โครงการ ๑๔๙ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านการ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา เมื่อวันที่ ๑๑ ส่งเสริมอาชีพ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๖ ความว่า ภาพรวมของโครงการ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช “...คำ�ว่า สหกรณ์ แปลว่า การทำ�งานร่วมกัน บรมนาถบพิตร ทรงสนพระราชหฤทัยและทรงห่วงใย การทำ�งานร่วมกันนี้ลึกซึ้งมาก เพราะว่าจะต้อง ต่อการพัฒนาชนบทและอาชีพของเกษตรกร ร่วมมือกันในทุกด้าน ทั้งในด้านงานการที่ทำ�ด้วย มีพระราชดำ�ริว่าเกษตรกร ไม่ควรพึ่งพาพืชเกษตร ร่างกาย ทั้งในด้านงานการ แต่เพียงอย่างเดียว เพราะ ทีท่ �ำ ด้วยสมองและงานการ จะเกิดความเสียหายง่าย ที่ทำ�ด้วยใจ ทุกอย่างนี้ขาด เนื่องจากความแปรปรวน ไม่ได้ต้องพร้อม งานที่ทำ� ของตลาดและความ ด้วยร่างกายถ้าแต่ละคน ไม่แน่นอนของธรรมชาติ ทำ�ก็เกิดผลขึ้นมาได้ เช่น เกษตรกรควรมีรายได้ การเพาะปลูกก็มีผลขึ้นมา เพิ่มขึ้นจากการเลี้ยงสัตว์ ส า ม า ร ถ ที่ จ ะ ใ ช้ ผ ล นั้ น ทำ�ประมง และการพัฒนา ในดา้ นการบรโิ ภค คอื เอาไป อ า ชี พ อุ ต ส า ห ก ร ร ม รับประทาน หรือเอาไปไว้ ในครวั เรอื นไดพ้ ระราชทาน ใ ช้ ห รื อ เ อ า ไ ป จำ � ห น่ า ย โครงการพัฒนาชนบท เพื่อให้มีรายได้เลี้ยงชีพได้ ต า ม แ น ว พ ร ะ ร า ช ดำ � ริ ถ้าแต่ละคนทำ�ไปโดยลำ�พัง หลายโครงการ ซึ่งแต่ละ แต่ละคน งานที่ทำ�นั้นผล โ ค ร ง ก า ร มุ่ ง พั ฒ น า ใ ห้ อาจไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ประชาชนสามารถ แ ล ะ อ า จ ไ ม่ พ อ เ พี ย ง พึ่งตนเองได้ โดยมีพระราชดำ�รัสให้ใช้ “วิธีการ ในการเลี้ยงตัวเอง ทำ�ให้ สหกรณ์” เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนงาน มีความเดือดร้อน ฉะนั้นจะต้องร่วมกัน แม้ในขั้นที่ ในหลายโครงการ เพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มของ ทำ�ในครอบครัวก็จะต้องช่วยกัน ทุกคนในครอบครัว ประชาชนบนพื้นฐานแห่งการช่วยตนเอง และ ก็ช่วยกันทำ�งานทำ�การเพื่อที่จะเลี้ยงครอบครัว ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ให้มีชีวิตอยู่ได้ แต่ว่าถ้าร่วมกันหลายๆ คน เป็นกลุ่ม ความหมายของคำ�ว่า “สหกรณ์” ปรากฏอยู่ใน เป็นก้อน ก็สามารถที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมี พระราชดำ�รัสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร ประสิทธิภาพ มีความสามารถ มีผลได้มากขึ้น...” มหาภมู ิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ได้พระราชทาน ในเรื่องของจุดสำ�คัญของสหกรณ์ พระบาทสมเด็จ แก่ผู้นำ�สหกรณ์ทั่วประเทศ เมื่อครั้งเข้าเฝ้าฯ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำ�รัส แก่คณะผู้นำ�สหกรณ์
โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๕๐ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ การเกษตรและสหกรณ์นิคม เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ได้แลกเปลี่ยนความคิดประสบการณ์ที่ได้ผ่านมา พ.ศ.๒๕๒๑ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา ความว่า และช่วยกันทำ� อันนี้เป็นข้อที่สำ�คัญมากในเรื่องของ “...จุดสำ�คัญของสหกรณ์ คือ ความซื่อสัตย์สุจริต สหกรณ์...” ซึ่งกันและกัน ไว้ใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถ้าสรุป โครงการส่งเสริมอาชีพ ก็ชอบสรุปในคำ�ที่พูดกันมาก ชอบพูดกันว่า ผู้ที่จะ สหกรณ์การเกษตร อยู่เป็นกลุ่มเป็นก้อนก็ต้องสามัคคี สามัคคีก็แปลว่า การดำ�เนินกิจการของสหกรณ์ในภาพรวมประสบ พร้อมเพรียง ถ้าไม่พร้อมเพรียงกัน กิจการก็ไม่ ความสำ�เร็จ สหกรณ์ช่วยให้สมาชิกสหกรณ์มีรายได้ กา้ วหนา้ คอื กจิ การไมเ่ ปน็ ไปตามทต่ี อ้ งการกจิ กรรมลม้ เพิ่มขึ้น มีทุนสำ�หรับการประกอบอาชีพ สมาชิก เราเป็นส่วนหนึ่งของกิจการ เราก็ล้ม ร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหาในชุมชน เหมือนกัน ฉะนั้นคำ�ว่าสามัคคี คือ นำ�ไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ความพร้อมเพรียง เป็นสิ่งสำ�คัญ ตามหลักการและวิธีการสหกรณ์ ในการดำ�เนินสหกรณ์...” ในปี พ.ศ.๒๕๐๗ พระบาทสมเด็จ จากพระราชด�ำ รสั ทพ่ี ระราชทาน รัฐบาลไทยสมัยนั้นจึงได้ทำ�สัญญาความร่วมมือกับ พ ร ะ ป ร มิ น ท ร ม ห า ภู มิ พ ล แก่กรรมการสหกรณ์การเกษตร รัฐบาลอิสราเอล จัดทำ� “โครงการไทย-อิสราเอลเพื่อ อดุลยเดช บ ร ม น า ถ บ พิ ต ร สหกรณ์นิคมและสหกรณ์ประมง พัฒนาชนบท (หุบกะพง)” และได้เลือกที่ดินบริเวณ เสดจ็ ฯแปรพระราชฐานไปประทบั เ มื่ อ วั น ที่ ๙ พ ฤ ษ ภ า ค ม หุบกะพง อำ�เภอชะอำ� จังหวัดเพชรบุรี เป็นที่ตั้งของ ณพระราชวงั ไกลกงั วลอ�ำ เภอหวั หนิ พ . ศ . ๒ ๕ ๒ ๘ ณ ป ะ รำ � พิ ธี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสด็จฯ สวนจิตรลดา ทรงชี้ให้เห็น ศูนย์สาธิตและทดลองการเกษตรของโครงการ ไ ป ท ร ง เ ยี่ ย ม เ ยี ย น แ ล ะ ดู แ ล ทุกข์สุขของราษฎรตามท้องที่ ถึงความเป็นเจ้าของสหกรณ์ เขตจังหวัดใกล้เคียง ได้ทรง ของเกษตรกร ความตอนหนึ่งว่า ท ร า บ ถึ ง ค ว า ม เ ดื อ ด ร้ อ น “...การสหกรณ์นั้นเป็นของเกษตรกร อยู่ที่เกษตรกร ของเกษตรกรกลุ่มชาวสวนผักชะอำ� ซึ่งขาดแคลน อยู่ที่ว่าความตั้งใจของเกษตรกรเป็นยังไง ไม่ใช่ ทุนทรัพย์ที่จะนำ�ไปประกอบอาชีพ จึงทรง การตง้ั ใจของฝา่ ยรฐั บาลทจ่ี ะสง่ั ใหป้ ระชาชนท�ำ อยา่ งน้ี รับเกษตรกรเหล่านั้นไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทำ�อย่างโน้น ผลประโยชน์โดยแท้เป็นของเกษตรกร ต่อมาความทราบฝ่าละอองพระบาทว่า เกษตรกร ผู้ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ ไม่ใช่นโยบายที่ทางรัฐบาล เหลา่ นไ้ี มม่ ที ด่ี นิ ท�ำ กนิ เปน็ ของตนเอง จงึ ทรงพระกรณุ า จะสั่งบงการโก้ๆ ไปให้ชาวบ้าน ชาวนา ชาวไร่ทำ� โปรดเกล้าฯ ให้ ฯพณฯ องคมนตรี ม.ล.เดช สนิทวงศ์ เป็นเรื่องของความเป็นอยู่ซึ่งเกษตรกรผู้เป็นสมาชิก ซึ่งขณะนั้นดำ�รงตำ�แหน่งเป็นประธานคณะกรรมการ จะสร้างด้วยตนเองได้ นโยบายเป็นของตัวเอง พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปจัดหาพื้นที่ นโยบายเป็นของเกษตรกร ฉะนั้นการที่มาชุมนุมกัน ในเขตจังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผลสำ�เร็จที่จะได้ไปจากการประชุมสำ�คัญที่สุด ก็คือ นำ�มาจัดสรรให้แก่เกษตรกรเหล่านั้น
โครงการ ๑๕๑ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ ขณะนั้น รัฐบาลอิสราเอล โดย ฯพณฯ เอกอัครราชทูต และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ให้ความรู้เกี่ยวกับ อิสราเอลประจำ�ประเทศไทย ได้เสนอที่จะให้ การบริหารจัดการชุมชน ตลอดจนให้การศึกษา ความช่วยเหลือแก่ประเทศไทยในด้านการพัฒนา อบรมเกี่ยวกับหลักการและวิธีการของสหกรณ์ การเกษตรโดยสง่ ผเู้ ชย่ี วชาญสาขาตา่ งๆมาใหค้ �ำ แนะน�ำ เมื่อสมาชิกของหมู่บ้านมีความเข้าใจดีพอแล้ว รัฐบาลไทยสมัยนั้นจึงได้ทำ�สัญญาความร่วมมือกับ จึงทรงพระกรุณาให้เข้าชื่อกัน เพื่อขอจดทะเบียนเป็น รัฐบาลอิสราเอล จัดทำ� “โครงการไทย-อิสราเอลเพื่อ สหกรณ์ประเภทการเกษตร ชื่อว่า “สหกรณ์การเกษตร พัฒนาชนบท (หุบกะพง)” และได้เลือกที่ดินบริเวณ หุบกะพง จำ�กัด” เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๔ หุบกะพง อำ�เภอชะอำ� จังหวัด เพชรบุรี เป็นที่ตั้งของศูนย์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร สาธิตและทดลองการเกษตร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรม นาถบพิตร ทรงพระกรุณา ของโครงการ ที่ดินบริเวณนี้ เป็นป่าคุ้มครองของกรมป่าไม้ โปรดเกลา้ ฯ พระราชทานทะเบยี น มีราษฎรเข้าไปจับจองอยู่บ้าง ส ห ก ร ณ์ ใ ห้ ผู้ แ ท น ส ห ก ร ณ์ แต่การทำ�มาหากินไม่ได้ผลดี การเกษตรหบุ กะพงจ�ำ กดั พรอ้ มกบั เท่าที่ควร เนื่องจากสภาพที่ดิน พระราชทานโฉนดที่ดินบริเวณ สว่ นใหญเ่ ปน็ ดนิ เลวขาดแคลนนา้ํ หบุ กะพงจ�ำ นวน๓ฉบบั รวมพน้ื ท่ี ก า ร ทำ � ไร่ จึ ง เ ป็ น ลั ก ษ ณ ะ ๑๒,๐๗๙ ไร่ ๑ งาน ๘๒ ตารางวา ไร่เลื่อนลอย พระบาทสมเด็จ ให้แก่กรมส่งเสริมสหกรณ์และ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช สหกรณ์การเกษตรหุบกะพง บ ร ม น า ถ บ พิ ต ร จึ ง มี จำ�กัด เป็นผู้รับผิดชอบจัดสรร พ ร ะ ร า ช ดำ � ริ ใ ห้ กั น พื้ น ที่ ที่ดินให้กับเกษตรกร ตั้งแต่ ประมาณ ๑๐,๐๐๐ ไร่ ออกจากปา่ บัดนั้นเป็นต้นมา คุ้มครองของกรมป่าไม้ ภายหลัง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สหกรณ์การเกษตร หุบกะพง บรมนาถบพิตร ทรงจับจองพื้นที่เยี่ยงสามัญชน พระองคท์ รงจบั จองพน้ื ทด่ี งั กลา่ ว โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายป่าไม้ จำ�กัด ได้รับเกษตรกรชาวสวน เยี่ยงสามัญชน โดยปฏิบัติตาม และกฎหมายที่ดินทุกประการ ผักชะอำ� รวมกับเกษตรกรที่ ขั้นตอนของกฎหมายป่าไม้และ ทำ � ป ร ะ โ ย ช น์ อ ยู่ ใ น พื้ น ที่ กฎหมายทด่ี นิ ทกุ ประการ จากนน้ั หบุ กะพงเดมิ รวม๑๒๘ครอบครวั มีพระราชดำ�ริให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องพัฒนา เข้าเป็นสมาชิก และให้ใช้ประโยชน์จากที่ดินทำ�การ พื้นที่ให้ดีขึ้น แล้วจัดที่ดินให้กับเกษตรกรที่ได้รับ เกษตรครอบครวั ละ๒๕ไร่นอกจากนี้สหกรณย์ งั ไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นในเรอ่ื งทท่ี �ำ กนิ (กลมุ่ ชาวสวนผกั ชะอ�ำ ) พระมหากรณุ าธคิ ณุ จากพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร เข้าอยู่อาศัยและทำ�ประโยชน์ โดยรวมกัน มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานเงนิ เป็นชุมชนหมู่บ้าน พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ เพ่ือให้ดำ�เนินการในรูปแบบของกองทุน โดยใช้ช่ือ
๑๕๒ โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๖ สหกรณ์ โคนมราชบุรี จำ�กัด ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ เป็น “สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำ�กัด” จัดเป็นสหกรณ์ประเภทการเกษตร “กองทนุ พระราชทาน ส�ำ หรบั พฒั นาสหกรณก์ ารเกษตร สหกรณ์โคนม หุบกะพง จำ�กัด” จำ�นวน ๗,๕๕๔,๘๘๕ บาท ในปีพ.ศ.๒๕๐๒เจา้ หนา้ ทก่ี รมปศสุ ตั ว์กระทรวงเกษตร ใ น ปี พ . ศ . ๒ ๕ ๕ ๘ ก อ ง ทุ น นี้ มี จำ � น ว น เ งิ น และสหกรณ์ได้ร่วมประชุมปรึกษาหารือกับเกษตรกร ๘,๓๘๘,๗๘๔ บาท สหกรณ์มีสมาชิกสามัญ ชน้ั น�ำ ทต่ี �ำ บลหนองโพ อ�ำ เภอโพธาราม จงั หวดั ราชบรุ ี จำ�นวน ๔๗๙ คน ดำ�เนินธุรกิจหลักกับสมาชิก เรื่องการผสมเทียมโคกรมปศุสัตว์จึงเปิดสถานี ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจรับฝากเงิน ธุรกิจ ผสมเทียมขึ้น ณ ตำ�บลหนองโพ ต่อมาในปี จัดหาสินค้ามาจำ�หน่าย และธุรกิจการรวบรวม พ.ศ.๒๕๑๑ รัฐบาลได้สนับสนุนการเลี้ยงโคนม ผลการดำ�เนินงานของสหกรณ์ ปี ๒๕๕๘ สหกรณ์มี เกษตรกรในเขตจังหวัดราชบุรีและจังหวัดนครปฐม ทุนดำ�เนินงาน ๓๖.๗๓ ล้านบาท ทุนเรือนหุ้น ๒.๖๗ เลี้ยงโคนมเพิ่มขึ้นเป็นจำ�นวนมาก ทำ�ให้เริ่ม ล้านบาท ทุนสำ�รองของสหกรณ์เอง ๕.๒๒ ล้านบาท เกิดปัญหาการหาสถานที่จำ�หน่ายนํ้านมดิบ และมีกำ�ไรสุทธิจำ�นวน ๒๑๙,๔๖๖.๕๒ บาท โดยมี กลมุ่ เกษตรกรผเู้ ลย้ี งโคนมไดท้ �ำ หนงั สอื กราบบงั คมทลู ศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพง สำ�นักงาน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สหกรณ์จังหวัดเพชรบุรี กรมส่งเสริมสหกรณ์ บรมนาถบพติ ร เมอ่ื ปี พ.ศ.๒๕๑๒ เพอ่ื ขอพระราชทาน เป็นหน่วยงานที่ทำ�หน้าที่แนะนำ�ส่งเสริมสหกรณ์ ความชว่ ยเหลอื แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ในช่วงนั้น พร้อมทั้งจัดที่ดินในโครงการฯ ให้เกษตรกรเข้าทำ� เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประโยชน์ ปัจจุบันได้ดำ�เนินการจัดแบ่งที่ดิน ใ ห้ ส ร้ า ง โ ร ง ง า น ผ ลิ ต น ม ผ ง ขึ้ น ภ า ย ใ น บ ริ เ ว ณ ใ ห้ เ ก ษ ต ร ก ร เ ข้ า อ ยู่ อ า ศั ย แ ล ะ ทำ � ป ร ะ โ ย ช น์ สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ในปี พ.ศ.๒๕๑๓ ได้มี ในการประกอบอาชีพแล้ว จำ�นวน ๓๙๑ ครอบครัว ผู้จัดซื้อที่ดินบริเวณตำ�บลหนองโพ จำ�นวน ๕๐ ไร่ ๗๘๗ แปลง พื้นที่รวม ๗,๖๐๘ ไร่ ทูลเกล้าฯ ถวายพร้อมด้วยเงินจำ�นวนหนึ่งสำ�หรับ
โครงการ ๑๕๓ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ เมื่อสมาชิกของหมู่บ้านมีความเข้าใจดีพอแล้ว จึงทรงพระกรุณา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โปรดเกล้าฯ ให้เข้าชื่อกัน เพื่อขอจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำ�เนิน ประเภทการเกษตร ชื่อว่า “สหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จำ�กัด” ไปทรงเป็นประธานในพิธีเปิด เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๕ วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๔ และได้พระราชทานชื่อว่า “โรงนมผงหนองโพ” เป็นค่าก่อสร้างโรงงานผลิตนมผง ต่อมาเกษตรกร หาไดจ้ ากการจ�ำ หนา่ ยผลติ ภณั ฑน์ น้ั ไมม่ กี ารแบง่ ก�ำ ไร ผู้เลี้ยงโคนมได้รวมกลุ่มกันจัดตั้งศูนย์รวมนม ให้แก่ผู้ถือหุ้น แต่ให้บริษัทนำ�กำ�ไรสุทธิส่วนหนึ่ง หนองโพขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณ เข้ากองทุนสะสมเพื่อประโยชน์แก่การศึกษาของ จากรัฐบาลส่วนหนึ่งและทุนของกลุ่มเกษตรกรอีก บุตรธิดาสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้ส่งนํ้านมดิบให้แก่ สว่ นหนง่ึ เปน็ ทนุ ในการกอ่ สรา้ งอาคารศนู ยร์ วมนา้ํ นม โรงงาน เกษตรกรได้เข้าชื่อกันจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ในวันที่ ในปี พ.ศ.๒๕๑๖ ได้มีการเริ่มผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ ๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๔ โดยใช้ชื่อว่า “สหกรณ์โคนม ขึ้นเป็นครั้งแรก และในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ปีเดียวกัน ราชบุรี จำ�กัด” เป็นสหกรณ์ประเภทบริการ สหกรณ์โคนมราชบุรี จำ�กัด ได้ขอจดทะเบียนเปลี่ยน โรงงานผลิตนมผงได้สร้างเสร็จในปี พ.ศ.๒๕๑๕ ชื่อเป็น “สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำ�กัด” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จัดเป็นสหกรณ์ประเภทการเกษตร เมื่องานของ บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สหกรณ์ฯเจริญก้าวหนา้ ตามวัตถุประสงค์สมาชิกของ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ ไปทรงเป็น สหกรณ์ต่างมีความเข้าใจในอุดมการณ์ หลักสหกรณ์ ประธานในพิธีเปิด เม่อื วันท่ี ๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๕ และวิธีการสหกรณ์ได้ดี เมื่อการดำ�เนินกิจการมี และได้พระราชทานชื่อว่า “โรงนมผงหนองโพ” หลักฐานมั่นคงแล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทร บริหารงานในรูปบริษัทจำ�กัดโดยใช้ชื่อ “บริษัท มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร จงึ ทรงพระกรณุ า ผลิตภัณฑ์นมหนองโพ จำ�กัด” พระบาทสมเด็จ โปรดเกล้าฯ ให้โอนทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัท พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผลิตภัณฑ์นมหนองโพ จำ�กัด พร้อมด้วยโรงงานผลิต ทรงถือหุ้นใหญ่ของบริษัทและพระราชทานเงื่อนไข นมผงให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสหกรณ์โคนมหนองโพ ไว้ว่า บรรดาเงินกำ�ไรสุทธิที่คณะกรรมการบริษัท ราชบุรี จำ�กัด ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๘ เป็นต้นมา และทรงรับไว้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๕๔ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำ�กัดสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ นมพาสเจอร์ไรส์และผลิตภัณฑ์นม UHT จำ�หน่ายไปได้ ทั่วประเทศ ทำ�ให้เกษตรกรไม่มีความเดือดร้อนในเรื่องสถานที่ จำ�หน่ายนํ้านมดิบ ปัจจุบันสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำ�กัด ประการ ปัญหาหนึ่งก็คือการขาดแคลนพันธุ์สัตว์ที่ดี ได้ดำ�เนินงานมาเป็นเวลากว่า ๔๓ ปี ตลอดระยะ โดยเฉพาะพันธุ์โคและกระบือซึ่งมีความสำ�คัญ เวลาที่ผ่านมาสหกรณ์ฯ ได้ดำ�เนินกิจการตาม ต่อเกษตรกรในชนบทอย่างมาก พระบาทสมเด็จ แนวพระราชดำ�ริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สามารถผลิต ทรงเลง็ เหน็ ปญั หาน้ี จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์และผลิตภัณฑ์นม UHT ให้จัดตั้งธนาคารโค – กระบือขึ้น เพื่อรวบรวมพันธุ์ จำ�หน่ายไปได้ทั่วประเทศ โดยมีกำ�ลังการผลิต โค – กระบือให้ผลิตลูกและขยายพันธุ์ที่มีคุณภาพดี เพียงพอที่จะรองรับปริมาณนํ้านมดิบที่เกษตรกร ผู้เลี้ยงโคนมในเขตตำ�บลหนองโพและใกล้เคียง “โรงนมผงหนองโพ” ผลิตได้ ทำ�ให้เกษตรกรไม่มีความเดือดร้อนในเรื่อง บริหารงานในรูปบริษัทจํากัดโดยใช้ช่ือ สถานที่จำ�หน่ายนํ้านมดิบ อีกท้ังการดำ�เนินงาน “บริษัท ผลิตภัณฑ์นมหนองโพ จํากัด” ในรูปสหกรณ์เอ้ือให้ผลประโยชน์ส่ ว น ใ ห ญ่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตกอยู่กับสมาชิก นับได้ว่าสหกรณ์โคนมหนองโพ บรมนาถบพิตร ทรงถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ราชบุรี จำ�กัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) ได้ช่วย แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยง และพระราชทานเง่ือนไขไว้ว่า โคนมได้อย่างแท้จริง บรรดาเงินกำ�ไรสุทธิท่ีคณะกรรมการบริษัท ธนาคารโค–กระบือ การเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพที่สำ�คัญของเกษตรกร หาได้จากการจำ�หน่ายผลิตภัณฑ์นั้น ปัญหาการพัฒนาปศุสัตว์ในประเทศไทยมีอยู่หลาย ไม่มีการแบ่งกำ�ไรให้แก่ผู้ถือหุ้น แต่ให้บริษัทนํากําไรสุทธิส่วนหนึ่ง เข้ากองทุนสะสมเพ่ือประ โยชน์แก่ การศึกษาของบุตรธิดาสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้ส่งนา้ํ นมดิบให้แก่โรงงาน
โครงการ ๑๕๕ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ ชื่อของธนาคารโค–กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำ�รินี้ กรมปศุสัตว์ได้ใช้ชื่อย่อว่า “ธคก.” และใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “Royal Cattle–Buffalo Bank for Farmers” สำ�หรับให้เกษตรกรใช้งานต่อไป ในการบริหาร พระราชกุศลให้กรมปศุสัตว์เพื่อนำ�ไปดำ�เนินการ จัดการโครงการได้สนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วม ธนาคารโค - กระบือ ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ ในการกำ�กับดูแลสัตว์ของธนาคารโค – กระบือ ดงั ในพระบรมราโชวาททพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่สมาชิกกลุ่มเกษตรกร ที่มาของโครงการเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ ทั่วประเทศ เมื่อวันพืชมงคล วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พ.ศ.๒๕๒๓ ความว่า บรมนาถบพิตร ได้เสด็จฯ ทรงตรวจเยี่ยมราษฎร “...ธนาคารโคและกระบือ ก็คือ การรวบรวมโคและ โครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา จังหวัดปราจีนบุรี กระบือ โดยมีบัญชีควบคุม ดูแล รักษา แจกจ่าย ตามพระราชดำ�ริ เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๒ ให้ยืม เพื่อใช้ประโยชน์ในการเกษตร และเพิ่มปริมาณ ทรงทราบว่า มีราษฎรผู้ยากจนจำ�นวนมากต้องเช่า โคและกระบอื ตามหลกั การของธนาคาร ธนาคารโคและ โค - กระบือไว้ใช้แรงงานในราคาแพงมาก บางครั้ง กระบือเป็นเรื่องใหม่ของโลกที่มีความจำ�เป็นเกิดขึ้น เมื่อจำ�หน่ายผลผลิตทางการเกษตรแล้วแทบไม่เหลือ เพราะปัจจุบันมีความคิดแต่จะใช้เครื่องกลไก อะไรเลย ต้องจ่ายเป็นค่าเช่าโค - กระบือเกือบหมด เป็นเครื่องทุ่นแรงในกิจการเกษตร แต่เมื่อราคานํ้ามัน จึงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้กรมปศุสัตว์ เชื้อเพลิงแพงขึ้น ความก้าวหน้าในการใช้เครื่องกลไก รับผิดชอบดำ�เนินการโครงการธนาคารโค-กระบือ เสียไป จำ�เป็นต้องหันมาพึ่งแรงงานจากสัตว์ที่ เพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำ�ริ โดยได้พระราชทาน เคยใชอ้ ยกู่ อ่ น เมอ่ื หนั กลบั มา กป็ รากฏวา่ มปี ญั หามาก พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ส่วนหนึ่ง และมี เพราะชาวนาไม่มีเงินซื้อโคและกระบือมาเลี้ยง ผนู้ อ้ มเกลา้ ฯ ถวายโค–กระบอื และถวายเงนิ โดยเสดจ็ เพื่อใช้แรงงาน...”
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๕๖ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ “...ธนาคารโคและกระบอื พอจะอนโุ ลมใชไ้ ดเ้ หมอื นกบั ...ธ น า ค า ร โ ค แ ล ะ ก ร ะ บื อ ก็ คื อธนาคารที่ดำ�เนินการเกี่ยวกับการเงิน เพราะโดย “ความหมายทว่ั ไป ธนาคารกด็ �ำ เนนิ กจิ การเกย่ี วกบั สง่ิ ท่ี ควบคุม ดูแล รักษา แจกจ่าย ให้ยืมมีค่ามีประโยชน์ การตั้งธนาคารโคและกระบือก็ มิใช่ว่าตั้งโรงขึ้นมาเก็บโคหรือกระบือ เพียงแต่มี เ พิ่ ม ป ริ ม า ณ โ ค แ ล ะ ก ร ะ บื อ ต า มศูนย์กลางขึ้นมา เช่น อาจจัดให้กรมปศุสัตว์เป็น ศูนย์รวม ใครจะสมทบธนาคารโคและกระบือ แ ล ะ ก ร ะ บื อ เ ป็ น เ ร่ื อ ง ใ ห ม่ ข อ ง โ ล กก็ ไ ม่ จำ � เ ป็ น ต้ อ ง นำ � โ ค ห รื อ ก ร ะ บื อ ไ ป ม อ บ ใ ห้ มี ค ว า ม คิ ด แ ต่ จ ะ ใ ช้ เ ค รื่ อ ง ก ล ไ ก อาจบริจาคในรูปของเงิน...” สำ�หรับชื่อของธนาคารโค – กระบือเพื่อเกษตรกร แต่เม่ือราคานา้ํ มันเช้ือเพลิงแพงข้ึนตามพระราชด�ำ รนิ ี้กรมปศสุ ตั วไ์ ดใ้ ชช้ ือ่ ยอ่ วา่ “ธ.ค.ก.” และใชช้ อ่ื เปน็ ภาษาองั กฤษวา่ “Royal Cattle – Buffalo เ สี ย ไ ป จ ำ� เ ป็ น ต้ อ ง หั น ม า พึ่ ง แ ร งBankforFarmers”ธนาคารโค-กระบอื มวี ตั ถปุ ระสงค์ เพื่อช่วยให้เกษตรกรที่ยากจนทั่วประเทศได้มี ก ลั บ ม า ก็ ป ร า ก ฏ ว่ า มี ปั ญ ห า ม า กโค - กระบือไว้ใช้แรงงานและเพิ่มผลผลิตทาง การเกษตร ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ก ร ะ บื อ ม า เ ลี้ ย ง เ พื่ อ ใ ช้ แ ร งง า นการให้บริการโค–กระบือแก่เกษตรกรมี ๕ วิธี คือ ๑) การให้ยืมเพื่อการผลิต ๒) การให้เช่าซื้อ ใ ช้ ไ ด้ เ ห มื อ น กั บ ธ น า ค า ร ท่ีด ำ� เ นิ น๓) การให้ยืมพ่อพันธุ์โค–กระบือ ๔) การให้เช่า เพื่อใช้แรงงาน และ ๕) การให้บริการอื่นๆ ความหมายทั่วไป ธนาคารก็ดำ�เนิน ตั้งแต่เริ่มโครงการ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเดือนสิงหาคม การต้ังธนาคารโคและกระบือก็มิใช่พ.ศ.๒๕๕๙ มีเกษตรกรได้รับบริการสัตว์จาก ธนาคารโค - กระบือแล้ว รวม ๒๓๕,๕๑๓ ราย ณ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙ มีเกษตรกรที่อยู่ใน เพียงแต่มีศูนย์กลางข้ึนมา เช่น อาจ ความดูแลของธนาคารโค-กระบือ ๑๐๕,๔๙๑ ราย ใครจะสมทบธนาคารโคและกระบือ ธนาคารโค - กระบือ มีวัตถุประสงค์เพ่ือช่วยให้ มอบให้ อาจบริจาคในรูปของเงิน... เกษตรกรท่ีย ากจนทั่วประเทศได้มีโค - กระบือ ไว้ใช้แรงงานและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพ่ิมข้ึน
โครงการ ๑๕๗ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ การรวบรวมโคและกระบือ โดยมีบัญชี จำ�นวนโค-กระบือที่ให้บริการ รวม ๑๐๖,๖๑๕ ตัว (โค ๗๔,๗๓๙ ตัว กระบือ ๓๑,๘๗๖ ตัว) เกษตรกร เพ่ือใช้ประโยชน์ในการเกษตร และ ที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาของโครงการ ส่งมอบ ลูกโค–กระบือตัวที่ ๑ อายุไม่ตํ่ากว่า ๑๘ เดือนให้ ห ลั ก ก า ร ข อ ง ธ น า ค า ร ธ น า ค า ร โ ค โครงการแล้ว เมื่อยืมแม่โค – กระบือครบ ๕ ปี จะได้รับแม่โค–กระบือเป็นกรรมสิทธิ์ โดยตั้งแต่ปี ที่มีความจําเป็นเกิดข้ึน เพราะปัจจุบัน พ.ศ.๒๕๕๔ ถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙ เป็นเคร่ืองทุ่นแรงในกิจการเกษตร มีเกษตรกรได้รับโค-กระบือเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว ๔๙,๕๘๐ ราย เป็นแม่โค-กระบือและลูกตัวที่ ๒, ๓, ๔ จำ�นวน ๖๑,๗๘๓ ตัว คิดเป็นมูลค่า ความก้าวหน้าในการใช้เคร่ืองกลไก ๗๖๖,๐๑๔,๗๙๕ บาท งานจากสัตว์ท่ีเคยใช้อยู่ก่อน เม่ือหัน เ พ ร า ะ ช า ว น า ไ ม่ มี เ งิ น ซื้ อ โ ค แ ล ะ ธนาคารโคและกระบือ พอจะอนุโลม ก า ร เ ก่ีย ว กั บ ก า ร เ งิ น เ พ ร า ะ โ ด ย กิจการเก่ียวกับส่ิงท่ีมีค่ามีประโยชน์ ว่ า ต้ั ง โ ร ง ข้ึ น ม าเ ก็ บ โ ค ห รื อ ก ร ะ บื อ จั ด ใ ห้ ก ร ม ป ศุ สั ต ว์ เ ป็ น ศู น ย์ ร ว ม ก็ ไ ม่ จ ำ� เ ป็ น ต้ อ ง น ำ� โ ค ห รื อ ก ร ะ บื อ ไ ป พระบรมราโชวาทที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่สมาชิกกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ เมื่อวันพืชมงคล วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๓
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๕๘ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านการส่งเสริมอาชีพ ๑. กฎหมายที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนการดำ�เนินโครงการ มีดังนี้ ประมวลกฎหมาย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สหกรณ์ซึ่งได้จดทะเบียนแล้ว มีฐานะเป็น แพ่งและพาณิชย์ นิติบุคคลตามกฎหมาย สามารถดำ�เนินกิจการ การผลิต การซื้อขาย แลกเปลี่ยน ๒. ทำ�นิติกรรมสัญญาอันเกี่ยวกับกิจการ หรือผลิตผล ภายใต้กรอบวัตถุประสงค์ของ พระราชบัญญัติ สหกรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บำ�รุงพันธุ์สัตว์ พระราชบัญญัติบำ�รุงพันธุ์สัตว์ พ.ศ.๒๕๐๙ เกษตรกรที่ได้รับสัตว์จากธนาคาร พ.ศ.๒๕๐๙ โค - กระบือ ส่วนใหญ่เป็นการให้ยืมโค - กระบือเพศเมียเพื่อการผลิต ๓. และมีการให้ยืมโค - กระบือเพศผู้เพื่อเป็นพ่อพันธุ์จำ�นวนหนึ่ง ให้เกษตรกรเลี้ยง พระราชบัญญัติ เพื่อผลิตลูกเพิ่มจำ�นวนโค - กระบือของประเทศ กรมปศุสัตว์จึงกำ�หนด จัดที่ดินเพื่อการ คุณลักษณะของโค - กระบือที่จะรับเข้าโครงการ ต้องมีอายุอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ครองชีพ พ.ศ.๒๕๑๑ มีความสมบูรณ์และมีสุขภาพดี ปลอดจากโรคแท้งติดต่อ โรควัณโรค และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อย และโรคเฮโมรายิก - เซพติซีเมีย เพื่อให้เกษตรกรได้รับโค – กระบือที่มีคุณภาพ มีสุขภาพแข็งแรง สามารถ ๔. ขยายพันธุ์เกิดลูกได้โดยเร็ว พระราชบัญญัติ พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.๒๕๑๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สหกรณ์ พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.๒๕๑๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๔๒ ไดก้ �ำ หนดใหร้ ฐั บาลมอี �ำ นาจในการจดั ทด่ี นิ ของรฐั เพอ่ื ใหป้ ระชาชนทไ่ี มม่ ที ด่ี นิ ท�ำ กนิ หรือมีแต่เพียงเล็กน้อย ไม่พอแก่การครองชีพได้มีที่ตั้งเคหสถานและประกอบ อาชีพทำ�การเกษตรในที่ดิน โดยการจัดตั้งเป็นนิคมซึ่งได้แก่ นิคมสร้างตนเองหรือ นิคมสหกรณ์แล้วแต่กรณี ซึ่งการจัดตั้งนิคมนั้น จะกระทำ�โดยพระราชกฤษฎีกา และทำ�แผนที่กำ�หนดแนวเขตที่ดินของนิคมไว้ โดยจะมีคณะกรรมการคณะหนึ่ง ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ และรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ ทำ�หน้าที่พิจารณาคัดเลือกบุคคล ผู้มีคุณสมบัติเข้าเป็นสมาชิกนิคมเพื่อรับการจัดแบ่งให้เข้าทำ�ประโยชน์ในที่ดิน นิคมและปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขของพระราชบัญญัติดังกล่าว พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.๒๕๔๒ กฎหมายฉบับที่ใช้ในการกำ�กับและ ส่งเสริมสหกรณ์ โดยอธิบดีกรมส่งเสริม - สหกรณ์ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ และข้าราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็น
โครงการ ๑๕๙ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ กฎหมายที่เก่ียวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านการส่งเสริมอาชีพ รองนายทะเบียนสหกรณ์มีอำ�นาจตามพระราชบัญญัตินี้ เช่น การรับจดทะเบียน ส่งเสริม ช่วยเหลือ แนะนำ� กำ�กับดูแลสหกรณ์ ตลอดจนการออกระเบียบ คำ�สั่ง เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้และเพื่อประโยชน์ในการดำ�เนินกิจการของ สหกรณ์ รวมถงึ ใหม้ คี ณะกรรมการพฒั นาการสหกรณแ์ หง่ ชาตใิ นการเสนอความเหน็ ต่อคณะรัฐมนตรีในเรื่องเกี่ยวกับการกำ�หนดนโยบายและแผนพัฒนาสหกรณ์ การกำ�หนดแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนการขยายธุรกิจและกิจการของ สหกรณ์ เป็นต้น ๕. พระราชบัญญัติโคนมและผลิตภัณฑ์นม พ.ศ.๒๕๕๑ โดยกำ�หนดให้มีคณะกรรมการ พระราชบัญญัติโคนม โคนมและผลิตภัณฑ์นม ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ เช่น ปลัดกระทรวงเกษตร และผลิตภัณฑ์นม และสหกรณ์ อธบิ ดกี รมสง่ เสรมิ สหกรณ์ อธบิ ดกี รมปศสุ ตั ว์ อธบิ ดกี รมการคา้ ภายใน พ.ศ.๒๕๕๑ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นต้น ทำ�หน้าที่กำ�หนดนโยบาย แผนงานการผลิต การจำ�หน่ายนํ้านมโคและ การผลิตภัณฑ์นมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ กำ�หนดปริมาณและเงื่อนไข การนำ�เข้าส่งออก นํ้านมโค นมผง และผลิตภัณฑ์นม แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับโคนม และผลิตภัณฑ์นม ตลอดจนมีอำ�นาจกำ�หนดข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ หรือ คำ�สั่งเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ๖. พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.๒๕๕๗ พระราชบัญญัติป้องกัน เกษตรกรที่ได้รับโค – กระบือของธนาคารโค - กระบือ ไว้ยืมเลี้ยงเพื่อการผลิต การทารุณกรรมและ จะต้องทำ�สัญญาไว้กับธนาคารโค - กระบือ ซึ่งมีข้อกำ�หนดในการจัดการเลี้ยงดู การจัดสวัสดิภาพสัตว์ โดยคำ�นึงถึงการจัดสวัสดิภาพสัตว์ให้เหมาะสม ทั้งระหว่างการเลี้ยงดู และการนำ� พ.ศ.๒๕๕๗ สัตว์ไปใช้งาน ๗. พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.๒๕๕๘ โค – กระบือของธนาคารโค – กระบือ พระราชบัญญัติ ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่ได้รับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาต่อโครงการฯ ในพื้นที่ โรคระบาดสัตว์ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ต้องเคลื่อนย้ายสัตว์ไปให้บริการแก่เกษตรกรใน พ.ศ.๒๕๕๘ พื้นที่ต่างจังหวัดซึ่งต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.๒๕๕๘ เรื่องการควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์โดยเคร่งครัด และเมื่อเกษตรกรได้รับสัตว์ ไว้เลี้ยงดู หากเกิดปัญหาสัตว์ป่วยหรือตาย ต้องแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของ กรมปศุสัตว์ภายในเวลาสิบสองชั่วโมง เพื่อให้การป้องกันและควบคุมโรคระบาด
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๖๐ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ กฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านการส่งเสริมอาชีพ ที่เกิดกับสัตว์และการทำ�งานของสัตวแพทย์ สารวัตร และพนักงานเจ้าหน้าที่ มีประสิทธิภาพ อันเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชน และเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ ๘. กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ พ.ศ.๒๕๕๗ กฎกระทรวง กฎกระทรวง แบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ.๒๕๕๗ แบ่งส่วนราชการ โดยกำ�หนดให้กรมส่งเสริมสหกรณ์มีภารกิจเกี่ยวกับการส่งเสริม เผยแพร่และ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้ความรู้เกี่ยวกับอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์ ให้แก่บุคลากรสหกรณ์ พ.ศ.๒๕๕๗ กลุ่มเกษตรกร และประชาชนทั่วไป รวมถึงการส่งเสริม สนับสนุน คุ้มครองและ พัฒนาระบบสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง โดยพัฒนาการเรียนรู้ในการดำ�เนินการ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ ๙. ระเบียบกรมส่งเสริมสหกรณ์ว่าด้วยการจัดที่ดินในหมู่บ้านสหกรณ์โครงการตาม ระเบียบกรมส่งเสริม พระราชประสงค์หุบกะพง พ.ศ.๒๕๒๔ ได้กำ�หนดให้มีคณะกรรมการคัดเลือก สหกรณ์ว่าด้วยการ บุคคลเข้าทำ�ประโยชน์ในที่ดินโครงการฯ ซึ่งคณะกรรมการประกอบด้วยบุคคล จัดท่ีดินในหมู่บ้าน ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์และแต่งตั้งจากผู้แทนจากสหกรณ์ สหกรณ์โครงการ การเกษตรหุบกะพง จำ�กัด ทำ�หน้าที่ในการคัดเลือกบุคคลที่สมัครขอเข้าทำ� ตามพระราชประสงค์ ประโยชน์ในที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยและประกอบการเกษตรได้ตามสมควร หุบกะพง แต่ไม่เกินครอบครัวละ ๒๕ ไร่ ซึ่งวิธีการคัดเลือกได้ปฏิบัติตามวิธีการจัดที่ดินของ พ.ศ.๒๕๒๔ นิคมสหกรณ์โดยอนุโลมและผู้ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตาม ข้อกำ�หนดในระเบียบนี้ อันเกี่ยวกับการครอบครองทำ�ประโยชน์ในที่ดินที่ใช้ ประกอบการเกษตร การกระทำ�หรือไม่กระทำ�ที่เป็นการฝ่าฝืนต่อระเบียบนี้ เป็นต้น ๑๐. ระเบียบกรมปศุสัตว์ ว่าด้วยการดำ�เนินการโครงการธนาคารโค – กระบือเพื่อ ระเบียบกรมปศุสัตว์ เกษตรกร ตามพระราชดำ�ริ พ.ศ.๒๕๕๖ กรมปศุสัตว์รับผิดชอบการดำ�เนินงาน ว่าด้วยการดำ�เนินการ โครงการธนาคารโค – กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำ�ริ ตั้งแต่เริ่มโครงการ โครงการธนาคาร ในปี พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงปัจจุบัน โดยมีคณะกรรมการบริหาร โครงการธนาคาร โค-กระบือเพ่อื เกษตรกร โค - กระบือฯ มีอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นประธาน และมีระเบียบกรมปศุสัตว์ ตามพระราชดำ�ริ ว่าด้วยการดำ�เนินการโครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำ�ริ พ.ศ.๒๕๕๖ พ.ศ.๒๕๕๖ เป็นแนวทางการปฏิบัติงาน
โครงการ ๑๖๑ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ ผลสัมฤทธิ์ของโครงการ ตามอุดมการณ์ หลักการและวิธีการสหกรณ์ในชุมชน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านการส่งเสริม สามารถแก้ไขปัญหาในการดำ�รงชีพด้วยวิถีทาง อาชพี ดา้ นสหกรณไ์ ดก้ อ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ ประชาชน การเกษตรไดต้ ง้ั แตเ่ รม่ิ ตน้ การผลติ ไปจนถงึ การจ�ำ หนา่ ย และสังคม ดังต่อไปนี้ สทู่ อ้ งตลาด คณะกรรมการด�ำ เนนิ การสหกรณส์ ามารถ บริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมาชิกสหกรณ์ ๑. เป็นศูนย์สาธิตและทดลองการเกษตร เพื่อศึกษา มีความรู้ด้านการเกษตรเพื่อการประกอบอาชีพ ข้อมูลในด้านการปลูกพืชและการเลี้ยงสัตว์ที่เป็น ท�ำ ใหม้ รี ายไดส้ คู่ รอบครวั และท�ำ ใหเ้ กดิ การหมนุ เวยี น ประโยชน์ต่อการพัฒนาการเกษตรในพื้นที่แห้งแล้ง ด้านเศรษฐกิจ สามารถเล้ียงดูครอบครัวและพ่ึงพา ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ และเพื่อสาธิตการใช้ ตนเองได้ ลดภาระค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือ เทคโนโลยีการเกษตรแก่เกษตรกร นักเรียน นักศึกษา จากภาครัฐ และประชาชนทั่วไป ๕. สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำ�กัด (ในพระบรม ๒. เป็นศูนย์เรียนรู้อาชีพทางการเกษตรโดยตรง ราชปู ถัมภ์)ได้ดำ�เนนิ กิจการตลอดระยะเวลาทีผ่ ่านมา ผู้เข้าเยี่ยมชมสามารถเรียนรู้อาชีพทางการเกษตร ตามแนวพระราชด�ำ รขิ องพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร ได้โดยตรงจากแปลงทำ�การเกษตรของเกษตรกร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สามารถผลิต ในพน้ื ทจ่ี รงิ โดยจะไดร้ บั การถา่ ยทอดประสบการณต์ รง ผลิตภัณฑ์นมแปรรูปประเภทนมพาสเจอร์ไรส์ จ า ก เ ก ษ ต ร ก ร ตั ว อ ย่ า ง ที่ ป ร ะ ส บ ค ว า ม สำ � เ ร็ จ และผลิตภัณฑ์นม UHT จำ�หน่ายไปได้ทั่วประเทศ ในการประกอบอาชีพในพื้นที่ มีกิจกรรมการศึกษา อีกทั้งยังเป็นแหล่งศึกษาดูงานของนักเรียน นักศึกษา ดงู าน ๖ สถานีให้เลือกชม ไดแ้ ก่ สถานเี รียนร้กู ารปลกู ประชาชนชาวไทย รวมถึงชาวต่างชาติ การพัฒนา หน่อไม้ฝรั่ง สถานีเรียนรู้การเลี้ยงโคขุน สถานีเรียนรู้ ชนบทประสบผลสำ�เร็จในรูปแบบของสหกรณ์ การปลูกผักปลอดภัย สถานีเรียนรู้การเลี้ยงโคนม และการทำ�การตลาด สถานีเรียนรู้ป่านศรนารายณ์ และสถานีเรียนรู้ ผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน ๓. เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำ�กิน ได้รับจัดสรรที่ดิน คณะกรรมการดำ�เนินการสหกรณ์ ที่มีการจัดและพัฒนาแล้วในพื้นที่โครงการ (แต่ไม่ให้ สามารถบริหารงานได้อย่างมี กรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน) ตามระเบียบว่าด้วย การจัดสรรที่ดินหมู่บ้านสหกรณ์โครงการหุบกะพง ประสิทธิภาพ สมาชิกสหกรณ์มีความรู้ พ.ศ.๒๕๒๔ เพื่อประกอบอาชีพทำ�การเกษตรตาม ด้านการเกษตรเพ่ือการประกอบอาชีพ วิธีการเกษตรแผนใหม่ ทำ�ให้มีรายได้สู่คร อบครัว และทำ�ให้ ๔. การรวมกลุ่มของเกษตรกรที่ได้รับจัดสรรที่ดิน เกิดการหมุนเวียนด้านเศรษฐกิจ เป็นสหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จำ�กัด ทำ�ให้เกิด สามารถเลี้ยงดูครอบครัวและพึ่งพา การช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตนเองได้ ลดภาระค่าใช้จ่าย ในการช่วยเหลือจากภาครัฐ
โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๖๒ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ ๖. เกษตรกรซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์มีรายได้มั่นคง ที่ได้รับบริการจากธนาคารโค- กระบือ ต่างสำ�นึกใน มคี วามเปน็ อยทู่ ด่ี ขี น้ึ ไมม่ คี วามเดอื ดรอ้ นเรอ่ื งสถานท่ี พระมหากรุณาธิคุณ และถือเป็นมงคลของชีวิต จำ�หน่ายนํ้านมดิบ สหกรณ์ทำ�หน้าที่ส่งเสริมการเลี้ยง โคนมตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจำ�หน่าย มีตลาด เกษตรกรซ่ึงเป็นสมาชิกของสหกรณ์ รองรับนํ้านมดิบจากเกษตรกรเพื่อนำ�มาแปรรูป มีรายได้มั่นคง มีความเป็นอยู่ท่ีดีข้ึน จำ�หน่ายเอง และจำ�หน่ายได้ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ไม่มีความเดือดร้อนเรื่องสถานท่ี สหกรณ์ยังเป็นแหล่งจ้างงานในชนบทที่สำ�คัญ จำ�หน่ายน้ํานมดิบ สหกรณ์ทำ�หน้าท่ี ทำ�ให้คนในพื้นที่มีอาชีพและมีรายได้ที่มั่นคง และ ส่งเสริมการเลี้ ยงโคนมต้ังแต่การผลิต ผลประโยชน์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ตกแก่สมาชิกซึ่งเป็น ไปจนถึงการจำ�หน่าย มีตลาดรองรับ เกษตรกรที่เลี้ยงโคนม น้ํานมดิบจากเกษตรกรเพ่ือนำ�มา แปรรูปจำ�หน่ายเอง และจำ�หน่าย ๗. โครงการธนาคารโค - กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำ�ริ ดำ�เนินงานต่อเนื่องมานานถึง ๓๗ ปี ได้ท่ัวประเทศ ในพื้นที่ทุกจังหวัดของประเทศไทย ผลของ การดำ�เนินงานเกิดประโยชน์โดยตรงต่อเกษตรกร ข้อเสนอแนะ ที่ยากจนมากกว่า ๒๐๐,๐๐๐ ราย ได้ช่วยเหลือให้ ๑. เนื่องจากพื้นที่โครงการฯ อยู่ในสภาพภูมิประเทศ เกษตรกรมีโค – กระบือเป็นของตนเอง เพิ่มผลผลิต และภูมิอากาศที่ไม่เอื้อต่อการปลูกพืชทั่วไป แต่ผู้ที่ ลูกโค-กระบือ ได้มูลสัตว์เป็นปุ๋ยบำ�รุงดิน ช่วยฟื้นฟู ได้รับสิทธิ์ในที่ดินมีอาชีพเป็นเกษตรกร ดังนั้น ความอุดมสมบูรณ์ของผืนดิน เพิ่มสารอินทรีย์ทาง หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งจะตอ้ งท�ำ การวจิ ยั อาชพี การเกษตร ธรรมชาติ ทำ�ให้การเพาะปลูกพืชได้ผลดียิ่งขึ้น ที่ยั่งยืนและเหมาะสมกับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เป็นการเพิ่มรายได้ ช่วยอนุรักษ์ และเพิ่มจำ�นวน พร้อมทั้งส่งเสริมเกษตรกรตั้งแต่เริ่มต้นการผลิต โค – กระบือในประเทศไทย การใช้แรงงานสัตว์ รวบรวมผลผลิต แปรรูป จำ�หน่าย กำ�หนดมาตรฐาน เปน็ การลดการใชน้ า้ํ มนั เชอ้ื เพลงิ ลดรายจา่ ยชว่ ยอนรุ กั ษ์ และคณุ ภาพของสนิ คา้ รวมถงึ การประชาสมั พนั ธด์ ว้ ย วัฒนธรรมไทย และรักษาวิถีชีวิตสังคมชุมชนชนบท ๒. ควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดสำ�หรับ ที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกื้อกูลกันให้คงอยู่ในสังคมไทย ผู้ที่เข้าไปอยู่อาศัยในพื้นที่โครงการโดยไม่ได้รับสิทธิ์ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเกษตรกรที่ได้รับการจัด ๘. เป็นโครงการที่ประชาชนจำ�นวนมากสามารถ ที่ดินให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการจัดที่ดินเพื่อ มีส่วนร่วมโดยการร่วมบริจาคสมทบ ทั้งโดย การครองชีพ พ.ศ.๒๕๑๑ และระเบียบกรมส่งเสริม การบริจาคโค - กระบือ หรือบริจาคทรัพย์ ทำ�ให้เกิด สหกรณ์ว่าด้วยการจัดที่ดินในหมู่บ้านสหกรณ์ ความสขุ ใจทไ่ี ดท้ �ำ บญุ กศุ ลไถช่ วี ติ โค-กระบอื ซง่ึ นบั วา่ โครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพง พ.ศ.๒๕๒๔ เป็นสัตว์ที่มีคุณต่อแผ่นดิน ได้ช่วยเหลือเกษตรกร ๓. สหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรส่งเสริมและ ผู้ยากจน และที่สำ�คัญคือเป็นโครงการที่ก่อให้เกิด วิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ผลิตจากนํ้านมโค เพื่อเพิ่ม ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เกษตรกร
โครงการ ๑๖๓ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม อ า ชี พ ช่องทางการจำ�หน่าย ลดปัญหานํ้านมโคล้นตลาด ๖. ควรส่งเสริมการคัดเลือกเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ ในช่วงเวลาปิดเทอม และขยายเครือข่ายการกระจาย โดยการรวมกลุ่มเกษตรกรให้มีการบริหารงานกลุ่ม นํ้านมดิบไปยังโรงงานแปรรูปนอกพื้นที่ซึ่งไม่สามารถ อยา่ งเขม้ แขง็ มรี ะบบการควบคมุ ตดิ ตาม และการดแู ล เลี้ยงโคนมได้ สุขภาพสัตว์อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำ�ให้สามารถ บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ได้รวดเร็วขึ้น ๔. ควรมีความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการใหค้ วามรทู้ างวชิ าการแกส่ หกรณ์ในเรอ่ื งการรกั ษา ๗. ควรมีการกำ�กับติดตามการปฏิบัติงานให้เป็นไป คุณภาพของนํ้านมดิบ มาตรฐานความสะอาดและ ตามระเบียบและเงื่อนไขของสัญญาที่ให้บริการ ความปลอดภัย การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำ�เป็นและ แก่เกษตรกร ป้องกันการเกิดปัญหาผิดสัญญา การเพิ่มรายได้จากการจำ�หน่ายนํ้านมดิบ ต้องมีมาตรการในการควบคุมและจัดการให้เกษตรกร ปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด กรณีที่เกิดปัญหา ๕. ควรส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ยากไร้ในชนบทมีโอกาส ต้องมีมาตรการเด็ดขาดและปฏิบัติโดยเสมอภาค ได้รับบริการสัตว์จากธนาคารโค - กระบือเพิ่มขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อโครงการ เพอ่ื เพม่ิ จ�ำ นวนโค-กระบอื ของประเทศไทยโดยพจิ ารณา ปรับระเบียบของธนาคารโค - กระบือ ให้สนับสนุน สหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โค - กระบือแก่เกษตรกรเพิ่มขึ้นจากรายละ ๑ ตัว ควรส่งเสริมและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหมๆ่ เป็นรายละ ๓ - ๕ ตัว ตามความเหมาะสม จัดทำ� ที่ผลิตจากนํ้านมโค เพื่อเพ่ิมช่องทาง โครงการในพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้ เกษตรกรได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า ช่วยสร้างงาน การจำ�หน่าย ลดปัญหานาํ้ นมโค ในชนบท ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม ล้นตลาดในช่วงเวลาปิดเทอม และขยาย ในการปลูกพืชเชิงเดี่ยวให้เป็นการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ เครือข่ายการกระจายนํ้านมดิบไปยัง เกษตรผสมผสาน และเพม่ิ ความอดุ มสมบรู ณข์ องพน้ื ดนิ โรงงานแปรรูปนอกพื้นท่ีซ่ึงไม่สามารถ เล้ียงโคนมได้
โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดําริด้านการสาธารณสุข เกิดข้ึนจากการนําปัญหาการสาธารณสุข ของราษฎรมาเป็นท่ีตั้ง เป็นไปตามหลักการทรงงาน “เข้าใจความต้องการของประชาชน” เป้าหมาย ของโครงการน้ันคือการทําให้ราษฎรมีสุขภาพดี โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้านสาธารณสุ ข
พระราชทาน ๒๔๙๘ พระราชทานเรือ \"เวชพาหน\"์ พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ๒๔๙๙ เพื่อตรวจรักษาให้บริการประชาชน ๒๕๐๓ ท่ีอาศัยอยู่ริมฝ่ังนํ้า เพื่อเป็นทุนจัดตั้งสถาน ๒๕๐๔ การก่อสร้างแล้วเสร็จ ฝึกอบรมการบําบัดโรคเรื้อน ๒๕๐๘ พระราชทานนาม ๒๕๑๒ “สถาบันราชประชาสมาสัย” ทรงรับมูลนิธิ ซ่ึงมีความหมายว่าพระราชาและ ราชประชาสมาสัย ประชาชนอาศัยซึ่งกันและกัน ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ โปรดเกล้าฯ ให้แพทย์หลวง ตามเสด็จแปรพระราชฐาน มีพระราชดําริ เพื่อตรวจรักษาผู้ป่วย ให้อบรมหมอหมู่บ้าน หมอหมู่บ้านได้เร่ิมปฏิบัติหน้าท่ี ๒๕๑๒ มีพระราชดําริให้จัดต้ัง บรรเทาความเจ็บป่วยของราษฎร ๒๕๑๗ โครงการแพทย์หลวงเคลื่อนท่ี ๒๕๓๖ อย่างเป็นทางการ โครงการอบรมปฐมพยาบาล เบ้ืองต้นและช่วยคลอดฉุกเฉิน โครงการพระราชดําริ สําหรับตํารวจจราจร
โครงการ ด้านสาธารณสุข พระบาทสมเด็จพระปรมินทร อันเนื่องมาจากพระราชดําริ มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีแนวพระราชดําริว่า การพัฒนาชาติ ต้องพัฒนาคนให้กินดี อยู่ดี และต้องมีสุขภาพพลานามัยที่ดีด้วย โครงการท่ีพระราชทานในระยะแรกๆ จึงล้วนแล้วแต่เป็นโครงการด้านสาธารณสุข พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีแนวพระราชดําริว่า การพัฒนาชาติต้องพัฒนาคนให้กินดี อยู่ดี แ ล ะ ต้ อ ง มี สุ ข ภ า พ พ ล า น า มั ย ที่ ดี ด้ ว ย โ ค ร ง ก า ร ที่ พ ร ะ ร า ช ท า น ใ น ร ะ ย ะ แ ร กๆ จึ ง ล้ ว น แ ล้ ว แ ต่ เ ป็ น โ ค ร ง ก า ร ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง ใ ห้ ค ว า ม สํ า คั ญ กั บ ก า ร ส า ธ า ร ณ สุ ข เ พ ร า ะ ก า ร ท่ี ประชาชนมีร่างกายแข็งแรงจะนําไปสู่สุขภาพจิตท่ีดี และส่งผลให้ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดีตามไปด้วย ดังพระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ณ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อเดือน ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๒ ความตอนหน่ึงว่า “...การรักษาความสมบูรณ์ แข็งแรงของร่างกายเป็นปัจจัยของเศรษฐกิจท่ีดี และสังคมท่ีม่ันคง เพราะร่างกายท่ีแข็งแรงน้ัน โดยปกติ จะอํานวยผลให้สุขภาพจิตใจ สมบูรณ์ด้วยและเม่ือมีสุขภาพสมบูรณ์ดีพร้อมท้ังร่างกายและจิตใจแล้ว ย่ อ ม มี กํา ลั ง ทํ า ปร ะ โ ยช น์ สร้ า ง สร ร ค์เ ศร ษ ฐ กิจ แล ะ สัง คม ข อ ง บ้านเมืองได้เต็มท่ี ท้ังไม่เป็นภาระแก่สังคมด้วย คือเป็นผู้แต่งสร้าง มิ ใ ช่ ผู้ ถ่ ว ง ค ว า ม เ จ ริ ญ . . . ” พระองค์ทรงห่วงใยสุขภาพอนามัยของราษฎรโดยเฉพาะผู้ทุกข์ยาก ที่เจ็บป่วยแต่ไม่มีโอกาสได้รับการรักษาพยาบาล ได้พระราชทาน ความช่วยเหลือทางการแพทย์โดยนําศาสตร์และสรรพวิชาตะวันตก มาใช้ตามความเป็นจริงและตามความขาดแคลนของท้องถ่ิน อีกท้ัง ท ร ง ใ ช้ ห ลั ก ก า ร พึ่ ง ต น เ อ ง ด้ ว ย ก า ร อ บ ร ม ห ม อ ห มู่ บ้ า น เ พื่ อ ช่ ว ย ใ ห้ ราษฎรมีความรู้เก่ียวกับการป้องกันโรค รู้จักวิธีดูแลรักษาพยาบาล เบื้องต้นให้แก่ตนเองและผู้อื่น การสอนให้ชาวบ้านรักษาสุขภาพ ข อ ง ต น เ อ ง เ ป็ น ก า ร ส ร้ า ง แ น ว ท า ง แ ล ะ รู ป แ บ บ ส า ธ า ร ณ สุ ข ท่ี ยั่ ง ยื น
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๖๘ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข “ เม่ือคร้ังท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เจ้าหน้าท่ีผู้รับผิดชอบเส้นทางกําหนดให้มีการเปล่ียนแปลง ผ่านบริเวณท่ีมีผู้ป่วยโรคเร้ือนซ่ึงรอรับเสด็จอยู่เป็นจํานวนมาก อดุลยเดช บรมนาถบพิตร จึงมีรับสั่งให้เปลี่ยนกลับไปใช้ หนึ่งในเหตุการณ์เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรเมื่อในอดีตและได้เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้ง มูลนิธิ “ราชประชาสมาสัย” โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านสาธารณสุข ๑. โครงการแพทย์หลวงเคลื่อนที่พระราชทาน โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชด�ำ รดิ า้ นการสาธารณสขุ ในช่วงต้นในปี พ.ศ.๒๕๐๘ พระบาทสมเด็จ ที่สะท้อนให้เห็นถึงสายพระเนตรอันยาวไกล พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในการแก้ปัญหาของพสกนิกรชาวไทยของพระบาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แพทย์หลวงที่ตามเสด็จ สมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชบรมนาถบพติ ร แปรพระราชฐานไปต่างจังหวัด ตรวจรักษาผู้ป่วย มีมากมายหลายโครงการ โครงการที่มีความสำ�คัญ ณ จุดตรวจ แบ่งตามลักษณะงาน ต่อมาในปี และโดดเด่นมี ๕ โครงการ ได้แก่ โครงการแพทย์หลวง พ.ศ.๒๕๑๐กไ็ ดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯใหแ้ พทยห์ ลวง เคลื่อนที่พระราชทาน โครงการอบรมหมอหมู่บ้าน ตามเสด็จไปเพื่อตรวจรักษาราษฎร ในท้องถิ่น ในพระราชประสงค์ โครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ทุรกันดาร เมื่อแพทย์เห็นว่าจำ�เป็นก็ให้ดำ�เนินการ ทางนํ้าพระราชทาน (เรือเวชพาหน์) โครงการอบรม จดั สง่ ผปู้ ว่ ยไปยงั โรงพยาบาลในจงั หวดั ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและช่วยคลอดฉุกเฉิน พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในโครงการพระราชดำ�ริสำ�หรับตำ�รวจจราจร เสดจ็ ฯ แปรพระราชฐานประทบั แรม ส�ำ หรบั ในทอ้ งถน่ิ และโครงการสถาบันราชประชาสมาสัย เพื่อบำ�บัด ต่างๆ ที่ห่างไกลตัวเมืองมากและเป็นท้องถิ่น รักษาและศึกษาค้นคว้าเรื่องโรคเรื้อน โครงการเหล่านี้ ทุรกันดาร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัด จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อราษฎร ซึ่งอาจแบ่งได้ เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล เครื่องมือเครื่องใช้ เป็น ๔ กลุ่ม คือ กลุ่มราษฎรอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ตลอดจนยารักษาโรค ออกตรวจรักษาราษฎร การคมนาคมไม่สะดวก กลุ่มราษฎรที่อาศัยอยู่ ในพื้นที่นั้นๆ ด้วย อาทิ จังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี และ ริมฝั่งแม่นํ้า ไม่มีถนนเข้าถึง ต้องใช้เรือเป็นพาหนะ ประจวบคีรีขันธ์ ในการเดินทางสัญจร กลุ่มราษฎรที่ประสบปัญหา การจราจรติดขัด เดินทางไปโรงพยาบาลได้ล่าช้า และ ในปี พ.ศ.๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร กลุ่มราษฎรที่มีปัญหาโรคระบาดฯ เป็นที่น่ารังเกียจ มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้มี และรักษายาก พระราชดำ�ริให้จัดตั้งโครงการแพทย์หลวงเคลื่อนที่
โครงการ ๑๖๙ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข บรมนาถบพติ รเสดจ็ พระราชดาํ เนนิ ไปทรงเยย่ี มราษฎรทจ่ี งั หวดั นราธวิ าส เส้นทางการเดินทาง เพ่ือมิให้เส้นทางเสด็จพระราชดําเนิน เมื่อความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล ”เส้นทางเดิมและทรงเย่ียมเยียนผู้ป่วยโรคเร้ือนอย่างใกล้ชิด พระราชทานขึ้นอย่างเป็นทางการ ตามที่หม่อมเจ้า นับจากนั้นมาหน่วยแพทย์พระราชทานได้ขยายงาน ภีศเดช รัชนี ได้กราบบังคมทูลว่าสมควรจัดให้มี ออกไปอย่างกว้างขวาง มีการตั้งหน่วยปฏิบัติงาน แพทย์ออกไปตรวจรักษาราษฎรภาคเหนือที่อยู่ หน้าพระตำ�หนักที่เสด็จฯ แปรพระราชฐาน ในเขตที่มีผู้ก่อการร้ายคุกคาม หรือเรียกว่าพื้นที่ ไปประทับแรมแทบทุกแห่ง และยังไปตั้งหน่วย สีแดง หรือพื้นที่สีชมพู ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ณ จุดที่จะเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรด้วย มีแพทย์ พระราชทานชื่อว่า “หน่วยแพทย์พระราชทาน” จากโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานคร มีนายแพทย์ดนัย สนิทวงศ์ฯ เป็นแพทย์คนแรก และต่างจังหวัดอาสาออกปฏิบัติงานหมุนเวียน ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ เริ่มต้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งมี เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จังหวัดต่างๆ ได้ประกาศชักชวน ภูมิประเทศทุรกันดารและอันตราย คณะแพทย์หลวง ท า ง วิ ท ยุ ก ร ะ จ า ย เ สี ย ง ใ น ท้ อ ง ถิ่ น ใ ห้ ร า ษ ฎ ร จึงต้องเดินทาง โดยเฮลิคอปเตอร์ เมื่อพระบาทสมเด็จ ม า ใ ช้ บ ริ ก า ร ข อ ง ห น่ ว ย แ พ ท ย์ พ ร ะ ร า ช ท า น พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จำ�นวนผู้ป่วยจึงทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีผู้ป่วย เสด็จพระราชดำ�เนินทอดพระเนตรโครงการชาวเขา แทบทุกจังหวัดที่อยู่ใกล้เคียงพระตำ�หนักที่ประทับ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๒ ทรงพบวา่ ราษฎร มาขอรับการรักษา สถิติผู้ป่วยปัจจุบันเฉลี่ย ที่มารอรับเสด็จป่วยเป็นไข้กันมาก ได้ทรงพระกรุณา ประมาณวันละ ๕๐๐ รายขึ้นไปและมีอยู่หลายครั้ง โปรดเกลา้ ฯ ใหแ้ พทยป์ ระจ�ำ พระองคท์ ต่ี ามเสดจ็ ตรวจ ที่ตรวจรักษาผู้ป่วยเกินกว่าพันรายต่อวัน และรักษาคนไข้อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก
โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๗๐ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข ๒. โครงการอบรมหมอหมู่บ้านในพระราชประสงค์ อย่างง่าย เพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมหมู่บ้านได้ สืบเนื่องมาจากที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แพทย์ ในปี พ.ศ.๒๕๑๗ หมอหมู่บ้านได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ ประจำ�พระองค์ตามเสด็จตรวจและรักษาคนไข้ ตั้งแต่ บรรเทาความเจ็บป่วยของราษฎรที่นิคมสร้างตนเอง วันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๒ เป็นต้นมา จึงมี พัฒนาภาคใต้ อำ�เภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส พระราชด�ำ รใิ หม้ กี ารอบรมหมอหมบู่ า้ น เพอ่ื ชว่ ยแกไ้ ข ปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของราษฎรที่อยู่ในพื้นที่ ๓. โครงการหนว่ ยแพทยเ์ คลอ่ื นทท่ี างนา้ํ พระราชทาน ห่างไกลและไม่สามารถเข้าถึงระบบการแพทย์และ (เรือเวชพาหน์) การสาธารณสุขได้ โดยเฉพาะราษฎรส่วนใหญ่ที่มี โครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ทางนํ้าพระราชทาน ฐานะยากจนและขาดความรู้ในการดูแลรักษาตนเอง (เรือเวชพาหน์) เป็นโครงการที่อยู่ในความดูแลของ การอบรมหมอหมู่บ้านจะช่วยให้ราษฎรมีความรู้ สภากาชาดไทย ที่มาของโครงการนี้สืบเนื่องมาจาก เกี่ยวกับการป้องกันโรค รู้จักวิธีรักษาพยาบาล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แบบปจั จบุ นั และรจู้ กั วธิ ตี ดิ ตอ่ กบั หนว่ ยราชการ ในกรณี บรมนาถบพิตร มีพระราชปรารภว่า ราษฎรที่ตั้ง ที่เกินขีดความสามารถที่จะดูแลรักษาตนเองได้ บ้านเรือนอยู่ตามลำ�แม่นํ้าในหลายตำ�บล ตั้งอยู่ อันเป็นการช่วยแก้ปัญหาในระยะยาว อีกทั้ง โดดเดี่ยว ยังไม่มี ทางหลวงเชื่อมต่อจังหวัด แม้ว่า ความเจ็บป่วยของราษฎรส่วนมากเกิดจากการ จะมกี ารคมนาคมตดิ ตอ่ กบั จงั หวดั ทางนา้ํ ได้ กห็ า่ งไกล ไม่ได้รับการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง และไม่มี โรงพยาบาล ประจำ�จังหวัดมาก ถ้าเจ็บป่วยก็ต้อง สถานพยาบาลอยู่ใกล้ จึงมีพระราชดำ�ริจัดตั้ง รักษาพยาบาลแบบแผนโบราณ ซึ่งบางโรคไม่ค่อย โครงการอบรมหมอหมู่บ้านในพระราชประสงค์ ได้ผล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บริษัท อู่เรือ โดยคัดเลือกคนในหมู่บ้านมารับการฝึกอบรม กรุงเทพฯ จำ�กัด ต่อเรือยนต์ขึ้นด้วยพระราชทรัพย์ การรักษาพยาบาลเบ้ืองต้นและการรักษาโรค ส่วนพระองค์ เพื่อพระราชทานให้สภากาชาดไทย
โครงการ ๑๗๑ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงเจิมเรือ และพระราชทานให้แล้ว เรือเวชพาหน์ก็ออกปฏิบัติงานทันทีที่จังหวัดนนทบุรี ใช้เป็นหน่วยเคลื่อนที่รักษาพยาบาลประชาชน กาญจนบุรี ลพบุรี อ่างทอง ราชบุรี ปทุมธานี ตามลำ�นํ้าต่างๆ โดยพระราชทานชื่อว่า “เวชพาหน์” สมุทรสงคราม นครปฐม อุทัยธานี และสมุทรปราการ (อ่านว่า เวด-ชะ-พา) และได้เสด็จฯ ไปทรง ประกอบพิธีพระราชทานเรือ ในวันที่ ๑๙ มกราคม ในปจั จบุ นั แมว้ า่ จะมโี รงพยาบาลอ�ำ เภอและสถานอี นามยั พ.ศ.๒๔๙๘ ณ ท่าวาสุกรี กรุงเทพมหานคร ท่ัวถึงแล้วก็ตาม แต่ทางสำ�นักงานบรรเทาทุกข์ฯ เมอ่ื พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ยังคงนำ�เรือพระราชทาน เรือเวชพาหน์ ออกให้ บรมนาถบพิตร ทรงเจิมเรือและพระราชทานให้แล้ว บริการประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งนํ้า ในจังหวัด เรือเวชพาหน์ก็ออกปฏิบัติงานทันทีที่จังหวัดนนทบุรี ที่สามารถไปได้ ปีละ ๑ ครั้ง เพื่อให้ประชาชนได้ รับรู้และรำ�ลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาท การปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของ สมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชบรมนาถบพติ ร เรอื เวชพาหน์ ในระยะแรกเปน็ การใหบ้ รกิ ารตรวจรกั ษา พระบรมราชูปถัมภกสภากาชาดไทยที่ทรงมีต่อ ผ่าตัดเล็ก ทันตกรรม ทำ�แผล ฉีดยา จัดยา จ่ายยา พสกนกิ รตลอดมา เรอื เวชพาหนน์ บั เปน็ เรอื บรรเทาทกุ ข์ ผู้ป่วย ต่อมามีผู้มารับบริการมากขึ้น และเพิ่ม และรักษาพยาบาลทางนํ้าลำ�แรกและลำ�เดียวในโลก กิจกรรมมากขึ้น เช่น สุขศึกษา ห้องสมุดเคลื่อนที่ ที่ยังคงให้บริการประชาชนอยู่จนถึงทุกวันนี้ เป็นต้น จึงย้ายการรักษาขึ้นมาบนบก โดยอาศัย ศาลาวัด ท่านํ้า และโรงเรียน ส่วนการจัดยาและ การปฏิบัติงานหน่วยแพทย์เคลื่อนท่ีของ จ่ายยานั้นยังคงปฏิบัติที่เรือเหมือนเดิม เรือเวชพาหน์ เรือเวชพาหน์ ในระยะแรกเป็นการให้บริการ ปฏิบัติงานใน ๑๙ จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี สุพรรณบุรี ตรวจรักษา ผ่าตัดเล็ก ทันตกรรม ทําแผล นครสวรรค์ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ฉีดยา จัดยา จ่ายยาผู้ป่ว ย ต่อมามีผู้มารับ พระนครศรีอยุธยา ปราจีนบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี บริการมากขึ้น และเพ่ิมกิจกรรมมากข้ึน เช่น สุขศึกษา ห้องสมุดเคล่ือนที่ เป็นต้น
๑๗๒ โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข ได้พระราชทานเงินทุนอานันทมหิดล สร้างอาคาร ๔ หลัง ในบริเวณ สถานพยาบาลพระประแดง ๔. โครงการอบรมปฐมพยาบาลเบื้องต้นและ ในขบวนเคลื่อนที่ไปได้ ซึ่งรถในถนนมีหลายขบวน ช่วยคลอดฉุกเฉิน โครงการพระราชดำ�ริสำ�หรับ เช่นเดียวกัน (๓) ให้รถจักรยานยนต์ดูแลการจราจร ตำ�รวจจราจร ในถนนใหร้ ถเคลอ่ื นตวั ไปไดเ้ รอ่ื ยๆตามความเหมาะสม โครงการนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๖ (๔) ถนนที่เป็นคอขวดให้รถจักรยานยนต์เข้าไปแก้ไข เมื่อรองสมุหราชองครักษ์ กรมราชองครักษ์ ปัญหาให้รถเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ เปรียบเสมือน สวนจติ รลดาพระราชวงั ดสุ ติ ไดม้ าแจง้ ตอ่ ผูบ้ ญั ชาการ เทนํ้าออกจากขวด และ (๕) ให้ประชาชนผู้ใช้รถ ตำ�รวจนครบาลว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทร ใช้ถนนให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการจราจร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จ พระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้ทรงพระกรุณา อธิบดีกรมตำ�รวจและผู้บัญชาการตำ�รวจนครบาล พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พระองค์ละ ได้สนองพระราชดำ�ริในทันที ในการดำ�เนินการตาม ๔ ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๘ ล้านบาท ให้จัดซื้อ แนวพระราชดำ�ริ กรมตำ�รวจพบว่าผู้ที่ต้องการ รถจักรยานยนต์เพื่อใช้เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนได้แก่ ผู้บาดเจ็บ และ ท�ำ หนา้ ทส่ี ายตรวจจราจรซอ้ื วทิ ยสุ อ่ื สารเปน็ คา่ เบย้ี เลย้ี ง หญงิ ใกลค้ ลอดทต่ี อ้ งน�ำ สง่ โรงพยาบาลต�ำ รวจตอ้ งชว่ ย ตำ�รวจ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำ�เป็น พระบาทสมเด็จ อำ�นวยความสะดวกและช่วยทำ�คลอดฉุกเฉินด้วย พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำ�รวจจราจรจึงจำ�เป็นต้องได้รับ ได้พระราชทานแนวทางบรรเทาปัญหาการจราจรไว้ การฝกึ อบรมใหเ้ กดิ ทกั ษะความรู้ความช�ำ นาญเกย่ี วกบั ๕ ประการ คือ (๑) แสวงหาแนวทางให้ผู้ใช้รถ ใช้ถนน การปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยทำ�คลอด เคารพกฎจราจรและมมี ารยาท(๒)ใชร้ ถจักรยานยนต์ ฉุกเฉิน จึงเป็นที่มาของโครงการอบรมปฐมพยาบาล เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วไปแก้ปัญหา ณ จุดที่รถติด เบื้องต้นและช่วยคลอดฉุกเฉินของเจ้าหน้าที่ตำ�รวจ เปรียบเสมือนกับรถนำ�ขบวน โดยเมื่อขบวนติด จราจรทท่ี �ำ หนา้ ทเ่ี ปน็ หนว่ ยเคลอ่ื นทเ่ี รว็ สายตรวจจราจร รถจักรยานยนต์จะเข้าไปแก้ไขปัญหา ทำ�ให้รถ
โครงการ ๑๗๓ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข เ มื่ อ ก่ อ ส ร้ า ง เ ส ร็ จ มี พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ว่ า ค ว ร จ ะ มี ช่ื อ ท่ีแสดงว่าประชาชนได้มีส่วนร่วมในการสร้างสถาบัน แห่งน้ี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน นาม “สถาบันราชประชาสมาสัย” มีความหมายว่า “พระราชาและประชาชนย่อมอาศัยซึ่งกันและกัน” ๕. โครงการจัดตั้งสถาบันราชประชาสมาสัยเพื่อ เงนิ ทนุ อานันทมหิดลและพระราชทรัพยส์ ว่ นพระองค์ บำ�บัดรักษาและศึกษาค้นคว้าเรื่องโรคเรื้อน เพิ่มเติมอีกจำ�นวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท เงินจำ�นวนนี้ เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล ได้มาจากการสมทบทุนของพระบรมวงศานุวงศ์ อดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยม ข้าราชการ พ่อค้า และประชาชนจากการจัดฉาย ราษฎร ที่จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ภาพยนตร์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นทุนในการจัดตั้ง เส้นทางกำ�หนดให้มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทาง สถานที่ฝึกอบรมพนักงานบำ�บัดโรคเรื้อนและศึกษา การเดินทางเพื่อมิให้เส้นทางเสด็จฯ ผ่านบริเวณ ค้นคว้าเรื่องโรคเรื้อน ณ บริเวณสถานพยาบาล ที่มีผู้ป่วยโรคเรื้อนซึ่งรอรับเสด็จอยู่เป็นจำ�นวนมาก พระประแดง เมื่อก่อสร้างเสร็จ มีพระราชดำ�ริว่า เมื่อความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทร ควรจะมีชื่อที่แสดงว่าประชาชนได้มีส่วนร่วม มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จึงรับสั่ง ในการสรา้ งสถาบนั แหง่ น้ี จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้เปลี่ยนกลับไปใช้เส้นทางเดิมและทรงเยี่ยมเยียน พระราชทานนาม “สถาบันราชประชาสมาสัย” ผู้ป่วยโรคเรื้อนอย่างใกล้ชิด ภายหลังได้ทรงโปรด มีความหมายว่า “พระราชาและประชาชนย่อมอาศัย ให้อธิบดีกรมอนามัยเข้ากราบบังคมทูลรายงาน ซึ่งกันและกัน” และเสด็จเปิดสถาบันในวันที่ ๑๖ สถานการณ์การควบคุมโรคเร้ือนในประเทศไทย มกราคม พ.ศ.๒๕๐๓ หลังจากสร้างสถาบันเสร็จแล้ว และแนวทางการดำ�เนินการเพื่อให้โรคเรื้อนหมดไป จากประเทศไทยภายในระยะเวลา ๑๐ ปี อธิบดี กรมอนามัยกราบบังคมทูลชี้แจงว่าจำ�เป็นต้องมี สถาบนั ฝกึ อบรมเจา้ หนา้ ทท่ี ท่ี �ำ งานเกย่ี วขอ้ งกบั โรคเรอ้ื น ตอ่ มา ในปี พ.ศ.๒๔๙๙ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทาน
โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๗๔ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข มูลนิธิราชประชาสมาสัยทำ�หน้าที่ดูแล ให้การบำ�บัดฟื้นฟู และค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับโรคเรื้อน รวมทั้งฝึกอาชีพให้ผู้ป่วย ยังมีเงินเหลืออยู่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ทุกจังหวัด สามารถรับผู้ป่วยโรคเรื้อนมาขึ้นทะเบียน พระราชทานให้เป็นทุน “ราชประชาสมาสัย” ต่อมา ผู้ป่วยได้เกือบ ๑๗๐,๐๐๐ ราย และบำ�บัดรักษา กระทรวงสาธารณสุขได้ขอพระบรมราชานุญาต จนหายจากโรคจำ�นวน ๘๓,๙๙๓ ราย ส่วนผู้ป่วย จัดตั้งเป็น “มูลนิธิราชประชาสมาสัย” เพื่อทำ�หน้าที่ ที่ แ พ ท ย์ เ ห็ น ว่ า ห ม ด เชื้ อ ที่ จ ะ ติ ด ต่ อ ไ ด้ แ ล้ ว ดูแล ให้การบำ�บัดฟื้นฟู และค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับ กระทรวงสาธารณสขุ ไดจ้ ดั ใหอ้ ยใู่ นนคิ มตา่ งๆ จ�ำ นวน โรคเรอ้ื น รวมทง้ั ฝกึ อาชพี ใหผ้ ปู้ ว่ ยดว้ ย พระบาทสมเดจ็ ๑๒ นิคมทั่วประเทศ ทำ�งานเกษตรกรรม ทอผ้า และ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จกั สานโดยใชเ้ งนิ ทนุ ท่ไี ดร้ ับจากมลู นิธริ าชประชาสมาสยั ได้พระราชทานเงินทุนอานันทมหิดล สร้างอาคาร ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อจำ�หน่ายผลผลิตได้แล้ว ๔ หลัง ในบริเวณสถานพยาบาลพระประแดง จึงนำ�มาผ่อนชำ�ระให้เป็นเงินทุนหมุนเวียนต่อไป เพื่อใช้เป็นสถานศึกษาอบรมเจ้าหน้าที่ในการบำ�บัด สำ�หรับลูกหลานของผู้ป่วยที่ได้รับการเลี้ยงดูแยก โรคเรื้อน อาคารเริ่มเปิดใช้งานเมื่อวันที่ ๑๖ อ อ ก ม า แ ล ะ ไ ม่ มี โ อ ก า ส ไ ด้ เ ข้ า เ รี ย น ห นั ง สื อ มกราคม พ.ศ.๒๕๐๓ และได้ทรงรับมูลนิธิฯ ไว้ใน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระบรมราชูปถัมภ์ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๔ เป็นต้นมา บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง จากนั้นงานโรคเรื้อนก็ได้พัฒนาขึ้นตามลำ�ดับ โรงเรียนราชประชาสมาสัยขึ้นที่ตำ�บลบางจาก ในช่วงปี พ.ศ.๒๔๙๙ ถึง พ.ศ.๒๕๓๗ การดำ�เนินงาน อำ�เภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ และ ตามแนวพระราชดำ�ริได้ขยายออกไป จนครบ ทรงติดตามความก้าวหน้าของโรงเรียน มีการจัดตั้ง
โครงการ ๑๗๕ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงติดตามความก้าวหน้าของโรงเรียน มีการจัดตั้งมูลนิธิโรงเรียนราชประชาสมาสัย เพื่อสนับสนุนโรงเรียนราชประชาสมาสัย ซึ่งต่อมาได้อยู่ในสังกัดของ กระทรวงศึกษาธิการ มูลนิธิโรงเรียนราชประชาสมาสัย เพื่อสนับสนุน เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๐ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร โรงเรียนราชประชาสมาสัย ซึ่งต่อมาได้อยู่ในสังกัด มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงแสดง ของกระทรวงศึกษาธิการ ความห่วงใย เรื่องโรคเรื้อนในประเทศเพื่อนบ้าน แม้สถานการณ์คนไทยที่ป่วยเป็นโรคเรื้อนจะมีจำ�นวน ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๗ โรคเรื้อนไม่เป็นปัญหา ลดลงเรื่อยๆ แต่เนื่องจากโลกมีการเปลี่ยนแปลง สาธารณสุขอีกต่อไป ปัจจุบันพบจำ�นวนผู้ป่วยโรค อย่างรวดเร็วด้วยกระแสโลกาภิวัตน์ จึงควร เรื้อนลดลงเรื่อยๆ สถิติในปี พ.ศ.๒๕๕๘ เหลือ ต้องให้ความสำ�คัญกับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง จำ�นวนผู้ป่วยโรคเรื้อนประมาณ ๑๘๐ ราย รัฐตั้ง โดยพยายามหามาตรการให้ความช่วยเหลือประเทศ เป้าหมายว่าภายในปี พ.ศ.๒๕๖๓ จะเหลือจำ�นวน เพื่อนบ้านด้วย ขณะนี้ สถาบันราชประชาสมาสัย ผู้ป่วยโรคเรื้อนเพียง ๑๐๐ ราย อย่างไรก็ตาม ได้พยายามหามาตรการดำ�เนินการคัดกรองสุขภาพ พบสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในทิศทางสวนทางกันคือ โ ด ย เ ฉ พ า ะ โ ร ค เ รื้ อ น ใ ห้ มี ค ว า ม ร ว ด เ ร็ ว แ ล ะ มี ปัญหาแรงงานต่างด้าวที่ป่วยเป็นโรคเรื้อนมีจำ�นวน ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สูงขึ้น เมื่อเทียบจากสัดส่วนผู้ป่วยโรคเรื้อนในปี พ.ศ.๒๕๓๘จ�ำ นวน๑๘๐รายพบวา่ เปน็ แรงงานตา่ งดา้ ว ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อนสูงถึง ๔๐ กว่าราย ซึ่งอาจเป็น ปัญหาภัยคุกคามได้ในอนาคต
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๗๖ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริด้านสาธารณสุข ๑. กฎหมายที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนการดำ�เนินโครงการ มีดังนี้ พระราชบัญญัติยา พระราชบัญญัติยา พ.ศ.๒๕๑๐ กำ�หนดหลักการในการควบคุมกิจการเกี่ยวกับ พ.ศ.๒๕๑๐ การผลิตยา ขายยา และนำ�หรือสั่งยาเข้ามา ในราชอาณาจักรตลอดจนการควบคุม ๒. ให้มีเภสัชกรรับผิดชอบเกี่ยวกับการขายยาอันตราย กำ�หนดอำ�นาจหน้าที่ของ พระราชบัญญัติ เจ้าพนักงานเกี่ยวกับการควบคุมการผลิตยาแก่ประชาชนผู้ใช้ยา ทั้งในส่วนที่ โรคติดต่อ เกี่ยวข้องกับคุณภาพของยา รวมทั้งวิธีการควบคุมคุณภาพและการโฆษณาขายยา พ.ศ.๒๕๒๓ การกำ�หนดใบอนุญาตให้สถานที่ ขายยาแผนปัจจุบันขายเฉพาะยาบรรจุเสร็จ ๓. ที่ไม่ใช่ยาอันตรายหรือยาควบคุมพิเศษ อันเป็นการคุ้มครองประชาชนผู้ใช้ยา พระราชบัญญัติ เพื่อให้เข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุข ซึ่งเป็นการรักษาแบบช่วยเหลือ และ สาธารณสุข พึ่งพาตนเอง การตราพระราชบัญญัติยา พ.ศ.๒๕๑๐ จึงสอดคล้องกับโครงการ พ.ศ.๒๕๓๕ อบรมหมอหมู่บ้านในพระราชประสงค์ที่มุ่งเน้นให้ประชาชนพึ่งพาตนเองและ ช่วยเหลือกันในชุมชน พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.๒๕๒๓ กำ�หนดหลักการในการควบคุมการแพร่ กระจายของโรคติดต่อที่รุนแรงและก่อให้เกิดโรคระบาดมากผิดปกติกว่าที่เคย เป็นมา ทั้งโรคติดต่อที่อุบัติใหม่และโรคติดต่อที่อุบัติซํ้า ประกอบกับประเทศไทย ได้ให้การรับรองและดำ�เนินการตามข้อกำ�หนดของกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ.๒๕๔๘ จึงได้พัฒนาและปรับปรุงมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวกับ การเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคติดต่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ปัจจุบันและข้อกำ�หนดของกฎอนามัยระหว่างประเทศ กฎหมายดังกล่าวตราขึ้น ในช่วงที่ “มูลนิธิราชประชาสมาสัย” กำ�ลังดำ�เนินการให้การบำ�บัดฟื้นฟู และ ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับโรคเรื้อน ซึ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรงของไทย จึงเป็นกฎหมาย ที่ชว่ ยสนับสนุนการด�ำ เนินงาน ของมูลนิธฯิ ทำ�ให้สามารถควบคุมโรคเรื้อนได้อย่าง เดด็ ขาดตามแนวพระราชด�ำ รขิ องพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร พระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ.๒๕๓๕ กฎหมายฉบับนี้เป็นการปรับปรุง กฎหมายฉบับเดิมคือพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ.๒๔๘๔ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มี บทบัญญัติเกี่ยวกับการดำ�เนินการงานสาธารณสุขที่ใช้บังคับมานาน ไม่สอดคล้อง
โครงการ ๑๗๗ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริด้านสาธารณสุข ๔. กับสภาพการเปลี่ยนแปลงและความเจริญก้าวหน้าของสังคม และการเปลี่ยนแปลง พระราชบัญญัติ การปกครอง ซึ่งให้อำ�นาจแก่ราชการส่วนท้องถิ่น สมควรปรับปรุงบทบัญญัติ สถานพยาบาล เกี่ยวกับการควบคุมให้มีลักษณะการกำ�กับดูแลและติดตาม และปรับปรุงอำ�นาจ พ.ศ.๒๕๔๑ หน้าที่ของเจ้าหน้าที่และบทกำ�หนดโทษตามกฎหมายในปัจจุบันให้สามารถบังคับ ใช้ได้อย่างเคร่งครัด จึงมีความจำ�เป็นต้องปรับปรุงกฎหมายฉบับเดิมเสียใหม่ โดยการขยายขอบเขตการกำ�กับดูแลกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานสาธารณสุข ให้กว้างขวางขึ้น กฎหมายฉบับนี้ได้กำ�หนดหลักการในด้านการสาธารณสุขซึ่งเป็น เรื่องเกี่ยวพันกับความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมของมนุษย์อย่างใกล้ชิด กำ�หนด ขอบเขตในการกำ�กับดูแลกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านสาธารณสุข เพื่อนำ�มา ปรับใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที กำ�กับดูแลอำ�นาจหน้าที่ ทั้งของ เจ้าหน้าที่ บทกำ�หนดโทษ เพื่อใช้บังคับอย่างมีประสิทธิภาพในด้านการกำ�กับ ดูแลและป้องกันเกี่ยวกับการอนามัยสิ่งแวดล้อม กำ�หนดหน่วยงานที่รับผิดชอบ ในด้านสาธารณสุข กฎหมายดังกล่าว จึงเป็นกฎหมายแม่บทหลักในการจัดการ ให้มีหน่วยงาน อำ�นาจหน้าที่ เพื่ออำ�นวยความสะดวกด้านสาธารณสุข อันเป็น การสนบั สนนุ การท�ำ งานของโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชด�ำ รดิ า้ นการสาธารณสขุ ทั้ง ๕ โครงการที่กล่าวมาแล้ว พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.๒๕๔๑ กำ�หนดหลักการในการควบคุมกิจการ สถานพยาบาล เพื่อให้ความคุ้มครองประชาชนผู้รับบริการจากสถานพยาบาล ในการอนุญาตให้ประกอบกิจการ การเลิก การย้าย การปิดสถานพยาบาล การเพิกถอนใบอนุญาต การโฆษณากิจการของสถานพยาบาล ตลอดจนกำ�หนด อำ�นาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการควบคุมดูแลสถานพยาบาล และ กำ�หนดหน้าที่ของผู้รับอนุญาตและผู้ดำ�เนินการสถานพยาบาล กำ�หนดจำ�นวน สถานพยาบาล รวมถึงการบริการทางการแพทย์ให้มี การประกอบกิจการ ใ น ลั ก ษ ณ ะ ที่ ใ ห้ บ ริ ก า ร ท า ง ส า ธ า ร ณ สุ ข ที่ เ ป็ น ป ร ะ โ ย ช น์ แ ก่ ป ร ะ ช า ช น ในสถานพยาบาลกฎหมายดังกล่าว จึงเป็นการสนับสนุนโครงการด้านสาธารณสุข ในทางอ้อม ซึ่งแม้ไม่ใช่กฎหมายหลักที่จะสนับสนุนโครงการแต่ก็มีความสำ�คัญ ในการอำ�นวยความสะดวกด้านการสาธารณสุขแก่ประชาชนโดยทั่วไป
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๗๘ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริด้านสาธารณสุข ๕. พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๕ รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ แห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติให้ประชาชนชาวไทยย่อมมีสิทธิเสมอกัน หลักประกันสุขภาพ ในการรบั บรกิ ารสาธารณสขุ ทไ่ี ดม้ าตรฐานและผยู้ ากไรม้ สี ทิ ธไิ ดร้ บั การรกั ษาพยาบาล แห่งชาติ จากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การให้บริการสาธารณสุข พ.ศ.๒๕๔๕ ของรัฐต้องเป็นไปอย่างทั่วถึงและ มีประสิทธิภาพ โดยจะต้องส่งเสริมให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นและเอกชนมีส่วนร่วมเท่าที่จะทำ�ได้ และรัฐต้องจัดและ ส่งเสริมการสาธารณสุขให้ประชาชนได้รับการบริการที่จำ�เป็นต่อสุขภาพและ มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง จัดระบบการให้บริการสาธารณสุขที่จำ�เป็นต่อสุขภาพ และการดำ�รงชีวิต ให้มีการรักษาพยาบาลที่มีมาตรฐาน โดยมีองค์การกำ�กับดูแล ซึ่งจะดำ�เนินการโดยการมีส่วนร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน การจัดระบบการรักษาพยาบาลให้มีประสิทธิภาพจึงเป็นหลักการสำ�คัญ ในการจัดการภาพรวมด้านการสาธารณสุขให้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ ๖. พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๐ หลักการสำ�คัญของกฎหมายฉบับนี้ พระราชบัญญัติ สุขภาพแห่งชาติ มุ่งเน้นถึงการดูแลและแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน สุขภาพหมายถึง พ.ศ.๒๕๕๐ ภาวะของมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย ทางจิต ทางปัญญา และทางสังคม เชื่อมโยงกันเป็นองค์รวมอย่างสมดุล การดูแลแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพของ ประชาชนจึงไม่อาจมุ่งเน้นที่การรักษาพยาบาลเพียงด้านเดียว เพราะจะทำ�ให้รัฐ และประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก จำ�เป็นต้องดำ�เนินการให้ประชาชนมีความรู้ เท่าทัน มีส่วนร่วม และมีระบบเสริมสร้างสุขภาพและระวังป้องกันอย่างสมบูรณ์ การวางกรอบและแนวทางในการกำ�หนดยุทธศาสตร์ และการดำ�เนินงาน ด้านสุขภาพของประเทศ รวมทั้งมีองค์กรและกลไกเพื่อให้เกิดการดำ�เนินงาน อยา่ งตอ่ เนอ่ื งและมสี ว่ นรว่ มจากทกุ ฝา่ ยซง่ึ จะน�ำ ไปสเู่ ปา้ หมายในการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ รวมทั้งสามารถดูแลแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทั่วถึง จึงไม่ได้มุ่งในการดูแลรักษาเพียงอย่างเดียวเช่นในอดีต แต่มุ่งเน้น ในการเสริมสร้างสุขภาพของประชาชนซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าของกฎหมายและ เป็นส่วนสำ�คัญที่จะต่อยอดจากโครงการด้านสาธารณสุขในอนาคตต่อไป
โครงการ ๑๗๙ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข ผลสัมฤทธิ์ของโครงการ การแพทย์และสาธารณสุขเชิงรุก แนวทางปฏิบัติพระราชทาน ๔ ประการ ซึ่งสามารถ เมอ่ื พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช นำ�มาใช้อย่างมีประสิทธิผล บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านสาธารณสุข ทุรกันดารทั่วประเทศ ทรงพบว่าการดำ�เนินชีวิต ทงั้ ๕ โครงการทไ่ี ดน้ �ำ เสนอมาน้ี ไดส้ ะทอ้ นถงึ แนวทาง ของราษฎรส่วนใหญ่ยังขาดสุขอนามัยที่ดี ทรงให้ ปฏิบัติพระราชทาน ๔ ประการคือ ๑. เร็วๆ เข้า แพทย์หลวงที่ตามเสด็จดูแลรักษาอาการอย่าง ๒. ลดขั้นตอน ๓. ช่วยเขาให้ช่วยตนเอง และ ทันท่วงที เม่ือมีผู้ป่วยเป็นจำ�นวนมากข้ึนเกินกว่า ๔. ปิดทองหลังพระ โดยโครงการตามพระราชดำ�ริ กำ�ลังของแพทย์หลวงที่ตามเสด็จจะสามารถรักษา จะมุ่งเน้นให้เข้าถึงกลุ่มราษฎรผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่ ได้อย่างทั่วถึงจึงมีพระราชประสงค์ให้พัฒนารูปแบบ ห่างไกลการคมนาคม กลุ่มราษฎรที่อาศัยอยู่ริม การให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขเป็น ฝั่งแม่นํ้า ไม่มีถนนเข้าถึง ต้องใช้เรือเป็นพาหนะ เชิงรุก ให้แพทย์ได้เดินทางไปรักษาผู้ป่วยโดยเฉพาะ ในการเดินทางสัญจร กลุ่มราษฎรที่ประสบปัญหา ผู้ ป่ ว ย ที่ อ า ศั ย อ ยู่ ใ น ถิ่ น ที่ ทุ ร กั น ด า ร ห่ า ง ไ ก ล หรือที่เส้นทางคมนาคมไม่สะดวก พระบาทสมเด็จ ๑ ๔การจราจรติดขัด เดินทางไปโรงพยาบาลได้ช้าและ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการ กลุ่มราษฎรที่ประสบกับปัญหาโรคระบาด หน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทาน โดยแบ่งลักษณะ การดำ�เนินงานออกเป็น ๒ รูปแบบ คือ หน่วยแพทย์ ➞ หน้าวัง เปิดบริการตรวจรักษาแจกยาบริเวณหน้าเขต เร็วๆ เข้า ปิดทองหลังพระ พระราชฐานท่ีประทับในแต่ละภูมิภาค และ หนว่ ยแพทย์ ซึ่งติดตามขบวนเสด็จและทำ�การตรวจ ➞ รักษาราษฎรเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า นับเป็น ➞ แนวพระราชดำ�ริ ที่ทรงพัฒนางานด้านการแพทย์ ๒➞๓ ลดขั้นตอน ช่วยเขาให้ช่วยตัวเอง โครงการด้านการแพทย์และสาธารณสุขทั้ง ๕ โครงการ คือภาพสะท้อนถึงหลักการด้านการสร้าง ภูมิคุ้มกันหรือความเข้มแข็งให้กับพสกนิกรใน ๔ ดา้ น ประกอบด้วย ภมู ิค้มุ กันด้านเศรษฐกจิ การเงนิ ภูมิคุ้มกันด้านสิ่งแวดล้อม ภูมิคุ้มกันด้านวัฒนธรรม และภูมิคุ้มกันด้านสังคม (การศึกษาและคุณธรรม)
โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๘๐ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข และสาธารณสุขในเชิงรุก ทำ�ให้ราษฎรในทุกๆ พื้นที่ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านสาธารณสุข ของประเทศได้รับการรักษาพยาบาลและดูแล เกิดขึ้นจากการนำ�ปัญหาการสาธารณสุขของราษฎร สุขภาพอนามัยอย่างดีและทั่วถึง ทั้งนี้เป็นไปตาม มาเป็นที่ตั้ง เป็นไปตามหลักการทรงงาน “เข้าใจ หลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระปรมินทร ความต้องการของประชาชน” เป้าหมายของโครงการ มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในเรื่อง “เข้าใจ นั้นคือการทำ�ให้ราษฎรมีสุขภาพดี เมื่อเจ็บป่วย ความต้องการของประชาชน” และเรื่อง “เอื้อเฟื้อ ก็สามารถไปรับการรักษาได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เกื้อกูลกัน” “...สังคมใดก็ตาม ถ้ามีความเอื้อเฟื้อ ปลอดภัย และไม่มีภาระค่าใช้จ่ายมากเกินไป เกื้อกูลกันด้วยความมุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน สังคมนั้น ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำ�ให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระ ย่อมเต็มไปด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ มีความร่มเย็น งบประมาณมากเกินไปจนขาดงบประมาณไปพัฒนา เปน็ สขุ นา่ อย.ู่ ..” (พระราชด�ำ รสั พระราชทานเพื่อเชิญ ประเทศในด้านอื่นๆ และเป็นโครงการที่ดำ�เนินการ ลงพิมพ์ในนิตยสารที่ระลึกครบ ๓๖ ปี ของสโมสร ด้วยบุคลากรที่มีความจงรักภักดี มีจิตอาสา และ ไลออนส์แห่งกรุงเทพฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นบุคลากรที่มีทักษะวิชาชีพวิชาการด้านการแพทย์ วันศุกร์ที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๘) และการสาธารณสุข การดำ�เนินการจึงทำ�ได้ อย่างต่อเนื่องด้วยความตั้งใจและจงรักภักดีต่อ แนวพระราชดําริท่ีทรงพัฒนางาน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านการแพทย์และสาธารณสุขในเชิงรุก บรมนาถบพิตร และยังเหมาะสมกับภูมิสังคม เป็นไปตามหลักการทรงงานในพระบาท ของชุมชนนั้นๆ สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในเร่ือง “เข้าใจความต้องการ ของประชาชน” และเร่ือง “เอ้ือเฟ้ือเก้ือกูลกัน”
โครงการ ๑๘๑ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข ข้อเสนอแนะ ๕. ควรกำ�หนดนโยบายที่ชัดเจนในการส่งเสริม ๑. ควรมีการบูรณาการโครงการอันเนื่องมาจาก และสร้างความต่อเนื่องของโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำ�ริด้านสาธารณสุขกับแผนยุทธศาสตร์ พระราชดำ�ริ ด้านการสาธารณสุขของประเทศ เพื่อมุ่งเน้นไปสู่ การยกระดับคุณภาพชีวิตของปวงชนชาวไทยทุกคน ๖. ควรมีมาตรการในการควบคุมโรคติดต่อใน แรงงานต่างด้าวที่ป่วยเป็นโรคเรื้อน และโรคติดต่อ ๒. ควรนำ�หลักการตามโครงการอันเนื่องมาจาก อื่นๆ ที่ประเทศไทยควบคุมได้แล้ว และควรมี พ ร ะ ร า ช ดำ � ริ ด้ า น ส า ธ า ร ณ สุ ข ม า เ ป็ น ห ลั ก มาตรการคัดกรองโรคเรื้อนก่อนแรงงานต่างด้าวจะ ในการดำ�เนินงานด้านการสาธารณสุขของประเทศ เดินทางเข้ามายังประเทศไทย ๓. ควรเรง่ สง่ เสรมิ และพฒั นาบคุ ลากรดา้ นสาธารณสขุ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และควรส่งเสริมให้มี การพัฒนาการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ทันสมัยและ มีคุณภาพมาตรฐานเท่าเทียมกันในทุกภูมิภาค ของประเทศ ๔. ควรมีมาตรการเพื่อรองรับการปฏิบัติงานที่เป็น ความเสี่ยงในการปฏิบัติหน้าที่ในโครงการอบรม ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและช่วยคลอดฉุกเฉิน
โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดําริด้านสวัสดิการ สังคม เกิดข้ึนจากเหตุมหาวาตภัยท่ีแหลมตะลุมพุก มีประชาชนเสียชีวิตและได้รับความเดือดร้อนจำ�นวนมาก พระองค์จึงทรงก่อต้ังมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ หมายความว่า \"ราษฎรกับพระราชา ให้ความช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน\" โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้านสวัสดิการสังคม
¡ÃÁ»‡Í§¡Ñ¹áÅÐ º Ãà à·Ò ÊÒ¸ÒóÀÑ ¾èÖ§¾Òµ¹à ͧãˌ䴌 »‡Í§¡Ñ¹ ãËŒ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ ÁÙÅ¹Ô¸Ô ºÃÃà ·Ò Ê§à¤ÃÒÐËãËŒÁÕ ÃÒª»Ã ÐªÒ ¹Øà¤ÃÒÐË ·èÕÍ‹ÙÍÒÈÑÂáÅÐ âçàÃÕ¹µÓÃǨ ª‹ÇÂàËÅ×Í ·èÕ·Ó¡Ô¹ µÃÐàÇ ¹ªÒÂá´¹ ãËŒ·Ø¹¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ ¾ÃÐÃÒ ª·Ò¹ âçàÃÕ¹ ÃÒª»Ã ÐªÒ ¹Øà¤ÃÒÐË
โครงการ ด้านสวัสดิการสังคม ราชประชานุเคราะห์มีความหมายว่า อันเน่ืองมาจากพระราชดําริ “พระราชา” และ “ประชาชน” อนุเคราะห์ซ่ึงกันและกัน การตั้งมูลนิธิเป็นการพระราชทาน ความช่วยเหลือแบบยั่งยืน คือช่วยให้ประชาชนเข้มแข็ง ด้วยการพึ่งพาตนเอง สวัสดิการสังคม คือการช่วยเหลือราษฎรให้มีที่อยู่อาศัย ท่ี ท ำ� กิ น แ ล ะ มี เ ค ร่ื อ ง อ ำ� น ว ย ค ว า ม ส ะ ด ว ก ข้ั น พื้ น ฐ า น ท่ี จ ำ� เ ป็ น ต่ อ ชี วิ ต ข จั ด ค ว า ม ทุ ก ข์ เ ม่ื อ เ กิ ด ม หั น ต ภั ย ท า ง ธ ร ร ม ช า ติ อุ บั ติ เ ห ตุ ห รื อ เ กิ ด โ ร ค ร ะ บ า ด ร้ า ย แ ร ง ในการสงเคราะห์ประชาชน พระบาทสมเด็จพระปรมินทร ม ห า ภู มิ พ ล อ ดุ ล ย เ ด ช บ ร ม น า ถ บ พิ ต ร จ ะ พ ร ะ ร า ช ท า น ความช่วยเหลือเม่ือเกิดเหตุข้ึนโดยฉับพลัน และพระราชทาน ค ว า ม ช่ ว ย เ ห ลื อ ทั้ ง ใ น ร ะ ย ะ ส้ั น แ ล ะ ร ะ ย ะ ย า ว โ ด ย ท ร ง มี หลักการในการพระราชทานความช่วยเหลือว่า “ให้ เพ่ือให้ ช่ ว ย ต น เ อ ง ไ ด้ ” น อ ก จ า ก พ ร ะ อ ง ค์ มี พ ร ะ ม ห า ก รุ ณ า ธิ คุ ณ ใ น ก า ร ช่ ว ย เ ห ลื อ ป ร ะ ช า ช น ท่ี ทุ ก ข์ ย า ก แ ล้ ว ยั ง ท ร ง มี กุ ศ โ ล บ า ย อั น แ ย บ ย ล ใ ห้ ค น ไ ท ย ไ ม่ ท อ ด ท้ิ ง กั น ด้ ว ย โ ด ย ท ร ง จั ด ต้ั ง มู ล นิ ธิ เ ช่ น มู ล นิ ธิ ร า ช ป ร ะ ช า นุ เ ค ร า ะ ห์ ใ น พ ร ะ บ ร ม ร า ชู ป ถั ม ภ์ เ พ่ื อ ใ ห้ ค น ไ ท ย ไ ด้ ช่ ว ย เ ห ลื อ กั น ใ น ย า ม ทุ ก ข์ ย า ก ใ ห้ ค น ไ ท ย รู้ จั ก ก า ร เ ป็ น ผู้ ใ ห้ มี เ ม ต ต า ต่ อ กั น เอื้อเฟ้ือเผื่อแผ่กันและไม่ทอดทิ้งกัน ราชประชานุเคราะห์ มี ค ว า ม ห ม า ย ว่ า “ พ ร ะ ร า ช า ” แ ล ะ “ ป ร ะ ช า ช น ” อ นุ เ ค ร า ะ ห์ ซ่ึ ง กั น แ ล ะ กั น ก า ร ตั้ ง มู ล นิ ธิ เ ป็ น ก า ร พ ร ะ ร า ช ท า น ค ว า ม ช่ ว ย เ ห ลื อ แ บ บ ย่ั ง ยื น คื อ ช่ ว ย ใ ห้ ป ร ะ ช า ช น เ ข้ ม แ ข็ ง ด้ ว ย ก า ร พึ่ ง พ า ต น เ อ ง
โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๘๖ ด้ า น ส วั ส ดิ ก า ร สั ง ค ม “ใน..ร.กะายระชส่วั้นยเหหมลาือยผคู้ปวราะมสวบ่า ภเัยปน็น้ันเวจละาตท้อี่ฉงุกชเ่วฉยิน ต้องช่วยโดยเร็วและต่อไปก็จะต้องช่วยให้ต่อเน่ือง ส่วนการช่วยเหลือในระยะยาวก็มีความจำ�เป็น เหมือนกัน...เป็นผลว่าเขาได้รับการดูแลเหลียวแล มาจนกระท่ังได้รับการศึกษา ก็สามารถทำ�มาหากิน ได้โดยสุจริตและโดยมีประสิทธิภาพ เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ...” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระบรมราโชวาท เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๖ “...ภัยธรรมชาติ หรือสาธารณภัยอาจเกิดข้ึน “...ให้ไปให้ความอบอุ่นช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ เมื่อ ใดก็ได้ ไม่มีผู้ใ ดจะคาดหมายได้ ดังท่ีได้เกิดข้ึนท่ีแหลมตะลุมพุก ได้ยากโดยฉับพลัน ทําให้ผู้ประสบภัย นครศรีธรรมราช และหลายจังหวัดภาคใต.้ .. ได้รับการช่วยเหลือ มีกำ�ลังใจท่ีจะ ปฏิบัติงานต่อไป... ””
โครงการ ๑๘๗ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส วั ส ดิ ก า ร สั ง ค ม หลังพายุโซนร้อน “แฮเรียต” ผ่านพ้นไป ถ่ายภาพโดย คุณครูตรึก พฤกษะศรี โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านสวัสดิการ “...ภัยธรรมชาติ หรือสาธารณภัยอาจเกิดขึ้นเมื่อใด สังคม ก็ได้ ไม่มีผู้ใดจะคาดหมายได้ ดังที่ได้เกิดขึ้นที่ เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๕ ได้เกิดเหตุ แหลมตะลุมพุก นครศรีธรรมราช และหลายจังหวัด มหาวาตภัยที่แหลมตะลุมพุก อำ�เภอปากพนัง ภาคใต้…” จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้น มีประชาชนเสียชีวิตและได้รับความเดือดร้อน “...ให้ไปให้ความอบอุ่นช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก เป็นจำ�นวนมาก เมื่อความทราบถึงพระบาทสมเด็จ โดยฉับพลัน ทำ�ให้ผู้ประสบภัยได้รับการช่วยเหลือ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีกำ�ลังใจที่จะปฏิบัติงานต่อไป…” ไดพ้ ระราชทานพระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองคจ์ �ำ นวนหนง่ึ และทรงระดมความชว่ ยเหลอื จากประชาชนผา่ นชอ่ งทาง “...การชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั นน้ั จะตอ้ งชว่ ยในระยะสน้ั การสื่อสาร สถานีวิทยุ อ.ส. พระราชวังดุสิต เพื่อไป หมายความว่า เป็นเวลาที่ฉุกเฉิน ต้องช่วยโดยเร็ว ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที ด้วยสิ่งของที่จำ�เป็น และต่อไปก็จะต้องช่วยให้ต่อเนื่อง ส่วนการช่วยเหลือ อาทิ ข้าวสาร อาหารแห้งและของใช้อื่นๆ ในระยะยาว ก็มีความจำ�เป็นเหมือนกัน... เป็นผลว่า เขาได้รับการดูแลเหลียวแลมาจนกระทั่งได้รับ ตอ่ มาพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช การศกึ ษา กส็ ามารถท�ำ มาหากนิ ไดโ้ ดยสจุ รติ และโดยมี บรมนาถบพิตร มีพระบรมราโชวาท เมื่อวันที่ ๒๓ ประสิทธิภาพ เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ…” สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๖ ความว่า ก่อตั้งมูลนิธิและพระราชทานนามว่า “มูลนิธิ ราชประชานุเคราะห์” พ.ศ.๒๕๐๖
โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๘๘ ด้ า น ส วั ส ดิ ก า ร สั ง ค ม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงอธิบายว่า “ราชประชานุเคราะห์” หมายความว่า “ราษฎรกับพระราชาให้ความช่วยเหลือ ซึ่งกันและกัน” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กิจการของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ บรมนาถบพิตร ทรงอธิบายว่า “ราชประชานุเคราะห์” ๓) เพื่อป้องกันสาธารณภัยที่จะเกิดขึ้นทั่วประเทศ หมายความวา่ “ราษฎรกบั พระราชาใหค้ วามชว่ ยเหลอื ๔) เพื่อให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือเป็นส่วนรวม ซึ่งกันและกัน” พระองค์ไม่ทรงหวังผลตอบแทนใดๆ แก่ประชาชนที่ได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อน จากประชาชน มีพระราชประสงค์เพียงให้ประชาชน ประการอื่น ซึ่งคณะกรรมการบริหารพิจารณาเห็น อยู่ดี มีสุข และสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สมควร และได้รับความเห็นชอบจากนายกมูลนิธิฯ ปัจจุบันมูลนิธิฯ ได้ดำ�เนินการมาเป็นเวลากว่า ๕) เพอ่ื ด�ำ เนนิ การหรอื รว่ มมอื กบั องคก์ รการกศุ ลอน่ื ๆ ๕๓ ปีแล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล เพื่อสาธารณประโยชน์ อดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นองค์อุปถัมภก ๖) ไม่ดำ�เนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด นายขวัญแก้ว วัชโรทัย เป็นนายกมูลนิธิฯ รับผิดชอบ การดำ�เนินงานของมูลนิธิ มีการแบ่งงานออกเป็น เชิงนโยบาย และ ดร.ดิสธร วัชโรทัย เป็นประธาน ๒ ด้าน ได้แก่ ๑. ด้านการบรรเทาทุกข์ของประชาชน กำ�หนดให้ วัตถุประสงค์ของมูลนิธิ มีความเชื่อมโยงกับการดำ�เนินงานของกระทรวง ๑) เพื่อให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบ มหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) สาธารณภัยที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ โดยในระดับท้องถิ่นจะมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็น ๒) เพื่อให้การสงเคราะห์ด้านการศึกษา โดยให้ทุน ประธาน ปลัดจังหวัดเป็นเลขานุการ และมีพัฒนา การศึกษาแก่เด็กกำ�พร้า และเด็กอนาถาที่ครอบครัว สังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ป้องกัน ประสบสาธารณภยั ใหท้ นุ การศกึ ษาแกน่ กั เรยี นทเ่ี รยี นดี และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเป็นกรรมการ และ ในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์และให้การสนับสนุน ยังสามารถตั้งกรรมการอื่นในระดับจังหวัดเป็น
โครงการ ๑๘๙ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส วั ส ดิ ก า ร สั ง ค ม เมื่อพายุผ่านไปอาคารเรียนสองชั้น เหลือเพียงชั้นเดียว ถ่ายภาพโดย คุณครูวิไล พฤกษะศรี เมื่อตอนเช้า วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๕ ลูกเสือเดินทางไกลไปพักแรมที่แหลมตะลุมพุกก่อนเกิดพายุ ๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๐๔ กรรมการมลู นธิ ฯิ ประจ�ำ จงั หวดั ไดอ้ กี เมือ่ เกดิ ภยั พบิ ตั ิ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขึ้นในแต่ละท้องที่ จะต้องมีกระบวนการคัดกรอง บรมนาถบพิตร ทรงอธิบายว่า จากส่วนท้องถิ่นเสียก่อน มูลนิธิฯ จะรับทราบข้อมูล “ราชประชานุเคราะห์” ที่ผ่านการคัดกรองเบื้องต้นจากส่วนท้องที่แล้วจึงจะ นำ�เอาสิ่งของพระราชทานเข้าไปให้ความช่วยเหลือ หมายความว่า “ราษฎรกับพระราชา ประชาชนที่รับความเดือดร้อน ก่อนนำ�ของไปให้ ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” ความช่วยเหลือประชาชนในท้องที่จะตอ้ งมกี ารชี้แจง พระองค์ไม่ทรงหวังผลตอบแทนใดๆ ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพความเดือดร้อนของประชาชน จากประชาชน มีพระราชประสงค์เพียงให้ เพื่อขออนุมัติจากประธานมูลนิธิฯ จากนั้น ประชาชนอยู่ดี มีสุข และสามารถ ประธานมูลนิธิฯ จะนำ�ความกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน บรมนาถบพิตร เพื่อขอพระราชทานสิ่งของน�ำ ออกไป ให้ความช่วยเหลือประชาชน จากนั้นจะเป็นการ ๒. ด้านการศึกษาเป็นการดำ�เนินงานของฝ่าย ลงพื้นที่เพื่อมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชน การศึกษา กำ�หนดให้มีความเชื่อมโยงกับหน่วยงาน โดยมูลนิธิฯ จะดำ�เนินการร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ ในการมอบสิ่งของพระราชทานในแต่ละคร้ังจะมี ซึ่งขณะนี้มีโรงเรียนที่มูลนิธิฯ ดูแลจำ�นวน ๖๒ การช้ีแจงข้อมูลเก่ียวกับพระมหากรุณาธิคุณของ โรงเรียน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ให้ประชาชนทราบโดยทั่วกัน ๒.๑) โรงเรียนที่ทรงก่อตั้งขึ้นและพระราชทานนามว่า “โรงเรียนราชประชานุเคราะห์” จำ�นวน ๕๘ โรงเรียน โรงเรียนแห่งแรก ได้แก่ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ บ้านปลายแหลม ต่อมาได้มีโรงเรียนอื่นที่ประสบภัย
โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๙๐ ด้ า น ส วั ส ดิ ก า ร สั ง ค ม รูปแบบต่างๆ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ โรงเรียน โรงเรียนต่างๆ เหล่านี้ จะอยู่ในความควบคุมกำ�กับ แบบไปเชา้ -เยน็ กลบั และโรงเรยี นประจ�ำ ในเวลาตอ่ มา ดูแลของกระทรวงศึกษาธิการผ่านการควบคุม ได้รับโอนโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ คือโรงเรียน ของสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำ�หรับเด็กที่มีปัญหาความขาดแคลน เด็กชาวเขา (สพฐ.) และสำ�นักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นต้น เด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่ติดเชื้อเอดส์ หรือโรคร้าย มูลนิธิฯ จะให้การสนับสนุนการดำ�เนินงานของ ที่สังคมไม่ยอมรับ เด็กที่อยู่ในท้องที่เสี่ยงภัย ปัญหา กระทรวงศึกษาธิการ อาทิ ให้การสนับสนุนอุปกรณ์ ค้ามนุษย์ และเด็กที่ครอบครัวได้รับผลกระทบ การเรียนการสอน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และ จากปัญหาความไม่สงบใน ๓ จังหวัดภาคใต้มาอยู่ใน การท�ำ โครงการตา่ งๆ ภายในสถานศกึ ษา เชน่ โครงการ ความดูแลด้วย ครูดี เด็กดี โครงการลูกเสือราชประชานุเคราะห์ เป็นต้น นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังให้การสนับสนุนเรื่อง ๒.๒) โรงเรียนตำ�รวจตระเวนชายแดนที่ได้รับ ทนุ การศกึ ษาแกน่ กั เรยี นโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ พระราชทานพระนามของสมเด็จพระศรีนครินทรา ที่มีผลการเรียนดี และมีความประพฤติดี ให้ได้ศึกษา บรมราชชนนีและที่มีพระนามของสมเด็จพระเจ้า ต่อในระดับสูงสุด อีกทั้งยังมีทุนพระราชทานสำ�หรับ พี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ด้วย ราชนครินทร์ อาทิ โรงเรียนสังวาลย์วิทย์ โรงเรียน ในระยะหลัง มีการมอบทุนพระราชทานแก่เด็ก กัลยาณิวัฒนา เป็นต้น ที่ครอบครัวประสบภัยพิบัติ บางรายที่ต้องสูญเสีย
โครงการ ๑๙๑ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส วั ส ดิ ก า ร สั ง ค ม ๒๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๔ เสด็จฯ ไปทรงเปิดโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ มหาวาตภัยแหลมตะลุมพุก พายุโซนร้อนแฮเรียต ที่บ้านแตงบางกอก บ้านเหล่าก้างปลา อำ�เภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๕ พระราชทานเครื่องเขียนแบบเรียนและเครื่องแบบนักเรียนให้แก่ นักเรียนที่ยากจน หั ว ห น้ า ค ร อ บ ค รั ว อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก ภั ย พิ บั ติ ในการด�ำ เนนิ การกรรมการมลู นธิ ฯิ ฝา่ ยสงั คมสงเคราะห์ จะส่งนักสังคมสงเคราะห์ ร่วมกับพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเข้ามาติดตามดูแลเด็ก ที่ได้รับผลกระทบจากการประสบปัญหาภัยพิบัติ ในปัจจุบันทุกโรงเรียนที่อยู่ในการกำ�กับดูแลของ เหตุการณ์มหาวาตภัยแหลมตะลุมพุก ทำ�ให้มีประชาชนเสียชีวิต มลู นธิ ฯิ ไดเ้ ขา้ ระบบการศกึ ษาของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร และได้รับความเดือดร้อนเป็นจำ�นวนมาก โดยมูลนิธิฯ จะทำ�หน้าที่ให้การสนับสนุนโครงการ ดา้ นอน่ื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เชน่ การพฒั นาสภาพความเปน็ อยู่ ของโรงเรียนให้ดีขึ้น และให้ความช่วยเหลือชุมชน ที่จำ�เป็น เป็นต้น งบประมาณที่ใช้ในมูลนิธิฯ เป็นงบประมาณได้มา จากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และปัจจุบันมีผู้มี จิตศรัทธาร่วมบริจาคทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๙๒ ด้ า น ส วั ส ดิ ก า ร สั ง ค ม กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านสวัสดิการสังคม ๑. กฎหมายที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนการดำ�เนินโครงการ มีดังนี้ รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๕๐ การดำ�เนินงานของมูลนิธิ พ.ศ.๒๕๕๐ ราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ที่ให้ความสำ�คัญกับการพัฒนา ด้านการศึกษา โดยเฉพาะการพัฒนาเด็กและเยาวชน ในรูปแบบการจัดการ ๒. ศึกษาสงเคราะห์ โดยการจัดตั้งโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์หรือโรงเรียน ประมวลกฎหมาย ราชประชานุเคราะห์ ตลอดจนการให้ทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน เพื่อให้เกิด แพ่งและพาณิชย์ ความเสมอภาคทางการศึกษาแก่ผู้ยากไร้หรือผู้เสียเปรียบทางการศึกษาในลักษณะ ๓. ต่างๆ เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๕๐ พระราชบัญญัติ มาตรา ๔๙ ที่ให้ความสำ�คัญกับการให้การศึกษาแก่กลุ่มเด็กด้อยโอกาส การศึกษาแห่งชาติ ซึ่งกำ�หนดให้บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาที่รัฐต้องจัดให้ พ.ศ.๒๕๔๒ อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำ�หนดรายละเอียดและรูปแบบวิธีการจัดการ “มูลนิธิ” ตั้งแต่เริ่มดำ�เนินการจนกระทั่งเลิกมูลนิธิ เมื่อมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นนิติบุคคลรูปแบบหนึ่ง ที่จัดตั้งขึ้นในรูปแบบของมูลนิธิ ดังนั้นการดำ�เนินงานของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์จึงต้อง เป็นไปตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ดังกล่าว พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ การจัดการศึกษาสงเคราะห์ ทม่ี งุ่ จดั ใหแ้ กบ่ คุ คลทร่ี ฐั จ�ำ เปน็ ตอ้ งใหก้ ารสงเคราะหเ์ ปน็ พเิ ศษใหเ้ กดิ ความเสมอภาค ทางการศึกษาแก่ผู้ยากไร้หรือผู้เสียเปรียบทางการศึกษาในลักษณะต่างๆ ของมลู นธิ ริ าชประชานเุ คราะห์ ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ ดงั กลา่ ว ตอ้ งมคี วามสอดคลอ้ ง และเป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา ๑๐ ที่กำ�หนดให้รัฐต้องจัดการศึกษา โดยจัดให้บุคคล มีสิทธิและมีโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสาร และการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพ หรือบุคคลซึ่งไม่สามารถ พึ่งตนเองได้หรือไม่มีผู้ดูแล หรือด้อยโอกาส ที่รัฐต้องจัดให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิ และโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษด้วย
โครงการ ๑๙๓ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส วั ส ดิ ก า ร สั ง ค ม กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านสวัสดิการสังคม ๔. พระราชบญั ญตั สิ งเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั เนอ่ื งจากการชว่ ยเหลอื ราชการ การปฏบิ ตั งิ าน พระราชบัญญัติ ของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม พ.ศ.๒๕๔๓ มีหลักการและ สงเคราะห์ผู้ประสบภัย เหตุผลสำ�คัญเพื่อให้ความช่วยเหลือ และเป็นขวัญกำ�ลังใจแก่บุคคลผู้ทำ�ความดี เน่ืองจากการช่วยเหลือ ให้กับสังคมไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือราชการ ปฏิบัติงานของชาติ ปฏิบัติการ ราชการ การปฏิบัติงาน ของชาติ หรือการปฏิบัติ ตามหน้าที่หรือช่วยเหลือบุคคลตามหน้าที่ที่กฎหมายกำ�หนด หรือปฏิบัติหน้าที่ ตามหน้าท่ีมนุษยธรรม ตามมนุษยธรรม และเมื่อบุคคลเหล่านั้นประสบภัยในรูปแบบต่างๆ ตามเงื่อนไข พ.ศ.๒๕๔๓ ที่กำ�หนดไว้ บุคคลเหล่านั้นย่อมมีสิทธิยื่นขอรับการสงเคราะห์เป็นเงินช่วยเหลือ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขท่ีกำ�หนดได้ ซ่ึงการดำ�เนินงานของมูลนิธิ ราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีบุคคลพลเมืองดีเข้าร่วมเป็น อาสาสมัครในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจาก ภัยพิบัติ บุคคลเหล่านั้นจะได้รับการสงเคราะห์จากรัฐบาลตามพระราชบัญญัติ ดังกล่าว อันเป็นการสนับสนุนการดำ�เนินงานตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ๕. พระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.๒๕๔๕ การให้ทุนการศึกษา ของมูลนิธิ พระราชบัญญัติ ราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีความสอดคล้องและเป็นไปตาม การศึกษาภาคบังคับ บทบัญญัติของมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.๒๕๔๕ พ.ศ.๒๕๔๕ ที่กำ�หนดให้จัดการศึกษาเป็นพิเศษสำ�หรับเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือ ทุพพลภาพ หรือเด็กซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้ หรือไม่มีผู้ดูแล หรือด้อยโอกาส หรือเด็กที่มีความสามารถพิเศษให้ได้รับการศึกษาภาคบังคับด้วยรูปแบบและ วิธีการที่เหมาะสม รวมทั้งการได้รับสิ่งอำ�นวยความสะดวก สื่อ บริการ และ ความช่วยเหลืออื่นใดตามความจำ�เป็น เพื่อประกันโอกาสและความเสมอภาค ในการได้รับการศึกษาภาคบังคับ ๖. พระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ.๒๕๔๖ เป็นกฎหมายแม่บทใน พระราชบัญญัติ การจัดสวัสดิการสังคมทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนส่งเสริมและ ส่งเสริมการจัด สนับสนุนให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรอื่น สวัสดิการสังคม ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดสวัสดิการสังคม มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ พ.ศ.๒๕๔๖ ในพระบรมราชูปถัมภ์มีวัตถุประสงค์ในการดำ�เนินงานเพื่อให้การสงเคราะห์
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๙๔ ด้ า น ส วั ส ดิ ก า ร สั ง ค ม กฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านสวัสดิการสังคม ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยที่เกิดขึ้นทั่วประเทศรวมถึงการให้การสงเคราะห์ ช่วยเหลือเป็นส่วนรวมแก่ประชาชนที่ได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนประการอื่น ดังนั้นการดำ�เนินงานของมูลนิธิจึงต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย ดังกล่าวด้วย ๗. พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นกฎหมาย พระราชบัญญัติ ที่กำ�หนดรายละเอียดและรูปแบบการดำ�เนินงานของหน่วยงานที่จะต้องปฏิบัติ ป้องกันและ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าวไว้ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันเอาไว้ บรรเทาสาธารณภัย หนึ่งในวัตถุประสงค์การจัดตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ.๒๕๕๐ ก็เพื่อให้ความช่วยเหลือป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแก่ประชาชนที่ได้รับ ความเดือดร้อนจากภัยพิบัติรูปแบบต่างๆ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ ในการอำ�นวยการและบริหารจัดการเกี่ยวกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ของมูลนิธิ จึงควรต้องพิจารณาและดำ�เนินการให้สอดคล้องกับบทบัญญัติ แห่งกฎหมายดังกล่าวด้วย ๘. พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๐ กำ�หนด พระราชบัญญัติ หลักการว่าเด็กและเยาวชนทุกคนย่อมมีสิทธิในการได้รับการศึกษาและได้รับ ส่งเสริมการพัฒนา การศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีคุณภาพสูงสุดตามที่กำ�หนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ตลอดจน เด็กและเยาวชน สิทธิในการรับบริการทางการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานสูงสุดเท่าที่มีการให้ แห่งชาติ บริการทางด้านนี้ ซึ่งการดำ�เนินการตามภารกิจของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ พ.ศ.๒๕๕๐ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ย่อมสอดคล้องและเป็นไปตามหลักการของพระราชบัญญัติ ฉบับดังกล่าว ๙. กฎกระทรวงว่าด้วยการจดทะเบียนมูลนิธิ การดำ�เนินกิจการ และการทะเบียน กฎกระทรวงว่าด้วย มูลนิธิ พ.ศ.๒๕๔๕ เนื่องจากพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ ๑ แห่งประมวล การจดทะเบียนมูลนิธิ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำ�ระใหม่ พ.ศ.๒๕๓๕ มีการปรับปรุง การดําเนินกิจการ และ บทบัญญัติว่าด้วยมูลนิธิเสียใหม่ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน การทะเบียนมูลนิธิ ซึ่งการปรับปรุงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ดังกล่าวมีผลทำ�ให้กฎกระทรวง พ.ศ.๒๕๔๕ และระเบยี บในสว่ นทใ่ี ชบ้ งั คบั อยใู่ นปจั จบุ นั ไมส่ อดคลอ้ งกบั การปรบั ปรงุ ประกอบกบั มาตรา ๑๓๖ (๑) (๔) และ (๕) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้บัญญัติ
โครงการ ๑๙๕ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส วั ส ดิ ก า ร สั ง ค ม กฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านสวัสดิการสังคม ให้ออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับการยื่นคำ�ขอจดทะเบียนและการรับจดทะเบียน การดำ�เนินกิจการของมูลนิธิ และการทะเบียนมูลนิธิ และการอื่นใดเพื่อปฏิบัติ ให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยมูลนิธิ จึงจำ�เป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ในการดำ�เนินการต่างๆ ของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไมว่ า่ จะเปน็ ขน้ั ตอนการยน่ื ค�ำ ขอจดทะเบยี นและการรบั จดทะเบยี น การด�ำ เนนิ กจิ การ ของมูลนิธิและการทะเบียนมูลนิธิ รวมถึงการอื่นใด จะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติ ของกฎกระทรวงดังกล่าวด้วย ๑๐. ระเบยี บกระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยเงนิ ทดรองราชการเพอ่ื ชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั พบิ ตั ิ ระเบียบกระทรวง กรณีฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นการกำ�หนดหลักเกณฑ์และ การคลังว่าด้วยเงิน วิธีดำ�เนินการเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ทดรองราชการเพ่ือ ซึ่งการให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พิบัติกรณีฉุกเฉิน รวมถึงการให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือเป็นส่วนรวมแก่ประชาชนที่ได้รับ พ.ศ.๒๕๕๖ และ ความทุกข์ยากเดือดร้อนประการอื่น ถือเป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของมูลนิธิ ท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม ราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดังนั้นการดำ�เนินงานของมูลนิธิจึงต้อง เป็นไปตามบทบัญญัติของระเบียบดังกล่าวด้วย ๑๑. ข้อบังคับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ การดำ�เนินงานของ ข้อบังคับมูลนิธิ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ต้องอยู่ภายใต้กรอบข้อบังคับ ราชประชานุเคราะห์ มูลนิธิดังกล่าวด้วย ข้อบังคับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นการกำ�หนดกรอบรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดตั้งมูลนิธิ วัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ทุนและทรัพย์สินการบริหารดำ�เนินงาน การเงินการบัญชี รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ในการบริหารจัดการ และการดำ�เนินงานทั้งหมดของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์เอาไว้
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๑๙๖ ด้ า น ส วั ส ดิ ก า ร สั ง ค ม ผลสัมฤทธิ์ของโครงการ เป็นการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง หลังจากการดูแล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ชว่ ยเหลอื อยา่ งฉบั พลนั ในระยะตน้ แลว้ ทรงชว่ ยเหลอื บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้การดูแลและให้การศึกษาเด็กที่ประสบภัย พระราชทานเงิน ให้กระทรวงศึกษาธิการสร้าง จนสามารถทำ�มาหากินได้โดยสุจริต เป็นพลเมืองดี โรงเรียนประชาบาลหลังเกิดวาตภัย รวม ๑๒ โรงเรียน ของประเทศชาติสืบไป ใน ๖ จังหวัดภาคใต้ และภายหลังพระราชทาน ชื่อว่า “โรงเรียนราชประชานุเคราะห์” นับตั้งแต่ก่อตั้ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ บรมนาถบพิตร ทรงวางรากฐานกำ�หนดขยายเขต ตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๖ เป็นต้นมา การให้ความช่วยเหลือเก่ียวกับสาธารณภัย โดยยึด มีโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ จำ�นวน ๕๘ โรงเรียน ประโยชน์ส่วนรวมและหลักการมีส่วนร่วมต่อสังคม และโรงเรียนตำ�รวจตระเวนชายแดน อีก ๔ โรงเรียน เพื่อความสุขของพสกนิกรทั่วประเทศของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๕ ได้มีการจัดตั้งกรมป้องกัน บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ และบรรเทาสาธารณภัย สังกัดกระทรวงมหาดไทย ส่วนพระองค์เป็นทุนดำ�เนินการในเบื้องต้น ต่อมา ได้รับเงินทุนจากรัฐบาลและผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงิน สิ่งท่ีพิเศษสุด และควรค่าแก่การจดจำ� และทรัพย์สิน สิ่งที่พิเศษสุด และควรค่าแก่การจดจำ� คือพระบาทสมเด็จพระปรมินท ร คอื พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร ได้ทรงประชาสัมพันธ์ทางวิทยุ อ.ส. มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ด้วยพระองค์เอง เพื่อระดมทุนและความร่วมมือจาก ได้ทรงประชาสัมพันธ์ทางวิทยุ อ.ส. ประชาชน และปรากฏว่าได้รับความร่วมมืออย่าง ด้วยพระองค์เอง เพ่ือร ะดมทุน ดียิ่ง และความร่วมมือจากประชาชน และปรากฏว่าได้รับความร่วมมือ อย่างดียิ่งจากประชาชน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การจัดตั้งมูลนิธิฯ เป็นไปตามระเบียบของกระทรวง บรมนาถบพิตร ทรงมีแนวทางปฏิบัติที่รวดเร็ว มหาดไทย มีการจดทะเบียนมูลนิธิฯ อย่างถูกต้อง ลดขั้นตอนเพื่อให้ทันเหตุการณ์ เพื่อให้เข้าถึง และมีกรอบ ขั้นตอนการปฏิบัติ การรายงานผล ความเดือดร้อนของประชาชน และช่วยให้ประชาชน เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายในส่วนของ ชว่ ยตวั เองตอ่ ไปได้พระองคพ์ ระราชทานความชว่ ยเหลอื งบประมาณดำ�เนินงานและการบริหารจัดการก็เป็น อย่างทันเหตุการณ์และอย่างต่อเนื่อง ระยะสั้น ไปอย่างโปร่งใสตามระเบียบข้อบังคับของกฎหมาย เป็นการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากจากภัยธรรมชาติ ปัจจุบันได้รับการสนับสนุนงบประมาณหลักจาก หรือสาธารณภัย โดยฉับพลัน โดยเร็ว ด้วยสิ่งของ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่จำ�เป็น อาทิ อาหาร ยา เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และ (กรมประชาสงเคราะห์เดิม) ในส่วนของกฎหมาย ของใช้ ทำ�ให้ผู้ประสบภัยได้รับการช่วยเหลือ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดตั้ง และมีกำ�ลังใจที่จะปฏิบัติงานต่อไประยะยาว มูลนิธิ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย
โครงการ ๑๙๗ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส วั ส ดิ ก า ร สั ง ค ม กฎหมายของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคง ประชาชนทั่วไปรับรู้ปัญหาและให้ความช่วยเหลือ ของมนุษย์ ที่ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ ซึ่งกันและกัน และกฎหมายของกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้อง การดำ�เนินการจัดการศึกษาโรงเรียนต่างๆ ที่มูลนิธิฯ ข้อเสนอแนะ ให้การสนับสนุนและกำ�กับดูแล โดยไม่พบว่ามี ถึงแม้รัฐได้มีการพัฒนานำ�เอาระบบเตือนภัยมาใช้ อุปสรรคในการดำ�เนินงานของมูลนิธิฯ ในปัจจุบัน อาทิ ระบบเตือนภัยชายฝั่ง และการสื่อสารทางระบบ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้อง ปัจจัยสู่ความสำ�เร็จของโครงการคือ พระบาทสมเด็จ ให้ความรู้และอบรมประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นหูเป็นตา สังเกตการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ทรงยึดหลักการให้ความช่วยเหลือตามอัตภาพก่อน ปกป้องดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน วางแผนและ โดยคำ�นึงถึงความต้องการของผู้เดือดร้อนเป็นหลัก สร้างมาตรการป้องกันในกรณีฉุกเฉิน และสำ�คัญที่สุดคือการสร้างการมีส่วนร่วมให้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348