ป่พี าทย์มอญ เป็นวงดนตรีของชาวมอญ ประกอบด้วย ปี่มอญ ฆ้องมอญ เปิงมางคอก ตะโพนมอญ ต่อมามีการนาระนาดเอกเข้ามาประสมวง ซึ่งชาวมอญจะใช้วงป่ีพาทย์มอญ บรรเลงในงานประเพณีพิธีกรรมต่างๆ เช่น งานทาบุญ งานแต่งงาน งานศพ การราผีมอญ ต่อมามีการแพร่กระจายทางวัฒนธรรม ทาให้คนไทยรับวงปี่พาทย์มอญมาใช้ในงานศพและ กลายเปน็ ประเพณีนิยม วงมโหรีมอญ ประกอบด้วย ซอมอญ จะเข้มอญ ขลุ่ยมอญ เปิงมาง ฉิ่ง ภายหลังเมือ่ มี การนาทานองเพลงสมัยใหม่มาใช้ จึงต้องเพิ่มซอด้วงเพ่ือทาทานองอีก 1 คัน และบางคร้ัง อาจเพิ่มฉาบเล็ก กรับ และกลองราวง สาหรับเป็นเคร่ืองประกอบจังหวะ วงมโหรีมอญนิยม ใช้บรรเลงขับกล่อมในงานศพ งานบวช งานแต่งงาน เปน็ ต้น ขอ้ มูล : ภทั รวดี ภูชฎาภิรมย์. วฒั นธรรมดนตรีและเพลงพื้นเมืองภาคกลาง. จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย. 2552. ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 40
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 41
ชฎา (นาฏศิลป์และการละคร) ชฎา เป็นหน่ึงในองค์ประกอบของเคร่ืองแต่งกายละครในท่ีเรียกว่า “ศิราภรณ์” หรือ เคร่ืองประดับท่ีใช้สาหรับสวมศีรษะ และเป็นเคร่ืองศิราภรณ์ของพระมหากษัตริย์ท่ีมีมาแต่ สมยั โบราณ สาหรับละครใน ชฎาเป็นเคร่ืองประดับศีรษะละครตัวพระ ประดิษฐ์ขึ้นโดยผสมผสาน กันระหว่างเคร่ืองเงินและเคร่ืองทอง สร้างเลียนแบบมหาพิชัยมงกุฎเพิ่มกรอบหน้าเงิน กรรเจียกจรเงินประดับเพชร ดอกไม้ล้านหรือลวดเงินท่ีขดเป็นวงลดหลั่นตามลาดับ ประดับ ด้วยดอกไม้ไหวห้อยตุ้งต้ิง ใช้วางประดับบนยอดชฎา และในส่วนประกอบท่ีเป็นองค์ชฎา ตกแต่งด้วยลายรักร้อย ลายผ้าจีบ กระจังตาอ้อย เกี้ยว ดอกไม้ทิศจนถึงปลายปลียอด และ มี “ลายท้าย” หรือ “ท้ายชฎา” ทาข้ึนเพื่อให้เป็นเคร่ืองปกปิดการหนุนศีรษะ ทาด้วยเงินฝงั ห้องสมดุ วฒั นธรรม | 42
เพชร มีสายรัดคางเพชรท่ีเชื่อมต่อกับกรอบหน้าถึงคาง ทัดดอกไม้เพชรข้างจอนหูซ้าย และ ทดั อบุ ะดอกไม้ทดั ข้างจอนหูขวา ชฎาของสานักการสงั คีต ขอ้ มลู : เครื่องแตง่ กายละครและการพัฒนา : การแตง่ กายยืนเครื่องละครในของ กรมศลิ ปากร. กรมศิลปากร. 2547. ห้องสมุดวฒั นธรรม | 43
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 44
รดั เกล้ายอด (นาฏศิลปแ์ ละการละคร) รัดเกล้ายอด เป็นเคร่ืองประดับศีรษะ สาหรับละครตัวนางท่ีมียศสูงศักด์ิ ทาข้ึนในสมัย รัชกาลท่ี 4 โดยได้แบบอย่างมาจากสมัยอยุธยา จะมีรูปทรงพอดีกับศีรษะ ไม่มีกรอบหน้า เหมือนชฎา ตกแต่งด้วยการปิดทอง ประดับพลอย และกระจกเพชร ซึ่งรัดเกล้ายอดจะ ประกอบไปด้วย 1. มาลาและสนองเกล้า (ลักษณะเป็นเกี้ยวท่ีมีสาแหรกคลุมมวยผม) ประกอบ เขา้ ดว้ ยกัน ประดับด้วยดอกไม้ทอง 2. กรรเจียกจร แต่งด้วยกุณฑลเป็นดอกไม้เพชร ห้อยตุ้งต้ิง ประดับดอกไม้ไหว และรดั ท้ายช้อง ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 45
เมื่อสมัยรัชกาลท่ี 4 เคยมีการห้ามใช้รัดเกล้ายอด เพราะมีลักษณะคล้าย “พระเกี้ยว” หรือ “จุลมงกุฎ” ตราพระราชสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ จึงไม่ เหมาะสมต่อการนามาใช้เป็นเคร่ืองแต่งกายละครหลวง ต่อมาในสมัยรัชกาลท่ี 5 ก็มีการเปล่ียนแปลงวัฒนธรรม การแต่งกาย รวมไปถึงรัดเกล้ายอดท่ีถูกห้ามใช้ในสมัย รัชกาลที่ 4 ก็ได้ถกู ยกเลกิ ไป รัดเกล้ายอด ขอ้ มูล : เครือ่ งแต่งกายละครและการพฒั นา : การแต่งกายยืนเครือ่ งละครในของ กรมศลิ ปากร. กรมศิลปากร. 2547. ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 46
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 47
ลิเกอีสาน (นาฏศิลป์และการละคร) ลิเกอีสานเกิดจากการผสมผสานกันระหว่างลิเกภาคกลางกับหมอลากลอนภาคอีสาน ทาให้มีช่อื หลายอย่าง บางคนกเ็ รียกว่า หมอลาเรื่องต่อกลอน หมอลาหมู่ หรอื ลเิ กกลองยาว ก็เรียก มักจะแสดงทั้งในงานมงคลและงานอวมงคล เช่น งานกฐิน งานเทศน์มหาชาติ งาน บุญบง้ั ไฟ เปน็ ตน้ การแต่งกาย ผู้แสดงตัวประกอบจะแต่งตัวตามสบาย ยกเว้นตัวพระและตัวนาง โดย ตัวพระจะนุ่งโจงกระเบน มีสังวาลประดับ สวมเทริด และตัวนางจะนุ่งผ้าซิ่นพื้นเมือง มีเครอ่ื งประดบั และสวมเทรดิ ห้องสมุดวฒั นธรรม | 48
ลักษณะการแสดงจะคล้ายกับลิเกภาคกลาง โดย เร่ืองราวท่ีแสดงส่วนมากจะมาจากวรรณคดีพ้ืนบ้านของ ภาคอีสาน เช่น ท้าวปาจิตตและนางอรพิม เป็นต้น มีการ ดาเนินเร่ืองช้ากว่าลิเกภาคกลาง ท่าทางประกอบมี ความละมุนละไม เพื่อให้เข้ากับจังหวะของดนตรี ซึ่ง เคร่ืองดนตรีท่ีใช้ประกอบการแสดงจะมีแคน กลองยาว กลองรามะนา ระนาด ป่ี และฉิ่ง นอกจากน้ีเน้ือหา การร้องและคาบรรยายอาจมีการดัดแปลง จะเป็นบท เดินดงหรือบทตลก ผู้แสดงอาจรอ้ งเป็นกลอนสดเลยก็ได้ ขอ้ มลู : สุรพล วิรฬุ ห์รักษ์ และสันตภิ พ เจนกระบวนหดั . ลเิ ก. สานกั งานคณะกรรมการ วัฒนธรรมแห่งชาต.ิ 2539. ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 49
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 50
มรดกภมู ิปัญญาทางวฒั นธรรม สาขาแนวปฏิบตั ทิ างสังคม พิธกี รรม ประเพณี และเทศกาล “แนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล” หมายถึง การประพฤติปฏิบัติและ การกระทากิจกรรมในแนวทางเดียวกันของคนในชุมชนท่ีสืบทอดกันมาบนหนทางของ มงคลวิถี นาไปสสู่ งั คมแห่งสันติสุข แสดงให้เห็นอัตลกั ษณ์ของชมุ ชนหรือกลมุ่ ชาติพนั ธ์ุ แนวปฏิบตั ิทางสงั คม พิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ดังตอ่ ไปนี้ 1. มารยาท หมายถึง การประพฤติปฏิบัติท่ีดีงามต่อผู้อ่ืน เช่น การแสดงความเคารพ การส่งและการรบั สิ่งของ การกนิ การพดู การยืน การเดนิ การนง่ั การนอน การแตง่ กาย 2. ประเพณี หมายถึง ส่ิงท่ีนิยมถือประพฤติปฏิบัติสืบทอดกันมาจนเป็นแบบแผน ขนบธรรมเนยี ม หรอื จารีตประเพณี ซึง่ เกี่ยวกับศาสนา เทศกาล วงจรชีวติ และการทามาหากิน ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 51
(ก) ประเพณีเกี่ยวกับศาสนา เช่น การสวดมนต์ การเทศน์ การทอดกฐิน การทอดผ้าป่า ประเพณีแห่เทียนพรรษา ประเพณีลากพระ ประเพณีแห่ผ้าขึน้ ธาตุ (ข) ประเพณีเกี่ยวกับเทศกาล เช่น งานสงกรานต์ งานลอยกระทง งานบุญเดือนสบิ งานตานกว๋ ยสลาก งานผีตาโขน งานแข่งเรอื งานบญุ บง้ั ไฟ (ค) ประเพณีเกี่ยวกับวงจรชีวิต เช่น การเกิด การต้ังชื่อ การบวช การแต่งงาน พิธบี ายศรสี ขู่ วัญ พิธีกรรมเหยา ประเพณีผูกเส่ยี ว การข้นึ บา้ นใหม่ การตาย (ง) ประเพณีเกีย่ วกับการทามาหากิน เช่น พิธีบูชาแม่โพสพ พิธีทาขวญั ขา้ ว พิธีไหว้ครู พิธีกรรมขอฝน พิธีวางศลิ าฤกษ์ ประเพณีลงเล ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 52
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 53
ประเพณีพิธกี รรมที่เปลย่ี นไป (ประเพณเี กี่ยวกบั วงจรชีวติ ) ประเพณีคือ ส่ิงท่ีนิยมปฏิบัติจนได้รับการยอมรับและถ ายทอดจากคนรุ นหน่ึง สู่รุ่นต่อๆ มา โดยประเพณีพิธีกรรมท่ีมีมาในสังคมไทยแต่โบราณ เกี่ยวเน่ืองกับความเชื่อ เรือ่ งนอกเหนอื ธรรมชาติจนถึงพทุ ธศาสนา ประเพณีพิธีกรรมเกี่ยวกับพระจักรพรรดิราช จะใหความสาคัญกับผู้นาหรือเฉพาะ พระมหากษัตริย เชน การประกอบพระราชพิธีโล้ชิงชาหรือตรียัมปวายท่ีจัดข้ึนในเดือนยี่ เพ่ือต้อนรับพระอิศวรใหมาถวายพระพรใหกษัตริย ซึ่งมีการยืมระบบสัญลักษณของ ศาสนาพราหมณมาประกอบพิธีกรรม แต่พิธีกรรมน้ีได้ถูกยกเลิกไปเมื่อรัชกาลท่ี 7 ด้วยเหตุผล ดานความปลอดภยั ของเสาชิงชาทีม่ ีความสงู มาก และถกู มองว่าเป็นของโบราณ ไม่ทนั สมยั ห้องสมุดวัฒนธรรม | 54
ประเพณีพิธีกรรมเกี่ยวกับการรักษาความเจ็บป่วยมี ความสาคัญมากในชนบท เช่น การราผีฟ้าท่ีทาข้ึนเพ่ือรักษา โรคภัยไข้เจ็บท่ีเกิดจากส่ิงท่ีนอกเหนือธรรมชาติ เช่น การกระทาของพวกผี โดยจะมีการเข้าไปพบครูผีฟ้าเพ่ือขอให้ รักษา นัดแนะเวลาประกอบพิธี แล้วเซิ้งอัญเชิญผี ร้องราไป กับหมอแคนจนความเจ็บไข้นั้นหายไป ซึ่งพิธีกรรมด้ังเดิมน้ี ถูกมองว่าเป็นสิ่งท่งี มงายในปจั จุบัน พระราชพิธีโล้ชิงช้า ขอ้ มูล : ศรีศกั ร วลั ลโิ ภดม. ทัศนะนอกรีต สงั คม-วฒั นธรรม ในวถิ กี ารอนุรักษ.์ เมือง โบราณ. 2543. ห้องสมุดวฒั นธรรม | 55
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 56
มารยาทยุคเกา่ แบบไทยแท้ (มารยาท) การทาบญุ เวลาท่ีนมิ นต์พระในการทาบุญ (ยกเว้นงานศพ) เรามกั จะนมิ นตพ์ ระมาเก้ารูป เพราะเชื่อว่าเป็นเลขท่ีสวยและเป็นเลขนาโชค แต่ประเพณีดั้งเดิมมักจะเล้ียงพระคือ หน่ึง สาม ห้า หรือเจ็ด แล้วกระโดดไปสิบรูปเลย ส่วนงานศพจะนิมนต์พระแค่ส่ีรูป และส่ิงท่ีขาด ไม่ได้คือ ของถวายพระสงฆ์ ควรจะแกะของออกจากกล่องก่อน แม้แต่ผ้าไตรก็ไม่ควรห่อ และจะต้องมีดอกไม้ ธูป เทียนด้วยเสมอ ต่อมาเป็นการกราบพระ จะต้องกราบพระพุทธรูป ก่อนเสมอแลว้ จึงกราบพระสงฆ์ สุดท้ายคือ การกรวดนา้ สว่ นใหญม่ กั จะเอามือแตะตอ่ ๆ กนั เปน็ แถวยาว แต่ที่จรงิ ต้องกรวดนา้ เป็นรายบุคคล วันสงกรานต์จะมีประเพณีการรดน้าผู้ใหญ่ ตามประเพณีในอดีต ผู้น้อยจะรดน้า ผู้อาวุโสท่มี ีวยั เกินหกสบิ ข้ึนไป เวลาไปรดนา้ ไม่ใช่เอานา้ ใส่ขันใหญ่โรยดว้ ยดอกมะลิ แล้วนา ขันเล็กๆ ไปตักรด แต่จะต้องเป็นน้าอบไทยหรือน้าหอมใส่ขวดเล็กๆ พร้อมด้วยผ้า จะเป็น ห้องสมุดวัฒนธรรม | 57
ผ้าแพร ผ้าขนหนู หรือผ้าอะไรกไ็ ด้ เพราะหากไม่มีผ้ากจ็ ะเหมือนเป็นการรดน้าศพ ซึง่ เปน็ สิ่ง ท่ีคนโบราณถือมาก เวลารดน้าควรรดแค่ให้มือเปียก ไม่ต้องรดจนหมดขวดเหมือนเวลา ไปรดน้าศพ และที่สาคัญไม่ควรให้พรผู้ใหญ่ท่เี รารดน้า เพราะผู้ใหญ่จะตอ้ งเป็นผู้ให้พรเรา ท่มี า : https://th.pngtree.com ขอ้ มลู : ทพิ ยวดี ปราโมช ณ อยธุ ยา. มารยาทยุคใหม่. เนชนั่ บคุ๊ ส์. 2553. ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 58
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 59
อุ้มพระดานา้ (ประเพณเี กีย่ วกับศาสนา) อุ้มพระดาน้าเป็นพิธีกรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ นิยมจัดข้ึนในวันสารทไทยของ ทุกปีท่ีจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยตานานท้องถิ่นเล่าว่า วันหน่ึงเกิดเหตุการณ์ประหลาดข้ึนคือ ชาวประมงได้ออกไปหาปลาบริเวณลาน้าป่าสัก แต่ทั้งวันไม่มีใครจับปลาได้เลย ชาวประมง จึงน่งั ปรึกษากนั ที่วังมะขามแฟบ ทันใดน้ันก็เกดิ วังวนน้าวงใหญแ่ ละลึกมาก แต่เมือ่ กระแสน้า เริ่มคืนสู่สภาพเดิม และได้ดูดเอาพระพุทธรูปองค์หน่ึงข้ึนมาจากใต้ผิวน้า ชาวประมงท่ีเห็น เหตุการณ์ทราบได้ทันทีว่าพระพุทธรูปองค์น้ีต้องมีความศักด์ิสิทธ์ิอย่างแน่นอน จึงอัญเชิญ ข้ึนมา ประดิษฐานบนบกท่ีวัดไตรภูมิ เพ่ือให้ผู้คนมาสักการะบูชา และถวายนามพระพุทธรูป องค์นี้ว่า พระพุทธมหาธรรมราชา ต่อมาในปีน้ันพระพุทธรูปได้หายไป ซึ่งตรงกับวันสารทไทย ชาวบ้านและพระภิกษุสงฆ์ได้ออกตามหา และได้พบพระพุทธรูปอยู่บริเวณท่ีโผล่ข้ึนจากน้า ครั้งแรก จึงอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นมาบนบกอกี คร้ัง นับต้ังแต่น้ันมาในวันสารทไทยของทุกปี ห้องสมุดวฒั นธรรม | 60
ชาวเพชรบูรณ์จะพร้อมใจกันอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นีไ้ ปทาพิธีสรงน้าที่วังมะขามแฟบ เพ่ือ เป็นการทานุบารุงศาสนา เพ่ือเป็นการรักษาเอกลักษณ์ของจังหวัดเพชรบูรณ์ และเพื่อ สง่ เสรมิ ด้านการท่องเทย่ี วให้แพรห่ ลายยิง่ ข้นึ ผู้ว่าราชการจงั หวัดได้นาพระพุทธมหาธรรมราชาลงไปดานา้ และเมือ่ ดาน้าพระแลว้ ชาวเพชรบูรณ์จะนาขันลงไปตกั น้าเพ่ือเป็นสิรมิ งคล ขอ้ มูล : เจริญ ตนั มหาพราน. 30 พิธีกรรมพิสดาร เลม่ 2. แสงแดด. 2536. ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 61
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 62
ธรรมเนียมและความเชือ่ ในพระราชสานักฝา่ ยใน (ประเพณเี กี่ยวกับวงจรชีวติ ) “ธรรมเนียมการเดนิ ในเวลากลางคนื ของชาววงั ” ธรรมเนียมสาคัญอย่างหน่ึงท่ีพระราชสานักฝ่ายในถือปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัด เมื่อจะต้องเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างตาหนักในเวลากลางคืน เรียกว่าการส่องโคม คือ การถอื โคมไฟส่องให้เหน็ ทางและเห็นหน้ากันในเวลากลางคืน โดยตามทางจะมีพนักงานดูแล ความปลอดภัยท่ีเรียกว่า โขลน เฝ้าอยู่เป็นจุดๆ ตามป้อมไม้เล็กๆ ซึ่งหน้าป้อมจะแขวน โคมร้ัวให้ความสว่างและสาหรับต่อไฟ ในกรณีท่ีไฟของผู้เดินทางดับ ถ้าไฟของใครดับ จะต้องหยุดอยู่กับท่ีแล้วตะโกนว่า “ไฟดับๆๆ” จนกระทั่งโขลนอนุญาตให้เดินมาต่อไฟท่ี ป้อมโขลน จึงสามารถเดินทางต่อได้ แต่เหตุผลท่ีแท้จริงก็คือ เพื่อป้องกันภัยจากผู้คิดร้าย ทอ่ี าจแฝงตวั เขา้ มาโดยอาศยั ความมืด ดงั นน้ั แตล่ ะคนจึงตอ้ งมีโคมสอ่ งเพือ่ ให้เหน็ หน้ากันชัดเจน และการออกเสยี งเมือ่ ไฟดับจงึ เป็นการแสดงความบรสิ ุทธิ์วา่ ไม่ใช่ผู้คดิ รา้ ยแฝงตวั เข้ามา ห้องสมุดวัฒนธรรม | 63
“ความเชื่อเกี่ยวกับวนั อันเป็นมงคล” ชาววังจะทากิจกรรมส่วนตัว เช่น ตัดเล็บ ตัดผม หรือสระผม มักจะทาในวันอันเป็นมงคล โดยการตดั ผมจะเชือ่ ว่า วันอาทิตย์ จะทาให้มีอายุยืน วนั จนั ทร์ จะทาให้มีความสุขสวยงาม วนั อังคาร จะทาให้มีเดชานุภาพแขง็ แรง วันพุธ จะทาให้มีความโศกาเศร้าหมอง วันพฤหสั บดี จะทาให้มีเทวาอวยชยั ให้พรดนี ัก วันศกุ ร์ จะทาให้มีโชคลาภเปน็ เสนห่ ์ วันเสาร์ จะทาให้มีความสุขสาราญ ขอ้ มลู : ศันสนยี ์ วีระศิลปช์ ยั . หอมติดกระดาน. มติชน. 2551 ห้องสมุดวฒั นธรรม | 64
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 65
คาวา่ ขนั หมากและเรือ่ งทองหม้ัน (ประเพณเี กี่ยวกบั วงจรชีวติ ) เร่ืองแต่งงานตามประเพณีเดิม ต้องมีขันหมากด้วยเสมอ ซึ่งหมากพลูใช้เป็นเคร่ือง ต้อนรับแสดงไมตรีจิต เวลาแขกมาหาก็ยกเชี่ยนหมากออกมาต้อนรับด้วยไมตรีจิต เพราะ ในสมัยก่อนจะมีเชี่ยนหมากกันทุกบ้าน ในการหมั้นฝ่ายชายจะจัดขันหมากหม้ัน โดยมี หมากดบิ ทง้ั ลูก 8 ผล พลู 4 เรียงบรรจลุ งในขนั ทองหรือขันเงิน บางทอ้ งถิ่นอาจฝานหวั หมาก และตัดก้านพลู แล้วเอาชาดหรือปูนแดงทา เพราะสีแดงถือว่าเป็นเคร่ืองหมายในงานมงคล ซึ่งการจัดขนั หมากจะขนึ้ อยู่กบั ประเพณีแตล่ ะทอ้ งถิ่น เมื่อพูดถึงขันหมากหมั้นก็มักจะนึกถึงทองหม้ัน เป็นการนาของมีค่าไปเป็นของหม้ัน ไม่ว่าจะเป็นทอง ธนบัตร หรือแหวนเพชร ซึ่งข้ึนอยู่กับแต่ละฝ่ายจะตกลงกัน โดยขันท่ีบรรจุ ทองหม้ัน ธนบัตร หรือของหมั้นอย่างอ่ืน มักใช้ขันขนาดเล็กๆ และมีส่ิงอ่ืนบรรจุลงไปเป็น เคร่ืองประกอบด้วย ส่วนใหญ่จะใช้ใบเงินใบทองรองก้นขัน ส่วนทองหมั้นจะใช้กระดาษแดง ห้องสมุดวัฒนธรรม | 66
ห่อวางบนใบเงินใบทองอีกที บางคนก็เอาไหมแดงมัดธนบัตร แล้วนาไปบรรจุลงขัน จะเป็น ขันทอง นาก ถม เงิน ทองหลือง หรือขันชนิดใดก็แล้วแต่จะจัดหา สุดท้ายคือ ภาชนะใส่ของ อย่างอน่ื มักจะมีขนมและผลไม้ เปน็ ตน้ โดยจะจัดใสถ่ าดทองเหลอื ง มีธงเล็กๆ ปักกลางถาด จานวนของในถาดจะเป็นจานวนคู่ หรือไม่ก็ต้องมีอย่างใดอย่างหน่ึงคู่กัน เมื่อเสร็จพิธี การหม้ันแล้ว จึงนาขนมและผลไม้ไปแจกจ่ายให้กับเพ่ือนบ้านหรือคนรู้จัก เพ่ือเป็นการบอก ให้ทราบวา่ บุตรสาวมีคู่หม้ันแลว้ ขอ้ มลู : เสฐยี รโกเศศ (พระยาอนุมานราชธน). ประเพณีเกี่ยวกบั ชีวติ ของเสฐียรโกเศศ. ศยาม. 2553. ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 67
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 68
เทศกาลทอดกฐิน (ประเพณเี กีย่ วกบั ศาสนา) เทศกาลทอดกฐินเป็นเทศกาลท่ีเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาโดยตรง ซึ่งกฐินแปลว่า ไม้สะดึง คือ กรอบไม้ชนิดหน่ึงใช้สาหรับขึงผ้าเย็บทาจีวร หรือท่ีเรียกกันว่าผ้ากฐิน โดยการ ถวายผ้ากฐนิ จะถวายได้ต้ังแตเ่ ดือน 11 แรม 1 ค่า ถึงเดือน 12 ขนึ้ 15 คา่ เท่านน้ั มกั จะถวายที่ โบสถ์ วิหาร หรือศาลาการเปรียญก็ได้ ท้ังน้ีการทอดกฐินมีจุดประสงค์หลัก คือ การหาเงิน เข้าวดั เพื่อใช้ในการพัฒนาดา้ นวตั ถุ เชน่ การก่อสรา้ งและซอ่ มแซมโบสถ์ เปน็ ต้น กฐนิ แบง่ ออกเป็นประเภทใหญๆ่ 2 ประเภทคือ กฐนิ หลวงและกฐินราษฎร์ 1. กฐนิ หลวง หมายถึง กฐนิ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดาเนินไปทอด ถวายตามพระอารามหลวง หรือโปรดเกลา้ ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ไปถวายแทน แต่ ถ้าเสด็จไปถวายยังวัดราษฎร์ด้วย จะเรียกว่า กฐนิ ต้น ห้องสมดุ วฒั นธรรม | 69
2. กฐนิ ราษฎร์ คอื กฐนิ ที่ราษฎร์จดั ขึน้ แบ่งออกเปน็ 2 อย่าง คอื มหากฐินกับจุลกฐนิ “มหากฐิน” คือ การนาผ้ากฐินสาเร็จรูปไปถวายพระ โดยร่วมกันออกทุนทรัพย์และ ร่วมกันจัดทอด เรียกว่ากฐินสามัคคี สาหรับการทอดกฐินนั้น จะต้องมีการจองกฐินก่อน หากจะไปทอดวัดใด จะต้องแสดงเจตจานงให้ทางวัดทราบล่วงหน้าก่อน เมื่อจองเสร็จจะมี ติดป้ายประกาศให้ทราบท่ัวกันว่าวัดน้ีมีผู้จองกฐินแล้ว เมื่อทอดกฐินเสร็จ มักจะปักธง จระเข้ไว้ในท่ีท่ีเห็นได้ง่าย เพ่ือแสดงให้รู้ว่าวัดนั้นๆ ทอดกฐินแล้ว เพราะวัดหน่ึงสามารถ รับกฐนิ ได้ปีละครง้ั เทา่ น้ัน “จุลกฐิน” คือ ผ้ากฐินที่เกิดจากการนาฝ้ายมาปั่น กรอ ตัด เย็บ และย้อม ให้เสร็จ เรียบร้อยในวนั เดียว แล้วทอดถวายให้เสร็จในวันน้ัน มกั จะทาในระยะเวลาที่ใกล้หมดเขตการ ทอดกฐนิ ขอ้ มูล : คณาจารย์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั . เทศกาลและพิธีกรรม พระพทุ ธศาสนา. มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั . 2559. ห้องสมุดวฒั นธรรม | 70
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 71
มารยาทในศาสนสถานหรือปชู นียสถาน (มารยาท) 1. ควรแต่งกายให้สุภาพเรียบรอ้ ย เหมาะสมกับสถานทน่ี นั้ 2. อา่ นประกาศของศาสนสถานหรือปูชนยี สถานให้เขา้ ใจกอ่ น แล้วปฏิบตั ติ ามโดยเคร่งครดั 3. หากมีการบชู าสง่ิ เคารพดว้ ยธูปเทียน เมื่อบูชาแลว้ ควรดแู ลความเรียบรอ้ ยให้ปลอดจาก อคั คีภัยด้วย 4. ควรปฏิบัตติ นอย่างสารวมและสภุ าพ ไม่สบู บหุ ร่ี ไม่เสพของมึนเมา และไม่สง่ เสยี งดัง ซึ่งอาจก่อความราคาญแก่ผู้อืน่ 5. ช่วยกันรกั ษาความสะอาดในสถานท่ี เชน่ ไม่ขีดเขียนผนังกาแพง ท้ิงขยะให้ลงถงั เปน็ ตน้ 6. ไม่ควรเกบ็ หรอื นาชิน้ สว่ นใดๆ ออกไปจากสถานทน่ี น้ั หรอื หากพบผู้ที่กาลงั กระทาความผิด ควรแจ้งเจ้าหน้าท่หี รือผู้รับผิดชอบ ขอ้ มูล : มารยาทในสังคม. สานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ. 2539. ห้องสมุดวฒั นธรรม | 72
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 73
มรดกภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรม สาขาความรูแ้ ละการปฏบิ ัติเกี่ยวกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล “ความรู้และการปฏิบัติเกีย่ วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล” หมายถึง องค์ความรู้ วิธีการ ทกั ษะ ความเชื่อ แนวปฏิบัติและการแสดงออกท่ีเกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับสภาพ แวดล้อมตามธรรมชาติ เพอ่ื การดารงชีวิต ความรู้และการปฏิบตั ิเกี่ยวกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล แบ่งออกเปน็ 5 ประเภท ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. อาหารและโภชนาการ หมายถึง ส่ิงท่ีมนุษย์บริโภค รวมถึงวิธีการปรุงและประกอบ อาหาร รปู แบบการบริโภค และคุณค่าทางโภชนาการ 2. การแพทย์แผนไทยและการแพทย์พ้ืนบา้ นไทย (ก) การแพทย์แผนไทย หมายถึง กระบวนการทางการแพทย์เกี่ยวกับการตรวจ วินิจฉัย บาบัด รักษา หรือป้องกันโรค หรือการส่งเสริมและฟื้นฟสู ุขภาพของมนุษย์หรือสัตว์ ห้องสมุดวัฒนธรรม | 74
การผดุงครรภ์ การนวดไทย และรวมถึงการเตรียมการผลิตยาแผนไทย และการประดิษฐ์ อุปกรณ์และเคร่ืองมือทางการแพทย์ ท้ังน้ี โดยอาศัยความรู้หรือตาราท่ีได้ถ่ายทอดและ พฒั นาสืบตอ่ กนั มา (ข) การแพทย์พ้ืนบ้านไทย หมายถึง การตรวจ การวินิจฉัย การบาบัด การรักษา การป้องกันโรค การส่งเสริมและการฟื้นฟูสุขภาพ โดยใช้องค์ความรู้ซึ่งสืบทอดกันมาใน ชุมชนท้องถิ่นหรือกลุ่มชาติพันธุ์ ทั้งน้ี ด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย หรือการแพทย์ พื้นบา้ นไทย 3. โหราศาสตร์และดาราศาสตร์ (ก) โหราศาสตร์ หมายถึง ความรู้ ความเชือ่ ในการทานายโชคชะตา ทานายอนาคต ของบุคคล และบ้านเมือง โดยอาศัยตาแหนง่ ของดวงดาวในเวลาท่เี กดิ เหตุการณ์นน้ั (ข) ดาราศาสตร์ หมายถึง ความรู้จากการสังเกตและอธิบายธรรมชาติของดวงดาว และเทหวัตถุในทอ้ งฟ้าทน่ี ามาใช้ในการดารงชีวิต ห้องสมดุ วฒั นธรรม | 75
4. การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม หมายถึง ความรู้ในการจัดการ ระบบนิเวศ เพอ่ื การอนรุ กั ษแ์ ละการใช้ประโยชน์อย่างย่งั ยืน 5. ชัยภูมิและการตั้งถิ่นฐาน หมายถึง ความรู้และความเชื่อในการเลือกท่ีตั้งเพ่ือการอยู่ อาศยั หรือวัตถปุ ระสงคอ์ น่ื ตามสภาพแวดลอ้ มและวัฒนธรรมของชุมชน ห้องสมุดวฒั นธรรม | 76
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 77
ตม้ ยากุ้งมาจากไหน (อาหารและโภชนาการ) ต้มยากุ้ง เป็นชื่อเรียกของวิกฤตการเงินใน เอเชีย ปี พ.ศ. 2540 และยังเป็นสัญลักษณ์ของ อาหารไทย หรือเมนูแห่งชาติ แต่ต้นตารับของต้มยา กุ้งนน้ั คือ ตม้ ยาปลา เพราะปลามีความอุดมสมบูรณ์ หาง่าย และในตารับอาหารกล่าวว่า เป็นอาหารไทย ในวังและชาวกรุงนยิ มทากินกันในสมยั รัชกาลท่ี 5-7 ในการทาต้มยาปลามีการทาพิถีพิถันกว่าต้มยากุ้ง และวิธีการทาเหมือนกัน โดยใช้ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกข้ีหนูสวน มะนาว และอาจใส่ข่าเพ่ือลดความ คาวของปลาหรือกุ้ง ทาให้มีรสชาติกลมกล่อม ห้องสมดุ วฒั นธรรม | 78
ร้านอาหารเป็นตัวการในการเผยแพร่ต้มยากุ้งมากกว่าจะเป็นความนิยมของชาวบ้าน ทัว่ ไปที่มักเอากุ้งท่หี ามาได้น้ันไปขายมากกว่าทากินเอง เพราะได้ราคาดี อกี ทั้งปี พ.ศ. 2543 ไทยเป็นแชมป์ในการส่งออกกุ้งแช่แข็งในด้านการคมนาคม จึงทาให้ต้มยากุ้งได้รับการนิยม อย่างกว้างขวางท้ังในไทยและทัว่ โลก ขอ้ มลู : ทวที อง หงษ์วิวัฒน.์ อาหาร วฒั นธรรม สขุ ภาพ. แสงแดด. 2556. ห้องสมดุ วฒั นธรรม | 79
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 80
กระชาย ขิง กระเทียม (การแพทย์พื้นบ้านไทย) กระชายเป็นไม้ล้มลุก มีหัวอยู่ในดิน ขนาดไม่ใหญ่มาก เหง้ากระชายที่เราเห็นส่วนใหญ่ มีสีเหลือง ซึ่งส่วนท่ีนามาใช้ประโยชน์คือ เหง้าและราก เป็นสมุนไพรขับลมและแก้ท้องอืด ทอ้ งเฟอ้ ได้ โดยนาเหง้า 2-3 แง่ง ขดู เปลอื กออก ซอยให้ละเอียด ชงกับน้าร้อน 1 ถ้วยกาแฟ แล้วด่มื หลงั อาหารหรือจะกนิ สดโดยไม่ต้องผสมน้าร้อนก็ได้ ขิงมีลักษณะเป็นแง่งขนาดใหญ่ ก้านจะแทงข้ึนไปตรงๆ ใบเรียวยาวปลายแหลม เหง้าขิงมีสรรพคุณช่วยแก้ไอ กัดเสมหะ โดยนาขิงมาหั่นเป็นแว่นบางๆ นาไปตากแดด ให้แห้งสนิท แล้วบดให้เป็นผง ใช้ 1 ช้อนชาชงกับน้าร้อน ผสมน้าผึ้งหรือน้ามะนาวเล็กน้อย เพื่อเพิ่มรสชาติและสรรพคุณท่ีดีข้ึน หรือจะนาไปแก้ไข้ แก้หวัด โดยนาขิงแก่ขนาด 1 หัวแม่มือ บุบพอแตก ต้มผสมน้าตาลทรายแดง ใช้น้า 1 ถ้วยกาแฟ เค่ียวให้เหลือครึ่งเดยี ว แล้วนามาดืม่ เพอ่ื ลดไข้ ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 81
กระเทียมจะมีลักษณะคล้ายๆ กับต้นหญ้า มีดอกสีขาวเป็นช่อเล็กๆ ส่วนท่ีนามาใช้ ทาเปน็ ยาคือ หัวกระเทียม มีสรรพคุณมากมาย หากใช้ขับลม แก้จกุ เสยี ด ให้นากระเทยี มสด 5-10 กลีบ ซอยบางๆ กินหลังอาหารทุกมื้อ และกระเทียมสามารถใช้เป็นยาบารุงหัวใจและ ตา้ นมะเร็งได้ เพราะการกนิ กระเทียมจะชว่ ยลดโอกาสเกดิ โรคมะเรง็ ในส่วนของโรคหวั ใจท่ีมี สาเหตุมาจากการอุดตันของเส้นเลือด กระเทียมจะมีสารท่ีทาให้เลือดล่ืน ช่วยในการ กระจายเลอื ด และขับพษิ ออกจากเลอื ดได้ กระชาย ขงิ กระเทียม ขอ้ มลู : พิมลพรรณ อนันตก์ ิจไพศาล. ๑๐๘ สมุนไพร ใช้เป็น หายปว่ ย. เพชรประกาย. 2557. ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 82
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 83
โหราศาสตรท์ าให้คนเรางมงายในเรื่องลี้ลับและยึดตดิ พิธีกรรม ? (โหราศาสตร์) จุดกาเนิดโหราศาสตร์มีมาพร้อมกับลางบนท้องฟ้า เช่น สีของดวงดาว ความสว่าง ความมืดของดวงจันทร์ หรือแม้แต่รูปทรงของเมฆ แต่ด้วยความหวาดกลัวและไม่เข้าใจ เกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เมื่อพบเห็นลางดีหรือร้าย จึงก่อให้เกิดธรรมเนียม ประเพณีมากมาย ส่วนใหญ่มักถูกยกย่องเชิดชูโดย หมอดู เช่น การทาพิธีกรรม สะเดาะเคราะห์ เพ่ือบรรเทาความกลัวและเกิดขวัญกาลังใจท่ีจะกระทาบางส่ิงบางอย่าง ให้สาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งส่ิงเหล่าน้ีทาให้โหราศาสตร์เต็มไปด้วยกล่ินอายของความล้ีลับ และถูกตดั สนิ วา่ เป็นเรื่องงมงาย โหราศาสตร์ท่ีแท้จริงจะทาให้คนเรารู้จักและเข้าใจตัวเอง รู้ถึงบทบาทหน้าท่ีและ ศักยภาพตัวเอง ดวงดาวเป็นเพียงเคร่ืองบ่งบอกผลแห่งกรรมว่าชีวิตจะดีหรือไม่ ข้ึนอยู่กับ การกระทาของตนเอง บางพิธีกรรมท่ียังมีผู้ยึดติดอยู่ ก็เพราะมีจิตใจท่ีอ่อนแอ ไม่เชื่อใน ห้องสมุดวฒั นธรรม | 84
ผลแห่งการกระทาของตนเอง บางคนมักง่ายชอบสบาย ไม่ชอบแก้ปัญหาท่ีต้นเหตุ ชอบ พึ่งพาผู้อ่ืน หรือนาพิธีกรรมมาแก้ปัญหาท่ีปลายเหตุ สุดท้ายแล้วโหราศาสตร์ไม่ได้ทาให้ คนเรางมงายและยึดติดในส่ิงล้ีลับ พิธีกรรม ความไม่เข้าใจแก่นแท้ของโหราศาสตร์ต่างหาก ท่ที าให้เปน็ ไป พิธีกรรมสะเดาะเคราะห์แบบพ้ืนบา้ นของชาวอสี าน ทม่ี า : https://www.77kaoded.com/news/aekkapongputta/80989 ขอ้ มูล : ชูศักด์ิ จงธนะพิพฒั น.์ กญุ แจไขปริศนาโหราศาสตร์. 2551. ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 85
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 86
การนวดในท่านอนควา่ (การแพทยแ์ ผนไทย) การนวดไดม้ ีการปฏิบัตติ ่อๆ กันมามากกว่าพันปีแลว้ โดยไดร้ ับอทิ ธพิ ลมาจากประเทศจีน ทงั้ เรอ่ื งการฝังเขม็ การกดจดุ และประเทศไทยได้นาส่ิงเหล่าน้ีมาผสมผสานกับการนวดแผนไทย โบราณในปัจจุบัน ซึ่งการนวดจะทาให้รู้สึกผ่อนคลาย และสามารถนาไปใช้บาบัดได้ เน่อื งจากมี การผสมผสานการกดและการยืดจากการดัดร่างกาย จะช่วยรักษาสุขภาพ ลดความแข็งกระดา้ ง ขดั ยอก ข้อตดิ หรือการเจ็บปวดเรือ้ รงั ให้หายไป และปรบั สมดุลของร่างกายให้ดียิง่ ข้ึน การนวดในท่านอนคว่า เป็นการนวดเพ่ือกระตุ้นให้กระดูกสันหลังแข็งแรงข้ึน และเป็น การกระตุ้นพลังระหว่างลาตัวกับขาให้ไหลเวียนได้ดียิ่งข้ึน เช่น การยืดหลังด้วยท่างูเห่า มีขน้ั ตอนดงั น้ี ห้องสมุดวฒั นธรรม | 87
“การนงั่ บนหลงั งเู ห่า” 1. งอขาของผู้ถกู นวดให้ตง้ั ฉากกับพื้น แลว้ จับมือทง้ั สองของผู้ถกู นวดประสานไว้ทีท่ ้ายทอย 2. ในขณะท่ีผู้นวดน่ังอยู่บนเท้าของผู้ถูกนวด ต้องโน้มตัวไปดึงไหล่ของผู้ถูกนวดข้ึนจากท่ีนอน แล้วค้างไว้ประมาณ 10 วินาที จึงปลอ่ ยผู้ถกู นวดนอนลง “การยืนบนหลังงูเห่า” 1. ยืนบนตน้ ขาของผู้ถกู นวดบริเวณใตส้ ะโพก จบั ข้อมือของผู้ถูกนวด และผู้ถกู นวดตอ้ ง จบั ข้อมือของผู้นวดไวเ้ ชน่ กัน 2. ค่อยๆ ดึงตัวผู้ถูกนวดข้ึนจากท่ีนอน แล้วค้างไว้ประมาณ 10 วินาที จึงปล่อยให้ผู้ถูก นวดนอนลงตามเดิม ขอ้ มลู : มณีวรรณ เจีย และแมก็ ซ์ เจยี . นวดไทย การนวดไทยแผนโบราณ. ดวงกมล พับลชิ ชิง่ . 2552. ห้องสมุดวัฒนธรรม | 88
ห้องสมดุ วัฒนธรรม | 89
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162