Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษา-ม.ปลาย-กศน.อำเภอหนองไผ่

หลักสูตรสถานศึกษา-ม.ปลาย-กศน.อำเภอหนองไผ่

Published by geena2524, 2021-09-16 10:07:30

Description: หลักสูตรสถานศึกษา-ม.ปลาย-กศน.อำเภอหนองไผ่

Search

Read the Text Version

47 คาอธิบายรายวชิ า ภาษาไทย พท 31001 สาระความรู้พืน้ ฐาน ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 5 หน่วยกติ ( 200 ช่ัวโมง ) มาตรฐานท่ี 2.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และทกั ษะพ้ืนฐานเก่ียวกบั ภาษาและการู่ือูาร ศึกษาและฝึ กทกั ษะเกย่ี วกบั เร่ืองดังต่อไปนี้ การฟัง การดู การวจิ ารณ์ความูมเหตุูมผล การลาดบั ความและความเป็นไปไดข้ องเรื่องท่ีฟังและดูจากูื่อ ที่หลากหลาย ตลอดจนมารยาทของการฟังและดู การพดู ศิลปะการพูดท่ีเป็นทางการและไม่เป็นทางการ และมารยาทในการพดู การอ่าน การอา่ นเพื่อตีความ แปลความ ขยายความ ความหมายของภาษาาิ่น ูานวน ูุภาษิต องคป์ ระกอบ ของ การประเมินค่าวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั และวรรณกรรมทอ้ งาิ่น ตลอดจนมารยาทในการอ่าน การเขยี น หลกั การเขียนประเภทต่างๆ และการแตง่ คาประพนั ธ์ประเภทร้อยกรอง ตลอดจนมารยาทในการเขียน หลกั การใช้ภาษา ธรรมชาติของภาษา การใชา้ อ้ ยคา ประโยค ูานวน ูุภาษิต คาพงั เพย คาูุภาพ คาราชาศพั ท์ วรรณคดแี ละวรรณกรรม หลกั การพนิ ิจและประเมินคุณคา่ เก่ียวกบั วรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั และวรรณกรรมทอ้ งา่ิน การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ จดั ประูบการณ์หรือูาานการณ์ในชีวติ ประจาวนั ใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึกปฏิบตั ิจริงเกี่ยวกบั ทกั ษะการฟัง การ ดู การพูด การอ่าน การเขียน และหลกั การใชภ้ าษาเป็นรายบุคคลหรือใชก้ ระบวนการกลุ่ม

48 การวดั และประเมินผล การูังเกต การฝึกปฏิบตั ิ การทดูอบ ตรวจูอบ ตอบคาาาม และการประเมินชิ้นงานในแต่ละกิจกรรม 1.มาตรฐานการเรียนรู้ การฟัง การดู 1. ูามาราเลือกูื่อ ในการฟัง และดูอยา่ งูร้างูรรค์ 2. ูามาราฟังและดู อยา่ งมีวจิ ารณญาณ 3. เป็นผมู้ ีมารยาท ในการฟังและดู การพูด 1. ูามาราพูด ท้งั ที่เป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ โดยใชภ้ าษาาูกตอ้ งเหมาะูม 2. ูามาราแูดงความคิดเห็นเชิงวเิ คราะห์ และประเมินค่าการใชภ้ าษาพดู จากู่ือต่างๆ 3. มีมารยาทในการพูด การอ่าน 1. ูามาราอา่ นอยา่ ง มีวิจารณญาณ จดั ลาดบั ความคิดจากเรื่องที่อ่าน 2. ูามาราศึกษาภาษาา่ิน ูานวน ูุภาษิตท่ีมีอยใู่ นวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั และวรรณกรรม ทอ้ งาิ่น 3. ูามาราวเิ คราะห์ วิจารณ์ ประเมินค่าองคป์ ระกอบของวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั วรรณกรรม ทอ้ งาิ่น 4. ูามาราคน้ ควา้ หาความรู้จากูื่อู่ิงพมิ พแ์ ละู่ือูารูนเทศ 5. ปฏิบตั ิตนเป็ นผมู้ ีมารยาทในการอา่ น และนิูัยรักการอ่าน การเขยี น 1. รู้และเขา้ ใจหลกั การเขียนประเภทต่างๆ โดยใชค้ าในการเขียนไดต้ รงความหมาย และาูกตอ้ งตาม อกั ขระวธิ ีและระดบั ภาษา 2. ูามาราวพิ ากษว์ จิ ารณ์และประเมินงานเขียนของผอู้ ่ืน เพ่อื นามาพฒั นางานเขียน 3. ูามาราแตง่ คาประพนั ธ์ประเภทร้อยแกว้ และร้อยกรอง 4. มีมารยาทในการเขียน และนิูัยรักการเขียน หลกั การใช้ภาษา 1. รู้และเขา้ ใจธรรมชาติของภาษา 2. ูามาราใชภ้ าษาูร้างมนุษยูมั พนั ธ์ในการปฏิบตั ิงานร่วมกบั ผอู้ ื่น และใชค้ าราชาศพั ท์ คาูุภาพได้ าูกตอ้ งตามฐานะของบุคคล วรรณคดี วรรณกรรม

49 ูามาราวเิ คราะห์และเห็นคุณคา่ วรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั และวรรณกรรมทอ้ งาิ่น โดยใช้ หลกั การ พินิจวรรณคดี 2. ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั 1. เห็นคุณค่าของู่ือในการฟังและดู 2. วจิ ารณ์ความูมเหตุูมผล การลาดบั ความ และความเป็ นไปได้ ของเรื่องท่ีฟังและดู 3. นาเูนอความรู้ ความคิดเห็นที่ได้ จากการฟังและดู 4. ปฏิบตั ิตนเป็นผมู้ ีมารยาทในการฟัง และดู 5. ใชศ้ ิลปะการพูดท่ีเป็นทางการและไม่เป็นทางการไดอ้ ยา่ งเหมาะูมกบั โอกาูและบุคคล 6. วเิ คราะห์ประเมินคา่ การใชภ้ าษาพดู จากูื่อต่างๆ 7. ปฏิบตั ิตนเป็ นผมู้ ีมารยาทในการพูด 8. ตีความ แปลความ และขยายความเร่ืองท่ีอา่ น 9. วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ความูมเหตุูมผล การลาดบั ความคิดและความเป็น ไปไดข้ องเรื่องท่ีอา่ น 10. อธิบายความหมาย ของภาษาา่ิน ูานวน ูุภาษิตที่ปรากฏในวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั วรรณกรรมทอ้ งา่ิน 11.วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ประเมินค่าวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั วรรณกรรมทอ้ งาิ่นในฐานะท่ีเป็นมรดก ทางวฒั นธรรมของชาติแลว้ นาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชีวติ 12. เลือกใชู้ ื่อในการคน้ ควา้ หาความรู้ท่ีหลากหลาย 13. มีมารยาทในการอา่ นและมีนิูัยรักการอา่ น 14. กรอกแบบพมิ พป์ ระเภทต่างๆไดา้ ูกตอ้ ง เขียนยอ่ ความ เรียงความ จดหมาย เขียนอธิบาย ช้ีแจง โนม้ นา้ วใจ แูดงทศั นะและการเขียนเชิงูร้างูรรค์ โดยใชห้ ลกั การเขียนและโวหารตา่ งๆ ไดา้ ูกตอ้ งตาม อกั ขระวธิ ีและระดบั ภาษา 15. แตง่ คาประพนั ธ์ประเภทร้อยกรอง ไดา้ ูกตอ้ งตามฉนั ทลกั ษณ์และใชา้ อ้ ยคาที่ไพเราะ 16. ปฏิบตั ิตนเป็นผมู้ ีมารยาทในการเขียนและมีการจดบนั ทึก อยา่ งูม่าเูมอ 17. อธิบายธรรมชาติของภาษาและใชป้ ระโยคตามเจตนาของการูื่อูาร 18. เลือกใชา้ อ้ ยคา ูานวนูุภาษิต คาพงั เพยใหต้ รงความหมาย 19. ใชป้ ระโยคไดา้ ูกตอ้ งตามเจตนาของผูู้ ่งูาร 20. ใชค้ าูุภาพ และคาราชาศพั ทใ์ หา้ ูกตอ้ งตามฐานะและบุคคล 21. วจิ ารณ์ และอธิบายคุณค่าวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั และวรรณกรรมทอ้ งา่ิน

50 หวั เร่ือง 1. การฟัง การดู ตัวชี้วดั 1. เห็นคุณค่าของู่ือในการฟังและดู 2. วจิ ารณ์ความูมเหตุูมผล การลาดบั ความและความเป็นไปได้ ของเร่ืองที่ฟังและดู 3. นาเูนอความรู้ ความคิดเห็น ที่ไดจ้ ากการฟังและดู 4. ปฏิบตั ิตนเป็ นผมู้ ีมารยาทในการฟังและดู กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เติม จานวนช่ัวโมง 1. หลกั การฟัง และดู 1. กรณีตวั อยา่ งการพดู แลว้ ใหผ้ เู้ รียนจบั 10 2. ูรุปความจบั ประเด็นใจความูาคญั ของเร่ือง ใจความ / ูรุป 4 2. กรณีตวั อยา่ งแลว้ ูรุปตามแบบบนั ทึก ที่ฟังและดู 4 3. การวเิ คราะห์ขอ้ เทจ็ จริง ขอ้ คิดเห็นและูรุป 2 ความ 4. มารยาทในการฟังและดู

51 หัวเรื่อง 2. การพดู ตัวชี้วดั 1. ใชศ้ ิลปะการพูดที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการไดอ้ ยา่ งเหมาะูมกบั โอกาูและบุคคล 2. วเิ คราะห์ ประเมินคา่ การใชภ้ าษาพูดจากูื่อตา่ ง ๆ 3. ปฏิบตั ิตนเป็ นผมู้ ีมารยาทในการพดู กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เติม จานวนชั่วโมง 1. หลกั การแูดงความคิดเห็น 1. ศึกษากรณีการพดู ของนกั พดู นกั วชิ าการ 2 2. การพูดเป็นทางการ และไมเ่ ป็นทางการ ท่ีมีช่ือเูียงแลว้ ร่วมกนั วเิ คราะห์หลกั การพูด 8 3. ศิลปะการพูดประเภท ต่าง ๆ เช่น จาก กรณีตวั อยา่ ง 2. ฝึกการพูดในโอกาูตา่ ง ๆ แลว้ ูรุปตาม 8 - พดู แนะนาตนเอง แบบบนั ทึก - พดู กล่าวตอ้ นรับ - พดู กล่าวขอบคุณ - พดู โนม้ นา้ วใจ/ปฏิเูธ - พดู เจรจาตอ่ รอง - พูดแูดงความคิดเห็น - พดู อธิบาย - พดู ูุนทรพจน์ /โตว้ าที 4. มารยาทในการพูด 2

52 หวั เร่ือง 3. การอ่าน ตัวชี้วดั 1. ตีความ แปลความ และขยายความเร่ืองที่อา่ น 2. วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ความูมเหตุูมผล การลาดบั ความคิดและความเป็นไปไดข้ องเร่ืองท่ีอ่าน 3. อธิบายความหมายของภาษาา่ิน ูานวน ูุภาษิตท่ีปรากฏในวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั วรรณกรรมทอ้ งา่ิน 4. วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ประเมินค่าวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั วรรณกรรมทอ้ งาิ่นในฐานะ ท่ีเป็นมรดก ทางวฒั นธรรม ของชาติ แลว้ นาไปประยกุ ต์ ใชใ้ นการดาเนินชีวิต 5. เลือกใชู้ ื่อในการคน้ ควา้ หาความรู้ที่หลากหลาย 6. มีมารยาทในการอ่านและมีนิูยั รักการอา่ น กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ จานวนช่ัวโมง 1. หลกั การตีความ แปลความและขยาย 1. หลกั การเลือกอา่ นหนงั ูือตามวตั าุประูงค์ 2 ความ 1.1 การฝึกฝนการอ่านใหเ้ ร็ว / 7 2. การอ่านบทประพนั ธ์ที่ไพเราะท้งั จบั ใจความ 10 ร้อยแกว้ ร้อยกรอง 1.2 การบนั ทึกการอา่ น 3. การอา่ นวรรคตอนในวรรณคดี จาก - เลือกเร่ืองที่อา่ น เรื่องขนุ ชา้ งขนุ แผน พระอภยั มณี อิเหนา - มีูมาธิแน่วแน่ในการอา่ น นิทานเวตาล นิราศ พระบาท นิราศภูเขา 1.3 พจิ ารณาหวั ขอ้ ท่ีูาคญั จากูารบญั และหวั ขอ้ ยอ่ ยจาก ทอง ร่ายยาวมหาเวููันดรชาดก มทั น ดชั นี พาธา พระมหาชนก (ทศชาติชาดก) 1.4 เตรียมกระดาษูาหรับจดบนั ทึก 4. หลกั การวเิ คราะห์ วจิ ารณ์และ 1.5 อ่านจบตอนหน่ึงแลว้ บนั ทึกใจความูาคญั ของตอน

ประเมินค่าวรรณคดี วรรณกรรม น้นั ๆ 53 ปัจจุบนั และวรรณกรรมทอ้ งา่ิน เช่น 1.6 ใชค้ ายอ่ หรือเครื่องหมายยอ่ เท่าที่จาเป็ น วรรณกรรมปัจจุบัน ไดแ้ ก่ บทละคร 1.7 ขีดเู้นใตข้ อ้ ความทีู่าคญั 20 โทรทศั น์ นวนิยาย เรื่องู้นั บทเพลงต่างๆ 1.8 ทบทวนบนั ทึก วรรณกรรมท้องถ่ิน ไดแ้ ก่ ไกรทอง นางูิบ 1.9 วาดภาพประกอบอยา่ งง่าย ๆ 1 ูอง ปลาบู่ทอง ผาแดงนางไอค่ า ละคร 1.10 การอ่านวารูาร / หนงั ูือพิมพ์ / วเิ คราะห์ จกั รๆ วงศๆ์ ฯลฯ 1.11 การแบง่ ประเภทหนงั ูือ 5. การมีมารยาทในการอา่ น 1.12 การอา่ นตาราแบบเรียน 1.13 การอ่านหนงั ูือวชิ าการ - การเกษตร - การป้องกนั ยาเูพติด - การรักษาูุขภาพ - การปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดี - การมีคุณธรรมจริยธรรม - เศรษฐกิจพอเพียง

54 หวั เร่ือง 4. การเขียน ตวั ชี้วดั 1. เขียนแผนภาพความคิดเขียนยอ่ ความ เรียงความ จดหมาย เขียนอธิบาย ช้ีแจง โนม้ นา้ วใจ แูดง ทศั นะ และการเขียนเชิงูร้างูรรค์ โดยใชห้ ลกั การเขียนและโวหารต่างๆ ไดา้ ูกตอ้ งตามอกั ขระวธิ ีและระดบั ภาษา 2. แตง่ คาประพนั ธ์ประเภท ร้อยกรองไดา้ ูกตอ้ งตามฉนั ทลกั ษณ์และใชา้ อ้ ยคา ที่ไพเรา 3. การกรอกแบบพมิ พป์ ระเภทตา่ งๆไดา้ ูกตอ้ ง 4. ปฏิบตั ิตนเป็นผมู้ ีมารยาท ในการเขียน และมีการจดบนั ทึก อยา่ งูม่าเูมอ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เติม จานวนชั่วโมง 1. การเขียนแผนภาพความคิด 1. การเขียนจดหมายูมคั รงาน 2 2. การเขียนยอ่ ความ - แนวทางเขียนจดหมายูมคั รงาน 2 3. การเขียนเรียงความ - หลกั การเขียนจดหมายูมคั รงาน 2 4. การเขียนจดหมาย - วธิ ีการเขียนประวตั ิยอ่ 2 5. การเขียนอธิบาย 2. การใชศ้ ิลปะในการเขียน หลกั การการ 2 6. การเขียนช้ีแจง โนม้ นา้ วใจ เขียนอธิบาย / ขยายความใหผ้ อู้ ่ืนเกิด 2 7. การเขียนแูดงทศั นะ ภาพพจนค์ ลอ้ ยตาม 2 8. การเขียนคาขวญั 2.1 การเขียนบนั ทึก 2 9. การเขียนคาโฆษณา - จากการอ่าน 2 10. หลกั การเขียนโวหารแบบตา่ งๆ - การฟังอภิปราย 6 11. การเขียนพรรณนาและการเขียน - การเขียนบนั ทึกจากชีวติ ประจาวนั 7

บรรยายเหตุการณ์ 2.2 การเขียนบนั ทึกในการคน้ ควา้ อยา่ งมี 55 12. หลกั การเขียนรายงานทางวชิ าการ ระบบแบบแผน 13. หลกั การเขียนอา้ งอิง 2.3 การเขียนอธิบายขยายขอ้ ความให้ 5 14. การกรอกแบบพิมพป์ ระเภทตา่ งๆ ผอู้ า่ นเกิดภาพพจนค์ ลอ้ ยตาม 1 เช่น กรอกใบูมคั รงาน กรอกใบ 2.4 การเขียนคายาก คาศพั ท์ 2 ูมคั รเรียน กรอกใบคาร้องต่างๆ 2.5 การเขียนนิทาน ตานาน 15. การปฏิบตั ิตนเป็นผมู้ ีมารยาทใน 2.6 การเขียนคากล่าวรายงานและคากล่าว 1 การเขียนและมีนิูยั รักการเขียน เปิ ด - ปิ ดงาน หวั เร่ือง 5. หลกั การใชภ้ าษา ตวั ชี้วดั 1. อธิบายธรรมชาติของภาษาและใชป้ ระโยคตามเจตนาของการูื่อูาร 2. เลือกใชา้ อ้ ยคา ูานวนูุภาษิต คาพงั เพยใหต้ รงความหมาย 3. ใชป้ ระโยคไดา้ ูกตอ้ งตามเจตนาของผูู้ ่งูาร 4. ใชค้ าูุภาพ และคาราชาศพั ทใ์ หา้ ูกตอ้ งตามฐานะและบุคคล 5. แตง่ คาประพนั ธ์ประเภท ร้อยกรอง กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ จานวนช่ัวโมง 1. ธรรมชาติของภาษา 1. ความหมายูานวนท่ีมาจากภาษากีฬา 10 - การเปลี่ยนแปลงของภาษา 2. การใชค้ าและความหมาย 4 - ลกั ษณะของภาษา 3. การใชา้ อ้ ยคาประหยดั 10 - พลงั ของภาษา 4. การใชภ้ าษาไทยใหา้ ูกตอ้ ง 5. การวางู่วนขยายใหา้ ูกที่ 8 2. การใชา้ อ้ ยคา ูานวน ูุภาษิต 6. การใชภ้ าษาชดั เจน คาพงั เพย 7. การใชภ้ าษาทางวชิ าการ 8 3. โครงูร้างของประโยครูปประโยค 8. การใชภ้ าษาตา่ งประเทศโดยไม่จาเป็น และชนิด ของประโยค 4. ระดบั ภาษา 5. คาูุภาพ 6. คาราชาศพั ท์

56 7. การแตง่ คาประพนั ธ์ประเภท ร้อยกรอง หัวเรื่อง 6. วรรณคดีและวรรณกรรม ตวั ชี้วดั อธิบายคุณคา่ วรรณคดีวรรณกรรมปัจจุบนั และวรรณกรรมทอ้ งาิ่น กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ จานวนชั่วโมง 1. ความหมายของวรรณคดีวรรณกรรม 1. หลกั การวจิ ารณ์วรรณคดีและ 10 15 ปัจจุบนั และวรรณกรรมทอ้ งาิ่น วรรณกรรมไทยปัจจุบนั 15 2. คุณคา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรม 1.1 ดา้ นวรรณศิลป์ (เน้ือหาูาระ ดา้ นวรรณศิลป์ และดา้ นูงั คม โครงเร่ือง แนวคิด จุดประูงคข์ องผู้ 3. แนวคิดและคา่ นิยมท่ีปรากฏใน แตง่ ฉาก ตวั ละคร การใชภ้ าษา วรรณคดีและวรรณกรรม วรรณคดี ) 1.2 ดา้ นูงั คม 2. ูาเหตุท่ีทาใหเ้ กิดภาษาาิ่น ( ภาษาระยอง ) 3. ความหมายและลกั ษณะของภาษา า่ิน ( ภาษาระยอง ) 4. รวบรวมภาษาา่ิน ูานวน ูุภาษิต ท่ีมีในวรรณกรรมพ้นื บา้ น 5. หลกั การเก็บขอ้ มูลทางดา้ น วรรณกรรมพ้ืนบา้ น

57 คาอธบิ ายรายวชิ า ภาษาองั กฤษเพื่อชีวติ และสังคม พต 31001 สาระความรู้พืน้ ฐาน ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 5 หน่วยกติ ( 200 ชั่วโมง ) มาตรฐานที่ 2.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และทกั ษะพ้นื ฐานเกี่ยวกบั ภาษาและการู่ือูาร ศึกษาและฝึ กทกั ษะเกยี่ วกบั เรื่องดงั ต่อไปนี้ 1. การตีความหมายจากน้าเูียงของผูอ้ ่ืนว่ามีความรูู้ึกดีใจ เูียใจ พึงพอใจ ไม่พึงพอใจซาบซ้ึง ผิดหวงั ปรารานาดี ชื่นชมหรือเห็นใจ และการใช้น้าเูียงแูดงความรูู้ึกของตวั เองในโอกาูต่าง ๆ การอ่าน ทาความ เขา้ ใจและปฏิบตั ิตามข้อมูลท่ีปรากฏอยู่ในูลากูินคา้ การพูดทางโทรศพั ท์ในูาานการณ์ต่าง ๆ ท่ีาูกตอ้ งการ เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างวฒั นธรรมองั กฤษและวฒั นธรรมไทย รวมท้งั ูามาราปฏิบตั ิตนไดา้ ูกตอ้ งตาม วฒั นธรรมและประเพณีตา่ ง ๆ 2. การอ่านและวเิ คราะห์ขอ้ มูลจากู่ือต่าง ๆ เช่น หนงั ูือพิมพ์ วทิ ยุ โทรทศั น์ ภาพยนตร์ ในดา้ นต่าง ๆ ที่ หลากหลาย การูืบคน้ ขอ้ มูลจาก Internet เพ่ือนามาใชป้ ระโยชน์ในการดารงชีวิตในูังคม การรับและตอบ e-mail ท้งั ในเร่ืองู่วนตวั ในการศึกษาและในการประกอบอาชีพ วิธีการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวูารและความรู้ต่าง ๆ กบั ผอู้ ื่น ท้งั อยา่ งเป็นทางการและไม่เป็ นทางการ โดยเขา้ ใจโครงูร้างของประโยคท่ีซบั ซ้อน (Complex Sentence) และ

58 ใช้ Tense ต่าง ๆ ในการแูวงหาข่าวูาร ข้อมูล ความรู้และในการูื่อูารได้อย่างาูกต้องและเหมาะูมกับ ูาานการณ์ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เนน้ การฟัง พูด อา่ น เขียน จากูาานการณ์จริงหรือูาานการณ์จาลอง โดยใชู้ ่ือท่ีเหมาะูมและ ูอดคลอ้ งกบั เน้ือหาในการเรียนรู้ การวดั และประเมินผล พจิ ารณาจากความูามาราในการนาความรู้และทกั ษะไปใชใ้ นูาานการณ์ต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งาูกตอ้ ง เหมาะูม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคติเกี่ยวกบั ภาษาท่าทาง การฟัง พดู อ่าน เขียน ภาษาต่างประเทศ ดว้ ยประโยคที่ซบั ซอ้ นมากข้ึนในชีวติ ประจาวนั และงานอาชีพของตน าูกตอ้ งตามหลกั ภาษาวฒั นธรรม และ กาลเทศะของเจา้ ของภาษา 2. ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั 1. เขา้ ใจเก่ียวกบั ภาษา ทา่ ทาง ฟัง พูด อ่าน เขียน ดว้ ยประโยคที่ซบั ซอ้ นมากข้ึนในชีวติ ประจาวนั และ งานอาชีพ 2. ปฏิบตั ิตนไดา้ ูกตอ้ งตามมารยาทและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา 3. มีทกั ษะที่าูกตอ้ งตามหลกั ภาษา วฒั นธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา หวั เร่ือง 1. Everyday English ตัวชี้วดั ตีความหมายจากน้าเูียงของผอู้ ื่นและรู้จกั ใชน้ ้าเูียงในการแูดงความรูู้ึก ระหวา่ งการูนทนา ไดแ้ ก่ ดีใจ เูียใจ พงึ พอใจไม่พงึ พอใจ ซาบซ้ึง ผดิ หวงั ปรารานาดี ช่ืนชมและเห็นใจ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ จานวนช่ัวโมง 1.การออกเสียงพยญั ชนะต้นคา -ท้ายคา 2 1.1 ทบทวนการออกเูียง พยญั ชนะตน้ คาที่ ยาก เช่น เูียง s z ch sh - sit, see, soon - zebra, zero, zoo - cheap, chat, choose

- ship, shoe, shut เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เติม 59 etc. 2 1.2 การอา่ นออกเูียงทา้ ยคาที่าูกตอ้ ง 4 เช่น เูียง [d] , [t] , หรือ [id] เม่ือเป็นกริยา ช่อง 2 และ past participle เช่น จานวนชั่วโมง - moved, turned, loved 2 - walked, talked, knocked - wanted, rented, waited etc. 2.การออกเสียงหนัก-เบา (Stress) วธิ ีการ ออกเูียง หนกั -เบา ของคาในลกั ษณะตา่ ง ๆ เช่น คาเด่ียว คาประูมในลกั ษณะตา่ งๆ เป็นตน้ วา่ คาประเภทใดจะตอ้ งออกเูียงเนน้ ที่ พยางคแ์ รก พยางคก์ ลางหรือพยางคห์ ลงั 3.การออกเสียงตามระดบั เสียงสูง-ต่า (Intonation) วธิ ีการออกเูียงของประโยค ลกั ษณะตา่ ง ๆ ซ่ึงจะตอ้ งออกเูียงููง-ต่า ให้ าูกตอ้ งเพ่ือใหู้ ่ือความหมายท่ีผพู้ ูดตอ้ งการ ประโยคประเภทเดียวกนั าา้ ออกเูียงููง-ต่า ตา่ งกนั จะใหค้ วามรูู้ึกท่ีตา่ งกนั กรอบสาระการเรียนรู้ 7.การแสดงความปรารถนา/ เหน็ ใจและการตอบรับ การใช้ คา วลี และรูปประโยคที่จะนามาใชใ้ นการ แูดงความปรารานาดี/เห็นใจในโอกาูตา่ ง ๆ ได้ าูกตอ้ ง เช่น การแูดงความระลึกาึง การแูดง ความเห็นใจเม่ือผอู้ ่ืนประูบปัญหา เป็ นตน้ ตวั อยา่ งคา วลี และรูปประโยค เช่น - Best wishes. - Take care. - Get well soon. - Good luck.

60 - With sympathy. - We hope everything go well through this suffering period. - I understand how difficult it is. - It must be for you. - I feel sympathy for you. - Thank you for your hospitality. - Thanks a million for....................... - I’m very grateful to your................... - It’s very appreciative that................... - I’m very appreciated for.................. กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ จานวนชั่วโมง 4 8.การแสดงความต้องการการเสนอ/ให้ความช่วยเหลือ/ บริการ รวมท้งั การตอบรับ/ปฏิเสธ การ ให้ความ ช่วยเหลือ/บริการ การใชค้ าวลี และรูปประโยคเพื่อ แูดงความตอ้ งการ การเูนอ/ใหค้ วามช่วยเหลือ/ บริการ รวมท้งั การตอบรับ/ปฏิเูธในการใหค้ วาม ช่วยเหลือ/บริการในโอกาูและูาานท่ีต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ ง าูกตอ้ ง ไดแ้ ก่การซ้ือูินคา้ /บริการในร้าน การูงั่ จอง ตวั๋ เครื่องบิน/ราไฟ/ภาพยนตร์/การบริการในบริษทั ทวั ร์ การจองโรงแรม/ ท่ีพกั การใชบ้ ริการใน ท่ีทาการ ไปรษณีย/์ ธนาคาร/ร้านอินเตอร์เน็ต ตวั อยา่ ง คาวลี และ รูปประโยค เช่น

61 - May I help you? - What can I do for you? - Let me.............................. - Shall I ...............................? - Is there anything I can do for you? - I would like......................... - I prefer................................. - I’d rather.............................. - How much..............................? - How about..............................? - I’m afraid..............................? - We recommend.............................. - Would you please..............................? - Please let me know............................ - It’s occupied. หัวเร่ือง 2. What should you do? ตวั ชี้วดั อ่านและทาตามคาแนะนาในการใชค้ ูม่ ือ ป้าย คาแนะนา วธิ ีการปรุง ขอ้ ควรระวงั และ ป้ายประกาศ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เติม จานวนช่ัวโมง 1.การใช้พจนานุกรม (Dictionary) 4 1.1 ทบทวนการคา้ หาความหมายของคาศพั ทโ์ ดยเรียงตาม ตวั อกั ษรของคาศพั ทท์ ี่คน้ หาจาก a าึง z 1.2 ใหอ้ ่านวธิ ีการใชพ้ จนานุกรมและขอ้ มูลตา่ ง ๆ ท่ีอยใู่ น ู่วนหนา้ (คาช้ีแจงในการใช)้ ของ Dictionary ใหเ้ ขา้ ใจ 1.3 เม่ือคน้ หาคาศพั ทพ์ บแลว้ ใหศ้ ึกษาวธิ ีการอา่ นออกเูียง หนา้ ที่ของคา ความหมายและตวั อยา่ งในการใช้ (ซ่ึงคาบางคา อาจจะทาหนา้ ท่ีไดห้ ลายอยา่ ง) และคาที่มีความหมาย

ใกลเ้ คียงกนั เช่น drug (ดรัก) n. ยา ผลิตภณั ฑย์ า ยาเูพติด เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ 62 ูินคา้ ที่เกี่ยวกบั ูุขภาพที่ขายในร้านขายยา vt. drugged, drugging ผูมกบั ยา ทาใหต้ ิดยา ทาใหไ้ ดร้ ับพษิ จากยา drug จานวนช่ัวโมง on the market ูินคา้ ท่ีมี มากเกินความตอ้ งการในตลาด 2.การวเิ คราะห์ศัพท์และรูปประโยคทใ่ี ช้ในสัญลกั ษณ์ ป้าย ประกาศ/คาแนะนาในการใช้/คาแนะนา/คาเตือนต่าง ๆ 2.1 การวเิ คราะห์ศพั ทโ์ ดยการรู้จกั ู่วนที่เป็นรากศพั ท์ (Root) อุปูรรค หรือที่คาเติมไปขา้ งหนา้ (Prefix) และปัจจยั หรือคา ท่ีเติมขา้ งหลงั (Suffix) โดยทราบความหมายของ ู่วนประกอบของคาศพั ทต์ า่ ง ๆ เหล่าน้นั ก็จะทราบ ความหมายของศพั ทไ์ ด้ เช่น Prefix : re = again anti = against tele = far etc. Suffix : ant = person er = person who dom = condition ern = direction กรอบสาระการเรียนรู้ 2.2 รูปประโยคที่ใชใ้ นูญั ลกั ษณ์/ป้าย ประกาศ/คาแนะนาในการใช/้ คาแนะนา/คาเตือนต่าง ๆ ซ่ึงจะ ใชร้ ูปประโยคคาูงั่ (Imperative Sentence) ท้งั ในลกั ษณะ บอกเล่าและปฏิเูธ เช่น - Don’t smoke. - No smoking. - No entry. - Put some oil in the pan, then put the garlic and stir until it become yellow. etc. 3.สัญลกั ษณ์และป้ายประกาศต่าง ๆ (Signs & Notices) รู้จกั

63 ความหมายของูญั ลกั ษณ์และป้ายประกาศที่พบใน ชีวติ ประจาวนั และการประกอบอาชีพ เช่น การปฏิบตั ิตนใน แหล่งทอ่ งเท่ียว โรงแรม พพิ ิธภณั ฑ์ โรงงาน ูานกั งาน ยานพาหนะ เป็น ตวั อยา่ ง เช่น = Don’t take photograph. = No smoking = Don’t take durian inside. = Handicapped = elevation or lift กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เติม จานวนช่ัวโมง = do not disturb Make up = make up the room the room

64 = danger = safety first = no parking = Disabled Symbol etc เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ จานวนช่ัวโมง . 4 กรอบสาระการเรียนรู้ 4.สลากยาและคู่มือในการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ (Instructions) การอา่ น ทาความเขา้ ใจและปฏิบตั ิตาม คาแนะนาในการใชย้ าและอุปกรณ์ต่าง ๆที่ใชใ้ น ชีวติ ประจาวนั เช่น หมอ้ หุงขา้ วไฟฟ้า เครื่องซกั ผา้ คอมพวิ เตอร์ โทรศพั ทม์ ือาือ เป็นตน้ โดยให้เขา้ ใจ ูานวนหรือโครงูร้างของประโยคท่ีมกั ใช้ เช่น - Keep out of reach of children. - Take one tablet after each meal. - Shake well before use.

การใช้ Active Voice และ Passive Voice 65 Modal verb Direct Speech, Indirect speech, Conjunction และ Connective words ทีู่าคญั เช่น 4 - You should have it directly after meal. - The doses must not be divided. - Don’t use if the package is open. - First open the can with the opener. Pull it in a bowl. Then put some chopped chili, lemon juice and fish sauce. After that mix them together. 5.คาแนะนาและคาเตือนต่าง ๆ (Tips and Warning) รู้จกั วธิ ีการอา่ นและตีความ คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายตา่ ง ๆ เช่น พยากรณ์ อากาศ ประกาศ เตือนภยั คาแนะนาในการเขา้ ไปใน ูาานท่ีต่าง ๆ คาอธิบายูินคา้ และู่วนประกอบหรือ เคร่ืองปรุง วธิ ีการปรุงอาหาร เป็นตน้ หัวเร่ือง 3. Hello, could you tell me.............? ตัวชี้วดั ติดต่อู่ือูารทางโทรศพั ทไ์ ดค้ ล่องแคล่ว กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เติม จานวนชั่วโมง 5 1.การตดิ ต่อทางโทรศัพท์กบั ผู้ทค่ี ุ้นเคย รู้จกั วธิ ีการพดู โตต้ อบทางโทรศพั ทก์ บั เพ่ือน ญาติ พน่ี อ้ งและผู้ ท่ีคุน้ เคยในเรื่องต่าง ๆ โดยใชู้ านวนและภาษาท่ีเหมาะูม เช่น

- Is ……………. at home? เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ 66 - Could I speak to………., please? - May I speak to ……..…., please? จานวนช่ัวโมง - She/he is out. - Sorry, she’s not here now. - Would you like to wait? - Will you leave a message? - May I take a message for her/him? - Wait a minute, please. - Will you hole on? - Just a moment, please. - Please tell ........... to call me at......... 2.การตดิ ต่อทางโทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อมูลต่าง ๆ การใชู้ านวนภาษาท่ีใชพ้ ูดทางโทรศพั ทเ์ พื่อูอบาามขอ้ มูล ต่าง ๆ ท่ีตอ้ งการทราบโดยใชร้ ูปประโยคขอร้อง /ขอร้องอยา่ ง ูุภาพ (request, polite, request) ประโยค direct/ indirect speech ประโยคคาาามลกั ษณะต่าง ๆ ประโยคแูดงความ คิดเห็นและการขอบคุณ เช่น การูอบาามเู้นทางการเดินทาง ไปที่ต่าง ๆ ูอบาามตารางราไฟ เครื่องบิน ูอบาามขอ้ มูล ดา้ นการคุม้ ครองผบู้ ริโภค/ ูุขภาพอนามยั / พยากรณ์อากาศ เป็นตน้ ตวั อยา่ งประโยคท่ีใช้ กรอบสาระการเรียนรู้ - Hello, I’d like to ask about............. - Could you tell me............, please? - Would you mind giving me the information about...........? - Can/Couldyou........................? - May/Can/Could I.....................? - Don’t............................, please? - At what time...........................? - How many.................................? - How far..............................? - How much..............................?

- I need your help..............................? เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เตมิ 67 - Pradon. - I think.............................. 10 - Well, I must.............................. จานวนชั่วโมง - In my opinion, .............................. - Thanks. /Thank you. - Sorry. /I’m sorry. - You’re welcome. 3.การตดิ ต่อทางโทรศัพท์เพื่อการประกอบอาชีพ วธิ ีการพดู โตต้ อบทางโทรศพั ท์ เพือ่ าาม-ใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั การ ประกอบอาชีพ โดยใชู้ านวนและภาษาท่ีเหมาะูมในการ ูอบาามขอ้ มูลเก่ียวการูมคั รงาน การซ้ือ-ขายูินคา้ การให้ ขอ้ มูลเก่ียวกบั คุณภาพและราคาของูินคา้ การู่งเูริมการขาย การตอ่ รองราคา การรับและู่งของ ตวั อยา่ งประโยคท่ีใช้ - Hello. I’d like to ask/know about....... - Can/could you tell me about............? - May/Could I speak to........, please? - Can/Could you inform me about......? - What is the position required? - What is the qualification? - How can I apply for this position? กรอบสาระการเรียนรู้ - When is the dateline of the application? - Do I have to send the application form? - Should I also send the resume/reference? - When/Where will the interview take place? - What kind of goods are available? - How much does it cost? - How can I send the order? - Is there any discount? - How about the present promotion?

68 - How about the quality? - Where/When can I buy this product? - What is the product’s significance? - Please let me know if.................. - I’m interested in........................... - That’s very interesting. - I’m very appreciated......................... - When will I receive the product? - How should I pay for the product? - By cash/check /credit. - Thanks for your interest /kindness/information. - It’s my pleasure. - You’re welcome. - Sorry. /I’m sorry. หัวเร่ือง 4. Cultural Difference ตัวชี้วดั 1. ปฏิบตั ิตนตามมารยาท วฒั นธรรมและประเพณีตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งาูกตอ้ ง 2. เปรียบเทียบความแตกตา่ งระหวา่ งวฒั นธรรมองั กฤษกบั วฒั นธรรมไทย กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เตมิ จานวนชั่วโมง 5 1. การใช้ภาษาในการสื่อสารได้เหมาะสมตาม มารยาททางสังคมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา การใชภ้ าษา น้าเูียงและภาษาท่าทางไดอ้ ยา่ งเหมาะูมกบั บุคคล เวลา ูาานท่ีและโอกาู เช่น การูมั ผูั มือ การโบกมือ

69 การใชู้ ีหนา้ ทา่ ทาง และน้าเูียงประกอบการพูด การแนะนา ตวั เอง การแูดงความรูู้ึกในโอกาูตา่ ง ๆ การแตง่ กาย การ รับประทานอาหาร ร่วมงานงานเล้ียง งานูังูรรค์ และ กิจกรรมทางูงั คมตา่ ง ๆ ตวั อย่าง เช่น - Blow a kiss. (ู่งจูบ) - I love you. (ภาษาใบ)้ - Be quiet. (เงียบ) - That’s bad. (ยกหวั แม่มือ ช้ีลงไปท่ีพ้ืน) เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เตมิ จานวนช่ัวโมง กรอบสาระการเรียนรู้ - How’s everything? - How have you been? - What’s going on with your life? - How’s life? - What’s up? - May I introduce myself? - Let me introduce myself, ................. - Allow me to introduce.............to........... - Have you met......................?

- Congratulations on........................ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เติม 70 - Happy Birthday. - Merry Christmas. จานวนชั่วโมง - Happy New Year. 5 - I’m sorry for......................... 5 - May god bless you. - May god be with you. - I feel sorry............................... - Please pass my warm regards to............ - Toast! - I wish you................................... - Would you mind................................... - Please let me know.............................. - Would you please................................... - May I have................................... - Can you help me................................... - You look smart. - How nice............................... - I wonder if.............................. - How to cook.............................. etc. กรอบสาระการเรียนรู้ 2. ความเช่ือและขนบธรรมเนียม ประเพณขี อง เจ้าของภาษา ความเป็นมาของความเชื่อ ขนบธรรมเนียมและประเพณีต่าง ๆ ในูังคมของเจา้ ของภาษา การทากิจกรรมตามความเชื่อ ขนบธรรมเนียมและประเพณีต่าง ๆ ในดา้ น บทเพลง การแตง่ กาย อาหาร เครื่องดื่มและการประกอบพธิ ีกรรมที่เก่ียวขอ้ ง ไดแ้ ก่ วนั คริูตม์ าู วนั ขอบคุณพระเจา้ วนั วาเลนไทน์ และวนั พอ่ 3. การเปรียบเทยี บโครงสร้างภาษาไทยกบั ภาษาองั กฤษ

เปรียบเทียบลกั ษณะคาท่ีมาของคาความหมายและการประยกุ ต์ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ 71 คาในภาษาองั กฤษใชใ้ นภาษาไทยและคาในภาษาไทย ที่นาไป ในภาษาองั กฤษ ตวั อยา่ ง เช่น จานวนช่ัวโมง - ศพั ทข์ องภาษาไทยู่วนใหญ่มาจากภาษาบาลี/ูันูกฤต ในขณะท่ีศพั ทข์ องภาษาองั กฤษู่วนใหญจ่ ากภาษากรีกและ โรมนั - คาในภาษาองั กฤษท่ีนามาใชใ้ นภาษาไทย เช่น กิโลกรัม กิโลเมตร เซนติเมตร คาในภาษาไทยที่นาไปใชใ้ น ภาษาองั กฤษ เช่น Tom Yam Kung, Muai Thai เป็นตน้ โครงสร้างของประโยคต่างๆ - ประโยคความเดียว (Simple Sentence) - ประโยคความรวม (Compound Sentence) - ประโยคความซ้อน (Complex Sentence) - ประโยคความผูม (Compound-Complex Sentence) - การใช้ Transitive / intransitive/ auxiliary verbs - Tense ต่างๆ - ลกั ษณะของประโยคคาาาม - ประโยคเง่ือนไข - การใชู้ นั ธาน (Conjunction) และบุพบท (Preposition) etc. กรอบสาระการเรียนรู้ 4. เปรียบเทยี บ สานวน คาพงั เพย สุภาษิต บทกลอนภาษาไทยและภาษาองั กฤษ 4.1 คาและูานวนที่ไดร้ ับอิทธิพลจากศาูนา เช่น - Oh, god! = คุณพระช่วย - Oh, my god! = พทุ โธ ธมั โม ูังโฆ etc. คาพงั เพย ูุภาษิตท่ีมกั จะใชใ้ นชีวติ ประจาวนั เช่น - It’s a piece of cake. = ปลอกกลว้ ย เขา้ ปาก

72 - Silence is gold. = น่ิงเูียตาลึงทอง - Time and tide wait for no one. = เวลาและวารีไมเ่ คยคอยใคร ลกั ษณะของบทกลอนภาษาไทยกบั ภาษาองั กฤษท่ีเหมือนและ แตกตา่ งกนั แรงบนั ดาลใจของกวใี นการแต่งคาประพนั ธ์ พร้อมตวั อยา่ งที่มกั ไดย้ นิ เูมอ ๆ เช่น Roses are red, violets are blue, sugar is sweet, but not as sweet as you. แมเ้ น้ือเยน็ เป็ นหว้ งมหรรณพ จะขอพบศรีูวูั ด์ิเป็ นมจั ฉา แมเ้ ป็ น บวั ตวั พี่เป็นภุมรา เชยผกาโกูุมภ์ ประทุมทอง แมเ้ ป็นา้าอาไพใคร่เป็น หงู์ จะร่อนลงูิงูู่เป็นคูู่ อง จะติดตามทรามูงวนนวลละออง เป็ น คู่ครอง พิูวาู ทุกชาติไป etc. หวั เรื่อง 5. News & News Headline ตวั ชี้วดั 1. เขา้ ใจและใชป้ ระโยคที่ซบั ซอ้ นในูาานการณ์ต่าง ๆ 2. ใช้ Tenses ท่ียงุ่ ยากและซบั ซอ้ น 3. ศึกษาคน้ ควา้ ความรู้และขอ้ มูลจากู่ือหนงั ูือพมิ พ์ 4. แลกเปล่ียนขอ้ มูลขา่ วูารความรู้อยา่ งเป็นทางการ 5. ูืบคน้ ขอ้ มูลในดา้ นตา่ ง ๆ จาก Internet กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เติม จานวนชั่วโมง 2 1.เูียง คาศพั ท์ วลี ูานวน ท่ี มกั ใชบ้ อ่ ย ๆ ในขา่ ว 2 2.องคป์ ระกอบของข่าว ประกอบดว้ ย Headline,

Sub headline, Lead และ Detail 73 3.ประเภทของขา่ ว เช่น ข่าวการเมืองขา่ วการศึกษา ข่าวกีฬา ข่าวูังคม ข่าวเศรษฐกิจ เป็นตน้ 2 4.โครงูร้างของการเขียนพาดหวั ข่าว 6 (News Headline) ไดแ้ ก่ 5 4.1 ข่าวและพาดหวั ข่าว 2 4.2 การาามและตอบคาาามจากขา่ วดว้ ย คาาามที่ เป็น Wh-Question และ Yes/No Question จานวนช่ัวโมง 4.3 การาามและแูดงความคิดเห็นวา่ เห็นดว้ ย 2 หรือไม่เห็นดว้ ย เช่น - Do you agree with this.................... - What do you think about.................. 4.4 Website ของหนงั ูือพิมพ์ The Nation หรือ Bangkok Post เพ่ือศึกษาขา่ วประเภท ต่าง ๆ ท่ีูนใจแลว้ วเิ คราะห์โครงูร้างของ พาดหวั ข่าวน้นั ๆ หรือบอกประเภทของขา่ ว - Subj. + V1 - Subj. + V3 - Subj. + to + V1 - Subj. + V. ing -Noun phrase หวั เรื่อง 6. Self -Sufficiency Economy ตวั ชี้วดั 1. ศึกษาคน้ ควา้ ความรู้และขอ้ มูลจากู่ือตา่ ง ๆ 2. ูืบคน้ ขอ้ มูลในดา้ นต่าง ๆ จาก Internet 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยคซบั ซอ้ นในูาานการณ์ต่าง ๆ 4. การแลกเปล่ียนขอ้ มูลข่าวูารความรู้ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เติม 1.บทความเกี่ยวกบั เศรษฐกิจพอเพยี งจากหนงั ูือ

หนงั ูือพมิ พ์ หรือ Website ที่เกี่ยวขอ้ ง 74 2.คาศพั ท์ วลี ูานวน ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เศรษฐกิจพอเพยี ง เช่น moral , moderation, reasonable, knowledge, 2 saving เป็นตน้ 2 3.โครงูร้าง Conditional sentence (If -clause) 2 4.โครงูร้าง Imperative 5. การนาเูนอการนาเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ น 2 รูปแบบตา่ ง ๆ เช่น การติดคาขวญั การูัมภาษณ์ การทา Poster เป็นตน้ การเล่นเกม Cross word 6. การเล่นเกม Cross word หัวเร่ือง 7. Have you exercised today? ตัวชี้วดั 1. ศึกษาคน้ ควา้ ความรู้และขอ้ มูลจากู่ือ ตา่ ง ๆ 2. ูืบคน้ ขอ้ มูลในดา้ นตา่ ง ๆ จาก Internet 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยคซบั ซอ้ นในูาานการณ์ตา่ ง ๆ 4. ใช้ Tense ท่ียงุ่ ยากและซบั ซอ้ น 5. แลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวูารความรู้ ท้งั อยา่ งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ จานวนช่ัวโมง

1. แบบูอบาาม (Questionnaire) เกี่ยวกบั การดูแลูุขภาพ 75 จากหนงั ูือหรือ Website เกี่ยวขอ้ ง 2. การอ่านออกเูียง คาศพั ท์ ูานวน วลี ที่เกี่ยวขอ้ งกบั 2 ูุขภาพ เช่น aerobics, once, relaxed, health, healthy, firm, have a headache เป็นตน้ 2 3. ประโยคที่เขียนดว้ ย Modal Verb เช่น should, must, ought to, had better, will 2 เป็ นตน้ 2 4. Present Perfect Tense 4 5. การูารวจแบบูอบาามเก่ียวกบั ูุขภาพบุคคลใกลช้ ิด แลว้ นาเูนอขอ้ มูลเป็นรูปกราฟหรือแผนภูมิ หวั เร่ือง 8. Shall we save the energy? ตวั ชี้วดั 1. ศึกษาคน้ ควา้ ความรู้และขอ้ มูลจากู่ือต่าง ๆ 2. ูืบคน้ ขอ้ มูลในดา้ นตา่ ง ๆ จาก Internet 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยคซบั ซอ้ นในูาานการณ์ต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งาูกตอ้ ง 4. ใช้ Tenseที่ยงุ่ ยากและซบั ซอ้ นไดอ้ ยา่ งาูกตอ้ ง 5. แลกเปล่ียนขอ้ มูลข่าวูารความรู้ท้งั อยา่ งเป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เติม จานวนช่ัวโมง 2 1. บทความเก่ียวกบั การประหยดั พลงั งาน (Energy

Saving) จากหนงั ูือ หนงั ูือพมิ พ์ หรือ Website ท่ี 76 เก่ียวขอ้ ง 2. เูียง คาศพั ท์ วลี ูานวนท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การประหยดั 2 พลงั งาน เช่น reuse, recycle, plug in, unplug, turn on, 2 turn off, reduce เป็นตน้ 3.โครงูร้าง เร่ือง Imperative + V1 ________. 1 2 Don’t + V1+ ........................... 4. Game “Find someone who..............” 5. การูัมมนาเรื่องการประหยดั พลงั งาน หวั เร่ือง 9. What have I done? ตัวชี้วดั 1. ศึกษาคน้ ควา้ ความรู้และขอ้ มูลจากู่ือต่าง ๆ 2. อ่านออกเูียงคาศพั ท์ วลี ูานวน ไดอ้ ยา่ งาูกตอ้ ง 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยคซบั ซอ้ นในูาานการณ์ ตา่ ง ๆ 4. ใช้ Tenseที่ยงุ่ ยากและซบั ซอ้ น 5. แลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วูารความรู้ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ จานวนช่ัวโมง

1.บทูนทนาเกี่ยวกบั การไปตดั เู้ือ 77 2.การอา่ นออกเูียง คาศพั ท์ วลี ูานวน ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การไปตดั เู้ือ เช่น measure, sleeves, seam, shorten เป็น 2 ตน้ 2 3.โครงูร้าง have something done 4.โครงูร้าง Reported Speech 2 5.การเล่าเร่ือง (ูาานการณ์) 2 2 หวั เรื่อง 10. What is your e-mail address? ตวั ชี้วดั 1. การูืบคน้ ขอ้ มูลดา้ นตา่ ง ๆ จาก Internet และรับู่ง e-mail 2. ศึกษาคน้ ควา้ ความรู้และขอ้ มูลจาก ู่ือต่าง ๆ 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยคซบั ซอ้ นในูาานการณ์ต่าง ๆ 4. แลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วูารความรู้ ท้งั อยา่ งเป็นทางการ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เติม จานวนช่ัวโมง

1. การขอมี e-mail 78 2. การเปิ ด/ปิ ด e-mail 3. ภาษา e-mail 2 4. บทอา่ นแนะนาตนเองท่ีพิมพม์ าจาก e-mail 1 5. การูร้างประโยคคาาามจากคาตอบที่ใหม้ า 2 6. การาามและการตอบขอ้ มูลการเปรียบเทียบ 2 7. การเขียนแนะนาตนเองาึง Pen pal โดยู่งทาง e-mail 1 1 1 หวั เรื่อง 11. Natural Disaster ตัวชี้วดั 1. ศึกษา คน้ ควา้ ความรู้ และขอ้ มูลจากูื่อตา่ ง ๆ 2. ูืบคน้ ขอ้ มูลในดา้ นตา่ ง ๆ จาก Internet 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยคท่ีซบั ซอ้ นในูาานการณ์ตา่ ง ๆ ได้ อยา่ งาูกตอ้ ง 4. การใช้ Tense ที่ยงุ่ ยากและซบั ซอ้ น 5. แลกเปล่ียนขอ้ มูลข่าวูารความรู้ ท้งั เป็ นทางการและไม่เป็นทางการ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เติม จานวนช่ัวโมง

1. บทอา่ นเก่ียว Earthquake, Tornado หรือ Flood จาก 79 หนงั ูือพมิ พ์ หรือ Website ของหนงั ูือพิมพ์ The Nation หรือ Bangkok Post 2 2. คาศพั ท์ วลี ูานวนที่เกี่ยวขอ้ ง เช่น kill, injured, die, homeless, help, shelter, landslide เป็นตน้ 1 3. Past Simple Tense, Past Continuous Tenseและ 3 Past Perfect Tense. 2 4. Compound Sentence และ Complex Sentence 1 5. การาามและการตอบคาาามจากบทอ่าน 1 6.การแูดงบทบาทูมมุติ (Role Play) เป็นผูู้ ่ือข่าว นาเูนอขา่ วท่ีเกี่ยวกบั Natural Disaster หัวเรื่อง 12. Let’s Travel ตวั ชี้วดั 1. ศึกษาคน้ ควา้ ความรู้และขอ้ มูลจากู่ือตา่ ง ๆ 2. ูืบคน้ ขอ้ มูลในดา้ นตา่ ง ๆ จาก Internet และรับู่ง E-mail 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยคที่ซบั ซอ้ นในูาานการณ์ต่าง ๆ 4. ใช้ Tense ที่ยงุ่ ยากและซบั ซอ้ นได้ 5. แลกเปล่ียนขอ้ มูลข่าวูารความรู้ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เตมิ จานวนช่ัวโมง 2 1. ตารางเวลาของ Bus, Train,

Airplane, Boat หรือ Subway จากู่ือตา่ ง ๆ เช่น แผน่ พบั 80 หนงั ูือพิมพ์ หรือ Website ท่ีเก่ียวขอ้ ง 2. Asking & giving Information เช่น 2 - Could you please tell me....................? 2 - Please tell me.............................. - Excuse me. Do you know...................? 2 3. การบอกทิศทาง (Direction) เช่น 2 - Go straight. 2 - Keep walking to.......................... - Walk past.................................. - It’s at the opposite of.......................... - Next to.................................... 4. Past Simple Tense และ Past Simple Tense 5. การเขียนเล่าเร่ืองหรือประูบการณ์ในการ ท่องเที่ยว 6.การวางแผนการเดินทางทอ่ งเท่ียว หัวเรื่อง 13. Will it rain tomorrow ตวั ชี้วดั 1. ศึกษาคน้ ควา้ ความรู้และขอ้ มูลจากู่ือต่างๆ เช่น หนงั ูือพมิ พภ์ าษาองั กฤษและWebsite 2. แลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวูารความรู้ท้งั อยา่ งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยคท่ีซบั ซอ้ นในูาานการณ์ต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งาูกตอ้ ง 4. ูืบคน้ ขอ้ มูลในดา้ นตา่ ง ๆ จาก Internet กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เตมิ จานวนช่ัวโมง 1. บทอ่าน การพยากรณ์อากาศ (Weather 2

Forecast) ท้งั ในประเทศและตา่ งประเทศ 81 2. การาาม-ตอบ คาาามจากบทอา่ น การ พยากรณ์อากาศ (Weather Forecast) 1 3. การาามและการขอขอ้ มูล (Asking & Giving 2 Information) เูียง คาศพั ท์ วลี ูานวนท่ีมกั ใชบ้ ่อยๆ ในข่าว 2 พยากรณ์อากาศ เช่น shower, windy, heavy, 1 scatter, stormy, sunrise, sunset, maximum, 2 minimum, Northeast 4. Parts of Speech การทาคานาม Noun ใหเ้ ป็น Adjective 5.Website ท่ีเก่ียวกบั การพยากรณ์อากาศ Role play เป็นผปู้ ระกาศข่าวการพยากรณ์ อากาศ หัวเรื่อง 14. Global Warming ตวั ชี้วดั 1. ศึกษาคน้ ควา้ ความรู้และขอ้ มูลจากูื่อตา่ ง ๆ 2. ูืบคน้ ขอ้ มูลในดา้ นต่างๆ จาก Internet 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยคซบั ซอ้ นในูาานการณ์ต่าง ๆ 4. ใช้ Tense ที่ยงุ่ ยากและซบั ซอ้ น 5. แลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วูารความรู้ท้งั อยา่ งเป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เติม จานวนชั่วโมง

1.บทความเกี่ยวกบั ภาวะโลกร้อน (Global Warming) 82 ูาเหตุของภาวะโลกร้อนหรือผลกระทบของภาวะโลก ร้อนจากหนงั ูือหรือหนงั ูือพิมพห์ รือWebsite ที่ 2 เกี่ยวขอ้ ง 2. การอา่ นออกเูียงคาศพั ท์ วลี ูานวน 2 เกี่ยวขอ้ ง เช่น temperature, increase, melt, burn, earth, 2 hot เป็นตน้ 2 3.โครงูร้าง Passive Voice 2 Subj + V to be + V3 4. บทูนทนาท่ีเก่ียวกบั การป้องกนั หรือลดภาวะโลก ร้อน 5. Mind map แูดงเหตุผลและผลกระทบของภาวะ โลกร้อน หัวเรื่อง 15. Urgently Wanted ตวั ชี้วดั 1. ศึกษาคน้ ควา้ ความรู้และขอ้ มูลจากู่ือต่าง ๆ 2. ูืบคน้ ขอ้ มูลในดา้ นต่าง ๆ จาก Internet และรับู่ง e-mail 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยคซบั ซอ้ นในูาานการณ์ต่าง ๆ 4. การแลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วูารความรู้ ท้งั อยา่ งเป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เติม จานวนชั่วโมง 2 1.โฆษณาตาแหน่งงาน (Job Advertisement)จาก

หนงั ูือ หนงั ูือพมิ พ์ หรือ Website เกี่ยวขอ้ ง 83 2.คาศพั ท์ ูานวน วลี โครงูร้างที่เก่ียวขอ้ ง เช่น qualification, salary, graduation, age, photo, apple 2 เป็ นตน้ 2 3.การเขียนประวตั ิ (Resume) เพอ่ื ูมคั รงาน การู่ง e-mail ูมคั รงาน คาอธบิ ายรายวชิ า คณติ ศาสตร์ พต 31001 สาระความรู้พืน้ ฐาน ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 5 หน่วยกติ ( 200 ช่ัวโมง ) มาตรฐานท่ี 2.2 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และทกั ษะพ้นื ฐานเก่ียวกบั คณิตศาูตร์ วทิ ยาศาูตร์และ เทคโนโลยี ศึกษาและฝึ กทกั ษะเกยี่ วกบั เรื่องดังต่อไปนี้ จานวนและการดาเนินการ จานวนจริง ูมบตั ิของจานวนจริงเก่ียวกบั การบวกและการคูณ ูมบตั ิการ เท่ากนั และการไม่เทา่ กนั คา่ ูมั บูรณ์

84 เลขยกกาลงั ทมี่ เี ลขชี้กาลงั เป็ นจานวนตรรกยะ การบวก การลบ การคูณ การหาร จานวนที่มีเลขช้ีกาลงั เป็นจานวนตรรกยะ และจานวนจริงที่อยใู่ นรูปกรณฑ์ เซต เซต การดาเนินการของเซต แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์และการแกป้ ัญหา การให้เหตุผล การใหเ้ หตุผลแบบอุปนยั และนิรนยั การอา้ งเหตุผล อตั ราส่วนตรีโกณมติ ิและการนาไปใช้ อตั ราู่วนตรีโกณมิติ อตั ราู่วนตรีโกณมิติของมุม 30 45 และ 60 การนาอตั ราู่วนตรีโกณมิติไปใชใ้ นการแกป้ ัญหาเกี่ยวกบั การหาระยะทางและความููง การใช้เครื่องมือและการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ การูร้างรูปทางเรขาคณิตโดยใชเ้ ครื่องมือและการออกแบบ ผลิตภณั ฑ์ สถิตเิ บือ้ งต้น การวเิ คราะห์ขอ้ มูลเบ้ืองตน้ การหาคา่ กลางของขอ้ มูลโดยใชค้ า่ เฉลี่ยเลขคณิต มธั ยฐาน และฐานนิยม และการนาเูนอขอ้ มูล ความน่าจะเป็ น กฎเกณฑเ์ บ้ืองตน้ เก่ียวกบั การนบั ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ จดั ประูบการณ์หรือูาานการณ์ในชีวิตประจาวนั ใหผ้ เู้ รียนไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ โดยการปฏิบตั ิจริง ทดลอง ูรุป รายงาน เพื่อพฒั นาทกั ษะ/กระบวนการในการคิดคานวณ การแกป้ ัญหาการใหเ้ หตุผล การู่ือความหมายทาง คณิตศาูตร์และนาประูบการณ์ดา้ นความรู้ ความคิด ทกั ษะกระบวนการท่ีไดไ้ ปใชใ้ นการเรียนรูู้ิ่งต่างๆ และใช้ ในชีวิตประจาวนั อยา่ งูร้างูรรค์ รวมท้งั เห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดีต่อคณิตศาูตร์ ูามาราทางานอยา่ งเป็ นระบบ ระเบียบ มีความรอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีวจิ ารณญาณและมีความเชื่อมน่ั ในตนเอง การวดั และประเมินผล ใชว้ ธิ ีการที่หลากหลายตามูภาพความเป็นจริงใหู้ อดคลอ้ งกบั เน้ือหาและทกั ษะที่ตอ้ งการวดั 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั จานวนและการดาเนินการ เลขยกกาลงั ท่ีมีเลขช้ีกาลงั เป็นจานวน ตรรกยะ เซต และการใหเ้ หตุผล อตั ราู่วน ตรีโกณมิติ และการนาไปใช้ การใชเ้ ครื่องมือและการออกแบบ ผลิตภณั ฑ์ ูาิติเบ้ืองตน้ และความน่าจะเป็น 2. ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั 1. ระบุหรือยกตวั อยา่ งเกี่ยวกบั จานวนและการดาเนินการ เลข ยกกาลงั ที่มีเลขช้ีกาลงั เป็ นจานวน ตรรกยะเซตและการใหเ้ หตุผลอตั ราู่วนตรีโกณมิติ การใชเ้ ครื่องมือและการออกแบบผลิตภณั ฑ์ ูาิติเบ้ืองตน้ และ ความ น่าจะเป็ น 2. ูามาราคิดคานวณและแกโ้ จทยป์ ัญหาเกี่ยวกบั จานวนจริงเลขยกกาลงั อตั ราู่วนตรีโกณมิติ ูาิติและ

85 ความน่าจะเป็ น หวั เรื่อง 1. จานวนและการดาเนินการ ตัวชี้วดั 1. แูดงความูมั พนั ธ์ของจานวนตา่ งๆ ในระบบจานวนจริง 2. อธิบายความหมายและหาผลลพั ธ์ที่เกิดจากการบวก การลบ การคูณ และการหารจานวน จริง 3. อธิบายูมบตั ิของจานวนจริงที่เกี่ยวกบั การบวก การคูณ การเทา่ กนั และการไม่เท่ากนั และนาไปใช้ 4. อธิบายเกี่ยวกบั ค่าูมั บูรณ์ของจานวนจริงและหาคา่ ูมั บูรณ์ของจานวนจริง กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เติม จานวนชั่วโมง 1. ความูัมพนั ธ์ของระบบจานวนจริง 1 2. ูมบตั ิของการบวก การลบ การคูณ และการหาร 7 จานวนจริง 7 3. ูมบตั ิการเท่ากนั แลการไมเ่ ทา่ กนั 5 4. คา่ ูมั บูรณ์ หวั เร่ือง 2. เลขยกกาลงั ท่ีมีเลขช้ีกาลงั เป็นจานวนตรรกยะ ตัวชี้วดั 1. อธิบายความหมายและบอก ความแตกต่างของจานวนตรรกยะ และอตรรกยะ 2. อธิบายเก่ียวกบั จานวนจริงที่อยใู่ นรูปเลขยกกาลงั ท่ีมีเลขช้ีกาลงั เป็นจานวนตรรกยะ และ จานวน จริงในรูปกรณฑ์ 3. อธิบายความหมายและหาผลลพั ธ์ท่ีเกิดจากการบวก การลบ การคูณ การหาร จานวนจริงท่ีอยใู่ นรูป เลขยกกาลงั ที่มีเลขช้ีกาลงั เป็นจานวนตรรกยะ และจานวนจริงในรูปกรณฑ์ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เตมิ จานวนชั่วโมง

1. จานวนตรรกยะ และอตรรกยะ 86 2. เลขยกกาลงั ท่ีมีเลขช้ีกาลงั เป็นจานวน ตรรกยะและจานวนจริงในรูปกรณฑ์ 1 3. การบวก การลบ การคูณ การหาร 8 จานวนที่มีเลขช้ีกาลงั เป็นจานวนตรรกยะ และจานวนจริงในรูปกรณฑ์ 11 หัวเร่ือง 3. เชต ตวั ชี้วดั 1. อธิบายความหมายเกี่ยวกบั เซต 2. ูามาราหายเู น่ียน อินเตอร์เซกชนั่ คอมพลีเมนต์ และผลตา่ งของเซต 3. เขียนแผนภาพแทนเซต และนาไปใชแ้ กป้ ัญหาที่เก่ียวกบั การหาูมาชิกของเซต กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เติม จานวนช่ัวโมง 1. เซต 1 2. การดาเนินการของเซต 11 3. แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ และการแกป้ ัญหา 8 หวั เร่ือง 4. การใหเ้ หตุผล ตวั ชี้วดั 1. อธิบายและใชก้ ารใหเ้ หตุผลแบบอุปนยั และนิรนยั 2. บอกไดว้ า่ การอา้ งเหตุผลูมเหตุูมผลหรือไม่ โดยใชแ้ ผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เติม จานวนชั่วโมง 1. การใหเ้ หตุผลแบบอุปนยั และนิรนยั 10 2. การอา้ งเหตุผลโดยใชแ้ ผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ 10

87 หัวเรื่อง 5. อตั ราู่วนตรีโกณมิติและการนาไปใช้ ตวั ชี้วดั 1. อธิบายการหาค่าอตั ราู่วนตรีโกณมิติ 2. หาค่าอตั ราู่วนตรีโกณมิติ ของมุม 30,45และ 60 3. นาอตั ราู่วนตรีโกณมิติไปใชแ้ กป้ ัญหาเกี่ยวกบั ระยะทางความููง และการวดั กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เตมิ จานวนชั่วโมง 1. อตั ราู่วนตรีโกณมิติ 5 2. อตั ราู่วนตรีโกณมิติของมุม 30,45 5 และ 60 10 3. การนาอตั ราู่วนตรีโกณมิติไปใช้ แกป้ ัญหาเกี่ยวกบั ระยะทาง ความููงและการ วดั หัวเร่ือง 6. การใชเ้ ครื่องมือและการออกแบบผลิตภณั ฑ์ ตวั ชี้วดั 1. ูร้างรูปทางเรขาคณิตโดยใชเ้ ครื่องมือ 2. วเิ คราะห์และอธิบายความูัมพนั ธ์ระหวา่ งรูปตน้ แบบ และรูปที่ไดจ้ ากการเล่ือนขนานการูะทอ้ น และ การหมุน 3. นาูมบตั ิเก่ียวกบั การเลื่อนขนาน การหมุน และการูะทอ้ นจากการแปลงทางคณิตศาูตร์และทาง เรขาคณิตไปใชใ้ นการออกแบบงานศิลปะ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เติม จานวนช่ัวโมง

1. การูร้างรูปทางเรขาคณิตโดยใชเ้ คร่ืองมือ 88 2. การแปลงทางเรขาคณิต 5 - การเลื่อนขนาน 12 - การหมุน - การูะทอ้ น 8 3. การออกแบบูร้างูรรค์ งานศิลปะจากการแปลง ทางคณิตศาูตร์และทางเรขาคณิต หวั เรื่อง 7. ูาิติเบ้ืองตน้ ตวั ชี้วดั 1. อธิบายข้นั ตอนการวิเคราะห์ขอ้ มูลเบ้ืองตน้ และูามารานาผลจากการวเิ คราะห์ขอ้ มูลเบ้ืองตน้ ไปใช้ ในการตดั ูินใจ 2. เลือกใชค้ า่ กลางที่เหมาะูมกบั ขอ้ มูลที่กาหนดและวตั าุประูงคท์ ่ีตอ้ งการ 3. นาเูนอขอ้ มูลในรูปแบบต่างๆ รวมท้งั การอ่านและตีความหมายจากการนาเูนอขอ้ มูล กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ จานวนช่ัวโมง 1. การวเิ คราะห์ขอ้ มูลเบ้ืองตน้ 7 2. การหาคา่ กลางของขอ้ มูลโดยใชค้ ่าเฉล่ีย 18 เลขคณิต มธั ยฐาน และฐานนิยม 3. การนาเูนอขอ้ มูล 10 หวั เรื่อง 8. ความน่าจะเป็น ตัวชี้วดั 1. หาจานวนผลลพั ธ์ที่อาจเกิดข้ึนของเหตุการณ์ โดยใชก้ ฎเกณฑเ์ บ้ืองตน้ เกี่ยวกบั การนบั และแผนภาพ ตน้ ไมอ้ ยา่ งง่าย 2. อธิบายการทดลองูุ่มเหตุการณ์ ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ และหาความน่าจะเป็ นของเหตุการณ์ ที่กาหนดให้ 3. นาความรู้เก่ียวกบั ความน่าจะเป็นไปใชใ้ นการคาดการณ์และช่วยในการตดั ูินใจ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เติม จานวนช่ัวโมง

1. กฎเกณฑเ์ บ้ืองตน้ เกี่ยวกบั การนบั และแผนภาพ 89 ตน้ ไม้ 10 2. ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ 25 3. การนาความน่าจะเป็นไปใช้ 5 คาอธิบายรายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ พว 31001 สาระความรู้พืน้ ฐาน ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 5 หน่วยกติ ( 200 ช่ัวโมง ) มาตรฐานท่ี 2.2 มีความรู้ ความเขา้ ใจและทกั ษะพ้ืนฐานเกี่ยวกบั คณิตศาูตร์ วทิ ยาศาูตร์ และเทคโนโลยี ศึกษาและฝึ กทกั ษะเกย่ี วกบั เร่ืองต่อไปนี้ 1. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ธรรมชาติของวทิ ยาศาูตร์ กระบวนการทางวทิ ยาศาูตร์ วธิ ีการทางวทิ ยาศาูตร์ ทกั ษะ กระบวนการทางวทิ ยาศาูตร์ เจตคติทางวทิ ยาศาูตร์ เทคโนโลยี และโครงงานวทิ ยาศาูตร์

90 2. ส่ิงมีชีวติ และสิ่งแวดล้อม เซลล์พนั ธุกรรมและความหลากหลายทางชีวภาพเทคโนโลยชี ีวภาพทรัพยากรธรรมชาติและูิ่งแวดลอ้ ม 3. สารเพ่ือชีวติ ธาตุและูมบตั ิของธาตุ กมั มนั ตภาพรังูี ูมการเคมี และปฏิกิริยาเคมี โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมนั ปิ โตรเลียม และพอลิเมอร์ ูารเคมีกบั ชีวิต และู่ิงแวดลอ้ ม 4. แรงและพลงั งานเพื่อชีวติ แรง และการเคล่ือนท่ี 5. ดาราศาสตร์เพ่ือชีวติ เทคโนโลยอี วกาศ เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ ความคิด มีความูามาราในการตดั ูินใจ นาความรู้ไปใช้ ในชีวติ ประจาวนั มีจิตวทิ ยาศาูตร์ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีเหมาะูม การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ใหผ้ เู้ รียนศึกษา คน้ ควา้ ูารวจ ตรวจูอบ ทดลอง จาแนก อธิบาย นาเูนอดว้ ยการจดั กระบวนการเรียนรู้ดว้ ยการพบกลุ่ม การูอนเูริม การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การรายงาน การศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ และประูบการณ์จากผเู้ รียน การวดั และประเมินผล ประเมินจากการูังเกต การอภิปราย การูมั ภาษณ์ ทกั ษะปฏิบตั ิ รายงานการทดลอง การมีู่วนร่วม ในกิจกรรมการเรียนรู้ ผลงาน การทดูอบ การประเมิน การนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะ และเห็นคุณค่าเก่ียวกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาูตร์ เทคโนโลยี ู่ิงมีชีวติ ระบบนิเวศทรัพยากรธรรมชาติและู่ิงแวดลอ้ ม ในทอ้ งา่ินประเทศและโลก ูาร แรง พลงั งาน กระบวนการ เปลี่ยนแปลงของโลก และดาราศาูตร์ มีจิตวิทยาศาูตร์และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ในการดาเนินชีวติ 2. ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั 1. ใชค้ วามรู้และกระบวนการทางวทิ ยาศาูตร์ วธิ ีการทางวทิ ยาศาูตร์ ทกั ษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาูตร์ เจตคติทางวทิ ยาศาูตร์ การทาโครงงานวทิ ยาศาูตร์และนาผลไปใชไ้ ด้

91 2. อธิบายเก่ียวกบั การแบ่งเซลล์ พนั ธุกรรมและการา่ายทอดทางพนั ธุกรรม การผา่ เหล่า ความ หลากหลายทางชีวภาพ เทคโนโลยชี ีวภาพ การใชป้ ระโยชน์ และผลกระทบที่เกิดจากการใชเ้ ทคโนโลยชี ีวภาพ ต่อูังคม และู่ิงแวดลอ้ มได้ 3. อธิบายเก่ียวกบั ปัญหาท่ีเกิดจากการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ และู่ิงแวดลอ้ มในระดบั ทอ้ งา่ิน ประเทศ และโลกปรากฏการณ์ทางธรณีวทิ ยาท่ีมีผลกระทบต่อชีวติ และูิ่งแวดลอ้ ม วางแผนและปฏิบตั ิร่วมกบั ชุมชน เพอื่ ป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ และูิ่งแวดลอ้ มได้ 4.อธิบายเกี่ยวกบั โครงูร้างอะตอมตารางธาตุ ูมการและปฏิกิริยาเคมีท่ีพบในชีวติ ประจาวนั คาร์โบไฮเดรต ไขมนั และโปรตีน ปิ โตรเลียมและผลิตภณั ฑ์ พอลิเมอร์ ูารเคมีกบั ชีวิต การนาไปใชแ้ ละ ผลกระทบตอ่ ชีวิตและูิ่งแวดลอ้ มได้ 5.อธิบายเก่ียวกบั แรงและความูัมพนั ธ์ของแรงกบั การเคล่ือนที่ในูนามโนม้ า่วง ูนามแม่เหลก็ ูนามไฟฟ้า การเคลื่อนท่ีแบบตา่ งๆ และการนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ 6. อธิบายเก่ียวกบั ูมบตั ิ ประโยชน์และมลภาวะจากเูียง ประโยชนแ์ ละโทษของธาตุกมั มนั ตรังูีต่อ ชีวติ และูิ่งแวดลอ้ มได้ 7. ศึกษา คน้ ควา้ และอธิบายเกี่ยวกบั การใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศในการศึกษาปรากฏการณ์ต่างๆ บนโลก และในอวกาศ หวั เรื่อง 1. กระบวนการทางวทิ ยาศาูตร์และเทคโนโลยี ตวั ชี้วดั 1. อธิบายธรรมชาติและความูาคญั ของวทิ ยาศาูตร์และเทคโนโลยี 2. อธิบายกระบวนการทางวิทยาศาูตร์ วธิ ีการทางวทิ ยาศาูตร์ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาูตร์ และเจตคติทางวทิ ยาศาูตร์ 3. นาความรู้ และกระบวนการทางวทิ ยาศาูตร์ไปใชแ้ กป้ ัญหาต่างๆ 4. เกิดเจตคติทางวทิ ยาศาูตร์

92 5. มีจิตวทิ ยาศาูตร์ 6. อธิบายความหมาย ความูาคญั และความูมั พนั ธ์ของเทคโนโลยตี อ่ ชีวิต และูังคม 7. นาความรู้ และเลือกใชเ้ ทคโนโลยไี ดอ้ ยา่ งเหมาะูม 8.มีทกั ษะในการเลือกใชว้ ูั ดุอุปกรณ์ทางวทิ ยาศาูตร์ และูารเคมีได้ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้ จานวนช่ัวโมง 15 เพม่ิ เติม 1. กระบวนการทางวทิ ยาศาูตร์ 1. การูร้างชิ้นงานโดย 1.1 ความหมายและความูาคญั ของวทิ ยาศาูตร์และเทคโนโลยี ใชค้ วามรู้กระบวนการ 1.2 กระบวนการทางวทิ ยาศาูตร์ ทางวทิ ยาศาูตร์ 1.2.1 วธิ ีการทางวทิ ยาศาูตร์ 5 ข้นั 2. การนาเูนอผลงาน 1.2.2 ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาูตร์ 13 ทกั ษะ ทางวทิ ยาศาูตร์ 1.2.3 เจตคติทางวทิ ยาศาูตร์ 6 ลกั ษณะ 1.2.4 จิตวทิ ยาศาูตร์ 2. เทคโนโลยี 2.1 ความหมาย และความูาคญั ของเทคโนโลยที ี่เหมาะูม 2.2 ความูมั พนั ธ์ของวทิ ยาศาูตร์ และเทคโนโลยตี ่อชีวติ และูงั คม 2.3 ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยใี นปัจจุบนั 2.4 เทคโนโลยกี บั การประกอบอาชีพ และการนาเทคโนโลยไี ปใชใ้ น ชีวติ 2.5 การเลือกใชเ้ ทคโนโลยที ี่เหมาะูมในการประกอบอาชีพกบั การ ดารงชีวติ 2.6 เทคโนโลยพี ้นื บา้ น 3. การใชว้ ูั ดุ อุปกรณ์ูารเคมี และหอ้ งปฏิบตั ิการทางวทิ ยาศาูตร์

93 หวั เรื่อง โครงงานวทิ ยาศาูตร์ ตวั ชี้วดั 1. อธิบายประเภท เลือกหวั ขอ้ วางแผน วธิ ีทา นาเูนอและประโยชน์ของโครงงาน 2. นาความรู้เก่ียวกบั วทิ ยาศาูตร์ กระบวนการทางวทิ ยาศาูตร์และโครงงานไปใช้ 3. วางแผนการทาโครงงาน 4. ทาโครงงานวทิ ยาศาูตร์ 5. อธิบายและบอกแนวไดใ้ นการนาผลจากโครงงานไปใช้ 6. นาความรู้เก่ียวกบั วทิ ยาศาูตร์ กระบวนการทางวทิ ยาศาูตร์และโครงงานไปใช้ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เติม จานวนช่ัวโมง 1. ประเภทของโครงงาน 1. การคิดอยา่ งูร้างูรรคโ์ ดยการ 10 2. การเลือกหวั ขอ้ โครงงาน นาวตั าุดิบในทอ้ งาิ่นมาประดิษฐ์ 3. การวางแผนการกระทาโครงงาน เป็นชิ้นงานเพอ่ื ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั 10 4. การนาเูนอโครงงาน เป็นการลดรายจา่ ย และูามารา 5. ประโยชนข์ องโครงงานเพื่อการพฒั นาคุณภาพชีวติ เูริมรายไดใ้ นครอบครัว 2. นาวตั าุดิบในทอ้ งา่ินมาแปรรูป เป็นผลผลิต ลดรายจา่ ย และ ูามาราเูริมรายไดใ้ นครอบครัว3. จดั แูดงผลงานเผยแพร่ความรู้ทาง วทิ ยาศาูตร์ หวั เร่ือง 2. ู่ิงมีชีวติ และูิ่งแวดลอ้ ม 2.1 เซลล์ ตวั ชี้วดั 1. อธิบายรูปร่าง ู่วนประกอบ ความแตกต่าง ระบบการทางาน การรักษาดุลยภาพของเซลลพ์ ชื และ เซลลู์ ตั ว์ 2. อธิบายการรักษาดุลยภาพของพืชและูัตว์ และมนุษย์ และการนาความรู้ไปใช้ 3. ศึกษา ูืบคน้ ขอ้ มูล และอธิบายกระบวนการแบง่ เซลลแ์ บบไมโทซิล และไมโอซิล

94 กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เตมิ จานวนช่ัวโมง 20 1. เซลล์ 1. รูปร่างและู่วนประกอบของเซลล์ 1.1ระบบการทางานของเซลลพ์ ืชและเซลลู์ ัตว์ แต่ละประเภท และการรักษาดุลยภาพ 2. ลกั ษณะการแบ่งเซลลพ์ ืชและเซลล์ 1.2 กลไกและการรักษาดุลยภาพของพืช ูัตว์ และ ูัตว์ มนุษย์ 3. ความหมายของการตดั ต่อพนั ธุกรรม 1.3 การป้องกนั ดูแลรักษาภูมิคุม้ กนั ร่างกายและ ในพชื การนาความรู้ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั 4. ประโยชน์และโทษจากการบริโภค 2. กระบวนการแบง่ เซลล์ พืชตดั ต่อพนั ธุกรรม 2.1 การแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิู 5. โครงูร้างของเซลลเ์ ด่ียวและหลาย 2.2 การแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซิู เซลล์ 6. ความหมายของเซลลเ์ ด่ียวและหลาย เซลล์ หวั เร่ือง 2.2 พนั ธุกรรมและความหลากหลายทางชีวภาพ ตัวชี้วดั 1. อธิบายกระบวนการา่ายทอดทางพนั ธุกรรม การแปรผนั ทางพนั ธุกรรม การผา่ เหล่า และการเกิด ความหลากหลายทางชีวภาพ 2. อธิบายลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของบุคคล 3. อธิบายปัจจยั ที่ทาใหู้ ่ิงแวดลอ้ มเกิดการเปลี่ยนแปลง กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพมิ่ เติม จานวนชั่วโมง 1. พนั ธุกรรม การา่ายทอดทางพนั ธุกรรม การแปร 1. ความหมายของโครโมโซม 20 ผนั ทางพนั ธุกรรม และการผา่ เหล่า 2. ลกั ษณะของโครโมโซม 2. ความหลากหลายทางชีวภาพ 3. ประเภทของโครโมโซม 2.1 กระบวนการา่ายทอดทางพนั ธุกรรม 4. ศึกษาการา่ายทอดทางพนั ธุกรรม 2.2 การเกิดการผา่ เหล่า ตามกฎของเมลเดล 2.3 การเกิดความหลากหลายทางชีวภาพ 5. เขียนแผนผงั การา่ายทอดทางพนั ธ์ 3. โรคที่เกิดจากการา่ายทอดทางพนั ธุกรรม และการ กรรมจากรุ่นหน่ึงไปูู่อีก

95 นาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั รุ่นหน่ึง 4. ชนิดพนั ธุ์ตา่ งาิ่นทีู่่งผลกระทบตอ่ ระบบนิเวศ 6. การา่ายทอดทางพนั ธุกรรมโดยการ และูิ่งแวดลอ้ ม ตดั ต่อยนี หวั เรื่อง 2.3 เทคโนโลยี ตวั ชี้วดั 1. อธิบายเก่ียวกบั เทคโนโลยชี ีวภาพ ประโยชน์ 2. อธิบายผลของเทคโนโลยีชีวภาพตอ่ ชีวติ และูิ่งแวดลอ้ ม 3. อธิบายบทบาทของภูมิปัญญาทอ้ งาิ่นเกี่ยวกบั เทคโนโลยชี ีวภาพ กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ จานวนช่ัวโมง 1.ความหมายและลกั ษณะของเทคโนโลยชี ีวภาพ 1. ประเภทของเทคโนโลยชี ีวภาพ 15 2. ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ เทคโนโลยีชีวภาพ 2. ลกั ษณะของเทคโนโลยชี ีวภาพ 3. เทคโนโลยชี ีวภาพ ในชีวิตประจาวนั 3. เกณฑก์ ารจดั หมวดหมู่ของูิ่งมีชีวติ 4. ภูมิปัญญาทอ้ งาิ่นเกี่ยวกบั เทคโนโลยชี ีวภาพ 4. ูิ่งมีชีวติ ในทอ้ งา่ิน 5. ประโยชน์และผลกระทบของ 5. การอนุรักษู์ ่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งาิ่น 5.1 ความหลากหลายทางชีวภาพ 5.2 ชีวติ และูิ่งแวดลอ้ ม หวั เรื่อง 2.4 ทพั ยากรธรรมชาติและู่ิงแวดลอ้ ม ตวั ชี้วดั 1. อธิบายกระบวนการเปลี่ยนแปลงแทนที่ของูิ่งมีชีวติ 2. อธิบายการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ ูภาพปัญหาูิ่งแวดลอ้ มในระดบั ทอ้ งา่ิน ระดบั ประเทศ และ ระดบั โลก 3. อธิบายูาเหตุของปัญหา วางแผน และลงมือปฏิบตั ิ 4. อธิบายป้องกนั แกไ้ ข เฝ้าระวงั อนุรักษ์ และพฒั นาทรัพยากรธรรมชาติและู่ิงแวดลอ้ ม 5. อธิบายปรากฏการณ์ ของธรณีวทิ ยาท่ีมีผลกระทบต่อชีวิตและู่ิงแวดลอ้ ม 6. อธิบายปรากฏการณ์ ูภาวะโลกร้อน ูาเหตุและผลกระทบตอ่ ชีวติ มนุษย์

96 กรอบสาระการเรียนรู้ เนื้อหาการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ จานวนช่ัวโมง 1. กระบวนการเปลี่ยนแปลงแทนที่ของู่ิงมีชีวิตและ 1. ความหมายของู่ิงแวดลอ้ มในชุมชน 20 ู่ิงแวดลอ้ มในชุมชน 2. ปัจจยั ท่ีูาคญั ของู่ิงแวดลอ้ ม 2. การใชท้ รัพยากรธรรมชาติ ระดบั ทอ้ งาิ่น ประเทศ 3. ูภาพปัญหาู่ิงแวดลอ้ มในชุมชน และระดบั โลก 4. การทาวกิ ฤตูิ่งแวดลอ้ มในเป็น 3. ปรากฏการณ์ทางธรณีวทิ ยาท่ีมีผลกระทบตอ่ ชีวิต โอกาู และูิ่งแวดลอ้ ม 5. การอนุรักษท์ รัพยากรในทอ้ งา่ิน 4. ปัญหาและผลกระทบของระบบนิเวศและูภาพ ระดบั ประเทศและ ู่ิงแวดลอ้ มในชุมชน ทอ้ งาิ่น ประเทศ และโลก ระดบั โลก 5. แนวทางการแกไ้ ขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและ 6. ความหมายของระบบนิเวศ ูิ่งแวดลอ้ มในชุมชน 7. ดุลยภาพของระบบนิเวศ 6. การวางแผนพฒั นาทรัพยากรธรรมชาติและ 8. ความูาคญั ของระบบนิเวศ ูิ่งแวดลอ้ ม 7. การปฏิบตั ิตน หรือการร่วมมือกบั ชุมชนในการ 9. การจดั ทาโครงการเพื่ออนุรักษ์ ป้องกนั พฒั นาหรือแกไ้ ขปัญหา ทรัพยากรธรรมชาติ และพฒั นาูิ่งแวดลอ้ ม และูิ่งแวดลอ้ ม 8. ูภาวะโลกร้อน ูาเหตุและผลกระทบการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาโลกร้อน หัวเรื่อง 3. ูารเพอ่ื ชีวติ 3.1 ธาตุ ูมบตั ิของธาตุ และธาตุกมั มนั ตรังูี ตัวชี้วดั 1. อธิบายทฤษฏี โครงูร้างและการจดั เรียงอิเล็กตรอนในอะตอม 2. อธิบายูมบตั ิของธาตุตามตารางธาตุ 3. บอกประโยชนข์ องตารางธาตุ 4. อธิบายูมบตั ิธาตุกมั มนั ตรังูีและกมั มนั ตภาพรังูี 5. บอกประโยชน์ และผลกระทบจากกมั มนั ตภาพรังูี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook