101 ชวี ิตนพี้ ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเล่มขอเปน็ กาลังใจเคยี งขา้ งคณุ )
102 สตู รที่ 4 “การจาแนกคา” สตู รท่ี 5 “ชนดิ ของคา” การจาแนกชนดิ ของคาในภาษาไทย สามารถ จาแนกไดต้ ามความหมาย และหนา้ ท่ที ่ีใชใ้ นประโยค โดยแบง่ เป็น ๗ ชนิด คือ ๑. คานาม ๒. คาสรรพนาม ๓. คากริยา ๔. คาวิเศษณ์ ๕. คาบพุ บท ๖. คาสนั ธาน ๗. คาอทุ าน ๑. คานาม คอื คาท่ใี ช้เรียกช่อื คน สัตว์ สิง่ ของ สถานที่ อาการ และสภาพที่เป็นนามธรรม และรปู ธรรมคานามแบง่ เปน็ ๕ ชนดิ คือ ๑.๑ นามทวั่ ไป (สามานยนาม) คอื คาที่ใช้เรียกชอ่ื ท่ัวไป โดยไมเ่ ฉพาะเจาะจงวา่ เป็นคนสตั ว์ สิง่ ของ หรอื สถานที่ใด เชน่ ครู นักเรียน โรงเรียน พ่อ แม่ บ้าน จงั หวัด ไฟฟ้า ถนน มะม่วง แมน่ ้า สะพาน การบ้าน อแี ร้ง เครอื่ งบิน รถยนต์ เรอื ฯลฯ ๑.๒ นามเฉพาะ (วิสามานยนาม) คือ คาที่เปน็ ช่อื เรียกโดยเฉพาะเจาะจงว่าเปน็ ใคร สัตวช์ นดิ ใด สงิ่ ของประเภทไหน หรอื สถานท่ีแห่งใด เชน่ กรุงเทพมหานคร โรงเรียนเตรียมทหาร วันอาทิตย์ เดือนมกราคม สะพานพระรามแปด สมชาย ฯลฯ ชีวิตนพ้ี ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ติ (ตาราเลม่ ขอเปน็ กาลงั ใจเคยี งข้างคณุ )
103 ๑.๓ นามบอกหมวดหมู่ (สมหุ นาม) คือ คานามทบ่ี อกถงึ หม่คู ณะ ของคน สัตว์ และส่งิ ของทอี่ ยรู่ วมกันจานวนมาก เช่น คณะ นิกาย บริษทั รัฐบาล ฝูง โขลง กอง เหล่า พรรค พวก ฯลฯ โดยทวั่ ไปสมหุ นามมักจะใช้นาหนา้ คานามอื่น ๆ เชน่ กองเสือป่า คณะกรรมการ พรรคร่วมรฐั บาล ฝูงปลาโลมา กองพันทหาร กองโจร ฯลฯ ๑.๔ นามบอกลกั ษณะ (ลักษณนาม ) คอื คานามทใ่ี ชบ้ อกลักษณะ สณั ฐาน ชนิด จานวน และหมวดหมู่ ของคน สตั ว์ สงิ่ ของ และสถานท่ี โดยท่ัวไปลักษณนามมกั จะใช้ตามหลงั คาคณุ ศัพท์ หรอื ตวั เลขที่บอกจานวนเช่น ไข่เป็ด ๒ ฟอง ช้าง ๙ เชอื ก เงิน ๕ บาท รถโฟล์ก ๔ คัน พระสงฆ์ ๔ รูป ฯลฯ ลกั ษณนามแบง่ เป็น ก. ลกั ษณนามบอกสนั ฐาน ลกั ษณ ใชก้ ับ ลกั ษณ ใชก้ ับ นาม นาม วง แหวน วงกลม ตะกร้อ สกั วก ดวง รอยดา่ ง ตรา พระอาทติ ย์ ดาว มโหรี เพลง ไฟ ดาวเทยี ม หลงั เรือน ตึก กูบ ประทุน เกง๋ กระบอก ปล้องไมไ้ ผ่ ขา้ วหลาม พลุ ปนื ชวี ิตนพี้ ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเล่มขอเปน็ กาลงั ใจเคียงข้างคณุ )
104 บษุ บก มุ้ง ไฟฉาย เชือก ลวด ดา้ ย ผม สร้อย เขม็ แผ่น ขนมปัง กระดาษ กระดาน เส้น ขัด กระเบื้อง อฐิ ถนน ทาง แมน่ ้า สร้อย แคว เข็มขัด ผนื ผ้า เส่อื พรม กระแชง หนงั สาย สัตว์ (ทใ่ี ช้ป)ู ธง แห อวน สวิง โพงพาง เปล บาน ประตู หนา้ ต่าง กระจกเงา ปาก ตอก (ทีม่ ีขนาดกว้าง) เล่อื ย กรอบรูป ฟนั ก้านรม่ ลกู กรง ฝอยทอง ข้าวเมา่ ทอด ลูก สม้ ฟตุ บอล พายุ ปนื้ พิมเสน ด่างทบั ทิม ใบ บัตรประชาชน ถาด จาน ซ่ี ลกู คิด ระหดั ระนาด แทง่ เหลก็ ตะก่ัว ดนิ สอ ทอง ครั่ง แพ ยา กระดุม กรวด ถวั่ สิว พลุ ลกู ปนื ประทัด ปลายา่ ง กอ้ น สบู่ ถ่าน อิฐ เนื้อ เกล็ด จาก คัน รม่ ฉัตร ธนู หน้าไม้ ชอ้ น ราง ส้อม ซอ เบ็ด ไถ ต้น สม้ เสา ซงุ เทยี นพรรษา เมด็ ลา ไม้ไผ่ อ้อย เครื่องบนิ จรวด ตบั เรอื เครื่อง วทิ ยุ โทรทัศน์ คอมพวิ เตอร์ พัดลม ข. ลักษณนามบอกการจาแนก ลกั ษณ ใชก้ บั ลักษณ ใชก้ ับ นาม นาม กอง ลกู เสอื อฐิ ทราบ ผ้าปา่ ครอก ลูกสนุ ัข ลูกปลา ลูกแมว ลูกหนู พวก คน สัตว์ ประเด็น ปัญหา ขอ้ โต้แย้ง เรื่องราว ข้อความ เหลา่ ทหาร เวไนยสัตว์ รูปแบบ กวนี พิ นธ์ งานประพันธ์ วธิ สี อน การสอน การพฒั นา ชวี ิตน้พี ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ติ (ตาราเลม่ ขอเปน็ กาลงั ใจเคยี งข้างคุณ)
105 หมวด วิชา ทหาร ลูกเสือ ศพั ท์ ลกั ษณะ อุปนิสัย การกระทา งาน หมู่ คน สัตว์ ของ แบบ ทรงผม เคร่อื งแตง่ กาย ตวั อักษร ตัวพมิ พ์ ฝูง ววั ควาย ปลา นก ชนิด เชอื้ โรค ยา ผลติ ภณั ฑ์ คน พืช สตั ว์ โขลง ชา้ ง ประเภท อาหาร กับข้าง ดนตรี อาคาร คณะ คน พระสงฆ์ ประการ พร ความสาเร็จ เหตุผล ความ จาเป็น นิกาย ลทั ธิ ศาสนา อยา่ ง กับขา้ ว เครื่องปรงุ การกระทา สารบั กระดุม กับข้าว เคร่ืองเรือน จาพวก มนษุ ย์ เปรต สัตว์ พชื เคร่อื งแต่งกาย ชดุ เคร่ืองแตง่ กาย การแสดง ระดับ ภาษา ขา้ ราชการ การศกึ ษา ข้อสอบ ขอ้ เลข คาแนะนา สญั ญา กติกา ขัน้ ตาแหนง่ ความรนุ แรง การ เตรียมพรอ้ ม การปฏิบัติ ยศ โรง ละคร โขน หนัง ฉบับ จดหมาย เอกสาร นติ ยสาร วารสาร หนังสือพมิ พ์ ค. ลักษณนามบอกจานวน หรือปริมาณ ลักษณ ใชก้ ับ ลกั ษณ ใช้กับ นาม นาม คู่ รองเทา้ ถุงเท้า แจกัน เชงิ โยชน์ ระยะทาง เทยี น ช้อนส้อม เขาสตั ว์ กโิ ลเมตร โหล ดินสอ สมดุ ไมห้ นีบผ้า ของ กลอ่ ง นม ของขวญั ใช้ กลุ ี ผา้ ลาย ผา้ พื้น ผา้ โสรง่ (ผา้ ห่อ หยด นา้ น้ายา เหงือ่ ทรี่ วมกนั ๒๐ ผืน) ชวี ิตน้ีพฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเล่มขอเปน็ กาลงั ใจเคียงขา้ งคุณ)
106 บาท เงิน ทองคา เคร่ืองยาไทย หบี นม เสื้อผา้ ชัง่ แป้ง ทองคา ถ่ัว ขวด นา้ อบ น้าหอม นา้ ปลา กโิ ลกรมั ช้อน ถ้วย แปง้ ถวั่ นา้ ปลา นา้ ชะลอม ผลไม้ ลิตร ตุ่ม ไห ง. ลกั ษณนามบอกเวลา ลกั ษณ ใช้กบั ลักษณ ใชก้ ับ นาม นาม ยก การชกมวย การตอ่ สู้ ยุค ช่วงเวลา รอบ การแสดง การแขง่ ขนั อายุ หน การกระทา ความผดิ การเตอื น ครั้ง การประกวด การชกมวย การ ที การตี ประชมุ การแสดง คราว การประชุม การจัดงาน ชว่ ง บทเรยี น คลื่นเสยี ง คลื่น แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า สมยั การประชมุ ระยะเวลา นาที เวลา ศตวรรษ เวลา ชว่ั โมง กะ การทางาน การเข้ายาม วัน เดอื น ปี จ. ลักษณนามบอกวธิ ีทา ลกั ษณ ใชก้ ับ ลักษณ ใชก้ ับ นาม นาม จบี พลู มวน บหุ รี่ กา (ฟ่อน) ผกั ชอ่ ดอกไม้ ธูป หอ่ ขนม เสือ้ ผ้า ของขวญั ชวี ิตน้ีพัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ติ (ตาราเลม่ ขอเป็นกาลงั ใจเคียงขา้ งคุณ)
107 มัด ฟนื ข้าวต้มผดั อ้อย ไม้รวก หยบิ ทองหยิบ พับ ผ้า กระดาษ จบั ขนมจีน ม้วน ผา้ กระดาษ แพร ริบบิน้ ฟิลม์ ผูก ใบลาน เชอื ก ฉ. ลักษณนามอื่น ๆ ซ่ึงไมส่ ามารถจดั เขา้ พวกได้ ลกั ษณ ใช้กบั ลักษณ ใชก้ บั นาม นาม ไม้บรรทัด คมี แปรงสีฟัน ท่ี พระองค์ พระเจ้าแผน่ ดนิ เจา้ นายชนั้ สูง อัน เขยี่ บหุ ร่ี ป่ี ขลุ่ย องค์ เจดยี ์ พระทนต์ พระบรม เลา ชา้ งบ้าน (ชา้ งปา่ เรยี กวา่ ตัว) ราโชวาท นาฬิกา จักรเย็บผา้ รถ รปู ภกิ ษุ สามเณร เชอื ก หนังสือ เกวียน เทยี น เขม็ ตน ยักษ์ ภตู ผีปีศาจ ฤๅษี วทิ ยาธร เรอื น กรรไกร ส่ิว ดาบ คน นกั เรยี น กรรมกร กรรมการ คนั เจ้าหนา้ ที่ ชี พราหมณ์ ตัว สุนัข แมว โตะ๊ เกา้ อ้ี มา้ นง่ั เล่ม ขวาน หอก ใบ ส้ม ตู้ หมอ้ กระโถน ต่มุ ชน้ิ ขนม งาน บทประพนั ธ์ ผา้ หมอน เรอื่ ง นิทาน นวนยิ าย ภาพยนตร์ ดา้ ม ปากกา ละคร ธุระ สง่ิ กบั ข้าว ของ ส่งิ ของ ชวี ิตนพี้ ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเล่มขอเปน็ กาลงั ใจเคยี งขา้ งคณุ )
108 ช. ลักษณนามซา้ ช่ือ คือ การนาคานามขา้ งหน้ามามาใช้เป็นลกั ษณะนาม เช่น เพลงชาตไิ ทยมี ๑ เพลง มนุษยม์ ี นว้ิ มอื ๑๐ น้ิว การประชุมเอเปคท่ีประเทศไทยมี ประเทศสมาชิกที่เขา้ ร่วมทง้ั หมด ๒๑ ประเทศ คาทใ่ี ชล้ กั ษณะนามซา้ ชอื่ ได้แก่กองทพั กระทรวง กรม เขื่อน แควน้ ครอบครวั เงา จุด ตาแหน่ง นิ้ว หู หาง ปญั หา เพลง ภาษา รอ้ น ฤดู วัด ศพ สมาคม หลุม องค์การ ตาบล อาเภอ เมือง รัฐ โลก ประเทศ หม่บู า้ น รปู ฯลฯ รวบรวมคาลกั ษณะนามจาก Internet มาให้ ก กงจักร กง,วง กงธนู คัน กบ ตวั กรงขัง กรง กรรไกร เลม่ กรวด กอ้ น กรอบพระ กรอบ,อัน กระจก แผ่น,บาน กระจับป่ี คัน กระจาด ใบ กระแจะ วง,คู่ กระโจม หลัง กระชอน อัน กระชงั ใบ กระชาย แง่ง,หวั กระชุ ใบ กระเช้า ใบ ชวี ติ นีพ้ ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเล่มขอเปน็ กาลงั ใจเคยี งข้างคณุ )
109 กระแชง ผนื กระดง้ ใบ กระดอง กระดอง,ฝา กระดาน แผน่ กระดานดา แผน่ กระดมุ เมด็ กระดกู ท่อน,ชน้ิ กระต๊อบ หลงั กระตา่ ย ตวั กระตกิ ใบ กระถาง ใบ,ลกู กระโถน ใบ,ลูก กระทง ใบ กระทรวง กระทรวง กระเทยี ม หัว,กลบี ,จกุ กระบวย อัน กระบอก กระบองเพชร อนั กระบ่ี ตน้ กระบุง เลม่ กระเบ้ือง ใบ,ลกู กระป๋อง แผ่น กระปกุ ใบ กระเปา๋ ใบ กระโปรง ใบ กระสวย ตวั กระสอบ อนั กระสนุ ใบ กรบั ลูก,นดั กรชิ คู่ เลม่ ชีวติ นีพ้ ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ิต (ตาราเล่มขอเปน็ กาลงั ใจเคยี งข้างคณุ )
110 กลด คัน กลอง ใบ,ลูก กลอ่ ง ใบ,กล่อง,ลกู กล้อง กล้อง กลอย หวั กษัตรยิ ์ พระองค์ กอ๊ ก กอ๊ ก กองกอย ตัว กองทัพ กองทพั กองพล กองพล กะละปงั หา กง่ิ ,ตน้ กะละมัง ใบ,ลูก กงั หนั ตัว กนั ชน อนั กันสาด อัน,ด้าน กลั ปพฤกษ์ ต้น ก้าม กา้ ม การต์ ูน ตัว,เร่ือง กาสาวพสั ตร์ ผนื กาไล วง กินนร ตวั ,ตน กุญแจ ดอก,ลกู กุฎี หลงั เกวียน เล่ม เกียร์ ชดุ เกย๊ี ะ คู่ แก้ว ใบ โกดัง หลงั กฎหมาย ฉบับ กรรไกร เล่ม ชีวิตน้ีพฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ิต (ตาราเลม่ ขอเปน็ กาลังใจเคียงข้างคณุ )
111 กระดง้ ข ใบ ลูก กระดาน แผ่น กระป๋อง ใบ กรบั คู่ กล่องไมข้ ีดไฟ กลอ่ ง กลกั กากะเยีย ชดุ สารับ กางเกง ตวั กาพย์ บท กาไล วง กีตาร์ ตวั เกวียน เลม่ เกาทัณฑ์ คัน ขน เสน้ ขนม ช้นิ ขนมครก ฝา,คู่ ขนมจีน จบั ,หัว ขมิ้น แง่ง,หัว ขลุ่ย เลา ขวาน เลม่ ขอ,ตะขอ ตวั ขอสับ อัน ใบ ขัน ผนื ขา่ ย เมด็ ข้าว แผ่น ขา้ วเกรยี บ มัด,กลบี ข้าวตม้ ผดั ดอก ข้าวตอก ฝกั ขา้ วโพด ลูก,แพ ข้าวเมา่ ทอด ชวี ติ นพ้ี ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเลม่ ขอเปน็ กาลังใจเคยี งขา้ งคุณ)
112 ขา้ วหลาม กระบอก ขิง แง่ง,หวั ขิม เขง่ ตวั เขต ใบ,ลกู เข็ม เขต เขม็ ขัด เลม่ เข็มหมุด เสน้ ,สาย เขา,ภูเขา ตวั เขา(สัตว์) เขา,ภูเขา เขอื่ น เขา,ข้าง,คู่ ไข่ เขือ่ น ไข่มุก ฟอง เม็ด ขน ขนมจนี เสน้ ขลุ่ย จบั ขมิ้น เลา ของา้ ว แงง่ ข่า เล่ม ข้าวตอก แง่ง ข้าวโพด ดอก ขิม ฝกั ขีปนาวุธ ตวั เขยี งหมู ลูก ไข่ เขียง ไข่มุก ฟอง เม็ด ค คทา อนั ,เล่ม คบเพลิง อนั ,ดุ้น ชวี ติ นพ้ี ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเลม่ ขอเป็นกาลังใจเคยี งขา้ งคณุ )
113 ครก ใบ,ลูก ครอบครวั ครอบครวั ครีบ ครีบ ครุฑ ครุฑ คลอง คลอง คลินิก แหง่ คอก คอก คอ้ น เต้า คอนเสริ ์ต วง คอมพิวเตอร์ เครื่อง คันฉอ่ ง อนั คนั ไถ คัน คาง คาง คา่ ย ค่าย คาราวาน กอง คีม อัน,เล่ม คุก แหง่ ,คุก คกุ ก้ี ช้นิ ,อัน คูหา คูหา เคก้ ชนิ้ ,อัน เคเบิล เสน้ ,สาย เคร่อื งบันทึกเสียง เคร่ือง เครอื่ งบิน ลา,เคร่ือง เครื่องแบบ ชุด เครื่องรอ่ น ลา เคยี ว เลม่ แคร่ แคร่ โคม ดวง,ใบ,ลูก โคลง บท เล่ม อนั คทา ชวี ติ น้พี ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ิต (ตาราเล่มขอเป็นกาลังใจเคียงขา้ งคณุ )
114 คล่นื ลูก แคน เต้า คมั ภีรใ์ บลาน ผกู โคลง บท ฆอ้ ง ฆ ใบ,ลกู ง งวง งวง งอบ จ ใบ งาช้าง กง่ิ ง้าว เลม่ ง้ิว ตัว,ใบ จดหมาย ฉบับ จรวด ลา จอ ผนื ,จอ จอบ เลม่ จะเข้ ตัว จักร คัน,หลัง จังหวดั จงั หวดั จาก ตบั จาน ใบ,ลูก จานบนิ ,จานผี ลา จานเสียง แผน่ ดวง จิต ผนื จวี ร ฉบับ,เลม่ จลุ สาร องค์ เจดีย์ ใบ แจกนั ชวี ติ นพี้ ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ิต (ตาราเลม่ ขอเปน็ กาลังใจเคยี งข้างคุณ)
115 ใจ,ดวงใจ,หัวใจ ดวง ฉ องค์ ฉลองพระองค์ ข้าง,คู,่ องค์ ฉลองพระบาท คัน ฉตั ร หลงั ฉาง ข้าง,คู่ ฉาบ ฉบับ โฉนด ข้าง,คู่ ฉิ่ง เล่ม ฉมวก หัว ช เลม่ ชฎา ชมรม ชนกั คัน ชมรม แทง่ ,กลอ่ ง ชอ้ น ใบ,ลูก ชอล์ก อัน ชะลอม เชอื ก ชะแลง ชาน ชา้ ง คา ชานชาลา ผนื ชานหมาก เคร่ือง ชายแครง ชมุ ทาง ชิงช้าสวรรค์ ชมุ สาย ชมุ ทาง ฉบับ,ใบ,เล่ม ชุมสายโทรศัพท์ อนั ,ข้าง,คู่ เช็ค มอื ,วง เชงิ เทียน แชร์ ชวี ติ นพี้ ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ิต (ตาราเล่มขอเป็นกาลังใจเคียงขา้ งคณุ )
116 ซอ ซ คัน ซอง ซอง ซากศพ ฌ ซาก ซาลาเปา ญ ลกู ,ใบ ซกิ าร์ ฐ มวน ซนิ่ ถงุ ,ผนื ซปิ อัน,เสน้ ,สาย ซีโ่ ครง ซี่ ซุง ท่อน,ต้น เซียมซี ตว้ิ โซ่ เส้น,สาย ฌาปนสถาน แหง่ ญตั ติ ญตั ติ ฎีกา ฎกี า ฐาน ฐาน ฐานทัพ ฐานทพั เณร,สามเณร ณ รูป ด ดนตรี วง ดราฟต์ ฉบับ,ใบ ดวงใจ ดวง ดวงตราไปรษณยี ์ ดวง ดวงตา ดวง ดอกจนั ตัว ชีวิตน้ีพฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ิต (ตาราเลม่ ขอเป็นกาลังใจเคยี งขา้ งคุณ)
117 ดอกไม้ ต ดอก,ชอ่ ,พวง ด้ังจมกู ด้งั ด่าน ด่าน ดาบ เลม่ ดาบส ตน ดารา,ดาว ดาว ดาวตก ดวง ดนิ สอ แท่ง ดุรยิ างค์ วง ดมุ เม็ด เดือย อัน ไดนาโม ลูก ตถาคต องค์ ตระกูล ตระกลู ตรา ดวง ตรายาง อัน ตราสาร ฉบับ ตรี เล่ม ตลบั ใบ,ลูก ตลับลูกปนื ตลบั ตลาด ตลาด ตลาดหลักทรัพย์ แหง่ ตวกั อัน ตะกร้อ ลูก ตะกรา้ ลกู ตะเกียง ดวง ตะเกียบ ข้าง,คู่ ตะขอ ตวั ,คู่ ตะไบ เล่ม,อัน ชีวิตน้พี ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ิต (ตาราเล่มขอเปน็ กาลังใจเคยี งข้างคณุ )
118 ตะปู ตัว,ดอก ตะโพน ใบ,ลูก ตะวัน ดวง ตะหลวิ อนั ตั่ง ตวั ตั๋ว ใบ ตัวโน้ต ตวั ตาขา่ ย ผนื ,ปาก ตาช่ัง เครื่อง ตารับ ตารบั ตารา เลม่ ,ฉบับ ตุก๊ ตา ตัว ตุ่ม ใบ,ลกู โต๊ะ ตัว ไต้ฝุ่น ลกู ถนน ถ สาย ถาด ท ใบ ถา้ ถา้ ถุงเท้า ข้าง,คู่ เถระ รูป โถสว้ ม โถ ทวน เลม่ ทวีป ทวีป ทองคาเปลว แผน่ ทะเล แหง่ ทัพ กอง,ทัพ ทางหลวง สาย ชีวิตนพี้ ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ติ (ตาราเล่มขอเปน็ กาลังใจเคียงข้างคุณ)
119 ที่ดิน ธ แปลง,ผนื ทนี่ อน น ผนื ,แผน่ เทพเจ้า องค์ เทวดา บ องค์ เทียน เล่ม เทอื กเขา เทอื ก โทรทศั น์ เคร่ือง ธงชาติ ผนื ธนบัตร ใบ,ฉบับ ธนาคาร ธนาคาร,แหง่ ธนาณัติ ฉบับ,ใบ ธรรมาสน์ หลัง ธูป ดอก นม นรก เตา้ นักบวช ขุม นกั บญุ รปู นา รูป นางฟ้า แปลง,ผนื นาฬกิ า องค์ นา้ พุ เรือน นติ ยสาร สาย,ท่ี,แหง่ ,อ่าง นทิ าน ฉบับ เรอ่ื ง บทกลอน บทความ บท บงั กะโล เรอ่ื ง บัตรเชิญ หลัง บัตร ชีวติ นี้พฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ิต (ตาราเลม่ ขอเป็นกาลงั ใจเคยี งข้างคุณ)
120 บัตรประจาตัว ฉบับ บาตร ใบ,ลกู บาทหลวง รปู บายศรี สารับ บหุ รี่ มวน เบ็ด ตวั ใบมดี โกน ใบ ป ปฏิทนิ ฉบับ,แผน่ ,อัน ประกาศนียบัตร ฉบับ ประทุน หลงั ปลิง ตัว ปน่ิ โต ใบ,เถา,สาย ปี่ เลา ป่ีพาทย์ วง,ราง ปนื กระบอก เปียโน หลงั แปรง อนั ผ ผา้ กฐิน ชุด,ไตร ผา้ ซ่นิ ผนื ,ถงุ ผา้ ถงุ ถุง ผ้าบงั สกุ ลุ ผนื เผือก หัว ฝ ฝอยทอง แพ ฝี หัว ไฝ เม็ด พ พยาน คน,ปาก ชีวิตนี้พัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเลม่ ขอเปน็ กาลงั ใจเคียงขา้ งคุณ)
121 พระโกศ องค์ พระขรรค์ เล่ม พระเจ้าอยู่หัว พระองค์ พระตาหนัก องค์ พระธามรงค์ องค์ พระพุทธรปู องค์ พระสงฆ์ รูป เมด็ พริก พวง พวงมาลยั คัน ฉบับ พิณ เกล็ด พนิ ยั กรรม ด้าม,เล่ม พิมเสน สารับ พ่กู ัน ฟ ไพ่ ซี่,แถว แผน่ ,ม้วน ฟัน กระบอก ฟิลม์ ไฟฉาย ภ แห่ง ภตั ตาคาร เรอื่ ง ภาพยนตร์ รูป ลกู ภกิ ษุ ภูเขา ม หลัง มณฑป มโนราห์ ตวั ,เรอ่ื ง มรสุม ลกู มโหรี วง มอเตอร์ หวั มัมม่ี ศพ ชีวิตน้ีพัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ิต (ตาราเลม่ ขอเป็นกาลงั ใจเคียงข้างคณุ )
122 มลู่ ี่ ผนื ,มว้ น เมฆ กลมุ่ ,ก้อน แมน่ ้า ไมก้ วาด สาย ไม้ขดี ไฟ อนั ไม้คาน กา้ น,กลัด,กล่อง,แผง,ห่อ ไม้ตีพริก เลม่ ,อัน ไม้อดั อัน แผ่น ยมทูต ยมบาล ย ยมราช ตน ยักษ์ ตน ยางลบ องค์ โยธวาทติ ตน รถ กอ้ น,แท่ง,อนั รถไฟ วง รม่ ชูชพี รวงผ้ึง ร ระนาด คัน ระบา ขบวน ระหดั ชุด รัดประคด รวง รายงาน รงุ้ กนิ น้า ลูก,ผนื ,ราง เรือ ชุด,วง เรือน ตวั ,เคร่ือง เรือนจา ผนื ฉบับ,เร่ือง ตวั ลา หลงั เเหง่ ชวี ิตนพ้ี ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเล่มขอเปน็ กาลังใจเคียงขา้ งคุณ)
123 โรงเรยี น โรง ล เส้น,ขด,มว้ น ลวด ตัว ลอดชอ่ ง ละคร ตัว,โรง,คณะ ลัง ใบ,ลัง ลทั ธิ ลทั ธิ ลาตดั ลาธาร คณะ,วง ลิปสตกิ สาย ลฟิ ต์ แท่ง ลกู กระดุม ตวั ลกู กวาด ลูกคิด เม็ด,สารับ ลกู นา้ เมด็ ลูกปัด ราง,ลูก ลูกปนื ตวั ลูกหน้ี เมด็ ,ลูก ลกู เห็บ ลูก,นดั เลอื่ ย คน,ราย โลง เมด็ ,ก้อน,ลกู ว ป้นื วงเวียน (เครอื่ งมือสาหรับเขียนวงกลม) โลง วนอุทยาน อัน วอ แห่ง ว่าว คัน,หลัง วิมาน ตัว วหิ าร องค์ หลงั ไวโอลนิ คัน ศ ชวี ติ นพี้ ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ิต (ตาราเล่มขอเปน็ กาลังใจเคียงข้างคณุ )
124 ศพ ส ศพ ศร ห คัน ศาลพระภูมิ ศาล,หลัง ศาลา หลัง สงฆ์ รูป สตางค์ สตางค์ สถปู องค์ สนบั มือ สบู่ อนั สไบ กอ้ น สมอเรือ ผนื สมุด ตัว สร้อย เล่ม สลากกินแบ่ง เสน้ สวิง ฉบับ,ใบ สังข์ ปาก สัตว์ ขอน สัปทน ตัว สามเณร คัน สายพาน รปู สาแหรก เส้น สวิ ข้าง,คู่ ส่วิ เม็ด เสียม เลม่ ,ปาก,อัน โสร่ง เลม่ สถาบัน ตัว,ผนื ส้อม (เคร่ืองใช้ในการกินอาหาร) สถาบัน คัน หน่วยกิต หน่วยกิต ชวี ิตนีพ้ ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเลม่ ขอเป็นกาลังใจเคียงข้างคณุ )
125 หน่อไม้ หนอ่ หนงั สือพิมพ์ ฉบับ บาน,ช่อง หนา้ ตา่ ง ใบ,ลกู หมวก ใบ,ลกู หมอ้ ใบ,ลกู หมอน หลอด หลอด เลม่ หวี หลงั หอไตร หลงั หอประชมุ หัว หวั โขน กอ้ น หิน ใบ,ลกู หบี อัน หบี เพลงเปา่ แหง่ หบุ เขา ดอก เห็ด เหรยี ญ,อัน เหรยี ญ แห ปาก อกไก่ อ อนสุ าวรยี ์ ตัว แหง่ อวน ปาก อัครชายา อคั รมเหสี องค์ อัฐบรขิ าร องค์ อัปสร ชุด อาศรม นาง หลัง อฐิ ก้อน องั สะ ตวั ออร์แกน เครือ่ ง,หลัง,ตวั ชวี ติ น้พี ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ติ (ตาราเล่มขอเป็นกาลงั ใจเคียงข้างคุณ)
126 อสุรกาย ตน อา่ ง ใบ,ลูก อา่ ว อ่าว อาสนะ ที่,ผนื อาเภอ อาเภอ เฮลิคอปเตอร์ ฮ ไฮโดรมิเตอร์ เครื่อง,ลา ตวั ,อนั ๑.๕ นามบอกอาการ (อาการนาม) คอื คานามทใี่ ชบ้ อกกรยิ าอาการ อาการนาม มกั มีคาวา่ “ การ” และ “ ความ” นาหน้า โดยมีหลกั ในการใชด้ ังน้ี การ : ใชน้ าหนา้ คากรยิ าท่ัวไป เช่น การเดนิ การกิน การนอน การเรยี น การสอน การพดู การอา่ น การฟัง ฯลฯ ความ : ๑. ใชน้ าหนา้ คาวิเศษณท์ ั่วไป เช่น ความดี ความชว่ั ความสวยความเรว็ ความไว ความถ่ี ๒. ใชน้ าหนา้ คากริยาท่เี ก่ียวกับจติ ใจ หรอื คาทม่ี คี วามหมายเกีย่ วกับ “ เกิด มี เปน็ ดงั เจรญิ เสื่อม” เช่น ความคดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ ความรกั ความตาย ความทุกข์ ความ เจริญ “ การ” และ “ ความ” ท่ีนาหน้าคาชนดิ อนื่ ทไ่ี มใ่ ชก่ รยิ า หรือคาวิเศษณ์ ไมถ่ ือวา่ เป็นอาการนาม แต่จะเป็นสามานยนาม เช่น การบ้าน การเรือน การพาณชิ ย์ การเมอื ง การไฟฟ้า การประปา การเงิน ความแพง่ หนา้ ท่ขี องคานาม ๑. เปน็ ประธานของประโยค เช่น ชวี ิตนี้พัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ิต (ตาราเลม่ ขอเป็นกาลังใจเคียงขา้ งคณุ )
127 ครู สอนหนงั สอื นักเรียน ความสามคั คี คอื พลัง ๒. เป็นกรรมของประโยค เช่น สุนขั ถูกรถชน, แม่ชอบทา ตม้ ยากุ้ง โดยคานาม สามารถเปน็ ได้ทั้งกรรมตรง และกรรมรอง เช่น เขาซ้อื เนือ้ ให้แก่ เสือโคร่ง (เนื้อเปน็ กรรมตรง, เสือโคร่งเปน็ กรรมรอง), แมเ่ หยี่ยวป้อน เหย่ือให้ ลูกกา (เหยอื่ เปน็ กรรมตรง, ลกู กาเป็นกรรมรอง) ๓. เปน็ ส่วนขยายของคานามที่มาข้างหนา้ เชน่ ฉันชอบอา่ นหนงั สอื การ์ตูนโดเรมอน พ่แี ฮท พชี่ ายของฉนั เปน็ ทหาร ๔. ขยายคากรยิ าทีบ่ อกสถานท่ี เวลา หรอื ทิศทาง เชน่ คุณแม่ไป ทางาน อากาศรอ้ นมากเวลา กลางวนั ๕. เป็นสว่ นเติมเต็มของกริยา ท่เี รียกวา่ “ ส่วนเติมเต็ม” เพราะคานามเหล่าน้เี ม่ือ ใชต้ ามหลังกรยิ า “ เปน็ เหมอื น คลา้ ย เทา่ คือ” แลว้ ประโยคจะได้ใจความสมบรู ณ์ โดยคานามเหลา่ นี้ไมจ่ ดั เป็นกรรมของกริยา เช่น เธอสวยเหมือน นางสาวไทย อั้ม พัชราภาเปน็ ดาราหนงั ๖. เป็นคาเรยี กขานในฐานะประธาน กรรม หรอื เรยี กขานลอย ๆ เชน่ พ่ีขา ขอเงนิ ซือ้ ขนมหน่อย ชวี ิตน้ีพฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเลม่ ขอเป็นกาลงั ใจเคียงข้างคณุ )
128 ปกรณ์ เธอจะไปกินสุก้ีกับฉนั ไหม ๗. เป็นคาตามหลงั บพุ บท เชน่ คุณครูคอยอยู่ใน หอ้ งพกั ครู ใน เป็นคาบพุ บท สิง่ ใดอยใู่ น ตู้ มิใชอ่ ยู่ใต้ ตั่งเตยี ง ใต้ เป็นคาบพุ บท ๒. คาสรรพนาม คือ คาทใี่ ชแ้ ทนคานามที่ไดก้ ล่าวถึงแล้ว เพือ่ จะได้ไมต่ ้องเอ่ยคานามนั้นซ้าอีก คาสรรพนามแบง่ เปน็ ๗ ชนิด คอื ๒.๑ สรรพนามใช้แทนบคุ คล (บุรุษสรรพนาม) คือ คาท่ใี ชแ้ ทนผพู้ ูด ผฟู้ ัง และผู้ ถูกกล่าวถึง แบ่งเปน็ ๓ บุรุษ คือ - สรรพนามบุรุษที่ ๑ ใช้แทนตัวผ้พู ูด เชน่ ฉนั ดิฉนั อีฉนั ผม กระผม ขา้ พเจา้ กู ขา้ อ๊ัว ขอ้ ย อาตมา เกล้ากระหมอ่ ม - สรรพนามบรุ ษุ ท่ี ๒ ใช้แทนผทู้ เ่ี ราพดู ด้วย เช่น คณุ ท่าน เธอ ใตเ้ ทา้ เจ้า แก ล้อื เอง็ มงึ พระคณุ เจ้า โยม สกี า ฝา่ พระบาท - สรรพนามบรุ ษุ ที่ ๓ ใช้แทนผทู้ เ่ี รากลา่ วถึง เช่น เขา ทา่ น เธอ แก มัน หล่อน พระองค์ ๒.๒ สรรนามช้ีเฉพาะเจาจง หรือสรรพนามช้ีระยะ (นยิ มสรรพนาม) คือ คา สรรพนามท่ีใช้แทนคานาม เพอื่ บอกความใกลไ้ กล ไดแ้ กค่ าว่า “ น่ี น้ี นนั่ น้ัน โน่น โน้น” เชน่ นี่ นอ้ งของฉัน น่ัน คอื เพอื่ นรักของเขา ชวี ิตน้ีพัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ิต (ตาราเลม่ ขอเป็นกาลงั ใจเคียงขา้ งคณุ )
129 โนน่ โรงเรียนเตรยี มทหารของฉัน นี่ ของเธอ ๒.๓ สรรพนามใชถ้ าม (ปฤจฉาสรรพนาม) คือ คาสรรพนามที่มคี วามหมายเปน็ คาถาม ไดแ้ กค่ าว่า “ ใคร ไหน อะไร สิ่งใด อนั ไหน ผใู้ ด” เช่น ใคร เปน็ บดิ าแห่งประวตั ิศาสตร์ไทย ใคร มา แกรู้ อะไรมาบา้ ง ส่ิงใด อยู่ในตู้ ไหน ของเธอ ๒.๔ สรรพนามไมเ่ ฉพาะเจาะจง (อนิยมสรรพนาม) สรรพนามพวกนจ้ี ะมรี ูปซ้า กบั ปฤจฉาสรรพนาม แตไ่ ม่ใช่ประโยคคาถาม โดยจะใชใ้ นประโยคทแี่ สดงความไม่ แน่นอน ไม่ชเี้ ฉพาะเจาะจง และไมต่ ้องการคาตอบ เช่น อะไร ฉนั กก็ ินได้ทงั้ นน้ั ใคร ทีท่ าดี ฉันกร็ กั ท้งั นนั้ ใคร ๆ ก็บินได้ ๒.๕ สรรพนามบอกความช้ซี า้ หรอื แบง่ พวก หรือรวมพวก (วภิ าคสรรพนาม) คือ สรรพนามทใี่ ชแ้ ทนคานามท่กี ลา่ วไปแลว้ เพอื่ ชี้ซ้าอกี ครัง้ และแยกคานามนัน้ ออกเปน็ สว่ น ๆ ไดแ้ กค่ าว่า “ ต่าง บา้ ง กัน” ซึ่งมีหลกั ในการใช้ดังน้ี ต่าง : ใช้แทนคานามขา้ งหน้า เพ่อื ให้รู้ว่าคานามนนั้ แยกเปน็ ส่วน แต่ ทากรยิ า อาการอย่างเดียวกนั เช่น ชวี ิตนีพ้ ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ติ (ตาราเล่มขอเปน็ กาลงั ใจเคียงข้างคุณ)
130 นักเรียน ต่างคยุ เสียงดัง กรรมกร ตา่ งทางานอยา่ งขยนั ขันแขง็ บา้ ง : ใช้แทนคานามข้างหนา้ เพอ่ื ให้รวู้ า่ คานามนนั้ แยกเปน็ หลายส่วน และ ทา กรยิ าอาการต่างกนั เชน่ ผู้ชมละครเวที บา้ งก็ปรบมือ บา้ งก็นงั่ เฉย ๆ คุณครู บา้ งกจ็ บจุฬาฯ บา้ งก็จบธรรมศาสตร์ กัน : ใช้แทนคานามข้างหนา้ เพือ่ ใหร้ วู้ า่ คานามนน้ั แยกเป็นส่วน แต่ ทากรยิ า อาการโต้ตอบกนั หรอื เกี่ยวข้องกันอย่างใดอยา่ งหน่ึง เชน่ นกั เรียนยกพวกตี กัน คู่บา่ วสาวสบตา กันหวานฉ่า คาวิภาคสรรพนามน้ี (ต่าง บ้าง กัน) ตอ้ งใช้เพื่อแทนคานามขา้ งหน้า แตบ่ างครัง้ คาวิภาคสรรพนามเหลา่ นี้ ก็ไมไ่ ดท้ าหน้าทแ่ี ทนคานาม ซึ่งเราตอ้ งพจิ ารณาเองวา่ มนั เปน็ คาชนดิ ใด เช่น - ฝีมอื การเย็บจักรของฉนั ตา่ งจากคนอน่ื (เป็นกรยิ าบอกสภาพ) - บอด้กี าร์ด กนั ไมใ่ หแ้ ฟนเพลงเข้าใกล้นักร้อง (เปน็ กริยา) - ฉนั กับเพ่อื นลงทุนเปิดรา้ นขายขนมรว่ ม กัน (เป็นวเิ ศษณข์ ยายกริยา) - เพื่อนของฉนั มตี วั เล็ก บา้ ง ตัวใหญ่ บา้ ง (เป็นวเิ ศษณข์ ยายเล็ก, ใหญ่) ๒.๖ สรรพนามเช่ือมประโยค (ประพนั ธสรรพนาม) คอื สรรพนามทใ่ี ชเ้ ชื่อม สองประโยคให้มคี วามสัมพนั ธ์กนั ได้แก่ คาวา่ “ ท่ี ซง่ึ อนั ผู้” โดยคาเหล่าน้ีจะทา ชวี ิตนพี้ ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ิต (ตาราเล่มขอเปน็ กาลังใจเคยี งขา้ งคุณ)
131 หนา้ ท่ีแทนคานามหรือคาสรรพนามทอ่ี ยขู่ า้ งหน้าเท่านน้ั และทาหนา้ ทเ่ี ชือ่ มประโยค ยอ่ ยเขา้ กับประโยคหลกั ให้กลายเป็นประโยคความซ้อน เช่น - คน ทขี่ ยันเรยี นสอบผา่ น คนขยนั เรียน เปน็ ประโยคหลัก (คน) สอบผ่าน เป็นประโยครอง - ทหาร ผเู้ สียสละชพี เพอ่ื ชาตสิ มควรได้รับการยกย่อง ทหารเสยี สละชีพเพ่อื ชาติ เป็นประโยคหลัก (ทหาร) สมควรได้รับการยกย่อง เปน็ ประโยครอง ๒.๗ สรรพนามท่ีเนน้ ตามความรสู้ ึกของผ้พู ดู ไดแ้ ก่ คาว่า “ ทา่ น มัน แก เขา” โดยสรรพนามชนดิ นี้มกั จะวางไว้หลังคานาม เพ่ือเนน้ ความรู้สกึ ของผู้พดู ว่าแสดง ความรูส้ ึกยกย่อง คนุ้ เคย ดหู มนิ่ เกลยี ดชงั หรอื ความรู้สกึ อื่น ๆ เช่น คนข้ีขโมย มันตอ้ งถูกลงโทษ (เกลียดชงั ) คณุ ตา ท่านรบั ราชการดว้ ยความซือ่ สัตย์ (ยกย่อง) หน้าท่ีของคาสรรพนาม ๑. เปน็ ประธานของประโยค เชน่ ฉัน ชอบไปเท่ียวทะเล โนน่ คือบา้ นของฉัน ๒. เปน็ กรรมของประโยค - กรรมตรง เช่น เชิญ ท่านเขา้ มากอ่ นคะ - กรรมรอง เช่น โปรดนาหนังสอื มาคืน ฉนั วนั น้ี ชวี ิตน้พี ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ิต (ตาราเลม่ ขอเป็นกาลงั ใจเคยี งขา้ งคณุ )
132 ๓. เปน็ สว่ นขยายของประธาน เชน่ หัวหนา้ แกชองดุลูกน้อง คุณครู ท่านให้ฉันเชค็ ช่ือแทน วรรณวภิ า เธอคือคนทเ่ี พ่ือนรกั ๔. เป็นสว่ นเติมเต็มของกริยา เชน่ เธอคอื ใคร สนุ ัขเป็น อะไร พรโสภิตสวย เหมือนนางงาม ๕. เปน็ คาเรียกขานในการสนทนา เชน่ คุณ คะ ถงึ คิวดฉิ นั หรอื ยงั เพอ่ื น ๆ ครบั อยา่ เสียงดัง ๖. เปน็ ตวั เชอ่ื มประโยคเข้าดว้ ยกนั เช่น ครชู อบเด็ก ทีต่ ั้งใจเรียน ฉันชอบบ้านสีฟ้า ที่อยรู่ ิมทะเล ๓. คากริยา คอื คาท่แี สดงอาการ/การกระทาของคานาม หรอื สรรพนาม เพอ่ื ใหร้ ู้ว่าคานาม หรอื คาสรรพนามนน้ั ทา หรอื เป็นอะไร เช่น เด็กหญิง ร้องไห้ (เด็กหญิง เปน็ คานาม, แสดงกรยิ ารอ้ งไห้) ชวี ิตน้ีพัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเล่มขอเปน็ กาลงั ใจเคียงขา้ งคุณ)
133 เธอ วา่ ยน้า (เธอ เป็นคาสรรพนาม, แสดงกริยาวา่ ยนา้ ) ชนิดของคากรยิ า คากรยิ าแบ่งเป็น ๔ ชนิด คือ ๓.๑ กรยิ าทีไ่ ม่ต้องมกี รรม (อกรรมกรยิ า) คอื คากริยาทีม่ ี ความหมายครบถ้วน ในตวั เอง โดยไมต่ ้องมีกรรมมารบั และประโยคมคี วามหมายสมบรู ณ์ เชน่ เดก็ ร้องไห้ นก บนิ สงู รถ วง่ิ ออ้ ! ... คาตอ่ ไปน้สี ว่ นใหญ่เปน็ อกรรมกรยิ า ไดแ้ ก่ น่งั นอน ยืน เดิน ไป รอ้ งไห้ ๓.๒ กริยาท่ีตอ้ งมกี รรม (สกรรมกริยา) คอื (๑) คากรยิ าทมี่ ี ความหมายไมค่ รบถ้วนในตวั เอง จงึ ตอ้ งมกี รรมมารองรับการ กระทา ประโยคจงึ จะไดใ้ จความทส่ี มบูรณ์ เช่น - แม่ กวาดบ้าน (ถา้ บอกว่า “ แม่ กวาด” เฉย ๆ ประโยคน้ีก็จะไมไ่ ด้ใจความ ดังน้นั จงึ ต้องมี “ บา้ น” มาทาหนา้ ทีก่ รรมในประโยค เพื่อใหร้ ู้วา่ “ แม่กวาดบ้าน” ) - ฉนั ทาการบา้ น (ถา้ บอกวา่ “ ฉัน ทา” เฉย ๆ ประโยคนก้ี จ็ ะไมไ่ ด้ใจความ ดังนั้น จงึ ตอ้ งมี “ การบา้ น” มาทาหน้าทีก่ รรมในประโยค เพอ่ื ใหร้ วู้ ่าฉันทาการบา้ น) (๒) ลักษณะหน่ึงของสกรรมกริยาคือ เมอ่ื เราเหน็ คากรยิ าในประโยคนน้ั ๆ แล้ว ตอ้ งสามารถถามตอ่ ไปไดว้ า่ “ อะไร” เช่น ตอี ะไร, ชอบอะไร, มีอะไร, เหน็ อะไร ฯลฯ ดตู วั อยา่ งต่อไปนี้ - แม่ กวาดบ้าน (แม่ กวาดอะไร) - เดก็ ยงิ นก (เดก็ ยิงอะไร) ชวี ิตน้พี ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ติ (ตาราเล่มขอเปน็ กาลงั ใจเคยี งขา้ งคณุ )
134 - ฉัน ทาการบ้าน (ฉันทาอะไร) (๓) กรรมที่มารับนั้นอาจมที ง้ั กรรมตรง และกรรมรอง เช่น ครู แจกสมุดให้แกน่ กั เรยี น (สมุด เปน็ กรรมตรง, นกั เรยี น เปน็ กรรมรอง) ฉัน ถวายชดุ สังฆทานแด่พระสงฆ์ (ชดุ สงั ฆทาน เปน็ กรรมตรง พระสงฆ์ เปน็ กรรม รอง) พ่ีชายใหข้ นมแก่นอ้ ง ๆ ทกุ คน (ขนม เป็นกรรมตรง น้อง ๆ เปน็ กรรมรอง) ประธานมอบธงแกผ่ มู้ าร่วมชมุ นุม (ธง เป็นกรรมตรง ผมู้ าร่วมชมุ นมุ เป็นกรรมรอง) คณุ ตาแจกเงินให้แก่หลาน ๆ (เงนิ เปน็ กรรมตรง หลาน ๆ เป็นกรรมรอง) ขอ้ ควรจา คาบางคาอาจเป็นได้ทั้งอกรรมกรยิ า และสกรรมกริยา ดงั นั้น เวลาใช้ ต้องดรู ูปประโยคด้วย เชน่ - หนา้ ตา่ งบานนี้ ปิด (ปดิ ในที่นี้เปน็ อกรรมกรยิ า) - ฉัน ปิดหนา้ ตา่ งบานน้ี (ปิด ในทน่ี ้ีเปน็ สกรรมกริยา) - เขา้ เปิดฝากระโปรงรถ (เปดิ ในทน่ี เ้ี ป็นสกรรมกริยา) - ฝากระโปรงรถ เปดิ (เปิด ในทนี่ เี้ ป็นอกรรมกริยา) ๓.๓ กรยิ าท่ตี อ้ งอาศัยสว่ นเตมิ เตม็ (วิกตรรถกริยา) คอื คากริยาท่ี ความหมายไม่ สมบรู ณ์ในตัวเอง จึงต้องมีคานาม คาสรรพนามมาเปน็ ส่วนขยาย หรือมีขอ้ ความหรอื สว่ นเติมเตม็ มาตอ่ ทา้ ยคากริยาเหล่านั้น จงึ จะได้ใจความสมบรู ณ์ คากรยิ าหรือวกิ ตรรถกริยาเหล่าน้ีไดแ้ กค่ าวา่ “ คล้าย เปน็ เทา่ เหมือน คือ ดุจว่า” เช่น ขัตตยิ ะ เปน็ คนจริงจังกับชีวติ ชวี ิตน้ีพัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเล่มขอเป็นกาลงั ใจเคียงข้างคณุ )
135 ผดู้ ี คือคนที่ดีทั้งกายวาจาและใจ ซง่ึ ข้อความท่นี ามาเติม หรือเป็นสว่ นขยาย (คนจริงจังกบั ชีวิต, คนท่ีดีทง้ั กาย วาจาและใจ) เราเรยี กว่า ส่วนเตมิ เตม็ หรอื “ วิกตั ิการก” ๓.๔ กรยิ าชว่ ย (กริยานเุ คราะห)์ คอื กรยิ าทใี่ ชป้ ระกอบกรยิ าสาคัญในประโยค เพอ่ื ให้ความหมายของกรยิ าหลักน้นั ชัดเจนขนึ้ กรยิ าชว่ ย ได้แกค่ าว่า “ กาลัง แล้ว อาจ คง ต้อง จะ คงต้อง คงจะ น่า นา่ จะ พึง จง ควร เคย ได้ ไดร้ ับ ถูก โดน ยอ่ ม ยัง อยา่ ฟงั ชะรอย โปรด ชว่ ย ได.้ ..แลว้ เคย...แลว้ นา่ จะ...แล้ว” เช่น ฉัน กาลงั อา่ นหนังสือ นกั เรียน น่าจะทาการบ้านมาแล้ว กริยาชว่ ยอีกชนดิ หน่ึงคอื คาทไ่ี ม่มีความหมายในตวั เอง แต่ต้องอาศัยคากริยา ชนิดอ่นื จึงจะมีความหมาย ไดแ้ กค่ าว่า “ ซิ นะ เถอะ ละ นะ หรอก” เช่น ฉันไมไ่ ปด้วย หรอก ดึกแลว้ นอน เถอะ เจอกันตอนเช้า นะ ข้อควรจา คากริยาบางตัวอาจเปน็ ไดท้ ัง้ กรยิ าแท้ และกริยาชว่ ย ดังนั้น เวลาใช้ ต้องดรู ปู ประโยคด้วย กล่าวคือ ถ้าเป็นกรยิ าช่วยต้องมกี รยิ าแท้อยใู่ นประโยค แต่ถา้ ไม่ มกี ริยาแทอ้ ยูใ่ นประโยคแสดงวา่ คาน้นั เปน็ กริยาแท้ เชน่ ผม ต้องทางาน (กริยาชว่ ย) ฉัน ได้รบั ของแลว้ (กริยาช่วย) ชวี ิตนพ้ี ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ติ (ตาราเล่มขอเป็นกาลังใจเคียงข้างคุณ)
136 เขา ต้องตัวฉัน (สกรรมกรยิ า) เขา ไดค้ ะแนนเต็ม (สกรรมกริยา) หนา้ ทข่ี องคากริยา ๑. เปน็ ตวั แสดงในภาคแสดงของประโยค เชน่ นกั ธรุ กจิ อา่ นหนงั สอื พิมพ์ สตรี มีสทิ ธทิ ัดเทยี มบรุ ุษ ๒. ขยายคานาม เชน่ วนั เสาร์นีค้ อื วันออก เดนิ ทาง เจ้าภาพงานเปล่ยี นรายการอาหาร เล้ยี งแขก ๓. ขยายกริยาดว้ ยกัน เชน่ ฉนั เดิน เล่นในตอนเย็น เธอนง่ั มองทอ้ งฟา้ คนเดียว คุณยายเดนิ หาแว่นตา ๔. ทาหนา้ ที่เหมอื นคานาม เช่น นอน เป็นการพกั ผอ่ นทีด่ ีที่สดุ (นอน ทาหน้าท่ีเป็นประธาน) ฉันชอบ เดินเรว็ ๆ (เดินเร็ว ๆ ทาหนา้ ที่เปน็ กรรม) เที่ยวกลางคืน มักมีอันตราย (เทย่ี วกลางคนื ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ ประธาน) อา่ น หนงั สือมาก ๆ ทาใหฉ้ ลาด (อา่ น ทาหน้าที่เปน็ ประธาน) ชวี ิตนพี้ ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ิต (ตาราเลม่ ขอเปน็ กาลงั ใจเคยี งข้างคณุ )
137 กรยิ าทท่ี าหนา้ ท่เี หมือนคานามเหล่าน้ี เราเรียกอกี อย่างว่า “ กริยาสภาวมาลา” โดยจะเติมคาวา่ “ การ” เข้าขา้ งหน้าได้ โดยทค่ี วามหมายไมเ่ ปลี่ยน เช่น การนอนเป็น การพักผอ่ นท่ดี ีทีส่ ดุ ( นอนเป็นการพกั ผ่อนท่ดี ีทส่ี ุด) ๕. วางไว้หน้าประโยค ได้แกค่ าว่า (เกดิ มี ปรากฏ) เช่น เกดิ ไฟไหม้ทตี่ ลาด มี ข่าวร้ายจะแจง้ ให้ทราบ ปรากฏ รอ่ งรอยการนิ้วมือของผู้รา้ ย ๔. คาวิเศษณ์ คือ คาทีท่ าหนา้ ที่ขยายคานาม คาสรรพนาม คากรยิ า และคาวเิ ศษณ์ดว้ ยกัน เพ่อื บอกลักษณะตา่ ง ๆ (ขนาด สณั ฐาน สี กล่ิน รส ปริมาณ สถานที่ ฯลฯ) และเพิ่ม ความหมายให้ชัดเจนขึ้น คาวิเศษณ์แบ่งเปน็ ๙ ชนิด คอื ๔.๑ คาวิเศษณบ์ อกลกั ษณะ (ลกั ษณวเิ ศษณ)์ คือ คาวเิ ศษณ์ทบ่ี อกลกั ษณะตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ บอกชนิด ดี เลว ช่วั อ่อน แก่ หนุม่ สาว บอกขนาด ใหญ่ เล็ก กว้าง ยาว เขอื่ ง บอกสัณฐาน กลม แบน รี แปน้ ทยุ บอกสี เขยี ว แดง เหลอื ง น้าเงนิ บอกเสียง ดัง ค่อย เบา แผ่ว แหบ เพราะ ทุ้ม บอกกล่ิน หอม เหม็น ฉุน บอกรส เผด็ หวาน เปร้ียว ขม มัน ชวี ิตน้ีพฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ติ (ตาราเล่มขอเปน็ กาลังใจเคยี งข้างคุณ)
138 บอกสัมผัส ร้อน อุ่น เยน็ นุ่ม อ่อน แข็ง กระด้าง หยาบ บอกอาการ เรว็ ชา้ เซ่อ ว่องไว กระฉบั กระเฉง รูปประโยคท ี่มลี กั ษณวิเศษณ์ เชน่ คน แก่เดินชา้ พี่ชายคน โตฉันชื่ออัสนี เขาร้องเพลง เพราะ ๔.๒ คาวิเศษณบ์ อกเวลา (กาลวเิ ศษณ)์ คอื คาวเิ ศษณ์ท่ีบอกเวลาในอดีต ปัจจบุ ัน อนาคต ว่า “ เชา้ สาย บ่าย เยน็ คา่ โบราณ ก่อน” เชน่ เขามา สายทุกวนั เรารอ้ งเพลงชาติ เวลาเชา้ ไป เดย๋ี วนี้ ๔.๓ คาวเิ ศษณบ์ อกสถานท่ี (สถานวเิ ศษณ์) คือ คาวเิ ศษณท์ ี่บอกสถานท่ี หรอื ระยะทาง ว่า “ บน ล่าง เหนือ ใต้ หน้า หลัง ไกล ใกล้ บก น้า” เช่น เขา้ ยา้ ยไปอยทู่ าง เหนือ ขน้ึ ลงเดินชดิ ขวา คาวิเศษณบ์ อกสถานทีบ่ างคา ถา้ มีคานามหรือคาสรรพนามมาตอ่ ท้าย จะถอื เป็น คาบพุ บททนั ที เชน่ บา้ นของเขาอยู่ ใกล้ ( “ ใกล้” ในที่น้ีเปน็ คาวเิ ศษณ์) ชวี ิตนพ้ี ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ิต (ตาราเลม่ ขอเปน็ กาลังใจเคียงขา้ งคณุ )
139 บ้านของเขาอยู่ ใกลต้ ลาด (ใกล้ ในทน่ี เ้ี ปน็ คาบพุ บท) เขาเดนิ จากทิศ เหนอื ไปจนถงึ ทิศ ใต้ ( “ เหนือ, ใต”้ ในท่ีนี้เปน็ คาวิเศษณ)์ ดินสออยู่ ใตส้ มุด ( “ ใต้” ในท่ีน้ีเป็นคาบุพบท) ๔.๔ คาวเิ ศษณบ์ อกปรมิ าณ หรือจานวน (ประมาณวิเศษณ)์ แบง่ เปน็ บอกปรมิ าณ ไดแ้ ก่คาว่า มาก น้อย บรรดา ตา่ ง บาง บา้ ง ผอง ทั้งหมด ท้งั หลาย ท้งั ปวง หลาย จุ ฯลฯ เช่น บรรดาผ้มู าชมุ นุมไดร้ บั การว่าจา้ งจากนายทุน, บาง คนก็หลังเวลาเรยี น บอกจานวน ได้แก่ จานวนนับ หนงึ่ สอง สาม ที่ส่ี ทห่ี ้า เช่น ฉนั สอบได้ ทหี่ นึ่งของห้อง เขาทางาน หกวันใน หน่ึงสัปดาห์ ๔.๕ คาวิเศษณบ์ อกความชเ้ี ฉพาะ (นยิ มวิเศษณ)์ คอื คาวิเศษณท์ ่ีบอกความชี้ เฉพาะ หรือเจาะจงว่า “ เช่นน้ี เช่นนัน้ นี่ น้ี นนั่ น้ัน โน่น โน้น ทง้ั นี้ ท้ังนนั้ อยา่ งนี้ อยา่ งนั้น ดงั นี้ ดงั น้นั แท้ ดอก เอง แท้จริง ทเี ดยี ว แนน่ อน” เช่น อย่ากล่าว เชน่ นั้นเลย แท้จรงิ เขาไมไ่ ดร้ ักฉนั ฉัน เองกเ็ สียใจ ฉนั ทากบั ขา้ ว เอง คาวิเศษณ์บอกความชีเ้ ฉพาะ (นิยมวิเศษณ)์ แตกตา่ งจากสรรนามชเี้ ฉพาะเจาะจง ชวี ิตนี้พัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ิต (ตาราเลม่ ขอเปน็ กาลังใจเคียงขา้ งคณุ )
140 (นยิ มสรรพนาม) เพราะ นยิ มวเิ ศษณ์ ทาหนา้ ทขี่ ยาย และชว่ ยให้คาทถ่ี ูกขยายมีความหมายชดั เจนและชี้ เฉพาะเจาะจงมากขนึ้ โดยคานิยมวเิ ศษณ์จะวางอยู่หลังคาที่ถูกขยาย เชน่ บ้าน นเ้ี ปน็ บา้ นของฉัน (น้ี เป็นนยิ มวเิ ศษณ์ ขยายคาว่าบ้าน) นยิ มสรรพนาม ทาหน้าที่แทนคานาม โดยมีความหมายแทนคน สตั ว์ สงิ่ ของ สถานท่ี ตัวอยา่ ง บ้าน นี้เป็นบา้ นของฉนั (นยิ มวิเศษณ)์ สุนัขตัว นน้ั เปน็ ของฉนั (นยิ มวิเศษณ)์ นี่ คือบ้านของฉนั (นยิ มสรรพนาม) โนน่ ไงสนุ ขั ของฉนั (นิยมสรรพนาม) หนงั สือเลม่ นี้ทฉ่ี ันชอบ (นยิ มวิเศษณ)์ หยิบขนม น่นั ติดมือไปด้วย (นิยมวิเศษณ์) น่ี คือหนงั สอื ทฉี่ ันชอบ (นิยมสรรพนาม) หยิบ น่ันตดิ มือไปด้วย (นยิ มสรรพนาม) ๔.๖ คาวเิ ศษณบ์ อกความไม่ชีเ้ ฉพาะ (อนยิ มวเิ ศษณ)์ คือ คาวิเศษณ์ทม่ี ีรูปซ้ากับ ปฤจฉาวิเศษณ์ แตไ่ มใ่ ช่ประโยคคาถาม โดยจะใช้ในประโยคทแ่ี สดงความไม่แนน่ อน ไมช่ เ้ี ฉพาะเจาะจง และ ไม่ต้องการคาตอบ อนิยมวเิ ศษณ์ ได้แก่คาวา่ “ ใด ไร ไหน อย่างไร อย่างไหน ก่ี อะไร ทาไม ฉนั ใด เช่นไร อ่นื ” เชน่ คน อ่ืนไปกันหมดแล้ว เธอจะนงั่ เก้าอี้ตวั ไหนก็ได้ คาวิเศษณบ์ อกความไม่ช้เี ฉพาะ (อนิยมวเิ ศษณ์) แตกตา่ งจากสรรพนามไม่ เฉพาะเจาะจง (อนิยมสรรพนาม) พิจารณาจากตวั อย่างต่อไปนี้ ชวี ิตนีพ้ ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ิต (ตาราเลม่ ขอเปน็ กาลงั ใจเคยี งขา้ งคณุ )
141 อาหาร อะไรฉันกก็ ินไดท้ ั้งนัน้ (อนยิ มวิเศษณ)์ ระบุวา่ “ อะไร” ในทน่ี ีค้ อื อาหาร อะไร ฉันกก็ นิ ไดท้ ้ังน้ัน (อนยิ มสรรพนาม) นักเรยี นคน ใดที่ทาดี ฉันก็รกั ทัง้ น้ัน (อนิยมวเิ ศษณ์) ระบวุ า่ “ ใคร” ในท่ีนีค้ อื นกั เรียน ใคร ทีท่ าดี ฉันกร็ กั ท้งั นนั้ (อนิยมสรรพนาม) ๔.๗ คาวิเศษณ์แสดงคาถาม (ปฤจฉาวเิ ศษณ์) คือ คาวิเศษณท์ ่ีแสดงคาถาม หรอื ความสงสยั ว่า “ ใคร อะไร ทาไม ไหน ใด ฉันใด เชน่ ไร อันใด อยา่ งไร ไย” เช่น ใบเตยมีกลิ่น อย่างไร เธออายุ เท่าไร ตึกใบหยกมีชื่อเสียงในด้าน ใด คาวิเศษณแ์ สดงคาถาม (ปฤจฉาวเิ ศษณ์) แตกต่างจากสรรพนามใช้ถาม (ปฤจฉา สรรพนาม) เพราะ ปฤจฉาวเิ ศษณ์ จะตอ้ ง ตอบด้วยคาวเิ ศษณ์ เช่น ใบเตยมีกลิน่ อยา่ งไร (หอม) เธออายเุ ท่าไร (๑๕ ป)ี ตกึ ใบหยกมชี อ่ื เสียงในด้านใด (สงู ) ปฤจฉาสรรพนาม จะต้อง ตอบด้วยคานาม เช่น ส่งิ ใด อย่ใู นตู้ (กระเปา๋ /เส้ือผา้ ) ใคร เปน็ ผใู้ ห้กาเนดิ กจิ การเสอื ป่า (รัชกาลท่ี ๖) ใคร มา (ครู / เจา้ หน)้ี ๔.๘ คาวเิ ศษณ์แสดงคาขานรับ (ประตชิ ญาวิเศษณ์) คอื คาวิเศษณ์ที่แสดงถงึ การ ชวี ิตนพี้ ัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ิต (ตาราเลม่ ขอเปน็ กาลงั ใจเคียงข้างคณุ )
142 ขานรับในการเจรจา ได้แกค่ าว่า “ จา๋ ขา ครับ ขอรับ คะ ครบั จะ้ โวย๊ วะ” เชน่ แม่ จา๋ ขอเงินซอ้ื ขนมหนอ่ ย คะ ครู ครับชว่ ยอธบิ ายช้า ๆ แดง เอย๊ เพ่อื นเรียกอยหู่ น้าบา้ น ๔.๙ คาวเิ ศษณ์แสดงความปฏิเสธ (ประตเิ สธวเิ ศษณ์) คอื คาวเิ ศษณ์ท่ีแสดงความ ปฏเิ สธหรอื ไม่ยอมรับ ไดแ้ ก่คาวา่ “ ไม่ ไม่ได้ มไิ ด้ หาไม่ หามิได้ ไมใ่ ช่ บ่ อยา่ ” เช่น เธอ อยา่ เล่าเรื่องฉันให้คนอน่ื ฟงั นะ ข้าราชการท่ที ุจริตคือคน ไมร่ กั ชาติ บุญคุณของพอ่ แมป่ ระมาณค่า มไิ ด้ หน้าทีข่ องคาวิเศษณ์ ๑. ขยายคานาม เชน่ เดก็ นอ้ ยรอ้ งไห้ บา้ น เล็กอยู่ในทุ่ง กวา้ ง ตารวจ หลายคนล้อมจับผรู้ ้าย ๒. ขยายคาสรรพนาม เช่น ฉัน เองเปน็ คนเอาไป ใคร หนอรกั เราเท่าชีวี เธอ นัน่ แหละนสิ ยั ไม่ดี ชวี ิตนี้พฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ิต (ตาราเลม่ ขอเป็นกาลังใจเคยี งขา้ งคณุ )
143 ๓. ขยายคากรยิ า เชน่ อยา่ กนิ มูมมาม นักเรียนพดู เพราะ ปนี ฝี้ นตก นอ้ ย ๔. ขยายคาวเิ ศษณ์ เชน่ พายุพัดแรง มาก เขารอ้ งเพลงเพราะ จรงิ ๆ ดอกกุหลาบมีกลิน่ หอม ฟุ้ง ๕. ขยายกรรม เชน่ ครตู ีเด็ก ขเี้ กียจ ปลาใหญก่ นิ ปลา เล็ก ๖. ขยายส่วนขยาย เช่น เธอรอ้ งเพลงได้ไพเราะ จับใจ ดอกกุหลาบบาน สะพรงั่ ๗. เป็นกรยิ าในภาคแสดงของประโยค เช่น ขอ้ สอบวชิ าภาษาไทย ยากกว่าวิชาอืน่ ( “ ยาก” เป็นคาวิเศษณ์ แตท่ าหนา้ ทเี่ ป็น คากรยิ า) น้าปลา เคม็ ( “ เคม็ ” เปน็ คาวิเศษณ์ แตท่ าหน้าทเ่ี ป็นคากริยา) ชวี ิตนพ้ี ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ิต (ตาราเลม่ ขอเป็นกาลงั ใจเคียงขา้ งคณุ )
144 ๕. คาบุพบท คอื คาท่ใี ชน้ าหนา้ คานาม คากริยา คาสรรพนาม และคาวเิ ศษณ์ เพอื่ เชื่อมโยงคา/ กลมุ่ คาหนงึ่ ให้สัมพันธ์กบั คา/กลุม่ คาอืน่ เพอื่ แสดงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งคา หรือ กลมุ่ คาทถ่ี ูกเชือ่ มเข้าดว้ ยกนั คาบพุ บทแบง่ ได้ ๒ ชนิด คือ ๕.๑ คาบพุ บทท่ี ไม่เช่อื มกบั คาอืน่ บพุ บทชนดิ นี้จะใชน้ าหนา้ คา หรือกลุ่ม คานาม และ คาสรรพนาม เพื่อแสดงการทักทาย หรือเป็นคาเรียกร้องใหผ้ ฟู้ ังสนใจ ไดแ้ ก่คาว่า “ ดูกร กกู ่อน ดูรา ข้าแต่ ยงั ” คาเหลา่ นี้จะพบได้ในหนงั สือเทศน์ วรรณคดี หรอื พระไตรปิฎก เชน่ ข้าแต่ ท่านผู้เจริญ ดกู ร ภิกษุท้งั หลาย ๕.๒ คาบุพบทท่ีเชื่อมกับคาอ่ืน ไดแ้ ก่ คาบุพบททนี่ าหน้าคา กลมุ่ คานาม คา สรรพนาม คาวเิ ศษณ์ และคากรยิ าบางคา เพ่อื บอกความสมั พนั ธร์ ะหว่างคาทอี่ ยูห่ ลัง กับขอ้ ความขา้ งหน้า คาบุพบทชนิดนแ้ี บง่ เปน็ ๗ ชนิดยอ่ ย คือ (๑.) คาบพุ บทนาหน้ากรรม ไดแ้ กค่ าว่า “ แก่ ซง่ึ เฉพาะ สู่ ยงั ตลอด” เชน่ เราตอ้ งให้อภยั ซง่ึ กันและกนั ครถู า่ ยทอดความรู้ ใหแ้ ก่นกั เรียน ถนนทุกสายมุ่ง สกู่ รงุ โรม (๒.) คาบุพบทนาหนา้ บท เพ่ือบอกความเปน็ เจ้าของ ไดแ้ กค่ าวา่ “ ของ แหง่ ใน” เช่น รัฐธรรมนูญใหค้ วามคุ้มครองศักดศิ์ รี แห่งความเปน็ มนุษย์ พระราชธดิ า ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว ชวี ิตน้พี ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ิต (ตาราเล่มขอเป็นกาลงั ใจเคยี งข้างคุณ)
145 โรงเรียน ของเราน่าอยู่ (๓.) คาบุพบทนาหนา้ บท เพอื่ แสดงความเปน็ ผูร้ บั ไดแ้ กค่ าวา่ “ แก่ แด่ ตอ่ เพ่ือ สาหรับ เฉพาะ” เชน่ รถประจาทางมที น่ี ่งั สาหรับผู้พกิ าร เขาสาบาน ตอ่ หนา้ พระ เราควรทาความดีเพ่ือถวายเป็นพระราชกศุ ล (๔.) คาบพุ บทนาหนา้ บท เพ่ือบอกลักษณะเปน็ เครื่องใช้ หรือมอี าการร่วมกัน ไดแ้ ก่คาว่า “ ตาม ดว้ ย ทง้ั โดย กับ เพราะ” เช่น กินขา้ ว กับปลาทู ดอกไม้ทา ดว้ ยกระดาษสา ฉันไปเรียน โดยรถประจาทาง (๕.) คาบพุ บทนาหนา้ บท เพ่ือบอกเวลา ไดแ้ กค่ าว่า “ กอ่ น เม่อื แต่ ตั้งแต่ จน กระทั่ง ณ จนกระทงั่ ภายใน ใน เฉพาะ สาหรบั ” เชน่ เขาจากฉันไป เมือ่ ปีก่อน เขาอ่านหนงั สือ จนดกึ ทกุ คนื ครูให้ส่งการบ้าน ภายในวันนี้ (๖.) คาบพุ บทนาหนา้ บท เพ่ือบอกสถานที่ ไดแ้ กค่ าวา่ “ ใน นอก บน เหนือ ใต้ ชดิ ใกล้ ไกล รมิ ที่ จาก ถึง สู่ ยงั แต่ ถงึ หา่ ง ชิด” เชน่ นกเกาะอยู่ บนตน้ ไม้ ชวี ิตนพ้ี ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ติ (ตาราเล่มขอเป็นกาลงั ใจเคียงขา้ งคณุ )
146 หนงั สอื อยู่ ใตโ้ ต๊ะ ฉันมีบา้ น รมิ ทะเล (๗.) คาบุพบทนาหน้าบท เพอื่ บอกประมาณ ไดแ้ กค่ าวา่ “ เกือบ ตลอด ประมาณ ราว สกั ชว่ั สน้ิ ทั้งสิ้น” เช่น เขาจะกลับจากต่างประเทศ ประมาณเดือนหน้า ฉนั ต้องการความรกั จากใคร สักคน ฉันอา่ นหนงั สอื วนั ละ เกอื บ ๙ ชว่ั โมง ข้อควรจา ๑.) คาบพุ บทจะใช้ตามลาพังไมไ่ ด้ จะต้องมคี าตามหลังเสมอ แต่คาวิเศษณ์จะใช้ ประกอบกบั คาที่อยขู่ ้างหน้า ดงั นั้นจึงจะมีคาตามหลงั หรอื ไม่ก็ได้ เช่น เธอน่งั ในห้อง (คาบุพบท) บา้ นฉนั อยู่ ใกล้ทะเล (คาบพุ บท) เธอนั่ง ใน (คาวเิ ศษณ)์ บ้านฉนั อยู่ ใกล้ (คาวิเศษณ)์ ๒.) ขอ้ ความที่อย่หู ลงั คาบุพบทตอ้ งเปน็ คาหรือกลมุ่ คาเทา่ นน้ั จะเป็นประโยค ไม่ได้ เชน่ เพื่อนฉนั เดนิ ทางมา จากเชยี งใหม่ ฉันหลับสนิท ตลอดคนื ๓.) การพจิ ารณาวา่ คาใดเปน็ คาบุพบทนัน้ ต้องดหู น้าที่ของคาเปน็ หลัก เพราะคา ชวี ิตนี้พฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเลม่ ขอเปน็ กาลังใจเคียงข้างคณุ )
147 แต่ละชนิดทาหนา้ ท่ี และมีความหมายตา่ งกนั เช่น คาว่า “ แก่” - สมบูรณเ์ ปน็ คน แก่ (คาวิเศษณ์) - สมบรู ณใ์ หเ้ งิน แก่ขอทาน (คาบพุ บท) - คุณยาย แก่มากแล้ว (คากรยิ า) - สมบรู ณ์เป็นกันเอง แก่ทุกคน ( คาสนั ธาน) ๔.) คาบพุ บทไม่มคี วามหมายทต่ี ัวมนั เอง แต่ความหมายจะไปอยู่ที่คาหลงั บพุ บท สว่ นคาวิเศษณม์ ีความหมายชดั เจนในตวั เอง เช่น ท่านเป็นแม่ ของฉนั (ของ เป็นคาบุพบท) คณุ พ่อสวมเสือ้ แดง (แดง เปน็ คาวิเศษณ์บอกสี) ๕.) บางประโยคสามารถละบพุ บทได้ โดยท่ีความหมายของประโยคไม่ เปลย่ี นแปลง เชน่ ขน (ของ) หมานุม่ นกเกาะ (บน) ก่ิงไม้ แม่ใหเ้ งิน (แก)่ ลูก หลกั การใชค้ าบุพบทบางคา ๑. กับ ใช้ในความหมายรว่ มกัน ทากริยาเหมอื นกัน ไปหรือมาด้วยกนั เชน่ เธอ ไป กับฉัน, มันมา กบั ใคร ๒. แก่ ใช้ในการเสนอและสนอง โดยมักจะใช้กับผู้นอ้ ย หรอื คนที่เสมอกัน เชน่ เขาขายสนิ คา้ ให้ แก่ลูกคา้ , ครใู ห้รางวัล แกน่ กั เรียน ชวี ิตน้ีพัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ิต (ตาราเล่มขอเป็นกาลังใจเคยี งขา้ งคณุ )
148 ๓. แด่ ใชใ้ นการเสนอ โดยจะใชก้ ับบุคลผ้ทู ี่สูงกวา่ หรอื บคุ คลที่เคารพนับถือ เชน่ ถวายสังฆทาน แด่พระสงฆ์, นักเรียนมอบของขวัญให้ แดอ่ าจารย์ ๔. ใน ใชก้ บั บคุ คลท่ีเคารพนบั ถอื และใช้ในความหมายทแ่ี สดงวา่ ของเลก็ อยใู่ น ของใหญ่ เชน่ ขา้ ราชการ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว, นกนอ้ ง ในไร่ส้ม ๕. ดว้ ย ใช้เม่อื อาศัยส่ิงน้นั เป็นเคร่ืองทากรยิ าตา่ ง ๆ เช่น เขยี นหนงั สอื ด้วย ปากกา, ตี ดว้ ยไม้ ๖. ของ ใช้กับคาท่ีแสดงความเป็นเจา้ ของสิ่งน้ัน ๆ เช่น กางเกงตวั นี้ ของฉัน, วทิ ยุเครื่องนนั้ ของฉัน ๗. แต่ ใชใ้ นความหมายว่า “ จาก” (น้าไหลมา แตภ่ ูเขา), “ ตงั้ แต”่ (ฉนั ตน่ื แต่ เช้า), “ และเพยี งเฉพาะ” (เขากิน แตห่ ม)ู ๘. ตาม ใช้ในลักษณะเป็นไปตามแบบแผน แนวทาง ลักษณะ รปู แบบ เชน่ เขาชอบทา ตามอาเภอใจ, เดก็ มักทา ตามผู้ใหญ่ ๙. เพอ่ื ใชก้ ับความต้องการในอนาคต หรอื ส่ิงทม่ี งุ่ หมายตั้งแต่แรก เช่น พ่อแมท่ างาน เพื่อลกู , ฉนั ทาทุกอย่าง เพ่อื เธอ หน้าที่คาบุพบท ๑. นาหน้าคานาม เชน่ ถัว่ เขียวเปน็ อาหาร ของนกพิราบ ชวี ิตน้พี ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแก่ชวี ติ (ตาราเล่มขอเปน็ กาลงั ใจเคยี งขา้ งคณุ )
149 นักเรยี นทกุ คนอยู่ ในหอ้ งอย่างสงบ ๒. นาหน้าคาสรรพนาม เชน่ ฉันต้องการจะไป กับเขา ทกุ อยา่ งฉันทาไป เพ่อื คุณ ๓. นาหนา้ คากริยา เชน่ เขาทางานหนกั จนตาย พวกเราเตรมี อาหาร สาหรับรบั ประทาน ๔. นาหนา้ คาวิเศษณ์ เชน่ เขาบอกว่าจะมาหาฉนั โดยเรว็ ฉันจะพดู ตามจริง ๖. คาสนั ธาน คอื คาทใี่ ช้เช่อื มระหว่างคา ประโยค กล่มุ คา ท่ีอยู่คนละประโยคใหเ้ ป็นประโยค เดยี วกัน ซ่ึงทาให้ประโยคสละสลวย และไดใ้ จความมากข้นึ คาสันธานแบ่งเป็น ๘ ชนิด คอื ๖.๑ เช่ือมใจความท่คี ลอ้ ยตามกนั ได้แกค่ าวา่ “ ก็ จึง เช่น ว่า ให้ คอื ทง้ั เมื่อ...ก็ ทงั้ ...ก็ กค็ ือ ก็ดี กไ็ ด้ เท่ากบั กับ และ ท้งั ...และ ทง้ั ...ก็ ครน้ั ...ก็ ครนั้ ...จึง พอ...ก็ ถงึ ...ก็ กับทั้ง...ก”็ เชน่ ฉัน และเธอชอบไปเทยี่ วทะเล ฉนั ชอบ ทั้งวชิ าสงั คม และภาษาไทย ชวี ิตนี้พัฒนาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ติ (ตาราเลม่ ขอเปน็ กาลังใจเคยี งข้างคุณ)
150 ครั้น ถึงเวลาหกโมงเยน็ ฉัน จึงกลบั บ้าน ” ๖.๒ เช่อื มใจความทข่ี ัดแย้งกัน ได้แกค่ าวา่ “ แต่ แต่วา่ ถงึ ...ก็ กวา่ ...ก็ แม้วา่ ทวา่ แตท่ ว่า” เช่น เขาอยากสอบได้ แต่ข้ีเกียจอ่านหนงั สอื ถึง สอบไม่ได้ ฉนั กไ็ มท่ ้อใจ กว่า ถว่ั จะสุกงา ก็ไหม้ ๖.๓ เช่ือมใจความท่ีเปน็ เหตเุ ปน็ ผลกนั ไดแ้ กค่ าวา่ “ เพราะ เพราะวา่ ..จงึ ฉะนน้ั ...จงึ เพราะ...จงึ เหตุฉะน้ี ดังนน้ั ด้วย จงึ ฉะนี้ ฉะนน้ั ดว้ ยว่า เหตุเพราะ เหตวุ า่ ” เชน่ ฉนั สอบตดิ โรงเรยี นเตรยี มทหาร เพราะอ่านหนงั สอื ทกุ วัน เพราะวา่ เธอดกี บั ฉนั ฉัน จึงรกั เธอ ฉันไปเท่ียววนั เดก็ ทีก่ องทัพอากาศ ดังนั้นฉนั จงึ ได้เห็นเคร่ืองบนิ ๖.๔ เช่ือมใจความที่ใหเ้ ลอื กเอาอย่างใดอย่างหนงึ่ ได้แกค่ าวา่ “ หรือ หรือไม่ก็ ไมเ่ ช่นนั้น มิฉะน้นั ก็ ไม.่ ..ก็ ถ้า...ก”็ เชน่ คุณจะเดนิ หรอื จะวงิ่ ไปตลาด ไม่ เธอ ก็ฉนั ท่ตี อ้ งพังกนั ไปขา้ งหนึง่ เราต้องขยันกว่านี้ มฉิ ะนั้นจะสอบไมไ่ ด้ ๖.๕ เชอ่ื มความตา่ งตอน ไดแ้ ก่คาว่า “ สว่ น ฝ่าย ส่วนว่า ฝา่ ยวา่ อนง่ึ อกี ประการ หน่งึ เปน็ ต้นว่า เชน่ ว่า” เช่น เธอไปหยบิ ปากการ ส่วนฉนั จะไปซ้อื กระดาษ ชวี ิตน้พี ฒั นาได้ ถา้ เราใหโ้ อกาสแกช่ วี ิต (ตาราเลม่ ขอเป็นกาลังใจเคียงขา้ งคณุ )
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275