๕๑คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ เม่ือกัลยาณมิตรกระตุ้นให้เกิดสัมมาทิฐิ คือ ความเห็นถูกต้องแล้วก็จะนาไปสู่การกระทาท่ี ถูกต้องด้วย การปฏิบัติท่ีถูกต้องตั้งแต่แรกจึงนาไปสู่การแก้ปัญหาได้ เม่ือกัลยาณมิตร สามารถกระตนุ้ ให้เกดิ ปจั จัยภายในแล้ว หนา้ ท่ีของกัลยาณมติ รวารทาอยา่ งไรต่อไป การตรวจสอบหรอื การวเิ คราะหบ์ คุ คล การตรวจสอบหรอื การวเิ คราะห์บคุ คลว่า เราพัฒนาเขาใหผ้ ่านพ้นอุปสรรค์หรือปัญหาน้นั เขา ขาดอะไรไปบ้าง ทบทวนส่ิงที่ขาด เพื่อเพิ่มเติมให้พร้อมที่จะพัฒนาตนเองด้วยตนเอง ซ่ึงองค์ประกอบ ที่ ๑ เราจะต้องตรวจสอบกับนกั เรยี น ดังนี้ ๑. ทัศนคติเกี่ยวกับประสบการณ์หรือเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึน ลักษณะของการมอง ข้อมูล ความพอใจ ไม่พอใจ เป็นเพียงข้อมูลที่นามาสู่การเรียนรู้เท่าน้ันไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง เมื่อเรามองเห็นตามความเป็นจริงแล้วก็นาความรู้ที่เราได้จากความเป็นจริง มีเจตคติที่ดี ถูกต้อง เก่ียวกับสถานการณน์ นั้ ๆ มาใช้ในกระบวนการแนะแนว ๒. ความไม่มันใจในศักยภาพของมนุษย์ ดูว่านักเรียนมีความม่ันใจในตัวเองหรอื ไม่ เขามีความเชื่อว่าสามารถทจี่ ะพฒั นาตนเองได้และเห็นว่าต้องพัฒนาตนเองหรือไม่ ถ้าเขามีจิตสานึกในการพัฒนาปรับปรุงตนเองอยู่แล้ว จะส่งผลให้มีความมุ่งม่ัน และ อุตสาหะเอาใจใส่ในการเรียนรู้ ถ้าเขาขาดจุดนี้ ก็จะไม่เอาใจใส่ในการพัฒนาตนเอง ซึ่งผู้ให้การแนะ แนวตอ้ งตรวจสอบดู และพยายามมองใหเ้ ห็นปัญหาท่แี ทจ้ รงิ ความมีเหตุผล คือ การพิจารณาด้วยปัญญา อะไรเป็นคุณเป็นโทษ เป็นประโยชน์ หรือมิใช่ ประโยชน์ (โยนิโสมนสิการ) มองสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง ด้วยเหตุปัจจัย มุมมองที่เป็น คุณต่อการพัฒนาตนเอง ที่เอ้ือต่อจิตใจ การแนะแนวท่ีมุ่งให้บุคคลรู้จักคิดก่อให้เกิดผลดี คือ ทาให้ เข้าใจสภาพปญั หาทีเ่ กิดข้นึ ไดอ้ ย่างถกู ต้อง เมื่อมีความรู้ที่ถูกต้องก็ส่งผลให้มีการปฏิบัติถูกต้องตามไปด้วย ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อความ สงบเรยี บร้อยของสังคม การอยรู่ ว่ มกันของมนษุ ย์ทีส่ าคญั ก่อให้เกิดผลดีตอ่ ชวี ิตของตนเอง การรู้คิด เป็นการค้นหาความจริงมองเห็นความเป็นจริงของสิ่งนั้น สืบสาวหาเหตุปัจจัยส่วน แบบที่สอง มองให้เป็นธรรมโอสถเพื่อชโลมจิตใจ ถ้ามองเป็นยาพิษ ต้องพัฒนาวิธีคิดใหม่ด้วยโยนิโส มนสิการ คิดในทางเห็นอกเห็นใจ จิตใจประกอบด้วยเมตตา เปน็ การเพม่ิ ความชมุ่ ชนื่ ใหก้ ับหัวใจ วินัยชีวิตและการอยู่ร่วมกันในสังคม คือ การจัดระเบียบชีวิตตนเองและจัดสรรความสงบ สขุ ใหเ้ กิดขึ้นในสงั คม การทบี่ ุคคลปฏิบัตติ ามระเบียบ ปฏบิ ัติตามขอบเขตของสงั คมท่ีกาหนดร่วมกัน จะทาให้เกิดความสงบสุขแก่ชุมชน สังคม ประเทศชาติ ตลอดทั้งความร่มเย็นของโลก ถ้ามีวินัยก็ สามารถพัฒนาตนเองไดอ้ ยา่ งต่อเนื่อง และยง่ั ยืน กระบวนการท่ีช่วยพัฒนาชีวิตมนุษย์ก็คือ การศึกษา การวิจัยชีวติ อย่างต่อเนอื่ ง ตลอดเวลา ทกุ ๆ ลมหายใจเข้าออก ทัง้ นี้ ต้องทาให้ครบกระบวนการท้ัง ๓ ช่วง คือ ดูวา่ คนท่ีมปี ญั หานนั้ เขาเป็น อยา่ งไร เขามที ่าที่ต่อประสบการณเ์ ข้ามาในชีวิตอย่างไร และปฏบิ ตั ติ อบสนองตอ่ สง่ิ นัน้ เปน็ ไปเพื่อการ เกื้อกูลคุณภาพชีวิตที่ดีงามหรือไม่ ช่วงท่ี ๒ มีการแสดงออกอย่างไร มีการนาเอาข้อมูลมาใช้ในการ พัฒนาชวี ติ ใหเ้ จรญิ งอกงามหรอื ไม่ เปน็ วธิ ีการตรวจสอบไดอ้ กี วิธีการหนึ่ง หัวใจของการแนะแนวเชิงพทุ ธ “การคิดเปน็ ” คอื วิธีการแก้ปัญหาตามหลกั อรยิ สจั รู้เหตุ รู้ ผล แก้ตามแนวเหตุและผล เป็นการใช้ปัญญานามิใช่ใชต้ ัณหาคือความยากเปน็ ตัวนาชวี ิต (ปัญญา คือ
๕๒คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ ความรอบรู้ท่ัวถึง) ในขณะท่ีเราพัฒนาปัญญาอยู่นั้น หากจิตใจยังไม่เข้มแข็งพอ ก็อาจจะเปิดช่องให้ อวิชชา ความไม่รู้เข้ามามีอิทธิพลต่อกระบวนการพัฒนาตนเองได้ ซ่ึงกระบวนการท่ีป้องกันอวิชชาก็ คอื การฝึกสมาธใิ ห้เกดิ สติใหเ้ ข้มแขง็ เพือ่ เปน็ ฐานสาคญั ต่อการพัฒนาปัญญาอย่างยงั่ ยืน ซ่ึงคนเราจะสามารถพัฒนาตนเองได้นั้นจะต้องพัฒนาปัญญาให้อยู่เหนืออิทธิพลของตัณหาที่ เข้ามาในชีวิต (ถ้าตณั หาเขา้ มาอวิชชาจะมีอิทธิพลต่อชีวติ มนุษย์) ทาให้บคุ คลหลงผดิ คดิ ผิด กระทาผิด อันเป็นผลจากตัณหาและอวิชชา ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้ตัณหาและอวิชชามีความเข้มแข็งมากขึ้น สง่ ผลต่อการแก้ไขปัญหาชีวิต ทไ่ี ม่ถกู ต้อง เช่น อาศยั อานาจดลบนั ดาลจากภายนอก ออ้ นวอนขอจาก เทพเจา้ หรือใชไ้ สยศาสตร์มาเป็นท่ีพึ่ง หากเราพึ่งพลังจากขา้ งนอก เรากจ็ ะเสยี โอกาสในการพัฒนา ตนเองให้เจริญงอกงามตอ่ ไป ฉะนั้น หลักการแนะแนวทางพระพุทธศาสนานั้น ต้องมุ่งให้บุคคลสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง ตาม หลักเหตุและผล ตามหลักอริยสัจ กลา่ วคอื ทุกข์ เม่ือเกิดปัญหาต้องเริ่มต้นด้วยการศึกษาพิจารณาถึงสาเหตุ ที่เรียก กว่า สมุทัย ว่า เหตุแห่งปัญหานั้นอยู่ที่ไหน เม่ือเราพบแล้วก็ทาการกาจัดเหตุนั้นได้ (กาจัดจุดอ่อนของปัญหา) เรียกว่า นิโรธ ขณะเดียวกันก็พิจารณาว่าความต้องการของเราคืออะไรกาหนดจุดมุ่งหมายแล้ววางวิธีปฏิบัติเพื่อ แก้ไขปัญหานั้น ๆ วิธีการปฏิบัตินี้ เรียกว่า “มรรค” เมื่อรู้แนวทางแล้วก็ลงมือปฏิบัติ หากบุคคลได้ดาเนินการตาม กระบวนเช่นนี้ ก็จะสามารถนาไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนได้ ปัญหาคืออะไร? (ทุกข์) มีสาเหตุเกิดจากอะไร (สมุทยั ) วิธีการแก้ปญั หาเป็นแบบไหน (นิโรธ) ลงมอื ปฏิบัติ (มรรค) ๑ ๕ จุดมุ่งหมายของชีวติ มีความสาคัญตอ่ การแนะแนว ผู้ที่ทาหน้าท่ีแนะแนวต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ และจุดมุ่งหมาย ของชีวิตถึงจะสามารถดาเนินการการแนะแนวได้ดีและมีประสิทธิภาพ การแนะแนวเกี่ยวกับ จุดมุ่งหมายของชีวิต เป็นส่ิงที่สาคัญต่อการพัฒนาตนเองของบุคคล คนที่จะพัฒนาตนเองได้ มีปัญญา มีชวี ิตทีด่ ี ควรรจู้ ดุ หมายของชวี ิต การร้จู ักจดุ หมายของชวี ติ กเ็ พอื่ ๑. เพอ่ื จะไดม้ ีแนวทางในการดาเนินชวี ิตท่ดี งี าม ๒. เพื่อใช้สารวจตนด้วยตนเองและเพ่ือจะได้มีความมั่นใจในตนเอง ในการทจี่ ะพัฒนาตนให้ย่ิงข้ึนไป พุทธศาสนาสอนวา่ “ชีวติ ท่ดี งี ามจะต้องดาเนนิ ให้บรรลถุ งึ จดุ หมาย ๓ ขัน้ คือ ๑. ประโยชน์ปัจจุบัน หรือ จุดมุ่งหมายท่ีมองเห็นของชีวิตน้ี คือ ประโยชน์ทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เช่น มีทรัพย์สินท่ีจะพ่ึงตนเองได้ในทางเศรษฐกิจ ทางสังคมก็มีเพื่อนฝูง รักใคร่ มีบริวาร มีสถานะเป็นท่ียอมรบั ของคนทง้ั หลาย เหล่านเี้ รยี กวา่ เปน็ ประโยชนเ์ บื้องต้น ๒. ประโยชน์เบอ้ื งหน้า คือ มชี ีวิตทดี่ งี าม มคี ณุ คา่ มคี ณุ ธรรมความดี เป็นประโยชน์ ทาให้มคี วามมั่นใจในคุณค่าของชวี ิตของตน เริ่มต้งั แต่เป็นผู้มีความประพฤตดิ ีงาม มีปญั ญารู้เขา้ ใจโลก และชีวิตพอสมควร ได้ทาความดีงามบาเพ็ญประโยชน์ไว้ เป็นความม่ันใจในคุณค่าของชวี ิตของตนเอง ซึ่งเช่ือมโยงไปถึงโลกหน้าด้วย คือทาให้มีความมั่นใจในชีวิตเบื้องหน้า ไม่ต้องกลัวปรโลก จึงเป็น ประโยชน์ระยะยาว ตา่ งจากข้อแรกท่ีเปน็ ประโยชนเ์ ฉพาะหนา้ ระยะส้ัน ๑ พระมหาส๕รวิชช์ อภิปญฺโญ, เอกสารประกอบการสัมมนาโรงเรียนวิถีพุทธชั้นนา รุ่นท่ี 8 (พระนครศรอี ยธุ ยา : จุฬาบรรณาคาร, ๒๕๕๙), หน้า ๘๕ - ๘๖
๕๓คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ ๓. ประโยชน์สูงสุด คือ การมีจิตใจเป็นอิสระ ด้วยปัญญาที่รู้เท่าทันความจริงของ โลก และชีวิต หลดุ พ้นจากความครอบงาของกิเลส และความทกุ ข์ สามารถทาจิตใหป้ ลอดโปร่ง ผอ่ ง ใส่ได้ทกุ เวลา แม้จะมอี ารมณ์เขา้ มากระทบก็ไม่หวน่ั ไหว ไมข่ ุ่นมวั ไม่เศรา้ หมอง แต่โปร่งโล่ง ปราศจาก ทุกข์ เป็นประโยชนส์ ูงสดุ เรยี กว่า ปรมัตถะ รวมเป็นประโยชนห์ รอื จดุ มุง่ หมาย ๓ ขนั้ คือ ๑. อตั ตตั ถะ ประโยชนต์ น ๒. ปรัตถะ ประโยชนผ์ ้อู ่นื ๓. อุภยตั ถะ ประโยชน์รว่ มกนั ท้ังสองฝา่ ย อยา่ งไรกต็ าม ประโยชน์ตนเองก็ต้องทาให้ครบ ๓ ข้ัน คือ ปัจจุบนั เบือ้ งหน้า และสูงสดุ ส่วน ประโยชนผ์ อู้ ่นื ก็ต้องช่วยให้เขาบรรลุได้ทั้ง ๓ ขั้น ขณะเดียวกันประโยชน์สว่ นรวมก็ต้องเสริมสนับสนุน การมีส่วนร่วมท้ังรูปธรรม และนามธรรม ซ่ึงจะทาให้เกิดการพัฒนาท้ังตนและผู้อื่น ส่งผลให้เกิดการ พัฒนา เช่น กิจกรรมที่ดีงาม และวัฒนธรรมประเพณี ที่ส่งเสริมสติปัญญาและกุศลของชุมชนทั้งหมด สรุปจุดมุ่งหมายของชีวิต ช่วยให้บุคคลได้ตระหนักรู้ถึงความสาคัญของการพัฒนาตนเอง เกิดความ มนั่ ใจในแนวทางและจุดหมาย ซึง่ เปน็ เครื่องมอื สาคัญในการแนะแนว กระบวนการช่วยเหลือให้บุคคลสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ด้วยการพัฒนาปัญญา สามารถนาปัญญามาใช้ในการแก้ไขปัญญาชวี ิตของตนเองได้ดว้ ยตนเอง ซึ่งจดุ เริ่มต้นของการแนะแนว เกิดจากบุคคลท่ีขาดปัญญา ขาดจิตสานึกในการพัฒนาตน ขาดความมั่นใจในการพัฒนาตนเอง ไม่ เชื่อมั่นในตนเอง ไม่มองเห็นตนเองในฐานะที่เป็นมนุษย์ที่ฝึกได้ ขาดแรงจูงใจที่ถูกต้องต่อการพัฒนา ตนเอง ขาดความรู้จกั คดิ “คดิ ไม่เป็น” และมที า่ ทที ่ีไม่ถกู ต้องต่อสิ่งทั้งหลายท่เี ขา้ มาในชีวิต ซึง่ ลกั ษณะ เชน่ นี้ หากเกิดขนึ้ กับบคุ คลแล้วย่อมส่งผลต่อการดาเนนิ ชีวิตอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้บุคคลจาเป็นต้องมีกัลยาณมิตร ท่ีทาหน้าที่กระตุ้นเตือนและแนะแนววิธีการแก้ไข ปรับปรุงพฤติกรรมที่นาไปสู่การลด หรือแก้ไขปัญหานั้นด้วยการพัฒนาตนเอง เข้าใจจุดมุ่งหมายของ ชีวิตเพื่อเอาชนะปัญหาอุปสรรคท่ีเกิดข้ึนด้วยตนเอง ขณะเดียวกันผู้ท่ีทาหน้าที่เป็นผู้แนะแนวจะต้อง เข้าใจเก่ียวกับธรรมชาติของมนุษย์ ความต้องการของมนุษย์ และลักษณะของมนุษย์ท่ีสามารถพัฒนา ตนเองหรือเป็นที่พึ่งของตนเองได้ เพื่อจะได้นามาสารวจ และวิเคราะห์ตัวตนของผู้ท่ีเกิดปัญหา (ผู้ รับคาแนะแนว) ผ้ใู หก้ ารแนะแนว จะต้องมีคณุ ลกั ษณะพิเศษ จงึ จะสามารถใชก้ ระบวนการแนะแนวให้ เกิดประสิทธิภาพได้ คือ เป็นผู้น่ารักมีบุคลิกภาพที่ชวนให้เข้าหา เมื่อเด็กมีปัญหาเกิดความทุกข์ ก็ อยากเข้าไปหาหรือเข้าไปปรึกษา “ปิโย” เป็นผู้น่าวางใจ หนักแน่น น่าเคารพนับถือ น่าเช่ือถือ ทาให้ รูส้ ึกว่าไมม่ ภี ยั อันตราย อบอุน่ มัน่ คงปลอดภัย “คร”ุ เป็นผู้น่าเจรญิ ใจ เป็นผูม้ ีภูมิรู้ มภี มู ธิ รรมภูมิปญั ญา สูง เป็นคนมีการศึกษาพัฒนาตนดีแลว้ “ภาวนโี ย”เปน็ ผรู้ จู้ ักพดู หรือพูดเป็น “วตฺตา”เป็นผู้ รู้จักฟัง หรือ ฟังเก่งมีความอดทนในการฟัง อดทนต่อการรับฟังปัญหา อดทด ต่อการระบายความทุกข์ “วจนกฺขโม” เป็นผู้ที่สามารถอธบิ ายเร่ืองที่ยากใหง้ ่ายได้ “คมฺภีรญฺจ กถ กตฺ ตา” และ เปน็ ผู้ท่ไี ม่ชักจงู บคุ คลไปในทางทผี่ ดิ หรือนอกเรื่อง คือ ขณะเดยี วกนั ต้องมที ศิ ทางที่ชดั เจนใน การแนะแนว โดยมีเป้าหมายและนาไปสู่จุดหมายซึ่งจะแก้ปัญหาได้ ด้วยวิธีท่ีถูกต้อง “โน จฎฺฐาเน นิโยชเย” รวมเป็น ๗ ประการ เรียกว่า คุณธรรมหรือองค์คุณของกัลยาณมิตร ซ่ึงเราใช้เป็นคุณสมบตั ิ ของครูโดยทัว่ ไป ซ่ึงผู้ทาหน้าทแ่ี นะแนวควรมคี ุณสมบตั เิ ช่นนเ้ี ปน็ พเิ ศษ
๕๔คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ “การพัฒนาตนเองโดยแนวทางและหลักการน้ี (ตามแนวพุทธศาสตร์) เป็นสาระสาคัญของ การที่จะช่วยให้บุคคลท่ีประสบปัญหา มีความทุกข์ได้พัฒนาตนจนพึ่งตนเองได้ การพึ่งตนเองได้ก็คือ การปฏิบัติตามหลักที่ว่ามีปัญญาเป็นเคร่ืองนาทางในการดาเนินชีวิต ไม่มีอวิชชาหรอื ตัณหาเป็นเคร่อื ง ดาเนินชีวิต เมื่อถึงขั้นนี้ก็จะเป็นการบรรลุจุดมุ่งหมายของการดาเนินชีวิตท่ีดี” ดังท่ีพระพุทธเจ้าทรง ตรัสวา่ “ชวี ิตทีเ่ ปน็ อยู่ดว้ ยปัญญา เรากล่าววา่ เป็นชวี ติ ที่ประเสรฐิ ” บทท่ี ๕ การพัฒนาครใู นโรงเรียนวิถีพุทธ การพฒั นาครโู รงเรียนวถิ พี ุทธ หลกั การ ผูบ้ ริหารสถานศึกษา ครู และบคุ ลากรมีความสาคัญต่อการพัฒนาผู้เรียนในระบบไตรสิกขา ท้งั ในฐานะเป็น ผู้อบรมสั่งสอน ผู้จัดการเรียนรู้ และการเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตน บุคลากรทุกคนพัฒนาตามหลัก ไตรสิกขา มีคุณลักษณะเป็นผู้มีความรู้พุทธธรรมเป็นอย่างดี ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สามารถจัดการเรียนรู้ตามวิถี พทุ ธ และเปน็ กัลยาณมิตร มลี กั ษณะของการเปน็ ผู้ที่ “ สอนให้รู้ ทาใหด้ ู อยู่ให้เห็น” พร้อมจะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนา ไดเ้ ปน็ อย่างดี หลักคิด การพัฒนาบุคลากรของโรงเรียนควรดาเนินการอย่างต่อเนื่อง มีรูปแบบวิธีการหลากหลาย เหมาะสมกับ ลักษณะและเงื่อนไขของโรงเรียน แนวทางสาคัญหน่ึงในการพัฒนาบุคลากร คือการปฏิบัติธรรมในวิถีชีวิตประจาวนั ท้ังนีผ้ บู้ รหิ ารควรเป็นผนู้ าในการพัฒนาตนเอง และการปฏบิ ตั ิเป็นตัวอย่าง หลกั ทา แนวทางการจัดพฒั นาบคุ ลากร เช่น 1. วิเคราะห์สภาวะธรรม และลกั ษณะของบุคลากร 2. คน้ หาบคุ ลากรแนวรว่ มหรอื แกนนา 3. วางแผนพัฒนาบุคลากร โดยการสร้างศรัทธา สร้างความเข้าใจด้วยวิธีท่ี เหมาะสมกับลักษณะของบุคลากร 4. จัดกิจกรรมท่เี ปน็ ตัวอย่างสะท้อนใหเ้ ห็นความสาเรจ็ ท้งั กจิ กรรมรูปธรรม และ กจิ กรรมพัฒนาจิต
๕๕คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ 5. ให้การยกย่อง ชมเชย แก่บุคลากรท่ีพัฒนาจนเป็นแบบอย่างได้ ลักษณะแนว กจิ กรรมพัฒนาบุคลากร เช่น การจัดอบรมใหญป่ ระจาปี จัดการพฒั นาจติ เจริญปญั ญายอ่ ยรายสปั ดาห์ หรอื รายเดอื น จัดกลุ่มสนทนาธรรม จัดฟงั เทศน์ ปฏิบตั ธิ รรมในโอกาสวนั สาคัญ จัดศกึ ษาดงู าน หรอื ปฏบิ ตั ิธรรมในสานกั ต่าง ๆ ส่งเสริมการศึกษา ปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง โดยจัดห้องสมุดและส่ือต่าง ๆ ให้ยืม หรอื ใชศ้ ึกษา จดั หอ้ งวิปสั สนา ฯลฯ สง่ เสรมิ การถอื ศีล 5 เปน็ วิถชี วี ิต ส่งเสริมการประเมินผลปฏบิ ตั ิธรรม และสอบอารมณ์(วิปัสสนา) ฯลฯ คุณลักษณะสาคญั ของบุคลากรโรงเรียนวิถพี ุทธ ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา 1. ศรัทธาในพระพทุ ธศาสนา 2. ละเลิกจากอบายมขุ 3. ถือศีล 5 เปน็ นจิ 4. มีอุดมการณ์ท่ีจะพัฒนาตนเองและดาเนนิ ชีวติ ท่ีดงี าม 5. เป็นผนู้ าและปฏิบตั ติ นเป็นแบบอยา่ งในการทาความดี ครู อาจารย์และบคุ ลากร 1. ศรทั ธาในพระพุทธศาสนา 2. ละเลิกจากอบายมุข 3. ถอื ศีล 5 เปน็ นิจ 4. มีอดุ มการณ์ทีจ่ ะพฒั นาตนเองและดาเนินชวี ิตทดี่ งี าม 5. มคี วามเปน็ กลั ยาณมิตรตอ่ ศษิ ย์ ๑ ๖ อยา่ งไรกด็ ี พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) ได้กลา่ วถึงคณุ สมบัติของครูวิถีพุทธท่ีดี ควร มลี ักษณะ ดงั นี้ ๑.น่ารัก คาวา่ นา่ รักในท่ีน้ีหมายความว่า เปน็ บคุ ลกิ ภาพท่ชี วนใหเ้ ข้าหา ผูแ้ นะแนวควรต้องมี ลักษณะท่ีว่า เมื่อเด็กมีปัญหาเกิดความทุกข์ ก็อยากเข้าไปหาหรือเข้าไปปรึกษา เพราะว่าผู้ที่มีปัญหา เกิดคิดหาท่ีปรึกษา เม่ือเห็นผู้แนะแนวที่มีคุณสมบัติดีแล้วก็อยากจะเข้าไปปรึกษาด้วย คาว่าน่ารักใน ภาษาบาลีเรยี กวา่ “ปิโย” ๑ นิภา แย๖้มวจี, เส้นทางสู่โรงเรียนวิถีพุทธ , [ออน-ไลน์]. เข้าถึงแหล่งข้อมูลได้จาก : http://www.moe.go.th/main2/article/article_banjerdporn/school_bud.htm, เ ข้ า ถึ ง เ มื่ อ ๑ ๒ ธ . ค . ๒๕๖๑.
๕๖คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ ๒.น่าวางใจ ครูแนะแนวต้องมีลักษณะที่น่าไว้วางใจได้ หนักแน่น น่าเคารพนับถือ น่าเช่ือถือ ทาให้รู้สึกว่าไม่มีภัยอันตราย อบอุ่นม่ันคงปลอดภัย ควรเข้าไปขอคาปรึกษาได้ ถ้ามีลักษณะท่าทางไม่ นา่ ไว้วางใจ กไ็ มไ่ หว ลักษณะทีน่ ่าเคารพน่าไว้วางใจนี้ภาษาบาลเี รยี กวา่ “คร”ุ ๓.น่าเจริญใจ คือ บุคลิกภาพท่าทางต่าง ๆ ที่แสดงออกดูแล้วทาให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นผู้มี ภูมิรู้ มีภูมิธรรมภูมิปัญญาสูง เป็นคนมีการศึกษาพัฒนาตนดีแล้ว ซึ่งผู้เข้าหาน้ันรู้สึกภูมิใจท่ีได้เข้า ใกลช้ ดิ และเห็นว่าน่าเอาอยา่ ง คือชวนใหอ้ ยากปฏบิ ัติตามในทางภาษาบาลเี รียกว่า “ภาวนโี ย” ๔.รู้จักพูดหรือพูดเป็น ข้อน้ีเป็นลักษณะสาคัญมาก สามข้อแรกนั้นเป็นบุคลิกภาพท่ีจะทาให้ เกิดการปรึกษาและการแนะแนวข้ึน โดยนามาซึ่งการพบปะและการทากิจกรรมอ่ืน ๆ ต่อไป แต่ข้อ ๔ และขอ้ ตอ่ จากนีเ้ ป็นสว่ นประกอบตา่ ง ๆ ในการทาหน้าท่ี การเป็นนักพูดท่ีดีไม่ใช่หมายความว่า จะต้องพูดเองไปหมด ผู้ท่ีมีความทุกข์ หรือต้องการ คาปรึกษา เขาก็จะพูดไปตามทางของเขา ชัดเจนบ้าง สับสนบ้าง บางทีก็ไม่กล้าพูด หรือพูดแล้วพูดไม่ ถูก พูดไม่แจ่มกระจ่าง ผู้แนะแนวต้องรู้จักพูดให้เขากล้าที่จะแสดงออกมา กล้าระบายความทุกข์ ออกมา หรือสามารถที่จะแสดงออกซ่ึงปัญหาอย่างชัดเจน โดยผู้แนะแนวจะต้องช่วยให้เขารู้จักและ เข้าใจปญั หาของเขาเองไปท่ีละด้านสองดา้ น ตามลาดับ ตวั อย่าง เชน่ เม่อื มีบุคคลผใู้ ดผหู้ น่ึงเขา้ มาหา พระพุทธเจ้า จะมาถามหาคาตอบจากพระองค์ บางที พระองคก์ ็ทรงชว่ ยให้เขาตอบปัญหาของเขาเอง โดยท่ีพระองค์ทรงใช้วิธี เป็นผู้ถาม บุคคลน้ันก็จะพบคาตอบได้ด้วยตนเอง นักแนะแนวควรนาวิธีนี้ไป ใช้ในการเป็นนักพูด โดยเป็นผู้ช่วยให้เขาพูด จนกระท้ังทาให้เขาตอบปัญหาของตนเองได้ หากเขาหา คาตอบไม่ได้จริงๆ เราก็มีวิธีการท่ีจะเสนอแนะให้เขาพบคาตอบได้ ให้เห็นทางออกในการแก้ปัญหา ลักษณะที่เปน็ นกั พูดอยา่ งไดผ้ ลนี้ ภาษาบาลเี รียกว่า “วตฺตา” ๕.รู้จักฟัง หรือ ฟังเก่ง หมายถึง ความเก่งในการฟัง นอกจากหมายถึงจับเร่ืองได้ไวและ ชัดเจนแล้ว ก็รวมถึงการมีความอดทนในการฟังด้วย อดทนต่อการรับฟังปัญหา อดทดต่อการระบาย ความทุกข์ เพ่ือจะได้รู้เหตุปัจจัย และคิดค้นวิธีการแก้ปัญหา โดยเฉพาะการรู้จักตัวเขาและปัญหาของ เขาอย่างแท้จริง เช่น รู้ว่าเขาทาอะไร บกพร่องอย่างไร จุดท่ีจะแก้ไขอยู่ตรงไหน เรียกในภาษาบาลวี ่า “วจนกขฺ โม” ๖.แถลงเร่ืองลึกซึ่งได้ คือ เมื่อมีปัญหาท่ียากหรือลึกซ่ึงก็สามารถคล่ีคลายให้เข้าใจได้ ใน การศกึ ษาและ ในการแกป้ ัญหาจะต้องพบกับปม และเร่อื งท่ียากหรือลึกซง่ึ อยู่เรอ่ื ยๆ ผู้ทีท่ าหนา้ ที่แนะ แนวต้องสามารถอธิบายเน้ือหาเร่ืองราวและคลี่คลายปมประเด็นต่าง ๆ ให้เหน็ ชดั เจนและเขา้ ใจได้ง่าย อะไรทซ่ี บั ซอ้ นก็ตอ้ งจบั เอามาหรือหยิบออกมาพดู ให้เห็นและอธิบายให้กระจา่ ยอนั นเ้ี ป็นความสามารถ ในการปฏบิ ตั ทิ ่ีเรยี กวา่ “คมภฺ รี ญฺจ กถ กตฺตา” ๗.ไม่ชักจูงไปในทางท่ีผิดหรือนอกเร่ือง คือ จะต้องมีทิศทางที่ชัดเจนในการแนะแนว โดยมี เป้าหมายและนาไปสจู่ ุดหมายซึ่งจะแก้ปัญหาได้ ด้วยวิธีที่ถูกต้อง หากผู้แนะแนวปฏิบัติไม่ถูกต้องออก นอกเร่ืองราว หรือชกั จงู ไปในทางเสยี หาย โดยแนะนาผดิ ๆ หรอื แนะนาวิธีการที่ไม่ถูกต้อง แนะแนวไป แทนทเ่ี ขาจะแก้ปญั หาได้ ก็กลับกลายเป็นสรา้ งปญั หา อนั น้ีเรยี กว่า “โน จฎฐฺ าเน นโิ ยชเย” รวมเป็น ๗ ประการ เรียกว่า คุณธรรมหรือองค์คุณของกัลยาณมิตร ซึ่งเราใช้เป็นคุณสมบัติ ของครูโดยท่ัวไป ซึ่งผู้ทาหน้าท่ีในโรงเรียนวิถีพุทธควรมีคุณสมบัติเช่นนเี้ ป็นพิเศษ ขณะเดียวกันผู้ที่จะ
๕๗คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ สามารถพัฒนาตนเองหรือพึ่งพาตนเองได้น้ัน จาเป็นต้องมีความพร้อมด้านแรงจูงใจอันเป็นปัจจัย ภายในตน (ฉนั ทะ) ลักษณะของบคุ คลทีพ่ งึ่ ตนเองได้ จึงจะสามารถแกไ้ ขปญั หาด้วยตนเองได้ ๑ ๗ บทที่ ๖ การพัฒนาโรงเรยี นวิถีพุทธ ประเภทของโรงเรียนวถิ ีพุทธ ๑. โรงเรยี นวถิ ีพทุ ธท่ัวไป (Buddhist Oriented School) ๒. โรงเรยี นวถิ พี ทุ ธช้ันนา(The Leading Buddhist Oriented School) ๓. โรงเรียนวิถีพทุ ธพระราชทาน(The royal award Buddhist Oriented School) 1.โรงเรียนวิถีพุทธทั่วไป (Buddhist Oriented School) โรงเรียนวิถีพุทธท่ัวไป เป็นโรงเรียนวิถีพุทธท่ีดาเนินการตามมาตรฐานและ ตัวช้ีวัดของอัต ลกั ษณ์ ๒๙ ประการในโรงเรยี นวิถพี ุทธ ดงั นี้ ๑) ไดส้ มัครลงทะเบยี นในระบบเวบ็ ไซต์ ๒) มกี ารดาเนินการตามตวั ช้ีวัดอัตลกั ษณว์ ถิ ีพทุ ธครบทงั้ ๒๙ ประการ (อาชวี ะ ๓๗ ประการ) ๓) มกี ารประเมนิ ตนเองตามอัตลักษณว์ ถิ ีพทุ ธครบท้ัง ๒๙ ประการ (อาชวี ะ ๓๗ ประการ) ในระบบ ระยะ ๙ เดือนและ ๑๒ เดือน อยา่ งต่อเน่ือง ๔) มีกจิ วัตรประจาวัน ประจาสัปดาหด์ ้านวถิ พี ุทธ และกจิ กรรมวันสาคัญทาง พระพุทธศาสนาอยา่ งสม่าเสมอ ๕) มีโครงการวิถีพทุ ธในแผนยทุ ธศาสตร์ และแผนปฏบิ ตั ิการประจาปีของสถานศกึ ษา อตั ลกั ษณ์ ๒๙ ประการสู่ความเปน็ โรงเรยี นวิถพี ทุ ธ ๑ พระพรหมค๗ุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), ถึงเวลา มาร้ือปรับระบบพัฒนาคนกันใหม่ . พิมพ์ครั้งที่ ๕. (กรุงเทพฯ: มูลนธิ พิ ทุ ธธรรม,๒๕๔๓), หน้า ๔๒ - ๔๕
๕๘คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ ความเป็นมาของอัตลักษณ์ ๒๙ ประการสู่ความเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ๑ การศึกษ๘าและ พัฒนาอตั ลักษณ์โรงเรียนวถิ พี ทุ ธที่ไดด้ าเนนิ มานั้นได้มีข้นั ตอนท่ผี า่ นมาดงั นี้ ๑. การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างเพื่อศึกษา เพ่ือให้การศึกษาและพัฒนาอัตลักษณ์ โรงเรียนวิถีพุทธครอบคลุมและเป็นตัวแทนท่ีดีของโรงเรียนของประเทศไทย ผู้วิจัยจึงได้พัฒนา เครื่องมือสาหรับการรับสมัครโรงเรียนท่ัว ไปประเทศทั้งที่เป็นโรงเรียนวิถีพุทธ แล ะ ไม่เป็นโรงเรียนวิถีพุทธผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วยเว็บไซต์ www.vitheebuddha.com เพื่อให้โรงเรียนที่มีความพร้อมและสนใจได้ลงทะเบียนสมัคร โดยโรงเรียนจะต้องส่งข้อมูล เพ่ือใช้ประกอบในการพิจารณาโรงเรียนวิถีพุทธประกอบด้วย ข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียน และข้อมูลการดาเนินงานตามแนวทาง ๒๙ ประการสู่ความเป็นโรงเรียนวิถีพุทธแล้วทาการคัดเลือก ตัวแทนโรงเรยี นทง้ั หมดจานวน ๑๐๐ โรงเรียน เพื่อนามาศึกษาต่อไป ๒. จดั ทาสนทนากลมุ่ (Focus group) โดยนาโรงเรยี นทง้ั หมด จานวน ๑๐๐ โรงเรยี น ทีเ่ ปน็ ตัวแทนของโรงเรยี นวิถีพทุ ธทั่วประเทศมาประชมุ เชิงปฏบิ ัตกิ ารเพ่ือแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ รับ ฟังปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะการดาเนินงานตามแนวทาง ๒๙ ประการสู่ความเป็นโรงเรียน วถิ พี ุทธเพ่ือสงั เคราะหห์ าข้อสรุป แนวปฏบิ ตั ขิ องการพฒั นาอัตลักษณ์โรงเรียนวถิ พี ทุ ธ ใน ข้ันตอนน้ีเป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพโดยการแบ่งกลุ่มออกเป็น ๕ กลุ่ม ๆ ละ ๒๐ คน แบ่งตามประเด็นพิจารณาได้แก่ ภูมิภาคที่ต้ัง ขนาดโรงเรียน ในเมืองกับชนบท โรงเรียนแกนนา กบั ไมเ่ ปน็ โรงเรยี นแกนนา และโรงเรียนทมี่ รี ะดบั มากทีส่ ดุ กบั น้อยที่สุด ๓. ทดลองใช้ในสภาพจริง นาแนวปฏิบัติไปทดลองใช้ในสภาพจริงกับโรงเรียนที่สมัครใจเพ่ือ ทดลองใช้จานวน ๒๐ โรงเรียน จากตัวแทนจานวน ๑๐๐ โรงเรยี น ใชร้ ะยะเวลาทดลอง ๓ เดอื น ๔. ประเมนิ ผลโดยคณะทางานประเมินผล เพื่อตรวจสอบผลสาเรจ็ ของการดาเนินงาน โดยใช้ กรอบแนวคิด CIPP model ของสตัฟเฟลิ บีม (Stufflebeam) ไดแ้ ก่ การประเมนิ สภาพแวดล้อม การ ประเมินปัจจัยนาเข้า การประเมินกระบวนการ และการประเมินผลผลิตท่ีได้ จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ ประชาชนในพนื้ ที่ บคุ ลากรในโรงเรียน นกั เรียน ส านกั งานเขตพ้ืนที่ ๕. สรุปผลการดาเนินงานและรายงาน สรุปผลและรายงานอัตลักษณ์โรงเรียนวิถีพุทธ การ ประเมินผลความสาเร็จของโครงการต่อสานัก งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพอ่ื เปน็ แนวทางในการนาไปปฏบิ ัติ ซึ่งจากแนวทางการดาเนินการท่ีรับทราบร่วมกันต้ังแต่เริ่มต้น คณะผู้บริหาร ครู และพระอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ร่วมกันวิเคราะห์ สังเคราะห์ แนวทางดาเนินการเดิมยกร่างเป็นแนวทางดาเนินการ ที่เป็นรูปธรรมอีกครั้ง สอดคล้องกับ ตัวช้ีวัดแนวทางการดาเนินงาน โรงเรียนวิถีพุทธ พ.ศ. ๒๕๔๘ แบ่งเป็น ๕ ด้าน รวม ๒๙ ประการ และคณะยกร่างได้นาร่างฯไปสอบถามความเหน็ ของผเู้ ก่ยี วข้องหลายคร้ัง รวมทั้งผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ จึงประกาศให้โรงเรียนวิถีพุทธทราบและเป็นแนวทาง ในการประเมินตนเองต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นต้นมา ๑ ฝ่ายบริการก๘ารฝึกอบรม ส่วนธรรมนิเทศ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ๒๕๕๕. (หนา้ ๒๒)
๕๙คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ แนวทางดาเนินการ ๒๙ ประการสู่ความเป็นโรงเรียนวิถีพุทธทาให้โรงเรียนมีแนวทางการ พัฒนาโรงเรยี นท่ีเปน็ รูปธรรมมากขึ้น สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน และมหาวทิ ยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยร่วมกันนาอัตลักษณ์ ๒๙ ประการสู่ความเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ ไปเป็นตัวชี้วัดในการคัดเลือกโรงเรียนวิถีพุทธชั้นนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับใบประกาศเกียรติคุณ ยกย่องจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และเพื่อให้การคัดเลือกโรงเรียนวิถีพุทธ ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน็ อยา่ งเรียบร้อย ไดโ้ รงเรยี นวถิ พี ุทธที่มีคุณภาพจานวน ๑๐๐ โรงเรียนจากโรงเรียน วิถพี ุทธท้ังหมด ๑๒,๑๖๒ โรงเรียนให้เป็นตัวอยา่ งแกโ่ รงเรียนอื่น ๆ ไดจ้ ึงเหน็ ควรจัดโครงการดังกล่าว และพัฒนาอัตลกั ษณ์ ๒๙ ประการสูค่ วามเป็นโรงเรียนวิถีพุทธซ่ึงอัตลกั ษณท์ ั้ง ๒๙ ประการมี ดงั น้ี ดา้ นกายภาพ ด้านกจิ กรรม ด้านการเรียนการ ด้านพฤตกิ รรม ดา้ นการสง่ เสรมิ ประจาวนั พระ สอน นกั เรยี น ครู วิถีพทุ ธ ๑) มีป้ายโรงเรยี นวิถี ๑) ใสเ่ สือ้ ขาวทกุ ผู้บริหารโรงเรียน พุทธ คน ๑) บริหารจิต เจรญิ ๑) รักษาศลี ๕ ๑) ไม่มีอาหารขยะ ปัญญา ก่อนเข้าเรยี น ขายในโรงเรยี น ๒)มีพระพทุ ธรปู ๒) ทาบุญใส่ เช้า-บ่าย ทัง้ ครู และ ๒) ยิ้มง่าย ไหวส้ วย บรเิ วณหน้าโรงเรียน บาตร ฟังเทศน์ นักเรยี น กราบงาม ๒) ไม่ดดุ า่ ๒) บรู ณาการวถิ พี ุทธ นักเรยี น ๓) มีพระพุทธรูป ๓) รับประทาน ทกุ กลุม่ สาระและใน ๓) ก่อนรับประทาน ประจาห้องเรียน อาหารมังสวริ ัตใิ น วันสาคญั ทาง อาหารจะมกี าร ๓) บริหารจิต มือ้ กลางวนั พระพุทธศาสนา พจิ ารณาอาหาร เจริญปญั ญา กอ่ น ๔) มีพทุ ธศาสน ๓) ครู พานกั เรยี นทา รบั ประทานอาหาร การประชุมทุกครง้ั สุภาษิต วาทะธรรม ๔) สวดมนต์แปล โครงงานคุณธรรม ไม่ดัง ไมห่ ก ไมเ่ หลือ พระราชดารัสติด กจิ กรรมจติ อาสา ๔) ประหยดั ออม ๔) ช่ืนชมคณุ ความ ตามทต่ี า่ ง ๆ สปั ดาหล์ ะ ๑ ครัง้ ถนอมใชเ้ งนิ และ ดีหนา้ เสาธงทกุ วัน สง่ิ ของ ๕) มคี วามสะอาด ๔) ครู ผู้บรหิ าร และ ๕) โฮมรมู เพ่อื สงบ รม่ รนื่ นกั เรยี นทุกคน ไป ๕) มนี สิ ยั ใฝร่ ู้ สสู้ ง่ิ สะทอ้ นความรสู้ ึก ปฏิบตั ศิ าสนกิจท่ีวัด ยาก เชน่ ความรสู้ กึ ทไ่ี ด้ ๖) มีห้องพระพุทธ เดอื นละ ๑ ครั้ง ทาความดี ศาสนาหรือลาน มวี ดั เปน็ แหล่งเรยี นรู้ ๖) ครู ผบู้ ริหาร ธรรม ๕) ครู ผู้บริหาร และ และนักเรยี น มี นักเรยี นทุกคน เข้า สมุดบนั ทกึ ความดี คา่ ยปฏบิ ตั ธิ รรมอย่าง น้อยปลี ะ ๑ ครัง้
๖๐คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ ด้านกายภาพ ดา้ นกิจกรรม ดา้ นการเรียนการ ดา้ นพฤตกิ รรม ดา้ นการสง่ เสรมิ ประจาวนั พระ สอน นกั เรียน ครู วิถพี ทุ ธ ผูบ้ ริหารโรงเรยี น ๗) ไม่มสี ่งิ เสพติด ๗) ครู ผบู้ รหิ าร เหลา้ บหุ ร่ีใน และนกั เรียน สอบ โรงเรยี น ๑๐๐% ไดธ้ รรมะศกึ ษาตรี เปน็ อย่างนอ้ ย ๘) มีพระมาสอน อยา่ งสมา่ เสมอ ซึง่ ทง้ั หมดน้สี ามารถสรุปได้เป็นแผนภูมิเพ่ือใหเ้ ป็นการจดจาได้ง่ายและนาไปติดไวใ้ นสถานศึกษาให้ผู้ท่ี เกีย่ วข้องและนักเรียนได้เขา้ ใจในแนวทางการไปสูค่ วามเป็นโรงเรยี นวิถีพทุ ธต่อไปดงั น้ี แผนภมู ิ ๒๙ ประการสู่ความเป็นโรงเรยี นวถิ พี ุทธ ท่มี า: www.vitheebuddha.com/main.php?url=news_view&id=222&cat=F จงึ เหน็ สมควรทีจ่ ะมกี ารไดพ้ ัฒนาตนเองไปสู่ความเปน็ อตั ลักษณ์ ๒๙ ประการของการเป็น โรงเรียนวถิ ีพุทธ และเพ่ือให้เป็นแนวทางการในพัฒนาให้เป็นโรงเรียนวิถีพุทธทีส่ มบูรณ์แบบ และเป็น แนวทางตอ่ ๆ ไป ได้กาหนดให้ ๒๙ ประการส่คู วามเปน็ โรงเรียนวิถพี ทุ ธ เปน็ แนวทางของการประเมิน ถึงความเป็นไปไดใ้ นแต่ละด้าน
๖๑คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ แนวทางดาเนนิ การ ๒๙ ประการสู่ความเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ ประกอบด้วย ๑. ด้านกายภาพ ๗ ประการ ๑.๑ มีปา้ ยโรงเรยี นวถิ ีพุทธ ๑.๒ มพี ระพุทธรูปหน้าโรงเรยี น ๑.๓ มพี ระพุทธรูปประจาห้องเรยี น ๑.๔ มีพระพทุ ธศาสนสุภาษิต วาทะธรรม พระราชดารสั ติดตามที่ต่าง ๆ ๑.๕ มีความสะอาด สงบ รม่ ร่นื ๑.๖มีหอ้ งพระพทุ ธศาสนาหรอื ลานธรรม ๑.๗ ไม่มสี งิ่ เสพตดิ เหลา้ บุหร่ี ๑๐๐ % ๒. ด้านการเรียนการสอน ๕ ประการ ๒.๑ บริหารจติ เจรญิ ปญั ญา ก่อนเขา้ เรยี น เช้า บา่ ย ท้งั ครู และ นกั เรยี น ๒.๒ บรู ณาการวิถีพุทธ ทุกกลมุ่ สาระ และในวันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา ๒.๓ ครู พานักเรยี นทาโครงงานคุณธรรม กิจกรรมจติ อาสาสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง ๒.๔ ครู ผู้บริหาร และ นักเรียน ทุกคน ไปปฏิบัติศาสนกิจท่ีวัดเดือนละ ๑ ครั้ง มีวัดเป็น แหลง่ เรียนรู้ ๒.๕ ครู ผู้บริหาร และ นักเรยี นทกุ คน เข้าคา่ ยปฏบิ ตั ธิ รรมอยา่ งน้อยปลี ะ ๑ ครั้ง ๓. ด้านพฤติกรรม ครู ผ้บู ริหารโรงเรียนและนกั เรยี น ๕ ประการ ๓.๑ รักษาศีล ๕ ๓.๒ ยิม้ งา่ ย ไหว้สวย กราบงาม ๓.๓ กอ่ นรบั ประทานอาหารจะมกี ารพิจารณาอาหารรับประทานอาหาร ไมด่ ัง ไมห่ ก ไมเ่ หลือ ๓.๔ ประหยัด ออม ถนอมใช้ เงนิ และ สิ่งของ ๓.๕ มีนสิ ัยใฝร่ ู้ สสู้ ่งิ ยาก ๔. ด้านการสง่ เสริมวิถีพุทธ ๘ ประการ ๔.๑ ไมม่ อี าหารขยะขายในโรงเรียน ๔.๒ ไม่ดุ ด่า นกั เรียน ๔.๓ ชน่ื ชมคณุ ความดี หน้าเสาธงทกุ วนั ๔.๔ โฮมรมู เพื่อสะท้อนความรูส้ กึ เชน่ ความรู้สึกทีไ่ ด้ทาความดี ๔.๕ ครู ผู้บริหาร และนักเรยี น มีสมดุ บนั ทกึ ความดี ๔.๖ ครู ผบู้ รหิ าร และนักเรยี น(ป.4 ขึ้นไป) สอบไดธ้ รรมศกึ ษาตรเี ป็นอย่างน้อย ๔.๗ บรหิ ารจติ เจรญิ ปญั ญา ก่อนการประชมุ ทุกครง้ั ๔.๘ มพี ระมาสอนอยา่ งสม่าเสมอ ๕. ดา้ นกิจกรรมประจาวนั พระ ๔ ประการ ๕.๑.ใส่เส้ือขาวทุกคน ๕.๒.ทาบุญใส่บาตร ฟังเทศน์ ๕.๓. รบั ประทานอาหารมังสวริ ตั ิในมื้อกลางวัน
๖๒คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ ๕.๔ สวดมนตแ์ ปล การวิเคราะห์ลักษณะของกิจกรรม คุณคา่ ปัญหา/อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข ๑. ดา้ นกายภาพ ๗ ประการ - มีปา้ ยโรงเรยี นวิถีพทุ ธ - มพี ระพทุ ธรูปหน้าโรงเรียน - มพี ระพทุ ธรูปประจาห้องเรียน - มีพระพุทธศาสนสภุ าษติ วาทะธรรม พระราช ดารัสติดตามทตี่ า่ ง ๆ - มีความสะอาด สงบ รม่ รืน่ - มหี ้องพระพุทธศาสนาหรอื ลานธรรม - ไมม่ ีสงิ่ เสพติด เหล้า บหุ ร่ี ๑๐๐ % คุณค่าที่ได้รับ ได้คุณค่าด้านจิตใจ สะอาด สว่าง สงบ บรรยายภาพเอื้อต่อการเรียนการสอน ของโรงเรียนวิถีพุทธ เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ มีองค์พระครองใจ ไว้สักการบูชา เป็นหลักธรรมในการเตือนจิต สุขภาพกายและจิตดี ฝึกฝนด้วยภาวนา มีห้องที่เป็นสัดส่วน มีศีลห่าง อบายมุข ทาชีวติ ให้ประณีต สนองแนวนโยบายของรัฐ สร้างวนิ ัย สังคมปลอดอบายมุข ส่ิงเสพตดิ ปัญหา/อุปสรรค งบประมาณมีไม่เพียงพอ พ้ืนท่ีมีจานวนจากัด บุคลากรไม่ให้ความให้ความ ร่วมมือ แนวทางการแก้ไข หางบสนับสนุน ปรับตามสภาพพ้ืนที่ เช่น ห้องเรียน หน้าห้องเรียน พฒั นาบุคลากร สร้างความเขา้ ใจใหก้ ับบคุ ลากร ๒. ดา้ นการเรียนการสอน ๕ ประการ - บริหารจิต เจรญิ ปญั ญา กอ่ นเข้าเรียน เช้า บ่าย ทัง้ ครู และ นักเรยี น - บรู ณาการวิถีพุทธ ทุกกลุม่ สาระ และในวนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนา - ครู พานกั เรียนทาโครงงานคุณธรรม กิจกรรมจติ อาสาสัปดาหล์ ะ ๑ ครง้ั - ครู ผู้บรหิ าร และ นักเรยี น ทกุ คน ไปปฏิบตั ิศาสนกจิ ทวี่ ดั เดือนละ ๑ คร้ัง มวี ัดเปน็ แหลง่ เรียนรู้ - ครู ผู้บริหาร และ นักเรียนทกุ คน เข้าค่ายปฏิบัตธิ รรมอย่างนอ้ ยปลี ะ ๑ ครงั้ คุณค่าท่ีได้รบั ได้ฝึกสมาธิ ฝึกสติ ทาให้เกิดปัญญา สร้างวินัย ซึ่งจะนาไปสู่การมีจิตอาสาของ นักเรียนต่อชุมชน ปลูกฝังนิสัยความมีน้าใจและจิตสาธารณะ นักเรียนได้แสดงออกถึงพฤติกรรมความ ร่วมมือกนั ในการช่วยเหลอื สังคม ปัญหา/อุปสรรค เวลาในการจัดกิจกรรมมีน้อย บุคลากรบางส่วนไม่ให้ความร่วมมือ ผู้อานวยการบางคนไม่ให้ความสาคัญทางกิจกรรม นักเรียนขาดความสนใจ ขาดบุคคลผู้รับผิดชอบ อย่างจริงจัง และขาดต้นแบบที่เป็นแบบอย่างท่ีถูกต้อง งบประมาณของโรงเรียน มีน้อย และมุ่งไป พัฒนาดา้ นอ่ืน แนวทางการแก้ไข สร้างความตระหนักให้บุคลากรครู ผู้บริหาร และนักเรียน เห็นคุณค่าถึง ความสาคญั ในการพฒั นา และจดั อบรมเพ่ือเพ่มิ พูนความรู้ ๓. ดา้ นพฤตกิ รรม ครู ผู้บรหิ ารโรงเรยี น และนักเรยี น ๕ ประการ - รักษาศลี ๕ - ยมิ้ งา่ ย ไหว้สวย กราบงาม
๖๓คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ - ก่อนรบั ประทานอาหารจะมีการพจิ ารณาอาหารรับประทานอาหาร ไมด่ งั ไม่หก ไมเ่ หลอื - ประหยัด ออม ถนอมใช้ เงิน และ สงิ่ ของ - มีนิสยั ใฝ่รู้ สูส้ ิง่ ยาก คุณค่าที่ได้รับ ทาชีวิตได้เป็นปกติสุข ไม่เบียดเบียนผู้อื่น สมาทานศีลหน้าเสาธง บูรณาการ ครูประจาชนั้ ประเมนิ ทุกวันกอ่ นเลิกเรียน ยิม้ งา่ ย ไหว้สวย ทาใหน้ า่ รักน่าชื่นชม รักษาวัฒนธรรม อ้นดี งามของไทย การพิจารณาอาหาร ไม่ดัง ไม่หก ไม่เหลือ ทาให้รู้จักความพอประมาณ มีสติ กตัญญู ไม่ หลงในรส กลิ่น มีมารยาทในการรับประทานอาหาร การประหยัดอดออมถนอมใช้เงินและสิ่งของ ทา ให้รู้จักใช้จ่ายอย่างพอเพียง รู้คุณค่าของคนและส่ิงของรู้จักการวางแผนในการใช้จ่าย และมีนิสัย ใฝ่รู้ สู่สิง่ ยาก ทาให้มคี วามขยันอดทน มคี วามเพียร ความพยายาม ม่งุ มั่นสคู่ วามสาเร็จ ปัญหา/อุปสรรค์ รักษาศีลไม่ครบทุกข้อ นักเรียนมาสาย ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงของโรงเรียน สอื่ และเทคโนโลยีไม่เพียงพอ และตอ้ งขอการสนบั สนนุ จากภายนอก แนวทางการแกไ้ ข หาสื่อใหน้ ักเรียนไดเ้ รยี นร้อู ยา่ งพอเพียง ๔. ด้านการสง่ เสรมิ วิถพี ุทธ ๘ ประการ - ไมม่ อี าหารขยะขายในโรงเรียน - ไม่ดุ ด่า นกั เรียน - ชื่นชมคุณความดี หน้าเสาธงทกุ วนั - มีพระมาสอนอยา่ งสมา่ เสมอ - โฮมรมู เพื่อสะท้อนความรู้สึก เช่นความรูส้ กึ ท่ีไดท้ าความดี - ครู ผบู้ รหิ าร และนักเรียน มีสมดุ บนั ทึกความดี - ครู ผบู้ ริหาร และนักเรยี น สอบไดธ้ รรมศกึ ษาตรเี ป็นอย่างน้อย - บริหารจติ เจริญปญั ญา กอ่ นการประชมุ ทุกคร้ัง คุณคา่ ที่ได้รบั ทาให้มสี ขุ ภาพดี รจู้ กั เลือกรับประทานอาหารทด่ี ีมปี ระโยชน์ มีการช่นื ชมความ ดีทาให้เกิดความปล้ืมใจในสิ่งที่ได้ทา พร้อมท้ังมีสมุดท่ีบันทึกความดีคอยย้าเตือนให้ทาดี รู้หลักธรรม คาสอนในพระพุทธศาสนา สามารถแกไ้ ขปญั หา ปัญหา/อุปสรรค์ ขาดตน้ แบบที่สามารถเปน็ แบบอย่างท่ีถูกต้อง บคุ ลากรบางส่วนไมใ่ ห้ความ ร่วมมอื งบประมาณของโรงเรียน มนี ้อย และมุง่ ไปพัฒนาดา้ นอนื่ แนวทางการแก้ไข สร้างความตระหนักให้บุคลากรครู ผู้บริหาร และนักเรียน เห็นคุณค่าถึง ความสาคัญในการพฒั นาให้กาลังใจในการทาความดี ๕. ด้านกจิ กรรมประจาวันพระ ๔ ประการ - ใส่เสื้อขาวทุกคน - ทาบญุ ใส่บาตร ฟงั เทศน์ - รับประทานอาหารมังสวริ ัติในมอ้ื กลางวนั - สวดมนตแ์ ปล คุณค่าท่ไี ด้รบั ใสเสื้อขาว เวน้ จากการปรุงแต่ง แสดงความร่วมใจ ใสบาตร ฟังเทศน์ เสยี สละ เอ้ือเฟ้ือ สร้างปัญญา ขัดเกลาจิตใจ สร้างเสริมปัญญา อาหารมังสวิรัติ รักษาศีล ความเมตตากรุณา เว้นจากการฆา่ สตั ว์ สวดมนต์แปล ฝกึ สมาธิ เขา้ ใจซ้งึ ในพระธรรมคาสอน
๖๔คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ ปัญหา/อุปสรรค์ เส้ือขาว ผู้ปกครองซ้ือเองให้งบประมาณโรงเรียน ความร่วมมือ สร้าง ตระหนัก ประชาสัมพันธ์ ให้เหน็ ความสาคญั ของกิจกรรม อาหารมงั สวริ ตั ิ ใหค้ วามรู้ สร้างกจิ กรรม ให้ ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของอาหารประกอบอาหารใหส้ ีสันและรสชาติน่ารับประทาน แนวทางการแกไ้ ข ขอความรว่ มมือจากภาคสว่ นอน่ื ๆ หาเสื้อนกั เรียนให้เพียงพอ แนวปฏิบตั ิทดี่ ขี องอตั ลักษณ์ 29 ประการ ๑. มาตรฐานด้านกายภาพ ตวั ชว้ี ดั แนวปฏิบัติท่ดี ี (หมายเลข คือเกณฑใ์ หค้ ะแนน) ๑. มีป้ายโรงเรยี นวถิ พี ทุ ธ ๑. มีปา้ ยโรงเรยี นวถิ พี ุทธ ติดไวภ้ ายในหอ้ งใดห้องหนึง่ คานิยาม: ป้ายโรงเรียนวิถีพุทธ ๒. มปี ้ายโรงเรียนวิถีพทุ ธ ติดไว้หน้าอาคารใดอาคารหนึ่ง มีลักษณะ ดังนี้ ๓. มีป้ายโรงเรียนวถิ ีพทุ ธ ตดิ ไว้หนา้ บรเิ วณโรงเรยี น (ขนาด ๑.๕ ม. x ๘๐ ซม.) ๔. มปี า้ ยโรงเรยี นวถิ พี ทุ ธ ติดไวห้ น้าบรเิ วณโรงเรียน เหน็ เด่นชัด * ป้ายโรงเรยี นวิถีพทุ ธมรี ายละเอยี ดในครบถว้ น ดังตัวอย่าง ๒. มพี ระพุทธรูปบรเิ วณหน้า ๑. มพี ระพทุ ธรูปบริเวณหนา้ โรงเรยี น โรงเรยี น ๒. มพี ระพุทธรปู อยใู่ นซ้มุ บริเวณหนา้ โรงเรยี น ๓. มีพระพทุ ธรปู อยูใ่ นซุ้มบรเิ วณหนา้ โรงเรียนและเคร่อื งบชู า ๔. มีพระพุทธรูปอยู่ในซุ้มบริเวณหน้าโรงเรียนมีเคร่ืองบูชาและให้นักเรียน ไหวท้ ุกวัน ๓. มพี ระพุทธรูปประจาห้องเรียน ๑. มพี ระพทุ ธรปู หรือภาพพระพุทธรูปประจาห้องเรียน ๒. มีพระพุทธรูปประจาห้องเรยี นอยดู่ า้ นหน้าในที่ท่สี มควร ๓. มีพระพุทธรูปประจาห้องเรียนอยู่ด้านหน้าในที่ที่สมควร และมีการทา ความสะอาด ๔. มีพระพุทธรูปประจาห้องเรียนอยู่ด้านหน้าในที่ที่สมควร มีการทาความ สะอาดและมกี ารเคารพพระพทุ ธรปู เป็นประจา ๔. มพี ระพุทธศาสนสภุ าษติ วาทะ ๑. มพี ทุ ธศาสนสภุ าษติ วาทะธรรม พระราชดารัส ตดิ ตามท่ีตา่ ง ๆ ธรรม พระราชดารัส ตดิ ตามท่ีตา่ ง ๒. มพี ทุ ธศาสนสุภาษิต วาทะธรรมพระราชดารัส ติดตามท่ตี ่าง ๆและมีการ ๆ ปรบั ปรุงอยเู่ สมอ
๖๕คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ ๓. มพี ทุ ธศาสนสภุ าษติ วาทะธรรมพระราชดารสั ตดิ ตามท่ตี า่ ง ๆและมีการ ปรบั ปรุง อยเู่ สมอโดยนกั เรยี นมสี ่วนร่วมในการจดั ทา ๔. มพี ุทธศาสนสภุ าษติ วาทะธรรมพระราชดารัส ตดิ ตามทตี่ ่าง ๆและมกี าร ปรบั ปรุงอยเู่ สมอโดยนกั เรียนมสี ่วนร่วมในการจัดทาอยา่ งตอ่ เน่อื ง ๕. มีความสะอาด สงบ รม่ รนื่ ๑. มคี วามสะอาด สงบ รม่ รน่ื ในห้องเรียนและบริเวณโรงเรียน ๒. มีความสะอาด สงบ ร่มร่ืนในห้องเรียน บริเวณโรงเรยี น โดยดาเนนิ การอยา่ งต่อเนอื่ ง ๓. มคี วามสะอาด สงบ รม่ รืน่ ในห้องเรยี น บริเวณโรงเรยี น โดยดาเนนิ การอยา่ งตอ่ เนื่องและนกั เรียนมีส่วนร่วม ๔. มคี วามสะอาด สงบ รม่ ร่ืนในห้องเรียน บรเิ วณโรงเรยี น โดยดาเนนิ การอยา่ งตอ่ เน่อื งและนกั เรยี นมสี ว่ นร่วมทกุ คน ๖. มีห้องพระพระพุทธศาสนา ๑. มีห้องพระพทุ ธศาสนา หรอื ลานธรรม หรือลานธรรม ๒. มหี อ้ งพระพุทธศาสนา หรือลานธรรมและมตี ารางการใช้ ๓. มหี ้องพระพุทธศาสนา หรือลานธรรมมีตารางการใช้ มีการใช้จริง ๔. มหี ้องพระพุทธศาสนา หรือลานธรรมมีตารางการใช้ มีการใช้จริง และนักเรียนมีส่วนรว่ มในการดูแลรกั ษา ๗. ไม่มีส่ิงเสพติด เหล้า บุหรี่ ๑. มสี ่ิงเสพติด เหล้า บุหร่ี ในโรงเรียนระหวา่ ง๔๐ -๕๐ % ๑๐๐% ๒. มสี ิง่ เสพติด เหล้า บุหร่ี ในโรงเรียนระหว่าง๒๐ -๓๙ % ๓. มสี ง่ิ เสพตดิ เหล้า บหุ ร่ี ในโรงเรียนระหวา่ ง๑๐ -๑๙ % ๔. ไมม่ ีสิง่ เสพติด เหล้า บุหรี่ ในโรงเรียน ๑๐๐ % ๒. มาตรฐานด้านพฤตกิ รรม นักเรียน ครู ผ้บู รหิ ารโรงเรยี น ตวั ชีว้ ัด แนวปฏิบัติทีด่ ี(หมายเลข คือเกณฑ์ให้คะแนน) ๘. รักษาศีล ๕ ๑. ผบู้ รหิ าร ครู นักเรยี น ตา่ กวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ปฏบิ ัตไิ ด้ ครบ๕ ขอ้ ๒. ผูบ้ รหิ าร ครู นักเรยี น รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏบิ ตั ิได้ ครบ๕ ขอ้ ๓. ผู้บริหาร ครู นักเรียน รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบตั ไิ ด้ ครบ๕ ข้อ ๔. ผู้บริหาร ครู นกั เรียน รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบัติได้ ครบ๕ ข้อ ๙. ยม้ิ ง่าย ไหว้สวย กราบงาม ๑. นักเรียน ครูและผู้บรหิ าร ต่ากวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ปฏบิ ัติ ๒. นกั เรยี น ครแู ละผบู้ รหิ าร ร้อยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบัติ ๓. นกั เรียน ครแู ละผบู้ ริหาร รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ัติ ๔.นักเรยี น ครูและผู้บรหิ าร รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบัติ ๑๐. ก่อนรบั ประทานอาหารจะมี ๑. นกั เรียน ครูและผู้บริหาร ตา่ กว่าร้อยละ ๕๐ ปฏบิ ตั ิ การพิจารณาอาหาร รบั ประทาน ๒. นกั เรยี น ครแู ละผบู้ รหิ าร รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบัติ อาหารไมด่ ัง ไมห่ ก ไม่เหลือ ๓. นักเรียน ครแู ละผู้บรหิ าร ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบตั ิ
๖๖คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ ๔. นกั เรยี น ครูและผบู้ ริหาร ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏบิ ัติ ๑๑. ประหยดั ออม ถนอมใช้ เงนิ ๑. นกั เรยี น ครแู ละผู้บรหิ าร ต่ากวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ปฏบิ ตั ิ และสงิ่ ของ ๒. นักเรยี น ครแู ละผูบ้ ริหาร รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบัติ ๓. นกั เรยี น ครูและผู้บริหาร ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ตั ิ ๔. นกั เรียน ครูและผบู้ รหิ าร รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏบิ ตั ิ ๑๒. มนี สิ ยั ใฝร่ ู้ สู้สง่ิ ยาก ๑. นกั เรียน ครูและผู้บรหิ าร ตา่ กวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ปฏบิ ตั ิ ๒. นักเรยี น ครแู ละผบู้ ริหาร รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบัติ ๓. นักเรยี น ครแู ละผู้บรหิ าร ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบตั ิ ๔. นกั เรยี น ครูและผู้บริหาร ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบตั ิ ๓.มาตรฐานด้านกจิ กรรมประจาวันพระ ตวั ชี้วดั แนวปฏิบตั ิทดี่ ี(หมายเลข คือเกณฑ์ให้คะแนน) ๑. ใสเ่ สื้อสีขาวทุกคน ๑. ครู ผบู้ รหิ าร นกั เรยี น ต่ากวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ปฏิบตั ิ ๒. ครู ผู้บริหาร นกั เรียน ร้อยละ ๕๐ -๖๙ ปฏบิ ัติ ๓. ครู ผบู้ ริหาร นักเรียน ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบัติ ๔.ครู ผ้บู ริหาร นกั เรยี น รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบัติ ๒. ทาบญุ ใสบ่ าตร ฟังเทศน์ ๑. ครู ผู้บริหาร นักเรียน ต่ากว่ารอ้ ยละ ๕๐ ปฏิบัติ ๒. ครู ผู้บรหิ าร นักเรยี น รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบตั ิ ๓. ครู ผบู้ รหิ าร นักเรียน ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบตั ิ ๔. ครู ผบู้ รหิ าร นักเรียน ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบัติ ๓. รบั ประทานอาหารมังสวิรัตในมอ้ื ๑. ครู ผบู้ รหิ าร นักเรียน ตา่ กวา่ ร้อยละ ๕๐ ปฏบิ ัติ กลางวนั ๒. ครู ผู้บรหิ าร นกั เรยี น ร้อยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบตั ิ ๓. ครู ผู้บริหาร นกั เรยี น ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ตั ิ ๔. ครู ผบู้ รหิ าร นักเรยี น รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบตั ิ ๔.สวดมนต์แปล ๑. ครู ผบู้ ริหาร นักเรียน ต่ากวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ปฏบิ ัติ ๒. ครู ผู้บริหาร นักเรยี น รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบัติ ๓. ครู ผูบ้ ริหาร นักเรียน รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ัติ ๔.ครู ผบู้ ริหาร นักเรยี น ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบตั ิ ๔. มาตรฐานดา้ นการส่งเสรมิ วิถีพทุ ธ ๑. ไม่มีอาหารขยะขายในโรงเรียน ๑. ไม่มอี าหารขยะขายในโรงเรียนเปน็ บางวัน ๒. ไมม่ ีอาหารขยะขายในโรงเรียนทกุ วัน ๓. ไม่มีอาหารขยะขายในโรงเรยี นทกุ วนั แตน่ ักเรยี นนามาเอง
๖๗คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ ๔. ไมม่ อี าหารขยะขายในโรงเรียนทุกวนั และปลูกฝงั ใหน้ กั เรียนไม่ซื้อ อาหารขยะนอกโรงเรยี น ๒. ไมด่ ุด่านักเรียน ๑. ครู ผบู้ รหิ าร ต่ากว่าร้อยละ ๕๐ ปฏิบตั ิ ๒. ครู ผบู้ รหิ าร รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบัติ ๓. ครู ผบู้ รหิ าร รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ตั ิ ๔. ครู ผูบ้ ริหาร ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏบิ ตั ิ ๓. ชืน่ ชมคุณความดีหนา้ เสาธงทุกวัน ๑. ปฏบิ ัติ โดยไมเ่ ต็มใจ ๒. ปฏบิ ัติ โดยไมเ่ ต็มใจและทาตามคาสั่ง ๓. ปฏิบตั ดิ ้วยความเตม็ ใจ ๔. ปฏบิ ตั ิ ดว้ ยความเต็มใจ เหน็ คณุ คา่ และโนม้ นา้ วใหน้ ักเรียนทา ความดี ๔. โฮมรูมเพื่อสะท้อนความรู้สกึ เชน่ ๑. ปฏบิ ตั ิ โดยไม่เตม็ ใจ ความรสู้ กึ ที่ไดท้ าความดี ๒. ปฏบิ ตั โิ ดยไมเ่ ต็มใจและทาตามคาสัง่ ๓. ปฏิบัตดิ ้วยความเตม็ ใจ ๔. ปฏิบตั ิ ดว้ ยความเต็มใจ เหน็ คุณคา่ และโน้มน้าวใหน้ กั เรยี นดี ๕. ครู ผู้บริหาร และนักเรยี น มีสมุด ๑. ครู ผู้บริหาร นกั เรียน ต่ากวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ปฏิบตั ิ บันทึกความดี ๒. ครู ผู้บรหิ าร นกั เรยี น ร้อยละ ๕๐ -๖๙ ปฏบิ ัติ ๓. ครู ผ้บู รหิ าร นกั เรียน รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ัติ ๔. ครู ผบู้ ริหาร นกั เรยี น รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบตั ิ ๖. ครู ผ้บู ริหาร และนักเรยี นสอบได้ ๑. ครู ผ้บู รหิ าร นักเรียน ต่ากวา่ ร้อยละ ๕๐ ปฏิบตั ิ ธรรมะศกึ ษาตรีเป็นอย่างน้อย ๒. ครู ผูบ้ ริหาร นกั เรยี น ร้อยละ ๕๐ -๖๙ ปฏบิ ัติ ๓. ครู บริหาร นักเรียน รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบัติ ๔. ครู ผูบ้ รหิ าร นักเรยี น รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏบิ ัติ ๗. บริหารจิต เจรญิ ปัญญา ก่อนการ ๑. ครูและปฏบิ ตั ิ โดยไม่เต็มใจ ประชมุ ทกุ ครั้ง ๒. ครูและปฏบิ ัติ โดยไมเ่ ตม็ ใจและทาตามคาสั่ง ๓. ครแู ละปฏบิ ตั ิ ด้วยความเตม็ ใจ ๔. ครแู ละปฏบิ ัติ ดว้ ยความเต็มใจและเหน็ คุณค่า ๘. มพี ระมาสอนอย่างสมา่ เสมอ ๑. นกั เรียนไดเ้ รียนกับพระ ตา่ กว่าร้อยละ ๕๐ ๒. นกั เรียนไดเ้ รียนกบั พระ รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบัติ ๓. นักเรยี นได้เรยี นกับพระ รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบัติ ๔. มนี กั เรียนได้เรยี นกับพระ รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบตั ิ ๕.มาตรฐานการเรียนการสอน
๖๘คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ ๑. บริหารจติ เจริญปญั ญา กอ่ นเขา้ เรยี น ๑. นักเรียน ตา่ กวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ปฏบิ ตั ิ เช้า – บา่ ย ทัง้ ครู และนกั เรียน ๒. ครูและนกั เรียน รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบัติ ๓. ครูและนกั เรียน ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบตั ิ ๔. ครแู ละนกั เรียน ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏบิ ัติ ๒. บูรณาการวิถีพุทธทุกกลุ่มสาระและ ๑. มีครู ต่ากว่ารอ้ ยละ ๕๐ ปฏบิ ตั ิ ในวนั สาคญั ทางพทุ ธศาสนา ๒. มคี รู รอ้ ยละ ร้อยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบตั ิ ๓. มคี รู ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ตั ิ ๔. มคี รู ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบัติ ๓. ครูพานักเรียนทาโครงงานคุณธรรม ๑. มีครู ตา่ กว่าร้อยละ ๕๐ ปฏิบัติ หรอื กจิ กรรมจิตอาสา สปั ดาห์ละ ๑ คร้งั ๒. มคี รู ร้อยละ ๕๐ -๖๙ ปฏบิ ตั ิ ๓. มคี รู ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบตั ิ ๔. มคี รู ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบตั ิ ๔. ครู ผู้บริหาร และนักเรียนทุกคนไป ๑. ครู ผู้บริหาร นกั เรยี น ต่ากว่าร้อยละ ๕๐ ปฏิบัติ ปฏิบตั ศิ าสนกจิ ทีว่ ดั เดอื นละ ๑ ครั้ง มีวดั ๒. ครู ผ้บู รหิ าร นักเรียน ร้อยละ ๕๐ -๖๙ ปฏบิ ัติ เป็นแหลง่ เรียนรู้ ๓. ครู ผบู้ ริหาร นักเรยี น รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ัติ ๔. ครู ผู้บรหิ าร นกั เรยี น ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏบิ ัติ ๕. ครู ผู้บริหาร และนักเรียนทุกคนเข้า ๑. ครู ผู้บริหาร นักเรยี น ตา่ กว่าร้อยละ ๕๐ ปฏบิ ตั ิ คา่ ยปฏบิ ัตธิ รรมอย่างน้อยปลี ะ ๑ ครั้ง ๒. ครู ผบู้ รหิ าร นักเรยี น ร้อยละ ๕๐ -๖๙ ปฏบิ ตั ิ ๓. ครู ผบู้ รหิ าร นกั เรียน ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบัติ ๔. ครู ผูบ้ รหิ าร นักเรียน รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบตั ิ 2.โรงเรียนวิถพี ทุ ธชน้ั นา (The Leading Buddhist Oriented School) โรงเรียนวิถีพุทธช้ันนาเป็นโรงเรียนวิถีพุทธที่มีผลงานดีเด่นเป็นรูปธรรมท่ีชัดเจน จนเป็น แบบอย่างได้ และมีการดาเนินการตามมาตรฐานและ ตัวช้ีวัดของอัตลักษณ์ ๒๙ ประการในโรงเรียน วิถีพุทธ อย่างชัดเจนอย่างเป็นเป็นประจักษ์ และมีกิจกรรมหรือโครงการที่เด่นชัดเชิงประจักษ์ ด้วย กระบวนการกัลยาณมิตร คณุ สมบัตแิ ละตัวช้ีวดั โรงเรยี นวถิ ีพทุ ธช้ันนา ๑) ได้สมคั รลงทะเบยี นในระบบเว็บไซต์ ๒) มีการดาเนนิ การตามตัวชีว้ ัดอตั ลกั ษณ์วิถีพทุ ธครบทงั้ ๒๙ ประการ (อาชวี ะ ๓๗ ประการ) และประเมินตนเองตามอตั ลักษณ์วิถพี ุทธในระบบ ระยะ ๙ เดอื นและ ๑๒ เดือน อย่างตอ่ เน่ือง ไมน่ ้อยดว่า ๒ ปีตอ่ เนอื่ ง ๓) มกี ิจวัตรประจาวนั ประจาสัปดาห์ดา้ นวิถพี ุทธ และกิจกรรมวนั สาคัญทาง พระพทุ ธศาสนาอย่างสมา่ เสมอ จนเป็นวถิ ชี ีวิต
๖๙คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ ๔) มโี ครงการวถิ ีพุทธในแผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบตั ิการประจาปีของสถานศึกษา ๕) มีการดาเนนิ กิจกรรม/โครงการเด่นด้านวิถีพทุ ธ อย่างเป็นรูปธรรม ต่อเนื่องกนั อย่าง นอ้ ย ๒ ปี และสง่ ผลดตี อ่ ครู บคุ ลากรและผเู้ รียน ๖) มกี ารบูรณาการวิถีพุทธสกู่ ารเรียนการสอนรวมทัง้ มีแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ีบรู ณา การวิถพี ุทธทุกกลุ่มสาระ ๗) มีการอบรมพฒั นาผูบ้ ริหาร ครุ บคุ ลากร ในดา้ นวถิ ีพทุ ธและการปฏิบตั ิธรรม ต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า ๓ ปี ๘) มกี ารอบรมพฒั นาผู้เรยี นในด้านวิถีพทุ ธและปฏบิ ัติธรรมต่อเนอ่ื ง ไม่นอ้ ยกว่า ๓ ปี โรงเรียนที่มีสิทธ์สิ มคั รรบั การคัดเลือกโรงเรยี นวิถีพทุ ธชนั้ นา (ต้องมีทกุ ขอ้ ) ๑. สมัครเข้าร่ว มโ ครงการโรงเรียนวิถีพุทธ และลงทะเบียน เว็บไซต์ www.vitheebuddha.com ไมน่ ้อยกวา่ 3 ปี ๒. มีผลการประเ มิน ตน เ อง ต าม อั ตลั ก ษ ณ์ ๒๙ ประการ ในเว็ บ ไ ซ ต์ www.vitheebuddha.com ตอ่ เน่อื งกนั อยา่ งนอ้ ย 2 ปี ไดผ้ ลการประเมนิ โดยรวมระดบั ดี ขึน้ ไป ๓. ผู้บริหาร และคณะครู อาจารย์ มีความใส่ใจในการดาเนินงานโครงการโรงเรียน วิถพี ุทธ ๔. ไม่เคยได้รบั ประกาศยกย่องเปน็ โรงเรยี นวถิ ีพทุ ธช้ันนามาก่อน เอกสารที่โรงเรียนต้องส่งประกอบการสมคั ร ๑.เขียนรายงาน กิจกรรม/ผลงานดีเด่น ของสถานศึกษาด้านท่ีเก่ียวกับโรงเรียนวิถี พทุ ธ ปกี ารศกึ ษาที่จะสมัคร ๒.เขียนอธิบายโดยรวม ไม่ควรเกิน ๕ กิจกรรม/โครงงาน พร้อมภาพ เอกสาร ประกอบอน่ื ๆ จานวน ไมเ่ กนิ 15 หนา้ กระดาษ เอ ๔ ไม่ต้องมภี าคผนวก ๓.แผนการสอนบูรณาการวิถีพุทธ ในสาระวิชา 8 กลุ่มสาระๆละ ๑ คาบ ระดับช้ัน ใด สาระย่อยเร่ืองใดก็ได้ ( ไม่เกิน ๓ หน้า ) ท่ีแสดงให้เห็นวิธีจัดการเรยี นรู้ที่ส่งเสรมิ การพัฒนาทักษะ ศตวรรษท่ี ๒๑และวิถีพุทธ (หากโรงเรียนผ่านการพิจารณารอบแรก จะมีคณะไปเย่ียมและขอชมการ จัดการเรียนรู้แผนนี)้ ๔ . แ น บ ร า ย ง า น ผ ล ก า ร ป ร ะ เ มิ น ต น เ อ ง ข อ ง โ ร ง เ รี ย น จ า ก เ ว็ ป ไ ซ ด์ www.vitheebuddha.com โดยสัง่ พมิ พจ์ ากระบบเวบไซต์วิถพี ทุ ธ ๓.โรงเรียนวถิ พี ุทธพระราชทาน (The royal award Buddhist Oriented School) การมีโรงเรียนวิถีพุทธพระราชทาน เน่ืองจากโรงเรียนวิถีพุทธท่ัวไปได้พัฒนาจนได้รับการยก ย่องเป็นโรงเรียนวิถีพุทธช้ันนาและได้มีการดาเนินกิจกรรมภายในโรงเรียนจนเป็นตัวอย่างแก่ชุมชน ตามหลักไตรสิกขา และเป็นแบบอย่างในการพัฒนาโรงเรียนตามแนวโรงเรียนวิถีพุทธจนเป็นรูปธรรม มี“นวัตตกรรม”ชัดเจน ในเชิงประจักษ์แก่โรงเรียนต่าง ๆ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน จงึ เหน็ สมควรยกยอ่ งโรงเรยี นวิถีพทุ ธชัน้ นานี้ ไปอีก ระดับหนึ่งให้ได้รับรางวัลระดับสูงสุด คือ โรงเรียนวิถีพุทธพระราชทานจากสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเป็นรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติโรงเรียนวิถีพุทธให้เป็น
๗๐คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ สถานศึกษาต้นแบบด้านคุณธรรมจริยธรรมท่ีมีคุณค่าจึงได้กาหนดเกณฑ์ในการคัดเลือกโรงเรียนวิถี พทุ ธพระราชทานและจักได้มอบหมายคณะกรรมการตรวจคดั เลอื กประเมนิ เชงิ ประจักษต์ ่อไป กระบวนการคดั เลือกโรงเรยี นวถิ พี ทุ ธพระราชทาน ๑) คณุ สมบัติของโรงเรียนวถิ พี ทุ ธพระราชทาน ๑) ไดส้ มคั รลงทะเบยี นในระบบเว็บไซต์ ๒) มกี ารดาเนินการตามตัวช้ีวัดอัตลักษณ์วถิ ีพุทธครบท้ัง ๒๙ ประการ (อาชวี ะ ๓๗ ประการ) และประเมินตนเองตามอัตลักษณ์วิถีพทุ ธในระบบ ระยะ ๙ เดือนและ ๑๒ เดือน อยา่ งต่อเน่ือง ไม่นอ้ ยดว่า ๔ ปตี ่อเนื่อง ๓) ไดร้ บั การคัดเลือกเปน็ สถานศึกษาวิถีพุทธชั้นนามาแลว้ ไมต่ ่ากวา่ ๒ ปี ๔) ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตามตามมาตรฐาน ๕ ดา้ น ตัวชี้วัด ๕๔ ประการของสถานศึกษาวถิ ี พุทธพระราชทาน มีเอกสารรวบรวมไว้ และมผี ลเปน็ รปู ธรรม ๕) มแี ผนยทุ ธศาสตร์ สถานศึกษาวถิ ีพทุ ธ ระยะ ๕ ปี และแผนปฏบิ ตกิ ารสถานศึกษา วิถพี ุทธประจาปี(ซงึ่ อาจเปน็ ฉบบั เดียวกับแผนยทุ ธศาสตรส์ ถานศึกษา) ๖) มนี วัตกรรมวถิ ีพุทธ ดา้ นปจั จัยนาเขา้ ท่ีได้ผล เป็นรูปธรรมชัดเจน ๗) มนี วัตกรรมวถิ ีพุทธ ดา้ นกระบวนการทไ่ี ด้ผล เปน็ รูปธรรมชดั เจน ๘) มีแผนพฒั นาเครอื ขา่ ยวถิ พี ุทธและมีการดาเนินการจนได้ผลดี ๙) ผู้บรหิ าร ครู บุคลากรทุกคน ประกอบศาสนพธิ ีพนื้ ฐานได้ สวดมนต์ทาวัตรแปลได้ และปฏิบัติธรรมได้ถูกต้อง ๑๐) นักเรียน นักศึกษา ต้งั แต่ ป.๔ ข้ึนไป ทกุ คนสามารถประกอบศาสนพิธพี ้ืนฐานได้ สวดมนต์ทาวัตรแปลได้ และปฏบิ ตั ธิ รรมได้ถูกตอ้ ง ๑๑) นกั เรียน นกั ศึกษาแกนนา สามรถนาประกอบศาสนพธิ ี เป็นศาสนพธิ ีกรและ วทิ ยากรคุณธรรมได้ ขัน้ ตอนการสมัคร ๒.๑ ดาวน์โหลดใบสมัครท่ีเว็บไซต์โรงเรียนวถิ พี ุทธ www.vitheebuddha.com ในหวั ขอ้ “โรงเรียนวถิ พี ทุ ธพระราชทาน” แล้วกรอกใบสมัครตามแบบฟอรม์ ท่ีกาหนด ๒.๒แนบเอกสารหลักฐานมาพร้อมใบสมัครโดยดาวน์โหลดจากเว็บไซต์โรงเรียนวิถีพุทธ www.vitheebuddha.com ในหวั ข้อ “โรงเรียนวถิ พี ทุ ธพระราชทาน” ซึง่ มีรายละเอียดดังนี้ ๒.๒.๑ แบบรายงานผลการประเมินโรงเรียนตามอัตลักษณ์โรงเรียนวิถีพุทธ ๒๙ ประการสู่ ความเป็นโรงเรียนวิถีพุทธท่ีได้ประเมินตนเองแล้วในช่วงปี โดยปริ้นท์จากเว็บไซต์โรงเรียนวิถีพุทธ พรอ้ มรับรองสาเนาถูกตอ้ ง ๒.๒.๒ แบบรายงานผลการประเมินโรงเรยี นวิถพี ุทธพระราชทาน ๕๔ ตัวช้ีวดั ตามแบบฟอร์ม ทก่ี าหนด(ดาวโหลดจากเวบ็ ไซด์โรงเรียนวถิ พี ทุ ธ) ๒.๒.๓ ตัวอย่างแผนการสอน สาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ท่ีบูรณาการวิถีพุทธสู่สาระการเรียนรู้ที่ สามารถใชจ้ ริง และประเมินได้ มา ๒ แผนการสอน (โรงเรียนใดผา่ นการคัดเลือกรอบแรก ทางผูต้ รวจ เยีย่ มจะไปดูแผนการสอนทสี่ ง่ มานี้ ๑ แผน)
๗๑คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ ๒.๒.๔ รายงาน นวัตกรรม ที่มจี ุดเด่นในการพฒั นาโรงเรียนสู่ความเปน็ วิถีพทุ ธเปน็ ทปี่ ระจกั ษ์ รายละเอียดการเขียนวตั กรรม ดังน้ี ๑. ให้เขียนรายงานนวตั กรรม/โครงการ/กจิ กรรมท่ีได้ดาเนินการในช่วงปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ที่มี จดุ เด่นในการพัฒนาคณุ ธรรมจริยธรรมตามตวั ชีว้ ดั การดาเนนิ งานโรงเรยี นวิถีพุทธพระราชทานจานวน ๒ นวัตกรรม/โครงการ/กิจกรรม ดังนี้ (ข้อบ่งชี้คุณภาพ ๕๔ ข้อ จากตัวช้ีวัดโรงเรียนวิถีพุทธ พระราชทาน) ๑.๑ นวัตกรรม ท่ีมีความสอดคล้องส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตามตัวช้ีวัด ด้านปัจจัย นาเข้า (Input) จานวน ๑ นวัตกรรม ตามขอ้ บง่ ช้คี ุณภาพขอ้ ใดขอ้ หนึง่ หรือหลายขอ้ ๑.๒ นวัตกรรม ท่ีมีความสอดคล้องส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตามตัวช้ีวัด ด้าน กระบวนการ (Process) จานวน ๑ นวตั กรรม/โครงการ/กิจกรรม ตามขอ้ บ่งชี้คุณภาพข้อใดข้อหน่ึง หรอื หลายข้อ 2. ความยาวรวมแต่ละนวัตกรรม ไม่เกิน ๑0 หน้ากระดาษ A4 (รวมรูปภาพและเอกสาร หลักฐานประกอบ) โดยแยกเป็น ๒ เล่ม โดยแสดง Model กระบวนการคิดท่ีชัดเจน และมีการบูรณา การสู่พุทธธรรมได้ 3. หัวขอ้ ในการเขียนรายงาน ๑) ชือ่ นวตั กรรม ๒) ที่มาและความสาคญั /สอดคลอ้ งกับ ตบช.ใด ๓) วตั ถปุ ระสงค์ ๔) ภาพ Model 1 หนา้ ๕) อธิบายข้ันตอนและกระบวนการดาเนินงาน ๖) หลกั ธรรมทใี่ ชใ้ นโครงการ ๗) ผลการดาเนนิ งาน ๘) ประโยชน์และการเผยแพรน่ วัตกรรม ๑๐) แนวทางการพฒั นาตอ่ ยอดนวตั กรรม
๗๒คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ
คู่มอื มาตรฐานการดาเนนิ งานโรงเรยี สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการได้สนบั สนุนให้สถานศกึ ษามีการพัฒนาคุณธ วิถีพุทธ พร้อมท้ังจัดทาเอกสารแนวทางการดาเนินงานโรงเรียนวิถีพุทธ เพื่อเป็น โดยกาหนดตัวช้วี ัดการดาเนินงานโรงเรยี นวิถพี ทุ ธไวอ้ ยา่ งชดั เจน ซง่ึ ได้ผ่านการพิจ ๑. ดา้ นปัจจยั นาเขา้ ๒. ดา้ ๓. ดา้ นผลผลิต ๔. ดา้ น เอกสารตัวชี้วัดฉบับนี้จะเป็นเคร่ืองมือที่ช่วยให้ผู้บริหารโรงเรียน โรงเรียนวิถีพุทธได้ชดั เจนและมีประสิทธิภาพเพิม่ ขน้ึ มาตรฐานที่ ๑ ด้านปัจจยั นาเขา้ (Input) องคป์ ระกอบหลักที่ ๑.๑ บคุ ลากรมคี ุณลกั ษณะท่ีดี องค์ประกอบย่อย ๑.๑.๑ ผู้บรหิ าร องค์ประกอบตัวช้ีวัด ตัวชว้ี ดั ที่ ๑.๑.๑.๒ มี ๔ หมายถงึ ผบู้ รหิ ารมพี รหมวหิ ารธรรมประจาใจ เม พรหมวหิ ารธรรมประจาใจ ประสบความสาเร็จทัง้ ในและนอกองคก์ ร มีจิตใจเปน็ ๓ หมายถึง ผู้บริหารมีพรหมวิหารธรรมประจาใจ เม นอกองค์การ มจี ติ ใจเปน็ กลาง และมคี วามยตุ ิธรรมใ ๒ หมายถึง ผู้บริหารมีพรหมวหิ ารธรรมประจาใจ เม มจี ติ ใจเปน็ กลาง และมีความยุติธรรมในการบริหารจัด ๑ หมายถึง ผ้บู รหิ ารมพี รหมวิหารธรรมประจาใจ เมต
คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๓ ยนวถิ ีพุทธพระราชทาน พ.ศ.๒๕๕๘ าข้นั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ ธรรมควบคู่กับการพฒั นาทุกด้านอย่างองค์รวม โดยมีการส่งเสริมโครงการโรงเรยี น นเครื่องมือในการนิเทศ กากับ ติดตาม ประเมินผลการดาเนินงานโรงเรียนวิถีพุทธ จารณาจากผทู้ รงคณุ วฒุ หิ ลายคณะแลว้ ตวั ชวี้ ดั จะประกอบดว้ ย ๔ มาตรฐาน คอื านกระบวนการ นผลกระทบ นและครู สามารถตรวจสอบ ทบทวนและประเมินผลการดาเนินงานการพัฒนา ข้อบ่งชค้ี ุณภาพ มตตา กรณุ าต่อนักเรียน ครู ผปู้ กครองและผู้ทีม่ าตดิ ต่อหรอื ผ้รู ับบริการ มีความยนิ ดีต่อผู้ท่ี นกลาง และมคี วามยุตธิ รรมในการบรหิ ารจดั การศึกษาท่ีครอบคลุมอย่างสม่าเสมอ มตตา กรุณาต่อนักเรียน ครู ผู้ปกครอง มีความยินดีต่อผู้ท่ีประสบความสาเร็จท้ังในและ ในการบริหารจัดการศึกษาที่ครอบคลมุ อยา่ งสม่าเสมอ มตตา กรุณาต่อนักเรียน ครู มีความยินดีต่อผู้ที่ประสบความสาเร็จทั้งในและนอกองค์การ ดการศกึ ษาท่ีครอบคลมุ อย่างสม่าเสมอ ตตา กรุณาต่อนกั เรียน มีความยนิ ดีต่อผูท้ ่ีประสบความยตุ ิธรรมในการบรหิ ารที่ครอบคลมุ
องคป์ ระกอบตัวช้ีวัด ตัวชว้ี ัดที่ ๑.๑.๑.๓ มีความ ๔ หมายถึง ผู้บริหารมีความซ่ือสัตย์ต่อตนเอง ต่อหน ซ่ือสัตย์ จริงใจใน การ ประโยชนส์ ว่ นรวม ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบไดอ้ ย่า ทางาน ๓ หมายถึง ผู้บริหารมีความซื่อสตั ย์ตนเอง ต่อหน้าท เพอื่ ประโยชน์สว่ นรวม ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได ๒ หมายถึง ผูบ้ ริหารมีความซอ่ื สตั ยต์ อ่ ตนเอง ตอ่ หน สว่ นรวม ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบไดอ้ ย่างนอ้ ย ๒ ๑ หมายถึง ผู้บริหารมีความซ่ือสัตย์ ต่อตนเอง ต่อหน ส่วนรวม ด้วยความโปรง่ ใส ตรวจสอบได้อยา่ งน้อย ๑ ตัวชี้วัดที่ ๑.๑.๑.๔ มีความ ๔ หมายถึง ผู้บริหารมีความรู้ ความเข้าใจสามารถอธ เข้าใจท่ีถกู ต้องในพระ เชอื่ มัน่ ในหลกั พระพุทธศาสนาซึง่ เปน็ แนวทางในการพ รตั นตรัย นับถือและศรทั ธา ๓ หมายถึง ผู้บริหารมีความรู้ ความเข้าใจสามารถอธ ในพระพุทธศาสนา เชื่อมนั่ ในหลักพระพทุ ธศาสนาซงึ่ เป็นแนวทางในการพ ๒ หมายถึง ผู้บริหารมีความรู้ ความเข้าใจสามารถอธ เช่อื ม่ันในหลกั พระพทุ ธศาสนาซ่ึงเปน็ แนวทางในการพ ๑ หมายถึง ผ้บู รหิ ารมคี วามรู้ ความเขา้ ใจสามารถอธบิ องคป์ ระกอบย่อยท่ี ๑.๑.๒ ครู ตวั ช้ีวัดท่ี ๑.๑.๒.๑ มีวถิ ี ๔ หมายถึง ครูมีวิถีชีวิตสอดคล้องกับหลักพุทธธร ชีวิตที่สอดคล้องกับหลกั อบายมขุ มีจิตใจทดี่ งี าม สามารถเปน็ แบบอย่างทดี่ ีแ พุทธธรรม (ลด ละ เลกิ ๓ หมายถึง ครมู วี ิถชี วี ิตท่ีสอดคลอ้ งกับหลักพุทธธรรม อบายมุข) มศี ีลธรรม และ ๒ หมายถึง ครูมีวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับหลักพุทธธรรม ปฏบิ ัตติ นเป็นแบบอยา่ งท่ีดี หรือเดอื นเกิดของตนเอง ๑ หมายถึง ครมู วี ิถชี วี ิตทีส่ อดคล้องกบั หลกั พุทธธรรม
คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๔ ข้อบ่งช้คี ณุ ภาพ น้าที่ มีความจริงใจในการทางานทุกกิจกรรม กาหนดเป้าหมาย ในการพัฒนางานเพ่ือ างต่อเนอ่ื งมากว่า ๓ ปีการศึกษา ท่ี มีความจริงใจทางานทุกกิจกรรม ตามขอบข่ายหน้าที่ กาหนดเป้าหมายในการพัฒนางาน ด้อยา่ งนอ้ ย ๓ ปกี ารศึกษา นา้ ที่ มคี วามจริงใจในการทางานทุกกิจกรรม มีเป้าหมายในการพฒั นางาน เพื่อประโยชน์ ปีการศึกษา น้าที่ มีความจริงใจในการทางานทุกกิจกกรม มีเป้าหมายในการพัฒนางาน เพื่อประโยชน์ ปีการศึกษา ธิบายและแสดงออกถึงความศรัทธาในพระรัตนตรัย ประโยชน์ของคุณงาม ความดี ความ พัฒนาชีวิตท่ีดี ให้กับครู นกั เรยี น ผู้ปกครองและบคุ คลในชุมชน ได้อยา่ งต่อเนอ่ื ง ธิบายและแสดงออกถึงความศรัทธาในพระรัตนตรัย ประโยชน์ของคุณงาม ความดี ความ พัฒนาชวี ติ ที่ดี ให้กับครู นักเรยี น ผู้ปกครอง อยา่ งตอ่ เน่อื ง ธิบายและแสดงออกถึงความศรัทธาในพระรัตนตรัย ประโยชน์ของคุณงาม ความดี ความ พัฒนาชีวติ ที่ดี ใหก้ บั ครู นักเรยี น อย่างตอ่ เน่ือง บายและแสดงออกถึงความศรทั ธานพระรตั นตรยั ประโยชนข์ องคุณงาม รม มีการปฏิบัติตนตามศีล ๕ ได้ครบถ้วนทุกข้อ อย่างสม่าเสมอตลอดปี ลด ละเลิก แก่ผูอ้ ื่นได้ ม มกี ารปฏบิ ตั ิตนตามศลี ๕ ขอ้ ตดิ ตอ่ กัน อย่างนอ้ ย ๓ เดือน และมจี ติ ใจที่ดงี าม ม มีการปฏิบัติตนตามศีล ๕ ได้ครบถ้วน ในโอกาสต่างๆ เช่น ทุกๆวันพระ หรือ ทุกๆวัน ม มีการปฏบิ ตั ติ นตามศีล ๕ ได้ครบถว้ น เปน็ บางคร้ังบางโอกาสแลว้ แต่ความพอใจ
องค์ประกอบตัวชี้วดั ๔ หมายถึง ครูร้อยละ ๙๐ -๑๐๐ มีพรหมวิหารธรร ตัวชวี้ ดั ท่ี ๑.๑.๒.๒ มี ยินดีต่อผู้ที่ประสบความสาเร็จท้ังในและนอกองค์กร พรหมวหิ ารธรรม มคี วาม สมาธิ ปญั ญาอยา่ งสม่าเสมอ เปน็ กัลยาณมิตรมงุ่ พัฒนา ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐ – ๘๙ มีพรหมวิหารธรรม ให้ผูเ้ รยี นเกดิ ความเจริญ ยินดีต่อผู้ท่ีประสบความสาเร็จท้ังในและนอกองค์กร งอกงามตามหลักไตรสิกขา สมาธิ ปัญญา อยา่ งสม่าเสมอ ๒ หมายถึง ครูร้อยละ ๗๐ – ๗๙ มีพรหมวหิ ารธรรม ตวั ชว้ี ัดท่ี ๑.๑.๒.๓ รู้ มีความยินดตี ่อผทู้ ป่ี ระสบความสาเร็จทั้งในและนอกอ เข้าใจ หลักการพัฒนา ศลี สมาธิ ปญั ญา อยา่ งสมา่ เสมอ ผู้เรียนตามหลักไตรสิกขา ๑ หมายถึง ครรู อ้ ยละ ๖๐ – ๖๙ มีพรหมวิหารธรรม มีความยนิ ดตี อ่ ผูท้ ีป่ ระสบความสาเร็จทั้งในและนอกอ ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างสมา่ เสมอ ๔ หมายถงึ ครรู อ้ ยละ ๙๐ -๑๐๐ มคี วามรู้ ความเข้า ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ๓ หมายถงึ ครรู ้อยละ ๘๐ – ๘๙ มีความรู้ ความเขา้ ได้อย่างถูกต้อง ๒ หมายถงึ ครูรอ้ ยละ ๗๐ – ๗๙ มคี วามรู้ ความเข้า ได้อยา่ งถูกต้อง ๑ หมายถึง ครูร้อยละ ๖๐ – ๖๙ มีความรู้ ความเข้า ได้อยา่ งถกู ต้อง
คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๕ ขอ้ บ่งชี้คณุ ภาพ ม เมตตา กรุณาต่อนักเรียน เพื่อนครู ผู้ปกครองและผูท้ ่ีมาตดิ ต่อหรือผ้รู ับบรกิ าร มีความ มีจิตใจเป็นกลาง และ มีความยุติธรรมในการอบรม พัฒนานักเรียนให้ครอบคลุมท้ัง ศีล ม เมตตา กรุณาต่อนักเรียน เพื่อนครู ผู้ปกครองและผู้ท่ีมาติดต่อหรือผู้รับบริการ มีความ ร มีจิตใจเป็นกลาง และ มีความยุติธรรมในการอบรม พัฒนานักเรียนให้ครอบคลุมท้ัง ศีล มประจาใจ เมตตา กรุณาตอ่ นักเรียน เพือ่ นครู ผ้ปู กครองและผู้ที่มาติดต่อหรือผู้รับบริการ องค์กร มจี ิตใจเป็นกลาง และมคี วามยุตธิ รรมในการอบรม พฒั นานกั เรยี นให้ครอบคลุมทั้ง มประจาใจ เมตตา กรณุ าต่อนักเรยี น เพอ่ื นครู ผู้ปกครองและผู้ท่ีมาตดิ ต่อหรือผู้รบั บริการ องค์กร มจี ิตใจเป็นกลาง และมคี วามยุตธิ รรมในการอบรม พฒั นานักเรียนใหค้ รอบคลุมท้ัง าใจในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน เพ่อื พฒั นานกั เรยี นได้ครอบคลุม ศลี สมาธิ ปญั ญา าใจในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพอื่ พัฒนานกั เรยี นได้ครอบคลุม ศลี สมาธิ ปญั ญา าใจในการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน เพื่อพัฒนานกั เรียนไดค้ รอบคลุม ศีล สมาธิ ปัญญา าใจในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อพัฒนานักเรยี นได้ครอบคลุม ศีล สมาธิ ปัญญา
องค์ประกอบหลักที่ ๑.๒ การบริหารจัดการดาเนินการอย่างมรี ะบบ องคป์ ระกอบย่อยท่ี ๑.๒.๑ ระบบบริหาร องคป์ ระกอบตัวชี้วดั ตวั ช้วี ดั ที่ ๑.๒.๑.๑ มี ๔ หมายถึง โรงเรียนมีการกาหนดวิสัยทัศน์ ปรัชญา วิสยั ทัศนห์ รือปรชั ญา พนั ธ จริยธรรม เพ่ือนามาใช้เป็นแนวทางพัฒนาโรงเรียนว กจิ เปา้ หมาย ธรรมนูญหรอื มากกว่า ๓ ปีการศกึ ษา แผนกลยุทธท์ มี่ ีจุดเนน้ ใน ๓ หมายถึง โรงเรียนมีการกาหนดวิสัยทัศน์ ปรัชญา การพฒั นาโรงเรียนวถิ ีพทุ ธ จริยธรรม เพ่ือใช้เป็นแนวทางพัฒนาโรงเรียนวิถีพุทธไ ๓ ปกี ารศกึ ษา ๒ หมายถึง โรงเรียนมีการกาหนดวิสัยทัศน์ ปรัชญา จริยธรรม เพอ่ื ใชเ้ ป็นแนวทางพฒั นาโรงเรียนวิถีพุทธไ ๒ ปกี ารศึกษา ๑ หมายถึง โรงเรยี นมกี ารกาหนดวิสยั ทัศน์ ปรัชญา จริยธรรม เพอื่ ใช้เปน็ แนวทางพัฒนาโรงเรียนวิถพี ทุ ธได ๑ ปีการศึกษา ตวั ช้ีวัดท่ี ๑.๒.๑.๒ แต่งต้งั ๔ หมายถงึ โรงเรยี นมีการแตง่ ต้ังคณะกรรมการทป่ี ร คณะกรรมการท่ปี รึกษา หรอื ชุมชน พระสงฆ์และบุคลากรในโรงเรยี น โดยผู้เกย่ี หรอื คณะกรรมการ ๓ หมายถึง โรงเรยี นมีการแต่งต้ังคณะกรรมการทป่ี ร ดาเนนิ งานโรงเรียนวถิ พี ทุ ธ หรือชมุ ชน พระสงฆแ์ ละบุคลากรในโรงเรยี น โดยผเู้ กยี่ และบรหิ าร การดาเนนิ งาน ๒ หมายถงึ โรงเรียนมกี ารแต่งต้ังคณะกรรมการท่ีปร อย่างต่อเนอื่ งโดย หรือชมุ ชน พระสงฆแ์ ละบคุ ลากรในโรงเรยี น โดยผเู้ กย่ี ผู้เก่ยี วขอ้ งทุกฝา่ ย (บ ว ร) ๑ หมายถงึ โรงเรียนมกี ารแต่งตั้งคณะกรรมการทีป่ ร มสี ว่ นรวม หรอื ชมุ ชน พระสงฆ์และบุคลากรในโรงเรียน โดยผู้เก่ีย
คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๖ ขอ้ บ่งชคี้ ณุ ภาพ า พันธกิจ เป้าหมาย ธรรมนูญหรือแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา จุดเน้นเกี่ยวกับคุณธรรม วิถีพุทธได้ ครอบคลุม อย่างชัดเจน โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกส่วนท่ีเกี่ยวข้อ ง า พันธกิจ เป้าหมาย ธรรมนูญหรือแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา จุดเน้นเก่ียวกับคุณธรรม ได้ ครอบคลุม อย่างชัดเจน โดยใช้กระบวนการมีสว่ นรว่ มของทุกส่วนท่เี กี่ยวข้องอย่างน้อย า พันธกิจ เป้าหมาย ธรรมนูญหรือแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา จุดเน้นเก่ียวกับคุณธรรม ได้ ครอบคลุม อย่างชัดเจน โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกส่วนที่เก่ียวข้องอยา่ งน้อย พนั ธกจิ เป้าหมาย ธรรมนญู หรือแผนพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา จดุ เนน้ เกี่ยวกบั คุณธรรม ได้ ครอบคลมุ อย่างชดั เจน โดยใช้กระบวนการมสี ่วนรว่ มของทุกส่วนที่เกยี่ วขอ้ งอยา่ งน้อย รึกษาหรือคณะกรรมการดาเนินงานตามโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ประกอบด้วย ผ้ปู กครอง ยวข้องทุกฝา่ ยมสี ว่ นร่วมมีการดาเนนิ งานอย่างตอ่ เน่อื งมากกว่า ๓ ปีการศึกษา รึกษาหรือคณะกรรมการดาเนินงานตามโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ประกอบด้วย ผปู้ กครอง ยวขอ้ งทุกฝา่ ยมีส่วนรว่ มดาเนินงานอย่างต่อเน่ืองอยา่ งน้อย ๓ ปีการศกึ ษา รึกษาหรือคณะกรรมการดาเนินงานตามโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ประกอบดว้ ย ผปู้ กครอง ยวขอ้ งทุกฝ่ายมสี ว่ นรว่ มดาเนินงานอยา่ งต่อเนอื่ งอย่างน้อย ๒ ปีการศกึ ษา รึกษาหรือคณะกรรมการดาเนินงานตามโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ประกอบด้วย ผปู้ กครอง ยวขอ้ งทุกฝา่ ยมีสว่ นร่วมดาเนินงานอย่างตอ่ เน่ืองอย่างน้อย ๑ ปกี ารศึกษา
องคป์ ระกอบตัวชี้วัด ๔ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ คว ตวั ชว้ี ัดท่ี ๑.๒.๑.๓ อย่างหลากหลาย เชน่ การเข้าคา่ ยคุณธรรม อบรมสมั ปลกู ฝงั ศรทั ธา สรา้ งเสรมิ การศกึ ษา ปัญญาในพระพทุ ธศาสนา ๓ หมายถึง โรงเรียนจดั กจิ กรรมส่งเสริมความรู้ ความ ใหเ้ กดิ ขน้ึ กับบุคลากรและ หลากหลาย เช่น การเข้าค่ายคุณธรรม อบรมสัมมนา ผ้เู กี่ยวข้อง การศกึ ษา ๒ หมายถงึ โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ความ ตัวชว้ี ัดที่ ๑.๒.๑.๔ รว่ มมือ หลากหลาย เช่น การเข้าค่ายคุณธรรม อบรมสัมมนา กบั ผปู้ กครอง วัด และ การศกึ ษา ชุมชน เพื่อพัฒนาผู้เรียน ๑ หมายถึง โรงเรยี นจดั กิจกรรมส่งเสริมความรู้ ความ และชมุ ชน หลากหลาย เช่น การเข้าค่ายคุณธรรม อบรมสัมมนา การศึกษา ๔ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมร่วมกับ ผู้ปกครอ สาธารณะประโยชน์ อยา่ งต่อเน่ือง มากกวา่ ๓ ปีการ ๓ หมายถึง โรงเรยี นจัดกิจกรรมรว่ มกับ ผู้ปกครอง วัด สาธารณะประโยชน์ อยา่ งน้อย ๓ ปกี ารศึกษา ๒ หมายถึง โรงเรียนจดั กิจกรรมรว่ มกบั ผปู้ กครอง ว สาธารณะประโยชน์ อยา่ งน้อย ๒ ปกี ารศกึ ษา ๑ หมายถึง โรงเรียนจัดกจิ กรรมรว่ มกับ ผปู้ กครอง ว สาธารณะประโยชน์ อยา่ งน้อย ๑ ปกี ารศกึ ษา
คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๗ ขอ้ บ่งชค้ี ณุ ภาพ วามเข้าใจ ความเชื่อมั่น ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้แก่นักเรียน ครู ผู้ท่ีเก่ียวข้อง มมนา ศึกษาดงู าน แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ และโครงงานคุณธรรม จรยิ ธรรม ฯลฯ มากกวา่ ๓ ปี มเขา้ ใจ ความเชือ่ มน่ั ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้แก่นักเรียน ครู ผู้ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง อยา่ ง า ศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และโครงงานคุณธรรม จริยธรรม ฯลฯ อย่างน้อย ๓ ปี มเขา้ ใจ ความเชือ่ มนั่ ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้แก่นักเรียน ครู ผทู้ ีเ่ กย่ี วขอ้ ง อย่าง า ศึกษาดูงาน แลกเปล่ียนเรียนรู้ และโครงงานคุณธรรม จริยธรรม ฯลฯ อย่างน้อย ๒ ปี มเข้าใจ ความเช่ือมั่น ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้แกน่ ักเรียน ครู ผูท้ เี่ ก่ียวขอ้ ง อยา่ ง า ศึกษาดูงาน แลกเปล่ียนเรียนรู้ และโครงงานคุณธรรม จริยธรรม ฯลฯ อย่างน้อย ๑ ปี อง วัดและชุมชน หรือมีการเชิญผู้ปกครอง วัด ชุมชนมาร่วมกันพัฒนาชุมชนเพื่อให้เกิด รศกึ ษา ดและชมุ ชน หรอื มีการเชิญผปู้ กครอง วัด ชุมชน มารว่ มกันพฒั นาชุมชนเพอ่ื ให้เกิด วดั และชมุ ชน หรือมกี ารเชญิ ผูป้ กครอง วดั ชมุ ชนมารว่ มกันพัฒนาชุมชนเพ่อื ใหเ้ กิด วดั และชมุ ชน หรือมีการเชญิ ผูป้ กครอง วดั ชุมชนมาร่วมกนั พัฒนาชุมชนเพอ่ื ให้เกิด
องคป์ ระกอบตัวชี้วัด ตวั ชีว้ ดั ที่ ๑.๒.๑.๕ มีการ ๔ หมายถงึ โรงเรยี นมแี ผนนิเทศ และจัดกจิ กรรมนเิ ท นเิ ทศ กากบั ติดตาม การ ต่อเนอ่ื งมากกว่า ๓ ปกี ารศึกษา ดาเนินงานโรงเรยี นวถิ พี ุทธ ๓ หมายถึง โรงเรียนมีแผนนเิ ทศและจัดกิจกรรมนเิ ทศ อยา่ งต่อเนอื่ ง ๒ หมายถึง โรงเรียนมแี ผนนเิ ทศและจดั กจิ กรรมนิเท ๑ หมายถึง โรงเรียนมแี ผนนิเทศและจดั กิจกรรมนิเท ตวั ช้วี ัดที่ ๑.๒.๑.๖ มีระบบ ๔ หมายถึง โรงเรียนมีการตรวจสอบ ประเมินผลก ตรวจสอบประเมินผล และ ขอ้ เสนอแนะ เพอ่ื นาข้อมูลทไี่ ดไ้ ปดาเนินการพฒั นางา เปดิ โอกาสใหม้ ีการ ๓ หมายถึง โรงเรยี นมีการตรวจสอบ ประเมินผลการ เสนอแนะอย่างเป็น ขอ้ เสนอแนะ เพ่อื นาข้อมูลที่ไดไ้ ปดาเนินการพฒั นางา กลั ยาณมติ ร เพ่ือการพฒั นา ๒ หมายถึง โรงเรียนมีการตรวจสอบ ประเมินผลการ อยา่ งต่อเน่ือง ขอ้ เสนอแนะ เพอื่ นาข้อมลู ท่ีได้ไปดาเนินการพฒั นางา ๑ หมายถึง โรงเรียนมกี ารตรวจสอบ ประเมนิ ผลการด ข้อเสนอแนะ เพื่อนาข้อมูลที่ได้ไปดาเนนิ การพัฒนางา องค์ประกอบย่อยท่ี ๑.๒.๒ ระบบหลักสตู รสถานศึกษา ตัวชีว้ ัดท่ี ๑.๒.๒.๑ มี ๔ หมายถึง ครูร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ของโรงเรียน มีหน หลกั สูตรสถานศกึ ษา หนว่ ย ชดั เจนตอ่ เน่อื งทกุ ปกี ารศกึ ษา การเรียนรแู้ ละแผน การ ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐-๘๙ ของโรงเรียนมีหน่ว จดั การเรยี นรู้ ท่ีบูรณาการ ชัดเจน ต่อเนอื่ งทุกปีการศึกษา พุทธธรรมทุกกลมุ่ สาระการ ๒ หมายถึง ครูร้อยละ ๗๐-๗๙ ของโรงเรียน มีหน่ว เรียนรู้ ชดั เจน ตอ่ เนอ่ื งทกุ ปีการศกึ ษา ๑ หมายถึง ครูร้อยละ ๖๐-๖๙ ของโรงเรียน มีหน่ว ชัดเจน เน่อื งทกุ ปกี ารศึกษา
คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๘ ข้อบ่งชีค้ ุณภาพ ทศ กากบั ติดตาม การดาเนนิ งานตามโครงการโรงเรียนวิถีพุทธได้อย่างเหมาะสมและอย่าง ศ กากบั ตดิ ตาม การดาเนินงานตามโครงการโรงเรียนวถิ ีพทุ ธ อยา่ งตอ่ เน่อื ง ๓ ปี ทศ กากับ ตดิ ตาม การดาเนินงานตามโครงการโรงเรียนวิถพี ุทธ อยา่ งตอ่ เนือ่ ง ๒ ปี ทศ กากับ ติดตาม การดาเนนิ งานตามโครงการโรงเรยี นวิถีพุทธ อย่างตอ่ เนือ่ ง ๑ ปี การดาเนินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประเมินหรือให้ านอยา่ งต่อเนอื่ งมากวา่ ๓ ปีการศึกษา รดาเนินโครงการโรงเรยี นวถิ ีพทุ ธ โดยเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เกีย่ วขอ้ ง ร่วมประเมนิ หรอื ให้ านอยา่ งตอ่ เนื่อง อย่างนอ้ ย ๓ ปีการศกึ ษา รดาเนนิ โครงการโรงเรียนวถิ ีพทุ ธ โดยเปิดโอกาสให้ผ้เู กยี่ วขอ้ ง ร่วมประเมนิ หรือให้ านอยา่ งตอ่ เนื่อง อย่างนอ้ ย ๒ ปีการศึกษา ดาเนินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ โดยเปิดโอกาสให้ผ้เู กีย่ วขอ้ ง รว่ มประเมนิ หรือให้ านอย่างต่อเน่ือง อย่างน้อย ๑ ปกี ารศึกษา น่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการหรือสอดแทรกคุณธรรมท่ีครอบคลุม วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการหรือสอดแทรกคุณธรรมท่ีครอบคลุม วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีบูรณาการหรือสอดแทรกคุณธรรมท่ีครอบคลุม วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการหรือสอดแทรกคุณธรรมที่ครอบคลุม
ตัวชว้ี ดั หลักท่ี ๑.๓ กายภาพและสิ่งแวดล้อมจัดอย่างรอบคอบ องค์ประกอบยอ่ ยที่ ๑.๓.๑ สภาพแวดล้อม องคป์ ระกอบตัวชี้วดั ตวั ช้วี ัดที่ ๑.๓.๑.๑ จัด ๔ หมายถึง มีพระพุทธรูปประจาโรงเรียนและหอ้ งเ ประดษิ ฐานพระพทุ ธรูป เคารพไดง้ า่ ย ประจาโรงเรยี นและประจา ๓ หมายถึง มีพระพุทธรูปประจาโรงเรียนและห้องเ หอ้ งเรียนเหมาะสม เคารพไดง้ ่าย ๒ หมายถึง มีพระพุทธรูปประจาโรงเรียนและห้องเร เคารพได้ง่าย ๑ หมายถึง มีพระพุทธรปู ประจาโรงเรียนและห้องเร เคารพได้ง่าย ตัวชี้วดั ที่ ๑.๓.๑.๒.มปี ้าย ๔ หมายถึง โรงเรียนมกี ารติดพุทธภาษิต วาทะธรรม นิเทศ ป้ายคติธรรม คาขวญั ทห่ี ลากหลาย นา่ สนใจ นกั เรยี นมสี ่วนรว่ มในการจดั ท คุณธรรม จรยิ ธรรม ๓ หมายถึง โรงเรียนมีการติดพุทธภาษิต วาทะธรรม โดยท่ัวไป ในบริเวณ ทีห่ ลากหลาย นา่ สนใจ นักเรยี นมสี ่วนรว่ มในการจดั ท โรงเรียน ๒ หมายถึง โรงเรียนมีการติดพุทธภาษิต วาทะธรรม ท่หี ลากหลาย น่าสนใจ ๑ หมายถงึ โรงเรียนมกี ารตดิ พทุ ธภาษติ วาทะธรรม ตวั ช้วี ัดที่ ๑.๓.๑.๓ ๔ หมายถึง โรงเรยี นมีการจัดสภาพแวดลอ้ มภายในแ สภาพโรงเรยี นสะอาด ต่อเนื่องและนักเรียนทุกคนมสี ่วนร่วม ปลอดภัย สงบ ร่มร่ืน ๓ หมายถงึ โรงเรียนมีการจดั สภาพแวดล้อมภายในแ เรียบง่ายใกล้ชิดธรรมชาติ ต่อเนอ่ื ง นักเรยี นมสี ่วนร่วม ๒ หมายถึง โรงเรียนมีการจดั สภาพแวดลอ้ มภายในแ ตอ่ เนื่อง ๑ หมายถึง โรงเรยี นมีการจดั สภาพแวดล้อมภายในแล
คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๙ ข้อบ่งชี้คุณภาพ เรียน ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ จัดประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ อย่างเหมาะสม สามารถแสดงความ เรียน ร้อยละ ๘๐-๘๙ จัดประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ อย่างเหมาะสม สามารถแสดงความ รียน ร้อยละ ๗๐ – ๗๙ จัดประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ อย่างเหมาะสม สามารถแสดงความ รียน รอ้ ยละ ๖๐ – ๖๙ จัดประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ อย่างเหมาะสม สามารถแสดงความ พระราชดารสั ป้ายคติธรรม คาขวญั หรอื ข้อความส่งเสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมและรูปแบบ ทาและสามารถอา่ นและเรยี นรไู้ ด้ อยา่ งตอ่ เนือ่ ง ม พระราชดารสั ป้ายขอ้ ธรรม คาขวัญหรอื ข้อความส่งเสริมคณุ ธรรม จริยธรรมและรปู แบบ ทา ม พระราชดารัส ป้ายขอ้ ธรรม คาขวัญหรอื ขอ้ ความสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและรปู แบบ ม พระราชดารัส ปา้ ยขอ้ ธรรม คาขวญั หรอื ขอ้ ความสง่ เสรมิ คณุ ธรรม จริยธรรม และภายนอกห้องเรียนได้สะอาด สงบ ร่มรื่น เป็นธรรมชาติ เรยี บงา่ ย มกี ารดาเนนิ งานอย่าง และภายนอกหอ้ งเรียนได้สะอาด สงบ รม่ รื่น เป็นธรรมชาติ เรียบง่าย มกี ารดาเนินงานอย่าง และภายนอกหอ้ งเรยี นได้สะอาด สงบ ร่มร่ืน เป็นธรรมชาติ เรียบง่าย โดยดาเนินการอยา่ ง ละภายนอกห้องเรยี นไดส้ ะอาด สงบ รม่ ร่ืน เป็นธรรมชาติ เรยี บงา่ ย
องคป์ ระกอบตัวช้ีวดั ตัวชี้วัดท่ี ๑.๓.๑.๔ ๔ หมายถึง โรงเรียนปราศจากส่ือ หรือส่ิงของท่ีส่งเส บรเิ วณโรงเรียนปราศจาก ชมุ ชน ผู้ปกครอง รว่ มกันดาเนินงาน อย่างต่อเนอื่ งทุก สิ่งเสพตดิ อบายมุข สงิ่ มอม ๓ หมายถึง โรงเรียนปราศจากส่ือ หรือส่ิงของท่ีส่งเส เมาทกุ ชนดิ ผู้ปกครอง รว่ มกันดาเนินงานอยา่ งตอ่ เนื่องทกุ ปีการศ ๒ หมายถึง โรงเรียนปราศจากส่ือ หรือส่ิงของท่ีส่ง ผ้ปู กครอง รว่ มกันดาเนินงานอยา่ งตอ่ เนื่องทกุ ปกี ารศ ๑ หมายถึง โรงเรียนปราศจากสื่อ หรือส่ิงของท่ีส่งเส ดาเนนิ งานอย่างตอ่ เน่อื งทุก ปีการศกึ ษา มาตรฐานท่ี ๒ ด้านกระบวนการ (Process) องคป์ ระกอบหลักที่ ๒.๑ การเรยี น การสอนทบ่ี รู ณาการไตรสกิ ขา องคป์ ระกอบย่อยท่ี ๒.๑.๑ กระบวนการจดั การเรียนรู้ องคป์ ระกอบตัวชี้วัด ตัวช้ีวัดท่ี ๒.๑.๑.๑ ๔ หมายถึง ครูจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการ หรือสอด จัดการเรียนรู้โดยบูรณาการ นาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน พุทธธรรมหรือหลกั ๓ หมายถึง ครูจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการ หรือสอด ไตรสกิ ขาในทุกกลมุ่ สาระ นาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั การเรยี นรูแ้ ละเช่ือมโยงกบั ๒ หมายถึง ครูจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการ หรือสอ ชวี ิตประจาวนั นาไปใช้ในชีวติ ประจาวัน ๑ หมายถึง ครูจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการ หรือสอ นาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ตัวชีว้ ดั ท่ี ๒.๑.๑.๒ ๔ หมายถึง ครูร้อยละ ๙๐-๑๐๐ จัดกิจกรรมการเร ส่งเสรมิ ใหม้ กี ารนา แกป้ ัญหาต่างๆท่เี กดิ ขึน้ ในการดาเนนิ ชีวติ อยา่ งสม่าเส หลกั ธรรมมาเปน็ ฐานในการ ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐-๘๙ จัดการเรียนการสอน คิดวิเคราะห์และแกป้ ัญหา เกดิ ข้นึ ในการดาเนนิ ชวี ิตอยา่ งสม่าเสมอและต่อเน่ือง
คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๘๐ ข้อบ่งช้คี ณุ ภาพ สริมให้นักเรียนกระตุ้นหรือต้องการส่งิ เสพติดและอบายมุข หรือสิ่งมอมเมาต่างๆ โดยมี วัด กปีการศกึ ษา สริมให้นักเรียนกระตุ้นหรือต้องการส่ิงเสพติดและอบายมุข หรือส่ิงมอมเมาต่างๆ โดยมีวัด ศึกษา งเสริมให้นักเรียนกระตุ้นหรือต้องการส่ิงเสพติดและอบายมุข หรือส่ิงมอมเมาต่างๆ โดย ศกึ ษา สริมให้นักเรียนกระตุ้นหรอื ต้องการสิ่งเสพติดและอบายมขุ หรือส่ิงมอมเมาต่างๆ โดยมีการ ขอ้ บ่งชี้คณุ ภาพ ดแทรกหลักพุทธธรรม หลักไตรสิกขาในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และส่งเสริมให้ นักเรียน ดแทรกหลักพุทธธรรม หลักไตรสิกขา ๕-๗ กลุ่มสาระ การเรียนรู้และส่งเสริมให้นักเรียน อดแทรกหลักพุทธธรรม หลักไตรสิกขา๓-๔กลุ่มสาระ การเรียนรู้และส่งเสริมให้นักเรียน อดแทรกหลักพุทธธรรม หลักไตรสิกขา๑-๒กลุ่มสาระ การเรียนรู้และส่งเสริมให้นักเรียน รียนการสอนท่ีส่งเสริมให้นักเรียนนาหลักธรรมมาใช้ใน การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และ สมอและต่อเนื่อง นที่ส่งเสรมิ ให้นักเรียนนาหลักธรรมมาใช้ในการคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาต่างๆท่ี
องค์ประกอบตัวชี้วัด ๒ หมายถึง ครูร้อยละ ๗๐-๗๙จัดการเรียนการสอน เกดิ ในกาดาเนนิ ชีวิตอย่างสม่าเสมอและตอ่ เน่อื ง ๑ หมายถงึ ครูร้อยละ ๖๐ –๖๙ จดั การเรยี นการสอน เกิดข้ึนในการดาเนินชีวิตอยา่ งสม่าเสมอและต่อเน่ือง ตวั ชี้วัดที่ ๒.๑.๑.๓ ๔ หมายถงึ ครูรอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ จัดกระบวนการเร จดั การเรยี นรทู้ ่สี ง่ เสรมิ การ มอบหมายให้คน้ คว้าจากแหล่งความรู้ตา่ ง ๆ ใฝร่ ้แู ละแสวงหาความรู้ดว้ ย ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐-๘๙ จดั กระบวนการเรียน ตนเอง มอบหมายให้คน้ ควา้ จากแหล่งความรตู้ า่ ง ๆ ๒ หมายถึง ครรู อ้ ยละ ๗๐-๗๙ จดั กระบวนการเรียน มอบหมายใหค้ น้ คว้าจากแหล่งความรูต้ า่ ง ๆ ๑ หมายถึง ครูร้อยละ ๖๐-๖๙ จดั กระบวนการเรยี น มอบหมายใหค้ ้นคว้าจากแหล่งความรตู้ า่ ง ๆ ตวั ช้ีวดั ที่ ๒.๑.๑.๔ ๔ หมายถึง ครูร้อยละ ๙๐-๑๐๐ จัดบรรยากาศการ จดั การเรียนรอู้ ย่างมี เมตตา และอ่อนโยน ส่งผลใหน้ กั เรยี น และครมู ีความส ความสุข ทงั้ ผ้เู รียนรู้และ ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐- ๘๙ จัดบรรยากาศการ ผจู้ ดั การเรยี นรู้ เมตตา และอ่อนโยน สง่ ผลให้นักเรียน และครูมีความส ๒ หมายถึง ครูร้อยละ ๗๐- ๗๙ จัดบรรยากาศการ เมตตา และอ่อนโยน ส่งผลใหน้ กั เรยี น และครมู คี วามส ๑ หมายถึง ครูร้อยละ ๖๐- ๖๙ จัดบรรยากาศการ เมตตา และอ่อนโยน ส่งผลให้นักเรยี น และครูมีความส ตัวชวี้ ดั ท่ี ๒.๑.๑.๕ จัด ๔ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐-๑๐๐ จัดกิจกรรมบริห กจิ กรรมบรหิ ารจติ เจรญิ ปัญญา ชีวติ ประจาวันตา่ ง ๆ ทงั้ ในการเรียนการสอนและใน กจิ กรรมการดารงชีวติ ประจาวัน ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐-๘๙ จัดกิจกรรมบริหารจ ชีวิตประจาวนั ต่าง ๆ
คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๘๑ ขอ้ บ่งชค้ี ณุ ภาพ ที่ส่งเสริมให้นักเรียนนาหลักธรรมมาใช้ในการคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาต่างๆท่ี น ทีส่ ง่ เสริมให้นักเรยี นนาหลกั ธรรมมาใชใ้ นการคิดวเิ คราะห์ ตัดสนิ ใจ และแก้ปญั หาตา่ งๆท่ี รียนการสอนเพ่ือส่งเสรมิ ใหน้ ักเรยี นใฝร่ ู้ รักการเรียนรู้ และแสวงหาความรูด้ ว้ ยตนเอง หรือ นการสอนเพ่ือส่งเสริมใหน้ ักเรียนใฝ่รู้ รักการเรียนรู้ และแสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง หรือ นการสอนเพ่ือสง่ เสริมใหน้ กั เรียนใฝ่รู้ รกั การเรยี นรู้ และแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง หรือ นการสอนเพื่อส่งเสริมให้นกั เรียนใฝ่รู้ รกั การเรยี นรู้ และแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง หรือ รเรียนรู้โดยให้นักเรียนมีโอกาสเลือกตามความสนใจและความถนัดในการเรียนรู้ มีความ สขุ ในการเรยี นรู้อย่เู สมอ รเรียนรู้โดยให้นักเรียนมีโอกาสเลือกตามความสนใจและความถนัดในการเรียนรู้ มีความ สขุ ในการเรยี นรู้อยเู่ สมอ รเรียนรู้โดยให้นักเรียนมีโอกาสเลือกตามความสนใจและความถนัดในการเรียนรู้ มีความ สุขในการเรียนรู้อยูเ่ สมอ รเรียนรู้โดยให้นักเรียนมีโอกาสเลือกตามความสนใจและความถนัดในการเรียนรู้ มีความ สุขในการเรียนรอู้ ยเู่ สมอ หารจิตเจริญปัญญาก่อนการเรียนหรือก่อนจัดกิจกรรมต่างๆและส่งเสริมให้นาไปใช้ใน จิตเจริญปัญญาก่อนการเรียนการสอนหรือก่อนจัดกิจกรรมต่างๆและส่งเสรมิ ให้นาไปใชใ้ น
องคป์ ระกอบตัวชี้วัด ๒ หมายถึง ครูร้อยละ ๗๐-๗๙ จัดกิจกรรมบริหารจ ชวี ติ ประจาวันต่าง ๆ ๑ หมายถึง ครูร้อยละ ๖๐-๖๙ จัดกิจกรรมบริหารจ ชวี ิตประจาวนั ต่าง ๆ องคป์ ระกอบยอ่ ยที่ ๒.๑.๒ การใช้ส่ือและแหล่งเรียนรู้ ตัวชี้วัดที่ ๒.๑.๒.๑ ใช้สื่อ ๔ หมายถึง ครูรอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ใชส้ ่ือท่ีหลากหลาย การเรยี นรู้ท่สี ่งเสรมิ การใฝ่ เสมอ เชน่ สื่อทน่ี ักเรียนสนใจ และส่ือท่ีนักเรยี นตอ้ งแ รู้และแสวงหาความรู้ด้วย ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐-๘๙ ใช้ส่ือที่หลากหลายแ ตนเองอยู่เสมอ เสมอ เชน่ สื่อทีน่ ักเรียนสนใจ และสอ่ื ท่ีนักเรยี นตอ้ งแ ๒ หมายถึง ครูร้อยละ ๗๐-๗๙ ใช้ส่ือท่ีหลากหลายแ เสมอ เช่น สอ่ื ทีน่ ักเรยี นสนใจ และสือ่ ทน่ี ักเรียนต้องแ ๑ หมายถึง ครูร้อยละ ๖๐-๖๙ ใช้สื่อที่หลากหลายแ เสมอ เชน่ สอ่ื ทน่ี กั เรียนสนใจ และสอ่ื ท่ีนักเรียนต้องแ ตวั ชว้ี ดั ท่ี ๒.๑.๒.๒ นิมนต์ ๔ หมายถึง มีการนิมนต์พระสงฆ์มาสอนพุทธศาสนา พระสงฆ์ หรอื เชิญวิทยากร มาให้ความรู้ หรอื มาจดั กิจกรรมให้นักเรียนไดเ้ รยี นร้เู ด ภูมิปัญญาทางพทุ ธศาสนา ๓ หมายถึง มกี ารนมิ นต์พระสงฆ์มาสอนพทุ ธศาสนาใ สอนนกั เรยี นสมา่ เสมอ ทางพระพทุ ธศาสนามาให้ความรู้ หรือมาจัดกจิ กรรมใ ๒ หมายถงึ มีการนมิ นต์พระสงฆ์มาสอนพทุ ธศาสนา ทางพระพุทธศาสนามาให้ความรู้ หรือมาจัดกจิ กรรมใ ๑ หมายถึง มีการนิมนต์พระสงฆ์มาสอนพุทธศาสนา ทางพระพุทธศาสนามาให้ความรู้ หรือมาจดั กจิ กรรมใ
คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๘๒ ขอ้ บ่งช้คี ณุ ภาพ จิตเจริญปัญญาก่อนการเรียนการสอนหรือก่อนจัดกิจกรรมต่างๆและส่งเสรมิ ให้นาไปใช้ใน จิตเจริญปัญญาก่อนการเรียนการสอนหรือก่อนจัดกิจกรรมต่างๆและส่งเสรมิ ให้นาไปใช้ใน ยและเหมาะสมทีส่ ่งเสริมใหน้ ักเรยี นใฝร่ ู้และรักการเรยี น และแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเองอยู่ แสดงพฤตกิ รรมการเข้าหาสื่อ การสืบค้น การเลือกข้อมลู และเหมาะสมท่ีส่งเสริมให้นักเรียนใฝ่รู้และรักการเรียน และแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอยู่ แสดงพฤติกรรมการเขา้ หาส่ือ การสืบค้น การเลือกข้อมลู และเหมาะสมท่ีส่งเสริมให้นักเรียนใฝ่รู้และรักการเรียน และแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอยู่ แสดงพฤตกิ รรมการเขา้ หาสื่อ การสืบคน้ การเลือกขอ้ มูล และเหมาะสมที่ส่งเสริมให้นักเรียนใฝ่รู้และรักการเรียน และแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอยู่ แสดงพฤติกรรมการเข้าหาสื่อ การสืบคน้ การเลอื กข้อมูล าให้แก่นักเรียนตามตารางสอนทุกสปั ดาห์ หรือเชิญวิทยากรภมู ิปัญญาทางพระพุทธศาสนา ดือนละอย่างน้อย ๑ ครง้ั ใหแ้ ก่นักเรยี นตามตารางสอนอยา่ งน้อย 2 สปั ดาห์ต่อ ๒ คร้งั หรอื เชญิ วิทยากรภมู ิปัญญา ให้นกั เรยี นได้เรียนรูอ้ ยา่ งนอ้ ย ๒ เดอื นต่อ ๑ ครงั้ าให้แกน่ ักเรยี นตามตารางสอนอยา่ งน้อย ๓ สัปดาหต์ ่อ ๑ คร้ัง หรอื เชิญวิทยากรภูมิปัญญา ใหน้ กั เรียนไดเ้ รยี นรอู้ ย่างนอ้ ย3เดือนต่อ ๑ คร้ัง าให้แก่นักเรียนตามตารางสอนอย่างน้อย4สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง หรือเชิญวิทยากรภูมิปัญญา ให้นักเรียนไดเ้ รียนรอู้ ยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ คร้งั
องค์ประกอบตัวช้ีวัด ตวั ช้ีวัดที่ ๒.๑.๒.๓ จดั ให้ ๔ หมายถึง โรงเรียนมีวัด หรือศาสนสถาน ท่ีใช้เป็นแ นกั เรียนไปเรียนรทู้ ่วี ัด หรอื สปั ดาห์ละ ๑ ครงั้ ที่ศาสนสถานที่ใช้แหล่ง ๓ หมายถงึ โรงเรยี นมีวัด หรอื ศาสนสถาน ทใ่ี ชเ้ ปน็ เรียนรูป้ ระจาของโรงเรยี น ๒ สปั ดาห์ตอ่ ๑ คร้งั อย่างต่อเนือ่ ง ๒ หมายถึง โรงเรยี นมวี ดั หรอื ศาสนสถาน ทีใ่ ชเ้ ป็น ๓ สปั ดาห์ตอ่ ๑ คร้ัง ๑ หมายถึง โรงเรียนมีวัด หรือ ศาสนสถาน ท่ีใช้เป็น นอ้ ย ๔ สปั ดาหต์ ่อ ๑ ครงั้ องค์ประกอบยอ่ ยที่ ๒.๑.๓ การวัดประเมนิ ผล ตวั ชี้วัดท่ี ๒.๑.๓.๑. มกี าร ๔ หมายถงึ ครรู อ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ มีการวดั ประเมิน วดั ประเมนิ ผลตามสภาพ พฤติกรรมท่ีมีต่อสิ่งแวดล้อม (กาย) ด้านพฤติกรรมท จรงิ ดว้ ยวธิ กี ารท่ี ถูกต้อง และนาข้อมลู จากการวัดประเมินผลมาใช้ในกา หลากหลาย ครอบคลุมตาม ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐-๘๙ มีการวัดประเมินผล หลักภาวนา ๔ (กาย ศีล จิต พฤติกรรมท่ีมีต่อสิ่งแวดล้อม (กาย) ด้านพฤติกรรมท ปญั ญา) โดยมจี ุดประสงค์ ถกู ตอ้ ง และนาขอ้ มลู จากการวัดประเมนิ ผลมาใชใ้ นกา เน้นเพ่อื พฒั นานักเรยี น ๒ หมายถึง ครูร้อยละ ๗๐-๗๙ มีการวัดประเมินผ ตอ่ เนอื่ ง พฤติกรรมท่ีมีต่อสิ่งแวดล้อม (กาย) ด้านพฤติกรรมท ถูกตอ้ ง และนาขอ้ มลู จากการวัดประเมนิ ผลมาใชใ้ นกา ๑ หมายถึง ครูร้อยละ ๖๐-๖๙ มีการวัดประเมินผ พฤติกรรมที่มีต่อส่ิงแวดล้อม (กาย) ด้านพฤติกรรมท ถกู ตอ้ ง และนาข้อมูลจากการวดั ประเมินผลมาใช้ในกา
คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๘๓ ข้อบ่งชี้คุณภาพ แหล่งเรียนรู้ประจาโรงเรียน และมีการจัดกิจกรรมท่ีส่งเสริมใหน้ ักเรียนไปเรยี นรอู้ ย่างน้อย นแหลง่ เรียนรู้ประจาโรงเรยี น และมกี ารจดั กิจกรรมที่สง่ เสริมให้นักเรียนไปเรยี นรู้อย่างน้อย นแหลง่ เรียนรปู้ ระจาโรงเรยี น และมีการจัดกจิ กรรมท่ีส่งเสริมให้นักเรียนไปเรียนรู้อย่างน้อย นแหล่งเรียนรู้ประจาโรงเรียนแต่ไม่ได้มีการจัดกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้นักเรียนไปเรียนรู้ อย่าง นผลตามสภาพจริง โดยวิธกี ารและเครื่องมือท่หี ลากหลาย สามารถวดั ได้ครอบคลมุ ทัง้ ดา้ น ท่ีมีต่อคนอื่น (ศีล) ด้านคุณลักษณะของจิตใจ (จิต) และด้านปัญญาท่ีมีความคิด ความรู้ ท่ี ารพัฒนานกั เรยี นอย่างต่อเน่ือง ลตามสภาพจริง โดยวิธีการและเคร่ืองมือท่ีหลากหลาย สามารถวัดได้ครอบคลุม ทั้งด้าน ท่ีมีต่อคนอื่น (ศีล) ด้านคุณลักษณะของจิตใจ (จิต) และด้านปัญญาที่มี ความคิด ความรู้ที่ ารพฒั นานกั เรยี นอยา่ งต่อเนื่อง ผลตามสภาพจริง ใช้วิธีการและเครื่องมือที่หลากหลาย สามารถวัดได้ครอบคลุม ท้ังด้าน ท่ีมีต่อคนอื่น (ศีล) ด้านคุณลักษณะของจิตใจ (จิต) และด้านปัญญาที่มีความคิด ความรู้ท่ี ารพฒั นานักเรยี นอย่างต่อเน่ือง ผลตามสภาพจริง ใช้วิธีการและเครื่องมือท่ีหลากหลายสามารถวัดได้ครอบคลุม ท้ังด้าน ท่ีมีต่อคนอื่น (ศีล) ด้านคุณลักษณะของจิตใจ (จิต) และด้านปัญญาท่ีมีความคิด ความรู้ ท่ี ารพฒั นานักเรยี นอย่างต่อเน่ือง
องค์ประกอบที่ ๒.๒ บรรยากาศและปฏสิ ัมพนั ธท์ เ่ี ป็นกลั ยาณมิตร องค์ประกอบยอ่ ยท่ี ๒.๒.๑ บรรยากาศ ปฏิสมั พนั ธ์ท่ีส่งเสรมิ การสอนใหร้ ู้ ทาใหด้ องคป์ ระกอบตัวชี้วดั ตัวชวี้ ดั ท่ี ๒.๒.๑.๑ ๔ หมายถงึ โรงเรยี นจดั กจิ กรรมส่งเสริม สนบั สนุนให สง่ เสริมความสัมพนั ธแ์ บบ ปรารถนาดี ช่วยเหลือกัน ยิ้มแย้มแจ่มใส อ่อนน้อมถ่อ กัลยาณมิตร อ่อนน้อมถ่อม นักเรยี น อย่างนอ้ ยเดือนละ ๑ ครั้ง ตน เคารพให้เกยี รติซึง่ กัน ๓ หมายถงึ โรงเรยี นจดั กิจกรรมส่งเสริม สนับสนนุ ให และกนั ย้มิ แย้มมีเมตตาต่อ ปรารถนาดี ช่วยเหลือกัน ย้ิมแย้มแจ่มใส อ่อนน้อมถ่อ กนั ทั้งครูต่อนกั เรยี น ครูต่อ นกั เรียน อยา่ งน้อย ๒ เดอื นตอ่ ๑ คร้ัง ครู นักเรียนตอ่ นักเรียน ๒ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริม สนับสนุน และครตู ่อผู้ปกครอง ช่วยเหลือกนั ยิ้มแย้มแจ่มใส อ่อนน้อมถ่อมตน เคารพ น้อยภาคเรียนละ ๑ คร้ัง ๑ หมายถึง โรงเรียนจัดกจิ กรรมส่งเสรมิ สนบั สนุนให ปรารถนาดี ช่วยเหลือกัน ยิ้มแย้มแจ่มใส อ่อนน้อมถ่อ นกั เรียน อยา่ งนอ้ ยปกี ารศกึ ษาละ ๑ ครง้ั ตัวชวี้ ัดที่ ๒.๒.๑.๒ ๔ หมายถึง โรงเรียนจัดบรรยากาศท่ีส่งเสริมให้ทุกค สง่ เสรมิ บรรยากาศ พฒั นาส่งิ ใหม่ ๆ จดั กิจกรรมส่งเสรมิ ยกย่องเชดิ ชูครู ใฝร่ ู้ ใฝเ่ รยี น ใฝส่ รา้ งสรรค์ ๓ หมายถึง โรงเรียนจัดบรรยากาศที่ส่งเสริมให้ทุกค พฒั นาสง่ิ ใหม่ ๆ จดั กจิ กรรมสง่ เสริมยกยอ่ งเชดิ ชูครู ๒ หมายถึง โรงเรียนจัดบรรยากาศท่ีส่งเสริมให้ทุกค พฒั นาสง่ิ ใหม่ ๆ จดั กิจกรรมส่งเสริมยกยอ่ งเชดิ ชคู รู ๑ หมายถึง โรงเรียนจัดบรรยากาศท่ีส่งเสริมให้ทุกค พฒั นาส่งิ ใหม่ ๆ จดั กิจกรรมส่งเสริมยกย่องเชิดชูครู
คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๘๔ ดู อยใู่ ห้เห็น ขอ้ บ่งช้ีคณุ ภาพ หค้ รู นักเรยี น ผูป้ กครอง มคี วามสัมพนั ธ์ หรอื ปฏบิ ัตติ อ่ กนั อย่างเป็นกลั ยาณมิตร มีความรัก อมตน เคารพให้เกียรติซึ่งกันและกันมีเมตตาต่อกันท้ังครูต่อนักเรียนครูต่อครู นัก เรียนต่อ หค้ รู นักเรียน ผปู้ กครองมีความสัมพันธ์ หรอื ปฏิบัติต่อกนั อยา่ งเปน็ กัลยาณมิตร มคี วามรัก อมตน เคารพให้เกียรติซ่ึงกันและกันมีเมตตาต่อกันทั้งครูต่อนักเรียน ครูต่อครู นักเรียนต่อ นให้ครู นักเรียน ผู้ปกครองหรือปฏิบัติต่อกันอย่างเป็นกัลยาณมิตร มีความรักปรารถนาดี พให้เกียรตซิ ึ่งกันและกนั มีเมตตาต่อกันทั้งครูต่อนกั เรียน ครูต่อครู นักเรียนต่อนักเรยี น อย่าง หค้ รู นักเรยี น ผ้ปู กครองมีความสัมพันธ์ หรอื ปฏิบตั ติ ่อกนั อย่างเป็นกลั ยาณมติ ร มคี วามรัก อมตน เคารพให้เกียรติซ่ึงกันและกันมีเมตตาต่อกันทั้งครูต่อนักเรียน ครูต่อครู นักเรี ยนต่อ คนรักการเรียนรู้ เรียนรู้ ใฝ่สร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง และกระตุ้นให้ศึกษาค้นคว้าหรือคิด และนกั เรยี นทมี่ ผี ลงานอย่างนอ้ ยสัปดาหล์ ะ ๑ คร้งั คนรักการเรียนรู้ เรียนรู้ ใฝ่สร้างสรรค์อย่างต่อเน่ือง และกระตุ้นให้ศึกษาค้นคว้าหรือคิด และนกั เรยี นที่มีผลงานอย่างนอ้ ย ๒ สัปดาหต์ ่อ ๑ ครั้ง คนรักการเรียนรู้ เรียนรู้ ใฝ่สร้างสรรค์อย่างต่อเน่ือง และกระตุ้นให้ศึกษาค้นคว้าหรือคิด และนักเรียนที่มีผลงานอยา่ งนอ้ ยเดอื นละ ๑ ครง้ั คนรักการเรียนรู้ เรียนรู้ ใฝ่สร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง และกระตุ้นให้ศึกษาค้นคว้าหรือคิด และนกั เรยี นทม่ี ผี ลงานอยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ ครัง้
องคป์ ระกอบตัวชี้วัด ตัวชวี้ ดั ที่ ๒.๒.๑.๓ ๔ หมายถึง โรงเรยี นจัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ ให้บคุ คลากร ส่งเสรมิ บคุ ลากรและ หลากหลาย เช่น กจิ กรรมตน้ แบบความดี กจิ กรรมกร นกั เรียน ให้ปฏิบัตติ นเปน็ ๓ หมายถึง โรงเรยี นจดั กิจกรรมสง่ เสรมิ ใหบ้ ุคคลากร ตวั อยา่ งท่ดี ตี ่อผู้อืน่ หลากหลาย อยา่ งน้อย ๒ สปั ดาห์ตอ่ ๑ ครั้ง ๒ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริมให้บุคคลา หลากหลาย อยา่ งนอ้ ย ๓ สัปดาหต์ อ่ ๑ ครัง้ ๑ หมายถึง โรงเรยี นจดั กิจกรรมสง่ เสรมิ ให้บคุ คลากร หลากหลาย อย่างน้อยภาคเรียนละ ๑ ครง้ั ตวั ชว้ี ัดท่ี ๒.๒.๑.๔ ๔ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริม ยกย่อง เชิด ส่งเสริม ยกยอ่ ง เชดิ ชู ผู้ทา ความดี มอบรางวัล หรือยกย่องคนดใี นโอกาสต่าง ๆ ดี เป็น ๓ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมสง่ เสรมิ ยกยอ่ ง เชิดช ดี มอบรางวัล หรือยกยอ่ งคนดีในโอกาสต่าง ๆ อย่างน ๒ หมายถึง โรงเรยี นจัดกจิ กรรมส่งเสริม ยกยอ่ ง เชดิ ดี มอบรางวลั หรอื ยกยอ่ งคนดใี นโอกาสต่าง ๆ อยา่ งน ๑ หมายถงึ โรงเรยี นจดั กิจกรรมสง่ เสรมิ ยกยอ่ ง เชิด ดี มอบรางวัล หรือยกย่องคนดใี นโอกาสต่าง ๆ อยา่ ง องคป์ ระกอบหลกั ที่ ๒.๓ กจิ กรรมพน้ื ฐานวิถชี ีวิต องค์ประกอบยอ่ ยที่ ๒.๓.๑ กิจกรรมพ้ืนฐานวิถีชีวิตประจาวัน ตวั ชว้ี ัดท่ี ๒.๓.๑.๑ ฝึกฝน ๔ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมฝึกฝน อบรมให้นักเร อบรมให้เกิด การกนิ อยู่ ดู เหตุผล และไดป้ ระโยชน์ตามคณุ ค่าแทต้ ามหลักไตรสกิ ฟัง เป็น(รู้เข้าใจเหตผุ ล และ ๓ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมฝึกฝนอบรมให้นักเร ได้ประโยชนต์ ามคณุ ค่าแท้ เหตผุ ลและไดป้ ระโยชนต์ ามคุณค่าแทต้ ามหลกั ไตรสกิ ตามหลักไตรสิกขา) ๒ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมฝึกฝนอบรมให้นักเร เหตผุ ล และได้ประโยชน์ตามคุณค่าแท้ตามหลักไตรสิก
คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๘๕ ข้อบ่งช้ีคณุ ภาพ รและนักเรียน ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ตวั อย่างทดี่ ีต่อผอู้ นื่ อย่างต่อเนอ่ื งโดยมีกจิ กรรมท่ีมีความ ระตุน้ พ่เี ป็นแบบอยา่ งแกน่ อ้ งๆ อย่างน้อยสปั ดาหล์ ะ ๑ ครงั้ รและนักเรยี น ปฏบิ ัตติ นเปน็ ตวั อย่างท่ดี ีต่อผ้อู น่ื อย่างต่อเน่อื งโดยมีกจิ กรรมท่ีมีความ ากรและนักเรียน ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างท่ีดีต่อผู้อ่ืนอย่างต่อเนื่องโดยมีกิจกรรมที่มีความ รและนักเรยี น ปฏบิ ัตติ นเปน็ ตวั อย่างที่ดีต่อผู้อื่น อย่างต่อเน่ืองโดยมีกิจกรรมท่ีมีความ ดชู ผู้ทา ดี เช่น ประกาศแนะนาคนดีประจาวัน จัดป้ายนิเทศ แนะนาประชาสัมพันธ์ผู้ทา ทกุ วัน ชู ผู้ทาดี เชน่ ประกาศแนะนาคนดปี ระจาวนั จัดป้ายนเิ ทศแนะนาประชาสัมพันธ์ผู้ทาความ นอ้ ยสปั ดาหล์ ะ ๑ ครัง้ ดชู ผทู้ าดี เช่นประกาศแนะนาคนดีประจาวัน จัดป้ายนเิ ทศแนะนาประชาสัมพันธ์ผู้ทาความ น้อย ๒ สปั ดาห์ต่อ ๑ ครง้ั ดชู ผทู้ าดี เชน่ ประกาศแนะนาคนดปี ระจาวนั จัดปา้ ยนิเทศแนะนาประชาสัมพนั ธผ์ ้ทู าความ งนอ้ ยเดอื นละ ๑ คร้ัง รยี นมีลักษณะและพฤติกรรมในชวี ิตประจาวนั ท่ีแสดงออกถึงการกิน อยู่ ดู ฟัง เป็น(รู้เข้าใจ กขา)ทุกวัน รียนมีลักษณะและพฤติกรรมในชีวิตประจาวนั ท่ีแสดงออกถึงการกิน อยู่ ดู ฟัง เป็น(รู้เข้าใจ กขา) อย่างน้อยสปั ดาห์ละ ๑ ครง้ั รียนมีลักษณะและพฤติกรรมในชีวิตประจาวันท่ีแสดงออกถึงการกิน อยู่ ดู ฟัง เป็น(รู้เข้าใจ กขา)อย่างน้อย ๒ สปั ดาหต์ ่อ ๑ ครั้ง
องคป์ ระกอบตัวช้ีวดั ๑ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมฝึกฝนอบรมให้นักเร เหตผุ ล และได้ประโยชน์ตามคณุ ค่าแทต้ ามหลักไตรสิก ตวั ช้ีวัดท่ี ๒.๓.๑.๒ ๔ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมให้นักเรยี นได้ฝกึ การช สง่ เสริมกจิ กรรม สาธารณสมบตั ิจนเปน็ ลกั ษณะนสิ ยั ทกุ วนั การรบั ผิดชอบดแู ลรักษา ๓ หมายถึง โรงเรียนจดั กิจกรรมให้นกั เรยี นไดฝ้ ึกการช พฒั นาอาคารสถานทแ่ี ละ สาธารณสมบัตจิ นเปน็ ลกั ษณะนสิ ัยอยา่ งน้อยสัปดาห์ล ส่ิงแวดล้อมอย่างสมา่ เสมอ ๒หมายถึง โรงเรียนจัดกจิ กรรมใหน้ กั เรยี นได้ฝึกการช จนเป็นนสิ ัย สาธารณสมบตั ิจนเปน็ ลักษณะนสิ ยั อยา่ งน้อย ๒ สปั ๑ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมให้นกั เรยี นได้ฝึกการช สาธารณสมบตั ิจนเปน็ ลกั ษณะนิสัยอยา่ งน้อยเดือนละ องคป์ ระกอบยอ่ ยที่ ๒.๓.๒ กจิ กรรมทางพระพุทธศาสนา ตัวชวี้ ดั ท่ี ๒.๓.๒.๑ ๔ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียน ส่งเสรมิ ปฏิบัตกิ จิ กรรม ความสาคัญ และคณุ ค่าของการปฏิบัติกจิ กรรมนน้ั ๆ พระพุทธศาสนาอย่างเห็น ๓ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้นักเรียน คุณค่า ร้เู ขา้ ใจเหตุผล ความสาคญั และคณุ คา่ ของการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมนนั้ ๆ ๒ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้นักเรียน ความสาคัญ และคุณค่าของการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมนัน้ ๆ ๑ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียน ความสาคญั และคุณค่าของการปฏิบตั ิกิจกรรมนั้น ๆ ตวั ชว้ี ดั ที่ ๒.๓.๒.๒ จัดกิจกรรม ๔ หมายถึง โรงเรยี นจัดกิจกรรมที่สง่ เสรมิ ใหน้ ักเรียนไ ส่งเสริมการระลกึ และศรัทธา ในพระรัตนตรยั เป็นประจา เขา้ โรงเรียนทกุ เช้า การสวดมนตท์ ุกวนั กจิ กรรมวันพร และในโอกาสสาคญั อย่าง ๓ หมายถึง โรงเรยี นจดั กิจกรรมท่ีส่งเสรมิ ใหน้ กั เรยี นไ ตอ่ เนอ่ื ง เปน็ วิถชี วี ิต เขา้ โรงเรยี นทุกเชา้ การสวดมนตท์ ุกวนั กิจกรรมวนั พร ครงั้
คู่ มื อ ดำ เ นิ น ง ำ น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๘๖ ขอ้ บ่งชีค้ ุณภาพ รียนมีลักษณะและพฤติกรรมในชีวิตประจาวนั ท่ีแสดงออกถึงการกิน อยู่ ดู ฟัง เป็น(รู้เข้าใจ กขา) อยา่ งนอ้ ยเดือนละ ๑ ครั้ง ชว่ ยเหลอื และรบั ผดิ ชอบ ดแู ลรักษา หรือพัฒนาอาคารสถานที่ สิ่งแวดลอ้ ส่วนรวม หรอื ชว่ ยเหลือ และรับผิดชอบ ดูแลรักษา หรือพฒั นาอาคารสถานที่ สิ่งแวดลอ้ มสว่ นรวม หรอื ละ ๑ ครงั้ ชว่ ยเหลือ และรบั ผิดชอบ ดูแลรักษา หรือพัฒนาอาคารสถานที่ ส่ิงแวดล้อมสว่ นรวม หรือ ปดาห์ตอ่ ๑ ครง้ั ช่วยเหลือ และรับผดิ ชอบ ดแู ลรักษา หรอื พฒั นาอาคารสถานที่ สิ่งแวดลอ้ มส่วนรวม หรือ ะ ๑ ครั้ง นปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ศาสนาพิธีต่าง ๆ สร้างความรู้ความเข้าใจในเหตุผล ควบคูก่ ันไปอย่างน้อยสัปดาหล์ ะ ๑ ครั้ง นปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ศาสนาพิธีต่าง ๆ สร้างความรู้ความเข้าใจในเหตุผล ควบคู่กันไปอยา่ งน้อย ๒ สปั ดาห์ต่อ ๑ ครัง้ นปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ศาสนาพิธีต่าง ๆ สร้างความรู้ความเข้าใจในเหตุผล ควบค่กู นั ไปอย่างนอ้ ย เดือนละ ๑ คร้ัง นปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ศาสนาพิธีต่าง ๆ สร้างความรู้ความเข้าใจในเหตุผล ควบค่กู นั ไปอย่างน้อย ภาคเรยี นละ ๑ คร้งั ได้ระลกึ และเพ่มิ ศรทั ธาในพระรัตนตรยั อย่างสม่าเสมอเปน็ วิถีชวี ิต เชน่ การกราบพระก่อน ระ และจดั กิจกรรมบชู าพระรัตนตรัยในโอกาสวนั สาคัญต่าง ๆ ทุกวัน ได้ระลึกและเพิ่มศรัทธาในพระรตั นตรัย อย่างสม่าเสมอเปน็ วิถชี ีวติ เช่น การกราบพระก่อน ระ และจดั กจิ กรรมบชู าพระรัตนตรัยในโอกาสวันสาคัญต่าง ๆ อยา่ งน้อยสปั ดาหล์ ะ ๑
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205