บทสรปุ ผู้บรหิ าร รายงานการประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาผลสาเร็จ และ/หรือ ผลการดาเนินงาน ตามเป้าประสงค์ของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ของสานักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ และประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยรูปแบบการประเมินผลประยุกต์ใช้โมเดลเคาน์ทิแนนซ์ (Stake’s Countenance Model) ของสเตก และดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่ระบุไว้ในแผนปฏิบัติ ราชการฯ จานวน 23 หน่วยงาน เครื่องมือท่ีใช้ในการประเมินในครั้งน้ี ประกอบด้วย แบบรายงานผล การดาเนินโครงการ/ กิจกรรม ตามแผนปฏิบัติราชการของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นรายไตรมาส แบบรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ตามแบบ สงป. 301 และแบบ สงป. 302 และแบบรายงานผลการประเมินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการของสานักงาน ปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2559 การประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้พิจารณาตามตัวช้ีวัดเป้าประสงค์และค่าเป้าหมายของแผนปฏิบัติราชการฯ จานวน 40 ตวั ชว้ี ัด ปรากฏผลว่า สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ ารสามารถดาเนินการบรรลุเป้าประสงค์ได้ จานวน 26 ตัวชี้วัด คิดเป็นร้อยละ 65 ไม่สามารถดาเนินการบรรลุเป้าประสงค์ จานวน 11 ตัวช้ีวัด คิดเป็น ร้อยละ 27.50 และไม่สามารถตดิ ตามผลการดาเนินงานตามตัวช้วี ดั จานวน 3 ตวั ชีว้ ัด คดิ เป็นร้อยละ 7.50 และหากพิจารณาผลการดาเนินงานในการบรรลุเป้าประสงค์ของแผนปฏิบัติการฯ เป็นรายด้าน พบว่า เป้าประสงค์ท่ี 4 ข้าราชการ ครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศึกษา มีความก้าวหน้าในวิชาชีพ มีศักยภาพ ในการปฏิบัตงิ าน และการจดั การศึกษาท่มี ีคุณภาพ มีผลการดาเนนิ งานทบ่ี รรลุเป้าประสงค์ได้มากทส่ี ุด คดิ เป็น ร้อยละ 83.33 รองลงมา ได้แก่ เป้าประสงค์ที่ 5 ผู้รับบริการมีและใช้ ICT ท่ีมีประสิทธิภาพในการเรียนรู้ และบริหารจัดการให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ เป้าประสงค์ท่ี 1 หน่วยงานมีระบบบริหารจัดการท่ีมี ประสิทธิภาพตามหลักธรรมาภิบาล เป้าประสงค์ที่ 3 ประชาชนได้รับการศึกษาท่ีมีคุณภาพ และเป้าประสงค์ที่ 2 ประชาชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึง ครอบคลุม และเป็นธรรม คิดเป็นร้อยละ 75.00 66.66 61.54 และ 54.55 ตามลาดบั สาหรับข้อเสนอแนะในการขับเคล่ือนและผลักดันแผนปฏิบัติราชการของสานักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธกิ าร มดี งั นี้ 1. การขบั เคลือ่ นและพัฒนาใหห้ น่วยงานมรี ะบบบรหิ ารจดั การทม่ี ีประสิทธิภาพตามหลกั ธรรมาภิบาล โดยเฉพาะการดาเนินงานที่สร้างคุณธรรมและความโปร่งใส อาทิเช่น สร้างการรับรู้และการเผยแพร่ข้อมูล
-ข- ข่าวสารเก่ียวกับการต่อต้านการทุจริตและการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน การวางระบบความก้าวหน้า ในตาแหน่งหน้าที่เพ่ือรักษาบุคลากรท่ีมีความรู้ความสามารถ การวิเคราะห์ผลการจัดซ้ือจัดจ้างเพ่ือนามา ปรับปรุงพฒั นาการดาเนินงาน และสรา้ งระบบ เกณฑ์ หรือค่มู ือการปฏบิ ตั งิ านตามภารกจิ หลกั 2. การขับเคลื่อนและพัฒนาการดาเนินงานเพ่ือเพิ่มและกระจายโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรู้ ตลอดชีวิต อาทิเช่น สนับสนุนให้ผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานทุกคนได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่าย ในการจัดการศึกษา กาหนดมาตรการและแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กตกหล่น ส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับสุขภาพและโภชนาการท่ีถูกต้อง สนับสนุนการนาแนวคิดการจัดทาแผนจุลภาค (micro planning) และพัฒนาช่องทางการให้บริการความรู้ผ่านสื่อเทคโนโลยีทางการศึกษาและเทคโนโลยี การสื่อสาร 3. การขับเคลื่อนและพัฒนาการดาเนินงานเพ่ือพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย อาทิเช่น ส่งเสริมกระบวนการการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน ให้ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์และมีเหตุผล สนับสนุนหรืออุดหนุนงบประมาณในการพัฒนา ศักยภาพครู ส่งเสริมการจัดทาหลักสูตรท้องถิ่น ส่งเสริมให้ชุมชนมีแหล่งเรียนรู้ และสนับสนุนทุกภาคส่วน เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการจดั การศึกษา 4. การขับเคลื่อนและพัฒนาการดาเนินงานเพื่อพัฒนาระบบบริหารงานบุคคล ข้าราชการครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาให้ได้มาตรฐาน อาทิเช่น ส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ และกาหนด เกณฑ์มาตรฐานกลางสาหรับใช้วัดและประเมินผลผู้บริหาร ครู ข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาที่เข้ารับ การพัฒนา 5. การขับเคลื่อนและพัฒนาการดาเนินงานเพ่ือพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ อาทิเช่น ปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษาให้สะดวก รวดเร็ว และมปี ระสิทธิภาพ สารวจขอ้ มูลท่ีหน่วยงานต้องการนาไปใชป้ ระโยชนต์ ่อการปฏิบตั ิงาน และจดั ทาฐานข้อมลู กลาง เพอ่ื ใชใ้ นการวางแผนการจดั การศกึ ษา ในส่วนของข้อเสนอแนะในการประเมินผลครั้งต่อไป มีดังน้ี (1) ควรมีการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้จ่าย งบประมาณของหน่วยงานในภาพรวมและไตรมาสเพื่อประเมินหาประสิทธิผลและประสิทธิภาพของการใช้ งบประมาณ รวมถึงความคุ้มค่าของการดาเนินโครงการและกิจกรรม (2) ควรขยายขอบเขตการศึกษาเพิ่ม โดยเก็บรวบรวมข้อมูลในส่วนของรายละเอียดแผนงาน โครงการและกิจกรรมของแผนพ้ืนฐานและแผนบูรณาการ (3) ควรดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่ระบุไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการให้ครบถ้วน และ (4) ควรมีการประยุกต์ใช้วิธีการประเมินแนวใหม่ หรอื วิธีการแบบผสมผสาน (Hybrid Approach) เพื่อให้ได้รูปแบบการประเมินแผนปฏบิ ตั ริ าชการฯ ทเี่ หมาะสม
สารบญั หน้า บทสรุปผู้บริหาร.................................................................................................................. ก บทท่ี 1 บทนา……………………………………………………………………………………………………….. 1 1 หลักการและเหตผุ ล…………………………………………………………………………………………… 2 วตั ถปุ ระสงค์................................................................................................................... 2 ขอบเขตการศึกษา.......................................................................................................... 3 นยิ ามศัพท.์ ..................................................................................................................... 3 ประโยชนท์ ีไ่ ด้รบั ............................................................................................................ 4 กรอบแนวทางการประเมินผลความสาเรจ็ ของแผนปฏิบตั ิราชการ................................ ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 11 บทท่ี 2 เอกสารทเี่ ก่ียวข้องในการศึกษา…………………………………………………………………….. 11 สาระสาคัญของแผนปฏิบตั ิราชการ ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2559……………………. ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร 15 แนวคดิ เก่ยี วกับการติดตามประเมินผล………………………………………………………………… 18 แนวคิดเก่ียวกับระบบตดิ ตามและประเมนิ ผลแบบมงุ่ ผลสมั ฤทธ์ิ.................................... 20 แนวคิดเกีย่ วกบั การประเมินผลโครงการ........................................................................ 24 แนวคิดและโมเดลการประเมินของสเตก........................................................................ 27 การประยุกตใ์ ช้กรอบแนวคดิ ในการประเมินผล............................................................. 29 บทที่ 3 วิธดี าเนนิ การประเมนิ ............................................................................................. 29 หนว่ ยงานท่เี ป็นหนว่ ยในการตดิ ตามประเมนิ ผล............................................................ 29 ข้ันตอนการประเมนิ ผล.................................................................................................. 31 เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการศึกษาและการเกบ็ รวบรวมข้อมูล................................................... 33 การวิเคราะห์ผล………………………………………………………………………………………………… 34 บทท่ี 4 การประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏิบตั ริ าชการประจาปงี บประมาณ................ พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ 34 เปา้ ประสงค์ที่ 1 หน่วยงานมีระบบบรหิ ารจัดการทม่ี ปี ระสิทธิภาพ............................... 45 ตามหลกั ธรรมาภิบาล เป้าประสงค์ที่ 2 ประชาชนไดร้ ับโอกาสทางการศึกษาอย่างทวั่ ถงึ ครอบคลมุ .............. และเป็นธรรม
หน้า บทท่ี 4 การประเมนิ ผลความสาเร็จของแผนปฏบิ ตั ิราชการประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ (ต่อ) เป้าประสงค์ท่ี 3 ประชาชนได้รับการศึกษาทีม่ ีคณุ ภาพ…………………………………………. 54 เป้าประสงค์ที่ 4 ข้าราชการ ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา....................... 74 มีความก้าวหนา้ ในวชิ าชพี มีศักยภาพในการปฏบิ ัตงิ าน และการจดั การศึกษาที่มีคุณภาพ เป้าประสงค์ท่ี 5 ผรู้ บั บรกิ ารมแี ละใช้ ICT ที่มีประสทิ ธิภาพในการเรยี นรู้..................... 85 และบริหารจดั การใหไ้ ด้มาตรฐานและมคี ุณภาพ บทที่ 5 สรุปผล อภิปราย และข้อเสนอแนะ........................................................................ 90 สรุปผล.......................................................................................................................... 91 อภปิ ราย........................................................................................................................ 99 ขอ้ เสนอแนะ.................................................................................................................. 104 บรรณานุกรม...................................................................................................................... 108 ภาคผนวก........................................................................................................................... 109 แบบรายงานผลการดาเนินโครงการ/ กิจกรรม ตามแผนปฏิบตั ริ าชการ....................... 109 ของสานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ ารเป็นรายไตรมาส แบบรายงานผลการปฏิบตั ิงานและการใช้จา่ ยงบประมาณ ประจาปีงบประมาณ............. 111 พ.ศ. 2559 ตามแบบ สงป. 301 และแบบ สงป. 302 แบบรายงานผลการประเมนิ โครงการภายใต้แผนปฏบิ ตั ิการของสานักงาน................... 115 ปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2559 คาสงั่ คณะทางานจดั ทารายงานการประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏบิ ัติราชการ….. 116 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 และประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2560 ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร
สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า 1 กรอบแนวทางการประเมนิ ผลความสาเรจ็ ของแผนปฏบิ ตั ิราชการประจาปี............. 4 งบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ 2 ข้อแตกต่างระหวา่ งการติดตามการปฏิบัตงิ านกบั การตดิ ตามผลลพั ธ์………………….. 19 3 ข้อแตกตา่ งระหวา่ งการตดิ ตามผลลพั ธ์กับการประเมินผลลพั ธ์…………………………… 20 4 ผลการบรรลเุ ป้าประสงค์ที่ 1 หนว่ ยงานมรี ะบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ..... 36 ตามหลกั ธรรมาภิบาล 5 ผลการบรรลุเป้าประสงค์ท่ี 2 ประชาชนไดร้ ับโอกาสทางการศกึ ษาอยา่ งท่วั ถงึ ....... 48 ครอบคลุม และเป็นธรรม 6 คะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาตขิ ้ันพืน้ ฐาน (O-NET)…………… 55 ระดบั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ของสถานศกึ ษาในสังกดั สช. 7 คะแนนเฉลยี่ ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติขนั้ พนื้ ฐาน (O-NET)…………… 55 ระดบั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ของสถานศึกษาในสงั กดั สช. 8 คะแนนเฉล่ียผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาตขิ ั้นพื้นฐาน (O-NET)............... 56 ระดับมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ของสถานศกึ ษาในสังกดั สช. 9 คะแนนเฉล่ียผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอิสลามศึกษา (I –NET)…. 57 ระดบั อสิ ลามตอนต้น 10 คะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาตดิ ้านอิสลามศึกษา (I –NET)…. 57 ระดบั อสิ ลามตอนกลาง 11 คะแนนเฉล่ียผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอิสลามศึกษา (I –NET)…. 58 ระดบั อสิ ลามตอนปลาย 12 คะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติดา้ นการศึกษานอกระบบ........ 59 โรงเรยี น (N-NET) ระดับประถมศึกษา 13 คะแนนเฉลยี่ ผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาตดิ า้ นการศกึ ษานอกระบบ........ 59 โรงเรยี น (N-NET) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ 14 คะแนนเฉลยี่ ผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติดา้ นการศกึ ษานอกระบบ........ 60 โรงเรยี น (N-NET) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 15 ผลการบรรลุเป้าประสงค์ท่ี 3 ประชาชนได้รบั การศกึ ษาทีม่ ีคณุ ภาพ…………………… 63
ตารางที่ หน้า 16 ผลการบรรลุเปา้ ประสงค์ที่ 4 ข้าราชการ ครู คณาจารย์ และบคุ ลากร.................... 78 ทางการศึกษามีความกา้ วหน้าในวิชาชพี มศี กั ยภาพในการปฏบิ ัติงาน และการจดั การศึกษาทมี่ ีคุณภาพ 17 ผลการบรรลเุ ปา้ ประสงค์ท่ี 5 ผรู้ บั บรกิ ารมแี ละใช้ ICT ทีม่ ีประสิทธภิ าพ................ 86 ในการเรยี นรูแ้ ละบริหารจัดการใหไ้ ดม้ าตรฐานและมีคณุ ภาพ 23 สรปุ ผลการบรรลุผลการประเมนิ ผลความสาเรจ็ ของแผนปฏิบัติราชการประจาปี.... 94 งบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
สารบัญภาพ ภาพที่ หนา้ 1 The Result Chain………………………………………………………………………………………… 18 2 โมเดลเคาน์ทแิ นนซข์ องสเตก……………………………………………………………………………. 24 3 วธิ กี ารประเมนิ โมเดลเคานท์ แิ นนซ์ของสเตก………………………………………………………. 26 4 การประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏบิ ตั ริ าชการประจาปงี บประมาณ.................... 28 พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ ารโดยประยกุ ตโ์ มเดล เคาน์ทิแนนซ์ของสเตก 5 ความแตกต่างระหว่างผลการดาเนินงานหรอื ผลสมั ฤทธ์ทิ ี่เกิดข้นึ จริง.......................... 89 กบั เป้าประสงค์ในแต่ละดา้ นของแผนปฏิบตั ิราชการฯ
1 บทที่ 1 บทนำ หลักกำรและเหตุผล สืบเน่ืองจากพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มาตรา 9 ได้กาหนดไว้ว่า การบริหารราชการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ให้ส่วนราชการปฏิบัติ คือ (1) ก่อนจะดาเนินการตามภารกิจใด ส่วนราชการต้องจัดทาแผนปฏิบัติราชการไว้เป็นกาลล่วงหน้า (2) การกาหนดแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการตาม (1) ต้องมีรายละเอียดของขั้นตอนระยะเวลา และงบประมาณท่ีจะต้องใช้ในการดาเนินการของแต่ละขั้นตอน เป้าหมายของภารกิจ ผลสัมฤทธิ์ของภารกิจ และตัวชี้วัดความสาเร็จของภารกิจ (3) ส่วนราชการต้องจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตาม แผนปฏิบัตริ าชการตามหลักเกณฑ์และวธิ กี ารที่ส่วนราชการกาหนดขึ้น ซ่ึงต้องสอดคลอ้ งกับมาตรฐานท่ี ก.พ.ร. กาหนด และ (4) ในกรณีท่ีการปฏิบัติภารกิจหรือการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติราชการเกิดผลกระทบ ต่อประชาชน ให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการที่จะต้องดาเนินการแก้ไขหรือบรรเทาผลกระทบน้ัน หรือเปล่ียน แผนปฏิบัติราชการให้เหมาะสม ทั้งนี้ สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการมีภารกิจและอานาจหน้าที่ที่ต้อง ดาเนินงานเก่ียวกับการพัฒนายุทธศาสตร์ การแปลงนโยบายของกระทรวงเป็นแผนปฏิบัติ ดาเนินการเก่ียวกับ กฎหมายวาด้วยการศึกษาแหงชาติ จัดทางบประมาณและบริหารราชการประจาทั่วไปของกระทรวง ซึ่งในการ จัดทาแผนปฏิบัติราชการของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้กาหนดเป้าประสงค์ไว้ 5 ด้าน ที่จะต้อง ดาเนินการให้บรรลุผลและสอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงาน ได้แก่ (1) หน่วยงานมีระบบบริหารจัดการที่มี ประสิทธิภาพตามหลักธรรมาภิบาล (2) ประชาชนได้รบั โอกาสทางการศึกษาอย่างทว่ั ถึง ครอบคลมุ และเป็นธรรม (3) ประชาชนได้รับการศกึ ษาท่ีมคี ุณภาพ (4) ขา้ ราชการ ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษามีความก้าวหน้า ในวิชาชีพ มีศักยภาพในการปฏิบัติงานและการจัดการศึกษาท่ีมีคุณภาพ และ (5) ผู้รับบริการมีและใช้ ICT ทม่ี ีประสทิ ธิภาพในการเรียนรแู้ ละบรหิ ารจดั การให้ไดม้ าตรฐานและมีคุณภาพ ดังนั้นจะเหน็ ได้ว่าพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธกี ารบรหิ ารกิจการบ้านเมอื งท่ีดี พ.ศ. 2546 ได้กาหนดให้หน่วยงานจัดแผนปฏิบัติราชการของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเพ่ือใช้เป็นเคร่ืองมือ ของผู้บริหารและหน่วยงานในสังกัดท่ีใช้สาหรับเป็นกรอบแนวทางในการขับเคล่ือนการปฏิบัติงานของ หน่วยงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อบรรลุเป้าประสงค์ตามภารกิจของหน่วยงานท่ีกาหนดไว้อย่างมี ประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล และเมื่อสิ้นสุดการดาเนินงานของแผนปฏิบัติราชการฯ หน่วยงาน จาเป็นต้องมีกระบวนการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล ว่าแผนปฏิบัติราชการฯ ที่วางไว้ ได้มีการดาเนินงาน ประสบผลสาเร็จตามเป้าหมายท่ีวางไว้หรือไม่ อย่างไร เพ่ือประโยชน์ในการปรับปรุง แก้ไข และพัฒนา การวางแผนของหนว่ ยงานใหม้ ปี ระสิทธิภาพมากขนึ้
2 ในการนี้ สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการจึงได้ดาเนินการติดตาม ประเมินผล และจัดทารายงาน การประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ของสานักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เพ่ือสะท้อนให้เห็นถึงผลการดาเนินงานของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ท่ีเกิดขึ้นจริงเปรียบเทียบกับค่าเป้าหมายของเป้าประสงค์ตามตัว ช้ีวัดภายใต้แต่ละ ประเด็นยุทธ ศาสตร์ ของแผนปฏิบัติราชการฯ ว่าบรรลุมากน้อยเพียงใด พรอ้ มแสดงให้เห็นถงึ ผลการดาเนินงานสาคัญที่ตอบสนอง และผลักดนั การบรรลเุ ป้าประสงค์ของหน่วยงาน วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือศึกษาผลสาเร็จ และ/หรือ ผลการดาเนินงานตามเป้าประสงค์ของแผนปฏิบัติราชการประจาปี งบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ 2. เพื่อประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงาน ปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ ขอบเขตกำรศกึ ษำ 1. ขอบเขตด้ำนพื้นท่ี ดาเนินการศึกษาในหน่วยงานท่ีระบุไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจาปี งบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จานวน 23 หน่วยงาน ได้แก่ สานักอานวยการ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา สานักลูกเสือ ยุวกาชาด และกิจการนักเรียน สานักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สานักงานคณะกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา สานักตรวจราชการและติดตามประเมินผล สานักนโยบายและยุทธศาสตร์ สานักนิติการ สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สานักงานคณะกรรมการ ส่งเสรมิ การศึกษาเอกชน กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป. กลุ่มตรวจสอบภายในระดับกระทรวง หน่วยตรวจสอบ ภายใน สป. สานักส่งเสริมกิจการการศึกษา ศูนย์ประสานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สานักประสานงานและบูรณาการการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สานักงานประสานงานคณะรัฐมนตรี และรฐั สภา กระทรวงศึกษาธิการ สานักงานศึกษาธิการภาค 1 – 13 สานักงานรัฐมนตรี สานักงานเลขานุการ กองทุนพฒั นาเทคโนโลยีเพ่อื การศึกษา ศนู ย์ปฏิบัตกิ ารต่อตา้ นการทจุ รติ และสานักงานลูกเสือแหง่ ชาติ 2. ขอบเขตด้ำนเน้ือหำ ดาเนินการศึกษาตามเปา้ ประสงคข์ องแผนปฏิบตั ิราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยจาแนกออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ (1) หน่วยงานมีระบบ บริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพตามหลักธรรมาภิบาล (2) ประชาชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างท่ัวถึง ครอบคลุม และเป็นธรรม (3) ประชาชนได้รับการศึกษาท่ีมีคุณภาพ (4) ข้าราชการ ครู คณาจารย์ และบุคลากร ทางการศึกษามีความก้าวหน้าในวิชาชีพ มีศักยภาพในการปฏิบัติงานและการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ และ (5) ผ้รู ับบริการมแี ละใช้ ICT ทม่ี ีประสทิ ธภิ าพในการเรียนรูแ้ ละบริหารจดั การให้ได้มาตรฐานและมคี ุณภาพ
3 3. ขอบเขตด้ำนระยะเวลำ ดาเนินการศึกษาผลสาเร็จ และ/หรือ ผลการดาเนินงาน ของสานักงาน ปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 คอื ตง้ั เดือนตุลาคม 2558 – กนั ยายน 2559 4. ขอบเขตด้ำนกำรประเมิน เป็นการประเมินผลสรุป (summative evaluation) เมื่อสิ้นสุดการ ดาเนินงานตามแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยรูปแบบการประเมินผลในครั้งนี้ประยุกต์ใช้โมเดลเคาน์ทิแนนซ์ของสเตก (Stake’s Countenance Model) นิยำมศพั ท์ กำรประเมินผล หมายถึง กระบวนการท่ีเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบและการเปรียบเทียบผล การดาเนนิ งานท่ีเกิดข้นึ จริง กบั เกณฑ์ และ/หรอื คา่ เปา้ หมายท่ตี ง้ั ไว้ ควำมสำเร็จของแผนปฏิบัติรำชกำร หมายถึง ผลลัพธ์ของการดาเนินงานโดยจาแนกตามตัวชี้วัด เป้าประสงค์ภายใต้ประเด็นยุทธศาสตร์ของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กำรประเมินผลควำมสำเร็จของแผนปฏิบัติรำชกำร หมายถึง การตรวจสอบผลลัพธ์ของการ ดาเนินงานโดยเปรียบเทียบผลการดาเนินงานที่เกิดขึ้นจริงกับค่าเป้าหมายตามตัวชี้วัดเป้าประสงค์ภายใต้ ประเด็นยุทธศาสตร์ท่ีกาหนดไว้ของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ประโยชน์ทีไ่ ด้รบั 1. ทาให้ทราบถึงผลการบรรลุความสาเร็จของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เพ่ือใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาแผนปฏิบัติราชการฯ ในอนาคต ให้มปี ระสิทธภิ าพและประสทิ ธิผลมากขน้ึ 2. หนว่ ยงานของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการสามารถนาผลการประเมินแผนปฏิบัติราชการฯ ไปปรับปรุง แกไ้ ข และพฒั นาการดาเนินงานภายใต้ภารกิจทรี่ บั ผดิ ชอบใหไ้ ปสกู่ ารปฏิบตั ไิ ด้มากขนึ้
ตำรำงที่ 1 กรอบแนวทำงกำรประเมินผลควำมสำเรจ็ ของแผนปฏิบัตริ ำชกำรประจำปีง เปำ้ ประสงค์ ตัวช้วี ัด เป้ำประสงค์ที่ 1 1. จานวนนโยบายและแผนท่ีนาไปสูก่ ารปฏิบัติ หน่วยงานมรี ะบบบริหาร จดั การที่มีประสทิ ธิภาพ 2. จานวนรายงานผลการตดิ ตามประเมนิ ผลการดาเนนิ งานตามนโยบ ตามหลกั ธรรมาภิบาล ยทุ ธศาสตร์ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารในพ้นื ท่ี 3. จานวนโครงการ/กจิ กรรมความรว่ มมือด้านการศกึ ษากบั ตา่ งประเท 4. ร้อยละของหน่วยงานในสงั กดั สป. เบกิ จา่ ยงบประมาณเปน็ ไปตาม 5. รอ้ ยละความคดิ เหน็ ในการประเมินมาตรฐานความโปรง่ ใสในระดบั 6. ร้อยละของหน่วยงานในสงั กัด สป. มกี ารดาเนนิ งานทม่ี ีคณุ ธรรม และความโปร่งใส
งบประมำณ พ.ศ. 2559 ของสำนักงำนปลดั กระทรวงศกึ ษำธิกำร หนว่ ยงำนท่ี หนว่ ย เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน เกี่ยวขอ้ ง กำรวดั กำรวเิ ครำะห์ สนย. แผน 1. แบบประเมินผล มากกว่าหรือเทา่ กบั 8 แผน 2. แบบรายงานผล การดาเนนิ งาน สป. 3. แบบ สงป. บาย ศธภ. 1- 13 ฉบบั - - ทศ สต. โครงการ/ 1. แบบประเมนิ ผล ไมน่ อ้ ยกวา่ มเปา้ หมาย กจิ กรรม 2. แบบรายงานผล 27 โครงการ/กิจกรรม บดีข้ึนไป การดาเนนิ งาน สป. 3. แบบ สงป. กพร. ร้อยละ 1. แบบประเมินผล ไมน่ ้อยกว่า ร้อยละ 90 2. แบบรายงานผล การดาเนนิ งาน สป. ศปท. ร้อยละ 1. แบบประเมนิ ผล ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 2. แบบรายงานผล การดาเนินงาน สป. ศปท. ร้อยละ 1. แบบประเมนิ ผล ไมน่ อ้ ยกว่า ร้อยละ 90 2. แบบรายงานผล การดาเนนิ งาน สป. 4
เป้ำประสงค์ ตัวชวี้ ดั เป้ำประสงค์ที่ 2 7. จานวนผู้เรียน บุคลากรทางการศกึ ษา และผบู้ รหิ ารโรงเรยี นเอกชน ประชาชนไดร้ บั โอกาส ทไ่ี ดร้ บั การพฒั นา ทางการศกึ ษาอย่างทั่วถึง ครอบคลมุ เป็นธรรม 8. จานวนนกั เรยี นโรงเรียนเอกชนทไี่ ดร้ บั การสง่ เสรมิ และพัฒนาคณุ ภ 9. ร้อยละของนกั เรยี นโรงเรียนเอกชนมีภาวะทพุ โภชนาการลดลง 10. จานวนประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ลงทะเบียนเรียนในทุกหลักสตู ร กิจกรรม การศึกษาตอ่ เนอื่ ง 11. จานวนผเู้ ข้ารว่ มกจิ กรรมผูส้ งู อายุ 12. รอ้ ยละของนกั เรียน นักศกึ ษา และประชาชนทว่ั ไปมีความพึงพอ ตอ่ การรับบริการความรู้นอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ผ่านชอ่ งทางสื่อเทคโนโลยีทางการศึกษาและเทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร
น หนว่ ยงำนท่ี หน่วย เครอ่ื งมอื เกณฑ์กำรประเมิน ภาพชีวติ เก่ยี วข้อง กำรวดั กำรวิเครำะห์ ไมน่ ้อยกว่า 45,089 คน ร/ สช. คน 1. แบบประเมนิ ผล ไม่นอ้ ยกวา่ อใจ 2. แบบรายงานผล 1,593,897 คน สช. คน การดาเนินงาน สป. ไมน่ อ้ ยกว่า ร้อยละ 1 3. แบบ สงป. ไม่น้อยกวา่ 531,600 คน สช. ร้อยละ 1. แบบประเมินผล กศน. คน 2. แบบรายงานผล ไมน่ ้อยกวา่ 94,340 คน การดาเนินงาน สป. กศน. คน 3. แบบ สงป. 1. แบบประเมนิ ผล 2. แบบรายงานผล การดาเนนิ งาน สป. 1. แบบประเมนิ ผล 2. แบบรายงานผล การดาเนินงาน สป. 3. แบบ สงป. 1. แบบประเมนิ ผล 2. แบบรายงานผล การดาเนนิ งาน สป. 3. แบบ สงป. กศน. ร้อยละ 1. แบบประเมนิ ผล ไมน่ อ้ ยกว่า รอ้ ยละ 80 2. แบบรายงานผล การดาเนินงาน สป. 3. แบบ สงป. 5
เปำ้ ประสงค์ ตวั ชวี้ ดั 13. จานวนนักเรียนทไ่ี ดร้ บั ทุนการศึกษาตอ่ ระดบั ปริญญาตรีท้งั ในปร และต่างประเทศ ร่นุ ท่ี 3 และ 4 14. จานวนผู้เรยี นการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน ท่ไี ดร้ ับการสนับสนุนค่าใช้จา่ ยตามสิทธิที่กาหนดไว้ 15. จานวนนักเรียนและนักศกึ ษาในโรงเรยี นเอกชนได้รับการสนับสน การจดั การศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน 16. จานวนปกี ารศึกษาเฉลีย่ ของประชากรวัยแรงงาน - อายุ 15-39 ปี - อายุ 40-59 - อายุ 15-59 ปี 17. สดั ส่วนผ้เู รยี นอาชวี ศึกษา : สามัญศกึ ษาในระดับมธั ยมศกึ ษา (ป
หนว่ ยงำนท่ี หน่วย เคร่ืองมอื เกณฑ์กำรประเมนิ เก่ียวขอ้ ง กำรวดั กำรวเิ ครำะห์ สต. ระเทศ คน 1. แบบประเมนิ ผล ไม่น้อยกว่า นุน กศน. 2. แบบรายงานผล 1,254 คน ปวช.1 : ม.4) สช. การดาเนินงาน สป. สกศ. 3. แบบ สงป. สานกั งาน คน 1. แบบประเมินผล ไมน่ อ้ ยกว่า สถติ แิ หง่ ชาติ 2. แบบรายงานผล 1,325,462 คน การดาเนนิ งาน สป. 3. แบบ สงป. คน 1. แบบประเมนิ ผล ไม่นอ้ ยกว่า 2. แบบรายงานผล 2,314,737 คน การดาเนินงาน สป. 3. แบบ สงป. ปี ขอ้ มลู ผลการ - อายุ 15-39 ปี ไม่น้อยกวา่ วิเคราะห์สถติ ิ 10.9 ปี ตัวช้ีวัด และการจัด - อายุ 40-59 ไมน่ ้อยกว่า อันดบั ทางการ ศกึ ษาเพอ่ื 7.4 ปี ความสามารถใน - อายุ 15-59 ปี ไม่น้อยกว่า การแข่งขัน 9.2 ปี อตั ราสว่ น - - 6
เป้ำประสงค์ ตวั ชี้วัด เป้ำประสงคท์ ี่ 3 18. ระดับคะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติขั้นพน้ื ประชาชนไดร้ ับการศึกษา 5 วชิ าหลกั ในทุกระดบั ช้ันเพมิ่ ขึน้ ทมี่ คี ุณภาพ 19. ระดบั คะแนนเฉล่ียผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาตดิ า้ นอา (V-NET) เพม่ิ ขึ้น 20. ระดบั คะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาตดิ ้านอิส (I-NET) เพ่มิ ขึ้นทกุ ระดบั หลกั สตู ร 21. ระดับคะแนนเฉลีย่ ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาตดิ ้านการศึกษา โรงเรียน (N-NET) เพ่มิ ขึ้นทุกระดับช้นั 22. จานวนผ้ทู ่ไี ดร้ บั การสง่ เสรมิ และพัฒนาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม 23. จานวนครู คณาจารย์ บุคลากรทางการศกึ ษา และบคุ ลากรที่เก่ยี ผา่ นการฝกึ อบรมเป็นผบู้ งั คบั บญั ชาลกู เสือระดบั ตา่ ง ๆ 24. รอ้ ยละของ ครู คณาจารย์และบคุ ลากรทางการศกึ ษาที่ฝกึ อบรม เป็นผู้บงั คบั บัญชาลูกเสอื ระดับตา่ ง ๆ ผ่านการประเมินทุกระดบั 25. พฒั นาและปรบั ปรงุ คา่ ยลูกเสอื
นฐาน (O-NET) หน่วยงำนที่ หน่วย เครอ่ื งมือ เกณฑ์กำรประเมนิ าชวี ศกึ ษา เกย่ี วข้อง กำรวดั กำรวิเครำะห์ เพ่มิ ข้นึ ร้อยละ 2 สลามศกึ ษา รอ้ ยละ แบบประเมินผล านอกระบบ สช. ยวข้อง สช. รอ้ ยละ - - ศปบ.จชต. รอ้ ยละ แบบประเมนิ ผล เพิม่ ขน้ึ ร้อยละ 2 ม กศน. ร้อยละ แบบประเมนิ ผล เพิ่มขนึ้ รอ้ ยละ 2 สกก. คน 1. แบบประเมินผล ไม่น้อยกว่า 80,000 คน 2. แบบรายงานผล การดาเนินงาน สป. 3. แบบ สงป. สลช. คน 1. แบบประเมนิ ผล ไมน่ อ้ ยกว่า 38,500 คน 2. แบบรายงานผล การดาเนนิ งาน สป. 3. แบบ สงป. สลช. รอ้ ยละ 1. แบบประเมินผล ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 80 2. แบบรายงานผล การดาเนนิ งาน สป. สลช. แห่ง 1. แบบประเมนิ ผล มากกวา่ หรือเท่ากบั 2. แบบรายงานผล 11 แหง่ การดาเนินงาน สป. 3. แบบ สงป. 7
เปำ้ ประสงค์ ตวั ชวี้ ัด 26. จานวนนักเรียน นกั ศกึ ษา ครู และบุคลากรทางการศกึ ษาในเขตพ เฉพาะกจิ จังหวัดชายแดนภาคใตไ้ ด้รับการพัฒนา 27. จานวนผ้ผู า่ นการอบรมการศกึ ษาต่อเนื่องในเขตพฒั นาพเิ ศษเฉพ จงั หวัดชายแดนภาคใต้ 28. จานวนผูบ้ รหิ าร ครู บคุ ลากรทางการศึกษา และผเู้ รยี นโรงเรียนเ ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจงั หวดั ชายแดนภาคใตไ้ ด้รับการพฒั นา 29. การรณรงค์ป้องกันและแกไ้ ขปัญหายาเสพตดิ เป้ำประสงคท์ ี่ 4 30. รอ้ ยละของสถานศกึ ษาที่ร่วมโครงการ TO BE NUMBER ONE มนี โย ค่านยิ ม สรา้ งความตระหนกั ความรู้ ความเขา้ ใจดาเนนิ กิจกรรมเชงิ สร ขา้ ราชการ ครู คณาจารย์ ใหส้ ขุ ภาพร่างกายมีการเจรญิ เตบิ โตตามสุขภาวะห่างไกลยาเสพตดิ ทกุ และบุคลากรทางการศกึ ษา มีความกา้ วหนา้ ในวิชาชพี 31. จานวนขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาไดร้ บั ความรแู้ ละ มศี กั ยภาพในการปฏบิ ตั งิ าน ด้านการบรหิ ารงานบคุ คล ดา้ นวินยั คุณธรรม จรยิ ธรรม และความกา้ ในวชิ าชพี
พฒั นาพเิ ศษ หน่วยงำนที่ หน่วย เครอื่ งมือ เกณฑก์ ำรประเมิน เกีย่ วข้อง กำรวดั กำรวิเครำะห์ ไม่นอ้ ยกว่า 34,246 คน พาะกจิ ศปบ.จชต. คน 1. แบบประเมินผล ไมน่ อ้ ยกว่า 40,136 คน เอกชน กศน. 2. แบบรายงานผล คน การดาเนินงาน สป. ไมน่ ้อยกวา่ 125,006 คน ยบายสง่ เสริม สช. 3. แบบ สงป. รา้ งสรรค์ คน 1. แบบประเมินผล มากกว่าหรอื เทา่ กบั กประเภท สสก. 2. แบบรายงานผล 1 กจิ กรรม ะพฒั นา กิจกรรม การดาเนินงาน สป. าวหน้า สสก. 3. แบบ สงป. ไม่นอ้ ยกว่า ร้อยละ 75 กคศ. ร้อยละ 1. แบบประเมนิ ผล ไมน่ อ้ ยกวา่ 350,000 คน คน 2. แบบรายงานผล การดาเนินงาน สป. 3. แบบ สงป. 1. แบบประเมนิ ผล 2. แบบรายงานผล การดาเนินงาน สป. 3. แบบ สงป. 1. แบบประเมนิ ผล 2. แบบรายงานผล การดาเนินงาน สป. 1. แบบประเมนิ ผล 2. แบบรายงานผล การดาเนนิ งาน สป. 3. แบบ สงป. 8
เป้ำประสงค์ ตวั ชีว้ ัด และการจดั การศกึ ษา 32. การพฒั นาระบบบรหิ ารงานบคุ คลสาหรบั ข้าราชการครแู ละบคุ ล ทม่ี คี ุณภาพ ทางการศึกษา 33. การเตรยี มความพร้อมสปู่ ระชาคมอาเซียน 34. จานวนประชาชนกลมุ่ เป้าหมายท่ีไดร้ ับบริการ/เขา้ รว่ มกจิ กรรมก ดา้ นภาษาองั กฤษและภาษาในประเทศอาเซียน 35. จานวนผู้บรหิ าร ครูผสู้ อนและบุคลากรทางการศึกษาเอกชนไดร้ บั เพอ่ื เตรียมความพร้อมสปู่ ระชาคมอาเซียน 36. ร้อยละของผู้บริหาร ครู ขา้ ราชการและบุคลากรทางการศกึ ษาท ผา่ นเกณฑท์ ี่กาหนด เปำ้ ประสงคท์ ่ี 5 37. จานวนระบบข้อมลู สารสนเทศท่ใี ห้บริการ ผ้รู ับบรกิ ารมแี ละใช้ ICT ท่ีมีประสทิ ธภิ าพในการ
ลากร หน่วยงำนที่ หนว่ ย เคร่อื งมอื เกณฑ์กำรประเมนิ เกีย่ วข้อง กำรวัด กำรวิเครำะห์ การเรยี นรู้ เรอ่ื ง มากกวา่ หรอื เท่ากบั บการพฒั นา กคศ. 1. แบบประเมินผล 11 เร่อื ง ทีเ่ ข้ารับพฒั นา กจิ กรรม 2. แบบรายงานผล สต. การดาเนนิ งาน สป. มากกว่าหรือเทา่ กับ คน 3. แบบ สงป. 5 กิจกรรม กศน. 1. แบบประเมินผล คน 2. แบบรายงานผล ไมน่ ้อยกว่า สช. การดาเนินงาน สป. 2,800,000 คน รอ้ ยละ 3. แบบ สงป. กคศ. สคบศ. ระบบ 1. แบบประเมินผล ไม่นอ้ ยกว่า สอ. 2. แบบรายงานผล 640 คน ศทก. การดาเนนิ งาน สป. 3. แบบ สงป. ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80 1. แบบประเมนิ ผล 2. แบบรายงานผล มากกวา่ หรอื เท่ากับ การดาเนนิ งาน สป. 7 ระบบ 3. แบบ สงป. 1. แบบประเมินผล 2. แบบรายงานผล การดาเนินงาน สป. 1. แบบประเมินผล 2. แบบรายงานผล การดาเนนิ งาน สป. 3. แบบ สงป. 9
เป้ำประสงค์ ตวั ช้ีวัด เรยี นรู้และบริหารจดั การ 38. ร้อยละความพงึ พอใจของผูใ้ ช้บริการระบบข้อมูลสารสนเทศระดับ ให้ได้มาตรฐานและ มีคุณภาพ 39. รอ้ ยละของผู้ผ่านการอบรมดา้ น ICT นาความรไู้ ปใชใ้ นการปฏบิ ัต 40. จานวนหน่วยงานและสถานศกึ ษาทีใ่ ชบ้ รกิ ารเครือขา่ ยอินเทอร์เน
บดขี ึน้ ไป หน่วยงำนท่ี หนว่ ย เคร่ืองมือ เกณฑก์ ำรประเมนิ เก่ียวขอ้ ง กำรวัด กำรวิเครำะห์ ไมน่ อ้ ยกว่า รอ้ ยละ 80 ติงาน ร้อยละ นต็ ศทก. ผลการวเิ คราะห์ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 80 ร้อยละ ความพึงพอใจ ไมน่ ้อยกวา่ 35,000 แหง่ ศทก. แหง่ ความไม่พงึ พอใจ ศทก. และความคาดหวงั ต่อการใหบ้ รกิ าร ขอ้ มูลสารสนเทศ ทางการศกึ ษาของ ศทก.สป. 1. แบบประเมินผล 2. แบบรายงานผล การดาเนินงาน สป. 3. แบบ สงป. 1. แบบประเมนิ ผล 2. แบบรายงานผล การดาเนินงาน สป. 3. แบบ สงป. 10
11 บทที่ 2 เอกสารท่เี ก่ียวขอ้ งในการศกึ ษา การประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการในครั้งนี้ ได้ดาเนินการศึกษาแนวคิด ทฤษฏี และเอกสารท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือนาไปสู่การ วางแผนการดาเนินงานตามกรอบแนวคิดในการศึกษาให้เกิดประสิทธิผลและนาไปสู่เป็นข้อสนเทศที่สาคัญ ในการศึกษา ดงั น้ี 1. สาระสาคญั ของแผนปฏบิ ัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานกั งานปลดั กระทรวง ศกึ ษาธิการ (ฉบบั ปรับปรุงตามงบประมาณท่ีได้รับจดั สรร) 2. แนวคดิ เกยี่ วกบั การตดิ ตามประเมินผล 3. แนวคิดเกี่ยวกับระบบติดตามและประเมนิ ผลแบบมงุ่ ผลสัมฤทธ์ิ 4. แนวคดิ เกีย่ วกับการประเมนิ ผลโครงการ 5. แนวคดิ และโมเดลการประเมนิ ของสเตก 6. การประยุกต์ใช้กรอบแนวคดิ ในการประเมนิ ผล สาระสาคัญของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ (ฉบบั ปรับปรงุ ตามงบประมาณท่ีได้รบั จดั สรร) แผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับปรับปรุงตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรร) เป็นเคร่ืองมือในการกากับ เร่งรัด ติดตาม ประเมินผลของ ผู้บริหารของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการและเป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติงานของหน่วยงาน ในสังกัดสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงการจัดทาแผนปฏิบัติราชการฯ ดังกล่าว ได้นานโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ฉบับปรับปรุง) ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่สิบเอ็ด พ.ศ. 2555 – 2559 แผนการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2552 – 2559) 37 วาระการปฏิรูป และ 8 วาระ การพัฒนา การจัดทางบประมาณในลักษณะบูรณาการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของกระทรวงศึกษาธิการ และบริบทต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องมาเชื่อมโยงกับอานาจหน้าที่ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นกรอบ แนวทางในการจดั ทาแผนปฏบิ ัตริ าชการฯ ซ่งึ มีสาระสาคญั ดงั นี้ วิสัยทศั น์ เป็นองค์กรต้นแบบในการบริหารการปฏิบัติราชการที่มีหลักธรรมาภิบาล สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ตลอดชวี ิต และมีศกั ยภาพการอยู่รว่ มกันในประชาคมอาเซยี น
12 พนั ธกิจ 1. พัฒนาระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพตามหลกั ธรรมาภิบาล 2. ส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมหรือจัดการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษา ตามอัธยาศยั ให้ประชาชน 3. พัฒนาการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยให้ประชาชนมีโอกาสเรียนรู้ อย่างตอ่ เน่ืองตลอดชีวติ อยา่ งมคี ณุ ภาพ 4. เสริมสร้างความเข้มแข็งระบบบริหารงานบุคคล พัฒนาและสร้างความก้าวหน้าของข้าราชการ ครู คณาจารยแ์ ละบุคลากรทางการศกึ ษา 5. พฒั นาและส่งเสริมการนาเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารมาใช้ใหเ้ กดิ ประสิทธภิ าพ ประเดน็ ยุทธศาสตร์ 1. พัฒนาระบบบริหารจัดการใหส้ ามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นไปตามหลกั ธรรมาภบิ าล 2. เพม่ิ และกระจายโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรูต้ ลอดชีวิต 3. พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาในระบบ นอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั 4. พฒั นาระบบบริหารงานบคุ คล ขา้ ราชการ ครู คณาจารย์และบคุ ลากรทางการศกึ ษาให้ได้มาตรฐาน 5. พฒั นาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและส่งเสรมิ ให้นาไปใช้ในการบรหิ าร การบรกิ าร และการเรียนรู้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ เป้าประสงค์ 1. หน่วยงานมรี ะบบบรหิ ารจัดการทม่ี ปี ระสิทธภิ าพตามหลักธรรมาภิบาล 2. ประชาชนไดร้ บั โอกาสทางการศึกษาอย่างทว่ั ถงึ ครอบคลมุ และเป็นธรรม 3. ประชาชนได้รบั การศึกษาทีม่ ีคุณภาพ 4. ข้าราชการ ครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศึกษามีความกา้ วหน้าในวิชาชพี มีศกั ยภาพในการปฏบิ ัติงาน และการจัดการศกึ ษาที่มีคุณภาพ 5. ผู้รับบริการมีและใช้ ICT ที่มีประสิทธิภาพในการเรียนรู้และบริหารจัดการให้ได้มาตรฐานและ มคี ณุ ภาพ กลยุทธ์ 1. พฒั นาระบบบรหิ ารจดั การตามหลกั ธรรมาภิบาล 2. ส่งเสริมใหเ้ อกชนและทุกภาคสว่ นร่วมจัดและสนบั สนนุ การจดั การศึกษา 3. เพมิ่ และกระจายโอกาสทางการศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั ให้ประชาชน สามารถ เข้าถึงโอกาสทางการเรียนรไู้ ดอ้ ย่างหลากหลาย ครอบคลุมทุกพนื้ ทแ่ี ละกลมุ่ เปา้ หมาย 4. พฒั นาคุณภาพและมาตรฐานผ้เู รียนท้ังในระบบ นอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั 5. พฒั นาการศกึ ษาในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้
13 6. พัฒนาระบบการบริหารงานบุคคลและพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติงานของข้าราชการ ครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศึกษา 7. เร่งรัด พัฒนาและส่งเสริมการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร เพือ่ การจัดการศึกษา ใหเ้ กิดประสิทธภิ าพ ตัวชว้ี ดั เปา้ ประสงค์และคา่ เปา้ หมาย ตัวช้ีวดั เปา้ ประสงค์ (แหล่งเกบ็ ข้อมูล) คา่ เปา้ หมาย เปา้ ประสงคท์ ี่ 1 หนว่ ยงานมรี ะบบบรหิ ารจดั การท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพตามหลกั ธรรมาภิบาล 1. จานวนนโยบายและแผนที่นาไปสกู่ ารปฏบิ ัติ (สนย.) 8 แผน 2. จานวนรายงานผลการติดตามประเมินผลการดาเนินงานตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ 13 ฉบับ ของกระทรวงศึกษาธิการในพืน้ ที่ (ศธภ.1-13) 27 โครงการ/กิจกรรม 3. จานวนโครงการ/กิจกรรมความร่วมมือด้านการศกึ ษากับต่างประเทศ (สต.) 4. ร้อยละของหนว่ ยงานในสังกดั สป. เบิกจา่ ยงบประมาณเปน็ ไปตามเป้าหมาย (ก.พ.ร.) ร้อยละ 90 5. รอ้ ยละความคดิ เหน็ ในการประเมินมาตรฐานความโปร่งใสในระดบั ดีขน้ึ ไป (ศปท.) รอ้ ยละ 80 6. รอ้ ยละของหนว่ ยงานในสังกดั สป. มกี ารดาเนนิ งานที่มีคุณธรรมและความโปร่งใส รอ้ ยละ 90 (ศปท.) เปา้ ประสงค์ท่ี 2 ประชาชนไดร้ ับโอกาสทางการศกึ ษาอยา่ งท่วั ถงึ ครอบคลมุ เปน็ ธรรม 7. จานวนผเู้ รยี น บคุ ลากรทางการศึกษา และผูบ้ รหิ ารโรงเรียนเอกชน 45,089 คน ท่ไี ดร้ บั การพัฒนา (สช.) 8. จานวนนกั เรยี นโรงเรยี นเอกชนท่ไี ดร้ บั การส่งเสรมิ และพัฒนาคุณภาพชวี ติ (สช.) 1,593,897 คน 9. รอ้ ยละของนักเรยี นโรงเรียนเอกชนมภี าวะทพุ โภชนาการลดลง (สช.) ร้อยละ 1 10. จานวนประชาชนกลมุ่ เปา้ หมายทีล่ งทะเบยี นเรยี นในทุกหลักสตู ร/กจิ กรรม 531,600 คน การศกึ ษาตอ่ เนอื่ ง (กศน.) 11. จานวนผู้เข้าร่วมกจิ กรรมผสู้ งู อายุ (กศน.) 94,340 คน 12. ร้อยละของนักเรยี น นกั ศกึ ษา และประชาชนทัว่ ไปมีความพงึ พอใจต่อการรบั รอ้ ยละ 80 บริการความรนู้ อกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยผ่านช่องทางสื่อเทคโนโลยี ทางการศกึ ษาและเทคโนโลยกี ารสื่อสาร (กศน.) 1,254 คน 1,325,462 คน 13. จานวนนักเรยี นทีไ่ ด้รับทุนการศึกษาต่อระดับปรญิ ญาตรที ้ังในประเทศ 2,314,737 คน และต่างประเทศ รนุ่ ที่ 3 และ 4 (สต.) 10.9 ปี 14. จานวนผเู้ รยี นการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานทไ่ี ดร้ บั การสนบั สนนุ ค่าใชจ้ ่ายตามสทิ ธิทก่ี าหนดไว้ (กศน.) 15. จานวนนักเรียนและนกั ศึกษาในโรงเรยี นเอกชนไดร้ บั การสนับสนนุ การจัดการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน (สช.) 16. จานวนปกี ารศึกษาเฉลีย่ ของประชากรวัยแรงงาน (สกศ.) - อายุ 15-39 ปี
14 ตวั ชีว้ ัดเป้าประสงค์ (แหล่งเก็บข้อมูล) คา่ เป้าหมาย - อายุ 40-59 7.4 ปี - อายุ 15-59 ปี 9.2 ปี 17. สัดส่วนผเู้ รยี นอาชวี ศึกษา : สามญั ศึกษาในระดบั มัธยมศกึ ษา (ปวช.1 : ม.4) 45 : 55 (สานกั งานสถิตแิ หง่ ชาต)ิ เปา้ ประสงคท์ ่ี 3 ประชาชนไดร้ ับการศึกษาทมี่ ีคุณภาพ 18. ระดบั คะแนนเฉล่ียผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ ้ันพนื้ ฐาน (O-NET) เพมิ่ ขน้ึ ร้อยละ 2 5 วิชาหลักในทกุ ระดับช้ันเพม่ิ ขน้ึ (สช.) 19. ระดับคะแนนเฉลีย่ ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาตดิ ้านอาชีวศึกษา เพม่ิ ข้นึ ร้อยละ 2 (V-NET) เพิ่มขนึ้ (สช.) เพิ่มข้ึนร้อยละ 2 เพม่ิ ขึ้นร้อยละ 2 20. ระดับคะแนนเฉล่ียผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติดา้ นอสิ ลามศึกษา (I-NET) เพม่ิ ขึน้ ทกุ ระดบั หลกั สูตร (ศปบ.จชต.) 21. ระดับคะแนนเฉลยี่ ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติดา้ นการศึกษา นอกระบบโรงเรียน (N-NET) เพม่ิ ขน้ึ ทกุ ระดบั ชนั้ (กศน.) 22. จานวนผูท้ ี่ได้รบั การส่งเสริมและพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม (สกก.) 80,000 คน 23. จานวนครู คณาจารย์ บุคลากรทางการศึกษา และบุคลากรท่เี กยี่ วข้อง 38,500 คน ผา่ นการฝกึ อบรมเป็นผบู้ ังคบั บญั ชาลกู เสือระดบั ต่าง ๆ (สลช.) รอ้ ยละ 80 24. รอ้ ยละของ ครู คณาจารยแ์ ละบุคลากรทางการศึกษาทฝ่ี กึ อบรม เป็นผ้บู ังคบั บญั ชาลกู เสือระดับตา่ ง ๆ ผ่านการประเมนิ ทกุ ระดับ (สลช.) 25. พฒั นาและปรับปรุงคา่ ยลกู เสอื (สลช.) 11 แหง่ 26. จานวนนักเรียน นกั ศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษาในเขตพฒั นาพิเศษ 34,246 คน เฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับการพฒั นา (ศปบ.จชต.) 40,136 คน 27. จานวนผผู้ ่านการอบรมการศกึ ษาต่อเน่ืองในเขตพฒั นาพิเศษเฉพาะกิจจงั หวดั 125,006 คน ชายแดนภาคใต้ (กศน.) 1 กจิ กรรม 28. จานวนผู้บริหาร ครู บคุ ลากรทางการศกึ ษา และผู้เรียนโรงเรยี นเอกชน ในเขตพฒั นาพิเศษเฉพาะกจิ จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ได้รบั การพฒั นา (สช.) 29. การรณรงค์ป้องกนั และแก้ไขปัญหายาเสพตดิ (สสก.) 30. รอ้ ยละของสถานศึกษาท่ีรว่ มโครงการ TO BE NUMBER ONE มีนโยบายส่งเสรมิ รอ้ ยละ 75 คา่ นยิ ม สร้างความตระหนกั ความรู้ ความเขา้ ใจดาเนินกิจกรรมเชงิ สร้างสรรค์ ใหส้ ขุ ภาพรา่ งกายมีการเจริญเตบิ โตตามสขุ ภาวะหา่ งไกลยาเสพตดิ ทุกประเภท เป้าประสงค์ที่ 4 ขา้ ราชการ ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษามคี วามก้าวหน้าในวิชาชพี มีศักยภาพในการปฏิบัติงานและการจดั การศกึ ษาท่ีมคี ณุ ภาพ 31. จานวนขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาไดร้ บั ความรแู้ ละพัฒนา 350,000 คน ด้านการบริหารงานบคุ คล ด้านวนิ ยั คณุ ธรรม จริยธรรม และความก้าวหนา้ ในวชิ าชพี (กคศ.)
15 ตวั ชีว้ ัดเปา้ ประสงค์ (แหล่งเกบ็ ขอ้ มลู ) คา่ เปา้ หมาย 32. การพัฒนาระบบบรหิ ารงานบุคคลสาหรับขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา 11 เรอ่ื ง (กคศ.) 33. การเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน (สต.) 5 กจิ กรรม 34. จานวนประชาชนกลุ่มเปา้ หมายทีไ่ ดร้ บั บรกิ าร/เข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ 2,800,000 คน ดา้ นภาษาองั กฤษและภาษาในประเทศอาเซยี น (กศน.) 35. จานวนผู้บริหาร ครผู สู้ อนและบุคลากรทางการศึกษาเอกชนไดร้ บั การพฒั นา 640 คน เพื่อเตรยี มความพรอ้ มส่ปู ระชาคมอาเซยี น (สช.) 36. รอ้ ยละของผูบ้ ริหาร ครู ขา้ ราชการและบุคลากรทางการศกึ ษาทเี่ ข้ารับพฒั นา รอ้ ยละ 80 ผ่านเกณฑท์ ่ีกาหนด (กคศ. สคบศ. สอ.) เป้าประสงค์ที่ 5 ผรู้ ับบรกิ ารมีและใช้ ICT ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพในการเรียนรูแ้ ละบรหิ ารจัดการใหไ้ ด้มาตรฐาน และมคี ณุ ภาพ 37. จานวนระบบข้อมลู สารสนเทศทีใ่ ห้บริการ (ศทก.) 7 ระบบ 38. รอ้ ยละความพึงพอใจของผ้ใู ชบ้ ริการระบบขอ้ มลู สารสนเทศระดับดีข้ึนไป รอ้ ยละ 80 (ศทก.) 39. รอ้ ยละของผูผ้ ่านการอบรมดา้ น ICT นาความรู้ไปใชใ้ นการปฏบิ ัตงิ าน (ศทก.) ร้อยละ 80 40. จานวนหนว่ ยงานและสถานศกึ ษาทใี่ ช้บริการเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ต (ศทก.) 35,000 แหง่ แนวคดิ เกี่ยวกับการติดตามประเมินผล การติดตามและประเมินผลเป็นกระบวนการเพ่ือให้ได้มาซ่ึงข้อมูลสารสนเทศ หรืออีกนัยหน่ึง ระบบ ติดตามและประเมินผล คือ ระบบข้อมูลสารสนเทศ (information system) ที่ใช้วัดความก้าวหน้า วัดการดาเนินงาน และวัดผลโครงการที่กาหนดไวใ้ นแต่ละลาดบั ชน้ั ของวัตถุประสงค์ 1. การติดตามผล (Monitoring) การติดตามผล หมายถึง การรวบรวมและบริหารจัดการข้อมูลที่เก่ียวเน่ืองสัมพันธ์กับตัวชี้วัด ความสาเร็จของโครงการ โดยดาเนินการอย่างต่อเน่ือง ตลอดระยะเวลาดาเนินงานโครงการ อาจแบ่ง การติดตามผลไดเ้ ป็น 4 ประเภทหลัก ดังน้ี 1.1 การติดตามองค์กร (Institutional monitoring) เป็นการติดตามปัจจัยนาเข้า เช่น งบประมาณเพื่อดูเส้นทางการจัดสรรและการเบิกจ่าย ติดตามทางกายภาพ (physical monitoring) ซึ่งเป็นการติดตามความก้าวหน้าของกิจกรรมในเชิงปริมาณและเวลา เช่น เป็นไปตามกาหนดเวลาหรือไม่ มีความเท่าเทียมในกลุ่มเป้าหมายหรือไม่และประสิทธิภาพในการดาเนินงาน ข้อมูลเหล่าน้ีจะได้จากรายงาน ประจาเดือนของเจา้ หน้าท่ีในพื้นท่ี และขอ้ มูลทุติยภูมิจากหน่วยงานที่เขา้ ร่วมโครงการ อย่างไรก็ดี หลายโครงการ พบว่า แม้ข้อมูลจากการติดตามทางกายภาพจะเป็นไปตามแผน แต่ไม่ก่อประโยชน์ให้แก่ประชากรเท่าที่ควร และไม่สร้างผลกระทบที่ย่ังยืน จึงจาเป็นต้องมีการติดตามปัจจัยอื่นที่มีผลต่อความสาเร็จของโครงการ เช่น
16 ศักยภาพของบุคลากรนับตั้งแต่กระบวนการเลือก/คัดสรร การอบรม การย้ายออก ความสัมพันธ์ภายใน องค์กรและระหว่างองค์กร ความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการติดตามประสิทธิภาพของระบบติดตาม และประเมนิ ผล 1.2 การติดตามบรบิ ท/ปัจจยั แวดล้อม (Context monitoring) เพ่ือใหร้ ู้ภาวะวิกฤติหรือความเสี่ยง ที่อาจเกิดข้ึนในปัจจัย/บริบทท่ีกล่าวมาแล้วในข้อ 1.1 รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ท่ีอยู่นอกเหนือความควบคุมและ มีผลต่อความสาเร็จของโครงการ ซ่ึงปัจจัยเหล่านี้ควรได้รับการติดตามอย่างสม่าเสมอ เพ่ือจะได้ปรับเปลี่ยน กลยุทธ์หรือสิ่งแทรกแซง (interventions) ให้เหมาะสมก่อนปัญหาจะขยายตัว ตัวอย่างปัจจัยแวดล้อม เช่น สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และนโยบายต่างๆที่มีผลต่อโครงการหรือกระทบต่อศักยภาพของ กลุ่มเป้าหมาย ท้ังน้ี สิ่งแทรกแซง (interventions) มีหลายลักษณะ ทั้งที่มาในรูปของแผนงาน โครงการ กจิ กรรม หรือความช่วยเหลือท่ีจับต้องไมไ่ ด้ (‘soft’ assistance*) เช่น การให้คาแนะนา การชน้ี า การช้ีแจง นโยบาย การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และปรับความเข้าใจให้ตรงกันในประเด็นนโยบาย โดยท้ังหมดน้ี มจี ดุ มงุ่ หมายเพ่ือให้ทกุ ฝ่ายทางานสอดประสานกันและนาไปสู่ผลลัพธ์หรือการพฒั นาที่ตอ้ งการ ท้ังนี้ องค์การ UNDP ให้ความสาคัญกับ soft assistance ไม่นอ้ ยไปกว่าการสนับสนุนทีเ่ ปน็ รปู ธรรม 1.3 การติดตามผลของโครงการ (Results monitoring) โดยผลของโครงการมีท้ังผลกระทบระยะส้ัน (effect) ที่เกิดขึ้นโดยตรงกับกลุ่มเป้าหมายของโครงการและผลกระทบระยะยาว (impact) ท่ีเกิดข้ึน ในวงกว้าง เช่น ระดบั ครวั เรอื น ระดบั ชุมชน การประเมินผลกระทบระยะสั้น เป็นการประเมินความคิดเห็น ปฏิกิริยาและการตอบรับ ของกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อผลผลิตโครงการ ซ่ึงจะช่วยใหเ้ จ้าหน้าที่/ผู้บรหิ ารรู้ถึงระดับการยอมรับของประชากร เป้าหมาย ตวั ชี้วัดดูไดจ้ ากทัศนคติและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น เกษตรกรเปล่ียนจากการใช้ปุย๋ เคมีมาใช้ปุ๋ย ชวี ภาพ หรอื เดก็ นกั เรียนแปรงฟนั หลังอาหารกลางวัน ลดการกินหวานและออกกาลังกายมากขนึ้ เป็นตน้ สว่ นการประเมนิ ผลกระทบระยะยาว ชว่ ยให้รวู้ ่ากลยุทธท์ ่ีใช้นั้น จะนาไปสู่จุดมุ่งหมายสดุ ทา้ ย (final goal) ของโครงการหรือไม่ โดยวัดจากความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้น เช่น รายได้ของครัวเรือน แบบแผนการบริโภค ความสามารถในการพึ่งตนเอง หรือศักยภาพในการสร้างผลผลิตทางการเกษตรในสภาพ ดินฟ้าอากาศท่ีไม่แน่นอน เป็นต้น ข้อมูลสารสนเทศในระดับน้ีเป็นได้ท้ังข้อมูลเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ ส่วนวิธีการเก็บข้อมูลส่วนใหญ่ใช้การสัมภาษณ์และการสังเกต และอาจใช้ข้อมูลเสริมจากรายงานของ หนว่ ยงานท่ีเกีย่ วข้อง 1.4 การติดตามวัตถุประสงค์ (Objectives monitoring ) เพ่ือตรวจสอบว่าในสถานการณ์ ท่ีเป็นอยู่นั้น โครงการจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ ส่วนใหญ่เป็นการหาอุปสรรคหรือส่ิงนอกเหนือ ความคาดหมายทีก่ อ่ ผลขา้ งเคียง (ในทางลบ) ใหก้ ับโครงการ
17 2. การประเมนิ ผล (Evaluation) การประเมินผลเป็นการวัดตามระยะเวลา (periodic assessment) ดงั นี้ 2.1 การศึกษาพื้นฐาน (Baseline study) เป็นการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลตัวชี้วัดก่อนการแทรกแซง ของโครงการ (interventions) เพื่อใช้เป็นตัวเปรียบเทียบ (benchmark) ตอนกลางเทอมและเม่ือโครงการ สิ้นสุด นอกจากนี้การวิเคราะห์ข้อมูลตัวช้ีวัดก่อนเร่ิมโครงการยังบอกให้รู้แต่เน่ิน ๆ ว่าตัวช้ีวัดท่ีโครงการ กาหนดน้ัน สามารถวัดได้หรือไม่ (measurability) เพ่ือปรับให้เหมาะสมสาหรับการประเมินระยะต่อไป หากพันธมิตรโครงการ และ/หรือประชากรเป้าหมายมีโอกาสเข้าร่วมในการวางแผนการศึกษาพ้ืนฐาน ได้ร่วมออกแบบ ลงมอื เก็บข้อมูล และวิเคราะหข์ ้อมลู จะทาให้พันธมติ รเหล่านมี้ ีความรสู้ ึกร่วมกบั โครงการและ กระบวนการแทรกแซงที่จะเกิดตามมามากข้ึน 2.2 การทบทวนประจาปี (Annual review) เป็นการประเมินภายในโดยทีมบริหารโครงการ ซ่ึงจะทาอย่างต่อเนื่องทุกปีตลอดอายุโครงการ ข้อมูลที่ใช้ส่วนใหญ่ได้จากการติดตามผล เช่น งบประมาณ ขอ้ มลู ทางกายภาพ ผลกระทบระยะส้ัน และขอ้ สันนิษฐาน วตั ถุประสงคเ์ พือ่ วัดความก้าวหนา้ โครงการ ทบทวน กลยุทธ์ รวมถงึ เปรียบเทยี บผลงานกบั เปา้ หมายที่ระบใุ นแผน 2.3 การศึกษาเชิงเพอ่ื วินจิ ฉัย (Diagnostic study) ทาเมอื่ ตอ้ งการขอ้ มูลเจาะลกึ เกี่ยวกับข้อจากัด และ/หรือโอกาสของโครงการ การศึกษาชนิดนี้ไม่ต้องทาเป็นประจาแต่จะให้ข้อมูลท่ีรวดเร็วและมีประโยชน์ ตอ่ การวางแผนและบรหิ ารจดั การโครงการ 2.4 การประเมินผลกลางเทอม (Mid-term Evaluation) เป็นการประเมินภายนอกและใหข้ ้อเสนอแนะ โดยประเมินในประเด็นผลงาน ผลการเบิกจา่ ยงบประมาณ โครงสร้างองค์กร การพัฒนาองค์กร การพัฒนา บุคลากรเพื่อเสริมงานโครงการ รูปแบบโครงการ ความเชื่อมโยงระหว่างกลยุทธ์ ความสัมพันธ์กับภาคี ผลกระทบที่เกิดขึ้น การตอบรับของกลุ่มเป้าหมาย ปัจจัยเสี่ยงและข้อสันนิษฐาน รวมถึงข้อมูลที่ได้จาก รายงานประจาปีและการศึกษาเชิงพิเคราะห์ (โครงการมีระยะเวลาดาเนินการมากกว่า 1 ปีขึ้นไป การประเมนิ ผลกลางเทอมจึงไมใ่ ช่การประเมนิ รอบ 6 เดอื นหรือการประเมินกลางปี) 2.5 การประเมินเมื่อส้ินสุดโครงการ (Final Evaluation) สามารถทาได้เป็นการภายในหรือ มีบุคคลภายนอกร่วมคณะประเมิน ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์จะเหมือนกับข้อมูลที่ใช้ในการประเมินกลางเทอม แต่อาจเพิ่มประเด็นความคุ้มค่า แหล่งข้อมูลมาจากเอกสารโครงการ การดูงานในพ้ืนที่ การประชุม/การแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกับกลุ่มคนท่ีเก่ียวข้องในโครงการ เช่น ประชากรเป้าหมาย เจ้าหน้าที่โครงการ ผู้บริหาร และ ผใู้ หท้ ุนสนับสนุน วธิ กี ารวเิ คราะห์ขอ้ มลู ท่ที าในการประเมินเมื่อสิน้ สุดโครงการมี 2 วิธหี ลกั ได้แก่ before and after เปรียบเทียบผลการเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนในตัวช้ีวัดก่อนเริ่มโครงการ โดยดูจาก baseline study และเมื่อโครงการส้ินสดุ ข้อจากัดของวธิ ีน้ี คือ ไม่สามารถบอกได้ว่า เมื่อโครงการ ส้ินสุดไปแล้ว ประโยชน์ที่ประชาชนได้รับจะยังคงอยู่อย่างย่ังยืนหรือไม่ และอะไรคือปัจจัยที่ทาให้ยั่งยืน (หรือไม่ยง่ั ยืน)
18 with and without เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนระหว่างกลุ่มที่ได้รับผลจาก กจิ กรรมการแทรกแซงของโครงการและกลุม่ ท่ไี มม่ ีโครงการ 2.6 การประเมินหลังการส้ินสุดโครงการ (Ex-post evaluation) ดาเนินการภายหลังโครงการ สิน้ สุดแลว้ 5 – 10 ปี โดยคณะประเมินจากภายนอก เพื่อประเมนิ ความยั่งยืนของผลการพัฒนาตามโครงการ โดยดูทั้งผลท่ีเกิดกับครัวเรือน/ชุมชน และผลที่เกิดกับหน่วยงานของรัฐและภาคีท่ีเกี่ยวข้องในแง่เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และผลกระทบในองค์กร (เช่น ศักยภาพของบุคลากรสามารถดาเนินงานต่อไป หรือ หน่วยงานยังคงจัดสรรงบประมาณสนับสนุนแม้โครงการส้ินสุดลงแล้ว เป็นต้น) แหล่งข้อมูลจะมาจากการ สมั ภาษณ์ การสงั เกต เอกสารรายงานและเอกสารผลการประเมินโครงการ แนวคดิ เก่ยี วกบั ระบบตดิ ตามและประเมินผลแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ ระบบติดตามและประเมินผลแบบมุ่งผลสัมฤทธ์ิ จะให้ความสาคัญกับปัจจัยต่าง ๆ ท่ีมีต่อผลลัพธ์ ไม่ว่าจะเป็นผลผลิต การมีส่วนร่วมของพันธมิตร การช้ีแจงนโยบายและการแลกเปล่ียนความคิดเห็นเก่ียวกับ นโยบายดังกล่าว (soft assistance) นอกจากน้ี ยงั ให้ความสาคัญกับการสรุปบทเรียนท่ีไดจ้ ากการดาเนนิ งาน (lesson learned) โดยถือเป็นความรทู้ ี่ผ่านการประเมนิ แล้ว (evaluative knowledge) ซ่งึ ในบทเรยี นนนั้ อาจ รวมถงึ “รปู แบบที่ดี - good practices” การติดตามและประเมินผลแบบมุ่งผลสมั ฤทธิ์ จะวดั ทีค่ วามก้าวหน้าของผลผลิตซ่ึงนาไปสู่ความสาเร็จ ระดับผลลัพธ์ หรืออีกนัยหน่ึง คือ การเปล่ียนแปลงท่ีเกิดจากการพัฒนา (development change) ดงั แผนภาพข้างล่างนี้แสดงให้เห็นความเชอ่ื มโยงระหว่างผลผลิตและผลลัพธใ์ นห่วงโซ่แห่งผลสัมฤทธ์ิท่เี ริ่มจาก ปจั จัยนาเขา้ จนถึงโซห่ ว่ งสดุ ทา้ ยคอื คณุ ภาพชวี ิตของประชาชน ภาพท่ี 1 The Result Chain The Result Chain INPUTS OUTPUTS OUTCOMES IMPACT * Health * Experts * Studies * Income conditions improved * Equipment completed increased * Longevity increased * Funds * People * Jobs trained created
19 1. การตดิ ตามผลลพั ธ์ (outcome monitoring) การติดตามผลการดาเนินงาน (implementation monitoring) และการติดตามผลลัพธ์ (outcome monitoring) มีความแตกต่างกันดังแสดงในตารางท่ี 1 แต่สามารถบูรณาการในข้ันตอน การวางแผนเพ่ือหลกี เลีย่ งความซ้าซอ้ นและลดค่าใชจ้ า่ ย ตารางท่ี 2 ข้อแตกต่างระหว่างการติดตามการปฏิบตั งิ านกับการติดตามผลลัพธ์ การติดตามการปฏิบตั ิงาน การตดิ ตามผลลพั ธ์ (รปู แบบดัง้ เดิมที่ใช้ในการตดิ ตามโครงการ) (ใช้สาหรบั ตดิ ตามผลจากกลยุทธ์ทน่ี าไปใช)้ * บรรยายถงึ ปัญหาหรอื สถานการณก์ ่อนเริ่ม * มีขอ้ มลู พืน้ ฐานประกอบการอธิบายสภาพปัญหา โครงการ หรือสถานการณก์ ่อนเรม่ิ โครงการ * กาหนดมาตรฐานสูงสุด (benchmark) * กาหนดตัวช้วี ดั ผลลัพธ์ ของกิจกรรมและผลผลิตทต่ี ้องการ * รวบรวมข้อมลู เก่ยี วกบั ผลผลิตและประเดน็ * รวบรวมข้อมลู เกย่ี วกับปจั จัยนาเขา้ กิจกรรม ทแี่ สดงให้เหน็ ว่าผลผลิตนัน้ มีส่วนทาใหเ้ กดิ ผลลัพธ์ และผลผลิต ท่ีตอ้ งการได้อยา่ งไร * มีระบบรายงานการจดั สรรทรัพยากร/ * ให้ความสาคัญกบั การรับร/ู้ ความเขา้ ใจที่เปล่ยี นไป ปัจจัยนาเขา้ และส่งิ จาเป็นอื่นๆ ของผมู้ สี ่วนได้ส่วนเสยี และสนใจดา้ นความ * ติดตามการแทรกแซงโครงการเป็นรายเรอื่ ง ช่วยเหลือประเภท soft assistance มากข้ึน หรือเปน็ ชดุ *มีระบบรายงานความก้าวหน้าของผลลัพธ์ * ติดตามเพ่ือให้ไดข้ ้อมลู สารสนเทศเชิงบรหิ าร ทง้ั ดา้ นปริมาณและคุณภาพ จดั การและความกา้ วหนา้ ในการดาเนนิ งาน * ดาเนินการร่วมกับพันธมิตร มากกว่าข้อมูลดา้ นประสิทธิผล * สรปุ เหตุแห่งความสาเรจ็ หรอื ล้มเหลว ในการใชก้ ลยุทธ์การมสี ว่ นร่วมของภาคีพันธมิตร เพอ่ื บรรลผุ ลลัพธ์ของโครงการ 2. การประเมนิ ผลลพั ธ์ (outcome evaluation) การประเมินผลลัพธ์มีคุณสมบัติบางประการเหมือนกับการติดตามผลลัพธ์ (outcome monitoring) กล่าวคือ มีการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบเพ่ือดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึน เม่ือเทียบกับข้อมูลพื้นฐานก่อนเร่ิมโครงการ และทาความเข้าใจถึงสาเหตุที่เกิด/ไม่เกิดการเปล่ียนแปลง ทั้งการติดตามและประเมินผลลัพธ์จะสัมพันธ์กับกระบวนการตัดสินใจในระดับโครงการ (programme) และ ระดับนโยบาย และตา่ งก็ใหข้ อ้ มลู สารสนเทศท่เี ป็นประโยชนต์ ่อการปรับปรุงกลยุทธ์ อยา่ งไรก็ดี การติดตาม ผลลัพธ์และการประเมินผลลัพธ์ยังมีข้อแตกต่างในด้านวัตถุประสงค์ จุดเน้น วิธีการ และการนาผลไปใช้ ดงั แสดงในตารางที่ 2
20 ตารางท่ี 3 ขอ้ แตกตา่ งระหวา่ งการตดิ ตามผลลัพธ์กบั การประเมินผลลัพธ์ ลกั ษณะ การติดตามผลลพั ธ์ การประเมนิ ผลลพั ธ์ วตั ถปุ ระสงค์ ตดิ ตามการเปลย่ี นแปลงจาก แสดงหลกั ฐานวา่ บรรลุผลสาเร็จ จุดเน้น สถานการณ์ก่อนเร่ิมโครงการ ในเรอื่ งใดบ้าง ด้วยเหตใุ ดและอย่างไร ไปสผู่ ลลัพธท์ ี่ต้องการ จึงบรรลุผลสาเรจ็ /หรือไมส่ าเร็จ วิธีการ เนน้ ผลผลิตของโครงการย่อย เปรยี บเทยี บผลลพั ธท์ ี่ได้กบั แผนทว่ี างไว้ (projects) โครงการใหญ่ เน้น “อยา่ งไร” และ “ทาไม” ผลผลิตและ การควบคมุ (programmes) ความรว่ มมือ กลยทุ ธ์ทใ่ี ช้จึงนาไปสู่ความสาเรจ็ การใช้ประโยชน์ ของพนั ธมิตร และ soft assistance ทม่ี ีส่วนทาใหเ้ กิดผลลัพธ์ ประเมินความสาเร็จตามตัวชี้วัด ตดิ ตาม วดั และวเิ คราะหค์ วามกา้ วหนา้ โดยเปรยี บเทียบระหวา่ งก่อนและหลงั ของตัวชวี้ ดั ในแตช่ ่วงเวลา โครงการ อาศัยข้อมูลจากการติดตามผล และจากแหลง่ ภายนอก โดย หัวหนา้ ส่วนราชการ, หวั หน้า ตามกาหนดเวลา ลงลึก ประเมนิ โดย โครงการ และพันธมิตรทส่ี าคัญ บุคคลภายนอกและพันธมิตร ทาอย่างต่อเน่ืองและเป็นระบบ ส่งสัญญาณเตือนผ้บู ริหารให้ทราบถึง เสนอกลยุทธ์/นโยบายใหมเ่ ป็นทางเลือก ปญั หาและหาหนทางใหม่ท่ีถูกต้อง และสรุปบทเรียน แนวคิดเกย่ี วกบั การประเมินผลโครงการ 1. หลกั การประเมินผลโครงการ โครงการ เป็นคาที่มีความหมาย ส่ือความได้หลายอย่าง เช่น หมายถึง ความคิด แนวคิดกิจกรรม หรือผลรวมท่ีเกิดจากกิจกรรมที่ได้จัดวางไว้ในการวางโครงการนั้น ๆ ความหมายของโครงการจึงมีมากมาย มีผู้นยิ ามความหมายของการประเมินโครงการไว้ 3 แนว คอื (สงบ ลักษณะ, 2531: 83) แนวที่หนึ่ง รูปแบบการประเมินท่ีเป็นการตัดสินคุณค่า (Judgmental Evaluation Model) หมายถึง กระบวนการรวบรวมข้อมูลให้ได้มาซึ่งการตัดสินความมีคุณค่า (Values) ของการดาเนินงานและผล ทีไ่ ด้รับ ได้แก่ แนวคิดของสคริฟเวน (Michael S. Scriven) สเตก (Robert E.Stake) และ โพรวัส (Malcolm Provus) เป็นตน้ แนวท่ีสอง รูปแบบการประเมินท่ียึดจุดหมายเป็นหลัก (Objective Centered Evaluation Model) การดาเนินการให้ได้มาซึ่งการตัดสินประสิทธิผลที่เกิดข้ึน (effectiveness) ว่าการดาเนินงานทาให้ บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการไดม้ ากหรือน้อยเพียงใด ได้แก่ แนวคิดไทเลอร์ (Ralph W. Tyler) เมทเฟสเซล และไมเคิล (Metfessel and Michael) แฮมมอนค์ (Robert L. Hammond) และครอนบาค (Lee J.Cronbach) เปน็ ต้น
21 แนวท่ีสาม รูปแบบการประเมินท่ีเน้นข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ (Decision Oriented Evaluation Model) หมายถึง กระบวนการที่กาหนด รวบรวม และใช้ข้อมูลเพ่ือการตัดสินใจเก่ียวกับโครงการ (Decision Making) ได้แก่ แนวคิดของ สตัพเพิลบีม (Daniel L. Stufflebeam) อัลคิน (Marvin C. Alkin) และกูบา (Egon Guba) เปน็ ตน้ การประเมินโครงการแบง่ ได้หลายประเภท แตว่ ่าการจะใชเ้ กณฑ์ใดเป็นหลักในการแบ่ง ซึ่งสามารถ จาแนกไดด้ ังน้ี (สมหวงั พธิ ยิ านุวฒั น์, 2528: 95 - 96) คือ 1. แบ่งตามหลักยดึ ในการประเมนิ คา่ แบง่ เปน็ 2 ลักษณะ 1.1 การประเมินค่าตามอุดมการณ์ของโครงการ (Goal - Based Evaluation) เป็นการ ประเมินผลท่ีได้ว่าบรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการหรือไม่ โดยทราบก่อนการประเมินว่าโครงการนี้ มวี ตั ถุประสงคอ์ ะไรบา้ ง 1.2 การประเมินค่าซึ่งอิสระจากอุดมการณ์ของโครงการ (Goal - Free Based Evaluation) เป็นการประเมินผลทีเ่ กิดขึ้นทั้งหมด โดยไม่ทราบว่าวัตถุประสงค์ของโครงการนม้ี ีอะไรบา้ ง 2. แบง่ ตามลาดับเวลาทปี่ ระเมิน แบ่งเปน็ 3 ลกั ษณะ 2.1 การประเมินก่อนการนาโครงการไปปฏิบัติ (Pre - Evaluation) เป็นการศึกษาปัญหา ความจาเป็น (Needs Assessment) และความเปน็ ไปได้ (Feasibility Study) การวิเคราะห์คา่ ใช้จา่ ย ผลกาไร กับประสิทธิผล (Cost/Benefit/Effective Analysis) และการประเมินร่างหรือรูปแบบของโครงการ (Project Appraisal) 2.2 การประเมินก่อนการดาเนินการอยู่ (On - going Evaluation) หรือระหว่างดาเนินงาน (Implementing of Process Assessment) เป็นการประเมินผลเพ่ือปรับปรุงงาน (Formative Evaluation) ได้แก่ การจัดระบบติดตามงาน (Monitoring System) และการจัดทารายงานความก้าวหน้า (Progress Report) 2.3 การประเมินหลังจากกิจกรรมหรือโครงการส้ินสุดลงแล้ว (Post - Evaluation) เป็นการ ประเมนิ ผลอย่างไรบ้าง และอาจหมายรวมถึงการติดตามผลของโครงการในระยะยาว (Follow-up or Tracer Study) เป็นต้น 3. แบง่ ตามจดุ มุ่งหมายของการประเมนิ แบ่งเป็น 2 ลกั ษณะ คือ 3.1 การประเมินเพ่ือการปรับปรงุ เรียกว่า การประเมินความกา้ วหน้า (Formative Evaluation) 3.2 การประเมินเพอ่ื สรปุ ผล เรยี กวา่ การประเมนิ รวมสรปุ (Summative Evaluation) 4. แบง่ ตามสงิ่ ที่ถกู ประเมนิ แบง่ เป็น 4 ลกั ษณะ คอื 4.1 การประเมนิ สภาวะแวดล้อมหรอื การประเมินบริบท (context Evaluation) 4.2 การประเมนิ ปัจจยั หรือตัวป้อน (Input Evaluation) 4.3 การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation)
22 4.4 การประเมินผลผลติ (Product Evaluation) 5. แบ่งตามโมเดลการประเมินเปน็ หลกั แบง่ เปน็ 3 ลกั ษณะ คอื 5.1 การประเมินที่มงุ่ ตรวจสอบการบรรลุวัตถปุ ระสงค์ 5.2 การประเมนิ ท่มี งุ่ เปรียบเทียบกบั เกณฑก์ ารประเมนิ 5.3 การประเมินทม่ี ุ่งผลไปช่วยตัดสนิ ใจ 6. แบง่ ตามความแทจ้ ริงของการประเมนิ เป็นหลัก แบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ 6.1 การประเมนิ เทยี ม (Pseudo Evaluation) ซ่ึงแบ่งย่อยเป็นการประเมินท่ีถกู ควบคมุ โดยการเมอื ง กบั ประเภทท่ีเกยี่ วกบั การเมือง 6.2 การประเมินกึ่งเทียม (Quasi Evaluation) ซ่ึงมุ่งประเมินคุณค่าของสิ่งใดสิ่งหน่ึง ไม่อาจ สามารถวดั คณุ ค่าที่แท้จรงิ ของสง่ิ อื่นใด 6.3 การประเมินแท้จริง (True Evaluation) เป็นการประเมินคุณค่าของของสิ่งหน่ึงส่ิงใด ไดถ้ กู ตอ้ ง ซ่ึงมักเป็นการประเมนิ เกี่ยวกับการรับรองวทิ ยฐานะหรอื รบั รองคณุ วุฒิ การประเมนิ โดยผู้ทรงคุณวฒุ ิ การประเมินความตอ้ งการหรือความจาเป็นและการประเมนิ เพือ่ วางนโยบาย สรุปได้ว่า การประเมินผล เป็นวิธีการที่ต้องพิจารณาเป็นกิจกรรมเชิงระบบ คือ การศึกษาสภาพ ทั่วไป ปัจจัย กระบวนการ ผลผลิต และละผลกระทบ หรือผลข้างเคียง วิเคราะห์ เปรียบเทียบ ตรวจสอบ ความก้าวหน้า และผลสัมฤทธ์ิของโครงการเป็นระยะ ๆ ต่อเนื่องกัน ในแต่ละข้ันตอนปฏิบัติ เพ่ือให้ได้และใช้ ข้อมูลในการตัดสินใจเกี่ยวกับความเป็นไปได้ การพัฒนา ปรับปรุงขยายหรือรับรองและยุติการดาเนินงาน ตามแผนการประเมินผลท่ีได้กาหนดไว้ ท้ังระยะสั้นและระยะยาว ซ่ึงสามารถจาแนกประเภทของการประเมิน โครงการไดจ้ ากลักษณะของการประเมินโครงการนน้ั ๆ 2. ความสาคญั ของการประเมนิ โครงการ การทางานใดๆ จะประสบความสาเร็จได้ต้องอาศัยกระบวนการอย่างเป็นระบบ และทุกฝ่าย ท่ีเก่ียวข้องต้องให้ความร่วมมือกันในการปฏิบัติงานการพัฒนางานที่เป็นระบบเริ่มจากการรู้จักตระหนักถึง ความจาเป็นในการพัฒนางาน การรจู้ ักเทคนคิ วธิ ีการพัฒนา การวางแผนและลงมือปฏบิ ัตติ ามแผน การตดิ ตาม และประเมินผลงานตลอดจนนาผลการประเมนิ งานมาปรับปรุงพัฒนางานให้ดีย่ิงข้ึน ทั้งนี้ รัตนะ บัวสนธ์ (2540 : 1) อธิบายว่า การดาเนินงานของหน่วยงาน องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในปัจจุบันย่อมเป็นไปตามโครงการ ท่ีได้กาหนดหรือออกแบบไว้ และเมื่อมีการดาเนินงานดังกล่าวก็มีความจาเป็นท่ีหน่วยงาน องค์กรนั้นจะต้องรู้ ผลการดาเนินงานตามโครงการว่าได้ผลประการใด นอกจากนน้ั แล้วบางคร้งั ยงั มีความจาเปน็ ทีจ่ ะรู้วา่ โครงการ ท่ีออกแบบไว้มีความเหมาะสม เป็นไปได้เพียงใดในการนาไปใช้ ความต้องการรู้คาตอบเกี่ยวกับโครงการ ดังกล่าวนาไปสู่กระบวนการรวบรวมข้อมูล หรือข้อเท็จจริงของโครงการ เพ่ือนาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงท่ีได้ ไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์แล้วตัดสินให้คุณค่าต่อข้อมูลหรือข้อเท็จจริงของโครงการ การกระทาทั้งหมดน้ี คือ การประเมนิ โครงการ (Program Evaluation) หรือการวิจัยเชิงประเมิน (Evaluation Research)
23 การประเมินโครงการ เป็นขั้นตอนที่มีความสาคัญอย่างยิ่ง ขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการควบคุม คณุ ภาพของโครงการ เพราะจะทาให้รูไ้ ด้ว่าโครงการท่ีดาเนนิ อยู่ เป็นไปตามเป้าหมาย หรือกฎเกณฑ์ท่ีกาหนด หรือไม่ ซ่ึงข้อมูลที่ได้จากการประเมินโครงการ จะนาไปสู่การตัดสินใจ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบให้ดีขึ้น ประชุม รอดประเสรฐิ (2539: 75 - 76) อธบิ ายความสาคัญของการประเมินโครงการ สรปุ ได้ดงั น้ี 1. การประเมนิ ชว่ ยทาใหก้ ารกาหนดวัตถปุ ระสงค์ และมาตรฐานของการดาเนินงานมีความชดั เจน กล่าวคือ ก่อนที่โครงการจะได้รับการสนับสนุนให้นาไปใช้ย่อมจะได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดจากผู้บริหาร และผู้ประเมิน ส่วนใดที่ไม่ชัดเจนเช่นวัตถุประสงค์ หรือมาตรฐานในการดาเนินงาน หากขาดความแน่นอน แจ่มชัด จะต้องได้รบั การปรับปรงุ แก้ไขให้มีความถูกต้องชัดเจนเสยี กอ่ น 2. การประเมินโครงการช่วยให้การใช้ทรัพยากรเป็นไปอย่างคุ้มค่า หรือเกิดประโยชน์เต็มท่ี ทั้งนี้ เพราะการประเมินโครงการจะต้องวิเคราะห์ทุกส่วนของโครงการ ข้อมูลใดหรือปัจจัยใดที่เป็นปัญหาจะได้รับ การจัดสรรให้อยู่ในจานวน หรอื ปริมาณท่ีเหมาะสมเพยี งพอแก่การดาเนินงานทรัพยากรท่ีไม่จาเป็น หรือมีมาก เกนิ ไปจะได้รับการตดั ทอน และทรพั ยากรใดทข่ี าดก็จะไดร้ บั การจัดหาเพ่ิมเติม 3. การประเมินโครงการช่วยให้แผนงานบรรลุวัตถุประสงค์ เนื่องจากโครงการเป็นส่วนหน่ึงของแผน ดังน้ัน เม่ือโครงการได้รับการตรวจสอบ วิเคราะห์ปรับปรุงแก้ไขให้ดาเนินการไปด้วยดี ย่อมจะทาให้แผนงาน ดาเนินไปด้วยดี และบรรลุถึงวัตถุประสงค์ที่ได้กาหนดไว้ หากโครงการใดโครงการหน่ึงมีปัญหาในการนาไป ปฏิบัติ ยอ่ มกระทบกระเทอื นตอ่ แผนงานทง้ั หมดโดยสว่ นรวม 4. การประเมินโครงการมีส่วนชว่ ย ในการแก้ปัญหาอันเกดิ จากผลกระทบ (Impact) ของโครงการ และทาให้โครงการมีข้อที่ทาให้เกิดความเสียหายลดน้อยลง ดังตัวอย่างโครงการเข่ือนน้าโจน ซึ่งในการสร้าง ถนนเพื่อไปสสู่ ถานท่ีสร้างเขื่อนน้ัน ต้องผา่ นป่าไมธ้ รรมชาตกิ ารประเมินโครงการจะช่วยให้เกิดโครงการป้องกัน รกั ษาป่า และโครงการอนรุ กั ษแ์ ละอพยพสัตว์ปา่ ข้นึ เพ่อื การแกป้ ญั หา เปน็ ต้น 5. การประเมินโครงการมีส่วนในการสร้างขวัญและกาลังใจให้ผู้ปฏิบัติตามโครงการ เพราะการ ประเมินโครงการ มิใช่เป็นการควบคุมบังคับบัญชาหรือสั่งการ แต่เป็นการศึกษาวิเคราะห์ เพ่ือการปรับปรุง แกไ้ ขและเสนอแนะวิธกี ารใหม่ ๆ เพื่อใช้ในการปฏบิ ัตโิ ครงการอันย่อมจะนามาซึ่งผลงานท่ีดี เป็นที่ยอมรับของ ผู้เก่ียวข้องท้ังปวง โดยลักษณะเช่นน้ีย่อมทาให้ผู้ปฏิบัติมีกาลังใจ มีความพึงพอใจ และมีความตั้งใจ กระตอื รือร้น ทีจ่ ะปฏิบตั งิ านต่อไปและมากขึ้น 6. การประเมนิ โครงการชว่ ยในการตัดสนิ ใจในการบรหิ ารโครงการ กล่าวคอื การประเมินโครงการ จะทาให้ผู้บริหารได้ทราบถึง อุปสรรค ปัญหา ข้อดี ข้อเสีย ความเป็นไปได้ และแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข การดาเนินการโครงการ โดยข้อมูลดังกล่าวจะช่วยทาให้ผู้บริหารตัดสินใจว่าจะดาเนินโครงการนั้นต่อไป หรือจะยุติโครงการ นอกจากน้ันผลของการประเมินโครงการอาจเป็นข้อมูลอย่างสาคัญในการวางแผน หรือการกาหนดนโยบายของผ้บู รหิ าร
24 แนวคดิ และโมเดลการประเมนิ ของสเตก 1. รูปแบบการประเมนิ การประเมินของสเตกเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่ง เพื่อนามาจัดให้เป็นระบบ ระเบียบและมีความหมายในการประเมิน ซ่ึงจุดมุ่งหมายของการประเมินมีอยู่ 2 ประการ คือ เพ่ือต้องการได้ ข้อมูลต่าง ๆ ท่ีนามา บรรยายเกี่ยวกับโครงการน้ัน และเพื่อต้องการได้ข้อมูลต่าง ๆ ท่ีสามารถนามาใช้ในการ ตัดสินคุณค่าของโครงการ (สมคิด พรมจุ้ย, 2552 : 60) โดยแบบจาลองทางความคิดเกี่ยวกับการประเมิน ของสเตก เรียกว่า โมเดลเคาน์ทิแนนซ์ (Stake’s Countenance Model) ดังมีโครงสร้างต่อไปนี้ (Worthen & Sanders, 1973 : 113 อ้างถงึ ใน เยาวดี รางชัยกลุ วิบูลยศ์ ร,ี 2551 : 39) ภาพท่ี 2 โมเดลเคาน์ทิแนนซ์ของสเตก ความคาดหวัง สิ่งที่เกิดจริง มาตรฐาน การตดั สนิ (Intents) (Observations) (Standards) (Judgments) หลักการ สงิ่ นาหรือปัจจยั เบื้องตน้ (Rationale) (Antecedents) การปฏิบตั ิ (Transactions) ผลผลติ (Outcomes) เมตรกิ บรรยาย เมตริกตัดสนิ คุณค่า (Description Matrix) (Judgment Matrix) 2. วธิ กี ารประเมนิ รูปแบบการประเมินเคาน์ทิแนนซ์ของสเตก จาแนกข้อมูลการประเมินออกเป็น 2 ส่วน คือ เมตริก บรรยาย (Description Matrix) และเมตริกตัดสินคุณค่า (Judgment Matrix) และได้เสนอว่าก่อนบรรยาย หรือตัดสินคุณค่าของโครงการใด ๆ นักประเมินควรทาการวิเคราะห์หลักการและเหตุผลของโครงการน้ัน ๆ ด้วยการประเมินโครงการตามแนวคิดของสเตก ผู้ประเมินจะต้องรวบรวมข้อมูลแท้จริงให้ได้ เนื่องจาก แหล่งข้อมูลมีมากมาย และวิธีการเก็บข้อมูลมีหลายวิธี ข้อมูลที่ต้องการ คือ ข้อมูลที่นามาใช้เพื่อการอธิบาย และการตดั สินใจ ตามรูปแบบการประเมนิ นีไ้ ดจ้ าแนกสิ่งท่ตี อ้ งพิจารณาในการประเมนิ ออกเป็น 3 ส่วน คอื
25 1) ส่ิงนาหรือปัจจัยเบื้องต้น (Antecedents) หมายถึง สภาพเง่ือนไขท่ีมีอยู่ก่อนแล้วหรือปัจจัย ต่างๆ ในการดาเนนิ โครงการ 2) การปฏิบัติ (Transaction) หมายถึง กิจกรรมดาเนินการ กิจกรรมทีป่ ฏิบตั ิ เช่น การจดั กจิ กรรม การเรียนการสอน พฤตกิ รรมระหวา่ งบคุ คล ปฏิสมั พันธ์ระหว่างครแู ละนกั เรยี น เป็นตน้ 3) ผลผลติ (Outcomes) หมายถึง ผลผลติ ที่เกดิ ขน้ึ จากโครงการ ในการเกบ็ ข้อมูล ผปู้ ระเมนิ จะต้องบันทกึ ข้อมลู ทัง้ สามชนิดข้างต้น แบง่ ออกเปน็ 4 ประเภท คอื 1) ความคาดหวังหรือแผนงาน (Intents) หมายถึง ส่ิงที่คาดหวังไว้จาแนกเป็นความคาดหวังกับ ปจั จัยเบ้อื งต้น การปฏิบตั ิ และผลการดาเนินงานโครงการ 2) สงิ่ ที่เกดิ ข้นึ จริง (Observations) หมายถึง สภาพทเี่ กิดข้ึนจริงซ่งึ จาแนกเป็นสภาพการณท์ ่เี กดิ ขน้ึ จริง เก่ียวกบั ปจั จยั เบอ้ื งต้น การปฏบิ ัติ และผลการดาเนนิ งานโครงการ 3) มาตรฐาน (Standards) หมายถึง แนวทางการดาเนินงานคุณลักษณะที่ควรจะมีหรือควรจะ ไดร้ บั เกีย่ วกบั ปัจจยั เบื้องตน้ การปฏิบัติ และผลการดาเนนิ งานโครงการ 4) การตดั สิน (Judgments) หมายถึง การพิจารณาผลการตัดสินใจเป็นการพิจารณาสรปุ เก่ียวกับ ปจั จยั เบ้อื งตน้ การปฏบิ ัติ และผลการดาเนนิ งานโครงการ ในการประเมิน ผู้ประเมินต้องพิจารณาข้อมูลเพื่อการบรรยายและต้องมีศึกษาความสอดคล้อง ระหว่างความคาดหวัง กับสิ่งท่ีเกิดข้ึนจริง และความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยเบ้ืองต้น การปฏิบัติและผลลัพธ์ เมื่อได้ผลอย่างไร แล้วจึงเปรียบเทียบกับมาตรฐานที่กาหนดไว้ และมาตรฐานท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้นแล้วตัดสินใจ (สมคดิ พรมจ้ยุ , 2552 : 61) สเตกเสนอวิธีการประเมินในรูปของเมตริก (Matrix) สองประเภท คือ ส่วน คือ เมตริกบรรยาย (Description Matrix) และเมตรกิ ตัดสินคณุ ค่า (Judgment Matrix) ดังภาพท่ี 3 มีรายละเอียดดงั ตอ่ ไปน้ี
ภาพท่ี 3 วิธีการประเมนิ โมเดลเคาน์ทแิ นนซ์ของสเตก 26 ความคาดหวงั ส่ิงที่เกิดจริง มาตรฐาน การตดั สนิ (Intents) (Observations) (Standards) (Judgments) หลักการ 1 4 สิ่งนาหรอื ปจั จยั (Rationale) เบอ้ื งต้น (Antecedents) 2 5 การปฏิบตั ิ (Transactions) 36 ผลผลติ (Outcomes) เมตรกิ บรรยาย (Description Matrix) เมตริกตดั สนิ คุณค่า (Judgment Matrix) 1. เมตริกบรรยาย (Description Matrix) แบง่ ออกเปน็ 6 ชอ่ ง คอื ช่อง 1 หมายถึง สภาวการณ์ท่ีคาดหวังว่าต้องมีอยู่ก่อนท่ีดาเนินงาน โครงการเกิดขึ้น โดยถือว่า เป็นสภาวการณท์ ่ีเอือ้ อานวยใหเ้ กิดผลดังที่คาดหวังไว้ ชอ่ ง 2 หมายถึง กระบวนการที่เกิดข้ึนในการดาเนินงานตามความคาดหวังว่าจะเป็นกระบวนการ ที่มีประสิทธิภาพ คือ ก่อให้เกดิ ผลตามที่มงุ่ หมายไว้ ชอ่ ง 3 หมายถงึ ผลลพั ธ์ที่คาดหวังวา่ จะได้รับหลงั จากการดาเนนิ งาน ชอ่ ง 4 หมายถึง ปัจจยั เบือ้ งต้นทม่ี อี ยจู่ รงิ กอ่ นทีเ่ รมิ่ โครงการ ชอ่ ง 5 หมายถึง กระบวนการดาเนินงานตามทสี่ ังเกตได้จรงิ จากโครงการ ช่อง 6 หมายถงึ ผลลัพธ์ท่ีเกดิ ขึน้ จรงิ หลังจากโครงการจบลงแล้ว 2. เมตริกตัดสินคุณค่า (Judgment Matrix) จาเป็นต้องใช้เกณฑ์มาตรฐานเพื่อพิจารณาข้อมูลที่ได้ จากเมตริกบรรยาย เกณฑ์มาตรฐานน้ีอาจมีอยู่ก่อนแล้วหรือตั้งใหม่โดยคณะกรรมการหรือผู้รับผิดชอบ โครงการก็ได้ สาหรับที่มาของการตัดสินใจควรให้ผู้ประเมินมีบทบาทด้วย คือ ต้องสรุปออกมาให้ได้ว่า โครงการการศึกษามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด หรือต้องปรับปรุงเปล่ียนแปลงท่ีจุดใดหรือมีปัจจัย อะไร เปน็ ตัวเกอ้ื หนุน หรือเปน็ อุปสรรคตอ่ โครงการ
27 การประยุกตใ์ ชก้ รอบแนวคิดในการประเมินผล การประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการในคร้ังนี้ ได้ประยุกต์ใช้โมเดลเคาน์ทิแนนซ์ (Stake’s Countenance Model) ซึ่งเป็นแนวคิดและโมเดลการประเมินของสเตก (Stake’s Concepts and Model of Evaluation) โดยการ ประเมินดังกล่าว มุ่งเน้นการได้ข้อมูลผลการดาเนินงานตามแผนปฏิบัติราชการฯ จากแหล่งต่าง ๆ นามาใช้ ในการตัดสิน และมกี ารกาหนดเกณฑ์มาตรฐานที่ใช้ในการตัดสินการบรรลุผลความสาเร็จของแผน ดังภาพที่ 4 รายละเอยี ดดังน้ี ความคาดหวัง คือ สิ่งคาดหวัง/ เป้าประสงค์ของแผนปฏิบัติราชการ โดยจาแนกออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ (1) หน่วยงานมีระบบบริหารจัดการท่ีมีประสิทธิภาพตามหลักธรรมาภิบาล (2) ประชาชนได้รับโอกาส ทางการศึกษาอย่างทวั่ ถึง ครอบคลมุ และเป็นธรรม (3) ประชาชนได้รับการศกึ ษาทมี่ ีคุณภาพ (4) ข้าราชการ ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษามีความก้าวหน้าในวิชาชีพ มีศักยภาพในการปฏิบัติงานและการจัด การศึกษาท่ีมีคุณภาพ และ (5) ผู้รับบริการมีและใช้ ICT ที่มีประสิทธิภาพในการเรียนรู้และบริหารจัดการ ใหไ้ ด้มาตรฐานและมีคุณภาพ สิง่ ท่ีเกิดข้ึนจริง คอื สภาพผลการดาเนินงานท่ีเกิดขึ้นจริงโดยจาแนกตามตัวชี้วัดในแต่ละเป้าประสงค์ ซง่ึ มที ง้ั ส้นิ 40 ตวั ช้ีวัด มาตรฐาน คือ ค่าเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ในแผนปฏิบัตริ าชการฯ ท่ีสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จะต้องดาเนินการใหบ้ รรลผุ ล การตัดสิน คือ การพิจารณาผลการบรรลุเป้าประสงค์ตามตัวชี้วัดเพื่อสรุปเป็นผลความสาเร็จของ แผนปฏิบตั ริ าชการฯ ในภาพรวม
28 ภาพท่ี 4 การประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของ สานกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ ารโดยประยกุ ต์โมเดลเคาน์ทแิ นนซ์ของสเตก เปา้ ประสงค์ ตวั ชวี้ ัด คา่ เป้าหมาย ประเมนิ ตัดสนิ หลักการ 1. หนว่ ยงานมรี ะบบ ตวั ช้ีวดั - จานวนแผน/ ฉบับ/ ผลการตดั สนิ (Rationale) เป้าประสงค์ที่ 1 โครงการและกจิ กรรม การบรรลุ บริหารจดั การที่มี (จานวน 6 ตวั ชีว้ ดั ) - ค่าร้อยละ เป้าประสงค์ แผนปฏิบัติ ท่ี 1 ราชการ ประสิทธภิ าพตาม ตัวช้วี ดั - จานวนคน ผลการตดั สิน ประจาปี เปา้ ประสงคท์ ่ี 2 - คา่ ร้อยละ การบรรลุ งบประมาณ หลกั ธรรมาภิบาล (จานวน 11 ตัวช้ีวัด) - จานวนปีการศกึ ษาเฉลยี่ เปา้ ประสงค์ พ.ศ. 2559 - อตั ราส่วน ท่ี 2 ของสานักงาน 2. ประชาชนได้รับ - จานวนคน/ คา่ ย/ ผลการตดั สนิ ปลดั กระทรวง โอกาสทางการศกึ ษา กจิ กรรม การบรรลุ ศกึ ษาธิการ อย่างท่ัวถงึ ครอบคลุม - คา่ รอ้ ยละ เปา้ ประสงค์ และเปน็ ธรรม ที่ 3 3. ประชาชนไดร้ ับ ตวั ชว้ี ัด การศึกษาท่ีมีคณุ ภาพ เป้าประสงค์ท่ี 3 (จานวน 13 ตวั ช้ีวัด) 4. ขา้ ราชการ ครู ปจั จยั ตา่ ง ๆ ทีส่ ะท้อนการปฏิบตั งิ าน ผลการตัดสนิ คณาจารย์ และบุคลากร และผลการปฏิบัตริ าชการ การบรรลุ ทางการศึกษามี ตวั ชวี้ ดั - จานวนคน/ เร่อื ง/ เป้าประสงค์ ความก้าวหนา้ ในวิชาชีพ เปา้ ประสงคท์ ี่ 4 กจิ กรรม ที่ 4 มศี กั ยภาพในการ (จานวน 6 ตัวช้วี ัด) - ค่าร้อยละ ปฏิบตั งิ านและการจดั การศึกษาท่ีมีคณุ ภาพ 5. ผู้รบั บริการมแี ละใช้ ตัวชีว้ ดั - จานวนระบบ/ ผลการตัดสนิ ICT ทมี่ ปี ระสิทธิภาพใน เป้าประสงค์ที่ 5 หน่วยงานและสถานศึกษา การบรรลุ การเรยี นรู้และบรหิ าร (จานวน 4 ตวั ชี้วดั ) - คา่ ร้อยละ เป้าประสงค์ จัดการใหไ้ ด้มาตรฐาน ที่ 5 และมคี ณุ ภาพ เมตรกิ บรรยาย เมตริกตดั สนิ คณุ คา่ (Description Matrix) (Judgment Matrix)
29 บทที่ 3 วิธดี ำเนนิ กำรประเมนิ การประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ของสานักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการในคร้ังน้ี เป็นการประเมินผลสรุป (summative evaluation) เม่ือสิ้นสุดการดาเนินงาน ตามแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร โดยรปู แบบ การประเมนิ ผลในครง้ั นี้ประยกุ ตใ์ ชโ้ มเดลเคานท์ แิ นนซ์ (Stake’s Countenance Model) ของสเตก 1. หน่วยงานท่เี ป็นหนว่ ยในการตดิ ตามประเมินผล 2. ขนั้ ตอนการประเมนิ ผล 3. เคร่ืองมอื ท่ีใช้ในการศึกษาและการเกบ็ รวบรวมข้อมลู 4. การวิเคราะห์ผล หนว่ ยงำนทีเ่ ปน็ หน่วยในกำรตดิ ตำมประเมนิ ผล หน่วยงานที่เปน็ หน่วยในการติดตามประเมนิ ผลถอื เป็นแหลง่ ข้อมูลและผู้ให้ขอ้ มูลในการประเมนิ คร้ังนี้ ประกอบด้วย หน่วยงานท่ีระบุไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จานวน 23 หน่วยงาน ได้แก่ สานักอานวยการ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา สานักลูกเสือ ยุวกาชาด และกิจการนกั เรียน สานักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สานักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สานัก ตรวจราชการและตดิ ตามประเมินผล สานกั นโยบายและยุทธศาสตร์ สานักนติ ิการ สานักงานส่งเสรมิ การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กลุ่มพัฒนาระบบ บรหิ าร สป. กลุ่มตรวจสอบภายในระดับกระทรวง หนว่ ยตรวจสอบภายใน สป. สานักส่งเสรมิ กิจการการศกึ ษา ศูนย์ประสานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สานักประสานงานและบูรณาการการศึกษาจังหวัด ชายแดนภาคใต้ สานักงานประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา กระทรวงศึกษาธิการ สานักงานศึกษาธิการ ภาค 1 – 13 สานักงานรัฐมนตรี สานักงานเลขานุการกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา ศูนย์ปฏิบัตกิ าร ตอ่ ต้านการทุจรติ และสานกั งานลูกเสอื แหง่ ชาติ ขั้นตอนกำรประเมนิ ผล การประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ของสานักงาน ปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร มีขั้นตอนในการดาเนนิ งานท่ีสาคัญ 8 ข้นั ตอน ดังน้ี 1. ศึกษาแนวคิดการประเมินและวิเคราะห์ส่ิงที่จะประเมิน เป็นข้ันตอนแรกที่จาเป็นต้องศึกษาถึง แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการประเมินและรูปแบบการประเมินตามแนวคิดและทฤษฎีต่าง ๆ เพื่อนามาใช้เป็น กรอบแนวคดิ ของการประเมนิ ในขณะเดียวกัน ก็จาเปน็ ตอ้ งศึกษาส่ิงที่ประเมนิ ใหเ้ ขา้ ใจรายละเอียดอยา่ งถ่องแท้
30 น่ันคือ แผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยทา ความเข้าใจเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ ประเด็นยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์ ตัวชี้วดั เป้าประสงค์และค่าเป้าหมาย รวมถึงรายละเอยี ดงาน โครงการ และกจิ กรรม ท่รี ะบอุ ย่ใู นแผนปฏบิ ตั ริ าชการฯ 2. กาหนดวัตถุประสงค์หรือประเด็นการประเมิน เป็นข้ันตอนที่เก่ียวข้องกับการหาสารสนเทศ ที่เกี่ยวข้องกับส่ิงที่ประเมินโดยอาจใช้ประเด็นการประเมินเป็นวัตถุประสงค์ย่อย หรือนาประเด็นการประเมิน มากาหนดเป็นวัตถุประสงค์เป็นข้อๆ ก็ได้ ซึ่งประเด็นการประเมินในการศึกษาครั้งน้ี ได้กาหนดตาม เป้าประสงค์ของแผนปฏิบัติราชการ โดยจาแนกออกเปน็ 5 ประเดน็ ได้แก่ (1) หน่วยงานมีระบบบริหารจัดการ ท่ีมีประสิทธิภาพตามหลักธรรมาภิบาล (2) ประชาชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึง ครอบคลุม และ เป็นธรรม (3) ประชาชนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ (4) ข้าราชการ ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา มคี วามก้าวหน้าในวชิ าชีพ มีศักยภาพในการปฏิบตั ิงานและการจัดการศึกษาทีม่ ีคุณภาพ และ (5) ผู้รับบริการ มแี ละใช้ ICT ท่ีมีประสทิ ธิภาพในการเรียนรู้และบริหารจัดการให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ ท้ังนี้ การกาหนด ประเด็นการประเมินจะเป็นกรอบสาคัญท่ีนาไปสู่กิจกรรมอ่ืนๆ ไม่ว่าจะเป็นการกาหนดตัวชี้วัดหรือกาหนด เกณฑ์และค่านา้ หนกั เครอ่ื งมือ แหลง่ ข้อมูลวธิ ีการเก็บข้อมลู ตลอดจนการวเิ คราะหข์ ้อมูล 3. การกาหนดเกณฑ์และค่าเป้าหมาย ซ่ึงเกณฑ์และค่าเป้าหมายในการประเมินครั้งน้ีพิจารณาตาม ตัวชวี้ ดั เป้าประสงค์และคา่ เปา้ หมายตามทรี่ ะบใุ นแผนปฏิบตั ริ าชการฯ จานวน 40 ตัว 4. การกาหนดกรอบแนวทางการประเมินและขอบเขตการประเมิน เมื่อได้ดาเนินการตามข้ันตอนที่ 1 – 3 แล้ว ก็นาสาระทั้งหมดท่ีไดม้ ากาหนดเป็นกรอบแนวทางการประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏิบตั ิราชการ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หรือจะเรียกว่า การวางแผนหรือ การออกแบบการประเมิน โดยกาหนดไว้เป็นหัวข้อใหญ่ๆ เพื่อใช้เป็นแผนท่ีหรือพิมพ์เขียวในการประเมิน สาหรับการกาหนดขอบเขตการประเมินจะต่อเน่ืองจากการกาหนดกรอบแนวคิดการประเมินโดยพิจารณาว่า ประเด็นการประเมินตัวชี้วัดและเกณฑ์ต่าง ๆ ท่ีกาหนดไว้ในกรอบแนวคิดน้ันจะมีขอบเขตหรือขีดจากัด เกี่ยวกับกลุ่มผู้ใช้ข้อมูล เคร่ืองมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ ฯลฯ ให้สอดคล้องกับกรอบแนวคิด อยา่ งไร 5. การสร้างและพัฒนาเครื่องมือเก็บข้อมูล การประเมินเป็นการตัดสินใจโดยอาศัยสารสนเทศ สรปุ ผลการวิเคราะห์ โดยอาศยั เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมลู จากแหล่งต่าง ๆ ซึ่งเคร่ืองมอื ในการประเมิน ครั้งนี้ ได้แก่ แบบรายงานผลการดาเนินโครงการ/ กิจกรรม ตามแผนปฏิบัติราชการของสานักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการเป็นรายไตรมาส แบบรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ตามแบบ สงป. 301 และแบบ สงป. 302 และแบบรายงานผลการประเมินโครงการภายใต้ แผนปฏิบัติการของสานกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ซ่ึงไดส้ ร้างตามหลัก วิชาการ โดยมีที่มาจากแนวคดิ และทฤษฎี วตั ถุประสงค์ สาระเนื้อหา ซึง่ สง่ ผลต่อคณุ ภาพข้อมูลและสารสนเทศ ทีจ่ ะได้ในการศึกษาครั้งน้ี
31 6. การเก็บรวบรวมข้อมูล ได้มีการรวบรวม วิเคราะห์ สังเคราะห์ และสรุปข้อมูลเป็นสารสนเทศ จากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับแผนปฏิบัติราชการ จานวน 23 หน่วยงาน และมีการจัดประชุมปฏิบัติการ ประเมินผลแผนปฏิบัติราชการของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงศึกษาธิการ ประจาปี งบประมาณ พ.ศ. 2559 เพอื่ จัดทาข้อมลู ตามแบบประเมนิ ผลแผนปฏิบัติราชการฯ ที่กาหนดขนึ้ 7. การวิเคราะห์ข้อมูล การประเมินครั้งน้ีได้ทาการวิเคราะห์จากข้อมูลเชิงปริมาณ ซ่ึงจะต้องอาศัย สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสรุปผลการบรรลุเป้าหมายของแผนปฏิบัติการฯ ได้ชัดเจน โดยส่วนใหญ่จะใช้ สถิติพื้นฐาน เช่น ค่าความถ่ี และค่าร้อยละ สาหรับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพจะใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) เป็นหลัก 8. การจัดทารายงานการประเมินและเผยแพร่ เป็นขั้นตอนสุดท้ายในการประเมินผลคร้ังน้ี โดยสรุป ข้อมูลท่ีได้จากการประเมิน นามาเขียนรายงาน และจัดทาเป็นรูปเล่ม เพื่อเป็นเอกสารทางวิชาการและข้อมูล สารสนเทศให้แกผ่ บู้ รหิ าร หน่วยงานทีเ่ กย่ี วข้อง และสาธารณชนท่ัวไปที่สนใจ ได้นาผลการศกึ ษาประเมินครง้ั นี้ ไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจ ปรับปรุง และพัฒนาแผนปฏิบัติราชการฯ ของหน่วยงานต่อไป ทั้งน้ี ในการจัดทารูปเล่มรายงาน ประกอบด้วย บทนา เอกสารที่เก่ียวข้องในการศึกษา วิธีดาเนินการประเมิน การประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ของสานักงาน ปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ บทสรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ เครอ่ื งมือทใี่ ชใ้ นกำรศกึ ษำและกำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 1. เครอ่ื งมือท่ีใช้ในกำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู เครื่องมอื ทใี่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล มี 3 เครือ่ งมือ ดังนี้ 1. แบบรายงานผลการดาเนินโครงการ/ กิจกรรม ตามแผนปฏิบัติราชการของสานักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการเป็นรายไตรมาส เป็นแบบรายงานที่สร้างขึ้นเพ่ือรวบรวมรายละเอียดและผลการดาเนินงานของ โครงการและกิจกรรมย่อยของแผนปฏิบัติราชการฯ ซึ่งประกอบด้วยหัวข้อสาคัญ ดังนี้ ช่ืองาน /โครงการ/ กิจกรรม ความสอดคล้องกับเป้าประสงค์ของแผนปฏิบัติราชการของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หลักการเหตุผล วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ระยะเวลาดาเนินการ กิจกรรมที่จะดาเนินการ ผลการดาเนินงาน / ผลลัพธ์ท่เี กดิ ขน้ึ จากการดาเนินโครงการ งบประมาณทไี่ ดร้ บั ปัญหา อปุ สรรค และข้อเสนอแนะ และประโยชน์ ท่ีสาธารณชนไดร้ ับ 2. แบบรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ตามแบบ สงป. 301 และแบบ สงป. 302 2.1 แบบ สงป. 301 เป็นแบบจัดทาแผน/รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่าย งบประมาณ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ท่ีสานักงบประมาณกาหนดข้ึน ทีแ่ สดงความเชื่อมโยงแผน/ผล การปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ กับผลผลิต/โครงการเป้าหมายการ ให้บรกิ ารหน่วยงาน เป้าหมายการให้บริการของกระทรวง แผนงบประมาณ เปา้ ประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ และ
32 ประเด็นยุทธศาสตร์ ตามลาดับ โดยให้บันทึกข้อมูลเป็นรายเดือนและจัดทารายงานเป็นรายไตรมาส เพื่อให้ สามารถตดิ ตามความกา้ วหน้าได้ 2.2 แบบ สงป. 302 เป็นแบบจัดทาแผน/รายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณตามผลผลิต/ โครงการ จาแนกตามงบรายจ่าย ท่ีสานักงบประมาณกาหนดขึ้น เพื่อใช้เป็นแบบรายงานให้ส่วนราชการ / รัฐวิสาหกิจ รายงานรายละเอียดของงบประมาณจาแนกตามแผนงบประมาณ งบรายจ่าย และรายการ โดยให้ บันทกึ ขอ้ มลู เปน็ รายเดอื นและจดั ทารายงานเป็นรายไตรมาส 3. แบบรายงานผลการประเมินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการของสานักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เป็นแบบรายงานผลการประเมินที่สร้างข้ึนเพ่ือรวบรวมข้อมูล ผลการดาเนนิ งานและผลการบรรลตุ ามตัวชี้วัดเป้าประสงค์ ประกอบด้วยหัวข้อสาคัญ ดังน้ี ชื่องาน/โครงการ/ กิจกรรม ความสอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์และเป้าประสงค์ของแผนปฏิบัติราชการของสานักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ประเด็นการประเมิน ตัวช้ีวัด เป้าหมาย ผลการบรรลุตัวช้ีวัด ผลการดาเนินงาน สรุปผลการบรรลตุ วั ชว้ี ดั งบประมาณ ปญั หาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ 2. กำรเก็บรวบรวมขอ้ มูล 2.1 รวบรวมเอกสารข้อมลู ผลการดาเนินงานและรายงานต่าง ๆ ที่เก่ียวขอ้ งกับงาน โครงการ และ กจิ กรรมท่ีระบุไว้ในแผนปฏบิ ัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร จากแบบรายงานผลการดาเนินโครงการ/ กิจกรรม ตามแผนปฏิบัติราชการของสานักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการเป็นรายไตรมาส และแบบรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ตามแบบ สงป. 301 และ สงป. 302 2.2 จัดประชุมปฏิบัติการประเมินผลแผนปฏิบัติราชการของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงศึกษาธิการ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เพื่อชี้แจงทาความเข้าใจแนวทางการประเมินผล แผนปฏิบัติการของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และจัดทาข้อมูลตามแบบประเมินผลแผนปฏิบัติ ราชการฯ ท่กี าหนดขึน้ กำรวเิ ครำะหผ์ ล ในการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ครั้งน้ี เนน้ การวิเคราะหเ์ อกสารทงั้ ขอ้ มลู ในเชิงปริมาณและเชงิ คุณภาพ 1. การวิเคราะห์เชิงปริมาณ คือ การทาให้ข้อมูลของเอกสารน้ัน ได้แก่ ถ้อยคา ประโยค หรือใจความ ท่ีปรากฏในเอกสารเป็นจานวนที่วัดได้แล้วแจงนับจานวนของถ้อยคา ประโยค ค่าสถิติ ตัวเลข ตามข้อมูล เหล่าน้ัน โดยอาศัยกระบวนการวิเคราะห์เน้ือหา (Content analysis) ตามเน้ือหาท่ีปรากฏ (Manifest content) รวมถงึ การวิเคราะห์ข้อความความสาเร็จตามตวั ชีว้ ดั เป้าประสงค์ของแผนปฏบิ ตั ิราชการฯ
33 2. การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ คือ การตีความสร้างข้อสรุปจากเอกสารข้อมูลต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้อง โดยอาจมี การวิเคราะห์เน้ือหา (content analysis) แบ่งประเภทและจัดระบบของเนื้อหาตามประเด็นยุทธศาสตร์ โครงการ และกิจกรรม หรืออาศัยข้อมูลท่ีเก็บรวบรวมมาได้ด้วยวิธีการอ่ืน หรือข้อมูลภูมิหลัง สภาพแวดล้อม อืน่ ๆ มาประกอบการวเิ คราะหแ์ ละตคี วามหมายข้อมูล
34 บทที่ 4 การประเมนิ ผลความสาเร็จของแผนปฏบิ ตั ริ าชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร การประเมินผลความสาเร็จของแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ของสานักงาน ปลดั กระทรวงศึกษาธิการ จะนาเสนอตามเป้าประสงคข์ องแผนปฏิบัตริ าชการฯ 5 ดา้ น ดังน้ี 1. หน่วยงานมรี ะบบบรหิ ารจัดการทีม่ ปี ระสิทธภิ าพตามหลักธรรมาภบิ าล 2. ประชาชนได้รับโอกาสทางการศกึ ษาอยา่ งท่ัวถึง ครอบคลมุ และเป็นธรรม 3. ประชาชนได้รับการศึกษาทมี่ ีคณุ ภาพ 4. ขา้ ราชการ ครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศึกษามคี วามก้าวหนา้ ในวชิ าชพี มีศกั ยภาพในการปฏบิ ัติงาน และการจัดการศึกษาทีม่ ีคุณภาพ 5. ผูร้ ับบรกิ ารมแี ละใช้ ICT ทีม่ ีประสทิ ธิภาพในการเรียนรู้และบริหารจดั การให้ได้มาตรฐานและมีคณุ ภาพ เปา้ ประสงค์ที่ 1 หน่วยงานมีระบบบรหิ ารจัดการท่ีมปี ระสิทธภิ าพตามหลักธรรมาภบิ าล 1.1 บทนา ภายใต้เป้าประสงค์ของการพัฒนาระบบบริหารจัดการของหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพตามหลัก ธรรมาภิบาล มีกลยุทธ์ที่สาคัญ 1 กลยุทธ์ ได้แก่ พัฒนาระบบบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล และมีการ กาหนดตัวช้ีวัดและค่าเป้าหมายในการบรรลุเป้าประสงค์ จานวน 6 ตัวชี้วัด ได้แก่ (1) จานวนนโยบายและ แผนทีน่ าไปสู่การปฏิบัติ (2) จานวนรายงานผลการติดตามประเมินผลการดาเนินงานตามนโยบาย ยทุ ธศาสตร์ ของกระทรวงศึกษาธิการในพ้ืนท่ี (3) จานวนโครงการ/กิจกรรมความร่วมมือด้านการศึกษากับต่างประเทศ (4) ร้อยละของหน่วยงานในสังกัด สป. เบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามเป้าหมาย (5) ร้อยละความคิดเห็น ในการประเมินมาตรฐานความโปร่งใสในระดับดีข้ึนไป และ (6) ร้อยละของหน่วยงานในสังกัด สป. มีการ ดาเนนิ งานที่มีคุณธรรมและความโปร่งใส 1.2 ผลการบรรลเุ ปา้ ประสงค์ จากการติดตามผลสาเร็จ และ/หรือ ผลการดาเนินงานภายใต้เป้าประสงค์ที่ 1 สามารถสรุปผล การบรรลุเป้าประสงค์ รายละเอยี ดดังตาราง 4 ดังนี้ 1.2.1 นโยบายและแผนที่นาไปสู่การปฏิบัติ ปรากฏผลว่า สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ส า ม า ร ถ ด า เ นิ น ก า ร จั ดท า น โ ย บ า ย แ ผ น ป ฏิ บั ติ ร า ช ก า ร แ ล ะ แ ผ น ยุ ท ธ ศ าส ต ร์ ท่ี น า ไ ป สู่ กา ร ป ฏิ บัติ เ พ่ื อ ใ ห้ ส่วนราชการในสังกัดนาไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการดาเนินงานได้ จานวน 8 แผน ได้แก่ (1) แผนปฏิบัติ
35 ราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับปรับปรุงตามงบประมาณท่ีได้รับ จัดสรร) (2) แผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ของกระทรวงศึกษาธิการ (เพ่ือประกอบ การจัดทาคาของบประมาณรายจ่าย ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2560) (3) แผนปฏิบัติการ 3 ระยะ ของกระทรวงศึกษาธิการ (4) แผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับปรับปรุงตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรร) (5) แผนปฏิบัติราชการประจาปี งบประมาณ พ.ศ. 2560 ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สาหรับจัดทาคาของบประมาณรายจ่าย ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2560) (6) (ร่าง) แผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) (7) แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษา ของสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) และ (8) แผนปฏิบัติ ราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสานักนโยบายและยุทธศาสตร์ สป. สรุปได้ว่าสามารถ ดาเนินการบรรลเุ ป้าหมายที่กาหนดไว้ 1.2.2 รายงานผลการติดตามประเมินผลการดาเนินงานตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ของกระทรวง ศึกษาธิการในพ้ืนที่ ปรากฏผลว่า ไม่สามารถตดิ ตามผลการดาเนินการจัดทารายงานผลการติดตามประเมินผล การดาเนินงานตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ของกระทรวงศึกษาธิการในพ้ืนที่ จานวน 13 ฉบับ เน่ืองจาก มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารราชของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาคตาม คาส่ังหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ ที่ 11/2559 เรื่อง การขบั เคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค ลงวันที่ 21 มีนาคม 2559 โดยสาระสาคัญท่ีเก่ียวข้อง คือ ให้ยกเลิกการจัดตั้งสานักงานศึกษาธิการภาค 1 – 13 สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และให้มีสานักงานศึกษาธิการภาค จานวน 18 ภาค สังกัดสานักงาน ปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ ปฏบิ ตั ิภารกิจของกระทรวงศกึ ษาธิการในระดบั พืน้ ที 1.2.3 โครงการ/กิจกรรมความร่วมมือด้านการศึกษากับต่างประเทศ ปรากฏผลว่า สานักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการสามารถดาเนินการเจรจากับต่างประเทศได้ 38 โครงการ/กิจกรรม โดยกระทรวง ศึกษาธิการได้แสดงบทบาททางด้านการศึกษาในเวทีระดับโลกและระดับนานาชาติ รวมถึงการเสริมสร้าง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายในการพัฒนาการศึกษาท้ังในระดับ ภูมิภาค และระดับนานาชาติ ก่อให้เกิดการเจรจาความร่วมมือเพ่ือพัฒนาการศึกษาของประเทศไทยกับ ประเทศตา่ ง ๆ สรุปได้ว่าสามารถดาเนินการบรรลเุ ปา้ หมายทีก่ าหนดไว้ 1.2.4 การเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานในสังกัดสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปรากฏผลว่า สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการสามารถเบิกจ่ายเงนิ งบประมาณรายจ่ายภาพรวมได้ ร้อยละ 96.05 สรปุ ได้ว่าสามารถดาเนนิ การบรรลเุ ป้าหมายท่กี าหนดไว้ 1.2.5 การประเมินมาตรฐานความโปร่งใส ปรากฏผลว่า สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดาเนินการประเมินมาตรฐานความโปร่งใสประจาปีงบประมาณพ.ศ. ๒๕๕๙ ตามข้ันตอนกระบวนการและ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137