ผงั รายการสถานีวทิ ยุกระจายเสยี งรฐั สภา (ประชมุ สปท.-สนช.) ประจาเดือน มกราคม 2560 เป็นตน้ ไป ออกอากาศทกุ วนั ต้งั แตเ่ วลา 05.00 – 22.00 นาฬกิ า เวลา จันทร์ อังคาร พธุ พฤหสั บดี ศกุ ร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 05.00 รายการเผยแผค่ วามรู้ทางศาสนา 05.00 06.00 รัฐสภาไทยใตร้ ม่ พระบารมี (10 นาที) 06.00 คยุ ข่าวเชา้ weekend news แจ้งข่าว: ข่าวเช้าสุดสัปดาห์ เตือนภัย 07.00 ถ่ายทอดข่าว สวท. 07.00 07.30 Inside รัฐสภา วจิ ัยก้าวไกล ทาดีไดด้ ี 07.30 08.00 ห้องขา่ วรัฐสภาแชนแนล ถา่ ยทอด คสช. ขบวนการคนตัวเล็ก 08.00 (โทรทัศนร์ ัฐสภา) (rerun) (เด็กและเยาวชน) 09.00 สภาสนทนา สภาสนทนา มองรฐั สภา มองรัฐสภา รฐั สภาของ ปชช. รอ้ ยเร่ืองเมืองไทย 09.00 09.30 เวลา 09.30 น. เวลา 09.30 น. (โทรทัศนร์ ัฐสภา) (โทรทัศนร์ ัฐสภา) (โทรทศั นร์ ัฐสภา) รอ้ ยเรียงขา่ ว มขี า่ วดีมาบอก 09.15 สภาสนทนา สภาสนทนา 10.00 เป็นต้นไป เปน็ ต้นไป การเมืองเร่ือง เวลา 10.00 น. เวลา 10.00 น. บา้ นสุขภาพ ตะลอนทัวร์ 10.00 ถา่ ยทอดเสยี ง ถา่ ยทอดเสียง ของประชาชน เป็นต้นไป ทวั่ ไทย 11.00 เปน็ ต้นไป (คนพกิ าร-ด้อยโอกาสฯ) 11.00 การประชมุ การประชมุ เกาะติดสภา ถ่ายทอดเสยี ง ถ่ายทอดเสียง บันทกึ ประชุมสภา สภาขบั เคล่อื น สภาขับเคลอ่ื น นติ ิบัญญตั แิ ห่งชาติ การประชมุ 12.00 การปฏริ ปู การปฏริ ปู การประชมุ 12.00 ประเทศ ประเทศ สภานติ ิบัญญัติ สภานติ ิบญั ญัติ 13.00 รฐั สภาของเรา แหง่ ชาติ แหง่ ชาติ สกปู๊ ..ทนั ข่าวรฐั สภา 13.00 (สปท.) (สปท.) สายดว่ นรฐั สภา (สนช.) (สนช.) แผ่นดินถ่ินไทย จนเสรจ็ ส้ิน จนเสร็จสนิ้ (โทรทศั นร์ ัฐสภา) จนเสร็จสน้ิ จนเสร็จส้ิน การประชุม การประชุม การประชุม การประชมุ ท้องถิ่นบ้านเรา 15.00 (ท่ีประชุม สปท. (ที่ประชุม สปท. (ทป่ี ระชมุ สนช. (ท่ีประชมุ สนช. สภาสาระ 15.00 ครัง้ ท่ี 2/2558 ครงั้ ท่ี 2/2558 รกั เมืองไทย คร้งั ที่ 3/2557 ครั้งที่ 3/2557 19 ต.ค.58) 19 ต.ค.58) 21 ส.ค.57) 21 ส.ค.57) ละครวทิ ยุ 15.30 ชีวิตกับการเรียนรู้ สบาย สบาย 16.00 กบั แพทย์ทางเลอื ก 16.30 ปฏิรปู กฎหมายประชาชนกับ คปก. เดินหนา้ รฐั ธรรมนูญไทย 17.00 ละติจดู รอบโลก สกู๊ปข่าว..เสน้ ทางกฎหมาย 17.00 Gossip การเมือง สบาย สบาย กับแพทยท์ างเลือก 18.00 เดินหนา้ ประเทศไทย (เชื่อมสัญญาณสถานีโทรทัศน์กองทพั บก) กา้ วทันไอที เดนิ หน้าประเทศไทย (เช่ือมสญั ญาณ ททบ.) 18.00 18.30 กรรมาธกิ ารพบประชาชน เจตนารมณ์ เกบ็ เบ้ยี ใตถ้ ุนร้าน เสียงส่อื สาร เพลงดี เพลินเพลง กฎหมาย การปฏริ ปู ศรแี ผ่นดิน ยามเยน็ 19.00 ถ่ายทอดข่าว สวท. 19.00 19.30 ข่าวภาษาองั กฤษ เรดิโอ for you 19.30 20.00 ข่าวในพระราชสานัก (รบั สญั ญาณจาก สวท.) 20.00 สนทนากับ รายการจากสถาบันพระปกเกลา้ คยุ กันนอกศาล คลงั สมอง วปอ.ฯ 21.00 ปปช. ๓๐ นาที คุยกบั สตง. ผู้ตรวจการแผน่ ดิน 21.00 พบประชาชน คดีปกครอง คณะกรรมการสทิ ธฯิ พบประชาชน พบประชาชน ธรรมะก่อนนอน 21.30 ธรรมะกอ่ นนอน 20.00 22.00 หมายเหตุ - เวลา 08.00 น. และ 18.00 น. เคารพธงชาติ และ พระบรมราโชวาท / นาเสนอขา่ วต้นช่ัวโมง และสปอตต่างๆ ต้ังแตเ่ วลา 08.00–21.00 น. - หากช่วงเวลาใดมีการถา่ ยทอดคาสัง่ /ประกาศ/รายการพิเศษจาก คสช. หรอื งานท่ีได้รบั มอบหมาย สถานีฯ จะดาเนินการถา่ ยทอดเสียงจนเสร็จส้ินภารกจิ
ปที ี่ ๖๕ ฉบับท่ี ๑ เดอื นมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ Vol.65 No.1 January 2017 ๑๑ แนวคดิ การถอื ก�ำ เนดิ พรรคการเมอื งของประเทศไทย จากแนวคดิ ทฤษฎสี ถานการณ์ทางประวัติศาสตร์ รองศาสตราจารยธ์ โสธร ตูท้ องคำ� การปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ยเ์ ชงิ รกุ ๒๓ น�ำ ประเทศไทยพน้ Tier3 วัชรา ไชยสาร การบรหิ ารราชการทอ้ งถน่ิ ภายใตก้ ระบวนทศั น์ “ธรรมาภบิ าล” ๗๐ ธรี พล พงษ์บัว การบรหิ ารจดั การทด่ี ขี ององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ : ๘๖ บทเรยี นจากการจดั บรกิ ารสาธารณะของทอ้ งถิ่น ในภาคเหนอื ตอนบน ฉัตรทพิ ย์ ชัยฉกรรจ์, ดารารตั น์ ค�ำ เป็ง, สุธินี ชตุ ิมากุลทวี, ถิรายสุ ์ บำ�บดั “กรงุ เทพอารยะ” ในกระแสโลกาภวิ ตั น์: ๑๐๖ การนำ�เสนอภาพลกั ษณ์กรงุ เทพฯ ในคมู่ อื นำ�เท่ียวของรฐั ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๔๑ - ๒๕๕๖ วรรณพร พงษเ์ พง็
วตั ถปุ ระสงค์ เพอื่ เผยแพร่การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อเสนอ ขา่ วสารวิชาการในวงงานรัฐสภา และอน่ื ๆ ทั้งภายใน และต่างประเทศ การสง่ เรอ่ื งลงรฐั สภาสาร ส่งไปที่ บรรณาธิการวารสารรัฐสภาสาร ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร ส�ำ นกั ประชาสมั พนั ธ์ กลมุ่ งานผลติ เอกสาร ถนนประดพิ ทั ธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรงุ เทพฯ ๑๐๔๐๐ โทร. ๐ ๒๒๔๔ ๒๒๙๔ - ๕ โทรสาร ๐ ๒๒๔๔ ๒๒๙๒ e-mail : [email protected] การสมัครเปน็ สมาชกิ ค่าสมคั รสมาชกิ ปลี ะ ๕๐๐ บาท (๑๒ เลม่ ) ราคาจำ�หนา่ ยเล่มละ ๕๐ บาท (รวมค่าจัดสง่ ) ก�ำ หนดออกเดือนละ ๑ ฉบับ
ในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เผชิญกับเหตุการณ์ท่ีสำ�คัญ มากมาย ตัง้ แต่กระบวนการจดั ท�ำ รา่ งรฐั ธรรมนญู ท่รี า่ งฉบบั แรกถกู ลม้ ไป และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การใช้ ม. ๔๔ ปลดผู้ว่าราชการกรงุ เทพมหานครออกจากต�ำ แหนง่ เพอ่ื ใหก้ าร ดำ�เนนิ การตรวจสอบข้อกลา่ วหาตา่ ง ๆ เปน็ ไปด้วยความเรียบรอ้ ย การตัดสินคดี โครงการรบั จ�ำ น�ำ ขา้ ว รวมถงึ การสญู เสยี บคุ คลส�ำ คญั ทางการเมอื ง นายบรรหาร ศลิ ปอาชา อดตี นายกรฐั มนตรีและแกนน�ำ พรรคชาติไทย และ พล.ต. บญุ เอือ้ ประเสริฐสุวรรณ อดตี ประธานรัฐสภา นกั การเมอื งน้ำ�ดรี ุ่นใหญ ่ ทคี่ นการเมืองเคารพนับถอื อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ข้างต้นท่ีกล่าวมาอาจไม่เป็นที่รับรู้ทั่วทุกคนเท่า การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธบิ ดี จกั รนี ฤบดนิ ทร สยามนิ ทราธริ าช บรมนาถบพติ ร เมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ ตลุ าคม ๒๕๕๙ ซง่ึ เปน็ ความสูญเสียคร้ังท่ีย่ิงใหญ่ แต่ในอีกหน่ึงด้านเรากลับพบว่า คนไทยต่างร่วมมือกันทำ�ความดี เพอ่ื นอ้ มเกลา้ ฯ ถวาย และการตัง้ ปณิธานจะปฏบิ ัตติ ามแนวพระราชด�ำ ริ และอีกหนึ่งเหตุการณ์ท่ีส�ำ คัญคือ การเสด็จขน้ึ ครองราชยข์ องสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นพระมหากษัตริย์ลำ�ดับท่ี ๑๐ แห่งราชวงศ์จักรี วารสารรฐั สภาสารจงึ ขอเรม่ิ ตน้ ดว้ ยคอลมั นพ์ เิ ศษ พระราชด�ำ รสั อ�ำ นวยพรแกป่ ระชาชนชาวไทย เนอ่ื งในโอกาสวนั ขน้ึ ปใี หม่ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ทพ่ี ระราชทานเมอ่ื เวลา ๒๐.๐๐ นาฬกิ า ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ แหง่ ประเทศไทย ในส่วนของบทความน้ัน วารสารรัฐสภาสารฉบับนี้ยังคงมีบทความที่น่าสนใจ มานำ�เสนอเช่นเคย ๕ บทความ โดยบทความแรก แนวคิดการถือกำ�เนิดพรรคการเมือง ของประเทศไทยจากแนวคิดทฤษฎีสถานการณ์ทางประวัติศาสตร์ เป็นบทความที่ผู้เขียน ได้หยิบยกทฤษฎีสถานการณ์ทางประวัติศาสตร์มาอธิบายและวิเคราะห์การถือกำ�เนิด พรรคการเมืองของประเทศไทย จากสมมติฐานว่า ปัญหาท่ีนำ�ไปสู่การเกิดวิกฤตการณ์ทาง ประวัติศาสตร์ก่อให้เกิดพรรคการเมือง โดยใช้การถือกำ�เนิดพรรคการเมืองของต่างประเทศ มาเปรยี บเทียบ แตใ่ นทา้ ยท่สี ดุ กลับได้ข้อสรุปวา่ ไม่มพี รรคการเมอื งใดของไทยก่อต้งั มาจาก วิกฤตการณ์เลย หรืออีกนัยหน่ึงคือ เป็นเพราะประเทศไทยยังไม่เคยเผชญิ วกิ ฤตการณใ์ ดๆ มากอ่ น
บทความเรอ่ื งทส่ี อง การปอ้ งกนั และปราบปราม การคา้ มนษุ ยเ์ ชงิ รกุ น�ำ ประเทศไทยพน้ Tier3 เปน็ การกลา่ วถงึ มาตรการตา่ งๆ ทป่ี ระเทศไทยน�ำ มาใช ้ ในการปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ ไมว่ า่ จะเปน็ กฎ ระเบยี บ หรอื ตง้ั หนว่ ยงานโดยเฉพาะ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื สรา้ งภาพลกั ษณ ์ และการไดร้ บั การยอมรบั จากนานาชาตแิ ละสหรฐั อเมรกิ า ซ่ึงเป็นผู้จัดทำ�รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons Report : TIP Report) บทความเร่อื งที่สามและส่ีมคี วามเกีย่ วเนื่องกนั กล่าวคือ เปน็ บทความ ท่ีมีเนื้อหาเก่ียวกับการบริหารราชการท้องถ่ินท่ีผู้เขียนมีความคิดเห็นตรงกันว่าควรมี การเปล่ียนแปลง การบริหารจัดการภายในท้องถิ่นจากระบบราชการไปสู่ความมี “ธรรมาภบิ าล” เพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนและแสวงหาแนวทางการแกไ้ ข ปญั หาในทอ้ งถน่ิ นน้ั ตรงประเดน็ ยง่ิ ขน้ึ โดยบทความเรอ่ื ง การบรหิ ารราชการทอ้ งถน่ิ ภายใต้ กระบวนทศั น์ “ธรรมาภบิ าล” เสนอแนวคดิ การบริหารแบบธรรมาภบิ าล คอื การมีสว่ นรว่ ม การปรกึ ษาหารือ ฉนั ทามติ ความโปร่งใส การสนับสนุนองคก์ รภาคประชาชน สรา้ งส�ำ นึก ความรบั ผดิ ชอบ และการสรา้ งเครอื ขา่ ย สว่ นบทความเรอ่ื ง การบรหิ ารจดั การทด่ี ขี ององคก์ ร ปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ : บทเรยี นจากการจดั บรกิ ารสาธารณะของทอ้ งถน่ิ ในภาคเหนอื ตอนบน เป็นการเสนอตัวอย่างการบริหารจัดการท้องถิ่นในรูปแบบธรรมาภิบาล ซึ่งได้นำ�การมีส่วนร่วม ของชุมชนและการทำ�งานแบบเครือข่ายมาแก้ไขปัญหาจนประสบความสำ�เร็จ ผ้เู ขียนหวังว่า จะเปน็ แนวทางการบรหิ ารจดั การทอ้ งถน่ิ อน่ื ในการแกไ้ ขปัญหาตอ่ ไป ส�ำ หรบั บทความเรอ่ื งสดุ ทา้ ยของฉบบั น้ี เรอ่ื ง “กรงุ เทพอารยะ” ในกระแสโลกาภวิ ตั น์ : การนำ�เสนอภาพลักษณ์กรุงเทพฯ ในคู่มือน�ำ เทย่ี วของรฐั ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๔๑ – ๒๕๕๖ เป็นบทความเก่ียวกับการท่องเที่ยว โดยผู้เขียนต้องการสะท้อนให้เห็นว่า หน่วยงานด้าน การท่องเท่ียวของไทยได้นำ�ภาพลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์มาเป็นจุดขาย เพอ่ื ดงึ ดดู นกั ทอ่ งเทย่ี วตา่ งชาติ โดยยกกรณกี รงุ เทพฯ เปน็ ตวั อยา่ ง รายละเอยี ดจะเปน็ อยา่ งไร ตดิ ตาม ได้ภายในเล่มค่ะ หวังว่าบทความท่ีมีเนื้อหาหลากหลายในฉบับน้ีจะถูกใจท่านผู้อ่าน และทางกอง บรรณาธกิ ารวารสารรฐั สภาสารต้งั ใจว่าในฉบบั ต่อ ๆ ไป จะนำ�บทความทน่ี า่ สนใจมาน�ำ เสนอ พรอ้ มกบั ปรบั ปรุงวารสารใหด้ ยี ิ่งขึ้น แลว้ พบกนั ฉบับหน้า บรรณาธิการ
“บัดนี้ถึงวาระจะข้ึนปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดี เพ่ืออำ�นวยพรแก่ท่าน ทง้ั หลายทว่ั กนั และขอขอบใจทา่ นเปน็ อยา่ งมาก ทม่ี ไี มตรจี ติ สนบั สนนุ ขา้ พเจา้ ในภารกจิ ทกุ อยา่ ง เสมอมา ในปที แ่ี ลว้ บา้ นเมอื งของเรามเี หตกุ ารณส์ �ำ คญั เกดิ ขน้ึ คอื พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหา ภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ รไดเ้ สดจ็ สวรรคตเมอ่ื เดอื นตลุ าคม กลา่ วไดว้ า่ น�ำ ความโศกเศรา้ อาดรู นบั เปน็ ความสญู เสยี ครง้ั ยง่ิ ใหญข่ องชาวไทยทง้ั ประเทศ ขา้ พเจา้ รสู้ กึ ตน้ื ตนั และประทบั ใจทไ่ี ดเ้ หน็ ประชาชนทกุ เพศทุกวัยทั่วหนา้ มีจิตจงรกั ภกั ดีไดซ้ าบซึง้ ในพระมหากรณุ าธิคณุ พรง่ั พรอ้ มกนั มาถวายสกั การะพระบรมศพอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ขอขอบใจทกุ ทา่ นทร่ี ว่ มมอื รว่ มใจชว่ ยงานพระบรมศพอยา่ งพรอ้ มเพรยี ง ท�ำ ใหท้ กุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง เปน็ ไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย ขอ้ นน้ี า่ จะเปน็ เครอ่ื งยนื ยนั ไดว้ า่ คนไทยนน้ั มจี ติ ใจดี มคี วามกตญั ญกู ตเวที มีความเอื้ออารีต่อกัน มีความรักชาติรักแผ่นดิน เป็นคุณสมบัติประจำ�ชาติ และมีความรู้ ความสามารถไม่แพ้ชนชาติอ่ืนใด ดังนั้น ไม่ว่าจะมีอุปสรรคปัญหาหรือเหตุไม่ปกติใดๆ เกดิ ขน้ึ ในบา้ นเมอื งของเรา กเ็ ชอ่ื ไดว้ า่ ถา้ เราจะรว่ มกนั คดิ อา่ น และชว่ ยกนั ปฏบิ ตั แิ กไ้ ข ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง จะสามารถคลคี่ ลายลุล่วงไปได้ดว้ ยดีอย่างแนน่ อน
ในปีใหม่น้ี ขอให้ชาวไทยทุกคนตั้งใจให้แน่วแน่ ที่จะรักษาคุณสมบัติน้ีให้เหนียวแน่น และท�ำ ความคดิ จติ ใจใหแ้ จม่ ใส ดว้ ยปญั ญาทก่ี ระจา่ งพจิ ารณาทกุ สง่ิ ทเ่ี กดิ มขี น้ึ ตามความเปน็ จรงิ โดยปราศจากอคติ ให้มีความมุ่งมั่นมีกำ�ลังใจในอันที่จะร่วมกันปฏิบัติสรรพกิจน้อยใหญ่ ในภาระหน้าท่ีตามแนวพระบรมราโชบายที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานไว้ใหง้ านทกุ อยา่ งสำ�เร็จผล เป็นความดคี วามเจริญทง้ั แกต่ นเอง แก่ส่วนรว่ มและประเทศชาติ เปน็ การรำ�ลึกถึงพระมหากรณุ าธิคุณ ในการนี้ข้าพเจ้าขอปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับประชาชนชาวไทยโดยเต็มกำ�ลังความสามารถ เพ่ือสืบสานพระราชปณิธานเช่นกัน ขออนุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและส่ิงศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นที่เคารพเล่ือมใสของชาวไทย อีกทั้งพระบารมีแห่งสมเด็จพระมหากษัตริย์ไทยในอดีต มพี ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร เปน็ อาทิ จงคมุ้ ครองรกั ษา ท่านทุกคนให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย ให้มีความสุขกายและประสพแก่ส่ิงที่พึงปรารถนา ตลอดศกหนา้ นีโ้ ดยทัว่ กนั ” พระราชดำ�รสั อำ�นวยพรเนือ่ งในโอกาสวันขึน้ ปใี หม่ พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ของ สมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั มหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๕๙
11 รองศาสตราจารยธ์ โสธร ตทู้ องค�ำ * คดิ ทฤษฎกี ารถอื ก�ำ เนดิ พรรคการเมอื งมคี วามแตกตา่ งและหลากหลาย จำ�นวนมาก แนวคิดทฤษฎีสถานการณ์ทางประวัติศาสตร์ นับเป็นแนวคิดทฤษฎี พรรคการเมอื งคลาสสกิ ทส่ี �ำ คญั แนวคดิ ทฤษฎหี นง่ึ ทน่ี �ำ มาใชเ้ พอ่ื อธบิ ายและวเิ คราะห์ การถอื ก�ำ เนดิ พรรคการเมอื ง ทส่ี �ำ คญั คอื พรรคการเมอื งของประเทศไทย นบั เปน็ วัตถุประสงค์ของบทความ ท่ีแบ่งเป็นสามส่วน คือ สมมติฐานและสาระสำ�คัญของ *รองศาสตราจารยป์ ระจ�ำ สาขาวชิ ารฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช
แนวคดิ ทฤษฎสี ถานการณท์ างประวตั ศิ าสตร ์ แนวคดิ ทฤษฎสี ถานการณท์ างประวตั ศิ าสตร์ กับพรรคการเมืองในประเทศไทย และบทสรุปแนวคิดการถือกำ�เนิดพรรคการเมืองของ ประเทศไทยจากแนวคดิ ทฤษฎสี ถานการณท์ างประวตั ศิ าสตร์ สมมตฐิ านและสาระส�ำ คญั ของแนวคดิ ทฤษฎสี ถานการณท์ างประวตั ศิ าสตร์ สมมติฐานสำ�คัญมาจากพรรคการเมืองถือกำ�เนิดจากแนวคิดทฤษฎี สถานการณท์ างประวตั ศิ าสตร์ (Historical Situation Theory)๑ มสี มมตฐิ านวา่ ปญั หาทน่ี �ำ ไปสู่ วกิ ฤตการณท์ างประวตั ศิ าสตรก์ อ่ ก�ำ เนดิ พรรคการเมอื ง วกิ ฤตการณท์ ส่ี �ำ คญั ประกอบดว้ ย วกิ ฤตการณจ์ ากความชอบธรรม วกิ ฤตการณจ์ ากการบรู ณาการ และวกิ ฤตการณจ์ ากการ มสี ว่ นรว่ ม (ก) วกิ ฤตการณจ์ ากความชอบธรรม (Legitimacy Crisis) มาจากโครงสรา้ ง อ�ำ นาจทางการเมอื งขาดความชอบธรรมจากความรสู้ กึ ความคดิ ความเชอ่ื ทศั นคติ การรบั ร้ ู หรอื อน่ื ใด ของประชาชน ท�ำ ใหร้ วมกนั เพอ่ื เปลย่ี นแปลง ตวั อยา่ งทส่ี �ำ คญั คอื การรวมกลมุ่ กนั ของบคุ คลทเ่ี ปน็ นกั ปฏวิ ตั เิ พอ่ื โคน่ ลม้ อ�ำ นาจของพระมหากษตั รยิ ใ์ นฝรง่ั เศสใน ค.ศ. ๑๗๘๙ การปฏบิ ตั กิ ารของขบวนการชาตนิ ยิ มเพอ่ื เรยี กรอ้ งเอกราช ปลดแอกจากประเทศเจา้ อาณานคิ ม การเปลย่ี นแปลงการปกครอง การเปดิ โอกาสใหก้ ลมุ่ บคุ คลอน่ื ท�ำ หนา้ ทป่ี กครอง (ข) วกิ ฤตการณจ์ ากการบรู ณาการ (Integration Crisis) เปน็ ผลตอ่ เนอ่ื งจาก วกิ ฤตการณค์ วามชอบธรรม เพราะหากประชาชนมคี วามรสู้ กึ ความคดิ ความเชอ่ื ทศั นคติ การรบั รู้ หรอื อน่ื ใด วา่ รฐั บาลขาดความชอบธรรม น�ำ ไปสกู่ ารรวมกลมุ่ เปน็ กลมุ่ การเมอื ง เป็นขบวนการทางการเมือง เป็นพรรคการเมือง ก่อกำ�เนิดเป็นกลุ่ม ขบวนการ และ พรรคชาตินิยม ท่ีส่วนใหญ่ถือกำ�เนิดในเอเชียและแอฟริกา ท่ีเป็นเอกภาพหรืออันหน่ึง อนั เดยี วกนั ชว่ งเวลาหนง่ึ เงอ่ื นไขทางสงั คม จากเชอ้ื ชาติ ชาตพิ นั ธ์ุ ศาสนา ชนกลมุ่ นอ้ ย ๑ วทิ ยา นภาศริ กิ ลุ กจิ และสรุ พล ราชภณั ฑารกั ษ,์ พรรคการเมอื งและกลมุ่ ผลประโยชน,์ (กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั รามค�ำ แหง, ๒๕๒๕), หนา้ ๒๙ – ๓๑. 12
13 หรอื อน่ื ใด เปน็ สาเหตทุ ส่ี �ำ คญั ทน่ี �ำ ไปสกู่ ารจดั ตง้ั พรรคการเมอื ง เพอ่ื วตั ถปุ ระสงคท์ ห่ี ลากหลาย นบั ตง้ั แตก่ ารยอมรบั อตั ลกั ษณข์ องชนกลมุ่ นอ้ ย การตอ่ ตา้ นกลมุ่ ขบวนการ พรรคชาตนิ ยิ ม การปกครองของคนสว่ นใหญห่ รอื ชนกลมุ่ ใหญ่ การสถาปนาการปกครองของชนกลมุ่ นอ้ ย ทแ่ี ยกออกจากชนกลมุ่ ใหญ่ หรอื อน่ื ใด (ค) วกิ ฤตการณจ์ ากการมสี ว่ นรว่ ม (Participation Crisis) พรรคการเมอื งจ�ำ นวนมาก มาจากความต้องการ ความปรารถนา การมีส่วนร่วมทางการเมือง เป็นผลมาจากการ เปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ท่ีสำ�คัญ คือ การส้ินสุดของสมัยกลางจากระบบ ศักดินาสวามิภักด์ขิ องยุโรป (Feudal) ท่เี ป็นช่วงเดียวกับความต้องการ ความปรารถนา ของชนชน้ั กลางจากการมตี วั แทน การปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรมในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๘ และ ๑๙ ก่อให้เกิดชนช้ันแรงงานจำ�นวนมาก มีการเรียกร้องบทบาทภาครัฐต่อพ้ืนท่ีและกิจกรรม สาธารณะ น�ำ ไปสกู่ ารรวมกลมุ่ พฒั นาเปน็ พรรคการเมอื งภายหลงั เพอ่ื ผลประโยชนข์ องกลมุ่ การเจรจาตอ่ รองทางการเมอื ง การเปน็ ผปู้ กครอง การจดั ตง้ั รฐั บาล หรอื อน่ื ใด การกอ่ ตง้ั พรรคการเมืองนับเป็นสาเหตุส�ำ คัญท่ีนำ�มาสู่ความต้องการ ความปรารถนา มีส่วนร่วม ทางการเมอื ง แนวคดิ ทฤษฎสี ถานการณท์ างประวตั ศิ าสตรก์ บั พรรคการเมอื งในประเทศไทย เม่ือพิจารณาจากแนวคิดทฤษฎีสถานการณ์ทางประวัติศาสตร์ ในกรณีของ ประเทศไทย มีความคล้ายคลึงและความแตกต่างจากแนวคิดท่ีเป็นสากล จากแนวคิด ทฤษฎสี ถานการณท์ างประวตั ศิ าสตร์ (ก) ดา้ นวกิ ฤตการณจ์ ากความชอบธรรม ประเทศไทยสมยั สมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ ท่ีก่อตัวนับต้ังแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อเน่ืองจนรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ความคิดท่ีนำ�ไปส่คู วามเปล่ยี นแปลงช่วงแรก มาจากปัจจัยภายนอกท่ีมีอิทธิพลต่อความคิดต่อความเปล่ียนแปลงภายใน ท่ีสำ�คัญ จากการก่อตัวของคณะ ร.ศ. ๑๐๓ ท่ีเป็นชนช้ันนำ�จากการรวมกลุ่มของเจ้านาย และขนุ นางจ�ำ นวน ๑๑ คน ทล่ี ว้ นแลว้ แตม่ กี ารศกึ ษาแบบตะวนั ตก มคี วามคดิ กา้ วหนา้ เป็นคณะทูตไทยท่ีสหราชอาณาจักรหรืออังกฤษ และฝร่ังเศส ท่ีเป็นคณะ ร.ศ. ๑๐๓ ถวายความคิดเห็นต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. ๒๔๒๘
เพ่ือเปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นการปกครองท่ีมี รฐั ธรรมนูญ มีพระมหากษัตรยิ เ์ ป็นประธานของราชอาณาจกั ร มคี ณะรัฐมนตรีรับผดิ ชอบ การบริหารราชการแผ่นดิน แต่เป็นเพียงคณะหรือกลุ่มการเมืองท่ีไม่นำ�ไปสู่การจัดต้ัง พรรคการเมือง เพราะเป็นการปกครองระบอบสมบรู ณาญาสิทธริ าชย์ จากปัจจัยภายใน ทส่ี �ำ คญั มาจากการถอื ก�ำ เนดิ ของคณะ ร.ศ. ๑๐๓ ใน พ.ศ. ๒๔๕๕ ทท่ี �ำ การรฐั ประหาร มีวัตถุประสงค์เพ่อื ล้มพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หู ัว และทูลเชิญเจ้านายพระองค์อ่ืน เป็นพระมหากษัตริย์แทนหรือการสถาปนาการปกครองระบอบอ่นื รวมท้งั สาธารณรัฐด้วย แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบเร่ืองก่อนทำ�ให้จับกุมผู้ก่อการ ไดท้ ง้ั หมด คณะ ร.ศ. ๑๐๓ และ ร.ศ. ๑๓๐ ถือกำ�เนิดช่วงเวลาท่ีประเทศไทย มีการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ นับเป็นกลุ่มการเมืองท่ีมีบทบาทสำ�คัญ แต่กลุ่มคณะ ร.ศ. ๑๐๓ เป็นกลุ่มการเมืองท่ีทำ�หน้าท่ีเรียกร้องและนำ�เสนอข้อเสนอ สว่ นกลมุ่ ร.ศ. ๑๓๐ เปน็ คณะรฐั ประหารทภ่ี ายหลงั กลายเปน็ กบฎ ท�ำ ใหไ้ มม่ พี ฒั นาการ เป็นพรรคการเมืองภายหลัง วิกฤตการณ์ทางการเมืองท่ีสำ�คัญมาจากโครงสร้างอำ�นาจ ทางการเมืองขาดความชอบธรรมจากความร้สู ึก ความคิด ความเช่อื ทัศนคติ การรับรู้ หรืออ่ืนใด ของประชาชน ก่อให้เกิดความเปล่ียนแปลงทางการเมืองท่ีสำ�คัญ คือ การเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ ในกรณีของประเทศไทย การรวมกลุ่ม ทางการเมืองท่ีสำ�คัญมาจากชนช้ันนำ�ท่สี ำ�เร็จการศึกษาจากต่างประเทศและเกือบท้งั หมด เป็นข้าราชการ ท่แี สดงถึงพัฒนาการทางการเมืองท่มี ีนัยของพัฒนาการทางการปกครอง ท่ีมาจากพัฒนาการการก่อตัวของรัฐชาติ แต่พัฒนาการของคณะราษฎรภายหลัง การเปลย่ี นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ จากเงอ่ื นไขและปจั จยั ทางการเมอื ง จากการ เผชิญหน้าและความขัดแย้งทางการเมืองกับกล่มุ จารีตนิยม กล่มุ อนุรักษ์นิยม ทำ�ให้ไม่มี การสนับสนุนการจัดต้งั พรรคการเมือง ทำ�ให้ไม่มีการออกพระราชบัญญัติพรรคการเมือง ภายหลงั การประกาศพระราชบญั ญตั ธิ รรมนญู การปกครองแผน่ ดนิ ชว่ั คราวสยามใน พ.ศ. ๒๔๗๕ และรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๔๗๕ ท�ำ ใหค้ ณะราษฎรทค่ี วรเปน็ พรรคการเมอื งพรรคแรกทม่ี กี ารจดทะเบยี นไมถ่ อื ก�ำ เนดิ ขน้ึ 14
15 วกิ ฤตการณจ์ ากความชอบธรรมทส่ี �ำ คญั ภายหลงั การเปลย่ี นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ คอื การเผชญิ หนา้ กบั กลมุ่ อนรุ กั ษน์ ยิ มทเ่ี ปลย่ี นแปลงเปน็ คณะกบู้ า้ นเมอื ง ของพลเอกพระองคเ์ จา้ บวรเดชกฤดากร ในปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ทก่ี ลายเปน็ กบฎบวรเดชภายหลงั น�ำ มาสกู่ ารกวาดลา้ งกลมุ่ อนรุ กั ษน์ ยิ ม ความเปลย่ี นแปลงทางการเมอื งระหวา่ งสงครามโลก คร้ังท่ีสอง ภายหลังการตัดสินใจท่ีรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม เข้าร่วมสงคราม ดว้ ยการเปน็ พนั ธมติ รกบั ญป่ี นุ่ ท�ำ ใหร้ ฐั มนตรี สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร และคนไทยจ�ำ นวนหนง่ึ ทไ่ี มเ่ หน็ ดว้ ยกบั การตดั สนิ ใจของรฐั บาล จดั ตง้ั ขบวนการเสรไี ทย น�ำ ไปสกู่ ารปฏบิ ตั กิ ารทาง พลเรอื นและทหาร ภายหลงั สงครามโลกครง้ั ทส่ี องสน้ิ สดุ ลง ขบวนการเสรไี ทยยตุ บิ ทบาทลง แทนการจัดต้ังเป็นพรรคการเมือง เสมือนเป็นพรรคการเมืองท่ีมีพัฒนาการมาจาก ขบวนการกชู้ าตหิ รอื ปลดปลอ่ ยประเทศทส่ี �ำ คญั คอื พรรคคองเกรสของอนิ เดยี พรรคอมั โน ของมาเลเซยี พรรคกจิ ประชาชนของสงิ คโปร์ เป็นท่ีน่าสังเกตว่า วิกฤตการณ์จากความชอบธรรมทางการเมืองของ ประเทศไทยแทบไม่นำ�ไปสู่การจัดต้ังพรรคการเมือง ท้ังน้ีสาเหตุสำ�คัญมาจากการ ทบ่ี างชว่ งเวลาไมม่ กี ฎหมายรองรบั ทส่ี �ำ คญั คอื พระราชบญั ญตั พิ รรคการเมอื ง ทศั นคติ มมุ มอง ความเชอ่ื คา่ นยิ ม หรอื อน่ื ใดของชนชน้ั น�ำ และผปู้ กครองขณะนน้ั สภาพแวดลอ้ ม บรบิ ท และบรรยากาศทางการเมอื งของประเทศไทย และทส่ี �ำ คญั คอื ทศั นคติ มมุ มอง ความเชอ่ื คา่ นยิ ม หรอื อน่ื ใดของกลมุ่ การเมอื งทน่ี �ำ ไปสกู่ ารจดั ตง้ั พรรคการเมอื ง ตวั อยา่ ง คือ ความเปล่ียนแปลงทางการเมือง เหตุการณ์วันท่ี ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ ท่ีนิสิตนักศึกษาท้ังอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา และประชาชนมีบทบาท แต่ไม่มีการ ขยายตัวต่อภายหลังเหตุการณ์ไปเป็นกล่มุ การเมืองท่นี ำ�ไปส่กู ารถือกำ�เนิดพรรคการเมือง เพ่ือเป็นฐานอำ�นาจท่ีนำ�ไปสู่ความเปล่ียนแปลงทางการเมืองของชนช้ันกลางภายหลัง ตรงกนั ขา้ ม ภายหลงั เหตกุ ารณเ์ พยี งหนง่ึ ปี กลบั น�ำ ไปสกู่ ารถอื ก�ำ เนดิ พรรคการเมอื งทเ่ี ปน็ ชนชน้ั น�ำ มบี ทบาทจดั ตง้ั ทส่ี �ำ คญั คอื พรรคชาตไิ ทย ทม่ี กี ลมุ่ ราชครสู นบั สนนุ พรรคธรรมสงั คม ทป่ี ระกอบดว้ ยขา้ ราชการ นกั การเมอื ง และนกั ธรุ กจิ สว่ นหนง่ึ สนบั สนนุ และพรรคกจิ สงั คม ท่ปี ระกอบด้วยข้าราชการ นักการเมือง และนักธุรกิจส่วนหน่งึ สนับสนุน จากโครงสร้าง สังคมการเมืองท่ีเป็นระบบเปิดภายหลังเหตุการณ์แสดงถึงการเปิดกว้างของระบอบ
ประชาธิปไตยของประเทศไทยกลับเอ้ือประโยชน์ให้กับชนข้ันนำ�มากกว่าชนช้ันกลาง และชนชน้ั ลา่ ง (ข) วกิ ฤตการณจ์ ากการบรู ณาการ(IntegrationCrisis) เปน็ ผลตอ่ เนอ่ื งจาก วกิ ฤตการณค์ วามชอบธรรม เพราะหากประชาชนมคี วามรสู้ กึ ความคดิ ความเชอ่ื ทศั นคติ การรบั รู้ หรอื อน่ื ใด วา่ รฐั บาลขาดความชอบธรรม น�ำ ไปสกู่ ารรวมกลมุ่ เปน็ กลมุ่ การเมอื ง เป็นขบวนการทางการเมือง เป็นพรรคการเมือง ตัวอย่างท่สี ำ�คัญมาจากความล้มเหลว จากการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจใน พ.ศ. ๒๕๔๐ ของรัฐบาล ส่งผลให้ พรรคการเมอื งและนกั การเมอื งเดมิ ขาดความชอบธรรม น�ำ มาสคู่ วามเปลย่ี นแปลงทางการเมอื ง มกี ารรวมกลมุ่ ทางการเมอื งของกลมุ่ ทนุ ทน่ี �ำ มาสกู่ ารจดั ตง้ั พรรคไทยรกั ไทยใน พ.ศ. ๒๕๔๑ ภายหลงั วกิ ฤตการณท์ างเศรษฐกจิ รฐั บาลลม้ เหลวกบั การแกป้ ญั หาทางเศรษฐกจิ น�ำ ไปส่ ู การจัดต้ังพรรคการเมืองท่ปี ระกอบด้วยกล่มุ ทุนขนาดใหญ่จำ�นวนหกกล่มุ กล่มุ ทุนท้องถ่นิ และกลุ่มทุนอ่ืนจำ�นวนหน่ึง นับเป็นพรรคการเมืองแรกท่ีขับเคล่ือนภายใต้บทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญท่ีเป็นกติกาใหม่ขณะน้ัน เป็นปฏิบัติสวมทับหรือสอดรับกับรัฐธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ จนชนะการเลอื กตง้ั ทว่ั ไปใน พ.ศ. ๒๕๔๔ และจดั ตง้ั รฐั บาล อยา่ งตอ่ เนอ่ื งจนถงึ การรฐั ประหารใน พ.ศ. ๒๕๔๙ และน�ำ มาสกู่ ารยบุ พรรคไทยรกั ไทย ใน พ.ศ. ๒๕๕๐ การจัดต้ังพรรคการเมืองของประเทศไทยจากวิกฤตการณ์บูรณาการแตกต่าง จากพรรคการเมอื งทถ่ี อื ก�ำ เนดิ ในอาณานคิ มจ�ำ นวนมาก ทเ่ี ปน็ กลมุ่ ขบวนการ และพรรค ชาตินิยม เพ่อื นำ�ไปส่กู ารปลดปล่อย การเรียกร้องเอกราช จากประเทศเจ้าอาณานิคม มักเป็นเอกภาพหรืออันหน่ึงอันเดียวกันหรือรวมกลุ่มกันอย่างหลวมในช่วงเวลาหน่ึงเพ่ือ บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ และภายหลงั เปน็ เอกราชแลว้ วกิ ฤตการณค์ วามชอบธรรมทางการเมอื ง สว่ นหนง่ึ มาจากเงอ่ื นไขทางสงั คม จากเชอ้ื ชาติ ชาตพิ นั ธ์ุ ศาสนา ชนกลมุ่ นอ้ ย หรอื อน่ื ใด ทเ่ี ปน็ ปญั หาของคนกลมุ่ ใหญก่ บั ชนกลมุ่ นอ้ ย แตกตา่ งจากประเทศไทยทแ่ี มม้ คี วามขดั แยง้ ทางการเมอื งการเมอื งจากปญั หาทางเชอ้ื ชาติ ชาตพิ นั ธ์ุ ศาสนา ชนกลมุ่ นอ้ ย หรอื อน่ื ใด แต่ไม่เป็นวิฤตการณ์ความชอบธรรมทางการเมือง จนนำ�ไปสู่การจัดต้ังพรรคการเมือง ยกเว้นปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ท่ีนำ�ไปสู่การจัดต้ังกลุ่มวาดะห์ ความขัดแย้งในสาม 16
17 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ นบั เปน็ สาเหตหุ นง่ึ ทท่ี �ำ ใหม้ กี ารจดั ตง้ั พรรคมาตภุ มู ใิ น พ.ศ. ๒๕๕๑ แตม่ บี ทบาททางการเมอื งจ�ำ กดั เนอ่ื งจากมสี มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรสงั กดั พรรคจำ�นวนนอ้ ย เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั จ�ำ นวนสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรทง้ั หมดของประเทศ (ค) วกิ ฤตการณจ์ ากการมสี ว่ นรว่ ม (Participation Crisis) พรรคการเมอื ง จ�ำ นวนมากมาจากความตอ้ งการ ความปรารถนา การมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื ง ทล่ี ว้ นแตม่ าจาก การเปลย่ี นแปลงโครงสรา้ งสงั คมการเมอื งขนานใหญ่ จากการสน้ิ สดุ ของยคุ ศกั ดนิ า ระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ การปฏิวัติอุตสาหกรรมท่นี ำ�ไปส่กู ารถือกำ�เนิดของชนช้นั แรงงาน การเปล่ียนแปลงสิทธิการออกเสียงการลงคะแนนแบบจำ�กัด (Limited Suffrage) เป็น สทิ ธกิ ารออกเสยี งลงคะแนนแบบเปดิ กวา้ ง (Universal Suffrage) ดว้ ยปจั จยั สาเหตุ และ เงอ่ื นไข ทป่ี ระเทศไทยไมเ่ คยมกี ารเปลย่ี นแปลงโครงสรา้ งสงั คมการเมอื งขนาดใหญ่ ท�ำ ให้ ประเทศไทยไม่เคยมีวิกฤตการณ์จากการมีส่วนร่วม นับเป็นประสบการณ์ท่ีแตกต่างจาก ประเทศตะวันตก ความเปล่ียนแปลงของประเทศไทยมาจากจุดตัดท่ีสำ�คัญแบ่งเป็น ดา้ นการเมอื งและดา้ นเศรษฐกจิ ดา้ นการเมอื ง ความเปลย่ี นแปลงทางการเมอื งของประเทศไทย แบ่งออกเป็นสองส่วน คือ การปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ. ๒๔๓๕ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงจากรัฐจารีต สรู่ ฐั ชาติ และการเปลย่ี นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ ทเ่ี ปน็ การเปลย่ี นแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยส์ กู่ ารปกครองระบอบประชาธิปไตยในทางทฤษฎ ี และ เป็นระบอบรัฐธรรมนูญในทางปฏิบัติ มีการกำ�หนดสิทธิการเลือกต้ังหรือการออกเสียง ลงคะแนนให้เป็นสิทธิการเลือกต้ังอย่างกว้างขวางท่ีกำ�หนดให้หน่ึงคนหน่ึงคะแนนเสียง ต้ังแต่ต้นภายหลังการเลือกต้ังท่ัวไปคร้ังท่ีสอง ยกเว้นการเลือกต้ังคร้ังแรกท่ีกำ�หนดให้ เปน็ การเลอื กตง้ั ทางออ้ ม ท�ำ ใหไ้ มก่ อ่ ใหเ้ กดิ การเรยี กรอ้ งการขยายสทิ ธใิ หก้ บั สตรี เยาวชน ผใู้ ชแ้ รงงาน คนชายขอบภายหลงั เหมอื นประเทศตะวนั ตกหลายประเทศ ดา้ นเศรษฐกจิ จดุ ตดั ดา้ นเศรษฐกจิ ของประเทศทส่ี �ำ คญั คอื การท�ำ สนธสิ ญั ญาเบารงิ คใ์ น พ.ศ. ๒๓๙๘ ท่ีเป็นการเปล่ียนแปลงจากระบบเศรษฐกิจแบบยังชีพเป็นระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม และสมยั จอมพล สฤษด ์ิ ธนะรชั ต ์ ทเ่ี ปน็ การเปลย่ี นแปลงเปน็ ระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ ม จากการก�ำ หนดแผนพฒั นาเศรษฐกจิ แหง่ ชาตฉิ บบั แรกใน พ.ศ. ๒๕๐๔
พรรคการเมืองของประเทศไทยจำ�นวนมากหรือเกือบท้ังหมดเป็น พรรคการเมืองของชนช้ันนำ�ทางการเมืองหรือชนช้ันนำ�ทางเศรษฐกิจหรือผสมผสานกัน จำ�นวนหน่ึงถือกำ�เนิดในระบบการเมืองแบบเผด็จการหรือระบอบท่ีไม่เป็นประชาธิปไตย (Non-democratic regime) เติบโตในช่วงสมัยท่ีเป็นประชาธิปไตย เพ่ือสนองตอบหรือ รองรับกับผลประโยชน์ของชนช้นั นำ�ในสภาพแวดล้อมและบริบททางการเมืองท่เี ปล่ยี นแปลง จากระบบการเมืองท่ีเปิดกว้างและโครงสร้างทางเศรษฐกิจท่ีเปล่ียนแปลง สะท้อนถึง พรรคการเมอื งในประเทศไทยแทบไมเ่ คยมพี รรคการเมอื งทเ่ี ปน็ พรรคมวลชน (Mass Party) พรรคการเมอื งในประเทศทม่ี แี นวโนม้ เปน็ พรรคมวลชน เพราะมฐี านจากประชาชนเปน็ วงกวา้ ง ถอื ก�ำ เนดิ และเติบโตจากการตอ่ ตา้ นระบบการเมอื งแบบเผดจ็ การอำ�นาจนยิ ม จากระบบ เศรษฐกิจแบบทุนนิยม และชนช้ันนายทุน เป็นพรรคการเมืองของชนช้ันล่าง เน้นการ กระจายรายได้และความเท่าเทียมกันทางสังคม เพราะมีอุดมการณ์แบบสังคมนิยม ทส่ี �ำ คญั คอื พรรคคอมมวิ นสิ ตแ์ หง่ ประเทศไทย เพราะแมพ้ รรคคอมมวิ นสิ ตจ์ ะถอื ก�ำ เนดิ นบั ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๔๘๕ แตป่ จั จยั และเงอ่ื นไขเปน็ องคป์ ระกอบทไ่ี มเ่ พยี งพอกบั การเตบิ โต แตก่ ารบม่ เพาะทม่ี มี าตอ่ เนอ่ื ง จากชว่ งสงครามโลกครง้ั ทส่ี อง การปกครองแบบเผดจ็ การ สามฐานของจอมพล ป. พิบูลสงคราม จากการถ่วงดุลอำ�นาจกันระหว่างจอมพล ป. พบิ ลู สงคราม พลต�ำ รวจเอก เผา่ ศรยี านนท์ และจอมพลสฤษด์ิ ธนะรชั ต์ ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๔๙๑ ถึง ๒๕๐๐ นับเป็นช่วงเวลาของการแผ่ขยายของสงครามเย็นมาสู่เอเชีย จากสงคราม อนิ โดจนี เพอ่ื กอบกเู้ อกราชของกลมุ่ ประเทศอนิ โดจนี กบั ฝรง่ั เศส ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๔๘๘ ถงึ ๒๔๙๗ การสถาปนาสาธารณรฐั ประชาชนจนี ใน พ.ศ. ๒๔๙๒ และสงครามเกาหลี ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๔๙๓ ถงึ ๒๔๙๖ ทแ่ี สดงถงึ การแผข่ ยายของลทั ธคิ อมมวิ นสิ ตส์ เู่ อเชยี และเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ท�ำ ใหร้ ฐั บาลจอมพล ป. พบิ ลู สงคราม เลอื กโลกเสรที ม่ี สี หรฐั อเมรกิ า เปน็ ผนู้ �ำ และประเทศมหาอ�ำ นาจตะวนั ตกเปน็ พนั ธมติ ร จนถงึ สมยั จอมพลสฤษด์ิ ธนะรชั ต์ ทป่ี กครองแบบเผดจ็ การอ�ำ นาจนยิ ม ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๕๐๑ ถงึ ๒๕๐๖ ทพ่ี รรคคอมมวิ นสิ ต์ ขยายตวั อยา่ งมาก เพราะมแี นวรว่ มจากนสิ ติ นกั ศกึ ษาปญั ญาชนนกั หนงั สอื พมิ พจ์ �ำ นวนหนง่ึ อนั น�ำ ไปสเู่ หตกุ ารณว์ นั เสยี งปนื แตกในวนั ท่ี ๗ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ ทเ่ี ปน็ การปะทะกนั ครง้ั แรก 18
19 ระหว่างเจ้าหน้าท่ีของรัฐกับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย นำ�ไปสู่ความ เปลย่ี นแปลงทางการเมอื งทส่ี �ำ คญั สมยั รฐั บาลจอมพล ถนอม กติ ตขิ จร ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๕๐๖ ถงึ ๒๕๑๖ การก�ำ หนดแผนพฒั นาเศรษฐกจิ แหง่ ชาตฉิ บบั ทห่ี นง่ึ ใน พ.ศ. ๒๕๐๔ นบั เปน็ จดุ เปลย่ี นทส่ี �ำ คญั ของเศรษฐกจิ และสงั คม จากการถอื ก�ำ เนดิ ของกลมุ่ คนทส่ี �ำ คญั สว่ นหนง่ึ จำ�แนกตามอาชีพ ประกอบด้วย นิสิตนักศึกษาปัญญาชน พ่อค้านักธุรกิจ ผ้ใู ช้แรงงาน คนกลมุ่ นม้ี บี ทบาทส�ำ คญั ตอ่ การเรยี กรอ้ งความเปลย่ี นแปลงทางการเมอื ง น�ำ มาสกู่ ารเปดิ กวา้ ง ทางการเมอื งจากรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๑๑ น�ำ มาสกู่ ารเลอื กตง้ั ทว่ั ไปใน พ.ศ. ๒๕๑๒ แตก่ ารรฐั ประหารตนเองของจอมพล ถนอม กติ ตขิ จร ใน พ.ศ. ๒๕๑๔ น�ำ ไปสเู่ หตกุ ารณว์ นั ท่ี ๑๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๖ พรรคคอมมวิ นสิ ตถ์ อื วา่ เปน็ พรรคการเมอื ง นอกกฎหมายอย่างต่อเน่ืองแม้ช่วงระยะเปล่ียนผ่านท่ีสำ�คัญ และเป็นพรรคการเมือง ท่ีเติบโตอย่างต่อเน่ือง จากการสนับสนุนของกลุ่มคนท่ีมีความเห็นต่างหรืออุดมการณ์ ทางการเมืองท่ีแตกต่างกันหรือปฏิเสธการปกครองแบบเผด็จการอำ�นาจนิยมของรัฐบาล จอมพลถนอม กติ ตขิ จร ทง้ั จากนสิ ติ นกั ศกึ ษา ปญั ญาชน ผใู้ ชแ้ รงงาน ทม่ี ขี อ้ จ�ำ กดั การ จัดต้ังพรรคการเมือง ความเปล่ียนแปลงทางการเมืองระหว่างประเทศท่ีสำ�คัญมาจาก ชยั ชนะของพรรคคอมวิ นสิ ตท์ ม่ี เี หนอื และปกครองประเทศอนิ โดจนี ทง้ั หมด ประกอบดว้ ย กมั พชู าทเ่ี ปลย่ี นแปลงในวนั ท่ี ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๘ การปราชยั ของเวยี ดนามใตท้ ม่ี ตี อ่ เวยี ดนามเหนอื เพราะกรงุ ไซง่ อ่ นแตกในวนั ท่ี ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๘ และการสถาปนา สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาวในวนั ท่ี ๒ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ ความเปลย่ี นแปลง ทางการเมืองท่ีสำ�คัญท่ีนำ�มาสู่การขยายตัวของพรรคคอมมิวนิสต์อย่างกว้างขวาง คือ เหตกุ ารณว์ นั ท่ี 6 ตลุ าคม พ.ศ. 2519 ทน่ี สิ ติ นกั ศกึ ษาปญั ญาชนจ�ำ นวนมากหนเี ขา้ ปา่ ทำ�ให้พรรคคอมมิวนิสต์มีอำ�นาจและอิทธิพลหรือพ้ืนท่ีสีแดงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มากกวา่ รอ้ ยละ 30 ในชว่ งปลายทศวรรษท่ี 2510 และนโยบายของรฐั บาลนายธานนิ ทร์ กรยั วเิ ชยี ร ทเ่ี ปน็ ขวาจดั น�ำ มาสกู่ ารเขา้ ปา่ ของนสิ ติ นกั ศกึ ษา ปญั ญาชน จ�ำ นวนมาก ท�ำ ให้ การขยายมวลชนของพรรคคอมวิ นสิ ตเ์ ปน็ ไปอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง
ความเปล่ียนแปลงท่ีนำ�ไปสู่ความชะงักงันของพรรคคอมมิวนิสต์มาจากการ เปลย่ี นแปลงนโยบายของพลเอก เกรยี งศกั ด์ิ ชมะนนั ท์ นายกรฐั มนตรี ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๕๒๐ ถงึ ๒๕๒๓ ทก่ี �ำ หนดใหน้ สิ ติ นกั ศกึ ษา ปญั ญาชน ทเ่ี ขา้ ปา่ จ�ำ นวนมากกลบั ออกสสู่ าธารณะ จากนโยบายประนปี ระนอมโอนออ่ นผอ่ นตามและผอ่ นปรนของรฐั บาล และสว่ นใหญเ่ ปน็ นกั ธรุ กจิ นกั การเมอื ง อาจารย์ และท�ำ งานในองคก์ ารพฒั นาเอกชน และตอ่ เนอ่ื งถงึ สมยั พลเอก เปรม ตณิ สลู านนท์ นายกรฐั มนตรี ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๕๒๓ ถงึ ๒๕๓๑ ทก่ี �ำ หนดนโยบาย ๖๖/๒๕๒๓ ทม่ี พี ลเอก ชวลติ ยงใจยทุ ธ มบี ทบาทส�ำ คญั ท�ำ ใหแ้ นวรว่ มพรรคคอมมวิ นสิ ต์ กลบั มาเปน็ ผรู้ ว่ มพฒั นาชาตไิ ทยจ�ำ นวนมาก นบั เปน็ การสลายแนวรว่ มพรรคคอมมวิ นสิ ต์ ทำ�ให้การปฏิวัติประชาชนตามแนวทางของพรรคล้มเหลว ความขัดแย้งในกัมพูชาท่กี ลายเป็น สงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายเฮงสัมรินนำ�มาสู่ข้อเสนอในการจัดต้ังเขมรสามฝ่าย ท่ปี ระกอบด้วย ฝ่ายเจ้าสีหนุ อดีตนายกรัฐมนตรีซอนซาน และนายเขียวสัมพันธ์ท่เี ป็น ตวั แทนของพลพตหรอื เขมรแดง และมคี วามสมั พนั ธท์ ด่ี กี บั สาธารณรฐั ประชาชนจนี ท�ำ ให้ รฐั บาล พลเอก เปรม ตณิ สลู านนท์ ก�ำ หนดนโยบายสนบั สนนุ ใหส้ าธารณรฐั ประชาชนจนี สนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์กับเขมรแดง เพ่ือแลกเปล่ียนกับการยุติการสนับสนุนพรรค คอมมวิ นสิ ตแ์ หง่ ประเทศไทยทส่ี าธารณรฐั ประชาชนจนี สนบั สนนุ ท�ำ ใหพ้ รรคคอมมวิ นสิ ต์ สน้ิ สดุ สภาพการทา้ ทายรฐั บาล การเปลย่ี นเปน็ นโยบายกลา้ สนอ้ ตและเปเรสทรอยกา้ ของ สหภาพโซเวยี ตใน พ.ศ. ๒๕๒๙ การลม่ สลายของพรรคคอมมวิ นสิ ตใ์ นยโุ รปใน พ.ศ. ๒๕๓๒ น�ำ ไปสกู่ ารสน้ิ สดุ ของความขดั แยง้ ชว่ งสงครามเยน็ ใน พ.ศ. ๒๕๒๓ และสหภาพโซเวยี ต ลม่ สลายใน พ.ศ. ๒๕๓๔ เทา่ กบั วา่ การแพรข่ ยายของพรรคคอมมวิ นสิ ตท์ ว่ั โลกเพอ่ื น�ำ ไปสู่ การปฏวิ ตั ปิ ระชาชนสน้ิ สดุ ลง และพรรคคอมมวิ นสิ ตแ์ หง่ ประเทศไทยยตุ บิ ทบาทและสน้ิ สดุ ลงโดยสมบรู ณใ์ นชว่ งตน้ ทศวรรษท่ี ๒๕๓๐ 20
21 บทสรปุ : แนวคดิ การถอื ก�ำ เนดิ พรรคการเมอื งของประเทศไทย จากแนวคดิ ทฤษฎี สถานการณท์ างประวตั ศิ าสตร์ เม่ือนำ�แนวคิดสถานการณ์ทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์ประเทศไทย มีความแตกต่าง นับต้งั แต่สมมมติฐานท่วี ่าปัญหาท่นี ำ�ไปส่วู ิกฤตการณ์ทางประวัติศาสตร์ กอ่ ก�ำ เนดิ พรรคการเมอื ง แตเ่ นอ่ื งจากประเทศไทยไมเ่ คยมวี กิ ฤตการณท์ างประวตั ศิ าสตร์ ท่ีรุนแรง จากท้ังวิกฤตการณ์จากความชอบธรรม วิกฤตการณ์จากการบูรณาการ และ วกิ ฤตการณจ์ ากการมสี ว่ นรว่ ม จนน�ำ ไปสกู่ ารรวมกลมุ่ และกอ่ ใหเ้ กดิ พรรคการเมอื ง ท�ำ ให้ การก่อกำ�เนิดพรรคการเมืองของประเทศไทยแตกต่างจากประเทศอ่นื ทำ�ให้ประเทศไทย ไม่มีพรรคการเมืองท่ีมาจากการต่อสู้เพ่ือปลดแอกออกจากการเป็นอาณานิคมหรือ เรยี กรอ้ งเอกราช ไมม่ พี รรคการเมอื งทส่ี นบั สนนุ หรอื ตอ่ ตา้ นการเปลย่ี นแปลงโครงสรา้ งสงั คม การเมอื งขนานใหญ่ แทบไมม่ พี รรคการเมอื งทต่ี อ่ สเู้ พอ่ื พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ที ม่ี รี ากฐาน มาจากมวลชนในชนบท แทบไม่มีพรรคการเมืองท่มี ีอุดมการณ์เพ่อื คนชนบท คนยากไร้ และคนชายขอบ หรือพรรคการเมืองทำ�นองน้ื ทำ�ให้ประชาชนจำ�นวนหน่ึงจัดต้ังกลุ่ม การเมืองท่กี ลายเปน็ ขบวนการเคลอ่ื นไหวทางสงั คม (Social Movement) และการเมอื ง ภาคประชาชน (People Politics) และแสดงถงึ ประเทศไทยไมเ่ คยมวี กิ ฤตการณ์ทางการเมอื ง ท่ีเป็นวิกฤตการณ์จากความชอบธรรม วิกฤตการณ์จากการบูรณาการ และวิกฤตการณ์ จากการมีส่วนร่วมท่ีเข้มข้นและแรงพอท่ีนำ�ไปสู่การจัดต้ังพรรคการเมือง หากมองในแง่หน่ึง ย่อมเป็นข้อดีท่ีประเทศไทยไม่เคยเกิดวิกฤตการณ์ท่ีนำ�ไปสู่ความเปล่ียนแปลงของรัฐ เหมือนกับประเทศหลายประเทศ แต่หากมองในอีกแง่หน่ึง ย่อมทำ�ให้ประเทศไทย ขาดภูมิค้มุ กันหรือภูมิต้านทาน เหมือนกับท่ปี ระเทศอ่นื เผชิญท่ที �ำ ให้โครงสร้างและกลไก ภายในปรบั ตวั น�ำ มาสกู่ ารเรยี นรเู้ พอ่ื การแกป้ ญั หา เหลา่ นส้ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ จากความขดั แยง้ ทางการเมืองท่ีถือกำ�เนิดภายหลังการรัฐประหารในวันท่ี ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ท่ีสถาบัน กระบวนการ และกลไกทางการเมือง ไม่สามารถรองรับความขัดแย้ง การผกุ รอ่ น ปญั หาความขดั แยง้ วกิ ฤตการณ์ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล ทส่ี �ำ คญั คอื พรรคการเมอื ง สว่ นหนง่ึ กลบั กลายเปน็ สาเหตแุ ละผลกระทบจากปญั หาทางการเมอื ง จนน�ำ ไปสสู่ ง่ิ ทป่ี ระเทศเผชญิ ตอ่ เนอ่ื งถงึ ปจั จบุ นั
บรรณานกุ รม ทวี สรุ ฤทธกิ ลุ และเสนยี ์ ค�ำ สขุ . “หนว่ ยท่ี 7 พรรคการเมอื งกบั กระบวนการทางการเมอื งไทย” เอกสารการสอนชดุ วชิ าสถาบนั และกระบวนการทางการเมอื งไทย หนว่ ยท่ี ๑-๘. (ฉบบั ปรบั ปรงุ ). นนทบรุ ี : ส�ำ นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช, ๒๕๔๕. ทวศี กั ด์ิ พนั ธส์ุ รุ ะ. การตอ่ สทู้ างการเมอื งของพรรคการเมอื งไทย : ศกึ ษากรณพี รรคกจิ สงั คม. วทิ ยานพิ นธภ์ าควชิ าการปกครอง คณะรฐั ศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๒๙. ธโสธร ตทู้ องค�ำ . “หนว่ ยท่ี ๘ การเมอื งการปกครองของไทย พ.ศ. ๒๓๙๘ – ๒๔๗๕” เอกสารการสอนชดุ วชิ าประวตั ศิ าสตรไ์ ทย หนว่ ยท่ี ๘ - ๑๕. (ฉบบั ปรบั ปรงุ ครง้ั ทส่ี อง). นนทบรุ ี : ส�ำ นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช, ๒๕๕๔. วทิ ยา นภาศริ กิ ลุ กจิ และสรุ พล ราชภณั ฑารกั ษ.์ พรรคการเมอื งและกลมุ่ ผลประโยชน.์ กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั รามค�ำ แหง, ๒๕๒๕. 22
23 วชั รา ไชยสาร* บทน�ำ บาลไทยใหค้ วามส�ำ คญั กบั การปอ้ งกนั ปราบปรามและแกไ้ ขปญั หาการคา้ มนษุ ย์ อย่างต่อเน่ืองมาโดยตลอด โดยจะเห็นจากสาระสำ�คัญของพระราชบัญญัติว่าด้วยการ ค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ. ๒๔๗๑ ซ่งึ เป็นกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การค้ามนุษย์ฉบับแรกของประเทศไทย ท่ีภายหลังการบังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว เปน็ เวลานานมากแลว้ ไดเ้ กดิ ปญั หาในการใชบ้ งั คบั อนั เนอ่ื งจากขอบเขตทจ่ี �ำ กดั ทง้ั ในเรอ่ื ง ของฐานความผิด และมาตรการท่กี ำ�หนดไว้เพ่อื ป้องกันและปราบปรามการกระท�ำ ความผิด เช่น มาตรการเก่ียวกับการตรวจตราสอดส่องเพ่ือช่วยเหลือหรือกักตัวหญิงหรือเด็กเพ่ือ สอบสวนข้อเท็จจริงท่ีเป็นประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำ�ความผิด * เจา้ หนา้ ทค่ี ดพี เิ ศษช�ำ นาญการพเิ ศษ กรมสอบสวนคดพี เิ ศษ
หรือมาตรการในการให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์แก่หญิงและเด็กท่ีถูกกระทำ�ยังไม่มี ประสทิ ธภิ าพเทา่ ทค่ี วร ประกอบกบั มกี ารกระท�ำ ความผดิ โดยการซอ้ื ขาย จ�ำ หนา่ ย ชกั พา หรอื จดั หาบคุ คลไปดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื สนองความใครแ่ กต่ นเองหรอื ผอู้ น่ื เพอ่ื การอนาจาร หรอื เพอ่ื ประโยชนอ์ ยา่ งอน่ื อนั มชิ อบ ดว้ ยวธิ กี ารอนั เปน็ การคกุ คาม และกระทบกระเทอื นตอ่ สวสั ดภิ าพของบคุ คล โดยผกู้ ระทำ�ผดิ ยงั มพี ฤตกิ ารณท์ ก่ี ระทำ�ใน รูปของการตระเตรียมสมคบกันเป็นขบวนการเช่อื มโยงท้งั ในประเทศและระหว่างประเทศ ซง่ึ เปน็ พฤตกิ ารณท์ เ่ี ปน็ อนั ตรายตอ่ สงั คมอกี ดว้ ย ดงั นน้ั จงึ ไดป้ รบั ปรงุ มาตรการในการปอ้ งกนั ปราบปรามและเพม่ิ เตมิ มาตรการ ในการเยียวยาช่วยเหลือ หญิงและเด็กให้มีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน โดยการประกาศใช้ พระราชบญั ญตั มิ าตรการในการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ หญงิ และเดก็ พ.ศ. ๒๕๔๐ แต่หลงั จากการบงั คบั ใช้พระราชบญั ญตั ินแ้ี ลว้ พบว่าลักษณะของการกระทำ�เพอ่ื แสวงหา ประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคลมิได้จำ�กัดแต่เฉพาะหญิงและเด็กเท่าน้นั และยังมีการกระทำ� ด้วยวิธีการท่หี ลายหลายมากข้นึ เช่น การนำ�บุคคลเข้ามาค้าประเวณี บังคับใช้แรงงาน บริการหรือขอทาน บังคับตัดอวัยวะเพ่ือการค้า หรือการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ประการอ่ืน ซ่ึงได้กระทำ�ในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติมากข้ึน ประกอบกับ ประเทศไทยได้ลงนามอนุสัญญาสหประชาชาติเพ่อื ต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติท่จี ัดต้งั ในลกั ษณะองคก์ รและพธิ สี ารเพอ่ื ปอ้ งกนั ปราบปราม และลงโทษการคา้ มนษุ ยโ์ ดยเฉพาะ ผหู้ ญงิ และเดก็ เพม่ิ เตมิ อนสุ ญั ญาสหประชาชาตเิ พอ่ื ตอ่ ตา้ นอาชญากรรมขา้ มชาตทิ จ่ี ดั ตง้ั ในลกั ษณะองคก์ ร จงึ ไดย้ กเลกิ พระราชบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว และประกาศใชบ้ งั คบั พระราชบญั ญตั ิ ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เพ่ือให้การป้องกันและปราบปราม การค้ามนุษย์มีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน สอดคล้องกับพันธกรณีของอนุสัญญาและพิธีสาร จัดต้ังกองทุนเพ่ือป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมท้ังปรับปรุงการช่วยเหลือ และคมุ้ ครองสวสั ดภิ าพผเู้ สยี หายใหเ้ หมาะสมเพอ่ื ประโยชนส์ งู สดุ 24
25 ๑. กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ในการศกึ ษานข้ี อน�ำ เสนอกฎหมายวา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ ของประเทศไทยโดยแบง่ ออกเปน็ กฎหมายสารบญั ญตั แิ ละกฎหมายวธิ สี บญั ญตั ิ ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑.๑ กฎหมายสารบญั ญตั ิ กฎหมายสารบัญญัติประกอบด้วยพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การคา้ มนษุ ย ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ ซง่ึ ถอื เปน็ กฎหมายแมบ่ ทวา่ ดว้ ยการ ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ส่วนกฎหมายสารบัญญัติฉบับอ่นื ๆ ท่เี ก่ยี วข้อง กับการกระทำ�ผิดฐานค้ามนุษย์ ได้แก่ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้า ประเวณี พ.ศ. ๒๕๓๙ ประมวลกฎหมายอาญา พระราชบญั ญตั คิ นเขา้ เมอื ง พ.ศ. ๒๕๒๒ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การฟอกเงนิ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ การจดั สวสั ดกิ ารสงั คม พ.ศ. ๒๕๔๖ พระราชบญั ญตั กิ ารรบั เดก็ เปน็ บตุ รบญุ ธรรม พ.ศ. ๒๕๒๒ และพระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการมสี ว่ นรว่ ม ในองคก์ รอาชญากรรมขา้ มชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ ด้วยเหตุท่ีกฎหมายสารบัญญัติท่ีเก่ียวข้องหรือคาบเก่ียวข้องกับการกระทำ� ผดิ ฐานค้ามนุษยม์ หี ลายฉบับและเก่ยี วข้องกบั หลายส่วนราชการ การบังคับใช้กฎหมาย ใหต้ รงตอ่ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยเฉพาะการคา้ มนษุ ยซ์ ง่ึ มคี วามสลบั ซบั ซอ้ น เกย่ี วโยงกบั ท้งั ไทยและต่างประเทศ รวมท้งั อาจเป็นการกระท�ำ ในลักษณะขององค์กรอาชญากรรม ข้ามชาติ จึงข้ึนกับเจ้าหน้าท่ีของรัฐโดยเฉพาะเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจซ่ึงเป็นด่านหน้าในการ เผชญิ กบั ปญั หาขอ้ เทจ็ จรงิ วา่ จะบงั คบั ใชก้ ฎหมายฉบบั ใดเพอ่ื ใหต้ รงกบั ขอ้ เทจ็ จรงิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ มากทส่ี ดุ ทง้ั น้ี หากเจา้ หนา้ ทต่ี �ำ รวจขาดความรคู้ วามเขา้ ใจการกระท�ำ ความผดิ คา้ มนษุ ย์ อยา่ งลกึ ซง้ึ ยอ่ มสง่ ผลใหก้ ารบงั คบั ใชก้ ฎหมาย โดยเฉพาะการรวบรวมพยานหลกั ฐาน ในเบ้ืองต้นอาจเกิดความคลาดเคล่ือน อันส่งผลต่อรูปคดีและอาจทำ�ให้ผู้กระทำ�ผิด ไมต่ อ้ งรบั โทษในการกระท�ำ ผดิ ฐานคา้ มนษุ ย์ แตก่ ลายเปน็ การกระท�ำ ผดิ ฐานอน่ื
๑.๒ กฎหมายวธิ สี บญั ญตั ิ กฎหมายวิธีสบัญญัติซ่ึงใช้ในการพิจารณาคดีท่ีเก่ียวข้องกับการค้ามนุษย์ ในประเทศไทยซ่งึ เป็นประเทศต้นทาง ประเทศทางผ่าน และประเทศปลายทางในการ เคล่ือนย้ายแรงงานจากประเทศต่างๆ ความต้องการแรงงานมากข้ึน เป็นเหตุให้ผู้ใช้ แรงงานจากประเทศเพ่ือนบ้านเข้ามาทำ�งานในประเทศเพ่ิมมากข้ึน ซ่ึงการเข้ามาของ แรงงานขา้ มชาตจิ ะมที ง้ั ทถ่ี กู กฎหมายและผดิ กฎหมาย นอกจากน ้ี ปญั หาความยากจน ความเหลอ่ื มล�ำ้ ทางสงั คม คา่ นยิ มทางวตั ถุ และความไรศ้ ลี ธรรม ท�ำ ใหม้ กี ารขยายตวั ของ ธุรกิจทางเพศ มีการค้าประเวณีหญิงและเด็กผ่านสถานบริการและธุรกิจแอบแฝง หลายรปู แบบดว้ ยสถานการณต์ า่ งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ท�ำ ใหป้ ระเทศไทยไดม้ กี ฎหมาย ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การคา้ มนษุ ยจ์ �ำ นวนหลายฉบบั ประกอบดว้ ยประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา ความอาญา (ในส่วนของอำ�นาจสอบสวนของเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจและพนักงานอัยการ) พระราชบญั ญตั กิ ารสอบสวนคดพี เิ ศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ (ในสว่ นของอ�ำ นาจสอบสวนของ พนกั งานสอบสวนคดพี เิ ศษ กรมสอบสวนคดพี เิ ศษ) นอกจากน้ี ยงั มกี ฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ ง กบั การด�ำ เนนิ คดอี าญาฉบบั อน่ื ๆ ดว้ ย เชน่ พระราชบญั ญตั สิ ถานบรกิ าร พ.ศ. ๒๕๐๙ พระราชบญั ญตั คิ นเขา้ เมอื ง พ.ศ. ๒๕๒๒ พระราชบญั ญตั จิ ดั หางานและคมุ้ ครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ พระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเร่ืองทางอาญา พ.ศ. ๒๕๓๕ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. ๒๕๓๙ พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปราม การฟอกเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๒ พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองเดก็ พ.ศ. ๒๕๔๖ พระราชบญั ญตั ิ ค้มุ ครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๖ พระราชบัญญัติการทำ�งานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ และพระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ เปน็ ตน้ ๑.๓ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑๑ ๑) พระราชบัญญัติมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้า หญิงและเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๐ ยังมิได้กำ�หนดลักษณะความผิดให้ครอบคลุมการกระทำ� ๑ เหตผุ ลแนบทา้ ยพระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ 26
27 เพ่ือแสวงประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคลท่ีมิได้จ�ำ กัดแต่เฉพาะหญิงและเด็กและกระทำ� ด้วยวิธีการท่ีหลากหลายมากข้ึน เช่น การนำ�บุคคลเข้ามาค้าประเวณีในหรือส่งไปค้า นอกราชอาณาจกั ร บงั คบั ใชแ้ รงงาน บรกิ ารหรอื ขอทาน บงั คบั ตดั อวยั วะเพอ่ื การคา้ หรอื การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบประการอ่ืน ซ่ึงปัจจุบันได้กระทำ�ในลักษณะองค์กร อาชญากรรมขา้ มชาตมิ ากยง่ิ ขน้ึ ๒) ประเทศไทยได้ลงนามอนุสัญญาสหประชาชาติเพ่ือต่อต้าน อาชญากรรมขา้ มชาตทิ จ่ี ดั ตง้ั ในลกั ษณะองคก์ ร และพธิ สี ารเพอ่ื ปอ้ งกนั ปราบปรามและ ลงโทษการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก เพ่ิมเติมอนุสัญญาสหประชาชาติ เพอ่ื ตอ่ ตา้ นอาชญากรรมขา้ มชาตทิ จ่ี ดั ตง้ั ในลกั ษณะองคก์ ร จงึ สมควรก�ำ หนดลกั ษณะความผดิ ให้ครอบคลุมการกระทำ�ดังกล่าวเพ่ือให้การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ มปี ระสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ขน้ึ สอดคลอ้ งกบั พนั ธกรณขี องอนสุ ญั ญาและพธิ สี ารจดั ตง้ั กองทนุ เพ่ือป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมท้ังปรับปรุงการช่วยเหลือและคุ้มครอง สวัสดิภาพผ้เู สียหายให้เหมาะสม ซ่งึ เป็นหลักการและเหตุผลในการประกาศใช้พระราช บัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ อันเป็นกฎหมายป้องกัน และปราบปรามการคา้ มนษุ ยโ์ ดยเฉพาะ เพอ่ื ประโยชนส์ งู สดุ ของผเู้ สยี หาย ทม่ี งุ่ เนน้ การ ปกปอ้ งคมุ้ ครองเหยอ่ื ซง่ึ เปน็ หญงิ และเดก็ เปน็ ส�ำ คญั แตเ่ นอ่ื งจากการบงั คบั ใชก้ ฎหมายปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ มิได้เป็นเหตุผลหลักของการออกกฎหมายฉบับน้ี ทำ�ให้การบังคับใช้กฎหมายป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทยยังไม่บรรลุประสิทธิผลเท่าท่ีควร ปัญหา การค้ามนุษย์ในประเทศไทยจึงยังไม่คล่ีคลายไปในทางท่ีดีข้ึนมากนักในสายตาของ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า๒ ๒ ศริ ะ สวา่ งศลิ ป,์ แนวทางเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพการบงั คบั ใชก้ ฎหมายตอ่ ตา้ นการคา้ มนษุ ย์ ของประเทศไทย : ศกึ ษาเปรยี บเทยี บ Trafficking Victims Protection Act 2000 ของสหรฐั อเมรกิ า และพระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑, รายงานการศกึ ษาสว่ นบคุ คล หลกั สตู รนกั บรหิ ารการทตู รนุ่ ท่ี ๖ ปี ๒๕๕๗, สถาบนั การตา่ งประเทศเทวะวงศว์ โรปการ กระทรวงการ ตา่ งประเทศ.
๑.๔ ลกั ษณะส�ำ คญั ของพระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ เพ่ือให้เกิดความเหมาะสมต่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ในปจั จบุ นั ทม่ี คี วามรนุ แรง ซบั ซอ้ น และเปน็ อาชญากรรมขา้ มชาติ เพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพ ในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยกำ�หนดให้มีมาตรการสร้างแรงจูงใจให้ ผู้พบเห็นเหตุการค้ามนุษย์แจ้งข้อมูลต่อเจ้าหน้าท่ีของรัฐ และกำ�หนดมาตรการเพ่ิม อ�ำ นาจทางปกครองใหแ้ กเ่ จา้ หนา้ ท่ี รวมทง้ั ปรบั ปรงุ บทก�ำ หนดโทษทเ่ี กย่ี วขอ้ งใหเ้ หมาะสม ยง่ิ ขน้ึ ๓ ลกั ษณะส�ำ คญั ของพระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ แบง่ ไดเ้ ปน็ ๕ สว่ น ดงั น้ี ๑) กลไกในระดบั นโยบายและระดบั ประสานงานและก�ำ กบั ดแู ล (๑) คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ (ปคม.)๔ ปคม. เป็นคณะกรรมการระดับนโยบาย ประกอบด้วย นายกรฐั มนตรเี ปน็ ประธานกรรมการ รองนายกรฐั มนตรี ซง่ึ เปน็ ประธานคณะกรรมการ ประสานงานและกำ�กับการดำ�เนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย ์ (ประธาน คณะกรรมการ ปกค.) เป็นรองประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทย รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงยตุ ธิ รรม รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงแรงงาน ๓ เหตุผลแนบท้ายพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ๔ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ มาตรา ๑๕ – ๒๑ 28
29 และผู้ทรงคุณวุฒิจำ�นวนส่ีคน ซ่ึงนายกรัฐมนตรีแต่งต้ังจากผู้เช่ียวชาญและมี ประสบการณ์โดดเด่นเป็นท่ีประจักษ์ด้านการป้องกัน การปราบปราม การบำ�บัดฟ้นื ฟู และการประสานงานระหวา่ งประเทศเกย่ี วกบั การคา้ มนษุ ยไ์ มน่ อ้ ยกวา่ เจด็ ปี ดา้ นละหนง่ึ คน (ต้องเป็นภาคเอกชนไม่น้อยกว่าก่ึงหน่ึง) และมีปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมน่ั คงของมนษุ ยเ์ ปน็ เลขานกุ าร ปคม. มีอำ�นาจหน้าท่ใี นการส่งั การและกำ�กับดูแลการดำ�เนินงาน ของคณะกรรมการประสานและกำ�กบั การด�ำ เนนิ งานปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ (ปกค.) และยงั มอี �ำ นาจหนา้ ทส่ี �ำ คญั ๆ ดงั น้ี - เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเพ่ือกำ�หนดนโยบาย ยทุ ธศาสตร์ และมาตรการในการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ รวมทง้ั มาตรการ ในสถานประกอบกจิ การ โรงงาน และยานพาหนะดว้ ย๕ - ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบหรือโครงสร้างของส่วน ราชการทเ่ี กย่ี วขอ้ งและก�ำ กบั ดแู ลการด�ำ เนนิ การตามกฎหมาย - กำ�หนดแนวทางและก�ำ กับดแู ลการดำ�เนนิ การตามพนั ธกรณี ระหว่างประเทศ ตลอดจนการให้ความรว่ มมอื และประสานงานกบั ตา่ งประเทศเกย่ี วกับ การปอ้ งกนั ละปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ - ส่ังการและกำ�กับดูแลให้มีการศึกษาวิจัยและจัดทำ�ข้อมูล แบบบรู ณาการ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ - วางระเบียบเก่ียวกับการจดทะเบียนองค์กรเอกชนท่ีมี วัตถุประสงค์ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ตลอดจนหลักเกณฑ์ในการ ชว่ ยเหลอื ในการด�ำ เนนิ กจิ กรรม - วางระเบยี บโดยความเหน็ ชอบของกระทรวงการคลงั เกย่ี วกบั ทางการเงนิ และการจดั การกองทนุ รวมทง้ั วางระเบยี บเกย่ี วกบั การรายงานสถานะการเงนิ และการจดั การกองทนุ ๕ ก�ำ หนดใหส้ ถานประกอบกจิ การโรงงาน และยานพาหนะใดๆ ตอ้ งอยภู่ ายใตบ้ งั คบั ของ มาตรการดว้ ยนน้ั ตามหลกั การของพระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘
(๒) คณะกรรมการประสานและกำ�กับการดำ�เนินงานป้องกัน และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ (ปกค.)๖ ปกค. มีรองนายกรัฐมนตรีท่ีนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็น ประธานกรรมการ หัวหน้าส่วนราชการท่ีเก่ียวข้องและผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์เป็นเลขานุการ ปกค. มอี �ำ นาจหนา้ ทใ่ี นการจดั ท�ำ และก�ำ กบั การด�ำ เนนิ งานใหส้ อดคลอ้ งกบั นโยบายยทุ ธศาสตร์ และมาตรการในการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ ก�ำ หนดหลกั เกณฑแ์ ละอนมุ ตั ิ การใชเ้ งนิ และทรพั ยส์ นิ ของกองทนุ และด�ำ เนนิ การอน่ื ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมาย ๒) อ�ำ นาจหนา้ ทข่ี องพนกั งานเจา้ หนา้ ท๗่ี กำ�หนดให้มีพนักงานเจ้าหน้าท่ี โดยท้งั บุคคลท่ีเป็นโดยตำ�แหน่ง ไดแ้ ก่ พนกั งานฝา่ ยปกครองและต�ำ รวจชน้ั ผใู้ หญ่ และบคุ คลทร่ี ฐั มนตรแี ตง่ ตง้ั ซง่ึ ในการ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทน่ี น้ั ใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ทเ่ี ปน็ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา และเพอ่ื เป็นการส่งเสริมการปฏิบัติหน้าท่ีของพนักงานเจ้าหน้าท่ีให้มีประสิทธิภาพจึงได้กำ�หนด มาตรการทส่ี �ำ คญั ตา่ งๆ ไวห้ ลายประการ ไมว่ า่ จะเปน็ อ�ำ นาจในการเรยี กใหบ้ คุ คลมาให้ ถอ้ ยค�ำ หรอื สง่ เอกสารหรอื พยานหลกั ฐาน การตรวจคน้ ตวั บคุ คล ยานพาหนะ การเขา้ ไป ในเคหสถานหรือสถานท่ีใดๆ ท่ีมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควร รวมท้ังอำ�นาจหน้าท่ี ในการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ยต์ ามทก่ี ฎหมายก�ำ หนด นอกจากนน้ั นายกรฐั มนตรโี ดยความเหน็ ชอบของคณะรฐั มนตรี ยังมีอำ�นาจออกประกาศกำ�หนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ใน สถานประกอบกจิ การ โรงงาน และยานพาหนะ และประกาศก�ำ หนดใหส้ ถานประกอบ กจิ การ โรงงาน และยานพาหนะใดๆ ตอ้ งอยภู่ ายใตบ้ งั คบั ของมาตรการดงั กลา่ ว ทง้ั น้ ี โดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ๖ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ มาตรา ๒๒ – ๒๕ ๗ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ มาตรา ๒๗ – ๓๒ 30
31 ในกรณีท่พี นักงานเจ้าหน้าท่ตี รวจพบว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์หรือพบการกระทำ�ความผิดตาม พระราชบญั ญตั นิ ใ้ี นสถานประกอบกจิ การโรงงานหรอื ยานพาหนะ หากเจา้ ของ ผคู้ รอบครอง หรอื ผดู้ �ำ เนนิ กจิ การสถานประกอบกจิ การ โรงงาน หรอื ยานพาหนะดงั กลา่ วไมส่ ามารถ ชแ้ี จงหรอื พสิ จู นใ์ หค้ ณะอนกุ รรมการหรอื คณะท�ำ งานท่ี ปกค. หรอื ปคม. แตง่ ตง้ั เชอ่ื ไดว้ า่ ตนไดใ้ ชค้ วามระมดั ระวงั ตามสมควรแกก่ รณแี ลว้ ใหค้ ณะอนกุ รรมการหรอื คณะทำ�งานดงั กลา่ ว มอี �ำ นาจสง่ั อยา่ งหนง่ึ อยา่ งใด ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ปดิ สถานประกอบกจิ การหรอื โรงงานชว่ั คราว (๒) พักใช้ใบอนุญาตประกอบการสำ�หรับการประกอบธุรกิจหรือโรงงาน (๓) ห้ามใช้ ยานพาหนะเปน็ การชว่ั คราว และ (๔) ด�ำ เนนิ มาตรการทจ่ี �ำ เปน็ เพอ่ื ปอ้ งกนั มใิ หม้ กี ารกระท�ำ ผดิ เกดิ ขน้ึ อกี ทง้ั น้ี ไดก้ �ำ หนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารในการใชอ้ �ำ นาจสง่ั ดงั กลา่ วไวด้ ว้ ยแลว้ อน่ึง คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ (ฉบบั ท่ี ..) พ.ศ. .... (พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘) มขี อ้ สงั เกตวา่ การกำ�หนดมาตรการเพ่ิมอำ�นาจทางปกครองให้แก่เจ้าหน้าท่ี โดยให้นายกรัฐมนตรี ออกประกาศกำ�หนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีน้นั จำ�เป็นอย่างย่งิ ท่ผี ้ปู ฏิบัติ ต้องมีความเข้าใจในเจตนารมณ์ของกฎหมาย และมีข้ันตอนและวิธีการปฏิบัติท่ีรัดกุม และรอบคอบ เพ่ือไม่ให้สถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะใดๆ ท่ีอยู่ ภายใต้มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ท่ไี ด้ดำ�เนินการโดยสุจริตเป็นปกติ ต้องได้รับความเสียหายและผลกระทบจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าท่ี ท้ังน้ี ผู้แทน สภาอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย สภาหอการคา้ แหง่ ประเทศไทย สภาอตุ สาหกรรมทอ่ งเทย่ี ว แห่งประเทศไทย เห็นด้วยกับมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ในสถานประกอบกจิ การ โรงงาน และยานพาหนะ เพอ่ื ใหก้ ารบงั คบั ใชก้ ฎหมายวา่ ดว้ ยการ ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์มีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน และเป็นการยับย้ัง การกระท�ำ ความผดิ ฐานคา้ มนษุ ย์
๓) การชว่ ยเหลอื และคมุ้ ครองสวสั ดภิ าพผเู้ สยี หายจากการคา้ มนษุ ย๘์ กำ�หนดมาตรการท่ีสำ�คัญในการให้ความช่วยเหลือและคุ้มครอง สวสั ดภิ าพผเู้ สยี หายจากการคา้ มนษุ ยไ์ วห้ ลายประการ เชน่ ใหก้ ระทรวงการพฒั นาสงั คม และความม่ันคงของมนุษย์พิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่บุคคลซ่ึงเป็นผู้เสียหายจาก การกระท�ำ ความผดิ ฐานคา้ มนษุ ยอ์ ยา่ งเหมาะสมในเรอ่ื งอาหาร ทพ่ี กั การรกั ษาพยาบาล การบ�ำ บดั ฟน้ื ฟทู างรา่ งกายและจติ ใจ การใหก้ ารศกึ ษา การฝกึ อบรม การสง่ กลบั ไปยงั ประเทศเดิมหรือภูมิลำ�เนาของผู้น้ัน และต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้เสียหายก่อนด้วย รวมท้งั ก�ำ หนดให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแจ้งให้ผ้เู สียหายทราบในโอกาส แรกถึงสิทธิท่จี ะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนอันเน่อื งมาจากการกระทำ�ผิดฐานค้ามนุษย์ และสิทธิท่ีจะได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมาย เป็นต้น รวมท้ังห้ามมิให้พนักงาน สอบสวนด�ำ เนนิ คดกี บั ผเู้ สยี หายในความผดิ ฐานเขา้ มา ออกไป หรอื อยใู่ นราชอาณาจกั ร โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อ เจ้าพนักงานฐานปลอมหรือใช้ซ่ึงหนังสือเดินทางปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีและการเข้าไป ม่วั สุมในสถานการค้าประเวณีเพ่อื ค้าประเวณ ี หรือความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวท�ำ งาน โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการทำ�งานของคนต่างด้าว เว้นแต่จะได้รับ อนญุ าตเปน็ หนงั สอื จากรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงยตุ ธิ รรม ๔) กองทนุ เพอ่ื การปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย๙์ กำ�หนดให้จัดต้ัง “กองทุนเพ่ือการป้องกันและปราบปราม การค้ามนุษย์” เพ่ือเป็นทุนใช้จ่ายสำ�หรับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และ เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน โดยให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนมีอำ�นาจ หน้าท่ีในการพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงิน การบริหารกองทุนให้เป็นไปตามระเบียบ ๘ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ มาตรา ๓๓ – ๓๔ ๙ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ มาตรา ๔๒ – ๕๑ 32
33 ท่ีคณะกรรมการกำ�หนด และให้มีคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการด�ำ เนินงาน ของกองทุน มีอำ�นาจหน้าท่ใี นการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการด�ำ เนินงาน ของกองทุน รายงานผลการปฏิบัติงานพร้อมท้งั ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการ รวมท้งั จดั ท�ำ งบดลุ และบญั ชที �ำ การสง่ ส�ำ นกั งานการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ ตรวจสอบและรบั รองทกุ ปี ๕) บทก�ำ หนดโทษ๑๐ โทษสำ�หรับความผิดฐานค้ามนุษย์น้ัน นอกจากผู้ลงมือกระทำ� ความผิดและผู้ตระเตรียมเพ่ือกระทำ�ความผิดแล้ว ยังกำ�หนดโทษสำ�หรับผู้ท่ีสนับสนุน การกระท�ำ ผดิ อปุ การะโดยใหท้ รพั ยส์ นิ จดั หาทป่ี ระชมุ หรอื ทพ่ี �ำ นกั ใหแ้ กผ่ กู้ ระท�ำ ความผดิ ชว่ ยเหลอื ดว้ ยประการใดเพอ่ื ใหผ้ กู้ ระท�ำ ผดิ พน้ จากการจบั กมุ เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดจากผู้กระทำ�ความผิดเพ่ือมิให้ผู้กระทำ�ความผิดถูกลงโทษ ชกั ชวน ชแ้ี นะ หรอื ตดิ ตอ่ บคุ คลใหเ้ ขา้ เปน็ สมาชกิ ขององคก์ รอาชญากรรมเพอ่ื ประโยชน์ ในการกระท�ำ ความผดิ และยงั ก�ำ หนดโทษหนกั ขน้ึ ส�ำ หรบั ผกู้ ระท�ำ ความผดิ ทเ่ี ปน็ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถ่ิน ผู้บริหารท้องถ่ิน ข้าราชการ พนกั งานองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ พนกั งานองคก์ ารหรอื หนว่ ยงานของรฐั กรรมการ หรือผู้บริหารหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าพนักงานหรือกรรมการองค์กรต่างๆ ตามรฐั ธรรมนญู กรรมการ อนกุ รรมการ สมาชกิ ของคณะท�ำ งานและพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี ตามพระราชบัญญัติน้ี รวมท้ังกำ�หนดให้ความผิดฐานค้ามนุษย์เป็นความผิดมูลฐาน ตามพระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๒ ดว้ ย และนอกจากนน้ั พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑(ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ยงั ไดเ้ พม่ิ โทษในความผดิ ฐานคา้ มนษุ ย์ โดยเพม่ิ บทลงโทษใหป้ ระหารชวี ติ ผกู้ ระท�ำ ความผดิ ฐานค้ามนุษย์ กรณีทำ�ให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย โดยเทียบเคียงกับความผิด ฐานฆา่ คนตาย หรอื ความผดิ รา้ ยแรงอน่ื ๆ๑๑ ๑๐ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ มาตรา ๔, ๖, ๘ - ๑๔ และ ๕๒ - ๕๖ ๑๑ บนั ทกึ ความเหน็ และขอ้ เสนอแนะ กม.คปก.(ก) ท่ี ๓๑/๒๕๕๘ คณะกรรมการปฏริ ปู กฎหมาย เรอ่ื ง พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ
๑.๕ หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ จากเอกสารประกอบการประชุมรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของ สหรฐั อเมรกิ า ประจ�ำ ปี ๒๕๕๖ และเอกสารอน่ื ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ซง่ึ จดั ท�ำ โดยกระทรวงพฒั นา สังคมและความม่ันคงของมนุษย์ จำ�แนกหน่วยงานตามอำ�นาจหน้าท่ีเก่ียวข้องกับการ ด�ำ เนนิ การภายใตบ้ รบิ ทของกฎหมายวา่ ดว้ ยการปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ มจี �ำ นวนทง้ั สน้ิ ๑๑ หนว่ ยงาน เปน็ ๒ สว่ นหลกั ดงั น้ี ๑) การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย ประกอบดว้ ย หนว่ ยงานทม่ี อี �ำ นาจหนา้ ท่ี ในการตรวจการ การจบั กมุ ผกู้ ระท�ำ ผดิ การสบื สวนสอบสวน การฟอ้ งคดี การพจิ ารณา คดแี ละลงโทษ ไดแ้ ก่ ส�ำ นกั งานต�ำ รวจแหง่ ชาติ กรมสอบสวนคดพี เิ ศษ ส�ำ นกั งานอยั การ สงู สดุ ส�ำ นกั งานศาลยตุ ธิ รรม กระทรวงแรงงาน (ในสว่ นของการตรวจแรงงาน) กระทรวง การทอ่ งเทย่ี วและกฬี า (ในสว่ นของการดำ�เนนิ การตอ่ การทอ่ งเทย่ี วเพอ่ื ซอ้ื บรกิ ารทางเพศ) ต�ำ รวจน�ำ้ กรมประมง กรมเจา้ ทา่ และกองทพั เรอื (ในสว่ นทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั อตุ สาหกรรม ประมงและการตรวจเรอื ) ทง้ั น้ี ในสว่ นอตุ สาหกรรมประมงมแี รงงานตา่ งดา้ วอยใู่ นสดั สว่ น รอ้ ยละ ๙๙ ของแรงงานทง้ั หมด อน่ึง มีข้อสังเกตว่าอำ�นาจบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงาน ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เขตทางทะเลขน้ึ อยกู่ บั ระยะของเขตทางทะเล ไดแ้ ก่ ต�ำ รวจน�ำ้ และกรมเจา้ ทา่ (ทะเลอาณาเขต ๑๒ ไมลท์ ะเล และเขตตอ่ เนอ่ื ง ๒๔ ไมลท์ ะเล) กองทพั เรอื และกรม ประมง (ตง้ั แตท่ ะเลอาณาเขต ๑๒ ไมลท์ ะเล ออกไปถงึ เขตทะเลหลวง) ซง่ึ แสดงถงึ เขต อำ�นาจดำ�เนินการท่ที ับซ้อนกัน โดยมีศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ ของชาตทิ างทะเล (ศรชล.) ซง่ึ ตง้ั ขน้ึ ตามมตสิ ภาความมน่ั คงแหง่ ชาติ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๐ มนี าคม ๒๕๔๐ และมตคิ ณะรฐั มนตรี เมอ่ื วนั ท่ี ๑๗ เมษายน ๒๕๔๐ อนั เปน็ ไปตามนโยบายและ ยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๖ โดยมภี ารกจิ ประสานการปฏบิ ตั กิ บั หนว่ ยตา่ งๆ ในการปอ้ งกนั และปราบปรามการกระทำ� ผิดกฎหมายในทะเล ตลอดจนกิจกรรมอ่นื ๆ ทางทะเลในส่วนทเ่ี ก่ยี วข้องใหเ้ ป็นไปตาม นโยบายของรัฐบาล ซง่ึ ในส่วนทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การคา้ มนษุ ย์ ไดแ้ ก่ การลกั ลอบเขา้ เมือง โดยผดิ กฎหมาย และการกระท�ำ ผดิ เกย่ี วกบั กฎหมายแรงงาน แตม่ ไิ ดค้ รอบคลมุ ถงึ กฎหมาย 34
35 ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างชัดเจน เน่อื งจากพระราชบัญญัติ ปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ยม์ ผี ลบงั คบั ภายหลงั การกอ่ ตง้ั ศรชล. ถงึ ๑๐ ปี ดังน้นั การตรวจพบการค้ามนุษย์จึงเป็นประเด็นรองหรือคาบเก่ยี วกับการตรวจตราตาม กฎหมายอน่ื ๆ มใิ ชป่ ระเดน็ หลกั แตป่ จั จบุ นั เพอ่ื ด�ำ เนนิ การตามแผนความมน่ั คงแหง่ ชาติ ทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖๔ และสภาวะแวดลอ้ มดา้ นความมน่ั คงทางทะเล ศรชล. จ�ำ เปน็ ตอ้ งมคี วามพรอ้ มทจ่ี ะรบั มอื กบั ภยั คกุ คามรปู แบบใหม่ โดยยกระดบั จาก “ศนู ยป์ ระสาน การปฏบิ ตั ใิ นการรกั ษาผลประโยชนข์ องชาตทิ างทะเล” เปน็ “ศนู ยอ์ �ำ นวยการในการรกั ษา ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล” (ยังคงใช้ตัวย่อเดิมว่า ศรชล.) ข้ึนตรงต่อสำ�นักนายก รฐั มนตรแี ละมบี ทบาทเปน็ องคก์ รในการอ�ำ นวยการ ก�ำ กบั การ และประสานการปฏบิ ตั ิ ในการรกั ษาผลประโยชนข์ องชาตทิ างทะเล กบั หนว่ ยราชการอน่ื ๆ ของรฐั และองคก์ ร หรอื หนว่ ยงานความมน่ั คงทางทะเลระหวา่ งประเทศทเ่ี กย่ี วขอ้ ง๑๒ ๒) การช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่นั คงของมนุษย์ สำ�นักงานตำ�รวจแห่งชาติ ส�ำ นกั งานอยั การสงู สดุ ส�ำ นกั งานศาลยตุ ธิ รรม และ กระทรวงมหาดไทย ทง้ั น้ี มขี อ้ สงั เกตวา่ คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ (ปคม.) และคณะกรรมการ ประสานและกำ�กับการดำ�เนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปกค.) ซ่ึงทำ� หน้าท่กี ำ�กับดูแลและประสานการปฏิบัติหน้าท่ขี องหน่วยงานท่เี ก่ยี วข้องตามท่กี ล่าวแล้ว ข้างต้นน้นั ท้งั ปคม. และ ปกค. จะมีอำ�นาจส่งั การก็เพียงแต่การให้มีการศึกษาวิจัย และจดั ท�ำ ขอ้ มลู แบบบรู ณาการเพอ่ื ประโยชนใ์ นการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ ซ่ึงใช้ประโยชน์ในฐานะข้อมูลสนับสนุนการดำ�เนินการเท่าน้ัน ไม่มีอำ�นาจส่ังการบังคับ บัญชาโดยเฉพาะอย่างย่ิงในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับอำ�นาจหน้าท่ีในการบังคับใช้กฎหมาย แตอ่ ยา่ งใด ๑๒ ดรู ายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ จาก (ออนไลน)์ http://www.civil.navy.mi.th/%20final.pdf เขา้ ถงึ ขอ้ มลู เมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ มถิ นุ ายน ๒๕๕๘
๒. การด�ำ เนนิ การในการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ ๒.๑ การด�ำ เนนิ การตอ่ ตา้ นการคา้ มนษุ ยต์ ามหลกั 5Ps ประเทศไทยดำ�เนินการต่อต้านการค้ามนุษย์ตามหลัก 5Ps ได้แก่ (๑) ดา้ นนโยบายและการน�ำ ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ (Policy) (๒) ดา้ นการด�ำ เนนิ คดี (Prosecution) (๓) ดา้ นการคมุ้ ครองชว่ ยเหลอื (Protection) (๔) ดา้ นการปอ้ งกนั (Prevention) และ (๕) ดา้ นความรว่ มมอื และการประสานความเปน็ หนุ้ สว่ นในการแกไ้ ขปญั หา (Partnership) ซง่ึ การแกไ้ ขปญั หาในแตล่ ะดา้ นควรทจ่ี ะตอ้ งสอดรบั กนั เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพและแกไ้ ข ปัญหาอย่างเป็นระบบและย่ังยืน ซ่ึงประเทศสหรัฐอเมริกาประสงค์ท่ีจะเห็นการเพ่ิม ประสิทธิภาพของประเทศไทยในการดำ�เนินคดีต่อผู้กระทำ�ความผิด รวมถึงเจ้าหน้าท่ี ของรฐั ซง่ึ เปน็ ผกู้ ระท�ำ หรอื มสี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั การกระท�ำ ความผดิ สง่ ผลใหป้ ระเทศไทยตอ้ งรบี แกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ วอยา่ งจรงิ จงั ซง่ึ ประเทศไทยไดเ้ สนอ P ท่ี ๖ หรอื Pathway ahead๑๓ อันเป็นการแสดงเจตจำ�นงท่ีจะแก้ไขปัญหาซ่งึ นำ�ไปส่กู ารป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้า มนษุ ยใ์ นระดบั รากเหงา้ ของปญั หา (root causes) เพอ่ื ปกปอ้ งสทิ ธมิ นษุ ยชนขน้ั พน้ื ฐาน และเพอ่ื ขจดั การคา้ มนษุ ยใ์ หห้ มดไปอยา่ งแทจ้ รงิ ถอื เปน็ การด�ำ เนนิ การใน “เชงิ คณุ ภาพ” ควบคกู่ บั การด�ำ เนนิ การบงั คบั คดเี พอ่ื การแกไ้ ขปญั หาการคา้ มนษุ ยเ์ ชงิ รกุ อยา่ งยง่ั ยนื อนง่ึ มตคิ ณะรฐั มนตรเี มอ่ื วนั ท่ี ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ไดเ้ หน็ ชอบ นโยบาย ยุทธศาสตร์ และมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๙ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ใหท้ กุ ภาคสว่ นทเ่ี กย่ี วขอ้ งในการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ ทง้ั ภาครฐั ภาคเอกชน องคก์ ารระหวา่ งประเทศ และภาคประชาสงั คม ใช้เป็นแนวทางในการดำ�เนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ร่วมกัน ตามหลักบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เพ่อื เป็นการระดม ๑๓ สถานเอกอคั รราชทตู ณ กรงุ วอชงิ ตนั , โทรเลข, ท่ี WAS ๒๖๕/๒๕๕๗, ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗. อา้ งใน ศริ ะ สวา่ งศลิ ป,์ แนวทางเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพการบงั คบั ใชก้ ฎหมายตอ่ ตา้ นการคา้ มนษุ ย์ ของประเทศไทย : ศกึ ษาเปรยี บเทยี บ Trafficking Victims Protection Act 2000 ของสหรฐั อเมรกิ า และ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑. 36
37 สรรพกำ�ลังและความคิดเห็นจากปัญหาและอุปสรรคในการทำ�งานทุกระดับและให้บรรลุ ความมุ่งหวังร่วมกันตามเจตนารมณ์ของนโยบาย ยุทธศาสตร์ และมาตรการในการ ปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๔ – ๒๕๕๙ โดยมกี ระทรวงการพฒั นา สงั คมและความมน่ั คงของมนษุ ยเ์ ปน็ เจา้ ภาพหลกั ในการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ และมีศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์แห่งชาติ (ศปคม. แห่งชาติ) สงั กดั ส�ำ นกั งานปลดั กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนษุ ย์ เปน็ หนว่ ยงานกลาง ในการประสานการขบั เคลอ่ื นการด�ำ เนนิ การตอ่ ตา้ นการคา้ มนษุ ยต์ ามหลกั 5Ps ภายใต้นโยบายยุทธศาสตร์และมาตรการดังกล่าว ได้มีการแต่งต้ัง องคก์ รดงั ตอ่ ไปน้ี เพอ่ื เปน็ กลไกบรหิ ารนโยบาย ยทุ ธศาสตร์ และมาตรการในการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ ไดแ้ ก่ ๑) คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ (ปคม.) ๒) คณะกรรมการประสานและกำ�กับการดำ�เนินงานป้องกันและ ปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ (ปกค.) ทง้ั น ้ี ยงั ไดม้ กี ารจดั ตง้ั คณะอนกุ รรมการตามหลกั 5Ps หรอื ประเดน็ ยทุ ธศาสตร์ ทง้ั ๕ ดา้ น ไดแ้ ก่ คณะอนกุ รรมการปอ้ งกนั คณะอนกุ รรมการด�ำ เนนิ คดี คณะอนกุ รรมการคมุ้ ครองชว่ ยเหลอื คณะอนกุ รรมการพฒั นากลไกเชงิ นโยบายและการ ขบั เคลอ่ื น และคณะอนกุ รรมการพฒั นาและบรหิ ารขอ้ มลู เพอ่ื ทำ�หนา้ ทข่ี บั เคลอ่ื นและ บูรณาการการดำ�เนินงานตามมาตรการของแต่ละประเด็นในการป้องกันและปราบปราม การคา้ มนษุ ย์ รายงานผลตอ่ ปคม. และ ปกค. ตอ่ ไป๑๔ ๒.๒ ความตกลงระหว่างประเทศท่ีไทยลงนามในกรอบการป้องกัน และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ ประเทศไทยมคี วามตกลงเกย่ี วกบั การปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ ๑๔ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์แห่งชาติ สำ�นักงานปลัดกระทรวง การพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์, นโยบาย ยุทธศาสตร์ และมาตรการในการป้องกัน และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙, หนา้ ๒๗ - ๒๘.
ทง้ั ในระดบั ทวภิ าคแี ละพหภุ าคี รวมแลว้ ไมต่ �ำ่ กวา่ ๑๐ ฉบบั อนั เปน็ การแสดงเจตนารมณ์ ในการรว่ มมอื กบั นานาประเทศและองคก์ ารระหวา่ งประเทศในการปอ้ งกนั และปราบปราม การค้ามนุษย์ แต่ในส่วนของความร่วมมือในเชิงห้นุ ส่วนกับสหรัฐอเมริกาในการป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ยังไม่ปรากฏในรูปแบบความตกลงใดๆ ซ่ึงในปัจจุบัน ประเทศสหรัฐอเมริกาให้ความสำ�คัญกับการปราบปรามการค้ามนุษย์ รัฐบาลไทยก็ควร พิจารณาจัดทำ�ความร่วมมือกับประเทศสหรัฐอเมริกา โดยอาจพิจารณาจากต้นแบบ ของความร่วมมือไตรภาคีระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ซ่ึงสำ�นักงาน ความร่วมมือเพ่ือการพัฒนาระหว่างประเทศ (ส.พ.ร.) และรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยเอกอคั รราชทตู สหรฐั ฯ ไดจ้ ดั ท�ำ ขอ้ ตกลง (Letter of Agreement : LOA) เพอ่ื เปน็ กรอบความร่วมมือท่รี ัฐบาลสหรัฐอเมริกา ให้แก่รัฐบาลไทยในการสนับสนุนการดำ�เนินงาน ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รวมถึงอาชญากรรมอ่ืนท่ีเก่ียวข้องกับยาเสพติด โดย LOA ประกอบดว้ ยแผนงาน วงเงนิ งบประมาณ รวมถงึ หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั แผนงาน ดงั กลา่ ว๑๕ ๒.๓ การดำ�เนินนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ในอตุ สาหกรรมประมง เนอ่ื งจากแรงงานตา่ งดา้ วในอตุ สาหกรรมประมงมสี ดั สว่ นมากถงึ รอ้ ยละ ๙๙ ของแรงงานท้งั หมด ประเทศไทยจึงให้ความสำ�คัญต่อการป้องกันและปราบปราม การคา้ มนษุ ยใ์ นรปู ของการบงั คบั ใชแ้ รงงาน ดงั น้ี ๑) การจัดต้ังศูนย์ประสานแรงงานประมง โดยเป็นโครงการนำ�ร่อง ในพน้ื ท่ี ๗ จงั หวดั คอื จงั หวดั สมทุ รสาคร จงั หวดั ระยอง จงั หวดั ตราด จงั หวดั ชมุ พร จังหวัดสงขลา จังหวัดระนอง และจังหวัดสตูล โดยเบ้อื งต้นได้เปิดให้แรงงานต่างด้าว ทห่ี ลบหนเี ขา้ เมอื งทล่ี กั ลอบท�ำ งานประมงทม่ี นี ายจา้ งอยใู่ นปจั จบุ นั มาจดทะเบยี น โดยเปดิ รบั จดทะเบยี นปลี ะสองครง้ั ๆ ละสามเดอื น ๑๕ ศริ ะ สวา่ งศลิ ป,์ แนวทางเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพการบงั คบั ใชก้ ฎหมายตอ่ ตา้ นการคา้ มนษุ ย์ ของประเทศไทย : ศกึ ษาเปรยี บเทยี บ Trafficking Victims Protection Act 2000 ของสหรฐั อเมรกิ า และ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑. 38
39 ๒) จัดทำ�แนวปฏิบัติการใช้แรงงานท่ีดีสำ�หรับสถานประกอบการ แปรรปู สตั วน์ �ำ้ เบอ้ื งตน้ ในอตุ สาหกรรมแปรรปู กงุ้ และอาหารทะเลในประเทศไทย (Good Labor Practices Guidelines for Primary Processing Workplaces in the Shrimp and Seafood Industry of Thailand – GLP/PPW) ซง่ึ ไดป้ ระกาศใชเ้ มอ่ื เดอื นกนั ยายน ๒๕๕๖ โดยจัดทำ�ข้นึ บนพ้นื ฐานกฎหมายแรงงานของประเทศไทยและมาตรฐานแรงงานระหว่าง ประเทศ เน้นประเด็นการใช้แรงงานบังคับ การใช้แรงงานเด็ก เสรีภาพในการสมาคม การเจรจาตอ่ รองรว่ ม และความรว่ มมอื ในสถานประกอบการ การไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิ คา่ จา้ ง ช่วั โมงการทำ�งาน ค่าชดเชย ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการ ท�ำ งานและสวสั ดกิ าร ๓) เพ่ิมความเข้มข้นการตรวจแรงงานประมง โดยจัดทำ�โครงการ ตรวจเรือประมงและแรงงานประมงแบบบูรณาการระหว่างต�ำ รวจนำ�้ กระทรวงแรงงาน กรมประมง กรมเจ้าท่า และหน่วยงานอ่ืนท่ีเก่ียวข้อง โดยเร่ิมดำ�เนินการต้ังแต่เดือน มกราคม ๒๕๕๗๑๖ อน่ึง มีข้อสังเกตว่า ส่วนหน่ึงของปัญหาการค้ามนุษย์ท่ีเกิดข้ึน ในอตุ สาหกรรมประมงเกดิ จากการท่แี รงงานประมงบางสว่ นไม่อยภู่ ายใตก้ ารคมุ้ ครองของ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน เน่ืองจากกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมได้ออกกฎ กระทรวง ฉบบั ท่ี ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองแรงงาน ไม่ครอบคลุมการคุ้มครองแรงงานประมงในงานประมงทะเลท่ีมีจ�ำ นวนลูกจ้างน้อยกว่า ย่ีสิบคน และไม่ครอบคลุมเรือประมงท่ีไปดำ�เนินการประจำ�อยู่นอกราชอาณาจักร ตดิ ตอ่ กนั ตง้ั แตห่ นง่ึ ปขี น้ึ ไป ซง่ึ ผคู้ า้ มนษุ ยอ์ าจสบชอ่ งในการใชป้ ระโยชนจ์ ากชอ่ งโหวข่ อง กฎหมายเพอ่ื หลกี เลย่ี งการตรวจแรงงานและความรบั ผดิ ตามกฎหมายคมุ้ ครองแรงงาน ๑๖ วฒั นวทิ ย์ คชเสน,ี การวเิ คราะหบ์ ทบาทของประเทศไทยในการเปน็ หนุ้ สว่ นกบั ประเทศ พฒั นาแลว้ เพอ่ื ใหค้ วามรว่ มมอื แกป่ ระเทศทส่ี าม (ความรว่ มมอื ไตรภาค)ี , รายงานการศกึ ษาสว่ นบคุ คล สถาบนั เทวะวงศว์ โรปการ กระทรวงการตา่ งประเทศ, ๒๕๕๕, หนา้ ๒๙ - ๓๐.
๒.๔ การด�ำ เนนิ งานดา้ นการชว่ ยเหลอื คมุ้ ครองผเู้ สยี หายจากการคา้ มนษุ ย์ ๑) ศูนย์ช่วยเหลือสังคม (One Stop Crisis Center : OSCC) เปน็ โทรศพั ทส์ ายดว่ นหมายเลข ๑๓๐๐ เพอ่ื รบั ขอ้ รอ้ งเรยี นเกย่ี วกบั ปญั หาสงั คมรวมถงึ ปญั หา การค้ามนุษย์ เพ่ือนำ�ไปสู่การช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ท้ังชาวไทยและชาว ต่างประเทศในประเทศไทย โดยมีล่ามภาษาเพ่ือนบ้านให้บริการ และเปิดดำ�เนินงาน ตลอด ๒๔ ชว่ั โมง ๒) การดำ�เนินงานให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดย (๑) อนญุ าตใหอ้ ยใู่ นประเทศไทยไดช้ ว่ั คราวเพอ่ื ฟน้ื ฟสู ภาพรา่ งการและจติ ใจ รวมทง้ั การฝกึ อาชพี และทกั ษะ (๒) อนญุ าตใหผ้ เู้ สยี หายออกไปท�ำ งานนอกบา้ นพกั เมอ่ื มคี วาม พรอ้ ม และ (๓) การด�ำ เนนิ คดเี พอ่ื เรยี กรอ้ งคา่ สนิ ไหมทดแทนใหก้ บั ผเู้ สยี หายจากภาครฐั และจากผกู้ ระท�ำ ผดิ ฐานคา้ มนษุ ย์ ๒.๕ การด�ำ เนนิ งานดา้ นการปอ้ งกนั รัฐบาลไทยมีมาตรการในการป้องกันและลดความเส่ียงท่ีจะเกิดข้ึน ในกรณกี ารคา้ มนษุ ยใ์ นรปู แบบการบงั คบั ใชแ้ รงงาน ไดแ้ ก่ (๑) การสง่ เสรมิ การจา้ งงาน โดยภาครฐั โดยเฉพาะการน�ำ เขา้ แรงงานตา่ งดา้ วจากประเทศเพอ่ื นบา้ นภายใตค้ วามตกลง ทวภิ าค ี (๒) การสง่ เสรมิ การไปท�ำ งานในตา่ งประเทศของแรงงานไทยโดยรฐั เปน็ ผจู้ ดั สง่ เอง เชน่ การสง่ แรงงานไทยไปท�ำ งานตามขอ้ ตกลงไทย-อสิ ราเอล (๓) การเพม่ิ ความเขม้ ขน้ ในการตรวจแรงงานตามพระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองแรงงานฯ โดยเฉพาะในสถานประกอบการ ทเ่ี ปน็ กลมุ่ เสย่ี งทใ่ี ชแ้ รงงานตา่ งดา้ วเปน็ จ�ำ นวนมาก และ (๔) การปอ้ งกนั เพอ่ื ลดการแสวง ประโยชนท์ างเพศจากเดก็ ในธรุ กจิ ทอ่ งเทย่ี ว อยา่ งไรกต็ าม รฐั บาลไทยควรพจิ ารณาเขา้ เปน็ ภาคี Migrant Workers Convention 1990 ซง่ึ มขี อ้ บทในเชงิ ปอ้ งกนั การคา้ มนษุ ยเ์ พอ่ื ใชแ้ รงงาน เชน่ ขอ้ ๑๑ ก�ำ หนดมใิ หน้ �ำ แรงงานลงเปน็ ทาส เปน็ ตน้ ๑๗ ๑๗ ศริ ะ สวา่ งศลิ ป,์ เรอ่ื งเดยี วกนั . 40
41 ๒.๖ การสรา้ งความรว่ มมอื กบั ภาคประชาสงั คม การสร้างความร่วมมือท่ีสำ�คัญ เช่น (๑) ความร่วมมือกับผู้บังคับใช้ กฎหมายโดยเฉพาะการให้เบาะแสสำ�คัญว่าพบกรณีการค้ามนุษย์ซ่ึงจะนำ�ไปสู่การ ช่วยเหลือผู้เสียหายและการจับกุมผู้กระทำ�ผิด (๒) ความร่วมมือกับทีมสหวิชาชีพ ในกระบวนการคดั แยกผเู้ สยี หายจากการคา้ มนษุ ย์ และ (๓) ความรว่ มมอื กบั ภาครฐั ในระดบั นโยบาย โดยมตี วั แทนภาคประชาสงั คมเปน็ สมาชกิ ใน ปกค.๑๘ นอกจากนน้ั ยงั มกี ารพฒั นา ความพัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานท้งั ในประเทศ (หน่วยงานท่เี ก่ยี วกับการป้องกัน และปราบปรามการตอ่ ตา้ นการคา้ มนษุ ย)์ เชน่ กรมสอบสวนคดพี เิ ศษ โดยศนู ยต์ อ่ ตา้ น การค้ามนุษย์ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายไทย - ลาว ตามแผนปฏบิ ตั กิ ารบนั ทกึ ความเขา้ ใจไทย - ลาว วา่ ดว้ ยความรว่ มมอื ตอ่ ตา้ นการคา้ มนษุ ย์ ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๘) เพอ่ื สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ ง กับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และการคุ้มครองพยาน ให้กับเจ้าหน้าท่ี ทป่ี ฏบิ ตั งิ านเกย่ี วกบั การคา้ มนษุ ยข์ องประเทศสาธารณรฐั ประชาชนลาวและประเทศไทย โดยผู้เข้าร่วมประชุมฯ เป็นผู้แทนฝ่ายไทยประกอบด้วย สถาบันเพ่ือการยุติธรรม แหง่ ประเทศ ส�ำ นกั งานอยั การสงู สดุ ส�ำ นกั งานศาลยตุ ธิ รรม ส�ำ นกั งานยทุ ธศาสตรต์ �ำ รวจ ส�ำ นกั งานตรวจคนเขา้ เมอื ง กองบงั คบั การปราบปรามการกระท�ำ ความผดิ เกย่ี วกบั การคา้ มนษุ ย์ กรมพฒั นาสงั คมและสวสั ดกิ าร UN-ACT ประจ�ำ ประเทศไทย และกรมสอบสวน คดีพิเศษ ส่วนผู้เข้าร่วมประชุมฯ ฝ่ายลาวประกอบด้วย กองตำ�รวจสกัดก้ันและต้าน การคา้ มนษุ ย ์ หนว่ ยตา้ นการคา้ มนษุ ยน์ ครหลวง แผนกตา้ นการคา้ มนษุ ย ์ ประจ�ำ ดา่ นต�ำ รวจ ตรวจคนเขา้ เมอื ง ส�ำ นกั งานศาลยตุ ธิ รรม กรมอยั การ กรมกฎหมาย กระทรวงยตุ ธิ รรม กรมสงั คมสงเคราะห์ กระทรวงแรงงาน สหพนั ธแ์ มห่ ญงิ ลาว UN-ACT ประจ�ำ สปป.ลาว UNODC, AAPTIP และ World Vision Laos ๑๘ กระทรวงการตา่ งประเทศ, โทรเลข, ท่ี ๑๐๐๒/ว ๒๕๑/๒๕๕๗, ๘ เมษายน ๒๕๕๗, ๑๖
๒.๗ มาตรการเรง่ ดว่ น แผนแมบ่ ทเรง่ ดว่ นเพอ่ื ขบั เคลอ่ื นการดำ�เนนิ งานปอ้ งกนั และปราบปราม การค้ามนุษย์ ประจำ�ปี ๒๕๕๖ ตามท่กี ระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่นั คงของ มนษุ ยเ์ สนอ และมอบหมายใหห้ นว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ด�ำ เนนิ งานปอ้ งกนั และปราบปราม การคา้ มนษุ ยใ์ นหวั ขอ้ ส�ำ คญั ๙ ขอ้ คอื ๑๙ ๑) การคา้ มนษุ ยใ์ นรปู แบบแรงงาน ๒) การดแู ลแรงงานทเ่ี สย่ี งตอ่ การถกู คา้ มนษุ ย์ ๓) การปรบั ปรงุ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎหมายอน่ื ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ๔) ระบบการคดั แยกผเู้ สยี หายจากการคา้ มนษุ ย์ ๕) การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการด�ำ เนนิ คดี ๖) การอนุญาตให้ผู้เสียหายอยู่ในราชอาณาจักรและทำ�งานได้ เปน็ การชว่ั คราว (ตามมาตรา ๓๗ แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑) ๗) การคา้ มนษุ ยก์ บั การทอ่ งเทย่ี ว ๘) การใหข้ อ้ มลู และภาพลกั ษณข์ องประเทศไทย ๙) ทรพั ยากรในการด�ำ เนนิ งานตามแผนแมบ่ ทเรง่ ดว่ น ๓. มาตราเรง่ ดว่ นภายหลงั การถกู ปรบั ลดใหป้ ระเทศไทยใหอ้ ยรู่ ะดบั Tier3 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีมาตราเร่งด่วนเพ่ือรองรับ สถานการณ์ท่ีเกิดข้ึนและเพ่ือแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ ภายหลังการถูกปรับลดให้ ประเทศไทยอยใู่ นระดบั Tier3 โดยการออกค�ำ สง่ั และประกาศหลายฉบบั ดงั น้ี ๑๙ มตคิ ณะรฐั มนตรี เมอ่ื วนั ท่ี ๒๗ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๖ (เปน็ มาตรการกอ่ นการถกู ปรบั ลด ใหป้ ระเทศไทยใหอ้ ยรู่ ะดบั Tier3) 42
43 ๓.๑ มาตรการชว่ั คราวเพอ่ื แกไ้ ขปญั หาแรงงานตา่ งดา้ วอยา่ งเปน็ ระบบ คสช. มีคำ�ส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงาน ต่างด้าว (กนร.) เพ่ือแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวท้ังระบบแบบบูรณการ ครอบคลุม ท้ังการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวในพ้ืนท่ีชายแดนแบบมาเช้า - เย็นกลับ แรงงาน ตามฤดูกาล แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองท่ีได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เปน็ การชว่ั คราว และแรงงานตา่ งดา้ วประเภทอน่ื ๆ เพอ่ื ลดผลกระทบตอ่ ดา้ นเศรษฐกจิ และสงั คม โดย กนร. มอี �ำ นาจหนา้ ทใ่ี นการเสนอแนะนโยบาย มาตรการ และแนวทางการ ด�ำ เนนิ การแกไ้ ขปญั หาทง้ั ระบบตอ่ คสช. อ�ำ นวยการ ก�ำ กบั ดแู ล ตดิ ตามผลการด�ำ เนนิ การตามนโยบายการแกป้ ญั หาแรงงานตา่ งดา้ ว และรายงานผลตอ่ คสช. และพจิ ารณา ใหค้ วามเหน็ ชอบแผนงาน โครงการ และมาตรการทเ่ี กย่ี วขอ้ งกอ่ นน�ำ เสนอ คสช. รวมทง้ั พจิ ารณาสนบั สนนุ ใหท้ บทวนกฎหมาย ระเบยี บปฏบิ ตั ิ และมตคิ ณะรฐั มนตรที เ่ี กย่ี วขอ้ ง ใหส้ ามารถสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การปฏบิ ตั งิ านใหเ้ ปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพยง่ิ ขน้ึ และ ยังแต่งต้ังคณะอนุกรรมการประสานงานการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว (อกนร.)๒๐ ใหท้ �ำ หนา้ ทเ่ี สนอแนะนโยบายหรอื มาตรการตอ่ กนร. ประสานงาน ตดิ ตามการด�ำ เนนิ งาน และใหข้ อ้ เสนอแนะแกส่ ว่ นราชการ รวมทง้ั พจิ ารณาทบทวน ปรบั ปรงุ และพฒั นาหลกั เกณฑ์ ในการบริหารจัดการเสนอต่อ กนร. เป็นต้น เพ่ือช่วยให้การปฏิบัติงานของ กนร. มปี ระสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ขน้ึ ๒๑ ๒๐ คำ�ส่งั คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับท่ ี ๕๙/๒๕๕๗ เร่อื ง แต่งต้งั คณะกรรมการ นโยบายการจดั การปญั หาแรงงานตา่ งดา้ ว และค�ำ สง่ั คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๖๐/๒๕๕๗ เรอ่ื ง แตง่ ตง้ั คณะอนกุ รรมการประสานงานการจดั การปญั หาแรงงานตา่ งดา้ ว ประกาศ ณ วนั ท ่ี ๑๑ มถิ นุ ายน ๒๕๕๗ ๒๑ ภายใตก้ ารด�ำ เนนิ การตามค�ำ สง่ั คสช. ฉบบั ท่ี ๕๙/๒๕๕๘ และ ฉบบั ท่ี ๖๐/๒๕๕๘ ในระยะแรกได้สร้างความต่ืนตระหนกให้กับแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะแรงงานชาวกัมพูชาท่ีต่างทยอย เดินทางกลับประเทศ จนส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาค อตุ สาหกรรม และการใชแ้ รงงาน
ต่อมา คสช. ได้ประกาศแจ้งมาตรการช่ัวคราวในการดำ�เนินการ ตอ่ แรงงานตา่ งดา้ ว ใหท้ ราบวา่ คสช. ไมม่ นี โยบายทจ่ี ะเรง่ รดั จดั กมุ กวาดลา้ งแรงงานตา่ งดา้ ว แต่ในทางตรงข้าม คสช. มีเจตนาท่ีจะกำ�หนดให้มีมาตรการควบคุมแรงงานต่างด้าว โดยใหผ้ ปู้ ระกอบการ นายจา้ ง ทป่ี ระกอบกจิ การบนบกและทางทะเล จดั เตรยี มรายชอ่ื ลูกจ้างในสังกัดให้ครบถ้วน เพ่ือให้พร้อมรับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้อง และเพ่อื เป็นการป้องกันการกระท�ำ ผิดกฎหมาย ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม การจา้ งงานทไ่ี มเ่ ปน็ ธรรม การประทษุ รา้ ย รวมทง้ั เพอ่ื ใหแ้ รงงานไดร้ บั การดแู ลอยา่ งเปน็ ธรรม ตามหลักสิทธิมนุษยชน และหลักมนุษยธรรม ตลอดจนสามารถช้ีแจงต่างประเทศได้ โดยไมถ่ กู ลดระดบั ความนา่ เชอ่ื ถอื ๒๒ ๓.๒ มาตรการเรง่ ดว่ นในการปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย ์ และ การแกไ้ ขปญั หาแรงงานตา่ งดา้ ว ระยะท่ี ๑ เปน็ การชว่ั คราว คสช. ได้ประกาศให้นายจ้างท่ีใช้แรงงานต่างด้าวดำ�เนินการ ตามกระบวนการทางกฎหมาย โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ผนู้ ายจา้ งในอตุ สาหกรรมประมงและกจิ การ ต่อเน่ือง เพ่ือให้แรงงานต่างด้าวได้รับความคุ้มครองในการท�ำ งาน รวมท้ังให้นายจ้าง และแรงงานตา่ งดา้ วทอ่ี าศยั อยใู่ นประเทศไทยใหค้ วามรว่ มมอื ในการดำ�เนนิ การตามแนวทาง ทร่ี าชการก�ำ หนด เพอ่ื ใหท้ างการไทยสามารถใหก้ ารคมุ้ ครองดแู ลตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน ตามมาตรการระยะท่ี ๑ ทย่ี งั มกี ารผอ่ นผนั เพอ่ื ใหง้ า่ ยตอ่ การจดั ระเบยี บตอ่ ไป โดยในชว่ งน้ี คสช. มมี าตรการผอ่ นผนั ใหผ้ ปู้ ระกอบการ นายจา้ ง จดั ท�ำ บญั ชแี รงงานตา่ งดา้ วทอ่ี ยใู่ น ความดูแลให้ครบถ้วน แต่ยังต้องมีการควบคุม โดยให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงาน ทเ่ี กย่ี วขอ้ งบงั คบั ใชก้ ฎหมายยา่ งจรงิ จงั มปี ระสทิ ธภิ าพในการปอ้ งกนั ปราบปรามผกู้ ระท�ำ ผิดการค้ามนุษย์ และขบวนการลักลอบนำ�พาแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพ่ือให้สามารถคุ้มครองดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน และหากเจ้าหน้าท่ีรัฐคนใด ๒๒ ประกาศคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๖๗/๒๕๕๗ เรอ่ื ง มาตรการชว่ั คราวในการ ด�ำ เนนิ การตอ่ แรงงานตา่ งดา้ ว เมอ่ื วนั ท่ี ๑๖ มถิ นุ ายน ๒๕๕๗ 44
45 ปลอ่ ยปละละเลย หรอื เขา้ ไปมสี ว่ นเกย่ี วขอ้ งการแสวงหาประโยชนโ์ ดยมชิ อบดว้ ยกฎหมาย ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การคา้ มนษุ ย์ จะตอ้ งถกู ด�ำ เนนิ การทางวนิ ยั ทางอาญาทนั ที โดยการด�ำ เนนิ การ ตามประกาศฉบับน้ีให้คณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว เปน็ ผตู้ ดิ ตามผลการด�ำ เนนิ งานและรายงานตอ่ คสช.๒๓ ๓.๓ การจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ในการแก้ไข ปญั หาแรงงานตา่ งดา้ วอยา่ งบรู ณาการทง้ั ระบบ ๑) คณะกรรมการนโยบายการจดั การปัญหาแรงงานต่างดา้ วและการ คา้ มนษุ ย์ คสช. มีคำ�ส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหา แรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ให้มีอ�ำ นาจหน้าท่ใี นการเสนอแนะนโยบาย มาตรการ และแนวทางการดำ�เนินการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวการป้องกันและปราบปรามการ คา้ มนษุ ย์ การบงั คบั ใชแ้ รงงาน และการใชแ้ รงงานเดก็ ตอ่ คสช. อ�ำ นวยการ ก�ำ กบั ดแู ล ติดตามผลการดำ�เนินการตามนโยบายการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว การป้องกันและ ปราบปรามการค้ามนุษย์ การดำ�เนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศและรายงานผล ตอ่ คสช. พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ ชอบ ยทุ ธศาสตร์ แผนงาน โครงการ และมาตรการ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกอ่ นน�ำ เสนอ คสช. พจิ ารณาสนบั สนนุ ใหท้ บทวนกฎหมาย ระเบยี บปฏบิ ตั ิ และมตคิ ณะรฐั มนตรที เ่ี กย่ี วขอ้ ง ใหส้ ามารถสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การปฏบิ ตั งิ านใหเ้ ปน็ ไป อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพยง่ิ ขน้ึ แตง่ ตง้ั คณะอนกุ รรมการ และคณะท�ำ งาน เพอ่ื ชว่ ยเหลอื การ ปฏบิ ตั งิ านไดต้ ามความจ�ำ เปน็ ๒๔ ๒๓ ประกาศคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๖๘/๒๕๕๗ เรอ่ื ง มาตรการเรง่ ดว่ นในการ ปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ และการแกไ้ ขปญั หาแรงงานตา่ งดา้ ว ระยะท่ี ๑ เปน็ การชว่ั คราว เมอ่ื วนั ท่ี ๑๗ มถิ นุ ายน ๒๕๕๗ ๒๔ คำ�ส่ังคณะรักษาความสงบแห่งชาติท่ี ๗๓/๒๕๕๗ เร่ือง การแต่งต้ังคณะกรรมการ นโยบายการจดั การปญั หาแรงงานตา่ งดา้ วและการคา้ มนษุ ย์ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๕ มถิ นุ ายน ๒๕๕๗
๒) คณะอนุกรรมการประสานงานการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว และการคา้ มนษุ ย์ คสช. มีคำ�ส่ังแต่งต้ังคณะอนุกรรมการประสานงานการจัดการ ปญั หาแรงงานตา่ งดา้ วและการคา้ มนษุ ยใ์ หม้ อี �ำ นาจหนา้ ทเ่ี สนอแนะนโยบาย มาตรการ และแนวทางการด�ำ เนนิ การแกไ้ ขปญั หาแรงงานตา่ งดา้ ว การปอ้ งกนั และปราบปรามการ คา้ มนษุ ย์ การบงั คบั ใชแ้ รงงาน และการใชแ้ รงงานเดก็ ตอ่ คณะกรรมการ ประสานงาน ตดิ ตามการด�ำ เนนิ งาน ตามแผนปฏบิ ตั กิ าร การจดั ท�ำ รายงานใหข้ อ้ คดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะ แก่ส่วนราชการท่เี ก่ียวข้องในการนำ�นโยบายไปส่กู ารปฏิบัติ พิจารณากล่นั กรองแผนงาน โครงการ และมาตรการทเ่ี กย่ี วขอ้ งกอ่ นน�ำ เสนอคณะกรรมการ พจิ ารณาทบทวน ปรบั ปรงุ และพฒั นาหลกั เกณฑใ์ นการบรหิ ารจดั การและแกไ้ ขปญั หาแรงงานตา่ งดา้ วและการคา้ มนษุ ย์ ใหเ้ หมาะสมสอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ กอ่ นเสนอคณะกรรมการพจิ ารณา ก�ำ กบั การบงั คบั ใช้ กฎหมายท่เี ก่ยี วข้องให้เกิดประสิทธิภาพ สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ รวมทง้ั พนั ธกรณรี ะหวา่ งประเทศ๒๕ ๓) การจัดต้ังศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) คสช. ประกาศจดั ต้งั ศนู ย์ประสานรบั แรงงานกมั พูชากลบั เข้าท�ำ งาน ใน ๔ จงั หวดั ไดแ้ ก่ จงั หวดั สระแกว้ จงั หวดั จนั ทบรุ ี จงั หวดั ตราด และจงั หวดั สรุ นิ ทร์ เพอ่ื ด�ำ เนนิ การพจิ ารณาออกใบอนญุ าตเขา้ เมอื งชว่ั คราวใหแ้ กค่ นตา่ งดา้ วสญั ชาตกิ มั พชู า ทป่ี ระสงคจ์ ะกลบั เขา้ มาท�ำ งานในประเทศไทย โดยใหก้ ระทรวงมหาดไทยเปน็ หนว่ ยงานหลกั และปฏบิ ตั งิ านรว่ มกบั กระทรวงแรงงาน ส�ำ นกั งานตรวจคนเขา้ เมอื ง และหนว่ ยงานอน่ื ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง และเพอ่ื ใหท้ �ำ หนา้ ทใ่ี นการจดั ท�ำ ทะเบยี นประวตั แิ ละออกบตั รประจ�ำ ตวั ใหแ้ ก่ คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกระทรวงมหาดไทยกำ�หนด และใหจ้ ดั ตง้ั ศนู ยบ์ รกิ ารจดทะเบยี นแรงงานตา่ งดา้ วแบบเบด็ เสรจ็ (One Stop Service) ๒๕ ค�ำ สง่ั คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาตทิ ่ี ๗๔ เรอ่ื ง แตง่ ตง้ั คณะอนกุ รรมการประสานงาน การจดั การปญั หาแรงงานตา่ งดา้ วและการคา้ มนษุ ย์ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๕ มถิ นุ ายน ๒๕๕๗ 46
47 ในทกุ จงั หวดั เพอ่ื ท�ำ หนา้ ทใ่ี นการพจิ ารณาออกใบอนญุ าตท�ำ งานชว่ั คราวใหแ้ กค่ นตา่ งดา้ ว จดั ท�ำ ทะเบยี นประวตั ิ ออกบตั รประจ�ำ ตวั และตรวจสขุ ภาพคนตา่ งดา้ ว ตามหลกั เกณฑ์ และวธิ กี ารทก่ี ระทรวงมหาดไทยก�ำ หนด และจดั ระเบยี บแรงงานตา่ งดา้ ว ซง่ึ เปน็ คนตา่ งดา้ ว สญั ชาตเิ มยี นมา สญั ชาตลิ าว และสญั ชาตกิ มั พชู า โดยใหก้ ระทรวงมหาดไทยเปน็ หนว่ ยงานหลกั และปฏิบัติงานร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุขส�ำ นักงานตรวจคนเข้าเมือง และหนว่ ยงานอน่ื ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง พรอ้ มกบั ก�ำ หนดใหค้ นตา่ งดา้ วสญั ชาตเิ มยี นมา สญั ชาตลิ าว และสัญชาติกัมพูชา ท่ีเข้ามาหรืออยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย หรอื การอนญุ าตนน้ั สน้ิ สดุ แลว้ หรอื ท�ำ งานโดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตตามกฎหมาย ไปรายงานตวั ณ ศนู ยบ์ รกิ ารจดทะเบยี นแรงงานตา่ งดา้ วแบบเบด็ เสรจ็ ๒๖ ทง้ั น้ี ใหค้ ณะกรรมการนโยบาย การจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ เป็นผู้กำ�กับดูแลการดำ�เนินงาน ตดิ ตามและรายงานผลการด�ำ เนนิ งานตอ่ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาตเิ พอ่ื ทราบอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง แตเ่ นอ่ื งจากยงั มแี รงงานตา่ งดา้ วสญั ชาตกิ มั พชู าจ�ำ นวนมากตอ้ งการ แจง้ ความประสงคท์ จ่ี ะเขา้ มาท�ำ งานในประเทศไทย ประกอบกบั ยงั มนี ายจา้ งและแรงงาน ต่างด้าวจำ�นวนมากไม่สามารถจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวและทำ�การตรวจสัญชาติได้ทัน ตามระยะเวลาท่ีกำ�หนด จึงต้องขยายระยะเวลาการดำ�เนินการของศูนย์ประสาน รบั แรงงานกัมพชู ากลบั เขา้ ท�ำ งานและขยายระยะเวลาใบอนุญาตทำ�งานชว่ั คราวทอ่ี อกโดย ศนู ยบ์ รกิ ารจดทะเบยี นแรงงานตา่ งดา้ วแบบเบด็ เสรจ็ (One Stop Service) เฉพาะใน จงั หวดั จนั ทบรุ ี และสระแกว้ ขยายระยะเวลาเปดิ ด�ำ เนนิ การถงึ วนั ท่ี ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๗ และให้ขยายระยะเวลาในการแจ้งความประสงคท์ ่จี ะเข้าทำ�งานในประเทศไทยสำ�หรบั คน ต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา รวมท้ังให้ใบอนุญาตทำ�งานช่ัวคราวท่ีศูนย์บริการจดทะเบียน แรงงานตา่ งดา้ วแบบเบด็ เสรจ็ (One Stop Service) ออกใหแ้ กแ่ รงงานตา่ งดา้ วใชไ้ ดจ้ นถงึ วนั ท่ี ๓๑ มนี าคม ๒๕๕๘๒๗ ๒๖ ประกาศคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๗๐/๒๕๕๗ เรอ่ื ง มาตรการชว่ั คราวในการ แกไ้ ขปญั หาแรงงานตา่ งดา้ วและการคา้ มนษุ ย์ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๕ มถิ นุ ายน ๒๕๕๗ ๒๗ ประกาศคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๑๑๘/๒๕๕๗ เรอ่ื ง การก�ำ หนดมาตรการ ชว่ั คราวเพม่ิ เตมิ ในการแกไ้ ขปญั หาแรงงานตา่ งดา้ วและการคา้ มนษุ ย์ วนั ท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗
สำ�หรับการจัดต้ังศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว แบบเบด็ เสรจ็ (One Stop Service) นน้ั คสช. ไดจ้ ดั ตง้ั เพม่ิ เตมิ ใน ๗ จงั หวดั ไดแ้ ก่ จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา ชลบรุ ี พระนครศรอี ยธุ ยา ระยอง สงขลา สมทุ รปราการ และสรุ าษฎรธ์ านี และมาตรการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวท่ีทำ�งานเรือประมงในจังหวัดท่ีมีพ้ืนท่ีติดทะเล โดยใหน้ ายจา้ งของคนตา่ งดา้ วทท่ี �ำ งานในเรอื ประมงเพอ่ื จบั สตั วน์ �ำ้ ทางทะเล จดั ท�ำ บญั ชี รายช่อื สัญชาติ และจำ�นวนของคนต่างด้าวดังกล่าว และแจ้งต่อสำ�นักงานจัดหางาน จงั หวดั ตามภมู ลิ �ำ เนาทจ่ี ดทะเบยี นเรอื ใน ๒๒ จงั หวดั ทม่ี พี น้ื ทต่ี ดิ ทะเล ไดแ้ ก่ จงั หวดั กระบ่ี จนั ทบรุ ี ฉะเชงิ เทรา ชลบรุ ี ชมุ พร ตราด ตรงั นครศรธี รรมราช นราธวิ าส ประจวบครี ขี นั ธ์ ปตั ตานี พงั งา เพชรบรุ ี ภเู กต็ ระนอง ระยอง สงขลา สตลู สมทุ รปราการ สมทุ รสงคราม สมทุ รสาคร และสรุ าษฎรธ์ าน๒ี ๘ ต่อมาได้มีการประกาศจัดต้งั ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว แบบเบด็ เสรจ็ (One Stop Service) เพม่ิ เตมิ ในกรงุ เทพมหานคร จ�ำ นวน ๖ แหง่ ไดแ้ ก่ ๑) ศนู ยก์ ฬี ารามอนิ ทรา เขตบางเขน ๒) ศนู ยเ์ ยาวชนกรงุ เทพมหานคร (ไทย - ญป่ี นุ่ ) เขตดนิ แดง ๓) ศาลาประชาคมเมอื งมนี ถน่ิ ทอง เขตมนี บรุ ี ๔) ศนู ยเ์ ยาวชนลมุ พนิ ี เขตปทมุ วนั ๕) ศนู ยเ์ ยาวชนทววี ฒั นา เขตทววี ฒั นา และ ๖) ศนู ยก์ ฬี าเฉลมิ พระเกยี รติ ๘๔ พรรษา (บางบอน) เขตบางบอน๒๙ จากน้ันได้มีการมีประกาศจัดต้ังศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงาน ตา่ งดา้ วแบบเบด็ เสรจ็ (One Stop Service) เพม่ิ เตมิ ใน ๑๕ จงั หวดั ไดแ้ ก่ จงั หวดั กระบ่ี จนั ทบรุ ี ชมุ พร ตรงั ตราด นครศรธี รรมราช นราธวิ าส ประจวบครี ขี นั ธ์ ปตั ตานี พงั งา เพชรบรุ ี ภเู กต็ ระนอง สตลู และสมทุ รสงคราม๓๐ และไดม้ กี ารมปี ระกาศจดั ตง้ั ศนู ยบ์ รกิ าร ๒๘ ประกาศคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๗๗/๒๕๕๗ เรอ่ื ง การจดั ตง้ั ศนู ยบ์ รกิ าร จดทะเบยี นแรงงานตา่ งดา้ วแบบเบด็ เสรจ็ (One Stop Service) เพม่ิ เตมิ และมาตรการจดั ระเบยี บแรงงาน ตา่ งดา้ วทท่ี �ำ งานเรอื ประมงในจงั หวดั ทม่ี พี น้ื ทต่ี ดิ ทะเล เมอ่ื วนั ท่ี ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒๙ ประกาศคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๙๐/๒๕๕๗ เรอ่ื ง การจดั ตง้ั ศนู ยบ์ รกิ ารจด ทะเบยี นแรงงานตา่ งดา้ วแบบเบด็ เสรจ็ (One Stop Service) เพม่ิ เตมิ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๓๐ ประกาศคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๙๔/๒๕๕๗ เรอ่ื ง การจดั ตง้ั ศนู ยบ์ รกิ ารจด ทะเบยี นแรงงานตา่ งดา้ วแบบเบด็ เสรจ็ (One Stop Service) เพม่ิ เตมิ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ 48
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130