อภธิ มั มัตถสงั คหะ ปรจิ เฉทที่ ๓, ๗ ปกณิ ณกสงั คหะ สมจุ จยสังคหะ รวบรวมเรยี บเรยี งโดย พระอาจารย ทวี เกตุธมโฺ ม วัดราชสิทธาราม คณะ ๕
คํานาํ หนังสือคมู ือจฬู อาภธิ รรมิกะโทฉบับน้ี ขาพเจา ไดร วบรวมเรียบเรยี งขน้ึ เพ่อื ใหน ักศึกษาใชป ระกอบ การเรียนอภธิ รรมในชนั้ จฬู อาภธิ รรมกิ ะโท อนั เปน หลกั สตู รซึ่ง พระสัทธัมมโชตกิ ะ ธัมมาจรยิ ะ ไดร จนาไว ดีแลว โดยทขี่ าพเจา ยงั คงเน้อื หาสาระเดมิ ไวท กุ ประการ เพยี งแตร วบรวมในสว นหัวขอเนอื้ หาสาระท่ีสําคัญ นาํ เสนอในรูปแบบของผงั ภาพ ตาราง เพ่อื ใหเ ห็นภาพพจนช ดั เจนยง่ิ ขน้ึ อยางไรก็ตาม การทํางานทกุ อยาง ยอ มมีขอ ผดิ พลาด ขอ บกพรอ งเกดิ ขนึ้ ได หนงั สอื คมู ือจูฬ อาภิธรรมกิ ะโท ฉบับน้ี จงึ เปนฉบับที่ปรับปรงุ พิเศษจากฉบบั เดิมทีจ่ ดั ทาํ ตัง้ แตป ก ารศกึ ษา ๒๕๔๓ โดยแกไข บางสว นท่ผี ิดพลาด และเพม่ิ เติมในสว นท่สี าํ คัญ เชน คาถาตางๆ ลงในแตล ะบท ถึงกระนนั้ หากหนงั สอื คูมอื ฉบบั น้ี ยงั คงมขี อบกพรอ งประการหนงึ่ ประการใด ขา พเจาขอนอ มรับไวแตเพยี งผเู ดยี ว และยินดรี บั ฟง ขอ เสนอแนะของทกุ ทาน เพอ่ื นาํ มาแกไขปรบั ปรุงใหเ ปนคมู ือที่สมบรู ณยิง่ ขึน้ ท้ังนีเ้ พ่ือใหเกดิ ประโยชนสงู สดุ แกนกั ศึกษารุนตอๆ ไป หนงั สือจูฬอาภธิ รรมิกะโทฉบับนี้ ไมอาจสําเรจ็ ลงได โดยลําพงั ขา พเจา แตเ พยี งผเู ดยี ว ถา หากขาดการ อุปการะจากญาตธิ รรมผมู ีกศุ ลเจตนาท้ังหลาย โดยเฉพาะอยา งยง่ิ อาจารยป ระทุม เตมยิ สตู ผูเปนกาํ ลังสาํ คัญใน การจัดการเรยี นการสอนพระอภธิ รรม ณ วดั สามพระยาฯ และขอนอมบูชาพระรัตนตรยั และบรู พาจารยท ั้งหลาย และทส่ี าํ คญั ตอ งขอขอบคุณอนโุ มทนากบั ทา นอิศเรศ ธมมฺ วโร และโยมมณีรัตน อธริ าษฎรไ พศาล ที่ ชว ยพิมพต น ฉบับ เมอื่ ป ๒๕๔๓ และคณุ โยมศรชยั ชยาภิวฒั น โยมชุตมิ า ชยาภวิ ัฒน โยมภาณี เตชะเกรยี งไกร โยมนิภาวรรณ สริ พิ รไพฑรู ย นักศกึ ษาชน้ั จฬู อาภธิ รรมกิ ะโท สาํ นกั เรียนวัดสามพระยา ภาคการเรยี นท่ี ๒ ป การศกึ ษา ๒๕๔๙ ทช่ี ว ยปรบั ปรุงตนฉบบั ใหมในคร้ังน้ี และญาตโิ ยมทีร่ วมกนั เปน เจาภาพทกุ ทา นมา ณ ท่นี ี้ ดงั มี บาลีแสดงวา เสฎ นทฺ โท เสฏ มุเปติ านํ ผูใ หส่งิ ประเสรฐิ ยอมถึงฐานะท่ีประเสรฐิ สุดทายตอ งขออาํ นาจแหง คณุ พระศรรี ัตนตรยั และสง่ิ ศกั ดิส์ ิทธิ์ทงั้ หลาย จงปกปกษร ักษาประสทิ ธ์ิ ประสาทพร ใหญ าตโิ ยมทัง้ หลาย มีแตค วามสขุ กายสบายใจ ไดศ ึกษาธรรม ปฏบิ ตั ิธรรม จนกวาจะถึง มรรค ผล นิพพาน เทอญ .... สาธุ สาธุ สาธุ พระทวี เกตธุ มฺโม วดั ราชสทิ ธาราม ( คณะ ๕ ) ๙ มกราคม ๒๕๕๐
คาํ ปรารภ เรอื่ งการศกึ ษาพระอภธิ รรมน้ัน เมือ่ ขาพเจายงั อยูในสมณะเพศ ไดเ ปดการศกึ ษาขึน้ ทว่ี ัดเกาะแกวคลอง หลวง ตําบลไรห ลกั ทอง อําเภอพนสั นคิ ม จงั หวดั ชลบุรี เม่อื วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙ จนถงึ วันที่ ๖ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๔๓ จึงลาจากสมณะเพศ ในระหวางนนั้ มีพระภกิ ษุสามเณรไปศกึ ษาเลา เรยี นเปน จาํ นวนมากรวมท้งั พระอาจารยท วี เกตธุ มโฺ ม ความจรงิ พระอาจารยทวี เกตธุ มฺโม ทา นไดเ รยี นกับขา พเจา ต้งั แตส มยั ทา นยงั เปน สามเณร แมท า นบวชเปน พระแลว ทานก็ยงั ไปเรยี นกบั ขา พเจา อีกระยะหนง่ึ ตอมาทา นไดลาขา พเจามาศึกษาที่ กรงุ เทพฯ จนไดเ ปน อาจารยส อน เมือ่ ทานสอนไปกเ็ หน็ ความไมส ะดวกของนกั ศกึ ษา น้นั คอื หนังสอื คมู อื จูฬอาภิ ธรรมิกะโท ฉบับนี้ คงจะเปนประโยชนแ กผูเ รยี นผสู อน ทานพระอาจารยทวี เกตธุ มโฺ ม จงึ จดั ทาํ ข้นึ เพ่ือความ สะดวกของนกั ศึกษา ขาพเจา ไดเ หน็ แลว ก็มคี วามพอใจ ในความตั้งใจของทา น ขาพเจา จงึ ขออนโุ มทนาตอกศุ ลวิริยะของทา น ตลอดจนผรู วมงาน ผูอปุ ถัมภใ นการจัดพมิ พอยางจริงใจ พรหมมาศ ฉลอง มกราคม ๒๕๕๐
ปริจเฉทที่ ๓ สารบญั หนา มาติกาที่ ๑ มาตกิ าที่ ๒ บาลีและคาํ แปล ปกณิ ณกสังคหะ ๑ มาตกิ าที่ ๓ เวทนาสังคหะ ๗ มาตกิ าที่ ๔ - จาํ แนกจิตและเจตสิก โดย เวทนา ๙ มาติกาท่ี ๕ - แผนผงั เวทนาสังคหะ ๑๓ มาตกิ าที่ ๖ เหตสุ ังคหะ ๑๔ - จําแนกจติ โดย เหตุ ๑๖ - จาํ แนกจิตและเจตสกิ โดย เหตุ ๑๙ - แผนผงั เหตสุ ังคหะ ๒๐ กิจจสงั คหะ ๒๑ - แสดงฐาน ๑๐ ๒๒ - แผนผงั จาํ แนกจติ โดยกิจ ๑๔ ๒๕ - แผนผงั จาํ แนกเจตสิก ๕๒ โดยกิจ ๑๔ ๒๕ - อายขุ องจิตพรอมดว ยเจตสกิ และรูป ๒๖ - วิถีจติ มี ๑๕๒ วธิ ี ๒๗ - อปุ มา การเกดิ ข้นึ ของวิถจี ิตทางปญจทวาร ๓๐ - แสดงฐาน โดย พิสดาร ๓๒ ทวารสังคหะ ๓๖ - แสดงการจําแนกจติ โดยทวาริกจติ โดยแนนอนและไมแ นน อน ๓๗ - ตารางแสดงเอกทวารกิ จติ ฯลฯ ทวารวิมุตตจิต โดยแนน อนและไมแ นนอน ๓๗ - แผนผงั จาํ แนกจติ ๑๒๑ โดยทวาร ๓๙ อารมั มณสงั คหะ ๔๐ - คาถาแสดงจติ ทร่ี ับอารมณแ นนอน ๔ ประเภท และไมแ นนอน ๓ ประเภท ๔๓ - แผนผงั จําแนกจติ ๑๒๑ โดยอารมณ ๔๘ - ตารางแสดงอารมณโดย พสิ ดาร ๔๙ วัตถุสงั คหะ ๕๑ - คาถาแสดงการจาํ แนกภมู ิ ๓๐ โดยวัตถุ ๖ และวญิ ญาณธาตุ ๗ ๕๒ - ตารางแสดงการจําแนกจติ และเจตสิกทีอ่ าศยั วตั ถุรูปเกดิ ๕๓ โดยแนน อน และไมแ นนอน โดยวตั ถุรูป ๖ ๕๔ - แผนผงั จาํ แนกจิต ๑๒๑ โดยวัตถุ ๕๕ - แสดงภาพประกอบการจาํ แนกวญิ ญาณธาตุ ๗ ท่เี กดิ ในกามภมู ิ ๑๑ รูปภมู ิ ๑๕ อรูปภมู ิ ๔
มาตกิ าที่ ๗ สมจุ จยสังคหะ บาลแี ละคําแปล ๕๖ - อธิบายวัตถธุ รรม ๗๒ ประการ ๖๒ อกุศลสังคหะ คาถาแสดงองคธรรม ของอกุศลสงั คหะ ทั้ง ๙ หมวด ๖๔ - อาสวะ, โอฆะ, โยคะ, คนั ถะ ๖๕ - อุปาทาน, นวี รณะ ๖๖ - อนุสยั , สงั โยชน ๖๗ - กิเลส ๖๘ มิสสกสงั คหะ คาถาแสดงองคธ รรม ของมสิ สกะสังคหะ ท้งั ๗ หมวด ๗๑ - เหต,ุ ฌานงั คะ ๗๑ - มัคคงั คะ, อนิ ทรยี , พละ ๗๒ - อธิบดี ๗๓ - อาหาร ๗๔ โพธปิ กขิยสงั คหะ ๗๖ - สตปิ ฏฐาน ๗๖ - สัมมปั ปธาน, อิทธบิ าท, อนิ ทรีย, พละ ๗๗ - โพชฌงค, มัคคงั คะ ๗๘ สัพพสังคหะ ๘๑ - ขนั ธ ๘๑ - อุปาทานักขนั ธ ๘๒ - อายตนะ ๘๓ - ธาตุ ๑๘, อรยิ สจั จะ ๔ ๘๔ คาํ กรวดน้ํา คํานําแผเมตตา ๘๖
เวทนา ๓ หรือ ๕ เหตุ ๖ หรอื ๙ แสดงการสงเคราะหจติ เ กจิ ๑๔ และฐาน ๑๐ โส สุขเวทนา มี ๑ ๒๒๒ ๒ อเหตุกจิต มี ๑๘ ชชช ช อุ ทกุ ขเวทนา มี ๑ ๒๒๒ ๒ เอกเหตุกจิต มี ๒ ชชช ช โท โสมนสั เว. มี ๖๒ ๒๒ ทวเิ หตุกจิตมี ๒๒ ชช โทมนสั เว. มี ๒ ๑๑ ติเหตกุ จติ มี ๔๗ ชช อุเบกขาเว. มี ๕๕ ปฏิ ภ จุ ณ ต ทุ ----- -- ทัส สว ฆา สา ผสุ สํ ๕ สุ ----- -- - ทัส สว ฆา สา ผสุ สํ ๕ ๒ --- อา ๒ ช อา วุ ณต ๓๓๒๒ ชชช ช ๓๓๒๒ ชชช ช ๓๓๒๒ ๔๔๔ ๔ ปฏิ ภ จุ ต ๓๓๒๒ ๔๔๔ ๔ ๓๓๒๒ ชชช ช ๓๓๒๒ ชชช ช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ปฏิ ภ จุ ๓๓ ๓๓๓ ๓๓ ๓๓๓ ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓ ๓ ๓ ๓ ชช ชช ๓ ๓ ๓ ๓ ๓๓ ๓๓ ๓๓ ๓๓ ชช ชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช
เจตสิก โดยประเภทแหง อารมณ ๖ วัตถุ ๖ ทวาร ๖ ๖๖๖ ๖ จติ ทเี่ กิดใน ๖ ๖ ๖ จิต ๒๕ ดวง จิต ๔๓ ดวง ๖๖๖ ๖ ทวารเดยี ว มี ๓๖ ๖ ๖ ๖ ๖๖ ทวิ.๑๐ อปั ป.๒๖ ๖ เกดิ ไดในอารมณ ๖ ท่ีเปน ทวิ.๑๐ มโนธาตุ ๓ ๖๖ จิตท่เี กิดใน ๖ ทเี่ ปนกามธรรมอยางเดียว ทวาร ๕ มี ๓ ๖๖ มโนวิญญาณธาตุ ๓๐ มโนธาตุ ๓ ๖๖ จติ ๖ ดวง ไดแก โท ๒ สนั ตี๓ หสิ.๑ มหา.วิ.๘ ๕ ๖/๐ เกิดไดในธรรมารมณ ท่ี ๕ ๖/๐ ๖ รปู า.๑๕ โสดา. มรรค ๑ เหลา น้ี เปนมหคั คตะ อยา งเดยี ว จติ ที่เกิดใน เกดิ ขนึ้ โดยอาศยั วตั ถรุ ปู แนนอน ทวาร ๖ มี ๓๑ ๑๑๑๑ ๑ กามชวน ๒๙, กาม กาม กาม กาม กาม กาม กาม ๑๑๑๑ ๑ โส.สัน.๑. มโน.๑ ๕๖ ๖ กาม กาม กาม กาม กาม กาม กาม กาม จติ ทีบ่ างทีเกดิ ในทวาร ๖ กาม ๖ กาม จติ ๒๑ ดวง บางทเี กิดพน ๖๖๖ ๖ จากทวาร ๖ ๖ ๖ ๖ ๖ เกิดไดใ นธรรมารมณ ที่ จติ ๔๒ ดวง ๖๖๖ ๖ มี ๑๐ - อ.ุ สนั .๒ เปนบญั ญัติ อยา งเดยี ว โลภ ๘ โมห ๒ มโน ๑ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ มหา.วิ. ๘ ๖๖๖ ๖ มหา.กุ.๘ มหา.ก.ิ ๘ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ จิต ๘ ดวง อรูปา.ก,ุ ๔ อรูปา.กิ.๔ ๖๖๖ ๖ ๑ ๑๑ กาม กาม กาม กาม เกิดไดในธรรมารมณ ท่ี โลก.ุ ๗ (เวนโสดา.มรรค) ๖๖๖ ๖ ๐ ๐๐ กาม กาม กาม กาม เปนนิพพาน อยา งเดยี ว เหลา นี้เกิดข้ึนโดยอาศัย ๑ ๑๑ วัตถรุ ูปไมแนนอน ๖ ๖ ๖ ๖ จิต ๒๐ ดวง ๖ ๖ ๖ เกิดไดใ นอารมณ ๖ ทเี่ ปน ๖ กาม. มหคั . บญั . (เวน โลกตุ ตรธรรม ๙) ๑๑ ๑๑ ๑ ๒บ๕. ๑บ๔. ๑บ๔. ๑บ๔. ๑บ๒. ๖ อภิ. ๐๐ ๐๐ ๐ ๒บ๕. ๑บ๔. ๑บ๔. ๑บ๔. ๑บ๒. ๖ อภ.ิ ๑๑ ๑๑ ๑ ๒บ๕. ๑บ๔. ๑บ๔. ๑บ๔. ๑บ๒. ๑ จติ ท่เี กดิ พน ๐ จิต ๕ ดวง บ. มหคั บ. มหัค จากทวาร ๖ ๑ เสมอ เกดิ ไดในอารมณ ๖ ทีเ่ ปน บ. มหัค บ. มหัค เกิดขึ้นโดยไมไ ดอ าศยั มี ๙ - มหัค.วิ. ๙ บ. ม๒หัค บ. วัตถรุ ูปเลย กาม. มหัค. โลก.ุ บญั . ม๒หัค ๑ (เวน อร.มรรค, อร.ผล) ๑ ๑ นพิ จิต ๖ ดวง ๑ นพิ ๑ นพิ เกิดไดใ นอารมณ ๑ นิพ ท้ัง ๖ ที่เปน กาม. ๑ มหคั . โลกุ. บญั . ๑ โดยไมม เี หลอื นพิ นพิ นิพ นิพ
เจตสิก ๕๒ โดย เวทนา ๕ เจตสิก ๕๒ โดย เหตุ ๖ เจตสกิ ๕๒ โดย กจิ ๑๔ สขุ ทกุ ข โสมนัส โทมนสั อเุ บกขา อคหิตัคคหนนัย (นับแลว ไมนบั อกี ) ๕ ๕๕๕๕๕ ๖๖๖๖๖๖๖ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๓ ๓ ๓ ๓ โส ๓ ๖ ๖ ๖ ๖๕ ๖ ๙ ๙ ๙ ๗๖๕ ๓๓๓๓ ๒๓๓๓ ชชชช ๒๒๒ โสมนสั อเุ บกขา ๑ ๒๒ ชชช ๑ ๒๒๒ ชชชช โท โท โท โท ชช ๓๓ ๓๓ ช อุ โสมนสั โทมนัส อเุ บกขา ๑ ๒๒๒๒๒๒๒ ๓๓ ๓๓๒ ๒๓ ๕๕๕ ๕๕๕๕ ๒๒๒ ๒๒ ๓๓๓ ๓๓ ๕๕ ๒๒ ๒๒ ๓๓ ๓๓ ชชช ๒ ๒๒ ๒ ๓๓ ๔๔ ๕๕ ๐ อเหตุกเจ. ไมม ี ๓๓ ๕๕ ๒๒ ๑ เอกเหตุกเจ. มี ๓ ๓๓ ๕ ๕๕ ๒๒ ๓๓ ๒๒ ๒ ทวเิ หตกุ เจ. มี ๙ ๔ ปฏิ ภ จุ ช ๕๕ ๓ ติเหตุกเจ. มี ๒๗ ๕ ปฏิ ภ จุ ชต ๕๕ ๔ จตเุ หตกุ เจ. ไมมี ๖ ปฏิ ภ จุ ๕ ปญ จเหตุกเจ. มี ๑ ๗ ปฏิ ภ จุ ณชต ๖ ฉเหตกุ เจ. มี ๑๒ ๙ ปฏิ ภ จุ อา วุ ช ต อา สํ ณ วุ ช ต ๑ เจ. ที่เกดิ พรอ มดว ยเวทนาเดียว คหติ ัคคหนนยั (นับแลว นับอีก) กิจ ๑๔ มี ๖ ดวงคอื ปติ ๑ โท. ๔ วจิ .ิ ๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๑. ปฏสิ นธิกิจ ทําหนา ท่ีสืบตอ ภพใหม ๒ เจ. ทเ่ี กิดพรอมดว ยเวทนา ๒ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓ ๒ ๓ มี ๒๘ ดวงคือ โล.๓ โสภณ ๒๕ ๒. ภวังคกิจ ทําหนา ทร่ี ักษาภพ ๓ เจ. ที่เกดิ พรอมดวยเวทนา ๓ ๐๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๓. อาวัชชนกิจ ทาํ หนา ท่ีพจิ ารณาอารมณ มี ๑๑ ดวงคือ ปกิณ.๕ (เวน ปติ ) ๑ โม.๔ ถีทุก.๒ ๑ ๒ ๒ ๒ ๔. ทัสสนกจิ ทําหนา ทเ่ี ห็น ๒ ๒ ๔ เจ. ทเี่ กดิ พรอมดว ยเวทนา ๔ ไมม ี ๕. สวนกิจ ทําหนา ทไี่ ดยนิ ๕ เจ. ที่เกดิ พรอมดว ยเวทนา ๕ ๖. ฆายนกจิ ทาํ หนา ท่รี กู ล่ิน มี ๖ ดวงคือ สพั พ.๖ (เวน เวทนา) ๒๒ ๗. สายนกิจ ทาํ หนา ทรี่ ูร ส เจ. ท่ีไมเกิดพรอ มดวยเวทนา อยา งหน่ึงอยา งใด ๑ ๘. ผสุ นกจิ ทําหนา ท่รี ูถูกตอง มี ๑ คือ เวทนาเจ. ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๑ ๒๑ ๒๓ ๙. สมั ปฏิจฉนกจิ ทาํ หนา ท่ีรบั อารมณ ๑๐. สันตรี ณกิจ ทําหนา ทไี่ ตสวนอารมณ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๑๑. โวฏฐพั พนกิจ ทําหนา ทีต่ ัดสนิ อารมณ ทาํ หนา ท่ีเสพอารมณ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๑๒. ชวนกิจ ๒๓ ๒๓ ๑๓. ตทารัมมณกิจ ทําหนา ทรี่ บั อารมณ ๒ ๒๓ ๒๓ ตอจากชวน ๒๓ ๒๓ ๐.อเหตกุ เจ. มี ๑๓ ดวง ๒๓ ๒๓ ๑๔. จุตกิ ิจ ทําหนา ส้ินจากภพเกา ๑.เอกเหตุก เจ. มี ๒๐ ดวง ๒.ทวิเหตกุ เจ. มี ๔๘ ดวง ๓.ติเหตกุ เจ. มี ๓๕ ดวง
เจตสกิ ๕๒ โดย ทวาร ๖ เจตสิก ๕๒ โดย อารมณ ๒๑ เจตสกิ ๕๒ โดย วัตถุ ๖ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๖๖๖๖ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ เกดิ ในกามภูมเิ ทา นน้ั ๖๖๖ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๖๖๖๖ ๒๐ ๑๗ ๒๐ ๒๐ เกิดใน ๖๖ ๒๐ ๒๐ ปญจโวการภมู ิเทา นั้น ๖ ๒๐ เจตสิก ๔๖ ดวง ( เกดิ ในปญ จโวการภมู ิ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๖๖๖ ๖/๐ ๖/๐ ๑๘ ๑๘ ๑๘ ๒๑ ๒๑ หรอื เกิดในจตุโวการภมู ิก็ได ) มโนทวาร ๖/๐ ๖/๐ ๔๔ ๒๑ ๒๑ - เกิดในปญ จโวการภูมิ อาศยั วตั ถรุ ปู เกิด ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๒๑ ๒๑ ๒๑ - เกิดในจตโุ วการภมู ิ ไมไ ดอาศยั วัตถุรูปเกดิ ๖/๐ ๖/๐ ๒๑ ๒๑ ทวาร มี ๖ คือ ๖/๐ ๖/๐ ๒๑ ๒๑ วตั ถุ มี ๖ คอื ๔ กาลวมิ ตุ ต บัญญตั อิ า. ๒๑ ๒๑ ๑. จกั ขทุ วาร อธ. จักขปุ สาท ๖/๐ ๖/๐ พหิทธอา. ธรรมารมณ ๑. จกั ขุวตั ถุ อธ. จกั ขุปสาท ๒. โสตวตั ถุ อธ. โสตปสาท ๒. โสตทวาร อธ. โสตปสาท ๑๗ อา.๒๑ ( เวน นพิ พาน ๓. ฆานวัตถุ อธ. ฆานปสาท ๔. ชวิ หาวตั ถุ อธ. ชวิ หาปสาท ๓. ฆานทวาร อธ. ฆานปสาท อชั ฌตั ตอา. พหิทธอา. อชั ฌตั ตพหทิ ธอา.) ๕. กายวตั ถุ อธ. กายปสาท ๔. ชิวหาทวาร อธ. ชวิ หาปสาท ๑๘ อา.๒๑ ( เวนมหัคคตอา. อดตี อา. ๖. หทยั วตั ถุ อธ. หทยรปู ๕. กายทวาร อธ. กายปสาท บญั ญัติอา. ) ๒๐ อา.๒๑ ( เวน นพิ พาน ) ๖. มโนทวาร อธ. ภวงั คจิต ๑๙ ๑. เอกทวารกิ เจ. - เจตสกิ ท่เี กิดในทวารเดียว อารมณ ๒๑ -แนนอน ๒ คือ อปั ป.๒ -ไมแ นน อน ๕๐ ( เวน อัปป.๒ ) ๑ กามอารมณ ๑๒ อชั ฌตั ตอารมณ ๒. ปญจทวาริกเจ. - เจตสกิ ทเี่ กดิ ในทวาร ๕ ๒ มหัคคตอารมณ ๑๓ พหทิ ธอารมณ -แนน อน ไมมี -ไมแ นนอน ๕๐ ( เวน อัปป.๒ ) ๓ นพิ พานอารมณ ๑๔ อชั ฌตั ตพหิทธอา. ๓. ฉทวารกิ เจ. - เจตสกิ ท่เี กดิ ในทวาร ๖ ๔ นามอารมณ ๑๕ รูปารมณ -แนนอน ๑๗ คือ อก.ุ ๑๔, วิรตี ๓ -ไมแ นน อน ๓๓ คอื อญั ญ.๑๓ ๕ รูปอารมณ ๑๖ สัททารมณ โสภณ.๒๐ (เวน วริ ต.ี ๓ อัปป.๒) ๖ ปจจุบนั อารมณ ๑๗ คันธารมณ ๔. ทวาริกเจ. - เจตสิกทเ่ี กดิ ในทวาร ๗ อดตี อารมณ ๑๘ รสารมณ -แนน อน ๑๗ คือ อก.ุ ๑๔, วริ ตี ๓ -ไมแนนอน ๓๕ คือ อัญญ.๑๓ ๘ อนาคตอารมณ ๑๙ โผฏฐพั พารมณ โสภณ.๒๒ (เวน วริ ต.ี ๓) ๙ กาลวมิ ุตตอ ารมณ ๒๐ ปญจารมณ ๕. ทวารวิมุตตเจ. - เจตสิกท่ีเกดิ พนจากทวาร ๑๐ บัญญัตอิ ารมณ ๒๑ ธรรมารมณ -แนนอน ไมม ี -ไมแ นน อน ๓๕ คอื อัญญ.๑๓ ๑๑ ปรมัตถอารมณ โสภณ.๒๒ (เวน วิรต.ี ๓)
คาถาสําคัญในจฬู อาภธิ รรมิกะโท ๑ ปริจเฉทท่ี ๓ ปกณิ ณกสังคหะ มาติกาทง้ั ๖ และคําปฏญิ ญา คาถาสังคหะ ๑. สมปฺ ยุตฺตา ยถาโยคํ เตปฺาส สภาวโต จิตฺตเจตสิกา ธมมฺ า เตสนทฺ านิ ยถารหํ ๒. เวทนาเหตโุ ต กจิ ฺจ- ทฺวาราลมพฺ นวตฺถุโต จติ ตฺ ปุ ปฺ าทวเสเนว สงฺคโห นาม นียเต สภาวธรรม ๕๓ คอื จติ และเจตสกิ ช่อื วา นามเตปญฺ าส วาโดยลกั ษณะของตนๆ ประกอบดว ย เอกปุ ฺปาทตา เปน ตน ตามที่ประกอบได ดังแสดงแลว โดยพสิ ดาร ( ในปริจเฉทที่ ๒ ) บัดนี้ ขา พเจาจะแสดงปกณิ ณกสังคหะของจิตและเจตสิก วาดวยอาํ นาจแหง การเกดิ ขน้ึ ของจิต โดยประเภทแหง เวทนา เหตุ กจิ จ ทวาร อารมณ และวตั ถตุ ามสมควร ๑. เวทนาสงั คหะ . . คาถาแสดงเวทนา ๓ และ ๕ ๑. สขุ ํ ทุกฺขมุเปกขฺ าติ ตวิ ิธา ตตฺถ เวทนา โสมนสฺสํ โทมนสฺส มติ ิ เภเทน ปฺจธา ในเวทนาสังคหะนั้น วาโดย อารัมมณานภุ วนลักขณะ คือ ลกั ษณะแหง การเสวยอารมณแ ลว มีเวทนา ๓ อยางคอื ๑ สุขเวทนา ๒ ทกุ ขเวทนา ๓ อเุ บกขาเวทนา วา โดย อินทริยเภท คือ ประเภทแหง อินทรยี แลว มีเวทนา ๕ อยาง คือ ๑ สขุ เวทนา ๒ ทกุ ขเวทนา ๓ โสมนัสเวทนา ๔ โทมนัสเวทนา ๕ อุเบกขาเวทนา คาถาแสดงการจาํ แนกจติ ๑๒๑ โดยเวทนา ๕ ๒. สุขเมกตฺถ ทกุ ฺขฺจ โทมนสสฺ ํ ทฺวเย ติ ํ ทฺวาสฏสี ุ โสมนสฺสํ ปจฺ ปฺาสเกตรา สุขเวทนา และทุกขเวทนา ประกอบอยูในกายวญิ ญาณจติ อยางละ ๑ ดวง โทมนสั เวทนา ประกอบอยูใ นจิต ๒ ดวง โสมนัสเวทนา ประกอบอยใู นจิต ๖๒ ดวง เวทนาท่นี อกจากนี้ คอื อเุ บกขาเวทนา ประกอบอยใู นจติ ๕๕ ดวง
๔. ทวารสงั คหะ . . คาถาแสดงการจาํ แนกจิต ๕ ประเภท ๓ ๑. เอกทฺวารกิ จิตฺตานิ ปฺจฉทฺวารกิ านิ จ ฉทวฺ ารกิ วมิ ุตฺตานิ วิมุตฺตานิ จ สพพฺ ถา ฯ ๒. ฉตฺติสติ ตถา ตีณิ เอกตฺตสิ ยถากกฺ มํ ทสธา นวธา เจติ ปฺจธา ปรทิ ปี เย ฯ จติ ทเ่ี กิดในทวารเดียว จติ ทเ่ี กดิ ในทวาร ๕ จิตท่ีเกดิ ในทวาร ๖ จิตทีบ่ างทีเกิดในทวาร ๖ บางทีเกิดพน จากทวาร ๖ และจติ ทีเ่ กดิ พน จากทวาร ๖ เสมอ มีจาํ นวนตามลาํ ดับดงั น้ี คอื ๓๖, ๓, ๓๑, ๑๐ และ ๙ ๕. อารัมมณสังคหะ คาถาแสดงจติ ทร่ี บั อารมณแ นนอน ๔ ประเภท และไมแ นน อน ๓ ประเภท ๑. ปจฺ วสี ปริตตฺ มหฺ ิ ฉ จิตฺตานิ มหคคฺ เต เอกวสี ติ โวหาเร อฏ นิพฺพานโคจเร ฯ ๒. วีสานุตฺตรมตุ ตฺ มฺหิ อคคฺ มคคฺ ผลุชฺฌิเต ปฺจ สพพฺ ตฺถ ฉจเฺ จติ สตตฺ ธา ตตฺถ สงคฺ โห ฯ ๑. จิต ๒๕ ดวง คือ ทวปิ ญ จวิญญาณจติ ๑๐ มโนธาตุ ๓ สันตรี ณจิต ๓ มหาวปิ ากจติ ๘ หสติ ปุ ปาทจิต ๑ เกดิ ไดในอารมณ ๖ ทเ่ี ปน กามธรรม อยา งเดียว จติ ๖ ดวง คอื วญิ ญาณญั จายตนฌานจติ ๓ เนวสญั ญานาสัญญายตนฌานจติ ๓ เกดิ ไดในธรรมารมณ ทีเ่ ปน มหคั คตะ อยา งเดียว จติ ๒๑ ดวง คอื รปู าวจรจิต ๑๕ ( เวน อภญิ ญาจติ ๒ ) อากาสานัญจายตนฌานจิต ๓ อากญิ จญั ญายตนฌานจติ ๓ เกิดไดในธรรมารมณทีเ่ ปน บญั ญัติ อยางเดยี ว จติ ๘ ดวง คอื โลกุตตรจิต ๘ เกิดไดใ นธรรมารมณ ทเี่ ปน นพิ พาน อยา งเดียว ๒. จิต ๒๐ ดวง คือ อกุศลจติ ๑๒ มหากศุ ลญาณวิปปยุตตจิต ๔ มหากิริยาญาณวปิ ปยตุ ตจติ ๔ เกดิ ไดในอารมณ ๖ ทเี่ ปน กามะ มหัคคตะ บญั ญตั ิ ( เวน โลกตุ ตรธรรม ๙ ) จติ ๕ ดวง คือ มหากุศลญาณสัมปยุตตจติ ๔ กศุ ลอภญิ ญาจิต ๑ เกิดไดใ นอารมณท้งั ๖ ที่เปน กามะ มหคั คตะ โลกุตตระ บัญญัติ ( เวน อรหัตตมรรค อรหตั ตผล ) จติ ๖ ดวง คอื มหากริ ยิ าญาณสัมปยุตตจิต ๔ กิรยิ าอภิญญาจิต ๑ มโนทวาราวัชชนจิต ๑ เกดิ ไดใ นอารมณท ั้ง ๖ ท่เี ปน กามะ มหคั คตะ โลกตุ ตระ บญั ญตั ิ โดยไมม เี หลือ ในอารัมมณสังคหะนี้ มกี ารสงเคราะหจติ ๗ นัย โดยประเภทแหง เอกันตะ ๔ อเนกันตะ ๓ ดังทีก่ ลาวมาแลว ดวยประการฉะนี้
๒. เหตุสงั คหะ . . คาถาแสดงเหตุ ๖ หรอื ๙ ๒ ๑. โลโภ โทโส จ โมโห จ เหตู อกสุ ลา ตโย อโลภาโทสาโมโห จ กสุ ลาพฺยากตา ตถา ฯ อกุศลเหตุ มี ๓ คือ โลภเหตุ โทสเหตุ โมหเหตุ กุศลเหตุ และอพยากตเหตุ มอี ยางละ ๓ คอื อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ คาถาแสดงการจําแนกจิต โดย เหตุ ๒. อเหตุกาฏารเสก เหตกุ า เทฺว ทวฺ าวีสติ ทวฺ เิ หตกุ า มตา สตฺต จตตฺ าลีส ตเิ หตุกา ฯ นักศกึ ษาทั้งหลายพึงทราบวา อเหตุกจิต มี ๑๘ เอกเหตุกจิต มี ๒ ทวิเหตกุ จิต มี ๒๒ ตเิ หตุกจติ มี ๔๗ ๓. กจิ จสงั คหะ . . คาถาแสดงกจิ ๑๔ และฐาน ๑๐ ๑. ปฏสิ นธฺ าทโย นาม กจิ ฺจเภเทน จทุ ทฺ ส ทสธา านเภเทน จติ ฺตปุ ฺปาทา ปกาสติ า ฯ แสดงจิตตุปปาทะ ทมี่ นี ามวา ปฏิสนธจิ ิต เปน ตน วาโดยประเภทแหงกิจ มี ๑๔ กจิ วาโดยประเภทแหง ฐาน มี ๑๐ ฐาน คาถาแสดงการจําแนกจติ โดย กจิ และฐาน ๒. อฏสฏิ ตถา เทวฺ จ นวาฏ เทวฺ ยถากกฺ มํ เอก ทฺวิ ติ จตุ ปจฺ กิจจฺ ฏานานิ นทิ ฺทเิ ส ฯ แสดงจํานวนจติ โดยหนาท่แี ละฐาน ตามลําดับ ดงั น้ี คอื จติ ทีม่ ีหนา ที่ ๑ และฐาน ๑ มจี ํานวน ๖๘ ดวง จติ ที่มีหนาที่ ๒ และฐาน ๒ มีจาํ นวน ๒ ดวง จิตท่มี หี นา ท่ี ๓ และฐาน ๓ มีจํานวน ๙ ดวง จิตท่มี ีหนา ท่ี ๔ และฐาน ๔ มีจาํ นวน ๘ ดวง จติ ทมี่ ีหนาท่ี ๕ และฐาน ๕ มีจาํ นวน ๒ ดวง คาถาแสดงฐานโดยพิสดาร ๓. สนธฺ ิ เอกํ ฉ ภวงฺคํ ทฺวาวชชฺ นํ ปจฺ าทเฺ ยกํ เทฺว โว โช ฉ ตทา เทวฺ ติ จุตีติ ปฺจวสี ติ ปฏิสนธิฐาน มี ๑ ภวงั คฐาน มี ๖ อาวัชชนฐาน มี ๒ ปญ จวญิ ญาณฐาน มี ๑ สัมปฏจิ ฉนฐาน มี ๑ สนั ตีรณฐาน มี ๑ โวฏฐัพพนฐาน มี ๒ ชวนฐาน มี ๖ ตทารมั มณฐาน มี ๒ จตุ ฐิ าน มี ๓ รวมเปน ฐาน ๒๕
๖. วตั ถุสงั คหะ . . คาถาแสดงการจําแนกภมู ิ ๓๐ ๔ โดยวตั ถุรูป ๖ และ วญิ ญาณธาตุ ๗ ๑. ฉวตถฺ ุ นิสฺสิตา กาเม สตตฺ รูเป จตุพพฺ ิธา ตวิ ตฺถุ นสิ ฺสติ ารูเป ธาเตฺวกานสิ ฺสติ า มตา ฯ นักศึกษาทั้งหลาย พึงทราบ วญิ ญาณธาตุ ๗ ท่อี าศัยวตั ถุรปู ๖ เกิดใน กามภูมิ ๑๑ พึงทราบ วญิ ญาณธาตุ ๔ คอื จักขวุ ญิ ญาณธาตุ โสตวิญญาณธาตุ มโนธาตุ มโนวิญญาณธาตุ ทีอ่ าศัยวัตถรุ ูป ๓ คอื จักขุวตั ถุ โสตวตั ถุ หทยวตั ถุ เกดิ ในรูปภูมิ ๑๕ ( เวน อสัญญสัตตภมู ิ ) พึงทราบ มโนวิญญาณธาตุ ๑ ท่ีไมไ ดอ าศัยวตั ถุรปู เกิดในอรูปภมู ิ ๔ คาถาแสดงการจําแนกจิตทอ่ี าศยั และไมไ ดอ าศัยวัตถุรปู เกิด โดยแนน อน และไมแนนอน ๒. เตจตฺตาลสี นสิ สฺ าย เทฺวจตตฺ าลีส ชายเร นิสฺสาย จ อนิสฺสาย ปาการุปปฺ า อนสิ สฺ ิตา ฯ จติ ๔๓ ดวง คือ ปญ จวญิ ญาณธาตุ ๑๐ มโนธาตุ ๓ มโนวิญญาณธาตุ ๓๐ ไดแ ก โทสมลู จิต ๒ สนั ตรี ณจติ ๓ หสิตปุ ปาทจิต ๑ มหาวปิ ากจิต ๘ รูปาวจรจติ ๑๕ โสดาปตติมรรคจิต ๑ เหลาน้ี เกดิ ข้นึ โดยอาศยั วัตถรุ ูปแนน อน จติ ๔๒ ดวง คอื โลภมูลจิต ๘ โมหมลู จิต ๒ มโนทวาราวชั ชนจติ ๑ มหากุศลจติ ๘ มหากิริยาจิต ๘ อรูปาวจรกุศลจิต ๔ อรปู าวจรกิรยิ าจติ ๔ โลกตุ ตรจิต ๗ ( เวน โสดาปต ติมรรค ) เหลา น้ี เกิดขึ้นโดยอาศัยวัตถุรูปไมแ นน อน อรปู วปิ ากจิต ๔ ยอมเกิดข้นึ โดยไมไ ดอ าศัยวตั ถรุ ปู เลย
๕ ปริจเฉทท่ี ๓ ปกิณณกสงั คหะ แสดงมาตกิ าทงั้ ๖ และคําปฏิญญา คาถาสงั คหะ ๑. สมปฺ ยตุ ตฺ า ยถาโยคํ เตปญฺ าส สภาวโต จติ ตฺ เจตสิกา ธมฺมา เตสนทฺ านิ ยถารหํ ๒. เวทนาเหตุโต กจิ จฺ - ทฺวาราลมพฺ นวตถฺ โุ ต จติ ตฺ ปุ ปฺ าทวเสเนว สงฺคโห นาม นียเต สภาวธรรม ๕๓ คอื จติ และเจตสกิ ช่อื วา นามเตปญฺ าส วา โดยลกั ษณะของตนๆ ประกอบดว ย เอกปุ ฺปาทตา เปนตน ตามทป่ี ระกอบได ดงั แสดงแลวโดยพสิ ดาร (ในปริจเฉท ที่ ๒ ) บดั นข้ี าพเจา จะแสดง ปกิณณกสงั คหะของจติ และเจตสกิ วาดว ยอํานาจแหง การเกดิ ขึ้นของจิต โดยประเภทแหง เวทนา เหตุ กจิ จ ทวาร อารมณ และวตั ถุ ตามสมควร ปกณิ ณกสงั คหะ หมายความวา การแสดงสงเคราะหจ ิต เจตสกิ โดยเร่ียรายทว่ั ๆ ไป ในสังคหะ ๖ อยาง คอื เวทนา เหตุ กจิ จ ทวาร อารมณ วัตถุ ปกณิ ณกสังคหะ เมื่อแยกบทวา มี ๒ บท คือ ปกิณณก - สงั คหะ ปกิณณกะ แปลวา กระจดั กระจาย คละกนั เบด็ เตลด็ เรี่ยรายทว่ั ๆ ไป สังคหะ แปลวา รวบรวม การแสดงสงเคราะห คาถาที่ ๑ สมฺปยุตตฺ า ยถาโยคํ ฯลฯ ยถารหํ แสดงเพือ่ มงุ หมายเปน ปพุ พานสุ นั ธิ ( สนธิกอ น ) คอื กลา วเช่ือมระหวางปรจิ เฉทที่ ๒ กบั ปรจิ เฉทที่ ๓ ตอกัน คาถาท่ี ๒ เวทนาเหตโุ ต ฯลฯ นยี เต แสดงเพ่ือมุง หมายเปน อปรานสุ นั ธิ ( สนธิหลงั ) คือ กลา วแสดงหัวขอ มาติกาท้ัง ๖ ของปริจเฉทที่ ๓ และกลา วปฏญิ ญา ( คํารบั รอง ) วาจะแสดงขยายความแหง การเกิดข้นึ ของจิตเจตสกิ โดย แบง ประเภทแหง หวั ขอ ทั้ง ๖ น้ัน คอื เวทนา เหตุ กิจจ ทวาร อารมณ วัตถุ
๖ ปกณิ ณกสงั คหะ ๖ อยาง ( หรือ เรยี กวา มาติกา ๖ ) ๑. เวทนาสังคหะ การแสดงสงเคราะหจ ติ เจตสกิ โดยประเภทแหง เวทนา ๓ หรอื ๕ ๒. เหตุสังคหะ การแสดงสงเคราะหจ ิต เจตสิก โดยประเภทแหง เหตุ ๖ หรือ ๙ ๓. กจิ จสังคหะ การแสดงสงเคราะหจ ติ เจตสิก โดยประเภทแหง กจิ ๑๔ และฐาน ๑๐ ๔. ทวารสงั คหะ การแสดงสงเคราะหจ ติ เจตสิก โดยประเภทแหง ทวาร ๖ ๕. อารมั มณสังคหะ การแสดงสงเคราะหจ ิต เจตสกิ โดยประเภทแหง อารมณ ๖ ๖. วัตถสุ งั คหะ การแสดงสงเคราะหจติ เจตสกิ โดยประเภทแหง วัตถุ ๖ (๑) เวทนาสงั คหะ (๒) เหตสุ งั คหะ (๓) กิจจสังคหะ (๔) ทวารสังคหะ (๕) อารมั มณสังคหะ (๖) วัตถสุ งั คหะ เว. ๓ เหตุ ๖ กจิ ๑๔ ทวาร ๖ อา ๖ วัตถุ ๖ เว. ๕ เหตุ ๙ ฐาน ๑๐ ทวาร ๕ อา ๒ ปจจัย ๓ เหตุ ๔ ฐานพสิ ดาร เอก ๓๖ อา ๔ ภมู ิ ๓๑(๑) ๒๕ ปญจ ๓ วิญ.๗ อคหิตัก ฉ ๓๑ ๒๕/๖/๒๑/๘ คหติ ัก วมิ ตุ ๙ ๒๐/๕/๖ ๔๓/๔๒/๔ เหตพุ ิสดาร ๒๘๓ อารมณ พสิ ดาร ๒๑ นามเตปฺาส ไดแ ก สภาวธรรม ๕๓ คอื จิต ๑ เจตสิก ๕๒ รวมเปน สภาวธรรม ๕๓ ทีน่ บั อยา งน้ี คือ นบั ลักษณะอาการของตนๆ ดงั น้ี ¾ จิต ๘๙ – ๑๒๑ ดวง นับเปน ๑ เพราะ เมือ่ วาโดยลกั ษณะแลว มลี ักษณะอยา งเดียว คือ มีการไดร ับอารมณอยเู สมอ เหมอื นกนั หมด ( อารมฺมณวชิ านนลกขฺ ณา ) ¾ เจตสิก ๕๒ ดวง เม่อื วา โดยลักษณะแลว มลี กั ษณะของตนโดยเฉพาะ เชน ผสั สเจตสกิ มีลักษณะกระทบอารมณ ( ผสุ นลกฺขณา ) เหลานเี้ ปนตน เมอ่ื รวมจิตและเจตสิกแลว มี ๕๓ จึงเรยี กช่อื ภาษาบาลีวา นามเตปฺาส
๗ มาติกาท่ี ๑ เวทนาสังคหะ เวทนาสังคหะ หมายความวา การแสดงสงเคราะหจ ิต เจตสกิ โดยประเภทแหง เวทนา ๓ และ ๕ แสดงเวทนา ๓ และ ๕ ๑. สขุ ํ ทกุ ขฺ มุเปกฺขาติ ติวธิ า ตตฺถ เวทนา โสมนสสฺ ํ โทมมสสฺ - มติ ิ เภเทน ปจฺ ธา ในเวทนาสงั หคะนนั้ วาโดย อารมั มณานภุ วนลกั ษณะ คือ ลักษณะแหง การเสวยอารมณแ ลว มเี วทนา ๓ อยาง คอื ๑. สขุ เวทนา ๒. ทุกขเวทนา ๓. อุเบกขาเวทนา วาโดย อนิ ทรยิ เภท คือ ประเภทแหง อินทรียแลว มีเวทนา ๕ อยาง คอื ๑. สุขเวทนา ๒. ทกุ ขเวทนา ๓. โสมนสั เวทนา ๔. โทมนสั เวทนา ๕. อเุ บกขาเวทนา ในเวทนาสังคหะนน้ั เม่อื วาโดย อารมั มณานุภวนลกั ขณนัย คือ ลักษณะแหงการเสวยอารมณแลว มี ๓ คอื ๑. ในขณะทเ่ี สวยอารมณอยนู น้ั บางครัง้ รูสกึ สบาย เรียกวา สุขเวทนา ๒. ในขณะท่ีเสวยอารมณอ ยนู น้ั บางครัง้ รสู ึกไมส บาย เรียกวา ทกุ ขเวทนา ๓. ในขณะที่เสวยอารมณอยูน น้ั บางครง้ั รูสึกเฉย ๆ ไมส ุข ไมท กุ ข เรียกวา อเุ บกขาเวทนา เมอื่ วา โดย อนิ ทริยเภทนยั คือประเภทแหงอนิ ทรียแ ลว ( คอื ความเปน ใหญ เปนผูปกครอง ) การเสวยอารมณของสัตวท ้งั หลาย เกย่ี วเนอื่ งดวยกายบา ง และเกยี่ วเนอื่ งดว ยใจบา ง รวมแลวมี ๕ คือ ๑. ความรสู ึกสบายทเี่ กยี่ วดว ยกายน้นั เวทนาเจตสิกทีอ่ ยใู น สุขสหคตกายวญิ ญาณจติ เปนใหญ เปน ผูป กครอง เรียกวา สขุ เวทนา ๒. ความรูสกึ ไมส บายทเ่ี กย่ี วดว ยกายนน้ั เวทนาเจตสกิ ทีอ่ ยใู น ทุกขสหคตกายวญิ ญาณจติ เปน ใหญ เปน ผูปกครอง เรยี กวา ทุกขเวทนา ๓. ความรสู กึ สบายท่ีเกยี่ วดว ยใจน้ัน เวทนาเจตสกิ ทอ่ี ยใู น โสมนัสสหคตจิต เปนใหญ เปน ผปู กครอง เรียกวา โสมนัสเวทนา ๔. ความรสู ึกไมส บายท่เี กย่ี วดว ยใจนนั้ เวทนาเจตสกิ ทีอ่ ยใู น โทสมูลจิต เปนใหญเปน ผูป กครอง เรยี กวา โทมนสั เวทนา ๕. ความรสู ึกเฉย ๆ นนั้ เวทนาเจตสกิ ทีอ่ ยใู น อุเบกขาสหคตจติ เปนใหญ เปน ผปู กครอง เรยี กวา อุเบกขาเวทนา
๘ แสดงการจําแนกจิตโดยเวทนา ๕ ๒. สุขเมกตถฺ ทกุ ขฺ จฺ โทมนสฺสํ ทฺวเย ิตํ ทฺวาสฏ ีสุ โสมนสสฺ ํ ปจฺ ปฺญาสเกตรา สขุ เวทนาและทกุ ขเวทนาประกอบอยใู นกายวญิ ญาณจติ อยา งละ ๑ ดวง โทมนัสเวทนาประกอบอยใู นจิต ๒ ดวง โสมนัสเวทนาประกอบอยูในจิต ๖๒ ดวง เวทนาทนี่ อกจากน้ี คอื อเุ บกขาเวทนาประกอบอยใู นจิต ๕๕ ดวง .............................................................. พทุ ธองค ชว ยใคร ไมไดหรอก ทรงเปน เพียง ผูบ อก หนทางให เปน ผูชี้ ทางเดิน ดาํ เนินไป ใหผ ทู ี่ มงุ หมาย ไปนิพพาน โลภโกรธหลงวงวน แหงวฏั ฏะ ลดเลิกละ บว งกิเลส เหตเุ ผาผลาญ เพ่ือขจดั ความมดื มน พน บว งมาร เพ่ือกา วขา ม สงสาร ส้นิ ภพไป พระอาจารย ทวี เกตธุ มโฺ ม
๙ จาํ แนกจิต ๑๒๑ และเจตสกิ ๕๒ โดย เวทนา ๕ จิต เจตสกิ จิตทีเ่ กิดพรอ มดวย สุขเวทนา มี ๑ คือ เจตสกิ ทเี่ กดิ พรอ มดว ย เวทนา ๑ มี ๖ คือ สขุ สหคตกายวญิ ญาณจิต ๑ ปต เิ จตสกิ ๑ เกิดพรอมดว ย โสมนัสเวทนา จติ ทเี่ กดิ พรอมดว ย ทกุ ขเวทนา มี ๑ คอื โทจตุกเจตสกิ ๔ เกิดพรอ มดว ย ทกุ ขสหคตกายวิญญาณจิต ๑ โทมนัสเวทนา วจิ ิกจิ ฉาเจตสกิ ๑ เกิดพรอ มดว ย จติ ท่ีเกิดพรอ มดวย โสมนสั เวทนา มี ๖๒ คือ อุเบกขาเวทนา โสมนสั สหคตจติ ๖๒ เจตสกิ ทเี่ กดิ พรอมดวย เวทนา ๒ มี ๒๘ คอื จติ ท่เี กดิ พรอมดวย โทมนัสเวทนา มี ๒ คือ โลตกิ เจตสกิ ๓ โสภณเจตสิก ๒๕ โทสมลู จิต ๒ เกิดพรอมดว ย โสมนัสและอุเบกขาเวทนา จิตทเ่ี กิดพรอ มดว ย อุเบกขาเวทนา มี ๕๕ คอื เจตสกิ ท่ีเกดิ พรอ มดวย เวทนา ๓ มี ๑๑ คือ อเุ บกขาสหคตจิต ๕๕ ปกิณณกเจตสกิ ๕ (เวน ปต)ิ โมจตกุ เจตสกิ ๔ ถีทุกเจตสกิ ๒ เกิดพรอมดว ย โสมนัส โทมนัสและ อุเบกขาเวทนา เจตสกิ ที่เกดิ พรอมดวย เวทนา ๔ ไมมี เจตสกิ ที่เกดิ พรอ มดว ย เวทนา ๕ มี ๖ คือ สพั พจิตตสาธารณเจตสกิ ๖ ( เวน เวทนา ) เกิดพรอมดว ยเวทนา ๕ ทั้งหมด เจตสิกทไ่ี มเกดิ พรอมดวยเวทนา มี ๑ คือ เวทนาเจตสกิ
๑๐ หมายเหตุ การที่ โลภมูลจิต ๘ เกดิ พรอ มดว ย เวทนา ๒ คือ โสมนสั เวทนา และ อเุ บกขาเวทนา น้นั เพราะอารมณ ท่โี ลภมูลจิตเขาไปรบั นั้นมี ๒ ประเภทดว ยกัน คือ อติอฏิ ฐารมณ (อารมณท่ปี รารถนาย่ิง) และอิฏฐมัชฌตั ตารมณ ( อารมณท ีป่ รารถนาปานกลาง ) การที่ โทสมลู จิต ๒ เกิดพรอมดวย โทมนสั เวทนา น้นั กเ็ พราะโทสมลู จิต เขาไปรองรับอารมณป ระเภท เดียวกนั คือ อนิฏฐารมณ การท่ี โมหมลู จิต ๒ เกดิ พรอ มดว ย อุเบกขาเวทนา อยา งเดยี วนนั้ กเ็ พราะโมหมูลจติ น้นั เปน จติ ท่มี กี าํ ลงั ออ นโดยสภาวะ เพราะประกอบดวย ความซัดสา ย และฟงุ ซาน การที่ จักขุ โสต ฆาน ชิวหา ท้ัง ๘ ดวงน้ี เกดิ พรอ มดว ย อุเบกขาเวทนา อยา งเดยี วนน้ั กเ็ พราะจติ เหลา น้ี เกดิ ขึน้ ดว ยอาํ นาจแหงการกระทบกันระหวาง อปุ าทายรปู กบั อปุ าทายรปู ฉะน้ัน การกระทบกันจงึ มกี าํ ลังออ น ดุจการกระทบกนั ระหวางสาํ ลกี ับสําลี ฉันน้นั การท่ี กายวญิ ญาณจติ ๒ เกดิ พรอ มดว ย ทกุ ขเวทนาในอารมณท ่ไี มดี และเกดิ พรอมสขุ เวทนาในอารมณ ที่ดีน้ัน กเ็ พราะ จติ ๒ ดวงน้ี เกดิ ขน้ึ จากการกระทบกนั ระหวาง กายปสาท กบั โผฏฐัพพารมณ อนั เปนการ กระทบกนั ระหวาง อุปาทายรูปกบั มหาภตู รปู การกระทบจึงลวงเลยกายปสาทไปถึงมหาภูตรูป อนั เปนท่ตี งั้ ของ กายปสาท ฉะนั้น การกระทบกันจึงมกี ําลัง ดจุ เอาฆอ นทุบสําลที ีว่ างอยบู นทั่ง ฆอ นยอ มลวงเลยสาํ ลีไปกระทบ กบั ท่งั อนั เปน ท่ีตั้งอาศัยของสําลี ฉนั นัน้ การที่ สมั ปฏจิ ฉนจิต ๒ เกดิ พรอมดวย อุเบกขาเวทนา ทั้งในปญ จารมณที่ดแี ละไมด ี กเ็ พราะในลาํ ดบั แหง การเกิดขนึ้ นัน้ ตดิ ตอ กับ ปญ จวญิ ญาณ อนั มที ีอ่ าศยั ตางกันกับตน ฉะนั้น จึงมกี าํ ลังออน เพราะไมไดร ับ อนนั ตรปจ จยั จากจิตอนั มีทอี่ าศยั เหมือนกนั ดจุ บรุ ษุ ผขู าดมิตรท่สี ภาคะกันคอยชวยเหลือ ฉันนัน้ การท่ี สันตีรณอกศุ ลวบิ าก ๑ เกิดพรอมดว ย อเุ บกขาเวทนา อยา งเดยี วท้ังในอารมณท่ีไมด แี ละไมด ีมาก น้ัน กเ็ พราะ ผลของอกุศลกรรม มีสภาพทรามโดยรอบ ผลจะมากหรอื นอ ย ก็ไมม ใี ครปรารถนา แตต องรับเมือ่ ไมอาจขัดขืนได กต็ องวางเฉย ดจุ บุรุษออ นแอถูกบรุ ุษทม่ี ีกาํ ลัง กวา ขม เหง เม่ือไมอาจจะโตตอบได จงึ ตอ ง วางเฉย การท่ี สันตรี ณกศุ ลวิบาก ๑ เกิดพรอมดว ย อุเบกขาเวทนา ในอิฏฐมชั ฌตั ตารมณ และโสมนสั เวทนาใน อติอิฏฐารมณ กเ็ พราะในลาํ ดับแหงการเกดิ ขึน้ นน้ั ตดิ ตอ กบั สมั ปฏิจฉนจิต อนั มที ี่อาศัยเหมือนกนั กบั ตน จึงมี กําลัง เพราะไดร ับอนนั ตรปจ จยั จากจติ อนั มีทอ่ี าศยั เหมือนกนั ดจุ บุรุษผไู ดรับการชว ยเหลอื จากมิตรท่ีสภาคะกัน ฉนั น้นั
๑๑ การท่ี ปญจทวาราวชั ชนจติ ๑ เกดิ พรอมดว ย อุเบกขาเวทนา ทั้งในปญ จารมณท ด่ี แี ละไมด ีนน้ั ก็เพราะ เปนจิตท่เี กดิ ขน้ึ รับปญจารมณเปน ดวงแรก ฉะนั้น จงึ มกี าํ ลงั ออ น ไมส ามารถเสวยรสอารมณไ ดเ ตม็ ท่ี ดุจเดก็ แรกเกดิ ฉนั นน้ั การท่ี มโนทวาราวชั ชนจิต ๑ เกดิ พรอ มดว ย อุเบกขาเวทนา ท้ังในอารมณท ดี่ แี ละไมด นี ้ัน กเ็ พราะใน ขณะท่ีทาํ หนาที่ โวฏฐัพพนะ ในทางปญ จทวารกเ็ สวยอารมณไ ดเ ลก็ นอ ยตามหนาที่ ดุจตนเครอ่ื งของพระราชา ฉนั นน้ั สว นในขณะทําหนาที่พจิ ารณาอารมณท างมโนทวาร กเ็ ปน จิตทเี่ กิดเปน ดวงแรก ฉะนน้ั จึงมกี าํ ลงั ออ น การท่ี หสติ ุปปาทจิต ๑ เกดิ พรอ มดว ย โสมนสั เวทนา นั้น ก็เพราะจติ ดวงนเ้ี ปน จิตของพระอรหนั ต ท่ี ปรารถนากามธรรมท่ไี มห ยาบเกิดขึ้น เชน ทางตา ทานเหน็ สถานทที่ ีเ่ หมาะสมกับการบําเพ็ญเพียร ทา นกร็ า เริง อยดู ว ยจิตดวงนเ้ี ปนตน การท่ี มหากุศลจติ ๘ เกดิ พรอ มดวย โสมนสั เวทนา และ อุเบกขาเวทนา น้ัน เอาศรัทธา และการเหน็ อานิสงฆในการสรางกุศลเปน ตน มาเปน เคร่ืองตัดสิน ถาเปนผมู ากไปดว ยศรทั ธาและการเหน็ อานิสงฆก ารทาํ กศุ ลกจ็ ะเกิดพรอ มดว ยโสมนสั เวทนา แตถ า เปนผูน อยไปดวยศรัทธา และไมเ ห็นอานิสงส การทํากุศลกจ็ ะเกดิ พรอ มดว ยอเุ บกขาเวทนา สว น มหาวปิ ากจิต ๘ มีเวทนาเชนเดียวกบั มหากศุ ล ถามหาวบิ ากเปนผลของมหากศุ ลดวงไหน กจ็ ะมี เวทนาเชน เดยี วกันกบั มหากศุ ล ดวงนัน้ การท่ี มหากรยิ าจติ ๘ เกดิ พรอ มดว ย โสมนัสเวทนา และ อุเบกขาเวทนา นน้ั กเ็ พราะเปน จติ ของ พระอรหนั ตท ป่ี ราศจากวิปลาสธรรม ฉะนั้น จึงขึ้นอยกู บั อารมณ ถา เปนอารมณท ด่ี ยี ิ่ง เวทนาก็เปน โสมนสั ถาเปน อารมณท ด่ี ปี านกลาง หรอื ไมด ี เวทนาน้นั กเ็ ปนอุเบกขา การที่พระอรหนั ตร ับอารมณที่ไมดแี ลว เวทนา ท่เี ขา ไปเสวยอารมณน ัน้ เปน อุเบกขาเวทนา เพราะวาอรหนั ตนน้ั ละวปิ ลาสธรรมไดแลว ฉะนน้ั เวทนาที่เขาไป เสวยอารมณอ ยูน้ันจงึ เปน อุเบกขาเวทนา การท่ี รปู าวจรฌานจติ ๑๒ (เวน ปญจมฌานจิต ๓) เกิดพรอ มดว ย โสมนัสเวทนา นน้ั ก็เพราะยังไม สามารถละสุขขององคฌ าน อันมีปทัฏฐานมาจากปสสทั ธิได การที่ รูปาวจรปญ จมฌานจติ ๓ และ อรปู ฌานจิต ๑๒ เกิดพรอ มดว ย อเุ บกขาเวทนา น้นั ก็เพราะวา ปญ จมฌานจติ เปนจิตทลี่ ะสขุ ขององคฌ านได ฉะนัน้ จงึ เปน ไประหวา งสขุ กบั ทกุ ขเวทนาจึงเปนอเุ บกขาเทา นั้น
๑๒ การท่ี โลกุตตรจติ โดยพิสดาร ๔๐ มีเวทนาเชน เดยี วกนั กบั ฌานทเี่ ขา หรือพิจารณา ในชวงวฏุ ฐานคามินี กอ นหนา ทมี่ รรคผลจะเกิด คอื ถาในชว งนน้ั เขาหรอื พจิ ารณาปฐมฌาน มรรคจติ ผลจติ ก็เกิดพรอมดว ย ปฐมฌาน เปน ตน สวน โลกตุ ตรจิต โดยยอ ๘ บางครัง้ เกิดพรอมดว ย โสมนัสเวทนาบางอุเบกขาเวทนาบาง ทเ่ี ปน เชน น้กี ็ เพราะ ในชวงวุฏฐานคามินวี ปิ สสนา ถา ทา นพิจารณาสงั ขารธรรมดวยจติ ทีเ่ ปน โสมนสั มรรคจติ และผลจิต กเ็ กิดพรอ มดว ย โสมนสั เวทนา ถา ในชว งวฏุ ฐานคามินวี ิปสสนา ทานพิจารณาสงั ขารธรรม ดวยจติ ทีเ่ ปน อุเบกขา มรรคจติ ผลจติ ก็เกดิ พรอมดว ยอเุ บกขาเวทนา เวทนาเจตสกิ ท่ีไมไดเ กดิ พรอ มดวยเวทนาอยางใดอยางหนง่ึ นน้ั กเ็ พราะวา การเสวยอารมณ ทเ่ี กีย่ ว ดวยทางกายกด็ ี เกยี่ วดว ยทางใจกด็ ี เปน สภาพของเวทนาเจตสกิ ท้งั สน้ิ นอกจากเวทนาเจตสิกแลว ไมมสี ภาพอ่ืน ทาํ การเสวยอารมณได ฉะนน้ั เวทนาเจตสกิ ทีเ่ สวยอารมณท ด่ี ี เกย่ี วดว ยทางกาย เรียกวา สุขเวทนา เวทนาเจตสกิ ทเ่ี สวยอารมณท ีไ่ มดี เกย่ี วดว ยทางกาย เรยี กวา ทกุ ขเวทนา เวทนาเจตสิกที่เสวยอารมณท ดี่ ี เกยี่ วดว ยทางใจ เรยี กวา โสมนสั เวทนา เวทนาเจตสกิ ท่เี สวยอารมณท ่ีไมดี เกย่ี วดว ยทางใจ เรยี กวา โทมนสั เวทนา เวทนาเจตสิกท่ีเสวยอารมณป านกลาง เกยี่ วดว ยทางใจ เรยี กวา อุเบกขาเวทนา ดวยเหตนุ ้ี เวทนาเจตสิก จึงไมไ ดเกดิ พรอ มกบั เวทนาอ่นื ๆ จบเวทนาสงั คหะ \"\"\"\"\"\"\"\"\"\"\"\"\"\"\" ๑. เขตฺตูปมา อรหนฺโต อุปมา ๓ ประเภท ๒. ทายกา กสฺสถปู มา พระอรหนั ตทงั้ หลายเปรยี บดว ยนา ๓. พีชูปมํ เทยยฺ ธมมฺ ํ ทายกทัง้ หลายเปรยี บดว ยชาวนา ไทยธรรมเปรยี บดว ยพชื ขุ.เปต. ๒๖/๘๖/๑๕๗
๑๓ เวทนาสังคหะ จาํ แนกจิต ๑๒๑ โดย เวทนา ๕ จําแนกเจตสกิ ๕๒ โดย เวทนา ๕ โส โส โส โส จติ ๕ - ๕๕๕๕๕ อุ อุ อุ อุ ๓๓๓๓๑๓ โท โท สุ - สุข ๑ อุ อุ ทุ - ทกุ ข ๑ ๓๓๓๓ โส - โสมนสั ๖๒ ๒๒๒ อุ อุ อุ อุ ทุ อุ อุ โท - โทมนัส ๒ ๑๑๑๑ อุ อุ อุ อุ สุ อุ อุ โส อุ - อุเบกขา ๕๕ ๓๓ อุ อุ โส ๑ โส โส โส โส โดยเวทนา ๓ ๒๒๒๒๒๒๒ อุ อุ อุ อุ - เกิดพรอมดว ย สขุ เวทนา มี ๖๓ ๒๒๒ ๒๒ โส โส โส โส สขุ สหคตกายวิญญาณจิต ๑ อุ อุ อุ อุ โสมนสั สหคตจติ ๖๒ ๒๒ ๒๒ โส โส โส โส - เกดิ พรอมดว ย ทุกขเวทนา มี ๓ ๒ ๒๒ อุ อุ อุ อุ ทกุ ขสหคตกายวิญญาณจิต ๑ โทสมูลจิต ๒ ๒๒ โส โส โส โส อุ โส โส โส โส อุ - เกดิ พรอมดว ย อเุ บกขาเวทนา มี ๕๕ ๒๒ โส โส โส โส อุ อเุ บกขาสหคตจิต ๕๕ ๒๒ อุ อุ อุ อุ เจตสกิ อุ อุ อุ อุ อุ อุ อุ อุ ๑ เกิดพรอมดว ยเวทนาอยา งเดยี วมี ๖ ปติเจตสิก ๑ ( โสมนัสเวทนา ) โส โส โส โส อุ โดยเวทนา ๕ โทจตุกเจตสิก ๔ ( โทมนสั เวทนา ) โส โส โส โส อุ วจิ กิ ิจฉาเจตสิก ๑ ( อเุ บกขาเวทนา ) โส โส โส โส อุ - เกดิ พรอมดวย สขุ เวทนา มี ๑ โส โส โส โส อุ สขุ สหคตกายวิญญาณจิต ๑ ๒ เกิดพรอ มดวยเวทนา ๒ มี ๒๘ โลติกเจตสิก ๓, โสภณเจตสิก ๒๕ โส โส โส โส อุ - เกิดพรอมดว ย ทกุ ขเวทนา มี ๑ ( โสมนัสเวทนา และอเุ บกขาเวทนา ) โส โส โส โส อุ ทกุ ขสหคตกายวิญญาณจติ ๑ ๓ เกดิ พรอ มเวทนา ๓ มี ๑๑ โส โส โส โส อุ - เกดิ พรอมดว ย โสมนสั เวทนา มี ๖๒ ปกิณณกเจตสิก ๕ ( เวนปต ิ ) โสมนสั สหคตจติ ๖๒ โมจตกุ เจตสิก ๔, ถีทกุ เจตสกิ ๒ โส โส โส โส อุ ( โสมนัส โทมนัสและอุเบกขาเวทนา ) - เกดิ พรอมดว ย โทมนสั เวทนา มี ๒ โทสมลู จติ ๒ ๔ เกิดพรอ มเวทนา ๔ ไมมี ๕ เกิดพรอ มเวทนา ๕ มี ๖ - เกิดพรอมดวย อเุ บกขาเวทนา มี ๕๕ อเุ บกขาสหคตจิต ๕๕ สัพพจิตตสาธารณเจตสิก ๖ ( เวนเวทนา ) - ไมเ กิดพรอ มดวยเวทนา มี ๑ เวทนาเจตสกิ
๑๔ มาตกิ าที่ ๒ เหตสุ งั คหะ เหตสุ งั คหะ หมายความวา การแสดงสงเคราะห จิต เจตสกิ โดยประเภทแหง เหตุ ชือ่ วา เหตุสงั คหะ แสดงเหตุ ๖ หรือ ๙ โลโภ โทโส จ โมโห จ เหตู อกุสลา ตโย อโลภาโทสาโมโห จ กสุ ลาพยฺ ากตา ตถา ฯ อกศุ ลเหตุ มี ๓ คอื โลภเหตุ โทสเหตุ โมหเหตุ กุศลเหตุและอพยากตเหตุ มีอยา งละ ๓ คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ คาํ วา เหตนุ ้ี หมายความวา เปนธรรมชาติทส่ี ามารถใหผลเกิดข้นึ ได และผลเหลานัน้ กต็ ั้งอยไู ดโ ดย อาศัยธรรมชาตนิ นั้ ฉะนั้น ธรรมชาตนิ ้นั จงึ ชอ่ื วา เหตุ ไดแก เหตุ ๖ ( คือโลภเหตุ โทสเหตุ โมหเหตุ อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ ) เหตมุ ี ๔ อยา ง คอื ๑. เหตเุ หตุ ไดแ ก เหตุ ๖ คอื โลภะ โทสะ โมหะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ (ปญ ญา) ๒. ปจฺจยเหตุ ไดแก มหาภูตรปู ๔ อันเปนเหตใุ นการเรียกชื่อของรปู ขนั ธ ๓. อตุ ตฺ มเหตุ ไดแ ก กศุ ลกรรม และ อกศุ ลกรรม อนั เปน เหตใุ หเ กิด กุศลวบิ าก และ อกุศลวบิ าก ๔. สาธารณเหตุ ไดแก อวิชชา อันเปนเหตุใหเ กิดสงั ขาร ( ปฏ ฐานอรรถกถา น. ๓๗๑ ) ในปริจเฉทที่ ๓ นี้ ทรงหมายเอาเหตุ ขอท่ี ๑ คือ เหตุเหตุ ไดแก เหตุ ๖ มี โลภเหตุ เปนตน ธรรมทเี่ ปนผลของเหตเุ หลาน้นั ไดแ ก สเหตกุ จติ ๗๑ เจตสิก ๕๒ ( เวน โมหเจตสกิ ท่ีในโมหมูลจติ ๒) สเหตุกจติ ตชรปู สเหตุกปฏสิ นธิกัมมชรปู เม่อื วาโดย บุคคลาธษิ ฐานแลว ไดแก สตั วท้งั หลายและการกระทาํ ตาง ๆ ทเ่ี กยี่ วดว ย กาย วาจา และกรยิ าอาการพเิ ศษ ที่ปรากฏในรางกายของสัตว เชน หนา ตายม้ิ แยม แจมใส ผองใส เปน ตน เหลา นี้ เปน ผลที่เกดิ มาจากเหตทุ ัง้ สิ้น และผลตา ง ๆ เหลานเี้ มื่อเกดิ แลว ก็ไมไ ดสญู หายไปทนั ที ยอ มตั้งอยูไ ดเจรญิ ขึน้ ได ก็เพราะอาศัยเหตเุ หลาน้ี เชน เดียวกนั เหตุตา งๆ มโี ลภะ เปน ตน เหลาน้ี เปน มูลรากอนั สําคญั ท่ีจะทําใหเ กดิ ผลดงั กลา ว อปุ มาเหมือนรากแกว ของตน ไม ผลน้ันเหมอื นกนั กับตน ไม และกิ่งกา น สาขาดอกผล หนาท่ขี องเหตมุ ี ๓ คอื ๑. ใหผลเกิดขน้ึ ๒. ใหผ ลทเ่ี กดิ ขน้ึ แลว เจรญิ ขน้ึ ๓. ใหผลตั้งมั่นอยใู นอารมณ
๑๕ โลภะ มีความยดึ มนั่ ในอารมณ เปนลักษณะ เหมอื นลงิ ติดตงั มีความติดในอารมณ เปน รส เหมอื นชนิ้ เนื้อทใี่ สใ นกระเบอื้ งอนั รอน มกี ารไมล ะ เปนอาการปรากฏ เหมอื นเปอ นสนี ้าํ มัน มคี วามเหน็ ชอบในธรรมอนั เปน เปน เหตใุ กล เม่ือเจริญขึน้ โดยความเปน แมน าํ้ คอื อารมณข องสงั โยชน ตัณหา พึงทราบวา ยอ มพาไปสูอบาย เทา น้นั เหมอื นแมน า้ํ ทีม่ กี ระแสเชย่ี ว ยอ มพดั พาไปสมู หาสมทุ ร ฉะนัน้ โทสะ มีความดรุ าย เปนลักษณะ เหมอื นอสรพษิ ทีถ่ กู ตี มีความกระสบั กระสาย เปนรส เหมอื นถูกวางยาพษิ หรือมีการเผาทอ่ี ยูของตน เปนรส เหมือนไฟไหมปา มกี ารประทุษรา ย เปนอาการปรากฏ เหมอื นศัตรูท่ีไดโอกาส มวี ัตถุอันเปน ที่ตงั้ แหงความอาฆาต เปน เหตใุ กล เหมอื นนาํ้ มูตรเนาเจือดว ยยาพิษ โมหะ มีความมดื มนแหง จติ เปนลักษณะ หรือมคี วามไมร ู เปน ลักษณะ มคี วามไมแทงตลอด เปน รส หรือมีความปกปดสภาวะแหงอารมณ เปน รส มกี ารไมปฏบิ ตั ิชอบ เปนอาการปรากฏ หรือมีความมดื มน เปนอาการปรากฏ มีการทําไวใ นใจโดยอบุ ายไมแยบคาย เปน เหตใุ กล พึงทราบวา โมหะ เปนรากเหงา แหง อกศุ ลกรรมท้งั ปวง อโลภะ มคี วามทีจ่ ติ ไมกําหนดั ในอารมณ เปนลักษณะ เหมอื นหยดนา้ํ ไมต ดิ บนใบบวั หรือมจี ิตท่ไี มตดิ ในอารมณ เปนลกั ษณะ มีการไมห วงแหน เปน รส เหมือนภิกษุผปู ลอ ยวางแลว มีการไมต ิดใจ เปน อาการปรากฏ เหมือนบรุ ษุ ผไู มจับตองของไมส ะอาด อโทสะ มกี ารไมด ุราย เปนลกั ษณะ เหมอื นมติ รผคู อยชว ยเหลือ หรอื มีการไมพ โิ รธ เปน ลกั ษณะ เหมือนเนือ้ ไมจ นั ทน มีการกาํ จัดความอาฆาต เปน รส เหมือนจนั ทรเ พ็ญ หรอื มีความกาํ จัดความเรา รอ น เปน รส มีความรม เยน็ เปนอาการปรากฏ
๑๖ เปน ลักษณะ เหมือนการตามประทปี ในทมี่ ืด เปน ลักษณะ เหมอื นแพทยผ ฉู ลาดยอ มรูเ ภสัช อโมหะ มกี ารสองสวาง อนั เปน ที่สบายและไมส บายแก มีการรทู วั่ เปน ลักษณะ บคุ คลผูป วย ดุจการแทงของลูกศรทน่ี ายธนู มกี ารแทงตลอดสภาวะ เปนรส ผฉู ลาดยิงไป เปนอาการปรากฏ ดุจประทปี สองในทมี่ ดื มีการสองใหเห็นอารมณ ดุจผูชท้ี างแกบคุ คลผไู ปมาฉะนนั้ มคี วามไมห ลงใหล แสดงการจําแนกจติ โดย เหตุ อเหตกุ าฏารเสก เหตกุ า เทฺว ทฺวาวีสติ ทวฺ ิเหตุกา มตา สตฺต จตตฺ าลีส ตเิ หตุกา ฯ นักศกึ ษาท้ังหลายพงึ ทราบวา อเหตกุ จิต คือ จิตทไี่ มม ีเหตุ มี ๑๘ ดวง เอกเหตุกจิต คอื จติ ทมี่ ีเหตุ ๑ มี ๒ ดวง ทวิเหตกุ จิต คือ จติ ท่ีมีเหตุ ๒ มี ๒๒ ดวง ตเิ หตกุ จติ คือ จติ ท่มี เี หตุ ๓ มี ๔๗ ดวง หมายเหตุ เมอ่ื เราอยากทราบวา จิต ดวงนม้ี ีเหตุเทาไร ใหยกจิตดวงนนั้ ขึน้ เปนประธานแลวหาตอ ไปวา จิตดวงนน้ั มเี จตสกิ ประกอบรวมเทา ไร ในบรรดาเจตสิกเหลานน้ั มเี จตสกิ ที่เปนเหตไุ ดกด่ี วง เรากจ็ ะ ทราบไดท นั ทวี า จิตดวงนนั้ มเี หตเุ ทา ไร เชน โทสมลู จิตดวงที่ ๑ มเี จตสกิ ประกอบ ๒๐ ดวง คือ อญั ญสมานเจตสกิ ๑๒ ( เวน ปต ิ ) โมจตกุ เจตสกิ ๔ โทจตุกเจตสิก ๔ ในเจตสกิ ๒๐ ดวงนี้ มเี จตสกิ ทเ่ี ปนเหตุได ๒ ดวง คือโทสะ โมหะ ฉะนน้ั โทสมูลจติ ดวงท่ี ๑ จึงมเี หตุสอง คอื โทสะ โมหะ เม่อื เราทราบไปเชน น้ีทีละดวงจนครบ กจ็ ะพบวา จติ ทีม่ ีเหตุ ๔-๕-๖ นน้ั ไมม ี เพราะ โลภะ โทสะ โมหะ ท่เี ปน ฝา ยอโสภณ และอโลภะ อโทสะ อโมหะ ท่ี เปน ฝายโสภณเหตเุ หลา น้ี ประกอบกบั จติ รว มกันไมไ ด
๑๗ หมายเหตุ การจําแนก เจตสกิ โดยเหตุ ทวี่ า โดย อคหติ ัคคหนนยั ( เจตสิกทีน่ ับแลวไมน บั อีก ) เม่ือเราตอ งการทราบวา เจตสกิ ดวงนี้มเี หตเุ ทา ไร ใหย กเจตสกิ ดวงน้นั ขน้ึ เปน ประธานแลวหาตอ ไปวา เจตสกิ ดวงน้นั มเี จตสกิ ประกอบไดเทาไร และในจาํ นวนเจตสกิ ทีป่ ระกอบน้ัน มีเจตสกิ ที่เปนเหตุได กด่ี วง เราก็จะทราบไดท นั ทวี า เจตสิกดวงน้ีมเี หตเุ ทา ไร เชน ปติ มีเจตสกิ ประกอบ ๔๖ ( เวนโทจตกุ ๔ วิจิกจิ ฉา ๑ ตวั เอง ๑ ) ตามหลัก ตทุภยมสิ สกนัย และในบรรดาเจตสกิ ๔๖ ดวงนน้ั มเี จตสกิ ทเี่ ปน เหตไุ ด ๕ ดวง คอื โลภะ โมหะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ ฉะนน้ั ปต ิเจตสิก จงึ มเี หตุ ๕ หมายเหตุ การจําแนก เจตสกิ โดยเหตุ ทว่ี า โดย คหิตคั คหนนัย ( เจตสกิ ทนี่ บั แลวนับอกี ) กอนอื่นจะตอ งแบง จติ ออกเปนกลุมๆ ตามเหตุ จะไดจ ติ ๔ กลมุ คือ อเหตุก เอก ทวฺ ิ ติ แลวหาเจตสกิ ท่ปี ระกอบกับจติ กลมุ น้ันวา มีกดี่ วง เม่อื เรายกเจตสกิ ดวงใดขึ้นเปน ประธานแลว กห็ าดูวาเจตสกิ ที่ เหลือมเี จตสิกที่เห็นเหตุไดเ ทา ไร การคิดหาเชน นเี้ จตสกิ อาจจะซํ้ากันได ฉะนนั้ ทานจงึ เรียกวา นับแลว นบั อกี เชน สัพพจิตตสาธารณเจตสกิ ๗ ประกอบไดใ นจติ ทวั่ ไปทั้งหมด ในขณะทป่ี ระกอบกับ อเหตุกจติ กเ็ ปน เจตสิก ท่ีไมมีเหตุ ในขณะที่ประกอบกับ เอกเหตกุ จติ กเ็ ปน เจตสิก ท่ีมเี หตุ ๑ ในขณะทีป่ ระกอบกับ ทวฺ ิเหตกุ จิต กเ็ ปน เจตสกิ ที่มเี หตุ ๒ ในขณะทปี่ ระกอบกบั ติเหตกุ จิต ก็เปนเจตสกิ ทมี่ เี หตุ ๓ เปนตน หมายเหตุ การหาจํานวนเหตโุ ดยพสิ ดาร ๒๘๓ น้นั หาจากจํานวนจติ ท่เี หตุนัน้ ๆ ประกอบได เชน โลภเหตุ ประกอบไดใ นจิต ๘ ดวง ฉะน้ัน โลภเหตุโดยพสิ ดารจงึ มี ๘ โทสะ ๒ โมหะ ๑๒ อโลภะ ๙๑ อโทสะ ๙๑ อโมหะ ๗๙
๑๘ แสดงการจาํ แนกเหตุ โดย พิสดาร มี ๒๘๓ อกศุ ลเหตุ มี ๒๒ คือ โลภเหตุ มี ๘ โทสเหตุ มี ๒ โมหเหตุ มี ๑๒ กุศลเหตุ มี ๑๐๗ คอื อโลภเหตุ มี ๓๗ อโทสเหตุ มี ๓๗ อโมหเหตุ มี ๓๓ วิปากเหตุ มี ๑๐๗ คอื อโลภเหตุ มี ๓๗ อโทสเหตุ มี ๓๗ อโมหเหตุ มี ๓๓ กรยิ าเหตุ มี ๔๗ คอื อโลภเหตุ มี ๑๗ อโทสเหตุ มี ๑๗ อโมหเหตุ มี ๑๓ โลภเหตุ ทปี่ ระกอบกับโลภมลู จติ ๘ รวมอกศุ ลเหตุ ๒๒ อกศุ ลเหตุ มี ๒๒ คอื โทสเหตุ ทป่ี ระกอบกบั โทสมลู จติ ๒ โมหเหตุ ทปี่ ระกอบกบั อกุศลจติ ๑๒ อโลภเหตทุ ปี่ ระกอบกบั มหาก.ุ ๘ มหัคคตก.ุ ๙ มรรค ๒๐ = ๓๗ รวม กุศลเหตุ มี ๑๐๗ คือ อโทสเหตทุ ่ปี ระกอบกับมหากุ. ๘ มหัคคตก.ุ ๙ มรรค ๒๐ = ๓๗ กศุ ลเหตุ ๑๐๗ อโมหเหตุที่ประกอบกบั มหากุ.สํ ๔ มหัคคตก.ุ ๙ มรรค ๒๐ = ๓๓ อโลภเหตทุ ี่ประกอบกับมหาว.ิ ๘ มหัคคตว.ิ ๙ ผล ๒๐ = ๓๗ รวม วปิ ากเหตุ มี ๑๐๗ คอื อโทสเหตทุ ่ีประกอบกบั มหาวิ. ๘ มหคั คตว.ิ ๙ ผล ๒๐ = ๓๗ วิปากเหตุ ๑๐๗ อโมหเหตทุ ี่ประกอบกับมหาวิ.สํ ๔ มหคั คตวิ. ๙ ผล ๒๐ = ๓๓ กริยาเหตุ มี ๔๗ คือ อโลภเหตุทป่ี ระกอบกับมหากริยา ๘ มหคั คตกิ. ๙ = ๑๗ รวม อโทสเหตุท่ปี ระกอบกบั มหากรยิ า ๘ มหคั คตกิ. ๙ = ๑๗ กริ ยิ าเหตุ อโมหเหตทุ ป่ี ระกอบกบั มหากริยา สํ ๔ มหคั คตกิ. ๙ = ๑๓ ๔๗ ……………………………………… ผใู ดตเิ ตยี นผอู ่นื วาไมด ี กช็ ือ่ วาตเิ ตยี นตนเชน เดียวกนั เพราะวา เจตนานน้ั เปน โทษ ชื่อวา เปน พาล คอื ไมช อบใจผูอน่ื นั่นเอง วา อยา งนเ้ี ปน บาป สว นผูใดตเิ ตือนตนเอง อยางน้ีควรทําใหเกดิ อยางนี้ควรละ หรอื เปน บุญ ชอ่ื วา บณั ฑติ รูรูปนามดว ยปญ ญา พน ทกุ ขด ว ยความเพยี ร กําหนดรปู นามดวยสติ ฆา กิเลสดวยปญ ญา พระอาจารย ทวี เกตุธมฺโม
๑๙ หมายเหตุ อโลภะ อโทสะ อโมหะ - เปนขาศึกตอความตระหนี่ - เปนขาศึกตอความไมเจริญในกุศล - คฤหสั ถอยรู ว มกนั เปนสขุ - เปน ขาศึกตอความเปน ผูทุศลี - บรรพชิตอยรู วมกนั เปน สุข - คฤหัสถ บรรพชิต อยรู ว มกนั - เปน เหตุแหงการใหท าน เปน สุข - เปนเหตแุ หง ภาวนา - ไมเ กดิ เปนเปรต - เปน เหตุแหง ศลี - ไมเกดิ เปน สตั วด ริ จั ฉาน - ทําลายอภชิ ฌากายคันถะ - ไมเ กดิ ในนรก - ทาํ ลายสีลพั พต-อิทงั สจั จาภินิเวส - เปน ปจจัยแกค วามไมม ีโรค - ทาํ ลายพยาบาทกายคนั ถะ - เปนปจ จัยแกค วามมอี ายยุ นื - เปน ปจ จัยแกค วามเปน หนมุ - - ยอ มถือเอาไมม ากเกินไป เปน สาว - ยอ มไมถ ือเอาผิด - ไมข อ งแวะดว ยอํานาจราคะ - ยอ มไมถอื เอาความบกพรอ ง - ไมข อ งแวะดว ยอาํ นาจโมหะ - ยอมรับโทษดวยความเปน โทษ - ไมข อ งแวะดว ยอํานาจโทสะ - ยอมรับสภาพตามความเปน จรงิ - ยอมรบั ความดีโดยความเปน - ไมท ุกขเ พราะพลัดพราก คนดี - ไมทุกขเพราะไมไ ดสง่ิ ท่ีอยากได - ไมท ุกขเ พราะประสบกับ - ไมมีชาตทิ กุ ขเปน ปจ จยั แก สิง่ ทีไ่ มเปน ที่รัก - ไมมีมรณทกุ ข...เปน ปจจยั แก โภคสมบัติ - ไมมชี ราทุกข...เปน ปจ จยั แก อัตตสมบตั ิ - เจรญิ กายา-เวทนาเห็นอนจิ จ- มติ รสมบตั ิ - เจริญจติ ตา-ธัมมาเห็นอนตั ตลกั ษณะ ลกั ษณะ - เจริญกายา-เวทนาเหน็ อนิจจ- - เปน ปจ จัยแก ทิพพาวหิ ารธรรม- ลักษณะ - เปนปจ จัยแกพ รหมวหิ ารธรรม- อสุภสญั ญา - เปนปจจยั แกพ รหมวหิ ารธรรม- ธาตสุ ญั ญา ธาตุสญั ญา จาํ แนกเจตสิก โดยเหตทุ ่วี า โดย คหติ ัคคหนนัย ( คอื เจตสิกทีน่ บั แลว นบั อีก ) คหติ คั คหนนยั คอื เจตสิกทนี่ บั แลวนบั อกี หมายความวา นบั ในชนดิ ของจติ ( อเหตุกจติ เอกเหตุกจกิ ทวเิ หตกุ จติ ตเิ หตุกจติ ) เชน นับในทวเิ หตุกจิต ซึง่ ทวเิ หตุกจิตนั้นมี โลภมูลจิต ๘ โทสมูลจติ ๒ และญาณวปิ ป- ยุตตจติ ๑๒ เม่ือยกโมหเจตสกิ ขึ้นมา ซึ่งโมหเจตสกิ มีอกศุ ลจิต ๑๒ ประกอบ มที ัง้ ทวิเหตกุ จิต และเอกเหตุกจติ แตเ มื่อยกโมหเจตสกิ เปนประธานทีป่ ระกอบกับโลภมลู จิต ๘ ซึง่ มโี ลภเหตุ โมหเหตุ ฉะนนั้ โมหเจตสิกท่ี ประกอบกบั โลภมลู จติ ๘ ก็จะเปน เอกเหตุกเจตสิก เพราะโมหะเปน ตวั เหตุ ตองละโมหเหตอุ อก เหลอื เพยี ง โลภเหตุ ฉะนนั้ จงึ เปน เอกเหตุกเจตสกิ เปน ตน
๒๐ จาํ แนกเจตสกิ ๕๒ โดย เหตุ เหตุสงั คหะ เจตสิก ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓ ๒ ๓ จําแนกจติ ๑๒๑ โดย เหตุ คหติ ัคคหนนยั ๐๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๒๒๒ ๐ - อเหตุกเจตสิก ๑๓ ดวง ๑๒ ๒ ๒๒๒๒ ๑ - เอกเหตกุ เจตสิก ๒๐ ดวง ๑๒ ๒ ๒ ๒๒ ๒ - ทวิเหตกุ เจตสิก ๔๘ ดวง ๒๒ ๑๑ ๓ - ติเหตุกเจตสิก ๓๕ ดวง ๑ ------- -------- ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๑ ๒๑ ๒๓ --- ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๓๓๒๒ ๓๓๒๒ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๓๓๒๒ ๒ ๒๓ ๒๓ ๓๓๒๒ ๒๓ ๒๓ ๓๓๒๒ ๓๓๒๒ ๒๓ ๒๓ ๓๓๓๓๓ ๒๓ ๒๓ ๓๓๓๓๓ ๓๓๓๓๓ อคหติ ัคคหนนยั ๖๖๖๖๖๖๖ ๖ ๖ ๖ ๖๕๖ ๓๓๓๓ ๐ - อเหตุกเจตสิก ไมมี ๓๓๓๓ ๑ - เอกเหตกุ เจตสิก ๓ ดวง ๒๓๓๓ ๓๓๓๓ ๒ - ทวิเหตกุ เจตสกิ ๙ ดวง ๑ ๒๒ ๓ - ติเหตกุ เจตสกิ ๒๗ ดวง ๑ ๒๒๒ ๓๓๓๓๓ ๔ - จตเุ หตุกเจตสิก ไมมี ๓๓ ๓๓๓๓๓ ๕ - ปญจเหตกุ เจตสิก ๑ ดวง ๑ ๓๓๓๓๓ ๖ - ฉเหตุกเจตสกิ ๑๒ ดวง ๓๓๓๓๓ ๓๓๓๓๒๒๓ ( เวน ปติ ) ๓๓๓๓๓ ๓๓๓ ๓๓ ๓๓๓๓๓ ๓๓๓๓๓ ๓๓ ๓๓ ๓๓๓๓๓ ๒ ๓๓ จติ ๓๓ - - อเหตุกจิต ๑๘ ดวง ๑ - เอกเหตกุ จิต ๒ ดวง ๓๓ ๒ - ทวิเหตกุ จิต ๒๒ ดวง ๓ - ติเหตุกจิต ๔๗/๗๙ ดวง ๓๓
๒๑ มาติกาท่ี ๓ กจิ จสงั คหะ กิจสงั คหะ หมายความวา การสงเคราะห จติ เจตสิก โดย ประเภทแหง กจิ ช่ือวา กจิ จสงั คหะ แสดงกจิ ๑๔ และฐาน ๑๐ ปฏสิ นธฺ าทโย นาม กจิ จฺ เภเทน จทุ ฺทส ทสธา านเภเทน จติ ตฺ ุปปฺ าทา ปกาสิตา ฯ แสดงจิตตปุ ปาทะ ท่ีมนี ามวา ปฏสิ นธจิ ิต เปนตน วาโดยประเภทแหงกจิ มี ๑๔ กจิ วา โดยประเภทแหงฐานมี ๑๐ ฐาน อธิบาย การงานตา ง ๆ ท่เี กี่ยวดว ย กาย วาจา ใจ เหลานี้ จะสําเรจ็ ลงได กต็ องอาศยั จติ เจตสิก เปน ผู ควบคุม การงานทีเ่ กย่ี วดว ย กาย วาจา จงึ สาํ เร็จได สว นการงานที่เก่ียวกบั ใจ คอื การนกึ คดิ เรอื่ งราวตา งๆ นน้ั จติ เจตสกิ เปนผูกระทําเอง ขอน้แี สดงใหเ หน็ วา จติ เจตสกิ ทเ่ี กิดข้นึ และดบั ลงไป เหมือนกระแสน้าํ ไหลน้ัน ยอ มมี หนา ทขี่ องตนเองอยทู ุกๆ ดวง จติ เจตสิก ที่เกิดขน้ึ โดยไมมหี นาทนี่ น้ั ไมม ีเลย และจติ เจตสิก ท่กี ําลงั ทําหนา ที่ ของตนอยนู น้ั ก็ตอ งมสี ถานทอี่ นั เปน ท่ตี ัง้ แหงการงานนน้ั ๆ โดยเฉพาะๆ สถานที่เหลานีแ้ หละ ช่ือวา ฐาน ถา จะอปุ มาแลว จิต เจตสิก เปรยี บเหมอื นคนทํางาน กจิ เปรยี บเหมือน การงานตางๆ ฐาน เปรยี บเหมอื น สถานท่ี ท่คี นทาํ งาน แสดง กจิ ๑๔ อยาง ๑. ปฏิสนธิกจิ ทาํ หนาที่ สบื ตอภพใหม ไดแ ก อเุ บกขาสนั ตรี ณจติ ๒ มหาวปิ ากจิต ๘ มหคั คตวิปากจิต ๙ รวม ๑๙ ดวง ๒. ภวังคกิจ ทําหนาท่ี รกั ษาภพ ไดแ ก อุเบกขาสันตรี ณจติ ๒ มหาวิปากจิต ๘ มหคั คตวปิ ากจติ ๙ รวม ๑๙ ดวง ๓. อาวัชชนกจิ ทําหนา ท่ี พิจารณาอารมณใหม ไดแ ก ปญจทวาราวัชชนจติ ๑ มโนทวาราวชั ชนจติ ๑ รวม ๒ ดวง ๔. ทัสสนกจิ ทาํ หนา ท่ี เหน็ ไดแ ก จกั ขวุ ญิ ญาณจติ ๒ รวม ๒ ดวง ๕. สวนกิจ ทาํ หนาที่ ไดย นิ ไดแก โสตวิญญาณจิต ๒ รวม ๒ ดวง ๖. ฆายนกิจ ทําหนา ที่ รกู ลิ่น ไดแ ก ฆานวิญญาณจิต ๒ รวม ๒ ดวง ๗. สายนกิจ ทาํ หนาที่ รรู ส ไดแก ชวิ หาวิญญาณจิต ๒ รวม ๒ ดวง ๘. ผุสนกิจ ทาํ หนาที่ รูถูกตอง ไดแ ก กายวญิ ญาณจิต ๒ รวม ๒ ดวง
๒๒ ๙. สัมปฏิจฉนกิจ ทาํ หนาท่ี รบั อารมณ ไดแก สมั ปฏิจฉนจติ ๒ รวม ๒ ดวง ๑๐. สันตรี ณกจิ ทําหนา ท่ี ไตสวนอารมณ ไดแ ก สนั ตรี ณจิต ๓ รวม ๓ ดวง ๑๑. โวฏฐพั พนกิจ ทําหนาท่ี ตัดสนิ อารมณ ไดแก มโนทวาราวัชชนจติ ๑ รวม ๑ ดวง ๑๒. ชวนกจิ ทาํ หนา ท่ี เสพอารมณ ไดแ ก อกุศลจติ ๑๒ หสติ ปุ ปาทจติ ๑ มหากุศลจติ ๘ มหากรยิ าจิต ๘ มหคั คตกศุ ลจติ ๙ มหคั คตกรยิ าจิต ๙ โลกตุ ตรจิต ๘ รวม ๕๕ ดวง ๑๓. ตทารัมมณกจิ ทาํ หนา ท่ี รบั อารมณต อ จากชวนกจิ ไดแ ก สนั ตีรณจิต ๓ มหาวิปากจิต ๘ รวม ๑๑ ดวง ๑๔. จตุ กิ ิจ ทาํ หนา ท่ี ส้นิ จากภพเกา ไดแก อเุ บกขาสันตรี ณจติ ๒ มหาวิปากจติ ๘ มหัคคตวปิ ากจิต ๙ รวม ๑๙ ดวง ๑ ปฏิสนธิฐาน แสดงฐาน ๑๐ จุ ภ วุ อา ๒ ภวังคฐาน สถานที่ทาํ งานสืบตอ ภพใหม มี ๑ คอื ต จุ สถานทีท่ ี่ทาํ งานรักษาภพ มี ๖ คอื ป อา ช จุ ต อา ช อา มต มภ ๓ อาวชั ชนฐาน สถานที่ทท่ี าํ งานพจิ ารณาอารมณใหม มี ๒ คอื ภ ปญ ม จุ ภช ๔ ปญจวญิ ญาณฐาน สถานทที่ ี่ทาํ งาน เหน็ ไดยิน รกู ลิน่ รรู ส รถู ูกตอง มี ๑ คือ อา สํ ณ ๕ สัมปฏจิ ฉนฐาน สถานที่ทีท่ ํางานรับอารมณ มี ๑ คือ ปญ วุ ๖ สนั ตรี ณฐาน สถานทท่ี ่ีทาํ งานไตสวนอารมณ มี ๑ คอื สํ ช ภ ๗ โวฏฐัพพนฐาน สถานทที่ ่ที ํางานตดั สนิ อารมณ มี ๒ คอื ณ ณ ๘ ชวนฐาน สถานที่ท่ีทาํ งานเสพอารมณ มี ๖ คือ วุ ต วุ ภ วุ จุ ๙ ตทารัมมณฐาน สถานทีท่ ีท่ ํางานรบั อารมณต อ จากชวนะ มี ๒ คือ ชภ ช จุ ๑๐ จตุ ฐิ าน สถานทที่ ่ีทํางานสิน้ จากภพเกา มี ๓ คือ ตป ชป ภป
๒๓ คาถาแสดงการจําแนกจิต โดย กจิ และฐาน อฏ สฏิ ตถา เทวฺ จ นวาฏ เทฺว ยถากกฺ มํ เอก ทฺวิ ติ จตุ ปฺจ กิจฺจฏ านานิ นิททฺ เิ ส ฯ แสดงจํานวนจติ โดยหนาทีแ่ ละฐานตามลําดบั ดังนี้ คือ จติ ทมี่ หี นา ท่ี ๑ และฐาน ๑ มีจาํ นวน ๖๘ ดวง จิตที่มหี นา ท่ี ๒ และฐาน ๒ มจี าํ นวน ๒ ดวง จติ ทม่ี ีหนาที่ ๓ และฐาน ๓ มีจํานวน ๙ ดวง จิตท่ีมหี นา ท่ี ๔ และฐาน ๔ มีจํานวน ๘ ดวง จิตที่มีหนาที่ ๕ และฐาน ๕ มจี ํานวน ๒ ดวง การจําแนกกิจ ๑๔ โดย จิต ๑. จิตทที่ ําหนา ท่ี ปฏสิ นธ,ิ ภวงั ค, จุติ มี ๑๙ ดวง คอื อเุ บกขาสันตรี ณจติ ๒, มหาวิปากจติ ๘, มหัคคตวปิ ากจติ ๙ ๒. จติ ท่ที ําหนา ที่ อาวัชชนกิจ มี ๒ ดวง คือ ปญ จทวาราวชั ชนจิต ๑, มโนทวาราวชั ชนจติ ๑ ๓. จิตท่ีทาํ หนา ท่ี ทสั สนกจิ มี ๒ ดวง คอื จกั ขุวิญญาณจิต ๒ ๔. จิตท่ที าํ หนา ที่ สวนกิจ มี ๒ ดวง คอื โสตวิญญาณจติ ๒ ๕. จิตท่ที าํ หนา ที่ ฆายนกิจ มี ๒ ดวง คือ ฆานวญิ ญาณจติ ๒ ๖. จิตทีท่ าํ หนา ท่ี สายนกจิ มี ๒ ดวง คอื ชวิ หาวญิ ญาณจติ ๒ ๗. จิตทท่ี ําหนา ท่ี ผสุ นกิจ มี ๒ ดวง คือ กายวญิ ญาณจติ ๒ ๘. จิตทท่ี าํ หนา ที่ สัมปฏจิ ฉนกิจ มี ๒ ดวง คอื สมั ปฏิจฉนจติ ๒ ๙. จิตที่ทําหนา ท่ี สนั ตีรณกิจ มี ๓ ดวง คอื สนั ตีรณจิต ๓ ๑๐. จติ ที่ทาํ หนาท่ี โวฏฐพั พนกจิ มี ๑ ดวง คือ มโนทวาราวัชชนจติ ๑ ๑๑. จิตที่ทาํ หนา ที่ ชวนกจิ มี ๕๕ ดวง คือ อกศุ ลจิต ๑๒, หสติ ุปปาทจติ ๑, มหากศุ ลจติ ๘, มหากริ ิยาจิต๘, มหคั คตกุศลจติ ๙, มหคั คตกิริยาจิต ๙, โลกตุ ตรจติ ๘ ๑๒. จติ ทที่ าํ หนาท่ี ตทารัมมณกจิ มี ๑๑ ดวง คอื สนั ตีรณจติ ๓, มหาวิปากจติ ๘ การจําแนกจิต โดย กิจ ๑๔ ๑. จิตทท่ี าํ หนา ที่ ๕ อยาง มี ๒ ดวง คอื อเุ บกขาสันตีรณจิต ๒ - ปฏิ ภ จุ ณ ต ๒. จิตทท่ี าํ หนา ที่ ๔ อยา ง มี ๘ ดวง คอื มหาวปิ ากจิต ๘ - ปฏิ ภ จุ ต ๓. จิตที่ทําหนา ท่ี ๓ อยาง มี ๙ ดวง คือ มหคั คตวปิ ากจติ ๙ - ปฏิ ภ จุ ๔. จติ ท่ที าํ หนา ที่ ๒ อยา ง มี ๒ ดวง คอื โสมนัสสันตีรณจติ - ณ ต, มโนทวาราวัชชนจิต - อา วุ ๕. จติ ท่ีทาํ หนา ที่ ๑ อยาง มี ๖๘ / ๑๐๐ ดวง คอื อกุศลจติ ๑๒, ทวปิ ญ จวิญญาณจิต ๑๐, มโนธาตุ ๓, หสติ ุปปาทจติ ๑, มหากศุ ลจิต ๘, มหากริ ยิ าจิต ๘, มหคั คตกศุ ลจติ ๙, มหคั คตกริ ยิ าจติ ๙, โลกตุ ตรจิต ๘/๔๐
๒๔ การจําแนกเจตสิก โดย กจิ ๑๔ ๑. เจตสกิ ทท่ี ําหนาที่ ๑ มี ๑๗ ดวง คือ อกศุ ลเจตสกิ ๑๔, วิรตีเจตสิก ๓ - ช ๒. เจตสิกทท่ี าํ หนาที่ ๔ มี ๒ ดวง คือ อปั ปมญั ญาเจตสิก ๒ - ปฏิ ภ ช จุ ๓. เจตสกิ ที่ทาํ หนาท่ี ๕ มี ๒๑ ดวง คือ ฉนั ทเจตสิก, โสภณเจตสกิ ๑๙, ปญญาเจตสิก ๑ - ปฏิ ภ ช ต จุ ๔. เจตสกิ ทท่ี าํ หนาที่ ๖ มี ๑ ดวง คอื ปต เิ จตสกิ - ปฏิ ภ ณ ช ต จุ ๕. เจตสิกทีท่ าํ หนาท่ี ๗ มี ๑ ดวง คอื วีรยิ เจตสิก - ปฏิ ภ อา วุ ช ต จุ ๖. เจตสกิ ทที่ ําหนาที่ ๙ มี ๓ ดวง คือ วติ กเจตสกิ , วจิ ารเจตสกิ , อธโิ มกขเจตสิก - ปฏิ ภ อา สํ ณ วุ ช ต จุ ๗. เจตสกิ ที่ทาํ หนา ท่ี ๑๔ มี ๗ ดวง คอื สพั พจติ ตสาธารณเจตสกิ ๗ - กจิ ๑๔ การแสดงสงเคราะห จิต โดยกิจ ๑๔ และฐาน ๑๐ ฐาน ๑๐ กจิ ๑๔ จิต ๘๙ โลกียจิต ๘๑ กามาวจรจิต ๕๔ อเหตุกจิต ๑๘ ๑. ปฏสิ นธฐิ าน ๑. ปฏิสนธกิ จิ ๑๙ ๑๙ ๑๐ ๒ ๑๙ ๑๐ ๒ ๒. ภวังคฐาน ๒. ภวังคกิจ ๑๙ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๓. อาวชั ชนฐาน ๓. อาวัชชนกจิ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๔. ทสั สนกิจ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๕. สวนกจิ ๒ ๒ ๒ ๒ ๓ ๓ ๓ ๔. ปญจวญิ ญาณฐาน ๖. ฆายนกจิ ๒ ๑ ๑ ๑ ๔๗ ๒๙ ๑ ๗. สายนกิจ ๒ ๑๑ ๑๑ ๓ ๑๙ ๑๐ ๒ ๘. ผสุ นกิจ ๒ ๕. สมั ปฏิจฉนฐาน ๙. สัมปฏิจฉนกจิ ๒ ๖. สนั ตีรณฐาน ๑๐. สันตีรณกจิ ๓ ๗. โวฏฐัพพนฐาน ๑๑. โวฏฐพั พนกิจ ๑ ๘. ชวนฐาน ๑๒. ชวนกิจ ๕๕ ๙. ตทารัมมณฐาน ๑๓. ตทารัมมณกิจ ๑๑ ๑๐. จตุ ฐิ าน ๑๔. จตุ กิ ิจ ๑๙
๒๕ กจิ จสังคหะ จําแนกเจตสกิ ๕๒ โดย กิจ ๑๔ จําแนกจิต ๑๒๑ โดย กจิ ๑๔ ชชชช ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๙ ๙ ๙ ๗ ๖ ๕ ปฏิ ภ ช ต จุ ๑ ชชชช ชช ปฏิ ภ ณ ช ต จุ ปฏิ ภ จุ ณ ต ชช ปฏิ ภ อา วุ ช ต จุ ทสั สว ฆา สา ผสุ สํ ๕ ปฏิ ภ อา สํ ณ วุ ช ต จุ ๑๔ ทัส สว ฆา สา ผุส สํ ๕ ๒ ณ ต กามชวน ๒๙ อา ๒ ช อา วุ ชชชช ชชชช ชชช ชชชช ชชชช ชช ช ๕ ๔๔๔๔ ปฏิ ภ จุ ต ๔๔๔๔ ชชชช ๕๕๕๕๕๕๕ ชชชช ชชช ๕๕ ชชชชช ๔๔ ๕๕ ๓๓๓๓๓ ปฏิ ภ จุ ๕ ๕๕ ปฏิ ภ ช จุ ๕ ๕ ๔ ชชชชช ๕๕ ชชชช อัปปนาชวน ๒๖ / ๕๘ ๓๓๓๓ ๕๕ ชชชช เจตสิก ชชชชช อักษรยอ กิจ ๑๔ ทาํ กจิ ได ๑ กจิ มี ๑๗ ดวง ชชชชช ชชชชช ๑. ปฏิ = ปฏสิ นธกิ ิจ ทาํ กจิ ได ๔ กิจ มี ๒ ดวง ทาํ กจิ ได ๕ กิจ มี ๒๑ ดวง ๑ ชชชชช ๒. ภ = ภวังคกจิ ทํากิจได ๖ กิจ มี ๑ ดวง ๓. อา = อาวัชชนกิจ ชชชชช ๔. ทสั = ทสั สนกิจ ทาํ กิจได ๗ กิจ มี ๑ ดวง ชชชชช ๕. สวน = สวนกิจ ทาํ กิจได ๙ กิจ มี ๓ ดวง ชชชชช ๖. ฆา = ฆายนกิจ ทํากิจได ๑๔ กิจ มี ๗ ดวง ชชชชช ๗. สาย = สายนกจิ หมายเหตุ : เมอื่ จติ และเจตสิก สมั ปยุตตธรรมกนั จติ ๘. ผุส = ผสุ นกิจ กลาวคือ ประกอบกันและรวมกันทํา ๙. สํ = สมั ปฏจิ ฉนกิจ กจิ นน้ั ๆ ใหสําเรจ็ ทาํ กิจได ๑ กิจ มี ๖๘/๑๐๐ ดวง ๑๐. ณ = สันตีรณกิจ ทาํ กจิ ได ๒ กจิ มี ๒ ดวง ๑๑. วุ = โวฏฐพั พนกิจ ทํากิจได ๓ กจิ มี ๙ ดวง ๑๒. ช = ชวนกิจ ทาํ กจิ ได ๔ กจิ มี ๘ ดวง ๑๓. ต = ตทารัมมณกิจ ทาํ กิจได ๕ กิจ มี ๒ ดวง ๑๔. จุ = จุติกจิ
๒๖ อายุของจิตพรอ มดวยเจตสกิ และรูป ในจํานวนจติ ๘๙ หรอื ๑๒๑ ดวงนน้ั จติ ดวงหนึ่งๆ มีขณะเล็ก (อนขุ ณะ) อยู ๓ ขณะ คือ ๑ อปุ ปาทกั ขณะ ( ขณะเกดิ ขนึ้ ) ๒ ฐีตขิ ณะ ( ขณะต้ังอยู ) ๓ ภังคักขณะ ( ขณะดบั ไป ) และขณะ ทง้ั ๓ เหลา นี้ เปน อายขุ องจิต ( รวมท้งั เจตสกิ ) ดวงหนง่ึ ๆ ปฏิ - ปฏสิ นธิ คือ จติ ทีเ่ กดิ ข้นึ สบื ตอภพใหม ภังคกั ขณะ คอื ขณะดบั ไป ฐีตขิ ณะ คือ ขณะท่ตี ัง้ อยู ขณะทัง้ 3 ขณะน้เี ปนอายุของปฏิสนธิจติ ดวงหน่งึ ๆ อปุ ปาทกั ขณะ คอื ขณะทเี่ กิดข้ึน จิตทเ่ี หลือ คอื ภวงั คจติ ๑๙ ปญจทวารวถิ แี ละมโนทวารวิถี ปญ จทวาราวชั ชนจิต และมโนทวาราวชั ชนจิต เปนตน และจตุ ิ ๑๙ ก็เปน ไปทาํ นองเดยี วกนั สว นรูป ๒๒ รูป ( เวน วญิ ญัติรปู ๒ ลักขณรูป ๔) รปู ใดรปู หน่ึง มอี ายเุ ทากนั กับระยะเวลาของขณะจิตท่ีเกดิ ขน้ึ แลวดับไป ๑๗ ดวง หรอื ๕๑ ขณะเล็ก ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ภ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ อปุ ปาทกั ขณะ ๑ ขณะ ฐตี ขิ ณะ – ขณะต้งั อยู ๔๙ ขณะ ภังคกั ขณะ ๑ ขณะ ขณะทั้ง ๕๑ ขณะเหลา นี้ เปน อายขุ องรปู ๒๒ รูป อายุของนามและรปู ในขณะทัง้ ๓ น้ัน มีความแตกตา งกนั ตรงฐีติขณะ คอื - ฐตี ิขณะของนาม มี ๑ ขณะ - สวนฐตี ิขณะของรูปมี ๔๙ ขณะ - สําหรบั อปุ ปาทักขณะและภังคกั ขณะนั้นมี ๑ ขณะเทากัน คําวา ขณะ หมายความวา ชว่ั ระยะเลก็ นอ ยท่สี ดุ จะหาอะไรมาเปรียบเทยี บมิได
๒๗ วถิ จี ิต มี ๑๕๒ วิถี วถิ ี หมายความวา การเกิดขึ้นโดยลําดับติดตอกันเปน แถวของจิต เจตสิก รปู วถิ ีจติ ทเ่ี ปนหลกั ใหญ มี ๒ วถิ ี ดว ยกนั คอื ๑ ปญ จทวารวถิ ี หมายความวา วถิ จี ติ ที่เกิดขน้ึ ตดิ ตอ กนั เปน แถวของจติ และเจตสิกในทางปญ จทวาร มีจักขทุ วาริกจติ เปน ตน จนถึงกายทวารกิ จติ เปน ที่สดุ ปญจทวารวถิ ีมี ๗๕ หรอื ๑๐๐ วถิ ี วา โดยจาํ นวนวถิ ีจติ ท่ีเกิดขนึ้ ในปญ จทวารทัง้ หมดมี ๕๔ ดวง คอื กามจิต ๕๔ นน้ั เอง ๑ ๒๓๔๕ ๖ ๗ วถิ จี ิต ๗ จิตตักขณะ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ จิตตุปบาท ๑๔ ภ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ กามจติ ๕๔ วิถีมุตตจิต ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑ ๑๐ ๒ ๓ ๑ ๒๙ ๑๑ วถิ จี ติ ทเ่ี กดิ ทางปญ จทวาร โดยอาศยั วสิ ยัปปวัตตทิ งั้ ๔ มี อตมิ หนั ตารมณ เปน ตน นั้น สรปุ ไดด ังนี้ คอื ๑ อติมหนั ตารมณ วถิ ีในหนงึ่ ทวารโดยยอมี ๑ วถิ ี โดยพสิ ดาร มี ๓ วิถี ๒ มหนั ตารมณ วถิ ีในหนง่ึ ทวารโดยยอ มี ๒ วถิ ี โดยพิสดาร มี ๔ วถิ ี ๓ ปริตตารมณ วิถใี นหนง่ึ ทวารโดยยอมี ๖ วิถี โดยพสิ ดาร มี ๖ วถิ ี ๔ อตปิ ริตตารมณ วถิ ีในหน่งึ ทวารโดยยอ มี ๖ วิถี โดยพสิ ดาร มี ๗ วิถี รวมวถิ ีจิตท่ีเกดิ ในทวารใดทวารหนง่ึ ในปญ จทวารน้นั โดยยอมี ๑๕ วถิ ี โดยพสิ ดารมี ๒๐ วิถี เมื่อรวมวถิ ี จติ ท้ัง ๕ ทวาร เปนปญ จทวารวถิ ีทั้งหมดโดยยอมี ๗๕ วถิ ี (๑๕ x ๕) โดยพสิ ดารมี ๑๐๐ วิถี (๒๐ x ๕) ๒ มโนทวารวถิ ี หมายความวา การเกิดขน้ึ โดยลําดับติดตอกันเปน แถวของจติ และเจตสกิ ทางใจ มี ๕๒ วถิ ี คอื ๑. กามชวนมโนทวารวถิ ี มี ๔๕ วถิ ี ๒. อปั ปนาชวนมโนทวารวิถี มี ๗ วถิ ี รวมเปน มโนทวารวิถี ๕๒ วถิ ี
๒๘ แสดงอารมณท่ปี รากฏทาง ปญ จทวารและมโนทวาร อารมณของวถิ จี ติ ทางมโนทวาร อารมณของวถิ ีจิตทางปญจทวาร ๑ อติวภิ ตู ารมณ คอื อารมณท ่ปี รากฏชัดมากทางใจ ๑ อตมิ หนั ตารมณ คอื อารมณทปี่ รากฏชดั มาก (ปญจ) ๒ วภิ ูตารมณ คือ อารมณท่ีปรากฏชดั ทางใจ ๒ มหันตารมณ คือ อารมณท ปี่ รากฏชัด (ปญจ) ๓ อวิภูตารมณ คือ อารมณท ีไ่ มป รากฏชัดทางใจ ๓ ปรติ ตารมณ คอื อารมณท ไี่ มป รากฏชัด (ปญจ) ๔ อตอิ วภิ ตู ารมณ คอื อารมณท ่ีไมป รากฏชดั เลย ๔ อติปริตตารมณ คือ อารมณทไ่ี มปรากฏชัดเลย (ปญจ) อัปปนาชวนมโนทวารวถิ ี อปั ปนาชวนมโนทวารวถิ ี เปน มโนทวารวถิ ีท่ยี กอัปปนาชวนะข้นึ เปน ประธานโดยมญี าณสัมปยตุ ต กามาวจรชวนะ ๘ ดวง ๆ ใดดวงหนึง่ ซง่ึ ชอ่ื วา ปริกรรม – อุปจาร เปน ตน เกดิ ขน้ึ เปน บาทรองรบั อัปปนาชวนะ เหลา น้ี ดงั นน้ั จึงควรทราบคํายอ คําเตม็ และความหมายในอปั ปนาวถิ ี เปน เบอื้ งตน ดงั ตอ ไปนี้ คอื ปริ – อุ – นุ – โค – โว ( ปรกิ รรม – อปุ จาร – อนุโลม – โคตรภู – โวทาน ) ๑ ปร-ิ ปริกรรม คอื กามชวนะที่ชอื่ วา ปริกรรม เพราะวาเปน เหตแุ หงการจัดแจงปรุงแตงเพ่ือใหอ ปั ปนาชวนะ ( หรือเปนเบ้ืองตนของอัปปนา ) เกดิ คือ ฌาน, อภญิ ญา, มรรค, ผล ๒ อุ-อุปจาร คือ กามชวนะท่ีช่ือวา อุปจาร เพราะเปน ชวนะทเ่ี กดิ ขึ้นใกลขอบเขตของอัปปนาชวนะ ( หรอื เกดิ ขน้ึ ใกลชดิ อัปปนา ) ๓ น-ุ อนโุ ลม คือ กามชวนะทช่ี ่อื วา อนโุ ลม เพราะเปน ไปตามสมควรแกอ ปั ปนา โดยการกาํ จดั ธรรมท่ีเปน ปฏิปกษต อ กัน ฉะนนั้ ชวนจติ นั้นชอื่ วา อนโุ ลม ( เปนไปตามสมควรแกอัปปนา หรือ ไหลสกู ระแสอัปปนา(ฌาน) ) ๔ โค-โคตรภู คอื กามชวนะที่ชือ่ วา โคตรภู เพราะในขณะนนั้ ทําการทําลายตดั เชอื้ ชาตกิ าม ( ในฌานวิถี ) และทําการทาํ ลายตัดเช้อื ชาตปิ ถุ ุชน ( ในมัคควิถี ) ๕ โว-โวทาน คือ กามชวนะทช่ี อ่ื วา โวทาน เพราะทําใหอริยบคุ คลเขาถงึ ความบรสิ ทุ ธิเ์ ปนพเิ ศษยงิ่ ๆ ข้นึ ไป กลาวคอื พระโสดาบันบคุ คลขณะทไ่ี ดส กทาคามมิ รรค สกทาคามผิ ล ยอมมีกามชวนะที่มี หนาทตี่ อ นรับพระนิพพานและท้งิ สังขตธรรมกอ น เพอื่ ทีจ่ ะใหสกทาคามมิ รรคเกิดขึ้นรับ พระนพิ พานเปนอารมณ พรอ มทง้ั ทําการประหาณอนุสยั กิเลส ท่มี อี าํ นาจพเิ ศษยิ่งขนึ้ ไป กวา การประหาณอนสุ ยั กิเลสของโสดาปต ตมิ รรค สว นพระสกทาคามบี คุ คล ขณะทีไ่ ด อนาคามิมรรค อนาคามิผลและพระอนาคามบี คุ คล ขณะทไ่ี ด อรหตั ตมรรค อรหัตตผล ยอ มมกี ามชวนะทีม่ ีหนา ที่เชน เดยี วกนั เพ่อื ใหอนาคามิมรรคและอรหัตตมรรค เกดิ ข้นึ รับ พระนิพพานเปน อารมณพ รอมทง้ั ทําการประหาณอนสุ ยั กเิ ลสทีม่ อี าํ นาจพเิ ศษยิ่งๆ ขน้ึ ไป กวา การประหาณอนสุ ัยกเิ ลสของมรรคจติ เบอื้ งตํ่า ฉะน้นั จงึ ช่อื วา โวทาน ดังมวี จนตั ถะ แสดงวา : โวทาเนตตี ิ = โวทานํ ชวนจติ ใดยอมทาํ ใหอ รยิ บคุ คลเขา ถงึ ความบรสิ ุทธเ์ิ ปน พเิ ศษยง่ิ ๆ ขนึ้ ไป ฉะนน้ั ชวนจติ น้นั จึงชอ่ื วา โวทาน
๒๙ แสดงภาพ อัปปนาชวนมโนทวารวถิ ี ๗ วถิ ี ๑. อาทิกัมมิกฌานวิถี ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค ฌ ภ ภ ภ ๑๓ ๑ ๘ ๑๘ ๑๓ ๒. ฌานสมาปต ตวิ ิถี ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค ฌ ฌานจติ เกิดดับเร่อื ยไป ฌ ภ ภ ภ ๑๓ ๑ ๘ ๑๘ ๑๓ ๓. ปาทกฌานวถิ ี ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค ฌ รปู ปญ จมฌานจิตเกิดดับเรอ่ื ยไป ฌ ภ ภ ภ ๙๑ ๔ ๒๙ ๔. อภิญญาวิถี ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค อภิ ภ ภ ภ ๙ ๑ ๔ ๒๙ ๕. มัคควถิ ี ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค มัค ผ ผ ภ ภ ภ ๙ ๑ ๔ ๑๑ ๙ มคั ควถิ เี บ้ืองบน ๓ ภ น ท ม ปริ อุ นุ โว มคั ผ ผ ภ ภ ภ ๑๓ ๑ ๔ ๓๓ ๑๓ ๖. ผลสมาปต ตวิ ถิ ี ภ น ท ม นุ นุ นุ นุ ผ ผลจติ เกิดดับเรอ่ื ยไป ผ ภ ภ ภ ๑๓ ๑ ๘ ๔ หรอื ๒๐ ๑๓ ๗. นิโรธสมาปตติวถิ ี ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค ฌ ฌ จิต เจตสิกและจิตตชรปู ดับ ผ ภ ภ ภ ๙๑ ๔ ๒ ๒๙ หมายเหตุ : ภาพอปั ปนาชวนมโนทวารวถิ ที ้งั ๗ วถิ นี ี้ แสดงเฉพาะท่เี กิดขึ้นแก มนั ทบุคคล เทา นั้น ( คอื บุคคลทร่ี ูไดช า หรือเฉื่อยชา ) และพึงสังเกตวา - ถา เปน วถิ จี ติ ที่เกิดขน้ึ แก มนั ทบุคคล จะมีคาํ วา “ ปริ ” (ปรกิ รรม) อยูใ นภาพวิถดี ว ย - ในภาพ มัคควิถี จะมผี ลจติ เกดิ ขนึ้ ๒ ขณะ - ในภาพ ผลสมาปต ตวิ ิถี จะมคี าํ วา “น”ุ (อนุโลม) เกิดขน้ึ ๔ ขณะ - แตถ าเปน วถิ จี ติ ทเ่ี กดิ ขน้ึ แก ติกขบคุ คล ( คือบคุ คลที่รูไ ดเร็ว ) ในภาพวิถจี ะไมมคี ําวา “ ปริ ” (ปริกรรม) แตอ ยา งใด - ในภาพ มคั ควถิ ี จะมีผลจติ เกดิ ข้นึ ๓ ขณะ - ในภาพ ผลสมาปต ติวถิ ี จะมีคาํ วา “ นุ ” (อนโุ ลม) เกดิ ขน้ึ ๓ ขณะ
๓๐ อปุ มาการเกดิ ขนึ้ ของวถิ จี ิตทางปญจทวาร อุปมาพวกเดก็ ชาวบานหลายคน พากนั เลน ฝนุ อยทู ีร่ ะหวา งทาง ในเดก็ กลมุ นน้ั เด็กคนหนึ่งเอามอื ไป กระทบกับกหาปณะ เดก็ คนนนั้ จงึ พดู วา “ นั้นอะไร กระทบมือเรา ” ในลาํ ดบั นนั้ เดก็ อกี คนหนง่ึ จงึ พดู วา “ นั่นสีขาวนี่ ” เด็กอีกคนหนงึ่ จึงกาํ ไวแนน พรอมกบั ฝุน เดก็ อกี คนหนึ่งพดู วา “ นัน่ ส่ีเหลีย่ มหนา ” เด็กอกี คนจงึ พูดวา “ นน่ั กหาปณะนี่ ” ลําดับน้นั พวกเด็กเหลา นนั้ จงึ นํากหาปณะนน้ั มาใหมารดา “ มารดากน็ าํ กหาปณะไป ใชในการงาน ” ปญจทวารวิถจี ิต ๕๔ ภ ภ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ๑ ๑๐ ๒ ๓ ๑ ๒๙ ๑๑ ความเปนไปของภวงั คจิต พึงเหน็ เหมอื น ในเวลาทพ่ี วกเด็กชาวบานพากนั เลนฝุน อยทู รี่ ะหวา งทาง อารมณก ระทบประสาท ” ในเวลาที่มอื ไปกระทบกบั กหาปณะ ปญ จทวาราวชั ชนจติ ” ในเวลาทเ่ี ดก็ คนหนงึ่ พดู วา “น้ันอะไร กระทบมอื เรา” จักขุวญิ ญาณจติ ” ในเวลาทเ่ี ด็กคนหนึง่ พดู วา “นั่นสขี าว” สมั ปฏิจฉนจติ ” ในเวลาที่เด็กอกี คนหนึ่ง กาํ กหาปณะนน้ั ไวแ นน สนั ตีรณจิต ” ในเวลาท่ีเดก็ อกี คนหน่ึงพดู วา “นั่นสเี่ หล่ียมหนา” โวฏฐพั พนจติ ” ในเวลาทีเ่ ดก็ อกี คนหนงึ่ พูดวา “นนั่ กหาปณะน”่ี ชวนจิต ” ในเวลาท่ีมารดานํากหาปณะไปใชง าน อุปมาน้ี ยอ มแสดงใหรูวา กรยิ ามโนธาตุ มไิ ดเหน็ เลยยงั ภวงั คใหเ ปลย่ี นไป วบิ ากมโนธาตกุ ไ็ มเ หน็ ยอ ม ทําหนา ทีร่ บั อารมณ วบิ ากมโนวิญญาณธาตกุ ไ็ มเหน็ ยอ มทําหนาทีพ่ จิ ารณาอารมณ กรยิ า มโนวญิ ญาณธาตุกไ็ ม เห็น ยอมทําหนาที่กําหนดอารมณ ชวนจติ กไ็ มเ หน็ ยอ มทําหนาท่เี สพอารมณ จักขวุ ญิ ญาณเทา น้นั ยอ มทาํ หนา ท่ี เหน็ โดยสว นเดยี ว
๓๑ พระราชาพระองคห นง่ึ บรรทมหลับอยบู นแทน บรรทม มหาดเลก็ ของพระองค นั่งถวายงานนวด พระยุคลบาทอยู มีนายทวารหูหนวกยืนอยทู ีพ่ ระทวาร มีทหารยามเฝา อยู ๓ นาย ยนื เรียงกนั ตามลาํ ดับ ครัง้ นนั้ มีชายชนบทคนหนึ่งถือเครือ่ งบรรณาการมาเคาะประตเู รียก นายทวารหหู นวกไมไ ดย ินเสยี ง มหาดเลก็ ผูถวายงานนวดพระยุคลบาทจึงใหส ญั ญาณ เขาจงึ เปดประตดู วยสัญญาณน้นั มองดู ทหารยามคนท่ี ๑ จึงรบั เครือ่ งบรรณาการแลวสงใหคนที่ ๒ คนท่ี ๒ สงใหค นที่ ๓ ทลู เกลา ถวายพระราชา พระราชาจงึ เสวย อารมณมากระทบกับประสาท เหมอื น ชายชนบทถือเครอื่ งบรรณาการมาเคาะประตเู รียก เวลาท่มี หาดเล็กผนู วดพระยคุ ลบาทใหส ญั ญาณ ปญจทวาราวชั ชนจติ ” เวลาท่ีนายทวารหหู นวกเปด ประตูดว ยสญั ญาณท่ี มหาดเลก็ นน้ั ให จกั ขุวญิ ญาณจติ ” เวลาท่นี ายทหารยามคนท่ี ๑ รบั เครอ่ื งบรรณาการ เวลาท่ที หารยามคนท่ี ๑ สงเครอ่ื งบรรณาการให สมั ปฏิจฉนจิต ” ทหารยามคนท่ี ๒ สันตีรณจิต ” เวลาที่ทหารยามคนท่ี ๓ ทูลเกลา ถวายเครื่อง บรรณาการแดพ ระราชา โวฏฐพั พนจติ ” เวลาท่ีพระราชาเสวยเคร่ืองบรรณาการ ชวนจติ ” อปุ มานย้ี อ มแสดงใหรูวา กจิ ของอารมณม ีเพยี งกระทบกับประสาทเทา นัน้ กจิ ทงั้ หลายของ จกั ขวุ ญิ ญาณ เปนตน เปนเพยี งการเห็นอารมณ การรับอารมณ การพจิ ารณาอารมณ และการกําหนดอารมณเ ทา น้ัน ชวนจติ เทา น้นั ยอ มเสวยรสอารมณ ดังน้ี ลักษณะคนบรสิ ุทธ์ิ ๓ ๑. สมคฺคา ความพรอ มเพรียง ๒. นปิ กา มีปญญาเปน เครื่องรกั ษาตน ๓. ทกุ ขฺ สฺสนฺติ กระทาํ ท่ีสุดแหง ทุกขได ขุ. สุต. ๒๕/๓๘๐
๓๒ แสดงฐานโดยพสิ ดาร สนฺธิ เอกํ ฉ ภวงฺคํ ทฺวาวชฺชนํ ปฺจาทฺเยกํ เทฺว โว โช ฉ ตทา เทวฺ ติ จตุ ีติ ปจฺ วสี ติ ฐานพสิ ดาร มี ๒๕ คอื ปฏสิ นธิฐาน มี ๑ ภวงั คฐาน มี ๖ อาวชั ชนฐานมี ๒ ปญ จวิญญาณฐานมี ๑ สมั ปฏจิ ฉนฐานมี ๑ สันตีรณฐานมี ๑ โวฏฐพั พนฐานมี ๒ ชวนฐานมี ๖ ตทารัมมณฐานมี ๒ จุตฐิ านมี ๓ รวมเปน ฐาน ๒๕ แสดงฐาน ๒๕ โดยวิถี ๑. ปฏสิ นธฐิ าน มี ๑ ฐาน คือ จุ – ภ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ต ต จุ ปฏิ ภ ภ ภ ในมรณาสันนวถิ ี ๒. ภวังคฐาน มี ๖ ฐาน คอื ปฏิ – อา ต – อา ช – อา วุ – อา ต – จุ ช – จุ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ต ต จุ ปฏิ ภ ภ น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ทเี่ กิดตอจากมรณาสันนวิถี จนถงึ ภวนิกนั ตโลภชวนวิถี ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ในระหวา งตทารมั มณวารวิถี กบั วถิ อี ืน่ ๆ ทเี่ กิดตดิ ตอ กนั ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ภ ภ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ในระหวางชวนทวารวิถี กบั วถิ ีอื่น ๆ ท่เี กดิ ติดตอ กนั ตี ตี ตี ตี ตี น ท ม ปญ สํ ณ วุ วุ วุ ภ ภ น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ในระหวา งปญ จทวารวิถที ่ีเปน โวฏฐัพพนวาระ กับวถิ อี นื่ ๆ ท่ีเกดิ ตดิ ตอ กัน ตี น ท ม ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ จุ ปฏิ ภ ภ ในมรณาสันนวถิ ีท่เี ปน ตทารมั มณวาระ ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี น ท ม ช ช ช ช ช ภ จุ ในมรณาสันนวิถที เี่ ปนชวนวาระ ๓. อาวัชชนฐาน มี ๒ ฐาน คือ ภ – ปญ ภ – ช ในปญจทวารวิถี ในกามชวนมโนทวารวิถี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ
๓๓ ๔. ปญจวิญญาณฐาน มี ๑ ฐาน คอื อา – สํ ในปญ จทวารวิถี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๕. สัมปฏิจฉนฐาน มี ๑ ฐาน คอื ปญ – ณ ในปญจทวารวิถี ในปญ จทวารวถิ ี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๖. สันตีรณฐาน มี ๑ ฐาน คอื สํ – วุ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๗. โวฏฐพั พนฐาน มี ๒ ฐาน คอื ณ – ช ณ – ภ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ในปญ จทวารวิถีท่ีเปนตทารมั มณวาระ ตี ตี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ภ และ ชวนวาระ ตี ตี ตี ตี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ วุ วุ ภ ภ ภ ภ ในปญจทวารวิถี ทเ่ี ปนโวฏฐพั พนวาระ ๘. ชวนฐาน มี ๖ ฐาน คอื วุ – ต วุ – ภ วุ – จุ ม – ต ม – ภ ม – จุ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ในปญจทวารวถิ ี ทเ่ี ปนตทารัมมณวาระ ตี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ภ ในปญจทวารวิถี ทีเ่ ปนชวนวาระ ตี ตี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช จุ ปฏิ ในปญจทวารมรณาสันนวถิ ี ที่เปนชวนวาระ ตี น ท ป ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ภ ภ ในกามชวนมโนทวารวิถี ที่เปนตทารมั มณวาระ ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ภ ภ ในกามชวนมโนทวารวิถี ทเ่ี ปน ชวนวาระ ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี น ท ม ช ช ช ช ช จุ ปฏิ ในมโนทวารมรณาสันนวถิ ี ท่ีเปน ชวนวาระ ๙. ตทารัมมณฐาน มี ๒ ฐาน คอื ช – ภ ช – จุ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ในปญจทวารวิถีและมโนทวารวิถี ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ทีเ่ ปน ตทารมั มณวาระ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ต ต จุ ปฏิ ในมรณาสันนวิถี ท่ีเปน ตทารัมมณวาระ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ต ต จุ ปฏิ ภ ภ ๑๐. จุติฐาน มี ๓ ฐาน คอื ต – ปฏิ ช – ปฏิ ภ – ปฏิ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ต ต จุ ปฏิ ภ ในมรณาสนั นวถิ ี ที่เปนตทารัมมณวาระ ตี ตี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช จุ ปฏิ ภ ในมรณาสนั นวถิ ี ทเ่ี ปนชวนวาระ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ จุ ปฏิ ภ ภ ภ ในมรณาสันนวถิ ี ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี น ท ม ช ช ช ช ช ภ จุ ปฏิ
๓๔ ปฏิ ปฏิสนธิ ไดแ ก วบิ ากจติ ท่ีเกิดเปน ดวงแรก ในภพหนง่ึ ๆ ทําหนา ท่ีสบื ตอภพใหม ภ ภวงั คจติ ไดแ ก จิตทเี่ กดิ ในระหวางจติ ดวงแรกและดวงสุดทายในภพหน่งึ ๆ ทาํ หนา ทีร่ กั ษาภพ ซง่ึ มีอยู ๕ ประเภท คือ ภ มูลภวงั ค ไดแ ก ภวงั คท เี่ นื่องมาจากปฏสิ นธิ หมายความวา จติ ดวงใด ทําหนาที่ปฏสิ นธิ จติ ดวงนนั้ ก็ทาํ หนาท่ีภวงั ค ตี อดตี ภวังค ไดแ ก ภวังคท ่ีผา นไปกอนในขณะท่ีอารมณ ๖ คือ ปจ จบุ นั นปิ ผนั นรูป ๑๘ ปรากฏแลว แตยังไมกระทบกับทวาร ๖ น ภวงั คจลนะ ไดแก ภวังคไหวทเี่ กดิ ข้ึนดว ยอํานาจ กระทบกนั ระหวา ง อารมณ ๖ กบั ทวาร ๖ ท ภวังคปุ จ เฉทะ ไดแก ภวังคไ หวทเี่ กดิ ขึ้นเปน ดวงสองแลว ตดั กระแสภวังคข าด อา อาคันตุกภวงั ค ไดแ ก ภวังคท จ่ี รมาใหม เกดิ ขึน้ คั่นระหวา งจิตทเ่ี ปนโทมนัสและ โสมนสั มิใหเ กดิ ตอกนั ป ปญ จทวาราวชั ชนจติ ทเ่ี กิดขน้ึ ทาํ หนา ที่ อาวชั ชนะ ( พจิ ารณาอารมณใหม ) ในทางปญ จทวาร ปญ ทวปิ ญ จวิญญาณจติ ทีเ่ กดิ ขนึ้ ทําหนา ท่ี เห็น ไดย นิ เปน ตน ในทางปญ จทวาร สํ สมั ปฏจิ ฉนจิต ทีก่ ิดข้ึนทาํ หนาทรี่ บั อารมณท างปญจทวาร ณ สันตรี ณจติ ทเี่ กิดขนึ้ ทําหนาท่ีไตส วนอารมณท างปญจทวาร วุ โวฏฐพั พนจติ ไดแก มโนทวาราวชั ชนจติ ทเ่ี กิดข้ึนทาํ หนาท่ตี ัดสินอารมณท างปญจทวาร ช ชวนจติ ไดแก กามชวนะ ๒๙ ทเี่ กดิ ข้ึนเสพอารมณ ต ตทารมั มณจติ ไดแก สนั ตีรณจิต และมหาวปิ ากจิต ทเ่ี กดิ ข้นึ ทําหนาท่รี บั อารมณต อ จากชวนะ จุ จตุ จิ ิต ไดแ ก จติ ที่เกดิ ดวงสุดทายในภพหนึง่ ๆ ทาํ หนา ทสี่ นิ้ จากภพเกา ม มโนทวาราวชั ชนจติ ท่ีเกิดข้ึนทําหนา ที่อาวัชชนะ ( พจิ ารณาอารมณใหม ) ในทางมโนทวาร หมายเหตุ ในวถิ หี นงึ่ ๆ นน้ั มีวาระสน้ิ สดุ แหงวถิ นี นั้ ๆ อยู ๔ วาระ คอื (๑) ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต เมอื่ อารมณผ า นไปกอน ๑ ขณะจติ แลว จึงกระทบกับทวาร เมอ่ื วถิ ีจติ แลนไปจนถึงชวนจิตดวงที่ ๗ แลว อารมณกย็ งั ไมด ับยังเหลอื อีก ๒ ขณะจิต ฉะนนั้ ตทารัมมณจติ จึงเกดิ ขน้ึ รับเอาอารมณตอ จากชวนจติ อกี ๒ ขณะ และดบั ลงพรอ มกับอารมณ จากน้ันก็ลงสภู วังค วถิ จี ติ น้ีเรยี กวา ตทารมั มณวาระ (๒) ตี ตี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช เม่ืออารมณผานไปกอน ๒ – ๓ ขณะจิต จงึ กระทบกบั ทวาร เม่อื วิถจี ติ แลนไปถึงชวนจิตดวงที่ ๗ แลว อารมณย งั เหลืออกี ๑ ขณะกด็ ี ดับพรอ มกบั ชวนจติ ดวงท่ี ๗ ก็ดี ตทารมั มณจติ ไมมโี อกาสท่จี ะเกดิ ไดเ มือ่ ชวนจิต ดวงที่ ๗ ดับลง จากนน้ั จติ กล็ งสูภ วังค วิถจี ติ นี้เรียกวา ชวนวาระ
๓๕ (๓) ตี ตี ตี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ วุ วุ ภ ภ เม่อื อารมณผานไปกอน ๔ – ๙ ขณะจิตแลว จึงกระทบกบั ทวาร เม่อื วถิ จี ติ แลนไปถึง โวฏฐพั พนจติ อารมณย งั เหลือเพยี ง ๖ ขณะจติ เทา น้ัน ชวนจติ ไมมโี อกาสท่ีจะเกดิ เพราะตามธรรมดา ชวนจติ ตอ งเกดิ ๗ ขณะ เสมอ เมอ่ื เปน เชน น้ี โวฏฐัพพนจิตจึงเกิด ๒ – ๓ ขณะจติ แลวลงสูภวงั ค วถิ ีนี้เรยี กวา โวฏฐพั พนวาระ (๔) ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี น ภ ภ เมื่ออารมณผานไปกอ น ๑๐ – ๑๖ ขณะจติ แลว จึงกระทบกับทวาร อารมณน ั้นสามารถตั้งอยไู ดจ นถงึ โวฏฐัพพนจติ ฉะนัน้ จติ จงึ ไมข้นึ สวู ถิ ี มแี ตภ วังคไหวเทา น้นั เ กดิ ๒ ขณะ เรยี กวถิ ีนวี้ า โมฆวาระ จบ กิจจสงั คหะ คติธรรมคาํ คม คนจะดนี ้ีตองฝกและศกึ ษา กายวาจาตองอบรมบมนิสยั ตอ งฝกจติ ใหห นักแนนเปน หลกั ชัย ชนะภยั สารพดั ................สวสั ดี เครื่องประดับขอ มอื คอื การให เครือ่ งประดบั จติ ใจคอื เมตตา เครื่องประดับคอคือเปลงปยะวาจา เคร่ืองประดบั หนู ั่นหนา ฟง สิง่ เปนมงคล โดย กฤษณาวดี...
๓๖ มาติกาที่ ๔ ทวารสังคหะ ทวารสังคหะ หมายความวา การแสดงสงเคราะห จิต เจตสิก โดยประเภทแหงทวาร ชอ่ื วา ทวารสงั คหะ ทวาร มี ๖ คือ ๑. จกั ขทุ วาร ไดแ ก จักขปุ สาท ๒. โสตทวาร ไดแก โสตปสาท ๓. ฆานทวาร ไดแก ฆานปสาท ๔. ชิวหาทวาร ไดแ ก ชวิ หาปสาท ๕. กายทวาร ไดแก กายปสาท ๖. มโนทวาร ไดแก ภวังคจติ ๑๙ คําวา ทวาร แปลวา ประตู สาํ หรับเปนทเี่ ขา ออกของคนทง้ั หลาย จกั ขทุ วารเปน ตน ชือ่ วา ทวาร เพราะ เสมือนหนึ่งประตเู ปน ทเี่ ขา ออกของวถิ ีจติ ท้ังหลาย ธรรมดาสัตวท้งั หลาย ถา ไมมีปสาทรูปทัง้ ๕ และภวงั คจิต แลว วถิ ีจติ ก็เกดิ ข้นึ ไมได เมอ่ื วิถจี ติ เกดิ ขน้ึ ไมไดแลว กเ็ ปน อนั วา การทาํ การพดู การคดิ ท่ีดีก็ตาม ไมด กี ็ตาม กม็ ี ไมไ ดเชน เดยี วกัน ๑. จกั ขุทวารกิ จิต ๔๖ ภ ตี น ท ป จัก สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ ๒. โสตทวารกิ จิต ๔๖ ภ ตี น ท ป โส สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ ๓. ฆานทวาริกจิต ๔๖ ภ ตี น ท ป ฆา สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ ๔. ชวิ หาทวารกิ จิต ๔๖ ภ ตี น ท ป ชิว สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ ๕. กายทวาริกจติ ๔๖ ภ ตี น ท ป กา สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ รวม ๔๑ ( -๑๐, ๓) ๖. มโนทวาริกจิต ๖๗ / ๙๙ - กามชวนะ ภ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๒+๘ ๑ ๒๙ ๓+๘ - อัปปนาชวนะ ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค ฌา ภ ภ ๑ ๘ ๑๘ รวม ๒๗ รวม ๑๕ ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค มัค ผ ผ ภ รวม ๓๕ ๑ ๔ ๕๕ ภ น ท ม ปริ อุ นุ โว มคั ผ ผ ภ ๑ ๔ ๑๕ ๑๕
๓๗ ๗. ทวารวิมตุ ตจติ คอื จติ ทพี่ น จากปญ จทวารวถิ แี ละมโนทวารวถิ ี หรือ เรียกวา จติ ทพี่ น จากทวารทั้ง ๖ มี ๑๙ ดวง คือ อุเบกขาสนั ตีรณจติ ๒ มหาวิปากจติ ๘ มหคั คตวิปากจิต ๙ รวมจติ ๑๙ ดวงน้ี - เกดิ พน ทวารโดยแนนอน มี ๙ ดวง คอื มหคั คตวปิ ากจิต ๙ - เกดิ พนทวารโดยไมแนน อน มี ๑๐ ดวง คือ อเุ บกขาสันตรี ณจติ ๒ มหาวิปากจิต ๘ เพราะวา จติ ๑๐ ดวงน้ี ถา ทาํ หนา ที่ ปฏสิ นธิ ภวงั ค จตุ ิ แลว กเ็ กิดพน จากทวาร และถา ทําหนา ที่ สันตรี ณกจิ ตทารมั มณกิจ ก็เกดิ ในทวาร แสดงการจําแนกจิต โดยทวาริกจิต โดยแนน อน และ ไมแ นน อน ทวาริกจติ มี แนนอน ( เอกันตะ) ไมแ นน อน ( อเนกนั ตะ) ๔๔ - กามจิต ๔๔ ( ทวิ.๑๐) ๑. จกั ขทุ วาริกจิต ๔๖ - กามจิต ๔๖ ๒ - จักขุวิญ. ๒ ๔๔ - กามจิต ๔๔ ( ทว.ิ ๑๐) ๔๔ - กามจติ ๔๔ ( ทว.ิ ๑๐) ๒. โสตทวารกิ จิต ๔๖ - กามจิต ๔๖ ๒ - โสตวญิ . ๒ ๔๔ - กามจิต ๔๔ ( ทว.ิ ๑๐) ๔๔ - กามจิต ๔๔ ( ทว.ิ ๑๐) ๓. ฆานทวาริกจิต ๔๖ - กามจิต ๔๖ ๒ - ฆานวญิ . ๒ ๔๑ - กามจิต ๔๑ ( ทว.ิ ๑๐, มโนธาตุ ๓) ๔. ชิวหาทวาริกจติ ๔๖ - กามจิต ๔๖ ๒ - ชิวหาวญิ . ๒ [ หรอื มโน.๑ กามช.๒๙ ตทา.๑๑ ] ๑๐ - อุ.สัน ๒ มหาวิ. ๘ ๕. กายทวาริกจติ ๔๖ - กามจิต ๔๖ ๒ - กายวญิ . ๒ ๖. มโนทวาริกจิต ๖๗/๙๙ - กาม.๔๑ (๑๐,๓) ๒๖/๕๘ - อปั .ช. ๒๖/๕๘ อปั .ช. ๒๖/๕๘ ๗. ทวารวิมตุ ตจติ ๑๙ - ๒, ๘, ๙ ๙ - มหัค.วิ.๙ แสดงเอกทวาริกจิต ปญจทวารกิ จิต ฉทวาริกจิต และ ทวารวมิ ตุ ตจติ โดยแนนอน และ ไมแ นน อน ทวารกิ จติ มี แนนอน ( เอกนั ตะ) ไมแ นนอน ( อเนกันตะ) ๑. เอกทวาริกจติ ๘๐/๑๑๒ - กามจติ ๕๔, ๓๖/๖๘ -ทว๑ิ ๐, อปั .ช. ๒๖/๕๘ ๔๔ -กามจิต ๔๔ อปั .ช. ๒๖/๕๘ ( เวน ทวิ.๑๐ ) ๒. ปญ จทวารกิ จติ ๔๔ - กามจิต ๔๔ ๓ -มโนธาตุ ๓ ๔๑ -กามจิต ๔๑ ( เวน ทวิ.๑๐ ) ( เวน ทวิ.๑๐, ๓ ) ๓. ฉทวารกิ จิต ๔๑ - กามจิต ๔๑ ๓๑ -โส.สัน.๑, มโน.๑ ๑๐ -อ.ุ สัน.๒, มหาว.ิ ๘ ( เวน ทวิ.๑๐, ๓ ) กามชวน ๒๙ ๔. ทวาริกจิต ๘๐/๑๑๒ -กามจิต ๕๔, ๗๐/๑๐๒ -กาม.๔๔ ( อ.ุ สัน.๒ ม.ว.ิ ๘ ) ๑๐ -อ.ุ สนั .๒, มหาว.ิ ๘ อปั .ช. ๒๖/๕๘ อปั .ช. ๒๖/๕๘ ๕. ทวารวิมุตตจติ ๑๙ -อ.ุ สัน.๒, ม.วิ.๘, ๙ -มหัค.วิ.๙ ๑๐ -อุ.สนั ๒, มหาวิ. ๘ มหัค.วิ.๙
๓๘ การจําแนกเจตสกิ โดย ทวาร ทวารกิ เจตสิก มี แนน อน ( เอกันตะ) ไมแนน อน ( อเนกนั ตะ) ๒ – อปั ปมัญญา ๒ ๕๐ - เจตสกิ ๕๐ ( อัป.๒) ๑. เอกทวาริกเจตสกิ ๕๒ - เจตสกิ ๕๒ ๕๐ - เจตสกิ ๕๐ ( อัป.๒) ไมมี ๓๓ - อัญญ.๑๓, โสภณ.๒๐ (วริ ตี.๓, อปั .๒) ๒. ปญ จทวารกิ เจตสกิ ๕๐ - เจตสิก ๕๐ ( อปั .๒) ๑๗ - อก.ุ ๑๔, วิรตี ๓ ๓๕ - อญั ญ.๑๓, โสภณ.๒๒ (วิรตี.๓) ๑๗ - อก.ุ ๑๔, วิรตี ๓ ๓๕ - อญั ญ.๑๓, โสภณ.๒๒ (วริ ต.ี ๓) ๓. ฉทวารกิ เจตสกิ ๕๐ - เจตสกิ ๕๐ ( อัป.๒) ไมมี ๔. ทวารกิ เจตสิก ๕๒ - เจตสกิ ๕๒ ๕. ทวารกิ วมิ ุตตเจตสกิ ๓๕ - อญั ญ. ๑๓, โสภณ.๒๒ (วิรตี.๓) อปุ มาภวงั คจติ เราน่งั อยใู นหอ งเรยี น มีคนเดนิ ผา นมาหนา หอ ง ต.ี เปรียบเหมอื น คนมาทาํ เสียงดัง ความสนใจในการเรียนกไ็ มค อยมั่นคง น. เปรียบเหมือน คนทําเสยี งดงั เรยี กชอ่ื เราดว ย เรากท็ ิ้งอารมณจ ากการเรยี นมารับอารมณใ หม ท. เปรยี บเหมือน รบั อารมณใ หม ป. เปรยี บเหมือน จบ ทวารสงั คหะ คนมธี รรม ๓ ประการนี้ ยอมหาทรัพยไ ด ๑. ปฏิรูปการี ผูท าํ การงานตามสมควร ๒. ธรุ วา ผมู ธี ุระไมว างเวน ๓. อฏุ ฐาตา ผูมีความขยันหม่ันเพยี ร ขุ. สุต. ๒๕/๓๑๑/๓๖๑
กามจติ ๓๙ ๕๔ ทวารสงั คหะ จําแนกเจตสกิ ๕๒ โดย ทวาร จาํ แนกจติ ๑๒๑ โดย ทวาร ๖๖๖๖ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖๖๖๖ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖๖ ๖๖ ๑ ๕ ๖/๐ ๖๖๖๖ ๑ ๕ ๖/๐ ๖ ๖๖๖ ๑๑๑๑ ๖๖๖๖ ๑๑๑๑ จติ ๖๖ ๕๖ ๖ ๖ ๖๖๖๖ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖๖๖๖ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ เอกทวาริกจิต จิตที่เกดิ ในทวารเดยี ว มี ๘๐/๑๑๒ ๖ ๖๖ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ เอกนั ตะ ๓๖/๘๖( ทวิ๑๐, อัปปนา. ๒๖/๕๘ ) ๖๖๖๖ อเนกันตะ ๔๔ ( กามจติ ๔๔ เวน ทว๑ิ ๐ ) ๑ ๑ มโนทวาร ๖/๐ ๖/๐ ๖๖๖๖ ปญ จทวาริกจติ จิตทเ่ี กิดในทวาร ๕ มี ๔๔ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๑๑๑๑ เอกนั ตะ ๓ ( มโนธาตุ ๓ ) ๐๐๐๐ อเนกนั ตะ ๔๑ ( กามจิต ๔๑ เวน ทวิ๑๐ ๖/๐ ๖/๐ ๑๑๑๑ ๑ มโนธาตุ ๓ ) ๖/๐ ๖/๐ ๑๑๑๑ ๐ ๑๑๑๑ ๑ ๖/๐ ๖/๐ ๑๑๑๑ ๑๑๑๑ ๑๑๑๑ เจตสิก ๑๑๑๑ ๐๐๐๐ ๑๑๑๑ ๑๑๑๑ เอกทวาริกเจตสิก เจตสกิ ทเี่ กิดในทวารเดยี ว มี ๕๒ ๑๑๑๑ เอกนั ตะ ๒ ( อปั ปมญั ญา ๒ ) ๑๑๑๑ ๑ ฉทวาริกจติ จติ ทเ่ี กดิ ในทวาร ๖ มี ๔๑ อเนกนั ตะ ๕๐ ( เจตสิก ๕๐ เวน อัป.๒ ) ๑ เอกันตะ ๓๑( โส.สนั .๑ มโน.๑ กามชวน๒๙ ) ปญจทวาริกเจตสิก เจตสิกที่เกิดในทวาร ๕ มี ๕๐ ๑ อเนกันตะ ๑๐ ( อุ.สัน.๒ มหาวิ.๘ ) เอกันตะ ไมม ี อเนกันตะ ๕๐ ( เจตสกิ ๕๐ เวน อัป.๒ ) ๑ ทวารกิ จิต จิตทเ่ี กดิ ในทวาร มี ๘๐/๑๑๒ ฉทวาริกเจตสิก เจตสกิ ท่เี กดิ ในทวาร ๖ มี ๕๐ ๑ เอกนั ตะ ๗๐ ( กามจติ ๔๔ เวน อุ.สัน.๒ เอกนั ตะ ๑๗ ( อกุศลเจตสกิ ๑๔, วิรตี.๓ ) อเนกันตะ ๓๓ ( อญั ญ ๑๓, โสภณ ๒๐ ๑ มหาวิ.๘ อปั ปนา. ๒๖/๕๘ ) เวน วิรต.ี ๓ อปั .๒ ) ๑ อเนกนั ตะ ๑๐ ( อุ.สัน.๒ มหาวิ.๘ ) ทวาริกเจตสิก เจตสกิ ท่ีเกิดในทวาร มี ๕๒ ๑ ทวารวิมุตตจติ จติ ที่เกดิ พน จากทวาร มี ๑๙ เอกันตะ ๑๗ ( อกศุ ลเจตสิก ๑๔, วริ ตเี จตสิก ๓ ) อเนกันตะ ๓๕ ( อญั ญ.๑๓, โสภณ.๒๒ เวนวริ ตี.๓ ) เอกันตะ ๙ ( มหัคคตวิ. ๙ ) อเนกนั ตะ ๑๐ ( อุ.สนั .๒ มหาวิ.๘ ) ทวาริกวิมุตตเจตสิก เจตสกิ ท่ีเกิดพนจากทวาร มี ๓๕ เอกันตะ ไมม ี อเนกนั ตะ ๓๕ ( อัญญ.๑๓, โสภณ.๒๒ เวนวริ ตี.๓ )
๔๐ มาตกิ าที่ ๕ อารัมมณสังคหะ อารมั มณสังคหะ หมายความวา การแสดงสงเคราะหจ ติ เจตสกิ โดยประเภทแหงอารมณ ช่ือวา อารมั มณสังคหะ อารมณ มี ๖ คือ ๑. รปู ารมณ ไดแ ก สตี างๆ ๒. สัททารมณ ไดแก เสียงตางๆ ๓. คนั ธารมณ ไดแก กลิน่ ตางๆ ๔. รสารมณ ไดแก รสตางๆ ๕. โผฏฐัพพารมณ ไดแ ก เยน็ รอน ออ น แข็ง หยอน ตงึ ๖. ธรรมารมณ ไดแก จิต เจตสิก ปสาทรปู ๕ สขุ มุ รูป ๑๖ นพิ พาน บัญญัติ อารมณ หมายความวา เปน ท่ียนิ ดี เหมือนหนึ่งสวนดอกไม เปนทยี่ ินดีแกค นทัง้ หลาย อารมณ ๖ มี รูปารมณ เปนตน ก็ยอมเปน ทยี่ นิ ดีแก จติ และเจตสิกทงั้ หลาย อารมณน เี้ รียกวา อาลัมพนะ ก็ได หมายความวา เปนทย่ี ดึ หนว งของจิตและเจตสกิ ท้ังหลาย ดุจคนชรา หรอื ทุพพลภาพ ยอมตอ งอาศยั ไมเทาหรือเชือก เปน เครอ่ื งยดึ เหนยี่ วทรงตัวใหลกุ ขน้ึ จติ และเจตสกิ ทั้งหลาย ก็เชน เดยี วกนั ตอ งมอี ารมณเ ปน เครื่องอาศัยยึดเหนยี่ วเพอื่ เกดิ สบื ตอ กนั ฉันนน้ั แสดงการจาํ แนกทวาริกจติ และ ทวารวมิ ุตตจติ โดย อารมณ ๖ ๑. จักขทุ วาริกจิต ๔๖ มรี ปู ารมณ ทเี่ ปน ปจจบุ นั อยา งเดยี ว ๒. โสตทวารกิ จิต ๔๖ ๓. ฆานทวาริกจติ ๔๖ ภ ตี น ท ป จกั สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ๔. ชวิ หาทวาริกจติ ๔๖ ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ มสี ทั ทารมณ ทเ่ี ปนปจจุบันอยา งเดียว ภ ตี น ท ป โส สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ มคี นั ธารมณ ทเี่ ปน ปจ จบุ ันอยา งเดยี ว ภ ตี น ท ป ฆา สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ มรี สารมณ ทเ่ี ปน ปจจุบันอยางเดียว ภ ตี น ท ป ชิว สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113