Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพศิลปกรรม

แผนการสอนวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพศิลปกรรม

Published by Oranut, 2021-11-29 13:34:28

Description: แผนการสอนวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพศิลปกรรม ประกอบด้วยเนื้อหา 7 หน่วยการเรียนรู้

Keywords: ศิลปกรรม,สารละลาย,คอลลอยด์,สารเคม,ีในงานศิลปกรรม,แสงและการม,ร้อน

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรู้แบบฐานสมรรถนะ หลกั สตู ร ประกาศนียบตั รวชิ าชพี พุทธศกั ราช 2562 หมวดวิชาสมรรถนะวิชาชพี กลมุ่ สมรรถนะวชิ าชพี พนื้ ฐาน รหสั วิชา 20000-1304 วิทยาศาสตรเ์ พ่ือพฒั นาอาชีพศลิ ปกรรม (Science for Arts) จดั ทำโดย นางสาวอรนุช กอสวสั ด์ิพัฒน์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเพชรบรุ ี สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร

ข คำนำ แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาวทิ ยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชีพศิลปกรรม ได้จดั ทำขน้ึ เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการ จดั การเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมและกระบวนการเรียนรู้ สามารถสร้างองค์ ความรู้ได้ด้วยตนเอง ท้ังเป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม ทำให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้กับการเรียนรู้รายวิชาอ่ืน ๆ ได้ในเชิงบูรณาการด้วยวิธกี ารที่หลากหลาย เน้นกระบวนการคิดวิเคราะห์ ทำให้ผเู้ รียนได้รบั การพัฒนาทั้งด้านความรู้ ดา้ นทักษะกระบวนการ ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมทีด่ ี นำไปสู่การอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมอย่างสนั ติสุข การจดั ทำแผนการจดั การเรียนรู้ วชิ าวทิ ยาศาสตรเ์ พือ่ พฒั นาอาชพี ศลิ ปกรรมฉบับนี้ จดั ทำขึน้ ตามหลักสูตร ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พุทธศักราช 2562 ตรงตามจดุ ประสงค์รายวิชาได้แก่ 1) รแู้ ละเข้าใจเก่ียวกับสาร สารเคมใี น งานอาชพี พอลเิ มอร์ ทรพั ยากรแร่ ธาตุ แสงและความร้อน 2) สามารถทคลองทดสอบเก่ียวกับสารละลาย คอลลอยด์ อีมลั ชัน่ พอลิเมอร์ ทรัพยากรแรธ่ าตุและ สมบตั ขิ องแร่รตั นชาติ สมบตั ขิ องแสงและผลของความรอ้ นต่อวัตถุ โดยใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3) มีเจตคติและกิจนสิ ยั ท่ดี ตี อ่ การศึกษาและสำรวจตรวจสอบดว้ ยกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ และครอบคลุมเน้ือหาครบถว้ นตรงตามคำอธบิ ายรายวิชา ศึกษาและปฏบิ ัติเกย่ี วกบั สารละลาย คอลลอยด์ อีมลั ชน่ั สารเคมีในงานอาชีพ พอลิเมอรแ์ ละผลิตภัณฑ์ ทรพั ยากรแรธ่ าตุและสมบัตขิ องแรร่ ตั นชาติ แสง และการมองเหน็ ความร้อนและผลของความร้อนต่อวัตถุ ผ้จู ดั ทำได้ออกแบบการเรยี นรดู้ ว้ ยเทคนคิ และวิธีการสอน อยา่ งหลากหลาย เพอ่ื การจดั การเรยี นรไู้ ด้อยา่ งเหมาะสมสำหรับผ้เู รียนให้บรรลเุ ปา้ หมายของหลกั สูตร อรนชุ กอสวสั ดพ์ิ ฒั น์ พฤศจกิ ายน 2564

ค การบรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง วิชาวิทยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชีพศลิ ปกรรม 3 หว่ ง 1. พอประมาณ  ใช้ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ  ไมเ่ บียดเบียนตนเองและผอู้ ืน่  มคี วามพอดีในการใชท้ รัพยากร 2. มเี หตุผล  สามารถตดั สนิ ใจได้อย่างมีเหตุผล  มกี ระบวนการทำงานอย่างมีเหตผุ ลและรอบคอบ 3. มีภูมิคุ้มกัน  มคี วามพร้อมในการรับการเปลี่ยนแปลงหรือผลกระทบดา้ นต่าง ๆ  นกั เรยี น นกั ศึกษา เหน็ ความสำคัญของการเรียน และประโยชน์ต่อการดำรงชวี ิตของวิชานี้  นกั เรยี น นกั ศกึ ษา สามารถวางแผนการทำงาน และคำนงึ ถึงการใชท้ รพั ยากรอย่างยงั่ ยืนได้ 2 เงอ่ื นไข 1. ความรูแ้ ละทักษะ  นกั เรยี น นกั ศกึ ษา มคี วามร้คู วามเขา้ ใจในวิชาเรียน นำไปใช้ไดจ้ รงิ  นักเรยี น นกั ศึกษา มที ักษะในวชิ า สามารถปฏบิ ัตงิ านได้จริง 2. คุณธรรม  นักเรยี น นกั ศกึ ษา มีมนุษยสัมพันธ์ ความสามัคคี  นกั เรยี น นักศึกษา มคี วามสนใจใฝ่รู้  นกั เรียน นักศกึ ษา มคี วามรับผดิ ชอบ  นักเรียน นกั ศึกษา มีความคดิ รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ จากการบรู ณาการทำใหช้ ีวติ เศรษฐกิจ สงั คม มีความสมดุล ม่นั คง และยงั่ ยืน

ง การบรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง วชิ าวทิ ยาศาสตรเ์ พ่ือพัฒนาอาชีพศิลปกรรม 3 หว่ ง 1. พอประมาณ  การใช้สารเคมี พอลเิ มอร และสารที่เก่ยี วข้องในงานศลิ ปะอย่างรู้คณุ คา่  สง่ เสรมิ การใช้วสั ดธุ รรมชาตใิ นงานศลิ ปะ 2. มเี หตุผล  พลังงานจากน้ำมันปโี ตรเลียมนับวนั กำลงั จะหมดไปจากโลก  หลกั การด้านแสงและการมองเหน็ มสี ว่ นทำให้มุมมองงานศิลปะแตกตา่ งหลากหลาย  การใช้สารเคมที ่ีเกยี่ วข้องกับงานศิลปะโดยคำนึงถงึ ส่งิ แวดลอ้ ม ใช้อยา่ งมีหลักการด้านความปลอดภยั 3. มภี ูมคิ ุ้มกัน  ใช้สารเคมที ีเ่ ก่ียวข้องกับงานศลิ ปะอย่างปลอดภยั ร้เู ท่าทัน เชน่ สารทำละลายที่ระเหยง่ายชนิดต่างๆ  ใช้พอลิเมอร์และสารสังเคราะห์โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อส่งิ แวดล้อม  สงั คมดขี ึ้นจากงานศิลปะ ควบคูก่ ารบรู ณาการความรู้ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ในเรอ่ื งทีเ่ กยี่ วขอ้ ง 2 เงอ่ื นไข 1. ความรแู้ ละทกั ษะ  รู้และเขา้ ใจเกี่ยวกับสาร สารเคมีในงานอาชพี พอลเิ มอร์ ทรัพยากรแร่ธาตุ แสงและความร้อน  ทราบผลกระทบท่ีตามมากอ่ นนำสารเคมีชนิดตา่ งๆ ในงานอาชีพ ใหด้ ีเสียกอ่ นการนำมาใช้  ศึกษาการนำความรู้เก่ียวกบั พอลเิ มอร์ ทรัพยากรแร่ ธาตุและ สมบัติของแร่รตั นชาติ สมบตั ขิ องแสงและ ผลของความร้อนต่อวัตถุเพอ่ื พัฒนางานศิลปะ 2. คุณธรรม  มเี จตคตแิ ละกิจนิสยั ท่ดี ีต่อการศึกษาและสำรวจตรวจสอบดว้ ยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์  มีระเบยี บ วินัย สนใจใฝร่ ู้  สร้างคา่ นิยมและวฒั นธรรมที่ดีในการผลิตผลงานศลิ ปะ จากการบูรณาการทำให้ชวี ิต เศรษฐกจิ สงั คม มีความสมดุล มน่ั คง และย่งั ยนื

สารบญั จ เร่ือง หนา้ 1 คำนำ สารบัญ ลักษณะรายวชิ า จดุ ประสงค์รายวิชา สมรรถนะ คำอธิบายรายวชิ า ตารางวเิ คราะห์หลกั สูตรรายวิชา กำหนดการสอนที่บรู ณาการคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยท่ี ชอื่ หน่วยการเรียนและรายการสอน 1 สารละลาย 2 คอลลอยด์ อีมลั ช่นั 3 สารเคมใี นงานอาชีพ 4 พอลิเมอร์และผลติ ภัณฑ์ 5 ทรพั ยากรแรธ่ าตุและสมบัติของแร่รัตนชาติ 6 แสงและการมองเหน็ 7 ความร้อนและผลของความร้อนต่อวัตถุ

รหัส 20000-1304 ฉ หน่วยกติ 1-2-2 ลักษณะรายวชิ า วชิ าวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพศิลปกรรม เวลาเรยี นตอ่ ภาค 54 ชวั่ โมง จดุ ประสงค์รายวิชา 1. รแู้ ละเขา้ ใจเก่ยี วกับสาร สารเคมใี นงานอาชีพ พอลิเมอร์ ทรัพยากรแรธ่ าตุ แสงและความรอ้ น 2. สามารถทดลองทดสอบเกีย่ วกับสารละลาย คอลลอยด์ อมิ ัลชน่ั พอลิเมอร์ ทรัพยากรแร่ ธาตุ และ สมบตั ิของแร่รัตนชาติ สมบัติของแสงและผลของความร้อนต่อวตั ถุ โดยใช้กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ 3. มเี จตคติและกิจนิสยั ที่ดตี อ่ การศึกษาและสำรวจตรวจสอบด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความร้เู ก่ยี วกับสาร สารเคมีในงานอาชพี พอลเิ มอร์ ทรัพยากรแรธ่ าตุ แสงและความร้อน 2. สำรวจตรวจสอบเกย่ี วกบั สารละลาย คอลลอยด์ อมี ลั ชน่ั และสารเคมีในงานอาชีพด้วย กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. สำรวจตรวจสอบเกี่ยวกบั พอลเิ มอร์และผลติ ภณั ฑด์ ว้ ยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 4. สำรวจตรวจสอบเกยี่ วกบั ทรพั ยากรแร่ ธาตุและสมบัตขิ องแร่รตั นชาติตามหลกั การและ กระบวนการ 5. สำรวจตรวจสอบเก่ียวกับแสงและความร้อนด้วยกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ คำอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏบิ ัติเกีย่ วกับสารละลาย คอลลอยด์ อมิ ัลช่นั สารเคมีในงานอาชพี พอลมิ อร์และ ผลติ ภณั ฑ์ทรัพยากรแร่ธาตแุ ละสมบัติของแรร่ ตั นชาติ แสงและการมองเห็น ความร้อนและผลของความร้อน ต่อวัตถุ

ช ตารางวเิ คราะหห์ ลักสตู ร รหสั 20000-1304 วิชา วิทยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชพี ศิลปกรรม (1-2-2) ชัน้ ระดับประกาศนียบตั รวิชาชีพ สาขาวชิ า/กลุ่มวิชา ทกั ษะวิชาชีพเฉพาะ พทุ ธพิ ิสยั (40%) ความรู้ พฤติกรรม ความเ ้ขาใจ การนำไปใ ้ช ช่อื หน่วย การ ิวเคราะ ์ห การ ัสงเคราะห์ การประเ ิมน ทักษะพิ ัสย (30%) ิจตพิ ัสย (30%) รวม ลำดับความสำคัญ จำนวนชั่วโมง 1.สารละลาย 1 1 2 - - - 6 3 11 9 9 2.คอลลอยด์และอีมัลชนั่ 2 2 2 - - - 6 3 11 9 6 3.สารเคมใี นงานอาชพี 2 2 1 - - - 6 6 11 6 6 4.พอลิเมอร์และผลติ ภณั ฑ์ 2 2 2 1 - - 3 6 11 6 5.ทรพั ยากรแรธ่ าตแุ ละสมบตั ิของแร่ 2 2 2 1 - - 3 3 17 54 รตั นชาติ 6.แสงและการมองเหน็ 1 1 1 1 - - 3 3 15 7.ความร้อนและผลของความร้อนของ 2 2 2 1 - - 3 6 15 วัตถุ สอบปลายภาค รวม 12 12 12 4 30 30 100 ลำดับความสำคญั

ซ กำหนดการสอนที่บูรณาการคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ วชิ า 20000-1304 วชิ าวิทยาศาสตร์เพอื่ งานศลิ ปกรรม 3 ช่วั โมงต่อสปั ดาห์ สปั ดาห์ท่ี หนว่ ย ช่วั โมง ชือ่ หนว่ ย/สาระการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ คุณธรรม จรยิ ธรรม ที่ ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ 1 1 1-2 สารละลาย 1.วเิ คราะห์สรปุ ความหมายของสารละลายได้ 1.ความหมายของสารละลาย 2.วิเคราะห์พลังงานการการละลาย และการ 2.องคป์ ระกอบของสารละลาย เปลยี่ นรูปพลงั งานความรอ้ นระหว่างการ 3.พลงั งานกบั การละลาย ละลายได้ 4.ความเขม้ ข้นของสารละลาย 3.วิเคราะห์การความเขม้ ข้นของสารละลายได้ 5.สารละลายอเิ ลก็ โทรไลท์ 4.อธบิ ายลกั ษณะการนำไฟฟา้ ของสารละลายได้ 2 2 3-4 คอลลอยด์และอมิ ลั ชัน 1.บอกความหมายและประเภทของคอลลอยด์ 1.ความหมายของคอลลอยด์ และอีมลั ชั่นได้ 2.สมบัตขิ องคอลลอยด์ 2.อธิบายลกั ษณะและความสำคญั ของ ความมีมนุษยสมั พันธ์ 3.ประเภทของคอลลอยด์ คอลลอยดแ์ ละอีมัลชันได้ ความมวี นิ ยั 4. อมี ัลชั่น ตัวอย่างในชีวิตประจำวัน 3.อธบิ ายคอลลอยและอิมัลชันทส่ี ามารถ ความรบั ผิดชอบ นำมาใช้ประโยชนไ์ ด้ ความเชอื่ มนั่ ในตนเอง 3 3 5-6 สารเคมใี นงานอาชีพ 4.วเิ คราะห์การเกิดอมิ ลั ช่นั ลกั ษณะต่างๆ ความสนใจใฝร่ ู้ 1.กาว 1.บอกความหมายและระบุประเภทของกาว สี ความรกั สามคั คี 2.สี วสั ดงุ านปน้ั ได้ ความกตญั ญูกตเวที 2.อธิบายกระบวนการและสารเคมที ีเ่ กี่ยวขอ้ ง 3.วสั ดงุ านปนั้ กบั การผลิตกระดาษในงานศิลปะได้ 4.กระดาษและสาคเคมีในกระบวนการผลิต 3.วิเคราะห์คุณสมบตั ิ และความเหมาะสมใน 5.สารทำละลายในงานศิลปะ การใช้งานสารทำละลายชนิดต่างๆ ได้ 4.สำรวจและอธิบายแนวทางการใชส้ ารเคมีใน งานศลิ ปะได้อยา่ งปลอดภยั 4 4 7-8 พอลิเมอร์และผลติ ภณั ฑ์ 1.เปรยี บเทียบพอลิเมอร์ประเภทต่างๆ ตาม 1.ความหมายของพอลเิ มอร์ เกณฑ์การจำแนกได้ 2.แหลง่ ท่มี าของพอลิเมอร์ 2 วเิ คราะห์พอลิเมอร์ท่มี ใี ช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ 3.ปฏกิ ิริยาการเกดิ พอลิเมอร์ 3.บอกประเภทและยกตวั อย่างประเภทของ 4.พอลิเมอร์ที่ใชป้ ระโยชน์ในงานศลิ ปะและ ปฏิกิรยิ าการเกดิ พอลิเมอรไ์ ด้ ในชีวิตประจำวัน 4.วิเคราะห์ความจำเป็นในการใช้งานพอลเิ มอร์ ดา้ นต่างๆ ได้

ฌ สปั ดาห์ที่ หนว่ ย ชั่วโมง ช่อื หนว่ ย/สาระการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ คุณธรรม จรยิ ธรรม ที่ คา่ นยิ ม และคณุ ลักษณะ 5 5 9-10 ทรัพยากรแรธ่ าตแุ ละสมบตั ิของแรร่ ตั นชาติ 1 อธิบายความหมายของแรร่ ัตนชาติได้ อันพงึ ประสงค์ 1. ความหมายของแรธ่ าตุ แร่รตั นชาติ 2.วเิ คราะห์คุณสมบัติของแร่รตั นชาตไิ ด้ ความมีมนษุ ยสัมพนั ธ์ ความมวี นิ ยั 2. คุณสมบตั ิของแร่รตั นชาติ 3.วเิ คราะห์การนำแร่รัตนชาติมาผลิตเปน็ ความรับผดิ ชอบ ความเชอื่ มน่ั ในตนเอง 2. อญั มณีประดิษฐ์ อญั มณีประดษิ ฐ์ได้ ความสนใจใฝร่ ู้ ความรักสามคั คี 3. วธิ เี พมิ่ คณุ ภาพของแร่รัตนชาติ 4.เสนอแนะแนวทางการเพ่มิ คุณภาพของแรร่ ัตนชาติ ความกตัญญกู ตเวที 4. การตรวจสอบแรร่ ตั นชาติ ได้ 5. แหลง่ ทีพ่ บแร่รัตนชาติ 6.บอกแนวทางวธิ กี ารวิเคราะห์ตรวจสอบแรร่ ตั นชาติ ได้ 7.บอกแหลง่ ท่มี าของแรร่ ัตนชาตไิ ด้ 6 6 11-12 แสงและการมองเห็น 1.บอกความหมายของแสงได้ 1. ความหมายของแสง 2.อธิบายการเกดิ และยกตวั อย่างชนดิ ของ 2. ชนดิ ของการกำเนดิ ของแสง แหล่งกำเนดิ แสงได้ 3. ธรรมชาตขิ องแสงและพฤตกิ รรมของแสง 3.อธบิ ายธรรมชาตแิ ละพฤตกิ รรมของแสงได้ 4. ธรรมชาตขิ องการมองเหน็ 4.อธิบายธรรมชาติของการมองเหน็ ได้ 5. ความสัมพันธ์ของแสงและการมองเห็น 5.วเิ คราะหค์ วามสัมพันธร์ ะหวา่ งแสงและการ 6. อุณหภมู สิ ี มองเหน็ ได้ 5.อธิบายความหมายและเปรยี บเทียบอณุ หภูมิสีได้ 8 7 15-16 ความร้อนและผลของความร้อนต่อวตั ถุ 1.อธิบายความหมายพลังงานความร้อนได้ 1. ความหมายของพลงั งานความรอ้ น 2.อธิบายรูปแบบการถ่ายโอนความร้อนแบบตา่ งๆ ได้ 2. การถา่ ยโอนความรอ้ น 3.วิเคราะห์คุณสมบัตกิ ารรับความร้อนของสสารได้ 3. คณุ สมบัติในการรบั ความรอ้ นของสสาร 4. อธบิ ายความหมายของอณุ ภูมิ และสามารถแปลง 4. อุณหภูมิ หน่วยของอุณหภูมิแบบต่างๆได้ 5. เทอรม์ อมิเตอร์ 5. อธิบายหลักการทำงาน ชนดิ และประเภท 6. พลังงานความรอ้ นกับสถานะของสาร เทอรโ์ มมเิ ตอรแ์ บบตา่ งๆ ได้ 7. การเปล่ียนแปลงความรอ้ นแฝงและความร้อน 6. อธบิ ายความรอ้ นท่เี กยี่ วข้องกับการเปล่นี แปลง แฝงจำเพาะ สถานะได้ 8. ผลของพลังงานความร้อนตอ่ 7. อธิบายผลของความร้อนท่ีมีตอ่ วตั ถุได้ 9. การขยายตวั ของสาร 8. อธิบายหลักการของสมดุลความรอ้ นได้ 10. ผลของพลงั งานความรอ้ นตอ่ 11. สถานะของสาร 12. สมดลุ ความร้อน การประเมนิ ผล กำหนดคา่ ระดับคะแนน ตามเกณฑด์ ังน้ี คะแนนรอ้ ยละ 80-100 ไดเ้ กรด 4 คะแนนร้อยละ 75-79 ไดเ้ กรด 3.5 คะแนนรอ้ ยละ 70-74 ได้เกรด 3 คะแนนรอ้ ยละ 65-69 ไดเ้ กรด 2.5 คะแนนรอ้ ยละ 60-64 ไดเ้ กรด 2 คะแนนร้อยละ 55-59 ไดเ้ กรด 1.5 คะแนนร้อยละ 50-54 ไดเ้ กรด 1 คะแนนร้อยละ 0-49 ได้เกรด 0

แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยท่ี 1 หลักสตู ร ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ สอนครั้งที่ 1 (1-2) รหัส 20000-1304 วิทยาศาสตรเ์ พื่อพัฒนาอาชีพศิลปกรรม ท-ป-น 1-2-2 ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ สารละลาย ทฤษฎี 1 ชม. ปฏิบัติ 2 ชม. 1. สาระสำคัญ ในทางเคมี สารละลาย (องั กฤษ: solution) คือสารผสมท่ีเป็นเน้ือเดยี วกัน ซึง่ มสี สารหนงึ่ ชนิดหรือมากกว่า เปน็ ตัวละลาย ละลายอยู่ในสารอีกชนดิ หนง่ึ ซึ่งเป็นตวั ทำละลาย ไมเ่ พยี งแต่ของแขง็ ท่ีสามารถละลายในของเหลว เหมอื นเกลือหรือน้ำตาลทลี่ ะลายในนำ้ (หรอื แม้แต่ทองคำท่ลี ะลายในปรอทแล้วเกดิ เปน็ อะมัลกมั (amalgam)) แต่ ก๊าซก็สามารถละลายในของเหลวได้ เช่น คาร์บอนไดออกไซดห์ รือออกซิเจนสามารถละลายในนำ้ ได้ สารละลายอดุ มคติ (ideal solution) คือการทีป่ ฏิกิรยิ าระหว่าง โมเลกุล ของตัวทำละลายกระทำซง่ึ กันและ กันมีคา่ เท่ากับปฏิกิริยาระหว่างตัวทำละลายกับตัวถกู ละลาย แล้วคณุ สมบตั ขิ องสารละลายในอดุ มคตสิ ามารถคำนวณ ไดโ้ ดยผลรวมเชิงเส้น (linear combination) ของคุณสมบัติของสว่ นประกอบของตวั มัน ตวั ทำละลาย (solvent) ตามความหมายแบบเดิมคือ สารในสารละลายทมี่ ีปรมิ าณมากกว่าตัวถกู ละลาย ถา้ ทัง้ ตัวถกู ละลายและตวั ทำละลายมปี ริมาณเท่ากนั (เชน่ สารละลายมี เอทานอล 50% และ นำ้ 50%) คำจำกัดความ เก่ยี วกับตวั ทำละลายและตัวถูกละลายจะมคี วามสำคญั นอ้ ยลงแต่โดยทั่วไปสารทม่ี ปี ริมาณมากกว่าจะถกู กำหนดให้ เปน็ ตัวทำละลาย 2. สมรรถนะประจำหน่วย 1.นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความหมายของสารละลายได้ 2.นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์องค์ประกอบของสารละลาย ไดแ้ ก่ตัวทำละลายและตัวถูกละลายได้ 3.นักเรียนสามารถวเิ คราะห์ความเข้มข้นของได้ 4.นกั เรยี นสามารถอธิบายความหมายและคณุ สมบัตขิ องสารละลายกรดเบสได้ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ ปฐมนิเทศ 1.บอกจุดประสงค์รายวชิ า สมรรถนะรายวชิ า และคำอธิบายรายวิชาตามหลักสตู รฯ ได้ 2.บอกแนวทางวัดผลและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ได้ สารละลาย 1.วเิ คราะห์และสรุปความหมายของสารละลาย 2.วิเคราะห์องค์ประกอบของสารละลายไดแ้ ก่ ตวั ทำละลายและตัวถูกละลาย 3.วเิ คราะห์ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย 4.อธบิ ายพลงั งานกับการละลาย

5.มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผู้สำเรจ็ การศกึ ษา สำนักงาน คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ท่ีครสู ามารถสงั เกตได้ขณะทำการสอนในเรอื่ ง 5.1 ความมีมนุษยสัมพันธ์ 5.2 ความมีวินัย 5.3 ความรับผดิ ชอบ 5.4 ความซ่ือสัตยส์ ุจริต 5.5 ความเชอ่ื ม่นั ในตนเอง 5.6 การประหยดั 5.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 5.8 การละเวน้ ส่งิ เสพติดและการพนัน 5.9 ความรักสามัคคี 5.10 ความกตัญญกู ตเวที 5.11 แต่งกายตามข้อตกลง ตรงเวลา รกั ษาสิง่ แวดล้อม ใจอาสา 4. สาระการเรียนรู้ ปฐมนิเทศ 1.จุดประสงค์รายวชิ า สมรรถนะรายวชิ าและคำอธิบายรายวชิ า 2. แนวทางวดั ผลและประเมินผลการเรยี นรู้ 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ท.ี่ ..1........) ขัน้ นำเขา้ ส่บู ทเรียน 1.ครูผ้สู อนแนะนำจุดประสงค์ทผ่ี ูเ้ รยี นจะได้จากหลักสูตร โดยกำหนดใหผ้ เู้ รยี นทุกคนต้องเข้าใจหลกั การ ความหมายของสารละลาย และสามารถประยุกตใ์ ช้หลกั การและวธิ ีการนำความรเู้ ก่ียวกับสารละลายไปใช้ในงาน อาชพี มเี จตคติท่ดี ตี ่อทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในงานอาชพี 2.ครสู นทนากับเรยี นสารละลายเป็นเกย่ี วข้องในชวี ติ ประจำวัน นอกจากนส้ี ารละลายยังมปี ระโยชน์ต่อการ นำไปใช้พัฒนางานอาชีพด้านศลิ ปะ 3.ครูสนทนากับผู้เรียนเพ่อื ให้เห็นความสำคญั ของการเรยี นวชิ าวิทยาศาสตรเ์ พ่ือพัฒนาอาชีพศิลปะ ขั้นสอน 4.ผู้เรียนรบั ฟงั คำชีแ้ จงสังเขปรายวชิ าและการวดั ประเมนิ ผล ซกั ถามข้อปญั หารวมทง้ั แสดงความ คิดเห็นเก่ยี วกับการเรยี นวิชานี้ 5.ครใู ชเ้ ทคนิคการสอนแบบ Discussion Method คือการจดั การเรียนร้แู บบอภิปรายสารละลาย 6.ครใู ชเ้ ทคนคิ การสอนแบบ Small Group Discussion การจดั การเรียนรูโ้ ดยใช้การอภปิ รายกลุ่มย่อย คือ กระบวนการเรยี นรู้ที่ผ้สู อนจัดกล่มุ ผเู้ รียนออกเป็นกลุม่ ย่อยประมาณ 3 – 5 คน ใหผ้ เู้ รียนในกล่มุ มโี อกาสสนทนา แลกเปลย่ี นข้อมูลความคิดเห็น ประสบการณ์ในเร่อื ง 6.1.สารละลาย 6.2.ความหมายของสารละลาย 6.3.ประเภทของสารละลาย 6.4. พลังงานกับการละลาย 6.5. สารละลายกรดเบส

4.ครูและผเู้ รียนใชเ้ ทคนิคการสอนแบบ Lecture Method การจดั การเรียนรแู้ บบบรรยาย คอื กระบวนการ เรียนร้ทู ผ่ี ู้สอนเปน็ ผูถ้ า่ ยทอดความรใู้ ห้แกผ่ ูเ้ รยี นโดยการพูดบอกเล่า อธิบายเน้ือหาเร่ืองประเภทของสารละลาย การ ทาํ ใหก้ ระบวนการละลาย โดยมพี ลงั งานความร้อนเข้ามาเกี่ยวขอ้ งเปล่ียนรปู พลังงานมกี ารสญู เสียพลังงานในรูปแบบท่ี ไม่ต้องการให้นอ้ ยท่สี ุด 5.ผ้เู รยี นพิจารณารปู ภาพทีก่ ําหนดให้ แล้วบอกกจิ กรรมทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับการใช้สารละลายในชีวิตประจำวนั มาไม่ นอ้ ยกว่าคนละ 5 ตวั อยา่ ง พร้อมทง้ั ระบุความหมายของสารละลาย 6.ผเู้ รียนพจิ ารณาภาพ สารละลายซึ่งมลี ักษณะสีสนั เข้มอ่อนแตกต่างกัน ตามที่กำหนดให้วา่ มีความเข้มขน้ ที่ แตกตา่ งกนั เกี่ยวข้อง 8.ผเู้ รียนคำนวณความเข้มข้นของสารละลายตามที่ครไู ด้อธิบาย และระบวุ ่ามปี ริมาณตวั ทำละลายและตัวถูก ละลายในปริมาณเท่าใด 9.ผ้เู รียนทำกจิ กรรมตามท่ีครูกำหนดเก่ียวกบั สารละลาย ข้ันสรปุ และการประยุกต์ 10.ผ้เู รยี นวางแผนการเรียน และนำความรู้ท่ีไดจ้ ากรายวชิ าไปประยุกต์ใช้กับงานในชวี ติ ประจำวันทจี่ ำเป็น โดยทั่วไป ซึ่งทกุ คนจะต้องวางแผนการทำงานต่าง ๆ ในอนาคต 11.ครูและผู้เรียนรว่ มกันสรุปเน้ือหาท่ีเรยี นเกี่ยวกบั สารละลาย ความหมายของสารละลายองค์ประกอบของ สารละลาย ประเภทของสารละลาย สารละลายกรด เบส โดยการถามตอบ และจัดกิจกรรมประกอบ 12.ผูเ้ รยี นทำกิจกรรมใบงาน และแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ 13.สรปุ โดยการถาม-ตอบ เพื่อประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั และประเมินผู้เรียนตามแบบฟอร์มตอ่ ไปนี้ 6. ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้ 1.เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าวิทยาศาสตร์เพ่ือพฒั นาอาชพี ศิลปกรรม 2.ส่ือ Power Point, วดี ที ศั น์ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.รปู ภาพประกอบ 5.แบบประเมินผลการเรียนรู้ 7.หลกั ฐานการเรยี นรู้ 1.บันทกึ การสอนของผู้สอน 2.ใบเชค็ รายชอื่ 3.แผนจดั การเรียนรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน 8.การวดั และประเมนิ ผล 8.1 วิธีการ 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. ประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม

3. สงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ 4 ตรวจกิจกรรมสง่ เสริมคุณธรรมนำความรู้ 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ แบบฝึกปฏิบตั ิ 6. ตรวจกิจกรรมใบงาน 7. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 8.2 เครอ่ื งมือ 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ (โดยครู) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยผู้เรยี น) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏิบัติ 5. แบบประเมินกิจกรรมใบงาน 6. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครูและผู้เรยี นรว่ มกัน ประเมิน 8.3 เกณฑ์ 1. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล ต้องไม่มีช่องปรับปรุง 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. แบบประเมนิ ผลการเรียนรมู้ เี กณฑ์ผา่ น และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 50% 5. แบบประเมินกิจกรรมใบงานมีเกณฑผ์ า่ น 50% 6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขึน้ อยู่ กบั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ 9.บันทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ข้อสรปุ หลงั การจัดการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................. ..................................... 9.2 ปัญหาทพี่ บ ......................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. 9.3 แนวทางแก้ปัญหา .......................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................. ..................... ..................................................................................................................................................

ใบความรู้ที่ .....1........... หน่วยท่ี....บทท่ี 1 หลกั สตู ร ประกาศนียบตั รวชิ าชพี สอนคร้งั ท.ี่ .....1 เวลา......3............ชม. รหสั 20001-1002 วิทยาศาสตรเ์ พือ่ พัฒนาอาชีพศิลปกรรม ช่ือเร่อื ง สารละลาย 1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.วิเคราะหแ์ ละสรปุ ความหมายของสารละลาย 2.วเิ คราะห์องค์ประกอบของสารละลาย ตวั ทำละลายและตวั ถูกละลาย 3.วิเคราะห์ความเข้มข้นสารละลาย 4.อธิบายความหมายและคุณสมบตั ิของสารละลายกรดเบส และเกลอื 2. สมรรถนะ 1.นักเรียนสามารถวเิ คราะห์และสรุปความหมายของสารละลายได้ 2.นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์องค์ประกอบของสารละลาย ตัวทำละลายและตวั ถูกละลาย 3.นักเรียนสามารถวเิ คราะห์ความเขม้ ขน้ สารละลายได้ 4.นกั เรียนสามารถอธบิ ายแหลง่ ความหมายและคุณสมบตั ิของสารละลายกรดเบส และเกลือ 3. เนอ้ื หาสาระ หัวเรื่อง 1. ความหมายของการละลาย (Solubility) 2. ประเภทของสารละลาย 3. พลังงานกบั การละลาย 4. กระบวนการเกิดสารละลาย 5. สภาพการละลายได้ 6. ความสามารถในการละลายของน้ำ 7. ความเข้มข้นของสารละลาย 8. การใช้สารละลายในอุตสาหกรรม 9. อันตรายจากการใชส้ ารทำละลาย 1. ความหมายของการละลาย การละลาย (Dissolve) คือ การท่ีสารชนดิ หน่งึ เรยี กวา่ “ตัวถกู ละลาย” แตกตัวออกเป็นอนภุ าคเล็ก ๆ และแทรกตัวในสารอีกชนดิ หนึง่ ซ่งึ เรยี กว่า “ตวั ทำละลาย” โดยทั่วไปเราพิจารณาว่า - สารท่มี ปี ริมาณมากกว่าเปน็ ตัวทำละลาย (Solvent) - สารที่มีปริมาณน้อยกวา่ เป็น ตวั ถูกละลาย (Solute)

- สารละลายที่มนี ำ้ เป็นตวั ทำละลายเรยี กว่า aqueous solution (aq) - สถานะของสารท่เี ปน็ ตวั ทำละลาย จะต้องเป็นสถานะเดยี วกบั สถานะของสารละลายเสมอ การทีอ่ นภุ าคของตัวถูกละลายจะเข้าไปแทรกตวั อย่รู ะหวา่ งอนุภาคของตัวทำละลายได้ขึ้นอยู่กับแรงดึงดูดระหว่าง โมเลกลุ ของตวั ทำละลายกับตัวทำละลาย แรงดึงดดู โมเลกุลระหวา่ งตวั ทำละลายกบั ตัวถูกละลาย และแรงดึงดูด ระหว่างโมเลกุลตัวถูกละลายกบั ตัวถูกละลาย โดยปกตแิ ล้ว การท่ีตัวถูกละลายจะละลายในตัวทำละลายหน่งึ ๆ ได้นนั้ สารทงั้ สองชนดิ จะตอ้ งมสี มบัติ เหมอื นกนั ตามกฎ like dissolves like ก็คือ ตัวถกู ละลายท่ีมีขวั้ จะละลายในตวั ทำละลายทม่ี ขี ั้ว เชน่ นำ้ แตจ่ ะไม่ ละลายในตวั ทำละลายทไ่ี ม่มขี ั้ว เช่น นำ้ มัน ยกตัวอย่างกรณที ี่น้ำมนั ไม่ละลายในน้ำแต่จะละลายในเฮกเซน ในทางกลับกัน กรณีของ เอทานอล (CH3CH2OH) จะละลายไดใ้ นน้ำ (H2O) แต่ไมล่ ะลายใน เฮกเซน (C6H14) จากที่กลา่ วมาจะเปน็ การละลายของของเหลวในของเหลวดว้ ยกนั ในกรณีที่เปน็ การละลายของของแข็ง ในของเหลวก็สามารถอธิบายโดยใชแ้ รงดงึ ดดู ระหว่างโมเลกุลไดเ้ ชน่ เดียวกัน คือถา้ ตัวถูกละลายเป็นสารประกอบไอออ นกิ ซง่ึ มีแรงดงึ ดูดระหวา่ งไอออนสูงมาก กจ็ ะละลายในตัวทำละลายทีม่ ีขวั้ แรงไดด้ ีกวา่ ตวั ทำละลายทม่ี ีข้ัวนอ้ ยกวา่ เพราะฉะนน้ั สารประกอบไอออนิกจึงละลายได้ดีในตวั ทำละลายทมี่ ีขว้ั แรงมากๆ เช่น เกลือแกง (โซเดยี มคลอไรด์ : NaCl) ละลายไดด้ ใี นน้ำ มากกวา่ ในน้ำมันหรือในตวั ทำละลายท่ีเป็นสารประกอบ พวกไฮโดรคารบ์ อน (hydrocarbon compounds) 2. ประเภทของสารละลาย หากใช้เกณฑใ์ นการจำแนก จะแบ่งสารละลายออกเปน็ กลุ่ม ไดด้ งั น้ี 2.1 จำแนกตามสถานะของสารละลาย แบ่งเปน็ 3 ประเภท คอื

1 ของแข็ง เช่น เหรยี ญบาท ทองเหลือง นาก 2 ของเหลว เช่น สารละลายคอปเปอร์ (II) ซลั เฟต นำ้ เชอ่ื ม นำ้ เกลือ 3 แกส๊ เชน่ แก๊สหุงตม้ อากาศ 2.2 จำแนกตามปริมาณของตวั ถูกละลาย แบ่งเปน็ 2 ประเภท คือ 1 สารละลายอ่มิ ตวั (Saturated solution) คอื สารละลายทต่ี วั ถูกละลายไมส่ ามารถละลายใน ตัวทำละลายได้เพิ่มข้นึ อีก เมื่อปรมิ าณตัวทำละลายและอุณหภมู คิ งที่ ซึง่ อาจเป็นสารละลายอ่ิมตวั พอดี หรอื สารละลายอ่ิมตวั เหลือเฟือ ถ้าเพิ่มความร้อนใหส้ ารละลายอม่ิ ตวั เหลือเฟือ ละลายต่อไปได้อีก จะได้สารละลาย อิ่มตัวยง่ิ ยวด 2 สารละลายไม่อิ่มตัว (Unsaturated solution) คือ สารละลายท่ีตวั ถกู ละลายยังสามารถ ละลายในตัวทำละลายได้อกี 2.3 จำแนกตามความเข้มขน้ แบ่งเปน็ 2 ประเภท คอื 1 สารละลายเข้มขน้ คอื สารละลายท่ปี ระกอบด้วยตัวถูกละลายปรมิ าณมาก มตี วั ทำละลาย ปริมาณนอ้ ย 2 สารละลายเจือจาง คือ สารละลายท่ีประกอบดว้ ยตวั ถกู ละลายปรมิ าณนอ้ ย มีตวั ทำละลาย ปริมาณมาก 3. พลังงานกบั การละลาย การละลายจะเป็นประเภทใดขน้ึ อยู่กบั ชนิดของสารและตัวทำละลายที่เกย่ี วข้อง ในขณะทส่ี ารเกดิ การ ละลาย ตวั ถกู ละลายทีเ่ ป็นของแขง็ จะแยกตวั เปน็ อนุภาคเล็กๆ และยดึ เหน่ยี วกบั โมเลกลุ ของตวั ทำ ละลาย กระบวนการนเ้ี กยี่ วข้องกบั พลงั งาน ถา้ พลังงานท่ีใช้แยกอนภุ าคของของแขง็ มีปรมิ าณน้อยกวา่ พลงั งานท่ีเกดิ จากการยดึ เหนี่ยวระหว่างอนุภาคของตวั ถูกละลายกับตัวทำละลาย การละลายของสารน้ีจะปล่อย พลงั งานออกมา สารละลายจะมีอุณหภูมสิ งู ขึน้ การละลายประเภทนีเ้ รยี กวา่ การละลายประเภทคายความร้อน ในทางกลบั กนั ถา้ พลังงานที่ใช้ในการแยกอนุภาคของตัวถูกละลายที่เป็นของแข็งมปี ริมาณมาก กวา่ พลงั งานทเ่ี กิดจากการยดึ เหน่ียวระหว่างอนภุ าคของตัวถูกละลายกบั ตวั ทำละลาย การละลายของสารนี้จะดูด พลงั งาน สารละลายจะมีอุณหภมู ติ ำ่ ลง การละลายประเภทน้ีเรยี กว่า การละลายประเภทดูดความร้อน การละลาย ของของเหลวหรือแก๊สในตวั ทำละลายชนดิ ตา่ งๆ เกิดขึ้นไดใ้ นทำนองเดียวกนั การละลายของสารแตล่ ะชนดิ จะเป็น การละลายของสารประเภทดูดพลังงานความรอ้ น หรือประเคทคายพลังงานความร้อนเป็นสมบตั เิ ฉพาะตวั ของสาร น้ัน ๆ 4. กระบวนการเกิดสารละลาย สารละลาย คอื สารเนอ้ื เดยี วทีเ่ กิดจากสารบรสิ ทุ ธ์ิตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปผสมกัน สารละลายจงึ ไม่เป็นสารบรสิ ทุ ธ์ิ แตเ่ กดิ จากการรวมตวั ของสารบรสิ ทุ ธิ์ โดยทรี่ วมกนั แล้วยังตอ้ งเปน็ สารเนื้อเดียว (Homogeneous) เน่อื งจาก อนภุ าคของตวั ถูกละลายแทรกตัวในอนุภาคของตวั ทำละลายอย่างสม่ำเสมอ การทีอ่ นภุ าคของตัวถูกละลายเขา้ ไปแทนท่ีอนุภาคของตัวทำละลายเกิดขนึ้ ไดเ้ มื่อ - ทำลายแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ ของตวั ทำละลาย

- ทำลายแรงยดึ เหน่ยี วระหวา่ งโมเลกุลของตัวถูกละลาย - สร้างแรงยึดเหนยี่ วระหว่างโมเลกุลของตัวทำละลายและตัวถูกละลาย สารแตล่ ะชนิดมกี ระบวนการละลายแตกตา่ งกัน ยกตัวอย่างเชน่ การละลายของสารประกอบไอออนิก เมื่อให้สารประกอบไออออนิกละลายนำ้ จะเกิดการเปล่ยี นแปลง 2 ข้นั ตอน ดังน้ี ขัน้ ที่ 1 ของแข็งไอออนกิ สลายตวั เปน็ ไอออนบวกและไอออนลบในสภาวะกา๊ ซ สำหรบั ขัน้ น้เี ปน็ การ เปลยี่ นแปลงประเภทดูดพลงั งาน เพราะต้องใช้พลงั งานเพื่อสลายแรงยดึ เหน่ยี วระหว่างไอออนบวกกบั ไอออนลบ พลงั งานที่ใชใ้ นขัน้ น้ี เรียกว่า พลงั งานแลตทิช หรือพลงั งานโครงร่างผลกึ (Lattice Energy) ขน้ั ที่ 2 ไอออนบวกและไอออนลบในสภาวะก๊าซ รวมตวั กับโมเลกุลของน้ำ กลายเปน็ ไอออนท่ีถกู ไฮเดรต หรือมีโมเลกุลของนำ้ เขา้ ลอ้ มรอบ เนอื่ งจากขั้นนเ้ี กิดแรงยึดเหนย่ี วระหวา่ งไอออนบวกและไอออนลบกบั โมเลกุลของน้ำ ขน้ั นี้จงึ เป็นการเปลี่ยนแปลงประเภทคายพลงั งาน พลังงานทคี่ ายออกมาเรียกว่า พลังงาน ไฮเดรชนั เชน่ เมื่อโซเดียมคลอไรด์ละลายนำ้ จะเกิดการเปลีย่ นแปลง 2 ข้ัน ดงั น้ี 5. สภาพการละลายได้ สภาพการละลายได้ หมายถงึ ความสามารถในการละลายไดข้ องตัวทำละลายจนอ่ิมตวั ซ่ึงนอกจากจะ ขึน้ อย่กู ับชนิดของตวั ถูกละลายและตวั ทำละลายแล้ว ยงั ขนึ้ อยู่กับสภาพแวดลอ้ มอ่ืนๆ อีก ได้แก่ อุณหภมู ิ และ ความดนั เช่น สภาพการละลายของโซเดยี มคลอไรดใ์ นน้ำ 100 กรัม ณ อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส เท่ากับ 36.0 กรมั แต่ถ้าเพิ่มอุณหภูมเิ ปน็ 60 องศาเซลเซยี ส สภาพการละลายจะเปลีย่ นไปคือ ละลายไดเ้ พ่มิ ขนึ้ เปน็ 37.3 กรัม ส่วนการละลายของแกส๊ จะละลายไดม้ ากขนึ้ ถ้าอุณหภมู ิลดลงและความดนั เพ่ิมมากข้ึน เชน่ การละลาย ของแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดใ์ นน้ำอดั ลม ปัจจยั ทีเ่ กีย่ วข้องกับความสามารถในการละลายของสาร ณ อุณหภมู เิ ดยี วกนั สารแต่ละชนดิ ละลายไม่ เท่ากัน ท้งั น้ีข้นึ อยู่กับปจั จัยดังน้ีคอื 1. ชนิดของตวั ทำละลาย 2. ชนดิ ของตวั ถกู ละลาย 3. ความดนั ในกรณีทต่ี วั ถกู ละลายมีสถานะเป็นกา๊ ซ ถา้ ความดนั เพ่ิมจะละลายไดม้ ากขึ้น

4. อุณหภูมิความสามารถในการละลายของสารบางชนิดเพ่มิ ขึ้น เม่ืออุณหภูมเิ พิ่ม แต่บางชนดิ ละลายได้ นอ้ ยลง (ตกตะกอนผลกึ ออกมา) เมื่ออุณหภมู เิ พ่ิม ดงั กราฟปริมาณตวั ถกู ละลายกับอุณหภูมิ 6. ความสามารถในการละลายของน้ำ นำ้ เป็นตัวทำละลายทดี่ มี าก นำ้ สามารถละลายสารเกือบทุกชนดิ ได้ จงึ ไม่น่าแปลกใจวา่ นำ้ ทะเลหรือ ของเหลวอ่นื ๆ ในธรรมชาติ แมก้ ระทั่งส่ิงมชี วี ิตจะมนี ้ำเป็นองคป์ ระกอบหลักกค็ ือเป็นตัวทำละลาย คำว่า สารละลายในท่ีนจี้ ะประกอบด้วยองค์ประกอบสองสว่ นดว้ ยกัน คือตวั ทำละลาย (solvent) ซึง่ เป็นของเหลวและมี สัดส่วนในปริมาณมากกว่า องคป์ ระกอบอีกตัวหนึ่ง คือตัวถูกละลาย(solute) ซ่งึ มักจะเป็นของเหลวหรอื ก๊าซ ใน สารละลายใด ๆ ทีม่ ีการผสมเปน็ เนื้อเดียวกัน หมายถึงตวั ถูกละลายแพรก่ ระจายไปใน ตัวทำละลายได้อย่างทว่ั ถงึ มี คณุ สมบัตเิ ดียวกันทกุ สว่ น ในทางตรงกนั ขา้ ม นำ้ มันไมส่ ามารถละลายน้ำได้ถงึ แมว้ า่ จะเขย่าใหผ้ สมกนั อยา่ งแรง เมอ่ื น้ำมนั ผสมกับนำ้ ลกั ษณะของสารดงั กลา่ วน้ีจะเป็นของผสม เน่ืองจากโมเลกลุ ของนำ้ มนั เปน็ สารประกอบไม่มขี วั้ ซง่ึ หมายถึงปลายทงั้ สองด้านของน้ำมนั จะไม่มปี ระจบุ วกหรือประจลุ บ 7. ความเขม้ ข้นของสารละลาย ความเขม้ ข้นของสารละลาย เป็นค่าทแ่ี สดงปรมิ าณของตวั ละลายทล่ี ะลาย อยู่ในตวั ทำละลายหรือในสารละลายนน้ั การบอกความเข้มข้นของสารละลายบอกไดห้ ลายวิธีดังนี้ 7.1 รอ้ ยละ (percent) แบง่ ออกเป็นดังนี้ 1) ร้อยละโดยมวล (w/w) บอกถึงมวลของตัวละลายทล่ี ะลายในสารละลาย 100 หนว่ ยมวล เชน่ สารละลายน้ำเชอื่ มเขม้ ข้นร้อยละ 10 โดยมวล คอื ในสารละลายนำ้ เชอ่ื ม 100 กรมั ประกอบด้วยนำ้ ตาล 10 กรมั 2) ร้อยละโดยปรมิ าตร (v/v) บอกถึงปรมิ าตรของตัวละลายทล่ี ะลายในสารละลาย 100 หนว่ ย ปริมาตร เช่น สารละลายเอทานอลเข้มข้นรอ้ ยละ 15 โดยปริมาตร คือ ในสารละลาย เอทานอล 100 ลูกบาศก์ เซนตเิ มตร ประกอบดว้ ยเอทานอล 15 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร 3) รอ้ ยละโดยมวลตอ่ ปริมาตร (w/v) บอกถงึ มวลของตัวละลายในสารละลาย 100 หน่วย ปรมิ าตร เช่น สารละลายเกลอื แกง 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร ประกอบด้วยเกลือแกง 1 กรมั 7.2 สว่ นในพันสว่ น (part per thousand ; ppt) เปน็ หนว่ ยท่บี อกมวลของตัวละลายท่ีมีปรมิ าณนอ้ ย ละลายในสารละลาย หรอื ตวั ทำละลาย 1 พนั สว่ น 7.3 ส่วนในลา้ นส่วน (part per million ; ppm) เปน็ หนว่ ยท่ีบอกมวลของตัวละลายที่มีปรมิ าณนอ้ ย มาก ละลายในสารละลายหรอื ตัวทำละลาย 1 ล้านส่วน (106 ส่วน) เช่น ปลาตวั หน่งึ มีปรอทปลอมปนอยู่ 0.2 ppm หมายความว่า ในเน้ือปลา 1 ล้านกรมั จะมีปรอทอยู่ 0.2 กรมั 8. การใชส้ ารละลายในอตุ สาหกรรม สารละลายถกู นำมาใชอ้ ยา่ งแพรห่ ลายในอตุ สาหกรรมการสร้างโลหะผสม สารละลายทางการแพทย์และ ออกซิเจนละลายนำ้

8.1 โลหะผสม เปน็ สารละลายของแขง็ (solid solution) ของโลหะหนงึ่ อย่างหรอื มากกว่า หรือโลหะ กบั อโลหะ เรียกว่าโลหะผสม โลหะผสมเปน็ สารละลายของแข็งทเี่ ป็นเน้ือเดียวกนั เพราะสว่ นประกอบของโลหะ ผสมจะละลายเขา้ ด้วยกันในสถานะหลอมเหลว ในระหว่างการผลติ โลหะผสม สว่ นประกอบของโลหะผสมจะไม่มี การเปล่ยี นแปลงทางเคมีใดๆ จะถกู ผลิตโดยการหลอมละลายสว่ นประกอบธาตเุ ข้าด้วยกันและกลายเปน็ สว่ นผสม ของแขง็ ตวั อย่าง 1. การเพ่ิมโลหะ เช่น ทองแดง แมงกานีสและสังกะสีเขา้ ไปในอลมู ิเนยี ม จะช่วยเพม่ิ ความแข็งแกรง่ ความ ทนทานและความต้านทานการกัดกร่อนของโลหะผสม ส่วนใหญจ่ ะใชใ้ นการผลิตชิ้นส่วนเคร่อื งยนต์ของ รถยนต์ 2. ทองแดงเมื่อผสมกับดีบุกจะไดส้ ำริด ซงึ่ ทนตอ่ การกัดกร่อน มกี ารนำไฟฟา้ และความร้อนสงู ใชใ้ นอุปกรณ์ ประปา เฟืองและวาล์ว 3. โลหะผสมเหลก็ กล้าไรส้ นมิ เป็นสว่ นผสมของเหล็ก นกิ เกิลและโครเมียม สามารถทนต่อการกดั กร่อนและ การใช้งานในทางอเิ ล็กทรอนิกส์ ถนน ทางรถไฟและอุตสาหกรรมการเกษตร รวมถึงใช้เพอื่ ทำอุปกรณ์ เครอื่ งครัว 4. โลหะผสมทังสเตนมจี ดุ หลอมเหลวสงู และใช้ในหลอดเอกซเรย์และอปุ กรณ์หลอดไฟ 8.2 สารละลายทางการแพทย์สารละลายทางการแพทย์เปน็ สารเน้ือเดยี วของสารหน่ึงอย่างหรือ มากกวา่ ซง่ึ สารจะแพร่กระจายอยใู่ นปรมิ าณทเ่ี พียงพอของตัวทำละลาย โมเลกุลของสารแต่ละสารจะไมม่ ีการ เปลี่ยนแปลงทางเคมี 1. โซเดียมคลอไรดใ์ นนำ้ บรสิ ุทธ์เิ ปน็ นำ้ เกลอื ใชส้ ำหรับการรักษาภาวะขาดนำ้ และทำความสะอาดบาดแผล น้ำเกลอื ท่ีใชใ้ นโรงพยาบาลประกอบด้วยโซเดยี มคลอไรด์ 0.9% 2. สารละลายเบเนดิกต์ (โซเดยี มซิเตรท โซเดียมคาร์บอเนตและควิ พริกซัลเฟตในนำ้ ) จะนำมาใช้เพ่ือ ตรวจสอบระดับของกลูโคสในปสั สาวะ 3. สารละลายในน้ำประกอบด้วยฟอรม์ าลดไี ฮด์ 37% - ฟอรม์ าลินจะใช้เปน็ ยาฆ่าเชื้อ 4. โพแทสเซียมในสารละลายอเิ ลก็ โทรไลจะใชใ้ นการปกป้องหัวใจระหวา่ งการผา่ ตัดหัวใจ 5. สารละลายของกรดซิตริก โซเดียมซิเตรทและเดกซโ์ ทรสในน้ำจะใช้สำหรับการเกบ็ รกั ษาเลือด 8.3 สารทำละลายในอตุ สาหกรรมอนื่ ๆ เปน็ สารเคมที ีใ่ ช้อยา่ งกวา้ งขวางเพื่อทำละลายหรอื ทำให้เจอื จางกบั สารอนื่ ปกตสิ ารทำละลายเป็นของเหลวอินทรีย์ สารทำละลายหลายตัวถูกใชเ้ ป็นสารเคมที ำปฏกิ ริ ิยาระหวา่ ง กระบวนการ (chemical intermediates) ถกู ใช้เป็นเชอ้ื เพลิง และถูกใช้เป็นองคป์ ระกอบหลายๆ ตวั ของผลิตภณั ฑ์ ตา่ งๆ ตัวอยา่ งสารทำละลายท่ใี ชก้ ันทว่ั ไปในอุตสาหกรรมตา่ งๆ 1. อะซโี ตน (acetone) – การใชง้ าน : ใช้เป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมเคมี ผลติ ยา ผลติ สี หมกึ พมิ พ์ กาว แลคเกอร์ เครื่องสำอาง และ พลาสตกิ 2. ไดคลอโรมีเทน (dichloromethane) – การใช้งาน : ใช้ลา้ งสีออกจากภาพวาด ใชเ้ ป็นสารสกดั คาเฟอีนจากกาแฟ ใช้ผลิตสารปรุงแตง่ กล่ินหรือรส 3. เฮกเซน (hexane) – การใชง้ าน : ใชผ้ สมสี กาว ในงานเฟอนิเจอร์ ใชใ้ นงานพน่ สี ทาสี 4.โทลอู ีน (toluene) – การใชง้ าน : ใชเ้ ป็นตวั ทำละลายสี หมึกพิมพ์ กาว ใช้เป็นสารต้งั ต้นสำหรับ

การสังเคราะห์สารอนื่ เช่น ทำโฟมยูรเี ทน สังเคราะห์สยี อ้ ม ผลิตภณั ฑ์ยา และ เครือ่ งสำอาง 5. เมทานอล (methanol) – การใช้งาน : เช็ดลา้ งพลาสติก ใชเ้ ปน็ ส่วนผสมทำกาวสำหรับไม้อดั ใช้ เปน็ สว่ นผสมไบโอดเี ซล ใช้เปน็ anti-freeze ในหม้อน้ำรถยนต์ 6. เมทลิ เอทิล คีโตน (methyl ethyl ketone) – การใช้งาน : ใช้เป็นตัวทำละลายในกาว หมึกพมิ พ์ 7. ไซลีน (xylene) – การใชง้ าน : ใชเ้ ปน็ ส่วนผสมในการผลติ ทินเนอร์ แลคเกอร์ สี หมึกพิมพ์ กาว เร ซนิ ยาง น้ำยาทำความสะอาด ใชฟ้ อกสีในอุตสาหกรรมกระดาษ ใชเ้ ปน็ ส่วนผสมของน้ำมันเช้อื เพลิง 8. ไวทส์ ปิริต (white spirit) – การใชง้ าน : ใชเ้ ปน็ ทินเนอร์ผสมในสที าบา้ น แลคเกอร์ และ น้ำมันวา นิช ใชล้ ้างคราบมัน (degreasing) ในการทำความสะอาดเครือ่ งจักรหรอื ทำความสะอาดชิน้ งานโลหะ ใชผ้ สมกับ นำ้ มันตัด (cutting oil) เพ่ือเป็นสารหลอ่ เยน็ ในงานตดั เจาะโลหะ ใช้เป็นสารในน้ำยาซักแหง้ ใชผ้ สมสีน้ำมันเพ่ือ วาดภาพงานศิลปะ ใชผ้ สมกับยางมะตอยเพอ่ื ลดความข้นเหนียว 9. อนั ตรายจากการใช้สารทำละลาย สารทำละลาย (Solvents) คือสารท่มี ีคณุ สมบัตใิ นการละลายสารอ่นื ได้ดี ระเหยไดง้ ่าย มคี วามไวไฟสูง มักมีใช้กัน ในอตุ สาหกรรมประเภทต่างๆ หรือ มีผสมอยู่ในผลิตภณั ฑท์ ี่ใช้กันโดยทั่วไป เชน่ การผสมสี การพ่นสี แลค เกอร์ กาวยาง น้ำยาทำความสะอาดชิน้ งานและเครื่องจักร นำ้ ยาขจัดคราบรอยเปื้อน นำ้ ยาลบคำผิด ฯลฯ ตัวอย่าง ของสารที่ใช้กนั เช่น ทนิ เนอร์ น้ำมันเบนซนิ โทลูอนี ไซลีน ไตรคลอ โรอเี ธน ไตรคลอโรเอทธีลีน เปน็ ตน้ การระเหยของสาร คือการทส่ี ารนน้ั กลายเป็นสว่ นหน่ึงของอากาศ เราหายใจเขา้ ไปแลว้ สาร จะถกู ดดู ซมึ เขา้ สู่กระแสเลือด ผ่าน หวั ใจแลว้ ถกู สบู ฉีดเขา้ ไปสู่อวยั วะตา่ ง ๆ ภายในรา่ งกายและทำอันตรายต่ออวัยวะ น้นั ๆ เช่น ตับไต สมองและเปน็ อันตรายต่อสุขภาพร่างกาย อันตรายของสารทำละลายต่อสุขภาพ ดงั น้ี 1. อันตรายตอ่ ระบบทางเดินหายใจ หากหายใจเอาไอระเหยของสารเข้าไปมาก ๆ จะรู้สกึ ว่าหายใจ ขดั มอี าการระคายเคอื งในคอ มนึ ศีรษะ คลืน่ เหยี น ระบบทางเดินอาหารอาจหยดุ ทำงานได้ 2. สารเคมีทีส่ ูดดมจะเขา้ สถู่ ุงลมปอด ซม่ึ เข้าสู่กระแสเลอื ดและนำไปสอู่ วัยวะภายในต่าง ๆ ทำให้เกดิ โรคตับ โรคไต หรือ ทำลายระบบประสาทสว่ นกลาง ทำลายเน้ือเยือ่ ของระบบทางเดนิ หายใจ เมอ่ื ไดร้ บั สารทำละลาย บอ่ ย ๆ อาจทำใหต้ ดิ สารนน้ั ได้ เชน่ การตดิ ทนิ เนอร์

3. สารทำละลายมคี ุณสมบตั ิในการละลายไขมนั ไดด้ ี หากสมั ผัสท่ผี ิวหนังจะละลายไขมนั ทผี่ ิวหนงั ทำ ให้ผิวหนงั แหง้ แตก ระคายเคอื ง และไหม้ได้ อกี ท้ังยงั สามารถซมึ ผ่านผวิ หนังเข้าส่กู ระแสเลือด และทำอันตราย เช่นเดยี วกบั สารที่เข้าทางระบบ ทางเดนิ หายใจ 4. หากสมั ผสั กบั สารทำละลายเปน็ เวลานาน ๆ ทำใหเ้ ปน็ โรคผวิ หนังอักเสบ (Contact Dermatitis) โดยมอี าการเป็นตมุ่ พุพอง รู้สกึ เจ็บงา่ ยต่อการติดเช้ือแบคทีเรยี ซึ่งจะทำใหเ้ กดิ อาการอักเสบรุนแรงขน้ึ 5. ผลต่อตา กรณที ส่ี ารทำละลายเข้าตาจะทำให้เกิดอาการแสบตา ตาแดง นำ้ ตาไหล เกดิ อาการระคาย เคอื งหรือ หากต้องทำงานในพ้นื ท่ที ี่มีละออง ไอระเหยของสารทำลายน้นั เปน็ ระยะเวลานาน ทำให้ มอี าการ ตาพรา่ มัว เย่ือบตุ าระคายเคือง สมรรถภาพการมองเหน็ เส่ือมแบบถาวร วธิ แี ก้ไขให้ไปทท่ี ี่ล้างตาทใ่ี กล้ทสี่ ุดทันที หากไมม่ ีให้ ไปทกี่ ๊อกน้ำ สำหรบั ผ้ทู ่ใี ส่คอนแทคเลนสใ์ หถ้ อดออกเพราะ จะเปน็ ตัวจับสารทำละลายไว้ ใหน้ ำ้ ชะลา้ งตา 15-20 นาที โดยลา้ งจากหวั ตาไปหางตา โดยใหต้ าทโี่ ดนสารนนั้ อยู่ขา้ งล่างเพ่ือไม่ไห้ตาอีกข้างรบั สารไปด้วย หา้ มใส่ครมี ดูอาการ หากยังไม่ดขี ึ้นให้พาไปพบแพทย์ 6. ในกรณีท่ี มีการกนิ เข้าไป ห้ามใหด้ ืม่ กนิ อะไรตามไปเด็ดขาด นอกจากมีระบุไวใ้ นเอกสารความ ปลอดภัย ของสารเคมีตัวนน้ั ๆ (MSDS : Material Safety Data Sheet) แลว้ นำส่งแพทย์ทันที 7. เกดิ กับผวิ หนัง ให้เปิดน้ำให้ชะผา่ นบริเวณท่ีสัมผัสสารละลาย 15-20 นาที โดยห้ามทำการขดั ถู บาดแผล ขณะเดยี วกันก็ถอดเส้ือผ้าทเ่ี ปอื้ นสารเคมีออกในขณะทนี่ ำ้ ยังชะอยู่ ปิดแผลด้วยผา้ หรอื วัสดทุ ่ีผ่านการฆ่าเช้ือ แลว้ หา้ มใส่ครมี ลงบนแผล ดูอาการหากไมด่ ขี ้ึน ให้พาไปพบแพทย์

ใบงาน ท่ี ........ 1........ หนว่ ยท.่ี .....บทที่ 1.... หลกั สตู ร ประกาศนียบตั รวชิ าชพี สอนครั้งท่ี....1...... เวลา.........3.........ชม. รหัส 20000-1304 วทิ ยาศาสตร์เพอ่ื พัฒนาอาชีพศิลปกรรม ช่ืองาน........สารละลาย 1. จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ผู้เรียนสามารถแยกแยะชนิดของสารละลาย และพลังงานทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับการละลาย 2. สมรรถนะ ผเู้ รียนสามารถระบุ ชนิดของสารละลาย และอธิบายข้ันตอนการและลายและพลังงานทเี่ กี่ยวขอ้ งไดถ้ ูกต้อง 3. เครอ่ื งมือ วสั ดุ และอุปกรณ์ ภาพกิจกรรม 4. คำแนะนำ - 5. ข้อควรระวัง - 6. ลำดบั ขัน้ (การทดลอง/การปฏิบตั งิ าน) 1.ผู้เรยี นพิจารณารูปภาพทีก่ ําหนดให้ แล้วบอกกจิ กรรมท่ีเก่ยี วข้องกบั การใชพ้ ลังงาน มาไม่น้อยกวา่ ภาพละ 7 กจิ กรรม พร้อมท้ังระบคุ วามหมายของพลงั งาน 2.ผเู้ รยี นพิจารณาภาพตามท่ีกำหนดใหว้ ่ามีพลังงานอะไรมาเก่ียวขอ้ งบ้าง และรปู ภาพใดว่ามกี ารเปล่ียนแปลง พลังงานบา้ ง 3.ผเู้ รยี นวาดภาพกจิ กรรมแสดง 2 ภาพ และระบวุ า่ เปลี่ยนรปู จากพลังงานอะไรเปน็ พลังงานอะไร 7. ผลการศึกษา - ดจู ากกิจกรรมทีน่ กั เรียนทำ และสามารถระบุสารละลายท่ีเปล่ยี นรูปได้ถกู ต้อง 8. สรุปและวจิ ารณผ์ ล ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ......... ........................................................................................................................................................... 9. การประเมินผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ

3. สงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ 4 ตรวจกจิ กรรมสง่ เสริมคุณธรรมนำความรู้ 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ แบบฝึกปฏิบตั ิ 6. ตรวจกิจกรรมใบงาน 7. การสงั เกตและประเมินพฤติกรรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 10. เอกสารอา้ งอิง /เอกสารคน้ คว้าเพิม่ เตมิ เอกสารประกอบการเรียนวชิ าวิทยาศาสตรเ์ พ่ือพฒั นาอาชีพศิลปกรรม ความคดิ รวบยอด/ความเขา้ ใจทีค่ งทน สารละลาย คือ ของผสมเนื้อเดียวล้วน ซ่ึงประกอบด้วยสารต้ังแต่ 2 ชนิดข้ึนไปมารวมกัน องค์ประกอบท่ีมี ปริมาณมากกว่าเรียกวา่ ตัวทำละลาย (sovent) ส่วนองค์ประกอบท่ีมปี รมิ าณนอ้ ยกวา่ เรียกว่า ตวั ถูกละลาย (solute) ตัวถูกละลายแต่ละชนิดจะใช้ตัวทำละลายท่ีแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างตัวทำละลายกับตัวถูกละลาย ซึ่งสารทั้ง 2 ชนิดนั้นจะต้องรวมเป็นเนื้อเดียวกันและไม่ทำปฏิกิริยาเคมีต่อกัน ดังนั้นถ้าใช้ตัวทำละลายต่างชนิดกัน ความสามารถในการละลายของสารก็ต่างกัน และถึงแม้ว่าในสารละลายหนึ่งๆ จะมีองค์ประกอบอยู่หลายอย่าง แต่ สมบตั ทิ างเคมีและสมบัตทิ างกายภาพขององค์ประกอบแต่ละชนดิ ก็ยงั คงเหมือนเดิม สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายและองค์ประกอบของสารละลาย (หนงั สือเรียน หนา้ 11-13) 2. การละลายของสารในตัวทำละลาย (หนงั สอื เรยี น หนา้ 14-17) 3. ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย (หนังสือเรยี น หน้า 18-24) 4. พลงั งานกับการละลายของสาร (หนังสือเรียน หน้า 24-27) 5. สารละลายกรด-เบส (หนงั สือเรียน หน้า 27-40) สมรรถนะประจำหนว่ ย 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับสารละลาย 2. ประยุกต์ความรู้เร่อื งสารละลายไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันและการประกอบอาชีพ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกความหมายและองค์ประกอบของสารละลายได้ 2. บอกการละลายของสารในตวั ทำละลายได้ 3. อธิบายความเข้มข้นของสารละลายได้ 4. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพลงั งานกับการละลายของสารได้ 5. อธิบายเก่ยี วกับสมบัตแิ ละวธิ ีตรวจสอบสารละลายกรด-เบสได้ 6. มีเจตคตทิ ด่ี ีในการเรียนเรื่องสารละลาย และรกั ษค์ ่านิยมหลกั 12 ประการของไทย

ภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกของผเู้ รยี น ภาระงาน/ชิน้ งานระหว่างเรยี น 1. ผงั กราฟกิ แสดงการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเกย่ี วกบั สารละลาย 2. ผงั กราฟิกสรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกบั สารละลาย 3. การนำเสนอผลการสรปุ ความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับสารละลาย ภาระงาน/ช้ินงานรวบยอดในหนว่ ยการเรยี นรู้ 1. ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ 2. ผลการปฏิบัติกิจกรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ 3. ผลการประเมินตนเอง 4. คะแนนผลการทดสอบ การประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ ภาระงาน/ช้ินงาน/ วธิ ีประเมนิ /เคร่อื งมือ เกณฑ์ 1. บอกความหมายและ การแสดงออก องค์ประกอบของสารละลายได้ ตรวจผลงานแบบบันทึก ตามทกี่ ำหนดใน ผลงานแบบบนั ทกึ ผังกราฟิก ผังกราฟกิ แสดงความหมายและ แบบตรวจและประเมนิ 2. บอกการละลายของสาร แสดงความหมายและ องคป์ ระกอบของสารละลาย ผลงาน ในตัวทำละลายได้ องคป์ ระกอบของสารละลาย ตรวจผลงานแบบบนั ทกึ ตามที่กำหนดใน ผลงานแบบบนั ทกึ ผงั กราฟกิ ผังกราฟิกแสดงการละลายของ แบบตรวจและประเมนิ 3. อธิบายความเข้มขน้ ของ แสดงการละลายของสารใน สารในตัวทำละลาย ผลงาน สารละลายได้ ตวั ทำละลาย ตรวจผลงานแบบบันทกึ ตามทกี่ ำหนดใน ผลงานแบบบันทกึ ผงั กราฟิก ผังกราฟกิ แสดงความเข้มข้นของ แบบตรวจและประเมิน 4. อธิบายความสมั พันธ์ระหวา่ ง แสดงความเขม้ ขน้ ของ สารละลาย ผลงาน พลังงานกับการละลายของสารได้ สารละลาย ตรวจผลงานแบบบนั ทึก ตามที่กำหนดใน ผลงานแบบบันทึก ผงั กราฟกิ ผงั กราฟกิ แสดงความสมั พนั ธ์ แบบตรวจและประเมิน แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ระหวา่ งพลงั งานกับการละลาย ผลงาน พลงั งานกบั การละลายของสาร ของสาร ตรวจผลงานแบบบันทึก ตามที่กำหนดใน 5. อธิบายเกี่ยวกับสมบัติและ ผลงานแบบบนั ทกึ ผังกราฟกิ ผงั กราฟิกแสดงสมบตั แิ ละ แบบตรวจและประเมนิ วิธตี รวจสอบสารละลายกรด-เบส ผลงาน วธิ ีตรวจสอบสารละลายกรด-เบสได้ แสดงสมบัตแิ ละวธิ ตี รวจสอบ สังเกตและประเมนิ ตามทก่ี ำหนดใน พฤตกิ รรมการปฏิบตั ิตน แบบบนั ทกึ และ สารละลายกรด-เบส ในการรว่ มปฏบิ ัติกจิ กรรมของ แบบประเมนิ พฤติกรรม บทเรียน 6. มเี จตคติทดี่ ใี นการเรยี นเร่ือง พฤติกรรมการปฏิบตั ติ น สารละลาย และรกั ษค์ ่านยิ มหลัก ในการรว่ มปฏบิ ตั กิ ิจกรรมของ 12 ประการของไทย บทเรยี น กิจกรรมกลุม่ และ กจิ กรรมรายบุคคล หมายเหตุ : 1. การประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ ประเมินตามภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกตามกิจกรรมในแผนการจัดการเรียนรู้ ทส่ี อดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ให้คะแนนตามเกณฑ์ประเมิน 2. การประเมินเจตคติในการเรียน ประเมินต่อเน่ืองในทุกกิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้ แล้วนำผลไปสรุปรวม ในแผนสุดท้ายของเรอ่ื ง/หน่วยการเรียนรู้

เกณฑป์ ระเมินจดุ ประสงค์การเรียนรู้จากภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของผ้เู รียน จดุ ประสงค์ ระดับ ดมี าก ดี ปานกลาง ปรบั ปรุง การเรียนรู้ คุณภาพ (4) (3) (2) (1) 1. บอกความหมายและ บอกความหมายและ บอกความหมายและ บอกความหมายและ บอกความหมายและ องคป์ ระกอบของสารละลาย องค์ประกอบของ องค์ประกอบของ องค์ประกอบของ องคป์ ระกอบของ ได้ สารละลาย ไดถ้ ูกตอ้ ง สารละลาย ไดถ้ กู ตอ้ ง สารละลาย ได้ถูกตอ้ ง สารละลาย ครอบคลมุ ตรงตาม ครอบคลมุ ตรงตาม ตรงตามหลกั วชิ า ไดเ้ ลก็ นอ้ ย 2. บอกการละลายของ หลักวิชา เรียบเรียง หลกั วิชา ด้วยข้อความ บางส่วน ด้วยขอ้ ความ ยังไมถ่ ูกตอ้ ง สารในตวั ทำละลายได้ ด้วยภาษาของตนเอง ท่ีคัดลอกจากผูอ้ นื่ หรือ ทค่ี ดั ลอกจากผ้อู ่ืนหรือ ครอบคลมุ ตรงตาม เข้าใจงา่ ย ตำรา ตำรา หลักวิชา 3. อธิบายความเข้มข้นของ บอกการละลายของสาร บอกการละลายของ บอกการละลายของ บอกการละลายของ สารละลายได้ ในตัวทำละลาย สารในตวั ทำละลาย สารในตัวทำละลาย สารในตัวทำละลาย ไดถ้ กู ตอ้ งครอบคลุม ไดถ้ กู ตอ้ ง ครอบคลมุ ไดถ้ กู ต้อง ตรงตาม ได้เลก็ น้อย 4. อธิบายความสมั พนั ธ์ ตรงตามหลักวิชา ตรงตามหลักวชิ า หลักวิชาบางสว่ น ยังไมถ่ กู ตอ้ ง ระหวา่ งพลังงานกับ เรียบเรยี งดว้ ยภาษา ดว้ ยขอ้ ความทค่ี ดั ลอก ดว้ ยขอ้ ความทค่ี ดั ลอก ครอบคลมุ ตรงตาม การละลายของสารได้ ของตนเอง เข้าใจงา่ ย จากผู้อน่ื หรือตำรา จากผูอ้ ืน่ หรือตำรา หลักวิชา อธิบายความเขม้ ขน้ ของ อธิบายความเข้มขน้ อธิบายความเขม้ ขน้ อธบิ ายความเขม้ ข้น 5. อธิบายเกย่ี วกับสมบตั ิ สารละลายไดถ้ กู ตอ้ ง ของสารละลาย ของสารละลายได้ ของสารละลาย และวิธตี รวจสอบสารละลาย ครอบคลมุ ตรงตาม ไดถ้ ูกตอ้ ง ครอบคลุม ถูกตอ้ ง ตรงตาม ได้เลก็ นอ้ ย กรด-เบสได้ หลกั วชิ า เรียบเรยี ง ตรงตามหลกั วิชา หลกั วชิ าบางส่วน ยังไม่ถูกตอ้ ง ดว้ ยภาษาของตนเอง ด้วยขอ้ ความท่คี ดั ลอก ดว้ ยข้อความท่คี ัดลอก ครอบคลมุ ตรงตาม เขา้ ใจง่าย จากผู้อน่ื หรอื ตำรา จากผู้อนื่ หรอื ตำรา หลักวชิ า อธบิ ายความสมั พนั ธ์ อธบิ ายความสมั พันธ์ อธิบายความสมั พันธ์ อธบิ ายความสมั พันธ์ ระหวา่ งพลงั งานกับ ระหวา่ งพลังงานกับ ระหว่างพลงั งานกบั ระหว่างพลงั งานกับ การละลายของสาร การละลายของสาร การละลายของสาร การละลายของสาร ได้ถูกตอ้ ง ครอบคลมุ ไดถ้ กู ตอ้ ง ครอบคลุม ไดถ้ ูกตอ้ ง ตรงตาม ไดเ้ ล็กนอ้ ย ตรงตามหลักวชิ า ตรงตามหลกั วชิ า หลกั วิชาบางสว่ น ยงั ไมถ่ ูกต้อง เรยี บเรยี งด้วยภาษา ดว้ ยขอ้ ความที่คัดลอก ด้วยขอ้ ความที่คัดลอก ครอบคลมุ ตรงตาม ของตนเอง เขา้ ใจง่าย จากผอู้ น่ื หรือตำรา จากผู้อนื่ หรอื ตำรา หลักวชิ า อธบิ ายเก่ยี วกบั สมบัติ อธบิ ายเกย่ี วกับสมบัติ อธิบายเกีย่ วกับสมบตั ิ อธิบายเกีย่ วกับสมบตั ิ และวิธีตรวจสอบ และวธิ ีตรวจสอบ และวิธตี รวจสอบ และวิธีตรวจสอบ สารละลายกรด-เบส สารละลายกรด-เบส สารละลายกรด-เบส สารละลายกรด-เบส ได้ถูกต้อง ครอบคลมุ ไดถ้ ูกตอ้ ง ครอบคลมุ ไดถ้ ูกตอ้ ง ตรงตาม ไดเ้ ล็กน้อย ตรงตามหลักวชิ า ตรงตามหลักวิชา หลกั วิชาบางส่วน ยงั ไมถ่ กู ตอ้ ง เรยี บเรียงดว้ ยภาษา ดว้ ยขอ้ ความที่คัดลอก ด้วยข้อความที่คัดลอก ครอบคลมุ ตรงตาม ของตนเอง เขา้ ใจงา่ ย จากผ้อู ื่นหรือตำรา จากผอู้ ื่นหรอื ตำรา หลกั วิชา

เกณฑป์ ระเมินจุดประสงค์การเรียนรจู้ ากการแสดงออกของผู้เรียนตามภาระงาน การแสดงออกของผเู้ รียนตามภาระงาน การปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มและการปฏิบัตงิ านรายบุคคลตามท่กี ำหนด ในกิจกรรมการเรยี นรู้แต่ละขั้นตอน จุดประสงค์การเรียนรู้ ข้อ 6 มีเจตคติที่ดีในการเรียนเร่ืองสารละลาย และรักษ์ค่านิยมหลัก 12 ประการ ของไทย ประเมนิ โดยเกณฑ์เชิงคณุ ภาพแบบจำแนกองค์ประกอบดังตาราง ระดบั ดมี าก ดี ปานกลาง ปรบั ปรุง คณุ ภาพ (4) องค์ประกอบ (3) (2) (1) ท่ปี ระเมนิ 1. การปฏิบัติกจิ กรรมกล่มุ รว่ มมือกับกลมุ่ ปฏิบตั ิงาน ร่วมมอื กบั กลมุ่ ปฏบิ ตั งิ าน ร่วมมอื กับกลมุ่ ร่วมมือกบั กลมุ่ ตามทกี่ ำหนดในกิจกรรม ทไ่ี ด้รบั มอบหมายอยา่ ง ทีไ่ ด้รับมอบหมายอยา่ ง ปฏิบตั งิ านทไ่ี ดร้ ับ ปฏบิ ัติงานที่ไดร้ ับ การเรยี นรู้แตล่ ะขนั้ ตอน เต็มความสามารถเปน็ เต็มความสามารถ รเิ รมิ่ มอบหมายอย่างเตม็ มอบหมายเล็กนอ้ ย ประจำ รเิ ริ่มประสานงาน ประสานงานเปน็ สว่ นใหญ่ ความสามารถเปน็ ไม่เสนอตนเปน็ ผรู้ เิ ริ่ม อย่เู สมอ มคี วาม มคี วามกระตอื รอื รน้ ดี บางคร้งั นานๆ ครัง้ ประสานงานในกลมุ่ กระตือรอื ร้นสูงมาก จะเสนอตนเป็นผ้รู ิเริม่ ประสานงาน 2. การปฏบิ ัตงิ าน ต้งั ใจปฏบิ ตั ิงานท่ีได้รบั ตั้งใจปฏิบตั งิ านที่ไดร้ บั ต้ังใจปฏบิ ัตงิ านที่ได้รับ ปฏิบตั งิ านที่ไดร้ ับ รายบุคคลตามที่กำหนด มอบหมายอย่างเตม็ มอบหมายอยา่ งเตม็ มอบหมายอย่างเต็ม มอบหมายไม่เตม็ ในกิจกรรมการเรยี นรู้ ความสามารถเสมอ ความสามารถเปน็ ความสามารถเป็น ความสามารถ แตล่ ะข้นั ตอน ผลงานเสร็จสมบรู ณ์ ส่วนใหญ่ ผลงานเสร็จ บางครงั้ ผลงานเสรจ็ ต้องตกั เตือน ผลงาน ตามทีก่ ำหนดทกุ รายการ สมบรู ณ์ตามทกี่ ำหนด สมบรู ณ์ตามทีก่ ำหนด จึงเสรจ็ สมบรู ณ์ เกือบทกุ รายการ บางรายการ 3. การนำเสนอผลการสรปุ จดั ส่ืออุปกรณ์ จัดสอ่ื อปุ กรณ์ จัดส่ืออปุ กรณ์ จดั สื่ออุปกรณ์ ความรู้ความเขา้ ใจ วธิ นี ำเสนอได้อยา่ ง วธิ นี ำเสนอได้อยา่ ง วธิ ีนำเสนอได้นา่ สนใจ วิธนี ำเสนอไม่นา่ สนใจ สร้างสรรค์ น่าสนใจมาก น่าสนใจ ไดส้ าระตาม พอสมควร ไดส้ าระตาม ได้สาระตามเป้าหมาย ไดส้ าระครอบคลมุ เปา้ หมายท่กี ำหนดเปน็ เปา้ หมายทีก่ ำหนด ทกี่ ำหนดเล็กน้อย ครบถ้วนตามเปา้ หมาย สว่ นใหญ่ ปานกลาง บางส่วน ที่กำหนด

11 กิจกรรมการเรียนรู้ Step 1 Gathering (ขั้นรวบรวมขอ้ มลู ) 1. ผสู้ อนแบ่งกลุ่มผู้เรยี นเปน็ 5 กลมุ่ ตามหัวขอ้ ต่อไปนี้ 1.1 ความหมายและองค์ประกอบของสารละลาย 1.2 การละลายของสารในตัวทำละลาย 1.3 ความเขม้ ข้นของสารละลาย 1.4 พลังงานกบั การละลายของสาร 1.5 สารละลายกรด-เบส 2. ผู้สอนตัง้ คำถามใหผ้ ู้เรยี นเสนอข้อมูลจากประสบการณ์ในเรือ่ งสารละลาย ดงั ต่อไปน้ี 2.1 ความหมายและองคป์ ระกอบของสารละลาย - สารละลายคืออะไร - องคป์ ระกอบของสารละลายมีอะไรบา้ ง - สารละลายทมี่ ีองค์ประกอบต่างกัน มสี ถานะต่างกันหรอื ไม่ - ในชีวิตประจำวันของผู้เรียนใช้สารละลายชนิดใดบ้าง สารใดเป็นตัวทำละลายและสารใดเป็น ตัวละลาย 2.2 การละลายของสารในตัวทำละลาย - สมบัติในการละลายของสารมีอะไรบา้ ง - ความสามารถในการละลายของสารจะมากหรือน้อยขนึ้ อยู่กับปัจจยั ใด - การละลายของสารแต่ละชนดิ ในตัวทำละลายต่างๆ จะละลายไดม้ ากนอ้ ยแตกต่างกันหรือไม่ - ถ้าเชลแล็กหกรดพื้นหน้าบ้านของผเู้ รียนควรใชส้ ารใดจงึ จะสามารถลา้ งเชลแลก็ ออกได้ - ถ้าตอ้ งการแยกเกลือออกจากลกู เหม็น ควรใชส้ ารใดเปน็ ตัวทำละลายจึงจะสามารถแยกสาร ท้ังสองออกจากกนั ได้ 2.3 ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย - ถ้านำน้ําตาลทราย 40 กรัม ละลายในน้ํา ทำให้เป็นสารละลาย 200 ลูกบาศก์เซนติเมตร สารละลายนีม้ คี วามเข้มขน้ ร้อยละเท่าใดโดยมวลต่อปริมาตร - เมื่อผู้เรียนเติมน้ําตาลทรายลงไปในน้ําเรื่อยๆ จนนํ้าตาลทรายไม่สามารถละลายน้ําได้อีกแล้ว ที่อุณหภูมิห้อง สารละลายขณะน้ัน เรียกว่า สารละลายอ่ิมตัว ถ้าผู้เรียนนำสารนี้ไปให้ความร้อน เช่น นำไปต้ม นํา้ ตาลทรายจะสามารถละลายน้ําไดอ้ ีกหรือไม่ ผู้เรียนจะมวี ิธีการทดสอบอย่างไร และถ้าปล่อยให้สารละลายนํ้าเชื่อม เย็นตัวลงท่อี ณุ หภมู ิห้องจะเกดิ ผลอยา่ งไร 2.4 พลงั งานกับการละลายของสาร - อากาศทน่ี ำมาใช้ในระบบนิวแมตกิ สป์ ระกอบด้วยอะไรบา้ ง - ความดนั เกจมีค่าเปน็ บวกคอื อะไร

12 2.5 สารละลายกรด-เบส - สารที่ทดสอบกบั กระดาษลติ มัสสแี ดงแล้วไดส้ ีน้ําเงินมีสมบัติเปน็ อะไร - สารทที่ ดสอบกบั กระดาษลติ มสั สนี ้ําเงนิ แล้วได้สีแดงมีสมบตั ิเปน็ อะไร - สารท่ไี มเ่ ปล่ยี นสกี ระดาษลติ มสั ท้งั สองสีมีสมบัติเป็นอะไร 3. จากการแสวงหาความรู้หรือประสบการณ์ของผู้เรียน ให้บันทึกผลจากการศึกษาลงในผังกราฟิก (เลือก ออกแบบและใชผ้ ังกราฟกิ ใหเ้ หมาะสมกบั ลักษณะของข้อมลู ) ดังตัวอย่าง Step 2 Processing (ขัน้ คิดวเิ คราะห์และสรปุ ความรู้) 4. ผเู้ รียนร่วมกันอภิปรายเรอ่ื งที่ผู้เรยี นรับผิดชอบตามกลมุ่ (ในขอ้ 1) ตามหัวข้อทร่ี ะบุ 4.1 ความหมายและองค์ประกอบของสารละลาย 4.2 การละลายของสารในตัวทำละลาย 4.3 ความเข้มขน้ ของสารละลาย 4.4 พลังงานกบั การละลายของสาร 4.5 สารละลายกรด-เบส 5. ผเู้ รียนร่วมกันเช่ือมโยงความคล้ายคลงึ แตกต่างของขอ้ มูลที่นำมาอภิปราย เปรยี บเทียบ จำแนก จัดกลุ่ม จัดประเภท จัดลำดับ แสดงเหตุผล และร่วมกันสรุปความรู้ตามหัวข้ออภิปราย แสดงเป็นความคิดรวบยอดหรือ หลกั การ ตามหัวขอ้ ตอ่ ไปน้ี 5.1 ความหมายและองค์ประกอบของสารละลาย 5.2 การละลายของสารในตวั ทำละลาย 5.3 ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย 5.4 พลังงานกบั การละลายของสาร 5.5 สารละลายกรด-เบส 6. บันทกึ ผลข้อสรุปเป็นความเขา้ ใจของกลุม่ และรายบุคคล Step 3 Applying and Constructing the Knowledge (ขน้ั ปฏิบตั ิและสรุปความรหู้ ลังการปฏิบัติ) 7. ผู้เรียนนำข้อสรุปความรู้ความเข้าใจที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างกลุ่มในชั้นเรียนมาวิเคราะห์ แนวทางนำไปใช้ประโยชน์ ตามหวั ขอ้ ต่อไปน้ี 7.1 ความหมายและองค์ประกอบของสารละลาย

13 7.2 การละลายของสารในตัวทำละลาย 7.3 ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย 7.4 พลงั งานกับการละลายของสาร 7.5 สารละลายกรด-เบส 8. ผูเ้ รียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันอภปิ รายตรวจสอบความสมบูรณ์ถูกตอ้ งของเน้ือหา ตามหัวขอ้ ต่อไปน้ี 8.1 ความหมายและองคป์ ระกอบของสารละลาย 8.2 การละลายของสารในตวั ทำละลาย 8.3 ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย 8.4 พลงั งานกบั การละลายของสาร 8.5 สารละลายกรด-เบส 9. ผูเ้ รยี นรว่ มกนั ปฏิบตั กิ ิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ (หนังสอื เรียน หน้า 42) และปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตรวจสอบ ความเขา้ ใจ (หนังสอื เรยี น หน้า 41) Step 4 Applying the Communication Skill (ข้นั สื่อสารและนำเสนอ) 10. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มออกแบบหรือหาวิธีนำเสนอให้ผู้อื่นรับรู้และส่ือสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามหัวข้อ ต่อไปนี้ 10.1 ความหมายและองคป์ ระกอบของสารละลาย 10.2 การละลายของสารในตวั ทำละลาย 10.3 ความเข้มขน้ ของสารละลาย 10.4 พลงั งานกับการละลายของสาร 10.5 สารละลายกรด-เบส 11. ผู้สอนสุ่มกลุ่มผู้เรียนนำเสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจ ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันประเมินผล การนำเสนอตามเกณฑท์ ่กี ำหนด Step 5 Self – Regulating (ขัน้ ประเมินเพ่ือเพ่มิ คณุ คา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ) 12. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มและรายบุคคลตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของตนเองหลังจากรับฟังการนำเสนอของ สมาชกิ กลมุ่ อืน่ ปรับปรุงช้ินงานของกล่มุ ตนเองใหส้ มบรู ณแ์ ละบันทกึ เพมิ่ เติม 13. นำเสนอผลการปฏิบัติงาน แสดงในปา้ ยนิเทศหรอื เผยแพรส่ หู่ ้องเรยี นอื่นหรือทส่ี าธารณะ 14. ผู้เรียนทำแบบทดสอบ (หนังสือเรียน หน้า 43) จากนั้นประเมินผลการทำกิจกรรม (หนังสือเรียน หน้า 42) และทำแบบประเมนิ ตนเอง (หนังสือเรียน หนา้ 43)

14 การบรู ณาการกิจกรรมการเรยี นรู้ สมรรถนะผู้เรยี นในศตวรรษท่ี 21 การทำงานเป็นทมี 1 ทีมละ 5-6 คน ฝกึ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การเรยี นรสู้ อู่ าเซยี น เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เก่ียวข้องกับเนื้อหาในบทเรียน โดยฝึกหาข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และใช้ คำศัพท์ดงั กล่าวในการนำเสนอผลงานในขั้นที่ 4 ทักษะชวี ติ คน้ หาข้อมลู จากแหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ เพอื่ นำมาเปรียบเทยี บ (กจิ กรรมส่งเสริมการเรยี นรู้) ค่านยิ มหลกั 12 ประการ - มศี ลี ธรรม รักษาความสัตย์ หวังดตี อ่ ผอู้ ่นื เผ่อื แผแ่ ละแบง่ ปัน - ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทง้ั ทางตรงและทางอ้อม กิจกรรมทา้ ทาย ให้ผู้เรียนฝกึ วิเคราะห์เรอื่ งที่สนใจเร่ืองใดเร่ืองหนึง่ โดยวิเคราะหแ์ ละสรปุ 1. ความหมายและองค์ประกอบของสารละลาย 2. การละลายของสารในตัวทำละลาย 3. ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย 4. พลงั งานกบั การละลายของสาร 5. สารละลายกรด-เบส 1 ทีมหรอื กลมุ่ เป็นคำสำหรบั สมรรถนะผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี 21

15 แผนการจดั การเรียนรหู้ นว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 สารละลาย สัปดาห์ที่ 1-3 เรอ่ื ง สารละลาย เวลาเรียน 9 ช่ัวโมง สาระสำคญั สารละลาย คือ ของผสมเนื้อเดียวล้วน ซึ่งประกอบด้วยสารต้ังแต่ 2 ชนิดข้ึนไปมารวมกัน องค์ประกอบท่ีมี ปริมาณมากกว่าเรียกวา่ ตัวทำละลาย (sovent) ส่วนองค์ประกอบท่ีมีปริมาณนอ้ ยกว่าเรียกว่า ตัวถกู ละลาย (solute) ตัวถูกละลายแต่ละชนิดจะใช้ตัวทำละลายที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างตัวทำละลายกับตัวถูกละลาย ซ่ึงสารทั้ง 2 ชนิดนั้นจะต้องรวมเป็นเน้ือเดียวกันและไม่ทำปฏิกิริยาเคมีต่อกัน ดังนั้นถ้าใช้ตัวทำละลายต่างชนิดกัน ความสามารถในการละลายของสารก็ต่างกัน และถึงแม้ว่าในสารละลายหน่ึงๆ จะมีองค์ประกอบอยู่หลายอย่าง แตส่ มบัติทางเคมแี ละสมบัติทางกายภาพขององคป์ ระกอบแตล่ ะชนิดก็ยงั คงเหมือนเดิม สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและองคป์ ระกอบของสารละลาย 2. การละลายของสารในตัวทำละลาย 3. ความเข้มขน้ ของสารละลาย 4. พลังงานกับการละลายของสาร 5. สารละลายกรด-เบส สมรรถนะประจำหน่วย 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับสารละลาย 2. ประยกุ ต์ความรเู้ รือ่ งสารละลายไปใช้ในชีวิตประจำวันและการประกอบอาชีพ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกความหมายและองคป์ ระกอบของสารละลายได้ 2. บอกการละลายของสารในตัวทำละลายได้ 3. อธบิ ายความเข้มข้นของสารละลายได้ 4. อธิบายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งพลงั งานกบั การละลายของสารได้ 5. อธบิ ายเกยี่ วกบั สมบัติและวิธีตรวจสอบสารละลายกรด-เบสได้ 6. มีเจตคตทิ ดี่ ีในการเรียนเร่ืองสารละลาย และรักษ์ค่านิยมหลกั 12 ประการของไทย

16 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ปฐมนเิ ทศก่อนเร่ิมเรยี น ก่อนเร่ิมกิจกรรมตามสาระการเรยี นรใู้ นบทเรียน ผสู้ อนจัดปฐมนิเทศผู้เรียนถึงวิธีการจัดการเรียนรใู้ นรายวชิ า เนน้ บทบาท และพฤตกิ รรมของผเู้ รียนท่ีสำคญั ไดแ้ ก่ ⚫ การปฏิบัติตนในการทำกิจกรรมกลุ่มต้องให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมกลุ่มตามบทบาทหน้าที่ท่ี ไดร้ บั มอบหมาย ต้ังใจปฏิบตั เิ พ่อื ผลดีแกก่ ลมุ่ และจะมีการเปลี่ยนกลุ่มทุกหนว่ ยการเรียนรู้ ⚫ การปฏิบัติงานในหน่วยการเรียนรู้แต่ละเร่อื งตอ้ งจัดทำให้เรยี บร้อย ถกู ต้อง ส่งงานตามทีก่ ำหนดทุกคร้ัง จะมีการประเมนิ และเกบ็ คะแนนตามแบบในเอกสารท้ายหนว่ ย ⚫ การประเมินพฤติกรรมการแสดงออก จะมีการประเมินโดยผู้สอน และผู้เรียนประเมินตนเองรวมท้ังมี การประเมินเพื่อนร่วมช้ันเรียนในพฤติกรรมการแสดงออกตามท่ีจุดประสงค์การเรียนรู้กำหนดในแต่ละหน่วย การเรียนรู้ตามเกณฑ์การประเมิน (Rubrics) ในหน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วย นำคะแนนมารวมกับการจัดทำเอกสาร ชุดกิจกรรมและคะแนนผลการทดสอบ (ให้ผู้เรียนสังเกตรายละเอียดตามเอกสารตัวอย่าง เมื่อผู้เรียนเข้าใจดีแล้วจึง เริม่ กิจกรรม) ขั้นนำเข้าส่บู ทเรียน ผู้สอนสนทนากับผเู้ รียนถึงประสบการณ์ในชีวิตประจำวนั เกยี่ วกับสารละลาย แล้วดำเนินกิจกรรมตามขนั้ ตอน ดงั นี้ ขั้นสอน ขน้ั ท่ี 1 ขัน้ รวบรวมข้อมูล (Gathering) 1. แบ่งกลุ่มผู้เรียนเลือกประธานและกำหนดหน้าท่ีสมาชิกคนอ่ืนๆ ให้ปฏิบัติงานในกลุ่ม ร่วมกันศึกษา เอกสารหนังสือเรียนเรื่องความหมายและองค์ประกอบของสารละลาย การละลายข องสารในตัวทำละลาย ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย พลังงานกับการละลายของสาร และสารละลายกรด-เบส 2. ตง้ั คำถามให้ผ้เู รยี นเสนอขอ้ มูลจากประสบการณ์ทร่ี ับรดู้ ังตวั อยา่ งน้ี 2.1 ความหมายและองค์ประกอบของสารละลาย - สารละลายคอื อะไร - องค์ประกอบของสารละลายมีอะไรบ้าง - สารละลายท่ีมีองคป์ ระกอบต่างกนั มสี ถานะตา่ งกันหรือไม่ - ในชีวิตประจำวันของผู้เรียนใช้สารละลายชนิดใดบ้าง สารใดเป็นตัวทำละลายและสารใดเป็น ตัวละลาย 2.2 การละลายของสารในตวั ทำละลาย - สมบัตใิ นการละลายของสารมีอะไรบา้ ง - ความสามารถในการละลายของสารจะมากหรือนอ้ ยขึน้ อยู่กบั ปัจจยั ใด - การละลายของสารแต่ละชนดิ ในตวั ทำละลายตา่ งๆ จะละลายได้มากนอ้ ยแตกต่างกนั หรือไม่ - ถา้ เชลแลก็ หกรดพน้ื หน้าบ้านของผเู้ รยี นควรใช้สารใดจงึ จะสามารถล้างเชลแลก็ ออกได้ - ถา้ ตอ้ งการแยกเกลือออกจากลูกเหมน็ ควรใชส้ ารใดเปน็ ตวั ทำละลายจึงจะสามารถแยกสาร ทั้งสองออกจากกันได้

17 2.3 ความเขม้ ข้นของสารละลาย - ถ้านำน้ําตาลทราย 40 กรัม ละลายในน้ํา ทำให้เป็นสารละลาย 200 ลูกบาศก์เซนติเมตร สารละลายนม้ี คี วามเข้มขน้ ร้อยละเท่าใดโดยมวลต่อปรมิ าตร - เม่ือผเู้ รียนเตมิ นํ้าตาลทรายลงไปในนาํ้ เร่ือยๆ จนน้าํ ตาลทรายไม่สามารถละลายนํ้าไดอ้ ีกแล้วท่ี อุณหภูมิห้อง สารละลายขณะน้ัน เรียกว่า สารละลายอิ่มตัว ถ้าผู้เรียนนำสารน้ีไปให้ความร้อน เช่น นำไปต้ม นํ้าตาลทรายจะสามารถละลายน้ําได้อีกหรือไม่ ผู้เรียนจะมีวิธีการทดสอบอย่างไรและถ้าปล่อยให้สารละลายน้ําเช่ือม เย็นตัวลงท่ีอุณหภูมิหอ้ งจะเกิดผลอย่างไร 2.4 พลงั งานกับการละลายของสาร - อากาศท่นี ำมาใช้ในระบบนิวแมตกิ สป์ ระกอบดว้ ยอะไรบา้ ง - ความดันเกจมีคา่ เป็นบวกคืออะไร 2.5 สารละลายกรด-เบส - สารทท่ี ดสอบกับกระดาษลติ มัสสแี ดงแลว้ ได้สนี าํ้ เงนิ มีสมบตั ิเป็นอะไร - สารท่ที ดสอบกบั กระดาษลติ มสั สีน้าํ เงินแล้วได้สีแดงมสี มบตั เิ ป็นอะไร - สารทีไ่ มเ่ ปล่ียนสกี ระดาษลิตมสั ทั้งสองสีมสี มบัตเิ ป็นอะไร 3. สมาชิกกลุ่มช่วยกนั บันทึกผลการศกึ ษาตามหัวขอ้ ทก่ี ำหนดลงผังกราฟิก (เลือกออกแบบและใชผ้ ังกราฟิก ให้เหมาะสมกบั ลกั ษณะของข้อมูล) ดงั ตวั อยา่ ง (ระหวา่ งผเู้ รยี นศึกษาเอกสาร ค้นคว้าและบนั ทึกผล ผ้สู อนคอยใหค้ ำแนะนำตอ่ เนอ่ื งรายกลุม่ ) ข้ันที่ 2 ขั้นคดิ วิเคราะห์และสรุปความรู้ (Processing) 4. ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเรื่องความหมายและองค์ประกอบของสารละลาย การละลายของ สารในตวั ทำละลาย ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย พลังงานกับการละลายของสาร สารละลายกรด-เบส 5. เช่ือมโยงความคลา้ ยคลงึ ของขอ้ มูลทีน่ ำมาอภิปราย และรว่ มกนั สรปุ ความรตู้ ามหวั ข้ออภปิ ราย 6. บนั ทึกผลการอภิปรายสรปุ เป็นความเขา้ ใจของกลุ่มและรายบุคคล

18 ข้ันที่ 3 ขน้ั ปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรูห้ ลงั การปฏิบตั ิ (Applying and Constructing the Knowledge) 7. ผู้เรียนเข้ากลุ่มเดิมสรุปความรู้ความเข้าใจมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างกลุ่มในชั้นเรียน มาวเิ คราะหแ์ นวทางนำไปใช้ประโยชน์ ตามหัวขอ้ ต่อไปนี้ 7.1 ความหมายและองคป์ ระกอบของสารละลาย 7.2 การละลายของสารในตัวทำละลาย 7.3 ความเข้มข้นของสารละลาย 7.4 พลงั งานกับการละลายของสาร 7.5 สารละลายกรด-เบส 8. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปเป็นแนวคิดเกี่ยวกับความหมายและองค์ประกอบของสารละลาย การ ละลายของสารในตัวทำละลาย ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย พลงั งานกบั การละลายของสาร และสารละลายกรด-เบส 9. ผ้เู รยี นร่วมกนั ปฏิบัตกิ จิ กรรมส่งเสริมการเรียนรู้ (หนังสือเรียน หนา้ 42) และปฏิบัตกิ จิ กรรมตรวจสอบ ความเขา้ ใจ (หนังสือเรียน หน้า 41) แลกเปลี่ยนกันตรวจใหค้ ะแนน ขั้นที่ 4 ขัน้ ส่ือสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) 10. สุ่มกลุ่มผู้เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอเก่ียวกับความหมายและองค์ประกอบของสารละลาย การละลายของ สารในตวั ทำละลาย ความเข้มขน้ ของสารละลาย พลังงานกับการละลายของสาร และสารละลายกรด-เบส โดยเลือกใช้ ผังกราฟิก เทคนิควิธีการนำเสนอท่ีคิดว่าเหมาะสมและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ บูรณาการคำศัพท์/การใช้สื่อ/ เทคโนโลยี/เพ่ิมเติมในการนำเสนอให้มากท่ีสุดเท่าที่จะทำได้ แต่ละกลุ่มแลกเปล่ียนผลงานกับกลุ่มเพ่ือเปิดโอกาสให้ ผู้เรยี นไดแ้ ลกเปล่ยี นเรียนรู้ซ่ึงกนั และกัน 11. ร่วมกันสรุปเป็นข้อคิดเก่ียวกับความหมายและองค์ประกอบของสารละลาย การละลายของสารใน ตัวทำละลาย ความเข้มข้นของสารละลาย พลังงานกับการละลายของสาร และสารละลายกรด-เบส และสุ่มกลุ่ม ผู้เรียนนำเสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจ ขนั้ ท่ี 5 ข้ันประเมินเพ่อื เพิม่ คณุ ค่าบริการสังคมและจติ สาธารณะ (Self – Regulating) 12. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มและรายบุคคลตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของตนเองหลังจากรับฟังการนำเสนอของ สมาชกิ กลมุ่ อื่น ปรบั ปรุงชิน้ งานของกลุ่มตนใหส้ มบรู ณ์และบนั ทึกเพิ่มเตมิ 13. นำผลงานแสดงในป้ายนเิ ทศหรอื เผยแพรส่ ูห่ อ้ งเรียนอื่นหรือสาธารณะ 14. ผู้เรียนทำแบบทดสอบ (หนังสือเรียน หน้า 43) จากนั้นประเมินผลการทำกิจกรรม (หนังสือเรียน หนา้ 42) ทำแบบประเมนิ ตนเอง (หนงั สือเรียน หน้า 43) และกำหนดแนวทางการพฒั นาตนเอง สอ่ื อุปกรณแ์ ละแหลง่ เรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพศิลปกรรมของสำนักพิมพ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำกัด 2. แบบบันทึกผงั กราฟิกแบบต่างๆ 3. PowerPoint วิชาวิทยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชีพศิลปกรรมของสำนักพิมพ์ บริษทั พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำกดั 4. AR code (motion graphic) วิชาวิทยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชีพศิลปกรรมของสำนักพิมพ์ บริษัท พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) จำกดั

19 กจิ กรรมเสนอแนะ ผู้สอนเสนอแนะให้ผเู้ รียน - ฝึกสงั เกตรวบรวมข้อมลู แนวคิด ขนั้ ตอน วิธีดำเนินการ - ฝึกวิเคราะหเ์ ร่ืองท่สี นใจเรื่องใดเรื่องหน่ึง โดยวิเคราะห์และสรปุ การวดั และประเมินผล ภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกตามกิจกรรมในแผนการจดั การเรยี นรู้ แหล่งขอ้ มลู (ภาระงาน/ชน้ิ งานระหว่างเรียน) พฤติกรรม รวมคะแนน ในแผน จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ผังกราฟิก ผังกราฟกิ การเรยี นรู้/ การจัดการเรยี นรู้ 1. บอกความหมายและองค์ประกอบของ แสดงการเก็บ สรปุ ความรู้ การทำงาน สารละลายได้ 12 2. บอกการละลายของสารในตวั ทำละลายได้ รวบรวมข้อมูล ความเข้าใจ รว่ มกบั กลมุ่ และ 3. อธบิ ายความเขม้ ขน้ ของสารละลายได้ 4. อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพลงั งานกบั งานรายบุคคล การละลายของสารได้ 5. อธิบายเกยี่ วกับสมบตั แิ ละวธิ ตี รวจสอบ 44 4 สารละลายกรด-เบสได้ 6. มีเจตคตทิ ด่ี ใี นการเรียนเร่อื งสารละลาย และ 4 4 4 12 รกั ษ์คา่ นิยมหลัก 12 ประการของไทย 4 4 4 12 4 4 4 12 รวม 4 4 4 12 -- 4 4 20 20 24 64 หมายเหตุ : 1. การประเมินแผนการจัดการเรยี นรู้ ประเมนิ ตามภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกตามกิจกรรมในแผนการจดั การเรียนรู้ ทส่ี อดคล้องกับจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ให้คะแนนตามเกณฑ์ประเมิน 2. การประเมินเจตคติในการเรียน ประเมินต่อเนื่องในทุกกิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้ แล้วนำผลไปสรุปรวม ในแผนสุดทา้ ยของเร่อื ง/หน่วยการเรียนรู้

20 ภาระงาน/ชิ้นงานรวบยอดในหน่วยการเรียนรู้ แหล่งขอ้ มลู (ภาระงาน/ชนิ้ งานรวบยอดในหน่วยการเรยี นรู้) รวมคะแนน ในหน่วย จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ กจิ กรรม กจิ กรรม การประเมิน แบบทดสอบ การเรียนรู้ ตรวจสอบ ส่งเสรมิ ตนเอง 1. บอกความหมายและองคป์ ระกอบของ ความเข้าใจ การเรียนรู้ 6 สารละลายได้ 2. บอกการละลายของสารในตัวทำละลายได้ 22-2 6 3. อธิบายความเขม้ ข้นของสารละลายได้ 6 4. อธิบายความสัมพันธร์ ะหวา่ งพลงั งานกบั 22-2 6 การละลายของสารได้ 22-2 5. อธบิ ายเกี่ยวกับสมบตั ิและวิธีตรวจสอบ 22-2 6 สารละลายกรด-เบสได้ 6. มีเจตคตทิ ดี่ ีในการเรยี นเรอ่ื งสารละลาย 22-2 6 และรักษ์ค่านยิ มหลัก 12 ประการของไทย - -6- 36 รวม 10 10 6 10 หมายเหตุ : 1. การประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ ประเมนิ ตามภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกตามกิจกรรมในแผนการจัดการเรยี นรู้ ที่สอดคล้องกับจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ใหค้ ะแนนตามเกณฑ์ประเมนิ 2. การประเมินเจตคติในการเรียน ประเมินต่อเนื่องในทุกกิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้ แล้วนำผลไปสรุปรวม ในแผนสดุ ทา้ ยของเรื่อง/หนว่ ยการเรยี นรู้

21 บนั ทกึ หลังสอน ความพรอ้ มก่อนดำเนินกิจกรรม (ส่อื วสั ดอุ ุปกรณ์ การเข้าชั้นเรยี น พน้ื ฐานความรเู้ ดมิ ของผู้เรียน ฯลฯ) ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ บรรยากาศการเรียนรู้ (ความสนใจ ปฏิสัมพันธใ์ นห้อง ความราบรน่ื ในการดำเนนิ กิจกรรมการเรียนรู้) ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ผลการเรียนรู้ (จำนวนผู้เรียนท่ีมีผลงานระหว่างเรียนและผลการประเมินบรรลุวัตถุประสงค์แต่ละระดับ ผเู้ รียนที่เป็นผู้นำ ผเู้ รียนทต่ี ้องให้ความสนใจเพิม่ เตมิ ) ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... แนวทางการพัฒนาในคร้งั ต่อไป (ส่ิงทตี่ ้องยตุ ิ ส่ิงท่ีนำมาใชต้ ่อ ส่ิงท่ีต้องปรบั ปรงุ เพิม่ เติม) ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ (ผู้สอนเลือกบันทึกในส่วนท่ีสำคัญ ปรากฏชัดเจน และเป็นจุดวิกฤติหรือจุดสำเร็จในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แตล่ ะแผน)

22 ตารางสรปุ คะแนนการประเมนิ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้และสมรรถนะประจำหน่วย หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 สารละลาย คะแนนตาม จปส. รายหน่วยการเรียนรู้ ชน้ิ งาน/การแสดงออก 1. บอกความหมายและองค์ประกอบของ รวม ทก่ี ำหนดในหน่วยการเรยี นรหู้ รอื หนว่ ยย่อย สารละลายได้ 2. บอกการละลายของสารในตัวทำละลายไ ้ด ภาระงาน/ช้ินงานระหวา่ งเรียน 3. อ ิธบายความเข้มข้นของสารละลายไ ้ด 4. อ ิธบายความสัมพัน ์ธระหว่างพลังงานกับ การละลายของสารได้ ก5า.รอสู ิธญบเาสียยเลกี่มยอัวดกัจบาสกมรบัอ ิตยแร่ัวลไะ ้ดวิ ีธตรวจสอบ สารละลายกรด-เบสไ ้ด 6. ีมเจตคติท่ีดีในการเรียนเรื่องสารละลาย และรักษ์ค่า ินยมหลัก 12 ประการของไทย 1. ผังกราฟิกแสดงการเก็บรวบรวมข้อมลู เก่ียวกบั สารละลาย 4 4 4 4 4 - 20 2. ผงั กราฟกิ สรปุ ความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกับสารละลาย 4 4 4 4 4 - 20 3. การนำเสนอผลการสรุปความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกับ 4 4 4 4 4 4 24 สารละลาย การประเมนิ รวบยอด 1. ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ 2 2 2 2 2 - 10 2. ผลการปฏบิ ัติกิจกรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ 2 2 2 2 2 - 10 3 ผลการประเมินตนเอง - -- - - 6 6 4. คะแนนผลการทดสอบ 2 2 2 2 2 - 10 รวม 18 18 18 18 18 10 100

18 18 18 18 18 10 100 เลขที่ ช่ือ-นามสกุล 23 1 2 1. บอกความหมายและองค์ประกอบของ คะแนนตาม จปส. รายหนว่ ยการเรียนรู้ ตารางบนั ทกึ คะแนนการประเมินจุดประสงค์การเรียนรแู้ ละสมรรถนะประจำหน่วย 3 สารละลายได้ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 สารละลาย 4 2. บอกการละลายของสารในตวั ทำละลายได้ 5 6 3. อธิบายความเขม้ ข้นของสารละลายได้ 7 8 4. อธบิ ายความสมั พันธร์ ะหว่างพลงั งานกบั 9 การละลายของสารได้ 10 ก5า.รอสธญู ิบเาสยยี เลกมี่ยอวัดกจับาสกมรบอัตยแิรลวั่ ไะดว้ธิ ตี รวจสอบ 11 สารละลายกรด-เบสได้ 12 ฯลฯ 6. มเี จตคตทิ ่ีดใี นการเรยี นเร่ืองสารละลาย และรกั ษ์ค่านยิ มหลัก 12 ประการของไทย รวม

24 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 คอลลอยดอ์ มิ ลั ชนั เวลาเรยี น 6 ชั่วโมง สัปดาห์ที่ 4-5 เรอ่ื ง คอลลอยดอ์ มิ ัลชนั เวลาเรยี น 6 ชั่วโมง ความคิดรวบยอด/ความเข้าใจทค่ี งทน คอลลอยด์ เป็นของผสมท่ีมีลักษณะขุ่น ประกอบด้วย อนุภาคของสารชนิดหน่ึงหรือหลายชนิด ลอยกระจาย อย่ใู นตวั กลาง โดยอนุภาคของสารทก่ี ระจายมขี นาดเสน้ ผ่านศูนย์กลางระหว่าง 10-7-10-4 เซนติเมตร อิมัลชัน เป็นคอลลอยด์ที่เกิดจากของเหลว 2 ชนิด ที่ไม่รวมเป็นเน้ือเดียวกัน เม่ือเขย่าด้วยแรงที่มากพอ อนุภาคของเหลวท้ังสองจะแทรกอยู่เป็นคอลลอยด์ แต่เม่ือท้ิงไว้ระยะหน่ึงของเหลวทั้งสองจะแยกออกจากกัน เหมือนเดมิ สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและสมบัติของสาร (หนังสอื เรยี น หน้า 46-49) 2. การจำแนกประเภทของสาร (หนงั สอื เรียน หน้า 50-60) 3. คอลลอยด์อิมลั ชัน (หนังสอื เรยี น หนา้ 60-70) สมรรถนะประจำหนว่ ย 1. แสดงความรู้เกยี่ วกับคอลลอยด์อิมัลชัน 2. ประยุกต์ความรเู้ รอ่ื งคอลลอยด์อมิ ลั ชนั ไปใชใ้ นชีวิตประจำวันและการประกอบอาชพี จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกความหมายและสมบัติของสารได้ 2. อธบิ ายการจำแนกประเภทของสารได้ 3. อธบิ ายทีม่ าและสมบตั ิของคอลลอยด์อิมัลชันได้ 4. อธบิ ายการนำคอลลอยด์อมิ ัลชันไปใช้ในงานอาชพี ได้ 5. มีเจตคตทิ ด่ี ีในการเรยี นเรื่องคอลลอยด์อมิ ัลชัน และรักษ์คา่ นิยมหลกั 12 ประการของไทย ภาระงาน/ช้นิ งาน/การแสดงออกของผูเ้ รียน ภาระงาน/ช้ินงานระหวา่ งเรียน 1. ผงั กราฟกิ แสดงการเก็บรวบรวมข้อมลู เกย่ี วกบั คอลลอยด์อมิ ลั ชนั 2. ผงั กราฟกิ สรปุ ความร้คู วามเขา้ ใจเก่ียวกบั คอลลอยด์อมิ ลั ชัน 3. การนำเสนอผลการสรุปความรูค้ วามเข้าใจเก่ียวกับคอลลอยด์อิมัลชัน

25 ภาระงาน/ชนิ้ งานรวบยอดในหน่วยการเรียนรู้ 1. ผลการปฏิบัติกจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ 2. ผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมสง่ เสริมการเรียนรู้ 3. ผลการประเมินตนเอง 4. คะแนนผลการทดสอบ การประเมินผล จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ภาระงาน/ชิน้ งาน/ วิธปี ระเมิน/เครื่องมอื เกณฑ์ การแสดงออก ตามทก่ี ำหนดในแบบตรวจ 1. บอกความหมายและสมบตั ิ ตรวจผลงานแบบบันทกึ และประเมินผลงาน ของสารได้ ผลงานแบบบันทกึ ผงั กราฟกิ แสดง ผงั กราฟิกแสดงความหมาย ความหมายและสมบตั ิของสาร และสมบัติของสาร ตามทกี่ ำหนดในแบบตรวจ ตรวจผลงานแบบบันทกึ และประเมินผลงาน 2. อธิบายการจำแนกประเภท ผลงานแบบบนั ทกึ ผังกราฟกิ ผงั กราฟกิ แสดงการจำแนก ประเภทของสาร ตามทีก่ ำหนดในแบบตรวจ ของสารได้ แสดงการจำแนกประเภทของสาร ตรวจผลงานแบบบันทึก และประเมนิ ผลงาน ผงั กราฟิกแสดงท่ีมาและสมบตั ิ 3. อธบิ ายที่มาและสมบตั ขิ อง ผลงานแบบบันทกึ ผังกราฟกิ ของคอลลอยด์อิมลั ชนั ตามทก่ี ำหนดในแบบตรวจ คอลลอยด์อิมัลชันได้ แสดงทีม่ าและสมบตั ิของ ตรวจผลงานแบบบันทกึ การนำ และแบบประเมินผลงาน คอลลอยดอ์ มิ ลั ชนั คอลลอยดอ์ มิ ลั ชันไปใชใ้ นงาน 4. อธิบายการนำคอลลอยด์ ผลงานแบบบันทกึ ผงั กราฟกิ อาชีพ ตามทก่ี ำหนดในแบบบันทึก อมิ ลั ชนั ไปใช้ในงานอาชีพได้ แสดงการนำคอลลอยดอ์ มิ ลั ชนั สงั เกตและประเมนิ และแบบประเมินพฤติกรรม ไปใช้ในงานอาชพี พฤตกิ รรมการปฏิบตั ิตน 5. มีเจตคติทด่ี ใี นการเรียนเรื่อง พฤตกิ รรมการปฏิบตั ิตน ในการรว่ มปฏบิ ตั ิกิจกรรม คอลลอยดอ์ มิ ัลชนั และรกั ษ์ ในการรว่ มปฏบิ ตั ิกิจกรรม ของบทเรียน ค่านิยมหลัก 12 ประการ ของบทเรยี น กิจกรรมกลุ่มและ ของไทย กจิ กรรมรายบุคคล หมายเหตุ : 1. การประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ ประเมินตามภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกตามกิจกรรมในแผนการจัดการเรียนรู้ ที่สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ใหค้ ะแนนตามเกณฑ์ประเมนิ 2. การประเมินเจตคติในการเรียน ประเมินต่อเน่ืองในทุกกิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้ แล้วนำผลไปสรุปรวม ในแผนสดุ ทา้ ยของเรือ่ ง/หน่วยการเรยี นรู้

26 เกณฑ์ประเมนิ จุดประสงคก์ ารเรยี นรจู้ ากภาระงาน/ชิน้ งาน/การแสดงออกของผเู้ รียน ระดบั ดีมาก ดี ปานกลาง ปรับปรุง คุณภาพ (4) (3) (2) (1) จุดประสงค์ บอกความหมายและ บอกความหมายและ บอกความหมายและ บอกความหมายและ การเรียนรู้ สมบตั ขิ องสาร สมบตั ิของสาร สมบตั ิของสาร สมบตั ิของสาร ไดถ้ ูกต้อง ครอบคลมุ ไดถ้ ูกตอ้ ง ครอบคลมุ ได้ถกู ตอ้ ง ตรงตาม ไดเ้ ลก็ น้อย ยงั ไมถ่ กู ต้อง 1. บอกความหมายและสมบตั ิ ตรงตามหลกั วชิ า ตรงตามหลักวชิ า หลกั วิชาบางสว่ น ครอบคลมุ ตรงตาม ของสารได้ เรียบเรยี งดว้ ยภาษา ดว้ ยขอ้ ความทค่ี ดั ลอก ด้วยข้อความที่ หลกั วชิ า ของตนเอง เข้าใจง่าย จากผอู้ ื่นหรอื ตำรา คัดลอกจากผอู้ น่ื หรอื 2. อธิบายการจำแนกประเภท ตำรา อธบิ ายการจำแนก ของสารได้ อธิบายการจำแนก อธบิ ายการจำแนก อธิบายการจำแนก ประเภทของสาร ประเภทของสาร ประเภทของสาร ประเภทของสาร ได้เล็กนอ้ ย ยังไมถ่ ูกตอ้ ง 3. อธิบายทม่ี าและสมบัตขิ อง ไดถ้ ูกต้อง ครอบคลมุ ไดถ้ ูกต้อง ครอบคลมุ ไดถ้ ูกตอ้ ง ตรงตาม ครอบคลมุ ตรงตาม คอลลอยด์อมิ ลั ชันได้ ตรงตามหลกั วิชา ตรงตามหลกั วิชา หลกั วิชาบางส่วน หลักวิชา เรียบเรียงดว้ ยภาษา ด้วยขอ้ ความท่ีคดั ลอก ดว้ ยข้อความท่ี 4. อธบิ ายการนำคอลลอยด์ ของตนเอง เขา้ ใจง่าย จากผู้อืน่ หรือตำรา คัดลอกจากผอู้ ่นื หรือ อธิบายทม่ี าและสมบตั ิ อิมัลชนั ไปใช้ในงานอาชีพได้ ตำรา ของคอลลอยดอ์ ิมลั ชัน อธบิ ายท่ีมาและสมบตั ิ อธบิ ายทม่ี าและสมบตั ิ อธบิ ายทีม่ าและ ไดเ้ ลก็ นอ้ ย ยงั ไม่ถูกต้อง ของคอลลอยด์อิมลั ชัน ของคอลลอยดอ์ มิ ลั ชัน สมบตั ขิ องคอลลอยด์ ครอบคลมุ ตรงตาม ได้ถูกต้อง ครอบคลมุ ไดถ้ กู ตอ้ ง ครอบคลุม อิมลั ชนั ได้ถูกตอ้ ง หลักวิชา ตรงตามหลักวิชา ตรงตามหลักวชิ า ตรงตาม หลักวชิ า เรยี บเรยี งด้วยภาษา ด้วยข้อความที่คัดลอก บางสว่ น ดว้ ย อธบิ ายการนำคอลลอยด์ ของตนเอง เขา้ ใจง่าย จากผู้อน่ื หรอื ตำรา ข้อความทคี่ ดั ลอก อมิ ลั ชนั ไปใชใ้ นงาน จากผ้อู ่ืนหรือตำรา อาชีพไดเ้ ล็กน้อย อธบิ ายการนำ อธบิ ายการนำ อธบิ ายการนำ ยังไม่ถูกตอ้ ง ครอบคลุม คอลลอยดอ์ ิมัลชันไปใช้ คอลลอยด์อิมลั ชนั คอลลอยดอ์ มิ ลั ชนั ตรงตามหลกั วชิ า ในงานอาชีพไดถ้ ูกตอ้ ง ไปใช้ในงานอาชีพ ไปใชใ้ นงานอาชพี ครอบคลมุ ตรงตาม ได้ถกู ตอ้ ง ครอบคลมุ ไดถ้ ูกต้อง ตรงตาม หลักวชิ า เรียบเรียง ตรงตามหลกั วิชา หลักวชิ าบางสว่ น ดว้ ยภาษาของตนเอง ดว้ ยขอ้ ความทคี่ ดั ลอก ดว้ ยขอ้ ความท่ี เข้าใจง่าย จากผอู้ ่นื หรอื ตำรา คัดลอกจากผอู้ ืน่ หรอื ตำรา

27 เกณฑป์ ระเมนิ จดุ ประสงค์การเรียนรู้จากการแสดงออกของผู้เรยี นตามภาระงาน การแสดงออกของผเู้ รียนตามภาระงาน การปฏบิ ัติกิจกรรมกลุ่มและการปฏิบตั งิ านรายบุคคลตามทกี่ ำหนด ในกจิ กรรมการเรียนรู้แต่ละข้ันตอน จุดประสงค์การเรียนรู้ ข้อ 5 มีเจตคติท่ีดีในการเรียนเร่ืองคอลลอยด์อิมัลชัน และรักษ์ค่านิยมหลัก 12 ประการของไทย ประเมนิ โดยเกณฑ์เชิงคุณภาพแบบจำแนกองคป์ ระกอบดังตาราง องคป์ ระกอบ ระดับ ดีมาก ดี ปานกลาง ปรบั ปรุง ที่ประเมนิ คณุ ภาพ (4) (3) (2) (1) 1. การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลมุ่ รว่ มมอื กบั กลมุ่ ร่วมมอื กับกลมุ่ ร่วมมือกบั กลมุ่ รว่ มมอื กบั กลมุ่ ตามทกี่ ำหนดในกิจกรรม ปฏบิ ตั ิงานทไี่ ดร้ ับ ปฏิบัติงานทีไ่ ดร้ ับ ปฏิบตั งิ านที่ไดร้ ับ ปฏิบตั ิงานท่ไี ดร้ บั การเรยี นรู้แตล่ ะขัน้ ตอน มอบหมายอยา่ งเต็ม มอบหมายอยา่ งเตม็ มอบหมายอย่าง มอบหมายเล็กน้อย ความสามารถเป็นประจำ ความสามารถ รเิ ร่ิม เต็มความสามารถเปน็ ไมเ่ สนอตนเป็นผรู้ เิ ร่ิม รเิ รม่ิ ประสานงาน ประสานงานเป็น บางครงั้ นานๆ คร้ัง ประสานงานในกลุ่ม อย่เู สมอ มีความ สว่ นใหญ่ มคี วาม จะเสนอตนเป็นผู้รเิ รม่ิ กระตอื รือร้นสงู มาก กระตอื รือรน้ ดี ประสานงาน 2. การปฏิบตั ิงานรายบคุ คล ตง้ั ใจปฏิบัตงิ านท่ีได้รบั ตัง้ ใจปฏบิ ัตงิ านที่ไดร้ บั ตง้ั ใจปฏบิ ตั ิงานที่ไดร้ ับ ปฏบิ ตั งิ านท่ีไดร้ บั ตามที่กำหนดในกิจกรรม การเรยี นรู้แตล่ ะข้ันตอน มอบหมายอย่างเต็ม มอบหมายอย่างเต็ม มอบหมายอยา่ งเต็ม มอบหมายไม่เตม็ 3. การนำเสนอผลการสรุป ความสามารถเสมอ ความสามารถเป็น ความสามารถเปน็ ความสามารถ ความรู้ความเข้าใจ ผลงานเสร็จตามที่ สว่ นใหญ่ ผลงานเสร็จ บางครัง้ ผลงานเสร็จ ตอ้ งตกั เตอื น ผลงาน กำหนดทุกรายการ สมบูรณต์ ามทีก่ ำหนด สมบูรณ์ตามทกี่ ำหนด จึงเสร็จสมบรู ณ์ เกือบทุกรายการ บางรายการ จดั สือ่ อปุ กรณ์ จดั ส่ืออปุ กรณ์ จดั สื่ออุปกรณ์ จดั สอ่ื อปุ กรณ์ วธิ ีนำเสนอได้อย่าง วิธีนำเสนอไดอ้ ย่าง วธิ นี ำเสนอไดน้ า่ สนใจ วธิ นี ำเสนอไม่นา่ สนใจ สร้างสรรคน์ า่ สนใจมาก นา่ สนใจ ไดส้ าระ พอสมควร ไดส้ าระ ไดส้ าระตามเปา้ หมาย ไดส้ าระครอบคลมุ ตามเป้าหมายทกี่ ำหนด ตามเป้าหมายท่ี ทกี่ ำหนดเล็กน้อย ครบถ้วนตามเป้าหมาย เป็นสว่ นใหญ่ กำหนดปานกลาง บางสว่ น ท่ีกำหนด

28 กิจกรรมการเรียนรู้ Step 1 Gathering (ขนั้ รวบรวมข้อมลู ) 1. ผสู้ อนแบง่ ผู้เรยี นเปน็ 3 กลมุ่ ตามหัวขอ้ ตอ่ ไปนี้ 1.1 ความหมายและสมบตั ิของสาร 1.2 การจำแนกประเภทของสาร 1.3 คอลลอยด์อิมัลชัน 2. ผสู้ อนตง้ั คำถามให้ผู้เรยี นเสนอขอ้ มลู จากประสบการณ์ในเรอ่ื งคอลลอยด์อิมัลชัน ดงั ตอ่ ไปนี้ 2.1 ความหมายและสมบัตขิ องสาร - สสาร หมายถงึ อะไร - การจำแนกประเภทของสสารโดยใชจ้ ำนวนสารองคป์ ระกอบเปน็ เกณฑ์ทำไดอ้ ยา่ งไร - สมบัติทางกายภาพและสมบัติทางเคมีของสารคืออะไร 2.2 การจำแนกประเภทของสาร - เมื่อใช้สถานะเป็นเกณฑใ์ นการจำแนกประเภทของสาร สามารถจำแนกได้อย่างไร - อนภุ าคของสารในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊สเหมอื นกนั หรอื ต่างกนั อย่างไร - ในชีวิตประจำวนั ผูเ้ รียนพบเหน็ การเปลย่ี นสถานะของสารชนิดใดบ้าง จงยกตวั อย่างมา 5 ชนดิ - จงยกตวั อยา่ งพร้อมทัง้ ช่วยกันอภิปรายว่าในชวี ิตประจำวนั ผเู้ รียนใชป้ ระโยชนจ์ ากการเปลย่ี น สถานะของสงิ่ ต่างๆ ได้อย่างไรบ้าง - ถ้าสารทุกชนิดไม่สามารถเปล่ียนสถานะได้ ผู้เรียนคาดคะเนว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อ มนุษยแ์ ละสิ่งมีชวี ติ ทัง้ หลาย - สารละลายอะไรบ้างท่ีใช้ในชีวิตประจำวัน และสารละลายเหล่านั้นมีองค์ประกอบเป็น สารใดบา้ ง - ถ้าตอ้ งการทำสารละลายใหบ้ รสิ ุทธิ์จะทำได้หรือไม่ อยา่ งไร - จงบอกวิธีตรวจสอบสารเนื้อเดียวว่า สารนน้ั เปน็ สารบริสุทธห์ิ รือสารละลาย 2.3 คอลลอยด์อมิ ลั ชนั - คอลลอยด์ชนดิ ที่เปน็ ของผสมท่ีมลี กั ษณะขนุ่ ได้แก่อะไรบา้ ง - หลกั การของคอลลอยด์อิมลั ชันคอื อะไร 3. จากการแสวงหาความรู้หรือประสบการณ์ของผู้เรียน ให้บันทึกผลจากการศึกษาลงในผังกราฟิก (เลือก ออกแบบและใช้ผงั กราฟิกให้เหมาะสมกบั ลักษณะของข้อมูล) ดังตวั อยา่ ง

29 Step 2 Processing (ข้นั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรุปความรู้) 4. ผู้เรยี นรว่ มกันอภิปรายเรื่องท่ีผู้เรยี นรับผดิ ชอบตามกล่มุ (ในข้อ 1) ตามหวั ข้อที่ระบุ 4.1 ความหมายและสมบัติของสาร 4.2 การจำแนกประเภทของสาร 4.3 คอลลอยด์อมิ ลั ชัน 5. ผู้เรียนร่วมกันเชื่อมโยงความคล้ายคลึง/แตกต่างของข้อมูลที่นำมาอภิปราย เปรียบเทียบ จำแนก จัดกลุ่ม จัดประเภท จัดลำดับ แสดงเหตุผล และร่วมกันสรุปความรู้ตามหัวข้ออภิปราย แสดงเป็นความคิดรวบยอด หรือหลกั การ ตามหัวขอ้ ต่อไปนี้ 5.1 ความหมายและสมบตั ิของสาร 5.2 การจำแนกประเภทของสาร 5.3 คอลลอยด์อมิ ัลชัน 6. บันทึกผลขอ้ สรปุ เป็นความเขา้ ใจของกลมุ่ และรายบุคคล Step 3 Applying and Constructing the Knowledge (ขั้นปฏบิ ัติและสรปุ ความรหู้ ลังการปฏบิ ัต)ิ 7. ผู้เรียนนำข้อสรุปความรู้ความเข้าใจที่ได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างกลุ่มในช้ันเรียนมาวิเคราะห์ แนวทางนำไปใชป้ ระโยชน์ ตามหวั ขอ้ ต่อไปน้ี 7.1 ความหมายและสมบตั ขิ องสาร 7.2 การจำแนกประเภทของสาร 7.3 คอลลอยด์อิมัลชัน 8. ผเู้ รียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภิปรายตรวจสอบความสมบรู ณ์ถูกต้องของเน้อื หา ตามหัวข้อต่อไปนี้ 8.1 ความหมายและสมบตั ขิ องสาร 8.2 การจำแนกประเภทของสาร 8.3 คอลลอยด์อิมัลชนั 9. ผู้เรียนร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ (หนังสือเรียน หน้า 72) และปฏิบัติกิจกรรมตรวจสอบ ความเขา้ ใจ (หนงั สือเรียน หน้า 71) Step 4 Applying the Communication Skill (ข้นั ส่ือสารและนำเสนอ) 10. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มออกแบบหรือหาวิธีนำเสนอให้ผู้อ่ืนรับรู้และส่ือสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามหัวข้อ ต่อไปน้ี 10.1 ความหมายและสมบตั ิของสาร 10.2 การจำแนกประเภทของสาร 10.3 คอลลอยด์อิมลั ชนั 11. ผู้สอนสุ่มกลุ่มผู้เรียนนำเสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจ ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันประเมินผล การนำเสนอตามเกณฑ์ทีก่ ำหนด

30 Step 5 Self – Regulating (ขั้นประเมินเพ่ือเพ่ิมคณุ คา่ บริการสังคมและจติ สาธารณะ) 12. ผเู้ รยี นแต่ละกล่มุ และรายบคุ คลตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของตนเอง หลังจากรับฟังการนำเสนอของ สมาชกิ กลุ่มอน่ื ปรับปรุงชน้ิ งานของกลุม่ ตนเองให้สมบรู ณแ์ ละบนั ทึกเพม่ิ เตมิ 13. นำเสนอผลการปฏบิ ัติงาน แสดงในปา้ ยนเิ ทศหรอื เผยแพร่สู่หอ้ งเรียนอื่นหรอื ทส่ี าธารณะ 14. ผู้เรียนทำแบบทดสอบ (หนังสือเรียน หน้า 73) จากน้ันประเมินสรุปผลการทำกิจกรรม (หนังสือเรียน หนา้ 72) และทำแบบประเมนิ ตนเอง (หนังสอื เรยี น หนา้ 73) การบรู ณาการกิจกรรมการเรยี นรู้ สมรรถนะผเู้ รยี นในศตวรรษที่ 21 การทำงานเปน็ ทมี 1 ทมี ละ 5-6 คน ฝึกการคดิ วเิ คราะห์ การแก้ปัญหา การเรียนรสู้ อู่ าเซียน เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษท่ีเก่ียวข้องกับเนื้อหาในบทเรียน โดยฝึกหาข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และใช้ คำศัพท์ดงั กล่าวในการนำเสนอผลงานในข้ันที่ 4 ทักษะชีวิต คน้ หาขอ้ มลู จากแหลง่ เรียนรูต้ ่างๆ เพ่ือนำมาเปรียบเทยี บ (กิจกรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรู้) ค่านยิ มหลกั 12 ประการ - มีศลี ธรรม รกั ษาความสัตย์ หวงั ดตี อ่ ผอู้ ืน่ เผอื่ แผแ่ ละแบง่ ปัน - รกั ษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม - ใฝห่ าความรู้ หม่นั ศึกษาเล่าเรียนทง้ั ทางตรงและทางอ้อม กิจกรรมท้าทาย ให้ผเู้ รยี นฝกึ เปรยี บเทียบเร่ืองที่สนใจเรื่องใดเรอ่ื งหน่ึง โดยเปรยี บเทียบและสรุป 1. ความหมายและสมบตั ขิ องสาร 2. การจำแนกประเภทของสาร 3. คอลลอยด์อิมลั ชนั 1 ทมี หรือกลุ่มเปน็ คำสำหรับสมรรถนะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21

31 แผนการจดั การเรยี นรหู้ นว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 คอลลอยด์อมิ ลั ชนั สปั ดาหท์ ี่ 4-5 เรอ่ื ง คอลลอยดอ์ มิ ลั ชัน เวลาเรียน 6 ช่วั โมง สาระสำคญั คอลลอยด์ เป็นของผสมที่มีลักษณะขุ่น ประกอบด้วย อนุภาคของสารชนิดหนึ่งหรือหลายชนิด ลอยกระจาย อยใู่ นตวั กลาง โดยอนภุ าคของสารทกี่ ระจายมขี นาดเส้นผ่านศนู ยก์ ลางระหวา่ ง 10-7-10-4 เซนตเิ มตร อิมัลชัน เป็นคอลลอยด์ท่ีเกิดจากของเหลว 2 ชนิด ที่ไม่รวมเป็นเนื้อเดียวกัน เม่ือเขย่าด้วยแรงที่มากพอ อนุภาคของเหลวท้ังสองจะแทรกอยู่เป็นคอลลอยด์ แต่เม่ือทิ้งไว้ระยะหน่ึงของเหลวท้ังสองจะแยกออกจากกัน เหมอื นเดมิ สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและสมบตั ิของสาร 2. การจำแนกประเภทของสาร 3. คอลลอยด์อิมัลชนั สมรรถนะประจำหนว่ ย 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับคอลลอยด์อมิ ัลชัน 2. ประยกุ ต์ความรู้เรอื่ งคอลลอยด์อิมลั ชันไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั และการประกอบอาชพี จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกความหมายและสมบตั ิของสารได้ 2. อธิบายการจำแนกประเภทของสารได้ 3. อธิบายท่ีมาและสมบัติของคอลลอยด์อมิ ลั ชนั ได้ 4. อธิบายการนำคอลลอยดอ์ มิ ลั ชนั ไปใช้ในงานอาชีพได้ 5. มเี จตคติท่ีดีในการเรียนเรื่องคอลลอยด์อิมลั ชนั และรักษ์ค่านิยมหลกั 12 ประการของไทย

32 กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นำเข้าส่บู ทเรียน ผู้สอนสนทนากับผู้เรียนถงึ ประสบการณ์ในชีวิตประจำวันเกย่ี วกับคอลลอยด์อิมัลชัน แล้วดำเนินกิจกรรมตาม ข้ันตอนดังน้ี ข้นั สอน ขน้ั ที่ 1 ขนั้ รวบรวมข้อมูล (Gathering) 1. แบ่งกลุ่มผู้เรียนเลือกประธานและกำหนดหน้าที่สมาชิกคนอื่นๆ ให้ปฏิบัติงานในกลุ่ม ร่วมกันศึกษา เอกสารหนงั สือเรยี นเร่อื งความหมายและสมบัตขิ องสาร การจำแนกประเภทของสาร และคอลลอยดอ์ ิมัลชัน 2. ต้งั คำถามใหผ้ ู้เรียนเสนอข้อมูลจากประสบการณ์ที่รับรดู้ งั ตวั อย่างนี้ 2.1 ความหมายและสมบัตขิ องสาร - สสาร หมายถงึ อะไร - การจำแนกประเภทของสสารโดยใชจ้ ำนวนสารองค์ประกอบเป็นเกณฑ์ทำไดอ้ ยา่ งไร - สมบตั ิทางกายภาพและสมบตั ทิ างเคมีของสารคืออะไร 2.2 การจำแนกประเภทของสาร - เมื่อใช้สถานะเป็นเกณฑ์ในการจำแนกประเภท สามารถจำแนกประเภทของสารได้อย่างไร - อนุภาคของสารในสถานะของแข็ง ของเหลว และแกส๊ เหมือนกนั หรอื ต่างกนั อย่างไร - ในชีวิตประจำวันผูเ้ รยี นพบเห็นการเปลยี่ นสถานะของสารชนิดใดบา้ ง จงยกตัวอยา่ งมา 5 ชนดิ - จงยกตัวอย่างพรอ้ มทัง้ ช่วยกันอภปิ รายวา่ ในชีวิตประจำวัน ผ้เู รยี นใชป้ ระโยชน์จากการเปล่ยี น สถานะของสิ่งตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง - ถ้าสารทุกชนิดไม่สามารถเปล่ียนสถานะได้ ผู้เรียนคาดคะเนว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อ มนุษยแ์ ละสิง่ มชี ีวิตทงั้ หลาย - สารละลายอะไรบ้างท่ีใช้ในชีวิตประจำวันและระบุได้หรือไม่ว่าสารละลายเหล่านั้นมี องค์ประกอบเป็นสารใดบา้ ง - ถา้ ตอ้ งการทำสารละลายใหบ้ รสิ ทุ ธ์จิ ะทำได้หรือไม่ อยา่ งไร - จงบอกวธิ ีตรวจสอบสารเนือ้ เดยี ววา่ สารนัน้ เปน็ สารบรสิ ุทธหิ์ รอื สารละลาย 2.3 คอลลอยด์อิมลั ชัน - คอลลอยด์ชนดิ ท่ืเป็นของผสมท่ีมีลกั ษณะขุ่นได้แก่อะไรบ้าง - หลักการของคอลลอยด์อิมลั ชันคืออะไร 3. สมาชิกกล่มุ ช่วยกนั บันทึกผลการศึกษาตามหวั ข้อทกี่ ำหนดลงผงั กราฟิก (เลอื กออกแบบและใชผ้ ังกราฟิก ใหเ้ หมาะสมกับลกั ษณะของข้อมลู ) ดงั ตัวอย่าง

33 (ระหว่างผูเ้ รียนศึกษาเอกสาร ค้นควา้ และบนั ทกึ ผล ผู้สอนคอยใหค้ ำแนะนำตอ่ เนือ่ งรายกลมุ่ ) ขน้ั ท่ี 2 ขนั้ คิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ (Processing) 4. ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเร่ืองความหมายและสมบัติของสาร การจำแนกประเภทของสาร คอลลอยด์อิมัลชัน ท่ีรวบรวมได้จากการศึกษาค้นคว้าและระดมความคิดเห็นของสมาชิกร่วมด้วย โดยใช้คำถามให้ อภปิ รายหาข้อสรปุ 5. เช่ือมโยงความคลา้ ยคลงึ ของขอ้ มลู ทน่ี ำมาอภิปราย และรว่ มกนั สรุปความรู้ตามหวั ขอ้ อภปิ ราย 6. บันทึกผลการอภปิ รายสรุปเป็นความเขา้ ใจของกลุม่ และรายบุคคล ข้นั ที่ 3 ข้ันปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรู้หลังการปฏิบตั ิ (Applying and Constructing the Knowledge) 7. ผู้เรียนเข้ากลุ่มเดิมสรุปความรู้ความเข้าใจมาแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างกลุ่มในชั้นเรียน มาวเิ คราะหเ์ รือ่ งความหมายและสมบตั ขิ องสาร การจำแนกประเภทของของสาร และคอลลอยด์อมิ ลั ชนั 8. ผเู้ รยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปเปน็ แนวคดิ เก่ียวกบั ความหมายและสมบัตขิ องสาร การจำแนกประเภทของ ของสาร และคอลลอยด์อมิ ลั ชัน 9. ผู้เรียนร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ (หนังสือเรียน หน้า 72) และปฏิบัติกิจกรรมตรวจสอบ ความเขา้ ใจ (หนงั สอื เรยี น หน้า 71) ขน้ั ท่ี 4 ขนั้ สื่อสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) 10. สุ่มกลุ่มผู้เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอเก่ียวกับความหมายและสมบัติของสาร การจำแนกประเภทของสาร และคอลลอยด์อิมัลชัน โดยเลือกใช้ผังกราฟิก เทคนิควิธีการนำเสนอท่ีคิดว่าเหมาะสมและสื่อสารได้อย่างมี ประสิทธิภาพ บูรณาการคำศัพท์/การใช้สื่อ/เทคโนโลยี/เพิ่มเติมในการนำเสนอให้มากท่ีสุดเท่าท่ีจะทำได้ แต่ละกลุ่ม แลกเปลีย่ นผลงานกับกลุม่ อ่ืนเพ่ือเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรยี นได้แลกเปลยี่ นเรียนรซู้ งึ่ กันและกนั 11. ร่วมกันสรุปเป็นข้อคิดเก่ียวกับความหมายและสมบัติของสาร การจำแนกประเภทของของสาร และ คอลลอยด์อิมลั ชัน และสุ่มกลุ่มผเู้ รียนนำเสนอผลการสรุปความรูค้ วามเขา้ ใจ ขั้นที่ 5 ขน้ั ประเมนิ เพือ่ เพิ่มคุณค่าบรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ (Self – Regulating) 12. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มและรายบุคคลตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของตนเองหลังจากรับฟังการนำเสนอของ สมาชกิ กลุ่มอ่ืน ปรบั ปรุงช้ินงานของกลุ่มตนเองใหส้ มบูรณ์และบันทกึ เพม่ิ เตมิ 13. นำผลงานแสดงในปา้ ยนิเทศหรือเผยแพร่สหู่ ้องเรยี นอ่ืนหรือสาธารณะ 14. ผู้เรียนทำแบบทดสอบ (หนังสือเรียน หน้า 73) จากนั้นประเมินสรุปผลการทำกิจกรรม (หนังสือเรียน หนา้ 72) ทำแบบประเมนิ ตนเอง (หนังสือเรยี น หนา้ 73) และกำหนดแนวทางการพฒั นาตนเอง

34 สอ่ื อุปกรณแ์ ละแหลง่ เรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพศิลปกรรมของสำนักพิมพ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำกัด 2. แบบบนั ทกึ ผงั กราฟิกแบบต่างๆ 3. PowerPoint วิชาวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพศลิ ปกรรมของสำนกั พิมพ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำกัด 4. AR code (motion graphic) วิชาวิทยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชีพศิลปกรรมของสำนักพิมพ์ บริษัท พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.) จำกดั กิจกรรมเสนอแนะ ผ้สู อนเสนอแนะให้ผู้เรียน - ฝึกสงั เกตรวบรวมข้อมูล แนวคดิ ขัน้ ตอน วธิ ดี ำเนนิ การ - ฝึกวเิ คราะห์เรื่องท่ีสนใจเร่ืองใดเรื่องหนง่ึ โดยวเิ คราะห์และสรปุ การวัดและประเมนิ ผล ภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกตามกิจกรรมในแผนการจดั การเรียนรู้ แหลง่ ขอ้ มลู (ภาระงาน/ชนิ้ งานระหว่างเรียน) พฤตกิ รรม รวมคะแนน ในแผน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ผังกราฟิก ผงั กราฟกิ การเรยี นรู้/ การจัดการเรยี นรู้ 1. บอกความหมายและสมบตั ขิ องสารได้ แสดงการเก็บ สรปุ ความรู้ การทำงาน 2. อธิบายการจำแนกประเภทของสารได้ 13 3. อธิบายทีม่ าและสมบัตขิ องคอลลอยดอ์ ิมลั ชนั รวบรวมขอ้ มลู ความเข้าใจ รว่ มกบั กลุ่มและ 13 ได้ 13 4. อธิบายการนำคอลลอยด์อิมลั ชนั ไปใชใ้ นงาน งานรายบุคคล อาชีพได้ 13 5. มีเจตคติทด่ี ีในการเรียนเร่ืองคอลลอยด์อมิ ลั ชนั 44 5 และรกั ษค์ า่ นยิ มหลัก 12 ประการของไทย 8 44 5 รวม 60 44 5 44 5 -- 8 16 16 28 หมายเหตุ : 1. การประเมินแผนการจัดการเรยี นรู้ ประเมนิ ตามภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกตามกิจกรรมในแผนการจดั การเรียนรู้ ท่สี อดคลอ้ งกับจุดประสงค์การเรยี นรู้ ใหค้ ะแนนตามเกณฑ์ประเมนิ 2. การประเมินเจตคติในการเรียน ประเมินต่อเน่ืองในทุกกิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้ แล้วนำผลไปสรุปรวม ในแผนสดุ ทา้ ยของเรือ่ ง/หน่วยการเรียนรู้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook