บนั ทึกข้อความ ส่วนราชการ โรงเรยี นศรีสมเด็จพมิ พ์พัฒนาวทิ ยา สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษา รอ้ ยเอด็ ท…่ี …………………............. วันท่ี 31 เดอื น พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เร่ือง รายงานการอบรมพัฒนาตนเอง เรียน ผู้อานวยการโรงเรียนศรสี มเดจ็ พิมพ์พฒั นาวิทยา ด้วยขา้ พเจ้า นางวรรณภา อา่ งทอง ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ โรงเรียน ศรีสมเด็จพิมพ์พัฒนาวิทยา อาเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด ได้เข้าร่วมการอบรมออนไลน์ โครงการเพิ่ม ศกั ยภาพครูให้มสี มรรถนะของครูยุคใหม่สาหรับการเรียนรู้ศตวรรษท่ี 21 ปี พ.ศ. 2564 รุ่นท่ี 1 ในช่วงระหว่าง วนั ที่ 29 -30 พฤษภาคม 2564 ซงึ่ จดั โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ร่วมมือ กับ มหาวิทยาลัยราชภัฏท้ัง 38 แห่ง ทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาครูในพื้นท่ีให้มีความพร้อมสู่การเป็นครูยุคใหม่ โดยมุ่งเน้นความสามารถในการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และวิทยาการ คานวณ บดั น้ีการอบรมพฒั นาดงั กล่าวไดเ้ สร็จส้นิ เรยี บร้อยแลว้ ข้าพเจ้าจงึ รายงานการอบรม ตามรายละเอียดที่แนบมาพร้อมน้ี - วุฒิบตั รผา่ นการอบรม - กาหนดการอบรม - ผลงานการเขียนแผนการจัดการเรียนรเู้ พ่ือเสรมิ สรา้ งสมรรถนะใหน้ ักเรยี น - ภาพการอบรม - สรปุ รายงานการอบรม จงึ เรียนมาเพื่อโปรดพจิ ารณาบันทึกการอบรมพฒั นาตาม วฐ.2 (ลงช่อื ) ( นางวรรณภา อา่ งทอง ) ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ
วฒุ ิบตั รผ่านการอบรม
กรอบหลกั สตู รการอบรมเชงิ ปฏิบัติการเพ่ิมศกั ยภาพครฯู สาขา วทิ ยาศาสตร์ แบง่ ออกเปน็ 7 หน่วย ประกอบด้วย 1) สมรรถนะดา้ นวทิ ยาศาสตร์ตามแนวทาง PISA 2) สมรรถนะการอธบิ ายปรากฏการณใ์ นเชิงวิทยาศาสตร์ (A) 3) สมรรถนะการประเมินและออกแบบกระบวนการสืบเสาะหาความร้ทู างวทิ ยาศาสตร์ (B) 4) สมรรถนะการแปลความหมายข้อมลู และการใชป้ ระจักษพ์ ยานในเชงิ วทิ ยาศาสตร์ (C) 5) การฝึกออกแบบแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่เนน้ สมรรถนะ 6) การวัดและประเมนิ ผล 7) การสรา้ งชุมชนการเรียนรทู้ างวชิ าชพี (PLC) ** หนว่ ยที่ 1 – 4 จะศึกษาดว้ ยตนเองจากวีดิทัศน์ สาหรับหนว่ ยที่เหลือจะเป็นการอบรมออนไลนโ์ ดยมหาวิทยาลยั ราชภฏั รอ้ ยเอ็ด
กาหนดการประชมุ เชิงปฏบิ ัตกิ าร เพ่มิ ศกั ยภาพครูให้มีสม รนุ่ ท่ี 1 ระหว่างวันท่ี 29-30 เดือน ณ มหาวิทยาลัยราชภฏั ร้อย ตารางที่ 1 กาหนดการอบรม วันที่ 08.00 – 09.00 09.00 – 09.30 09.30 อบรม วันท่ี 29 ลงทะเบียนผู้เข้าร่วมอบรม พิธีเปิด พ.ค. 64 โดยผแู้ ทนทา่ นอธกิ ารบดี ตรวจสอ วันที่ 30 พ.ค. 64 มหาวทิ ยาลัยราชภัฏรอ้ ยเอ็ด การวัด วทิ ยาศ ลง้ิ การเข้าอบรม ลงิ ก์วิดโี อคอล: https://meet.google.com/frq-ixgi-qiv ลงทะเบียนผู้เข้าร่วมอบรม กจิ กรรมสะทอ้ นบทเรยี น แยกตามหอ้ ง แยกตามห้อง
มรรถนะของครูยุคใหม่ สาหรับการเรียนร้ศู ตวรรษที่ 21 น พฤษภาคม 2564 ระบบออนไลน์ ยเอด็ สาขาวิชาวทิ ยาศาสตร์ – 10.30 น. 10.45 – 12.00 น. 13.00 – 14.30 14.45 – 16.30 กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมที่ 2 อบแนวคดิ สมรรถนะวิทยาศาสตร์ตาม ออกแบบแผนการจัดเรยี นรู้ทีเ่ น้นสมรรถนะ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ตามแนวทาง PISA แยก แนว PISA แยกตามห้อง ตามหอ้ ง กจิ กรรมที่ 3 กจิ กรรมท่ี 4 ดและประเมนิ ผลสมรรถนะรายวชิ า กระบวนการ PLC แยกตามหอ้ ง ศาสตร์ ตามแนวทาง PISA แยกตาม ห้อง
ตารางท่ี 2 ลงิ้ การอบรมแต่ละหอ้ งและแตล่ ะวัน ห้องที่ สอนช้ัน วิทยากร ครทู เ่ี ขา้ รว่ มอบรม 1 ลดั ดาวัลย์ ซาซโิ ย 1 ป.4 1. อ.ธนกฤต พมิ พพ์ รม 2 เชิดตระกลู วันภงู า 3 เยาวพา สธี รรม 2. อ.เพิ่มพร สุ่มมาตย์ 4 รฐั นันท์ ศิริโภคา 5 วรางคณา วเิ ชียรศรี 2 ป.5 1. อ.ศมิ าวรรณ โฮมแพน 1 สจุ ิตตา โยวะผุย 2. อ.วชิ ิต ถิรเดโชชยั 2 ศริ พิ ร อไุ รสาย 3 รจริน จันทร์เสถยี ร 3 ป. 6 1. อ.ยทุ ธพันธ์ คาวัน 4 วริ งรอง สอนสระนอ้ ย 2. อ.เมธี พิมขาลี 5 สถาพร ตันตระกูล 6 วรางคนางค์ บญุ ธรรม 1 นิรชั ดาวรรณ ไตรราช 2 เกศแก้ว ศรวชิ ยั 3 เรณู สิทธศิ าสตร์ 4 มารินี สุดาจันทร์ 5 พรพิมล จนั ทะบาล 6 เบญจมาพร เพ็งอารียฺ 7 บดินทร์ ตะนุมาตย์ 8 ปริญญา ตะนุมาตย์ 9 สุกานดา สุดานิช
วันที่ 29 พ.ค. 64 วันท่ี 30 พ.ค. 64 ข้อมูลการเขา้ ร่วม Google Meet ขอ้ มลู การเขา้ ร่วม Google Meet ลิงกว์ ิดโี อคอล: ลิงก์วดิ ีโอคอล: https://meet.google.com/qft-sdwx- https://meet.google.com/brj-syqh- chr bse ขอ้ มูลการเข้ารว่ ม Google Meet ขอ้ มลู การเข้ารว่ ม Google Meet ลิงก์วดิ โี อคอล: ลงิ ก์วิดโี อคอล: https://meet.google.com/kjk-gwbw- https://meet.google.com/qgc-savt- zgu svw ข้อมลู การเขา้ ร่วม Google Meet ข้อมลู การเขา้ ร่วม Google Meet ลิงก์วิดีโอคอล: ลงิ ก์วิดีโอคอล: https://meet.google.com/etv-pzhh- https://meet.google.com/iev-rdks-jzj bsn
หอ้ งที่ สอนชั้น วทิ ยากร ครทู ีเ่ ขา้ รว่ มอบรม 1 ณัชชาพร ศรที านันท์ 4 ม. 1 1. ผศ.ดร.จตุพร หงสท์ องคา 2 นางชารดิ า เบ็ญจโชติ 3 พิมพภ์ ทั ร ศรีรนิ ทร์ 2. อ.เฉลมิ วฒุ ิ ศภุ สขุ 4 นภสั นันท์ ศรีคณุ 5 ชลธชิ า กา้ นจกั ร 5 ม. 2 1. อ.นธภร ไชยธรรม 6 สุพตั รา จันทรก์ ระจ่าง 2. อ.ดร.ภทั รพร ผลดี 1 ปทั มาวดี พันธะไชย 2 สุระณีย์ ติสองเมือง 6 ม. 3 1. อ.สาเนยี ง จลุ เสรมิ 3 ศริ เิ ทพ พรมภูงา 4 ฐิตาภา ศรรี าช 5 วีระชยั ทนทาน 6 ณทั พทุ ธพิ ร ธงทอง 1 นิมมาน ชื่นตา 2 ศนั สนา วนั ชเู ชิด 3 วรรณภา อา่ งทอง 4 ศิรญั ญา พลภูงา 5 กิตตมิ า ธรรมราษฎร์
วันท่ี 29 พ.ค. 64 วันที่ 30 พ.ค. 64 ขอ้ มูลการเขา้ ร่วม Google Meet ข้อมลู การเข้ารว่ ม Google Meet ลิงกว์ ิดโี อคอล: ลิงก์วิดีโอคอล: https://meet.google.com/wix-yeia- https://meet.google.com/wuz-ioyb- bpg ydb ข้อมลู การเข้าร่วม Google Meet ข้อมูลการเข้าร่วม Google Meet ลงิ กว์ ิดีโอคอล: ลิงก์วิดีโอคอล: https://meet.google.com/rjt-mapu- https://meet.google.com/awq-oxoo- xao fow ลงิ้ การอบรม ลิง้ การอบรม https://zoom.us/j/95259362019 https://zoom.us/j/94257978547
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 8 กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง คลนื่ และแสง เวลา ชว่ั โมง แผนการเรยี นรู้ที่ 8 เร่ือง การเกดิ คล่ืนและองค์ประกอบของคลื่น เวลา 1 ชว่ั โมง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3/……… สอนวันที.่ ........ เดอื น......................พ.ศ. 2564 เวลา......................... ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3/……… สอนวนั ท.่ี ........ เดือน......................พ.ศ. 2564 เวลา......................... ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3/……… สอนวันที่......... เดอื น......................พ.ศ. 2564 เวลา......................... สอนโดย นางวรรณภา อ่างทอง 1. สาระการเรียนรู้ คลื่นกลเกิดจากการรบกวนตัวกลางโดยการให้พลังงานกลกับตัวกลาง พลังงานน้ีจะถูกถ่ายโอนจาก บรเิ วณท่ีถกู รบกวนและแผอ่ อกไปโดยอนภุ าคของตัวกลางไมไ่ ด้เคล่ือนทต่ี ามคลื่นไปด้วย แตจ่ ะเคลอื่ นทกี่ ลับไป กลบั มารอบตาแหน่งหนึ่ง คล่ืนกลเป็นคล่ืนที่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนท่ี ส่ิงท่ีคล่ืนนาไปด้วยพร้อมกับการเคลื่อนท่ี คอื พลังงาน พลังงานเคล่ือนท่ีผ่านตัวกลางต่างๆ จะมีปรมิ าณต่างๆกันไปในแต่ละกรณี เชน่ พลังงานของ คลนื่ ในทะเลขณะท่พี ายจุ ะมคี ่ามากกว่าพลังงานท่เี กดิ จากคลนื่ เสยี งทเ่ี ราตะโกนออกไป เราสามารถแบ่งคลื่นออกเป็น 2 ชนดิ เมือ่ พิจารณาจากลักษณะการเคลื่อนท่ีของอนภุ าคตัวกลางขณะ คล่ืนเคล่ือนที่ผา่ น คอื คล่นื ตามยาวและคล่นื ตามขวาง คลื่นตามยาว เป็นคลื่นที่อนุภาคของตัวกลางส่ันในแนวเดียวกับการเคลื่อนทีข่ องคล่ืน ตวั อย่างคล่ืน ตามยาว เชน่ คลน่ื ในสปรงิ คลืน่ เสยี ง เปน็ ต้น คล่นื ตามขวาง เป็นคลื่นทอ่ี นุภาคของตัวกลางส่ันในแนวตั้งฉากกบั การเคล่ือนท่ีของคล่ืน ตัวอย่างคลื่น ตามยาว เช่น คลน่ื ในเสน้ เชือก เป็นต้น องค์ประกอบของคลน่ื 1. สันคลืน่ (Peaks) คือ ตาแหน่งสูงสดุ ของคล่ืน ไดแ้ ก่จุด C และ C' 2. ท้องคลื่น (Troughs) คือ ตาแหน่งตา่ สดุ ของคลื่น ได้แก่จดุ D และ D' 3. แอมพลิจูด (Amplitude) คือ ขนาดของการกระจัดสูงสุดของอนุภาคของตัวกลางที่คลนื่ ผ่านจาก ตาแหน่ง สมดลุ เดิม ใช้สญั ลกั ษณ์ A มีหน่วยเปน็ เมตร 4. คาบ (Period) คือ ชว่ งเวลาในการส่ัน 1 รอบของอนภุ าค มหี นว่ ยเปน็ วนิ าที แทนด้วย T 5. ความถี่ (Frequency) คือ จานวนรอบทอี่ นภุ าคสัน่ ใน 1 วินาที มหี น่วยเป็นรอบตอ่ วินาที หรือหรือ เฮิรตซ์ (Hertz , Hz) แทนด้วย โดยทีค่ าบและความถ่ีมีความสมั พนั ธด์ ังนี้ f =1/T หรอื T = 1/f
6. ความยาวคล่ืน (Wavelength) คือ ระยะทางท่ีคลื่นไปได้ในช่วงเวลาของ 1 คาบ แทนด้วย บางที ความยาวคล่นื คือระยะจากระหวา่ งจดุ 2 จดุ ที่อย่ถู ัดกัน ซ่ึงมีลักษณะเหมอื นกนั เช่น จากจดุ C ถึง C' หรือจาก จุด D ถึง D' ลักษณะที่เหมือนกัน เรียกว่า มีเฟสตรงกัน (inphase) หรือพิจารณาได้ว่าความยาวคล่ืนคือ ระยะหา่ งระหว่างสนั คลนื่ (หรือท้องคลน่ื ) 2 ตาแหนง่ ทีอ่ ยถู่ ัดกัน 2. สาระสาคญั คลน่ื เกิดจากการส่งผ่านพลังงานโดยอาศยั ตัวกลางและไมอ่ าศยั ตัวกลาง ในคล่ืนกล พลงั งานจะถกู ถา่ ย โอนผา่ นตัวกลางโดยอนุภาคของตัวกลางไม่เคลื่อนท่ไี ปกับคลื่น คล่ืนที่แผอ่ อกมาจากแหล่งกาเนิดคลื่นอยา่ ง ตอ่ เนอ่ื งและมีรปู แบบท่ีซ้ากัน บรรยายได้ดว้ ยความยาวคล่ืน ความถี่ แอมพลิจดู 3. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ดั มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลีย่ นแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวติ ประจาวนั ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์เก่ยี วกบั เสียง แสง และ คลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทงั้ งนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ช้ีวัด ว 2.3 ม. 3/10 สรา้ งแบบจาลองท่ีอธิบายการเกดิ คล่ืนและบรรยายสว่ นประกอบของคล่นื
4. สมรรถนะ หลัก A การอธิบายปรากฏการณ์ในเชิงวิทยาศาสตร์ สรรถนะ ยอ่ ย A1 นาความรู้ทางวทิ ยาศาสตรม์ าใชส้ รา้ งคาอธิบายทสี่ มเหตุสมผล ระดบั 3 นักเรียนสามารถใชค้ วามรทู้ างวิทยาศาสตร์ท่ีซับซ้อนขึ้นสร้างคาอธิบายโดยแสดง ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปัจจัย ท่ีเกี่ยวข้องกบั ปรากฏการณ์น้ัน ได้อย่างสมเหตุสมผล A2 ระบุ ใช้ และสร้าง แบบจาลองและตัวแทนเชิงอธบิ าย ระดับ 4 นกั เรียนสามารถสร้างแบบจาลองเชิงอธบิ าย ทใี่ ช้ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ ที่ซบั ซ้อนหรือ เป็นนามธรรม เพอ่ื อธบิ ายเหตกุ ารณท์ ีไ่ มค่ ุ้นเคย ได้อยา่ งสมเหตสุ มผล 5. จุดประสงค์การเรยี นรู้ หลังทากจิ กรรมการเรียนรู้ นักเรยี นสามารถ 1. อธิบายการเกิดคลื่นกลและองค์ประกอบของคลื่นได้ (K) 2. สร้างแบบจาลองโดยการวาดภาพองคป์ ระกอบของคลนื่ ได้ (P) 3. มคี วามมงุ่ มน่ั ในการทางาน (A) 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ - ตั้งใจฟงั คาชีแ้ จง - ใหค้ วามร่วมมือในตอบคาถาม 2. ม่งุ มน่ั ในการทางาน - มีความกระตือรอื ร้นในการทางาน - สง่ งานตรงเวลาตามทกี่ าหนด 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใช้รปู แบบการจัดการเรยี นรู้แบบสืบเสาะ 5 ข้นั ตอน (5E) ดังนี้ 1. ขั้นกระตนุ้ สร้างความสนใจ (engagement) 1.1 ครูสาธิตกระตุ้นสร้างความสนใจโดยการใช้ดินสอแตะซ้า ๆ ที่ ผิวหน้าของน้า จากน้ันครู ให้ นักเรียนร่วมกันตอบคาถาม ดงั นี้ 1. จากการสังเกตของนกั เรียนเม่ือครูใช้ดินสอแตะที่ผิวนา้ เกิดอะไรขน้ึ (แนวคาตอบ มีคลื่น เกิดขนึ้ )
2. จากการสังเกตนักเรียนคิดว่าคล่ืนเกิดจากอะไร (แนวคาตอบ พลังงานจลน์ของดินสอจะ ถ่ายโอนไปสอู่ นุภาคของน้าบรเิ วณท่ีปลายดินสอตกกระทบทาให้เกดิ เป็นร้ิวคล่ืนแผ่ออกไปบนผวิ นา้ รอบ ๆ จุด ท่ปี ลายดนิ สอตกกระทบ) 3. นกั เรียนทราบหรือไม่ว่าคล่ืนมีองค์ประกอบอะไรบ้าง (ครูใชด้ ุลพนิ ิจพิจารณาคาตอบของ นกั เรยี น) 2. ขนั้ สารวจและค้นหา (exploration) 2.1 ครูให้ความรู้เรอ่ื ง ประเภทของคล่ืน 2.2 ครูให้นักเรียนเตรียมสมาร์ทโฟนเพ่อื ทากจิ กรรม เรอ่ื ง คลนื่ เบ้อื งตน้ โดยใชส้ ถานการณ์จาลองบน คอมพวิ เตอร์ (PhET) สแกน QR Code เพอ่ื เปิดหนา้ เว็บ เรือ่ งคลนื่ เบื้องต้น 2.3 ครแู จกใบกิจกรรม เรือ่ ง คล่ืนเบือ้ งต้น 2.4 ครอู ธบิ ายขั้นตอนการทากจิ กรรมหลงั จากนกั เรียนเปดิ หน้าเวบ็ ดงั นี้ 1. ใหน้ กั เรยี นเลอื กศึกษาคล่ืนนา้ และสงั เกตกราฟ เมอื่ เปดิ น้า 2. เพ่มิ คา่ ความถ่ขี องคลน่ื ให้อยู่ในระดับมากทสี่ ุด สังเกตและบนั ทึกผล 3. ลดค่าความถ่ีของคลืน่ ใหอ้ ยู่ในระดับนอ้ ยท่ีที่สุด สังเกตและบนั ทกึ ผล 4. ปรบั คา่ ความให้อย่ใู นระดับปกติ จากนน้ั เพม่ิ คา่ แอมพลิจูด ให้อยู่ในระดบั มากทีส่ ุด สงั เกต และบันทกึ ผล 5. ลดค่าแอมพลจิ ูด ให้อยใู่ นระดบั 0 สังเกตและบนั ทกึ ผล 2.5 นักเรยี นลงมือทากจิ กรรม 3. ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป (explanation) 3.1 ครูใหน้ ักเรยี นอภปิ รายผลการทากจิ กรรม โดยครูใชค้ าถาม ดงั นี้ 1. เม่ื อเพิ่ มค่าความถ่ีของคล่ื นให้ อยู่ในระดับม ากที่สุ ด คลื่นมีลัก ษณ ะอย่ างไร (แนวคาตอบ ความยาวคล่นื จะสัน้ ลง) 2. เมื่ อลดค่ าความถี่ ของค ล่ืนให้ อยู่ ใน ระดั บน้ อย ที่สุ ด ค ลื่นมี ลัก ษณ ะอ ย่างไร (แนวคาตอบ ความยาวคล่ืนจะเพิ่มขึ้น)
3. เมื่ อ เพิ่ ม ค่ า แ อ ม พ ลิ จูด ให้ อ ยู่ ใน ระ ดั บ ม าก ที่ สุ ด ค ลื่ น มี ลั ก ษ ณ ะ อ ย่ างไร (แนวคาตอบ สันคลน่ื และท้องคลืน่ จะมคี วามยาวเพม่ิ มากข้ึน) 4 . เม่ื อ ล ด ค่ าแ อ ม พ ลิ จู ด ให้ อ ยู่ ใน ร ะ ดั บ น้ อ ย ที่ สุ ด ค ลื่ น มี ลั ก ษ ณ ะ อ ย่ า งไร (แนวคาตอบ ไมม่ คี ลื่นเกิดขน้ึ ) 5. ครูสรปุ การทากิจกรรม (ความถจ่ี ะมีผลต่อความยาวของคลื่น โดยเมอ่ื ความถี่เพิ่มขึ้น ความ ยาวคลน่ื จะลดลง และแอมพลิจูดมผี ลตอ่ สันคลน่ื และท้องคลนื่ แอมพลจิ ูดทเ่ี พิ่มมากข้ึนจะใหส้ ันคล่ืนและท้อง คล่นื มคี วามยาวมากขึน้ ถ้าไมม่ ีแอมพลจิ ดู จะไม่มคี ลน่ื เกดิ ขึ้น) 3.2 ครสู รปุ เชือ่ มโยงความรู้ของนกั เรยี นกบั ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ทีค่ รูเตรยี มมา (คล่ืนกลเกิดจากการรบกวนตัวกลางโดยการให้พลังงานกลกับตัวกลาง พลงั งานน้ีจะถูกถ่ายโอนจากบริเวณท่ี ถกู รบกวนและแผ่ออกไปโดยอนุภาคของตัวกลางไม่ได้เคล่ือนที่ตามคลื่นไปด้วย แตจ่ ะเคล่ือนทก่ี ลับไปกลับมา รอบตาแหนง่ หน่ึง คล่ืนกลเป็นคลื่นที่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคล่ือนท่ี สิ่งท่ีคลื่นนาไปด้วยพร้อมกับการเคลื่อนท่ี คอื พลงั งาน พลังงานเคลื่อนท่ีผา่ นตัวกลางต่างๆ จะมีปริมาณตา่ งๆกันไปในแตล่ ะกรณี เชน่ พลังงานของ คลื่นในทะเลขณะทพี่ ายจุ ะมคี า่ มากกวา่ พลงั งานทเ่ี กดิ จากคลื่นเสียงท่เี ราตะโกนออกไป เราสามารถแบ่งคล่ืนออกเป็น 2 ชนิดเมอ่ื พิจารณาจากลักษณะการเคลื่อนท่ีของอนภุ าคตัวกลางขณะ คล่ืนเคลอื่ นท่ีผ่าน คือ คลน่ื ตามยาวและคล่นื ตามขวาง คลื่นตามยาว เป็นคลื่นทอี่ นุภาคของตัวกลางส่ันในแนวเดียวกับการเคล่ือนท่ีของคล่ืน ตัวอย่างคล่ืนตามยาว เช่น คลืน่ ในสปรงิ คลนื่ เสียง เป็นต้น คล่ืนตามขวาง เป็นคล่ืนที่อนุภาคของตัวกลางสน่ั ในแนวต้งั ฉากกับการเคลื่อนที่ของคล่ืน ตัวอย่างคลื่น ตามยาว เช่น คลื่นในเส้นเชือก เป็นตน้
องคป์ ระกอบของคล่นื 1. สนั คลืน่ (Peaks) คือ ตาแหน่งสูงสดุ ของคลื่น ไดแ้ ก่จดุ C และ C' 2. ทอ้ งคล่นื (Troughs) คอื ตาแหน่งต่าสดุ ของคลื่น ไดแ้ ก่จดุ D และ D' 3. แอมพลิจูด (Amplitude) คือ ขนาดของการกระจัดสูงสุดของอนุภาคของตัวกลางที่คล่ืนผ่านจาก ตาแหน่ง สมดุลเดิม ใช้สญั ลักษณ์ A มีหนว่ ยเป็น เมตร 4. คาบ (Period) คือ ชว่ งเวลาในการสั่น 1 รอบของอนุภาค มหี นว่ ยเป็นวนิ าที แทนด้วย T 5. ความถี่ (Frequency) คือ จานวนรอบทอี่ นภุ าคสนั่ ใน 1 วินาที มีหน่วยเป็นรอบต่อวนิ าที หรือหรือ เฮิรตซ์ (Hertz , Hz) แทนดว้ ย โดยทีค่ าบและความถี่มีความสัมพันธ์ดงั นี้ f =1/T หรือ T = 1/f 6. ความยาวคลื่น (Wavelength) คือ ระยะทางท่ีคลื่นไปได้ในช่วงเวลาของ 1 คาบ แทนด้วย บางที ความยาวคลนื่ คือระยะจากระหวา่ งจุด 2 จุดท่ีอยถู่ ัดกัน ซง่ึ มลี ักษณะเหมอื นกนั เช่น จากจุด C ถงึ C' หรอื จาก จุด D ถึง D' ลักษณะท่ีเหมือนกัน เรียกว่า มีเฟสตรงกัน (inphase) หรือพิจารณาได้ว่าความยาวคลื่นคือ ระยะห่างระหวา่ งสนั คลื่น (หรอื ท้องคล่นื ) 2 ตาแหน่งท่ีอยู่ถัดกนั
4. ข้นั ขยายความรู้ (elaboration) 4.1 ครูให้นักเรียน ร่วมกันอภปิ รายแสดงความคดิ เห็น เพอ่ื ขยายและเชอื่ มโยงความรู้ โดยครใู ช้คาถาม ดงั นี้ 1. ยกตัวอย่างคล่ืนท่ีพบเจอในชีวิตประจาวัน (แนวคาตอบ คล่ืนน้า คลื่นเสยี งของคา้ งคาวที่ อาศัยการสะท้อนของคลื่นเสียง เมอื่ บนิ อยูใ่ นถ้ามืด) 2. มนษุ ยม์ กี ารนาความรู้เรือ่ งคลน่ื กลไปใช้ทาอะไรบ้าง (แนวคาตอบ โซนาร์ (sonar) ระบบที่ ใช้ตรวจวัดเสียงท่ีสะท้อนกลับ เรือดานา้ และเรือทั่วๆ ไปใช้โซนาร์เพื่อเสาะหาเรือดาน้าอ่ืนๆ หรือเรอื ลาอ่ืนๆ โดยการส่งคลื่นเสียงผ่านน้าลงไป เมอ่ื คลน่ื กระทบกับเรืออีกลาหนง่ึ ทอ่ี ยู่ใกล้ผวิ น้า คล่นื จะสะท้อนกลับมาและ ถูกวัดไดด้ ้วยเครือ่ งโซนาร์และสามารถคานวณหาระยะห่างได้) 5. ข้ันประเมินผล (evaluation) (5 นาที) 5.1 ครปู ระเมินความรขู้ องนกั เรยี นด้วยข้อมูลปอ้ นกลบั ของนกั เรยี น ครใู ชค้ าถามดังน้ี 1. วนั น้ีนักเรยี นเรยี นได้เรยี นรู้อะไรบา้ ง 2. นักเรยี นคิดว่าเนอ้ื หาสาระและกิจกรรมการเรียนรู้ต้องเพิม่ เติมอะไรบา้ ง 5.2 ครูสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นรายบุคคล
8. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 2. สอื่ สถานการณจ์ าลองบนคอมพิวเตอร์ (PhET) 3. Power Point เรอื่ ง คลืน่ กล 4. อปุ กรณ์การสาธติ ได้แก่ - บกี เกอร์ - ดนิ สอ - นา้ 5. สมาร์ทโฟน 10.การประเมนิ ผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวดั /ประเมิน เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารผา่ น ตรวจใบกจิ กรรม ใบกจิ กรรม จดุ ประสงค์ 1. อธิบายการเกิดคลื่นกล ระดับพอใช้ขน้ึ ไป และองค์ประกอบของ ตรวจใบกิจกรรม ใบกจิ กรรม คลน่ื ได้ (K) สงั เกตรายบคุ คล แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ระดบั พอใชข้ นึ้ ไป 2. สรา้ งแบบจาลองโดย การวาดภาพ รายบคุ คล ระดบั พอใชข้ ้ึนไป องคป์ ระกอบของคลื่นได้ (P) 3. มคี วามมงุ่ มน่ั ในการ ทางาน (A)
10. ข้อเสนอแนะและความคิดเหน็ เพิ่มเตมิ ของผู้ตรวจ ความคิดเห็นของฝ่ายวชิ าการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………….............................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..................................................) ครู ............/.........................../.................. ความคดิ เหน็ ของผู้บริหาร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………...................................................................... ลงชื่อ........................................................... (..................................................) ตาแหน่ง....................................................... ............/.........................../.................. บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ ผลการจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………...…………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหา และอุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ......... แนวทางแก้ไขปัญหา ………….………………………………………………………………………………………………………………………...........................…………..………… ลงช่อื ........................................................... (..................................................) ตาแหน่ง....................................................... ............/.........................../.................. กิจกรรมเสนอแนะ ………………………...……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
ภาคผนวก
แบบประเมินการทาใบกิจกรรม กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ประกอบแผนการจดั การเรียนรู้ แผนที่ 8 เรื่อง การเกิดคล่นื กลและองค์ประกอบของคล่ืน รายการสังเกต รวม 1. ความ ูถกต้อง กลมุ่ ประเดน็ /คะแนน ของเ ื้นอหา ผา่ น ไม่ ที่ ชือ่ – สกุล ผ่าน 2. ผลการทา ิกจกรรม 3. การสรุปและ บัน ึทกผล 3213213219 ลงชอ่ื .......................................................... (นางวรรณภา อา่ งทอง) ผ้ปู ระเมนิ วนั ที่..........เดือน..........................พ.ศ.............. เกณฑก์ ารประเมิน/ระดบั คุณภาพ 6 – 9 คะแนน หมายถึง ดมี าก 4 – 5 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 – 3 คะแนน หมายถงึ ปรับปรุง ***นกั เรียนทีไ่ ด้ระดบั พอใช้ ประเมนิ ผา่ นเกณฑ์
เกณฑ์การใหค้ ะแนนการทาใบกจิ กรรม กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ แผนท่ี 8 เรอ่ื ง การเกดิ คลืน่ กลและองค์ประกอบของคลื่น ประเดน็ การประเมิน ระดับคะแนน ระดับคะแนน ระดับคะแนน 3 21 1. ความถูกตอ้ งของ อธบิ ายไดถ้ กู ตอ้ งครบถ้วน อธิบายเนื้อหาผิด 1 ขอ้ อธบิ ายเน้ือหาผดิ เนอ้ื หา มากกว่า 1 ข้อ 2. ผลการทากิจกรรม การทากจิ กรรมประสบ สามารถทากิจกรรมได้ ไม่สามารถทากจิ กรรม ผลสาเร็จ สาเร็จแต่ไมท่ นั เวลา ได้ 3. การสรุปและบนั ทกึ บนั ทึกผลการทากิจกจิ กรรม บันทึกผลการทากจิ กรรม ไมส่ ามารถสรุปผลและ ผล ครบทุกขั้นตอนและสมบูรณ์ ครบทกุ ข้ันตอนแตไ่ ม่ บันทึกผลการทา สมบรู ณ์ครบถว้ น กิจกรรมได้
แบบประเมินพฤตกิ รรมรายบุคคล กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ประกอบแผนการจดั การเรียนรู้ แผนท่ี 8 เรอื่ ง การเกิดคลืน่ กลและองค์ประกอบของคลื่น รายการสงั เกต เลข ประเดน็ /คะแนน 1. ส่งงานตรงเวลา รวม ผา่ น ไม่ ที่ ชอื่ – สกุล 2. ความตรงต่อเวลา ผ่าน ในการทา ิกจกรรม 3. ความร่วม ืมอใน การตอบคาถามและ แสดงความคิดเ ็หน 3213213219 ลงชอ่ื .......................................................... (นางวรรณภา อ่างทอง) ผู้ประเมิน วันท.่ี .........เดอื น..........................พ.ศ.............. เกณฑ์การประเมิน/ระดับคุณภาพ 6 – 9 คะแนน หมายถงึ ดมี าก 4 – 5 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 – 3 คะแนน หมายถึง ปรบั ปรุง ***นักเรยี นท่ีไดร้ ะดบั พอใช้ ประเมินผ่านเกณฑ์
เกณฑก์ ารให้คะแนนพฤตกิ รรมรายบคุ คล กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ แผนท่ี 8 เรอื่ ง การเกดิ คล่นื กลและองคป์ ระกอบของคล่ืน ประเด็นการประเมนิ ระดับคะแนน ระดับคะแนน ระดบั คะแนน 321 1. สง่ งานตรงเวลา ส่งงานตรงตามเวลาท่ี ส่งงานช้าไม่เกิน 1 วัน ส่งงานชา้ มากกว่า 1 วนั กาหนด 2. ความตรงตอ่ เวลาใน ปฏิบตั ิกิจกรรมไดแ้ ลว้ ปฏิบัติกิจกรรมแลว้ เสร็จ ปฏิบัติกจิ กรรมแลว้ เสร็จ การทากิจกรรม เสรจ็ ตามเวลาที่กาหนด ชา้ กวา่ เวลาทก่ี าหนดไม่ ชา้ กว่าเวลาที่กาหนด รักษาเวลาไดเ้ ป็นอย่างดี เกิน 5 นาที มากกวา่ 5 นาที 3. ความร่วมมอื ในการ ให้ความรว่ มมอื ในการ ให้ความร่วมมอื ในการ หลกี เลีย่ งและไมร่ ว่ มมือ/ ตอบคาถามและแสดง ตอบคาถามและแสดง ตอบคาถามและแสดง ไม่แสดงความคดิ เหน็ เลย ความคดิ เห็น ความคิดเห็นอยา่ งเตม็ ท่ี ความคดิ เห็นเป็น บางครง้ั
ใบกิจกรรม เรือ่ ง คลนื่ เบอื้ งตน้ คาช้แี จง ให้นักเรียนศึกษาและทดลองเร่ือง คลน่ื เบ้ืองต้น แล้วบนั ทกึ ผลลงในใบกิจกรรม ข้นั ตอนการทากิจกรรม 1. ใหน้ ักเรียนเลือกศกึ ษาคลื่นนา้ และสังเกตกราฟ เมื่อเปดิ นา้ 2. เพิม่ คา่ ความถข่ี องคลื่นใหอ้ ยใู่ นระดับมากทสี่ ุด สงั เกตและบันทกึ ผล 3. ลดคา่ ความถ่ขี องคลืน่ ให้อยใู่ นระดับน้อยท่ที ี่สุด สงั เกตและบนั ทกึ ผล 4. ปรับค่าความให้อยู่ในระดับปกติ จากน้ัน เพิ่มค่าแอมพลิจูด ให้อยู่ในระดับมากท่ีสุด สงั เกตและบนั ทึกผล 5. ลดค่าแอมพลิจูด ให้อย่ใู นระดบั 0 สังเกตและบนั ทึกผล ตารางบนั ทึกผลการทากิจกรรม คล่ืนในสภาวะปกตกิ ่อนเปดิ น้า กราฟของคล่ืนเมื่อเพิ่มคา่ ความถ่ีของคลืน่ ให้อยใู่ น กราฟของคลืน่ เมื่อเพิ่มคา่ ความถี่ของคล่ืนใหอ้ ยู่ใน ระดบั มากท่ีสดุ ระดับนอ้ ยทส่ี ุด กราฟของคล่ืนเพ่มิ ค่าแอมพลิจดู ให้อยใู่ นระดบั กราฟของคล่ืนลดคา่ แอมพลจิ ดู ให้เปน็ 0 มากทีส่ ดุ สรปุ ผลการทากิจกรรม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186