อเสนอการยอมรับหรือค�ำสัญญา ความขัดแย้งกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ ทจี่ ะใหป้ ระโยชนอ์ น่ื ใดตามความหมายในหวั ขอ้ (1), ผลประโยชน์สว่ นรวมมากอ่ น (2), (3) และ (4) ที่กลา่ วขา้ งตน้ จากส่วนส�ำคัญท้ัง 2 ประเภท อาจแสดง Kenneth Kernaghan and John ให้เห็นว่าความขัดแย้งกันระหว่างผลประโยชน์ Langford (อ้างใน ไพโรจน์ ภัทรนรากุล, 2546) ส่วนรวมและผลประโยชน์ส่วนตัวได้ถูกใช้เป็นสิ่ง นักรัฐศาสตร์ชาวแคนาดาในหนังสือเรื่อง The บ่งช้ี หรือเป็นสิ่งท่ีบอกเหตุล่วงหน้า และเป็นส่ิงท่ี Responsible Public Servant ให้ค�ำนิยาม กอ่ ใหเ้ กดิ คอรร์ ปั ชนั หากละเลยและขาดการตรวจสอบ ผ่านทางการประมวลการกระท�ำที่อยู่ในข่ายการ ทส่ี ามารถกระทำ� ความขดั แยง้ กนั ระหวา่ งผลประโยชน์ กระท�ำขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ส่วนรวมและ ส่วนรวมและผลประโยชน์ส่วนตัวอยู่เสมอและ ผลประโยชนส์ ่วนตวั ได้แก่ ศักยภาพการกระท�ำความขัดแย้งกันน้ีอาจสร้าง l การหาประโยชนใ์ หต้ นเอง (self-dealing) ความเสยี หายใหข้ นึ้ ได้ หากเปน็ การกระทำ� จรงิ ขน้ึ มา ไดแ้ ก่ การใชต้ ำ� แหนง่ หนา้ ทเ่ี พอ่ื ตนเอง เชน่ ขา้ ราชการ ในประเทศสิงคโปร์ มีการก�ำหนดความ ใช้อ�ำนาจหน้าท่ีท�ำให้บริษัทตัวเองได้งานรับเหมา หมายของความขัดแย้งเชิงผลประโยชน์ ในรูป จากรฐั หรอื ฝากลกู หลานเขา้ ท�ำงาน ของการใช้ค�ำว่า “การหาประโยชน์ส่วนตน” l รบั ผลประโยชน์ (accepting benefits) (gratification) (อ้างใน เมธี ครองแก้ว, 2550) คือ การรับสินบนหรือการรับของขวัญ เช่น เป็น แทนการใช้ คำ� วา่ ทจุ รติ ในกฎหมายวา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั เจ้าพนักงานสรรพากรแลว้ รบั เงินจากผ้เู สยี ภาษี หรอื การทจุ รติ ค.ศ. 1960 (Prevention of Corruption เปน็ เจ้าหน้าทจ่ี ดั ซอ้ื แล้วไปรบั ไม้กอล์ฟจากร้านคา้ Act 1960) ค�ำวา่ การหาประโยชน์ส่วนตนน้รี วมถงึ l ใช้อิทธิพล (influence peddling) (1) เงนิ หรอื ของขวญั เงนิ ใหก้ ยู้ มื คา่ ใชจ้ า่ ย เป็นการเรียกผลตอบแทนในการใช้อิทธิพลใน เงินรางวัล เงินค่านายหน้า การคุ้มครอง เพื่อการ ตำ� แหนง่ หนา้ ทเี่ พอื่ สง่ ผลทเี่ ปน็ คณุ แกฝ่ า่ ยใดฝา่ ยหนง่ึ ป้องกัน ท่ีค�ำนวณค่าเป็นเงินได้ทรัพย์สินหรือผล อยา่ งไมเ่ ป็นธรรม ประโยชน์ในทรัพย์สินในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะ

ปที ่ี 7 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม 2557) 41 l ใช้ทรัพย์สินของนายจ้างเพ่ือประโยชน์ ของกรรมการ เพ่ือน�ำมาสู่การน�ำเสนอแนวทาง สว่ นตน (using employer’s property for private ปฏบิ ตั ทิ งั้ ทางกฎหมาย ระเบยี บ และแนวทางในการ advantage) ได้แก่ การใช้รถราชการ หรือการใช้ ป้องกันปัญหาดังกล่าว รวมทั้งเป็นแสดงความ คอมพิวเตอรข์ องราชการทำ� งานสว่ นตวั เป็นต้น โปร่งใสในเร่ืองค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ให้ l ใช้ข้อมูลลับของราชการ (using ประชาชนทราบในวงกว้าง confidential information) เช่น รู้ว่าราชการจะ ส่วนน้ีจะเป็นข้อมูลพ้ืนฐานของกรรมการ ตัดถนนแลว้ รบี ชิงไปซื้อทด่ี กั หนา้ ไว้กอ่ น รัฐวสิ าหกิจจ�ำนวน 15 แห่ง เพอื่ ใหท้ ราบคุณสมบัติ l รบั งานนอก (outside employment ของกรรมการรฐั วสิ าหกจิ ในแตล่ ะหนว่ ยงานไดแ้ สดง or moonlighting) ไดแ้ ก่ การเปดิ บรษิ ทั หากนิ ซอ้ น ตารางคณะกรรมการจ�ำแนกตามแหล่งที่มาเป็น บริษัทท่ีตนเองท�ำงาน เช่น เป็นพนักงานขายแอบ 4 กลุ่ม ได้แก่ กรรมการท่ีมาจาก 1) หน่วยงาน เอาสินค้าตัวเองมาขายแข่ง หรือเช่นนักบัญชีท่ีรับ เอกชน/องค์กรอิสระ 2) ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ งานส่วนตัวจนไม่มีเวลาท�ำงานบัญชีในหน้าที่ให้แก่ 3) อดตี ขา้ ราชการ/อดีตรฐั วสิ าหกิจ 4) ขา้ ราชการ ราชการ การเมืองและแสดงจ�ำนวนกรรมการท�ำหน้าท่ีเป็น l ท�ำงานหลังออกจากต�ำแหน่ง (post – กรรมการมากกว่า 1 แห่ง โดยแสดงข้อมูล 3 ปี employment) เปน็ การไปทำ� งานใหผ้ อู้ น่ื หลงั ออกจาก ในช่วงเวลา ปี พ.ศ. 2550 - 2552 งานเดมิ โดยใชค้ วามรหู้ รอื อทิ ธพิ ลทเ่ี ดมิ มาใชช้ งิ งาน จากแผนภมู ิที่ 1 แสดงให้เหน็ ว่า ที่มาของ หรือเอาประโยชน์โดยไม่ชอบธรรม เช่น น�ำข้อมูล กรรมการสว่ นใหญ่เป็นกรรมการที่เปน็ ขา้ ราชการ/ เก่ียวกับนโยบายและแผนของธนาคารชาติไปใช้ใน รัฐวิสาหกิจ มีสัดส่วนมากท่ีสุดของท่ีมากรรมการ การท�ำงานในธนาคารเอกชนหลังเกษยี ณ ท้ังหมด ซ่ึงอยู่ระหว่างร้อยละ 69.04 ถึง 80.61 รองลงมา คือ กรรมการท่ีมาจาก เอกชน/องค์กร 3. ทม่ี าของกรรมการรฐั วิสาหกิจ อิสระ คิดเปน็ รอ้ ยละ 14.55 ถึง 18.27 และจะเห็น ได้ว่ากรรมการท่ีเป็น ข้าราชการการเมือง มีเพียง การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ ประมาณรอ้ ยละ 1.07 ถงึ 2.55 เท่านนั้ ซง่ึ ต�ำแหนง่ รูปแบบค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ของ นี้น่าจะแฝงกับที่มาของกรรมการอ่ืน ๆ คือ คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจและผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจและเอกชน/องค์กรอิสระ ของหน่วยงานภาครัฐฯ โดยศึกษาถึงสถานการณ์ ตามลำ� ดบั นอกจากนกี้ รรมการทมี่ าจากขา้ ราชการ/ ที่สะท้อนผ่านกลไกการจ่ายค่าตอบแทนที่อาจจะ รัฐวสิ าหกจิ มสี ดั ส่วนลดลง คอื จาก รอ้ ยละ 80.61 น�ำมาซึ่งความเส่ียงของโอกาสที่จะเกิดปัญหา ในปี พ.ศ. 2550 เป็นร้อยละ 69.04 ในปี พ.ศ. 2551 ความขัดแย้งกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและ และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 70.59 ในปี พ.ศ. 2552 ผลประโยชน์ส่วนรวม รวมทั้งการศึกษากลไกการ สอดคล้องกับการเพ่ิมข้ึนและลดลงของสัดส่วน เอื้อประโยชน์และการขออนุมัติจ่ายค่าตอบแทน กรรมการทมี่ าจาก อดตี ขา้ ราชการ/อดตี รฐั วสิ าหกจิ ในทปี่ ระชมุ อนั อาจกอ่ ใหเ้ กดิ สถานการณค์ วามเกรงใจ คือ จากรอ้ ยละ 2.42 ในปี พ.ศ. 2550 เพ่ิมข้ึนเป็น ระหว่างกรรมการและ/หรือผู้บริหาร และอาจจะมี รอ้ ยละ 9.14 ในปี พ.ศ. 2551 และลดลงเปน็ รอ้ ยละ ผลบนั่ ทอนการทำ� หนา้ ทรี่ กั ษาผลประโยชนส์ ว่ นรวม

42 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. 9.09 ในปี พ.ศ. 2552 ซึ่งน่าจะเป็นเพราะใช้ สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวต่อความรับผิดชอบ กรรมการชดุ เดมิ หรอื ผเู้ กษยี ณอายเุ ปน็ สว่ นใหญ่ แต่ ในกจิ การสาธารณะของกรรมการสว่ นใหญท่ ย่ี งั คงมี โดยรวมแล้วกรรมการของหน่วยงานส่วนใหญ่มา ความจ�ำกัด ซ่ึงมักจะยึดถือกรอบกฎหมายเป็น จาก ข้าราชการ/รฐั วสิ าหกิจ มากกวา่ รอ้ ยละ 50 สงิ่ ทถ่ี กู ตอ้ งทางจรยิ ธรรมเทา่ นน้ั อนั เปน็ ระดบั จรยิ ธรรม กรรมการท่ีด�ำรงต�ำแหน่งในรัฐวิสาหกิจ ทั่วไป ซ่ึงการด�ำรงต�ำแหน่งกรรมการมากกว่า 1 มากกว่า 1 แห่ง ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ หนว่ ยงานนน้ั แมว้ า่ ยงั ไมม่ ขี อ้ หา้ มทางกฎหมายหรอื 30.91 ในปี 2550 เป็นร้อยละ 39.04 ในปี 2552 ระเบียบก�ำหนด แต่บทบาทของผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง หรือกล่าวอีกนัยหน่ึงคือบุคคลจ�ำนวน 1 ใน 3 กรรมการอันเป็นฐานะของการท�ำหน้าท่ีเก่ียวข้อง ของกรรมการรัฐวิสาหกิจ ท�ำหน้าท่ีเป็นกรรมการ กบั ทรพั ยส์ นิ ของสาธารณะยอ่ มเปน็ ทค่ี าดหวงั การมี มากกวา่ 1 แหง่ สงิ่ นี้สะทอ้ นถึงการขาดการพัฒนา จรยิ ธรรมทส่ี งู กวา่ จากสงั คม กลไกการก�ำกับดูแลท่ีดีของฝ่ายนโยบาย และ ตารางท่ี 1: ทมี่ าของกรรมการรัฐวิสาหกจิ ปี พ.ศ. 2552 ท่ีมาของกรรมการ กรรมการ ท่ีเป็น ลำ� ดับ หน่วยงาน จำ� นวน เอกชน/ ข้าราชการ/ อดีต ขา้ ราชการ ไมร่ ะบุ กรรมการ กรรมการ องคก์ ร รัฐวิสาหกิจ ขา้ ราชการ/ การเมือง มากกวา่ อิสระ รฐั วสิ าหกจิ 1 แห่ง 1 ธ.กรุงไทย 12 3 9 - - - 12 2 ปตท. 15 3 12 - - -1 3 การบินไทย - - - - --- 4 ทอท. 13 1 9 3 - - 13 5 ทีโอที 18 3 12 2 - 1 6 6 อสมท. 11 7 4 - - -6 7 กฟน. 15 1 14 - - -1 8 กฟภ. 27 4 16 6 - 18 9 กฟผ. 12 - 10 2 - -6 10 สนง.สลากฯ - - - - ---

ปที ี่ 7 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม 2557) 43 ท่มี าของกรรมการ กรรมการ ทีเ่ ป็น ลำ� ดับ หนว่ ยงาน จ�ำนวน เอกชน/ ขา้ ราชการ/ อดตี ขา้ ราชการ ไมร่ ะบุ กรรมการ กรรมการ องคก์ ร รัฐวิสาหกจิ ขา้ ราชการ/ การเมอื ง มากกว่า อิสระ รัฐวิสาหกิจ 1 แหง่ 11 กทพ. 11 - 11 - - -6 12 วทิ ยุการบนิ 19 3 12 2 2-9 13 อตก. 14 6 6 2 - -3 14 ททท. 20 3 17 - - -2 15 กทท. -- - - --- รวม 187 34 132 17 2 2 73 ทีม่ า: รายงานประจำ� ปี 2552 ของแต่ละหน่วยงาน หมายเหตุ ในปี พ.ศ. 2552 การบนิ ไทย สนง. สลากฯ และ กทท. ไมม่ ีข้อมลู แผนภมู ิที่ 1: สัดส่วนท่ีมาของกรรมการรัฐวิสาหกิจ ปี พ.ศ. 2550 – 2552


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook