Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือนักเรียน 2565_compressed

คู่มือนักเรียน 2565_compressed

Published by pyizone.myint, 2022-05-16 18:34:52

Description: คู่มือนักเรียน 2565_compressed

Search

Read the Text Version

101

102

103

104

105

106

107

108

109

110

111

112

113

114

115

116

117

118

119

120

121

122

123

124

125

126

127

ระเบยี บโรงเรียนสาธติ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั ฝา่ ยมัธยม ว่าด้วยการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นตามหลักสตู รสถานศึกษา โรงเรยี นสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมธั ยม พทุ ธศักราช ๒๕๕๓ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๒) โดยที่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม ได้ประกาศใช้หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนสาธิตจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ฝ่ายมธั ยม พทุ ธศักราช ๒๕๕๒ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.๒๕๖๒) ตามค�ำ สัง่ กระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ.๑๒๓๙/๒๕๖๐ เรื่อง ให้ใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกน กลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ลงวนั ท ี่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้เปลย่ี นแปลงตามคำ�สั่ง สพฐ.ท่ี ๓๐/๒๕๖๐ ลงวนั ที่ ๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๑ รวมถึงค�ำ สั่ง สพฐ.ที่ ๙๒๒/๒๕๖๑ เรอ่ื ง การปรับปรงุ โครงสรา้ งเวลาเรยี น ตามหลกั สูตรแกนกลาง การศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ลงวนั ท่ี ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๑ น้นั โรงเรียนในฐานะผรู้ บั ผดิ ชอบการจัดการศึกษา จึง เห็นสมควรที่กำ�หนดระเบียบโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม ว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียน ตามหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนสาธติ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ฝ่ายมธั ยม พุทธศกั ราช ๒๕๕๓ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๒) และ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) พ.ศ.๒๕๖๕ เพือ่ ใหก้ ารปฏิบัติงาน สามารถดำ�เนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับคำ�สั่งและประกาศดังกล่าวจึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ “ระเบยี บนเี้ รยี กวา่ ระเบยี บโรงเรยี นสาธิตจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั ฝา่ ยมธั ยม วา่ ดว้ ยการวดั และประเมินผลการ เรยี นตามหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรยี นสาธิตจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ฝ่ายมัธยม พทุ ธศักราช ๒๕๕๓ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๒) พ.ศ.๒๕๖๕” ข้อ ๒ ระเบยี บนี้ให้บังคับใชใ้ นทกุ ระดับชน้ั ต้ังแต่ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ เปน็ ตน้ ไป ข้อ ๓ สถานศกึ ษา หมายถงึ โรงเรยี นสาธิตจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ฝา่ ยมัธยมหัวหนา้ สถานศกึ ษา หมายถงึ ผู้อ�ำ นวยการโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย ฝ่ายมธั ยม ผู้เรยี น หมายถงึ นักเรียนโรงเรยี นสาธติ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ฝ่ายมธั ยม ผเู้ กย่ี วขอ้ ง หมายถึง ผู้ปกครอง นกั เรียน คณะกรรมการสถานศกึ ษา ผู้แทนชุมชน โรงเรยี นสาธิตจุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย ฝ่ายมัธยม ข้อ ๔ ใหใ้ ช้ระเบียบนีค้ ู่กบั หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐) และ หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นสาธติ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ฝ่ายมัธยม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๓ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๒) ข้อ ๕ หัวหน้าสถานศกึ ษารกั ษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ 128

หมวด ๑ หลกั การในการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ขอ้ ๖ การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ประกอบด้วย ๖.๑ การวัดและประเมินระดับช้นั เรยี น ประกอบดว้ ย การวดั และประเมนิ ผล เพ่ือปรบั ปรงุ พฒั นาผู้เรยี น และเพ่ือ ตดั สินผลการเรยี น ๖.๒ การประเมนิ ระดับสถานศกึ ษา ประกอบดว้ ย การประเมินผลการเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น การประเมิน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน และการประเมนิ ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียนส่อื ความของผูเ้ รียน ข้อ ๗ การวัดและประเมินผลการเรยี น เป็นไปตามหลกั การ ดงั ตอ่ ไปน้ี ๗.๑ โรงเรียนมหี นา้ ทใี่ นการวดั และประเมนิ ผลการเรียน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศกึ ษาและเปดิ โอกาสให้ทุกฝ่ายท่เี ก่ียวข้องมสี ่วนรว่ มในการวดั และประเมินผล ๗.๒ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี น เปน็ ไปอยา่ งสอดคลอ้ ง ครอบคลมุ มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ดั ผลการเรยี นรตู้ ามหลกั สตู ร แกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๓ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.๒๕๖๒) ๗.๓ การวัดและประเมินผลการเรียนระดับชั้นเรียน เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการสอนเพื่อ ตรวจสอบความกา้ วหน้าของผู้เรียน ด�ำ เนินการประเมินด้วยวิธีการท่หี ลากหลาย สอดคลอ้ งและเหมาะสมกบั สาระการเรยี นรแู้ ละ กระบวนการเรียนรู้ของผูเ้ รยี น โดยประเมินความประพฤติ พฤติกรรมการเรยี น การร่วมกจิ กรรม และผลงานจากโครงงานและแฟ้ม สะสมงานทีส่ อดคลอ้ งกับธรรมชาติวชิ าและระดบั ชนั้ ของผู้เรียน ๗.๔ มีการประเมนิ ความสามารถของผูเ้ รยี น ในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียนในแตล่ ะภาคเรียน ๗.๕ มกี ารประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงคข์ องผเู้ รียนในแตล่ ะภาคเรยี น ๗.๖ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนตรวจสอบผลการประเมนิ ผลการเรยี นได้ หมวด ๒ วิธีการวดั และการประเมนิ ผลการเรียน ขอ้ ๘ การวัดและประเมินผลเพื่อปรบั ปรงุ พฒั นาผู้เรยี น ปฏบิ ตั ดิ ังน้ี ๘.๑ แจ้งใหผ้ เู้ รยี นทราบตวั ชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ วิธกี ารวัดและประเมนิ ผลการเรยี น เกณฑ์การผ่านแตล่ ะตวั ช้วี ัด/ผล การเรยี นรู้ และเกณฑ์ขนั้ ต�่ำ ของการผ่านรายวิชา ก่อนสอนรายวิชาน้นั ๆ ๘.๒ ผลการเรยี นรูจ้ ะต้องครอบคลมุ ความรู้ ทักษะกระบวนการ คุณธรรม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๘.๓ ประเมนิ ผลก่อนเรยี นเพื่อตรวจสอบความร้พู นื้ ฐานของผ้เู รียน ๘.๔ วดั และประเมินผลระหวา่ งการเรียนการสอนแต่ละหน่วยอยา่ งสม�่ำ เสมอ เพือ่ ให้ไดข้ อ้ มูลมาปรบั ปรงุ การสอน ให้สอดคล้องกบั ความต้องการของผเู้ รียน หลงั การประเมิน ตอ้ งแจ้งผลการประเมนิ ใหผ้ ูเ้ รยี นทราบ เพอื่ ผูเ้ รยี นจะได้พฒั นาตนเองไปสู่ เปา้ หมายทก่ี ำ�หนด การวดั และประเมินผลระหวา่ งเรียน ประกอบด้วย ๘.๔.๑ วัดและประเมินผลระหว่างการเรียนการสอนแต่ละหน่วย โดยให้ครูผู้สอนเป็นผู้กาหนดผลการเรียน รู้และเปน็ ผูป้ ระเมินผเู้ รียน เพ่อื น บิดา มารดา และผู้ปกครองมีส่วนรว่ มในการประเมนิ ๘.๔.๒ วัดและประเมินผลกลางภาคเรยี น 1 คร้งั โดยครผู สู้ อนเปน็ ผกู้ ำ�หนดตวั ชวี้ ดั /ผลการเรยี นรู้ ๘.๕ วัดและประเมินผลคะแนนระหว่างภาคเรียนรวมกับคะแนนปลายภาคเรียนเพื่อตรวจสอบความสำ�เร็จของผู้ เรียน โดยวัดให้ครอบคลุมความรู้ ทักษะกระบวนการ และค่านิยมอันพึงประสงค์ ขอ้ ๙ ตดั สินผลการเรียน โดยนำ�คะแนนระหว่างภาคเรียนรวมกับคะแนนปลายภาคตามอตั ราส่วนที่กาหนด โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการฝ่ายวิชาการหลักสูตรและการสอน 129

ข้อ ๑๐ ใชต้ ัวเลขแสดงระดบั ผลการเรียนในแตล่ ะรายวิชา ๑๐.๑ ให้ใช้ตัวเลขแสดงระดับผลการเรียนในแตล่ ะรายวชิ า ดงั ต่อไปน้ี ๔ หมายถึง มผี ลการเรียนดเี ยี่ยม มคี ะแนนตั้งแต ่ ๘๐-๑๐๐ ๓.๕ หมายถึง มผี ลการเรียนดีมาก มคี ะแนนต้ังแต่ ๗๕-๗๙ ๓ หมายถงึ มีผลการเรียนดี มคี ะแนนตั้งแต่ ๗๐-๗๔ ๒.๕ หมายถงึ มผี ลการเรยี นค่อนข้างดี มีคะแนนตง้ั แต่ ๖๕-๖๙ ๒ หมายถงึ มผี ลการเรียนปานกลาง มีคะแนนตั้งแต่ ๖๐-๖๔ ๑.๕ หมายถงึ มีผลการเรียนพอใช้ มีคะแนนตั้งแต่ ๕๕-๕๙ ๑ หมายถึง มผี ลการเรยี นผา่ นเกณฑ์ขนั้ ต่า มีคะแนนต้งั แต่ ๕๐-๕๔ ๐ หมายถึง มผี ลการเรียนตา่ กวา่ เกณฑ์ มีคะแนนตั้งแต่ ๐-๔๙ ๑๐.๒ ให้ใช้ตัวอกั ษรแสดงผลการเรียนทม่ี เี ง่อื นไขในแตล่ ะรายวิชา ดงั น้ี “มส” หมายถึง ไมม่ สี ิทธเิ์ ขา้ รบั การวัดผลปลายภาคเรยี น เนอื่ งจากผู้เรียนมเี วลาเรยี นไม่ถึงรอ้ ยละ ๘๐ ของเวลา เรียนในแต่ละรายวิชาและไมไ่ ดร้ ับการผอ่ นผนั ใหเ้ ขา้ รับการวัดผลปลายภาคเรยี น “ร” หมายถงึ รอการตัดสนิ หรือยังตัดสนิ ผลการเรยี นไมไ่ ด้ โดยผู้เรยี นไมม่ ขี อ้ มลู ผลการเรยี นรายวิชาน้นั ครบ ถว้ น เชน่ ไม่ได้วดั ผลกลางภาคเรียน/ปลายภาคเรยี น ไม่ไดส้ ่งงานท่มี อบหมายให้ท�ำ ซง่ึ งานนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินผลการ เรียน หรือมเี หตุสุดวสิ ยั ทีท่ ำ�ให้ประเมินผลการเรยี นไมไ่ ด้ ๑๐.๓ กรณีทผ่ี ู้เรยี นมผี ลการเรยี น “๐” “ร” หรอื “มส” ให้ดำ�เนนิ การซอ่ มเสรมิ ปรับปรงุ แก้ไขผเู้ รียนให้เสรจ็ ส้ินในภาคเรยี นต่อไป ข้อ ๑๑ การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเขา้ รว่ มกิจกรรม การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและผลงาน ของผู้เรยี นตามเกณฑ์ทีก่ �ำ หนดและให้ผลการประเมนิ เป็น “ผ” และ “มผ” กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน แบ่งเปน็ ๓ ลักษณะ ดงั นี้ ๑๑.๑ กจิ กรรมแนะแนว ๑๑.๒ กจิ กรรมนักเรยี น ซง่ึ ประกอบดว้ ย (๑) กจิ กรรมลูกเสอื -เนตรนารี (๒) กิจกรรมชมรม ทัง้ น้ี ผู้เรียนระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้นจะตอ้ งเข้าร่วมกิจกรรมทั้งขอ้ (๑) และ (๓) ส�ำ หรับผ้เู รยี นระดบั มัธยมศึกษาตอน ปลายจะต้องเขา้ รว่ มกิจกรรมในขอ้ (๒) ๑๑.๓ กิจกรรมเพือ่ สังคม และสาธารณะประโยชน์ ให้ใชต้ วั อกั ษรแสดงผลการประเมนิ ดังนี้ “ผ” หมายถึง ผา่ น คือ ผู้เรียน (๑) มีเวลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน (๒) ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมและ(๓)มผี ลงาน ตามเกณฑ์ท่โี รงเรียนกำ�หนด “มผ” หมายถึง ไม่ผา่ น คือ ผู้เรยี น (๑) มเี วลาเข้าร่วมกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน (๒) ปฏบิ ตั ิกิจกรรมและ(๓)มผี ล งาน อย่างใดอย่างหนึ่งไม่เป็นไปตามเกณฑท์ ีโ่ รงเรยี นก�ำ หนด การประเมินการเขา้ ร่วมกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนให้ประเมนิ เป็นรายภาค โดยอาจารย์ที่ปรึกษา/อาจารย์ผู้จัดกิจกรรมเป็นผู้ประเมิน การเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ขอ้ ๑๒ การประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของผเู้ รยี น ๑๒.๑ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของผ้เู รียนโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ฝา่ ยมัธยม ประกอบดว้ ย ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๖. ม่งุ มนั่ ในการท�ำ งาน ๒. ซ่ือสัตยส์ ุจริต ๗. รักความเปน็ ไทย ๓. มวี ินยั ๘. มีจิตสาธารณะ ๔. ใฝ่เรยี นร ู้ ๙. มภี าวะผนู้ �ำ ๕. อยู่อย่างพอเพียง ๑๐. คดิ อยา่ งมีเหตุผลและสร้างสรรค์ 130

๑๒.๒ โรงเรยี นแต่งตงั้ คณะกรรมการ พฒั นาและประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคข์ องผูเ้ รียน ๑๒.๓ โรงเรยี นมอบหมายใหค้ รูผสู้ อนดำ�เนนิ การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคค์ วบค่ไู ปกบั กระบวนการเรียน การสอน เป็นระยะอย่างต่อเน่อื ง โดยใช้เครอื่ งมอื ประเมินทโ่ี รงเรียนก�ำ หนดและนำ�ผลการประเมนิ ไปใช้ปรบั ปรงุ พัฒนาผู้เรียนอยา่ ง ตอ่ เนือ่ งตลอดช้ันปี ๑๒.๔ คณะกรรมการพฒั นาและประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคข์ องผูเ้ รียน น�ำ ผลการประเมินของผ้สู อนทุกคน มาสรุปผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในแต่ละช้ันปีตามเกณฑ์ท่ีโรงเรียนกำ�หนดและนำ�ผลการประเมินไปใช้ ปรับปรุงพฒั นาคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของผเู้ รยี นอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ตลอดจนจบหลกั สตู ร ๑๒.๕ คณะกรรมการพฒั นาและประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคข์ องผเู้ รยี นด�ำ เนินการประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผเู้ รียน ในปีสดุ ทา้ ยของระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน้ และตอนปลาย ๑๒.๖ ในการสรุปผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รวมทุกคุณลักษณะเพื่อเลื่อนชั้นและจบการศึกษา ก�ำ หนดเกณฑก์ ารตัดสินเปน็ ๔ ระดับ ไดแ้ ก่ ๓ ๒ ๑ ๐ และความหมายของแต่ละระดับ ดงั นี้ ๓ (ดเี ย่ียม) หมายถงึ ผเู้ รยี นปฏบิ ตั ติ นตามคณุ ลกั ษณะจนเปน็ นสิ ยั และนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั เพอ่ื ประโยชนส์ ขุ ของตนเองและสงั คม ๒ (ดี) หมายถึง ผูเ้ รยี นมคี ุณลักษณะในการปฏิบตั ิตามกฎเกณฑเ์ พื่อใหเ้ ปน็ การยอมรับของสงั คม ๑ (ผ่าน) หมายถึง ผู้เรียนรบั รูแ้ ละปฏบิ ัติตามกฎเกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขทส่ี ถานศกึ ษากาหนด ๐ (ไมผ่ ่าน) หมายถึง ผ้เู รยี นรบั รแู้ ละปฏิบัตไิ ดไ้ มค่ รบตามกฎเกณฑ์และเง่อื นไขทส่ี ถานศึกษาก�ำ หนด นกั เรยี นท่ไี ด้รับผลการประเมนิ “ไม่ผา่ น (๐)” จะตอ้ งดำ�เนินการแกไ้ ขผลการประเมนิ ตามกำ�หนดเวลา และกิจกรรมที่คณะกรรมการ ประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงคก์ าหนดไว้ จงึ จะได้รับการแก้ไขผลการประเมนิ เป็น “ผ่าน (1)” ขอ้ ๑๓ การประเมนิ ความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี นสอ่ื ความ ๑๓.๑ ขอบเขตและตวั ชีว้ ัดความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี นสือ่ ความ ขอบเขตการประเมิน (ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑-๓) การอ่านจากสือ่ ส่งิ พิมพ์และสอ่ื อิเล็กทรอนกิ ส์ทีใ่ ห้ข้อมูลสารสนเทศ ขอ้ คดิ ความร้เู กย่ี วกับสังคมและส่ิงแวดลอ้ ม ทเี่ อ้ือใหผ้ ู้อ่านน�ำ ไปคิด วิเคราะห์ วจิ ารณ์ สรปุ แนวคดิ คุณค่าท่ไี ด้ น�ำ ไปประยกุ ต์ใช้ด้วยวจิ ารณญาณ และถ่ายทอดเปน็ ขอ้ เขยี นเชิง สรา้ งสรรคห์ รอื รายงานด้วยภาษาทีถ่ กู ตอ้ งเหมาะสม เชน่ อา่ นหนังสือพิมพ์ วารสาร หนังสือเรยี น บทความ สุนทรพจน์ ค�ำ แนะน�ำ ค�ำ เตอื น แผนภมู ิ ตาราง แผนที่ ขอบเขตการประเมิน (ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๔-๖) การอา่ นจากสือ่ สงิ่ พมิ พ์และส่ืออิเล็กทรอนกิ ส์ท่ีใหข้ อ้ มูลสารสนเทศ ขอ้ คิด ความรู้ ประสบการณ์ แนวคดิ ทฤษฎี รวมท้งั ความงดงามทางภาษาที่เอือ้ ให้ผู้อา่ น วิเคราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณ์ แสดงความคิดเหน็ โตแ้ ย้งหรือสนบั สนุน ทำ�นาย คาดการณ์ ตลอดจนประยกุ ตใ์ ช้ในการตัดสนิ ใจ แก้ปญั หา และถ่ายทอดเป็นขอ้ เขยี นเชิงสร้างสรรคห์ รือรายงาน บทความทางวชิ าการอย่างถูก ต้องตามหลกั วชิ า เชน่ อา่ นบทความวชิ าการ วรรณกรรมประเภทตา่ งๆ ๑๓.๒ โรงเรียนแต่งต้ังคณะกรรมการประเมนิ ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนส่ือความของผ้เู รยี น ๑๓.๓ คณะกรรมการประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี นของผู้เรยี นในแตล่ ะช้ันปี โดยใช้ เครอื่ งมอื ประเมินท่โี รงเรียนก�ำ หนด และน�ำ ผลการประเมินไปใช้ปรับปรุงพฒั นาผเู้ รยี นอย่างต่อเนื่อง ๑๓.๔ คณะกรรมการประเมนิ ความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี นของผเู้ รยี นด�ำ เนนิ การประเมิน ความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียนของผูเ้ รยี นในปสี ุดท้ายของการศกึ ษาภาคบงั คับ/การศึกษาขนั้ พื้นฐาน 131

๑๓.๕ การประเมนิ ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ใหผ้ ลการประเมนิ เปน็ ผ่านและไมผ่ ่าน ระดบั ผลการประเมินเป็น ๓ ๒ ๑ ๐ และความหมายของแตล่ ะระดับ ดังน้ี ๓ (ดีเยี่ยม) หมายถงึ มผี ลงานทแ่ี สดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นทม่ี คี ณุ ภาพดเี ลศิ อยเู่ สมอ ๒ (ด)ี หมายถึง มีผลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอา่ น คิด วิเคราะหแ์ ละเขยี นท่มี ีคุณภาพเปน็ ท่ียอมรับ ๑ (ผ่าน) หมายถงึ มผี ลงานทแ่ี สดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นทม่ี ขี อ้ บกพรอ่ งบางประการ ๐ (ไมผ่ า่ น) หมายถงึ ไม่มีผลงานท่ีแสดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน หรอื ถา้ มผี ลงาน ผล งานนัน้ ยงั มขี ้อบกพรอ่ งที่ต้องไดร้ ับการปรับปรงุ แก้ไขหลายประการ นักเรยี นทไี่ ดร้ ับผลการประเมิน “ไม่ผา่ น (๐)” จะต้องด�ำ เนิน การแกไ้ ขผลการประเมนิ ตามก�ำ หนดเวลา และกจิ กรรมท่ีคณะกรรมการพัฒนาและประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี น กำ�หนด ไว้ จงึ จะไดร้ บั การแกไ้ ขผลการประเมินเป็น “ผา่ น (๑)” หมวด ๓ การตดั สนิ ผลการเรียนและการเปลยี่ นผลการเรียน ขอ้ ๑๔ การตัดสินผลการเรยี น ปฏิบัติดังน้ี ๑๔.๑ พิจารณาตัดสินผลการเรยี นเปน็ รายวชิ า โดยประเมนิ ผลเป็นรายภาคเรยี น ๑๔.๒ พิจารณาตัดสนิ ว่าผู้เรียนไดผ้ ลการเรียนเฉพาะรายวิชาท่ีผูเ้ รียนสอบไดร้ ะดบั ผลการเรยี น ๑-๔ เทา่ นั้น ๑๔.๓ ผเู้ รยี นทไี่ ดร้ ะดับผลการเรยี น “๐” โรงเรียนจัดให้มีการสอนซ่อมเสรมิ ในตวั ช้ีวดั และผลการเรยี นรู้ท่ีไม่ ผ่าน แล้วจึงใหส้ อบแกต้ วั จนกวา่ จะได้ระดับผลการเรยี น “๑” ขอ้ ๑๕ การเปลยี่ นผลการเรียน ๑๕.๑ การเปลีย่ นผลการเรียน “๐” ผู้สอนจัดสอนซ่อมเสรมิ ในมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั ที่ผูเ้ รียนสอบไม่ผ่านกอ่ น แลว้ จึงใหผ้ เู้ รียนสอบแก้ตวั ไดไ้ มเ่ กนิ ๒ คร้ัง ท้ังน้ี ผู้เรยี นจะต้องสอบแกต้ ัวตามระยะเวลาท่ีสถานศกึ ษากาหนด สำ�หรับภาคเรยี นที่ ๑ ถา้ ผูเ้ รยี นไมส่ อบแก้ตวั ตามระยะเวลาทสี่ ถาน ศกึ ษาก�ำ หนด ใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาทจ่ี ะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอกี ๑ ภาคเรยี น ส่วนภาคเรยี นที่ ๒ ต้องสอบ แก้ตวั ใหเ้ สร็จสิน้ ภายในปีการศึกษาน้นั การสอบแก้ตวั ให้ไดร้ ะดบั ผลการเรียนไมเ่ กนิ “๑” กรณีการสอบแก้ตวั ๒ คร้ังแล้ว ยังได้ระดับผลการเรยี น “๐” อีก ให้สถานศกึ ษาแตง่ ตง้ั คณะกรรมการซ่ึงประกอบดว้ ย รองผ้อู ำ�นวยการฝ่ายวชิ าการหลกั สูตรและการสอน หวั หน้ากลุม่ สาระการเรยี นร้รู ายวิชาที่นกั เรียนไดผ้ ลการเรยี น “๐” อาจารย์ผู้ สอนที่ประเมนิ ใหน้ ักเรยี นไดผ้ ลการเรียน “๐” โดยกรรมการมหี นา้ ท่ีพจิ ารณาดังนี้ ดำ�เนนิ การเกย่ี วกบั การเปลยี่ นผลการเรียนของนักเรียน โดยปฏิบตั ิ ดงั นี้ ๑) ถ้าเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน ให้เรียนซ้ำ�รายวชิ าน้นั ๒) ถ้าเป็นรายวชิ าเพิ่มเตมิ ให้เรยี นซ�ำ้ หรอื เปลย่ี นรายวิชาเรยี นใหม่ ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของ สถานศกึ ษา ในกรณีทเี่ ปล่ยี นรายวชิ าเรียนใหม่ ใหห้ มายเหตุในระเบยี นแสดงผลการเรยี นวา่ เรียนแทนรายวชิ าใด ๑๕.๒ การเปล่ียนผลการเรียน “ร” ใหผ้ ู้เรียนดำ�เนนิ การแกไ้ ข “ร” ตามสาเหตุ เมอื่ ผ้เู รียนแกไ้ ขปัญหาเสร็จแลว้ ให้ได้ระดบั ผลการเรยี นตามปกติ (ต้งั แต่ ๐-๔ ) ถา้ ผเู้ รยี นไมด่ ำ�เนินการแกไ้ ข “ร” จากสาเหตกุ ารสง่ งานไม่ครบ ตามทีก่ �ำ หนดไว้ในประมวลรายวิชา หรือท่ี ผ้สู อนกาหนด แต่มีผลการประเมินระหว่างภาคเรียนและปลายภาคเรยี น ให้ผสู้ อนนำ�ข้อมูลทีม่ อี ยู่ตัดสนิ ผลการเรียน ยกเวน้ มเี หตสุ ดุ วสิ ัย ให้อย่ใู นดุลยพินจิ ของสถานศกึ ษาทจ่ี ะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรยี น สาหรบั ภาคเรียนท่ี ๒ ตอ้ งด�ำ เนินการให้เสร็จส้นิ ภายในวันที่ ๑๐ เมษายน เพ่ือน�ำ ผลไปใชต้ ่อในระดบั อดุ มศึกษา และใช้ในการจดั ช้นั เรียน เม่อื พน้ กำ�หนดนีแ้ ลว้ ใหเ้ รยี นซ้า หากผลการเรียนเป็น “๐” ใหด้ ำ�เนนิ การแก้ไขตามหลักเกณฑภ์ ายในวันสน้ิ สุดปีการศึกษาตามประกาศ ของระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการว่าด้วยปีการศกึ ษา การเปดิ และปดิ สถานศึกษา พ.ศ.๒๕๔๙ (ภายในวนั ท่ี ๑๕ พฤษภาคม ของ ทุกป)ี เม่ือผเู้ รยี นได้รบั ผลการเรียน “ร” ขอใหผ้ สู้ อนด�ำ เนินการส่งผลการเปล่ียนผลการเรียน “ร” ดงั นี้ (๑) กรณผี สู้ อนมผี ลการประเมนิ ระหวา่ งภาคเรยี นและปลายภาคเรียนแลว้ และผเู้ รียนไมไ่ ด้สง่ งานเพือ่ แก้ไขผลการเรียน ร ขอให้ตัดสินผลการเรียนและสง่ ผลการประเมนิ ทผี่ ้เู รียนไดร้ ับภายในการสอบแกต้ ัวครงั้ ท่ี ๑ 132

(๒) กรณีผ้เู รยี นขาดผลการประเมินระหว่างภาคเรียนหรือปลายภาคเรียน ขอให้ผสู้ อนดำ�เนนิ การใหผ้ ู้เรียนมาสอบให้เสร็จ สน้ิ ภายในระยะเวลาการสอบแกต้ วั ครั้งที่ ๒ ยกเวน้ กรณผี ูส้ อนไม่สามารถตัดสนิ ผลการประเมนิ ได้เนื่องจากเหตสุ ุดวิสยั ขอให้ผู้สอนทำ�บันทกึ ข้อความนำ�เสนอตอ่ ทป่ี ระชุมคณะกรรมการฝา่ ยวชิ าการ หลักสูตรและการสอน เพอื่ พจิ ารณา ขยายระยะเวลาการส่งผลการเปลีย่ นผลการเรียน “ร” อีกไม่เกิน ๑ ภาคเรียน ท้งั น้ีหากผ้เู รยี นเขา้ รว่ มกจิ กรรมทาง วิชาการ และรองผอู้ �ำ นวยการฝา่ ยวิชาการหลกั สตู รและการสอน หรือคณะกรรมการวชิ าการฯ พจิ ารณาอนญุ าตให้ เขา้ ร่วมกจิ กรรมโดยไม่นับเป็นการขาดเรียน ใหผ้ สู้ อนสง่ ผลการประเมนิ เป็น “ร” ๑๕.๓ การเปลีย่ นผลการเรียน “มส” การเปล่ยี นผลการเรียน “มส” มี ๒ กรณี ดงั นี้ กรณีที่ ๑ กรณีผเู้ รยี นได้ผลการเรียน “มส” เพราะมเี วลาเรยี นไม่ถงึ รอ้ ยละ ๘๐ แตไ่ ม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของ เวลาเรียนในรายวชิ านน้ั ใหส้ ถานศึกษาจัดใหเ้ รยี นเพ่ิมเตมิ โดยใช้ชวั่ โมงสอนซ่อมเสรมิ หรอื ใช้เวลาว่าง หรือใชว้ นั หยดุ หรอื มอบ หมายงานให้ทำ� จนมีเวลาเรียนครบตามทีก่ �ำ หนดไว้สาหรับรายวชิ านน้ั แลว้ จึงใหว้ ัดผลปลายภาคเป็นกรณีพเิ ศษ ผลการแก้ “มส” ใหไ้ ด้ระดบั ผลการเรยี นไม่เกิน “๑” การแก้ “มส” กรณนี ีใ้ หก้ ระทาใหเ้ สรจ็ สิ้นภายในวนั ที่ ๑๐ เมษายน เพอื่ น�ำ ผลไปใช้ต่อใน ระดับอดุ มศกึ ษา และใชใ้ นการจัดช้ันเรียน ถา้ นักเรยี นไม่มาด�ำ เนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาท่กี าหนดไว้นใ้ี หเ้ รยี นซ�ำ้ ยกเว้นมี เหตสุ ดุ วสิ ัย ใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาทจ่ี ะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอกี ไมเ่ กิน ๑ ภาคเรียน แต่เม่ือพ้นก�ำ หนดนีแ้ ล้ว ให้ปฏิบัตดิ ังนี้ (๑) ถา้ เปน็ รายวชิ าพ้นื ฐาน ใหเ้ รียนซำ�้ รายวิชานั้น (๒) ถา้ เปน็ รายวชิ าเพมิ่ เติม ให้อยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศึกษา ให้เรยี นซ้ำ�หรือเปล่ียนรายวชิ าเรียนใหม่ กรณีที่ ๒ กรณีผูเ้ รยี นได้ผลการเรยี น “มส” และมีเวลาเรียนน้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียนทงั้ หมด ให้สถานศึกษาดาเนนิ การ ดังนี้ (๑) ถ้าเป็นรายวิชาพื้นฐานใหเ้ รยี นซ้�ำ รายวชิ านน้ั (๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพม่ิ เตมิ ให้อยใู่ นดุลยพนิ ิจของสถานศึกษา ใหเ้ รียนซ�้ำ หรือเปลยี่ นรายวชิ าเรยี นใหม่ ในกรณที ่ีเปล่ยี นรายวชิ าเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรยี นวา่ เรียนแทนรายวชิ าใด ๑๕.๔ การเรียนซำ�้ รายวชิ า ผเู้ รียนที่ไดร้ ับการสอนซอ่ มเสรมิ และสอบแก้ตัว ๒ ครง้ั แล้วไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ให้เรยี นซ�้ำ รายวชิ านนั้ ท้งั น้ี ใหอ้ ยู่ ในดลุ ยพินจิ ของสถานศกึ ษาในการจัดใหเ้ รียนซา้ ในชว่ งใดชว่ งหนึง่ ท่ีสถานศกึ ษาเหน็ วา่ เหมาะสม เชน่ พกั กลางวนั วนั หยดุ ชวั่ โมง วา่ งหลังเลิกเรยี น ภาคฤดรู อ้ น เป็นตน้ ในกรณภี าคเรยี นท่ี ๒ หากผู้เรยี นยงั มีผลการเรียน “๐” “ร” “มส” ให้ดำ�เนินการให้เสรจ็ สิ้นก่อนเปดิ ภาคเรียนปีการ ศึกษาถดั ไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อนเพ่ือแก้ไขผลการเรยี นของผเู้ รยี น ๑๕.๕ การเปลี่ยนผลการเรียน “มผ” กรณที ่ีผ้เู รยี นไดผ้ ล “มผ” สถานศกึ ษาต้องจดั ซ่อมเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นทากิจกรรมในสว่ นทผ่ี ู้เรียนไม่ได้เข้ารว่ มหรือไม่ได้ทำ� จนครบถว้ น แล้วจงึ เปลี่ยนผลจาก“มผ” เปน็ “ผ” ได้ ท้ังนี้ดำ�เนนิ การใหเ้ สรจ็ ส้นิ ภายในภาคเรยี นนนั้ ๆ ยกเว้นมเี หตสุ ุดวสิ ัยให้ อยู่ในดลุ ยพนิ ิจของสถานศกึ ษาทจี่ ะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีกไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรยี น สาหรบั ภาคเรยี นท่ี ๒ ตอ้ งด�ำ เนินการให้ เสร็จส้นิ ภายในวนั ส้ินสดุ ปกี ารศึกษาตามประกาศของระเบยี บกระทรวงศึกษาธกิ ารว่าดว้ ยปกี ารศึกษา การเปดิ และปดิ สถานศกึ ษา พ.ศ.๒๕๔๙ (ภายในวันท่ี ๑๕ พฤษภาคม ของทุกปี) หมวด ๔ การเลอ่ื นช้นั และการอนมุ ัตกิ ารจบหลกั สูตร ข้อ ๑๖ การเลือ่ นช้ันเมอ่ื ส้ินปีการศกึ ษา ผู้เรียนจะได้รบั การเลอ่ื นช้นั เมือ่ มีคณุ สมบตั ิตามเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ ๑๖.๑ รายวิชาพื้นฐานได้รับผลการเรยี นผา่ นทกุ รายวิชา 133

๑๖.๒ รายวิชาเพมิ่ เติม (๑) ได้รับผลการเรียนผ่านไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของหน่วยกิตรายวิชาเพิ่มเติมที่ลงทะเบียนเรียน ในปีการศึกษานั้น และ (๒) ไดร้ บั ผลการเรยี นผา่ นเกนิ คร่ึงหนึง่ ของจ�ำ นวนรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ทลี่ งทะเบยี นเรยี นในปีการศึกษานนั้ ๑๖.๓ ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ บั การประเมินและมีผลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑ์ทโ่ี รงเรียนกำ�หนดในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และ เขียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน (มผี ลการประเมนิ “ผา่ น(๑)”) ๑๖.๔ ระดบั ผลการเรียนเฉล่ียในปีการศกึ ษานน้ั ควรได้ไมต่ ำ่�กวา่ ๑.๐๐ ทงั้ นี้ รายวชิ าใดที่ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ สถานศกึ ษาสามารถซ่อมเสริมผ้เู รียนให้ได้รับการแก้ไขในภาคเรียนถดั ไป สำ�หรบั ภาคเรยี นท่ี ๒ ต้องด�ำ เนินการใหเ้ สรจ็ ส้นิ ภายในวนั ส้นิ สดุ ปกี ารศึกษาตามประกาศของระเบยี บกระทรวงศึกษาธกิ ารว่าด้วยปี การศึกษา การเปดิ และปิดสถานศึกษา พ.ศ.๒๕๔๙ (ภายในวนั ที่ ๑๕ พฤษภาคม ของทุกปี) นอกจากนี้หากผู้เรียนไมส่ ามารถแกไ้ ขผลการประเมินตามขอ้ ๑๖.๓ เฉพาะการประเมนิ การอ่านคดิ วิเคราะห์ และเขยี น และการประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (ตามหนงั สอื เลขที่ ศธ ๐๔๐๑๐/๒๐๐๓ ลงวนั ที่ ๓๐ กนั ยายน ๒๕๖๔) ได้ตามก�ำ หนด เวลา ให้อยู่ในดุลพนิ จิ ของ คณะกรรมการท่ีสถานศึกษาแต่งตัง้ ขนึ้ เพอ่ื ท�ำ หน้าท่พี ิจารณาเกยี่ วกับการประเมนิ ผลการเรียนและการ เล่อื นช้ันเรยี น หากเห็นว่าสามารถพฒั นาและซ่อมเสรมิ ได้ สามารถผ่อนผนั ผ้เู รยี นเล่ือนชั้นได้ โดยให้พิจารณาร่วมกับเกณฑก์ าร เรยี นซ�ำ้ ชนั้ ขอ้ ๑๗ การเรียนซ้�ำ ชั้น ถา้ ผูเ้ รียนท่ีมผี ลการประเมนิ รายวชิ าอยู่ในระดับไม่ผา่ นจำ�นวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะเปน็ ปญั หาตอ่ การเรยี นในระดบั ชนั้ ทสี่ ูงขึน้ คณะกรรมการฝา่ ยวชิ าการ หลกั สูตรและการสอนสามารถพจิ ารณาใหเ้ รียนซ�ำ้ ชน้ั ได้ ท้ังนี้ให้คำ�นึงถงึ วุฒิภาวะและความรู้ ความสามารถของผเู้ รยี นเป็นสำ�คัญ การเรียนซ้�ำ ชั้น มี ๒ ลกั ษณะ คอื (๑) ผู้เรยี นมีระดบั ผลการเรยี นเฉล่ยี ในปีการศกึ ษาน้นั ตำ่�กวา่ ๑.๐๐ และมีแนวโน้มวา่ จะเป็นปญั หาต่อการเรยี น ในระดบั ชนั้ ท่สี ูงข้ึน (๒) ผูเ้ รยี นมีผลการเรยี น ๐, ร, มส เกนิ ครึ่งหนง่ึ ของรายวิชาท่ลี งทะเบียนเรียนในปีการศกึ ษานัน้ ทง้ั นี้ หากเกดิ ลักษณะใดลักษณะหนึง่ หรอื ทงั้ ๒ ลักษณะ คณะกรรมการฝา่ ยวชิ าการ หลกั สตู รและการสอนจะเป็นผู้ พจิ ารณา หากเหน็ ว่าไม่มีเหตผุ ลอันสมควรก็ใหซ้ �ำ้ ช้ัน โดยยกเลิกผลการเรยี นเดมิ และใหใ้ ชผ้ ลการเรยี นใหมแ่ ทน หากพิจารณาแลว้ ไม่ต้องเรียนซ้ำ�ชนั้ ให้อย่ใู นดลุ ยพินิจของสถานศึกษาในการแก้ไขผลการเรยี น หมวดท่ี ๕ เกณฑ์การจบหลักสตู ร ขอ้ ๑๘ การอนมุ ัตจิ บหลักสูตรการศึกษาภาคบงั คบั ๑๘.๑ ผูเ้ รยี นเรียนรายวิชาพนื้ ฐานและเพมิ่ เตมิ โดยเป็นวิชาพนื้ ฐาน ๖๖ หน่วยกติ และรายวชิ าเพิม่ เตมิ ตามที่ สถานศึกษาก�ำ หนด ๑๘.๒ ผเู้ รยี นต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่นอ้ ยกว่า ๗๗ หน่วยกติ โดยเป็นรายวชิ าพื้นฐาน ๖๖ หน่วยกติ และรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ไมน่ ้อยกวา่ ๑๑ หนว่ ยกิต ๑๘.๓ ผเู้รยี นมผี ลการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น ในระดบั ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ตามทส่ี ถานศกึ ษาก�ำ หนด ๑๘.๔ ผเู้ รยี นมผี ลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ในระดบั ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ตามทส่ี ถานศกึ ษาก�ำ หนด ๑๘.๕ ผเู้ รยี นเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นและมผี ลการประเมนิ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ตามทส่ี ถานศกึ ษาก�ำ หนด ขอ้ ๑๙ การอนมุ ัตกิ ารจบหลักสตู รการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน ๑๙.๑ ผู้เรยี นเรยี นรายวิชาพนื้ ฐานและเพมิ่ เตมิ โดยเป็นรายวิชาพืน้ ฐาน ๔๑ หนว่ ยกิต และรายวชิ าเพมิ่ เตมิ ตาม ท่ีสถานศึกษาก�ำ หนด ๑๙.๒ ผเู้ รยี นต้องไดห้ นว่ ยกิตตลอดหลักสูตรไม่นอ้ ยกวา่ ๗๗ หน่วยกติ โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน ๔๑ หน่วยกติ และรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ไม่น้อยวา่ ๓๖ หนว่ ยกติ 134

๑๙.๓ ผู้เรียนมผี ลการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น ในระดบั ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ตามท่ี สถานศกึ ษาก�ำ หนด ๑๙.๔ ผเู้ รียนมผี ลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ในระดบั ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ตามทส่ี ถานศกึ ษาก�ำ หนด ๑๙.๕ ผเู้รยี นเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้รยี นและมผี ลการประเมนิ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ตามทส่ี ถานศกึ ษาก�ำ หนด หมวดท่ี ๖ การเทยี บโอนผลการเรยี น ขอ้ ๒๐ การเทยี บโอนผลการเรยี น เปน็ ผลการเรยี นซง่ึ เปน็ ความรู้ ทกั ษะ และประสบการณข์ องผเู้รยี นทเ่ี กดิ จากการศกึ ษาในระบบ การ ศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั มาประเมนิ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของการศกึ ษาตามหลกั สตู รของโรงเรยี น แนวด�ำ เนนิ การเทยี บโอนผลการ เรยี น ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บวา่ ดว้ ยการเทยี บโอนการเรยี นดงั น้ี ๒๐.๑ การเทียบโอนผลการเรียน ให้ดำ�เนนิ การในรูปของคณะกรรมการเทยี บโอนผลการเรยี น จ�ำ นวนไมน่ ้อยกวา่ ๓ คน แตไ่ ม่เกิน ๕ คน ๒๐.๒ ผขู้ อเทียบโอน ตอ้ งขึ้นทะเบียนเปน็ นกั เรยี นของโรงเรียน จงึ ด�ำ เนินการเทยี บโอน ผลการเรียนในภาคเรียน ท่ีขน้ึ ทะเบียนเปน็ นกั เรยี น ๒๐.๓ จำ�นวนรายวชิ าที่จะรับเทียบโอน และอายขุ องผลการเรียนท่จี ะน�ำ มาเทียบโอน ใหอ้ ยูใ่ นดุลยพนิ ิจของคณะ กรรมการเทยี บโอนผลการเรยี น ทงั้ นเี้ ม่ือเทียบโอนแล้ว ผขู้ อเทยี บโอนตอ้ งมีเวลาเรยี นอยู่ในสถานศึกษาทร่ี ับเทยี บโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน ๒๐.๔ การเทยี บโอนผลการเรียน ให้นำ�รายวิชาทม่ี ีเนื้อหาสอดคล้องกันไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ มาเทียบโอนผล การเรียนได้ และพจิ ารณาใหร้ ะดับผลการเรียน ให้สอดคล้องกับหลักสตู รทรี่ บั เทียบโอน ๒๐.๕ กรณีการเทยี บโอนความรู้ ทกั ษะ และประสบการณ์ ใหพ้ ิจารณาจากเอกสารหลกั ฐาน โดยใหม้ กี ารประเมิน ด้วยเครื่องมอื ทหี่ ลากหลาย และใหร้ ะดบั ผลการเรียนตามเกณฑก์ ารประเมนิ ผลการเรียนของหลกั สูตรท่ีรับเทียบโอน ๒๐.๖ กรณกี ารเทยี บโอนนักเรียนท่ี เข้าโครงการแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ใหด้ ำ�เนนิ การตามประกาศกระทรวง ศึกษาธิการ เรอ่ื งหลักการ และแนวปฏิบตั กิ ารเทียบช้ันการศกึ ษา ส�ำ หรับนักเรียนทเ่ี ข้ารว่ มโครงการแลกเปลยี่ น หมวดท่ี ๗ การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการเรยี นให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบความก้าวหน้าในการเรยี นรู้ของผเู้ รยี น ซ่ึงสถานศกึ ษาจะต้องสรุปผล การประเมนิ และจัดทำ�เอกสารรายงานให้ผูป้ กครองและผเู้ รยี นทราบเปน็ ระยะ ๆ หรอื อยา่ งนอ้ ยภาคการศึกษาละ ๑ ครัง้ ข้อ ๒๑ เมื่อสน้ิ ภาคเรยี น/ปลายปี สถานศกึ ษาตอ้ งจดั ทำ�รายงานผลการพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน รายบุคคล (ปพ.๖) ให้ผ้เู ก่ียวขอ้ งทราบ ขอ้ ๒๒ เมือ่ จบการศึกษาภาคบงั คบั และการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน สถานศึกษาตอ้ งจัดทำ�รายงานผลการเรียนรู้ใหผ้ ้เู ก่ยี วขอ้ ง ทราบดงั น้ี (๑) ระเบียนแสดงผลการเรยี น (ปพ.๑) (๒) ประกาศนยี บัตร (ปพ.๒) (๓) แบบรายงานผู้สำ�เร็จการศกึ ษา (ปพ.๓) 135

หมวดท่ี ๘ เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา ข้อ ๒๓ ใหโ้ รงเรยี นจดั ใหม้ ีเอกสารประเมินผลการเรยี นตา่ งๆ ดงั นี้ (๑) ระเบียนแสดงผลการเรียน (Transcript) (ปพ.๑) (๒) หลกั ฐานแสดงวุฒกิ ารศกึ ษา (ใบประกาศนียบตั ร) (ปพ.๒) (๓) แบบรายงานผ้สู �ำ เร็จการศกึ ษา (ปพ.๓) (๔) แบบรายงานผลการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี นรายบุคคล (๕) ใบรับรองผลการศึกษา ผอู้ ำ�นวยการโรงเรยี นเปน็ ผ้อู นุมัติผลการเรียนและการจบหลกั สูตรการศกึ ษา บทเฉพาะกาล การเปล่ยี นแปลงระเบียบนีใ้ หด้ ำ�เนนิ การไดโ้ ดยความเห็นชอบของคณะกรรมการฝา่ ยวิชาการหลักสตู รและการสอน และ คณะกรรมการบริหารโรงเรยี น ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ (อาจารย์พรพรหม ชัยฉัตรพรสุข) ผู้อำ�นวยการโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม และรองคณบดีคณะครุศาสตร์ 136

ระเบียบโรงเรียนสาธิตจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย ฝ่ายมธั ยม วา่ ด้วยการปฏิบัติตนของนักเรียน พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่ระเบียบโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม ว่าด้วยการปฏิบัติตนของนักเรียน พ.ศ. ๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน สาระสำ�คัญ และรายละเอียดเกี่ยวกับ การปฏิบัติตนของนักเรียน วิธีการและการส่งเสริมความประพฤติเด็กและเยาวชนไม่เหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบัน ดังนั้นเพื่อให้การปฏิบัติตนของนักเรียนเป็นไปตามระเบียบของโรงเรียน ม ีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ ปัจจุบันและเพื่อให้นักเรียนมีความตั้งใจเล่าเรียนมีความประพฤติเรียบร้อย สุภาพเรียบร้อย เหมาะสมเป็นนักเรียนที่ดี ตลอดจนรู้จักประพฤติปฏิบัติตนให้ถูกต้องในทางที่ควร จึงสมควรปรับปรุงและให้ตราเป็นระเบียบใช้บังคับดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม ว่าด้วยการปฏิบัติตนของ นักเรียน พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบของโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม ว่าด้วยการปฏิบัติตนของนักเรียน พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่มีอยู่เดิม หรือคำ�สั่งอื่นใดที่ขัดแย้งกับระเบียบฉบับนี้ และให้ใช้ระเบียบฉบับนี้แทน ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “โรงเรียน” หมายถึง โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม “ผู้อำ�นวยการและรองคณบดี” หมายถึง ผู้อำ�นวยการโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม และรองคณบดีคณะครุศาสตร์ “รองผู้อำ�นวยการฝ่ายกิจการนักเรียน” หมายถึง รองผู้อำ�นวยการฝ่ายกิจการนักเรียนโรงเรียนสาธิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม “สำ�นักงานกิจการนักเรียน” หมายถึง สำ�นักงานกิจการนักเรียน โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม “อาจารย์” หมายถึง อาจารย์ที่สอนอยู่ในโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม “นักเรียน” หมายถึง นักเรียนปัจจุบันของโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม “ผู้ปกครอง” หมายถึง ผู้ที่ได้ลงชื่อเป็นผู้ปกครองนักเรียนในเอกสารมอบตัวนักเรียนที่ให้ไว้กับทางโรงเรียนสาธิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม ให้รองผู้อำ�นวยการฝ่ายกิจการนักเรียนเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติ ตามระเบียบนี้ ให้ผู้อำ�นวยการโรงเรียนและรองคณบดี เป็นผู้พิจารณาตัดสินชี้ขาด ข้อ ๕ ระเบียบนี้ใช้บังคับและเป็นแนวทางในการปฏิบัติ แบ่งเป็น ๕.๑ การปฏิบัติตนโดยทั่วไปของนักเรียน ๕.๒ การปฏิบัติตนในการมาโรงเรียน ๕.๓ การปฏิบัติตนเกี่ยวกับการมาช้า และมาสาย 137

๕.๔ การปฏิบตั ิตนกอ่ นเข้าหอ้ งเรยี น ๕.๕ การปฏบิ ัติตนในหอ้ งเรียน ๕.๖ การปฏบิ ตั ิตนเมื่ออยใู่ นอาคารเรยี น ๕.๗ การปฏบิ ัตติ นเกีย่ วกบั การออกนอกหอ้ งเรยี นขณะทีม่ กี ารเรยี นการสอน ๕.๘ การปฏบิ ตั ติ นเกยี่ วกบั การสอบ ๕.๙ การปฏิบัติตนในการขออนญุ าตออกนอกบรเิ วณโรงเรยี น ๕.๑๐ การปฏิบัติตนเก่ียวกับการลากิจ ลาป่วย ๕.๑๑ การปฏบิ ตั ิตนในการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบในหอ้ งเรยี น ๕.๑๒ การปฏิบัตติ นในการรับประทานอาหาร ๕.๑๓ การปฏบิ ตั ิตนในการแสดงความเคารพ ๕.๑๔ การปฏบิ ัติตนในการใชโ้ ทรศพั ทแ์ ละอุปกรณ์อเิ ล็กทรอนกิ สข์ องนักเรียน ขอ้ ๖ การปฏบิ ัติตนโดยทวั่ ไปของนักเรยี น ๖.๑ นกั เรียนทุกคนจะตอ้ งมผี ้ปู กครองท่ถี กู ต้องตามระเบียบของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร พ.ศ. ๒๕๔๘ ถ้านักเรียนเปลยี่ น ผปู้ กครองใหมจ่ ะต้องแจง้ ใหโ้ รงเรียนทราบ เพอื่ ท�ำ ทะเบยี นประวตั ิใหมแ่ ละนำ�ผู้ปกครองใหม่มาลงลายมือชื่อ ๖.๒ นกั เรียนทกุ คนตอ้ งแตง่ กายให้ถูกต้องตามระเบยี บว่าด้วยเคร่อื งแบบการแตง่ กายของนักเรยี นทโี่ รงเรยี นไดต้ ราเปน็ ระเบยี บไว้ ๖.๓ นกั เรียนทกุ คนต้องมบี ัตรประจำ�ตัวนกั เรียนและน�ำ ตดิ ตัวไว้ ๖.๔ นักเรียนทุกคนต้องมาโรงเรียนโดยสม่ำ�เสมอและตรงเวลา การหยุดเรยี นไม่ว่าจะด้วยเหตใุ ดก็ตาม จะตอ้ งปฏิบัตใิ ห้ ถกู ต้องตามระเบยี บว่าดว้ ยการลาหยดุ ๖.๕ นักเรยี นทุกคนต้องเปน็ ผ้มู ีประชาธิปไตยอนั อยู่ในขอบเขตทถ่ี ูกต้อง เขา้ ใจในหน้าทแ่ี ละสิทธิของตน รู้จกั เคารพสิทธิ ของผู้อนื่ ๖.๖ นักเรียนทุกคนต้องไม่นำ�ของผู้อื่นมาเป็นของตน หรือไม่กระทำ�สิ่งใด ๆ ทผ่ี ิดกฎหมาย ๖.๗ นกั เรียนทุกคนต้องไม่นำ�อุปกรณก์ ารพนันมาโรงเรยี น หรอื ไม่เลน่ การพนนั ทกุ ประเภทในบริเวณโรงเรียน และนอก โรงเรยี น ๖.๘ นกั เรียนทุกคนต้องไม่ครอบครอง สูบ บรโิ ภค บหุ รี่ ส่ิงเสพติด สรุ าหรอื ของมึนเมาทกุ ชนิด หนังสอื ภาพ และส่ือใด ๆ ท่ผี ดิ ต่อศลี ธรรม ๖.๙ นักเรียนทกุ คนตอ้ งไม่นำ�เครอ่ื งประดบั หรือของใชท้ เี่ กนิ ความจำ�เป็นมาโรงเรียน เช่น ก�ำ ไล สรอ้ ยคอ แหวน ต่างหู แวน่ กันแดด วทิ ยุ กล้องถ่ายรปู เคร่ืองเลน่ วดิ ีทศั น์ เครื่องเล่นเกม และเครอื่ งเลน่ อน่ื ๆ แบบพกพา หากมีความจำ�เปน็ ท่ตี อ้ งนำ�มาโรงเรยี นตอ้ งขอ อนญุ าตอาจารย์ประจำ�ชน้ั ๖.๑๐ นกั เรยี นทกุ คนพงึ ปฏิบัตติ นให้เป็นคนดีมคี ุณธรรม ชื่อสตั ย์สุจรติ รจู้ ักเกรงใจผู้อ่ืน ๖.๑๑ นักเรียนทกุ คนตอ้ งไมน่ �ำ อาวธุ หรอื สิง่ ประดิษฐ์อน่ื ใดท่อี าจกอ่ ให้เกดิ อันตรายเขา้ มาในบรเิ วณโรงเรยี น ๖.๑๒ นกั เรียนทุกคนจะตอ้ งไมล่ อ้ เลียนหรอื ขม่ ขู่ หรอื ขม่ เหง หรือก้าวร้าว หรอื ท�ำ รา้ ยบคุ คลอื่น ๖.๑๓ นักเรียนทุกคนพึงละเว้นการก่อการทะเลาะวิวาท หรือการกระทำ�ใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดการแตกแยกในระหว่าง หมคู่ ณะทกุ คนจะตอ้ งชว่ ยกนั ประสานสามคั คแี ละรักษาความสามคั คีของหมคู่ ณะใหม้ ั่นคงถาวร ๖.๑๔ นักเรยี นทุกคนพึงเป็นผู้มคี วามขยันหมั่นเพยี ร รู้จักใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชนแ์ ก่ตนเองและแกห่ มู่คณะ ๖.๑๕ นกั เรยี นทกุ คนพงึ เป็นผู้เสียสละท้งั กำ�ลังกาย ก�ำ ลงั ใจและกำ�ลงั สมอง ช่วยเหลอื งานต่าง ๆ เพ่อื พัฒนาโรงเรยี นให้ เจรญิ กา้ วหนา้ ในทุก ๆ ดา้ น ๖.๑๖ นักเรียนทุกคนพึงถือเป็นหนา้ ท่ีของตนทจ่ี ะต้องชว่ ยกันสง่ เสรมิ และสนับสนนุ กจิ กรรมต่าง ๆ ของโรงเรยี นให้ส�ำ เร็จ ลุลว่ งไปไดด้ ้วยดแี ละมคี วามเจริญข้ึนเปน็ ลำ�ดับ ๖.๑๗ นกั เรยี นทกุ คนต้องถอื เปน็ หน้าทีท่ ีจ่ ะต้องชว่ ยกนั รกั ษาทรัพย์สินทกุ ชนิดของโรงเรียน ให้คงทนถาวร หากผ้ใู ดทำ�ให้ ชำ�รดุ เสยี หาย ผู้นั้นจะตอ้ งรสู้ ำ�นกึ ในความรบั ผิดชอบ ชดใชค้ ่าเสียหายใหก้ ับโรงเรียน 138

๖.๑๘ นกั เรยี นทกุ คนพึงเปน็ ผดู้ ี กลา้ หาญ กลา้ แสดงออกในสิง่ ที่ถูกทีค่ วร รู้จกั อดกลนั้ รูจ้ ักกาลเทศะ มีกริ ยิ าวาจาสุภาพ มสี มั มาคารวะต่อบิดามารดา ครูอาจารย์ และมคี วามสุภาพอ่อนโยนตอ่ บุคคลท่วั ไป ขอ้ ๗ การปฏบิ ัติตนในการมาโรงเรยี น ๗.๑ นกั เรยี นตอ้ งแตง่ เคร่ืองแบบนกั เรยี น หรือชุดลูกเสอื หรอื ชุดเนตรนารี หรอื ชุดนกั ศกึ ษาวชิ าทหารมาโรงเรียนอยา่ ง ถกู ตอ้ งและมีระเบยี บ ๗.๒ ตอ้ งมีเครือ่ งเขยี น หนังสือเรยี นและอุปกรณ์การเรยี นให้ครบ ๗.๓ เมอ่ื เลิกเรียนแล้วใหร้ ีบกลับบ้าน เวน้ แต่มอี าจารย์ควบคมุ ดแู ล และนักเรยี นทุกคนต้องออกจากบรเิ วณโรงเรียนก่อน เวลา ๑๘.๐๐ น. และขอให้นักเรยี นไปรอผูป้ กครองบรเิ วณที่โรงเรียนจัดให้ ๗.๔ นักเรยี นตอ้ งเกบ็ ของออกจากหอ้ งเรยี นก่อนเวลา ๑๗.๐๐ น. เพอื่ ทางโรงเรยี นจะท�ำ การปิดหอ้ งเรียน ๗.๕ ในวนั หยดุ ราชการ วนั หยดุ เรียน ถา้ โรงเรยี นมีความประสงคใ์ ห้นกั เรยี นมาโรงเรียนเพื่อทำ�กจิ กรรมใด ๆ โรงเรียนจะ ออกใบอนุญาตให้ผู้ปกครองทราบและอนญุ าตกอ่ นทุกครัง้ ๗.๖ การมาโรงเรยี นในวนั หยดุ แตย่ ังคงเป็นวนั ราชการปกติ นกั เรียนต้องแต่งเครือ่ งแบบนกั เรยี นใหเ้ รยี บรอ้ ย ไมส่ วม รองเท้าแตะมาเป็นอันขาด และต้องไดร้ ับอนุญาตจากผู้ปกครองทุกครงั้ ๗.๗ ไม่อนุญาตให้นกั เรยี นมาคา้ งทโ่ี รงเรยี นหรือมาโรงเรียนในวันหยุดราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอ้ ๘ ระเบยี บปฏบิ ตั ติ นเกย่ี วกบั การมาชา้ และมาสาย ๘.๑ นกั เรยี นท่มี าโรงเรยี นหลังเวลา ๐๗.๕๐ น.(การมาชา้ ) ต้องปฏิบตั ดิ งั น้ี ๘.๑.๑ เขา้ แถวทป่ี ระตู ๑ (ด้านศาลพระภูม)ิ ๘.๑.๒ เคารพธงชาติ ลงช่ือ/บนั ทกึ เวลาเข้าโรงเรียนและรับฟงั การอบรมจากอาจารย์ ทั้งนใ้ี นกรณที ี่ นักเรยี นมีใบรบั รองแพทย์หรือใบลาจากผู้ปกครองจะไมถ่ ูกบันทกึ ใหเ้ ปน็ การมาช้า ๘.๒ นักเรียนที่มาโรงเรียนหลงั เวลา ๐๘.๑๕ น. (การมาสาย) ตอ้ งปฏบิ ตั ิดงั น้ี ๘.๒.๑ ลงช่อื /บนั ทึกเวลาเข้าโรงเรยี น ท่ปี อ้ มยามประต๑ู (ด้านศาลพระภูมิ) ๘.๒.๒ นักเรียนทม่ี าโรงเรียน หลงั เวลา ๐๘.๓๐ น. (มาสาย) ลงชอื่ /บนั ทกึ เวลาเข้าโรงเรยี น ทป่ี ้อมยาม ประตู๓ (ดา้ นสนามบาสเกตบอล) ๘.๒.๓ ไปรับบตั รเข้าชนั้ เรียนทฝี่ า่ ยกิจการนกั เรยี น ท้งั นี ้ ในกรณที ีน่ กั เรยี นมใี บรับรองแพทย์หรอื ใบลาจาก ผ้ปู กครองจะไม่ถกู บันทกึ ให้เป็นการมาสาย ๘.๒.๔ น�ำ บัตรเข้าชน้ั เรียนไปแสดงกับอาจารยผ์ สู้ อนเพอื่ ขออนญุ าตเข้าช้ันเรยี น ๘.๓ กรณนี กั เรียนมาชา้ ตั้งแต่ ๑๐ ครง้ั ใน ๑ ปกี ารศึกษา งานกิจการนกั เรียนจะดำ�เนนิ การดงั ต่อไปนี้ ๘.๓.๑ มาช้า ๑๐ คร้ัง แจง้ อาจารยป์ ระจ�ำ ชั้น และผู้ปกครองรับทราบเพื่อตกั เตอื น ๘.๓.๒ มาชา้ ๑๖ คร้ัง แจง้ อาจารย์ประจ�ำ ช้ัน และประสานงานกบั ผ้ปู กครองเพ่ือหาวิธีแกป้ ัญหา ๘.๓.๓ มาช้ามากกว่า ๒๔ คร้งั ไมพ่ จิ ารณาใหร้ บั บัตรเกยี รติยศ ๘.๓.๔ มาช้ามากกวา่ ๓๒ ครงั้ ไมพ่ จิ ารณาใหร้ บั บตั รเกยี รตยิ ศและจะตอ้ งถกู ปรบั พฤตกิ รรมโดยฝา่ ย กจิ การนกั เรยี น ๘.๔ กรณีนักเรยี นมาสายตั้งแต่ ๕ ครัง้ ใน ๑ ปกี ารศกึ ษา งานกิจการนักเรยี นจะด�ำ เนนิ การดงั ตอ่ ไปนี้ ๘.๔.๑ มาสาย ๕ คร้ัง แจ้งอาจารยป์ ระจ�ำ ชน้ั และผปู้ กครองรบั ทราบเพื่อตักเตือน ๘.๔.๒ มาสาย ๘ ครงั้ แจง้ อาจารย์ประจ�ำ ชัน้ และประสานงานกบั ผูป้ กครองเพ่ือหาวธิ ีแกป้ ัญหา ๘.๔.๓ มาสายมากกวา่ ๑๒ ครงั้ ไมพ่ จิ ารณาใหร้ ับบตั รเกียรติยศ 139

๘.๔.๔ มาสายมากกวา่ ๑๖ ครง้ั ไม่พิจารณาให้รับบัตรเกียรติยศและจะต้องถูกปรับพฤติกรรมโดยฝ่ายกิจการ นักเรียน ๘.๕ การมาช้า ๒ ครั้ง เทียบเท่าการมาสาย ๑ ครั้ง ทั้งนี้ให้นับจำ�นวนการมาช้า มาสาย รวมกันในการพิจารณา บัตรเกียรติยศ ขอ้ ๙ การปฏบิ ตั ติ นกอ่ นเข้าหอ้ งเรยี น ๙.๑ เม่อื ได้ยินสัญญาณคร้งั ที่ ๑ (เวลา ๐๗.๔๕ น.) ให้นักเรยี นทุกคนเตรยี มตัวเข้าแถว (หน้าเสาธงหรือหน้าหอ้ งเรียนแล้ว แตส่ ภาพของสนาม) ๙.๒ สญั ญาณคร้ังที่ ๒ (เวลา ๐๗.๕๐ น.) นักเรยี นทกุ คนเขา้ แถวเรยี บรอ้ ย เคารพธงชาติ สวดมนต์ ยืนท�ำ สมาธิ และฟัง การอบรมหน้าเสาธงด้วยความสงบเรยี บรอ้ ยในแถว (เฉพาะวนั ศุกร์ ท�ำ ความเคารพพร้อมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี) ๙.๓ การเขา้ หอ้ งเรียน นักเรียนต้องเดนิ เขา้ หอ้ งเรียนเป็นแถวอยา่ งมรี ะเบยี บ ขอ้ ๑๐ การปฏิบัติตนในหอ้ งเรยี น ๑๐.๑ นักเรียนต้องรักษาความเปน็ ระเบยี บ ไม่คยุ หรอื เลน่ ในหอ้ งเรียน ตั้งใจเรียน ฟังคำ�อธิบายของอาจารย์ผ้สู อนด้วย ความเคารพ ไม่ลกุ จากทนี่ งั่ โดยไม่ไดร้ ับอนญุ าต ๑๐.๒ ไม่น�ำ วิชาอน่ื ขน้ึ มาท�ำ โดยทีอ่ าจารยผ์ สู้ อนไม่อนญุ าต ๑๐.๓ เม่อื อาจารยไ์ ม่เข้าหอ้ งเรยี นหลังเวลา ๑๐ นาทไี ปแล้ว ใหห้ ัวหน้าหอ้ งรีบรายงานอาจารย์หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ หรือรองผูอ้ ำ�นวยการฝา่ ยวิชาการ หลกั สูตร และการสอน เพือ่ จดั อาจารยเ์ ขา้ สอนแทน ๑๐.๔ นกั เรยี นต้องน�ำ โทรศัพทม์ ือถือ หรืออุปกรณส์ ่ือสาร ใส่กล่องหรือวางไว้หน้าหอ้ งเรียน ขอ้ ๑๑ การปฏิบตั ติ นเมื่ออย่ใู นอาคารเรยี น ๑๑.๑ ไม่วงิ่ หรอื เลน่ กีฬาต่าง ๆ เช่น ฟตุ บอล บาสเกตบอล ตะกร้อ เทเบิลเทนนสิ เปน็ ตน้ ในห้องเรยี นหรืออาคารอ่ืน ๆ ให้ เลน่ ในทท่ี ี่จัดไวใ้ หเ้ ทา่ นั้น ๑๑.๒ เมื่อทำ�ความสะอาดห้องเรียนหลังเลิกเรียนเวลาเย็นแล้ว ทุกคนต้องออกจากห้องเรียนภายในเวลา ๑๗.๐๐ น. แล้วไปนั่งพักรอผู้ปกครองในบริเวณที่โรงเรียนจัดไว้ให้เท่านั้น ๑๑.๓ ไมท่ �ำ เสียงอกึ ทึกรบกวนช้นั เรียนอน่ื ๆ ทกี่ ำ�ลังเรยี นอยู่ ๑๑.๔ ไม่ปนี หรือนั่งบนลูกกรง ราวบนั ได ขั้นบันได เลน่ กันบนอาคารเรียน ปีนชนั้ บน หลงั คา ชายคา ไต่ตามท่อระบาย และ บริเวณอ่นื ๆ ทก่ี อ่ ให้เกดิ อันตราย และอาจเกดิ อบุ ัตเิ หตุแกน่ ักเรยี น ๑๑.๕ การเดินบนอาคารให้ชิดขวา ข้อ ๑๒ การปฏบิ ตั ิตนเกีย่ วกบั การออกนอกหอ้ งเรยี นขณะทมี่ ีการเรยี นการสอน ๑๒.๑ ในระหว่างที่มีชั่วโมงการเรียนการสอนนักเรียนจะต้องอยู่ในห้องเรียน นักเรียนจะไปอยู่ห้องสมุด ห้องพยาบาล โรงอาหาร หรือในที่อื่น ๆ ไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอาจารย์ผู้สอนในชั่วโมงนั้นเป็นลายลักษณ์อักษร ๑๒.๒ ถ้ามีความจ�ำ เปน็ ต้องออกจากห้องเรียน ให้ขออนุญาตอาจารยท์ ่ีก�ำ ลังสอน ทงั้ นี้ในคาบแรก และคาบเรยี นหลงั พกั สิบ หรอื พักกลางวนั นกั เรียนไมค่ วรขออนุญาตออกนอกห้องเรยี น ๑๒.๓ ในกรณีท่ีอาจารยไ์ ม่อยู่ในหอ้ งเรยี น ให้ทกุ คนอย่ใู นหอ้ งด้วยความเป็นระเบยี บเรียบร้อย ไม่ส่งเสียงหรือกระทำ�การ ใด ๆ อันเปน็ การรบกวนหอ้ งเรียนขา้ งเคยี ง ถา้ มีความจำ�เป็นต้องออกนอกห้องในขณะที่อาจารย์ไม่อย่ใู ห้แจ้งหัวหน้าหอ้ งทราบ ขอ้ ๑๓ การปฏิบตั ติ นเกยี่ วกบั การสอบ ๑๓.๑ นักเรียนต้องเขา้ สอบให้ตรงเวลาท่ีกำ�หนด ยกเวน้ กรณีทมี่ คี วามจ�ำ เปน็ ตอ้ งแจ้งเหตุผลแก่อาจารยผ์ คู้ ุมสอบ 140

๑๓.๒ ไม่นำ�เอกสาร หนังสือและเคร่ืองมอื ที่เกี่ยวกบั การท�ำ ข้อสอบในวชิ าน้นั ๆ เข้าในห้องสอบเดด็ ขาด ๑๓.๓ ไมน่ ำ�ข้อสอบออกจากห้องไมว่ า่ วชิ าใด ๆ ยกเวน้ แต่จะไดร้ ับอนุญาตในบางวิชาเทา่ นน้ั ๑๓.๔ ไม่กระทำ�การใด ๆ อนั เปน็ การส่อไปในทางทุจรติ ในการสอบ ถ้าจบั ไดจ้ ะมคี วามผิดตามระเบียบของโรงเรียน และได้คะแนนการสอบเป็น ๐ ในรายวชิ าทท่ี ุจรติ คร้งั นนั้ ๑๓.๕ เมอื่ สอบเสรจ็ แล้วต้องออกจากหอ้ งสอบและไม่สง่ เสียงรบกวนผูท้ ่กี ำ�ลงั สอบอยู่ ๑๓.๖ ต้องแต่งกายด้วยความสภุ าพเรยี บร้อยตามระเบียบของโรงเรยี น ๑๓.๗ ไมน่ �ำ เครอ่ื งมือส่ือสารทกุ ชนิดเขา้ มาในห้องสอบ ๑๓.๘ ห้ามใช้อุปกรณ์สื่อสารตั้งแต่เวลา ๗.๔๕ น. จะใช้ได้เมื่อเสร็จสิ้นการสอบช่วงเช้า/พักกลางวัน และเสร็จสิ้น การสอบช่วงบ่ายเท่านั้น ข้อ ๑๔ การปฏิบัติตนในการขออนุญาตออกนอกบรเิ วณโรงเรยี น เม่อื นักเรียนมาถึงโรงเรยี นแลว้ ต้องอย่ใู นความควบคมุ ดแู ลของอาจารยข์ องโรงเรยี นจะออกนอกบริเวณโรงเรยี นโดย พลการไมไ่ ด้โดยเดด็ ขาด จนกว่าจะถงึ เวลาเลิกเรยี น หากนกั เรียนมีกิจธุระจำ�เปน็ ทจี่ ะต้องออกนอกบรเิ วณโรงเรยี น ให้ปฏบิ ตั ิดงั น้ี ๑๔.๑ ผู้ปกครองมาขอลาดว้ ยตนเอง ให้ตดิ ตอ่ ทสี่ �ำ นกั งานกจิ การนกั เรียน โรงเรียนไมอ่ นญุ าตใหผ้ ู้ปกครองขน้ึ ไปตาม นกั เรียนบนอาคารเรยี น ๑๔.๒ ผู้ปกครองเขยี นหนังสือขออนุญาต ใหน้ กั เรียนถอื มาแล้วใหป้ ฏบิ ตั ดิ ังน้ี ขั้นท่ี ๑ ย่นื หนังสอื ขออนญุ าตต่ออาจารยป์ ระจำ�ช้นั เพ่ือลงนามอนญุ าต ข้ันท่ี ๒ น�ำ เสนอรองผอู้ �ำ นวยการฝ่ายกิจการนักเรียน หรืออาจารยฝ์ ่ายกจิ การนกั เรียนทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย เพือ่ รบั บตั ร อนุญาตออกนอกบริเวณโรงเรียน (ดังตัวอย่าง) เมื่อรับแล้วต้องแสดงบัตรอนุญาตให้แก่ยามประตู เพื่อบันทึกไว้เป็น หลักฐานก่อนออกและกลับเข้ามาในบริเวณโรงเรียน ในกรณีที่อาจารย์ประจำ�ชั้นไม่อยู่ หัวหน้าระดับชั้นมีสิทธิ์อนุญาต แทนอาจารย์ประจำ�ชั้นได้ เมื่อกลับจากทำ�ธุระแล้วแจ้งให้อาจารย์ประจำ�ชั้นทราบ (คำ�เตือน หากปรากฏว่านักเรียน คนใดปลอมลายมือชื่อผู้ปกครอง โรงเรียนอาจพิจารณาลงโทษฐานปลอมแปลงเอกสารและแจ้งความเท็จ) ตวั อยา่ งบัตรอนุญาตออกนอกบรเิ วณโรงเรียน ตอั ยา่ ง บัตรขออนญุ าตออกนอกบรเิ วณโรงเรยี น 141

ตวั อย่างใบขออนญุ าตออกนอกบริเวณโรงเรียน 142

ตอั ย่าง บตั รขออนุญาตเข้าช้ันเรียน ๑๕ การปฏบิ ัตติ นเกี่ยวกบั การลากจิ ลาปว่ ย ๑๕.๑ การลาหยุดโรงเรียนทุกครง้ั นกั เรยี นจะต้องย่นื ใบลากจิ หรอื ลาป่วยต่ออาจารย์ประจ�ำ ชัน้ ตามเหตผุ ลท่เี ป็น จริงเม่อื มาโรงเรียนในวนั แรก (ถา้ ขาดเรียนเพราะปว่ ยเกนิ ๓ วัน ตอ้ งมใี บรับรองแพทย์แนบมาพรอ้ มกบั ใบลาด้วย) ๑๕.๒ สว่ นท้ายของใบลาใหผ้ ู้ปกครองเขยี นข้อความวา่ “ ข้าพเจ้าขอรับรองว่าเป็นความจริง” แล้วลงชื่อกำ�กับ (จะต้องเปน็ ลายเซ็นของผูป้ กครองทมี่ าท�ำ ใบมอบตวั หรอื ผู้ปกครองคนท่ี ๒) ๑๕.๓ ถ้าปรากฏว่านักเรียนคนใดปลอมลายเซ็นผู้ปกครองให้ลงโทษสถานหนัก โดยโรงเรียนอาจพิจารณา ลงโทษฐานปลอมแปลงเอกสาร และแจ้งความเท็จแก่ทางโรงเรียน ๑๕.๔ หากนกั เรียนคนใดขาดเรียนโดยไมส่ ง่ ใบลา หรือโรงเรยี นไมไ่ ด้รับการแจง้ จากผู้ปกครองถงึ ๒ วันตดิ ตอ่ กัน จะ ดำ�เนินการดังน้ี ๑๕.๔.๑ อาจารยป์ ระจ�ำ ช้ันแจ้งผูป้ กครองคร้งั ท่ี ๑ ๑๕.๔.๒ เมือ่ แจง้ ผปู้ กครองครง้ั ท่ี ๑ แลว้ หากไม่ได้รบั การตดิ ตอ่ ภายใน ๒ วัน ทางโรงเรยี นยังไม่ทราบเหตุผล ในการลา ให้เชิญผปู้ กครองมาพบ ๑๕.๕ ทุกครงั้ ท่ีนกั เรยี นหยดุ เรยี น ผปู้ กครองสามารถแจง้ อาจารย์ประจำ�ชน้ั ของนักเรยี นโดยตรง หรือส�ำ นักงาน กิจการนกั เรยี น หมายเลขโทรศัพท์ ๐-๒๒๑๘-๒๓๑๗ , ๐-๒๒๑๘-๒๓๑๙ และเม่อื นักเรียนมาเรยี นตามปกตแิ ล้ว ใหน้ �ำ จดหมายลาหยดุ ส่งท่อี าจารย์ประจำ�ชนั้ ๑๕.๖ กรณีที่นกั เรยี นต้องลาเรง่ ดว่ น ต้องไดร้ ับการประสานงานจากผู้ปกครอง อาจารยป์ ระจ�ำ ช้นั และอาจารย์ ฝ่ายกจิ การนักเรยี น นกั เรยี นจึงจะด�ำ เนินการลา และออกจากโรงเรียนได้ ๑๕.๗ กรณีฉุกเฉินที่นักเรียนได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ หรือพยาบาล ที่ห้องพยาบาลของทางโรงเรียน ว่าควร ให้ผู้ปกครองมารับ หรอื ไปโรงพยาบาล นกั เรียนไมจ่ �ำ เป็นต้องมายื่นใบลาท่หี ้องกจิ การนกั เรียน ให้ห้องพยาบาล ประสานงานผู้ทีเ่ กยี่ วข้อง ได้แก่ อาจารย์ประจ�ำ ชั้น ,อาจารย์ฝ่ายกิจการนักเรียน และผ้ปู กครอง 143

ตวั อย่าง รปู แบบจดหมายลา ข้อ ๑๖ การปฏบิ ตั ิตนในการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบยี บในหอ้ งเรียน ๑๖.๑ นักเรียนตอ้ งช่วยกันรกั ษาความสะอาดของอาคารเรยี นและบรเิ วณโรงเรียนทั่วไปให้สะอาด รวมทัง้ รักษาความ สะอาดเคร่อื งแต่งกายของตนอยู่เสมอ ๑๖.๒ ชว่ ยกันรกั ษาความสะอาดของห้องเรยี นและทรัพยส์ ินตา่ ง ๆ ของหอ้ งเรยี นให้อยู่ในสภาพดีและเรยี บร้อยอยู่เสมอ ๑๖.๓ ห้ามเคลื่อนย้ายโตะ๊ ม้านั่งออกนอกหอ้ งเรียนโดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าต ๑๖.๔ ไมข่ ดี เขยี นม้านัง่ โต๊ะเรียน ฝาผนงั และประตหู น้าต่างของหอ้ งเรียน ผนงั ในหอ้ งนำ้�และอาคารเรยี นตา่ ง ๆ และไม่ ท�ำ ลายทรพั ย์สินตา่ ง ๆ ของโรงเรียนดังกล่าวมาแลว้ ให้ช�ำ รุดเสยี หาย ๑๖.๕ ต้องรบั ผดิ ชอบ ชดใช้คา่ เสยี หายและรบั โทษจากโรงเรยี นในกรณที ำ�ลายทรพั ยส์ ินของโรงเรียนโดยเจตนา หรอื โดย ไมเ่ จตนา หรอื โดยประมาทเลนิ เลอ่ ตามเหตผุ ลสมควร 144

ข้อ ๑๗ การปฏบิ ตั ิตนในการรับประทานอาหาร ใหน้ กั เรียนรับประทานอาหารในโรงเรียนโดยถอื ปฏิบัตดิ งั นี้ ๑๗.๑ ขณะที่นักเรียนอยู่ในโรงเรยี นไมอ่ นุญาตใหส้ ่งั ซื้ออาหารจากภายนอกเข้ามารบั ประทานในโรงเรยี น ๑๗.๒ ไม่รบั ประทานอาหารกอ่ นและหลงั เวลาที่ทางโรงเรียนก�ำ หนด ๑๗.๓ ไมน่ �ำ อาหารและเครื่องดมื่ ไปรับประทานนอกโรงอาหาร หรอื ในหอ้ งเรยี น ๑๗.๔ ไมน่ �ำ ภาชนะใส่อาหารและเครือ่ งด่มื ทกุ ชนดิ ข้ึนไปบนอาคารเรยี น ยกเวน้ นำ้�ดมื่ ๑๗.๕ นักเรยี นที่น�ำ อาหารมาจากบา้ น ใหน้ �ำ ไปรบั ประทานในโรงอาหาร ๑๗.๖ เม่อื รบั ประทานอาหารเสรจ็ แลว้ ให้นำ�ภาชนะทใ่ี สอ่ าหารไปเทเศษอาหารลงในภาชนะที่เตรยี มไว้ แล้วน�ำ ชอ้ นกับ ภาชนะใสอ่ าหารไปวางไวใ้ ห้เรียบรอ้ ยบนโตะ๊ ที่จัดไว้ ๑๗.๗ รบั ประทานอาหารด้วยกริ ยิ ามารยาทเรียบร้อย ไม่สง่ เสียงดงั หรือคุยกันขณะรับประทานอาหาร ขอ้ ๑๘ การปฏิบตั ิตนในการแสดงความเคารพ การแสดงความเคารพเป็นการแสดงออกของผูท้ ี่ไดร้ ับการศกึ ษาอบรมเป็นอย่างดี โรงเรยี นได้ก�ำ หนดหลักปฏบิ ัติเพื่อสร้าง อุปนสิ ยั ให้นกั เรียนรู้จกั ทำ�ความเคารพครู อาจารยแ์ ละผูใ้ หญด่ งั นี้ ๑๘.๑ การแสดงความเคารพภายในบริเวณโรงเรียน ๑๘.๑.๑ นักเรียนตอ้ งให้ความเคารพนบั ถือ ยกย่อง อาจารย์/บคุ ลากร ทุกทา่ นของโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั ฝ่ายมัธยม ๑๘.๑.๒ เมอื่ นักเรยี นนั่งหรือยนื อยูก่ ับท่ี ถ้าอาจารย/์ บุคลากร เดนิ ผ่านในระยะใกลพ้ อสมควรใหแ้ สดงความเคารพ ๑๘.๑.๓ เมอ่ื นักเรยี นเดินสวนทางกบั อาจารย์/บุคลากร ใหแ้ สดงความเคารพ เม่อื อาจารย/์ บุคลากร เดินผ่านไปแล้ว จึงเดนิ ตอ่ ไป ๑๘.๑.๔ เมื่อนักเรียนเดินตามหลังอาจารย์/บุคลากร ไม่ควรชิงขึ้นหน้า นอกจากจำ�เป็นจริง ๆ แต่ต้องกล่าวคำ� ขอโทษหรือขออนุญาตเสียก่อน และถ้าอาจารย์/บุคลากรเดินตามหลังนักเรียนมาในระยะใกล้ ควรหยุดให้อาจารย์/บุคลากร เดินผ่านไปก่อน ๑๘.๑.๕ ลูกเสือ เนตรนารี นักศึกษาวิชาทหารที่อยู่ในเครื่องแบบ ให้ทำ�ความเคารพแบบลูกเสือ เนตรนารี หรือ แบบทหาร ๑๘.๑.๖ เมื่ออาจารย์ เข้าหอ้ งเรยี นหรอื ก่อนออกจากหอ้ งเรียนให้บอกท�ำ ความเคารพว่า \" นักเรียนทำ�ความเคารพ \" ใหน้ กั เรียนแสดงความเคารพ แลว้ กล่าวค�ำ วา่ \" สวสั ดีครับ , คะ่ \" หรือขอบคุณครบั , คะ่ ตามความเหมาะสม ๑๘.๑.๗ นักเรียนที่ยืนพูดกับอาจารย์ ต้องยืนตรง ในลักษณะสำ�รวม เมื่อพูดเสร็จแล้วให้แสดงความเคารพด้วย การโคง้ คำ�นับหรอื ไหว้ ๑๘.๑.๘ เมอ่ื นักเรียนเข้าพบอาจารย์ เพ่อื รับค�ำ แนะนำ�ไต่ถามข้อสงสยั รับสมุดแบบฝกึ หดั หรืออ่นื ๆ ใหย้ นื หา่ งจาก โตะ๊ ประมาณ ๑ ก้าว พร้อมกับทำ�ความเคารพ ในการไปรบั หรือสง่ สมดุ แบบฝึกหัด ถ้าเข้าไปพรอ้ ม ๆ กันเปน็ จ�ำ นวนหลายคน ใหน้ กั เรยี นเขา้ แถว ตามลำ�ดับกอ่ นหลงั ไมค่ วรรุมลอ้ มโต๊ะอาจารย์ ๑๘.๒ การแสดงความเคารพภายนอกโรงเรยี น เม่อื นักเรียนพบอาจารย์ ภายนอกโรงเรียนใหแ้ สดงความเคารพทุกครัง้ โดยการไหวพ้ ร้อมกล่าวค�ำ วา่ \" สวัสดีครับ , คะ่ \" แลว้ ทักทายปราศรยั แกอ่ าจารย์ ตามสมควรแกโ่ อกาส ข้อ ๑๙ การปฏบิ ตั ติ นในการใชโ้ ทรศัพทแ์ ละอปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนกิ สข์ องนกั เรียน ๑๙.๑ ไม่อนุญาตให้ใช้ในระหว่างเวลาเรียน ขอให้ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการใช้โทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของ นักเรียน อย่างเคร่งครัด ๑๙.๒ ไม่อนุญาตให้ นักเรียนเล่นเกมที่ไม่เหมาะสมภายในโรงเรียน จากการประกาศฝ่ายกิจการนักเรียน โดยห้ามตั้งแต่ เวลา ๐๗.๔๕ น. ถึงเวลาเลิกเรียน 145

๑๙.๓ กรณีที่มีกิจกรรมของโรงเรียน เช่น กิจกรรมกีฬา หรือกิจกรรมเนื่องในวันสำ�คัญต่าง ๆ ให้นักเรียนปฏิบัติเหมือน มีการเรียนการสอนปกติ ยกเว้นจะมีการประกาศจากฝ่ายกิจการนักเรียน ๑๙.๔ วันที่มีการสอบกลางภาค/ปลายภาค ให้นักเรียนใช้ได้ในเวลา ดังนี้ - สอบช่วงเช้าเสร็จสิ้น จนถึงเวลาพักรับประทานอาหาร - สอบช่วงบ่ายเสร็จสิ้น จนถึงเวลาเลิกเรียน ข้อ ๒๐ กรณีที่เกิดสถานการณ์หรือเกิดเหตุการณ์ ซึ่งโรงเรียนพิจารณาแล้วเห็นว่ามีผลกระทบต่อนักเรียนหรือโรงเรียน โรงเรียน สามารถเปลี่ยนแปลงแนวทางการปฏิบัติตนของนักเรียนเพื่อให้เกิดความเหมาะสมได้ ทั้งนี้นักเรียนจะต้องปฏิบัติตนตามแนวทาง การปฏิบัติตนหรือประกาศของโรงเรียนที่ได้ประกาศไว้ ข้อ ๒๑ บรรดากฎ ระเบียบ แนวทางปฏิบัติ หรือคำ�สั่งใด ๆ ที่ออกตามระเบียบโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม ว่าด้วยการปฏิบัติตนของนักเรียน พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ยังคงมีผลใช้บังคับได้ต่อไป เพียงเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบฉบับนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ (อาจารย์พรพรหม ชัยฉัตรพรสุข) ผู้อำ�นวยการโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม และรองคณบดีคณะครุศาสตร์ 146

แนวปฏิบัติการใชโ้ ทรศัพทแ์ ละอปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนกิ ส์ของนกั เรยี น เพอื่ ให้การใช้โทรศัพทแ์ ละอปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ทุกชนดิ ของนักเรยี น เกดิ ประโยชน์กับนกั เรียน ผู้ปกครอง และปอ้ งกนั การ เกิดปญั หาต่าง ๆ ทอ่ี าจจะเกิดขน้ึ กบั นักเรียนและโรงเรยี น อาศัยอำ�นาจตามระเบยี บโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ฝ่ายมธั ยม ว่าดว้ ย การปฏิบัติตนของนักเรียน พ.ศ. ๒๕๖๓ และระเบียบโรงเรียนสาธติ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ฝ่ายมธั ยม วา่ ดว้ ยการลงโทษนกั เรยี น พ.ศ. ๒๕๖๓ จึงเห็นสมควรออกแนวปฏิบัติการใช้โทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของนักเรียน โดยโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนนำ�โทรศัพท์และอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์มาโรงเรียนได ้ แตน่ กั เรียนต้องปฏบิ ตั ติ ามแนวปฏิบัติ ดังน้ี ๑. โทรศพั ท์และอปุ กรณอ์ ิเลก็ ทรอนกิ ส์ หมายถงึ โทรศัพท์ โทรศพั ท์เคลือ่ นท่ี และอปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนกิ สท์ ี่มีลักษณะการใช้งานเดยี วกัน ๒. นกั เรียนท่ีน�ำ โทรศพั ท์และอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์มาโรงเรียน จะตอ้ งปฏิบัตดิ ังน้ี ๒.๑ การใช้โทรศพั ทค์ วรใช้เพ่ือประกอบการเรยี นการสอน และตดิ ตอ่ กบั ผปู้ กครองเท่าน้นั ๒.๒ หากนกั เรยี นมีความจ�ำ เปน็ เร่งด่วนตอ้ งตดิ ต่อสอื่ สารกบั ผ้ปู กครอง ใหข้ ออนญุ าตจากอาจารย์ประจ�ำ ชน้ั หรอื อาจารย์ที่ สามารถติดตอ่ ได้ในขณะนั้น โดยการใช้โทรศพั ท์ ควรพดู ในพนื้ ท่ใี ห้เหมาะสม ไมเ่ ดินพูด ๒.๓ นักเรียนต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในการเก็บรักษาและการใช้งานโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในโรงเรียนอย่าง เคร่งครัด ๒.๔ ไม่อนุญาตให้นักเรียนใช้กระแสไฟฟ้าของโรงเรียนเพื่อเพิ่มเติมแบตเตอรี่ของโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ของนักเรียน เว้นแต่ มีเหตุจำ�เป็นโดยได้รับอนุญาตจากอาจารย์ประจำ�ชั้นหรืออาจารย์ที่สามารถติดต่อได้ในขณะนั้น ๒.๕ ให้นักเรียนเป็นผู้เก็บรักษาโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง หากเกิดความเสียหาย หรือสูญหาย โรงเรียนจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น ๓. ช่วงเวลาในการใช้โทรศพั ทข์ องนักเรยี น ๓.๑ กอ่ นเข้าแถวเคารพธงชาติ เวลา ๐๗.๔๕ น. ๓.๒ พัก ๑๐ นาที เช้า เวลา ๑๐.๑๐ – ๑๐.๒๐ น. ๓.๓ พักกลางวนั ๕๐ นาที นักเรยี น ม ตน้ เวลา ๑๑.๑๐ – ๑๒.๐๐ น. นกั เรียน ม ปลาย เวลา ๑๒.๐๐ – ๑๒.๕๐ น. ๓.๔ พกั ๑๐ นาที บ่าย เวลา ๑๓.๔๐ – ๑๓.๕๐ น. ๓.๕ หลงั เลิกเรยี น ตง้ั แตเ่ วลา ๑๕.๓๐ น. ยกเวน้ มคี าบ ๙ ให้ใชไ้ ด้ตั้งแต่เวลา ๑๖.๒๐ น. ๔. ข้อปฏิบัติในการใช้โทรศัพท์เมอื่ ถงึ ช่วั โมงโฮมรูม ๔.๑ เมื่อนกั เรยี นกลบั จากกจิ กรรมหน้าเสาธง หรอื กจิ กรรมโรงเรยี นตอนเชา้ ใหน้ �ำ โทรศัพท์มาไวใ้ นกล่องซง่ึ วางอยูบ่ นโตะ๊ หนา้ หอ้ งเรียน ๔.๒ เมือ่ เสรจ็ จากกจิ กรรมโฮมรูม อาจารย์ประจ�ำ ชั้นออกจากหอ้ งไปแลว้ ไม่อนญุ าตใหน้ กั เรยี นน�ำ โทรศพั ทไ์ ปใช้ โดยเดด็ ขาด ยกเว้นไดร้ ับอนุญาตจากอาจารย์เทา่ นัน้ ๕. ขอ้ ปฏบิ ัติในการใช้โทรศัพทเ์ มอื่ ถึงชวั่ โมงเรยี น ๕.๑ นกั เรยี นทกุ คนทม่ี โี ทรศพั ท์ จะต้องน�ำ โทรศพั ทม์ าไวใ้ นกลอ่ งซึง่ วางอยูบ่ นโต๊ะหนา้ หอ้ งเรยี น ตามเลขทข่ี องนักเรยี นเอง ๕.๒ อาจารย์ผสู้ อนตรวจสอบการวางโทรศพั ท์ของนกั เรยี นก่อนเร่ิมการเรยี นการสอน ๕.๓ กรณีที่นักเรียนจะต้องใช้อุปกรณ์สื่อสารเพื่อการเรียนการสอน ต้องได้รับอนุญาตจากอาจารย์ผู้สอนเท่านั้น และ ไม่ใช้นอกเหนือกิจกรรมที่ขออนุญาต ทั้งนี้หลังการใช้ให้เก็บใส่กล่องหน้าห้องเรียนเหมือนเดิม โดยอยู่ในการควบคุมของอาจารย์ผู้สอน ๕.๔ กรณที ม่ี กี ารเรยี นการสอนพลศกึ ษา ไมอ่ นญุ าตใหน้ กั เรยี นใชอ้ ปุ กรณส์ อ่ื สาร ยกเวน้ ไดร้ บั อนญุ าตจากอาจารยผ์ สู้ อนเทา่ นน้ั ๕.๕ ในกรณีท่ีมกี ารเรยี นการสอนนอกหอ้ งเรียน ไม่อนญุ าตใหน้ กั เรียนเก็บโทรศัพท์ไวใ้ นห้องเรียนโดยเด็ดขาด แตใ่ หอ้ ยู่ใน ดุลยพนิ จิ ของอาจารยผ์ สู้ อน 147

๕.๕ ในกรณที ม่ี ีการเรียนการสอนนอกหอ้ งเรียน ไม่อนญุ าตใหน้ ักเรียนเก็บโทรศัพทไ์ วใ้ นห้องเรียนโดยเดด็ ขาด แตใ่ ห้อยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของ อาจารยผ์ ู้สอน ๕.๖ นักเรียนสามารถรับโทรศัพท์คืนได้เมื่อถึงเวลาพัก/ย้ายห้องเรียน/หรือหมดชั่วโมงเรียนที่กำ�หนดเท่านั้น โดยหัวหน้าห้องหรือผู้ที่ ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ประจำ�ชั้นจะเป็นผู้ตรวจสอบการรับโทรศัพท์คืน ๕.๗ นักเรยี นจะต้องดแู ลและรับผิดชอบโทรศัพทข์ องตนเอง โดยจะต้องรับโทรศพั ทค์ ืนทกุ คร้ังท่ีมีการคนื โทรศพั ทแ์ ละไมว่ างโทรศัพท์ทิ้ง ไวห้ น้าห้อง ๕.๘ หากนักเรียนไมป่ ฏบิ ัตติ ามแนวทางขา้ งต้น ขอความกรุณาอาจารยผ์ สู้ อน พานกั เรยี นมาบันทึกพฤติกรรม ทหี่ อ้ งกจิ การนกั เรยี น ๕.๙ หากพบเห็นพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ที่ไม่เหมาะสมของนักเรียน ฝ่ายกิจการนักเรียนจะดำ�เนินการตามระเบียบของโรงเรียน และยึดโทรศัพท์เป็นเวลา ๓๐ วัน นักเรียนสามารถขอถอดซิมการ์ด หรือขอถ่ายโอนข้อมูลในโทรศัพท์ก่อนโดนยึด ทั้งนี้อาจารย์ฝ่ายกิจการนักเรียนจะขอ อนุญาตผู้ปกครองก่อนทุกครั้ง ๕.๑๐ หากนักเรียนกระทำ�การหยิบโทรศัพท์ของผู้อื่นหรือกระทำ�การใดอันมีเจตนาให้เกิดความวุ่นวายจากการใช้โทรศัพท์ ทางฝ่ายกิจการนักเรียนจะดำ�เนินการตามระเบียบของโรงเรียนต่อไป ๖. ข้อปฏิบัติการใชอ้ ปุ กรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ๖.๑ นักเรยี นตอ้ งไดร้ ับการอนุญาตจากอาจารย์ผดู้ แู ลกอ่ น จึงจะสามารถใช้ได้ ๖.๒ เมื่อได้รบั อนุญาตใหใ้ ช้ หลังจากเสรจ็ กจิ กรรมแลว้ ใหเ้ ก็บใหเ้ รยี บร้อย และระหว่างกจิ กรรมต้องไมใ่ ช้ทำ�อย่างอื่นนอกเหนือจากการ ขออนญุ าต ๖.๓ นักเรยี นเปน็ ผดู้ ูแลรับผิดชอบสิ่งของมคี ่าของตนเอง โดยจัดเก็บให้เกิดความปลอดภัย ไม่สญู หายงา่ ย ๗. ขอ้ ปฏบิ ตั กิ ารใชร้ ะบบมลั ตมิ ีเดียในห้องเรียน (คอมพิวเตอร,์ โทรทศั น์, ระบบเสยี งและ โปรเจคเตอร์) ๗.๑ นกั เรียนต้องไดร้ ับอนุญาตจากอาจารยผ์ ู้ดูแลก่อน จงึ จะสามารถใชไ้ ด้ ๗.๒ เมื่อนักเรียนใชง้ านเสร็จ ใหด้ แู ลและจัดเกบ็ ปดิ เครื่องใหเ้ กดิ ความเรียบรอ้ ย ๗.๓ เม่ือพบวา่ มีการชำ�รดุ เสยี หายก่อนหรือหลังการใช้งาน ให้แจ้งกับอาจารย์ผูด้ ูแลโดยด่วน เพ่ือหาสาเหตุ และเกดิ การแก้ไขต่อไป 148

ระเบียบโรงเรยี นสาธิตจุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั ฝา่ ยมธั ยม ว่าดว้ ยเครอื่ งแบบและการแตง่ กายของนกั เรียน พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่ระเบียบโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม ว่าด้วยเครื่องแบบและการแต่งกายของนักเรียน พ.ศ. ๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน ระเบียบบางประการจึงไม่เหมาะสม จึงสมควรปรับปรุงเครื่องแบบ และการแต่งกายของนักเรียนให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบันเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อประโยชน์ ในการประหยัด และสร้างวินัยให้แก่นักเรียน จึงให้ออกระเบียบไว้ดังนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม ว่าด้วยเครื่องแบบและการแต่งกาย ของนักเรียน พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ประกาศ (๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม ว่าด้วยเครื่องแบบและการแต่งกายของ นักเรียน พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่มีอยู่เดิม หรือคำ�สั่งอื่นใดที่ขัดแย้งกับระเบียบนี้ และให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “โรงเรียน” หมายถึง โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม “ผู้อำ�นวยการ” หมายถึง ผู้อำ�นวยการโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม และรองคณบดี คณะครุศาสตร์ “รองผู้อำ�นวยการฝ่ายกิจการนักเรียน” หมายถึง รองผู้อำ�นวยการฝ่ายกิจการนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม “สำ�นักงานกิจการนักเรียน” หมายถึง สำ�นักงานกิจการนักเรียน โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม “อาจารย์” หมายถึง อาจารย์ที่สอนอยู่ในโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม “นักเรียน” หมายถึง นักเรียนปัจจุบันของโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม “ผู้ปกครอง” หมายถึง ผู้ที่ได้ลงชื่อเป็นผู้ปกครองนักเรียนในเอกสารมอบตัวนักเรียนที่ให้ไว้กับทางโรงเรียนสาธิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม ให้รองผู้อำ�นวยการฝ่ายกิจการนักเรียนเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม ระเบียบนี้ ให้ผู้อำ�นวยการโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม และรองคณบดีเป็นผู้พิจารณาตัดสิน ชี้ขาด 149

ข้อ ๕ เครื่องแบบนักเรียน ๕.๑ เครื่องแบบนักเรียนชาย เสื้อ ใช้ผ้าขาวเกลี้ยง เนื้อหนา แบบเสื้อเป็นเสื้อเชิ้ตคอตั้งไม่รัดรูป ผ่าอกตลอด มีสาบที่อกเสื้อกว้าง ๔ เซนติเมตร กระดุมสีขาวกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน ๑ เซนติเมตร แขนสั้นเหนือข้อศอกพอควร มีกระเป๋า ๑ กระเป๋า ขนาดกว้างประมาณ ๘ - ๑๒ เซนติเมตร ลึกประมาณ ๑๐ - ๒๕ เซนติเมตร (หรือมีขนาดเหมาะกับขนาดของเสื้อ) ติดไว้เบื้อง ซ้ายระดับราวนม ด้านหลังของเสื้อไม่มีจีบ โดยใส่ชายเสื้อไว้ในกางเกงอย่างเรียบร้อยและให้เห็นหัวเข็มขัด กางเกง ใช้ผ้าสีดำ�เนื้อหนา ห้ามใช้ผ้ายีนหรือผ้าฟอกสีซีด แบบกางเกงเป็นกางเกงขาสั้นผ่าตรงส่วน หน้าใช้ซิบ ด้านหน้ามีจีบ ๒ จีบ ไม่ต่อตะเข็บหลัง ไม่มีกระเป๋าหลัง มีกระเป๋าตามแนวตะเข็บข้าง ข้างละ ๑ กระเป๋า มีหูกางเกง ใช้สำ�หรับสอดเข็มขัด ๖ - ๗ หู ความยาวของกางเกง เมื่อนุ่งแล้วชายกางเกงจะอยู่เหนือเข่า โดยที่เมื่อยืนตรงแล้วชายกางเกงจะ ต้องสูงจากกึ่งกลางลูกสะบ้าเข่าไม่เกิน ๕ เซนติเมตร ความกว้างของปลายขากางเกงเป็นไปตามส่วนของขนาดขาของแต่ละคน แต่ เมื่อยืนตรง จะต้องห่างจากขาประมาณ ๘ - ๑๐ เซนติเมตร ปลายขากางเกงพับเข้าข้างในกว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร และ กางเกงอยู่ในระดับปกติ เข็มขัด สายเข็มขัดใช้หนังสีดำ� หัวเข็มขัดเป็นโลหะลายดุนตราพระเกี้ยว ตามแบบที่โรงเรียนกำ�หนด รองเท้า ใช้รองเท้าสีดำ�ล้วนไม่มีลวดลาย ส้นเตี้ย ชนิดผูกเชือกไม่มีหุ้มข้อ หัวไม่แหลม การสวมใส่ ต้องสวมใส่เต็มส้นเท้า ไม่เหยียบส้นรองเท้า ถุงเท้า ถุงเท้าสีขาว ไม่มีลวดลาย ลายปัก หรือมีสีอื่นปน โดยมีความยาวจากตาตุ่มขึ้นไป ไม่น้อยกว่า ๓ นิ้ว ๕.๒ เครื่องแบบนักเรียนหญิง เสื้อ เสื้อสีขาวปล่อยตรง คอปกบัว ผ่าอกติดกระดุม ๕ เม็ด เฉพาะกระดุมเม็ดบนใช้กระดุมโลหะ ดุนตราพระเกี้ยว (กระดุมนิสิตจุฬาฯ นอกนั้นเป็นกระดุมธรรมดา) มีแถบสีกรมท่ากว้างประมาณ ๒ เซนติเมตรไขว้รอบคอ ติดกระดุมเม็ดบน (คอซอง) และใส่เสื้อบังทรง กระโปรง สกี รมทา่ ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั พบั เปน็ จบี ขา้ งละ ๓ จบี พบั จบี ออกดา้ นนอก ยาวคลมุ เขา่ รองเท้า ใช้รองเท้าหนังสีดำ�แบบนักเรียนทั่วไป มีสายรัดในตัว ส้นเตี้ย หัวมน การสวมใส่ ต้อง สวมใส่เต็มสันเท้า ไม่เหยียบส้นรองเท้า ถุงเท้า ถุงเท้ายาวสีขาวไม่มีลวดลาย ลายปัก หรือสีอื่นปน พับปลายถุงเท้าให้เรียบร้อย ซึ่งเมื่อพับ ปลายถุงเท้าแล้วจะต้องยาว ๒ – ๓ นิ้ว นับจากตาตุ่มขึ้นไป หรือถุงเท้าสั้น ไม่มีลวดลาย ลายปัก หรือสีอื่นปน โดยมีความยาวจาก ตาตุ่มขึ้นไป สุดปลายถุงเท้าอยู่ระหว่าง ๒ - ๓ นิ้ว ข้อ ๖ เครื่องหมายโรงเรียน ๖.๑ ปักตราพระเกี้ยวตามแบบโรงเรียนกำ�หนดลงบนเนื้อผ้า ด้านซ้ายเหนือกระเป๋าเสื้อด้วยไหม สีน้ำ�เงิน (หรือสีกรมท่า) ทั้งหญิงและชาย ๖.๒ ปักชื่อ ชื่อสกุล ขนาดสูง ๐.๕ เซนติเมตร ด้วยไหมสีเดียวกับที่ปักตราพระเกี้ยว ระดับอกด้านขวา ทั้งหญิงและชาย 150


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook