Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 7. รัฐสภาสารฉบับเดือนกรกฎาคม 2560

7. รัฐสภาสารฉบับเดือนกรกฎาคม 2560

Published by sapasarn2019, 2020-10-01 04:03:06

Description: 7. รัฐสภาสารฉบับเดือนกรกฎาคม 2560

Search

Read the Text Version

ผงั รายการสถานีวทิ ยกุ ระจายเสียงรัฐสภา (ประชุม สปท.-สนช.) ประจาเดือน เมษายน 2560 เปน็ ตน้ ไป ออกอากาศทกุ วัน ตั้งแต่เวลา 05.00 – 22.00 นาฬิกา เวลา จันทร์ องั คาร พธุ พฤหัสบดี ศกุ ร์ เสาร์ อาทติ ย์ เวลา 05.00 รายการเผยแผค่ วามรู้ทางศาสนา 05.00 06.00 รัฐสภาไทยใต้รม่ พระบารมี (10 นาท)ี 06.00 คุยข่าวเช้า weekend news แจง้ ขา่ ว: ขา่ วเชา้ สุดสปั ดาห์ เตอื นภัย 07.00 ถา่ ยทอดข่าว สวท. 07.00 07.30 Inside รฐั สภา วจิ ยั ก้าวไกล ทาดีได้ดี 07.30 08.00 สกู๊ป...ในหลวง ร.๙ ถา่ ยทอด คสช. สกูป๊ ...ในหลวง ร.๙ 08.00 หอ้ งขา่ วรัฐสภาแชนแนล (โทรทศั นร์ ัฐสภา) (rerun) ขบวนการคนตัวเลก็ 09.00 สภาสนทนา สภาสนทนา มองรฐั สภา มองรัฐสภา รฐั สภาของ ปชช. ร้อยเรอ่ื งเมอื งไทย 09.00 09.30 เวลา 09.30 น. เวลา 09.30 น. (โทรทัศนร์ ัฐสภา) (โทรทศั น์รัฐสภา) (โทรทัศน์รัฐสภา) 09.15 10.00 เป็นต้นไป ร้อยเรยี งข่าว มขี ่าวดีมาบอก เป็นต้นไป สภาสนทนา สภาสนทนา 10.00 ถ่ายทอดเสียง ถ่ายทอดเสียง 11.00 การประชุม การประชุม การเมืองเรอ่ื ง เวลา 10.00 น. เวลา 10.00 น. บ้านสุขภาพ ตะลอนทัวร์ 11.00 สภาขับเคลือ่ น ของประชาชน เปน็ ต้นไป เปน็ ตน้ ไป ท่วั ไทย สภาขับเคล่ือน (คนพกิ าร-ด้อยโอกาสฯ) ถา่ ยทอดเสียง เกาะติดสภา ถา่ ยทอดเสยี ง การประชมุ บนั ทึกประชมุ สภา นติ ิบญั ญตั ิแหง่ ชาติ การประชุม 12.00 การปฏิรูป การปฏริ ปู สภานิตบิ ัญญัติ สภานติ ิบญั ญัติ 12.00 ประเทศ ประเทศ สกู๊ป...ในหลวง ร.๙ แหง่ ชาติ แห่งชาติ สกู๊ป...ในหลวง ร.๙ รัฐสภาของเรา แผน่ ดนิ ถ่ินไทย 13.00 (สปท.) (สปท.) สายดว่ นรัฐสภา (สนช.) (สนช.) 13.00 จนเสรจ็ สน้ิ จนเสรจ็ สิ้น (โทรทัศน์รฐั สภา) จนเสร็จสิน้ จนเสร็จส้ิน การประชมุ การประชมุ การประชมุ การประชุม ทอ้ งถน่ิ บา้ นเรา 15.00 (ทปี่ ระชุม สปท. (ที่ประชุม สปท. (ทป่ี ระชมุ สนช. (ท่ีประชมุ สนช. สภาสาระ 15.00 ครั้งที่ 2/2558 ครัง้ ที่ 2/2558 รกั เมืองไทย ครัง้ ที่ 3/2557 ครัง้ ท่ี 3/2557 19 ต.ค.58) 19 ต.ค.58) 21 ส.ค.57) 21 ส.ค.57) ละครวิทยุ 15.30 ชวี ติ กบั การเรยี นรู้ สบาย สบาย 16.00 กบั แพทย์ทางเลอื ก 16.30 ปฏริ ูปกฎหมายประชาชนกับ คปก. เดินหนา้ รฐั ธรรมนูญไทย 17.00 ข่าวเด่นรอบวัน สกปู๊ ข่าว.สภากับประชาคมโลก สกปู๊ ขา่ ว...เสน้ ทางกฎหมาย 17.00 สบาย สบาย Gossip การเมือง ละติจดู รอบโลก กับแพทย์ทางเลอื ก 18.00 เดนิ หนา้ ประเทศไทย (เชอ่ื มสัญญาณสถานีโทรทัศน์กองทัพบก) กา้ วทนั ไอที เดนิ หน้าประเทศไทย (เชือ่ มสญั ญาณ ททบ.) 18.00 18.30 กรรมาธกิ ารพบประชาชน เจตนารมณ์ เก็บเบี้ยใต้ถนุ ร้าน เสยี งสอื่ สาร เพลงดี เพลินเพลง กฎหมาย การปฏิรปู ศรแี ผ่นดิน ยามเยน็ 19.00 ถา่ ยทอดข่าว สวท. 19.00 19.30 ข่าวภาษาองั กฤษ เรดโิ อ for you 19.30 20.00 ขา่ วในพระราชสานกั (รบั สญั ญาณจาก สวท.) 20.00 รายการจากสถาบนั พระปกเกล้า คุยกันนอกศาล สนทนากับ คลังสมอง วปอ.ฯ 21.00 ปปช. ๓๐ นาที คยุ กบั สตง. ผตู้ รวจการแผน่ ดิน 21.00 พบประชาชน คดีปกครอง คณะกรรมการสิทธฯิ พบประชาชน พบประชาชน ธรรมะกอ่ นนอน 21.30 ธรรมะกอ่ นนอน 22.00 22.00 หมายเหตุ - เวลา 08.00 น. และ 18.00 น. เคารพธงชาติ และ พระบรมราโชวาท - ตั้งแต่เวลา 08.00–21.00 น. นาเสนอขา่ วต้นชั่วโมง/สก๊ปู พิเศษ จากกลุ่มงานขา่ วฯ และสปอตต่างๆ - หากช่วงเวลาใดมีการถ่ายทอดคาสงั่ /ประกาศ/รายการพเิ ศษจาก คสช. หรอื งานที่ได้รบั มอบหมาย สถานีฯ จะดาเนินการถ่ายทอดเสียงจนเสร็จส้ินภารกจิ



วตั ถปุ ระสงค์ เพอื่ เผยแพร่การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  และเพื่อเสนอ ขา่ วสารวิชาการในวงงานรัฐสภา และอน่ื ๆ ทั้งภายใน และต่างประเทศ การสง่ เรอ่ื งลงรฐั สภาสาร ส่งไปที่ บรรณาธิการวารสารรัฐสภาสาร ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร ส�ำ นกั ประชาสมั พนั ธ์ กลมุ่ งานผลติ เอกสาร ถนนประดพิ ทั ธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรงุ เทพฯ ๑๐๔๐๐ โทร. ๐ ๒๒๔๔ ๒๒๙๔ - ๕ โทรสาร ๐ ๒๒๔๔ ๒๒๙๒ e-mail : [email protected] การสมัครเปน็ สมาชกิ ค่าสมคั รสมาชกิ ปลี ะ ๕๐๐ บาท (๑๒ เลม่ ) ราคาจำ�หนา่ ยเล่มละ ๕๐ บาท (รวมค่าจัดสง่ ) ก�ำ หนดออกเดือนละ ๑ ฉบับ





กลับมากันอีกคร้งั นะคะท่านผ้อู ่านวารสารรัฐสภาสาร  ฉบับน้ี ขอเร่ิมด้วยบทอาศิรวาทถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู เนอ่ื งในโอกาส วนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ๖๕ พรรษา วนั ท่ี ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ขอพระองคท์ รงพระเจรญิ สำ�หรับบทความภายในเล่ม  ฉบับน้มี ี  ๔  บทความ  ๒  บทความแรก เป็นส่ิงท่ีสังคมไทยกำ�ลังเผชิญ  และเป็นประเด็นท่ีท้าทายในโลกปัจจุบัน  กล่าวคือ บทความแรก  “แรงงานขา้ มชาตศิ ตวรรษท ่ี ๒๑  :  กรณแี รงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมาย ในกรงุ เทพมหานคร” เปน็ บทความทส่ี บื เนอ่ื งจากงานวจิ ยั สะทอ้ นใหเ้ หน็ ภาพแรงงานตา่ งชาติ ทเ่ี ขา้ มาท�ำ งานในกรงุ เทพฯ โดยมงุ่ หวงั ชวี ติ ทด่ี ขี น้ึ แรงงานเหลา่ นป้ี ฏเิ สธไมไ่ ดว้ า่ เปน็ อกี หนง่ี ฟนั เฟอื ง ทส่ี �ำ คญั ในการขบั เคลอ่ื นธรุ กจิ ทง้ั เกษตรกรรม อตุ สาหกรรม และภาคบรกิ าร ของไทย อยา่ งไรกต็ าม การเข้ามาทำ�งานอย่างผิดกฎหมายก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม  การเข้ามาใช้สิทธิสวัสดิการ ท่เี ป็นของคนไทย  รวมถึงการแย่งงานของคนภายในประเทศ  ผ้เู ขียนเสนอว่าควรมีการบริหาร จดั การอยา่ งเปน็ ระบบ  โดยหนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบโดยตรงดว้ ยความเขา้ ใจและปฏบิ ตั อิ ยา่ งเทา่ เทยี ม ส่วนอีกหน่งึ ประเด็นท่ไี ด้รับความสนใจจนกลายเป็นหน่งึ ในนโยบายของรัฐบาล  คือ หนน้ี อกระบบ ซง่ึ บทความเรอ่ื ง “การเขา้ สวู่ าระนโยบายการคลงั ดา้ นการแกไ้ ขปญั หาหนน้ี อกระบบ ในประเทศไทย  :  บทวเิ คราะหส์ ะทอ้ นผา่ นโครงการสนิ เชอ่ื รายยอ่ ยระดบั จงั หวดั ภายใตก้ ารกำ�กบั (Pico  Finance)”  ไดว้ เิ คราะหเ์ ชงิ เปรยี บเทยี บนโยบายรฐั บาลทผ่ี า่ นมาถงึ ปจั จบุ นั ในการด�ำ เนนิ การ แกไ้ ขปญั หาหนน้ี อกระบบ โดยผเู้ ขยี นชใ้ี หเ้ หน็ วา่ รฐั บาลของพลเอก ประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา มมี าตรการ ทแ่ี กไ้ ขปญั หาหนน้ี อกระบบไดต้ รงจดุ คอื การออกสนิ เชอ่ื รายยอ่ ยระดบั จงั หวดั ภายใตก้ ารก�ำ กบั หรอื Pico Finance เพอ่ื ใหป้ ระชาชนทว่ั ไปสามารถเขา้ สแู่ หลง่ เงนิ ทนุ ไดง้ า่ ย ไมจ่ �ำ เปน็ ตอ้ งมหี ลกั ประกนั อยใู่ นระบบ  มคี วามโปรง่ ใสภายใตก้ ารกำ�กบั ของกระทรวงการคลงั   ซง่ึ จะเปน็ มาตรการแกไ้ ขอยา่ ง บรู ณาการและย่งั ยนื   อยา่ งไรก็ตาม  การขาดศนู ยเ์ ก็บข้อมลู ประวัติทางการเงินแกผ่ ้มู ีรายไดน้ อ้ ย รวมท้งั หากภาคการเมืองและองค์กรภาคธุรกิจไม่สนับสนุนมาตรการน้อี ย่างต่อเน่อื ง  ปัญหาหน้ี นอกระบบกจ็ ะคงยงั วนเวยี นกลายเปน็ ปญั หาเรอ้ื รงั ในสงั คมไทยตอ่ ไป

บทความเรอ่ื งทส่ี าม  “สถาบนั และกระบวนการ ทางการเมืองก่อนการก่อต้ังประเทศอิสราเอล”เป็นบทความ ท่ีอธิบายกระบวนการก่อต้ังประเทศอิสราเอล  โดยเร่ิมต้ังแต่การ ตง้ั องคก์ ร จนพฒั นาเปน็ สถาบนั ทางการเมอื ง มกี ารด�ำ เนนิ การอยา่ งไรภายใต้ บรบิ ทแวดลอ้ มทเ่ี ปลย่ี นไปในแตล่ ะยคุ สมยั ซง่ึ ทา้ ยทส่ี ดุ ภายหลงั กอ่ ตง้ั ประเทศ อสิ ราเอลเปน็ ประเทศทเ่ี ขม้ แขง็ และมคี วามเปน็ เอกภาพ สำ�รับบทความเร่ืองสุดท้าย  “การชดเชยค่าเสียหายจากอุบัติเหตุ ทางการแพทยข์ องประเทศฝรง่ั เศส”  เปน็ บทความทช่ี ใ้ี หเ้ หน็ แนวทางการแกไ้ ขปญั หา ขอ้ พพิ าททเ่ี กดิ ขน้ึ ระหวา่ งแพทยแ์ ละคนไข้ จะท�ำ อยา่ งไรใหท้ ง้ั สองฝา่ ยไดร้ บั ความคมุ้ ครอง อยา่ งเทา่ เทยี มกนั   และเมอ่ื เกดิ ขอ้ ผดิ พลาดทง้ั จากการรกั ษาหรอื จากตวั ผปู้ ว่ ยเอง  ทง้ั สอง ฝ่ายจะได้รับการชดเชยอย่างเหมาะสม  ซ่ึงในตอนท้ายผู้เขียนช้ีให้เห็นถึงผลดีและผลเสีย จงึ จ�ำ เปน็ ตอ้ งใหป้ ระชาชนผเู้ ปน็ เจา้ ของอ�ำ นาจอธปิ ไตยมสี ว่ นรว่ มในการตดั สนิ ใจ กองบรรณาธิการวารสารรัฐสภาสารหวังเป็นอย่างย่งิ ว่าบทความท่คี ัดสรรมาเสนอ ภายในเล่มน้เี ป็นบทความท่นี ่าสนใจ  และขอขอบคุณทุกท่านท่สี ่งบทความเพ่อื ตีพิมพ์ในวารสาร ขอ้ คดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะใด  ๆ  ทางกองบรรณาธกิ ารวารสารรฐั สภาสารยนิ ดนี อ้ มรบั และน�ำ ไป ปรบั ปรงุ วารสารใหด้ ยี ง่ิ ขน้ึ พบกนั ใหมฉ่ บบั หนา้ สวสั ดคี ะ่ บรรณาธิการ

น้อมเกลา้ ฯ บังคมบาท พระจอมราชย์ แหง่ ชาติไทย ถ้วนท่วั ทุกหัวใจ สามิภักดิ์ สามคั คี สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ ปวงราษฎรท์ ั่ว ทัง้ ธาตรี จงรกั และภกั ดี ล้วนมัน่ หมาย ถวายพระพร ย่ีสบิ แปด กรกฎา ชนม์พรรษา สถาวร เทดิ “มหา วชิราลงกรณฯ” พระผา่ นเกล้า เจ้าชีวัน ขอจง ทรงพระเจรญิ ราษฎรส์ รรเสรญิ อเนกอนนั ต์ ปราศทกุ ข์ ทรงสขุ สันต์ เปน็ ม่งิ ขวญั ปวงประชา เทิดพระองค์ ธำ�รงรัฐ สิริสวัสด์ิ พพิ ฒั นา ร่มเกล้า เหล่านรา เปรมปรดี า นิรนั ดร์กาล ทรงพระเจรญิ ดว้ ยเกลา้ ดว้ ยกระหมอ่ มขอเดชะ ขา้ พระพทุ ธเจ้า ผบู้ รหิ าร ข้าราชการ ลกู จา้ ง พนักงานราชการ และกองบรรณาธิการ วารสารรฐั สภาสาร สำ�นักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร (หมอ่ มราชวงศ์อรฉตั ร ซองทอง ประพนั ธ์)

ปที ่ี ๖๕ ฉบบั ท่ี ๗ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ Vol.65 No.7 September 2017 แรงงานขา้ มชาติศตวรรษท่ี ๒๑ : กรณีแรงงานขา้ มชาตผิ ิดกฎหมายในกรงุ เทพมหานคร ๑๑ พงศเ์ พชร เลศิ อคั ฆากร การเขา้ ส่วู าระนโยบายการคลงั ด้านการแกไ้ ขปญั หา หนน้ี อกระบบในประเทศไทย: บทวเิ คราะหส์ ะทอ้ นผา่ นโครงการ สนิ เชอื่ รายย่อยระดบั จงั หวัดภายใต้การก�ำ กับ (Pico Finance) ๔๓ สรุ ศกั ดิ์ ชะมารมั ย์ ์ สถาบนั และกระบวนการทางการเมอื งก่อนการก่อต้งั ประเทศอิสราเอล ๗๘ ธโสธร ตูท้ องคำ� การชดเชยคา่ เสียหายจากอุบตั เิ หตทุ างการแพทย์ ของประเทศฝรั่งเศส ๙๐ พสธร คงเถลงิ ศริ ิวฒั นา

11 * พงศเ์ พชร เลศิ อคั ฆากร** บทน�ำ เป็นส่ิงมีชีวิตท่ีด้ินรนอยู่ตลอดเวลาเพ่ือให้ตนเองอยู่รอด และเพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซง่ึ สง่ิ ทป่ี รารถนา สว่ นหนง่ึ ของชวี ติ ในโลกสมยั ใหมท่ ม่ี คี วามเจรญิ รดุ หนา้ อยา่ งไมเ่ ทา่ เทยี มกนั   แมก้ ระทง่ั ภายในรฐั เดยี วกนั ความมน่ั คงทว่ี า่ เจรญิ นน้ั กแ็ ตกตา่ งกนั ไป โดยความเจรญิ ทว่ี า่ นไ้ี ดถ้ กู นยิ ามใหอ้ ยบู่ นฐานของความกา้ วหนา้ ทางเศรษฐกจิ   รวมไปถงึ ความก้าวหน้าทางด้านการศึกษาและเทคโนโลยีต่าง  ๆ  ส่งิ เหล่าน้ไี ด้ชวนให้สัมผัสถึงแรง ปรารถนาภายในส�ำ หรบั มนษุ ยท์ ม่ี คี วามตอ้ งการจะเปน็ สว่ นหนง่ึ ของความเจรญิ เชน่ วา่ นน้ั *บทความน้ีเป็นส่วนหน่ึงจากการสรุปงานวิจัยเร่ือง  “มโนทัศน์ของแรงงานข้ามชาติ ท่ีผิดกฎหมาย  ศึกษากรณีแรงงานในกรุงเทพมหานคร”  ภาคนิพนธ์ดีเด่นสาขาการศึกษาทางการเมือง โครงการศกึ ษาศลิ ปศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าปรชั ญา การเมอื ง และเศรษฐศาสตร์ วทิ ยาลยั สหวทิ ยาการ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ **นติ ศิ าสตรบณั ฑติ มหาวทิ ยาลยั รามค�ำ แหง, ศลิ ปศาสตรบณั ฑติ (ปรชั ญา การเมอื ง และ เศรษฐศาสตร)์ เกยี รตนิ ยิ มอนั ดบั หนง่ึ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์

ด้วยเหตุผลของความเจริญในแต่ละพ้ืนท่ีท่ีแตกต่างกัน  เป็นแรงผลักดัน ความปรารถนาในชีวิตจากพ้ืนท่ีหน่ึงซ่ึงเจริญน้อยกว่าอีกพ้ืนท่ีหน่ึง  ยังผลให้ผู้ท่ีมีความ ตอ้ งการดงั กลา่ วและเชอ่ื วา่ จะมชี วี ติ ทด่ี กี วา่ ทเ่ี คยเปน็ อยลู่ ะทง้ิ ภมู ลิ ำ�เนาของตนซง่ึ เปน็ ชนบท  เดนิ ทางเขา้ มาเพอ่ื เปน็ สมาชกิ รว่ มของสงั คมเมอื ง  ส�ำ หรบั ประเทศไทยนอกจากจะเปน็ เมอื ง อตุ สาหกรรมหรอื จงั หวดั ใหญต่ า่ ง ๆ ตามแตล่ ะภมู ภิ าคแลว้ ยงั รวมไปถงึ เมอื งหลวงของไทย ซ่ึงก็คือกรุงเทพมหานคร  และไม่เพียงแต่สมาชิกพลเมืองภายในประเทศเท่าน้ันท่ีมีแรง ปรารถนาขา้ งตน้   แตย่ งั รวมไปถงึ การเคลอ่ื นยา้ ยของสมาชกิ ขา้ มชาตทิ อ่ี ยากมคี วามเจรญิ ในชวี ติ ดงั ทไ่ี มเ่ คยปรากฏแกพ่ วกเขามากอ่ น การยา้ ยถน่ิ ขา้ มชาตเิ ปน็ ประเดน็ ทท่ี วคี วามส�ำ คญั มากขน้ึ ในทกุ ภมู ภิ าคของโลก ในชว่ งปลายศตวรรษท่ี ๒๐ จนถกู น�ำ มาเปน็ ประเดน็ ทางสงั คมอยบู่ อ่ ยครง้ั และกลายเปน็ ประเดน็ ส�ำ คญั ในการก�ำ หนดนโยบายของประเทศตา่ ง ๆ จ�ำ นวนมาก และในทศวรรษท่ี ๒๑ ก็นับได้ว่าเป็นศตวรรษของการย้ายถ่นิ ข้ามชาติ  โดยส่วนหน่งึ ของการย้ายถ่นิ จะเก่ยี วข้อง กับแรงงานข้ามชาติ  ซ่ึงเกิดจากภาวะทุนนิยมโลกาภิวัตน์  การเคล่ือนย้ายแรงงาน จากประเทศหน่ึงสู่ประเทศหน่ึงโดยมีลักษณะท่ีปฏิสัมพันธ์กับอีกสังคมและหรืออีก วฒั นธรรมหนง่ึ ผา่ นการจา้ งแรงงาน เปน็ ตน้ ๑ ปัจจุบันประเทศไทยเป็นแหล่งชุมชนของแรงงานข้ามชาติจากท่ัวโลก  โดยสว่ นใหญแ่ ลว้ จะเปน็ แรงงานขา้ มชาตริ ะดบั ลา่ งทม่ี าจากประเทศเมยี นมา  ลาว  กมั พชู า ซ่ึงท่ีได้ข้ึนทะเบียนแรงงานอย่างถูกกฎหมาย  มีจำ�นวนท้ังส้ิน  ๒,๒๘๘,๗๘๒  คน๒ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีแรงงานข้ามชาติท่เี ข้ามาอย่างผิดกฎหมาย  ไม่ว่าจะเป็นประเทศ เมยี นมา ลาว กมั พชู า รวมไปถงึ เวยี ดนาม ซง่ึ จ�ำ นวนแรงงานดงั กลา่ วไมท่ ราบจ�ำ นวน ๑ Ronald Skeldon, Migration and Development: A Global Perspective, (Harlow: Longman, 1997); Peter Dicken, Global Shift: Mapping the Changing Contours of the World Economy, 6th ed. (New York: Guilford Press, 2011). ๒ บษุ ยรตั น์ กาญจนดษิ ฐ,์ “ยอ้ นมองสถานการณแ์ รงงานขา้ มชาตใิ นรอบปี ๒๕๕๘ : ไดส้ ทิ ธิ แรงงานนอ้ ยนดิ อยอู่ ยา่ งปกปดิ และมกั ถกู ลมื ในกฎหมายคมุ้ ครองแรงงานเสมอ,” voicelabour.org/ ขา่ ว แรงงาน (๑๗ ธนั วาคม ๒๕๕๘) เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://voicelabour.org/?p=23612 12

13 ท่ีแน่นอน  ท้ังน้ีเพราะบางกรณีอาจเข้าเมืองมาผิดกฎหมาย  บางกรณีอาจเข้าเมืองมา ถกู ตอ้ งตามกฎหมายแตม่ กี ารลกั ลอบท�ำ งานในประเทศ หรอื บางกรณอี าจประกอบอาชพี ทม่ี ชิ อบ ซง่ึ ขอ้ มลู ดงั กลา่ วมไิ ดป้ รากฏอยใู่ นทะเบยี นแรงงานขา้ มชาตอิ ยา่ งชดั เจน กรุงเทพมหานครนับเป็นเมืองท่ีน่าสนใจแห่งหน่ึงสำ�หรับแรงงานข้ามชาติ ไม่น้อยไปกว่าในเขตปริมณฑลและเมืองใหญ่ต่าง  ๆ  โดยแรงงานข้ามชาติท่ีพำ�นักอยู่ ในกรงุ เทพมหานครสามารถแบง่ ไดเ้ ปน็ ๔ กลมุ่ หลกั ไดแ้ ก่ กลมุ่ ทพ่ี สิ จู นส์ ญั ชาตเิ ดมิ ซง่ึ เปน็ แรงงานทเ่ี ขา้ มาท�ำ งานในประเทศไทยไมถ่ กู ตอ้ งตามกฎหมายแตม่ กี ารปรบั สถานะใหถ้ กู ตอ้ ง ผา่ นการพสิ จู นส์ ญั ชาติ จ�ำ นวน ๑,๐๔๒,๖๗๔ คน กลมุ่ ทน่ี �ำ เขา้ ตาม  MOU  ระหวา่ ง รฐั บาลไทยกบั รฐั บาลเมยี นมา ลาว และกมั พชู า ๒๘๑,๓๕๑ คน กลมุ่ ทจ่ี ดทะเบยี นแบบ One Stop Service เมอ่ื วนั ท่ี ๑ เมษายน- ๓๐ มถิ นุ ายน ๒๕๕๘ จ�ำ นวน ๑,๐๑๐,๒๙๑ คน และกลุ่มท่ีข้ามชาติอย่างผิดกฎหมาย  ซ่ึงไม่ได้ทำ�ให้ถูกต้องตามระบบ  โดยแรงงาน ขา้ มชาตใิ น ๒ กลมุ่ แรก  ไดก้ ระจายตวั ท�ำ งานอยใู่ นกจิ การตา่ ง ๆ ๑๐ อนั ดบั แรก ไดแ้ ก่ กอ่ สรา้ ง ๒๓๖,๒๐๔ คน การใหบ้ รกิ าร อาทิ การซกั อบรดี การบรกิ ารทพ่ี กั ๒๒๑,๘๗๐ คน เกษตรและปศสุ ตั ว์ ๑๗๐,๓๔๘ คน กจิ การตอ่ เนอ่ื งการเกษตร ๑๒๘,๔๐๔ คน ตอ่ เนอ่ื ง ประมงทะเล ๙๗,๑๓๒ คน ผลติ หรอื จ�ำ หนา่ ยเสอ้ื ผา้ ส�ำ เรจ็ รปู ๗๙,๘๐๐ คน จ�ำ หนา่ ย อาหารและเครอ่ื งดม่ื ๕๖,๗๖๘ คน งานรบั ใชใ้ นบา้ น ๔๔,๓๐๒ คน ผลติ หรอื จ�ำ หนา่ ย ผลติ ภณั ฑพ์ ลาสตกิ ๔๓,๑๖๐ คน และคา้ สง่ คา้ ปลกี แผงลอย ๓๔,๙๐๙ คน ซง่ึ สองกลมุ่ ข้างต้นทำ�งานอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการมากท่ีสุด  รองลงมาสมุทรสาคร  ปทุมธานี กรงุ เทพมหานคร และเชยี งใหมต่ ามล�ำ ดบั ๓ ส�ำ หรบั การจดทะเบยี นแรงงานขา้ มชาตแิ บบ One Stop Service ทว่ั ประเทศ ระหวา่ งวนั ท่ี ๑ เมษายน – ๓๐ มถิ นุ ายน ๒๕๕๘ เพอ่ื ใหแ้ รงงานมารายงานตวั เพอ่ื ขอรบั บตั รใหม่ รวมทง้ั สน้ิ ๑,๐๔๙,๓๒๖ คน โดยเปน็ แรงงานขา้ มชาติ ๑,๐๑๐,๓๙๑ คน แบง่ เปน็ ชาวเมยี นมา ๔๓๖,๑๕๔ คน ลาว ๑๓๕,๑๕๐ คน และกมั พชู า ๔๓๙,๐๘๗ คน ๓ เรอ่ื งเดยี วกนั

รวมถึงผู้ติดตาม  ๓๘,๙๓๕  คน  แรงงานข้ามชาติกลุ่มน้ีถูกเรียกว่ากลุ่มบัตรสีชมพู ไดร้ บั สทิ ธผิ อ่ นผนั ใหท้ �ำ งานอยใู่ นประเทศไทยไดจ้ นถงึ วนั ท่ี ๓๑ มนี าคม ๒๕๕๙ และอยู่ ในระหวา่ งการพสิ จู นส์ ญั ชาตกิ บั ประเทศตน้ ทาง โดยแรงงานกลมุ่ นท้ี �ำ งานอยใู่ นพน้ื ทต่ี า่ ง ๆ ของประเทศไทย ๕ อนั ดบั แรก คอื กรงุ เทพมหานคร ๒๒๐,๗๔๙ คน สมทุ รปราการ ๖๒,๒๕๕ คน ปทมุ ธานี ๕๙,๓๙๙ คน สมทุ รสาคร ๕๙,๕๔๗ คน และชลบรุ ี ๑๐๐,๖๘๐ คน เปน็ ตน้ ๔ นอกจากน้ ี ยงั มแี รงงานขา้ มชาตทิ เ่ี ขา้ มาอยา่ งผดิ กฎหมายและแฝงตวั อยใู่ น พน้ื ทต่ี า่ ง ๆ ซง่ึ สว่ นใหญจ่ ะเปน็ ชาวเมยี นมา ลาว กมั พชู า และเวยี ดนาม โดยกรณขี อง ชาวเวียดนามเห็นได้ว่าปัจจุบันชนกลุ่มน้ีได้เข้ามายังประเทศไทยเป็นจำ�นวนมากกว่า ๕๐,๐๐๐ คน โดยมสี าเหตมุ าจากทางการไทยไดท้ �ำ MOU กบั รฐั บาลเวยี ดนามเรอ่ื งการ ส่งเสริมการท่องเท่ียวระหว่างสองประเทศเพ่ือยกระดับกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง กลุ่มประเทศอาเซียน  ทำ�ให้เกิดความคล่องตัวในการเคล่ือนย้ายถ่ินฐาน  แรงงานจาก เวียดนามจึงมีลักษณะแตกต่างไปจากแรงงานสามสัญชาติข้างต้น  ประเทศไทยอนุญาต ใหแ้ รงงานทข่ี น้ึ ทะเบยี นถกู ตอ้ งเขา้ มาทำ�อาชพี กรรมกรและรับใชเ้ ทา่ นน้ั   จะไปทำ�อาชีพ อน่ื ไมไ่ ด้ สว่ นเวยี ดนามนน้ั ยงั ไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตใหเ้ ขา้ มาท�ำ งาน ชาวเวยี ดนามทเ่ี ขา้ เมอื ง อยา่ งถกู ตอ้ ง โดยถอื หนงั สอื เดนิ ทางในฐานะนกั ทอ่ งเทย่ี ว แตล่ กั ลอบท�ำ งานในประเทศ และกลมุ่ ดงั กลา่ วเมอ่ื เขา้ มาจะไมก่ ลบั ออกไป  อกี ทง้ั ยงั แยง่ อาชพี คนไทยอกี ดว้ ย  สว่ นใหญ่ จะเป็นลูกจ้างตามร้านอาหาร  การท่ีชาวเวียดนามเข้าเมืองน้ันจะมีหนังสือเดินทาง จงึ ไมม่ คี วามผดิ ตามกฎหมายเขา้ เมอื ง แตห่ ากลกั ลอบท�ำ งานกจ็ ะมคี วามผดิ ตามพระราช บญั ญตั กิ ารท�ำ งานของคนตา่ งดา้ ว พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๕๑ นน่ั เอง การเคล่ือนย้ายแรงงานข้ามชาติท่ีเข้ามายังประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างย่ิงในพ้ืนท่ีกรุงเทพมหานคร  ย่อมทำ�ให้เห็นถึงมโนทัศน์หรือมุมมอง ร่วมกันบางประการของแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายเหล่าน้ีว่า  ภาพท่ีเกิดข้ึนในใจ ๔ เรอ่ื งเดยี วกนั 14

15 อนั เปน็ ตวั แทนของสง่ิ ตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ ความหวงั ความฝนั ความเชอ่ื ตลอดจนแรงจงู ใจ ท่ีทำ�ให้แรงงานจำ�นวนมากเลือกท่ีจะเข้ามายังเมืองหลวงของไทย  โดยชุดความคิด ดังกลา่ วได้ถูกเชอ่ื มโยงไว้กบั กระบวนการทางสงั คมในมิตติ า่ ง  ๆ  มุมมองเหลา่ นจ้ี ะเปน็ เพียงอุดมคติหรือเป็นรูปธรรมสำ�หรับแรงงานข้ามชาติ  ภายหลังข้ามพรมแดนเพ่อื ตามหา ความฝันของตน  รวมถึงแรงงานดังกล่าวถือเป็นผู้ทรงสิทธิในมาตรการทางกฎหมาย ซง่ึ เปน็ กลไกของรฐั ดว้ ยเหตนุ จ้ี งึ สามารถน�ำ การรบั รหู้ รอื ความเขา้ ใจของแรงงานขา้ มชาติ ผิดกฎหมายมาทำ�ความเข้าใจมาตรการทางกฎหมายได้อีกทางหน่ึงด้วย  ความจำ�เป็น ในการศึกษาดังกล่าวนย้ี ่อมสะท้อนใหเ้ หน็ ถึงส่วนหนง่ึ ของปัญหาการปฏบิ ตั ขิ น้ั พน้ื ฐานท่มี ี ตอ่ แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายทเ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ ในสงั คมไทย  ซง่ึ จะตอ้ งน�ำ ไปสกู่ ารปรบั ปรงุ บรบิ ทเชงิ โครงสรา้ งทางสงั คมตอ่ ไป ๑.  ภูมิหลังแรงงานข้ามชาติในพ้ืนท่ีของกรุงเทพมหานครสู่แรงงานข้ามชาติผิด กฎหมายศตวรรษท่ี ๒๑ นับแต่สงครามโลกคร้ังท่ีสองส้ินสุดลง  ความซับซ้อนของมหานครแห่งน้ี ได้เพ่ิมมากข้ึน  ทุกอย่างดูเสมือนถูกหล่อหลอมให้เป็นสากลไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา เศรษฐกิจจากสังคมเกษตรกรรมเปล่ียนรูปเป็นอุตสาหกรรมเพ่ือการส่งออกและธุรกิจ ตา่ ง ๆ ในรปู ของทนุ นยิ มแบบเสรี ยงั รวมไปถงึ การไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื ทางดา้ นเทคนคิ จากประเทศมหาอำ�นาจในช่วงสงคราม  ทำ�ให้เวลาต่อมากรุงเทพมหานครมีรากฐาน ทางสถานะอันเป็นเมืองหลวงของรัฐชาติท่ีร่วมสมัยและมีจุดมุ่งหมายเพ่ือการเติบโต ทางเศรษฐกิจพร้อมท้ังความก้าวหน้าทางสังคม  ท้ังน้ีจากสถานะของความเจริญท่ีมี ความมุ่งหมายข้างต้น  ส่งผลให้ผู้ท่ีมีความเช่ือในเร่ืองความฝันได้หล่ังไหลเข้ามาเพ่ือ สรา้ งความกา้ วหนา้ ความเทา่ เทยี ม และมาเตมิ เตม็ ทว่ี า่ งทางเศรษฐกจิ ใหก้ บั ตนเองและ มหานครแห่งน้ี  ซ่ึงไม่เพียงแต่การเข้ามาเป็นแรงงานของคนภายในชาติเท่าน้ัน  แต่ยัง หมายรวมถึงแรงงานข้ามชาติระหว่างรอยต่อของพ้นื ท่รี ัฐอีกด้วย  ความเข้มข้นของการ กระตนุ้ เงอ่ื นไขในพน้ื ทด่ี งั กลา่ ว  ยงั ผลใหก้ รงุ เทพมหานครกลายเปน็ ทร่ี จู้ กั และเปน็ หวั เมอื ง สำ�คัญทางเศรษฐกิจในการค้าการลงทุนท้งั ในประเทศและนอกประเทศ  เป็นท่รี ้จู ักและ น่าสนใจของนักท่องเท่ยี วท่มี าเยือน  เพราะมีสถานท่ที างวัฒนธรรมผสมผสานกับความ

เป็นเมืองได้อย่างงดงาม  อย่างไรก็ตามเมืองหลวงแห่งน้ีก็ข้ึนช่ือว่าเป็นสังคมท่ีแออัด เน่ืองจากการย้ายถ่ินฐานของประชากรจนได้ช่ือว่าเป็นเมืองท่ีผสมความเป็นชนบทได้ อยา่ งลงตวั รวมไปถงึ ความไมร่ ดั กมุ ของรฐั ทม่ี งุ่ แสวงหาประโยชนจ์ นละเลยแบบแผนของ สถาบันท่ีได้กำ�หนดไว้  ดังน้ันจึงเห็นได้ว่าความหลากหลายดังกล่าวนับเป็นเอกลักษณ์ ของกรงุ เทพมหานคร และความหลากหลายทว่ี า่ นน้ั แทจ้ รงิ แลว้ ถกู ก�ำ หนดขน้ึ จากความ สัมพันธ์เชิงอำ�นาจระหว่างรัฐกับเอกชน  และระหว่างเอกชนในฐานะผ้ปู ระกอบการกับ ลกู จา้ งในสถานประกอบการตา่ ง ๆ ความขดั แยง้ และความประนปี ระนอมของสงั คมแหง่ น้ี คือส่ิงหล่อหลอมรวมเป็นมหานคร  อันเปรียบเสมือนถุงหุ้มกุญแจแห่งความสัมพันธ์ และการตอ่ สทู้ ง้ั หมดภายใตส้ งั คมไทยเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั ๕ ก า ร นำ � เ ส น อ ข้ อ มู ล พั ฒ น า ก า ร ด้ า น เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ก า ร เ มื อ ง ใ น พ้ืน ท่ี กรุงเทพมหานครน้ัน  ผู้ทำ�วิจัยจะขอเสนอพัฒนาการดังกล่าวผ่านกระแสคล่ืนแห่งการ พัฒนาเชิงพ้ืนท่ีท่ีมีความสัมพันธ์และสอดคล้องกับการพัฒนาภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ การเมอื งในบรบิ ทของแรงงานในพน้ื ทท่ี างสงั คมของชว่ งเวลาตา่ ง ๆ จนพฒั นามาสคู่ วาม ตอ้ งการแรงงานขา้ มชาตทิ ผ่ี ดิ กฎหมายในศตวรรษท่ี ๒๑ ในช่วงปลายสงครามโลกคร้ังท่ีสอง  เง่ือนระบบเศรษฐกิจของโลกขณะน้ัน เป็นทุนนิยมท่ีเน้นการเปล่ียนผ่านจากทุนพาณิชย์สู่ทุนอุตสาหกรรมและการสร้าง พลเมืองใต้ระบบสายพานการผลิต  ทำ�ให้เง่อื นไขการสะสมทุนในรัฐไทยต้องการน�ำ เข้า แรงงานและผปู้ ระกอบการชาวจนี เพอ่ื ทนุ พาณชิ ย์ ซง่ึ ด�ำ เนนิ การโดยรฐั การสรา้ งแนวคดิ พลเมอื งสายพานในชว่ งหลงั ปี ๑๙๓๒ เพอ่ื การควบคมุ แรงงาน มกี ารแปลงสญั ชาตใิ หก้ บั บตุ รหลานชาวจนี ในไทย ในชว่ งปี ๑๙๕๐ - ๑๙๘๕ การเจรญิ เตบิ โตของทนุ อตุ สาหกรรม เพ่อื ทดแทนการนำ�เข้า  การพัฒนาโครงสร้างพ้นื ฐานจากการช่วยเหลือทางเทคนิคของ สหรฐั อเมรกิ า  สง่ ผลใหเ้ กดิ ระบบโครงสรา้ งของโลกทม่ี พี น้ื ทศ่ี นู ยก์ ลางและชายขอบเกดิ ขน้ึ ๕Marc Askew, Bangkok : Place, Practice and Representation, (London: Routledge, 2002). 16

17 เกิดการล่มสลายของเกษตรกรรมแบบยังชีพ  การพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานขนาดใหญ่ น�ำ สกู่ ารอพยพในประเทศสพู่ น้ื ทอ่ี ตุ สาหกรรม  การเตบิ โตของวถิ คี นเมอื งทม่ี กี จิ กรรมเนน้ แรงงาน อาทิ การกอ่ สรา้ งทอ่ี ยอู่ าศยั คนรบั ใช้ พนกั งานขบั รถ ในชว่ งปี ๑๙๘๕ - ๑๙๙๗ มีการปรับเปล่ียนอุตสาหกรรมเพ่ือการส่งออกและการเติบโตของประเทศอุตสาหกรรม ใหมอ่ ยา่ งญป่ี นุ่ ยงั ผลใหไ้ ทยเปน็ สว่ นหนง่ึ ของปลายทางการลงทนุ ราคาถกู เกดิ พน้ื ทน่ี คิ ม อตุ สาหกรรมตามหวั เมอื งใหญแ่ ละปรมิ ณฑล มกี ารพฒั นาระบบขนสง่ และเทคโนโลยกี าร ส่ือสาร  แรงงานในช่วงน้ีจึงอพยพเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมเป็นระบบแรงงานคอปกขาว และในช่วงทศวรรษ  ๑๙๙๐  ก็เกิดการอพยพของแรงงานเมียนมาเข้าสู่เมืองชายแดน ดว้ ยเหตผุ ลทางการเมอื ง ในชว่ งของปี ๑๙๙๗ - ปจั จบุ นั มกี ารสถาปนาบทบาททนุ การเงนิ และภาคบรกิ ารอยา่ งเตม็ ตวั การเรม่ิ รอบการสะสมทนุ แบบเสรนี ยิ มใหมแ่ ละการถา่ ยโอน ความเสย่ี งสแู่ หลง่ ตน้ ทนุ การผลติ ต�ำ่ ยงั ผลใหเ้ กดิ แรงงานขา้ มทม่ี เี งอ่ื นไขยดื หยนุ่ ตอ่ สภาพ การจ้างงานอย่างแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย  นอกจากน้ ี ผลของการพัฒนามหานคร ในชว่ งทผ่ี า่ นมา ท�ำ ใหค้ วามเขม้ ขน้ ของพน้ื ทม่ี คี วามแตกตา่ งกนั อาทิ พน้ื ทเ่ี ขตปทมุ วนั ท่เี ป็นศูนย์กลางพาณิชยกรรม  เม่อื มีความเจริญจนถึงจุดอ่มิ ตัวก็จะมีพ้นื ท่เี ขตอ่นื เข้ามา รองรบั การขยายตวั ของเมอื ง อยา่ งพน้ื ทเ่ี ขตบางกะปทิ เ่ี ปน็ พน้ื ทเ่ี ศรษฐกจิ ชมุ ชนรว่ มกบั ทอ่ี ยู่ อาศยั และพน้ื ทเ่ี ขตวงั ทองหลางทเ่ี ปน็ บา้ นพกั แบบหมบู่ า้ นจดั สรรเปน็ สว่ นใหญ่ ความสมั พนั ธข์ องแรงงานอพยพทม่ี บี ทบาทตอ่ การพฒั นาเศรษฐกจิ การเมอื ง ในกรงุ เทพมหานครนน้ั เหน็ ไดว้ า่ ชว่ งเวลา ปี ๑๙๐๐ - ๑๙๕๐ เงอ่ื นไขสภาวการณโ์ ลก ขณะนน้ั เปน็ แบบทนุ พาณชิ ยส์ ทู่ นุ อตุ สาหกรรม  สายพานการผลติ   รฐั ไทยจงึ มกี ารปรบั ตวั โดยสรา้ งแนวคดิ พลเมอื งสายพานในชว่ ง ๑๙๓๒ เพอ่ื ควบคมุ แรงงาน ซง่ึ สว่ นใหญค่ อื แรงงานอพยพชาวจนี เปน็ ปจั จยั ทส่ี �ำ คญั ตอ่ การพฒั นาเศรษฐกจิ ในชว่ งระยะเวลาน้ี โดย พ้ืนท่ีการมีตัวตนของพวกเขามีความเข้มข้นข้ึนเม่ือมีการปรับเปล่ียนสถานะในเอกสาร สทิ ธท์ิ างกฎหมาย โดยรฐั ใหส้ ถานะความเปน็ พลเมอื งตอ่ พวกเขา จากการอพยพมาตง้ั ถ่นิ ฐานในราชอาณาจักรไทยเป็นเวลานาน  รวมถึงบุตรหลานท่กี ำ�เนิดในราชอาณาจักร กไ็ ดร้ บั สญั ชาตไิ ทยตามหลกั ดนิ แดนสบื มา  ระบบเศรษฐกจิ เชน่ วา่ นจ้ี งึ มกี ารพฒั นาทเ่ี รยี กวา่ “เศรษฐกจิ มรดก” เปน็ ระบบทเ่ี ชอ่ื มน่ั ในปจั เจกทค่ี วามส�ำ เรจ็ เกดิ ขน้ึ ดว้ ยตนเอง ไมจ่ �ำ ตอ้ ง

พ่ึงสิทธิพิเศษทางชนช้ัน  เม่ือเง่ือนไขทางสังคมท่ีลงตัวทำ�ให้เห็นได้ว่าธุรกิจของชาวจีน สามารถปรบั ตวั เขา้ กบั ระบบดงั กลา่ วไดอ้ ยา่ งเขม้ แขง็ มลี กั ษณะรวมตวั เปน็ กลมุ่ ชนชน้ั นายหนา้ ซ่ึงในระยะแรกผันตัวสู่การเป็นผู้ประกอบการเต็มตัวและขยายอำ�นาจทางเศรษฐกิจ ในชว่ งสงครามเยน็   โดยกลไกความสมั พนั ธท์ ต่ี อ่ คนจนี นม้ี จี ำ�นวนรอ้ ยละ  ๑๓.๒๕  ของ ก�ำ ลงั แรงงานในปี ๑๙๔๗ เปน็ เจา้ ของธรุ กจิ ถงึ รอ้ ยละ ๔๖ และเปน็ กลมุ่ แรงงานไรฝ้ มี อื เพยี งรอ้ ยละ ๑๒.๒๕ เทา่ นน้ั ยอ่ มสะทอ้ นไดว้ า่ ความส�ำ เรจ็ ของระบบทนุ นยิ มนายหนา้ ท่ี ขยายตวั โดยเออ้ื ผลประโยชนเ์ ฉพาะกลมุ่ นน้ั ประสบความส�ำ เรจ็ ในชว่ ง ปี ๑๙๕๐ - ๑๙๘๕ เงอ่ื นไขของโลกมกี ารเตบิ โตของอตุ สาหกรรม เพอ่ื การน�ำ เขา้ การพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐาน เกดิ พน้ื ทศ่ี นู ยก์ ลางและชายขอบ ขณะท่ีไทย มกี ารลม่ สลายของเกษตรกรรมแบบยงั ชพี น�ำ ไปสกู่ ารพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานขนาดใหญ่ เกิดแรงงานอพยพจากภาคอีสาน  ภาพสะท้อนแรงงานอพยพในประเทศผ่านเง่ือนไข การพัฒนาพ้นื ท่คี วามเป็นเมืองบางส่วนจนเกิดความเหล่อื มลำ้�ในความเจริญ  กล่าวคือ การพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานภายใตก้ ารวางแผนนโยบายจากสหรฐั อเมรกิ าในชว่ งสงครามเยน็ ทำ�ให้กรุงเทพมหานครเกิดพ้ืนท่ีความเป็นเมืองเพ่ิมข้ึน  หน่ึงในน้ันคือภาคส่วนธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมและบริการจากเอกชน  การทุ่มเทแนวนโยบายรัฐท่ีเน้นภาคธุรกิจ ดงั กลา่ วเขม้ ขน้ กวา่ ภาคการเกษตรแบบยงั ชพี สง่ ผลใหค้ วามสมดลุ ทางพน้ื ทไ่ี มเ่ ทา่ เทยี มกนั และเกิดปัจจัยผลักดันออกไปให้เข้าสู่ปัจจัยดึงดูดคือกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพ่ือหางานทำ�  เง่ือนไขดังกล่าวเกิดการผลิตซำ้�แรงงานอพยพตามฤดูกาล  เม่ือคร้ันถึง ฤดูเกษตรกรรมแรงงานเหล่าน้ีก็จะกลับไปประกอบอาชีพเกษตรกรรม  แต่เม่ือหมดฤดู ก็จะเข้ามาหางานทำ�ในเมือง  การปฏิบัติแบบน้ีเกิดข้ึนจนเป็นความเช่ือจากรุ่นสู่รุ่น และทำ�ใหเ้ ขตพน้ื ทก่ี รงุ เทพมหานครและปรมิ ณฑลมกี ารกระจายรายไดผ้ ลติ ภณั ฑม์ วลรวม ในประเทศของชว่ งเวลาดงั กลา่ วสงู กวา่ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ๔ - ๕ เทา่ ชว่ งปี ๑๙๘๕ - ๑๙๙๗ โลกมกี ารปรบั เปลย่ี นสอู่ ตุ สาหกรรมเพอ่ื การสง่ ออก ท�ำ ใหไ้ ทยเกดิ พน้ื ทน่ี คิ มอตุ สาหกรรมตามหวั เมอื งใหญแ่ ละปรมิ ณฑล  เกดิ แรงงานคอปกขาว แรงงานกง่ึ ทกั ษะ แรงงานขา้ มชาตจิ ากเมยี นมา เหน็ ไดว้ า่ ในชว่ งเวลานม้ี กี ารปรบั ฐาน การผลติ ของญป่ี นุ่ ทม่ี นี ยั ยะส�ำ คญั ตอ่ รฐั ไทย  กลา่ วคอื มกี ารลดตน้ ทนุ การผลติ ในภาคสว่ น 18

19 อตุ สาหกรรม ซง่ึ รฐั ไทยเองกเ็ ปน็ พน้ื ทใ่ี นสายตาญป่ี นุ่ ทจ่ี ะยา้ ยฐานการผลติ มาตง้ั ถน่ิ ฐาน ในกรงุ เทพมหานครและเขตปรมิ ณฑล  การเพม่ิ ขน้ึ ของพน้ื ทอ่ี ตุ สาหกรรมดงั กลา่ วไดเ้ พม่ิ ปรมิ าณความตอ้ งการของแรงงานใหเ้ ขม้ ขน้ ขน้ึ   แรงงานอพยพภายในประเทศไดผ้ นั แปร จากแรงงานระดับล่างมาเติมเต็มแรงงานสถานะปกคอขาว  ก่ึงทักษะ  ซ่ึงส่วนมาก เปน็ แรงงานสตรี แรงงานปกคอขาวเรม่ิ มที กั ษะในการท�ำ งานทางดา้ นสารสนเทศ การเงนิ และการบรกิ ารในเขตกรงุ เทพมหานครชน้ั ใน  หรอื หวั หนา้ แรงงานตามโรงงานอตุ สาหกรรม ต่าง  ๆ  อันเป็นผลสะท้อนของจำ�นวนประชากรท่ีได้รับการศึกษาในช่วงเวลาท่ีผ่านมา เพม่ิ สงู ขน้ึ ท�ำ ใหเ้ หน็ ไดว้ า่ วถิ ชี วี ติ ชนชน้ั กลางใหมใ่ นเมอื งมลี กั ษณะเปน็ Labour Intensive อาทิ พนกั งานท�ำ ความสะอาด ยามรกั ษาความปลอดภยั คนขบั รถรบั จา้ ง ซง่ึ เปน็ อาชพี ทร่ี องรบั การขยายตวั ของเมอื ง ในขณะเดยี วกนั เกดิ การอพยพของแรงงานขา้ มชาตจิ ากเมยี นมา ท่มี ีการปราบปรามสถานะความเป็นพลเมืองของชนกลมุ่ น้อยในพ้นื ท่ชี ายแดน  จงึ ทำ�ให้ การเดินทางเขา้ มาในรัฐไทยพวกเขายอ่ มมสี ภาพแรงงานท่ยี ดื หยนุ่ สูงและต้องการแคก่ าร ผลิตซำ�้ ทางกายภาพทางพ้นื ท่เี ศรษฐกิจเท่าน้นั   ด้วยเหตุน้เี ง่อื นไขดังกล่าวท�ำ ให้แรงงาน ขา้ มชาตใิ นชายแดนกลายเปน็ แรงงานส�ำ รองใหแ้ กพ่ น้ื ทอ่ี ตุ สาหกรรมชานเมอื งนน่ั เอง ช่วงปี  ๑๙๙๗  -  ปัจจุบัน  เง่ือนไขโลกมีการเกิดข้ึนของทุนการเงิน และการบริการอย่างเต็มตัว  การสะสมรอบในรูปแบบเสรีนิยมใหม่และการถ่ายโอน ความเสย่ี งสแู่ หลง่ ตน้ ทนุ การผลติ ต�ำ่   รฐั ไทยเองจงึ เกดิ ระบบการผลติ แบบทนั เวลาพอด ี (Just in time)/  อุตสาหกรรมการเกษตรเพ่ือการส่งออก  /  การขยายตัวของชุมชนช้ันกลางตาม พน้ื ทต่ี า่ ง  ๆ  แรงงานขา้ มชาตทิ ม่ี เี งอ่ื นไขยดื หยนุ่ ตอ่ สภาพการจา้ ง  อยา่ งแรงงานขา้ มชาติ ผิดกฎหมาย  ย่อมเป็นภาพสะท้อนกระบวนการผลิตท่ีละเลยคุณค่าความเป็นมนุษย์ การลดทอนให้เหลือเพียงสินค้าราคาถูกเพ่ือลดต้นทุนการผลิต  มีการลดเง่ือนไขพันธะ สัญญาเพ่ือสะดวกต่อการจ้างงาน  ซ่ึงพบเห็นได้จากภาคธุรกิจเอกชนในฐานะชนช้ัน กลางใหมท่ ป่ี ระกอบการเกย่ี วกบั งานบรกิ ารตา่ ง ๆ อาทิ ลกู จา้ งรา้ นอาหาร รา้ นขาย สนิ คา้ ทว่ั ไปตามตลาดนดั รา้ นนวดแผนไทย ลกู จา้ งขนของตามตลาดสด กรณนี จ้ี งึ ท�ำ ให้ ความเส่ียงเป็นส่ิงท่ีเกิดข้ึนจากการต่อรองระหว่างสถานประกอบการบนห่วงโซ่อุปทาน ท่มี ีการแสวงหาความได้เปรียบต่อตลาดแรงงาน  การถ่ายโอนความเส่ยี งจากผ้ปู ระกอบการ

ไปยังผู้ใช้แรงงานท่ีมีอำ�นาจต่อรองตำ่�เกิดข้ึนอย่างต่อเน่ือง  จนขยายเป็นวงกว้าง กอ่ ใหเ้ กดิ แรงงานเสย่ี ง  และจะมคี วามเขม้ ขน้ มากขน้ึ หากแรงงานขา้ มชาตเิ หลา่ นเ้ี ปน็ แรงงาน ท่ีไม่ชอบด้วยเง่ือนไขทางกฎหมาย  น่ันย่อมหมายความว่าพวกเขามีชีวิตท่ีผูกมัดไว้ โดยตวั แทนผนู้ �ำ เขา้ แรงงานและนายจา้ งมากยง่ิ ขน้ึ ๒.  ภาพสะท้อนความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ในฐานะแรงงานระดับล่างภายใต้ เง่ือนไขสังคมปัจจุบัน  (ศึกษาความจริงและความคาดหวังผ่านประสบการณ์การ ท�ำ งานของแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายในกรงุ เทพมหานคร) การศกึ ษาเรอ่ื งแรงงานขา้ มชาตศิ ตวรรษท่ี ๒๑ ภาพสะทอ้ นความเปราะบาง ของชวี ติ มนษุ ยใ์ นฐานะแรงงานระดบั ลา่ งภายใตเ้ งอ่ื นไขสงั คมปจั จบุ นั กรณศี กึ ษาแรงงาน ขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายในกรงุ เทพมหานครไดเ้ ลอื กแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมาย ในประเภท กลุ่มคนท่ีเดินทางเข้าเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย  กล่าวคือ  มีเอกสารอนุญาตให้ เขา้ สเู่ ขตแดน (VISA) ชนดิ ทไ่ี มอ่ นญุ าตใหท้ �ำ งานแตม่ กี ารลกั ลอบท�ำ งานในฐานะลกู จา้ ง๖ โดยผ้วู ิจัยเน้นศึกษาการสัมภาษณ์แรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย  ในประเด็นท่วี ่าแรงงาน ข้ามชาติผิดกฎหมายมีอิทธิพลหรือแรงจูงใจใดบ้างท่ีเป็นปัจจัยนำ�ไปสู่การเป็นแรงงาน ทผ่ี ดิ กฎหมาย ความหวงั ของแรงงานดงั กลา่ ว กอ่ นและหลงั เขา้ มาท�ำ งาน บทบาทและ พ้ืนท่ีทางสังคมในการดำ�เนินชีวิต  การตระหนักรู้สิทธิและหน้าท่ีในฐานะผู้ทรงสิทธิ ตามกฎหมาย  โดยลกั ษณะการส�ำ รวจตวั อยา่ งแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายเพอ่ื นำ�ขอ้ มลู มาประกอบนน้ั   ผวู้ จิ ยั ไดล้ งพน้ื ทต่ี ามพน้ื ทก่ี รณศี กึ ษาเพอ่ื สงั เกตการณแ์ ละสมั ภาษณช์ วี ติ แรงงานในขณะด�ำ เนนิ งานหรอื มวี ถิ ชี วี ติ จรงิ ในขณะนน้ั เปน็ จ�ำ นวนทง้ั สน้ิ ๑๙ คน ทง้ั น้ี ผวู้ จิ ยั ศกึ ษาดว้ ยระเบยี บวธิ วี จิ ยั ในเชงิ คณุ ภาพ (Qualitative Research) โดยใชข้ อ้ มลู ทส่ี �ำ คญั จากหลายแหลง่ ดว้ ยกนั อาทิ หนงั สอื ต�ำ รา เอกสารทางวชิ าการทเ่ี กย่ี วขอ้ งประกอบ ๖ กฤตยา อาชวนจิ กลุ , สถานะความรเู้ รอ่ื งแรงงานขา้ มชาตใิ นประเทศไทย และทศิ ทางการ วจิ ยั ทพ่ี งึ พจิ ารณา, (นครปฐม: สถาบนั วจิ ยั ประชากรและสงั คม มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล, ๒๕๔๕), หนา้ ๖. 20

21 พ้ืนท่ีกรณีศึกษาในการวิจัย  ได้แก่  กรุงเทพมหานคร  ซ่ึงเป็นเมืองสำ�คัญ ทางเศรษฐกิจ  การค้า  การลงทุน  ท้ังในประเทศและนอกประเทศ  เป็นท่ีรู้จักและ น่าสนใจในการเข้ามาทำ�งานจากผู้ท่ีอาศัยในพ้ืนท่ีท่ีเจริญน้อยกว่า  รวมถึงเป็นเมืองท่ีมี ความหลากหลายท่ีผสมผสานความขัดแย้งและความประนีประนอมเข้าไว้ด้วยกันอย่าง ลงตัว  โดยการศึกษาจะสะท้อนพ้นื ท่กี รณีศึกษาท่มี ีความเข้มข้นของการพัฒนาท่แี ตกต่าง กันออกไป  อันได้แก่  พ้นื ท่ศี ูนย์การค้าสยามสแควร์  เขตปทุมวัน  ซ่งึ เป็นพ้นื ท่รี าคาสูง มีการเข้ามาทำ�งานแล้วก็ออกไปจากพ้ืนท่ีน้ี  บริเวณรอบมหาวิทยาลัยรามคำ�แหงและ การกฬี าแหง่ ประเทศไทย เขตบางกะปิ ซง่ึ เปน็ บรเิ วณพน้ื ทท่ี อ่ี ยอู่ าศยั พน้ื ทก่ี ารศกึ ษา และ พ้นื ท่ผี ่อนคลายท่มี ีความยืดหย่นุ   อย่างร้านค้าริมถนนและตลาดนัด  อันสะท้อนให้เห็น ความหลากหลายของพน้ื ทท่ี อ่ี าจสมั ผสั ไดโ้ ดยตน้ ทนุ ไมส่ งู มาก  และศนู ยก์ ารคา้ อมิ พเี รยี ลเวลิ ด์ ลาดพร้าว  เขตวังทองหลาง  เป็นบริเวณพ้นื ท่ที ่อี ย่อู าศัยส่วนใหญ่เป็นบ้านพักหลังเด่ยี ว ของผู้มีฐานะปานกลางข้ึนไป  ไม่ใช่ท่ีพักอาศัยของแรงงาน  แต่ก็มีศูนย์การค้าดังกล่าว เปน็ ทพ่ี บปะระหวา่ งแรงงานดว้ ยกนั การศึกษาถึงแรงจูงใจท่ีนำ�ไปสู่แรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย  นับเป็นเร่ือง ยากและท้าทายพอสมควรในการสัมภาษณ์แรงงานท่ีมีสถานะผิดกฎหมายให้เล่าถึง แรงจูงใจหรือสาเหตุท่ตี นกระทำ�เช่นน้นั   แต่ผลลัพธ์ส่วนใหญ่กลับเป็นการขาดเจตนาท่จี ะ ละเมิดสถานะท่ีรัฐกำ�หนดข้ึนเพ่ือแลกกับความม่ังค่ังและความคาดหวังของพวกเขา และมีเพียงบางส่วนท่ีพอตระหนักรู้ได้ว่าตนเข้ามาในฐานะนักท่องเท่ียวแต่แอบลักลอบ ทำ�งานในประเทศไทย  ท้ังน้ีอาจเหมือนว่าแรงจูงใจทางเศรษฐกิจในประเทศปลายทาง จะมอี ทิ ธพิ ลส�ำ คญั ท�ำ ใหพ้ วกเขาเลอื กทจ่ี ะเสย่ี งในฐานะของผรู้ สู้ ถานะวา่ ผดิ   และส�ำ หรบั ผทู้ ข่ี าดเจตนาเมอ่ื รภู้ ายหลงั วา่ มสี ถานะทม่ี ชิ อบแลว้   พวกเขากย็ งั เพกิ เฉยและระวงั ตวั เอง จากพ้ืนท่ีทางสังคมท่อี าศัยอยู่แทนการปรับให้สอดคล้องกับเง่อื นไขทางสังคมปลายทาง สะท้อนได้ว่าเง่ือนไขทางเศรษฐกิจแบบทุนนิยมในสังคมเสรีนิยมใหม่น้ี  ได้ก้าวข้ามผ่าน ปริมณฑลทางกฎหมาย  ความเข้มข้นของกระบวนการทางเศรษฐกิจดังกล่าวได้สร้าง ความสมั พนั ธข์ องมนษุ ยใ์ นแตล่ ะพน้ื ทท่ี างสงั คมทป่ี จั เจกชนมคี วามเขม้ ขน้ สงู ตอ่ การก�ำ หนด เงอ่ื นไขทางเศรษฐกจิ โดยแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายจากทไ่ี ดส้ มั ภาษณม์ า รอ้ ยละ ๙๙

เขา้ มาท�ำ งานภายหลงั ปี ๒๐๐๗ ซง่ึ แรงงงานกลมุ่ นจ้ี ะมกี ารค�ำ นวณคา่ เสยี โอกาสทางธรุ กจิ มากกวา่ แรงงานรนุ่ กอ่ นหนา้   และผกู มดั ตวั เองผา่ นเงอ่ื นไขทางเศรษฐกจิ มากกวา่ เงอ่ื นไข อน่ื ใดทส่ี งั คมก�ำ หนดขน้ึ   จงึ เปน็ เรอ่ื งยากตอ่ การปฏเิ สธส�ำ หรบั ผมู้ คี วามหลงใหลในความ หวงั ทจ่ี ะมชี วี ติ ทม่ี น่ั คงตอ่ ไป ๒.๑ ความหวงั กอ่ นเขา้ มาท�ำ งานในกรงุ เทพมหานคร ความคาดหวังเป็นเร่ืองธรรมชาติของมนุษย์  เป็นส่วนหน่ึงของอุดมการณ์ ทเ่ี กดิ จากการสง่ั สมประสบการณจ์ ากการรบั รู้ (Perception) ผา่ นการแสดงออกของผคู้ น ในพน้ื ทท่ี างกายภาพ ทง้ั พน้ื ทโ่ี ดยใกลแ้ ละไกล เปน็ ภาพทเ่ี กดิ ขน้ึ ในใจอนั เปน็ ตวั แทนของ สง่ิ หลายสง่ิ ตา่ งกนั แตม่ ลี กั ษณะบางอยา่ งทเ่ี ปน็ การทว่ั ไปหรอื คลา้ ยกนั กระบวนการเหลา่ นเ้ี รยี กวา่ มโนทศั น๗์ มโนทศั นด์ า้ นความคาดหวงั ยอ่ มมมี ติ ทิ แ่ี ตกตา่ งกนั ตอ่ การรบั รตู้ ามแต่ อัตวิสัยบนฐานประสบการณ์ของแต่ละบุคคล  ซ่ึงต่อไปน้ีจะกล่าวถึงความคาดหวังของ สถานะแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมาย ในมติ คิ วามคาดหวงั ในชวี ติ ิ ความคาดหวงั ทางดา้ น เศรษฐกจิ และความคาดหวงั ในพน้ื ทท่ี างสงั คม ๒.๑.๑ ความคาดหวงั ในชวี ติ ความคาดหวังของแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายในพ้ืนท่ีเสรีนิยมใหม่ มอี สิ ระทางความคดิ ความหวงั และความเชอ่ื ทง้ั นเ้ี ปน็ ผลมาจากการอดั แนน่ ของเวลา และสถานท่ี (Time - Space Compression) ทท่ี �ำ ใหเ้ ทคโนโลยที างการสอ่ื สารสะดวกรวดเรว็ ช่วยย่นระยะเวลาและเช่อื มพ้นื ท่ขี องหน่วยทางสงั คมเข้าด้วยกัน๘  ความสำ�เร็จอันชวนเช่อื ตลอดจนวาทกรรมการพัฒนาเมืองอย่างกรุงเทพมหานคร  จึงเป็นเร่ืองท่ีขยายข้าม พรมแดนไดง้ า่ ยตอ่ การรบั รขู้ องพวกเขา ๗  ส�ำ นกั งานราชบณั ฑติ ยสภา,  มโนทศั น.์   เขา้ ถงึ ไดจ้ าก  ส�ำ นกั ราชบณั ฑติ ยสภา:  http:// www.royin.go.th (๒๑ มนี าคม ๒๕๕๗). ๘ David Harvey, Spaces of Hope, (Edinburgh: Edinburgh University Press, 2000). 22

23 จากการทไ่ี ดส้ มั ภาษณแ์ รงงานนน้ั เหน็ ไดว้ า่   ภาพสะทอ้ นความหวงั ของ แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายในกรงุ เทพมหานครสว่ นใหญ่ จะมเี ปา้ หมายทม่ี งุ่ ไปทก่ี ารหา มลู คา่ ทางวตั ถุ คา่ จา้ ง เพอ่ื ไปตอบสนองการลงทนุ เรอ่ื งทอ่ี ยอู่ าศยั ในบา้ นเกดิ ของพวกเขา เป็นอันดับแรก  เพราะมันสะท้อนถึงความม่ันคงเชิงสัญลักษณ์ท่ีเป็นรูปธรรม  และการ เล้ียงดูชีวิตในบ้ันปลายเป็นอันดับรอง  ท้ังน้ีการลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์เป็นเร่ือง ทต่ี อ้ งใชค้ า่ ใชจ้ า่ ยสงู จ�ำ เปน็ ตอ้ งหาแหลง่ ลงทนุ ลงแรง ทค่ี มุ้ คา่ ทางก�ำ ไร พน้ื ทป่ี ลายทาง อย่างเมืองกรุงเทพมหานครจึงกลายเป็นแหล่งลงทุนทางด้านแรงงาน  เพ่ือตอบสนอง ปัจจยั ทางดา้ นวตั ถดุ ังกล่าว  ซ่งึ ล้อตามวาทกรรมการพฒั นาความเจรญิ ของเมอื งอนั เป็น สง่ิ ชวนเชอ่ื ทส่ี รา้ งความหวงั ตอ่ พวกเขา และหนง่ึ ในแรงจงู ใจของชวี ติ เกดิ ขน้ึ จากคนใกลช้ ดิ ในครอบครัวหรือคนรู้จักในพ้ืนท่ีใกล้เคียงท่ีพวกเขาเห็นความสำ�เร็จจากการท่ีได้ทำ�งาน ในกรงุ เทพมหานครอกี ดว้ ย ความหวังท่ีเกิดจากการชักชวนเกิดข้ึนอยู่เสมอ  เป็นการผลิตซำ้� ทางความคดิ และกระบวนการสรา้ งแรงงานของพวกเขาจากพน้ื ทห่ี นง่ึ ทเ่ี จรญิ นอ้ ยกวา่ สพู่ น้ื ท่ี หน่ึงท่ีเจริญมากกว่า  ความหวังในชีวิตของแรงงานดังกล่าวจึงสอดคล้องกับแนวคิดของ Everett S. Lee ทเ่ี กย่ี วกบั ปจั จยั ผลกั ดนั (Push Factors) และปจั จยั ดงึ ดดู (Pull Factors) ทน่ี �ำ มาสกู่ ารยา้ ยถน่ิ ๙ กลา่ วคอื ปจั จยั ผลกั ดนั (Push Factors) ไดแ้ ก่ สภาพเศรษฐกจิ ในประเทศต้นทางของพวกเขาไม่เอ้ืออำ�นวยต่อการทำ�งาน  ทำ�รายได้ไม่พอต่อการเล้ียงชีพ เกดิ ปญั หาความยากจน อดอยาก หรอื เกดิ ภาวะแรงงานลน้ เกนิ รวมไปถงึ ประเทศ ต้นทางน้ันไม่มีมาตรฐานการควบคุมการออกนอกประเทศ  ทำ�ให้การอพยพออกนอก ประเทศสามารถท�ำ ไดง้ า่ ยขน้ึ และปจั จยั ดงึ ดดู (Pull Factors) ไดแ้ ก่ สภาพเศรษฐกจิ ของ ประเทศไทยมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว  โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถงึ จงั หวดั หวั เมอื งใหญใ่ นภาคตา่ ง ๆ กอ่ ใหเ้ กดิ โอกาสในการท�ำ งานและแสวงหารายได้ มากมาย  เปน็ ปจั จยั ดงึ ดูดใหแ้ รงงานจากประเทศเพอ่ื นบา้ นซ่งึ มรี ะดับความเจริญตำ�่ กว่า ๙ พชั ราวลยั วงศบ์ ญุ สนิ , การยา้ ยถน่ิ : ทฤษฎแี ละความเปน็ ไปในเอเชยี , (กรงุ เทพฯ: วทิ ยาลยั ประชากรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๒).

และไม่มีช่องทางในการแสวงหารายได้  เกิดความหวัง  จนเข้ามาทำ�มาหากินในท่ีสุด ท้งั น้คี ่าจ้างภายในประเทศไทยสูงกว่าท่ีได้รับในประเทศของพวกเขา  ประกอบกับการท่ี คนไทยไมน่ ิยมทำ�งานในอาชีพบางอย่าง  เนอ่ื งมาจากเป็นงานทห่ี นกั และสกปรกซ่งึ พวก เขาโดยสว่ นมากยอมทจ่ี ะปฏบิ ตั อิ ยา่ งไมม่ เี งอ่ื นไข เมอ่ื พวกเขาไดท้ �ำ งานไปสกั ระยะหนง่ึ ก็ มกั จะมกี ารชกั จงู ญาตพิ น่ี อ้ งหรอื คนรจู้ กั ใหเ้ ขา้ มาแบกรบั ความเสย่ี งภายใตช้ ดุ ความหวงั ท่ี มรี ว่ มกนั นอกจากนน้ั การเขา้ ออกตามแนวชายแดนกระท�ำ ไดง้ า่ ยเพราะชอ่ งทางเขา้ ออก มีมาก  ทำ�ให้เจ้าหน้าท่ขี องรัฐควบคุมดูแลไม่ท่วั ถึง  และการดำ�เนินการของเจ้าหน้าท่ไี ม่ คอ่ ยเครง่ ครดั บางสว่ นกย็ งั เปน็ นายหนา้ หาแรงงานขา้ มชาตใิ หก้ บั นายจา้ งในประเทศไทย และจากการท่ปี ระเทศไทยเป็นศูนย์กลางของความเจริญเติบโต  จึงเป็นปัจจัยดึงดูดให้มี แรงงานขา้ มชาตหิ ลากหลายประเภทเขา้ มาตามแนวราบของชายแดนเปน็ จ�ำ นวนมาก ๒.๑.๒ ความคาดหวงั ทางเศรษฐกจิ จากแนวคิดปัจจัยผลักดัน  (Push  Factors)  และปัจจัยดึงดูด  (Pull Factors)  ได้ก่อให้เกิดการเปรียบเทียบในความเจริญทางเศรษฐกิจท่ีเป็นปัจจัยในการ สรา้ งความหวงั ใหก้ บั แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมาย  ผลจากการสมั ภาษณแ์ รงงานดงั กลา่ ว ต่อความหวังทางเศรษฐกิจ  นับเป็นความหวังท่ีเกิดจากการรับรู้ในลักษณะอัตวิสัยท่ี ข้ึนตรงต่อประสบการณ์ของแต่ละปัจเจกบุคคล  บ้างก็เป็นแรงงานท่ีทำ�งานไม่หนักมาก บ้างก็พบเจอกับแรงกดดันในหน้าท่กี ารงานท่ตี ้องแบกรับอย่างไม่มีเง่อื นไข  แต่ภาพเหล่าน้ี จะยังไม่ปรากฏเม่ือไม่ได้เข้ามาสัมผัสโดยสัมพัทธ์กับตัวพวกเขาเอง  ผลลัพธ์ท่ีได้ส่วน ใหญ่จึงเป็นความหวังท่ีผู้วิจัยให้แรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายพยายามคิดถึงก้าวแรกท่ี ได้เข้ามาในกรุงเทพมหานคร  ซ่ึงแน่นอนว่าจะต้องเต็มไปด้วยความฝันและการส่ังสม ประสบการณค์ วามคาดหมายอนั เปน็ อตั วสิ ยั สว่ นตวั ทม่ี อี ยแู่ ตเ่ ดมิ ของพวกเขา นอกจากน้ีแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายส่วนใหญ่เป็นแรงงานท่ีเคย ทำ�งานอยู่ในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร  ส่ิงเหล่าน้ีสะท้อนให้เห็นว่า  ความ เข้มข้นทางเศรษฐกิจในเชิงพ้ืนท่ีสังคมมีอิทธิพลต่อการย้ายถ่ินเข้ามาท�ำ งานตามแนวคิด ปจั จยั ผลกั ดนั (Push Factors) และปจั จยั ดงึ ดดู (Pull Factors) ซง่ึ เปน็ การอธบิ ายตาม เศรษฐศาสตรน์ โี อคลาสสคิ โดยมกี ารคดิ ค�ำ นวณคา่ เสยี โอกาส การลงทนุ ขา้ มพรมแดน 24

25 พวกเขามีความต่ืนตัวเร่ืองสิทธิแรงงานน้อยกว่าแรงงานรุ่นก่อนในอดีต  พวกเขาใส่ใจ อำ�นาจการต่อรองของตัวเองน้อยกว่าและคิดเพียงแต่เร่ืองการทำ�งานให้บรรลุผลสำ�เร็จ ในประเทศปลายทาง  เพราะท้ังน้ีหน้ีท่ีลงทุนข้ามพรมแดนจากประเทศต้นทางน้ันย่อม ผูกพันกับชีวิตพวกเขาให้ต้องกระตุ้นความเข้มข้นต่อการเป็นแรงงานในฐานะสินค้าของ กระบวนการทางเศรษฐกจิ มากขน้ึ Philip  Mirowski๑๐  ได้ระบุเงื่อนไขสำ�คัญของแนวคิดเสรีนิยมใหม่ ซึ่งสรุปได้ว่า  ปัจเจกชนไม่ว่าอย่ใู นฐานะบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลไม่สามารถกระทำ� ความผดิ ได้ หากพวกเขามคี วามสามารถ และคดิ วา่ การลงทนุ ตอ่ กจิ กรรมนน้ั มคี วามคมุ้ คา่ ในบริบทแรงงานข้ามชาติน้ัน  ตราบใดท่ีพวกเขาไม่ถูกจับและมีค่าใช้จ่ายพอสำ�หรับ จดทะเบียนหรือติดสินบนเจ้าหน้าท่รี ัฐไทย  การเคล่อื นย้ายข้ามพรมแดนของทุนบรรษัท และนิติบุคคลเป็นเร่อื งปกติและได้รับการส่งเสริมแต่การเคล่อื นย้ายเสรีของแรงงานมักได้รับ การต้ังคำ�ถาม  สาเหตุสำ�คัญมาจากการเคล่ือนย้ายของแรงงานมักมิได้หมายความ เพียงการเคล่ือนย้ายของแรงงานในฐานะสินค้า  หากแต่คือการเคล่ือนย้ายแรงงาน ในฐานะมนษุ ย์ ความเปน็ มนษุ ยเ์ ปน็ เงอ่ื นไขทส่ี รา้ งความล�ำ บากตอ่ การวดั ได ้ จงึ นบั เปน็ ภัยคุกคามต่อความม่ันคงของรัฐเสรีนิยมใหม่ท่ีต้องการทุน  ความเป็นผู้ประกอบการ และประสทิ ธภิ าพโดยไมต่ อ้ งการความเปน็ มนษุ ยน์ น่ั เอง ๒.๒ ความจรงิ ภายหลงั การใชช้ วี ติ ในกรงุ เทพมหานคร การเคล่ือนย้ายแรงงานข้ามชาติท่ีเข้ามายังประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในพน้ื ทก่ี รงุ เทพมหานคร  ยอ่ มท�ำ ใหเ้ หน็ ถงึ มโนทศั นห์ รอื มมุ มองรว่ มกนั บางประการของแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายเหล่าน้วี ่าภาพท่เี กิดข้นึ ในใจอันเป็นตัวแทน ของสง่ิ ตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ ความหวงั ความฝนั ความเชอ่ื ตลอดจนแรงจงู ใจทท่ี �ำ ใหแ้ รงงาน จ�ำ นวนมากเลอื กทจ่ี ะเขา้ มายงั เมอื งหลวงของไทย โดยชดุ ความคดิ ดงั กลา่ วไดถ้ กู เชอ่ื มโยง ไวก้ บั มติ ติ า่ ง ๆ ทางสงั คมขา้ งตน้ สง่ิ เหลา่ นจ้ี ะเปน็ เพยี งอดุ มคตหิ รอื เปน็ รปู ธรรมส�ำ หรบั ๑๐ Philip Mirowski and Dieter Plehwe, The Road from Mont Pelerin: The Making of the Neoliberal Thought Collective, (London: Harvard University Press, 2009).

แรงงานขา้ มชาต ิ ภายหลงั ขา้ มพรมแดนเพอ่ื ตามหาความฝนั ของตน  ความคาดหวงั ดงั กลา่ ว จงึ จ�ำ เปน็ อยา่ งยง่ิ ทจ่ี ะตอ้ งพจิ ารณาควบคกู่ บั ความเปน็ จรงิ ทางกายภาพทแ่ี รงงานขา้ มชาติ ผดิ กฎหมายไดเ้ ผชญิ ๒.๒.๑ ความจรงิ ผา่ นนายจา้ ง ผู้ประกอบการในศตวรรษท่ี  ๒๑  ส่วนใหญ่มีความศรัทธาต่อระบบ ทุนนิยมในรูปแบบเสรีนิยมใหม่  มีแนวคิดท่ีจะปรับตัวตนผ่านตลาดอย่างยืดหยุ่น  โดย พยามขจัดเวลาและสถานท่ี  ปราศจากการคำ�นึงถึงการทำ�ลายทางกายภาพของความ เปน็ มนษุ ยแ์ ละธรรมชาต๑ิ ๑  เปน็ แนวคดิ ทป่ี ลอดอดุ มการณท์ างสงั คมและศลี ธรรม มงุ่ หวงั เพยี งแตจ่ ะสรา้ งปรมิ ณฑลทางเศรษฐกจิ เปน็ ส�ำ คญั ผู้ประกอบการหรือนายจ้างส่วนใหญ่มีความคาดหวังค่อนข้างขัดกับ ความหวงั ของแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมาย จากการทไ่ี ดพ้ ดู คยุ กบั นายจา้ งทม่ี ลี กู จา้ งเปน็ แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมาย พวกเขามคี วามปรารถนาเดยี วในท�ำ นองวา่ “หวังจะให้ทำ�งานตามคำ�ส่ังอย่างเต็มท่ี  ไม่เดือดร้อน สร้างปัญหาให้แก่พวกเรา  (นายจ้าง)  เพราะเราจ้างพวกน้ันมา (แรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย)  ก็เพื่อใช้งานให้คุ้มกับค่าจ้าง คา่ ลงทนุ ซง่ึ พวกนน้ั   (แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมาย)  กเ็ ชอ่ื ฟงั และปฏิบัติได้ดีกว่าลูกจ้างท่ีเป็นคนไทยเสียอีก  แต่ก็มีบ้างนะ  ทเ่ี กย่ี งงาน  ชอบเถยี งนายจา้ ง พวกเรากเ็ ลกิ จา้ งหากพวกนน้ั เรอ่ื งมาก”๑๒ ๒.๒.๒ ความจรงิ ผา่ นระบบเศรษฐกจิ รัฐเสรีนิยมใหม่มีข้อแตกต่างกับแนวคิดเสรีนิยมแบบด้ังเดิมคือ  สิทธิ เสรภี าพแบบปจั เจกชน มนษุ ยน์ ยิ ม สทิ ธมิ นษุ ยชนถกู สรา้ งและนยิ ามผา่ นปรมิ ณฑลทาง เศรษฐกจิ เสรนี ยิ มใหมด่ รู าวกบั จะปลอดอดุ มการณท์ างการเมอื ง ตามท่ี Harvey ระบไุ ว้ ๑๑ David Harvey, Space of Hope, p.186. ๑๒ ผปู้ ระกอบการในฐานะนายจา้ งของแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมาย, ๒๕๕๙ 26

27 ว่ากลไกตลาดเป็นเคร่ืองมือการประมวลผลข้อมูลท่ีมีประสิทธิภาพกว่าสมองมนุษย์ โดยยงั คงท�ำ งานอยใู่ นรปู แบบของสมองมนษุ ย์ แตใ่ นขณะเดยี วกนั Foucalt ชใ้ี หเ้ หน็ วา่ ลัทธิเสรีนิยมใหม่มักถูกเข้าใจว่าเป็นนโยบายการปล่อยตลาดเสรี  ซ่งึ แท้จริงแล้วเสรีนิยมใหม่ เป็นการควบคุมทางจิตวิทยากิจกรรมท่ัวไปของมนุษย์  อันเป็นการแทรกแซงถาวรของ ทกุ กจิ กรรมของมนษุ ย์ กลา่ วคอื ลทั ธเิ สรนี ยิ มใหมไ่ มไ่ ดท้ �ำ ลายอ�ำ นาจรฐั หากแตไ่ ดป้ รบั เปลย่ี น หน้าท่ีและขอบเขตของรัฐ  เม่ือพิจารณาวิภาษวิธีว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเสรีภาพ ปจั เจกชนและความมน่ั คงของรฐั หาใชท่ างสองแพรง่ แตอ่ ยา่ งใด เพยี งแตส่ งั คมเสรนี ยิ มใหมน่ น้ั กลไกการประสานความขัดแย้งข้างต้นได้ถูกคิดคำ�นวณผ่านผลได้ทางเศรษฐกิจ เสรีภาพของปัจเจกชนและความม่ันคงของรัฐจึงไม่ใช่การแข่งขันแบบ  Zero-Sum  ในลักษณะของสัญญาประชาคมแบบเสรีนิยมแบบด้ังเดิม  หากแต่เป็นการแปรสภาพ เง่ือนไขเชิงคุณภาพสู่ระบบมูลค่าแลกเปล่ียนของท้ังปัจเจกชนและสังคมเสรีนิยมใหม่  และหากพจิ ารณาในมมุ มองของแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมาย พวกเขามเี งอ่ื นไขทเ่ี ตมิ เตม็ พลงั ของแรงงานราคาถกู และมตี น้ ทนุ ในการผลติ ซ�ำ้ ต�ำ่ ขณะเดยี วกนั กไ็ มอ่ าจปฏเิ สธไดว้ า่ ความเป็นมนุษย์ท่ตี ิดตัวมากับแรงงานข้ามชาติจ�ำ เป็นต้องทำ�ให้อย่ภู ายใต้ชุดความคิดว่า ด้วยเสรีภาพตามแบบแผนของการอธบิ ายแนวเสรีนิยมใหม ่ กล่าวคอื การควบคุมตนเอง ภายใตเ้ สรภี าพแหง่ ปจั เจกชนไมค่ วรขดั กบั ผลประโยชนใ์ นการสะสมทนุ นน่ั เอง๑๓ ด้วยกระบวนการกระจัดของเวลาและสถานท่ีต่อการผลิตซำ้�  ทำ�ให้ ชีวิตในพ้ืนท่ีการผลิตของแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายมีความเข้มข้นมากข้ึน  และขยาย เวลาของการผลิตซำ้�ออกไปในประเทศต้นทางของพวกเขา  ดังน้ันจะเห็นได้ว่าแรงงาน ขา้ มชาติ รวมถงึ ชนชน้ั กลางใหมใ่ นกรงุ เทพมหานคร หรอื ในพน้ื ทอ่ี ตุ สาหกรรมชานเมอื ง พวกเขาเผชญิ เงอ่ื นไขทค่ี ลา้ ยกนั ในเชงิ คณุ ภาพอนั ไดแ้ ก่ ความเปราะบาง แปลกแยก และ กระบวนการท�ำ ใหเ้ ปน็ สนิ คา้ อยา่ งเขม้ ขน้ การท�ำ ใหป้ จั เจกชนมคี วามรสู้ กึ รว่ มกบั ระบบได้ จำ�เป็นต้องต้องสร้างพ้ืนท่ีอันตวิทยาทางเศรษฐศาสตร์ข้ึนมา  จึงเป็นความจริงมากกว่า ๑๓ ษษั ฐรมั ย์ ธรรมบษุ ด,ี เศรษฐกจิ การเมอื งวา่ ดว้ ยสวสั ดกิ ารส�ำ หรบั แรงงานขา้ มชาต:ิ กรณี ศกึ ษาแรงงานพมา่ ในจงั หวดั สมทุ รปราการ, (กรงุ เทพฯ: คณะรฐั ศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๕).

การสรา้ งความฝนั หรอื ความคาดหมายปลายทางของการใชช้ วี ติ หากแตเ่ ปน็ การสรา้ งชดุ ค�ำ อธบิ ายการด�ำ เนนิ ชวี ติ การใหค้ วามหมาย การลดคา่ ล�ำ ดบั ความส�ำ คญั การจดั ล�ำ ดบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมนษุ ยก์ บั ปจั จยั การผลติ ตา่ ง  ๆ๑๔  ท�ำ ใหก้ ารเผชญิ หนา้ ของแรงงาน ขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายและนายจา้ งของพวกเขา Marx ไดใ้ หเ้ หตผุ ลหกั ลา้ งตอ่ กระบวนการ ทุนนิยม  ซ่ึงเขายอมรับความสมบูรณ์ของตลาดน้ันถูกต้อง  แต่การไม่ควบคุมตลาดเสรี ของพวกทุนนิยม  ได้นำ�มาสู่การลดทอนคุณค่าและทำ�ให้เกิดชนช้ันตามมา  เม่ือใดท่ี เงนิ ทนุ สะสมเพม่ิ มากขน้ึ สถานการณข์ องแรงงานจะเลวรา้ ยขน้ึ ขณะเดยี วกนั ชนชน้ั แรงงาน กจ็ ะถกู ทรมานจนไมไ่ ดร้ บั เสรภี าพในชวี ติ ตามควร ตลาดของพวกทนุ นยิ มไดน้ �ำ มาซง่ึ การ ท�ำ ลายมนษุ ยท์ างกายภาพ ซง่ึ หลกี เลย่ี งไมไ่ ด้ พวกทนุ นยิ มจะตกี รอบเพอ่ื ปกปอ้ งตนเอง ในพน้ื ทท่ี างเศรษฐกจิ สงั คมจะตกอยใู่ นอนั ตรายอกี นยั หนง่ึ มนั เปน็ เรอ่ื งยากทจ่ี ะพฒั นา ระบบตลาดให้ไปส่กู ารจ้างงานประจำ�ท่แี น่นอน  และท้ายท่สี ุดก็เปราะบางไปถึงสถาบัน ทางสงั คม๑๕ ๒.๒.๓ ความจรงิ ผา่ นเงอ่ื นไขทางกฎหมาย อิสระทางความหวังท่ีจะถูกลิดรอนได้ในอีกทางหน่ึงคือ  ภาพสะท้อน ผ่านเง่ือนไขกฎหมาย  แม้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมในรัฐเสรีนิยมใหม่จะก้าวข้าม พรมแดนของกฎหมาย  แต่น่ันก็ไม่ได้หมายความว่าเง่ือนไขดังกล่าวจะไม่สามารถ ขดั ขวางความหวงั ของแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายได้ สงั คมมกี ารตรวจตราอยเู่ สมอแมท้ าง กายภาพจะปฏบิ ตั ใิ หเ้ หน็ ตา่ งกนั ดงั แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายทถ่ี กู สมั ภาษณ์ ทเ่ี ขาเลา่ ส่วนหน่ึงจากสาเหตุของการอพยพจากพระรามสองเข้ามาในพ้ืนท่ีเขตบางกะปิ  เพราะ พ้ืนท่ีพระรามสองมีตำ�รวจคอยตรวจตราและจับกุมพวกเขาอยู่เสมอ  เช่นเดียวกับ แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑๗ และ ๑๘ ทพ่ี วกเขาท�ำ งานในรา้ นอาหาร จานด่วนในพ้นื ท่สี ยามสแควร์  เขตปทุมวัน  พวกเขาต้องพบเจอความเส่ยี งอย่างเข้มข้น จากการจบั กมุ ของเจา้ หนา้ ทต่ี �ำ รวจ ซง่ึ พวกเขากค็ อ่ นขา้ งกลวั พอสมควรถงึ ขนาดไมก่ ลา้ ไป ไหนไกลจากทท่ี �ำ งาน รา้ นคา้ บรเิ วณนน้ั ทร่ี จู้ กั ๑๔ ษษั ฐรมั ย์ ธรรมบษุ ด,ี เรอ่ื งเดยี วกนั , หนา้ ๑๓๐. ๑๕ David Harvey, ibid. 28

29 ทำ�ให้เห็นได้ว่าความเส่ียงดังกล่าวระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่ได้ แปรสภาพคณุ ภาพของรฐั ใหม้ บี ทบาทเปน็ รอง และเปน็ ปจั จยั ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ จากการตอ่ รอง ระหว่างสถานประกอบการบนห่วงโซ่อุปทานท่ีมีการแสวงหาความได้เปรียบต่อตลาด แรงงาน การถา่ ยโอนความเสย่ี งจากผปู้ ระกอบการไปยงั ผใู้ ชแ้ รงงานทม่ี อี �ำ นาจตอ่ รองต�ำ่ เกดิ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง จนขยายเปน็ วงกวา้ งกอ่ ใหเ้ กดิ แรงงานเสย่ี ง๑๖ และจะมคี วามเขม้ ขน้ มากข้ึนหากแรงงานข้ามชาติเหล่าน้ีเป็นแรงงานท่ีไม่ชอบด้วยเง่ือนไขทางกฎหมาย น่ันย่อมหมายความว่าพวกเขามีชีวิตท่ีผูกมัดไว้โดยตัวแทนผู้นำ�เข้าแรงงานและนายจ้าง มากยง่ิ ขน้ึ จุดน้ีเองท่ีสะท้อนได้ว่าแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายต่างจากแรงงาน ข้ามชาติท่ัวไป  โดย  Pitch  Pongawat๑๗  ได้อธิบายการสร้างกระบวนการแรงงาน (Labor process) ผา่ นการใหส้ ทิ ธติ า่ ง ๆ ของประชากร ซง่ึ มคี วามส�ำ คญั ตอ่ เงอ่ื นไขใน ชีวิตท่จี ะทำ�ให้ตนมีโอกาสสร้างความสัมพันธ์ท่แี น่นอนในภาคส่วนของเศรษฐกิจ  ระบบ ดังกล่าวได้ผลักดันให้คนบางกลุ่มเข้าสู่ช่องทางการแสวงหาประโยชน์เพ่ือตนและการ ท�ำ ลายภาคสว่ นทเ่ี กย่ี วขอ้ ง  มกี ารสรา้ งรปู แบบการจำ�กดั หรอื การกกั กนั   (Containment- Confinement)  ตอ่ แรงงาน  และการจ�ำ กดั ดงั กลา่ วไดน้ �ำ มาถกู ใชก้ บั กลมุ่ แรงงานขา้ มชาติ ผดิ กฎหมายในการอยอู่ าศยั และการท�ำ งานของพวกเขาในเมอื ง นบั วา่ เปน็ การปราศจาก โอกาสในการเคลอ่ื นยา้ ยทางพน้ื ทเ่ี พอ่ื ไปสชู่ วี ติ ทด่ี กี วา่ กระบวนการทางสงั คมเหลา่ นเ้ี กดิ ขน้ึ ในลกั ษณะผลติ ซำ้�แบบกระจดั เวลา และสถานท่ ี โดยส่วนใหญ่ปรากฏผ่านมโนทัศน์ของแรงงานข้ามชาติสมัยใหม่ท่มี ีเงินทุน ขา้ มพรมแดนและพรอ้ มท่จี ะให้ความสำ�คัญกบั การท�ำ งานหนักในชวี ิตทก่ี รุงเทพมหานคร การเดนิ ทางทม่ี คี า่ ใชจ้ า่ ยควบคกู่ บั นโยบายกดี กนั แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายของรฐั บาลไทย ยากท่ีจะทำ�ให้การอยู่เมืองไทยอย่างถาวรเป็นเร่ืองยาก  จึงทำ�ให้แรงงานข้ามชาติ ส่วนใหญ่ไม่หวังท่ีจะพักอาศัยถาวรในประเทศปลายทาง  พวกเขาจึงทำ�ได้เพียงเข้ามา แสวงหามลู คา่ ทางวตั ถเุ พอ่ื ไปตอบสนองชวี ติ บน้ั ปลายพวกเขาในประเทศตน้ ทางเทา่ นน้ั ๑๖ Guy Standing, The Precariat : The New Dangerous Class, (London : Bloomsbury Academic, 2011) ๑๗ Pitch Pongsawat, Border Partial Citizenship, Border Towns and Thai-Myanmar Cross-Border Development : Case Studies at the Border Towns, (California : University of Californai, Berkeley, 2007).

๓.  การรับรู้สิทธิทางกฎหมายของแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายในฐานะผู้ทรงสิทธิ ตามกฎหมาย ในทางเนตินิยม  แรงงานข้ามชาตินับเป็นหน่ึงในผู้ทรงสิทธิตามกฎหมาย (Subject of Law หรอื Person under/in Law) หรอื หากพจิ ารณาทางเศรษฐกจิ การเมอื ง พวกเขากค็ อื ผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี (Stakeholder) ในมาตรการทางสงั คมดงั กลา่ ว ซง่ึ แนน่ อนวา่ หากพิจารณาในสังคมอุดมคติแบบเนตินิยมอย่างประเทศไทยน้นั จะพบว่ายึดหลักนิติรัฐ (Legal  State)  หรือการปกครองท่ีรัฐอยู่ภายใต้กฎหมายเป็นสำ�คัญ  และเม่ือพิจารณา การบังคับใช้กฎหมายผ่านบริบทเศรษฐกิจและสังคมท่ีเก่ียวข้องกับแรงงานข้ามชาติ จะพบวา่ การใชแ้ รงงานของสงั คมไทยมมี าตง้ั แตส่ มยั ตน้ ราชวงศจ์ กั รจี นถงึ ปจั จบุ นั   และมี แนวโนม้ ทจ่ี ะสูงขน้ึ ภายใต้การเปล่ยี นแปลงโครงสร้างประชากรของประเทศท่ไี มส่ มดลุ กบั การเติบโตของเศรษฐกิจอันส่งผลกระทบต่อประเทศไทยท่ีประสบปัญหาการขาดแคลน แรงงานบางประเภท เปน็ ปจั จยั ใหป้ ระเทศไทยตอ้ งพง่ึ พาแรงงานขา้ มชาตเิ ปน็ จ�ำ นวนมาก ตอ่ ไปในอนาคต จากสถติ แิ รงงานขา้ มชาตซิ ง่ึ เปดิ ใหข้ น้ึ ทะเบยี นตง้ั แตป่ ี ค.ศ. ๑๙๙๒ จนถงึ ปัจจุบัน  พบว่าจ�ำ นวนแรงงานข้ามชาติมีจ�ำ นวนสูงข้นึ ทุกป ี และมีสัดส่วนอัตราการเพ่มิ ทส่ี งู ขน้ึ หลายเทา่ ตลอดระยะเวลา ๒๐ ปที ผ่ี า่ นมา โดยเฉพาะเมอ่ื พจิ ารณาสดั สว่ นของ แรงงานขา้ มชาตเิ ทยี บกบั ก�ำ ลงั แรงงานของไทย ปญั หาหลกั ทพ่ี บคอื ตง้ั แตอ่ ดตี ถงึ ปจั จบุ นั การเคล่ือนย้ายแรงงานเข้ามาในประเทศส่วนใหญ่ไม่ถูกกฎหมายต้ังแต่ต้น  เพ่ือเข้ามา ลกั ลอบทำ�งานในประเทศ  จงึ สง่ ผลใหท้ ง้ั ผดิ กฎหมายวา่ ดว้ ยการเขา้ เมอื ง  และกฎหมาย ว่าด้วยการทำ�งานของคนต่างด้าว  หรือเข้าเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย  แต่ลักลอบ ทำ�งานในประเทศ  ก็จะผิดกฎหมายว่าด้วยการทำ�งานของคนต่างด้าว  มาตรา  ๕๑๑๘ ๑๘ มาตรา ๕๑ คนตา่ งดา้ วผใู้ ดท�ำ งานโดยไมไ่ ดร้ บั ใบอนญุ าต ตอ้ งระวางโทษจ�ำ คกุ ไมเ่ กนิ หา้ ปี หรอื ปรบั ตง้ั แตส่ องพนั บาทถงึ หนง่ึ แสนบาท หรอื ทง้ั จ�ำ ทง้ั ปรบั ในกรณีท่ีคนต่างด้าวซ่ึงถูกกล่าวหาว่ากระทำ�ความผิดตามวรรคหน่ึงยินยอมเดินทางกลับ ออกไปนอกราชอาณาจักรภายในเวลาท่พี นกั งานสอบสวนก�ำ หนดซ่งึ ต้องไม่ช้ากว่าสามสิบวนั   พนักงาน สอบสวนจะเปรยี บเทยี บปรบั และด�ำ เนนิ การใหค้ นตา่ งดา้ วนน้ั เดนิ ทางกลบั ออกไปนอกราชอาณาจกั รกไ็ ด้ 30

31 และหากจะพิจารณามาตรการของภาครัฐทผ่ี า่ นมาท่ีมขี ้อจำ�กดั ทำ�ให้ไมอ่ าจดำ�เนินการได้ อยา่ งเดด็ ขาด  เพยี งแตเ่ ปดิ ใหม้ าขน้ึ ทะเบยี น ขออนญุ าตท�ำ งาน และใหม้ กี ารพสิ จู นส์ ญั ชาติ เป็นช่วง  ๆ  ซ่งึ ไม่ส�ำ เร็จสมบูรณ ์ จึงเป็นปัจจัยเสริมให้ปัญหาท่เี ก่ยี วกับแรงงานข้ามชาติ ไมม่ แี นวโนม้ ลดลง ปัญหาเร้ือรังดังกล่าวทำ�ให้แรงงานข้ามชาติเรียนรู้จากประสบการณ์ว่า ประเทศไทยไม่เคยเอาจริงเอาจังกับแรงงานข้ามชาติ  หลบเล่ียงได้จึงหลบเล่ียงก่อน เพ่ือรอให้มีการเปิดโอกาสการข้ึนทะเบียนอีก  ซ่ึงท่ีผ่านมาการเข้าออกจากการลักลอบ ด้วยวิธีการต่าง  ๆ  น้นั   แม้รัฐบาลจะประกาศว่าจะไม่ออกบัตรอนุญาตท�ำ งานช่วั คราว (บตั รสชี มพ)ู   ใหอ้ กี จงึ ไมส่ ามารถปอ้ งปรามหรอื ทำ�ใหแ้ รงงานขา้ มชาตเิ กรงกลวั ได้  นอกจาก น้ีนายจ้างหรือสถานประกอบการต่าง  ๆ  ยังคงว่าจ้างแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย เนอ่ื งจากตอ้ งการลดตน้ ทนุ การประกอบการ ไมต่ อ้ งการความยงุ่ ยากในการด�ำ เนนิ การ ตามกฎหมายแรงงาน  และไม่มีความเกรงกลัวว่าจะถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ซง่ึ หากรวมตวั เลขของแรงงานขา้ มชาตทิ ง้ั ถกู กฎหมายและผดิ กฎหมายคาดวา่ จะมแี รงงาน ขา้ มชาตใิ นประเทศไทยมากกวา่ หา้ ลา้ นคน ส่ิงท่ีพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าแรงงานข้ามชาติและนายจ้างตลอดจนประเทศ ต้นทางไม่ใส่ใจต่อปัญหาแรงงานข้ามชาติหรือแม้กระท่ังการค้ามนุษย์ของไทย  เห็นได้ จากการท่คี ณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกประกาศให้แรงงานข้ามชาติ  ๓  สัญชาติ ไดแ้ ก่ ลาว กมั พชู า และเมยี นมา มาขน้ึ ทะเบยี นระหวา่ งวนั ท่ี ๒๖ มถิ นุ ายน ๒๕๕๗ ถงึ วนั ท่ี ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๗ นน้ั แมม้ แี รงงานมาขน้ึ ทะเบยี นถงึ ๑.๖ ลา้ นคนเศษ แตใ่ นการ พิสูจน์สัญชาติของประเทศต้นทางกลับทำ�ได้น้อยมากคือทำ�ได้น้อยกว่าสองแสนคน เป็นสัดส่วนท่ีตำ�่ มาก  แสดงให้เห็นถึงอุปสรรคท่ีเกิดจากการร่วมมือจากประเทศต้นทาง ในการแกไ้ ขปญั หา  และจากจ�ำ นวนแรงงานขา้ มชาตมิ าขน้ึ ทะเบยี น  ๑.๖  ลา้ นคนเศษน้ี มตคิ ณะรฐั มนตรี เมอ่ื วนั ท่ี ๒๘ ตลุ าคม ๒๕๕๗ เหน็ ชอบใหม้ กี ารพสิ จู นส์ ญั ชาติ ทง้ั ๓ สญั ชาตขิ า้ งตน้ ภายในวนั ท่ี ๓๑ มนี าคม ๒๕๕๗ ซง่ึ จากการด�ำ เนนิ การของกรมจดั หางาน มีผู้ผ่านการตรวจสัญชาติแล้วเสร็จประมาณร้อยละสิบน้ัน  กล่าวคือเป็นกรณีสัญชาติ กมั พชู าและลาวเพยี ง ๑๕๒,๑๕๔ คน (เปน็ แรงงาน ๑๔๙,๒๔๗ คน ผตู้ ดิ ตาม ๒,๙๐๗ คน)

และเป็นสัญชาติเมียนมาผ่านการตรวจสัญชาติจำ�นวน  ๑๖,๓๔๙  คน  จนต้องขยาย ระยะเวลา  โดยใหผ้ ถู้ อื บตั รอนญุ าตชว่ั คราว  (บตั รสชี มพ)ู   ทย่ี งั ไมผ่ า่ นการตรวจภายในวนั ท่ี ๓๑ มนี าคม ๒๕๕๘ ใหม้ ารายงานตวั เพอ่ื ขอรบั บตั รใหมภ่ ายในวนั ท่ี ๓๐ มถิ นุ ายน ๒๕๕๘  สำ�หรับกล่มุ ท่ไี ม่มารายงานตัวเพ่อื ขอรับบัตรใหม่และขออนุญาตทำ�งานภายใน วันท่ี  ๓๐  มิถุนายน  ๒๕๕๘  ให้มีการดำ�เนินการตรวจสอบ  ติดตาม  จับกุม  ผลักดัน สง่ กลบั ตามกฎหมายอยา่ งเครง่ ครดั ตามค�ำ สง่ั คณะความสงบแหง่ ชาต๑ิ ๙  ซง่ึ กห็ าไดเ้ ครง่ ครดั ในทางปฏบิ ตั ไิ ม่ ยงั คงปรากฏแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายทล่ี กั ลอบท�ำ งานโดยบตั รสชี มพู หมดอายุ อยา่ งแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑-๔ และ ๗-๘ เกดิ ขน้ึ อยู่ เปน็ ตน้ อย่างไรก็ตาม  แรงงานข้ามชาติส่วนใหญ่ในศตวรรษท่ี  ๒๑  เห็นได้ว่าพวกเขามีความ ตน่ื ตวั เรอ่ื งสทิ ธแิ รงงานนอ้ ยกวา่ แรงงานรนุ่ กอ่ นในอดตี พวกเขาจงึ ใสใ่ จอ�ำ นาจการตอ่ รอง ของตวั เองนอ้ ยกวา่ และคดิ เพยี งแตเ่ รอ่ื งการท�ำ งานใหบ้ รรลผุ ลส�ำ เรจ็ ในประเทศปลายทาง เพราะท้ังน้ีหน้ีท่ีลงทุนข้ามพรมแดนจากประเทศต้นทางน้ันย่อมผูกพันกับชีวิตพวกเขา ใหต้ อ้ งกระตนุ้ ความเปน็ แรงงานอยา่ งเขม้ ขน้ ผลจากการสมั ภาษณแ์ รงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายทง้ั หมด ๑๙ คน มเี พยี ง ๑ คนเท่านน้ั ทพ่ี อร้พู ้นื ฐานทางกฎหมายเก่ยี วกับกฎหมายคนเขา้ เมือง  เขาเล่าว่า  “...ก็พอ รบู้ า้ งครบั เราเดนิ ทางขา้ มประเทศกจ็ ะตอ้ ง passport แลว้ ท�ำ VISA ใหถ้ กู ตอ้ ง แลว้ เมอ่ื เรา มาหางานทไ่ี ทยท�ำ เรากจ็ ะใหน้ ายจา้ งไปท�ำ บตั รแรงงานใหจ้ ะไดไ้ มผ่ ดิ กฎหมาย”  ๒๐  แตถ่ งึ อยา่ งไร หากพิจารณาให้ลึกลงไปพวกเขาท้ังหมด  ๑๙  คนก็ไม่รู้ถึงสิทธิหน้าท่ีตนเองจากการ ค้มุ ครองทางกฎหมาย  โดยสิทธิตามกฎหมายท่คี ้มุ ครองแรงงานน้นั   จะอยู่ในกฎหมาย คมุ้ ครองแรงงาน (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซง่ึ บญั ญตั ริ ายละเอยี ดสทิ ธทิ แ่ี รงงานควรจะได้ รบั การปฏบิ ตั ิ อาทิ หมวดการใชแ้ รงงานทว่ั ไป ทม่ี กี ารก�ำ หนดสทิ ธเิ วลาพกั วนั ละไมน่ อ้ ย กวา่ ๑ ชว่ั โมง และมสี ทิ ธหิ ยดุ งานประจ�ำ สปั ดาหไ์ มน่ อ้ ยกวา่ สปั ดาหล์ ะ ๑ ครง้ั และการ ปฏิเสธงานอันตรายต่อสุขภาพร่างกายและความปลอดภัยหากต้องท�ำ งานเกินกว่าวันละ ๑๙ ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร ปฏบิ ตั หิ นา้ ทส่ี �ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาปฏริ ปู แหง่ ชาต,ิ ๒๕๕๘, น.๑๒ - ๑๓ ๒๐ แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑๐, ๒๕๕๙ 32

33 ๗ ชว่ั โมง หมวดคา่ จา้ ง คา่ ลว่ งเวลา และคา่ ท�ำ งานในวนั หยดุ ซง่ึ ไมร่ วู้ า่ ตนมสี ทิ ธไิ ดร้ บั คา่ ลว่ งเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ ๑.๕ เทา่ ของคา่ จา้ งตอ่ ชว่ั โมง และไมร่ วู้ า่ หากนายจา้ งผดิ นดั ในการ จ่ายค่าจ้าง  ค่าล่วงเวลาและค่าทำ�งานในวันหยุด  มีสิทธิได้รับดอกเบ้ยี ร้อยละ  ๑๕  ต่อปี หมวดคา่ ชดเชย มแี รงงานสว่ นใหญไ่ มร่ วู้ า่ ตนมสี ทิ ธไิ ดร้ บั คา่ ชดเชยเมอ่ื ถกู เลกิ จา้ งโดยไมม่ ี ความผิด  และแม้กระท่ังหมวดสวัสดิการ  มีแรงงานบางคนไม่รู้ถึงสิทธิท่ีตัวเองจะได้รับ อาทิ การรกั ษาพยาบาล ฯ ซง่ึ กอ็ าจเปน็ เพราะความไมป่ ระสงคข์ องนายจา้ งทจ่ี ะรบั รอง คมุ้ ครองแรงงานเหลา่ น้ี สง่ิ ทต่ี อ้ งพเิ คราะหต์ อ่ มาคอื ในเมอ่ื ไมไ่ ดร้ บั ความยตุ ธิ รรมแลว้   เหตใุ ดแรงงาน ข้ามชาติผิดกฎหมายจึงไม่ดำ�เนินกระบวนการยุติธรรมเพ่ือให้ได้รับสิทธิของตน  ซ่งึ หาก พิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงแล้วน้นั จะเห็นว่า  แม้กระบวนการยุติธรรมจะรับรองท้งั แรงงานชาติและแรงงานข้ามชาติทุกสถานะโดยไม่สนใจเอกสารเข้าเมือง  แต่ด้วยการ ท่ีเป็นแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายประกอบกับการไม่รู้สิทธิท่ีมีอย ู่ และการปรากฏช่ือ ทางสถานะในเอกสารราชการว่าเป็นผู้มิชอบ  เป็นผู้ไม่ถูกต้อง  จึงอาจโดนรับโทษได้ น่นั ย่อมหมายความว่าพวกเขาเหล่าน้นั ก็จะหมดโอกาสในการทำ�งานในประเทศไทยต่อไป อันเป็นข้อเท็จจริงเบ้ืองหลังท่ีดูเหมือนว่าแรงงานข้ามชาติเหล่าน้ีถูกเลือกปฏิบัติ ในประเทศไทยนน่ั เอง บทสรปุ และขอ้ เสนอแนะ การศกึ ษาเรอ่ื ง “แรงงานขา้ มชาตศิ ตวรรษท่ี ๒๑ : กรณแี รงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายในกรงุ เทพมหานคร” ภายใตง้ านวจิ ยั เรอ่ื ง “มโนทศั นข์ องแรงงานขา้ มชาตทิ ผ่ี ดิ กฎหมาย  ศึกษากรณีแรงงานในกรุงเทพมหานคร”  เป็นงานวิจัยท่ีมีการบูรณาการองค์ ความรทู้ างสหวทิ ยาการระหวา่ งเรอ่ื งมโนทศั นว์ า่ ดว้ ยแรงงานกบั มโนทศั นว์ า่ ดว้ ยกฎหมาย ทม่ี กี ารเคลอ่ื นท่ี (Mobility) ของแรงงานขา้ มชาตทิ ผ่ี ดิ กฎหมาย และหลกั เกณฑ์ (Legality) ท่กี ฎหมายกำ�หนดสภาพบังคับไว้จึงมีความสัมพันธ์กัน  อันเป็นการศึกษาท่เี ก่ยี วข้องกับ ความเปน็ พลเมอื งในพน้ื ทท่ี างสงั คม มกี ารใชก้ รอบแนวคดิ ภมู หิ ลงั ประวตั ศิ าสตรเ์ ศรษฐกจิ การเมืองและภูมิศาสตร์การเมืองในพ้ืนท่ีกรุงเทพมหานคร  และพ้ืนท่ีแห่งความหวัง

ในสงั คมอดุ มคติ ผา่ นการวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ (Qualitative Research) โดยใชข้ อ้ มลู ทส่ี �ำ คญั จาก หลายแหลง่ ดว้ ยกนั อาทิ หนงั สอื ต�ำ รา เอกสารทางวชิ าการทเ่ี กย่ี วขอ้ ง อกี ทง้ั ยงั ท�ำ การ ศกึ ษาเพอ่ื หาค�ำ ตอบในเชงิ ลกึ ดว้ ยการสมั ภาษณ์ (In-depth Interview) แรงงานขา้ มชาตทิ ่ี ผดิ กฎหมาย ประเภทกลมุ่ ทเ่ี ดนิ ทางเขา้ เมอื งถกู ตอ้ ง กลา่ วคอื มเี อกสารอนญุ าตใหเ้ ขา้ สเู่ ขตแดน (VISA) ชนดิ ทไ่ี มอ่ นญุ าตใหท้ �ำ งานแตล่ กั ลอบท�ำ งานในฐานะลกู จา้ ง จ�ำ นวน ๑๙ คน ในพน้ื ทก่ี รงุ เทพมหานคร บรเิ วณพน้ื ทศ่ี นู ยก์ ารคา้ สยามสแควร์ เขตปทมุ วนั พน้ื ท่ี รอบมหาวทิ ยาลยั รามค�ำ แหงและการกฬี าแหง่ ประเทศไทย เขตบางกะปิ และศนู ยก์ ารคา้ อิมพีเรียลเวิลด์  ลาดพร้าว  เขตวังทองหลาง  โดยมีวัตถุประสงค์เพ่อื ศึกษาทัศนคติของ แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมาย ในประเดน็ ทว่ี า่ แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายมอี ทิ ธพิ ลหรอื แรงจูงใจใดบ้างท่เี ป็นปัจจัยนำ�ไปส่กู ารเป็นแรงงานท่ผี ิดกฎหมาย  ความหวังของแรงงาน ดงั กลา่ ว กอ่ นและหลงั เขา้ มาท�ำ งาน บทบาทและพน้ื ทท่ี างสงั คมในการด�ำ เนนิ ชวี ติ รวม ถึงศึกษาทัศนคติการรับร้มู าตรการทางกฎหมายจากการเป็นส่วนหน่งึ ของผ้ทู รงสิทธิตาม กฎหมาย อนั เปน็ สว่ นหนง่ึ ในการสะทอ้ นคณุ ภาพของมาตรการดงั กลา่ ว ในชว่ งปลายสงครามโลกครง้ั ทส่ี อง (ปี ๑๙๐๐ - ๑๙๕๐) เงอ่ื นระบบเศรษฐกจิ ของโลกขณะน้นั เป็นทุนนิยมท่เี น้นการเปล่ยี นผ่านจากทุนพาณิชย์ส่ทู ุนอุตสาหกรรมและ การสรา้ งพลเมอื งใตร้ ะบบสายพานการผลติ ท�ำ ใหเ้ งอ่ื นไขการสะสมทนุ ในรฐั ไทยตอ้ งการ น�ำ เขา้ แรงงานและผปู้ ระกอบการชาวจนี เพอ่ื ทนุ พาณชิ ย์ ซง่ึ ด�ำ เนนิ การโดยรฐั   การสรา้ ง แนวคิดพลเมืองสายพานในช่วงหลังปี  ๑๙๓๒  เพ่ือการควบคุมแรงงาน  มีการแปลง สญั ชาตใิ หก้ บั บตุ รหลานชาวจนี ในไทย ในชว่ งปี ๑๙๕๐-๑๙๘๕ การเจรญิ เตบิ โตของทนุ อตุ สาหกรรมเพอ่ื ทดแทน การน�ำ เข้า  การพัฒนาโครงสรา้ งพ้นื ฐานจากการช่วยเหลือทางเทคนิคของสหรัฐอเมริกา สง่ ผลใหเ้ กดิ ระบบโครงสรา้ งของโลกทม่ี พี น้ื ทศ่ี นู ยก์ ลางและชายขอบเกดิ ขน้ึ   เกดิ การลม่ สลาย ของเกษตรกรรมแบบยังชีพ  การพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานขนาดใหญ่นำ�สู่การอพยพ ในประเทศสพู่ น้ื ทอ่ี ตุ สาหกรรม  การเตบิ โตของวถิ คี นเมอื งทม่ี กี จิ กรรมเนน้ แรงงาน  อาทิ การกอ่ สรา้ งทอ่ี ยอู่ าศยั คนรบั ใช้ พนกั งานขบั รถ 34

35 ในชว่ งป ี ๑๙๘๕  -  ๑๙๙๗  มกี ารปรบั เปลย่ี นอตุ สาหกรรมเพอ่ื การสง่ ออก และการเติบโตของประเทศอุตสาหกรรมใหม่อย่างญ่ปี ่นุ   ยังผลให้ไทยเป็นส่วนหน่งึ ของ ปลายทางการลงทนุ ราคาถกู   เกดิ พน้ื ทน่ี คิ มอตุ สาหกรรมตามหวั เมอื งใหญแ่ ละปรมิ ณฑล มีการพัฒนาระบบขนส่งและเทคโนโลยีการส่อื สาร  แรงงานในช่วงน้จี ึงอพยพเข้าส่รู ะบบ อตุ สาหกรรมเปน็ ระบบแรงงานคอปกขาว อกี ทง้ั ในทศวรรษ ๑๙๙๐ กเ็ กดิ การอพยพของ แรงงานเมยี นมาเขา้ สเู่ มอื งชายแดนดว้ ยเหตผุ ลทางการเมอื ง ในช่วงของปี  ๑๙๙๗  -  ปัจจุบัน  มีการสถาปนาบทบาททุนการเงิน และภาคบริการอย่างเต็มตัว  การเร่มิ รอบการสะสมทุนแบบเสรีนิยมใหม่และการถ่ายโอน ความเส่ียงสู่แหล่งต้นทุนการผลิตตำ่�  ยังผลให้เกิดแรงงานข้ามท่ีมีเง่ือนไขยืดหยุ่น ต่อสภาพการจ้างงานอย่างแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย  นอกจากน้ีผลของการพัฒนา มหานครในชว่ งทผ่ี า่ นมา  ท�ำ ใหค้ วามเขม้ ขน้ ของพน้ื ทม่ี คี วามแตกตา่ งกนั   อยา่ งพน้ื ทเ่ี ขต ปทมุ วนั ทเ่ี ปน็ ศนู ยก์ ลางพาณชิ ยกรรม  เมอ่ื มคี วามเจรญิ จนถงึ จดุ อม่ิ ตวั กจ็ ะมพี น้ื ทเ่ี ขตอน่ื เข้ามารองรับการขยายตัวของเมือง  อย่างพ้ืนท่ีเขตบางกะปิท่ีเป็นพ้ืนท่ีเศรษฐกิจชุมชน รว่ มกบั ทอ่ี ยอู่ าศยั และพน้ื ทเ่ี ขตวงั ทองหลางทเ่ี ปน็ บา้ นพกั แบบหมบู่ า้ นจดั สรรเปน็ สว่ นใหญ่ การศกึ ษาแรงงานขา้ มชาตศิ ตวรรษท่ี ๒๑ : กรณแี รงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมาย ในกรุงเทพมหานคร  พบว่า  แรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายมองข้ามมาตรการทางสังคม ท้ังโดยเจตนาและไม่เจตนา  เพ่ือมุ่งสู่พ้ืนท่ีทางเศรษฐกิจดังท่ีพวกเขาคาดหวังไว้ในชีวิต โดยความคาดหวังในชีวิตทุกคนมีความปรารถนาท้ังส้ิน  ส่วนใหญ่หวังจะยกระดับชีวิต ตนเองและครอบครัว  การยกระดับเร่ืองท่ีอยู่อาศัยในประเทศต้นทางก็นับเป็นรูปธรรม ทส่ี ะทอ้ นความมน่ั คงไดช้ ดั เจน  จงึ เขา้ มาท�ำ งานในกรงุ เทพมหานครทเ่ี ปน็ เมอื งทเ่ี จรญิ กวา่ ภูมิลำ�เนาเดิม  มีเศรษฐกิจท่ีเจริญอย่างไม่เท่าเทียมอันสะท้อนความเหล่ือมลำ้�เชิงพ้ืนท่ี ทำ�ให้ความเป็นจริงท่เี กิดข้นึ เม่อื มองผ่านนายจ้างแล้วพวกเขาก็ถือเป็นสินค้าท่ถี ูกผลิตซำ�้ ตามค�ำ อธบิ ายของรฐั ทนุ นยิ มแบบเสรนี ยิ มใหม่ ในทางเศรษฐกจิ มคี วามผดิ หวงั ทง้ั เรอ่ื งคา่ จา้ ง คา่ ครองชพี จนไมส่ ามารถมเี งนิ เกบ็ เพอ่ื ตอบสนองความหวงั ของตนได้

ความเป็นจริงในทางกฎหมายก็เช่นเดียวกันท่ีบ่ันทอนความหวังของแรงงาน ข้ามชาติผิดกฎหมาย  ส่งผลต่อการปรากฏตัวและการกล้าใช้ชีวิตอย่างพลเมืองรัฐท่วั ไป ไมม่ น่ั คง อย่างไรก็ตาม  แรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายก็ถือได้ว่าเป็นผู้ทรงสิทธิ ตามกฎหมายเช่นเดียวกัน  ซ่ึงในความเป็นจริงการรับรู้สิทธิหน้าท่ีของแรงงานจากการ สมั ภาษณ์ รอ้ ยละ ๑๐๐ ไมม่ คี วามรเู้ รอ่ื งน้ี อกี ทง้ั มกี ารเลอื กปฏบิ ตั ไิ มต่ รงตามเจตนารมณ์ ของกฎหมาย จงึ สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ อปุ สรรคการบงั คบั ใชก้ ฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั แรงงานยงั คงขาดความบรบิ รู ณอ์ ยู่ การศึกษาเร่ือง  “แรงงานข้ามชาติศตวรรษท่ี  ๒๑  :  กรณีแรงงานข้ามชาติ ผดิ กฎหมายในกรงุ เทพมหานคร”  จงึ เปน็ งานทม่ี กี ารบรู ณาการองคค์ วามรรู้ ะหวา่ งเรอ่ื งมโนทศั น์ ว่าด้วยแรงงานกับมโนทัศน์ว่าด้วยกฎหมาย  ท่ีมีการเคล่ือนท่ี  (Mobility)  ของแรงงาน ขา้ มชาตทิ ผ่ี ดิ กฎหมาย และหลกั เกณฑ์ (Legality) ทก่ี ฎหมายก�ำ หนดสภาพบงั คบั ไวจ้ งึ มี ความสัมพันธ์กัน  อันเป็นการศึกษาท่ีเก่ียวข้องกับความเป็นพลเมืองในพ้ืนท่ีทางสังคม การรับฟังปัญหาอันไร้ซ่ึงเสียงของมนุษย์ในลักษณะน้ีนับเป็นการเก็บข้อมูลข้ันพ้ืนฐาน ในระดบั ลา่ งสดุ ของผไู้ ดร้ บั ปญั หาทางสงั คม  ทง้ั นเ้ี พอ่ื จะน�ำ ขอ้ มลู เชงิ มานษุ ยวทิ ยาการเมอื งน้ี ไปสกู่ ารพฒั นาแนวทางปรบั ปรงุ แกไ้ ขในระดบั สงู ตอ่ ไป ผลลัพธ์ของปรากฏการณ์ทางสังคมดังกล่าว  ย่อมสะท้อนให้เห็นว่าภาครัฐ ยังคงขาดประสิทธิภาพในการจัดการแก้ไขปัญหาเร่ืองแรงงานข้ามชาติท่ีผิดกฎหมาย ความล้มเหลวท่ีตกผลึกมาอย่างยาวนานมีสาเหตุมาจากการขาดฐานข้อมูลท่ีจะนำ�มา ใช้ในการวางแผนอย่างมีคุณภาพ  ความเป็นเอกเทศของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องแต่ขาด การเช่ือมโยงประสานงานกัน  และปัญหาการทุจริตในการดำ�เนินงานท่ีบิดเบือนไปจาก มาตรการทางกฎหมาย  ทำ�ให้เห็นได้ว่าการแก้ไขปัญหาแรงงานข้ามชาติท่ผี ่านมายังขาด การบริหารจัดการอย่างเป็นระบบครบวงจร  การวางแผนในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงมีการผ่อนผันให้มีการจดทะเบียนแรงงานข้ามชาติในแต่ละปีมีลักษณะเป็นการ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็นคร้ังคราวไป  เพราะปัจจุบันรัฐไทยยังไม่มีหน่วยงานหลัก ทร่ี บั ผดิ ชอบตอ่ ปญั หาขา้ งตน้ มเี พยี งกระทรวงแรงงานทไ่ี ดต้ ง้ั หนว่ ยงานยอ่ ยเฉพาะกรณเี พอ่ื 36

37 รับผิดชอบการควบคุมและจดทะเบียนแรงงานข้ามชาติท่ผี ิดกฎหมายเท่าน้นั   ด้วยเหตุน้ี จงึ ขอเสนอแนะการท�ำ วจิ ยั ในครง้ั ตอ่ ไปเหน็ สมควรพจิ ารณาถงึ ประเดน็ ตอ่ ไปน้ี ๑. มุมมองการจัดการอุปสรรคความเปราะบางของแรงงานข้ามชาติ ในสงั คมทนุ นยิ มเสรนี ยิ มใหม่ ๒. แนวทางการสร้างความรู้ความเข้าใจระหว่างแรงงานข้ามชาติ กบั พลเมอื งในรฐั ปลายทางในยคุ ศตวรรษท่ี ๒๑ ๓. แนวทางการสร้างเสถยี รภาพระหว่างสิทธิมนุษยชนกบั ทุนนยิ มในสงั คม เสรนี ยิ มใหม่ ๔. มานษุ ยวทิ ยาวา่ ดว้ ยการท�ำ ความเขา้ ใจกฎหมายตอ่ แรงงานขา้ มชาติ ๕. การศึกษาถึงแนวโน้มการจัดต้ังองค์กรเฉพาะท่ีมีความเป็นเอกภาพ เพอ่ื ลดปญั หาความซ�ำ้ ซอ้ นในเรอ่ื งการด�ำ เนนิ การ  มงุ่ เสรมิ สรา้ งศกั ยภาพของรฐั ไทยในการ จดั การเรอ่ื งแรงงานขา้ มชาตทิ กุ ประเภทอยา่ งรอบดา้ นและยง่ั ยนื

บรรณานกุ รม หนงั สอื และบทความในหนงั สอื กฤตยา อาชวนจิ กลุ และพนั ธท์ุ พิ ย์ กาญจนะจติ รา สายสนุ ทร. ค�ำ ถามและขอ้ ทา้ ทายตอ่ นโยบายรฐั ไทยในการจดั การปญั หามติ สิ ขุ ภาวะและสทิ ธขิ องแรงงานขา้ มชาต.ิ นครปฐม: สถาบนั วจิ ยั ประชากรและสงั คม มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล, ๒๕๔๘. เจษฎา โชตกิ จิ ภวิ าทย์ และวทิ ยากร บญุ เรอื ง. แรงงานบนเสน้ ทางรฐั สวสั ดกิ าร. ล�ำ พนู : โครงการสง่ เสรมิ การพฒั นาศกั ยภาพองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ในการแกไ้ ข ปญั หาผดู้ อ้ ยโอกาสทางสงั คม, ๒๕๕๖. ณรงคฤ์ ทธ์ิ ศรประสทิ ธ.์ิ ปญั หากฎหมายเกย่ี วกบั แรงงานตา่ งดา้ วทเ่ี ขา้ มาท�ำ งาน ในประเทศไทยโดยผดิ กฎหมาย. กรงุ เทพฯ: คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามค�ำ แหง, ๒๕๕๔. พนนั ท์ ตาปนนท.์ บรบิ ทพน้ื ฐานกฎหมายผงั เมอื งไทย. กรงุ เทพฯ: ภาควชิ าการวางแผน ภาคและเมอื ง  คณะสถาปตั ยากรรมศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๔๓. พชิ ญตุ ม์ พทุ ธสิ รรพสทิ ธ.์ิ มาตรการทางกฎหมายเพอ่ื รองรบั แรงงานขา้ มชาตจิ ากการ เปน็ ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น. กรงุ เทพฯ: คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ ๒๕๕๖. พชั ราวลยั วงศบ์ ญุ สนิ . การยา้ ยถน่ิ : ทฤษฎแี ละความเปน็ ไปในเอเชยี . กรงุ เทพฯ: วทิ ยาลยั ประชากรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๒. วชิ ฌนนั ทโ์ ชติ ศริ โิ สดา. การรบั รสู้ ทิ ธติ ามกฎหมายคมุ้ ครองแรงงานของแรงงานตา่ งดา้ ว. กรงุ เทพฯ: คณะสงั คมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ ๒๕๕๒. วทิ ยาลยั ประชากรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . การยา้ ยถน่ิ ขา้ มชาตกิ บั การพฒั นา ทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นอาเซยี น : นโยบาย และผลกระทบ. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ ์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๔๔. ษษั รมั ย์ ธรรมบษุ ด.ี เศรษฐกจิ การเมอื งวา่ ดว้ ยสวสั ดกิ ารส�ำ หรบั แรงงานขา้ มชาต:ิ กรณี ศกึ ษาแรงงานพมา่ ในจงั หวดั สมทุ รปราการ. กรงุ เทพฯ: คณะรฐั ศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๕. 38

39 ษษั รมั ย์ ธรรมบษุ ด.ี เดนิ ไปดวงดาว: ทนุ นยิ มไทยในกระแสเสรนี ยิ มใหมก่ บั ความฝนั ทไ่ี มม่ ี วนั ไปถงึ . นนทบรุ :ี นติ ธิ รรมการพมิ พ,์ ๒๕๕๙. เอกสารอน่ื ๆ บรษิ ทั โชตจิ นิ ดา มเู ชล คอนซลั แตนท์ จ�ำ กดั . รายงานฉบบั สมบรู ณ์ (Final Report) โครงการวางผงั พฒั นาศนู ยช์ มุ ชนยา่ นบางนา-ศรนี ครนิ ทร.์ กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั ผงั เมอื ง, ๒๕๕๐. ศนู ยป์ ระชาคมอาเซยี นของส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร. โครงการประชาคม อาเซยี น ๒๐๒๕ กา้ วหนา้ อยา่ งมน่ั คง มง่ั คง่ั ยง่ั ยนื . กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั การพมิ พ์ ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร, ๒๕๕๙. สถาบนั ระหวา่ งประเทศเพอ่ื การคา้ และการพฒั นา (องคก์ ารมหาชน). รายงานการศกึ ษา ฉบบั สมบรู ณ์ (Final Report) รายงานวจิ ยั ในลกั ษณะ Quick Research ในประเดน็ เรง่ ดว่ นของประชาคมอาเซยี น เรอ่ื งแรงงานขา้ มชาต.ิ กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั การพมิ พ์ ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร, ๒๕๕๙. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ Imperial Plaza Co., Ltd. ประวตั บิ รษิ ทั . จาก IMPERIAL WORLD THE ALL IN ONE: http://www.imperialplaza.co.th parameelaw. พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองแรงงาน (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑. จาก พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองแรงงาน (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑: http://www. parameelaw.com ชน่ื ชม มณั ยารมย.์ บทท่ี ๓ ความหมายและลกั ษณะของกฎหมาย. จาก มหาวทิ ยาลยั ธรุ กจิ บณั ฑติ : www.dpu.ac.th/law/upload/content/files/3.doc บษุ ยรตั น์ กาญจนดษิ ฐ.์ ยอ้ นมองสถานการณแ์ รงงานขา้ มชาต ิ ในรอบปี ๒๕๕๘ : ไดส้ ทิ ธแิ รงงานนอ้ ยนดิ อยอู่ ยา่ งปกปดิ และมกั ถกู ลมื ในกฎหมายคมุ้ ครองแรงงานเสมอ. จาก voiclabour.org: http:// voicelabour.org/?p=23612

นายจา้ งของแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๕. (๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๙). นายจา้ งของแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๖. (๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๙). นายจา้ งของแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๗. (๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๙). นายจา้ งของแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๘. (๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๙). นายจา้ งของแรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๙. (๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๙). ผทู้ �ำ งานใกลเ้ คยี งกบั แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑๗-๑๘. (๑ ตลุ าคม ๒๕๕๙). พนั ธท์ุ พิ ย์ กาญจนะจติ รา สายสนุ ทร. (๒๘ ตลุ าคม ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑. (๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑๐. (๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑๑. (๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑๒. (๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑๓. (๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑๔. (๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑๕. (๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑๖. (๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑๗. (๑ ตลุ าคม ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑๘. (๑ ตลุ าคม ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๑๘. (๑ ตลุ าคม ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๒. (๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๓. (๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๔. (๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๕. (๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๖. (๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๗. (๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๘. (๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๙). แรงงานขา้ มชาตผิ ดิ กฎหมายหมายเลข ๙. (๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๙). 40

41 ศนู ยข์ อ้ มลู กรงุ เทพมหานคร. ทต่ี ง้ั และลกั ษณะทางภมู ศิ าสตรข์ องกรงุ เทพมหานคร. จาก http://203.155.220.230/m.info/nowbma/ ศนู ยข์ อ้ มลู เศรษฐกจิ การคลงั และการลงทนุ ของกรงุ เทพมหานคร. ขอ้ มลู สถิตเิ ขตปทุมวัน. จาก http://203.155.220.117:8080/BMAWWW/html_statistic/ report_view.php?v_id=83# สภาองคก์ รชมุ ชน และสมชั ชาองคก์ รชมุ ชน กรงุ เทพมหานคร. ขอ้ มลู พน้ื ฐาน เขตบางกะป.ิ จาก http://coc.nida.ac.th/node/7804# ส�ำ นกั งานเขตบางกะป.ิ ส�ำ นกั งานเขตบางกะป.ิ จาก http://www.bangkok.go.th/ ส�ำ นกั งานเขตปทมุ วนั . ส�ำ นกั งานเขตปทมุ วนั . จาก http://www.bangkok.go.th/ ส�ำ นกั งานเขตวงั ทองหลาง. ส�ำ นกั งานเขตวงั ทองหลาง. จาก http://www.bangkok.go.th/ ส�ำ นกั บรหิ ารการทะเบยี น กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และส�ำ นกั งานปกครอง และทะเบยี น ส�ำ นกั ปลดั กรงุ เทพมหานคร : พน้ื ทเ่ี ขตการปกครอง สถติ จิ �ำ นวนจากประชากรและบา้ นในกรงุ เทพมหานคร จ�ำ แนก ตามรายแขวงและเขต. จาก http://203.155.220.230/bmainfo/ esp/pop/population_Dec54.htm# ส�ำ นกั งานราชบณั ฑติ ยสภา. มโนทศั น.์ จาก http://www.royin.go.th ส�ำ นกั วทิ ยบรกิ ารและเทคโนโลยสี ารสนเทศ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั จนั ทรเกษม. แหลง่ จ�ำ หนา่ ยสนิ คา้ . จาก http://arit.chandra.ac.th ไสว บญุ มา. ระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ ม ทม่ี าของความสามานยแ์ หง่ ทนุ นยิ ม. จาก http://www.econ.tu.ac.th Books Askew, M. Bangkok: Place, Practice and Representation. London: Routledge, 2002. Dicken, P. Global shift : mapping the changing contours of the world economy. 6th ed., New York: Guilford Press, 2011. Glassman, J. Thailand at the margins: Internationalization of the State and the Transformation of Labour. Oxford: Oxford University Press, 2004.

Harvey, D. Spaces of Hope. Edinburgh: Edinburgh University Press, 2000. Mirowski, P, and Plehwe, D. THE ROAD FROM MONT PELERIN: The Making of the Neoliberal Thought Collective. London: Harvard University Press, 2009. Pongsawat, P. Border Partial Citizenship, Border Towns, and Thai-Myanmar Cross-Border Development: Case Studies at the The Border Towns. California: University of California, Berkeley, 2007. Skeldon, R. Migration and development: A Global Perspective. Harlow: Longman, 1997. Standing, G. The Precariat; the New Dangerous Class. London: Bloomsbury Academic., 2011. Articles Sassen, S. (1997). Preparing for the urban future. Global pressure and local force - Conhen, MA, Ruble, BA, Tulchin, JS, Garland, AM. Development and change 28, 3 (1997): 598 - 600. Sassen, S. Globallization or deternationalization? Review of International Political Economy 10, 1 (2003): 1-22 42

43 สรุ ศกั ด์ิ ชะมารมั ย*์ บทคดั ยอ่ ฉบับน้ี  มีวัตถุประสงค์หลักเพ่ือวิเคราะห์ให้เห็นถึงการ เข้ า สู่ ว า ร ะ น โ ย บ า ย ก า ร ค ลั ง ด้ า น ก า ร แ ก้ ไข ปั ญ ห า ห น้ี น อ ก ร ะ บ บ ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย โดยสะท้อนผา่ นมมุ มองโครงการสนิ เชอื่ รายย่อยระดับจงั หวัดภายใตก้ ารกำ�กบั   (Pico Finance) อันเป็นมาตรการแก้ไขปัญหาหน้ีนอกระบบอย่างบูรณาการและย่ังยืนล่าสุดของรัฐบาล * อาจารยป์ ระจ�ำ สาขาวชิ ารฐั ประศาสนศาสตร์ คณะนติ ริ ฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั รอ้ ยเอด็ และนักศึกษาหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต  สาขาวิชานโยบายสาธารณะและการจัดการภาครัฐ คณะสงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล

ชดุ ปจั จบุ นั คอื   รฐั บาลของพลเอก  ประยทุ ธ ์ จนั ทรโ์ อชา  ทม่ี ผี ลตง้ั แตว่ นั ท ่ี ๑  ธนั วาคม พ.ศ.  ๒๕๕๙  เป็นต้นมา  ท้ังน้ ี ได้ทำ�การศึกษาผ่านตัวแบบการเข้าส่วู าระนโยบายของ Kingdon ทป่ี ระกอบดว้ ยกระแสตวั ปญั หา กระแสการเมอื ง กระแสนโยบาย และหนา้ ตา่ ง นโยบาย จากการวเิ คราะหพ์ บวา่ ๑) กระแสตวั ปญั หา ปญั หาทภ่ี าครฐั ไดห้ ยบิ ยกขน้ึ มา เป็นข้ออ้างส�ำ คัญในการผลักวาระนโยบายดังกล่าวท่สี �ำ คัญ  คือ  ปัญหามาตรการสินเช่อื นาโนไฟแนนซท์ ร่ี ฐั มกี ารผลกั วาระนโยบายมาตง้ั แตใ่ นปี พ.ศ.  ๒๕๕๗ ๒) กระแสการเมอื ง โดยผู้ท่ีมีบทบาทสำ�คัญท่ีสุดต่อการผลักดันวาระนโยบายดังกล่าวคือ  กลุ่มผู้มีอำ�นาจ ตัดสินใจของรัฐบาลอันประกอบด้วยส่วนราชการต่างๆ  คณะรัฐมนตรี  นายกรัฐมนตรี องคก์ ารภาคธรุ กจิ เปน็ ตน้ ๓) กระแสนโยบาย โดยทก่ี ระแสนโยบายตอ่ การออกมาตรการ สนิ เชอ่ื พโิ ก ไฟแนนซ์ (Pico Finance) เปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั กลา่ วคอื กระแสตวั ปญั หา และกระแสการเมอื งไดม้ สี ว่ นรว่ มผลกั ดนั วาระการออกมาตรการดงั กลา่ ว และ ๔) หนา้ ตา่ ง นโยบาย  ซ่ึงผลจากกระแสท้ังสามประการทำ�ให้การผลักดันวาระนโยบายไปสู่การเปิด หนา้ ตา่ งนโยบายและสามารถเขา้ สวู่ าระนโยบายของรฐั บาลไดเ้ ปน็ ผลส�ำ เรจ็ บทน�ำ หน้ีนอกระบบได้กลายมาเป็นปัญหาท่ีเร้ือรังควบคู่กับสังคมไทยมาอย่าง ยาวนาน  และนับวันจะย่งิ เป็นปัญหาท่มี ีความสลับซับซ้อน  และทำ�ให้เกิดความเหล่อื มลำ�้ ทางเศรษฐกิจและสังคมมากข้ึนเร่ือยๆ  โดยปัญหาหน้ีนอกระบบสามารถเกิดข้ึนได้กับ ประชาชนทุกกล่มุ   ทุกเพศ  และทุกวัย  ซ่งึ มิได้จำ�กัดเพียงเฉพาะประชาชนผ้ดู ้อยโอกาส และขาดความรเู้ ทา่ นน้ั หากรวมถงึ กลมุ่ คนผมู้ กี ารศกึ ษาดี มกี ารงานทด่ี ี มฐี านะทางสงั คมดี หรือแม้แต่ผ้ทู ่มี ีรายได้สูง  ซ่งึ กล่มุ คนเหล่าน้มี ักจะมีหน้ที ้งั ในระบบและนอกระบบ  สาเหตุ ก็เน่ืองจากการมีพฤติกรรมในการใช้จ่ายเงินท่ีเกินตัวจากกระแสบริโภคนิยม  มีค่านิยม ในการใชจ้ า่ ยทฟ่ี มุ่ เฟอื ย และยงั เกดิ มาจากภาวะเศรษฐกจิ ของประเทศในปจั จบุ นั ทม่ี ภี าระ คา่ ครองชพี ทส่ี งู ขน้ึ สง่ ผลท�ำ ใหม้ รี ายไดท้ ไ่ี มเ่ พยี งพอตอ่ รายจา่ ยและการช�ำ ระหน้ี หรอื เกดิ จาก การลงทนุ ประกอบอาชพี ของเกษตรกร แตเ่ กดิ ขาดทนุ อนั เนอ่ื งมาจากสภาวะของความแหง้ แลง้ และราคาสินค้าทางการเกษตรตกตำ่�  ประกอบกับส่วนใหญ่มีฐานะยากจน  ส่งผลทำ�ให้ 44

45 ไม่สามารถนำ�เงินไปชำ�ระหน้ีในระบบ  จึงทำ�ให้ต้องหันหน้าไปพ่ึงพาการกู้หน้ีนอกระบบ มาเพอ่ื ช�ำ ระหนแ้ี ละสว่ นหนง่ึ เพอ่ื การใชจ้ า่ ยในชวี ติ ประจ�ำ วนั การก่อหน้ีครัวเรือนท่ัวประเทศไทยในปัจจุบันยังคงมีอัตราการเติบโตสูงกว่า ระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ  จากข้อมูลทางสถิติล่าสุดจากการสำ�รวจ ภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน  ปี  ๒๕๕๘  ของสำ�นักงานสถิติแห่งชาติ  พบว่า ครวั เรอื นทม่ี หี นส้ี นิ ๑๐.๔ ลา้ นครวั เรอื น หรอื รอ้ ยละ ๔๙.๑ โดยมจี �ำ นวนหนส้ี นิ เฉลย่ี ๑๕๖,๗๗๐  บาท ตอ่ ครวั เรอื น ซง่ึ สว่ นใหญเ่ ปน็ การกอ่ หนเ้ี พอ่ื ใชใ้ นครวั เรอื น (รอ้ ยละ ๗๕.๐) คอื ใชใ้ นการอปุ โภคบรโิ ภครอ้ ยละ ๔๑.๓ ใชใ้ นการซอ้ื บา้ น/ทด่ี นิ รอ้ ยละ ๓๒.๔ และใชใ้ น การศกึ ษามเี พยี ง รอ้ ยละ ๑.๒ เทา่ นน้ั และในจ�ำ นวนน้ี เมอ่ื พจิ ารณาขอ้ มลู อยา่ งละเอยี ด แล้วกจ็ ะพบว่า  ครวั เรอื นทม่ี ีหน้ที ง้ั ในระบบและนอกระบบ  ร้อยละ  ๓.๗  ส่วนครัวเรอื น ท่ีมีหน้ีนอกระบบอย่างเดียว  มีเพียงร้อยละ  ๔.๙๑  ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า แมใ้ นปจั จบุ นั อตั ราการเตบิ โตของหนค้ี รวั เรอื นมแี นวโนม้ ลดลงอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง อนั เกดิ มาจาก การทส่ี ถาบนั การเงนิ มคี วามเขม้ งวดในการปลอ่ ยสนิ เชอ่ื เพม่ิ ขน้ึ กต็ าม แตอ่ ตั ราการเตบิ โต ดังกล่าวยังคงสูงกว่าระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ๒  รัฐบาลในชุดปัจจุบันคือ รัฐบาลของพลเอก  ประยุทธ์  จันทร์โอชา  ได้มีมาตรการในแก้ไขปัญหาหน้ีนอกระบบ อยา่ งบรู ณาการและยง่ั ยนื   โดยมตคิ ณะรฐั มนตรไี ดใ้ หค้ วามเหน็ ชอบตอ่ แนวทางการแกไ้ ขปญั หา หน้ีนอกระบบอย่างบูรณาการและย่ังยืนตามท่ีกระทรวงการคลังเสนอต้ังแต่ในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่มงุ่ เนน้ การแก้ปญั หาท่สี าเหตุทั้งดา้ นสนิ เชอ่ื และศักยภาพในการหารายได้ โดยให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาควบค่ไู ปกับการทำ�งานของสถาบันการเงิน ๑ สำ�นักงานสถิติแห่งชาติ,  การสำ�รวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน  ปี  ๒๕๕๘, สบื คน้ จาก  https://www.service.nso.go.th/nso/  nsopublish/themes/files/SocioPocket58M6.pdf  [๑๕ มนี าคม ๒๕๖๐] ๒ ศนู ยว์ จิ ยั เศรษฐกจิ ธรุ กจิ และเศรษฐกจิ ฐานราก  ธนาคารออมสนิ ,  รายงานผลการศกึ ษา ภาวะหนส้ี นิ ของครวั เรอื นผมู้ รี ายไดน้ อ้ ยของประเทศไทย, สบื คน้ จาก https://www.gsb.or.th [๑๕ มนี าคม ๒๕๖๐]

เฉพาะกิจ  ได้แก่  ธนาคารออมสิน  และธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปน็ ตน้ พรอ้ มทง้ั ยงั ไดก้ �ำ หนดใหศ้ นู ยด์ �ำ รงธรรมทกุ จงั หวดั และองคก์ รปกครอง สว่ นทอ้ งถน่ิ (อปท.) รบั เรอ่ื งรอ้ งทกุ ขแ์ ละเรอ่ื งรอ้ งเรยี นเกย่ี วกบั ปญั หาหนน้ี อกระบบของ ประชาชนทง้ั หมด  เพอ่ื ประสานกบั กลไกทห่ี นว่ ยงานรฐั มใี นการเขา้ ไปชว่ ยเหลอื แกป้ ญั หา ทเ่ี กดิ ขน้ึ ตามแนวทางทก่ี ระทรวงการคลงั ไดว้ างไวอ้ กี ดว้ ย ในขณะเดยี วกนั   รฐั บาลยงั ไดม้ กี ารออกมาตรการพเิ ศษเพอ่ื คมุ ไมใ่ หม้ กี ารปลอ่ ยกู้ ในอตั ราดอกเบย้ี สงู เกนิ ไปในรปู แบบทเ่ี รยี กกนั วา่   “สนิ เชอ่ื รายยอ่ ยเพอ่ื การประกอบอาชพี ภายใต้การกำ�กับ  หรือสินเช่อื   Nano  Finance”  ซ่งึ เป็นผลิตภัณฑ์สินเช่อื รายย่อย  ท่ีไม่มี หลักประกันท่ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือนำ�ไปใช้ในการประกอบอาชีพ  เป็นการส่งเสริม การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและเพ่มิ โอกาสในการประกอบอาชีพ  รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่โดยรวมของประชาชน  และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน อันเน่อื งมาจากปัญหาหน้นี อกระบบ๓  ปัจจุบันรัฐบาลได้มีการดำ�เนินนโยบายการแก้ไขปัญหา หนน้ี อกระบบอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง  โดยการประกาศนโยบายการแกป้ ญั หาอยา่ งครบวงจรภายใต้ มาตรการทม่ี ชี อ่ื วา่ “สนิ เชอ่ื รายยอ่ ยระดบั จงั หวดั ภายใตก้ ารก�ำ กบั หรอื พโิ ก ไฟแนนซ์  (Pico  Finance)”  ซง่ึ เปน็ สนิ เชอ่ื รายยอ่ ยเพอ่ื ผปู้ ระกอบอาชพี   หรอื ส�ำ หรบั ผมู้ รี ายไดไ้ มแ่ นน่ อน เชน่ พอ่ คา้ และแมค่ า้ เปน็ ตน้ เพอ่ื น�ำ เงนิ ไปประกอบอาชพี หรอื ตอ่ ยอดการด�ำ เนนิ กจิ การ ซ่ึงมุ่งเน้นแก้ปัญหาหน้ีนอกระบบอย่างบูรณาการและย่ังยืน  ครบวงจรต้ังแต่เจ้าหน้ี และมาตรการชว่ ยเหลอื ลกู หน้ี โดยตง้ั เปา้ หมายวา่ จะตอ้ งสามารถแกป้ ญั หาหนน้ี อกระบบ ใหไ้ ดภ้ ายใน ๒ ปี ๓ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย, สนิ เชอ่ื รายยอ่ ยเพอ่ื การประกอบอาชพี ภายใตก้ ารก�ำ กบั หรอื สนิ เชอ่ื Nano Finance, สบื คน้ จาก https://www.bot.or.th/Thai/Attachment/Nanofinancial.pdf [เมอ่ื ๑๕ มนี าคม ๒๕๖๐] 46

47 การกำ�หนดประเด็นวาระนโยบายจึงเป็นข้ันตอนหน่ึงในกระบวนการกำ�หนด นโยบาย  และเน่ืองจากประเด็นปัญหาในสังคมมีเป็นจำ�นวนมาก  จึงมีประเด็นปัญหา ท่ีสามารถเข้าสู่วาระนโยบายได้สำ�เร็จจนกำ�หนดออกมาเป็นนโยบายได้  แต่ก็มีประเด็น ปญั หาอกี จ�ำ นวนหนง่ึ ไมส่ ามารถเขา้ สวู่ าระนโยบายของรฐั บาลได๔้   เชน่ เดยี วกนั กบั ปญั หา หนน้ี อกระบบ ซง่ึ เปน็ ปญั หาเรอ่ื งใหญท่ ส่ี �ำ คญั ของสงั คมไทยทร่ี ฐั บาลในทกุ ยคุ สมยั ตา่ งกไ็ ด้ ตระหนักและได้ให้ความสำ�คัญต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหามาโดยตลอด  ทำ�ให้ปัญหา หนน้ี อกระบบมกั จะสามารถเขา้ สวู่ าระนโยบายไดเ้ ปน็ ผลสำ�เรจ็ จนน�ำ ไปสกู่ ารก�ำ หนดออกมา เปน็ นโยบายการคลงั ดา้ นการแกไ้ ขปญั หาหนน้ี อกระบบในประเทศไทยได้ ภายใตก้ ารบรหิ ารงานของรฐั บาลชดุ ปจั จบุ นั คอื   รฐั บาลของพลเอก  ประยทุ ธ์ จันทร์โอชา  ก็ได้นำ�ประเด็นปัญหาหน้ีนอกระบบดังกล่าวเข้าสู่วาระนโยบายของรัฐบาล จนล่าสุดมีการออกมาตรการโครงการสินเช่ือรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำ �กับ หรือ  พิโก  ไฟแนนซ์  (Pico  Finance)  เพ่ือเป็นมาตรการในแก้ไขปัญหาหน้ีนอกระบบ อย่างบูรณาการและย่ังยืน  อย่างไรก็ตาม  อาจมีประเด็นคำ�ถาม  อะไรคือมูลเหตุจูงใจ ท่ีทำ�ให้รัฐบาลชุดปัจจุบันออกโครงการสินเช่ือรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำ�กับ หรอื พโิ ก ไฟแนนซ ์ (Pico Finance) เพอ่ื การปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาหนน้ี อกระบบ มใี คร เกย่ี วขอ้ งบา้ ง และเพราะเหตใุ ดจงึ เปน็ เชน่ นน้ั ดังน้นั   เพ่อื ให้สามารถตอบประเด็นคำ�ถามดังกล่าวข้างต้นอย่างเป็นรูปธรรม ในบทความช้ินน้ี  ผู้เขียนจึงได้ใช้ตัวแบบการเข้าสู่วาระนโยบายของ  Kingdon มาเป็นกรอบของการศึกษาประเด็นดังกล่าว  โดยเน้นศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูล ในช้ันทุติยภูมิเป็นสำ�คัญซ่ึงมีท่ีมาจากเอกสารวิชาการต่างๆ  ได้แก่  บทความ วชิ าการ วทิ ยานพิ นธ์ หนงั สอื พมิ พ์ และสอ่ื ออนไลน์ เปน็ ตน้ ทง้ั น้ี ผเู้ ขยี นไดใ้ หค้ วามส�ำ คญั ต่อการศึกษามาตรการในแก้ไขปัญหาหน้ีนอกระบบอย่างบูรณาการและย่ังยืนในรูปของ ๔ ปิยากร  หวังมหาพร,  การปฏิเสธวาระนโยบายของไทยต่อประเด็นการทำ�ให้โสเภณี ถกู กฎหมาย. วารสารวชิ าการมหาวทิ ยาลยั หอการคา้ ไทย ๒๘,๔ (๒๕๕๑): ๑๙๘.

โครงการสนิ เชอ่ื รายยอ่ ยระดบั จงั หวดั ภายใตก้ ารก�ำ กบั หรอื พโิ ก ไฟแนนซ ์ (Pico Finance) ซง่ึ เปน็ มาตรการแกไ้ ขปญั หาหนน้ี อกระบบลา่ สดุ ของรฐั บาลชดุ ปจั จบุ นั ทม่ี ผี ลตง้ั แตว่ นั ท่ี  ๑ ธนั วาคม พ.ศ.  ๒๕๕๙ เปน็ ตน้ มา โดยบทความนม้ี วี ตั ถปุ ระสงคส์ �ำ คญั ๓ ประการ  คอื ๑)  สะท้อนให้เห็นถึงข้อมูลทางสถิติต่อสภาพปัญหาหน้ีนอกระบบในประเทศไทย ในสถานการณป์ จั จบุ นั ๒) น�ำ เสนอใหเ้ หน็ ถงึ ความพยายามในการใชน้ โยบายทางการคลงั เพ่ือการป้องกันและแก้ไขปัญหาหน้ีนอกระบบของรัฐบาลไทยในระยะเวลาท่ีผ่านมา  และ  ๓)  วิเคราะห์ให้เห็นถึงการเข้าสู่วาระนโยบายการคลังด้านการแก้ไขปัญหาหน้ี นอกระบบในประเทศไทย  :  โครงการสินเช่ือรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำ�กับ หรอื พโิ ก ไฟแนนซ ์ (Pico Finance) ผา่ นตวั แบบการเขา้ สวู่ าระนโยบายของ Kingdon โดยคาดหวงั วา่ จะเปน็ ประโยชนแ์ กน่ กั วชิ าการทง้ั ในหนว่ ยงานภาครฐั และเอกชน ผดู้ �ำ เนนิ นโยบายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การวางแผนเพอ่ื การแกไ้ ขปญั หาหนน้ี อกระบบของประเทศ รวมถงึ ประชาชนโดยท่วั ไป  เพ่อื เสริมสร้างความเข้าใจจนนำ�ไปส่กู ารป้องกันและแก้ไขปัญหาหน้ี นอกระบบอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ลตอ่ ไป สภาพปญั หาหนน้ี อกระบบในประเทศไทยในสถานการณป์ จั จบุ นั หน้ีนอกระบบโดยท่ัวไปหมายถึงหน้ีท่ีเกิดจากการกู้ยืมเงินกันเองในระหว่าง ประชาชนด้วยกัน  เช่น  การกู้ยืมเงินระหว่างเพ่ือนฝูงหรือญาติพ่ีน้อง  หรือบุคคลท่ัวไป หรอื นายทนุ หรอื เงนิ ดว่ นเสาไฟฟา้ เปน็ ตน้ โดยทไ่ี มไ่ ดม้ กี ารกยู้ มื เงนิ มาจากสถาบนั การเงนิ กล่าวอีกนัยหน่ึงคือ  เป็นการกู้ยืมเงินนอกระบบสถาบันการเงินท่ีไม่ได้อยู่ภายใต้การ ก�ำ กบั ดแู ลของธนาคารแหง่ ประเทศไทยและกระทรวงการคลงั   หนน้ี อกระบบจะกลายเปน็ ประเดน็ ปญั หากต็ อ่ เมอ่ื มกี ารคดิ ดอกเบย้ี ในอตั ราสงู ผดิ ปกต ิ ซง่ึ เปน็ การคดิ ดอกเบย้ี เกนิ กวา่ อตั ราตามทก่ี ฎหมายก�ำ หนดไว้ (เกนิ รอ้ ยละ ๑๕ ตอ่ ปี หรอื รอ้ ยละ ๑.๒๕ ตอ่ เดอื น) อกี ทง้ั มกี ระบวนการกยู้ มื เงนิ ทไ่ี มเ่ ปน็ ไปตามหลกั ของกฎหมาย  และหนท้ี ก่ี ฎหมายบญั ญตั ไิ วเ้ กย่ี วกบั ส่ิงของหรือวัตถุว่าผู้ใดมีไว้เป็นความผิด  เช่น  หน้ีท่ีเกิดจากการพนันหรือหน้ีท่ีเกิดจาก ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ เปน็ ตน้ รวมถงึ แหลง่ การเงนิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ตามความจ�ำ เปน็ และสภาพแวดลอ้ ม โดยไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์ไม่มีการติดตามและควบคุมจากทางราชการ  เน่อื งจากเง่อื นไข 48

49 การกู้และข้อตกลงต่างๆ  ข้ึนอยู่กับความพอใจระหว่างผู้ขอกู้และผู้ให้กู้  โดยมีลักษณะ ท่เี ด่นชัดคือ  ไม่มีหลกั ทรพั ยค์ ำ�้ ประกันและอัตราดอกเบ้ยี สูงกว่าสถาบันการเงนิ หรอื สูงกวา่ ทก่ี ฎหมายก�ำ หนด  อาจเปน็ การคดิ ดอกเบย้ี ไวล้ ว่ งหนา้ รวมเขา้ กบั เงนิ ตน้ แลว้ เขยี นในสญั ญากู้ ไม่ตรงกับเงินท่ลี ูกหน้ไี ด้รับ  และนอกจากน ้ี เจ้าหน้บี างรายมีการใช้กระบวนการท่ไี ม่เป็น ธรรมตอ่ ลกู หน้ี หรอื ใชค้ วามรนุ แรงในการทวงหน๕้ี สำ�หรับสถานการณ์หน้ีสินของครัวเรือนไทยปัจจุบันน้ันยังคงมีการขยายตัว ถึงแม้วา่ อตั ราการเติบโตของหนค้ี รัวเรอื นจะมแี นวโน้มลดลงอยา่ งต่อเนอ่ื งก็ตาม  จากการท่ ี สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเช่ือเพ่ิมข้ึนก็ตามแต่อัตราการเติบโต ดงั กลา่ วยงั คงสงู กวา่ ระดบั การเตบิ โตทางเศรษฐกจิ ของประเทศ  นอกจากน ้ี เมอ่ื พจิ ารณา ประเภทของหน้ีสินครัวเรือนท่ีเติบโต  ส่วนหน่ึงเป็นผลมาจากการเติบโตของสินเช่ือ อุปโภคบริโภคส่วนบุคคล  โดยเฉพาะสินเช่ือเพ่ืออสังหาริมทรัพย์  และเพ่ือท่ีอยู่อาศัย รวมถงึ สนิ เชอ่ื บตั รเครดติ ๖ ข้อมูลทางสถิติล่าสุดจากการสำ�รวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ปี ๒๕๕๘ ของส�ำ นกั งานสถติ แิ หง่ ชาต๗ิ พบวา่ ครวั เรอื นทม่ี หี นส้ี นิ ๑๐.๔ ลา้ นครวั เรอื น หรอื ๕ สำ�นักกฎหมาย  สำ�นักงานเศรษฐกิจการคลัง  กระทรวงการคลัง,  รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวจิ ยั เรอ่ื งการศกึ ษาแนวทางการใชม้ าตรการทางกฎหมายในการก�ำ กบั ดแู ลและแกไ้ ขปญั หาเจา้ หน้ี นอกระบบ, (กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั กฎหมาย ส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การคลงั กระทรวงการคลงั , ๒๕๕๔), หนา้ ๗ ; สกุ ญั ญา บญุ ศริ ,ิ “ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ การกอ่ หนน้ี อกระบบของผคู้ า้ ปลกี สนิ คา้ เกษตรในตลาดสงั กดั ส�ำ นกั งาน ตลาดกรงุ เทพมหานคร,” วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาวทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าเศรษฐศาสตรก์ ารเกษตร บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร,์   ๒๕๕๕,  หนา้   ๖;  รจนา อนิ คง,  “ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ ความ ส�ำ เรจ็ ในการน�ำ นโยบายแกป้ ญั หาหนน้ี อกระบบไปปฏบิ ตั ,ิ ” วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญารฐั ประศาสนศาสตรมหา บณั ฑติ สาขาวชิ ารฐั ประศาสนศาสตร์ คณะรฐั ศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๗, หนา้ ๖; สรุ างคร์ ตั น์ จ�ำ เนยี รพล, หนน้ี อกระบบกบั ความเปน็ ธรรมทางสงั คม สบื คน้ จาก www.cusri.chula.ac.th/backup/ download/cluster6.pdf.๒๕๕๗ [๑๕ มนี าคม ๒๕๖๐] : ๒๗ ; กฤตกร จนิ ดาวฒั น,์ ปญั หาหนน้ี อกระบบ และแนวทางการแกไ้ ขโดยภาครฐั , (กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั วชิ าการ ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร, ๒๕๕๙), หนา้ ๑. ๖ ศนู ยว์ จิ ยั เศรษฐกจิ ธรุ กจิ และเศรษฐกจิ ฐานราก ธนาคารออมสนิ , รายงานผลการศกึ ษา ภาวะหนส้ี นิ ของครวั เรอื นผมู้ รี ายไดน้ อ้ ยของประเทศไทย, หนา้ ๑. ๗ ส�ำ นกั งานสถติ แิ หง่ ชาต,ิ การส�ำ รวจภาวะเศรษฐกจิ และสงั คมของครวั เรอื น ปี ๒๕๕๘, หนา้ ๒ – ๔.

รอ้ ยละ ๔๙.๑ โดยมจี �ำ นวนหนส้ี นิ เฉลย่ี ๑๕๖,๗๗๐ บาท ตอ่ ครวั เรอื น ซง่ึ สว่ นใหญเ่ ปน็ การ กอ่ หนเ้ี พอ่ื ใชใ้ นครวั เรอื น (รอ้ ยละ ๗๕.๐) คอื ใชใ้ นการอปุ โภคบรโิ ภครอ้ ยละ ๔๑.๓ ใชใ้ น การซอ้ื บา้ น/ทด่ี นิ รอ้ ยละ ๓๒.๔ และใชใ้ นการศกึ ษามเี พยี ง รอ้ ยละ ๑.๒ เทา่ นน้ั ส�ำ หรบั หน้ี เพอ่ื ใชใ้ นการลงทนุ และอน่ื ๆ (รอ้ ยละ ๒๕.๐) พบวา่ สว่ นใหญเ่ ปน็ หนเ้ี พอ่ื ใชท้ �ำ การเกษตร รอ้ ยละ ๑๔.๓ รองลงมาคอื ใชเ้ พอ่ื ท�ำ ธรุ กจิ รอ้ ยละ ๑๐.๗  และเมอ่ื พจิ ารณาจ�ำ นวนครวั เรอื น ทเ่ี ปน็ หน้ี และหนส้ี นิ เฉลย่ี ตอ่ ครวั เรอื นในระหวา่ งปี ๒๕๔๙ ถงึ ๒๕๕๘ อยา่ งละเอยี ด แลว้ กจ็ ะพบวา่ สดั สว่ นของครวั เรอื นทเ่ี ปน็ หนล้ี ดลงตามล�ำ ดบั คอื ลดลงจากรอ้ ยละ ๖๔.๔ ในปี ๒๕๔๙ เปน็ รอ้ ยละ ๔๙.๑ ในปี ๒๕๕๘ แตจ่ �ำ นวนเงนิ ทเ่ี ปน็ หนก้ี ลบั มแี นวโนม้ ท่ี เพม่ิ ขน้ึ เรอ่ื ยๆ โดยเพม่ิ จาก ๑๑๖,๕๘๕ บาท ในปี ๒๕๔๙ เปน็ ๑๖๓,๐๘๗ บาท ในปี ๒๕๕๖ จากนน้ั ในปี ๒๕๕๘ จ�ำ นวนเงนิ ทเ่ี ปน็ หนเ้ี รม่ิ ปรบั ตวั ลดลงอกี ดงั ภาพท่ี ๑ ภาพท ่ี ๑  แสดงรอ้ ยละของครวั เรอื นทม่ี หี น ้ี และจ�ำ นวนหนส้ี นิ เฉลย่ี ตอ่ ครวั เรอื นทง้ั สน้ิ (ปี ๒๕๔๙ - ๒๕๕๘) ทม่ี า: ส�ำ นกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook