Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือ จูฬอาภิธรรมิกโท [ ปกิณณก.สมุจยสังคหะ ]

คู่มือ จูฬอาภิธรรมิกโท [ ปกิณณก.สมุจยสังคหะ ]

Published by WATKAO, 2021-01-17 05:08:14

Description: ชั้น จูฬอาภิธรรมิกโท [ ปกิณณก.สมุจยสังคหะ ] อ.พระครูสมุห์ทวี เกตุธมฺโม

Search

Read the Text Version

อภธิ มั มัตถสงั คหะ ปรจิ เฉทที่ ๓, ๗ ปกณิ ณกสงั คหะ สมจุ จยสังคหะ รวบรวมเรยี บเรยี งโดย พระอาจารย ทวี เกตุธมโฺ ม วัดราชสิทธาราม คณะ ๕

คํานาํ หนังสือคมู ือจฬู อาภธิ รรมิกะโทฉบับน้ี ขาพเจา ไดร วบรวมเรียบเรยี งขน้ึ เพ่อื ใหน ักศึกษาใชป ระกอบ การเรียนอภธิ รรมในชนั้ จฬู อาภธิ รรมกิ ะโท อนั เปน หลกั สตู รซึ่ง พระสัทธัมมโชตกิ ะ ธัมมาจรยิ ะ ไดร จนาไว ดีแลว โดยทขี่ าพเจา ยงั คงเน้อื หาสาระเดมิ ไวท กุ ประการ เพยี งแตร วบรวมในสว นหัวขอเนอื้ หาสาระท่ีสําคัญ นาํ เสนอในรูปแบบของผงั ภาพ ตาราง เพ่อื ใหเ ห็นภาพพจนช ดั เจนยง่ิ ขน้ึ อยางไรก็ตาม การทํางานทกุ อยาง ยอ มมีขอ ผดิ พลาด ขอ บกพรอ งเกดิ ขนึ้ ได หนงั สอื คมู ือจูฬ อาภิธรรมกิ ะโท ฉบับน้ี จงึ เปนฉบับที่ปรับปรงุ พิเศษจากฉบบั เดิมทีจ่ ดั ทาํ ตัง้ แตป ก ารศกึ ษา ๒๕๔๓ โดยแกไข บางสว นท่ผี ิดพลาด และเพม่ิ เติมในสว นท่สี าํ คัญ เชน คาถาตางๆ ลงในแตล ะบท ถึงกระนนั้ หากหนงั สอื คูมอื ฉบบั น้ี ยงั คงมขี อบกพรอ งประการหนงึ่ ประการใด ขา พเจาขอนอ มรับไวแตเพยี งผเู ดยี ว และยินดรี บั ฟง ขอ เสนอแนะของทกุ ทาน เพอ่ื นาํ มาแกไขปรบั ปรุงใหเ ปนคมู ือที่สมบรู ณยิง่ ขึน้ ท้ังนีเ้ พ่ือใหเกดิ ประโยชนสงู สดุ แกนกั ศึกษารุนตอๆ ไป หนงั สือจูฬอาภธิ รรมิกะโทฉบับนี้ ไมอาจสําเรจ็ ลงได โดยลําพงั ขา พเจา แตเ พยี งผเู ดยี ว ถา หากขาดการ อุปการะจากญาตธิ รรมผมู ีกศุ ลเจตนาท้ังหลาย โดยเฉพาะอยา งยง่ิ อาจารยป ระทุม เตมยิ สตู ผูเปนกาํ ลังสาํ คัญใน การจัดการเรยี นการสอนพระอภธิ รรม ณ วดั สามพระยาฯ และขอนอมบูชาพระรัตนตรยั และบรู พาจารยท ั้งหลาย และทส่ี าํ คญั ตอ งขอขอบคุณอนโุ มทนากบั ทา นอิศเรศ ธมมฺ วโร และโยมมณีรัตน อธริ าษฎรไ พศาล ที่ ชว ยพิมพต น ฉบับ เมอื่ ป ๒๕๔๓ และคณุ โยมศรชยั ชยาภิวฒั น โยมชุตมิ า ชยาภวิ ัฒน โยมภาณี เตชะเกรยี งไกร โยมนิภาวรรณ สริ พิ รไพฑรู ย นักศกึ ษาชน้ั จฬู อาภธิ รรมกิ ะโท สาํ นกั เรียนวัดสามพระยา ภาคการเรยี นท่ี ๒ ป การศกึ ษา ๒๕๔๙ ทช่ี ว ยปรบั ปรุงตนฉบบั ใหมในคร้ังน้ี และญาตโิ ยมทีร่ วมกนั เปน เจาภาพทกุ ทา นมา ณ ท่นี ี้ ดงั มี บาลีแสดงวา เสฎ นทฺ โท เสฏ มุเปติ านํ ผูใ หส่งิ ประเสรฐิ ยอมถึงฐานะท่ีประเสรฐิ สุดทายตอ งขออาํ นาจแหง คณุ พระศรรี ัตนตรยั และสง่ิ ศกั ดิส์ ิทธิ์ทงั้ หลาย จงปกปกษร ักษาประสทิ ธ์ิ ประสาทพร ใหญ าตโิ ยมทัง้ หลาย มีแตค วามสขุ กายสบายใจ ไดศ ึกษาธรรม ปฏบิ ตั ิธรรม จนกวาจะถึง มรรค ผล นิพพาน เทอญ .... สาธุ สาธุ สาธุ พระทวี เกตธุ มฺโม วดั ราชสทิ ธาราม ( คณะ ๕ ) ๙ มกราคม ๒๕๕๐

คาํ ปรารภ เรอื่ งการศกึ ษาพระอภธิ รรมน้ัน เมือ่ ขาพเจายงั อยูในสมณะเพศ ไดเ ปดการศกึ ษาขึน้ ทว่ี ัดเกาะแกวคลอง หลวง ตําบลไรห ลกั ทอง อําเภอพนสั นคิ ม จงั หวดั ชลบุรี เม่อื วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙ จนถงึ วันที่ ๖ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๔๓ จึงลาจากสมณะเพศ ในระหวางนนั้ มีพระภกิ ษุสามเณรไปศกึ ษาเลา เรยี นเปน จาํ นวนมากรวมท้งั พระอาจารยท วี เกตธุ มโฺ ม ความจรงิ พระอาจารยทวี เกตธุ มฺโม ทา นไดเ รยี นกับขา พเจา ต้งั แตส มยั ทา นยงั เปน สามเณร แมท า นบวชเปน พระแลว ทานก็ยงั ไปเรยี นกบั ขา พเจา อีกระยะหนง่ึ ตอมาทา นไดลาขา พเจามาศึกษาที่ กรงุ เทพฯ จนไดเ ปน อาจารยส อน เมือ่ ทานสอนไปกเ็ หน็ ความไมส ะดวกของนกั ศกึ ษา น้นั คอื หนังสอื คมู อื จูฬอาภิ ธรรมิกะโท ฉบับนี้ คงจะเปนประโยชนแ กผูเ รยี นผสู อน ทานพระอาจารยทวี เกตธุ มโฺ ม จงึ จดั ทาํ ข้นึ เพ่ือความ สะดวกของนกั ศึกษา ขาพเจา ไดเ หน็ แลว ก็มคี วามพอใจ ในความตั้งใจของทา น ขาพเจา จงึ ขออนโุ มทนาตอกศุ ลวิริยะของทา น ตลอดจนผรู วมงาน ผูอปุ ถัมภใ นการจัดพมิ พอยางจริงใจ พรหมมาศ ฉลอง มกราคม ๒๕๕๐

ปริจเฉทที่ ๓ สารบญั หนา มาติกาที่ ๑ มาตกิ าที่ ๒ บาลีและคาํ แปล ปกณิ ณกสังคหะ ๑ มาตกิ าที่ ๓ เวทนาสังคหะ ๗ มาตกิ าที่ ๔ - จาํ แนกจิตและเจตสิก โดย เวทนา ๙ มาติกาท่ี ๕ - แผนผงั เวทนาสังคหะ ๑๓ มาตกิ าที่ ๖ เหตสุ ังคหะ ๑๔ - จําแนกจติ โดย เหตุ ๑๖ - จาํ แนกจิตและเจตสกิ โดย เหตุ ๑๙ - แผนผงั เหตสุ ังคหะ ๒๐ กิจจสงั คหะ ๒๑ - แสดงฐาน ๑๐ ๒๒ - แผนผงั จาํ แนกจติ โดยกิจ ๑๔ ๒๕ - แผนผงั จาํ แนกเจตสิก ๕๒ โดยกิจ ๑๔ ๒๕ - อายขุ องจิตพรอมดว ยเจตสกิ และรูป ๒๖ - วิถีจติ มี ๑๕๒ วธิ ี ๒๗ - อปุ มา การเกดิ ข้นึ ของวิถจี ิตทางปญจทวาร ๓๐ - แสดงฐาน โดย พิสดาร ๓๒ ทวารสังคหะ ๓๖ - แสดงการจําแนกจติ โดยทวาริกจติ โดยแนนอนและไมแ นน อน ๓๗ - ตารางแสดงเอกทวารกิ จติ ฯลฯ ทวารวิมุตตจิต โดยแนน อนและไมแ นนอน ๓๗ - แผนผงั จาํ แนกจติ ๑๒๑ โดยทวาร ๓๙ อารมั มณสงั คหะ ๔๐ - คาถาแสดงจติ ทร่ี ับอารมณแ นนอน ๔ ประเภท และไมแ นนอน ๓ ประเภท ๔๓ - แผนผงั จําแนกจติ ๑๒๑ โดยอารมณ ๔๘ - ตารางแสดงอารมณโดย พสิ ดาร ๔๙ วัตถุสงั คหะ ๕๑ - คาถาแสดงการจาํ แนกภมู ิ ๓๐ โดยวัตถุ ๖ และวญิ ญาณธาตุ ๗ ๕๒ - ตารางแสดงการจําแนกจติ และเจตสิกทีอ่ าศยั วตั ถุรูปเกดิ ๕๓ โดยแนน อน และไมแ นนอน โดยวตั ถุรูป ๖ ๕๔ - แผนผงั จาํ แนกจิต ๑๒๑ โดยวัตถุ ๕๕ - แสดงภาพประกอบการจาํ แนกวญิ ญาณธาตุ ๗ ท่เี กดิ ในกามภมู ิ ๑๑ รูปภมู ิ ๑๕ อรูปภมู ิ ๔

มาตกิ าที่ ๗ สมจุ จยสังคหะ บาลแี ละคําแปล ๕๖ - อธิบายวัตถธุ รรม ๗๒ ประการ ๖๒ อกุศลสังคหะ คาถาแสดงองคธรรม ของอกุศลสงั คหะ ทั้ง ๙ หมวด ๖๔ - อาสวะ, โอฆะ, โยคะ, คนั ถะ ๖๕ - อุปาทาน, นวี รณะ ๖๖ - อนุสยั , สงั โยชน ๖๗ - กิเลส ๖๘ มิสสกสงั คหะ คาถาแสดงองคธ รรม ของมสิ สกะสังคหะ ท้งั ๗ หมวด ๗๑ - เหต,ุ ฌานงั คะ ๗๑ - มัคคงั คะ, อนิ ทรยี , พละ ๗๒ - อธิบดี ๗๓ - อาหาร ๗๔ โพธปิ กขิยสงั คหะ ๗๖ - สตปิ ฏฐาน ๗๖ - สัมมปั ปธาน, อิทธบิ าท, อนิ ทรีย, พละ ๗๗ - โพชฌงค, มัคคงั คะ ๗๘ สัพพสังคหะ ๘๑ - ขนั ธ ๘๑ - อุปาทานักขนั ธ ๘๒ - อายตนะ ๘๓ - ธาตุ ๑๘, อรยิ สจั จะ ๔ ๘๔ คาํ กรวดน้ํา คํานําแผเมตตา ๘๖

เวทนา ๓ หรือ ๕ เหตุ ๖ หรอื ๙ แสดงการสงเคราะหจติ เ กจิ ๑๔ และฐาน ๑๐ โส สุขเวทนา มี ๑ ๒๒๒ ๒ อเหตุกจิต มี ๑๘ ชชช ช อุ ทกุ ขเวทนา มี ๑ ๒๒๒ ๒ เอกเหตุกจิต มี ๒ ชชช ช โท โสมนสั เว. มี ๖๒ ๒๒ ทวเิ หตุกจิตมี ๒๒ ชช โทมนสั เว. มี ๒ ๑๑ ติเหตกุ จติ มี ๔๗ ชช อุเบกขาเว. มี ๕๕ ปฏิ ภ จุ ณ ต ทุ ----- -- ทัส สว ฆา สา ผสุ สํ ๕ สุ ----- -- - ทัส สว ฆา สา ผสุ สํ ๕ ๒ --- อา ๒ ช อา วุ ณต ๓๓๒๒ ชชช ช ๓๓๒๒ ชชช ช ๓๓๒๒ ๔๔๔ ๔ ปฏิ ภ จุ ต ๓๓๒๒ ๔๔๔ ๔ ๓๓๒๒ ชชช ช ๓๓๒๒ ชชช ช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ปฏิ ภ จุ ๓๓ ๓๓๓ ๓๓ ๓๓๓ ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓ ๓ ๓ ๓ ชช ชช ๓ ๓ ๓ ๓ ๓๓ ๓๓ ๓๓ ๓๓ ชช ชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช ๓๓ ๓๓๓ ชช ชชช

เจตสิก โดยประเภทแหง อารมณ ๖ วัตถุ ๖ ทวาร ๖ ๖๖๖ ๖ จติ ทเี่ กิดใน ๖ ๖ ๖ จิต ๒๕ ดวง จิต ๔๓ ดวง ๖๖๖ ๖ ทวารเดยี ว มี ๓๖ ๖ ๖ ๖ ๖๖ ทวิ.๑๐ อปั ป.๒๖ ๖ เกดิ ไดในอารมณ ๖ ท่ีเปน ทวิ.๑๐ มโนธาตุ ๓ ๖๖ จิตท่เี กิดใน ๖ ทเี่ ปนกามธรรมอยางเดียว ทวาร ๕ มี ๓ ๖๖ มโนวิญญาณธาตุ ๓๐ มโนธาตุ ๓ ๖๖ จติ ๖ ดวง ไดแก โท ๒ สนั ตี๓ หสิ.๑ มหา.วิ.๘ ๕ ๖/๐ เกิดไดในธรรมารมณ ท่ี ๕ ๖/๐ ๖ รปู า.๑๕ โสดา. มรรค ๑ เหลา น้ี เปนมหคั คตะ อยา งเดยี ว จติ ที่เกิดใน เกดิ ขนึ้ โดยอาศยั วตั ถรุ ปู แนนอน ทวาร ๖ มี ๓๑ ๑๑๑๑ ๑ กามชวน ๒๙, กาม กาม กาม กาม กาม กาม กาม ๑๑๑๑ ๑ โส.สัน.๑. มโน.๑ ๕๖ ๖ กาม กาม กาม กาม กาม กาม กาม กาม จติ ทีบ่ างทีเกดิ ในทวาร ๖ กาม ๖ กาม จติ ๒๑ ดวง บางทเี กิดพน ๖๖๖ ๖ จากทวาร ๖ ๖ ๖ ๖ ๖ เกิดไดใ นธรรมารมณ ที่ จติ ๔๒ ดวง ๖๖๖ ๖ มี ๑๐ - อ.ุ สนั .๒ เปนบญั ญัติ อยา งเดยี ว โลภ ๘ โมห ๒ มโน ๑ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ มหา.วิ. ๘ ๖๖๖ ๖ มหา.กุ.๘ มหา.ก.ิ ๘ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ จิต ๘ ดวง อรูปา.ก,ุ ๔ อรูปา.กิ.๔ ๖๖๖ ๖ ๑ ๑๑ กาม กาม กาม กาม เกิดไดในธรรมารมณ ท่ี โลก.ุ ๗ (เวนโสดา.มรรค) ๖๖๖ ๖ ๐ ๐๐ กาม กาม กาม กาม เปนนิพพาน อยา งเดยี ว เหลา นี้เกิดข้ึนโดยอาศัย ๑ ๑๑ วัตถรุ ูปไมแนนอน ๖ ๖ ๖ ๖ จิต ๒๐ ดวง ๖ ๖ ๖ เกิดไดใ นอารมณ ๖ ทเี่ ปน ๖ กาม. มหคั . บญั . (เวน โลกตุ ตรธรรม ๙) ๑๑ ๑๑ ๑ ๒บ๕. ๑บ๔. ๑บ๔. ๑บ๔. ๑บ๒. ๖ อภิ. ๐๐ ๐๐ ๐ ๒บ๕. ๑บ๔. ๑บ๔. ๑บ๔. ๑บ๒. ๖ อภ.ิ ๑๑ ๑๑ ๑ ๒บ๕. ๑บ๔. ๑บ๔. ๑บ๔. ๑บ๒. ๑ จติ ท่เี กดิ พน ๐ จิต ๕ ดวง บ. มหคั บ. มหัค จากทวาร ๖ ๑ เสมอ เกดิ ไดในอารมณ ๖ ทีเ่ ปน บ. มหัค บ. มหัค เกิดขึ้นโดยไมไ ดอ าศยั มี ๙ - มหัค.วิ. ๙ บ. ม๒หัค บ. วัตถรุ ูปเลย กาม. มหัค. โลก.ุ บญั . ม๒หัค ๑ (เวน อร.มรรค, อร.ผล) ๑ ๑ นพิ จิต ๖ ดวง ๑ นพิ ๑ นพิ เกิดไดใ นอารมณ ๑ นิพ ท้ัง ๖ ที่เปน กาม. ๑ มหคั . โลกุ. บญั . ๑ โดยไมม เี หลอื นพิ นพิ นิพ นิพ

เจตสิก ๕๒ โดย เวทนา ๕ เจตสิก ๕๒ โดย เหตุ ๖ เจตสกิ ๕๒ โดย กจิ ๑๔ สขุ ทกุ ข โสมนัส โทมนสั อเุ บกขา อคหิตัคคหนนัย (นับแลว ไมนบั อกี ) ๕ ๕๕๕๕๕ ๖๖๖๖๖๖๖ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๓ ๓ ๓ ๓ โส ๓ ๖ ๖ ๖ ๖๕ ๖ ๙ ๙ ๙ ๗๖๕ ๓๓๓๓ ๒๓๓๓ ชชชช ๒๒๒ โสมนสั อเุ บกขา ๑ ๒๒ ชชช ๑ ๒๒๒ ชชชช โท โท โท โท ชช ๓๓ ๓๓ ช อุ โสมนสั โทมนัส อเุ บกขา ๑ ๒๒๒๒๒๒๒ ๓๓ ๓๓๒ ๒๓ ๕๕๕ ๕๕๕๕ ๒๒๒ ๒๒ ๓๓๓ ๓๓ ๕๕ ๒๒ ๒๒ ๓๓ ๓๓ ชชช ๒ ๒๒ ๒ ๓๓ ๔๔ ๕๕ ๐ อเหตุกเจ. ไมม ี ๓๓ ๕๕ ๒๒ ๑ เอกเหตุกเจ. มี ๓ ๓๓ ๕ ๕๕ ๒๒ ๓๓ ๒๒ ๒ ทวเิ หตกุ เจ. มี ๙ ๔ ปฏิ ภ จุ ช ๕๕ ๓ ติเหตุกเจ. มี ๒๗ ๕ ปฏิ ภ จุ ชต ๕๕ ๔ จตเุ หตกุ เจ. ไมมี ๖ ปฏิ ภ จุ ๕ ปญ จเหตุกเจ. มี ๑ ๗ ปฏิ ภ จุ ณชต ๖ ฉเหตกุ เจ. มี ๑๒ ๙ ปฏิ ภ จุ อา วุ ช ต อา สํ ณ วุ ช ต ๑ เจ. ที่เกดิ พรอ มดว ยเวทนาเดียว คหติ ัคคหนนยั (นับแลว นับอีก) กิจ ๑๔ มี ๖ ดวงคอื ปติ ๑ โท. ๔ วจิ .ิ ๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๑. ปฏสิ นธิกิจ ทําหนา ท่ีสืบตอ ภพใหม ๒ เจ. ทเ่ี กิดพรอมดว ยเวทนา ๒ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓ ๒ ๓ มี ๒๘ ดวงคือ โล.๓ โสภณ ๒๕ ๒. ภวังคกิจ ทําหนา ทร่ี ักษาภพ ๓ เจ. ที่เกดิ พรอมดวยเวทนา ๓ ๐๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๓. อาวัชชนกิจ ทาํ หนา ท่ีพจิ ารณาอารมณ มี ๑๑ ดวงคือ ปกิณ.๕ (เวน ปติ ) ๑ โม.๔ ถีทุก.๒ ๑ ๒ ๒ ๒ ๔. ทัสสนกจิ ทําหนา ทเ่ี ห็น ๒ ๒ ๔ เจ. ทเี่ กดิ พรอมดว ยเวทนา ๔ ไมม ี ๕. สวนกิจ ทําหนา ทไี่ ดยนิ ๕ เจ. ที่เกดิ พรอมดว ยเวทนา ๕ ๖. ฆายนกจิ ทาํ หนา ท่รี กู ล่ิน มี ๖ ดวงคือ สพั พ.๖ (เวน เวทนา) ๒๒ ๗. สายนกิจ ทาํ หนา ทรี่ ูร ส เจ. ท่ีไมเกิดพรอ มดวยเวทนา อยา งหน่ึงอยา งใด ๑ ๘. ผสุ นกจิ ทําหนา ท่รี ูถูกตอง มี ๑ คือ เวทนาเจ. ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๑ ๒๑ ๒๓ ๙. สมั ปฏิจฉนกจิ ทาํ หนา ท่ีรบั อารมณ ๑๐. สันตรี ณกิจ ทําหนา ทไี่ ตสวนอารมณ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๑๑. โวฏฐพั พนกิจ ทําหนา ทีต่ ัดสนิ อารมณ ทาํ หนา ท่ีเสพอารมณ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๑๒. ชวนกิจ ๒๓ ๒๓ ๑๓. ตทารัมมณกิจ ทําหนา ทรี่ บั อารมณ ๒ ๒๓ ๒๓ ตอจากชวน ๒๓ ๒๓ ๐.อเหตกุ เจ. มี ๑๓ ดวง ๒๓ ๒๓ ๑๔. จุตกิ ิจ ทําหนา ส้ินจากภพเกา ๑.เอกเหตุก เจ. มี ๒๐ ดวง ๒.ทวิเหตกุ เจ. มี ๔๘ ดวง ๓.ติเหตกุ เจ. มี ๓๕ ดวง

เจตสกิ ๕๒ โดย ทวาร ๖ เจตสิก ๕๒ โดย อารมณ ๒๑ เจตสกิ ๕๒ โดย วัตถุ ๖ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๖๖๖๖ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ เกดิ ในกามภูมเิ ทา นน้ั ๖๖๖ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๖๖๖๖ ๒๐ ๑๗ ๒๐ ๒๐ เกิดใน ๖๖ ๒๐ ๒๐ ปญจโวการภมู ิเทา นั้น ๖ ๒๐ เจตสิก ๔๖ ดวง ( เกดิ ในปญ จโวการภมู ิ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๖๖๖ ๖/๐ ๖/๐ ๑๘ ๑๘ ๑๘ ๒๑ ๒๑ หรอื เกิดในจตุโวการภมู ิก็ได ) มโนทวาร ๖/๐ ๖/๐ ๔๔ ๒๑ ๒๑ - เกิดในปญ จโวการภูมิ อาศยั วตั ถรุ ปู เกิด ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๒๑ ๒๑ ๒๑ - เกิดในจตโุ วการภมู ิ ไมไ ดอาศยั วัตถุรูปเกดิ ๖/๐ ๖/๐ ๒๑ ๒๑ ทวาร มี ๖ คือ ๖/๐ ๖/๐ ๒๑ ๒๑ วตั ถุ มี ๖ คอื ๔ กาลวมิ ตุ ต บัญญตั อิ า. ๒๑ ๒๑ ๑. จกั ขทุ วาร อธ. จักขปุ สาท ๖/๐ ๖/๐ พหิทธอา. ธรรมารมณ ๑. จกั ขุวตั ถุ อธ. จกั ขุปสาท ๒. โสตวตั ถุ อธ. โสตปสาท ๒. โสตทวาร อธ. โสตปสาท ๑๗ อา.๒๑ ( เวน นพิ พาน ๓. ฆานวัตถุ อธ. ฆานปสาท ๔. ชวิ หาวตั ถุ อธ. ชวิ หาปสาท ๓. ฆานทวาร อธ. ฆานปสาท อชั ฌตั ตอา. พหิทธอา. อชั ฌตั ตพหทิ ธอา.) ๕. กายวตั ถุ อธ. กายปสาท ๔. ชิวหาทวาร อธ. ชวิ หาปสาท ๑๘ อา.๒๑ ( เวนมหัคคตอา. อดตี อา. ๖. หทยั วตั ถุ อธ. หทยรปู ๕. กายทวาร อธ. กายปสาท บญั ญัติอา. ) ๒๐ อา.๒๑ ( เวน นพิ พาน ) ๖. มโนทวาร อธ. ภวงั คจิต ๑๙ ๑. เอกทวารกิ เจ. - เจตสกิ ท่เี กิดในทวารเดียว อารมณ ๒๑ -แนนอน ๒ คือ อปั ป.๒ -ไมแ นน อน ๕๐ ( เวน อัปป.๒ ) ๑ กามอารมณ ๑๒ อชั ฌตั ตอารมณ ๒. ปญจทวาริกเจ. - เจตสกิ ทเี่ กดิ ในทวาร ๕ ๒ มหัคคตอารมณ ๑๓ พหทิ ธอารมณ -แนน อน ไมมี -ไมแ นนอน ๕๐ ( เวน อัปป.๒ ) ๓ นพิ พานอารมณ ๑๔ อชั ฌตั ตพหิทธอา. ๓. ฉทวารกิ เจ. - เจตสกิ ท่เี กดิ ในทวาร ๖ ๔ นามอารมณ ๑๕ รูปารมณ -แนนอน ๑๗ คือ อก.ุ ๑๔, วิรตี ๓ -ไมแ นน อน ๓๓ คอื อญั ญ.๑๓ ๕ รูปอารมณ ๑๖ สัททารมณ โสภณ.๒๐ (เวน วริ ต.ี ๓ อัปป.๒) ๖ ปจจุบนั อารมณ ๑๗ คันธารมณ ๔. ทวาริกเจ. - เจตสิกทเ่ี กดิ ในทวาร ๗ อดตี อารมณ ๑๘ รสารมณ -แนน อน ๑๗ คือ อก.ุ ๑๔, วริ ตี ๓ -ไมแนนอน ๓๕ คือ อัญญ.๑๓ ๘ อนาคตอารมณ ๑๙ โผฏฐพั พารมณ โสภณ.๒๒ (เวน วริ ต.ี ๓) ๙ กาลวมิ ุตตอ ารมณ ๒๐ ปญจารมณ ๕. ทวารวิมุตตเจ. - เจตสิกท่ีเกดิ พนจากทวาร ๑๐ บัญญัตอิ ารมณ ๒๑ ธรรมารมณ -แนนอน ไมม ี -ไมแ นน อน ๓๕ คอื อัญญ.๑๓ ๑๑ ปรมัตถอารมณ โสภณ.๒๒ (เวน วิรต.ี ๓)

คาถาสําคัญในจฬู อาภธิ รรมิกะโท ๑ ปริจเฉทท่ี ๓ ปกณิ ณกสังคหะ มาติกาทง้ั ๖ และคําปฏญิ ญา คาถาสังคหะ ๑. สมปฺ ยุตฺตา ยถาโยคํ เตปฺาส สภาวโต จิตฺตเจตสิกา ธมมฺ า เตสนทฺ านิ ยถารหํ ๒. เวทนาเหตโุ ต กจิ ฺจ- ทฺวาราลมพฺ นวตฺถุโต จติ ตฺ ปุ ปฺ าทวเสเนว สงฺคโห นาม นียเต สภาวธรรม ๕๓ คอื จติ และเจตสกิ ช่อื วา นามเตปญฺ าส วาโดยลกั ษณะของตนๆ ประกอบดว ย เอกปุ ฺปาทตา เปน ตน ตามที่ประกอบได ดังแสดงแลว โดยพสิ ดาร ( ในปริจเฉทที่ ๒ ) บัดนี้ ขา พเจาจะแสดงปกณิ ณกสังคหะของจิตและเจตสิก วาดวยอาํ นาจแหง การเกดิ ขน้ึ ของจิต โดยประเภทแหง เวทนา เหตุ กจิ จ ทวาร อารมณ และวตั ถตุ ามสมควร ๑. เวทนาสงั คหะ . . คาถาแสดงเวทนา ๓ และ ๕ ๑. สขุ ํ ทุกฺขมุเปกขฺ าติ ตวิ ิธา ตตฺถ เวทนา โสมนสฺสํ โทมนสฺส มติ ิ เภเทน ปฺจธา ในเวทนาสังคหะนั้น วาโดย อารัมมณานภุ วนลักขณะ คือ ลกั ษณะแหง การเสวยอารมณแ ลว มีเวทนา ๓ อยางคอื ๑ สุขเวทนา ๒ ทกุ ขเวทนา ๓ อเุ บกขาเวทนา วา โดย อินทริยเภท คือ ประเภทแหง อินทรยี แลว มีเวทนา ๕ อยาง คือ ๑ สขุ เวทนา ๒ ทกุ ขเวทนา ๓ โสมนัสเวทนา ๔ โทมนัสเวทนา ๕ อุเบกขาเวทนา คาถาแสดงการจาํ แนกจติ ๑๒๑ โดยเวทนา ๕ ๒. สุขเมกตฺถ ทกุ ฺขฺจ โทมนสสฺ ํ ทฺวเย ติ ํ ทฺวาสฏสี ุ โสมนสฺสํ ปจฺ ปฺาสเกตรา สุขเวทนา และทุกขเวทนา ประกอบอยูในกายวญิ ญาณจติ อยางละ ๑ ดวง โทมนสั เวทนา ประกอบอยูใ นจิต ๒ ดวง โสมนัสเวทนา ประกอบอยใู นจิต ๖๒ ดวง เวทนาท่นี อกจากนี้ คอื อเุ บกขาเวทนา ประกอบอยใู นจติ ๕๕ ดวง

๔. ทวารสงั คหะ . . คาถาแสดงการจาํ แนกจิต ๕ ประเภท ๓ ๑. เอกทฺวารกิ จิตฺตานิ ปฺจฉทฺวารกิ านิ จ ฉทวฺ ารกิ วมิ ุตฺตานิ วิมุตฺตานิ จ สพพฺ ถา ฯ ๒. ฉตฺติสติ ตถา ตีณิ เอกตฺตสิ ยถากกฺ มํ ทสธา นวธา เจติ ปฺจธา ปรทิ ปี เย ฯ จติ ทเ่ี กิดในทวารเดียว จติ ทเ่ี กดิ ในทวาร ๕ จิตท่ีเกดิ ในทวาร ๖ จิตทีบ่ างทีเกิดในทวาร ๖ บางทีเกิดพน จากทวาร ๖ และจติ ทีเ่ กดิ พน จากทวาร ๖ เสมอ มีจาํ นวนตามลาํ ดับดงั น้ี คอื ๓๖, ๓, ๓๑, ๑๐ และ ๙ ๕. อารัมมณสังคหะ คาถาแสดงจติ ทร่ี บั อารมณแ นนอน ๔ ประเภท และไมแ นน อน ๓ ประเภท ๑. ปจฺ วสี ปริตตฺ มหฺ ิ ฉ จิตฺตานิ มหคคฺ เต เอกวสี ติ โวหาเร อฏ นิพฺพานโคจเร ฯ ๒. วีสานุตฺตรมตุ ตฺ มฺหิ อคคฺ มคคฺ ผลุชฺฌิเต ปฺจ สพพฺ ตฺถ ฉจเฺ จติ สตตฺ ธา ตตฺถ สงคฺ โห ฯ ๑. จิต ๒๕ ดวง คือ ทวปิ ญ จวิญญาณจติ ๑๐ มโนธาตุ ๓ สันตรี ณจิต ๓ มหาวปิ ากจติ ๘ หสติ ปุ ปาทจิต ๑ เกดิ ไดในอารมณ ๖ ทเ่ี ปน กามธรรม อยา งเดียว จติ ๖ ดวง คอื วญิ ญาณญั จายตนฌานจติ ๓ เนวสญั ญานาสัญญายตนฌานจติ ๓ เกดิ ไดในธรรมารมณ ทีเ่ ปน มหคั คตะ อยา งเดียว จติ ๒๑ ดวง คอื รปู าวจรจิต ๑๕ ( เวน อภญิ ญาจติ ๒ ) อากาสานัญจายตนฌานจิต ๓ อากญิ จญั ญายตนฌานจติ ๓ เกิดไดในธรรมารมณทีเ่ ปน บญั ญัติ อยางเดยี ว จติ ๘ ดวง คอื โลกุตตรจิต ๘ เกิดไดใ นธรรมารมณ ทเี่ ปน นพิ พาน อยา งเดียว ๒. จิต ๒๐ ดวง คือ อกุศลจติ ๑๒ มหากศุ ลญาณวิปปยุตตจิต ๔ มหากิริยาญาณวปิ ปยตุ ตจติ ๔ เกดิ ไดในอารมณ ๖ ทเี่ ปน กามะ มหัคคตะ บญั ญตั ิ ( เวน โลกตุ ตรธรรม ๙ ) จติ ๕ ดวง คือ มหากุศลญาณสัมปยุตตจติ ๔ กศุ ลอภญิ ญาจิต ๑ เกิดไดใ นอารมณท้งั ๖ ที่เปน กามะ มหคั คตะ โลกุตตระ บัญญัติ ( เวน อรหัตตมรรค อรหตั ตผล ) จติ ๖ ดวง คอื มหากริ ยิ าญาณสัมปยุตตจิต ๔ กิรยิ าอภิญญาจิต ๑ มโนทวาราวัชชนจิต ๑ เกดิ ไดใ นอารมณท ั้ง ๖ ท่เี ปน กามะ มหคั คตะ โลกตุ ตระ บญั ญตั ิ โดยไมม เี หลือ ในอารัมมณสังคหะนี้ มกี ารสงเคราะหจติ ๗ นัย โดยประเภทแหง เอกันตะ ๔ อเนกันตะ ๓ ดังทีก่ ลาวมาแลว ดวยประการฉะนี้

๒. เหตุสงั คหะ . . คาถาแสดงเหตุ ๖ หรอื ๙ ๒ ๑. โลโภ โทโส จ โมโห จ เหตู อกสุ ลา ตโย อโลภาโทสาโมโห จ กสุ ลาพฺยากตา ตถา ฯ อกุศลเหตุ มี ๓ คือ โลภเหตุ โทสเหตุ โมหเหตุ กุศลเหตุ และอพยากตเหตุ มอี ยางละ ๓ คอื อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ คาถาแสดงการจําแนกจิต โดย เหตุ ๒. อเหตุกาฏารเสก เหตกุ า เทฺว ทวฺ าวีสติ ทวฺ เิ หตกุ า มตา สตฺต จตตฺ าลีส ตเิ หตุกา ฯ นักศกึ ษาทั้งหลายพึงทราบวา อเหตุกจิต มี ๑๘ เอกเหตุกจิต มี ๒ ทวิเหตกุ จิต มี ๒๒ ตเิ หตุกจติ มี ๔๗ ๓. กจิ จสงั คหะ . . คาถาแสดงกจิ ๑๔ และฐาน ๑๐ ๑. ปฏสิ นธฺ าทโย นาม กจิ ฺจเภเทน จทุ ทฺ ส ทสธา านเภเทน จติ ฺตปุ ฺปาทา ปกาสติ า ฯ แสดงจิตตุปปาทะ ทมี่ นี ามวา ปฏิสนธจิ ิต เปน ตน วาโดยประเภทแหงกิจ มี ๑๔ กจิ วาโดยประเภทแหง ฐาน มี ๑๐ ฐาน คาถาแสดงการจําแนกจติ โดย กจิ และฐาน ๒. อฏสฏิ ตถา เทวฺ จ นวาฏ เทวฺ ยถากกฺ มํ เอก ทฺวิ ติ จตุ ปจฺ กิจจฺ ฏานานิ นทิ ฺทเิ ส ฯ แสดงจํานวนจติ โดยหนาท่แี ละฐาน ตามลําดับ ดงั น้ี คอื จติ ทีม่ ีหนา ที่ ๑ และฐาน ๑ มจี ํานวน ๖๘ ดวง จติ ที่มีหนาที่ ๒ และฐาน ๒ มีจาํ นวน ๒ ดวง จิตท่มี หี นา ท่ี ๓ และฐาน ๓ มีจํานวน ๙ ดวง จิตท่มี ีหนา ท่ี ๔ และฐาน ๔ มีจาํ นวน ๘ ดวง จติ ทมี่ ีหนาท่ี ๕ และฐาน ๕ มีจาํ นวน ๒ ดวง คาถาแสดงฐานโดยพิสดาร ๓. สนธฺ ิ เอกํ ฉ ภวงฺคํ ทฺวาวชชฺ นํ ปจฺ าทเฺ ยกํ เทฺว โว โช ฉ ตทา เทวฺ ติ จุตีติ ปฺจวสี ติ ปฏิสนธิฐาน มี ๑ ภวงั คฐาน มี ๖ อาวัชชนฐาน มี ๒ ปญ จวญิ ญาณฐาน มี ๑ สัมปฏจิ ฉนฐาน มี ๑ สนั ตีรณฐาน มี ๑ โวฏฐัพพนฐาน มี ๒ ชวนฐาน มี ๖ ตทารมั มณฐาน มี ๒ จตุ ฐิ าน มี ๓ รวมเปน ฐาน ๒๕

๖. วตั ถุสงั คหะ . . คาถาแสดงการจําแนกภมู ิ ๓๐ ๔ โดยวตั ถุรูป ๖ และ วญิ ญาณธาตุ ๗ ๑. ฉวตถฺ ุ  นิสฺสิตา กาเม สตตฺ รูเป จตุพพฺ ิธา ตวิ ตฺถุ  นสิ ฺสติ ารูเป ธาเตฺวกานสิ ฺสติ า มตา ฯ นักศึกษาทั้งหลาย พึงทราบ วญิ ญาณธาตุ ๗ ท่อี าศัยวตั ถุรปู ๖ เกิดใน กามภูมิ ๑๑ พึงทราบ วญิ ญาณธาตุ ๔ คอื จักขวุ ญิ ญาณธาตุ โสตวิญญาณธาตุ มโนธาตุ มโนวิญญาณธาตุ ทีอ่ าศัยวัตถรุ ูป ๓ คอื จักขุวตั ถุ โสตวตั ถุ หทยวตั ถุ เกดิ ในรูปภูมิ ๑๕ ( เวน อสัญญสัตตภมู ิ ) พึงทราบ มโนวิญญาณธาตุ ๑ ท่ีไมไ ดอ าศัยวตั ถุรปู เกิดในอรูปภมู ิ ๔ คาถาแสดงการจําแนกจิตทอ่ี าศยั และไมไ ดอ าศัยวัตถุรปู เกิด โดยแนน อน และไมแนนอน ๒. เตจตฺตาลสี นสิ สฺ าย เทฺวจตตฺ าลีส ชายเร นิสฺสาย จ อนิสฺสาย ปาการุปปฺ า อนสิ สฺ ิตา ฯ จติ ๔๓ ดวง คือ ปญ จวญิ ญาณธาตุ ๑๐ มโนธาตุ ๓ มโนวิญญาณธาตุ ๓๐ ไดแ ก โทสมลู จิต ๒ สนั ตรี ณจติ ๓ หสิตปุ ปาทจิต ๑ มหาวปิ ากจิต ๘ รูปาวจรจติ ๑๕ โสดาปตติมรรคจิต ๑ เหลาน้ี เกดิ ข้นึ โดยอาศยั วัตถรุ ูปแนน อน จติ ๔๒ ดวง คอื โลภมูลจิต ๘ โมหมลู จิต ๒ มโนทวาราวชั ชนจติ ๑ มหากุศลจติ ๘ มหากิริยาจิต ๘ อรูปาวจรกุศลจิต ๔ อรปู าวจรกิรยิ าจติ ๔ โลกตุ ตรจิต ๗ ( เวน โสดาปต ติมรรค ) เหลา น้ี เกิดขึ้นโดยอาศัยวัตถุรูปไมแ นน อน อรปู วปิ ากจิต ๔ ยอมเกิดข้นึ โดยไมไ ดอ าศัยวตั ถรุ ปู เลย

๕ ปริจเฉทท่ี ๓ ปกิณณกสงั คหะ แสดงมาตกิ าทงั้ ๖ และคําปฏิญญา คาถาสงั คหะ ๑. สมปฺ ยตุ ตฺ า ยถาโยคํ เตปญฺ าส สภาวโต จติ ตฺ เจตสิกา ธมฺมา เตสนทฺ านิ ยถารหํ ๒. เวทนาเหตุโต กจิ จฺ - ทฺวาราลมพฺ นวตถฺ โุ ต จติ ตฺ ปุ ปฺ าทวเสเนว สงฺคโห นาม นียเต สภาวธรรม ๕๓ คอื จติ และเจตสกิ ช่อื วา นามเตปญฺ าส วา โดยลกั ษณะของตนๆ ประกอบดว ย เอกปุ ฺปาทตา เปนตน ตามทป่ี ระกอบได ดงั แสดงแลวโดยพสิ ดาร (ในปริจเฉท ที่ ๒ ) บดั นข้ี าพเจา จะแสดง ปกิณณกสงั คหะของจติ และเจตสกิ วาดว ยอํานาจแหง การเกดิ ขึ้นของจิต โดยประเภทแหง เวทนา เหตุ กจิ จ ทวาร อารมณ และวตั ถุ ตามสมควร ปกณิ ณกสงั คหะ หมายความวา การแสดงสงเคราะหจ ิต เจตสกิ โดยเร่ียรายทว่ั ๆ ไป ในสังคหะ ๖ อยาง คอื เวทนา เหตุ กจิ จ ทวาร อารมณ วัตถุ ปกณิ ณกสังคหะ เมื่อแยกบทวา มี ๒ บท คือ ปกิณณก - สงั คหะ ปกิณณกะ แปลวา กระจดั กระจาย คละกนั เบด็ เตลด็ เรี่ยรายทว่ั ๆ ไป สังคหะ แปลวา รวบรวม การแสดงสงเคราะห คาถาที่ ๑ สมฺปยุตตฺ า ยถาโยคํ ฯลฯ ยถารหํ แสดงเพือ่ มงุ หมายเปน ปพุ พานสุ นั ธิ ( สนธิกอ น ) คอื กลา วเช่ือมระหวางปรจิ เฉทที่ ๒ กบั ปรจิ เฉทที่ ๓ ตอกัน คาถาท่ี ๒ เวทนาเหตโุ ต ฯลฯ นยี เต แสดงเพ่ือมุง หมายเปน อปรานสุ นั ธิ ( สนธิหลงั ) คือ กลา วแสดงหัวขอ มาติกาท้ัง ๖ ของปริจเฉทที่ ๓ และกลา วปฏญิ ญา ( คํารบั รอง ) วาจะแสดงขยายความแหง การเกิดข้นึ ของจิตเจตสกิ โดย แบง ประเภทแหง หวั ขอ ทั้ง ๖ น้ัน คอื เวทนา เหตุ กิจจ ทวาร อารมณ วัตถุ

๖ ปกณิ ณกสงั คหะ ๖ อยาง ( หรือ เรยี กวา มาติกา ๖ ) ๑. เวทนาสังคหะ การแสดงสงเคราะหจ ติ เจตสกิ โดยประเภทแหง เวทนา ๓ หรอื ๕ ๒. เหตุสังคหะ การแสดงสงเคราะหจ ิต เจตสิก โดยประเภทแหง เหตุ ๖ หรือ ๙ ๓. กจิ จสังคหะ การแสดงสงเคราะหจ ติ เจตสิก โดยประเภทแหง กจิ ๑๔ และฐาน ๑๐ ๔. ทวารสงั คหะ การแสดงสงเคราะหจ ติ เจตสิก โดยประเภทแหง ทวาร ๖ ๕. อารมั มณสังคหะ การแสดงสงเคราะหจ ิต เจตสกิ โดยประเภทแหง อารมณ ๖ ๖. วัตถสุ งั คหะ การแสดงสงเคราะหจติ เจตสกิ โดยประเภทแหง วัตถุ ๖ (๑) เวทนาสงั คหะ (๒) เหตสุ งั คหะ (๓) กิจจสังคหะ (๔) ทวารสังคหะ (๕) อารมั มณสังคหะ (๖) วัตถสุ งั คหะ เว. ๓ เหตุ ๖ กจิ ๑๔ ทวาร ๖ อา ๖ วัตถุ ๖ เว. ๕ เหตุ ๙ ฐาน ๑๐ ทวาร ๕ อา ๒ ปจจัย ๓ เหตุ ๔ ฐานพสิ ดาร เอก ๓๖ อา ๔ ภมู ิ ๓๑(๑) ๒๕ ปญจ ๓ วิญ.๗ อคหิตัก ฉ ๓๑ ๒๕/๖/๒๑/๘ คหติ ัก วมิ ตุ ๙ ๒๐/๕/๖ ๔๓/๔๒/๔ เหตพุ ิสดาร ๒๘๓ อารมณ พสิ ดาร ๒๑ นามเตปฺาส ไดแ ก สภาวธรรม ๕๓ คอื จิต ๑ เจตสิก ๕๒ รวมเปน สภาวธรรม ๕๓ ทีน่ บั อยา งน้ี คือ นบั ลักษณะอาการของตนๆ ดงั น้ี ¾ จิต ๘๙ – ๑๒๑ ดวง นับเปน ๑ เพราะ เมือ่ วาโดยลกั ษณะแลว มลี ักษณะอยา งเดียว คือ มีการไดร ับอารมณอยเู สมอ เหมอื นกนั หมด ( อารมฺมณวชิ านนลกขฺ ณา ) ¾ เจตสิก ๕๒ ดวง เม่อื วา โดยลักษณะแลว มลี กั ษณะของตนโดยเฉพาะ เชน ผสั สเจตสกิ มีลักษณะกระทบอารมณ ( ผสุ นลกฺขณา ) เหลานเี้ ปนตน เมอ่ื รวมจิตและเจตสิกแลว มี ๕๓ จึงเรยี กช่อื ภาษาบาลีวา นามเตปฺาส

๗ มาติกาท่ี ๑ เวทนาสังคหะ เวทนาสังคหะ หมายความวา การแสดงสงเคราะหจ ิต เจตสกิ โดยประเภทแหง เวทนา ๓ และ ๕ แสดงเวทนา ๓ และ ๕ ๑. สขุ ํ ทกุ ขฺ มุเปกฺขาติ ติวธิ า ตตฺถ เวทนา โสมนสสฺ ํ โทมมสสฺ - มติ ิ เภเทน ปจฺ ธา ในเวทนาสงั หคะนนั้ วาโดย อารมั มณานภุ วนลกั ษณะ คือ ลักษณะแหง การเสวยอารมณแ ลว มเี วทนา ๓ อยาง คอื ๑. สขุ เวทนา ๒. ทุกขเวทนา ๓. อุเบกขาเวทนา วาโดย อนิ ทรยิ เภท คือ ประเภทแหง อินทรียแลว มีเวทนา ๕ อยาง คอื ๑. สุขเวทนา ๒. ทกุ ขเวทนา ๓. โสมนสั เวทนา ๔. โทมนสั เวทนา ๕. อเุ บกขาเวทนา ในเวทนาสังคหะนน้ั เม่อื วาโดย อารมั มณานุภวนลกั ขณนัย คือ ลักษณะแหงการเสวยอารมณแลว มี ๓ คอื ๑. ในขณะทเ่ี สวยอารมณอยนู น้ั บางครัง้ รูสกึ สบาย เรียกวา สุขเวทนา ๒. ในขณะท่ีเสวยอารมณอ ยนู น้ั บางครัง้ รสู ึกไมส บาย เรียกวา ทกุ ขเวทนา ๓. ในขณะที่เสวยอารมณอยูน น้ั บางครง้ั รูสึกเฉย ๆ ไมส ุข ไมท กุ ข เรียกวา อเุ บกขาเวทนา เมอื่ วา โดย อนิ ทริยเภทนยั คือประเภทแหงอนิ ทรียแ ลว ( คอื ความเปน ใหญ เปนผูปกครอง ) การเสวยอารมณของสัตวท ้งั หลาย เกย่ี วเนอื่ งดวยกายบา ง และเกยี่ วเนอื่ งดว ยใจบา ง รวมแลวมี ๕ คือ ๑. ความรสู ึกสบายทเี่ กยี่ วดว ยกายน้นั เวทนาเจตสิกทีอ่ ยใู น สุขสหคตกายวญิ ญาณจติ เปนใหญ เปน ผูป กครอง เรียกวา สขุ เวทนา ๒. ความรูสกึ ไมส บายทเ่ี กย่ี วดว ยกายนน้ั เวทนาเจตสกิ ทีอ่ ยใู น ทุกขสหคตกายวญิ ญาณจติ เปน ใหญ เปน ผูปกครอง เรยี กวา ทุกขเวทนา ๓. ความรสู กึ สบายท่ีเกยี่ วดว ยใจน้ัน เวทนาเจตสกิ ทอ่ี ยใู น โสมนัสสหคตจิต เปนใหญ เปน ผปู กครอง เรียกวา โสมนัสเวทนา ๔. ความรสู ึกไมส บายท่เี กย่ี วดว ยใจนนั้ เวทนาเจตสกิ ทีอ่ ยใู น โทสมูลจิต เปนใหญเปน ผูป กครอง เรยี กวา โทมนสั เวทนา ๕. ความรสู ึกเฉย ๆ นนั้ เวทนาเจตสกิ ทีอ่ ยใู น อุเบกขาสหคตจติ เปนใหญ เปน ผปู กครอง เรยี กวา อุเบกขาเวทนา

๘ แสดงการจําแนกจิตโดยเวทนา ๕ ๒. สุขเมกตถฺ ทกุ ขฺ จฺ โทมนสฺสํ ทฺวเย ิตํ ทฺวาสฏ ีสุ โสมนสสฺ ํ ปจฺ ปฺญาสเกตรา สขุ เวทนาและทกุ ขเวทนาประกอบอยใู นกายวญิ ญาณจติ อยา งละ ๑ ดวง โทมนัสเวทนาประกอบอยใู นจิต ๒ ดวง โสมนัสเวทนาประกอบอยูในจิต ๖๒ ดวง เวทนาทนี่ อกจากน้ี คอื อเุ บกขาเวทนาประกอบอยใู นจิต ๕๕ ดวง .............................................................. พทุ ธองค ชว ยใคร ไมไดหรอก ทรงเปน เพียง ผูบ อก หนทางให เปน ผูชี้ ทางเดิน ดาํ เนินไป ใหผ ทู ี่ มงุ หมาย ไปนิพพาน โลภโกรธหลงวงวน แหงวฏั ฏะ ลดเลิกละ บว งกิเลส เหตเุ ผาผลาญ เพ่ือขจดั ความมดื มน พน บว งมาร เพ่ือกา วขา ม สงสาร ส้นิ ภพไป พระอาจารย ทวี เกตธุ มโฺ ม

๙ จาํ แนกจิต ๑๒๑ และเจตสกิ ๕๒ โดย เวทนา ๕ จิต เจตสกิ จิตทีเ่ กิดพรอ มดวย สุขเวทนา มี ๑ คือ เจตสกิ ทเี่ กดิ พรอ มดว ย เวทนา ๑ มี ๖ คือ สขุ สหคตกายวญิ ญาณจิต ๑ ปต เิ จตสกิ ๑ เกิดพรอมดว ย โสมนัสเวทนา จติ ทเี่ กดิ พรอมดว ย ทกุ ขเวทนา มี ๑ คอื โทจตุกเจตสกิ ๔ เกิดพรอ มดว ย ทกุ ขสหคตกายวิญญาณจิต ๑ โทมนัสเวทนา วจิ ิกจิ ฉาเจตสกิ ๑ เกิดพรอ มดว ย จติ ท่ีเกิดพรอ มดวย โสมนสั เวทนา มี ๖๒ คือ อุเบกขาเวทนา โสมนสั สหคตจติ ๖๒ เจตสกิ ทเี่ กดิ พรอมดวย เวทนา ๒ มี ๒๘ คอื จติ ท่เี กดิ พรอมดวย โทมนัสเวทนา มี ๒ คือ โลตกิ เจตสกิ ๓ โสภณเจตสิก ๒๕ โทสมลู จิต ๒ เกิดพรอมดว ย โสมนัสและอุเบกขาเวทนา จิตทเ่ี กิดพรอ มดว ย อุเบกขาเวทนา มี ๕๕ คอื เจตสกิ ท่ีเกดิ พรอ มดวย เวทนา ๓ มี ๑๑ คือ อเุ บกขาสหคตจิต ๕๕ ปกิณณกเจตสกิ ๕ (เวน ปต)ิ โมจตกุ เจตสกิ ๔ ถีทุกเจตสกิ ๒ เกิดพรอมดว ย โสมนัส โทมนัสและ อุเบกขาเวทนา เจตสกิ ที่เกดิ พรอมดวย เวทนา ๔ ไมมี เจตสกิ ที่เกดิ พรอ มดว ย เวทนา ๕ มี ๖ คือ สพั พจิตตสาธารณเจตสกิ ๖ ( เวน เวทนา ) เกิดพรอมดว ยเวทนา ๕ ทั้งหมด เจตสิกทไ่ี มเกดิ พรอมดวยเวทนา มี ๑ คือ เวทนาเจตสกิ

๑๐ หมายเหตุ การที่ โลภมูลจิต ๘ เกดิ พรอ มดว ย เวทนา ๒ คือ โสมนสั เวทนา และ อเุ บกขาเวทนา น้นั เพราะอารมณ ท่โี ลภมูลจิตเขาไปรบั นั้นมี ๒ ประเภทดว ยกัน คือ อติอฏิ ฐารมณ (อารมณท่ปี รารถนาย่ิง) และอิฏฐมัชฌตั ตารมณ ( อารมณท ีป่ รารถนาปานกลาง ) การที่ โทสมลู จิต ๒ เกิดพรอมดวย โทมนสั เวทนา น้นั กเ็ พราะโทสมลู จิต เขาไปรองรับอารมณป ระเภท เดียวกนั คือ อนิฏฐารมณ การท่ี โมหมลู จิต ๒ เกดิ พรอ มดว ย อุเบกขาเวทนา อยา งเดยี วนนั้ กเ็ พราะโมหมูลจติ น้นั เปน จติ ท่มี กี าํ ลงั ออ นโดยสภาวะ เพราะประกอบดวย ความซัดสา ย และฟงุ ซาน การที่ จักขุ โสต ฆาน ชิวหา ท้ัง ๘ ดวงน้ี เกดิ พรอ มดว ย อุเบกขาเวทนา อยา งเดยี วนน้ั กเ็ พราะจติ เหลา น้ี เกดิ ขึน้ ดว ยอาํ นาจแหงการกระทบกันระหวาง อปุ าทายรปู กบั อปุ าทายรปู ฉะน้ัน การกระทบกันจงึ มกี าํ ลังออ น ดุจการกระทบกนั ระหวางสาํ ลกี ับสําลี ฉันน้นั การท่ี กายวญิ ญาณจติ ๒ เกดิ พรอ มดว ย ทกุ ขเวทนาในอารมณท ่ไี มดี และเกดิ พรอมสขุ เวทนาในอารมณ ที่ดีน้ัน กเ็ พราะ จติ ๒ ดวงน้ี เกดิ ขน้ึ จากการกระทบกนั ระหวาง กายปสาท กบั โผฏฐัพพารมณ อนั เปนการ กระทบกนั ระหวาง อุปาทายรูปกบั มหาภตู รปู การกระทบจึงลวงเลยกายปสาทไปถึงมหาภูตรูป อนั เปนท่ตี งั้ ของ กายปสาท ฉะนั้น การกระทบกันจึงมกี ําลัง ดจุ เอาฆอ นทุบสําลที ีว่ างอยบู นทั่ง ฆอ นยอ มลวงเลยสาํ ลีไปกระทบ กบั ท่งั อนั เปน ท่ีตั้งอาศัยของสําลี ฉนั นัน้ การที่ สมั ปฏจิ ฉนจิต ๒ เกดิ พรอมดวย อุเบกขาเวทนา ทั้งในปญ จารมณที่ดแี ละไมด ี กเ็ พราะในลาํ ดบั แหง การเกิดขนึ้ นัน้ ตดิ ตอ กับ ปญ จวญิ ญาณ อนั มที ีอ่ าศยั ตางกันกับตน ฉะนั้น จึงมกี าํ ลังออน เพราะไมไดร ับ อนนั ตรปจ จยั จากจิตอนั มีทอี่ าศยั เหมือนกนั ดจุ บรุ ษุ ผขู าดมิตรท่สี ภาคะกันคอยชวยเหลือ ฉันนัน้ การท่ี สันตีรณอกศุ ลวบิ าก ๑ เกิดพรอมดว ย อเุ บกขาเวทนา อยา งเดยี วท้ังในอารมณท่ีไมด แี ละไมด ีมาก น้ัน กเ็ พราะ ผลของอกุศลกรรม มีสภาพทรามโดยรอบ ผลจะมากหรอื นอ ย ก็ไมม ใี ครปรารถนา แตต องรับเมือ่ ไมอาจขัดขืนได กต็ องวางเฉย ดจุ บุรุษออ นแอถูกบรุ ุษทม่ี ีกาํ ลัง กวา ขม เหง เม่ือไมอาจจะโตตอบได จงึ ตอ ง วางเฉย การท่ี สันตรี ณกศุ ลวิบาก ๑ เกิดพรอมดว ย อุเบกขาเวทนา ในอิฏฐมชั ฌตั ตารมณ และโสมนสั เวทนาใน อติอิฏฐารมณ กเ็ พราะในลาํ ดับแหงการเกดิ ขึน้ นน้ั ตดิ ตอ กบั สมั ปฏิจฉนจิต อนั มที ี่อาศัยเหมือนกนั กบั ตน จึงมี กําลัง เพราะไดร ับอนนั ตรปจ จยั จากจติ อนั มีทอ่ี าศยั เหมือนกนั ดจุ บุรุษผไู ดรับการชว ยเหลอื จากมิตรท่ีสภาคะกัน ฉนั น้นั

๑๑ การท่ี ปญจทวาราวชั ชนจติ ๑ เกดิ พรอมดว ย อุเบกขาเวทนา ทั้งในปญ จารมณท ด่ี แี ละไมด ีนน้ั ก็เพราะ เปนจิตท่เี กดิ ขน้ึ รับปญจารมณเปน ดวงแรก ฉะนั้น จงึ มกี าํ ลงั ออ น ไมส ามารถเสวยรสอารมณไ ดเ ตม็ ท่ี ดุจเดก็ แรกเกดิ ฉนั นน้ั การท่ี มโนทวาราวชั ชนจิต ๑ เกดิ พรอ มดว ย อุเบกขาเวทนา ท้ังในอารมณท ดี่ แี ละไมด นี ้ัน กเ็ พราะใน ขณะท่ีทาํ หนาที่ โวฏฐัพพนะ ในทางปญ จทวารกเ็ สวยอารมณไ ดเ ลก็ นอ ยตามหนาที่ ดุจตนเครอ่ื งของพระราชา ฉนั นน้ั สว นในขณะทําหนาที่พจิ ารณาอารมณท างมโนทวาร กเ็ ปน จิตทเี่ กิดเปน ดวงแรก ฉะนน้ั จึงมกี าํ ลงั ออ น การท่ี หสติ ุปปาทจิต ๑ เกดิ พรอ มดว ย โสมนสั เวทนา นั้น ก็เพราะจติ ดวงนเ้ี ปน จิตของพระอรหนั ต ท่ี ปรารถนากามธรรมท่ไี มห ยาบเกิดขึ้น เชน ทางตา ทานเหน็ สถานทที่ ีเ่ หมาะสมกับการบําเพ็ญเพียร ทา นกร็ า เริง อยดู ว ยจิตดวงนเ้ี ปนตน การท่ี มหากุศลจติ ๘ เกดิ พรอ มดวย โสมนสั เวทนา และ อุเบกขาเวทนา น้ัน เอาศรัทธา และการเหน็ อานิสงฆในการสรางกุศลเปน ตน มาเปน เคร่ืองตัดสิน ถาเปนผมู ากไปดว ยศรทั ธาและการเหน็ อานิสงฆก ารทาํ กศุ ลกจ็ ะเกิดพรอ มดว ยโสมนสั เวทนา แตถ า เปนผูน อยไปดวยศรัทธา และไมเ ห็นอานิสงส การทํากุศลกจ็ ะเกดิ พรอ มดว ยอเุ บกขาเวทนา สว น มหาวปิ ากจิต ๘ มีเวทนาเชนเดียวกบั มหากศุ ล ถามหาวบิ ากเปนผลของมหากศุ ลดวงไหน กจ็ ะมี เวทนาเชน เดยี วกันกบั มหากศุ ล ดวงนัน้ การท่ี มหากรยิ าจติ ๘ เกดิ พรอ มดว ย โสมนัสเวทนา และ อุเบกขาเวทนา นน้ั กเ็ พราะเปน จติ ของ พระอรหนั ตท ป่ี ราศจากวิปลาสธรรม ฉะนั้น จึงขึ้นอยกู บั อารมณ ถา เปนอารมณท ด่ี ยี ิ่ง เวทนาก็เปน โสมนสั ถาเปน อารมณท ด่ี ปี านกลาง หรอื ไมด ี เวทนาน้นั กเ็ ปนอุเบกขา การที่พระอรหนั ตร ับอารมณที่ไมดแี ลว เวทนา ท่เี ขา ไปเสวยอารมณน ัน้ เปน อุเบกขาเวทนา เพราะวาอรหนั ตนน้ั ละวปิ ลาสธรรมไดแลว ฉะนน้ั เวทนาที่เขาไป เสวยอารมณอ ยูน้ันจงึ เปน อุเบกขาเวทนา การท่ี รปู าวจรฌานจติ ๑๒ (เวน ปญจมฌานจิต ๓) เกิดพรอ มดว ย โสมนัสเวทนา นน้ั ก็เพราะยังไม สามารถละสุขขององคฌ าน อันมีปทัฏฐานมาจากปสสทั ธิได การที่ รูปาวจรปญ จมฌานจติ ๓ และ อรปู ฌานจิต ๑๒ เกิดพรอ มดว ย อเุ บกขาเวทนา น้นั ก็เพราะวา ปญ จมฌานจติ เปนจิตทลี่ ะสขุ ขององคฌ านได ฉะนัน้ จงึ เปน ไประหวา งสขุ กบั ทกุ ขเวทนาจึงเปนอเุ บกขาเทา นั้น

๑๒ การท่ี โลกุตตรจติ โดยพิสดาร ๔๐ มีเวทนาเชน เดยี วกนั กบั ฌานทเี่ ขา หรือพิจารณา ในชวงวฏุ ฐานคามินี กอ นหนา ทมี่ รรคผลจะเกิด คอื ถาในชว งนน้ั เขาหรอื พจิ ารณาปฐมฌาน มรรคจติ ผลจติ ก็เกิดพรอมดว ย ปฐมฌาน เปน ตน สวน โลกตุ ตรจิต โดยยอ ๘ บางครัง้ เกิดพรอมดว ย โสมนัสเวทนาบางอุเบกขาเวทนาบาง ทเ่ี ปน เชน น้กี ็ เพราะ ในชวงวุฏฐานคามินวี ปิ สสนา ถา ทา นพิจารณาสงั ขารธรรมดวยจติ ทีเ่ ปน โสมนสั มรรคจติ และผลจิต กเ็ กิดพรอ มดว ย โสมนสั เวทนา ถา ในชว งวฏุ ฐานคามินวี ิปสสนา ทานพิจารณาสงั ขารธรรม ดวยจติ ทีเ่ ปน อุเบกขา มรรคจติ ผลจติ ก็เกดิ พรอมดว ยอเุ บกขาเวทนา เวทนาเจตสกิ ท่ีไมไดเ กดิ พรอ มดวยเวทนาอยางใดอยางหนง่ึ นน้ั กเ็ พราะวา การเสวยอารมณ ทเ่ี กีย่ ว ดวยทางกายกด็ ี เกยี่ วดว ยทางใจกด็ ี เปน สภาพของเวทนาเจตสกิ ท้งั สน้ิ นอกจากเวทนาเจตสิกแลว ไมมสี ภาพอ่ืน ทาํ การเสวยอารมณได ฉะนน้ั เวทนาเจตสกิ ทีเ่ สวยอารมณท ด่ี ี เกย่ี วดว ยทางกาย เรียกวา สุขเวทนา เวทนาเจตสกิ ทเ่ี สวยอารมณท ีไ่ มดี เกย่ี วดว ยทางกาย เรยี กวา ทกุ ขเวทนา เวทนาเจตสิกที่เสวยอารมณท ดี่ ี เกยี่ วดว ยทางใจ เรยี กวา โสมนสั เวทนา เวทนาเจตสกิ ท่เี สวยอารมณท ่ีไมดี เกย่ี วดว ยทางใจ เรยี กวา โทมนสั เวทนา เวทนาเจตสิกท่ีเสวยอารมณป านกลาง เกยี่ วดว ยทางใจ เรยี กวา อุเบกขาเวทนา ดวยเหตนุ ้ี เวทนาเจตสิก จึงไมไ ดเกดิ พรอ มกบั เวทนาอ่นื ๆ จบเวทนาสงั คหะ \"\"\"\"\"\"\"\"\"\"\"\"\"\"\" ๑. เขตฺตูปมา อรหนฺโต อุปมา ๓ ประเภท ๒. ทายกา กสฺสถปู มา พระอรหนั ตทงั้ หลายเปรยี บดว ยนา ๓. พีชูปมํ เทยยฺ ธมมฺ ํ ทายกทัง้ หลายเปรยี บดว ยชาวนา ไทยธรรมเปรยี บดว ยพชื ขุ.เปต. ๒๖/๘๖/๑๕๗

๑๓ เวทนาสังคหะ จาํ แนกจิต ๑๒๑ โดย เวทนา ๕ จําแนกเจตสกิ ๕๒ โดย เวทนา ๕ โส โส โส โส จติ ๕ - ๕๕๕๕๕ อุ อุ อุ อุ ๓๓๓๓๑๓ โท โท สุ - สุข ๑ อุ อุ ทุ - ทกุ ข ๑ ๓๓๓๓ โส - โสมนสั ๖๒ ๒๒๒ อุ อุ อุ อุ ทุ อุ อุ โท - โทมนัส ๒ ๑๑๑๑ อุ อุ อุ อุ สุ อุ อุ โส อุ - อุเบกขา ๕๕ ๓๓ อุ อุ โส ๑ โส โส โส โส โดยเวทนา ๓ ๒๒๒๒๒๒๒ อุ อุ อุ อุ - เกิดพรอมดว ย สขุ เวทนา มี ๖๓ ๒๒๒ ๒๒ โส โส โส โส สขุ สหคตกายวิญญาณจิต ๑ อุ อุ อุ อุ โสมนสั สหคตจติ ๖๒ ๒๒ ๒๒ โส โส โส โส - เกดิ พรอมดว ย ทุกขเวทนา มี ๓ ๒ ๒๒ อุ อุ อุ อุ ทกุ ขสหคตกายวิญญาณจิต ๑ โทสมูลจิต ๒ ๒๒ โส โส โส โส อุ โส โส โส โส อุ - เกดิ พรอมดว ย อเุ บกขาเวทนา มี ๕๕ ๒๒ โส โส โส โส อุ อเุ บกขาสหคตจิต ๕๕ ๒๒ อุ อุ อุ อุ เจตสกิ อุ อุ อุ อุ อุ อุ อุ อุ ๑ เกิดพรอมดว ยเวทนาอยา งเดยี วมี ๖ ปติเจตสิก ๑ ( โสมนัสเวทนา ) โส โส โส โส อุ โดยเวทนา ๕ โทจตุกเจตสิก ๔ ( โทมนสั เวทนา ) โส โส โส โส อุ วจิ กิ ิจฉาเจตสิก ๑ ( อเุ บกขาเวทนา ) โส โส โส โส อุ - เกดิ พรอมดวย สขุ เวทนา มี ๑ โส โส โส โส อุ สขุ สหคตกายวิญญาณจิต ๑ ๒ เกิดพรอ มดวยเวทนา ๒ มี ๒๘ โลติกเจตสิก ๓, โสภณเจตสิก ๒๕ โส โส โส โส อุ - เกิดพรอมดว ย ทกุ ขเวทนา มี ๑ ( โสมนัสเวทนา และอเุ บกขาเวทนา ) โส โส โส โส อุ ทกุ ขสหคตกายวิญญาณจติ ๑ ๓ เกดิ พรอ มเวทนา ๓ มี ๑๑ โส โส โส โส อุ - เกดิ พรอมดว ย โสมนสั เวทนา มี ๖๒ ปกิณณกเจตสิก ๕ ( เวนปต ิ ) โสมนสั สหคตจติ ๖๒ โมจตกุ เจตสิก ๔, ถีทกุ เจตสกิ ๒ โส โส โส โส อุ ( โสมนัส โทมนัสและอุเบกขาเวทนา ) - เกดิ พรอมดว ย โทมนสั เวทนา มี ๒ โทสมลู จติ ๒ ๔ เกิดพรอ มเวทนา ๔ ไมมี ๕ เกิดพรอ มเวทนา ๕ มี ๖ - เกิดพรอมดวย อเุ บกขาเวทนา มี ๕๕ อเุ บกขาสหคตจิต ๕๕ สัพพจิตตสาธารณเจตสิก ๖ ( เวนเวทนา ) - ไมเ กิดพรอ มดวยเวทนา มี ๑ เวทนาเจตสกิ

๑๔ มาตกิ าที่ ๒ เหตสุ งั คหะ เหตสุ งั คหะ หมายความวา การแสดงสงเคราะห จิต เจตสกิ โดยประเภทแหง เหตุ ชือ่ วา เหตุสงั คหะ แสดงเหตุ ๖ หรือ ๙ โลโภ โทโส จ โมโห จ เหตู อกุสลา ตโย อโลภาโทสาโมโห จ กสุ ลาพยฺ ากตา ตถา ฯ อกศุ ลเหตุ มี ๓ คอื โลภเหตุ โทสเหตุ โมหเหตุ กุศลเหตุและอพยากตเหตุ มีอยา งละ ๓ คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ คาํ วา เหตนุ ้ี หมายความวา เปนธรรมชาติทส่ี ามารถใหผลเกิดข้นึ ได และผลเหลานัน้ กต็ ั้งอยไู ดโ ดย อาศัยธรรมชาตนิ นั้ ฉะนั้น ธรรมชาตนิ ้นั จงึ ชอ่ื วา เหตุ ไดแก เหตุ ๖ ( คือโลภเหตุ โทสเหตุ โมหเหตุ อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ ) เหตมุ ี ๔ อยา ง คอื ๑. เหตเุ หตุ ไดแ ก เหตุ ๖ คอื โลภะ โทสะ โมหะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ (ปญ ญา) ๒. ปจฺจยเหตุ ไดแก มหาภูตรปู ๔ อันเปนเหตใุ นการเรียกชื่อของรปู ขนั ธ ๓. อตุ ตฺ มเหตุ ไดแ ก กศุ ลกรรม และ อกศุ ลกรรม อนั เปน เหตใุ หเ กิด กุศลวบิ าก และ อกุศลวบิ าก ๔. สาธารณเหตุ ไดแก อวิชชา อันเปนเหตุใหเ กิดสงั ขาร ( ปฏ ฐานอรรถกถา น. ๓๗๑ ) ในปริจเฉทที่ ๓ นี้ ทรงหมายเอาเหตุ ขอท่ี ๑ คือ เหตุเหตุ ไดแก เหตุ ๖ มี โลภเหตุ เปนตน ธรรมทเี่ ปนผลของเหตเุ หลาน้นั ไดแ ก สเหตกุ จติ ๗๑ เจตสิก ๕๒ ( เวน โมหเจตสกิ ท่ีในโมหมูลจติ ๒) สเหตุกจติ ตชรปู สเหตุกปฏสิ นธิกัมมชรปู เม่อื วาโดย บุคคลาธษิ ฐานแลว ไดแก สตั วท้งั หลายและการกระทาํ ตาง ๆ ทเ่ี กยี่ วดว ย กาย วาจา และกรยิ าอาการพเิ ศษ ที่ปรากฏในรางกายของสัตว เชน หนา ตายม้ิ แยม แจมใส ผองใส เปน ตน เหลา นี้ เปน ผลที่เกดิ มาจากเหตทุ ัง้ สิ้น และผลตา ง ๆ เหลานเี้ มื่อเกดิ แลว ก็ไมไ ดสญู หายไปทนั ที ยอ มตั้งอยูไ ดเจรญิ ขึน้ ได ก็เพราะอาศัยเหตเุ หลาน้ี เชน เดียวกนั เหตุตา งๆ มโี ลภะ เปน ตน เหลาน้ี เปน มูลรากอนั สําคญั ท่ีจะทําใหเ กดิ ผลดงั กลา ว อปุ มาเหมือนรากแกว ของตน ไม ผลน้ันเหมอื นกนั กับตน ไม และกิ่งกา น สาขาดอกผล หนาท่ขี องเหตมุ ี ๓ คอื ๑. ใหผลเกิดขน้ึ ๒. ใหผ ลทเ่ี กดิ ขน้ึ แลว เจรญิ ขน้ึ ๓. ใหผลตั้งมั่นอยใู นอารมณ

๑๕ โลภะ มีความยดึ มนั่ ในอารมณ เปนลักษณะ เหมอื นลงิ ติดตงั มีความติดในอารมณ เปน รส เหมอื นชนิ้ เนื้อทใี่ สใ นกระเบอื้ งอนั รอน มกี ารไมล ะ เปนอาการปรากฏ เหมอื นเปอ นสนี ้าํ มัน มคี วามเหน็ ชอบในธรรมอนั เปน เปน เหตใุ กล เม่ือเจริญขึน้ โดยความเปน แมน าํ้ คอื อารมณข องสงั โยชน ตัณหา พึงทราบวา ยอ มพาไปสูอบาย เทา น้นั เหมอื นแมน า้ํ ทีม่ กี ระแสเชย่ี ว ยอ มพดั พาไปสมู หาสมทุ ร ฉะนัน้ โทสะ มีความดรุ าย เปนลักษณะ เหมอื นอสรพษิ ทีถ่ กู ตี มีความกระสบั กระสาย เปนรส เหมอื นถูกวางยาพษิ หรือมีการเผาทอ่ี ยูของตน เปนรส เหมือนไฟไหมปา มกี ารประทุษรา ย เปนอาการปรากฏ เหมอื นศัตรูท่ีไดโอกาส มวี ัตถุอันเปน ที่ตงั้ แหงความอาฆาต เปน เหตใุ กล เหมอื นนาํ้ มูตรเนาเจือดว ยยาพิษ โมหะ มีความมดื มนแหง จติ เปนลักษณะ หรือมคี วามไมร ู เปน ลักษณะ มคี วามไมแทงตลอด เปน รส หรือมีความปกปดสภาวะแหงอารมณ เปน รส มกี ารไมปฏบิ ตั ิชอบ เปนอาการปรากฏ หรือมีความมดื มน เปนอาการปรากฏ มีการทําไวใ นใจโดยอบุ ายไมแยบคาย เปน เหตใุ กล พึงทราบวา โมหะ เปนรากเหงา แหง อกศุ ลกรรมท้งั ปวง อโลภะ มคี วามทีจ่ ติ ไมกําหนดั ในอารมณ เปนลักษณะ เหมอื นหยดนา้ํ ไมต ดิ บนใบบวั หรือมจี ิตท่ไี มตดิ ในอารมณ เปนลกั ษณะ มีการไมห วงแหน เปน รส เหมือนภิกษุผปู ลอ ยวางแลว มีการไมต ิดใจ เปน อาการปรากฏ เหมือนบรุ ษุ ผไู มจับตองของไมส ะอาด อโทสะ มกี ารไมด ุราย เปนลกั ษณะ เหมอื นมติ รผคู อยชว ยเหลือ หรอื มีการไมพ โิ รธ เปน ลกั ษณะ เหมือนเนือ้ ไมจ นั ทน มีการกาํ จัดความอาฆาต เปน รส เหมือนจนั ทรเ พ็ญ หรอื มีความกาํ จัดความเรา รอ น เปน รส มีความรม เยน็ เปนอาการปรากฏ

๑๖ เปน ลักษณะ เหมือนการตามประทปี ในทมี่ ืด เปน ลักษณะ เหมอื นแพทยผ ฉู ลาดยอ มรูเ ภสัช อโมหะ มกี ารสองสวาง อนั เปน ที่สบายและไมส บายแก มีการรทู วั่ เปน ลักษณะ บคุ คลผูป วย ดุจการแทงของลูกศรทน่ี ายธนู มกี ารแทงตลอดสภาวะ เปนรส ผฉู ลาดยิงไป เปนอาการปรากฏ ดุจประทปี สองในทมี่ ดื มีการสองใหเห็นอารมณ ดุจผูชท้ี างแกบคุ คลผไู ปมาฉะนนั้ มคี วามไมห ลงใหล แสดงการจําแนกจติ โดย เหตุ อเหตกุ าฏารเสก เหตกุ า เทฺว ทฺวาวีสติ ทวฺ ิเหตุกา มตา สตฺต จตตฺ าลีส ตเิ หตุกา ฯ นักศกึ ษาท้ังหลายพงึ ทราบวา อเหตกุ จิต คือ จิตทไี่ มม ีเหตุ มี ๑๘ ดวง เอกเหตุกจิต คอื จติ ทมี่ ีเหตุ ๑ มี ๒ ดวง ทวิเหตกุ จิต คือ จติ ท่ีมีเหตุ ๒ มี ๒๒ ดวง ตเิ หตกุ จติ คือ จติ ท่มี เี หตุ ๓ มี ๔๗ ดวง หมายเหตุ เมอ่ื เราอยากทราบวา จิต ดวงนม้ี ีเหตุเทาไร ใหยกจิตดวงนนั้ ขึน้ เปนประธานแลวหาตอ ไปวา จิตดวงนน้ั มเี จตสกิ ประกอบรวมเทา ไร ในบรรดาเจตสิกเหลานน้ั มเี จตสกิ ที่เปนเหตไุ ดกด่ี วง เรากจ็ ะ ทราบไดท นั ทวี า จิตดวงนนั้ มเี หตเุ ทา ไร เชน โทสมลู จิตดวงที่ ๑ มเี จตสกิ ประกอบ ๒๐ ดวง คือ อญั ญสมานเจตสกิ ๑๒ ( เวน ปต ิ ) โมจตกุ เจตสกิ ๔ โทจตุกเจตสิก ๔ ในเจตสกิ ๒๐ ดวงนี้ มเี จตสกิ ทเ่ี ปนเหตุได ๒ ดวง คือโทสะ โมหะ ฉะนน้ั โทสมูลจติ ดวงท่ี ๑ จึงมเี หตุสอง คอื โทสะ โมหะ เม่อื เราทราบไปเชน น้ีทีละดวงจนครบ กจ็ ะพบวา จติ ทีม่ ีเหตุ ๔-๕-๖ นน้ั ไมม ี เพราะ โลภะ โทสะ โมหะ ท่เี ปน ฝา ยอโสภณ และอโลภะ อโทสะ อโมหะ ท่ี เปน ฝายโสภณเหตเุ หลา น้ี ประกอบกบั จติ รว มกันไมไ ด

๑๗ หมายเหตุ การจําแนก เจตสกิ โดยเหตุ ทวี่ า โดย อคหติ ัคคหนนยั ( เจตสิกทีน่ ับแลวไมน บั อีก ) เม่ือเราตอ งการทราบวา เจตสกิ ดวงนี้มเี หตเุ ทา ไร ใหย กเจตสกิ ดวงน้นั ขน้ึ เปน ประธานแลวหาตอ ไปวา เจตสกิ ดวงน้นั มเี จตสกิ ประกอบไดเทาไร และในจาํ นวนเจตสกิ ทีป่ ระกอบน้ัน มีเจตสกิ ที่เปนเหตุได กด่ี วง เราก็จะทราบไดท นั ทวี า เจตสิกดวงน้ีมเี หตเุ ทา ไร เชน ปติ มีเจตสกิ ประกอบ ๔๖ ( เวนโทจตกุ ๔ วิจิกจิ ฉา ๑ ตวั เอง ๑ ) ตามหลัก ตทุภยมสิ สกนัย และในบรรดาเจตสกิ ๔๖ ดวงนน้ั มเี จตสกิ ทเี่ ปน เหตไุ ด ๕ ดวง คอื โลภะ โมหะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ ฉะนน้ั ปต ิเจตสิก จงึ มเี หตุ ๕ หมายเหตุ การจําแนก เจตสกิ โดยเหตุ ทว่ี า โดย คหิตคั คหนนัย ( เจตสกิ ทนี่ บั แลวนับอกี ) กอนอื่นจะตอ งแบง จติ ออกเปนกลุมๆ ตามเหตุ จะไดจ ติ ๔ กลมุ คือ อเหตุก เอก ทวฺ ิ ติ แลวหาเจตสกิ ท่ปี ระกอบกับจติ กลมุ น้ันวา มีกดี่ วง เม่อื เรายกเจตสกิ ดวงใดขึ้นเปน ประธานแลว กห็ าดูวาเจตสกิ ที่ เหลือมเี จตสิกที่เห็นเหตุไดเ ทา ไร การคิดหาเชน นเี้ จตสกิ อาจจะซํ้ากันได ฉะนนั้ ทานจงึ เรียกวา นับแลว นบั อกี เชน สัพพจิตตสาธารณเจตสกิ ๗ ประกอบไดใ นจติ ทวั่ ไปทั้งหมด ในขณะทป่ี ระกอบกับ อเหตุกจติ กเ็ ปน เจตสิก ท่ีไมมีเหตุ ในขณะที่ประกอบกับ เอกเหตกุ จติ กเ็ ปน เจตสิก ท่ีมเี หตุ ๑ ในขณะทีป่ ระกอบกับ ทวฺ ิเหตกุ จิต กเ็ ปน เจตสกิ ที่มเี หตุ ๒ ในขณะทปี่ ระกอบกบั ติเหตกุ จิต ก็เปนเจตสกิ ทมี่ เี หตุ ๓ เปนตน หมายเหตุ การหาจํานวนเหตโุ ดยพสิ ดาร ๒๘๓ น้นั หาจากจํานวนจติ ท่เี หตุนัน้ ๆ ประกอบได เชน โลภเหตุ ประกอบไดใ นจิต ๘ ดวง ฉะน้ัน โลภเหตุโดยพสิ ดารจงึ มี ๘ โทสะ ๒ โมหะ ๑๒ อโลภะ ๙๑ อโทสะ ๙๑ อโมหะ ๗๙

๑๘ แสดงการจาํ แนกเหตุ โดย พิสดาร มี ๒๘๓ อกศุ ลเหตุ มี ๒๒ คือ โลภเหตุ มี ๘ โทสเหตุ มี ๒ โมหเหตุ มี ๑๒ กุศลเหตุ มี ๑๐๗ คอื อโลภเหตุ มี ๓๗ อโทสเหตุ มี ๓๗ อโมหเหตุ มี ๓๓ วิปากเหตุ มี ๑๐๗ คอื อโลภเหตุ มี ๓๗ อโทสเหตุ มี ๓๗ อโมหเหตุ มี ๓๓ กรยิ าเหตุ มี ๔๗ คอื อโลภเหตุ มี ๑๗ อโทสเหตุ มี ๑๗ อโมหเหตุ มี ๑๓ โลภเหตุ ทปี่ ระกอบกับโลภมลู จติ ๘ รวมอกศุ ลเหตุ ๒๒ อกศุ ลเหตุ มี ๒๒ คอื โทสเหตุ ทป่ี ระกอบกบั โทสมลู จติ ๒ โมหเหตุ ทปี่ ระกอบกบั อกุศลจติ ๑๒ อโลภเหตทุ ปี่ ระกอบกบั มหาก.ุ ๘ มหัคคตก.ุ ๙ มรรค ๒๐ = ๓๗ รวม กุศลเหตุ มี ๑๐๗ คือ อโทสเหตทุ ่ปี ระกอบกับมหากุ. ๘ มหัคคตก.ุ ๙ มรรค ๒๐ = ๓๗ กศุ ลเหตุ ๑๐๗ อโมหเหตุที่ประกอบกบั มหากุ.สํ ๔ มหัคคตก.ุ ๙ มรรค ๒๐ = ๓๓ อโลภเหตทุ ี่ประกอบกับมหาว.ิ ๘ มหัคคตว.ิ ๙ ผล ๒๐ = ๓๗ รวม วปิ ากเหตุ มี ๑๐๗ คอื อโทสเหตทุ ่ีประกอบกบั มหาวิ. ๘ มหคั คตว.ิ ๙ ผล ๒๐ = ๓๗ วิปากเหตุ ๑๐๗ อโมหเหตทุ ี่ประกอบกับมหาวิ.สํ ๔ มหคั คตวิ. ๙ ผล ๒๐ = ๓๓ กริยาเหตุ มี ๔๗ คือ อโลภเหตุทป่ี ระกอบกับมหากริยา ๘ มหคั คตกิ. ๙ = ๑๗ รวม อโทสเหตุท่ปี ระกอบกบั มหากรยิ า ๘ มหคั คตกิ. ๙ = ๑๗ กริ ยิ าเหตุ อโมหเหตทุ ป่ี ระกอบกบั มหากริยา สํ ๔ มหคั คตกิ. ๙ = ๑๓ ๔๗ ………………………………………  ผใู ดตเิ ตยี นผอู ่นื วาไมด ี กช็ ือ่ วาตเิ ตยี นตนเชน เดียวกนั เพราะวา เจตนานน้ั เปน โทษ ชื่อวา เปน พาล คอื ไมช อบใจผูอน่ื นั่นเอง วา อยา งนเ้ี ปน บาป  สว นผูใดตเิ ตือนตนเอง อยางน้ีควรทําใหเกดิ อยางนี้ควรละ หรอื เปน บุญ ชอ่ื วา บณั ฑติ รูรูปนามดว ยปญ ญา พน ทกุ ขด ว ยความเพยี ร  กําหนดรปู นามดวยสติ  ฆา กิเลสดวยปญ ญา พระอาจารย ทวี เกตุธมฺโม

๑๙ หมายเหตุ อโลภะ อโทสะ อโมหะ - เปนขาศึกตอความตระหนี่ - เปนขาศึกตอความไมเจริญในกุศล - คฤหสั ถอยรู ว มกนั เปนสขุ - เปน ขาศึกตอความเปน ผูทุศลี - บรรพชิตอยรู วมกนั เปน สุข - คฤหัสถ บรรพชิต อยรู ว มกนั - เปน เหตุแหงการใหท าน เปน สุข - เปนเหตแุ หง ภาวนา - ไมเ กดิ เปนเปรต - เปน เหตุแหง ศลี - ไมเกดิ เปน สตั วด ริ จั ฉาน - ทําลายอภชิ ฌากายคันถะ - ไมเ กดิ ในนรก - ทาํ ลายสีลพั พต-อิทงั สจั จาภินิเวส - เปน ปจจัยแกค วามไมม ีโรค - ทาํ ลายพยาบาทกายคนั ถะ - เปนปจ จัยแกค วามมอี ายยุ นื - เปน ปจ จัยแกค วามเปน หนมุ - - ยอ มถือเอาไมม ากเกินไป เปน สาว - ยอ มไมถ ือเอาผิด - ไมข อ งแวะดว ยอํานาจราคะ - ยอ มไมถอื เอาความบกพรอ ง - ไมข อ งแวะดว ยอาํ นาจโมหะ - ยอมรับโทษดวยความเปน โทษ - ไมข อ งแวะดว ยอํานาจโทสะ - ยอมรับสภาพตามความเปน จรงิ - ยอมรบั ความดีโดยความเปน - ไมท ุกขเ พราะพลัดพราก คนดี - ไมทุกขเพราะไมไ ดสง่ิ ท่ีอยากได - ไมท ุกขเ พราะประสบกับ - ไมมีชาตทิ กุ ขเปน ปจ จยั แก สิง่ ทีไ่ มเปน ที่รัก - ไมมีมรณทกุ ข...เปน ปจจยั แก โภคสมบัติ - ไมมชี ราทุกข...เปน ปจ จยั แก อัตตสมบตั ิ - เจรญิ กายา-เวทนาเห็นอนจิ จ- มติ รสมบตั ิ - เจริญจติ ตา-ธัมมาเห็นอนตั ตลกั ษณะ ลกั ษณะ - เจริญกายา-เวทนาเหน็ อนิจจ- - เปน ปจ จัยแก ทิพพาวหิ ารธรรม- ลักษณะ - เปนปจ จัยแกพ รหมวหิ ารธรรม- อสุภสญั ญา - เปนปจจยั แกพ รหมวหิ ารธรรม- ธาตสุ ญั ญา ธาตุสญั ญา จาํ แนกเจตสิก โดยเหตทุ ่วี า โดย คหติ ัคคหนนัย ( คอื เจตสิกทีน่ บั แลว นบั อีก ) คหติ คั คหนนยั คอื เจตสิกทนี่ บั แลวนบั อกี หมายความวา นบั ในชนดิ ของจติ ( อเหตุกจติ เอกเหตุกจกิ ทวเิ หตกุ จติ ตเิ หตุกจติ ) เชน นับในทวเิ หตุกจิต ซึง่ ทวเิ หตุกจิตนั้นมี โลภมูลจิต ๘ โทสมูลจติ ๒ และญาณวปิ ป- ยุตตจติ ๑๒ เม่ือยกโมหเจตสกิ ขึ้นมา ซึ่งโมหเจตสกิ มีอกศุ ลจิต ๑๒ ประกอบ มที ัง้ ทวิเหตกุ จิต และเอกเหตุกจติ แตเ มื่อยกโมหเจตสกิ เปนประธานทีป่ ระกอบกับโลภมลู จิต ๘ ซึง่ มโี ลภเหตุ โมหเหตุ ฉะนนั้ โมหเจตสิกท่ี ประกอบกบั โลภมลู จติ ๘ ก็จะเปน เอกเหตุกเจตสิก เพราะโมหะเปน ตวั เหตุ ตองละโมหเหตอุ อก เหลอื เพยี ง โลภเหตุ ฉะนนั้ จงึ เปน เอกเหตุกเจตสกิ เปน ตน

๒๐ จาํ แนกเจตสกิ ๕๒ โดย เหตุ เหตุสงั คหะ เจตสิก ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓๑ ๒๐ ๓ ๒ ๓ จําแนกจติ ๑๒๑ โดย เหตุ คหติ ัคคหนนยั ๐๑ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ๒๒๒๒ ๐ - อเหตุกเจตสิก ๑๓ ดวง ๑๒ ๒ ๒๒๒๒ ๑ - เอกเหตกุ เจตสิก ๒๐ ดวง ๑๒ ๒ ๒ ๒๒ ๒ - ทวิเหตกุ เจตสิก ๔๘ ดวง ๒๒ ๑๑ ๓ - ติเหตุกเจตสิก ๓๕ ดวง ๑ ------- -------- ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๑ ๒๑ ๒๓ --- ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๓๓๒๒ ๓๓๒๒ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๒๓ ๓๓๒๒ ๒ ๒๓ ๒๓ ๓๓๒๒ ๒๓ ๒๓ ๓๓๒๒ ๓๓๒๒ ๒๓ ๒๓ ๓๓๓๓๓ ๒๓ ๒๓ ๓๓๓๓๓ ๓๓๓๓๓ อคหติ ัคคหนนยั ๖๖๖๖๖๖๖ ๖ ๖ ๖ ๖๕๖ ๓๓๓๓ ๐ - อเหตุกเจตสิก ไมมี ๓๓๓๓ ๑ - เอกเหตกุ เจตสิก ๓ ดวง ๒๓๓๓ ๓๓๓๓ ๒ - ทวิเหตกุ เจตสกิ ๙ ดวง ๑ ๒๒ ๓ - ติเหตกุ เจตสกิ ๒๗ ดวง ๑ ๒๒๒ ๓๓๓๓๓ ๔ - จตเุ หตุกเจตสิก ไมมี ๓๓ ๓๓๓๓๓ ๕ - ปญจเหตกุ เจตสิก ๑ ดวง ๑ ๓๓๓๓๓ ๖ - ฉเหตุกเจตสกิ ๑๒ ดวง ๓๓๓๓๓ ๓๓๓๓๒๒๓ ( เวน ปติ ) ๓๓๓๓๓ ๓๓๓ ๓๓ ๓๓๓๓๓ ๓๓๓๓๓ ๓๓ ๓๓ ๓๓๓๓๓ ๒ ๓๓ จติ ๓๓ - - อเหตุกจิต ๑๘ ดวง ๑ - เอกเหตกุ จิต ๒ ดวง ๓๓ ๒ - ทวิเหตกุ จิต ๒๒ ดวง ๓ - ติเหตุกจิต ๔๗/๗๙ ดวง ๓๓

๒๑ มาติกาท่ี ๓ กจิ จสงั คหะ กิจสงั คหะ หมายความวา การสงเคราะห จติ เจตสิก โดย ประเภทแหง กจิ ช่ือวา กจิ จสงั คหะ แสดงกจิ ๑๔ และฐาน ๑๐ ปฏสิ นธฺ าทโย นาม กจิ จฺ เภเทน จทุ ฺทส ทสธา านเภเทน จติ ตฺ ุปปฺ าทา ปกาสิตา ฯ แสดงจิตตปุ ปาทะ ท่ีมนี ามวา ปฏสิ นธจิ ิต เปนตน วาโดยประเภทแหงกจิ มี ๑๔ กจิ วา โดยประเภทแหงฐานมี ๑๐ ฐาน อธิบาย การงานตา ง ๆ ท่เี กี่ยวดว ย กาย วาจา ใจ เหลานี้ จะสําเรจ็ ลงได กต็ องอาศยั จติ เจตสิก เปน ผู ควบคุม การงานทีเ่ กย่ี วดว ย กาย วาจา จงึ สาํ เร็จได สว นการงานที่เก่ียวกบั ใจ คอื การนกึ คดิ เรอื่ งราวตา งๆ นน้ั จติ เจตสกิ เปนผูกระทําเอง ขอน้แี สดงใหเ หน็ วา จติ เจตสกิ ทเ่ี กิดข้นึ และดบั ลงไป เหมือนกระแสน้าํ ไหลน้ัน ยอ มมี หนา ทขี่ องตนเองอยทู ุกๆ ดวง จติ เจตสิก ที่เกิดขน้ึ โดยไมมหี นาทนี่ น้ั ไมม ีเลย และจติ เจตสิก ท่กี ําลงั ทําหนา ที่ ของตนอยนู น้ั ก็ตอ งมสี ถานทอี่ นั เปน ท่ตี ัง้ แหงการงานนน้ั ๆ โดยเฉพาะๆ สถานที่เหลานีแ้ หละ ช่ือวา ฐาน ถา จะอปุ มาแลว จิต เจตสิก เปรยี บเหมอื นคนทํางาน กจิ เปรยี บเหมือน การงานตางๆ ฐาน เปรยี บเหมอื น สถานท่ี ท่คี นทาํ งาน แสดง กจิ ๑๔ อยาง ๑. ปฏิสนธิกจิ ทาํ หนาที่ สบื ตอภพใหม ไดแ ก อเุ บกขาสนั ตรี ณจติ ๒ มหาวปิ ากจิต ๘ มหคั คตวิปากจิต ๙ รวม ๑๙ ดวง ๒. ภวังคกิจ ทําหนาท่ี รกั ษาภพ ไดแ ก อุเบกขาสันตรี ณจติ ๒ มหาวิปากจิต ๘ มหคั คตวปิ ากจติ ๙ รวม ๑๙ ดวง ๓. อาวัชชนกจิ ทําหนา ท่ี พิจารณาอารมณใหม ไดแ ก ปญจทวาราวัชชนจติ ๑ มโนทวาราวชั ชนจติ ๑ รวม ๒ ดวง ๔. ทัสสนกจิ ทาํ หนา ท่ี เหน็ ไดแ ก จกั ขวุ ญิ ญาณจติ ๒ รวม ๒ ดวง ๕. สวนกิจ ทาํ หนาที่ ไดย นิ ไดแก โสตวิญญาณจิต ๒ รวม ๒ ดวง ๖. ฆายนกิจ ทําหนา ที่ รกู ลิ่น ไดแ ก ฆานวิญญาณจิต ๒ รวม ๒ ดวง ๗. สายนกิจ ทาํ หนาที่ รรู ส ไดแก ชวิ หาวิญญาณจิต ๒ รวม ๒ ดวง ๘. ผุสนกิจ ทาํ หนาที่ รูถูกตอง ไดแ ก กายวญิ ญาณจิต ๒ รวม ๒ ดวง

๒๒ ๙. สัมปฏิจฉนกิจ ทาํ หนาท่ี รบั อารมณ ไดแก สมั ปฏิจฉนจติ ๒ รวม ๒ ดวง ๑๐. สันตรี ณกจิ ทําหนา ท่ี ไตสวนอารมณ ไดแ ก สนั ตรี ณจิต ๓ รวม ๓ ดวง ๑๑. โวฏฐพั พนกิจ ทําหนาท่ี ตัดสนิ อารมณ ไดแก มโนทวาราวัชชนจติ ๑ รวม ๑ ดวง ๑๒. ชวนกจิ ทาํ หนา ท่ี เสพอารมณ ไดแ ก อกุศลจติ ๑๒ หสติ ปุ ปาทจติ ๑ มหากุศลจติ ๘ มหากรยิ าจิต ๘ มหคั คตกศุ ลจติ ๙ มหคั คตกรยิ าจิต ๙ โลกตุ ตรจิต ๘ รวม ๕๕ ดวง ๑๓. ตทารัมมณกจิ ทาํ หนา ท่ี รบั อารมณต อ จากชวนกจิ ไดแ ก สนั ตีรณจิต ๓ มหาวิปากจิต ๘ รวม ๑๑ ดวง ๑๔. จตุ กิ ิจ ทาํ หนา ท่ี ส้นิ จากภพเกา ไดแก อเุ บกขาสันตรี ณจติ ๒ มหาวิปากจติ ๘ มหัคคตวปิ ากจิต ๙ รวม ๑๙ ดวง ๑ ปฏิสนธิฐาน แสดงฐาน ๑๐ จุ ภ วุ อา ๒ ภวังคฐาน สถานที่ทาํ งานสืบตอ ภพใหม มี ๑ คอื ต จุ สถานทีท่ ี่ทาํ งานรักษาภพ มี ๖ คอื ป อา ช จุ ต อา ช อา มต มภ ๓ อาวชั ชนฐาน สถานที่ทท่ี าํ งานพจิ ารณาอารมณใหม มี ๒ คอื ภ ปญ ม จุ ภช ๔ ปญจวญิ ญาณฐาน สถานทที่ ี่ทาํ งาน เหน็ ไดยิน รกู ลิน่ รรู ส รถู ูกตอง มี ๑ คือ อา สํ ณ ๕ สัมปฏจิ ฉนฐาน สถานที่ทีท่ ํางานรับอารมณ มี ๑ คือ ปญ วุ ๖ สนั ตรี ณฐาน สถานทท่ี ่ีทาํ งานไตสวนอารมณ มี ๑ คอื สํ ช ภ ๗ โวฏฐัพพนฐาน สถานทที่ ่ที ํางานตดั สนิ อารมณ มี ๒ คอื ณ ณ ๘ ชวนฐาน สถานที่ท่ีทาํ งานเสพอารมณ มี ๖ คือ วุ ต วุ ภ วุ จุ ๙ ตทารัมมณฐาน สถานทีท่ ีท่ ํางานรบั อารมณต อ จากชวนะ มี ๒ คือ ชภ ช จุ ๑๐ จตุ ฐิ าน สถานทที่ ่ีทํางานสิน้ จากภพเกา มี ๓ คือ ตป ชป ภป

๒๓ คาถาแสดงการจําแนกจิต โดย กจิ และฐาน อฏ สฏิ ตถา เทวฺ จ นวาฏ เทฺว ยถากกฺ มํ เอก ทฺวิ ติ จตุ ปฺจ กิจฺจฏ านานิ นิททฺ เิ ส ฯ แสดงจํานวนจติ โดยหนาทีแ่ ละฐานตามลําดบั ดังนี้ คือ จติ ทมี่ หี นา ท่ี ๑ และฐาน ๑ มีจาํ นวน ๖๘ ดวง จิตที่มหี นา ท่ี ๒ และฐาน ๒ มจี าํ นวน ๒ ดวง จติ ทม่ี ีหนาที่ ๓ และฐาน ๓ มีจํานวน ๙ ดวง จิตท่ีมหี นา ท่ี ๔ และฐาน ๔ มีจํานวน ๘ ดวง จิตที่มีหนาที่ ๕ และฐาน ๕ มจี ํานวน ๒ ดวง การจําแนกกิจ ๑๔ โดย จิต ๑. จิตทที่ ําหนา ท่ี ปฏสิ นธ,ิ ภวงั ค, จุติ มี ๑๙ ดวง คอื อเุ บกขาสันตรี ณจติ ๒, มหาวิปากจติ ๘, มหัคคตวปิ ากจติ ๙ ๒. จติ ท่ที ําหนา ที่ อาวัชชนกิจ มี ๒ ดวง คือ ปญ จทวาราวชั ชนจิต ๑, มโนทวาราวชั ชนจติ ๑ ๓. จิตท่ีทาํ หนา ท่ี ทสั สนกจิ มี ๒ ดวง คอื จกั ขุวิญญาณจิต ๒ ๔. จิตท่ที าํ หนา ที่ สวนกิจ มี ๒ ดวง คอื โสตวิญญาณจติ ๒ ๕. จิตท่ที าํ หนา ที่ ฆายนกิจ มี ๒ ดวง คือ ฆานวญิ ญาณจติ ๒ ๖. จิตทีท่ าํ หนา ท่ี สายนกจิ มี ๒ ดวง คอื ชวิ หาวญิ ญาณจติ ๒ ๗. จิตทท่ี ําหนา ท่ี ผสุ นกิจ มี ๒ ดวง คือ กายวญิ ญาณจติ ๒ ๘. จิตทท่ี าํ หนา ที่ สัมปฏจิ ฉนกิจ มี ๒ ดวง คอื สมั ปฏิจฉนจติ ๒ ๙. จิตที่ทําหนา ท่ี สนั ตีรณกิจ มี ๓ ดวง คอื สนั ตีรณจิต ๓ ๑๐. จติ ที่ทาํ หนาท่ี โวฏฐพั พนกจิ มี ๑ ดวง คือ มโนทวาราวัชชนจติ ๑ ๑๑. จิตที่ทาํ หนา ที่ ชวนกจิ มี ๕๕ ดวง คือ อกศุ ลจิต ๑๒, หสติ ุปปาทจติ ๑, มหากศุ ลจติ ๘, มหากริ ิยาจิต๘, มหคั คตกุศลจติ ๙, มหคั คตกิริยาจิต ๙, โลกตุ ตรจติ ๘ ๑๒. จติ ทที่ าํ หนาท่ี ตทารัมมณกจิ มี ๑๑ ดวง คอื สนั ตีรณจติ ๓, มหาวิปากจติ ๘ การจําแนกจิต โดย กิจ ๑๔ ๑. จิตทท่ี าํ หนา ที่ ๕ อยาง มี ๒ ดวง คอื อเุ บกขาสันตีรณจิต ๒ - ปฏิ ภ จุ ณ ต ๒. จิตทท่ี าํ หนา ที่ ๔ อยา ง มี ๘ ดวง คอื มหาวปิ ากจิต ๘ - ปฏิ ภ จุ ต ๓. จิตที่ทําหนา ท่ี ๓ อยาง มี ๙ ดวง คือ มหคั คตวปิ ากจติ ๙ - ปฏิ ภ จุ ๔. จติ ท่ที าํ หนา ที่ ๒ อยา ง มี ๒ ดวง คอื โสมนัสสันตีรณจติ - ณ ต, มโนทวาราวัชชนจิต - อา วุ ๕. จติ ท่ีทาํ หนา ที่ ๑ อยาง มี ๖๘ / ๑๐๐ ดวง คอื อกุศลจติ ๑๒, ทวปิ ญ จวิญญาณจิต ๑๐, มโนธาตุ ๓, หสติ ุปปาทจติ ๑, มหากศุ ลจิต ๘, มหากริ ยิ าจิต ๘, มหคั คตกศุ ลจติ ๙, มหคั คตกริ ยิ าจติ ๙, โลกตุ ตรจิต ๘/๔๐

๒๔ การจําแนกเจตสิก โดย กจิ ๑๔ ๑. เจตสกิ ทท่ี ําหนาที่ ๑ มี ๑๗ ดวง คือ อกศุ ลเจตสกิ ๑๔, วิรตีเจตสิก ๓ - ช ๒. เจตสิกทท่ี าํ หนาที่ ๔ มี ๒ ดวง คือ อปั ปมญั ญาเจตสิก ๒ - ปฏิ ภ ช จุ ๓. เจตสกิ ที่ทาํ หนาท่ี ๕ มี ๒๑ ดวง คือ ฉนั ทเจตสิก, โสภณเจตสกิ ๑๙, ปญญาเจตสิก ๑ - ปฏิ ภ ช ต จุ ๔. เจตสกิ ทท่ี าํ หนาที่ ๖ มี ๑ ดวง คอื ปต เิ จตสกิ - ปฏิ ภ ณ ช ต จุ ๕. เจตสิกทีท่ าํ หนาท่ี ๗ มี ๑ ดวง คอื วีรยิ เจตสิก - ปฏิ ภ อา วุ ช ต จุ ๖. เจตสกิ ทที่ ําหนาที่ ๙ มี ๓ ดวง คือ วติ กเจตสกิ , วจิ ารเจตสกิ , อธโิ มกขเจตสิก - ปฏิ ภ อา สํ ณ วุ ช ต จุ ๗. เจตสกิ ที่ทาํ หนา ท่ี ๑๔ มี ๗ ดวง คอื สพั พจติ ตสาธารณเจตสกิ ๗ - กจิ ๑๔ การแสดงสงเคราะห จิต โดยกิจ ๑๔ และฐาน ๑๐ ฐาน ๑๐ กจิ ๑๔ จิต ๘๙ โลกียจิต ๘๑ กามาวจรจิต ๕๔ อเหตุกจิต ๑๘ ๑. ปฏสิ นธฐิ าน ๑. ปฏิสนธกิ จิ ๑๙ ๑๙ ๑๐ ๒ ๑๙ ๑๐ ๒ ๒. ภวังคฐาน ๒. ภวังคกิจ ๑๙ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๓. อาวชั ชนฐาน ๓. อาวัชชนกจิ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๔. ทสั สนกิจ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๕. สวนกจิ ๒ ๒ ๒ ๒ ๓ ๓ ๓ ๔. ปญจวญิ ญาณฐาน ๖. ฆายนกจิ ๒ ๑ ๑ ๑ ๔๗ ๒๙ ๑ ๗. สายนกิจ ๒ ๑๑ ๑๑ ๓ ๑๙ ๑๐ ๒ ๘. ผสุ นกิจ ๒ ๕. สมั ปฏิจฉนฐาน ๙. สัมปฏิจฉนกจิ ๒ ๖. สนั ตีรณฐาน ๑๐. สันตีรณกจิ ๓ ๗. โวฏฐัพพนฐาน ๑๑. โวฏฐพั พนกิจ ๑ ๘. ชวนฐาน ๑๒. ชวนกิจ ๕๕ ๙. ตทารัมมณฐาน ๑๓. ตทารัมมณกิจ ๑๑ ๑๐. จตุ ฐิ าน ๑๔. จตุ กิ ิจ ๑๙

๒๕ กจิ จสังคหะ จําแนกเจตสกิ ๕๒ โดย กิจ ๑๔ จําแนกจิต ๑๒๑ โดย กจิ ๑๔ ชชชช ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๑๔ ๙ ๙ ๙ ๗ ๖ ๕ ปฏิ ภ ช ต จุ ๑ ชชชช ชช ปฏิ ภ ณ ช ต จุ ปฏิ ภ จุ ณ ต ชช ปฏิ ภ อา วุ ช ต จุ ทสั สว ฆา สา ผสุ สํ ๕ ปฏิ ภ อา สํ ณ วุ ช ต จุ ๑๔ ทัส สว ฆา สา ผุส สํ ๕ ๒ ณ ต กามชวน ๒๙ อา ๒ ช อา วุ ชชชช ชชชช ชชช ชชชช ชชชช ชช ช ๕ ๔๔๔๔ ปฏิ ภ จุ ต ๔๔๔๔ ชชชช ๕๕๕๕๕๕๕ ชชชช ชชช ๕๕ ชชชชช ๔๔ ๕๕ ๓๓๓๓๓ ปฏิ ภ จุ ๕ ๕๕ ปฏิ ภ ช จุ ๕ ๕ ๔ ชชชชช ๕๕ ชชชช อัปปนาชวน ๒๖ / ๕๘ ๓๓๓๓ ๕๕ ชชชช เจตสิก ชชชชช อักษรยอ กิจ ๑๔ ทาํ กจิ ได ๑ กจิ มี ๑๗ ดวง ชชชชช ชชชชช ๑. ปฏิ = ปฏสิ นธกิ ิจ ทาํ กจิ ได ๔ กิจ มี ๒ ดวง ทาํ กจิ ได ๕ กิจ มี ๒๑ ดวง ๑ ชชชชช ๒. ภ = ภวังคกจิ ทํากิจได ๖ กิจ มี ๑ ดวง ๓. อา = อาวัชชนกิจ ชชชชช ๔. ทสั = ทสั สนกิจ ทาํ กิจได ๗ กิจ มี ๑ ดวง ชชชชช ๕. สวน = สวนกิจ ทาํ กิจได ๙ กิจ มี ๓ ดวง ชชชชช ๖. ฆา = ฆายนกิจ ทํากิจได ๑๔ กิจ มี ๗ ดวง ชชชชช ๗. สาย = สายนกจิ หมายเหตุ : เมอื่ จติ และเจตสิก สมั ปยุตตธรรมกนั จติ ๘. ผุส = ผสุ นกิจ กลาวคือ ประกอบกันและรวมกันทํา ๙. สํ = สมั ปฏจิ ฉนกิจ กจิ นน้ั ๆ ใหสําเรจ็ ทาํ กิจได ๑ กิจ มี ๖๘/๑๐๐ ดวง ๑๐. ณ = สันตีรณกิจ ทาํ กจิ ได ๒ กจิ มี ๒ ดวง ๑๑. วุ = โวฏฐพั พนกิจ ทํากิจได ๓ กจิ มี ๙ ดวง ๑๒. ช = ชวนกิจ ทาํ กจิ ได ๔ กจิ มี ๘ ดวง ๑๓. ต = ตทารัมมณกิจ ทาํ กิจได ๕ กิจ มี ๒ ดวง ๑๔. จุ = จุติกจิ

๒๖ อายุของจิตพรอ มดวยเจตสกิ และรูป ในจํานวนจติ ๘๙ หรอื ๑๒๑ ดวงนน้ั จติ ดวงหนึ่งๆ มีขณะเล็ก (อนขุ ณะ) อยู ๓ ขณะ คือ ๑ อปุ ปาทกั ขณะ ( ขณะเกดิ ขนึ้ ) ๒ ฐีตขิ ณะ ( ขณะต้ังอยู ) ๓ ภังคักขณะ ( ขณะดบั ไป ) และขณะ ทง้ั ๓ เหลา นี้ เปน อายขุ องจิต ( รวมท้งั เจตสกิ ) ดวงหนง่ึ ๆ ปฏิ - ปฏสิ นธิ คือ จติ ทีเ่ กดิ ข้นึ สบื ตอภพใหม ภังคกั ขณะ คอื ขณะดบั ไป ฐีตขิ ณะ คือ ขณะท่ตี ัง้ อยู ขณะทัง้ 3 ขณะน้เี ปนอายุของปฏิสนธิจติ ดวงหน่งึ ๆ อปุ ปาทกั ขณะ คอื ขณะทเี่ กิดข้ึน จิตทเ่ี หลือ คอื ภวงั คจติ ๑๙ ปญจทวารวถิ แี ละมโนทวารวิถี ปญ จทวาราวชั ชนจิต และมโนทวาราวชั ชนจิต เปนตน และจตุ ิ ๑๙ ก็เปน ไปทาํ นองเดยี วกนั สว นรูป ๒๒ รูป ( เวน วญิ ญัติรปู ๒ ลักขณรูป ๔) รปู ใดรปู หน่ึง มอี ายเุ ทากนั กับระยะเวลาของขณะจิตท่ีเกดิ ขน้ึ แลวดับไป ๑๗ ดวง หรอื ๕๑ ขณะเล็ก ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ภ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ อปุ ปาทกั ขณะ ๑ ขณะ ฐตี ขิ ณะ – ขณะต้งั อยู ๔๙ ขณะ ภังคกั ขณะ ๑ ขณะ ขณะทั้ง ๕๑ ขณะเหลา นี้ เปน อายขุ องรปู ๒๒ รูป อายุของนามและรปู ในขณะทัง้ ๓ น้ัน มีความแตกตา งกนั ตรงฐีติขณะ คอื - ฐตี ิขณะของนาม มี ๑ ขณะ - สวนฐตี ิขณะของรูปมี ๔๙ ขณะ - สําหรบั อปุ ปาทักขณะและภังคกั ขณะนั้นมี ๑ ขณะเทากัน คําวา ขณะ หมายความวา ชว่ั ระยะเลก็ นอ ยท่สี ดุ จะหาอะไรมาเปรียบเทยี บมิได

๒๗ วถิ จี ิต มี ๑๕๒ วิถี วถิ ี หมายความวา การเกิดขึ้นโดยลําดับติดตอกันเปน แถวของจิต เจตสิก รปู วถิ ีจติ ทเ่ี ปนหลกั ใหญ มี ๒ วถิ ี ดว ยกนั คอื ๑ ปญ จทวารวถิ ี หมายความวา วถิ จี ติ ที่เกิดขน้ึ ตดิ ตอ กนั เปน แถวของจติ และเจตสิกในทางปญ จทวาร มีจักขทุ วาริกจติ เปน ตน จนถึงกายทวารกิ จติ เปน ที่สดุ ปญจทวารวถิ ีมี ๗๕ หรอื ๑๐๐ วถิ ี วา โดยจาํ นวนวถิ ีจติ ท่ีเกิดขนึ้ ในปญ จทวารทัง้ หมดมี ๕๔ ดวง คอื กามจิต ๕๔ นน้ั เอง ๑ ๒๓๔๕ ๖ ๗ วถิ จี ิต ๗ จิตตักขณะ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ จิตตุปบาท ๑๔ ภ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ กามจติ ๕๔ วิถีมุตตจิต ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑ ๑๐ ๒ ๓ ๑ ๒๙ ๑๑ วถิ จี ติ ทเ่ี กดิ ทางปญ จทวาร โดยอาศยั วสิ ยัปปวัตตทิ งั้ ๔ มี อตมิ หนั ตารมณ เปน ตน นั้น สรปุ ไดด ังนี้ คอื ๑ อติมหนั ตารมณ วถิ ีในหนงึ่ ทวารโดยยอมี ๑ วถิ ี โดยพสิ ดาร มี ๓ วิถี ๒ มหนั ตารมณ วถิ ีในหนง่ึ ทวารโดยยอ มี ๒ วถิ ี โดยพิสดาร มี ๔ วถิ ี ๓ ปริตตารมณ วิถใี นหนง่ึ ทวารโดยยอมี ๖ วิถี โดยพสิ ดาร มี ๖ วถิ ี ๔ อตปิ ริตตารมณ วถิ ีในหน่งึ ทวารโดยยอ มี ๖ วิถี โดยพสิ ดาร มี ๗ วิถี รวมวถิ ีจิตท่ีเกดิ ในทวารใดทวารหนง่ึ ในปญ จทวารน้นั โดยยอมี ๑๕ วถิ ี โดยพสิ ดารมี ๒๐ วิถี เมื่อรวมวถิ ี จติ ท้ัง ๕ ทวาร เปนปญ จทวารวถิ ีทั้งหมดโดยยอมี ๗๕ วถิ ี (๑๕ x ๕) โดยพสิ ดารมี ๑๐๐ วิถี (๒๐ x ๕) ๒ มโนทวารวถิ ี หมายความวา การเกิดขน้ึ โดยลําดับติดตอกันเปน แถวของจติ และเจตสกิ ทางใจ มี ๕๒ วถิ ี คอื ๑. กามชวนมโนทวารวถิ ี มี ๔๕ วถิ ี ๒. อปั ปนาชวนมโนทวารวิถี มี ๗ วถิ ี รวมเปน มโนทวารวิถี ๕๒ วถิ ี

๒๘ แสดงอารมณท่ปี รากฏทาง ปญ จทวารและมโนทวาร อารมณของวถิ จี ติ ทางมโนทวาร อารมณของวถิ ีจิตทางปญจทวาร ๑ อติวภิ ตู ารมณ คอื อารมณท ่ปี รากฏชัดมากทางใจ ๑ อตมิ หนั ตารมณ คอื อารมณทปี่ รากฏชดั มาก (ปญจ) ๒ วภิ ูตารมณ คือ อารมณท่ีปรากฏชดั ทางใจ ๒ มหันตารมณ คือ อารมณท ปี่ รากฏชัด (ปญจ) ๓ อวิภูตารมณ คือ อารมณท ีไ่ มป รากฏชัดทางใจ ๓ ปรติ ตารมณ คอื อารมณท ไี่ มป รากฏชัด (ปญจ) ๔ อตอิ วภิ ตู ารมณ คอื อารมณท ่ีไมป รากฏชดั เลย ๔ อติปริตตารมณ คือ อารมณทไ่ี มปรากฏชัดเลย (ปญจ) อัปปนาชวนมโนทวารวถิ ี อปั ปนาชวนมโนทวารวถิ ี เปน มโนทวารวถิ ีท่ยี กอัปปนาชวนะข้นึ เปน ประธานโดยมญี าณสัมปยตุ ต กามาวจรชวนะ ๘ ดวง ๆ ใดดวงหนึง่ ซง่ึ ชอ่ื วา ปริกรรม – อุปจาร เปน ตน เกดิ ขน้ึ เปน บาทรองรบั อัปปนาชวนะ เหลา น้ี ดงั นน้ั จึงควรทราบคํายอ คําเตม็ และความหมายในอปั ปนาวถิ ี เปน เบอื้ งตน ดงั ตอ ไปนี้ คอื ปริ – อุ – นุ – โค – โว ( ปรกิ รรม – อปุ จาร – อนุโลม – โคตรภู – โวทาน ) ๑ ปร-ิ ปริกรรม คอื กามชวนะที่ชอื่ วา ปริกรรม เพราะวาเปน เหตแุ หงการจัดแจงปรุงแตงเพ่ือใหอ ปั ปนาชวนะ ( หรือเปนเบ้ืองตนของอัปปนา ) เกดิ คือ ฌาน, อภญิ ญา, มรรค, ผล ๒ อุ-อุปจาร คือ กามชวนะท่ีช่ือวา อุปจาร เพราะเปน ชวนะทเ่ี กดิ ขึ้นใกลขอบเขตของอัปปนาชวนะ ( หรอื เกดิ ขน้ึ ใกลชดิ อัปปนา ) ๓ น-ุ อนโุ ลม คือ กามชวนะทช่ี ่อื วา อนโุ ลม เพราะเปน ไปตามสมควรแกอ ปั ปนา โดยการกาํ จดั ธรรมท่ีเปน ปฏิปกษต อ กัน ฉะนนั้ ชวนจติ นั้นชอื่ วา อนโุ ลม ( เปนไปตามสมควรแกอัปปนา หรือ ไหลสกู ระแสอัปปนา(ฌาน) ) ๔ โค-โคตรภู คอื กามชวนะที่ชือ่ วา โคตรภู เพราะในขณะนนั้ ทําการทําลายตดั เชอื้ ชาตกิ าม ( ในฌานวิถี ) และทําการทาํ ลายตัดเช้อื ชาตปิ ถุ ุชน ( ในมัคควิถี ) ๕ โว-โวทาน คือ กามชวนะทช่ี อ่ื วา โวทาน เพราะทําใหอริยบคุ คลเขาถงึ ความบรสิ ทุ ธิเ์ ปนพเิ ศษยงิ่ ๆ ข้นึ ไป กลาวคอื พระโสดาบันบคุ คลขณะทไ่ี ดส กทาคามมิ รรค สกทาคามผิ ล ยอมมีกามชวนะที่มี หนาทตี่ อ นรับพระนิพพานและท้งิ สังขตธรรมกอ น เพอื่ ทีจ่ ะใหสกทาคามมิ รรคเกิดขึ้นรับ พระนพิ พานเปนอารมณ พรอ มทง้ั ทําการประหาณอนุสยั กิเลส ท่มี อี าํ นาจพเิ ศษยิ่งขนึ้ ไป กวา การประหาณอนสุ ยั กิเลสของโสดาปต ตมิ รรค สว นพระสกทาคามบี คุ คล ขณะทีไ่ ด อนาคามิมรรค อนาคามิผลและพระอนาคามบี คุ คล ขณะทไ่ี ด อรหตั ตมรรค อรหัตตผล ยอ มมกี ามชวนะทีม่ ีหนา ที่เชน เดยี วกนั เพ่อื ใหอนาคามิมรรคและอรหัตตมรรค เกดิ ข้นึ รับ พระนิพพานเปน อารมณพ รอมทง้ั ทําการประหาณอนสุ ยั กเิ ลสทีม่ อี าํ นาจพเิ ศษยิ่งๆ ขน้ึ ไป กวา การประหาณอนสุ ัยกเิ ลสของมรรคจติ เบอื้ งตํ่า ฉะน้นั จงึ ช่อื วา โวทาน ดังมวี จนตั ถะ แสดงวา : โวทาเนตตี ิ = โวทานํ ชวนจติ ใดยอมทาํ ใหอ รยิ บคุ คลเขา ถงึ ความบรสิ ุทธเ์ิ ปน พเิ ศษยง่ิ ๆ ขนึ้ ไป ฉะนน้ั ชวนจติ น้นั จึงชอ่ื วา โวทาน

๒๙ แสดงภาพ อัปปนาชวนมโนทวารวถิ ี ๗ วถิ ี ๑. อาทิกัมมิกฌานวิถี ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค ฌ ภ ภ ภ ๑๓ ๑ ๘ ๑๘ ๑๓ ๒. ฌานสมาปต ตวิ ิถี ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค ฌ ฌานจติ เกิดดับเร่อื ยไป ฌ ภ ภ ภ ๑๓ ๑ ๘ ๑๘ ๑๓ ๓. ปาทกฌานวถิ ี ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค ฌ รปู ปญ จมฌานจิตเกิดดับเรอ่ื ยไป ฌ ภ ภ ภ ๙๑ ๔ ๒๙ ๔. อภิญญาวิถี ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค อภิ ภ ภ ภ ๙ ๑ ๔ ๒๙ ๕. มัคควถิ ี ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค มัค ผ ผ ภ ภ ภ ๙ ๑ ๔ ๑๑ ๙ มคั ควถิ เี บ้ืองบน ๓ ภ น ท ม ปริ อุ นุ โว มคั ผ ผ ภ ภ ภ ๑๓ ๑ ๔ ๓๓ ๑๓ ๖. ผลสมาปต ตวิ ถิ ี ภ น ท ม นุ นุ นุ นุ ผ ผลจติ เกิดดับเรอ่ื ยไป ผ ภ ภ ภ ๑๓ ๑ ๘ ๔ หรอื ๒๐ ๑๓ ๗. นิโรธสมาปตติวถิ ี ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค ฌ ฌ จิต เจตสิกและจิตตชรปู ดับ ผ ภ ภ ภ ๙๑ ๔ ๒ ๒๙ หมายเหตุ : ภาพอปั ปนาชวนมโนทวารวถิ ที ้งั ๗ วถิ นี ี้ แสดงเฉพาะท่เี กิดขึ้นแก มนั ทบุคคล เทา นั้น ( คอื บุคคลทร่ี ูไดช า หรือเฉื่อยชา ) และพึงสังเกตวา - ถา เปน วถิ จี ติ ที่เกิดขน้ึ แก มนั ทบุคคล จะมีคาํ วา “ ปริ ” (ปรกิ รรม) อยูใ นภาพวิถดี ว ย - ในภาพ มัคควิถี จะมผี ลจติ เกดิ ขนึ้ ๒ ขณะ - ในภาพ ผลสมาปต ตวิ ิถี จะมคี าํ วา “น”ุ (อนุโลม) เกิดขน้ึ ๔ ขณะ - แตถ าเปน วถิ จี ติ ทเ่ี กดิ ขน้ึ แก ติกขบคุ คล ( คือบคุ คลที่รูไ ดเร็ว ) ในภาพวิถจี ะไมมคี ําวา “ ปริ ” (ปริกรรม) แตอ ยา งใด - ในภาพ มคั ควถิ ี จะมีผลจติ เกดิ ข้นึ ๓ ขณะ - ในภาพ ผลสมาปต ติวถิ ี จะมีคาํ วา “ นุ ” (อนโุ ลม) เกดิ ขน้ึ ๓ ขณะ

๓๐ อปุ มาการเกดิ ขนึ้ ของวถิ จี ิตทางปญจทวาร อุปมาพวกเดก็ ชาวบานหลายคน พากนั เลน ฝนุ อยทู ีร่ ะหวา งทาง ในเดก็ กลมุ นน้ั เด็กคนหนึ่งเอามอื ไป กระทบกับกหาปณะ เดก็ คนนนั้ จงึ พดู วา “ นั้นอะไร กระทบมือเรา ” ในลาํ ดบั นนั้ เดก็ อกี คนหนง่ึ จงึ พดู วา “ นั่นสีขาวนี่ ” เด็กอีกคนหนงึ่ จึงกาํ ไวแนน พรอมกบั ฝุน เดก็ อกี คนหนึ่งพดู วา “ นัน่ ส่ีเหลีย่ มหนา ” เด็กอกี คนจงึ พูดวา “ นน่ั กหาปณะนี่ ” ลําดับน้นั พวกเด็กเหลา นนั้ จงึ นํากหาปณะนน้ั มาใหมารดา “ มารดากน็ าํ กหาปณะไป ใชในการงาน ” ปญจทวารวิถจี ิต ๕๔ ภ ภ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ๑ ๑๐ ๒ ๓ ๑ ๒๙ ๑๑ ความเปนไปของภวงั คจิต พึงเหน็ เหมอื น ในเวลาทพ่ี วกเด็กชาวบานพากนั เลนฝุน อยทู รี่ ะหวา งทาง อารมณก ระทบประสาท ” ในเวลาที่มอื ไปกระทบกบั กหาปณะ ปญ จทวาราวชั ชนจติ ” ในเวลาทเ่ี ดก็ คนหนงึ่ พดู วา “น้ันอะไร กระทบมอื เรา” จักขุวญิ ญาณจติ ” ในเวลาทเ่ี ด็กคนหนึง่ พดู วา “นั่นสขี าว” สมั ปฏิจฉนจติ ” ในเวลาที่เด็กอกี คนหนึ่ง กาํ กหาปณะนน้ั ไวแ นน สนั ตีรณจิต ” ในเวลาท่ีเดก็ อกี คนหน่ึงพดู วา “นั่นสเี่ หล่ียมหนา” โวฏฐพั พนจติ ” ในเวลาทีเ่ ดก็ อกี คนหนงึ่ พูดวา “นนั่ กหาปณะน”่ี ชวนจิต ” ในเวลาท่ีมารดานํากหาปณะไปใชง าน อุปมาน้ี ยอ มแสดงใหรูวา กรยิ ามโนธาตุ มไิ ดเหน็ เลยยงั ภวงั คใหเ ปลย่ี นไป วบิ ากมโนธาตกุ ไ็ มเ หน็ ยอ ม ทําหนา ทีร่ บั อารมณ วบิ ากมโนวิญญาณธาตกุ ไ็ มเหน็ ยอ มทําหนาทีพ่ จิ ารณาอารมณ กรยิ า มโนวญิ ญาณธาตุกไ็ ม เห็น ยอมทําหนาที่กําหนดอารมณ ชวนจติ กไ็ มเ หน็ ยอ มทําหนาท่เี สพอารมณ จักขวุ ญิ ญาณเทา น้นั ยอ มทาํ หนา ท่ี เหน็ โดยสว นเดยี ว

๓๑ พระราชาพระองคห นง่ึ บรรทมหลับอยบู นแทน บรรทม มหาดเลก็ ของพระองค นั่งถวายงานนวด พระยุคลบาทอยู มีนายทวารหูหนวกยืนอยทู ีพ่ ระทวาร มีทหารยามเฝา อยู ๓ นาย ยนื เรียงกนั ตามลาํ ดับ ครัง้ นนั้ มีชายชนบทคนหนึ่งถือเครือ่ งบรรณาการมาเคาะประตเู รียก นายทวารหหู นวกไมไ ดย ินเสยี ง มหาดเลก็ ผูถวายงานนวดพระยุคลบาทจึงใหส ญั ญาณ เขาจงึ เปดประตดู วยสัญญาณน้นั มองดู ทหารยามคนท่ี ๑ จึงรบั เครือ่ งบรรณาการแลวสงใหคนที่ ๒ คนท่ี ๒ สงใหค นที่ ๓ ทลู เกลา ถวายพระราชา พระราชาจงึ เสวย อารมณมากระทบกับประสาท เหมอื น ชายชนบทถือเครอื่ งบรรณาการมาเคาะประตเู รียก เวลาท่มี หาดเล็กผนู วดพระยคุ ลบาทใหส ญั ญาณ ปญจทวาราวชั ชนจติ ” เวลาท่ีนายทวารหหู นวกเปด ประตูดว ยสญั ญาณท่ี มหาดเลก็ นน้ั ให จกั ขุวญิ ญาณจติ ” เวลาท่นี ายทหารยามคนท่ี ๑ รบั เครอ่ื งบรรณาการ เวลาท่ที หารยามคนท่ี ๑ สงเครอ่ื งบรรณาการให สมั ปฏิจฉนจิต ” ทหารยามคนท่ี ๒ สันตีรณจิต ” เวลาที่ทหารยามคนท่ี ๓ ทูลเกลา ถวายเครื่อง บรรณาการแดพ ระราชา โวฏฐพั พนจติ ” เวลาท่ีพระราชาเสวยเคร่ืองบรรณาการ ชวนจติ ” อปุ มานย้ี อ มแสดงใหรูวา กจิ ของอารมณม ีเพยี งกระทบกับประสาทเทา นัน้ กจิ ทงั้ หลายของ จกั ขวุ ญิ ญาณ เปนตน เปนเพยี งการเห็นอารมณ การรับอารมณ การพจิ ารณาอารมณ และการกําหนดอารมณเ ทา น้ัน ชวนจติ เทา น้นั ยอ มเสวยรสอารมณ ดังน้ี ลักษณะคนบรสิ ุทธ์ิ ๓ ๑. สมคฺคา ความพรอ มเพรียง ๒. นปิ กา มีปญญาเปน เครื่องรกั ษาตน ๓. ทกุ ขฺ สฺสนฺติ กระทาํ ท่ีสุดแหง ทุกขได ขุ. สุต. ๒๕/๓๘๐

๓๒ แสดงฐานโดยพสิ ดาร สนฺธิ เอกํ ฉ ภวงฺคํ ทฺวาวชฺชนํ ปฺจาทฺเยกํ เทฺว โว โช ฉ ตทา เทวฺ ติ จตุ ีติ ปจฺ วสี ติ ฐานพสิ ดาร มี ๒๕ คอื ปฏสิ นธิฐาน มี ๑ ภวงั คฐาน มี ๖ อาวชั ชนฐานมี ๒ ปญ จวิญญาณฐานมี ๑ สมั ปฏจิ ฉนฐานมี ๑ สันตีรณฐานมี ๑ โวฏฐพั พนฐานมี ๒ ชวนฐานมี ๖ ตทารัมมณฐานมี ๒ จุตฐิ านมี ๓ รวมเปน ฐาน ๒๕ แสดงฐาน ๒๕ โดยวิถี ๑. ปฏสิ นธฐิ าน มี ๑ ฐาน คือ จุ – ภ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ต ต จุ ปฏิ ภ ภ ภ ในมรณาสันนวถิ ี ๒. ภวังคฐาน มี ๖ ฐาน คอื ปฏิ – อา ต – อา ช – อา วุ – อา ต – จุ ช – จุ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ต ต จุ ปฏิ ภ ภ น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ทเี่ กิดตอจากมรณาสันนวิถี จนถงึ ภวนิกนั ตโลภชวนวิถี ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ในระหวา งตทารมั มณวารวิถี กบั วถิ อี ืน่ ๆ ทเี่ กิดตดิ ตอ กนั ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ภ ภ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ในระหวางชวนทวารวิถี กบั วถิ ีอื่น ๆ ท่เี กดิ ติดตอ กนั ตี ตี ตี ตี ตี น ท ม ปญ สํ ณ วุ วุ วุ ภ ภ น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ในระหวา งปญ จทวารวิถที ่ีเปน โวฏฐัพพนวาระ กับวถิ อี นื่ ๆ ท่ีเกดิ ตดิ ตอ กัน ตี น ท ม ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ จุ ปฏิ ภ ภ ในมรณาสันนวถิ ีท่เี ปน ตทารมั มณวาระ ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี น ท ม ช ช ช ช ช ภ จุ ในมรณาสันนวิถที เี่ ปนชวนวาระ ๓. อาวัชชนฐาน มี ๒ ฐาน คือ ภ – ปญ ภ – ช ในปญจทวารวิถี ในกามชวนมโนทวารวิถี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ

๓๓ ๔. ปญจวิญญาณฐาน มี ๑ ฐาน คอื อา – สํ ในปญ จทวารวิถี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๕. สัมปฏิจฉนฐาน มี ๑ ฐาน คอื ปญ – ณ ในปญจทวารวิถี ในปญ จทวารวถิ ี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๖. สันตีรณฐาน มี ๑ ฐาน คอื สํ – วุ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๗. โวฏฐพั พนฐาน มี ๒ ฐาน คอื ณ – ช ณ – ภ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ในปญ จทวารวิถีท่ีเปนตทารมั มณวาระ ตี ตี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ภ และ ชวนวาระ ตี ตี ตี ตี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ วุ วุ ภ ภ ภ ภ ในปญจทวารวิถี ทเ่ี ปนโวฏฐพั พนวาระ ๘. ชวนฐาน มี ๖ ฐาน คอื วุ – ต วุ – ภ วุ – จุ ม – ต ม – ภ ม – จุ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ในปญจทวารวถิ ี ทเ่ี ปนตทารัมมณวาระ ตี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ภ ในปญจทวารวิถี ทีเ่ ปนชวนวาระ ตี ตี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช จุ ปฏิ ในปญจทวารมรณาสันนวถิ ี ที่เปนชวนวาระ ตี น ท ป ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ภ ภ ในกามชวนมโนทวารวิถี ที่เปนตทารมั มณวาระ ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ภ ภ ในกามชวนมโนทวารวิถี ทเ่ี ปน ชวนวาระ ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี น ท ม ช ช ช ช ช จุ ปฏิ ในมโนทวารมรณาสันนวถิ ี ท่ีเปน ชวนวาระ ๙. ตทารัมมณฐาน มี ๒ ฐาน คอื ช – ภ ช – จุ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ในปญจทวารวิถีและมโนทวารวิถี ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ทีเ่ ปน ตทารมั มณวาระ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ต ต จุ ปฏิ ในมรณาสันนวิถี ท่ีเปน ตทารัมมณวาระ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ต ต จุ ปฏิ ภ ภ ๑๐. จุติฐาน มี ๓ ฐาน คอื ต – ปฏิ ช – ปฏิ ภ – ปฏิ ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ต ต จุ ปฏิ ภ ในมรณาสนั นวถิ ี ที่เปนตทารัมมณวาระ ตี ตี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช จุ ปฏิ ภ ในมรณาสนั นวถิ ี ทเ่ี ปนชวนวาระ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ จุ ปฏิ ภ ภ ภ ในมรณาสันนวถิ ี ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี น ท ม ช ช ช ช ช ภ จุ ปฏิ

๓๔ ปฏิ ปฏิสนธิ ไดแ ก วบิ ากจติ ท่ีเกิดเปน ดวงแรก ในภพหนง่ึ ๆ ทําหนา ท่ีสบื ตอภพใหม ภ ภวงั คจติ ไดแ ก จิตทเี่ กดิ ในระหวางจติ ดวงแรกและดวงสุดทายในภพหน่งึ ๆ ทาํ หนา ทีร่ กั ษาภพ ซง่ึ มีอยู ๕ ประเภท คือ ภ มูลภวงั ค ไดแ ก ภวงั คท เี่ นื่องมาจากปฏสิ นธิ หมายความวา จติ ดวงใด ทําหนาที่ปฏสิ นธิ จติ ดวงนนั้ ก็ทาํ หนาท่ีภวงั ค ตี อดตี ภวังค ไดแ ก ภวังคท ่ีผา นไปกอนในขณะท่ีอารมณ ๖ คือ ปจ จบุ นั นปิ ผนั นรูป ๑๘ ปรากฏแลว แตยังไมกระทบกับทวาร ๖ น ภวงั คจลนะ ไดแก ภวังคไหวทเี่ กดิ ข้ึนดว ยอํานาจ กระทบกนั ระหวา ง อารมณ ๖ กบั ทวาร ๖ ท ภวังคปุ จ เฉทะ ไดแก ภวังคไ หวทเี่ กดิ ขึ้นเปน ดวงสองแลว ตดั กระแสภวังคข าด อา อาคันตุกภวงั ค ไดแ ก ภวังคท จ่ี รมาใหม เกดิ ขึน้ คั่นระหวา งจิตทเ่ี ปนโทมนัสและ โสมนสั มิใหเ กดิ ตอกนั ป ปญ จทวาราวชั ชนจติ ทเ่ี กิดขน้ึ ทาํ หนา ที่ อาวชั ชนะ ( พจิ ารณาอารมณใหม ) ในทางปญ จทวาร ปญ ทวปิ ญ จวิญญาณจติ ทีเ่ กดิ ขนึ้ ทําหนา ท่ี เห็น ไดย นิ เปน ตน ในทางปญ จทวาร สํ สมั ปฏจิ ฉนจิต ทีก่ ิดข้ึนทาํ หนาทรี่ บั อารมณท างปญจทวาร ณ สันตรี ณจติ ทเี่ กิดขนึ้ ทําหนาท่ีไตส วนอารมณท างปญจทวาร วุ โวฏฐพั พนจติ ไดแก มโนทวาราวชั ชนจติ ทเ่ี กิดข้ึนทาํ หนาท่ตี ัดสินอารมณท างปญจทวาร ช ชวนจติ ไดแก กามชวนะ ๒๙ ทเี่ กดิ ข้ึนเสพอารมณ ต ตทารมั มณจติ ไดแก สนั ตีรณจิต และมหาวปิ ากจิต ทเ่ี กดิ ข้นึ ทําหนาท่รี บั อารมณต อ จากชวนะ จุ จตุ จิ ิต ไดแ ก จติ ที่เกดิ ดวงสุดทายในภพหนึง่ ๆ ทาํ หนา ทสี่ นิ้ จากภพเกา ม มโนทวาราวชั ชนจติ ท่ีเกิดข้ึนทําหนา ที่อาวัชชนะ ( พจิ ารณาอารมณใหม ) ในทางมโนทวาร หมายเหตุ ในวถิ หี นงึ่ ๆ นน้ั มีวาระสน้ิ สดุ แหงวถิ นี นั้ ๆ อยู ๔ วาระ คอื (๑) ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต เมอื่ อารมณผ า นไปกอน ๑ ขณะจติ แลว จึงกระทบกับทวาร เมอ่ื วถิ ีจติ แลนไปจนถึงชวนจิตดวงที่ ๗ แลว อารมณกย็ งั ไมด ับยังเหลอื อีก ๒ ขณะจิต ฉะนนั้ ตทารัมมณจติ จึงเกดิ ขน้ึ รับเอาอารมณตอ จากชวนจติ อกี ๒ ขณะ และดบั ลงพรอ มกับอารมณ จากน้ันก็ลงสภู วังค วถิ จี ติ น้ีเรยี กวา ตทารมั มณวาระ (๒) ตี ตี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช เม่ืออารมณผานไปกอน ๒ – ๓ ขณะจิต จงึ กระทบกบั ทวาร เม่อื วิถจี ติ แลนไปถึงชวนจิตดวงที่ ๗ แลว อารมณย งั เหลืออกี ๑ ขณะกด็ ี ดับพรอ มกบั ชวนจติ ดวงท่ี ๗ ก็ดี ตทารมั มณจติ ไมมโี อกาสท่จี ะเกดิ ไดเ มือ่ ชวนจิต ดวงที่ ๗ ดับลง จากนน้ั จติ กล็ งสูภ วังค วิถจี ติ นี้เรียกวา ชวนวาระ

๓๕ (๓) ตี ตี ตี ตี น ท ป ปญ สํ ณ วุ วุ วุ ภ ภ เม่อื อารมณผานไปกอน ๔ – ๙ ขณะจิตแลว จึงกระทบกบั ทวาร เม่อื วถิ จี ติ แลนไปถึง โวฏฐพั พนจติ อารมณย งั เหลือเพยี ง ๖ ขณะจติ เทา น้ัน ชวนจติ ไมมโี อกาสท่ีจะเกดิ เพราะตามธรรมดา ชวนจติ ตอ งเกดิ ๗ ขณะ เสมอ เมอ่ื เปน เชน น้ี โวฏฐัพพนจิตจึงเกิด ๒ – ๓ ขณะจติ แลวลงสูภวงั ค วถิ ีนี้เรยี กวา โวฏฐพั พนวาระ (๔) ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี ตี น ภ ภ เมื่ออารมณผานไปกอ น ๑๐ – ๑๖ ขณะจติ แลว จึงกระทบกับทวาร อารมณน ั้นสามารถตั้งอยไู ดจ นถงึ โวฏฐัพพนจติ ฉะนัน้ จติ จงึ ไมข้นึ สวู ถิ ี มแี ตภ วังคไหวเทา น้นั เ กดิ ๒ ขณะ เรยี กวถิ ีนวี้ า โมฆวาระ จบ กิจจสงั คหะ คติธรรมคาํ คม คนจะดนี ้ีตองฝกและศกึ ษา กายวาจาตองอบรมบมนิสยั ตอ งฝกจติ ใหห นักแนนเปน หลกั ชัย ชนะภยั สารพดั ................สวสั ดี เครื่องประดับขอ มอื คอื การให เครือ่ งประดบั จติ ใจคอื เมตตา เครื่องประดับคอคือเปลงปยะวาจา เคร่ืองประดบั หนู ั่นหนา ฟง สิง่ เปนมงคล โดย กฤษณาวดี...

๓๖ มาติกาที่ ๔ ทวารสังคหะ ทวารสังคหะ หมายความวา การแสดงสงเคราะห จิต เจตสิก โดยประเภทแหงทวาร ชอ่ื วา ทวารสงั คหะ ทวาร มี ๖ คือ ๑. จกั ขทุ วาร ไดแ ก จักขปุ สาท ๒. โสตทวาร ไดแก โสตปสาท ๓. ฆานทวาร ไดแก ฆานปสาท ๔. ชิวหาทวาร ไดแ ก ชวิ หาปสาท ๕. กายทวาร ไดแก กายปสาท ๖. มโนทวาร ไดแก ภวังคจติ ๑๙ คําวา ทวาร แปลวา ประตู สาํ หรับเปนทเี่ ขา ออกของคนทง้ั หลาย จกั ขทุ วารเปน ตน ชือ่ วา ทวาร เพราะ เสมือนหนึ่งประตเู ปน ทเี่ ขา ออกของวถิ ีจติ ท้ังหลาย ธรรมดาสัตวท้งั หลาย ถา ไมมีปสาทรูปทัง้ ๕ และภวงั คจิต แลว วถิ ีจติ ก็เกดิ ข้นึ ไมได เมอ่ื วิถจี ติ เกดิ ขน้ึ ไมไดแลว กเ็ ปน อนั วา การทาํ การพดู การคดิ ท่ีดีก็ตาม ไมด กี ็ตาม กม็ ี ไมไ ดเชน เดยี วกัน ๑. จกั ขุทวารกิ จิต ๔๖ ภ ตี น ท ป จัก สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ ๒. โสตทวารกิ จิต ๔๖ ภ ตี น ท ป โส สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ ๓. ฆานทวาริกจิต ๔๖ ภ ตี น ท ป ฆา สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ ๔. ชวิ หาทวารกิ จิต ๔๖ ภ ตี น ท ป ชิว สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ ๕. กายทวาริกจติ ๔๖ ภ ตี น ท ป กา สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ รวม ๔๑ ( -๑๐, ๓) ๖. มโนทวาริกจิต ๖๗ / ๙๙ - กามชวนะ ภ ตี น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ต ต ๒+๘ ๑ ๒๙ ๓+๘ - อัปปนาชวนะ ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค ฌา ภ ภ ๑ ๘ ๑๘ รวม ๒๗ รวม ๑๕ ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค มัค ผ ผ ภ รวม ๓๕ ๑ ๔ ๕๕ ภ น ท ม ปริ อุ นุ โว มคั ผ ผ ภ ๑ ๔ ๑๕ ๑๕

๓๗ ๗. ทวารวิมตุ ตจติ คอื จติ ทพี่ น จากปญ จทวารวถิ แี ละมโนทวารวถิ ี หรือ เรียกวา จติ ทพี่ น จากทวารทั้ง ๖ มี ๑๙ ดวง คือ อุเบกขาสนั ตีรณจติ ๒ มหาวิปากจติ ๘ มหคั คตวิปากจิต ๙ รวมจติ ๑๙ ดวงน้ี - เกดิ พน ทวารโดยแนนอน มี ๙ ดวง คอื มหคั คตวปิ ากจิต ๙ - เกดิ พนทวารโดยไมแนน อน มี ๑๐ ดวง คือ อเุ บกขาสันตรี ณจติ ๒ มหาวิปากจิต ๘ เพราะวา จติ ๑๐ ดวงน้ี ถา ทาํ หนา ที่ ปฏสิ นธิ ภวงั ค จตุ ิ แลว กเ็ กิดพน จากทวาร และถา ทําหนา ที่ สันตรี ณกจิ ตทารมั มณกิจ ก็เกดิ ในทวาร แสดงการจําแนกจิต โดยทวาริกจิต โดยแนน อน และ ไมแ นน อน ทวาริกจติ มี แนนอน ( เอกันตะ) ไมแ นน อน ( อเนกนั ตะ) ๔๔ - กามจิต ๔๔ ( ทวิ.๑๐) ๑. จกั ขทุ วาริกจิต ๔๖ - กามจิต ๔๖ ๒ - จักขุวิญ. ๒ ๔๔ - กามจิต ๔๔ ( ทว.ิ ๑๐) ๔๔ - กามจติ ๔๔ ( ทว.ิ ๑๐) ๒. โสตทวารกิ จิต ๔๖ - กามจิต ๔๖ ๒ - โสตวญิ . ๒ ๔๔ - กามจิต ๔๔ ( ทว.ิ ๑๐) ๔๔ - กามจิต ๔๔ ( ทว.ิ ๑๐) ๓. ฆานทวาริกจิต ๔๖ - กามจิต ๔๖ ๒ - ฆานวญิ . ๒ ๔๑ - กามจิต ๔๑ ( ทว.ิ ๑๐, มโนธาตุ ๓) ๔. ชิวหาทวาริกจติ ๔๖ - กามจิต ๔๖ ๒ - ชิวหาวญิ . ๒ [ หรอื มโน.๑ กามช.๒๙ ตทา.๑๑ ] ๑๐ - อุ.สัน ๒ มหาวิ. ๘ ๕. กายทวาริกจติ ๔๖ - กามจิต ๔๖ ๒ - กายวญิ . ๒ ๖. มโนทวาริกจิต ๖๗/๙๙ - กาม.๔๑ (๑๐,๓) ๒๖/๕๘ - อปั .ช. ๒๖/๕๘ อปั .ช. ๒๖/๕๘ ๗. ทวารวิมตุ ตจติ ๑๙ - ๒, ๘, ๙ ๙ - มหัค.วิ.๙ แสดงเอกทวาริกจิต ปญจทวารกิ จิต ฉทวาริกจิต และ ทวารวมิ ตุ ตจติ โดยแนนอน และ ไมแ นน อน ทวารกิ จติ มี แนนอน ( เอกนั ตะ) ไมแ นนอน ( อเนกันตะ) ๑. เอกทวาริกจติ ๘๐/๑๑๒ - กามจติ ๕๔, ๓๖/๖๘ -ทว๑ิ ๐, อปั .ช. ๒๖/๕๘ ๔๔ -กามจิต ๔๔ อปั .ช. ๒๖/๕๘ ( เวน ทวิ.๑๐ ) ๒. ปญ จทวารกิ จติ ๔๔ - กามจิต ๔๔ ๓ -มโนธาตุ ๓ ๔๑ -กามจิต ๔๑ ( เวน ทวิ.๑๐ ) ( เวน ทวิ.๑๐, ๓ ) ๓. ฉทวารกิ จิต ๔๑ - กามจิต ๔๑ ๓๑ -โส.สัน.๑, มโน.๑ ๑๐ -อ.ุ สัน.๒, มหาว.ิ ๘ ( เวน ทวิ.๑๐, ๓ ) กามชวน ๒๙ ๔. ทวาริกจิต ๘๐/๑๑๒ -กามจิต ๕๔, ๗๐/๑๐๒ -กาม.๔๔ ( อ.ุ สัน.๒ ม.ว.ิ ๘ ) ๑๐ -อ.ุ สนั .๒, มหาว.ิ ๘ อปั .ช. ๒๖/๕๘ อปั .ช. ๒๖/๕๘ ๕. ทวารวิมุตตจติ ๑๙ -อ.ุ สัน.๒, ม.วิ.๘, ๙ -มหัค.วิ.๙ ๑๐ -อุ.สนั ๒, มหาวิ. ๘ มหัค.วิ.๙

๓๘ การจําแนกเจตสกิ โดย ทวาร ทวารกิ เจตสิก มี แนน อน ( เอกันตะ) ไมแนน อน ( อเนกนั ตะ) ๒ – อปั ปมัญญา ๒ ๕๐ - เจตสกิ ๕๐ ( อัป.๒) ๑. เอกทวาริกเจตสกิ ๕๒ - เจตสกิ ๕๒ ๕๐ - เจตสกิ ๕๐ ( อัป.๒) ไมมี ๓๓ - อัญญ.๑๓, โสภณ.๒๐ (วริ ตี.๓, อปั .๒) ๒. ปญ จทวารกิ เจตสกิ ๕๐ - เจตสิก ๕๐ ( อปั .๒) ๑๗ - อก.ุ ๑๔, วิรตี ๓ ๓๕ - อญั ญ.๑๓, โสภณ.๒๒ (วิรตี.๓) ๑๗ - อก.ุ ๑๔, วิรตี ๓ ๓๕ - อญั ญ.๑๓, โสภณ.๒๒ (วริ ต.ี ๓) ๓. ฉทวารกิ เจตสกิ ๕๐ - เจตสกิ ๕๐ ( อัป.๒) ไมมี ๔. ทวารกิ เจตสิก ๕๒ - เจตสกิ ๕๒ ๕. ทวารกิ วมิ ุตตเจตสกิ ๓๕ - อญั ญ. ๑๓, โสภณ.๒๒ (วิรตี.๓) อปุ มาภวงั คจติ เราน่งั อยใู นหอ งเรยี น มีคนเดนิ ผา นมาหนา หอ ง ต.ี เปรียบเหมอื น คนมาทาํ เสียงดัง ความสนใจในการเรียนกไ็ มค อยมั่นคง น. เปรียบเหมือน คนทําเสยี งดงั เรยี กชอ่ื เราดว ย เรากท็ ิ้งอารมณจ ากการเรยี นมารับอารมณใ หม ท. เปรยี บเหมือน รบั อารมณใ หม ป. เปรยี บเหมือน จบ ทวารสงั คหะ คนมธี รรม ๓ ประการนี้ ยอมหาทรัพยไ ด ๑. ปฏิรูปการี ผูท าํ การงานตามสมควร ๒. ธรุ วา ผมู ธี ุระไมว างเวน ๓. อฏุ ฐาตา ผูมีความขยันหม่ันเพยี ร ขุ. สุต. ๒๕/๓๑๑/๓๖๑

กามจติ ๓๙ ๕๔ ทวารสงั คหะ จําแนกเจตสกิ ๕๒ โดย ทวาร จาํ แนกจติ ๑๒๑ โดย ทวาร ๖๖๖๖ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖๖๖๖ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖๖ ๖๖ ๑ ๕ ๖/๐ ๖๖๖๖ ๑ ๕ ๖/๐ ๖ ๖๖๖ ๑๑๑๑ ๖๖๖๖ ๑๑๑๑ จติ ๖๖ ๕๖ ๖ ๖ ๖๖๖๖ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖๖๖๖ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ เอกทวาริกจิต จิตที่เกดิ ในทวารเดยี ว มี ๘๐/๑๑๒ ๖ ๖๖ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ เอกนั ตะ ๓๖/๘๖( ทวิ๑๐, อัปปนา. ๒๖/๕๘ ) ๖๖๖๖ อเนกันตะ ๔๔ ( กามจติ ๔๔ เวน ทว๑ิ ๐ ) ๑ ๑ มโนทวาร ๖/๐ ๖/๐ ๖๖๖๖ ปญ จทวาริกจติ จิตทเ่ี กิดในทวาร ๕ มี ๔๔ ๖/๐ ๖/๐ ๖/๐ ๑๑๑๑ เอกนั ตะ ๓ ( มโนธาตุ ๓ ) ๐๐๐๐ อเนกนั ตะ ๔๑ ( กามจิต ๔๑ เวน ทวิ๑๐ ๖/๐ ๖/๐ ๑๑๑๑ ๑ มโนธาตุ ๓ ) ๖/๐ ๖/๐ ๑๑๑๑ ๐ ๑๑๑๑ ๑ ๖/๐ ๖/๐ ๑๑๑๑ ๑๑๑๑ ๑๑๑๑ เจตสิก ๑๑๑๑ ๐๐๐๐ ๑๑๑๑ ๑๑๑๑ เอกทวาริกเจตสิก เจตสกิ ทเี่ กิดในทวารเดยี ว มี ๕๒ ๑๑๑๑ เอกนั ตะ ๒ ( อปั ปมญั ญา ๒ ) ๑๑๑๑ ๑ ฉทวาริกจติ จติ ทเ่ี กดิ ในทวาร ๖ มี ๔๑ อเนกนั ตะ ๕๐ ( เจตสิก ๕๐ เวน อัป.๒ ) ๑ เอกันตะ ๓๑( โส.สนั .๑ มโน.๑ กามชวน๒๙ ) ปญจทวาริกเจตสิก เจตสิกที่เกิดในทวาร ๕ มี ๕๐ ๑ อเนกันตะ ๑๐ ( อุ.สัน.๒ มหาวิ.๘ ) เอกันตะ ไมม ี อเนกันตะ ๕๐ ( เจตสกิ ๕๐ เวน อัป.๒ ) ๑ ทวารกิ จิต จิตทเ่ี กดิ ในทวาร มี ๘๐/๑๑๒ ฉทวาริกเจตสิก เจตสกิ ท่เี กดิ ในทวาร ๖ มี ๕๐ ๑ เอกนั ตะ ๗๐ ( กามจติ ๔๔ เวน อุ.สัน.๒ เอกนั ตะ ๑๗ ( อกุศลเจตสกิ ๑๔, วิรตี.๓ ) อเนกันตะ ๓๓ ( อญั ญ ๑๓, โสภณ ๒๐ ๑ มหาวิ.๘ อปั ปนา. ๒๖/๕๘ ) เวน วิรต.ี ๓ อปั .๒ ) ๑ อเนกนั ตะ ๑๐ ( อุ.สัน.๒ มหาวิ.๘ ) ทวาริกเจตสิก เจตสกิ ท่ีเกิดในทวาร มี ๕๒ ๑ ทวารวิมุตตจติ จติ ที่เกดิ พน จากทวาร มี ๑๙ เอกันตะ ๑๗ ( อกศุ ลเจตสิก ๑๔, วริ ตเี จตสิก ๓ ) อเนกันตะ ๓๕ ( อญั ญ.๑๓, โสภณ.๒๒ เวนวริ ตี.๓ ) เอกันตะ ๙ ( มหัคคตวิ. ๙ ) อเนกนั ตะ ๑๐ ( อุ.สนั .๒ มหาวิ.๘ ) ทวาริกวิมุตตเจตสิก เจตสกิ ท่ีเกิดพนจากทวาร มี ๓๕ เอกันตะ ไมม ี อเนกนั ตะ ๓๕ ( อัญญ.๑๓, โสภณ.๒๒ เวนวริ ตี.๓ )

๔๐ มาตกิ าที่ ๕ อารัมมณสังคหะ อารมั มณสังคหะ หมายความวา การแสดงสงเคราะหจ ติ เจตสกิ โดยประเภทแหงอารมณ ช่ือวา อารมั มณสังคหะ อารมณ มี ๖ คือ ๑. รปู ารมณ ไดแ ก สตี างๆ ๒. สัททารมณ ไดแก เสียงตางๆ ๓. คนั ธารมณ ไดแก กลิน่ ตางๆ ๔. รสารมณ ไดแก รสตางๆ ๕. โผฏฐัพพารมณ ไดแ ก เยน็ รอน ออ น แข็ง หยอน ตงึ ๖. ธรรมารมณ ไดแก จิต เจตสิก ปสาทรปู ๕ สขุ มุ รูป ๑๖ นพิ พาน บัญญัติ อารมณ หมายความวา เปน ท่ียนิ ดี เหมือนหนึ่งสวนดอกไม เปนทยี่ ินดีแกค นทัง้ หลาย อารมณ ๖ มี รูปารมณ เปนตน ก็ยอมเปน ทยี่ นิ ดีแก จติ และเจตสิกทงั้ หลาย อารมณน เี้ รียกวา อาลัมพนะ ก็ได หมายความวา เปนทย่ี ดึ หนว งของจิตและเจตสกิ ท้ังหลาย ดุจคนชรา หรอื ทุพพลภาพ ยอมตอ งอาศยั ไมเทาหรือเชือก เปน เครอ่ื งยดึ เหนยี่ วทรงตัวใหลกุ ขน้ึ จติ และเจตสกิ ทั้งหลาย ก็เชน เดยี วกนั ตอ งมอี ารมณเ ปน เครื่องอาศัยยึดเหนยี่ วเพอื่ เกดิ สบื ตอ กนั ฉันนน้ั แสดงการจาํ แนกทวาริกจติ และ ทวารวมิ ุตตจติ โดย อารมณ ๖ ๑. จักขทุ วาริกจิต ๔๖ มรี ปู ารมณ ทเี่ ปน ปจจบุ นั อยา งเดยี ว ๒. โสตทวารกิ จิต ๔๖ ๓. ฆานทวาริกจติ ๔๖ ภ ตี น ท ป จกั สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ๔. ชวิ หาทวาริกจติ ๔๖ ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ มสี ทั ทารมณ ทเ่ี ปนปจจุบันอยา งเดียว ภ ตี น ท ป โส สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ มคี นั ธารมณ ทเี่ ปน ปจ จบุ ันอยา งเดยี ว ภ ตี น ท ป ฆา สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑ มรี สารมณ ทเ่ี ปน ปจจุบันอยางเดียว ภ ตี น ท ป ชิว สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ๑ ๒๒๓ ๑ ๒๙ ๑๑


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook