Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 12 ฉบับที่ 2

วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 12 ฉบับที่ 2

Published by sakdinan.lata, 2021-09-14 03:55:18

Description: วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 12 ฉบับที่ 2

Search

Read the Text Version

42 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีท่ี 12 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) มกี ารพฒั นามากขนึ้ ตามลำ� ดบั ไมใ่ ชเ่ ปน็ เรอื่ งการเรยี กหรอื รบั สนิ บนอยา่ งเดยี ว หากแตถ่ กู บรหิ ารจดั การ โดยองค์การท่ีมีการจัดต้ังเป็นอย่างดี โดยกลุ่มคนท่ีมีอ�ำนาจทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจมีการ วางกลยทุ ธแ์ ละวางแผนอยา่ งเปน็ ขน้ั ตอนชดั เจน มกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และมกี ารรวมศนู ยข์ อ้ มลู ขา่ วสาร โครงการตา่ ง ๆ ของรฐั ไว้ในมอื มที ีมท่ีปรึกษาทีม่ ีความเชีย่ วชาญและประสบการณด์ ้านเทคนคิ สูง มกี าร บูรณาการกันอย่างพร้อมเพรียง กระบวนการด�ำเนินงานไม่ใช่เป็นเร่ืองของคนต่อคนหรือต่อกลุ่มอีกต่อไป หากแต่อยู่ในรูปเครือข่ายครอบคลุมถึงนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง และพ่อค้าหรือนักธุรกิจ ในเครอื ขา่ ยและบรวิ ารของตน อนั สะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ในสงั คมยคุ หลงั โดยเฉพาะในโครงการ ขนาดใหญข่ องรฐั ทมี่ เี มด็ เงนิ จำ� นวนมาก มกั มกี ารดำ� เนนิ งานอยา่ งเปน็ ระบบและเปน็ เครอื ขา่ ยกลมุ่ อทิ ธพิ ล อย่างชัดเจน จากน้ันได้น�ำเสนอผลการศกึ ษาวจิ ัยของผู้เขยี นท่พี บว่า รปู แบบและลกั ษณะความร่วมมอื ของ การทุจริตคอร์รัปชันอย่างเป็นระบบในภาคการศึกษามี 2 รูปแบบหลัก คือ (1) รูปแบบและลักษณะ ความรว่ มมอื ของการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั อยา่ งเปน็ ระบบทเี่ กดิ ขน้ึ ในสถานศกึ ษาโดยทวั่ ไป เชน่ การทจุ รติ จาก การจดั ซอื้ จดั จา้ ง การกอ่ สรา้ ง และการจดั ซอ้ื วสั ดแุ ละครภุ ณั ฑท์ างการศกึ ษา การทจุ รติ จากระบบการบรหิ าร งานบุคคลในลักษณะต่าง ๆ และการทุจริตจากการเบ่ียงเบนงบประมาณท่ีได้รับทั้งจากส่วนกลางและ เงนิ อดุ หนนุ ประเภทตา่ ง ๆ (2) รปู แบบทม่ี ลี กั ษณะเฉพาะของความรว่ มมอื การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั อยา่ งเปน็ ระบบของเครอื ขา่ ยกลมุ่ อิทธิพล ได้แก่ กรณีการทจุ รติ คอรร์ ปั ชันจากการบริหารสหกรณ์ออมทรพั ยค์ รู และการทุจริตจากการกอ่ สร้างสนามฟุตซอล และในตอนสดุ ทา้ ย ซ่ึงถอื ไดว้ า่ เป็นหัวใจสำ� คัญของบทความน้ี จะได้น�ำเสนอให้เห็นถึงมาตรการท่ีเหมาะสมเพื่อป้องกันความร่วมมือของเครือข่ายกลุ่มอิทธิพล ซ่ึงน�ำไปสู่ การทุจริตคอร์รัปชันอย่างเป็นระบบในภาคการศึกษา ที่ประกอบด้วยมาตรการต่าง ๆ คือ มาตรการ ปอ้ งกนั โดยการสรา้ งกลไกและสนบั สนนุ เครอื ขา่ ยภาคประชาสงั คม มาตรการปอ้ งกนั ดา้ นกฎหมายและ ระเบียบตา่ ง ๆ มาตรการดา้ นการกำ� หนดนโยบายทางการศกึ ษา มาตรการด้านการบรหิ ารงบประมาณ และระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง มาตรการด้านการบริหารงานบุคคล และข้อเสนอต่อส�ำนักงาน ป.ป.ช. เรอื่ งมาตรการปอ้ งกันการทจุ รติ คอร์รัปชนั ในภาคการศกึ ษาเปน็ กรณีเฉพาะ ซงึ่ มาตรการตา่ ง ๆ เหลา่ นี้ หากได้มีการน�ำไปปฏิบัติจริงจากหน่วยงานของรัฐท่ีมีอ�ำนาจหน้าที่ในด้านการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแล้ว ก็น่าที่จะท�ำให้การทุจริตคอร์รัปชันในภาคการศึกษาลดลงไปได้มาก อันจะเกิดผลดี ตอ่ ระบบการศกึ ษาของชาตแิ ละเกดิ ประโยชนต์ อ่ เยาวชนเป็นอย่างมาก 7.2 ขอ้ เสนอแนะ ควรใหค้ วามสำ� คญั กบั หวั ขอ้ การศกึ ษาวจิ ยั เรอ่ื ง “การสรา้ งเครอื ขา่ ยความรว่ มมอื ของภาคประชาสงั คม ในการต่อตา้ นการทจุ รติ คอรร์ ปั ชันอย่างเป็นระบบในภาคการศึกษา” ให้มากขนึ้ เนอื่ งจากผลการศึกษา พบการทุจริตในวงการศึกษาแทบทุกระดับ โดยที่หน่วยงานของรัฐซ่ึงมีอ�ำนาจหน้าท่ีในการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตไม่อาจด�ำเนินการได้ทั้งหมด และในอนาคตบทบาทการมีส่วนร่วมของ ภาคประชาชน หรอื ภาคประชาสงั คม ในการตรวจสอบภาครฐั ภาคการเมอื ง และภาคธรุ กจิ เอกชนทท่ี จุ รติ

มาตรการเพื่อปอ้ งกันการร่วมมือของเครือขา่ ยอิทธิพลในการทุจริต 43 อยา่ งเปน็ ระบบในเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษาท่ี 24, 25 และ 26 ประพฤตมิ ชิ อบจะมคี วามสำ� คญั มากยง่ิ ขนึ้ อนั สอดคลอ้ งกบั แนวคดิ ประชาธปิ ไตยในทางสากล และนบั เปน็ จดุ เปลยี่ นทส่ี ำ� คญั ของการมรี ะบบการตรวจสอบโดยภาคประชาสงั คม และเพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนญู ฉบับปี 2560 และการปฏิรูปดา้ นการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ ประพฤติมชิ อบ ในภาครฐั อยา่ งจรงิ จงั ดงั นน้ั จงึ ควรใหค้ วามสำ� คญั กบั การสนบั สนนุ ใหม้ กี ารวจิ ยั ในหวั ขอ้ นี้ ผลการศกึ ษา ในหวั ขอ้ นยี้ งั จะเปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งมากในการชชี้ อ่ งทาง และชว่ ยกระตนุ้ ใหป้ ระชาชนไดล้ กุ ขนึ้ มาจดั การ กบั ปญั หาการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ทเ่ี กดิ ขน้ึ ภายในสงั คมของเขาเอง เนอื่ งจากการแกไ้ ขปญั หาและการตอ่ ตา้ น การทุจริตคอร์รัปชันในสังคมสมัยใหม่ ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของรัฐ หรือของใครคนใดคนหนึ่งอีกต่อไปแล้ว หากแตเ่ ปน็ หนา้ ทขี่ องพลเมอื งไทยทมี่ จี ติ สำ� นกึ เพอื่ สว่ นรวมทกุ คนทจี่ ะตอ้ งรว่ มมอื กนั ขจดั ปญั หาเหลา่ น้ี ใหห้ มดไป เอกสารอ้างองิ กรรมการภาคประชาชน คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาต.ิ (2552). บทความ ในการประชมุ เรอ่ื ง “โลกการศกึ ษา: คอรร์ ปั ชนั ในวงการศกึ ษา เหลอื บทำ� ลายคณุ ภาพของสงั คม.” สบื คน้ เม่ือวนั ที่ 20 เมษายน 2560. จาก http://oknation.nationtv.tvblog/pacm/2009/03/21/entry- กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2560). สบื คน้ เมื่อวนั ท่ี 29 พฤษภาคม 2562, จาก http://www.moe.go.th ข่าวสด. (2561). ป.ป.ช. แจง้ ขอ้ กล่าวหา ‘วิรัช’ อดีต ส.ส. เพื่อไทย ‘ชินภัทร’ เลขาฯ สพฐ. ทจุ ริตสร้าง สนามฟตุ ซอลโคราช. สบื คน้ เมอ่ื วนั ที่ 13 มถิ นุ ายน 2562, จาก https://www.khaosod.co.th/ politics/news_ 711005 จรสั สวุ รรณมาลา. (2546). ธรรมาภบิ าลกบั คอรร์ ปั ชนั ในสงั คมไทย. กรงุ เทพมหานคร: รว่ มดว้ ยชว่ ยกนั . นพิ นธ์ พวั พงศกร และคณะ. (2542). การคา้ สง่ คา้ ปลกี ไทย: การเปล่ยี นแปลงในตลาดคา้ ปลีกของไทย. กรงุ เทพมหานคร: สถาบันวิจัยเพอ่ื การพัฒนาประเทศไทย. ประกอบ กุลเกล้ียง เจือจันทร์ จงสถิตอยู่ และสมบัติ นพรัก. (2550). “รูปแบบการบริหารจัดการ ความเสย่ี งเพอ่ื ปอ้ งกนั คอรร์ ปั ชนั ในสถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน”. วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร, 9(14). 7 - 21. ปรชี า อยุ ตระกลู , พมิ พพ์ จี บรรจงปร,ุ อารยี ์ ศรอี ำ� นวย, จริ ฐั พิ ร ไทยงเู หลอื ม และวรี ะ พลอยครบรุ .ี  (2560). “โครงการประชาสงั คมกบั การเสรมิ สรา้ งธรรมาภบิ าลทอ้ งถนิ่ เพอื่ พฒั นาระบบและกลไกในการ ป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน: กรณีศึกษาจังหวัดนครราชสีมา”. ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุน การวิจยั แห่งชาต.ิ เพม่ิ หลวงแกว้ . (2561). “กฎหมายค้มุ ครองจริยธรรมในกระบวนการบรหิ ารงานบคุ คลของขา้ ราชการครู.” วารสารวิชาการธรรมทศั น์, 18(3), 351 – 362.

44 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ่ี 12 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพ่ือเอาชนะยาเสพติด. (ม.ป.ป.). “กรอบแนวทางการด�ำเนินการปราบปราม ผ้มู อี ทิ ธิพล”. สบื ค้นเมื่อวนั ท่ี 15 พฤษภาคม 2562 จาก www.mahadthai.com/html/ittipon.htm เลิศพร อุดมพงษ์. (2558). “รัฐธรรมนูญจะน�ำชาติสสู่ ันติสุขได้อย่างไร”. จลุ สารรัฐธรรมนญู ฉบบั ปฏริ ปู เป็นอย่างไร, 1(8) (ปักษ์หลัง เมษายน), 18 - 30. สงั ศิต พริ ยิ ะรงั สรรค์. (2549). คอรร์ ปั ชันแบบเบด็ เสรจ็ . กรงุ เทพมหานคร: ส�ำนักพมิ พ์ร่วมดว้ ยช่วยกัน. 17. สายล่อฟ้า. (2559). “การคอรร์ ัปชันในวงราชการ”. ไทยรัฐ. วนั พฤหสั ท่ี 6 พฤศจกิ ายน. 6. ส�ำนกั ความสมั พันธ์ตา่ งประเทศ ส�ำนกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ. (2560). การศกึ ษาเปล่ียนแปลง ชีวิต. สืบค้นเม่ือวันที่ 4 พฤศจิกายน 2561, จาก https://www.bic.moe.go.th/index.php/ component/k2/itemlist/category/71-menu-sara อานนั ท์ ปันยารชนุ . (2555). สืบค้นเมอื่ วนั ที่ 16 ตุลาคม 2560 จาก httpp://www.facebook.com/ SeriThai.net13/12/55. อานนั ท์ ปนั ยารชนุ . (2555). สบื คน้ เมอื่ วนั ท่ี 16 พฤษภาคม 2562, จาก http://www.facebook.com/ serithai.net13/12/55 โอฬาร ถิน่ บางเตยี ว และนครินทร์ เมฆไตรรตั น.์ (2559). ผู้มีอทิ ธพิ ล. สบื คน้ วนั ท่ี 20 พฤษภาคม 2562 จาก http://wiki.kpi.ac.th/ Alba de D. (2017). “What is the difference between corruption and organized corruption”. สืบค้นเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2562, จาก https://www.quora.com/What-is-the- difference-between-corruption-and-organized-corruption Cheloukhine, S. & Haberfeld. M.R. (2011). Russian Organized Corruption Networks and their International Trajectories. Springer – Verlag: New York. pp. 12 – 13. Cynado Cyril N.O. Ezeogidi. (2013). “The Concept of Organized and Chaotic Corruption and the Impact on Nigeria Economy”.. Journal of Humanities And Social Science, 16(2), 73 - 77. Heinzpeter, Z. (2009). “Deep Corruption in Indonesia, Discourses, Practices, Histories”. In Anders, Gerhard and Nuijten, Monique. (eds.) Corruption and the Secret of Law: Law, Justice and Power. Burlington, VA: Ashgate. 53 - 74. Meier, B. (2004). “Corruption in the Education Sector: An Introduction”. Transparency International. July, 1 - 2. SiamEduNews. (2560). วาไรตกี้ ารศกึ ษา. สืบค้นเมือ่ วนั ที่ 25 พฤษภาคม 2562, จาก http://www. siamedunews.com

45 เศรษฐกิจนอกกฎหมายกบั การฟอกเงินในประเทศไทย Illegal Economy and Money Laundering in Thailand รตั พงษ์ สอนสภุ าพI Rattapong SonsuphapI บทคดั ยอ่ งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์สามประการ คือ ประการแรก เพ่ือศึกษารูปแบบโครงสร้างของ เศรษฐกจิ นอกกฎหมาย ไดแ้ ก่ ยาเสพตดิ การพนนั และคอรร์ ปั ชนั ในประเทศไทย ประการทส่ี อง เพอ่ื ศกึ ษา ความสัมพันธ์ระหว่างการฟอกเงินกับเศรษฐกิจนอกกฎหมายท้ังสามประเภทในประเทศไทย และ ประการท่ีสาม เพื่อเสนอแนะแนวทางในการแก้ปัญหาการฟอกเงินกับเศรษฐกิจนอกกฎหมาย ทัง้ สามประเภทในประเทศไทย โดยใชว้ ิธีวจิ ัยเชงิ คุณภาพดว้ ยการวจิ ยั เอกสารและการสัมภาษณเ์ ชงิ ลกึ จากผู้ใหข้ ้อมูลสำ� คญั ผลการศกึ ษาแบง่ ออกเป็นสองส่วน ดงั น้ี ประการแรก ตลาดเศรษฐกจิ นอกกฎหมายในไทยเป็นตลาดที่มขี นาดใหญเ่ พราะมีอปุ สงค์จาก ผเู้ ลน่ /ผซู้ อื้ และอปุ ทานจากผปู้ ระกอบการ/ผขู้ ายจำ� นวนมากเชน่ กนั ทง้ั ยงั เปน็ เครอื ขา่ ยภายในประเทศ และเชื่อมต่อกับพื้นท่ีชายแดนไทยกับประเทศเพ่ือนบ้าน โดยเฉพาะอย่างย่ิงตามพื้นที่แนวชายแดน สะทอ้ นบทบาทรัฐของแตล่ ะประเทศ ซึ่งมีระดบั การแทรกแซงตลาดเศรษฐกิจนอกกฎหมายทแ่ี ตกตา่ งกนั เช่น การพนนั ระหว่างรฐั บาลไทย กับรฐั บาลมาเลเซีย กัมพูชา เมียนมา และ สปป.ลาว โดยรัฐบาลไทย ถือวา่ กจิ กรรมเหล่านนั้ ผดิ กฎหมาย ส่วนประเทศเพ่อื นบา้ นอนื่ ๆ ถอื ว่าเปน็ กิจกรรมทถี่ กู กฎหมาย ดงั นน้ั เศรษฐกิจนอกกฎหมาย ทั้งยาเสพติด การพนัน และคอร์รัปชันในประเทศไทยมีความรุนแรงมาก มีรูปแบบและกระบวนการที่ซับซ้อน มีการฟอกเงินผ่านหลายช่องทาง อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ จะน�ำเงนิ ทีไ่ ดไ้ ปฟอกผา่ น สถาบันการเงนิ ธนาคาร และการบริการการเงินสมัยใหม่ รวมทั้งการน�ำไปฟอก ผา่ นการลงทนุ หรอื ซอ้ื กจิ การตา่ ง ๆ ทใี่ ชเ้ งนิ สดจำ� นวนมาก ๆ ขณะทใี่ นปี พ.ศ. 2543 – 2558 เศรษฐกจิ นอกกฎหมายทงั้ สามประเภท คือ ยาเสพติด การพนนั และการคอร์รปั ชัน มจี �ำนวนคดคี วามรวมกนั มากถึงร้อยละ 90 ของจ�ำนวนคดีฟอกเงินทั้งหมด ส่วนกฎหมายที่มีอยู่ก็ไม่สามารถจัดการและ ปราบปรามการฟอกเงิน หรอื ดำ� เนินการยดึ อายัดทรพั ยส์ นิ ไดเ้ ท่าท่ีควรจะเปน็ ประการทสี่ อง ความสมั พนั ธเ์ ชงิ โครงสรา้ งของเศรษฐกจิ นอกกฎหมาย เชน่ ยาเสพตดิ การพนนั และ คอร์รัปชันในประเทศไทยนั้น เกิดจากความไม่สมบูรณ์ของระบบเศรษฐกิจทางการและระดับ การแทรกแซงกลไกตลาดของรัฐด้วยมาตรการต่าง ๆ เป็นสาเหตุส�ำคัญ ท�ำให้โครงสร้างเศรษฐกิจ Ι ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์, รองคณบดฝี ่ายวิชาการ, วิทยาลัยนวัตกรรมสงั คม, มหาวิทยาลัยรังสิต Assistant Professor, Vice-Dean, College of Social Innovation, Rangsit University ได้รับบทความ 6 กันยายน 2562 แกไ้ ขปรบั ปรงุ 28 ตุลาคม 2562 อนมุ ัตใิ หต้ พี มิ พ์ 8 พฤศจิกายน 2562

46 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีท่ี 12 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) นอกกฎหมายดำ� รงอยไู่ ดผ้ า่ นกลไกตลาดดา้ นอปุ สงคจ์ ากความต้องการท่ีเพ่ิมข้ึนของประชาชน จึงส่งผล ต่ออุปทานของผู้ผลิตเป็นฐานค�้ำจุนให้ระบบ เน่ืองจากหน่วยงานภาครฐั ยงั ขาดการบรู ณาการความรว่ มมอื กนั อยา่ งจรงิ จงั จงึ สง่ ผลทำ� ใหก้ ระบวนการฟอกเงนิ จากเศรษฐกจิ นอกกฎหมายทงั้ สามประเภทยงั คงมจี ำ� นวนเงนิ มหาศาลทหี่ มนุ เวยี นไปมาในระบบเศรษฐกจิ ในแตล่ ะปี ขณะทคี่ วามสามารถในการควบคมุ จดั การยงั คง ท�ำไดอ้ ยา่ งจ�ำกัด ขอ้ เสนอแนะ ควรมกี ารบรู ณาการทำ� งานรว่ มกนั อยา่ งเปน็ ระบบในเชงิ รกุ ดา้ นขอ้ มลู สารสนเทศ และการยกระดับบงั คับใช้กฎหมายในกระบวนการยุตธิ รรม โดยเฉพาะในการดำ� เนินคดคี วาม จะต้อง มีความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพเพ่ิมมากข้ึน รวมท้ังควรมีการประเมินจ�ำนวนความผิดมูลฐานท่ี เพิ่มขึ้นน้ันเหมาะสมกับบริบทสังคมไทยหรอื ไม่ ในขณะทรี่ อ้ ยละ 90 ของจำ� นวนคดีฟอกเงินท้งั หมด มาจากคดยี าเสพตดิ การพนนั และการคอรร์ ปั ชนั ค�ำสำ� คญั : เศรษฐกิจนอกกฎหมาย ยาเสพติด การพนนั คอรร์ ัปชัน Abstract The aims of this research are, firstly, to study the structure of Thailand’s illegal economy, for instance, drugs, gambling, and corruption. Secondly, relationships between money laundering and the three types of illegal economy will be explored. Finally, this paper will propose ways to solve money laundering problems from all types of illegal economy. This qualitative study employs documentary research and in-depth interviews with key informants as a research method. The result of this research can be divided into two parts, namely:  First:  The illegal economy market in Thailand is large because there is demand from players or buyers, as well as supplies from many entrepreneurs or sellers. The illegal economic market in Thailand is a domestic network and connects to the border areas with neighboring countries. Particularly in the border area, it reflects the states’ role of each country with different levels of illegal market intervention, such as gambling between the Thai government and the government of Malaysia, Cambodia, Myanmar, and Lao PDR. Thai government considers those activities illegal (Illegal Economy), but they are legal for other neighboring countries. The illegal economy – drugs, gambling, and corruption – in Thailand are extreme with complex patterns and processes. For example, there are multiple channels for money laundering. Economic crime will launder illegal money through financial institutions, banks, and modern financial services, including the laundering through various investments or acquisitions with a large amount

เศรษฐกิจนอกกฎหมายกับการฟอกเงินในประเทศไทย 47 of cash. From 2000 to 2015, a total number of the three-illegal-economy cases are equal to 90% of a total number of money laundering cases.  As for the existing law, it is not possible to manage and suppress the money laundering or to seize the assets as much as it should be. Second: The structural relationship of the illegal economy in Thailand is caused by imperfections of the official economic system and the level of intervention, by various measures, in the state market. This is the major cause that allows the structure of the illegal economy to exist through market mechanisms in form of the increasing demand of people. Likewise, the supply of entrepreneurs, which is a supporting base of the illegal economy, is increasing accordingly. As government agencies lack serious integration, this results in the money laundering process from the three types of illegal economy. There is a tremendously large amount of money circulating in the economy each year while the ability to manage is still limited. Suggestion:  There should be a systematic collaboration, i.e., proactive information and amendment of law enforcement in the justice system, especially, the faster and more effective legal process. Moreover, there should be an assessment if the increasing number of predicate offenses is appropriate for Thai society, when 90% of all money laundering cases come from drugs, gambling, and corruption. Keywords: Illegal economy, Drugs, Gambling, Corruption 1. ความส�ำคัญและทม่ี าของปญั หา เศรษฐกิจนอกกฎหมายทั้ง 3 ประเภทในประเทศไทย ได้แก่ ยาเสพติด การพนัน และ การคอรร์ ปั ชัน มมี ลู คา่ สงู ในแตล่ ะปี ซงึ่ มีลักษณะส�ำคญั ดังนี้ ยาเสพตดิ สำ� นกั งานองคก์ ารสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยยาเสพตดิ และอาชญากรรม (United Nation of Drug and Crime: UNODC, 2017) ระบวุ า่ ในชว่ งหลายปที ผี่ า่ นมา มจี ำ� นวนประชากรทว่ั โลกที่ อายเุ กนิ 18 ปกี วา่ รอ้ ยละ 5 เคยใชย้ าเสพตดิ มากอ่ น ซง่ึ World Drug Report 2017 ยงั ระบวุ า่ ระหวา่ ง ปี พ.ศ. 2548 - 2558 อัตราการเสพของเพศหญิงมีเพิ่มสูงกว่าเพศชายร้อยละ 25 ต่อร้อยละ 19 โดยยาเสพตดิ ทน่ี ยิ มเสพกนั มาก ไดแ้ ก่ กญั ชา 183 ลา้ นคน ยาบา้ และสารกระตนุ้ ตา่ ง ๆ 37 ลา้ นคน ยาเสพตดิ ประเภทเฮโรอนี และอนื่ ๆ 35 ลา้ นคน ฝน่ิ 18 ลา้ นคน โคเคน 17 ลา้ นคน และยาเสพตดิ ประเภทอนื่ 22 ลา้ นคน (UNODC, 2017 p.9-13) สว่ นประเทศไทยในปี พ.ศ. 2557 มีจ�ำนวนผตู้ ดิ ยาเสพติดประมาณ 1.8 ลา้ นคน ในปี พ.ศ. 2558 มจี �ำนวนผูต้ ิดยาเสพตดิ ไมต่ ำ่� กวา่ 2 ล้านคน ถอื เปน็ ก�ำลงั ซ้อื ท่มี หาศาล และเป็นตลาดที่บังคับให้ผู้ซ้ือต้องซ้ือ ส่วนจ�ำนวนคดียาเสพติดที่เข้าสู่กระบวนศาล ในปี พ.ศ. 2557

48 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ี่ 12 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) มปี ระมาณ 3.6 แสนคดี ในปี พ.ศ. 2558 ไมต่ ำ�่ กวา่ 3.5 แสนคดี โดยกระทรวงยตุ ธิ รรมไดร้ บั งบประมาณ ในการดำ� เนินงานเกี่ยวกบั การป้องกันและปราบปรามยาเสพตดิ เฉล่ยี ปีละ 1.8 หมืน่ ล้านบาท คดิ เปน็ ร้อยละ 6.1 ของงบประมาณทั้งประเทศ (จรลั ภกั ดธี นากลุ , 3 มนี าคม 2558) การพนัน ถือเป็นส่ิงที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่พบว่ามีคนนิยมเล่นจ�ำนวนมาก จากการประมาณการของผวู้ จิ ยั เมอ่ื สน้ิ ปี พ.ศ. 2556 พบวา่ กจิ กรรมการพนนั ทไ่ี มถ่ กู กฎหมายทงั้ 5 ประเภท มีมลู ค่าเงินหมุนเวยี นอย่รู ะหวา่ ง 527,200 - 1,264,350 ล้านบาท บ่อนการพนันมเี งนิ หมุนเวียนต่อปี สูงกว่าการพนันประเภทอื่น กลา่ วคอื มมี ูลคา่ ระหว่าง 492,200 - 988,200 ลา้ นบาท ขณะที่หวยใตด้ ิน และการพนันฟุตบอลมวี งเงินหมนุ เวียนใกล้เคียงกนั คอื หวยใต้ดิน มลู คา่ ประมาณ 139,000 ลา้ นบาท พนันฟุตบอล มูลค่าประมาณ 136,800 ล้านบาท และหวยหุ้น มูลค่าประมาณ 5,500 ล้านบาท (สงั ศิต พิริยะรังสรรค์ และคณะ, 2557) การคอรร์ ปั ชนั งบประมาณรายจา่ ยประจำ� ปี พ.ศ. 2556 - 2557 วงเงนิ 2.4 - 2.5 ลา้ นลา้ นบาท ความเสย่ี งทเ่ี งนิ งบประมาณจะมโี อกาสรว่ั ไหลราวรอ้ ยละ 20-30 ของงบการลงทนุ ซง่ึ เปน็ วงเงนิ ขน้ั ตำ่� ราว 96,000 - 150,000 ลา้ นบาทตอ่ ปี หากรวมกบั เงนิ รวั่ ไหลโครงการพเิ ศษตา่ ง ๆ ของรฐั ซง่ึ มกั จะเปน็ โครงการ ประเภททไ่ี มผ่ า่ นระบบของกระบวนการงบประมาณ เชน่ โครงการรบั จำ� นำ� ขา้ ว วงเงนิ รวั่ ไหลเขา้ ขา่ ย คอรร์ ปั ชนั มมี ลู คา่ สงู ถงึ 80,000 - 102,000 ลา้ นบาทตอ่ ปี (นพิ นธ์ พวั พงศกร, 2557) ในขณะทฐ่ี านการคดิ ของสำ� นกั งานองคก์ ารสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยยาเสพตดิ และอาชญากรรม (UnitedNationsOfficeonDrugs andCrime:UNODC) ในปี 2013 ระบวุ า่ การจดั ซอ้ื จดั จา้ งภาครฐั เปน็ ความเสยี่ งทจ่ี ะนำ� ไปสกู่ ารคอรร์ ปั ชนั ไดม้ ากทสี่ ดุ โดยมสี ดั สว่ นเฉลยี่ ราวรอ้ ยละ 10 - 25 ของงบจดั ซอื้ จดั จา้ งภาครฐั ในแตล่ ะปี (UNODC, 2013) เงนิ จากเศรษฐกจิ นอกกฎหมายจะถกู นำ� มาฟอกผา่ นกระบวนและวธิ ตี า่ ง ๆ ขน้ึ อยกู่ บั บรบิ ทของ แตล่ ะประเทศซงึ่ ปญั หาการฟอกเงนิ ไมไ่ ดเ้ ปน็ ปญั หาของประเทศใดประเทศหนง่ึ แตเ่ ปน็ ปญั หาของทกุ ประเทศ ในโลก การปอ้ งกนั และตอ่ ตา้ นการฟอกเงนิ ไดส้ ง่ ผลทำ� ใหต้ น้ ทนุ ในการบรหิ ารจดั การของสถาบนั การเงนิ สงู ขนึ้ ดว้ ย เพราะตอ้ งลงทนุ ซอื้ เทคโนโลยที ที่ นั สมยั และการจา้ งผเู้ ชยี่ วชาญมาวเิ คราะหต์ รวจตราธรุ กรรม ทางการเงนิ ซงึ่ ปจั จบุ นั การประกอบอาชญากรรมทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การฟอกเงนิ และการสนบั สนนุ ทางการเงนิ แก่ การกอ่ การรา้ ยมรี ปู แบบทส่ี ลบั ซบั ซอ้ นมากขนึ้ อนั เนอื่ งมาจากความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี สง่ ผลใหก้ ารปอ้ งกนั และปราบปรามอาชญากรรมดงั กลา่ วมคี วามยากลำ� บากยงิ่ ขน้ึ นอกจากน้ี กระแสโลกาภวิ ตั นท์ ำ� ใหเ้ ครอื ขา่ ย ของเหลา่ อาชญากรหรอื องคก์ รอาชญากรรมมลี กั ษณะเปน็ อาชญากรรมขา้ มชาตโิ ดยอาศยั เทคโนโลยที ี่ ทนั สมยั และประเภทของธรุ กจิ และบรกิ ารทมี่ ลี กั ษณะการดำ� เนนิ การแบบไรพ้ รมแดน สง่ ผลใหเ้ งนิ ทไี่ ดจ้ าก การกระทำ� ความผดิ ดงั กลา่ ว ซง่ึ เปน็ เงนิ ทนุ ทไ่ี มไ่ ดก้ อ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นทางเศรษฐกจิ อยา่ งแทจ้ รงิ ยงั คงหมนุ เวยี น อยใู่ นระบบเศรษฐกจิ ซงึ่ ประเดน็ นเี้ ปน็ ปญั หาสำ� คญั ในระดบั ระหวา่ งประเทศเหน็ ไดจ้ ากการทปี่ ระเทศสมาชกิ กลุ่ม G-20 ให้ความส�ำคัญกับการด�ำเนินมาตรการป้องกันภาคการเงินไม่ให้ถูกใช้เป็นช่องทางในการ

เศรษฐกจิ นอกกฎหมายกับการฟอกเงินในประเทศไทย 49 กระทำ� ความผดิ ซงึ่ เปน็ วาระในเวทโี ลกทเ่ี รยี กรอ้ งใหป้ ระเทศตา่ งๆใหค้ วามสำ� คญั กบั การปฏบิ ตั ติ ามมาตรฐาน สากลดา้ นการปอ้ งกนั ปราบปรามการฟอกเงนิ และการตอ่ ตา้ นการสนบั สนนุ ทางการเงนิ แกก่ ารกอ่ การรา้ ย (Anti – Money Laundering and Combating the Financing of Terrorism: AML/CFT) ของคณะทำ� งาน เฉพาะกจิ เพอ่ื ดำ� เนนิ มาตรการทางการเงนิ (Financial Action Task Force: FATF) หากประเทศใด ไมม่ มี าตรการอยา่ งเพยี งพอกจ็ ะถกู จดั เปน็ ประเทศทมี่ คี วามเสยี่ งในเรอื่ งการฟอกเงนิ และการกอ่ การรา้ ย ซง่ึ ยอ่ มสง่ ผลกระทบตอ่ การดำ� เนนิ ธรุ กจิ ของประเทศกบั ประเทศคคู่ า้ อยา่ งหลกี เลยี่ งไมไ่ ด้ (รายงานประจำ� ปี สำ� นกั งานปอ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ 2552: 6) องคก์ ารสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยยาเสพตดิ และอาชญากรรม(UNODC)ไดป้ ระมาณการจำ� นวนเงนิ ทฟ่ี อก ทวั่ โลกในปี พ.ศ. 2557 มปี ระมาณรอ้ ยละ 2 - 5 ของผลติ ภณั ฑม์ วลรวมของโลก (Gross Domestic Product: GDP) หรอื ประมาณ 800,000 - 2,200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินที่ถูกฟอกในปี พ.ศ. 2555 ประมาณ 1,562,801 ลา้ นดอลลารส์ หรฐั หากจำ� แนกเปน็ รายประเทศ พบวา่ สหรฐั อเมรกิ าเปน็ ประเทศ ทมี่ กี ารฟอกเงนิ มากเปน็ อนั ดบั หนง่ึ ของโลก โดยเปน็ ตน้ ทางการฟอกแลว้ สง่ ตอ่ ไปยงั ปลายทางทง้ั ภายใน ประเทศสหรฐั อเมรกิ าและประเทศปลายทางอน่ื ๆอกี หลายประเทศไดแ้ ก่หมเู่ กาะเคยแ์ มน แคนาดาบาฮามาส เบอรม์ วิ ดา และลกั แซมเบริ ก์ มลู คา่ รวมกนั ทงั้ สน้ิ 848,570 ลา้ นดอลลารส์ หรฐั (รอ้ ยละ 29.8 ของโลก) อนั ดบั สอง คอื อติ าลี ปลายทางสง่ ไปทอี่ ติ าลแี ละสำ� นกั วาตกิ นั มลู คา่ รวมทงั้ สนิ้ 149,890 ลา้ นดอลลารส์ หรฐั (รอ้ ยละ 5.2 ของโลก) อันดบั ตอ่ มา ได้แก่ รัสเซีย มมี ูลคา่ 118,927 ลา้ นดอลลารส์ หรัฐ (รอ้ ยละ 4.2 ของโลก) จีน มีมลู คา่ 94,834 ลา้ นดอลลาร์สหรัฐ (รอ้ ยละ 3.3 ของโลก) โรมาเนยี มมี ูลคา่ 87,845 ลา้ นดอลลารส์ หรฐั (รอ้ ยละ 3.1 ของโลก) เยอรมนี ปลายทางสง่ ไปทเี่ ยอรมนแี ละลกั แซมเบริ ก์ ดว้ ยมลู คา่ รวมทงั้ สนิ้ 66,006 ลา้ นดอลลารส์ หรฐั (รอ้ ยละ 2.4 ของโลก) ฝรง่ั เศส มมี ลู คา่ 57,883 ลา้ นดอลลารส์ หรฐั (ร้อยละ 2.0 ของโลก) ฮอ่ งกง ปลายทางส่งไปทฮี่ ่องกงและไตห้ วนั มลู คา่ รวมทง้ั สนิ้ 42,430 ลา้ นดอลลาร์ สหรฐั (รอ้ ยละ 1.5 ของโลก) สเปน มมี ลู คา่ 28,819 ลา้ นดอลลารส์ หรฐั (รอ้ ยละ 1.0 ของโลก) ไทย มมี ลู คา่ 24,953 ลา้ นดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 0.9 ของโลก) แคนาดา มีมูลค่า 21,747 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 0.8 ของโลก) และสหราชอาณาจักร มีมูลค่า 20,897 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 0.7 ของโลก) ตามลำ� ดบั (UNODC, 2017) จากขอ้ มลู ขา้ งตน้ พบวา่ รปู แบบทห่ี นง่ึ แหลง่ ตน้ ทางในการฟอกเงนิ จากประเทศหนงึ่ อาจสง่ ไปยงั ปลายทางหลายประเทศ เชน่ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า อติ าลี เยอรมนี และฮอ่ งกง โดยกลมุ่ นมี้ มี ลู คา่ รวมกนั ท้ังส้ิน 1,106,896 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 70.8 ของโลก ส่วนรูปแบบที่สอง แหล่งต้นทาง ในการฟอกเงนิ กบั ปลายทางประเทศเดยี วกนั เชน่ รสั เซยี จนี โรมาเนยี ฝรงั่ เศส สเปน ไทย แคนาดา และ สหราชอาณาจกั ร โดยกลุ่มนมี้ มี ูลค่ารวมกนั ท้งั สนิ้ 455,905 ลา้ นดอลลารส์ หรัฐ หรือร้อยละ 29.2 ของโลก (UNODC, 2013) ดังตารางที่ 1

50 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีท่ี 12 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) ตารางที่ 1: การฟอกเงิน 20 อนั ดบั แรกของโลกในปี 2012 Rank Origin Destination Amount ($USmill/yr) % of Total 1 United States United States 528,091 18.50% 2 United States Cayman Islands 129,755 4.60% 3 Russia Russia 118,927 4.20% 4 Italy Italy 94,834 3.30% 5 China China 94,579 3.30% 6 Romania Romania 87,845 3.10% 7 United States Canada 63,087 2.20% 2.20% 8 United States Bahamas 61,378 2.00% 1.90% 9 France France 57,883 1.70% 10 Italy Vatican City 55,056 1.60% 11 Germany Germany 47,202 1.00% 12 United States Bermuda 46,745 0.90% 13 Spain Spain 28,819 0.80% 14 Thailand Thailand 24,953 0.80% 15 Hong Kong Hong Kong 23,634 0.70% 16 Canada Canada 21,747 0.70% 17 United Kingdom United Kingdom 20,897 0.70% 18 United States Luxembourg 19,514 0.70% 19 Germany Luxembourg 18,804 20 Hong Kong Hong Kong 18,796 ทีม่ า: United Nations Office on Drugs and Crime (UNODC), 2013. จากข้อมูลดังกล่าวนี้ ท�ำให้ผู้วิจัยจึงสนใจเพื่อท�ำการศึกษาเศรษฐกิจนอกกฎหมายท้ังสามประเภท ได้แก่ การพนัน ยาเสพติด และคอรร์ ัปชนั มคี วามสมั พนั ธ์กับการฟอกเงนิ อยา่ งไร และมีวิธกี ารฟอกเงิน อยา่ งไร 2. คำ� ถามวิจัย เศรษฐกจิ นอกกฎหมายท้งั สามประเภท ไดแ้ ก่ ยาเสพติด การพนัน และคอรร์ ัปชนั มคี วามสัมพันธ์ กับการฟอกเงินอย่างไร มีรูปแบบวิธีการแบบไหน อย่างไร

เศรษฐกจิ นอกกฎหมายกบั การฟอกเงนิ ในประเทศไทย 51 3. วัตถุประสงค์การวิจยั 3.1 เพอื่ ศึกษารปู แบบโครงสร้างของเศรษฐกจิ นอกกฎหมายทงั้ สามประเภท ไดแ้ ก่ ยาเสพตดิ การพนัน และคอรร์ ัปชันในประเทศไทย 3.2 เพ่ือศึกษาความสัมพันธ์รูปแบบโครงสร้างของเศรษฐกิจนอกกฎหมายท้ังสามประเภท ได้แก่ ยาเสพติด การพนนั และคอรร์ ัปชันในประเทศไทย 3.3 เพ่ือเสนอแนวทางในการแก้ปัญหาการฟอกเงินจากกิจการผิดกฎหมายท้ังสามประเภท ได้แก่ การพนนั ยาเสพติด และคอร์รัปชันในประเทศไทย 4. ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ บั 4.1 ผลการศกึ ษาทำ� ใหเ้ ขา้ ใจถงึ รปู แบบโครงสรา้ งของเศรษฐกจิ นอกกฎหมายทงั้ สามประเภท ไดแ้ ก่ ยาเสพตดิ การพนนั และคอร์รัปชันในประเทศไทย รูปแบบการฟอกเงินจากกิจกรรมเศรษฐกิจ นอกกฎหมายทัง้ สามประเภท ไดแ้ ก่ ยาเสพติด การพนนั และคอรร์ ปั ชันในประเทศไทย 4.2 ผลการศกึ ษาทำ� ใหร้ แู้ ละเขา้ ใจถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการฟอกเงนิ กบั เศรษฐกจิ นอกกฎหมาย ทง้ั สามประเภท ได้แก่ ยาเสพตดิ การพนนั และคอร์รปั ชันในประเทศไทย 4.3 ผลการศกึ ษาสามารถนำ� ไปเปน็ แนวทางในการแกป้ ญั หาการฟอกเงนิ จากกจิ การผดิ กฎหมาย ทง้ั สามประเภท ได้แก่ ยาเสพติด การพนนั และคอร์รปั ชันในประเทศไทย 5. การนยิ ามศัพท์ เศรษฐกจิ นอกกฎหมาย หมายถงึ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ทไี่ มไ่ ดถ้ กู บนั ทกึ ไวใ้ นบญั ชรี ายไดป้ ระชาชาติ และยงั เปน็ กจิ กรรมทไี่ มม่ กี ารเสยี ภาษี และกฎหมายไมใ่ หก้ ารรบั รอง ตามความหมายของ Harding and Jenkins (1989 part 5), Thomas (1992: part 6 - 8), Schneider and Enste (2002, 2010, 2013: 16 - 30) และผาสุก พงษไ์ พจิตร สงั ศิต พิรยิ ะรังสรรค์ และนวลน้อย ตรีรตั น์ (2543: 2 - 17) การฟอกเงนิ หมายถงึ การเปลยี่ นแปลงเงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ทไี่ ดม้ าจากากรกระทำ� ความผดิ มลู ฐาน ใหก้ ลายเปน็ เงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ทดี่ เู สมอื นหนงึ่ วา่ ไดม้ าโดยชอบดว้ ยกฎหมาย หรอื พสิ จู นไ์ มไ่ ดว้ า่ ไดม้ าโดยมชิ อบ ซงึ่ สามารถทำ� ไดห้ ลายวธิ ี เช่น การน�ำเงนิ ออกไปนอกประเทศ การฝากเงนิ กับสถาบนั การเงนิ การต้ังบรษิ ัท หรอื กจิ การขน้ึ บงั หนา้ การซอ้ื ขายทดี่ นิ การแลกเปลย่ี นเงนิ ตราสกลุ อนื่ การใหผ้ อู้ นื่ ถอื เงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ไวแ้ ทน ฯลฯ ตามมาตรา 3 แหง่ พระราชบญั ญตั ิป้องกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. 2542 และ ฉบับที่ 5 แก้ไขเพ่ิมเตมิ พ.ศ. 2558 ยาเสพติด หมายถงึ สารใดกต็ ามท่ีเกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือสารที่สังเคราะหข์ ้ึน เมอื่ น�ำเข้าสู่ ร่างกายไมว่ า่ จะโดยวิธีรบั ประทาน ดม สูบ ฉีด หรอื ด้วยวธิ กี ารใด ๆ แล้ว ท�ำใหเ้ กิดผลต่อรา่ งกายและ จติ ใจ นอกจากน้ี ยงั จะทำ� ใหเ้ กดิ การเสพตดิ ได้ หากใชส้ ารนนั้ เปน็ ประจำ� ทกุ วนั หรอื วนั ละหลาย ๆ ครงั้ ตามความหมายในพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522

52 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2562) การพนนั หมายถงึ การเลน่ ชนดิ หนง่ึ เพอื่ เอาเงนิ หรอื สง่ิ อนื่ ใดดว้ ยการเสยี่ งโชค โดยการทำ� นาย หรอื คาดเดาผลทเ่ี กดิ ขน้ึ ในอนาคต การพนนั อาจแบง่ ไดห้ ลายอยา่ ง เชน่ การพนนั ในการแขง่ ขนั ตวั อยา่ ง เช่น เกมไพ่ เกมลูกเต๋า การพนันโดยการท�ำนายผลที่คาดว่าเกิดข้ึนในอนาคต เช่น การแทงบอล การแทงม้า และการพนันท่ีไม่มีการแข่งขัน โดยขึ้นกับความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ที่เกิด เช่น หวย ตามความหมายในพระราชบัญญตั กิ ารพนนั พ.ศ. 2478 และฉบับแกไ้ ขเพ่ิมเติม การคอรร์ ปั ชนั หมายถงึ การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั อิ ยา่ งใดในตำ� แหนง่ หรอื หนา้ ที่ หรอื ปฏบิ ตั ิ หรอื ละเวน้ การปฏบิ ตั อิ ยา่ งใดในพฤตกิ ารณท์ อี่ าจทำ� ใหผ้ อู้ น่ื เชอื่ วา่ มตี ำ� แหนง่ หนา้ ท่ี ทง้ั ทต่ี นมไิ ดม้ ตี ำ� แหนง่ หรอื หนา้ ทน่ี น้ั หรอื ใชอ้ ำ� นาจในตำ� แหนง่ หรอื หนา้ ที่ ทง้ั นี้ เพอ่ื แสวงหาประโยชนท์ ม่ี คิ วรไดโ้ ดยชอบสำ� หรบั ตนเอง หรือผู้อื่นตามความหมายท่ีปรากฏอยู่ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 4 6. กรอบแนวคดิ การวจิ ยั กรอบแนวคดิ การวจิ ยั ผวู้ จิ ยั จะเลอื กตามนยิ ามของ McDonald, R.J. (1984) ตามความหมายกวา้ ง ระดบั ทส่ี อง ซง่ึ ครอบคลมุ เศรษฐกจิ นอกกฎหมาย ไดแ้ ก่ การคา้ ยาเสพตดิ การลักลอบค้าสินค้าหนีภาษี บ่อนการพนันเถ่ือน และธุรกิจโสเภณีผิดกฎหมาย เป็นต้น รวมถึงนิยามตามแนวคิดของ Thomas (1992) ท่ีได้จ�ำแนกกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย (Criminal Sector) ไวช้ ดั เจนมากขนึ้ ไดแ้ ก่ การคา้ ยาเสพตดิ การคา้ ของเถอื่ น การคา้ สตั ว์ พชื พนั ธส์ุ งวน การลกั ลอบตดั ไม้ การพนนั โสเภณี และการคา้ มนษุ ย์ เช่นเดยี วกบั แนวคดิ ของ Lippert and Walker (1997) ไดพ้ ยายามจดั ประเภทเศรษฐกจิ นอกกฎหมายตามลกั ษณะ การใช้จา่ ย ไดแ้ ก่ ธุรกิจทตี่ อ้ งใช้เงนิ สดด�ำเนินการ (Monetary Transactions) เชน่ ผลิตและค้ายาเสพตดิ การพนนั การคอรร์ ปั ชนั คา้ ประเวณี คา้ ของเถอ่ื น และฉอ้ โกง ตลอดจนแนวคดิ ของ สงั ศติ พริ ยิ ะรงั สรรค์ (2548) ทไ่ี ดจ้ ำ� แนกประเภทของเศรษฐกจิ นอกกฎหมายตามบทบาทและหนา้ ทใ่ี นสงั คม กลา่ วคอื เศรษฐกจิ นอกระบบสดี ำ� เชน่ การคา้ ยาเสพตดิ การคอรร์ ปั ชนั และเศรษฐกจิ นอกระบบสเี ทา เชน่ ธรุ กจิ อาบอบนวด หวยใตด้ นิ ฯลฯ จากการทบทวนงานวจิ ัยทกี่ ล่าวมาน้ัน การศกึ ษาส่วนใหญ่จะนิยามความหมายเปน็ เศรษฐกจิ นอกกฎหมาย เพราะมคี วามยดื หยนุ่ ในประเดน็ ทก่ี ารศกึ ษามากกวา่ รวมทง้ั ลกั ษณะพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา (Area Study) จะคาบเกยี่ วกนั ระหวา่ งเศรษฐกจิ ใตด้ นิ (Underground Economy) และเศรษฐกจิ นอกกฎหมาย (Illegal Economy) ดงั นน้ั ผวู้ จิ ยั จะใชก้ ารนยิ ามของ McDonald, R.J. (1984) และสงั ศติ พริ ยิ ะรงั สรรค์ (2548) ทไี่ ดจ้ ำ� แนกประเภทของเศรษฐกจิ นอกกฎหมายตามบทบาทและหนา้ ทใ่ี นสงั คม ซงึ่ จะเกย่ี วขอ้ ง สมั พนั ธก์ นั ทงั้ ในมติ ทิ างเศรษฐกจิ และมติ ทิ างกฎหมาย จงึ หมายถงึ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ทไ่ี มไ่ ดถ้ กู บนั ทกึ ไวใ้ นบญั ชรี ายไดป้ ระชาชาติ เปน็ กจิ กรรมทไี่ มม่ กี ารเสยี ภาษแี ละกฎหมายไมใ่ หก้ ารรบั รอง สว่ นการประมาณการนนั้ ผวู้ จิ ยั จะใชว้ ธิ กี ารประมาณโดยทางตรงจากการสมั ภาษณเ์ ชงิ ลกึ จากผทู้ เี่ กย่ี วขอ้ งและผทู้ ม่ี ปี ระสบการณ์ โดยตรงจากกจิ กรรมทง้ั 3 ประเภทนน้ั

เศรษฐกิจนอกกฎหมายกบั การฟอกเงนิ ในประเทศไทย 53 สำ� หรบั เหตผุ ลทผี่ วู้ จิ ยั นำ� แนวคดิ เศรษฐกจิ นอกกฎหมายมาใชเ้ ปน็ กรอบในการศกึ ษามเี หตผุ ลอยา่ งนอ้ ย สามประการ คอื ประการแรก การคา้ ยาเสพตดิ การพนนั และการคอรร์ ปั ชนั ในประเทศไทยถอื เปน็ ธรุ กจิ ผดิ กฎหมาย (Illegal Economy) ซงึ่ การศกึ ษานจี้ ะเปน็ การตอ่ ยอดทางแนวคดิ ทฤษฎเี ศรษฐกจิ นอกกฎหมายของ McDonald, R.J. (1984) และสงั ศติ พริ ยิ ะรงั สรรค์ (2548) โดยผวู้ จิ ยั จะนำ� เอา ปรากฏการณท์ เ่ี ปน็ รปู ธรรมเกยี่ วกบั การคา้ ยาเสพตดิ การพนนั และการคอรร์ ปั ชนั ในประเทศไทยมาอธบิ าย ผา่ นกรอบแนวคดิ ดงั กลา่ ว ประการทสี่ อง เปน็ การสงั เคราะหแ์ นวคดิ ทฤษฎรี ว่ มกนั ระหวา่ งแนวคดิ เศรษฐกจิ นอกกฎหมายกับการฟอกเงินในบริบทประเทศไทยว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร และประการท่ีสาม การคงอยขู่ องเศรษฐกจิ นอกกฎหมาย ประเภทยาเสพตดิ การพนนั และการคอรร์ ปั ชนั ในประเทศไทย ในกรอบของแนวคดิ นสี้ มั พนั ธก์ บั โครงสรา้ งสถาบนั กระบวนการ และการใชอ้ ำ� นาจรฐั อยา่ งไร ซงึ่ เปน็ ปจั จยั คำ�้ จนุ ใหเ้ ศรษฐกจิ นอกกฎหมายประเภทดงั กลา่ วในประเทศไทยดำ� รงอยไู่ ด้ ดังน้ัน การศึกษาของผู้วิจัยมุ่งเน้นศึกษาเฉพาะเศรษฐกิจนอกกฎหมาย (Illegal Economy) เทา่ นนั้ เพอื่ ตอ่ ยอดและสรา้ งองคค์ วามรใู้ นบรบิ ทประเทศไทยผา่ นกจิ กรรม 3 ประเภท คอื ยาเสพตดิ การพนนั และการคอรร์ ปั ชนั เพราะกจิ กรรมทงั้ 3 ประเภทจะมผี ลกระทบตอ่ โครงสรา้ งทางเศรษฐกจิ การเมอื ง และสงั คมมากกวา่ เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั เศรษฐกจิ นอกระบบประเภทอน่ื ๆ 7. ผลการวจิ ยั 7.1 รปู แบบโครงสร้างของเศรษฐกจิ นอกกฎหมายทงั้ สามประเภท 7.1.1 ยาเสพติด ยาเสพติดเป็นส่ิงท่ีคู่กับมนุษยชาติมาตลอดประวัติศาสตร์ เช่น แอลกอฮอล์ หรือยาสูบ เปน็ ทย่ี อมรบั กนั อยา่ งถกู ตอ้ งตามกฎหมายในหลาย ๆ ภมู ภิ าคของโลก สว่ นยาเสพตดิ บางประเภทกเ็ ปน็ ที่ยอมรับและส่ังจ่ายเป็นยารักษาโรค ขณะท่ียาเสพติดผิดกฎหมายเป็นอันตรายต่อผู้เสพสูงกว่ามาก และต้องพึ่งพาตลาดอาชญากรรม ซ่ึงผลประโยชน์ของพวกอาชญากร คือ การท�ำให้ผู้เสพต้องพึ่งพา ยาเสพตดิ และท�ำกำ� ไรใหไ้ ด้สงู สุดจากผู้เสพ ผู้ใช้ สำ� หรับประเทศไทย กรุงเทพฯ และปริมณฑลเปน็ ศนู ย์กลางขององคก์ รอาชญากรรมยาเสพตดิ (Drug Organize Crime) อาชญากรยาเสพตดิ มสี ถานะทางสงั คมแฝงตวั อยใู่ นวงการตา่ ง ๆ จนมชี อ่ื เสยี ง และพยายามสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับเจ้าหน้าท่ีรัฐผ่านกิจกรรมต่าง ๆ องค์กรเหล่านี้จะมีให้ การสนับสนุนท้ังในรูปตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงินในกิจกรรมต่าง ๆ จนเกิดความใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้าหน้าท่ีรัฐ ระดับสูง ท�ำให้องค์กรอาชญากรรมยาเสพติดจึงสามารถขยายเครือข่ายขนาดใหญ่แฝงตัวอยู่ใน กลมุ่ คนในแวดวงต่าง ๆ ทำ� ให้เจา้ หน้าท่รี ฐั เข้าจับกุมและปราบปราบได้คอ่ นข้างย่งุ ยาก สว่ นเครือขา่ ย ชาวต่างประเทศท่ีเป็นผู้ค้าและผู้เสพมีแนวโน้มเพ่ิมข้ึนทุกปี อันเนื่องมาจากความเช่ือมโยงของ โลกาภิวัตน์ ท�ำให้ประชากรทั่วโลกสามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้โดยสะดวก อีกท้ังรัฐบาลหลาย

54 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีที่ 12 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2562) ประเทศมนี โยบายหารายไดจ้ ากภาคการทอ่ งเทย่ี ว ทำ� ใหข้ บวนการคา้ ยาเสพตดิ ขา้ มชาตจิ ะมองชอ่ งทาง เพอื่ ขยายการค้ายาเสพติด โดยเฉพาะในประเทศทีม่ ลี ักษณะเป็นศนู ย์กลางทางเศรษฐกิจและการเดนิ ทาง ในภูมิภาคและเป็นพื้นท่ีมีความเส่ียงน้อยท่ีสุด ซ่ึงเง่ือนไขดังกล่าวน้ี จึงท�ำให้ประเทศไทยกลายเป็น ศนู ยก์ ลางของเหลา่ อาชญากรขา้ มชาติ รวมทงั้ นกั คา้ ยาเสพตดิ ขา้ มชาตอิ กี ดว้ ย ซงึ่ ปญั หายาเสพตดิ เตบิ โต เพราะติดแล้วเลิกไม่ได้ ก็ต้องน�ำเงนิ ไปซ้อื เมือ่ อุปสงค์ (Demand) โต ท�ำใหอ้ ุปทาน (Supply) กโ็ ตไปด้วย ซ่ึงในแต่ละปีจะมีประชากรหลายร้อยล้านคนทั่วโลกที่ใช้ยาเสพติดผิดกฎหมาย มีคนจ�ำนวนมาก ใชย้ าเสพตดิ เพ่ือความสนกุ สนาน บางคนใชเ้ พอ่ื บรรเทาอาการเจ็บปวด ขณะที่คนอนื่ ๆ ใช้เพอื่ เหตุผล ทางจารีตประเพณี วัฒนธรรม และศาสนา ถึงแม้เปน็ ความจริงวา่ การใช้ยาเสพตดิ น้ันแพร่หลาย ทำ� ให้ รฐั บาลตา่ ง ๆ ทวั่ โลกหนั มาทำ� ใหผ้ เู้ สพยาเสพตดิ และ/หรอื ผมู้ ยี าเสพตดิ ไวใ้ นครอบครองเปน็ อาชญากร นโยบายดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่การผลิตและการจ�ำหน่ายยาเสพติด ด้วยความเช่ือท่ีว่าตลาดยาเสพติด และการเสพยาเสพติดจะสามารถถูกก�ำจัดให้หมดไปได้ในโลกใบนี้ รูปแบบการฟอกเงินจากการค้ายาเสพติด จะน�ำเงินท่ีได้จากการค้ายาเสพติดไปเข้าสู่ กระบวนการฟอกเงนิ ใหก้ ลายเปน็ เงนิ สะอาด ผ่านสถาบันการเงนิ และธนาคารตา่ ง ๆ รวมทง้ั การฟอก ผ่านกิจกรรมทางเศรษฐกจิ ต่าง ๆ เช่น นำ� เงนิ ไปซอื้ กจิ การทมี่ ผี ลขาดทนุ แตธ่ รุ กจิ มรี ายรบั เปน็ เงนิ สด เชน่ โรงแรม กจิ การแลกเปลย่ี นเงนิ ตราตา่ งประเทศ ภตั ตาคาร รา้ นคา้ ปลกี อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจน�ำเข้า ส่งออก รา้ นทอง และธรุ กิจรถมอื สอง ตลอดจนการโอนเงนิ ในระบบออนไลนท์ มี่ กี ารควบคมุ นอ้ ยกวา่ การโอน เงนิ สด โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในปจั จบุ นั ทมี่ สี กลุ เงนิ เสมอื นจรงิ (Cryptocurrency) เชน่ Bitcoin เปน็ ตน้ มูลคา่ การฟอกเงนิ จากยาเสพติดในช่วงปี พ.ศ. 2543 - 2554 ศาลมีค�ำส่ังให้ทรัพย์สินตกเปน็ ของแผน่ ดนิ 560 คดี เปน็ เงนิ รวมทัง้ สนิ้ 2,493.6 ลา้ นบาท ของความผดิ ทกุ มลู ฐาน ในขณะที่ความผดิ เก่ียวกับยาเสพตดิ มมี ากถงึ 519 คดี หรอื รอ้ ยละ 92.3 ของจำ� นวนคดีทศ่ี าลมีคำ� สง่ั ให้ทรัพย์สนิ ตกเป็น ของแผ่นดนิ เปน็ เงิน 1,965.6 ล้านบาท หรอื ร้อยละ 78.8 ของจ�ำนวนเงินท้ังหมด ในขณะทป่ี ี พ.ศ. 2558 คดยี าเสพตดิ ยงั คงมมี ากทส่ี ดุ จำ� นวน 277 คดี คดิ เปน็ รอ้ ยละ 51.0 ของจำ� นวนคดที งั้ หมด แตศ่ าลมคี ำ� สง่ั ให้ ยดึ ทรพั ยส์ นิ ตกเปน็ ของแผน่ ดนิ รวมทกุ มลู ฐานเปน็ เงนิ เพยี ง 153 ลา้ นบาท หรอื รอ้ ยละ 4.3 ของความผิด ทกุ มลู ฐานทเ่ี ขา้ สกู่ ระบวนการตามกฎหมาย ปปง. เทา่ นนั้ แสดงใหเ้ หน็ ความสามารถในการปอ้ งกนั และ ปราบปรามยาเสพติดของภาครัฐและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องของประเทศไทยได้เป็นอย่างดีว่า รัฐยังคง ไร้ประสทิ ธภิ าพและประสิทธิผลในการบรหิ ารจัดการปัญหาการฟอกเงินจากกระบวนการคา้ ยาเสพตดิ ของเหลา่ อาชญากรรมในประเทศไทยและประเทศเพือ่ นบ้าน ในเชงิ ทฤษฎี เมอ่ื นำ� กฎของเซย์ (Say’s law) มาอธบิ าย ซงึ่ เซย์ (Say) เปน็ นกั เศรษฐศาสตร์ ส�ำนักคลาสสกิ ท่มี คี วามเชอ่ื วา่ อุปทานจะเป็นตัวสรา้ งอปุ สงค์ (Supply creates its own demand) สาระสำ� คัญ คอื อุปทานจะเปน็ ตัวกระตุน้ ใหเ้ กิดอุปสงค์ กลา่ วคือ ไมว่ า่ ผู้ผลิตจะผลิตสนิ ค้าหรอื บรกิ ารอะไร ออกมากต็ ามจะมผี รู้ บั ซอ้ื อยตู่ ลอดเวลา แตส่ ำ� หรบั กรณยี าเสพตดิ ในประเทศไทยหรอื ทวั่ โลก อปุ สงคจ์ ะ เป็นผ้สู ร้างอปุ ทาน (Demand Creates supply) สะทอ้ นได้จากอุปสงค์ของใชย้ าเสพตดิ ทเี่ พม่ิ ขน้ึ เกอื บ

เศรษฐกิจนอกกฎหมายกบั การฟอกเงินในประเทศไทย 55 รอ้ ยละ 20 ในระหวา่ งปี ค.ศ. 2006 และปี ค.ศ. 2013 เปน็ 246 ลา้ นคนทว่ั โลก ทำ� ให้การฟอกเงินจาก ยาเสพติดกเ็ ติบโตตามเป็นวฏั จักรของการค้ายาเสพติดไปดว้ ย 7.1.2 การพนัน การพนนั เปน็ กจิ กรรมทเี่ กดิ ขน้ึ มาควบคกู่ บั สงั คมมนษุ ย์ เปน็ กจิ กรรมทม่ี ผี คู้ นนยิ มเลน่ มากขน้ึ ตามล�ำดับ อันเป็นผลมาจากโลกาภิวัตน์ของการพนัน ท�ำให้รัฐบาลหลายประเทศมีการอนุญาตให้ เลน่ การพนนั ไดโ้ ดยมกี ฎหมายรองรบั อยา่ งถกู ตอ้ ง รฐั บาลหลายประเทศไดม้ เี ปา้ หมายในการแสวงหารายได้ จากธรุ กจิ การพนนั มากขนึ้ อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากการทม่ี รี ฐั บาลในภมู ภิ าคเอเชยี หลายประเทศ ไดห้ นั มาพจิ ารณาใหม้ กี ารอนญุ าตใหเ้ ปดิ ธรุ กจิ การพนนั อยา่ งถกู กฎหมายมากขนึ้ เปน็ ลำ� ดบั มกี ารคาดการณ์ กนั วา่ ในอกี ไมก่ ป่ี ขี า้ งหนา้ ธรุ กจิ การพนนั ในภมู ภิ าคเอเชยี จะแซงหนา้ ธรุ กจิ การพนนั ในสหรฐั อเมรกิ าและ ยโุ รปซงึ่ เปน็ ตลาดเกา่ ในแงข่ องอตั ราเตบิ โต และรายไดจ้ ากการพนนั สว่ นตลาดใหมข่ องธรุ กจิ การพนนั ทก่ี ำ� ลงั เกดิ ขนึ้ ในเอเชยี จะกลายเปน็ ตลาดการพนนั ทมี่ กี ำ� ลงั ซอ้ื และทถี่ กู กฎหมายทใี่ หญท่ สี่ ดุ ในโลกไปดว้ ย ดงั นน้ั โลกาภวิ ตั นข์ องทนุ นยิ มการพนนั ไมไ่ ดส้ ง่ ผลตอ่ เฉพาะประเทศไทยเทา่ นนั้ แตไ่ ดส้ ง่ ผลกระทบไปทกุ พน้ื ทท่ี กุ บรเิ วณ ทกุ เขตปกครองทก่ี ารสอ่ื สารเขา้ ไปถงึ ทนุ นยิ มการพนนั สามารถตดั ผา่ นระบบความเชอื่ ศาสนา อดุ มการณท์ างการเมอื ง และลทั ธกิ ารปกครองอกี ดว้ ย ประเทศไทย การเลน่ การพนนั สว่ นใหญย่ งั เปน็ สง่ิ ทผี่ ดิ กฎหมาย แมว้ า่ รฐั จะผอ่ นปรนใหม้ กี าร เลน่ การพนนั ไดบ้ างประเภท โดยทว่ั ไปแลว้ บอ่ นการพนนั ทเ่ี ปดิ ใหเ้ ลน่ จะตอ้ งไดร้ บั ไฟเขยี วจากเจา้ หนา้ ทร่ี ฐั ในพน้ื ทกี่ อ่ น การเปดิ ไฟเขยี วให้ หมายถงึ ไดม้ กี ารตกลงราคาคา่ เชา่ ทางเศรษฐกจิ (Economic Rent) เรยี บรอ้ ยแลว้ ซง่ึ เปน็ การสะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ รฐั ขาดความสามารถในการบรหิ ารจดั การกบั เศรษฐกจิ การพนนั อยา่ งเหมาะสมในสงั คมไทย บอ่ นการพนนั ชายแดนไทย เจา้ ของกาสโิ นบรเิ วณชายแดนไทยจำ� นวนไมน่ อ้ ยทเี่ ปน็ นกั ธรุ กจิ นกั การเมอื ง และผมู้ อี ทิ ธพิ ลทมี่ คี วามสมั พนั ธอ์ นั ดกี บั ผนู้ ำ� ทางการเมอื งทงั้ ฝง่ั ไทยและผนู้ ำ� ของประเทศเพอื่ นบา้ น ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากพน้ื ทกี่ าสโิ นตามแนวชายแดนไทยมกั จะเปน็ พน้ื ทพ่ี เิ ศษทคี่ วบคมุ โดยตรงจากผมู้ อี ำ� นาจ ทางการเมอื ง และถกู มองวา่ เปน็ แหลง่ ฟอกเงนิ ดงั เชน่ รายงานกระทรวงการคลงั สหรฐั อเมรกิ า ระบวุ า่ กาสโิ น คงิ ส์ โรมนั ซง่ึ ตงั้ อยบู่ รเิ วณสามเหลย่ี มทองคำ� ทเี่ ปน็ จดุ เชอ่ื มตอ่ ของสามประเทศ คอื ไทย ลาว และ เมยี นมา และดำ� เนนิ งานโดยจา้ ว เหวย่ สญั ชาตจิ นี - มาเกา๊ นน้ั เปน็ อาชญากรรมทางเศรษฐกจิ เปน็ แหลง่ ฟอกเงิน และการค้ามนุษย์ จากรายงานดังกล่าว ท�ำให้อนุมานได้ว่ากาสิโนชายแดนส่วนใหญ่อาจจะ มลี กั ษณะคลา้ ยกนั แมว้ า่ รฐั บาลของประเทศเหลา่ นนั้ จะพยายามจดั ระเบยี บกาสโิ นโดยการออกใบอนญุ าต (Licenses) และพฒั นาใหก้ ลายเปน็ เขตเศรษฐกจิ พเิ ศษขน้ึ ตามมา เพอื่ พฒั นาเศรษฐกจิ คขู่ นานระหวา่ ง เศรษฐกจิ นอกกฎหมายกบั เศรษฐกจิ ไมผ่ ดิ กฎหมาย รปู แบบของการฟอกเงนิ จากการพนนั ผดิ กฎหมายในประเทศไทย คอื การเปลยี่ นเงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ทไ่ี ดม้ าจากการเลน่ การพนนั ประเภททรี่ ฐั ไมอ่ นญุ าต ซงึ่ ถอื เปน็ เศรษฐกจิ นอกกฎหมาย ใหก้ ลายเปน็ เงนิ หรอื ทรัพย์สินที่ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งกระท�ำได้หลายวิธี เช่น การน�ำเงินออกไปเล่นพนันตาม

56 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 12 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) แนวชายแดนไทยกบั ประเทศเพอ่ื นบา้ น หรอื ในตา่ งประเทศ หรอื เงนิ จากหวยใตด้ นิ ซงึ่ ผเู้ ลน่ หรอื เจา้ มอื จดั ใหเ้ ลน่ แลว้ นำ� เงนิ ทไ่ี ดจ้ ากกจิ กรรมดงั กลา่ วฝากเงนิ กบั ธนาคารหรอื สถาบนั การเงนิ ตา่ ง ๆ ซงึ่ เปน็ รปู แบบท่ี ผปู้ ระกอบการการพนนั ออนไลนน์ ยิ มใชก้ นั โดยผา่ นระบบ e-banking หรอื อาจใชร้ ปู แบบอนื่ ๆ รว่ มดว้ ย ขนึ้ อยกู่ บั จำ� นวนเงนิ ทตี่ อ้ งการฟอกในแตล่ ะครงั้ คดเี กยี่ วกบั การพนนั มหี ลายมติ ซิ อ้ น ๆ กนั อยู่ กลา่ วคอื การเลน่ การพนนั แมก้ ฎหมายจะบญั ญตั ิ ใหเ้ ปน็ ความผดิ แตก่ ไ็ มไ่ ดว้ า่ เปน็ ความผดิ ประเภททเ่ี ลวรา้ ยแบบทเ่ี ปน็ ลกั ษณะความผดิ ในตวั เอง (Mala in se) อย่างเช่น การฆ่าคน หรือการลักทรัพย์ แต่มองว่าเป็นความผิดในลักษณะท่ีไม่ใช่ความผิดในตัวเอง เปน็ เพยี งความผดิ ตามขอ้ หา้ มของกฎหมาย (Mala Prohibita) เทา่ นนั้ เพราะฉะนน้ั ผกู้ ระทำ� ความผดิ สว่ นใหญจ่ งึ ไมไ่ ดร้ สู้ กึ ผดิ ในการกระทำ� ความผดิ ของตนเอง รวมทงั้ ชมุ ชนและสงั คมกไ็ มไ่ ดม้ องวา่ ผกู้ ระทำ� ความผดิ เรอื่ งการพนนั เปน็ เรอ่ื งทนี่ า่ รงั เกยี จแตอ่ ยา่ งใด ดงั สะทอ้ นไดจ้ ากสถติ กิ ารจบั กมุ ความผดิ เกย่ี วกบั การพนนั ของสำ� นกั งานตำ� รวจแหง่ ชาตใิ นปี พ.ศ. 2553 - 2554 พบวา่ ในปี พ.ศ. 2553 มจี ำ� นวนคดที งั้ สน้ิ 114,404 คดี โดยรอ้ ยละ 61.8 เปน็ คดกี ารพนนั ทวั่ ไป รอ้ ยละ 20.0 เปน็ คดกี ารพนนั สลากกนิ รวบ ร้อยละ 12.4 เป็นคดีการพนันทายผลฟุตบอล และอีกร้อยละ 5.8 เป็นคดีการพนันอ่ืน ๆ ส่วนในปี พ.ศ. 2554 - 2558 กม็ สี ดั สว่ นของคดไี มแ่ ตกตา่ งกนั มากนกั สว่ นการพนนั ในแงค่ วามผดิ ในฐานการฟอกเงนิ นนั้ กย็ ง่ิ เอาผดิ ฐานการฟอกเงนิ ไดย้ ากมาก เพราะความผดิ ดงั กลา่ วจะตอ้ งเขา้ องคป์ ระกอบการกระทำ� ความผดิ ตามมาตรา 5 (9) ดงั ความวา่ ความผดิ เกยี่ วกบั การพนนั ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการพนนั เฉพาะความผดิ เกย่ี วกบั การเปน็ ผจู้ ดั ใหม้ กี ารเลน่ การพนนั โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าต โดยมวี งเงนิ ในการกระทำ� ความผดิ รวมกนั มมี ลู คา่ ตง้ั แตห่ า้ ลา้ นบาทขนึ้ ไป หรอื เปน็ การจดั ใหม้ กี ารเลน่ การพนนั ทางสอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ มลู คา่ การฟอกเงนิ จากการพนนั ผดิ กฎหมาย จากการประเมนิ ของนกั วชิ าการพบวา่ มวี งเงนิ หมนุ เวยี น โดยประมาณ 200,000 - 250,000 ลา้ นบาทตอ่ ปี (สงั ศติ และคณะ. 2546; สงั ศติ และรตั พงษ.์ 2557) แต่ในช่วง 20 ปีที่ผ่าน ประเทศไทยไม่สามารถใช้กฎหมาย ปปง. ด�ำเนินการยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของ แผน่ ดนิ ไดเ้ ลยแมแ้ ตร่ ายเดยี ว มคี ดใี นขน้ั ตอนการพจิ ารณาของสำ� นกั งาน ปปง. เพยี ง 5 - 7 คดเี ทา่ นน้ั และ คดกี ส็ น้ิ สดุ ในชนั้ การไตส่ วนของสำ� นกั งาน ปปง. เทา่ นนั้ แสดงให้เห็นกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย ของภาครัฐและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องของประเทศไทยยังคงไร้ประสิทธิภาพและประสิทธิผล ปัญหา การฟอกเงนิ อนั เนอ่ื งจากการพนนั ทผี่ ดิ กฎหมาย ทงั้ การพนนั ภายในประเทศและพนื้ ทต่ี ามแนวชายแดน ซึง่ มีจำ� นวนเงนิ มหาศาลทีห่ มนุ เวียนและกระจายฟอกผา่ นสถาบนั การเงินและธรุ กิจตา่ งๆ ในแต่ละปี จากกรอบแนวคิดทฤษฎีดังกล่าวในบริบทสังคมไทยนั้น พฤติกรรมการพนันของคนไทย โดยท่วั ไปไม่ได้แตกตา่ งจากพฤติกรรมของมนษุ ย์ทั่วไปในโลกน้ี คือ ชอบกระท�ำในสงิ่ ทีเ่ ป็นความเส่ยี ง ความไม่แน่นอน เพราะความไม่แน่นอนของผลลัพธ์ที่จะเกิดข้ึน เป็นความสุขและความสนุกสนาน แบบหน่ึงของมนุษย์ ท�ำให้การพนันในสังคมไทยจึงถูกตรึงให้อยู่กับท่ี ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปกับบริบท (Context) และพื้นที่ (Space) ซ่ึงมีพ้ืนท่ีคาบเก่ียวระหว่างมิติเชิงอ�ำนาจ สังคมเชิงชนช้ัน เศรษฐกิจ การพนนั และวฒั นธรรมการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปของสงั คม จงึ ส่งผลตอ่ โครงสรา้ ง พฤตกิ รรม และ รปู แบบของการพนันของคนไทยทีบ่ ิดเบือนไป ดงั เหตุผล ดงั นี้

เศรษฐกจิ นอกกฎหมายกบั การฟอกเงินในประเทศไทย 57 ประการแรก มุมมองของสังคมไทยที่มตี อ่ การพนันมีพัฒนาการทีค่ ่อนขา้ งล่าชา้ กวา่ สังคมโลก ค่อนข้างมาก กล่าวคือ มุมมองดังกล่าวของสังคมไทยยังคงมองการพนันว่าเป็นปัญหามากกว่าเห็นว่า เป็น “สิทธิ” ของประชาชนดังท่ีเกิดข้ึนกับสังคมตะวันตกตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งท่ี 2 เป็นต้นมา ด้วยเหตุนี้ รัฐจึงยังคงใช้นโยบายและมาตรการควบคุมและมีบทลงโทษต่อการพนันและนักการพนัน เป็นหลัก สถานการณ์การพนันในประเทศไทยแตกต่างจากสังคมต่าง ๆ ท่ัวโลกที่หันมาใช้นโยบาย การจัดการบริหารการพนันให้ถูกกฎหมาย และมีการเพ่ิมประเภทของการพนันมากขึ้นเป็นล�ำดับ เพ่ือเป็น เคร่ืองมอื ในการเกบ็ ภาษีของภาครัฐ ประการทส่ี อง ทศั นคตขิ องชนชน้ั (Class) ตา่ ง ๆ ในสงั คม ซง่ึ ในทน่ี ี้ หมายถงึ ระดบั รายได้ มคี วามสมั พนั ธโ์ ดยตรงกบั ทศั นคตเิ รอ่ื งการพนนั และการเสยี่ งโชค กลา่ วคอื ชนชน้ั ทม่ี รี ายไดม้ ากจะมอง การเสี่ยงโชคว่าเป็นการพนันค่อนข้างมาก ขณะที่ชนชั้นที่มีรายได้น้อยจะมองว่าการเสี่ยงโชคไม่ใช่ การพนันค่อนข้างสูง ทั้งน้ี อาจเป็นไปได้ว่าชนชั้นท่ีมีรายได้มากอาจจะโยงเร่ืองการเส่ียงโชคเข้ากับ มุมมองเร่ืองการลงทุน ส่วนชนชั้นท่ีมีรายได้น้อยอาจมองเรื่องการเส่ียงโชคว่าเป็นเร่ืองของ “โชค” “วาสนา” “ดวง” และ “ความหวัง” มากกวา่ การลงทนุ ประการที่สาม มุมมองของสังคมต่อการท�ำการพนันท่ีผิดกฎหมายให้เข้าสู่ระบบท่ีกฎหมาย ให้การยอมรับว่าการท�ำการพนันให้ถูกกฎหมายน้ัน เพราะ 1) เป็นการปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคมิให้ ถูกโกงจากการพนนั ทผ่ี ดิ กฎหมาย 2) ปอ้ งกันไมใ่ ห้เงนิ รัว่ ไหลออกนอกประเทศ 3) การพนนั เป็นธุรกจิ ประเภทหนึง่ ทร่ี ฐั บาลประเทศตา่ ง ๆ หันมาใช้เป็นเครอื่ งมือในการเก็บภาษเี ขา้ รฐั และ 4) ผลกำ� ไรท่เี กดิ จาก การพนันสามารถน�ำมาใช้ประโยชน์ให้แก่องค์กรภาคประชาสังคมได้ด้วย อย่างไรก็ดี การท�ำ การพนนั ใหถ้ กู กฎหมาย รฐั บาลจะตอ้ งทำ� การปฏริ ปู โครงสรา้ งและการบรหิ ารจดั การองคก์ รทท่ี ำ� หนา้ ทด่ี แู ล การพนนั ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพและมมี าตรฐานในระดบั สากลควบคกู่ นั ไปดว้ ย แตห่ ากเป็นมมุ มองเชงิ ลบ จะยึดอยู่ฝั่งตรงกันขา้ มกบั ความเหน็ เหลา่ นั้น ประการสดุ ทา้ ย เกมการพนนั บางประเภทอาจเปน็ สนั ทนาการในระหวา่ งสมาชกิ ในครอบครวั เครอื ญาติ และญาตสิ นทิ มติ รสหาย ดว้ ยจดุ ประสงคเ์ พอ่ื เปน็ เกมการแขง่ ขนั และความสนกุ สนาน สำ� หรบั ผู้สูงอายุอาจเป็นไปเพื่อฝึกสมอง ฝึกความคิดและความจ�ำ หรือเพื่อคลายความเหงา ซ่ึงกิจกรรม ดงั กลา่ วมไิ ดม้ จี ดุ มงุ่ หมายเพอ่ื แสวงหากำ� ไร ไมม่ สี ถานทเี่ ลน่ ทแ่ี นน่ อน และไมม่ เี จา้ มอื ทแ่ี ทจ้ รงิ และทส่ี ำ� คญั คือ ไม่ได้เป็นธุรกรรมทางธุรกิจในระหว่างกลุ่มบุคคลดังกล่าวข้างต้นอีกด้วย แต่กฎหมายการพนัน ของไทยกลบั กำ� หนดวา่ การกระทำ� ดงั กลา่ วเปน็ ความผดิ ทางดา้ นกฎหมายทร่ี ฐั ตอ้ งเขา้ มาควบคมุ หากพจิ ารณา จากความสัมพันธ์ระหว่างปัจเจกบุคคลกับนโยบายของรัฐในแง่น้ี อาจถือได้ว่าขอบเขตอ�ำนาจของ กฎหมายการพนันในปัจจุบันได้เข้าไปล่วงละเมิดสิทธิความเป็นส่วนบุคคลของประชาชนในฐานะ ปจั เจกบคุ คลจนเกนิ ความพอดไี ป

58 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ่ี 12 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) จากทศั นะดงั กล่าวเกีย่ วกบั การพนันในสังคมไทย ในแง่ทฤษฎที างสงั คมวิทยา แนวทางศกึ ษา แบบดัง้ เดิม (Conventional approach) มองวา่ การเล่นการพนนั ของคนนนั้ เป็นปญั หาของสังคม และต้องได้รับการควบคุมดูแลจากรัฐ แนวคิดนี้มองว่าผู้เล่นการพนันจะหวังได้เงินอย่างง่าย ๆ และ การพนนั เปน็ พฤตกิ รรมของมนษุ ยท์ ไ่ี มม่ เี หตผุ ล ทำ� ใหบ้ คุ คลนนั้ มปี ญั หาทางการเงนิ และนำ� ไปสปู่ ญั หาสงั คม ในทส่ี ดุ สว่ นแนวทางการศกึ ษาเชงิ ประจกั ษน์ ยิ ม (Positivism approach) เปน็ แนวคดิ ทไี่ มส่ นใจบรบิ ท และประวัติศาสตร์ เช่น Arnold (1974) ระบุมูลเหตุที่ท�ำให้คนนิยมเล่นการพนันไว้ 7 ประการ คือ (1) ความโลภ (2) ความตอ้ งการเปน็ ท่ยี อมรับ (3) บรรเทาความเบือ่ หนา่ ยในชวี ติ ประจ�ำวัน (4) ท�ำให้รู้สึกว่า ตนเองเป็นผู้มีสติปญั ญา (5) ความเชื่อเรอื่ งโชค (6) ความสนกุ ตน่ื เตน้ และ (7) ความเพอ้ ฝัน เหตุจงู ใจ เหล่าน้ีไม่เพียงแต่เป็นตัวกระตุ้นให้คนอยากเล่นการพนันเท่าน้ัน แต่ยังท�ำให้ผู้เล่นการพนันเข้าไป ประกอบกจิ กรรมเกยี่ วกบั การพนนั ดว้ ย หรอื มมุ มองของ สงั ศติ พริ ยิ ะรงั สรรค์ (2546) มองวา่ การพนนั เป็นสิง่ คงที่ตลอดกาล เพราะ (1) การพนนั มีอยู่แบบเดียวโดยไม่มคี วามผิดแผกแมแ้ ต่น้อย หรอื โดย ไมต่ อ้ งสนใจพลงั ทางการเมอื งและศลี ธรรมทมี่ กี ารเปลยี่ นแปลงซง่ึ เปน็ สงิ่ กำ� หนดคา่ นยิ ม (2) เปน็ การยดึ ตดิ ลทั ธิปจั เจกชนนิยมและการใชเ้ หตผุ ลทางเศรษฐกิจ (3) การพนนั เปน็ ปญั หาของการควบคมุ ทางสังคม และการบริหาร (4) การพนันเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นกิจกรรมทางสังคมที่แยกออกจาก การท�ำงานและการผลิต และ (5) การพนนั เป็นส่งิ ทไี่ มม่ ีที่มาที่ไปหรอื ไมม่ กี ารเปลีย่ นแปลง จึงไม่สนใจพลวตั ของโครงสรา้ งและกระบวนการทมี่ คี วามสลบั ซบั ซอ้ น ซงึ่ แนวคดิ ของสงั ศติ เปน็ การผสมผสานกนั ระหวา่ ง แนวการศกึ ษาแบบดงั้ เดมิ กบั แนวการศกึ ษาแบบประจกั ษน์ ยิ ม กลา่ วคอื เปน็ การมองเศรษฐกจิ การพนนั ทัง้ ในเชิงยอมรบั และควบคมุ (Passive and Control) จึงสรุปได้ว่า ทุกสังคมมีคนชอบเสี่ยง และการพนันเป็นกิจกรรมบันเทิงอย่างหนึ่งของมนุษย์ เม่ือมีคนจ�ำนวนหนึ่งประสงค์จะเล่นการพนันและมีผู้ท่ีได้รับประโยชน์จากการพนัน ดังน้ัน รัฐหลาย ประเทศจึงผ่อนปรนอย่างระมัดระวัง อนุญาตให้เล่นการพนันอย่างถูกกฎหมายได้บางประเภท และ รฐั ประเทศเหลา่ นนั้ ได้กำ� หนดกฎเกณฑก์ ารควบคมุ การพนันอย่างเหมาะสม สว่ นหน่ึงเป็นการบรหิ าร จดั การสงั คม แตอ่ กี ส่วนหนึ่งเพ่อื ทร่ี ฐั บาลจะสามารถเกบ็ ภาษไี ปบำ� รุงประเทศได้ อกี ทั้งรฐั จะไดเ้ ขา้ ไป จดั การปญั หาทเ่ี ก่ียวโยงกับธรุ กจิ การพนนั ที่ผดิ กฎหมายตา่ ง ๆ ไดด้ ว้ ย 7.1.3 คอรร์ ปั ชัน การคอรร์ ปั ชนั ยงั คงเปน็ ปญั หาสำ� คญั ของโลก เนอื่ งจากไมม่ ปี ระเทศใดในโลกทป่ี ลอดคอรร์ ปั ชนั ซำ้� รา้ ยประเทศทม่ี ปี ญั หาการคอรร์ ปั ชนั ในระดบั ปานกลางถงึ มากทสี่ ดุ มจี ำ� นวนสงู ถงึ สามในสหี่ รอื รอ้ ยละ 75 ของประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลก องค์การระหว่างประเทศมีความเห็นตรงกันว่า การคอร์รัปชันทั่วโลก ที่มีแนวโน้มสูงข้ึนน้ันเกิดจากการใช้อ�ำนาจโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะกลุ่มนักการเมือง ตำ� รวจ และกระบวนการยตุ ธิ รรม ซง่ึ ธนาคารโลกระบวุ า่ สถานการณก์ ารขาดความโปรง่ ใสและการขาด ความรบั ผดิ รบั ชอบตอ่ หนา้ ท่ี (Accountability) เปน็ การสรา้ งโอกาสใหเ้ กดิ การคอรร์ ปั ชนั ของหนว่ ยงาน ภาครัฐทั่วโลก โดยเฉพาะงบจัดซ้ือจัดจ้างของภาครัฐมีความเสี่ยงที่จะน�ำไปสู่การคอร์รัปชันเฉล่ีย ร้อยละ 10 - 25 ของงบประมาณจดั ซอ้ื จดั จ้างของรฐั ประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลก

เศรษฐกจิ นอกกฎหมายกับการฟอกเงินในประเทศไทย 59 องคก์ รเพอื่ ความโปรง่ ใสนานาชาติ (Transparency International) เสนอใหบ้ ทบาทของผนู้ ำ� รัฐบาลจะต้องแสดงออกชัดเจนถึงพันธกรณี โดยมีก�ำหนดระยะเวลาแน่นอนในการต่อต้านคอร์รัปชัน ทำ� ใหป้ ญั หานลี้ ดลงอยา่ งมาก ภายในปี ค.ศ. 2030 ตามทร่ี ะบไุ วใ้ น Sustainable Development Goals ของสหประชาชาติ และหน่วยงานต่อต้านคอร์รัปชันของรัฐ โดยจะต้องรณรงค์ให้ประชาชนทั้งหลาย ปฏิเสธต่อเหตุการณ์ที่จะต้องจ่ายสินบน รวมท้ังให้ความร่วมมือเพื่อแจ้งข้อมูลเร่ืองคอร์รัปชัน ท้ังนี้ ในปจั จุบันสือ่ สังคมออนไลน์ (Social Media) เป็นเทคโนโลยีสื่อสารท่ใี ห้ความหวังในเรือ่ งการต่อสกู้ ับ คอร์รัปชัน เพราะเป็นส่ือท่ีมีประสิทธิผลในการประสานงานจากระดับรากฐานท่ีจะท�ำให้ประชาชน เกดิ การตนื่ ตวั และเขา้ รว่ มการรณรงคต์ อ่ ตา้ นการคอรร์ ปั ชนั สอ่ื สงั คมออนไลน์ ซง่ึ อาจเปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ หรอื อีกทางออกหนง่ึ ท่จี ะชว่ ยใหเ้ กดิ การเปลีย่ นภาวะดุลยภาพจากประเทศคอร์รัปชนั สูงสู่คอรร์ ปั ชนั ต�่ำ คอรร์ ปั ชนั ในประเทศไทยถงึ แมถ้ กู มองวา่ มแี นวโนม้ ดขี นึ้ เพราะปจั จยั ทางสงั คม เศรษฐกจิ และ การเมืองได้เปล่ียนไป โดยมีการเพ่ิมอ�ำนาจการตรวจสอบให้กับภาคประชาสังคมและส่ือมวลชน รวมทงั้ บทบาทของสอื่ สงั คมออนไลนท์ ง้ั ภายในประเทศและตา่ งประเทศแขนงตา่ ง ๆ ไดก้ ลายเปน็ กลไก ส�ำคัญในการค้นหาเบาะแส ตรวจสอบการกระท�ำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐและองค์กรอาชญากรรม ได้ดที ้ังเชิงลึกเชงิ กว้างมากข้นึ นอกจากนน้ั รฐั ธรรมนญู ปี 2540 ปี 2550 และ ปี 2560 เป็นเคร่ืองมือ สำ� คญั ในการควบคมุ และจดั การสงั คม แตเ่ ปน็ การควบคมุ จากภายนอกซงึ่ จะไมย่ ง่ั ยนื เพราะประชาชน ไมไ่ ดม้ สี ่วนร่วมอยา่ งแทจ้ รงิ ดังน้นั ควรจะตอ้ งดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากขนึ้ ซงึ่ สอดคล้องกับ ความเหน็ ของอดตี คณะกรรมการ ปปช. ทช่ี วี้ า่ ปญั หาและอปุ สรรคในการควบคมุ การคอรร์ ปั ชนั เกดิ จาก (1) ทุกรัฐบาลมีการคอร์รัปชันภายใน แต่ส่ิงหนึ่งท่ีส�ำคัญ คือ รัฐบาลประชาธิปไตยมีแนวโน้มท่ีจะ แก้ปัญหาคอรร์ ัปชนั ได้ดกี วา่ รฐั บาลเผด็จการ เพราะมีธรรมาภิบาลกวา่ อย่างไรเสีย สถาบนั ครอบครวั ถือเป็นกลไกระดับพื้นฐานที่ดีท่ีสุดในการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ (2) ปัญหาในเรื่องความหมายของ การคอร์รัปชัน หากปทัสถานและบริบททางสังคมยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องคอร์รัปชันแล้ว จะส่งผลต่อ การใชอ้ ำ� นาจและหนา้ ทที่ ผ่ี ดิ ไป เชน่ กรณกี ารมผี ลประโยชนท์ บั ซอ้ น (COI) ในตา่ งประเทศถอื เปน็ เรอื่ งสำ� คญั แต่ประเทศไทยถือเป็นเร่ืองไม่ส�ำคัญ (3) จุดอ่อนของสังคมไทย อย่างแรก ขาดผู้น�ำ (Leadership) ที่มีจิตวิญญาณในการต่อสู้กับเรื่องคอร์รัปชันและเศรษฐกิจนอกกฎหมายอย่างจริงจัง โดยยึดหลัก นติ ิธรรมเปน็ หลกั ไมล่ ะเมิดกฎหมายเสยี เอง อยา่ งทส่ี อง ระบบการเมอื งประชาธิปไตย (Democracy) เปน็ เร่ืองการใช้อำ� นาจ การปกครองทีด่ ี ระบบกฎหมายท่ีเปน็ ธรรม อย่างท่สี าม ขาดกลไกควบคุมและ จัดการในเชิงกฎหมายและการมีส่วนร่วมของสังคม (4) การบริหารจัดการคดีความล่าช้า เน่ืองจาก คดมี จี �ำนวนมาก และเกย่ี วขอ้ งกบั นกั การเมือง ข้าราชการ นกั ธุรกิจ และผูม้ ีอิทธิพล ทำ� ใหร้ ะบบการตรวจสอบ และด�ำเนินคดีจึงล่าช้าและใช้เวลามาก ขนาดของคดีมีอยู่ 3 ระดับ คือ ใหญ่ กลาง เล็ก ซ่ึงคดีใหญ่ อาจจะใชเ้ วลารวบรวมสำ� นวนขอ้ เท็จจรงิ ท้งั หมดเกนิ 3 - 4 ปี ส่วนกลางและเล็ก อาจใช้เวลา 1 - 2 ปี ข้นึ อยกู่ บั ความซับซ้อนของคดีความ ซึง่ บรหิ ารจัดการคดีให้เกิดความรวดเร็ว ควรจะตอ้ งสร้างกลไกที่ เรียกวา่ Trust Governance กลา่ วคอื หนว่ ยงานรฐั ทีเ่ กีย่ วขอ้ งจะตอ้ งมคี วามชดั เจนในเร่ืองวสิ ัยทศั น์ จรยิ ธรรม และกลยุทธใ์ นการจดั การ

60 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) รปู แบบและกระบวนการคอรร์ ัปชนั เรม่ิ จากการสรา้ งหรือออกแบบโครงการข้ึนมา โดยความ รว่ มมอื กนั ระหวา่ งนกั ธรุ กจิ นกั การเมอื ง ขา้ ราชการทกุ กระทรวง ใหค้ วามเหน็ ชอบและขออนมุ ตั ดิ ำ� เนนิ การ อย่างเป็นระบบมีกฎหมายรองรับด้วย ในขณะที่กลไกเชิงระบบมีปัญหา เพราะบริษัทเดิม ๆ มักจะ ไดร้ บั โครงการซง่ึ ลว้ นแตม่ คี วามสมั พนั ธก์ บั พรรคการเมอื งใหญท่ งั้ สนิ้ ทง้ั นี้ ในปจั จบุ นั จะมเี งนิ หมนุ เวยี น ทีม่ าจากการคอร์รปั ชันจากเงินงบประมาณแผ่นดินประมาณร้อยละ 30 - 40 ต่อโครงการ (สมั ภาษณ์เชิงลกึ อดตี คณะกรรมการ ป.ป.ช., 2560) อยา่ งไรกต็ าม จากการประเมนิ ของนกั วชิ าการและภาคประชาสงั คม ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ พบว่า ประเทศไทยสามารถป้องกันและปราบปรามได้อย่างจ�ำกัด และไมส่ มั ฤทธผิ ลในการจดั การทงั้ กระบวนการยตุ ธิ รรมทง้ั หมด ซง่ึ การคอรร์ ปั ชนั ถอื เปน็ ความผดิ มลู ฐาน มีสถิติการจับกุมตามกฎหมายฟอกเงินมากเป็นอันดับสองรองจากความผิดฐานยาเสพติด แต่ข้อมูล เชิงประจักษ์จากส�ำนักงาน ปปง. คดีคอร์รัปชันที่มีจ�ำนวนมากน้ัน เม่ือเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ในชัน้ ของอยั การและศาลแล้ว จ�ำนวนคดีดงั กล่าวพน้ ความผดิ หรือถกู ยกฟอ้ ง ในปี พ.ศ. 2554 และ 2558 จ�ำนวนคดีน�ำเข้า ปปง. ทั้งหมด 681 คดี และ 115 คดี คร้ันคดีน�ำเข้าสู่การพิจารณาของอัยการ ในชว่ งระยะเวลาเดยี วกัน เหลือเพียง 5 คดี และ 11 คดี เทา่ นั้น และเมอ่ื เขา้ สู่การพจิ ารณาของศาล จำ� นวนคดลี ดเหลอื เพยี ง 14 คดี และ 2 คดี ในชว่ งเวลาเดียวกนั ตามล�ำดับ (รายงานประจำ� ปี ส�ำนกั งาน ปปง. ปงี บประมาณ 2553 - 2554, หนา้ 44 - 45; ปีงบประมาณ 2557 - 2558 หนา้ 44 - 51) ซึ่งผู้วิจัยมองว่า การใช้กฎหมายฟอกเงินเพื่อปราบปรามการคอร์รัปชันในประเทศไทยไม่ได้ผลมากนัก ทั้งในอดีตจนถึงปจั จบุ นั ดงั แผนภาพท่ี 1 แผนภาพที่ 1: กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา ต�ำรวจ อยั การ ศาลยุตธิ รรม รปู แบบการฟอกเงนิ จะมีช่องทางคล้ายกนั กับเศรษฐกจิ นอกกฎหมายประเภทอน่ื เชน่ ยาเสพติด และการพนัน ส�ำหรับกระบวนการฟอกเงินให้กลายเป็นเงินสะอาด เช่น การฟอกเงินผ่านสถาบัน การเงินและธนาคารต่าง ๆ การฟอกผ่านกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ เช่น กจิ การแลกเปลย่ี นเงนิ ตรา ตา่ งประเทศ ภตั ตาคาร อสังหาริมทรัพย์ ร้านทอง และธุรกิจรถมือสอง ตลอดจนการโอนเงนิ ในระบบ ออนไลนท์ ี่มีการควบคุมน้อยกว่าการโอนเงินสด โดยเฉพาะอย่างย่ิงในปัจจุบันที่มีสกุลเงินเสมือนจริง (Cryptocurrency) เชน่ Bitcoin เป็นตน้

เศรษฐกจิ นอกกฎหมายกับการฟอกเงินในประเทศไทย 61 มูลค่าการฟอกเงินจากคอร์รัปชัน เน่ืองจากประเทศไทยยังคงมีสถานการณ์คอร์รัปชันสูง ดงั สะท้อนได้จากอันดบั ดชั นีความโปรง่ ใสของประเทศไทยในช่วง 20 ปที ่ีผา่ นมายงั คงอยู่ในอนั ดับท่ีต�ำ่ นอกจากนจ้ี ากการประเมนิ ของนกั วชิ าการตา่ ง ๆ ระบวุ า่ ประเทศไทยมคี วามเสยี่ งทงี่ บประมาณแผน่ ดนิ จะรว่ั ไหลไปสกู่ ารคอรร์ ปั ชนั เฉลย่ี รอ้ ยละ 20 - 30 ของงบลงทนุ หรอื งบประมาณจดั ซอ้ื จดั จา้ งซง่ึ สงู กวา่ คา่ เฉลยี่ ของโลก เปน็ เงนิ โดยประมาณ 200,000 - 250,000 ลา้ นบาทตอ่ ปี ในขณะทค่ี วามสามารถปอ้ งกนั และปราบปรามของภาครฐั ทำ� ไดอ้ ยา่ งจำ� กดั และไมค่ อ่ ยสมั ฤทธผิ ลในการจดั การทง้ั กระบวนการยตุ ธิ รรม นบั ต้ังแต่ ป.ป.ช. ป.ป.ท. สตง. รวมท้ัง ปปง. ด้วย คดคี อรร์ ปั ชนั โดยไมร่ วมถงึ คดรี ำ�่ รวยผดิ ปกตขิ องผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื งทเี่ ขา้ สกู่ ระบวนการ ตามกฎหมายปอ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ นน้ั มากเปน็ อนั ดบั สองรองจากความผดิ ฐานยาเสพตดิ แต่เม่ือเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นต้น ส�ำนักงาน ปปง. และอัยการแล้ว คดีจ�ำนวนมากจะหลุดไป ไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล ในปี พ.ศ. 2554 จ�ำนวนคดีเข้ามาสู่ ปปง. ถึง 681 คดี อกี 4 ปีตอ่ มา คอื พ.ศ. 2558 จ�ำนวนคดีลดลงเกอื บ 5 เท่า เหลือเพยี ง 115 คดเี ทา่ นัน้ แต่พอคดเี หล่านัน้ เข้าสกู่ ระบวนการในช้นั อยั การ คดีจ�ำนวนมากจะตกไป เช่น ในปี พ.ศ. 2554 เหลือเพยี ง 5 คดี สว่ นปี พ.ศ. 2558 เหลือเพียง 11 คดี เมื่อน�ำคดีเหล่านี้ส่งต่อไปสู่การพิจารณาของศาลพบว่า คดีส่วนใหญ่จะถกู เพกิ ถอน หรือยุตคิ ดีความ ซึง่ มีวงเงนิ ในชน้ั นจี้ �ำนวนเงินเพียงเลก็ น้อยเทา่ น้นั สรุปได้ว่าในชว่ ง 20 ปที ผี่ า่ น ประเทศไทยไมส่ ามารถใชก้ ฎหมาย ปปง. ดำ� เนนิ การยดึ ทรพั ย์ ในคดคี อรร์ ปั ชนั ซง่ึ ถอื เปน็ เศรษฐกจิ นอกกฎหมายอยา่ งหนง่ึ ไดต้ ามเจตนารมยข์ องกฎหมาย แสดงให้เห็น กระบวนการบังคับใช้กฎหมายของภาครัฐและหน่วยงานที่เก่ียวข้องของประเทศไทย ยังคง ไร้ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผล จึงสง่ ผลทำ� ใหก้ ระบวนการฟอกเงินจากการคอรร์ ปั ชนั ในประเทศไทย ยังคงมีจำ� นวนเงนิ มหาศาลที่หมุนเวียนไปมาในระบบเศรษฐกจิ ในแต่ละปี ทัง้ กระจายฟอกผา่ นสถาบนั การเงนิ และการลงทนุ ในธุรกจิ ตา่ ง ๆ ดว้ ย 7.2 ความสมั พันธ์ระหวา่ งการฟอกเงินกับเศรษฐกิจนอกกฎหมายท้งั สามประเภท ความสัมพันธ์ระหว่างการฟอกเงินกับเศรษฐกิจนอกกฎหมายจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ในระบบ เนื่องจากน�ำเงินจากกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น จากการค้ายาเสพติด การพนัน และ การคอรร์ ัปชนั น�ำมาฟอกผา่ นชอ่ งทางตา่ ง ๆ เชน่ ธนาคาร สถาบนั การเงนิ บ่อนการพนัน หรอื ธรุ กิจเงนิ สด ตา่ ง ๆ จากการสำ� รวจของ Friedrich Schneider (2013) พบว่า เศรษฐกจิ ใต้ดนิ ตอ่ ผลติ ภณั ฑม์ วลรวม ในประเทศของประเทศต่าง ๆ พบว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนรอ้ ยละ 40.9 ของ GDP ซง่ึ นบั เปน็ ประเทศ ที่มีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจใต้ดินท่ีใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของโลก ทั้งนี้ การเคลื่อนย้ายเงิน ผิดกฎหมายทั่วโลกผา่ นการฟอกเงินมีมลู คา่ กว่า 50 ล้านลา้ นบาทต่อปี ซึง่ เมด็ เงนิ เหล่านี้จะแทรกและ หมนุ เวยี นกระจายในระบบเศรษฐกจิ ทางการของประเทศต่าง ๆ จนจ�ำแนกแยกแยะทีม่ าไมไ่ ด้ สำ� หรบั ขน้ั ตอนการฟอกเงนิ ประกอบดว้ ย ขน้ั ตอนท่ี 1 การยกั ยา้ ยถา่ ยเทเงนิ เขา้ ไปอยใู่ นระบบ เงนิ ปกติ (Placement) เปน็ ขน้ั เตรยี มการ โดยนกั ฟอกเงนิ จะนำ� กำ� ไรจากธรุ กจิ นอกกฎหมายเขา้ สรู่ ะบบ

62 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ่ี 12 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) การเงิน ซ่ึงนักฟอกเงินอาจใช้วิธีการกระจายเงินสกปรกก้อนใหญ่ให้มีขนาดเล็กลงเพ่ือมิให้ผิดสังเกต แลว้ น�ำเงนิ ไปฝากธนาคารท่มี คี วามเสย่ี งต�่ำ จากการถูกตรวจสอบ หรือไม่มปี ระสิทธภิ าพในการตรวจสอบ และเป็นสถาบนั ทต่ี ้ังอยูใ่ นทอ้ งถน่ิ ซึง่ เป็นแหลง่ ก�ำเนิดของเงนิ ผิดกฎหมายน้ัน ขนั้ ตอนท่ี 2 การจัดทำ� รายการทางการเงินเป็นหลายช่วงหรือหลายชั้น เพื่อปกปิดหรือตัดทอนร่องรอยหรือท่ีมาของเงินน้ัน (Layering) เป็นขั้นตอนการสร้างความซับซ้อน โดยนักฟอกเงินจะโยกย้ายถ่ายเทเงินผ่านธนาคาร จากทหี่ นึ่งไปยงั อกี ทห่ี นึง่ เช่น นำ� ไปฝากธนาคารในตา่ งประเทศท่มี ีสาขาท่ัวโลก เพ่อื สะสวดในการโอน ตอ่ ไปยงั ทอี่ นื่ หรอื อาจนำ� เงนิ ไปซอ้ื ตราสารลงทนุ แลว้ จงึ ขายตราสารเหลา่ นน้ั แลว้ นำ� เงนิ ไปฝากธนาคาร หลาย ๆ แห่ง เพื่อกระจายมิให้แต่ละบัญชีมีเงินจ�ำนวนมากจนเป็นที่ผิดสังเกตของเจ้าหน้าที่ และ ขนั้ ท่ี 3 การผสมผสานระหว่างรายไดจ้ ากการค้าท่ผี ิดกฎหมายกับการคา้ ปกติ (Integration) เป็นขน้ั ท่ี นกั ฟอกเงนิ จะถอนเงนิ ทฝี่ ากไวใ้ นธนาคารนำ� ไปลงทนุ ในธรุ กจิ ถกู กฎหมาย โดยเฉพาะในธรุ กจิ ทมี่ โี อกาส ทำ� ก�ำไรสูงอีกครั้ง เช่น ธรุ กจิ อสงั หารมิ ทรพั ย์ ธุรกจิ อัญมณี และธุรกิจอ่นื ฯลฯ นอกจากน้ี การศึกษาของผู้วิจัยยังสอดคล้องกับการศึกษาของศูนย์ข้อมูลอาชญากรรมทาง เศรษฐกจิ และการฟอกเงนิ คณะนิติศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย ท่รี ะบวุ า่ ประเทศไทยมธี รุ กิจ ผิดกฎหมายที่เกย่ี วข้องกับการฟอกเงินมากที่สุด คือ ยาเสพตดิ รองลงมาเปน็ คอรร์ ัปชนั และการพนนั จากขอ้ มูลดังกลา่ วระบุว่า กลุ่มอาชญากรรมมีความพยายามหาวธิ ฟี อกเงินในรปู แบบใหม่ ๆ เพอ่ื ไม่ให้ ถกู จบั กมุ จากเดมิ ทเี่ คยใชว้ ิธีรับจ้างขนสง่ เงนิ เขา้ และออกนอกประเทศ หรือโพยกว๊ น หรอื ซือ้ สนิ ค้าราคาสูง หรือซอื้ อสงั หาริมทรัพย์ ซึง่ เป็นวิธกี ารทีเ่ จา้ หนา้ ทีร่ ู้เทา่ ทนั ตรวจสอบได้ จึงเปลยี่ นรปู แบบ เช่น ใชว้ ธิ ี โอนเงินไปต่างประเทศผา่ นระบบอเิ ล็กทรอนิกส์ หรอื โอนเงินผ่านโทรศัพท์มอื ถอื เพื่อไมใ่ ห้ท้งิ รอ่ งรอย แม้แต่การลงทุนรูปแบบใหม่ท่ีก�ำลังเป็นท่ีนิยมมากขึ้นในไทยอย่างบิทคอยน์ ก็พบถูกใช้เป็นแหล่ง ฟอกเงนิ ด้วย มมุ มองของภาครฐั และนกั กฎหมายเหน็ วา่ การออกกฎหมายปอ้ งกนั การฟอกเงนิ จงึ เปน็ ไปเพอื่ มาตดั วฏั จกั รของกระบวนการฟอกเงนิ ดงั กลา่ ว โดยสกดั กน้ั มใิ หม้ กี ารนาํ เงนิ ทไ่ี ดจ้ ากการกอ่ อาชญากรรม ซึ่งถือเป็นความผิดฐานฟอกเงิน ไปกระทําการฟอกก่อนนําเงินเหล่าน้ันกลับเข้าสู่การหมุนเวียนระบบ เศรษฐกจิ อกี ครง้ั จงึ มคี วามจาํ เปน็ ทป่ี ระเทศไทยจำ� ตอ้ งออกมาตรการตา่ ง ๆ เพอ่ื การปอ้ งกนั ปราบปราม การฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (Anti-money Laundering and Combating the Financing of Terrorism: AML/CFT) ซงึ่ เป็นผลใหม้ ีรายงานธุรกรรมทมี่ เี หตอุ นั ควร สงสัย และการยึดอายัดทรัพย์สินเป็นจํานวนมาก เน่ืองจากทรัพย์สินที่ได้จากการกระทําความผิด มาจากการค้ายาเสพติด การพนัน การคอร์รัปชันเหล่านี้เป็นช่องทางให้เกิดการฟอกเงินท่ีได้มา อย่างผิดกฎหมาย อันเป็นการส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ คือ หากผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ หรอื GDP มีมูลค่าประมาณ 13 ล้านลา้ นบาทของไทยนนั้ อาจมีเศรษฐกจิ ใตด้ ินอยูถ่ งึ 1 ใน 4 หรอื กวา่ 3 ล้านล้านบาทโดยประมาณสำ� หรบั เม็ดเงนิ ทจี่ ะถกู ฟอกผา่ นกิจกรรมทางเศรษฐกจิ ต่อปี

เศรษฐกจิ นอกกฎหมายกับการฟอกเงนิ ในประเทศไทย 63 จากมูลค่าโดยประมาณของเศรษฐกิจใต้ดินอยู่ถึง 1 ใน 4 หรือกว่า 3 ล้านล้านบาทของ ประเทศไทยนั้น หากน�ำมาเปรียบเทียบกับการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง คือ ส�ำนักงาน ปปง. ในช่วง 12 ปี คือ ระหว่าง พ.ศ. 2543 – 2554 พบวา่ ศาลมคี ำ� สงั่ ใหท้ รพั ยส์ นิ ตกเปน็ ของแผน่ ดนิ มี 560 คดี เปน็ เงนิ รวมทงั้ สน้ิ 2,493.6 ลา้ นบาท จำ� แนกเป็นความผิดเก่ียวกับยาเสพติด จ�ำนวนคดี 519 คดี หรือร้อยละ 92.3 ของจ�ำนวนคดีที่ศาลมีค�ำส่ังให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน และเป็นเงิน 1,965.6 ลา้ นบาท หรือรอ้ ยละ 78.8 ของจ�ำนวนเงินทง้ั หมดทศี่ าลมคี ำ� สง่ั ให้ทรัพยส์ นิ ตกเปน็ ของแผน่ ดนิ ส่วนมูลฐานอื่น ๆ ไดแ้ ก่ ความผดิ ศุลกากร จำ� นวน 4 คดี เปน็ เงิน 262.4 ลา้ นบาท ความผดิ ค้ามนษุ ย์ จ�ำนวน 17 คดี เป็นเงิน 109.8 ล้านบาท ความผิดฉ้อโกงสถาบันการเงิน จ�ำนวน 4 คดี เป็นเงิน 76.3 ล้านบาท ความผิดกรรโชก จ�ำนวน 3 คดี เปน็ เงิน 33.3 ลา้ นบาท ความผิดฉอ้ โกง จำ� นวน 11 คดี เป็นเงิน 25.5 ล้านบาท และความผิดการทุจริต จ�ำนวน 4 คดี เป็นเงนิ 20.7 ลา้ นบาท ดงั นั้น เมอื่ รวมจ�ำนวนคดแี ละมลู ค่าทรัพยส์ นิ ถกู ยึดอายัดตามกฎหมาย ปปง. มีจ�ำนวนทัง้ ส้ิน 634 คดี เปน็ เงนิ 3,527.6 ลา้ นบาทเท่านัน้ สว่ นจ�ำนวนคดีทเ่ี หลอื คดอี ยรู่ ะหวา่ งการพิจารณาของศาล และศาลยกคำ� ร้องเสียทง้ั หมด คร้ันถงึ ปี พ.ศ. 2558 น้นั พบวา่ มจี �ำนวนคดีทง้ั สามมลู ฐานถอื เปน็ คดหี ลัก ทีไ่ หลเข้าสู่ ปปง. คอื รอ้ ยละ 73.1 ของจำ� นวนคดีทั้งหมด โดยเปน็ ยาเสพตดิ 277 คดี ทุจริตคอรร์ ปั ชนั 115 คดี และการพนัน 5 คดีเท่านั้น ในขณะท่ีในชั้นอัยการมีจ�ำนวนคดีไหลเข้ามาร้อยละ 74.9 ของจ�ำนวนคดีทั้งหมด แต่พอมาถึงข้ันตอนของศาลกลับมีจ�ำนวนคดีลดลงเหลือเพียงร้อยละ 43.8 ของจ�ำนวนคดีท้ังหมดเท่าน้ัน น่ันแสดงว่าคดีความเก่ียวกับการฟอกเงินสามารถยุติคดีความได้ในชั้น การสอบสวนข้อเทจ็ จรงิ ของส�ำนักงาน ปปง. หรือในช้นั อัยการได้จำ� นวนมาก นอกจากนั้นยงั พบว่า จ�ำนวนเงนิ ท่ี สามารถยดึ ตกเปน็ ของแผ่นดินจากทย่ี ดึ ไดถ้ งึ 2,819 ลา้ นบาท หรือรอ้ ยละ 79.9 ในปี พ.ศ. 2554 จาก จ�ำนวนเงินท้ังหมดท่ีเข้าสู่กระบวนการตามพระราชบัญญัติ ปปง. มีมูลค่า 4,127.7 ล้านบาท แต่พอ ถงึ ปี พ.ศ. 2558 สามารถยดึ ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดนิ ได้เพียง 153 ล้านบาท หรอื ร้อยละ 4.2 เทา่ นัน้ จากจ�ำนวนเงนิ ท้งั หมดทเี่ ขา้ สกู่ ระบวนการตามพระราชบัญญตั ิ ปปง. ซ่ึงมมี ลู ค่า 21,977.8 ลา้ นบาท ซง่ึ สะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญาของประเทศไทยยงั ยดึ กรอบดง้ั เดมิ ในการพจิ ารณา ผ่านตัวบทกฎหมายที่เข้มงวด ท�ำให้กระบวนการยุติธรรมทางอาญาของไทยอาจเข้าข่ายในแง่ที่ว่า พจิ ารณาจากขอ้ มลู ขา่ วสารทข่ี าดความสมมาตร (Asymmetric Information) รวมทง้ั ยงั ขาดนวตั กรรม ทางสังคม (Social Innovation) ภายใตบ้ รบิ ททางเศรษฐกจิ การเมือง และสงั คมทีม่ ีความซับซ้อนและ เปลี่ยนแปลงไปด้วย จากเหตุผลดังกล่าวอาจสง่ ผลให้ขนาดของเศรษฐกจิ นอกกฎหมายในประเทศไทย มีมูลค่าค่อนข้างสูง แต่กระบวนการจัดการควบคุมของภาครัฐและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องของไทยท�ำได้ อยา่ งจำ� กัด ซ่งึ การศึกษานพ้ี บวา่ 1. ปญั หาเกดิ จากการทเ่ี จา้ หนา้ ทรี่ ฐั ขาดการประสานงานกันและทำ� งานร่วมกันอย่างจริงจัง รวมทั้งบทลงโทษต่อเจา้ หน้าท่ีรฐั ทก่ี ระทำ� เสยี เองจะต้องลงโทษอย่างรนุ แรงทั้งทางอาญาและวินัย

64 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 12 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2562) 2. ปญั หาเกดิ จากระบบขอ้ มลู ทไี่ มส่ ามารถจำ� แนกรายการธรุ กรรมผดิ ปกติ เปน็ ฐานขอ้ มลู เพื่อพิสูจน์การกระท�ำความผิดของหน่วยงานรัฐที่เก่ียวข้อง ท�ำให้เป็นปัญหาและอุปสรรคส�ำคัญ ในการรวบรวมสำ� นวนคดคี วามใหส้ มบรู ณ์ เพราะกระบวนการทค่ี รบวงจรของการกระทำ� ผดิ นนั้ จะตอ้ ง ประกอบด้วยผู้ซ้ือและผู้ขายในการกระท�ำความผิด แต่ในช้ันการรวบรวมการสอบสวนข้อมูลมีหลาย หน่วยงานเกี่ยวข้อง เชน่ ตำ� รวจ ป.ป.ส. ดีเอสไอ และ ปปง. เป็นต้น 3. การขาดการบรู ณาการระหวา่ งหนว่ ยงานในการทำ� งานรว่ มกนั อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและ ประสิทธผิ ล เช่น กรณีคดียาเสพติด มีหลายหนว่ ยงานเก่ียวขอ้ ง ท้ัง ป.ป.ส. ดเี อสไอ และ ปปง. แตย่ งั ขาดความร่วมมอื กนั ท�ำใหก้ ารฟอกเงินในคดีเก่ยี วกบั ยาเสพติดจงึ มีมาก ดงั แผนภาพที่ 2 แผนภาพท่ี 2: การบรู ณาการทำ� งานระหว่างหน่วยงานท่เี กย่ี วข้องกับความผดิ มลู ฐานการฟอกเงิน 4. ขาดการประสานความร่วมมอื กบั ประเทศเพือ่ นบ้านอยา่ งจริงจังของหนว่ ยงานท่เี ก่ียวขอ้ ง 5. ความสมั ฤทธผิ ลจะเกดิ ขน้ึ ได้ ควรเนน้ มาตรการเชงิ ปอ้ งกนั มากกวา่ ปราบปราม ซงึ่ เปน็ เชงิ รกุ ทว่ั ทงั้ องคก์ ร ส่วนผลกระทบจากการฟอกเงินนั้น ในทางเศรษฐศาสตร์การเมืองแล้วเงินสกปรกท่ีน�ำมาใช้ ในธุรกิจก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ด้วยตัวเลขที่แสดงฐานะทางเศรษฐกิจท่ีบิดเบือนไม่ตรงความเป็นจริง เพราะมีการนำ� เงินสกปรกเข้ามาในระบบเศรษฐกจิ ทัง้ ท่เี งินเหลา่ นไี้ มก่ ่อให้เกิดผลผลิต หรือการสรา้ งงาน ที่ชอบด้วยกฎหมายขึ้นมาเลย ซ่ึงถือเป็นการท�ำลายเศรษฐกิจของประเทศ เพราะเงินจ�ำนวนมาก หลุดออกไปจากวงจรการซ้ือขายตามปกติ เช่น ในประเทศก�ำลังพัฒนา นักฟอกเงินจะน�ำเงินผ่าน การฟอกเงนิ แลว้ ไปฝากหรือลงทนุ ในตา่ งประเทศ นอกจากน้ี เงนิ ท่เี กิดจากธุรกิจผดิ กฎหมายก่อนเข้าสู่ กระบวนการฟอกไมไ่ ด้เสียภาษีอยา่ งถูกต้อง ทำ� ใหร้ ฐั บาลขาดรายได้ ซงึ่ ถอื เป็นบอ่ นทำ� ลายโครงสร้าง สงั คม ความมนั่ คงทางเศรษฐกจิ และเสถียรภาพทางการเมอื งของรฐั อกี ทั้งการฟอกเงนิ เปน็ แหล่งเงนิ ทนุ เพ่ือกิจกรรมผิดกฎหมายอ่ืน ๆ อันเป็นเหตุให้องค์กรอาชญากรรมสามารถแผข่ ยายองคก์ รของตน

เศรษฐกจิ นอกกฎหมายกับการฟอกเงนิ ในประเทศไทย 65 ไดอ้ ยา่ งสะดวกรวดเรว็ และยากตอ่ การสกดั กน้ั มากยง่ิ ขน้ึ เชน่ การนำ� เงนิ จากการคา้ ยาเสพตดิ มาสนับสนุน พรรคการเมอื งส�ำหรับการเลอื กต้ัง หรอื นำ� เงินจากธรุ กิจการพนันมาลงทนุ ในธุรกิจถูกกฎหมายประเภทอ่นื ๆ เป็นตน้ กล่าวโดยสรปุ รูปแบบความสัมพันธ์เชิงโครงสรา้ งของเศรษฐกจิ นอกกฎหมาย เชน่ ยาเสพตดิ การพนนั และคอรร์ ัปชนั ในประเทศไทยนน้ั เกิดจากความไม่สมบรู ณ์ของระบบเศรษฐกจิ ทางการและ ระดับการแทรกแซงกลไกตลาดของรัฐดว้ ยมาตรการต่าง ๆ เป็นสาเหตสุ �ำคัญท�ำให้โครงสรา้ งเศรษฐกจิ นอกกฎหมายด�ำรงอยู่ได้ผ่านกลไกตลาดด้านอุปสงค์ (Demand) จากความต้องการที่เพ่ิมข้ึนของ ประชาชน จงึ สง่ ผลตอ่ อปุ ทานของผผู้ ลติ (Supply) เปน็ ฐานคำ้� จนุ ใหร้ ะบบเศรษฐกจิ นอกกฎหมายดำ� รง อยไู่ ดใ้ นสังคมไทย นอกจากน้ัน ผลอนั เกิดจากปัญหาในเชงิ โครงสรา้ งสถาบนั (Structural Institutions) ของภาครฐั ไดแ้ ก่ (1) ภาษอี ากร การจดั เกบ็ ภาษอี ากรในอตั ราสงู ของรฐั ทำ� ใหผ้ ปู้ ระกอบการและประชาชน พยายามหลกี เลีย่ งภาระภาษเี พิ่มมากข้ึน (2) ระเบียบกฎเกณฑต์ า่ ง ๆ ยงิ่ เศรษฐกิจทางการมรี ะเบียบ กฎเกณฑม์ ากเกนิ ไปเพยี งไร ความพยายามทค่ี นจะหนอี อกจากการควบคมุ กจ็ ะมากขนึ้ เทา่ นน้ั โดยเฉพาะ กฎระเบยี บตลาดแรงงาน ตลาดสนิ คา้ ตลาดการเงนิ ในประเทศและตลาดเงนิ ตราตา่ งประเทศ (3) ขอ้ หา้ ม ตามกฎหมาย ธรุ กจิ ตอ้ งห้ามไม่ใหม้ กี ารประกอบการ จะดว้ ยเหตุผลทางกฎหมาย ทางศีลธรรม และ ความสงบเรยี บรอ้ ยภายในประเทศกต็ าม เชน่ การค้ายาเสพติด บอ่ นการพนนั การคอรร์ ปั ชนั การคา้ มนษุ ย์ และธรุ กิจผิดกฎหมายอื่น ๆ ข้อห้ามตามกฎหมายนีเ้ ปน็ ส่วนสำ� คญั ทีท่ ำ� ให้ราคาของผลิตผลหรือบริการนัน้ มีราคาสูงขึ้น ท�ำให้เกิดการดึงดูดให้มีผู้ประกอบการรายใหม่เพ่ิมข้ึน (4) อ�ำนาจหน้าท่ีการด�ำเนิน กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางอยา่ ง ผปู้ ระกอบการทมี่ คี วามจำ� เปน็ ตอ้ งขออนมุ ตั จิ ากทางการในรปู ใบอนญุ าต สทิ ธบิ ตั ร สมั ปทาน และการประมลู ขนั้ ตอนทจี่ ะทำ� ใหไ้ ดม้ าซงึ่ สทิ ธพิ เิ ศษเหลา่ น้ี ทำ� ใหเ้ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั สามารถไดค้ ณุ หรอื โทษได้ ผปู้ ระกอบการบางกลมุ่ จงึ ตอ้ งอาศยั อำ� นาจของเจา้ หนา้ ทรี่ ฐั เพอื่ ใหไ้ ดส้ ทิ ธพิ เิ ศษ โดยการจ่ายสินบนรางวัลเป็นค่าตอบแทน รายได้จ�ำนวนน้ีไม่ได้ถูกรายงานต่อเจ้าหน้าที่ภาษีของรัฐ อยา่ งถกู ตอ้ ง และ (5) ความไรเ้ สถยี รภาพของระบบตลาด เนอ่ื งจากการดำ� เนนิ นโยบายเศรษฐกจิ ของรฐั บาล หรอื อทิ ธพิ ลจากปัจจยั อ่ืน ๆ ทำ� ใหก้ ารซ้ือขายไม่สะดวก เกิดภาวะเงนิ เฟ้อ เกิดการวา่ งงานสูง จนท�ำให้ ผบู้ รโิ ภคมรี ายไดไ้ มเ่ พยี งพอตอ่ การแลกเปลยี่ นสนิ คา้ และบรกิ าร ขอ้ จำ� กดั เหลา่ นเี้ ปน็ พลงั ผลกั ดนั ใหเ้ กดิ ตลาดนอกระบบขึ้น มีการซ้ือขาย แลกเปลี่ยนสินค้า บริการเหมือนตลาดปกติ แต่ไม่ได้ใช้เงินตรา เปน็ สอื่ กลางในการแลกเปลย่ี น ทำ� ใหป้ รมิ าณสนิ คา้ และบรกิ ารไมผ่ า่ นการบนั ทกึ เปน็ ขอ้ มลู ของทางการ จากการกรอบแนวคดิ ของผวู้ จิ ยั ในการนำ� แนวคดิ เศรษฐกจิ นอกกฎหมายมาใชอ้ ธบิ าย ประการแรก การคา้ ยาเสพตดิ การพนนั และการคอรร์ ปั ชนั ในประเทศไทยถอื เปน็ ธรุ กจิ ผดิ กฎหมาย (Illegal Economy) ซ่ึงการศึกษาน้ีจะเป็นการต่อยอดทางแนวคิดทฤษฎีเศรษฐกิจนอกกฎหมายของ สังศิต พิริยะรังสรรค์ (2547) แล้วนั้น ยังเป็นการสังเคราะห์แนวคิดทฤษฎีร่วมกันระหว่างแนวคิดเศรษฐกิจนอกกฎหมาย กับการฟอกเงินในบริบทประเทศไทยว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร และท�ำไมการคงอยู่ของเศรษฐกิจ นอกกฎหมายทั้งสามประเภทยังคงด�ำรงอยู่ในสังคมไทยอย่างรากลึกจนสร้างสายสัมพันธ์เชิงอ�ำนาจ

66 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีที่ 12 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) ผา่ นโครงสรา้ งสถาบนั กระบวนการ และการใชอ้ ำ� นาจรฐั อยา่ งลกึ ซงึ้ จนกลายเปน็ ปจั จยั คำ�้ จนุ ใหเ้ ศรษฐกจิ นอกกฎหมายประเภทดงั กลา่ วในประเทศไทยดำ� รงอยไู่ ดจ้ ากอดตี สปู่ จั จบุ นั และอนาคต ภายใตโ้ ครงสรา้ ง เศรษฐกจิ สงั คม และวฒั นธรรมแบบรว่ มสมยั (Contemporary Society) จากการศกึ ษาพบวา่ เศรษฐกจิ นอกกฎหมายทั้งสามประเภทน้ันจะถูกหล่อเลี้ยงค�้ำจุนจากความสัมพันธ์แบบด้ังเดิม (Traditional Relationship) และความสัมพนั ธผ์ ่านแรงขบั ของกลไกตลาด (Market Forces) ทั้ง ๆ ทย่ี คุ สมัยของ สงั คมได้เปลยี่ นแปลงไปแลว้ ก็ตาม ดังนั้น แรงขบั เคลื่อนของเศรษฐกจิ นอกกฎหมายในไทยไม่ไดผ้ ูกตดิ กบั ตลาดไปเสยี ทง้ั หมด แตย่ งั อาศยั ความสมั พนั ธเ์ ชงิ อำ� นาจในการแลกเปลยี่ นกนั แทนกลไกตลาดอกี ดว้ ย ซ่ึงอาจจะเรยี กภาวะน้วี ่า ความลม้ เหลวของตลาด (Market Failure) หมายถึง การที่ตลาดไม่สามารถ ท�ำงานตามกลไกเพื่อน�ำมาซ่ึงการจัดสรรทรัพยากรท่ีมีประสิทธิภาพได้ หรือสถานการณ์การท่ีตลาด ไม่อาจน�ำมาซ่ึงความต้องการของสาธารณะได้ เช่น เกิดจากราคาต�่ำหรือสูงเกินไป นโยบายของรัฐ เปลีย่ นแปลงไป การรับรูข้ อ้ มูลขา่ วสาร (Asymmetric Information) รวมทัง้ นวัตกรรม (Innovation) ทเี่ ปล่ียนแปลงไปดว้ ย ความล้มเหลวของตลาดเศรษฐกิจนอกกฎหมายในไทย ท้ังยาเสพตดิ การพนนั และคอร์รปั ชนั ยงั สะทอ้ นไดจ้ ากการสรา้ งกลไกการทำ� งานแบบองคก์ รมเี ครอื ขา่ ยของตวั เองขน้ึ มาคขู่ นานไปกบั องคก์ ร ธรุ กจิ ทว่ั ไปทีอ่ ยูใ่ นระบบเศรษฐกจิ ถกู กฎหมาย (Legal Economy) ทัง้ นี้ ตลาดเศรษฐกิจนอกกฎหมาย ในไทยเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่เพราะมีอุปสงค์จากผู้เล่น/ผู้ซ้ือ และอุปทานจากผู้ประกอบการ/ผู้ขาย จำ� นวนมากเชน่ กนั ทง้ั ยงั เปน็ เครอื ขา่ ยภายในประเทศและเชอื่ มตอ่ กบั พน้ื ทชี่ ายแดนไทยกบั ประเทศเพอ่ื นบา้ น โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ตามพนื้ ทแ่ี นวชายแดนสะทอ้ นบทบาทรฐั ของแตล่ ะประเทศซง่ึ มรี ะดบั การแทรกแซง ตลาดเศรษฐกิจนอกกฎหมายที่แตกต่างกัน เช่น การพนัน ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลมาเลเซีย กัมพูชา เมียนมา และลาว โดยรัฐบาลไทยถือว่ากิจกรรมเหล่าน้ันผิดกฎหมาย (Illegal Economy) ส่วนประเทศเพ่อื นบา้ นอืน่ ๆ ถอื ว่าเป็นกิจกรรมทีถ่ กู กฎหมาย (Legal Economy) ดังนัน้ เศรษฐกิจนอกกฎหมาย ทัง้ ยาเสพตดิ การพนนั และคอร์รัปชนั ในประเทศไทยมีความ รนุ แรงมาก มรี ปู แบบและกระบวนการทซ่ี บั ซอ้ น มกี ารฟอกเงนิ ผา่ นหลายชอ่ งทาง ในขณะทกี่ ระบวนการ ยุตธิ รรมทางอาญามีหลายหนว่ ยงานเกย่ี วข้องเพอื่ แกป้ ัญหา เชน่ ทหาร ตำ� รวจ ป.ป.ส. ดีเอสไอ และ ปปง. แต่ยังขาดการบูรณาการร่วมมือกันอย่างจริงจัง จึงส่งผลท�ำให้เหล่าอาชญากรเศรษฐกิจ นอกกฎหมายเหล่านนั้ น�ำเงินที่ไดไ้ ปฟอกผ่านสถาบนั การเงิน ธนาคาร และการบริการการเงนิ สมัยใหม่ รวมท้ังการนำ� ไปฟอกผา่ นการลงทุนหรอื ซื้อกจิ การตา่ ง ๆ ทม่ี กี ารใช้เงนิ สดจำ� นวนมากๆ 8. ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะจากงานวิจยั นี้ มีดังนี้ 8.1 เศรษฐกิจนอกกฎหมายในประเทศไทยมีเงินหมุนเวียนจ�ำนวนมากในแต่ละปี แตก่ ระบวนการจดั การ ควบคมุ ของภาครฐั และหน่วยงานท่เี กีย่ วข้องทำ� ได้อยา่ งจำ� กดั เพราะขาดการบูรณาการ

เศรษฐกจิ นอกกฎหมายกบั การฟอกเงนิ ในประเทศไทย 67 ระหว่างหน่วยงานในการท�ำงานร่วมกัน ทั้งด้านป้องกันและปราบปราม ด้านการปราบปราม ได้แก่ ต�ำรวจ ทหาร ป.ป.ส. ดีเอสไอ ปปช. และ ปปง. ทำ� ให้วงเงนิ ท่ีถกู นำ� มาฟอกจากเศรษฐกิจนอกกฎหมาย เช่น ยาเสพติด การพนนั และคอร์รปั ชนั จึงมมี าก แต่ควบคมุ และจดั การทำ� ได้น้อย ดงั นนั้ หน่วยงานท่ี เกี่ยวข้องจะต้องท�ำงานร่วมกันในเชิงลึกมากข้ึน รวมท้ังการบังคับใช้กฎหมายในกระบวนการยุติธรรม ในการดำ� เนนิ คดคี วามจะต้องมีความรวดเร็วและมปี ระสทิ ธิภาพ 8.2 ควรมีการบูรณาการท�ำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบในเชิงรุกด้านข้อมูลสารสนเทศ โดยดึงหน่วยงานด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศมาท�ำงานร่วมกนั เช่น กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร ส�ำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ. และส�ำนักงานพัฒนาธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ. รวมทั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ กระบวนการยุติธรรมของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ควรสนับสนุน แนวนโยบาย มาตรฐาน และการแลกเปลย่ี นเช่ือมโยงข้อมูลระหวา่ งระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศท่เี กี่ยวขอ้ ง กบั การปอ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ ของหนว่ ยงานทง้ั ภายในประเทศ และหนว่ ยงานตา่ งประเทศ รองรบั การขยายผลการใหบ้ รกิ าร และบรกิ ารขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เพอ่ื ใหม้ กี ารใชป้ ระโยชนจ์ ากขอ้ มลู ร่วมกนั รวมท้ังลดกระบวนการและเอกสารท่ีเก่ยี วขอ้ งทำ� ใหก้ ารปฏบิ ัติงานมคี วามรวดเร็ว สามารถน�ำ ขอ้ มูลจากระบบมาใช้ในการปฏบิ ตั ิภารกิจได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพสูงสดุ ตลอดจนการประสานความรว่ มมือ กับประเทศเพอื่ นบา้ นอย่างจริงจังระดับรฐั บาลตอ่ รฐั บาล 8.3 ประเทศไทยควรปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งการประเมินจะพิจารณาท้ังประเด็นความสอดคล้องของกฎหมายและกระบวนการด�ำเนินงานของ ประเทศไทยกบั มาตรฐานสากล และประเดน็ ประสทิ ธผิ ลของการดำ� เนนิ งาน ซง่ึ แนวปฏบิ ตั ติ ามมาตรฐาน สากลนั้นจะท�ำให้ประเทศไทยได้รบั การยอมรบั ในระดับระดับสากล ไม่ว่าจะเปน็ ด้านเศรษฐกจิ การคา้ และการลงทุนระหว่างประเทศ รวมท้ังจะท�ำให้หน่วยงานทเี่ กย่ี วข้องทราบวา่ หน่วยงานไหนจะทำ� หน้าทใ่ี ด เช่น ด้านกฎหมาย ด้านปราบปราม ด้านป้องกัน หรือการเป็นหน่วยงานสนับสนุน รวมท้ังประเด็น การสรา้ งองคค์ วามรใู้ หแ้ กส่ งั คมไทยถงึ ผลกระทบจากเศรษฐกจิ นอกกฎหมาย กบั การฟอกเงนิ ในบรบิ ท สังคมไทยท้งั มิตทิ างเศรษฐกจิ การเมือง และสังคมด้วย 8.4 ด้านกฎหมายน้ัน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2556 ซ่งึ ไดก้ ำ� หนดความผิดมลู ฐานจากเดมิ 7 มูลฐาน เพม่ิ ขึ้นเปน็ 25 มูลฐาน ประเดน็ สำ� คญั คือ จ�ำนวนความผิดมูลฐานที่เพ่ิมขึ้นน้ี ได้เพ่ิมอ�ำนาจให้กับหน่วยงานที่เก่ียวข้องโดยตรงแล้วน้ัน ซง่ึ การเพมิ่ อ�ำนาจให้นน้ั ส่งผลต่อการปฏบิ ตั งิ านของหนว่ ยงานดขี น้ึ หรอื ไม่ ทง้ั นี้ หากพจิ ารณาจากผลการปฏบิ ตั ิ ในชว่ งปี พ.ศ. 2543 - 2558 ทง้ั 3 มลู ฐาน คอื ยาเสพติด การพนนั และการคอร์รปั ชันแล้ว ซง่ึ มจี �ำนวน คดคี วามมากถงึ รอ้ ยละ 90 ของจำ� นวนคดฟี อกเงนิ ทงั้ หมดแลว้ กฎหมายทม่ี อี ยกู่ ไ็ มส่ ามารถจดั การและ ปราบปรามการฟอกเงินหรือด�ำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินได้เท่าท่ีควรจะเป็น ถึงแม้ส�ำนักงานป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน หรอื ปปง. จะได้ออกกฎหมายเพอื่ แก้ปัญหาการฟอกเงินเป็นระยะกต็ าม

68 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ี่ 12 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) ได้แก่ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2546 ฉบบั ท่ี 2 พ.ศ. 2551 ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2552 ฉบบั ที่ 4 พ.ศ. 2556 และฉบบั ท่ี 5 พ.ศ. 2558 นอกจากนี้ ยงั มกี ฎกระทรวงอกี หลายฉบบั ทเ่ี กยี่ วของกบั การปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายดงั กลา่ ว ดงั นน้ั ควรมกี ารประเมนิ หรอื ศกึ ษาวา่ จ�ำนวนความผิดมูลฐานท่เี พม่ิ ขน้ึ นั้นเหมาะสมกบั บรบิ ทสังคมไทยหรือไม่ 8.5 เศรษฐกิจนอกกฎหมายบางประเภทมีความยืดหยุ่นในบางสถานการณ์ ท่ีรัฐบาลและ หน่วยงานท่เี กยี่ วข้องควรน�ำมาสู่การพิจารณาท�ำให้ถกู กฎหมาย เพ่อื ประโยชนส์ ูงสุดตอ่ สังคม เช่น กรณขี อง การสกัดกญั ชาเพือ่ ใชก้ ารแพทย์ เป็นตน้ หรอื การอนญุ าตให้การพนนั บางประเภทที่มีผลกระทบตอ่ สังคมตำ�่ อาจพจิ ารณาทำ� ใหถ้ กู กฎหมาย เพื่อรัฐสามารถจดั เกบ็ ภาษีเพ่อื นำ� มาใช้ในการพฒั นาประเทศตอ่ ไป ดงั นนั้ หนว่ ยงานภาครฐั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งควรมกี ารบรู ณาการทำ� งานรว่ มกนั อยา่ งเปน็ ระบบในเชงิ รกุ ด้านข้อมูลสารสนเทศและการยกระดับบังคับใช้กฎหมายในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะในการ ดำ� เนนิ คดคี วาม จะตอ้ งมคี วามรวดเรว็ และมปี ระสทิ ธภิ าพเพมิ่ มากขน้ึ รวมทงั้ ควรมกี ารประเมนิ จำ� นวน ความผิดมลู ฐานท่เี พมิ่ ขึน้ น้นั เหมาะสมกับบริบทสงั คมไทยหรือไม่ ในขณะทร่ี อ้ ยละ 90 ของจ�ำนวนคดี ฟอกเงนิ ทงั้ หมดมาจากคดยี าเสพติด การพนัน และการคอรร์ ัปชัน เอกสารอา้ งอิง จรลั ภักดธี นากุล. ตุลาการศาลรฐั ธรรมนูญ. สืบคน้ เมื่อวนั ท่ี 3 มนี าคม 2558 จาก http://oknation. nationtv.tv/blog/LittleLee/2015/03/03/entry-2 นพิ นธ์ พวั พงศกร. (2546). รายงานผลการวจิ ยั เรอื่ ง ความขดั แยง้ กนั ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและ ผลประโยชนส์ ่วนรว่ ม. กรุงเทพมหานคร: สถาบันวจิ ัยเพ่อื การพัฒนาแหง่ ประเทศไทย. นพิ นธ์ พวั พงศกร. (2557). การคอรร์ ปั ชนั กรณกี ารศกึ ษา: โครงการรบั จำ� นำ� ขา้ วทกุ เมด็ . กรงุ เทพมหานคร: สถาบนั วิจัยเพือ่ การพัฒนาแหง่ ประเทศไทย. ผาสกุ พงษไ์ พจติ ร สงั ศติ พริ ยิ ะรงั สรรค์ นวลนอ้ ย ตรรี ตั น์ และกนกศกั ด์ิ แกว้ เทพ. (2543). อตุ สาหกรรม การพนันไทย องั กฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และมาเลเซีย. เชียงใหม:่ ซิลก์เวริ ม์ บุ๊กส์. พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. 2542 และฉบบั ที่ 5 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ พ.ศ. 2558 พระราชบัญญตั กิ ารพนนั พ.ศ. 2478 และฉบับแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ พระราชบัญญตั ิยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 4 รายงานผลการประเมินประเทศไทยด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการ สนบั สนนุ ทางการเงนิ แกก่ ารกอ่ การรา้ ย ฝา่ ยกฎหมาย กองทนุ การเงนิ ระหวา่ งประเทศ 2550. รายงานประจำ� ปี สำ� นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. 2552. รายงานประจำ� ปี ส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. 2554.

เศรษฐกจิ นอกกฎหมายกับการฟอกเงินในประเทศไทย 69 รายงานการปฏิบตั ิงานของส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2558 รางานการปฏิบตั ิงานของส�ำนักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2558 รายงานการปฏิบตั ิงานส�ำนักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ พ.ศ. 2553 รายงานผลการปฏบิ ตั งิ านของสำ� นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ พ.ศ. 2557 รายงานการปฏบิ ตั งิ านของสำ� นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ พ.ศ. 2558 รายงานผลการประชมุ ระดมความคดิ เหน็ ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นการพนนั และนกั ธรุ กจิ ชายแดนไทย - เมยี นมา อำ� เภอแม่สอด จังหวดั ตาก วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2561 รายงานผลการประชุมระดมความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพนันและนักธุรกิจชายแดนไทย-ลาว อ�ำเภอเมือง จังหวัดอบุ ลราชธานี วนั ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2561 รัตพงษ์ สอนสุภาพ. (2555). บ่อนการพนันตามแนวชายแดน: ผลกระทบและแนวทางการจัดการ. ศนู ย์การศกึ ษาปัญหาการพนนั คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. รตั พงษ์ สอนสภุ าพ. (2561). รฐั และทนุ คาสโิ น: การลงทนุ ในพนื้ ทช่ี ายแดนไทยและเพอื่ นบา้ น. (ใน วสนั ต์ ปญั ญาแกว้ บรรณาธกิ าร: คาสโิ นชายแดน). ศนู ยก์ ารศกึ ษาปญั หาการพนนั คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . วรพล โสคตยิ านรุ กษ.์ (2550). เศรษฐกจิ นอกระบบในประเทศไทย. กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานปอ้ งกนั และ ปราบปราม การฟอกเงิน. สงั ศิต พริ ยิ ะรงั สรรค์. (2548). ตำ� รวจ ผ้มู ีอิทธิพล และเศรษฐกิจมดื . กรุงเทพมหานคร: สำ� นักพิมพ์ รว่ มด้วยชว่ ยกัน. สังศติ พิริยะรังสรรค์ รัตพงษ์ สอนสภุ าพ และคณะ. (2557). กิจการสลากกนิ แบ่งไทยเพือ่ การพฒั นา: องค์ความรู้กรอบแนวคิด และแนวทางการพัฒนาองค์กร. กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักงาน สลากกินแบ่งรัฐบาล. สงั ศติ พริ ยิ ะรงั สรรค์ รตั พงษ์ สอนสภุ าพ และฉตั รวรชั ญ องคสงิ ห. (2558). ผลกระทบขององคก์ รธรุ กจิ จากการปอ้ งกนั และปราบปรามการคอร์รปั ชันของ ป.ป.ช. มาตรา 103/7. สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวิจัย. ASEAN Narcotics Cooperation Center. 2015. Global Financial Integrity. Illicit Financial Flows from Developing Countries, 2001 - 2012 . International Narcotics Report, 2010. Lippert, O. and Walker, M. (Eds). (1997). The underground economy: global evidence of its size and impact. Vancouver: Fraser Institute. McDonald. R. J. (1984). The underground economy and BLS statistics data.” Monthly Labour Review, 107(1).

70 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ่ี 12 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2562) Harding .P. and R. Jenkins. (1989). The Myth of the Hidden Economy, Open University Press, Philadelphia, Pa, USA. Schneider, F. and Enste, D.H. (2000). Shadow economies: size, causes, and consequences. Journal of Economic Literature, 38. Schneider, F. and Enste, D.H. (2002).The shadow economy: An international survey. United Kingdom: Cambridge University Press. Schneider, F. and Enste, D.H. (2013). The shadow economy: An international survey (Second Edition). United Kingdom: Cambridge University Press. Thomas, Jim J. (1992). Informal economic activity, LSE, Handbooks in Economics, London: Harvester Wheatsheaf. United Nations Office on Drugs and Crime, 2013. United Nation of Drug and Crime, World Drug Report, 2017. สมั ภาษณ์ อดีตคณะกรรมการ ป.ป.ช., วนั ท่ี 29 สงิ หาคม 2560. อดตี คณะกรรมการ ป.ป.ง., วนั ที่ 20 สงิ หาคม 2560. ขา้ ราชการระดบั สงู กระทรวงยตุ ิธรรม, วนั ท่ี 20 สิงหาคม 2560. ผบู้ รหิ ารระดบั สูงคนท่ี 1 - 2, สำ� นักงานสอบสวนคดีพเิ ศษ, วันท่ี 23 สงิ หาคม 2560. ผู้บริหารส�ำนักงาน ป.ป.ส. ระดบั ยุทธศาสตร,์ วันที่ 25 กรกฎาคม 2560. ประชุมระดมความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพนัน นักการเมือง และนักธุรกิจชายแดนไทย-เมียนมา อำ� เภอแมส่ อด จงั หวัดตาก วันท่ี 28 มกราคม พ.ศ. 2561 ประชุมระดมความคิดเห็นผู้เช่ียวชาญด้านการพนัน นักการเมือง และนักธุรกิจชายแดนไทย-ลาว อำ� เภอเมือง จงั หวัดอบุ ลราชธานี วนั ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2561

71 การสำ�รวจความคดิ เห็นของประชาชนเก่ยี วกบั สทิ ธกิ ารรบั รู้ขา่ วสาร การรบั รกู้ ารทุจรติ ผลกระทบและความเสียหายทเี่ กดิ จากการทจุ ริตตอ่ ประชาชน Survey of Public Opinion about Right to Information Perception, Perception of Corruption and the Impact and Damage caused by Public Corruption เสาวณีย์ ทิพอุตI Saowanee Thip-utI บทคัดย่อ ประเดน็ หลกั ของบทความวชิ าการนเ้ี ปน็ การนำ� เสนอเกย่ี วกบั สทิ ธกิ ารรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสาร ระดบั การรับรู้การทจุ รติ ผลกระทบและความเสียหายที่เกิดจากการทจุ ริตของประชาชน และการมีส่วนรว่ ม ในการแกไ้ ขปญั หาการทจุ ริตของประชาชน เพอื่ ให้สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ไดม้ ีขอ้ มลู ประกอบการปรับปรุง แก้ไขและยกระดับการด�ำเนินงาน/การก�ำหนดมาตรการเพ่ือให้สนองตอบต่อสิทธิของประชาชนตาม รฐั ธรรมนญู และการจดั ทำ� แผนการดำ� เนนิ งาน ตลอดจนมาตรการตา่ ง ๆ ใหป้ ระชาชนมคี วามรเู้ กยี่ วกบั พิษภัยของการทุจริตประพฤติมิชอบ และเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในระดบั ต่าง ๆ อย่างมีประสทิ ธิภาพมากข้นึ โดยใช้ระเบียบวธิ ีการวิจัยเชงิ สำ� รวจ (Survey Research) เคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลเปน็ แบบสอบถาม โดยเกบ็ ข้อมูลจากประชาชนอายตุ ้ังแต่ 15 ปี ข้ึนไป ที่เคยมาติดต่อกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. และประชาชนท่ีไม่เคยมาติดต่อกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. รวมจำ� นวนทง้ั สนิ้ 1,041 ราย ซงึ่ จากผลการสำ� รวจสามารถสรปุ การวเิ คราะหค์ วามคดิ เหน็ ของประชาชน ได้ ดงั น้ี ผลการศกึ ษา พบวา่ ประชาชนมรี ะดบั การรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสารของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. อยใู่ นระดบั “ปานกลาง” มีระดับการรับรู้การทุจริตอยู่ในระดับเกิดบ่อยครั้ง โดยปัญหาการทุจริตในประเทศไทย มีความรุนแรงอยู่ในระดับมากที่สุด และยังมีแนวโน้มเพ่ิมข้ึนอย่างรวดเร็ว ทั้งน้ี ประชาชนยังเห็นว่า ปัญหาการทุจริตยังส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะท�ำให้รัฐบาลไม่มีเงิน เพียงพอในการพัฒนาประเทศ การสร้างถนน/โรงเรียน/โรงพยาบาลไม่ได้มาตรฐาน ช�ำรุดง่าย ทำ� ใหป้ ระชาชนตอ้ งซอ้ื สนิ คา้ อปุ โภคบรโิ ภค/บรกิ าร ในราคาทส่ี งู ขนึ้ แตไ่ ดส้ นิ คา้ ทมี่ คี ณุ ภาพลดลง และ ประชาชนต้องจา่ ยค่าบรกิ ารสาธารณะ เชน่ คา่ นำ้� คา่ ไฟฟา้ คา่ รถประจ�ำทาง เป็นต้น ในอตั ราท่ีสงู ข้นึ I นกั วิจัยสังคมศาสตร์ ส�ำนกั วจิ ัยและบริการวชิ าการด้านการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. Social Science Researcher, Professional Level, Bureau of Anti-Corruption Research and Academic Services, Office of the National Anti-Corruption Commission ได้รับบทความ 2 ตลุ าคม 2562 แก้ไขปรับปรงุ 29 พฤศจกิ ายน 2562 อนุมัติใหต้ ีพมิ พ์ 9 ธันวาคม 2562

72 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) แต่อยา่ งไรกต็ าม ประชาชนประมาณ 1 ใน 3 ยงั เพกิ เฉยต่อเจ้าหน้าท่ขี องรัฐที่มีพฤติกรรมไมเ่ หมาะสม หรือสอ่ ไปในทางทุจรติ ดว้ ยเหตุผล 3 อันดบั แรก คอื (1) การแจ้งเบาะแสและร้องเรยี นไปกไ็ มไ่ ดร้ บั การตรวจสอบ หรอื ปรบั ปรุง/แก้ไขอย่างจริงจัง (2) เกรงกลวั ผลกระทบต่อความไมป่ ลอดภยั หรอื การ ถกู กลน่ั แกลง้ จากผมู้ อี ำ� นาจ และ (3) ไมท่ ราบชอ่ งทางวา่ จะตอ้ งรอ้ งเรยี นหรอื แจง้ เบาะแสทไ่ี หน/อยา่ งไร ตามล�ำดับ ค�ำส�ำคญั : สทิ ธิการรับรู้ข่าวสาร การรับรกู้ ารทจุ ริต ผลกระทบและความเสยี หายท่ีเกดิ จากการทจุ รติ ตอ่ ประชาชน Abstract This article is a study of the right to information, corruption perception level, impact and damage caused by public corruption, and participation in solving the problem of public corruption. It aims to provide the National Anti-Corruption Commission (NACC) information so that the NACC can further use to adjust and improve operation, set responsive measures that meet the rights of people under the constitution, and make operational plan to give people knowledge of corruption and misconduct. Accordingly, people’s participation will be more effectively and efficiently in the prevention and suppression of corruption at various levels. Survey research has been conducted by the quantitative research method being the main tool.  Primary data have been collected through 1,041 questionnaires completed by people who are above 15 years old and have had contact with the NACC.   The result found that the level of information perception that people learn from the NACC is at a moderate level, while the level of corruption perception is usually considerable. The corruption problem in Thailand is at the highest level and still has a tendency to increase rapidly. In this regard, people still believe that corruption still affects and brings a lot of negative impacts. It causes the government insufficient funds to develop the country: construction of roads/schools/ hospitals does not meet standards and is easily damaged. Also, it causes a higher price of consumer goods and services at a lower quality as well as a higher rate of public services, such as water bills, electricity bills, bus charges, etc. that people have to pay. However, about one out of three of the people are still ignoring government officials with inappropriate behaviors or those who appear to be corrupted. From this, there are three reasons as follows:

การสำ�รวจความคดิ เหน็ ของประชาชนเกีย่ วกับสิทธิการรบั รูข้ ่าวสาร การรับรู้การทุจริต 73 ผลกระทบและความเสยี หายทีเ่ กดิ จากการทจุ รติ ต่อประชาชน           1. Whistle-blowing and complaints have not been well investigated.           2. They feel afraid of the insecurity of the authority and being bullied.           3. People do not know how to file a complaint or to report whereabouts. Keywords: right to information perception, corruption perceptions, impact and damage caused by public corruption 1. บทนำ� บทความวิจัยฉบับนี้ เป็นการศึกษาเก่ียวกับความคิดเห็นของประชาชนเก่ียวกับสิทธิสิทธิ การรบั รู้ขา่ วสาร การรับรกู้ ารทุจรติ ผลกระทบและความเสียหายที่เกดิ จากการทจุ รติ ต่อประชาชน เพื่อให้ สอดรบั กบั รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช 2560 หมวด 3 มาตรา 41 ได้ก�ำหนดสิทธิ ของบุคคลและชมุ ชนยอ่ มมสี ิทธิ (1) ไดร้ บั ทราบและเข้าถงึ ขอ้ มลู หรือขา่ วสารสาธารณะในครอบครอง ของหน่วยงานของรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ (2) เสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐและได้ รับแจ้งผลการพิจารณาโดยรวดเร็ว และ (3) ฟ้องหน่วยงานของรัฐให้รับผิดเน่ืองจากการกระท�ำหรือ การละเว้นการกระท�ำของขา้ ราชการ พนักงานหรอื ลกู จ้างของหนว่ ยงานของรฐั และมาตรา 59 รัฐตอ้ ง เปดิ เผยขอ้ มลู หรอื ขา่ วสารสาธารณะในครอบครองของหนว่ ยงานของรฐั ทม่ี ใิ ชข่ อ้ มลู เกยี่ วกบั ความมนั่ คง ของรัฐหรือเป็นความลับของทางราชการตามท่ีกฎหมายบัญญัติ และต้องจัดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูล หรือข่าวสารดังกล่าวได้โดยสะดวก และแผนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปราม การทจุ รติ และประพฤตมิ ิชอบ (พ.ศ. 2560 - 2564) ในประเด็นการปฏิรูปท่ี 2 ดา้ นการป้องปราม เป้าหมาย ที่ 2 ให้มีการเปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสารภาครฐั ให้ประชาชนสามารถเขา้ ถงึ และตรวจสอบได้ และสนับสนุน แนวรว่ มปฏบิ ตั ขิ องภาคเอกชนในการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ เพอ่ื ขจดั ปญั หาการทจุ รติ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การตดิ ตอ่ กบั หน่วยงานภาครฐั ในกลยุทธท์ ่ี 1 ผลักดันใหม้ ีกฎหมายวา่ ดว้ ยข้อมลู ขา่ วสารสาธารณะภายใน 2 ปี ทีป่ ระชาชนสามารถเขา้ ถึงขอ้ มลู ข่าวสารไดโ้ ดยไม่ต้องรอ้ งขอ และไดก้ �ำหนดใหส้ ำ� นกั งาน ป.ป.ช. เปน็ หนว่ ยงานหลกั ในการดำ� เนนิ การสำ� รวจโครงการความคดิ เหน็ ของประชาชนเกยี่ วกบั สทิ ธติ ามรฐั ธรรมนญู ผลกระทบที่ได้จากการคอร์รัปชนั ภาพรวมของการแกไ้ ขปัญหาคอรร์ ปั ชนั ในฐานะทสี่ ำ� นกั งาน ป.ป.ช. เปน็ หนว่ ยงานหลกั ในการขบั เคลอื่ นและบรู ณาการการดำ� เนนิ งาน ด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่ต้องด�ำเนินงานกับองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ส่วนราชการหรือ หนว่ ยงานรฐั ภาคเอกชน องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ภาคเครอื ขา่ ย และประชาชน โดยตอ้ งมกี ารสรา้ ง เครือข่ายและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ตลอดจนการสร้างความตระหนักถึงผลเสียท่ีเกิดจาก การทุจรติ รวมถึงการประชาสัมพนั ธก์ ารดำ� เนินงานของสำ� นักงาน ป.ป.ช. เพอ่ื ให้ประชาชนรบั ร้ขู ้อมลู ขา่ วสารทีถ่ ูกต้อง และเทา่ ทันกับพลวตั ของการทจุ ริตทีเ่ ปลีย่ นแปลงไปอยา่ งรวดเรว็ ซึง่ ผลการสำ� รวจ ความคดิ เหน็ ของประชาชนเกย่ี วกบั สทิ ธกิ ารรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสาร การรบั รกู้ ารทจุ รติ ผลกระทบทเี่ กดิ จาก

74 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ่ี 12 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) การทจุ รติ และความเสยี หายทเี่ กดิ จากการทจุ รติ ตอ่ ประชาชนเปน็ การตดิ ตามและประเมนิ ผลการดำ� เนนิ งาน ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ในการปลูกฝังจิตส�ำนัก และการสร้างความตระหนักต่อการทุจริต อันจะน�ำ ไปสู่การพัฒนาและปรับปรุงมาตรการ กลไก ที่จะท�ำให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและ ปราบปรามการทุจรติ อย่างเขม้ แข็งตอ่ ไป 2. วัตถปุ ระสงค์ของการศึกษา 2.1 เพ่อื ศึกษาความรขู้ องประชาชนเกยี่ วกับการมีสิทธิรับรู้ข้อมลู ข่าวสาร 2.2 เพ่อื ศกึ ษาระดบั การรับรกู้ ารทจุ รติ ผลกระทบและความเสยี หายที่เกิดจากการทุจรติ ของ ประชาชน และการมสี ่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการทุจริตของประชาชน 2.3 เพอื่ เปรยี บเทยี บภมู หิ ลงั ของประชาชนเกย่ี วกบั การรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสารของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. การรับรู้การทุจรติ ผลกระทบและความเสยี หายท่เี กดิ จากการทจุ ริต 3. การทบทวนวรรณกรรม จากการทบทวน กฎหมาย ระเบยี บ และขอ้ บงั คบั ทเี่ ก่ียวกบั สิทธกิ ารรบั รขู้ ้อมูลข่าวสารของ ประชาชน โดยเรมิ่ ตน้ จากรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2560 ทไ่ี ดใ้ หค้ วามสำ� คญั กบั การปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ โดยได้กำ� หนดบทบญั ญตั ิไวใ้ นหลายส่วนดว้ ยกัน ดังน้ี 1) หมวดที่ 3 สิทธแิ ละเสรภี าพของปวงชนชาวไทย มาตรา 41 กำ� หนดให้บุคคลและชมุ ชน ย่อมมีสิทธิ (1) ไดร้ ับทราบและเข้าถึงข้อมลู หรอื ข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหนว่ ยงานของรัฐ ตามท่ีกฎหมายบัญญัติ (2) เสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐและได้รับแจ้งผลการพิจารณา โดยรวดเรว็ และ (3) ฟอ้ งหนว่ ยงานของรัฐใหร้ ับผิดเนอื่ งจากการกระท�ำหรือการละเว้นการกระท�ำของ ข้าราชการ พนกั งานหรือลกู จา้ งของหน่วยงานของรัฐ 2) หมวดท่ี 4 หน้าทีข่ องปวงชนชาวไทย มาตรา 50 (10) กำ� หนดให้บุคคลมหี น้าทไี่ ม่รว่ มมือ หรอื สนับสนุนการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบทุกรูปแบบ 3) หมวดท่ี 5 หนา้ ทข่ี องรฐั มาตรา 59 กำ� หนดใหร้ ฐั ตอ้ งเปดิ เผยขอ้ มลู หรอื ขา่ วสารสาธารณะ ในครอบครองของหน่วยงานของรัฐท่ีมิใช่ข้อมูลเก่ียวกับความมั่นคงของรัฐหรือเป็นความลับของทาง ราชการตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ และตอ้ งจดั ใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ ขอ้ มลู หรอื ขา่ วสารดงั กลา่ วไดโ้ ดยสะดวก 4) หมวดที่ 6 มาตรา 63 ก�ำหนดใหร้ ัฐตอ้ งสง่ เสริม สนับสนุน และใหค้ วามรแู้ กป่ ระชาชนถึง อนั ตรายทเ่ี กดิ จากการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบทงั้ ในภาครฐั และประพฤตมิ ชิ อบดงั กลา่ วอยา่ งเขม้ งวด รวมท้ังกลไกในการส่งเสรมิ ใหป้ ระชาชนรวมตัวกันเพือ่ มีส่วนรว่ มในการรณรงค์ให้ความรู้ ตอ่ ต้าน หรือ ชีเ้ บาะแส โดยได้รับความคุ้มครองจากรฐั ตามกฎหมายบัญญัติ 5) หมวดท่ี 6 แนวนโยบายแหง่ รฐั มาตรา 76 กำ� หนดใหร้ ฐั พงึ พฒั นาระบบการบรหิ ารราชการ แผน่ ดนิ ทง้ั ราชการสว่ นกลาง สว่ นภมู ภิ าค สว่ นทอ้ งถนิ่ และงานของรฐั อยา่ งอนื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั การ

การส�ำ รวจความคิดเหน็ ของประชาชนเกีย่ วกับสทิ ธกิ ารรับรูข้ า่ วสาร การรบั รู้การทจุ รติ 75 ผลกระทบและความเสยี หายที่เกดิ จากการทจุ ริตต่อประชาชน บริหารกจิ การบา้ นเมืองท่ีดี โดยหน่วยงานของรัฐตอ้ งรว่ มมือและช่วยเหลือกนั ในการปฏิบัติหน้าที่ เพ่อื ใหก้ ารบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ การจดั ทำ� บรกิ ารสาธารณะ และการใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณมปี ระสทิ ธภิ าพ สูงสดุ เพ่อื ประโยชนส์ ขุ ของประชาชน ตลอดทั้งพัฒนาใหเ้ จา้ หน้าทีข่ องรฐั มีความซ่อื สัตยส์ ุจริต และมี ทศั นคตเิ ปน็ ผใู้ หบ้ รกิ ารแกป่ ระชาชนใหเ้ กดิ ความสะดวก รวดเรว็ ไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิ และปฏบิ ตั หิ นา้ ทอี่ ยา่ ง มปี ระสทิ ธภิ าพ 6) หมวดท่ี 6 แนวนโยบายแหง่ รฐั มาตรา 78 กำ� หนดใหร้ ฐั พงึ สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนและชมุ ชน มีความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมขุ และมสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาประเทศดา้ นตา่ ง ๆ การจดั ทำ� บรกิ ารสาธารณะทงั้ ในระดบั ชาตแิ ละ ระดับทอ้ งถนิ่ การตรวจสอบการใช้อ�ำนาจรฐั การต่อตา้ นการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบ รวมตลอดทง้ั การตดั สินใจทางการเมืองและการอ่นื ใดท่อี าจมีผลกระทบต่อประชาชนหรือชุมชน นอกจากนี้ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั ไทย พทุ ธศกั ราช 2560 ไดก้ ำ� หนดหมวด 16 การปฏริ ปู ประเทศ มาตรา 258 กำ� หนดให้มกี ารด�ำเนินการการปฏิรูปประเทศอยา่ งนอ้ ยในด้านตา่ ง ๆ ให้เกดิ ผล ตามที่ก�ำหนด โดยให้เป็นไปตามที่ก�ำหนดในกฎหมายว่าด้วยแผนและข้ันตอนการด�ำเนินการปฏิรูป ประเทศ ประกอบกับรัฐบาลเห็นว่าการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ เป็นเร่ืองส�ำคัญทจี่ ะตอ้ งเร่ง ด�ำเนินการ ดว้ ยเหตุนี้ คณะรฐั มนตรจี งึ ไดม้ ีการแตง่ ตงั้ คณะกรรมการปฏิรปู ประเทศในด้านตา่ ง ๆ เพื่อ จัดทำ� แผนการปฏริ ปู ประเทศ รวมจ�ำนวน 11 ด้าน ไดแ้ ก่ ดา้ นการเมอื ง ด้านการบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ด้านกฎหมาย ด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านเศรษฐกิจ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดา้ นสาธารณสขุ ดา้ นสอ่ื สารมวลชน เทคโนโลยี ดา้ นสงั คม ดา้ นพลงั งาน และดา้ นการปอ้ งกนั และปราบปราม การทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยแผนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบเป็นหนึ่งในแผนปฏิรูป 11 ด้าน ท่ีได้ก�ำหนดผลอันพึงประสงค์ เป้าหมายและ ผลสัมฤทธิ์ ดงั น้ี (1) ให้มีการสง่ เสรมิ สนับสนุน และใหค้ วามรแู้ กป่ ระชาชนเก่ยี วกบั การทจุ รติ ประพฤตมิ ิชอบ รวมทั้งให้มีกฎหมายในการส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกันเป็นพลังในการต่อต้านการทุจริตประพฤติ มชิ อบและชเ้ี บาะแสเมอื่ พบเหน็ การกระทำ� ความผดิ โดยรฐั มมี าตรการสนบั สนนุ และคมุ้ ครองผชู้ เ้ี บาะแส ด้วย (2) ให้มีมาตรการควบคุม กำ� กับ ติดตาม การบรหิ ารจัดการของหนว่ ยงานภาครัฐ และภาค เอกชน โดยเฉพาะการปฏิบัตหิ นา้ ทีด่ ้วยความซ่ือตรง สจุ รติ ของบุคลากร ใช้ดลุ พนิ ิจโดยสุจรติ ภายใต้ กรอบธรรมาภิบาลและการก�ำกบั กจิ การทด่ี อี ยา่ งแท้จรงิ (3) ให้มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภาครัฐให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและตรวจสอบได้และ สนบั สนนุ แนวรว่ มปฏบิ ตั ขิ องภาคเอกชนในการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ เพอ่ื ขจดั ปญั หาการทจุ รติ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การติดตอ่ กับหนว่ ยงานภาครฐั

76 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ่ี 12 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2562) (4) ยกระดบั การบงั คบั ใชม้ าตรการทางวนิ ยั มาตรการทางปกครอง หรอื มาตรการทางกฎหมาย ต่อเจา้ พนักงานของรฐั ท่ีถูกกลา่ วหาว่าประพฤติมิชอบ หรอื กระทำ� การทุจริตและประพฤติมิชอบอยา่ ง เครง่ ครัด (5) ปรบั ปรงุ ประสทิ ธิภาพการบังคับใช้กฎหมายในกระบวนการยุตธิ รรมทุกขั้นตอน (ไต่สวน ชมี้ ลู ฟ้องศาล พิพากษา) ท้งั แพง่ และอาญาให้รวดเร็ว รนุ แรง เดด็ ขาด เปน็ ธรรม เสมอภาค โดยเฉพาะ มีการจัดท�ำและบูรณาการฐานข้อมูลคดีทุจริต ตลอดจนเร่งรัดการติดตามน�ำทรัพย์สินท่ีเกิดจากการ กระทำ� ผิดท้งั ในประเทศและตา่ งประเทศให้ตกเป็นของแผน่ ดนิ และในกรณที ยี่ งั ไมม่ กี ฎหมายทส่ี อดคล้อง กับมาตรฐานสากล กใ็ หเ้ ร่งบัญญัตเิ พ่มิ เตมิ (6) ให้มีกลไกท่ีเหมาะสมในการประสานงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติ มิชอบในระดับนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการขับเคล่ือนนโยบายและยุทธศาสตร์ เพ่ือให้ประเทศไทย ปลอดทุจริต ท้งั น้ี พระราชบญั ญตั ิข้อมลู ขา่ วสารของราชการ พ.ศ. 2540 ยงั เปน็ กฎหมายทส่ี ามารถช่วย ในการขบั เคลอ่ื นหรอื เปน็ กลไกในการรบั รองสทิ ธกิ ารรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสารของประชาชนตามรฐั ธรรมนญู ซง่ึ ไดม้ กี ารบงั คับมาแล้วเป็นเวลา 20 ปี ส�ำหรับเหตผุ ลในการตราพระราชบัญญัตนิ ้ี สามารถสรปุ ได้ 3 ประการ คอื (1) เพือ่ ให้ประชาชนมีโอกาสรับรขู้ ้อมูลขา่ วสารเก่ยี วกับการดำ� เนินการต่าง ๆ ของรฐั เพอื่ จะได้สามารถแสดงความคดิ เหน็ และใชส้ ิทธทิ างการเมอื งได้อยา่ งถกู ตอ้ งกบั ความเป็นจริง และสง่ เสริม ใหร้ ฐั บาลเปน็ รฐั บาลของประชาชนมากยง่ิ ขนึ้ (2) เพอ่ื กำ� หนดขอ้ ยกเวน้ ในการเปดิ เผยขอ้ มลู ขา่ วสารให้ ชัดเจน และจ�ำกัดการปกปิดเฉพาะข้อมูลข่าวสารที่หากเปิดเผยแล้วจะเกิดความเสียหายต่อประเทศ ชาติหรือต่อประโยชน์ท่ีส�ำคัญของเอกชน โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องให้เหตุผลด้วยว่าท่ีเปิดเผยไม่ได้ เพราะเหตุใด และ (3) เพื่อคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลในส่วนท่ีเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารของราชการไม่ให้ หนว่ ยงานของรฐั เปดิ เผยขอ้ มลู สว่ นบคุ คลตอ่ ผอู้ น่ื ประกอบกบั การศกึ ษาผลการสำ� รวจ และผลการวจิ ยั ท่เี กย่ี วข้อง ซึง่ สามารถสรปุ ไดต้ ามรายประเดน็ ดังน้ี 1) การรับรูส้ ทิ ธแิ ละเสรีภาพของประชาชน จากรายงานการศกึ ษาวชิ าการของสำ� นกั งานคณะกรรมการขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ (สขร.) เก่ียวกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารในรอบระยะ 21 ปีที่ผ่านมา ประชาชนยังไม่สามารถเข้าถึงข้อมูล ข่าวสารได้โดยสะดวกรวดเร็วตามระบบเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีเปลี่ยนแปลงไป ข้อมูลข่าวสารที่ให้ เปิดเผยไดเ้ ป็นการทั่วไปยังไมต่ อบสนองความตอ้ งการของประชาชนเทา่ ทคี่ วร และยังข้นึ อยู่กับการตดั สินใจ ของเจา้ หนา้ ทแี่ ละหนว่ ยงานของรฐั เปน็ หลกั ไมร่ องรบั กบั บทบญั ญตั ริ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย ท่ีต้องการให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้โดยสะดวก ส่วนปัจจัยมีผลต่อระดับความคิดเห็น ของประชาชนเกย่ี วกับสิทธแิ ละเสรีภาพของชนชาวไทย ดงั จะเหน็ ไดจ้ าก สมฤทัย โทนสงู เนนิ (2554) พบวา่ อาชพี ระดบั การศกึ ษา สถานภาพสมรส และระดบั รายไดข้ องประชาชนมคี วามสมั พนั ธก์ บั ระดบั ความคิดเห็นเก่ียวกับสิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย ในขณะท่ีเพศไม่มีความสัมพันธ์กับระดับ ความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั สทิ ธิและเสรีภาพของชนชาวไทย

การส�ำ รวจความคิดเหน็ ของประชาชนเกยี่ วกับสิทธิการรับรขู้ ่าวสาร การรบั รกู้ ารทจุ ริต 77 ผลกระทบและความเสยี หายที่เกดิ จากการทุจริตต่อประชาชน 2) การรับรู้การทุจริต การรับรู้ (Perception) เปน็ สว่ นสำ� คญั ของกระบวนการทางความคดิ และการรบั รจู้ ะเกดิ ข้นึ ไดน้ น้ั กต็ อ่ เมอ่ื มสี งิ่ เรา้ หรอื สถานการณเ์ ขา้ มากระทบกบั ความรสู้ กึ และความคดิ ของบคุ คลนน้ั จงึ จะทำ� ให้ เกิดการตัดสินใจและแสดงพฤติกรรมออกไป ซึ่งจากผลการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตาม มาตรฐานทางจริยธรรมข้าราชการพลเรือน ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 พบว่า ประชาชนก็มี การรับรู้พฤติกรรมด้านลบของข้าราชการ ทั้งในรูปแบบท่ีประสบด้วยตนเอง รับรู้จากบุคคลอ่ืนบอกเล่ามา และจากสอ่ื สงิ่ พมิ พ์ อนิ เทอรเ์ นต็ สอื่ มวลชน โดยประมาณ 1 ใน 3 ของประชาชนกย็ งั มกี ารรบั รพู้ ฤตกิ รรม ดา้ นลบของข้าราชการ เชน่ ความไม่เปน็ กลางทางการเมือง การใช้ทรัพย์สินทางราชการเพือ่ ประโยชน์ สว่ นตน การรบั สนิ บน เงินใต้โต๊ะ การใชอ้ ทิ ธพิ ลในการอนมุ ัติ อนุญาต การจดั ซ้ือจัดจา้ ง การวง่ิ เต้นหา เสน้ สายเพื่อโยกย้าย/เล่ือนต�ำแหน่ง และการละเมิดศลี ธรรม ชสู้ าว เลน่ การพนนั ยาเสพตดิ และจาก การทบทวนงานวจิ ยั ทผี่ า่ นมาสามารถจำ� แนกรปู แบบของการทจุ รติ ในประเทศไทยไดอ้ อกเปน็ 2 ลกั ษณะ ใหญ่ ๆ คือ (1) การทุจริตเชิงนโยบาย โดยการใช้นโยบาย กฎหมาย กฎเกณฑ์ ข้อบังคับต่าง ๆ อย่างมีอคติ การใช้นโยบายประชานิยมของผู้บริหารประเทศ การน�ำเสนอช่องทาง/โครงการท่ีมี งบประมาณสูง การใช้ทรัพยากรของรัฐไปในทางมิชอบ และ (2) การทุจริตในรูปของบุคคลและ หนว่ ยงาน เชน่ การให้และการรับสนิ บน การทจุ รติ ต่อตำ� แหนง่ หน้าท่รี าชการ การทจุ รติ ในการจดั ซอื้ จดั จา้ ง การทุจริตในการใหส้ มั ปทาน การแทรกแซงการท�ำงานของนักการเมือง และอนื่ ๆ เปน็ ตน้ 3) ผลกระทบและความเสยี หายทเี่ กิดจากการทจุ ริต การทุจริตถือได้ว่าเป็นปัญหาท่ีเร้ือรังและมีความรุนแรงมากข้ึน โดยเฉพาะในสถานการณ์ ปจั จุบนั ย่ิงมคี วามซับซอ้ นมากยิ่งขนึ้ ซ่ึงเน่ืองมาจากการทุจริตมีผลต่อทุกภาคสว่ น ตงั้ แตร่ ะดับประเทศ หนว่ ยงาน ชมุ ชน และตัวประชาชน ท้ังในมติ ดิ า้ นเศรษฐกจิ สังคม และสง่ิ แวดลอ้ ม โดยศาสตราจารย์ จอห์นสัน (O.E.G. Johnson, 1975) ได้ระบุว่ารัฐบาลที่มีการทุจริตจะน�ำผลเสียมาสู่สังคมมากกว่า ผลประโยชนท์ นี่ กั การเมอื งและพรรคพวกพงึ จะไดร้ บั โดยผทู้ ไี่ ดผ้ ลประโยชนจ์ ากการทจุ รติ จะมรี ปู แบบ การใช้จ่ายเพ่ือการบริโภคที่ฟุ่มเฟือยสูง และมักลงทุนเพ่ือการเมืองในคร้ังถัดไป ซ่ึงน�ำมาสู่ผลกระทบ ด้านเศรษฐกจิ กล่าวคือ ทรพั ยากรถูกโยกยา้ ยสู่กิจกรรมการเมือง เมอื่ พรรคหน่งึ พรรคใดท�ำได้ จะย่งิ ดงึ ดดู ใหม้ กี ารแขง่ ขนั กนั นำ� ไปสกู่ ารสญู เสยี ทรพั ยากรทไี่ มค่ มุ้ คา่ เกดิ ความสญู เปลา่ ของการใชท้ รพั ยากร ข้าราชการถูกดึงเข้าเป็นพันธมิตรกับนักการเมือง น�ำไปสู่การซื้อต�ำแหน่ง การเล่นพรรคเล่นพวก กิจกรรมทางเศรษฐกิจเบ่ียงเบนไปจากที่ควรเป็น ซ่ึงกล่าวได้ว่าเป็นกับดักในการพัฒนาประเทศ ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั การศกึ ษาของสมาคมสง่ เสรมิ สถาบนั กรรมการบรษิ ทั ไทย (Thai Institute of Directors: IOD) โดยผนู้ ำ� ทางธรุ กจิ สว่ นใหญเ่ หน็ วา่ การทจุ รติ สง่ ผลตอ่ ประเทศไทยในเรอื่ งการลดทอนประสทิ ธภิ าพ ในการแขง่ ขันในภูมิภาคมากทส่ี ดุ รองลงมาเป็นเร่ืองความตกต�่ำทางจริยธรรมของสังคม ช่ือเสียงที่ไม่ดี ของประเทศ เศรษฐกจิ เตบิ โตช้า ระบบธรรมาภบิ าลอ่อนแอ เกดิ ชอ่ งว่าง/ความไม่เทา่ เทยี มกันด้านรายได้ ระหว่างคนจนกับคนรวยมากข้นึ เกิดความเหลื่อมล�้ำด้านตา่ ง ๆ ในสงั คม (เช่น โอกาสทางการศึกษา

78 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2562) โอกาสในการเขา้ ถงึ การแพทย์ โอกาสในการเขา้ ถงึ สอื่ ตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ ) และภาคประชาสงั คมมคี วามออ่ นแอ และผลกระทบของการทจุ รติ ทม่ี ตี อ่ ธรุ กจิ ภาคเอกชน คอื ทำ� ใหภ้ าคเอกชนตอ้ งเพม่ิ ตน้ ทนุ ในการดำ� เนนิ ธุรกิจ ท�ำลายคุณค่าท่ีดีทางสังคม น�ำไปสู่ความยากล�ำบากในการบริหารงานในการผูกขาดทางธุรกิจ ท�ำให้ต้องขายสนิ คา้ /บริการในราคาที่สูงขึ้น สินคา้ มีคณุ ภาพลดต่�ำลง 4) การไมร่ ่วมมอื /สนบั สนุนการทจุ ริต จากการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมข้าราชการพลเรือน ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 โดยได้มีการส�ำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับพฤติกรรม การแสดงออกหลังจากได้พบเห็นหรือได้ยินพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งพบว่า ประชาชนจะมกี ารบอกตอ่ หรอื เลา่ ใหผ้ อู้ น่ื ฟงั มากเปน็ อนั ดบั หนงึ่ (รอ้ ยละ 45.65) รองลงมาเปน็ การแจง้ เจา้ หน้าท่ขี องสว่ นราชการ (ร้อยละ 26.78) วางเฉยต่อพฤติกรรมทพี่ บเหน็ (รอ้ ยละ 20.03) และเปน็ ที่น่าสังเกตได้ว่าเกือบ 1 ใน 5 ของประชาชนตัวอย่างยังไม่รู้ว่าจะแจ้งหน่วยงานใด (ร้อยละ 19.30) ซง่ึ สอดคลอ้ งกับผลการศึกษาของ เสาวณยี ์ ทพิ อุต และคณะ (2561: 162 - 163) โดยกลุ่มประชาชนทเี่ คย มารบั บริการหน่วยงานท่สี งั กดั กระทรวงมหาดไทย ประมาณคร่ึงหน่งึ ของประชาชนตัวอยา่ งมีการรับรู้ พฤตกิ รรมในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องขา้ ราชการทสี่ อ่ ไปในทางทไ่ี มเ่ หมาะสม และการแสวงหาผลประโยชน์ ส่วนตวั ของข้าราชการ ส�ำหรบั ช่องทางในการรับรูพ้ ฤตกิ รรมทางลบของขา้ ราชการ ประชาชนรับร้จู าก ส่ือต่าง ๆ มากที่สุด รองลงมาเป็นบุคคลอ่ืนบอกเล่าและประสบด้วยตนเอง ตามล�ำดับ โดยลักษณะ พฤตกิ รรมทไี่ มเ่ หมาะสมทป่ี ระชาชนประสบดว้ ยตนเองเปน็ เรอ่ื งการปฏบิ ตั งิ านทไี่ มเ่ ปน็ กลาง/เลอื กปฏบิ ตั ิ มากท่ีสุด รองลงมาเป็นการใช้ทรัพย์สินทางราชการเพื่อประโยชน์ส่วนตน การเรียกรับสินบน/ ใช้อ�ำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์ส่วนตนโดยมิชอบ การใช้อ�ำนาจหน้าที่ในการอนุมัติ/อนุญาตโดยมิชอบ และการใช้เส้นสายในการโยกย้ายหรือเลื่อนต�ำแหน่ง และจากข้อมูลการส�ำรวจการด�ำเนินการของ ประชาชนเมื่อพบเห็นข้าราชการที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหรือส่งไปในทางทุจริตด้วยตนเอง พบว่า ประมาณ 2 ใน 3 ของประชาชนทพี่ บเหน็ พฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสมหรอื สอ่ ไปในทางทจุ รติ จะเลา่ เหตกุ ารณ์ ให้เพือ่ นหรอื ญาตฟิ ัง และประมาณ 1 ใน 3 มีการแจง้ หน่วยงานราชการ และวางเฉย โดยประชาชนให้ เหตผุ ลของการไมแ่ จง้ เบาะแสตอ่ หนว่ ยงานวา่ หากมกี ารแจง้ เบาะแสหรอื แจง้ ความจะเปน็ ภยั กบั ตนเอง เนื่องจากบางพ้ืนที่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพล ซ่ึงจะไม่เป็นผลดีกับตนเองและเป็นการเสียเวลาในการแจ้งหรือ ร้องเรียนหน่วยงาน ในขณะเดียวกัน ประชาชนบางส่วนก็มีการสมยอมในการจ่ายสินบนเพ่ือแลกกับ ความสะดวกสบาย 4. วิธดี �ำเนินการศึกษา การศกึ ษานใี้ ชร้ ะเบยี บวธิ กี ารวจิ ยั เชงิ สำ� รวจ (Survey Research) โดยไดก้ ำ� หนดวธิ กี ารดำ� เนนิ การ ศกึ ษา ดงั น้ี

การส�ำ รวจความคดิ เหน็ ของประชาชนเกีย่ วกับสทิ ธิการรับรขู้ า่ วสาร การรบั รกู้ ารทจุ ริต 79 ผลกระทบและความเสยี หายท่เี กดิ จากการทจุ รติ ต่อประชาชน 4.1 กรอบแนวคดิ ในการศกึ ษา จากการทบทวนวรรณกรรมเก่ยี วกับสิทธิตามรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เป้าหมายและผลสมั ฤทธติ์ ามแผนปฏิรปู ประเทศด้านการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ ประพฤตมิ ชิ อบ ข้อก�ำหนดหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ตลอดจนแนวคิด ทฤษฎเี กย่ี วกบั การรบั ร้ขู อ้ มลู ข่าวสารทม่ี อี งคป์ ระกอบของปัจจยั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง เชน่ อายุ การศึกษา อาชีพ และรายได้ คณะผูว้ ิจยั จึงไดน้ �ำมาจดั ท�ำเปน็ กรอบแนวคิดในการสำ� รวจครงั้ นี้ เพอ่ื ให้ไดข้ อ้ มูลทีจ่ ะเปน็ หลักฐานเชิงประจักษ์และมีความน่าเช่ือถือที่มีกรอบแนวคิดทฤษฎีมาเป็นกรอบในการจัดท�ำเคร่ืองมือ การส�ำรวจและการก�ำหนดตัวแปร เพื่อการออกแบบและสร้างเครื่องมือ และวิเคราะห์ผลการส�ำรวจ โดยมกี รอบแนวคิด ดงั แผนภาพท่ี 1 แผนภาพที่ 1: กรอบแนวคิดในการวจิ ยั (Conceptual Framework) ขอ้ มลู ส่วนบคุ คล ความคดิ เห็นเกยี่ วกบั สทิ ธกิ ารรับร้ขู อ้ มูลข่าวสาร - อายุ การรับรขู้ อ้ มูลขา่ วสารของสำ�นกั งาน ป.ป.ช. - การศึกษา - อาชพี การรับร้กู ารทุจรติ - รายได้ ผลกระทบและความเสียหายท่เี กดิ จากการทจุ รติ การมสี ่วนรว่ มในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต 4.2 ประชากรและตัวอย่าง ประชากรเปา้ หมาย ประชากรเปา้ หมายทใ่ี ช้ในการส�ำรวจครัง้ น้ี ไดแ้ บ่งออกเป็น 2 กลมุ่ ใหญ่ ๆ คอื (1) ประชาชน คนไทยอายุตง้ั แต่ 15 ปีขน้ึ ไป ทเี่ คยมาตดิ ต่อหรอื มีปฏิสัมพันธต์ ่อการดำ� เนินงานของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. และ (2) ประชาชนคนไทยทมี่ ีอายตุ ้งั แต่ 15 ปีขึ้นไป ทไ่ี ม่เคยมปี ฏิสัมพนั ธก์ ับส�ำนกั งาน ป.ป.ช. การก�ำหนดขนาดตวั อยา่ ง เนอ่ื งจากไมท่ ราบจำ� นวนประชาชน และจำ� นวนเจา้ พนกั งานของรฐั ทม่ี ปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั สำ� นกั งาน ป.ป.ช. และจ�ำนวนประชาชนท่ีไม่มีปฏิบัติสัมพันธ์กับส�ำนักงาน ป.ป.ช. ในแต่ละกลุ่มท่ีแท้จริง และ

80 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2562) ไม่ทราบสัดส่วนของประชาชน ดงั น้ัน ในการศึกษาครงั้ นี้จึงไดก้ �ำหนดขนาดตวั อยา่ ง (Sample Size) โดยใช้สตู รของ Cochran ที่ระดับความเชือ่ ม่นั ทรี่ อ้ ยละ 95 และความคลาดเคล่ือนท่ียอมรบั ได้ไมเ่ กิน ร้อยละ 0.05 แทนค่าในสตู ร ดังนี้ โดยคำ� นวณจากสตู ร n= Z2 ) (4e2 เมือ่ n คือ ขนาดตวั อย่าง Z คือ ระดับความเชื่อมั่นหรือระดับนัยส�ำคัญทางสถิติ ใช้ระดับนัยส�ำคัญ 95 หรือ ระดบั นยั สำ� คญั 0.05 มคี ่า Z=1.96 e คอื คา่ ความคลาดเคล่อื นทย่ี อมใหเ้ กิดข้นึ ได้ 5 แทนคา่ ในสูตร n = 1.962 = 384 (4(0.05)2 จากการแทนคา่ ในสตู ร ไดข้ นาดตวั อยา่ งในการเปน็ ตวั แทนของประชาชนในแตล่ ะกลมุ่ เทา่ กบั 384 ราย เพอื่ ความสะดวกในการประเมนิ ผล และการวเิ คราะหข์ อ้ มลู คณะผวู้ จิ ยั จงึ ปรบั ขนาดตวั อยา่ ง เปน็ กล่มุ ละ 400 ราย ดังนี้ (1) ประชาชนคนไทยอายุตั้งแต่ 15 ปขี นึ้ ไป ทเ่ี คยมาตดิ ตอ่ หรอื มีปฏิสมั พนั ธ์ตอ่ การดำ� เนินงาน ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. อย่างน้อยจำ� นวน 400 ราย (2) ประชาชนคนไทยท่ีมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ที่ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับส�ำนักงาน ป.ป.ช. ขนาดตัวอยา่ งเป็นจ�ำนวน 400 ราย การส่มุ ตวั อย่าง คณะผู้วิจัยได้ก�ำหนดวิธีการสุ่มตัวอย่างตามลักษณะของการได้มาซ่ึงข้อมูลในแต่ละกลุ่ม เป้าหมาย ดังนี้ (1) ประชาชนคนไทยอายตุ ง้ั แต่ 15 ปขี นึ้ ไป ทเี่ คยมาตดิ ตอ่ หรอื มปี ฏสิ มั พนั ธต์ อ่ การดำ� เนนิ งาน ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. การสุ่มหน่วยตัวอย่างในกลุ่มประชาชนคนไทยอายุต้ังแต่ 15 ปีขึ้นไป ท่ีเคยมาติดต่อหรือ มีปฏิสัมพันธ์ต่อการด�ำเนินงานของส�ำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อให้ได้ขนาดตัวอย่างอย่างน้อย 400 ราย และให้มีการกระจายตามเขตพ้ืนท่ี คณะผู้วิจัยได้ใช้เทคนิคการสุ่มแบบชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) โดยกำ� หนดใหเ้ ขตพนื้ ท่ี (4 ภาค) เปน็ สตราตัม (Stratum) โดยในแตล่ ะภาคได้ทำ� การเลอื ก จงั หวดั ท่มี ีขนาดใหญ่ ภาคละ 1 จังหวดั และทำ� การสุ่มอยา่ งง่ายกบั จงั หวดั อื่น ๆ ที่เหลือในแตล่ ะภาค ภาคละ 1 จังหวัด รวมเป็นภาคละ 2 จังหวัด และท�ำการเก็บข้อมูลตามสัดส่วน (proportional stratified random sampling) ตามเขตพืน้ ทต่ี วั อยา่ ง

การส�ำ รวจความคิดเห็นของประชาชนเก่ียวกับสิทธิการรับร้ขู ่าวสาร การรบั ร้กู ารทุจรติ 81 ผลกระทบและความเสยี หายท่เี กิดจากการทจุ ริตต่อประชาชน (2) ประชาชนคนไทยที่มีอายุต้ังแต่ 15 ปีขึ้นไป ท่ีไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับส�ำนักงาน ป.ป.ช. การเลอื กกล่มุ ตวั อยา่ งแบบโควตา (Quota Sampling) โดยใหม้ ีการกระจายตามเขตพ้ืนทีต่ ามท่ีสุ่มใน ขอ้ (1) เคร่อื งมือท่ีใช้ในการศึกษา เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นสำ� รวจคร้งั น้ี เป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) เกย่ี วกับความคดิ เห็นของ ประชาชนเกย่ี วกับสิทธกิ ารรับรขู้ า่ วสาร การรบั ร้กู ารทจุ รติ และผลกระทบและความเสยี หายทเี่ กิดจาก การทุจริตตอ่ ประชาชน วธิ กี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล สำ� หรบั กระบวนการในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทไี่ ด้ ใชว้ ธิ กี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยใหป้ ระชาชน และเจ้าพนักงานของรัฐท่ีได้จากการสุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามด้วยวิธีการสัมภาษณ์แบบ ตวั ตอ่ ตัว (Face to Face) และตอบแบบสอบถามดว้ ยตวั เอง (Self-Completed Questionnaire) ทั้งในกรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาค โดยด�ำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนกรกฎาคม - สงิ หาคม 2562 และคดั เลอื กแบบสอบถามทคี่ รบถว้ นสมบรู ณเ์ พอื่ นำ� มาประมวลผลและวเิ คราะหข์ อ้ มลู ในขัน้ ตอ่ ไป สถติ ทิ ีใ่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล (1) ทำ� การวเิ คราะหค์ วามคดิ เหน็ เกยี่ วกบั สทิ ธกิ ารรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสาร การเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ของสำ� นักงาน ป.ป.ช. การรบั รกู้ ารทุจริต ผลกระทบและความเสียหายที่เกิดจากการทจุ รติ และการมี สว่ นร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ โดยใช้สถติ ิพรรณนา (Descriptive Statistics) ได้แก่ แจกแจงความถ่ี (Frequency Distribution) รอ้ ยละ (Percentage) คา่ เฉลี่ย (Mean) และค่าเบย่ี งเบน มาตรฐาน (Standard Deviation) (2) ท�ำการเปรียบเทียบระดับการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การรับรู้การทุจริต ผลกระทบและ ความเสยี หายทเ่ี กดิ จากการทจุ รติ ตอ่ ประชาชน ระหวา่ งภมู หิ ลงั ของประชาชน โดยใชส้ ถติ ิ Independent t-test และ ANOVA (3) ท�ำการเปรียบเทียบระดับการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การรับรู้การทุจริต ผลกระทบและ ความเสยี หายทเี่ กดิ จากการทจุ รติ ตอ่ ประชาชน ระหวา่ งประชาชนทเ่ี คยมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั การดำ� เนนิ งานของ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. และไมเ่ คยมปี ฏิสัมพนั ธ์กบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. โดยใชส้ ถติ ิ Independent t-test 5. ผลการศกึ ษา 5.1 ขอ้ มูลทวั่ ไปของประชาชนตวั อย่าง จากการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากประชาชน พบวา่ ในภาพรวมผตู้ อบแบบสอบถามสว่ นใหญเ่ ปน็ เพศหญงิ รอ้ ยละ 62.25 และเพศชาย รอ้ ยละ 37.75 สว่ นใหญม่ อี ายรุ ะหวา่ ง 40 - 49 ปี (รอ้ ยละ 22.96) รองลงมาคือ อายรุ ะหวา่ ง 50 - 59 ปี และอายรุ ะหวา่ ง 30 - 39 ปี คดิ เปน็ ร้อยละ 19.02 และร้อยละ 18.25 ตามล�ำดับ และประมาณ 2 ใน 5 ของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีการศึกษาในระดับ

82 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ่ี 12 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) มัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. หรือตำ�่ กว่าปรญิ ญาตรี (ร้อยละ 41.79) รองลงมา คือ ระดบั ปริญญาตรี (ร้อยละ 37.37) ส�ำหรับสถานภาพการท�ำงานในปัจจุบันของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็น เจ้าพนักงานของรัฐ (ร้อยละ 28.34) รองลงมา คือ เกษตรกรรม/รบั จ้างทั่วไป (รอ้ ยละ 22.09) และ นกั เรยี น/นสิ ติ /นกั ศกึ ษา (รอ้ ยละ 21.61) สว่ นใหญม่ รี ายไดต้ อ่ เดอื นในระดบั นอ้ ยกวา่ หรอื เทา่ กบั 10,000 บาท ร้อยละ 50.38 รองลงมา คือ 10,001 - 20,000 บาท (รอ้ ยละ 19.42) และ 20,001 - 30,000 บาท (รอ้ ยละ 15.10) 5.2 ผลการการวิเคราะห์ความคิดเห็นของประชาชนเก่ียวกับสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของส�ำนักงาน ป.ป.ช. การรับรู้การทุจริต ผลกระทบและความเสียหาย ทีเ่ กิดจากการทจุ รติ และการมสี ว่ นร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต 5.2.1 การรบั ร้เู ก่ียวกบั สทิ ธใิ นการรบั ร้ขู อ้ มลู ขา่ วสาร ประชาชนตัวอย่างประมาณร้อยละ 52.64 มีการรับรู้หรือรับทราบว่าตนเองมีสิทธิ ในการรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสารของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ในขณะอกี รอ้ ยละ 47.36 ยงั ไมท่ ราบวา่ ตวั เองมสี ทิ ธใิ นการ รบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสารของสำ� นักงาน ป.ป.ช. เมือ่ พิจารณาตามกลมุ่ เปา้ หมายจะเหน็ ได้วา่ ประมาณ 2 ใน 3 ของประชาชนทเ่ี คยตดิ ตอ่ กบั สำ� นกั งาน ป.ป.ช. มกี ารรบั รหู้ รอื รบั ทราบวา่ ตนเองมสี ทิ ธใิ นการรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสารของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. (รอ้ ยละ 69.23) ในขณะทกี่ ลมุ่ ประชาชนทไี่ มเ่ คยตดิ ตอ่ /เขา้ รว่ มโครงการ กับส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีการรับรู้หรือรับทราบว่าตนเองมีสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของสำ� นักงาน ป.ป.ช. เพยี งรอ้ ยละ 41.01 หากพจิ ารณาความรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั สทิ ธใิ นการเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ขา่ วสารของ ส�ำนักงาน จากการส�ำรวจพบว่า ประชาชนมีความเข้าใจถึงการมีสิทธิในการร้องเรียนหน่วยงานของรัฐได้ หากพบเห็นเจ้าพนักงานของรัฐมีการใช้อ�ำนาจในทางมิชอบ หรือกระท�ำความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าที่ ในการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญาหรือตามกฎหมายอื่นมากที่สุด รองลงมา มีความเข้าใจ ถึงการมีสิทธิในการคุ้มครองจากหน่วยงานรัฐ เมื่อมีการแจ้งเบาะแสการกระท�ำความผิดของ เจ้าพนักงานของรัฐต่อส�ำนักงาน ป.ป.ช. และเข้าใจถึงการมีสิทธิในการคัดค้านการเปิดเผยข้อมูล แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม ประชาชนสว่ นใหญก่ ย็ งั มคี วามเขา้ ใจผดิ วา่ ตนเองสามารถมสี ทิ ธใิ นการรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสาร ทดี่ �ำเนินการของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ได้ทกุ เร่ือง ซึง่ จากสภาพความเป็นจรงิ แล้ว หน่วยงานไมส่ ามารถเปดิ เผยข้อมลู ไดท้ กุ เรอ่ื ง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ขอ้ มลู ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ขอ้ มลู ทกี่ ระทบตอ่ ความมน่ั คงของประเทศ ซงึ่ จะเหน็ ไดจ้ ากพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 36 ได้ก�ำหนดว่า “คณะกรรมการ ป.ป.ช. พนักงาน เจา้ หนา้ ที่ และบคุ คลซงึ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. แตง่ ตงั้ หรอื มอบหมายใหป้ ฏบิ ตั หิ นา้ ทอ่ี ยา่ งไร จะเปดิ เผย ข้อมูลซึ่งมีลักษณะเป็นข้อมูลเฉพาะของบุคคลบรรดาท่ีได้มาจากการปฏิบัติหน้าท่ีมิได้” ประกอบกับ ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาตวิ า่ ดว้ ยการเปดิ เผย และการเผยแพร่ เอกสารและขอ้ มลู พ.ศ. 2561 ไดก้ ำ� หนดขอ้ มลู ทเ่ี ปน็ ความลบั ทไี่ มส่ ามารถเผยแพรไ่ ด้ ใน “ขอ้ 8 เอกสาร และขอ้ มลู ใด ถา้ มเี นอ้ื หาทงั้ หมดหรอื บางสว่ นของเอกสารและขอ้ มลู ซง่ึ เปดิ เผยแลว้ อาจทำ� ใหก้ ารบงั คบั

การสำ�รวจความคดิ เหน็ ของประชาชนเก่ยี วกบั สิทธิการรับรู้ขา่ วสาร การรบั รกู้ ารทจุ รติ 83 ผลกระทบและความเสียหายที่เกดิ จากการทุจรติ ตอ่ ประชาชน ใชก้ ฎหมายเส่ือมประสทิ ธิภาพ หรือเกดิ อันตรายต่อชีวิตหรอื ความปลอดภัยของบุคคล หรอื มลี กั ษณะ เป็นข้อมูลเฉพาะของบุคคล หรือมีลักษณะอ่ืนตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของทางราชการ ผู้มีอ�ำนาจอาจมีค�ำส่ังไม่ให้เปิดเผย หรือด�ำเนินการลบ ปกปิด ตัดทอนหรือกระท�ำด้วยวิธีอ่ืนใดที่ ไมเ่ ป็นการเปดิ เผยเอกสารและข้อมูลในสว่ นนนั้ ” แผนภาพท่ี 2: รอ้ ยละของประชาชนทร่ี ับรู้เกย่ี วกบั สิทธใิ นการรับรู้ขา่ วสารของสำ� นักงาน ป.ป.ช. 5.2.2 การเข้าถึงขอ้ มูลขา่ วสารของสำ� นักงาน ป.ป.ช. จากการส�ำรวจประชาชนเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของส�ำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า ประมาณรอ้ ยละ 51.68 ของประชาชนเคยเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ขา่ วสารของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. โดยกลมุ่ ประชาชน ทเ่ี คยตดิ ตอ่ กบั สำ� นกั งาน ป.ป.ช. มสี ดั สว่ นการเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ขา่ วสารของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. (รอ้ ยละ 68.07) สงู กวา่ ประชาชนทไ่ี มเ่ คยตดิ ตอ่ /เขา้ รว่ มโครงการกบั สำ� นกั งาน ป.ป.ช. (รอ้ ยละ 40.20) เมอ่ื พจิ ารณาถงึ ระดับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของส�ำนักงาน ป.ป.ช. จากประชาชนท้ังที่เคยติดต่อและไม่เคยติดต่อกับ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ท่ีเคยเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของส�ำนักงาน ป.ป.ช. โดยภาพรวมประชาชนมีระดับ การรบั รู้ขอ้ มูลข่าวสารของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. อยูใ่ นระดับ “ปานกลาง” โดยกลุ่มประชาชนทเ่ี คยตดิ ตอ่ กบั ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. มีระดับการรับร้ขู ้อมูลขา่ วสารของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. เฉล่ียอยูท่ ี่ 3.41 คะแนน อย่ใู น ระดบั “มาก” ส่วนประชาชนที่ไม่เคยติดต่อกบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีระดบั การรับรขู้ ้อมลู ขา่ วสารเฉลี่ย อยูท่ ่ี 2.95 คะแนน อย่ใู นระดบั “ปานกลาง” และประชาชนยงั เห็นวา่ การรบั ร้/ู เข้าถึงขอ้ มูลขา่ วสาร จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการป้องกันการทุจริต และช่วยลดความเสียหายจากการทุจริตที่อาจจะ เกดิ ขน้ึ ได้ เม่ือพิจารณาถึงช่องทางการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของส�ำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า ประชาชนมี การเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ขา่ วสารผา่ นชอ่ งทาง 5 อนั ดบั แรก (1) การเขา้ รว่ มกจิ กรรม/โครงการ (2) สอื่ โทรทศั น/์

84 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีท่ี 12 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2562) วิทยุ (3) สงั คมออนไลน์ (Social media) เชน่ Facebook Twitter Line (4) เวบ็ ไซต์ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. และ (5) สื่อหนังสือพมิ พ์/วารสาร/นติ ยสาร ตามล�ำดบั 5.3 การรับรู้การทุจรติ จากการส�ำรวจระดับการรับรู้การทุจริตในสังคมไทย ประชาชนมีระดับรับรู้การทุจริตหรือ เหตกุ ารณห์ รอื พฤตกิ รรมของเจา้ พนกั งานของรฐั ทง้ั ในรปู แบบการทจุ รติ เชงิ นโยบาย และการทจุ รติ ของ หนว่ ยงาน/ตวั บคุ คล โดยในภาพรวมมรี ะดบั การรบั รเู้ ฉลยี่ อยทู่ ่ี 3.00 คะแนน จากคะแนนเตม็ 4 คะแนน อยู่ในระดับการทจุ ริตเกดิ บ่อยคร้งั โดยเหตุการณห์ รือพฤติกรรมที่ประชาชนรบั รู้การกระท�ำการทุจริต ของพนักงานของรัฐมากทีส่ ุด คอื การใชอ้ �ำนาจหนา้ ทใ่ี นการโยกยา้ ยต�ำแหนง่ ให้กับพวกพ้อง รองลงมา เป็นการสร้างถนนที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือเลือกเส้นทางตัดถนนให้ผ่านท่ีดินของพวกพ้อง การใช้ งบประมาณของรัฐบาลท่ีกระจายสู่ท้องถิ่นที่บิดเบือน ไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐ การใช้อ�ำนาจ ในการจัดสรรผลประโยชน์ให้กับภาคเอกชนผ่านโครงการที่รัฐอ้างว่าเป็นประโยชน์ของประเทศชาติ/ ประชาชน และการแกไ้ ขกฎหมายเพอ่ื เออื้ ประโยชนห์ รอื การแสวงหาผลประโยชนอ์ นั มชิ อบ ตามลำ� ดบั และยังเห็นว่าปัญหาการทุจริตของประเทศไทยมีความรุนแรงอยู่ในระดับมากที่สุด และมีแนวโน้มเพิ่มข้ึน อย่างรวดเร็วเมื่อเปรียบเทียบระดับการรับรู้การทุจริต เหตุการณ์หรือพฤติกรรมของเจ้าพนักงาน ของรัฐระหว่างกลุ่มผูท้ ่ีเคยตดิ ต่อกบั ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. และกลุ่มประชาชนที่ไม่เคยติดต่อกับสำ� นกั งาน ป.ป.ช. พบวา่ ทง้ั สองกลมุ่ มีระดับการรบั ร้กู ารทจุ รติ ระดบั การรบั รู้การทจุ รติ เหตกุ ารณห์ รือพฤติกรรม ของเจา้ พนกั งานของรฐั ใกลเ้ คยี งกนั ผลการศกึ ษานส้ี อดคลอ้ งกบั การตดิ ตามและประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิ ตามมาตรฐานทางจรยิ ธรรมขา้ ราชการพลเรอื น ประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ทพ่ี บวา่ ประชาชนมี การรับรู้พฤตกิ รรมด้านลบของขา้ ราชการ ทั้งในรปู แบบทปี่ ระสบดว้ ยตนเอง รบั รู้จากบุคคลอน่ื บอกเล่ามา และจากส่ือส่ิงพิมพ์ อินเทอร์เน็ต ส่ือมวลชน โดยประมาณ 1 ใน 3 ของประชาชนก็ยังมีการรับรู้ พฤตกิ รรมดา้ นลบของข้าราชการ เช่น ความไมเ่ ปน็ กลางทางการเมอื ง การใช้ทรัพย์สินทางราชการเพอ่ื ประโยชน์ส่วนตน การรับสินบน เงินใต้โต๊ะ การใช้อิทธิพลในการอนุมัติ อนุญาต การจัดซื้อจัดจ้าง การว่ิงเต้นหาเส้นสายหาเพ่ือโยกยา้ ย/เลื่อนต�ำแหนง่ และการละเมิดศลี ธรรม ชสู้ าว เล่นการพนัน ยาเสพตดิ นอกจากน้ี ยงั สอดคลอ้ งกบั ผลการศกึ ษาของ สงั ศิต พิริยะรังสรรค์ (2549) โดยไดท้ �ำการสรปุ รปู แบบ การทุจริตในสังคมท่ีมีความหลากหลาย เช่น การมีผลประโยชน์ทับซ้อน สถานการณ์ที่เจ้าพนักงาน ของรฐั มผี ลไดร้ บั ผลเสยี สว่ นตวั และผลดงั กลา่ วมอี ทิ ธพิ ลตอ่ การตดั สนิ ใจ หรอื การกระทำ� หนา้ ทโ่ี ดยขาด ความเทย่ี งธรรม การให้และการรับสินบน การขูเ่ ขญ็ บังคบั และการใหส้ ิ่งลอ่ ใจ การยอมรับของขวญั ทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง เชน่ เชค็ ของขวญั มลู คา่ สูง และสนิ บนมลู คา่ สูง ใช้อ�ำนาจของต�ำรวจ ทหาร และขา้ ราชการ ในทางที่ผิด ทจุ ริตการเลอื กตงั้ ทัง้ การซ้อื เสียง และการทุจริตดว้ ยวธิ ีต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังสอดคลอ้ งกับ ศาสตราจารย์จอห์นสัน (O.E.G. Johnson, 1975) ท่ีได้ระบุว่ารัฐบาลท่ีมีการทุจริตจะน�ำผลเสียมาสู่ สังคมมากกว่าผลประโยชน์ที่นักการเมืองและพรรคพวกพึงจะได้รับ โดยผู้ที่ได้ผลประโยชน์จาก

การสำ�รวจความคดิ เหน็ ของประชาชนเกี่ยวกบั สทิ ธกิ ารรับร้ขู ่าวสาร การรบั รู้การทจุ ริต 85 ผลกระทบและความเสยี หายท่ีเกิดจากการทจุ ริตต่อประชาชน การทุจริตจะมรี ูปแบบการใช้จ่ายเพือ่ การบริโภคทฟ่ี ุม่ เฟือยสงู และมักลงทนุ เพ่ือการเมอื งในคร้งั ถัดไป ซึ่งนำ� มาสผู่ ลกระทบดา้ นเศรษฐกจิ กล่าวคอื ทรัพยากรถกู โยกยา้ ยสกู่ จิ กรรมการเมือง เมอื่ พรรคหน่งึ พรรคใดทำ� ได้ จะยง่ิ ดงึ ดดู ใหม้ กี ารแขง่ ขนั กนั นำ� ไปสกู่ ารสญู เสยี ทรพั ยากรทไี่ มค่ มุ้ คา่ เกดิ ความสญู เปลา่ ของการใชท้ รพั ยากร ขา้ ราชการถกู ดงึ เขา้ เปน็ พนั ธมติ รกบั นกั การเมอื ง นำ� ไปสกู่ ารซอ้ื ตำ� แหนง่ การเลน่ พรรค เล่นพวก กิจกรรมทางเศรษฐกิจเบี่ยงเบนไปจากที่ควรเป็น ซ่ึงกล่าวได้ว่าเป็นกักดักในการพัฒนา ประเทศ ซึ่งจากที่กล่าวมานจี้ ะเหน็ ได้วา่ เจ้าพนักงานของรัฐยังมีการทจุ ริตในรูปแบบต่าง ๆ โดยการอาศยั ช่องโหว่ของกฎหมาย ซ่ึงเป็นปัญหาท่ีตัวข้าราชการเองที่ไม่ประพฤติปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบยี บท่คี วรจะเป็น 5.4 ความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบและความเสียหายทเี่ กิดจากการทุจรติ ตอ่ ประชาชน ประชาชนเห็นว่า การทุจริตส่งผลผลกระทบและความเสียหายต่อประชาชนอยู่ในระดับมาก (เฉลีย่ อยทู่ ่ี 3.83 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน) โดยประชาชนเห็นว่า การทุจริตส่งผลกระทบ มากทส่ี ดุ 3 อนั ดบั แรก ไดแ้ ก่ (1) ทำ� ใหร้ ฐั บาลไมม่ เี งนิ เพยี งพอในการพฒั นาประเทศ การสรา้ งถนน/โรงเรยี น/ โรงพยาบาลไม่ได้มาตรฐาน ช�ำรุดงา่ ย (2) ท�ำให้ประชาชนต้องซือ้ สินคา้ อปุ โภคบริโภค/บริการในราคา ที่สูงข้ึน แต่ไดส้ ินค้าทมี่ คี ุณภาพลดลง และ (3) ท�ำให้ประชาชนต้องจ่ายคา่ บริการสาธารณะ เช่น ค่าน้ำ� ค่าไฟฟ้า ค่ารถประจ�ำทาง เป็นต้น ในอัตราท่ีสูงข้ึน ส่วนข้อท่ีได้คะแนนน้อยท่ีสุด คือ ท�ำให้เกิด ความสญู เสยี ทรพั ยากรธรรมชาติ เชน่ เกดิ การบกุ รกุ ปา่ นำ้� เสยี เกดิ มลพษิ ทางอากาศ ทำ� ใหเ้ กดิ ภยั ธรรมชาติ ตา่ ง ๆ ซง่ึ สอดคล้องกบั การศึกษาของสมาคมส่งเสรมิ สถาบันกรรมการบรษิ ัทไทย (Thai Institute of Directors: IOD) โดยผนู้ ำ� ทางธรุ กจิ สว่ นใหญเ่ หน็ วา่ การทจุ รติ สง่ ผลตอ่ ประเทศไทยในเรอื่ งการลดทอน ประสทิ ธิภาพในการแขง่ ขันในภูมิภาคมากทส่ี ดุ รองลงมาเปน็ เรอื่ งความตกตำ่� ทางจริยธรรมของสงั คม ช่ือเสียงท่ไี มด่ ีของประเทศ เศรษฐกิจเตบิ โตชา้ ระบบธรรมาภิบาลอ่อนแอ เกิดช่องว่าง/ความไมเ่ ทา่ เทียมกัน ด้านรายได้ระหวา่ งคนจนกบั คนรวยมากขน้ึ เกดิ ความเหลื่อมล�้ำด้านตา่ ง ๆ ในสงั คม (เช่น โอกาสทาง การศึกษา โอกาสในการเข้าถึงการแพทย์ โอกาสในการเข้าถึงสื่อต่าง ๆ เป็นต้น) และภาค ประชาสงั คมมีความออ่ นแอ และผลกระทบของการทจุ รติ ทมี่ ีตอ่ ธุรกจิ ภาคเอกชน คอื ทำ� ใหภ้ าคเอกชน ต้องเพมิ่ ต้นทนุ ในการดำ� เนนิ ธรุ กิจ ท�ำลายคณุ ค่าที่ดที างสงั คม น�ำไปสูค่ วามยากล�ำบากในการบรหิ ารงาน ในการผูกขาดทางธุรกิจ ท�ำให้ต้องขายสินค้า/บริการในราคาท่ีสูงข้ึน สินค้ามีคุณภาพลดต่�ำลง และ ผลเสียท่ีเกิดจากการทุจริตท่ี ผาสุก พงษ์ไพจิตร (2541) ได้ให้ความส�ำคัญและชี้เห็นให้ชัดเจน คือ งบการลงทุนภาครัฐรั่วไหลสู่กระเป๋าคนบางกลุ่ม การท�ำงานของเจ้าพนักงานของรัฐต่�ำกว่ามาตรฐาน ภาษอี ากรถกู เกบ็ ไดไ้ มเ่ ตม็ เมด็ เตม็ หนว่ ย ประชาชนไดร้ บั บรกิ ารตำ่� กวา่ มาตรฐาน ประชาชนถกู เอาเปรยี บ จากการตงั้ ราคาสนิ คา้ บางประเภทแบบผกู ขาด การกอ่ สรา้ งดา้ นสาธารณปู โภคมมี าตรฐานตำ่� และเปน็ อนั ตรายตอ่ ชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ซงึ่ จากทกี่ ลา่ วมานช้ี ใ้ี หเ้ หน็ วา่ ประชาชนมกี ารรบั รถู้ งึ ผลกระทบทต่ี ามมา ของปญั หาการทุจริต

86 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2562) 5.5 การมสี ่วนรว่ มในการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ ในภาพรวม ประชาชนท่ีพบเห็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมหรือส่อไปในทางทุจริตมีสัดส่วน การแจง้ หน่วยงานราชการ และวางเฉยใกลเ้ คยี งกนั คอื ร้อยละ 30.24 โดยเหตุผลท่ปี ระชาชนเพกิ เฉย หรือไม่แจ้งเบาะแส หรือไม่ร้องเรียนการทุจริตมีหลายประการด้วยกัน โดยเหตุผลหลัก 5 อันดับแรกที่ เพกิ เฉย คือ (1) แจง้ เบาะแสและรอ้ งเรียนไปก็ไม่ไดร้ ับการตรวจสอบ หรอื ปรับปรงุ /แกไ้ ขอย่างจริงจัง (2) เกรงกลวั ผลกระทบตอ่ ความไมป่ ลอดภัย หรอื การถูกกลน่ั แกลง้ จากผ้มู ีอำ� นาจ (3) ไมท่ ราบช่องทาง ว่าจะต้องร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสที่ไหน/อย่างไร (4) ไม่อยากเสียเวลา เพราะพฤติกรรมดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบ หรือส่งผลกระทบเพียงเลก็ น้อยกบั ตนเอง และ (5) ไมไ่ ด้ประโยชน์ หรือสิ่งจงู ใจใด ๆ จากการแจง้ เบาะแสหรอื รอ้ งเรยี น และเปน็ ทนี่ า่ สงั เกตวา่ ยงั มปี ระชาชนบางกลมุ่ ประมาณรอ้ ยละ 5.31 ให้เหตุผลว่าได้รับประโยชน์จากพฤติกรรมท่ีไม่เหมาะสมของเจ้าพนักงานของรัฐ เช่น ลดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลาในการตดิ ตอ่ ราชการ เปน็ ตน้ (ร้อยละ 5.31) ซ่ึงสอดคลอ้ งกับจากการตดิ ตามและประเมนิ ผล การปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมข้าราชการพลเรือน ประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 โดยได้ มีการส�ำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการพฤติกรรมการแสดงออกหลังจากได้พบเห็นหรือ ได้ยินพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเจ้าพนักงานของรฐั ซ่ึงพบวา่ ประชาชนจะมกี ารบอกตอ่ หรอื เล่าให้ ผู้อ่ืนฟังมากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นการแจ้งเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการวางเฉยต่อพฤติกรรมที่ พบเห็น 5.6 ผลการวเิ คราะหเ์ ปรียบเทยี บระดับการรับรู้ขอ้ มูลขา่ วสาร การรบั รกู้ ารทุจริต ผลกระทบ และความเสยี หายทีเ่ กดิ จากการทจุ รติ ตอ่ ประชาชน ระหวา่ งภูมหิ ลังของประชาชน 5.6.1 ผลการวิเคราะหเ์ ปรยี บเทียบระดบั การรับรูข้ ้อมลู ขา่ วสาร ในส่วนน้ีเป็นการน�ำเสนอผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบระดับการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ระหวา่ งภมู ิหลังของประชาชน ซงึ่ จากการวเิ คราะหด์ ว้ ยสถิติ t-test และ ANOVA พบวา่ ตัวแปรเพศ กลุ่มอายุ และระดับรายได้ต่อเดือนที่แตกต่างกัน มีระดับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารท่ีไม่แตกต่างกัน สว่ นระดับการศึกษาสูงสุด สถานภาพการท�ำงาน และการมีปฏิสมั พันธ์กบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ทแี่ ตกตา่ งกนั มีระดับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารแตกต่างกันอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.05 สามารถสรุปผล การศึกษาได้ ดังนี้ • ระดบั การศกึ ษาสงู สดุ ประชาชนทม่ี รี ะดบั การศกึ ษาตา่ งกนั มรี ะดบั การรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสาร แตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั ส�ำคัญทางสถิตทิ ่รี ะดับ 0.05 โดยประชาชนท่มี กี ารศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาโทหรือ สงู กวา่ จะมรี ะดับการรบั รขู้ ้อมูลข่าวสารสงู กว่ากลุม่ ประชาชนท่มี ีการศกึ ษาระดบั อ่นื ๆ และประชาชน ที่มกี ารศึกษาในระดบั ปรญิ ญาตรี มรี ะดบั การรับร้ขู ้อมลู ขา่ วสารสงู กว่าระดับอนุปริญญา/ปวส. อย่างมี นัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 เนื่องจากผู้มีการศึกษาตั้งแต่ปริญญาตรีขึ้นไปจะให้ความสนใจ การเข้าถงึ ข้อมลู ข่าวสารผา่ นช่องทางตา่ ง ๆ ท่หี ลากหลายมากกวา่ ระดับอนปุ ริญญา/ปวส. และมัธยม ตอนปลาย/ปวช. หรือต�่ำกว่า และเป็นที่น่าสังเกตว่าประชาชนท่ีมีการศึกษาระดับมัธยมตอนปลาย/

การส�ำ รวจความคดิ เหน็ ของประชาชนเกีย่ วกบั สทิ ธิการรบั รขู้ า่ วสาร การรับรกู้ ารทจุ ริต 87 ผลกระทบและความเสียหายที่เกดิ จากการทุจรติ ตอ่ ประชาชน ปวช. หรือตำ�่ กว่า มีระดับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารสูงกว่าระดับอนุปริญญา/ปวส. อย่างมีนัยสำ� คัญทาง สถิติทรี่ ะดับ 0.05 ท้ังน้ี เนอื่ งจากกลมุ่ ตวั อยา่ งทม่ี กี ารศึกษาระดบั มธั ยมตอนปลาย/ปวช. หรือต่�ำกว่า ส่วนใหญเ่ ปน็ ผเู้ ข้ารว่ มโครงการของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. จึงสง่ ผลให้มกี ารรบั รู้ข้อมูลขา่ วสารมากกว่ากลมุ่ อนุปรญิ ญา/ปวส. • สถานภาพการทำ� งาน ประชาชนที่มสี ถานภาพการทำ� งานตา่ งกัน มรี ะดับการรับรู้ขอ้ มูล ข่าวสารแตกต่างกนั อย่างมีนยั ส�ำคัญทางสถติ ทิ ่ีระดับ 0.05 โดยกลมุ่ เจา้ พนักงานของรัฐมีระดับการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารสงู กวา่ พนักงาน/ลกู จา้ งเอกชน ในขณะท่ปี ระชาชนทท่ี ำ� งานในภาคเกษตรกรรม/รับจ้าง ทวั่ ไป นกั เรยี น/นสิ ติ /นกั ศกึ ษา มรี ะดบั การรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสารสงู กวา่ ประชาชนทมี่ ที ำ� งานเปน็ พนกั งาน/ ลกู จา้ งเอกชน อย่างมีนัยส�ำคญั ทางสถติ ทิ ่รี ะดับ 0.05 โดยพบว่า กลุ่มพนกั งาน/ลูกจ้างเอกชนมีระดับ การรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสารนอ้ ยกวา่ กลมุ่ อนื่ ๆ เนอ่ื งจากเปน็ กลมุ่ ทไี่ มไ่ ดเ้ ขา้ รว่ มโครงการกบั สำ� นกั งาน ป.ป.ช. และมองว่าเปน็ ส่ิงท่ไี ม่เก่ยี วขอ้ งกบั การปฏิบตั ิงานของตน • การมีปฏิสัมพันธ์กับส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประชาชนท่ีเคยติดต่อกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีระดับการรับรู้ขอ้ มูลข่าวสารสูงกวา่ ประชาชนท่ไี ม่เคยมาติดต่อกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. อย่างมีนยั ส�ำคัญ ทางสถติ ทิ ีร่ ะดบั 0.05 ทัง้ นี้ เนือ่ งจากผเู้ ขา้ ร่วมโครงการกบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ไดร้ บั ข้อมูลข่าวสารจาก การอบรม และรบั ทราบช่องทางการเข้าถงึ ขา่ วสารไดม้ ากกวา่ กลมุ่ ท่ไี ม่เคยมาตดิ กบั สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ตารางท่ี 1: เปรยี บเทยี บคะแนนเฉลยี่ ของการรับรขู้ ้อมลู ขา่ วสารของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. จำ� แนกตามภมู หิ ลงั ขอ้ มูลสว่ นบคุ คล จำ� (นnว)น คา่ คะแนน ส่วนเบยี่ งเบน เฉล่ยี มาตรฐาน t/F p-value เพศ 220 () 1/ (S.D.) ชาย 318 หญิง 3.134 -1.429 0.156 73 3.248 0.925 กลุ่มอายุ 74 0.892 15 - 19 ปี 104 3.365 20 - 29 ปี 140 3.113 1.271 0.289 30 - 39 ปี 111 3.069 0.915 40 - 49 ปี 36 3.190 0.943 50 - 59 ปี 3.259 1.016 ตง้ั แต่ 60 ปขี ้ึนไป 3.299 0.858 0.839 0.850

88 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 12 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) ขอ้ มลู สว่ นบคุ คล จำ� นวน คา่ คะแนน ส่วมนาเตบรยี่ ฐงาเนบน t/F p-value (n) เฉลยี่ (S.D.) ระดับการศึกษาสงู สุด () 1/ 4.7736 0.001* มัธยมศกึ ษาตอนปลาย/ปวช. หรอื ต่ำ� กวา่ 219 3.151 0.904 อนุปรญิ ญา/ปวส. ปริญญาตรี 43 2.799 1.024 ปรญิ ญาโทและปริญญาเอก 176 3.212 0.866 100 3.464 0.863 สถานภาพการท�ำงาน เจา้ พนกั งานของรฐั 2/ 3.728 0.005* พนกั งาน/ลกู จา้ งเอกชน 209 3.284 0.898 ประกอบธรุ กิจส่วนตัว 49 2.806 0.979 เกษตรกรรม/รบั จ้างท่วั ไป 54 3.127 0.804 นกั เรยี น/นสิ ิต/นักศกึ ษา 116 3.143 0.853 94 3.350 0.920 ระดับรายได้ตอ่ เดือน 0.969 0.424 -6.059 0.000* นอ้ ยกวา่ หรอื เทา่ กับ 10,000 บาท 241 3.133 0.933 10,001 - 20,000 บาท 111 3.177 0.927 20,001 - 30,000 บาท 91 3.297 0.893 30,001 - 40,000 บาท 49 3.314 0.922 40,001 บาทขึน้ ไป 46 3.310 0.703 การมปี ฏสิ มั พันธ์กบั สำ� นักงาน ป.ป.ช. ไมเ่ คยมาติดต่อกบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. 246 2.950 0.903 เคยตดิ ตอ่ /เข้ารว่ มโครงการกบั 292 3.413 0.856 ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. หมายเหต:ุ * มีนัยสำ� คญั ทางสถิติท่ีระดับ 0.05 1/ คะแนนการรบั ร้ขู ้อมลู ขา่ วสารเต็ม 5 คะแนน 2/ รวม ข้าราชการบ�ำนาญ/พนักงานรฐั วิสาหกจิ เกษยี ณอายุ

การส�ำ รวจความคิดเหน็ ของประชาชนเก่ยี วกับสทิ ธิการรับรขู้ า่ วสาร การรับรู้การทจุ รติ 89 ผลกระทบและความเสียหายทีเ่ กดิ จากการทจุ ริตตอ่ ประชาชน ตารางที่ 2: เปรียบเทยี บคะแนนเฉลี่ยของการรบั รู้ขอ้ มูลขา่ วสารของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. เปน็ รายคู่ จำ� แนกตามระดับการศกึ ษาสูงสุด ระดบั การศึกษาสูงสุด คา่ เฉลยี่ มธั ยมศึกษา อนปุ ริญญา/ ปรญิ ญาตรี ปรญิ ญาโท () ตอนปลาย/ปวช. ปวส. และ 0.500 หรือตำ่� กวา่ 0.019* 0.007* ปรญิ ญาเอก 1.000 1.000 0.004* มธั ยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. หรือต่�ำกว่า 3.151 1.000 0.000* 0.025* อนุปริญญา/ปวส. 2.799 1.000 ปริญญาตรี 3.212 ปริญญาโทและปริญญาเอก 3.464 หมายเหต:ุ * มีนยั ส�ำคัญทางสถติ ิท่ีระดบั 0.05 ตารางท่ี 3: เปรยี บเทยี บคะแนนเฉลย่ี ของการรบั รูข้ ้อมูลข่าวสารของสำ� นักงาน ป.ป.ช. เปน็ รายคู่ จ�ำแนกตามสถานภาพการท�ำงาน สถานภาพการทำ�งาน ค่าเฉลี่ย เจา้ พนักงาน พนักงาน/ ประกอบ เกษตรกรรม/ นักเรียน/ () ของรฐั 1/ ลูกจา้ ง ธุรกิจ รบั จา้ งท่ัวไป นสิ ติ / เอกชน ส่วนตวั นักศึกษา 0.173 0.553 เจา้ พนักงานของรัฐ1/ 3.284 1.000 0.001* 0.250 0.027* 0.001* 0.913 0.144 พนักงาน/ลกู จา้ งเอกชน 2.806 1.000 0.068 1.000 0.096 1.000 ประกอบธรุ กจิ ส่วนตัว 3.127 1.000 เกษตรกรรม/รบั จา้ งท่ัวไป 3.143 นกั เรยี น/นิสิต/นกั ศกึ ษา 3.350 หมายเหต:ุ * มนี ยั ส�ำคญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั 0.05 1/ รวม ขา้ ราชการบำ� นาญ/พนกั งานรฐั วสิ าหกิจเกษียณอายุ 5.6.2 ผลการวเิ คราะหเ์ ปรียบเทียบระดับการรบั ร้กู ารทจุ รติ ในส่วนนี้เป็นการน�ำเสนอผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบระดับการรับรู้การทุจริต ระหว่าง ภูมหิ ลังของประชาชน ซงึ่ จากการวิเคราะห์ดว้ ยสถติ ิ t-test และ ANOVA พบวา่ ตวั แปรเพศ กลมุ่ อายุ การศกึ ษาสงู สดุ สถานภาพการทำ� งาน ระดบั รายไดต้ อ่ เดอื น และการมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ท่แี ตกตา่ งกัน มีระดับการรับรกู้ ารทุจริตที่ไม่แตกตา่ งกนั

90 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีท่ี 12 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) ตารางที่ 4: เปรยี บเทียบคะแนนเฉลยี่ ของการรับรู้การทจุ ริต จ�ำแนกตามภมู หิ ลงั ของประชาชน ขอ้ มูลสว่ นบคุ คล จำ� นวน คา่ คะแนน ส่วนเบยี่ งเบน t/F p-value (n) เฉลยี่ มาตรฐาน (S.D.) เพศ () 1/ ชาย หญิง 2.758 0.060 กลมุ่ อายุ 393 3.082 0.641 15 - 19 ปี 20 - 29 ปี 648 2.942 0.703 30 - 39 ปี 40 - 49 ปี 1.404 0.221 50 - 59 ปี ต้ังแต่ 60 ปีขึ้นไป 155 3.019 0.708 ระดบั การศึกษาสงู สุด 175 2.907 0.714 มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย/ปวช. หรือต่ำ� กวา่ อนุปรญิ ญา/ปวส. 190 3.042 0.681 ปรญิ ญาตรี ปรญิ ญาโทและปรญิ ญาเอก 239 2.965 0.694 สถานภาพการท�ำงาน 198 3.003 0.646 เจา้ พนกั งานของรฐั 2/ พนกั งาน/ลูกจา้ งเอกชน 84 3.184 0.552 ประกอบธุรกิจสว่ นตัว เกษตรกรรม/รับจ้างทวั่ ไป 0.389 0.761 นักเรียน/นสิ ิต/นักศกึ ษา 424 2.963 0.672 ระดบั รายได้ตอ่ เดือน น้อยกว่าหรือเทา่ กับ 10,000 บาท 84 3.005 0.726 10,001 - 20,000 บาท 20,001 - 30,000 บาท 389 3.024 0.675 30,001 - 40,000 บาท 40,001 บาทขึ้นไป 144 3.009 0.698 1.641 0.133 315 2.918 0.652 112 3.020 0.780 112 3.158 0.633 230 3.009 0.686 225 2.979 0.694 1.037 0.394 524 2.984 0.670 202 3.021 0.702 157 2.952 0.660 75 2.965 0.684 82 3.117 0.726

การส�ำ รวจความคิดเห็นของประชาชนเกย่ี วกบั สิทธกิ ารรับรูข้ ่าวสาร การรับรกู้ ารทุจรติ 91 ผลกระทบและความเสยี หายท่เี กดิ จากการทจุ รติ ตอ่ ประชาชน ข้อมูลส่วนบุคคล จ�ำนวน ค่าคะแนน สว่ นเบีย่ งเบน t/F p-value (n) เฉลีย่ มาตรฐาน (S.D.) () 1/ การมปี ฏิสัมพันธก์ บั สำ� นักงาน ป.ป.ช. -0.346 0.729 ไม่เคยมาติดต่อกบั สำ� นักงาน ป.ป.ช. 612 2.993 0.690 เคยตดิ ต่อ/เขา้ ร่วมโครงการกับสำ� นกั งาน 429 3.011 0.669 ป.ป.ช. หมายเหต:ุ * มีนัยส�ำคญั ทางสถิติทรี่ ะดับ 0.05 1/ คะแนนการรับรู้การทจุ ริตเตม็ 4 คะแนน 2/ รวม ขา้ ราชการบำ� นาญ/พนักงานรฐั วิสาหกิจเกษียณอายุ 5.6.3 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบระดับความคิดเห็นเก่ียวกับผลกระทบและความเสียหาย ท่เี กิดจากการทจุ ริตตอ่ ประชาชน ในส่วนนี้เป็นการน�ำเสนอผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบระดับความคิดเห็นเก่ียวกับผลกระทบ และความเสยี หายทเี่ กดิ จากการทจุ รติ ตอ่ ประชาชน ระหวา่ งภมู หิ ลงั ของประชาชน ซงึ่ จากการวเิ คราะห์ ดว้ ยสถิติ t-test และ ANOVA พบว่า ตัวแปรเพศ กล่มุ อายุ และการมปี ฏสิ ัมพันธก์ ับสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ที่แตกต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบและความเสียหายที่เกิดจากการทุจริตต่อประชาชน ทไี่ มแ่ ตกตา่ งกนั ส่วนระดบั การศึกษาสงู สดุ สถานภาพการทำ� งาน และระดบั รายได้ตอ่ เดอื นท่แี ตกต่างกัน มคี วามคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ผลกระทบและความเสยี หายทเ่ี กดิ จากการทจุ รติ ตอ่ ประชาชนแตกตา่ งกนั อยา่ ง มนี ยั สำ� คญั ทางสถิตทิ ่ีระดับ 0.05 สามารถสรปุ ผลการศกึ ษาได้ ดงั น้ี • ระดบั การศกึ ษาสงู สดุ ประชาชนทม่ี รี ะดบั การศกึ ษาตา่ งกนั มรี ะดบั ความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั ผลกระทบและความเสียหายที่เกิดจากการทุจรติ ต่อประชาชนแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สำ� คัญทางสถติ ิที่ ระดบั 0.05 โดยประชาชนทม่ี กี ารศกึ ษาระดบั มธั ยมตอนปลาย/ปวช. หรอื ตำ่� กวา่ มรี ะดบั ความคดิ เหน็ เก่ียวกับผลกระทบและความเสียหายที่เกิดจากการทุจริตต่อประชาชนน้อยกว่ากลุ่มประชาชนที่มี การศึกษาระดับอนุปริญญา/ปวส. ปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ ที่ระดบั 0.05 แม้ว่ากลมุ่ ประชาชนมีการศึกษาระดับมธั ยมตอนปลาย/ปวช. หรอื ต�่ำกว่า จะมกี ารรบั รู้ การทุจรติ อยู่ในระดบั มาก แต่กย็ ังไมเ่ ข้าใจถงึ ผลกระทบทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ จากการทจุ รติ เชน่ ทำ� ใหเ้ กดิ ความ สูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ (การบุกรุกป่า น�้ำเสีย เกิดมลพิษทางอากาศ และท�ำให้เกิดภัยธรรมชาติ ต่าง ๆ) การไดร้ บั การบริการจากเจ้าพนกั งานของรัฐทไ่ี ม่เท่าเทยี มกัน เกดิ ความเหล่อื มล�้ำในการเขา้ ถึง บริการสาธารณะ เป็นต้น ส่วนกลุ่มประชาชนท่ีมีการศึกษาระดับอนุปริญญา/ปวส. ปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก มีการรับรู้การทุจริตน้อย แต่กลับมีเข้าใจถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการทุจริต แสดงให้เหน็ วา่ ประชาชนทีม่ กี ารศกึ ษาระดบั มธั ยมตอนปลาย/ปวช. หรือต�ำ่ กวา่ ยังไม่มคี วามตระหนกั ต่อผลกระทบที่เกิดจากการทุจริต ดังน้ัน ควรให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากการทุจริตท้ังที่ สง่ ผลโดยตรงกบั ตวั ประชาชนเอง และสง่ ผลต่อระดับประเทศ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook