149 ดังน้ัน จะเห็นได้ว่า “ศาลสภาขุนนาง” มีอำ�นาจหน้าที่ในการพิจารณาวินิจฉัย และตีความปัญหา ข้อพิพาท และคดีท่ีเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญอย่างกว้างขวางท้ังในส่วน ที่เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร รวมถึงจารีตประเพณีทางรัฐธรรมนูญ ของประเทศอังกฤษกอ็ ย่ภู ายใตก้ ารควบคุมตรวจสอบความชอบดว้ ยศาลขนุ นางน๔้ี ๘ นอกจากนี้ คำ�วินิจฉัยของศาลสภาขุนนางซ่ึงเป็นศาลสูงสุดของประเทศ และทำ�หน้าท่ีเสมือนศาลรัฐธรรมนูญพร้อมกันไปนี้ ย่อมส่งผลผูกพันและเป็นแนวทาง ในการพิจารณาวินิจฉัยของศาลอ่ืนท้ังหลายซ่ึงอยู่ในระดับท่ีตำ�กว่าท้ังในคดีแพ่ง และคดีอาญา และคดีท่ีเก่ียวกับรัฐธรรมนูญไม่ว่าคดีน้ันจะได้อุทธรณ์มาจากศาลใดก็ตาม๔๙ อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาได้มีการตราพระราชบัญญัติว่าด้วยการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ ค.ศ. ๒๐๐๕ (Constitution Reform Act 2005: Cra 2005) ซ่ึงนำ�มาสู่การปฏิรูปกระบวนการ ยุติธรรมของอังกฤษ โดยการโอนอำ�นาจการตัดสินคดีความจากศาลในลำ�ดับช้ันสูงสุด คอื จากศาลสภาขนุ นาง (House of Lords) ไปสอู่ งคก์ รใหม่ คอื “ศาลสงู สดุ แหง่ สหราชอาณาจกั ร” (Supreme Court of the United Kingdom) ซ่ึงพระราชบัญญัติน้ีมีผลใช้บังคับตั้งแต่ วันท่ี ๑ ตุลาคม ค.ศ. ๒๐๐๙ (พ.ศ. ๒๕๕๒) เป็นต้นมา๕๐ ดังน้ันแล้ว การจัดตั้ง ศาลสูงสุดในคร้ังนี้ เพ่ือแยกองค์กรผู้ใช้อำ�นาจฝ่ายตุลาการออกจากฝ่ายนิติบัญญัติ อย่างชัดเจน (Transparent) และเด็ดขาด (Full) จึงถือว่าเป็นวัตถุประสงค์หลักในการ ตราพระราชบัญญัติฉบับนี้๕๑ ท้ังนี้ การจัดต้ังศาลสูงสุดแห่งสหราชอาณาจักรในคร้ังน้ี เป็นการนำ�เอาอำ�นาจหน้าท่ใี นการตัดสินคดีของผ้พู ิพากษาของศาลสภาขุนนาง (Law Lords) ในสภาขุนนางทม่ี ีอยเู่ ดิม และอำ�นาจหน้าท่ีบางประการของ Judicial Committee of the Privy Council มารวมอยู่ท่ีศาลสูงสุดเพียงศาลเดียว ซ่ึงการเปล่ียนแปลงในครั้งน้ีเป็นการ ๔๘เร่ืองเดียวกัน, หนา้ ๖๗. ๔๙เร่ืองเดียวกัน, หนา้ ๗๑. ๕๐รัชดาพร นิม่ พงษศ์ ักดิ,์ เรื่องเดมิ , หน้า ๒๕๒. ๕๑A. L. Sueur, “From Appellate Committee to Superme Court: A Narrative,” In the Judicial House of Lords, L. Blom-Cooper, B. Dickson and G. Drewry, eds. (New York: Oxford University Press, 2009), pp. 88 อา้ งถึงใน ชชั ข�ำ เพชร, เรอื่ งเดิม, หนา้ ๑๕๒.
แบ่งแยกอำ�นาจในทางตุลาการออกจากรัฐสภา กล่าวคือ แยกกลุ่มคนท่ีตีความกฎหมาย ในศาลออกจากกลุ่มคนท่ีออกกฎหมาย และศาลสูงสุดแห่งสหราชอาณาจักรนี้จะเป็นศาลชั้น สงู สดุ ของศาลอธุ รณ์ (Court of Appeal) ในทุกคดีท่ีอยภู่ ายใต้กฎหมายขององั กฤษ กฎหมาย เวลส์ และกฎหมายไอรแ์ ลนเหนือ หรือกฎหมายทุกคดีทีอ่ ย่ใู นเครอื สหราชอาณาจกั รน่นั เอง๕๒ กล่าวโดยสรุป ศาลสูงสุดแห่งสหราชอาณาจักร” (Supreme Court of the United Kingdom) มีอำ�นาจในการเข้ามาตรวจสอบความชอบด้วยบทบัญญัติ โดยต้องเป็นคดี ท่มี ีลักษณะเป็นลักษณะคดีท่มี ีความเก่ยี วข้องหรือส่งผลกระทบต่อประโยชน์ของประเทศชาติ เป็นลักษณะคดีท่ีมีความเก่ียวข้องกับรัฐธรรมนูญของประเทศอังกฤษ ทั้งส่วนท่ีไม่เป็น ลายลักษณ์อักษร และส่วนที่เป็นลายลักษณ์อักษร ท้ังน้ีหมายความรวมถึงจารีตประเพณี หรือธรรมเนียมปฏิบัติในทางรัฐธรรมนูญด้วย และเป็นลักษณะคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับ กฎหมายมหาชน หรือเก่ียวข้องกับหลักการ สาระสำ�คัญ หรือ บทบัญญัติท่ีปรากฏอย่ใู น รฐั ธรรมนญู ทเ่ี ปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษรทั่วไป บทสรปุ รัฐธรรมนูญของประเทศอังกฤษเป็นแบบจารีตประเพณี หรือรัฐธรรมนูญ ท่ีไม่เป็นลายลักษณ์อักษร (Unwritten Constitution) ซ่ึงมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เกิดจากการส่ังสมประสบการณ์ในทางการแบบที่ค่อยเป็นค่อยไปทางประวัติศาสตร์ และทางการเมืองการปกครอง มีลักษณะเฉพาะ ด้วยรัฐธรรมนูญของอังกฤษ ไม่ได้มีการ รวบรวมไว้เป็นฉบับเดียวแต่กระจัดกระจายอยู่ตามกฎหมายต่าง ๆ ซ่ึงมีท่ีมาจากบทบัญญัติ หรือเอกสารท่ีมี “เน้ือหา” เป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือจากกฎหมายจารีต (Common Law) หรือจากขอ้ เขยี นทเี่ ชอื่ ถอื ได้ (Works of Authority) หรือจากกฎหมายและจารตี ประเพณี ของรัฐสภาหรือจารีตประเพณีหรือธรรมเนียมปฏิบัติ ซ่ึงที่มาท้ังหมดน้ีถือว่าเป็นบ่อเกิดของ รฐั ธรรมนญู ของอังกฤษ ๕๒รัชดาพร นิม่ พงษ์ศักด,ิ์ เรือ่ งเดิม, หน้า ๒๖๗. 150
151 ทั้งนี้การควบคุมตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของบทบัญญัติ ของประเทศอังกฤษน้ัน มีสององค์กรที่ทำ�หน้าที่ก็คือ รัฐสภา ท่ีเป็นไปตามหลักความเป็น กฎหมายสูงสุดของรัฐสภา และศาลสูงสุดแห่งสหราชอาณาจักร (Supreme Court of the United Kingdom)
บรรณานุกรม กฤษณ์ วงศว์ เิ ศษธร. มโนทศั นเ์ ก่ียวกบั กฎหมายจารตี ประเพณีทางรฐั ธรรมนูญ. วทิ ยานพิ นธ ์ ปริญญามหาบัณฑติ คณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร,์ ๒๕๕๖. กิตตวิ ฒั น์ รตั นดิลก ณ ภูเก็ต. หลกั นิตริ ฐั The Rule of Law. รฐั สภาสาร. ๖๒, ๔ (เมษายน ๒๕๕๗) :๔๐-๕๙. คณิน บุญสวุ รรณ. การเมอื งการปกครองขององั กฤษ. กรงุ เทพฯ: ครุ สุ ภาลาดพรา้ ว, ๒๕๒๒. เชาวนะ ไตรมาศ. มิติประชาธิปไตยในรฐั ธรรมนูญ: กรณีรัฐธรรมนญู ต่างประเทศกบั รฐั ธรรมนูญไทย. ใน รวมบทความทางวิชาการของส�ำ นักงานศาลรัฐธรรมนูญ ชดุ ท่ี ๓ “ศาลรฐั ธรรมนูญกับการพฒั นาประชาธิปไตยในระบบนิตริ ฐั ”. กรุงเทพฯ: พ.ี เพรส, ๒๕๔๗ ดิเรก ชยั นาม. รฐั ธรรมนญู บรติ ิช. งานพระราชทานเพลงิ ศพ พระยารามราชเดช (ม.ร.ว.ปาล นพวงศ)์ ณ เมรวุ ัดมกุฏกษตั รยิ าราม วนั ท่ี ๑๖ เมษายน พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๐. พระนคร: พานิชศุภผล, ๒๔๙๐. ธานนิ ทร์ คงยัง่ ยนื . ประเพณกี ารปกครองในระบอบประชาธิปไตยตอ่ องค์พระมหากษตั ริย์ ตามกฎหมายรฐั ธรรมนูญ. วทิ ยานพิ นธป์ ริญญามหาบณั ฑติ คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยรามค�ำ แหง, ๒๕๔๖ นวลวรรณ สนุ ทรภิษชั . ข้อจำ�กัดของหลกั อำ�นาจสูงสุดของรัฐสภาอังกฤษ. วิทยานพิ นธ ์ ปริญญามหาบัณฑติ คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ ๒๕๕๖. บวรศักด์ิ อุวรรณโณ. บทความศาลรฐั ธรรมนูญ vs ศาลสภาขนุ นางองั กฤษ. ใน ตุลาการศาล รฐั ธรรมนูญพทิ ักษ ์ หรอื ท�ำ ลายรฐั ธรรมนญู จากการวินจิ ฉัยสภาพของการเปน็ รัฐมนตร.ี กรงุ เทพฯ: การนั ต์การพมิ พ์, ๒๕๔๓. . ระบบการควบคมุ ฝา่ ยปกครองในประเทศอังกฤษ. กรงุ เทพฯ: นติ ิธรรม, ๒๕๓๗. บุญศรี มีวงศอ์ โุ ฆษ. กฎหมายรฐั ธรรมนูญ. พิมพค์ ร้ังท่ี ๗. กรุงเทพฯ: คณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, ๒๕๕๖. 152
153 ปิยบุตร แสงกนกกุล. กฎหมายปกครองของประเทศในยุโรป. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เดอื นตลุ า, ๒๕๕๖. พฤธสิ าณ ชมุ พล. ประชาธปิ ไตยแบบรฐั สภาในอังกฤษ. กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๔๔. รวนิ ท์ ลลี ะพฒั นะ. รัฐธรรมนญู อังกฤษ: รฐั ธรรมนูญอันมิไดป้ ระมวลไว้ในเอกสาร ฉบบั เดียวกัน. วารสารนติ ศิ าสตร ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . (มนี าคม ๒๕๕๘): ๑๐๕-๑๓๐. รัชดาพร นิ่มพงษศ์ กั ด์ิ. การปฏิรปู ระบบศาลของประเทศอังกฤษ: จาก “The House of Lords” สู่ “Supreme Court of the United Kingdom”. วารสารศาลปกครอง. ฉบบั พเิ ศษ, ๑ (ตุลาคม ๒๕๕๒): ๒๕๐-๒๘๒. วรเจตน์ ภาครี ัตน์. ค�ำ สอนว่าดว้ ยรัฐและหลักกฎหมายมหาชน. พมิ พค์ ร้ังที่ ๒. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พเ์ ดอื นตุลา, ๒๕๕๗. วริ ัช วริ ชั นิภาวรรณ. โครงสรา้ ง อำ�นาจหน้าท่ี และการบริหารงานบุคคลของศาลรฐั ธรรมนญู ในองั กฤษ. รัฐสภา สาร. ๕๐, ๘ (สงิ หาคม ๒๕๔๕): ๕๔-๘๖. วฒุ ิชัย จติ ตาน.ุ กระบวนการทางกฎหมายของศาลรัฐธรรมนูญในรัฐสมยั ใหม่ของโลก. กรุงเทพฯ: พ.ี เพรส, ๒๕๕๖. สนธิ เตชานนั ท.์ ระบบการเมอื งการปกครองขององั กฤษ. กรงุ เทพฯ: โอเดียนสโตร์, ๒๕๒๙. สมบรู ณ์ สุขส�ำ ราญ. การเมืองการปกครองสหราชอาณาจักร. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, ๒๕๒๙. สมฤทธ์ิ ไชยวงศ.์ หลกั นติ ธิ รรม: การคมุ้ ครองหลกั นติ ธิ รรมโดยศาลรฐั ธรรมนญู . วารสารศาล รัฐธรรมนูญ. ๔๕ (กันยายน-ธนั วาคม ๒๕๕๖): ๓๑-๕๕ สนั ติ โสภณสริ .ิ สถาบันพระมหากษัตรยิ ์กบั ประชาธิปไตย ในทศั นะ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยู่หวั รชั กาลที่ ๗ รัฐบรุ ุษอาวุโส ปรดี ี พนมยงค์ และ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช. กรุงเทพฯ: ภาพพมิ พ์, ๒๕๕๕. สุรพล ศรีวทิ ยา และคณะ. รายงานการวจิ ยั เรอื่ ง การปฏบิ ัติหนา้ ทข่ี ององค์กรภาครฐั ตามหลัก นติ ธิ รรม ภายใต้รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐. กรงุ เทพฯ: ธนาเพรส, ๒๕๕๘.
หยดุ แสงอทุ ัย. ความรเู้ บ้ืองตน้ เกย่ี วกับกฎหมายทวั่ ไป. พิมพค์ รัง้ ที่ ๑๖. กรงุ เทพฯ: ประกายพรกึ , ๒๕๔๘. . ค�ำ อธบิ ายธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๑๕. กรุงเทพฯ: นติ ิบรรณาการ, ๒๕๑๖. อุสาห์ โกมลปาณกิ . การแบ่งแยกอำ�นาจอธปิ ไตย ศกึ ษาเปรียบเทยี บตามรฐั ธรรมนญู ประเทศ สหรัฐอเมรกิ า รัฐธรรมนูญของประเทศอังกฤษ รฐั ธรรมนูญของประเทศ สาธารณรัฐฝรงั่ เศส และรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย. วารสารกฎหมาย สุโขทยั . ๑ (มิถนุ ายน ๒๕๔๒). B., Coxall and L., Robins. Contemporary British Politics: An Introduction. London: Macmillan, 1991 อา้ งถงึ ใน พฤธสิ าณ ชมุ พล. ประชาธปิ ไตยแบบรัฐสภาใน องั กฤษ. กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , ๒๕๔๔. Bogdanor, Vernon. The Monarchy and the Constitution. Oxford University Press, 1953 อ้างถึงใน ธราธร มุมทอง. หลกั The King Can Do No Wrong ตามรัฐธรรมนญู องั กฤษ. วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบัณฑิต คณะนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ ๒๕๕๗. Carrol, Alex. Constitution and Administative Law. 5th ed. Gosport: Pearson, 2009 อา้ งถงึ ใน กฤษณ์ วงศ์วเิ ศษธร. มโนทัศนเ์ กยี่ วกบั กฎหมายจารตี ประเพณี ทางรัฐธรรมนญู . วทิ ยานพิ นธ์ปริญญามหาบณั ฑิต คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์, ๒๕๕๖. Dicey, A. V. Introduction to the Study of the Law of the Constitution. New York: Macmillan and Co., 1897 อา้ งถงึ ใน รวนิ ท์ ลลี ะพฒั นะ. หลกั นติ ธิ รรมในความคดิ ของ ไดซยี .์ วารสารกฎหมาย คณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . ๓๒, ๒ (กนั ยายน ๒๕๕๗): ๑๑๗-๑๓๑. Leyland, P. The Constitution of the United Kingdom: A Contextual Analysis. Oxford: Hart, 2008 อา้ งถงึ ใน ธราธร มมุ ทอง. หลัก The King Can Do No Wrong ตามรัฐธรรมนูญองั กฤษ. วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบณั ฑติ คณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร,์ ๒๕๕๗. 154
155 May, Thomas Erskine. Treatise on the Law Privileges Proceedings and Usage. 5th ed. London: Butterworths, 1863 อา้ งถงึ ใน กฤษณ์ วงศว์ เิ ศษธร. มโนทศั นเ์ กย่ี วกบั กฎหมายจารีตประเพณีทางรัฐธรรมนูญ. วทิ ยานพิ นธ์ปริญญามหาบัณฑติ คณะนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ ๒๕๕๖. Raz, Joseph. The Authority of Law: Essay of Law and Morality. Oxford: Clarendon, 1979 อา้ งถงึ ใน เขตไท ลังการพ์ ินธ.์ุ หลักนิติธรรมของประเทศองั กฤษ และ ประเทศไทย: ความหมายและสาระส�ำ คญั . วารสารนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร. ๘, ๒ (พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘): ๒๕-๔๓. Sueur, A. L. A Fundamental Principles. In English Public Law. D. Feldman, ed. 2nd ed. New York: Oxford University Press, 2009 อ้างถงึ ใน ชชั ข�ำ เพชร. การแบ่งแยก อำ�นาจตามรฐั ธรรมนูญอังกฤษภายหลังการประกาศใช้พระราชบัญญตั ิการปฏริ ูป รฐั ธรรมนญู ค.ศ.๒๐๐๕. วิทยานพิ นธ์ปริญญามหาบัณฑติ คณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ ๒๕๕๔. From Appellate Committee to Superme Court: A Narrative. In The Judicial House of Lords. L. Blom-Cooper, B. Dickson and G. Drewry, eds. New York: Oxford University Press, 2009 อา้ งถึงใน ชชั ข�ำ เพชร. การแบง่ แยกอำ�นาจตาม รฐั ธรรมนญู องั กฤษภายหลงั การประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั กิ ารปฏริ ปู รฐั ธรรมนญู ค.ศ. ๒๐๐๕. วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญามหาบณั ฑติ คณะนติ ิศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์, ๒๕๕๔
ณฐั พชั ร์ ศริ วิ ฒั น์* บทน�ำ ตงแต่ต้นศตวรรษท่ี ๒๑ ข้ัวอำ�นาจของโลกมีการเปลี่ยนแปลงหลายประการ กลา่ วคอื การมขี วั้ อ�ำ นาจ ๒ อำ�นาจ (Bipolarism) ระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวยี ต ส้ินสุดลงเมื่อปี ค.ศ. ๑๙๘๙-๑๙๙๐ จากการเปล่ียนแปลงดังกล่าวทำ�ให้สหรัฐอเมริกา กลายเป็นขั้วอำ�นาจหลักของโลก แนวนโยบาย “กฎระเบียบโลกเดียว” (One World Order) เปน็ ผลใหป้ ระเทศตา่ งๆ มงุ่ เนน้ การพฒั นาเศรษฐกจิ ระบบตลาดโดยสหรฐั อเมรกิ าเปน็ ศนู ยก์ ลาง แหง่ อ�ำ นาจ สว่ นการเตบิ โตของรสั เซยี สมยั ประธานาธบิ ดปี ตู นิ (Putin) สง่ ผลใหร้ สั เซยี กลบั เขา้ สู่ อ�ำ นาจในเวทโี ลกอีกคร้ังหนึ่ง ในขณะที่จนี กลายเปน็ มหาอ�ำ นาจทางอตุ สาหกรรม มีการพฒั นา *นักศึกษาปริญญาเอกหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการเมือง คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามค�ำ แหง 156
157 กองกำ�ลังทหารท่ีเข้มแข็ง ทำ�ให้ข้ัวอำ�นาจระบบโลกกลายเป็นหลายข้ัวอำ�นาจ (Multi polar system) ดังน้นั การสร้างดุลภาพระหว่างประเทศจึงเป็นส่งิ ท่สี หรัฐอเมริกาจำ�เป็นต้องปรับตัว ดังเช่นกรณีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สหรัฐอเมริกาก็ได้สร้างพันธมิตรกับญ่ีปุ่น เกาหลีใต้ อนิ เดีย ออสเตรเลีย นวิ ซีแลนด์ รวมทั้งกับประเทศอาเซยี นท้ัง ๑๐ ประเทศ ตามนโยบาย “Rebalancing” หรอื “Pivot to Asia” ซง่ึ เปน็ การปรบั ปรงุ ความสมั พนั ธค์ รง้ั ใหมก่ บั เอเชยี แปซฟิ กิ และเอเชียอาคเนย์เพื่อประโยชน์ของสหรัฐอเมริกานั่นเอง๑ สำ�หรับในบทความนี้ ผู้เขียน ขอน�ำ เสนอในหวั ขอ้ “ดลุ แหง่ อ�ำ นาจในเอเชยี อาคเนยย์ คุ ประธานาธบิ ดที รมั ป”์ ใน ๔ ประเดน็ คือ (๑) ความหมายของดุลอำ�นาจ (๒) แนวความคิดทฤษฎีดุลแห่งอำ�นาจ (๓) นโยบาย ต่างประเทศของสหรฐั อเมรกิ าทม่ี ีตอ่ เอเชียอาคเนย์ (๔) บทสรุป วิเคราะห์ และความเหน็ ความหมายของดุลอำ�นาจ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ความหมาย ดุลอำ�นาจ (Balance of power) ว่า หมายถึงการถว่ งอ�ำ นาจระหวา่ งประเทศให้มีพลงั ทางเศรษฐกจิ หรอื ทางทหารทดั เทยี มกัน แฮส๒ กลา่ ววา่ ดลุ แหง่ อ�ำ นาจหมายถงึ การเมอื งเกย่ี วกบั อ�ำ นาจ (Power politics) ซ่งึ เป็นการรวมอ�ำ นาจใดๆ เพอื่ หยดุ ยัง้ “การคุกคามกา้ วร้าว” (Aggression) จึงทำ�ให้รัฐต่างๆ พยายามแสวงหาปัจจัยต่างๆ ท่ีจะช่วยเสริมสร้างอำ�นาจ เช่น การต้ังฐานทัพ การเพิ่ม ศักยภาพทหาร และการกำ�หนดต�ำ แหน่งยทุ ธศาสตรต์ า่ งๆ เป็นต้น สรุปได้ว่า ดุลอำ�นาจหมายถึง การเมืองเก่ียวกับอำ�นาจ การถ่วงดุลอำ�นาจ ระหว่างประเทศเพ่ือไม่ให้รัฐใดรัฐหนึ่งมีอำ�นาจมากเกินไปอันอาจนำ�มาซึ่งการผูกขาด ทางด้านเศรษฐกจิ การเมือง และ/หรอื ทางทหาร ๑ ชัยชนะ อิงคะวัต, เอกสารประกอบการศึกษาสหรัฐอเมริกากับเอเชียอาคเนย์ (POL 9222), (กรงุ เทพฯ: ศนู ยเ์ อกสารคณะรฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามค�ำ แหง, ม.ป.ป.). ๒ Ernst B. Haas and Allen S. Whiting, Dynamics of International Relations, (New York: Mcgraw-hill Book company, 1956).
ทนทวนแนวความคดิ ทฤษฎดี ลุ แห่งอำ�นาจ ในส่วนน้ีเป็นการทบทวนแนวความคิดทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่สำ�คัญเพ่ือนำ�มาใช้วิเคราะห์ในประเด็นอำ�นาจ (Power) และดุลแห่งอำ�นาจ (Balance of power) ดังน๓ี้ ๑. ในเรือ่ งการเมอื งแห่งอำ�นาจ นกั วชิ าการหลายทา่ นไดก้ ล่าววา่ รัฐทกุ รัฐทอ่ี ยู่ ในสถานการณข์ องการเมอื งระหวา่ งประเทศยอ่ มจะตอ้ งมผี ลประโยชนข์ องชาตโิ ดยมคี วามเหน็ ว่า ผลประโยชน์ของชาติกับความม่ันคงของชาติเป็นสิ่งเดียวกัน กล่าวคือถ้ารัฐไม่อยู่ใน สภาพที่มั่นคง รัฐก็ย่อมจะไม่มั่นใจว่าตนจะสามารถอยู่รอดหรือไม่ และถ้ารัฐไม่สามารถอยู่รอด รัฐก็ไม่สามารถดำ�เนินการใดๆ ที่จะทำ�ให้บรรลุถึงเป้าหมายที่จะทำ�ให้พลเมืองมีความผาสุก ดงั ทเ่ี ฟรดเดอรร์ คิ เอล. ชแู มน (Friderick L. Sehman) กลา่ ววา่ ความอยรู่ อดเปน็ กฎขอ้ แรก ของการด�ำ รงชีวิต ดังนัน้ การด�ำ เนนิ การสง่ เสริมความมัน่ คงของชาติจึงเป็นหน้าท่ีอันดบั แรก ของนักการทตู แต่ฮันส ์ เจ. มอรแ์ กนทอ (Han J. Morgenthau) มีความเห็นแตกตา่ งไปจาก นักวิชาการท่านอื่นๆ โดยเน้นว่าอำ�นาจเป็นเรื่องสำ�คัญของผลประโยชน์ของชาติมากกว่า ความม่ันคงของชาติ ๒. แนวคิดเร่ืองอำ�นาจในความสมั พันธร์ ะหว่างประเทศ จอนส์ จ.ี สโตส์ซงิ เกอร์ (John G. Stoessinger) กล่าวว่า อำ�นาจหมายถึงปริมาณความสามารถของชาติ (Capacity) ในการใช้ทรัพยากรท่ีสัมผัสได้หรือที่มองเห็นและทรัพยากรที่สัมผัสไม่ได้หรือท่ีมองไม่เห็น ในวิถีทางท่ีทำ�ให้มีผลกระทบต่อพฤติกรรมของชาติอื่น ส่วนเคลาส์ คนอร์ (Klaurs Knor) กลา่ ววา่ อ�ำ นาจ อทิ ธพิ ล และการพง่ึ พาอาศยั ซง่ึ กนั และกนั (Interdependence) มคี วามสมั พนั ธก์ นั อย่างท่ีไม่สามารถแยกออกจากกันได้และรัฐต่างๆ อาจมีความขัดแย้งซ่ึงกันและกัน ในบางประเดน็ ปญั หา แตใ่ นขณะเดยี วกนั รฐั ตา่ งๆ กอ็ าจรว่ มมอื กนั ไดใ้ นบางประเดน็ ปญั หาในกรณี ความร่วมมือระหว่างรัฐแต่ละรัฐต่างก็ได้รับประโยชน์จากการสร้างส่ิงท่ีมีคุณค่าใหม่ๆ ท้ังในแง่ ๓เบ็ญจมาส จีนาพันธ์ุ, สถานการณ์การเมืองโลกในปัจจุบัน, พิมพ์คร้ังท่ี ๔ (กรุงเทพฯ: ส�ำ นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั รามค�ำ แหง, ๒๕๕๗). 158
159 ของวัตถุและท่ีไม่ใช่วัตถุจากกันและกัน และในกรณีท่ีมีความขัดแย้งระหว่างรัฐ รัฐแต่ละฝ่าย ต่างก็พยายามทำ�ให้ฝ่ายตนได้รับในส่งิ ท่ตี นต้องการในขณะท่ฝี ่ายตรงข้ามต้องสูญเสียส่งิ น้นั ไป กล่าวได้ว่า แม้รัฐจะอย่ใู นสภาวะท่มี ีความร่วมมือระหว่างกัน หรืออย่ใู นสภาวะท่มี ีความขัดแย้ง ระหว่างกนั รัฐตา่ งๆ กต็ อ้ งพ่งึ พาอาศัยซง่ึ กนั และกันดว้ ย ๓. ในเรื่องอำ�นาจของชาติ นักวิชาการส่วนใหญ่มองว่าส่วนประกอบที่สำ�คัญ ทีท่ ำ�ใหช้ าตมิ ีอ�ำ นาจได้แก่ สภาพทางภมู ศิ าสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ ประชากร ความเข้มแข็ง ทางเศรษฐกจิ ความเข้มแข็งทางทหาร ความเป็นผ้นู �ำ และอดุ มการณ์ เปน็ ตน้ ๔. แนวคดิ ทฤษฎีดลุ แหง่ อ�ำ นาจ Cambell และ Burns กล่าววา่ ดุลแหง่ อำ�นาจ เป็นการพยายามรักษาให้กลุ่มหรือฝ่ายท่ีเป็นอริกันน้ันมีอำ�นาจเท่าเทียมกัน หากมีฝ่ายใด ที่กำ�ลังมีอำ�นาจเหนืออีกฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน ประเทศท่ีเดิมเป็นกลางก็จะไปสนับสนุน ฝา่ ยทก่ี �ำ ลงั ตกเปน็ เบย้ี ลา่ ง อาจเรยี กประเทศดงั กลา่ ววา่ เปน็ ผรู้ กั ษาสมดลุ (Keeper of the balance) ผลท่ีได้รับคือต่างฝ่ายต่างไม่ทำ�สงครามต่อกันเพราะรู้ว่าไม่อาจมีชัยในสงคราม ดังนั้นในทาง ทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจึงมีคำ�กล่าวที่ว่า “ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูท่ีถาวร” แต่ต้อง ถว่ งดลุ เพือ่ ไม่ใหป้ ระเทศใดประเทศหนง่ึ หรอื ฝ่ายใดฝ่ายหนง่ึ กล้ากอ่ สงคราม๔ นโยบายตา่ งประเทศของสหรัฐอเมรกิ ายคุ ประธานาธิบดที รมั ปท์ ีม่ ีตอ่ เอเชยี อาคเนย์ นโยบายตา่ งประเทศของสหรฐั อเมรกิ ายคุ ประธานาธบิ ดที รมั ปท์ ม่ี ตี อ่ เอเชยี อาคเนย์ ท่ีสำ�คญั ใน ๗ ประเดน็ มีดงั น๕้ี ๑. ประเด็นการเมือง ประธานาธิบดีทรัมป์มีท่าทีเเละนโยบายที่เปลี่ยนเเปลง ไปจากสถานภาพเดิมของโลกในยุคหลังสงครามเย็นที่ต้ังอยู่บนพื้นฐานของการถ่วงดุลจีน เเละรสั เซยี โดยการสนับสนนุ NATO การถว่ งดลุ รัสเซีย รวมทง้ั นโยบายเป็นพนั ธมิตรใกล้ชดิ กับญีป่ ุ่น เกาหลี เเละอาเซียนเพือ่ ถ่วงดุลจีน ๔ชาญชยั คมุ้ ปญั ญา. (๒๕๖๑) ทฤษฎดี ลุ แหง่ อ�ำ นาจ (Balance of Power) ในบรบิ ทอาเซยี น - สถานการณโ์ ลก. สืบค้นเม่ือวันท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จาก www.chanchaivision.com/2016/02/ASEAN-and-Balance of Power-160221.html ๕BBC News บบี ซี ีไทย. (๒๕๖๐). ถกเรื่อง “ทรมั ป”์ กบั นกั วชิ าการและนักการเมอื ง ตอนท่ี ๑. สบื ค้นเม่ือวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จาก https://www.bbc.com/thai/thailand-38703020 BBC News บบี ซี ไี ทย. (๒๕๖๐). ถกเรอ่ื ง “ทรมั ป”์ กบั นกั วชิ าการและนกั การเมอื ง ตอนท่ี ๒ สัมพันธ์สหรัฐฯ-อาเซียน. สืบค้นเม่ือวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จาก https://www.bbc.com/thai/ thailand-38703022 ฟูอาด ้ี พิศสวุ รรณ. (๒๕๖๐). รฐั บาลโดนลั ทรัมป์ และประชาคมอาเซียน. สืบค้นเม่อื วนั ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จาก https://thaipublica.org/2017/01/fuadi-7/
๒. ประเด็นการค้าเสรี ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โจมตีนโยบายการค้าเสรี สมยั ประธานาธบิ ดโี อบามา โดยเฉพาะในเรอ่ื งของ TPP (Trans Pacific Partnership) ซง่ึ เปน็ ข้อตกลงการค้าเสรีทค่ี รอบคลุม ๑๒ ประเทศในแถบมหาสมทุ รแปซฟิ กิ การต่อตา้ น TPP น่าจะเป็นเหตุผลหน่ึงที่ทำ�ให้ทรัมป์ได้รับคะแนนเสียงจากรัฐท่ีเป็นฐานอุตสาหกรรมใหญ่ ในสหรัฐอเมริกา ในขณะทส่ี มชาย ภคภาสนว์ วิ ฒั น์ มมี มุ มองวา่ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสหรฐั อเมรกิ า และอาเซียน เมื่อเปรียบเทียบกับแนวนโยบายของสหรัฐฯ ที่ดำ�เนินการมาต่อเน่ือง ในยุคสงครามเย็น กล่าวคือ สหรัฐอเมริกายังคงความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับอาเซียน และบางประเทศเป็นพิเศษเพ่ือถ่วงดุลจีน โดยเฉพาะภายใต้บริบทของการขยายแสนยานุภาพ ของจนี ในทะเลจนี ใต้ อกี ทง้ั ในด้านเศรษฐกจิ ทรมั ปย์ งั คงจะตอ้ งขยายการค้าและการลงทนุ มาสู่ อาเซยี น โดยมองว่าอาเซียนอยูใ่ นยุคและเปน็ กลไกของโลกยุคเอเชยี -แปซิฟกิ เน่อื งจากทรมั ป์ ปฏิเสธ TPP แต่จะเจรจาทำ�ข้อตกลงเขตการค้าเสรีในรูปแบบทวิภาคีหรือการค้าเสรีระหว่าง ๒ ประเทศ หรือกับกลมุ่ ประเทศอาเซียน เพอื่ ทดแทน TPP หรอื อาจจะใช้ฐานของ APEC ซ่งึ ขณะน้จี ีนกำ�ลังเปน็ ผูน้ ำ�ในการพัฒนา APEC ไปสู่การค้าเสรีเอเชยี -แปซิฟกิ อีกทั้งนโยบายการควบคุมการลงทุนจากจีนในภาคอุตสาหกรรม เทคโนโลยี ที่สำ�คัญของสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีทรัมป์กำ�ลังวางมาตรการออกกฎห้ามบริษัทเอกชน ทมี่ นี กั ลงทนุ จนี ถอื หนุ้ ๒๕% เขา้ มาซอ้ื บรษิ ทั เอกชนในสหรฐั อเมรกิ าทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั อตุ สาหกรรม เทคโนโลยที ส่ี �ำ คญั นอกจากนย้ี งั ออกมาตรการควบคมุ การสง่ ออกไปยงั จนี ตลอดจนการออก มาตรการทางภาษใี หม้ ีผลตงั้ แตว่ ันท่ี ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป๖ ๓. ประเดน็ การลดทอน Soft power ในเรอ่ื งนโยบายตา่ งประเทศ ค�ำ วา่ “อ�ำ นาจ” (power) สามารถตคี วามได้ ๒ แบบ คอื ๑. อ�ำ นาจแขง็ (Hard Power) และ ๒. อ�ำ นาจละมนุ (Soft Power) โดย “อ�ำ นาจแขง็ ” เปน็ อ�ำ นาจทส่ี ามารถชว่ ยใหป้ ระเทศนน้ั ๆ บรรลเุ ปา้ หมาย ๖ สหรฐั บจ้ี นี ตอ่ เลง็ คมุ ลงทนุ ไฮเทคฯ, มตชิ น (๒๖ มถิ นุ ายน ๒๕๖๑): ๒๓. 160
161 ในดา้ นตา่ งๆ โดยใช้วิธีการขม่ ขู่ หรอื บงั คบั อ�ำ นาจแข็งมาจากการด�ำ เนินนโยบายทางการทหาร และการมกี องทพั ทแ่ี ขง็ แกรง่ หรอื การมสี ภาวะเศรษฐกจิ ทใ่ี หญ่ เปน็ อาวธุ ทางเศรษฐกจิ ทส่ี ามารถ ใช้ในการต่อรอง เช่น การคว่ำ�บาตร (sanction) หรือการต่อสู้สงครามการค้า แต่ทรัมป์ จะประสบปัญหาในการใช้ Soft Power หรอื “อ�ำ นาจละมุน” ในการดำ�เนนิ เป้าหมายทางด้าน ต่างประเทศของสหรัฐฯ “อำ�นาจละมุน” คืออำ�นาจด้านการดำ�เนินนโยบายต่างประเทศ ทป่ี ระเทศหนง่ึ สามารถท�ำ ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายไดโ้ ดยไมต่ อ้ งใชก้ ารขม่ ข ู่ บงั คบั หรอื ท�ำ ใหค้ ตู่ อ่ รอง เกดิ ความเกรงกลวั จะเหน็ ไดว้ า่ สมยั ประธานาธบิ ดที รมั ป ์ รฐั บาลสหรฐั อเมรกิ าระวงั ตวั มากขน้ึ และลดการกา้ วกา่ ยตอ่ ปญั หาการเมืองการปกครองของประเทศในภมู ภิ าคอาเซียน ๔. ประเด็นการประชุมสุดยอดระหว่างเอเชียอาคเนย์กับสหรัฐอเมริกา เพอ่ื ความมน่ั คงเเละการคา้ จะยงั คงอยตู่ อ่ ไป เเละการประชมุ สดุ ยอดในกรอบของ EAS ซง่ึ มี ๑๘ ประเทศ โดยมีสหรัฐอเมริกาเเละอาเซียนยังคงอยู่ต่อไปเพ่ือผลประโยชน์เเห่งชาติ ของสหรฐั อเมรกิ า ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั มมุ มองของเกรยี งศกั ด์ิ เจรญิ วงศศ์ กั ด์ิ ทก่ี ลา่ ววา่ สหรฐั อเมรกิ า ก็ยงั คงสานต่อ US - ASEAN Summit ตอ่ ไป ๕. ประเด็นการเป็นผู้นำ�ในระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากสหรัฐอเมริกายังคง ต้องการเป็นผู้นำ�ในระบอบประชาธิปไตยต่อไป ดังเช่น การสนับสนุนแนวทางประชาธิปไตย ของเมียนมาร์ ท�ำ ให้สหรัฐอเมรกิ าไดป้ ระโยชนจ์ ากการพัฒนาเศรษฐกิจของเมียนมาร์ด้วย ๖. ประเด็นทบทวนการลงทุนด้านความม่ันคงในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ นักการเมืองและนักวิชาการด้านนโยบายของสหรัฐอเมริกา (โดยเฉพาะฝ่ายรีพับลีกัน) มองว่า ประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้เปรียบประเทศสหรัฐอเมริกามาโดยตลอดด้วยการสร้างความ สัมพันธ์ที่ดีทางด้านการทหารกับสหรัฐอเมริกาเพ่ือสร้างความมั่นคงในภูมิภาค (security guarantee) และเปิดโอกาสทางการค้ากับประเทศจีน แต่สหรัฐอเมริการู้สึกว่าการลงทุน ทางด้านความมั่นคงในเอเชียอาคเนย์นั้นไม่ได้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจท่ีคุ้มค่า แต่ประเทศ ทไี่ ดร้ ับผลประโยชน์เป็นประเทศแถบเอเชียอาคเนยแ์ ละประเทศจีน ดังนั้น ทรัมปจ์ งึ มีนโยบาย ที่จะทวงคืนและทบทวนการลงทุนท่ีสหรัฐฯ ได้รบั ผลประโยชน์ไม่คุ้มค่า ๗. ประเดน็ เกย่ี วกบั ทะเลจนี ใต ้ ในมมุ มองของสมชาย ภคภาสนว์ วิ ฒั น ์ มองวา่ นโยบายของทรัมป์ในทะเลจีนใต้น้ันจะยังคงไม่เปล่ียนแปลงไปจากสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา เชน่ กรณกี ารปกป้องเสรีภาพในการเดนิ เรือ ซง่ึ ถกู กระทบจากแนวนโยบายการขยาย
แสนยานุภาพทางทะเลของจนี ไมว่ า่ จะเปน็ เร่ืองการถมเกาะ (Nine dash zone) เพ่อื ยดึ เป็น เขตอธปิ ไตยของจนี รวมทง้ั การขยายแสนยานภุ าพทางอาวธุ และกองเรอื ด�ำ น�ำ้ ของจนี จงึ ท�ำ ให้ ทรมั ป์ตอ้ งมีนโยบายเพอื่ ถ่วงดุลจีนในบริเวณดงั กลา่ ว ทัง้ ในลักษณะของการสรา้ งพันธมิตรกบั อาเซยี น ญป่ี นุ่ และเกาหลใี ต ้ นบั วา่ เปน็ นโยบายทจ่ี �ำ เปน็ โดยเฉพาะกบั ๔ ประเทศสมาชกิ อาเซยี น (เวยี ดนาม, มาเลเซยี , บรไู น, ฟลิ ปิ ปนิ ส)์ ทม่ี กี ารเรยี กรอ้ งสทิ ธใิ นหมเู่ กาะตา่ งๆ ในทะเลจนี ใต้ เช่น Spratley และ Paracel เปน็ ตน้ ซง่ึ สอดคล้องกบั มุมมองของเกรยี งศกั ดิ์ เจรญิ วงศ์ศักดิ์ ท่ีกล่าวว่า ข้อพิพาทหมู่เกาะทะเลจีนใต้เป็นปัญหาที่มีมานานแล้ว และเก่ียวข้องกับ หลายประเทศท่ียังคงเป็นปัญหาอีกต่อไป ในกรณีดังกล่าวนโยบายด้านการทหารของทรัมป์ คงจะไมย่ อมเสียเปรยี บ และมแี นวโนม้ ที่จะลดก�ำ ลังทางทหารและหาวธิ กี ารใหมใ่ นการจัดการ กับปัญหานีด้ ้วยการลงทนุ นอ้ ย แตย่ ึดผลประโยชนแ์ ห่งชาติสหรัฐอเมรกิ าเปน็ สำ�คญั จากนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกากับเอเชียอาคเนย์ในยุคประธานาธิบดี ทรัมป์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ทรัมป์ต้องการสร้างความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับเอเชีย อาคเนยแ์ ละบางประเทศเปน็ พเิ ศษเพอ่ื ถว่ งดลุ อ�ำ นาจจนี โดยเฉพาะภายใตบ้ รบิ ทของการขยาย แสนยานภุ าพของจนี ในทะเลจนี ใตต้ ามนโยบายของจนี ทเ่ี รยี กวา่ การถมเกาะ (Nine dash zone) เพอ่ื ยึดเปน็ เขตอธปิ ไตยของจีน บทสรปุ วเิ คราะห์ และความคิดเหน็ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาเกือบ ๓๐ ปี ในขณะท่ี สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบโลกต้องเผชิญวิกฤติใหญ่ถึง ๒ ครั้ง กล่าวคือ ไดเ้ กดิ ฟองสบแู่ ตกเมอ่ื ปี ค.ศ. ๒๐๐๐ และในปี ค.ศ. ๒๐๐๘ เปน็ ผลใหจ้ นี กลายเปน็ คแู่ ขง่ ทางอ�ำ นาจ กับสหรัฐอเมริกา สงครามการช่วงชิงอำ�นาจเหนือระบบโลกจึงได้เกิดข้ึน๗ สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนมีความเข้มแข็งมากกว่าสหรัฐอเมริกา ทำ�ให้ประธานาธิบดีทรัมป์เล็งเห็นว่า การเติบโตของจีนอย่างรวดเร็วเป็นสัญญาณท่ีบ่งช้ีว่าสหรัฐอเมริกาควรสร้างดุลอำ�นาจ กับประเทศในเอเชียอาคเนยเ์ พอ่ื ถว่ งดลุ จนี ไม่ให้มอี �ำ นาจมากเกนิ ไปกวา่ น้ี ๗ยคุ ศรอี ารยิ ะ, บรู พาภวิ ตั นส์ กู่ ารอภวิ ตั นโ์ ลก อภวิ ตั นไ์ ทย, (กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั พมิ พด์ ี จ�ำ กดั , ๒๕๕๗), หนา้ ๑๖๗. 162
163 การท่ีจีนผงาดข้ึนมาเร็วมากทางเศรษฐกิจ มีผลกระทบทั้งทางด้าน ภูมิเศรษฐศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทำ�ให้ นักวิชาการตะวันตก สหรัฐอเมริกา และรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่มองว่าจีนจะขยายอิทธิพล ออกไปเร่ือยๆ ซ่ึงภูมิภาคสำ�คัญที่สหรัฐอเมริกาห่วงว่าจีนจะขยายอิทธิพลเข้าครอบงำ� คือ คาบสมุทรเกาหลี และเอเชียอาคเนย์ ซ่ึงจะเห็นว่าในช่วงสิบปีที่ผ่านมา จีนได้ดำ�เนิน นโยบายเปน็ มิตรกบั อาเซยี นเปน็ อยา่ งมาก ไมว่ ่าจะเป็นการเจรจา FTA กับอาเซียนมาตัง้ แต่ ปี ค.ศ. ๒๐๐๑ เพ่อื เป็น Strategic Partner ของอาเซยี น การลงนามรบั รอง TAC ของอาเซยี น เพอ่ื แถลงจดุ ยนื เรอ่ื ง SEANWFZ หรอื เขตปลอดอาวธุ นวิ เคลยี รใ์ นอาเซยี น การจดั ท�ำ ขอ้ ตกลง ดา้ นการลงทนุ กบั อาเซยี น และตง้ั กองทนุ ชว่ ยเหลอื อาเซยี น๘ จงึ ท�ำ ใหส้ หรฐั อเมรกิ าจ�ำ เปน็ ตอ้ งถว่ งดลุ อำ�นาจจนี โดยการสร้างความสมั พนั ธ์กบั ประเทศในอาเซยี นในด้านต่างๆ มาโดยตลอด สำ�หรับสมยั ประธานาธิบดที รมั ปก์ ็ไดม้ นี โยบายดา้ นตา่ งๆ ที่ส�ำ คญั ไดแ้ ก่ (๑) ด้าน การเมือง (๒) ด้านการค้าเสรี (๓) การลดทอน Soft power (๔) การประชมุ สุดยอดระหว่าง อาเซยี นกบั สหรฐั อเมรกิ าเพอ่ื ความมน่ั คงเเละการคา้ (๕) การเปน็ ผนู้ �ำ ในระบอบประชาธปิ ไตย (๖) ทบทวนการลงทนุ ด้านความมน่ั คงในภมู ภิ าคอาเซยี น และ (๗) กรณเี กย่ี วกบั ทะเลจนี ใต้ เป็นต้น การดำ�เนินนโยบายดังกล่าวสอดคล้องกับแนวคิดทฤษฎีการเมืองแห่งอำ�นาจ ของเฟรดเดอรร์ คิ แอล.ชแู มน (FrederickL.Schman) ทก่ี ลา่ ววา่ รฐั ทกุ รฐั ยอ่ มค�ำ นงึ ถงึ ผลประโยชน์ ของชาติเป็นสำ�คัญ การส่งเสริมความม่ันคงของชาติจึงเป็นหน้าที่อันดับแรก ดังวาทะ ของทรมั ปท์ ว่ี า่ “American First” สว่ น Fred A. Sondermann กลา่ ววา่ ดลุ แหง่ อ�ำ นาจ หมายถงึ การกระทำ�ใดๆ ของรัฐในการท่ีจะถ่วงดุลกับการคุกคามจากรัฐหนึ่งโดยการผูกพัน เป็นพันธมิตรกับรัฐท่ีถูกคุกคามในลักษณะเดียวกัน (common threat) อีกท้ังสอดคล้องกับ ผลการวจิ ยั ของประภสั สร ์ เทพชาตร ี เรอ่ื งยทุ ธศาสตรส์ หรฐั ฯ ตอ่ ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ พบว่า ยทุ ธศาสตร์หลกั ของสหรฐั ฯ ต่อภมู ิภาคเอเชยี อาคเนย์มี ๓ ประการ ได้แก่ ยทุ ธศาสตร์ ๘ ประภสั สร ์ เทพชาตร.ี (๒๕๕๖) สหรฐั ฯ-จนี -อาเซยี น. สบื คน้ เมอ่ื วนั ท ่ี ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จาก http://www.drprapat.com / สหรฐั ฯ-จนี -อาเซยี น
การครองความเป็นเจ้ายุทธศาสตร์การสกัดกั้นการขยายอิทธิพลของจีน และยุทธศาสตร์ การทำ�สงครามต่อต้านการก่อการร้าย จากยุทธศาสตร์ดังกล่าว สหรัฐฯ ได้ดำ�เนินนโยบาย เพอ่ื บรรลยุ ทุ ธศาสตร์ โดยใช้ ๒ แนวทาง คอื แนวทางแรก เปน็ การสรา้ งความสมั พนั ธท์ วภิ าคี มาตั้งแต่หลังสงครามโลกคร้ังที่ ๒ จวบจนปัจจุบัน รวมทั้งการสร้างเครือข่ายพันธมิตร ทางทหารทวภิ าคกี บั ประเทศตา่ งๆ ในภมู ภิ าค โดยเฉพาะกบั พนั ธมติ รทง้ั ๕ ประเทศ ซง่ึ ไดแ้ ก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ไทย และออสเตรเลยี ยุทธศาสตรน์ ้ีเรยี กวา่ ยทุ ธศาสตร์ hub and spokes คอื ยุทธศาสตรท์ ่สี หรฐั ฯ เปน็ ดุมล้อ และความสัมพันธ์กับพันธมติ รเป็นซ่ีลอ้ สว่ นอกี แนวทางหนง่ึ คอื แนวทางพหภุ าคี ซง่ึ มคี วามส�ำ คญั รองลงมาจากแนวทางทวภิ าคี โดยสหรฐั ฯ พยายามครอบงำ� APEC แต่อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์กับเอเชียอาคเนย์ยังไม่แนบแน่น เทา่ ที่ควร เห็นไดช้ ดั เจนเมอ่ื เปรียบเทยี บความสมั พนั ธ์ระหว่างเอเชยี อาคเนย–์ จนี ทไี่ ด้กระชับ แน่นแฟ้นข้ึนเป็นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีท่ีผ่านมา โดยแม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะยังคงครอง ความเป็นเจ้าในมิติทางด้านการทหาร แต่ในมิติทางด้านการเมือง การทูตและเศรษฐกิจน้ัน จีนได้ดำ�เนินนโยบายในเชิงรุก และอิทธิพลของจีนก็เพ่ิมข้ึนเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จาก การจดั ท�ำ เขตการค้าเสรเี อเชียอาคเนย์–จีน นอกจากน้ีผู้เขียนมีมุมมองว่าแนวโน้มสหรัฐอเมริกาคงจะรักษาอำ�นาจตัวเอง ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ ต่างๆ ในทวีปเอเชียด้วยการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศในเอเชียอาคเนย์ให้มากยิ่งขึ้น เพอื่ เป็นการถ่วงดลุ อ�ำ นาจกับจนี 164
165 เอกสารอ้างอิง คณาจารยก์ ลุ่มวิชาความสัมพนั ธร์ ะหว่างประเทศ. (๒๕๖๐). เอกสารประกอบการสอนวชิ า POL 2200 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศ. กรงุ เทพฯ: ศนู ยเ์ อกสารคณะรฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรามคำ�แหง. ชัยชนะ องิ คะวัต. (ม.ป.ป.) เอกสารประกอบการศกึ ษาสหรัฐอเมริกากับเอเชียอาคเนย์ (POL 9222). กรงุ เทพฯ: ศนู ยเ์ อกสารคณะรฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามค�ำ แหง. ธนาสฤษฎ์ิ สตะเวทนิ . (๒๕๕๕). เอเชียอาคเนย์: พัฒนาการทางการเมอื งและการตา่ งประเทศ. กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั พมิ พม์ หาวิทยาลัยรามค�ำ แหง. เบ็ญจมาส จนี าพนั ธุ.์ (๒๕๕๗). สถานการณก์ ารเมืองโลกในปัจจบุ ัน. (พิมพค์ ร้งั ที่ ๔). กรงุ เทพฯ: ส�ำ นักพมิ พ์มหาวิทยาลยั รามคำ�แหง. ประภสั สร์ เทพชาตร.ี (๒๕๖๑). เอกสารประกอบการบรรยายวชิ า POL 9222. กรงุ เทพฯ: โครงการปรัชญาดษุ ฎีบณั ฑติ สาขาวิชาการเมือง คณะรัฐศาสตร.์ มหาวิทยาลยั รามค�ำ แหง. ยุค ศรีอาริยะ. (๒๕๕๗). บรู พาภวิ ัตนส์ ูก่ ารอภิวัตน์โลก อภวิ ัตน์ไทย. กรุงเทพฯ: บรษิ ทั พมิ พด์ ี จำ�กดั . สหรฐั บ้จี นี ตอ่ เล็งคมุ ลงทุนไฮเทคฯ. มติชน (๒๖ มถิ นุ ายน ๒๕๖๑): ๒๓. Haas, Ernst B. and Whiting, Allen S. (1956). Dynamics of International Relations. New York: Mcgraw–hill Book company. เว็บไซต์ ชาญชัย ค้มุ ปัญญา. (๒๕๖๑). ทฤษฎดี ุลแห่งอำ�นาจ (Balance of Power) ในบริบทอาเซียน- สถานการณโ์ ลก. สบื คน้ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จาก www. chanchaivision.com/ 2016/02/ASEAN-and-Balance of Power-160221.html ประภัสสร์ เทพชาตรี. (๒๕๕๖). สหรฐั ฯ-จนี -อาเซียน. สบื คน้ เมือ่ วนั ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จาก https://www.drprapat.com/สหรฐั -จีน-อาเซียน ฟูอาด้ี พศิ สุวรรณ. (๒๕๖๐). รัฐบาลโดนัล ทรัมป์ และประชาคมอาเซียน. สบื ค้นเมือ่ วนั ท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จาก https://thaipublica.org/2017/01/fuadi-7/ BBC News บีบีซีไทย. (๒๕๖๐). ถกเรอื่ ง “ทรมั ป์” กับนักวชิ าการและนักการเมอื ง ตอนท่ี ๑. สบื ค้นเมอ่ื วนั ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จาก https://www.bbc.com/thai/ thailand-38703020 . (๒๕๖๐). ถกเรอ่ื ง “ทรัมป”์ กบั นกั วิชาการและนักการเมือง ตอนท่ี ๒ สมั พนั ธส์ หรัฐฯ-อาเซียน. สืบคน้ เมอ่ื วันท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จาก https:// www.bbc.com/thai/thailand-38703022
166
ใบสมคั ร / ต่ออายสุ มาชิก “รัฐสภาสาร”รฐั สภาไทยเปน็ เจา้ ภาพจดั การประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน ครงั้ ท่ ี ๔๐161 อตั ราคา่ สมาชกิ ปีละ ๕๐๐ บาท รวมคา่ จัดส่ง (ราคาขายปลีกเลม่ ละ 1๐๐ บาท) ข้าพเจ้า ................................................................... มีความประสงค์จะสมัคร/ต่ออายุ สมาชิกวารสารรัฐสภาสาร เร่ิมตัง้ แตฉ่ บับเดือน ............................................ พ.ศ. .................... ถงึ ฉบบั เดอื น ...................................................... พ.ศ. ........................... ทั้งน ้ี ขอใหอ้ อกใบเสร็จรบั เงินในนาม ................................................................................... โดยสง่ วารสาร “รฐั สภาสาร” ถึงข้าพเจา้ ท ี่ ......................................................................................... หมทู่ ่ี ............. ตรอก/ซอย .................................................... ถนน ....................................................... แขวง/ตำาบล ................................................................... เขต/อาำ เภอ ....................................................... จงั หวดั .............................................................................. รหสั ไปรษณยี ์ .................................................. โทรศพั ท์ ............................................................................ โทรสาร ............................................................... การชำาระเงนิ เงนิ สด ท่ีกลมุ่ งานผลิตเอกสาร สำานกั ประชาสมั พนั ธ์ สาำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร ตัว๋ แลกเงิน หรือ ธนาณตั ิ สงั่ จ่ายไปรษณยี ด์ ุสติ กรุงเทพฯ 1๐๓๐๐ ในนามผจู้ ดั การรฐั สภาสาร กลมุ่ งานผลติ เอกสาร สำานักประชาสัมพนั ธ ์ สำานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร เลขท ่ี 11๐ ถนนประดพิ ทั ธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรงุ เทพฯ 1๐๔๐๐ จำานวนเงนิ ............................................ บาท 167
168
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172