Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

Published by Forest Ecosystem, 2023-02-24 06:27:55

Description: พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืชในวนอุทยานนครไชยบวร

Search

Read the Text Version

ตอ่ ไส้ Allophylus cobbe (L.) Raeusch. วงศ์ Sapindaceae ชื่อพนื้ เมือง ไก่เถื่อน ข้ำวตำก ตำนขโมย แมงเม่ำ โลด ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้พุ่ม สูงได้ถึง 2 ม. เปลือกนอกเรียบสีน้ำตำล อมเทำ มีช่องอำกำศเป็นปุ่มนูน ก่ิงอ่อนและยอดอ่อน มขี นสีนำ้ ตำลอมเหลอื งปกคลุม ใบ เป็นใบประกอบแบบนิ้วมือเรียงเวียน ก้ำนใบรวม ยำว 7-12 ซม. มีใบย่อย 3 ใบ ใบกลำงมีขนำดใหญ่กว่ำ ใบคู่ข้ำง รูปรี กว้ำง 5-8 ซม. ยำว 10-15 ซม. ปลำยเรียว แหลมและมีต่ิงหนำม โคนสอบหรือมน ปลำยเรียวแหลม และมีตงิ่ หนำม แผ่นใบบำง มขี นสนั้ ปกคลมุ ทท่ี ้องใบ ดอก เป็นช่อกระจุกแยกแขนงส้ัน ๆ ออกที่ซอกใบ ดอกแยกเพศต่ำงต้นหรือร่วมต้น ดอกสีขำว ขนำดเล็ก ไมส่ มมำตร ผล ผลสด มีผนังชั้นในแข็ง รูปกลม กว้ำง 4-12 มม. เมื่อสุกสีแดงสม้ เมลด็ ไมม่ เี ยอื่ หุ้ม การออกดอกและผล ออกดอกเดือนสิงหำคม-ตุลำคม และออกผลเดือน กนั ยำยน-มกรำคม การกระจายพันธ์ุ ทุกภำค พบตำมป่ำเบญจพรรณและป่ำดิบแล้ง ควำมสงู ถึงประมำณ 1,900 ม. การใช้ประโยชน์ ราก ขับปัสสำวะ แก้เส้นเอ็นพิกำร แก้นิ่ว บำรุงไต แก้ปวดเมื่อย เนื้อไม้ ทำดำ้ มอุปกรณต์ ำ่ ง ๆ ผลสุก รับประทำนได้ รสเปร้ยี ว พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 8967

ตะโกนา Diospyros rhodocalyx Kurz. 98 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

ตะโกนา Diospyros rhodocalyx Kurz. วงศ์ Ebenaceae ช่ือพ้นื เมือง โก นมงัว มะโก พระยำช้ำงดำ มะถำ่ นไฟผี ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เปน็ ไม้ยนื ตน้ ขนาดกลาง สูงประมำณ 15 ม. เปลือกดำ และแตกเปน็ สะเกด็ หนำ กระพ้ขี ำว ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปไข่กลับ กว้ำง 2.5-7 ซม. ยำว 3-12 ซม. โคนใบสอบเป็นรูปล่ิม โค้งมน หยกั เว้ำเข้ำหรือหยักคอดเป็นตงิ่ สน้ั ๆ ดอก ช่อดอกเพศผู้ออกเป็นช่อ ช่อดอกเพศเมีย ออกเดี่ยว อยูต่ ำ่ งตน้ กัน เป็นช่อเล็ก ๆ ช่อหน่ึงมีประมำณ 3 ดอก กำ้ นดอกยำว 1-2 มม. มีขนนมุ่ ผล กลม มีขนำด 1.5-2.5 ซม. ผลอ่อนมีขนสีน้ำตำล แดงคลุม โคนและปลำยผลมักบุ๋ม กลีบจุกผลช้ีออกหรือ แนบล่ไู ปตำมผิวผล การออกดอกและผล ออกดอกเดือนมีนำคม-เมษำยนและออกผลเดือน เมษำยน-มถิ ุนำยน การกระจายพนั ธุ์ ในประเทศไทยพบขึ้นท่ัวไปตำมป่ำเบญจพรรณแล้ง ปำ่ ละเมำะและทุ่งนำ ทีส่ งู จำกระดบั นำ้ ทะเล 40-300 ม. การใช้ประโยชน์ ผล ผลสุกใชร้ บั ประทำนเป็นผลไม้ ผลออ่ น ใชเ้ ป็นสีย้อมผ้ำ นิยมนำมำปลูกเป็นไม้ประดับ หรอื ทำเป็นตะโกดัด พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 8989

ตะโกสวน Diospyros malabarica (Desr.) Kostel. 100 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

ตะโกสวน Diospyros malabarica (Desr.) Kostel. วงศ์ Ebenaceae ช่ือพื้นเมอื ง ปลำบ ตะโกไทย มะเขอื เถ่ือน มะสลุ วั ะ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบขนาดกลาง ควำมสูงประมำณ 8-15 ม. ทรงพุ่มกลมทึบ เปลือกต้นสีดำมีแต้มสีขำว เนอื้ ในเปลือกเปน็ สแี ดงเขม้ ใบ เป็นใบเด่ียว ใบอ่อนสีแดง ใบแคบรูปขอบขนำน ปลำยใบแหลมมน โคนใบโค้ง กว้ำงประมำณ 4 ซม. ยำว 8 ซม. เนอ้ื ใบหนำคลำ้ ยแผ่นหนัง เกลี้ยงทง้ั 2 ด้ำน ดอก สีขำวแกมเหลือง มีกลิน่ หอม ออกดอกตำมซอกใบ ดอกเพศผู้จะออกดอกเป็นช่อ ช่อละประมำณ 2-7 ดอก กลีบเลี้ยงมีขนอ่อน ๆ ข้ึนปกคลุม มี 4 แฉก ลักษณะเป็น รปู ไขก่ วำ้ งและกลบี ดอกเปน็ หลอดกวำ้ ง ส่วนดอกเพศเมีย มักจะออกเป็นดอกเดี่ยวและมีขนำดใหญ่กว่ำดอกเพศผู้ กลบี เลย้ี งมีขนขึน้ ปกคลุม ลกั ษณะของกลีบเป็นรูปไข่กวำ้ ง และกลีบดอกเปน็ รูประฆัง ผล รูปกลมมีเกล็ดท่ีหลุดร่วงได้ง่ำยข้ึนปกคลุม มีขนำด เส้นผ่ำนศูนย์กลำงประมำณ 3.5 ซม. ผลดิบมียำงมำก และมรี สฝำด ผลสกุ เปน็ สีส้มเหลอื ง การกระจายพนั ธ์ุ พ บ ข้ึ น ต ำ ม ป่ ำ ไ ม้ ป่ ำ เ บ ญ จ พ ร ร ณ แ ล ะ มี ป ลู ก ต ำ ม เรือกสวนไร่นำทัว่ ไป การใช้ประโยชน์ สมุนไพร เปลือกต้นและลูกอ่อน รสฝำด สรรพคุณ แกท้ ้องร่วง แก้อำเจยี น แก้บดิ สมำนแผล ผลสกุ ใชร้ บั ประทำนได้ ด้านอ่ืน นิยมปลูกเป็นไม้ประดับหรือไม้ดัด โดยกำร นำมำปลูกลงในกระถำงหรือปลูกลงดิน แล้วตัดกิ่งก้ำน และตัดแต่งใบใหเ้ ปน็ พุ่ม หรือดัดให้เป็นรปู ทรงต่ำง ๆ พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 19001

ตะเขค้ ุมวงั Mallotus coudercii (Gagnep.) Airy Shaw 102 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

ตะเขค้ ุมวงั Mallotus coudercii (Gagnep.) Airy Shaw วงศ์ Euphorbiaceae ชอื่ พน้ื เมอื ง เตำ่ ตวั เมีย, Annam (Vietnam) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไมพ้ ุ่ม สูงไดถ้ งึ 50 ซม. ตำมกิง่ มีขนปกคลุม ใบ เป็นใบเด่ียว เรียงตรงขำ้ ม รปู รี ยำว 2-16 ซม. กว้ำง 1.2-8 ซม. โคนใบมน ปลำยใบแหลม ขอบใบเรยี บ บนผิวใบและใต้ใบมขี นเล็กน้อย ดอก ออกเปน็ ชอ่ ตำมซอกใบ ชอ่ ดอกแยกเพศแต่อยู่บน ตน้ เดียวกนั ช่อดอกเพศผยู้ ำวประมำณ 2 ซม. ดอกเพศผู้ 3-5 กลบี เกสรเพศผู้ 25 อัน ชอ่ ดอกเพศเมยี ยำวประมำณ 2 ซม. ดอกเพศเมยี 3-4 กลีบ ผล แห้งแตก 10-12 พู ขนำด 7-8 มม. เมล็ด ขนำด 5-6 มม. การกระจายพนั ธุ์ พบทั่วไปในป่ำเบญจพรรณ ป่ำไผ่ หรือที่ที่มีแสงแดด ส่องถึง ท่ีควำมสูงจำกระดับทะเลปำนกลำงไม่เกิน 20-250 ม. พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 19023

ตะแบกนา Lagerstroemia floribunda Jack var. floribunda 104 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

ตะแบกนา Lagerstroemia floribunda Jack var. floribunda วงศ์ Lythraceae ชอื่ พื้นเมือง กระแบก ตะแบกไข่ เปือย เปือ๋ ยด้อง เปอื๋ ยนำ เปอื๋ ยหำงคำ่ ง ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไมต้ น้ สงู 15-30 ม. เปลอื กเรยี บผิวเปน็ มนั สีเทำ หรอื เทำขำว มีรอยแผลเปลือกล่อนตลอดลำต้น ใบ เป็นใบเด่ียว เรยี งตรงขำ้ ม รูปใบหอก ยำว 12-20 ซม. กวำ้ ง 5-8 ซม. ปลำยใบแหลม โคนรูปลิม่ ขอบใบ เรียบหรอื เปน็ คลนื่ เลก็ นอ้ ย ดอก เปน็ ชอ่ ดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตำมซอกใบ ใกลป้ ลำยกง่ิ และท่ปี ลำยกิง่ ยำว 30-40 ซม. สชี มพู ผล ผลแห้ง ทรงรี ขนำด 1.5-2 เซนตเิ มตร แก่แล้วแตก เป็น 6 ซีก กลีบเลยี้ งตดิ ทน เมลด็ ขนำดเลก็ มีปกี ผลแก่ แตกเปน็ 3 พู การออกดอกและผล ออกดอกช่วงเดือนกรกฎำคม-ตุลำคม การกระจายพนั ธ์ุ พบตำมป่ำเบญจพรรณช้ืน ป่ำดิบ ป่ำน้ำท่วม ตำมท้อง ทงุ่ นำ ทค่ี วำมสงู 20-300 ม. จำกระดับทะเลปำนกลำง การใช้ประโยชน์ ราก แก้ปวดกลำ้ มเน้อื เมื่อมไี ข้ เปลอื ก แก้ท้องเสีย แก้บิดมกู เลือด เนื้อไม้ ขบั โลหิตระดู แก้โลหติ จำง บำรุงโลหิต ใบ แก้ไข้ พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 19045

ตานหมอ่ น Tarlmounia elliptica (DC.) H. Rob. 106 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

ตานหมอ่ น Tarlmounia elliptica (DC.) H. Rob. วงศ์ Asteraceae ชื่อพืน้ เมอื ง ขำ้ หมกั หลอด ตำนค้อน ตำนหม่น ลกี วนยู ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เปน็ ไมเ้ ถาเนอ้ื แข็ง กงิ่ ออ่ นและทอ้ งใบมีขนสเี งนิ ปกคลมุ เปลือกเถำเรียบเป็นสีน้ำตำล ตำมก่ิงอ่อนและยอดอ่อน มีขนสีขำวปกคลุมหนำแน่น ลำต้นแตกก่ิงก้ำนยำวเรียว แตกลำได้ใหม่จำกลำต้นทีท่ อดไปตำมพน้ื ดนิ ใบ เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปรี แกมรูปไข่กลับ ปลำยใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ใบมีขนำดกว้ำง 3-4 ซม. และยำว 6-10 ซม. ดอก เป็นช่อกระจุกแน่นตำมซอกใบหรือ ที่ปลำยยอด ดอกยอ่ ยเปน็ สีขำวนวล กลีบดอกเป็นเส้นเล็ก จำนวนมำก ดอกมีกลีบเล้ียง 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกัน ด้ำนนอก มีขน ผล ผลเป็นผลแห้ง ไม่แตก ผลมีสัน 5 สัน เมล็ดล่อน เปน็ สีดำ ลักษณะเปน็ รปู กระสวย การกระจายพนั ธ์ุ พ บ ไ ด้ ท่ั ว ทุ ก ภ ำ ค ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ต ำ ม ป่ ำ ด ง ดิ บ และปำ่ ผลัดใบทว่ั ไป รวมถึงอำจพบไดต้ ำมแหลง่ รกรำ้ ง การใชป้ ระโยชน์ ราก แก้พิษตำนซำง คุมธำตุ ขับพยำธิไส้เดือน บำรุง ผิวพรรณ ราก ลาต้น ใบ ดอก แก้ตำนซำง คุมธำตุ และขับพยำธิ พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 19067

ถอบแถบ Connarus cochinchinensis (Baill.) Pierre 108 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

ถอบแถบ Connarus cochinchinensis (Baill.) Pierre วงศ์ Connaraceae ชือ่ พ้ืนเมือง - ภำพ : คณุ นยั นำ เทศนำ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้เถาเน้ือแข็ง หรือ ไม้พ่มุ รอเลอ้ื ย ยำวได้ถึง 5 ม. ใบ เป็นประกอบแบบขนนกปลำยค่ี เรียงสลับ มีใบย่อย 5-7 ใบ ก่ิงอ่อน ก้ำนใบ และแกนใบมีขนส้ันสีสนิม โคน ก้ำนใบและก้ำนใบย่อยบวมพอง ใบย่อยรูปไข่ หรือรูปรี ฐำนใบกลม ปลำยใบเรียวแหลม มีเส้นแขนงใบ 5-7 คู่ ปลำยเสน้ โค้งเกือบจรดขอบใบ แผ่นใบด้ำนบนเกล้ียงและ มันเงำ ดอก เป็นแบบแยกแขนงออกท่ีปลำยก่ิงหรือใกล้ปลำย กงิ่ ยำวได้ถึง 10 ซม. มขี นสั้นสีสนมิ กลีบเลยี้ ง 5 กลีบ รูป ใบหอก ปลำยแหลม ติดกัน ด้ำนนอกมีขน ด้ำนใน ค่อนข้ำงเกลย้ี ง กลบี ดอก 5 กลีบ สีขำวหรือสีขำวอมชมพู รปู แถบยำว ยำว 6-8 ซม. ปลำยแหลมหรอื มน ด้ำนนอกมี ขน ด้ำนในมีขนประปรำย ผล แบบฝัก เมื่อแก่แห้งและแตก 2 ซีก รูปขอบขนำน หรอื รูปรีเบย้ี วเล็กน้อย ขนำด 2-3 ซม. มีเปลือกที่บำงแข็ง มีขนเล็กน้อย-เกลี้ยงด้ำนนอก และมขี นสั้นหนำแน่น เมลด็ สดี ำมีผวิ มันเงำ ท่ขี ั้วผลมีเนื้อเยื่อสเี หลืองส้ม การออกดอกและผล ออกดอกเดือนกุมภำพันธ์-เมษำยน และออกผล เดือนเมษำยน-กันยำยน การกระจายพนั ธุ์ กำรกระจำยพันธุ์ พบในประเทศลำวตอนใต้ กัมพูชำ เวียดนำมตอนใต้ และคำบสมุทรมำเลเซียตอนบน ประเทศไทยพบเกอื บทัว่ ประเทศ ยกเว้นภำคเหนอื นิเวศวิทยำ พบตำมชำยป่ำ หรือป่ำที่กำลังฟื้นตัวในป่ำ เบญจพรรณ และปำ่ ดงดิบ ท่รี ะดับควำมสูงไมเ่ กนิ 500 ม. พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 19089

ถอบแถบน้า Derris trifoliata Lour. 110 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

ถอบแถบน้า Derris trifoliata Lour. วงศ์ Fabaceae ชื่อพืน้ เมอื ง เครอื ทะมอง แควบทะเล ผกั แถบ เครือลำเปยี ง เครอื ตำมอง ขะมอง เครือมนั ปลำ ถอบแถบทำม ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้เถาเนือ้ แข็ง ยำว 5-15 ม. เถำกลมมีเปลือกเรียบ สีน้ำตำลอมเทำ มชี ่องอำกำศจำนวนมำก ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก มี 3-5 ใบย่อย รปู รี ยำว 5-13 ซม. แผน่ ใบบำงและหนยี ว ดอก เป็นช่อดอกยำวประมำณ 5-10 ซม. กลีบเลี้ยง สีขำวอมเขียว ผล แบบฝกั แบน รูปค่อนข้ำงกลม หรือรูปรีเบี้ยว กว้ำง 2.5-4 ซม. ปลำยกลม-ตัด ขอบฝักด้ำนหน่งึ มปี กี บำง กว้ำง 3-4 มม. การออกดอกและผล ออกดอกเดือนเมษำยน-สิงหำคม และออกผลเดือน สิงหำคม-ธันวำคม การกระจายพนั ธุ์ ข้ึนตำมชำยป่ำหรือท่ีรกร้ำงใกล้ทะเล ในพ้ืนที่ดินเค็ม หรือริมน้ำ พบมำกในป่ำชำยหำดและป่ำชำยเลน พบได้ ทั่วไปในประเทศไทย การใชป้ ระโยชน์ อาหาร ยอดอ่อน รสมันปนฝำด เป็นผักสด จิ้มน้ำพริก หรือแกลม้ ลำบ สมุนไพร ต้มน้ำด่ืมแก้ปวดเม่ือย กินแก้ปวดข้อ-เอ็น แก้ร้อนใน เช้อื เพลงิ เถำขนำดใหญใ่ ชท้ ำฟืนหรอื ถำ่ น วัสดุ เถำเส้นเล็กมีเนื้อเหนียว ใช้แทนเชือก มัดฟืน มดั สง่ิ ของ ดา้ นอ่ืน ทง้ั ตัน ใชเ้ ป็นอำหำรววั ควำย พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 110101

ถ่วั พร้า Canavalia gladiata (Jacq.) DC. 112 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

ถว่ั พร้า Canavalia gladiata (Jacq.) DC. วงศ์ Fabaceae ช่อื พ้นื เมือง ฝกั พรำ้ ถวั่ ดำบ ถั่วฟ้ำ ถ่ัวแปปฟำ้ ผกั ฟ้ำ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้เลื้อยล้มลุก ยำวได้ถึง 10 ม. ตำมก่ิง ใบ และ ช่อดอกมขี นสนั้ ใบ เป็นใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย เรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่ กวำ้ ง 5-10 ซม. ยำว 7-12 ซม. ปลำยใบเรียวแหลม หรือ หยกั เป็นติ่งแหลม โคนใบมน ดอก เป็นช่อแบบกระจะ โค้งลง ยำว 7-25 ซม. กลีบ เลีย้ งสีเขยี ว ยำว 1-1.5 ซม. เช่ือมติดกันรูปถ้วย กลีบดอก มสี ชี มพู ผล แบบฝักแบน รูปแถบ กว้ำง 3-4 ซม. ยำว 15-23 ซม. ปลำยฝักกลม-แหลม มีต่ิงแหลม ผิวเกล้ียง เปลือก เรยี บหนำแข็ง เมล็ด รูปรีและแบนด้ำนข้ำง ปลำยกลม สีครีม มีลำย สดี ำ-เทำตำมยำว หรอื ทั้งเมล็ดเป็นสีแดง-ดำ การออกดอกและผล ออกดอกเดือนกรกฎำคม-ธันวำคม และออกผลเดือน ธันวำคม-พฤษภำคม การกระจายพนั ธ์ุ ขึ้นตำมปำ่ ในธรรมชำติ ท่ัวประเทศไทย การใช้ประโยชน์ อาหาร ยอดอ่อน ดอกอ่อน ฝักอ่อน ลวกจิ้มกับน้ำพริก แต่ส่วนเมล็ดแก่ดิบมีพิษจะต้องทำให้สกุ ก่อนรบั ประทำน ดา้ นอ่นื ใบเปน็ อำหำรของแมลงคำม (ด้วงกวำ่ ง) พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 110123

เถาย่านาง Tiliacora triandra (Colebr.) Diels 114 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

เถายา่ นาง Tiliacora triandra (Colebr.) Diels วงศ์ Menispermaceae ช่ือพื้นเมอื ง ย่ำนำงแดง จอ้ ยนำง ยำดนำง ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไมเ้ ถาค่อนข้ำงแข็งขนำดใหญ่ มีเหง้ำใต้ดิน เถำยำว 4-10 ม. สีน้ำตำลเกล้ียงพำดตำมต้นไม้อ่ืน ก่ิงแขนงจะ แตกออกเปน็ คู่ตำมปลำยกิ่ง ใบ เป็นใบเดีย่ วออกเรียงสลับ มหี ูใบเล็ก ๆ 1 คู่ ขอบใบ เรียบ แผ่นใบเรียบ ผิวใบเป็นมัน ใบรูปขอบขนำนหรือรูป ไข่ขนำดกว้ำง 3-6 ซม. ยำว 6-12 ซม. โคนใบหยักเว้ำ เล็กน้อย ปลำยใบสอบแคบหรือแหลม เน้ือใบเกลี้ยง เปน็ มัน ใบยอดออ่ นสีออกแดง ดอก สเี หลอื งออกเปน็ ช่อยำวเรียงตำมปลำยกงิ่ ชอ่ หนึ่ง ยำว 5-10 ซม.ช่อดอกมีจำนวนมำก ก้ำนช่อดอกโตยำว 2.5 มม. ออกลู่มำทำงโคนช่อแผ่ออก 2 ข้ำงของก้ำนช่อ กลีบรอง กลีบดอกมีสีออกแดง โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็น กรวยปลำยแยกเป็นแฉกแหลม 6 แฉก มีขนประปรำยไม่ ขยำยบำนออก ผล ผลสดสแี ดง รูปไข่กลับ ผิวเกลี้ยง การออกดอกและผล ออกดอกและติดผลเดือนธันวำคม-เดอื นกรกฎำคม การกระจายพนั ธุ์ พบตำมป่ำโปร่ง แสงแดดส่องถึง ตำมริมน้ำ พบมำก ในที่รกร้ำง การใช้ประโยชน์ ใบ เถา ราก แก้กระทุ้งพิษไข้ ถอนพิษยำเบ่ือเมำ ยำส่ัง ผิดสำแดง ถอนพิษและแก้พิษไข้ ขับพิษ โลหิต และ นำ้ เหลือง แกท้ ้องผูก เปลือกต้น แก้ท้องร่วง แก้น้ำลำยเหนียว ต้ม ชะล้ำง บำดแผล พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 110145

เถาวลั ยเ์ ปรียง Derris scandens (Roxb.) Benth. 116 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

เถาวลั ยเ์ ปรียง Derris scandens (Roxb.) Benth. วงศ์ Fabaceae ช่อื พ้ืนเมือง เครอื เขำหนัง เถำตำปลำ พำนไสน ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง เล้ือยไปได้ไกลถึง 30 ม. เถำกลม สนี ำ้ ตำลเปลือกเรยี บ มีช่องอำกำศขนำดเลก็ จำนวนมำก ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนกปลำยค่ี มี 7-13 ใบ เรียงตรงข้ำม ก้ำนใบยำว 2-5 ซม. โคนก้ำนใบบวมพอง ใบรปู ขอบขนำน ยำว 3-8 ซม. ปลำยแหลมมน ดอก เป็นช่อแบบกระจะ ช่อย่อยแบบกระจุก มี 5-10 ดอก ออกตำมซอกใบและปลำยยอด ดอกมีสีขำว รูปดอกถ่ัว มีขนคล้ำยไหม กลีบเลี้ยงมีลักษณะเป็น รูปถว้ ย สีน้ำตำลอมแดงหรอื เขียว ผล เป็นฝักแบนด้ำนข้ำง รูปรี ยำวประมำณ 7 มม. มี 1-2 เมลด็ ฝักแหง้ มสี นี ำ้ ตำล เมล็ดแบน การออกดอกและผล ออกดอกเดือนมิถุนำยน-สิงหำคม และออกผลเดือน กรกฎำคม-ธนั วำคม การกระจายพันธุ์ พบทุกภำค ตำมป่ำเตง็ รงั ควำมสูงประมำณ 750 ม. การใช้ประโยชน์ รากและตน้ แกข้ อ้ เสอ่ื ม เปลือกไม้ มีพิษใช้เบอื่ ปลำ แกไ้ ข้ และขับปสั สำวะ ใบอ่อ นและ ยอดอ่อน รับปร ะทำ นเป็นผักส ด จิม้ กบั นำ้ พริก พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 10167

นมแมว Uvaria siamensis (Scheff.) L. L. Zhou, Y. C. F. Su & R. M. K. Saunders 118 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

นมแมว Uvaria siamensis (Scheff.) L. L. Zhou, Y. C. F. Su & R. M. K. Saunders วงศ์ Annonaceae ช่ือพ้นื เมือง นำ้ จอ้ ย ตรำแป ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย เล้ือยไปได้ไกลประมำณ 2-5 ม. ลำต้นแตกก่ิงก้ำนได้มำก เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตำล อมเหลือง เน้ือไม้มีควำมเหนียวมำก กิ่งอ่อนมีขนลักษณะ เปน็ รูปดำวสีน้ำตำล ใบ เป็นใบเด่ียว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็น รูปขอบขนำนแกมรูปใบหอก ปลำยใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรยี บ กวำ้ ง 3-6.5 ซม. ยำว 10-22.5 ซม. ดอก เป็นดอกเด่ียว ออกตรงข้ำมใบ กลีบดอกสีเหลือง นวล ดอกจะส่งกล่ินหอมในช่วงเย็น และมีกล่ินหอมแรง ในเวลำกลำงคนื ผล ออกเป็นกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีผลย่อยประมำณ 8-15 ผล ลกั ษณะของผลเป็นรูปทรงกลมรี และมีตุม่ ปลำย ผลคล้ำยกับเต้ำนมของแมว เมอื่ สกุ จะเป็นสีเหลอื ง เปลือก ผลน่ิม มีกล่ินหอม ใช้รับประทำนได้ โดยจะมีรสหวำน และภำยในผลมีเมล็ดประมำณ 6-8 เมล็ด การกระจายพันธุ์ เป็นพชื เฉพำะถิน่ ทำงภำคใตข้ องประเทศไทยและเอเชีย ตะวนั ออกเฉยี งใต้ มักพบขึน้ ในปำ่ ดบิ ตำมชำยป่ำชื้น และ ตำมปำ่ เบญจพรรณทำงภำคกลำงและภำคใต้ การใชป้ ระโยชน์ ราก แก้ผอมแห้งเน่ืองจำกอยู่ไฟไม่ได้ แก้ไข้หวัด แก้ไข้ ทับระดู เนอ้ื ไม้ แก้ไข้หวดั ไขท้ ับระดู ดอก บำรงุ หวั ใจ ยำอำยวุ ัฒนะ พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 110189

บกุ Amorphophallus spp. 120 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

บุก Amorphophallus spp. วงศ์ Araceae ชอ่ื พืน้ เมือง มันซูรนั บกุ คงุ คก บุกหนำม บุกหลวง เบยี หวั บุก ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เปน็ ไม้ลม้ ลกุ ลำตน้ ทรงกลม ตงั้ ตรง ไมม่ กี ง่ิ มหี ัวสะสม อำหำรใตด้ นิ ใบ ใบบุกจะเจริญมำพร้อมกับลำต้นบุก แตกออกเป็น 3 ทำง หรือ 3 ก้ำนใบ บริเวณปลำยยอดของลำต้น แต่ละ ก้ำนใบแตกออกเป็นใบย่อยประมำณ 6 ใบ คล้ำยใบ มะละกอ ดอก คล้ำยดอกหน้ำวัว แทงออกจำกหัวบุกหลังจำก ลำต้นเห่ียวตำยแล้ว ประกอบด้วยก้ำนดอก ท่ีมีลักษณะ และขนำดคล้ำยกับลำต้น ปลำยก้ำนดอกเป็นกลีบดอก และมเี กสรดำ้ นใน ผล ติดเปน็ กระจุกกับกำ้ นดอก เมื่อสุกผลจะมสี ีส้มแดง หัว มีลักษณะเป็นก้อนทรงกลมแบน ฝังอยู่ใต้ดิน ทำหน้ำที่เก็บสะสมแป้ง และสร้ำงลำต้นใหม่ เนื้อด้ำนใน มสี ีขำวอมเหลอื ง เน้ือเรียบ มีเมือก การใชป้ ระโยชน์ หัว ใช้ควบคุมระดับน้ำตำลในเลือด บำรุงธำตุ แก้บิด บำรุงกำลัง แก้ไขข้ออักเสบ รักษำริดสีดวงทวำร เป็นยำ กระตนุ้ ขับเสมหะ กดั ฝ้ำ หนอง ปรุงเปน็ อำหำรได้ ราก พอกฝี ขับระดู รักษำริดสดี วง พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 11201

ประคาไก่ Putranjiva roxburghii Wall. 122 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

ประคาไก่ Putranjiva roxburghii Wall. วงศ์ Putranjivaceae ชอ่ื พ้ืนเมอื ง มะคำไก่ มะคำดไี ก่ มกั คอ้ มะองนก ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้พุ่มถึงไม้ต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ สูงประมำณ 8-10 ม. เรือนยอดรูปรี ค่อนข้ำงโปร่ง เปลือกเรียบสีเทำ ตน้ และกิ่งกำ้ นสีขำวนวล กิง่ ทอดห้อยลง ใบ เป็นใบเด่ียว เรียงเวียนสลับ ระนำบเดียว รูปขอบ ขนำนแกมรูปหรือรูปรี ปลำยเรียวแหลม โคนรูปลิ่มเบี้ยว ขอบใบหยกั ถ่เี ป็นคล่ืนเลก็ น้อย ดอก เป็นช่อแบบกระจุก เป็นกลุ่มตำมซอกใบ สีเขียวอมเหลือง ดอกแยกเพศต่ำงต้น หรือบำงครั้งอำจ สมบูรณ์เพศ ผล รปู ทรงกลม สีขำวอมเทำ สกุ สดี ำ การกระจายพนั ธุ์ พบตำมชำยป่ำดิบแล้ง หรอื ขน้ึ ตำมทีร่ ำบทั่วไป การใช้ประโยชน์ ลาต้น ขับปสั สำวะ เป็นยำระบำย กระตนุ้ ควำมรู้สกึ ทำงเพศ แก้เส้นเคล็ดตึง ทำใหเ้ สน้ เอน็ หย่อน แกน่ แก้เส้นเอน็ พิกำร ใบ ผล และเมลด็ ลดไข้ แก้หวัด และแก้ปวดเมอ่ื ยตำม รำ่ งกำย ท้งั 5 รักษำรดิ สีดวงทวำร และรักษำวณั โรค พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 11223

ประยงค์ปา่ Aglaia odoratissima Bl. 124 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

ประยงค์ป่ า Aglaia odoratissima Bl. วงศ์ Meliaceae ช่อื พ้ืนเมอื ง สงั เครียด สงั เครยี ดเลอื ด กยี ะ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เปน็ ไม้ยนื ตน้ ขนาดเลก็ -กลาง มคี วำมสูงตั้งแต่ 5-25 ม. เรือนยอดเป็นพุ่มทรงกรวยคว่ำถึงค่อนข้ำงกลม เปลือก สเี ขียว เทำ มีลกั ษณะเรยี บ ใบ เป็นใบประกอบ รูปขนนกปลำยค่ีเรียงสลับ มีใบ ยอ่ ย 3-7 ใบ เรยี งจำกเล็กไปใหญ่ ใบย่อยออกตรงข้ำมกัน เป็นคู่ ใบรูปขอบขนำนแกมรูปรีถึงรูปขนำนแกมรูปหอก ใบยำว 10-20 ซม. กวำ้ ง 4-7 ซม. ดำ้ นบนเกล้ียง ด้ำนล่ำง สีขำว มีแผ่นสะเก็ดน้ำตำลเทำประปรำย ปลำยใบเรียว แหลม ดอก มีขนำดเล็ก สีเหลือง ออกเป็นช่อแยกแขนงตำม งำ่ มใบ ยำว 3-5 ซม. ผล ลักษณะรูปกลมรี ถึงรูปไข่กลับ ยำว 1.5-2 ซม. กว้ำง 1-1.5 ซม. ผลแกม่ ีสสี ้มแกมชมพู มี 1 เมล็ด เมล็ดมี เยอ่ื เนือ้ น่มุ สีชมพแู กมเหลืองหุม้ การออกดอกและผล ออกดอกเดอื นกรกฎำคม-กันยำยน การกระจายพนั ธุ์ พบในท่ีลุ่มตำมชำยพรุ ชำวบ้ำนมักนำมำปลูกเป็นร้ัว มีเขตกระจำยพันธุ์ทำงภำคใต้ของไทย ในต่ำงประเทศ พบทมี่ ำเลเซีย อินโดนีเซยี และ ฟลิ ิปปินส์ การใช้ประโยชน์ เน้ือไม้ ใช้ในงำนก่อสร้ำง ทำไม้พื้นฝำกระดำน และ เครอ่ื งมอื กสกิ รรมต่ำง ๆ พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 11245

ฝา้ ยนา้ Mallotus thorelii Gagnep. 126 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

ฝ้ ายนา้ Mallotus thorelii Gagnep. วงศ์ Euphorbiaceae ชื่อพืน้ เมอื ง คนั ช่งั ฝ่ำยนำ้ เนียมช้ำง นำมช้ำง ลำซำ่ ง ลำชำ้ ง ตลองกระบำ กลั เปรกิ๊ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เปน็ ไมพ้ ่มุ สงู 2-10 ม. เปลอื กเรยี บสเี ทำ ใบ เป็นใบเด่ียว เรียงเวียนหรือเกือบตรงข้ำม รูปไข่ กว้ำง ยำว 6-15 ซม. ปลำยใบเรียวแหลมหรือยำวคล้ำย หำง ขอบใบหยักเล็กน้อย ดอก เป็นดอกแยกเพศอยู่คนละต้น คล้ำยหำงกระรอก ยำว 10-20 ซม. ดอกสีเขียวอ่อน-ขำว ดอกบำนกว้ำง 5-7 มม. ผล รูปทรงกลม กว้ำง 6-8 มม. มีร่องตำมยำว 3 ร่อง ผวิ สีเขียวนวล มีหนำมสน้ั จำนวนมำก ปลำยผลมยี อดเกสร เพศเมียติดค้ำง 3 เส้น เมื่อแก่จะแตกอ้ำ เมล็ดค่อนข้ำง กลม มี 3 เมลด็ การออกดอกและผล ออกดอกเดือนมีนำคม-เมษำยน และออกผลเดือน กรกฎำคม-ตุลำคม การกระจายพนั ธุ์ ขึ้นตำมริมฝ่ังแม่น้ำในเขตที่รำบน้ำท่วมถึง พบได้ง่ำย บริเวณลุ่มแม่น้ำมูล และชี ส่วนใหญ่มักข้ึนตำมชำยป่ำ หรือท่ีโล่งแจ้ง การใช้ประโยชน์ สมนุ ไพร ทำเป็นลกู ประคบ แก้อำกำรชำ้ ใน เชอ้ื เพลงิ ไม้ใช้ทำฟนื หรือถ่ำน เครอ่ื งมือ ลำต้น ใชท้ ำไม้หนีบหรือไมค้ อ้ นตีขำ้ ว วสั ดุ ใบสด ใชม้ วนยำเส้นบุหรี่ ดา้ นอื่น ท้ังตน้ เป็นอำหำรชำ้ ง, ลำตน้ กง่ิ ผุ เป็นท่ีอำศัย ของเหด็ ผง้ึ พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 11267

พลองขี้นก Memecylon caeruleum Jack var. floribundum (Blume) Kurz 128 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

พลองข้ีนก Memecylon caeruleum Jack var. floribundum (Blume) Kurz วงศ์ Melastomataceae ชอื่ พน้ื เมอื ง พลองใบเลก็ พรม พลองขไ้ี ต้ พลอง ข้ีควำย เหมอื ดจี้ เหมือดฟอง ภำพ : คุณนยั นำ เทศนำ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไมพ้ ุม่ หรือไมต้ น้ ขนาดเลก็ สูง 3-12 ม. ใบ เป็นใบเด่ียว เรียงตรงข้ำม รูปรีหรือรูปขอบขนำน ยำว 8-16 ซม. ปลำยใบแหลมหรือมน โคนใบรูปล่ิม มน หรือกลม แผ่นใบค่อนข้ำงหนำ เกล้ียง ก้ำนใบมีควำมยำว 0.2-1 ซม. ดอก เปน็ ช่อกระจุกส้ันๆ ตำมซอกใบ ก้ำนช่อยำว 0.5- 1.2 ซม. ใบประดับขนำดเล็ก ยำวประมำณ 0.5 มม. ร่วง ง่ำย ก้ำนดอกยำว 2-5 มม. ฐำนดอกรูปถ้วย กลีบดอก 4 กลีบ สีม่วง รูปไข่กว้ำง ปลำยแหลม ยำวประมำณ 2 มม. เกสรเพศผู้ 8 อัน สีม่วง ยำวประมำณ 2.5 มม. รวมอับ เรณู อับเรณยู ำว 1-1.5 มม.ปลำยมรี ยำงค์ มตี ่อมที่โคน รัง ไขอ่ ย่ใู ต้วงกลีบ รปู ไข่ ยอดเกสรเพศเมยี เปน็ ต่มุ ผล คล้ำยผลสด มีเมล็ดเดียวท่ีเจริญ ทรงรูปไข่รี เส้นผ่ำนศูนย์กลำง 1-1.5 ซม. ผิวเรียบ เกล้ียง สีชมพูอม มว่ ง สกุ สีม่วงดำ เมลด็ กลม เปลือกแขง็ การกระจายพนั ธุ์ พบกระจำยห่ำง ๆ อยู่ท่ัวทุกภำค พบมำกทำงภำคใต้ จนถึงระดับควำมสูงประมำณ 1,200 ม. การใชป้ ระโยชน์ ราก ผสมรำกพลองเหมือด ต้มน้ำดืม่ แกผ้ ดิ สำแดง ใบออ่ น ยอดออ่ น รับประทำนเป็นผักสด ผลสกุ รบั ประทำนเปน็ ผลไม้ มรี สหวำน เนื้อไม้ ใชท้ ำด้ำมมีด ดำ้ มค้อน กง่ิ กา้ น ที่เอำใบออกแลว้ มดั รวมกันใชท้ ำไม้กวำด พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 11289

พีพวนนอ้ ย Uvaria rufa Blume 130 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

พพี วนน้อย Uvaria rufa Blume วงศ์ Annonaceae ชอ่ื พื้นเมือง ผพี ว่ น นมแมว นมแมวป่ำ นมวัว ลำงวั นมงวั ตงิ ตัง ตนี ต่ัง สีม่วย ตรลี ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้เล้ือย เนื้อเหนียว ยำว 3-10 ม. เถำแก่มีร่องตื้น ตำมยำวแกมร่ำงแห ตำมกิ่งอ่อน ใบอ่อน ก้ำนใบ และช่อ ดอกมีขนกระจกุ รปู ดำวสีสนมิ ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปหอกกลับแกมขอบ ขนำน ยำว 6-15 ซม. โคนใบเว้ำรูปหัวใจ ผิวใบด้ำนมี เกลย้ี ง ด้ำนลำ่ งมีขนสน้ั หนำแน่นตำมเส้นกลำงใบ ดอก เปน็ ชอ่ แบบกระจกุ มี 1-4 ดอก ออกตรงขำ้ มใบ มี กลีบดอก 6 กลีบ สีแดงเข้มหรือแดงอมม่วง ดอกบำน กว้ำง 1.5 ซม. ผล ทรงรีหรือขอบขนำน กว้ำง 2 ซม. ยำว 2-3 ซม. มี ขนสนั้ ผิวเรียบไม่มีรอยคอด ติดเป็นกลุ่ม ๆ ละ 5-20 ผล ผลสุกเปลีย่ นเปน็ สีเหลือง-สม้ -แดง ตำมลำดับ การออกดอกและผล ออกดอกเดือนมีนำคม-กันยำยน และออกผลเดือน พฤษภำคม-พฤศจกิ ำยน การกระจายพนั ธ์ุ ขึ้นตำมท่ีโล่งแจ้ง ชำยป่ำดงดิบ ป่ำเบญจพรรณ พบได้ งำ่ ยทัว่ ประเทศ การใชป้ ระโยชน์ อาหาร ผลสกุ สม้ -แดงเขม้ มรี สหวำน-อมเปร้ียว สมุนไพร แก่น นำไปต้มน้ำบำรุงน้ำนมแม่ลูกอ่อน ผลสุกกนิ เปน็ ยำระบำย เถำ ต้มน้ำดื่มแก้ปวดเมื่อย รักษำ โรคภมู ิแพ้ วัสดุ เถำเนื้อเหนียว ใช้ทำขอบสวิง ขอบกระด้ง ขอบเปล กงไซ พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 12301

พุดปา่ Kailarsenia hygrophila (Kurz) Tirveng. 132 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

พุดป่ า Kailarsenia hygrophila (Kurz) Tirveng. วงศ์ Rubiaceae ชอื่ พืน้ เมือง พดุ จบี พุดสวน พุด คำมอกสงขลำ พุดปำ่ รกั นำ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เปน็ ไมย้ นื ตน้ ขนาดเล็ก สงู รำว 5 ม. ทรงพุ่มแผ่กิ่งก้ำน กว้ำง ลำต้นตรง เปลือกสีเทำ ตำมต้นมตี ุม่ เล็ก ใบ เป็นใบเดี่ยวทรงรี กว้ำง 5-8 ซม. ยำว 10-15 ซม. สเี ขยี ว โคนใบสอบ ปลำยแหลม ขอบเรียบ มีเส้นแขนงใบ 10-14 คู่ ดอก เป็นช่อใหญ่ตำมปลำยกิ่ง สีเหลือง มีกลีบเลี้ยง สีเขียวเป็นรูปถ้วย โคนเป็นหลอด มีกลีบเรียงเวียนไป ทำงซ้ำยเหมอื นพดั 6-8 กลบี ออกดอกส่งกลน่ิ หอมทัง้ ปี ผล ทรงกลมแป้น เส้นผ่ำนศูนย์กลำง 5 เซนติเมตร ปลำยผลมีรอยกลีบเลี้ยงติดอยู่ ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีดำ ดำ้ นในมเี มลด็ มำก การออกดอกและผล ออกดอกและตดิ ผลตลอดทงั้ ปี การกระจายพนั ธุ์ พบได้ตำมปำ่ เบญจพรรณทว่ั ไป ท่ัวประเทศไทย การใชป้ ระโยชน์ สมุนไพร รำก ตำกแห้ง ต้มน้ำด่ืมช่วยเจริญอำหำร ยอดออ่ น ตำผสมตัวมดแดง กินเป็นยำแก้บิด ดอก มีกลิ่น หอม ต้มน้ำดืม่ บำรงุ หวั ใจ เชอื้ เพลงิ ไมใ้ ช้ทำฟืนหรือเผำถ่ำน วสั ดุ กิง่ และต้น ตัดมำมดั รวมกนั ทำไมก้ วำดลำนดิน ปลูกเป็นไมป้ ระดับ ดอกมกี ล่ินหอม ใชบ้ ชู ำพระ พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 12323

แฟบนา้ Hymenocardia punctata Wall. ex Lindl. 134 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

แฟบน้า Hymenocardia punctata Wall. ex Lindl. วงศ์ Phyllanthaceae ชือ่ พนื้ เมือง ก้ำงปลำขำว แควบ แฟบ แฟบหัวลิง หมกั แฟบ หูดำ้ ง หลู งิ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้พุ่มก่ึงไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ผลัดใบ สูง 1.5-5 ม. เปลอื กตน้ เรียบสนี ้ำตำลเทำ มนี ้ำยำงใส ใบ เป็นใบเด่ียวเรียงสลับ รูปไข่ รูปขอบขนำนหรือรูป วงรี กวำ้ ง 1.5-3 ซม. ยำว 2.5-7 ซม. ปลำยใบและโคนใบ มน ขอบใบเรียบ แผ่นใบด้ำนบนเกลี้ยง เป็นมันวำว แผ่น ใบด้ำนล่ำงมีขนและต่อม มีขนหนำแน่นที่เส้นใบด้ำนล่ำง สีขำว มแี ผ่นสะเกด็ น้ำตำลเทำ ปลำยใบเรยี วแหลม ดอก แยกเพศอยู่คนละต้น ดอกมีขนำดเล็ก ดอกตัวผู้ เปน็ ช่อแบบหำงกระรอก มีสีแดงถึงม่วงและมีขนละเอียด ผล ผลแห้งแตก ไม่มีปีก คล้ำยรูปหัวใจ มีลักษณะกลม แบน กว้ำง แบ่งเป็น 2 พู ด้ำนบนหยักเว้ำเล็กน้อย กว้ำงประมำณ 2 ซม. ปลำยผลมียอดเกสรเพศเมีย ติดคงทน ผลอ่อนสีเขียวปนเหลือง ผลแกส่ ีน้ำตำลเข้ม การใช้ประโยชน์ ลาตน้ ผสมกับสมุนไพรอน่ื แก้ผดิ สำแดง แก่น แก้พิษทั้งปวง แก้พิษไข้เซ่ืองซึม แก้ปวดเมื่อย แกก้ ระษยั (กำรป่วยที่เกิดจำกหลำยสำเหตุ ทำให้ร่ำงกำย เ สื่ อ ม โ ท ร ม ซู บ ผ อ ม โ ล หิ ต จ ำ ง ป ว ด เ ม่ื อ ย ) และขบั ปัสสำวะ พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 12345

มะกาใบหนา Bridelia curtisii Hook. f. 136 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

มะกาใบหนา Bridelia curtisii Hook. f. วงศ์ Phyllanthaceae ช่ือพืน้ เมอื ง สำ่ เหลำ้ สีฟนั ปลำ ก้ำงปลำ หมำกข้เี หลำ้ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย ยำวถึง 7 ม. เปลือกเรียบสีน้ำตำล ตำมก่งิ อ่อน กำ้ นใบ และช่อดอกเกล้ยี ง-มขี นประปรำย ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับระนำบเดียว รูปไข่กลับ ยำว 3-7 ซม. ปลำยใบและโคนใบแหลม ผิวใบเกลี้ยง-มขี น ประปรำย ผิวใบดำ้ นล่ำงสีขำว ดอก ออกกระจุกตำมซอกใบ ดอกแยกเพศแต่อยู่ในต้น เดียวกัน ดอกสีเขียวอ่อน มีขนำดเล็กมำก เมื่อบำนกว้ำง 3-5 มม. ผล ผลอ่อนสีเขียวอ่อน ผลสุกสีม่วงดำ ผิวสีขำวนวล ไมแ่ ตก มีเมลด็ แข็ง 2 เมลด็ การออกดอกและผล ออกดอกเดือนกรกฎำคม-พฤศจกิ ำยน และออกผลเดอื น ตลุ ำคม-มกรำคม การกระจายพนั ธุ์ ข้ึนในท่ีโล่งแจ้งตำมทุ่งนำ ป่ำชำยเลน ป่ำบก และ ชำยป่ำดงดิบ พบได้ค่อนข้ำงง่ำย กระจำยอยู่ท่ัวประเทศ ไทย การใช้ประโยชน์ อาหาร ผลสกุ รสหวำน รบั ประทำนเป็นผลไม้ สมุนไพร ก่ิง ทุบแล้วเคี้ยวอมไว้ในปำก รักษำแผล ในช่องปำก เช้อื เพลงิ ไมท้ ำฟนื วัสดุ ก่ิง/เถำ ตำกแห้งแล้วยัดใส่กระบ้ัง (เครื่องมือ จับปลำ) ล่อให้ปลำมำอยู่แล้วยกขึ้นมำ ลำต้น/กิ่ง ใช้ทำ ขอบตะกร้ำ กงลอบ กงไซ พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 12367

มะขามไก่ Dalbergia thorelii Gagnep. 138 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

มะขามไก่ Dalbergia thorelii Gagnep. วงศ์ Fabaceae ชือ่ พ้นื เมอื ง - ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไมพ้ ่มุ รอเล้อื ย ยำว 3-8 ม. ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 21-25 ใบ กำ้ นใบยำว 0.3-0.5 ซม. แกนใบยำว 3-4 ซม. มีขนสั้นปก คลุม หูใบรูปใบหอก ขนำด 1-2x3-4 มม. ใบย่อยรูปขอบ ขนำนถึงรูปไข่กลับ ขนำด 0.3-0.4 x 0.5-1 ซม. ปลำยใบ มน มีติ่งแหลม แผ่นใบทั้งสองด้ำนมีขนส้ันถึงเกือบเกลี้ยง เส้นแขนงใบมจี ำนวน 5-6 คู่ ดอก เป็นช่อดอกแบบแยกแขนงหรือแบบกระจะออก ตำมซอกใบ แขนงช่อดอกยำว 1-2 ซม. ใบประดับและ ใบประดับย่อยเป็นรูปขอบขนำน ยำว 1 มม. ปลำยมน ติดคงทน ก้ำนดอกย่อยยำว 1 มม. มีขน ดอกสีขำว ยำว ประมำณ 3 มม. โคนกลีบเล้ียงเช่ือมกันเป็นหลอดยำว 2.5 มม. มีขนส้ัน ปลำยวงกลีบเล้ียงหยักเป็นแฉก แต่ละ แฉกยำวไม่เทำ่ กนั ยำวได้ถงึ 2.5 มม. กลีบดอกรูปดอกถั่ว กลบี ดำ้ นบน (standard) รปู พดั ขนำดประมำณ 2x2 มม. กลีบคู่ข้ำง (wing) ขนำด 0.5x1.5 มม. กลีบคู่ล่ำง (keel) ขนำด 1x2 มม. เกสรเพศผู้ 10 เกสร ก้ำนชูเกสร เชอ่ื มตดิ กนั รังไขม่ ี 2-3 ออวุล มีขนตำมแนวตะเข็บ ผล เป็นฝักแบน รูปขอบขนำนแกมรูปรีโค้ง ขนำด 1x1.6-2.3 ซม. ปลำยฝกั มตี ิ่งแหลม เปลือกฝักบำง เมลด็ แบนรูปไต ขนำด 5 x 10-11 มม. สีนำ้ ตำลเขม้ การกระจายพันธ์ุ ตำมที่รำบน้ำท่วมถึง ที่ระดับควำมสูงไม่เกิน 300 ม. ในประเทศลำว กัมพูชำ และประเทศไทย โดยเพิ่งจะมี รำยงำนกำรพบคร้ังแรก (new record) ที่วนอุทยำนนคร ไชยบวร จังหวดั พจิ ติ ร พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 12389

มะเดอื่ ปลอ้ ง Ficus hispida L. f. 140 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

มะเดอื่ ปล้อง Ficus hispida L. f. วงศ์ Moraceae ชอ่ื พน้ื เมือง เดอ่ื ป่อง เดือ่ ปล้อง เดื่อสำย ตะเออน่ำ เอำแหน่ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูงถึง 12 ม. ลำต้น ตั้งตรงเปลือกหนำ เปลือกต้นสีเทำปนดำ ต้นและกิ่ง มีลักษณะเป็นข้อปล้องชัดเจน ตลอดถึงก่ิงอ่อนกลวง ทุก ส่วนมีนำ้ ยำงสีขำวขุ่น ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ำมสลับต้ังฉำก รูปไข่แกม ขอบขนำน กว้ำง 5 - 13 ซม. ยำว 11 - 28 ซม. ปลำยใบ แหลม โคนใบมน ขอบใบมีซ่ีหยักโดยเฉพำะคร่ึงปลำยบน เน้ือใบคล้ำยกระดำษ ใบแก่มีขนหยำบ ดอก ออกเป็นช่อตำมกิง่ และลำตน้ ดอกย่อยมีขนำดเลก็ อัดกันแน่น มีก้ำนช่อดอกยำว ดอกอ่อนสีเขียว ดอกแก่ สีเหลอื ง ผล กลมแป้น รูปลูกข่ำง ติดเป็นกลุ่มแน่น 10-15 ผล ผลอ่อนสีเขียว เม่ือแก่สีเหลือง ผลมีขนำด 2.5-4 ซม. มีเส้นสัน 7-9 เส้น แผ่รอบๆจำกยอด มีขนอ่อนนุ่ม และ เกล็ดปกคลุมห่ำง ๆ การออกดอกและผล ออกดอกเดือนมกรำคม-มีนำคม และออกผลเดือน เมษำยน-พฤษภำคม การกระจายพันธ์ุ พบตำมป่ำดิบแล้ง ป่ำโปรง่ ปำ่ ละเมำะ รมิ ลำธำร การใชป้ ระโยชน์ ลาต้น มีรสเฝ่อื นฝำด แกเ้ มด็ ฝี และกินแกพ้ ษิ ในกระดกู ช่อดอกและผลออ่ น รับประทำนเป็นผักสด ใบออ่ น รับประทำนได้ ผลสุก ทำแยม พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 13401

มันดา Ficus hispida L. f. 142 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

มนั ดา Ficus hispida L. f. วงศ์ Dioscoreaceae ชอ่ื พนื้ เมือง มนั ดง มันนก ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้เถาลม้ ลุก อำยปุ ีเดยี ว ไมม่ ีมอื เกำะ เถำยำวอยำ่ ง น้อยท่ีสุด 7 ม. หัวยำวเกล้ียง ฝังลึกในดิน ลำต้นรูป ทรงกระบอก ขนำด 2-5 มม. ใบ เป็นใบเด่ียว เรียงตรงข้ำม โดยเฉพำะบริเวณใกล้ โคนต้น ใบรปู ขอบขนำนแกมรูปไข่ ปลำยเรียวแหลม โคน ปกตริ ปู หัวใจ ขอบเรียบ คล้ำยแผ่นกระดำษบำง มีเส้นใบ 5-7 เสน้ กำ้ นใบยำว 1.5-6 ซม. ดอก เป็นช่อดอกคล้ำยช่อเชิงลด ห้อย กลีบรวมแทรก บนทอรัสคล้ำยจำน แยกอิสระ ช่อดอกเพศผู้แบบช่อ ประกอบมีหนึ่งช่อดอกต่อซอกใบ ช่อดอกเพศเมียเดี่ยวมี 1-2 ชอ่ ดอกตอ่ ซอกใบ ผล แห้งแตก ขนำด 3-4 ซม. มีครีบ 3 ครีบ ขอบของ ฝำเปิดเปน็ เยอ่ื ริว้ เมล็ดรูปเลนสถ์ ึงรปู กลม มีปีกรอบเมลด็ การออกดอกและผล ออกดอกเดือนสิงหำคม-พฤศจิกำยน และออกผล เดอื นพฤศจิกำยน-ธนั วำคม การกระจายพันธุ์ พบตำมป่ำเบญจพรรณและป่ำดิบช้ืน ควำมสูงถึง ประมำณ 300 ม. การใชป้ ระโยชน์ หัว สำมำรถรับประทำนได้ สถานภาพ พรรณไมท้ ส่ี ถำนภำพกำรอนรุ กั ษ์มแี นวโนม้ ใกล้สูญพันธ์ุ (Vulnerable) พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 113423

มันพาด Dioscorea birmanica Prain & Burkill 144 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร

มนั พาด Dioscorea birmanica Prain & Burkill วงศ์ Dioscoreaceae ชือ่ พน้ื เมือง มันกะทำด มันยำง ยำง กลอยเขำ มนั จ้วก ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เปน็ ไม้เล้ือยล้มลุก ยำวได้ถึง15 ม. เถำจะแหง้ เห่ยี วหลงั ผลแก่ แตม่ ีเหงำ้ และหัวสะสมอำหำรอยู่ใต้ดินอำยุหลำยปี หัวรปู รี-ทรงกระบอก ใบ เป็นใบเด่ียว เรียงสลับ รูปหัวใจ กว้ำง 10-15 ซม. ปลำยใบเรยี วแหลม ผิวเกลย้ี ง มีเส้นแขนงใบออกจำกโคน ใบ 7-11 เส้น ก้ำนใบยำว 5-10 ซม. ดอก ช่อดอกแยกเพศ ออกตำมซอกใบ ห้อยลง ยำว 10-15 ซม. ดอกย่อยมีกลีบรวม 5 กลีบ สีเขียว ขนำดเล็กมำกและมีจำนวนมำก ดอกบำนกวำ้ ง 3 มม. ผล ผลรวมรปู ปกี ค่อนข้ำงกลม กว้ำง 2-2.5 ซม. ปลำย ทั้งสองด้ำนกลม-เว้ำต้ืน มีปีกตำมแนวยำว 3 ปีก กว้ำง 1 ซม. ผลอ่อนสีเขียวอ่อน เมื่อแก่จะแห้งแตก มีเมล็ด จำนวนมำก การออกดอกและผล ออกดอกเดือนมีนำคม-กรกฎำคม และออกผลเดือน เมษำยน-ธันวำคม การกระจายพนั ธ์ุ ข้นึ ตำมทโี่ ล่งแจง้ ทรี่ กร้ำง ชำยปำ่ ดงดิบ หรือป่ำผลัดใบ ที่ควำมสูงจำกระดับน้ำทะเลไม่เกิน 1,000 ม. พบใน ภ ำ ค เ ห นื อ ภ ำ ค ต ะ วั น ต ก ภ ำ ค ก ล ำ ง แ ล ะ ภ ำ ค ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน การใชป้ ระโยชน์ อาหาร ใบอ่อน ใช้หอ่ เม่ยี งปลำ หวั ใต้ดนิ คนั กนิ ไม่ได้ พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร 13445

โมกเครือ Amphineurion marginatum (Roxb.) D. J. Middleton 146 พรรณไม้และองค์ประกอบสังคมพืช ในวนอุทยานนครไชยบวร