โครงการอบรมการดาเนนิ การทางวินยั การอุทธรณ์ร้องทกุ ข์และความรบั ผดิ ทางละเมดิ เรื่อง วินัยและการรักษาวินัย วันท่ี 6 มีนาคม 2561 เวลา 09.00 น. – 16.00 น. ณ โรงแรมลี การ์เด้น อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา กล่มุ เสริมสรา้ งวินยั และระบบคณุ ธรรม สป.
การรกั ษาวินัยข้าราชการ พนักงานราชการ ลกู จ้างประจา พนักงานกระทรวงสาธารณสขุ นายเรืองรัตน์ บวั สัมฤทธิ์ อดีตผูอ้ านวยการ กล่มุ เสริมสร้างวินยั และระบบคณุ ธรรม สานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ 2
การรกั ษาวินัยข้าราชการ พนักงานราชการ ลกู จ้างประจา พนักงานกระทรวงสาธารณสขุ .................... การบรรยายในหมวดวินัยและการรักษาวินัย ประกอบด้วย 1. วินัยและการรักษาวินัย ข้าราชการ พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการฯ พ.ศ. 2551 มาตรา 80-89 2. วินัยและการรักษาวินัย พนักงานราชการ ระเบยี บสานักนายกฯ ว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547 ข้อ 22, ข้อ 23, ข้อ 24(1)-(9), ข้อ 25-27 ข้อกาหนดกรมสขุ ภาพจิต ว่าด้วยข้อห้ามและข้อปฏิบัติของ พนักงานราชการฯ พ.ศ. 2553 ข้อ 1(1)-(16) และ ข้อ 2(1)-(3)
3. วินัยและการรักษาวินัย พนักงานกระทรวงสาธารณสขุ ระเบยี บกระทรวงสาธารณสขุ ว่าด้วยพนักงาน กระทรวงสาธารณสขุ พ.ศ. 2556 ข้อ 10 ให้นา ระเบยี บกระทรวงการคลังว่าด้วยลกู จ้างประจาของ ส่วนราชการ พ.ศ. 2537 มาใช้บงั คับโดยอนโุ ลม 4. วินัยและการรักษาวินัย ลกู จ้างประจา ระเบยี บกระทรวงการคลัง ว่าด้วยลกู จ้างประจา ของส่วนราชการ พ.ศ. 2537 ข้อ 28-49 ....................
กระบวนการดาเนินการทางวินัย โดยสรปุ ... การต้ังเร่ืองกล่าวหา การสืบสวน/สอบสวน ข้อเท็จจริงที่ได้จากการสืบสวน/ การเสนอโทษ สอบสวนและรับฟั งเป็ นท่ียุติแล้ว การรายงาน การสืบสวน/สอบสวน การปรบั บทมาตรา จบ..หน้าท่ีของคณะกรรมการฯ และฐานความผดิ การบรรยาย วันน้ี
การดาเนินการทางวินัย 1. เม่อื มกี ารกล่าวหาหรือมีกรณีเป็ นท่ีสงสัย ว่าข้าราชการ พลเรือนสามญั ผูใ้ ด กระทาผดิ วินยั ให้ ผบ. รายงาน ผบ. ซ่ึงมอี านาจสั่งบรรจตุ าม ม.57 ทราบโดยเร็ว ให้ ผบ. ซ่ึงมีอานาจสั่งบรรจตุ าม ม.57 ดาเนนิ การตาม พรบ.น้ี โดยเร็ว ด้วยความ ยุติธรรมและโดยปราศจากอคติ อานาจการดาเนนิ การทางวินยั ของ ผบ.ซึ่งมอี านาจ ม. 90 ส่ังบรรจตุ าม ม. 57 จะมอบหมายให้ ผบ. ระดับต่า ลงไปปฏิบัติแทนได้ ตามหลักเกณฑ์ที่ ก.พ. กาหนด
2. เมอ่ื ได้รับรายงานจาก ผบ. ตามมาตรา 90 ให้ผูม้ อี านาจสั่งบรรจุ ตาม ม.57 รีบดาเนินการ ม. 91 หรือสั่งให้ 2.1 ดาเนินการสืบสวน หรือ 2.2 พจิ ารณาในเบ้อื งต้น “ ว่ากรณีมมี ลู ท่ีควรกล่าวหาว่าผูน้ ั้นกระทาผดิ หรอื ไม่ ” “ กรณีไมม่ มี ลู ฯ ก็ให้สั่งยุติเรื่อง ”
3. กรณีผลการสืบสวน หรือพจิ ารณาในเบ้อื งต้น ม. 92 ปรากฏว่า 3.1 ผูถ้ กู กล่าวหาไม่ได้กระทาผดิ ให้ผูม้ อี านาจ ส่ังบรรจุ ตาม ม.57 สั่งยุติเรื่อง 3.2 กรณมี มี ลู ถ้ามิใช่เป็ นความผดิ วินัยอย่างร้าย แรงและได้แจ้งข้อกล่าวหา และสรปุ พยานหลักฐานให้ผู้ ถกู กล่าวหาทราบ พร้อมทั้งรับฟั งคาช้ีแจงของผูถ้ กู กล่าวหาแล้ว ให้ผูม้ อี านาจสั่งบรรจุ ตาม ม.57 ส่ัง ลงโทษได้โดยไม่แต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนก็ได้
3.3 กรณมี มี ลู เป็ นความผดิ วินยั อย่างร้ายแรง ให้ผู้ ม. 93 มอี านาจส่ังบรรจุ ตาม ม.57 แต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวน ในการสอบสวนต้องแจ้งข้อกล่าวหาและสรปุ พยานหลักฐานใหผ้ ูถ้ กู กล่าวหาทราบ พรอ้ มทั้งรบั ฟั ง คาช้ีแจงของผูถ้ กู กล่าว เมือ่ คณะกรรมการสอบสวน ดาเนินการเสร็จแล้ว ให้รายงานผลการสอบสวน และ ความเห็นต่อ ผบ. ซ่ึงมีอานาจส่ังบรรจุ ตาม ม.57 (1) กรณี ผบ. ซ่ึงมีอานาจส่ังบรรจุ ตาม ม.57 เห็นว่าผูถ้ กู กล่าวหาไมไ่ ด้กระทาผดิ ให้สั่งยุติเร่ือง
(2) กรณี ผบ. ซึ่งมอี านาจสั่งบรรจตุ าม ม. 93 ต่อ ม.57 เห็นว่าผูถ้ กู กล่าวหาได้กระทาผดิ ตาม ข้อกล่าวหา ให้ดาเนินการตาม ม. 96 หรือ ม. 97 แล้วแต่กรณี ม. 96 ส่ังลงโทษไม่ร้ายแรง คือ ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดเงินเดือน หรือ ทาทัณฑ์บน,ว่ากล่าวตักเตือน
ม. 97 คณะกรรมการสอบสวน หรือผูส้ ่ัง ม. 93ต่อ แต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวน เห็นว่าผูถ้ กู กล่าวหากระทาผดิ วินยั อย่างร้ายแรง ให้ผูม้ ี อานาจสั่งบรรจตุ าม ม. 57 ส่งเร่ืองให้ อ.ก.พ.จังหวัด, อ.ก.พ.กรม, อ.ก.พ.กระทรวง พจิ ารณา แล้วให้ผูม้ สี ั่งอานาจสั่งบรรจุ สั่งหรือ ปฏิบัติตามมติของ อ.ก.พ. (ลงโทษร้ายแรง หรือ ไม่รา้ ยแรง) ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ์และวิธี การท่ีก.พ.กาหนด(ร้ายแรง..ปลดออก,ไล่ออก)
วินยั ข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2551 ความหมายของวินัยคือ... 1. ข้อห้ามและข้อให้ปฏิบตั ิ ตามที่กฎหมายกาหนดให้ ข้าราชการประพฤติปฏิบตั ิ ผูใ้ ดมีเจตนาฝ่ าฝื นหรือประมาท เลินเล่อ ในหน้าท่ีราชการ ผูน้ ั้นเป็ นผูก้ ระทาผดิ วินัย หรือ 2. แบบแผนความประพฤติ ท่ีกาหนดให้ข้าราชการ พงึ ควบคุมตนเองและควบคุมผูใ้ ต้บังคับบญั ชา ให้ประพฤติ หรือปฏิบัติตามท่ีกฎหมาย ระเบยี บแบบแผนของทางราชการ กาหนดไว้ 12
ความหมาย “วินัย” พฤติกรรม งานราชการ เร่ืองส่วนตัว 13
เหตทุ ี่นาความประพฤติส่วนตัวมาอยู่ในกรอบของวินัย ฝ่ ายการเมอื ง/รฐั บาล เป็ นแบบอย่างท่ีดี นโยบายรัฐบาล ความประพฤติส่วนตัว ข้าราชการ/จนท. วินยั ...จึงใช้ควบคุมความประพฤติข้าราชการ/จนท. ท้ัง 24 ช.ม. 14
ขอบเขตของวินัยข้าราชการ ขอบเขตของวินัย ? ควรจากัดอยู่ในกรอบของจดุ มงุ่ หมายเท่าน้นั กรอบของจุดมงุ่ หมาย คือ...(ภาพใหญ่) เพอ่ื ประชาชน...บรกิ าร, แบบอย่างที่ดี เพอื่ ราชการ...ผลงาน, เช่ือเสียง การกระทาท่ีไมก่ ระทบต่อกรอบของจดุ มงุ่ หมาย ก็ไมค่ วรอยู่ในข่ายของวินัยข้าราชการ 15
ขอบเขตของวินัย เรื่องความประพฤติส่วนตัว? ความประพฤติส่วนตัวท่ีไมเ่ ก่ียวกับงาน ให้พจิ ารณาจาก การรักษาชื่อเสียงของตน การรักษาเกียรติศักด์ิของตาแหน่งหน้าที่ เช่ือเสียงและเกียรติศักด์ิ เป็ นส่ิงที่ราชการกาหนดให้ทา.. การรักษาชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ คือ การกระทา หรือความประพฤติ ต้องเป็ นแบบอย่างที่ดี คาว่า “เกียรติ” คือ ความยกย่องนับถือ “เกียรติศักดิ์” คือ เกียรติตามฐานะของแต่ละบคุ คล การพจิ ารณา..ผูท้ ี่เห็นการกระทาของเรา..จะร้วู ่าเรา เป็ นเจ้าหน้าท่ีของรัฐ หรือไม่ ไมส่ าคัญ
ต้อมงาสตภุ ราาพ8เร2ีย(บ7ร)อ้ ย แมก้ เารร่ือกงรเะดทียานวกั้นันจะเป็ น รักษาความสามัคคีกัน ตัวอย่าง... A A การกระทา A ไมก่ ระทบต่อกรอบ... ไมผ่ ดิ วินัย การกระทา A กระทบต่อกรอบ....... ผดิ วินัย 17
ตัวอย่าง : กรอบของจดุ มงุ่ หมาย...เรื่องการแต่งกาย ระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรี ลงวันท่ี 6 มถิ นุ ายน 2516 เรื่องการไว้ผมและแต่งกายเพอ่ื เป็ นแบบอย่างแก่ประชาชน .ข้าราชการ,ลกู จ้าง ชาย ไมใ่ หไ้ ว้ผมยาวปิ ดตีนผม .ข้าราชการ,ลกู จ้าง หญิง ไมใ่ ห้สวมกระโปรงสั้นเหนือเข่า .ข้าราชการ,ลกู จ้าง ชายและหญิง ไมใ่ ห้คาดเข็มขัดใต้สะดือ “ ให้ถือว่าไมป่ ฏิบตั ิตามคาสั่งของผูบ้ งั คับบญั ชา” 18
การกระทาต่อไปน้ีกระทบต่อกรอบของจุดม่งุ หมาย? 1. ด่ืมสรุ านอกเวลาราชการ แต่มาเมาในเวลา 2. มเี มยี น้อย แต่เมียหลวงไม่ว่าอะไร 3. ยืมเงินแล้ว ไมใ่ ช้คืน ................................. 19
โทษทางวินัยมี 5 สถาน ไมร่ ้ายแรง รา้ ยแรง 1. ปลดออก 1. ภาคทัณฑ์ 2. ไล่ออก 2. ตัดเงินเดือน(2% หรือ 4% เป็ นเวลา 1,2 หรอื 3 เดือน) 3. ลดเงินเดือน (2 % หรอื 4 %) การกระทา...กระทบต่อกรอบรนุ แรงแค่ไหน 20
หลักการลงโทษทางวินัย มี 4 ประการ 1. หลักนิติธรรม 2. หลักมโนธรรม 3. หลักความเป็ นธรรม 4. หลักนโยบายของทางราชการ 5. หลักอานาจผูกพนั หรอื อานาจดุลพนิ ิจ ข้อควรระวัง การเสนอเพม่ิ โทษ เป็ นอานาจดุลพนิ ิจ ควรพจิ ารณาหลักมโนธรรมให้มาก/
หลักมโนธรรม การพจิ ารณาโทษ ต้องคานึงถึงความเป็ นจริง ถกู ต้อง เหมาะสม ตามเหตผุ ลที่ควรจะเป็ น โดยคานึงถึงลักษณะ การกระทาผดิ ผลของการกระทา คณุ ความดีของผูก้ ระ ทาผดิ การให้โอกาสแก้ไขความประพฤติ เหตเุ บ้อื งหลัง การกระทาผดิ และสภาพของผูก้ ระทาผดิ เช่น...1. นาย ก., นาย ข., และนาย ค. ละท้ิงหน้าท่ี ราชการคนละ 5 วัน ต้องลงโทษเท่ากันไหม ? 2. เจ้าหน้าท่ีการเงิน นาเงินราชการ 20,000 บ. ไปรักษาแม่
มติ ค.ร.ม.ท่ี นร 0205/ว 234 ลงวันท่ี 21 ธันวาคม 2536 การลงโทษผูก้ ระทาผดิ วินัย 2 กรณี ดังน้ี 1. กรณีทจุ ริตต่อหน้าที่ราชการ 2. กรณีละท้ิงหน้าท่ีราชการติดต่อในคราวเดียวกัน เป็ นเวลาเกินกว่า 15 วัน โดยไมม่ ีเหตผุ ลอันสมควร และไมก่ ลับมาปฏิบัติราชการอีกเลย ควรลงโทษไล่ออกจากราชการ การนาเงินมาคืน หรือมเี หตลุ ดหย่อนอย่างอื่น ก็ไม่อาจลดหย่อนโทษได้ .................................. 23
การลงโทษทางวินัย : กับข้าราชการบางตาแหน่ง ข้าราชการทั่วไป ข้าราชการตาแหน่งท่ีต้อง ต้องเป็ นแบบอย่างที่ดี เป็ นแบบอย่างที่ดีมาก เช่น ธรุ การ, การเงิน เช่น คร,ู อาจารย์ นักจัดการงานท่ัวไป, ผูพ้ พิ ากษา, อัยการ บคุ ลากรทางการแพทย์ ตารวจ, นักกฎหมาย การพนัน,อนาจาร,ช้สู าว 24
หลักการหรือเจตนารมณ์ของกฎหมาย กฎหมายอาญา วินัยข้าราชการ เพอ่ื ....... เพอ่ื ...... -ปราบผูร้ า้ ย -ปราบคนในครอบครวั -ปราบโจร -ปราบลกู หลาน เช่น การปลอมเอกสารเพอ่ื นามาใช้สิทธิ กับทางราชการ -ตนเองมสี ิทธิ -ตนเองไมม่ สี ิทธิ
ตัวอย่างของ ก.พ. ... เจ้าหน้าท่ีการเงิน แย่งปื นจาก สามีซึ่งเป็ นตารวจและยิงสามตี าย เนื่องจากบันดาลโทสะเพราะ สามที อดท้ิงตนและบตุ ร ขนของไปอยู่กับภรรยาใหม่ซ่ึงเป็ นหญิง พาร์ตเนอร์ ตน ไมย่ อมให้ไป จึงถกู สามีถีบทาร้ายหลายคร้งั และ ด่าว่า “ อีสัตว์ อีเห้ีย อีกะหร่ี กะหรี่ทั้งก๊ก” โทษทางอาญา โทษทางนยั - ศาลพพิ ากษาลงโทษ - ไมม่ ีความผดิ จาคุก 2 ปี แต่ให้รอการ ลงโทษไว้ 4 ปี
โครงสร้างวินัยข้าราชการ ข้าราชการต้องมีวินยั ต่อ 1. ประเทศชาติ ม. 81 2. ตาแหน่งหน้าที่ราชการ ม. 82(1)(2)(3)(5) (6)(9), ม. 83(3)(4)(5), ม. 85(1)(2)(3) 3. ผูบ้ ังคับบญั ชา ม. 82(4), ม. 83(1)(2) 4. ผูร้ ว่ มงาน ม. 82(7), ม. 83(7) 5. ประชาชน ม. 82(8), ม. 83(9), ม. 85(5) 6. ตนเอง ม. 82(10), ม. 83(6)(8), ม. 85(4)(6).
หมวดท่ี 6 วินัยและการรักษาวินยั (พ.ศ. 2551) ลักษณะการบญั ญัติกฎหมาย ให้กระทาการอัน ต้องไม่กระทาการ การกระทาผดิ เป็ นข้อปฏิบตั ิ อันเป็ นข้อห้าม วินยั อย่างร้ายแรง (ม. 83) (ม. 82) (ม. 85) ถ้าเกิดผลเสียหายต่อทางราชการอย่างรา้ ยแรง 1. เป็ นเงิน ก็เป็ นความผดิ ทางวินัยอย่างรา้ ยแรง ม. 85(7) 2. ช่ือเสียง 3. ความเช่ือถือ 4. ระบบราชการ 28
ข้อกาหนดวินยั ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 80 วรรค 1 ต้องรักษาวินัยโดยกระทาการ หรอื ไมก่ ระทาการตามท่ีบญั ญัติไว้ในหมวดน้ี โดยเคร่ง ครดั อยู่เสมอ วรรค 2 ข้าราชการผูป้ ฏิบัติราชการ ในต่าง ประเทศ นอกจากต้องรักษาวินัย ตามที่บญั ญัติไว้ ในหมวดน้ีแล้ว ต้องรักษาวินัยโดยกระทาการ หรือ ไมก่ ระทาการตามที่กาหนดไว้ในกฎ ก.พ. ด้วย
การพจิ ารณาองค์ประกอบความผดิ เพอ่ื นาข้อเท็จจริงมาปรับกับข้อกฎหมาย มีองค์ประกอบในการพจิ ารณา ดังน้ี 1. องค์ประกอบภายนอก - ตัวบทกฎหมาย ตามมาตราต่างๆ 2. องค์ประกอบภายใน - เจตนา ยกเว้น การกระทาโดยประมาท **หมายเหตุ ความผดิ ทางวินัย ไม่มคี วามรับผดิ โดยเด็ดขาด (Strict liability) คือแม้การกระทานั้น ไมม่ เี จตนา หรือไมไ่ ด้ประมาท...ผูก้ ระทาก็ต้องรับผดิ
การกระทาโดยเจตนา องค์ประกอบของการกระทาโดยเจตนา คือ 1. การกระทาโดยร้สู านึกในการกระทาน้นั และ 2. ในขณะเดียวกันผูก้ ระทา ประสงค์ต่อผล ของการกระทา หรือ ย่อมเล็งเห็นผล ของการกระทา คาว่า “การกระทาในทางอาญา” ให้หมายความ รวมถึง การงดเว้นการกระทาเพอ่ื ป้ องกันผล อันหนึ่งอันใดที่จะเกิดข้ึนด้วย.
การนาข้อเท็จจริงมาปรับกับข้อกฎหมาย 1.ข้อเท็จจริง เป็ นความผดิ ผดิ วินัย ตามระเบียบใด ฐานใด ตามกฎหมายใด ตามมาตราใด เช่น ความผดิ เกี่ยวกับการเงิน หรือพสั ดุ 2.ข้อเท็จจริง ผดิ วินยั ฐานใด ตามมาตราใด เช่น ความผดิ ฐานประพฤติชั่ว, เส่ือมเสีย
การพจิ ารณาองค์ประกอบความผดิ ทางวินัย คาว่า “หน้าที่ราชการ” 1. หน้าที่โดยตรง ✓ 2. หน้าที่ท่ัวไป คือหน้าที่ตาม... คือมิใช่หน้าท่ีตามข้อ 1 - กฎหมาย หรือระเบยี บ - ลงชื่อมาทางาน - มาตรฐานกาหนดตาแหน่ง - เบิกค่าเบ้ยี เล้ียงฯ - คาสั่งหรือการมอบหมาย - เบกิ เช่าบ้าน,ค่ารักษาฯ - เบิกเงินอื่นๆ ในทานอง ของผูบ้ งั คับบัญชา - พฤตินยั เดียวกัน คาว่า “ปฏิบตั ิหน้าที่ราชการ” และ “ การปฏิบัติราชการ”
บทวินัยข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 81 ข้าราชการต้องสนับสนนุ การปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็ นประมขุ ด้วยความบริสทุ ธ์ิใจ การสนบั สนนุ คือส่งเสริม, ช่วยเหลือ การไม่สนับสนนุ คือ การไม่เลื่อมใส, การเป็ นปฏิปั กษ์ การไม่เลื่อมใส จะรับราชการไมไ่ ด้..ม.36 ก (3) การเป็ นปฏิปั กษ์...อาจผดิ วินัยร้ายแรงได้
มาตรา 82 ข้าราชการต้องกระทาการอัน เป็ นข้อปฏิบตั ิ ดังต่อไปน้ี มาตรา 82(1) ต้องปฏิบตั ิหน้าท่ีราชการด้วยความซ่ือสัตย์ สจุ ริตและเที่ยงธรรม มีองค์ประกอบ 1. มหี น้าท่ีราชการ 2. ปฏิบตั ิหน้าท่ีราชการด้วยความซ่ือสัตย์ สจุ ริตและเท่ียงธรรม ซื่อสัตย์.. ตรงไปตรงมา,ไม่คดโกง,ไมห่ ลอกลวง สจุ ริต..ปฏิบตั ิในทางที่ดีท่ีชอบตามคลองธรรม เที่ยงธรรม..ปฏิบตั ิโดยไม่ลาเอียง
คาว่า “หน้าท่ีราชการ” (ปฏิบตั ิหน้าท่ีราชการ กับ ปฏิบตั ิราชการ) 1. หมายถึง หน้าท่ีราชการโดยตรงเท่าน้ัน 2. การปฏิบตั ิราชการ แมน้ อกสถานที่ราชการ หรอื ปฏิบตั ิราชการในวันหยุด ถือว่ามหี น้าท่ีด้วย 3. การพจิ ารณาว่าข้าราชมหี น้าท่ีราชการหรือไม่ ก.พ. วางแนวทางพจิ ารณาดังน้ี 3.1 กฎหมายหรือระเบยี บราชการ 3.2 มาตรฐานกาหนดตาแหน่ง 3.3 คาสั่งหรือการมอบหมายจาก ผูบ้ งั คับบญั ชา 3.4 พฤตินัย คือสมคั รใจเข้าผูกพนั ตนรับเป็ นหน้าท่ี? เช่น จ.ธรุ การ รับฝากเงินจากเจ้าหน้าที่การเงิน...?
มาตรา 82(2) ต้องปฏิบัติหน้าท่ีราชการใหเ้ ป็ น ไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี นโยบายของ รัฐบาล และปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ มอี งค์ประกอบ พ.ร.บ. ก่อนๆ จะอยู่ 1. ปฏิบตั ิหน้าที่ราชการ คนละมาตรา 2. ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล 3. ปฏิบตั ิตามระเบยี บแบบแผนของทางราชการ มาตราน้ี มี 2 ฐานความผดิ ฐานท่ี 1 ต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการตามกฎหมาย กฎ .... ฐานท่ี 2 ต้องปฏิบัติตามระเบยี บแบบแผน....
กฎหมาย, กฎ กฎหมาย หรือ กฎ ใดก็ได้ ระเบยี บของทางราชการ (มติ ครม.,นโยบายฯ) หน้าท่ีโดยตรง เป็ นระเบยี บเฉพาะท่ีใช้ในการปฏิบตั ิงาน เช่น ระเบยี บการเงิน, ระเบยี บพสั ดุ, ระเบยี บแบบแผนของทางราชการ หน้าที่ท่ัวไป เป็ นระเบยี บแบบแผนทั่วไป ท่ีไมไ่ ด้ใช้ในการปฏิบตั ิงาน จะกาหนดไว้เป็ นลายลักษณ์อักษร หรอื ไมก่ ็ได้ - ระเบยี บลงซื่อ ระเบยี บการแต่งกาย, การเสนองาน
ระเบยี บแบบแผนของทางราชการ ตาม ม. 82(2) “ แบบแผน” คือขนบธรรมเนียมท่ีกาหนดไว้ หรือเคย ประพฤติปฏิบตั ิสืบต่อกันมา แบบแผนต้องไมข่ ัดต่อกฎหมาย 1. เป็ นระเบยี บแบบแผนของทางราชการท่ัวไป 2. กาหนดหน้าท่ีท่ัวไปท่ีทกุ คนต้องปฏิบตั ิตาม 3. ไมจ่ าเป็ นต้องกาหนดไว้เป็ นลายลักษณ์อักษรก็ได้ ระเบยี บลงช่ือมาปฏิบตั ิราชการ ระเบยี บการแต่งกาย ระเบียบการลาหยุดราชการ แบบแผนในการเสนองานต่อผูบ้ ังคับบญั ชา
มาตรา 82(3) ต้องปฏิบัติหน้าท่ีราชการ ให้เกิดผลดีหรือ ความก้าวหนา้ แก่ราชการ ด้วยความตั้งใจ อุตสาหะ เอาใจใส่ และรักษาประโยชนข์ องทางราชการ มีองค์ประกอบ 1. ปฏิบตั ิหน้าที่ราชการ 2. ให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการ มาตราน้ี ถือเอาผลงาน คืองานเกิดผลดี หรืองานก้าวหน้า *** สาหรับความต้ังใจ อุตสาหะ เอาใจใส่ และการรักษา ประโยชน์เป็ นเพยี งแนวทางในการปฏิบัติงาน *** พ.ร.บ. 2535 “ต้องต้ังใจปฏิบตั ิหน้าท่ีราชการ ให้เกิดผลดี....
มาตรา 82(4) ต้องปฏิบตั ิตามคาสั่งของผูบ้ ังคับบญั ชา ซ่ึงส่ัง ในหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของ ทางราชการ โดยไมข่ ัดขืนหรือหลีกเลี่ยง แต่ถ้าเห็นว่า การปฏิบัติตามคาส่ังนั้น จะทาให้เสียหายแก่ราชการ หรือ จะเป็ นการไมร่ ักษาประโยชนข์ องทางราชการ จะ ต้องเสนอความเห็นเป็ นหนังสือทันที เพอื่ ให้ผูบ้ งั คับ บญั ชาทบทวนคาส่ังน้ัน และเมอ่ื ได้เสนอความเห็นแล้ว ถ้าผูบ้ ังคับบัญชายืนยันให้ปฏิบตั ิตามคาส่ังเดิม ผูอ้ ยู่ ใต้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติตาม
องค์ประกอบ มาตรา 82(4) 1. มคี าส่ังผูบ้ งั คับบญั ชา...ส่ังด้วยวาจาก็ได้ 2. ผูส้ ่ังเป็ นผูบ้ งั คับบญั ชาตามกฎหมาย 3. สั่งในหน้าที่ราชการ.... ผูส้ ั่งมหี น้าท่ีราชการ สั่งให้ปฏิบตั ิราชการ 4. เป็ นคาส่ังที่ชอบด้วยกฎหมาย ระเบยี บ 5. ถ้าเห็นว่าคาสั่งที่ชอบนั้น จะเป็ นการเสียหายแก่ราชการ หรอื จะไม่เป็ นการรักษาประโยชน์ของทางราชการ จะต้อง ความเห็นเป็ นหนังสือทันที เพอื่ ให้ผูบ้ งั คับบญั ชาทบทวน คาสั่งน้ัน ***กรณีผูส้ ั่ง ไมใ่ ช่ผูบ้ งั คับบญั ชาตามกฎหมาย ผดิ ...?
ผูบ้ งั คับบญั ชา มี 2 ประเภท 1. ผูบ้ ังคับบัญชาตามกฎหมาย 1.1 มีกฎหมายกาหนดไว้ พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผน่ ดิน พ.ศ. 2534 พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ 1.2 ได้รับมอบอานาจ จากผูม้ อี านาจส่ังบรรจุ มาตรา 49 พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรอื นฯ 2551 สนง. ก.พ. ที่ นร 1001/ว 23 ลว. 18 ก.ย. 2552 2. ผูบ้ ังคับบัญชา ไมต่ ามกฎหมาย
ผูม้ ีอานาจสั่งบรรจุ (ปลัดกระทรวงสาธารณสขุ ) ได้มอบ อานาจ ใหบ้ คุ คลต่อไปน้ีเป็ นผูบ้ งั คับบญั ชาตามกฎหมาย (คาส่ังกระทรวง ท่ี 897/2559, 19 พ.ค. 2559) 1. นายแพทย์สาธารณสขุ จังหวัด 2. สาธารณสขุ อาเภอ เทียบเท่า 3. ผอ. รพ.ศูนย์/ท่ัวไป/ชมุ ชน ผูอ้ านวยการกอง 4. ผอ. วิทยาลัยฯ มีอานาจอะไรบ้าง 5. ผอ. สานกั เขตสขุ ภาพ 6. ผอ. รพ.ส่งเสริมสขุ ภาพตาบล 7. หน.สอ. เฉลิมพระเกียรติ 8. ..............
นายแพทย์สาธารณสขุ จังหวัด, สาธารณสขุ อาเภอ พ.ร.บ. ระเบยี บบริหารราชการแผน่ ดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 60 ให้แบ่งส่วนราชการของจังหวัดดังน้ี (1).............. (2) ส่วนราชการต่างๆ ซ่ึงกระทรวง ทบวง กรม ได้ต้ังข้ึน มีหน้าท่ีเก่ียวกับราชการของกระทรวง ทบวง กรม น้ัน มหี ัวหน้าส่วน ราชการประจาจังหวัดนั้นๆ เป็ นผูป้ กครองบงั คับบญั ชารับผดิ ชอบ มาตรา 63 ในอาเภอหน่ึง นอกจากจะมีนายอาเภอเป็ นผูป้ กครอง บงั คับบญั ชา ให้มปี ลัดอาเภอและหัวหน้าส่วนราชการประจาอาเภอ ซ่ึงกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ส่งมาประจาให้ปฏิบัติหน้าทเ่ี ป็ นผู้ ช่วยเหลือนายอาเภอ และมอี านาจบงั คับบัญชาข้าราชการ.......
อานาจของผูบ้ ังคับบญั ชา แบง่ ได้ 2 กรณี (1) อานาจผูกพนั คืออานาจท่ีกฎหมายกาหนดไว้ เป็ นการล่วงหน้าว่า เมอื่ มขี ้อเท็จจริงอย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดข้ึน ผูบ้ งั คับบญั ชาต้องสั่งการตามที่กฎหมายกาหนด ไมอ่ าจเลือกส่ังการเป็ นอย่างอื่นได้. (2) อานาจดุลพนิ ิจ คืออานาจที่ผูบ้ งั คับบญั ชา มอี ิสระ ในการที่จะเลือกตัดสินใจภายใต้กรอบของกฎหมาย เมอื่ มขี ้อ เท็จจริงอย่างใดอย่างหน่ึงเกิดข้ึน ว่าตนจะใช้อานาจหรือไม่ ถ้าจะใช้อานาจก็ยังมดี ุลพนิ ิจอีกว่า จะเลือกส่ังอย่างไรและ เลือกส่ังอย่างไรก็ถกู ต้องทั้งหมด.
การลาพกั ผอ่ น.... 1. ข้าราชการมีสิทธิลาพกั ผอ่ น ปี หนึ่ง 10 วัน... ผูกพนั 2. ผบ. จะอนญุ าตครง้ั เดียวหรอื หลายคร้ังก็ได้ โดยมิให้เสียหายแก่ราชการ... ดุลพนิ ิจ การลากิจส่วนตัว... การลากิจส่วนตัวด้วยเหตอุ ื่นๆ กรณเี หตธุ รรมดา ต้องมีคาส่ังอนญุ าตก่อน...ดุลพนิ ิจ กรณีเหตจุ าเป็ น คือไม่อาจรอรับคาส่ังอนญุ าตได้... ผูกพนั กรณีเหตพุ เิ ศษ คือไม่อาจส่งใบลาก่อนได้... ผูกพนั 47
มหี ลักพจิ ารณาอย่างไร จึงจะร้วู ่าเป็ นอานาจ “ผูกพนั หรือ ดุลพนิ จิ ” ให้พจิ ารณาจากตัวบทประกอบเจตนารมณ์ของกฎหมาย 1. อานาจผูกพนั กรณเี ป็ นสิทธิของข้าราชการ เป็ นอานาจผูกพนั เช่น 1.1 สิทธิลาพกั ผอ่ น ปี หน่ึง 10 วัน 1.2 สิทธิเบกิ ค่าเช่าบา้ น 1.3 สิทธิลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบตุ ร 15 วัน ***1.4 สิทธิขอลากิจเพอื่ เล้ียงดบู ตุ ร 150 วัน - ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการลาได้ หรือไม่?
2. อานาจดุลพนิ ิจ....ภายใต้เง่ือนไข -เจ้าหน้าที่มอี ิสระในการตัดสินใจ ตัดสินใจอย่างไร ตัดสินใจอย่างไรก็ถกู ทั้งหมด ภายใต้เงื่อนไข คือ ต้องอยู่ภายในกรอบของกฎหมาย คือเป็ นไปตาม เจตนาและวัตถปุ ระสงค์ของกฎหมายและปฏิบัติได้ เช่น - การย้าย, การเลื่อนระดับ, การโอน - การอนญุ าต ให้ลากิจเหตทุ ั่วไป, ลาผกั ผอ่ น - ให้ไปศึกษาต่อ, ให้ไปฝึ กอบรม
การใช้อานาจผูกพนั และอานาจดลุ พนิ ิจ สิทธิเบกิ ค่าท่ีพกั ไปราชการ ในราชอาณาจักร ผูกพนั กรณใี ช้สิทธิเบิกในลักษณะเหมาจ่าย ให้เบิกในอัตราดังน้ี ดุลพนิ ิจ -ชานาญการพเิ ศษ 8 ลงมา ไม่เกิน 800 บาท -เชียวชาญ ข้ึนไป ไมเ่ กิน 1,200 บาท กาหนดเท่าไร จึงจะเรยี กว่าเป็ นการใช้ดุลพนิ ิจที่ไม่ชอบ...? การไปราชการเป็ นหม่คู ณะ ให้ใช้สิทธิเบกิ เหมือนกัน....?
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122