Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปาทวลัญชังเจติยานุสรณ์

ปาทวลัญชังเจติยานุสรณ์

Published by Waraporn Pojjahnawaraporn, 2021-06-21 01:55:19

Description: ว่าด้วยพัฒนาการด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะและโบราณคดี ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ “พระเจดีย์หนองหานเชียงชุม” ศูนย์กลางเมืองโบราณสกลนคร จากเอกสารและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ เพื่อเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับพระธาตุเชิงชุม เอื้อประโยชน์ต่อการเรียนรู้ อันจะนำไปสู่ความก้าวหน้าทางวิชาการด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดีและศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นสืบไป

Keywords: ประวัติศาสตร์ ศิลปะและโบราณคดี

Search

Read the Text Version

»Ò·ÇÅÞÑ ªÑ§à¨μÔÂÒ¹ØÊó P พุทธศักราช ๒๕๖๓ พระเทพสิทธิโสภณ (สุรสีห กิตฺติโสภโณ) เจาอาวาสวัดพระธาตุเชิงชุม พรอมคณะสงฆ ขาราชการ คหบดี พอคา และประชาชน ทําหนังสือตอ กรมศิลปากรเพ่ือดําเนินการบูรณะปดทององคพระธาตุเชิงชุม และไดรับการ อนุมัติใหดําเนินการภายใตการกํากับดูแลของสํานักศิลปากรท่ี ๑๑ ขอนแกน โดยงบประมาณของทางวัด สน้ิ เงนิ ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท ÀÒ¾·Õè ôò–ôó ªÒ‹ §¼ÃŒÙ ºÑ àËÁÒ´Òí à¹¹Ô ¡Òû´ ·Í§ ¾¹×é ·ÊèÕ Ç‹ ¹»ÅÒ»ÅÂÕ Í´Í§¤¾ ÃиÒμàØ ª§Ô ªÁØ áÅСÒÃÃ×é͹Ñè§ÃŒÒ¹ÀÒÂËÅѧ´íÒà¹Ô¹¡ÒÃŧÃÑ¡»´·Í§ÊíÒàÃç¨áÅŒÇ ¶‹ÒÂàÁè×Í »¾‚ ·Ø ¸ÈÑ¡ÃÒª òõöô ๘๗

P »Ò·ÇÅÑުѧà¨μÂÔ Ò¹ÊØ ó เชิงอรรถ ๑ โปรดอานรายละเอียดเร่ืองน้ีใน สุรัตน วรางครัตน, “ศิลาจารึกบานทาวัด”, ใน ประวัตศิ าสตรส กลนคร (สกลนคร : สกลนครการพมิ พ, ๒๕๔๕), หนา ๖๒–๖๕. ๒ โปรดอานรายละเอียด พจนวราภรณ เขจรเนตร, พระธาตุเชิงชุม : ความเปนมา และพฒั นาการทางประวตั ิศาสตร ปที่ ๑ ฉบบั ที่ ๑ (มกราคม–มิถุนายน ๒๕๖๓), (นครราชสีมา : หจก. โคราชมารเ กต็ ต้งิ แอนด โปรดกั ขัน่ ), หนา ๑๑๒–๑๓๕. ๓ พระราชวิมลเมธี (วนั ดี สริ ิวณั โณ), อนทุ ินวัดธาตุศาสดาราม พ.ศ. ๒๔๗๘–๒๕๐๘ (เอกสารตนฉบบั ลายมอื ), ๑๑ แผน . ๔ นายวเิ ชยี ร วงศก าฬสนิ ธ,ุ อดตี ไวยาวจั กร, ใหส มั ภาษณเ รอื่ ง “การปฏสิ งั ขรณว ดั พระธาตุ เชิงชุม”, สัมภาษณเ ม่อื วนั ที่ ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๕๗. ๕ หนวยศิลปากรท่ี ๗ ขอนแกน กรมศิลปากร, รายการประกอบแบบบูรณะซอมแซม พระธาตุเชิงชุมและอุโบสถ (สิม) วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร พุทธศกั ราช ๒๕๓๔ (เอกสารอัดสาํ เนา), ๕ แผน. ๖ นายวเิ ชยี ร วงศก าฬสนิ ธ,ุ อดตี ไวยาวจั กร, ใหส มั ภาษณเ รอื่ ง “การปฏสิ งั ขรณว ดั พระธาตุ เชิงชุม”, สัมภาษณเมอื่ วนั ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗. ๗ หา งหนุ สว นจาํ กดั พรอนนั ทก อ สรา ง, รายงานการบรู ณะวหิ ารวดั พระธาตเุ ชงิ ชมุ วรวหิ าร อําเภอเมอื งสกลนคร จังหวัดสกลนคร (เอกสารอดั สําเนา), ๑๐๔ หนา. ๘ พระครสู กลวรานกุ จิ ,ผชู ว ยเจา อาวาสวดั พระธาตเุ ชงิ ชมุ ,ใหส มั ภาษณเ รอื่ ง“การปฏสิ งั ขรณ วดั พระธาตุเชิงชมุ ”, สัมภาษณเ มื่อวนั ท่ี ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓. ๙ วชิ ยั เวงรงั สกิ าร, รายงานการควบคมุ งาน โครงการบรู ณะยอดพระธาตเุ ชงิ ชมุ วดั พระธาตุ เชงิ ชุมวรวหิ าร ตาํ บลธาตุเชงิ ชมุ อําเภอเมอื งสกลนคร จงั หวดั สกลนคร พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ (เอกสารอดั สาํ เนา), ๕๗ หนา . ๑๐ พระครสู กลวรานกุ จิ ,ผชู ว ยเจา อาวาสวดั พระธาตเุ ชงิ ชมุ ,ใหส มั ภาษณเ รอื่ ง“การปฏสิ งั ขรณ วดั พระธาตเุ ชงิ ชมุ ”, สมั ภาษณเมือ่ วันที่ ๒๕ สงิ หาคม ๒๕๖๓. ๘๘

บทสรปุ

P »Ò·ÇÅÞÑ ªÑ§à¨μÂÔ Ò¹ÊØ ó วดั พระธาตเุ ชงิ ชมุ หรอื ทช่ี าวเมอื งรจู กั เรยี กทวั่ ไปวา “วดั ธาต”ุ เปน อาราม เกาแกค ูบานคเู มืองสกลนคร โดยเปน ท่ีต้งั ปูชนยี สถานสําคญั คือ “องคพระธาตุ เชิงชุม” ประวัติวัดพระธาตุเชิงชุมมีความเกี่ยวเน่ืองกับประวัติศาสตรการต้ังเปน บานเมืองสกลนคร เนื่องจากเปนปูชนียสถานสําคัญของบานเมืองมาตั้งแต พุทธศตวรรษที่ ๒๓ จวบจนสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร ในทางประวัติศาสตร และโบราณคดีน้ันไดบงชี้ใหเห็นวา วัดพระธาตุเชิงชุมต้ังทับซอนอยูบนพ้ืนท่ี ศักด์ิสิทธิ์ใน “วัฒนธรรมเขมร” มากอน ดังปรากฏหลักฐานโครงสรางของ ปราสาทเขมรภายในองคพ ระธาตแุ ละจารกึ รวมถงึ รปู เคารพในทางศาสนาพราหมณ ลัทธิไศวะนิกาย ที่เจริญรุงเรืองในพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ถึงพุทธศตวรรษท่ี ๑๗ (พุทธศักราช ๑๕๐๑–๑๗๐๐) แสดงใหเห็นถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมเขมร ท่ีเจริญรุงเรืองครอบคลุมพ้ืนท่ีลุมนํ้าหนองหานและบางสวนของภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนบน โดยองคพระธาตุเชิงชุมอยูในลักษณะของศาสนสถาน ประจําเมืองแบบปรางคองคเดียว หรือที่เรียกวา “สรุค” ตั้งอยูในบริเวณพื้นท่ี ใจกลางเมอื งโบราณสกลนคร ๙๐

»Ò·ÇÅÑÞª§Ñ à¨μÂÔ Ò¹ÊØ ó P ครั้นตอมาเมื่อยุคทองของวัฒนธรรมเขมรเร่ิมเส่ือมอิทธิพลไปในราว ปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ศาสนสถานประจําเมืองโบราณสกลนครแหงน้ีจึงถูก ทิ้งรางไป และเกิดการดัดแปลงใหเปนพุทธสถานใน “วัฒนธรรมลานชาง” เมือ่ ราวพทุ ธศตวรรษที่ ๒๓ ถึงปลายพทุ ธศตวรรษที่ ๒๔ (พทุ ธศักราช ๒๒๐๐– ๒๔๐๐) ท้ังนี้ การทับซอนของพืน้ ทที่ างวฒั นธรรมในพื้นทีศ่ กั ดิส์ ทิ ธ์ปิ รากฏท่วั ไป ในหลายพ้ืนที่ของสกลนคร ปราสาทในวัฒนธรรมเขมรหลายแหงในจังหวัด สกลนครถกู เรยี กวา “พระธาต”ุ และตอ เตมิ ใหเ ปน “อเุ ทสกิ เจดยี ” ทมี่ วี ตั ถปุ ระสงค จัดสรางข้ึนเพ่ือเปนสิ่งระลึกถึงองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาพรอมกับ การเลา เรอ่ื งองิ วรรณกรรมประกอบ สถานทนี่ น้ั ๆ ไดร บั การรงั สรรคข นึ้ ดว ยความ ศรทั ธาของผคู นรวมถงึ การทาํ หนา ท่ี “ขา พระธาต”ุ หรอื “ผปู ฏบิ ตั ”ิ ในการปฏบิ ตั ิ รกั ษาทาํ นบุ าํ รงุ สถานทสี่ บื มา ทงั้ นี้ การทอ่ี งคพ ระธาตทุ บั ซอ นอยบู นพน้ื ทศี่ กั ดสิ์ ทิ ธ์ิ ระหวาง ๒ วัฒนธรรม จึงทําใหพระธาตุเชิงชุมมีลักษณะความสําคัญเฉพาะ โดยอาจแบงไดในแงของรองรอยทางประวัติศาสตรโบราณคดีที่ประกอบดวย การคน พบหลกั ฐานที่เกี่ยวเนอ่ื งกับการอยูอ าศยั คตชิ นความเชอื่ รปู ลักษณะทาง สถาปตยกรรมอกี ดว ย พระธาตเุ ชงิ ชมุ เปน เจดยี ก อ อฐิ ถอื ปนู ทรงปราสาทยอด อนั เปน การรงั สรรค ผลงานทัศนศิลปที่มีความลงตัวกับโครงสรางเดิม เอกลักษณสําคัญอยางหน่ึง ขององคพระธาตุเชิงชุมปรากฏอยูในสวนของเรือนยอด ที่เรียกวา “บัวเหล่ียม” อันเปนเอกลักษณทางเชิงชางในกลุมวัฒนธรรมลานชาง ทั้งนี้ การดัดแปลง ปราสาทเขมรคงสัมพันธกับการเขามาตั้งบานเรือนของผูคนข้ึนเปนชุมชน เพอ่ื ทําหนา ท่ีคอยทาํ นบุ าํ รุงรกั ษา ปรากฏนามในเอกสารทอ งถิน่ วา “หนองหาน เชียงชมุ ” หรือ “บานธาตเุ ชยี งชุม” นอกจากน้ี พระธาตุเชิงชมุ ยงั ปรากฏอยใู นวรรณกรรมอิงพระพทุ ธศาสนา เรอื่ ง “อรุ งั คนทิ าน” อนั เปน วรรณกรรมสาํ คญั ปรากฏอยทู ว่ั ไปในลมุ นาํ้ โขงสองฝง ประเทศลาวและประเทศไทย เนื้อหากลาวถึงนามสถานที่ตั้งองคพระธาตุวา “ภูนํ้าลอดเชิงชุม” ซึ่งเปนสถานที่มาประทับชุมนุมรอยพระพุทธบาทของ พระพทุ ธเจา ทต่ี รสั รแู ลว ในภทั รกปั น้ี ๔ พระองค และทจ่ี ะตรสั รใู นอนาคตกาลอกี ๙๑

P »Ò·ÇÅÑÞª§Ñ à¨μÔÂÒ¹ÊØ ó ๑ พระองค ประกอบดวย พระกกุสนั โธ พระโกนาคมโน พระกสั สโป พระโคตโม และพระศรอี รยิ เมตไตรย พระธาตเุ ชงิ ชมุ เปน ศนู ยร วมใจของชาวเมอื งสกลนคร มกี ารบรู ณปฏสิ งั ขรณ ทาํ นบุ าํ รงุ รกั ษาใหอ ยใู นสภาพคงทนถาวรเรอื่ ยมา ดงั ปรากฏหลกั ฐานบนั ทกึ ลายมอื และคําบอกเลาจากทองถิ่น รวมท้ังเอกสารหลักฐานที่เก่ียวของของทางราชการ อันเปนหลักฐานช้ันตนที่มีความสําคัญตอการศึกษาทางประวัติศาสตร จากท่ี กลาวมาแสดงใหเห็นวาองคพระธาตุเชิงชุมอยูในฐานะของศาสนสถานสําคัญ และเปน ศูนยรวมใจของผคู นมาอยา งตอเน่อื งและยาวนานจวบจนปจจุบนั ๙๒

»Ò·ÇÅÑÞª§Ñ à¨μÔÂÒ¹ÊØ ó P บรรณานุกรม ขอมูลหนงั สอื และบทความในหนงั สือ ภาษาไทย กรมศิลปากร. (๒๕๕๓). งานชา ง คําชางโบราณ. ขอนแกน : บริษัท เพ็ญพรน้ิ ติง้ จํากดั . กลมุ โบราณคดี สํานกั ศลิ ปากรท่ี ๑๐ รอยเอ็ด. (๒๕๕๖). ทําเนียบโบราณสถาน ขึ้นทะเบียน สํานักศิลปากรท่ี ๑๐ รอยเอ็ด (พ.ศ. ๒๔๗๘–๒๕๔๕). ขอนแกน : บริษทั เพ็ญพร้นิ ติง้ จาํ กดั . เกรียงไกร ปรญิ ญาพล. (๒๕๕๘). พงศาวดารเมอื งสกลนคร ฉบบั รองอาํ มาตยโท พระบริบาลศุภกจิ (คาํ สาย ศริ ิขันธ) . สกลนคร : สกลนครการพิมพ. จังหวัดสกลนคร. (๒๕๕๗). จดหมายเหตุการณบูรณปฏิสังขรณพระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั อัมรินทรพ รนิ้ ติง้ แอนดพ บั ลชิ ชง่ิ จํากดั (มหาชน). จงั หวดั สกลนคร. (๒๕๕๙). พระพุทธองคแสน สตสหัสสปฏมิ านุสรณ. เชียงใหม : หจก. วนิดาการพมิ พ. ณรงคศักด์ิ ราวะรินทร. (๒๕๖๑). อุรังคธาตุ จ.ศ. ๑๑๖๗ (พ.ศ. ๒๓๔๘). มหาสารคาม : หจก. อภิชาตการพมิ พ. ติ๊ก แสนบุญ. (๒๕๕๙). ลักษณะอีสานวาดวยศิลปวัฒนธรรม. อุบลราชธานี : โรงพิมพม หาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี. ธาดา สุทธิธรรม. (๒๕๔๕). ผังเมืองในประเทศไทย : ผังชุมชนและการใชท่ีดิน สายอารยธรรมเขมรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. ขอนแกน : บริษัท ขอนแกน พมิ พพัฒนา จาํ กดั . ธนธร กิตติกานต. (๒๕๕๗). มหาธาต.ุ นนทบรุ ี : โรงพมิ พมติชนปากเกรด็ . ๙๓

P »Ò·ÇÅÑުѧà¨μÂÔ Ò¹ØÊó นิชนันท กลางวิชัย. (๒๕๕๕). กัลปนา : ความสืบเนื่องและการเปล่ียนแปลง แนวคดิ ของคนในชุมชนลา นนาตอ การกลั ปนาคน. ดํารงวชิ าการ วารสาร รวมบทความทางวชิ าการ คณะโบราณคด.ี พระมหาขรรคช ยั จนทฺ โสภโณ. (๒๕๑๑). อนสุ รณง านเทศกาลนมัสการพระธาตุ เชงิ ชมุ . พระนคร : ไมปรากฏสถานท่ีพมิ พ. พจนวราภรณ เขจรเนตร. (๒๕๖๑). พงศาวดารเมืองสกลนคร : ฉบับลายมือ อาํ มาตยโ ท พระยาประจนั ตประเทศธานี (โงน คาํ พรหมสาขา ณ สกลนคร). สกลนคร : สมศกั ด์กิ ารพิมพ กรปุ สกลนคร. พชั นี จนั ทรสาขา. (๒๕๕๑). รอยรอยเกา สกลนคร. กรงุ เทพฯ : บริษทั รงุ ศิลป การพิมพ (๑๙๗๗) จาํ กัด. วโิ รฒ ศรีสโุ ร. (๒๕๓๑). ธาตุอสี าน. กรุงเทพฯ : บริษทั เมฆาเพรส จํากัด. ศักด์ิชัย สายสิงห. (๒๕๕๕). สถาปตยกรรมประเภท “เจดีย” (ธาตุ), เจดีย พระพทุ ธรปู ฮปู แตม สมิ ศลิ ปะลาวและอสี าน. กรงุ เทพฯ : บมจ. อมรนิ ทร พริ้นติง้ แอนดพ ับลชิ ชง่ิ . สรุ ตั น วรางคร ตั น. (๒๕๔๕). ประวตั ศิ าสตรส กลนคร. สกลนคร : สกลนครการพมิ พ. สงวน รอดบุญ. (๒๕๔๕). พทุ ธศิลปล าว. (พิมพค ร้ังที่ ๒). กรุงเทพฯ : สํานกั พมิ พ สายธาร. สํานักโบราณคดี กรมศิลปากร. (๒๕๕๐). ศัพทานุกรมโบราณคดี. กรุงเทพฯ : สํานักโบราณคดี กรมศลิ ปากร. สพสันต์ิ เพชรคํา. (๒๕๖๐). ประวัติศาสตรทองถิ่นสกลนคร. (พิมพครั้งที่ ๒). เชียงใหม : หจก. วนิดาการพิมพ. ๙๔

»Ò·ÇÅÑުѧà¨μÂÔ Ò¹ØÊó P ภาษาตา งประเทศ Santanee Pasuk, & Philip Stott. (2006). ROYAL SIAMESE MAPS. War and Trade in Nineteenth Century Thailand. Bangkok River. ขอมูลบคุ คลใหส มั ภาษณ พระเทพสิทธิโสภณ (สุรสีห) . เจาอาวาสวัดพระธาตุเชงิ ชุมวรวหิ าร, ใหส ัมภาษณ เรอื่ ง “ประวตั วิ ดั พระธาตเุ ชงิ ชมุ ”, สมั ภาษณเ มอ่ื วนั ที่ ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๕๗. นายวเิ ชยี ร วงศก าฬสนิ ธ.ุ ใหส มั ภาษณเ รอ่ื ง “วดั พระธาตเุ ชงิ ชมุ ในอดตี ”, สมั ภาษณ เมือ่ วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗. พระครสู กลวรานกุ จิ (สรุ ยิ า). ผชู ว ยเจา อาวาสวดั พระธาตเุ ชงิ ชมุ วรวหิ าร, ใหส มั ภาษณ เรอื่ ง “การปฏสิ งั ขรณว ดั พระธาตเุ ชงิ ชมุ ”, สมั ภาษณเ มอ่ื วนั ที่ ๒๕ ธนั วาคม ๒๕๖๓. ขอ มูลเว็บไซต ฐานขอมูลจารึกในประเทศไทย ศูนยมานุษยวิทยาสิรินธร (องคการมหาชน). คาํ คน หา “จารึกพระธาตุเชิงชุม”, สบื คน เม่อื วนั ที่ ๑๘ สงิ หาคม ๒๕๖๑. จาก http://www.sac.or.th. ๙๕



ภาคผนวก จารกึ วดั พระธาตุเชงิ ชมุ

P »Ò·ÇÅÑުѧà¨μÔÂÒ¹ØÊó จารึกวดั พระธาตเุ ชิงชุม๑ ชอ่ื จารกึ จารึกวัดพระธาตุเชงิ ชมุ อกั ษรที่มใี นจารึก ขอมโบราณ ศกั ราช พุทธศตวรรษที่ ๑๗ ภาษา เขมร ดา น/บรรทัด จํานวนดา น ๑ ดาน มี ๑๒ บรรทัด วัตถจุ ารึก ศลิ า ประเภทหินทราย ลักษณะวัตถุ หลกั สเี่ หลยี่ ม ขนาดวัตถุ กวา ง ๔๙ เซนตเิ มตร สูง ๕๒ เซนตเิ มตร เนื้อหาโดยสังเขป กลาวถึงการแบงเขตการปกครองที่ดินแกหัวหนาหมูบาน ผสู ราง แตล ะหมูบา น การกําหนดอายุ ไมป รากฏหลกั ฐาน ขอมลู อา งอิง หอสมุดแหงชาติไดกําหนดไววาจารึกหลักน้ีเปนจารึก ขอมโบราณ อายุพทุ ธศตวรรษที่ ๑๗ เรยี บเรยี งขอ มลู โดย : นวพรรณ ภทั รมลู , โครงการฐานขอ มลู จารกึ ในประเทศไทย, ศมส., ๒๕๔๗, จาก : ๑) Goerge Cœdès, “Piédroit de Săk’on Lăk’on (K. 369)”, in Inscriptions du Cambodge vol. VI (Hanoi : Imprimerie d’Extrême–Orient, 1954), pp. 281–283. ๑ ฐานขอ มลู จารกึ ในประเทศไทย ศนู ยม านษุ ยวทิ ยาสริ นิ ธร (องคก ารมหาชน) คาํ คน หา “จารกึ พระธาตเุ ชงิ ชมุ ” เวบ็ ไซต http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/ inscribe_detail.php?id=433. ๙๘

»Ò·ÇÅÞÑ ª§Ñ à¨μÔÂÒ¹ØÊó P ๒) อําไพ คําโท, “จารึกวัดพระธาตุเชิงชุม”, ใน จารึกใน ประเทศไทย เลม ๓ : อกั ษรขอม พทุ ธศตวรรษที่ ๑๕–๑๖ (กรงุ เทพฯ : หอสมดุ แหง ชาติ กรมศลิ ปากร, ๒๕๒๙), หนา ๒๘๔–๒๘๖. คาํ จารึก คําแปล ๑. //อษฏฺ มี โรจฺ เชสฺถ ชฺยานกฺษ ๑. แรม ๘ คาํ่ เดือน ๗ ชยานกั ษั – ๒. ตรฺ องคฺ ารวาร นุ เยงฺ สมายคุ ๒. ตร วันอังคาร ดวยพวกเราพากนั ไป ๓. ปงคฺ าปฺ ต โขฺลฺ วาล ต มลุ นุรฺ วิ ๓. ช้ีแจงตอขโลญพลผูเปนหัวหนาหมูบาน ๔. เนาวฺ มนฺ กํเสตฺ งฺ วาทยฺ ภมุ ยฺ อายฺ ชฺร ๕. เลงฺ กาํ ลุงฺ โคลฺ คุ เยงฺ ปงฺคาปฺ เนาวฺ อํ พะนรุ พิ – ๖. ปาลฺ ภุมยฺ คุ กํลงฺ โคลฺ สงิ ฺ นุ ต โลฺ ๔. เนา ตามคําแนะนําของกาํ เสตงวา ท่ีดนิ ๗. ต มุล ชฺรเลงฺ เกฺราวฺ โคลฺ สงิ ฺ ต โลฺ ๘. ต มลุ วฺนรุ ฺ วิ เนา // มทยฺ นกษตฺร ทช่ี ระ – ๙. อาทติ ยฺ วาร นุ โขลฺ  วฺ ล ชรฺ เลงฺ ชวฺ นฺ ขฺ ุ ํ ๕. เลงซึ่งอยูภายในหลักเขตน้ัน เราไดมอบ ๑๐. ๔ ต วรฺ ะ ถฺมรุ ฺ ปย ฺ ทนฺยีมฺ สรฺ ุ นุ เสรฺ ๑๑. จํามลกฺรานตฺ นุชา ป ทุกฺ นา องฺคุยฺ ใหหัวหนา ๑๒. โขฺลวฺ ล คิ นา อายตฺ โผงฺ / ๖. ที่ดินซ่ึงอยูในหลักเขตใหข้ึนอยูกับโลญ ๗. ผูเปนหัวหนาแหงหมูบานชระเลง สวน นอกหลกั เขตใหข ึ้นอยูกบั โลญ ๘. ผูเปนหัวหนาแหงหมูบานพะนุรพิเนา มัทยนกั ษตั ร ๙. วนั อาทติ ยโ ขลญพลแหง ชระเลง ถวายทาส ๑๐. ๔ คน แดเทวรปู ววั ๖ ตัวขา วเปลอื ก และนา ๑๑. แดส งกรานตและไวป ระจาํ แก ๑๒. โขลญพล เพือ่ ใหด แู ลในส่ิงทัง้ ปวง ๙๙

P »Ò·ÇÅÑÞª§Ñ à¨μÂÔ Ò¹ØÊó ลายเสน จารึกวดั พระธาตเุ ชงิ ชมุ ๑๐๐

»Ò·ÇÅÑÞª§Ñ à¨μÂÔ Ò¹ØÊó P ภาพสําเนาจารึกวัดพระธาตุเชิงชุม (ที่มา : ภาควชิ าภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร) ๑๐๑

P »Ò·ÇÅÑުѧà¨μÔÂÒ¹ÊØ ó นายพจนวราภรณ เขจรเนตร การศึกษา : มธั ยมศึกษา ๑–๓ โรงเรยี นสวางแดนดนิ จงั หวดั สกลนคร มธั ยมศึกษา ๔–๖ โรงเรียนสวา งแดนดิน จังหวัดสกลนคร ปรญิ ญาตรี สาขาวิชาสังคมศกึ ษา คณะครศุ าสตร มหาวทิ ยาลัย ราชภัฏสกลนคร ปจจบุ นั : นักวิชาการศึกษา สังกัดสถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร ผลงาน : หนังสือพทั ธสีมา (สมิ ) บานดา น หนังสอื พระนอนเชิงดอย หนงั สอื พงศาวดารเมอื งสกลนคร ฉบบั ลายมอื อาํ มาตยโ ท พระยา ประจนั ตประเทศธานี รอยเสด็จเยี่ยมราษฎร “จังหวัดสกลนคร” พุทธศักราช ๒๔๙๘ สถานท่ตี ิดตอ : พพิ ิธภัณฑเ มืองสกลนคร มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร โทรศพั ท ๐ ๔๒๗๔ ๔๐๐๙ มอื ถอื ๐๖ ๓๗๒๐ ๕๑๑๑ E–mail : [email protected] Facebook : Waraporn Pojjahnawaraporn ๑๐๒



สถาบนั ภาษา ศลิ ปะและวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสกลนคร ISBN 978-974-445-658-8 เลขที่ ๖๘๐ หมทู ่ี ๑๑ ถนนนิตโย ตําบลธาตเุ ชงิ ชมุ อาํ เภอเมอื งสกลนคร จังหวดั สกลนคร โทรศัพท ๐ ๔๒๗๔ ๔๐๐๙ 9 789744 456588


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook