ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร ไพสิฐ จิรรัตนโสภา 1
2
แนวคิดพืนฐานเก่ียวกับระบบสารสนเทศ 3
ความรู้พืน้ ฐานเกย่ี วกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศ 1.Data 2. Information 3. Information System 4. Information Technology 5. Information Communication Technology 4
10 From data to wisdom
11
ลกั ษณะของสารสนเทศท่ดี ี ประกอบด้วย 4 มิติ คือ 1. มติ ดิ ้านเวลา (Time) 2. มติ ดิ ้านเนื้อหา (Content) 3. มติ ดิ ้านรูปแบบ (Format) 4. มติ ดิ ้านกระบวนการ (Process) 12
1. มติ ิด้านเวลา (Time) TUT (Timeliness – Up to date – Time period) 1. การทันเวลา (Timeliness) สารสนเทศทส่ี ามารถหาได้รวดเร็ว ทนั ต่อ การนาไปใช้งาน ทาให้สามารถตดั สินใจได้รวดเร็วมากยง่ิ ขึน้ 2. ความเป็ นปัจจุบนั (Up-to-date) ได้แก่สารสนเทศทม่ี กี ารปรับปรุงให้ เป็ นปัจจุบันอยู่เสมอ 3. มีระยะเวลา (Time Period) ควรมกี ารประมวลข้อมูลจากในอดตี ปัจจุบัน เพ่ือเป็ นข้อมูลพืน้ ฐานในการคาดการณ์ในอนาคตได้ 13
2. มิตทิ างด้านเนื้อหา (Content) 1. ความถูกต้องเทยี่ งตรง (Accuracy) 2. ความเช่ือถือได้ (Reliability) 3. สามารถตรวจสอบได้ (Verifiable) 4. ความครบถ้วนสมบูรณ์(Completeness) 5. ตรงต่อความต้องการ (Relevance) ลกั ษณะของสารสนเทศที่ดี (ต่อ) 14
3. มติ ดิ ้านรูปแบบ (Format) ชัดเจน (clarity) ง่ายต่อการทาความเขา้ ใจ ระดบั ของการนาเสนอรายละเอยี ด (level of detail) ท่ีเหมาะสม กบั ผใู้ ชง้ าน รูปแบบและส่ือการนาเสนอ (presentation) ท่ีเหมาะสม ความยืดหย่นุ (flexibility) ช่วยใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถปรับใชเ้ พื่อสนอง ความตอ้ งการไดห้ ลายแบบ ประหยดั (economy) ลกั ษณะของสารสนเทศที่ดี (ต่อ) 15
4. มติ ดิ ้านกระบวนการ (Process) ความสามารถในการเข้าถึง (accessibility) ง่าย การมสี ่วนร่วม (participation) กระบวนการในการสร้าง สารสนเทศเกดิ จากการมีส่วนร่วมของบุคคลหรือกล่มุ ต่างๆ ใน องค์การ การเชื่อมโยง (connectivity) ฐานข้อมูลต่างๆ ควรจะมกี าร เช่ือมโยงถงึ กนั ลกั ษณะของสารสนเทศท่ีดี (ต่อ) 16
ประเภทของระบบสารสนเทศ ระบบสำนักงำนอัตโนมัติ (Office Automation System: OAS) ระบบประมวลผลรำยกำร (Transaction Processing System: TPS) ระบบสำรสนเทศเพ่อื กำรจัดกำร (Management Information System: MIS) ระบบสนับสนุนกำรตดั สินใจ (Decision Support System: DSS) ระบบสำรสนเทศสำหรับผู้บริหำร (Executive Information System: EIS) ระบบปัญญำประดษิ ฐ์และระบบผู้เช่ียวชำญ (Artificial Intelligence System and Expert System)
ระบบสำนักงำนอตั โนมัติ (Office Automation System: OAS) คอื ระบบท่ใี ช้เทคโนโลยตี ่ำงๆดังเช่นคอมพวิ เตอร์ช่วย ในกำรทำงำนท่เี กดิ ขนึ้ เป็ นประจำหรืองำนท่วั ไปท่ใี ช้ ในองค์กร ดงั เช่นกำรส่งจดหมำย กำรพมิ พ์เอกสำร กำรประชุม กำรพมิ พ์รำยงำน กำรจัดตำรำงเวลำ กำร คำนวณบญั ชี เป็ นต้น
ระบบสำนักงำนอตั โนมตั ิ (Office Automation System: OAS) ระบบจดั การเอกสาร ระบบสารสนเทศ ระบบควบคุมและส่งผา่ นข่าวสาร สาหรับสานักงาน ระบบประชุมทางไกล ระบบสนบั สนุนการดาเนินงาน ในสานกั งาน 19
ระบบสำนักงำนอตั โนมตั ิ (Office Automation System: OAS) การประมวลคา ระบบจดั การเอกสาร การผลิตเอกสารหลายชุด การออกแบบเอกสาร การประมวลรูปภาพ รูป ระบบจัดการเอกสาร การเกบ็ รักษา ระบบควบคุมและส่งผา่ นข่าวสาร โทรสาร ไปรษณียอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ ไปรษณียเ์ สียง รูป ระบบควบคุมและส่งผ่านข่าวสาร 20
ระบบสำนักงำนอตั โนมตั ิ (Office Automation System: OAS) ระบบประชุมทางไกล การประชุมทางไกลที่ใชท้ ้งั เสียงและภาพ การประชุมทางไกลใชเ้ ฉพาะเสียง รูป ระบบประชุมทางไกล การประชุมโดยใชค้ อมพิวเตอร์ โทรทศั นภ์ ายใน การปฏิบตั ิงานผา่ นระบบส่ือสารทางไกล ระบบสนบั สนุนการดาเนินงานในสานกั งาน ชุดคาสง่ั สาหรับกลุ่ม ระบบจดั ระเบียบงาน คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบ การนาเสนอประกอบภาพ กระดานข่าวสารใน สานกั งาน รูป ระบบสนับสนุนการดาเนินงานในสานักงาน 21
ระบบประมวลผลรำยกำร (Transaction Processing System: TPS) หรือ ระบบประมวลผลข้อมูล (Data Processing Systems : DP) หรือ ระบบประมวลผลข้อมูลอเิ ล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Processing : EDP) เป็ นกำรนำคอมพวิ เตอร์มำใช้ในกำรจดั กำรข้อมูลขัน้ พนื้ ฐำน เน้นท่กี ำรประมวลผลรำยกำรประจำวัน มักจะทำงำนอยู่เฉพำะส่วนใดส่วนหน่ึงของธุรกจิ เท่ำนัน้ ใช้งำนในระดบั ผู้บริหำรระดบั ล่ำง (Bottom Manager)
หน้ำท่หี ลักของ TPS กำรทำบญั ชี (Bookeeping) ทำหน้ำท่ีในกำรเก็บบนั ทกึ กำร ปฏบิ ตั งิ ำนหรือเหตกุ ำรณ์ทำงกำรบญั ชีทเ่ี กิดขนึ ้ ในแตล่ ะวนั กำรออกเอกสำร (Document Issurance) ทำหน้ำท่เี ก่ียวกบั กำรออกเอกสำรตำ่ ง ๆ กำรทำรำยงำนควบคุม (Control Reporting) ทำหน้ำท่ี เก่ียวกบั กำรออกเอกสำรตำ่ ง ๆ ที่มีผลมำจำกกำรดำเนินงำนของ องค์กร เพ่อื ตรวจสอบและควบคมุ กำรดำเนินงำน 23
ตวั อย่ำงระบบ TPS ระบบจ่ำยเงินเดือน ระบบบัญชีลูกหนี้ ระบบบันทกึ คำส่ังซื้อ ระบบบัญชีเจ้ำหนี้ ระบบสินค้ำคงคลงั ระบบส่ังซื้อสินค้ำ ระบบใบกำกบั สินค้ำ ระบบรับสินค้ำ ระบบส่งสินค้ำ ระบบบญั ชีแยกประเภท ทว่ั ไป 24
ระบบสำรสนเทศเพื่อกำรจดั กำร (Management Information System: MIS) MIS คอื ระบบสำรสนเทศท่ไี ด้มำจำกระบบประมวลผลรำยกำรและ ข้อมูลต่ำงๆ ท่ไี ด้มำทงั้ จำกภำยในและภำยนอกองค์กร เพ่ือนำมำ ประมวลผลเพ่อื ให้ได้สำรสนเทศสำหรับผู้บริหำร ซ่งึ เป็ นระบบ สำรสนเทศท่ตี อบสนองควำมต้องกำรของผู้บริหำรเพ่อื ช่วยในกำร จดั กำรวำงแผนต่ำงๆ ให้มีประสิทธิภำพมำกย่งิ ขนึ้ โดยจุดประสงค์หลักของรำยงำนจะเน้นให้ผู้บริหำรสำมำรถมองเหน็ แนวโน้มและภำพรวมของสถำนกำรณ์ในปัจจุบัน รวมทงั้ สำมำรถ ควบคุมและตรวจสอบผลงำนของระดบั ปฏบิ ัตกิ ำรด้วย
ตวั อย่างของระบบของ MIS ระบบเงินเดือน ระบบบรหิ ารเวลาการปฏิบตั งิ าน ระบบสรรหาบุคลากร ระบบการฝึ กอบรม ระบบการประเมินผลงาน ระบบควบคมุ สินคา้ คงคลงั ระบบภาษีมูลคา่ เพ่ิม ระบบวิเคราะหง์ าน
ลกั ษณะระบบของ MIS ที่ดี ควำมสำมำรถในกำรจดั กำรข้อมูล (Data Manipulation) สามารถ ปรับปรุง แกไ้ ขและจดั การขอ้ มูล เพ่อื ใหเ้ ป็นสารสนเทศที่พร้อม สาหรับนาไปใชง้ าน อยา่ งมีประสิทธิภาพ ควำมยืดหยุ่น (Flexibility) สนองต่อควำมต้องกำรทเี่ ปลยี่ นแปลงไป ขององค์กรได้ ควำมปลอดภยั ของข้อมูล (Data Security) มรี ะบบรักษำควำม ปลอดภยั ข้อมูล ควบคุมหรือจำกดั สิทธ์ิกำรเข้ำใช้งำน ควำมพอใจของผู้ใช้ (User Satisfaction)
ความลม้ เหลวของ MIS 1. ผู้บริหารไม่เห็นความสาคญั 2. สารสนเทศท่ีได้ ไม่ช่วยการบริหารงาน เพียงแต่ถูกใช้ควบคุมงานประจาวัน เท่าน้ัน 3. การสร้าง MISอาจใช้ ต้นทุนสูงเกินความจาเป็ น เช่ น ใช้ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ โปรแกรมประยุกต์ทม่ี รี าคาสูง เป็ นต้น
ระบบสนับสนุนกำรตดั สินใจ (Decision Support System: DSS) พฒั นำขนึ ้ จำกระบบ MIS เป็นระบบท่ีสนบั สนนุ ควำมต้องกำรเฉพำะของผ้บู ริหำรแตล่ ะ คน (Made by order) ช่วยตดั สินใจในกรณีทีม่ ีทำงเลอื กหลำย ๆ ทำง มีกำรใช้ตวั แบบ (Model) ในกำรวำงแผนและกำรทำนำย ใช้งำนในระดบั ผ้บู ริหำรระดบั บน (Top Manager) และ ระดบั กลำง (Middle Manager)
การตดั สินใจ การตดั สินใจ (Decision Making) คือ กระบวนการคดั เลือกแนวทางปฏิบตั ิ จากทางเลือกต่างๆ เพือ่ ใหบ้ รรลุ วตั ถุประสงคท์ ่ีตอ้ งการ ซ่ึงจดั เป็นส่วน หน่ึงของกระบวนการแกไ้ ขปัญหา
ลกั ษณะของปัญหาทผ่ี ู้ตดั สินใจต้องเผชิญ ประเภทของปัญหำแบ่ง ออกเป็ น 3 แบบ 1.ปัญหาแบบมีโครงสร้าง (Structured Problem) เป็นปัญหาท่ีมี วธิ ีการแกไ้ ขปัญหาไดอ้ ยา่ งชดั เจนแน่นอน หรือสามารถจาลอง ปัญหาไดด้ ว้ ยสูตรทางคณิตศาสตร์ (แบบจาลองทางคณิตศาสตร์) และแทนค่าในสูตรจนสามารถคานวณหาคาตอบไดอ้ ยา่ งชดั เจน หรือกล่าวอีกนยั หน่ึงคือ ปัญหาที่ผตู้ ดั สินใจมีขอ้ มูลและสารสนเทศ ประกอบการตดั สินใจอยา่ งครบถว้ นและสามารถนาไปใช้ แกป้ ัญหาไดโ้ ดยการเขียนโปรแกรม
ลกั ษณะของปัญหาที่ผตู้ ดั สินใจตอ้ งเผชิญ 2. ปัญหาที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Problem) เป็ นปัญหาท่ีไม่ สามารถหาวิธีการแกไ้ ขไดอ้ ยา่ งชดั เจนและแน่นอน ไม่สามารถจาลองได้ ดว้ ยสูตรทางคณิตศาสตร์ หรือกล่าวอีกนยั หน่ึงคือ ปัญหาท่ีผูต้ ดั สินใจมี ข้อมูลและสารสนเทศไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหา จึงต้องอาศัย ประสบการณ์ของผตู้ ดั สินใจแกไ้ ขปัญหา
ลกั ษณะของปัญหาทผ่ี ู้ตดั สินใจต้องเผชิญ 3. ปัญหำแบบกง่ึ โครงสร้ำง (Semistructured Problem) เป็ นปัญหำที่มี ลักษณะเฉพำะ ส่วนมำกจะไม่เกิดซ้ำ และไม่มีกระบวนกำรดำเนินกำร มำตรฐำน หรือเป็ นปัญหำที่มีวิธีกำรแก้ไขเพยี งบำงส่วนเท่ำน้ัน ส่วนที่ เหลือจะต้องอำศัยปะสบกำรณ์หรือควำมชำนำญในกำรตัดสินใจแก้ไข ปัญหำ ส่วนเทคโนโลยสี ำรสนเทศให้ได้แค่กำรสนับสนุนเท่ำน้ัน
การตัดสินใจ และการแก้ไขปัญหา กระบวนการตัดสินใจ (Decision Making Process) คือ การ กาหนดข้นั ตอนในการตดั สินใจแก้ไขปัญหาทีเ่ กดิ ขนึ้ ภายใน องค์กรอย่างมีหลักเกณฑ์ ด้วยการกาหนดข้ันตอนต้ังแต่ข้ัน แรกจนถงึ ข้นั สุดท้ายเพื่อให้ได้ผลลพั ธ์ทตี่ ้องการ
แสดงกระบวนการตดั สินใจ และแกไ้ ขปัญหา การใช้ความคดิ (Intelligence Phase) กระบวนการตดั สินใจ การออกแบบ (Decision Making Process) (Design Phase) การเลือกแนวทางที่ดที ่สี ุด กระบวนการแก้ไขปัญหา (Choice Phase) (Problem Solving Process) การนาไปใช้ (Implementation Phase) การตดิ ตามผล (Monitoring Phase)
การตดั สินใจ และการแกไ้ ขปัญหา ข้นั ตอนที่ 1 การใช้ความคดิ (Intelligence Phase) การค้นหาสาเหตุของปัญหา โดยศึกษาถึงต้นเหตุของปัญหา ประเมินผลท่ีจะเกิดข้ึนหากไม่ทาการแก้ไขปัญหา วิเคราะห์ปัจจัย แวดลอ้ มของปัญหา เพื่อสร้างแบบจาลองที่ใชอ้ ธิบายลกั ษณะและสาเหตุ ของปัญหาโดยอาจใชก้ ารจาแนกปัญหาออกเป็นส่วนยอ่ ย และคิดวิธีการ แกไ้ ขปัญหา เรียกวา่ “Decision Statement” หรือ “การระบุปัญหา”
การตดั สินใจ และการแกไ้ ขปัญหา ข้นั ตอนท่ี 2 การออกแบบ (Design Phase) การสร้างและวิเคราะห์ทางเลือกในการตัดสินใจ จะต้องมีความ เป็ นไปได้ในการแก้ไขปัญหาให้ได้ผลประโยชน์สูงสุด ต้องมีการ กาหนดวตั ถุประสงคข์ องการตดั สินใจ เพ่ือให้ผูต้ ดั สินใจสามารถสร้าง ทางเลือกไดห้ ลาย ๆ ทาง ประกอบการตดั สินใจ ในข้นั ตอนน้ีอาจมีการ สร้างแบบจาลอง (Model) แผนภาพการตดั สินใจแบบตน้ ไม้ (Decision Tree) หรือตารางการตดั สินใจ (Decision Table) เพื่อใชใ้ นการพฒั นา ทางเลือกในการตดั สินใจ
การตดั สินใจ และการแกไ้ ขปัญหา ข้นั ตอนที่ 3 การเลือกทางเลือกทด่ี ีทส่ี ุด (Choice Phase) การคน้ และการประเมินทางเลือกต่าง ๆ ท่ีไดจ้ ากข้นั ตอนการออกแบบ และ คดั เลือกใหเ้ หลือทางเลือกเดียว โดย ผลลพั ธท์ ี่ไดจ้ ากข้นั ตอนน้ี คือ ทางเลือกเพ่ือการนาไปใชจ้ ริงในการ แกป้ ัญหา โดยจะตอ้ งพิจารณาถึง ทางเลือกดงั กล่าวเป็นส่วน ๆ
การตัดสินใจ และการแก้ไขปัญหา ข้ันตอนที่ 4 การนาไปใช้ (Implementation Phase) การนาทางเลือกในการแก้ไขปัญหาท่ีได้ จากข้นั ตอนที่ 3 ไปลงมือปฏิบตั ิเพื่อแกไ้ ข ปัญหาจริง ซ่ึงอาจจะประสบความสาเร็จ หรืออาจจะประสบกบั ความลม้ เหลวก็ได้ หากนาไปใช้แลว้ ลม้ เหลว ก็อาจยอ้ นกลบั ไปสู่ข้นั ตอนใดข้นั ตอนหน่ึง เพื่อทบทวน กระบวนการใหม่ไดเ้ สมอ (เป็นกิจกรรมใน ข้นั ตอนติดตามผล)
การตัดสินใจ และการแก้ไขปัญหา ข้นั ตอนท่ี 5 การติดตามผล (Monitoring Phase) ผู้ตัดสิ นใจจะมี การประเมินผล หลงั จากนาแนวทางที่ไดเ้ ลือกแลว้ ไป ใชใ้ นการแกไ้ ขปัญหา หากผลลพั ธ์ที่ ไดไ้ ม่เป็ นท่ีน่าพอใจจะตอ้ งพิจารณา ถึงสาเหตุว่าเกิดข้ึนจากข้ันตอนใด หรือขาดสารสนเทศส่วนใดไปบา้ ง เพื่อนาไปปรับปรุ งการตัดสิ นใจ แกไ้ ขปัญหาใหม่อีกคร้ังหน่ึง
ประเภทของการตดั สินใจ ประเภทของการตดั สินใจ จาแนกตามจานวนผู้ตดั สินใจ จาแนกตามโครงสร้างของปัญหา จาแนกตามลกั ษณะ การบริหารงานในองค์กร 1. การตดั สินใจส่วนบุคคล 1. การตดั สินใจแบบมีโครงสร้าง 2. การตดั สินใจแบบกลุ่ม 2. การตดั สินใจแบบไม่มีโครงสร้าง 1. การตดั สินใจระดบั กลยทุ ธ์ 3. การตดั สินใจแบบก่ึงโครงสร้าง 2. การตดั สินใจเพอ่ื ควบคุมการบริหาร 3. การตดั สินใจระดบั ปฏิบตั ิการ
ประเภทการตดั สินใจจาแนกตามจานวนผตู้ ดั สินใจ 1.ก า ร ตัด สิ น ใ จ ส่ ว น บุ ค ค ล (Personal Decision) คือ การตดั สินใจท่ีมีผตู้ ดั สินใจ เพียงคนเดียว ซ่ึงเป็ นการตัดสินใจแก้ไข ปัญหาที่มีความซับซ้อนไม่มากนัก หรือ เป็ นปัญหาท่ีไม่มีผลกระทบต่อบุคคลอ่ืน นอกเหนือจากผตู้ ดั สินใจ 2.การตดั สินใจแบบกลุ่ม (Group Decision) คือ การตดั สินใจท่ีตอ้ งการอาศยั ผูต้ ดั สินใจ หลายคน โดยอาจอยู่ในลกั ษณะของ “การ ระดมสมอง (Brainstorming)”
ประเภทการตดั สินใจจาแนกตามโครงสร้างของปัญหา 1. การตดั สินใจแบบมีโครงสร้าง (Structured Decision) เป็นการตดั สินใจ ที่มีการกาหนดข้นั ตอนการตดั สินใจไวเ้ ป็ นอย่างดี และใช้ในการแกไ้ ข ปัญหาท่ีเกิดข้ึนเป็นประจา โดยใชว้ ิธีการท่ีเป็นมาตรฐาน ซ่ึงมีการกาหนด ข้นั ตอนแกไ้ ขปัญหาไวล้ ่วงหนา้ 2. การตดั สินใจแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Decision) เป็นการ ตดั สินใจแกไ้ ขปัญหาที่มีความคลุมเครือซบั ซอ้ น และเป็นปัญหาใน ลกั ษณะท่ีไม่เคยทาการแกไ้ ขมาก่อน โดยใชว้ ธิ ีการแกไ้ ขปัญหาท่ีอาศยั สญั ชาตญาณเป็นพ้ืนฐาน
ประเภทการตดั สินใจจาแนกตามโครงสร้างของปัญหา 3.การตดั สินใจแบบก่ึงโครงสร้าง (Semistructured Decision) เป็ นการ ตดั สินใจของปัญหาท่ีมีลกั ษณะก้าก่ึง โดยวิธีการแกไ้ ขปัญหาประเภทน้ีตอ้ ง ใ ช้ก ร ะ บ ว น ก า ร แ ก้ไ ข ปั ญ ห า แ บ บ มาตรฐาน (สาหรับการแก้ไขปัญหา ส่ วนท่ีมีโครงสร้าง) ร่ วมกับการ ตัดสิ นใจโดยอาศัยสัญชาตญาณ (สาหรับการแก้ไขปัญหาส่วนที่ไม่มี โครงสร้าง)
ประเภทการตดั สินใจจาแนกตามระดบั การจดั การในองคก์ ร มีการแบ่งงานด้านการจัดการออกเป็ น 3 ระดบั คือ การจดั การระดบั ล่าง (Lower Management) หรือเรียกอีกอยา่ งวา่ “ระดบั ปฏิบตั ิการ” การจดั การระดบั กลาง (Middle Management) หรือเรียกอีกอยา่ งวา่ “ระดบั บริหาร” การจดั การระดบั สูง ( Top Management ) หรือเรียกอีกอยา่ งวา่ “ระดบั กลยทุ ธ์”
ประเภทการตดั สินใจจาแนกตามระดบั การจดั การในองคก์ ร การตดั สินใจระดบั กลยทุ ธ์ (Strategic Decision) ผบู้ ริหารระดบั สูง โดย เป็นการตดั สินใจระดบั นโยบาย ที่เกี่ยวขอ้ งกบั แนวทางการดาเนินงานของ องคก์ ร การตดั สินใจเพื่อควบคุมการบริหาร (Management Control Decision) หรืออาจเรียกว่า “การตดั สินใจระดบั เทคนิควิธี (Tactical Decision) เป็น การตดั สินใจของผูบ้ ริหารระดบั กลาง โดยเป็ นการตดั สินใจวางแผนการ ทางานในอนาคตขององคก์ ร จึงมีผลกระทบต่อการดาเนินงานขององคก์ ร ในอนาคตตามช่วงเวลาที่กาหนด และจดั เป็ นการตดั สินใจระดบั กลยุทธ์ ในระยะเร่ิมตน้
ประเภทการตดั สินใจจาแนกตามระดบั การจดั การในองคก์ ร การตดั สินใจระดบั ปฏิบตั ิการ (Operational Decision) ผบู้ ริหารระดบั ล่าง โดยเป็ นการตดั สินใจเกี่ยวกับการปฏิบตั ิงานต่าง ๆ ซ่ึงมีผลกระทบกับ บางส่วนขององคก์ รเท่าน้นั
การนาระบบสารสนเทศเขา้ มาสนบั สนุนการตดั สินใจ เหตผุ ล 2 ประการ ท่ีค่อนขา้ งชดั เจน ในการนาระบบสารสนเทศมาสนบั สนุน การตดั สินใจ 1. เหตุผลในส่วนของ “สารสนเทศ” ในทุกข้นั ตอนของกระบวนการตดั สินใจจะตอ้ งใชส้ ารสนเทศ ประกอบด้วยเสมอ ผู้ตัดสิ นใจที่มีข้อมูลและสารสนเทศ ประกอบการตดั สินใจไม่ครบถว้ น หรือมีเพียงบางส่วนน้นั อาจ ทาใหผ้ ลลพั ธ์ที่ไดจ้ ากการตดั สินใจขาดความชดั เจนแน่นอน
การนาระบบสารสนเทศเขา้ มาสนบั สนุนการตดั สินใจ 2. เหตุผลในส่วนของ “เวลา” การใชเ้ วลาในการตดั สินใจแกไ้ ขปัญหาใดปัญหาหน่ึงนานเกินไป อาจทา ให้ไม่สามารถแก้ไขปั ญหาอื่น ๆ ได้ทันท่วงที กล่าวคือ มีระบบ สารสนเทศที่มีระบบคอมพิวเตอร์เป็ นพ้ืนฐานในการทางาน จะช่วยให้ ประหยดั เวลาในบางส่วนลงได้มาก ทาให้มีเวลาการตดั สินใจมากข้ึน สามารถวิเคราะห์สารสนเทศและทางเลือกต่าง ๆ ไดร้ อบครอบมากข้ึน นน่ั เอง
ลกั ษณะและความสามารถของระบบสนบั สนุนการตดั สินใจ 1. สามารถสนบั สนุนการตดั สินใจท้งั ในสถานการณ์ของปัญหาแบบ ก่ึงโครงสร้าง และปัญหาแบบไม่มีโครงสร้าง 2. สามารถรองรับการใชง้ านของผบู้ ริหารไดท้ ุกระดบั ต้งั แต่ผบู้ ริหาร ระดบั ล่าง ไปจนถึงผบู้ ริหารระดบั สูง 3. สามารถส่งเสริมการตดั สินใจแบบกลุ่ม และแบบเด่ียวได้ 4. สนบั สนุนกระบวนการและรูปแบบการตดั สินใจท่ีมีความ หลากหลายไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
Search