Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เมธีวชิราภิรัตกถา

เมธีวชิราภิรัตกถา

Published by Thanakarn khumphai, 2023-07-24 10:16:28

Description: เมธีวชิราภิรัตกถา

Search

Read the Text Version

พระ กรุณาทรงตั้ง สมณศักดิ์ เมธี สมสังฆลักษณ์ ยิ่งแล้ว วชิรา พ้องพระทรงจักร อภิไธย ภิรัต รัตนาหนึ่งแก้ว ค่าล้วน ควรนครฯ วันพระ สืบสกุลจินดา ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖

ชื่อหนังสือ : เมธีวชิราภิรัตกถา ผู้แต่ง : พระเมธีวชิราภิรัต, ผศ.ดร. (ธรรมรัต อริยธมฺโม ป.ธ.๕) ที่ปรึกษา : เรืออากาศโท สมพร ปานดำ ดร.นิรุตต์ บุตรแสนลี นางบุษรา ทองมณี เรียบเรียง : นายธนาคาร คุ้มภัย โครงสี่สุภาพ : นายวันพระ สืบสกุลจินดา ตรวจทาน : พระมหาวิศิษย์ศักดิ์ วิสิฏฺฐเวที พระมหาอดิศักดิ์ คเวสโก จัดรูปเล่ม : นางสาวภัทฐิตา คงเพ็ชร์ นายนพดล จันทร์หอม ออกแบบปก : นายพชร ทองนอก

เมธีวชิราภิรัตมุทิตา พระเมธีวชิราภิรัต (ธรรมรัต อริยธมฺโม-ยศขุน) เป็ นพระภิกษุรูปหนึ่งที่เพียบพร้อม ด้วยความรู้ความสามารถ มีตำแหน่งรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีธรรมาโศกราช และมีตำแหน่งทางการคณะสงฆ์เป็ นเจ้าคณะจังหวัด นครศรีธรรมราช ฝ่ ายธรรมยุตมีความรู้นักธรรมเอกเปรียญธรรม ๕ ประโยค เป็ น พระภิกษุที่จบการศึกษาชั้นปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยรูปแรก นับเป็ นพระภิกษุสงฆ์ไทยผู้ทรงคุณค่าอีกรูปหนึ่งใน พ.ศ.นี้ ในมหามงคลสมัยวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช ๒๕๖๖ นี้ พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งให้ท่านดำรงสมณศักดิ์ที่ พระเมธีวชิราภิรัต นับเป็ นมงคลนามอย่างยิ่ง ในฐานะที่ท่านเป็ นศิษย์ผู้ประสบความสำเร็จงดงามยิ่งทั้งในสายปริยัติทั้งในสาย ปฏิบัติทั้งในการใช้ความรู้สั่งสอนประชาชนต้องขอชื่นชมอนุโมทนาและอำนวยพร ให้เจริญยิ่งๆในหน้าที่การงานและประสบความสำเร็จในสิ่งปรารถนาทุกประการ เจริญยิ่งในพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ห่างไกลภัยอันตรายทุกประการ พระธรรมกิตติเมธี วัดราชาธิวาสวิหาร กทม. ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๖ , ๑๗ - ๑๘ (ธ)

สัมโมทนียกถา ข้อเขียน ข้อคิด ในหนังสือฉบับนี้นายธนาคาร คุ้มภัย ผู้ที่เคยมีอุปการะเกื้อกูลกันมา ตั้งแต่สมัยเป็ นศิษย์อยู่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ได้รวบรวมคัดเลือกมามาจาก ข้อเขียน ในหน้า facebook ส่วนตัว ซึ่งจะบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ พร้อมกับข้อคิดเตือนใจไว้ ข้อ เขียนบางหัวข้อก็ไม่ได้คิดเองทั้งหมด บางส่วนก็เป็ นครูพักลักจำมาจากคำพูดหรือข้อเขียน ของคนอื่นจากแหล่งข้อมูลต่างๆโดยไม่ได้อ้างอิงที่มาไว้ เนื่องจากเป็ นการบันทึกเหตุการณ์ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในวันเวลานั้นๆ ไม่ได้เป็ นข้อเขียนในเชิงวิชาการ เพราะ facebook เปรียบเสมือนสมุดบันทึกที่สามารถบันทึกทั้งภาพและข้อคิดประจำวันเอาไว้ ซึ่งสามารถ กลับมาอ่านทบทวนในภายหลังก็ได้ การที่นายธนาคาร คุ้มภัย ซึ่งเป็ นนักศึกษาปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา ชั้นปี ที่ ๒ ของ มมร.ศศ. ได้คัดเลือกข้อคิดต่างๆ แล้วนำมาจัดทำเป็ นหนังสือที่ระลึกในรูปแบบ ออนไลน์ เป็ นที่ระลึกในโอกาสที่ได้รับพระราชทานแต่งตั้งสมณศักดิ์ เพื่อเป็ นการแสดงออก ถึงมุทิตาจิตในโอกาสอันเป็ นมงคลนี้เป็ นการแสดงออกถึงคุณธรรมภายใน คือ คารวธรรม กตัญญูกตเวทิตาธรรม สะท้อนออกมาเป็ นกิริยาอาการภายนอกที่สัมผัสได้คือ อปจายน ธรรม และมุทิตาธรรม ซึ่งได้แสดงออกให้ปรากฏในครั้งนี้ รู้สึกขอบคุณ ชื่นชมยินดีและ อนุโมทนาบุญในกุศลจริยาสัมมาปฏิบัติในครั้งนี้เป็ นอย่างยิ่ง หวังเป็ นอย่างยิ่ง ข้อคิด คำคม คติชีวิต ที่รวบรวมไว้ในหนังสือออนไลน์ฉบับนี้ จะเป็ น ประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย และขอให้กุศลจริยาสัมมาปฏิบัติในครั้งนี้ จงเป็ นปฏิพร ย้อนสนองให้ ผู้รวบรวม เรียบเรียง และทุกคนที่มีส่วนร่วมในครั้งนี้ ได้เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ การงาน ประสบความสำเร็จในชีวิต สมตามมโนรถปรารถนาทุกประการเทอญ พระเมธีวชิราภิรัต เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (ธรรมยุต) รองอธิการบดี มมร.วิทยาเขตศรีธรรมาโศกราช

อภิสักการพจน์ ในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดฯ พระราชทาน สมณศักดิ์ สัญญาบัตร พัดยศ และผ้าไตร แด่ พระเมธีวชิราภิรัต (ธรรมรัต อริยธมฺโม, ป.ธ.๕, ผศ.ดร.) เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (ธ) ผู้ช่วยเจ้า อาวาสวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร และ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหามกุฏราช วิทยาลัย วิทยาเขตศรีธรรมาโศกราช ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ในความเป็ นลูกศิษย์ผู้ได้รับความเมตตา และ ได้รับการอบรมสั่งสอนจากท่านเจ้าคุณ อาจารย์ พระเมธีวชิราภิรัต มาตั้งแต่เยาว์วัย รู้สึกปลาบปลิื้ม และยินดีเป็ น อย่างยิ่ง กับ เจ้าคุณอาจารย์ ซึ่งคงเหมือนกับศิษยานุศิษย์ทุกท่านจึงได้คิดรวมรวมผลงานทางการ พระพุทธศาสนาของท่านเจ้าคุณอาจารย์ ผู้เป็ นปราชญ์เมธี แห่งเมืองนครฯ ซึ่งมีความ เป็ นเอกลักษณ์ในการสอนธรรมแก่ศิษย์ แหลมคมด้วย วาทะที่เป็ นความจริงของโลก ในยุคปั จจุบัน ถูกกลั่นกรองและนำไปถ่ายทอดสั่งสอนศิษย์ในโลกออนไลน์ (Facebook) ในต่างกรรมต่างวาระที่ผ่านมา นำมาจัดทำเป็ นรูปเล่ม เพื่อให้ผู้สนใจ สามารถนำไป เรียนรู้ เพื่อการพัฒนาตนเอง และไปปรับใช้ในชีวิต จึงขอเปรียบหนังสือ เล่มนี้ให้เป็ นดั่งเสมือนดอกไม้ ธูป เทียน ที่ศิษย์น้อมจัดทำขึ้น เพื่อเป็ นอาจาริยบูชาคุณ ในวาระโอกาสอันเป็ นมหามงคลยิ่ง ในครั้งนี้ อนึ่ง การจัดทำหนังสือเล่มนี้ เป็ นความตั้งใจจะเป็ นการเผยแพร่ในรูปแบบออนไลน์ (e-book)จึงขอได้รับความเมตตาจากท่านที่ได้อ่านแล้วได้โปรดส่งต่อผ่านการสื่อสาร ปลายนิ้ว ในโลกยุค 5G หรือจะนำไปพิมพ์ แจกจ่าย ในวาระต่างๆ ก็คงไม่ผิดเจตนารมณ์ ของท่านเจ้าคุณอาจารย์ ที่จะสร้างสังคมที่อุดมปั ญญาด้วยหลักธรรม เพราะในโลกยุค VUCA และ BANI คงมีแต่หลักธรรมเท่านั้นที่จะเป็ นเครื่องมือในการดำเนินชีวิตสู่ความดี ความงาม สร้างสังคมที่สงบสุข ขอบพระคุณทีมงานเบื้องหลังทุกท่าน ที่ช่วยกันรังสรรค์ผลงานเล่มนี้ขึ้นมา ท้ายสุดนี้ เนื่องด้วยหนังสือเล่มนี้มีระยะเวลาจำกัดในการรวบรวม และ การดำเนินการจัดทำ ซึ่ง หากว่ามข้อผิดพลาดประการใดขอทุกท่านได้โปรดชี้แนะ บอกกล่าวได้ทุกประการ นายธนาคาร คุ้มภัย ครู วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา นักศึกษาปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา มมร. ศศ. ในนามศิษย์ผู้เรียบเรียง

ผู้ใด ยังไม่เห็นทุกข์ ก็จะยังไม่เห็นธรรม แต่อย่ารอให้ ทุกข์ จนบอบช้ำระกำแสนสาหัส แล้วค่อยวิ่งหาธรรมะ เดี๋ยวมันจะสายเกินไป ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เมธีวชิราภิรัตกถา : พระเมธีวชิราภิรัต

สัจธรรมพึงคิดถึง ประการหนึ่ง ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้คือ “ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ” ผู้ใดทำกรรมใดไว้จะเป็ นผู้รับผลของกรรมนั้น เช่น ถ้าเราได้ทำร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็ น กรรมทางกาย ทางวาจา ทางใจ เพราะเราขาดเมตตาต่อผู้อื่น กฎแห่งกรรมย่อมทำให้เราได้รับผล ของกรรมที่เราได้ทำไว้แล้วนั้น แน่นอนทำกรรมอย่างไร ย่อมได้รับผลของกรรมอย่างนั้น เหมือนปลูกเมล็ดพืชชนิดใดย่อมได้พืชชนิดนั้น ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ เมธีวชิราภิรัตกถา : พระเมธีวชิราภิรัต

หลักปรัชญา ของการใช้ชีวิต ๑. ให้กินอยู่ด้วยปั ญญา อย่ากินอยู่ด้วยตัณหา ๒. ใช้อินทรีย์ เพื่อการฝึ กฝนเรียนรู้ ๓. ใช้ศักยภาพ ไปในทางสร้างสรรค์ ไม่ทำลาย ๘ ธันวาคม ๒๕๕๔ เมธีวชิราภิรัตกถา : พระเมธีวชิราภิรัต

วันนี้ดูใจตนเองแล้วหรือยัง หาเวลาชำเลืองใจบ้างนะ ว่าใจของเราเป็ นอย่างไร ถ้าเราหมั่นทำความรู้สึก ตื่นรู้ อยู่เสมอ ๆ หมั่นเอาตัวรู้เข้าไปใส่ความเคยชิน หมายความว่า ทำอะไร ๆ เหมือนเดิมทุกประการ แต่เอาตัวสติเข้าไปใส่ แทนความเคยชินเหมือนเดิม จะรู้สึกว่า... ชีวิตเราเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่าลืม ดูใจ ชำเลืองใจ และรู้ใจ ของตนเองนะ เจริญในธรรม ๘ ธันวาคม ๒๕๕๔ เมธีวชิราภิรัตกถา : พระเมธีวชิราภิรัต

ตื่นนอนทุกเช้า นิมนต์พระพุทธเจ้ามาประทับอยู่ที่ใจ จะคิด จะพูด จะทำ สิ่งใด ให้กราบทูลปรึกษาพระพุทธองค์ ถ้าเราคิด พูด ทำ สิ่งใด โดยมีพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่ใจ การคิด การพูด การทำ ของเรา ก็จะไม่เป็ นไปเพื่อการเบียดเบียนตนและคนอื่น ๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ เมธีวชิราภิรัตกถา : พระเมธีวชิราภิรัต

ท่านเจ้าคุณพระเทพวินยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุฯ ได้สอนไว้ดังนี้ว่าให้ชาวพุทธทุกคนปฏิบัติดังนี้ (แล้วชีวิตจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง) ให้ทานก่อนกิน ก่อนกินอาหารแต่ละมื้อ ให้ให้ทานเสียก่อน ถ้ามีพระบิณฑบาต ให้ใส่บาตรก่อน ถ้าไม่มีพระ เราก็มีพระในบ้านก็คือพ่อแม่ ให้ตักไว้ให้พ่อแม่กินก่อน ถ้าไม่มีใครที่จะให้ ก็ทำใจให้เป็ นอภัยทาน ไม่มีเวรมีภัยกะใคร แล้วจึงรับประทานอาหารในแต่ละมือ รับศีลก่อนไป ก่อนออกจากบ้านไปไหนมาไหน หรือตื่นนอน ทุกเช้า อธิษฐานจิตด้วยตนเอง ว่า วันนี้ข้าพเจ้าจะรักษาศีลห้า คือ ไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิด ในกาม ไม่พูดเท็จ ไม่ดื่มสุรายาเสพติด อธิษฐานจิตอย่างนี้ทุกวัน ได้บุญทุกวัน โดยไม่เสียเงินเสียทองและก่อนออกจากบ้านถ้าอธิษฐานจิตอย่างนี้ จะทำให้ ไปดีมาดีมีความปลอดภัยทั้งไปและกลับ ทำใจก่อนนอน ก่อนหลับนอนแต่ละคืนขอให้ไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน อย่างน้อย กราบที่หมอน ๕ ครั้ง คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่ ครูอาจารย์ แล้วแผ่เมตตา นั่งสงบสักเล็กน้อย ผู้ใดกระทำได้อย่างนี้ จะทำให้หลับเป็ นสุข ตื่นเป็ นสุข ไม่ฝั นร้าย เทวดาคุ้มครองรักษา เป็ นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ ผิวหน้าผ่องใส จิตใจตั้งมั่นเป็ นสมาธิเร็ว เบื้องหน้าแต่ตายย่อมมีสุคติโลก สวรรค์เป็ นที่ไป ๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ เมธีวชิราภิรัตกถา : พระเมธีวชิราภิรัต

สิ่งที่ชาวพุทธ ควรพิจารณาทุกวัน ๆ เพื่อป้ องกันตนเองไม่ให้ประมาท ๑.เรามีความแก่เป็ นธรรมดา ล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้ ๒.เรามีความเจ็บเป็ นธรรมดา ล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้ ๓.เรามีความตายเป็ นธรรมดา ล่วงพ้นความตายไปไม่ได้ ๔.เราจะต้องพลัดพรากจากของรัก ของชอบใจ ทั้งหมดทั้งปวง ๕.เรามีกรรมเป็ นของ ๆ ตัว เป็ นผุ้รับผลของกรรม มีกรรมเป็ นกำเนิด มีกรรมเป็ นเผ่าพันธ์ มีกรรมเป็ นที่พึ่ง อาศัย เราทำดีจักได้ดี เราทำชั่วจักได้ชั่ว เราจะต้องเป็ นผู้รับผลของกรรมนั้น พิจารณาเนือง ๆ พิจารณาบ่อย ๆ จะทำให้เราไม่หลงโลก ไม่หลงชีวิต ไม่มัวเมาในสังขาร ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ เมธีวชิราภิรัตกถา : พระเมธีวชิราภิรัต

ชีวิตมนุษย์ เราเกิดมาในโลกนี้ อยู่ไม่นานเลย ไม่เกินร้อยปี ทุกอย่างก็ต้องแตกสลายกลับคืนสู่ธรรมชาติ แล้วเราจะแสวงหาอะไร ที่จะเป็ นแก่นสารของชีวิต พระพุทธเจ้าตรัสบอกไว้ว่า เมื่อเกิดเป็ นมนุษย์ อย่าทำให้ชีวิตยากจน โดยต้องมี คุณธรรม ๔ ประการ คือ ๑.ศรัทธามั่นคงในพระตถาคต ๒.มีศีลเป็ นที่สรรเสริญของพระอริยเจ้า ๓.มีความเลื่อมใสในพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ๔.มีความคิดเห็นที่ตรงที่ถูกต้องไม่เป็ นมิจฉาทิฏฐิ ผู้ใดมีคุณธรรม ๔ ประการ บุคคลนั้นชื่อว่า ไม่ยากจน มีชีวิตไม่เป็ นหมัน ไม่สูญเปล่า แต่ถ้าผู้ใด ไม่มี คุณธรรม ๔ ประการ ถึงแม้จะมีเงินทองมากมายมหาศาล แต่เขาก็ชื่อว่า มีชีวิตที่เป็ นหมัน มีชีวิตสูญเปล่า เพราะขาดอริยทรัพย์ คือ ทรัพย์อันประเสริฐภายใน ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ เมธีวชิราภิรัตกถา : พระเมธีวชิราภิรัต

อยู่เรือนพัง ยังดี ไม่มีทุกข์ ดีกว่าคุก หลายเท่า ไม่เศร้าหมอง จนยังดี มีธรรม ค่ำประคอง ดีกว่าปอง ทุจริต คิดร่ำรวย คนที่คิดว่า ตนเองโชคร้าย ตนเองยากจน ตนเองลำบาก ลองหันมองให้รอบตัว พิจารณาดูให้ดี ๆ ซิ เหลียวมองคนรอบข้าง เราเองก็ยังมีอะไรดี ๆ อีกมากหลายคนที่มีปั ญหา หลายคนที่ลำบาก ทุกข์ยากมากกว่าเรา แต่เขายังอยู่ได้ เรามาพัฒนา ความคิดของตัวเอง มองโลกในแง่ดีบ้าง อย่าดูถูก เหยียดหยาม ตัวเองให้มากนัก เมธีวชิราภิรัตกถา

แล้วจะรู้สึกว่า ตัวเองนี้โชคดีมากที่สุดคนหนึ่งในโลกนี้ ที่ได้เกิดมาเป็ นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา และได้มีโอกาสมาศึกษาเรียนรู้ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า แม้วันนี้ จะทุกข์บ้าง ผิดหวังบ้าง ช่างประไร อย่าลืมว่า... เราไม่ใช่คนแรกที่ร้องไห้ เราไม่ใช่คนแรกที่ผิดหวัง เราไม่ใช่คนแรกที่โชคร้าย เราไม่ใช่คนแรกที่ผิดพลาด เมธีวชิราภิรัตกถา

กลัวอะไรกับปั ญหา ดีเสียอีก การเดินทางของชีวิตที่มีอุปสรรค จะได้ทดสอบว่าการเดินทางของชีวิตลำบากเพียงใด ลำบากมาก ก็จะได้ใช้ความสามารถและมันสมองมาก ลำบากน้อย ก็จะได้ใช้ความสามารถและมันสมองน้อย ยิ้ม แล้วจงยินดีกับสิ่งที่เข้ามาในชีวิต อย่าน้อยที่สุดสิ่งที่มีค่า.. คือ ลมหายใจที่อยู่เป็ นเพื่อนที่แสนดีกับเรา และส่ิ่งที่มีคุณค่าสูงสุด คือการที่เรายังมี ชีวิตอยู่ จงรีบเร่งสร้างความดี เร่งสร้างบุญ กุศลเถิด โอกาสของเรามีอยู่ไม่มากนัก หากปล่อยโอกาสดี ๆ อย่างนี้ผ่านไป อาจจะไม่มีโอกาสแก้ตัวใหม่สำหรับเรา ขโณ โว มา อุปจฺจคา ขณาตีตา นิรยมฺหิ สมฺมปฺปิ ตา อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปเปล่า ๆ เพราะผู้ที่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเปล่า ๆ นั้น ไปยัดเยียดกันอยู่ในอบายภูมิ คือ สถานที่ไม่เจริญ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

ชาวนา อินเดีย ถึงแม้เราอาจจะมองว่าเขายากจนภายนอก แต่เขาเป็ น คนที่ร่ำรวยภายใน เพราะเขารู้จักคำว่าว่า พอดี กินอยู่ อย่างพอเพียง แม้จะไม่มีสมบัติพัสถานมากมาย บ้านก็ทำกับดินเหนียวคลุกมูลวัว แต่จิตใจดี ไม่ทะเยอทะยาน อยากจนเกินตัว ยิ้มแย้มแจ่มใส ด้วยความสุข ต่างกับคนที่ร่ำรวยบางคน แม้จะร่ำร่วยมหาศาล แต่กลายเป็ นคนยากจนที่สุด เพราะไม่เคยรู้จัก คำว่า \"พอ\" แถมยังหิวกระหาย อยู่ตลอดเวลา ความไม่พอใจจนเป็ นคนเข็ญ พอแล้วเป็ นเศรษฐีมหาศาล จนทั้งนอกจนทั้งในไม่ได้การ จงคิดอ่านแก้จนเป็ นคนพอ (แต่ไม่ได้หมายถึงให้ขี้เกียจขี้คร้าน) ๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

โลกนี้คือละคร ปวงนิกรเราท่านเกิดมา ต่างร่ายรำทำทีท่า ตามลีลาของบทละคร บางครั้งก็เศร้า บางคราวก็สุข บางทีก็ทุกข์หัวอกสะท้อน มีรักมีร้าง มีจากมีจร พอจบละครชีวิตก็ลา ๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

กินได้ นอนหลับ ถึงเวลากิน ได้กิน ถึงเวลาถ่าย ได้ถ่าย ทำงานเลี้ยงชีพอย่างปกติได้ นั้นแหละคือปาฏิหาริย์อย่างแท้จริง ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

การเดินทางของชีวิต เหมือนกับเดินอยู่ปากเหว พร้อมจะแตกดับตลอดเวลา วันคืนล่วงไป ชีวิตและอายุของสัตว์ทั้งหลายก็เสื่อมไปสิ้นไป ชีวิตเปราะบางเหมือนภาชนะที่ช่างหม้อทำไว้ ทุกอย่าง ทุกขนาด มีการแตกทำลายเป็ นที่สุด ทุกอย่างที่มนุษย์ปองหมาย ต้องการดิ้นรน ขวนขวาย หายื้อแย่งทำลายล้างกันเพื่อสมบัติอันใด สมบัติอันนั้นก็พลอย วิบัติ ไปสิ้น (สำหรับเขา) เพราะ มรณวิบัติวิบัติอันยิ่งใหญ่มาถึงเข้า นั้นคือ เมธีวชิราภิรัตกถา

วิบัติคคือวามตาย ย่อมทำลายสมบัติอันเป็ นที่ชื่นชมของบุคคลทุกประการ แม้สรีระอันเป็ นที่รัก เป็ นที่หวงแหนแห่งตน ก็ต้องทอดทิ้งไว้ถมแผ่นดิน หรือ ให้ถูกเผาเป็ นเถ้าถ่าน ความไม่มีโรคจบลงด้วยโรค ความหนุ่มสาว ลงท้ายด้วย ความแก่ ชีวิตสิ้นสุดลงด้วยความตาย ใครจะสูงด้วยยศ มากล้นด้วยบุญ อุดมด้วยฤทธิ์ เลิศด้วยปั ญญา มีกำลังมหาศาลอย่างไร ก็ไม่พ้นเงื้อมือแห่งความตาย แม้พระปั จเจกพุทธเจ้า และ พระสัมมาสัมพุทธ เจ้า ผู้บรรลุถึงอมตธรรมแล้ว ก็ยังต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งมฤตยู เมื่อเป็ นเช่นนี้ ไหนเล่าความตายจักไม่มาถึงเรา ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

คำถาม ๑.เกิดมาทำไม ที่ทุกคนจะต้องหา ๒.อยู่เพื่ออะไร ๓.จะแสวงหาอะไรที่เป็ นแก่นสารที่แท้จริง คำตอบ ๔.ตายแล้วไปไหน ข้อนี้ต้องเลือกเองนะ คนอื่นเลือกให้ไม่ได้ ใครตอบคำถามนี้ ได้ การเกิดมาหนึ่งชาติ เรียกว่า เป็ นเสฏฐชีวิต ชีวิตที่ประเสริฐ เชฏฐชีวิต เป็ นชีวิตที่เจริญ อโมฆชีวิต เป็ นชีวิตที่ไม่สูญเปล่าไม่เป็ นหมัน แต่คำตอบจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสติปั ญญาของแต่ละคน แล้วคุณละ มีคำตอบให้ตัวเองแล้วหรือยัง ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

ได้บอกโยมไปว่า วันไหนที่มีเงินพร้อม มีโยมมาถามว่า ร้านขายรถเปิ ดและเราพร้อมที่จะไปซื้อ เมื่อซื้อแล้วเขาก็ขาย วันนั้นถือว่าเป็ นวันดี ฤกษ์ดี สำหรับ แต่ถ้าวันไหน เราพร้อมเงินไม่พร้อม ออกรถเดือนนี้ หรือทั้งเราก็พร้อม เงินก็พร้อม แต่ร้านขายรถไม่เปิ ด มีวันไหนบ้าง หรือ พร้อมหมด เงินพร้อม คนพร้อม แต่คนขายไม่ขาย วันนั้นถือว่าฤกษ์ไม่ดี บอกโยมอย่างนี้ เพราะให้ฤกษ์ตามแบบพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ว่า สุนกฺขตฺตํ สุมงฺคลํ สุปภาตํ สุหุฏฺฐิตํ สุขโณ สุมุหุตฺโต จ สุยิฏฺฐํ พฺรหมฺจริสุ ปทกฺขิํณํ กายกมฺมํ วาจากมฺมํ ปทกฺขิณํ มโนกมฺมํ ปณิธิเต ปทกฺขิณา ปทกฺขิณานิ กตฺวาน ลภนฺตตฺเถ ปทกฺขิเณ แปลได้ความว่า “ประพฤติชอบเวลาใด เวลานั้นชื่อว่าฤกษ์ดี มงคลดี เช้าดี รุ่งอรุณดี และ ขณะดี ครู่ดี บูชาดีแล้วในพรหมจารีบุคคลทั้งหลาย” ความพร้อมเพรียงเกิดขึ้นเมื่อใดแล้วประกอบความดีในขณะนั้น เรียกว่า ฤกษ์งามยามดี และความขัดข้องเกิดขึ้นเมื่อใดไม่สามารถ ประกอบความดีได้ในขณะนั้น เรียกว่า ฤกษ์ไม่งามยามไม่ดี การมัวแต่รอนั่นรอนี่โดยปราศจากปั ญญาก็เสียเวลาเปล่า ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

นกฺขตฺตํ ปฏิมาเนนฺตํ อตฺโถ พาลํ อุปจฺจคา อตฺโถ อตฺถสฺส นกฺขตฺตํ กึ กริสฺสนฺติ ตารกา ประโยชน์ได้ล่วงเลยคนเขลาผู้มัวถือฤกษ์อยู่ ประโยชน์เป็ นฤกษ์ของประโยชน์ ดวงดาวจักทำอะไรได้ (โพธิสตฺต) ขุ. ชา. เอก. ๒๗/๑๖. ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

ปั จจุบันนี้ คนในสังคม ส่วนใหญ่จะสวมหน้ากากเข้าหากัน หาความจริงแท้ได้ค่อนข้างยาก พระพุทธเจ้า จึงสอนพวกเราชาวพุทธ ว่า. . . จะต้องถือสัจจะ คือ ความจริง ความตรง และ ความแท้ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

อยู่ในโลกนี้ ให้เหมือน ใบบัว ที่ โคลนตม หรือกิเลสเครื่องเศร้าหมองไม่แปดเปื้ อนเลย ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

ผู้ใด ไม่เห็น ทุกข์ ผู้ใด เห็น ทุกข์ นั้นย่อม ไม่เห็น นั้นย่อม เห็น ธรรม ธรรม จงขอบคุณความทุกข์ เพราะความทุกข์ทำให้เกิดปั ญญา จนสามารถนำพาให้พ้นทุกข์ได้ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

ไหว้พระ ๕ ครั้ง ก่อนนอนทุกคืน กราบพระพุทธเจ้า กราบพระธรรม กราบพระสงฆ์ กราบพ่อแม่ และกราบครูอาจารย์ หลังจากนั้นให้ปิ ดงบดุลบัญชีชีวิตทุกวันว่า แต่ละวันที่เราดำเนินชีวิตมานั้น ขาดทุนหรือได้กำไร แต่ไม่ได้วัดกันที่เงินทอง วัดที่บาปกับบุญ กุศลกับอกุศลว่าอย่างไรมากกว่ากัน แล้ววางแผนชีวิตในวันรุ่งขึ้นใหม่ ให้มีกำไรหรืออย่างน้อยก็เสมอตัว อย่าให้ขาดทุนก็แล้วกัน ๒๒ กันยายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

จงคิดทุกคำที่พูด แต่อย่าพูดทุกคำที่คิด ก่อนพูดเราเป็ นนายของคำพูด แต่พอพูดแล้วคำพูดจะเป็ นนายของเรา ๑๓ กันยายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

ทำบุญเป็ นนิตย์ คิดถึงความตาย มั่นในพระไตร (พระรัตนตรัย) วิจัยสมบัติ จัดการเรื่องหนี้ (หนี่ชีวิต หนี้ทรัพย์สิน หนี้บุญคุณ) นี้คือลักษณะคนที่ไม่ประมาท เตรียมพร้อมที่จะตายตลอดเวลา ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

ชีวิตมีขึ้นมีลง อยู่ตลอดเวลา เกิดเป็ นคนต้องรู้จักพระสามองค์ให้มาก คือ พระอนิจจัง พระทุกขัง พระอนัตตา หากรู้จักแล้ว จะทำให้เรามีความสุขง่ายขึ้น ทุกข์น้อยลง ลำบากใจน้อยกว่าคนอื่นๆ แต่ถ้าใครไม่รู้จักพระสามองค์นี้เลย ไม่อยากจะคิดเหมือนกันว่า ชีวิตของบุคคลผู้นั้นจะเป็ นเช่นไร ๑๐ กันยายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

ให้ทานก่อนจะกิน รับศีลก่อนจะไป ทำใจก่อนจะนอน ทำเป็ นประจำทุกวันนะ จะเป็ นสิริมงคลแก่ตนและครอบครัว ๙ กันยายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

ยิ่งสูง ยิ่งเป็ นใหญ่ ยิ่งเป็ นอ่อนโยน สะท้อนถึงคุณธรรมที่อยู่ภายใน ๘ กันยายน ๒๕๕๕ พระพุทธเจ้า ทรงก่อตั้ง พระพุทธศาสนา เพื่อปฏิวัติความเชื่อแบบพราหมณ์ แต่ปั จจุบันชาวพุทธจำนวนไม่น้อย กำลังทำลายศาสนาตัวเองโดยไม่รู้ตัว โดยการนำพราหมณ์เข้ามาผสมกลมกลืนกับพุทธศาสนา ทำให้ชาวพุทธที่ไม่รู้ พลอยเข้าใจผิดคิดว่านั้นคือพระพุทธศาสนา ๖ กันยายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

ก่อนปรินิพพาน ขณะทรงพระประชวรหนัก ยังทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย ด้วยการแสดงธรรมโปรดพระสาวกองค์สุดท้าย คือ สุภัททะปริพาชก และยังตรัสสั่งเสียไว้เป็ นครั้งสุดท้ายด้วยความห่วงใยพระสาวก ว่า. . ท่านทั้งหลาย สังขารร่างกาย มีความเสื่อมสิ้นเป็ นธรรม ท่านทั้งหลาย จงเร่งบำเพ็ญพระโยชน์ตน บำเพ็ญประโยชน์ผู้อื่น ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด เมธีวชิราภิรัตกถา

หลังจากตรัสพระดำรัสนี้ แล้วก็ไม่ตรัสพระดำรัสใด ๆ อีกเลย นี้คือ คำสั่งเสียของพระองค์ ที่พวกเราทั้งหลายควรน้อมนำมาปฏิบัติ เพราะคนที่ไม่ประมาท มองไปข้างหน้าก็มีความหวัง หันย้อนกลับมองดูข้างหลังก็ภูมิใจ แต่คนที่ใช้ชีวิตอย่างประมาท มองไปข้างหน้าก็หมดหวัง หันย้อมกลับมองดูข้างหลัง ก็หดหู่ห่อเหี่ยวจิตใจ พวกเราชาวพุทธทั้งหลาย อย่าได้ประมาทเถิด ไม่ว่าในความไม่ประมาทในวัย ชีวิต จิตสังขาร หน้าที่การงาน การตอบแทนคุณ การทำบุญกุศล หรือแม้แต่การประคับประคองจิตของตนก่อนตาย ทำได้อย่างนี้ ก็จะได้ชื่อว่า. . . เป็ นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระศาสดาแห่งพวกเราทั้งหลาย ๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

การศึกษากู้โลก การศึกษาที่จะสามารถกู้โลกได้ คือ การศึกษาที่สามารถทำให้ผู้ศึกษา สามารถเข้าใจกิเลสของตนเองอ่านกิเลส ของตนเองออก บอกกิเลสของตนเองได้ ใช้กิเลสของตนเองเป็ นเห็น กิเลสของตนเองชัด และสามารถขจัดกิเลสของตนเองได้อย่างถูกต้อง ระบบการศึกษาแบบนี้ เป็ นระบบการศึกษาของพระพุทธเจ้าที่เรียก ว่า “ ไตรสิกขา \" และเป็ นการศึกษาชนิดที่สามารถปฏิวัติโลกหรือ กู้โลกได้อย่างแท้จริง เพราะเมื่อเราเข้าใจและรู้ทันกิเลสของตนเอง เราจะเข้าใจคนอื่นและรู้ทันกิเลสของคนอื่นและจะพยายาม ระมัดระวังตนเองไม่ให้ตกเป็ นทาสของกิเลสได้ ดังนั้น จงเริ่มต้นศึกษาจากร่างกายที่ยาววาหนาคืบของตัวเองด้วย ความไม่ประมาทเถิดแล้วจะพบกับทางพ้นทุกข์พบสันติสุขอย่าง แท้จริง ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๕ เมธีวชิราภิรัตกถา

พรปี ใหม่อันประเสริฐ ๑.ขอให้ไม่มีอนาคต ๓ ประการ ๒.ขอให้หมดเนื้อหมดตัว ๓.ขอให้อย่าได้ผุดได้เกิด พรทั้ง ๓ ข้อนี้ เป็ นของ ท่านอาจารย์ประสงค์ ปริปุณฺโณ หลายท่านเมื่อได้ฟั งพรนี้แบบเผิน ๆ อาจจะคิดว่า. . . เป็ นคำแช่งด่า ที่หยาบคาย รับไม่ได้ แต่ท่านลองพิจารณาดูความหมายให้ดีแล้ว จะพบว่า. . .เป็ นคำอวยพรที่สุดแสนจะประเสริฐ เมธีวชิราภิรัตกถา

ความหมายของพรแต่ละข้อมีดังนี้ พรข้อที่ ๑ ขอให้ไม่มีอนาคต คือ ให้มีสติรู้อยู่กับปั จจุบันขณะ ไม่ไปวุ่นวายกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง และ ไม่กังวลถึงอดีตที่ผ่านไปแล้ว คนส่วนใหญ่ทุกข์ เพราะไม่อยู่กับปั จจุบันขณะ แต่มัวคิดถึงอดีต กังวลถึงอนาคต เลยหมดความสุข แต่ถ้าอยู่กับปั จจุบัน ความทุกข์ก็เกิดขึ้นไม่ได้ พรข้อที่ ๒ ขอให้หมดเนื้อหมดตัว คือ สามารถละความยึดมั่นถือมั่น ในความเป็ นตัวกูของกู หรือความยึดติดในขันธ์ ๕ เพราะเป็ นต้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งมวล หลวงปู่ ชาบอกว่า ทุกข์มีเพราะยึด ทุกข์ยืดเพราะอยากทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อยเพราะหยุด ทุกข์หลุดเพราะปล่อย ดังนั้นถ้าไม่มีขันธ์ ๕ ก็ไม่ต้องมีทุกข์ หรือ มีขันธ์ ๕ แต่หมดความยึดมั่นถือมั่น ก็ไม่ต้องเป็ นทุกข์ พรข้อที่ ๓ ขอให้อย่าได้ผุดได้เกิด คือ ขอให้ถึงพระนิพพาน ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏ สงสารอีกเพราะการเกิดทุกคราวเป็ นทุกข์ร่ำไป ด้วย ธรรมะ พร และ เมตตา ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๖ เมธีวชิราภิรัตกถา

ชีวิตที่อิสระ ไม่มีกังวล ทั้งอดีต อนาคต มีชีวิตอยู่กับปั จจุบัน โดยไม่ต้องมีภาระผูกพัน ไม่ต้องแยกยศศักดิ์ ตำแหน่งหน้าที่การงาน มีอิสระเหมือนดั่งนก พร้อมจะโบยบินไปไหนก็ได้ตลอดเวลา สักวันหนึ่งข้างหน้า ต้องการจะใช้ชีวิตเช่นนี้ รอเพียงความพร้อมของเหตุปั จจัย เป็ นความรู้สึกที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในช่วงนี้ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๖ เมธีวชิราภิรัตกถา

อัตลักษณ์ของคนคอน วันที่ ๑๗ พ.ย. ๕๖ เป็ นวันพระเมื่อตื่นนอนแต่เช้า ให้กราบนิมนต์ พระพุทธเจ้ามาประทับที่ใจ จะคิด จะพูด จะทำอะไร ให้กราบทูลปรึกษา พระพุทธองค์ เมื่อใจของเรามีพระพุทธเจ้า คือ ความสะอาด ความสว่าง ความสงบ แล้วก็จะสร้างความเป็ นสิริมงคล ให้เกิดขึ้นกับชีวิตตลอดเวลา เพราะฉะนั้น วันพระ เราควรทำจิตทำใจของเราให้เป็ นพระ คือ จิตที่ประเสริฐ โดยเฉพาะพี่น้องพุทธศาสนิกชน ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งถือว่าเป็ น \"เมืองพระ” เราทั้งหลายมีคำขวัญประจำเมือง ซึ่งถือเป็ นคติชีวิตหรือ คุณลักษณะของชาวจังหวัดนคร เมธีวชิราภิรัตกถา

คุณลักษณะของชาวจังหวัดนคร ยึดมั่นในสัจจะ คือความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ทั้งต่อบุคคล ต่อหน้าที่ ต่อความดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง มีศีลธรรม เป็ นคนที่ยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา และศาสนา ที่ตนนับถือ อย่างถูกต้องอย่างแท้จริง กอรปกรรมดี คือจะกระทำแต่กรรมที่สุจริต กระทำแต่ความดี ไม่กระทำความชั่ว ทั้งทางกาย วาจา และ แม้แต่ทางใจ มีมานะพากเพียร ไม่เป็ นคนขี้เกียจขี้คร้าน ไม่งอมือไม่งอเท้า แต่เป็ นคนที่ขยันขนความดีใส่ตัว ขยันขับความชั่วออกไป และขยันรักษาความดีเอาไว้ ไม่เบียดเบียนทำอันตรายผู้ใด แต่จะเป็ นคนที่มีน่้ำจิตน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น เป็ นคนเสียสละ อดทน เป็ นคนยอมแพ้ต่อความดีของคน แต่จะไม่ยอมแพ้ต่อความชั่วของผู้ใด ถ้าชาวนครทุก ๆ คน ยึดถือคำขวัญนี้เป็ นคติชีวิต สร้างให้เป็ นอัตลักษณ์ เอกลักษณ์ของคนนครแล้ว จะได้สมกับเป็ นคนเมืองพระ เป็ นลูกพระธาตุเมืองคอน เมธีวชิราภิรัตกถา

ญี่ปุ่ นสร้างคนได้อย่างไร แรงบันดาลใจที่มาศึกษาดูงานที่ญี่ปุนครั้งนี้ เพราะอยากทราบว่าญี่ปุ่ นสร้างคนได้อย่างไร ถึงมีระเบียบ วินัย ขยัน อดทน เสียสละ มีจิตสาธารณะ และทำงานเป็ นทีมได้อย่างยอดเยี่ยม เมธีวชิราภิรัตกถา

สิ่งที่ได้เห็น แม้แค่เพียงระยะเวลาสั้น ๆ พบว่า ๑.ญี่ปุ่ นเน้นสร้างคนตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ตั้งแต่อนุบาล จน มัธยมต้น เน้นสอนความเป็ นมนุษย์ ไม่เน้นวิชาอื่นมากในวัยเด็ก เน้นให้เข้าใจชีวิต กฎเกณฑ์ การปรับตัว ๒.ครอบครัวและสังคม ที่เป็ นต้นแบบที่ดีงาม มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ในการสอนและสร้างคนของญี่ปุ่ น ๓.เน้นให้เด็ก คิดเป็ น ทำเป็ น แก้ปั ญหาเป็ น หยิ่งในเกียรติ และศักดิ์ศรี ภูมิใจในความเป็ นญี่ปุ่ นมาก ๔.ไม่เน้นเทคโนโลยีอะไรมากมาย ๒-๓ โรงเรียน ที่ได้ดูงานผ่านมา ห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์มือถือ แทบเล็ต ภายในโรงเรียนแค่อุปกรณ์ ง่าย ๆ ที่มีอยู่ใช้ในการสอน สิ่งเหล่านี้หลายอย่างที่เมืองไทยเราต้องปรับปรุง โดยเฉพาะสถาบันครอบครัวที่เข้มแข็งและต้นแบบที่ดี ซึ่งเป็ นเบ้าหล่อหลอมเยาวชนที่สำคัญ กำลังวิกฤติอย่างรุนแรง จะต้องเร่งปรับปรุงอย่างเร่งด่วน ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ เมธีวชิราภิรัตกถา

พวกเรา เป็ นชาวพุทธ แบบไหนกัน มักจะได้ยินคำกล่าวที่ว่า \"เมืองไทยเป็ นเมืองพุทธ แต่ทำไมทรุดลง ๆ ทุก ๆ วัน\" ก็มานั่งพิจารณาอยู่ว่า จริง ๆ แล้วชาวพุทธในเมืองไทย เป็ นชาวพุทธประเภทไหนกันแน่นะ เมธีวชิราภิรัตกถา

เพราะชาวพุทธ มีอยู่หลายระดับมากในเมืองไทย คือ ๑. ชาวพุทธ โดยจิตวิญญาณ (ศึกษาและปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอน จนมีความรัก หวงแหน พระพุทธศาสนามาก คอยปกป้ อง อุปถัมภ์คุ้มครอง พระพุทธศาสนา แม้จะยอมสละชีวิตก็ตาม) ๒. ชาวพุทธ โดยราชการ (เป็ นชาวพุทธเฉพาะตอนออกงาน เป็ นประธานจุดธูปเทียน, เป็ นประธานประเคนของพระ, เป็ นประธานงานของราชการ) ๓. ชาวพุทธ โดยสถานการณ์ (บังเอิญอยู่ในกลุ่มของชาวพุทธ ก็ต้องประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ แบบพุทธ เพื่อไม่ให้ถูกตำหนิ เห็นเขาทำศาสนพิธีกรรมต่าง ๆ ก็ทำตาม ๆ กันบ้าง โดยไม่ได้มีศรัทธาที่แท้จริง) ๔. ชาวพุทธ โดยสำเนาทะเบียนบ้าน (เป็ นพุทธศาสติกชน คือ แค่ระบุไว้ในสำเนาทะเบียนบ้านเฉย ๆ ว่านับถือพุทธ แต่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ว่าพุทธคืออะไร จะต้องปฏิบัติตนอย่างไร) เมธีวชิราภิรัตกถา

๕. ชาวพุทธโดยศรัทธา ติดพิธีกรรมมากกว่าแก่นธรรม (มีศรัทธาดี ชอบไหว้พระ สวดมนต บูชาวัตถุมงคลสิ่งศักดิ์ ติดอยู่ในพิธีกรรมต่าง ๆ เมื่อไรไม่ได้ทำพิธีกรรม จะไม่สบายใจ แต่ก็ไม่พัฒนาให้สูงไปกว่านั้น) ๖. ชาวพุทธโดยปั ญญา ยึดแก่นเป็ นหลักมากกว่าเปลือกหรือกระพี้ (ศรัทธาโดยใช้ปั ญญาไตร่ตรอง ว่าหลักธรรมคำสอนของ พุทธศาสนาคืออะไร สามารถแยกแก่นและเปลือกกระพี้ ออกจากกันได้ ไม่ติดยึดอยู่ในรูปแบบ พิธีกรรม เครื่องรางของขลัง แต่จะมุ่งตรงสู่คำสอน อันเป็ นสัจจธรรมของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง) เราเป็ นชาวพุทธแบบไหน ก็ช่วยกันพิจารณาดูเถิด ๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ เมธีวชิราภิรัตกถา

ไปวัดใดก็ตาม จะต้องให้ได้ครบทั้ง สามวัด คือ วัด วัดกาย วัดวาจา วัดใจ ของตนเองว่าก่อนไปวัด กับหลังจากไปวัด อย่างไหนจะดีกว่ากัน วัฒน์ ให้เจริญไปด้วยศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และ ปั ญญา เพราะคุณสมบัติเหล่านี้ เป็ นคุณสมบัติของผู้เจริญ วัตร ทำความดีให้เป็ นวัตร คือ ข้อปฏิบัติประจำตัว ด้วยการขนความดีใส่ตัว ขับความชั่วออกไป รักษาความดีเอาไว้ เมธีวชิราภิรัตกถา

ถ้าใครไปวัด แล้วได้ครบทั้ง สามวัด แสดงว่าบุคคลนั้น เป็ นผู้ได้กำไรอย่างแท้จริง ถึงแม้จะไม่ได้ไปวัดจริง ๆ แต่ถ้าได้ครบทั้งสามวัด ก็ถือว่าถึงวัดอย่างแท้จริง ๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ เมธีวชิราภิรัตกถา

เคยไหม ท่านเคยเห็น ผึ้ง ฆ่าตัวตายไหม ท่านเคยได้ยิน มด บ่นไหม ว่ามันทำงานหนัก ท่านเคยได้ยิน แมงมุม นินทาชาวบ้านไหม หรือว่าพวกมันรู้ว่า มีเวลาเหลือบนโลกนี้เพียงเล็กน้อย จึงไม่ยอมเสียเวลาทำเรื่องที่ไร้ความหมาย เมธีวชิราภิรัตกถา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook