ส่วนหลักที่ส่ีน้ัน เป็นหลักท่ีสนับสนุนให้บริษัท ทางสังคมทบี่ รษิ ทั ตอ้ งเสยี ไป มบี ทบาทในทางสงั คมอยา่ งเตม็ ที่ ทง้ั หมดนแี้ สดงวา่ (4) กิจกรรมทางสังคมที่ว่าอาจจะช่วย แนวคิดเก่ียวกับบทบาทที่เหมาะสมของบริษัท เพมิ่ รายไดข้ องบริษทั ต่อ CSR มีหลักหรือทฤษฎีสนับสนุนได้ต้ังแต่ (5) บริษัทตั้งใจจะทำกิจกรรมทางสังคม ไม่ยอมให้บริษัททำอะไรนอกจากหากำไรสูงสุด นอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ใน อย่างเดียวจนถึงช่วยสังคมได้อย่างออกหน้าออกตา กฎหมาย เพ่ือให้ภาพลักษณ์ของ คำถามคือ เราจะเลือกอย่างไร? บริษัทดูดีในสายตาของผู้คุมกฎ หรือรัฐบาลเพื่ออาจจะได้รับการ คำถามท่ี 2 : บริษัทสามารถเสียสละกำไรเพ่ือ ปฎบิ ัติทด่ี ใี นอนาคตหรือในโอกาสอน่ื ประโยชนท์ างสังคมอย่างตอ่ เนอ่ื งไดห้ รอื ไม่? (6) ในทางกลบั กนั บริษัทอาจจะตั้งใจทำ ถึงแม้กฎหมายจะไม่ได้ห้ามไว้ว่าบริษัท กิจกรรมทางสังคมให้เกินเลยไป จะนำผลกำไรไปทำกิจกรรมทางสังคมได้โดยเสรี เพ่ือกระตุ้นให้มีการเปลี่ยนแปลง แต่อย่างน้อยจะต้องทำหน้าที่ความรับผิดชอบต่อ กฎหรือระเบียบให้ไปในทิศทางนั้น ผ้ถู อื หนุ้ (Fiduciary Duty) ใหเ้ สรจ็ ส้นิ ก่อน แลว้ จงึ เพ่อื เอาชนะคู่ต่อสทู้ างธุรกจิ จะทำส่วนท่ีเกินไปจากท่ีต้องทำตามกฎหมาย คำถามที่ RSV ถามต่อไปก็คือว่า ภายใต้ ประเด็นก็คือว่าถึงแม้บริษัทดังกล่าวจะเสียสละ เงื่อนไขอะไรจึงจะมีความเหมาะสมหรือเป็น กำไรเพ่ือทำกิจกรรมทางสังคมได้แต่ก็ไม่ได้ ไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ที่บริษัทจะยอมเสียสละ 42 หมายความว่าจะสามารถทำกิจกรรมดังกล่าว กำไรเพ่ือ CSR ในกรณีน้ีบริษัทอาจจะทำกิจกรรม ได้อย่างยั่งยืนหรือต่อเน่ืองภายใต้การแข่งขัน ด้าน CSR (1) โดยสมัครใจ (2) โดยไม่ค่อย วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. ทางธรุกิจที่มีความรุนแรง RSV ได้กล่าวถึงเหตุผล เต็มใจแต่ถูกบีบให้ทำ สำหรับบริษัทที่สมัครใจทำ 6 ประการว่าทำไมบริษัทจึงอยากจะสนใจทำ CSR ด้วยความเต็มใจอาจเป็นเพราะว่าบริษัท ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 กจิ กรรมด้าน CSR คือ ได้ประโยชน์จาก CSR มากกว่าต้นทุนท่ีเสียไป (1) ต้องทำตามกฎเกณฑ์หรือระเบียบ (จากสว่ นแบง่ ของกำไรบรษิ ัท) และในหลายๆ กรณี ของรฐั เหมอื นกบั บรษิ ทั อน่ื ๆ ทกุ บรษิ ทั ผู้บริโภคบางคนหรือบางกลุ่มยินดีท่ีจะจ่ายเงิน ในโครงการบางอยา่ งทม่ี ผี ลทางสงั คม เ พื่ อ ซื้ อ สิ น ค้ า ที่ ผ ลิ ต จ า ก วิ ธี ท่ี เ ป็ น มิ ต ร กั บ รวมกนั สิ่งแวดล้อมในราคาที่สูงข้ึนกว่าสินค้าโดยท่ัวไป (2) กิจกรรมท่ีทำน้ัน มิได้เป็นภาระแก่ หรือลูกจ้างหรือคนงานของบริษัทอาจจะ บรษิ ทั แตอ่ ยา่ งไรเชน่ บรษิ ทั ขายอาหาร แสดงตัวช่วยงานการกุศลโดยไม่คิดค่าจ้าง เอาอาหารเหลือไปบริจาคให้ผู้ยากไร้ หากการกระทำดังกล่าวมีส่วนในการสร้างภาพ เป็นต้น ความเอาใจใส่ต่อสังคมของลูกจ้างหรือเจ้าพนักงาน (3) เปน็ ไปไดว้ า่ กจิ กรรมทางสงั คมทบ่ี รษิ ทั ของบริษัทน้ี ซ่ึงจะส่งผลดีต่อการอุดหนุนสินค้า ทำอาจจะช่วยลดค่าใช้จ่ายอ่ืนๆ ของ หรือบริการของบรษิ ัทน้ีต่อไป บริษัทมากกว่าค่าใช้จ่ายในกิจกรรม
สำหรับบริษัทท่ี “จำใจ” ต้องทำกิจกรรม performance) กับการมีกิจกรรมทางธุรกิจท่ีมีผล ด้าน CSR เพราะถูกแรงกดดันทางสังคมท่ีไม่อาจ ต่อสังคม (socially responsible business หลีกเล่ียงได้น้ัน ก็ไม่ได้หมายความเสมอไปว่า practices) และได้พบว่าร้อยละ 27 ของบริษัท การจำใจมีกิจกรรมด้าน CSR จะมีแต่ผลเสีย ที่เป็นตัวอย่างของการศึกษาทั้งหมด 169 บริษัท เสมอไป อันที่จริงแล้ว บริษัทในสภาพดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ในเชิงบวก ร้อยละ อาจคำนวณของต้นทุนของการกระทำดังกล่าว 58 ไม่แสดงผลอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีสาระสำคัญ อยู่ในต้นทุนการผลิตของบริษัททั้งหมด เพราะ ในทางสถิติ และร้อยละ 2 แสดงผลในทางลบ ฉะนั้นก็จะไม่ถือว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นภาระ จากการศึกษาครั้งน้ี Margolis, Elfenbein, and ของบริษัทที่ต้องเผชิญนอกเหนือความคาดหมาย Walsh จึงสรุปว่าโดยท่ัวไปแล้ว CSR มีผลน้อย และในบางกรณีอาจถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่าย ต่อการมกี ำไรของบรษิ ัท3 ท่ีไมอ่ าจเอาคนื ได้ (Sunk cost) และไมม่ ีผลต่อการ ยังมีงานวิจัยเชิงประจักษ์อีกหลายช้ินที่ รับนโยบายเพือ่ หากำไรสงู สุดของบรษิ ัทแต่อย่างใด Portney และ RSV สำรวจ ซ่ึงผลก็ออกมา วารสารวิชาการ ป.ป.ช. คลา้ ยๆ กัน คือ บรษิ ัทส่วนใหญ่จะรวมเอากิจกรรม คำถามที่ 3 : มบี รษิ ทั ทยี่ อมเสยี สละกำไรเพอื่ CSR ทางด้านสังคมเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 จริงหรอื ? โดยทั่วไป เช่น การลงทุนดา้ นโฆษณา หรือการวิจยั คำถามน้ี เราไดต้ อบไปแลว้ ในทางหลกั การ และพัฒนา (R&D) เป็นต้น ไม่ปรากฏชัดเจนว่า ว่า อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้แล้วแต่เหตุผลของแต่ละ มีบริษัทใดยอมเสียสละกำไรของบริษัทเพื่อทำ บริษัท แต่คำตอบท่ีเป็นจุดเน้นของส่วนนี้จะเป็น กิจกรรมทางสังคมอย่างไม่บันยะบันยัง หากแต่ 43 คำตอบท่ีอาศัยการศึกษาในเชิงประจักษ์ กล่าวคือ จะทำกิจกรรมทางสังคมที่ในที่สุดแล้วจะมีผลดี จะมีการศึกษาพฤติกรรมของบริษัทต่างๆ ท่ีเคย ต่อกำไรหรือผลสัมฤทธ์ิทางการเงินของบริษัท ร่วมอยู่ในกจิ กรรม CSR วา่ จรงิ หรือที่มีการเสยี สละ ในท่ีสุด แต่อย่างไรก็ตามมีการวิจัยจำนวนไม่น้อย กำไรจริงๆ? เร่ืองน้ี Portney (2005, 2008) ได้ ที่ Portney และ RSV ไม่ได้พูดถึง แต่ให้ผล รวบรวมผลการศึกษาในเชิงประจักษ์ของนักวิจัย การศึกษาในทางตรงกันข้าม ยกตัวอย่างเช่น หลายคนซ่ึงพยายามหาวิธีตอบคำถามข้างต้น Orlitzky, Schmidt, and Rynes (2003) ไดใ้ ชว้ ิธี โดยคำนวณความแตกต่างของผลกำไรระหว่าง วิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างความสำเร็จ บริษัทที่ทำ CSR หรือมีโครงการ CSR กับบริษัท หรือผลสัมฤทธิ์ทางด้านสังคมและส่ิงแวดล้อม ที่ไม่ได้ทำหรือไม่มีโครงการ CSR ยกตัวอย่างเช่น ของบริษัท (corporate social/environmental RSV (2008 หน้า 23-24) ได้อ้างรายงานผล performance หรือ CSP) กับความสำเร็จหรือ การศกึ ษาของ Margolis, Elfenbein, and Walsh ผลสมั ฤทธ์ทิ างดา้ นการเงิน (corporate financial (2003) ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ performance หรือ CFP) นักวิจัยกลุ่มน้ี ระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเงิน (financial ได้พบวา่ จากการนำขอ้ มูลจากผลการศึกษา 52 ช้ิน 3 อย่างไรก็ตาม RSV ได้ต้ังข้อสังเกตว่าถึงแม้ผลในทางตรงจะบอกว่า CSR ไม่มีผลต่อกำไรของบริษัท แต่ผลในทางกลับกันจะมี น้ำหนักหรือความเก่ยี วขอ้ งมากกวา่ กลา่ วคือ บรษิ ทั ทีม่ ีกำไรดีจะมีความโนม้ เอียงที่จะทำ CSR มากกวา่ บริษทั ท่ีไมค่ อ่ ยมีกำไร
มาศึกษาเปรียบเทียบในรูปแบบจำลองเดียวกัน และจุดสมดุลของการลงทุนจะอยู่ที่ต้นทุนและ (meta-analysis) ซึ่งเทียบเท่ากับการมีข้อมูล ผลประโยชน์ส่วนเพิ่มต่อหน่วยกิจกรรมท่ีเพิ่มข้ึน ตัวอย่างเกือบ 34,000 ตัวอย่าง ผลการศึกษา มีขนาดเท่ากัน ผู้จัดการอาจมีการวัดผลประโยชน์ แสดงอย่างชัดเจนว่า กิจกรรมหรือความสนใจ และต้นทุนของกิจกรรมท่ีนอกเหนือจากทาง ต่ อ สั ง ค ม มี ผ ล ใ น ท า ง บ ว ก ต่ อ ผ ล ก ำ ไร ห รื อ เศรษฐกิจ (non-economic activities) หรือ ความสำเร็จทางการเงินของบริษัทอย่างชัดเจน กิจกรรมท่ีมองเห็นหรือจับต้องไม่ได้ (non- กล่าวอีกอย่างหน่ึงคือ บริษัทที่ลงทุนทางด้าน CSR tangible activities) ที่สามารถนำมาเปรียบเทียบ มีแน้วโน้มจะได้ผลตอบแทนในด้านผลกำไร ในทางเศรษฐศาสตร์ได้ สู ง ก ว่ า บ ริ ษั ท ท่ี ไ ม่ มี กิ จ ก ร ร ม ห รื อ ก า ร ล ง ทุ น ทางด้านสงั คมและสง่ิ แวดล้อม 4. บทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เม่ือสรุปผลการวิจัยเชิงประจักษ์ท้ังหมด ในบทความนี้เราได้พิจารณาถึงความ แล้ว ขณะนี้คงยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำ รับผิดชอบของภาคธุรกิจเอกชนต่อสังคมหรือ ว่า การลงทุนทางด้านสังคมจะมีผลบวกหรือลบ CSR จากมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ซ่ึงศึกษา ต่อผลประกอบการของบริษัทอย่างหน่ึงอย่างใด พฤติกรรมการเลือกของคนในสังคมภายใต้ บางทีบทสรุปของ RSV ในเรื่องนี้อาจจะมีความ สมมุติฐานของอรรถประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ต้ัง เหมาะสมดีที่สุดก็ได้ เมื่อนักวิจัยกลุ่มน้ีกล่าวว่า และการเกิดค่าเสียโอกาส (opportunity cost) บริษัทบางบริษัทอาจทำกำไรในระยะยาวจาก ในทุกการเลือก ภายใตข้ อ้ สมมุตนิ ้ีนักเศรษฐศาสตร์ 44 กิจกรรมทางสังคมบางกิจกรรมในบางเวลา (RSV, มองว่า ผู้จัดการบริษัทซึ่งต้องทำงานสนองตอบ 2008, หนา้ 25) ต่อความต้องการของเจ้าของบริษัท (หรือผู้ถือหุ้น) วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. มีข้อต้องพิจารณาว่า จะตัดสินใจดำเนินกิจกรรม คำถามที่ 4 : บริษัทควรเสียสละกำไรเพื่อ ที่มีผลทางสังคมนอกเหนือจากหน้าท่ีหรือ ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 ผลประโยชน์ของสงั คมหรือไม่? วตั ถปุ ระสงคโ์ ดยตรงของบรษิ ทั อยา่ งไร หรอื มากนอ้ ย คำถามน้ีเป็นคำถามในเชิงปทัสฐานนิยม เพียงใด? ถ้าหากทางผู้ถือหุ้นหรือเจ้าของบริษัท (normative question) กล่าวคือไม่ต้ังอยู่บน มิได้สั่งให้ทำกิจกรรมด้าน CSR ผู้จัดการคนนี้ หลักเกณฑ์ท่ีทุกคนเห็นด้วยท้ังหมด แต่ขึ้นอยู่กับ ก็อาจไม่มีภาระความรับผิดชอบอย่างเป็นทางการ ผู้ตอบแต่ละคน เพราะฉะน้ันคงเป็นการยากที่จะ ท่ีจะต้องไปยุ่งเก่ียวกับ CSR น้ัน แต่ถ้าหากจะทำ หาคำตอบสุดท้ายได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในทาง ก็เป็นการตัดสินใจส่วนตัวของผู้จัดการโดยไม่ เศรษฐศาสตร์เรามีวิธีที่จะรับมือกับคำถาม เกี่ยวกับการบริหารจัดการของบริษัทแต่อย่างใด ในทำนองน้ีโดยการใช้หลักว่าผู้จัดการบริษัท แต่ถ้าเป็นนโยบายของบริษัทผ่านมติของผู้ถือหุ้น หรือเจ้าของบริษัทจะทำอะไรก็แล้วแต่จะใช้ การตัดสินใจทำ CSR ของผู้จัดการก็อาจจะมอง หลักเกณฑ์ว่าต้นทุนที่เพิ่มข้ึนต่อหน่วยของ ได้ว่าเป็นส่วนหน่ึงของต้นทุนการบริหารจัดการ กิจกรรมที่เพ่ิมข้ึนนั้น จะไม่สูงกว่ากำไรหรือ ซึ่งอาจจะต้องได้รับผลตอบแทนคืนมาในรูปของ ผลประโยชน์จากหน่วยกิจกรรมเดียวกันน้ัน ราคาสินค้าหรือบริการที่สูงขึ้น หรือต้นทุนการ
ประกอบการในด้านอ่ืน (เช่น ค่าจา้ ง หรอื คา่ ใชจ้ ่าย ในประเด็นน้ีผู้เขียนเคยต้ังกฎเกณฑ์ไว้ว่า บริษัทด้านอื่น) ท่ีลดลง หรือบริษัทอาจมีนโยบาย ความรับผิดชอบของธุรกิจเอกชนต่อสังคมจะต้อง ที่ต้องการส่งเสริมให้เกิดประโยชน์ทางสังคมจริงๆ ผ่านกฎเกณฑ์พื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ 5 ข้อก่อน โดยยอมลดกำไรของบริษัทลง แต่ก็เป็นไปได้ว่า ก่อนท่ีจะไปคิดทำอย่างอื่นที่นอกเหนือไปจากนี้ ภาพลกั ษณข์ องบรษิ ัทที่ดีจากการทำ CSR ดังกลา่ ว กฎเกณฑ์ 5 ข้อน้ีคือ (1) ผู้บริหารจัดการธุรกิจ จะมีผลทำให้ความต้องการสินค้าหรือบริการของ เอกชนจะต้องมีความซื่อสัตย์ต่อรัฐ คือ ปฏิบัติตาม บริษัทนั้นสูงข้ึนโดยความรู้สึกที่ดี (goodwill) ของ ระเบียบของรัฐและไม่หลีกเลี่ยงหน้าท่ี เช่น ไม่โกง ผู้ซ้ือหรือผู้บริโภคที่มีต่อบริษัท ทั้งหมดนี้แสดงให้ ภาษีรัฐ (2) มีความซื่อสัตย์ต่ออุตสาหกรรมหรือ เห็นว่า โดยมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์แล้ว กิจกรรมท่ีตนเองประกอบการอยู่ หมายความว่า ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ หรือมีการตัดสินอะไรท่ี ไม่ทำให้วงการอุตสาหกรรมหรือกิจกรรมน้ัน เกดิ ขน้ึ โดยไมม่ ตี น้ ทนุ คำตอบสดุ ทา้ ยอยทู่ ก่ี ารสรา้ ง เสื่อมเสีย เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน (เช่น ไม่สนใจ ความสมดุลระหว่างต้นทุนและผลประโยชน์ของ กรณีอุตสาหกรรมท่ีทำเกิดมลพิษต่อส่ิงแวดล้อม) วารสารวิชาการ ป.ป.ช. การเลือกทุกอย่าง โดยการเลือกสุดท้ายคือ การ (3) มีความซื่อสัตย์ต่อคู่แข่งทางการค้าโดยแข่งขัน เลอื กที่มีประโยชน์สทุ ธิสงู สดุ กันในกติกาทางการค้าท่ีเป็นธรรม และเอาชนะกัน ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 เพราะฉะนั้นคำถามท่ีว่าบริษัทหรือภาค ดว้ ยประสทิ ธภิ าพและความสามารถในทางหาความ ธุรกิจเอกชนควรจะต้องเอาใจใส่ต่อ CSR หรือไม่ ก้าวหน้าตามที่กล่าวถึงแล้วข้างต้น (4) มีความ จึงเป็นคำถามท่ีจะต้องนำประเด็นหรือหลักคิด ซ่ือสัตย์ต่อลูกค้าโดยการไม่หลอกลวงลูกค้า, และ ในทางเศรษฐศาสตร์มาพิจารณาด้วย เพราะการ (5) มีความซื่อสัตย์ต่อลูกจ้างโดยให้ค่าจ้างท่ี 45 ตัดสินใจทุกอย่างของบริษัทมีผลต่างตอบแทน เป็นธรรมและดูแลสวัสดิการในการทำงานให้อยู่ หรือการได้อย่าง/เสียอย่าง (trade off) ท้ังสิ้น ในระดับท่ีเหมาะสม เม่ือทำครบทั้ง 5 ข้อนี้แล้ว ท่ีสำคัญที่สุดคือ ผู้รับผิดชอบการบริหารงานของ เกอื บจะเรียกไดว้ า่ ไมม่ ีความจำเปน็ ต้องคดิ ทำอะไร บริษัทจะต้องดำเนินการให้ธุรกิจอยู่ได้ก่อน เพม่ิ เตมิ ใหส้ งั คมอกี แลว้ เพราะสงั คมจะไดป้ ระโยชน์ โดยการมีกำไรพอสมควรหรืออย่างน้อยท่ีสุด ไปเต็มๆ เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าจะทำอะไรเพิ่มเติม คือไม่ขาดทุน แต่การอยู่ได้นี้ก็ไม่ได้หมายความ เป็นพิเศษไปกว่าน้ีก็ย่อมได้ โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไข จะต้องทำทุกวิถีทางเพ่ือให้อยู่ได้ แต่เป็นการอยู่ได้ ว่าจะต้องสามารถอธิบายเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ ภายใต้กรอบของกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่ ของการกระทำนน้ั ๆ ได้ การกระทำกจิ กรรมทางสงั คม ถูกต้อง ไม่ใช่การทำลายคู่แข่งหรือคู่ต่อสู้ด้วยวิธี จนมีผลทำให้บริษัทต้องขาดทุนหรือเสียหาย ท่ีไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม หรือหากำไรโดย ไมใ่ ช่เรื่องที่ถกู ต้อง แต่ถา้ เป็นการลดกำไรลงเพื่อคนื หลอกลวงหรือเอาเปรียบลูกค้าแต่เอาชนะกันด้วย ประโยชน์ให้สังคมก็สามารถอธิบายได้ และไม่เป็น ความสามารถในการบริหารจัดการ ความสามารถ เร่ืองท่ีเสียหาย และอาจเป็นเรื่องที่คืนประโยชน์ และประสิทธิภาพในการผลิตและการคิดค้น กลับมาใหบ้ รษิ ทั ได้อกี ในอนาคต นวัตกรรมใหม่ๆ ท่ีช่วยลดต้นทุนและเพ่ิมคุณภาพ ของผลผลิต
บรรณานกุ รม Drucker, Peter (1986), Frontiers of Management, Siyaranamual, Martin Daniel (2007) “The Butterworth-Heinemann. Economic of Corporate Social Responsibility Elhauge, Elner (2005) “Corporate Managers’ (CSR): Selling to Someone who Has Personal Operational Discretion to Sacrifice Corporate Valuation:, Department of Economics, Profits in the Public Interest”, in Bruce Hay, Padjadjaran University Working Paper in Robert Stavins, and Richard Vietor (eds.) Economics and Development Studies no. Environmental Protection and the Social 200706, June. Responsibility of Firms, Washington DC: Resources for the Future. Friedman, Milton (1970), “The Social Responsibility of Business is to Increase Its Profits”, the New York Times Magazine, 13 September. Henderson, David (2001), Misguided Virtue: False Notions of Corporate Social Responsibility, London: Institute of Economic Affairs, December. Henderson, David (2007) “Misguided Corporate Virtue and the Role of Business Today”, presented to a Net Impact Conference at the Melbourne Business School, 23 February (http://www.nzbr.org.nz/documents/ speeches/070223_misguided_virtue.pdf Margolis, Joshua, Hillary Elfenbein, and James Walsh (2007) “Does It Pay to Be Good? 46 A Meta-analysis and Redirection of Research on the Relationship Between Corporate วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. Social and Financial Performance”, ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 Harvard Business School Working Paper. Orlitzky, Marc, Frank Schmidt, and Sara Raynes (2003) “Corporate Social and Financial Performance:A Meta-Analysis”, Organization Studies, vol. 23, no. 3, pp. 403-441. Portney, Paul R. (2005) “Corporate Social Responsibility: An Economic and Public Policy Perspective”, in Bruce Hay, Robert Stavins, and Richard Vietor (eds.) Environmental Protection and the Social Responsibility of Firms, Washington DC: Resources for the Future. Portney, Paul R. (2008) “The (Not So) New Corporate Social Responsibility: An Empirical Perspective”, Review of Environmental Economics and Policy, vol. 2., issue 2, Summer, pp. 261-275. Reinhardt, Forest L., Robert N. Stavins, and Richard H. K. Vietor (2008), “Corporate Social Responsibility Through An Economic Lens”, National Bureau of Economic Research Working Paper 13989, May.
การประยุกต์ใชแ้ นวคิดการอภิบาล วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ผ่านความร่วมมือในการป้องกันและปราบปราม ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 การคอร์รปั ชัน ศึกษากรณี: แนวทางการปฏิบัติงานที่ดีเลิศ ของตา่ งประเทศ สถอาภพิชรัยเรพิงนัธรธรเสมน*** 1. บทคดั ยอ่ แห่งชาติองค์กรเดียว แต่ยังมีองค์กรอิสระอ่ืนท่ีมี คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม อำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบเร่ืองดังกล่าวด้วย การทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เป็น เช่น คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (ค.ต.ง.) 47 องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร คณะกรรมการการเลือกต้ัง (ก.ก.ต.) ผู้ตรวจการ ไทย พุทธศักราช 2540 ตลอดจนรัฐธรรมนูญ แผ่นดินของรัฐสภา ศาลปกครอง คณะกรรมการ พุทธศักราช 2550 (ฉบับปัจจุบัน) มีภาระหน้าที่ สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฯลฯ และองค์กรต่างๆ ในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐป้องกันและ ในภาครัฐ เช่น สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงาน ปราบปรามการทุจริตที่มีหน้าที่ในการป้องกัน ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมสอบสวน และปราบปรามการทุจริตในวงราชการและ คดีพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการ การเมือง และมีกฎหมายกำหนดให้คณะกรรมการ พลเรือน คณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร หน่วยงาน ป.ป.ช. ตอ้ งดแู ลและดำเนนิ การตอ่ ปญั หาการทจุ รติ ท่มี ีหนา้ ทต่ี รวจสอบในกระทรวง/กรม เปน็ ตน้ ท้ังในระดับชาติและท้องถิ่น ซ่ึงครอบคลุมขอบข่าย โดยในกระบวนการตรวจสอบและดำเนิน งานทก่ี ว้างขวางและมปี ริมาณงานท่ีคอ่ นขา้ งมาก การรวบรวมข้อมูลต่างๆ จำเป็นต้องได้รับความ นอกจากน้ี งานทางด้านปราบปรามและ ร่วมมือจากหน่วยงานท้ังภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน การตรวจสอบพฤติกรรมการทุจริต ยังมิได้มีเพียง และภาคประชาชน ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรและ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เวลามาก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและสามารถ * รักษาการคณบดคี ณะบรหิ ารศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี ** อาจารยภ์ าควิชารฐั ศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่
วินิจฉัยได้อย่างเที่ยงธรรม ซึ่งในช่วงท่ีผ่านมา cannot be shared among related agencies การดำเนินงานในส่วนที่เก่ียวกับการปราบปราม during their investigative processes: other การไต่สวน และการวินิจฉัยกรณีต่างๆ ที่ได้มีการ agencies have to wait until one agency has รอ้ งเรยี นหรอื ตรวจสอบพบการทจุ รติ ยงั ไมส่ ามารถ completed its own processes. Such practices ดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ได้อย่าง result in delays in dealing adequately with มีประสิทธภิ าพ the culprits as well as being detrimental to This research proposes collabora- possible cooperation. However, there have tion on anti-corruption activities between been various attempts through legal initiatives the Office of the National Anti-Corruption to reduce the work-load of the ONACC Commission (ONACC) and its partners, as well as to improve its organizational through the framework of collaborative structure so that the agency is able to deal governance. Such a framework should be with the problem more effectively than used as the single agency model is unable before. The latest such attempt was the to effectively solve problems for which initiation of the National Anti-Corruption several agencies have responsibility: Strategy in May 2008. effective collaboration among all related To solve the problem of ineffective- agencies is required. Having reviewed ness, a framework of collaborative governance 48 the evolution of cooperation between the should be adopted within the Thai context. วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. ONACC and its partners together with The Korean model, or K-PACT, which serves ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 existing problems, it emerges that the as a social contract consisting of a two-tier ONACC’s inability to effectively process its relationship, has been selected, the two- caseload is due to the fact that the ONACC tiers consisting of national and networking operates as a single agency carrying out its levels. This research proposes the modifi- tasks defensively rather than pro-actively. cation of K-PACT into T-PACT (Thailand As a result, there are many more cases to Pact) within the Thai context. Under existing deal with than need to be handled, resulting conditions, the ONACC should serve as in very few successful cases. Such unsatis- the core agency for generating the agreed factory results lead to increasing difficulty in anti-corruption policy through the principle receiving adequate support from its various of collaborative governance. This research related partners. also proposes the steps for adapting the A further difficulty concerns the legal T-PACT model for actual implementation; aspects regulating the practices of related makes proposals to minimize possible State agencies. Necessary information weaknesses within the time limitations of
this research; and suggests other research ปญั หาดงั กลา่ วเป็นไปได้ง่ายยง่ิ ข้ึน ท้งั ในแบบทเี่ ป็น needed to improve the efficiency of the said ทางการและไม่เปน็ ทางการ ในขณะเดียวกันจะต้อง มีความพยายามกระจายอำนาจไปพรอ้ มกัน model. สำหรับการท่ีจะนำเอาแนวความคิดของ คำสำคัญ การอภิบาลผ่านความร่วมมือ, “การอภิบาลผ่านความร่วมมือ” (Collaborative Collaborative Governance, ความร่วมมือ Governance) ไปปฏิบัติให้ประสบความสำเร็จ ในการป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชัน, ได้นั้น จะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน องค์กรอิสระด้านการปราบปรามตรวจสอบการ ด้วยกัน ได้แก่ ความร่วมมือ (Collaborative) ทุจรติ เทคโนโลยี (Technology) และเครือข่าย (Networking) โดยในส่วนขององค์ประกอบ 2. แนวความคิดอภิบาลผ่านความร่วมมือกับการ ดา้ นความร่วมมอื (Collaboration) จะต้องมงุ่ เนน้ เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปราม ให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานของ วารสารวิชาการ ป.ป.ช. การทุจริต หน่วยงานราชการจากเดิมไปสู่การดำเนินงาน การร่วมมือกันเพื่อป้องกันและปราบปราม ที่เปิดช่องทางให้เกิดการให้บริการทุกอย่างที่ ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 การทจุ รติ อยา่ งเปน็ ระบบ โดยเนน้ การมคี วามรว่ มมอื จุดเดียว One-Stop Service และมีผลให้เกิด และการมีระบบข้อมูลท่ีดีเป็นมาตรการเชิงรุก เพ่ือ การเช่ือมต่องานของหลายหน่วยงานเข้าด้วยกัน การส่งเสริมและป้องกันเป็นหลักแนวคิดหนึ่ง โดยเอาภารกิจของงานเป็นตัวเชื่อม เพื่อให้ได้ ที่จะช่วยเสริมสร้างให้การดำเนินงานบรรลุ ผลลัพธ์ท่ีพึงประสงค์ร่วมกันในการแลกเปลี่ยน 49 ตามวัตถุประสงค์ท่ีต้องการได้คือ แนวคิดว่าด้วย ข้อมูลความเชี่ยวชาญ เทคนิค และกระบวนการ “การอภิบาลผ่านความร่วมมือ” (Collaborative ทำงาน ในอันที่จะก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการ Governance)1 ท่ีชี้ให้เห็นว่าการท่ีจะสามารถ ปฏบิ ตั ิงาน หลุดพ้นออกจากรูปแบบโครงสร้างหน้าที่ของ องค์กรภาครัฐแบบเดิมได้น้ัน จำเป็นที่จะต้องมี 3. ตวั อยา่ งการดำเนนิ งานของตา่ งประเทศทไี่ ดร้ บั การเปลี่ยนทิศทางของการบริหารจัดการภาครัฐ อิทธิพลจากแนวคิด “การอภิบาลผ่านความ จากรูปแบบของลำดับขั้นในการบริหารจัดการไปสู่ ร่วมมือ” และเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ดีเลิศ รูปแบบท่ีมีความยืดหยุ่นมากกว่าและเสริมสร้าง (Best Practice) แนวคิดเร่ืองความร่วมมือระหว่างหน่วยงานให้ เพ่ือให้การศึกษาครั้งนี้สามารถนำเสนอ มากขึ้นในบริบทเครือข่ายความร่วมมือกันของ แนวทางในการนำเอาแนวคิด “การอภิบาลผ่าน องค์การหลายองค์การและหลายภาคส่วน เพื่อ ความร่วมมือ” มาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพ แก้ปัญหาท่ียากต่อการแก้ไขหรือช่วยให้การแก้ไข ในการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ 1 สถาบันส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี, รายงานการศึกษาเบื้องต้นที่แสดงถึงผลการศึกษารูปแบบการพัฒนา ระบบราชการ ท่ีดีของประเทศต่างๆ และแนวคิดทฤษฏีการบริหารจัดการภาครัฐใหม่ๆ ที่สอดรับกับบริบทของการพัฒนา ระบบราชการไทย (ตลุ าคม, 2550) หนา้ 31-41.
ของ ป.ป.ช. ผ่านกระบวนการสร้างความร่วมมือ กระบวนการจัดการข้อมูลข่าวสารและการพัฒนา กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องท้ังจากภาครัฐ ภาคธุรกิจ กระบวนการทางนโยบาย ใหม้ ีความโปร่งใส เอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชนได้ 3.1.2 การร่วมมือกันในการจัดต้ัง เป็นอย่างดี จึงจะขอนำเสนอตัวอย่างท่ีดีเลิศ องค์กรประสานงานจัดทำระบบฐานข้อมูลที่ (Best Practice) ของการดำเนินงานจากประเทศ สามารถใช้ประโยชน์ได้ร่วมกัน ตัวอย่างเช่น ต่างๆ ที่ผู้ศึกษาเห็นว่าเป็นวิธีการปฏิบัติท่ีน่าจะ แนวทางการปฏิบัติงานของการดำเนินงานทางด้าน นำมาใช้ในการสร้างแนวคิดในการพัฒนาการสร้าง การพัฒนาระบบบริหารองค์ความรู้ขององค์กร ความร่วมมือฯ ดังกล่าวสำหรับประเทศไทย จึงได้ เพื่อความโปร่งใสนานาชาติ3 ท่ีได้มีการจัดตั้ง มีการนำเสนอแนวคิดดังกล่าวออกตามกลุ่มองค์กร หนว่ ยงานขึ้น เพอ่ื ทำหน้าท่ีรบั ผดิ ชอบงานทางดา้ น ทเี่ ปน็ เป้าหมายหลกั ของการศึกษาดังนี้ การบริหารจัดการองค์ความรู้ (Knowledge Management) เป็นการเฉพาะ โดยกำหนด 3.1 ตัวอย่างแนวคิดการสร้างความร่วมมือกับ ให้มีชื่อว่า The Knowledge and Information กลุม่ องค์กรภาครัฐในสว่ นกลาง Services Unit หรือ KISU หน่วยงานนี้ จากการทบทวนแนวทางการปฏิบัติ จะทำหน้าที่ในการจัดเก็บรวบรวมและเผยแพร่ ที่ดีเลิศของต่างประเทศในกลุ่มของการสร้าง ข้อมูลข่าวสาร งานวิจัย และองค์ความรู้ต่างๆ ความร่วมมือระหว่างองค์กรที่มีบทบาทหน้าที่ ท่ีเก่ียวข้องกับการต่อต้านการคอร์รัปชันที่ TI คล้ายกับ ป.ป.ช. กับองค์กรภาครัฐในส่วนกลาง องค์กรพนั ธมติ ร และประเทศตา่ งๆ ไดจ้ ัดทำขนึ้ 50 ขอเสนอ แนวทางการปฏิบัติที่เป็นตัวอย่าง 2 แนวทางด้วยกันคือ 3.2 ตัวอย่างแนวคิดการสร้างความร่วมมือกับ วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. 3.1.1 การให้ความร่วมมือช่วยเหลือ กลมุ่ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ ด้านเทคนิควิธีการปฏิบัติงานแก่หน่วยงานต่างๆ จากการทบทวนแนวทางการปฏิบัติท่ี ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 ตัวอย่างเช่น แนวทางการปฏิบัติงานของ The ดีเลิศของต่างประเทศในกลุ่มของการสร้าง Anti-corruption Office (OAC) ของประเทศ ความร่วมมือระหว่างองค์กรท่ีมีบทบาทหน้าท่ี อาร์เจนตินา2 ซึ่งได้มีการจัดตั้งแผนกขึ้นมา คล้ายกับ ป.ป.ช. กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แผนกหน่ึงที่มีชื่อว่า The Department of ขอเสนอแนวทางการปฏิบัติที่เป็นตัวอย่างท่ีดี Transparency Policies ซึ่งมีบทบาทหน้าที่ 2 แนวทางดว้ ยกนั คือ สำคัญในด้านการป้องกันการทุจริตเป็นสำคัญ 3.2.1 ก า ร ร่ ว ม มื อ กั น จั ด ต้ั ง โดยงานหนึ่งที่แผนกน้ีรับผิดชอบคือการร่วมมือ คณะกรรมการส่งเสริมระบบความซื่อสัตย์ กันออกแบบยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ และให้ สุจริตและระบบคุณธรรม ตัวอย่างเช่น แนวคิด ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานต่างๆ ในการปรับปรุง การปฏิบัติงานของ United Nation Office 2 Unite Nation Office of Drug Control and Crime Prevention, Anti-Corruption Tool Kit, Version 3 revised (January, 2002) p.42-43. 3 Transparency International, Annual Report Transparency International 2006, Amber Poroznuk (editor) (JM Stefko Printing House: Poznan, 2006) p.22
of Drug Control and Crime Prevention ภาคประชาสังคมและประชาชนทั่วไป ในการ ( U N O D C C P ) ที่ เ ส น อ ใ ห้ อ ง ค์ ก ร ป ก ค ร อ ง นำไปใช้ควบคุมตรวจสอบการตัดสินใจบริหาร ส่วนท้องถ่ินควรจะต้องมีการจัดตั้งองค์กร กิจการสาธารณะไดเ้ ป็นอยา่ งดอี กี ดว้ ย ขึ้นมาองค์กรหนึ่งท่ีมีชื่อว่า Local Integrity Steering Committees and Operational 3.3 ตัวอย่างแนวคิดการสร้างความร่วมมือกับ Boards4 ซ่ึงเป็นองค์กรท่ีทำหน้าท่ีในการ กลมุ่ ภาคประชาสังคม เฝ้าระวัง และเป็นกลไกหลักในการขับเคล่ือน จากการทบทวนแนวทางการปฏิบัติที่ การดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดีเลิศของต่างประเทศในกลุ่มของการสร้างความ ให้อยู่ภายใต้กรอบของความถูกต้องชอบธรรม ร่วมมือระหว่างองค์กรที่มีบทบาทหน้าท่ีคล้ายกับ คณะกรรมการดังกล่าวจะมีลักษณะเป็น “องค์กร ป.ป.ช. กับภาคประชาสังคม พบว่าได้มีแนวทาง ไตรภาค”ี (Tripartite Commission) ทป่ี ระกอบดว้ ย การกำหนดกรอบแนวทางในการสนับสนุนการ ตัวแทนจากคณะผู้บริหารจากสภาท้องถิ่น และ ดำเนินงานออกเปน็ 2 แนวทางคอื วารสารวิชาการ ป.ป.ช. จากภาคประชาสังคมทำหน้าที่ในการสอดส่อง 3.3.1 แนวความคิดในการสร้างความ ดแู ลการบรหิ ารงานขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ร่วมมือกับองค์กรภาคประชาสังคมโดยท่ัวไป ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 ให้เป็นไปตามกรอบคุณธรรมในการปฏิบัติงาน โดย UNODCCP6 ได้เสนอไว้ว่า การท่ีจะสามารถ ตามทีไ่ ดก้ ำหนด ดำเนินงานร่วมกับกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม 3.2.2 การร่วมมือกันพัฒนาระบบ ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพนน้ั องค์กรอื่นๆ ท่ีเก่ียวขอ้ ง ข้อมูลข่าวสาร การจัดซื้อจัดจ้างให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างย่ิงจากภาครัฐจำเป็นท่ีจะต้องมี 51 และโปร่งใส ตัวอย่างเช่น กรณีประเทศบราซิล5 แนวทางการดำเนินงานดงั น้ี ที่ได้ริเริ่มโครงการจัดทำสัญญาสาธารณะ - จะต้องมีการปรับปรุงข้อมูลข่าวสาร แนวใหม่ระหว่างเทศบาลกับสาธารณชน สำหรับ ต่างๆ ให้เหมาะสมกับลักษณะขององค์กร เครื่องมือที่ได้ถูกนำมาใช้ในโครงการน้ีคือ การนำ ภาคประชาสังคมกลุ่มต่างๆ ตัวอย่างเช่น องค์กร เอาข้อมูลของการจัดซื้อจัดจ้างของเทศบาล ที่มีลักษณะเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน หรือ NGOs ทั้งส้ินจำนวน 239 แห่งมาทำการวิเคราะห์ เพื่อ หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องก็อาจจะต้องปรับปรุงข้อมูล ทำการเปรียบเทียบให้เห็นถึงต้นทุนท่ีใช้ใน ข่าวสารให้ง่าย สามารถนำไปใช้ในการทำงานกับ การดำเนินการจัดซ้ือจัดจ้าง ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ สาธารณชน ต่อเทศบาลในการนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการ - ควรจะจัดให้มีการสนับสนุนให้เกิด เทียบกำหนด (Benchmark) ตน้ ทนุ การดำเนนิ งาน การศึกษาวิจัยร่วมกันระหว่างหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ท่ีสมเหตุสมผล นอกจากน้ีฐานข้อมูลการ และองค์กรภาคประชาสังคมในประเด็นต่างๆ ด้าน วิเคราะห์ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กร การสอดส่องดูแลการบริหารงานขององค์กรภาครัฐ 4 เพง่ิ อา้ ง, หน้า 106-107. 5 Transparency International, Annual Report Transparency International 2004, Jana Kotalik, Taslima Ahmed and Amber Poroznuk (editors) (Köllen Druck+Verlag GmbH: Berlin, 2004) p.4. 6 อา้ งแลว้ , หน้า 108.
ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ตลอดจนวิธีการ และกัน ซ่ึงจะมีส่วนอย่างสำคัญต่อการทำให้สื่อฯ ป้องกนั และปราบปรามการทุจริต สามารถรายงานข่าวสารเก่ียวกับการทุจริตได้อย่าง - ร่วมกันพัฒนาฐานข้อมูลและเครือข่าย ตรงไปตรงมา และทำใหห้ นว่ ยงานตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง เพ่ือวิเคราะห์และสอดส่องแนวโน้มของปัญหา มีความมั่นใจเพ่ิมมากขึ้นในการเปิดเผยข้อมูล ทุจริต ตลอดจนสนับสนุนให้เกิดช่องทางท่ีใช้ ข่าวสารต่างๆ วา่ จะไม่ถกู นำไปใช้อย่างบิดเบือน เพื่อการแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารระหว่างองค์กร ท่เี กี่ยวข้องกบั การตอ่ ต้านการทุจรติ 3.5 ตัวอย่างแนวคิดการสร้างความร่วมมือกับ 3.3.2 ให้การสนับสนุนทางการเงิน ภาคธุรกิจเอกชน ตอ่ การปฏบิ ตั งิ านของภาคประชาสงั คม ตวั อยา่ งเชน่ จากการทบทวนแนวทางการปฏิบัติท่ี การดำเนินงานของ The Partnership for ดีเลิศของต่างประเทศในกลุ่มของการสร้าง Transparency Fund (PTF) ท่ีได้ดำเนินงาน ความร่วมมือระหว่างองค์กรที่มีบทบาทหน้าที่ ร่วมกับองค์กรเพ่ือความโปร่งใสนานาชาติ คล้ายกับ ป.ป.ช. กับภาคธุรกิจเอกชนขอเสนอ โดยทำหน้าท่ีรับผิดชอบหลักในการให้ความ แนวทางในการสนับสนุนการดำเนินงานออกเป็น ช่วยเหลือองค์กรภาคประชาสังคมดำเนินการ 2 แนวทางคอื ตอ่ ตา้ นการทุจรติ โดยให้การสนับสนนุ ในรูปเงินทนุ 3.5.1 แนวทางความร่วมมือในรูปแบบ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ภาคประชาสังคมสามารถ “กลุ่มความร่วมมือประสานงานข้อมูลข่าวสาร” ดำเนนิ งานดังกลา่ วต่อไปได้อย่างเข้มแขง็ ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินงานของ United 52 Nations Office of Drug Control and วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. 3.4 ตัวอย่างแนวความคิดในการดำเนินงาน Crime Prevention (UNODCCP) ทม่ี วี ตั ถปุ ระสงค์ ร่วมกบั สอื่ สารมวลชน คือต้องการท่ีจะเสริมสร้างศักยภาพของกลุ่ม ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 UNODCCP7 ได้เสนอว่า แนวทางท่ีจะ องค์กรภาคธุรกิจเอกชนในการต่อต้านการทุจริต สามารถสร้างความร่วมมือกับสื่อสารมวลชน ให้เข้มแข็งมากย่ิงขึ้น โดยการสร้างเครือข่าย ในการต่อต้านการทุจริตได้อย่างมีประสิทธิภาพ พันธมิตร (Partnership) ขึ้นมาเพ่ือช่วยเหลือกัน มากวิธีหนึ่ง คือการท่ีหน่วยงานป้องกันและ ในการส่งต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่จะ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติร่วมกับส่ือสาร เป็นประโยชน์ในการดำเนินงานดังกล่าว ซึ่งองค์กร มวลชนแขนงต่างๆ ให้สามารถเข้ามาทำประโยชน์ ธุรกิจเอกชนท่ีเป็นสมาชิกของเครือข่ายฯ จะ ร่วมกัน นอกจากน้ีหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ ช่วยเหลือกันในการส่งสัญญาณเตือนหรือกระตุ้น เอกชนท่ีเข้าร่วมดำเนินการจะต้องให้ความร่วมมือ ให้ตระหนักถึงโอกาสที่องค์กรสมาชิกอาจจะเข้าไป ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่างๆ พร้อมท้ังต้อง ข้องเกี่ยวกับการทุจริตหรือได้รับผลกระทบจาก สร้างบรรยากาศในการแลกเปลี่ยนแนวความคิด การเข้าไปมีส่วนร่วมในการทุจริต การดำเนินงาน ต่างๆ ระหว่างกันอย่างเปิดกว้างและตรงไปตรงมา ในลักษณะดังกล่าวจะช่วยให้องค์กรธุรกิจเอกชน ทั้งน้ีเพ่ือท่ีจะช่วยทำให้เกิดความไว้วางใจซ่ึงกัน มีช่องทางท่ีจะร่วมมือกับองค์กรอ่ืนๆ รวมท้ัง 7 อา้ งแลว้ , หน้า 187, 199.
หน่วยงานภาครัฐในการต่อต้านการทุจริตได้ ของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน การบริหารสัญญาและ เพม่ิ มากข้นึ การตรวจตราระบบความพรอ้ มรบั ผดิ ของหนว่ ยงาน 3.5.2 แนวคิดการดำเนินงานของ นอกจากนี้ ICAC ยังได้ร่วมกับองค์กรท้ังภาครัฐ Independent Commission Against และภาคธุรกิจเอกชน เช่น หน่วยงานท่ีทำหน้าท่ี Corruption (ICAC) เขตปกครองพิเศษฮ่องกง8 บังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนสภาหอการค้าต่างๆ จากการทบทวนแนวทางการปฏิบัติงาน ในการพัฒนาและนำเสนอโครงการ Ethics-the ขององค์กรน้ีพบว่าได้มีการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง Core Value of Leadership สำหรับผู้บริหาร กับภาคธุรกิจเอกชน โดยมีการนำเอาแนวคิดการ บริษัทห้างร้านต่างๆ ซ่ึงภายในโครงการประกอบ สร้างความร่วมมือระหว่าง ICAC โดยตรงกับ ดว้ ยกจิ กรรมตา่ งๆ อาทิเชน่ ภาคธุรกิจเอกชนและผ่านความร่วมมือกับ (1) การร่วมกับองค์กรวิชาชีพต่างๆ ใน หน่วยงานของรัฐอื่นๆ ที่มีการประสานร่วมมือกับ การพัฒนาชุดเครื่องมือสำหรับใช้ในการฝึกอบรม ภาคธุรกิจเอกชน ตลอดจนการเตรียมเยาวชน ภายใต้โครงการ Continuing Professional วารสารวิชาการ ป.ป.ช. และพัฒนาส่ือมวลชน รวมท้ังภาคประชาสังคม Development ซึ่งจัดขึ้นเพ่ือการฝึกอบรม ให้ช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการเปิดเผย คณะผบู้ ริหารขององค์กรต่างๆ ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 การทจุ รติ พรอ้ มกบั พฒั นาจรยิ ธรรมหรอื วฒั นธรรม (2) ร่วมกับองค์กรภาคธุรกิจเอกชนทุก ต่อต้านการทุจริตไปด้วยพร้อมกันโดยความร่วมมือ ระดับ จัดทำคู่มือในการต่อต้านการทุจริต เพ่ือ กับภาคธุรกิจเอกชนที่ดีที่สุดนั้นไม่ใช่เป็นการ กระตุ้นให้ภาคธุรกิจเอกชนมีความตื่นตัวที่จะ ออกกฎหมายบังคับ แต่โดยการสร้างความสัมพันธ์ กำจัดปัญหาการทุจริต ตลอดจนร่วมมือกันในการ 53 ที่ดี สร้างวัฒนธรรมในการต่อต้านการทุจริตและ เสนอแนะและปรับปรุงกฎหมาย ตลอดจนระเบียบ การให้ความรู้ ตลอดจนการร่วมมือในบางกรณี ข้อบังคับต่างๆ ท่ีจะช่วยให้สามารถป้องกันการ การเผยแพร่และแบ่งปันข่าวสารที่มีประโยชน์ ทุจริตได้ดียิ่งข้ึน รวมถึงการจัดทำโครงการให้การ ร่วมกัน ศึกษาแก่ภาคธุรกิจเอกชนให้มีทักษะในการ 3.5.2.1 การสร้างความร่วมมือระหว่าง จัดการสร้างความซ่ือสัตย์สุจริตให้กับพนักงาน หนว่ ยงานภาครัฐ และภาคธุรกจิ เอกชนในการสรา้ ง การประเมินความเสี่ยงท่ีจะเกิดการทุจริต โดยเน้น วฒั นธรรมตอ่ ตา้ นการทุจริต ให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องและ จากการศึกษาพบว่า ICAC ได้ร่วมมือกับ ไม่มีผลกระทบทางลบต่อการดำเนนิ ธรุ กิจ Civil Service Bureau (CSB) ในการจดั ทำโครงการ (3) ร่วมกับองค์กรภาครัฐต่างๆ ที่ รณรงค์สร้าง “เครือข่ายเจ้าหน้าที่จริยธรรม” เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชันในวงการธุรกิจ (Network of Ethics Officers) ขนึ้ ภายในหนว่ ยงาน ก่อสร้าง โดย ICAC ได้จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ ตา่ งๆ ทจี่ ะทำใหเ้ จา้ หนา้ ทใ่ี นหนว่ ยงานนน้ั ๆ ตระหนกั ที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าท่ีจากหน่วยงานต่างๆ ถึงความสำคัญของความซื่อสัตย์สุจริต (Integrity) 3 หน่วยงานภายในองค์กร เพื่อท่ีจะทำหน้าท่ีเป็น นอกจากน้ันยังเน้นการบริหารจัดการระเบียบวินัย หัวหอกในการจัดการกบั ปญั หาดงั กล่าว นอกจากนี้ 8 Independent Commission Against Corruption, Annual Report 2007 (Hong Kong) p.49-74.
ICAC ยังได้ร่วมมือกับ The Home Affairs คิดค้นแนวทางการปฏิบัติที่ดีในการป้องกันการ Department ในการนำเอาแนวทางการป้องกัน ทุจรติ ทม่ี ีโอกาสจะเกดิ ข้ึนได้ การทุจริตเข้าไปเป็นส่วนหน่ึงของแนวทางการ CPD ยังได้จัดต้ังหน่วยงานพิเศษขึ้นเพื่อ ปฏิบัติ (Codes of Practice) ทเี่ จา้ ของกจิ การและ จัดทำข้อเสนอแนะต่างๆ ให้กับหน่วยงานภาครัฐ ผู้มีส่วนเก่ียวข้องท้ังหลายจะต้องยึดถือ อีกท้ัง ทม่ี สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งในการกำหนดโครงการและการนำ ICAC ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการ โครงการไปปฏิบัติ หน่วยงานดังกล่าวได้ถูกจัดตั้ง จัดให้มีหน่วยบริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop ข้ึนภายใต้แนวคิด Public Private Partnership Service) เพ่ือให้บริการข้อมูลข่าวสารและ (PPP) ตัวอยา่ งหน่วยงานดังกลา่ ว ไดแ้ ก่ หน่วยงาน การตอบข้อสงสัยต่างๆ ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ ท่ีรับผิดชอบในโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือ (The กอ่ สรา้ ง ในสว่ นของการรว่ มมอื กบั ภาคธรุ กจิ เอกชน Cruise Terminal Development Project) ด้านนี้ ICAC ได้ร่วมมือกับ The Hong Kong เป็นต้น ในขณะเดียวกัน CPD ยังได้ร่วมมือกับ Housing Society ในการจัดทำคู่มือ ในการ สมาคมการค้าและผู้ประกอบการซุปเปอร์มาร์เก็ต ช่วยเหลือผู้ประกอบการให้มีความเข้าใจเก่ียวกับ ในการจัดทำแบบแผนการปฏิบัติท่ีเป็นเลิศในส่วน ขั้นตอนการปฏิบัติและการบริหารงานก่อสร้างท่ี ท่ีเกี่ยวกับธุรกิจการจัดหาสินค้า (Catering) และ ถูกต้อง เพ่ือลดโอกาสที่จะเข้าไปเก่ียวข้องกับการ บรกิ ารและการปฏบิ ตั งิ านของธรุ กจิ ซปุ เปอรม์ ารเ์ กต็ ทุจริต ย่ิงกว่าน้ัน ICAC ได้ทำการจัดทำเว็บไซต์ นอกจากนี้ CPD ยังได้ร่วมมือกับ The Office และวีดีโอสำหรับการฝึกอบรมให้กับเจ้าของ of the Commissioner of Insurance จัดทำ 54 สถานประกอบการเกี่ยวกับวิธีการหลีกเลี่ยงการ แบบแผนการปฏิบัติที่เป็นเลิศเกี่ยวกับ “วิธีการ ทุจรติ ในขัน้ ตอนตา่ งๆ ของการดำเนินงาน จัดการเกี่ยวกับการเรียกร้องสิทธิในการขอรับ วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. 3.5.2.2 กระบวนการสร้างความร่วมมือ ค่าชดเชยค่าเสียหายจากบริษัทประกัน” ให้กับ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชน กลุ่มอตุ สาหกรรมประกนั ชีวิตและประกนั ภัย ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 ในการป้องกันการทุจริต โดย The Corruption Prevention Department (CPD) เปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบ 3.6 ตัวอย่างแนวทางการปฏิบัติท่ีดีเลิศในการ ในการใหค้ ำแนะนำแกห่ นว่ ยงานภาครฐั และองคก์ ร ให้การปกป้องคุ้มครองพยาน และผู้ร้องเรียน สาธารณะต่างๆ เก่ียวกับวิธีการลดความเส่ียงที่จะ (Whistleblower Protections) กรณีศึกษา เกดิ การทุจรติ ข้ึน ตัวอยา่ งเชน่ การจัดให้มกี ิจกรรม The Project on Government Oversight ทเ่ี รยี กวา่ “after sales services” เพ่ือทจ่ี ะชว่ ยให้ (POGO)9 หน่วยงานต่างๆ ที่มาขอรับคำปรึกษาได้นำไปใช้ จากการศึกษาพบว่า POGO ได้นำเสนอ ในการสำรวจตรวจสอบโอกาส หรือแนวโน้มของ แนวความคิดเกี่ยวกับการพัฒนากระบวนการ การเกิดการทุจริตขึ้นในหน่วยงานของตนและ ปกป้องและคุ้มครองพยาน ตลอดจนผู้ร้องเรียน จัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับท้ังคณะ ในกรณีที่เก่ียวข้องกับการทุจริต และการกระทำ ผู้บริหารและผู้ปฎิบัติการเพื่อท่ีจะทำให้เกิดการ ที่เป็นการละเมิดกฎหมายของเจ้าหน้าที่และ 9 http://www.pogo.org/p/government/go-050402-whistleblowerB.html#problems
หนว่ ยงานของรฐั บาลกลางสหรฐั เอาไวอ้ ยา่ งนา่ สนใจ ทำการตรวจสอบวา่ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทข่ี องหนว่ ยงาน 5 ประการ ไดแ้ ก่ นั้น เป็นไปตามวตั ถปุ ระสงค์และเปา้ หมายที่รัฐสภา 3.6.1 จะต้องมีการขยายขอบเขตการ ได้ออกฎหมายมอบอำนาจหนา้ ทใ่ี ห้ไวห้ รือไม ่ คุ้มครองให้กับบุคคล ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการ 3.6.5 มีการจัดตั้งองค์กรตามกฎหมาย บุคคลผู้น้ันต้องเป็นพยาน หรือเป็นผู้ร้องเรียน ข้ึนมาทำหน้าท่ีในการปกป้องคุ้มครองพยานและ เก่ียวกับพฤติกรรมการทุจริตของบุคคล หรือกลุ่ม ผรู้ อ้ งเรยี นเป็นการเฉพาะ บุคคล หรือเป็นการกระทำท่ีเป็นการละเมิด กฎหมายในลักษณะต่างๆ ดังน้ีคือ (1) ผู้บังคับ 3.7 แนวทางการปฏิบัติที่ดีเลิศในการสร้าง บัญชาของตนเอง (2) เพ่ือนร่วมงานหรือผู้ท่ีต้อง ความรว่ มมอื กบั หนว่ ยงานภาครฐั ภาคธรุ กจิ เอกชน สงสัยว่าจะกระทำความผิด (3) การเปล่ียนแปลง ภาคประชาสังคม และฝ่ายการเมือง : ตัวอย่าง แกไ้ ขนโยบายหรอื แผนงานโครงการ (4) การกระทำ เชิงบรู ณาการจากประเทศเกาหลใี ต้ ท่ีเป็นส่วนหน่ึงของตำแหน่งหนา้ ที่ (5) การคุม้ ครอง ในประเทศเกาหลีใต้ได้มีการบูรณาการ วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ภายหลังจากท่ีได้มีบุคคลใดบุคคลหน่ึงได้ทำการ ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการ ร้องเรียนพฤติกรรมการกระทำความผิด หรือการ ทุจริตประพฤติมิชอบโดยมีการบูรณาการการ ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 ทุจริต ซึ่งการร้องเรียนดังกล่าวได้ส่งผลให้บุคคล ทำงานของทุกภาคส่วนอันประกอบด้วยภาครัฐ อ่ืนๆ จะต้องกลายมาเป็นพยานในกรณีเร่ืองท่ีถูก ภาคธรุ กจิ เอกชน ภาคประชาสงั คม และฝา่ ยการเมอื ง ร้องเรยี นน้นั ๆ ผ่านสัญญาประชาคมท่ีเรียกว่า Korea-PACT หรือ 3.6.2 การใหส้ ทิ ธแิ กผ่ รู้ อ้ งเรยี นฯ สามารถ K-PACT10 ซ่ึงเป็นสัญญาประชาคมที่ถูกนำมาใช้ 55 นำเรื่องร้องเรียนน้ันขึ้นสู่ศาลได้ด้วยตนเองใน เพ่ือส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันในระดับชาติ กรณีที่เร่ืองร้องเรียนน้ันๆ ไม่ได้รับการพิจารณา ของทุกภาคส่วนในสังคมของประเทศเกาหลีใต้ ดำเนนิ การภายในขอบเขตระยะเวลาตามทกี่ ฎหมาย ในการต่อต้านการทุจริต การให้คำม่ันต่อกันว่า กำหนด จะสนับสนุนและทำให้เกิดความโปร่งใสในสังคม 3.6.3 เพื่อเป็นการปกป้องพยานหรือ เกาหลี K-PACT จึงมีความหมายมากกว่าการเป็น ผรู้ อ้ งเรยี นใหป้ ลอดภยั จากความพยายามกลนั่ แกลง้ เพียงสัญญาฉบับหนึ่ง แต่มีความหมายรวมไปถึง ให้ออกจากงานโดยไม่เป็นธรรมจากบุคคลที่ถูก การเป็น “กฎบัตรของประชาชน” (Citizen’s ร้องเรียน จะต้องมีการกำหนดกฎหมายหรือเงื่อนไข Charter) เพ่ือความโปร่งใสของสังคมสนับสนุน ที่ชว่ ยใหพ้ ยาน หรอื ผ้รู อ้ งเรยี นต้องได้รับการไตส่ วน ให้เกิดการเข้ามามีส่วนร่วมของสาธารณชน จากองค์กรท่ีเป็นธรรม ท่ีมีอำนาจในการยกเลิก K-PACT เพกิ ถอนคำส่ังทไี่ มเ่ ปน็ ธรรมน้ันๆ ได้ สำหรับขอบเขตเครือข่ายความร่วมมือ 3.6.4 มีการทบทวนการปฏิบัติหน้าท่ี ในการดำเนินงานภายใต้ K-PACT นั้น ครอบคลุม ของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพยาน ทุกภาคส่วนในสังคม ซ่ึงประกอบด้วยภาครัฐ และผู้ร้องเรียนเป็นประจำทุกปีโดยรัฐสภา เพื่อ ภาคธรุ กจิ เอกชน ภาคประชาสงั คม และภาคการเมอื ง 10 http://www.pact.or.kr/english/
โดยในแต่ละภาคส่วนจะมีภาระหน้าที่รับผิดชอบ 3.7.3.1 พัฒนาระบบป้องกันการ ดังนี้ มีสว่ นไดส้ ว่ นเสียในการดำเนินกจิ การสาธารณะ 3.7.1 ภาคธุรกิจเอกชน ทำหน้าท่ีทาง 3.7.3.2 สร้างความเข้มแข็งใน ดา้ นการพฒั นาระบบตอ่ ต้านการทจุ ริตโดยการ หนา้ ทข่ี องคณะกรรมาธกิ ารจรยิ ธรรมสาธารณะ 3.7.1.1 ส ร้ า ง ง า น เ ค รื อ ข่ า ย 3.7.3.3 การขบั เคลอ่ื นกระบวนการ เช่อื มโยงขององคก์ ารตอ่ ตา้ นการทุจริต เรียนรู้สาธารณชน เพ่ือกระตุ้นให้สังคมเกิดการ 3.7.1.2 ขยายการร่วมมือของ ต่ืนตัวและให้ความสนใจเข้าร่วมในการพัฒนา ประชาคมธุรกจิ สังคมให้มีความโปรง่ ใส 3.7.1.3 สรา้ งความมนั่ ใจวา่ ระบบ 3.7.3.4 การกำหนด “กฎบัตร การตรวจสอบภายในมปี ระสิทธภิ าพ ประชาชนเพ่ือสังคมโปร่งใส” 3.7.1.4 สร้างความแข็งแกร่งให้ 3.7.4 ฝ่ายการเมือง ทำหน้าท่ีทางด้าน แกร่ ะบบการจัดการจริยธรรม โดยการ การเสริมสร้างจริยธรรมและคุณธรรมของสมาชิก (1) พั ฒ น า ก า ร บั ง คั บ ใช้ สภาผแู้ ทนราษฎรแห่งชาติ โดยการ ประมวลความประพฤติด้านจริยธรรม (Code of 3.7.4.1 แ ก้ ไข ก ฎ ห ม า ย เรื่ อ ง Ethics) และองค์การท่ีมีหน้าท่ีในการกำกับดูแล เอกสิทธิของนกั การเมอื ง ใหเ้ ข้มแขง็ 3.7.4.2 สรา้ งความแขง็ แกรง่ ใหแ้ ก่ (2) สนับสนุนให้เกิดความ หน้าท่ขี องคณะกรรมการจรยิ ธรรมพิเศษ 56 โปร่งใสในระบบบัญชี 3.7.4.3 ส นั บ ส นุ น ก ล ไ ก ก า ร 3.7.2 ภาครัฐ ทำหน้าท่ีทางด้านการ ปอ้ งกันการมสี ว่ นไดเ้ สยี ในการตัดสินใจเชิงนโยบาย วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. พัฒนาสถาบัน โดยการ 3.7.4.4 ปฏิรูปองค์กรและระบบ 3.7.2.1 การป้องกนั การประพฤติ ที่ผิดกฎหมายการสนับสนุนทางการเงินเพ่ือ ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 มิชอบ ผลประโยชน์ทางการเมอื ง 3.7.2.2 การปฏริ ปู พระราชบญั ญตั ิ 3.7.4.5 การสร้างส่ิงแวดล้อม เปดิ เผยขอ้ มูล ทางการเมืองให้ดีขึ้นโดยการไม่ยอมรับว่าการ 3.7.2.3 การสนับสนุนให้มีการ วิ่งเต้น (lobby) เป็นค่านิยมหลักของการทำงาน ส่งเสริมบุคลากรด้านความโปร่งใสอย่างเพียงพอ และห้ามไม่ให้มดี ำเนนิ การวิง่ เต้นทผี่ ิดกฎหมาย รวมถงึ การจดั การ ปฏบิ ตั กิ ารในภาพรวมขององคก์ ร สาธารณะ 4. ปญั หาความรว่ มมอื ระหวา่ ง ป.ป.ช. กบั ภาคสว่ น 3.7.2.4 ส่งเสริมรัฐบาลท้องถิ่น ต่างๆ ในอดตี ให้มีความโปรง่ ใสมากขึน้ จากการศึกษาในเรื่องน้ีสรุปได้ว่า ถึงแม้ 3.7.3 ภาคประชาสังคม ทำหน้าท่ีทาง หน่วยงานในภาครัฐจะยินดีร่วมมือกับหน่วยงาน ด้านการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของจริยธรรม อ่ืนๆ แต่การร่วมมือดังกล่าวต้ังอยู่บนผลประโยชน์ การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการ ข อ ง ผู้ ข อ ค ว า ม ร่ ว ม มื อ เ ป็ น ห ลั ก ม า ก ก ว่ า เ ป็ น
ผลประโยชน์ร่วม นอกจากน้ัน ยังไม่มีการระบุว่า กับหน่วยงานลักษณะดังกล่าว เพ่ือให้หน่วยงาน วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ต้องการร่วมมือในเรื่องใดโดยเฉพาะ โดยเฉพาะ เหล่านี้สามารถให้ข้อมูลระหว่างกันได้ในช่วง อย่างยิ่งมิได้มีการกล่าวถึงเป้าหมายท่ีจะ ระยะเวลาสืบสวนสอบสวน เพ่ือช่วยให้งานท้งั หมด ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 ร่วมมือกันเพ่ือป้องกันและปราบปรามการทุจริต เสร็จสมบรู ณใ์ นระยะเวลาสั้นลงมาก และที่เป็นปัญหายิ่งกว่านั้น ก็คือแต่ละหน่วยงาน นอกจากนั้น การสร้างความร่วมมือของ 57 ไม่มีหน่วยงานภายในของตนเองท่ีจะประสาน ป.ป.ช. กับหน่วยงานราชการอื่นๆ ในเชิงรุก โดย ความร่วมมือโดยตรง อีกท้ังการแลกเปล่ียนข้อมูล อาศัยนโยบายการบริหารราชการท่ีดีของรัฐบาล ก็ไม่เกิดข้ึน มักจะเป็นข้อมูลที่รับเข้าทางเดียว อภสิ ทิ ธ์ิ เวชชาชวี ะ ในปจั จบุ นั เปน็ พน้ื ฐานทเี่ รม่ิ จาก มิใช่การรับส่งท้ังสองทาง อีกท้ังมิได้ทำพร้อมกัน การร่วมมือในการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมใน หลายทางในรูปแบบของความร่วมมือท่ีแท้จริง ภาครัฐเพ่ือลดปัญหาทุจริตในหน่วยงานของภาครัฐ ส่วนหน่ึงเป็นเพราะความจำกัดของขีดความ จะช่วยให้เกิดความไว้วางใจของภาคธุรกิจเอกชน สามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของ อันเป็นฐานทำให้เกิดความร่วมมือกับภาคส่วน หนว่ ยงานนน้ั ๆ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ของ ป.ป.ช. เอง ดังกล่าวตามมาด้วย ส่วนในการร่วมมือกับภาค สำหรบั การร่วมมอื กบั หน่วยอืน่ ๆ ท่อี าจจะ ประชาชนน้ันก็ไม่ได้รับการร่วมมือเท่าที่ควร สามารถให้เบาะแสจนกระท่ังผลการสืบสวนที่ เนอื่ งจากความลา่ ชา้ ในการปฏบิ ตั งิ าน ซง่ึ มผี ลตอ่ ไป ป.ป.ช. จะสามารถนำมาดำเนินคดีได้ก็เป็นไป ถึงการไม่สามารถคุ้มครองพยาน หรือมีแนวทางท่ี อย่างล่าช้า เหตุผลสำคัญเกิดจาก ป.ป.ช. มีงาน สร้างแรงจูงใจให้เพียงพอที่พยานจะให้ความ มากเกินไป ประกอบกับปัญหาในการร่วมมือ ร่วมมือได้ เนื่องจากปัญหาความปลอดภัยในชีวิต ระหว่างภาครัฐด้วยกันเองซ่ึงส่วนหน่ึงเป็น และทรัพย์สนิ รวมทงั้ คา่ เสียโอกาส ซึ่งปญั หาความ ข้อจำกัดทางกฎหมายทำให้หน่วยงานไม่สามารถ ไม่ปลอดภัยของพยานก็มีผลกระทบต่อขีดความ ให้ข้อมูลระหว่างกันเองในช่วงที่คดียังไม่ดำเนิน สามารถในการหาข้อมูลสนับสนุนงานของ ป.ป.ช. ไปสู่ศาลหรือกระบวนการสืบสวนสอบสวนใน โดยภาคประชาสังคมด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกัน หน่วยงานของตนยังไม่ส้ินสุด เพิ่มความล่าช้า ภาคประชาสังคมก็มีปัญหาในเรื่องความจำกัดของ ในการดำเนินการมากยิ่งข้ึน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรพั ยากร เพราะเพยี งแต่แรงใจ แรงกาย และเวลา เมื่อเป็นงานในลักษณะต้ังรับ ทำให้ไม่สามารถ ที่สมาชิกแต่ละคนสังกัดองค์กรในส่วนของประชา ทำงานไดท้ นั เวลาและโอกาสไดท้ นั ทว่ งที ความลา่ ชา้ สังคมได้อุทิศให้ในฐานะที่เป็นอาสาสมัครก็นับว่า ส่วนหนึ่งในปัจจุบันเกิดจากปัญหาความร่วมมือ เป็นภาระที่หนักหน่วงแล้ว ถ้าหากจะต้องหา ระหว่าง ป.ป.ช. และ สตง. กับ ปปง. เน่ืองจาก ทรัพยากรมาเพ่ือการปฏิบัติงานขององค์กรก็จะยิ่ง ปัญหาทางกฎหมายท่ีไม่เอ้ือให้แต่ละฝ่ายให้ข้อมูล เปน็ ภาระเพม่ิ มากขนึ้ การขาดทรพั ยากรกเ็ ปน็ ปจั จยั แก่กันในช่วงระยะเวลาสืบสวนสอบสวน ซึ่งควร สำคญั ของการรว่ มมือจากภาคประชาสงั คม จะดำเนินงานได้พร้อมกันในลักษณะที่เป็นการ ส่วนการร่วมมือกับภาคสถาบันการเงิน ร่วมมือกัน ทางแก้ในเร่ืองน้ีจึงจำเป็นต้องมี และภาคธรุ กจิ เอกชน ในแงข่ องภาคสถาบนั การเงนิ ประมวลกฎหมายความร่วมมือระหว่าง ป.ป.ช. น้ัน ป.ป.ช. สามารถร่วมมือได้ โดยกระบวนการ
ทางกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ผ่านพระราช 5. ความก้าวหน้าของ ป.ป.ช. ในส่วนทเ่ี ปน็ ความ บัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ร่วมมอื พ.ศ. 2542 และอาจเพ่ิมหลักเกณฑ์พิเศษสำหรับ ผลจากการศึกษาปรากฏว่าในการบริหาร ป.ป.ช. ซ่ึงต้องไม่เป็นการละเมิดกฎหมายสิทธิ ป.ป.ช. ได้ให้ความสนใจที่จะปรับปรุงการบริหาร ส่วนบุคคล ในกรณีของภาคธุรกิจเอกชนท่ีผ่านมา งานในด้านเพ่ิมขีดความสามารถในด้านเทคโนโลยี ภาคธรุ กจิ เอกชนนน้ั มกี ารใหค้ วามรว่ มมอื นอ้ ยมาก สารสนเทศ นอกจากนั้นยังเพิ่มขีดความสามารถ เพราะธุรกิจเกรงจะถูกขึ้นบัญชีดำจากหน่วยงาน ในการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มมากขึ้น ของรัฐที่จะต้องติดต่ออย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งองค์กร และให้ความสำคัญเพิ่มข้ึนในด้านงานวิชาการ ที่เป็นตัวแทนของภาคธุรกิจเอกชนก็มีการร่วมมือ แต่ยังมิได้พิจารณาให้ความสำคัญกับหน่วยงาน น้อยมากและในหลายกรณีถ้าหากจะให้ความ ท่ีจะทำหน้าที่ร่วมมือเป็นพิเศษแต่ประการใด ร่วมมืออย่างที่ควรจะเป็นก็อาจจะถูกแทรกแซง ซ่ึงอาจจะเป็นเพราะยังไม่เห็นภาพความร่วมมือ ทางการเมือง ซึ่งจะมีผลกระทบทางลบต่อธุรกิจได้ ท่ีจะเกิดข้ึนจริงในระดับนโยบายก็ได้สนับสนุน ในขณะท่ีการใช้กฎหมายบังคับนอกจากจะไม่ช่วย ให้มีการทำงานในระดับความร่วมมือให้เกิด แก้ปัญหาแล้วยังอาจทำให้เกิดมีปัญหาเพิ่มขึ้น เป็นจริงเพ่ิมมากข้ึน มีการผลักดันให้ใช้ยุทธศาสตร์ จึงต้องเน้นการร่วมมือ โดยให้ภาคธุรกิจสมัครใจที่ ชาติเพื่อปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ โดยไดม้ ี จะให้ความร่วมมือแต่ประการเดียว วิธีการโดย มติของคณะรัฐมนตรีตั้งแต่เดือนพฤษภาคม คณะกรรมการอิสระเพ่ือการต่อต้านการทุจริต ท่ีผ่านมาเป็นการเปิดทางให้มีการร่วมมือภาคส่วน 58 (Independent Commission Against ต่างๆ ได้ง่ายข้ึน คล้ายกับกรณี K–PACT ของ Corruption : ICAC) เน้นการท่ี ICAC ร่วมมือกับ เกาหลี แต่ยังไมก่ า้ วหนา้ เทา่ วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. หน่วยงานราชการด้วยกันท่ีเส่ียงต่อการทุจริต ร่วมกับธุรกิจเอกชนร่วมมือในการสร้างวัฒนธรรม 6. ข้อเสนอแนะสำหรับสร้างความร่วมมือในการ ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 ต่อต้านการทุจริตก่อน หลังจากท่ีภาคธุรกิจเอกชน ดำเนนิ งานต่อต้านการทุจรติ ตระหนักว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมจาก เมื่อได้สำรวจแนวทางในปัจจุบันของ ภาครัฐเท่าเทียมกันก็พร้อมจะให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช. ร่วมกับปัญหาและตัวอย่างการปฏิบัติ ICAC ในภายหลัง เปน็ เลศิ จากตา่ งประเทศจึงนำไปสขู่ ้อสรปุ ดังน้ี สำหรับองค์กรส่วนท้องถ่ินนั้นได้มีความ 1. การมีหน่วยงานและกฎหมายรองรับ สัมพันธ์เชิงกฎหมาย แต่ก็มิได้เกิดการร่วมมือกับ เพ่อื การร่วมมอื กับภาคส่วนต่างๆ ป.ป.ช. หรือมีการร่วมมือกันเองภายในเครือข่าย 2. การมีหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแล เพ่ือจะป้องกันและปราบปรามปัญหาทุจริตแต่ web-site กลางเพอื่ ความสะดวกในการแลกเปลย่ี น อย่างไร ข้อมูลข่าวสารเพื่อการป้องกันและปราบปราม การทุจรติ ใหม้ ปี ระสิทธิภาพยิง่ ขึน้ 3. ส่งเสริมให้มีการร่วมมือกับหน่วยงาน ของรัฐในส่วนกลางเพมิ่ มากข้ึน
4. ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกับภาค จากเวบไซต์กลางท่ีดูแลโดยงานสารสนเทศของ ธรุ กิจเอกชนเพม่ิ มากขึ้น ป.ป.ช. และข้อมูลทางวิชาการท่ีดูแลโดยงาน 5. มาตรการในการคุ้มครองพยานเพื่อ วิชาการของ ป.ป.ช. เพ่ือให้หน่วยงานที่เป็นสภา ไดร้ บั ความร่วมมือจากประชาชนใหม้ ากข้ึน ในเครือข่ายนำไปเสนอให้สมาชิกในเครือข่าย 6. สร้างความเข้มแข็งให้แก่ภาคประชา นำไปสกู่ ารปฏิบตั ิ สงั คมโดยการสนบั สนนุ ทางดา้ นทรัพยากร สำนกั งานเลขาธกิ ารของสภาความรว่ มมอื 7. ส่งเสริมให้ราชการส่วนท้องถิ่น ในการปอ้ งกนั และปราบปรามทจุ รติ แหง่ ชาติ สว่ นท่ี ดำเนินการอย่างโปร่งใสมากข้ึนโดยการดูแล สำคัญจะประกอบไปด้วย เจ้าหน้าท่ีของ ป.ป.ช. กันเองและการติดตามอย่างมีส่วนร่วมจากภาค ในส่วนของงานร่วมมือ ท่ีจำแนกออกมาเป็น ประชาสังคม และภาคประชาชนในทอ้ งถนิ่ ส่วนร่วมมือท่ัวไป เป็นสัดส่วนท่ีสำคัญของ 8. ทำให้เกิดสัญญาประชาคมคล้าย สำนักงานเลขาธิการดังกล่าว การเช่ือมโยงข้อมูล K-PACT ท่ีทำให้มีการร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่าง ระหว่างเครือข่ายท้ังหมด รวมท้ังของสภาแห่งชาติ วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ใกล้ชิดและรอบด้าน จะทำผ่านเวบไซต์กลาง ซ่ึงจะดูแลเวบไซต์น้ี 9. ป.ป.ช. ควรเน้นการทำหน้าท่ีทาง โดยงานสารสนเทศของ ป.ป.ช. สว่ นงานวชิ าการทจี่ ะ ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 วิชาการ/วิจัย เพ่ือให้ความรู้ในการป้องกันและ ไปปรากฏอยู่ในเวบไซต์กลางเช่นกัน จะดำเนินงาน ปราบปรามการทุจริตแกเ่ ครอื ข่ายเพ่มิ มากขึ้น โดยงานวชิ าการของ ป.ป.ช. 10. การมีความร่วมมือกับส่ือมวลชน ยงั มงี านท่สี ำคัญอกี 3 งาน คอื การใหท้ นุ อย่างใกล้ชิดย่ิงข้ึน และเป็นประโยชน์ต่อการ สนับสนุนแก่สมาชิกเครือข่ายภาคประชาสังคม 59 ต่อต้านการทุจริตเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามความจำเป็น ในกรณีนี้จะมีหน่วยงานที่ ในกรณีของประเทศไทย รับผิดชอบ คือ กองทุนสนับสนุนการป้องกันและ ขอ้ เสนอดงั กลา่ วสามารถนำไปสรู่ า่ งตวั แบบ ปราบปรามการทุจริต ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ของความร่วมมือในการป้องกันและปราบปราม โดยมงี านจดั หาทนุ ซง่ึ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของงานรว่ มมอื การทจุ ริตได้ดงั ต่อไปน้ี ของ ป.ป.ช. เป็นผู้ดแู ล ในภาพดังกล่าว จุดศูนย์กลางของความ งานที่สองที่มีความสำคัญมากท่ีสุด คือ ร่วมมือในเชิงนโยบายและข้อมูลจะอยู่ท่ี สภา การให้การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสและพยาน ความร่วมมือในการป้องกนั และปราบปรามทจุ ริต รวมทั้งให้แรงจูงใจแก่บุคคลดังกล่าว เพ่ือให้ แห่งชาติ ซ่ึงประกอบด้วย ตัวแทนจากภาคส่วน ประชาชนให้ความร่วมมือท่ีจะแจ้งเบาะแสและ ตา่ งๆ คอื สภาเครอื ขา่ ยภาควชิ าชพี สภาเครอื ขา่ ย เป็นพยานให้มากขน้ึ หนว่ ยงานดงั กลา่ วจะตอ้ งเป็น ด้านการศึกษา สาธารณสุข สื่อสารมวลชน หน่วยงานภาครัฐ ที่ให้การคุ้มครองและ ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม สภาเครือข่าย สร้างแรงจูงใจให้พยาน โดยหน่วยงานดังกล่าว จากภาคธุรกิจเอกชน ราชการส่วนกลาง องค์กร จะได้รับการดูแลจากงานคุ้มครองพยาน ซ่ึงเป็น อิสระ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และตัวแทน หน่วยงานหน่งึ ของงานร่วมมอื ของ ป.ป.ช. คณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยท่ีสภานี้จะใช้ข้อมูล
วารสารวิชาการ ป.ป.ช. 60 ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 ข้อเสนอร่างตัวแบบของความร่วมมอื ในการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ สภาเครือขาย สภาความรวมมือในการปอ งกันและ สภาเครือขาย วิชาชพี ปราบปรามการทจุ รติ แหง ชาติ ธุรกจิ เอกชน สำนกั เลขาธิการ สภาฝา ยการเมือง สภาเครือขา ย เวบไซตกลางทด่ี แู ลโดย สภาเครือขา ยของ ดา นการศกึ ษา หนว ยงานสารสนเทศของ ป.ป.ช. หนวยงานราชการสว นกลาง สภาเครอื ขา ย สภาเครอื ขา ยของ ดานการสาธารณสุข หนวยงานอสิ ระของรฐั สภาเครือขา ยดาน สภาเครอื ขายของ การส่อื สารมวลชน ราชการสว นทอ งถิ่น สภาเครอื ขาย ภาคประชาชน คณะกรรมการ ป.ป.ช. สภาเครอื ขาย สำนักงาน ป.ป.ช. ภาคประชาสังคม รวมมือท่วั ไป งานรวมมือ งานสารสนเทศ งานวิชาการ งาน ป.ป.ช. กองทนุ สนบั สนุนการปอ งกนั ในปจจบุ ัน และปราบปรามการทจุ ริต หนว ยงานภาครัฐท่ีคุมครอง จัดหาทุน คมุ ครองพยาน และสรา งแรงจูงใจในพยาน
งานท่ีสามซ่ึงน่าจะเป็นงานสำคัญในกรณี บรรณานกุ รม วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ของประเทศไทย คือ การร่วมมือกับภาคส่ือสาร มวลชน โดยส่งเสริมให้สื่อสารมวลชนทำหน้าท่ี สถาบันส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี. รายงาน ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 ในการขุดคุ้ยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตเพิ่มมากข้ึน การศึกษาเบื้องต้นที่แสดงถึงผลการศึกษารูปแบบ (Investigative Journalism) ซ่ึงงานดังกล่าว การพัฒนาระบบราชการที่ดีของประเทศต่างๆ และ 61 ย่อมอาศัยความรู้ความสามารถและมีต้นทุนสูง แนวคิดทฤษฎีการบริหารจัดการภาครัฐใหม่ๆ ป.ป.ช. จะต้องช่วยจัดอบรมและให้มีการร่วมมือ ที่สอดรับกับบริบทของการพัฒนาระบบราชการไทย. กบั ฝา่ ยวชิ าการของ ป.ป.ช. เพมิ่ มากขน้ึ ขณะเดยี วกนั 2550. ก็จะต้องมีการอุดหนุนทางการเงินในการทำหน้าที่ ดังกลา่ วตามความจำเป็น Independent Commission against Corruption. ถา้ หากดำเนนิ งานไดต้ ามตวั แบบดงั กลา่ วนี้ Annual Report 2007. Hong Kong. ทั้งหมดจะเป็นการสร้างความร่วมมือในการ Korea Independent Commission against Corruption. ป้องกันและปราบปรามการทุจริตจากทุกภาคส่วน Annual Report. Seoul: 2006. อย่างเข้มแข็ง และในท่ีสุดงานด้านปราบปรามจะ Transparency International. Annual Report ลดความสำคัญลง งานส่วนใหญ่จะเป็นงานป้องกัน Transparency International 1999. Susan Côté ซ่ึงจะมีค่าใช้จ่ายลดลงมาก ความเสียหายจากการ Freeman, Jeremy Pope (editors). Berlin: ทุจรติ ตอ่ ประเทศชาติจะลดลงไดอ้ ย่างมาก pws Print und Werbeservice Stuttgart. 1999. Transparency International. Annual Report Transparency International 2006. Amber Poroznuk (editor). JM Stefko Printing House: Poznan. 2006. Transparency International. Annual Report Transparency International 2004. Jana Kotalik, Taslima Ahmed and Amber Poroznuk (editors). Köllen Druck+Verlag GmbH: Berlin. 2004. Unite Nation Office of Drug Control and Crime Prevention. Anti-Corruption Tool Kit. Version 3 revised. January. 2002. เวบไซต์ http://www.pogo.org/p/government/go-050402- whistleblowerB.html#problems http://www.pact.or.kr/english/
สถานการณ์ด้านการทุจริต ในประเทศไทยในมมุ มองของนกั ธรุ กิจ ธเสนาววรณรธียน์ ไ์ ทพยลรว่งุ ิชโยัรจ**น*์ 1. บทนำ ในเร่ืองสาเหตุสำคัญของการทุจริต บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา คอร์รัปชันนั้น นักธุรกิจเห็นว่าเกิดจากการท่ี สถานการณด์ า้ นการทจุ รติ ในประเทศไทย โดยศกึ ษา เจ้าหน้าท่ีของรัฐขาดคุณธรรมและไม่ปฏิบัติ จากขอ้ มลู การสำรวจความคดิ เหน็ และประสบการณ์ ตามจรรยาบรรณ ซึ่งเป็นสาเหตุที่มีแนวโน้ม ของภาคธุรกิจท่ีมาติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐ มากขึน้ เมอ่ื เทยี บกับ 5 ปีทผี่ ่านมา ส่วนสาเหตุอน่ื ๆ ข้าราชการ และพนักงานของรัฐ เพ่ือประเมิน อาทิ เร่ืองของการขาดระบบการตรวจสอบท่ีมี สถานการณก์ ารทจุ รติ ในประเทศไทย และเพอ่ื ใชเ้ ปน็ คณุ ภาพ การบรหิ ารงานขาดประสทิ ธภิ าพ ขาดกลไก ข้อมูลในการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน ในการลงโทษและการบังคับใช้กฎหมายกลับเป็น 62 ตลอดจนช่วยขจัดอุปสรรคการทุจริตคอร์รัปชัน สาเหตุของการคอร์รัปชันที่มีแนวโน้มคงเดิม และเสริมสร้างสภาพแวดล้อมท่ีดีในการประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่องคุณภาพและ วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. ธุรกิจในประเทศไทย ประสิทธิภาพการให้บริการของภาครัฐ ซึ่งมักเป็น จากการสำรวจนกั ธรุ กจิ ภาคเอกชนเกย่ี วกบั ข้ออ้างและเหตุผลสำคัญของการท่ีธุรกิจจ่ายเงิน ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 ทัศนะและประสบการณ์ด้านการทุจริตพบว่า พิเศษให้แก่ข้าราชการท่ีทุจริต กลับพบว่าในรอบ สถานการณ์การทุจริตยังคงอยู่ในระดับเท่าเดิม 5 ปที ผ่ี า่ นมา นกั ธรุ กจิ ประเมนิ วา่ หนว่ ยงานราชการ เมื่อเทียบกบั 5 ปีท่ผี า่ นมา ขณะท่จี ำนวนเงินพเิ ศษ ส่วนใหญ่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพ หรอื ต้นทุนทีน่ กั ธรุ กิจตอ้ งจา่ ยใหแ้ กห่ น่วยงานตา่ งๆ การให้บริการได้ดีข้ึนอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ตอ่ ปี เพิ่มข้ึนมากกวา่ 5 ปที ผี่ ่านมา โดยทีน่ กั ธรุ กจิ ถึงแม้คุณภาพการให้บริการของภาครัฐจะดีขึ้น ยอมรับว่าการจ่ายเงินพิเศษเป็นเรื่องธรรมดา แต่สถานการณ์จ่ายเงินพิเศษของนักธุรกิจแก่ ท่ีทำกันจนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ และเป็นที่รู้กันว่า ขา้ ราชการทที่ จุ รติ มิได้ลดลงแตอ่ ย่างไร ควรจา่ ยเทา่ ไร จา่ ยอยา่ งไร โดยไมต่ อ้ งมใี ครเอย่ ปาก ขณะที่ส่วนใหญ่เม่ือจ่ายเงินแล้วธุรกิจมักจะได้รับ การอำนวยความสะดวกตามท่ตี กลงกันไว้ * คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาหอการค้าไทย ** ศูนย์พยากรณเ์ ศรษฐกิจและธุรกจิ มหาวิทยาลยั หอการค้าไทย
The objective of this research is to คำสำคญั มุมมองของนักธุรกิจกับการทุจริต describe the current state of corruption in ในประเทศไทย, Corruption Situation in Thailand through the analysis of primary Thailand, ดัชนีคอร์รัปชัน, CPI (Corruption data from opinion and experience surveys of Perception Index), สถานการณ์การทุจริต business firms’ interaction with government officials. ประเทศไทยมีการดำเนินมาตรการต่างๆ Surveys of business people เพื่อแสวงหาวิธีแก้ปัญหาและต่อต้านการทุจริต consistently show that there has been no คอร์รัปชันท่ีเกิดข้ึน โดยเป็นความพยายามในการ improvement in the state of corruption over กำหนดนโยบาย กำหนดแผนปฏบิ ตั กิ าร สรา้ งความ the last five years. A survey of the business ร่วมมือและข้อตกลงการดำเนินงานร่วมกันระหว่าง sector revealed that the payment of bribes องค์กร ตลอดจนความพยายามในการปรับปรุง is a normal and traditional practice: it is แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการทุจริต วารสารวิชาการ ป.ป.ช. understood, without any request being made, คอร์รัปชันหลายฉบับ โดยใน พ.ศ. 2540 ได้มีการ how much extra money or bribe should be ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีการจัดตั้ง ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 paid for each service and after the payment คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต of a bribe business processes are facilitated แห่งชาติ เป็นองค์กรอิสระหลักที่ทำหน้าที่ต่อต้าน การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ของประเทศไทย as agreed by both parties. 63 Currently, from the point of view of อ ย่ า ง ไ ร ก็ ต า ม T r a n s p a r e n c y business entrepreneurs, the most important International (TI) ได้ทำการสำรวจสถานการณ์ cause of corruption is the lack of integrity, ปัญหาคอร์รัปชันของประเทศต่างๆ ท่ัวโลก โดยได้ while other causes, such as the inefficient พฒั นาดชั นที ใี่ ชว้ ดั ระดบั คอรร์ ปั ชนั ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในแตล่ ะ quality of inspecting systems, ineffective ประเทศเรียกว่า ดัชนีคอร์รัปชัน (Corruption administration, penalty procedures and law Perceptions Index หรอื CPI) ทง้ั นเี้ ปน็ การคำนวณ enforcement received the same high scores ออกมาเปน็ ค่าคะแนนตัง้ แต่ 0-10 คะแนน ประเทศ as five years ago. However, it was disclosed ที่ได้คะแนน 10 เป็นประเทศที่ไม่มีปัญหาเร่ือง that there has been a clear improvement คอรร์ ปั ชนั ลดหลน่ั ลงไปเปน็ ลำดบั จนถงึ ประเทศทไี่ ด้ over the last five years in the quality and คะแนนเท่ากับ 0 เป็นประเทศท่ีมีการคอร์รัปชัน efficiency of public services, the previous สูงมาก จากรายงานผลการสำรวจของ TI ค่าดัชนี low standards of which were often presumed คอรร์ ปั ชนั ของประเทศไทยในชว่ งปี พ.ศ. 2538-2551 to be the reason for the payment of bribes by พบวา่ อยรู่ ะหวา่ ง 2.79-3.80 และรายงาน ณ ปี 2551 business firms. Nevertheless, the payment of ค่าดชั นีของไทยเท่ากบั 3.50 โดยประเทศไทยอย่ใู น bribes to dishonest government officials has อันดับที่ 80 จาก 180 ประเทศซึ่งหมายความว่า ปัญหาคอร์รัปชันในสังคมไทยที่วัดโดยวิธีการของ showed no sign of decline.
TI ยงั ไมม่ แี นวโนม้ ทจ่ี ะลดลง ทงั้ ทมี่ คี วามพยามยาม ตัวอย่างและจำนวนตัวอย่างจริงท่ีได้ในแต่ละ ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในทุกระดับ จังหวัด ตลอดจนลักษณะท่ัวไปของกลุ่มตัวอย่าง อย่างหลากหลายรปู แบบและวิธกี าร แสดงอยูใ่ นภาคผนวก การประเมินสถานการณ์ด้านการทุจริต ในประเทศไทย จากผลสำรวจความคิดเห็น 3. ผลการสำรวจความคิดเห็นและประสบการณ์ และประสบการณ์ของภาคธุรกิจท่ีมาติดต่อกับ ของนกั ธรุ กจิ เกยี่ วกบั สถานการณท์ จุ รติ คอรร์ ปั ชนั หน่วยงานภาครัฐ ข้าราชการ และพนักงานของรัฐ ในประเทศไทย เกี่ยวกับการทุจริตจึงมีความสำคัญท่ีจะทำให้ 3.1 ความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ ทราบถึงสถานการณ์การทุจริตในประเทศไทย เพ่ือ การทจุ ริตคอร์รัปชนั ประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เมื่อถามความคิดเห็นของนักธุรกิจ ตอ่ ไป เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันในวงราชการของ ประเทศไทยในปจั จบุ นั เทยี บกบั 5 ปที แี่ ลว้ นกั ธรุ กจิ 2. วธิ กี ารศึกษา กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ (53%) ระบุว่าการทุจริต การสำรวจความคิดเห็นและประสบการณ์ คอร์รัปชันในวงราชการของประเทศไทย ของภาคธุรกิจที่มาติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐ ในปัจจุบันอยู่ในระดับเท่าเดิมเมื่อเทียบกับ 5 ปี ข้าราชการ และพนักงานของรัฐ ในการศึกษาน้ี ท่ผี ่านมา (แผนภาพที่ 1) กระทำในระหว่างเดือนมีนาคม 2552 โดยสำรวจ 64 นักธุรกิจไทย 200 คน และนักธุรกิจต่างประเทศ แผนภาพท่ี 1 การประเมนิ สถานการณก์ ารทจุ รติ 100 คน รวมทั้งนำผลการสำรวจไปเปรียบเทียบ คอร์รัปชันในวงราชการของไทย วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. กับการสำรวจท่ีผ่านมาโดยเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ในปัจจุบันเทียบกบั 5 ปีท่ีผา่ นมา และคณะ (2544, 2546) เพ่ือให้เห็นการ โดยนักธุรกจิ ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 เปลี่ยนแปลงของสถานการณ์การทุจริตตาม ประสบการณข์ องภาคธรุ กิจ จำนวนตัวอย่างจากการสำรวจแบ่งเป็น ไมแ่ น่ใจ 5% ในพน้ื ทก่ี รงุ เทพฯ และปรมิ ณฑล 150 ตวั อยา่ ง และ ภูมิภาค 150 ตัวอย่าง ในแต่ละภาคเลือกจังหวัด ตัวแทนภาคละ 3 จังหวัด ภาคละ 30 ตัวอย่าง ล2ด2ล%ง เ2พ0มิ่%ข้ึน โ ด ย ใ ช้ เ ก ณ ฑ์ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ม ว ล ร ว ม ข อ ง จั ง ห วั ด (Gross Provincial Product: GPP) พ.ศ. 2550 เท5่า3เ%ดิม ซึ่งเป็นข้อมูลปีล่าสุดท่ีสำนักงานคณะกรรมการ พั ฒ น า ก า ร เ ศ ร ษ ฐ กิ จ แ ล ะ สั ง ค ม แ ห่ ง ช า ติ ได้จัดทำข้ึน โดยเลือกตัวแทนจังหวัดที่มี GPP (หน่วย: ร้อยละของผูต้ อบ) สูง กลาง และต่ำ ในพื้นท่ีแต่ละภาค ทั้งนี้จังหวัด ท่มี า: เสาวณยี ์ ไทยร่งุ โรจน์ และคณะ, 2552
ในแง่การพิจารณาสถานการณ์การ พาณิชย์นาวี (กรมเจ้าท่า) นักการเมืองที่มี ทุจริตคอร์รัปชันจากจำนวนครั้งที่นักธุรกิจ อิทธิพลต่อกิจการ ตำรวจทางหลวง/จราจร และ ที่ติดต่อภาครัฐต้องมีการจ่ายเงินพิเศษให้กับ กรมสรรพากร และหน่วยงานท่ีกลุ่มตัวอย่างจ่าย เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตลอดจนขนาดของจำนวนเงิน เงินพิเศษคิดเป็นร้อยละของจำนวนคร้ังที่ ที่จ่ายเมื่อเทียบกับในอดีตน้ันจากการสำรวจ ติดต่อสูง 5 ลำดับแรกได้แก่1 กรมที่ดิน องค์การ พบว่าในปีปัจจุบัน (2552) หน่วยงานภาครัฐที่ บริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหาร ผู้ประกอบการกลุ่มตัวอย่างติดต่อถ่ีมากที่สุด ส่วนจังหวัด (อบจ.) ตำรวจทางหลวง/จราจร คือ กรมศุลกากร กรมการขนส่งทางน้ำและ และนกั การเมืองทมี่ ีอทิ ธิพล (ตารางที่ 1) ตารางท่ี 1 การตดิ ต่อ และการจ่ายเงนิ พเิ ศษ จำแนกตามหน่วยงาน ปี 2544 ปี 2546 และปี 2552 กา รบรกิ ารของรฐั จำนวเฉนลคยี่ รตง้ั อ่ทปีต่ ีดิ ต่อ การจา่ ยเงินพเิ ศษ วารสารวิชาการ ป.ป.ช. จำนวนครง้ั ท่ีม ี คดิ เป็น % การจา่ ยเงินพิเศษ ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 2544 2546 2552 2544 2546 2552 2544 2546 2552 ศลุ กากร 14.90 27.72 28.22 2.87 3.48 6.65 19.30 12.55 23.58 กรมพัฒนาธุรกจิ การคา้ 3.54 2.91 2.14 0.44 0.12 0.41 12.40 4.12 19.17 65 (กรมทะเบียนการคา้ ) กรมสรรพสามติ - 4.11 5.57 - 0.41 0.76 - 9.98 13.67 กรมสรรพากร 5.65 6.42 7.57 1.12 0.55 0.70 12.90 8.57 9.29 กรมการปกครอง - - 3.05 - - 0.68 - - 22.39 กรมการปกครอง - - 2.86 - - 0.59 - - 20.59 สว่ นท้องถิ่น กรมควบคมุ มลพิษ - 3.37 2.41 - 0.69 0.77 - 20.47 31.97 กรมโรงงานอุตสาหกรรม - 3.11 2.38 - 0.83 0.92 - 26.69 38.79 สาธารณสุข - - 6.88 - - 0.76 - - 11.05 กรมที่ดนิ - 2.68 1.16 - 1.67 0.83 - 62.31 72.22 กรมป่าไม้ - 7.00 5.50 - 1.73 1.50 - 24.71 27.27 กรมการขนสง่ ทางบก - 3.09 4.59 - 0.30 0.94 - 9.71 20.51 1 ในส่วนของการจ่ายเงินพิเศษตามหน่วยงานนี้ คณะผู้วิจัยได้รายงานข้อมูลท่ีผู้ตอบอันเป็นกลุ่มตัวอย่างได้ให้ข้อมูลไว้ ทั้งในส่วนของจำนวนเงินและความถี่ คณะผู้วิจัยไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้ใดเป็นผู้รับและได้รับจริงหรือไม่ในหน่วยงาน ตา่ งๆ เหล่านัน้
กา รบริการของรฐั จำนวเฉนลค่ยี รตงั้ ่อทปี่ต ีดิ ตอ่ การจา่ ยเงินพเิ ศษ จำนวนครง้ั ท่ีมี คดิ เปน็ % การจ่ายเงนิ พิเศษ 2544 2546 2552 2544 2546 2552 2544 2546 2552 กรมการขนสง่ ทางน้ำและ - 20.13 14.00 - 13.13 7.13 - 65.23 50.89 พาณิชยน์ าวี (กรมเจ้าท่า) กรมทางหลวง - 4.56 6.25 - 1.62 2.50 - 35.53 40.00 การไฟฟ้า 5.49 7.82 6.01 1.01 0.56 0.94 18.30 7.16 15.61 การประปา - 7.17 7.35 - 0.39 1.03 - 5.44 13.06 ตำรวจท้องที ่ 6.4 5 9.3 9 6.97 0.2 5 5.5 7 1.55 38. 70 59. 32 22.17 ตำรวจทางหลวง/จราจร 7.85 4.64 59.08 องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด - - 2.15 - - 1.30 - - 60.52 (อบจ.) องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบล - - 2.77 - - 1.90 - - 68.52 (อบต.) นกั การเมอื งทม่ี ีอทิ ธิพล 0.45 6.36 10.42 0.20 2.79 4.66 44.40 43.87 44.76 66 ต่อกจิ การท่าน วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. ท่ีมา: เสาวณีย์ ไทยร่งุ โรจน์ และคณะ, 2544, 2546 และ 2552 ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 ขนาดของจำนวนเงินพิเศษเฉล่ียรายปี นักการเมืองที่มีอิทธิพลต่อกิจการ กรมศุลกากร ต่อหน่วยธุรกิจ เม่ือพิจารณาเฉพาะหน่วยธุรกิจท่ีมี กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี (กรมเจ้าทา่ ) ประสบการณ์การจา่ ยเงินพเิ ศษ พบว่า หน่วยธุรกจิ กรมสรรพากร และกรมสรรพสามิต ตามลำดับ จ่ายเงินพิเศษเฉล่ียต่อปีจำนวนสูงสุดให้แก่ (ตารางท่ี 2)
ตารางท่ี 2 จำนวนเงินพิเศษท่ีผู้ประกอบการจ่ายต่อปีของหน่วยธุรกิจที่มีประสบการณ์ จำแนกตาม หน่วยงาน ปี 2544 ปี 2546 และปี 2552 การบริการ จำนวนของการจ่ายเงินทไี่ ม่เป็นทางการ (เงินเพม่ิ หรือเงินใต้โตะ๊ ) (บาท/ปี) ของ โดยเฉลย่ี จำนวนตำ่ สดุ จำนวนสูงสุด เจ้าหนา้ ท่ีรฐั 2544 2546 2552 2544 2546 2552 2544 2546 2552 ศุลกากร 525,428 33,583 111,948 1,000 500 1,000 9,000,000 200,000 3,600,000 ทกการะรมเบคพ้ายี ัฒน(นกการาธมรุรคก้าิจ) 13,200 6,136 9,548 1,000 500 500 100,000 30,000 100,000 กรมสรรพสามิต - 19,400 21,300 - 2,000 2,000 - 30,000 100,000 กรมสรรพากร 93,569 54,991 62,793 7,000 500 500 700,000 1,000,000 1,000,000 กรมการปกครอง - - 7,100 - - 800 - - 20,000 สกว่รมนกทา้อรงปถกน่ิ ครอง - - 5,731 - - 1,000 - - 30,000 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. มกอกรรุตลมมสพโคาิษรหวงบกงาครนรมุ ม - 8,200 8,829 - 1,000 1,000 - 40,000 50,000 - 6,833 12,761 - 1,000 1,000 - 30,000 50,000 ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 สการธมาทรด่ี ณินส ุข - - 7,382 - - 1,000 - - 10,000 67 - 7,606 8,933 - 200 1,000 - 60,000 60,000 กรมปา่ ไม้ - 2,750 9,750 - 1,000 4,000 - 6,000 20,000 ทกรามงบกการ ขนสง่ กท(พกราารมงณมนกเชิ ำ้จายแร้า์นขลทานะ่าว)ส ี ง่ - 3,250 5,500 - 1,000 1,000 - 10,000 20,000 กรมทางหลวง - 50,500 67,667 - 1,000 3,000 - 100,000 100,000 - 2,494 6,583 - 100 3,000 - 20,000 20,000 การไฟฟ้า 83,412 3,254 11,657 200 100 600 1,200,000 50,000 50,000 การประปา - 4,186 9,245 - 100 400 - 50,000 50,000 ตำรวจท้องท่ี 17,581 500 100,000 ต/จำรราวจจรท างหลวง 13,569 7,411 16,996 100 100 500 120,000 500,000 150,000 ที่มา: เสาวณยี ์ ไทยรุ่งโรจน์ และคณะ, 2544, 2546 และ 2552
ตารางท่ี 2 จำนวนเงินพิเศษที่ผู้ประกอบการจ่ายต่อปีของหน่วยธุรกิจที่มีประสบการณ์ จำแนกตาม หน่วยงาน ปี 2544 ปี 2546 และปี 2552 (ต่อ) การบริการ จำนวนของการจา่ ยเงนิ ทไี่ ม่เป็นทางการ (เงินเพิ่ม หรอื เงินใตโ้ ต๊ะ) (บาท/ป)ี ของ โดยเฉลีย่ จำนวนต่ำสุด จำนวนสงู สุด เจ้าหนา้ ท่รี ฐั 2544 2546 2552 2544 2546 2552 2544 2546 2552 อสอ((สออ่ว่วงงบบคคนนจตก์ก์ตจ..าาังำ))รรหบบบวลรรดั หิหิ าารร - - 4,556 - - 500 - - 500,000 - - 6,793 - - 500 - - 12,000 นอกิจิทักกกธาพิารรลทเตม่าอ่อืนง ทม่ี ี 301,120 143,389 314,050 300 500 500 1,000,000 500,000 3,000,000 ทีม่ า: เสาวณยี ์ ไทยรุ่งโรจน์ และคณะ, 2544, 2546 และ 2552 เมอ่ื ใหห้ นว่ ยธรุ กจิ ประเมนิ จำนวนเงนิ พเิ ศษทจ่ี า่ ยใหแ้ กห่ นว่ ยงานของรฐั ในเรอื่ งตา่ งๆ เมอ่ื เทยี บกบั 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ตอบว่าจำนวนเงินที่จ่ายเพ่ิมค่อนข้างคงเดิมเม่ือเทียบกับ 5 ปีท่ีแล้ว (ตารางที่ 3) 68 ตารางท่ี 3 การประเมินการจ่าย “เงินเพิ่ม” แก่เจ้าหน้าที่รัฐ จำแนกตามลักษณะของการขอรับบริการ ปปี จั จบุ ันเปรยี บเทียบกบั 5 ปีที่แล้ว วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. ลักษณะของการขอรบั บริการ ประเมินการจ่าย “เงนิ เพ่มิ ” แกเ่ จา้ หนา้ ท่ีรฐั ในปปี ัจจบุ ัน เปรียบเทยี บกับ 5 ปที แ่ี ล้ว (ร้อยละผตู้ อบ) ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 มากขึน้ คงเดิม น้อยลง ไม่ทราบ ไมเ่ คย เพอ่ื ให้ไดร้ ับใบอนุญาตและ 14.3 52.5 20.0 9.9 3.3 ใบทะเบียน 40.0 28.4 16.1 5.4 เพื่อการตดิ ตอ่ กบั กรมสรรพากร 10.2 28.2 27.0 20.4 10.2 เพอ่ื ให้ไดม้ าซ่งึ การผูกขาดธรุ กิจ 14.1 32.2 24.5 20.9 10.2 หรือการผูกขาดประมูลโครงการ 38.9 25.5 15.3 9.0 เพื่อใหไ้ ดร้ บั สญั ญาจา้ งจากรัฐ 12.2 32.5 28.4 19.7 12.2 เพ่ิมข้นึ 39.4 30.2 14.3 5.4 เพอื่ การศุลกากร/การนำเขา้ 11.4 34.9 33.4 14.0 8.4 เพ่ือการดำเนินการทางศาล 7.2 33.4 32.5 19.4 8.4 เพื่อตำรวจจราจรหรือตำรวจอื่นๆ 10.8 เพ่ือการตดิ ตอ่ กับสาธารณสุข 9.3 เพอ่ื ตดิ ต่อกบั กรมท่ีดนิ 6.3 ทีม่ า: เสาวณีย์ ไทยรงุ่ โรจน์ และคณะ, 2552
3.2 การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ในกรณดี ำเนนิ ว่าสัญญาท่ีเก่ียวข้องกับการจัดจ้างของรัฐบาล ธรุ กจิ ร่วมกับรัฐบาล เปน็ ไปอยา่ งโปรง่ ใสและมปี ระสทิ ธภิ าพ หนว่ ยธรุ กจิ ในการดำเนินธุรกิจร่วมกับรัฐบาลซ่ึงต้อง ทีต่ อบว่า “ไมเ่ คยเลย นอ้ ยมาก และคอ่ นขา้ งนอ้ ย” มีการทำสัญญาท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง ที่สัญญาจะเป็นไปอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ กับรัฐบาล จากการสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่างรวม มีรวมกันประมาณ 34% (ตารางท่ี 4) ประมาณ 38% เห็นด้วย “ทุกคร้ัง และบ่อยครั้ง” ตารางท่ี 4 ความคดิ เหน็ ของนักธรุ กิจตอ่ การทำสญั ญาทีเ่ ก่ียวข้องกับการจัดซ้ือจดั จา้ งของรัฐบาล เหน็ ดว้ ยหรอื ไมว่ า่ สญั ญา ปี (ร้อยละของผู้ตอบ) การจัดซื้อจดั จา้ งของรฐั บาล 2546 2552 เป็นไปอยา่ งโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ 0.4 4.8 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ไมเ่ คยเลย ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 น้อยมาก 0.6 15.8 ค่อนข้างนอ้ ย 7.9 13.1 คอ่ นขา้ งบอ่ ย 47.0 28.1 บ่อยคร้ัง 42.7 34.0 ทุกคร้ัง 1.5 4.2 69 ที่มา: เสาวณยี ์ ไทยรงุ่ โรจน์ และคณะ, 2546 และ 2552 เมื่อถามหน่วยธุรกิจที่ทำธุรกิจกับรัฐบาลว่ากิจการเหล่านั้นจะต้องจ่ายเงินอย่างไม่เป็น ทางการเป็นร้อยละเท่าใดของวงเงินตามสัญญาจ้างจึงจะได้สัญญาจ้างนั้น ผู้ประกอบการท่ีเป็นผู้ตอบ จำนวนมากที่สุด (34%) จ่ายน้อยกวา่ 6% ของมูลค่าสญั ญา (ตารางที่ 5) ตารางที่ 5 เงนิ พิเศษท่ีธรุ กจิ จา่ ยเพือ่ ให้ไดส้ ัญญาจ้างของรัฐ เงินพิเศษทีต่ อ้ งจ่าย ปี (รอ้ ยละของผูต้ อบ) 2552 (% ของมลู คา่ สญั ญา) 2544 2546 3.9 0 % 3.8 0.4 34.3 น้อยกวา่ 6 % 18.0 27.9 16.7 6-10 % 11.0 36.1 0.9 11-15 % 4.8 10.1 0.9 16-20 % 2.8 0.4 0.3 มากกว่า 20 % 2.3 0.2 43.0 ไมท่ ราบ 57.5 25.1 ท่มี า: เสาวณีย์ ไทยรงุ่ โรจน์ และคณะ, 2544, 2546 และ 2552
นักธุรกิจธุรกิจส่วนใหญ่ประมาณ 29.1% ของรายรบั ทง้ั หมดตอ่ ปี ขณะที่หนว่ ยธุรกิจ 19.1% ของกลมุ่ ตวั อยา่ ง ตอบวา่ จา่ ยเงนิ อยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการ จ่ายน้อยกว่า 1% ของรายรับทั้งหมดต่อปี (ตาราง ให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ คิดเป็นเงิน 1-1.99% ท่ี 6) ตารางท่ี 6 เงนิ พิเศษทห่ี น่วยธุรกจิ จา่ ยจากรายรับ เงินพิเศษคิดเปน็ % ปี (รอ้ ยละของผู้ตอบ) ของรายรบั 2544 2546 2552 0 % 6.2 2.3 1.2 นอ้ ยกว่า 1 % 17.1 24.9 19.1 1-1.99 % 11.8 34.2 29.1 2-9.99 % 16.6 17.7 9.9 10-12 % 8.8 3.6 9.0 13-25 % 3.6 0.8 9.0 มากกว่า 25 % 1.4 0.4 2.7 ไมท่ ราบ 34.6 16.2 20.0 ทม่ี า: เสาวณีย์ ไทยรงุ่ โรจน์ และคณะ, 2544, 2546 และ 2552 70 เมื่อถามหน่วยธุรกิจว่ายินดีจ่ายภาษีเพ่ิมม เหน็ วา่ การคอรร์ ัปชัน เป็นปญั หาท่ีสำคญั มากทสี่ ุด ากขึ้นเท่าใดเพื่อให้การคอร์รัปชันถูกกำจัดออกไป ตามมาด้วยปัญหากฎระเบียบจุกจิกต่างๆ และ วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. หน่วยธุรกิจยินดีเสียภาษีเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ย 5.1% อาชญากรรม ตามลำดับ จะเห็นได้จากเปอร์เซ็นต์ ของรายรับของพวกเขา จากผลการสำรวจพบว่า รายรับโดยเฉลี่ย ท่ีธุรกิจเต็มใจจ่ายเพื่อกำจัดการ ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 ระหวา่ งปญั หาสำคญั 3 ปญั หา ไดแ้ ก่ การคอรร์ ปั ชนั คอร์รัปชัน (ตารางที่ 7) ซึ่งในปีปัจจุบันเป็นจริง อาชญากรรม และกฎระเบยี บจกุ จกิ ตา่ งๆ หนว่ ยธรุ กจิ สำหรบั ทกุ ขนาดของหน่วยธรุ กิจ ตารางท่ี 7 ภาษีท่หี น่วยธรุ กิจเตม็ ใจจา่ ยเพื่อกำจดั ปัญหาต่างๆ จำแนกตามขนาดของธุรกิจ ปญั หา ภาษีที่เตม็ ใจจา่ ยคิดเปน็ % ของรายรับเพื่อกำจัดปัญหา คอรร์ ัปชัน 2544 2546 2552 อาชญากรรม ขนาด ขนาด ขนาด โดย ขนาด ขนาด ขนาด โดย ขนาด ขนาด ขนาด โดย กฎระเบียบ เล็ก กลาง ใหญ่ เฉลี่ย เล็ก กลาง ใหญ่ เฉลี่ย เลก็ กลาง ใหญ ่ เฉล่ยี จกุ จกิ ต่างๆ 13.5 14.3 9.5 12.5 3.1 2.8 5.5 3.5 4.8 4.4 5.8 5.1 9.6 10.8 9.9 10.0 3.4 2.9 4.4 3.4 2.6 4.1 5.3 3.8 10.9 12.3 10.9 11.3 3.5 3.4 5.2 3.8 2.8 4.0 5.3 4.0 ทม่ี า: เสาวณยี ์ ไทยรุ่งโรจน์ และคณะ, 2544, 2546 และ 2552
3.3 หน่วยงาน หรือรัฐวิสาหกิจ และ รัฐวิสาหกิจ 5 หน่วยงานแรกท่ีคอร์รัปชันมากที่สุด รัฐบาลทคี่ อรร์ ปั ชันมากทีส่ ุด ได้แก่ ตำรวจทางหลวง/จราจร และตำรวจอื่นๆ จากประสบการณ์ในการทำธุรกิจในช่วง นกั การเมอื ง กรมศลุ กากร องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบล ระหวา่ งปี 2541-2552 นกั ธรุ กจิ ระบวุ า่ หนว่ ยงานหรอื (อบต.) และกรมทด่ี นิ ตามลำดับ (ตารางที่ 8) ตารางท่ี 8 ลำดบั หนว่ ยงานหรอื รฐั วสิ าหกจิ ทมี่ กี ารคอรร์ ปั ชนั มากทสี่ ดุ จากประสบการณใ์ นการทำธรุ กจิ ของผู้ประกอบการ ลำดบั ท ่ี หนว่ ยงาน รอ้ ยละของผตู้ อบ วารสารวิชาการ ป.ป.ช. 1 ตำรวจทางหลวง/จราจร และตำรวจอนื่ ๆ 40.3 2 นกั การเมือง 17.4 ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 3 กรมศลุ กากร 12.2 4 องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบล (อบต.) 7.8 71 5 กรมทีด่ ิน 4.8 6 กรมสรรพากร 4.6 7 องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั (อบจ.) 3.4 8 สาธารณสขุ 3.2 9 กรมทางหลวง 2.6 10 กรมโยธาธิการและผังเมอื ง 2.0 100.0 รวม ทมี่ า: เสาวณยี ์ ไทยรุ่งโรจน์ และคณะ, 2552 เมื่อให้เรียงลำดับรัฐบาลที่คอร์รัปชัน รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ มีผู้ตอบว่า มากทสี่ ดุ นกั ธรุ กจิ รอ้ ยละ 23.5 ระบวุ า่ รฐั บาลภายใต้ คอร์รัปชันมากท่ีสุด เพียงร้อยละ 9.5 (ตารางท่ี 9) การนำของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร คอร์รัปชัน ในแง่ของรัฐบาลท่ีมีประสิทธิภาพการให้บริการ มากที่สุด รองลงมาร้อยละ 19.8 ระบุว่ารัฐบาล ของหน่วยราชการมากท่ีสุดจากประสบการณ์ ภายใต้การนำของนายชวน หลีกภัย คอร์รัปชัน ในการทำธุรกิจในช่วงระหว่างปี 2541-2552 มากท่ีสุด ร้อยละ 17.7 และ 17.1 ระบุว่ารัฐบาล นักธุรกิจระบุว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ นายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร มีประสิทธิภาพ วงศ์สวัสด์ิ คอร์รัปชันมากท่ีสุด ตามลำดับ การให้บริการของหน่วยราชการมากท่ีสุด (ตาราง ที่ 9)
ตารางที่ 9 รฐั บาลทคี่ อรร์ ปั ชนั มากทส่ี ดุ และรฐั บาลทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพมากทส่ี ดุ ตามทศั นะและประสบการณ์ ของผปู้ ระกอบการ รัฐบาลชดุ รฐั บาลทีค่ อรร์ ัปชันมากท่ีสดุ รฐั บาลทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพมากทส่ี ดุ ขอรอ้งผยตู้ลอะ บ อนั ดบั ขอรอ้งผย้ตูลอะ บ อนั ดับ รฐั บาลพ.ต.ท.ดร.ทกั ษิณ ชินวตั ร 23.5 1 25.5 1 รฐั บาลนายชวน หลีกภัย 19.8 2 21.5 2 รัฐบาลนายสมัคร สนุ ทรเวช 17.7 3 11.2 5 รฐั บาลนายสมชาย วงศ์สวัสด ์ิ 17.1 4 7.5 6 รัฐบาลนายอภสิ ิทธ์ิ เวชชาชีวะ 12.3 5 17.4 3 รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ 9.5 6 17.0 4 รวม 100.0 100.0 ทมี่ า: เสาวณยี ์ ไทยรุง่ โรจน์ และคณะ, 2552 3.4 คุณภาพและประสิทธิภาพการให้ เม่ือแบ่งการบริการจากหน่วยงานของรัฐเป็น บรกิ ารของหนว่ ยราชการ 5 หมวดใหญ่ ได้แก่ หมวดของกฎระเบียบปฏิบัติ 72 การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการใน และกระบวนยุติธรรม หมวดสาธารณูปโภค หมวด แต่ละภาคธุรกิจน้ัน จำเป็นต้องมีการติดต่อกับ การบริการด้านสาธารณสุข หมวดงานด้านความ วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. หน่วยราชการต่างๆ การติดต่อเหล่าน้ันเป็นการ มั่นคงและหมวดด้านนโยบาย โดยให้หน่วยธุรกิจ รับการบริการจากภาครัฐ คุณภาพที่ดีของการให้ จัดลำดับคุณภาพและประสิทธิภาพของการให้ ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 บริการจากภาครัฐเป็นผลช่วยอำนวยความสะดวก บริการของแต่ละหน่วยงานของรัฐ โดยให้คะแนน ในการดำเนินธุรกิจ และในทางตรงกันข้ามการ เรยี งลำดับ 6 ขนาด คือ จากดีมากถึงแย่มาก ผลท่ี บริการจากภาครัฐท่ีไม่มีคุณภาพสามารถขัดขวาง แสดงนั้นหน่วยธุรกิจ ส่วนใหญ่เห็นว่า ด้าน การดำเนินและการพัฒนาของธุรกิจได้ ผลการ สาธารณูปโภคเป็นการบริการจากหน่วยงานของรัฐ สำรวจแสดงให้เห็นว่าหน่วยธุรกิจส่วนใหญ่เห็นว่า ที่ดีที่สุด ขณะที่หมวดด้านความม่ันคง และ คุณภาพและประสิทธิภาพโดยทั่วไปของการให้ ด้านนโยบายเป็นการบริการทแ่ี ย่ท่ีสดุ (ตารางท่ี 10 บรกิ ารจากหนว่ ยงานภาครฐั อยใู่ นเกณฑ์ “คอ่ นขา้ งด”ี และแผนภาพที่ 2)
ตารางที่ 10 คุณภาพและประสิทธิภาพการให้บริการของหน่วยราชการในปัจจุบันจำแนกตามหมวด การใหบ้ รกิ าร (หน่วย: ร้อยละของผตู้ อบ) ประสิทธภิ าพการให้บริการของหน่วยราชการในปจั จบุ ัน ดมี าก ด ี ค่อนข้าง ค่อนขา้ ง แย ่ แย ่ ไม ่ กฎระเบยี บปฏบิ ตั แิ ละ ด ี แย่ มาก สามารถ กระบวนยุตธิ รรม ประเมิน ได้ 7.6 24.2 27.0 18.8 14.2 3.5 4.8 สาธารณปู โภค 8.9 27.6 32.5 15.8 7.6 1.7 5.9 บรกิ ารดา้ นสาธารณชน 14.1 24.0 29.4 13.7 12.3 3.5 3.0 ความมน่ั คง 3.5 22.9 37.4 18.6 10.5 3.6 3.6 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. นโยบาย 4.8 21.0 34.5 22.9 10.8 3.0 3.1 ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 ที่มา: เสาวณยี ์ ไทยร่งุ โรจน์ และคณะ, 2552 แผนภาพท่ี 2 คะแนนวดั คณุ ภาพและประสทิ ธภิ าพการใหบ้ รกิ ารของหนว่ ยราชการแบง่ ตามหมวดการ 73 ใหบ้ รกิ าร แย่มาก ดีมาก ทม่ี า: เสาวณยี ์ ไทยรุง่ โรจน์ และคณะ, 2546 และ 2552
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากคะแนน กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมทางหลวง วัดคุณภาพและประสิทธิภาพการให้บริการของ การประปา หน่วยงานด้านศุลกากร หน่วยงาน หน่วยราชการในปัจจุบันหน่วยงานทั้งหมด เก่ียวกับการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย โดยคำนวณเป็นค่าคะแนนตั้งแต่ 1 ถึง 6 พบว่า กรมทางหลวงชนบท บริการด้านสาธารณสุข สถานการณ์โดยรวมในปัจจุบันของคุณภาพและ บริการด้านการศึกษา หน่วยงานเกยี่ วกับภาษีอากร ประสิทธิภาพของการบริการจากหน่วยงานของรัฐ คณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี กรุงเทพมหานคร ดีข้ึนเมื่อเทียบกับปี 2546 แสดงให้เห็นว่าคุณภาพ ทหาร ตำรวจท้องที่ ตำรวจทางหลวง/จราจร และประสิทธิภาพของการบริการจากหน่วยงาน องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การ ของรฐั ดขี นึ้ กวา่ ในอดตี โดยการไฟฟา้ และการเคหะ บริหารส่วนท้องถ่ินเทศบาล สำหรับหน่วยงาน แห่งชาติ ได้รับการจัดลำดับแรกท่ีให้เป็นหน่วยงาน ที่ได้รับการจัดลำดับท้ายๆ ได้แก่ องค์การบริหาร ท่ีมีคุณภาพและประสิทธิภาพการให้บริการดี ส่วนตำบล (อบต.) และหน่วยงานท่ีให้ใบอนุญาต ตามมาดว้ ยหนว่ ยงานเกยี่ วกบั กระบวนการยตุ ธิ รรม ประกอบการคา้ (แผนภาพที่ 3) 74 วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553
แผนภาพท่ี 3 คะแนนคณุ ภาพและประสทิ ธิภาพการให้บรกิ ารของหนว่ ยราชการ วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 75 แย่มาก ดีมาก ท่มี า: เสาวณยี ์ ไทยร่งุ โรจน์ และคณะ, 2546 และ 2552
3.5 การจ่ายสินบน: ประเพณีปฏิบัติ เงินพิเศษหรือเงินใต้โต๊ะน้ีได้กลายเป็นประเพณี ในการดำเนินธรุ กิจ ปฏิบัติสำหรับภาคธุรกิจ โดยประมาณ 69% ของ เมอ่ื ระบบราชการมคี วามลา่ ชา้ ผปู้ ระกอบการ ผู้ประกอบการยอมรับว่าเป็นเร่ืองธรรมดา (ทุกคร้ัง ธุรกิจจึงพยายามหาความสะดวก โดยการจ่ายเงิน บ่อยครั้ง และค่อนข้างบ่อย) ท่ีธุรกิจจะต้องจ่าย พิเศษหรือเงินใต้โต๊ะ เพ่ือแลกกับการอำนวยความ เงินพิเศษดังกล่าวให้แก่เจ้าหน้าท่ีของรัฐ เพื่อให้ สะดวกตามทตี่ อ้ งการ จากผลสำรวจ พบวา่ การจา่ ย การติดต่อราชการได้รับการอำนวยความสะดวก (แผนภาพท่ี 4) แผนภาพที่ 4 ความคดิ เหน็ ของหนว่ ยธรุ กจิ ตอ่ ประเดน็ ทวี่ า่ “เปน็ เรอื่ งธรรมดาทต่ี อ้ งจา่ ยเงนิ เพมิ่ พเิ ศษ” (หน่วย: ร้อยละของผู้ตอบ) 100 48 26 4 90 8 16 80 10 10 70 44 32 ไม่เคยเลย 60 34 น้อยมาก 29 คอ่ นข้างน้อย 50 8 คอ่ นข้างบ่อย 2552 บอ่ ยครงั้ 40 ทุกครั้ง 76 30 30 37 20 วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. 10 14 3 ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 0 2546 2544 ทีม่ า: เสาวณยี ์ ไทยรุ่งโรจน์ และคณะ, 2544, 2546 และ 2552 ในกรณีท่ีจำเป็นต้องจ่ายเงินพิเศษน้ี ค่อนข้างบ่อย” เป็นที่รู้ล่วงหน้าว่าจะต้องมีการ ประมาณ 62% ตอบว่า “ทุกคร้ัง บ่อยครั้ง และ “จ่ายเงนิ เพ่ิม” ข้นึ อีกเป็นจำนวนเท่าใด (แผนภาพ ที่ 5)
แผนภาพที่ 5 ความคิดเห็นของหน่วยธุรกิจต่อประเด็นท่ีว่า “เมื่อต้องจ่ายเงินพิเศษเป็นท่ีรู้ล่วงหน้าว่า ต้องจ่ายเป็นจำนวนเงนิ เทา่ ใด” (หน่วย: รอ้ ยละของผตู้ อบ) 100 10 84 7 90 10 17 17 80 13 70 33 ไม่เคยเลย 60 35 นอ้ ยมาก 25 ค่อนขา้ งน้อย 50 50 4 คอ่ นขา้ งบ่อย 40 12 2552 บอ่ ยครง้ั 30 ทุกครั้ง 20 28 20 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. 10 05 2 ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 2544 2546 ทีม่ า: เสาวณยี ์ ไทยรงุ่ โรจน์ และคณะ, 2544, 2546 และ 2552 อยา่ งไรกต็ าม โดยสว่ นใหญห่ ลงั จากจา่ ยเงนิ สะดวกตามที่ได้ตกลงกันไว้ โดยผู้ตอบเห็นด้วย 77 พเิ ศษแล้ว ธรุ กจิ ทจ่ี า่ ยเงนิ จะได้รบั การอำนวยความ “ทุกคร้ัง บ่อยคร้ัง และค่อนข้างบ่อย” ถึง 65% ของผู้ตอบท้งั หมด (แผนภาพท่ี 6) แผนภาพท่ี 6 ความคดิ เหน็ ของหนว่ ยธรุ กจิ ตอ่ ประเดน็ ทว่ี า่ “เมอ่ื ธรุ กจิ จา่ ย “เงนิ พเิ ศษ” แลว้ ธรุ กจิ มกั จะ ได้รับการอำนวยความสะดวกตามที่ไดต้ กลงกนั ไว”้ (หนว่ ย: ร้อยละของผู้ตอบ) 100 742 163 6 90 16 14 80 34 21 70 43 33 ไม่เคยเลย 60 นอ้ ยมาก 11 ค่อนขา้ งน้อย 50 2552 คอ่ นข้างบ่อย บ่อยครง้ั 40 49 ทกุ ครั้ง 30 22 20 10 22 6 0 2546 2544 ที่มา: เสาวณยี ์ ไทยรุ่งโรจน์ และคณะ, 2544, 2546 และ 2552
การจา่ ยเงนิ พเิ ศษแกเ่ จา้ หนา้ ทค่ี นหนง่ึ มกั จะ โดยมผี ตู้ อบเหน็ ดว้ ย “ทกุ ครงั้ บอ่ ยครง้ั และคอ่ นขา้ ง เป็นผลให้เจ้าหน้าท่ีคนอ่ืนๆ เรียกร้องเงินพิเศษบ้าง บอ่ ย”ประมาณ59%ของผตู้ อบทงั้ หมด(แผนภาพที่7) แผนภาพท่ี 7 ความคดิ เหน็ ของหนว่ ยธรุ กจิ ตอ่ ประเดน็ ทว่ี า่ “เมอ่ื จา่ ยเงนิ พเิ ศษแกเ่ จา้ หนา้ ทค่ี นหนงึ่ แลว้ เป็นผลให้เจา้ หนา้ ทีร่ ายอืน่ เรียกรอ้ ง” (หนว่ ย: ร้อยละของผู้ตอบ) 100 98 367 143 ไม่เคยเลย 80 15 23 น้อยมาก 60 35 61 22 ค่อนขา้ งน้อย 40 ค่อนข้างบ่อย 20 25 21 30 บอ่ ยครงั้ 08 3 ทกุ ครัง้ 2546 6 2544 2552 ทม่ี า: เสาวณยี ์ ไทยรงุ่ โรจน์ และคณะ, 2544, 2546 และ 2552 จากผลการสำรวจมีผู้ตอบ 57% เท่านั้นท่ี ได้รับการบริการท่ีตรงไปตรงมาโดยไม่จำเป็นต้อง เหน็ ดว้ ย “ทกุ ครั้ง และบอ่ ยครงั้ ” วา่ เมื่อเจ้าหน้าที่ จ่าย “เงินพิเศษ” ได้ ผู้ตอบ 43% ไม่เห็นด้วยเลย 78 ของรัฐกระทำผิดระเบียบเขาสามารถไปพบกับ เห็นด้วยน้อยมาก และเห็นด้วยค่อนข้างน้อยกับ เจา้ หนา้ ที่ทา่ นอื่น หรอื พบกบั ผู้บงั คับบัญชา เพอื่ ให้ กรณีดังกลา่ ว (แผนภาพท่ี 8) วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. แผนภาพท่ี 8 ความคิดเห็นของหน่วยธุรกิจต่อประเด็นที่ว่า “หากเจ้าหน้าท่ีรัฐทำผิดระเบียบ ผู้ตอบ ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 สามารถพบกับเจ้าหน้าท่ีท่านอ่ืน หรือพบกับผู้บังคับบัญชา เพ่ือให้ได้รับการบริการท่ี ตรงไปตรงมาโดยไม่จำเป็นตอ้ งจา่ ย “เงนิ เพิม่ ” ใดๆ” (หนว่ ย: ร้อยละของผตู้ อบ) 100 17 84 8 ไมเ่ คยเลย 80 21 17 25 นอ้ ยมาก 60 26 50 10 คอ่ นข้างน้อย 7 28 ค่อนข้างบอ่ ย 40 20 23 20 24 บอ่ ยครงั้ 06 2 6 ทุกครง้ั 2544 2546 2552 ทีม่ า: เสาวณยี ์ ไทยรงุ่ โรจน์ และคณะ, 2544, 2546 และ 2552
กรณีท่ีจำเป็นต้องจ่ายเงินพิเศษนี้ กลุ่ม เอย่ ปาก กลมุ่ ตวั อยา่ ง 24% ตอบวา่ กจิ การเสนอจา่ ย ตวั อยา่ งเกนิ กวา่ ครง่ึ (55%) ตอบวา่ เปน็ ทร่ี ลู้ ว่ งหนา้ ให้เองเพ่อื ความสะดวก กลุ่มตวั อยา่ ง 20% ตอบวา่ ว่าจะต้องจ่ายเท่าใด จ่ายอย่างไร โดยไม่ต้องมีใคร เจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั เป็นผ้เู รียกรอ้ งและบอกจำนวนเงนิ (แผนภาพที่ 9) แผนภาพท่ี 9 เหตุการณท์ เี่ กิดข้นึ บ่อยกรณที จ่ี ำเป็นต้องจา่ ย “เงินเพ่มิ ” (หน่วย: ร้อยละของผตู้ อบ) 100 90 26 80 70 52 55 60 จเป่าน็ยทเท่รี า่ ู้จใักดวโา่ ดจยะไตมอ้ ่ตงอ้ จง่ามยีใอคยร่าเองไ่ยร และ วารสารวิชาการ ป.ป.ช. 50 40 23 61 กิจการเสนอจา่ ยให้เอง เพื่อความสะดวก ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 30 24 เจา้ หน้าทีร่ ฐั เรียกร้องใหจ้ า่ ย 20 79 10 25 13 20 0 2544 2546 2552 ทีม่ า: เสาวณีย์ ไทยรุง่ โรจน์ และคณะ, 2544, 2546 และ 2552 3.6 สาเหตุท่ีทำให้เกิดสถานการณ์การ คือ สภาพการทำงานเปิดโอกาสเอ้ืออำนวยต่อการ ทจุ รติ จากมุมมองนักธรุ กจิ กระทำทุจริต กระบวนการปฏิบัติงานมีช่องโหว่ ในการศึกษาถึงสาเหตุของปัญหาการ คิดเป็นร้อยละ 10.7 โดยมีสาเหตุของปัญหา ทุจริตคอร์รัปชันในหน่วยงานราชการในปัจจุบัน อื่นๆ ในเร่ืองการดำเนินงานท่ีมีความซ้ำซ้อน นักธุรกิจเห็นว่าปัจจัยท่ีเป็นสาเหตุของปัญหา หลายข้ันตอนขาดความโปร่งใส ที่นักธุรกิจให้ ท่ีมีความสำคัญเป็นอันดับที่ 1 คือ วัฒนธรรม ความสำคัญในลำดบั รองลงมาตามลำดับ (แผนภาพ เงินใต้โต๊ะ คิดเป็นร้อยละ 12.5 ลำดับรองลงมา ที่ 10)
แผนภาพท่ี 10 สาเหตุของปัญหาการทจุ รติ คอรร์ ัปชนั ในหนว่ ยงานราชการในปจั จบุ นั (หน่วย: ร้อยละของผ้ตู อบ) ขาดระบบตรวจสอบท่มี คี ุณภาพ 5.8 ขาดกลไกในการลงโทษและการบังคับใชก้ ฎหมาย 6.6 วฒั นธรรมเงินใตโ้ ตะ๊ การจดั สรรงบประมาณแผ่นดนิ ไมม่ ีประสิทธิภาพ 12.5 สภาพการทำงานเปดิ โอกาส เอื้ออำนวยต่อการกระทำทจุ รติ 6.8 กระบวนการ... หน่วยงานขาดเปา้ หมายในการปฏบิ ตั ิงานทีช่ ดั เจน 10.7 การดำเนนิ งานที่มีความซำ้ ซอ้ น หลายข้ันตอน ขาดความโปร่งใส ขาดหลกั เกณฑ์และมาตรฐานทช่ี ัดเจนในการตดั สนิ ใจ 6.8 การบริหารงานขาดประสทิ ธิภาพ 8.4 ระบบความสมั พันธ์ของเจ้านายและลูกน้องสามารถแบ่งปัน 5.4 ผลประโยชนก์ ันได้ 7.4 80 ผูบ้ ังคบั บัญชาไมเ่ ป็นแบบอยา่ งทีด่ ี 7.2 เจ้าหน้าทขี่ องรฐั ไดร้ บั ค่าตอบแทนตำ่ ไม่สมั พันธก์ บั หนา้ ที่รับผิดชอบ เจ้าหน้าท่ขี องรฐั ขาดคุณธรรมและไม่ปฏบิ ัตติ ามจรรยาบรรณ 7.8 วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. 0 7.1 15 ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 ที่มา: เสาวณีย์ ไทยรุง่ โรจน์ และคณะ, 2552 7.5 5 10 % ของผตู้ อบ
ในการประเมนิ การเปลย่ี นแปลงสาเหตขุ อง สาเหตุของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในหน่วยงาน ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในหน่วยงานราชการใน ราชการไทยในเร่ืองต่างๆ ยังคงเหมือนเดิมใน 5 ปี 5 ปีทีผ่ า่ นมา จากความคิดเหน็ ของนกั ธุรกจิ พบว่า ที่ผา่ นมา (ตารางท่ี 11) ตารางที่ 11 การเปลย่ี นแปลงสาเหตขุ องปญั หาการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ในหนว่ ยงานราชการใน 5 ปที ผี่ า่ นมา (หนว่ ย: รอ้ ยละของผู้ตอบ) สาเหตุของการทุจรติ คอร์รปั ชัน สถานการณใ์ น 5 ปีที่ผา่ นมา เจา้ หน้าที่ของรฐั ขาดคุณธรรมและ มากข้ึน คงเดมิ นอ้ ยลง ไม่ทราบ ไม่ปฏบิ ัตติ ามจรรยาบรรณ 29.6 41.1 20.2 9.1 เจ้าหนา้ ของรฐั ได้รับคา่ ตอบแทนตำ่ 16.7 47.2 20.6 15.5 ไมส่ มั พนั ธ์กบั หน้าทรี่ บั ผดิ ชอบ ผบู งั คับบัญชาไมเ่ ปน็ แบบอยา งทดี่ ี 16.5 35.9 28.7 18.9 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ระบบความสมั พันธข์ องเจา้ นายและลูกนอ้ ง 19.4 29.6 37.0 14.0 สามารถแบ่งปัน ผลประโยชนก นั ได้ 19.5 38.3 26.3 15.9 ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 การบรหิ ารงานขาดประสิทธภิ าพ 19.1 39.4 26.9 14.6 ขาดหลักเกณฑแ์ ละมาตรฐานทชี่ ัดเจน 21.9 36.5 30.8 10.8 81 ในการตัดสนิ ใจ การดำเนนิ งานที่มคี วามซ้ำซอ้ น หลายขั้นตอน ขาดความโปรง่ ใส หนว ยงานขาดเปา้ หมายในการปฏบิ ัติงานท่ชี ัดเจน 16.8 44.1 27.9 11.1 สภาพการทำงานเปิดโอกาส เออื้ อำนวยต่อการ 23.1 36.8 27.8 12.3 กระทำทุจริต กระบวนการปฏบิ ัติงานมชี อ่ งโหว่ การจดั สรรงบประมาณแผน่ ดินไม่มปี ระสทิ ธภิ าพ 17.8 35.8 28.6 17.8 วัฒนธรรมเงนิ ใตโ้ ต๊ะ 24.0 40.4 27.8 7.8 ขาดกลไกในการลงโทษและการบงั คับใชก้ ฎหมาย 17.3 45.1 25.7 11.9 ขาดระบบตรวจสอบที่มคี ณุ ภาพ 17.4 43.1 29.9 9.6 ท่มี า: เสาวณยี ์ ไทยรุ่งโรจน์ และคณะ, 2552
อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่า ความเห็น ต่างๆ มีแนวโน้มความรุนแรงอยู่ในระดับค่อนข้าง เร่ืองการเปลี่ยนแปลงสาเหตุของปัญหาการทุจริต คงเดิมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมีคะแนนความรุนแรง คอร์รัปชันในหน่วยงานราชการใน 5 ปีที่ผ่านมา ของสาเหตขุ องปญั หาการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ฯ ในเรอื่ ง โดยคำนวณเป็นคะแนนต้ังแต่ 1 ถึง 3 พบว่า ตา่ งๆ อยรู่ ะหวา่ งระดบั 1.8-2.0 แตก่ ารท่ีเจา้ หนา้ ที่ สถานการณ์สาเหตุของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ของรัฐขาดคณุ ธรรมและไมป่ ฏบิ ัติตามจรรยาบรรณ ในหน่วยงานราชการไทยใน 5 ปีที่ผ่านมาในเรื่อง กลับมีแนวโนมมากข้ึนซ่ึงมีคะแนนความรุนแรง ระดบั 2.1 (แผนภาพที่ 11) แผนภาพท่ี 11 คะแนนความรนุ แรงของสาเหตขุ องปญั หาการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ในหนว่ ยงานราชการใน 5 ปี ที่ผ่านมา วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. ขาดระบบตรวจสอบท่มี ีคณุ ภาพ 1.9 ขาดกลไกในการลงโทษและการบงั คับใช้กฎหมาย 1.9 ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 2.0 วัฒนธรรมเงินใต้โตะ๊ 1.9 การจดั สรรงบประมาณแผน่ ดนิ ไมม่ ปี ระสทิ ธิภาพ 1.9 3.0 สภาพการทำงานเปิดโอกาส เอื้ออำนวยต่อการกระทำทุจรติ กระบวนการ... 1.9 มากขนึ้ 1.9 82 1.9 หนว่ ยงานขาดเปา้ หมายในการปฏบิ ตั ิงานที่ชัดเจน 1.9 การดำเนินงานทมี่ คี วามซำ้ ซ้อน หลายข้ันตอน ขาดความโปรง่ ใส 1.8 1.8 ขาดหลักเกณฑแ์ ละมาตรฐานทชี่ ดั เจนในการตดั สนิ ใจ 2.0 การบรหิ ารงานขาดประสทิ ธภิ าพ 2.1 ระบบความสัมพนั ธข์ องเจ้านายและลกู นอ้ งสามารถแบ่งปนั ผลประโยชน์กนั ได้ ผูบ้ งั คบั บญั ชาไมเ่ ป็นแบบอย่างทีด่ ี 2.0 เจา้ หน้าทีข่ องรัฐไดร้ บั ค่าตอบแทนตำ่ ไมส่ ัมพันธ์กับหนา้ ทร่ี ับผดิ ชอบ เจ้าหนา้ ที่ของรฐั ขาดคุณธรรมและไมป่ ฏิบตั ติ ามจรรยาบรรณ 1.0 นอ้ ยลง ท่ีมา: เสาวณีย์ ไทยร่งุ โรจน์ และคณะ, 2552
3.7 รูปแบบการทุจริตคอร์รัปชันจาก การใช้ข้อมูลภายในกว้านซ้ือที่ดิน มีน้อยลงเมื่อ มุมมองของนกั ธรุ กิจ เทียบกับ 5 ปีที่แล้ว (35% 33% 28% 25% นกั ธรุ กจิ เหน็ วา่ รปู แบบการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั 25% และ 23% ตามลำดับ) อย่างไรก็ตาม ในวงราชการของประเทศไทยในปัจจุบันในเร่ือง นักธุรกิจเห็นว่าในเร่ืองของกระบวนการยื่นซอง การปั้นโครงการข้ึนโดยไม่มีเหตุผลมีมากข้ึน และเปิดซองไม่โปร่งใส สัญญากำกวมเปิดช่อง เมือ่ เทยี บกับ 5 ปีที่แลว้ (19%) ในขณะท่ีนกั ธรุ กจิ ใช้ดุลพินิจ การล็อคสเป็ค การลดงาน/แก้แบบเพ่ือ เห็นว่าในเร่ืองของการกำหนดราคากลาง ช่วยการเลี่ยงภาษี และการเลือกจุดตรวจสอบเพื่อ ไม่เหมาะสม การเรียกเงินพิเศษในขั้นตอน รบั มอบงาน/ไมต่ รวจสอบคณุ ภาพวสั ดเุ ออ้ื ประโยชน์ การตรวจรับงาน การสร้างมูลค่าเพ่ิมให้แก่ ต่อผู้รับเหมา ยังคงมีเหมือนเดิมเมื่อเทียบกับ 5 ปี ผลอามสิ โดยมชิ อบ/เปน็ เทจ็ การฮวั้ ประมลู การเลอื ก ทแี่ ลว้ (35% 32% 28% 28% และ 27% ตามลำดบั ) เส้นทางตัดถนนให้ผ่านท่ีดินของพวกพ้อง และ (ตารางท่ี 12) วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ตารางท่ี 12 รูปแบบการทุจรติ คอรร์ ัปชนั ในปัจจบุ ันเทยี บกับ 5 ปที แี่ ลว้ ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 รูปแบบการทุจรติ คอร์รปั ชัน การเปลย่ี นแปลง (รอ้ ยละของผูต้ อบ) มากข้นึ คงเดิม นอ้ ยลง ไมท่ ราบ ไม่เคย ปั้นโครงการข้ึนมาโดยไมม่ ีเหตุผล 19.3 19.3 17.5 15.8 28.1 การฮั้วประมลู 8.8 15.8 24.6 22.8 28.1 สญั ญากำกวมเปิดชอ่ งใชด้ ุลพินจิ 7.0 31.6 17.5 21.1 22.8 83 ลอ็ คสเป็ค 12.3 28.1 15.8 19.3 24.6 เลือกเสน้ ทางตดั ถนนใหผ้ ่านท่ีดนิ ของพวกพ้อง 1.8 22.8 24.6 21.1 29.8 ใช้ขอ้ มูลภายในกวา้ นซ้ือทด่ี นิ 14.0 12.3 22.8 28.1 22.8 การสร้างมลู คา่ เพิ่มให้แกผ่ ลอามิส 7.0 24.6 28.1 17.5 22.8 โดยมชิ อบ/เป็นเท็จ กำหนดราคากลางไมเ่ หมาะสม 7.0 21.1 35.1 15.8 21.1 กระบวนการยื่นซองและเปดิ ซองไม่โปรง่ ใส 3.5 35.1 26.3 12.3 22.8 ลดงาน/แก้แบบเพือ่ ชว่ ยการเลี่ยงภาษ ี 7.0 28.1 24.6 15.8 24.6 เรยี กเงินพเิ ศษในขั้นตอนการตรวจรับงาน 8.8 28.1 33.3 12.3 17.5 เลอื กจดุ ตรวจสอบเพอ่ื รบั มอบงาน/ไมต่ รวจสอบ 0.0 26.8 25.0 26.8 21.4 คณุ ภาพวสั ดุเอ้ือประโยชน์ต่อผ้รู บั เหมา ที่มา: เสาวณยี ์ ไทยรงุ่ โรจน์ และคณะ, 2552
4. การอภิปรายผล มิไดล้ ดลงแต่อย่างไร การประเมินสถานการณ์ด้านการทุจริต ในประเทศไทย จากการสำรวจนักธุรกิจในเร่ือง 5. ขอ้ เสนอแนะ ทัศนะและประสบการณ์เก่ียวกับการทุจริตใน ผลการศึกษาน้ีสามารถนำไปสู่ข้อเสนอ ประเทศไทยในปจั จบุ นั พบวา่ สถานการณก์ ารทจุ รติ แนะแนวทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ยงั คงอย่ใู นระดบั เท่าเดมิ เม่ือเทียบกบั 5 ปีทผี่ ่านมา คอร์รัปชันได้โดยเฉพาะในด้านของสาเหตุของการ ขณะท่ีจำนวนเงินพิเศษหรือต้นทุนที่นักธุรกิจ ทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ซงึ่ มไิ ดม้ แี นวโนม้ ความรนุ แรงลดลง ต้องจ่ายใหแ้ กห่ นว่ ยงานต่างๆ ตอ่ ปเี พมิ่ ข้ึนมากกว่า ในทุกสาเหตุ จึงควรมีการเข้าไปแก้ปัญหาให้ถูกจุด 5 ปีท่ีผ่านมา โดยท่ีนักธุรกิจยอมรับว่าการจ่ายเงิน ในสาเหตเุ หลา่ นนั้ นอกจากนี้ จากการทผ่ี ลการศกึ ษา พิเศษเป็นเร่ืองธรรมดาท่ีทำกันจนเป็นธรรมเนียม พบว่ารูปแบบและวิธีของการทุจริตคอร์รัปชันมี ปฏบิ ัติ และเปน็ ทร่ี กู้ ันวา่ ควรจา่ ยเทา่ ไร จ่ายอย่างไร พัฒนาการและมีความหลากหลาย ถ้าหน่วยงานท่ี โดยไม่ต้องมีใครเอ่ยปาก ขณะที่ส่วนใหญ่เมื่อจ่าย เก่ียวข้องใช้ข้อมูลจากการศึกษานี้เป็นแนวทาง เงินแล้วธุรกิจมักจะได้รับการอำนวยความสะดวก ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ตามทตี่ กลงกันไว้ ก็ จ ะ ส า ม า ร ถ ช่ ว ย ใ น ส ถ า น ก า ร ณ์ ก า ร ทุ จ ริ ต ในเรื่องสาเหตุสำคัญของการทุจริต คอรร์ ัปชันในประเทศไทยดีข้นึ ในอนาคต คอร์รัปชันน้ัน นักธุรกิจเห็นว่าเกิดจากการท่ี เจ้าหน้าที่ของรัฐขาดคุณธรรมและไม่ปฏิบัติ บรรณานกุ รม 84 ตามจรรยาบรรณ ซึ่งเป็นสาเหตุที่มีแนวโน้ม เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ และคณะ. “สภาพแวดล้อมทางธรุ กิจและ มากข้ึนเมื่อเทียบกับ 5 ปีท่ีผ่านมา ส่วนสาเหตุ ทัศนคติของผู้ประกอบการต่อการให้บริการของ วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. อื่นๆ อาทิ เร่ืองของการขาดระบบการตรวจสอบ ภาครัฐ” รายงานการวิจัยคอร์รัปชันในประเทศไทย. สำนกั งาน ก.พ., 2544 ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 ที่มีคุณภาพ การบริหารงานขาดประสิทธิภาพ ________________. สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและ ข า ด ก ล ไ ก ใ น ก า ร ล ง โ ท ษ แ ล ะ ก า ร บั ง คั บ ใ ช้ ผลกระทบของการจ่ายสินบนของภาคธุรกิจไทย. กฎหมายกลับเป็นสาเหตุของการคอร์รัปชัน กรงุ เทพมหานคร มหาวทิ ยาลัยหอการคา้ ไทย, 2546. ท่ีมีแนวโน้มคงเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็น เร่ืองคุณภาพและประสิทธิภาพการให้บริการของ ภาครัฐ ซ่ึงมักเป็นข้ออ้างและเหตุผลสำคัญของ การท่ีธุรกิจจ่ายเงินพิเศษให้แก่ข้าราชการท่ี ทุจริต กลับพบว่าในรอบ 5 ปีที่ผ่านมานักธุรกิจ ประเมินว่าหน่วยงานราชการส่วนใหญ่มีการ ปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพการให้บริการ ได้ดีข้ึนอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามถึงแม้คุณภาพ การให้บริการของภาครัฐจะดีขึ้นแต่สถานการณ์ จ่ายเงินพิเศษของนักธุรกิจแก่ข้าราชการที่ทุจริต
ภูมิภาค ภาคผนวก จำนวนตัวอย่าง (ตวั อยา่ ง) 1. กรุงเทพฯ และปริมณฑล 158 จงั หวัดตวั อยา่ ง และจำนวนตวั อย่าง 2. ภาคเหนือ จังหวัด 30 3. ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื 39 4. ภาคใต้ กรุงเทพมหานคร ปทมุ ธานี สมทุ รสาคร 33 5. ภาคตะวันออก สมุทรปราการ นครปฐม และนนทบรุ ี 38 6. ภาคกลาง เชยี งใหม่ ลำปาง และลำพูน 37 นครราชสมี า ชยั ภมู ิ และบุรรี ัมย ์ 335 สงขลา ปตั ตานี และยะลา ชลบรุ ี จนั ทบุรี และระยอง พระนครศรอี ยธุ ยา สระบรุ ี และสุพรรณบุรี รวมท้ังหมด กลุม่ ตวั อยา่ งมกี ารกระจายตามภาคของธุรกิจดังนี้ วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ภาคของธุรกิจ จำนวนกจิ การ % ของตัวอยา่ ง ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 การผลติ (รวมเกษตรและเหมอื งแร)่ 112 36.4 32.8 การบริการ 110 30.8 85 การค้า (รวมค้าส่งและคา้ ปลกี ) 103 100.0 รวม 335 ขนาดของธุรกิจ กล่มุ ตัวอยา่ งมีการกระจายตามขนาดของธุรกจิ ดังนี้ % ของตวั อย่าง เลก็ รวม 35.6 กลาง จำนวนกิจการ 34.3 ใหญ ่ 119 30.1 115 100.0 101 335
ทจุ ริตระดบั รากหญา้ กบั ความล้มเหลวในการพฒั นาชนบทไทย* วันเพญ็ สุรฤกษ์** บทคัดยอ่ ตามคุณภาพและปริมาณแล้ว ยังมีที่ไม่ได้ของตาม บทความเรื่อง “ทุจริตระดับรากหญ้ากับ เป้าหมายหรือตามความจำเป็นของพื้นท่ีและชุมชน ความล้มเหลวในการพัฒนาชนบทไทย” เป็นการ หรือแม้แต่การพัฒนาที่ผิดกลุ่มเป้าหมาย โดยกลุ่ม รวบรวมขอ้ มลู เกี่ยวกับการทจุ รติ ในโครงการพฒั นา ผทู้ จุ รติ ทำถกู ตอ้ งตามระเบยี บและกฎหมายทกุ อยา่ ง ของรัฐในพ้ืนท่ีหรือท้องถิ่นชุมชนชนบทและ ด้วยการร่วมโกงกินของทุกส่วนท่ีเก่ียวข้องเป็น เมืองช่วงระยะเวลา 30 ปีท่ีผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เครอื ขา่ ยไมว่ า่ จะเปน็ ภาครฐั ภาคธรุ กจิ เอกชน และ ผลที่พบในภาพรวมก็ไม่แตกต่างกัน คือเมื่อใดท่ี ภาคประชาชนบางส่วนหรือบางคนอย่างเป็นระบบ โอกาสเอ้ือจะด้วยเหตุผลจากสภาวะบีบค้ัน กรณีเหล่านี้ชาวบ้านหรือชาวชุมชนท้องถิ่นเมือง 86 ทางสงั คมเศรษฐกจิ หรอื ความยากจน หรอื จากกเิ ลส และชนบทบางรายท่ีสุจริตจึงต้องเป็นแพะรับบาป ตัณหา ความโลภ ความอยาก ความเห็นแก่ตัว ถูกฟ้องร้อง จ่ายค่าปรับ หรือแม้แต่ถูกจำคุกแทน วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. และการขาดคุณธรรมและความซ่ือสัตย์สุจริต ดว้ ยความรไู้ ม่เทา่ ทนั กลโกงของกลมุ่ ทุจรติ ก็ตาม สภาวะการโกงกินหรือฉ้อราษฎร์บังหลวง แนวทางและมาตรการแก้ไขป้องกัน ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 หรือการทุจริตคอร์รัปชันย่อมเกิดข้ึนได้เสมอ ทั้งที่ การทุจริตระดับรากหญ้าหรือชุมชนจำเป็น ทำร่วมกันเป็นกลุ่มหรือคณะอย่างที่พบส่วนใหญ่ ต้องทำทั้งระยะยาว ด้วยการปลูกจิตสำนึกให้ มากกว่าจะทำคนเดียว ลักษณะการทุจริตที่เป็น ประชาชนทุกคนมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอย่าง ความล้มเหลวของรัฐและพบมากท่ีสุดในงาน ต่อเนื่องตลอดเวลา โดยเน้นกลุ่มเด็กเล็กและ พัฒนาท้ังทางสังคมและเศรษฐกิจของชาวชุมชน เยาวชน ด้วยสังคมครอบครวั และสถาบนั การศกึ ษา รากหญ้าท่ัวไป ก็คือ การทุจริตในการจัดซ้ือจัดจ้าง เป็นสำคัญ และมาตรการระยะสั้นท่ีต้องทำไป ท่ีประชากรเป้าหมายนอกจากจะไม่ได้ของ พร้อมๆ กัน คือการไม่ยอมรับ หรือการกีดกัน * เน้ือหาสาระในบทความน้ีได้เรียบเรียงจาก “powerpoint” (ไทย-อังกฤษ) ท่ีนำเสนอในการประชุม “Conference on Evidence-Based Anti-Corruption Policy, organized by Thailand’s National Anti-Corruption Commission (NACC) in collaboration with the World Bank, 5-6 June 2009, Siam City Hotel, Bangkok, Thailand. (ผเู้ ขยี นจำเป็นต้องขอสงวนชือ่ บุคคลและสถานทต่ี ่างๆ เพื่อความปลอดภยั ของผ้ใู หข้ ้อมูล) ** ศาสตราจารย์เกียรติคุณสาขาวิชาภูมิศาสตร์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารมูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท (FEDRA) อนกุ รรมการฝ่ายวิจยั สำนกั งานปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรรมการสภาวชิ าการมหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ และกรรมการอำนวยการประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่
ทางสังคมสำหรับผู้ทุจริตร่วมกับมาตรการติดตาม to indulge in corruption. In some cases, วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ประเมินผล และการใช้ส่ือประชาสัมพันธ์ทุก villagers or urban residents became the รปู แบบ ชว่ ยสร้างความเข้าใจ เข้าถงึ และตรวจสอบ scapegoats, being sued, fined, or imprisoned ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 การพฒั นาจากประชากรเปา้ หมาย ผไู้ ดร้ บั ประโยชน์ as the result of their being ill-informed of โดยตรงตอ่ ไป the tactics of those indulging in corrupt 87 This article on “Corruption at the practices. The guidelines and measures to Grassroots Level and the Failure of Thai prevent corruption at the grassroots or Rural Development” is the result of the community levels must be designed for compilation and analysis of information on both the long- and short-term. In the long- corruption in the government’s development term, the public has to be inculcated with projects in rural and urban areas over the social consciousness to enable them to past 30 years, with the findings revealing distinguish between proper and improper the state of corruption to be unchanged. conduct, with initial focus on juveniles and Corruption occurs whenever an opportunity youths through family and schools. In the arises, whether from an economic crisis, short-term, one measure to be launched poverty, greed, selfishness, or the lack of should be widespread zero tolerance of morality and integrity, being perpetrated and/or the imposition of social sanctions either by an individual or, more frequently, against the perpetrators of corruption by a group. High levels of corruption, signi- along with the establishment of watchdog fying failure on the part of the government, groups. Various forms and channels of mass have been detected in social and economic communication must be utilized to ensure development projects designed for the public understanding, access to information, grassroots community, in the form of the and the monitoring of development projects procurement of materials and equipment by their direct beneficiaries. which were not only substandard in quality and quantity but also unsuited to the needs of คำสำคัญ ทุจริตระดับรากหญ้า, ความล้มเหลว the target area or community. Additionally, ในการพฒั นาชนบทไทย development projects were carried out for the wrong target groups. Groups perpetrating corruption closely followed legal procedures or regulations but exploited loopholes in the processes in both the public and private sectors and, to a lesser extent, civil society,
ก่อนอ่ืนขอให้นิยามศัพท์สำคัญที่อธิบาย นักวิจัย นักวิชาการและผู้สนใจทั่วไป ประเด็นปัญหาที่จะเขียนวิเคราะห์และรายงาน ที่ได้คลุกคลี หรือเข้าไปมีส่วนเก่ียวข้อง หรือ ในเรื่องนี้ คำแรก คือ “ระดับรากหญ้า” หมายถึง สัมผัสกับชนบทไทยไม่ว่าจะเป็นชนบทบน “ระดับครอบครัวของสังคมชนบทหรือระดับ พื้นที่สูง บริเวณหรือแหล่งต้นน้ำลำธารของ หมู่บ้านและชุมชน” ส่วนคำว่า “ชนบท” ประเทศ ท่ีทำมาหากินและต้ังถ่ินฐานของ หมายถึง “ชนบทท่ีสูง” (ที่อยู่อาศัยของ กลุ่มชาติพันธ์ุต่างๆ ชนบททั่วไป ท่ีคนส่วนใหญ่ กลุ่มชาติพันธุ์บนพ้ืนที่สูง ต้ังแต่ระดับ 500 เมตร อาศัยทำมาหากินในพ้ืนที่ราบและท่ีดอนทั่วๆ ไป จากระดับน้ำทะเล ปานกลางขึ้นไป) “ชนบท และชุมชนเมือง บริเวณท่ีอยู่อาศัยอย่างหนาแน่น ท่ัวไป” (ชนบทในท่ีราบและที่ดอน) และ “ชุมชน และแออัดของชาวเมืองยากจนส่วนใหญ่ท่ีบุกรุก เมือง” (ชุมชนแออัดในตัวเมือง) และคำว่า ที่สาธารณะในลักษณะต่างๆ รวมท้ังท่ีราชพัสดุ “การพัฒนาชนบท” ในบทความน้ีหมายความ และท่ีของเทศบาล ซึ่งต่างก็เป็นพื้นที่ระดับ เฉพาะ “การพัฒนาชนบทของรัฐบาลด้วย รากหญ้า หรือพ้ืนที่เป้าหมายหลักในงานพัฒนา โครงการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจ ท่ีมี ทั้งระยะสั้นและระยะยาวของรัฐบาลมาทุกยุค มาในอดีตและปัจจุบัน ซ่ึงผลการวิจัยของผู้เขียน ทุกสมัย ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจท่ีจะได้ พบว่า การพัฒนาตามโครงการเหล่าน้ัน ได้มี รับฟังและรับรู้เก่ียวกับปัญหาการทุจริตงบฯ ประเด็นการทุจริตคอร์รัปชัน ปรากฏเป็นผลพวง ของรัฐบาลมากน้อยไม่แตกต่างกันมากนัก อยจู่ นทุกวนั น”้ี ส่ ว น ใ ห ญ่ แ ล้ ว ถ้ า คิ ด เ ป็ น เ ป อ ร์ เ ซ็ น ต์ จ า ก ง บ ฯ 88 พัฒนาทั้งหมดในแต่ละโครงการหรือแต่ละงาน วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. ทำไม...งานพัฒนาชนบทของรัฐจึง จะอยู่ประมาณร้อยละ 50 ถึงร้อยละ 100 กล่าว ลม้ เหลวหรือไม่บรรลเุ ปา้ หมาย อีกนัยหนึ่งคือ จะมีการทำฎีกาเบิกจ่ายเงินของ ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 รัฐอย่างถูกระเบียบและกฎหมายเกินราคาจริง แม้ว่า รัฐจะมีโครงการพฒั นาดีๆ ทง้ั ทาง ถึงสองเท่าหรือเท่าตัวน่ันเอง ส่วนปัญหาการ เศรษฐกิจและสังคม โดยมีประชากรรากหญ้า ทุจริตรายเล็กรายน้อย ประมาณร้อยละ 20-30 เป็นเปา้ หมายโดยตรง งบประมาณทร่ี ฐั บาลทุม่ เท จากงบประมาณของรัฐจะกระจายอยู่ทั่วไป ให้โครงการพัฒนาเหล่านี้มาแล้วในอดีตและ ในกิจกรรมพัฒนาลักษณะต่างๆ ของสังคม ปัจจุบันรวมแล้วหลายหมื่นหลายแสนล้านบาท หรือชุมชนในหมู่บ้านชนบทและชุมชนเมือง และระยะเวลาที่บริหารจัดการ และดำเนินงาน (ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ประชากรตัวอย่างศึกษา เพ่ือการน้ีที่มีมาก่อนและโดยเฉพาะท่ีเด่นชัด จากชุมชนเมืองและชนบทท่ัวไป จ.เชียงใหม่ และ หลงั จากมแี ผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ จ.ลำพนู ระหวา่ งปี 2547-2552) ก็นานกวา่ 50 ปีแลว้ (กอ่ นและหลงั มีแผนพฒั นาฯ ประเด็นทุจริตระดับรากหญ้าในอดีตและ พ.ศ. 2504-ปัจจุบนั ) ปัจจุบัน ท่ีสามารถตอบคำถามหรือให้เหตุผล สำหรับความล้มเหลวของการพัฒนาชนบทของ ประเทศเราได้อย่างดีว่า เหตุใดจึงล้มเหลวหรือ
ไม่บรรลุเป้าหมายท่ีผู้เขียนได้ระบุไว้แต่แรกน้ัน หรือชุมชนแออัดในตัวเมืองที่ประชากรส่วนใหญ่ คงหนีไม่พ้นโครงการพัฒนาหลักๆ ของรัฐบาล หาเช้ากินค่ำ รับจ้างทั่วไป และค้าขายน้ัน ต่างมี ท่ีช่วยแก้ไขปรับปรุง ส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรม ประเด็นการทุจริตท่ีเป็นเอกลักษณ์ และมีผล ในการดำเนินวิถีชีวิตทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ กระทบต่อแนวทางการพัฒนาประเทศที่ระดับ ซ่ึงรวมทั้งอาชีพหลัก อาชีพเสริม คุณภาพชีวิต ความรุนแรงมากน้อยต่างกัน และส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ-เศรษฐกิจ-สังคม- และมลพิษต่างๆ ซ่ึงผู้เขียนจะได้นำข้อมูลตัวอย่าง 1.1 ชนบทท่สี ูง การทุจริตต่างๆ จากผลการวจิ ัย และจากการไดร้ ับ บริเวณพื้นที่สูงของประเทศไทยปัจจุบัน โอกาสและความไวว้ างใจจากราษฎรระดบั รากหญา้ ทีม่ คี วามสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 500 เมตร ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศมานานกว่า 30 ปี ขนึ้ ไปจนถงึ ประมาณ 1,500-1,600 เมตร ครอบคลมุ จนปัจจุบัน มาเรียบเรียงเป็นบทความวิชาการ พน้ื ที่ 20 จงั หวัด (ภาคเหนือ 8 จงั หวดั คือ จงั หวัด ท่ีมุ่งถ่ายทอดข้อคิดและแนวทางแก้ไขปรับปรุง เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ วารสารวิชาการ ป.ป.ช. หรอื ปอ้ งกนั เพอ่ื ใหภ้ าครฐั และบคุ ลากร ทง้ั เยาวชน น่าน ลำปาง และลำพูน ภาคกลาง 6 จังหวัด ผู้สนใจ และทุกฝ่ายที่เก่ียวข้องเร่งตระหนักและ คือ จังหวัดสุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 รบั ผิดชอบร่วมกัน สำหรับการร่วมดำเนนิ มาตรการ เพชรบูรณ์ สุพรรณบรุ ี และอุทัยธานี ภาคตะวันตก จัดการปอ้ งกนั ล่วงหนา้ ก่อนที่การทจุ รติ คอร์รปั ชัน 5 จังหวัด คือ จังหวัดตาก กาญจนบุรี ราชบุรี ในสังคมไทยจะสั่งสมมากขึ้น จนอาจสายเกินแก้ เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ และภาคตะวันออก หรือจนแก้ไม่ไหว คนในสังคมขาดความรู้สึก เฉียงเหนือเพียงจังหวัดเดียว คือ เลย) ซึ่งเป็น 89 ผิดชอบช่ัวดี แล้วสังคมคนดีจะอยู่ได้อย่างไร ที่รู้จักกันดีว่าเป็นบริเวณต้นน้ำลำธารสำคัญ โดยจะลำดับจากประเด็นการทุจริตในท่ีดิน แหล่งกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยาเส้นเลือด ถือครอง/ที่ดินทำกิน การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อ สายใหญ่ของประเทศและคนไทย เป็นพ้ืนที่ การเกษตร อาชีพหลักของประชากรไทยส่วนใหญ่ ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ การสร้างงานในชนบท และโครงการพัฒนาทาง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และหรือเขตหวงห้ามไม่ให้ สังคมและเศรษฐกิจอื่นๆ ในอดีตและปัจจุบัน มนุษย์เข้าไปทำกิจกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ชั้น ที่เกี่ยวเน่ืองโยงใยถึงกันไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือ คุณภาพลุ่มน้ำช้ันท่ี 1 และ 2 ส่วนชั้นท่ี 3 และ 4 แนวทางการพัฒนาและประเด็นการทุจริตท่ี ต้องใช้พื้นท่ีแบบมีมาตรการอนุรักษ์ควบคู่ไปด้วย คล้ายคลึงหรอื ไมแ่ ตกต่างกนั มากนกั อย่างเข้มงวดตามหลักเกณฑ์ (ยกเว้นช้ันคุณภาพ ลมุ่ นำ้ ชน้ั ที่ 5 ทปี่ ระชากรถอื ครองและทำประโยชน)์ 1. ทุจริตในประเดน็ ที่ดินถอื ครอง/ท่ีดนิ ทำกิน กรณีจำเป็นต้องเปดิ ใช้ทำประโยชน์ ท่ีดินถือครองหรือท่ีดินทำกินในพื้นที่ ปั ญ ห า ส ำ คั ญ ข อ ง พ้ื น ท่ี สู ง ดั ง ก ล่ า ว ชนบท ไม่ว่าจะเป็นชนบทบนท่ีสูง ชนบทในท่ีดอน โ ด ย เ ฉ พ า ะ ใ น อ ดี ต ที่ ผ่ า น ม า ก็ คื อ ก า ร ท่ี และท่ีราบ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ กลุ่มชาติพันธ์ุ (ethnic groups) หลากหลาย หลักและอาชีพรองทางการเกษตร และชุมชนเมือง ตระกูลภาษาได้เข้ามาบุกรุกเปิดพื้นท่ีป่าต้นน้ำ
วารสาร ิวชาการ ป.ป.ช. ลำธาร และป่าอนุรักษ์ในภาคเหนือและภาค กลุ่มชาติพันธ์ุท่ีไม่ปลูกฝิ่นเป็นพืชเศรษฐกิจ (Non- ตะวันตกของไทยเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นเขตเขาสูง Opium Growers Group) เช่น กลุม่ ตระกูลภาษา ีป ่ีท 3 ฉ ับบ ่ีท 1 มกราคม 2553 และมีเปอร์เซ็นต์ความลาดชันโดยเฉล่ียสูงกว่า สาขาทเิ บต-พม่า (Tibeto–Burman) คอื กะเหร่ยี ง ร้อยละ 35 ที่ตามหลักวิชาการอนุรักษ์ดินและ (อพยพเข้ามาทำกินในภาคเหนือจากทางตะวันตก น้ำบนที่สูง นับว่าไม่เหมาะที่จะใช้เป็นพ้ืนที่ เขตแดนประเทศเมียนมาร์) และตระกูลภาษา เกษตรกรรม ควรเป็นท่ีปลูกสวนป่าหรือถ้าจำเป็น สาขามอญ-เขมร (Mon-Khmer) คือ ลัวะ ถิ่น ขมุ ก็อนุญาตให้ปลูกได้เฉพาะไม้ผลยืนต้นเท่านั้น (อพยพเข้ามาอยู่ในแผ่นดินไทยมากกว่าพันปี) แต่ถ้ามีความลาดชันมากกว่าร้อยละ 85 ต้องกัน กลุ่มหลังนี้จะบุกเบิกเปิดพ้ืนท่ีหรือทุจริตพ้ืนที่ ออกไว้เป็นป่าต้นน้ำลำธารเพียงประการเดียว ถือครองทำการเกษตรแบบย้ายท่ี ท่ีเป็นอันตราย ดังนั้น การบุกรุกเปิดพ้ืนท่ีป่าทำการเกษตรท่ี ต่อระบบนิเวศทางกายภาพพื้นที่น้อยกว่า เพราะ ผิดวิธีโดยไม่มีกรรมสิทธิ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ ได้พยายามหลีกเล่ียงหรือรักษาแหล่งต้นน้ำ ตระกลู ภาษาและสาขา จนี -ทเิ บต (Sino-Tibetan) ลำธาร ปลูกทั้งพืชไร่ (upland or field crop) ที่ปลูกฝิ่นเป็นพืชเศรษฐกิจด้ังเดิม (Opium และนาดำ (transplanted rice) ท่ีทำเป็น Growers Group) คือ ม้ง (แม้ว) เย้า (เมียน) นาข้ันบันได (terracing) โดยย้ายแต่พ้ืนท่ีทำกิน มูเซอ (ลาหู่) ลีซู (ลีซอ) และอาข่า (อีก้อ) (อพยพ หมุนเวียนแปลงละปีจึงเรียกอีกอย่างว่า เป็นการ เข้ามาทำกินในภาคเหนือจากทางตะวันออก เกษตรแบบไร่หมุนเวียน (crop rotation หรือ เขตแดนประเทศ สปป.ลาว ในช่วง 100 ปีเศษ) rotational agriculture) ส่วนการเปิดพ้ืนท่ี 90 นับเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ท่ีทุจริตพื้นท่ีถือครอง แม้จะใช้วิธีถาง-เผา เช่นกัน แต่จะไม่ถาง-เผา ทำการเกษตร ที่ก่อให้เกิดอันตรายในเชิงทำลาย ท้ังหมดอย่างกลุ่มปลูกฝ่ิน คือยังเหลือต้นไม้ใหญ่ ระบบนิเวศของต้นน้ำลำธารมากที่สุด เพราะ ให้เป็นร่มเงา แต่เดิมก็ยังปลูกในแนวเหนือ-ใต้ เป็นลักษณะการทำเกษตรแบบไร่เล่ือนลอย เช่นกัน นอกจากนาดำและพืชหมุนเวียนรอบละ (shifting cultivation) หรือ แบบถาง-เผา-ปลูก 5-6 ปีแล้ว จึงกลับมาใช้แปลงเดิม ท่ีดินเร่ิมฟื้น (slash and burn swidden agriculture) คืนสภาพให้พอใช้ได้ต่อไป (ด้ังเดิมประชากร บริเวณต้นน้ำลำธาร เพราะฝ่ินเป็นพืชท่ีต้องการ ไม่หนาแน่นมากจะใช้รอบหมุนเวียน 10 ปี ดินดี น้ำดี คือบริเวณท่ีดิน-น้ำอุดมสมบูรณ์ คือ กลับมาใช้แปลงเดิมในปีที่ 11 ซึ่งหน้าดิน โดยจะปลูกซ้ำที่เดิมประมาณ 3-4 ปี และปลูก จะคืนสภาพไดส้ มบรู ณ์กวา่ ) ในแนวเหนือ-ใต้ (vertical) หน้าดินจะถูกกัดเซาะ รัฐบาลไทยได้เร่ิมตระหนักในประเด็น ทำลายจนดินเส่ือมคุณภาพและกลายสภาพเป็น ปั ญ ห า ทุ จ ริ ต ท่ี ดิ น ถื อ ค ร อ ง ท ำ ก า ร เ ก ษ ต ร ป่าหญ้าคา หรือ “cogon grass” (Imperatacy ในลักษณะทำลายทรัพยากรธรรมชาติและ lindrica P. Beauv.) ยากท่ีจะฟื้นฟู ชาติพันธุ์ ส่ิงแวดล้อมบนพ้ืนท่ีสูง รวมท้ังปัญหาพืชเสพติด กลุ่มนี้จึงย้ายไปเปิดที่ป่าอุดมสมบูรณ์อ่ืนไปเรื่อยๆ ความม่ันคงของประเทศและคุณภาพชีวิตของ จนเกิดสภาพเขาหัวโล้นที่พบเห็นได้ท่ัวไป (อพยพ กลุ่มชาติพันธ์ุที่เป็นชนส่วนน้อยของประเทศ ย้ายไปทั้งที่ทำเกษตรและท่ีอยู่อาศัย) ต่างจาก โดยให้มีนโยบายชาวเขามาต้ังแต่ปี พ.ศ. 2502
หรือมากกวา่ 50 ปแี ลว้ และท่ีสำคญั ในช่วง 10 ปี อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันรัฐบาลจะได้ ถัดมา คือ การท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีนโยบายฟ้ืนฟูอนุรักษ์ป่าต้นน้ำลำธารที่ถูก ในรัชกาลปัจจุบันได้ทรงรับภาระช่วยแก้ไข เปิดทำลายจนหน้าดินสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ ปัญหาของประเทศด้านนี้อย่างได้ผล ด้วยทรงมี ขาดธาตุอาหารและเส่ือมโทรมมายาวนาน พระราชดำริให้มีการจัดต้ัง “โครงการหลวง” ด้วยการถือครองทำการเกษตรโดยไม่มีกรรมสิทธิ์ (Royal Project) ดำเนินการในรูป NGO หรือ หรือผิดกฎหมาย สถิติเนือ้ ที่ปา่ ปลี ่าสดุ (พ.ศ. 2550) โครงการส่วนพระองค์ด้วยทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ ท่ีได้คืนมา 104.75 ล้านไร่ หรือร้อยละ 32.7 ของ ในปี 2512 (ได้ปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็น “มูลนิธิ เน้ือที่ประเทศ (ข้อมูลพื้นฐานเศรษฐกิจการเกษตร โครงการหลวง” โดยได้รับงบประมาณสมทบ ปี 2551) แม้จะดูว่าดีขึ้นมากแล้วก็ตาม แต่ก็ยัง รายปีจากรัฐบาลหรือ GO ต้ังแต่ปี 2535) ไม่ถึงเน้ือท่ีป่าตามนโยบายอนุรักษ์ของประเทศ เพราะโครงการได้กำหนดยุทธศาสตร์ทิศทาง 128.3 ล้านไร่ หรือร้อยละ 40 โดยแยกเป็น การวางแผนปฏิบัติเพ่ือแก้ไขปัญหาและพัฒนา ป่าอนุรักษ์หรือป่าป้องกัน (conservation or วารสารวิชาการ ป.ป.ช. แบบเบ็ดเสร็จและยั่งยืนตามแนวพระราชดำริ protective forest) ต่อป่าเศรษฐกิจ หรือป่า ( คื อ ช่ ว ย ใ ห้ ช า ว เข า ใ ห้ มี ค ว า ม เ ป็ น อ ยู่ ดี ขึ้ น ผลิตผล (economic or productive forest) ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2553 ให้ปลูกพืชอ่ืนท่ีเป็นประโยชน์เพื่อแก้ไขปัญหา ร้อยละ 25 : 15 ยิ่งกว่าน้ัน ถ้าใช้เกณฑ์ท่ี ยาเสพติด ให้อยู่เป็นหลักแหล่งเพื่อลดหรือยุติ นกั วชิ าการปา่ ไม้ (รศ.พิเศษ บุญชนะ กลน่ั คำสอน) การตัดไม้ทำลายป่าในเขตต้นน้ำลำธาร และ อดีตป่าไม้เขตเชียงใหม่ได้ศึกษาวิจัยและเสนอ ให้มีการใช้พื้นท่ีอย่างถูกต้องด้วยการรักษา ไว้เม่ือปี 2533 (วารสารภูมิศาสตร์ ปีท่ี 15 91 ป่าไม้และหน้าดิน) โดยอาศัยฐานการวิจัยและ ฉบับที่ 3 พฤศจิกายน 2533) ว่าเน้ือท่ีป่าที่จะ การตลาด (ในและต่างประเทศ) เพื่อผลิตสินค้า ทำให้กายภาพพื้นท่ีมีน้ำเพียงพอต่อการบริโภค คุณภาพระดับสากล แต่เป็นท่ีน่าเสียดายท่ีจนถึง เป็นรายภาค ดังนี้ ภาคเหนือท่ีเป็นพ้ืนที่ต้นน้ำ ปัจจุบันประชากรชาติพันธุ์ในพ้ืนท่ีพัฒนาของ ลำธาร ร้อยละ 62 ภาคตะวันออก ร้อยละ 35 มูลนิธิโครงการหลวง (ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ภาคกลาง ร้อยละ 33 ภาคใต้ ร้อยละ 32 และ 38 แห่ง เฉพาะ 5 ใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 25 ตัวเลข ภูมิศาสตร์ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย เหล่านี้ช้ีชัดว่าแทบทุกภาคของประเทศยังต้อง ลำพูน พะเยา และแม่ฮ่องสอน) มีเพียงร้อยละ ฟื้นฟูสภาพป่าให้อุดมสมบูรณ์ข้ึนอีกมาก รวมทั้ง 12.6 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 87.4 ยังเป็น สภาพดินผิวหน้าที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ของ ชาติพันธุ์ที่บุกรุกพ้ืนท่ีสูงนอกเขตช่วยเหลือ ธาตุอาหาร และแหล่งน้ำที่ยังไม่เพียงพอต่อ พัฒนาของมูลนิธิโครงการหลวง (บางส่วน การเกษตรฤดูแล้งส่วนใหญ่ เพราะประเด็น เร่ิมได้รับการศึกษาวิจัยหาข้อมูลเพ่ือการพัฒนา ทุจริตที่ดินถือครองทางการเกษตรโดยไม่มี เพิ่มเติมจาก “สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นท่ีสูง” สิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลายบนพ้ืนท่ีสูง ตง้ั แตป่ ลายปี 2547) มาอย่างต่อเน่ืองยาวนานในอดีตจนปัจจุบัน ที่แม้ จะลดลงบ้างก็ตาม ได้ส่งผลกระทบท้ังทางตรง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218