คร้ันแล้วพระพุทธองค์ได้ทรงยกตัวอย่างเรื่อง พระเจ้า จักรพรรดทิ ัฬหเนมิ ประกอบการตรัสเทศนา ซ่งึ มสี าระสำ� คญั ดงั นี้ ในอดตี กาล ไดม้ พี ระเจา้ จกั รพรรดพิ ระนามวา่ ทฬั หเนมิ ผทู้ รง ธรรม ครองราชย์โดยธรรม ทรงเป็นใหญใ่ นแผ่นดิน มีมหาสมทุ รทัง้ ส่ีเปน็ ขอบเขต ทรงได้รบั ชัยชนะ มรี าชอาณาจักรมั่นคง สมบรู ณ์ด้วย แกว้ ๗ ประการ ไดแ้ ก่ (๑) จักรแก้ว (๒) ชา้ งแก้ว (๓) มา้ แก้ว (๔) มณแี ก้ว (๕) นางแกว้ (๖) คหบดแี กว้ (๗) ปรณิ ายกแกว้ มพี ระ ราชโอรสมากกว่า ๑,๐๐๐ องค์ ซึ่งล้วนแต่กลา้ หาญ มีรปู ทรงสมเป็น วรี กษตั รยิ ์ สามารถยำ�่ ยรี าชศตั รไู ด้ พระองคท์ รงชนะโดยธรรม ไมต่ อ้ ง ใชอ้ าชญา ไมต่ อ้ งใชศ้ สั ตรา ครอบครองแผน่ ดนิ นม้ี สี าครเปน็ ขอบเขต เมอ่ื เวลาลว่ งไปหลายพนั ปี พระเจา้ ทฬั หเนมริ บั สง่ั ราชบรุ ษุ คน หนง่ึ วา่ ถา้ เหน็ จกั รแกว้ อนั เปน็ ทพิ ยเ์ คลอ่ื นจากทตี่ งั้ ใหเ้ ขากราบทลู ให้ พระองค์ทราบ ต่อมาอีกหลายพันปี ราชบุรุษได้เห็นจักรแก้วอันเป็นทิพย์ เคลอ่ื นจากทต่ี งั้ จงึ กราบทลู ใหพ้ ระเจา้ จกั รพรรดทิ รงทราบ พระองคจ์ งึ รบั สงั่ แกพ่ ระราชโอรสองคใ์ หญว่ า่ การทจ่ี กั รแกว้ อนั เปน็ ทพิ ยเ์ คลอื่ นท่ี นนั้ เปน็ สญั ญาณบง่ บอกวา่ พระองคจ์ ะทรงพระชนมอ์ ยไู่ ดไ้ มน่ าน จงึ จะ เสดจ็ ออกบวชเปน็ บรรพชติ (เปน็ ฤๅษ)ี และทรงมอบหมายใหร้ าชโอรส ปกครองแผน่ ดินแทน พุทธคารวตา เคารพในพระพทุ ธเจ้า 41 namitra.org
เม่ือพระราชฤๅษีผนวชได้ ๗ วัน จักรแก้วอันเป็นทิพย์ได้ อันตรธานหายไป ราชบุรุษคนหน่ึงจึงเข้าไปกราบทูลให้พระราชาองค์ ใหม่ทรงทราบ ทา้ วเธอทรงเสียพระทยั มาก จึงไปกราบทลู ใหพ้ ระราช ฤๅษีทรงทราบ พระราชฤๅษีจึงตรัสห้ามมิให้พระราชโอรสแสดงความเสียใจ ให้ปรากฏ เนือ่ งจากจกั รแก้วอันเป็นทพิ ยไ์ ม่ไดเ้ ปน็ มรดกสืบทอดจาก บดิ าถงึ บตุ ร และไดท้ รงแนะนำ� ใหพ้ ระราชโอรสทรงประพฤตจิ กั รวรรดิ วตั รอนั ประเสรฐิ ทเี่ มอื่ ทรงประพฤตแิ ลว้ ครนั้ ถงึ วนั อโุ บสถขน้ึ ๑๕ คำ่� จกั รแกว้ อันเป็นทพิ ย์ ซงึ่ มสี ่วนประกอบครบทุกอย่าง กจ็ ะปรากฏแก่ ท้าวเธอผสู้ นานพระเศียรแลว้ รักษาอุโบสถอยชู่ น้ั บนปราสาทหลังงาม พระราชาองค์ใหม่ ยังไม่ทรงทราบวิธีปฏิบัติจักรวรรดิวัตร อันประเสรฐิ จึงทูลถามพระราชฤๅษี พระราชฤๅษีกล่าวตอบว่า “ลูก จงอาศัยธรรม๑๔ เท่านั้น สักการะธรรม เคารพธรรม นับถือธรรม บชู าธรรม นอบน้อมธรรม มีธรรมเป็นธงชัย มีธรรมเป็นยอด มีธรรม เปน็ ใหญ่ จงจดั การรกั ษาปอ้ งกนั และคมุ้ ครองชนภายใน๑๕ กำ� ลงั พล พวกกษัตรยิ ์ผู้ตามเสดจ็ พราหมณแ์ ละคหบดชี าวนคิ มและชาวชนบท สมณพราหมณ์ สตั วจ์ �ำพวกนกและเนอื้ โดยธรรม การกระทำ� สง่ิ ทผี่ ดิ แบบแผน อยา่ ไดม้ เี กดิ ขนึ้ ในแวน่ แควน้ ของ ลูก พึงใหท้ รพั ยแ์ ก่บุคคลทีไ่ ม่มที รพั ย์ทุกหมเู่ หลา่ ในแวน่ แคว้น ๑๔ ท.ี ปา.อ. จกั กวัตตสิ ูตร (ไทย) ๑๕/๑๓๑ ธรรม ในท่ีนหี้ มายถงึ กศุ ลกรรมบถ ๑๐ ๑๕ ชนภายใน ในท่นี ี้หมายถงึ พระมเหสี พระราชโอรส และพระราชธิดา 42 ทสี่ ุดแห่งธรรม ถึงได้ด้วยความเคารพ www.kalyan
namitra.org
อนง่ึ สมณพราหมณเ์ หลา่ ใดในแวน่ แควน้ ของลกู เวน้ ขาดจาก ความมวั เมา และความประมาท๑๖ ต้งั อยู่ในขันติ (ความอดทน) และ โสรัจจะ (ความเสงย่ี ม) ฝึกตน สงบตนให้ตนดบั กิเลสอยแู่ ต่ผ้เู ดยี ว ลูกพึงเข้าไปหาสมณพราหมณ์เหล่านั้นตามกาลอันควรแล้ว ถามทา่ นวา่ อะไรเปน็ กุศล อะไรเป็นอกศุ ล อะไรมีโทษ อะไรไม่มโี ทษ อะไรควรเกยี่ วขอ้ ง อะไรไมค่ วรเกี่ยวข้อง อะไรที่ข้าพเจา้ ท�ำอยูพ่ ึงเป็น ไปเพื่อไมเ่ กื้อกูล เพอ่ื ทกุ ข์ตลอดกาลนาน หรือวา่ อะไรที่ข้าพเจ้าทำ� อยู่ พงึ เปน็ ไปเพอื่ เก้ือกูล เพื่อสขุ ตลอดกาลนาน คร้ันลูกได้ฟังจากสมณพราหมณ์เหล่าน้ันแล้ว สิ่งใดเป็น อกศุ ล พงึ ละเวน้ สง่ิ นน้ั สง่ิ ใดเปน็ กศุ ล พงึ ยดึ ถอื ประพฤตสิ ง่ิ นน้ั ใหม้ นั่ ทัง้ หมดนคี้ อื จกั รวรรดวิ ตั รอันประเสริฐ หลังจากรับสนองพระด�ำรัสของพระราชฤๅษีแล้ว พระราชา องค์ใหม่ก็ทรงประพฤติจักรวรรดิวัตรอันประเสริฐตลอดมา คร้ันถึง วันอโุ บสถ ๑๕ ค่�ำ ขณะท่ปี ระทบั รกั ษาอโุ บสถศลี อยู่ช้ันบนปราสาท จักรแก้วอันเป็นทิพย์ซึ่งมีส่วนประกอบครบทุกอย่างก็ปรากฏขึ้น บนปราสาทน้ัน ท้าวเธอจึงประจักษ์แจ้งว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า จกั รพรรดแิ ลว้ ครนั้ แลว้ ทา้ วเธอไดท้ รงลกุ จากทปี่ ระทบั ทรงพระภษู าเฉวยี งบา่ พระหัตถซ์ า้ ยทรงจบั พระเต้าทอง พระหตั ถข์ วาทรงชูจักรแกว้ ข้ึนตรสั วา่ “จกั รแก้วอนั ประเสรฐิ จงหมนุ ไป จงได้รบั ชัยชนะอนั ย่งิ ใหญ่” ๑๖ ความประมาท ในที่นห้ี มายถงึ ความมีจติ หมกมนุ่ ในกามคณุ ๕ 44 ทส่ี ดุ แหง่ ธรรม ถงึ ไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyan
ทันใดนั้นจักรแก้วก็หมุนไปทางทิศตะวันออก ท้าวเธอพร้อม ดว้ ยจตรุ งคนิ เี สนา๑๗ ไดเ้ สดจ็ ตามไป และเขา้ พกั แรมในประเทศทจ่ี กั ร แกว้ อันเปน็ ทพิ ยห์ ยุดอยู่ พระราชาทงั้ หลายทีเ่ ป็นปฏปิ ักษ์ในทศิ ตะวันออก พากนั เสดจ็ มาเฝ้า แล้วกราบทูลวา่ “ขอเดชะ มหาราชเจา้ พระองค์โปรดเสดจ็ มา เถดิ โปรดรบั ราชสมบตั ขิ องหมอ่ มฉนั เปน็ ของพระองค์ โปรดประทาน พระราโชวาทเถดิ พระเจ้าข้า” ท้าวเธอได้ตรัสตอบว่า “พวกท่านไม่พึงฆ่าสัตว์ ไม่พึงถือเอา สิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ ไม่พึงประพฤติผิดในกาม ไม่พึงพูดค�ำเท็จ ไมพ่ งึ ดืม่ นำ้� เมา และจงครองราชสมบตั ไิ ปตามเดมิ เถดิ ” พระราชาทงั้ หลายทเี่ ปน็ ปฏปิ กั ษใ์ นทศิ ตะวนั ออกเหลา่ นนั้ กลบั ออ่ นนอ้ มตอ่ ทา้ วเธอ ตอ่ จากทศิ ตะวนั ออก จกั รแกว้ กห็ มนุ ไปยงั ทศิ ใต้ ตอ่ จากทิศใตก้ ห็ มุนไปยงั ทศิ ตะวนั ตก จากทิศตะวันตกก็หมนุ ไปทาง ทศิ เหนือ พระราชาทั้งหลายท่ีเป็นปฏิปักษ์ในแต่ละทิศ ต่างพากันเสด็จ มาเฝา้ ทา้ วเธอ พรอ้ มทงั้ กลา่ วถวายราชสมบตั ขิ องตนใหท้ า้ วเธอ ทง้ั ขอ ให้ท้าวเธอประทานพระราโชวาทใหด้ ้วย ทา้ วเธอก็ปฏบิ ตั ติ อ่ พระราชา ทเ่ี ปน็ ปฏิปกั ษต์ อ่ ท้าวเธอเสมอกันท้งั ๔ ทศิ ๑๗ จตุรงคินีเสนา หมายถึงกองทัพนม้ี ีกำ� ลงั ๔ คอื พลชา้ ง พลม้า พลรถ และพลเดนิ เท้า 45 พทุ ธคารวตา เคารพในพระพทุ ธเจา้ namitra.org
เมื่อจักรแก้วน้ันได้ชนะวิเศษย่ิงซ่ึงแผ่นดินมีมหาสมุทรเป็น ขอบเขตไดแ้ ล้ว จงึ กลบั คืนส่รู าชธานี และหยดุ อย่ทู ่ีประตพู ระราชวัง ของท้าวเธอ ปรากฏเหมือนเคร่ืองประดับ ณ หน้ามุขท่ีทรงวินิจฉัย ราชกิจ ท�ำให้ภายในพระราชวังของทา้ วเธอสวา่ งไสว แมเ้ วลาลว่ งไปหลายพนั ปี พระเจา้ จกั รพรรดอิ งคท์ ี่ ๒ องคท์ ่ี ๓ องค์ท่ี ๔ องคท์ ่ี ๕ องคท์ ่ี ๖ องคท์ ี่ ๗ ต่างกท็ รงสบื สานพระราช ประเพณี พระราชบดิ ามาอย่างตอ่ เนือ่ ง ไม่มผี ดิ เพ้ียน แต่ส�ำหรับพระเจ้าจักรพรรดิองค์ที่ ๘ น้ัน แม้จะได้รับการ ส่ังสอนจากพระราชบิดาแล้วก็ตาม ครั้นเมื่อจักรแก้วอันเป็นทิพย์ อันตรธานไปแล้ว ท้าวเธอก็ได้แต่ทรงเสียพระทัย และไม่เสด็จไป หาพระราชฤๅษีเพ่ือถามถึงจักรวรรดิวัตรอันประเสริฐ ทรงปกครอง ประชาราษฎรต์ ามมตขิ องพระองคเ์ อง ราชธานกี ไ็ มเ่ จรญิ รงุ่ เรอื งเหมอื น สมยั กษตั รยิ ์พระองค์กอ่ น ๆ ครน้ั เมอื่ บรรดาอำ� มาตยข์ า้ ราชบรพิ าร โหราจารย์ แมท่ พั นายกอง และองคมนตรี กราบทลู ให้ทรงทราบถึงจกั รวรรดวิ ตั รอันประเสริฐให้ ทรงทราบ ทา้ วเธอจงึ จดั การรกั ษา ปอ้ งกนั และคมุ้ ครองโดยชอบธรรม แตก่ ระทำ� ไมค่ รบถว้ นสมบรู ณแ์ บบ คอื ไมพ่ ระราชทานทรพั ยใ์ หแ้ กค่ น ไรท้ รพั ย์ ความยากจน ขดั สนกแ็ พรห่ ลายในหมปู่ ระชาชน อนั เปน็ เหตุ แห่งอทินนาทาน 46 ทส่ี ุดแห่งธรรม ถงึ ได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyan
เม่อื อทนิ นาทานแพรห่ ลาย ปาณาติบาตก็เพิ่มข้นึ ทัง้ จากการ ลงโทษของพระราชาบา้ ง ประชาชนฆ่ากันเองบ้าง เมื่อปาณาติบาต แพร่หลาย มุสาวาทก็แพร่หลาย และส่งผลไปถึงการแพร่หลายของ ปิสุณวาจา (วาจาส่อเสียด) ผรุสวาจา (พูดค�ำหยาบ) สัมผัปลาปะ (พดู เพอ้ เจ้อ) อภชิ ฌา (เพง่ เล็งอยากไดข้ องผอู้ ื่นโดยมชิ อบ) พยาบาท (ความคดิ รา้ ย) มจิ ฉาทฏิ ฐิ (ความเหน็ ผดิ ) อธมั มราคะ (ความกำ� หนดั ทผ่ี ดิ ธรรม เชน่ พอ่ กบั ลกู สาว แมก่ บั ลกู ชาย) วสิ มโลภะ (ความโลภจดั ) มิจฉาธรรม (ความก�ำหนัดผิดธรรมชาติ เช่น ชายต่อชาย หญิง ต่อหญงิ ) พุทธคารวตา เคารพในพระพุทธเจ้า 47 namitra.org
จากพุทธดำ� รสั ท่ียกมาโดยยอ่ นี้ ทา่ นผอู้ ่านคงเหน็ แล้วว่า การ ที่พระราชามหากษัตริย์ (หรืออีกนัยหน่ึงก็คือผู้น�ำชาติบ้านเมือง) ขาดความเคารพในธรรม ประชาชนในประเทศชาติบ้านเมืองน้ัน กจ็ ะประพฤตวิ ปิ รติ ผดิ ศลี ธรรม กอ่ ความเดอื ดรอ้ นตา่ ง ๆ นานปั การ ในทส่ี ดุ ประเทศชาตบิ า้ นเมอื งกล็ ม่ สลาย ดงั มตี วั อยา่ งมากมายทงั้ ใน คัมภีร์พระพุทธศาสนา และในตำ� ราพงศาวดารโลก 48 ที่สุดแหง่ ธรรม ถึงได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyan
เมือ่ ผูน้ ำ� บ้านเมือง ไม่เคารพในธรรม ประชาชนกจ็ ะประพฤติวิปริต ผิดศีลธรรม กอ่ ความเดอื ดรอ้ น วุน่ วาย ในทสี่ ุดแม้เปน็ มหาอาณาจกั ร กต็ อ้ งล่มสลายไป พทุ ธคารวตา เคารพในพระพทุ ธเจา้ 49 namitra.org
www.kalyan
ความมั่นคงของพระพทุ ธศาสนา ขึ้นกบั ความเคารพ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเหตุท่ีท�ำให้พระพุทธศาสนา เส่ือมและเจริญไวใ้ นกิมมลิ สตู ร๑๘ ดังน้ี สมัยหน่ึง พระผู้มพี ระภาคเจา้ ประทบั อยู่ ณ เวฬวุ นั ใกลพ้ ระ นครกมิ มลิ า ครง้ั นนั้ ทา่ นพระกมิ มลิ ะไดเ้ ขา้ ไปเฝา้ พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ถงึ ที่ประทับ ถวายบังคมแล้วน่งั ณ ท่ีควรสว่ นข้างหน่งึ ครัน้ แล้วได้ ทลู ถามพระพทุ ธองคถ์ งึ เหตปุ จั จยั ทที่ ำ� ใหพ้ ระสทั ธรรมดำ� รงอยไู่ มน่ าน และอยู่ไดน้ าน หลังจากพระพทุ ธองคป์ รนิ ิพพานแล้ว เหตปุ จั จัยที่ท�ำใหพ้ ระสทั ธรรมดำ� รงอยู่ไมน่ าน พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสตอบท่านพระกิมมิละว่า เม่ือ พระพุทธองค์ปรินพิ พานแล้ว เหตปุ จั จัยที่จะทำ� ให้พระสัทธรรมดำ� รง อยู่ไมน่ านกค็ ือ บรรดาภกิ ษุ ภกิ ษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวนิ ยั มีพฤตกิ รรม ๗ ประการดงั ตอ่ ไปน้ี คือ ๑๘ องฺ.ฉกฺก. กิมมลิ สตู ร (ไทย) ๓๗/๕๖/๑๘๑ พุทธคารวตา เคารพในพระพุทธเจ้า 51 namitra.org
๑. ไม่เคารพ ไม่ยำ� เกรงในพระศาสดา ๒. ไมเ่ คารพ ไม่ยำ� เกรงในพระธรรม ๓. ไมเ่ คารพ ไม่ยำ� เกรงในพระสงฆ์ ๔. ไม่เคารพ ไมย่ �ำเกรงในสกิ ขา ๕. ไม่เคารพ ไมย่ �ำเกรงในสมาธิ ๖. ไมเ่ คารพ ไม่ยำ� เกรงในความไมป่ ระมาท ๗. ไมเ่ คารพ ไม่ยำ� เกรงในปฏิสันถาร เหตปุ ัจจยั ทีท่ ำ� ใหพ้ ระสัทธรรมดำ� รงอยูไ่ ดน้ าน พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสตอบท่านพระกิมมิละ ถึงเหตุ ปัจจัยที่จะท�ำให้พระสัทธรรมด�ำรงอยู่ได้นาน หลังจากพระพุทธองค์ ปรินิพพานแลว้ คอื บรรดาภิกษุ ภกิ ษณุ ี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรม วนิ ยั มพี ฤติกรรม ๗ ประการดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. มีความเคารพ มีความยำ� เกรงในพระศาสดา ๒. มีความเคารพ มีความย�ำเกรงในพระธรรม ๓. มีความเคารพ มีความย�ำเกรงในพระสงฆ์ ๔. มีความเคารพ มคี วามย�ำเกรงในสิกขา ๕. มคี วามเคารพ มีความย�ำเกรงในสมาธิ ๖. มีความเคารพ มคี วามยำ� เกรงในความไม่ประมาท ๗. มีความเคารพ มีความย�ำเกรงในการปฏิสันถาร 52 ทส่ี ุดแหง่ ธรรม ถึงได้ด้วยความเคารพ www.kalyan
จากพระพุทธด�ำรัสน้ี จะเห็นว่า ความเคารพท้ัง ๗ คือ เหตุแห่งความเส่ือมและความเจริญของพระพุทธศาสนา เลยทีเดียว หากพุทธบริษัทยังมีความเคารพท้ัง ๗ ประการนี้ พระพุทธศาสนาย่อมเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปได้อีกยาวนาน แต่ ถ้าพุทธบริษัทขาดความเคารพเสียแล้ว พระพุทธศาสนาย่อม เส่ือมสลายไป ไม่สามารถดำ� รงอยไู่ ด้ เม่อื พทุ ธบรษิ ัทยังมคี วามเคารพ ท้งั ๗ ประการ พระพทุ ธศาสนายอ่ มด�ำรงมน่ั แต่เมื่อใดพทุ ธบรษิ ทั ขาดความเคารพเสยี แลว้ พระพุทธศาสนาย่อมถึงคราวเสอ่ื มสลาย ไม่อาจดำ� รงอยไู่ ด้ พุทธคารวตา เคารพในพระพุทธเจ้า 53 namitra.org
อ่านมาถึงตรงน้ี ทุกท่านคงตระหนักดีแล้วว่า ความเคารพ มคี วามสำ� คัญอย่างยิง่ ชนิดทขี่ าดหรอื พรอ่ งไปไม่ได้เลย ความเคารพ เป็นต้นทางแห่งความเจริญทั้งของตนเอง ครอบครวั สงั คม ประเทศชาติ พระพทุ ธศาสนา และโลกใบน้ี แม้ กระท่ังการเดินทางไกลในวัฏฏสงสารของเราท่านท้ังหลาย ก็ต้อง อาศัยความเคารพเป็นพื้นฐานในการขัดเกลากิเลสออกจากใจ จน กระท่งั ลว่ งพ้นจากทุกข์ท้งั ปวง ยิ่งในสภาพสังคมปัจจุบันที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า การ วิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็นท�ำได้ง่ายแค่ปลายน้ิว หาก ผู้คนขาดความเคารพ คิดแต่จะจ้องจับผิดกัน สังคมย่อมลุกเป็น ไฟ ความแตกแยกขัดแย้งย่อมแผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว คนใน ครอบครวั เดยี วกนั ในหมคู่ ณะเดยี วกนั หรอื ในชาตเิ ดยี วกนั กพ็ รอ้ ม จะกลายมาเปน็ ศตั รคู อยหำ�้ หน่ั กนั เมอื่ นนั้ จะหาความสขุ ความเจรญิ ได้อยา่ งไร “ความเคารพ” จึงเป็นทางรอด เป็นทางออกของทุก วิกฤตการณ์ในยุคปัจจุบัน เป็นส่ิงจ�ำเป็นในชีวิตท่ีเราจะต้องฝึกฝน อบรมตนให้ความเคารพเจริญย่ิงขึ้นในตัวเราเอง และคอยอบรม สง่ั สอนลูกหลานของเราใหม้ ีความเคารพตามมาด้วย 54 ท่ีสุดแห่งธรรม ถงึ ไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyan
แตค่ รนั้ จะเรม่ิ ลงมอื ฝกึ กเ็ กดิ คำ� ถามทนี่ า่ คน้ หา ตอ่ ไปว่า… ? เราจะมีวธิ ีฝกึ อย่างไรจงึ จะมีความเคารพ ? เราตอ้ งเคารพอะไรบ้าง ? ควรเริม่ จากเคารพอะไรกอ่ น เพราะเหตใุ ด ? ท�ำอยา่ งไรเราจึงจะมีความเคารพและ แสดงความเคารพได้อย่างถูกต้องเหมาะสม สง่ ผลใหช้ ีวติ มแี ตค่ วามเจริญรุง่ เรืองยิง่ ขนึ้ ไปตามล�ำดับ ตราบกระทั่งถงึ ทส่ี ุดแหง่ ธรรม ? พุทธคารวตา เคารพในพระพุทธเจา้ 55 namitra.org
พทุ ธคารวตา เคารพในพระพทุ ธเจ้า www.kalyan
๒ พระพุทธเจา้ คือใคร ? ท�ำไมต้องเคารพพระพุทธเจ้า ? แสดงความเคารพพระพทุ ธเจา้ อยา่ งไร ? บทสรปุ พุทธคารวตา เคารพในพระพุทธเจา้ 57 namitra.org
www.kalyan
พทุ ธคารวตา เคารพในพระพุทธเจ้า ค�ำว่า “พระพุทธเจ้า” ในที่น้หี มายถงึ พระสัมมาสัมพทุ ธเจ้า ผเู้ ปน็ พระบรมศาสดา หรอื พระบรมครู (ผคู้ วรเคารพยงิ่ ) ของมนษุ ย์ และเทวาทง้ั หลาย ซง่ึ ชาวพทุ ธในปจั จบุ นั พากนั เรยี กพระองคเ์ พยี งสนั้ ๆ วา่ “พระพุทธเจา้ ” ดงั นน้ั เมอื่ กลา่ วถงึ ความเคารพในพระพุทธเจา้ ใน หนงั สอื เลม่ นจี้ งึ หมายถงึ ความเคารพในพระศาสดาของพวกเรานนั่ เอง ส�ำหรับบุคคลที่ยังขาดความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา หรือ มีความรู้บ้าง แต่ยังไม่เข้าใจซาบซึ้ง อาจสงสัยว่า พระพุทธเจ้ามีคุณ วิเศษอย่างไร ท�ำไมเราจงึ ต้องสักการะเคารพบูชาพระองคท์ า่ น หาไม่ แลว้ เราจะไมเ่ จรญิ รงุ่ เรอื ง หรอื ถงึ ขนาดประสบความเสอ่ื มทรามอยา่ ง รา้ ยแรงทเี ดยี ว ความสงสยั ของทา่ นจะหมดไป ถา้ ทา่ นไดต้ ดิ ตามศกึ ษา เร่ืองราวความเป็นมาของพระพุทธเจ้าตอ่ ไป พุทธคารวตา เคารพในพระพุทธเจา้ 59 namitra.org
พระพุทธเจ้าคือใคร ? กว่าจะเป็นพระสมั มาสัมพุทธเจ้า คุณวิเศษของพระพทุ ธองค์ 60 ทสี่ ุดแหง่ ธรรม ถงึ ได้ด้วยความเคารพ www.kalyan
พระพุทธเจา้ คือใคร ? พระพุทธเจ้า คือพระศาสดาผู้ทรงประดิษฐานหรือทรงต้ัง พระพทุ ธศาสนาขน้ึ ตง้ั แตอ่ ดตี กาลอนั ไกลโพน้ มาจนถงึ ปจั จบุ นั ไดเ้ คย มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นแล้วเป็นจำ� นวนมากมายนับไม่ถ้วน ส�ำหรับ พระพทุ ธเจา้ ในยคุ ของเรานี้ มพี ระนามวา่ “พระสมณโคดมพทุ ธเจา้ ” ซ่ึงเสดจ็ ดับขันธปรนิ พิ พานไปสองพันหา้ ร้อยกวา่ ปีแล้ว แตพ่ ระธรรม ค�ำสั่งสอนของพระองค์ยังตกทอดสืบกันต่อมาให้พวกเราได้ศึกษากัน จนถงึ ทุกวนั น้ี กว่าจะเปน็ พระสมั มาสัมพทุ ธเจ้า เพื่อท่ีจะให้เกิดความเข้าใจเก่ียวกับพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง เราควรจะไดท้ ราบถงึ ธรรมชาตแิ หง่ การบงั เกดิ ขน้ึ ของพระพทุ ธเจา้ สกั เลก็ นอ้ ย บคุ คลทส่ี ามารถบรรลพุ ระสมั มาสมั โพธญิ าณ (พระญาณเปน็ เครอื่ งตรสั รธู้ รรมทง้ั ปวงโดยชอบและดว้ ยพระองคเ์ อง) เปน็ พระสมั มา สัมพุทธเจ้านัน้ แตเ่ ดิมเริม่ แรกกเ็ ป็นปุถุชนผยู้ ังหนาดว้ ยกิเลสเชน่ เรา ท่านท้งั หลายน่เี อง แต่ทว่าใจใสมากพอ จงึ มปี ญั ญามองเห็นทุกข์โทษ ภัยของการมีชีวิตอยู่ในวัฏฏะคือวงจรแห่งทุกข์ ได้แก่ กิเลส กรรม วิบาก มีความเห็นว่า การเกิดมาในสังสารวัฏนี้ ก็คือการติดคุกแห่ง การเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่รู้จบสิ้นอยู่ในโลก จึงต้ังใจมุ่งม่ันค้นหา วธิ ีปฏบิ ตั เิ พื่อความพ้นทกุ ข์ ประสบอิสรภาพอย่างแทจ้ รงิ ไม่ตอ้ งติด พุทธคารวตา เคารพในพระพทุ ธเจา้ 61 namitra.org
www.kalyan
อยใู่ นคกุ คอื โลกอกี ตอ่ ไป เมอื่ พบแลว้ กท็ มุ่ เทชวี ติ ฝกึ หดั ขดั เกลาอบรม ตนอย่างจริงจัง เพ่อื ขจดั วงจรแห่งทกุ ข์ ด้วยการบ�ำเพ็ญบญุ บารมคี ือ ความดีอย่างยิ่งยวดชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เป็นเวลานานแสนนาน หลายรอ้ ยภพ หลายรอ้ ยชาติ หลายสบิ อสงไขยโดยไมท่ อ้ ถอย ไมเ่ ลกิ รา ด้วยเชอ่ื มนั่ ว่า “อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ” ตนเท่าน้นั ท่ีจะต้องช่วย ตนเอง ไมม่ ีใครช่วยใหเ้ ราพน้ วงจรแหง่ ทกุ ข์ได้ ย่ิงกว่านั้นยังมีปณิธานอันแน่วแน่ว่า เม่ือตนพ้นทุกข์แล้ว ก็จะสงเคราะห์สัตว์โลกท้ังหลายให้พ้นทุกข์ด้วย ความคิดที่เป็น อุดมการณ์ชีวิตอันสูงส่งน้ี เป็นแรงบันดาลใจให้บุคคลพากเพียร บำ� เพญ็ บารมอี ย่างอุกฤษฏ์ แตเ่ ดมิ พระสัมมาสมั พทุ ธเจ้า กเ็ ปน็ ปถุ ชุ นคนธรรมดา แต่มีปัญญาเหน็ ภยั ในวัฏฏสงสาร มุ่งมั่นค้นหาวธิ ีปฏบิ ัตเิ พ่ือพ้นทุกข์ อยา่ งเอาชีวิตเปน็ เดิมพัน และมปี ณธิ านแนว่ แนว่ ่า เมือ่ ตนพ้นทุกขแ์ ลว้ จะพาสรรพสตั วใ์ หพ้ น้ ทกุ ข์ดว้ ย พุทธคารวตา เคารพในพระพทุ ธเจ้า 63 namitra.org
บุคคลท่ีก�ำลังมุ่งม่ันบ�ำเพ็ญบารมีเพื่อการบรรลุพระสัมมา สัมโพธิญาณนั้นในพระพทุ ธศาสนาเรยี กวา่ “พระสมั มาสมั โพธสิ ตั ว”์ ซ่ึงจัดเป็นพระโพธิสัตว์ประเภทหน่ึงในบรรดาพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งแตล่ ะองค์ ลว้ นบำ� เพญ็ ทศบารมี (บารมี ๑๐ ประการ) เหมอื น ๆ กนั ได้แก่ ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี แต่การบำ� เพ็ญทศบารมขี องพระสมั มาสมั โพธสิ ัตว์นี้ ยังแบง่ ออกเป็น ๓ ขน้ั คอื ๑) ขัน้ ปกติ หรอื บารมีตามปกติ ไดแ้ ก่ การสละทรพั ย์เป็น ทาน เป็นตน้ ๒) ขนั้ กลาง เรยี กวา่ อปุ บารมี ไดแ้ ก่ การสละอวยั วะเลอื ดเนอื้ เปน็ ทาน เป็นต้น ๓) ขัน้ สงู สุด เรยี กว่า ปรมัตถบารมี ไดแ้ ก่ การสละชีวิต เป็นทาน เปน็ ตน้ จากตวั อยา่ งทยี่ กมานี้ ทา่ นผอู้ า่ นยอ่ มเหน็ แลว้ วา่ แมก้ ารสรา้ ง ทานบารมเี พยี งประการเดยี ว พระโพธสิ ตั วย์ งั ตอ้ งเอาชวี ติ เปน็ เดมิ พนั ฉะนน้ั จงึ ไมต่ อ้ งสงสยั เลยวา่ การบำ� เพญ็ บารมอี นื่ ๆ พระโพธสิ ตั วจ์ ะไม่ ทุ่มชวี ติ บ�ำเพ็ญอยา่ งอกุ ฤษฏ์ ชนิดตายเปน็ ตาย ความมุ่งมั่นทุ่มเทกายใจฝึกหัดขดั เกลาอบรมตนเอง ดว้ ยการ บำ� เพญ็ ทศบารมที ง้ั ๓ ระดบั ของพระโพธสิ ตั วน์ ี้ แมจ้ ะหนกั หนาสาหสั 64 ทส่ี ุดแหง่ ธรรม ถึงไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyan
เพยี งใด แตผ่ ลทเี่ กดิ ขน้ึ คอื พฒั นาการดา้ นคณุ ธรรมทส่ี งู ขน้ึ เรอื่ ย ๆ และ ส่ังสมเป็นคุณวิเศษประจ�ำจิตใจของพระโพธิสัตว์ เหนือปุถุชนท่ัวไป หลายรอ้ ยหลายพนั เทา่ จนกระทงั่ ถงึ ขดี สงู สดุ ในระดบั ทส่ี ามารถบรรลุ พระสมั มาสมั โพธญิ าณ ตรสั รูเ้ ปน็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า ผเู้ ป็นบคุ คล พ้นโลก ทศบารมีนนั้ ยอ่ มคุ้มค่าแก่การบ�ำเพญ็ มใิ ช่หรือ พระโพธสิ ตั ว์ ตอ้ งเอาชีวิตเป็นเดิมพนั เพ่อื บำ� เพญ็ ทศบารมอี ย่างอกุ ฤษฏ์ พฒั นาคณุ ธรรมในใจให้สูงข้ึนเรอื่ ย ๆ กลายเป็นคุณวิเศษประจ�ำใจ จนกระทัง่ ถงึ ขีดสุดจงึ ตรสั รู้ เปน็ พระสัมมาสมั พทุ ธเจ้า พทุ ธคารวตา เคารพในพระพทุ ธเจ้า 65 namitra.org
คุณวิเศษของพระพทุ ธองค์ คณุ วเิ ศษสำ� คญั อนั เปน็ คณุ สมบตั สิ งู สดุ เหนอื มนษุ ยธ์ รรมดา ท่ี พระพทุ ธเจา้ ทกุ ๆ พระองคม์ อี ยเู่ หมอื น ๆ กนั อนั เกดิ จากการบำ� เพญ็ ทศบารมีจนกระท่งั ตรสั ร้นู ั้น โดยยอ่ มีอยู่ ๓ ประการ คอื ๑) พระปัญญาธิคุณ หมายถึง มีปัญญาท้ังรู้แจ้งเห็นแจ้ง เกย่ี วกบั ความเปน็ ไปของสรรพธรรมและสรรพสตั วท์ ง้ั มวลตามความ เปน็ จรงิ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ปัญญารแู้ จ้งเห็นแจ้งในอรยิ สจั ๔ อย่าง ครบวงจรดว้ ยญาณทสั สนะ อนั เปน็ เหตใุ หต้ รสั รดู้ ว้ ยพระองคเ์ องโดย ไมม่ ีครูผสู้ ่งั สอน ดังที่ตรัสกบั อุปกาชีวกวา่ “เราตรัสร้ยู ิง่ เองแลว้ จะพึงอา้ งใครเลา่ อาจารยข์ อง เราไม่มี คนเช่นเราก็ไม่มี บุคคลเสมอเหมือนเราก็ไม่มี ในโลกกับท้ังเทวโลก เพราะเราเป็นพระอรหันต์ในโลก เราเปน็ ศาสดา หาศาสดาอนื่ ยงิ่ กวา่ มไิ ด้ เราผเู้ ดยี วเปน็ พระสมั มาสมั พทุ ธะ” ๑ ดังพระบาลีว่า “สมฺมาสมฺพุทฺโธ” เป็นผู้ตรัสรู้ชอบโดย พระองคเ์ อง “โลกวิท”ู เป็นผรู้ ู้แจ้งโลก “พทุ ฺโธ” เป็นผ้รู ู้ ผตู้ นื่ ผู้เบกิ บานดว้ ยธรรม และ “ภควา” เปน็ ผจู้ ำ� แนกแจกธรรม ๑ วิ.มหา. มหาขันธกะ (ไทย) ๖/๑๑/๔๐-๔๑ 66 ที่สดุ แหง่ ธรรม ถึงไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyan
นอกจากนี้ ยังหมายถึงปัญญาในการเลือกสรรวิธีปฏิบัติอัน เป็นทางบรรลุความรู้แจ้งเห็นแจ้งซึ่งสามารถก�ำจัดอวิชชาและความ ยดึ มนั่ ถอื มน่ั ในตวั ตน (อปุ าทาน) ไดโ้ ดยเดด็ ขาด จงึ บรรลอุ าสวกั ขยญาณ คือก�ำจัดกิเลสออกจากใจจนหมดส้ิน ดังพระบาลีว่า “วชิ ฺชาจรณ- สมปฺ นฺโน” เป็นผ้ถู ึงพรอ้ มด้วยวชิ ชาและจรณะ ๒) พระบริสุทธิคุณ หมายถึง ความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา และใจ ทั้งน้ีเพราะเป็นผู้หมดกิเลสโดยสิ้นเชิงเด็ดขาดแล้ว ย่อมไปสู่ แดนอันเกษมคือนิพพาน ดังพระบาลีในบทสวดบูชาพระพุทธเจ้าว่า “อรหํ” เป็นผไู้ กลจากกเิ ลส และ “สุคโต” เปน็ ผู้เสด็จไปดีแลว้ ๓) พระมหากรุณาธคิ ณุ หมายถึง ทรงมีนำ�้ พระทยั สงสาร สตั วโ์ ลกทง้ั หลาย ไมว่ า่ มนษุ ย์ เทวดา หรอื พรหม ทล่ี ว้ นตกอยใู่ นวงจร แห่งกิเลส กรรม วบิ าก อนั เตม็ ไปด้วยทกุ ขเวทนาอยา่ งไมม่ วี นั จบสิ้น ให้ได้ประสบสันติสุขและอิสรภาพอันไพบูลย์อย่างถาวร ด้วยการ พรำ�่ สงั่ พรำ�่ สอนพรำ�่ ชแ้ี นะแนวทางปฏบิ ตั ทิ ถ่ี กู ตอ้ งให้ โดยมไิ ดค้ ำ� นงึ ถงึ ความเหนื่อยยากล�ำบากใด ๆ ท้ังสิ้น ดังพระบาลีว่า “อนุตฺตโร ปรุ สิ ทมมฺ สารถ”ิ เปน็ สารถผี ฝู้ กึ บรุ ษุ ทส่ี มควรฝกึ ไดอ้ ยา่ งไมม่ ใี ครยง่ิ กวา่ “สตถฺ า เทวมนสุ ฺสาน”ํ เปน็ ศาสดาของเทวดาและมนษุ ย์ทั้งหลาย พุทธคารวตา เคารพในพระพทุ ธเจ้า 67 namitra.org
พระพทุ ธองคท์ รงมีคณุ วิเศษ โดยย่อ ๓ ประการ คอื ๑) ทรงมีพระปญั ญารู้แจง้ เห็นแจ้งสรรพส่ิง ตามความเป็นจริง ๒) ทรงบรสิ ทุ ธิ์ยิ่งทัง้ กาย วาจา ใจ ๓) ทรงมนี ำ้� พระทยั สงเคราะหส์ ตั วโ์ ลกอยา่ งยง่ิ พรำ�่ ส่ังสอนแนวทางปฏบิ ัตทิ ี่ถูกตอ้ ง โดยมิได้คำ� นึงถงึ ความเหนื่อยยาก 68 ท่สี ดุ แหง่ ธรรม ถงึ ไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyan
จากธรรมบรรยายท้ังหมดในชว่ งน้ี ท่านผู้อ่านยอ่ มไดค้ �ำตอบ แลว้ วา่ พระพทุ ธเจา้ คือใคร เปยี่ มสมบรู ณด์ ้วยคุณวิเศษเหนอื มนุษย์ และเทวดาเพียงใด ท้ังยังด�ำรงอยู่ในฐานะบุคคลพ้นโลกอีกด้วย และย่อมทราบด้วยว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรากท็ รงเยยี่ มดว้ ย คุณวเิ ศษดงั กลา่ วทกุ ประการ ดังน้ัน จึงเป็นการสมควรและจ�ำเป็นอย่างย่ิงส�ำหรับ พุทธศาสนิกชนท้ังมวล รวมทั้งผู้อยู่นอกพระพุทธศาสนา ผู้มีปัญญา ทงั้ หลาย จะพึงมคี วามเคารพในพระพทุ ธองค์ คือพยายามคน้ หาคุณ ความดีของพระองคเ์ พอ่ื ยดึ ถอื เปน็ แบบอยา่ งในการปฏิบตั ิตาม ผมู้ ปี ญั ญาท้ังหลาย พงึ พยายามคน้ หาคุณความดี ของพระพุทธองค์ เพื่อยึดถอื เปน็ แบบอยา่ ง ในการปฏิบัติตาม พุทธคารวตา เคารพในพระพุทธเจา้ 69 namitra.org
ทำ� ไมต้องเคารพ พระพุทธเจา้ ? วัตถปุ ระสงค์ของการเคารพในพระพุทธเจ้า สาวกท้งั ปวงต่างเคารพพระพุทธองคอ์ ย่างยงิ่ ธรรม ๕ ประการ ท่ที ำ� ให้พทุ ธสาวก เคารพพระพุทธองค์อยา่ งย่ิง ความหมายของตถาคต ๘ นัย 70 ท่สี ุดแหง่ ธรรม ถึงไดด้ ว้ ยความเคารพ www.kalyan
วัตถุประสงคข์ องการเคารพในพระพทุ ธเจา้ จุดมุ่งหมายส�ำคัญท่ีคนเราโดยเฉพาะอย่างย่ิงชาวพุทธทุกคน ต้องมคี วามเคารพในพระสมั มาสัมพุทธเจา้ กเ็ พือ่ ให้เรา ๑) พยายามศึกษาค้นคว้าหาคุณความดีของพระพุทธองค์ ซง่ึ มใิ ชเ่ ปน็ เพยี งคณุ ความดดี งั เชน่ ชาวโลกทวั่ ๆ ไป แตเ่ ปน็ คณุ ความดี เหนอื มนษุ ยห์ รอื สตั วโ์ ลกทงั้ ภพ ๓ ทง้ั นเ้ี พราะพระพทุ ธองคเ์ ปน็ บคุ คล พน้ โลกดงั นนั้ คณุ ความดขี องพระพทุ ธองค ์ จงึ สมควรเรยี กวา่ “คณุ วเิ ศษ” ๒) พยายามศึกษาพระธรรมค�ำสั่งสอนของพระพุทธองค์ คุณวิเศษของพระพุทธองค์น้ันมีปรากฏอย่างชัดเจนในพระธรรม ค�ำส่ังสอนท้ังมวล ซ่ึงสมบูรณ์พร้อมท้ังภาคปริยัติสัทธรรม ปฏิบัติ สัทธรรม และปฏิเวธสัทธรรม คือความเข้าใจแทงตลอดอันเป็นผล ให้พระพุทธองค์สมัยท่ียังเป็นพระโพธิสัตว์สามารถตรัสรู้พระสัมมา สัมโพธิญาณ ยกฐานะขึ้นสู่ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรง อธิศีล อธิจิต และอธิปัญญา เหนือสัตว์โลกทั้งปวง และเหนือแม้ กระท่ังพระปัจเจกพทุ ธเจา้ และพระอรหันตเจ้าทัง้ หลาย พุทธคารวตา เคารพในพระพุทธเจ้า 71 namitra.org
๓) พยายามฝึกหัดขัดเกลาตนเอง เพ่ือพัฒนาคุณความดี ขนึ้ ในตน โดยยดึ พระพทุ ธองคเ์ ปน็ ตน้ แบบทส่ี ำ� คญั ทสี่ ดุ การฝกึ อบรม ตนเองตามแนวทางอธิศีล อธิจิต และอธิปัญญาของพระพุทธองค์ แม้การปฏิบัติของเราจะอยู่เพียงระดับศีล สมาธิ และปัญญาของ บุคคลผู้ยังมีกิเลสอยู่ ก็ย่อมจะท�ำให้เราเป็นคนดีมีคุณค่าต่อสังคม ไมเ่ ปน็ พษิ เปน็ ภยั ทำ� รา้ ยตนเอง ทำ� รา้ ยสงั คม ประเทศชาตแิ ละศาสนา ย่ิงกวา่ น้นั ก็ยงั จะช่วยให้เราสามารถปดิ นรก เปดิ สวรรคใ์ ห้แก่ตนเอง ในปรโลกได้ ตราบใดท่ีเรายังม่ันคงอยู่ในเส้นทางธรรมอย่างต่อเนื่อง ข้ามภพข้ามชาติ เราย่อมมีโอกาสก�ำจัดกิเลสออกจากใจโดยส้ินเชิง สามารถบรรลุแดนอันเกษมคือพระนิพพานตามพระพุทธองค์และ พระอรหันตสาวกทง้ั ปวง ไม่ตอ้ งทนทุกข์ทรมานอยู่ในวฏั ฏสงสารอัน หาต้นหาปลายมิได้ ๔) มีภูมปิ ญั ญาทางธรรมสงู พอท่ีจะน�ำมาอบรมถ่ายทอด ให้แกล่ กู หลานและบรวิ ารรอบขา้ ง เพือ่ ใหบ้ คุ คลเหล่านนั้ ตระหนกั ว่า การด�ำรงชีวิตอยู่อย่างสันติสุขในโลกน้ี ต้องประกอบด้วย ภูมปิ ัญญาทัง้ ทางโลกและทางธรรม ปญั ญาทางโลกท�ำให้คนเป็นคน เก่ง อาจสามารถท�ำมาหากินสร้างฐานะทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้นได้ ปญั ญาทางธรรมทำ� ใหค้ นมสี มั มาทฏิ ฐติ งั้ มน่ั อยใู่ นใจ ไมค่ ดิ สรา้ งความ ช่วั หรอื บาปอกุศลใด ๆ ทัง้ ส้ิน บุคคลที่มีความเก่งมากมาย หากขาด ความดีแล้วไซร้ กค็ อื มหาโจรในคราบผ้ดู ีน่ันเอง เขายอ่ มมพี ฤตกิ รรม 72 ทีส่ ดุ แหง่ ธรรม ถึงได้ด้วยความเคารพ www.kalyan
ทำ� รา้ ยสงั คม ประเทศชาติ และพระพทุ ธศาสนาของตนอนั เปน็ ทพ่ี ง่ึ ท่ี ระลึกอนั สูงสดุ ทางจติ ใจของพทุ ธศาสนิกชนทั้งมวล และกวา่ เขาจะรู้ ว่าเขาทำ� ร้ายตนเองกต็ อนท่ีเขาก�ำลังเดนิ ไปส่นู รกนนั่ แหละ ๕) พยายามท�ำนบุ �ำรุงรักษาพระพุทธศาสนา ซึง่ กอปรด้วย พระธรรมคำ� สง่ั สอนอนั วเิ ศษสดุ ไว้เป็นสรณะของลกู หลานไทย ของ ผใู้ ฝส่ ันติสุข ตลอดจนผู้ปรารถนาจะสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในโลก ใบน้ี แต่ยังควานหาวิธีทถี่ ูกตอ้ งไม่พบ พุทธคารวตา เคารพในพระพุทธเจ้า 73 namitra.org
สาวกท้งั ปวงต่างเคารพพระพุทธองคอ์ ย่างยง่ิ ในสมัยพุทธกาล๒ มีสมณพราหมณ์ผู้เป็นเจ้าลัทธิ เป็น คณาจารย์ผมู้ ชี ่อื เสียง เป็นท่ีรูจ้ กั ดีในสงั คมจำ� นวนมากมาย เจา้ ลทั ธิ บางท่านก็เกิดก่อนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราเสียอีก เจ้าลัทธ ิ บางท่านก็มีศษิ ยานุศิษย์มากมาย ครน้ั ถงึ ฤดเู ขา้ พรรษา คณาจารย์ผู้มี ชื่อเสียงจ�ำนวนมากมาย ต่างก็พากันมาจ�ำพรรษา ณ กรุงราชคฤห์ ในบรรดาเจ้าลัทธิท่ีมีช่ือเสียงเหล่าน้ัน มีเจ้าลัทธิที่เด่นดังมากอยู่ ๖ ท่าน ซงึ่ ในคมั ภีร์พระพุทธศาสนาเรยี กว่า “ครูทง้ั ๖” ครแู ตล่ ะคน ลว้ นมสี าวกมากมาย แต่มักมีข่าวปรากฏเนือง ๆ ว่า ในขณะท่ีครูเหล่าน้ันก�ำลัง แสดงธรรมแก่บริษัท (ผู้เข้าฟัง) จ�ำนวนหลายร้อย แต่สาวกบางคน กลับส่งเสียงตะโกนโต้แย้งครูท่ามกลางที่ประชุม การแสดงมารยาท หยาบคายไร้ความเคารพเช่นนั้น ย่อมสร้างความอับอายขายหน้า ใหแ้ กค่ รเู จา้ ลทั ธอิ ยา่ งแนน่ อน แตค่ รกู ไ็ มร่ จู้ ะทำ� อยา่ งไรกบั สาวกนอกลู่ นอกทางเหลา่ น้นั เหล่าปริพาชกต่างมีความเห็นพ้องต้องกันว่า มีแต่พระผู้มี พระภาคเจ้าเท่าน้ันที่สาวกของพระองค์ นอกจากสักการะ เคารพ นับถือ บูชาแล้ว ยังอาศัยพระองค์อยู่อีกด้วย (ค�ำว่า “อาศัย” ใน บริบทนี้ หมายถึง อาศัยพระพุทธองค์เป็นต้นแบบส�ำหรับถ่ายทอด นิสัย และสร้างคุณความดีต่าง ๆ ตลอดจนรับฟังการพร�่ำสอนชนิด ๒ ม.ม. มหาสกุลุทายสิ ูตร (ไทย) ๒๐/๓๑๔/๕๔๙ 74 ทส่ี ุดแห่งธรรม ถึงได้ด้วยความเคารพ www.kalyan
ขนาบแล้วขนาบอีกเก่ยี วกบั เรอ่ื งพระธรรมวนิ ยั เพ่อื จะได้มีคุณวเิ ศษ ดงั เชน่ พระพทุ ธองค)์ แมข้ ณะทพ่ี ระพทุ ธองคท์ รงแสดงธรรมแกบ่ รษิ ทั จำ� นวนหลายรอ้ ยหลายพนั ทปี่ ระชมุ กเ็ งยี บกรบิ เสมอ ปราศจากเสยี ง ไอ เสียงจาม ท้ังน้ีเพราะหมู่มหาชนต่างตั้งใจฟังพระธรรมเทศนาให้ ครบถ้วนสมบูรณ์ ดว้ ยเห็นวา่ เป็นส่งิ ท่ีมคี ณุ คา่ สงู สง่ ตอ่ ชวี ิต หาฟงั ได้ ยาก ไมเ่ คยไดย้ นิ ไดฟ้ งั มากอ่ น ขณะเดยี วกนั กม็ คี วามเคารพพระพทุ ธ องค์เปย่ี มล้นจติ ใจ ดังเช่น ครง้ั หนงึ่ ขณะทพ่ี ระพทุ ธองคก์ ำ� ลงั แสดงธรรม บงั เอญิ มสี าวก รูปหนึ่งไอข้ึน เพื่อนสหธรรมิกท่ีน่ังอยู่ใกล้กันถึงกับใช้เข่าสะกิดแทน การใช้มือ กเ็ พื่อเป็นการเตอื นสติผูไ้ อใหร้ ู้วา่ ก�ำลงั ท�ำผิดอยา่ งรา้ ยแรง เพราะเสียงไอน้ันนอกจากจะท�ำให้บริษัทได้ยินพระธรรมเทศนา ไมถ่ นดั แลว้ ยงั เปน็ การแสดงความไมเ่ คารพพระพทุ ธองคอ์ กี ดว้ ย เหลา่ ปรพิ าชก ตา่ งเหน็ พอ้ งตอ้ งกันวา่ มีแตพ่ ระผูม้ พี ระภาคเจ้าเทา่ นั้น ทีส่ าวกของพระองค์ นอกจากสกั การะ เคารพ นับถือ บูชาแล้ว ยงั อาศยั พระองคอ์ ยูอ่ กี ดว้ ย พุทธคารวตา เคารพในพระพุทธเจ้า 75 namitra.org
อน่ึง แม้สาวกของพระพุทธองค์ท่ีบาดหมางกับเพ่ือน ภิกษุดว้ ยกนั แลว้ ลาสกิ ขาออกไปเปน็ คฤหัสถ์ แต่ก็ยังกล่าวยกย่อง สรรเสริญพระพุทธองค์ กล่าวสรรเสริญพระธรรมและพระสงฆ์ ไม่กล่าวติเตียนผู้อื่น ไม่กล่าวติเตียนพระรัตนตรัย แต่ติเตียนเฉพาะ ตนเองวา่ ตนเปน็ คนมบี ุญน้อย เพราะทัง้ ๆ ทไ่ี ด้โอกาสบวชในพระ ธรรมวนิ ยั ของพระพทุ ธเจา้ แล้ว แตก่ ็ไม่สามารถประพฤตพิ รหมจรรย์ ไดบ้ ริสุทธ์ิบริบูรณ์จนตลอดชีวิต นับเป็นเร่ืองอัศจรรย์มากที่ไม่มี พุทธศาสนิกกล่าวตเิ ตียนพระรตั นตรัยเลย นอกจากน้ี สาวกของพระพุทธองค์ ไม่ว่าจะเป็นอารามิกชน หรอื อบุ าสกอบุ าสกิ าตา่ งกส็ มาทานปฏบิ ตั ศิ ลี ๕ เปน็ กจิ วตั รประจำ� วนั สาวกทั้งหลายต่างสกั การะ เคารพ นับถือ บชู าพระพทุ ธองค์ และ ยังอาศัยพระองค์เพื่อรอรับการเคี่ยวเข็ญอบรมจากพระองค์ด้วย ความเคารพรักเปน็ อยา่ งยิ่ง 76 ทสี่ ุดแห่งธรรม ถงึ ไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyan
พทุ ธสาวกตา่ งเคารพพระพทุ ธองค์ อยา่ งย่ิง เหน็ ไดจ้ าก... ขณะที่พระองค์ทรงแสดงธรรม ที่ประชุม เงยี บกริบเสมอ แม้คนจะมากเพียงใด ไม่มีพุทธสาวกกล่าวติเตียนพระรัตนตรัยเลย แมเ้ ปน็ ภิกษุที่ลาสกิ ขาออกไป พุทธสาวกต่างสมาทานศีล ๕ เป็นปกติ ต่าง สกั การะ เคารพ นบั ถอื บชู า รอรบั การเคย่ี วเขญ็ จากพระพทุ ธองค์ดว้ ยความเคารพรกั อย่างย่งิ พทุ ธคารวตา เคารพในพระพทุ ธเจา้ 77 namitra.org
www.kalyan
มหาสกลุ ุทายสิ ูตร เหตทุ พี่ ทุ ธสาวกเคารพในพระพทุ ธองคอ์ ยา่ งยงิ่ สมัยหน่งึ ขณะทีพ่ ระผมู้ พี ระภาคประทบั อยู่ ณ เวฬวุ นั เชา้ วนั หนงึ่ ขณะทเ่ี สดจ็ ออกบณิ ฑบาต ทรงมพี ระดำ� รวิ า่ ยงั เชา้ มาก จงึ ทรงแวะไปเย่ยี มเยียนสกลุ ุทายิปริพาชก ณ อารามของเหลา่ ปริพาชก ซงึ่ ต้ังอยู่ในเส้นทางเสดจ็ ผา่ น ณ จุดนี้ ท่านผู้อ่านย่อมเห็นได้ว่าพระพุทธองค์ทรงมีน�้ำ พระทัยผกู ไมตรกี บั นกั บวชนอกศาสนา โดยไมถ่ ือพระองค์ ไมม่ ที ฏิ ฐิ มานะวา่ ทรงภูมิธรรมเหนอื ปรพิ าชก ซึ่งพระองค์ทรงทราบดีวา่ เหล่า ปรพิ าชกลว้ นมภี มู ธิ รรมอยใู่ นระดบั ตำ�่ กวา่ พระองคม์ ากมาย พระพทุ ธ องค์ทรงปฏิบัติกับเหล่าปริพาชกท�ำนองเดียวกับคนท่ีเคยรู้จักกัน เมือ่ ผา่ นมาและมีเวลาพอ กค็ วรแวะไปทักทายสนทนาปราศรัย ตาม ประสาคนรจู้ กั กนั แต่แน่นอนสาระส�ำคัญแห่งการสนทนาย่อมไม่ใช่เร่ือง มโนสาเร่ แต่เต็มเปี่ยมด้วยสาระแห่งธรรมท่ีกัลยาณมิตรจะพึงมอบ ใหแ้ กค่ สู่ นทนา สว่ นคสู่ นทนาจะรบั ไวไ้ ดม้ ากนอ้ ยเพยี งใด ยอ่ มขนึ้ อยู่ กบั ภมู ิปญั ญาของเขาเอง พุทธคารวตา เคารพในพระพทุ ธเจ้า 79 namitra.org
ทำ� ไมพทุ ธสาวกจงึ เคารพเทดิ ทนู พระพทุ ธองคอ์ ยา่ งยงิ่ ? สกุลุทายิปริพาชก มีความสงสัยค้างใจมานานแล้วว่า อะไร หนอ เป็นเหตใุ ห้พทุ ธสาวกมคี วามเคารพในพระพุทธองค์ย่งิ นกั จึงได้ โอกาสทลู ถามในเช้าวันนัน้ เอง พระสมั มาสัมพทุ ธเจา้ ไมท่ รงเฉลยทันที แตก่ ลบั ทรงย้อนถาม ความเห็นของปริพาชก สกุลุทายิปริพาชกได้กราบทูลว่า เขาคิดว่า ธรรมทเี่ ปน็ เหตใุ หพ้ ทุ ธสาวกทง้ั หลายสกั การะ เคารพ นบั ถอื บชู าและ อาศยั พระพุทธองค์อย่นู น้ั มีอยู่ ๕ ประการ คอื ๑) พระองค์เสวยพระกระยาหารนอ้ ย ๒) ทรงสนั โดษ (พอใจ) ด้วยจีวรตามมตี ามได้ ๓) ทรงสนั โดษดว้ ยบิณฑบาตตามมตี ามได้ ๔) ทรงสันโดษดว้ ยเสนาสนะตามมีตามได้ ๕) ทรงเปน็ ผสู้ งดั (ความวเิ วก) และทรงกลา่ วสรรเสรญิ ความสงดั เม่ือได้สดับความเห็นของปริพาชกจบลงแล้ว พระพุทธองค์ ทรงเห็นว่า สกุลุทายิยังจับประเด็นไม่ถูกต้อง แม้จะกล่าวสรรเสริญ แต่ก็เป็นเสมือนหน่ึงสรรเสริญเหตุเพียงเล็กน้อยว่าเป็นความย่ิงใหญ่ เข้าท�ำนองชมจอมปลวกเล็ก ๆ ว่าเป็นภูเขาหินสูงตระหง่านนั่นเอง ซ่ึงคุณของสองสิ่งน้ีเทียบกันไม่ได้เลย ดังน้ันพระพุทธองค์จึงทรง แสดงว่า ถา้ ธรรมทั้ง ๕ ประการ ที่เขากล่าวแลว้ น้นั เปน็ เหตใุ หส้ าวก เคารพนบั ถอื พระองค์ สาวกจำ� นวนหนง่ึ ทมี่ วี ตั รปฏบิ ตั ทิ ง้ั ๕ ประการน้ ี 80 ที่สุดแห่งธรรม ถึงไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyan
คงจะไมเ่ คารพนบั ถอื พระองคอ์ ยา่ งแนน่ อน ดว้ ยนำ้� พระทยั แหง่ ความ เปน็ กลั ยาณมติ รโดยแท้ พระพทุ ธองคจ์ งึ ตอ้ งตรสั แสดงธรรม เพอื่ พลกิ ความเขา้ ใจผิด ๆ ของสกุลุทายิใหถ้ ูกตอ้ งในบัดนน้ั ทนั ที พระพุทธองค์ทรงท�ำหน้าที่ กลั ยาณมิตรไม่วา่ งเว้น ทรงมนี ำ้� พระทยั ผูกไมตรี กบั นักบวชนอกศาสนา ไม่มีทฏิ ฐมิ านะวา่ ทรงภูมิธรรม เหนอื ท่านเหล่านั้นเลย พทุ ธคารวตา เคารพในพระพทุ ธเจ้า 81 namitra.org
อะไรกนั แนท่ ท่ี �ำให้พุทธสาวกเคารพพระองคอ์ ยา่ งยงิ่ ? แท้ที่จริง ธรรมอันเป็นเหตุให้พุทธสาวก สักการะ เคารพ นับถือ บูชา และอาศัยพระพุทธองค์อยู่นั้น มีอยู่มากมาย แต่ใน เมือ่ ปรพิ าชกจบั ประเดน็ มาเรียบเรียงไดเ้ พียง ๕ ประการ ครัน้ เมือ่ ทรงเฉลยค�ำตอบท่ีถกู ตอ้ ง พระพุทธองค์ทรงแสดงเพียง ๕ ประการ เทา่ น้นั ดังน้ี ๑) อธศิ ีล (หาใชเ่ รอื่ งทรงเสวยพระกระยาหารนอ้ ยไม)่ ๒) ญาณทัสสนะ (หาใชเ่ รือ่ งสนั โดษดว้ ยจีวรตามมี ตามไดไ้ ม่) ๓) อธปิ ัญญา (หาใช่เรื่องทรงสันโดษด้วยบิณฑบาตตามมี ตามได้ไม)่ ๔) ทรงไขปญั หาอริยสัจ ๔ (หาใช่เรื่องทรงสนั โดษด้วย เสนาสนะตามมีตามไดไ้ ม่) ๕) ทรงสอนวธิ ปี ฏบิ ตั เิ พื่อบรรลอุ รหตั ผล (หาใช่เรอื่ งทรง เปน็ ผสู้ งดั และทรงสรรเสริญความสงัดเทา่ นนั้ ไม่) 82 ท่ีสุดแห่งธรรม ถงึ ได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyan
พุทธคารวตา เคารพในพระพุทธเจ้า 83 namitra.org
ณ จุดนี้ ท่านผู้อ่านคงจะพอมองเห็นแล้วว่า การที่บุคคล ปราศจากญาณวิสัย จึงท�ำให้โยนิโสมนสิการของเขาไปไม่ถึงต้นเหตุ หรือไมล่ มุ่ ลกึ อย่างแท้จริง แมบ้ ุคคลนัน้ จะไมไ่ ดร้ บั โทษอนั ใด แตก่ จ็ ะไม่ ไดร้ บั ประโยชนเ์ ทา่ ทค่ี วรจะได้ พระผู้มีพระภาคเจ้าน้ันทรงคณุ วเิ ศษ ล้นเหลือ แต่ตราบใดท่ีปริพาชกยังมองเห็นคุณงามความดีของ พระองคอ์ ยใู่ นกรอบ ๕ ประการ ตามทก่ี ลา่ วแลว้ เขายอ่ มไมข่ วนขวาย พาตนเข้ามาเป็นสาวก ถ้าเช่นนั้นการบ�ำเพ็ญบารมีในฐานะนักบวช ของเหล่าปริพาชก ไม่ว่าจะก่ีร้อยกี่พันชาติ ย่อมไม่มีโอกาสบรรลุ หนทางอนั เกษมดว้ ยความหลดุ พ้นไดเ้ ลย หากปราศจากญาณปญั ญาทแ่ี ท้จริง แม้จะไมไ่ ด้รบั โทษอันใด แตก่ จ็ ะไม่ไดร้ ับประโยชน์ เทา่ ทีค่ วรจะได้ 84 ทีส่ ุดแหง่ ธรรม ถงึ ไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyan
ถามว่า ท�ำไมสกุลุทายิปริพาชกจึงมองเห็นคุณวิเศษเพียง ระดบั ทเี่ ขากลา่ วสรรเสรญิ พระพทุ ธองค์ ? คำ� ตอบงา่ ย ๆ สนั้ ๆ คอื เขา ไมเ่ คยมคี รบู าอาจารย์ หรอื กลั ยาณมติ รทมี่ คี ณุ วเิ ศษเชน่ พระพทุ ธองค์ นน่ั เอง ความคดิ ของเขาจงึ จำ� กดั อยใู่ นประสบการณท์ เี่ ขาไดพ้ บไดเ้ หน็ เพียง ๕ ประการ ดังทเี่ ขากราบทูลพระพุทธองค์ อย่างไรก็ตาม นบั เป็นโชคอย่างใหญ่หลวงของสกุลุทายิปริพาชก ที่พระพุทธองค์เสด็จ แวะเข้าไปโปรดเขา ซึ่งย่อมจุดประกายให้ปัญญาของเขาสว่างขึ้น ไม่มากก็นอ้ ย พุทธคารวตา เคารพในพระพทุ ธเจา้ 85 namitra.org
ธรรม ๕ ประการ ท่ที ำ� ใหพ้ ุทธสาวกเคารพ พระพุทธองคอ์ ย่างย่งิ ๑) อธศิ ีล อธิศลี คืออะไร ? พระผู้มีพระภาคทรงมีอธิศลี ไดอ้ ย่างไร ? ๒) ญาณทัสสนะ ญาณทสั สนะ คืออะไร ? ญาณทสั สนะเกิดข้ึนได้อยา่ งไร ? ๓) อธิปัญญา อธิปญั ญา คืออะไร ? วธิ ีปฏบิ ตั เิ พ่อื ใหบ้ รรลุมรรคผลไปตามลำ� ดบั คืออะไร ? วธิ ีปฏบิ ัติอนั เป็นทางสายกลางคอื อะไร ? การเห็นแจ้งรู้แจ้งอรยิ สัจ ๔ มีกระบวนการ อยา่ งไร ? ๔) ทรงไขปัญหาอริยสจั ๔ ๕) ทรงสอนวธิ ีปฏบิ ัติเพอ่ื บรรลุอรหัตผล 86 ที่สดุ แหง่ ธรรม ถึงได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyan
ธรรม ๕ ประการ ท่ีท�ำใหพ้ ทุ ธสาวกเคารพ พระพุทธองคอ์ ยา่ งยิ่ง ส�ำหรับธรรม ๕ ประการ อันเปน็ เหตุใหพ้ ทุ ธสาวกเคารพบชู า พระพุทธองค์เป็นอย่างยิง่ น้นั อาจจะขยายความโดยยอ่ ไดด้ งั นี้ ๑) อธศิ ีล “อธศิ ลี ”ตามรปู ศพั ท์แปลวา่ “ศลี ยงิ่ ”คอื ไมใ่ ชศ่ ลี ปกตธิ รรมดา ดังเช่น ศีล ๕ ศีล ๘ ส�ำหรับคฤหสั ถ์ ศลี ๑๐ ส�ำหรบั สามเณร หรือศีล ๒๒๗ สำ� หรบั พระภกิ ษุ ศลี เหลา่ นเี้ ปน็ ศลี ของบคุ คลทยี่ งั มกี เิ ลสอาสวะ แตอ่ ธศิ ลี เป็นศีลของพระอรยิ บุคคลผูป้ ราศจากกเิ ลสอาสวะแล้ว เพื่อให้เกิดความเข้าใจความหมายของ “ศีลย่ิง” อย่าง ถ่องแท้ จึงใคร่ขอให้ผู้อ่านได้ท�ำความเข้าใจให้ถูกต้องเก่ียวกับความ หมายของศีลโดยทั่วไปให้ตรงกันเสียก่อนว่า “ศีล (โดยท่ัวไป) คือ เครอื่ งควบคมุ กายกบั วาจา ใหส้ งบ ไมท่ ำ� รา้ ยใคร ๆ ไมว่ า่ รา้ ยใคร ๆ” บคุ คลทรี่ กั ษาศลี ไดบ้ รสิ ทุ ธบ์ิ รบิ รู ณ์ ยอ่ มสามารถควบคมุ กายและวาจา ของตนใหเ้ ปน็ คนมพี ฤตกิ รรมสภุ าพเรยี บรอ้ ย ไมเ่ ปน็ พษิ เปน็ ภยั กบั ทง้ั ตนเองและผูอ้ ่ืน หรือไมก่ อ่ เรอ่ื งเลวรา้ ยใด ๆ ท้ังส้นิ พทุ ธคารวตา เคารพในพระพุทธเจา้ 87 namitra.org
แต่ตามสภาพความเป็นจริงท่ีเราท่านได้ประสบกันอยู่เสมอก็ คือ ในสังคมมนษุ ย์ การคน้ หาบุคคล (แมเ้ ป็นนกั บวชซึง่ สังคมยกยอ่ ง ว่าเป็นผปู้ ระพฤติดีปฏิบตั ชิ อบ) ทีส่ ามารถควบคุมกาย และวาจา ให้ อยู่ในสภาพปกติอย่างสม่�ำเสมอราวกับเส้นตรงตลอดเวลาช่ัวนาตาปี หรอื แม้แตต่ ลอด ๒๔ ชัว่ โมง กห็ าไมไ่ ดแ้ ลว้ ท้งั ๆ ทีเ่ จ้าตัวปรารถนา อย่างย่ิงที่จะรักษาสภาพปกติไว้เพราะเหตุใด ไม่เคยมีใครล่วงรู้ สาเหตุท่ีแท้จริงมาก่อน ตราบจนกระท่ังพระผู้มีพระภาคทรงบรรลุ อาสวักขยญาณ (ญาณหยั่งรู้ในธรรมเป็นท่ีส้ินไปแห่งกิเลสอาสวะ ทั้งปวง) ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงประจักษ์ว่า กิเลส แอบแฝงอยู่ในใจบุคคลนั่นเอง ท่ีคอยบีบคั้นบงการให้บุคคลเกิด ความคดิ รา้ ย ๆ แลว้ สง่ ผลเปน็ พฤตกิ รรมรา้ ย ๆ ทางกาย หรอื วาจา หรอื ทั้ง ๒ ทาง พร้อม ๆ กนั จะหาบคุ คลที่สามารถควบคุม กาย วาจา ใจ ใหอ้ ยูใ่ นสภาพปกติ ตลอด ๒๔ ชวั่ โมง ได้ยากยิ่ง เพราะต่างมีกเิ ลสท่ีแฝงอยู่ในใจ คอยบบี คน้ั บงการใหเ้ กดิ ความคดิ รา้ ย ๆ สง่ ผลเปน็ พฤตกิ รรม รา้ ย ๆ ทางกายหรือวาจา 88 ทสี่ ดุ แห่งธรรม ถงึ ไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyan
ซ่ึงเป็นเหตุให้บุคคลไม่สามารถรักษาศีลได้บริสุทธ์ิบริบูรณ์ อยา่ งสมำ่� เสมอ แมจ้ ะตง้ั ใจดเี พยี งใดกต็ าม ยงิ่ ถา้ คนทไ่ี มค่ ดิ จะรกั ษา ศีลด้วยแล้ว กิเลสในใจของเขาย่อมบบี ค้ันบงการและชกั น�ำใหเ้ ขากอ่ อกุศลกรรมอย่างไมม่ ีเวลาวา่ งเวน้ ส�ำหรับพระพุทธองค์ เพราะเหตุที่ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ ทรงสามารถก�ำจัดกิเลสในพระทัยให้สูญสิ้นไปโดยเด็ดขาด ความคิด ร้าย ๆ จงึ ไมป่ รากฏขึ้นในพระทัยของพระองคเ์ ลย ซึ่งแนน่ อนย่อมส่ง ผลให้ กาย วาจา ใจ ของพระองค์บริสุทธ์ิผดุ ผ่อง ปราศจากความคิด ร้าย ปราศจากพฤติกรรมร้ายท้ังทางกายและวาจา สภาวะเช่นนเ้ี กดิ ขึ้นเองโดยอัตโนมัติ เป็นปกติธรรมดาเป็นธรรมชาติของผู้หมดกิเลส แล้ว ดังท่ีพระพุทธองค์ตรัสแสดงไวใ้ นมหาจัตตารสี กสตู ร๓ วา่ “สัมมาวาจาทเ่ี ปน็ อรยิ ะ เปน็ อนาสวะ เปน็ โลกตุ ตระ เปน็ องคแ์ ห่งมรรค เปน็ อยา่ งไร คอื ความงด ๑ ความเว้น ๑ ความเว้นขาด ๑ เจตนางดเว้น ๑ จากวจที จุ รติ ท้ัง ๔ ของภิกษุผู้มจี ติ ไกล ขา้ ศกึ มจี ติ หาอาสวะมไิ ด้ พรงั่ พรอ้ มดว้ ยอรยิ มรรค เจรญิ อรยิ มรรคอยนู่ แี้ ล คอื สมั มาวาจาทเี่ ปน็ อรยิ ะ เปน็ อนาสวะ เปน็ โลกุตตระ เป็นองค์แหง่ มรรค” ๓ ม.อ.ุ มหาจัตตารสี กสูตร (ไทย) ๒๒/๒๖๘-๒๗๘/๓๔๖-๓๔๙ พุทธคารวตา เคารพในพระพทุ ธเจ้า 89 namitra.org
“สมั มากมั มนั ตะทเ่ี ปน็ อรยิ ะ เปน็ อนาสวะ เปน็ โลกตุ ตระ เป็นองค์แหง่ มรรค เปน็ อย่างไร คอื ความงด ๑ ความเวน้ ๑ ความเวน้ ขาด ๑ เจตนางดเว้น ๑ จากกายทุจริตท้ัง ๓ ของภิกษุผู้มีจิต ไกลขา้ ศกึ มีจิตหาอาสวะมไิ ด้ พร่งั พร้อมดว้ ยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยนู่ ี้แล คอื สมั มากัมมันตะท่เี ปน็ อริยะ เปน็ อนาสวะ เปน็ โลกุตตระ เปน็ องคแ์ ห่งมรรค” “สมั มาอาชวี ะทเ่ี ปน็ อรยิ ะ เปน็ อนาสวะ เปน็ โลกตุ ตระ เป็นองคแ์ หง่ มรรค เปน็ อยา่ งไร คือ ความงด ๑ ความเวน้ ๑ ความเว้นขาด ๑ เจตนางดเว้น ๑ จากมิจฉาอาชีวะ ของภิกษุผู้มีจิตไกล ขา้ ศกึ มจี ติ หาอาสวะมไิ ด้ พรง่ั พรอ้ มดว้ ยอรยิ มรรค เจรญิ อริยมรรคอยู่น้ีแล คือ สัมมาอาชีวะท่ีเป็นอริยะ เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตตระ เปน็ องค์แห่งมรรค” สมั มาวาจา สัมมากมั มนั ตะ และสมั มาอาชีวะทเ่ี ปน็ อนาสวะ กค็ อื อธศิ ลี นน่ั เอง อนั เปน็ โลกตุ ตรศลี ของพระองคแ์ ละของพระอรยิ เจา้ ท้งั หลายดว้ ย แต่เพราะเหตุท่ีอธศิ ีลของพระองค์ เป็นองคแ์ ห่งมรรค เกิดพร้อมกับอรหัตมรรคจิตอันน�ำคุณวิเศษทั้งปวงมาให้ และเป็น ศีลปรมตั ถบารมีทอี่ บรมบม่ มานานแสนนานกว่าอรยิ สาวกท้ังปวง 90 ทีส่ ดุ แห่งธรรม ถึงไดด้ ว้ ยความเคารพ www.kalyan
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200