Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คณะที่ 6 กระบวนงานการขอใช้ที่ป่า

คณะที่ 6 กระบวนงานการขอใช้ที่ป่า

Published by folderforqr, 2019-05-09 22:43:15

Description: ปี 2561

Search

Read the Text Version

- ๒๔ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรากี า๗๒ ทวิ๕๒ ผสู้ใําดนฝัก่างฝาืนนคหณรือะกไมรร่ปมฏกิบารัตกิตฤาษมฎมีกาาตรา ๕๑ ต้องสราํ ะนวักางงานโทคษณจะํากครรุกมไกมา่ รกฤษฎกี า เกินหา้ ปี หรอื ปรบั ไม่เกินห้าหม่นื บาท หรอื ทัง้ จาํ ท้งั ปรบั สใํานนกักรงณานีคควณามะกผรดิ รตมากมารมกาฤตษรฎานกี าี้ ถ้าไมท้ ่มี ไี ว้ในสคํานรอักงบาคนรคอณงะเปกร็นรมการกฤษฎกี า (๑) ไม้สัก ไม้ยาง ไม้ชิงชัน ไม้เก็ดแดง ไม้อีเม่ง ไม้พะยุงแกลบ ไม้กระพี้ ไม้แดงจีน สํานักไงมา้ขนะคยณุงะกไมร้รชมิกกไามรก้กฤรษะซฎิกกี าไม้กระซิบ ไมส้พําะนยักูงงาไนมค้หณมะากกรพรมลกูตาั๊กรแกตฤนษฎไีกมา้กระพี้เขาควายสําไนมัก้เงกา็ดนดคําณไะมก้อรรีเฒมก่าารกฤษฎีกา ไมเ้ กด็ เขาควาย หส(ร๒ําอืน)ไกั มไงม้หา้อนว่ืนคงหณเป้าะ็นมกตรปร้นรมะหกเราภือรทกเปฤข็ษน.ฎทหกี่อรานืออย่างใดอย่าสงําหนนกั งึ่งานหครือณทะกั้งรสรอมงกอายร่ากงฤรษวฎมกี กาันเกินห้าต้น สาํ นกั หงรานือคทณ่อะนกหรรรือมรกวารมกปฤรษิมฎากี ตารไม้ที่ครอบคสรําอนงกั เงกาินนหคนณ่ึงะลกูกรรบมากศากรก์เมฤตษรฎหีกราือไม้ท่ีได้แปรสรูาํปนแักลง้วานรวคมณปะรกิมรรามตกรารกฤษฎกี า ไม้เกินหนึง่ ลูกบาศกเ์ มตร สผาํ ู้กนรักะงาทนําคคณวะากมรผรมิดกตา้อรงกรฤะษวฎาีกงาโทษจําคุกต้ังสแําตน่สักงอางนปคีถณึงะสกิบรรหม้ากปาีรแกลฤษะปฎีกราับต้ังแต่หนึ่ง แสนบาทถงึ หนึ่งล้านหา้ แสนบาท๕๓ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาตรา ๗๒ ตรี๕๔ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๕๔ ต้องระวางโทษจําคุกไม่ เกนิ ห้าปีหรอื ปรับสไาํมน่เกักงินาหน้าคหณมะ่ืนกรบรามทกาหรรกือฤทษฎงั้ จกี ําาทงั้ ปรบั สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในกรณีความผดิ ตามมาตราน้ี ถา้ ได้กระทําเป็นเนอ้ื ทเี่ กนิ ยี่สิบห้าไร่ ผู้กระทําความผิด สาํ นกั ตง้อานงรคะณวะากงรโรทมษกจาํารกคฤกุ ษตฎ้งั แกี ตา ส่ องปีถงึ สบิ หสําา้ นปกั ี แงาลนะคปณระบั กตรงั้รแมตกห่ารนก่ึงฤหษมฎืน่ ีกบา าทถึงหนง่ึ แสสนาํ บนักาทงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สใํานนกกั รงณานีทค่ีมณีคะํากพรริพมากกาษรกาฤชษี้ขฎาีกดาว่าบุคคลใดกสรําะนทกั ํางคานวคามณผะิดกรตรามมกมารากตฤรษานฎกี้ี ถา้าปรากฏว่า บคุ คลนัน้ ไดย้ ึดถือครอบครองป่าทต่ี นได้กระทาํ ความผิด ศาลมีอํานาจที่สั่งให้ผู้กระทําผิด คนงาน ผู้รับ สํานักจงา้างนคผณูแ้ ทะกนรรแมลกะาบรกรฤวิ ษารฎขีกอางผู้กระทําผิดสอํานอักกงไาปนจคาณกะปก่ารนรมนั้ กไดาร้ดกว้ ฤยษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สมาํ านตักรงาานค๗ณ๓ะ๕ก๕รรผมู้ใกดารฝก่าฤฝษืนฎหกี ราือไม่ปฏิบัติตสาํามนมักงาาตนรคาณ๑ะก๑รรมมกาตารรกาฤษ๑ฎ๒ีกามาตรา ๑๓ มาตรา ๓๑ หรือมาตรา ๔๘ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจํา สํานกั ทงงั้านปครบัณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในกรณีความผิดตามมาตรานี้ ถา้ การกระทําผดิ นั้นเก่ยี วกับ ส(ํา๑น)ักไงมาน้สคักณไะมก้ยรารงมกไามร้ชกิงฤชษันฎีกไาม้เก็ดแดง ไมส้อําีเนมกั่งงไามนค้พณะยะกุงรแรกมลกบารกไมฤ้กษรฎะกี พา ี้ ไม้แดงจีน ไม้ขะยุง ไม้ชิก ไม้กระซิก ไม้กระซิบ ไม้พะยูง ไม้หมากพลูตั๊กแตน ไม้กระพี้เขาควาย ไม้เก็ดดํา ไม้อีเฒ่า สํานกั ไงมาเ้นกคด็ ณเขะากครรวมายกาหรกรฤือษไมฎห้กี าวงห้ามประเภสทํานขัก.งหานรคือณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ส(ํา๒น)ักไงมาน้อคื่นณเปะ็นกรตร้นมหกรารือกเฤปษ็นฎทกี ่อานอย่างใดอยส่าํางนหักนงึ่งานหครณือะทกั้งรสรมอกงาอรยก่าฤงษรฎวกีมากันเกินยี่สิบ ต้นหรือท่อนหรือรวมปริมาตรไม้เกินสี่ลูกบาศก์เมตร หรือไม้ที่ได้แปรรูปแล้วรวมปริมาตรไม้เกินสอง สํานกั ลงกูานบคาณศกะกเ์ มรรตมรการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๕๑ มาตรา ๗๒ แก้ไขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบญั ญตั ปิ ่าไม้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ สํานักงานคณะกรรมการก๕๒ฤษมาฎตีกราา ๗๒ ทวิ แก้ไขสเําพน่มิ ักเตงิมานโดคยณพะรกะรรรามชบกาัญรญกฤตั ปิษ่าฎไกีมา้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศส.าํ ๒น๕ัก๒งา๒นคณะกรรมการกฤษฎกี า ๕๓ มาตรา ๗๒ ทวิ วรรคสอง แก้ไขเพ่ิมเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๐๖/๒๕๕๗ เร่ือง สแาํกน้ไขกั เงพาิ่มนเคตณิมกะฎกรหรมมากยาวร่ากดฤว้ ยษปฎา่ กี ไาม้ ลงวนั ที่ ๒๑ กสรํากนฎกั างคามนคพณุทะธกศรกั รรมาชกา๒ร๕กฤ๕ษ๗ฎกี า ๕๔ มาตรา ๗๒ ตรี แกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบญั ญตั ปิ ่าไม้ (ฉบับท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ สาํ นักงานคณะกรรมการก๕๕ฤษมาฎตกี ราา ๗๓ แกไ้ ขเพ่มิ สเําตนิมักโดงายนพครณะระากชรบรัญมญกาัตรปิ ก่าฤไษม้ฎ(ฉีกบาบั ที่ ๗) พ.ศ. ๒ส๕ํา๒น๕ักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

- ๒๕ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ผู้กระทําความผิดต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่ห้าหมื่น สํานักบงาานทคถณงึ สะอกรงรลมา้ กนาบรากทฤษ๕๖ฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สมํานาักตงรานาค๗ณะ๓กรทรมวกิ๕า๗รกฤผษู้ใฎดีกฝา่าฝืนมาตรสาําน๕ัก๓งานตครณี ะหกรรรือมผกาู้รรับกฤใษบฎอกี นาุญาตตาม พระราชบัญญัติน้ี ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในใบอนุญาตหรือข้อกําหนดที่รัฐมนตรี สํานักกงําานหคนณดะใหกร้ปรฏมิบกาัตริเกพฤิ่มษเฎตกี ิมาตามมาตรา ๕สํา๘นักตง้อางนรคะณวะากงรโรทมษกจาํารกคฤุกษตฎั้งีกแาต่หกเดือนถึงหส้าํานปักี แงาลนะคปณระับกตรรั้งมแกตา่ รกฤษฎีกา หา้ พนั บาทถึงหา้ หสมาํ น่นื ักบงาาทนคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎราีกา๗๔๕๘ บรรดสาําไนมกั ้แงลานะคขณอะงกปร่ารอมันกไาดรก้มฤาษหฎรีกือามีไว้เน่ืองจากสกําานรักกงราะนทคําณคะวการมรมผกิดารกฤษฎกี า ต่อพระราชบัญญัตินี้และสิ่งประดิษฐ์ เคร่ืองใช้ และส่ิงอื่นใด บรรดาที่ทําด้วยไม้หวงห้ามที่มีไว้ เนอ่ื งจากการกระสทําํานคักวงาานมคผณิดตะการมรมมากตารรากฤ๕ษ๓ฎีกตารี ใหร้ ิบเสยี ทส้ังําสนิ้นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา ๗๔ ทวิ๕๙ สบํารนรกั ดงาานเคคณรื่อะกงรมรือมกเาครกร่ืฤอษงฎใชีก้าสัตว์พาหนะสยาํ นาักนงพานาคหณนะะกรหรมรกือารกฤษฎกี า เครื่องจักรกลใด ๆ ซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทําความผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการ กระทําความผิดตสาํามนมักางาตนรคาณ๑ะ๑กรรมมากตารรากฤ๔ษ๘ฎกี มาาตรา ๕๔ หรสือํานมักางตารนาคณ๖ะ๙กรใรหม้รกิบาเรสกียฤทษั้งฎสีกิ้นาไม่ว่าจะมีผู้ ถูกลงโทษตามคําพพิ ากษาหรือไม่ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สมาํ านตักรงาาน๗ค๔ณะตกรรี๖ร๐มกบารรกรฤดษาฎคกี วาามผิดตามพรสะํารนากัชงบานัญคญณัตะินกร้ีทร่ีมมีโกทาษรกปฤรษับฎสกี ถาานเดียว ให้ อธิบดีกรมป่าไม้หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ในระดับไม่ตํ่ากว่าป่าไม้จังหวัดหรือหัวหน้าด่านป่าไม้มีอํานาจ สํานกั เงปารนยี คบณเะทกียรบรมไดก้ารกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สมาํ านตักรงาาน๗ค๔ณะจกัตรรวมาก๖๑ารกใฤนษกฎรกีณาีท่ีมีผู้นําจับผสู้กํารนะกั ทงําาคนควาณมะผกิดรรตมากมาพรกรฤะษรฎาชกี บา ัญญัติน้ี ให้ พนักงานอัยการร้องขอต่อศาล และให้ศาลมีอํานาจพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนําจับแก่ผู้นําจับเป็น สํานักจงาํานนควนณเะงกนิ รไรมม่เกกาินรกกฤ่ึงหษนฎีก่ึงขาองจํานวนเงินสําคน่ากั ปงราับนคตณามะกครํารพมิพกาารกกษฤาษโดฎยีกาจ่ายจากเงินค่าสปาํ นรักับงทานี่ชคํารณะะตก่อรรศมากลารกฤษฎกี า ถา้ ผู้กระทาํ ความผดิ ไม่ชาํ ระเงินค่าปรับ หรอื ชาํ ระไม่ถึงจํานวนที่จะตอ้ งจา่ ยค่าสนิ บนนําจับได้ครบถ้วน ก็ให้จ่ายเงินสินบสนาํ นนํากั จงับานทคี่ยณังะจกะรตร้อมงกจาร่ากยฤจษาฎกีกเงาินค่าขายของสกําลนาักงงทานี่ศคาณละสกั่งรใรหม้รกิบารถก้าฤยษังฎขีกาาดอยู่อีกก็ให้ เป็นพับไป สํานักงานคณะกรรมการกในฤกษรฎณีกาีทม่ี ผี ู้นําจับหลสาํายนคักนงานใหค้แณบะกง่ เรงรนิ มสกินารบกนฤนษาํฎจกี ับาให้คนละเทา่ สๆํานกักันงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สกาํ านรกั จง่าายนเคงณินะสกนิ รบรมนกนาาํ รจกบัฤนษฎนั้ กี จาะจ่ายได้เมื่อคสดํานถี ักงึ ทงา่สี นุดคแณละ้วกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานหคมณวะดกร๘รมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ส๕ํา๖นมกั างตารนาค๗ณ๓ะกวรรรรมคสกอารงกแฤกษ้ไขฎเีกพา่ิมเติมโดยประกสาําศนคกั ณงะานรักคษณาะคกวรารมมสกงาบรแกหฤ่งษชฎาตกี ิ าฉบับที่ ๑๐๖/ ๒๕๕๗ เรอ่ื ง แกไ้ ขเพ่ิมเติมกฎหมายวา่ ด้วยป่าไม้ ลงวันท่ี ๒๑ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ สาํ นักงานคณะกรรมการก๕๗ฤษมาฎตกี ราา ๗๓ ทวิ แก้ไขสเําพนมิ่ ักเตงมิานโดคยณพะรกะรรรามชบกาญั รญกฤตั ปิษ่าฎไกีมา้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศส.ํา๒น๕ัก๒งา๒นคณะกรรมการกฤษฎีกา ๕๘ มาตรา ๗๔ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญัตปิ ่าไม้ (ฉบบั ที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ ส๕าํ๙นมกั างตารนาค๗ณ๔ะกทรวริ มเพก่มิ าโรดกยฤพษรฎะีกราาชบัญญัติปา่ ไม้ส(ฉํานบักับงทาี่ น๔ค) ณพ.ะศก.ร๒ร๕ม๐กา๓รกฤษฎีกา ๖๐ มาตรา ๗๔ ตรี เพม่ิ โดยพระราชบัญญัตปิ ่าไม้ (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ สํานกั งานคณะกรรมการก๖๑ฤษมาฎตีกราา ๗๔ จัตวา เพสมิ่ ําโนดักยพงารนะคราณชะบกญั รญรมตั กิปา่ารไกมฤ้ (ษฉบฎับีกทา ี่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑ส๘าํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

- ๒๖ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การรกั ษาพระราชบัญญัติ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สมําานตกั งราานค๗ณ๕ะกรใหรม้รกัฐามรกนฤตษรฎีวกี่าาการกระทรวสงําทนรักัพงายนาคกณระธกรรรรมมกชาารตกิแฤษลฎะีกสาิ่งแวดล้อม* รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ กับให้มีอํานาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ และกําหนดอัตรา สํานักคง่าานธครณรมะกเรนรียมมกาไรมก่เฤกษินฎจกี ําานวนอย่างสสูงํานทกัี่กงําานหคนณดะไกวร้ใรนมกบาัญรกชฤีตษ่อฎทีกา้ายพระราชบสัญํานญักงัตาินนค้ี ณและกะรอรมอกการกฤษฎีกา กฎกระทรวงเพ่อื ปสกําฏฎนบิ กกั ตั งริกาะนาทครรใณวหงะ้เนกปรนั้ น็ รมไเปมกตอ่ืาราไกดมฤป้พษรรฎะะีกกราาาชศบในญั รญาชตั กนิ ิจ้ี จสาํานนุเกั บงกานษคาณและก้วรใหรม้ใชก้บารังกคฤับษไฎดกี ้ า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา บทเฉพาะกาล สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรีกาา๗๖ สัมปทาสนํานแกัลงะาในบคอณนะุญกรารตมทกี่ไาดรก้อฤอษกฎใีกหา้แก่บุคคลใดเพส่ืําอนทักํางไามน้หครณือะเกกร็บรมหกาารกฤษฎีกา ของป่าไว้แล้วในวันใช้พระราชบัญญัติน้ี ให้คงใช้ได้ต่อไปเสมือนหน่ึงเป็นสัมปทานและใบอนุญาตที่ ออกให้ตามความสในํานพกั รงะารนาคชณบะัญกรญรัตมนิกา้ีเพรกยี ฤงษเทฎ่าีกกาาํ หนดอายุขอสงําสนมักั ปงาทนาคนณแะลกะรใรบมอกนารุญกฤาตษนฎกีั้นา สํานักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรากี า๗๗ บรรดาตสรํานาปักงราะนทคับณไะมก้ขรอรมงเกอากรกชฤนษทฎ่ีไีกดา้จดทะเบียนแลสะํานเสักียงาคน่าคธณรระมกรเนรมียกมารกฤษฎกี า ไว้แล้วกอ่ นวันใชพ้ สรํานะักรางาชนบคัญณญะกตั รนิ ร้ีมใกหาค้ รงกใฤชษ้ไฎดกี้ตา่อไปมีกําหนดสร้อํานยกั ยงสี่ าิบนควันณะนกับรรแมตกว่ าันรใกชฤพ้ ษรฎะีกราาชบัญญัตินี้ ถ้าเจ้าของตราประทับไม้ของเอกชนประสงค์จะใช้ตราน้ันต่อจากนั้นไป ต้องนําไปขอจดทะเบียนใหม่ สาํ นักตงาามนคคณวาะมกใรนรมพกราะรรกาฤชษบฎัญีกญา ตั ิน้ีโดยไมต่ อ้สงําเนสักยี งคาน่าธครณระมกเรนรียมมกใานรกกฤาษรจฎดกี ทา ะเบยี นอีก สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ สํานักงานคณะกรพรมบิ กูลาสรงกคฤรษาฎมีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นายกรฐั มนตรี สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า

- ๒๗ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา บัญชีอัตราค่าธรรมเนยี ม๖๒ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ส(๑ําน)ักแงบานบคพณิมะพกค์รราํ มขกอารกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมฉกบาับรกลฤะษฎ๒กี า๕ สตางค์ (๒) การอนญุ าตเจาะตน้ ตะเคียน สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎตีกาาแมวทาํ ชนั เจสาะํานตัก้นงสานนคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักตเงอา้นานเยคยาณลงตูะสกอรบังรเหอมรากอืยากรากงรฤีดษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมตกน้ าลระกฤษฎีก๒า บาท สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๓ฤ)ษกฎากี ราอนุญาตเจาะสเผํานาตกั งน้ ายนาคงณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทําน้าํ มันยาง ตน้ ละ ๕๐ สตางค์ ส(๔าํ น)กั กงาานรอคนณญุะการตรเมจกาาะรกสฤับษฎหกีราือ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า กรีดไมช้ นดิ อ่ืน ๆ เอานํา้ มัน สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎชีกนั าหรือยาง สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ต้นลสะํานักง๑าน๐คณบะากทรรมการกฤษฎีกา (๕) ใบอนญุ าตทําไมเ้ พื่อการคา้ ฉบบั ละ ๒๐ บาท ส(๖าํ น)กั ใงบาอนนคณุญะากตรเรกมบ็ กหารากขฤอษงปฎกี่าา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า หวงหา้ ม ฉบบั ละ ๑๐ บาท สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๗ฤ)ษใฎบกี อานุญาตคา้ ของสปํานา่ ักหงวางนหคา้ ณมะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั หงารนือคใณบอะกนรญุ รมาตกามรไี กวฤ้ ษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ในครอบครองซง่ึ ของป่า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎหีกวางห้าม สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ฉบบั สลําะนักง๒าน๐คณบะากทรรมการกฤษฎกี า (๘) ใบอนญุ าตเกบ็ ไมไ้ หลลอย ฉบับละ ๑๐ บาท ส(๙าํ น)กั ใงบาอนนคณุญะากตรตร้ังมโกรางรงกาฤนษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แปรรปู ไม้โดยใช้เคร่อื งจกั ร สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎคีกิดาตามจํานวนแรสงํามนกั้างานคณะกรรมการกฤษฎกี า แรงมสา้ํานลักะงา๕น๐คณบะากทรรมการกฤษฎีกา (๑๐) ใบอนุญาตต้ังโรงงานแปรรปู สํานกั งาไนมคโ้ ณดยะกใชรร้แมรกงาครนกฤคษดิ ฎตีกาาม สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา จํานวนคนงาน คนละ ๑๐ บาท สาํ นักงานคณะกรรมการก(๑ฤ๑ษฎ) กีใบาอนุญาตทํากสาํารนแกั ปงรารนูปคไณมะ้ กรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงาเนพคื่อณกะากรรครา้มกคาดิ รตกฤามษปฎีกรมิา าตร สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไม้ทยี่ ังมไิ ด้แปรรปู ลกู บาศกเ์ มตรละ ๑๐ บาท สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๑ฤ๒ษฎ) กีใบาอนญุ าตค้าหสรําอื นมกั ไี งวา้ นคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ในครอบครองเพ่อื การค้า สํานกั งาซนึ่งคสณิ่งะปกรระรดมษิกาฐร์ กเคฤรษ่ือฎงกี ใาช้ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า หรอื สิง่ อน่ื ใดที่ทาํ ด้วย สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกไามห้ วงหา้ ม สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ฉบบั ละ ๒ส,าํ๐น๐ัก๐งานคณบะากทรรมการกฤษฎกี า (๑๓) ใบอนุญาตมีไม้แปรรูป สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการก๖๒ฤษอตัฎรกี าาค่าธรรมเนียม แสกําไ้นขกั เพงา่มิ นเตคิมณโดะกยรพรรมะกราาชรกบฤัญษญฎัตกี ิปา่าไม้ (ฉบับที่ ๕)สพํา.นศัก. ง๒า๕น๑ค๘ณะกรรมการกฤษฎกี า

- ๒๘ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ชนิดอ่นื เป็นจาํ นวนเกนิ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีก๐า.๒๐ ลกู บาศสกํา์เนมกัตงรานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ไวใ้ นครองครอง ฉบับละ ๒๐ บาท ส(๑าํ น๔ัก)งาในบคอณนะุญการตรมตก้งั โารรงกคฤ้าษไฎมกี ้ า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า แปรรปู ฉบบั ละ ๑,๐๐๐ บาท สํานกั งานคณะกรรมการก(๑ฤ๕ษฎ) ีกใบาอนุญาตอนื่ ๆสํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ฉบบั สลําะนักงานคณ๕ะบกรารทมการกฤษฎีกา ส(๑ําน๖กั )งาใอนบัตคแรณทาะนคกใา่ รบธรอรมนรกมญุาเรนากตยีฤเมษทฎ่าีกกาบั สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี ใาบอนุญาตนน้ั สแําตนไ่ักมงเ่ากนนิคณะกรรมการกฤษฎกี า ฉบับสลาํ ะนักงานค๑ณ๐ะกบรารทมการกฤษฎีกา (๑๗) ใบอนญุ าตผูกขาด สํานกั งาทนคําไณมะ้สกักรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมฉกบาับรกลฤะษ๑ฎ๕กี า,๐๐๐ บาท (๑๘) ใบอนุญาตผกู ขาดทําไม้ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกหาวงหา้ มธรรมสดําานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า นอกจากไมส้ กั ฉบบั ละ ๗,๕๐๐ บาท ส(๑ําน๙กั )งาในบคอณนะุญการตรมผกูกาขรากดฤเษกฎ็บกีหาา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ของปา่ หวงห้าม ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๒ฤ๐ษฎ) กีใบาแทนใบอนุญสาําตนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงาผนกูคขณาะดกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมฉกบาับรลกฤะษฎีกา ๒๕ บาท (๒๑) สัมปทานทําไมส้ กั ฉบับละ ๓๐,๐๐๐ บาท สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๒ฤ๒ษฎ) กีสามั ปทานทาํ ไมสห้ ําวนงักหง้าามนคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ธรรมดานอกจากไมส้ ัก ฉบบั ละ ๑๕,๐๐๐ บาท ส(๒ําน๓ัก)งาสนัมคปณทะากนรเรกมบ็ กหารากขฤอษงฎปกี า่ า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา หวงหา้ ม ฉบับละ ๓,๐๐๐ บาท สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๒ฤ๔ษฎ) ีกใบาแทนสมั ปทาสนํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ฉบับสลําะนักงาน๕ค๐ณ๐ะกบรารทมการกฤษฎีกา (๒๕) การโอนใบอนญุ าตหรือ สาํ นักงาสนัมคปณทะการนรมคกิดาครรกง่ึฤอษัตฎรกี าา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ค่าธรรมเนยี มใบอนุญาต สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกหารือสัมปทานนสําัน้ นักๆงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ส(๒ําน๖ัก)งาในบคเบณิกะทกรารงมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา (ก) ไมส้ ัก ฉบับละ ๕๐ บาท สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี (าข) ไมช้ นิดอนื่ สๆํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ฉบบั สลาํ ะนักงาน๒ค๐ณะบการทรมการกฤษฎีกา (ค) ของป่า ฉบบั ละ ๕ บาท ส(๒าํ น๗กั )งากนาครณอุทะกธรรรณม์การกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า (ก) เร่ืองเกี่ยวกบั การ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า อนุญาต กสาํารนผักูกงขานาคดณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือสัมปทาน คร้ังละ ๑๐๐ บาท สาํ นักงา(นขค)ณเระื่อกงรกรมารกขารอกตฤ้ังษหฎรีกือา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ตอ่ อายใุ บสอํานนุญกั งาาตนคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

- ๒๙ - สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา โรงงานแปรรปู ไม้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า โดยใช้เครสอื่ ํางนจกั ักงรานคณะกรรมการกฤษฎกี า ครัง้ ลสะาํ นักง๑าน๐ค๐ณบะการทรมการกฤษฎกี า (ค) เรอ่ื งการขอต้งั หรอื สาํ นกั งานคณตะอ่กอรรามยกุใบารอกนฤญุษฎาตกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา โรงงานแปรรปู ไม้ ครัง้ ลสะาํ นักงา๕น๐คณบะากทรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยใช้แรงสคํานนกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงา(นงค) ณเรตะือ่ ง้ักงโรรกรงามครก้าขาไอรมกอ้ ฤนษญุ ฎาีกตา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า แปรรูป สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ครัง้ ลสะาํ นักงา๕น๐คณบะากทรรมการกฤษฎกี า (จ) เรอื่ งอ่ืน ๆ ครง้ั ละ ๑๐ บาท ส(๒ําน๘ัก)งาในบคคณูม่ ือะกครนรงมากนารหกรฤือษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้รับจ้าง หรอื ใบแทน ฉบบั ละ ๑ บาท สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๒ฤ๙ษฎ) ีกคา่าจดทะเบียนตสรํานากั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ประทบั ไม้เอกชน ดวงละ ๒๐๐ บาท ส(๓ําน๐กั )งาคน่าคธณรระมกเรนรมยี กมาขรอกตฤรษวฎจีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา เอกสาร ฉบบั ละ ๕ บาท สํานกั งานคณะกรรมการก(๓ฤ๑ษฎ) กีคา่าธรรมเนยี มคสัดําหนรกั ืองานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งาถนา่คยณภะากพรรเอมกกสารากรฤแษลฎะกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า รบั รองสําเนา หน้าละ ๑๐ บาท สํานักงานคณะกรรมการก(๓ฤ๒ษฎ) ีกคา่าธรรมเนียมขสอําตนรกั วงจานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แผนทป่ี า่ คร้ังละ ๑๐๐ บาท ส(๓าํ น๓ัก)งาคนา่ คธณรระมกเรนรมยี กมาครัดกหฤษรือฎถกี ่าาย สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ภาพแผนที่ปา่ และรับรอง สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกสาาํ เนา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ฉบบั สลาํ ะนักง๕าน๐ค๐ณบะการทรมการกฤษฎีกา (๓๔) คา่ ธรรมเนียมทําการ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งาลน่วคงณเวะลกรารคมิดการรอ้ กยฤลษะฎสีกิบา ของเงินค่าภาคหลวง สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกทาคี่ าํ นวณไดใ้ นสคํารนง้ั ักนง้ันานๆคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งาแนตคอ่ณยะา่กงรสรมงู ไกมาเ่รกกินฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการก๔ฤ๐ษฎ๐กี า บาท (๓๕) คา่ ธรรมเนยี มรับคนื สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกไาม้ไหลลอย สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ท่อนสลําะนักงา๒น๐คณบะากทรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า

- ๓๐ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า พระราชบัญญตั ิปา่ ไม้ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๔๙๑๖๓ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า มาตรา ๕ ใหร้ ัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธกิ ารรกั ษาการตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา พระราชบญั ญตั ิปา่ ไม้ (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๔๙๔๖๔ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เก็บหาของป่าไว้แสมลาํ าน้วตักใรงนาาวน๑ันคใ๙ณชะ้พกสรรัมะรมปรากทชาารบนกัญฤแษญลฎะัตีกใินบาี้ ออนันุญขัดาตตผ่อูกบขทสาบําดนัญทักญงี่ไดาัตน้อิมคอาณกตะใรกหาร้แร๑กม๑่ผกู้ใาหดรกรเฤือพษมื่อฎากกีตาารราท๒ําไ๙ม้หแหรือ่ง สํานกั พงารนะครณาชะกบรัญรมญกัตาริปก่าฤไษมฎ้ พกี าุทธศักราช ๒ส๔ํา๘นัก๔งาซน่ึงคไณด้แะกกร้ไรขมเกพาิ่มรกเตฤิมษฎโดกี ยามาตรา ๖ แลสาํะนมักางตานรคาณ๑ะ๑กรแรมหก่งารกฤษฎีกา พระราชบัญญัติน้ี ใหค้ งใช้ไดต้ อ่ ไปเพียงเทา่ กําหนดอายุของสมั ปทานหรือใบอนญุ าตผกู ขาดน้นั สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาตรา ๒๐ ให้รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงเกษตราธกิ ารรกั ษาการตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบบั ที่ ๔๑ ลงวนั ที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๒๖๕ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หมายเหตุ:- โดยท่ีไม้ในป่าเป็นทรัพยากรสําคัญของชาติ และการทําไม้ซ่ึงมิได้อยู่ในความควบคุมโดย สํานักถงูกานตค้อณงเะปก็นรรภมัยกอารันกรฤ้าษยฎแีกราง และโดยที่ปสรํานาักกงฏาวน่าคขณณะกะรนร้ีไมดก้มาีรกกาฤรษทฎําีกไมา ้ด้วยวิธีการอสันําไนมัก่สงาุจนรคิตณเชะ่กนรใรชม้วกิธาี รกฤษฎกี า แสดงเทจ็ อา้ งวา่ ทสาํป่ี นา่ กั ทงที่านาํ คไมณ้เะปกน็ รทรมี่ดกินาทรกอ่ี ฤยษู่ในฎสีกทิา ธิครอบครองสขํานอกังเงอานกคชณนะเกปร็นรมเหกตารุทกําฤใษหฎ้ไมกี า้ในป่าซ่ึงควร สงวนถูกทําลายไปเป็นจํานวนมาก คณะปฏิวัติเห็นเป็นการจําเป็นต้องระงับความเสียหายนั้น และ สํานักเงหา็นนสคณมคะกวรรรใมหก้มาีกรกาฤรปษฎรับีกาปรุงแก้ไขกฎหสํามนากั ยงวาน่าดค้วณยะปกร่ารไมมก้เสารียกใฤหษมฎ่ใีกหา้รัดกุม แต่ก่อนสําทน่ีจักะงไาดน้คมณีกาะกรแรรกม้ไกขารกฤษฎีกา ควรท่ีจะมีข้อกาํ หนดบางประการเพื่อปอ้ งกนั และระงบั ความเสยี หายดังที่ได้กล่าวแล้ว สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า พระราชบัญญตั ิปา่ ไม้ (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓๖๖ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า มาตรา ๑๙ บทบัญญัติมาตรา ๕ และมาตรา ๗ ไม่กระทบกระทั่งบรรดาใบอนุญาต การทําไมท้ พี่ นกั งสาาํนนเจกั ง้าาหนนคา้ ณทะ่อี กอรกรมใหกาต้ รากมฤคษวฎากี มาในมาตรา ๗ สแําลนะักมงาาตนรคาณ๑ะก๙รรแมหกง่าพรกรฤะษรฎาชกี บา ัญญัติป่าไม้ พทุ ธศักราช ๒๔๘๔ ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ทง้ั น้ี จนกว่าใบอนุญาตนน้ั ๆ จะสนิ้ อายุ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สมํานาตกั งราานค๒ณ๐ะกรใรนมกราะรหกฤวษ่าฎงกีเวาลาที่ยังมิไดส้มําีปนกัรงะากนคาณศะขกอรงรมรักฐามรนกฤตษรฎีกกี ําาหนดอัตรา ค่าภาคหลวงตามความในมาตรา ๙ การเสียค่าภาคหลวงให้เป็นไปตามอัตราท่ีรัฐมนตรีได้กําหนดไว้ สาํ นกั แงลาน้วกคณอ่ นะกวรนั รทมี่พการระกรฤาษชฎบีกัญาญัตนิ ้ีใชบ้ ังคบั สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สมาํ านตกั งราานค๒ณ๑ะกใรนรมรกะาหรกวฤ่าษงเฎวกี ลาาที่ยังมิได้มีพสรํานะักรงาาชนกคฤณษะกฎรีกรามกกําารหกนฤษดฎไมีก้หา วงห้ามอื่น นอกจากไม้สักและไม้ยางตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ซ่ึง สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ๖๓ ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม ๖๕/ตอนท่ี ๖๘/หนา้ ๗๖๘/๓๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๑ ส๖ํา๔นรักางชากนิจคจณานะุเกบรกรษมากาเลร่มกฤ๖ษ๘ฎ/ีกตาอนที่ ๔๖/หนา้ ส๑ํา๐น๒กั ๖งา/น๑ค๗ณกะรกกรฎรามคกมาร๒ก๔ฤ๙ษ๔ฎกี า ๖๕ ราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม ๗๖/ตอนท่ี ๓/หนา้ ๓/๖ มกราคม ๒๕๐๒ สํานักงานคณะกรรมการก๖๖ฤษราฎชีกกาจิ จานุเบกษา เลสม่ ําน๗ัก๗ง/าตนอคนณทะี่ ๖กร๒ร/มฉบกาบั รพกิเฤศษษฎหกี นา้า ๑๑/๒๕ กรกสฎําานคักมง๒าน๕ค๐ณ๓ะกรรมการกฤษฎีกา

- ๓๑ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๕ ไม้อ่ืนนอกจากไม้สักและไม้ยางจะเป็นไม้หวงห้ามประเภทใด ให้เป็นไป สํานกั ตงาามนคพณระะรการชรมกกฤาษรฎกฤกี ษาฎซกี ึง่ าใชบ้ ังคบั อยู่กส่อํานนวักนั งทานีพ่ ครณะะรการชรบมัญกาญรตักฤนิ ษใ้ี ชฎบ้กี งัาคับ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สมําานตกั รงาาน๒ค๒ณะกใหรร้รมัฐกมานรตกฤรีวษา่ฎกีกาารกระทรวงเกสษําตนรกั รงักานษคาณกาะกรตรรามมกพารระกรฤาษชฎบีกัญา ญตั ิน้ี สํานักหงามนาคยณเะหกตรุร:-มกเหารตกุฤผษลฎใกีนาการประกาสศําในชกั ้พงารนะครณาะชกบรรัญมกญาัรตกิฉฤบษับฎกีนา้ี คือ เน่ืองจสาํากนบักงทาบนคัญณญะกัตริแรมหก่งารกฤษฎกี า พโดรยะเฉราพชาบะบัญทญกัตําิหปสําน่านไดกัมโง้ทาพษนุทคกธณําศะหักกนรรรดามไชวก้ตา๒ร่ํา๔กมฤ๘าษก๔ฎไมีกบา่ทาํางใมหา้ผตู้กรราะทมําสีขผํา้อนิดคักเกวงารานงมกคไณลมัว่ะรกัดหรกรรุมืมอกเเขหา็ดรมกหาฤละษาสฎบมีกกาเปับ็นกชา่อลงสทมาัยง สํานักใงหา้มนีกคาณระลกักรรลมอกบาตรกัดฤฟษันฎไีกมา้ทําลายป่า รวสมําทน้ัักงลงาักนลคอณบะทกํารกรมากรแารผก้วฤถษาฎงกีปา่ามากขึ้น เพรสาําะนไมักง้หารนือคขณอะงกปร่ารมทกุการกฤษฎีกา ชนิดมีราคาสูงขึ้น จึงเป็นการสมควรแก้ไขเพ่ิมเติมเสียใหม่ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อ เป็นการป้องกันกสาํารนทักํางลานาคยณป่ะากไมรร้ มอกันาเรปก็นฤทษรฎัพกี ายากรของชาตสิ ําในหกั ้มงีสานภคาณพะอกันรจรมะกอาํารนกวฤยษปฎรีกะาโยชน์แก่รัฐ และประชาชนด้วยดีสบื ไป สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบับที่ ๑๑๖ ลงวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕๖๗ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข้อ ๑๑ ความในมาตรา ๓๙ ตรี แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ซึ่ง สาํ นกั แงกาน้ไขคเณพะ่ิมกเรตริมมโกดายรกปฤรษะฎกกี าาศของคณะปฏสิวํานัตกัิฉงบานับคนณี้ ไะมก่ใรชร้บมกังคารับกแฤกษ่กฎากี รานําไม้สักที่เคยสอาํ นยักู่ใงนาสนภคาณพะกเปรร็นมสก่ิงารกฤษฎีกา ปลูกสรา้ งหรอื เคยสเาํ ปน็นกั เงคานรอื่คงณใะชก้มรารแมลกว้ารเคกลฤอื่ษนฎทีกาโ่ี ดยมีหนงั สืออสนํานุญกั างตานขคอณงผะกู้วร่ารรมาชกากรากรฤจษังฎหีกวาัดอยู่ก่อนวัน ใช้บงั คบั ประกาศของคณะปฏวิ ัตฉิ บบั น้ี สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ข้อ ๑๒ ผู้ใดมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองอยู่ก่อนหรือในวันท่ีประกาศของคณะ ปฏวิ ตั ิฉบับน้ใี ช้บงัสคํานบั ักไมงาเ่ นกคนิ ณ๐ะ.ก๒ร๐รมลกกูารบกาฤศษกฎเ์ ีกมาตร ถ้าประสงสคํา์จนะกั คงรานอคบณคะรกอรงรไมมก้สาักรแกปฤษรรฎูปกี นา ้ันต่อไป ให้ ยื่นคําขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในหกสิบวันนับแต่วันท่ีประกาศของคณะปฏิวัติฉบับน้ีใช้บังคับ สํานักแงลานะคใหณพ้ ะนกรักรงมากนาเรจกา้ ฤหษนฎา้ กี ทา่อี อกหนงั สืออสนํานุญกั างตานใหค้คณระอกบรรคมรกอางรไกดฤ้โษดฎยไกี มาต่ อ้ งเรียกเก็บสคาํ า่ นธักรงรามนเคนณียะมกรรมการกฤษฎกี า สขาํ ้อนกั ๑ง๓านคใณบะอกนรุญรมากตาแรกปฤรษรฎูปีกไมา ้ ใบอนุญาตตส้ังํานโรกั งงงาานนคแณปะรกรรรูปมไกมา้ รใกบฤอษนฎุญกี าาตค้าไม้แปร รูป ใบอนุญาตมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครอง ซึ่งได้ออกให้ก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้ สํานกั บงังานคคับณใะหก้ครรงมใกชา้ไรดก้ตฤ่อษไฎปีกจานกว่าจะสิ้นอสําานยกัุ แงาลนะคใณนะรกะรหรมว่กาางรทกี่ใฤบษอฎนีกุญา าตยังไม่ส้ินอสาํานยักุดงังากนลค่าณวะมกิใรหรม้นกําารกฤษฎีกา ความในมาตรา ๖สํา๑นักวงรารนคคสณอะงกรแรหม่งกพารรกะฤรษาฎชีกบาัญญัติป่าไม้ พสํุาทนธักศงักานรคาชณะ๒ก๔รร๘ม๔การซก่ึงฤแษกฎ้ไขีกาเพ่ิมเติมโดย ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้มาใช้บังคับแก่ผู้ได้รับอนุญาตต้ังโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรกล สาํ นกั ซงง่ึาเนปคน็ ณผะู้ไกมรม่ รลีมักกาษรณกฤะษตฎามกี ามาตรา ๔๙ (๑ส)ํานหกั รงือามนคลี ณกั ษะกณระรมตก้อางรหก้าฤมษตฎากี มามาตรา ๔๙ (ส๒าํ )น(ัก๓ง)านหครณือะ(ก๔ร)รมอกยาู่ รกฤษฎกี า กอ่ นวันทีป่ ระกาศของคณะปฏวิ ตั ิฉบับน้ีใชบ้ งั คบั สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ข้อ ๑๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรรักษาการตามประกาศของคณะปฏิวัติ สํานกั ฉงบานับคนณี้ ะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการก๖๗ฤษราฎชกี กาจิ จานเุ บกษา เลสม่ ําน๘ัก๙ง/าตนอคนณทะี่ ๕กร๙ร/มฉบกาบั รพกิเฤศษษฎหกี นาา้ ๑/๑๑ เมษายสนาํ น๒ัก๕ง๑าน๕คณะกรรมการกฤษฎกี า

- ๓๒ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หมายเหตุ:- โดยที่คณะปฏิวัติพิจารณาเห็นว่า กฎหมายป่าไม้ซึ่งใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันยังมีข้อความไม่ สํานกั รงัดากนมุคณเหะมการะรมสกมากรบั กสฤษถาฎนกี กาารณ์ปัจจุบันสเําปนน็ักงชา่อนงคทณาะงกใหรร้ผมทู้ กจุ ารรกติ ฤฉษวฎยโกี อากาสแสวงหาปสํารนะักโยงาชนนค์สณ่วะนกตรวัรมใกชา้ รกฤษฎีกา อุบายต่าง ๆ ให้เกิดการลักลอบตัดฟันไม้หวงห้ามและเก็บหาของป่าหวงห้ามเพื่อนําออกมาจําหน่าย รวมท้ังเปิดช่องใหส้ผํานู้รับักงอานนุญคณาตะกตรั้งรโมรงกงาารนกฤไมษ้แฎปีการรูปกระทํากาสรําฝน่าักฝงาืนนกคฎณหะมการรยมจกึงารสกมฤคษวฎรีกแาก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายป่าไม้เพ่ือกําหนดปริมาณการครอบครองไม้สักและไม้แปรรูปเสียใหม่เพ่ือสกัดกั้นมิให้ผู้รับ สาํ นกั องนานุญคาณตะแกปรรรมรูปกาไรมก้กฤรษะฎทกี ําาฝ่าฝืนกฎหมาสยํานไดกั ้โงดานยคง่าณยะกแรลระมใกนารขกณฤะษเฎดกี ียาวกันสมควรเพส่ิมํานอักํางนานาจคกณาะรกสร่ังรพมกัการกฤษฎีกา ใชห้ รือเพกิ ถอนใบสอาํ นนกั ุญงาานตคทณอี่ ะอกกรตรามมกการฎกหฤมษาฎยีกปาา่ ไมไ้ ดม้ ากยิง่สขําน้ึนักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั พงรานะคราณชะบกัญรรญมกัตาปิ รา่กไฤมษ้ ฎ(ฉีกบาบั ที่ ๕) พ.ศ.ส๒ําน๕ัก๑ง๘าน๖๘คณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สมํานาตกั งราานค๒ณ๙ะกรใรมหก้ยากรกเลฤษิกฎบกี ัญา ชีอัตราค่าธสรํานรกั มงเานนีคยณมะทก้ารรยมพกราระกรฤาษชฎบีกัาญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๔๙๔ และให้ใช้ สํานกั บงญัานชคีอณตั ะรการคร่ามธกรารรมกฤเนษยี ฎมกี ทา้ายพระราชบสัญํานญักตั งินาน้ีแคทณนะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สมําานตักงราานค๓ณ๐ะกรผรู้ใมดกไาดรก้รฤับษอฎนกี ุญา าตให้ทําไมส้ ําหนรกั ืองเาปนค็นณผะู้รกับรสรมัมกปารทกาฤนษอฎยกี ู่แา ล้วในวันที่ พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ และได้นําหรือประสงค์จะนําเคร่ืองมือ เคร่ืองใช้ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ สาํ นกั หงรานือคเคณระื่อกงรจรมักกรากรลกใฤดษฎๆีกาท่ีตนมิได้เป็นสเจําน้าักขงอางนคเขณ้าะไกปรรในมกเขารตกปฤ่าษทฎี่ไีกดา้รับอนุญาต หสรําือนใักนงาเนขคตณสัมะกปรทรมากนารกฤษฎีกา ต้องแจ้งให้พนกั งาสนํานเจักา้งหานนค้าณทะท่ี กรรารบมภกาารยกใฤนษสฎากีมาสบิ วนั นับแตส่วําันนทกั ่ีพงารนะครณาชะบกรัญรมญกัตาินรก้ีใชฤ้บษฎังคกี ับา ตามแบบที่ รฐั มนตรกี าํ หนด สํานักงานคณะกรรมการกเมฤ่อืษพฎ้นีกากําหนดเวลาตสาํามนวกั รงราคนหคณนึ่ะงกใรหร้สมันกานริษกฐฤาษนฎไีกวา้ก่อนว่าบรรดาสเําคนรักื่องงานมคือณเะคกรร่ือรงมใกชา้ รกฤษฎกี า สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ หรือเครื่องจักรกลใด ๆ ที่ผู้รับอนุญาตทําไม้หรือผู้รับสัมปทานนําเข้าไปใน เขตป่าทีไ่ ด้รับอนุญสําานตกั งหารนอืคใณนะเกขรตรสมมั กปารทกาฤนษโฎดกียามไิ ดแ้ จ้งพนักงสาํานนักเจง้าานหคนณ้าทะกี่ตรารมมวกรารรกคฤหษนฎ่ึงีกเาป็นของผู้รับ อนุญาตทําไม้ หรือผู้รับสัมปทาน แลว้ แต่กรณี สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า มาตรา ๓๑ ให้ถือว่าพระราชกฤษฎีกากําหนดไม้หวงห้ามที่ออกตามมาตรา ๗ แห่ง พระราชบัญญัติปส่าาํ ไนมัก้ พงาุทนธคศณักะรการชรม๒ก๔าร๘ก๔ฤษซฎ่ึงกี แาก้ไขเพ่ิมเติมโสดํายนพกั รงาะนรคาณชบะกัญรญรมัตกิปาร่ากไมฤ้ษ(ฉฎบีกาับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ และมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันประกาศ สํานักพงรานะคราณชะบกัญรรญมกัตานิ ร้ใีกนฤรษาฎชีกกาจิ จานเุ บกษาสเําปน็นกั พงารนะครณาชะกกรฤรษมฎกีการากทฤีอ่ ษอฎกกี ตาามมาตรา ๗ สแําหน่งักพงรานะคราณชะบกัญรรญมกัตาิ รกฤษฎกี า ปา่ ไม้ พทุ ธศกั ราชสํา๒น๔ักง๘า๔นคซณงึ่ ะแกกร้ไรขมเกพา่ิมรเกตฤิมษโฎดีกยาพระราชบญั ญสตัํานินกั ี้ งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกี าา ๓๒ ให้ถสือําวน่ักางขานนคาณดะจกํารรกมัดกทารี่กกําฤษหฎนีกดาขึ้นและใช้อสาํยนู่ใักนงาวนันคปณระกะรกรมากศารกฤษฎกี า พระราชบัญญัติน้ีในราชกิจจานุเบกษา เป็นขนาดจํากัดที่รัฐมนตรีกําหนดตามมาตรา ๑๐ แห่ง พระราชบัญญตั ปิ ส่าําไนมัก้ พงาุทนธคศณักะรการชรม๒ก๔าร๘ก๔ฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกมฤาษตฎรกี าา ๓๓ ให้รัฐสมํานนกัตงราีวน่าคกณาะรกรกรรมะกทารรกวฤงษเฎกกี ษาตรและสหกสราํ ณนัก์รงักานษคาณกะากรรตรมากมารกฤษฎกี า พระราชบญั ญัตนิ ี้สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการก๖๘ฤษราฎชีกกาิจจานุเบกษา เลสม่ ําน๙กั ๒ง/าตนอคนณทะ่ี ๕กร/ฉรบมับกพารเิ กศษฤษหฎนกี ้าา๑/๙ มกราคม ส๒าํ ๕น๑ัก๘งานคณะกรรมการกฤษฎกี า

- ๓๓ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั หงมานาคยณเหะตกรุ :ร-มเกหาตรกุผฤลษในฎีกกาารประกาศใชส้พํานรักะงราานชคบณัญะญกรัตริฉมบกาับรนกฤ้ีคษือฎเีกนาื่องจากกฎหมสาํายนวัก่างดาน้วคยณป่ะากไมรร้บมากงารกฤษฎีกา มาตรามีข้อความไม่รัดกุม และไม่เหมาะสมกับกาลสมัย สมควรแก้ไขเพ่ิมเติมให้เหมาะสมกับ สถานการณป์ จั จุบสนัํานเกั พง่อืานคคุ้มณคะรกอรงรแมลกะาบรกําฤรษุงรฎักกี ษาาป่าไม้อันเปส็นําทนรกั ัพงายนาคกณระธกรรรรมมชกาาตริใกหฤ้ไษดฎ้ผีกลาดีย่ิงข้ึน จึง จาํ เป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ิน้ีข้ึน สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า พระราชบัญญตั ปิ สา่ ําไนมกั้ (งฉาบนบัคณท่ีะ๖กร)รพม.กศา.ร๒กฤ๕ษ๒ฎ๒กี ๖า๙ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั หงมานาคยณเหะกตรุ ร:-มเกหารตกุผฤลษใฎนกี กาารประกาศใสชํา้พนรกั ะงรานาคชณบัะญกญรรัตมิฉกบารับกนฤ้ีษคฎือกี าโดยท่ีกฎหมาสยาํ วน่าักดงา้วนยคปณ่าะไกมร้ไรดม้ใกชา้ รกฤษฎีกา บังคับมานานแล้ว บทบัญญัติในส่วนที่เก่ียวกับการกําหนดโทษไม่เหมาะสมแก่สภาวการณ์ปัจจุบัน เห็นสมควรแกไ้ ขเสพํา่ิมนเักตงิมานอคัตณราะโกทรษรมใกหา้สรูงกขฤึ้นษฎจีกึงาจําเป็นต้องตรสาํานพกัรงะารนาคชณบะัญกญรรัตมนิกี้ขารึ้นกฤษฎกี า สํานักพงรานะคราณชะบกญัรรญมกัตาิปรา่กไฤมษ้ ฎ(ฉีกบาบั ท่ี ๗) พ.ศ.ส๒ําน๕ัก๒ง๕าน๗๐คณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า หมายเหตุ :- เหตสุผําลนใักนงกานารคปณระะกกรรามศกใชาร้พกรฤะษรฎาีกชาบัญญัติฉบับนสี้ ําคนือักงเานน่ือคงณจะากกรวร่ามขกณาระกนฤี้ ษเปฎ็นีกาท่ียอมรับกัน โดยท่ัวไปว่า ยังมีประชาชนในชนบทอีกจํานวนไม่น้อยท่ีไม่มีเงินจะไปซ้ือไม้และอุปกรณ์ต่าง ๆ มา สํานักสงรา้นางคบณ้าะนกอรรยมู่อกาาศรัยกฤกษ็เฎนกีื่อางจากความยาสกํานจักนงเาปน็นคเณหะตกุ รจรึงมไกดา้กรรกะฤทษําฎผีกิดาไปด้วยความสจําํานเปักง็นานโดคณยไะปกตรรัดมไกมา้ รกฤษฎกี า ในป่ามาสร้างบ้านสขาํ นอักงตงานนเคอณงบะก้างรรซม่อกมารแกซฤมษบฎ้าีกนาของตนเองบส้าํางนมักิฉงาะนนค้ันณแะลก้วรกรม็ไมก่มารีบก้าฤนษอฎยกี ู่อาาศัย หรือมี ไมไ้ วใ้ นความครอบครองเลก็ ๆ น้อย ๆ เพ่ือซ่อมแซมบ้านก็ดี หรือมีไม้ไว้เพ่ือทําเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ สาํ นกั บงา้านงกค็ดณี ะจกึงรเรปม็นกการรกณฤีทษี่นฎ่ากี เาห็นใจเป็นอย่าสงํายน่ิงกั งแามน้บคณางะคกรร้ังรศมากลารสกถฤิตษยฎ์ยกี ุตาิธรรมจะให้ควสาํามนปักงราานณคีอณยะ่ากงรไรรมกกา็ รกฤษฎีกา ยังทําให้ประชาชนผู้ยากไร้ดังกล่าวได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสอยู่ดี เพราะติดขัดอยู่ท่ีตัวบท กฎหมาย เพ่ือใหศ้ สาํานลักสงถาิตนยค์ยณตุ ะธิ กรรรรมมไกดา้มรกีโอฤกษาฎสกี พา นิ ิจพิเคราะหส์ถําึงนคักวงาานมคหณนะักกเรบรามขกอางรขก้อฤษเทฎ็จีกจาริงแต่ละคดี ในการที่จะลงโทษผู้กระทําความผิดได้ดีและมากขึ้น จึงสมควรแก้ไขโทษขั้นตํ่าของมาตรา ๖๙, ๗๓ สํานกั บงาานงกครณณะกี เรสรียมใกหามรก่ใหฤษ้ตฎํ่าลีกงาเล็กน้อย ส่วนสําโนทักษงขานั้นคสณูงกะ็กเพรริ่มมใหกา้สรูงกขฤ้ึนษฎบีกาางกรณีเช่นเดียสวํากนันักงเาพน่ือคลณงะโกทรษรมผกู้ทา่ี รกฤษฎีกา ทําลายป่าไม้ใหห้ นัก สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พระราชกําหนดแก้ไขเพม่ิ เติมพระราชบัญญัตปิ า่ ไม้ พทุ ธศักราช ๒๔๘๔ พ.ศ. ๒๕๓๒๗๑ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สมาํ านตักรงาาน๔คณบะกรรรรดมากสาัมรปกทฤษานฎีกทาไ่ี ดอ้ อกใหแ้ ก่บสุคํานคกั ลงใาดนไควณ้และก้วรกรอ่ มนกวานัรกทฤี่พษรฎะกี ราาชกาํ หนดน้ี มีผลใช้บังคับ และพื้นที่สัมปทานดังกล่าวทั้งแปลงหรือบางส่วนอยู่ในแนวเขตอุทยานแห่งชาติ ตาม สาํ นกั กงฎานหคมณายะกวรา่ รดม้วกยาอรทุกฤยษาฎนกีแาห่งชาติหรือเขสตํารนักกั ษงาานพคันณธะุ์สกัตรรวม์ปก่าาตรากมฤกษฎฎหีกามายว่าด้วยกาสราํสนงักวงนาแนลคะณคะุ้มกรครรมอกงารกฤษฎกี า สัตว์ปา่ ให้สทิ ธิการทํากิจการทไ่ี ด้รบั สัมปทานในเขตพ้ืนที่ดังกล่าวส้ินสุดลงนับแต่วันที่พระราชกําหนด น้มี ีผลใช้บงั คบั แลสําะนใหกั ง้ผาูร้นับคสณัมะปกทรรามนกมาีสรกทิ ฤธษิไดฎ้รีกบัา เงนิ ชดเชยควสาํานมกัเสงียานหคาณยตะการมรทม่ีบกาัญรญกฤัตษิไฎว้ใีกนามาตรา ๖๘ ฉ มาตรา ๖๘ สัตต มาตรา ๖๘ อัฏฐ มาตรา ๖๘ นว มาตรา ๖๘ ทศ และมาตรา ๖๘ เอกาทศ แห่ง สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ส๖าํ๙นรกั างชากนจิ คจณานะเุกบรกรษมากาเลร่มกฤ๙ษ๖ฎ/กีตาอนท่ี ๖๔/ฉบบั พสํิเาศนษักงหานนา้ คณ๙/ะ๒ก๘รรเมมกษาารยกนฤ๒ษ๕ฎ๒ีกา๒ ๗๐ ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม ๙๙/ตอนที่ ๓๓/ฉบับพิเศษ หน้า ๕/๕ มนี าคม ๒๕๒๕ สํานกั งานคณะกรรมการก๗๑ฤษราฎชีกกาิจจานุเบกษา เลส่มําน๑กั ๐ง๖าน/ตคอณนะทกี่ ร๘ร/มฉบกาับรพกิเฤศษษฎหกี นา้า ๙/๑๔ มกราคสมําน๒ัก๕งา๓น๒คณะกรรมการกฤษฎีกา

- ๓๔ - สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชกําหนดนี้ และให้พนักงาน สํานักเงจา้านหคนณ้าะทกีม่ รีหรมนกงั าสรอืกแฤจษง้ฎใีกหา้ผู้รบั สมั ปทานสทํานรกัาบงาถนึงคกณาะรกสร้ินรสมดุ กขารอกงฤสษมั ฎปีกทาานโดยเรว็ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า เพ่ือประโยชน์ในการบังคับตามมาตรา ๖๘ จัตวา และมาตรา ๖๘ เบญจ แห่ง พระราชบัญญัติปส่าําไนมกั ้ พงาุทนธคศณักะรการชรม๒ก๔าร๘ก๔ฤษซฎ่ึงกี แาก้ไขเพิ่มเติมโสดํายนพกั รงาะนรคาชณกะกําหรรนมดกนารี้ ใกหฤ้ถษือฎวกี ่าาสิทธิการทํา กิจการท่ีได้รับสัมปทานซ่ึงสิ้นสุดลงตามวรรคหนึ่ง เป็นการสิ้นสุดลงตามมาตรา ๖๘ ตรี ตาม สํานกั พงรานะคราณชะบกญัรรญมกัตาดิ รังกกฤลษ่าฎวกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สมาํ านตกั รงาาน๕คณะใกหร้รรัฐมมกนารตกรฤีวษ่าฎกกี าารกระทรวงเกสษํานตกัรงแาลนะคสณหะกกรรรณม์รกัการษกาฤกษาฎรกี ตาามพระราช สาํ นกั กงําาหนคนณดนะกี้ รรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า หมายเหตุ :- เหตสําุผนลกั ใงนานกคาณรปะกรระรกมากศารใกชฤ้พษรฎะกี ราาชกําหนดฉบสําับนนกั ้ีงคานือคณโดะยกรทร่ีปมัจกจารุบกันฤษสฎภีกาาพป่าไม้ของ ประเทศได้ถูกทําลายจนทําให้สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติขาดความสมดุล อันจะยังผลให้ภัยพิบัติ สาํ นกั สงาาธนาครณณะะกดรรังมเชก่นารทกี่เฤกษิดฎขีกึ้นาในจังหวัดภาสคําในตัก้เมงาื่อนเคดณือนะกพรฤรศมจกิการากยฤนษฎ๒ีก๕า๓๑ อาจเกิดขสึ้นาํ นอักีกงไาดน้ คจณําเะปก็นรรตม้อกงารกฤษฎีกา ระงบั ยับยัง้ มใิ หม้ กี ารทําไมอ้ อกจากปา่ และเรง่ รัดฟ้ืนฟูสภาพป่าข้ึนโดยเร็ว แต่โดยที่พระราชบัญญัติป่า ไม้ พุทธศักราช ๒ส๔ําน๘กั ๔งานมคิไดณ้ใะหก้อรรํามนกาาจรแกกฤษ่เจฎ้าีกหาน้าท่ีของรัฐใสนําอนันักทงาี่จนะคยณับะยก้ังรกรมากราทรํากไฤมษ้อฎอกี กาจากป่าท่ีได้ เปิดการทําไม้โดยให้สัมปทานไปแล้วได้ ดังนั้น จึงจําเป็นที่จะต้องให้อํานาจดังกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ของ สาํ นกั รงัฐานรควณมะทก้ังรกรามรกกาํารกหฤนษดฎใกีหา้สัมปทานท่ีมีพสําื้นนทกั ่ีองายนู่ในคณเขะตกอรรุทมยกาานรกแฤหษ่งฎชีกาตา ิหรือเขตรักษสาําพนันักงธาุ์สนัตควณ์ปะ่ากสร้ินรมสกุดารกฤษฎกี า ลง ทั้งนี้ โดยให้ผสาํู้รนับกั สงัมานปคทณาะนกทรี่สรมัมกปาทรกาฤนษตฎ้อีกงาส้ินสุดลงด้วยสเําหนตกั ุดงัางนกคลณ่าวะกมรีสริทมธกิไาดรก้รฤับษเงฎินีกชาดเชยความ เสียหายภายในขอบเขตที่กําหนดไว้ โดยคํานึงถึงความเป็นธรรมท้ังแก่ประโยชน์ของส่วนรวมและ สํานักปงารนะคโณยชะกนร์ขรมอกงาเอรกกฤชษนฎีกแาละโดยท่ีเป็นสํากนรักณงาีฉนุกคเณฉะินกทรร่ีมมีคกวารากมฤจษําฎเีกปา็นรีบด่วนในอสันํานทัก่ีจงะานรคักณษะากครรวมากมารกฤษฎีกา ปลอดภัยสาธารณะและเพ่ือป้องปดั ภยั พิบัตสิ าธารณะ จงึ จําเปน็ ต้องตราพระราชกาํ หนดน้ี สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า *พระราชกฤษฎีกาโอนกรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปเป็นกรมป่าไม้ กระทรวง สํานกั ทงรานัพคยณาะกกรรธรรมรกมาชรกาฤตษิแฎลกี ะาส่ิงแวดล้อม สแําลนะักปงารนับคปณระุงกอรํารนมากจารหกนฤ้าษทฎ่ีแีกลา ะกิจการของสกํานรมักงทารนัพคยณาะกกรรรทมากงารกฤษฎีกา ทะเลและชายฝ่ัง กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช กระทรวง ทรพั ยากรธรรมชาสตาํ นแิ กั ลงะาสน่งิคแณวะดกลรอ้รมมกพาร.ศกฤ. ษ๒ฎ๕กี ๔า๖๗๒ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกมฤาษตฎรากี า๑๐ โดยผลขสอํานงักบงทานบคัญณญะัตกริแรหม่งกมาารกตฤรษาฎ๒ีก๓า ๐ วรรคห้า ขสอํานงักรัฐงาธนรครณมนะกูญรรแมหก่งารกฤษฎกี า ราชอาณาจักรไทสยาํ นพักรงะานราคชณกะฤกรษรฎมีกกาารนกี้มฤีผษลฎเีกปา็นการแก้ไขเพสําิ่มนเกัตงิมาหนครือณยะกกรเลรมิกกบาทรกบฤัญษญฎีกัตาิในกฎหมาย ดงั นี้ สาํ นักงานคณะกรรมการก(๕ฤ)ษฎในกี พา ระราชบัญญสัตํานิปัก่างไามน้คพณุทะธกศรรักมรกาาชรก๒ฤ๔ษฎ๘ีก๔า ให้แก้ไขคําวส่าําน“ักรงัฐามนนคณตระกีวร่ารกมากรารกฤษฎีกา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม” สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาตรา ๑๑ ในวาระเริ่มแรก ให้กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สํานักสง่ิงาแนวคดณละ้อกมรรมมกีสา่วรนกรฤาษชฎกีกาารตามกฎกระสทํารนวักงงแานบค่งณส่วะกนรรรามชกกาารรกกฤรษมฎปกี ่าาไม้ กระทรวงสเํากนษักตงรานแคลณะสะกหรกรรมณกา์ รกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการก๗๒ฤษราฎชกี กาิจจานเุ บกษา เลส่มําน๑ัก๒ง๐าน/ตคอณนะทก่ี ร๙ร๓มกก/าหรกนฤ้าษ๖ฎ/ีก๓า๐ กนั ยายน ๒๕ส๔ํา๖นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า

- ๓๕ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยอนุโลม จนกว่าจะมีกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการกรมป่าไม้ กระทรวง สํานักทงรานพั คยณากะกรรธรรมรกมาชรากตฤแิ ษลฎะีกสาง่ิ แวดล้อม ขน้ึสําในหักมง่ านคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สมาํ านตกั รงาาน๑คณ๒ะกใรหร้รมัฐกมารนกตฤรษีวฎ่ากี กาารกระทรวงสเกํานษักตงรานแคลณะสะกหรกรรมณกา์ รแกลฤะษรฎัฐีกมานตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมรักษาการตามพระราชกฤษฎกี าน้ี สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หมายเหตุ ท:-บเหวงตสุผกาํ ลนรใมกั นงกพานา.ศรคปณ. ร๒ะะก๕กร๔รามศ๕กใชาแร้พลกระฤะพษรฎราะีกชรากาฤชษกฎฤีกษาฎฉีกบาับสโอนํานน้ี คักกงือิจานกเนคา่ือณรงบะจกราริหกรามพรกรแาะลรรกะาฤอชษําบฎนัญกีาาญจหัตนิป้ารทับี่ขปอรุงง กระทรวง สํานักสง่วานนครณาชะกกรารรมใหกา้เรปก็นฤไษปฎตีกาามพระราชบัญสญํานัตักิปงารนับคปณระุงกกรรระมทกรารวกงฤทษบฎกีวาง กรม พ.ศ. ๒ส๕าํ น๔ัก๕งานพค.ศณ.ะ๒กร๕ร๔มก๕ารกฤษฎีกา ได้กําหนดให้กรมป่าไม้เป็นส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และให้กรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่าสแาํ ลนะกั พงาันนธค์ุพณืชะเกปร็นรมสก่วานรรกาฤชษกฎาีกราในสังกัดกระสทํารนวกั งงทารนัพคยณาะกกรรธรมรรกมารชกาฤตษิแฎลกี ะาส่ิงแวดล้อม ทําให้เกิดปัญหาการบริหาร ทั้งในด้านนโยบาย วิชาการ บุคลากร และการบังคับใช้กฎหมาย รวมท้ัง สํานักเงปา็นนคเหณตะุใกหรร้รมะกบาบรกกฤาษรฎบกี ราิหารงานและสกําานรักบงาังนคคับณใะชก้กรฎรมหกมารากยฤขษาฎดกี ปาระสิทธิภาพ สําดนังักนง้ันานคเพณ่ือะใกหรร้กมากรารกฤษฎีกา บริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการบูรณาการตามกลุ่มภารกิจด้าน ทรัพยากรธรรมชสาํานตักิแงลาะนนคณโยะบกรารยมขกอางรกรัฤฐษบฎากีลาสมควรโอนกสํารนมกั ปง่าานไมค้ณกะรกะรทรมรกวางรเกกฤษษตฎรีกแาละสหกรณ์ พรอ้ มท้ังบรรดากจิ การ อาํ นาจหนา้ ท่ี ทรัพยส์ นิ งบประมาณ หนี้ สิทธิ ภาระผูกพนั ขา้ ราชการ ลกู จ้าง สํานักตงําานแคหณนะ่งกแรลระมอกัตารรกาฤกษําฎลีกังาไปเป็นกรมปส่าําไนมกั ้ งสาังนกคัดณกะรกะรทรมรกวางรทกรฤัพษยฎาีกการธรรมชาติแสลาํะนสักิ่งงแาวนดคลณ้อะมกรแรมลกะารกฤษฎกี า สมควรท่ีจะได้ปรสับาํ ปนรกั ุงงอานําคนณาจะหกรนร้ามทก่ีแารลกะฤกษิจฎกกี าารของกรมป่าไสมํา้นแักลงะานกครณมอะกุทรยรามนกแารหก่งฤชษาฎตกี ิ สาัตว์ป่า และ พันธุพ์ ืช รวมทัง้ โอนอาํ นาจหนา้ ทีแ่ ละกิจการของกรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝงั่ ในส่วนท่ีเกี่ยวกบั สาํ นักองุทานยคาณนะแกหร่งรชมากตาริหกมฤู่เษกฎาีกะาอ่างทอง ไปเสปํา็นนขกั องางนกครณมะอกุทรยรมากนาแรหกฤ่งชษาฎตกี ิาสัตว์ป่า และสพําันนธักุ์พงาืชนคเพณื่อะกใหรร้กมากรารกฤษฎกี า บริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่าและพันธ์ุพืชเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีขอบเขตท่ี รับผิดชอบอย่างชสัดาํ นเจกั นงานนคอณกะจการกรมนกี้ าสรมกคฤวษรฎแีกกา้ไขการใช้อํานสาํานจักขงอางนรคัฐณมะนกตรรรมีแกลาะรกกาฤรษใฎชีก้อาํานาจหน้าท่ี ตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง กรมป่าไม้ และกรม สํานักองุทานยคาณนแะกหร่งรชมากตาิรสกตั ฤวษ์ปฎ่ากี าและพนั ธ์ุพืช สใหําน้สักองดาคนลคณ้องะกกับรรกมากราดรํากเฤนษินฎกีกาารดังกล่าวด้วยสาํ นจักึงจงาํานเปค็นณตะก้อรงรตมรกาารกฤษฎกี า พระราชกฤษฎกี านี้ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ประกาศคณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐๖/๒๕๕๗ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ สาํ นกั ลงงาวนันคทณี่ ะ๒ก๑รรมกกรการฎกาฤคษมฎกีพาุทธศกั ราช ๒๕สํา๕น๗ัก๗ง๓านคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการก๗๓ฤษราฎชีกกาจิ จานุเบกษา เลส่มําน๑กั ๓ง๑าน/ตคอณนะพกเิ รศรษม๑ก๔าร๓กฤง/ษหฎนีก้าา๑๕/๓๐ กรกฎสาคาํ นมัก๒ง๕าน๕ค๗ณะกรรมการกฤษฎกี า

- ๓๖ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สรุ ินทร/์ แกไ้ ข สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการก๗ฤษมฎกกี ราาคม ๒๕๔๕ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ปัญญา/แก้ไข ๒ส๖ํานมักถิงานุ นาคยณนะ๒กร๕ร๕มก๒ารกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อดุ มการณ/์ ปรับปรุง สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ๑ส๘ํานมักงการนาคคณมะ๒กร๕ร๕มก๖ารกฤษฎกี า วิชพงษ/์ ตรวจ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการ๒ก๕ฤษมฎกีกราาคม ๒๕๕๖ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า กองกฎสหํานมักางยาไนทคยณ/ะเพกร่ิมรเมตกมิ ารกฤษฎกี า ๒๒ สงิ หาคม ๒๕๕๗ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า

เลม่ ๑๓๒ ตอนท่ี ๘๓ ก หนา้ ๑๖ ๑ กนั ยายน ๒๕๕๘ ราชกิจจานุเบกษา กฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนญุ าตทาํ ประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๕๔ วรรคสอง มาตรา ๕๘ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๔ ซง่ึ แก้ไขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๗๕ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดล้อมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปน้ี ข้อ ๑ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดหน่ึงร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศ ในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๑๖ (พ.ศ. ๒๔๙๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ วา่ ดว้ ยการแผ้วถางปา่ ขอ้ ๓ ในกฎกระทรวงนี้ “ทําประโยชน์ในเขตป่า” หมายความว่า การทําประโยชน์ในเขตป่า ตามวัตถุประสงค์ ท่กี ําหนดไว้ในกฎกระทรวงน้ี “เกษตรกรรม” หมายความว่า การเพาะปลูก การเล้ียงสัตว์ และเกษตรกรรมอ่ืนตามท่ี รัฐมนตรกี าํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทัง้ นี้ ไม่รวมถงึ การทาํ สวนปา่ “การทําสวนป่า” หมายความว่า การปลกู และบาํ รุงรักษาต้นไม้เพื่อใชป้ ระโยชนจ์ ากเนื้อไมเ้ ปน็ หลัก “ศาสนสถาน” หมายความว่า วัดตามกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ มัสยิดตามกฎหมายว่าด้วย การบริหารองคก์ รศาสนาอิสลาม วัดบาทหลวงตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะฐานะของวัดบาทหลวงโรมันคาธอลิก ในกรงุ สยามตามกฎหมาย หรือสถานที่ประกอบศาสนกจิ ในนกิ ายหรือศาสนาอ่นื “โบราณสถาน” หมายความว่า โบราณสถานตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศลิ ปวัตถุ และพิพิธภณั ฑสถานแห่งชาติ “ใบอนญุ าต” หมายความว่า ใบอนญุ าตทําประโยชน์ในเขตปา่ “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถ่ิน รฐั วิสาหกจิ องค์การมหาชน และหน่วยงานอืน่ ของรัฐ

เล่ม ๑๓๒ ตอนท่ี ๘๓ ก หน้า ๑๗ ๑ กนั ยายน ๒๕๕๘ ราชกจิ จานุเบกษา “เจ้าหน้าที่ผู้รับคําขอ” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมป่าไม้ ให้เป็นเจา้ หนา้ ทีผ่ ้รู ับคําขออนุญาตทาํ ประโยชน์ในเขตป่า “เจ้าหน้าท่ีตรวจสภาพป่า” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมป่าไม้ ให้เปน็ เจา้ หน้าท่ตี รวจสภาพปา่ เพ่อื การอนุญาตทําประโยชน์ในเขตป่า “หน่วยตรวจสภาพปา่ ” หมายความวา่ สาํ นักจัดการทรัพยากรป่าไม้หรอื หน่วยงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย จากอธบิ ดีกรมปา่ ไม้ ขอ้ ๔ ใหอ้ ธิบดกี รมปา่ ไม้เป็นพนักงานเจา้ หนา้ ที่ซง่ึ มอี ํานาจอนุญาตตามมาตรา ๕๔ หมวด ๑ การขออนุญาต ข้อ ๕ การขออนญุ าตทําประโยชนใ์ นเขตปา่ ตอ้ งมวี ัตถุประสงคอ์ ยา่ งหน่ึงอย่างใด ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) เพ่อื การสํารวจแร่ การทําเหมืองแร่ การขุดหาแร่รายย่อยและการร่อนแร่ การสร้างทางขนแร่ ออกจากพื้นทีป่ ระทานบัตร หรือกจิ การอนั เกีย่ วเนือ่ งกบั การทําเหมืองแร่ตามกฎหมายวา่ ด้วยแร่ (๒) เพื่อการสํารวจปิโตรเลียม การผลิตปิโตรเลียม การเก็บรักษา การขนส่ง หรือกิจการ อันเกี่ยวเนอ่ื งกบั การสํารวจหรอื ผลติ ปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม (๓) เพอื่ การขดุ เก็บ ซ่ึงทราย ลูกรัง หรือดิน ที่มิใช่การทําเหมืองแร่หรือการขุดหาแร่รายย่อย และการรอ่ นแรต่ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยแร่ (๔) เพอื่ การอย่อู าศัย หรือประกอบอาชีพเกษตรกรรม (๕) เพอ่ื การปลกู ป่าหรอื การทําสวนปา่ (๖) เพือ่ จดั เป็นท่พี ักผอ่ นหย่อนใจ (๗) เพ่อื การเพาะเลี้ยงหรือขยายพันธ์สุ ัตวป์ า่ (๘) เพือ่ สร้างศาสนสถาน (๙) เพอื่ การศกึ ษาหรอื วิจัยทางวชิ าการ (๑๐) เพ่ือประโยชน์ในทางราชการ ขอ้ ๖ ผู้ใดประสงค์จะขออนุญาตทําประโยชน์ในเขตป่า ให้ยื่นคําขออนุญาตต่ออธิบดี กรมป่าไม้ โดยตอ้ งระบุวตั ถปุ ระสงคใ์ นการขออนญุ าตให้ชดั เจน พรอ้ มดว้ ยเอกสารหลักฐานตามที่ระบุไว้ ในแบบคาํ ขอ การขออนญุ าตเพื่อสรา้ งวดั ตามกฎหมายวา่ ด้วยคณะสงฆ์ ต้องยื่นผ่านสํานักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติ โดยผ้อู าํ นวยการสํานักงานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาตเิ ป็นผ้ลู งนามในคําขออนุญาต เมอ่ื ได้รับคําขออนญุ าตตามวรรคหนึ่ง ใหเ้ จ้าหนา้ ท่ีผู้รับคําขอออกใบรับคําขอให้แก่ผู้ขออนุญาต ไว้เปน็ หลกั ฐาน

เลม่ ๑๓๒ ตอนท่ี ๘๓ ก หนา้ ๑๘ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ ราชกจิ จานุเบกษา ข้อ ๗ ผูข้ ออนญุ าตต้องมคี ุณสมบัตแิ ละไมม่ ลี ักษณะต้องห้าม ดงั ต่อไปน้ี (๑) กรณีบคุ คลธรรมดา (ก) มอี ายุไมต่ ่ํากวา่ ยสี่ บิ ปีบรบิ ูรณ์หรือบรรลุนิตภิ าวะตามกฎหมาย (ข) มีสัญชาตไิ ทย (ค) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (ง) ไมเ่ ปน็ บคุ คลลม้ ละลาย (๒) กรณีผู้ขออนุญาตเป็นนิติบุคคลซึ่งไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ นิติบุคคลน้ันต้องจดทะเบียน ในประเทศไทย และต้องไม่มีวัตถุประสงค์เพ่ือประโยชน์ของคนต่างด้าวโดยเฉพาะหรือเป็นส่วนใหญ่ ในกรณีที่นิตบิ คุ คลน้นั มีผู้ถอื หุ้นหรอื ผ้เู ป็นห้นุ ส่วน ผ้ถู ือหนุ้ หรอื ผู้เป็นหุ้นส่วนของนิติบุคคลนั้นต้องมีสัญชาติไทย เกินสองในสามของจาํ นวนผ้ถู อื หุน้ หรือผูเ้ ป็นหุ้นสว่ นโดยตอ้ งถอื หุ้นเกินกวา่ ครง่ึ หน่ึงของจํานวนหุ้นท้ังหมด และผ้มู ีอาํ นาจลงนามแทนนิติบคุ คลตอ้ งมคี ุณสมบตั แิ ละไมม่ ลี กั ษณะต้องหา้ มตาม (๑) นิติบุคคลซ่ึงไม่มีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามหลักเกณฑ์ตาม (๒) ที่ประสงค์จะขออนุญาต เพื่อการสํารวจแร่หรือการทําเหมืองแร่ตามข้อ ๑๓ หรือเพ่ือการสํารวจปิโตรเลียมหรือการผลิตปิโตรเลียม ตามข้อ ๑๔ ให้ย่ืนเรื่องต่อหน่วยงานซึ่งมีอํานาจพิจารณาอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยแร่หรือตามกฎหมาย ว่าด้วยปิโตรเลียม เพื่อเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพ่ือพิจารณายกเว้นหลักเกณฑ์ตาม (๒) ได้ ในกรณี ทเ่ี ห็นวา่ การอนุญาตดังกล่าวจะก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ เศรษฐกจิ ของประเทศ ข้อ ๘ ใหเ้ จ้าหน้าท่ีผู้รับคําขอตรวจสอบคําขอและเอกสารหลักฐานตามข้อ ๖ หากเห็นว่า เอกสารหลักฐานไม่ครบถ้วนและถูกต้อง ให้แจ้งผู้ขออนุญาตเป็นหนังสือเพื่อให้ส่งเอกสารหลักฐาน เพ่ิมเติมให้ครบถ้วนและถูกต้องภายในเวลาท่ีเจ้าหน้าท่ีผู้รับคําขอกําหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน นับแต่วันท่ีได้รับแจ้ง หากผู้ขออนุญาตไม่ส่งเอกสารหลักฐานภายในเวลาที่กําหนด ให้ถือว่าคําขออนุญาตน้ัน เป็นอันยกเลิกนับแต่วันที่พ้นกําหนดระยะเวลาดังกล่าว และให้เจ้าหน้าท่ีผู้รับคําขอแจ้งเป็นหนังสือ ใหผ้ ู้ขออนญุ าตทราบ กรณีที่เจ้าหน้าท่ีผู้รับคําขอตรวจสอบแล้วเห็นว่าเอกสารหลักฐานครบถ้วนและถูกต้อง ให้ส่งสําเนาคําขอพร้อมเอกสารท่ีเก่ียวข้องให้หน่วยตรวจสภาพป่าภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับคําขอ และเอกสารหลักฐานครบถว้ นและถูกต้อง และให้หน่วยตรวจสภาพป่าจัดทํารายงานพร้อมทั้งความเห็นเบื้องต้น เสนอต่อผู้ว่าราชการจงั หวดั ภายในเจด็ วนั นบั แต่วันทไ่ี ด้รบั เอกสารดงั กล่าว หมวด ๒ หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการตรวจสภาพปา่ ขอ้ ๙ การขออนุญาตทําประโยชน์ในเขตป่าในจังหวัดใด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น แต่งต้ังเจ้าหน้าที่ออกไปทําการตรวจสภาพป่าร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจสภาพป่าภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ ผวู้ ่าราชการจังหวัดไดร้ ับรายงานตามขอ้ ๘ วรรคสอง

เลม่ ๑๓๒ ตอนท่ี ๘๓ ก หน้า ๑๙ ๑ กนั ยายน ๒๕๕๘ ราชกจิ จานุเบกษา สําหรับการขออนุญาตทําประโยชน์ในเขตป่าตามมติคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นพื้นที่ท่ีคณะรัฐมนตรี ได้มีมติกําหนดช้ันคุณภาพลุ่มนํ้า ช้ันที่ ๑ หรือชั้นท่ี ๒ หรือในพ้ืนที่ท่ีมีความลาดชันเกินสามสิบห้าองศา เพ่ือการสํารวจแร่หรือการทําเหมืองแร่ หรือเพ่ือการสํารวจปิโตรเลียม หรือการผลิตปิโตรเลียม ให้ผวู้ ่าราชการจังหวดั และอธบิ ดีกรมป่าไม้แตง่ ตัง้ เจ้าหนา้ ที่ประเภทท่ัวไปต้ังแต่ระดับอาวุโส หรือประเภทวิชาการ ต้ังแต่ระดับชํานาญการ หรือเจ้าหน้าท่ีที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการตรวจสอบประทานบัตรเหมืองแร่ ออกไปทาํ การตรวจสภาพป่าร่วมกันภายในกาํ หนดระยะเวลาตามวรรคหน่ึง ขอ้ ๑๐ ในการตรวจสภาพป่า ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพป่าเป็นผู้นัดวันและเวลาที่จะตรวจสภาพป่า พรอ้ มทั้งแจ้งเป็นหนงั สอื ให้ผู้ขออนุญาตทราบ และให้ผู้ขออนุญาตนําเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสภาพป่าตามวัน และเวลาที่กําหนด หากผู้ขออนุญาตไม่นําเจ้าหน้าท่ีเข้าตรวจสภาพป่าตามกําหนดเวลาดังกล่าว ให้เจ้าหน้าท่ีตรวจสภาพป่ากําหนดวันและเวลาในการตรวจสภาพป่าใหม่โดยแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ขออนุญาตทราบ หากผขู้ ออนญุ าตไม่นําเจา้ หนา้ ท่เี ข้าตรวจสภาพป่าตามกาํ หนดเวลาดังกล่าวอีก ให้ถือว่าคําขออนุญาตน้ัน เป็นอนั สน้ิ ผล และใหเ้ จา้ หน้าที่ตรวจสภาพปา่ แจ้งเปน็ หนังสอื ให้ผขู้ ออนุญาตทราบ ข้อ ๑๑ ให้เจ้าหน้าท่ีตามข้อ ๙ ร่วมกันตรวจสภาพป่าให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่เข้าตรวจสภาพป่าตามข้อ ๑๐ เว้นแต่มีเหตุจําเป็นไม่อาจตรวจสภาพป่าให้แล้วเสร็จภายใน ระยะเวลาดังกล่าว ให้ขยายระยะเวลาออกไปได้ไม่เกินสามสิบวัน โดยให้แจ้งเหตุผลและความจําเป็น ในการขยายระยะเวลาเปน็ หนังสือให้ผู้ขออนญุ าตทราบก่อนครบกําหนดเวลาดังกล่าว เมื่อได้ตรวจสภาพป่าตามวรรคหน่ึงเสร็จแล้ว ให้เจ้าหน้าท่ีตรวจสภาพป่ารายงานผลการตรวจสภาพป่า ให้หนว่ ยตรวจสภาพป่าทราบภายในสามสิบวนั นับแตว่ นั ทีต่ รวจสภาพป่าแลว้ เสร็จ ให้หน่วยตรวจสภาพป่าพิจารณาและจัดทําความเห็นเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเสนอ ความเห็นประกอบภายในสิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับรายงานผลการตรวจสภาพป่า ก่อนเสนออธิบดีกรมป่าไม้ เพอ่ื พิจารณาตอ่ ไป สําหรับการขออนุญาตเพื่อการทําเหมืองแร่ ให้หน่วยตรวจสภาพป่าส่งสําเนาเอกสารตามวรรคสาม ใหอ้ ตุ สาหกรรมจังหวัดดว้ ย รายงานผลการตรวจสภาพปา่ ตามวรรคสองต้องมีขอ้ มลู ตามทอ่ี ธิบดีกรมปา่ ไมก้ ําหนด หมวด ๓ การอนญุ าต ขอ้ ๑๒ พืน้ ทีท่ ่ีจะพิจารณาอนญุ าตไดต้ ้องอยู่ในหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) ไม่เป็นพื้นท่ีปา่ ทม่ี ีสภาพป่าไม้สมบูรณ์ (๒) ไม่เปน็ พ้นื ท่ที ่คี วรรกั ษาไวเ้ ป็นแหลง่ ท่อี ย่อู าศยั ของสตั วป์ ่า (๓) ไมเ่ ปน็ พนื้ ท่ีท่มี ีมตคิ ณะรฐั มนตรีกาํ หนดหลกั เกณฑห์ ้ามใช้ประโยชน์ไว้เป็นการเฉพาะ

เล่ม ๑๓๒ ตอนที่ ๘๓ ก หนา้ ๒๐ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ ราชกิจจานุเบกษา หลักเกณฑ์ตามวรรคหน่ึงไม่ใช้บังคับแก่กรณีการอนุญาตเพ่ือประโยชน์ในการศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการ ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพพนื้ ทป่ี ่าและการอยู่อาศยั ของสัตว์ป่าตามข้อ ๒๑ ข้อ ๑๓ การอนุญาตให้ใช้พ้ืนท่ีเพ่ือการประกอบกิจการตามกฎหมายว่าด้วยแร่ พ้ืนท่ีท่ีจะ พิจารณาอนญุ าตได้ต้องไมเ่ ปน็ เขตพระราชฐาน ศาสนสถาน หรือโบราณสถาน และให้พิจารณาอนุญาตได้ ตามหลักเกณฑ์และเงอื่ นไข ดงั ต่อไปน้ี (๑) การอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อการสํารวจแร่ ให้พิจารณาอนุญาตตามความจําเป็นและ เหมาะสมได้ไม่เกินพื้นที่ท่ีได้รับอาชญาบัตรผูกขาดสํารวจแร่หรืออาชญาบัตรพิเศษ และมีกําหนด ระยะเวลาคราวละไมเ่ กินห้าปี (๒) การอนุญาตให้ใช้พ้ืนที่เพื่อการทําเหมืองแร่ ให้พิจารณาอนุญาตตามความจําเป็นและ เหมาะสมตามโครงการท่ีเสนอพร้อมคําขออนุญาตได้ไม่เกินสามร้อยไร่ และมีกําหนดระยะเวลา คราวละไม่เกินสบิ ปี (๓) การอนุญาตให้ใช้พ้ืนท่ีเพ่ือการขุดหาแร่รายย่อยและการร่อนแร่ ให้พิจารณาอนุญาต ในจาํ นวนพ้ืนที่ตามความจาํ เปน็ และเหมาะสม และมกี ําหนดระยะเวลาคราวละไมเ่ กินสองปี (๔) การอนุญาตให้ใช้พื้นท่ีเพื่อการสร้างทางขนแร่ออกจากเขตพื้นที่ประทานบัตร ให้มีความกว้าง ของเขตทางได้ไม่เกินแปดเมตร และต้องสร้างทางกับบํารุงรักษาทางตามมาตรการท่ีกรมป่าไม้กําหนด และมกี ําหนดระยะเวลาคราวละไม่เกนิ สบิ ปี (๕) การอนุญาตให้ใช้พ้ืนท่ีเพื่อกิจการอันเกี่ยวเนื่องกับการทําเหมืองแร่ ได้แก่ ที่เทท้ิง มูลดินทราย ที่พักคนงาน ท่ีกองเก็บแร่ ที่ตั้งโรงโม่ บด และย่อยหิน หรือโรงแต่งแร่หรือโลหกรรม รวมทั้งที่เก็บเคร่ืองมือเครื่องใช้ในการทําเหมืองแร่ ตลอดจนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการทําเหมืองแร่ ให้พิจารณาอนุญาตในจํานวนพ้ืนที่ตามความจําเป็นและเหมาะสมตามท่ีได้รับการรับรองเป็นหนังสือ จากผมู้ ีอํานาจพจิ ารณาอนุญาตตามกฎหมายว่าดว้ ยแร่ และมีกาํ หนดระยะเวลาคราวละไม่เกนิ สบิ ปี ขอ้ ๑๔ การอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อการประกอบกิจการตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม พื้นที่ที่จะพิจารณาอนุญาตได้ต้องไม่เป็นเขตพระราชฐาน ศาสนสถาน หรือโบราณสถาน และ ใหพ้ จิ ารณาอนญุ าตไดต้ ามหลักเกณฑ์และเง่ือนไข ดังตอ่ ไปนี้ (๑) การอนุญาตให้ใช้พ้ืนที่เพ่ือการสํารวจปิโตรเลียม ให้พิจารณาอนุญาตตามความจําเป็น และเหมาะสมได้ไม่เกินพน้ื ทที่ ี่ไดร้ บั สมั ปทาน และมกี ําหนดระยะเวลาตามทไ่ี ด้รับสัมปทานแตไ่ ม่เกินเก้าปี (๒) การอนุญาตให้ใช้พ้ืนท่ีเพื่อการผลิตปิโตรเลียม ให้พิจารณาอนุญาตตามความจําเป็นและ เหมาะสมไดไ้ มเ่ กนิ พื้นทที่ ี่ได้รับสมั ปทาน และมกี ําหนดระยะเวลาคราวละไม่เกนิ สบิ ปี (๓) การอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพ่ือการเก็บรักษา การขนส่ง หรือกิจการอันเกี่ยวเน่ืองกับ การสํารวจหรือผลิตปิโตรเลียม ให้พิจารณาอนุญาตในจํานวนพื้นท่ีตามความจําเป็นและเหมาะสม ตามที่ได้รับการรับรองเป็นหนังสือจากผู้มีอํานาจพิจารณาอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม และมกี ําหนดระยะเวลาคราวละไม่เกินสบิ ปี

เลม่ ๑๓๒ ตอนที่ ๘๓ ก หน้า ๒๑ ๑ กนั ยายน ๒๕๕๘ ราชกจิ จานุเบกษา ข้อ ๑๕ การอนุญาตใหใ้ ชพ้ ื้นท่เี พือ่ ทําการขุด เก็บ ซง่ึ ทราย ลูกรงั หรอื ดนิ ท่ีมิใช่การทําเหมืองแร่ หรือการขุดหาแร่รายย่อยและการร่อนแร่ตามกฎหมายว่าด้วยแร่ พ้ืนที่ท่ีจะพิจารณาอนุญาตได้ ต้องไม่เป็นเขตพระราชฐาน ศาสนสถาน หรือโบราณสถาน และต้องมีระยะห่างจากทางหลวงแผ่นดิน หรือทางหลวงพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง ไม่น้อยกว่าห้าร้อยเมตร จากจุดกึ่งกลางของเขตทาง โดยให้พิจารณาอนุญาตในจํานวนพ้ืนที่ตามความจําเป็นและเหมาะสมได้ไม่เกินสิบไร่ และมีกําหนด ระยะเวลาคราวละไมเ่ กินหา้ ปี ข้อ ๑๖ การอนุญาตให้ใช้พื้นท่ีเพื่อการอยู่อาศัย หรือประกอบอาชีพเกษตรกรรม ให้พิจารณาอนุญาตในจํานวนพ้ืนที่ตามความจําเป็นและเหมาะสมแก่กิจการที่ขออนุญาต และมีกําหนด ระยะเวลาคราวละไมเ่ กนิ สบิ ปี ขอ้ ๑๗ การอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อการปลูกป่าหรือการทําสวนป่า ให้พิจารณาอนุญาต ในจํานวนพื้นที่ตามความจําเป็นและเหมาะสมแก่กิจการท่ีขออนุญาต และมีกําหนดระยะเวลาคราวละ ไมเ่ กนิ สามสบิ ปี ข้อ ๑๘ การอนุญาตให้ใช้พื้นท่ีเพื่อจัดเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ให้พิจารณาอนุญาตในจํานวน พื้นที่ตามความจําเป็นและเหมาะสมได้ไม่เกินห้าร้อยไร่ และมีกําหนดระยะเวลาคราวละไม่เกินสิบปี เวน้ แตก่ รณีการอนุญาตให้หน่วยงานของรฐั ดาํ เนินการใหพ้ จิ ารณาตามหลักเกณฑ์ ตามข้อ ๒๒ ข้อ ๑๙ การอนญุ าตใหใ้ ช้พืน้ ที่เพ่อื การเพาะเลยี้ งหรือขยายพนั ธ์ุสัตว์ป่า ให้พิจารณาอนุญาต ในจาํ นวนพ้ืนท่ีตามความจําเปน็ และเหมาะสมไดไ้ ม่เกินหนึ่งพันไร่ และมีกาํ หนดระยะเวลาคราวละไม่เกินสบิ ปี ขอ้ ๒๐ การอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพ่ือสร้างศาสนสถาน ให้พิจารณาอนุญาตในจํานวนพ้ืนที่ได้ ไม่เกินสบิ หา้ ไร่ ตามความจาํ เป็นและเหมาะสมของแตล่ ะท้องถ่นิ และมีกาํ หนดระยะเวลาคราวละไม่เกิน สามสิบปี ข้อ ๒๑ การอนุญาตให้ใช้พื้นท่ีเพ่ือประโยชน์ในการศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการท่ีไม่ส่งผล กระทบต่อสภาพพ้ืนท่ีป่าและการอยู่อาศัยของสัตว์ป่า ให้พิจารณาอนุญาตในจํานวนพื้นที่ตามความจําเป็น และเหมาะสม และมีกาํ หนดระยะเวลาคราวละไม่เกินสองปี ข้อ ๒๒ การอนุญาตให้หน่วยงานของรัฐใช้ประโยชน์พื้นท่ีในเขตป่า ให้พิจารณาอนุญาต ในจาํ นวนพืน้ ท่ตี ามความจําเป็นและเหมาะสมแก่กิจการทีข่ ออนุญาต ขอ้ ๒๓ ในการพิจารณาอนุญาต ให้อธิบดีกรมป่าไม้พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวัน นับแต่วันท่ีได้รับรายงานผลการตรวจสภาพป่าตามข้อ ๑๑ เว้นแต่มีเหตุจําเป็นไม่อาจพิจารณาให้แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ขยายระยะเวลาออกไปได้ไม่เกินสามสิบวัน โดยให้อธิบดีกรมป่าไม้ แจ้งเหตผุ ลและความจําเป็นในการขยายระยะเวลาเปน็ หนังสอื ให้ผขู้ ออนุญาตทราบก่อนครบกาํ หนดเวลาดงั กล่าว การพิจารณาอนุญาตใหท้ ําประโยชนใ์ นเขตปา่ ท่ีคณะรัฐมนตรีมีมติให้รักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ ให้อธิบดีกรมป่าไม้รายงานความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เพ่ือพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับรายงานผลการตรวจสภาพป่าตามข้อ ๑๑ และให้อธิบดีกรมป่าไมพ้ ิจารณาอนญุ าตภายในสามสิบวัน นับแต่วันท่ีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มใหค้ วามเหน็ ชอบ

เล่ม ๑๓๒ ตอนท่ี ๘๓ ก หนา้ ๒๒ ๑ กนั ยายน ๒๕๕๘ ราชกิจจานุเบกษา การอนุญาตสําหรับโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทํารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อม การพิจารณาอนุญาตจะกระทําได้ต่อเม่ือได้รับทราบผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิง่ แวดล้อมแลว้ หมวด ๔ การทาํ ไม้และการนําเคลอ่ื นที่ ขอ้ ๒๔ การทําประโยชน์ในเขตป่าที่ได้รับอนุญาต หากมีกรณีที่จําเป็นต้องทําไม้และ นําเคลื่อนท่ีออกจากพ้ืนท่ีที่ได้รับอนุญาต ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตแจ้งเป็นหนังสือต่อหน่วยตรวจสภาพป่า เพื่อแจ้งใหอ้ งค์การอตุ สาหกรรมป่าไม้ดําเนนิ การทําไม้และนาํ เคลอ่ื นทอ่ี อกตามระเบียบทกี่ รมปา่ ไมก้ าํ หนด หมวด ๕ การต่ออายุใบอนญุ าต ขอ้ ๒๕ ผู้ได้รับใบอนุญาตผู้ใดประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาต ให้ยื่นคําขอต่ออธิบดี กรมปา่ ไม้ พรอ้ มด้วยเอกสารหลกั ฐานตามทร่ี ะบไุ วใ้ นแบบคาํ ขอก่อนใบอนุญาตเดิมสนิ้ อายุ ให้เจ้าหน้าท่ีผู้รับคําขอออกใบรับรองคําขอต่ออายุใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาต ไวเ้ ป็นหลกั ฐาน เม่ือผู้ได้รับใบอนุญาตได้ย่ืนคําขอต่ออายุใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตทําประโยชน์ ตามที่ไดร้ บั อนุญาตต่อไปไดจ้ นกว่าจะมคี าํ สง่ั ไมอ่ นุญาตให้ต่ออายใุ บอนุญาต ขอ้ ๒๖ ในการต่ออายุใบอนุญาต หากผู้ย่ืนคําขอมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามข้อ ๗ ปฏิบัติตามเง่ือนไขที่กําหนดไว้ในใบอนุญาต และไม่มีการกระทําความผิดตามกฎหมาย ว่าด้วยป่าไม้ในระหว่างระยะเวลาที่ได้รับใบอนุญาต ให้อธิบดีกรมป่าไม้พิจารณาอนุญาต โดยนําบทบัญญัติ ตามขอ้ ๘ และข้อ ๒๓ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ในการพิจารณาต่ออายุใบอนุญาตตามข้อ ๑๓ และข้อ ๑๔ นอกจากหลักเกณฑ์ท่ีบัญญัติไว้ ในวรรคหน่งึ ใหน้ ําบทบัญญตั ิในหมวด ๒ วา่ ด้วยหลักเกณฑ์และวธิ กี ารตรวจสภาพปา่ มาใช้บังคบั ด้วย ข้อ ๒๗ การอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต ให้กระทําโดยวิธีสลักหลังใบอนุญาตเดิมหรือ จะออกใบอนุญาตให้ใหม่ก็ได้ โดยระบคุ าํ วา่ “ต่ออายุ” กาํ กับไวด้ ว้ ย หมวด ๖ การโอนใบอนญุ าต ขอ้ ๒๘ ผู้ใดประสงค์จะขอรับโอนใบอนุญาต ให้ยื่นคําขอต่ออธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย เอกสารหลักฐานตามท่รี ะบไุ วใ้ นแบบคาํ ขอ

เลม่ ๑๓๒ ตอนที่ ๘๓ ก หนา้ ๒๓ ๑ กนั ยายน ๒๕๕๘ ราชกจิ จานุเบกษา ข้อ ๒๙ ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตตาย ให้ทายาทหรือผู้จัดการมรดกของบุคคลดังกล่าว สามารถทาํ ประโยชน์ในเขตปา่ ต่อไปได้ไมเ่ กนิ เกา้ สบิ วนั นบั แต่วนั ท่ผี ไู้ ดร้ บั ใบอนญุ าตตาย และหากทายาท หรือผู้จัดการมรดกของบุคคลดังกล่าวประสงค์จะทําประโยชน์ตามวัตถุประสงค์เดิมที่ได้รับอนุญาตไว้ ต่อไปแทนผู้ไดร้ บั ใบอนุญาต ให้ย่นื คาํ ขอตามข้อ ๒๘ ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ผู้ได้รับใบอนุญาตตาย หากไมย่ ื่นคาํ ขอภายในกําหนดเวลาดงั กลา่ ว ให้ถือวา่ ใบอนุญาตนัน้ สิ้นสดุ ลง ขอ้ ๓๐ ผขู้ อรบั โอนใบอนุญาตต้องมคี ุณสมบัติและไม่มีลกั ษณะตอ้ งหา้ มตามขอ้ ๗ ขอ้ ๓๑ เม่ือเจ้าหน้าท่ีผู้รับคําขอได้รับคําขอรับโอนใบอนุญาต ให้ส่งสําเนาคําขอพร้อมเอกสาร ทเี่ ก่ียวข้องให้หนว่ ยตรวจสภาพป่าภายในเจ็ดวันนบั แต่วันท่ีได้รบั คําขอและเอกสารหลกั ฐานครบถว้ นถูกตอ้ ง ให้หน่วยตรวจสภาพป่าพิจารณาและจัดทําความเห็นภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับเอกสาร ตามวรรคหนง่ึ เสนอผู้ว่าราชการจงั หวดั เพื่อให้ความเหน็ ประกอบก่อนเสนออธิบดกี รมปา่ ไมพ้ ิจารณาตอ่ ไป ขอ้ ๓๒ ให้นําบทบัญญัติในข้อ ๘ วรรคหนึ่ง และข้อ ๒๓ วรรคหน่ึง มาใช้บังคับแก่ การพิจารณาโอนใบอนุญาตโดยอนุโลม ขอ้ ๓๓ ให้ผู้รับโอนใบอนุญาตรับโอนไปซ่ึงสิทธิ หน้าท่ี และความรับผิดชอบของผู้ได้รับ ใบอนุญาตเดมิ หมวด ๗ ใบแทนใบอนุญาต ข้อ ๓๔ ในกรณีท่ีใบอนุญาตชํารุด สูญหาย หรือถูกทําลาย ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตย่ืนคําขอ รับใบแทนใบอนุญาตต่ออธิบดีกรมป่าไม้ โดยให้ส่งคืนใบอนุญาตฉบับเดิมที่ชํารุดหรือย่ืนหลักฐาน การแจ้งความกรณีสูญหายหรือถูกทําลาย เพ่ือให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและเสนอให้อธิบดีกรมป่าไม้พิจารณา ออกใบแทนใบอนุญาตต่อไป การออกใบแทนใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้แบบใบอนุญาตเดิม โดยเขียนหรือประทับตรา คําว่า “ใบแทน” ด้วยหมึกสีแดงไว้ด้านบนของใบอนุญาต และให้ระบุวัน เดือน ปีที่ออกใบแทน ใบอนญุ าต พรอ้ มท้งั ลงลายมือช่อื ผู้ออกใบแทนใบอนุญาตกาํ กับไว้ด้วย ขอ้ ๓๕ ให้อธิบดีกรมป่าไม้พิจารณาออกใบแทนใบอนุญาตภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ ได้รบั คําขอตามข้อ ๓๖ หมวด ๘ เบ็ดเตล็ด ข้อ ๓๖ การยื่นคําขออนุญาต คําขอต่ออายุใบอนุญาต คําขอโอนใบอนุญาต และคําขอรับ ใบแทนใบอนุญาต ให้ยื่น ณ หน่วยตรวจสภาพป่าหรือสถานที่ท่ีอธิบดีกรมป่าไม้กําหนดโดยประกาศ ในราชกิจจานเุ บกษา

เลม่ ๑๓๒ ตอนท่ี ๘๓ ก หนา้ ๒๔ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ ราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๓๗ คาํ ขออนญุ าต ใบอนุญาต คําขอต่ออายุใบอนุญาต คําขอโอนใบอนุญาต และคําขอ รับใบแทนใบอนญุ าต ใหเ้ ปน็ ไปตามแบบทีอ่ ธิบดกี ําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๓๘ ค่าธรรมเนียมแบบพิมพ์คําขอ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ค่าธรรมเนียม การตอ่ อายุใบอนุญาต คา่ ธรรมเนยี มการโอนใบอนุญาต และคา่ ธรรมเนยี มใบแทนใบอนุญาตให้เรียกเก็บ ตามอัตราทกี่ าํ หนดไวใ้ นกฎกระทรวงท่อี อกตามความในพระราชบัญญัตปิ ่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ขอ้ ๓๙ ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องชําระเงินอันเป็นค่าใช้จ่ายเพ่ือให้พนักงานเจ้าหน้าท่ี ไปทําการบํารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าตามอัตราที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด ตามจํานวนพ้ืนท่ี ที่ไดร้ บั อนุญาตในวันทีม่ ารบั ใบอนุญาต บทเฉพาะกาล ข้อ ๔๐ บรรดาใบอนุญาตตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๖ (พ.ศ. ๒๔๙๘) ออกตามความ ในพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ว่าด้วยการแผ้วถางป่า ให้ใช้ได้ต่อไปจนกว่าใบอนุญาต นัน้ จะสน้ิ อายุ ข้อ ๔๑ บรรดาคาํ ขออนุญาตที่ได้ยื่นไว้ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๖ (พ.ศ. ๒๔๙๘) ออกตามความในพระราชบญั ญัตปิ า่ ไม้ พทุ ธศักราช ๒๔๘๔ ว่าด้วยการแผ้วถางป่า ให้ถือว่าเป็นคําขออนุญาต ทําประโยชน์ในเขตป่าตามกฎกระทรวงนี้ และให้พิจารณาอนุญาตตามหลักเกณฑ์ท่ีกําหนดในกฎกระทรวงนี้ และกรณีท่ีคําขออนุญาตดังกล่าวมีข้อแตกต่างไปจากคําขออนุญาตตามกฎกระทรวงน้ี ให้เจ้าหน้าท่ี ผู้รับคําขอมีอํานาจส่ังให้แก้ไขเพิ่มเติมหรือให้ส่งหลักฐานเพ่ิมเติมได้ตามความจําเป็นเพื่อให้การเป็นไป ตามกฎกระทรวงน้ี ใหไ้ ว้ ณ วันที่ ๑๐ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ พลเอก ดาว์พงษ์ รตั นสวุ รรณ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม

เล่ม ๑๓๒ ตอนที่ ๘๓ ก หน้า ๒๕ ๑ กนั ยายน ๒๕๕๘ ราชกจิ จานุเบกษา หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชก้ ฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยท่ีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขออนุญาต และการอนุญาตให้บุคคลทําประโยชน์ในเขตป่าตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๑๖ (พ.ศ. ๒๔๙๘) ออกตามความใน พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ว่าด้วยการแผ้วถางป่า ใช้บังคับมาเป็นเวลานานและขาดความชัดเจน รวมทั้งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังกล่าวเสียใหม่ ให้เหมาะสมและชดั เจนย่งิ ขึ้น จึงจาํ เปน็ ตอ้ งออกกฎกระทรวงน้ี

เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๘๘ ก หนา้ ๕๙ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา กฎกระทรวง แบง่ ส่วนราชการกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘ ฉ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซง่ึ แกไ้ ขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบริหารราชการแผน่ ดนิ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปน้ี ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้อ ๒ ให้กรมชลประทาน มีภารกิจเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งนํ้าตามศักยภาพของลุ่มนํ้า ให้เพียงพอ และจัดสรรนํ้าให้กับผู้ใช้นํ้าทุกประเภท เพื่อให้ผู้ใช้น้ําได้รับนํ้าอย่างท่ัวถึงและเป็นธรรม ตลอดจนปอ้ งกันความเสยี หายอนั เกิดจากน้ํา โดยให้มอี าํ นาจหน้าที่ดังต่อไปน้ี (๑) ดําเนินการจัดให้ได้มาซ่ึงน้ํา หรือกัก เก็บ รักษา ควบคุม ส่ง ระบายหรือจัดสรรน้ํา เพอื่ การเกษตร การพลังงาน การสาธารณูปโภค หรือการอตุ สาหกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยการชลประทาน กฎหมายวา่ ด้วยคนั และคูนํา้ และกฎหมายอืน่ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง (๒) ดําเนินการเกี่ยวกับการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากน้ํา ความปลอดภัยของเขื่อน และอาคารประกอบ และการคมนาคมทางนํ้าที่อยู่ในเขตชลประทาน ตลอดจนดําเนินการเก่ียวกับ กจิ กรรมพเิ ศษต่าง ๆ ท่ไี มไ่ ด้เปน็ แผนงานประจาํ ปขี องกรม (๓) ดาํ เนนิ การจดั รปู ทดี่ ินตามกฎหมายว่าด้วยการจดั รูปที่ดนิ เพื่อเกษตรกรรม (๔) ปฏิบัติการอื่นใดตามท่ีกฎหมายกําหนดให้เป็นอํานาจหน้าท่ีของกรมหรือตามท่ีรัฐมนตรี หรอื คณะรัฐมนตรีมอบหมาย ข้อ ๓ ใหแ้ บง่ สว่ นราชการกรมชลประทาน ดังต่อไปน้ี (๑) สํานักงานเลขานุการกรม (๒) กองการเงนิ และบัญชี (๓) กองแผนงาน

เลม่ ๑๓๑ ตอนท่ี ๘๘ ก หน้า ๖๐ ๓๐ ธนั วาคม ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา (๔) กองพฒั นาแหล่งนาํ้ ขนาดกลาง (๕) กองพสั ดุ (๖) ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (๗) สํานักกฎหมายและทดี่ ิน (๘) สาํ นกั เครื่องจักรกล (๙) สํานักงานจัดรูปทด่ี นิ กลาง (๑๐) - (๒๖) สาํ นักงานชลประทานที่ ๑ - ๑๗ (๒๗) สํานกั บรหิ ารโครงการ (๒๘) สํานักบรหิ ารจดั การนาํ้ และอุทกวทิ ยา (๒๙) สํานกั บรหิ ารทรพั ยากรบุคคล (๓๐) สาํ นักพฒั นาแหล่งนาํ้ ขนาดใหญ่ (๓๑) สํานักวิจยั และพัฒนา (๓๒) สาํ นักสํารวจด้านวศิ วกรรมและธรณวี ทิ ยา (๓๓) สํานกั ออกแบบวศิ วกรรมและสถาปตั ยกรรม ข้อ ๔ ในกรมชลประทาน ให้มีกลุ่มตรวจสอบภายใน เพื่อทําหน้าที่หลักในการตรวจสอบ การดําเนินงานภายในกรม และสนับสนุนการปฏิบัติงานของกรม รับผิดชอบงานขึ้นตรงต่ออธิบดี โดยมีอํานาจหน้าทดี่ ังต่อไปนี้ (๑) ดาํ เนนิ การเกี่ยวกับการตรวจสอบดา้ นการบริหาร การเงนิ และการบญั ชขี องกรม (๒) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอ่ืนท่ีเก่ียวข้องหรือที่ได้รับ มอบหมาย ขอ้ ๕ ในกรมชลประทาน ให้มีกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร เพ่ือทําหน้าท่ีหลักในการพัฒนา การบริหารของกรมให้เกิดผลสัมฤทธิ์ มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า รับผิดชอบงานข้ึนตรงต่ออธิบดี โดยมอี ํานาจหนา้ ทดี่ ังต่อไปน้ี (๑) เสนอแนะและใหค้ ําปรึกษาแกอ่ ธิบดเี กยี่ วกับยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาระบบราชการภายในกรม (๒) ติดตาม ประเมินผล และจดั ทาํ รายงานเกย่ี วกบั การพัฒนาระบบราชการภายในกรม (๓) ประสานและดําเนินการเก่ียวกับการพัฒนาระบบราชการร่วมกับหน่วยงานกลางต่าง ๆ และหน่วยงานภายในกรม (๔) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอ่ืนที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับ มอบหมาย ขอ้ ๖ สาํ นกั งานเลขานุการกรม มีอํานาจหนา้ ทีด่ งั ต่อไปนี้ (๑) ดําเนนิ การเก่ยี วกับงานบริหารทว่ั ไปและปฏบิ ัตงิ านสารบรรณ และอาคารสถานท่ีของกรม (๒) ดําเนนิ การเกีย่ วกบั งานชว่ ยอํานวยการและงานเลขานกุ ารของกรม

เลม่ ๑๓๑ ตอนที่ ๘๘ ก หนา้ ๖๑ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา (๓) ดาํ เนินการเกย่ี วกับงานประชาสมั พันธแ์ ละเผยแพรข่ ่าวสาร กิจกรรม ความรู้ ความก้าวหน้า และผลงานของกรม (๔) ดาํ เนนิ การเกีย่ วกับงานโรงพิมพข์ องกรม (๕) ดําเนินการอน่ื ใดที่มิได้กําหนดให้เปน็ อํานาจหน้าท่ขี องส่วนราชการใดของกรม (๖) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับ มอบหมาย ข้อ ๗ กองการเงนิ และบัญชี มอี าํ นาจหนา้ ท่ดี งั ตอ่ ไปน้ี (๑) ดาํ เนินการเกีย่ วกบั การเงิน การบัญชี และการบรหิ ารงบประมาณของกรม (๒) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอ่ืนที่เก่ียวข้องหรือท่ีได้รับ มอบหมาย ขอ้ ๘ กองแผนงาน มอี าํ นาจหน้าที่ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) จัดทําและประสานแผนปฏิบัติงานของกรมให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนแม่บท ของกระทรวง รวมท้งั เร่งรดั ติดตาม และประเมนิ ผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานในสังกดั (๒) ดําเนินการเกี่ยวกับการจัดทําคําของบประมาณรายจ่ายประจําปี และจัดสรรงบประมาณ รายจ่ายประจําปีของกรม (๓) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เก่ียวข้องหรือท่ีได้รับ มอบหมาย ข้อ ๙ กองพัฒนาแหล่งนํ้าขนาดกลาง มีอํานาจหน้าท่ีดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ศกึ ษา วิเคราะห์ และจัดทําแผนยทุ ธศาสตร์ดา้ นการพัฒนาแหล่งนํ้าขนาดกลาง การป้องกัน และบรรเทาภัยจากน้ํา และการเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพโครงการชลประทานใหส้ อดคล้องกบั ยทุ ธศาสตร์ของกรม (๒) ควบคมุ และดําเนินการโครงการพฒั นาแหล่งนํ้าขนาดกลาง โครงการป้องกันและบรรเทาภัย จากน้ํา การเพิ่มประสิทธิภาพการชลประทาน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ และโครงการอื่น ตามที่กรมมอบหมาย (๓) ติดตามและประเมินผลการดําเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ําขนาดกลางในขั้นตอน การเตรียมความพรอ้ มของโครงการและข้นั ตอนการกอ่ สร้างโครงการให้เป็นไปตามแผน (๔) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือท่ีได้รับ มอบหมาย ขอ้ ๑๐ กองพัสดุ มีอํานาจหนา้ ทดี่ ังต่อไปนี้ (๑) ดาํ เนนิ การเกี่ยวกับการพสั ดขุ องกรม (๒) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอ่ืนที่เกี่ยวข้องหรือท่ีได้รับ มอบหมาย

เลม่ ๑๓๑ ตอนที่ ๘๘ ก หน้า ๖๒ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา ขอ้ ๑๑ ศนู ยเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร มอี าํ นาจหน้าท่ดี งั ต่อไปนี้ (๑) จัดทําแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของกรม รวมทัง้ การตดิ ตามและประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ านตามแผน (๒) ดําเนินการเก่ียวกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ระบบงานคอมพิวเตอร์ และเป็นศูนยก์ ลางเครือข่ายขอ้ มลู สารสนเทศของกรม (๓) ศึกษาและวิเคราะห์เพื่อพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และระบบ งานคอมพวิ เตอรข์ องกรม (๔) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอ่ืนท่ีเกี่ยวข้องหรือที่ได้รับ มอบหมาย ข้อ ๑๒ สํานักกฎหมายและที่ดิน มอี าํ นาจหน้าทดี่ ังตอ่ ไปนี้ (๑) ดําเนินการเกี่ยวกับงานด้านกฎหมายว่าด้วยการชลประทาน กฎหมายว่าด้วยคันและคูน้ํา กฎหมายว่าดว้ ยการจัดรปู ทด่ี นิ เพ่ือเกษตรกรรม และกฎหมายอืน่ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง (๒) ดําเนินการเก่ียวกับงานนิติกรรมและสัญญา งานเก่ียวกับความรับผิดทางแพ่งและอาญา งานคดีปกครอง และงานคดีอื่นท่ีอยู่ในอํานาจหน้าที่ของกรม รวมทั้งการให้คําปรึกษาและแนะนําเก่ียวกับ การดําเนินงานดา้ นกฎหมายทอ่ี ยใู่ นความรับผิดชอบ (๓) ศึกษาและวเิ คราะหเ์ พื่อยกรา่ งและพัฒนากฎหมายทอี่ ย่ใู นความรบั ผดิ ชอบของกรม (๔) ดาํ เนินการเกีย่ วกับการจดั กรรมสิทธท์ิ ดี่ ินเพือ่ การชลประทาน (๕) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอ่ืนท่ีเกี่ยวข้องหรือที่ได้รับ มอบหมาย ข้อ ๑๓ สาํ นักเครือ่ งจกั รกล มอี าํ นาจหนา้ ทดี่ งั ตอ่ ไปนี้ (๑) วางแผน ควบคมุ และบาํ รุงรกั ษาเครือ่ งจักรกล ระบบไฟฟา้ สําหรับดําเนินการก่อสร้าง ได้แก่ เคร่ืองจักรกลก่อสร้าง เคร่ืองจักรกลไฟฟ้า เคร่ืองจักรกลสูบนํ้า รถนาค รถขุด รถแทรกเตอร์ ชนดิ ต่าง ๆ เรอื นาค เรอื ขุด เรอื กาํ จัดวัชพืช ยานพาหนะ และเครอื่ งจักรกลอื่น ๆ (๒) ซ่อมแซมเคร่ืองจักรกลและระบบไฟฟ้า ได้แก่ เครื่องจักรกลก่อสร้าง เครื่องจักรกลไฟฟ้า เคร่อื งจักรกลสูบน้ํา รถนาค รถขุด รถแทรกเตอร์ชนิดต่าง ๆ เรือนาค เรือขุด เรือกําจัดวัชพืช ยานพาหนะ และเคร่อื งจักรกลอ่ืน ๆ (๓) ออกแบบ จัดทํามาตรฐาน กําหนดรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ และให้คําปรึกษา ด้านเครอื่ งจกั รกล เครื่องกลและระบบไฟฟา้ (๔) ดําเนินการผลิต ติดตั้ง ซ่อมแซม เครื่องกว้าน บานระบาย อุปกรณ์บังคับน้ํา อะไหล่ เครื่องจักรกล เครื่องทุ่นแรง และอปุ กรณ์อืน่ ๆ (๕) ใหบ้ ริการด้านยานพาหนะและขนสง่ ทงั้ ทางบกและทางนาํ้

เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๘๘ ก หน้า ๖๓ ๓๐ ธนั วาคม ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา (๖) ศึกษา ค้นคว้า วิจัย และประกอบเครื่องจักรและเครื่องทุ่นแรง รวมทั้งพัฒนาอะไหล่ อุปกรณ์ เครื่องกลไฟฟ้า และประยุกต์ใชพ้ ลงั งานทดแทนในงานชลประทาน (๗) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอ่ืนที่เกี่ยวข้องหรือท่ีได้รับ มอบหมาย ขอ้ ๑๔ สํานกั งานจดั รูปทีด่ นิ กลาง มีอาํ นาจหน้าท่ดี ังตอ่ ไปน้ี (๑) ดําเนนิ การจดั รูปท่ดี ินตามกฎหมายวา่ ด้วยการจดั รูปที่ดินเพอื่ เกษตรกรรม (๒) ดําเนนิ การกอ่ สรา้ งคันและคูนาํ้ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยคันและคนู า้ํ (๓) ดําเนินการพฒั นาระบบชลประทานในไรน่ าในรปู แบบอน่ื ๆ (๔) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอ่ืนที่เก่ียวข้องหรือท่ีได้รับ มอบหมาย ขอ้ ๑๕ สาํ นักงานชลประทานที่ ๑ - ๑๗ มอี ํานาจหน้าทใ่ี นพืน้ ทที่ ่รี ับผดิ ชอบดังต่อไปน้ี (๑) ดําเนินการบริหารจัดการนํ้าเพ่ือเกษตรกรรม การสาธารณูปโภค การอุตสาหกรรม การคมนาคมทางน้าํ การพลังงาน และการรักษาระบบนเิ วศน์ (๒) ควบคุมและดําเนินการโครงการพฒั นาแหล่งน้ําขนาดเล็ก โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดําริ และโครงการอนื่ ตามพนื้ ท่ีล่มุ นํา้ ทก่ี รมมอบหมาย (๓) วางแผน ควบคมุ และประเมินผลการบรหิ ารจัดการนํ้า (๔) ดูแล บํารุงรักษา ซ่อมแซม และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวกับงานชลประทาน และดาํ เนนิ การเกย่ี วกบั ความปลอดภยั ของเข่อื นและอาคารประกอบ (๕) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเกษตรกรและพัฒนาเสริมสร้างองค์กรผู้ใช้นํ้าชลประทาน ให้มคี วามเขม้ แข็ง (๖) ดาํ เนนิ การเก่ยี วกบั การป้องกนั ความเสียหายอันเกดิ จากน้ํา (๗) ศึกษา จัดทํารายงานเบื้องต้น สํารวจและออกแบบโครงการชลประทานและโครงการอื่น ตามพ้ืนทีล่ มุ่ น้ําตามทีก่ รมมอบหมาย (๘) ควบคมุ และกาํ กับดแู ลการใชท้ ่รี าชพัสดใุ นส่วนท่กี รมรบั ผิดชอบ ทางนํ้าชลประทาน และ การบรหิ ารสนิ ทรพั ย์ของกรม (๙) บรู ณาการแผนงานและยทุ ธศาสตร์รว่ มกับจังหวัดและสว่ นราชการทเี่ ก่ียวข้อง (๑๐) ให้คําปรกึ ษาในการบาํ รงุ รักษาอาคารชลประทานและภารกจิ ทถี่ ่ายโอน (๑๑) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอ่ืนที่เก่ียวข้องหรือท่ีได้รับ มอบหมาย ข้อ ๑๖ สาํ นกั บรหิ ารโครงการ มอี าํ นาจหนา้ ทด่ี งั ตอ่ ไปน้ี (๑) ศึกษา วิเคราะห์ และวางแผนการพัฒนาแหล่งนํ้าและการชลประทานในระดับลุ่มนํ้า ให้สอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตรข์ องกรม

เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๘๘ ก หนา้ ๖๔ ๓๐ ธนั วาคม ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา (๒) ดําเนินการศึกษาเพื่อจัดทํารายงานความเหมาะสม ศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้านต่าง ๆ ผลกระทบทางสุขภาพ และผลกระทบด้านอ่ืน ๆ ทั้งในระดับลุ่มนํ้า โครงการชลประทาน และโครงการอน่ื ของกรม (๓) วิเคราะห์ ติดตาม และประเมินผลด้านส่ิงแวดล้อม สุขภาพ และด้านอ่ืน ๆ รวมทั้ง ผลสมั ฤทธข์ิ องโครงการชลประทาน (๔) บริหารโครงการและความร่วมมือด้านการชลประทานกับต่างประเทศ (๕) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอ่ืนท่ีเก่ียวข้องหรือท่ีได้รับ มอบหมาย ข้อ ๑๗ สาํ นกั บรหิ ารจดั การนา้ํ และอทุ กวทิ ยา มอี าํ นาจหนา้ ทดี่ งั ตอ่ ไปนี้ (๑) ศึกษา วิเคราะห์ เสนอแนะนโยบาย และจัดทําแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการบริหาร จัดการน้ําเพื่อเกษตรกรรม การสาธารณูปโภค การอุตสาหกรรม การคมนาคมทางน้ํา การพลังงาน และการรักษาระบบนิเวศน์ ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาภัยอันเกิดจากน้ํา รวมท้ังกําหนดแผน มาตรการ มาตรฐานและหลักเกณฑ์ทางวิชาการเก่ียวกับอุทกวิทยา การปรับปรุงบํารุงรักษาอาคารชลประทาน และความปลอดภัยของเขอื่ นและอาคารประกอบ (๒) ศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีเก่ียวกับอุทกวิทยา การบริหาร จัดการน้าํ การปรับปรงุ บาํ รงุ รกั ษาอาคารชลประทาน เกษตรชลประทาน และวิศวกรรมเพอื่ ใหไ้ ดน้ วตั กรรม (๓) สํารวจ วิเคราะห์ รวบรวม เก็บข้อมูลและสถิติต่าง ๆ ด้านอุทกวิทยา อุตุนิยมวิทยา การบริหารจดั การนํ้า เกษตรชลประทาน และการปรับปรุงบํารุงรักษาอาคารชลประทาน รวมท้ังการพัฒนา ฐานข้อมูลของกรม (๔) เฝ้าระวัง วิเคราะห์ พยากรณ์ กํากับ ตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการบริหาร จดั การน้ํา ในระดับลมุ่ นาํ้ และโครงการชลประทานของกรม (๕) เผยแพร่ ให้การสนับสนุนและคําแนะนําด้านเทคนิควิชาการเกี่ยวกับเรื่องน้ําและวิศวกรรม ชลประทานแก่หน่วยงานของรัฐ องคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ และประชาชน (๖) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เก่ียวข้องหรือท่ีได้รับ มอบหมาย ข้อ ๑๘ สํานกั บรหิ ารทรพั ยากรบุคคล มีอํานาจหนา้ ทีด่ งั ต่อไปนี้ (๑) จัดระบบงานและการบรหิ ารทรัพยากรบุคคลของกรม (๒) ดําเนินการเก่ียวกับการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรของกรม และบุคคลภายนอกท่ีเกี่ยวข้อง กบั งานของกรม (๓) ดาํ เนนิ การเกีย่ วกับการศึกษา วิเคราะห์ และพัฒนาระบบการจัดการความรขู้ องกรม (๔) ดําเนินการเก่ียวกับการเสริมสร้างวินัย พัฒนาระบบคุณธรรมและคุณภาพชีวิตของ บุคลากรของกรม

เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๘๘ ก หน้า ๖๕ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา (๕) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นท่ีเก่ียวข้องหรือท่ีได้รับ มอบหมาย ขอ้ ๑๙ สาํ นักพัฒนาแหลง่ นํา้ ขนาดใหญ่ มอี าํ นาจหน้าทด่ี งั ต่อไปน้ี (๑) ศึกษา วิเคราะห์ และจัดทําแผนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาแหล่งนํ้าขนาดใหญ่ให้สอดคล้อง กับยทุ ธศาสตรข์ องกรม (๒) ควบคุมและดําเนินการโครงการพัฒนาแหล่งน้ําขนาดใหญ่ โครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดําริ และโครงการอ่นื ตามท่กี รมมอบหมาย (๓) ติดตามและประเมินผลการดําเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ําขนาดใหญ่ในข้ันตอน การเตรียมความพร้อมของโครงการและข้ันตอนการกอ่ สร้างโครงการให้เป็นไปตามแผน (๔) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอ่ืนท่ีเก่ียวข้องหรือที่ได้รับ มอบหมาย ข้อ ๒๐ สํานักวจิ ัยและพัฒนา มีอาํ นาจหน้าที่ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ศกึ ษา คน้ ควา้ วิจัย พฒั นา และเผยแพรง่ านด้านวิศวกรรมศาสตร์และวทิ ยาศาสตร์ของกรม (๒) ดําเนินการเก่ียวกับงานทดสอบ และตรวจสอบคุณภาพวัสดุและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง กับงานของกรมใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั วิชาการ (๓) ถ่ายทอดและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมท้ังผลงานวิจัยด้านการชลประทาน เพอ่ื พฒั นาบคุ ลากรของกรมและบุคคลภายนอกท่ีเกย่ี วข้องกบั งานของกรม (๔) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอ่ืนท่ีเกี่ยวข้องหรือที่ได้รับ มอบหมาย ข้อ ๒๑ สาํ นักสาํ รวจดา้ นวศิ วกรรมและธรณีวิทยา มอี ํานาจหน้าทีด่ งั ตอ่ ไปนี้ (๑) สํารวจและจัดทําแผนที่ภูมิประเทศ แผนท่ีภาพถ่าย และแผนที่ภาพดาวเทียม ได้แก่ การสํารวจวางโครงข่ายหมุดหลักฐาน การสํารวจระบบส่งนํ้าและระบบระบายน้ํา การสํารวจจัดทําแผนที่ ภาคพนื้ ดนิ แผนทภ่ี าพถา่ ย และแผนทภ่ี าพดาวเทยี ม (๒) สํารวจกันเขตชลประทานและประสานงานรังวัดเพ่ือจัดหาที่ดิน ออกหนังสือสําคัญ สําหรบั ที่หลวง และการระวงั ช้ีแนวเขตชลประทาน (๓) สํารวจธรณีวิทยา ธรณีฟิสิกส์ และปฐพีกลศาสตร์ เพ่ือวิเคราะห์ ประเมินสภาพ ธรณีวิทยาฐานราก สําหรับใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาความเหมาะสมและออกแบบ พิจารณาปรับปรุง ฐานรากและแก้ไขปญั หาอนั เน่อื งมาจากสภาพธรณวี ทิ ยา สํารวจหาแหล่งและปริมาณสํารองวัสดุก่อสร้าง ศึกษาและประเมินผลกระทบจากแผ่นดินไหวและรอยเลื่อน และสํารวจและพัฒนาแหล่งนํ้าใต้ดิน เพ่อื การพัฒนาแหล่งนํ้าและการบริหารจดั การน้ําชลประทาน (๔) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นท่ีเกี่ยวข้องหรือท่ีได้รับ มอบหมาย

เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๘๘ ก หน้า ๖๖ ๓๐ ธนั วาคม ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา ขอ้ ๒๒ สํานักออกแบบวศิ วกรรมและสถาปตั ยกรรม มอี ํานาจหน้าท่ดี งั ต่อไปน้ี (๑) ดําเนินการเกี่ยวกับการออกแบบและคํานวณงานด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม เพ่ือการพัฒนาแหล่งน้ํา เข่ือนเก็บกักนํ้า เขื่อนทดน้ํา ระบบชลประทาน ระบบระบายนํ้า และงาน ดา้ นโยธาอน่ื ๆ (๒) ดาํ เนนิ การเกยี่ วกับการให้คําปรกึ ษา กํากบั ดูแล และกําหนดมาตรฐานงานออกแบบ (๓) ดาํ เนินการเก่ยี วกับการจัดทําเอกสารประกอบการจ้างงานก่อสร้าง งานจ้างสํารวจ ออกแบบ คํานวณปรมิ าณและราคางานกอ่ สร้าง และกาํ หนดรายละเอียดวัสดุและครภุ ณั ฑ์ (๔) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นท่ีเก่ียวข้องหรือที่ได้รับ มอบหมาย ให้ไว้ ณ วนั ที่ ๑๙ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ปตี พิ งศ์ พึง่ บุญ ณ อยธุ ยา รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เลม่ ๑๓๑ ตอนที่ ๘๘ ก หน้า ๖๗ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คอื โดยท่เี ป็นการสมควรปรบั ปรงุ การแบง่ ส่วนราชการ และอํานาจหน้าท่ีของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้น และเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทําให้การปฏิบัติภารกิจตามอํานาจหน้าที่มีประสิทธิภาพ และประสทิ ธผิ ลย่งิ ข้นึ จงึ จําเป็นตอ้ งออกกฎกระทรวงน้ี

เลม่ ๑๓๓ ตอนพเิ ศษ ๙๗ ง หน้า ๑๕ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา ประกาศกรมป่าไม้ เรือ่ ง กําหนดแบบคําขอ แบบใบอนุญาต และแบบอืน่ ๆ ตามกฎกระทรวง การขออนุญาต และการอนญุ าตทําประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘ อาศัยอํานาจตามความในข้อ ๒ และข้อ ๓๗ แห่งกฎกระทรวง การขออนุญาต และการอนุญาต ทําประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘ อธิบดีกรมป่าไม้จึงกําหนดแบบคําขอ แบบใบอนุญาตและแบบอื่น ๆ ตามกฎกระทรวงดงั กล่าว ตามแนบทา้ ยประกาศนี้ ดังต่อไปนี้ ๑. แบบคําขออนุญาตเข้าทําประโยชน์ในเขตป่า ตามมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๔ (แบบ ป.๘๔-๑) ๒. แบบรายงานผลการตรวจสภาพป่า (แบบ ป.๘๔-๒) ๓. แบบใบอนุญาตทําประโยชน์ในเขตป่า ตามมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศกั ราช ๒๔๘๔ (ปา่ ทค่ี ณะรฐั มนตรมี มี ตใิ ห้รกั ษาไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาต)ิ (แบบ ป.๘๔-๓) ๔. แบบใบอนุญาตทําประโยชน์ในเขตป่า ตามมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๔ (แบบ ป.๘๔-๔) ๕. แบบคําขอต่ออายุใบอนุญาตทําประโยชน์ในเขตป่า ตามมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ (แบบ ป.๘๔-๕) ๖. แบบคําขอรับใบแทนใบอนุญาตทําประโยชน์ในเขตป่า ตามมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พทุ ธศักราช ๒๔๘๔ (แบบ ป.๘๔-๖) ๗. แบบคําขอโอน/รับโอนใบอนุญาตทําประโยชน์ในเขตป่า ตามมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ (แบบ ป.๘๔-๗) ทัง้ น้ี ให้ใชบ้ งั คบั ต้งั แตว่ ันถัดจากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นตน้ ไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ชลธิศ สุรสั วดี อธบิ ดกี รมป่าไม้

ป.84-1 เลขรบั ท.่ี ....................................... วนั ท่.ี ............................................. ลงชื่อ................................ผรู้ ับคําขอ คําขออนญุ าตเขา้ ทาํ ประโยชนใ์ นเขตปา่ ตามมาตรา 54 แห่งพระราชบญั ญตั ิป่าไม้ พทุ ธศกั ราช 2484 -------------------- เขียนที่......................................................... วนั ที่...........เดือน....................พ.ศ. ............. 1.ข้าพเจ้า.................................................................................................................. (ก) เปน็ บคุ คลธรรมดา สญั ชาติ.................................อายุ...........................ปี บตั รประจาํ ตวั ประชาชนเลขที่ ออกให้ ณ ........................ อย่บู ้านเลขที.่ ........................ตรอก/ซอย............................ถนน.....................................หม่ทู ี.่ ............. ตาํ บล/แขวง.........................อําเภอ/เขต.......................จงั หวัด........................โทรศัพท์....................... . (ข) เปน็ นิติบคุ คล ประเภท..................................จดทะเบียนเมื่อ.................... ณ....................................เลขทะเบียนที่........................................มีสํานักงานตง้ั อย่เู ลขที.่ ................... อําเภอ/เขต....................................จงั หวัด.................................โทรศัพท์.................................. โดยมีอาํ นาจลงชื่อแทนนิติบุคคลผ้ขู ออนญุ าต ชื่อ นาย/นาง/นางสาว.................................................... ชื่อสกลุ .................................................สัญชาติ.......................อาย.ุ ...................ปี บตั รประจาํ ตวั ประชาชนเลขที่ . ออกให้ ณ ........................อย่บู ้านเลขที.่ ........................... ตรอก/ซอย.....................ถนน............................หม่ทู ี่.........................ตาํ บล/แขวง........................... อาํ เภอ/เขต..........................จังหวดั ...................................โทรศัพท์..................................... ๒. มีความประสงค์จะขออนญุ าตเข้าทําประโยชน์ เพือ่ ............................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................... มีกาํ หนดระยะเวลา...............ปี ภายในเขตป่า...................................................................................................................................... ตาํ บล/แขวง...............................อาํ เภอ/เขต...................................จงั หวัด.......................................... เนื้อที่ ....................................ไร่ ........................................งาน .....................................ตารางวา ต่ออธิบดีกรมป่าไม้ โดยมีอาณาเขตดงั น้ี ด้านทิศเหนือ จด......................................วัดได้.............................เมตร ด้านทิศตะวนั ออก จด......................................วดั ได้.............................เมตร ด้านทิศใต้ จด......................................วัดได้.............................เมตร ด้านทิศตะวันตก จด......................................วัดได้.............................เมตร ๓. ข้าพเจ้า...

-2- ๓. ข้าพเจ้ารับรองว่าจะเป็นผู้นํา หรือมอบอํานาจให้ตัวแทนเป็นผู้นําเจ้าหน้าที่ออกไป ตรวจสอบสภาพป่าในพื้นทีท่ ีข่ อนี้ ตามวัน เวลา ที่เจ้าหน้าทีน่ ดั หมาย ๔. ข้าพเจ้ารับรองว่าเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พทุ ธศักราช 2484 ให้ครบถ้วนถูกต้องทุกประการ ๕. ข้าพเจ้าได้แนบเอกสารหลักฐานที่เกีย่ วข้องมาด้วย ดงั นี้ (1) สาํ เนาบตั รประจาํ ตวั ประชาชนหรือสําเนาบตั รประจาํ ตวั ตามกฎหมายกําหนด (2) สําเนาทะเบียนบ้าน (3) กรณีเปน็ นิติบุคคลให้ยืน่ เอกสารทีเ่ กีย่ วข้องในการจดทะเบียนนิติบคุ คล (4) แผนที่สังเขป และแผนที่ระวาง มาตราส่วน 1 : 50,000 แสดงจุดที่ต้ัง บริเวณทีข่ ออนญุ าต (5) รายละเอียดโครงการที่ขออนุญาต พร้อมแบบแปลน หรือแผนผังโครงการ หรือกิจกรรมทีข่ ออนุญาต และอืน่ ๆ (6) กรณีผ้ยู ืน่ คาํ ขอเปน็ ผู้ทําการแทน ต้องมีหนงั สือมอบอํานาจแนบท้ายคําขอ โดยติดอากรแสตมป์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย (7) หลักฐานที่แสดงผลการพิจารณาให้ความเห็นจากสภาองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นทีป่ ่าน้ันต้งั อยู่ (8) บันทึกยินยอมแก้ไขปัญหาเกี่ยวกบั ราษฎร (9) เอกสารอื่นๆ (ถ้ามี) (ลงชือ่ )..........................................ผู้ขออนญุ าต หมายเหตุ ได้รบั ค่าธรรมเนียมแบบพิมพค์ ําขอจากผ้ยู ืน่ คาํ ขอแล้ว ตามใบเสรจ็ รบั เงิน ฉบบั ที่.............. เล่มที่ ............... ลงวันที่ ............... เดือน ......................... พ.ศ. ............................ (ลงชื่อ)..........................................ผู้รับคําขอ (.........................................) ตําแหน่ง...........................................

ป.84-2 รายงานผลการตรวจสภาพปา่ 1. ชื่อผู้ขอ (ถ้าผู้ขอเป็นหน่วยงานของรัฐ หรือนิติบุคคล ให้ระบุชื่อหน่วยงานของรัฐหรือ นิติบคุ คลน้นั ถ้าผ้ขู อเป็นบคุ คลธรรมดาให้ระบุชื่อและนามสกลุ .......................................................... อาย.ุ .......ปี สญั ชาติ.................อาชีพ............................มีภมู ิลาํ เนาอย่บู ้านเลขที.่ .............................. ซอย....................ถนน...........................หม่ทู ี.่ ...................ตาํ บล/แขวง............................................. อําเภอ/เขต............................................จังหวดั ..................................................) 2. วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อ................................................................................................... 3. ชื่อป่า (ให้ระบุว่าพ้ืนที่ที่ขออยู่ในเขตป่า หรือป่าที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้รักษาไว้เป็น สมบัติของชาติ หรือป่าที่จําแนกไว้เพื่อการใดหรือไม่ ให้คัดสําเนาพร้อมท้ังแผนที่มติคณะรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี ประกอบด้วย) 4. ที่ต้ังของพื้นที่ (ให้ระบุว่าต้ังอยู่ในหมู่ที่ ตําบล อําเภอ และจังหวัดใด พร้อมกับลงจุด พิกัดด้วยเครื่อง G.P.S. แสดงบริเวณที่ขออนุญาตทุกด้านในแผนที่ระวางของกรมแผนที่ทหาร มาตราส่วน 1:50,000 พร้อมกับระบุหมายเลขระวาง รวมท้ังแสดงจุดที่ต้ังและพ้ืนที่ข้างเคียง แผนที่ 1: 4,000 หรือมาตราส่วนทีเ่ หมาะสมให้เหน็ ได้ชดั เจน แผนทีแ่ สดงช้ันคณุ ภาพล่มุ น้าํ และภาพถ่ายสี oppm) 5. เนื้อที่ (ให้ระบเุ ปน็ ไร่ งาน และตารางวา) 6. อาณาเขตและเขตติดต่อพื้นที่ที่ขออนุญาต (ให้แสดงอาณาเขตว่ามีความกว้างยาว เท่าไร และเขตติดต่อไว้ทุกด้านให้ชัดเจนว่าทิศไหนจดอะไร เช่น ภูเขา ลําห้วย หรือติดต่อกับอะไร มี ความกว้าง ยาว ด้านละเท่าใด และแสดงด้วยว่า พ้ืนที่ข้างเคียงมีผ้ใู ดเปน็ เจ้าของ หรือผ้คู รอบครองและ เป็นที่ของรัฐประเภทใด เช่น ให้เช่า หรือละทิ้ง มีสภาพป่าอย่างใด) 7. ลักษณะภูมิประเทศ (ให้ระบุว่าเป็นที่ราบ เนินเขา ภูเขา หรือที่ลุ่ม ความลาดชันและ สูงจากระดับน้ําทะเลปานกลาง ชนิดดินและหิน เป็นป่าต้นน้ําลําธารหรือไม่ อยู่ในพ้ืนที่ลุ่มน้ําช้ันใด ที่เท่าใดตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ เดือน และปีใด มีลําห้วยหรือไม่ ถ้ามีไหลลงสู่ลําน้ําที่สําคัญ อะไร เป็นระยะทางประมาณเท่าใด และให้ทําการถ่ายภาพสีแสดงสภาพพ้ืนที่ที่ทําการตรวจสภาพป่า ตรงกลางแปลงทีข่ ออนุญาตและกระจายออกท้งั 8 ทิศ รวมแล้วไม่น้อยกว่า9ภาพ ประกอบรายงานด้วย) 8. ชนิดป่าและสภาพป่า (ให้ระบุว่าเป็นป่าชนิดใด มีสภาพป่าเป็นอย่างไร มีไม้หวงห้าม ลักษณะสมบูรณ์เหลืออยู่มากน้อยเพียงใด และป่าน้ันยากที่จะกลับฟ้ืนคืนดีได้ตามธรรมชาติหรือไม่ เคยผ่านการแผ้วถางมาก่อนหรือไม่ อย่างไร หากหมดสภาพป่าแล้วให้ระบุด้วยว่าเนือ่ งมาจากสาเหตุใด) 9. พันธุ์ไม้ที่ขึ้นอยู่ (ให้ระบุว่าการแพร่พันธ์ุเป็นไปตามธรรมชาติหรือไม่ ดีเลวอย่างไร ชนิดของพันธ์ุไม้ที่สําคัญและไม่สําคัญมีปริมาณมากน้อยเพียงใด ให้ทําการสํารวจทั่วท้ังพ้ืนที่ที่ขอ อนญุ าตหรือให้ทําการสาํ รวจโดยวิธีทาํ แปลงตัวอย่าง แบบ Line Plot ให้กระจายท่ัวท้ังพื้นที่ไม่น้อยกว่า ร้อยละ...

-2- ร้อยละ5 ของพื้นที่ที่ขอ แล้วจัดทําบัญชีแสดงชนิดและขนาดของไม้หวงห้ามที่มีขนาดความโตต้ังแต่ 50 เซนติเมตร ข้ึนไป วัดโดยรอบลําต้นตรงที่สูง 1.30 เมตร พร้อมกับแผนที่แสดงบริเวณที่สํารวจ นบั ไม้ด้วย) 10. สิ่งแวดล้อมข้างเคียง (ให้ระบุว่าอยู่ห่างจากหมู่บ้าน หน่วยงานของรัฐ ถนน วัด สาํ นักสงฆ์ ฯลฯ เป็นระยะทางประมาณเท่าใด) 11. การตรวจสอบสภาพป่าตามหลักเกณฑ์ ((ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องชัดเจน ในรายกิจกรรมที่ขออนุญาต ตามหมวด 3 กฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนุญาตทําประโยชน์ ในเขตป่า พ.ศ. 2558) กรณีถ้าเคยมีการอนุญาตให้ระบุรายละเอียด พร้อมแสดงแผนที่เปรียบเทียบ พื้นที่อนุญาตเดิมและพ้ืนที่ขออนุญาตใหม่เทียบเคียงกัน) 12. กรณีการขออนุญาตเพื่อการทําเหมืองแร่ (ให้แนบรายงานการสํารวจพ้ืนที่ขอ ประทานบัตรทับพื้นทีป่ ่าไม้) 13. วัน เดือน ปี ที่ทําการตรวจสภาพป่า (ให้ระบุวัน เดือน ปี ที่เข้าทําการตรวจ สภาพป่า และวนั เดือน ปี ที่ตรวจสภาพป่าเสรจ็ สิ้น) 14. เอกสารอื่นๆ (ถ้ามี) (อาทิเช่น ความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ รายละเอียดโครงการที่ขออนุญาต เช่น ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสุขภาพและอนามัย ด้านเศรษฐศาสตร์ เปน็ ต้น) 15. ความเห็นผตู้ รวจสอบสภาพป่า (อนุญาต/ไม่อนุญาต) (ลงชื่อ)...............................................ผู้นําตรวจสภาพป่า (ลงชือ่ )...................................................ผ้ตู รวจสภาพป่า ตาํ แหน่ง................................................. (ลงชื่อ)...................................................ผ้ตู รวจสภาพป่า ตาํ แหน่ง.................................................

ป.84-3 เล่มที.่ .......... ใบอนุญาตทาํ ประโยชนใ์ นเขตปา่ ตามมาตรา 54 ฉบับที่.......... แหง่ พระราชบญั ญัติปา่ ไม้ พุทธศักราช 2484 (ป่าทีค่ ณะรฐั มนตรีมีมติใหร้ กั ษาไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาต)ิ -------------------- ที่ทาํ การ.............................. วนั ที.่ .........เดือน........................พ.ศ. .......... อาศัยอาํ นาจตามความในมาตรา 54 แห่งพระราชบญั ญตั ิป่าไม้ พุทธศกั ราช 2484 อธิบดีกรมป่าไม้โดยความเหน็ ชอบของรฐั มนตรีว่าการกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม เมื่อวนั ที่ ............................................................................................................................................ อนญุ าตให้.......................(ชื่อผ้ขู ออนุญาต)......................................................................................... เลขประจาํ ตวั ประชาชน อายุ............ปี สัญชาติ.................. มีภูมิลาํ เนาอย่บู ้านเลขที.่ .......................ซอย..................ถนน..............................หม่ทู ี.่ ........................ ตําบล/แขวง....................................อําเภอ/เขต.........................................จังหวัด............................... ทาํ ประโยชน์ในเขตป่าทีค่ ณะรัฐมนตรีมีมติให้รักษาไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ ป่า......................................... .......................................................................................................................................................... ในท้องทีต่ าํ บล/แขวง................................อําเภอ/เขต...............................จงั หวัด................................. เนื้อที่...........ไร่.............งาน...............ตารางวา จนถึงวนั ที่.............เดือน.....................พ.ศ. ............... ตามแผนทีแ่ นบท้ายใบอนุญาต โดยมีอาณาเขตดังน้ี ทิศเหนือ จด........................................วัดได้.............................เมตร ทิศตะวันออก จด........................................วัดได้.............................เมตร ทิศใต้ จด........................................วัดได้.............................เมตร ทิศตะวันตก จด........................................วัดได้.............................เมตร (ลงชือ่ ).................................................ผ้อู นญุ าต (............................................) ตาํ แหน่ง.............................................................

ป.84-4 เล่มที.่ .......... ใบอนุญาตทาํ ประโยชน์ในเขตป่า ตามมาตรา 54 ฉบบั ที่.......... แห่งพระราชบญั ญัติปา่ ไม้ พทุ ธศักราช 2484 -------------------- ที่ทาํ การ.............................. วันที.่ .........เดือน........................พ.ศ. .......... อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 อธิบดีกรมป่าไม้อนญุ าตให้.......................(ชื่อผ้ขู ออนญุ าต)................................................................. เลขประจําตัวประชาชน อายุ............ปี สัญชาติ................ มีภูมิลําเนาอย่บู ้านเลขที่........................ซอย..................ถนน..............................หมู่ที่......................... ตําบล/แขวง....................................อําเภอ/เขต.........................................จังหวัด............................... ทําประโยชน์ในเขตป่า.......................................................................................................................... เพื่อ.................................................................................................................................................... ในท้องที่ตําบล/แขวง..............................อําเภอ/เขต.............................จังหวัด.................................... เนื้อที่...........ไร่.............งาน...............ตารางวา จนถึงวันที.่ ............เดือน.....................พ.ศ. ............... ตามแผนที่แนบท้ายใบอนุญาต โดยมีอาณาเขตดงั นี้ ทิศเหนือ จด........................................วัดได้.............................เมตร ทิศตะวนั ออก จด........................................วัดได้.............................เมตร ทิศใต้ จด........................................วัดได้.............................เมตร ทิศตะวนั ตก จด........................................วัดได้.............................เมตร (ลงชือ่ ).................................................ผ้อู นุญาต (............................................) ตําแหน่ง.............................................................






















Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook