Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 8 ฉบับที่ 1

วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 8 ฉบับที่ 1

Published by sakdinan.lata, 2021-09-15 05:36:48

Description: วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 8 ฉบับที่ 1

Search

Read the Text Version

44 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. เป็นทรี่ บั รู้ว่าทผี่ ่านมาจนถงึ ขณะน้ี ปญั หา ได้เก็บตัวอย่างและศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบ การทุจริตทางการเมืองในรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจน ปรากฏการณท์ างการเมอื งดงั กลา่ วนจี้ าก 14 ประเทศ การใช้นโยบายประชานิยมในลักษณะที่หวังผล (ไม่รวมประเทศไทย) และได้ข้อสรุปว่า หลักฐาน เฉพาะหนา้ ทางการเมอื งไดน้ ำ� ไปสกู่ ารยอมรบั สภาพ ท า ง ส ถิ ติ ส อ ด ค ล ้ อ ง กั บ ส ม ม ติ ฐ า น ก า ร ศึ ก ษ า ดังกล่าวของประชาชนจ�ำนวนมากท่ีมีความเห็นว่า ท่ีพวกเขาได้ต้ังไว้ น่ันคือ “ประชาชนในประเทศท่ี ตนสามารถยอมรบั การทจุ รติ ในการเมอื งได้ หากจะ สถาบันการเมืองและระบบราชการอ่อนแอ ได้รับประโยชน์เฉพาะหน้าจากสภาพดังกล่าว ไร้ประสิทธิภาพ แต่มีความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ อย่างไรก็ตาม ปัญหาในลักษณะดังกล่าวนี้มิได้เกิด (patron-clients relationships) ทเี่ ขม้ แขง็ มแี นวโนม้ ข้ึนเฉพาะในการเมืองไทยเท่าน้ัน แต่เกิดขึ้นใน ท่ีจะสนับสนุนผู้น�ำท่ีฉ้อฉล (abuse) ที่ประชาชน ประเทศอ่ืน ๆ ด้วย ดังปรากฏในงานวิจัยของนัก คาดหวังว่าจะได้รับประโยชน์ที่จับต้องได้จากผู้น�ำ วชิ าการทางรฐั ศาสตรต์ า่ งประเทศสองชน้ิ เปน็ อยา่ ง แบบน้ี” บทความน้ีชี้ว่า ต้ังแต่ต้นทศวรรษ 1990 นอ้ ย อนั ได้แก่ (1) Luigi Manzetti and Carlole ท่ัวโลกตื่นตัวต่อผลเสียร้ายแรงท่ีเกิดจากการทุจริต J. Wilson, (2007), “Why Do Corrupt ของนักการเมืองที่กระทบต่อการเติบโตทาง Governments Maintain Public Support?” เศรษฐกิจ และความเช่ือมั่นทางการเมืองของ (เพราะเหตุใดรัฐบาลท่ีคอร์รัปชันจึงรักษาการ ประชาชนในบางประเทศ เช่น บราซิล เปรู และ สนับสนุนจากสาธารณะไว้ได้)1 และ (2) Jordi เอกวาดอร์ ประชาชนไมพ่ อใจอยา่ งแรงตอ่ การทจุ รติ Munoz, Eva Anduiza and Aina Gallego, ของผู้น�ำจนถึงข้ันถอดถอนออกจากต�ำแหน่ง (2012), “Why do voters forgive corrupt (impeachment) หรอื ในกรณี อิตาลี เยอรมนี และ politicians ?” (เพราะเหตใุ ดผลู้ งคะแนนเสยี งจงึ ให้ ญ่ีปุ่น ท่ีนายกรัฐมนตรีถูกกดดันจนต้องลาออก อภัยนักการเมืองที่ทุจริต) 2 รวมทั้งเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นในท�ำนองเดียวกัน ในงานวิจัยเรื่อง “Why Do Corrupt ในฟลิ ปิ ปนิ สแ์ ละอนิ โดนเี ซยี 3 แตก่ ระนนั้ ขอ้ เทจ็ จรงิ Governments Maintain Public Support?” อันหน่ึงที่ยังไม่ได้สนใจวิเคราะห์อย่างจริงจัง คือ ทีต่ ีพิมพ์ พ.ศ. 2550 Luigi Manzetti และ Carlole นกั การเมอื งทที่ จุ รติ หรอื ชอ่ื เสยี งเสอ่ื มเสยี เหลา่ นนั้ มี J. Wilson พยายามท่ีจะศึกษาหาค�ำตอบต่อ จำ� นวนไมน่ อ้ ยทไี่ ดร้ บั ชยั ชนะมคี ะแนนเสยี งทว่ มทน้ ข้อสงสัยที่ว่า “ท�ำไมประชาชนจึงยังคงสนับสนุน ในการเลอื กตง้ั ไดก้ ลบั เขา้ ไปมอี ำ� นาจทางการเมอื งอกี รฐั บาลทีท่ ุจริตคอร์รัปชัน” Manzetti และ Wilson หนึ่งในตัวอย่างท่ีโดดเด่นชัดเจน คือ กรณี 1 Luigi Man-zetti and Carlole J. Wilson (2007) Why Do Corrupt Governments Maintain Public Support?, Comparative Political Studies, 40(8), 949-970. 2 Jordi Munoz, Eva Anduiza and Aina Gallego (2012,July). Who do voters forgive corrupt politicians? Cynicism, noise and implicit exchange. Paper prepared to be presented at the IPSA (International Political Science Association) conference, Madrid. 3 Luigi Manzetti and Carlole J. Wilson (2007). Why Do Corrupt Governments Maintain Public Support?, Comparative Political Studies, 40(8), 949-970.

ปีที่ 8 ฉบับท่ี 1 (มกราคม 2558) 45 นายซลิ วโิ อ เบอรล์ สุ โคนี ของอติ าลี แมว้ า่ เขาจะถกู ศาล ผเู้ ขยี นไดป้ ระโยชนจ์ ากงานวจิ ยั ของ Jordi ไต่สวนในข้อกล่าวหาเก่ียวกับอาชญากรรมร้ายแรง Munoz, Eva Anduiza and Aina Gallego ในแง่ มากมาย แต่เขาก็ยังได้รับเลือกกลับมาเป็น ทีพ่ วกเขาไดส้ รปุ ประเด็นสาเหตขุ องปัญหาดงั กล่าว นายกรัฐมนตรีใน พ.ศ. 2537 และอีกคร้ังหน่ึงใน นจี้ ากนกั วชิ าการกอ่ นหนา้ พวกเขาไวอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ พ.ศ. 25434 และพวกเขายังได้รวบรวมรายช่ือหนังสือและ ส่วนงานวิจัยของ Jordi Munoz, บทความตา่ ง ๆ ทศ่ี กึ ษาในประเดน็ ปญั หาดงั กลา่ วน้ี Eva Anduiza and Aina Gallego ทเ่ี ผยแพรใ่ นปี จนถงึ ปัจจบุ ันไวด้ ว้ ย ท�ำใหเ้ หน็ ว่าประเดน็ ปญั หาดงั พ.ศ. 2555 แม้ว่างานของ Jordi Munoz, กล่าวนี้เกิดขึ้นในมากมายหลายประเทศ และมี Eva Anduiza and Aina Gallego จะเกดิ ข้ึนหลงั นักรัฐศาสตร์จ�ำนวนมากท่ีห่วงใยกังวลต่อปัญหา งานของ Luigi Manzetti และ Carlole J. Wilson ดงั กลา่ วนแ้ี ละไดท้ ำ� การศกึ ษาหาคำ� ตอบ และทางออก เป็นเวลา 5 ปี แต่ดูเหมือนว่า ค�ำถามหรือปัญหา ตอ่ ปญั หานอ้ี ยา่ งจรงิ จงั ผอู้ า่ นทา่ นใดทสี่ นใจสามารถ ในงานวิจัยของ Luigi Manzetti และ Carlole ค้นได้จาก http://llet-131-198.uab.es/recer- J. Wilson ก็ยงั เป็นปญั หาค่งั ค้างคาใจนกั รฐั ศาสตร์ capol/images/publications/Experiment%20 ท่วั โลกอยู่ตลอดจนถึงปัจจบุ นั และยังสามารถพบได้ corruption%20IPSA.pdf หน้า 15-18 ในประเทศต่าง ๆ ดังท่ียนื ยันโดยงานวิจัยของ Jordi ในภาพรวม Jordi Munoz, Eva Anduiza Munoz, Eva Anduiza and Aina Gallego จาก and Aina Gallego กลา่ ววา่ งานวิจัยก่อนหน้าของ ชอ่ื งานวิจัยของ Jordi Munoz, Eva Anduiza and พวกเขาได้ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยที่ส่งผลให้ประชาชน Aina Gallego สะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ คณะผวู้ จิ ยั ตอ้ งการ สนับสนุนนักการเมืองท่ีทุจริต ได้แก่ (1) การขาด ตอบค�ำถามเดยี วกันกบั ของ Luigi Manzetti และ ข้อมูลข่าวสาร และ (2) ความอ่อนแอของสถาบัน Carlole J. Wilson และ Jordi Munoz, ทางการเมอื งและของกลมุ่ ทฝ่ี กั ใฝ่ เลอื กขา้ งทางการ Eva Anduiza and Aina Gallego กเ็ ห็นดว้ ยกับ เมอื งในการอธิบายข้อเทจ็ จริงดงั กลา่ วน้ี คอื ข้อมลู หนึ่งในค�ำตอบท่ีได้จากการวิเคราะห์ของ Luigi ข่าวสาร ซ่ึงปัจจัยทั้งสองข้อน้ีถือเป็นปัจจัยในเชิง Manzetti และ Carlole J. Wilson คอื สถาบัน มหภาค ส่วนในปจั จยั ในเชิงจลุ ภาค และพวกเขาได้ การเมืองและระบบราชการอ่อนแอไร้ประสิทธิภาพ สรุปให้เห็นเง่ือนไขสามประการท่ีอธิบายการที่ แต่ Jordi Munoz, Eva Anduiza and Aina ประชาชนยงั สนับสนนุ นักการเมืองทท่ี จุ ริต คอื Gallego มคี ำ� อธบิ ายเพมิ่ เตมิ ต่อสาเหตุที่ประชาชน 1. กลุ่มประชาชนท่ีฝักใฝ่เลือกข้างหรือ ยังสนับสนุนนักการเมืองท่ีทุจริต โดยเจาะไปท่ีการ เลือกพรรคการเมืองมักจะมีความรู้สึกยอมรับหรือ หาคำ� ตอบวา่ ทำ� ไมประชาชนถงึ ยอมใหอ้ ภยั นกั การ ท น ไ ด ้ กั บ ก า ร ทุ จ ริ ต ข อ ง ก ลุ ่ ม ก า ร เ มื อ ง ห รื อ เมอื งทที่ จุ รติ 5 พรรคการเมืองที่ตนชอบ และมกั จะมีแนวโน้มทีจ่ ะ 4 Luigi Manzetti and Carlole J. Wilson (2007). Why Do Corrupt Governments Maintain Public Support?, Comparative Political Studies, 40(8), 949-970. 5 Jordi Munoz, Eva Anduiza and Aina Gallego. Who do voters forgive corrupt politicians? Cynicism, noise and implicit exchange. op.cit., p. 2.

46 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ยงั ลงคะแนนใหก้ บั นกั การเมอื งทท่ี จุ รติ ทส่ี งั กดั พรรค เป็นปรกติในความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่ง Jordi ที่ตนชื่นชอบ ซึ่งสามารถอธิบายลงลึก ไปได้อีกว่า Munoz, Eva Anduiza and Aina Gallego ก็ได้ ผู้ลงคะแนนเหล่าน้ีมักจะรับรู้ถึงความส�ำเร็จในการ อธิบายเพ่ิมเติมว่า สภาพการณ์ดังกล่าวน้ีเกิดจาก บรหิ ารงานของพรรคการเมืองทีต่ น ชื่นชอบ ความ การทมี่ คี วามขดั แยง้ ทางการเมอื งเกดิ ขน้ึ อยมู่ ากมาย ส�ำเร็จท่ีว่าน้ี คือ การท�ำให้ประชาชนเข้าถึงและได้ กระจายไปทวั่ ตลอดเวลาจน ทำ� ใหป้ ระชาชนมแี นวโนม้ รบั สว่ นแบง่ ในทรพั ยากรหรอื ทรพั ยส์ นิ ผลประโยชน์ ทจ่ี ะเพิกเฉยตอ่ ข้อกลา่ วหาในเรอ่ื งการทจุ รติ 7 ต่าง ๆ (resources) ซ่ึงสภาพการณ์ดังกล่าวน้ี 3. ประชาชนจะมองวา่ พรรคการเมอื งทกุ นกั รฐั ศาสตรบ์ างทา่ นถอื ไดว้ า่ เปน็ “การแลกเปลย่ี นกนั พรรคต่างก็ทุจริตเหมือนกัน (all parties are โดยนยั ” (implicit exchange) ระหวา่ งคะแนนเสยี ง equally affected by corruption) ดังน้นั แมว้ ่า สนับสนุนของประชาชนกับการได้รับการแบ่งปัน พวกเขาจะปฏเิ สธการทจุ รติ แตจ่ ะไมท่ ำ� ให้ พวกเขา หรือการตอบสนองผลประโยชน์จากนักการเมืองท่ี เปลี่ยนใจในการลงคะแนนเสียงเลือกต้ัง ซึ่งสภาพ ทุจริต จนถึงขนาดที่มีส�ำนวนในประเทศบราซิลที่ การณ์ดังกล่าวน้ีนักรัฐศาสตร์บางท่านเรียกว่าเป็น เป็นหนึ่งในประเทศมีปัญหาดังกล่าวน้ี น่ันคือ อาการ “cynicism” หรือ “คติคิดแบบหยันหยาม “rouba mais faz” ซ่ึงแปลเป็นภาษาอังกฤษคือ โลก”8 นนั่ คอื เหน็ วา่ พรรคการเมอื งและนกั การเมอื ง “he steals, but he gets things done” หรอื ล้วนเลวร้ายหมด ดังน้ัน ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวน้ี “เขาขโมย แต่เขาก็ท�ำให้ได้”6 ซ่ึงของไทยเราก็มี ไม่สามารถไปเปล่ียนอะไรได้ และหากยังจะต้อง สำ� นวนคลา้ ยๆ กนั น้คี ือ “โกงได้ แตข่ อให้แบง่ ” ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ก็เลือกพรรคการเมืองที่ 2. ประชาชนมกั จะไมใ่ หค้ วามเชอื่ ถอื รบั ฟงั “โกงแลว้ ให”้ นา่ จะเปน็ ตวั เลอื กหรอื คำ� ตอบทดี่ ที ส่ี ดุ ข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตของนักการเมืองหรือ จากเง่ือนไขที่กล่าวไปข้างต้นท่ีได้จาก พรรคการเมอื งทเี่ ขาชน่ื ชอบ โดยอา้ งวา่ เปน็ การกลา่ ว “Why Do Corrupt Governments Maintain หาท่ีไม่มีมูลความจริง (baseless) จากฝ่ายตรงข้าม Public Support?” (2007) และ “Who do voters ซ่ึงนักรัฐศาสตร์บางท่านได้เรียกสภาพการณ์ forgive corrupt politicians? Cynicism, noise ดงั กลา่ วนว้ี า่ “noise hypothesis” ซง่ึ ผเู้ ขยี นเขา้ ใจวา่ and implicit exchange” (2012) ผ้เู ขียนเหน็ ว่า ผูต้ ้งั วลีนี้ต้องการส่อื ให้เหน็ ว่า ประชาชนประเภทนี้ ไดน้ ำ� ไปสสู่ งิ่ ทใี่ นแงห่ นง่ึ อาจจะเรยี กไดว้ า่ เปน็ ปญั หา มกั จะมองวา่ ขอ้ กลา่ วหาเปน็ เพยี งแคส่ มมตุ ฐิ านและ “ตรรกะวิบัติทางจริยธรรม” ของผู้คนในสังคม ใหค้ า่ วา่ เปน็ เพยี งเสยี งนกเสยี งกาทเ่ี กดิ ขนึ้ เจอ้ื ยแจว้ ซ่ึงหนึ่งในการท�ำความเข้าใจและหาทางออกจาก 6 Jordi Munoz, Eva Anduiza and Aina Gallego. Who do voters forgive corrupt politicians? Cynicism, noise and implicit exchange. op.cit., p. 4 และ ดู Larry Rohter. (2000, May 5). Corruption Steals Headlines in Sao Paulo. The New York Times. from http://articles.sun-sentinel.com/2000-05- 05/news/0005040870_1_celso-pitta-nicea-pitta-sao-paulo 7 Jordi Munoz, Eva Anduiza and Aina Gallego. Who do voters forgive corrupt politicians? Cynicism, noise and implicit exchange. op.cit., p. 4 8 ibid., p. 4

ปีท่ี 8 ฉบับท่ี 1 (มกราคม 2558) 47 “ตรรกะวิบัติทางจริยธรรม” ดังกล่าวน้ี ผู้เขียนขอ ทำ� กนิ เพม่ิ แลว้ พวกเขาจะตอ้ งปลกู ตน้ ไมเ้ พมิ่ อกี ดว้ ย วิเคราะห์โดยใช้ทฤษฎีแนวการเลือกอย่างเป็นเหตุ ขณะเดยี วกนั พวกเขาจะตอ้ งรบั รดู้ ว้ ยวา่ หากดนิ เดมิ เป็นผล (rational choice theory) ของ จอน เอลส เสือ่ มสภาพ พวกเขาจะปลกู พชื ไดน้ ้อยลงหรอื อย่าง เตอร์ (Jon Elster) เรมิ่ ตน้ จากสมมตฐิ านทวี่ า่ มนษุ ย์ ดีก็ได้เท่าเดิม ซ่ึงเอลสเตอร์ยอมรับว่า ในกรณีน้ี ทุกคนถูกขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจที่หวังจะผล การสอื่ สารใหข้ อ้ มลู ความรอู้ ยา่ งเดยี วอาจจะยงั ไมพ่ อ ประโยชนส์ ว่ นตวั มากกวา่ ผลประโยชนส์ ว่ นรวม และ เพราะอาจมบี างบา้ นทแ่ี มร้ ทู้ งั้ รอู้ ยู่ แตก่ ย็ งั จะดนั ทรุ งั มนษุ ย์ทกุ คนคดิ อยู่ภายใตก้ รอบที่ว่าจะเลือกวิธกี าร ไมย่ อมเสยี ประโยชนข์ องตน คอื ไมย่ อมหยดุ บกุ รกุ ปา่ ที่ลงทุนหรือใช้ต้นทุนน้อยท่ีสุดแต่ได้ประโยชน์มาก แต่หวังแต่จะให้เพื่อนบ้านคนอื่นที่เป็นคนยอมสละ ทสี่ ดุ ดงั นน้ั การมงุ่ แสวงหาประโยชนส์ ว่ นตวั จงึ ไมใ่ ช่ ประโยชน์ส่วนตัวเป็นฝ่ายหยุดบุกรุกป่าแทน ซึ่งถ้า เรอื่ งผดิ จรยิ ธรรมคณุ ธรรมแตอ่ ยา่ งใดในสายตาของ เปน็ เชน่ นนี้ าน ๆ เขา้ เพอ่ื นบา้ นทเ่ี หลอื กอ็ าจจะเหน็ สำ� นกั คดิ นี้ อกี ทฤษฎีการเลอื กอยา่ งเป็นเหตเุ ป็นผล ว่าตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบที่ยอมหยุดตัดต้นไม้ จะไมส่ นใจ ทจี่ ะวเิ คราะหอ์ ธบิ ายหรอื หาทางออกใน ในขณะที่คนอื่น ๆ บางคนหรอื หลายคนยงั เดินหนา้ เชิงศีลธรรมและจริยธรรม แต่จะเน้นไปท่ีการใช้ รุกป่าอยู่ คนท่ียอมหยุดรุกป่าจึงอาจหันกลับมารุก เหตุผล ของปัจเจกบุคคลและมุ่งหวังท่ีจะให้การใช้ ปา่ ตดั ตน้ ไมเ้ หมอื นเดมิ เพราะแตล่ ะคนทกุ คนถกู ขบั เหตใุ ชผ้ ลมคี วามสำ� คญั เหนอื คำ� อธบิ ายเชงิ จรยิ ธรรม เคลื่อนด้วยแรงจูงใจที่หวังจะผลประโยชน์ส่วนตัว ศีลธรรมท่ีมีปัญหาในเชิงค�ำอธิบายที่มาและผล (self-interest) มากกวา่ ผลประโยชนส์ ว่ นรวมเสมอ ประโยชนท์ ่ีจะได้รับ9 ซ่ึงผลก็คือ จะท�ำให้ผลประโยชน์ส่วนรวมเสียหาย จากกรณขี า้ งตน้ ทฤษฎกี ารเลอื กอยา่ งเปน็ ในทส่ี ดุ ซงึ่ ในทน่ี คี้ วามเสยี หาย คอื ไมส่ ามารถปอ้ งกนั เหตเุ ปน็ ผลจะชใ้ี หเ้ หน็ วา่ ปญั หาหรอื คำ� ถามทเี่ กดิ ขน้ึ ดินถล่มและความเสียหายอื่น ๆ ท่ีจะติดตามมาได้ ตามมาก็คือ หากทุกคนมุ่งแต่ละแสวงหาผล รวมทั้งพวกเขาจะต้องสูญเสียผลประโยชน์ส่วนตัว ประโยชน์ส่วนตัวสูงสุดโดยขาดการใช้เหตุผล ของตนไปในทส่ี ดุ ด้วย10 ขณะเดยี วกนั เราจะเหน็ ไดว้ า่ อย่างรอบคอบ กลับจะน�ำมาซ่ึงความเสียหาย ปัญหาโลกร้อนของยุคปัจจุบันก็มีโครงสร้างแบบ ต่อทุกคนแต่ละคนได้ในทีส่ ุด ปญั หาคอื แนวทฤษฎี เดียวกับที่เอลสเตอร์อธิบายมา คือ ประเทศ การเลือกอย่างมีเป็นเหตุเป็นผลนี้จะมีทางออกให้ อุตสาหกรรมขนาดใหญ่บางประเทศไม่ยอมหยุด อย่างไร ท้ังนี้ ยังไม่นับปัญหาความขัดแย้งระหว่าง หรือลดการกระท�ำท่ีเป็นสาเหตุของปัญหาโลกร้อน ผลประโยชน์เฉพาะหน้ากับผลประโยชนร์ ะยะยาว เนอ่ื งจากจะทำ� ใหต้ วั เองเสยี ประโยชน์ ขณะเดยี วกนั ตวั อยา่ งของปญั หาในลกั ษณะเชน่ น้ี ผเู้ ขยี น ประเทศที่ยอมหยุดหรือลดการกระท�ำท่ีเป็นสาเหตุ ขอยกตัวอย่างปัญหาการท�ำลายภาวะสิ่งแวดล้อม ของโลกร้อนก็ย่อมจะรู้สึกว่าตนเสียเปรียบหรือ และการแก้ปัญหาดังกล่าว ในปัญหาดังกล่าวนี้ ถกู เอาเปรยี บ และแมน้ วตั กรรมการแกป้ ญั หาใหมๆ่ เง่ือนไขสำ� คญั ในการยุตแิ ละแก้ปัญหา คอื นอกจาก ที่น�ำมาใช้ เช่น คาร์บอนเครดิต ก็ไม่อาจเกิด คนแต่ละคนจะต้องหยุดรุกป่าตัดต้นไม้เพื่อหาท่ีดิน ประโยชนแ์ ทจ้ รงิ ได้ ตราบใดทปี่ ญั หาเรอื่ งความเหน็ 9 ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ บั ทฤษฎกี ารเลือกอย่างเปน็ เหตเุ ปน็ ผล (rational choice theory), อา้ งแล้ว. 10 เพิง่ อา้ ง

48 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. แก่ประโยชน์ส่วนตัวหรือผลประโยชน์เฉพาะหน้าน้ี ความเป็นเหตุเป็นผลสมบูรณ์แบบในมนุษย์ ยังมี ยงั แกไ้ มไ่ ด้ เพราะประเทศอตุ สาหกรรมขนาดใหญก่ ็ ลกั ษณะสำ� คญั อกี ประการหนงึ่ คอื ความสามารถคดิ ยงั หาชอ่ งทาง การทจุ รติ เพอื่ แสวงหาประโยชนส์ ว่ น เชิงยทุ ธศาสตรแ์ ละแสดงพฤติกรรม เชิงยุทธศาสตร์ ตัวของตนในลักษณะของผลประโยชน์ของรัฐ (strategic behavior) ได้ กล่าวคือ มนุษย์สามารถ (national interest) ต่อไปได้อยดู่ 1ี 1 ตระหนักได้ว่า มนุษย์คนอื่น ต่างก็มีความเป็นเหตุ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทฤษฎีการเลือก เป็นผลเชน่ เดยี วกนั กบั ตน และสามารถใชเ้ หตุผลได้ อย่างเป็นเหตุเป็นผลของเอลสเตอร์จะเสนอว่า แบบเดียวกับตนและ ได้ข้อสรุปแบบเดียวกัน และ คนเราจะคดิ อยา่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผลในลกั ษณะทลี่ งทนุ คนอ่ืน ๆ ยังสามารถแสดงพฤติกรรมตอบสนอง นอ้ ยทส่ี ดุ เพอื่ ประโยชนส์ ว่ นตวั มากทสี่ ดุ แลว้ แตเ่ ขา พฤตกิ รรมทคี่ น ๆ หนงึ่ กระทำ� หรอื แสดงออกไปทอ่ี าจ ก็ยังเสนอประเด็นเรื่องความเป็นเหตุเป็นผลเชิง ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของคนเหล่าน้ันทั้งใน ยุทธศาสตร์ (strategically rational actor) แง่ดีและร้าย และการตระหนักได้เช่นน้ีมีผลท�ำให้ เพื่อช้ีให้เห็นถึงขีดความสามารถในการใช้เหตุผลท่ี มนษุ ยต์ อ้ งกระทำ� หรอื แสดงพฤตกิ รรมโดยคาดคะเน จำ� เปน็ ทที่ ำ� ใหม้ นษุ ยแ์ ตล่ ะคนไดป้ ระโยชนส์ งู สดุ จรงิ ๆ ถึงความคาดหวังและพฤติกรรมที่อาจตามมาจาก โดยไม่ผิดพลาด คอื ไม่ลงเอยด้วยผลลพั ธส์ ุดท้ายท่ี ความคาดหวังเหล่านั้นของมนุษย์คนอื่น ๆ ด้วย12 กลบั ทำ� ลายผลประโยชน์ของตัวเองเสีย หรือหากกล่าวในภาษาของทฤษฎีเกม (game เอลสเตอรก์ ลา่ ววา่ นอกจากความสามารถ theory) หรือทฤษฎีวา่ ด้วยการตัดสินใจท่ขี ึ้นต่อกนั ในการมพี ฤตกิ รรมหรอื ใชย้ ทุ ธศาสตรเ์ พอ่ื ใหไ้ ดม้ าซง่ึ และกันของบุคคลหลายคน (the theory of ความพึงพอใจสูงสุดแล้ว เอลสเตอร์ยังอ้างว่า interdependent decisions)13 คือ มนุษย์ 11 ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ บั ทฤษฎีการเลอื กอยา่ งเปน็ เหตุเป็นผล (rational choice theory), อา้ งแลว้ 12 Jon Elster (1979). Ulysses and the Sirens: Studies in Rationality and Irrationality, (Cambridge: Cambridge University Press. อ้างใน ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กับทฤษฎีการเลือกอย่างเป็นเหตุเป็นผล (rational choice theory), อ้างแลว้ . 13 ทฤษฎีเกม (Game Theory) ไดร้ ับการบกุ เบกิ โดยจอห์น ฟอน นอยมาน (John Von Neumann) ศาสตราจารย์ดา้ น คณิตศาสตร์ชาวอเมริกันเช้ือสายฮังแกเรียนแห่งมหาวิทยาลัยปรินซตัน ผู้เป็นหนึ่งในส่ีคนที่ได้รับเลือกเป็นคณาจารย์ รุ่นแรกแห่ง Institute for Advanced Study ของมหาวิทยาลัยปรินซตัน (อีกสองท่านที่ได้รับเกียรติน้ีคือ Albert Einstein และ Kurt Gödel (ศาสตราจารย์ทางคณิตศาสตร์และปรัชญาชาวอมริกันเชื้อสายออสเตรียน-ฮังแกเรียน ดู http://en.wikipedia.org/wiki/John_von_Neumann) โดยร่วมงานกับออสก้าร์ มอร์เกนสเทิร์น (Oskar Morgenstern) ศาสตราจารย์ทางเศรษฐศาสตรช์ าวอมรกิ ันเช้ือสายเยอรมันท่ีเกดิ ในออสเตรีย นอกจากน้ี นกั ทฤษฎีที่มี บทบาทในการพฒั นาทฤษฏเี กมจนเปน็ ทีร่ จู้ กั อยา่ งกว้างขวางยงั มอี กี สองทา่ นคอื ดนั แคน ลซู (R. DuncanLuce) และ โฮเวริ ์ด เรย์ฟ่า (Howard Raiffa) ศาตราจารยด์ า้ น Cognitive Sciences (Distinguished Research Professor of Cognitive Sciences) แหง่ มหาวิทยาลัยแคลฟิ อร์เนีย-เออไวน์ (UC-Irvine) ผู้เคยได้รับเกียรตใิ หด้ �ำรงต�ำแหน่ง Alferd North Whitehead Professor of Psychology ทีม่ หาวทิ ยาลยั ฮาร์วารด์ และ Frank P. Ramsey Professor (Emeritus) ทางเศรษฐศาสตร์การจัดการ ซ่ึงปัจจุบันสอนอยู่ทั้งท่ีคณะบริหารธุรกิจและคณะรัฐศาสตร์ท่ีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (the Business School and the Kennedy School of Government) ลซู และเรยฟ์ ่า (Luce and Raiffa) ได้ร่วม กนั แตง่ ต�ำราชื่อ Games and Decisions: Introduction and Critical Survey ซึ่งเป็นที่รูจ้ ักกนั ท่ัวไปในหมู่ผู้ศกึ ษา ทางเศรษฐศาสตรแ์ ละบรหิ ารธรุ กจิ รวมทงั้ ในประเทศไทยเองดว้ ย และสดุ ทา้ ย นกั ทฤษฎคี นส�ำคญั ผมู้ สี ว่ นพฒั นาทฤษฎี เกมอีกคนหนงึ่ คอื ศาสตราจารย์โทมัส ซี เชลล่งิ (Thomas C. Shelling) ซงึ่ เปน็ ผ้ทู ่เี อลสเตอรย์ กยอ่ งชนื่ ชมเปน็ อย่างยงิ่ รวมทั้งได้น�ำหลายแนวคดิ จากทฤษฎขี องเขามาใชพ้ ัฒนาทฤษฎีการเลอื กอย่างเป็นเหตุเป็นผลของตน

ปที ี่ 8 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม 2558) 49 จะพบกบั ผลลพั ธด์ งั ตอ่ ไปนี้ คอื เกมทมี่ ยี ทุ ธศาสตรเ์ ดน่ 14 เอลสเตอร์เริ่มต้นโดยแยกแยะให้เห็นถึง เกมทม่ี จี ดุ ดลุ ยภาพ15 เกมทไ่ี มม่ ที างออก16 รวมไปถงึ สภาพแวดลอ้ ม (environment) ของการตดั สินใจ เกมทไ่ี ม่มผี เู้ ล่นคนใดมียทุ ธศาสตรเ์ ดน่ 17 กระทำ� สองแบบทมี่ ลี ักษณะแตกตา่ งกัน อนั ได้แก่ 14 ทฤษฎเี กมมีแนวคิดหลักอยู่วา่ : เกมหนึง่ เกมประกอบดว้ ย ผ้เู ลน่ (actors) จ�ำนวนหนึง่ โดยผเู้ ล่นแต่ละคนจะสามารถ เลือกใช้ยุทธศาสตร์ (strategy) ได้ยุทธศาสตรห์ น่งึ จากหลาย ๆ ยุทธศาสตร์ท่เี ป็นไปได้ส�ำหรับเกมดังกล่าว ผเู้ ล่นแต่ละ คนอาจเลอื กใชย้ ทุ ธศาสตรเ์ ดยี วกนั หรอื ตา่ งกนั กบั ผเู้ ลน่ คนอนื่ ๆ กไ็ ด้ กตกิ าของเกมจะก�ำหนดวา่ ผลตอบแทน (payoff) ท่ผี ู้เล่นแตล่ ะคนจะไดร้ บั จะเปน็ เท่าใดโดยขน้ึ กับยุทธศาสตร์ทีผ่ เู้ ล่น ทกุ คน เลอื กใช้ ส่วน ยุทธศาสตร์เดน่ (dominant strategy) หมายถึง ยทุ ธศาสตร์ท่ีดีท่ีสุดที่จะน�ำไปสผู่ ลลพั ธท์ ีด่ ที ส่ี ดุ ส�ำหรบั ผเู้ ล่น แตล่ ะคน ไม่วา่ ผู้เลน่ คนอ่นื จะเลอื กใช้ ยทุ ธศาสตรเ์ ดยี วกนั หรอื ไมก่ ต็ าม ยทุ ธศาสตรเ์ ดน่ ส�ำหรบั ผเู้ ลน่ สองฝา่ ย ไมจ่ �ำเปน็ ตอ้ งเปน็ สงิ่ เดยี วกนั ยกตวั อยา่ งเชน่ ใน ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งคนขบั รถกบั คนเดนิ ถนน ยทุ ธศาสตรเ์ ดน่ ของคนขบั รถคอื ไมร่ ะวงั ขณะทย่ี ทุ ธศาสตรเ์ ดน่ ของคนเดนิ ถนนคือ ระวัง ซึ่งจะเห็นว่าคนเดินถนนเสียเปรียบเพราะต้องแบกภาระในการระวังไว้คนเดียวในโครงสร้างปฏิสัมพันธ์ แบบน้ี ยทุ ธศาสตรเ์ ดน่ ส�ำหรบั เกมแตล่ ะเกมอาจเปน็ ยทุ ธศาสตร์ แบบรว่ มมอื กนั หรอื แบบไมร่ ว่ มมอื กนั กไ็ ด้ โดยทฤษฎี เกมอธบิ ายว่ายทุ ธศาสตร์เด่นจะเป็นเชน่ ใดนัน้ ส่วนหนงึ่ ข้นึ อย่กู บั ขอ้ มูล (information) ท่ผี ้เู ลน่ แต่ละคนมเี กย่ี วกบั ผล ตอบแทนทีต่ นจะไดร้ ับ ผลตอบแทนทผี่ ูเ้ ล่นคนอ่นื ๆ จะไดร้ ับ และข้อมลู ท่ีผู้เล่นคนอ่ืนมดี ้วย 15 จุดดุลยภาพ หมายถึง ยุทธศาสตร์ชุดหน่ึง (ท่ีรวมยุทธศาสตร์เด่นของผู้เล่นทุกคนไว้ด้วยกัน) ที่ไม่มียุทธศาสตร์อ่ืนอีก แล้วท่ีจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าน้ีได้ เพราะเม่ือผู้เล่นคนหนึ่งท�ำตามยุทธศาสตร์เด่น น่ันคือ เขาจะได้รับผลประโยชน์สูงสุด จากสถานการณ์น้นั จดุ น้นั จงึ ถอื วา่ เปน็ จุดดลุ ยภาพเพราะผู้เลน่ ทั้งสองฝา่ ยจะได้รับประโยชน์สูงสุดท่ีเปน็ ไปได้จากการ ปฏิสัมพันธ์ จุดดุลยภาพอาจเอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงก็ได้ เกมบางเกมมีจุดดุลยภาพ แต่ผู้เล่นทุกรายอาจไม่ได้ มยี ทุ ธศาสตร์เด่น (เกมบางเกมไมม่ ยี ุทธศาสตรเ์ ดน่ เกมแบบนีเ้ รยี กวา่ กรณีความไมช่ ัดเจนแน่นอน (indeterminacy) เพราะมียุทธศาสตร์ท่ีดีพอๆกันอยู่มากกว่าหน่ึงยุทธศาสตร์ท่ีสามารถเลือกใช้ได้) แต่สิ่งท่ีท�ำให้ในเกมประเภทนี้ยังคงมี จดุ ดลุ ยภาพไดเ้ พราะในเกมเหลา่ นม้ี ี “ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองทด่ี ที ส่ี ดุ ” ส�ำหรบั การตดั สนิ ใจแตล่ ะแบบอยู่ ยกตวั อยา่ ง มบี รษิ ทั สองแหง่ ผกู ขาดการขายสินคา้ ชนดิ หนง่ึ อยูใ่ นตลาด สมมุตบิ รษิ ัทหนง่ึ เกิดตัดสินใจผลิตนอ้ ยลงเพื่อโก่งราคาสนิ คา้ น้นั ให้ สงู ขึ้น ปฏกิ ิรยิ าตอบสนองทด่ี ที ่ีสุดของอกี บริษัทหน่ึงก็คอื ผลติ เพมิ่ เพือ่ ฉวยโอกาสท�ำก�ำไรจากราคาสนิ คา้ ทเี่ พ่มิ ขน้ึ แต่ ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองนบ้ี างครง้ั กไ็ มท่ �ำใหท้ ง้ั สองฝา่ ยไดป้ ระโยชนส์ งู สดุ เปน็ ทรี่ กู้ นั ดวี า่ การแขง่ ขนั โดยการลด-เพม่ิ อปุ ทาน ซง่ึ มผี ลตอ่ ราคาเปน็ กบั ดกั แบบหนงึ่ ทอี่ าจท�ำใหค้ แู่ ขง่ ขนั ตอ้ งเสยี ประโยชนม์ หาศาลในระยะยาว มวี ธิ ที ท่ี งั้ สองฝา่ ยจะได้ ประโยชนก์ วา่ กค็ อื การฮว้ั กนั โดยทงั้ สองฝา่ ยจ�ำกดั ปรมิ าณการผลติ ใหอ้ ยตู่ ำ่� กวา่ ระดบั ดลุ ยภาพ เพอื่ รกั ษาอปุ ทาน (ราคา) ไวใ้ นระดับสูงๆ 16 เกมบางเกมอาจมี ทางออก (solution)ที่เฉพาะเจาะจงและคาดเดาล่วงหน้าได้ โดยทางออกนี้หมายถึงชุดรวมของ ยทุ ธศาสตรท์ ่ีผเู้ ล่นทกุ คนจะเลอื กใช้ หรอื ผลลพั ธ์(outcome) ทเี่ ฉพาะเจาะจงและคาดเดลว่ งหน้าได้ (เชน่ ผลตอบแทน ทผ่ี ู้เล่นแตล่ ะคนจะไดร้ บั ) ดู Jon Elster, Logic and Society, (New York, Brisbane: John Wiley & Sons: 1978), p. 151 อา้ งใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กบั ทฤษฎกี ารเลือกอยา่ งเป็นเหตเุ ป็นผล (rational choice theory), อ้างแล้ว. 17 เกมบางเกมมีจดุ ดุลยภาพ แต่ผู้เลน่ ทุกรายอาจไม่ได้มียทุ ธศาสตรเ์ ด่น (เกมบางเกมไม่มยี ุทธศาสตร์เดน่ เกมแบบนี้เรียก ว่ากรณีความไม่แนน่ อน (indeterminacy) เพราะมียุทธศาสตรท์ ด่ี ีพอๆกันอยู่มากกวา่ หน่ึงยทุ ธศาสตร์ท่ีสามารถเลอื ก ใชไ้ ด้) แตส่ ิ่งทท่ี �ำให้ในเกมประเภทนีย้ งั คงมีจดุ ดุลยภาพได้เพราะในเกมเหล่านี้มี “ปฏิกริ ยิ าตอบสนองที่ดีท่สี ุด” ส�ำหรบั การตดั สนิ ใจแตล่ ะแบบอยู่ ยกตวั อยา่ งมบี รษิ ทั สองแหง่ ผกู ขาดการขายสนิ คา้ ชนดิ หนง่ึ อยใู่ นตลาด สมมตุ บิ รษิ ทั หนงึ่ เกดิ ตดั สนิ ใจผลติ นอ้ ยลงเพอื่ โกง่ ราคาสนิ คา้ นน้ั ใหส้ งู ขนึ้ ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองทด่ี ที ส่ี ดุ ของอกี บรษิ ทั หนง่ึ กค็ อื ผลติ เพม่ิ เพอื่ ฉวย โอกาสท�ำก�ำไรจากราคาสินค้าที่เพิม่ ข้ึน แตป่ ฏิกิรยิ าตอบสนองนบี้ างครงั้ ก็ไมท่ �ำให้ท้งั สองฝ่ายไดป้ ระโยชน์สูงสดุ เปน็ ท่ี รู้กนั ดวี ่าการแขง่ ขันโดยการลด-เพ่ิมอปุ ทานซ่ึงมีผลตอ่ ราคาเป็นกบั ดักแบบหนึ่ง ที่อาจท�ำให้คู่แขง่ ขันตอ้ งเสยี ประโยชน์ มหาศาลในระยะยาว มวี ธิ ที ่ีท้ังสองฝ่ายจะไดป้ ระโยชนก์ ว่าก็คือการฮวั้ กัน (cartel) โดยจ�ำกัดปริมาณการผลิตของทั้งคู่ ให้อย่ตู ่�ำกว่าระดับดลุ ยภาพ

50 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. 1) ความเขา้ ใจชนดิ ทว่ี า่ สภาพแวดลอ้ มของ (strategically rational actor)19 ดังท่ีเอลสเตอร์ การตัดสินใจกระท�ำแต่ละคร้ังเป็นแบบคงที่ โดย ได้กลา่ วไว้ว่า ตวั แปรทง้ั หมดสามารถเป็นตัวแปรทคี่ งท่ี และมีแต่ “ผู้กระท�ำการที่เป็นเหตุเป็นผลแบบคงที่ ตวั ผตู้ ดั สนิ ใจเทา่ นนั้ ทอี่ าจตดั สนิ ใจในแบบทผ่ี ดิ แผก ปฏบิ ตั ติ อ่ ส่งิ แวดลอ้ มของตนราวกับว่า สิ่งแวดล้อม แตกต่างไปได้ (parametric environment) นนั้ เปน็ สงิ่ คงท่ี ขณะทผี่ กู้ ระทำ� การทเ่ี ปน็ เหตเุ ปน็ ผล 2) ความเข้าใจว่าสภาพแวดล้อมของการ เชิงยุทธศาสตร์จะพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ว่าสภาพ ตัดสินใจแต่ละคร้ังเป็นแบบยุทธศาสตร์ ท่ีตัวแปร แวดลอ้ มของตนประกอบดว้ ยผกู้ ระทำ� รายอน่ื ๆ และ ทงั้ หมดลว้ นผนั แปรไดโ้ ดยขน้ึ ตอ่ กนั และกนั (strategic ตัวเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมของ environment) ตวั ผตู้ ดั สนิ ใจจงึ ตอ้ งคำ� นงึ ถงึ โอกาส คนเหลา่ นน้ั ดว้ ย และคนเหลา่ นน้ั กต็ ระหนกั รใู้ นขอ้ น้ี ที่ตวั แปรเหล่านจ้ี ะแปรผันไปในลักษณะตา่ งๆ และ ในชุมชนของผู้กระท�ำที่เป็นเหตุเป็นผลแบบคงท่ี ผลที่จะตามมาจากการแปรผนั เหลา่ น้นั ดว้ ย คนแต่ละคนจะคิดว่า เขาคือผู้เดียวเท่าน้ันท่ี เอลสเตอร์ชี้ว่าสัตว์มีแนวโน้มที่จะมีความ พฤติกรรมสามารถผันแปรได้เป็นหลากหลายแบบ เข้าใจแบบแรก ขณะท่ีมนุษย์สามารถตระหนักถึง ขณะท่ีบุคคลอื่นเป็นเพียงตัวแปรคงท่ีท่ีเขาต้องน�ำ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทวี่ า่ บรบิ ททต่ี นกำ� ลงั เผชญิ อยู่ (บรบิ ททม่ี ี เข้ามาค�ำนึงถึงในการแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการ คนอน่ื ๆ รว่ มตดั สนิ ใจอยดู่ ว้ ย) อาจสง่ ผลตอ่ ผลลพั ธ์ ตัดสินใจเท่าน้ัน เม่ือผู้กระท�ำเหล่าน้ีกระท�ำตาม ท่ีตามมาจากการตัดสินใจของตนได้ และมนุษย์ ความเชอื่ ทไี่ มส่ อดคลอ้ งในตวั เองเชน่ นขี้ องตน พวกเขา สามารถนำ� ขอ้ เทจ็ จรงิ นเ้ี ขา้ มาประกอบการพจิ ารณา กจ็ ะกอ่ ใหเ้ กดิ ผลลพั ธท์ ผ่ี ดิ เพยี้ นไป (perverse) และ ตดั สนิ ใจในแตล่ ะครง้ั ของตนดว้ ย18ผกู้ ระทำ� (actor) เป็นผลลัพธ์ท่ีไม่ได้คาดคิดไว้ (unintended) ท่ีเป็นมนุษย์จึงต่างจากสัตว์ตรงท่ีเป็นมนุษย์เป็น อันเป็นประเด็นท่ีนักสังคมศาสตร์ต้ังแต่มาร์กซ์ ผกู้ ระทำ� การทมี่ คี วามเปน็ เหตเุ ปน็ ผลเชงิ ยทุ ธศาสตร์ จนถึงเคยนส์ และต้ังแต่แมนเดวิลล์จนถึงบูดง20 18 Jon Elster, Ulysses and the Sirens: Studies in Rationality and Irrationality, op.cit., pp. 18-19 อา้ งใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ ับทฤษฎีการเลอื กอย่างเป็นเหตุเป็นผล (rational choice theory), อา้ งแลว้ . 19 เพ่งิ อา้ ง 20 เรมอง บูดง (Raymond Boudon) เปน็ นกั สงั คมวทิ ยาชาวฝร่งั เศส เป็นศาสตราจารยท์ ่ีมหาวทิ ยาลัย Paris-Sorbonne University และเป็นสมาชิกของสถาบันท่ีสำ�คัญอีกหลายแห่ง อาทิเช่น Académie des Sciences morales et politiques, Academia Europaea, British Academy, American Academy of Arts and Sciences, International Academy of Human Sciences of St Petersburg, Central European Academy of Arts and Sciences และ เป็นนักวิจัยที่ Center for Advanced Study in the Behavioral Sciences รวมถึงได้รบั เชญิ ใหบ้ รรยายท่ี Harvard, Oxford University และมหาวิทยาลัย Geneva, Chicago และ Stockholm งานเขยี นของเขาเก่ยี วขอ้ งกับเร่ืองต่อ ไปนี้ การศึกษา โอกาสและความไม่เทา่ เทยี มทางสงั คม Education, Opportunity and Social Inequality (1974), ตรรกะของการกระท�ำ ทางสังคม The Logic of Social Action (1981), ทฤษฎีต่างๆ ว่าดว้ ยการเปลย่ี นแปลงทาง สังคม Theories of Social Change (1986), การวเิ คราะห์อดุ มการณ์ The Analysis of Ideology (1989), ศิลปะ ของการหว่านล้อมตนเอง The Art of Self-Persuasion (1994), ก�ำ เนดิ ของคณุ ค่า The Origin of Values (2000)

ปีที่ 8 ฉบับท่ี 1 (มกราคม 2558) 51 พยายามท�ำการศึกษาค้นควา้ เพ่อื ทำ� ความเข้าใจ”21 สาธารณะโดยคนแรก ๆ จะสามารถใชส้ ว้ มทสี่ ะอาด ถ้ากล่าวอย่างครอบคลุมกว้างขวางท่ีสุด แตด่ ว้ ยความคดิ ทมี่ งุ่ ประโยชนส์ งู สดุ และลงทนุ นอ้ ย ผลลัพธ์ดังกล่าวน้ี คือ ผลลัพธ์ท่ีด้อยกว่าและตอบ ที่สุด คนพวกแรก ๆ ก็จะจากไปโดยไม่รับผิดชอบ สนองประโยชน์ได้น้อยกว่าเมื่อมองจากจุดยืนของ ทำ� ความสะอาดใหเ้ หมาะสมถกู ตอ้ ง และเมอื่ คนตอ่ ไป ผกู้ ระทำ� แตล่ ะคน ตวั อยา่ งหนงึ่ ทเ่ี หน็ ไดช้ ดั ในประเดน็ น้ี มาใช้และเห็นสภาพดังกล่าวก็จะไม่ยอมลงทุน คอื แทนท่ีจะแข่งขนั กนั ตกั ตวงผลประโยชน์สว่ นตวั ท�ำความสะอาดขจัดความสกปรกท่ีคนอื่นทิ้งไว้ อย่างไร้ยุทธศาสตร์ คนแต่ละคนท่ีตระหนักใน จนในทส่ี ดุ สว้ มสาธารณะ กจ็ ะไมอ่ ยใู่ นสภาพการทใ่ี ช้ ประเด็นนี้และยกระดับมาเป็น “ผู้กระท�ำที่มีเหตุมี ได้เลย ซึ่งกลับท�ำให้ทุกคนเสียประโยชน์ไปในที่สุด ผลในเชิงยุทธศาสตร์” (strategically rational หรือบางคนคิดที่จะหลบเลี่ยงภาษีจนในท่ีสุดแล้ว actor) ก็จะหันมาร่วมมือกัน (cooperation) คนอื่น ๆ ท่ีต้องการรักษาประโยชน์ส่วนตนให้มาก ซึ่งหลายครั้ง การร่วมมือกันเป็นส่ิงจ�ำเป็นเพ่ือที่ ที่สุดก็จะเลี่ยงภาษีตามกันไปหมดด้วย อันท�ำให้ ทุกฝ่ายจะสามารถได้รับประโยชน์สูงสุด เพราะใน ลงเอยด้วยความล้มเหลวในการจัดเก็บภาษีและ สถานการณ์ที่ต้องอาศัยความร่วมมือกัน หากผู้ ความล้มเหลวในบริหารงานสาธารณะ กระท�ำไม่สามารถคิดเชิงยุทธศาสตร์เช่นท่ีกล่าวไป นอกจากประเด็นดังกล่าวแล้ว เอลสเตอร์ การร่วมมือกันก็อาจไม่สามารถเกิดข้ึนได้ หรืออีก ยังใช้ทฤษฎีการเลอื กอย่างเป็นเหตุเป็นผลวิเคราะห์ ตัวอย่างหน่ึงก็คือ การเข้าคิวหรือปฏิบัติตาม ไปถงึ เรอื่ งการเสยี สละเพอื่ คนอนื่ หรอื “ปรตั ถนยิ ม” กฎหมายจราจร หากแต่ละคนเลือกท่ีจะใช้วิธีการ (altruism) ซ่ึงมีลักษณะใกล้เคียงกับความร่วมมือ ลัดคิวเพ่อื ไปได้เร็วกว่า คือ ใช้ต้นทุนเรื่องเวลาน้อย ในแง่ที่เป็นการยอมเสียสละผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ต้องรอคอยและไปถึงที่หมายไปเร็วกว่าอันเป็น ท้งั หมดหรือบางส่วนเพือ่ ใหผ้ อู้ ่นื หรอื สงั คมส่วนรวม ประโยชนส์ งู สุด แต่ถ้าทุกคนทำ� แบบเดยี วกนั โดยไม่ ได้ประโยชนเ์ หมือนกัน22 การขาดความสามารถคดิ คิดว่าคนอื่นสามารถคิดและท�ำได้เช่นกัน ผลลัพธ์ก็ เชิงยุทธศาสตร์ท�ำให้ปรัตถนิยมยากที่จะเป็นไปได้ อาจจะลงเอยดว้ ยการทไ่ี มม่ ีใครสามารถไปได้ อยา่ ง ทง้ั ทใี่ นหลาย ๆ ครง้ั ปรตั ถนยิ มของคนบางคนกเ็ ปน็ ในกรณีสี่แยกท่ีรถทุกคันจากทุกแยกพยายามจะ สงิ่ จำ� เปน็ สำ� หรบั ความอยรู่ อดและความอยดู่ มี สี ขุ ของ ดนั ทรุ งั เดนิ หนา้ ไป หรอื พยายาม ฝา่ ไฟแดงไปแลว้ ก็ มนษุ ยท์ ง้ั สงั คม23 เอลสเตอรไ์ ดย้ กตวั อยา่ งวธิ กี ารคดิ ไปติดอยู่กลางส่ีแยก หรือการใช้ประโยชน์จากส้วม ของมนุษย์บางคนที่นึกถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวของ 21 Jon Elster, Ulysses and the Sirens: Studies in Rationality and Irrationality, opcit. อา้ งใน ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ บั ทฤษฎกี ารเลือกอย่างเป็นเหตเุ ปน็ ผล (rational choice theory), อา้ งแล้ว. 22 คำ�แปล altruism ว่า “ปรัตถนิยม” นี้ใช้ตามสารานุกรมปรัชญาออนไลน์ฉบับสังเขป หัวข้อ อัตนิยมและปรัตถนิยม สามารถค้นคว้าเพ่มิ เติมใน http://www.philospedia.net/Egoism%20and%20Altruism.html 23 ดูความสำ�คัญของ “ปรัตถนิยม” ต่อความอยู่รอดและวิวัฒนาการของเผ่าพันธ์ุมนุษย์จากมุมมองทางจิตวิทยา ใน Edwards Wlison. 2012. The Social Conquest of Earth. New York, London: Liveright Publishing Cooperation op.cit. อ้างใน ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กับทฤษฎีการเลือกอย่างเป็นเหตุเป็นผล (rational choice theory), อ้างแลว้ .

52 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ตนเองเทา่ นน้ั และไมไ่ ดค้ ดิ ดว้ ยวา่ มนษุ ยค์ นอนื่ กเ็ ปน็ เท่านัน้ เปน็ ใหญ่ หากแต่กลบั ลืมนกึ ไปวา่ ในโลกน้ยี งั คนมีความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลเหมือนกันและ มปี จั เจกบคุ คลทเี่ ปน็ ผกู้ ระทำ� คนอน่ื อยดู่ ว้ ย อกี หลาย สามารถคดิ ในแบบเดยี วกนั ไดว้ า่ การคดิ เชน่ นอ้ี าจนำ� คนที่หาก “ผู้กระท�ำคนอน่ื ๆ นี้ใช้เหตุผลในลักษณะ ไปสผู่ ลลพั ธท์ ด่ี อ้ ยกวา่ ไดโ้ ดยคนบางคนอาจจะเสแสรง้ เดยี วกันกับปัจเจกบุคคลผู้น้นั และพวกเขาต่างก็จะ ทำ� ทวี ่า “เสยี สละ” โดยคดิ ไตร่ตรองวา่ รูว้ ่าคนอ่นื ๆ ทุกคนกใ็ ช้เหตผุ ลในลกั ษณะท่วี ่านี้ ขอ้ “ถ้าฉันแสร้งท�ำให้คนภายนอกมองเห็นว่า อ้างเหตุผลนี้ (การเสแสร้งท�ำทีว่าเสียสละเพ่ือ ฉนั เปน็ คนชอบชว่ ยเหลอื และชอบทำ� เพอ่ื ประโยชน์ ประโยชนข์ องตวั เอง) จะลม้ ครนื ทนั ที เพราะจะไมม่ ี ของผู้อ่นื บุคคลอ่ืน ๆ กจ็ ะรสู้ กึ ชอบฉนั และเป็นหว่ ง ใครรสู้ กึ เปน็ มติ รตอ่ บคุ คลทแี่ สรง้ ทำ� ตวั เปน็ ผกู้ ระทำ� เปน็ ใยถงึ ความอยดู่ มี สี ขุ ของฉนั เพราะมนั ทำ� ใหพ้ วกเขา เพ่ือผลประโยชน์ของผู้อ่ืนเพียงเพราะหวังจะได้ ได้อรรถประโยชน์เชิงบวกจากการบริโภคของฉัน ประโยชน์จากมิตรภาพนั้น”25 ตามไปดว้ ย นหี่ มายความวา่ พวกเขาจะมแี นวโนม้ ที่ การขาดความสามารถคดิ เชงิ ยทุ ธศาสตรไ์ ม่ จะกระท�ำสิ่งต่าง ๆ โดยค�ำนึงถึงประโยชน์ของฉัน เพยี งสง่ ผลเสยี ตอ่ ปจั เจกบคุ คลในความสมั พนั ธแ์ บบ และผลลพั ธส์ ทุ ธทิ จี่ ะตามมากค็ อื ความอยดู่ มี สี ขุ ของ ส่วนตัว เช่น มติ รภาพที่กล่าวไปเท่านั้น แต่ยังส่งผล ฉันจะมากกว่าการท่ีฉันท�ำตัวเป็นคนเห็นแก่ กระทบต่อสังคมโดยรวมด้วย เอลสเตอร์อ้างว่า ประโยชนส์ ว่ นตวั อยา่ งเครง่ ครดั เนอ่ื งจากโดยทวั่ ไป พฤติกรรมท่ีเกิดข้ึนจากความเป็นเหตุเป็นผลแบบ แลว้ ผลประโยชนท์ เ่ี กดิ จากการเสยี สละทก่ี ระทำ� ให้ คงท่ีของปัจเจกบุคคลมีแนวโน้ม จะเป็นพฤติกรรม แกบ่ คุ คล ๆ หนงึ่ ตอ่ บคุ คลทเี่ ปน็ ผรู้ บั จะสงู กวา่ ตน้ ทนุ ทข่ี าดความเปน็ เหตเุ ปน็ ผลไปทนั ที หากมองจากมมุ ท่เี กิดข้นึ กบั บุคคลผู้เสยี สละ ดังนน้ั เม่ือคดิ วา่ คนทุก มองของส่วนรวม เช่น จากมุมมองของฝูง กลุ่ม คนจะเสียสละให้แก่ฉัน ผลประโยชน์ของการเสีย ชุมชน หรอื สังคม รัฐ ฯลฯ ซง่ึ ความขดั แย้งของเรือ่ ง สละทีพ่ วกเขาทำ� ใหแ้ ก่ฉนั น้ันยอ่ มสูงเกนิ กว่าต้นทนุ น้ีอยู่ตรงท่ีว่า พฤติกรรมเหล่านี้ที่โดยตัวมันเองดู ของการเสยี สละท่ีฉนั ท�ำใหเ้ พือ่ คนอืน่ ๆ เป็นแน”่ 24 เหมือนเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของความ กล่าวง่าย ๆ ก็คอื การแสรง้ ท�ำตัวเป็นคน เป็นเหตุเป็นผลส�ำหรับปัจเจกบุคคล แต่เมื่อปัจเจก เสียสละจะให้ประโยชน์แก่ตัวเรามากกว่าการท่ีเรา ทุกคนหรือปัจเจกจ�ำนวนมากพอต่างกระท�ำ จะเปิดเผยความเห็นแก่ประโยชน์จริง ๆ ของเรา พฤตกิ รรมทเ่ี ปน็ เหตเุ ปน็ ผลในระดบั บคุ คลดงั กลา่ วน้ี แต่เอลสเตอรไ์ ดช้ ้ีให้เห็นวา่ เนอื่ งจากการคดิ แบบนี้ ส่ิงน้ีกลับจะส่งผลร้ายต่อสังคมส่วนรวมได้ก็คือ เป็นการคิดถึงการกระท�ำของปัจเจกบุคคลเพียงแค่ ทกุ คนกลบั จะไดร้ บั ประโยชนน์ อ้ ยกวา่ ทพ่ี วกเขาคาด คนเดียว และยึดเอาผลประโยชน์ของบุคคลนั้น หวังจะได้รับ หากไม่มีใครที่มีพฤติกรรมเหล่าน้ีเลย 24 Jon Elster, Ulysses and the Sirens: Studies in Rationality and Irrationality, op.cit., pp. 63-64, อา้ งใน ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กบั ทฤษฎีการเลือกอยา่ งเป็นเหตเุ ปน็ ผล (rational choice theory), อา้ งแลว้ . 25 เพ่ิงอ้าง

ปที ี่ 8 ฉบับท่ี 1 (มกราคม 2558) 53 หรือมีกม็ ีเพยี งคนไมก่ คี่ นเทา่ น้นั 26 อยา่ งไรกต็ าม ในการอธบิ าย “ปรตั ถนยิ ม” เมอ่ื เป็นเช่นนี้ เอลสเตอร์จึงสรปุ ว่า ในการ ขา้ งตน้ ดเู หมอื นจะทำ� ให้ “ปรตั ถนยิ ม” ไมไ่ ดห้ มายถงึ ที่จะเกิดความเป็นเหตุเป็นผลระดับส่วนรวม การเสียสละเพ่ือคนอนื่ อยา่ งแทจ้ ริง แตเ่ ปน็ การเสยี (collective rationality) คนแตล่ ะคนต้องเปลี่ยน สละเพ่ือหวังผลอะไรบางอยา่ งกลับคืนมา ในขณะที่ ผา่ นจากการใช้เหตผุ ลในแบบท่ีมองบริบทแบบคงท่ี ความหมายของ “ปรตั ถนยิ ม” จรงิ ๆ คอื การเสยี สละ ไปสู่การคิดเชิงยุทธศาสตร์ที่ผู้กระท�ำทุกคนต้อง เพ่ือคนอ่ืนโดยมิได้หวังผลตอบแทนอะไร และ ค�ำนึงถึงเจตนาของผู้กระท�ำคนอ่ืน ๆ ทั้งหมด การเสยี สละนั้นอาจถึงระดับการพลีชพี ด้วย30 รวมถึงต้องค�ำนึงถึงข้อเท็จจริงท่ีว่า เจตนาของ ตอ่ ประเดน็ “ปรตั ถนยิ ม” แท้ ๆ (altruism) ผู้กระท�ำคนอ่ืน ๆ ถูกก�ำหนดจากความคาดหวังท่ี เอลสเตอร์ยอมรับว่า มันเปน็ ปญั หาอย่างย่งิ สำ� หรบั คนเหลา่ นน้ั มเี กย่ี วกบั ความคาดหวงั ของผกู้ ระทำ� คน ทฤษฎีการเลือกอย่างเป็นเหตุเป็นผลของเขา อ่ืน ๆ ทุกรายด้วย กล่าวอีกนัยหน่ึง คือ ผู้กระท�ำ เอลสเตอร์ได้ให้ความส�ำคัญต่อปัญหาดังกล่าวน้ี แต่ละคนต้องตัดสินใจเลือกกระท�ำไม่ใช่จากแค่การ เขายอมรับว่ามันมีปัญหาในการอธิบายพฤติกรรม คิดบนพื้นฐานของความคาดหวังท่ีตัวเขามีเกี่ยวกับ ของคนที่ตัดสินใจเลือกท่ีจะเสียสละเพื่อประโยชน์ อนาคตของตนเองเทา่ นน้ั แตย่ งั ตอ้ งตดั สนิ ใจบนพนื้ สขุ หรอื ความอยดู่ กี นิ ดขี องคนอนื่ เอลสเตอรก์ ลา่ ววา่ ฐานของการคาดคะเนของเขาเกย่ี วกบั ความคาดหวงั บางคนอาจจะอธิบายว่า การที่คนบางคนยอมเสีย ของคนอน่ื ๆ ดว้ ย27 เอลสเตอรอ์ า้ งวา่ มนษุ ยม์ คี วาม สละผลประโยชน์ส่วนตัวของเขาให้คนอื่น ก็ยัง พิเศษแตกต่างจากสัตว์ตรงที่มนุษย์มีความสามารถ เปน็ การกระทำ� ทมี่ งุ่ สผู่ ลประโยชนส์ ว่ นตวั ของ คน ๆ ท่ีจะคิดและท�ำส่ิงท่ีซับซ้อนเช่นนี้ได้ และความ นน้ั อยดู่ ี เชน่ เสยี สละชว่ ยเหลอื คนอน่ื เพราะหวงั วา่ สามารถนี้เองท่ีท�ำให้มนุษย์ดูเหมือนว่ามีอ�ำนาจ สักวันหน่ึงถ้าตนเดือดร้อนคนที่เราเคยช่วยเหลือก็ ควบคมุ ชะตากรรมของตวั เองได้ แทนที่จะตกอยู่ใน จะเสียสละเพื่อเราเหมือนท่ีเราเคยท�ำให้เขา หรือ เงื้อมมือของพลังเชิงสาเหตุจากภายนอกท่ีพวกเขา ถ้าทกุ ๆ คนมวี ธิ ีคดิ แบบเดยี วกนั น้ี จนเป็นคา่ นิยม ไมอ่ าจเขา้ ใจ และท�ำใหแ้ ผนการของพวกเขาไมเ่ คย หรอื บรรทดั ฐานของสงั คม คนในสงั คมกเ็ สยี สละเพอื่ เป็นดังท่ีคาดการณ์ไว้28 ซ่ึงในทางตรงกันข้าม คนอ่ืน เพราะเข้าใจว่า คนอ่ืน ก็จะท�ำกับตนใน สตั วไ์ ม่มคี วามสามารถเช่นท่กี ลา่ วมาน2ี้ 9 ทำ� นองเดยี วกนั หรอื ในกรณขี องคนทบ่ี รจิ าคเงนิ เพอ่ื 26 ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กบั ทฤษฎีการเลอื กอยา่ งเป็นเหตุเป็นผล (rational choice theory), อ้างแล้ว. 27 Jon Elster, Ulysses and the Sirens: Studies in Rationality and Irrationality, op.cit, p. 18; Jon Elster, Explaining Social Behavior, (Cambridge: Cambridge University Press: 2007), pp. 300-311 อ้างใน ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ ับทฤษฎีการเลือกอย่างเปน็ เหตเุ ปน็ ผล (rational choice theory), อา้ งแล้ว. 28 เพ่ิงอ้าง 29 เพ่งิ อ้าง 30 ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กบั ทฤษฎีการเลือกอย่างเปน็ เหตุเป็นผล (rational choice theory), อ้างแลว้ .

54 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. การกุศล แม้ว่าเขาจะไม่ได้หวังที่จะได้รับการ ตวั ชว่ ยใหเ้ ราเขา้ ใจพฤตกิ รรมในลกั ษณะ “ปรตั ถนยิ ม” ช่วยเหลือตอบแทน แต่ก็อาจเป็นเพราะเขาหวังใน ทเี่ กิดข้ึนได3้ 2 เกียรติยศช่ือเสียงและการยอมรับได้หน้าได้ตาจาก เอลสเตอร์กล่าวต่อไปวา่ ตัวอย่างหนึ่งของ สงั คม ซงึ่ กถ็ อื เปน็ ผลประโยชนส์ ว่ นตวั อยา่ งหนง่ึ ดว้ ย การที่คนเราเสียสละหรือท�ำอะไรให้คนอื่นเพ่ือให้ นนั่ คอื แรงจงู ใจสำ� คญั ของเขาไมใ่ ชก่ ารชว่ ยคนทท่ี กุ ข์ ตวั เองไดม้ าซง่ึ ความสขุ ความพอใจกค็ อื เรอ่ื งของความรกั ยากเท่ากับการท่ีเขาจะได้รับการยอมรับจากสังคม ซง่ึ ผคู้ นมกั จะเชอื่ วา่ คนเรามคี วามสขุ จากการทค่ี นที่ ดงั นนั้ จงึ มคี นบางคนอธบิ ายวา่ การทำ� อะไรเพอื่ คนอนื่ เขารกั มีความสขุ ดังนัน้ การที่เราให้ของขวญั แก่คน เกิดจากแรงจูงใจในเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวเสมอ ท่ีเรารัก และหวังว่าคนท่ีเรารักจะมีความสุขความ และจะแตกตา่ งกนั ไปตามโอกาสและเงอ่ื นไขเทา่ นน้ั พอใจในของขวัญน้ัน มันก็หมายความว่า เราก�ำลัง จากมมุ มองดงั กลา่ วนเ้ี องทท่ี ำ� ใหม้ คี นกลา่ ววา่ สงั คม ใชค้ นทเ่ี รารกั เปน็ หนทางนำ� ไปสคู่ วามพอใจของตวั เรา ท่เี จริญแลว้ (civilized society) จะพยายามจดั ให้ แต่จริง ๆ แล้ว เราจะพบว่าไม่ใช่ว่าการเสียสละ มีสถาบันที่ท�ำให้คนในสังคมพูดความจริงต่อกัน เพอ่ื คนอน่ื ทกุ ครง้ั จะเกดิ จากความรกั เสมอไป เพราะ รักษาสัญญาต่อกัน และช่วยเหลือคนอื่นก็เพื่อเขา บางคนท�ำไปเพราะถือเป็นหน้าท่ี และไม่ได้มีความ แต่ละคนจะได้รับประโยชน์จากการกระท�ำท่ีเป็น สุขความพอใจในสิ่งที่ ตนกระท�ำไปแม้แต่น้อย บรรทัดฐานส�ำหรับทกุ คน31 สว่ นคนทท่ี ำ� ตามหนา้ ทแ่ี ละมแี รงจงู ใจจากใจทคี่ กุ รนุ่ แต่ค�ำอธิบายดังกล่าวน้ีใช้ไม่ได้ในสายตา ด้วยความรักก็ไม่ถือว่าเป็นการกระท�ำที่เป็นเพียง ของเอลสเตอร์ โดยเขาแบ่งมุมมองดังกล่าวน้ีออก การกระท�ำตามหน้าที่ แตเ่ ปน็ การกระท�ำที่เกิดจาก เป็นสองประเภท ประเภทแรก คอื มุมมองที่เห็นว่า การเล่นบทรักตัวเอง (narcissistic role-playing) ทา้ ยทสี่ ดุ แลว้ การกระทำ� ทง้ั หลายทง้ั ปวงนนั้ เกดิ ขนึ้ ขณะเดียวกัน ทฤษฎีวิถีทาง-ความรักนั้นก็สามารถ เพอื่ ใหไ้ ดม้ าซง่ึ ความสขุ ความพอใจ (pleasure) ของ ให้ค�ำอธิบายท่ีเพียงพอได้ เพราะเราเลือกที่จะให้ ผกู้ ระทำ� สว่ นอกี มมุ มองหนง่ึ คอื ผลประโยชนส์ ว่ นตวั ของขวญั แกค่ นบางคนเพอื่ ตอบสนองหรอื สรา้ งความ ถือเป็นความส�ำคัญอันดับแรกในทางระเบียบวิธี พอใจให้กับความปรารถนาของคนอ่ืน และความ การศกึ ษาของทฤษฎกี ารเลอื กอย่างเปน็ เหตเุ ป็นผล พอใจของตัวเรานั้นก็เป็นเพียงผลพลอยได้ที่เกิดข้ึน เอลสเตอร์ฟันธงว่ามุมมองแรกนั้นเป็นมุมมองท่ีผิด เทา่ นนั้ 33 แตก่ ระนนั้ เอลสเตอรก์ เ็ หน็ วา่ มนั กเ็ ปน็ ไปได้ สว่ นมมุ มองทส่ี องนน้ั แมว้ า่ จะเปน็ จรงิ แตก่ ไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวจะเป็นพื้นฐานส�ำคัญ 31 Jon Elster, “Selfishness and Altruism,” in Beyond Self-Interest, edited by Jane J. Mansbridge, (Chicago: the University of Chicago Press: 1990), p. 44 อ้างใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ ับทฤษฎี การเลือกอย่างเปน็ เหตุเปน็ ผล (rational choice theory), อ้างแล้ว. 32 Jon Elster. 1990. Selfishness and Altruism. Beyond Self-Interest, edited by Jane Mansbridge. Chicago: University of Chicago Press. อ้างใน ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กับทฤษฎีการเลือกอย่างเป็นเหตุเป็นผล (rational choice theory), อ้างแลว้ . 33 Jon Elster. 1990. Selfishness and Altruism. Beyond Self-Interest, ibid., p. 45 อ้างใน ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ ับทฤษฎีการเลอื กอย่างเป็นเหตุเป็นผล (rational choice theory), อ้างแล้ว.

ปที ี่ 8 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม 2558) 55 มากกวา่ การเสยี สละ อยา่ งเชน่ ในกรณีแนวคดิ เรือ่ ง คนรวยบางคนบริจาคเงินให้คนจนก็เพียงเพื่อหวัง สภาวะธรรมชาติ (state of nature) ในปรัชญา ประโยชนอ์ ะไรบางอยา่ ง เชน่ ถา้ ไมใ่ หก้ ก็ ลวั วา่ คนจน การเมือง แม้วา่ มนั จะเป็นเพียงจนิ ตนาการหรือการ อาจจะลกุ ฮอื ขนึ้ มาฆา่ คนรวย เปน็ ตน้ แตใ่ นกรณขี อง ทดลองในทางความคิด แต่มันก็เป็นสถานการณ์ท่ี การบรจิ าคเงนิ ให้กับคนพกิ าร เรากพ็ บว่า สาเหตใุ น บ่งชี้ให้เห็นถึงความสอดคล้องกันในทางตรรกะ การบริจาคก็คงไม่ใช่เป็นเพราะเรากลัวว่าคนพิการ เหตผุ ลทท่ี กุ คนตา่ งกท็ ำ� อะไรลงไปเพอื่ เปา้ หมายการ จะลุกฮือขน้ึ มาฆ่าเรา35 ตอบสนองผลประโยชน์ส่วนตัวเสมอ แต่เราไม่ กระนน้ั เอลสเตอรก์ พ็ ยายามทจ่ี ะทำ� ความ สามารถจนิ ตนาการไดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ งในทางเหตผุ ล เขา้ ใจและอธบิ ายในประเดน็ ปญั หาเรอื่ ง “ปรตั ถนยิ ม” ถงึ โลกทีท่ กุ คน ๆ ตา่ งกม็ ีแรงจงู ใจของการเสียสละ ภายใต้ทฤษฎีการเลือกอย่างเป็นเหตุเป็นผล เพอ่ื คนอื่น34 โดยเขากล่าวว่า ก่อนอ่ืน เราต้องแยกแยะระหว่าง อย่างไรก็ตาม เอลสเตอร์ยอมรับว่า “การกระท�ำเพ่ือคนอื่นท่ีเกิดจากแรงจูงใจท่ีจะท�ำ ความคิดที่วา่ ผลประโยชน์ส่วนตัวเปน็ ปัจจยั สำ� คญั เพ่ือคนอื่น” กับ “การกระท�ำเพื่อคนอื่นที่เกิดจาก ในขบั เคลอ่ื นการกระทำ� ตา่ ง ๆ ทง้ั หลายในโลกนอี้ าจ แรงจงู ใจทดี่ คู ลา้ ยหรอื เปน็ ภาพลอ้ ของการกระทำ� ที่ ไมถ่ กู ตอ้ งเสมอไป เพราะบางครงั้ การชว่ ยเหลอื ดแู ล เสียสละเพ่ือคนอื่น” ถ้าแรงจูงใจหลัก คือ คนอื่นไม่ได้จ�ำเป็นว่าจะเป็นไปเพื่อหวังให้คนอื่น ความตอ้ งการทจี่ ะชว่ ยคนอนื่ และบงั เอญิ เกดิ ผลไดท้ ี่ ชว่ ยเหลือเรา และไม่สามารถอธบิ ายโดยการมงุ่ หวัง ตามมาโดยไม่ได้คาดหวังจากการกระท�ำน้ัน เช่น ผลประโยชน์ในระยะยาวด้วย พ่อแม่อาจจะมี ความรสู้ กึ ดี (warm glow) การกระทำ� ทเี่ กดิ จากแรง ผลประโยชนห์ รอื เหน็ แกต่ วั เอง ในการชว่ ยเหลอื ดแู ลลกู ๆ จงู ใจนถ้ี อื ไดว้ า่ เปน็ การเสยี สละเพอื่ คนอน่ื (altruism) โดยคาดวา่ ลกู จะดแู ลพอ่ แมต่ อนแก่ แตก่ ารทลี่ กู ดแู ล หรอื “ปรตั ถนยิ ม” แตถ่ า้ แรงจงู ใจในการกระทำ� เพอื่ พอ่ แมน่ นั้ กไ็ มไ่ ด้ เกดิ จากการคาดหวงั ในผลประโยชน์ คนอ่ืนเกิดจากความมุ่งหวังที่จะได้ความรู้สึกดี หรือเป็นเพราะลูกเห็นแก่ตัว คนหลายคนก็ยังดูแล (warm glow) หรือผลประโยชน์อ่ืน ๆ จากการ พ่อแม่ของเขาอยู่ โดยที่การดูแลพ่อแม่ไม่ได้ท�ำให้ ตัดสินใจช่วยเหลือคนอื่น การกระท�ำที่เกิดข้ึนจาก เขามชี อื่ เสยี งหรอื การยอมรบั จากสงั คม และแนน่ อนวา่ แรงจงู ใจแบบนไี้ มถ่ อื วา่ เปน็ การทำ� เพอ่ื คนอนื่ จรงิ ๆ36 คนบางคนท่ีบริจาคเงินโดยไม่ประสงค์จะออกนาม แต่เป็นการกระท�ำที่เกิดจากแรงจูงใจในเร่ืองผล ก็ไม่ได้หวังช่ือเสียงเกียรติยศการชื่นชมจากสังคม ประโยชนส์ ว่ นตวั (self-interest) ซง่ึ การกระทำ� เพอื่ 34 Jon Elster. 1990. Selfishness and Altruism. Beyond Self-Interest, ibid., p. 45 อ้างใน ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กบั ทฤษฎกี ารเลือกอยา่ งเป็นเหตเุ ปน็ ผล (rational choice theory), อ้างแล้ว. 35 เพิ่งอ้าง 36 Jon Elster, Altruistic Behavior and Altruistic Motivations. From WikiSummary, the Free Social Science Summary Database, http://wikisum.com/w/Elster:_Altruistic_behavior _and_altruistic_moti- vations อ้างใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ บั ทฤษฎกี ารเลือกอย่างเป็นเหตเุ ป็นผล (rational choice theory), อ้างแล้ว.

56 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. คนอน่ื ที่เกิดจากแรงจงู ใจของผลประโยชน์สว่ นตัวน้ี ภายภาคหนา้ ดว้ ยเชน่ กนั ถา้ ไมใ่ ชค่ นทเ่ี ขาชว่ ย กอ็ าจจะ อาจจะดูเหมือนหรือมีความคล้ายคลึงกับการเสีย เป็นใครคนอ่ืนก็ได้ และการลงโทษคนที่ไม่เสียสละ สละเพอื่ คนอน่ื โดยไมห่ วงั ผลตอบแทน (altruism) ได้ เพ่ือคนอื่น หรือให้รางวัลต่อคนที่เสียสละถือเป็น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่เรียกว่า การคิด กลไกท่ีจะก่อให้เกิดพฤติกรรมหรือการกระท�ำเพ่ือ คำ� นวณถงึ “ผลประโยชน์สว่ นตวั ทถี่ กู ต้องแท้จริง” คนอื่นได้ด้วย (altruistic behavior) แต่ไม่ได้ (enlightened self-interest) หรอื จะเรียกวา่ เป็น หมายความว่า การกระท�ำหรือพฤติกรรมท่ี “ผลประโยชน์ส่วนตัว ในระยะยาว” ก็ได้ และการ แสดงออกให้เห็นในสายตาของผู้คนว่าเป็นการ คิดค�ำนวณถึงผลประโยชน์ส่วนตัวระยะยาวแบบนี้ กระทำ� เพอ่ื คนอนื่ จะเกดิ จากแรงจงู ใจทจ่ี ะชว่ ยเหลอื จะเกดิ ขนึ้ ไดก้ ต็ อ่ เมอ่ื ผกู้ ระท�ำคดิ หรอื เชอ่ื ว่า ตัวเอง คนอ่ืนโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ คือ เป็น จะมชี วี ติ อยตู่ อ่ ไปอกี ยาวนาน อนั เปน็ เงอื่ นไขทท่ี ำ� ให้ “ปรัตถนยิ ม” จรงิ ๆ และในแง่นี้ การคดิ ค�ำนวณถึง เขาสามารถ คดิ คำ� นวณในเชงิ ยทุ ธศาสตรถ์ งึ ผลทจี่ ะ ผลประโยชน์ในระยะยาวที่ว่านี้อาจจะท�ำให้การ ไดร้ บั กลับคนื มาจากการทำ� เพือ่ คนอน่ื ของเขา (the กระทำ� ทแ่ี สดงออกมานน้ั ดเู หมอื นเปน็ หรอื เปน็ ภาพลอ้ idea of reciprocity or the tit-for-tat strategy) ของการกระท�ำท่ีเกิดจากแรงจูงใจทางศีลธรรม ในอนาคตได้ เพราะคนแบบน้จี ะคิดว่า พวกเขาจะมี (morality) หรือบรรทัดฐานของความซื่อสัตย์ ชวี ติ ทดี่ ขี นึ้ จากการชว่ ยเหลอื คนอนื่ มากกวา่ ทจ่ี ะทำ� (norm of honesty)37 แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่38 อะไรเพอ่ื ตวั เองเทา่ นน้ั เพราะพวกเขาคาดวา่ คนอนื่ เอลสเตอรไ์ ดช้ ใ้ี หเ้ หน็ ถงึ ประเดน็ น้ี โดยอา้ งถงึ การศกึ ษา ก็จะช่วยเหลือหรือท�ำอะไรเพื่อเขากลับคืนมาใน ทดลองของบัตสัน (Batson)39 โดยเขาได้กล่าวว่า 37 Jon Elster. 1990. Selfishness and Altruism. Beyond Self-Interest, edited by Jane Mansbridge. Chicago: University of Chicago Press. p. 51 อ้างใน ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ ับทฤษฎีการเลือกอย่างเป็น เหตุเป็นผล (rational choice theory), อ้างแล้ว. 38 Jon Elster, “Altruistic Behavior and Altruistic Motivations,” opcit. อ้างใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์ กบั ทฤษฎกี ารเลือกอยา่ งเป็นเหตเุ ป็นผล (rational choice theory), อา้ งแล้ว. 39 C. Daniel Batson นักจติ วิทยาสงั คมชาวอมรกิ ัน ผู้มีชื่อเสียงในฐานะท่เี ปน็ นกั วชิ าการที่ท�ำการศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั ให้ เกิดความเข้าใจในประเด็นส�ำคัญในวิชาจิตวิทยาสังคม โดยเฉพาะอย่างย่ิงในประเด็นเรื่อง “ปรัตถนิยม” (altruism) บัตสันมีช่อื เสียงเป็นทรี่ จู้ กั จากสมมตุ ฐิ านความเชือ่ ทีเ่ ขามีตอ่ ประเด็น “empathy-alturism” หรือความเช่อื วา่ คนเรามี คณุ สมบตั คิ วาม “สามารถในการเขา้ ใจความรสู้ กึ ของผอู้ นื่ และเสยี สละเพอื่ คนอน่ื ” ความสามารถในการเขา้ ใจความรสู้ กึ ของผอู้ น่ื หรือ “empathic concern” นีอ้ ีกนัยหนึง่ กค็ อื “ความสามารถทจี่ ะเอาใจเขามาใส่ใจเรา” นนั่ เอง โดยบัตสัน ได้ต้ังสมมุติฐานว่า “ความรู้สึกเอาใจเขามาใส่ใจเราท่ีเรามีต่อบุคคลหนึ่งที่ก�ำลังต้องการความช่วยเหลือจะน�ำมาซึ่งแรง จงู ใจท่ีจะช่วยเขาผู้นั้น โดยทผี่ ลประโยชน์ตอ่ เรามไิ ด้เปน็ เปา้ หมายสงู สดุ ในการช่วยเหลอื เขาผู้น้ัน ผลประโยชนท์ ่ีได้มใิ ช่ สง่ิ ทม่ี งุ่ มนั่ คาดหวงั ” ทฤษฎขี องบตั สนั ทเ่ี รม่ิ ตน้ จากความตอ้ งการทจี่ ะอธบิ ายความสมั พนั ธใ์ นแบ “ใจเขาใจเรา-ชว่ ยเหลอื ผอู้ ื่น” ได้น�ำไปสผู่ ลลัพธท์ ่วี ่า “การเสียสละหรอื ท�ำอะไรเพื่อคนอ่ืนโดยบริสุทธใ์ิ จ” (pure altruism) เปน็ สง่ิ ทเ่ี ป็นไปได้ และน�ำมาซึ่งการหักล้างทฤษฎีความเช่ือท่ีว่า มนุษย์มีสภาพจิตใจท่ีคิดถึงแต่เร่ืองของตัวเองเป็นใหญ่ (psychological egoism) นกั วชิ าการไดก้ ลา่ วถงึ บตั สนั ในฐานะทเี่ ปน็ “ผสู้ นบั สนนุ ทแี่ ขง็ ขนั ตอ่ แนวคดิ ทเี่ ชอ่ื วา่ บอ่ ยครง้ั ทผ่ี คู้ นชว่ ยเหลอื คนอนื่ เพราะพวกเขามจี ติ ใจดโี ดยมไิ ดค้ �ำนงึ ถงึ สง่ิ อน่ื ใด อยา่ งไรกต็ าม กม็ นี กั วชิ าการทไ่ี มเ่ หน็ ดว้ ยกบั บตั สนั และยงั ยนื ยนั วา่ การกระท�ำหรอื พฤติกรรมท่ีแสดงออกมาเหมอื นเสยี สละเพื่อคนอน่ื แท้จรงิ แลว้ เป็นการกระท�ำทีค่ ิดถงึ แตต่ ัวเองเป็น หลกั (egoistic) โดยไดอ้ า้ งถงึ ตวั แบบการทดลองทเี่ รยี กวา่ “negative state relief model” ดู http://en.wikipedia. org/wiki/Daniel_Batson

ปที ี่ 8 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม 2558) 57 ถา้ พฤติกรรมการเสยี สละเพือ่ คนอื่นเกดิ ขึ้นโดยไมม่ ี เพ่ือคนอ่นื แต่จรงิ ๆ แลว้ อาจจะมุง่ หวงั ผลใหเ้ กดิ ใครรู้เห็น หรือผู้กระท�ำไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะถูก ความรู้สึกท่ีดีกับตัวเอง (warm glow) หรือ ลงโทษหรือได้รับรางวัลใด ๆ เลย พฤตกิ รรมนั้นกม็ ี หวังผลตอบแทนในระยะยาว (enlightened ความเป็นไปได้มากที่จะเป็นพฤติกรรมท่ีเกิดจาก self-interest) หรอื ไมก่ เ็ กดิ จากความปรารถนาหรอื แรงจงู ใจทจี่ ะเสยี สละเพอื่ คนอน่ื อยา่ งบรสิ ทุ ธใ์ิ จเปน็ อารมณ์ความรู้สึกภาคภูมิใจหรือไม่อยากจะอับอาย ปรตั ถนยิ มจรงิ ๆ ขณะเดยี วกนั เอลสเตอรเ์ สรมิ ดว้ ย ซง่ึ ในกรณหี ลงั นเี้ กย่ี วพนั กบั การทมี่ ผี คู้ นสามารถเหน็ วา่ แรงปรารถนา (passion) หรอื อารมณค์ วามร้สู กึ พฤติกรรมของเราและขึ้นอยู่กับบรรทัดฐานทาง (emotions) สามารถส่งผลให้คนที่ไม่ได้เป็นคนที่ สังคมด้วย41 ค�ำถามส�ำคัญท่ีเกิดตามมาก็คือ ตกลง เสียสละเพ่ือคนอ่ืน (non-altruistic agent) แล้วการเสียสละเพ่ือคนอ่ืนโดยบริสุทธ์ิมีจริงหรือไม่ มีพฤติกรรมท่ีคล้ายกับว่าเขามีความห่วงใยใส่ใจ และเราจะรู้ได้หรือแยกแยะได้อย่างไรว่าพฤติกรรม เกย่ี วกบั สวสั ดภิ าพของคนอนื่ ไดด้ ว้ ย ซงึ่ เอลสเตอรช์ วี้ า่ “เสียสละ” ของคนหนึ่งเกิดจากแรงจูงใจท่ีบริสุทธิ์ อารมณ์ความรู้สึกหลักที่ว่านี้ ได้แก่ ความรู้สึก หรือแรงจูงใจอ่ืน (Is altruism possible and ภาคภมู ใิ จ (pride) หรอื อกี นยั หนงึ่ กค็ อื “ความปรารถนา knowable?) เอลสเตอรไ์ ด้อภิปรายประเดน็ ปัญหา ที่จะถูกมองในแง่ดีในสายตาของคนอ่ืน ๆ” และ ดังกล่าวน้ีโดย อ้างถึงการทดลองตรวจสอบสมอง ความรสู้ กึ อับอาย (shame) หรอื “ความปรารถนา โดยการสแกน (brain scan experiments) โดยใน ที่ไม่อยากจะถูกมองในแง่ไม่ดีในสายตาของ การทดลองดงั กลา่ วนกี้ ระทำ� ขน้ึ ในเกมทดลองทเี่ รยี กวา่ คนอ่ืน ๆ” และอารมณ์ความรู้สึกท้ังสองอย่างน้ี “เกมไว้วางใจ” (trust game) ผถู้ กู ทดลอง ผู้ซงึ่ ถกู เกดิ ขน้ึ โดยสมั พนั ธก์ บั บรรทดั ฐานทางสงั คม (social ปฏบิ ตั อิ ยา่ งไรค้ วามปรานจี ะมที างเลอื กในการเสนอ norms) ในแต่ละสังคม และสามารถส่งผลให้ผู้คน ให้มีการลงโทษคู่ทดลองของเขา เง่ือนไขของการ เกิดพฤติกรรมท่ีดูคล้ายจะเป็นพฤติกรรมที่เสียสละ ลงโทษ มีสองแบบ แบบแรก คือ ไดผ้ ลตอบแทนสงู เพ่ือคนอื่นได้เช่นกัน40 จากท่ีกล่าวไปข้างต้นจะเห็น ส่วนอีกแบบหนึ่งคือไม่มีผลตอบแทนใด ๆ เลย ได้วา่ การกระทำ� ทเี่ ป็นการกระท�ำทีเ่ สียสละเพอ่ื คน ผู้ทดลองได้ท�ำการสแกนสมองของผู้ถูกทดลอง อน่ื จรงิ ๆ (altruistic behavior) จะต้องมาจากแรง จำ� นวน 11 คนทกี่ �ำหนดโทษสูงสดุ ภายใต้เงอื่ นไขท่ี จูงใจที่อยากช่วยคนอ่ืนโดยบริสุทธิ์ใจจริง ๆ ไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ และพบว่าใน 11 คนนี้ (altruistic motivation) มฉิ ะนนั้ แลว้ กจ็ ะเปน็ เพยี ง คนทจี่ ะไดร้ างวลั ตอบแทนกลบั มาจะไดร้ บั การกระตนุ้ พฤติกรรมท่ีแสดงออกมาที่ดูเหมือนจะเสียสละ สงู กวา่ 42 40 Jon Elster, “Altruistic Behavior and Altruistic Motivations,” op.cit. อ้างใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์ กับทฤษฎกี ารเลอื กอย่างเปน็ เหตเุ ป็นผล (rational choice theory), อ้างแล้ว. 41 เพ่งิ อ้าง 42 เพิ่งอา้ ง

58 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. เอลสเตอรก์ ลา่ ววา่ ผลการทดลองสนบั สนนุ เสียสละเพ่ือคนอ่ืน43 หรือท้ายสุด จะเห็นได้ว่า สมมติฐานท่ีว่า ความพึงพอใจท่ีคาดหวังจาก เอลสเตอร์ไม่ได้ให้ค�ำตอบอะไรเราต่อค�ำถามท่ีว่า การลงโทษจะน�ำไปสู่การตัดสินที่จะลงโทษ ดังน้ัน มีพฤติกรรมท่ีเป็นการเสียสละเพ่ือคนอ่ืนจริง ๆ “คนท่ีเป็นคนเสียสละเพ่ือคนอ่ืนในทางชีววิทยา” ไดห้ รอื ไม่ และมนั เปน็ สง่ิ ทรี่ บั รหู้ รอื วดั ไดจ้ รงิ หรอื ไม่ จะลงโทษผกู้ ระทำ� ผดิ เพราะหวงั วา่ มนั จะทำ� ใหพ้ วกเขา ยกเว้นจนกว่าจะถึงวันท่ีนักวิทยาศาสตร์สามารถ รู้สึกดี ไม่ใช่เพราะพวกเขาต้องการท�ำอะไรให้ สร้างเครื่องสแกนสมองระยะไกลได้ เพื่อที่จะ คนอ่ืน ซึ่งผลการทดลองนี้เป็นหลักฐานท่ีพิสูจน์ว่า สามารถแอบตรวจสอบปฏกิ ริ ยิ าในสมองของผคู้ นใน “ปรัตถนิยม” หรือพฤติกรรมท่ีเสียสละเพื่อคนอื่น ชวี ติ จริงได4้ 4 กระนั้น เอลสเตอรไ์ ด้เปิดประเดน็ ชวน นน้ั ไมม่ จี รงิ อยา่ งไรกต็ าม มผี ทู้ ไ่ี มเ่ หน็ ดว้ ยไดว้ จิ ารณว์ า่ ให้เราคิดอีกด้วยว่า ด้วยสาเหตุอะไรท่ีท�ำไมมนุษย์ การศกึ ษาทดลองดงั กลา่ วไมส่ ามารถยนื ยนั ความเชอื่ เราก้าวออกจากสภาวะธรรมชาติ (the state of ดังกล่าวได้ โดยต้ังข้อสงสัยว่าการตัดสินใจว่าจะ nature) อนั เปน็ สภาวะไรร้ ะเบยี บกตกิ าท่ี แตล่ ะคน ลงโทษคนที่ท�ำไม่ดีต่อเขาเกี่ยวอะไรด้วยกับการ ทำ� อะไรตามอำ� เภอใจได้ เขาตอบวา่ มนั คงจะไมม่ คี ำ� เสียสละเพ่ือคนอื่น การท่ีคนเรามีความพึงพอใจท่ี ตอบที่สามารถเป็นกฎตายตัวทั่วไปต่อค�ำถามน้ีได้ เกิดจากการลงโทษคนอื่น ท่ีท�ำไม่ดีต่อเราไม่ได้ แต่ค�ำตอบเหล่านี้ ได้แก่ ปรัตถนิยม (altruism) หมายความวา่ การเสยี สละเพอ่ื คนอน่ื เปน็ สงิ่ ทเี่ ปน็ ไป แนวปฏิบัติแห่งเกียรติศักด์ิศรี (code of honor) ไมไ่ ด้ กลา่ วอีกนัยหนึ่ง คอื ความเชอ่ื มโยงของการ และผลประโยชนร์ ะยะยาว ตา่ งล้วนถูกนำ� เข้ามาใช้ ทดลองนี้มันหยาบเกินไป ความปรารถนาที่จะ เป็นคำ� อธบิ ายในเรื่องน้ี แตท่ ี่ชดั เจน คอื เขายอมรับ แกแ้ คน้ เอาคืนเปน็ การตอบสนองทางอารมณ์ท่เี ปน็ วา่ ผลประโยชน์สว่ นตวั (self-interest) ไม่สามารถ เรอื่ งปกติทว่ั ไป ด้วยเหตนุ ี้ การทดลองนี้ไม่สามารถ ตอบค�ำถามหรืออธิบายได้ทุกอย่าง45 โดยเฉพาะ พิสูจน์ได้แน่นอนว่า การเสียสละเพ่ือคนอ่ืนตามที่ อยา่ งยงิ่ ผลประโยชนส์ ว่ นตวั ในระยะสน้ั หรอื คบั แคบ เอลสเตอรน์ ิยามไว้ คือ ความปรารถนาที่จะเพมิ่ พูน (narrow self-interest) แตห่ ากกลา่ ววา่ “ปรตั ถนยิ ม” สวัสดิภาพของคนอื่นโดยท่ีเราต้องเสียสวัสดิภาพ คือ การเสียสละเพื่อคนอ่ืนโดยหวังผลในระยะยาว ของตวั เราไปมอี ยหู่ รอื ไมอ่ ยู่ ยง่ิ กวา่ นน้ั คำ� ถามทเี่ กดิ ขน้ึ เอลสเตอร์เหน็ ว่า นน่ั ไม่ใช่ “ปรัตถนิยม” ที่แท้จริง ตามมา คือ ถ้าเราต้องการที่จะช่วยเหลือคนอ่ืน เพราะแรงจงู ใจในการกระทำ� ในลกั ษณะนนั้ มไิ ดเ้ ปน็ และเปน็ สงิ่ ทท่ี ำ� ใหเ้ รารสู้ กึ ดที ไ่ี ดช้ ว่ ยเขา นน่ั ไมใ่ ชก่ าร แรงจูงใจที่ท�ำเพ่ือคนอื่น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการ 43 ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ ับทฤษฎกี ารเลอื กอยา่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผล (rational choice theory), อา้ งแลว้ . 44 Jon Elster, “Selfishness and Altruism,” in Beyond Self-Interest, op.cit., p. 45; Jon Elster, “Altruistic Behavior and Altruistic Motivations,” op.cit. อา้ งใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กับทฤษฎกี ารเลอื กอยา่ ง เป็นเหตเุ ปน็ ผล (rational choice theory), อา้ งแลว้ . 45 Jon Elster, “Selfishness and Altruism,” in Beyond Self-Interest, ibid., p. 45. อ้างใน ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ ับทฤษฎีการเลือกอย่างเป็นเหตุเปน็ ผล (rational choice theory), อา้ งแล้ว.

ปที ่ี 8 ฉบับท่ี 1 (มกราคม 2558) 59 กระท�ำดังกล่าวจะไม่ได้เป็นการกระท�ำท่ีเป็น อยา่ งคบั แคบ (narrowly defined self-interest)47 “ปรตั ถนยิ ม” แตก่ ารเสยี สละเพอื่ คนอน่ื เพอ่ื หวงั ผล เพราะเอลสเตอร์เชื่อว่าสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นการ ระยะยาวเปน็ สง่ิ ทเี่ อลสเตอรเ์ หน็ วา่ มนษุ ยท์ มี่ เี หตมุ ผี ล กระทำ� แบบ “ปรตั ถนยิ ม” แทจ้ รงิ ก็คือ การกระท�ำ (rational man) สามารถท�ำได้ เพราะมนุษย์ท่ีมี ทเ่ี กดิ จากความสามารถทจ่ี ะคดิ อยา่ งมเี หตผุ ลในเชงิ เหตุผลหรือมีความสามารถคิดด้วยเหตุผลในเชิง ยุทธศาสตร์และเป็นความคิดในแบบไม่คงท่ี ยุทธศาสตร์ สามารถมีจุดพอใจท่ีไม่แน่นอนตายตัว ซ่ึงมนุษยเ์ ท่านนั้ ท่มี ีคณุ สมบตั ทิ ว่ี า่ นี้ แม้ว่าสตั ว์จะมี (non-archimedean preferences) และสามารถ พฤติกรรมท่ีดูเหมือนจะเป็น “ปรัตถนิยม”48 แต่ ถูกขับเคลื่อนด้วยความใส่ใจต่อผู้อื่นได้ ซึ่งต่างจาก ทฤษฎกี ารเลอื กอยา่ งมเี หตผุ ลจะไมถ่ อื วา่ พฤตกิ รรม สมมติฐาน “มนุษยเ์ ศรษฐกจิ ” (economic man ดงั กลา่ วในสตั วเ์ ปน็ “ปรตั ถนยิ ม” เพราะทฤษฎกี าร or homo economicus) บริสุทธ์ิในวิธีคิดแบบ เลอื กอยา่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผลใหค้ วามสำ� คญั ตอ่ “เจตนา เศรษฐศาสตร4์ 6 ความตั้งใจ หรือเจตจ�ำนง” ในฐานะที่เป็นปัจจัย แตโ่ ดยรวมแลว้ กลา่ วไดว้ า่ ทฤษฎกี ารเลอื ก ในการตดั สินใจกระทำ� อะไรต่าง ๆ ของมนษุ ย์ และมองว่า อย่างเป็นเหตุเป็นผลของเอลสเตอร์ท่ีเน้นการมุ่งสู่ พฤติกรรมของสัตว์นั้นเกิดจากสัญชาตญาณหรือ การบรรลุเป้าหมายที่ให้ผลประโยชน์แก่ตัวเรามาก การกระท�ำในเชิงของการตอบสนองของกลไกทาง ท่ีสุดไม่มีพื้นที่ให้กับส่ิงที่เป็นการกระท�ำเพื่อคนอ่ืน ชวี ภาพมากกวา่ จะเกดิ จากเจตจำ� นงหรอื ความตง้ั ใจ โดยบรสิ ทุ ธใิ์ จจรงิ ๆ (altruism) หรอื กลา่ วอกี นยั หนง่ึ หรือไม่ก็เป็นพฤติกรรมในลักษณะของการแลก ก็คอื “ปรตั ถนยิ ม” ไมม่ ีอยู่จริงหรือเป็นสง่ิ ผดิ ปรกติ เปลี่ยนผลประโยชน์กันมากกว่า49 ตัวอย่างและ (anomaly) ในทฤษฎกี ารเลอื กอยา่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผล เหตผุ ลทเี่ อลสเตอรย์ กมาอา้ งเพอ่ื สนบั สนนุ วา่ มนษุ ย์ หากพยายามท่ีจะอธิบายพฤติกรรมการเสียสละ มีความสามารถในการคิดเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งเป็น เพื่อคนอ่ืนด้วยเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวท่ีนิยาม ลกั ษณะพเิ ศษของมนษุ ย์ แตไ่ มพ่ บในสตั ว์ ชว่ ยใหเ้ รา 46 Jon Elster, Ulysses and the Sirens: Studies in Rationality and Irrationality, op.cit., p. 146: “Economic man may be defined through continuous preferences and narrow self-interest, but rational man can have non-Archimedean preferences and be moved by concern for others.” อา้ งใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ บั ทฤษฎกี ารเลอื กอย่างเป็นเหตุเป็นผล (rational choice theory), อ้างแล้ว. 47 Jon Elster, Ulysses and the Sirens: Studies in Rationality and Irrationality, op.cit., p. 146: “Altruism, then, is an anomaly for the theory of Rational Choice only in the sense that attempts to explain altruistic behavior as the result of narrowly defined self-interest do not seem likely to succeed in all cases.” 48 “การเสยี สละ” พบไดใ้ นพฤตกิ รรมของสตั วด์ ้วยเชน่ กนั และมกั จะพบวา่ โดยมาก สัตวจ์ ะยอมเสยี สละใหก้ บั สตั ว์ท่ีดอง ใกลช้ ดิ กนั (kin relationships) มากกวา่ แตก่ ม็ กี รณที ย่ี อมเสยี สละใหก้ บั สตั วท์ ม่ี รี ะยะหา่ งทางสายสมั พนั ธท์ างสายเลอื ด ด้วย ดู “Altruism in animals,” ใน http://en.wikipedia.org/wiki/Altruism_in_animals อา้ งใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กบั ทฤษฎีการเลือกอย่างเปน็ เหตุเป็นผล (rational choice theory), อา้ งแล้ว. 49 ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กับทฤษฎีการเลอื กอยา่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผล (rational choice theory), อ้างแลว้ .

60 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. เขา้ ใจเกย่ี วกบั ความสามารถในการคดิ อยา่ งเปน็ เหตุ ทีป่ ลาทกุ ตัวพยายามเบยี ดแทรกเข้าไปอยูต่ รงกลาง เปน็ ผลสมบรู ณแ์ บบในมนษุ ยไ์ ดช้ ดั เจนยง่ิ ขน้ึ โดยเขา จะทำ� ใหฝ้ งู ปลามขี นาดเลก็ ขน้ึ เพราะเบยี ดกนั แนน่ ขน้ึ ไดก้ ลา่ วถงึ ตวั อยา่ งเรอ่ื งววิ ฒั นาการของฝงู ปลาทเ่ี ปน็ และส่งผลให้พ้ืนท่ีระหว่างตอนในกับตอนนอกของ ผลจากการวเิ คราะหข์ อง จอรจ์ วลิ เล่ียมส์ (George ฝูงปลาก็จะบีบเข้าหากันมากขึ้น และเมื่อฝูงปลามี Williams) วลิ เลย่ี มสช์ ว้ี า่ เราอาจมองพฤตกิ รรมสอง ขนาดเลก็ ลง ปลาในฝงู หรอื ทงั้ ฝงู ยอ่ มมโี อกาสถกู จบั แบบทป่ี ลาแตล่ ะตวั ในฝงู อาจกระทำ� เมอ่ื พบกบั ปลา กนิ งา่ ยขนึ้ ซง่ึ วลิ เลย่ี มสช์ วี้ า่ กรณเี ชน่ นี้ คอื พฤตกิ รรม นักล่าแบบท่ีหน่ึง แทรกตัวเพื่อเข้าไปอยู่ใกล้กับ การเบียดแทรกเข้าไปอยู่ตรงกลางของฝูงปลากับ ใจกลางของฝูงปลาให้มากที่สุด เพ่ือให้ตนเองมี ผลลพั ธท์ ต่ี ามมาสำ� หรบั ปลาทง้ั ฝงู สามารถอปุ มาได้ โอกาสถูกจับกินน้อยลง ซ่ึงต่อไปน้ีจะเรียกว่า กับปัญหาเร่ือง “ทางสองแพร่งของนักโทษ” (the “พฤตกิ รรมแบบ ก.” และแบบทส่ี อง ไมท่ �ำเชน่ นนั้ Prisoner’s Dilemma)51 ที่เกิดข้ึนในทฤษฎีเกม พฤติกรรมแบบ ข.50 วิลเลี่ยมส์อธิบายว่าใน ทป่ี ลาทกุ ตวั รแู้ ละสามารถใชย้ ทุ ธศาสตรเ์ ดน่ แตก่ ลบั สถานการณ์เช่นนี้ การพยายามแทรกตัวเข้าไปอยู่ ไมส่ ามารถคน้ พบทางออกทด่ี ที ส่ี ดุ สำ� หรบั เกมชนดิ นี้ ใกล้ใจกลางของฝูงปลาจะเป็นยุทธศาสตร์เด่น ไดแ้ ก่ การหาทางรว่ มมอื กนั ในแบบทจ่ี ะทำ� ใหท้ กุ ฝา่ ย สำ� หรบั ปลาแตล่ ะตวั เพราะไมว่ า่ ปลาตวั อนื่ จะเลอื ก ได้ประโยชน์พร้อมกันในระยะยาวได้ เนื่องจาก ท�ำพฤติกรรมแบบ ก. หรือ ข. ก็ตาม การท�ำ ทางออกทว่ี ่านี้กบั ยุทธศาสตรเ์ ดน่ ของเกมท่ีพวกมนั พฤติกรรมแบบ ก. ย่อมให้ผลดีสูงสุดส�ำหรับปลา สามารถคิดได้ไม่ใช่ส่ิงเดียวกัน52 ปัญหาเร่ือง แตล่ ะตวั นน่ั คอื มโี อกาสถกู ปลานกั ลา่ จบั กนิ ไดน้ อ้ ย “ทางสองแพร่งของนักโทษ” (the Prisoner’s ลงเม่ือเป็นเช่นนี้เราจึงเห็นปลาทุกตัวพากันท�ำ Dilemma) เป็นปัญหาส�ำหรับมนุษย์เช่นเดียวกับ พฤติกรรมแบบ ก. อันส่งผลให้ฝูงปลามีขนาดใหญ่ สตั ว์ โดยในยามที่พบวา่ ตนเองตกอยใู่ นสถานการณ์ ข้ึนและหนาข้ึน แต่ส�ำหรับปลาท้ังฝูง ยุทธศาสตร์ เช่นท่ีเกมน้ีได้อธิบาย มนุษย์ส่วนใหญ่สามารถหา เดน่ นกี้ ลบั ไมใ่ ชย่ ทุ ธศาสตรท์ ใ่ี หผ้ ลดที ส่ี ดุ เพราะการ ยุทธศาสตร์เด่นและจดุ ดลุ ยภาพของเกมได้ แต่ดงั ที่ 50 ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กบั ทฤษฎีการเลอื กอยา่ งเป็นเหตุเป็นผล (rational choice theory), อ้างแลว้ . 51 ปญั หานเ้ี กย่ี วขอ้ งกบั สถานการณท์ เี่ มอื่ มองจากจดุ ยนื ของปจั เจกบคุ คลแตล่ ะคน ทกุ คนจะไดป้ ระโยชนส์ งู สดุ หรอื สามารถ ปกปอ้ งผลประโยชนข์ องตนไดด้ ที ส่ี ดุ โดยการไมร่ ว่ มมอื (defection) ในกรณที ไ่ี มร่ วู้ า่ คนอนื่ จะเลอื กรว่ มมอื หรอื ไม่ เพราะ การรว่ มมอื (cooperation) อาจทำ�ให้ปัจเจกต้องเสยี ประโยชนอ์ ย่างมากได้หากคนอนื่ เลอื กทจ่ี ะไมร่ ว่ มมอื ขณะทเี่ ม่อื มองจากจุดยนื ของสว่ นรวม (เช่นของคนทัง้ สงั คม) การท่ที ุกคนยอมร่วมมือจะกอ่ ให้เกดิ ประโยชน์แกส่ ่วนรวมมากท่ีสุด ซงึ่ การวเิ คราะหแ์ บบนไ้ี มต่ า่ งจากค�ำ อธบิ ายของแนวคดิ สญั ญาประชาคม สว่ นผทู้ เี่ รมิ่ อภปิ รายเกยี่ วกบั เกมนเ้ี ปน็ ครง้ั แรก คือ ทกั เกอร์ (A. W. Tucker) ดรู ายละเอยี ดเพมิ่ เติมเกีย่ วกบั เร่ืองน้ีไดใ้ น Luce and Raiffa, Games and Decision: Introduction and Critical Survey, (New York: Dover publications: 1957), pp. 95-97; Elliot Sobert and Alan Sloan Wilson, Unto Others,(Cambridge, Mass. : Harvard University Press: 1957) และ K. Binmore, Game Theory and the Social Contract. Vol. 1: Playing Fair, (Cambridge, Mass.: MIT Press: 1994). 52 Jon Elster, Ulysses and the Sirens: Studies in Rationality and Irrationality, op.cit., p. 20

ปีท่ี 8 ฉบับที่ 1 (มกราคม 2558) 61 ไดก้ ลา่ วไปแลว้ วา่ ยทุ ธศาสตรท์ วี่ า่ นไี้ มใ่ ชส่ งิ่ เดยี วกนั อยา่ งไร ซ่งึ ค�ำอธิบายทคี่ ลาสสคิ ของเกมนม้ี ดี งั นี้ คือ กบั ทางออกทเี่ ปน็ ความรว่ มมอื กนั ทจี่ ะสามารถทำ� ให้ สมมติมีนักโทษสองคนถูกจับและถูกน�ำตัวไป ทุกฝ่ายได้ประโยชน์มากที่สุดด้วยกันได้ และการที่ สอบสวนแยกกนั ตำ� รวจพยายามหวา่ นลอ้ มใหน้ กั โทษ มนษุ ยไ์ มส่ ามารถคน้ พบและตกลงกนั ทท่ี างออกนไ้ี ดน้ น้ั แตล่ ะคนรบั สารภาพและใหก้ ารซดั ทอดนกั โทษอกี คน เกิดขึ้นจากเหตุผลทางจิตวิทยาบางประการ โดยเสนอจะใหร้ างวลั เชน่ ลดโทษใหห้ รอื ยอมปลอ่ ย ดังที่จะได้อธิบายต่อไปภายหลัง แต่ในเบื้องต้นนี้ ตวั คนทรี่ บั สารภาพไป ซงึ่ เราอาจลองนกึ ถงึ โครงสรา้ ง การท่ีจะท�ำความเข้าใจในประเด็นน้ีเราต้องเข้าใจ ผลตอบแทนที่นักโทษแต่ละคนจะได้รับในลักษณะ ก่อนว่าฉากสถานการณ์ที่เกมน้ีอธิบายมีลักษณะ ตอ่ ไปนี้ ตารางท่ี 1: ทางสองแพร่งของนักโทษ (The Prisoner's Dilemma) นักโทษ ก./นกั โทษ ข. ร่วมมอื ไมร่ ว่ มมือ ร่วมมือ ติดคกุ สองปี/ติดคุกสองปี ติดคกุ สิบปี/ไดร้ ับการปล่อยตัว ไม่ร่วมมอื ได้รบั การปลอ่ ยตวั /ตดิ คุกสิบปี ติดคกุ ห้าปี/ตดิ คุกห้าปี สมมติต่อไปว่า 1) ทั้งนักโทษ ก. และ อีกฝ่ายก็จะติดคุกกันคนละ 5 ปี (5 กับ 5) นักโทษ ข. ต่างรู้โครงสร้างผลตอบแทนข้างต้น ซง่ึ สำ� หรับคณุ แลว้ ยอ่ มเป็นผลลพั ธท์ ่แี ย่กว่าการไม่ 2) ท้ังคู่ต้องตัดสินใจพร้อมกันว่าจะร่วมมือหรือไม่ ต้องติดคุกเลย และเมื่อคุณคิดค�ำนวณมาถึงจุดน้ี รว่ มมอื โดยการรว่ มมอื คอื ไมร่ บั สารภาพ ไมว่ า่ อกี ฝา่ ยจะ คณุ กส็ ามารถคดิ ตอ่ ไปไดอ้ กี วา่ ถา้ ทง้ั คณุ และอกี ฝา่ ย เลอื กทำ� แบบใด และไมร่ ว่ มมือ คอื สารภาพ ไมว่ า่ ต่างตัดสินใจร่วมมือ คือ ท้ังคู่ต่างไม่รับสารภาพ อกี ฝา่ ยจะเลอื กทำ� แบบใด และ 3) ทงั้ คถู่ กู ปดิ โอกาส ถ้าเป็นเช่นน้ัน คุณและอีกฝ่ายก็จะติดคุกกันแค่ ไมใ่ หพ้ ดู คยุ กนั กอ่ นทจี่ ะตดั สนิ ใจ ในสถานการณเ์ กม คนละ 2 ปี (2 กับ 2) หรือเทา่ กบั ตดิ คกุ รวมกนั 2 ปี เช่นนี้ ผลคือ มันไมแ่ ปลกทจ่ี ะพบวา่ การไมร่ ่วมมือ ซง่ึ เมอ่ื มองจากจดุ ยนื ของคณุ และนกั โทษ ข. อนั เปน็ กลายเป็นยุทธศาสตร์เด่น โดยให้เราลองใช้เหตุผล จดุ ยนื ของทงั้ สองคนรวมกนั ยอ่ มดกี วา่ การทน่ี กั โทษ ดังต่อไปน ้ี ข. ต้องติดคุกคนเดียว 10 ปี หากคุณเลือกที่จะ สมมุติวา่ คณุ เป็นนักโทษ ก. และคุณเลอื ก สารภาพเพอ่ื เอาตัวรอด ในแง่น้กี ารร่วมมือโดยการ ทจ่ี ะไมร่ ่วมมอื คอื รับสารภาพ แต่อกี ฝา่ ยหนึ่งเลือก ไม่สารภาพจึงเป็นการกระท�ำที่เป็นเหตุเป็นผลท่ีสุด ท่จี ะรว่ มมอื คอื ไม่รบั สารภาพ ก็จะไดร้ บั การปลอ่ ย หากมองจากจุดยืนของพวกคุณทั้งสองคน ขณะท่ี ตวั โดยไม่ตอ้ งตดิ คุกเลย ขณะทีอ่ ีกฝ่ายตอ้ งตดิ คกุ 10 ปี การรบั สารภาพเปน็ ยทุ ธศาสตรเ์ ดน่ หรอื ยทุ ธศาสตร์ (0 ปกี บั 10 ป)ี แตถ่ า้ คณุ และเขาทงั้ คตู่ ดั สนิ ใจไมร่ ว่ ม ทด่ี ที สี่ ดุ จากจดุ ยนื ของตวั คณุ คนเดยี ว เมอ่ื คณุ ไมร่ วู้ า่ มอื กนั คอื ทง้ั คหู่ รอื ตา่ งฝา่ ยตา่ งรบั สารภาพ คณุ และ อีกฝา่ ยจะเลอื กท�ำแบบใด53 53 ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กับทฤษฎีการเลอื กอย่างเป็นเหตเุ ปน็ ผล (rational choice theory), อ้างแล้ว.

62 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. แตม่ เี หตผุ ลทางจติ วทิ ยาทจ่ี ะทำ� ใหค้ ณุ และ ชิงอ�ำนาจกันระหว่างชนช้ันน�ำกลุ่มต่าง ๆ ใน นักโทษ ข. เลือกท่ีจะใช้ยุทธศาสตร์เด่นแทนท่ีจะ การเมอื งเอเธนสใ์ นสมยั ของไคลอสิ ธนี สี (Cleisthenes) รว่ มมอื กนั เพอื่ ประโยชนข์ องทงั้ คู่ เนอ่ื งจากหากคณุ ใช้ โดยชนชัน้ น�ำกลมุ่ ตา่ ง ๆ ขณะนั้นตระหนกั ถงึ ความ เหตผุ ลมาถงึ ตรงนแ้ี ละคณุ สามารถจนิ ตนาการไดว้ า่ ทะเยอทะยานทางการเมอื งของมวลชน (mass) และ นักโทษ ข. ก็น่าจะใช้เหตุผลแบบเดียวกันกับคุณ เห็นว่ามันสามารถเป็นเครื่องมือชิ้นใหม่ในการต่อสู้ คณุ กน็ า่ จะสรปุ วา่ อยา่ งไรเสยี นกั โทษ ข. คงเลอื กทจ่ี ะ ทางการเมืองของพวกเขาได้ ชนช้ันน�ำเหล่าน้ันต่าง ร่วมมือเพื่อรับโทษกันแค่ 2 ปี แต่ถ้าคุณสรุปว่า พากนั สนบั สนนุ ใหอ้ ำ� นาจมวลชนอยา่ งแขง็ ขนั สง่ ผล นค่ี อื สง่ิ ทน่ี กั โทษ ข. นา่ จะทำ� ความเหน็ แกต่ วั ของคณุ ให้พวกเขาสามารถเอาชนะปรปักษ์ทางการเมืองได้ อาจท�ำให้คุณคิดต่อไปอีกว่าถ้าเช่นน้ัน คุณจะ แตผ่ ลทเ่ี กดิ ขน้ึ ตามมากก็ ลบั ตาลปตั ร ตรงทพ่ี วกเขา สามารถไดป้ ระโยชนม์ ากขนึ้ อกี จากการรบั สารภาพ ไม่สามารถมีสถาบันทางการเมืองท่ีจะควบคุม เพื่อท่ีจะไมต่ ้องตดิ คกุ เลยซงึ่ ยอ่ มดกี ว่าการตดิ คกุ 2 มวลชนเหล่าน้ันไว้ได้อย่างจริงจัง มวลชนกลับมี ปแี น่ ๆ ในทางกลับกัน นกั โทษ ข. เมือ่ คดิ มาถงึ ตรง อำ� นาจทางการเมอื งมากขน้ึ เรอ่ื ย ๆ ซง่ึ ผลดงั กลา่ วนี้ นี้ก็จะได้ข้อสรุปแบบเดียวกันกับคุณอีกเช่นกัน มิได้เป็นความต้ังใจที่แท้จริงของกลุ่มชนช้ันน�ำนั้น น่ันคือ คุณน่าจะเลือกที่จะร่วมมือ และถ้าเขาคิด จากกรณดี งั กลา่ วนี้ เอลสเตอรช์ วี้ า่ ชนชน้ั นำ� ดงั กลา่ ว ค�ำนวณคาดคะเนได้เช่นนั้น เขาก็อาจตัดสินใจหัก ได้ตกอยู่ในสภาพการณ์ของทางสองแพร่งของ หลังด้วยการไม่ร่วมมือ เพ่ือท่ีเขาจะได้ประโยชน์ นักโทษนั่นเอง จากการท่ีพวกเขาสูญเสียอ�ำนาจ สูงสุด นน่ั คอื การไมต่ อ้ งตดิ คกุ เลยเชน่ กัน และเมื่อ ทางการเมืองไปจากการพยายามท่ีจะเอาชนะอีก พวกคุณตัดสินใจเช่นน้ีด้วยกันท้ังคู่ มันก็จะลงเอย ฝ่ายหนงึ่ โดยการใหอ้ ำ� นาจแกม่ วลชน55 ผลลัพธ์ทพ่ี วกคุณจะไดร้ ับ นั่นคอื (5 และ 5) ซึง่ เป็น เอลสเตอรช์ วี้ า่ ถงึ แมม้ นษุ ยม์ แี นวโนม้ ทจี่ ะ ผลลัพธท์ ีด่ ้อยกว่า (2 และ 2) ทีพ่ วกคุณท้ังคจู่ ะได้ ตดิ กบั ดกั ของเกมลกั ษณะนเ้ี ชน่ เดยี วกบั สตั ว์ แตห่ าก รับหากเลือกใช้หนทางท่ีเป็นทางออกท่ีเป็นความ มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นกับรูปแบบของเกม ร่วมมอื กัน54 มนุษย์ก็จะสามารถพบทางออกของเกมนี้ได้ ขณะ จากปัญหาเร่ือง“ทางสองแพร่งของ ที่สัตว์ท�ำไม่ได้ รูปแบบของเกมที่เปล่ียนไปน้ี คือ นักโทษ”(the prisoner’s dilemma) ข้างต้นนี้ เปลี่ยนจากเกม “ทางสองแพร่งของนักโทษ” เป็น เอลสเตอร์ได้ยกตัวอย่างกรณีของการอุบัติข้ึนของ เกมหลกั ประกัน (the Assurance Game) ซ่ึงเป็น ประชาธปิ ไตยเอเธนส์ อนั เปน็ ผลมาจากการตอ่ สแู้ ยง่ เกมท่ีมีจุดต่างส�ำคัญที่แตกต่างจากเกม “ทางสอง 54 เพ่งิ อ้าง 55 Jon Elster. (2004). Closing the Books: Transitional Justice in Historical Perspective. Cambridge: Cambridge University Press. p. 6 อ้างใน ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กบั ทฤษฎีการเลอื กอย่าง เปน็ เหตเุ ปน็ ผล (rational choice theory), อ้างแลว้ .

ปที ่ี 8 ฉบับท่ี 1 (มกราคม 2558) 63 แพร่งของนักโทษ” นั่นคือ เกมหลักประกันมีการ กวางพวกเขาแต่ละคนจะเข้าใจในทันทีว่า พวกเขา สอื่ สารขอ้ มลู ระหวา่ งผเู้ ลน่ ทกุ ฝา่ ย เกมนเ้ี ปน็ ทรี่ จู้ กั กนั จำ� เป็นอยา่ งยง่ิ ทจี่ ะต้องรว่ มมอื กนั อยา่ งเป็นนำ�้ หนงึ่ ในอีกช่ือหน่ึงคือ “เกมล่ากวาง” (the Stag ใจเดยี วกนั แต่ถ้าในกรณที ่ีบังเอญิ มีกระต่ายตัวหนึง่ Hunt) ซ่ึงเชื่อกันว่าคนท่ีเป็นต้นคิดเกมนี้คือ วิ่งผ่านหน้าคน ๆ หน่ึงในหมู่คนท่ีก�ำลังล่ากวางอยู่ ฌอง ฌาค รุสโซ (Jean-Jacque Rousseau) เรากไ็ มต่ อ้ งสงสยั เลยวา่ คน ๆ นนั้ จะเปลย่ี นไปไลต่ าม นกั ปรชั ญาการเมอื งชาวฝรง่ั เศสสมยั ศตวรรษท่ี 18 โดย จบั กระต่ายโดยปราศจากการลังเล และการท่ีไปไล่ รุสโซไดก้ ล่าวไว้วา่ “ทั้งหมดนคี้ ือ วิธกี ารของมนษุ ย์ จบั กระต่ายตัวนัน้ เขากไ็ ม่ได้กังวลตอ่ การล่ากวางท่ี ท่ีสามารถจะมีเกี่ยวกับความคิดอย่างหยาบ ๆ ใน เพอื่ น ๆ ของเขาอาจจะจบั มนั ไมส่ ำ� เรจ็ เพราะสาเหตุ เร่ืองของการรวมตัวกันและวิธีการเติมเต็มความ ทเี่ ขาละทง้ิ ต�ำแหน่งหนา้ ท่ี [2/10] มันเป็นเร่อื งง่าย ต้องการให้กันและกัน แต่นั่นก็ตราบเท่าท่ีมันเป็น มากทจ่ี ะเขา้ ใจวา่ แตล่ ะการรวมกลมุ่ และปฏสิ มั พนั ธ์ ผลประโยชนเ์ ฉพาะหนา้ และสามารถจบั ตอ้ งไดอ้ ยา่ ง ท่ีเกิดขึ้นระหว่างมนุษย์นั้นไม่ได้เรียกร้องภาษามาก ปจั จบุ นั ทนั ดว่ นเทา่ นนั้ สว่ นในเรอื่ งของการคาดการณ์ เกินกว่าภาษาท่ีใช้ในการรวมกลุ่มของฝูงอีกาหรือ ถงึ ประโยชนใ์ นภายภาคหนา้ กไ็ มไ่ ดม้ คี วามหมายใด ๆ ฝงู ลงิ ....”56 ต่อพวกเขาเลย และมันจะย่ิงห่างไกลจาก ก่อนอ่ืนเราควรท�ำความเข้าใจเกี่ยวกับ พวกเขาไปอีก ถ้าผลประโยชน์นั้นเป็นส่ิงท่ีอยู่ใน โครงสร้างของ “เกมหลักประกัน” นี้ก่อนว่าเป็น อนาคตอนั ไกลโพน้ เพราะวา่ พวกเขาไมเ่ คยแมแ้ ตจ่ ะ เช่นไร โครงสรา้ งนม้ี องเผนิ ๆ เหมอื นจะไม่ต่างจาก คดิ ถงึ วนั รงุ่ ขนึ้ ดว้ ยซำ�้ เชน่ ถา้ ในกรณเี กย่ี วกบั การลา่ เกม“ทางสองแพร่งของนกั โทษ” เทา่ ใดนกั ตารางท่ี 2: เกมหลกั ประกนั (The Assurance Game) นกั ลา่ ก./นักลา่ ข. รว่ มมอื ไม่ร่วมมือ รว่ มมือ เนอื้ กวาง/เนอ้ื กวาง กลบั บ้านมอื เปล่า/เนอ้ื กระต่าย ไมร่ ่วมมือ เนอื้ กระตา่ ย/กลบั บ้านมอื เปลา่ เน้อื กระต่าย/เน้อื กระต่าย 56 ดู ความเรยี งวา่ ดว้ ยตน้ ก�ำ เนดิ และรากฐานแหง่ ความไมเ่ ทา่ เทยี มกนั ของมวลมนษุ ยชาติ (Discourse on the Origin and Basis of Inequality Among Men) ฌอง ฌากศ์ รุสโซ เขียน ศุภชยั ศุภผล แปล, ปิยศิลป์ บลุ สถาพร บรรณาธิการ (กรงุ เทพฯ: ส�ำ นักพมิ พ์สยามปรทิ ศั น์ จำ�กัด: สิงหาคม 2555), หนา้ 73 อ้างใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ ับทฤษฎี การเลอื กอย่างเป็นเหตเุ ป็นผล (rational choice theory), อา้ งแลว้ .

64 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. แตใ่ นความเปน็ จรงิ เกมนต้ี า่ งจากเกมแบบ เกมน้ี คอื การรว่ มมอื กนั ของผู้เลน่ ทกุ คนเพ่อื ใหท้ กุ ทางสองแพร่งของนักโทษมาก เน่ืองจากเป็นเกมท่ี คนไดร้ บั ประโยชนส์ งู สดุ รว่ มกนั จะเกดิ ขน้ึ ไดห้ ากให้ ไม่มียุทธศาสตร์เด่นท่ีไม่ว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ จะเลือก ผู้เล่นทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างครบถ้วน58 ท�ำแบบใด ยุทธศาสตร์นี้จะให้ประโยชน์สูงสุดแก่ แตห่ ากผเู้ ลน่ คนหนง่ึ หรอื หลายคนเกดิ รสู้ กึ สงสยั หรอื ผเู้ ลน่ ทเี่ ลอื กใชม้ นั ในเกมหลกั ประกนั ผเู้ ลน่ แตล่ ะคน มคี วามไมม่ น่ั ใจแมแ้ ตน่ อ้ ยในเจตนาของผเู้ ลน่ คนอนื่ ๆ จะเลือกใช้ยุทธศาสตร์แบบใดน้ันข้ึนอยู่กับข้อมูลท่ี เกมน้ีก็จะพลิกกลับเป็นเกมท่ีมียุทธศาสตร์เด่นเป็น แต่ละคนมี หากทุกคนมีข้อมูลไม่ครบ เช่น ไม่รู้ว่า ความไม่ร่วมมือกนั ทนั ท5ี 9 เจตนาของผู้เล่นคนอ่นื ๆ เปน็ อยา่ งไร เกมนีก้ ็จะมี เอลสเตอรช์ ้ีวา่ ในกรณีของมนษุ ย์ เงือ่ นไข ลักษณะเข้าใกล้เกม “ทางสองแพร่งของนักโทษ” ที่จะท�ำให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างครบถ้วน มากขนึ้ และผเู้ ลน่ ทกุ คนกจ็ ะมแี นวโนม้ ทจี่ ะเลอื กใช้ สามารถเกดิ ขนึ้ ได้หรือเป็นไปได้ อย่างเชน่ ในกรณี ยทุ ธศาสตรต์ ามหลกั แบบ “maximin” นน่ั คอื เลอื ก ของชมุ ชนขนาดเลก็ ทท่ี กุ คนรจู้ กั กนั และกนั อยา่ งทว่ั ถงึ ใช้ยุทธศาสตร์ที่จะป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดกับ เห็นกันมานานต้ังแต่แต่ละคนยังเป็นเด็กเล็ก ๆ ตนให้เหลือนอ้ ยทส่ี ดุ คือ การไมร่ ว่ มมอื แต่ในทาง คนแต่ละคนย่อมมีเหตุผลท่ีดีท่ีจะไว้เน้ือเชื่อใจ กลับกัน หากผู้เล่นทุกคนมีข้อมูลครบถ้วน เช่น กันและกัน หรือหากเป็นสังคมขนาดใหญ่ข้ึนมา รเู้ จตนาของผเู้ ลน่ คนอน่ื ๆ วา่ ตอ้ งการรว่ มมอื กนั เพอื่ แต่สามารถบริหารจัดการให้มีบุคคลภายนอกที่ไม่มี ให้ทกุ คนได้รบั ประโยชนส์ งู สุด รวมท้งั รวู้ า่ ผเู้ ล่นคน ส่วนได้ส่วนเสียในเกมท�ำหน้าท่ีคอยเป็นคนกลาง อน่ื ๆ คาดหวงั ใหเ้ ขารว่ มมอื เชน่ เดยี วกนั เพอ่ื ทท่ี กุ คน หรือผู้ประสานงานข้อมูลระหว่างผู้เล่นทุกฝ่าย จะได้รบั ประโยชนส์ ูงสุด เพราะหากมผี ูเ้ ล่นเพยี งคน ตวั อยา่ งเชน่ รฐั บาลทค่ี อยทำ� หนา้ ทดี่ งั กลา่ วนเ้ี พอ่ื ให้ เดียวในเกมน้ีท่ีไม่ร่วมมือ คนทุกคนก็จะพากันเสีย แน่ใจว่าทุกคนมีข้อมูลที่ครบถ้วนและทันกาล ประโยชนท์ ด่ี ที สี่ ดุ ไป ถา้ ผเู้ ลน่ ทกุ คนมขี อ้ มลู เชน่ ทวี่ า่ ซึ่งส่ิงเหล่าน้ีก็จะช่วยตอบสนองเงื่อนไขเรื่องข้อมูล นี้ พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะใช้ยุทธศาสตร์แบบร่วม ได้ท�ำให้มนุษย์สามารถร่วมมือกันเพ่ือประโยชน์สูงสุด มือกันซึ่งเป็นทางออกท่ีดีที่สุดของเกมน้ีน่ันเอง57 ใน ในสถานการณท์ ม่ี ีโครงสรา้ งแบบหลกั ประกนั น้ไี ด6้ 0 แง่นี้ส่ิงท่ีเป็นหัวใจหรือเง่ือนไขของความส�ำเร็จของ งานวจิ ยั ทด่ี จู ะสนบั สนนุ ประเดน็ ดงั กลา่ วน้ี 57 Jon Elster, Ulysses and the Sirens: Studies in Rationality and Irrationality, op.cit., p. 22; Jon Elster, Logic and Society, op.cit., p. 154 อา้ งใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ ับทฤษฎีการเลือกอยา่ งเปน็ เหตุเปน็ ผล (rational choice theory), อา้ งแลว้ . 58 เพง่ิ อา้ ง 59 Elster (1978)., op.cit. อา้ งใน ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กับทฤษฎีการเลือกอยา่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผล (rational choice theory), อ้างแล้ว. 60 Jon Elster, Ulysses and the Sirens: Studies in Rationality and Irrationality, op.cit, p. 22 อา้ งใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ ับทฤษฎีการเลือกอยา่ งเปน็ เหตเุ ป็นผล (rational choice theory), อ้างแลว้ .

ปที ี่ 8 ฉบับท่ี 1 (มกราคม 2558) 65 คือ งานของเอ็ดเวิร์ด วิลสัน (Edward O. Wilson) ซ่อนอยู่ในถ้�ำ ดังนั้น มันจึงยอมเส่ียงท่ีจะถูกปลา นกั สงั คมชวี วทิ ยา (sociobiology) ทศี่ ึกษาเก่ียวกับ นกั ลา่ ในถำ้� จบั กนิ แทน ในทางกลบั กนั การจะมองวา่ พฤติกรรมบางอย่างของสัตว์ที่ดูเหมือนเข้าข่ายเป็น พฤตกิ รรมนเ้ี ปน็ ทางออกทเ่ี ปน็ ความรว่ มมอื กนั ไดน้ น้ั ความร่วมมือกนั ในแบบทก่ี ลา่ วมา น่นั คอื การทีฝ่ ูง เอลสเตอร์เห็นว่า เราต้องสามารถอธิบายได้ด้วย ปลาปะการังชื่อ “Pempheris oualensis” ว่ามีเหตุผลท่ีดีอะไรท่ีปลาแต่ละตัวจะเลือกใช้ มพี ฤตกิ รรมญาตดิ กี บั ปลานกั ลา่ ชอ่ื “Cephalopholis พฤตกิ รรมนตี้ ง้ั แตต่ น้ แตด่ เู หมอื นจะไมม่ เี หตผุ ลเชน่ argues” โดยรว่ มหลบซอ่ นตวั อยใู่ นถำ�้ แหง่ เดยี วกบั ท่ีว่าอยู่ เน่ืองจากปลาตัวใดก็ตามท่ีว่ายน้�ำเข้าไป ปลานักล่าดังกล่าว และยอมให้พวกมันกินพวกตน หลบในถ�้ำท่ีมีปลานักล่าหลบซ่อนอยู่เป็นตัวแรก ๆ เป็นอาหารได้จ�ำนวนน้อย ๆ โดยแลกกับความ ยอ่ มถกู จบั กนิ เปน็ อาหารเปน็ ตวั แรก ๆ ดว้ ยอยา่ งไม่ ปลอดภัยจากสัตว์นักล่าอืน่ ๆในตอนกลางวนั วลิ สัน ต้องสงสัย62 ไดก้ ล่าวเป็นนัย ๆ ว่า พฤติกรรมดังกลา่ วนี้เหมอื น ใน Logic and Society (1978) และ บ่งช้วี า่ ปลาปะการังสามารถค้นพบทางออกในเกม Explaining Social Behavior (2007) เอลสเตอร์ ทเี่ ป็นทางออกทเ่ี ป็นความรว่ มมือกนั ได้61 ได้อธิบายถึงลักษณะประการท่ีสองของความ แต่กระนั้น เอลสเตอร์ก็ปฏิเสธข้อสรุป เปน็ เหตเุ ปน็ ผลชนดิ สมบรู ณแ์ บบของมนษุ ยไ์ วอ้ ยา่ ง ดงั กลา่ วนข้ี องวลิ สนั โดยเขาเหน็ วา่ พฤตกิ รรมเชน่ น้ี ละเอยี ดขน้ึ กวา่ ใน Ulysses and the Sirens: Studies ของฝูงปลาปะการังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการค้นพบ in Rationality and Irrationality (1979) ของเขา63 ทางออกของเกมท่ีเป็นความร่วมมือกัน และเป็น โดยในงานสองช้ินดังกล่าวน้ี เอลสเตอร์เช่ือมโยง เพยี งแคก่ ารปรับตัวเชงิ ววิ ัฒนาการ (natural evo- ลักษณะของการคิดเชิงยุทธศาสตร์เข้ากับการคิด lution) เท่านัน้ สง่ิ ทท่ี ำ� ใหก้ ารปรับตวั น้มี ีความคงท่ี แบบทฤษฎเี กม (game theory) อยา่ งคอ่ นขา้ งจะ (individually stable) ไดส้ ำ� หรบั ปลาปะการงั แตล่ ะตวั ครบถ้วนเป็นระบบกว่า และยังชี้ให้เห็นด้วยว่า น้ันเกิดจากเงื่อนไขท่ีว่าหากมีปลาตัวใดที่อุตริว่าย การทผ่ี กู้ ระทำ� ทมี่ คี วามเปน็ เหตเุ ปน็ ผลเชงิ ยทุ ธศาสตร์ ออกไปกลางทะเลเปิดในตอนกลางวัน ปลาตัวน้ัน สามารถตดั สนิ ใจเลอื กใชย้ ทุ ธศาสตรท์ แี่ ตกตา่ งกนั ใน ย่อมมีโอกาสถูกจับกินเป็นอาหารมากกว่าการหลบ สถานการณ์ท่ีมีโครงสร้างของปฏิสัมพันธ์แบบท่ี 61 ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กบั ทฤษฎีการเลอื กอยา่ งเปน็ เหตุเป็นผล (rational choice theory), อ้างแลว้ . 62 Jon Elster, Ulysses and the Sirens: Studies in Rationality and Irrationality, op.cit., p. 23.และดู Edward O. Wilson. (1975). Sociobiology: The New Synthesis. Cambridge, Mass: Belknap Press of Harvard University Press. อ้างใน ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กับทฤษฎีการเลอื กอยา่ งเป็นเหตเุ ป็นผล (rational choice theory), อ้างแล้ว. 63 ดูเพ่มิ เตมิ เก่ียวกับเร่อื งปฏิสมั พันธ์ระหว่างบุคคลทีเ่ ปน็ ผู้กระท�ำ การไดใ้ น Jon Elster, Logic and Society, op.cit. และ Jon Elster, Explaining Social Behavior, op.cit. อา้ งใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ บั ทฤษฎกี ารเลอื ก อย่างเปน็ เหตุเปน็ ผล (rational choice theory), อ้างแล้ว.

66 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. แตกตา่ งกนั เพอ่ื ใหต้ นไดผ้ ลลพั ธท์ ดี่ ที ส่ี ดุ ในสถานการณ์ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีส�ำหรับประเด็นดังกล่าวน้ี น้ัน ๆ ได้64 น�ำไปสผู่ ลลพั ธท์ สี่ �ำคัญมากประการหนึ่ง ในเกมน้ีมีผู้เล่นสองราย ผู้เล่นรายแรกเป็นเจ้าของ ของการทมี่ นษุ ยม์ าอยรู่ วมกนั เปน็ สงั คม และผลลพั ธ์ ร้านโชห่วย ซึ่งมีสาขากระจายอยู่ในหลายอ�ำเภอ ทวี่ า่ นี้ คอื พฤตกิ รรมทเี่ รยี กวา่ “การกระทำ� รว่ มกนั ” ทัว่ ประเทศ และผ้เู ลน่ รายทสี่ องเป็นผู้ประกอบการ (collective action) ได6้ 5 ซง่ึ “การกระทำ� ร่วมกนั ” รายใหมท่ ต่ี อ้ งการเขา้ มาเปดิ รา้ นโชหว่ ยแขง่ กบั รา้ นท่ี (collective action) นี้ หมายถงึ การกระทำ� ทจ่ี ะกอ่ ครองตลาดอยู่เดิม ผู้เล่นรายแรกต้องพบกับความ ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ สำ� หรบั ทกุ คนในสงั คม แตโ่ ดย ท้าทายท่ีมีผู้ประกอบการเจ้าใหม่หวังเข้ามาเป็น ตวั มนั เองเปน็ การกระทำ� ทคี่ นแตล่ ะคนไมม่ แี รงจงู ใจ คู่แข่งทางการตลาดของตน และต้องตัดสินใจว่าจะ หรอื แรงกระตนุ้ ทจี่ ะลงมอื กระทำ� กอ่ น (individually รบั มอื กบั การทา้ ทายดว้ ยการใชย้ ทุ ธวธิ ขี ายตดั ราคา inaccessible) และแม้กระท�ำไปแล้วก็ยังอาจ เพ่ือให้อีกฝ่ายต้องแบกรับความขาดทุนมากจนต้อง เลกิ ทำ� (individually unstable) เมื่อใดก็ได้ หาก ปิดกิจการไปหรือไม่ หรือจะยอมแบ่งปันตลาดกับ เกดิ ความระแวงสงสยั ในเจตนาทจี่ ะรว่ มมอื ของคนอนื่ คแู่ ขง่ รายใหม่ ขณะทผ่ี เู้ ลน่ รายทสี่ องตอ้ งตดั สนิ ใจวา่ หรอื เกิดความห่วงในผลประโยชนส์ ว่ นตนขนึ้ มา66 จะเข้ามาเปิดร้านแข่งในย่านท่ีมีเจ้าอ่ืนครองตลาด อย่างไรก็ตาม ในข้ันน้ีเราอาจสรุปได้เพียง อยู่แล้ว หรือจะเล่ียงไปเปิดร้านในอำ� เภออื่นแทน67 แค่ว่า หากมนุษย์ท่ีเป็นผู้กระท�ำไม่มีหรือไม่ใช้ ในกรณีน้ีหากคนที่ตกอยู่ในสถานะของผู้เล่นรายใด ลักษณะประการท่ีสองของความเป็นเหตุเป็นผล รายหนึ่งไม่ใช้การคิดแบบยุทธศาสตร์เลย เช่น สมบูรณ์แบบ คือ ความคิดเป็นเหตุเป็นผล ฝา่ ยแรกยอมให้ฝ่ายหลงั เข้ามาแบง่ ปันตลาดได้งา่ ย ๆ เชงิ ยทุ ธศาสตรแ์ บบไมค่ งท่ี (strategically rational หรือฝ่ายหลังบุกเข้ามาเปิดร้านในอ�ำเภอเดียวกับ actor) ผลลัพธ์ที่จะตามมาอย่างแน่นอน คือ เจา้ ของตลาดโดยไมด่ ตู ามา้ ตาเรอื กอ็ าจจะเสยี เปรยี บ การเสียประโยชน์ท่ีอาจได้รับในปฏิสัมพันธ์ที่มี ฝ่ายที่ใช้การคิดแบบยุทธศาสตร์ จนเสียหาย ลักษณะเป็นเกมในแบบที่แตกต่างกันไป ตัวอย่าง ขาดทนุ ถงึ ขนั้ ตอ้ งปดิ กจิ การไปเลยกไ็ ด้68 ในกรณขี อง ไดแ้ ก่ เกมร้านค้าโชห่วยท่มี สี าขา (a chain store) ปฏิสัมพันธ์ที่มีลักษณะเป็นเกมแบบอื่น ๆ 64 Jon Elster, Explaining Social Behavior, op.cit., pp. 312-313 อา้ งใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ ับทฤษฎี การเลือกอยา่ งเป็นเหตเุ ปน็ ผล (rational choice theory), อา้ งแล้ว. 65 Jon Elster, Explaining Social Behavior, op.cit., pp. 312-335; Jon Elster, “Rationality, Morality, and Collective Action,” in Ethics96 (1) 1985, pp. 136-139 อ้างใน ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กับทฤษฎี การเลอื กอย่างเปน็ เหตุเปน็ ผล (rational choice theory), อา้ งแล้ว. 66 ดู Jon Elster. (1989). The Cement of Society: A Study of Social Order.Cambridge: Cambridge University Press.pp. 1-16; Jon Elster, Explaining Social Behavior, op.cit., pp. 388-400. 67 ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ บั ทฤษฎกี ารเลือกอยา่ งเป็นเหตุเป็นผล (rational choice theory), อา้ งแลว้ . 68 ดรู ายละเอียดเกีย่ วกับเกมชนิดน้แี ละโครงสรา้ งผลตอบแทนของเกมใน Jon Elster, Explaining Social Behavior, op.cit., p. 338-9 อ้างใน ไชยนั ต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอรก์ บั ทฤษฎกี ารเลอื กอย่างเป็นเหตเุ ปน็ ผล (rational choice theory), อา้ งแล้ว.

ปีที่ 8 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม 2558) 67 ก็เช่นเดียวกัน ถ้าผู้เล่นขาดการคิดเชิงยุทธศาสตร์ จากทกี่ ลา่ วมาขา้ งตน้ หากเราลองเชอื่ มโยง ก็อาจหมดโอกาสได้รับประโยชน์ หรืออาจต้องเสีย เขา้ กบั กรณพี ฤตกิ รรมบางอยา่ งของนกั การเมอื งไทย ประโยชน์ ในลกั ษณะทเี่ ขา้ เนอื้ จากการมปี ฏสิ มั พนั ธ์ โดยผู้เขียนขอใช้กรณีของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร คร้งั น้ัน ๆ ก็เปน็ ได้ เปน็ ตวั อยา่ ง แตม่ ไิ ดต้ อ้ งการชวี้ า่ พ.ต.ท. ทกั ษณิ ชนิ วตั ร จากข้างต้น จะเห็นได้ว่าทฤษฎีการเลือก เท่านั้น ท่ีมีพฤติกรรมเช่นน้ีและประชาชนก็ยัง อย่างเป็นเหตุเป็นผลของเอลสเตอร์ได้เสนอว่า ให้การสนับสนุน เพราะยังมีคนอีกเป็นจ�ำนวนมาก ในการแกป้ ญั หาการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั และการยอมรบั ทม่ี พี ฤตกิ รรมแบบเดยี วกนั และประชาชนกย็ งั ใหก้ าร การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั โดยมพี น้ื ฐานมาจากการกระทำ� สนับสนุน ดังท่ีนิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้กล่าวไว้ว่า ที่มุ่งผลประโยชน์ส่วนตัวสูงสุดโดยลงทุนน้อยที่สุด หากไม่มี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร “ก็ยังมีคนอย่าง เราไมจ่ ำ� เปน็ จะตอ้ งคาดหวงั ใหค้ นเปน็ ดหี รอื เสยี สละ ทักษิณท่ีพร้อมจะเข้ามาเป็นนายกฯ ต่อไปได้ไม่มีท่ี เพื่อสังคมเท่ากับให้พวกเขาได้เรียนรู้ถึงวิธีการที่ สิ้นสุด...”69 โดยนิธิให้เหตุผลว่า สาเหตุส�ำคัญของ พวกเขาจะได้ประโยชน์สูงสุดและลงทุนน้อยท่ีสุด วกิ ฤตปญั หาดำ� รงอยใู่ นวฒั นธรรมทางการเมอื งของ ในหลายมติ ิ และชใี้ หพ้ วกเขาเหน็ วา่ ในบางสถานการณ์ สงั คมไทยเอง และการแกป้ ญั หาดงั กลา่ วน้ี นธิ กิ ลา่ ววา่ หรือในบริบทสาธารณะ พวกเขาจ�ำเป็นต้องเรียนรู้ “สิ่งที่เราต้องขับไล่ออกไปจากการเมืองของเรา ท่ีจะใช้เหตุผลเชิงยุทธศาสตร์ เพ่ือท่ีว่าในท่ีสุดแล้ว ขบั ไลอ่ อกจากตำ� แหนง่ ผนู้ ำ� ทางการเมอื ง ขบั ไลอ่ อก พวกเขาจะไมต่ ดั สนิ เลอื กวธิ กี ารทล่ี งเอยดว้ ยการทำ� ลาย ไปจากวิถีคิดและโลกทรรศน์ของสังคมไทย คือ ผลประโยชนข์ องพวกเขาเองหรอื กลบั ไดผ้ ลประโยชน์ วฒั นธรรมของคนอยา่ งทกั ษณิ ”70 ผเู้ ขยี นเหน็ ดว้ ยกบั นอ้ ยกว่าที่พวกเขาคาดหวังที่จะได ้ นิธิว่า สาเหตุของปัญหาดังกล่าวอยู่ท่ีวัฒนธรรม ขณะเดียวกัน การวิเคราะหข์ องเอลสเตอร์ และวิถีคิด แต่ไม่เห็นด้วยว่าเป็นวัฒนธรรมและ ชีว้ า่ ทางแก้ปญั หาดังกลา่ วอาจอยทู่ ก่ี ารเพม่ิ ตน้ ทนุ วิถีคิดท่ีด�ำรงอยู่แต่เฉพาะในสังคมไทยเท่านั้น (cost) สำ� หรบั คนท่ีไมย่ อมรว่ มมอื เช่น บทลงโทษ แต่วัฒนธรรมและวิถีคิดดังกล่าวด�ำรงอยู่ในสังคม ทางกฎหมาย (เชน่ การมโี ทษจบั หรอื ปรบั ) หรอื การ อ่ืน ๆ ด้วย ดังที่ปรากฏและยืนยันในงานวิจัย ลงโทษทางสงั คม (social sanction) (เช่น ไม่คบคา้ “Why Do Corrupt Governments Maintain สมาคม การประณาม การหยดุ ความสมั พนั ธท์ างการ Public Support?” (2007) และ “Why do voters ทตู ) หรือแม้แตก่ ารอาศัยขนบประเพณี วัฒนธรรม forgive corrupt politicians ?” (2012) และศาสนา (เช่น ไม่ให้ร่วมงานบุญหรือเข้าวัด ในกรณีของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เรา ฯลฯ) จะพบวา่ การซอ้ื ขายหนุ้ โดยหาทางเลย่ี งภาษี (อยา่ ง 69 นิธิ เอียวศรีวงศ์. (2549). วัฒนธรรมคนอย่างทักษิณ. กรุงเทพฯ: สำ�นักพิมพ์มติชน. อ้างใน ไชยันต์ ไชยพร. (2557). นธิ ิ เอยี วศรวี งศ์ ใน/กับ วกิ ฤตการเมอื งไทย.กรงุ เทพฯ: คบไฟ. 70 นิธิ เอียวศรีวงศ์. วัฒนธรรมคนอย่างทักษิณ. เพ่ิงอ้าง, หน้า 15 อ้างใน ไชยันต์ ไชยพร, นิธิ เอียวศรีวงศ์ ใน/กับ วกิ ฤตการเมืองไทย, เพิ่งอา้ ง, หนา้ 127.

68 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ถูกกฎหมายหรือไม่) ของครอบครัวของผู้ด�ำรง นักการเมืองท่ีผ่านมา ดังนั้น ผู้คนเหล่านี้จึงเห็นว่า ต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีถือว่าเป็นการกระท�ำที่ ประเด็นข้ออ้างเร่ืองจริยธรรมทางการเมือง เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างสุดโต่ง ในขณะท่ี ที่ประชาชนจ�ำนวนหนึ่งใช้โจมตีการเล่ียงภาษีของ คนอื่นจ�ำนวนมากต้องเสียภาษี หรือหากเลี่ยงภาษี พ.ต.ท.ทักษิณ ฟังไมข่ ้ึนเมือ่ เทียบกับประโยชนแ์ ละ (อย่างผิดกฎหมาย) และถูกจับได้ ก็ต้องถูกลงโทษ ความสขุ ทคี่ นสว่ นใหญไ่ ดร้ บั แตถ่ า้ เชอื่ มโยงเรอื่ งการ ในขณะที่การด�ำเนินการทางกระบวนการยุติธรรม ยอมรับการเล่ียงภาษขี อง พ.ต.ท. ทักษณิ กับเรือ่ ง ตอ่ กรณีธุรกรรมของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชนิ วตั ร ยังไม่ การบกุ รกุ ปา่ ตดั ตน้ ไมข้ า้ งตน้ เราจะพบวา่ ในทส่ี ดุ แลว้ ส้ินสุด ท้ังยังมีความพยายามท่ีจะล้มกระบวนการ ทุกคนท่ีเคยยอมจ่ายภาษีตามกฎหมายตาม ดงั กลา่ วโดยการแกไ้ ขรฐั ธรรมนญู และการแทรกแซง ห น ้ า ที่ ข อ ง ป ร ะ ช า ช น พ ล เ มื อ ง ท่ี ดี ท่ี เ ห็ น แ ก ่ องคก์ รทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั คดดี งั กลา่ ว ดงั นนั้ ตามทเ่ี อลสเตอร์ ผลประโยชนส์ ว่ นรวมกจ็ ะหนั มาหาทางเลยี่ งภาษแี บบ เ ส น อ วิ ธี ก า ร แ ก ้ ป ั ญ ห า โ ด ย ก า ร เ พ่ิ ม ต ้ น ทุ น พ.ต.ท. ทกั ษิณ โดยอาจจะอ้างวา่ เงินทเ่ี ลย่ี งภาษีนนั้ ส�ำหรับคนที่ไม่ยอมร่วมมือและเห็นแก่ประโยชน์ ไดถ้ กู นำ� ไปทำ� บญุ สรา้ งกศุ ลหรอื ชว่ ยเหลอื คนยากไร้ ส่วนตัวอย่างรุนแรงจากการหาทางเลี่ยงภาษี หรือคอร์รัปชัน โกง หรือมีธรุ กิจมืด แตจ่ ะเอาสว่ น โดยการลงโทษทางกฎหมายจึงยังไม่สามารถบรรลุ หนึ่งทไ่ี ดแ้ บง่ ไปใหค้ นจน ฯลฯ ผลสำ� เรจ็ ไดส้ ำ� หรบั กรณี พ.ต.ท. ทกั ษณิ แมว้ า่ ประชาชน จากการเก็บข้อมูลภาคสนามในงานวิจัย จ�ำนวนหน่ึงท่ีผ่านมา ได้พยายามใช้ขนบจารีตทาง ของผู้เขียนท่ีจังหวัดนครพนม71 ในเบ้ืองต้น “จรยิ ธรรมคณุ ธรรม” ในการประทว้ งลงโทษทางสงั คม กลุ่มประชากรท่ีให้สัมภาษณ์ยืนยันถึงทัศนะท่ีว่า (social sanction) ต่อ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร “รฐั บาลทุกรฐั บาลโกงทั้งนั้น ดงั นนั้ หากรัฐบาลใด ซงึ่ แนวทางดงั กลา่ วกเ็ ปน็ อกี ทางเลอื กหนง่ึ ในการแก้ ที่โกงแต่สามารถท�ำประโยชน์ให้ประชาชนได้ ปญั หาทเ่ี อลสเตอรเ์ สนอไว้ แตก่ ม็ ผี คู้ นอกี จำ� นวนหนง่ึ มากกว่ารัฐบาลอ่ืน ย่อมยอมรับได้” โดยผิวเผิน ออกมาปกปอ้ ง พ.ต.ท. ทกั ษณิ โดยใชต้ รรกะวบิ ตั วิ า่ ทัศนะดังกล่าวนี้มีเหตุมีผลอย่างยิ่ง และดูจะ ถงึ แม้ พ.ต.ท.ทกั ษิณ จะเลยี่ งภาษี แต่สามารถออก สอดคล้องกับสมมุติฐานเกี่ยวกับมนุษย์ในทฤษฎี นโยบายสาธารณะที่ก่อให้เกิดอรรถประโยชน์ การเลอื กอยา่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผลของเอลสเตอร์ ดงั นนั้ แก่คนส่วนใหญ่ที่เป็นคนยากจน “รับคนโกงได้ ผู้เขียนซ่ึงเป็นผู้สัมภาษณ์กลุ่มประชากรดังกล่าว หากทำ� งานไดห้ รอื ทำ� งานเกง่ ” โดยเมอ่ื ถวั เฉลยี่ บวกลบ จึงไม่โต้แย้ง แต่ได้ถามกลับไปว่า ถ้าเช่นน้ันแล้ว กันแล้ว พ.ต.ท. ทักษิณ ก็เป็นนักการเมืองที่ ควรจะให้โกงเท่าไรและผลงานเท่าไรถึงจะเป็นท่ี ให้ประโยชน์และความสุขแก่คนส่วนใหญ่มากกว่า ยอมรบั หรอื ไมย่ อมรบั ได้ และคำ� ตอบทผ่ี เู้ ขยี นไดจ้ าก 71 ระหวา่ งวนั ที่ 1-2 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2554 สว่ นหนง่ึ ของงานวจิ ยั เรอื่ ง “การพฒั นาระบอบการเมอื งประชาธปิ ไตยเพอ่ื ความ เปน็ ธรรมและเสมอภาคในกระแสการเปลยี่ นแปลงของสงั คมไทย (HS1068A)” ภายใตโ้ ครงการพฒั นามหาวทิ ยาลยั แหง่ ชาติ คลสั เตอร์ความมั่นคงของมนษุ ย์ (Human Security) พ.ศ. 2554-2556 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั .

ปีที่ 8 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม 2558) 69 พวกเขา ผู้เขียนจะน�ำไปเสนอให้บรรจุเข้าไปใน ได้ประโยชน์สูงสุดในทุก ๆ โครงการของนโยบาย รฐั ธรรมนญู เพอ่ื เปน็ หลกั การและนโยบายรฐั และจะ สาธารณะ เพราะส่ิงท่ีพวกเขาลงทุนไป คอื คะแนน ไดไ้ มต่ อ้ งมาถกเถยี งขดั แยง้ กนั อยา่ งรนุ แรงกนั อกี ตอ่ ไป เสียงเลือกตั้งของพวกเขา ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนที่เขา กลมุ่ ประชากรไดเ้ สนอตวั เลขตา่ ง ๆ กนั เชน่ บางคน ลงไปและก็มากเพียงพอที่จะเรียกร้องผลประโยชน์ ว่าให้โกงได้ร้อยละสามสิบ ส่วนร้อยละเจ็ดสิบ คือ ใหไ้ ดม้ ากทสี่ ดุ ดว้ ย คำ� ตอบดงั กลา่ วนย้ี นื ยนั สมมตฐิ าน ผลงาน แต่บางคนก็ว่าร้อยละสามสิบมากเกินไป ในทฤษฎกี ารเลอื กอยา่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผลของเอลสเตอร์ ฯลฯ แต่ก็ยังหาข้อยุติไมไ่ ด้ ผ้วู ิจยั ไดต้ ้งั ค�ำถามตอ่ ไป และยนั ยนั สมมตฐิ านความเชอื่ ในความสามารถของ วา่ เงินที่ พ.ต.ท. ทกั ษิณ เลย่ี งภาษีนัน้ ถา้ แบ่งมาใช้ การใช้เหตุผลเชิงยุทธศาสตร์ของมนุษย์แต่ละคน เปน็ งบประมาณสำ� หรบั โครงการ 30 บาทรกั ษาทกุ โรค ในทฤษฎีดังกล่าว หากมนุษย์แต่ละคนมีเวลาท่ีจะ หรือโครงการอื่น ๆ ประชาชนจะได้ประโยชน์ ไตร่ตรองขบคิดและใช้เหตุผลเพื่อผลประโยชน์ มากขึ้นหรือไม่ เงินท่ีเป็นงบของโครงการ ท่ีก่อ ส่วนตวั ของแตล่ ะคนอยา่ งอสิ ระและอย่างจรงิ จงั ประโยชน์สาธารณะน้ันก็เอามาจากเงินของ จากท่ีกล่าวมาทั้งหมดนี้ ท�ำให้เห็นได้ว่า พ.ต.ท.ทกั ษณิ หรอื เปน็ เงนิ ของประชาชนเองทงั้ หมด จากมุมมองของจุดยืนบางจุดยืน อาจสรุปเรียก และทีว่ า่ ให้ยอมให้ “โกงได”้ นั้น โกงใคร ปัญหาท่ีกล่าวมาท้ังหมดน้ีว่าเป็นปัญหาท่ีเกิดจาก ผู้เขียนขอให้กลุ่มประชากรไปหารือ และ สภาวะ “ตรรกะวบิ ตั ทิ างจรยิ ธรรม” ของคนในสงั คม ให้แต่ละคนขบคิดในประเด็นนี้ และน�ำข้อสรุปมา แต่ส�ำหรับจุดยืนของทฤษฎีการเมืองสมัยใหม่อย่าง คุยกันในเช้าวันรุ่งขึ้น และผู้เขียนยืนยันว่า จะน�ำ ทฤษฎกี ารเลอื กอยา่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผลของ เอลสเตอร์ ขอ้ สรปุ ไปรณรงคเ์ ปน็ เนอ้ื หาในรฐั ธรรมนญู และจะไม่ “ตรรกะวิบัติในการใช้เหตุผล” ของคนในสังคม คิดโต้แย้งในเชิงจริยธรรมศีลธรรมคุณธรรมด้วย นา่ จะเปน็ การวนิ จิ ฉยั ทถี่ กู ตอ้ งและสามารถแกไ้ ขปญั หา กลมุ่ ประชากรวจิ ารณโ์ ตแ้ ยง้ วา่ ไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั ประเดน็ ได้อย่างมี “เหตุผล” กว่าการแก้ไขเยียวยาทาง เรอื่ งคนดี เพราะจรยิ ธรรมศลี ธรรมเปน็ เรอ่ื งทแ่ี ตล่ ะคน จรยิ ธรรม72 จะให้ค่าน้�ำหนักและแต่ละคนก็มีมุมมองต่าง ๆ กันไป แต่เรื่องการเมืองจะต้องเป็นเรื่องของความ สามารถในการตอบสนองประโยชน์แก่ประชาชน ในวันรุ่งขึ้น ค�ำตอบที่ได้จากพวกเขา คือ พวกเขาไมต่ อ้ งการใหโ้ กงเลย และพวกเขากต็ อ้ งการ 72 แต่กระน้ัน ในอีกแง่มุมหนึ่ง ในปรัชญาการเมืองโบราณของเพลโตและอริสโตเติล “เหตุผลกับจริยธรรม” เป็นสองสิ่ง ท่ีไม่แยกออกจากกัน น่ันคือ “ตรรกะวิบัติทางจริยธรรม” กับ “ตรรกะวิบัติในการใช้เหตุผล” เป็นปัญหาที่ผูกติดกัน ดู ไชยันต์ ไชยพร, จอน เอลสเตอร์กับทฤษฎีการเลือกอย่างเป็นเหตุเป็นผล (rational choice theory), อ้างแล้ว, ภาคทสี่ อง, หนา้ 307 - 317, 344 - 365, 366 - 397, 398 - 441.

70 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. เอกสารอ้างองิ ไชยนั ต์ ไชยพร (2557). จอน เอลสเตอร์กับทฤษฎี การเลือกอย่างเป็นเหตุเป็นผล (Rational Choice Theory). กรงุ เทพฯ: Way of Book. นธิ ิ เอยี วศรวี งศ์ (2549). วฒั นธรรมคนอยา่ งทกั ษณิ . กรงุ เทพฯ: สำ� นกั พมิ พ์มติชน. Jon Elster (2004). Closing the Books: Transitional Justice in Historical Perspective. Cambridge: Cambridge University Press. Jordi Munoz, Eva Anduiza and Aina Gallego (2012,July). Who do voters forgive corrupt politicians? Cynicism, noise and implicit exchange. Paper prepared to be presented at the IPSA (International Political Science Association) conference, Madrid. Luigi Manzetti and Carlole J. Wilson (2007). Why Do Corrupt Governments Maintain Public Support?. Comparative Political Studies, 40(8), 949-970.

ปีที่ 8 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม 2558) 71 นิตเิ ศรษฐศาสตร์ว่าดว้ ยการเปลย่ี นแปลงกฎหมายต่อตา้ นการทุจรติ Law and Economics Perspectives on Amendments to Anti-Corruption Laws ศิรริ ตั น์ วสุวัต I บทคดั ยอ่ ปัญหาการทุจริตในมุมมองทางกฎหมายหรือนิติศาสตร์ เกิดจากการท่ีไม่สามารถท�ำให้ผู้กระท�ำ การทุจริตถกู ตรวจสอบ ถูกจบั กมุ และถกู ลงโทษได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ในมมุ มองทางเศรษฐศาสตรเ์ ห็นวา่ การทจุ รติ เกดิ จากแรงจงู ใจสว่ นบคุ คลทป่ี ระเมนิ หรอื เลอื กระหวา่ งผลประโยชนท์ ไ่ี ดจ้ ากการทจุ รติ กบั ตน้ ทนุ การทจุ รติ ซง่ึ หมายถงึ เมอื่ กระทำ� การทจุ รติ แลว้ จะถกู ตรวจสอบ ถกู จบั กมุ หรอื ถกู ลงโทษหรอื ไม่ และมโี ทษ รนุ แรงเพยี งใด การศกึ ษานไ้ี ดน้ ำ� มมุ มองทางนติ ศิ าสตรแ์ ละเศรษฐศาสตรห์ รอื นติ เิ ศรษฐศาสตรม์ าวเิ คราะห์ การเปล่ียนแปลงกฎหมายใน 10 ประเด็น พบว่า การเปล่ียนแปลงกฎหมายเป็นปัจจัยหน่ึงท่ีเพ่ิมต้นทุน การทุจรติ แตย่ ังมีจุดอ่อนหลายประการ จึงเสนอแนะเพือ่ เสรมิ ใหม้ ปี ระสิทธิภาพย่งิ ข้ึนทัง้ ในสว่ นของการ เปลย่ี นแปลงกฎหมายและปจั จยั อ่นื ๆ คำ� ส�ำคญั : กฎหมายการตอ่ ต้านการทจุ ริต หลกั นติ ิเศรษฐศาสตร์ Abstract From a legal perspective, corruption arises from an inability to efficiently check, arrest, or punish wrongdoers. However, in economics, corruption fundamentally stems from individual decisions based on anticipated benefits and costs of corruptive actions involving the likelihood and severity for such actions to be inspected, arrested, and punished. In this study, legal and economic theories are applied to analyze 10 categories of legislative amendments. It is found that legislative amendment represents an essential approach in increasing the costs associated with corrupt acts; however, several weaknesses remain. Therefore, it is recommended to improve efficiency both through strengthening the legislative framework, as well as by invoking other types of solutions in parallel. Keywords: economic principles, anti-corruption law I ผเู้ ช่ยี วชาญด้านวจิ ัยสังคมศาสตร์ สำ�นักงาน ป.ป.ช.

72 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 (กฎหมาย ป.ป.ช.) ข้ึน เพื่อเป็นกลไก ในอดตี แมจ้ ะมกี ฎหมายและองคก์ รในการปอ้ งกนั และ ในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ และหลงั จาก ปราบปรามการทุจริต หากแต่ยังไม่มีประสิทธิภาพ เหตกุ ารณร์ ัฐประหารในปี พ.ศ. 2549 รฐั ธรรมนูญ เพยี งพอ เชน่ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปราม แหง่ ราชอาณาจกั รไทย (พุทธศักราช 2540) ได้สิน้ ก า ร ทุ จ ริ ต แ ล ะ ป ร ะ พ ฤ ติ มิ ช อ บ ใ น ว ง ร า ช ก า ร สุดลง แต่กฎหมาย ป.ป.ช. ยงั คงมผี ลบังคบั ใช้ตาม พ.ศ. 2518 (กฎหมาย ป.ป.ป.) โดยมีคณะกรรมการ ป ร ะ ก า ศ ค ณ ะ ป ฏิ รู ป ก า ร ป ก ค ร อ ง ใ น ร ะ บ อ บ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติ ประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข มิชอบในวงราชการ (คณะกรรมการ ป.ป.ป.) และ ต่อมา จึงได้มีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สำ� นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการ (พุทธศักราช 2550) ก�ำหนดบทบาทและอ�ำนาจ ทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบในวงราชการ (สำ� นกั งาน หนา้ ทข่ี องคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพมิ่ ขน้ึ จงึ ไดม้ กี าร ป.ป.ป.) ก็ตาม แต่บทบาทอ�ำนาจหน้าท่ีก็อยู่ใน แก้ไขกฎหมาย ป.ป.ช. ในปี พ.ศ. 2554 ขอบเขตจำ� กัด การเปลย่ี นแปลงกฎหมาย ป.ป.ช. มวี ัตถปุ ระสงคท์ ี่ หลังจากท่ีกฎหมาย ป.ป.ป. ไม่สามารถ จะปรับเปลี่ยนวิธีการใช้อ�ำนาจเพื่อให้การท�ำงาน ยบั ยงั้ หรอื แกไ้ ขปญั หาการทจุ รติ ได้ จงึ พยายามทจ่ี ะ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมี ออกกฎหมายให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม ดังนั้น ประสทิ ธภิ าพย่งิ ขึน้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช การแก้ไขปัญหาการทุจริตในมุมมองทาง 2540) จงึ กำ� หนดใหม้ กี ารตรวจสอบการใชอ้ ำ� นาจรฐั กฎหมาย เห็นว่าปัญหาการทุจริตเกิดจากการไม่ โดยมอี งคก์ รอสิ ระทำ� หนา้ ทตี่ รวจสอบการใชอ้ ำ� นาจรฐั สามารถนำ� ผกู้ ระทำ� การทจุ รติ มาลงโทษได้ เนอ่ื งจาก คอื คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ไม่สามารถท�ำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกตรวจสอบ แห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) โดยมีส�ำนักงาน ถูกจับกุมและถูกลงโทษตามกฎหมายได้อย่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มีประสิทธิภาพ จึงสมควรปรับแก้กฎหมายให้ แห่งชาติ (สำ� นักงาน ป.ป.ช.) เปน็ หน่วยงานธรุ การ มปี ระสทิ ธิภาพย่งิ ขนึ้ และไดม้ กี ารตราพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ขณะท่ีมุมมองทางเศรษฐศาสตร์นั้น Gary ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต Stanley Becker 1 เห็นว่า แรงจูงใจส่วนบุคคล 1 Gary Stanley Becker นกั เศรษฐศาสตรช์ าวอเมริกนั และอาจารยผ์ ู้เช่ียวชาญด้านเศรษฐศาสตร์และสงั คมวทิ ยาท่ี University of Chicago และ Booth School of Business.

ปที ี่ 8 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม 2558) 73 (individual motivation) จะประเมินโอกาสท่ีได้ 1. การก�ำกับดูแลคุณธรรมและจริยธรรม ประโยชน์จากการทุจริตกับต้นทุนของการทุจริต ของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง ตามมาตรา 19 (7) ซ่ึงหมายถึง การถูกจับได้และถูกลงโทษ ดังน้ัน 2. การไม่นับอายคุ วาม ตามมาตรา 74/1 เจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้กระท�ำการทุจริต จะเลือกหรือ 3. การใช้อ�ำนาจของคณะกรรมการ ช่ังน้�ำหนักระหว่างผลประโยชน์จากการทุจริตกับ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและ ต้นทุนการทุจริต คือ โอกาสที่จะถูกตรวจสอบ คณะกรรมการธรุ กรรม ตามมาตรา 37/2 ถูกจับกุมหรือถูกลงโทษหากผลประโยชน์จากการ 4. การขยายเวลาในการรอ้ งเรยี นเจา้ หนา้ ท่ี ทุจริตสูงกว่าต้นทุนการทุจริต เจ้าหน้าท่ีของรัฐจะ ของรัฐทีพ่ ้นต�ำแหนง่ ไปแล้ว ตามมาตรา 84 เลือกกระท�ำการทุจริต หากจะลดการทุจริต จ�ำเป็น 5. อ�ำนาจชี้มูลความผิดทางอาญา ต้องลดผลประโยชน์จากการทุจริต หรือเพิ่มต้นทุน เจ้าหน้าท่ีของรัฐท่ีมิใช่เจ้าพนักงานตามประมวล การทจุ รติ ให้สงู ขน้ึ กฎหมายอาญา ตามมาตรา 123/1 ดงั นน้ั การแกไ้ ขปญั หาการทจุ รติ ในมมุ มอง 6. อ�ำนาจฟ้องคดีและอ�ำนาจมอบหมาย ทางเศรษฐศาสตร์หรือทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ว่าด้วย พนกั งานไตส่ วนดำ� เนินการในศาลแทน ตามมาตรา การตอ่ ตา้ นการทจุ รติ คอื การวเิ คราะหแ์ ละแสวงหา 28/2 ทางเลือกการเพ่ิมต้นทุนการทุจริตให้สูงข้ึนเพื่อให้ 7. การให้ความคุ้มครองบุคคล การจัดให้ ผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการทุจริตหน่วย มรี างวลั หรอื ประโยชนอ์ น่ื ใดและการจดั ใหเ้ งนิ สนิ บน สุดท้ายต�่ำลงจนเป็นศูนย์ โดยต้นทุนของการทุจริต และการใช้อ�ำนาจสั่งไม่ฟ้องของคณะกรรมการ มีตั้งแต่กระบวนการถูกตรวจสอบและถูกจับได้ ป.ป.ช. หรือการกันบุคคลเป็นพยาน ตามมาตรา (cost of being audited and caught) และ 103/2 ถงึ มาตรา 103/6 กระบวนการท่ีผู้กระท�ำผิดจะถูกด�ำเนินคดีและ 8. การแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายของ พิจารณาพพิ ากษาลงโทษ (cost of prosecution โครงการ ตามมาตรา 103/7 and proceeding) การศึกษาครั้งน้ี จึงน�ำมุมมอง 9. การก�ำหนดราคากลาง ตามมาตรา ทางนิติเศรษฐศาสตร์มาวิเคราะห์ปัญหาการทุจริต 103/7 โดยเฉพาะการเปล่ียนแปลงทางกฎหมายตาม 10. การจดั ตงั้ กรรมการปอ้ งกนั และปราบปราม พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั การทุจริตแห่งชาติประจ�ำจังหวัด ตามมาตรา และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ 130/10 พ.ศ. 2554 10 ประการ ได้แก่

74 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. 1. การก�ำกับดูแลคุณธรรมและจริยธรรม ก�ำหนดขั้นตอนของการด�ำเนินการเพ่ือลงโทษ ของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง ผกู้ ระทำ� ผดิ และไมก่ ำ� หนดรายละเอยี ดขนั้ ตอนของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย การดำ� เนนิ การเพอื่ ลงโทษผกู้ ระทำ� ผดิ อกี ทงั้ ยงั ไมไ่ ด้ (พุทธศักราช 2550) ก�ำหนดให้การจัดท�ำประมวล มีการก�ำหนดรายละเอียดแห่งพฤติกรรม ว่าการ จริยธรรมของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองและ กระทำ� ใดเปน็ การฝา่ ฝนื หรอื ไมป่ ฏบิ ตั ทิ ร่ี า้ ยแรงและ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ตอ้ งมกี ลไกและระบบในการดำ� เนนิ การ ไม่ร้ายแรง กลับให้อ�ำนาจแก่นายกรัฐมนตรีใช้ อย่างมีประสิทธิภาพ ก�ำหนดข้ันตอนการลงโทษ ดุลยพินิจในการลงโทษตามความร้ายแรงแห่งการ ตามความร้ายแรง การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม กระท�ำนับเป็นอ�ำนาจผูกขาด และท่ีส�ำคัญกรณีท่ี มาตรฐานทางจริยธรรมเป็นการกระท�ำผิดวินัย นายกรัฐมนตรีเป็นผู้กระทำ� การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ใหผ้ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ มอี ำ� นาจหนา้ ทเ่ี กยี่ วกบั จรยิ ธรรม ตามประมวลจริยธรรมแล้วเป็นอ�ำนาจในการ ของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าท่ี พจิ ารณาของใคร เพราะนายกรฐั มนตรเี ป็นผูก้ �ำกับ ของรฐั ในกรณที ผ่ี ดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื งฝา่ ฝนื หรอื ดูแลการประพฤติปฏิบัติตนตามประมวลจริยธรรม ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ดงั น้นั ประมวลจริยธรรมทีข่ าดสภาพบงั คบั ใชอ้ ย่าง ผู้ตรวจการแผ่นดินจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการ เปน็ ระบบถงึ ขนั้ ตอนการดำ� เนนิ การวา่ นายกรฐั มนตรี ป.ป.ช. พิจารณาด�ำเนินการโดยให้ถือเป็นเหตุท่ีจะ ห รื อ รั ฐ ม น ต รี จ ะ ด� ำ เ นิ น ก า ร อ ย ่ า ง ไ ร เ ม่ื อ มี ถกู ถอดถอน การประพฤตปิ ฏบิ ตั ทิ ฝ่ี า่ ฝนื และไมร่ ะบใุ หช้ ดั เจนถงึ ประมวลจริยธรรมของผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง การประพฤติปฏิบัติว่าอะไรร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง ทางการเมืองได้ก�ำหนดไว้ในระเบียบส�ำนัก รวมท้ังไม่ก�ำหนดบทลงโทษที่ฝ่าฝืนไว้ให้ชัดเจน นายกรฐั มนตรวี า่ ดว้ ยประมวลจรยิ ธรรมของขา้ ราชการ จึงไมเ่ ปน็ ไปตามเจตนารมณ์ของรฐั ธรรมนูญ นับว่า การเมือง พ.ศ. 2551 ข้อบังคับว่าด้วยประมวล ประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมืองยังขาด จริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและ ประสิทธิภาพและความคุ้มค่า ไม่เกิดประโยชน์ กรรมาธิการ พ.ศ. 2553 และข้อบังคับว่าด้วย ในการที่จะก�ำกบั จริยธรรมของขา้ ราชการการเมือง ส�ำหรับข้อบังคับประมวลจริยธรรมของ ประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการหรือ กรรมาธิการ พ.ศ. 2553 ในส่วนของระเบียบ ขอ้ บงั คบั ประมวลจรยิ ธรรมของสมาชกิ วฒุ สิ ภาและ ขอ้ บงั คบั ทางกฎหมายวา่ ดว้ ยประมวลจรยิ ธรรมของ กรรมาธิการ การควบคุมเป็นอ�ำนาจของ ข้าราชการการเมือง ได้ก�ำหนดให้นายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ก�ำกับดูแลการประพฤติปฏิบัติตนของ คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร และ รัฐมนตรีและข้าราชการทางการเมืองอื่น ในกรณีท่ี คณะกรรมการจรยิ ธรรมวฒุ สิ ภา การกำ� หนดบทลงโทษ พบวา่ มกี ารประพฤตปิ ฏบิ ตั ไิ มถ่ กู ตอ้ ง ใหน้ ายกรฐั มนตรี ทางจรยิ ธรรม ไดก้ ำ� หนดทง้ั ในสว่ นของการกระทำ� ที่ ล ง โ ท ษ ต า ม ค ว า ม ร ้ า ย แ ร ง แ ห ่ ง ก า ร ก ร ะ ท� ำ ไมร่ า้ ยแรงและรา้ ยแรง ถา้ รา้ ยแรงใหเ้ สนอตอ่ ผตู้ รวจการ แผ่นดิน แต่มีข้อสังเกตว่าประมวลจริยธรรมท้ัง โดยจดุ ออ่ นของระเบยี บสำ� นกั นายกรฐั มนตรวี า่ ดว้ ย สภาผู้แทนราษฎรและวฒุ ิสภา การกระทำ� ทจ่ี ะเป็น ประมวลจรยิ ธรรมของขา้ ราชการการเมอื ง คอื ไมไ่ ด้ ความผดิ ทางจรยิ ธรรมรา้ ยแรงหรอื ไมร่ า้ ยแรง ขน้ึ อยกู่ บั

ปีท่ี 8 ฉบับท่ี 1 (มกราคม 2558) 75 ผลการสอบสวนของคณะกรรมการจริยธรรม ป.ป.ช. มีอ�ำนาจหน้าที่ก�ำกับดูแลคุณธรรมและ เพราะในประมวลจริยธรรมมิได้ระบุชัดเจนว่า จรยิ ธรรมของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง ซงึ่ นยิ าม การประพฤติปฏิบัติอย่างไร จะเข้าขา่ ยร้ายแรงหรอื คำ� วา่ “ผ้ดู ำ� รงต�ำแหนง่ ทางการเมือง” ในมาตรา 4 ไมร่ า้ ยแรง ทงั้ นข้ี นึ้ อยกู่ บั ดลุ ยพนิ จิ ของคณะกรรมการฯ หมายความถึง 1) นายกรัฐมนตรี 2) รัฐมนตรี เป็นอ�ำนาจผูกขาดประกอบกับคณะกรรมการ 3) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 4) สมาชิกวุฒิสภา จริยธรรมจะเป็นผู้แทนของทั้งฝ่ายรัฐบาลและ 5) ขา้ ราชการการเมอื งอนื่ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บ ฝา่ ยคา้ นฝา่ ยละเทา่ กนั ทำ� ใหผ้ ลการใชด้ ลุ ยพนิ จิ ของ ข้าราชการการเมือง 6) ข้าราชการรัฐสภาฝ่าย คณะกรรมการจริยธรรมไม่มีคะแนนเสียงข้างมาก การเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการ จึงควรที่จะมีการแก้ไขปรับปรุงเพ่ือให้เกิด ฝา่ ยรฐั สภา 7) ผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ รองผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ ประสทิ ธภิ าพในการบังคบั ใช้ และผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครอง นับต้ังแต่มีการก�ำหนดเรื่องประมวล ส่วนท้องถิ่นตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก�ำหนด จริยธรรมในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 8) สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ ขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ (พุทธศักราช 2540) และรัฐธรรมนูญแห่ง ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก�ำหนด ดังน้ัน ราชอาญาจักรไทย (พทุ ธศกั ราช 2550) มีผลบังคบั ให้ การกำ� กบั ดแู ลผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื งดงั กลา่ ว หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานต้องจัดท�ำประมวล ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีบทบาทอ�ำนาจหน้าที่ จริยธรรม โดยผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นผู้มีอ�ำนาจ ตามกฎหมายจงึ มคี วามเชอ่ื มโยงจากมาตรา 58 และ หน้าท่ีด�ำเนินการเก่ียวกับจริยธรรมของผู้ด�ำรง มาตรา 58/1 ท่ีก�ำหนดต�ำแหน่งท่ีจะถูกถอดถอน ต�ำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ยังไม่ กรณกี ระทำ� การอนั เปน็ การฝา่ ฝนื หรอื ไมป่ ฏบิ ตั ติ าม ปรากฏวา่ มกี ารสง่ เรอ่ื งใหผ้ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ ดำ� เนนิ การ มาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้วุฒิสภามี เพ่ือถอดถอนและส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. อ�ำนาจถอดถอนออกจากต�ำแหน่ง ได้แก่ ต�ำแหน่ง แตอ่ ยา่ งใด มาตรการทางกฎหมายในเรอ่ื งมาตรฐาน นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร ทางจริยธรรมของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง และสมาชิกวุฒิสภาหรือผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทาง และเจ้าหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญและ การเมอื งอนื่ การถอดถอนออกจากตำ� แหนง่ ของวฒุ สิ ภา กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญท่ีได้บัญญัติไว้กลับ มาจากการมคี ำ� รอ้ งขอจากสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ไมม่ สี ภาพบงั คบั ใช้ ขาดประสทิ ธภิ าพและความคมุ้ คา่ ไมน่ อ้ ยกวา่ หนงึ่ ในสขี่ องจำ� นวนสมาชกิ ทง้ั หมดเทา่ ท่ี ส่งผลต่อต้นทุนการทุจริตที่ต�่ำลง จึงไม่สามารถ มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรหรือประชาชนผู้มีสิทธิ ลดปัญหาการทุจรติ ได้ เลือกต้ังจ�ำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคน หรือกรณี ในการก�ำกับดูแลคุณธรรมและจริยธรรม ถอดถอนสมาชิกวุฒิสภาต้องมีสมาชิกวุฒิสภา ของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื งนน้ั พระราชบญั ญตั ิ ไม่น้อยกว่าหน่ึงในส่ีของจ�ำนวนสมาชิกท้ังหมด ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ เขา้ ชอื่ รอ้ งขอตอ่ ประธานวฒุ สิ ภา เพอื่ ใหว้ ฒุ สิ ภามมี ติ ปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ พ.ศ. ถอดถอนออกจากตำ� แหนง่ และใหห้ มายรวมถงึ กรณี 2554 ไดก้ �ำหนดในมาตรา 19 (7) ให้คณะกรรมการ ทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดร้ บั รายงานจากผตู้ รวจการ

76 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. แผ่นดินให้ถอดถอนผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง ก า ร ชี้ มู ล ค ว า ม ผิ ด ท า ง อ า ญ า ข อ ง ทก่ี ลา่ วไวใ้ นตอนตน้ ทก่ี ระทำ� การฝา่ ฝนื หรอื ไมป่ ฏบิ ตั ิ คณะกรรมการ ป.ป.ช. นอกจากเหตผุ ลทางอาญาแลว้ ตามมาตรฐานทางจรยิ ธรรมอยา่ งร้ายแรง ทง้ั น้ี เมอ่ื สาเหตุของการทุจริตเกิดจากการขาดคุณธรรม ประธานวุฒิสภาได้รับค�ำร้องขอแล้วให้ประธาน จริยธรรมของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองและ วฒุ สิ ภาดำ� เนนิ การตรวจสอบและพจิ ารณาวา่ คำ� รอ้ ง เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ทใ่ี ชอ้ ำ� นาจหนา้ ทแี่ สวงหาประโยชน์ ขอถกู ตอ้ งและครบถ้วนใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายใน 30 วัน แกต่ นเองและพวกพอ้ ง รวมทง้ั การทป่ี ระมวลจรยิ ธรรม นั บ แ ต ่ วั น ที่ ไ ด ้ รั บ ค� ำ ร ้ อ ง ข อ แ ล ะ ส ่ ง เ ร่ื อ ง ใ ห ้ ไม่มีความชัดเจนและการบังคับใช้อย่างจริงจัง เช่น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำ� เนนิ การไตส่ วน ใหแ้ ลว้ เสรจ็ กรณที จุ รติ โครงการนำ�้ เสยี เขตควบคมุ มลพษิ จงั หวดั โดยเร็ว สมุทรปราการ ท�ำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณ กรณที คี่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตวิ า่ ผดู้ ำ� รง มากกวา่ 23,000 ลา้ นบาท หรือกรณีทจุ ริตรฐั บาล ต�ำแหน่งทางการเมืองกระท�ำการฝ่าฝืนหรือ อนุมัติเงินกู้ให้ EXIM Bank ดังรายละเอียดกล่อง ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขอ้ ความ 1 มีมูลตามข้อกล่าวหา ให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช. นอกจากอ�ำนาจหน้าท่ีในการก�ำกับดูแล สง่ รายงานและเอกสารไปยงั ประธานวฒุ สิ ภาเพอื่ จดั คณุ ธรรมจรยิ ธรรมของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง ให้มีการประชุมวุฒิสภาพิจารณาโดยเร็ว มติของ ดังกล่าวแล้ว กฎหมายยังได้ก�ำหนดต�ำแหน่ง วุฒิสภาให้ถอดถอนออกจากต�ำแหน่งให้ถือคะแนน เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั 2 ในบางตำ� แหนง่ ทฝี่ า่ ฝนื หรอื ไมป่ ฏบิ ตั ิ เสียงไม่น้อยกว่าสามในห้าของจ�ำนวนสมาชิก ตามมาตรฐานทางจรยิ ธรรมอยา่ งรา้ ยแรง ใหว้ ฒุ สิ ภา ทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของวุฒิสภา ผู้ท่ีถูกถอดถอนต้อง มอี ำ� นาจถอดถอนออกจากตำ� แหนง่ ได้ รวมทงั้ มโี ทษ พ้นจากต�ำแหน่งและตัดสิทธิในการด�ำรงต�ำแหน่ง ทางวนิ ยั หรืออาญาอีกด้วย ทางการเมอื งเปน็ เวลาหา้ ปี มาตรการทางกฎหมายที่ก�ำหนดเรื่อง กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ด�ำเนินการ มาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าว มีผลบังคับใช้กับ ไตส่ วนขอ้ เทจ็ จรงิ ดงั กลา่ วแลว้ เหน็ วา่ ขอ้ กลา่ วหา มี ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มลู เปน็ ความผดิ ทางอาญาดว้ ย ใหป้ ระธานกรรมการ เพื่อให้เป็นไปตามประมวลจริยธรรม อันเป็นการ ป.ป.ช. สง่ รายงานและเอกสารพรอ้ มทง้ั ความเหน็ ไป ก�ำหนดให้ต้องประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบ ยังอัยการสูงสุดเพ่ือด�ำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกา คุณธรรมจริยธรรม และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความ แผนกคดีอาญาของผดู้ �ำรงตำ� แหน่งทางการเมือง ซ่ือสัตย์สุจริตเพ่ือลดแรงจูงใจท่ีจะกระท�ำการทุจริต 2 เจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐ ได้แก่ ต�ำ แหน่งประธานศาลฎกี า ประธานศาลรฐั ธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสงู สุด อัยการสงู สดุ ตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู กรรมการการเลอื กตงั้ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ กรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ ผวู้ า่ การตรวจเงนิ แผน่ ดนิ รองประธานศาลฎีกา รองประธานศาลปกครองสูงสุด หัวหน้าสำ�นักตุลาการทหาร รองอัยการสูงสุด ผู้พิพากษาหรือ ตลุ าการ พนักงานอัยการตามทคี่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกาศกำ�หนด และผู้ดำ�รงตำ�แหน่งระดับสูง

ปีที่ 8 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม 2558) 77 เพราะการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทาง หลักฐานว่ามีมูลความผิดทางอาญา ท้ังผู้ด�ำรง จริยธรรม เป็นสาเหตุที่จะใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่ง ตำ� แหนง่ ทางการเมืองและเจา้ หน้าที่ของรัฐ ต้องถกู หน้าท่ีในทางมิชอบเพื่อประโยชน์แก่ตนเองและ ด�ำเนินคดีอาญาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ พวกพ้อง โดยกฎหมายก�ำหนดให้มีบทลงโทษต้อง ผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง มาตรการลงโทษทมี่ ที ง้ั พ้นจากต�ำแหน่ง ส�ำหรับผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการ การถอดถอนและอาญาเปน็ โทษรนุ แรง แตต่ งั้ แตเ่ รม่ิ เมืองห้ามด�ำรงต�ำแหน่งใดในทางการเมืองเป็นเวลา มีมาตรการทางกฎหมายดังกล่าวยังไม่เคยมีผู้ด�ำรง 5 ปี สว่ นเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐนอกจากพ้นจากตำ� แหนง่ ต�ำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าท่ีของรัฐ แล้วยังต้องห้ามด�ำรงต�ำแหน่งในหน่วยงานของรัฐ ถกู ลงโทษแตอ่ ยา่ งใด จงึ เทา่ กบั วา่ มตี น้ ทนุ การทจุ รติ หรอื รบั ราชการเปน็ เวลา 5 ปี และหากผลการไตส่ วน ต่ำ� มาก ขอ้ เทจ็ จรงิ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ปรากฏพยาน กล่องข้อความ 1 กรณตี วั อยา่ งผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื งปฏบิ ตั หิ นา้ ทบ่ี รหิ ารราชการ แผ่นดินโดยอาศัยอ�ำนาจหน้าท่ีตามกฎหมายเพ่ือเอ้ือประโยชน์ ให้แกต่ นเอง โดยขาดคุณธรรมจริยธรรม (1) การด�ำเนินโครงการจัดการน้�ำเสยี เขตควบคุมมลพษิ จังหวดั สมทุ รปราการ (คลองด่าน) พบว่า ในปี 2538 มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันท่ี 19 มิถุนายน 2538 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยีและสง่ิ แวดล้อมในขณะนนั้ ไดผ้ ลกั ดันใหม้ ีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบใหด้ �ำเนิน การก่อสร้างระบบรวบรวมและบ�ำบัดน�้ำเสียในเขตพ้ืนที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยใช้งบประมาณ 13,612 ลา้ นบาท จากโครงการเงินกูธ้ นาคารเพ่อื การพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) จ�ำนวน 7,750 ลา้ นบาท และจากเงินกองทุนสิ่งแวดล้อม 2,500 ล้านบาท มีการก�ำหนดว่าจ้างแบบเหมารวม (Turn Key) คอื ใหผ้ รู้ บั เหมาเอกชนเปน็ ผดู้ ำ� เนนิ การออกแบบและกอ่ สรา้ ง รวมทง้ั จดั หาทด่ี นิ เอง ภายใตเ้ งอ่ื นไขขอ้ กำ� หนดของผวู้ า่ จ้าง ตอ่ มาในปี 2539 รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงวทิ ยาศาสตร์ฯ ในขณะน้ัน ได้เสนอให้ มมี ตคิ ณะรฐั มนตรี เมอื่ วนั ที่ 12 พฤศจกิ ายน 2539 อนมุ ตั ใิ หก้ รมควบคมุ มลพษิ กอ่ หนผี้ กู พนั งบประมาณ รายการค่าก่อสร้างดังกล่าวเปน็ กรณพี ิเศษ หลงั จากนน้ั ในปี 2540 คณะกรรมการสิง่ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ ได้มีมติของคณะกรรมการส่ิงแวดล้อมแห่งชาติ เม่ือวันท่ี 17 กุมภาพันธ์ 2540 ให้กลุ่มบริษัท ซ่ึงมี เครือญาติและพวกพ้องของนักการเมืองเป็นหุ้นส่วนใหญ่ เป็นผู้รับจ้างแบบเหมารวม (Trun Key) โดยเพ่ิมวงเงินจากเดมิ 13,612 ล้านบาท เปน็ 22,955 ลา้ นบาท และเปลย่ี นแปลงสถานที่กอ่ สร้างตาม ทก่ี ลมุ่ บรษิ ัทเสนอ จากเดิมก�ำหนดไว้ 2 พ้นื ที่ คอื ฝ่งั ตะวนั ออกของแม่น้ำ� เจา้ พระยาทต่ี ำ� บลบางปูใหม่ อ�ำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ และฝั่งตะวันตกของแม่น้�ำเจ้าพระยา ที่ต�ำบลบางปลากด อ�ำเภอพระสมทุ รเจดีย์ เปลี่ยนเปน็ พื้นทีแ่ ห่งเดียว คือ ฝงั่ ตะวันออกของแม่น้�ำเจา้ พระยา ทตี่ �ำบลคลอง ด่าน อ�ำเภอบางบ่อ หลัก หลักกิโลเมตรที่ 58 ถนนสุขุมวิท ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเดิม 20 กิโลเมตร และใช้วิธีท�ำท่อลอดใต้แม่น�้ำเจ้าพระยาจากฝั่งตะวันตกไปฝั่งตะวันออก และเม่ือน�ำเร่ืองนี้เข้าสู่ การประชมุ คณะรัฐมนตรี เมอื่ วนั ที่ 25 มนี าคม 2540 ปรากฏว่าเปน็ วาระเพ่อื ทราบ มไิ ดเ้ สนอเพ่ือให้

78 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. คณะรฐั มนตรพี จิ ารณาใหค้ วามเหน็ ชอบในการเปลยี่ นแปลงวงเงนิ งบประมาณและไมม่ กี ารพจิ ารณาถงึ ความคุ้มค่าและความเป็นไปได้ของการด�ำเนินโครงการแต่อย่างใด และในปี พ.ศ. 2546 การด�ำเนิน โครงการนี้เป็นอันต้องส้ินสุดลง เพราะสถานท่ีต้ังโครงการบางส่วนเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ของ แผ่นดนิ ทำ� ใหร้ ัฐได้รับความเสยี หายสญู เสยี งบประมาณแผ่นดินไปมากกวา่ 23,000 ล้านบาท (2) ตามค�ำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขด�ำท่ี อม. 14/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 1/2553 เม่ือวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ในส�ำนวนการพิจารณา ปรากฏความตอนหน่ึงกล่าวถึงกรณีรัฐบาลไทยอนุมัติให้รัฐบาลสหภาพพม่า กู้เงินจากธนาคารเพ่ือการส่งออกและน�ำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) พบว่า นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้นได้ใช้ฐานะและต�ำแหน่งส่ังการด้วยวาจาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แจง้ นายกรฐั มนตรสี หภาพพมา่ วา่ รฐั บาลไทยอนมุ ตั ใิ หก้ เู้ งนิ จำ� นวน 4,000 ลา้ นบาท ซงึ่ ตอ่ มาคณะรฐั มนตรี โดยขอ้ เสนอของรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการคลงั ไดม้ มี ตอิ นมุ ตั ิใหธ้ นาคารเพอ่ื การสง่ ออกและนำ� เขา้ แหง่ ประเทศไทย (EXIM Bank) อนมุ ตั วิ งเงนิ กดู้ ังกลา่ วใหแ้ ก่รัฐบาลสหภาพพมา่ เพื่อใหร้ ฐั บาลสหภาพพม่า จัดซ้อื วสั ดุอุปกรณโ์ ทรคมนาคม และอปุ กรณด์ าวเทยี มจากบรษิ ัท ซง่ึ เปน็ กลมุ่ ทุนธรุ กจิ ของครอบครวั นายกรฐั มนตรใี นขณะนนั้ จากกรณดี งั กลา่ วพจิ ารณาไดว้ า่ นายกรฐั มนตรแี ละรฐั มนตรวี า่ การกระทรวง การคลงั ได้เขา้ ไปแทรกแซงและครอบงำ� การตัดสนิ ใจของคณะกรรมการ EXIM Bank เพือ่ ให้อนมุ ัติเงินกู้ ดอกเบ้ียต่�ำซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางธนาคาร ท�ำให้กระทรวงการคลังต้องจัดสรรงบประมาณ ชดเชยความเสยี หายใหแ้ กธ่ นาคารในปงี บประมาณประจำ� ปี พ.ศ. 2549 และ 2550 เป็นเงนิ 140 ล้าน บาทเศษ ข้อเสนอแนะ การผกู ขาดของคณะกรรมการจรยิ ธรรมของสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรและของสมาชกิ วุฒสิ ภา การขาดคุณธรรมจริยธรรมของผู้ด�ำรง 2. ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ควรตรวจสอบเชงิ รกุ ตำ� แหนง่ ทางการเมอื งและเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั และการ โดยไม่ต้องรอให้มีการร้องเรียนหรือกล่าวหา ทปี่ ระมวลจรยิ ธรรมไมม่ คี วามชดั เจนในการบงั คบั ใช้ ถึงพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ซ่ึงท�ำให้เกิดพฤติกรรมหรือการกระท�ำที่ฝ่าฝืน จริยธรรม และเพ่ิมอ�ำนาจให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน กฎหมายหรอื การใชอ้ ำ� นาจในทางมชิ อบ อนั เปน็ ตน้ เหตุ มีอ�ำนาจในการก�ำกับดูแลคุณธรรมและจริยธรรม ของการทุจริตต่อหน้าท่ีหรือกระท�ำความผิดต่อ ของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื งแทนคณะกรรมการ ตำ� แหนง่ หน้าที่ จึงมขี อ้ เสนอแนะดังนี้ ป.ป.ช. เพอ่ื ใหผ้ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ สามารถตรวจสอบ 1. ควรปรับปรุงประมวลจริยธรรมให้มี ไต่สวนและส่งเร่ืองให้วุฒิสภาเพื่อถอดถอน ท้ังนี้ ความชัดเจนว่าการกระท�ำใดเป็นการฝ่าฝืนหรือ การก�ำกับดูแลให้หมายถึงการมีอ�ำนาจตรวจสอบ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง พฤติกรรมว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน โดยลดอ�ำนาจผูกขาดในการใช้ดุลยพินิจตัดสินใจ จรยิ ธรรมอยา่ งรา้ ยแรง โดยไมต่ อ้ งรอใหม้ กี ารกลา่ วหา ข อ ง น า ย ก รั ฐ ม น ต รี เ ก่ี ย ว กั บ ม า ต ร ฐ า น ท า ง หรือรอ้ งเรยี นเพยี งอยา่ งเดยี ว จริยธรรมของข้าราชการการเมืองและลดอ�ำนาจ

ปีท่ี 8 ฉบับท่ี 1 (มกราคม 2558) 79 3. การมสี ว่ นรว่ มตรวจสอบจากภาคประชาชน จะมอี ายคุ วามฟอ้ งคดแี ละนำ� ผกู้ ระทำ� ความผดิ มายงั ศาล โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการให้ประชาชน มีอายุความตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หากไม่สามารถ เขา้ ถงึ ข้อมูล ดำ� เนนิ การตามอายคุ วามได้ กฎหมายกำ� หนดใหเ้ ปน็ 4. ควรมีองค์กรที่รับผิดชอบโดยเฉพาะ อนั ขาดอายคุ วาม แมก้ ระทง่ั ผกู้ ระทำ� ความผดิ หลบหนี ในการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง การจับกุม อายุความก็ยังนับระยะเวลาไปจนกว่า ทางการเมือง เพื่อควบคุมตรวจสอบให้เป็นไปตาม จะได้ตัวผกู้ ระทำ� ความผดิ มายงั ศาล มาตรฐานจริยธรรม รวมทั้งมีบทลงโทษที่รุนแรง นอกจากการนบั ระยะเวลาอายคุ วามในการ โดยออกกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติจัดตั้ง ฟ้องคดีอาญาแล้ว ประมวลกฎหมายอาญา คณะกรรมการจรยิ ธรรมของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง ยังบัญญัติให้มีการนับระยะเวลาอายุความในการ ให้เป็นองคก์ รอิสระหรือบญั ญตั ใิ นรัฐธรรมนญู ใหม่ ลงโทษผู้กระท�ำผิด หากมีการหลบหนีหลังจาก ทศ่ี าลมคี ำ� พพิ ากษาถงึ ทสี่ ดุ ใหล้ งโทษและผกู้ ระทำ� ผดิ 2. การไมน่ ับอายุความ ยงั มไิ ดร้ บั โทษหรอื รบั โทษยงั ไมค่ รบ ถา้ มไิ ดต้ วั ผกู้ ระทำ� ผดิ ประมวลกฎหมายอาญา ไดก้ ำ� หนดอายคุ วาม มาลงโทษนับแต่วันที่มีค�ำพิพากษาถึงท่ีสุด ในการฟ้องคดีอาญาในมาตรา 95 ถ้ามิได้ฟ้อง หรือนับแต่วันท่ีหลบหนี หากเกินก�ำหนดเวลาท่ี และไดต้ วั ผกู้ ระทำ� ความผดิ มายงั ศาลภายในกำ� หนด กฎหมายก�ำหนดถือว่าล่วงเลยก�ำหนดการลงโทษ นับแต่วันกระท�ำความผิดเป็นอันขาดอายุความ จะลงโทษผู้กระท�ำผิดมิได้ โดยมีอายุความ ดังน้ี โดยมกี ำ� หนดอายคุ วาม ดงั นี้ (1) ยส่ี บิ ปี สำ� หรบั ความผดิ (1) ยสี่ บิ ปี สำ� หรบั โทษประหารชวี ติ จำ� คกุ ตลอดชวี ติ ตอ้ งระวางโทษประหารชวี ติ จ�ำคุกตลอดชีวติ หรอื (2) สบิ หา้ ปี ส�ำหรับโทษจ�ำคกุ กว่าเจ็ดปีแตย่ งั ไมถ่ งึ จำ� คกุ ยสี่ บิ ปี (2) สบิ หา้ ปี สำ� หรบั ความผดิ ตอ้ งระวางโทษ สิบปี (3) สบิ ปี ส�ำหรับโทษจ�ำคุกกว่าหนง่ึ ปถี ึงเจด็ ปี จ�ำคุกกว่าเจ็ดปีแต่ยังไม่ถึงย่ีสิบปี (3) สิบปี (4) หา้ ปี สำ� หรบั โทษจำ� คกุ ตงั้ แตห่ นงึ่ ปลี งมาหรอื โทษ สำ� หรบั ความผดิ ตอ้ งระวางโทษจำ� คกุ หนง่ึ ปถี งึ เจด็ ปี อยา่ งอนื่ (4) หา้ ปี ส�ำหรบั ความผดิ ต้องระวางโทษจำ� คกุ กวา่ ดังน้ัน กรณีท่ีมิได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระท�ำ หนงึ่ เดอื นถึงหน่ึงปี (5) หนึง่ ปี ส�ำหรบั ความผดิ ตอ้ ง ความผดิ มายงั ศาลหรอื มไิ ดต้ วั ผกู้ ระทำ� ผดิ มาลงโทษ ระวางโทษจ�ำคุกต้ังแต่หนึ่งเดือนลงมาหรือ ตามก�ำหนดระยะเวลาที่ประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษอยา่ งอนื่ ก�ำหนดไว้เป็นอันขาดอายุความหรือล่วงเลย สำ� หรบั ความผดิ ตอ่ ตำ� แหนง่ หนา้ ทร่ี าชการ กำ� หนดการลงโทษ จะลงโทษผกู้ ระทำ� ผดิ มไิ ด้ การที่ หรอื ความผดิ ตอ่ ตำ� แหนง่ หนา้ ทใ่ี นการยตุ ธิ รรม ตาม กฎหมายอาญาก�ำหนดอายุความดังกล่าวไว้ ท�ำให้ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ถงึ มาตรา 166 ผถู้ ูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด หรอื มาตรา 200 ถงึ มาตรา 205 โทษสำ� หรบั ความผดิ ทางอาญาและอยรู่ ะหวา่ งดำ� เนนิ คดใี นชนั้ อยั การสงู สดุ ที่กฎหมายก�ำหนดให้ต้องระวางโทษจ�ำคุกต�่ำสุด หลบหนีไปในระหว่างด�ำเนินคดีเพื่อฟ้องศาล ไมเ่ กนิ 1 ปี และสงู สดุ ถงึ ประหารชวี ติ ดงั นนั้ อายคุ วาม ทำ� ใหข้ าดอายคุ วาม ไมส่ ามารถนำ� ตวั ผกู้ ระทำ� ความผดิ ส�ำหรับความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าท่ีราชการหรือ มาฟ้องได้ เช่น คดีทุจริตโครงการโอนขายท่ีดิน ความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าที่ ในการยุติธรรม ธรณสี งฆ์

80 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. กล่องขอ้ ความ 2 คำ� พพิ ากษาศาลฎกี าแผนกคดอี าญาของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง ลงวันท่ี 19 พฤศจกิ ายน 2553 การโอนขายทดี่ นิ ธรณสี งฆ์ อำ� เภอคลองหลวง จงั หวดั ปทมุ ธานี โดยผบู้ รจิ าคทดี่ นิ ไดท้ ำ� พนิ ยั กรรม ฝา่ ยเมือง เม่ือวันท่ี 20 พฤศจิกายน 2512 ยกที่ดินตามโฉนดเลขที่ 20 และ 1446 อ�ำเภอ คลองหลวง จงั หวัดปทมุ ธานี รวมเนือ้ ที่ 924-2-78 ไร่ ใหแ้ กว่ ัดธรรมมกิ ารามวรวหิ าร โดยพนิ ยั กรรมได้แตง่ ตง้ั เจา้ อาวาสวัดธรรมมิการามวรวิหารหรือผู้แทน และผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เปน็ ผู้จัดการมรดก ตอ่ มา เมื่อวันท่ี 22 พฤษภาคม 2514 ผูบ้ รจิ าคทีด่ ินได้ถึงแกก่ รรม ซ่ึงตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 ประกอบมาตรา 1603 และพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 33 (2) ถอื วา่ ท่ดี นิ ดงั กล่าวไดต้ กเปน็ ท่ธี รณีสงฆแ์ ลว้ การโอนทธ่ี รณีสงฆจ์ ะตอ้ งกระทำ� โดยตรา เป็นพระราชบัญญัติเท่านั้น ทั้งน้ี ตามมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และ ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (เร่ืองเสร็จท่ี 73/2544) ปรากฏวา่ ผถู้ กู กลา่ วหาขณะดำ� รงตำ� แหนง่ รฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงมหาดไทย ไดร้ บั มอบหมาย ให้มีอ�ำนาจหน้าท่ีก�ำกับดูแลการปฏิบัติราชการของกรมท่ีดิน มีอ�ำนาจในการอนุญาตการได้มาซึ่ง ท่ดี ินของวัดวาอารามฯ ตามประมวลกฎหมายท่ีดิน มาตรา 84 (มาตราดงั กล่าวบัญญตั ิว่า “การไดม้ า ซ่ึงทีด่ ินของวดั วาอารามต้องได้รบั อนญุ าตจากรฐั มนตรแี ละใหไ้ ด้มาไม่เกินหา้ สบิ ไร”่ และหากไมไ่ ด้รับ อนุญาตจากรัฐมนตรตี ้องจดั การจำ� หน่ายไปภายในห้าปี ถา้ ไม่จ�ำหน่ายภายในเวลาทีก่ �ำหนด ใหอ้ ธิบดี มีอ�ำนาจจ�ำหน่ายที่ดินน้นั ตามนัยมาตรา 85 แหง่ ประมวลกฎหมายทีด่ นิ ) ไดร้ ับการตดิ ตอ่ เป็นหนังสือ จากเจา้ อาวาสวดั ธรรมมิการามวรวหิ าร ลงวนั ท่ี 19 กนั ยายน 2531 เพื่อขอให้พจิ ารณาการได้มาซ่งึ ทดี่ นิ ตามพนิ ยั กรรม ตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ มาตรา 84 และมาตรา 85 โดยวดั ไมม่ ีความประสงค์ รับโอนกรรมสิทธท์ิ ด่ี นิ แตต่ อ้ งการขายทดี่ ินเพือ่ น�ำเงินมาจดั ตัง้ มูลนธิ ิและบ�ำรงุ วัด เลขานุการกรม กรมที่ดนิ (ได้รับคำ� ส่ังแต่งตั้งใหด้ �ำรงต�ำแหนง่ รองอธบิ ดกี รมทีด่ นิ แล้วแต่ยัง ไมไ่ ดเ้ ขา้ รบั หนา้ ท)่ี ไดต้ ดิ ตอ่ เรง่ รดั เจา้ หนา้ ทสี่ ำ� นกั งานทด่ี นิ จงั หวดั ปทมุ ธานี สาขาธญั บรุ ี ใหร้ บี ดำ� เนนิ การ โดยมีจดหมายส่วนตัวถึงเจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัดปทุมธานี สาขาธัญบุรี ให้ช่วยด�ำเนินการสอบสวน และส่งเรื่องให้กรมที่ดิน และยังได้ติดตามเร่ืองจากกองทะเบียนที่ดิน กรมท่ีดิน เพื่อเสนอเรื่องให้ผู้ถูก กล่าวหาพจิ ารณาตอ่ ไป จากนนั้ กรมทด่ี นิ ไดม้ บี นั ทกึ ลงวนั ท่ี 15 กมุ ภาพนั ธ์ 2532 เสนอเรอ่ื งไปยงั กระทรวงมหาดไทย เพอ่ื เสนอใหผ้ ถู้ กู กลา่ วหาพจิ ารณาสง่ั การตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ มาตรา 84 โดยเสนอความเหน็ วา่ “เห็นควรไม่อนุญาตให้วัดธรรมมิการามวรวิหารได้มาซ่ึงที่ดิน” โดยมิได้เสนอความเห็นว่าหลังจาก ส่ังไม่อนุญาตแล้วจะต้องด�ำเนินการอย่างไรต่อไป ผู้ถูกกล่าวหาจึงได้สั่งการไม่อนุญาตให้วัดธรรมมิกา รามวรวหิ าร ผรู้ บั พนิ ยั กรรรม ไดม้ าซง่ึ ทดี่ นิ มรดกทง้ั สองแปลง และใหเ้ จา้ อาวาสวดั ธรรมมกิ ารามวรวหิ าร ด�ำเนินการตามข้อ 4 แหง่ พินัยกรรม ทรี่ ะบใุ หว้ ดั ธรรมมิการามวรวิหาร มอบอสงั หารมิ ทรพั ย์ และจ�ำนวน เงนิ (ถา้ ม)ี ใหแ้ กม่ ลู นธิ มิ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ชว่ ยจดั ทำ� ผลประโยชน์ ซงึ่ เปน็ การสงั่ การนอกเหนอื อำ� นาจ ทกี่ ฎหมายกำ� หนดไว้ และเปน็ การสงั่ การโดยมชิ อบฝา่ ฝนื เจตนาของเจา้ มรดกเพอ่ื หลกี เลย่ี งการดำ� เนนิ การ ตามมาตรา 85 แห่งประมวลกฎหมายทดี่ ิน

ปที ี่ 8 ฉบับที่ 1 (มกราคม 2558) 81 ต่อมา ผชู้ ่วยเลขานุการรัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเปน็ เลขานกุ ารของผถู้ กู กล่าวหา ไดม้ ีหนังสอื รวม 3 ฉบบั ลงวันที่ 13 กมุ ภาพันธ์ 2533 ถึงผ้จู ดั การมรดกวัดธรรมมกิ ารามวรวิหาร และ มหามกุฏราชวิทยาลยั เพื่อขอใหด้ ำ� เนนิ การตามทผ่ี ้ถู กู กล่าวหา ไดส้ ่ังการดงั กลา่ วขา้ งตน้ ในวนั ท่ี 21 สิงหาคม 2533 ไดม้ กี ารด�ำเนินการให้มูลนิธมิ หามกฏุ ราชวิทยาลัยเป็นผู้จดั การ มรดกและท�ำการโอนมรดกและโอนขายที่ดินให้กับบริษัท 2 บริษัท ในราคา 142 ล้านบาท อนั เปน็ การมชิ อบดว้ ยกฎหมาย เนอ่ื งจากทดี่ นิ ดงั กลา่ วเปน็ ทธี่ รณสี งฆจ์ ะตอ้ งโอนใหแ้ กว่ ดั ธรรมมกิ ารามวรวหิ าร ทายาทตามพนิ ยั กรรม ซงึ่ การจำ� หนา่ ยจา่ ยโอนทธ่ี รณสี งฆต์ อ้ งดำ� เนนิ การตามพระราชบญั ญตั คิ ณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ทำ� ใหบ้ รษิ ทั ทงั้ สองไดร้ บั ผลประโยชนเ์ ปน็ เงนิ 78 ลา้ นบาท เนอื่ งจากในวนั เดยี วกนั บรษิ ทั ฯ ได้น�ำท่ีดินไปจ�ำนองในวงเงิน 220 ล้านบาท ท้ังน้ี บริษัทท้ังสองจัดต้ังขึ้นโดยการระดมทุนของกลุ่ม นายทนุ และกลมุ่ นกั การเมอื ง โดยมภี รรยาของผถู้ กู กลา่ วหาถอื หนุ้ จำ� นวน 300,000 หนุ้ มลู คา่ 30 ลา้ นบาท และน้องชายผถู้ ูกกลา่ วหาถอื ห้นุ จำ� นวน 150,000 หุ้น มลู ค่า 15 ลา้ นบาท อยกู่ อ่ นแลว้ ก่อนท่ีผ้ถู ูกกล่าวหา จะสง่ั การไมอ่ นญุ าตใหว้ ดั ธรรมมกิ ารามวรวหิ ารไดม้ าซงึ่ ทดี่ นิ ตามพนิ ยั กรรม นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2539 ภรรยาของผู้ถูกกล่าวหา ได้เข้าไปถือหุ้นเพ่ิมเติมในบริษัทฯ จนสามารถเป็นผู้บริหารกิจการเอง และ ไดข้ ออนุญาตปลูกสรา้ งบ้านในบรเิ วณทด่ี ินดงั กล่าว ซึง่ มีมูลคา่ นับรอ้ ยลา้ นบาท คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553 มีมติชี้มูลความผิดอดีต รฐั มนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ผถู้ ูกกลา่ วหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ ไดส้ ง่ เรอื่ งพรอ้ มเอกสารใหอ้ ยั การสงู สดุ เมอ่ื วนั ที่ 10 กมุ ภาพนั ธ์ 2553 เพอื่ ฟอ้ งคดี อยั การสงู สดุ ไดแ้ จง้ ขอ้ ไม่สมบรู ณ์ เมอ่ื วันที่ 11 มีนาคม 2553 จงึ ได้ตั้งคณะทำ� งานรว่ ม อยั การสงู สดุ มหี นังสอื เม่ือวนั ที่ 4 สงิ หาคม 2553 แจง้ ขอ้ ยตุ เิ กยี่ วกบั การพจิ ารณาคดี ผถู้ กู กลา่ วหา วา่ พยานหลกั ฐานไมพ่ อฟอ้ งและยนื ยนั วา่ คดอี าญาไดข้ าดอายคุ วามแล้วต้ังแต่วนั ท่ี 12 กมุ ภาพนั ธ์ 2553 และในวันดังกล่าวคณะท�ำงานร่วม ไดพ้ จิ ารณาแลว้ หาขอ้ ยตุ ไิ มไ่ ด้ ซง่ึ คณะทำ� งานฝา่ ย ป.ป.ช. เหน็ วา่ คดยี งั ไมข่ าดอายคุ วาม แตจ่ ะขาดอายคุ วาม ในวนั ท่ี 21 สิงหาคม 2553 จงึ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้องคดเี อง คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ว่าจ้างทนายความเพ่ือฟ้องคดีแทน โดยเห็นว่าคดีจะขาด อายคุ วามวันท่ี 21 สิงหาคม 2553 และเม่ือวนั ที่ 20 สิงหาคม 2553 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดฟ้ อ้ งคดี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ถูกกล่าวหา ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรง ตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง ฐานใชอ้ ำ� นาจในตำ� แหนง่ โดยมชิ อบ ศาลฎกี าแผนกคดอี าญาของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื งให้ผถู้ ูกกล่าวหาไปรายงานตวั ต่อศาล แตไ่ มส่ ามารถติดตอ่ ผู้ถูกกลา่ วหาได้ เน่อื งจากผู้ถกู กลา่ วหา ได้เดินทางออกนอกประเทศไทยไปก่อนแล้ว คณะทนายความจึงได้ยื่นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองขอออกหมายจับ แต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง ทางการเมอื งไม่อนญุ าตให้ออกหมายจับ เมือ่ วนั ท่ี 19 พฤศจกิ ายน 2553 ศาลฎกี าแผนกคดอี าญาของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง ฝา่ ยขา้ งมากไดม้ คี ำ� พพิ ากษาวา่ การฟอ้ งคดขี องคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขาดอายคุ วาม โดยไมไ่ ดต้ วั จำ� เลย มาศาลภายในอายคุ วามวนั ที่ 21 สงิ หาคม 2553

82 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. กลอ่ งข้อความ 3 ค�ำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขด�ำท่ี 1767/2555 หมายเลขแดงที่ 17256/2555 วนั ท่ี 28 สงิ หาคม 2555 ความอาญาระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง อุทธรณ์ ค�ำสั่งศาลอาญากรณมี ีคำ� สงั่ ยกคำ� รอ้ งการออกหมายจับจ�ำเลย ในความผดิ ฐานรว่ มกันเป็นผ้สู นบั สนนุ ให้พนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ประกอบพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร หรือพนักงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 ศาลอทุ ธรณเ์ หน็ วา่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปราม การทุจรติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพิ่มเตมิ พ.ศ. 2554 มาตรา 74/1 บัญญตั ไิ มใ่ ห้นับอายคุ วามตง้ั แต่วนั ที่ ผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีมาใช้บังคับรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความทางอาญา อายุความจึงสะดุด หยุดอยู่ต้ังแต่วันหลบหนีซึ่งนับวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลใช้บังคับคือวันท่ี 19 เมษายน 2554 กรณีดังกล่าวเป็นกฎหมายพิเศษ เพ่ือเป็นมาตรการในการด�ำเนินคดีกับผู้กระท�ำการทุจริตท่ีพยายาม หลกี เลยี่ งไมเ่ ขา้ สกู่ ระบวนการยตุ ธิ รรมอนั จะทำ� ใหป้ ญั หาการทจุ รติ ลดนอ้ ยลง จงึ พพิ ากษาใหอ้ อกหมายจบั โดยระบุในหมายจับในส่วนของระยะเวลาตามอายุความว่า “จนกระท่ังจับตัวได้ตามมาตรา 74/1 ประกอบ 98 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราบการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2554” พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ อัยการสูงสุดด�ำเนินคดีอาญาแก่ผู้ถูกกล่าวหาตามท่ี ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. คณะกรรมการ ป.ป.ช. สง่ เรื่องใหแ้ ล้ว กอ่ นที่อยั การ 2542 แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ พ.ศ. 2554 ไดเ้ พมิ่ อำ� นาจใหแ้ ก่ สูงสุดจะน�ำคดีฟ้องศาล หากผู้ถูกกล่าวหาหลบหนี คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้การป้องกันและ ไมไ่ ปรายงานตวั ตอ่ ศาล จะไมร่ วมระยะเวลาท่ีหลบ ปราบปรามการทจุ ริตมีประสทิ ธิภาพยิ่งข้นึ โดยเม่อื หนีเป็น ส่วนหน่ึงของอายุความ เท่ากับอายุความ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตวิ า่ ขอ้ กลา่ วหาผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ สะดุดหยุดอยู่จนกว่าจะน�ำตัวผู้ถูกกล่าวหาส่งศาล ทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมีมูลความผิด เพื่อด�ำเนินคดี โดยมีค�ำพิพากษาสนับสนุนว่า ทางอาญา ประธานกรรมการ ป.ป.ช. จะสง่ รายงานและ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั เอกสารที่มีอยู่พร้อมทั้งความเห็นไปยงั อยั การสูงสดุ และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ เพื่อด�ำเนินการฟ้องคดีอาญาต่อศาลท่ีมีเขตอ�ำนาจ พ.ศ. 2554 เป็นกฎหมายพิเศษ เป็นมาตรการ ส�ำหรับผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองยื่นฟ้องต่อ ในการด�ำเนินคดีกับผู้กระท�ำผิดท่ีหลบหนีที่ไม่เข้า ศาลฎกี าแผนกคดอี าญาของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง กระบวนการยุติธรรมให้สามารถน�ำตัวมาเข้าสู่ หากผถู้ กู กลา่ วหาหลบหนไี ปในระหวา่ งถกู ดำ� เนนิ คดี กระบวนการยุติธรรมได้ ท�ำให้ปัญหาการทุจริต มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีรวมเป็น ลดนอ้ ยลง ส่วนหน่ึงของอายุความ ซ่ึงเท่ากับว่าในระหว่างท่ี

ปีที่ 8 ฉบับท่ี 1 (มกราคม 2558) 83 ข้อเสนอแนะ ส�ำหรับกรณีท่ีปรากฏพฤติการณ์น่าเช่ือว่า กรณีท่ีผู้กระท�ำความผิดหลบหนี มิให้นับ จะมีการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อน ระยะเวลาทหี่ ลบหนรี วมเปน็ สว่ นหนง่ึ ของอายคุ วาม ทรัพย์สนิ ดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอี �ำนาจ และมิให้นับอายุความล่วงเลยการลงโทษตาม ออกคำ� สงั่ ยดึ หรอื อายดั ทรพั ยส์ นิ ไว้ช่ัวคราว ซึง่ จะตอ้ ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 98 มาบังคับใช้ ไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันยึด อายัด หรือจนกว่า จะมคี �ำพพิ ากษาถงึ ทสี่ ุดใหย้ กฟ้อง 3. การใชอ้ ำ� นาจของคณะกรรมการปอ้ งกนั การตรวจสอบความมอี ยจู่ รงิ ของทรพั ยส์ นิ และปราบปรามการฟอกเงินและ และหน้ีสินก่อนมีการแก้ไขเปล่ียนแปลงกฎหมาย คณะกรรมการธรุ กรรม ป.ป.ช. เปน็ การตรวจสอบเปรยี บเทยี บบญั ชที รพั ยส์ นิ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอ�ำนาจหน้าท่ี และหนส้ี นิ ทย่ี น่ื เขา้ รบั ตำ� แหนง่ และพน้ จากตำ� แหนง่ ในการตรวจสอบการใชอ้ ำ� นาจรฐั โดยเฉพาะในสว่ น หากพบว่าทรัพย์สินมีความเปลี่ยนแปลงเพ่ิมขึ้น การตรวจสอบทรัพย์สินและหน้ีสินของผู้ด�ำรง ผิดปกติ จะให้ชี้แจงการได้มาของทรัพย์สินก่อน ตำ� แหนง่ ทางการเมอื งและเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ทมี่ หี นา้ ที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะมีมติว่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ผดิ ปกติ ดงั นนั้ ในระหวา่ งทผี่ ดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพ่อื ตรวจสอบความถูกต้อง หรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐเข้ารับต�ำแหน่งจนกระทั่ง และความมีอยู่จริง รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของ พน้ จากตำ� แหนง่ ไมม่ กี ารตรวจสอบความเคลอื่ นไหว ทรพั ยส์ นิ และหนสี้ นิ ตามบญั ชแี ละเอกสารประกอบ ทางการเงินหรือทรัพย์สิน ท�ำให้ขาดประสิทธิภาพ ท่ีได้ย่นื ไวต้ ่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามพระราชบัญญตั ิ ในการตรวจสอบความมอี ยจู่ รงิ ของทรพั ยส์ นิ และหนส้ี นิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ เพราะก่อนท่ีจะย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 หรือกฎหมาย และหนสี้ นิ เมอ่ื พน้ จากตำ� แหนง่ กส็ ามารถจดั ทำ� บญั ชี ป.ป.ช. ก่อนมีการแก้ไขในปี พ.ศ. 2554 แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินท่ีไม่ปรากฏ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะตรวจสอบความมีอยู่จริง ความผิดปกติได้ หรือ “ตกแต่งบัญชี” เพ่ือมิให้ ของทรัพย์สินและหนี้สิน เม่ือผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทาง ทรัพย์สินมีความเปลีย่ นแปลงเพ่ิมขึ้นผดิ ปกติ การเมอื งหรอื เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั พน้ จากตำ� แหนง่ หรอื กรณี ดงั นนั้ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพในการตรวจสอบ ผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื งพน้ จากตำ� แหนง่ มาแลว้ ความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน กฎหมาย เป็นเวลา 1 ปี ในกรณีผลการตรวจสอบปรากฏว่า ป.ป.ช. จะได้มีการแก้ไขเปล่ียนแปลงเพ่ิมอ�ำนาจ ทรัพย์สินมีการเปล่ียนแปลงเพ่ิมข้ึนผิดปกติ หน้าทแ่ี กค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สามารถตรวจสอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะแจ้งให้ผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง หากมีพฤติการณ์ปรากฏหรือมีเหตุอันควร ทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐชี้แจงการได้มา สงสัยเก่ียวกับการได้มาซึ่งทรัพย์สินและหน้ีสิน ของทรัพย์สินดังกล่าว กอ่ นมมี ตวิ ่าทรัพยส์ ินเพิม่ ขนึ้ รายการใดโดยไม่ชอบ หรือมพี ฤตกิ ารณ์อันควรเชือ่ ผดิ ปกตเิ พอ่ื สง่ ใหอ้ ยั การสงู สดุ ดำ� เนนิ คดี ในศาลเพอ่ื ได้ว่าจะมีการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรอื ซุกซ่อน ให้ทรพั ย์สินตกเปน็ ของแผ่นดนิ ทรัพย์สิน หรือปรากฏพฤติการณ์ว่ามีการถือครอง

84 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ทรพั ยส์ นิ แทนอนั มลี กั ษณะเปน็ การมที รพั ยส์ นิ เพม่ิ ขน้ึ หรือธุรกรรมทางการเงิน เพ่ือลดความเส่ียงในการ ผดิ ปกติ ใหค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอี ำ� นาจดำ� เนนิ การ ถกู ตรวจสอบ ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินหรือการได้มาซ่ึง เม่ือกฎหมายให้อ�ำนาจแก่คณะกรรมการ ทรัพย์สินและหนี้สินได้ เพื่อร้องขอให้ทรัพย์สิน ป.ป.ช. ใช้อ�ำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ง. และ ตกเป็นของแผ่นดินและให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. คณะกรรมการธุรกรรมได้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอ�ำนาจเรียกข้อมูลเกี่ยวกับการท�ำธุรกรรมทาง กส็ ามารถตรวจสอบธรุ กรรมหรอื ทรพั ยส์ นิ ทเี่ กย่ี วกบั การเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้มีหน้าท่ียื่นบัญชี การกระท�ำความผิด หรือส่ังยับยั้งการท�ำธุรกรรม แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินจากส�ำนักงานป้องกัน หรือตรวจสอบรายงานและข้อมูลเกี่ยวกับการท�ำ และปราบปรามการฟอกเงินหรือสถาบันการเงิน ธรุ กรรม หากมีเหตุเชื่อได้วา่ อาจมีการโอน จำ� หนา่ ย หรือผู้มีหน้าที่รายงานการท�ำธุรกรรมการเงิน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินใดท่ีเป็น ในกรณีท่ีมีความจ�ำเป็น ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทรัพย์สินท่ีเก่ียวกับการกระท�ำความผิดและส่ังยึด สามารถใช้อ�ำนาจของคณะกรรมการป้องกันและ อายดั ทรัพย์สนิ ไว้ชัว่ คราว ปราบปรามการฟอกเงิน (คณะกรรมการ ป.ป.ง.) มาตรการทางกฎหมายดงั กลา่ ว เปน็ การเพม่ิ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม ประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปราม การฟอกเงนิ การทุจรติ โดยเฉพาะในสว่ นเก่ยี วกับการตรวจสอบ ส�ำหรับอ�ำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ ทรัพย์สินและหนี้สินเพ่ือพิสูจน์ความถูกต้องและ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน หรือการ (กฎหมาย ป.ป.ง.) เป็นมาตรการทางกฎหมายเพื่อ ตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินจากการ สกัดก้ันมิให้มีการน�ำเงินหรือทรัพย์สินท่ีได้จากการ ย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน อันมี กระทำ� ความผดิ ตามมลู ฐานในกฎหมาย ป.ป.ง. ซง่ึ รวมถงึ ลักษณะเป็นการมีทรัพย์สินเพ่ิมขึ้นผิดปกติเพ่ือ มูลฐานความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าที่ราชการหรือ รอ้ งขอให้ทรพั ย์สนิ ตกเปน็ ของแผน่ ดิน ความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าท่ีในการยุติธรรมตาม ส�ำหรับมาตรการลงโทษกรณีผู้ด�ำรง ประมวลกฎหมายอาญา ความผดิ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ย ตำ� แหนง่ ทางการเมอื งหรอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ทมี่ หี นา้ ที่ ความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงาน ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินของ ของรฐั หรอื ความผดิ ตอ่ ตำ� แหนง่ หนา้ ทห่ี รอื ทจุ รติ ตอ่ ตนเอง คสู่ มรส และบตุ รทย่ี งั ไมบ่ รรลนุ ติ ภิ าวะทกุ ครงั้ หนา้ ที่ตามกฎหมายอ่ืน ไปผา่ นกระบวนการเปลีย่ น ที่เข้ารับต�ำแหน่งและพ้นจากต�ำแหน่งและครบ สภาพ เปลย่ี นรปู หรอื ถกู แปลงใหเ้ ปน็ ทรพั ยส์ นิ ใหม่ หน่ึงปีนับแต่วันท่ีพ้นจากต�ำแหน่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ เปรยี บเสมอื นการนำ� ทรพั ยส์ นิ ทส่ี กปรกใหก้ ลายเปน็ ของรฐั ตอ้ งยนื่ บญั ชแี สดงรายการทรพั ยส์ นิ และหนส้ี นิ ทรพั ยส์ นิ ทไี่ ดม้ าโดยชอบหรอื เปน็ ทรพั ยส์ นิ ทสี่ ะอาด ทกุ 3 ปที ่ีอยใู่ นตำ� แหน่ง และทรพั ย์สนิ ท่ตี อ้ งยื่นให้ เรียกกระบวนการนี้ว่า “การฟอกเงิน” ทั้งน้ี รวมถงึ ทรพั ยส์ นิ ทม่ี อบหมายใหอ้ ยใู่ นความครอบครอง ก็เพื่ออ�ำพรางท่ีมาของเงินนั้น ๆ โดยอาศัยสถาบัน หรือดูแลของบุคคลอ่ืนไม่ว่าโดยทางตรงหรือ การเงิน หรือการประกอบธุรกิจในรูปแบบต่าง ๆ ทางออ้ มดว้ ย หากจงใจไมย่ นื่ บญั ชฯี หรอื จงใจยน่ื บญั ชฯี

ปีท่ี 8 ฉบับที่ 1 (มกราคม 2558) 85 อันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้ง ทจุ รติ ยอ่ มลดลง สง่ ผลตอ่ ประสทิ ธภิ าพในการตรวจสอบ ให้ทราบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะเสนอเรื่องให้ ทรัพย์สิน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทาง การเมอื งวนิ จิ ฉยั หากศาลฯ ชข้ี าดตามทค่ี ณะกรรมการ ข้อเสนอแนะ ป.ป.ช. เสนอ ผนู้ น้ั ตอ้ งพน้ จากตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง 1. ควรศึกษาและพัฒนาองค์ความรู้ของ และห้ามด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง รวมทั้งห้าม พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ ด�ำรงต�ำแหน่งในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี พ.ศ. 2542 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรม ท้ังผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ตลอดจนเทคนิควิธีการเพื่อให้การตรวจสอบ ยงั มโี ทษทางอาญา โทษจำ� คกุ ไมเ่ กนิ หกเดอื นหรอื ปรบั มีประสิทธภิ าพยิ่งข้นึ ไม่เกินหนึ่งหม่ืนบาท หรือท้ังจ�ำทั้งปรับ และหาก 2. ประสานความร่วมมือกับส�ำนักงาน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจพบว่ามีทรัพย์สิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพมิ่ ขน้ึ ผดิ ปกตใิ หป้ ระธานกรรมการ ป.ป.ช. สง่ เอกสาร และสถาบันการเงิน เพื่อให้สามารถตรวจสอบ ทั้งหมดที่มีอยู่พร้อมรายงานผลการตรวจสอบไปยัง ทรัพย์สินและหน้ีสินของเจ้าหน้าที่ของรัฐและให้ อัยการสูงสุด เพื่อด�ำเนินคดีในศาลฎีกาแผนก ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดนิ คดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองเพื่อให้ 3. ควรก�ำหนดต�ำแหน่งเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ทรัพยส์ นิ ทเี่ พม่ิ ขน้ึ ผดิ ปกตติ กเปน็ ของแผ่นดนิ และ ทม่ี คี วามเสย่ี งหรอื โอกาสทจี่ ะใชอ้ ำ� นาจผกู ขาด อำ� นาจ ในระหวา่ งทศี่ าลยงั ไมม่ คี ำ� สง่ั คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดุลยพินิจท่ีจะกระท�ำการทุจริต ยื่นบัญชีแสดง จะมีค�ำส่ังยึดอายัดทรัพย์สินที่เพิ่มข้ึนผิดปกติไว้ รายการทรัพย์สินและหน้ีสิน และต้องเปิดเผยต่อ ชว่ั คราวได้ สาธารณะ เพ่ือให้ประชาชนร่วมในการตรวจสอบ อำ� นาจหนา้ ทข่ี องคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ทรี่ ำ�่ รวยผดิ ปกตหิ รอื ยนื่ บญั ชแี สดง ให้มีอ�ำนาจของคณะกรรมการธุรกรรมและอ�ำนาจ รายการทรพั ย์สนิ และหนส้ี ินเปน็ เทจ็ หรือปกปดิ ของคณะกรรมการ ป.ป.ง. ตามพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 4. การขยายเวลาในการรอ้ งเรยี นเจา้ หนา้ ที่ ท�ำให้กฎหมายมีสภาพบังคับใช้ได้อย่างมี ของรฐั ท่พี น้ ตำ� แหน่งไปแลว้ ประสทิ ธภิ าพ โอกาสทผ่ี ดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง การปราบปรามการทุจริตเป็นภารกิจหลัก และเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามพระราชบัญญัติ สูงข้ึน ท�ำให้สามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหว ประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปราม ทางการเงินได้ตลอดเวลา จึงสามารถยึดและอายัด ก า ร ทุ จ ริ ต พ . ศ . 2 5 4 2 แ ก ้ ไข เ พิ่ ม เ ติ ม ทรัพย์สินท่ีเพ่ิมข้ึนผิดปกติก่อนที่จะมีการโอน พ.ศ. 2554 ท่ีให้อ�ำนาจในการไต่สวนข้อเท็จจริง ยักย้าย เปล่ียนแปลงทรัพย์สินหรือตกแต่งบัญชี เม่ือมีการร้องเรียนหรือกล่าวหาเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ไดท้ นั ผทู้ ยี่ นื่ บญั ชฯี จะถกู ตรวจสอบถกู ลงโทษไดส้ งู ขนึ้ ซึ่งหมายความถึงผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง เท่ากับต้นทุนการทุจริตสูง ผลประโยชน์จากการ ข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นซึ่งมีต�ำแหน่ง

86 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. หรือเงนิ เดอื นประจ�ำ พนักงานหรอื บคุ คลผปู้ ฏบิ ตั ิงาน 2) เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ซง่ึ มใิ ชผ่ ดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ในรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ ผู้บริหาร ทางการเมือง ไดแ้ ก่ ท้องถ่ิน และสมาชิกสภาท้องถิ่นซ่ึงมิใช่ผู้ด�ำรง (1) ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองซ่ึง ต�ำแหน่งทางการเมือง เจ้าพนักงานตามกฎหมาย มใิ ชบ่ ุคคลตามข้อ 1) หรอื ผบู้ ริหารระดับสูง วา่ ดว้ ยลกั ษณะปกครองทอ้ งที่ และใหห้ มายความรวมถงึ (2) ผ้พู ิพากษาและตุลาการ กรรมการ อนุกรรมการ ลูกจ้างของส่วนราชการ (3) พนกั งานอยั การ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ และบุคคลหรือ (4) เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ในหนว่ ยงานของ คณะบุคคลซ่ึงใช้อ�ำนาจหรือได้รับมอบให้ใช้อ�ำนาจ ศาลและองคก์ รตามรัฐธรรมนูญ ทางการปกครองของรัฐในการด�ำเนินการอย่างใด (5) ผบู้ รหิ ารทอ้ งถนิ่ รองผบู้ รหิ ารทอ้ งถนิ่ อย่างหน่ึงตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งข้ึน ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถ่ิน ในระบบราชการ รัฐวสิ าหกิจ หรือกิจการอ่นื ของรฐั ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ในการไต่สวนข้อเท็จจริง กฎหมายได้แบ่ง (6) เจ้าหน้าท่ีของรัฐในส�ำนักงาน กลมุ่ กระบวนการไตส่ วนเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั เปน็ 2 กลมุ่ เ ล ข า ธิ ก า ร ส ภ า ผู ้ แ ท น ร า ษ ฎ ร แ ล ะ ส� ำ นั ก ง า น ดังน้ี เลขาธิการวุฒสิ ภา 1) เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ซง่ึ เปน็ ผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ (7) เจ้าหน้าท่ีของรัฐในหน่วยงาน ทางการเมอื งหรอื ข้าราชการการเมอื ง ไดแ้ ก่ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามกฎหมาย (1) นายกรัฐมนตรี วา่ ดว้ ยการนน้ั (2) รฐั มนตรี (8) เจา้ หน้าท่ขี องรัฐซง่ึ กระทำ� ความผิด (3) สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร ในลักษณะที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นสมควร (4) สมาชิกวุฒิสภา ด�ำเนินการ ทั้งนี้ ตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. (5) ขา้ ราชการการเมืองอ่นื กำ� หนด (6) บุคคลซึ่งเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือ (9) เจ้าหน้าท่ีของรัฐซ่ึงร่วมกระท�ำ ผู้สนับสนุน รวมท้ังผู้ให้ ผู้ขอให้ หรือรับว่าจะให้ ความผดิ กับบคุ คลตาม (1) ถงึ (8) ทรพั ยส์ ินหรอื ประโยชน์อ่ืนใดแก่บุคคลตาม (1) ถึง ส�ำหรับข้อกล่าวหา ได้แก่ ร�่ำรวยผิดปกติ (6) เพื่อจูงใจให้กระท�ำการ ไม่กระท�ำการ หรือ กระทำ� ความผดิ ฐานทจุ รติ ตอ่ หนา้ ท่ี กระทำ� ความผดิ ประวิงการกระทำ� อันมิชอบดว้ ยหน้าที่ ต่อต�ำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระท�ำความผิดต่อ สำ� หรบั ขอ้ กล่าวหาทจ่ี ะกลา่ วหา ไดแ้ ก่ ต�ำแหนง่ หนา้ ทีใ่ นการยุตธิ รรม (1) รำ่� รวยผดิ ปกติ ในการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อ (2) กระทำ� ความผดิ ตอ่ ตำ� แหนง่ หนา้ ท่ี คณะกรรมการ ป.ป.ช. สามารถกลา่ วหาดว้ ยวาจา หรอื ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา ท�ำเป็นหนังสือก็ได้ โดยต้องมีรายละเอียด ชื่อและ (3) กระทำ� ความผดิ ตอ่ ตำ� แหนง่ หนา้ ท่ี ทอ่ี ยขู่ องผกู้ ลา่ วหา ชอ่ื หรอื ตำ� แหนง่ ของผถู้ กู กลา่ วหา (4) ทจุ ริตตอ่ หนา้ ทตี่ ามกฎหมายอื่น และข้อกล่าวหาหรือพฤติการณ์แห่งการกระท�ำผิด

ปที ี่ 8 ฉบับที่ 1 (มกราคม 2558) 87 ตามขอ้ กลา่ วหาพรอ้ มพยานหลกั ฐาน หรอื อา้ งพยาน กลา่ วหาไวไ้ ดไ้ มเ่ กนิ 2 ปี นบั แตว่ นั ทเี่ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั หลกั ฐานและทสี่ ำ� คญั คอื การกลา่ วหาเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐ โดยเฉพาะ จะต้องกล่าวหาขณะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือ ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง เม่ือพ้นจากการด�ำรง พน้ จากการเปน็ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ไมเ่ กนิ 5 ปี แตห่ าก ตำ� แหนง่ ทางการเมอื งแลว้ จะไม่สามารถกล่าวหาได้ พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเกินกว่า 5 ปีแล้ว ผู้กระท�ำผิดจึงรอดพ้นจากการถูกตรวจสอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. กม็ อี ำ� นาจทจี่ ะยกคำ� กลา่ วหา ถูกจบั กมุ และถกู ลงโทษ ดังนั้น การขยายระยะเวลา ที่ได้มีการกล่าวหาไวแ้ ล้วหรอื มีเหตอุ ันควรสงสยั ขน้ึ ท�ำใหส้ ามารถกล่าวหาผกู้ ระท�ำความผดิ ได้อีก 5 ปี ด�ำเนนิ การไต่สวนได้ แตต่ ้องไม่เกนิ 10 ปี นับแตว่ ันท่ี หรือ 10 ปี นับแต่พ้นจากต�ำแหน่ง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของรัฐพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มกี รณเี รอ่ื งรอ้ งเรยี นทม่ี เี จา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ตา่ งประเทศ และกรณที กี่ ฎหมายใหอ้ ำ� นาจคณะกรรมการ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ของรัฐองค์กรระหว่างประเทศ ยกค�ำกล่าวหาท่ีได้มีการกล่าวหาไว้แล้วหรือมีเหตุ การกระท�ำความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. แต่ อนั ควรสงสยั ขน้ึ ดำ� เนนิ การไตส่ วนนี้ ใหห้ มายรวมถงึ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไมม่ อี ำ� นาจไตส่ วน หากจะเพม่ิ ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองท่ีพ้นจากต�ำแหน่งไม่เกิน อ�ำนาจในการด�ำเนินการไต่สวน เจ้าหน้าที่ของรัฐ 10 ปี นบั แตว่ นั พน้ จากตำ� แหนง่ ดว้ ย แตก่ ารกลา่ วหา ต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ขององค์กรระหว่าง เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั เฉพาะเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ไทยเทา่ นน้ั ประเทศทก่ี ระทำ� ความผดิ ตามกฎหมาย ป.ป.ช. ดว้ ย มิได้หมายรวมถึงเจ้าหน้าท่ีของรัฐต่างประเทศหรือ จะยิ่งท�ำให้สภาพบังคับใช้กฎหมายมีความเข้มงวด เจา้ หนา้ ท่ขี ององคก์ รระหว่างประเทศ จรงิ จงั ยง่ิ ขน้ึ ผกู้ ระทำ� ความผดิ มโี อกาสถกู ดำ� เนนิ การ การขยายเวลาในการกล่าวหาผู้ด�ำรง ไต่สวนและน�ำตัวผู้กระท�ำความผิดมาฟ้อง ตำ� แหนง่ ทางการเมอื งและเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั สามารถ ลงโทษได้ นับว่าเป็นการทำ� ใหเ้ พิม่ ตน้ ทุนการทจุ รติ กลา่ วหาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ถงึ 5 ปี หรือ สงู ขน้ึ สว่ นประโยชนจ์ ากการทจุ รติ นน้ั เมอ่ื กฎหมาย 10 ปี นบั แต่พน้ จากการเป็นเจ้าหนา้ ท่ีของรฐั ท�ำให้ มีสภาพบังคับใช้สูง โอกาสที่จะถูกตรวจสอบ ขยายระยะเวลาในการที่จะน�ำตัวผู้กระท�ำความผิด ถูกจับกุมก็สูงประโยชน์จากการทุจริตย่อมลดต�่ำลง มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้มากข้ึน เพราะเดิม จงึ เปน็ การลดปัญหาการทจุ รติ กฎหมายให้อ�ำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช. รับเร่ือง

88 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. กลอ่ งขอ้ ความ 4 ป.ป.ช. ไมเ่ ชอื ดเขายายเทย่ี ง ขาดอายคุ วาม แตค่ นใหโ้ ดนเรอื่ งกลา่ วหา อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 กับพวกว่าเข้าไปถือครองท่ีดินบนเขายายเท่ียง ต�ำบลคลองไผ่ อำ� เภอสคี ิ้ว จงั หวัดนครราชสมี า ซง่ึ ได้มาโดยมชิ อบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับหนังสือร้องเรียนกล่าวหาอดีตแม่ทัพภาคท่ี 2 กับภรรยา และอดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ว่าได้ถือครองที่ดินบนเขายายเท่ียง ต�ำบลคลองไผ่ อ�ำเภอสีค้ิว จงั หวดั นครราชสมี า โดยไดท้ ด่ี นิ ดงั กลา่ วมาโดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย กลา่ วคอื เจา้ ของทด่ี นิ บนเขายายเทยี่ ง เดิมได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้กับผู้จัดสรรที่ดินคนหนึ่ง ในราคา 700,000 บาท ต่อมา ผู้จัดสรรที่ดินคนดังกล่าว ได้ขายท่ีดินให้กับอดีตผู้ทรงคุณวุฒิ ในราคาเพียง 50,000 บาท และ ภายหลังอดตี ผทู้ รงคุณวุฒิไดย้ กที่ดินบนเขายายเทย่ี งให้กบั ภรรยาของอดตี แม่ทัพภาคท่ี 2 โดยเสน่หา ซึ่งน่าสงสัยว่าการขายที่ดินบนเขายายเท่ียงในราคาถูกดังกล่าว สืบเนื่องมาจากที่ผู้จัดสรรท่ีดิน คนดงั กลา่ วไดเ้ คยจดั สรรทด่ี นิ ขายใหก้ บั ขา้ ราชการชนั้ ผนู้ อ้ ยในกองทพั ภาคที่ 2 แตเ่ กดิ ปญั หาไมส่ ามารถ ออกโฉนดและโอนทีด่ นิ ใหก้ บั ผูซ้ ือ้ ได้จงึ ไดข้ ายทีด่ นิ ใหร้ าคาถกู เปน็ คา่ ว่งิ เตน้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พจิ ารณาแลว้ เหน็ ว่าอดีตแมท่ ัพภาคท่ี 2 ได้พ้นจากการเปน็ เจ้าหน้าทีร่ ัฐ ในต�ำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดต้ังแต่ปี 2546 ส่วนภรรยาได้พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ไปตงั้ แตป่ ี 2545 แตผ่ กู้ ลา่ วหาเพง่ิ จะยนื่ คำ� กลา่ วหาตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เมอื่ วนั ที่ 11 มกราคม 2550 จงึ เปน็ คำ� กลา่ วหาทไี่ มเ่ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑต์ ามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 84 ประกอบมาตรา 85 คณะกรรมการ ป.ป.ช. จงึ มมี ตไิ ม่รับพิจารณา ส�ำหรับอดีตผู้ทรงคุณวุฒิ เน่ืองจากเพิ่งพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ในปี 2549 จงึ ยงั อยใู่ นอำ� นาจหนา้ ทข่ี องคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทจี่ ะดำ� เนนิ การไตส่ วนขอ้ เทจ็ จรงิ ได้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติรับพิจารณา และมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ด�ำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบบั ที่ 31 ลงวนั ที่ 30 กนั ยายน พ.ศ. 2549 ขอ้ 5

ปที ี่ 8 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม 2558) 89 ขอ้ เสนอแนะ 5. อำ� นาจชม้ี ลู ความผดิ ทางอาญาเจา้ หนา้ ที่ 1. ควรเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการ ของรฐั แมม้ ใิ ชเ่ จา้ พนกั งานตามประมวล คมุ้ ครองพยาน ผแู้ จง้ เบาะแส ผรู้ อ้ งเรยี น ผใู้ หถ้ อ้ ยคำ� กฎหมายอาญา ผู้ให้ข้อมูลและการไต่สวนข้อเท็จจริงให้ใช้ บทบาทอ�ำนาจหน้าท่ีของคณะกรรมการ เวลารวดเร็ว ไม่ล่าช้า เพราะการไต่สวนท่ีล่าช้า ป.ป.ช. น้ัน ผทู้ ถ่ี กู กล่าวหาตอ้ งเปน็ เจา้ หนา้ ทีข่ องรัฐ นอกจากเป็นการปฏิเสธความยุติธรรมแล้ว ซึ่งมที งั้ ผูด้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมือง และเจา้ หน้าที่ ยังเป็นการเพ่ิมต้นทุนของการไต่สวนข้อเท็จจริง ของรัฐอ่ืนท่ีมิใช่ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองใน โดยไมจ่ ำ� เปน็ เนอื่ งจากระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการไตส่ วน ขอ้ กลา่ วหาทเ่ี ปน็ ความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา อยรู่ ะหวา่ ง 1-17 ปี ผกู้ ระทำ� ความผดิ จงึ ไมก่ ลวั ทจ่ี ะ และกฎหมายอ่ืน ความผิดทางอาญาตามประมวล ถูกตรวจสอบหรือถูกจับกุม ดังนั้น กระบวนการ กฎหมายอาญานน้ั ไดก้ ำ� หนดไวใ้ นหมวดความผดิ ตอ่ การไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต�ำแหน่งหน้าท่ีราชการและความผิดต่อต�ำแหน่ง ตอ้ งลดตน้ ทนุ ของระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการไตส่ วน เพอ่ื ให้ หน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม ซ่ึงผู้ท่ีจะมีความผิด สามารถนำ� ตวั ผกู้ ระทำ� ผดิ มาฟอ้ งตอ่ ศาลใหเ้ รว็ ยงิ่ ขน้ึ ต้องเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา 2. ควรเพ่ิมค�ำนิยามเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ เท่าน้ัน หากเป็นเจ้าหน้าท่ีท่ีมิได้เป็นเจ้าพนักงาน หมายรวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลต่างประเทศและ ตามประมวลกฎหมายอาญาก็จะเป็นความผิดทาง เจ้าหน้าที่ขององค์การระหว่างประเทศกรณี อาญาทวั่ ไปบทลงโทษจะตำ่� กวา่ ผทู้ เ่ี ปน็ เจา้ พนกั งาน รับสนิ บน รวมถงึ เอกชนที่ให้สนิ บนและใหม้ อี �ำนาจ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ย ไต่สวนการกระท�ำความผิดซ่ึงได้กระท�ำนอก การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ราชอาณาจกั ร แกไ้ ขเพิม่ เตมิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 ไดบ้ ญั ญตั กิ าร 3. ควรส่งเสริมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม กระท�ำความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ท้ังท่ีเป็น ในการตรวจสอบ สอดส่อง ให้ข้อมูลชี้เบาะแส เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาและทม่ี ไิ ด้ โดยสำ� นกั งาน ป.ป.ช. และองคก์ รทเ่ี กยี่ วขอ้ งควรเผยแพร่ เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ให้มี ประชาสัมพันธ์ข้อมูลของผู้ถูกกล่าวหาท่ีหลบหนี อัตราโทษเท่ากับความผิดท่ีได้กระท�ำในฐานะเป็น ใหป้ ระชาชนไดท้ ราบ หรอื อาจเพมิ่ มาตรการเงนิ สนิ บน เจา้ พนกั งานไวใ้ นมาตรา 123/1 วา่ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั รางวัลแก่ผู้ที่แจ้งเบาะแสจนได้ตัวผู้ถูกกล่าวหาหรือ ผใู้ ดปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั อิ ยา่ งใดในตำ� แหนง่ จำ� เลยมาฟอ้ งต่อศาล หรือหน้าที่หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ี 4. การประสานความร่วมมือระหว่าง โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด ประเทศในทางอาญาเพ่ือน�ำผู้กระท�ำผิดมาลงโทษ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ในประเทศไทย ตลอดจนการติดตามทรัพย์สินคืน ต้องระวางโทษจ�ำคุกต้ังแต่หน่ึงปีถึงสิบปี หรือ การรับทรัพย์สินคืน ท�ำให้กฎหมายมีสภาพบังคับใช้ ปรับต้ังแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือ ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ ทัง้ จ�ำทงั้ ปรบั

90 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. บทบัญญัติในมาตรา 123/1 มีลักษณะ มาตรา 123/1 บัญญัติไว้จะมีอัตราโทษเท่ากับ เชน่ เดยี วกบั มาตรา 157 ในประมวลกฎหมายอาญา เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา การเพิ่ม ต่างกันตรงคำ� ว่า “เจา้ หนา้ ท่”ี กับ “เจ้าพนกั งาน” อัตราโทษให้รุนแรงย่ิงข้ึน ประกอบกับโอกาสท่ีจะ และอตั ราโทษทก่ี ฎหมายกำ� หนดไวก้ ม็ โี ทษจำ� คกุ เทา่ กนั ถูกจับกุมด�ำเนินคดีมีสูงเท่ากับเป็นการเพิ่มต้นทุน แต่อัตราโทษปรับตามมาตรา 123/1 จะสูงกว่า การทุจริตให้สูงขึ้น ประโยชน์จากการทุจริตย่อม มาตรา 157 ในกรณนี ถี้ อื วา่ มาตรา 123/1 เปน็ ความ ลดต่�ำลงหากผู้กระท�ำความผิดเลือกท่ีจะกระท�ำ ผดิ อันเป็นบททวั่ ไป สว่ นมาตรา 157 เปน็ ความผดิ ความผิดเม่ือค�ำนึงถึงต้นทุนการทุจริตกับประโยชน์ อันเป็นบทเฉพาะ ดังน้ี เจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้ใดท่ีเป็น ทีจ่ ะไดแ้ ลว้ ไม่คุ้มคา่ ท�ำให้ปัญหาการทจุ ริตลดลง เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา หากได้ กระท�ำความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ ข้อเสนอแนะ หนา้ ทโี่ ดยมชิ อบ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกผ่ หู้ นง่ึ ผใู้ ด หรือฐานปฎิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดย อ�ำนาจช้ีมูลความผิดทางอาญาเจ้าหน้าท่ี ทุจริต ยอ่ มถอื ว่าเป็นความผิดท้ังมาตรา 157 และ ของรัฐแม้มิใช่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมาย มาตรา 123/1 ในส่วนของการวินิจฉยั ปรบั บทเปน็ อาญา เปน็ มาตรการทก่ี ฎหมาย ป.ป.ช. ก�ำหนดไว้ ความผดิ ตามมาตรา 157 แลว้ กไ็ มจ่ ำ� เปน็ ต้องปรับ ต่างจากประมวลกฎหมายอาญาที่จะมีความผิดต่อ มาตรา 123/1 อนั เปน็ บทท่ัวไปอีก ต�ำแหน่งหน้าที่ได้ต้องเป็นเจ้าพนักงานเท่าน้ัน แต่ แต่กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐท่ีมิได้เป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐในบางต�ำแหน่งมิใช่เจ้าพนักงาน เจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญาหากไดก้ ระทำ� ตามประมวลกฎหมายอาญา จึงไม่สามารถด�ำเนินคดี ความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ี ในฐานะเปน็ เจา้ พนกั งานกระทำ� ความผดิ ตอ่ ตำ� แหนง่ โดยมิชอบเพ่ือให้เกดิ ความเสยี หายแก่ผ้หู น่ึงผ้ใู ด หรอื หน้าท่ีได้ เจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการให้ผู้ที่ ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต กระทำ� ความผดิ ตอ้ งไดร้ บั โทษทางอาญา ในความผดิ ยอ่ มเปน็ ความผดิ ตามมาตรา 123/1 เพยี งมาตราเดยี ว ต่อต�ำแหน่งหนา้ ท่ี ดงั นน้ั จึงต้องเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพ ไม่อาจเป็นความผิดตามมาตรา 157 ได้ ทั้งน้ี ในการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยต้องลดระยะเวลา มาตรา 123/1 ใชบ้ งั คบั กบั ผกู้ ระทำ� ความผดิ ภายหลงั ในการไต่สวนข้อเท็จจริง และท�ำงานเชิงรุกย่ิงขึ้น วนั ท่ี 19 เมษายน 2554 แล้วเท่าน้ัน โดยเฉพาะในการแสวงหาข้อเท็จจริงก่อนเข้าสู่ การเพิ่มอัตราโทษเพ่ือให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐ กระบวนการไต่สวน ควรมีการสืบสวนและเก็บ ซง่ึ มไิ ดเ้ ปน็ เจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา รวบรวมพยานหลักฐานใหร้ วดเรว็ ก็เพ่ือให้อัตราโทษมีความรุนแรงกว่าอัตราโทษ ในความผดิ ตามกฎหมายอาญาในฐานะบคุ คลทว่ั ไป 6. อ�ำนาจฟ้องคดี ซึ่งเท่ากับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนโดยเฉพาะ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ทม่ี ไิ ดเ้ ปน็ เจา้ พนกั งานตามประมวล เม่ือคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด�ำเนินการ กฎหมายอาญา กระท�ำความผิดตามท่ีกฎหมาย ไต่สวนข้อเท็จจริงตามท่ีมีผู้ร้องเรียนหรือกล่าวหา เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั รำ่� รวยผดิ ปกติ กระทำ� ความผดิ ฐาน ทุจริตต่อหน้าท่ี กระท�ำความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าท่ี

ปที ี่ 8 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม 2558) 91 ราชการหรือกระท�ำความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าท่ี ป.ป.ช. ช้ีมูลและสง่ เรื่องใหอ้ ัยการสงู สุดเพื่อฟ้องคดี ในการยุติธรรม และส�ำหรับผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง ตอ่ ศาลใชร้ ะยะเวลาเฉล่ยี 398 วัน ถงึ 1,359 วนั นายกรัฐมนตรี รฐั มนตรี สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร และระยะเวลาที่อัยการสูงสุดฟ้องจนถึงศาลมี สมาชกิ วฒุ สิ ภา และขา้ ราชการการเมอื งอน่ื ในขอ้ กลา่ วหา คำ� พพิ ากษาใชร้ ะยะเวลาเฉลยี่ 636 วนั ถงึ 1,623 วนั ร่�ำรวยผิดปกติ กระท�ำความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าท่ี เม่ือวิเคราะห์บทบัญญัติของกฎหมายท่ีให้ ราชการตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกระท�ำ ศาลใช้ระบบไต่สวนนั้น พระราชบัญญัติประกอบ ความผิดต่อตำ� แหน่งหนา้ ท่ีหรือทุจริตต่อหนา้ ทีต่ าม รัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำ� รง กฎหมายอ่ืน หากผลการไต่สวนข้อเท็จจริง ต�ำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม คณะกรรมการ ป.ป.ช. พจิ ารณาวา่ ขอ้ กลา่ วหามมี ลู ความผดิ พ.ศ. 2550 มาตรา 5 ได้บัญญัติสอดคล้องกับ ทางอาญา ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ส่งรายงาน พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั เอกสาร และความเหน็ ไปยงั อยั การสงู สดุ เพอ่ื ดำ� เนนิ และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ คดอี าญาในศาลทม่ี เี ขตอำ� นาจพจิ ารณาพพิ ากษาคดี พ.ศ. 2554 มาตรา 98/1 ให้ศาลยดึ รายงานและสำ� นวน โดยให้ถือรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็น คดีของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นหลักในการ ส�ำนวนสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา พิจารณาและอาจไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยาน ความอาญา และให้ศาลประทับฟ้องไว้พิจารณา หลักฐานเพมิ่ เตมิ ได้ และศาลมอี ำ� นาจเรยี กเอกสาร โดยไมต่ อ้ งไตส่ วนมลู ฟอ้ งและใหศ้ าลใชร้ ะบบไตส่ วน หรอื หลกั ฐานทเี่ กยี่ วขอ้ งจากบคุ คลหรอื เรยี กบคุ คลใด และเมื่ออัยการสูงสุดได้รับรายงานดังกล่าวจาก มาใหถ้ อ้ ยคำ� ตลอดจนขอใหศ้ าลอน่ื พนกั งานสอบสวน คณะกรรมการ ป.ป.ช. แลว้ ถา้ เหน็ วา่ ยงั ไมส่ มบรู ณท์ จ่ี ะ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ด�ำเนินคดีได้ อัยการสูงสุดต้องแจ้งคณะกรรมการ หรือราชการส่วนท้องถ่ิน ด�ำเนินการเพื่อประโยชน์ ป.ป.ช. โดยระบุข้อไม่สมบูรณ์ ซ่ึงคณะกรรมการ แหง่ การพจิ ารณาได้ และศาลมอี ำ� นาจแตง่ ตง้ั บคุ คล ป.ป.ช. และอยั การสงู สดุ ตอ้ งตงั้ คณะทำ� งานรว่ มเพอื่ หรอื คณะบคุ คล เพอ่ื ปฏิบัติหน้าทต่ี ามทม่ี อบหมาย รวบรวมพยานหลกั ฐานใหส้ มบรู ณ์ หากคณะทำ� งาน ดังนั้น ระบบไต่สวนที่กฎหมายบัญญัติให้ศาล ไมอ่ าจหาข้อยุติได้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอ�ำนาจ สามารถไตส่ วนขอ้ เทจ็ จรงิ และพยานหลกั ฐานเพมิ่ เตมิ ฟ้องคดเี องหรือแต่งตง้ั ทนายความใหฟ้ ้องคดแี ทน นอกเหนือจากการยึดรายงานและส�ำนวนคดี จากสถิติการฟ้องคดีตั้งแต่ปี 2549 ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปน็ หลกั รวมทงั้ มอี ำ� นาจ (หลังเหตุการณ์รัฐประหาร) ถึงพฤษภาคม 2557 เรียกเอกสารหลักฐานและเรียกบุคคลมาให้ถ้อยค�ำ เรื่องท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติช้ีมูลความผิด มิใช่เพียงแต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรง จำ� นวน 757 เรอื่ ง เปน็ เรอ่ื งทมี่ มี ลู ทางอาญา จำ� นวน ตำ� แหนง่ ทางการเมอื งเทา่ นน้ั ยงั ใหห้ มายถงึ ศาลทมี่ ี 547 เร่ือง ในจ�ำนวนน้ีเป็นเร่ืองที่ฟ้องคดีต่อศาล เขตอ�ำนาจในคดเี จา้ หนา้ ที่ของรฐั อ่นื ดว้ ย จ�ำนวน 189 เรื่อง และศาลมีค�ำพิพากษาจ�ำนวน การที่กฎหมายบัญญัติให้ศาลยึดรายงาน 33 เรอื่ ง ลงโทษจำ� คกุ 29 เรอื่ ง ยกฟอ้ ง 4 เรอ่ื ง คา่ เฉลยี่ การไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระยะเวลาในการด�ำเนินคดีตั้งแต่คณะกรรมการ เป็นหลักก็เพื่อให้การพิจารณาคดีมีความรวดเร็ว

92 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ลดระยะเวลาทจ่ี ะตอ้ งทำ� การสบื พยานใหมใ่ นชนั้ ศาล กรณที กี่ ฎหมาย ป.ป.ช. หรอื กฎหมายอ่นื บัญญตั ใิ ห้ ซ่ึงอธิคม อินทุภูติ ได้ใหค้ วามเห็นวา่ การยดึ ส�ำนวน คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือประธานกรรมการ ป.ป.ช. รายงานการสอบสวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องยื่นค�ำร้องต่อศาลหรือมีอ�ำนาจฟ้องคดีเองให้มี เป็นหัวใจของระบบไต่สวนของศาลฎีกาแผนก อำ� นาจมอบหมายใหพ้ นกั งานไตส่ วนซง่ึ มวี ฒุ กิ ารศกึ ษา คดอี าญาของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง เพราะใน ในระดับเนติบัณฑิตหรือวุฒิการศึกษาระดับ ส�ำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ปริญญาตรีทางกฎหมายและมีประสบการณ์ท่ีเป็น มีข้อเท็จจริงท่ีน�ำมาเป็นข้อกล่าวหาอย่างสมบูรณ์ ประโยชนต์ อ่ การปฏบิ ตั งิ าน ดำ� เนนิ การในศาลแทน หากยดึ สำ� นวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นหลัก ในฐานะผู้รับมอบอ�ำนาจหรือจะพิจารณาแต่งตั้ง อย่างแท้จริง จะเป็นการลดระยะเวลาได้มาก ทนายความเพื่อด�ำเนินคดีแทนก็ได้ และพนักงาน เมื่อศาลยึดรายงานการไต่สวนของคณะกรรมการ ไต่สวนซ่ึงได้รับมอบอ�ำนาจในการด�ำเนินการ ป.ป.ช. เป็นหลักโดยมีข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์แล้ว มีอ�ำนาจว่าความและด�ำเนินกระบวนการพิจารณา ในกระบวนการพิจารณา ถ้าศาลเห็นว่าจะต้อง ในชนั้ ศาลได้ อยา่ งไรกต็ าม แมก้ ฎหมายจะใหอ้ ำ� นาจ ไต่สวนเพ่ิมเติม ศาลก็มีอ�ำนาจแสวงหาข้อเท็จจริง คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายใหพ้ นกั งานไตส่ วน โดยการเรียกบุคคลหรือเอกสารเพิ่มเติมได้ ดังนั้น ด�ำเนินการว่าความและกระบวนพิจารณาในศาล เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใช้ระบบไต่สวนในการ ในฐานะผู้รับมอบอ�ำนาจแทนได้ แต่ต้องอยู่ใน ไต่สวนข้อเท็จจริงและศาลยึดรายงานการไต่สวน เง่อื นไขที่กฎหมาย ป.ป.ช. หรือกฎหมายอืน่ บัญญัติ ขอ้ เทจ็ จรงิ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นหลักแลว้ ให้มีอ�ำนาจฟ้องคดีเองได้และเมื่อกฎหมาย ป.ป.ช. การด�ำเนินคดีแก่ผู้กระท�ำความผิดฐานทุจริตต่อ บัญญัติให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้องคดีเองได้ หน้าท่ี กระท�ำความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าท่ีราชการ ตอ่ เมอื่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดส้ ง่ เรอ่ื งใหอ้ ยั การสงู สดุ ห รื อ ก ร ะ ท� ำ ค ว า ม ผิ ด ต ่ อ ต� ำ แ ห น ่ ง ห น ้ า ที่ ใ น ดำ� เนินคดแี ล้ว และรายงานการไต่สวนขอ้ เทจ็ จริงมี การยตุ ธิ รรม คณะกรรมการ ป.ป.ช. กส็ ามารถนำ� คดฟี อ้ ง ข้อไม่สมบูรณ์ จึงต้องต้ังคณะท�ำงานร่วม และเมื่อ ตอ่ ศาลได้เอง โดยไม่ตอ้ งให้อัยการสงู สุดด�ำเนนิ การ คณะทำ� งานรว่ มยงั ไมอ่ าจหาขอ้ ยตุ ไิ ด้ คณะกรรมการ ฟอ้ งคดี เพราะหากอยั การสงู สดุ เหน็ วา่ ยงั ไมส่ มบรู ณ์ ป.ป.ช. จงึ มอี ำ� นาจฟอ้ งคดเี อง มาตรการทางกฎหมาย ต้องต้ังคณะท�ำงานร่วม และอาจหาข้อยุติไม่ได้ ทใี่ หค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟอ้ งคดเี อง เปน็ อำ� นาจเยย่ี ง ในทสี่ ดุ กฎหมายก็ใหอ้ ำ� นาจแกค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. อัยการท่ีมีอ�ำนาจฟ้องคดี กฎหมายจึงเปิดช่องทาง ฟ้องคดเี องไดอ้ ยแู่ ล้ว ใหน้ ำ� คดไี ปสศู่ าลได้ เทา่ กบั โอกาสทผี่ กู้ ระทำ� ความผดิ ก ฎ ห ม า ย ไ ด ้ บั ญ ญั ติ ส นั บ ส นุ น ใ ห ้ จะถูกฟ้องด�ำเนินคดีในศาลและถูกจับกุมได้สูงขึ้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟอ้ งคดเี องได้ โดยมเี งอื่ นไขวา่ ส่งผลต่อต้นทุนการทุจริตเพมิ่ สงู ขึ้นไปด้วย

ปีท่ี 8 ฉบับที่ 1 (มกราคม 2558) 93 กล่องขอ้ ความ 5 การมอบพนักงานไต่สวนด�ำเนินคดีแทนในการแต่งต้ังคณะกรรมการ คดั เลอื กประธานกรรมการและกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ใิ นคณะกรรมการ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย การทรี่ ฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการคลงั ไดพ้ จิ ารณาและมคี ำ� สงั่ แตง่ ตงั้ บคุ คลซงึ่ ดำ� รงตำ� แหนง่ ประธานกรรมการธนาคารทหารไทย จำ� กดั (มหาชน) ใหด้ ำ� รงตำ� แหนง่ กรรมการและประธานกรรมการ และประธานกรรมการบรหิ ารธนาคารกรงุ ไทย จำ� กดั (มหาชน) เปน็ การแตง่ ตงั้ บคุ คลซงึ่ มผี ลประโยชน์ หรอื สว่ นไดเ้ สยี ทขี่ ัดต่อการปฏิบตั หิ นา้ ท่ีตามพระราชบัญญตั ิธนาคารแหง่ ประเทศไทยฯ มาตรา 28/1 การกระทำ� ของรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงการคลงั จงึ มีมลู เป็นความผิดทางอาญา ฐานเปน็ เจา้ พนกั งาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเวน้ การปฏบิ ตั ิหน้าท่ีโดยทจุ รติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดส้ ่งรายงาน เอกสาร และความเหน็ ไปยังอยั การสงู สดุ และไดแ้ ตง่ ต้งั คณะท�ำงานร่วมระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด เพื่อด�ำเนินการรวบรวมพยาน หลักฐานให้สมบูรณ์เพ่ือฟ้องคดี แต่คณะท�ำงานฯ ไม่อาจหาข้อยุติเก่ียวกับการด�ำเนินการฟ้องคดีได้ ดังน้ัน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติให้แต่งต้ังพนักงานคดีด�ำเนินคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองแทนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าดว้ ยหลักเกณฑแ์ ละวิธีการในการมอบหมายใหพ้ นักงานไตส่ วนดำ� เนนิ คดใี นช้ันศาล พ.ศ. 2554 กลอ่ งขอ้ ความ 6 กรณีทุจริตในการจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์ บรรเทาสาธารณภัยของกรงุ เทพมหานคร คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดม้ ีมติชม้ี ลู ความผิดทางอาญา รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีช่วยวา่ การกระทรวงมหาดไทย รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงพาณิชย์ ผู้อ�ำนวยการสำ� นักปอ้ งกัน และบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร บรษิ ทั STEYR – DAIMLER – PUCH Spezialfahrzeug AG&CO KG และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กรณีกระท�ำความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา ในการจดั ซอื้ รถดบั เพลงิ และเรอื ดบั เพลงิ พรอ้ มอปุ กรณบ์ รรเทาสาธารณภยั ของกรงุ เทพมหานคร โดยไดส้ ง่ รายงาน และเอกสาร พรอ้ มทง้ั ความเหน็ ไปยงั อยั การสงู สดุ เพอื่ ดำ� เนนิ การ ฟอ้ งคดบี คุ คลดงั กลา่ วตอ่ ศาลฎกี าแผนกคดอี าญาของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง ตามพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 70 และต่อมา อัยการสูงสุดพิจารณามีความเห็นว่าส�ำนวนยังมีข้อไม่สมบูรณ์พอที่จะฟ้องคดี จึงได้มีการ ตง้ั คณะทำ� งานผแู้ ทนฝา่ ยคณะกรรมการ ป.ป.ช. และฝา่ ยอยั การสงู สดุ รว่ มกนั พจิ ารณาพยานหลกั ฐาน ท่ีไม่สมบูรณ์และรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ แต่ปรากฏว่าคณะท�ำงานร่วมผู้แทนฝ่าย คณะกรรมการ ป.ป.ช. และฝา่ ยอยั การสงู สดุ ไม่อาจหาขอ้ ยตุ เิ กย่ี วกบั การฟ้องคดดี งั กลา่ วได้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาขอ้ เทจ็ จริงแลว้ มีมติแตง่ ตัง้ คณะทนายความใหฟ้ ้องคดี ดังกล่าวแทนคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อด�ำเนินการยื่นค�ำฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมืองต่อไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook