กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Expand ขยายความเขา ใจ ครูสมุ นกั เรยี น 3-4 คน มาเลาเรอ่ื งยอ หนา ๔ เร่ืองยอ่ ช้นั เรียน พระเจ้ากรุงต้าฉิงแห่งเมืองจีนยกทัพมาล้อมกรุงอังวะ ต้องการให้พระเจ้ามณเฑียรทอง (แนวตอบ พระเจากรงุ ตาฉิงแหง จีน ยกทัพมา ออกไปถวายบังคมและขอให้ส่งทหารออกมาขี่ม้าร�าทวนต่อสู้กันตัวต่อตัวกับกามะนีทหารเอก ลอ มกรงุ รัตนบุระองั วะ ใหพระเจา มณเฑยี รทอง ของเมอื งจนี ถา้ ฝา่ ยกรุงรตั นบุระองั วะแพ้ตอ้ งยกเมืองให้ฝ่ายจีน แต่ถา้ ฝา่ ยจีนแพ้กจ็ ะยกทัพกลับทนั ที ออกไปถวายบงั คม และขอใหสงทหารออกมาขมี่ า พระเจ้ามณเฑียรทองประกาศหาผู้ท่ีจะอาสาออกไปรบกับกามะนี ถ้าสามารถรบชนะจีน ราํ ทวนตอ สูก ันตัวตอ ตัวกับกามะนีทหารเอกของ จะโปรดเกลา้ ฯ แตง่ ตงั้ ใหเ้ ป็นพระมหาอปุ ราชและแบง่ สมบัตใิ ห้กึ่งหน่ึง พระเจา กรุงจีน ถา ฝายกรงุ รตั นบรุ ะอังวะแพต องยก ฝ่ายสมงิ พระรามท่ถี ูกจับเป็นเชลยเมืองอังวะทราบข่าวก็คิดตรึกตรองวา่ หากจีนชนะศึกคร้ังนี้ เมอื งใหฝา ยจีน แตถาฝา ยจีนแพจ ะยกทพั กลับทนั ที จีนคงจะยกทัพไปตีเมืองหงสาวดีของตนต่อเป็นแน่ ควรคิดป้องกันไว้ก่อนจึงอาสาออกรบ แม้แรกๆ พระเจากรงุ อังวะประกาศหาผทู ่จี ะอาสาออกไปรบ จะเกรงว่าการอาสาออกรบคร้ังนี้จะเป็นการ หาบสองบ่าอาสาสองเจ้า ก็ตาม โดยขอพระราชทาน กับกามะนี เมอื่ สมิงพระรามทราบขาว กค็ ิด มา้ ฝเี ทา้ ดตี วั หนงึ่ และไดเ้ ลอื กมา้ ของหญงิ มา่ ย ซงึ่ มลี กั ษณะดที กุ ประการ สมงิ พระรามนา� มา้ ออกไปฝกึ หดั ตรกึ ตรองวา หากจีนชนะศึกคร้งั น้ี จนี คงยกทัพไปตี ใหร้ ู้จักทา� นองจนคลอ่ งแคล่วสนั ทดั ขึน้ พรอ้ มทั้งทูลขอขอเหล็กและตะกรวยผูกข้างมา้ เมืองหงสาวดีของตนตอ ไปแน ควรคดิ ปอ งกันไวกอ น ในระหว่างการรบ สมิงพระรามเห็นว่ากามะนีมีความช�านาญด้านการรบเพลงทวนมากและ จงึ อาสาออกรบสูศกึ และขอพระราชทานมา ฝเ ทา ดี ยังสวมเกราะไวแ้ น่นหนา สมิงพระรามจงึ ใชอ้ ุบายว่าให้แต่ละฝา่ ยแสดงทา่ ร�าใหอ้ ีกฝ่ายร�าตามกอ่ นท่จี ะ ตัวหน่งึ เปนลกู มาของหญงิ มาย สมงิ พระรามนาํ มา ตอ่ สู้กนั ท้งั นีเ้ พอ่ื จะคอยหาช่องทางทจ่ี ะแทงทวนให้ถกู ตัวกามะน ี ออกไปฝกหัด เมอ่ื สูกนั สมงิ พระรามเห็นวา กามะนมี ี เมื่อสมิงพระรามได้หลอกล่อให้กามะนีร�าตามในท่าต่างๆ สมิงพระรามเห็นช่องใต้รักแร้ ความชาํ นาญดานการรบเพลงทวนมาก และยงั สวม กับบริเวณเกราะซ้อนท้ายหมวกเปิดออกได้ สมิงพระรามจึงหยุดร�าและให้ต่อสู้กันโดยท�าทีว่าสู้ไม่ได้ หุมเกราะไวแนน หนา สมงิ พระรามจงึ ใชอบุ ายวา ให จากนั้นจึงขับม้าหนีให้ม้าของกามะนีเหนื่อยเม่ือได้ทีก็สอดทวนแทงซอกใต้รักแร้แล้วฟันย้อนกลีบ- แตละฝายแสดงทา ราํ ใหอ ีกฝายรําตามกอ นทจี่ ะตอสู เกราะตัดศีรษะของกามะนีขาดและเอาขอเหล็กสับใส่ตะกรวยโดยไม่ให้ศีรษะตกดิน น�ามาถวาย กนั คร้ันเมอ่ื สกู นั ไมเ หน็ ผลแพชนะ สมิงพระรามจงึ พระเจ้ามณเฑียรทอง หยดุ รําทาํ ทวี าสไู มไดขบั มาหนี ใหมา ของกามะนี เม่ือฝ่ายจีนแพ้ พระเจ้ากรุงจีนก็สั่งให้ยกทัพกลับตามสัญญา พระเจ้ามณเฑียรทอง ตามจนเหน่อื ย เมือ่ ไดทีก็สอดทวนแทงซอกใตรักแร พระราชทานต�าแหน่งพระมหาอุปราชและพระราชธิดาให้เป็นบาทบริจาริกาแก่สมิงพระรามตามท่ีได้ แลว ฟนยอนกลบี เกราะตัดศีรษะของกามะนขี าด รบั ส่ังไว้ แลวเอาขอเหล็กสับใสตะกรวยโดยไมใ หต กดนิ นาํ มา ถวายพระเจา มณเฑียรทอง เมือ่ ฝา ยจีนแพพระเจา กรงุ จีนก็ส่ังใหยกทพั กลับตามสัญญา พระเจา มณเฑียรทองพระราชทานตําแหนงมหาอปุ ราชและ พระราชธิดา ใหเปนบาทบริจาริกาแกส มงิ พระราม ตามที่ไดรับสั่งไว) ตรวจสอบผล Evaluate นกั เรียนสรุปและเลาเรอื่ งยอเปนสาํ นวนภาษา 84 ของนกั เรียนเอง บเศูรณรากษารฐกจิ พอเพียง บูรณาการเชอ่ื มสาระ เรอื่ งราชาธริ าชเปนเรือ่ งท่ีมเี นอ้ื หาสาระและสว นประกอบตา งๆ มาจาก จากวรรณคดีเรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ใหนักเรียนวิเคราะห มหาสงครามในพระราชพงศาวดารมอญ ซึ่งเปนชนชาตทิ เี่ คยรงุ เรืองในอดตี ลักษณะและพฤติกรรมของตัวละคร “สมงิ พระราม” วา เปนผูท ่นี า ยกยอ งและสมควร มีประวัติศาสตรความเปน มาทนี่ า สนใจ เร่ืองราวทีบ่ นั ทึกเปนพงศาวดารมี นํามาเปนแบบอยางในการดําเนินชีวิตอยางไร ครูช้ีแนะใหศึกษาวิเคราะหตัวละคร อิทธพิ ลตอ วรรณคดีและวรรณกรรมชาตมิ อญและชาตใิ กลเคียง จงึ เปน เรือ่ ง ภายใตบริบทของความมเี หตุผลและการมภี ูมคิ มุ กันที่ดใี นตัว ทน่ี า สนใจหากจะศกึ ษาหาความรูเ พ่ิมเติม โดยครูบูรณาการเกี่ยวกบั ประวัติ ความเปนมาของเรอ่ื งราชาธริ าชเขา กบั วิชากลมุ สาระการเรียนรูสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม วิชาประวตั ิศาสตร 84 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๕ เนื้อเร่อื ง ครูเปด วซี ดี ลี ะครพนั ทาง เร่ืองราชาธิราช ตอน สมิงพระรามรบกามะนี ใหน ักเรียนชม แลว ให ราชาธิราช นักเรียนตง้ั คาํ ถามแลกเปลย่ี นความคิดเห็น ตอน สมิงพระรามอาสา สาํ รวจคน หา Explore ฝ่ายพระเจ้ากรุงต้าฉิง ซึ่งเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงจีนน้ันมีทหารเอกคนหนึ่งชื่อกามะนีมีฝีมือ 1. นกั เรียนอานเรอ่ื งราชาธริ าช ตอน ข่ีม้าแทงทวนสันทัดดีหาผู้เสมอมิได้ จีนท้ังปวงก็สรรเสริญว่า กามะนีมิใช่มนุษย์ดุจเทพยดาก็ว่าได้ สมงิ พระรามอาสาในใจ อยมู่ าวนั หนงึ่ พระเจา้ กรงุ จนี เสดจ็ ออกตรสั ปรกึ ษาดว้ ยเสนาบดมี นตรมี ขุ ทง้ั ปวงวา่ ทา� ไฉนเราจะไดเ้ หน็ ทหารข่ีม้าสู้กันกับกามะนีตัวต่อตัวดูเล่นให้เป็นขวัญตาสักคร้ังหนึ่ง กษัตริย์กรุงใดยังจะมีทแกล้วทหาร 2. นกั เรียนสบื คนประเด็นสําคญั ของเร่อื งราชาธิราช ท่ีสามารถจะสู้กามะนีได้ แต่พอชมเล่นเป็นที่เจริญตาได้บ้าง เสนาบดีท้ังปวงจึงกราบทูลว่า กษัตริย์ท่ี ตอน สมงิ พระรามอาสา จะมีทแกล้วทหารข่ีม้าสันทัดน้ันมีอยู่แต่กรุงรัตนบุระอังวะกับกรุงหงสาวดี กษัตริย์ท้ังสองพระองค์นี้ • นกั เรยี นรวบรวมพระนามทีห่ มายความถงึ ยอ่ มทา� สงครามแกก่ ันอยมู่ ิไดข้ าด กษัตรยิ แ หง กรุงรตั นบรุ ะองั วะ (แนวตอบ พระนามท่ีหมายความถงึ พระเจ้ากรุงจีนได้ทรงฟังก็มีพระทัยยินดีนัก จึงสั่งให้จัดพลพยุหเสนาทั้งปวงเป็นอันมากจะนับ กษตั รยิ แหง กรงุ รัตนบรุ ะองั วะ ไดแก ประมาณมิได้ คร้ันได้ศุภฤกษ์แล้ว พระองค์ก็เสด็จทรงม้าพระท่ีนั่ง ยกทัพบกมายังกรุงรัตนบุระอังวะ พระเจา มณเฑยี รทอง พระเจา กรุงองั วะ พระเจาฝร่ังมงั ฆอ ง) พระเจ้ากรุงจีนยกมาคร้ัง1นั้น อุปมาดังฝนตกห่าใหญ่ตกลงน�้านองท่วมป่าไหลเช่ียวมาเม่ือวสันตฤดูนั้น อธบิ ายความรู Explain หาส่ิงใดจะต้านทานมิได้ ครั้นเสด็จด�าเนินกองทัพมาถึงกรุงรัตนบุระอังวะ ทอดพระเนตรเห็นก�าแพง เมอื งถนดั กใ็ หต้ ้ังทัพมนั่ ลง นักเรยี นอธบิ ายประเด็นคําถามตอ ไปน้ี • ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาเปนการสู ฝ่ายพระเจ้าฝร่ังมังฆ้องได้แจ้งว่า ทัพจีนยกมามากเหลือก�าลังก็มิให้ออกรบสู้ต้านทาน ให้แต่ รักษาพระนครม่ันไว้เป็นสามารถ ฝ่ายพระเจ้ากรุงจีน จึงให้มีพระราชก�าหนดประกาศแก่ทหาร รบกนั ระหวา งเมืองใด (แนวตอบ พระเจากรงุ ตา ฉงิ แหง เมืองจีนกบั คทร้ังป้ันวพงรวะ่าเจถ้า้ากผรู้ใุงดจไีนมใ่มหีอ้ตาั้งวคุธ่าสยู้รมบ่ันอลยง่แาไลด้ว้ทก�า็ใอหัน้แตตร่งาพยรเะปร็นาอชันสขาาสด์นฉถบ้าับผู้ใหดนมึ่งิฟังแจละ้วใใหห้ต้จัดัดศแีรพษระล2เาสยียมบังเสกียร พระเจา มณเฑียรทองกรงุ รัตนบุระองั วะ) • เหตุใดจึงมกี ารสูรบกนั ระหวางสองเมือง รอ้ ยม้วน แพรลายทองร้อยมว้ น กับเคร่ืองยศประดับหยกอย่างกษัตรยิ ส์ �ารบั หน่งึ ใหข้ ุนนางในต�าแหนง่ (แนวตอบ เพราะพระเจา กรงุ ตาฉิงแหง เมืองจีน ฝ่ายพลเรือน ชื่อโจเปียวพูดภาษาพม่าได้ กับไพร่พอสมควร เชิญพระราชสาส์นกับเครื่องราช- ตอ งการเห็นกามะนีทหารเอกของตนขี่มา สกู ับ บรรณาการเข้ามาถวายพระเจ้าฝร่ังมังฆ้อง โจเปียวก็ถวายบังคมลา ถือพระราชสาส์นคุมเคร่ืองราช- ทหารทมี่ ฝี มือทัดเทียมกัน จึงจดั ทัพไปยงั บรรณาการมากับด้วยไพร่ จึงเรียกทหารผู้รักษาหน้าที่ให้เปิดประตูเมืองรับ นายทัพนายกองได้แจ้ง กรงุ รตั นบรุ ะองั วะ สงพระราชสาสน พรอม ดังน้ัน ก็เข้ากราบบังคมทูลพระเจ้าฝร่ังมังฆ้อง จึงโปรดให้รับผู้ถือพระราชสาส์นเข้ามา โจเปียว เครือ่ งราชบรรณาการถวายแกพระเจา ฝรง่ั - ก็เข้ามากราบถวายบังคมหน้าพระที่น่ัง ถวายพระราชสาส์นกับเคร่ืองราชบรรณาการพระเจ้า มังฆอ ง และใหส ง ทหารฝม อื ดมี าสูก บั ทหาร ฝร่ังมังฆ้องๆ จึงรับสั่งให้ล่ามเจ้าพนักงานเข้ามาแปลพระราชสาส์น ล่ามแปลแล้วจึงตรัสสั่งให้ ของฝายตน หากทหารของตนคือกามะนชี นะ อาลักษณ์อ่าน ในพระราชสาสน์ น้ันวา่ ก็จะยดึ เอากรงุ รตั นบุระอังวะ แตห ากแพก็จะ ถอยทัพกลบั ) 85 บรู ณาการเชอื่ มสาระ เกรด็ แนะครู จากเนื้อเรือ่ งจะเห็นวา พระเจากรงุ จนี ใชก าํ ลงั ทางทหารเขา รุกราน และ ครเู สริมความรใู หนักเรียนเพม่ิ เติมเกีย่ วกบั เรือ่ งราชาธริ าช ตอน สมงิ พระราม ย่ืนขอ ความประสงคเ รียกรอ งขมขดู ว ยกําลังทางทหารใหพ ระเจา ฝรัง่ มงั ฆอ ง อาสา วานิยมนําไปแสดงมหรสพ นาํ ไปแสดงละครพันทาง ท้งั นเี้ พราะเรอื่ ง ปฏิบัติตาม ซ่งึ ในอดีตการครอบครองและขยายเขตแดนการปกครองจะใช ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสามคี วามสมบรู ณด ว ยอรรถรสของเน้อื เรือ่ ง กาํ ลังเขายึด ครูบรู ณาการความรูเขา กับกลุมสาระการเรยี นรูสงั คมศกึ ษา การรายราํ ท่ีสวยงาม เพลงและดนตรที ี่ผสานและสอดคลองกับเรอื่ งอยางกลมกลนื ศาสนา และวฒั นธรรม วิชาประวัติศาสตร เร่ืองการปกครองและการขยาย อาณาเขตของอาณาจักรตางๆ ในสมยั กอน นักเรียนควรรู 1 อปุ มาดังฝนตกหา ใหญตกลงนํ้านองทว มปา ไหลเชี่ยวมาเมื่อวสนั ตฤดูนนั้ หา สิง่ ใดจะตานทานมิได หมายถึงเหตุการณท พ่ี ระเจา กรุงจีนยกทพั กําลงั พลมามาก ยากทีก่ รงุ รตั นบรุ ะองั วะจะตา นทานได 2 แพร ผา ท่มี ีเนอ้ื ลน่ื เรยี บเปนมนั เนื้อหนาหรอื บางก็ได เดมิ ทอดว ยใยไหม ปจ จบุ ันอาจทอดวยไหมเทียม คูมือครู 85
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. นักเรยี นรวมกันอธิบายประเดน็ คําถามตอ ไปนี้ เรายกพยุหเสนามาคร้ังนี้ ด้วยมีความปรารถนาสองประการๆ หนึ่งจะให้พระเจ้าอังวะ • ในความเหน็ ของพระเจา ฝรงั่ มังฆองเรอ่ื งการ อยู่ในอ�านาจออกมาถวายบังคมเรา ประการหนึ่งจะใคร่ดูทหารขี่ม้าร�าทวนสู้กันตัวต่อตัว ทําศึกตามพระราชประสงคของพระเจาตาฉิง ชมเล่นเป็นขวัญตา แม้นทหารกรุงรัตนบุระอังวะแพ้ ก็ให้ยอมถวายเมืองแก่เราโดยดี มีความยุตธิ รรมหรือไม อยา งไร อย่าให้สมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนเลย ถ้าทหารฝ่ายเราแพ้ก็จะ (แนวตอบ พระเจาฝรั่งมงั ฆอ งเห็นวาการสรู บ เลิกทัพกลับไปยังพระนคร และราษฎรในกรุงรัตนบุระอังวะน้ันโดยต่�าลงไปแต่กระท่อมน้อย กันตามความประสงคข องพระเจากรงุ ตาฉงิ หลังหนึ่ง ก็มิใหเ้ ป็นอันตราย พระเจา้ อังวะจะคิดประการใดก็เรง่ บอกออกมา มีความยตุ ธิ รรม ดังที่กลา วในเน้ือเร่อื งวา “ดวยทรงพระดํารวิ าการทาํ สงครามครั้งน้ี พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้แจ้งในพระราชสาส์นนั้นแล้วก็ดีพระทัยนัก ด้วยทรงพระด�าริว่า เปนธรรมยุทธใหญย ิ่ง สมณชพี ราหมณอาณา การสงครามครั้งนี้เป็นธรรมยุทธ์ใหญ่ย่ิง สมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรจะมิได้ความเดือดร้อน ประชาราษฎรจ ะมิไดค วามเดือดรอ นสมควร สมควรแก่พระเจ้าแผ่นดินผู้ต้ังอยู่ในยุติธรรม ทรงพระด�าริแล้วจึงให้พระราชทานเงินทองเส้ือผ้าแก่ แกพ ระเจา แผน ดนิ ผูต้งั อยใู นยตุ ิธรรม” พระเจาฝร่ังมงั ฆองทรงเห็นความปลอดภัย ผผู้า้ถสือักหหนลังาสดือยเ่ีสปิบ็นพอับันมนาอกระมแาลด้ว1หให้าส้แิบตย่งอพดระนร�้าาดชอสกาไสม์้เนทตศอ2สบามฉสบิบับเหต้าน่ึงช้าใงหพ้จลัดาเยคผรูก่ือเคงรรา่ือชงทบอรงรชณ้าางหกนาร่ึง ของประชาชนเปนสาํ คญั ) มอบให้โจเปียวผู้จ�าทูลพระราชสาส์นน�ากลับไปถวายพระเจ้ากรุงจีนๆ จึงรับสั่งให้ล่ามพม่าเข้ามาแปล 2. ครูทบทวนความรูค วามเขา ใจเกยี่ วกับตวั ละคร ใหเ้ จ้าพนักงานอ่านถวาย ในพระราชสาสน์ ตอบนัน้ วา่ โดยใหน กั เรียนทํากิจกรรมตามตวั ชี้วดั จาก แบบวดั ฯ ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.10 ซึ่งพระเจ้ากรุงจีนมีพระทัยปรารถนาจะใคร่ชมฝีมือทหารฝ่ายพม่าข่ีม้าร�าทวนสู้กัน เป็นสงครามธรรมยุทธ์น้ัน เราเห็นชอบด้วยมีความยินดีย่ิงนัก เพราะสมควรแก่พระองค์ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ เป็นกษัตริย์ผู้ใหญ่อันประเสริฐ แต่การสงครามครั้งนี้เป็นมหายุทธนาการใหญ่หลวง จะด่วน ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.10 กระทา� โดยเรว็ นนั้ มไิ ด ้ ของดไวภ้ ายในเจด็ วนั อนึ่ง พระองคก์ เ็ สดจ็ มาแตป่ ระเทศไกล ไพรพ่ ล เร่�อง ราชาธร� าช ทั้งปวงยังเหน็ดเหนื่อยเม่ือยล้าอยู่ ขอเชิญพระองค์พักพลทหารระงับพระกายให้ส�าราญ พระทยั กอ่ นเถดิ แลว้ เราจึงจะใหม้ กี า� หนดนดั หมายออกไปแจ้ง ตามมีพระราชสาสน์ มาน้นั กจิ กรรมที่ ๑.๙ ใหนักเรียนบอกชอื่ ตวั ละครจากขอ ความตอ ไปน้ี คะแนนเตม็ คะแนนท่ีได พระเจ้ากรุงจีนได้แจ้งในพระราชสาส์นตอบแล้วก็ดีพระทัย จึงส่ังให้นายทัพนายกองทั้งปวง (ท ๕.๑ ม.๑/๑) õ สงบไว้ หญิงสาวผูสมบูรณดวยลักษณะและสิริ ..พ....ร....ะ..ร....า...ช...ธ...ดิ....า...ข...อ...ง...พ....ร....ะ..เ..จ....า ..ฝ....ร...งั่....ม...ัง...ฆ.....อ...ง..... ฝ่ายพระเจ้ามณเฑียรทอง คร้ันส่งพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการไปแล้ว จึงตรัส มารยาทที่งดงาม กามะนี......................................................................................... ปรึกษาเสนาพฤฒามาตย์ราชปุโรหิตข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยทแกล้วทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดจะรับอาสา ........................พ....ร....ะ..เ..จ....า..ก....ร....ุง...ต....า...ฉ....งิ......................... ข่ีม้าแทงทวนสู้กามะนีทหารพระเจ้ากรุงจีนตัวต่อตัวได้บ้าง เสนาพฤฒามาตย์ผู้ใหญ่ผู้น้อยทแกล้ว ทหารเอกคนหนึ่งมีฝมือขี่มา แทงทวน สมงิ พระราม......................................................................................... ทหารท้ังปวงก็มิอาจรับอาสาได้ พระเจ้ามณเฑียรทองก็ทรงพระวิตกเป็นทุกข์พระทัยนัก จึงให้หาโหร สันทัดดีหาผูเสมอมิได จีนทั้งปวงตาง ......................พ.....ร...ะ...เ.จ....า...ฝ...ร....่ัง...ม...ัง....ฆ....อ ...ง........................ มาค�านวณพระชันษาและชะตาเมืองดู โหรก็ค�านวณฎีกาดูทูลถวายว่าพระชันษาและชะตาเมืองยังดี สรรเสริญวาทหารผนู ี้ดุจเทพยดา อย่หู าเสยี ไม่ นานไปจะไดล้ าภอันประเสรฐิ อีก 86 เฉฉบลบั ย เรารกั สตั ยย งิ่ กวา ทรพั ย อยา วา แตส มบตั ิ มนุษยนี้เลย ถึงทานจะเอาทิพยสมบัติ กจิ กรรมสรา งเสรมิ ของสมเด็จอมรินทรมายกใหเรา เราก็ มิไดป รารถนา มเิ สยี ทที เ่ี กดิ มาเปน เชอื้ ชาตทิ หาร นบั วา ชายชาตรีแท มิไดเกรงกลวั แกค วามตาย ท้ังราชสมบัติก็มิไดรักใคร แลวองอาจ แกลว กลา หาผใู ดเปรยี บเสมอมไิ ด พระเจาอยูหัวของเราทรงโปรดทแกลว ทหาร รักยิ่งกวาพระราชธิดาอันเกิดแต พระอรุ ะ หวงั จะบาํ รงุ พระนครใหค นทงั้ ปวง อยูเปนสุข และจะใหขาศึกยําเกรง พระเดชานุภาพ ๙๐ เกรด็ แนะครู ครูใหนักเรยี นถายทอดประสบการณกอ นเรม่ิ เรยี นเรือ่ งราชาธริ าช ตอน สมิง- นักเรียนศกึ ษาเนื้อเร่อื งราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา ในหนา 86 พระรามอาสา ครขู ออาสาสมัครทร่ี ูจกั เรอื่ งราชาธริ าชมาเลาใหเ พือ่ นฟงหนา ช้ันเรยี น โดยพิจารณาวา เนอื้ ความตอนใดในเรือ่ งทแี่ สดงใหเห็นความเชื่อของ โดยครคู อยซักถามใหก ารเลา เร่ืองของนักเรยี นนาํ ไปสูการเรมิ่ บทเรียน และเปด คนสมัยนน้ั จดบันทกึ ลงสมุด โอกาสใหนกั เรียนคนอ่ืนๆ ซักถาม โดยครูชวยแนะคาํ ตอบ หรอื ใหนักเรียนบันทึก คําถามนนั้ ลงสมดุ และตอบคาํ ถามเมอ่ื อานเนื้อเรือ่ งจบแลว กจิ กรรมทาทาย นกั เรียนควรรู นกั เรยี นศกึ ษาเนอื้ เรื่องราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา ในหนา 86 โดยพจิ ารณาวา เนื้อความตอนใดในเรื่องทีแ่ สดงใหเห็นความเชื่อของ 1 นอระมาด หรือหนอแรด ใชทําเครอ่ื งประดบั ในอดีตใชเ ปน เคร่ืองบรรณาการ คนสมัยนัน้ และวิเคราะหวาความเชอ่ื น้นั สง ผลตอการดาํ เนินเรื่องอยางไร 2 นํา้ ดอกไมเทศ หมายถึง หัวน้ําหอมทําจากดอกกหุ ลาบชนิดหน่ึง นักเรยี นจดบนั ทึกความรลู งสมุด 86 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทรงฟังก็ดีพระทัย จึงให้ตีฆ้องร้องป่าวท่ัวท้ังพระนครว่า ถ้าผู้ใดรับ นกั เรยี นอธบิ ายเกยี่ วกับสถานการณข อง อาสาสู้กับกามะนีทหารพระเจ้ากรุงจีนได้ พระเจ้าแผ่นดินจะโปรดให้เป็นมหาอุปราช เสนาบดีรับส่ัง สมงิ พระรามอาสา แล้วกใ็ หป้ า่ วรอ้ งไปท่วั พระนคร ไมม่ ผี ใู้ ดทจี่ ะอาจออกรบั อาสาได้ • สมงิ พระรามมปี ระวตั ิความเปน มาอยางไร ฝ่ายผู้คุมซ่ึงคุมสมิงพระรามน้ัน จึงเจรจากับเพื่อนกันตามเรื่องราว แล้วคร้ังน้ีพระเจ้าอยู่หัว (แนวตอบ สมงิ พระรามเปนเชลยศกึ เมอื ง จะแบ่งสมบัติให้กึ่งหนึ่ง ก็ยังไม่มีผู้ใดรับอาสา เห็นเมืองจะตกต�่าเสียละกระมัง สมิงพระรามได้ยิน หงสาวดี เปน ทหารเอกมีฝมือของพระเจา ดังนั้นก็คิดว่า แต่เราต้องพันธนาการตรากตร�าอยู่นานแล้ว มิได้ขี่ช้างขี่ม้าเหยียดมือเหยียดเท้า ราชาธิราช ซึ่งครง้ั หนึง่ มังรายกะยอฉะวา เยื้องแขนซ้ายย้ายแขนขวาเล่นบ้างเลยร�าคาญใจนัก เราจะกลัวอะไรกับกามะนีทหารจีน อันจะเอา พระราชโอรสของพระเจา ฝร่ังมังฆอ ง ยกทพั ชัยชนะน้ันไม่สู้ยากนัก ครั้นจะรับอาสาบัดน้ีเล่าก็เหมือนหาบสองบ่าอาสาสองเจ้าหาควรไม่ คิดแล้ว มาตีเมอื งหงสาวดี คร้ังนั้นสมงิ พระราม ก็นิ่งอยู่ คร้ันรุ่งขึ้นผู้คุมได้ยินข้าหลวงมาป่าวร้องอีก จึงพูดกับเพ่ือนกันว่า ทัพจีนยกมาคร้ังน้ี ทหารมอญผมู ฝี มอื ในการรบเปน เย่ยี ม ใหญ่หลวงนัก หาทหารผู้ใดที่จะรับอาสาป้องกันพระนครไว้นั้นเป็นอันยากแล้ว อย่าว่าแต่เมืองพม่า มคี วามองอาจเขม แข็งบังคบั ชาง มา เท่าน้เี ลย ถงึ เมืองใหญ่ๆ กว่าเมอื งพม่าสกั สิบเมืองก็เห็นจะสไู้ มไ่ ด้ นา่ ท่ีจะเสยี เมืองแกจ่ ีนเปน็ มน่ั คง ไดช ํานาญ แตชางศกึ พลายประกายมาศ ตกหลม มงั รายกะยอฉะวาจงึ จบั สมงิ - สมิงพระรามได้ฟังดังน้ันก็คิดว่า กรุงอังวะน้ีเป็นต้นทาง อุปมาดังหน้าด่านกรุงหงสาวดี พระรามได และนําไปจองจําไวท ี่กรุงองั วะ พระเจ้ากรุงจีนยกทัพมาคร้ังน้ีก็มีความปรารถนาจะใคร่ดูทแกล้วทหารอันมีฝีมือข่ีม้าร�าเพลงทวน ในฐานะเชลย) สู้กันตัวต่อตัว ถ้าไม่มีผู้ใดสู้รบ ถึงจะได้เมืองอังวะแล้วก็ไม่ส้ินความปรารถนาแต่เพียงน้ี เห็นศึกจีน จะก�าเริบยกล่วงเลยลงไปติดกรุงหงสาวดีด้วยเป็นมั่นคง ตัวเราเล่าก็ต้องจองจ�าตรากตร�าอยู่ ถ้าเสีย • เหตุใดสมิงพระรามจงึ อาสาออกรบ กรุงอังวะแล้วจะหมายใจว่าจะรอดคืนไปเมืองหงสาวดีได้ก็ใช่ที่ จ�าเราจะรับอาสาตัดศึกเสียจึงจะชอบ (แนวตอบ สมิงพระรามรวู าการศกึ คร้งั น้ี อยา่ ให้ศกึ จนี ยกลงไปติดกรุงหงสาวดีได้ คิดแล้วจึงพูดกับผูค้ ุมวา่ จะกลัวอะไรกับกามะนีทหารพระเจา้ ยงิ่ ใหญ ความปรารถนาของพระเจา กรุงจนี กรุงจีนน้ันจะมีฝีมือดีสักเพียงไหน เรากลัวแต่ทหารเทพยดาท่ีเหาะได้ ซึ่งกามะนีกับเราก็เป็นมนุษย์ ท่ีตอ งการเหน็ ทหารเอกของตนสกู ันตวั ตอตวั เดินดินเหมือนกันเราหากลัวไม่ พอจะสู้รบเอาชัยชนะได้ นายผู้คุมได้ฟังก็ดีใจจึงตอบว่า ถ้าท่านรับ กบั ทหารของเมอื งอนื่ ยากจะหยดุ ยั้ง อาสาได้แล้วก็ดีย่ิงนัก เห็นท่านจะพ้นโทษได้ท่ีมหาอุปราชมียศถาศักดิ์ใหญ่เป็นมั่นคง ไปเบ้ืองหน้า หากไมมีใครในกรงุ องั วะรับอาสาการศกึ เราจะขอพ่ึงบุญท่าน สมิงพระรามตอบว่า ซึ่งเรารับอาสาน้ีจะหวังยศถาบรรดาศักดิ์หามิได้ ประสงค์ ครั้งนี้ พระเจากรุงจีนจะยึดกรุงอังวะไวใน จะกู้พระนครให้เป็นเกียรติยศไว้ และจะให้ราษฎรสมณชีพราหมณ์อยู่เย็นเป็นสุขเท่าน้ัน ผู้คุมได้ฟัง ครอบครอง และจะเสาะหาทหารทจ่ี ะมาทา ก็ชอบใจ จึงน�าถ้อยค�าสมิงพระรามรีบเข้าไปแจ้งแก่เสนาบดีๆ ได้ฟังก็มีความชื่นชม จึงน�าความเข้า สกู ับกามะนใี นเมืองอื่นตอไป ซึ่งสมิงพระราม กราบทลู พระเจา้ มณเฑยี รทองตามคา� สมิงพระรามวา่ นนั้ ทกุ ประการ ก็คาดวานา จะเปนกรงุ หงสาวดีของตน จงึ ถอื โอกาสนช้ี วยกรุงหงสาวดีและชวยให พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ทรงฟังก็เฉลียวพระทัย ทรงพระด�าริระลึกข้ึนมาได้ว่า สมิงพระรามนี้ ตัวเองหลดุ พนโทษเปน อิสระ) ขช่ี ้างม้าสันทดั ดี ฝีมือเข้มแขง็ แกล้วกล้าในการสงครามหาผ้เู สมอตวั ยาก เห็นจะสูท้ หารพระเจา้ กรุงจนี ได้เป็นแท้ ทรงพระด�าริแล้วก็มีพระทัยยินดีนัก จึงตรัสแก่เสนาบดีทั้งปวงว่า สมิงพระรามนี้มีฝีมือ เป็นทหารเอกเมืองหงสาวดี เราลืมคิดไปพ่ึงระลึกข้ึนได้ จึงตรัสสั่งขุนนางกรมนครบาล ให้ไปถอดสมิง พระรามมากระท�าสัตย์เสียจึงน�าเข้าเฝ้า สมิงพระรามก็เข้ามากราบถวายบังคมหน้าพระท่ีน่ัง พระเจ้า 87 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู เหตุใดสมงิ พระรามจึงกลา ววา “เหมอื นหาบสองบา อาสาสองเจาหาควรไม” ครูแนะใหน กั เรียนเห็นวา กอนจะตดั สนิ ใจทํากิจการงานใดๆ นั้น ควรตรกึ ตรอง 1. เพราะคนเราไมค วรทํางานพรอมๆกันสองอยา ง พิจารณาใหรอบคอบ ดังท่สี มงิ พระรามใครค รวญปญหากอนจะตดั สินใจวาควร 2. เพราะสมงิ พระรามนั้นเปนชาวมอญไมควรไปรับใชชาวพมา หรอื ไม ท่ีจะรบั อาสาสูศ กึ จีน ท้ังนีส้ มิงพระรามนอกจากจะเปนผูทีม่ ปี ญญามีฝมือแลว 3. เพราะสมิงพระรามอาสามาสูร บกับพมา แลวยังจะอาสาไปสูร บกับจีนอกี สมิงพระรามยงั มองการณไ กล สามารถคดิ ถึงปญหาใหญท่จี ะเกิดแกกรงุ หงสาวดไี ด 4. เพราะสมงิ พระรามนัน้ เปน ทหารของพระเจา ราชาธริ าชแลวยังจะมารับใช จึงหาวิธกี ารปอ งกันปญหาดว ยการรับอาสาสูศึกจนี พระเจาฝร่งั มังฆอง มุม IT วิเคราะหคาํ ตอบ สมิงพระรามเปน ทหารเอกของพระเจาราชาธริ าช แตตอ มาถกู จบั มาเปนเชลยท่กี รงุ อังวะ เม่ือเกดิ ศึกจนี กรุงอังวะประกาศหาผูม า ศกึ ษาเก่ยี วกบั ประวัติของสมงิ พระรามจากเรอ่ื งราชาธริ าชเพ่ิมเติม ไดที่ อาสาขมี่ า ราํ ทวนสตู วั ตอตัวกับทหารจีน แมสมิงพระรามเหน็ วาศึกจนี ครง้ั น้ี http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=12b5ad97ea4090c6 คงไมย ากทจ่ี ะเอาชนะ แตการรับอาสานัน้ อาจเปนเรือ่ งไมค วร เพราะตนเปน ทหารของพระเจาราชาธริ าชแลว ยังจะมารับใชพ ระเจา ฝรั่งมงั ฆอ งเปน เรอื่ ง คมู อื ครู 87 ไมค วร แตทา ยทส่ี ุด เม่ือเห็นวากรงุ องั วะชนะจะเปนประโยชนต อกรงุ หงสาวดี ดวยจึงรับอาสา ตอบขอ 4.
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนอธบิ ายความรูเกย่ี วกบั เรื่องดังตอ ไปนี้ ฝร่ังมังฆ้องทอดพระเนตรเห็นสมิงพระรามก็มีพระทัยยินดีนัก จึงตรัสถามว่า ศึกมาติดกรุงอังวะครั้งน้ี • สมิงพระรามอาสากลา วถึงการเลือกมาทดี่ ี หาผู้ใดที่จะอาสาออกสู้กับทหารจีนมิได้ ท่านจะรับอาสาเราหรือประการใด สมิงพระรามจึงกราบทูล ว่า อันการสงครามเพียงน้ีมิพอเป็นไรนัก ข้าพเจ้าจะขอรับอาสาพระองค์ออกไปต่อสู้ด้วยกามะนี อยางไรบา ง สนองพระเดชพระคุณมิให้อัปยศแก่พระเจ้ากรุงจีนน้ันพอจะได้อยู่ แต่ข้าพเจ้าจะขอรับพระราชทาน (แนวตอบ ลกั ษณะชางดีเมื่อขจ่ี ึงจะรวู าดี มาดี ม้าท่ีดีมีฝีเท้าตัวหนึ่ง ถ้าได้สมคะเนแล้วอย่าว่าแต่กามะนีผู้เดียวเลย เว้นไว้แต่เทพยดานอกกว่านั้น ตอ งเอามือตองหลังดูจึงจะรวู า ดี ทหารตอง ข้าพเจ้าจะสูไ้ ด้สิ้น เห็นตอนอาสาทําศกึ จงึ จะรูวาดี ทองตอ งลอง ขดี ลงบนหนิ จงึ จะรวู า ดี สตรตี อ งมกี ริ ิยา ฝ่ายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ทรงฟังสมิงพระรามทูลดังน้ัน ก็มีความโสมนัสยินดีย่ิงนัก จึงตรัสว่า มารยาทดีจงึ จะเรยี กวา งาม อาหารตอ งชิมรส ม้าของเรามีอยู่เป็นอันมากนับได้หลายหม่ืนแสน ท่านจะปรารมภ์ไปไยด้วยม้าตัวเดียวท่ีจะให้ชอบใจ กอนจึงจะรูว า ด)ี นัน้ พอจะหาได้ ถา้ ชอบใจตวั ใดแลว้ ก็เลอื กเอาเถดิ สมงิ พระรามจึงทลู ว่าลักษณะชา้ งดตี ่อเมื่อขจี่ ึงรู้วา่ ดี • จากคาํ กลาวของสมิงพระรามในการเลือกมา ม้าดีได้ต้องเอามือต้องหลังดูก่อนจึงจะรู้ว่าดี ทแกล้วทหารก็ดี ถ้าอาสาออกสงครามท�าศึกจึงจะรู้ว่าดี แสดงใหเ หน็ คณุ ลักษณะใด ทองนพคุณเล่าขีดลงหน้าศิลาก่อน จึงจะรู้ว่าดี สตรีรูปงามถ้าพร้อมด้วยลักษณะกิริยามารยาท (แนวตอบ จากคาํ กลาวของสมิงพระรามใน ต้องอย่างจึงควรนับว่างาม ถ้าจะให้รู้รสอร่อยได้สัมผัสถูกต้องก่อนจึงนับถือว่ามีโอชาอร่อย ถ้าใจดี การเลือกมา แสดงใหเ ห็นวา เปนผมู ปี ญญา ต้องทดลองให้สิ้นเชิงปัญญาก่อนจึงจะนับว่าดี ความอุปมาสี่ข้อ ข้าพเจ้าทูลถวายดังนี้เป็นของหายาก และมคี วามรอบรูใ นเร่อื งตา งๆ ดงั ท่ีพระเจา ซงึ่ พระองคต์ รสั วา่ มา้ มมี ากนนั้ กม็ ากจรงิ แตข่ า้ พเจา้ เกรงวา่ จะไมใ่ ครม่ ดี ี ทด่ี จี ะหายาก พระเจา้ ฝรงั่ มงั ฆอ้ ง ฝรั่งมงั ฆองตรสั สรรเสริญสมิงพระรามวา ได้ทรงฟังสมิงพระรามทูลเปรียบเทียบหลักแหลมดังนั้น ก็แย้มพระสรวลชอบพระทัยจึงสั่งกรมม้า “สมิงพระรามนนี้ บั วาเปนชายผูห นง่ึ มีความ ให้จัดม้าต้น ม้าทรงระวางนอกระวางใน และม้าท้ังปวงมาให้สมิงพระรามดูท่ีหน้าพระลานหลวง สตั ยซอ่ื ยิง่ นกั และกลา หาญเขมแขง็ รูศ ิลป- พระองค์ก็เสด็จไปทอดพระเนตรพร้อมด้วยเสนาบดีขุนนางผู้ใหญ่ท้ังปวง กรมม้าผู้รับสั่ง ก็ให้จัดม้า ศาสตรส ันทดั หาตวั เปรยี บเสมอมิได” ) ส่งเข้ามามากกว่าหม่ืนแสน สมิงพระรามกราบถวายบังคมแล้วก็ออกไปยกมือข้ึนต้องหลังดู ม้าบรรดา ที่ส่งเข้ามาเป็นอันมากน้ันเลือกเสียสิ้นไม่ชอบใจสักตัวหนึ่ง ขุนนางท้ังปวงเห็นดังนั้นก็พากันหัวเราะ เยาะเล่นว่า มอญพูดมากอวดแต่ปาก ครั้นจะเอาจริงแสร้งเลือกม้าเสียนับหม่ืนนับแสนม้าทั้งปวงนี้ กส็ ามารถ เคยผจญทา� สงครามไดร้ บั อบั จนมาเปน็ อนั มาก แตล่ ว้ นดๆี ทงั้ นน้ั เลอื กมไิ ด้ แกลง้ ทา� บดิ เบอื น แก้ไขแต่พอให้เนิ่นช้าไปกว่าจะได้ช่องก็จะหนีเอาตัวรอดกลับไปเมือง แต่พระเจ้าฝร่ังมังฆ้องน้ัน พระองค์มิได้สงสัย เพราะทรงทราบอยู่ว่าสมิงพระรามเป็นคนดีมีฝีมือจริง สมิงพระรามก็เข้ามา กราบทลู วา่ ขา้ พเจา้ เลอื กมา้ มไิ ดช้ อบใจสกั ตวั หนงึ่ พระเจา้ ฝรง่ั มงั ฆอ้ งจงึ ตรสั วา่ เราจะใหห้ ามาเลอื กอกี ใหช้ อบใจท่านจงได้ จงึ ตรัสสั่งเสนาบดีให้จัดหามา้ เชลยศกั ด์ใิ นพระนครนอกพระนครมาให้สน้ิ เชิง ขณะเม่ือพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง ให้มีพระราชก�าหนดออกไปแก่พระเจ้ากรุงจีนไปครั้งน้ัน ไพร่พล ทั้งสองฝ่ายและชาวบ้านชาวเมืองก็เที่ยวไปมา เดินซ้ือขายแก่กันเป็นปรกติอยู่หาท�าอันตรายแก่กันไม่ พวกเสนาข้าหลวงจึงเที่ยวจัดหาม้าเชลยศักด์ิไปใกล้กองทัพ1นอกเมือง พบม้าสองตัวแม่ลูก หญิงม่าย ผู้หน่ึงเป็นเจ้าของเล้ียงไว้ ม้าสองตัวนั้นกินหญ้าอยู่ริมมาบน�้าแห่งหนึ่งลึกเพียงขาม้า กว้างประมาณ 88 เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอใดไมใชสงิ่ ทีส่ มิงพระรามกลาวเปรยี บขณะเลอื กมา ศึก ครูแนะความรเู ก่ียวกบั คุณลักษณะท่ดี ขี องสมงิ พระรามเพ่มิ เติม ในเรอ่ื งการเปน 1. ผา แพรดีตองไดลองสวมใส คนมสี ติปญ ญาและรอบคอบ โดยแนะวาการเปน คนฉลาดแตขาดความเฉลียวคือ 2. สตรีงามตอ งมกี ริ ยิ ามารยาทงาม รอบคอบถถ่ี วนน้ัน จะทาํ ใหป ระสบกับอปุ สรรคติดขัดและทําการใดๆ กไ็ มป ระสบ 3. ทองนพคณุ แทต องลองขดี กบั หนิ ความสาํ เร็จ นักเรยี นจงึ ควรขยนั หมั่นเรียนรูเ พ่อื ใหเปน ผมู ีปญ ญา และตองมีสติ 4. ทหารดีรวู าดีเมอื่ อาสาออกสงครามทาํ ศกึ คิดพิจารณาในการตัดสนิ ใจ โดยนักเรยี นสามารถยึดเอาคุณลักษณะการเปนคนมี วิเคราะหค ําตอบ จากเนอ้ื ความท่ีสมงิ พระรามเปนผูกลา วความเปรียบถงึ ปญญาและรอบคอบมายึดถอื เปน แบบอยางในการดําเนินชีวิต คณุ ลกั ษณะของส่งิ ตางๆ ที่ดีและควรเลอื ก โดยกลา ววา “ลักษณะชา งดีตอ เมอ่ื ขจี่ งึ จะรวู าดี มาดีไดตองเอามือตองหลงั ดูกอ นจงึ จะรูวาดี ทแกลว ทหารก็ นกั เรียนควรรู ดี ถา อาสาออกสงครามทําศึกจึงจะรูวาดี ทองนพคุณเลาขดี ลงหนาศลิ ากอ น จงึ จะรวู า ดี สตรีรูปงามถาพรอมดว ยลกั ษณะกิริยามารยาทตอ งอยางจงึ ควร 1 มาบ หมายความวา บริเวณที่ลมุ กวา งใหญซ ่งึ อาจมีน้าํ ขังหรอื ไมม กี ไ็ ด นับวา งาม ถาจะใหรรู สอรอ ยไดส มั ผัสถกู ตอ งกอ นจึงนับถือวา มโี อชาอรอย ถา ใจดีตอ งทดลองใหส ้ินเชงิ ปญญากอ นจึงจะนบั วา ดี” สิ่งทีไ่ มไดกลาวถึงคอื 88 คมู ือครู ผา แพร ตอบขอ 1.
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู 1 นกั เรียนรวมกันอธิบายเกยี่ วกบั ลกั ษณะนสิ ยั ของตัวละครสมิงพระรามอาสา ห้าวา ลูกม้าน้ันโจนข้ามไปฟากข้างหนึ่งได้ทุกวัน หญิงม่ายเจ้าของต�าข้าวฝัดร�าไว้แล้วก็ร้องเรียก ลูกม้านั้นๆ ก็กระโจนข้ามมาบน�้ามากิน แต่แม่ม้านั้นก�าลังน้อยโจนข้ามล�ามาบมิได้ ลงลุยข้ามน�้ามา • จากคํากลาวของพระเจา ฝรัง่ มังฆองตอ ผคู มุ แต่ดังนั้นทุกวันมิได้ขาด เสนาบดีเห็นลูกม้าตัวนั้นมีก�าลังมาก และประกอบด้วยลักษณะต้องอย่าง วา “สมงิ พระรามจะลอ ลวงเราหนไี ปจรงิ ก็ชอบใจ จึงให้พวกข้าหลวงช่วยกันล้อมเข้าจะจับเอาลูกม้าๆ เปรียวอยู่ก็ดีดขบกัดด้วยก�าลังจับมิได้ หรอื ประการใด” นกั เรยี นเห็นดว ยหรอื ไม เสนาบดีจึงให้เรียกหญิงเจ้าของมาแล้วบอกว่า บัดนี้พระเจ้าแผ่นดินมีพระราชประสงค์ม้า เราเห็น อธิบายยกตัวอยางประกอบ ม้าของท่านงามดีต้องลักษณะในต�ารา ท่านจงยอมให้เราน�าไปถวายเถิด จะได้รับพระราชทานรางวัล (แนวตอบ เห็นดว ยทก่ี ลา ววา สมงิ พระราม แต่ท่านเป็นเจ้าของคุ้นเคยช่วยจับให้เราด้วย หญิงเจ้าของจึงค�านับว่าถ้าท่านจะให้ข้าพเจ้าจับให้แล้ว เปน ชายทีม่ ีความสัตยซ ือ่ เพราะจากทผ่ี ูคุม เชิญท่านกบั ข้าหลวงพากันหลีกไปเสียกอ่ นเถิด อย่าท�าวุน่ วายเลย หญิงเจ้าของว่าดังนั้นแลว้ เสนาบดี กลา วกบั พระเจา ฝรั่งมงั ฆองวา “อนั สมิง- กับข้าหลวงทั้งปวงก็ชวนกันถอยออกไปให้ห่างไกล หญิงเจ้าของจึงเอาข้าวเปลือกมาต�าได้ร�าแล้ว พระรามผูน มี้ คี วามสัตยซ ่อื ม่ันคงนัก ซึง่ จะ ก็ร้องเรียกลูกม้าดุจดังทุกวัน แม่ม้านั้นก็ท่องน้�าข้ามคลองมา ลูกม้าน้ันโจนข้ามคลองมากินร�า หนีพระองคไปนน้ั ขา พเจาหาเหน็ เปนไม” หญิงเจ้าของจึงยกมือขึ้นลูบหน้าลูบหลังลูกม้าแล้วก็ปลอบโยนให้กินร�า จึงค่อยเอาเชือกสอดผูกคอ คํากลาวของผูค มุ ตอสมงิ พระรามเปน ส่ิง เข้าไว้กับต้นไม้ให้มั่นคง แล้วไปค�านับเชิญเสนาบดีกับข้าหลวงทั้งปวงให้ผูกเอาลูกม้านั้นไป เสนาบดี สนบั สนุนท่ีวาสมิงพระรามสัตยซ ือ่ ) แจ้งแล้วก็ดีใจ จึงชวนกันมาดู ให้ผูกม้าน้ันจูงเข้าไปถวายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องเสด็จออก เสนาบดีน�าม้า เข้าไปถวาย กราบทลู โดยความทไี่ ด้แต่หญงิ ม่ายน้ันทุกประการ • หลงั จากท่ีพระเจาฝร่งั มังฆอ งไดฟงทีผ่ ูคมุ กราบทลู แลว ทรงมที ที า อยางไร พระเจ้าฝร่ังมังฆ้องทอดพระเนตรเห็นลูกม้ารูปร่างอ้วนงามดีก็ชอบพระทัย จึงตรัสส่ังให้สมิง (แนวตอบ หลังจากท่ีฟง ผูคมุ กราบทลู วา พระรามมาดูม้าหน้าพระท่ีน่ัง สมิงพระรามกราบถวายบังคมแล้ว ก็ออกไปพิจารณาดูเห็นลูกม้าน้ัน สมงิ พระรามคนนเ้ี ปนคนสตั ยซือ่ เมือ่ มามี รูปงาม ประกอบด้วยลักษณะดีต้องอย่าง สมเป็นม้าส�าหรับรบศึกจึงเอามือต้องหลังดู ม้านั้นมิได้ กําลงั เหนอื่ ยออ นก็จะกลับ กไ็ มท ําใหพ ระเจา อ่อนหลังทรุดลงดุจม้าทั้งปวงท่ีเลือกมาแต่หนหลัง ก็รู้ว่าม้าตัวนี้ดีมีก�าลังมาก หาม้าอื่นเสมอมิได้ ฝรงั่ มงั ฆองคลายความกงั วลลงแตอ ยา งใด จึงให้เอาบังเหียนมาใส่ผูกอานเข้าแล้ว ก็กราบทูลว่าม้าตัวนี้ดีได้ลักษณะตามต�ารับท่ีเคยเช่ือถือ อกี ท้ังก็มีเหลา เสนาบดที ่ีคอยกลา วรา ย ชอบใจข้าพเจ้านัก ข้าพเจ้าจะขอทดลองฝึกหัดเสียให้เชื่องก่อน กราบถวายบังคมแล้วก็จูงม้าออกมา สมิงพระรามอยูตลอด พระเจาฝร่งั มังฆอ งจึง พ้นหน้าพระท่ีน่ัง จึงถือทวนสะพายแส้เผ่นขึ้นหลังม้า พาควบออกไปนอกเมือง ผงคลีกลุ้มตลบมืดไป รสู ึกไมค อยไวใ จสมงิ พระราม) แลมิได้เหน็ ตวั ม้าและคน ฝ่ายเสนาบดีก็ร้องอ้ืออึงข้ึนว่า อ้ายมอญโกหกมันลวงพระองค์หนีกลับไปเมืองหงสาวดีแล้ว พระเจา้ ฝรั่งมงั ฆอ้ งไดท้ รงฟงั เสนาบดีวา่ ดังนนั้ ก็ตกพระทยั จงึ ให้หาผคู้ มุ เข้ามาตรัสถามด้วยพระองคว์ ่า สมิงพระรามจะลอ่ ลวงเราหนีไปจรงิ หรอื ประการใด ผูค้ ุมก็กราบทลู วา่ อันสมงิ พระรามผูน้ ม้ี คี วามสัตย์ ซ่ือม่ันคงนัก ซ่ึงจะหนีพระองค์ไปน้ันข้าพเจ้าเห็นหาเป็นไม่ เพราะม้าตัวน้ีเป็นลูกม้าหนุ่มยังมิได้พาด อานมีก�าลังนัก สมิงพระรามจึงควบไปไกล หวังจะทรมานให้เหนื่อยอ่อนลง จึงจะฝึกสอนได้โดยง่าย ข้าพเจ้าเห็นคงจะกลับมา ขอพระองค์ทรงเสด็จคอยท่าอยู่ก่อนเถิด พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ทรงฟังผู้คุม ดังน้ันก็ยังไม่คลายพระวิตก มิได้เสด็จเข้า ตรัสบัญชาการด้วยเสนาบดีทั้งปวงต้ังพระทัยคอยท่าสมิง พระรามอยู่ 89 กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู นักเรียนขยายความรูความเขา ใจเพมิ่ เติมเกีย่ วกบั ชื่อเมืองท่ปี รากฏอยู 1 ฝด เปนคํากริยา หมายถึง อาการกระพือขา ว เพือ่ ใหแกลบหรือเศษผงออก ในเรื่องราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา นกั เรียนคน หาขอ มูลเกีย่ วกบั จากขาว กรุงรัตนบุระองั วะและกรุงหงสาวดอี าณาจักรทเี่ จรญิ รุง เรืองในอดตี มมุ IT กจิ กรรมทาทาย ศึกษาเกยี่ วกบั ละครพันทางและชมการแสดงละครพนั ทางเรอ่ื งราชาธิราช ตอน นกั เรียนสรุปปญ หาความขดั แยง ระหวางกรุงรัตนบุระอังวะ กรงุ หงสาวดี สมิงพระรามรบกามะนี ไดท ี่ http://www.youtube.com/watch?v=LOoCWy_ และกรุงตาฉงิ โดยบอกสาเหตุของความขัดแยง ชว งระยะเวลาของความ ayGg ขัดแยง และผลจากความขดั แยง คูมอื ครู 89
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนอธิบายความรูเกี่ยวกบั การสง เครือ่ งราช- ฝ่ายสมิงพระรามข้ึนม้าควบไปแต่เวลาเช้าจนสามโมงบ่าย ฝึกหัดม้านั้นให้รู้จักท�านองรบรับ บรรณาการในเรื่องราชาธิราช ตอน สมงิ พระราม ได้แคล่วคล่องสันทัดแล้ว ก็ชักม้าสะบัดย่างน้อยเป็นเพลงทวนกลับเข้ามา เสนาบดีทั้งปวงแล อาสา เห็นสมิงพระรามข่ีม้ามาแต่ไกล ก็ร้องอ้ืออึงขึ้นว่า สมิงพระรามกลับมาแล้วเหมือนค�าผู้คุมทูลจริง ทกุ ประการ • การสง เคร่อื งราชบรรณาการมีลกั ษณะอยางไร (แนวตอบ การสงเครือ่ งราชบรรณาการจะสงไป เปน็ ชายผพู้หระนเงึ่จ้ามฝีครวั่งามมังสฆัต้อยงท์ซอื่อยด่ิงพนรักะเนแตลระเกหล็น้าหกา็ดญีพเขระ้มทแขัย็งนรักู้ศจิลึงปตศรัสาสสตรรรเ์ส1สนั รทิญดั ว่าหาสตมัวิงเพปรระยี รบาเมสนมี้นอับมวิได่า้ พรอ มกับพระราชสาสนเพ่ือแจง ความประสงค ของแตละฝาย ดังจะเห็นไดวา เม่ือพระเจา ฝ่ายสมิงพระรามก็ชักม้าร�าเป็นเพลงทวนเข้ามา จนถึงหน้าพระท่ีนั่งก็ลงจากหลังม้าเข้าเฝ้ากราบถวาย กรุงจนี ตอ งการแจงความประสงคในการทาํ บังคมพระเจ้ามณเฑียรทองแล้วทูลว่า ข้าพเจ้าได้ม้าสมคะเนชอบใจแล้ว อันศีรษะกามะนีนั้นก็อยู่ใน สงครามก็จะสงพระราชสาสน ไปแจงพระเจา เงื้อมมือข้าพเจ้า จะเอามาถวายพระองค์ให้จงได้ ข้าพเจ้าจะขอรับพระราชทานขอเหล็กกับตะกรวย ฝร่งั มงั ฆอ ง พรอ มกบั ทีม่ กี ารแตงเครอ่ื งราช- ใบหนึ่งส�าหรับผูกข้างม้า เม่ือข้าพเจ้าตัดศีรษะกามะนีขาดแล้ว จะได้รับเอาศีรษะมิให้ทันตกลงถึงดิน บรรณาการไปดวย เมือ่ พระเจาฝร่งั มงั ฆอ ง ใสใ่ นตะกรวยซ่งึ แขวนไปกับข้างมา้ น้นั เขา้ มาถวายพระองค์ มพี ระราชสาสน ตอบรับการทําศกึ กม็ อบ เคร่อื งราชบรรณาการใหแ กล ามคอื โจเปย ว ฝ่ายเสนาบรรดาเฝ้าอยู่พร้อมกัน ได้ยินสมิงพระรามทูลดังนั้นก็กระซิบเจรจากันว่า มอญพูด นาํ กลับไปถวายพระเจา กรงุ จนี พรอ มกบั มากเห็นพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดสรรเสริญว่าดีแล้วก�าเริบใจอวดตัวเหลือไปนัก พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง พระราชสาสน ทีต่ อบรบั ) กท็พองรตะ้นราแชขทนาปนลเาคยรแื่อขงนม2้าแทหอวงนคส�าอปดรกะ้อดัยบแพตล่ลอ้วยนสป�ารหะรดับับมเ้านากวับรัตผน้าโ์สพิ้นกศจีรึงสษ่ังะใเหส้มื้อังชนมันพทูขะลมิบิตทรอจงัดจเคีบรเอ่ือวง • การสงเครื่องราชบรรณาการมคี วามสําคญั อยา งไร ยุทธนาการทั้งปวงให้สมิงพระรามตามปรารถนา แล้วให้มีพระราชสาส์นก�าหนดนัดหมายออกไปถึง (แนวตอบ การสง เคร่ืองราชบรรณาการแสดงให พระเจ้ากรุงจีนอีกฉบับหน่ึง ให้จัดฉลองพระองค์อย่างดี ท�าด้วยขนสมุนคู่หน่ึง ให้มังมหาราชาเป็นผู้ เห็นถงึ การใหเ กียรติกับอีกฝายไมวาจะเปน ผู จ�าทลู คุมส่ิงของออกไปถวายพระเจ้ากรงุ จีน ทีม่ ีอํานาจเหนือกวาหรือนอ ยกวา และการสง เคร่อื งราชบรรณาการเปนขั้นตอนแรกของวิธี มังมหาราชาก็ถวายบังคมลา ถือพระราชสาส์นก�าหนด คุมเคร่ืองราชบรรณาการออกไปยัง การเจรจาตอรอง ซึง่ จะทําใหฝ ายทีม่ อี าํ นาจ กองทพั นอกเมอื ง ทหารทง้ั ปวงเหน็ กไ็ ปแจง้ แกเ่ สนาบดๆี จงึ เขา้ กราบทลู พระเจา้ กรงุ จนี จงึ โปรดใหร้ บั นอ ยกวา อยางพระเจา องั วะมที างเลือกมากข้นึ เข้าไป ณ พลับพลาในค่ายมังมหาราชาก็เข้าไปกราบถวายบังคมหน้าพระท่ีนั่ง ถวายพระราชสาส์น ดวยการสง เครื่องราชบรรณาการตอบแทน ก�าหนดกบั เครอ่ื งราชบรรณาการแกพ่ ระเจา้ กรุงจีน หรือหากไมยนิ ดีกับขอเรยี กรอ งกจ็ ะเลือกวิธี ตอ สใู ชก าํ ลงั ) พระเจ้ากรุงจนี จงึ รบั ส่งั ใหล้ า่ มแปล ใหเ้ จา้ พนกั งานอา่ นถวาย ในพระราชสาสน์ กา� หนดนน้ั ว่า ซึ่งพระองค์มพี ระทยั ปรารถนาจะใคร่ทอดพระเนตรดูทหารข่ีมา้ รา� ทวนสกู้ ันตวั ตอ่ ตวั นน้ั ขอพระองคใ์ หต้ กแต่งการซึ่งจะทอดพระเนตรไวจ้ งพร้อมเถดิ ถึง ณ วันพฤหสั บดี เปน็ คา� รบ เจด็ วันแล้วเมอ่ื ใด จงแต่งทหารใหอ้ อกมาสู้กนั ตามสญั ญา จะได้ทรงชมส�าราญพระทยั 90 นกั เรียนควรรู บรู ณาการเชือ่ มสาระ ครูบรู ณาการเรอ่ื งการสง เคร่อื งราชบรรณาการเขา กบั กลมุ สาระการเรียนรู 1 ศลิ ปศาสตร หมายถึง การศึกษาท่มี ุงจะใหความรทู ั่วไป และทักษะเชิง สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม วชิ าประวัตศิ าสตร ในการทําการคากบั ปญญา มิใชวชิ าชีพเฉพาะดา น หรือความทกั ษะเชิงชา ง เดิมนั้น คาํ วา จีนในสมยั โบราณ พอคา มักจะนําของกาํ นลั ไปใหเ พอ่ื ขอความสะดวกในการ “ศิลปศาสตร” เปนศัพทภาษาสนั สกฤต (ศลิ ฺป + ศาสตฺ ฺร) หมายถึง วชิ าความรทู งั้ ทาํ มาคา ขาย แตจ นี มกั ถือวาผูท่มี าสวามิภกั ดิ์ขอเปน เมืองขึน้ เมอ่ื มขี องกํานัล ปวง มาให นอกจากจนี จะใหความสะดวกในการคา แลว พระเจากรุงจีนยงั ตอบแทน 2 ทองตนแขนปลายแขน คือ ทองตนแขนกับทองปลายแขน ทองตน แขนเปน ดวยของกาํ นัลอยา งมากมายดว ย พอ คาไทยจึงนยิ มสงเครอื่ งราชบรรณาการ เครอ่ื งประดบั ชนิดหนึ่งใชสาํ หรับสวมรดั ตน แขน เรียกอีกชอื่ หนึง่ วา “พาหรุ ัด” สวน ใหจ นี จงึ เห็นไดว าการสง เครือ่ งราชบรรณาการกบั จีนนน้ั มปี ระวตั ิศาสตรม า ทองปลายแขนใชสวมรดั ขอมอื ยาวนานและเปนธรรมเนียมการปฏิบตั ทิ ่มี ีปรากฏในวรรณคดีและวรรณกรรม 90 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู พระเจ้ากรุงจีนได้แจ้งในพระราชสาส์นก�าหนดนั้นแล้ว ก็ดีพระทัยนัก จึงสั่งให้จัดฉลอง- นกั เรียนตอบคาํ ถามจากสถานการณการสกู ัน พระองค์มังกรห้าเล็บอย่างดี กับเคร่ืองม้าทองประดับพลอยลายหยกส�ารับหนึ่ง เป็นราชบรรณาการ ระหวางสมงิ พระรามและกามะนี ตอบแทน มอบให้มังมหาราชาคุมเข้ามาถวายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง มังมหาราชาก็ถวายบังคมลา คุมส่ิงของตอบแทนกลับมาถวายพระเจ้าฝร่ังมังฆ้องๆ ก็มีพระทัยยินดี คร้ันก�าหนดสัญญากัน • สมงิ พระรามมีแผนในการสกู นั คร้งั นอ้ี ยางไร เสร็จแล้ว กษัตริย์ท้ังสองพระองค์ก็สั่งให้เสนาบดีแต่งที่ปลูกพลับพลาหน้าเมือง เสนาบดีฝ่ายพม่า (แนวตอบ สมิงพระรามสงั เกตวา กามะนีขม่ี า และนายทัพนายกองฝ่ายจีนรับรับส่ังสองกษัตริย์แล้ว ก็ให้เกณฑ์พลมาจัดการปลูกพลับพลา แตงตวั หมุ เกราะอยู กามะนมี ีทา ทางชํานาญ ในการรําทวนอยา งยิ่ง ไมเหน็ ชองทีจ่ ะใช ทั้งสองข้างให้ตรงกัน ประกอบด้วยที่ข้างหน้าข้างใน1 และโรงใหญ่ส�าหรับเสนาข้าราชการใหญ่น้อย ทวนแทงเขาไปได จงึ วางแผนชวนใหร าํ เพลง ทวนกนั กอน ใหมา อกี ฝายวงิ่ จนออ นกําลัง อันจะได้เฝ้าอยู่ตามต�าแหน่งมีระยะห่างกันยี่สิบเส้น ไว้หว่างกลางเป็นสนามทวนซึ่งจะสู้กันในขบวน ซ่ึงจะทําใหสมิงพระรามมโี อกาสสอดทวน ทวนนน้ั เจ้าพนกั งานก็ผูกพระวสิ ูตรแตง่ พระท่ีรับเสด็จเตรียมไว้พรอ้ มท้ังสองขา้ ง แทงตรงชองเกราะเอาชนะ คดิ ไดดงั น้นั สมิงพระรามกร็ องชวนกามะนีรําเพลงทวน คร้ันถึงวันนัดก�าหนดแล้ว 2กษัตริย์ทั้งสองก็พรั่งพร้อมไปด้วยพยุหเสนาแห่แหนหน้าหลัง ถวายพระเจา อยหู ัวทง้ั สองพระองคใหไ ด ทอดพระเนตร และใหท หารทัง้ สองฝา ย เป็นอันมาก ตามขบวนพิชัยสงครามเสด็จไปสทู่ อ้ งสนาม ขน้ึ ยังทพี่ ลับพลาประทบั พร้อมกัน ไดช มฝมือ แสดงไวเปน เกียรติยศสืบไป) ฝ่ายกามะนีก็แต่งตัวใส่เส้ือหุ้มเกราะ แล้วด้วยทองเป็นอันงาม คาดสายรัดเอวประดับหยก • สง่ิ สําคญั ทท่ี าํ ใหก ารออกอบุ ายของสมงิ - เหน็บกระบี่ ขึ้นขี่ม้าร�าทวนออกมา ณ ท้องสนาม ฝ่ายสมิงพระรามก็แต่งตัว ใส่เส้ือสีชมพูขลิบทอง พระรามในการชักชวนใหก ามะนีราํ เพลงทวน จบี เอว โพกผา้ ชมพขู ลบิ แลว้ ไปดว้ ยทอง ใสก่ า� ไลตน้ แขนปลายแขน แหวนสอดกอ้ ยแลว้ ไปดว้ ยเนาวรตั น์ ประสบความสาํ เรจ็ คืออะไร แต่ล้วนทองเป็นอันงาม แล้วสอดดาบสะพายแล่งข้ึนม้า ฟ้อนร�าเป็นเพลงทวนออกมายังท้องสนาม (แนวตอบ การใชว าทศิลปพ ูดจาโนม นาว แลเห็นกามะนีข่ีม้าแต่งตัวหุ้มเกราะอยู่ ไม่เห็นส�าคัญที่จะหมายแทงได้ จึงคิดว่ากามะนีคนน้ี ช�านาญ เยนิ ยออีกฝา ย โดยการช้ใี หเหน็ ดานดีของ ในเพลงทวนว่องไวนัก แล้วก็หุ้มเกราะใส่เส้ือบังอยู่ยังไม่เห็นช่องท่ีจะสอดทวนแทงแห่งใดได้ จ�าจะ การรําเพลงทวนกอน ทําใหฝายกามะนี ชวนให้ร�าดูส�าคัญก่อน อน่ึงเล่าก�าลังม้าก็ยังก้�าก่ึงกันอยู่กับก�าลังม้าเรา จ�าจะขับเค่ียวกันไปก่อนจึงจะ ตายใจยอมตกลงดวยด)ี หย่อนก�าลังลง เหน็ จะเสียทที า� นองจึงเอาชัยชนะได้โดยงา่ ย คิดแลว้ กใ็ หล้ า่ มรอ้ งแปลไปว่า เราทง้ั สอง เป็นทหารเอกอันประเสริฐ จะสู้กันครั้งน้ีเป็นที่สุด จะไว้เกียรติยศการงานจนตลอดกัลปาวสาน ครั้นจะสู้กันเอาแพ้ชนะทีเดียวก็หาส้ินฝีมือไม่ เราทั้งสองอย่าเพ่อท�าอันตรายแก่กันก่อน ให้ท่าน ร�าเพลงทวนถวายไปให้ส้ินฝีมือแล้ว เราจะร�าตามท่านให้เหมือนจงได้ แล้วเราจะร�าให้ท่านร�าตาม เราบ้างให้ส้ินฝีมือเหมือนกัน ให้พระเจ้าอยู่หัวท้ังสองพระองค์ทอดทัศนาเจริญพระเนตรและทแกล้ว ทหารท้ังสองฝ่ายดูเล่นเป็นขวัญตา ถ้าเราร�าส้ินเพลงหยุดหายเหน่ือยแล้ว เมื่อจะสู้กันเอาแพ้และ ชนะนนั้ จึงจะบอกกนั ใหร้ ู้ตวั ท้งั สองฝ่าย กามะนีไดฟ้ งั ล่ามรอ้ งออกมาดงั นนั้ ก็มคี วามยินดนี กั จึงรอ้ งตอบมาวา่ ชอบแลว้ แต่เราเปน็ แขก มาท่านเป็นเจ้าของบ้าน เราจะร�าก่อนให้ท่านท�าตามเราไปเถิด ว่าแล้วกามะนีก็ขับม้าสะบัดย่างเป็น เพลงทวนฟอ้ นร�าออกมา สมิงพระรามก็ขบั ม้าฟอ้ นรา� ตามกามะนไี ด้ทกุ เพลง 91 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู ขอใดสอดคลอ งกับขอความตอ ไปนี้ 1 เสน ช่ือมาตราวดั 20 วา เปน 1 เสน โดยมมี าตราเทยี บดังนี้ “สงครามถายังไมสิ้นสดุ จะคาดหมายวาใครเปนผแู พห รือชนะมิได” 12 นว้ิ เทา กบั 1 คืบ 2 คบื เทากบั 1 ศอก 1. การสงครามเปรยี บดงั ฟองอัณฑชะจะหมายแนวา ผเู มยี แพและชนะนั้นมิได 4 ศอก เทากับ 1 วา 2. อนั ตัวขาพเจา บดั เดย๋ี วน้ีอุปมาดงั วานรนงั่ อยบู นตอไม อันไฟไหมม าเมื่อ 20 วา เทากบั 1 เสน วสนั ตฤดนู ั้นจะงามฉันใด 2 พชิ ยั สงคราม ชอื่ ตาํ ราวาดวยกลยุทธวธิ ีการเอาชนะในศึกสงคราม อาทิ 3. ครง้ั น้พี ระเจา ราชาธิราชเปรียบเหมอื นอสรพษิ หาเขย้ี วแกวมิได การรุก การตัง้ รบั การใชอ บุ ายทาํ ลายขาศกึ การแปรขบวนทัพ โดยมีความเชือ่ ทาง 4. ครงั้ นีแ้ ขนเราขาดไปสองขา ง คดิ อะไรก็ขัดขวาง ดา นโหราศาสตรแ ทรกอยดู วย เชน การดูฤกษย ามในการเคล่ือนทพั การทําพธิ ี วเิ คราะหค ําตอบ ขอ 1. “ฟองอณั ฑชะ” หมายถงึ ไขท่ยี งั ไมฟ กออกเปนตวั ขม ขวัญขา ศึก เปนตน ไมม ีใครรูวา จะเปนตัวผหู รือตวั เมยี เชนเดียวกับสงครามหากยังไมถ ึงที่สิ้นสุด จะคาดหมายวาใครเปนผแู พห รอื ชนะมไิ ด ขอ 2. กลา วถึงการทสี่ มงิ พระราม คูมอื ครู 91 อยูใ นสงครามจงึ จะมคี วามสงางาม ขอ 3. งูไมมีเขี้ยวก็ไมน ากลัว เชน เดียว กบั พระเจา ราชาธิราชหากไมมีทหารเอกกไ็ มน ากลวั ขอ 4. หากพระราชา ไมม ีทหารกลากเ็ หมอื นกับคนไมม ีแขนซายขวา ดงั นัน้ ขอ 1. มคี วามหมาย สอดคลองกับขอความขา งตน ตอบขอ 1.
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. นักเรียนตอบคําถามตอไปน้ี ขณะเม่ือสมิงพระรามร�าตามกันน้ัน พระเจ้ากรุงต้าฉิงและพระเจ้าฝร่ังมังฆ้องทอดพระเนตร • ชองเกราะทีส่ มงิ พระรามเห็นในตวั กามะนอี ยู ตําแหนง ใดบาง กเหัน็นททั้งหสาอรงเฝอก่ายท้ังสเปอรงียรบ�าปเยรอ้ื ะงดกุจรไาดย้เตหา็นมเขทบพวยนดเพาลแงลทะวพนิทดยทูาธว่ รง1ทอันีรบั รร�าอณงรวงอ่ คงไ์ปวรนะกั ลองางมกเันปใ็นนอกศั ลจารงรสยนด์ า้วมย (แนวตอบ ชองเกราะบนตวั กามะนที ่สี มงิ - พระรามสงั เกตเห็นมอี ยูสองท่ี คอื “ชอ งใต นายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งสองฝ่าย ก็สรรเสริญกามะนีและสมิงพระรามว่า เหมือนเทพยดา รกั แรทั้งสองเปนหวางอยพู อสอดทวนได” และ ลงฟ้อนร�ากลางสนามงามยิ่งนัก มีตาสองตาดูมิทันเลย ดูกามะนีแล้วกลับมาดูสมิงพระรามเล่า “เกราะซอ นทายหมวกเปด ออก พอจะยอนฟน ดูสมิงพระรามแล้วกลับมาดูกามะนีเป็นขวัญตายิ่งนัก คร้ันกามะนีร�าสิ้นเพลงแล้ว สมิงพระรามก็ร�าให้ ไดแหง หน่ึง”) กามะนีร�าตามบา้ ง 2. นกั เรียนอธบิ ายกลอุบายของสมงิ พระรามในการ ขณะเม่ือสมิงพระรามร�าสิ้นเพลงทวนแล้ว แกล้งท�ากลอุบายหวังจะดูช่องเกราะหมายส�าคัญ ทําใหมา ของกามะนีออนกาํ ลงั ท่ีจะสอดทวนแทงน้ัน ก็แสร้งท�ายกแขนซ้ายเหยียดตรง เหยียดแขนขวาเบื้องบนแล้วท�ายืนควบม้า (แนวตอบ สมิงพระรามแกลงควบมา หนใี หก ามะนี ไปมา แล้วกลับห้อยศีรษะลงบ้าง แล้วท�ากลับเอาหลังนอนลงควบวกเวียนไปต่างๆ กามะนีหารู้ ควบมาไลตามตนเอง เมือ่ เหน็ กามะนีควบมา กลไม่ สา� คัญวา่ เพลงทวนฝา่ ยพม่าดังนั้นจริงก็มไิ ดส้ งสยั ร�าตามไปสิน้ ทุกประการ สมิงพระรามทอดตา เต็มกําลงั กร็ ัง้ มารอ เพอ่ื ดกู ําลังของมากามะนี แลดู เห็นเป็นช่องใต้รักแร้ทั้งสองเป็นหว่างอยู่พอจะสอดทวนแทงได้ แล้วเมื่อกลับศีรษะลงมานั้น พอเหน็ วา เหงือ่ มา กามะนีตกถึงกีบก็รูวา มา ออน เห็นเกราะซ้อนท้ายหมวกเปิดออก พอจะย้อนฟันได้แห่งหน่ึงหมายส�าคัญได้ถนัดม่ันคงแล้ว ก็ชักม้า กําลังลงแลว จึงชักมาเปนเพลงโคมเวียนตาม หยุดพักพอหายเหน่ือยจึงให้ล่ามร้องบอกว่า เราท้ังสองร�าถวายก็ส้ินเพลงด้วยกันแล้ว ทีน้ีเราทั้งสอง ดว ยเพลงผาหมาก จนมา กามะนีหอบรวนกลับ จะสกู้ ันเอาแพ้และชนะแก่กัน ตวั ตามเพลงไมท ัน จงึ ไดโ อกาสสอดทวนแทง เขา ไปทีช่ อ งรกั แร เมอื่ กามะนเี อนตัวลงกฟ็ น ซํา้ กามะนีได้ฟังดังน้ันก็ขับม้าร�าเข้ามา สมิงพระรามก็ขับม้าออกไปสู้กันเป็นหลายสิบเพลง อกี ครง้ั ที่ศรี ษะซึง่ เปนชอ งเกราะ) ต่างคนต่างรับรองว่องไว ยังหาเพล่ียงพล้�าแก่กันไม่ สมิงพระรามจึงคิดว่า ถ้าจะสู้กันอยู่ฉะน้ีเห็นจะ เอาชัยชนะยาก ด้วยม้ากามะนีก็ยังมิถอยก�าลัง จ�าจะลวงให้ม้ากามะนีหย่อนก�าลังลงจงได้จึงจะท�า ถนัด คิดแล้วแกล้งท�าเป็นเสียทีควบม้าหนีออกไป กามะนีเห็นได้ทีก็ควบม้าทะลวงไล่ตามม้า สมงิ พระรามไป คร้ันสมิงพระรามแลเห็นกามะนีควบม้าเต็มก�าลังแล้วมิทัน ก็แสร้งรอม้าไว้หวังจะดูท่วงที เห็นกามะนียังไกลเชิงนักอยู่ ส�าคัญได้ว่าเหง่ือม้ากามะนีตกจนถึงกีบ ก็รู้ว่าม้าหย่อนก�าลังลงแล้ว จึงชักม้าวกเป็นเพลงโคมเวียน เข้ารับกามะนีๆ ชักม้าเป็นเพลงผ่าหมากแลกเปล่ียนกันต่างๆ ฝ่าย ม้ากามะนีหอบรวนหย่อนก�าลังลงกลับตัวตามเพลงไม่ทัน สมิงพระรามได้ทีก็สอดทวนแทงถูก ซอกรักแร้กามะนีๆ เอนตัวลง สมิงพระรามจึงชักดาบกระทืบม้า เข้าฟันย้อนตามกลีบเกราะขึ้นไป ต้องศีรษะกามะนีขาดออกตกลงมายังมิทันถึงดิน ก็เอาขอเหล็กสับเอาศีรษะกามะนีได้ ใส่ตะกรวย แล้วก็ชกั ม้าฟอ้ นรา� เปน็ เพลงทวนเขา้ มา ตรงหนา้ พลบั พลาพระเจ้าฝรัง่ มงั ฆอ้ ง 92 นักเรียนควรรู บรู ณาการเช่ือมสาระ การราํ เพลงทวนเปน การรําที่มีความสาํ คญั ในการดําเนนิ เรือ่ ง เปนการ 1 พทิ ยาธร เปน ภาษาบาลี หมายถึง อมนุษยพ วกหนึ่ง มีฐานะตํา่ กวา เทวดา รําตอสูระหวางสมิงพระรามกับกามะนี ครูบูรณาการความรูเขากับกลมุ สาระ เช่อื วามวี ชิ ากายสิทธิส์ ามารถเหาะเหนิ เดนิ อากาศได อยใู นภูเขาหิมาลัย มีหนาท่ี การเรยี นรศู ลิ ปะ วชิ านาฏศิลป รําทวนจดั เปน การรําคเู ชิงศิลปะการตอสู ปรนนิบตั พิ ระศิวะ ภาษาสันสกฤตใชวา วิทยฺ าธร เชนเดียวกับการรํากระบ่กี ระบอง ราํ ดาบสองมอื รําโล รําดาบ รํากรชิ คอื เปนการราํ ท่ีไมม ีบทรอง ผรู าํ ท้ังคตู อ งมที า รําทสี่ มั พนั ธก นั อยา งดใี นเชิง มุม IT ศิลปะการตอ สูทห่ี วาดเสยี วกับความสวยงามในทางนาฏศลิ ป เปนการอวด ลีลาทาราํ เพราะการตอสมู ีทง้ั รกุ และรับ ผูแสดงทัง้ สองฝา ยตอ สูกนั ดวยลีลา ศึกษาเก่ยี วกบั การรําเพลงทวนเพ่ิมเตมิ ไดท่ี http://www.oknation.net/blog/ คนละแบบ ในการแสดงละครพนั ทางมักใชแสดงสลับฉาก หรอื ในโอกาส assada999/2009/11/23/entry-1 ตา งๆ ตามความเหมาะสม 92 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู พระเจ้ากรุงจีนและนายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็อัศจรรย์ย่ิงนัก จึงให้ “เมือ่ กามะนพี า ยแพแกส มิงพระราม ฝา ย ทหารไปเอาศพกามะนีมาท�าศีรษะต่อเข้า ใส่หีบไปฝังเสียในท่ีสมควร พระเจ้ากรุงจีนก็เสด็จกลับ เสนาบดนี ายทัพนายกองของพระเจา กรงุ จีนไม เข้าค่าย สมิงพระรามก็เอาศีรษะเข้ามาถวายพระเจ้ามณเฑียรทองๆ ทอดพระเนตรเห็นดังน้ัน ยอม ตอ งการท่จี ะยดึ กรุงองั วะใหไดแตพระเจา ก็มีพระทัยยินดีนัก แล้วเสด็จกลับคืนเข้าสู่พระนคร ฝ่ายพม่าเสนาบดีขุนนางน้อยใหญ่ไพร่พลทั้งปวง กรงุ จนี คดั คา น” นักเรียนคิดวาการยกคํากลา วของ กส็ รรเสรญิ สมงิ พระรามวา่ มใิ ชม่ นษุ ยเ์ ลยเสมอเทพยดา แตศ่ รี ษะกามะนนี น้ั กม็ ใิ หต้ กถงึ ดนิ เอาขอเหลก็ พระเจา กรงุ จีนนี้ แสดงใหเห็นวา พระเจา กรงุ จีน สับเอาไดด้ งั ทูลไว้ทุกประการ ทรงมีคณุ ธรรมในฐานะท่เี ปน กษตั รยิ อ ยา งไร ฝ่ายเสนาบดีนายทัพนายกองจีนท้ังปวง คร้ันเห็นเสียกามะนีดังน้ันแล้วก็โกรธ จึงกราบทูล (แนวตอบ จากท่ีพระเจากรุงจีนตรสั กับเหลา พระเจ้ากรงุ จนี ว่า พระองคเ์ สด็จยาตราทัพมาครง้ั นี้ ตง้ั พระทยั จะท�าสงครามให้พระเจ้ากรงุ อังวะอยู่ใน เสนาบดนี ายทัพนายกองทหารท้ังหลายวา “เราเปน เง้ือมพระหัตถ์ ถึงมาตรว่าเสียกามะนีทหารเอกแล้วใช่ข้าพเจ้าท้ังปวงน้ีจะตีกรุงอังวะถวายไม่ได้น้ัน กษัติยผ ูใ หญอันประเสรฐิ ไดใหคาํ ม่ันสญั ญาแกเ ขา หามิได้ เสยี แรงดา� เนนิ กองทัพเขา้ มาเหยียบถึงชานกา� แพงเมืองแลว้ จะกลับไปเปลา่ น้นั ได้ความอปั ยศ ไวแลว จะกลับคาํ ดังน้นั ควรไม พมาท้ังปวงจะ แก่พม่านัก ท�าไมกับเมืองอังวะสักหยิบมือหน่ึงเท่านี้จะเอาแต่มูลดินท้ิงเข้าไปในก�าแพงเมืองคนละ ชวนกนั ดูหมนิ่ ไดวา จีนพูดมิจริง เรารกั สัตยยิง่ กวา กอ้ นๆ เทา่ น้ัน ถมเสยี ใหเ้ ต็มกา� แพงเมอื งในเวลาเดียวกจ็ ะได้ ทรพั ย อยาวา แตส มบตั ิมนษุ ยนเ้ี ลย ถึงทานจะเอา ทิพยสมบัตขิ องสมเด็จอมรนิ ทรม ายกใหเราๆ ก็ พระเจ้ากรุงจีนได้ฟังก็ตรัสห้ามนายทัพนายกองทแกล้วทหารท้ังปวงว่าเราเป็นกษัตริย์ผู้ใหญ่ มไิ ดป รารถนา” แสดงใหเ หน็ วา พระเจา กรุงจนี ทรง อันประเสริฐ ได้ให้ค�าม่ันสัญญาไว้แก่เขาแล้ว จะกลับค�าไปดังน้ันควรไม่ พม่าท้ังปวงจะชวนกันดูหมิ่น มคี ณุ ธรรมเรือ่ งการรักษาความสตั ย พดู แลว ไม ได้ว่าจีนพูดมิจริง เรารักสัตย์ยิ่งกว่าทรัพย์ อย่าว่าแต่สมบัติมนุษย์นี้เลย ถึงท่านจะเอาทิพยสมบัติของ คนื คาํ ดว ยทรงเหน็ วาตนเปนกษัตริยท ่ีมรี าชอาํ นาจ สมเดจ็ อมรนิ ทรม์ ายกใหเ้ ราๆ กม็ ิไดป้ รารถนา ตรสั ดงั นนั้ แล้วกส็ งั่ ให้เลกิ ทพั เสด็จกลบั ไปยงั กรุงจนี มากกวา ไมค วรถือโอกาสในการศกึ ครง้ั นีย้ ึดครอง กรุงองั วะท่ีเลก็ กวา มาเปนของตน แสดงใหเหน็ ทั้งปวง พจึรงตะเรจัส้าวม่าณโหเฑรซีย1ึ่งรดทูชอะงตเสาดเม็จือองอวก่าทไมรง่ขบาัญดพชารระาชชันกษาารเลพ่ารก้อ็ดมีอดย้วู่ ยนเาสนนไาปพจฤะฒไดา้ลมาาภตยอ์ัรนาปชรปะุโเรสหริติฐ ศักดศิ์ รีความทะนงตนของผูเปนกษัตริย) อีกนั้นก็ต้องด้วยค�าท�านาย จึงให้พระราชทานบ�าเหน็จและเคร่ืองอุปโภคบริโภคเป็นอันมาก แล้วพระราชทานบา้ นสว่ ยแหง่ หนงึ่ ให้เป็นค่าผลหมากดว้ ย และหญิงมา่ ยเจา้ ของม้านัน้ กพ็ ระราชทาน เครื่องอุปโภคบริโภคให้ตามสมควร และอ�าเภอแขวงบ้านซ่ึงอยู่น้ันก็ให้ข้ึนแก่หญิงม่ายนั้น แล้วตรัสว่า พระเจ้ากรุงจีนยกพลทแกล้วทหารมาเหยียบเมืองเราครั้งนี้ ประดุจดังแผ่นดินจะถล่มลง หามีผู้ใด ที่จะรบสู้ต้านทานไม่ ครั้งน้ีสมิงพระรามรับอาสากู้เมืองเราไว้ได้ชัยชนะแล้ว ศึกจีนยกทัพเลิกกลับ ไป สมิงพระรามมีความชอบมาก บัดนี้ควรเราจะให้สมิงพระรามเป็นมหาอุปราช และราชธิดาเรา จะประทานให้เป็นบาทบริจาริกาด้วยตามสัญญาจึงจะชอบ ท่านทั้งปวงจะเห็นเป็นประการใด เสนาพฤฒามาตย์ราชกระวมี นตรีมขุ ทงั้ ปวงยังมิทันจะกราบทลู ขณะน้ันสมิงพระรามเฝ้าอยู่ด้วย ครั้นได้ฟังพระราชโองการก็กราบทูลว่า ข้าพเจ้ารับอาสา พระองค์ครั้งนี้ มีความปรารถนาส่ีประการ คือข้าพเจ้าต้องพันธนาการตรากตร�าล�าบากอยู่นานแล้ว หวังจะใหพ้ ้นจากเคร่ืองจองจ�าหนึง่ จะไวฝ้ ีมอื ให้เปน็ เกียรตยิ ศไปชั่วกัลปาวสานหน่งึ จะใหพ้ ระองคฆ์ ่า ข้าพเจ้าหน่ึง ถ้าพระองค์มิฆ่าข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะขอกราบถวายบังคมลากลับไปเมืองหงสาวดีหน่ึง 93 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู เมื่อกามะนเี สียทแี กส มงิ พระรามแลว พระเจา กรงุ จนี ทรงกระทําตามขอใด ครูแนะแนวทางการดาํ รงตนใหเปนคนรจู ักรกั ษาคาํ สตั ย โดยนําขอ คิดจากเรื่อง 1. เตรยี มบุกเขา ตีกรุงองั วะ ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา มาแนะแนวทางใหน ักเรียนวา นอกจากจะเปน 2. สงทตู มาขอตวั สมิงพระรามไปอยูยงั กรุงจนี คณุ ธรรมสําหรับผปู กครองและเหลา ทหารแลว นกั เรียนสามารถนาํ คุณธรรมขอนี้ 3. สงพระราชสาสน มาทารบกับพระเจาฝรง่ั มังฆอง มาปรับใชกบั ตนเอง เพ่อื ใหเปน บุคคลนา เชอ่ื ถือไดร บั ความไวว างใจใหร บั ผดิ ชอบ 4. ใหเลิกทัพกลับไปยังกรุงจนี ตามที่ไดใหส ญั ญาไว งานสาํ คัญตา งๆ ซึง่ นําไปสูโอกาสท่ีจะเจริญกา วหนาในอาชีพการงาน และทสี่ ําคญั วเิ คราะหคําตอบ เม่อื สมิงพระรามสศู กึ ชนะกามะนี เสนาบดีและเหลา เปน การเสริมสรา งคณุ ลักษณะเดน ใหเ ปนคนทมี่ ีเกยี รติ มคี ณุ คา นา นับถือ นายทัพนายกองทหารท้ังหลายของพระเจา กรงุ จีน ไมยอมรับความพายแพ ตอ งการทีจ่ ะทําสงครามกับกรงุ รัตนบุระองั วะ ดวยเห็นวาฝา ยตนมกี าํ ลัง นกั เรียนควรรู มากกวา การเอาชนะกรงุ รัตนบุระองั วะเปนเรอื่ งงาย แตพระเจากรุงจนี เปน กษตั รยิ ท ่ียึดมน่ั ในคําสัตย จึงส่ังใหเลกิ ทพั กลบั ไปกรุงจีนตามทไ่ี ดใ หสญั ญาไว 1 โหร นับเนอื่ งสมยั โบราณ คําวา โหรมิไดใ ชกนั เปรอะ เพราะโหรตอ งเปนโหรหลวง คอื ขุนนางสังกดั กรมโหร ตําแหนงท่รี ูจักกนั มาก คือ โหราธิบดี อธบิ ดีโหร นอกจาก ตอบขอ 4. ชํานาญโหราศาสตรแลวยงั เช่ยี วชาญทางอักษรศาสตร ตอ มาสมัยที่มีนามสกลุ โหรที่ ขอพระราชทานนามสกุล โดยมากทีท่ ายนามสกลุ กจ็ ะลงทา ยวา “โชติ” คูมือครู 93
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. นักเรยี นตอบคาํ ถามในประเดน็ ตา งๆ ตอไปน้ี เปน็ ความปรารถนาสป่ี ระการ ซง่ึ พระองคจ์ ะพระราชทานใหข้ า้ พเจา้ เปน็ มหาอปุ ราช และพระราชทาน • พระเจาฝรง่ั มังฆอ งพระราชทานสงิ่ ใดเปน พระราชธิดานั้นพระคุณหาท่ีสุดมิได้ ข้าพเจ้ามิได้รับพระราชทานแล้วจะขอคืนถวายไว้ดังเก่า พระเจ้า บําเหน็จรางวัลใหแ กสมงิ พระรามทชี่ นะศกึ มณเฑียรทองได้ทรงฟังก็ทรงพระด�าริว่า สมิงพระรามคนน้ีมิเสียทีที่เกิดมาเป็นเช้ือชาติทหารนับว่า (แนวตอบ พระเจาฝร่งั มังฆองพระราชทาน ชายชาตรีแท้ มิได้เกรงกลัวแก่ความตาย ท้ังราชสมบัติก็มิได้รักใคร่ แล้วองอาจแกล้วกล้าหาผู้ใด ตําแหนงมหาอปุ ราชพรอมกบั ยกพระราชธดิ า เปรียบเสมอมิได้ คร้ันจะฆ่าเสียตามค�าบัดนี้เล่าก็มิควร เขาได้มีคุณแก่เรา ช่วยกู้พระนครไว้เป็น ใหแ กสมงิ พระราม) ความชอบใหญ่หลวงยังเสียดายนัก ครั้นจะปล่อยให้กลับไปเมืองหงสาวดีเล่า การสงครามพระเจ้า • ความปรารถนาของสมงิ พระราม 4 ประการ ราชาธริ าชกบั เรากย็ งั ตดิ พนั กนั อยหู่ าขาดกนั ไม่ ทรงพระดา� รดิ งั นน้ั แลว้ กท็ รงนงิ่ อยมู่ ไิ ดต้ รสั ประการใด ทท่ี ูลขอพระเจา ฝรงั่ มงั ฆอ งมอี ะไรบา ง แล้วก็เสดจ็ เข้าข้างใน (แนวตอบ คําขอของสมงิ พระราม มดี ังน้ี 1. หวงั จะหลดุ พนจากการเปนเชลยทีต่ องถกู ฝ่ายเสนาท่ีเฝ้าผู้ใหญ่ผู้น้อยท้ังปวงและสมิงพระรามก็กลับไปที่อยู่สิ้น พระเจ้ามณเฑียรทอง จองจํา 2. ตอ งการจะฝากฝมือไวใ หเปนเกยี รติยศ เสด็จเข้าข้างในแล้ว ก็ทรงพระวิตกนัก จึงต1รัสบอกแก่พระอัครมเหสีว่า สมิงพระรามนี้มีความซ่ือสัตย์ ตลอดไป 3. ใหพระเจา ฝรงั่ มังฆอ งประหารชีวิตได ม่ันคงนัก เราจะให้ธิดาเป็นบ�าเหน็จรางวัลและที่มหาอุปราชก็มิรับ จะขอให้ฆ่าเสีย ถ้าแม้นมิฆ่าก็จะ 4. หากพระเจาฝรัง่ มังฆอ งไมฆ าก็จะขอกลบั ลากลับไปเมืองหงสาวดี เราเสียดายนัก ด้วยเขารู้ศิลปศาสตร์สันทัด และฝีมือเล่าก็เข้มแข็งกล้าหาญ ไปกรุงหงสาวดี) ยิง่ นกั หาผูเ้ สมอมิได้ ท�าไฉนจึงจะใหส้ มงิ พระรามรบั ราชสมบัตอิ ยู่ดว้ ยเราได้ 2. นกั เรยี นอธบิ ายความหมายของคําตอ ไปนี้ พระอคั รมเหสีได้ฟังดงั นัน้ จงึ ทลู วา่ พระองค์จะทรงพระวติ กไปไย ซง่ึ จะเกลยี้ กลอ่ มผูกพนั สมงิ • ดวยเขารูศลิ ปศาสตรสันทัด พระรามไว้ให้ต้ังใจสวามิภักด์ิอยู่ด้วยพระองค์น้ัน ตกพนักงานข้าพเจ้าจะรับอาสาผูกจิตสมิงพระรามไว้ (แนวตอบ หมายความวา สมงิ พระรามเปน ผูม ี ให้อยู่จงได้ อุปมาดังแพทย์ผู้วิเศษผูกกัณหสัปปะชาติคืองูเห่าใหญ่ด้วยมนตราคมอันกล้าขลัง มิให้พ่น ความรูความสามารถทางศิลปะการตอ สอู ยาง พิษและเลื้อยหนีไปได้ พระเจ้ามณเฑียรทองจึงตรัสถามว่า น้องจะคิดอ่านประการใด หรือมีมนตรา เช่ียวชาญ) วิเศษจึงจะผูกจิตสมิงพระรามไว้ได้ พระอัครมเหสีทูลว่า ข้าพเจ้าจะได้มีเวทมนตร์ผูกน้ันหามิได้ ซ่ึง • ผกู สมงิ พระรามใหอ ยูกห็ วงั จะผกู ดว ยยางรกั ข้าพเจ้าจะคิดผูกสมิงพระรามให้อยู่ก็หวังจะผูกด้วยยางรัก เพราะธรรมดาชนอันเวียนวนข้องอยู่ใน (แนวตอบ ใชความรักมาผูกใจใหสมิงพระราม สงสารภพน้ี แต่ล้วนมีความก�าหนัดยินดีในกามสังวาสรสสิ้นท้ังนั้น เพราะมูลตัณหาเคร่ืองเกี่ยวพัน ไมไปไหน) รอ้อุดงหเนพุนราเปะจ็นับปจัจิตจเัยข้าแกต็ย่พังพระลดัดาตบกสลทงรมงาฌสู่ภานูมสิภมาาคบปัตัถิเพหีาดะ้วเหยินคไวปาไมดก้ใ�านหอนาัดกใานศรแัชลน้วียพารอมไณด้ย์ 2ินจเะสนียับงอสะตไรรีขกับับ- 3. นกั เรียนแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับแผนการ ของพระมเหสพี ระเจา ฝร่งั มังฆอ ง เจ้าสมิงพระรามน้ี ซึ่งว่ามิรับที่มหาอุปราชและราชธิดา เพราะยังมิได้เห็นราชธิดาของเราอันสมบูรณ์ (แนวตอบ พระมเหสวี างแผนที่จะใชความรัก ด้วยลักษณะและสิริมารยาทงามยิ่งนัก ถ้าบุรุษผู้ใดได้เห็นและได้น่ังใกล้แล้วเมื่อใด ก็มิอาจจะด�ารงจิต ผกู ใจสมิงพระราม ใชค วามงามของพระราชธดิ า อยู่ได้ ดวงกมลก็จะหว่ันไหวไปด้วยความปฏิพัทธ์ อุปมาดังชายธงอันต้องลม ข้าพเจ้าคิดจะให้แต่ง มาลอ ใจสมิงพระราม อกี ทงั้ ทรงใชธ รรมชาติของ สุปะเพียญชนาหารเคร่ืองเลี้ยงอันประณีต เวลาพรุ่งนี้ขอพระองค์ให้หาเจ้าสมิงพระรามเข้ามากินเลี้ยง มนุษยเพศชายท่มี ักจะหลงใหลพึงใจสตรีรูปงาม) ในพระราชมนเทียร แล้วจึงให้พระธิดาเราออกไปให้เจ้าสมิงพระรามเห็นตัวถนัดแต่ข้างเดียว เจ้าสมิง พระรามได้เห็นรูปโฉมธิดาเราเท่านั้น ยังมิทันจะเข้าใกล้ได้กลิ่น ก็จะมีความปล้ืมปลาบจนสุดจิต ไหนจะคิดกลับเมืองหงสาวดีได้ เพราะพระธิดาของเรางามเป็นเสน่ห์อยู่ท่ัวกาย ซ่ึงข้าพเจ้าคิดท�าดังนี้ 94 นักเรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 บําเหนจ็ รางวัล เปนการสรางความรสู ึกทด่ี กี บั ผูใตบ ังคับบัญชาที่ทําประโยชน นกั เรยี นสรุปประเดน็ หลักของเรื่องตามทน่ี ักเรียนเห็นวา นาสนใจ โดยปกติจะพจิ ารณาจากผลงาน และในบางคร้ังกพ็ จิ ารณาจากความสัมพนั ธระหวาง จากนน้ั เขียนแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับประเดน็ ดังกลาว บุคคล ซง่ึ ระบบการใหรางวัลจะชวยกระตนุ การปฏบิ ัตงิ าน สรา งขวัญและกําลงั ใจแก พนกั งานในการปฏบิ ตั งิ าน กจิ กรรมทาทาย 2 รัชนยี ารมณ หมายความวา อารมณอ นั เปน ท่ีตัง้ แหงความรกั ใคร จากการอา นเนอ้ื เรอ่ื งแลว สรุปเปน ประเด็นสาํ คญั นกั เรยี นยกสาํ นวน สุภาษติ ไทยทีน่ กั เรยี นคิดวา ตรงกบั ประเด็นของเร่อื งทีน่ กั เรยี นสรุปมา โดยยกเนื้อเรอื่ งตอนนน้ั ประกอบ 94 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เปรียบประดุจนางเมขลาเทพธิดาล่อแก้วให้รามสูรเห็น รามสูรหรือจะไม่รักแก้ว ซ่ึงข้าพเจ้าว่าจะ นักเรยี นตอบคาํ ถามตอ ไปนี้จากคํากลาวของ ผูกจิตสมิงพระรามให้อยู่ด้วยยางรักน้ัน ก็คือจะให้ใจสมิงพระรามมาผูกรักอยู่ด้วยส่ิงน้ี อันจะผูกด้วย พระมเหสที ่ีกลา วกับพระราชธิดาวา มนตราคมและโซ่ตรวนเชือกพวนสรรพเคร่ืองจองจ�าท้ังส้ินน้ัน ก็พลันที่จะหลุดถอนเคล่ือนคลาย ไม่แน่นเหนียวเหมือนยางรัก ถ้าผู้ใดผูกติดอยู่ด้วยยางรักแล้ว ถึงจะเอาเชือกพวนเข้ามาฉุดชักก็มิอาจ “อันบรุ ษุ เปรยี บประดุจพืชธญั ญาหาร ถา โรย จะหลุดเคล่อื นคลายได้ เหน็ สมิงพระรามจะสวามภิ กั ด์อิ ยดู่ ้วยพระองคเ์ พราะสง่ิ นีเ้ ป็นมน่ั คง ปลูกเพาะหวานแลว ก็มีแตงอกงามสงู ใหญข ้ึนไป ลูกนีถ้ งึ เปน ราชบุตรี เกิดในวงศก ษัตริยม ชี าติ พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทรงฟังพระอัครมเหสีทูลดังนั้น ก็เห็นด้วยจึงตรัสว่า การข้างใน ตระกลู สงู ก็เปรยี บเหมอื นตัณฑลุ า จะโปรยหวาน พระน้องเข้าใจจงช่วยคิดอ่านเถิด แล้วบอกกล่าวธิดาของเราให้รู้ตัวส่ังสอนเสียด้วย พระอัครมเหสี เพาะปลูกมอิ าจเจริญขึ้นได” รับสั่งแล้ว เวลาค�่าก็เสด็จไปสู่ห้องต�าหนักพระราชธิดา จึงตรัสบอกว่า บัดนี้สมเด็จพระราชบิดา จะโปรดให้เจา้ สมิงพระรามผู้มคี วามชอบเปน็ มหาอปุ ราชแลว้ พระราชทานพระลูกให้เปน็ มเหสี พระลกู • คาํ กลา วในขางตน หมายความวาอยางไร อยา่ มีความโทมนสั เก่ยี งงอนขดั พระราชโองการเลย (แนวตอบ ผชู ายนนั้ เปรียบไดกบั พืชพนั ธุข าว อาหาร ถาเอาไปหวานเพาะก็เจรญิ งอกงาม พระราชธิดาได้ฟังก็ทรงพระกันแสง ซบพระพักตร์ลงทูลว่า ลูกนี้คิดจะไม่มีสวามีแล้ว หวังจะ ขึ้นมาได ตางกบั ผหู ญิงทแ่ี มจ ะเกิดในตระกูล บวชเป็นชีบ�าเพ็ญกุศลหมายสวรรค์นิพพานฝ่ายเดียว เมื่อสมเด็จพระราชบิดาตรัสห้ามมิให้เดินทาง สงู ศกั ดกิ์ เ็ หมือนขาวสารจะเอาไปหวา นเพาะ ตรงจะให้เดินทางอ้อมแล้วก็จนใจ แท้ว่ากรรมลูกท�ามาแต่หลัง อนึ่งถ้าได้สวามีเป็นลูกกษัตริย์ มี กไ็ มอาจเติบโตข้นึ มาได) ชาติตระกูลเสมอกันเล่าก็ตาม น่ีจะได้ผัวมอญต่างภาษาเป็นเพียงนายทหาร อุปมาดังหงส์ตกลงใน ฝูงกา ราชสีห์เข้าปนกับหมู่เสือ ลูกมีความโทมนัสนัก พระอัครมเหสีจึงตรัสปลอบว่า ซ่ึงลูกมีศรัทธา • สารในคํากลา วนีค้ ืออะไร จะบวชเปน็ ชีหนสี งสารนนั้ กช็ อบอยู่ แต่จะดว่ นบวชเมอ่ื ยงั เจริญรุ่นสาวฉะน้ี แมเ่ กรงจะถอื เครง่ บวชไป (แนวตอบ แมตอ งการใหลูกสาวลดทิฐมิ านะท่ี มิตลอด ด้วยโรคสาวเป็นข้าศึกคอยเบียดเบียนน้ันมีอยู่ มักกระท�าศีลให้เศร้าหมอง ค่อยบวชเม่ือแก่ มตี อชายตาํ่ ศกั ดิ์กวาตนเองคอื สมิงพระราม เถิดแม่จะบวชด้วย ซึ่งลูกจะถือชาติตระกูลว่ามีอิสริยยศอยู่น้ันหาควรไม่ ด้วยสมเด็จพระราชบิดา โดยชีใ้ หเ หน็ วา แมจะเปน ผตู าํ่ ศักดิ์กวาแต เห็นชอบแล้ว จึงจะทรงปลูกฝัง อันสมิงพระรามน้ีเขามีความชอบในแผ่นดินเป็นอันมาก ช่วยกู้ ผชู ายนน้ั ก็สามารถเตบิ โตกา วหนาเปนใหญ พระนครไว้ใหส้ มณพราหมณ์ราษฎรอยเู่ ป็นสุข เหมือนรักษาชาตติ ระกลู ของลูกไว้ ถา้ มไิ ดส้ มงิ พระราม ในภายภาคหนา ได) แล้วเมืองเราก็จะเสียแก่กรุงจีน ซึ่งลูกเปรียบชาติเขาเหมือนกาน้ันก็ชอบอยู่ แต่เขาประกอบ ศลิ ปศาสตรว์ ชิ าการเปน็ ทหารมฝี มี อื หาผเู้ สมอมไิ ด้ กเ็ ปรยี บเหมอื นกาขาวมใิ ชก่ าดา� สมเดจ็ พระราชบดิ า ขยายความเขา ใจ Expand จะทรงชุบขึ้นแล้วก็คงเป็นหงส์ ซ่ึงเปรียบเหมือนเสือนั้น ถ้าพระราชบิดาชุบย้อมแล้ว ก็คงจะกลับเป็น ราชสีห์ อันบุรุษเปรียบประดุจพืชธัญญาหาร ถ้าโรยปลูกเพาะหว่านแล้ว ก็มีแต่งอกงามสูงใหญ่ขึ้นไป นักเรยี นยกสํานวนสุภาษิตทีม่ คี วามหมายตรง ลูกนี้ถึงเป็นราชบุตรี เกิดในวงศ์กษัตริย์มีชาติตระกูลสูง ก็เปรียบเหมือนตัณฑุลา จะโปรยหว่าน กบั คาํ กลา วของพระมเหสีในกิจกรรมขางตน เพาะปลูกมิอาจเจริญขึ้นได้ ลูกอย่าถือทิฐิมานะเลย สมเด็จพระราชบิดาได้ทราบจะทรงพระพิโรธนัก ถงึ บรุ ุษจะมชี าตสิ ูงต�า่ เป็นประการใดเขาได้เป็นสวามีแลว้ จงปฏบิ ตั เิ คารพนบน้อม นบั ถือดุจเจา้ ของตน (แนวตอบ สาํ นวนสุภาษติ วา “ชายขา วเปลือก หญิงขาวสาร” ผูห ญิงมกั เสยี หายไดมากกวา ผชู าย จตเสึง่าาจงวๆะนเจียใรต์หิญร้พสัสรสิระ่ังิรรพาาศวชกีเธปวิด็นเิ าสสคทวล2ชัสาาดยวิมทเคงิฐคริมือ่ลางอนันใะหย1ลแ้่ิงงตแพ่งลโร้วภะชอพนัคราระหมนาเารหงขสกอีต็เงสรเดัลส็จี้ยสกงออลนันับพเมอราะมยรโัอางหชชธ้อทิดงงั้ าพปดรว้วะงยเตตค�ารวหยี านมมักไอวุป้ มมีพารอะุปรไามชย- กลา วคือ ขา วเปลอื กตกไปไหนกง็ อกขยายพนั ธไุ ด แตข าวสารงอกใหมไ มไ ด หรือผหู ญงิ มโี อกาสนอยที่ 95 จะเจริญกา วหนาไดเ ทากับผชู าย) ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู นกั เรยี นคิดวา เพราะเหตใุ ดแรกเรมิ่ ตน พระราชธิดาในพระเจาฝรั่งมังฆอ ง 1 ทฐิ ิมานะ มาจาก ทฐิ ิ+มานะ “ทิฐ”ิ หมายถงึ ความเห็น สวนคาํ วา “มานะ” จึงไมย ินยอมท่ีจะแตงงานตามคาํ สัง่ พระราชบดิ า ยกเหตุผลประกอบ หมายถงึ ดอ้ื ร้นั อวดดีหรอื ถอื ตวั ทิฐิมานะ จึงหมายถงึ ความเห็นดอื้ ดึง แมว าผิด แนวตอบ เพราะพระราชธดิ ายงั ไมร จู ักนิสยั ใจคอของสมงิ พระราม และการ กไ็ มยอมแกไข ที่สมิงพระรามเปน เพยี งทหารท่ถี ูกจบั มาเปนเชลย ทําใหพระราชธิดาตง้ั แง 2 วิเสท อา นวา ว-ิ เสด หมายถึง ผทู ท่ี ํากับขาวหลวง รังเกียจคดิ วาไมเหมาะสมกบั ตนซง่ึ เปน ถึงเชือ้ วงศก ษตั รยิ จนกระทงั่ พระ- ราชมารดาไดชใ้ี หเ ห็นวา การทส่ี มงิ พระรามอาสาออกสูศึกและชนะนั้นแสดง วา เปนผูเ กง กลา มีความสามารถ ตอไปภายหนา จะย่ิงใหญม ีเกยี รตยิ ศ จงึ ลด ทิฐิและยอมแตง งานกับสมงิ พระราม คูม อื ครู 95
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู นกั เรยี นอธบิ ายการใชความเปรยี บในหนา 95 • การใชความเปรยี บเหมาะสมกับเนอื้ เร่ืองใน หนา 95 หรอื ไม อยางไร ครน้ั เวลาเชา้ พระเจา้ มณเฑยี รทอง จึงมรี บั สัง่ ใหห้ าเจ้าสมงิ พระรามเข้ามากินเล้ยี งบนพระราช- (แนวตอบ เร่ืองราชาธริ าช ตอน สมงิ พระราม มนเทียร สมิงพระรามรับพระราชทานเครื่องเล้ียงพอควรแล้ว ก็เข้ามากราบถวายบังคมเฝ้าอยู่ อาสา มีความโดดเดน ทางวรรณศลิ ปในการใช โดยล�าดับ พระเจ้ามณเฑียรทองจึงตรัสว่า เราเป็นกษัตริย์อันประเสริฐได้ออกวาจาแล้ว จึงจะตาย ความเปรียบท้ังเรื่อง จากเนือ้ เรอ่ื งในหนา 95 ก็หาเสียดายชีวิตไม่ เพราะรักสัตย์ยิ่งกว่ารักชีวิตได้ร้อยเท่า ซึ่งที่มหาอุปราชกับราชธิดาเราน้ัน เราได้ เปนตอนท่ีพระมเหสีเกล้ียกลอ มพระราชธิดา ออกปากแล้วว่าจะให้เป็นบ�าเหน็จความชอบแก่ท่าน ถึงมาตรว่าจะมิรับด้วยท่านค�านึงถึงพระเจ้า ใหย นิ ยอมอภเิ ษกกบั สมิงพระราม จงึ ใชความ ราชาธิราชอยู่ กจ็ งรับเสียแตพ่ อเปน็ เหตุตามสัญญาเถิด อยา่ ให้เราเสยี สัตย์เลย อนง่ึ เราเกรงคนท้ังปวง เปรียบมาเปนวาทศลิ ปเกลี้ยกลอมใหถอยคํามี จะครหานินทาได้ ท่านรับอาสากู้พระนครไว้มีความชอบเป็นอันมาก มิได้รับบ�าเหน็จรางวัลส่ิงใด น้ําหนักพอทจี่ ะทาํ ใหพ ระราชธิดาคลอ ยตาม) นานไปเบื้องหน้าถ้าบ้านเมืองเกิดจลาจลหรือข้าศึกมาย่�ายีเหลือก�าลัง ก็จะไม่มีผู้ใดรับอาสาอีกแล้ว เห็นเราจะได้ความขัดขวางเป็นมั่นคง ตรัสแล้วจึงสั่งให้พระราชธิดายกพานพระศรีมาต้ัง ให้เจ้าสมิง พระรามกินต่อหน้าพระท่ีน่ัง พระราชธิดาก็อายพระทัยยิ่งนัก ด้วยเป็นราชบุตรีกษัตริย์ แต่ทรง ขยายความเขา ใจ Expand พระเยาว์มาจนเจริญพระชนม์ ยังไม่เคยยกพานพระศรีให้ทหารและขุนนางผู้ใดกิน แต่ขยับขยั้นยั้ง 1. นกั เรยี นยกเนื้อความทน่ี ักเรยี นเห็นวา เปน ความ พเกรระงอพงรคะ์อรยาชู่มอิใคารญ่จาะขแัดหรวับกสพ่ังรสะมวเิสดูต็จพรอรอะกรามชาบไดิด้ าพมริไดะเ้ จก้า็ยฝกรพ่ังมานังฆพ้อรงะกศ็ตรร1ีมัสาเตต้ังือลนงวเฉ่าพมาาเะรห็วนๆ้าสพมริงะพรารชะธราิดมา เปรียบท่ีนา สนใจ อยา งนอ ย 2 แหง พรอม แพตร่หะร่าางมๆเหช็น้อพยชระ�าเรลาือชงบดุตูสรมียิงกพพราะนรพามรไะมศ่ทรันีออจะกเมตา็มนพั้นระปเนระตกรอดบ้วดย้วคยวเยามาวอราูปยสกิร็เสิวดิล็จาสกลล2ักับษเขณ้าไ์เปป็นเอจัน้าสงามมิง อธบิ ายความหมายประกอบ (แนวตอบ ตัวอยา งเชน ก็แลตะลึงลืมตัวไม่เป็นสมประดี จนพระราชบุตรีเสด็จกลับเข้าไป พระเจ้าฝร่ังมังฆ้องทอดพระเนตร • “นี่จะไดผ ัวมอญตางภาษาเปนเพยี งนายทหาร เห็นแล้วก็ดีพระทัย ทรงด�าริว่า เจ้าสมิงพระรามเห็นจะมีความรักธิดาเราว่ารูปงาม สมค�าพระอัคร- อุปมาดังหงสตกลงในฝงู กา” เปน สิ่งทีพ่ ระ มเหสที ูลไว้ ทรงพระรา� พงึ นง่ิ อยใู่ นพระทยั แล้วกเ็ สดจ็ ขนึ้ ราชธดิ าพูดกับพระมเหสวี า การแตงงานท่มี ี สามเี ปนชาวมอญตา งภาษาอีกทัง้ เปน เพยี ง คร้ันเวลาวันหน่ึง เสด็จออกพร้อมด้วยเสนาบดีข้าราชการทั้งปวง พระองค์จึงตรัสแก่ ทหาร กเ็ ปรียบตนเองเปนหงส สวนทหาร สมิงพระรามว่าท่านอาสากู้พระนครเราไว้ได้ครั้งน้ี มีพระเกียรติยศปรากฏไปแก่ประเทศราชธานี มอญท่ีจะมาเปนสามีเปน กา ท้ังปวง จนตลอดกัลปาวสาน ซ่ึงท่านจะไม่รับรางวัลนั้นมิชอบ ดุจท�าลายเกียรติยศเราให้เสื่อมเสีย • “ถาบุรุษใดไดเห็นและไดน่ังใกลแลวเม่อื ใด เพราะจะเป็นท่ตี ิเตยี นแกก่ ษตั รยิ ท์ ง้ั ปวง ท่านด�าริดจู งควรเถดิ กม็ ิอาจจะดํารงจติ อยูไ ด ดวงกมลก็หวน่ั ไหว ไปดว ยความปฏิพทั ธ อุปมาดังชายธงอนั ตอง สมิงพระรามได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า เรารับอาสาท�าความชอบคร้ังน้ี คิดจะแก้ตัวกลับไปเมือง ลม” เปนสง่ิ ทพี่ ระมเหสีกลา วกับพระสวามี เมื่อพระเจ้ามณเฑียรทองมิทรงพระอนุญาต จะหน่วงเหน่ียวไว้ฉะน้ี ครั้นเราจะหนีไปก็เสียสัตย์ พระเจาฝร่ังมังฆอง ดวยเห็นวา บตุ รธดิ าของ หาควรไม่ ทง้ั นก้ี ต็ ามแตว่ าสนา เมื่อพระเจา้ อังวะจะโปรดพระราชทานพระราชธดิ าแลว้ เรากจ็ ะอยชู่ ม ตนน้ันงดงามมากไมม ีชายใดที่จะไมหวนั่ ไหว รสนางพม่าเสียก่อน เผื่อจะมีโอชาหวานดีกว่ารสมอญกระมัง ถ้าแม้บุญยังจะกลับไปเมืองหงสาวดี ไปกับความงามของพระราชธิดา เปรียบชาย ได้โดยสตั ย์ คดิ แล้วจงึ ทูลวา่ ซ่งึ พระองคท์ รงพระราชทานทมี่ หาอุปราชแก่ข้าพเจ้าๆ มริ บั นัน้ เหตุด้วย ท้งั หลายเปนเหมือนธงท่ีเมอื่ ตองลม ก็คือได พระราชบตุ รของพระองค์ยงั จะมีอยู่ อนึ่งข้าพเจา้ เลา่ ก็ตา่ งประเทศภาษา อุปมาดังนกเค้าถึงมกี �าลงั อยู่ เขา ใกลความงามของพระราชธดิ ายอ มเปน ก็จริง แต่ตกเข้าอยู่ในท่ามกลางฝูงกาเมื่อกลางวัน ข้าพเจ้าจะบัญชาราชกิจฉันใด คร้ันข้าพเจ้ามิรับ ธรรมดาทจ่ี ะไหวเหมือนธง) บ�าเหนจ็ รางวลั เลา่ กจ็ ะเสยี ราชประเพณีของพระองค์ไป ขา้ พเจ้าจะยอมเป็นทหารอย่กู ับพระองคแ์ ล้ว 96 2. ครูสมุ นักเรยี น 2-3 คน มานาํ เสนอใหเหน็ การใชค วามเปรยี บ บรู ณาการเชอื่ มสาระ นกั เรียนควรรู จากเนื้อเรอ่ื งเมอื่ สมิงพระรามสามารถเอาชนะกามะนที หารเอกของ 1 พานพระศรี เปนคาํ ราชาศัพทในหมวดเครอื่ งราชปู โภค เปนสํารับสําหรบั ทรง จนี ได พระเจา ฝร่ังมงั ฆอ งไดม อบบําเหน็จรางวัลใหแ กสมิงพระราม ซึง่ เปน ใชป ระจาํ วนั พานใสหมากพลขู องพระเจาแผน ดนิ โบราณเรียก พานพระขันหมาก แนวคดิ สําคญั ของตอน สมิงพระรามอาสา ครูบูรณาการความรเู ขา กบั วิชา หรอื พระขันหมาก เคร่อื งพานพระศรี แบงไดอกี 2 สาํ รบั คอื เคร่อื งทองลงยาและ พระพทุ ธศาสนา เรอ่ื งหลกั ปฏบิ ตั ริ ะหวางผบู งั คบั บญั ชาและผูทอ่ี ยใู ตบังคับ เครือ่ งนาก เคร่ืองทองลงยาใชวันเวลาปกติ และเครอ่ื งนากใชส ําหรับใชในวนั พระ บญั ชา ซง่ึ กค็ ือ ทศิ 6 โดยเฉพาะ “เหฏฐมิ ทศิ ” ทศิ เบือ้ งตํ่า เจานาย ผูบังคับ 2 วลิ าส หรือพลิ าส เปน คําบาลีสันสกฤต แปลวา งามมีเสนห งามอยา งสดใส บญั ชา พึงบํารุงบา ว หรือผใู ตบงั คับบญั ชา ดวย 5 สถาน ไดแ ก ดว ยการ จัดงานใหตามกําลัง ดว ยการใหอาหารและบําเหน็จรางวลั ดวยการรักษา พยาบาลยามเจบ็ ไข ดวยแจกของมรี สดแี ปลกๆ ใหก ิน และดว ยใหม วี ันหยุด และพักผอ นหยอนใจตามโอกาสอันควร ดวยหลกั คิดนจ้ี ะทาํ ใหค วามสมั พันธ ระหวางผบู ังคับบญั ชากบั ผอู ยูใตบ ังคับบัญชากระชับแนนแฟน ข้ึน พระเจา ฝรงั่ มงั ฆองกป็ รารถนาท่จี ะใหส มงิ พระรามมใี จภกั ดีอยรู ับใช นอกจากนี้การ มอบบําเหน็จรางวลั ใหแ กผ ทู ําความดคี วามชอบตามสัญญา จะทาํ ใหไมเ ปนที่ ครหาวาเปนกษตั รยิ ผมู อี ํานาจแลว ไมร ักษาคาํ สัตย 96 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู แต่จะขอรับพระราชทานความอนุญาตอยู่สองประการๆ หน่ึงห้ามมิให้คนทั้งปวงเรียกว่าเชลย ถ้าผู้ใด นกั เรยี นตอบคําถามและรว มกันแสดงความคดิ มิฟังขืนเรียก ข้าพเจ้าได้ยินแล้วก็จะถวายบังคมลากลับไปเมืองหงสาวดี ประการหน่ึงถ้ามีสงคราม เห็นในประเดน็ ตอไปน้ี สมเด็จพระเจา้ ราชาธริ าชมาเม่ือใด ขา้ พเจา้ มิขอเข้าทา� สงครามดว้ ยทัง้ สองฝ่าย แม้นมสี งครามกษัตริย์ อ่ืนมา ข้าพเจ้าจะขอรับอาสาสู้รบกว่าจะสิ้นชีวิต ถ้าพระองค์โปรดอนุญาตความสองประการน้ีแล้ว • สมิงพระรามตดั สินใจทีจ่ ะรบั บาํ เหนจ็ รางวลั ขา้ พเจ้าก็จะยอมรบั พระราชทานรางวัลอยดู่ ้วยพระองค์สืบไป จากพระเจา ฝรัง่ มังฆองหรือไม อยางไร (แนวตอบ สมงิ พระรามยอมรับบาํ เหนจ็ รางวลั พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทรงฟังก็ดีพระทัยนัก จึงตรัสว่า เหตุเท่าน้ีเราจะอนุญาตให้ได้ อย่าว่า ทพี่ ระเจาฝรง่ั มงั ฆอ งจะพระราชทานให แตมี แต่ท่านจะขออนญุ าตเท่าน้ีเลย ถึงจะใหม้ ากกวา่ น้สี กั ร้อยประการ ถ้าควรแลว้ เราจะอนญุ าตใหท้ า่ นสนิ้ เงอ่ื นไข 2 ขอ ทีจ่ ะขอกับพระเจา ฝรง่ั มังฆอง จึงสงั่ ให้เสนาบดขี า้ ราชการผ้ใู หญ่ผนู้ ้อยทง้ั ปวง ใหต้ ฆี อ้ งรอ้ งปา่ วทว่ั ทัง้ พระนครว่า ตั้งแต่วนั น้ีไปใหค้ น คือ ขอ แรกหา มไมใหผ ูใดเรยี กตนวาเชลย ทั้งปวงเรียกว่าเจ้าสมิงพระรามกู้เมือง ถ้าผู้ใดเรียกเชลยแล้ว จะฆ่าเสียให้ส้ินท้ังโคตร ถ้าเราแต่งการ ถา มีผใู ดเรยี ก แลวตนไดยินจะลากลบั อภิเษกสมิงพระรามข้ึนเป็นอุปราชแล้วให้ออกนามว่า พระมหาอุปราชผดุงพระนคร เสนาบดี เมอื งหงสาวดี ขอสองถา มีสงครามระหวา ง ข้าราชการใหญ่น้อยรับๆ สั่งแล้วก็ถวายบังคมลาออกจากเฝ้า จึงแต่งคนให้เท่ียวตีฆ้องร้องป่าวไปท่ัว พระเจา ราชาธริ าชกับพระเจา ฝรัง่ มังฆอ ง กรุงรัตนบุระอังวะ ชาวเมืองท้ังปวงรู้แล้วก็เกรงพระราชอาญา ต่างคนชวนกันสรรเสริญพระเจ้าฝร่ัง เม่อื ใด จะไมเ ขา ทาํ สงครามกบั ท้ังสองฝา ย มังฆ้องว่า พระเจ้าอยู่หัวของเราทรงโปรดทแกล้วทหารรักย่ิงกว่าพระราชธิดาอันเกิดแต่พระอุระ นอกจากจะเปน สงครามกษัตริยอ ่นื จะขอ หวังจะบ�ารุงพระนครให้คนทั้งปวงอยู่เป็นสุข และจะให้ข้าศึกย�าเกรงพระเดชานุภาพจึงทรงปลูก อาสารบจนกวาจะส้ินชีพ) เลีย้ งสมงิ พระรามไว้ ตั้งให้เป็นมหาอุปราชแลว้ ชมฝีมอื และบุญญาธกิ ารสมงิ พระรามเปน็ อันมาก • เหตุใดสมงิ พระรามจงึ รับบาํ เหน็จรางวัลจาก พระเจ้าฝร่ังมังฆ้องจึงตรัสสั่งให้ปลูกต�าหนักใหญ่อย่างท่ีมหาอุปราช และแต่งการเฉลิม พระเจาฝรง่ั มงั ฆอ ง พระต�าหนักเครื่องภิเษกท้ังปวงเสร็จแล้ว พระโหรจึงถวายฤกษ์อันเป็นศุภมงคล เข้าพิธีเฉลิม (แนวตอบ เหตทุ สี่ มงิ พระรามยอมรบั บาํ เหน็จ พระต�าหนักพรอ้ มด้วยพระญาติวงศา พราหมณ์พฤฒามาตย์ราชปุโรหติ ทงั้ ปวง อภิเษกพระราชธิดากับ รางวัล เพราะคดิ วา หากจะกลับไปเมอื ง เจ้าสมิงพระรามเป็นมหาอุปราช ตามราชประเพณีมาแต่ก่อนแล้ว พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องก็พระราชทาน หงสาวดพี ระเจา ฝร่ังมงั ฆอ งก็คงไมอนุญาต เคร่ืองยศส�าหรับที่ลูกหลวงเอกให้สมิงพระรามเป็นมหาอุปราช คร้ังนั้นกรุงรัตนบุระอังวะก็เงียบสงบ หากจะหนไี ปทง้ั สมิงพระรามและพระเจา ศกึ ลง สมณพราหมณ์อาณาประชาราษฎรอย่เู ย็นเปน็ สุข ฝรั่งมงั ฆองกค็ งเสียเกยี รติ) คร้ันอย่มู าประมาณสามเดอื น พระราชธดิ าพระเจา้ มณเฑียรทองกท็ รงพระครรภ์ ถว้ นทศมาส ขยายความเขา ใจ Expand แล้วก็ประสูติพระราชโอรส พระเจา้ มณเฑยี รทองไดท้ ราบกม็ พี ระทัยเสนห่ ายิ่งนกั เสดจ็ ไปรบั พระราช- จากท่สี มิงพระรามตดั สินใจหนกี ลบั เมือง ขนบัดวดนาลดกู้วหยลพวรงะเหอกัตถ1์ของพระองค์ แล้วพระราชทานเครื่องประดับท้ังปวงส�าหรับพระราชกุมารโดย หงสาวดี นักเรียนคิดวา สมิงพระรามมีลักษณะนสิ ยั อยา งไร คร้ันพระราชกุมารมีชันษาได้ขวบเศษ พอย่างพระบาทด�าเนินได้ พระเจ้ามณเฑียรทองเสด็จ ออกว่าราชการคร้ังใด ก็ทรงอุ้มพระราชนัดดาข้ึนนั่งเหนือพระเพลาทุกคร้ัง อยู่มาวันหนึ่งทรงอุ้ม (แนวตอบ สมงิ พระรามเปนผทู ยี่ ดึ ม่ันกับคาํ สตั ย พระราชนัดดาเสด็จออก ณ พระที่นั่งพร้อมด้วยเสนาบดีทั้งปวง สมิงพระรามมหาอุปราชก็เฝ้าอยู่ วาจา เปน ผูท่ที าํ ตามคาํ สัตยที่ใหไวก ับพระเจา ทนี่ น้ั ด้วย ฝรั่งมงั ฆองและคาดหวังวาจะไดรับการยึดม่ัน รกั ษาคาํ สตั ยดุจเดยี วกัน เพื่อใหสามารถอยูร วมกัน 97 ไดอยา งปกตสิ ุขไมบาดหมางกัน กต็ องเชื่อใจกัน การละเมิดคาํ สัตยจะทาํ ใหไมส ามารถอยูร วมกันได เพราะไมไวใจกนั สมงิ พระรามจงึ หนีกลบั เมือง หงสาวด)ี ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู ขอ ใดกลา วไมถ ูกตอ งเก่ยี วกบั เงอ่ื นไขสัญญาท่ีสมิงพระรามทลู ขอจาก 1 ลกู หลวงเอก หมายถึง พระราชโอรสซ่งึ ประสตู ิจากพระมารดาซึง่ ทรงเปน พระเจา ฝรง่ั มงั ฆอ ง พระราชธดิ าของสมเด็จพระเจา แผนดิน หรือทเ่ี รยี กกันในสมยั นั้นวา ลูกหลวง เพราะทรงมีฐานันดรศกั ดเิ์ ปน “ลูกหลวงเอก” 1. เม่อื เกิดศกึ ระหวางพมา และมอญ สมิงพระรามจะชวยพมา 2. เมอื่ เกดิ ศึกระหวา งพมาและมอญ สมงิ พระรามจะชวยมอญ มมุ IT 3. เม่อื เกิดศกึ ระหวางพมาและมอญ สมงิ พระรามจะชว ยท้ังสอง 4. เมอ่ื เกดิ ศึกระหวางพมาและมอญ สมงิ พระรามจะไมช ว ยทั้งสอง วเิ คราะหค าํ ตอบ สัญญาทส่ี มิงพระรามทลู ขอจากพระเจาฝร่งั มงั ฆอ งกเ็ พอ่ื ศกึ ษาเกยี่ วกับฐานนั ดรศกั ดิข์ องกษัตริยเพิ่มเตมิ ไดท่ี http://www.laksanathai. รอมชอมกัน ไมใหฝ า ยใดฝา ยหน่ึงเสียเปรยี บ เพราะไมเ ชน น้ันแลว com/book2/p007.aspx พระเจาฝร่ังมังฆองจะไมย นิ ยอมรับเงอ่ื นไขสญั ญา หากชว ยฝายใดฝายหนง่ึ ก็ ไมอ าจตกลงกันได และเม่ือเกดิ สงครามกเ็ ปนไปไมไ ดทส่ี มิงพระรามจะรบทง้ั สองฝา ย ดังนัน้ สง่ิ ท่สี มิงพระรามจะเสนอ คือ ไมช วยทัง้ สองฝา ย ตอบขอ 4. คมู อื ครู 97
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นักเรียนตอบคําถามและรว มกันแสดงความ ฝา่ ยพระราชกมุ ารเปน็ ทารกยงั ทรงพระเยาวไ์ มแ่ จง้ ความกา� ดดั คะนองลกุ จากพระเพลา ยนื ขนึ้ คิดเหน็ ในประเดน็ ตอ ไปนี้ ยุดพระอังสาพระเจ้ามณเฑียรทองไว้แล้วเอ้ือมพระหัตถ์ขึ้นไปเล่นบนท่ีสูง พระเจ้ามณเฑียรทองผัน พระพักตร์มา ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ตรัสพล้ังพระโอษฐ์ออกไปว่า ลูกอ้ายเชลยนี้กล้าหาญนัก • เหตใุ ดสมิงพระรามจงึ หนีไปเมืองหงสาวดี นานไปเห็นองอาจแทนมังรายกะยอฉะวาได้ สมิงพระรามได้ยินพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องดังน้ันก็น้อยใจ (แนวตอบ เหตุท่สี มงิ พระรามหนไี ปเมือง จึงคิดว่าคร้ังนี้ส้ินวาสนากันแล้ว เป็นผลที่เราจะได้กลับไปเมืองหงสาวดีด้วยความสัตย์ ครั้นพระเจ้า หงสาวดอี นั เมืองท่อี ยูเดมิ ของตนเองนั้น มณเฑียรทองเสด็จขึน้ แลว้ กเ็ พราะพระเจาฝรง่ั มังฆอ งพล้ังเผลอพดู ใน สง่ิ ท่ีสมิงพระรามเคยขอหา มไมใหผ ูใดพดู คอื ฝา่ ยสมิงพระรามก็กลบั มาท่ีอยู่ จงึ เขยี นหนังสือสองฉบบั ฉบับหน่ึงซอ่ นไว้ใตห้ มอน ฉบับหนึ่ง พูดวา สมิงพระรามเปนเชลย สมงิ พระรามจึง เหน็บพกไว้ แลว้ คิดเปน็ หว่ งอาลยั บตุ รและพระราชธิดา แล้วหักจิตขม่ ลงได้ มไิ ด้บอกผใู้ ด พระราชธดิ า หนไี ปโดยไมลา ดวยไมอยากใหม คี นมา อันเป็นท่ีรักนั้นก็มิแจ้งให้รู้ กลัวจะห้ามปรามขัดขวาง ความจะทราบถึงพระเจ้าฝร่ังมังฆ้องจึงเอาเบาะ ขัดขวางได) บงั เหยี นมาผกู มา้ ซง่ึ ขสี่ กู้ บั กามะนนี น้ั แลว้ จดั แจงแตง่ กายนงุ่ หม่ เสรจ็ ถอื ทวนสะพายดาบเผน่ ขนึ้ หลงั มา้ ควบหนอี อกจากเมอื งองั วะ • นกั เรียนคดิ วา สมิงพระรามตดั สินใจถูกหรือ ไมท ีห่ นีไปท้ังที่มคี วามรักใครห ว งใยพระราช- ฝ่ายพม่าชาวเมืองเห็นก็ร้องอ้ืออึงข้ึนว่า มหาอุปราชผดุงพระนครหนีไปแล้ว ความทราบถึง ธดิ าและบุตร เสนาบดๆี กร็ ีบเข้าไปกราบทูลพระเจา้ มณเฑียรทองๆ ไดแ้ จง้ แลว้ ก็สะด้งุ ตกพระทยั จึงสง่ั ใหจ้ ดั ทพั ม้า (แนวตอบ การทส่ี มงิ พระรามหนีไปทัง้ น้ี พันหน่ึง ไปตามเจ้าสมิงพระรามๆ ก็ควบม้าหนีมาเต็มพักม้าแล้วก็หยุดพักม้า น่ังคอยท่าอยู่กลาง เกิดจากพระเจา ฝรง่ั มงั ฆองไมร กั ษาคําสตั ย ท้องนาใต้ต้นไม้แห่งหนึ่ง มีต้นตาลเรียงอยู่ที่นั้นสามต้น สูงประมาณสิบห้าวาสิบหกวา มีผลสุกต้นละ ทต่ี นเองเปนผูรบั ปาก หากอยูต อไปกอ็ าจเกิด ส่ีทะลายบ้างห้าทะลายบ้าง คร้ันแลเห็นทัพพม่ายกตามมาแต่ไกล จึงขึ้นบนหลังม้า ชักม้าฟ้อนร�าเป็น ความระแวงสงสัยกนั นาํ ความเดือดรอนมาให เพลงทวน แล้วพุ่งผลตาลสุกทั้งสามต้นหล่นลงทีละผล มือขวารับทวนมือซ้ายรับผลตาลหล่นลงมา แกทัง้ สองฝา ย เพราะเมอ่ื ไดเ สียสตั ยไปแลว หาทันจะตกถึงดินไม่ แล้วก็โยนไปให้นายทัพนายกองพม่าๆ เห็นดังน้ันก็ตกใจหยุดยืนอยู่สิ้น กลัว ครง้ั หนึ่งกย็ อ มเกิดครั้งตอๆ ไปได การทาํ ตาม ขยาดฝีมือนัก ไม่มีผู้ใดจะสามารถเข้าหักหาญจับกุมได้ ก็ค่อยรอตามมาจนสุดแดน สมิงพระรามจึง สญั ญาทีใ่ หไวจ งึ ดที สี่ ดุ เพราะตามสัญญาที่ เอาหนังสือน้ันใส่ไม้คบี ปักไว้ แล้วก็รีบควบม้ากลบั เขา้ กรงุ หงสาวดี พระเจา ฝร่งั มงั ฆอ งใหไ วน้นั ผูท่ีเอยวา สมงิ พระรามจะตอ งถูกประหารทงั้ โคตร ฝ่ายนายทัพนายกองพม่าทั้งปวงที่ติดตามมาน้ัน คร้ันได้หนังสือแล้ว ก็พากันยกกลับไปยัง แตผ ูท่ีผิดสัญญากลับเปน คนเดยี วกับผูท ่ีให กรุงรัตนบุระอังวะ จึงน�าหนังสือเข้าถวายพระเจ้ามณเฑียรทองๆ ทรงรับหนังสือนั้นมาทอดพระเนตร สญั ญา การจากไปจึงเปนการเหน็ แก ด้วยพระองค์เป็นใจความว่า พระราชธดิ าและบตุ ร) ขา้ พเจา้ สมงิ พระรามขอกราบถวายบงั คมทลู ไวใ้ หท้ ราบใตฝ้ า่ พระบาทยคุ ล ดว้ ยพระองค์ ขยายความเขา ใจ Expand ออกพระโอษฐ์ทรงพระอนุญาตให้ความสัตย์ไว้แก่ข้าพเจ้าว่า จะมิให้ผู้ใดเรียกว่าเป็นเชลย ถา้ ผอู้ นื่ เรยี กแลว้ จะใหล้ งพระราชทณั ฑต์ ดั ศรี ษะเสยี สนิ้ ทงั้ โคตร บดั นี้พระองคก์ ลบั มาเรยี กวา่ นักเรียนแสดงความคดิ เหน็ ท่ีมีตอ ตวั ละครทต่ี นเอง อ้ายเชลยอีกเล่า ซึ่งข้าพเจ้าจะอยู่ด้วยพระองค์สืบไปนั้นก็เห็นว่าผิดประเพณีแผ่นดิน ประทับใจในเร่อื งราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา เมืองอังวะแปรปรวนมิได้ย่ังยืนแล้ว ข้าพเจ้าจะขอถวายบังคมลา กลับไปเมืองหงสาวดีที่ โดยเขยี นความยาวไมนอยกวา 15 บรรทัด เคยอยู่ข้าพเจ้าแล้ว เชิญพระองค์จงเสวยสิริราชสมบัติเป็นสุขพระทัยเถิด ซ่ึงพระราชธิดา และพระราชนัดดาของพระองค์นั้น ข้าพเจ้าขอฝากไว้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วย ถ้า (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถเขียนแสดงความคิดเห็น เจริญพระชนม์ย่งิ ยนื แล้ว จะไดอ้ ยู่ท�าราชการสนองพระเดชพระคณุ แทนตัวขา้ พเจ้าสบื ไป ไดห ลากหลายข้นึ อยกู บั ความประทบั ใจของนักเรียน แตละคน) 98 บรู ณาการอาเซียน ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ขอใดมใิ ชเหตุผลทีส่ มงิ พระรามกลับกรงุ หงสาวดี ราชาธิราช เปน เร่ืองที่มาจากเคาเรอ่ื งจริงในพงศาวดารมอญทีม่ ีการบนั ทกึ 1. เกรงพระราชทัณฑตดั ศรี ษะท้งั โคตร เรื่องราวทางประวัตศิ าสตรข องอาณาจกั รไว ซงึ่ เปน ชว งเวลาทีม่ อญและดนิ แดนใน 2. เกรงจะเสยี งานที่ไดรบั มอบหมาย เอเชียถูกคุกคามจากกษตั รยิ มองโกลผูย ิง่ ใหญ “กบุ ไลขาน” แตท ั้งนไี้ ทยไมไดร บั 3. เกรงวา จะผิดประเพณีแผน ดิน ผลกระทบเพราะกษัตรยิ ไ ทยสงเคร่ืองราชบรรณาการไปเจริญสมั พนั ธไมตรเี สยี กอน 4. ไดร ับความอัปยศ แตอยางไรก็ตามเหตกุ ารณท างประวตั ศิ าสตรด งั กลาวเปนบอเกิดวรรณกรรมของ วเิ คราะหคําตอบ ภายหลังพระเจา ฝรัง่ มงั ฆองพล้งั เผลอเรยี กลูกสมิงพระราม เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตท ี่มีการแทรกปนเรือ่ งจากจินตนาการเขา ไปดวยแตยังคงท่ี ซงึ่ กเ็ ปน หลานของพระองคว า “ลูกอายเชลย” สมงิ พระรามรูสกึ อปั ยศจึง มาไวว า จนี ไดแผขยายอาํ นาจมาถึงอาณาจกั รของตน ภายหลงั การจัดตง้ั สมาคม ตดั สินใจกลบั กรุงหงสาวดี เพราะตามท่ไี ดสัญญากันไว ผใู ดเรยี กสมิงพระราม อาเซียนในความรวมมอื ทางวฒั นธรรมไดมีการจัดโครงการเกย่ี วกับวรรณกรรมของ วาเชลยจะไดรับโทษประหารชวี ติ ทงั้ โคตร ในท่ีนี้หมายถึงพระราชธดิ าและ กลมุ ประเทศอาเซียน เชน โครงการโลกทัศนพ มา จากวรรณกรรมหายาก พระราชนัดดาของพระเจา ฝรงั่ มังฆอง และหากไมทําก็จะเสียสัตยผ ดิ ประเพณี เรอ่ื งราชาธริ าช เปน ตน นับวาเปนจดุ เรมิ่ ตน ของการขยายและพฒั นาในเชงิ แผนดนิ แตการไปจากกรงุ องั วะไมเกี่ยวกับงาน สมงิ พระรามไมไ ดร บั มอบ- วชิ าการสูเ วทีอาเซยี น ซ่ึงจะนําไปสูการกําหนดนโยบายระหวา งพมากบั ไทยสบื ไป หมายงานแตอ ยางใด ตอบขอ 2. 98 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้แจ้งดังน้ันก็ทรงทราบว่าเจ้าสมิงพระรามหนีไปทั้งน้ีด้วยมีความน้อยใจ นกั เรยี นรวมกันอภิปรายแสดงความคิดเหน็ ใน ในถอ้ ยคา� ทเ่ี ราพดู พลัง้ ไปน้นั กม็ ีพระทยั อาลยั เสียดายนกั มิไดต้ รสั ประการใดแก่เสนาบดที ั้งปวง เกรง ประเดน็ ตอ ไปนี้ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยจะติเตียนได้ว่า พระองค์ไม่รักษาพระวาจาตรัสผิดไปเอง สมิงพระรามจึงได้ หนีไป อุปมาดังคนปลูกพฤกษชาติให้ใหญ่สูงแล้วตัดยอดหักกิ่งเสีย จึงเสด็จเข้าข้างใน พระราชทาน • คุณธรรมใดในเร่ืองราชาธริ าช ตอน หนงั สอื นน้ั ให้แก่พระอัครมเหสี สมิงพระรามอาสาที่สําคัญท่ีสดุ (แนวตอบ การรักษาคําสตั ยเปน คุณธรรมท่ี พระอคั รมเหสรี ับมาอ่านแจ้งความแลว้ ก็เสยี ดายสมิงพระรามย่งิ นัก และเกรงว่าพระราชธดิ า มคี วามสาํ คัญท่สี ดุ ในเร่อื งราชาธิราช ตอน จะเป็นม่าย จึงทูลว่าเป็นธรรมดาสืบมา พลั้งปากก็ย่อมเสียการ พลั้งมีดพล้ังขวานมักจะบาดเจ็บ สมิงพระรามอาสา การรกั ษาคาํ สัตยส ง ซ่ึงพระองค์เสียทแกล้วทหารท่ีดีไปท้ังนี้ เพราะพล้ังพระโอษฐ์มิทันทรงด�าริ ถึงกระน้ันก็อย่าเพ่อ ผลตอ การดําเนินเรอื่ งกลา วคอื ตลอดการ ทรงพระวิตกเลย ด้วยพระราชนัดดาของพระองค์ยังมีอยู่ ถ้าเจริญพระชนม์เติบใหญ่ไปเบ้ืองหน้า ดาํ เนินเร่ืองตวั ละครจะตัดสินใจทาํ การใด แล้วเราจะใหไ้ ปตดิ ตามมา ถงึ สมงิ พระรามจะไมส่ ูร้ ักใคร่อาลัยแม่ก็คงอาลัยลกู ข้าพเจา้ เหน็ ทจี ะเสยี ลกู จะตอ งมีการขอคําสตั ยจ ากอีกฝา ยและให มิได้คงจะกลบั มา คําสตั ยก บั อกี ฝา ย เชน สมงิ พระรามขอ คําสตั ยก บั พระเจา ฝรงั่ มังฆอ งวาตองไมให ฝ่ายพระราชธิดาเม่ือสมิงพระรามหนีไปน้ัน เป็นเวลาตะวันบ่าย พระราชธิดาบรรทมหลับอยู่ ผูใ ดเรยี กตนวาเชลย และใหค าํ สตั ยว าจะ คร้ันฟื้นบรรทมข้ึน นางสาวใช้เข้ามาทูลว่าพระมหาอุปราชหนีไปแล้ว พระราชธิดาได้แจ้งก็ตกพระทัย ยอมเปน ทหารอยกู บั พระเจาฝรง่ั มังฆอ ง ทรงพระกันแสงร�่ารัก แล้วเข้าไปดูดาบในท่ีนอนสมิงพระรามก็หายไป ดูผ้าโพกและแหวนเครื่อง- เปน ตน) ประดับมีค่าท้ังปวงก็หาเห็นไม่ จึงเหลือบพระเนตรเห็นหนังสือที่ใต้หมอน พระนางก็หยิบมาคลี่อ่าน ใจความในหนังสอื น้นั ว่า ขยายความเขา ใจ Expand สมเด็จพระราชบิดาปลูกเล้ียงให้เราท้ังสองอยู่ครองกันเป็นสุขสถาพรแล้ว บัดนี้ นกั เรยี นยกเหตกุ ารณและเนอื้ ความท่ีนักเรยี น พระองค์เสียสัตย์ท�าให้เราได้ความอัปยศ เราอยู่ด้วยมิได้จึงหนีไป ขอฝากแต่หลานหลวง เห็นวาเปน คุณธรรมท่ีสําคัญท่สี ดุ ในเรือ่ งราชาธิราช ไว้ด้วยเถิด ชาตินี้เรามีกรรมจึงจากกันท้ังรัก ไปในชาติเบื้องหน้าขอให้เราได้เป็นคู่ครองกัน ตอน สมงิ พระรามอาสา อย่ารู้แรมนริ าศจนบรรลุนฤพาน (แนวตอบ เนอ้ื ความตอนท่ีพระเจา กรงุ จีนตรสั พระราชธิดาได้แจ้งในหนังสือน้ันแล้ว ก็ยิ่งทรงพระโศกด้วยความอาลัย แค้นสมเด็จพระราช- กับเหลา นายทัพนายกองของพระองควา “เราเปน บดิ านกั กษตั ริยผใู หญอนั ประเสริฐไดใหคาํ มั่นสัญญาแกเ ขา ไวแ ลว จะกลับคําดงั นน้ั ควรไม พมาทั้งปวงจะชวน ฝ่ายสมิงพระรามเข้ามาถึงกรุงหงสาวดีแล้ว ชาวพระนครท้ังปวงเห็นก็ร้องชมอ้ืออึงไปว่า กันดูหม่นิ ไดว า จนี พูดมจิ รงิ เรารักสัตยยิ่งกวาทรพั ย เจ้าสมิงพระรามหนีกลับมาได้แล้ว เสนาบดีท้ังปวงรู้ ต่างคนก็ออกมาพูดไต่ถามกันแล้ว จึงพากัน อยาวา แตสมบัตมิ นษุ ยนีเ้ ลย ถึงทา นจะเอาทิพย- เข้าไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าราชาธิราช เจ้าสมิงพระรามจึงกราบทูลตามกิจการทั้งปวง ซ่ึงได้กระท�ามา สมบัติของสมเดจ็ อมรินทรมายกใหเราๆ กม็ ไิ ด แตห่ นหลังส้นิ ทุกประการ ปรารถนา”) 99 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู นกั เรียนจัดกลมุ ชวยกันระดมความคิดเหน็ นาํ คุณธรรมจากเร่อื ง ครูเนนเกี่ยวกับคณุ ธรรมเรื่องความกลาหาญและการรักษาคําสตั ยข องตวั ละครใน ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา มาแตงคาํ ขวัญเชิญชวนเพือ่ สราง เรื่องราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา โดยแนะใหนกั เรยี นพจิ ารณาภาพทสี่ ะทอ น คา นิยมทด่ี ีของคนในสงั คม นักเรียนนาํ คาํ ขวัญที่ไดม าจัดปายนเิ ทศใน จากเรื่องวา ไดสงเสริมความดงี ามใหคณุ คา ทางจติ ใจแกผ อู าน เปน เครื่องหมาย ชัน้ เรียน ชใ้ี หเห็นถึงคา นิยมหรอื ความตองการสรา งคา นิยมทด่ี ใี หแ กคนในยุคสมัยนั้น ครใู ห นักเรียนพจิ ารณาประเด็นน้ภี ายหลังการอา นเนื้อเรอื่ งจบ กจิ กรรมทาทาย มมุ IT นกั เรยี นจัดกลุมทาํ ผังความคดิ คุณธรรมของตัวละครหลักในเร่ือง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา จดั แสดงผลงานของนกั เรยี นในช้นั เรียน ศกึ ษาเกย่ี วกับวรรณคดเี รือ่ งสมงิ พระราม ตอน สมงิ พระรามอาสา ซง่ึ เปน ความรเู สริมเพ่มิ เตมิ ไดท ี่ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/424755 คูม อื ครู 99
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Expand ขยายความเขา ใจ จากเนอ้ื เร่อื งท่ีนกั เรียนศึกษาและอา นนักเรียน สมเดจ็ พระเจา้ ราชาธริ าชไดฟ้ งั ดงั นนั้ กม็ พี ระทยั โสมนสั ยงิ่ นกั จงึ สงั่ ใหเ้ ลน่ การมหรสพ สมโภช สรุปขอ คิดท่ไี ดจากเรื่อง เจา้ สมงิ พระรามเจด็ วนั เจด็ คนื แลว้ พระราชทานเครอื่ งยศและเครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภคเปน็ อนั มาก แลว้ โปรด ใหก้ นิ เมอื งวาน ขณะเมอ่ื เจา้ สมงิ พระรามกลบั มาไดแ้ ตก่ รงุ องั วะครง้ั นน้ั จุลศักราชได้ ๗๘๗ ปี (แนวตอบ ขอ คดิ ทีไ่ ดจากเร่ือง มดี งั น้ี 1. คนดีมคี วามสามารถแมอ ยใู นเมืองศตั รูกย็ ังมี บอกเล่าเก้าสิบ หงสาวดี คนเชดิ ชไู ดเสมอ 2. ผเู ปนกษตั ริยย อมถอื ความสตั ยเ ปน สิ่งประเสรฐิ หงสาวดี หรือท่ีเรยี กอกี ชอ่ื หนง่ึ วา พะโค เปน หน่ึงในหลายเมืองสาํ คญั ของมอญทีป่ รากฏอยู ในเรื่องราชาธิราช ตั้งอยูทางตอนใตข องประเทศพมา ในอดีตหงสาวดเี คยเปนเมอื งของมอญ กอ นที่ ท่ีสดุ 3. ความประมาทเปน หนทางแหงความตาย เชน พระเจาตะเบ็งชะเวตี้จะยึดครองไดใน พ.ศ. ๒๐๘๒ หงสาวดีเจริญรุงเรืองถึง1ขีดสุดในรัชสมัยของ กามะนี พระเจาบุเรงนอง พระองคไดโปรดใหสรางพระราชวังที่ชื่อวา กัมโพชธานี เปนพระราชวังท่ีมี 4. ผทู ีท่ ํากิจโดยอาศยั ปฏิภาณไหวพริบและความ ขนาดใหญไ วเปนที่ประทับ สามารถเฉพาะตนจะประสบความสาํ เร็จใน หงสาวดยี ังมสี ถานที่สําคญั ประจําเมือง ไดแ ก พระธาตุชเวมอดอ หรือท่คี นไทยนิยมเรียกวา ชีวิตได พระธาตุมุเตา เปนพระธาตุศักด์ิสิทธ์ิคูเมือง เลากันวา เม่ือพระเจาบุเรงนองจะทรงทําศึกคร้ังใด 5. บานเมอื งจะประกอบไปดว ยกษัตรยิ ท่ีอยูใ น ความสตั ย) จะเสด็จมาทรงสักการะพระธาตุแหงนี้ทุกครั้ง แมแตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 2เม่ือไดประทับ ตรวจสอบผล Evaluate ที่เมืองหงสาวดีก็ไดเสด็จมาทรงสักการะพระธาตุแหงนี้ดวยเชนกัน ปจจุบันหงสาวดีเปนเมืองท่ีทํา รายไดใหแกประเทศพมาเปนอยางมาก ดวยความที่เปนเมืองทองเที่ยวที่มีความสําคัญทาง 1. นักเรียนยกสาํ นวนสุภาษติ ที่มีความหมาย ประวัติศาสตรศ ิลปะและวฒั นธรรม ตรงกบั เนือ้ ความทก่ี าํ หนดได 2. นกั เรยี นยกเนือ้ ความท่นี กั เรียนเห็นวาเปน ความเปรียบทน่ี า สนใจได 3. นกั เรียนเขียนแสดงความคดิ เห็นท่มี ตี อตัวละคร ทีน่ ักเรยี นประทับใจในเรื่องราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสาได พระราชวัง (จ�าลอง) ท่ีประทับของพระเจ้าบุเรงนองที่เมืองหงสาวดี สร้างเลียนแบบของเดิมที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งได้รับ ความเสียหายในช่วงสงครามโลกคร้ังที่ ๒ 100 นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT ขอใดไมใ ชบคุ ลกิ ลักษณะของสมงิ พระราม 1 กมั โพชธานี เปนพระราชวังใหญโ ต สรา งขึน้ เมื่อครง้ั ทพ่ี ระเจาบเุ รงนองเสดจ็ 1. รักศักด์ศิ รี รอบคอบ ขน้ึ ครองราชย ใน พ.ศ.2094 ดวยการปราบดาภิเษก เพราะมีกบฏเกดิ หลงั การ 2. รกั ษาคาํ สตั ย ไหวพรบิ ดี ส้นิ พระชนมของพระเจาตะเบงชะเวต้ี ทรงสรางพระราชวังกมั โพชธานี (Kamboza 3. โหดเหยี้ ม มีเลหเ หล่ียม Thadi Palace) ของพระองคท ่กี รุงหงสาวดี 4. กลา หาญ เฉลยี วฉลาด 2 หงสาวดี เดิมเปนเมอื งศูนยก ลางของมอญ ตอ มาศนู ยก ลางอํานาจไดยาย วิเคราะหค ําตอบ การท่ีสมิงพระรามเอาชนะกามะนีทหารเอกของพระเจา ไปยงั อังวะ อมรปุระ และมณั ฑะเลยตามลําดับ จนถึงวนั ทพ่ี มา เสียเอกราชใหแ ก กรุงจีนไดน ัน้ ตอ งอาศัยปญญา ไหวพริบ ความรอบคอบ และทส่ี ําคัญคอื องั กฤษ เมอ่ื สมิงพระรามเผชิญหนากับกามะนกี ร็ ูท นั ทวี ากามะนเี ปนทหารเกงกลา มฝี ม อื แตสมิงพระรามกไ็ มไดขลาดกลัว คิดวางแผนพยายามท่จี ะเอาชนะ 100 คมู อื ครู ใหไ ด แสดงใหเหน็ ความมุง มนั่ และกลาหาญ เม่ือชนะไดร ับบาํ เหนจ็ รางวลั สมงิ พระรามกป็ ฏเิ สธดว ยสํานกึ วา ตนเปน ทหารของพระเจาราชาธริ าชควร ยึดมน่ั ในศกั ดศ์ิ รี ดงั น้ัน ความโหดเหย้ี มจึงไมใชบุคลกิ ลกั ษณะเดนของสมงิ - พระราม เพราะการตดั ศีรษะของกามะนนี น้ั ทาํ ไปตามหนาท่ี ตอบขอ 3.
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๖ คÓศัพท์ ควำมหมำย ครใู หน ักเรียนเลนเกมคําศพั ท โดยครบู อก คําศพั ทจ ากบทเรียน 4-5 คาํ แลว ใหนกั เรยี นบอก ค�ำศพั ท์ เร่งม้า ความหมาย กระทบื ม้ำ ในท่ีนีห้ มายถึง งเู ห่าใหญ่ (กณั ห-ดา� , สปั ปะ-ง,ู ชาติ-จ�าพวก) กณั หสัปปะชำติ ในความว่า ทารกยังทรงพระเยาว์ไม่แจ้งความ ก�าดัดคะนองลุกจากพระเพลา (แนวตอบ ตัวอยา งคาํ ศพั ท เชน กำ� ดัดคะนอง หมายถงึ วยั กา� ลงั ซน • ธรรมยทุ ธ หมายความวา การรบในทางธรรม ครองเมอื ง • มาบนํ้า หมายความวา บรเิ วณฝง แมน ้ําที่ กนิ เมือง รายได้ที่เป็นค่าเล้ียงชีพ ในความว่า พระราชทานบ้านส่วยแห่งหนึ่งให้เป็นค่า ค่ำผลหมำก ผลหมาก กวางใหญ ในความวา่ ตกพนักงานขา้ พเจ้า หมายถงึ เป็นหน้าท่ี • กัณหสปั ปะชาติ หมายความวา งเู หา ใหญ ตกพนกั งำน กรวย • บาทบรจิ าริกา หมายความวา หญงิ ทมี่ ี ตะกรวย ข้าวสาร ตัณฑลุ ำ เหน่อื ย หนาทีร่ ับใชปฏิบตั ิพระเจาแผนดิน เปนตน) ถอยกำ� ลัง อาวธุ คล้ายหอกแต่เรียวเลก็ กวา่ เบากว่า ด้ามยาวมาก ทวน ผ้กู ล้า ทหาร สาํ รวจคน หา Explore ทแกล้ว ศีรษะ ในความวา่ เอื้อมพระหัตถ์ข้นึ ไปเล่นบนทีส่ งู ท่ีสงู การรบในทางธรรม คือการรบในการแข่งขันสร้างส่ิงใดสง่ิ หน่งึ 1. นกั เรียนพจิ ารณาคําศพั ทใ นเรอ่ื งราชาธิราช ธรรมยทุ ธ์ สิ่งที่งอกขึ้นเหนือจมูกแรด ยาวประมาณ ๑๒-๑๕ เซนติเมตร แข็งเหมือน ตอน สมงิ พระรามอาสาทเี่ ปน สาํ นวน นอ เขาสัตว์ สง่ิ ท่ีส่งไปดว้ ยความเคารพนับถอื 2. นักเรยี นรวบรวมคําศัพททเ่ี ปนสาํ นวนนนั้ บรรณำกำร หญิงท่ีมีหน้าทร่ี บั ใช้ปฏบิ ัตพิ ระเจ้าแผน่ ดนิ บันทึกลงสมุด บำทบรจิ ำริกำ หม่บู า้ นที่ตอ้ งส่งส่วย (แนวตอบ คาํ ศพั ทท เ่ี ปน สาํ นวน เชน เหงอื่ ตกกบี บำ้ นส่วย ผ้าท่ที า� ด้วยขนสัตว์ ตกพนกั งาน กินเมอื ง เปนตน ) ผ้ำสักหลำด ผูน้ า� สาสน์ ไปถวาย ผู้จ�ำทูล หมู่เสนา อธบิ ายความรู Explain พยหุ เสนำ จดหมายของกษตั รยิ ์ที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ พระรำชสำส์น อาจารย์ผเู้ ฒ่า พราหมณ์ผู้เฒ่า นักเรียนอธิบายคําศพั ททเี่ ปน สาํ นวนตอ ไปนี้ พฤฒำมำตย์ • เหงื่อตกกบี 101 (แนวตอบ เหงื่อตกกีบ หมายถึง อาการของมา ท่ีเหน่อื ยมากจนเหงอื่ ไหลลงมาถึงกบี เทา ) • กินเมือง (แนวตอบ กินเมอื ง หมายถึง ครองเมืองทีอ่ ยู รอบเมืองหลวง) กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู นกั เรยี นทบทวนคาํ ศพั ทใ นวรรณคดเี ร่อื งราชาธริ าช ตอน ครูชี้ใหนักเรยี นเหน็ วา คาํ ศพั ทเรือ่ งราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา โดย สมิงพระรามอาสา จากน้ันเลือกคาํ ศพั ททไี่ มน ิยมใชใ นปจจบุ ัน มา 2 คํา ทัว่ ไปแลวเปน คาํ อา นงายๆ ไมใชค าํ ศัพทย ากจนไมสามารถอธบิ ายความได แตห าก บอกความหมายและอธบิ ายเนื้อความที่ปรากฏคําศัพท มีบางคําที่นักเรียนไมรูความหมายของคําศัพทน้ัน นกั เรียนควรพจิ ารณาบริบทรอบ เนือ้ ความนน้ั เพ่ือนกั เรียนจะเขาใจไดวา คาํ ศัพทนนั้ เก่ียวขอ งกบั อะไร และนักเรียน กจิ กรรมทาทาย จะเขาใจความหมายไดใ นท่สี ดุ หรือถาหากนกั เรียนไมเขา ใจบรบิ ทโดยรอบแลว นักเรยี นควรจดคาํ ศพั ทน นั้ ไวและนําไปหาความหมายเพมิ่ เติมจากแหลงการเรียนรู ตางๆ นักเรยี นศกึ ษาคําศัพทใ นบทเรยี น จากนั้นนําทกั ษะความรเู ก่ยี วกบั การ สรางคํา ไดแ ก การประสม การสมาสอยางมสี นธิ การสมาสอยา งไมมีสนธิ มาเปนแนวทางการวิเคราะหคาํ ศพั ท โดยยกคําศพั ทในบทเรยี นมาแสดง ใหเหน็ วธิ ีสรา งคํา วธิ ีละ 1 คํา คมู อื ครู 101
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นักเรียนอธบิ ายเกีย่ วกบั สํานวนตอ ไปน้ี โดยยก ค�าศพั ท์ ความหมาย เนอื้ ความมาประกอบ พลบั พลา ทป่ี ระทบั ช่วั คราวของพระมหากษตั ริย์ (แนวตอบ สาํ นวน “เหงือ่ ตกกีบ” มาจากเนื้อความ ที่วา “คร้นั สมิงพระรามแลเหน็ กามะนีควบมาเตม็ พันธนาการ การจองจา� กาํ ลงั แลว มทิ นั กแ็ สรง รอมา ไวห วังจะดทู วงทเี หน็ กามะนียังไกลเชิงนกั อยู สําคญั ไดวาเหง่ือมา กามะนี พานพระศรี พานหมาก ตกจนถึงกบี กร็ วู ามา หยอ นกําลังลงแลว ” จาก เนื้อความที่ยกมา หมายความวา สมิงพระรามลอ ให พทิ ยาธร อมนุษยพ์ วกหนง่ึ มีฐานะต�่ากว่าเทวดา กามะนคี วบมา เตม็ กาํ ลัง แตม า ของกามะนีก็ยงั วิง่ เช่ือวา่ สามารถเหาะเหินได้ ตามไมท ันมาของสมงิ พระราม สมงิ พระรามจงึ ร้ังมา รอเพอื่ สังเกตมาของกามะนวี า ออนกาํ ลังลงหรอื ยงั และเหน็ วามา ของกามะนเี หนอื่ ยมากจนมเี หง่อื ไหล เพลงโคมเวียน โคมเวียน หมายถึง โคมชนิดท่ีมีที่ครอบ ไปถงึ กบี แลว ) หมุนได้ เมื่อจุดไฟแล้วท่ีครอบจะหมุน ไปช้าๆ เพลงโคมเวียน เป็นกระบวน พานพระศรี วิธีร�าดาบร�าทวนในการต่อสู้ ลักษณะ การเคล่อื นไหวเปน็ วงกลม เพลงผา่ หมาก ผ่าหมาก ใชเ้ รยี กอาการเตะเขา้ หว่างขาของค่ตู อ่ สู้วา่ เตะผ่าหมาก เพลงผา่ หมาก หมายถึง วธิ รี �าดาบรา� ทวนในการตอ่ สู้แบบฝ่าเข้าไปตรงกลางวง ขยายความเขา ใจ Expand ฟากมาบนา้� บริเวณฝั่งแม่นา�้ ทก่ี ว้างใหญ่ นกั เรียนยกตวั อยางคาํ กลาวท่ีสนับสนนุ การเปน มนตราคม เวทมนตร์คาถา มาจากคา� ว่า มนตร์และอาคม กษัตริยทด่ี ี ม้าเชลยศักดิ์ ม้าทไี่ ม่ใช่ม้าหลวงเปน็ มา้ ของชาวบ้าน (แนวตอบ ตวั อยางเชน ไดใหค ําม่นั สัญญา แลวจะไมคนื คาํ รักสัตยย ่งิ กวา ทรพั ย เปน ตน) ระมาด แรด เป็นสัตวเ์ ลย้ี งลกู ด้วยนม มีขนาดใหญ ่ มนี อ วเิ สท ผู้ทา� กบั ข้าวของหลวง ตรวจสอบผล Evaluate ศุภฤกษ์ คราว เวลาทกี่ า� หนดหรือคาดวา่ จะให้ผลดี 1. นกั เรียนรวบรวมคาํ ศัพททเี่ ปน สํานวนและ สนั ทดั 1 ถนัด จัดเจน อธบิ ายความหมายประกอบในเนือ้ ความได สุปะเพยี ญชนาหาร อาหารจา� พวกแกง (สปุ ะ) และที่ไม่ใช่แกง (เพยี ญชนะ) 2. นักเรียนยกตวั อยางคํากลา วที่สนบั สนนุ การเปน หยก หินแก้วมีลักษณะแข็ง เป็นสีต่างๆ ใช้ท�าเคร่ืองประดับและเคร่ืองใช้ ถือว่าเป็น กษัตรยิ ทดี่ ไี ด ของมีราคา เหง่อื ตกกีบ ส�านวน หมายถึง เหนือ่ ยมาก ในทนี่ ีก้ ลา่ วถงึ ลักษณะอาการของมา้ ท่ีเหนื่อยมาก จนเหงอ่ื ออกและไหลลงมาถึงเลบ็ เท้ามา้ อมรนิ ทร์2 พระอินทร์ อัปยศ เสือ่ มเสยี ชอ่ื เสยี ง นา่ อบั อาย อาลักษณ์ ผทู้ �าหน้าที่ทางหนงั สือในราชสา� นัก 102 เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอ ใดมีความหมายตรงกับสํานวน “เหงอ่ื ตกกีบ” ครูแนะนักเรยี นใหอานและทอ งจําคําศพั ทท ี่นาสนใจ จากน้ันครจู ัดกิจกรรม 1. กระวนกระวายตดั สินใจไมไ ด ทดสอบความรเู กี่ยวกบั คาํ ศพั ทในบทเรยี น โดยใหนกั เรยี นอธบิ ายความหมายของ 2. วง่ิ ไมห ยดุ จนเหนอื่ ยหอบ คําศพั ทท คี่ รูถาม หากนกั เรยี นตอบไมได ครแู นะวิธกี ารแกป ญ หาดังกลาว โดยให 3. เหง่ือออกเพราะรอนจัด นักเรียนสืบคนความรจู ากบทประพันธอ ่นื ๆ และสังเกตเรียนรูคําศัพทตา งๆ 4. รบี รอ นจนลนลาน วเิ คราะหค าํ ตอบ เหงือ่ ตกกีบเปนสํานวนทใี่ ชก ับมา ในเร่อื งเปนเหตกุ ารณ นกั เรียนควรรู ท่ีสมิงพระรามกบั กามะนีข่ีมารําทวนสูกนั สมิงพระรามทดสอบกาํ ลงั มาของ กามะนี โดยการควบมาหนีใหก ามะนคี วบมา ตาม ปรากฏวามาของกามะนี 1 สปุ ะเพียญชนาหาร มาจากคําวา “สุปะ” ที่มักเขา คกู บั คาํ วา “พยัญชนะ” ซึง่ กําลงั ลดลงกอ น ขอท่ีมีสํานวนตรงกับ “เหงอ่ื ตกกบี ” คือ ว่งิ ไมห ยุดจนเหนื่อย สมาสอยา งมีสนธิกบั คาํ วา “อาหาร” รวมเปน สปุ ะเพียญชนาหาร หอบ ตอบขอ 2. 2 อมรินทร เปนช่ือพระอนิ ทรใ นภาษาสนั สกฤต มีชือ่ และฉายาอื่นๆ ทเ่ี ปน ภาษาสนั สกฤต เชน “ศจี” แปลวา ผูมกี ําลัง ผูมคี วามสามารถ “มฆั วาน” แปลวา ผเู อื้อเฟอ เผอื่ แผ “สหัสนัยน” แปลวา ผมู ีนัยนตาเปนพนั ทา วพันตา เปน ตน 102 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๗ บทวิเคราะห์ ครยู กสํานวนสุภาษิตท่ีเกี่ยวกับการรกั ษา คาํ สตั ยว า “พล้งั ปากเสยี สิน(ศีล) พล้งั ตีนตกตน ไม” ราชาธิราชเป็นเรื่องแต่งที่มีเร่ืองราวสนุกสนานเพลิดเพลิน การด�าเนินเรื่องชวนติดต1าม แลวใหนักเรียนชว ยกันบอกความหมาย เรียบเรียงด้วยส�านวนภาษาสละสลวย นับเป็นวรรณคดีที่ถือเป็นแบบฉบับในการเขียนความเรียงท่ีดี (แนวตอบ “พล้งั ปากเสียสิน(ศีล) พลงั้ ตีนตก เรื่องหนง่ึ และมขี ้อคดิ เป็นคติเตือนใจหลายประการ แบ่งตามหัวข้อได ้ ดงั ต่อไปนี้ ตน ไม” หมายความวา พดู หรือทาํ โดยไมร ะมดั ระวงั ยอมไดรับความเดอื ดรอน นักเรียนชว ยกันแสดง ๗.๑ แนวคดิ หรอื สาร ความคดิ เห็น และครูสรปุ ในตอนทา ยวาเรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาเนน การรกั ษา ขอ้ คดิ ทไ่ี ดร้ บั จากเรอ่ื งราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา มดี งั น้ี คาํ สตั ย) ๑) ปัญญายอ่ มน�ามาสู่ความสา� เรจ็ แนวคดิ สา� คญั ของเรอื่ ง คอื คณุ ค่าของสตปิ ญั ญา เพราะความส�าเร็จเกิดข้ึนได้ด้วยสติปัญญาและฝีมือ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม ควรใช้ สาํ รวจคน หา Explore ความรอบคอบ คิดไตร่ตรองให้ถ้วนถ่ี ในการท�าศึกสงครามนั้น ทหารท่ีดีนอกจากมีฝีมือและมี ความกล้าหาญแล้ว ยังต้องมีไหวพริบในการวางแผนอย่างฉลาดรอบคอบ จึงจะสามารถชนะศัตรูได้ 1. นกั เรยี นศกึ ษาแนวคิดสาํ คัญของเรอ่ื งราชาธิราช ดังสมิงพระรามเม่ือครั้งอาสาประลองฝีมือทวนกับกามะนี ได้ทูลขอม้าฝีเท้าดีฝึกม้าจนรู้จักท�านอง ตอน สมิงพระรามอาสา รกุ รบั ได ้ ทง้ั ยงั ใชอ้ บุ ายอนั ชาญฉลาด “จา� จะขบั เคย่ี วกนั ไปกอ่ นจงึ จะหยอ่ นกา� ลงั ลง เหน็ จะเสยี ทที า� นอง จงึ เอาชยั ชนะไดโ้ ดยงา่ ย” สมงิ พระรามสงั เกต “เหน็ เปน็ ชอ่ งใตร้ กั แรท้ ง้ั สองเปน็ หวา่ งอยพู่ อจะสอดทวน 2. นักเรยี นศกึ ษาคุณคา ดานเนอ้ื หาและวรรณศลิ ป แทงได”้ ท�าใหส้ ามารถสงั หารกามะนีไดใ้ นทส่ี ดุ ในเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ๒) การรักษาค�าสัตย์ย่อมเป็นที่สรรเสริญ ผู้รักษาวาจาย่อมได้รับความนับถือจาก ผู้คนทั่วไป ผู้ที่จะปกครองผู้อ่ืนได้น้ันต้องมีน�้าใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ มีใจเป็นธรรม และรักษาค�าสัตย์ อธบิ ายความรู Explain ดังเช่นตัวละครเด่นหลายตัวในราชาธิราชที่ยึดถือความสัตย์เป็นท่ีตั้ง ผู้ท่ีเอ้ือนเอ่ยวาจาแต่มิสามารถ ปฏิบัติได้ด่ังค�าพูด ย่อมได้รับการต�าหนิจากผู้คนทั่วไป ดังพระเจ้ากรุงจีนและพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องที่ นกั เรยี นสรปุ ความรเู ก่ียวกับแนวคิดของเรือ่ ง ยดึ มั่นในวาจายง่ิ กวา่ ชีวติ ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ลงสมุด พระเจ้ากรุงจีนตรัสว่า “...เราเป็นกษัตริย์ผู้ใหญ่อันประเสริฐ ได้ให้ค�าม่ันสัญญาไว้ (แนวตอบ แนวคดิ ที่ไดจ ากเรอ่ื ง มดี งั น้ี ปญ ญา แก่เขาแล้ว จะกลับค�าไปดังนั้นหาควรไม่ พม่าทั้งปวงจะชวนกันดูหม่ินได้ว่าจีนพูดมิจริง ยอ มนํามาซงึ่ ความสาํ เรจ็ สมงิ พระรามเปน ผูทม่ี ี เรารกั สตั ย์ยิ่งกว่าทรพั ย.์ ..” ศิลปศาสตรวทิ ยารูจักวางแผนในการศกึ ดงั ที่ พระเจา้ ฝรง่ั มังฆอ้ งตรสั ว่า “...เราเปน็ กษัตริย์อันประเสริฐ ได้ออกวาจาแล้วถงึ จะตาย กามะนแี มจ ะมีฝมือการตอสูท ดั เทียมกับ กห็ าเสียดายชวี ิตไม่ เพราะรกั สตั ยย์ ิ่งกวา่ รกั ชีวิตได้รอ้ ยเทา่ ...” สมิงพระราม แตสมงิ พระรามมสี ตปิ ญ ญาไหวพรบิ ดีกวา ก็เปน ฝายชนะ และสาระสําคัญทไี่ ดจ ากเรอื่ ง 103 คือ การรักษาคาํ สตั ยยอมเปน ทีส่ รรเสริญ โดย เฉพาะผปู กครองการรกั ษาคําสัตยมีความสําคญั อยา งยิ่ง เพราะผูปกครองท่รี ักษาคาํ สัตยจ ะไดร ับ ความนับถอื และความจงรักภักดีเช่ือมนั่ จากผูใต ปกครอง) กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู นกั เรียนบอกแนวคิดหรือสารท่ีไดจ ากการอา นเรื่องราชาธริ าช ตอน ครูแนะความรูใหน กั เรยี นเพิ่มเตมิ เก่ียวกับตวั ละครในเรื่องราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสาจากมุมมองของนักเรยี นเอง สมงิ พระรามอาสา โดยครใู หความรเู ร่อื งประเภทของตวั ละครทแี่ บงตามบทบาท หนาที่ท่ที าํ ใหต วั ละครสมงิ พระรามเปน ตัวละครเอก เพราะมบี ทบาทในเหตุการณ กจิ กรรมทาทาย หลกั หรือเหตุการณส ําคญั ของเรือ่ ง มีบุคลิกลกั ษณะนิสัยท่ีนา ชน่ื ชม ครใู หน ักเรยี น แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับบุคลิกที่นาช่ืนชอบของสมิงพระราม นกั เรยี นเสนอแนวทางในการดํารงตนตามแนวคดิ จากเรือ่ งราชาธริ าช นกั เรียนควรรู ตอน สมงิ พระรามอาสา ทน่ี กั เรียนเหน็ วา เหมาะทจ่ี ะนําไปปรบั ใชในชีวติ จริง 1 ความเรียง เปนลกั ษณะคําประพนั ธเ รอื่ งราชาธิราช ซึง่ จดั วา เปนความเรยี งแบบ เปน กนั เอง คือ ไมเ ครงครัดในเรอื่ งรูปแบบ โครงสรา ง มลี ีลาการเขียนแบบสนทนา สามารถใชพ รรณนาโวหารบรรยายโวหาร และอารมณขันเพ่อื ใหบรรลุจุดประสงค นอกจากนค้ี วามเรยี งแบบนี้ก็มักใหค วามรู สติปญญาและความหย่ังเห็นในดาน อดุ มคติและสรา งแรงจูงใจใหแ กผูอานดว ย คูมอื ครู 103
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นักเรียนรว มกันอภิปรายวา ตัวละครตอ ไปนี้ ๗.๒ ตลกั วั ษลณะะคนรสิ ยั ของตัวละคร1สา� คญั ในเรอื่ งราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา รักษาคําสัตยหรือไม อยา งไร ๑) สมงิ พระราม ทหารเอกของพระเจา้ ราชาธริ าชกษตั รยิ ม์ อญแหง่ กรงุ หงสาวด ี มฝี มี อื • สมงิ พระราม การรบเก่งกาจจนเป็นท่ีเล่ืองลือว่า “สมิงพระรามนี้ขี่ช้างข่ีม้าสันทัดดี ฝีมือเข้มแข็งแกล้วกล้าใน (แนวตอบ สมงิ พระรามเปน ตวั ละครท่ยี ึดมน่ั การสงครามหาผู้เสมอตัวยาก” สมิงพระรามนอกจากจะช�านาญการยุทธแล้วยังเปี่ยมไปด้วยไหวพริบ ในการรักษาวาจาสตั ยและเกยี รตยิ ศของตน สตปิ ญั ญา รู้จกั กลอุบายศึกจนมชี ัยเหนือกามะนที หารฝมี อื เกง่ กาจของพระเจ้ากรุงจีนได้ เม่ือรบั ปากวา จะอาสาออกรบกท็ ําตามทีพ่ ูด สมิงพระรามเป็นตัวละครที่ยึดมั่นในการรักษาวาจาสัตย์และเกียรติยศของตน เมื่อรบ ไมหลบหนี และเม่ือไดรบั บาํ เหน็จรางวลั กท็ ํา ชนะกามะนี จ�าต้องรับพระราชทานรางวัลจากพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง เพราะเหตุว่า “คร้ันเราจะหนีไป ตามขอตกลงทใี่ หไ วก ับพระเจาฝรง่ั มังฆอ ง ก็จะเสยี สตั ยห์ าควรไม”่ แต่ก็ตระหนกั ดวี า่ ตนเป็นคนตา่ งบ้านตา่ งเมอื ง ตา่ งภาษา อาจไมเ่ ปน็ ทย่ี อมรบั สมงิ พระรามยึดเอาสญั ญาในการตดั สินใจที่ ของชาวองั วะ จึงยนื่ วาจาเด็ดขาดเพ่อื รกั ษาเกียรติยศของตนวา่ หา้ มมิใหใ้ ครเรียกตนวา่ เชลย มิฉะน้นั จะอยหู รอื หนีไป) จะขอกลับเมืองหงสาวดที ันที สง่ิ ทน่ี า่ ยกยอ่ งทสี่ ดุ ของสมงิ พระราม คอื ความจงรกั ภกั ดตี อ่ พระเจา้ ราชาธริ าชแตผ่ เู้ ดยี ว • พระเจา กรงุ จีน สมงิ พระรามตระหนกั วา่ ไมส่ มควรอาสาพระเจา้ ฝรงั่ มงั ฆอ้ งกษตั รยิ พ์ มา่ สรู้ บกบั ทพั จนี “ครนั้ จะรบั อาสา (แนวตอบ พระเจา กรุงจนี หรือพระเจาตา ฉิงเปน บดั นเี้ ล่า กเ็ หมอื นหาบสองบา่ อาสาสองเจ้าหาควรไม่” แตเ่ ม่อื ตริตรองอยา่ งถว้ นถ่ี เห็นว่าถา้ กรงุ องั วะ กษัตริยที่รกั ษาคาํ สตั ย คือ เมอื่ สงพระราช- ต้านทานกา� ลงั จีนไมไ่ ด้ อันตรายอาจไปสู่เมืองหงสาวดดี ้วยเพราะทพั จนี อาจแสดงแสนยานภุ าพยกทัพ สาสนใหพ ระเจาฝรัง่ มังฆอ งก็ทาํ ตามขอ ตกลง ไปตีบ้านเมืองของตน จึงคิดได้ว่า“จ�าเราจะรับอาสาตัดศึกเสียจึงจะชอบ อย่าให้ศึกจีนยกลงไปติด นัน้ คอื เมอ่ื ทหารตนแพกย็ กทัพกลบั เมือง) กรงุ หงสาวดไี ด”้ และเมอ่ื ครง้ั ตอ้ งอยกู่ รงุ องั วะในตา� แหนง่ มหาอปุ ราช กท็ ลู ขอพระเจา้ ฝรงั่ มงั ฆอ้ งวา่ หากมี สงครามระหว่างพมา่ กับมอญตนจะไม่ขอเข้าทา� สงครามกบั ฝา่ ยใดเลย • พระเจาฝรง่ั มงั ฆอ ง (แนวตอบ พระเจาฝร่ังมังฆองเปน นกั ปกครอง ๒) พระเจา้ ฝรง่ั มงั ฆอ้ ง หรอื พระเจา้ มณเฑยี รทอง กษตั รยิ พ์ มา่ ครองกรงุ รตั นบรุ ะองั วะ ท่ีรักษาคาํ สตั ยม ุงมนั่ ในการรกั ษาบา นเมอื ง โปรดชุบเลี้ยงนักรบ ผู้ที่เก่งกล้ามีความสามารถ ทรงชื่นชมในความเก่งกล้าสามารถของสมิงพระราม ครั้นสมงิ พระรามไมข อรบั พระราชทานรางวลั จงึ พระราชทานรางวัลเพื่อเหนย่ี วร้ังสมิงพระรามให้อย่เู ป็นกา� ลงั สา� คญั ให้กับบ้านเมืองของพระองค์ ใดๆ พระองคทรงเกลีย้ กลอ มและใหเหตผุ ลวา พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องเป็นนักปกครองท่ีรักษาค�าสัตย์มุ่งม่ันในการรักษาบ้านเมือง “...ถงึ มาตรวา จะมิรับดว ยทา นคาํ นึงถึง คร้นั สมิงพระรามไมข่ อรบั พระราชทานรางวัลใดๆ พระองคท์ รงเกลยี้ กล่อมและให้เหตผุ ลว่า พระเจาราชาธริ าชอยู ก็จงรบั เสียแตพ อเปน เหตุตามสัญญาเถดิ อยาใหเราเสยี สัตยเ ลย “...ถึงมาตรว่าจะมิรับด้วยท่านค�านึงถึงพระเจ้าราชาธิราชอยู่ ก็จงรับเสียแต่พอ อนึ่งเราเกรงคนท้งั ปวงจะครหานนิ ทาได”) เป็นเหตตุ ามสญั ญาเถดิ อยา่ ให้เราเสียสตั ยเ์ ลย อนึ่งเราเกรงคนท้งั ปวงจะครหานินทาได ้ ทา่ น รบั อาสากพู้ ระนครไวม้ คี วามชอบเปน็ อนั มาก มไิ ดร้ บั บา� เหนจ็ รางวลั สง่ิ ใด นานไปเบอื้ งหนา้ ถา้ บา้ น เมืองเกดิ จลาจลหรือขา้ ศึกมาย่า� ยีเหลอื ก�าลังก็จะไมม่ ีผใู้ ดรับอาสาอกี แล้ว...” 104 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ลกั ษณะนสิ ยั ของตัวละครสมิงพระรามทส่ี ามารถนาํ มาเปน แบบอยางของ ครเู ชญิ ชวนใหนกั เรยี นมสี ว นรว มในการทํากจิ กรรมทมี่ ีการวเิ คราะหหรอื นกั เรยี นในเรือ่ งใดบา ง อภปิ รายในประเด็นคําถามตางๆ โดยอาจจดั นกั เรียนออกเปน 2 กลมุ แลวให แนวตอบ ลักษณะนสิ ัยของสมงิ พระรามทสี่ ามารถนํามาเปน แบบอยาง ไดแ ก อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ โตแยงกันอยางมเี หตุผล ครูกลาวชมเชยนักเรียนทก่ี ลา เร่ืองการรักษาสัตยคาํ พดู ความรกั ชาตบิ า นเกดิ เมืองนอน และความจงรกั แสดงความคดิ เหน็ และครสู รุปความรูใ หน ักเรียนในการทาํ กิจกรรมแตละครัง้ หรอื ภักดตี อ พระมหากษตั รยิ ทีเ่ ทิดทนู ไวเหนือสิ่งใด สง่ิ เหลา น้เี ปนสง่ิ ที่สามารถ เพ่มิ ชิ้นงานใหน ักเรยี นไปตอยอดความรใู นประเดน็ ตา งๆ ทค่ี รแู ละนักเรยี นเห็นวา นํามาปรับใชใ นชวี ิตจรงิ ได ซึ่งจะทําใหช ีวติ เจริญกา วหนา การเทิดทูนสถาบัน นาสนใจ พระมหากษัตรยิ ซ่ึงเปนทหี่ ลอมรวมใจของคนในชาติใหร ูสึกเปนหนงึ่ เดียวกัน ในการดํารงความเปนชาตไิ ทย นักเรยี นควรรู 1 ตัวละคร อาจเปนกลมุ คนในเร่อื งเลา ท่ผี แู ตง สรางข้ึน ถา เปน เร่อื งแนว จินตนาการเหนอื จริง ตัวละครอาจไมใชมนุษย เชน เทพ เทวดา สัตว แตผ ูแตง ก็จะ ใหอมนุษยเ หลาน้นั แสดงพฤตกิ รรมของคน ดังนนั้ ตวั ละครดังกลา วจงึ เปนมนุษย ในรปู แบบอน่ื นั่นเอง 104 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู บรรดาชาวเมืองอังวะต่างพากันสรรเสริญพระเกียรติยศพระองค์ว่า “พระเจ้าอยู่หัว 1. นักเรียนรวมกันอภปิ รายประเดน็ ตอไปน้ี ของเราทรงโปรดทแกล้วทหารรักย่ิงกว่าพระราชธิดาอันเกิดแต่พระอุระหวังจะบ�ารุงพระนครให้คน • เรอ่ื งราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา ทัง้ ปวงอยู่เป็นสขุ และจะใหข้ า้ ศกึ ย�าเกรงพระเดชานุภาพจึงทรงปลกู เลยี้ งสมิงพระรามไว้” ตัวละครมสี วนในการดําเนินเรือ่ งอยางไร (แนวตอบ ลักษณะนิสัยของตวั ละครจะนํา ๓) พระอัครมเหสีของพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง เป็นผู้มีบทบาทส�าคัญในเร่ืองราชาธิราช ไปสูเ หตุการณ ปมปญหา และการหาวิธี ตอนสมิงพระรามอาสาอย่างย่ิง ทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องให้ดูแล แกไ ขปญ หา ทําใหเรอ่ื งดาํ เนนิ ไปดว ยความ กิจการฝ่ายใน “การข้างในพระน้องเข้าใจจงช่วยคิดอ่านเถิด” พระอัครมเหสีมีความเฉลียวฉลาด สนุกสนานนา ติดตาม) รู้ซ้ึงถึงจิตใจคน ทรงผูกใจสมิงพระรามด้วยความรักอันเป็นธรรมดาของมนุษย์ และโน้มน้าวใจ • กลวิธใี นการแตงเรือ่ งราชาธิราช ตอน พระราชธดิ าให้ละทฐิ ิยอมอภเิ ษกกับสมงิ พระรามเพ่ือบ้านเมือง สมงิ พระรามอาสา มลี กั ษณะอยา งไร (แนวตอบ กลวธิ ีในการแตงเร่อื งราชาธริ าช ๗.๓ กลวธิ กี ารแตง่ ตอน สมงิ พระรามอาสามีลกั ษณะคลาย นวนิยายในปจ จุบนั มีความตอเนอื่ งกัน) กลวิธีการแต่งวรรณกรรมเรื่องราชาธิราช มีลักษณะคล้ายกับนวนิยายในปัจจุบัน ทั้งการด�าเนินเรื่อง ตัวละคร บทสนทนา ฉาก การเขียนบรรยายความที่ต่อเน่ืองกันไป บทสนทนา 2. ครูใหน ักเรียนทํากจิ กรรมตามตัวช้ีวัดทบทวน มิได้แยกให้เห็นชัดเจนอย่างนวนิยาย แต่ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ว่าส่วนใดเป็นบทบรรยาย ส่วนใด ความรคู วามเขาใจเก่ียวกับตัวละคร เปน็ บทสนทนา โดยมีหลกั สงั เกตคือค�าเช่อื ม “ว่า” ดงั เช่น จงึ ตรัสวา่ จงึ พูดว่า จงึ ตอบวา่ กราบทูลว่า จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.1 กจิ กรรมท่ี 1.9 เป็นต้น และสรรพนามแทนตวั ผู้พดู ในขอ้ ความนั้นๆ ดังตวั อย่าง ดูก่อน“จ.ึง..จสะมริงู้วพ่ารดะี รทาแมกจลึง้วททูลหวา่ารลกัก็ดษี ณถ้าะอชา้าสงาดอีตอ่อกเมสื่องคขี่รจาึงมรูท้ว่า�าดศี ึกมจึ้งาจดะีไรดู้ว้ต่า้อดงี เทออามงนือพต้อคงุณห1เลล่ัาง ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.9 ขีดลงหน้าศิลาก่อนจึงจะรู้ว่าดี สตรีรูปงามถ้าพร้อมด้วยลักษณะกิริยามารยาทต้องอย่าง เร�อ่ ง ราชาธร� าช จึงควรนบั ว่างาม ถ้าจะใหร้ ูร้ สอร่อยได้สมั ผัสถูกต้องกอ่ นจงึ นบั ถอื ว่ามีโอชาอรอ่ ย...” กจิ กรรมท่ี ๑.๑๐ ใหนักเรียนปฏิบัติตามกิจกรรมที่กําหนดตอไปน้ีใหถูกตอง คะแนนเตม็ คะแนนท่ีได บอกเลา่ เก้าสิบ (ท ๕.๑ ม.๑/๑) ñð ๑. ตวั ละครตอไปนี้เปนตัวละครของฝายใด ใหน กั เรียนนํามาใสล งในตารางใหถกู ตอง พระเจา กรุงตาฉงิ โจเปย ว กามะนี ขนมจีน อาหารมอญ มงั มหาราชา สมิงพระราม หญิงมา ยเจา ของมา พระเจาฝรั่งมังฆอ ง นอกจากวรรณกรรมเรอ่ื งราชาธิราชแลว ไทยยังอาจไดร บั อิทธพิ ล กรงุ ตาฉิง กรงุ หงสาวดี กรงุ รัตนบุระอังวะ ทางดานอาหารมาจากชนชาติมอญ ซ่ึงหน่ึงในอาหารมอญท่ีไดรับ ..พ.....ร...ะ...เ.จ....า ...ก....ร...ุง...ต....า...ฉ....งิ................................... ...ส....ม....งิ ...พ....ร....ะ..ร....า...ม.............................................. ...ห....ญ.....ิง...ม...า...ย....เ.จ....า ...ข..อ....ง...ม....า............................... ความนิยมในหมูคนไทย คงไดแก ขนมจีน กามะนี............................................................................. ...ม...งั....ม...ห....า...ร...า...ช...า................................................ คําวา “ขนมจีน” อันที่จริงแลวไมใชอาหารหรือขนมของชาวจีน โจเปย ว............................................................................. ............................................................................. ...พ....ร...ะ...เ..จ...า...ฝ....ร...ัง่...ม....งั ...ฆ....อ....ง............................... ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. เน่อื งจากคาํ วา “จนี ” ท่ีตอ ทา ยคําวาขนมนัน้ สนั นษิ ฐานวาอาจจะมาจาก ๒. เรอ่ื งราชาธริ าช ตอนสมงิ พระรามอาสาใหข อคิดอะไรบาง เฉฉบลับย ภาษามอญ ซึ่งเรียกขนมจีนวา “คนอมจิน” คนอม หมายความวา จบั กนั เปน กลมุ เปนกอ น จนิ แปลวา ทาํ ใหส ุก ..-........ป....ญ.....ญ.....า...ย...อ...ม....น....าํ...ม....า..ส....คู....ว...า...ม...ส.....าํ ..เ..ร...จ็.......เ.ห....น็.....ไ..ด....จ....า..ก....ก....า...ร...ท....สี่....ม....งิ...พ....ร....ะ..ร....า..ม....ม...ไี...ห....ว...พ....ร...บิ....แ...ล....ะ...ใ..ช...ป....ญ.....ญ.....า..ใ...น....ก....า...ร...ร....บ....... จงึ สามารถชนะกามะนไี ด................................................................................................................................................................................................................................................ นอกจากนี้คําวา “คนอม” ยังใกลเ คียงกับคาํ ไทยวา “เขา หนม” ซง่ึ หมายถงึ ขาวทน่ี ํามานวดให ..-........ก.....า..ร....ร...ั.ก....ษ....า...ค....ํา...ส....ัต....ย....ย....อ...ม....เ..ป....น.....ท....่ีส....ร....ร....เ.ส.....ร...ิญ..........เ..ห....็น....ไ...ด....จ....า...ก....พ....ร....ะ...เ..จ...า...ก....ร....ุง...จ....ีน.....แ...ล....ะ...พ....ร....ะ..เ..จ....า...ฝ....ร...ั่ง....ม...ัง....ฆ....อ....ง...... เปน แปง ภายหลงั ไดก รอ นเปน “ขนม” ดงั นนั้ คาํ วา ขนมในความหมายดง้ั เดมิ จงึ มใิ ชข องหวานอยา งท่ี ..........ท....ีย่....ึด....ม...่นั.....ใ..น.....ว...า..จ....า...ส....ตั ....ย...ย....่งิ ...ก....ว...า ..ช....ีว..ติ.............................................................................................................................................................. สคนมมไทตยฐิ เาขนา วใจา กดนั ง้ั ใเนดปมิ ขจ นจบุมนัจนี (ขเปนน มอหารหอื าหรนมอมญในภแาลษว จาเงึ ขแมพรรกห ห็ลมายาไยปถสงึ ชู อนาชหาาตรอิ ทนื่ ท่ี ๆาํ จในาดกแนิ ปแงด)นจสงึ วุทราํ รใหณเ กภดิมู 2ิ ๓. หากตกอยูในฐานะเชลยเชน เดยี วกบั สมงิ พระราม นกั เรยี นจะอาสาออกรบใหก บั เมอื งทข่ี น้ึ ชอ่ื วาเปนศตั รูกบั เมืองของนกั เรยี นหรือไม อยา งไร ตัง้ แตเ ม่อื ครง้ั โบราณกาล ..ข...า...พ....เ..จ...า...จ....ะ..อ....อ...ก....ร....บ.......เ.พ.....ร...า...ะ..ถ....ือ....ว..า...เ..ป....น....ก....า...ร...ช....ว..ย....ป....อ ...ง...ก....ัน.....ไ..ม....ใ..ห....ข...า...ศ....กึ....ร...กุ....ร....า...น....ไ...ป...ถ....ึง...เ..ม....อื ...ง...ข...อ....ง...ข...า...พ....เ..จ...า...เ..อ...ง.............. 105 ................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................ (พิจารณาคาํ ตอบของนกั เรยี น โดยใหอ ยใู นดุลยพนิ ิจของครผู สู อน) ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ๙๑ ขอ ใดกลา วไมถ กู ตองเกีย่ วกับกลวิธกี ารแตง ในขอ ความตอ ไปนี้ นักเรยี นควรรู “...สมงิ พระรามจึงทลู วา ลกั ษณะชา งดตี อ เม่อื ขี่จึงรูวาดี มาดไี ดตอ งเอามอื ตอ งหลงั ดกู อ นจงึ จะรวู าดี ทแกลวทหารก็ดี ถา อาสาออกสงครามทาํ ศกึ จงึ จะ 1 ทองนพคณุ หรอื ทองคาํ เนอ้ื เกา เปนทองบรสิ ทุ ธิ์ โบราณกาํ หนด ราคาตาม รูว าดี ทองนพคณุ เลาขีดลงหนา ศิลากอ นจงึ จะรูว าดี สตรีรูปงามถา พรอมดวย คุณภาพของเนอื้ ทอง หนกั 1 บาท เปน เงิน 9 บาท เรียกวา ทองเนอื้ เกา หรอื ลักษณะกิริยามารยาทตองอยางจึงควรนับวางาม ถาจะใหร รู สอรอ ยไดสัมผัส ทองนพคุณเกาน้ํา เรียกส้นั ๆ วา ทองนพคณุ ทองธรรมชาติ ทองเน้อื แท หรือ ถูกตองกอ นจึงนบั วา มีโอชาอรอย...” ทองชมพนู ทุ ก็เรยี ก 1. บทสนทนา 2. บรรยายโวหาร 2 สวุ รรณภมู ิ มีความหมายวา “แผน ดนิ ทอง” หมายถงึ ดนิ แดนท่ีมคี วามอุดม 3. พรรณนาโวหาร 4. สาํ นวนเปรียบเทยี บ สมบรู ณ สวนมากปรากฏในคมั ภรี พ ทุ ธศาสนาชาดก (เรอ่ื งราวท่ีมีอดตี มายาวนาน) เชน มหาชนกชาดก สุวรรณภมู อิ ยทู างทิศตะวนั ออกของอินเดยี เมอื่ พจิ ารณา วเิ คราะหคําตอบ กลวิธีในการแตง ของเรือ่ งราชาธิราช ตอน สมงิ พระราม จากแผนทโี่ ลก จึงนา จะสนั นษิ ฐานไดตอไปวา สุวรรณภมู ิ สว นท่เี ปนแผน ดิน ไดแก อาสา มีลักษณะการดาํ เนินเร่ืองดว ยบทสนทนา และการบรรยายวธิ ีการเลอื ก พมา ไทย กมั พชู า สวนสุวรรณทวีป ทเ่ี ปนเกาะ นาจะไดแก หมูเกาะชวา สุมาตรา มา โดยใชส าํ นวนเปรียบเทยี บกับการเลือกสิ่งอืน่ เพอื่ ใหเ หน็ ความสาํ คัญของ หรอื อินโดนีเซีย ตลอดทง้ั ฟล ปิ ปน ส การเลือกมา เพมิ่ ข้ึน ดงั น้ัน ขอ ทก่ี ลา วไมถกู ตอ งเกย่ี วกับกลวธิ กี ารแตงใน ขอความขางตน คือ การใชพรรณนาโวหาร ตอบขอ 3. คูมือครู 105
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนอธบิ ายเก่ียวกับคณุ คาดานเนอื้ หาจาก ๗.๔ คณุ คา่ ดา้ นเนอ้ื หาและวรรณศลิ ป์ เร่ืองราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสาวา สะทอน สังคม คา นิยม และความเชอื่ อยางไร ๑) คณุ คา่ ดา้ นสังคม คา่ นยิ ม และความเชอื่ ๑.๑) ความเช่ือถือในเรื่องฤกษ์ เช่น ตอนพระเจ้ากรุงต้าฉิงยกทัพมายัง (แนวตอบ สะทอนสงั คม คานยิ ม และความเช่อื ดังนี้ กพรรุงะรทัตัยนยบินุรดะีนอักังวจะึงตส้อ่ังงใรหอ้จใัดหพ้ไรดะ้ฤพกยษุห์ดเีกส่อนนา1ทจะั้งปยกวงทเัพป็นมอาไันดม้ าดกังจคะวนาับมปว่าร ะ“ม.า..ณพรมะิไดเจ้ ้าคกรร้ันุงไจดีน้ศไุภดฤ้ทกรษงฟ์แลังก้ว็ • ความเช่ือในเร่อื งฤกษ เชน ตอนพระเจา กรุง พระองค์กเ็ สดจ็ ทรงม้าพระที่น่ังยกทัพบกมายังกรุงรตั นบุระอังวะ...” ตาฉิงยกทพั มายังกรงุ รตั นบรุ ะอังวะก็ตองรอ ใหฤกษด ีกอ นจะยกทพั มาได ๑.๒) ขนบธรรมเนียมของการส่งเครื่องราชบรรณาการไป2เพื่อตอบแทน เม่ือ • ขนบธรรมเนียมในการสง เครอื่ งราชบรรณาการ อีกฝ่ายหนึ่งประพฤติปฏิบัติตามท่ีฝ่ายตนร้องขอหรือส่งเคร่ืองราชบรรณาการไปเพื่อขอให้อีกฝ่าย ไปเพ่อื ตอบแทน เมื่ออกี ฝายหนึ่งประพฤติ หน่ึงท�าตามที่ตนเองขอ เช่น การส่งพระราชสาส์นจากพระเจ้ากรุงต้าฉิง เพ่ือจะให้พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง ปฏบิ ตั ิตามที่ฝายตนรอ งขอ หรือสงเครือ่ งราช- อยใู่ นอ�านาจออกมาถวายบังคมและมพี ระราชประสงคจ์ ะดูทหารรา� ทวนขมี่ ้าสกู้ นั บรรณาการไปเพื่อขอใหอ ีกฝายหน่ึงทําตามที่ ตนเองขอ เชน การสง พระราชสาสน จาก ๑.๓) การรกั ษาสจั จะของบคุ คลท่ีอยูใ่ นฐานะกษตั รยิ ์ เชน่ การรักษาค�าพดู ของ พระเจา กรุงตาฉงิ เพื่อจะใหพ ระเจา องั วะออก พระเจ้ากรุงต้าฉิงเม่ือกามะนีแพ้ก็ยกทัพกลับไปโดยไม่ท�าอันตรายแก่ผู้ใดเลย ตามท่ีได้พูดไว้ ดังตอน มาถวายบงั คมและตอ งการจะดทู หารราํ ทวน ทวี่ ่า ขี่มา สูก นั “...พระเจา้ กรงุ จนี ไดฟ้ งั กต็ รสั หา้ ม นายทพั นายกองทแกลว้ ทหารทง้ั ปวงวา่ เราเปน็ กษตั รยิ ์ • การรกั ษาสัจจะของบุคคลที่อยูในฐานะ ผใู้ หญอ่ นั ประเสรฐิ ไดใ้ หค้ า� มน่ั สญั ญาไวแ้ กเ่ ขาแลว้ จะกลบั คา� ไปดงั นน้ั หาควรไม ่ พมา่ ทงั้ ปวง กษัตรยิ เชน การรกั ษาคําพูดของพระเจากรุง จะชวนกนั ดหู มน่ิ ได้วา่ จีนพดู มจิ รงิ เรารักสัตยย์ ิ่งกวา่ ทรัพย.์ ..” ตา ฉงิ เมือ่ กามะนีแพก็ยกทัพกลับไปโดยไมทาํ อันตรายแกผ ูใดเลยตามท่ีไดพดู ไว ๑.๔) ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น สมิงพระรามแม้จะ อาสารบให้กับพระเจ้าอังวะ แต่โดยใจจริงแล้วก็ท�าเพื่อบ้านเมืองของตนและยังคงจงรักภักดีต่อ • ความจงรักภกั ดตี อพระมหากษตั ริย เชน พระมหากษตั ริยข์ องตนเสมอ ดังความตอนหนงึ่ ว่า สมิงพระรามแมจะอาสารบใหกับพระเจาองั วะ แตโดยใจจริงแลวก็ทาํ เพือ่ บานเมอื งของตน “...เห็นศึกจนี จะกา� เริบยกลอ่ งเลยลงไปติดกรงุ หงสาวดีด้วยเป็นม่ันคง ตัวเราเล่าก็ต้อง และยงั คงจงรกั ภกั ดีตอ พระมหากษัตริย จองจ�าตรากตร�าอยู่ ถ้าเสียกรุงอังวะแล้วจะหมายใจว่าจะรอดคืนไปเมืองหงสาวดีได้ก็ใช่ที่ ของตน จ�าเราจะรบั อาสาตดั ศึกเสยี จึงจะชอบ อย่าใหศ้ ึกจีนยกลงไปติดกรงุ หงสาวดไี ด.้ ..” • การปนู บําเหน็จรางวลั ใหแกผ ูท ําคณุ ประโยชน ๑.๕) การปูนบ�าเหน็จรางวัลให้แก่ผู้ท�าคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็นการ ตอ ประเทศชาติ เปนการสรางกาํ ลงั ใจและผูก สร้างก�าลังใจและผูกใจคน ดังตอนที่พระเจ้าอังวะให้เหตุผลต่อสมิงพระราม เมื่อคร้ันรู้ว่าสมิงพระราม ใจคนไวไ ด) จะไมร่ ับบ�าเหนจ็ จากการอาสารบ “...อนึ่งเราเกรงคนท้ังปวงจะครหานินทาได้ ท่านรับอาสากู้พระนครไว้มีความชอบ เป็นอันมาก มไิ ด้รับบ�าเหนจ็ รางวลั สิ่งใด นานไปเบ้ืองหนา้ ถา้ บา้ นเมืองเกดิ จลาจลหรือขา้ ศึก มาย�่ายีเหลือกา� ลงั กจ็ ะไม่มีผู้ใดรับอาสาอกี แลว้ ...” 106 นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอใดเปนคา นิยมทเี่ กดิ ประโยชนต อตนเองและสังคม 1 พระพยุหเสนา เปนคาํ บาลมี าจากคาํ วา พยฺ ูห + เสนา แปลวา หมเู สนา 1. การรกั ษาคําสตั ย 2 เครื่องราชบรรณาการ คือ สิง่ ของทมี่ ีคา ทเี่ มืองประเทศราชตางๆ ตองสงให 2. ความเช่อื ถอื ในเรอื่ งโชคลาง ประเทศอาํ นาจเพอ่ื แสดงความจงรักภกั ดี ตอ เมอื งนนั้ ๆ จะเปน สิ่งของเครือ่ งใช 3. ขนบธรรมเนียมการสง เครือ่ งราชบรรณาการ ตางๆ เชน แกว แหวน เงิน ทอง จนไปถึงบุตรธดิ าของเจาเมืองน้ันๆ ไทยนน้ั ได 4. การปนู บาํ เหน็จรางวลั ใหแ กผ ูทาํ คุณประโยชนตอประเทศชาติ รับและสงเคร่ืองราชบรรณาการมาตั้งแตส มยั สโุ ขทยั จนถงึ กรุงรตั นโกสินทร ซ่ึงหน่ึง วเิ คราะหค าํ ตอบ คานิยม หมายถงึ สงิ่ ท่สี งั คมถือวามคี า พึงปรารถนา ในทๆี่ ไทยเคยสง เครอื่ งราชบรรณาการให กค็ อื จนี การสง เครือ่ งราชบรรณาการ ตอ งการใหเ ปนเปาหมายรว มกันของสงั คม และปลูกฝง ใหส มาชกิ ของสงั คม ใหก บั จีนน้ันมีคาํ เฉพาะอยู คาํ หนึ่ง คอื คําวา “จิ้มกอ ง” ซง่ึ หมายถึง การเชื่อมความ ยึดถือเปน เปา หมายในการดาํ เนนิ ชวี ติ คานิยมเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาได สัมพันธร ะหวางประเทศสองประเทศใหเปนมติ รที่ดีตอกนั จมิ้ กองมาจากภาษาจนี และมคี วามแตกตา งกันไปตามสงั คมและวฒั นธรรม ดงั ขอ 1. การรักษา คาํ วา “จิ้นกง” เปนธรรมเนียมทํากนั มาโดยตลอด ซึ่งทาํ เพ่ือประโยชนทางดา น ความสตั ย ซ่งึ ทกุ คนสามารถปฏบิ ัติได การรักษาคําสตั ยช ว ยสงเสรมิ ใหส ังคม การคา มากกวา ดานการทตู นาอยู จัดวาเปนคานยิ มทีเ่ กิดประโยชนท ั้งตอ ตนเองและสังคม ตอบขอ 1. 106 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ดว้ ยเหตุผลของพระเจา้ อังวะขา้ งต้น สมงิ พระรามจึงต้องรับรางวัลในคร้งั น้ี 1. นกั เรยี นอธิบายคุณคา ดานวรรณศิลปเรอื่ ง ๒) คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา (แนวตอบ คุณคาดา นวรรณศลิ ป มีการเลาเรือ่ ง ๒รา.๑ชา)ธิรกาาชร เตลอ่านเร สื่อมงใงิ ชพ้บระรรรายมาอยาโวสาหมาีครว 1ารมูปดปีเรดะ่นโดย้าคนไมวร่ซรับณซศ้อลิ นปแ์ ตด่ทังนว่า้ี ผูกประโยค ดว ยการใชบรรยายโวหาร และใชส าํ นวน เปรียบเทียบไดอยางคมคาย) ได้เหมาะสม เลอื กสรรถอ้ ยค�าได้จินตภาพเดน่ ชดั ภาษาทใี่ ช้สละสลวย ดงั เชน่ บทชมโฉมพระราชธดิ า พระเจา้ ฝรงั่ มงั ฆอ้ งวา่ “สมบูรณด์ ว้ ยลักษณะและสริ มิ ารยาทงามย่งิ นกั ถา้ บรุ ษุ ผใู้ ดไดเ้ หน็ และไดน้ งั่ ใกล้ 2. ครูอธบิ ายความรเู พมิ่ เติม จากน้ันนกั เรยี นสรุป แล้วเม่ือใดก็มิอาจจะด�ารงจิตอยู่ได้ ดวงกมลก็จะหวั่นไหวไปด้วยความปฏิพัทธ์” ส่วนส�านวนถ้อยค�า ความรูลงสมุด บางค�าเป็นค�าเก่า อาจต้องศึกษาความหมายจึงจะเข้าใจความทั้งหมด แต่ผู้อ่านก็สามารถเข้าใจ ความหมายได ้ ดังเช่นลลี าการเขยี นทีอ่ ธิบายความหมายของคา� ไปพรอ้ มๆ กัน ดังความวา่ ขยายความเขา ใจ Expand “...อุปมาดังแพทย์ผู้วิเศษผูกกัณหสัปปะชาติคืองูเห่าใหญ่ด้วยมนตราคมอันกล้าขลัง นักเรยี นยกตัวอยางเนอ้ื ความท่แี สดงใหเห็นวา มใิ ห้พ่นพิษและเล้ือยหนีไปได้...” การเลาเรอื่ งดว ยการใชบรรยายโวหารมคี วาม สมั พนั ธใ นการดาํ เนินเรือ่ งกนั ๒.๒) การใช้ส�านวนเปรียบเทียบคมคาย ราชาธิราชตอนท่ีจัดมาให้เรียนนี้ มีความโดดเด่นด้านความเปรียบเกือบตลอดท้ังเรื่อง เช่น เปรียบกับต�านานเร่ืองเล่าท่ีเป็นที่รับรู้ (แนวตอบ ตัวอยา งเชน ในสังคมไทยเป็นอย่างด ี ดงั ความว่า “กามะนไี ดฟ ง ดังนัน้ กข็ บั มา รําเขามา สมิง พระรามกข็ ับมา ออกไปสูก นั เปน หลายสบิ เพลงตาง “...เวลาพรุ่งนี้ขอพระองค์ให้หาเจ้าสมิงพระรามเข้ามากินเล้ียงในพระราชมนเทียร คนตางรับรองวองไว ยังหาเพล่ยี งพล้าํ แกกนั ไม แล้วจึงให้พระธิดาเราออกไปให้เจ้าสมิงพระรามเห็นตัวถนัดแต่ข้างเดียว เจ้าสมิงพระราม สมงิ พระรามจงึ คิดวา ถา จะสูกนั อยฉู ะนี้เหน็ จะ ได้เห็นรูปโฉมธิดาเราเท่านั้น ยังมิทันจะเข้าใกล้ได้กลิ่น ก็จะมีความปล้ืมปลาบจนสุดจิต เอาชนะยาก ดวยกามะนีก็ยงั มิถอยกาํ ลัง จําจะลวง ไหนจะคิดกลับเมืองหงสาวดีได้ เพราะพระธิดาของเรางามเป็นเสน่ห์อยู่ท่ัวกาย ซึ่งข้าพเจ้า ใหก ามะนีหยอนกาํ ลังจงไดจ งึ จะทาํ ถนดั คิดแลว คดิ ทา� ดงั นี้เปรยี บประดจุ นางเมขลาเทพธดิ าลอ่ แกว้ ใหร้ ามสรู เหน็ รามสรู หรอื จะไมร่ กั แกว้ ...” แกลงทําเปน เสียทีควบมาหนอี อกไป กามะนีเห็น ไดท กี ค็ วบมา หนที ะลวงไลต ามมาสมงิ พระรามไป” นอกจากนย้ี งั ใชก้ ารเปรยี บเทียบทแ่ี ฝงข้อคิดและใหภ้ าพชัดเจนดังตอนที่ว่า จากเนอ้ื ความทย่ี กมา แสดงใหเ หน็ วา การเลา เร่อื ง โดยใชบ รรยายโวหารมคี วามสาํ คญั อยา งยง่ิ ในการ “...พระองค์เสด็จยาตราทัพมาครั้งนี้ ตั้งพระทัยท�าสงครามให้พระเจ้ากรุงอังวะอยู่ใน บรรยายเหตุการณก ารตอ สรู ะหวางสมิงพระรามกับ เงื้อมพระหัตถ์ ถึงมาตรว่าเสียกามะนีทหารเอกแล้ว ใช่ข้าพเจ้าทั้งปวงนี้จะตีกรุงอังวะถวาย กามะนี ในขณะทที่ ้ังสองตอสกู ันอยูนัน้ สมิงพระราม ไมไ่ ดน้ ้ันหามไิ ด้ เสยี แรงดา� เนนิ กองทพั เข้ามาเหยียบถึงชานก�าแพงเมอื งแล้ว จะกลบั ไปเปลา่ ไดค ิดวางแผนทีจ่ ะหลอกลอใหม า กามะนีออนกาํ ลงั น้ันได้ความอัปยศแก่พม่านัก ท�าไมเมืองอังวะสักหยิบมือหนึ่งเท่านี้จะเอาแต่มูลดินท้ิงเข้าไป จะไดมีโอกาสเอาชนะได บรรยายโวหารชว ยใหผู ในก�าแพงเมอื งคนละก้อนๆ เท่านัน้ ถมเสียให้เต็มกา� แพงเมอื งในเวลาเดยี วก็จะได้ อานเขาใจความคิดของตัวละครและทาํ ใหเ หน็ วา เหตกุ ารณดาํ เนินไปอยา งไร) 107 ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู ขอ ใดใชโ วหารตา งจากขอ อ่ืน ครูเพ่มิ เตมิ ความรดู านวรรณศิลปในการอานเรือ่ งราชาธิราช ตอน สมงิ พระราม 1. อนั ตวั ขาพเจา บดั เด๋ยี วนีอ้ ุปมาดังวานรนง่ั อยบู นตอไม อันไฟไหมม าเม่ือ อาสา โดยครเู สนอมมุ มองใหนกั เรยี นไดพ ิจารณาในแงท่ีวา วรรณกรรมทป่ี ระสบ ความสาํ เรจ็ นั้น คอื วรรณกรรมท่ีสามารถทําใหผ อู า นเกิดอารมณค ลอ ยตาม ทง้ั ยงั วสันตฤดนู น้ั จะงามฉันใด ไมไดแสดงขอ มลู ใหร ูเทาน้ัน แตเ ปน การถายทอดอารมณค วามรสู กึ เขาแทรกดวย 2. การสงครามเปรียบดังฟองอัณฑชะจะหมายแนว าผเู มียแพแ ละชนะนั้นมิได เมื่ออา นแลวนอกจากจะเขาใจเนอื้ เร่ืองยงั เปน การสง ใหเ ร่ืองมีความสมจรงิ อกี ดวย 3. ครง้ั น้พี ระเจาราชาธริ าชเปรียบเหมอื นอสรพษิ หาเข้ียวแกวมไิ ด 4. ครง้ั นี้แขนเราขาดไปสองขาง คิดอะไรก็ขดั ขวาง นกั เรียนควรรู วิเคราะหคาํ ตอบ ขอ 4. ใชภาพพจนแ บบอุปลกั ษณใ นการเปรยี บเทยี บ ส่งิ หนงึ่ เปนอีกสงิ่ หนึ่ง อปุ ลักษณจะไมก ลาวโดยตรงเหมือนอุปมา แตใ ชว ธิ ี 1 บรรยายโวหาร เปน กระบวนการแตง ท่มี เี น้อื เรือ่ ง มีบทบาท ดาํ เนนิ เร่ือง กลาวเปน นัยใหเขา ใจเอาเองดงั วา “คร้งั น้ีแขนเราขาดไปสองขา ง คิดอะไร วาใครทําอะไร ทาํ อยา งไร ท่ไี หน และเมอื่ ไร บรรยายโวหารใชในการเลาเรอ่ื ง กข็ ัดขวาง” อปุ ลกั ษณจะไมมคี ําเชื่อมเหมอื นอุปมาซ่ึงปรากฏในขอ อน่ื ๆ ทาํ ใหทราบวาเรือ่ งราวดําเนินไปอยา งไร รวมถึงเขาใจความรสู ึกหย่ังลึกในจติ ใจ ของตัวละคร ดงั นั้นจึงตอบขอ 4. คูมอื ครู 107
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ นักเรยี นยกเนอ้ื ความท่นี กั เรียนเหน็ วามีการใช พระเจา้ กรงุ จนี ไดฟ้ ังกต็ รัสหา้ มนายทพั นายกองทแกล้วทหารทั้งปวงวา่ เราเปน็ กษตั ริย์ สาํ นวนเปรียบเทียบที่นาประทับใจ และแสดงใหเห็น ผู้ใหญ่อันประเสริฐ ได้ให้ค�าม่ันสัญญาไว้แก่เขาแล้ว จะกลับค�าไปดังนั้นหาควรไม่ พม่าท้ัง วา มีการใชส าํ นวนเปรยี บเทยี บอยา งไร ปวงจะชวนกนั ดูหมนิ่ ได้ว่าจีนพดู มิจรงิ เรารกั สตั ยย์ ิ่งกวา่ ทรพั ย ์ อย่าว่าแตส่ มบัตมิ นุษย์นี้เลย ถึงท่านจะเอาทิพยสมบัติของสมเด็จอมรินทร์มายกให้เราๆ ก็มิได้ปรารถนา ตรัสดังนั้นแล้ว (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถยกตวั อยางได ก็ส่งั ใหเ้ ลกิ ทัพเสดจ็ กลับไปยังกรุงจีน...” หลากหลายขน้ึ อยูกบั ความสนใจของนักเรียน ทงั้ น้ี ครพู ิจารณาวา ตวั อยา งท่นี กั เรียนยกมามีการใช บทสนทนาในเร่ืองใช้โวหารเปรียบเทียบที่คมคายและให้แง่คิดสอนใจ ดัง สํานวนเปรียบเทียบ เชน บทสนทนาระหว่างพระอัครมเหสีและพระราชธิดาของพระเจ้าฝร่ังมังฆ้อง พระราชธิดาตรัสว่า “อน่ึงถ้าได้สวามีเป็นลูกกษัตริย์ มีชาติตระกูลเสมอกันเล่าก็ตาม น่ีจะได้ผัวมอญต่างภาษา “พระเจากรงุ จนี ยกมาครัง้ นีอ้ ปุ มาดังฝนตก เป็นเพียงนายทหาร อุปมาดังหงส์ตกลงในฝูงกา ราชสีห์เข้าปนกับหมู่เสือ ลูกมีความโทมนัสนัก” หา ใหญตกลงน้ํานองทวมปาไหลเชยี่ วมาเมอื่ พระอคั รมเหสตี รัสโนม้ นา้ วใจว่า วสันตฤดนู น้ั หาส่ิงใดจะตา นทานมไิ ด” หมายถงึ กองทัพของพระเจา กรุงจนี เปนกองทพั ทย่ี ง่ิ ใหญไมมี “...ซึ่งลูกเปรียบชาติเขาเหมือนกาน้ันก็ชอบอยู่ แต่เขาประกอบศิลปศาสตร์วิชาการ ใครสามารถตานทานได” จากเน้อื ความที่ยกมาเปน เป็นทหารมีฝีมือหาผู้เสมอมิได้ ก็เปรียบเหมือนกาขาวมิใช่กาด�า สมเด็จพระราชบิดาจะ ตวั อยางเปนตอนทพี่ ระเจากรุงจีนยกทพั มาประชิด ทรงชุบขึ้นแล้วก็คงเป็นหงส์ ซ่ึงเปรียบเหมือนเสือนั้น ถ้าพระราชบิดาชุบย้อมแล้วก็คงจะ กรุงอังวะ ดวยวากรุงจนี ทรงมีพระราชอาํ นาจมาก กลบั เปน็ ราชสีห์...” การยกทัพมานไี้ พรพลจึงมกี ําลงั พลจาํ นวนมากและ มคี วามยิง่ ใหญเปรยี บไดกับปรมิ าณนํา้ ฝนที่ตกลงมาก จะเห็นได้ว่ามีการเปรียบเทียบกับส่ิงตรงกันข้าม1ต่างเผ่าพันธุ์กัน (กา-หงส์, และความรุนแรงของการเกดิ น้าํ ทวมปาไหลเช่ียวใน ฤดูฝนทไี่ มมอี ะไรมาตา นทานได การเปรยี บเทียบ เสือ-ราชสีห์) ท�าให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันอย่างชัดเจน หงส์และราชสีห์ย่อมมีศักดิ์และเกียรติ ลกั ษณะนีเ้ ปนการใชแ นวเทียบกบั ภยั ธรรมชาติ สงู กว่า แต่ด้วยฝีมอื ความสามารถ กากอ็ าจกลายเปน็ หงส ์ เสอื กอ็ าจกลายเปน็ ราชสีหไ์ ด้เชน่ กัน ซ่งึ เปน สถานการณทีผ่ ูคนรูจ กั ดี ทําใหเหน็ ภาพความ ยิง่ ใหญข องทพั พระเจา กรงุ จีนไดชดั เจนข้ึน) จากการศกึ ษาขา้ งตน้ นบั ไดว้ า่ ราชาธริ าชเปน็ หนงั สอื ทม่ี คี ณุ คา่ อยา่ งสงู เนอื้ เรอื่ ง ช่วยเพ่ิมพูนความรู้ทางสติปัญญาแก่ผู้อ่าน การดÓเนินเรื่องสนุกสนานชวนติดตามและ มศี ลิ ปะแหง่ การรอ้ ยเรยี งถอ้ ยคÓสละสลวย เปน็ วรรณคดที ถ่ี อื เปน็ แบบฉบบั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี หากมีเวลาผู้เรียนควรหาโอกาสอ่านราชาธิราชในตอนอื่นๆ ประกอบ เพื่อเพ่ิมพูน ความร้แู ละสติปญั ญา 108 นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT จากเน้ือความ “พระเจากรงุ จนี ไดฟงก็ตรสั หามนายกองทแกลวทหารท้งั 1 การเปรียบเทียบกบั ส่งิ ตรงกันขา ม คอื การใชค าํ หรอื ขอ ความท่ีมคี วามหมาย ปวงวา เราเปนกษัตริยผใู หญอันประเสรฐิ ไดใ หคําม่ันสัญญาแกเ ขาแลว จะกลับ ตรงกนั ขา มหรอื แตกตา งกนั มาเทียบกัน เพ่ือใหความหมายคมชดั ขนึ้ คําไปดงั นน้ั หาควรไม พมา ทัง้ ปวงจะชวนดหู มน่ิ ไดวาจีนพูดมิจรงิ เรารกั สัตย ยิ่งกวาทรพั ย อยาวาแตส มบัติมนุษยน้เี ลย ถึงทา นจะเอาทพิ ยสมบัตขิ อง มุม IT สมเด็จอมรนิ ทรมายกใหเราๆ กม็ ไิ ดปรารถนา” ตรงกับสาํ นวนใดในโคลง โลกนิติ เพราะเหตุใด ศึกษาเกีย่ วกับความเปน มาของเรอื่ งราชาธริ าชทเี่ ปน ตน ฉบับเพิ่มเติม ไดท ี่ http://blogazine.in.th/blogs/ong/post/2611 แนวตอบ เนื้อความที่ยกมาตรงกบั โคลงโลกนิตบิ ทท่วี าดวยเร่อื งการให ความสาํ คัญกับการรกั ษาคําสตั ย ดังวา เสียสนิ สงวนศักดิ์ไว วงศห งส เสยี ศกั ด์ิสปู ระสงค ส่ิงรู เสยี รเู รง ดาํ รงความสัตย ไวนา เสียสตั ยอ ยา เสยี สู ชพี มว ยมรณา 108 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate คา� ถาม ประจา� หนว่ ยการเรียนรู้ 1. นักเรยี นสรปุ ความรเู ก่ียวกบั แนวคิดของเร่อื ง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาได ๑. นกั เรยี นคิดว่าเพราะเหตใุ ดสมิงพระรามจึงรับอาสาสรู้ บกบั กามะนี ๒. นกั เรียนประทับใจบทบาทของตวั ละครใดมากทส่ี ดุ เพราะเหตุใด 2. นักเรยี นยกตวั อยา งเนอื้ ความทมี่ ีการเลาเรือ่ ง ๓. ค า� เปรียบเทียบที่วา่ “หาบสองบ่าอาสาสองเจา้ หาควรไม”่ เปน็ ความคิดของตวั ละครใด และมี โดยการใชบ รรยายโวหารได ความหมายวา่ อยา่ งไร 3. นักเรียนยกเนอื้ ความที่นกั เรียนเหน็ วามกี ารใช สํานวนเปรียบเทยี บได หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู 1. บันทึกการสรปุ เรือ่ งยอ 2. การเขยี นแสดงความคิดเหน็ ท่ีมีตอ ตวั ละคร ในเรอ่ื ง 3. การเขียนสรปุ แนวคิดท่ไี ดจ ากเรื่องราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา กิจกรรม สรา้ งสรรค์พฒั นาการเรียนรู้ กจิ กรรมที่ ๑ จัดทา� ที่ค่นั หนงั สือ “ค�าคมจากราชาธริ าช” เลอื กคา� คมทีน่ ักเรยี นประทบั ใจทง้ั จาก บทเรียนหรือนอกบทเรียน เขยี นลงในทค่ี ่ันหนังสือคนละ ๓ อัน เพอื่ แลกเปลี่ยน กิจกรรมที่ ๒ กับเพ่อื น แสดงบทบาทสมมตใิ นชนั้ เรยี น ใหน้ กั เรยี นแบง่ เปน็ ๒ กลมุ่ แตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั เขยี น กจิ กรรมที่ ๓ บทสนทนาเร่ืองราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา คัดเลือกนักแสดง น�าเสนอ กิจกรรมท่ี ๔ หน้าชน้ั เรยี น ให้นกั เรียนย่อเร่อื งราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา เพ่ือพฒั นาทกั ษะการจับใจ ความสา� คญั จากเรือ่ งที่อ่าน ความยาว ๑ หน้ากระดาษ รวบรวมความเปรยี บทปี่ รากฏในวรรณคดเี รอื่ งราชาธริ าช จากนน้ั ใหจ้ บั กลมุ่ กลมุ่ ละ ๓ คน รว่ มกนั อภปิ รายความหมายของความเปรยี บทแี่ ตล่ ะคนรวบรวมได้ แนวตอบ คาํ ถามประจําหนวยการเรยี นรู 1. สมงิ พระรามสรู บกับกามะนี เพราะเห็นวาถาพมาตานทานกําลังจนี ไมไ ด ทัพจีนอาจจะรุกไปถงึ เมอื งหงสาวดไี ด เพราะทัพจีนอาจจะแสดงแสนยานภุ าพ ยกทัพไปตี บานเมืองของตน จึงคดิ ไดต ามท่กี ลาววา “จาํ เราจะรับอาสาตดั ศึกเสียจึงจะชอบ อยา ใหศกึ จีนยกลงไปติดกรุงหงสาวดไี ด” 2. ประทบั ใจบทบาทของตวั ละครสมงิ พระราม เพราะเปนตวั ละครทีย่ ึดมั่นในการรักษาวาจาสัตย รกั เกยี รตขิ องตน มีความกลา หาญ มไี หวพริบสตปิ ญ ญา มคี วามรักชาติ บานเมอื ง มีความจงรกั ภักดีตอพระมหากษัตรยิ 3. คําเปรยี บเทียบท่ีวา “หาบสองบาอาสาสองเจาหาควรไม” เปนความคดิ ของสมงิ พระราม มคี วามหมายวา การทีส่ มิงพระรามอาสาออกรบรบั ใชกรงุ อังวะทงั้ ท่ตี นเอง เปนทหารของกรงุ หงสาวดตี อ งมารบั อาสาท้งั สองเมือง รบั ใชกษัตริยทงั้ 2 พระองค ทง้ั พระเจา ราชาธิราชและพระเจาฝรง่ั มังฆอง ซงึ่ ทัง้ สองเมอื งทําสงครามกนั อยู มิไดข าด สมิงพระรามอยใู นสถานะที่ตัดสินใจยาก คมู อื ครู 109
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปา หมายการเรียนรู 1. สรุปเน้อื หาวรรณคดีเร่อื งกาพยเ หชมเคร่อื ง คาวหวาน 2. อธิบายคณุ คา ของเร่อื งกาพยเ หชมเครอื่ ง คาวหวาน 3. สรุปความรูและขอ คิดจากการอานเรื่องกาพยเ ห ชมเคร่ืองคาวหวาน 4. ทอ งจําบทอาขยานทก่ี ําหนด และบทรอยกรอง ทีม่ ีคุณคา ตามความสนใจ สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ติ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค ๖หนว่ ยท่ี 1. มีวนิ ยั กาพยเ์ หช่ มเครือ่ งคาวหวาน 2. ใฝเรยี นรู 3. รกั ความเปน ไทย กระตนุ ความสนใจ Engage ตัวชวี้ ัด อ าหารไทย นับเป็นท่ีรู้จักในระดับ ■■ สรปุ เน้ือหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑) ครใู ชคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียน ■■ วิเคราะห์วรรณคดแี ละวรรณกรรมทีอ่ ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ โดยถามวา นกั เรยี นเคยอานหรอื เคยฟง กาพยเห (ท ๕.๑ ม.๑/๒) นานาชาติ โดดเด่นทั้งรสชาติ สีสัน ความ ชมเครอ่ื งคาวหวานหรอื ไม หากนักเรยี นเคยรจู ัก ประณีตในการปรุงและการจัดวาง เป็นเสน่ห์ นกั เรียนรจู กั จากท่ีใด นักเรียนรว มกนั แสดงความ ■■ อธิบายคุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓) ทางศลิ ปะทเี่ ปน็ ความภาคภมู ใิ จของคนไทยทงั้ ชาติ คดิ เห็น ■■ สรุปความรูแ้ ละข้อคดิ จากการอา่ นเพ่ือประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตจริง เมอื่ พดู ถงึ อาหารไทยทงั้ คาวหวาน ผลไมร้ สเลศิ (ท ๕.๑ ม.๑/๔) (แนวตอบ นักเรยี นตอบไดห ลากหลาย ขึ้นอยกู บั ■■ ทอ่ งจ�าบทอาขยานตามทก่ี �าหนดและบทรอ้ ยกรองที่มีคุณค่า ประสบการณของนักเรียนแตล ะคน) ตามความสนใจ (ท ๕.๑ ม.๑/๕) ในวรรณคดี ยอ่ มนกึ ถงึ พระราชนพิ นธใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ซ่ึงพรรณนาอาหารคาวหวาน ผลไม้หลากชนิด ทง้ั รปู ลกั ษณ์ สสี นั วธิ กี ารตกแตง่ อยา่ งวจิ ติ ร และตอ้ ง สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ใช้ฝีมือในการถ่ายทอดผ่านชั้นเชิงทางด้านวรรณศิลป์ ■■ การวิเคราะห์คณุ ค่าและข้อคดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรม ได้อย่างไพเราะคมคาย และยังสะท้อนให้เห็นสภาพ เรื่อง กาพยเ์ หช่ มเครอ่ื งคาวหวาน ความเป็นอยู่ของผคู้ นในสมยั รัชกาลท่ี ๒ อีกดว้ ย 1■■10บทอาขยานและบทร้อยกรองท่ีมคี ุณค่า เกรด็ แนะครู หนวยการเรยี นรนู ้ี ครูแนะความรเู กย่ี วกับอาหารวาเปนภมู ปิ ญ ญาทตี่ กทอดมา จากบรรพบรุ ุษจนถึงปจ จุบนั อาหารสะทอนใหเ หน็ เอกลกั ษณข องความเปนชาติ อาหารจะสมั พนั ธกบั สภาพแวดลอ มของแตล ะภมู ิภาค วิถีชีวิตความเปนอยขู องคน ข้นึ อยกู บั อาหารซง่ึ เปนปจจยั ในการดํารงชีวิต ดังนั้นดวยสภาพแวดลอ มทต่ี า งกนั ทําใหอาหารแตละภูมิภาคตางกนั ดวย นอกจากนอ้ี าหารทปี่ รากฏในบทประพันธ สามารถสะทอนการไดรบั การถา ยทอดวัฒนธรรมจากตา งชาติดวย 110 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๑ ความเป็นมา 1. ครูกระตนุ ความสนใจของนักเรียนโดยถาม เก่ียวกบั เรื่องอาหาร ดังนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ารงราชานุภาพ ได้ประทานค�าอธิบายความเป็นมา • นักเรยี นรูจกั อาหารไทยอะไรบา ง ของกาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานไว้ว่า รัชกาลท่ี ๒ คงได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นต้ังแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ (แนวตอบ นกั เรยี นชวยกันบอกชือ่ อาหารไทย ที่นกั เรียนรจู ัก) บเพุญ่ือรชอมดสม เดด้ว็จยพทรระศงมรีสีคุรวิเายมนสทารมาบารรมถรเปาช็นินเี ลแิศตใ่คนรก้ังายรังทปรรงุงเเปค็นรสื่อมงเเดส็จวพยร ะแเจล้าะหเพลาื่อนใเชธ้เอป ็นเจบ้าฟท้าเหหญ่เริงือ1- • นกั เรียนเคยทาํ อาหารหรือไม เปนอาหาร ชนดิ ใด เสด็จประพาสส่วนพระองค์ กาพย์เห่บทนี้มิได้ชมขบวนเรือ หรือชมธรรมชาติในการเดินทางแต่เป็นการเห่ชมเคร่ืองคาว 2. นกั เรยี นแลกปลย่ี นประสบการณเ กย่ี วกับอาหาร ผลไม้ และเครื่องหวานเป็นส�าคัญ ซ่ึงต่อมาในสมัยรัชกาลท่ี ๕ ได้ใช้กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานใน รวมกัน การเหเ่ รอื ของทางราชการคูก่ ับบทเห่เรอื ของเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร สาํ รวจคน หา Explore ๒ ประวตั ิผู้แตง่ 1. นักเรียนศึกษาประวัตคิ วามเปน มาของ กาพยเ หช มเคร่ืองคาวหวาน 2. นกั เรยี นศกึ ษาลักษณะคาํ ประพันธของ กาพยเหชมเคร่อื งคาวหวาน พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั เปน็ พระมหากษตั รยิ พ์ ระองคท์ ี่ ๒ ในพระบรมราชวงศจ์ กั ร ี 3. นกั เรียนศึกษาเนือ้ เร่อื งกาพยเหช มเครอ่ื ง- มพี ระนามเดมิ ว่า ฉมิ ทรงพระราชสมภพเมอื่ วนั ท่ี ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ ทตี่ า� บลอมั พวา อา� เภอ อัมพวา เมืองสมุทรสงคราม เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช คาวหวานวามีอะไรบาง และสมเดจ็ พระอมรินทราบรมราชินี (แนวตอบ บทเหชมเครอ่ื งคาว บทเหช มผลไม ในรัชสมัยของพระองค์ วรรณคดีและศิลปกรรมเจริญรุ่งเรืองมาก พระองค์มีพระอัจฉริยภาพ และบทเหช มเคร่ืองหวาน) ทางด้านวรรณศิลป์ พระราชนิพนธ์ของพระองค์หลายเรื่องมีความประณีตงดงามในเชิงอักษรศาสตร์ อธบิ ายความรู Explain และสามารถน�าไปผสมผสานกับนาฏยศาสตร์และดุริยางคศาสตร์ได้อย่างกลมกลืน พระองค์ทรงฟื้นฟู การแสดงละคร โขน การขับรอ้ ง และดนตรี ใหม้ ีระเบยี บแบบแผนถูกตอ้ งจนเป็นทน่ี ยิ มสบื มา นกั เรียนอธิบายประวตั ิความเปนมาของ ผลงานด้านภาษา ศิลปะ และวัฒนธรรมของพระองค์เป็นที่ประจักษ์เด่นชัดแก่สายตา กาพยเ หช มเครือ่ งคาวหวาน ชาวโลก จึงทรงได้รับการเทิดพระเกียรติจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่ง สหประชาชาติหรือยูเนสโก (UNESCO) เนื่องในอภิลักขิตสมัยครบ ๒๐๐ ปีแห่งพระบรมราชสมภพ (แนวตอบ กาพยเหชมเครือ่ งคาวหวาน เมอื่ พ.ศ. ๒๕๑๑ ในฐานะบุคคลสา� คัญของโลกและรัฐบาลไทยจงึ กา� หนดใหว้ ันคล้ายวนั พระราชสมภพ สันนษิ ฐานวา รัชกาลท่ี 2 ทรงพระราชนิพนธข น้ึ วันท่ ี ๒๔ กุมภาพันธข์ องทกุ ปเี ปน็ วนั ศิลปินแหง่ ชาต ิ จนถึงทกุ วันนี้ ในสมัยรัชกาลที่ 1 เพราะมคี วามบางตอนทรงชม สมเดจ็ พระศรสี รุ ิเยนทราบรมราชินี เม่ือครั้งยงั เปน สมเด็จพระเจาหลานเธอ ซึ่งมฝี พระหัตถใน กระบวนเคร่ืองเสวยไมมีผใู ดจะมฝี มอื เทยี บได กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน สะทอนใหเ ห็น 111 ความประณตี ละเอียดออนของชนชาติไทยทบี่ รรจง กจิ กรรมสรา งเสรมิ ประดดิ ประดอยอาหารนานาชนิดใหเ ลิศดว ย รสชาติและงดงามดวยรูปลกั ษณ บทเหแ บง เปนชม เครอ่ื งคาว ชมผลไม และชมเครอื่ งหวาน) นกั เรียนควรรู นักเรียนศกึ ษาคนควาความรเู กีย่ วกบั บทประพนั ธก าพยเ หเ รอื สาํ นวน 1 บทเหเรือ บทเหเรอื ทเ่ี กาทสี่ ดุ และเหลือเปน หลกั ฐานสบื ทอดมาจนถึงปจ จบุ นั เจาฟา ธรรมธิเบศร (เจาฟา กุง) โดยนกั เรียนสรุปประวตั คิ วามเปน ของกาพย คือ กาพยเ หเรือบทพระนพิ นธในเจาฟา ธรรมธิเบศร หรอื ทเ่ี รยี กกนั ท่ัวไปวา เหเรือสาํ นวนนัน้ พรอมทง้ั ยกตัวอยางประพนั ธที่เปน โคลงบทนําและกาพย กาพยเหเรือเจา ฟากงุ ซง่ึ พระนิพนธในขณะท่ีทรงเปน พระมหาอุปราชในรัชสมัย บทตน ประกอบ สมเดจ็ พระเจา อยหู ัวบรมโกศ ในสมยั อยธุ ยาตอนปลาย กิจกรรมทา ทาย มุม IT นักเรยี นศึกษาประเพณีการเหเรอื ในอดีต จากนัน้ เปรียบเทยี บการเหเรือ ศึกษาเกย่ี วกับประวัติความเปน มาของกาพยเ หช มเครือ่ งคาวหวานเพ่ิมเตมิ ไดท ่ี ในอดีตกบั ปจจุบนั ใหเหน็ พัฒนาการการเหเรือวา เหมอื นหรอื ตางไปจากเดมิ http://www.suandusitcuisine.com/food4/central/royalfood/kab_index.php อยา งไร คูมอื ครู 111
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นักเรยี นอธิบายความรูและตอบคาํ ถามตอไปน้ี ๓ ลกั ษณะคÓประพนั ธ์ • จุดมุงหมายของกาพยเ หเรอื คอื อะไร 1 (แนวตอบ จุดมุง หมายเพอื่ เปน บทเหเรอื พระที่น่งั เวลาเสดจ็ ประพาสสว นพระองค กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานแต่งเป็นกาพย์เห่ ประกอบด้วยโคลงส่ีสุภาพและกาพย์ยานี ๑๑ และเพ่ือชมฝพ ระหัตถใ นการปรงุ เคร่ืองเสวย ของสมเดจ็ พระศรสี ุริเยนทราบรมราชินี) สโดอยดมคโี ลค้อลงงแสลี่สะภุ สาัมพพ ๑ัน ธบก์ ทบั โเปคลน็ งบบททนนา� า�ห2รอื บทขึน้ ต้น แล้วแตง่ กาพยย์ านี ๑๑ อกี หลายบท ให้มีเน้ือความ • กาพยเ หชมเคร่อื งคาวหวานแตงดวย คําประพนั ธใด ๔ เน้ือเรอื่ ง (แนวตอบ กาพยเ หชมเคร่อื งคาวหวาน แตงดวย กาพยแ ละโคลงส่ีสภุ าพ ประกอบดว ยโคลง กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ มีเน้ือความพรรณนาอาหาร สสี่ ุภาพ จํานวน 1 บท และกาพยย านี 11) คาวหวานและผลไม้แตล่ ะชนดิ ดังตอ่ ไปนี้ 2. ครูสุมนักเรยี น 10 คน บอกช่อื อาหารคาวหรือ เห่ชมเครอ่ื งค�ว อาหารหวานทม่ี ีในเนอื้ เรอ่ื งกาพยเหชมเครอื่ ง- มัสมัน่ ยา� ใหญ ่ ตบั เหลก็ ลวก หมูแนม ก้อยกุ้ง แกงเทโพ คาวหวาน น้า� ยา แกงอ่อม ข้าวหงุ เครอื่ งเทศ แกงคัว่ ส้มหมูปา ใส่ระก�า พลา่ เนือ้ ลา่ เตียง หร่มุ รังนก ไตปลา แสร้งวา่ ขยายความเขา ใจ Expand เหช่ มผลไม้ นกั เรียนจดั ทาํ แผนผงั ช่อื อาหารทีป่ รากฏใน ผลชิด ลกู ตาล ลกู จาก มะปราง มะมว่ ง ลนิ้ จี ่ ลูกพลับ กาพยเหช มเคร่ืองคาวหวาน อาหารเคร่อื งคาว นอ้ ยหน่า ผลเกด ทับทิม ทเุ รียน ลางสาด เงาะ สละ ผลไม เคร่ืองหวาน ตรวจสอบผล Evaluate นกั เรยี นจดั ทําแผนผงั ชอ่ื อาหารจากกาพยเหช ม เคร่อื งคาวหวานได เหช่ มเครือ่ งหว�น ขา้ วเหนียวสงั ขยา ซ่าหรมิ่ ลา� เจียก มศั กอด ลุดต ่ี ขนมจีบ ขนมเทยี น ทองหยิบ ขนมผิง รังไร ทองหยอด ทองมว้ น จ่ามงกฎุ บัวลอย ช่อม่วง ฝอยทอง 112 นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT คาํ ประพนั ธใ นขอ ใดกลาวถึงอาหาร 2 ชนดิ 1 กาพยเ ห หมายถงึ กาพยเ หเรอื หรอื กาพยห อโคลงเปนกาพยผสมท่ีใชก าพยย านี 1. ไตปลาเสแสรง วา ดุจวาจากระบดิ กระบวน แตง รว มกบั โคลงสส่ี ภุ าพ แบบรปู ของกาพยย านที น่ี าํ มาแตง นน้ั มลี กั ษณะบงั คบั พน้ื ฐาน 2. ตบั เหล็กลวกหลอ นตม เจอื นา้ํ สมโรยพริกไทย ตามที่กําหนดไว สว นโคลงสีส่ ภุ าพมีขอ ยกเวน บางประการ กลา วคือ ไมเครงครดั 3. กอยกงุ ปรุงประทิ่น วางถึงลิน้ ดิน้ แดโดย คําเอกในทกุ ตาํ แหนง 4. ขาวหุงปรุงอยางเทศ รสพิเศษใสล ูกเอ็น 2 โคลงบทนาํ เปนการแตงโคลงส่ีสภุ าพกอ น 1 บท แลวแตง กาพยย านพี รรณนา ความทีไ่ มก าํ หนดหรอื จํากดั จาํ นวนบท ท้ังน้กี าพยบ ทตน ตอ งมเี นอ้ื ความเชน เดยี วกบั วเิ คราะหค ําตอบ คําประพันธแตละขอเปน กาพยเ หช มเครอ่ื งคาว ขอ 1. โคลงทแี่ ตงไวกอนนน้ั สว นกาพยบทตอๆ ไปจะขยายความใหล ะเอียดพิสดารอยางไร กลาวถึงไตปลาและแสรง วา ขอ 2. กลาวถึงตับเหลก็ ลวก ขอ 3. กลา วถึง ก็ได เพยี งแตใหมีเน้ือหาสอดคลอ งกัน โคลงส่สี ุภาพที่ขึ้นตนน้ีเรยี กวา “โคลงเกร่ิน” กอยกงุ และขอ 4. กลาวถึงขาวหงุ เครอื่ งเทศ คําประพันธทีก่ ลา วถึงอาหาร เมื่อจบความแลวจึงข้นึ โคลงใหมใ นบทตอ ไป 2 ชนิด คือ “ไตปลาเสแสรงวา ดุจวาจากระบิดกระบวน” กวีเลอื กใชค ําวา “เสแสรงวา” หรอื “แสรง วา ” เปนการเลน คําที่มี 2 ความหมาย คอื แกลง พดู ใหเขา ใจผดิ จากความจริง และอกี ความหมายเปนชือ่ อาหารชนิดหน่งึ ท่ี ทําดว ยกงุ ปรงุ เปน เครือ่ งจิ้ม ตอบขอ 1. 112 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ¡Ò¾Âà˪‹ Áà¤ÃèÍ× §¤ÒÇËÇÒ¹ ครูเปด วซี ดี ใี หน กั เรยี นชมการขบั กาพยเหชม เครอื่ งคาวหวาน แลว ใหน กั เรยี นอานออกเสียงเปน โคลง ทํานองเสนาะตามวีซีดี แกงไก่มสั มั่นเนื้อ นพคณุ พเ่ี อย สาํ รวจคน หา Explore เฉยี บร้อน หอมย่ีหร่�รสฉุน นักเรียนศกึ ษาและอา นเนอื้ เรื่อง จากนน้ั ให คนหาและรวบรวมรายชื่ออาหารท้ังอาหารคาว ช�ยใดบรโิ ภคภุญช์ พศิ ว�ส หวังน� อาหารหวาน และผลไม จากกาพยเหชม เคร่อื งคาวหวาน แรงอย�กยอหัตถ์ข้อน อกใหห้ วนแสวง ฯ หอมยี่หร่�รสร้อนแรง ก�พย์ มัสม่ันแกงแก้วต� ช�ยใดได้กลนื แกง แรงอย�กใหใ้ ฝฝ นห� อธบิ ายความรู Explain ยำ�ใหญ่ใส่ส�รพดั ว�งจ�นจัดหล�ยเหลือตร� 1. นกั เรียนพิจารณาโคลงส่สี ภุ าพทข่ี ึ้นตน เร่ือง รสดดี ้วยน้�ำ ปล� 1 ญีป่ นุ ล�ำ้ ย�ำ้ ยวนใจ • โคลงสีส่ ุภาพกลา วถึงอาหารใด เจอื นำ�้ ส้มโรยพรกิ ไทย (แนวตอบ แกงมสั ม่ันไก) ตับเหลก็ ลวกหลอ่ นต้ม ไพมร่มอ้ ีเมทพยี รบิกเปสรดียใบบทมออื งนห�ลง�ง2 2. นกั เรยี นถอดคําประพันธโ คลงบทนาํ โดยยก โอช�จะห�ไหน กาพยยานีบทท่ีแตง เลียนโคลงประกอบ (แนวตอบ ถอดคําประพันธไดว า แกงมัสมัน่ ไก หมแู นมแหลมเลศิ รส ทีน่ องปรงุ ดว ยยหี่ รา นั้น มกี ลิ่นหอมฉนุ รสชาติ จดั จา น เมอื่ พไ่ี ดชมิ ก็ถกู ปากจนอยากจะกนิ พิศห่อเห็นร�งช�ง ห่�งห่อหวนปวนใจโหย อีกครั้งใหได ดงั กาพยบ ทแรกวา กอ้ ยกงุ้ ปรงุ ประท่ิน ว�งถึงลน้ิ ดิน้ แดโดย “มสั ม่ันแกงแกว ตา หอมยี่หรา รสรอนแรง ชายใดไดก ลืนแกง แรงอยากใหใ ฝฝ นหา”) รสทิพย์หยิบม�โปรย ฤ ๅจะเปรยี บเทียบทนั ขวญั เทโพพ้นื เนื้อท้อง เปน็ มนั ยอ่ งล่องลอยมนั น�่ ซดรสคร�มครัน ของสวรรค์เสวยรมย์ คว�มรักยักเปลย่ี นท�่ ทำ�น้�ำ ย�อย�่ งแกงขม กลอ่อมกลอ่ มเกลี้ยงกลม ชมไมว่ �ยคลบั คล�้ ยเหน็ ข�้ วหงุ ปรงุ อย่�งเทศ รสพิเศษใส่ลกู เอน็ ใครหุงปรงุ ไมเ่ ปน็ เชน่ เชงิ มติ รประดิษฐ์ท�ำ เหลือรู้หมูป� ตม้ แกงค่วั ส้มใสร่ ะก�ำ รอยแจง้ แหง่ คว�มข�ำ ชำ�้ ทรวงเศร้�เจ้�ตร�กตรอม ช้�ช้�พล่�เนอ้ื สด ฟุ้งปร�กฏรสหน่ื หอม คดิ คว�มย�มถนอม สนิทเนอ้ื เจือเส�วคนธ์ 11๓ “แกงไกมัสมั่นเนอ้ื นพคณุ พเ่ี อย”ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู คาํ ที่ขดี เสนใตในคําประพันธนี้สอดคลอ งกับขอ ใด 1 ตบั เหล็ก คอื การนาํ สวนทีเ่ ปนมา มของหมู นาํ มาหั่นซาวนํ้าเกลอื แลวลวก 1. เหมอื นสีฉวกี าย สายสวาทพ่ที ี่คคู ิด น้ํารอน ผสมกบั เครื่องปรงุ อื่นๆ 2. คิดความยามนิทรา อรุ าแนบแอบอกอร 2 ใบทองหลาง มรี ูปลักษณะของใบทองหลาง เปน ไมย นื ตน ผลดั ใบ สงู 10-15 3. พศิ หอเหน็ รางชาง หา งหอหวนปวนใจโหย เมตร ใบประกอบ มีใบยอย 3 ใบ เรียงสลบั ใบยอยรูปไข หรือรปู แกมไขส ่เี หลย่ี ม 4. ความรักยักเปลี่ยนทา ทําน้าํ ยาอยางแกงขม ขนมเปย กปูน ดอกชอ ออกท่ีปลายกง่ิ กลีบดอกสีสมหรอื แดง รูปดอกถัว่ ผล เปน ฝก ยาวคอดเปน ขอ ๆ สีนา้ํ ตาลเขม เมล็ดสีแสด สรรพคณุ ของใบทองหลาง วเิ คราะหคําตอบ จากเนอ้ื ความวา “แกงไกม ัสมนั่ เน้ือ นพคุณ พเี่ อย” ใชใบแกส ดรมควนั ชุบน้ําสกุ ปด แผล และเน้อื รายท่ีบวม ดดู หนองใหไ หลออกมา หมายความถงึ แกงมัสม่ันไกเปนดังเนอ้ื นพคณุ “นพคุณ” จงึ ตคี วามได และทําใหแ ผลยุบ ใบค่ัวใชเปน ยาเยน็ ดับพษิ บดทาแกข อ บวม วา หญิงสาว เชนเดียวกับคาํ วา “สายสวาท” ท่หี มายถงึ หญงิ สาว “นทิ รา” หมายถงึ หลบั “รางชาง” แปลวา งาม สวน “แกงขม” เปนเครอื่ งกนิ กบั ขนมจีนนา้ํ ยา มมี ะระห่นั เปน ช้นิ เล็กๆ แลว ลวกใหสุก ดังนัน้ จึงตอบขอ 1. คมู อื ครู 113
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand 11๔ อธบิ ายความรู นักเรียนอธบิ ายการเปรียบเทียบอาหารกบั นาง ล่�เตยี งคดิ เตยี งน้อง นอนเตยี งทองท�ำ เมอื งบน ผเู ปนทีร่ กั ลดหล่ันชนั้ ชอบกล ยลอย�กนทิ รคดิ แนบนอน เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้� ร่มุ รุ่มเร�้ คือไฟฟอน (แนวตอบ การพรรณนาถึงอาหารแตล ะชนดิ เจบ็ ไกลใจอ�วรณ ์ ร้อนรมุ รมุ่ กลมุ้ กล�งทรวง เปน การชน่ื ชมฝมอื ของหญิงผูเปน ทีร่ ักท่เี ปน รังนกนงึ่ น่�ซด โอช�รสกว�่ ท้งั ปวง ผูปรุงอาหาร จงึ แสดงใหเ หน็ ความรกั ใครตอ กัน ดงั นกพร�กจ�กรงั รวง เหมือนเรยี มร�้ งห�่ งห้องหวน บทประพันธทวี่ า ไตปล�เสแสร้งว�่ ดจุ ว�จ�กระบดิ กระบวน ใบโศกบอกโศกครวญ ใหพ้ ่เี คร�่ เจ�้ ดวงใจ “ผักโฉมชอื่ เพราะพรอง ผกั โฉมช่ือเพร�ะพร้อง เป็นโฉมน้องฤ ๅโฉมไหน เปนโฉมนอ งฤๅโฉมไหน ผักหว�นซ�่ นทรวงใน ใคร่ครวญรกั ผักหว�นน�ง ฯ ผกั หวานซานทรวงใน ใครครวญรกั ผกั หวานนาง”) เอมใจ อกชู ้ ขยายความเขา ใจ Expand ฤ าดจุ นี้แม ่ แต่เนื้อนงพ�ล ฯ นักเรยี นเลือกอาหารคาวท่ีนกั เรยี นรูจักหรือ โคลง เปนชื่ออาหารทนี่ กั เรยี นสนใจในกาพยเหชมเคร่อื ง หอมตลบล�้ำ เหลอื หว�น คาวหวาน จากนั้นนกั เรียนหาภาพประกอบใหต รง ผลชดิ แชอ่ ิ่มโอ้ หว�นเหลอื แล้วแกว้ กลอยใจ กบั ช่อื อาหารชนดิ น้ัน พรอมทงั้ เขียนแนะนาํ บรรยาย รสเยน็ ยง่ิ ย่งิ เยน็ ใจ โดยมจี ดุ ประสงคเ พือ่ แนะนําเชญิ ชวนใตภ าพ หอมชื่นกลืนหว�นใน หม�ยเหมอื นจริงยง่ิ อย�กเห็น บอกคว�มแลว้ จ�กจำ�เป็น รืน่ ร่นื รสรมยใ์ ด เป็นทกุ ข์ท�่ หน�้ นวลแตง ใส่โถแก้วแพรว้ พร�ยแสง หว�นเลศิ เหลือรูร้ ู้ ปร�งอ่มิ อ�บซ�บน�ส� อีกอกร่องรสโอช� ก�พย์ อรุ �แนบแอบอกอร ผลชิดแช่อิม่ อบ รสไหนไม่เปรยี บป�น ต�ลเฉ�ะเหม�ะใจจริง ค ดิ คว�ม ยผ�ลมจพ�กสิ1เมจยั�้ ลอ ยแ กว้ จ�กช้ำ�น�้ำ ต�กระเดน็ หม�กปร�งน�งปอกแล้ว ย�มชนื่ ร่ืนโรยแรง หวนห่วงมว่ งหมอนทอง คิดคว�มย�มนทิ ร� นักเรียนควรรู บูรณาการเชอื่ มสาระ ครูบรู ณาการเชอ่ื มโยงความรูเ ก่ียวกับเร่อื งอาหาร จากกาพยเหชม 1 ผลจาก หรือ “จาก” เปนพชื ในวงศเดยี วกบั “ตาว” ซง่ึ ลกู ของตาวน้นั เมอ่ื นํา เครือ่ งคาวหวานกบั สาระการเรียนรกู ารงานอาชีพและเทคโนโลยี วชิ างานบา น มาทําขนมเรียกวา ลูกชิด ดว ยลักษณะทคี่ ลายคลงึ กัน จงึ มักจะมคี วามเขา ใจสับสน ซึ่งจะเพมิ่ เติมความรูท่วั ไปเกีย่ วกับอาหารและโภชนาการ การรจู กั วัตถุดิบใน วา “จาก” กับ “ชิด” เปน พชื ชนิดเดียวกัน โดยเรยี กตนวา “จาก” และเรียกผลวา การปรงุ อาหารประเภทตา งๆ ทั้งอาหารแหง และอาหารสด ไดแก ผกั ผลไม “ชดิ ” ดังทีก่ ลา วไวในบทประพนั ธดังนี้ เนอ้ื สัตว รวมถึงเรยี นรขู ้ันตอนพ้นื ฐานของการประกอบอาหาร ความรูเบอื้ งตน “ในลําคลองสองฟากลวนจากปลูก ทะลายลูกดอกจากขึ้นฝากแฝง เก่ยี วกบั อาหารน้จี ะชวยใหนกั เรยี นเหน็ ภาพการปรุงอาหาร การจัดวางท่กี วี ตนจากถูกลูกชดิ น้นั ติดแพง เขาชา งแปลงชื่อถกู เรียกลกู ชิดฯ” พรรณนาในกาพยเ หชมเครอ่ื งคาวหวาน (คาํ กลอนในนิราศเมอื งเพชร ของสุนทรภ)ู มุม IT ศกึ ษาเก่ียวกับเนื้อเร่ืองกาพยเ หชมเครือ่ งคาวหวานเพม่ิ เตมิ ไดท่ี http://www. yorwor2.ac.th/thaionline/work%20web%20page%20maker/kaphechom. html 114 คูม อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ลนิ้ จี่มีครุ่นครนุ่ เรียกสม้ ฉนุ ใชน้ �มกร 1. ครูทําสลากบทเหชมผลไม โดยใหนักเรียนจบั คู ชะอ้อนถอ้ ยร้อยกระบวน ถอดคาํ ประพันธสลากท่จี ับไดค ลู ะ 1 บท หวนถวิลลนิ้ ลมงอน ทำ�ประณตี น้ำ�ต�ลกวน (แนวตอบ ครูพจิ ารณาการถอดคาํ ประพันธของ ยลยงิ่ พลบั ยบั ยบั พรรณ นกั เรียนใหม คี วามถูกตอ งเหมาะสม) พลับจีนจักดว้ ยมดี ปลอ้ นเปลอื กปอกเป็นอัศจรรย ์ เทียบเทยี มทีฝ่ ีมอื น�ง 2. นักเรยี นแตล ะคูมาอา นคาํ ประพันธและถอด คดิ โอษฐอ์ ่อนยมิ้ ยวน โอช�รสลำ้�เลศิ ป�ง คาํ ประพนั ธใหเ พอ่ื นฟงหนาช้นั เรียน ส�งเกศเสน้ ขนเมน่ สอย น้อยหน�่ นำ�เมล็ดออก ใสจ่ �นดดู ุจเม็ดพลอย 3. นักเรียนอธิบายการเตรียมและจัดวางผลไม อย�่ งแหวนก้อยแก้วต�ช�ย ในบทเหช มผลไมก อ นรับประทาน มือใครไหนจักทนั1 เนอื้ ดดี เู หลืองเรืองพร�ย (แนวตอบ การเตรยี มผลไมแ ตละชนิดจะ ส�ยสว�ทพที่ ค่ี ่คู ดิ แตกตา งกนั ไป ข้นึ อยูก ับลกั ษณะของผลไมวา ผลเกดพเิ ศษสด ผลงอมงอมรสหว�นสนทิ จะรับประทานสว นไหน หรอื นําไปแปรรูปเพ่มิ คดิ ย�มส�รทย�ตร�ม� รสชาตอิ ยางไร เชน ผลจากจะนาํ มาทําเปน ค�ำ นึงถงึ เอวบ�ง มล่อนเมลด็ และเหลือปญญ� ลอยแกว หมากปรางหรือมะปรางก็ตองปอก จ�เจ้�เง�ะเพร�ะเห็นง�ม เปลอื กกอ นแลวนําไปจดั วางใสใ นโถแกวอยาง ทับทมิ พร้มิ ต�ตรู คิดล�ำ ต้นแน่นหน�หน�ม สวยงาม หรอื การเตรยี มผลนอยหนา นอกจาก น�มสละมละเมตต� ฯ จะลอกเปลือกพรอมแลว ยังตองเอาเมล็ดออก สุกแสงแดงจักยอ้ ย กอนดวย การจัดทบั ทิมนั้นจะแกะเอาเมล็ดไป เคยมี จัดวางใสจานใหนากิน การวางเนื้อทุเรียนจะ ทุเรยี นเจียนตองป ู โศกย้อม วางบนใบตองทเี่ จยี นหรอื ตัดเล็มขอบใหไ ดรปู สมรแม ่ มาแม ่ แลว และผลเงาะทีต่ อ งควา นเมลด็ ออกกอ น) เหมอื นสีฉวีก�ย เพียบแออ้ กอร ฯ ล�งส�ดแสวงเนอื้ หอม ข้�วเหนยี วใส่สโี ศกแสดง แจ้งว�่ เจ�้ เศร�้ โศกเหลือ กลืนพล�งท�งเพง่ พิศ แทรกใสน่ ำ�้ กะทเิ จือ ได้เสพหริม่ พิมเสนโรย ผลเง�ะไมง่ �มแงะ หวนเห็นเชน่ รจน� สละส�ำ แลงผล ท่�ท่ิมปิมปน ก�ม โคลง ขยายความเขา ใจ Expand สังขยาหนา้ ไข่คุ้น แกมกับข้าวเหนยี วส ี นักเรียนจัดปายนเิ ทศเพื่อเปน ส่ือการเรยี นรูใ น หองเรยี น โดยนําภาพผลไมมาจับคใู หต รงกบั บท เแปถน็ ลนงวยั ่านโ�าศวก2าเทสี มอพอ้ ม ประพันธท่ีมีชอ่ื ผลไมทป่ี รากฏในกาพยเ หชมเครื่อง คาวหวาน ก�พย์ (แนวตอบ นกั เรียนรับผดิ ชอบตามท่ไี ดจ บั คู ในการถอดคําประพันธ) สังขย�หน�้ ต้งั ไข ่ เป็นนยั ไมเ่ คลอื บแคลง ซ่�หร่มิ ลมิ้ หว�นล�ำ้ วิตกอกแห้งเครอื 11๕ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู “พศิ หอเหน็ รางชาง” มีความหมายสอดคลอ งกบั ขอใด ครูแนะความรใู หน กั เรียนเพมิ่ เติม สาํ หรับการใชค ําวา “หมาก” ข้นึ ตน ชอื่ ผัก 1. มองดหู อแลว นึกถึงความอรอย ผลไมใ นสมัยกอ น ดังท่ปี รากฏในบทประพนั ธวา “หมากปรางนางปอกแลว” 2. มองดหู อแลว เหน็ วา สวยงาม ปจ จบุ ันมีการเปล่ียนแปลงดา นเสยี ง คอื มกี ารกรอนเสยี งทาํ ใหออกเสยี งเปน 3. มองดูหอแลวรูสึกสบายใจ “มะ” เชน มะปราง มะพรา ว มะมว ง มะขาม มะนาว เปนตน 4. มองดหู อ แลวรสู ึกอิม่ เอม นักเรยี นควรรู วิเคราะหคําตอบ “พศิ หอเห็นรางชาง” มาจากคําประพันธทวี่ า “หมูแนมแหลมเลิศรส พรอ มพรกิ สดใบทองหลาง 1 ผลเกด หรือลูกเกด คือ ลูกองุน แหง ชนิดหน่งึ ทเี่ พี้ยนมาจากคาํ วา grape ท่ี พศิ หอเห็นรางชาง หา งหอหวนปวนใจโหย” แปลวา องุน คนไทยออกเสยี งแลวลากเขา ความวา “เกด” ถอดคาํ ประพนั ธไดวา หมูแนมหอดวยใบทองหลาง เมื่อเห็นวา สวยก็ทําให 2 โศก เปน สีเขยี วออ นอยางสีใบอโศกออ น เรยี กวา สีโศก รสู กึ หวนไหเมือ่ ตอ งหางกนั ตอบขอ 2. คูมอื ครู 115
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นักเรียนอธบิ ายความรูเก่ยี วกับขนมหวานและ ลำ�เจียกชอ่ื ขนม นกึ โฉมฉมหอมชวยโชย อาหารวา งทป่ี รากฏในกาพยเหชมเครือ่ งคาวหวาน ไกลกลิ่นด้ินแดโดย โหยไห้ห�บุหง�ง�ม มศั กอดกอดอย�่ งไร • ขนมหวานหรอื อาหารวา งชนิดใดที่กวไี มได กอดเคลน้ จะเห็นคว�ม ขนน่�สมงนส�ัยมในคีย้ รงัข่ แอคถล�งม1 อธิบายรูปรางลกั ษณะและมีความสงสยั ในช่อื ท่ี ลุดตีน่ ้นี �่ ชม ใชเ รยี ก โอช�หน้�ไก่แกง แผแ่ ผน่ กลมเพียงแผน่ แผง (แนวตอบ มศั กอด เปน ชื่อขนมชนิดหนึ่งท่ีกวี ขนมจบี เจ�้ จีบห่อ แคลงของแขกแปลกกล่นิ อ�ย ไมไดอธิบายวา มีลกั ษณะรปู รา งอยา งไร นึกน้องนงุ่ จีบกร�ย ๑ ง�มสมส่อประพมิ พป์ ระพ�ย ความวา รสรกั ยักล�ำ น�ำ ช�ยพกจีบกลบี แนบเนียน “มัศกอดกอดอยางไร นา สงสยั ใครขอถาม คำ�นงึ นว้ิ น�งเจียน ประดิษฐ์ท�ำ ขนมเทียน กอดเคลนจะเหน็ ความ ขนมนามน้ียงั แคลง”) ทองหยิบทิพย์เทียมทดั เทยี นหลอ่ เหล�เกล�กลึงกลม หลงหยบิ ว�่ ย�ดม ส�มหยิบชดั น่�เชยชม ขยายความเขา ใจ Expand ขนมผงิ ผงิ ผ่�วร้อน กม้ หน�้ เมนิ เขินขวยใจ ร้อนนักรักแรมไกล เพยี งไฟฟอนฟอกทรวงใน นักเรยี นยกบทประพันธทมี่ ชี อื่ อาหารที่นักเรยี น รงั ไรโรยดว้ ยแปง้ เมอื่ ไรเหน็ จะเย็นทรวง ชนื่ ชอบมาหนึง่ บท จากนน้ั นักเรียนศึกษาวธิ ที ํา โอ้อกนกทง้ั ปวง เหมอื นนกแกลง้ ทำ�รังรวง อาหารในบทประพันธท ี่เลอื กและเขยี นอธบิ าย ทองหยอดทอดสนทิ ยังยนิ ดีดว้ ยมรี ัง ขั้นตอนการทําอาหารชนิดน้ัน สองปสี องปิดบัง ทองมว้ นมดิ คิดคว�มหลงั ง�มจรงิ จ่�มงกฎุ แต่ลำ�พงั สองตอ่ สอง (แนวตอบ นักเรียนสามารถเลอื กบทประพนั ธ เรยี มร่ำ�คำ�นึงปอง ไดห ลากหลายตามความสนใจของนกั เรยี น ครู บัวลอยเล่หบ์ วั ง�ม ใส่ชอื่ 2ดจุ มงกฎุ ทอง พจิ ารณาการเขียนอธบิ ายลําดับข้นั ตอนวิธกี ารทาํ ให ปล่ังเปล่งเครง่ ยุคล ถูกตองชัดเจน) ช่อมว่ งเหม�ะมรี ส สะองิ้ นอ้ งน้นั เคยยล คดิ สีสไบคลุม คดิ บวั ก�มแก้วกบั ตน ตรวจสอบผล Evaluate ฝอยทองเปน็ ยองใย สถนนชุ ดจุ ประทุม คดิ คว�มย�มเย�วม�ลย์ หอมปร�กฏกลโกสุม 1. นกั เรียนเลือกภาพประกอบอาหารใหต รงกับชือ่ หุม้ ห่อม่วงดวงพุดต�น อาหารคาวที่มีในกาพยเ หช มเครือ่ งคาวหวาน เหมือนเสน้ ไหมไขข่ องหว�น และเขยี นคาํ บรรยายใตภ าพได เย็บชนุ ใช้ไหมทองจนี ฯ 2. นักเรียนยกบทประพันธท ่ีมีชื่ออาหารท่นี กั เรียน ชื่นชอบ และเขียนอธิบายขน้ั ตอนการทําอาหาร ชนดิ นั้นได ๑ บางฉบบั วา นุงจีบทวาย บางฉบับวา นุง จีบถวาย 11๖ นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ขอใดใชโ วหารภาพพจนต างจากขออนื่ 1 ขนมนามนยี้ ังแคลง ในท่นี ี้ มัศกอด ก็คือ “ฮะหรว่ั ” ชนดิ หนึง่ ท่ีเวลากวนใช 1. ฝอยทองเปน ยองใย เหมอื นเสน ไหมไขข องหวาน น้าํ มันเนยแทนกะทิ กวนคอนขางยาก เมอื่ จวนสุกจะใส “มะดา่ํ ” (ภาษาเปอรเ ซยี ) 2. ขนมผงิ ผิงผา วรอ น เพยี งไฟฟอนฟอกทรวงใน หรอื เมลด็ อลั มอนดบ ุบปนไปในเนือ้ ขนมดวย รสชาติจะหอมเนยเปน พเิ ศษ เรียก 3. ทับทิมพรม้ิ ตาตรู ใสจานดูดจุ เม็ดพลอย ฮะหรวั่ ชนิดนีว้ า “ฮะหร่ัวเนย” หรอื “ฮะหรัว่ มัศกอด” บางคนเรยี กวา “ฮะหร่ัว- 4. เหน็ หรมุ รมุ ทรวงเศรา รุมรมุ เราคือไฟฟอน มสั กัด” ชอ่ื “มัศกอด” นั้น มาจากชอื่ เมือง “มัสกตั ” (Muscat) เปน เมอื งทา บรเิ วณ ปากอา วโอมาน ในอดตี หากจะเดนิ ทางจากประเทศเปอรเ ชีย (อิหรานในปจจุบัน) วิเคราะหค ําตอบ ดังท่ีปรากฏมกี ารใชโวหารภาพพจนอุปมาและการใช จะตอ งเดนิ ทางโดยทางเรอื ผานอา วเปอรเ ชยี ไปออกอาวโอมาน จอดเรอื พกั ทเ่ี มอื ง โวหารภาพพจนอุปลักษณ การแยกโวหารวาเปนชนดิ ใดนั้นสามารถพจิ ารณา มสั กัตแลว จงึ ออกสูม หาสมุทรอนิ เดยี ไดจ ากคําทีแ่ สดงความเปรยี บ กลาวคือ โวหารภาพพจนอ ปุ มาจะมีคําวา 2 สะองิ้ เปนคาํ กริยา หมายถงึ อาการท่ีเดนิ เอวออ นไปออ นมา เชน เดนิ สะอิง้ “เหมือน” “ดุจ” “ดงั ” “เพยี ง” “เทา ” ในขณะทีโ่ วหารภาพพจนอปุ ลักษณจ ะ สวนคาํ นาม หมายถึง สายรดั เอว ในท่นี ้ี “สะอ้งิ นองน้ันเคยยล” หมายความวา มีคําวา “เปน ” “คอื ” ขอที่มีโวหารตางจากขอ อื่น คือ “เห็นหรุมรุมทรวงเศรา เคยมองดูสายคาดเอวนอ ง รุม รุมเราคือไฟฟอน” เปน โวหารอุปลกั ษณ เพราะมีคําวา “คือ” ตอบขอ 4. 116 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๕ คÓศัพท์ คว�มหม�ย ครใู หน กั เรยี นเลน เกมคําศพั ท โดยใหน ักเรยี น เขียนคําศัพทท ี่อยใู นบทเรียนท่ีนกั เรยี นสนใจ คนละ ค�ำ ศพั ท์ เหมือน 1 คาํ ลงบนกระดาน ครตู รวจสอบวา คําศัพทไ มซ ้ํา ยกมือทุบแรงๆ กัน จากน้นั ใสกระดาษคาํ ศพั ทลงในกลอ ง ครเู รียก กล สิ่งหรือข้อความท่ีมีนัย ไม่ควรเปิดเผย ในที่น้ีหมายถึงความสงบระหว่างกวี ชอ่ื นกั เรียนทลี ะคนจบั สลาก ใหนกั เรียนบอก ข้อน กบั นาง ความหมายของคําศัพทท นี่ กั เรียนจับสลากได คว�มขำ� คอย งามนา่ ดู สาํ รวจคน หา Explore เคร�่ ตดั ขรบิ หรือเฉือนให้ไปตามแนวหรอื ใหไ้ ดร้ ปู ตามทต่ี อ้ งการ เช่น ง�มแงะ เจียนใบตอง นกั เรยี นคดั เลอื กคําศพั ทในบทเรียนท่ีมี เจียน กลิ่นหอม ความหมาย ดังตอไปนี้ ใจ ในท่นี ีอ้ ่านว่า นดิ หมายถงึ นอน • งาม เครื่องหอม (แนวตอบ เชน งามแงะ รางชาง เปน ตน ) ฉม ลักษณะหรอื สว่ นท่ีคล้ายคลงึ กนั แด พูด กลา่ ว • หญงิ สาวหรือคนรกั นิทร ชอ่ื สารชนิดหน่ึง มลี ักษณะเป็นเกล็ดสขี าวขนุ่ มีทัง้ ท่ไี ดจ้ ากธรรมชาติ (แนวตอบ เชน เสาวคนธ เอวบาง เปนตน) ประทนิ่ และไดจ้ ากการสังเคราะห์ ใช้ท�ายา ประพิมพป์ ระพ�ย กองไฟท่ีแม้ดบั แล้ว ยงั มีความรอ้ นระอุ เปรยี บไดก้ บั จิตใจอนั รมุ่ ร้อน อธบิ ายความรู Explain พร้อง รบั ประทาน พิมเสน ฝมี ือของนาง 1. นักเรยี นรว มกันอภิปราย การใชค ําศัพททีม่ ี เมืองสวรรค์ ความหมายวา “งาม” ในบทประพนั ธว า ในทน่ี ี้หมายถงึ สวยงาม เด่น มลี ักษณะการใชอ ยางไร ลวดลายทีเ่ ปน็ ชัน้ ๆ มีความสวยงาม (แนวตอบ การชืน่ ชมความงามในกาพยเ หชม- ไฟฟอน กลิ่นหอม ในทนี่ ีห้ มายถึง คนรัก เครื่องคาวหวาน ใชค ําวา “งาม” ชมฝม ือการ ภุญช์ ผทู้ มี่ เี อวบอบบางออ้ นแอ้น ในท่นี ห้ี มายถงึ ผหู้ ญงิ ทาํ อาหารของนางผเู ปน ท่รี กั วา ทาํ ไดงาม คอื มอื น�ง มีรสด ี อร่อย อาหารงามละเมยี ดละไม และชมอาหารวา เมอื งบน งามเหมือนนางทเี่ ปนคนทาํ ) ร�งช�ง 117 ลดหลัน่ ชนั้ ชอบกล 2. นกั เรยี นบนั ทกึ ความรลู งสมุด เเอสว�วบค�นง1ธ์ โอช� กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ใหน ักเรียนศกึ ษาลกั ษณะคาํ ประพนั ธประเภทกาพยย านี 11 และแตง กาพยเหช มเครอื่ งคาวหวานมีคาํ ศพั ทบางคาํ ท่เี ปน คาํ ไวพจน ครูจัดกิจกรรม คาํ ประพนั ธประเภทกาพยย านี 11 จาํ นวน 1 บท ทัง้ นน้ี กั เรียนเลือกหวั ขอ ท่สี งเสรมิ การเรียนการสอนเกี่ยวกบั คาํ ศัพทใ นบทเรียนท่มี ีลกั ษณะการหลากคาํ ในการแตงไดตามความสนใจ และใหน าํ คาํ ศัพทในบทเรยี นไปใชใ นการแตง โดยอาจใหนกั เรยี นหาคําท่มี ีความหมายเหมือนกนั กับวรรณกรรมเร่ืองอืน่ หรือให คําประพนั ธ โดยแตงใหถูกตองตามฉนั ทลักษณท ีน่ กั เรยี นไดศึกษามา นกั เรยี นจดั กลุมจําแนกคาํ ไวพจนใ หเปน หมวดหมู นาํ ไปจัดปา ยนเิ ทศใหค วามรู หนาชัน้ เรยี น กจิ กรรมทาทาย นกั เรยี นควรรู ใหนกั เรียนศึกษาลกั ษณะคําประพนั ธประเภทกาพยยานี 11 และศึกษา เกย่ี วกับคําไวพจนแ ละการหลากคาํ เพิ่มเตมิ เพื่อแตง คําประพนั ธป ระเภท 1 เอวบาง มีความหมายวา ผหู ญงิ เปนคาํ ไวพจนท่มี ีความหมายเหมือนกับคําวา กาพยยานี 11 จาํ นวน 1 บท ทง้ั นนี้ กั เรยี นเลอื กหวั ขอในการแตง ไดตาม อนงค สมร พะงา ความสนใจ แตใหนําคําศัพทในบทเรียนท่ีเปนคําไวพจนไ ปใชใ นการแตง คําประพันธแ ละแสดงใหเห็นการหลากคาํ ในบทประพันธน ้ัน คูมือครู 117
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Expand ขยายความเขา ใจ 1. นกั เรียนยกบทประพันธจากกาพยเหช ม บอกเลา่ เกา้ สบิ เครอ่ื งคาวหวานทป่ี รากฏการใชคําวา “งาม” (แนวตอบ บทประพนั ธท ่ปี รากฏการใชคาํ วา ขนมมงคล ๙ อยา ง ยา ง “งาม” ตัวอยา งเชน ขนมไทย นับเป็นส่ิงหน่ึงท่ีแสดงให้เห็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของไทย ในกาพย์ “งามจรงิ จามงกุฎ ใสชอื่ ดุจมงกฎุ ทอง เห่ชมเคร่ืองคาวหวาน มีการกล่าวถึงช่ือขนมต่างๆ หลายชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความไพเราะและ ส่ือให้เห็นความหมายอันเป็นมงคล อันเป็นภูมิปญญาของคนไทยในอดีตที่มีความชาญฉลาด เรยี มรํา่ คํานงึ ปอง สะองิ้ นอ งนนั้ เคยยล”) ในการผนวกชื่อเรียกขนมไทย ด้วยค�าที่แฝงความหมายอันเป็นมงคลเข้ากับงานพิธีมงคลต่างๆ 2. หลังจากนกั เรียนยกบทประพนั ธแ ลว ครใู ห ไดอ้ ย่างกลมกลืน นกั เรียนทํากิจกรรมตามตัวชวี้ ดั จากแบบวัดฯ ในงานพิธีมงคลต่างๆ นิยมน�าขนมไทยไปใช้ประกอบเคร่ืองคาวหวานเพื่อถวายพระหรือ ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.11 เลย้ี งแขก ตวั อย่างขนมมงคล ๙ อยา่ ง มดี งั นี้ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ เสนหจนั ทร ทองเอก ภาษาไทย ม.1 กจิ กรรมท่ี 1.11 เรอ่� ง กาพยเหช มเครอ�่ งคาวหวาน แสดงถึงความมีเสนห่ ์ ค�าอวยพรแสดงถงึ ความ แกผ่ พู้ บเห็น เปน็ หนึ่ง กจิ กรรมท่ี ๑.๑๑ ใหนักเรียนพิจารณาวาคําประพันธตอไปนี้กลาวถึงอาหาร คะแนนเต็ม คะแนนทีไ่ ด ชนดิ ใดบา ง (ท ๕.๑ ม.๑/๑) จา มงกฎุ ขนมถว ยฟู õ แสดงถงึ การเปน็ แสดงถึงความเจรญิ ๑. มสั มน่ั แกงแกวตา หอมยหี่ รารสรอนแรง มัสมนั่........................................................................ หัวหน้าสูงสดุ ความ รุง่ เรืองเฟองฟู ชายใดไดกลนื แกง แรงอยากใหใฝฝ น หา มเี กียรติยศสูงส่ง ๒. หมแู นมแหลมเลศิ รส พรอมพรกิ สดใบทองหลาง หมูแนม........................................................................ พิศหอ เห็นรางชาง หา งหอ หวนปว นใจโหย ๓. ความรกั ยักเปลย่ี นทา ทําน้าํ ยาอยา งแกงขม ..ข..น.....ม...จ...นี....น.....า้ํ ..ย....า.....แ...ก...ง...ข...ม......แ...ก....ง...อ...อ ...ม... กลออ มกลอมเกลีย้ งกลม ชมไมวายคลายคลา ยเห็น ๔. ผลจากเจาลอยแกว บอกความแลว จากจาํ เปน ..................ล....ูก....จ...า...ก....ล....อ...ย....แ...ก....ว.................. จากช้ําน้ําตากระเด็น เปน ทุกขทา หนานวลแตง ทองหยบิ เฉฉบลับย ๕. หมากปรางนางปอกแลว ใสโถแกว แพรว พรายแสง มะปราง........................................................................ ยามชื่นรืน่ โรยแรง ปรางอมิ่ อาบซาบนาสา แสดงถงึ การหยบิ จับ การงานสง่ิ ใดก็จะ ๖. ทับทมิ พร้ิมตาตรู ใสจ านดดู จุ เมด็ พลอย ทบั ทิม........................................................................ ร�า่ รวยมีเงนิ มที อง สกุ แสงแดงจกั ยอย อยา งแหวนกอ ยแกว ตาชาย ๗. มศั กอดกอดอยางไร นา สงสัยใครข อถาม มศั กอด........................................................................ ขนมชน้ั กอดเคลนจะเหน็ ความ ขนมนามนี้ยังแคลง ๘. งามจรงิ จา มงกฎุ ใสชือ่ ดจุ มงกฎุ ทอง จามงกุฎ........................................................................ การได้เล่อื นขั้น เล่ือนยศ เรยี มรา่ํ คํานงึ ปอง สะอ้ิงนอ งนน้ั เคยยล ต�าแหน่งให้สูงยิง่ ๆ ขึน้ ไป ๙. สังขยาหนา ต้ังไข ขาวเหนียวใสสโี คกแสดง ................ข...า...ว...เ..ห....น....ีย....ว..ส.....งั ...ข...ย...า................. ทองหยอด เมด็ ขนุน เปนนยั ไมเ คลือบแคลง แจงวาเจาเศราโศกเหลือ แสดงถงึ การจบั วางอะไร ๑๐. รงั ไรโรยดวยแปง เหมอื นนกแกลง ทาํ รังรวง ................ข...น....ม....ร...ัง....ไ..ร......(...เ..ร...ไ...ร...)................ เป็นเงนิ เปน็ ทอง ชว่ ยให้มคี นสนบั สนนุ โออ กนกท้งั ปวง ยงั ยนิ ดีดว ยมรี งั หนนุ ใหช้ ีวติ กา้ วหน้า ฝอยทอง ๙๒ ตรวจสอบผล Evaluate ค�าอวยพรให้มชี วี ิต ยืนยาวหรือครองชีวิตคู่ ยืนยาวตลอดไป 1. นกั เรียนคดั เลอื กคําศัพทใ นบทเรยี นไดต รงตาม 11๘ ความหมายที่กําหนด กจิ กรรมสรา งเสรมิ 2. นกั เรยี นยกบทประพนั ธจากกาพยเหช ม เคร่ืองคาวหวานทป่ี รากฏการใชคําวา “งาม” บูรณาการอาเซียน สง่ิ ทีเ่ ปน เอกลกั ษณและบงบอกความเปนชาตมิ ีหลายอยา ง และอาหารคอื หนึง่ นกั เรยี นรวบรวมรายชอ่ื ขนมไทยทเ่ี ปนมงคล ลกั ษณะของขนม และ ในเอกลกั ษณท่แี ตละประเทศมีตา งกันทัง้ การปรุงและรสชาติ ปจจัยสาํ คัญทท่ี ําให บอกรายละเอียดวา งานมงคลตางๆ มีการใชข นมชนิดใดบาง จัดทําเปน อาหารแตล ะประเทศแตกตางกนั คอื แหลงวัตถดุ ิบ ซึง่ เปน ตวั กําหนดรูปลกั ษณ ใบความรูส งครู รสชาตขิ องอาหาร รวมไปถึงคนในถ่นิ นนั้ จะตอ งรังสรรคด ัดแปลงปรงุ แตงอาหาร ใหหลากหลายจากวตั ถดุ ิบทมี่ ีในทองถิน่ ตน ดังน้ัน อาหารการกินในแตละสํารบั กจิ กรรมทาทาย จะบอกเลาอะไรไดม ากมาย ทงั้ เชอ้ื ชาติ วัฒนธรรมประเพณี ฐานะทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงสภาพแวดลอม นอกจากความภาคภมู ใิ จในเอกลกั ษณของชาตแิ ลว ดา น นกั เรียนยกงานมงคลของไทย 1 งาน จากนน้ั ระบวุ างานมงคลน้นั ใช เศรษฐกิจในปจจบุ ันอาหารไดเปล่ยี นเปน อตุ สาหกรรมระดบั โลกท้ังทแ่ี ปรรปู และไม ขนมใดบาง ขนมทีใ่ ชแ ตละชนดิ มีลกั ษณะอยา งไรพรอมทงั้ อธิบายความ แปรรูป ซ่งึ ประเทศสมาชกิ อาเซียนเปนประเทศสาํ คญั ในการสงออกอาหาร ซง่ึ เปน สําคญั และความหมายของชื่อขนมไทยท่ีใชใ นงานมงคลวา มขี นมแตล ะ สนิ คาสาํ คัญทีแ่ ตละปม ลู คา สงู การรวมตวั กันจงึ มแี นวโนม ท่ีจะชว ยสง เสริมความ ชนดิ มคี วามสอดคลอ งกับงานมงคลนนั้ อยา งไร จดั ทําเปนใบความรสู ง ครู ม่ันคงทางเศรษฐกิจใหเ ขม แขง็ ย่ิงขึ้น 118 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๖ บทวิเคราะห์ ครนู ํารูปภาพอาหารไทยทัง้ คาวหวาน หรอื บัตรคาํ ทายบอกลักษณะเดนของอาหารทปี่ รากฏ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานบรรยายอาหารคาวหวานและผลไม้ได้อย่างละเอียดอ่อน นับเป็น ในกาพยเ หชมเคร่อื งคาวหวาน เพ่ือใหนักเรียนทาย วรรณคดีท่ีส�าคัญอีกเร่ืองหน่ึงท่ีแสดงพระปรีชาสามารถในเชิงกวีของรัชกาลท่ี ๒ แม้เน้ือเร่ือง ชือ่ อาหาร จะไม่มากนกั ทว่าใหค้ ุณค่าทเี่ ป็นประโยชน์หลายประการ ดังนี้ สาํ รวจคน หา Explore ๖.๑ คณุ คา่ ดา้ นเนอื้ หา นักเรียนศกึ ษาเกี่ยวกับคุณคาดา นเนื้อหา ๑) ให้คว�มรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมด้�นอ�ห�รก�รกินของคนไทยสมัยโบร�ณ ดานวรรณศิลป และดา นสงั คม ในกาพยเหช ม กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน สะท้อนให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการท�า เคร่อื งคาวหวาน อโดายหอาารห ไามร่วบ่าาจงะชเนปิด็นนกั้นาไรมจ่ปัดวราางก ฏสแีสพันร ่หแลลาะยรหูปรลือักไษมณ่ค์ุข้นอชง่ืออใานหปาจรจคุบาันวห เวชา่นน แรสวมร้งทว้ัง่าผ ลหไรมุ่ม้ช นลิด่าตเ่าตงียๆง1 ยา� ใหญ่ มศั กอด ช่อมว่ ง เป็นต้น อธบิ ายความรู Explain แสรง้ ว�่ 1. นักเรียนรวมกนั อภิปรายเกยี่ วกับวฒั นธรรม เรอ่ื งอาหารของคนในสมัยกอน เปนอาหารประเภทยํา วิธีทํา นํากุงชีแฮ ยางไฟพอน้ําตก ปอกเปลือกแลวเอา • กาพยเหชมเครือ่ งคาวหวานสะทอน เสนดําที่หลังออก นําน้ํามะนาวหรือมะกรูดผสมกับเกลือปนใหเขากัน เทลงในถวยกุง วฒั นธรรมของคนไทยในสมยั กอ นอยา งไร เคลาใหเขากนั โรยตะไครห่นั ซอย หวั หอมเล็กซอย ขิงออ นซอย ตนหอม ผักชี พรกิ แดง (แนวตอบ กาพยเหช มเครอ่ื งคาวหวานสะทอ น พริกเหลืองหัน่ โรย คลกุ เคลา ใหเขา กนั รบั ประทานพรอ มกบั ผกั แตงกวา มะเขือ วัฒนธรรมดา นอาหารการกิน สะทอ นใหเห็น ถงึ ความประณีตพถิ พี ถิ นั ในทกุ ขนั้ ตอนของ ล่�เตียง การทําอาหาร ต้งั แตการทาํ เครอื่ งปรงุ การจดั วาง สสี นั และรปู ลักษณของอาหาร เปนอาหารวาง วิธีทํา นํารากผักชี กระเทียม พริกไทยท่ีบดแลวผัดจนหอม คาวหวาน และผลไม แสดงใหเหน็ วาชนชาติ ใสหอมแดง หมูบด กุงแหง ปรุงรสดวยนํ้าปลา น้ําตาล ผัดจนแหง ใสถั่วลิสงคั่วบด ไทยเปน ชนชาติทม่ี ีศิลปะความงดงาม ตกั ใสจ าน ตไี ขไก ๑ ฟอง ไขเปด ๓ ฟองจนเขากนั ใชนวิ้ จมุ ไข โรยไขในกระทะใหเปน ในทุกอยาง แมเรอ่ื งอาหารการกินกช็ าง รูปตารางส่ีเหลี่ยม ลอกใสจาน วางพริกชี้ฟาแดงหั่นเปนเสนยาวบนแผนไข วางทับดวย ประดดิ ประดอยใหง ดงาม) ผกั ชี ใสไสท ีผ่ ดั ไวห อ เปนรปู สเี่ หลี่ยมขนาดพอคํา 2. นักเรยี นบันทกึ ความรูท ไ่ี ดจ ากการอภิปราย รว มกันลงสมุด 11๙ ขอใดกลา วถงึ สวนประกอบของอาหาร ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู 1. ซา หริ่มล้มิ หวานลํ้า แทรกใสน้าํ กะทิเจือ 1 ลาเตยี ง มีลักษณะวิธที าํ คลา ยหรุม คือ ใชไ ขโรยฝอยเปนรา งแห ไสทําดวยหมู วติ กอกแหงเครือ ไดเ สพหรมิ่ พิมเสนโรย หั่นเปนชิ้นเล็กๆ ผัดกับถ่ัวลสิ งหวั หอมและเคร่อื งปรุง หอ ขนาดพอดคี าํ แตต า งกนั 2. ลาํ เจยี กช่อื ขนม นึกโฉมฉมหอมชวยโชย ทีล่ าเตียงหอ ไสซ ึ่งทําดวยกงุ ผดั กบั เคร่ืองปรงุ ในขณะทหี่ รมุ เวลาหอจะแผแ ผน หรุม ไกลกล่นิ ด้ินแดโดย โหยไหหาบหุ งางาม แลวเรียงเครอื่ งลงไป เรมิ่ จากพริกชี้ฟา แดงห่นั เปน เสน ใบผกั ชสี ด ทับดว ยหนากุง 3. มศั กอดกอดอยางไร นาสงสยั ใครข อถาม ตามลาํ ดับ เมอื่ มวนหอ พอดคี ํา จะมองทะลรุ างแหหรมุ เห็นสสี นั ของหนากงุ ทุกวนั น้ี กอดเคลนจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง หรุม ไมค อยจะเปนท่พี บเห็นโดยทว่ั ไป แตจ ะเปนอาหารเฉพาะขอกุฎใี หญห รือมัสยดิ 4. ขนมจีบเจา จบี หอ งามสมสอ ประพิมพป ระพาย ตน สน นกึ นอ งนุงจีบกราย ชายพกจบี กลีบแนบเนียน วิเคราะหคาํ ตอบ ขอที่กลาวถงึ สวนประกอบอาหาร คอื ขอ 1. กลา วถึง ขนมซา หรม่ิ ซงึ่ มสี ว นผสมของกะทิ และพิมเสน สว นในขอ อนื่ กลา วถึง ชือ่ ขนมและความรูส ึกของกวีท่มี ตี อ นางอนั เปนท่รี ัก ดังนนั้ จงึ ตอบขอ 1. คูมือครู 119
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรยี นอธบิ ายเก่ียวกบั การแกะสลักผกั ผลไม ความประณีตพิถีพิถัน ช่างประดิดประดอยท่ีปรากฏในเร่ือง นับวันจะมีผู้รู้กรรมวิธี ซงึ่ เปน ศลิ ปะเดน ของไทย เหล่านี้น้อยลง เช่น ศิลปะในการจัดแต่งอาหารด้วยการแกะสลัก ซึ่งเป็นงานท่ีผู้หญิงไทยสมัยก่อน (แนวตอบ การแกะสลักผกั และผลไมเ ดมิ เปน ตอ้ งเรยี นรูแ้ ละฝก หัดโดยเฉพาะผูห้ ญงิ ท่ีอยูใ่ นวัง วิชาการข้ันสงู ของกุลสตรใี นร้วั ในวงั ตอ งฝก ฝน การแกะสลักผักผลไม้เป็นงานฝีมือที่แสดงถึงความพยายามและความประณีตของผู้ท�า และเรยี นรูจนเกดิ ความชาํ นาญ บรรพบรุ ษุ ของ ปรุงแต่งด้วยความวิจิตรสวยงามท้ังรูปลักษณ์ภายนอกและรสชาติของอาหาร ผลไม้ต้องปอกเปลือก ไทยเราไดม ีการแกะสลกั กันมานานแลว คว้านเมล็ดออก โดยยังคงรูปลกั ษณเ์ ดิม เช่น “นอ ยหนานําเมล็ดออก ปลอ นเปลือกปอกเปนอัศจรรย”์ ในสมยั รัตนโกสินทรต อนตน พระบาทสมเดจ็ - หรอื ดัดแปลงให้งดงามยิง่ ขึน้ อยา่ งมะปรางริว้ “หมากปรางนางปอกแลว ใสโ ถแกว แพรว พรายแสง” พระพทุ ธเลิศหลา นภาลัย ทรงโปรดการประพันธ ส่วนขนมไทยน้ัน บางชนิดคนรุ่นหลังแทบไม่มีโอกาสได้เห็น เนื่องจากกรรมวิธีการท�า ยง่ิ นัก พระองคท รงพระราชนพิ นธกาพยแหชม ย่งุ ยาก ต้องอาศยั ฝีมือและความอตุ สาหะอย่างย่ิง เช่น เครื่องคาวหวาน และบทเหชมผลไมไ ดพรรณนา ชมฝมือการทาํ อาหาร การปอกควานผลไม จ่�มงกุฎ และประดิดประดอยขนมอรอยและสวยงาม เปนสุดยอดขนมไทยที่ร่ําลือกันวายากนัก เพราะตองใชมือกวาดเมล็ดแตงโม ทงั้ หลายวา เปน ฝมืองามเลศิ ของสตรีชาววัง สมัยนัน้ ดงั บทประพันธท ี่พรรณนาถงึ การจัด ในกระทะทองเหลืองท่ีตั้งบนเตาไฟ จนน้ําเช่ือมท่ีพรมลงไปจับท่ีผิวเมล็ดแตงโมจนเปน เตรียมผลไมอ ยางพถิ พี ถิ นั วา หนามพราว เอาไปติดประดับรอบๆ ตัวขนม ที่ตองทําฐานเปนถวยขนมกอน โดยปน “นอ ยหนา นาํ เมล็ดออก ขนมจากแปงสาลีและไขแดงเปนทองเอกกลมๆ วางตรงกลาง ใชมีดปลายแหลมผาเปน ปลอนเปลือกปอกเปน อัศจรรย ๖ พู เหมอื นเม็ดมะยม แลวปนเปนกอ นเลก็ ๆ วางบนยอดขนม ใชทองคําเปลวตัดเปน มอื ใครไหนจักทัน สีเ่ หล่ียมเล็กๆ ติดตรงยอดมองเหน็ เหมอื นมงกฎุ เทียบเทียมทฝ่ี ม อื นาง” และ “ผลเงาะไมง ามแงะ ชอ่ มว่ ง 1 มลอนเมล็ดและเหลอื ปญ ญา หวนเห็นเชนรจนา เปนขนมไทยท่ีตองใชฝมือในการทําอยางมาก โดยผสมแปงกับนํ้าดอกอัญชัน จา เจา เงาะเพราะเหน็ งาม”) คนในกระทะทองเหลืองดวยไฟออนๆ ใหสุก นํามานวด แบงเปนกอน กอนจะนําแปง มาแผตักไสท่ีมีสวนผสมของถ่ัวน่ึงบดกับฟก ผสมนํ้าตาลทรายและเกลือ คนในกระทะ 2. ครูสุม นักเรียน 2-3 คน มาชว ยกันนาํ เสนอ ทองเหลือง ท้ิงใหเย็นหอแปงใหมิด ใชที่หนีบขนมจับจีบใหเปนกลีบดอกไมนึ่งจนสุก หนา ชั้นเรยี น จากนนั้ ครชู ี้แนะเพ่มิ เติม แลวใชหวั กะทิพรมไมใหต ิดกนั 120 นกั เรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT คาํ ประพันธใ ดสะทอ นวัฒนธรรมไทยสมยั กอน 1 ดอกอัญชัน ควรเลอื กอัญชันสนี ํา้ เงนิ มาประกอบอาหาร เชื่อวา สารอาหาร 1. ชอ มว งเหมาะมรี ส หอมปรากฏกลโกสมุ จะมมี ากกวาสีอ่ืนและใหส สี วยงาม หากมีดอกสดมากสามารถผึ่งในที่รอ นและแหง 2. ทุเรยี นเจียนตองปู เนือ้ ดีดเู หลอื งเรอื งพราย โดยไมโดนแดดจดั รอใหแหง เก็บไวใ นโถปด สนทิ จะใชไดประมาณ 6 เดือน 3. ทองหยอดทอดสนทิ ทองมว นมดิ คิดความหลงั ดอกอัญชันแหง 10 ดอกตอแกว แทนดอกสด 5 ดอก ดอกแหงสามารถนาํ มาทาํ ชา 4. นึกนอ งนุงจบี กราย ชายพกจีบกลีบแนบแนน อญั ชัน ซงึ่ จะไมม ีกล่ินเหมน็ เขียว และไมม รี สชาติ สามารถปรงุ แตงรสไดตามชอบ วเิ คราะหคาํ ตอบ ขอ 1. กลาวชมขนมชอมวงวา หอมเหมอื นดอกไม ขอ 2. เชน นํา้ ผง้ึ น้ําตาล นาํ้ มะนาว เปน ตน กลาวถงึ ทุเรียนทวี่ างบนใบตองที่เจยี นอยา งดี ขอ 3. กลาวถงึ ทองหยอดและ ทองมว นท่ที าํ ใหนึกถึงความหลงั และขอ 4. กลาวถึงผานงุ ของนางผเู ปน ท่รี กั มุม IT ท่จี บั จีบชายพกไวอยางแนน ซ่ึงสะทอ นใหเห็นวัฒนธรรมการแตงกายของ หญงิ สาวในสมยั นั้น ตอบขอ 4. ศึกษาเก่ยี วกับขนั้ ตอนวิธกี ารประกอบอาหารชนดิ ตางๆ ที่ปรากฏในกาพยเหชม- เครอ่ื งคาวเพิ่มเติม ไดที่ http://www.siamsouth.com/smf/index. php?topic= 8153.0 120 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู บอกเล่าเกา้ สิบ นักเรียนอธิบายเกย่ี วกับการรับวฒั นธรรม อาหารการกนิ ของตา งชาติในสมัยกอ นท่พี บไดจาก เคร่อื งเทศ กาพยเ หชมเครื่องคาวหวาน เครอ่ื งเทศ เปน็ ของเผด็ รอ้ นและมกี ลน่ิ • คนไทยรับเอาวฒั นธรรมการกนิ ของตางชาติ หอมฉุน มีสรรพคุณทางยา ได้มาจากส่วน อยางไรบาง ตา่ งๆ ของพชื เชน่ เมล็ด ผล ดอก ราก หรือ (แนวตอบ ไทยมกี ารแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ล�าต้น แล้วน�ามาท�าให้แห้ง เพ่ือใช้ปรุงแต่ง การกินจากชาตทิ ่ีมาตดิ ตอ คาขายดวยท้ังจีน อาหารใหม้ รี สและกล่นิ ท่ีชวนรบั ประทาน อินเดีย เปอรเ ซีย แตท ี่กลา วถงึ ในกาพยเ ห เคร่ืองเทศส่วนหนึ่งเป็นพืชท้องถ่ิน ชมเครือ่ งคาวหวาน ไดแ ก ขา วหุงของ ของไทย แต่ส่วนใหญ่มักน�าเข้ามาโดย ชาวเปอรเ ซยี แตเดมิ เรยี กขาวชนดิ นีว้ า ชาวต่างชาติ จึงได้ชื่อหรือเป็นที่มาของ “บริญาณี” เปน การหุงขา วโดยใชเ นยหรอื คา� วา่ เครอื่ งเทศ และสนั นษิ ฐานกนั วา่ อาจนา� นํา้ มันเนยเปนตัวรัดเมลด็ ขาวใหเรยี งตัว เข้ามาสู่ครัวไทยตามการอพยพโยกย้าย สวยงาม และใสเ คร่อื งเทศทม่ี ชี ่ือวา ของชาวอินเดยี ตั้งแตส่ มัยโบราณ 1 “ลกู เฮลท” ไทยเพ้ียนเสียงมาเปน “ลูกเอ็น” เคร่ืองเทศซ่ึงเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยมีหลายอย่าง อาทิ อบเชย ลูกผักชี ย่ีหร่า หญ้าฝร่ัน ดังความวา “ขาวหุงปรุงอยางเทศ รสพเิ ศษ จนั ทนเ์ ทศ พรกิ ไทย กระวานหรอื ลกู เอน็ กานพลู เป็นต้น ใสล กู เอน็ ” และสีเหลอื งของขา วที่หุงนั้น เกิดจากการใชสมุนไพรชนดิ หนง่ึ ท่ีเรยี กวา ๒) สะท้อนสภ�พบ้�นเมืองในสมัยอดีต การติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ เช่น “หญาฝรน่ั ” ความจรงิ ไมใชห ญาแตเ ปนเกสร ชาวจีน ชาวอินเดีย หรือชาวเปอร์เซีย ท�าให้มีการแลกเปล่ียนวัฒนธรรมด้านอาหารการกิน ในเร่ือง ดอกไมชนิดหน่ึง ขาวหงุ น้เี มอื่ เขา มาเผยแพร กล่าวถึงอาหารคาวหวานท่ีไทยได้รับกรรมวิธีการท�ามาจากชาวต่างชาติ เช่น การหุงข้าวโดยใช้เนย ในไทยจากทเี่ รียก “บรญิ าณ”ี กเ็ พยี้ นมาเปน หรือน้�ามันเนยเป็นตัวรัดเมล็ดข้าวให้เรียงตัวดูสวยงามและใส่เครื่องเทศชนิดหน่ึงมีช่ือว่า ลูกเฮลท์ “ขาวบุเหลา ” และ “ขาวบุหลี่” ในท่สี ุด ซึง่ เพ้ยี นเสียงมาเป็น ลกู เอน็ ทา� ใหม้ กี ลิ่นเป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะ ซึ่งปจจุบันนาํ ไปปรบั ปรงุ เปนขาวหมกไก ขา วหมกแพะ) ข�้ วหุงปรุงอย�่ งเทศ รสพเิ ศษใสล่ กู เอ็น ใครหงุ ปรงุ ไมเ่ ปน็ เช่นเชงิ มติ รประดษิ ฐท์ �ำ นอกจากนี้ยังมีอาหารท่ีเรียกว่า ลุดต่ี มีลักษณะเป็นแผ่น ท�าจากข้าวเจ้าที่ ขยายความเขา ใจ Expand โม่ใหม่ๆ เป็นวิธีแบบโบราณโดยน�าไข่ไก่มาตีผสมกับแป้งข้าวเจ้า แล้วผสมด้วยสีเหลืองท่ีได้จาก หญ้าฝรั่นหรือขมิ้นผง เสร็จแล้วตักแป้งหยอดลงกระทะ กลอกแป้งไปมาให้แป้งแผ่เป็นแผ่นกลม นักเรยี นบอกช่อื อาหารในกาพยเ หช ม เม่ือแป้งสกุ จะร่อนจากกระทะ มสี เี หลืองนวล รับประทานกับแกงไก ่ ซ่งึ ต่อมากนิ เปน็ ขนมหรือของวา่ ง เคร่อื งคาวหวานท่ีไดร บั อิทธิพลจากตางชาติ ลุดต่นี ี้น่�ชม แผแ่ ผ่นกลมเพยี งแผ่นแผง (แนวตอบ อาหารคาวทไี่ ทยรับมาจากตางชาติ โอช�หน้�ไกแ่ กง แคลงของแขกแปลกกล่นิ อ�ย เชน มสั ม่ัน ขาวหุงเครื่องเทศ เปนตน อาหาร หวานและอาหารวา งทไ่ี ทยรบั มาจากตา งชาติ เชน 121 ลุดต่ี ซาหร่มิ เปน ตน) ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรียนควรรู ขอใดไมก ลา วถึงการรบั วัฒนธรรมจากตางประเทศ 1. ยาํ ใหญใสส ารพัด วางจานจดั หลายเหลอื ตรา 1 ย่หี รา มีสรรพคุณทางอาหาร ใชเ ปนเครอื่ งปรุง นําไปใชเ ปน สว นประกอบใน รสดดี วยน้าํ ปลา ญ่ีปนุ ลํา้ ย้าํ ยวนใจ การปรงุ อาหารบางชนดิ ไดแก แกง ตมยํา ซุป มกั เปน ที่นิยมกนั ในแถบยโุ รปหรอื 2. รังนกน่ึงนาซด โอชารสกวาทัง้ ปวง ตะวนั ออกกลาง ชวยใหม กี ล่ินหอมดบั กล่นิ คาวของเน้ือสตั ว และเปนสวนประกอบ นกพรากจากรังรวง เหมอื นเรยี มรา งหา งหองหวน ของการถนอมอาหารประเภทเนือ้ สัตว โดยนํามาปน หรือตาํ ผสมหมักในเน้ือสัตว 3. มศั กอดกอดอยา งไร นาสงสัยใครขอถาม เพราะนา้ํ มันหอมระเหยมีฤทธฆิ์ าเชอื้ จลุ นิ ทรียได ชวยปองกันไมใหเกดิ การบูดเนา กอดเคลนจะเห็นความ ขนมนามน้ยี งั แคลง เรว็ ขึน้ ปอ งกนั กลน่ิ เหมน็ อบั ของเน้อื สัตวเ วลาหมักกอนนําไปตากแหง สวนประกอบ 4. ลดุ ต่ีนน้ี า ชม แผแ ผนกลมเพยี งแผน แผง ของเครือ่ งแกง เชน แกงกะหรี่ แกงมัสมั่น แกงเผ็ดเหด็ แกงฮังเล บาเยยี การทาํ โอชาหนาไกแ กง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย เนอื้ สวรรค วิเคราะหค าํ ตอบ อาหารไทยท่กี ลาวถงึ ในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน คูมอื ครู 121 แสดงใหเห็นการติดตอคา ขายระหวางไทย เปอรเซีย และญี่ปุนกอใหเ กิดการ รับวัฒนธรรมการบรโิ ภคอาหารจากตางประเทศเขา มาในวฒั นธรรมไทย ซึ่ง ไดแ ก รสดีดว ยนํา้ ปลาจากญปี่ นุ มศั กอดและลุดตจ่ี ากเปอรเ ซีย ขอท่ีไมได กลาวถึงวฒั นธรรมอาหารท่ีรับจากตางประเทศ ตอบขอ 2.
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนอธิบายการใชว รรณศิลปใ นกาพยเ หช ม ๖.๒ คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ เคร่ืองคาวหวาน กวีสามารถพรรณนาอาหารคาวหวาน ผลไม้แต่ละชนิดได้อย่างเห็นภาพ เข้าใจชัดเจน • กาพยเ หชมเครือ่ งคาวหวานมกี ารใชโ วหาร มีการใช้ถ้อยคา� เปรยี บเทียบลกึ ซงึ้ กินใจและไพเราะ เช่น เปรียบเทยี บอยางไร (แนวตอบ ใชโ วหารเปรยี บเทยี บส่งิ ที่ไมมีชีวิต ๑) ก�รเลน่ เสยี งพยญั ชนะและก�รเลน่ เสยี งวรรณยกุ ต ์ ชว่ ยใหเ้ กดิ ความคลอ้ งจอง อยางอาหารกับนางผเู ปนทร่ี กั โดยเทียบกบั ไพเราะ เชน่ รปู ลกั ษณ สสี นั เครือ่ งแตง กาย กลน่ิ กริ ิยา ทา ทาง ดังทเี่ ปรยี บทบั ทมิ กับแหวนที่เปน เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้� รุม่ รุม่ เร�้ คอื ไฟฟอน เครือ่ งประดบั ของนางผูเ ปน ทรี่ ัก ความวา เจ็บไกลใจอ�วรณ์ ร้อนรมุ รุม่ กลุ้มกล�งทรวง “ทับทมิ พริม้ ตาตรู ใสจานดูดจุ เมด็ พลอย สกุ แสงแดงจกั ยอย อยางแหวนกอยแกวตาชาย” พลบั จนี จักด้วยมีด ท�ำ ประณตี น�ำ้ ต�ลกวน คดิ โอษฐ์ออ่ นยิ้มยวน ยลยงิ่ พลบั ยับยบั พรรณ และมีการกลาวเปรยี บเกนิ จริง เพื่อตองการให เกิดจินตภาพชดั เจนยงิ่ ขึ้น จําเปนตองแสดง ๒) ก�รใช้โวห�รเปรียบเทียบ ช่วยทา� ให้เกดิ จินตภาพ เช่น ดว ยถอ ยคาํ ท่ีมคี วามหมายเกินจริงจึงจะมีน้าํ หนกั เทียบเทากับสงิ่ ทอี่ ยใู นจินตภาพได ทบั ทมิ พรม้ิ ต�ตร ู ใส่จ�นดดู จุ เมด็ พลอย “กอยกงุ ปรุงประท่นิ วางถึงลนิ้ ดนิ้ แดโดย สุกแสงแดงจกั ยอ้ ย อย่�งแหวนก้อยแกว้ ต�ช�ย รสทพิ ยหยบิ มาโปรย ฤๅจะเปรียบเทยี บทนั ขวัญ”) ๓) ก�รใชโ้ วห�รเกนิ จรงิ เพอื่ เนน้ ยา�้ ความหมาย ใหผ้ อู้ า่ นเหน็ ถงึ ฝมี อื การปรงุ อาหาร ทเี่ ป็นเลศิ ยากจะหาใครเทยี บได ้ เช่น ขยายความเขา ใจ Expand กอ้ ยก้งุ ปรงุ ประท่นิ ว�งถึงล้ินดน้ิ แดโดย นักเรียนยกบทประพนั ธท่มี ีการใชโวหารเปรยี บ รสทพิ ย์หยบิ ม�โปรย ฤๅจะเปรียบเทยี บทนั ขวัญ เทียบ คนละ 1 บท และระบสุ มั ผสั ในของแตวรรค ๔) ก�รเลน่ ค�ำ เพ่อื สร้างอารมณ์สะเทือนใจให้แกผ่ ู้อ่าน เชน่ (แนวตอบ บทประพนั ธท ี่มีการใชโวหาร เปรียบเทยี บ ตวั อยา งเชน ผลจ�กเจ้�ลอยแก้ว บอกคว�มแลว้ จ�กจำ�เปน็ “ขนมผงิ ผงิ ผา วรอน จ�กช�ำ้ น�้ำ ต�กระเด็น เปน็ ทุกขท์ �่ หน�้ นวลแตง เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน รอนนักรักแรมไกล อาหารคาว อาหารหวาน และผลไม้ท่ีปรากฏในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เมื่อไรเห็นจะเยน็ ทรวง” สามารถเลา่ เรอ่ื งราวได้มากมาย ท้ังวัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ิต และสภาพบ้านเมอื ง สมั ผสั ในมที งั้ สมั ผัสสระและสมั ผัสอักษร ดงั น้ี ทÓใหภ้ มู ใิ จในเอกลกั ษณข์ องอาหารไทยทม่ี คี วามงดงามวจิ ติ ร ละเอยี ดออ่ น และพถิ พี ถิ นั สมั ผสั สระ ไดแก ผงิ -ผงิ , ไฟ-ใน, นัก-รกั , เหน็ -เย็น ในทกุ ขนั้ ตอนการทÓ เปน็ แบบอยา่ งทดี่ ที ผ่ี หู้ ญงิ ไทยในปจั จบุ นั ควรยดึ ถอื และตระหนกั ถงึ สัมผสั อกั ษร ไดแ ก ผงิ -ผาว, ไฟ-ฟอน-ฟอก, รอ น- ความสÓคัญของเสน่ห์ปลายจวัก ซ่ึงผู้เรียนสามารถนÓความรู้ที่ได้รับจากการอ่านไปใช้ รัก-แรม) ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจÓวนั ได้ รวมทง้ั สามารถถา่ ยทอดความรทู้ ไ่ี ดร้ บั ใหก้ บั บคุ คลใกลช้ ดิ หรอื คนในสงั คมให้เหน็ ถึงความประณตี ในการปรงุ อาหารของคนไทย 122 เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอ ใดกวีใชโวหารเปรยี บเทียบไดช ัดเจนทส่ี ุด ครสู รปุ ความรคู วามเขา ใจเร่อื งอาหารและวรรณคดไี ทยวา อาหารในกาพยเหช ม 1. เหน็ หรมุ รมุ ทรวงเศรา รุม รมุ เราคอื ไฟฟอน เครอ่ื งคาวหวานมีความสาํ คญั เทียบไดกับขบวนเรอื พยหุ ยาตรา อนั ถือวา เปน 2. ตับเหลก็ ลวกหลอ นตม เจือนํา้ สม โรยพริกไทย ศิลปกรรมชัน้ สงู และเปนสญั ลักษณแทนความยิง่ ใหญแหง สถาบันพระมหากษัตรยิ 3. เทโพพนื้ เน้ือทอ ง เปน มนั ยอ งลองลอยมัน คือ การยกยองอาหารใหเ ปน ตัวแทนของนางอันเปนทร่ี ัก ทําใหก าพยเหชม 4. ยําใหญใสสารพดั วางจานจดั หลายเหลอื ตรา เคร่ืองคาวหวานเปน หลักฐานสําคญั ในการรังสรรคบทกวรี กั ในรูปแบบอลังการที่ สะทอ นทศั นคตเิ ก่ยี วกบั ความสําคญั ของอาหาร และอารมณรกั ใครทมี่ ีตอ นาง วเิ คราะหคาํ ตอบ การใชโวหารเปรียบเทยี บทาํ ใหเกดิ จินตภาพไดช ัดยิ่งขน้ึ อนั ทําใหผอู านเกิดความสะเทือนอารมณ จากขอ ทวี่ า “เหน็ หรมุ รมุ ทรวงเศรา รุมรุมเรา คอื ไฟฟอน” กวใี ชค าํ วา “คอื ” ซึง่ เปน โวหารภาพพจนอ ปุ ลักษณ ถอดคาํ ประพันธไ ดว า เมอ่ื เห็นหรมุ ก็รสู ึก รอ นรุมในทรวง เปรียบความรอ นรมุ นนั้ คอื ไฟทย่ี ังรอนระออุ ยแู มจ ะดับมอด ไปแลว ตอบขอ 1. 122 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ค�าถาม ประจ�าหนว่ ยการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนบอกช่อื อาหารทไ่ี ดร บั อทิ ธิพลจาก ตางชาติได ๑. นกั เรยี นคดิ วา่ ความไพเราะของกาพยเ์ หช่ มเคร่ืองคาวหวาน เป็นผลมาจากการประพนั ธ์ด้วยกลวิธี ใดบ้าง ยกตัวอยา่ งและอธิบาย 2. นกั เรียนยกบทประพันธท มี่ ีการใชโ วหาร เปรียบเทยี บ คนละ 1 บท และระบุสัมผัสใน ๒. ใ ห้นักเรยี นยกตัวอยา่ งอาหารคาว อาหารหวาน ในกาพยเ์ หช่ มเครอ่ื งคาวหวานท่ีไทยรับมาจาก ของแตว รรคได ต่างชาติ ประเภทละ ๒ ตวั อย่าง หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ๓. น กั เรยี นคิดวา่ ลักษณะเด่นของอาหารไทย ดงั ทปี่ รากฏในกาพยเ์ หช่ มเคร่อื งคาวหวานคืออะไร และท�าใหอ้ าหารไทยมีความแตกต่างจากอาหารของชาตอิ ่ืนอยา่ งไร 1. ปา ยนเิ ทศสื่อการเรยี นรภู าพผลไมจ บั คกู ับ บทประพันธใ นหอ งเรียน 2. การเขียนคําบรรยายภาพอาหาร 3. การยกบทประพันธท่มี โี วหารเปรยี บเทยี บ กจิ กรรม สรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการเรียนรู้ กิจกรรมที่ ๑ ใหน้ ักเรียนศกึ ษาคน้ คว้าขนมไทย จากแหล่งเรียนรตู้ า่ งๆ เชน่ ห้องสมดุ กิจกรรมที่ ๒ อนิ เทอร์เน็ต จัดท�าป้ายนิเทศ นา� รูปภาพมาติดประกอบ โดยอาจอธบิ ายเก่ียวกบั กิจกรรมที่ ๓ สว่ นประกอบ วธิ ีท�าขนมไทยชนดิ ตา่ งๆ กจิ กรรมท่ี ๔ ใหน้ กั เรยี นเขยี นบนั ทกึ ความทรงจา� ถงึ งานประเพณตี า่ งๆ ทมี่ ขี นมไทยจากกาพยเ์ ห-่ ชมเคร่ืองคาวหวานเป็นส่วนประกอบพิธกี รรม เรยี บเรยี งดว้ ยถอ้ ยค�าที่สละสลวยและ บรรยายให้เห็นภาพชัดเจน แ บ่งนักเรียนออกเป็น ๕ กลมุ่ หรือตามความเหมาะสม แข่งขันทายปรศิ นาอาหาร อะไรเอ่ย ตัวแทนกลุ่มสลับออกมาหน้าชั้น บอกส่วนประกอบ รูปลกั ษณ์ รสชาติ อาหาร กลุม่ ใดตอบถูกต้องและรวดเรว็ ทสี่ ุดจะได้คะแนน ให้นักเรียนฝกึ แตง่ กาพย์ยาน ี ๑๑ ชมเครอ่ื งคาวหวานในปัจจบุ ัน คนละ ๓ บท แนวตอบ คาํ ถามประจําหนว ยการเรยี นรู 1. ความไพเราะของกาพยเ หช มเครอื่ งคาวหวานเปนผลมาจากการประพันธทใ่ี ชก ลวธิ ี ดังน้ี • การใชโวหารเปรียบเทียบทําใหเกิดจินตภาพ • การใชโ วหารเกินจรงิ เนน ยํา้ ความหมายใหผ ูอานเห็นถึงฝม ือการปรงุ อาหารทเ่ี ปนเลศิ ยากจะหาใครเทียบได • การเลน คาํ เพ่อื สรางอารมณส ะเทือนใจ • การเลนเสยี งทัง้ เสียงพยัญชนะและเสียงวรรณยุกต ทาํ ใหเ กิดความคลองจองไพเราะ 2. อาหารคาวทไี่ ทยรบั มาจากตางชาติ เชน มสั มั่น ขา งหงุ เคร่อื งเทศ อาหารหวานท่ไี ทยรบั มาจากตางชาติ เชน ลดุ ต่ี ซา หรมิ่ 3. ลักษณะของอาหารไทยดังที่ปรากฏในกาพยเ หชมเครื่องคาวหวาน คือ มคี วามงดงามละเอยี ดออน และความพิถีพถิ ันในการปรงุ อาหารของคนไทย ซึง่ ทาํ ใหอาหาร มีรูปลักษณส วยงาม เปนเอกลักษณเ ฉพาะตัวทไี่ มเหมอื นชาตอิ ่นื คูมือครู 123
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปา หมายการเรยี นรู 1. สรปุ เน้ือหานทิ านพน้ื บาน 2. วเิ คราะหนทิ านพ้ืนบา นพรอมยกเหตุผลประกอบ 3. อธบิ ายคณุ คา ของนทิ านพนื้ บาน 4. สรุปความรแู ละขอ คดิ ทไ่ี ดจากนทิ านพ้นื บา น เพอ่ื ใชใ นชีวิตจริง สมรรถนะของผูเรยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชท ักษะชีวติ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค 1. ใฝเ รียนรู 2. รกั ความเปนไทย กระตนุ ความสนใจ Engage ๗หนว่ ยที่ ครูใหน กั เรยี นดภู าพหนาหนวย แลว ถาม นทิ านพืน้ บ้าน นักเรยี นวา ตัวชี้วัด นิทานพน้ื บา้ น เปน็ เรอ่ื งราวทเ่ี ลา่ ขานกนั • จากภาพหนา หนว ยนกั เรยี นคดิ วาเปนนิทาน เรอ่ื งอะไร และมตี ัวละครใดในภาพบา ง ■■ สรุปเนือ้ หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอี่ า่ น (ท ๕.๑ ม.๑/๑) สืบมา แม้ยากที่จะเช่ือว่าเป็นความจริง แต่ถ้า (แนวตอบ เรือ่ งสงั ขทอง มีนางรจนา เจาเงาะ ■■ วเิ คราะห์วรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่านพรอ้ มยกเหตุผลประกอบ ได้พิจารณาเน้ือหาอย่างถ่องแท้แล้ว จะพบว่า และพระสงั ข) แฝงเร้นไว้ด้วยสาระท่ีเป็นประโยชน์ และยัง (ท ๕.๑ ม.๑/๒) สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ภมู ปิ ญั ญาและทศั นคตขิ องมนษุ ย์ ■■ อธิบายคุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอี่ า่ น (ท ๕.๑ ม.๑/๓) ■■ สรปุ ความรแู้ ละข้อคดิ จากการอ่านเพ่ือประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ จริง (ท ๕.๑ ม.๑/๔) สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ในแตล่ ะสงั คม ในแต่ละด้านไดเ้ ป็นอย่างดี นอกจากนี้ การศกึ ษานทิ านพนื้ บา้ นยงั จะทา� ใหเ้ กดิ ■■ การวเิ คราะห์คณุ ค่าและขอ้ คดิ จากวรรณคดี และวรรณกรรม เร่ือง นิทานพืน้ บ้าน ความเข้าใจในเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถ่ินอันน�าไปสู่ การยอมรับในความหลากหลายทางวัฒนธรรมซ่ึงจะ 124 ทา� ใหม้ นษุ ยส์ ามารถอยรู่ ว่ มกนั ในสังคมไดอ้ ย่างเป็นสุข เกรด็ แนะครู หนวยการเรยี นรนู ้ี ครใู หนักเรียนแลกเปลยี่ นประสบการณและความรูเ กีย่ วกับ นทิ านพ้นื บา น โดยครูขออาสาสมคั รมาเลานิทานเรื่องทเ่ี หน็ วา เปน เร่ืองที่นาสนใจท่ี เคยอานหรอื เคยฟง หนา ชน้ั เรียน และใหเ พ่ือนในชัน้ เรยี นรว มกันแสดงความคิดเห็น เกีย่ วกบั นทิ านทเ่ี พ่ือนเลา เชน บอกขอคิดทไี่ ดจากเรอ่ื ง แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับ ตัวละครในเรือ่ ง เปน ตน 124 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๑ ความเป็นมา ครใู หน กั เรียนออกมาเลาประสบการณเ กย่ี วกับ นิทานหนาช้ันเรียน นิทานพ้ืนบ้าน คือ เร่ืองราวท่ีเล่าสืบทอดกันมาด้วยปากต่อปากจากความทรงจ�าโดยไม่อาจ สบื สาวไดว้ า่ ใครเปน็ ผแู้ ตง่ หรอื ผเู้ ลา่ เปน็ ครงั้ แรก บอกไดแ้ ตเ่ พยี งวา่ เปน็ เรอ่ื งเกา่ ทเ่ี ลา่ สบื กนั มา ภายหลงั • นกั เรยี นชอบฟงหรอื อา นนิทานหรือไม เพราะเหตุใด จงึ ไดม้ ีกานรทิ ถาา่ นยพทนื้อบดา้เรน่อื ถงอืเลเปา่ เน็ หมลรา่ ดนกน้ั ทเปางน็ วลฒั านยธลรกั รษม1ณทอ์ปี่ ักรษากรฏดอ้วยยกใู่ นาทรเกุขทียอ้นงหถรน่ิ ือขกอางรไพทิมยพเ์นอื่ งจากสามารถ • นักเรียนเคยฟง เคยอา น หรอื เคยเลานทิ าน นา� มาเลา่ ไดใ้ นทกุ โอกาส ทกุ สถานท่ี แมก้ ารถา่ ยทอดอาจท�าใหม้ กี ารเปลย่ี นแปลงใหเ้ ขา้ กบั ความเคยชนิ พื้นบานหรอื ไม อยางไร ในท้องถ่ิน แต่เน้ือหาและโดยเฉพาะโครงเรื่องของนิทานมักมีความคล้ายคลึงกัน สะท้อนให้เห็นว่า นทิ านพ้ืนบา้ นไดร้ ับความนิยมแพรห่ ลายไปทัว่ ทกุ ภาคของประเทศไทย สาํ รวจคน หา Explore ๑.๑ ความสา� คญั และประโยชนข์ องนทิ านพนื้ บา้ น 1. นกั เรียนศกึ ษาความเปน มาและความสาํ คัญ ของนิทานพนื้ บา น ฟังนิทานเป็นกิจ๑ก)ร รใมหบ้คันวเทามิงใบจันเเนท่ือิงงแจกา่ผกู้นฟิทังานส2ังสคามมไาทรยถในน�าอมดาีตเลโด่าไยดเฉ้โดพยาไะมส่ตัง้อคงมมชีพนิธบีรทีตนอิยงมจเลึง่าไดแล้รับะ 2. นกั เรียนศกึ ษาประเภทของนิทานพ้ืนบา น การสืบทอดและแพรห่ ลายในทุกท้องถนิ่ แม้เน้ือหาของนทิ านจะมีหลายรูปแบบ แต่จุดประสงค์ดัง้ เดิม ของการเล่านิทาน คอื เพื่อเป็นส่ิงบนั เทงิ ใจในยามวา่ งจากการงาน อธบิ ายความรู Explain ๒) ให้ความรู้ นิทานพื้นบ้านหลายเร่ืองอาจมีความรู้สอดแทรกอยู่ เช่น ความรู้ 1. นกั เรยี นสรุปความเปน มาของนทิ านพนื้ บา น เก่ยี วกับจารตี ประเพณี พธิ ีกรรม ศาสนา และประวัติศาสตร์ ลงสมดุ (แนวตอบ นิทานพน้ื บา นเปนเรื่องทเ่ี ลาสบื ตอกนั ๓) ให้แนวทางในการด�าเนินชีวิต นิทานพ้ืนบ้านโดยทั่วไปมักมีแก่นหรือแนวคิด มาจากความทรงจําแบบปากตอปาก โดยไม ส�าคัญของเร่ืองอิงอยู่กับหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา ดังน้ัน การเล่า การอ่าน หรือการแสดง สามารถบอกไดวา ใครเปนคนเลาหรือคนแตง นิทานพื้นบ้านในที่ประชุมชน จึงมีส่วนปลูกฝังจริยธรรมพร้อมๆ กับความบันเทิงแก่ผู้ฟัง เช่น ชีวิต คนแรก ตอมาจึงมกี ารบนั ทกึ เปน ลายลกั ษณ หรือพฤติกรรมของตัวเอกฝ่ายดีและฝ่ายไม่ดี เป็นแบบอย่างให้ผู้ฟังน�ามาใช้และละเว้นการปฏิบัติ อกั ษร) ในการด�าเนินชีวิตหรือนา� มาอบรมบุตรหลานของตนต่อไป 2. ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คน มานาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น ๔) ให้ค�าอธิบายความเป็นมาของชุมชนและเผ่าพันธุ์ นิทานพ้ืนบ้านบางส่วน มีเนื้อหาเป็นต�านาน หรืออธิบายความเป็นมาของชุมชนเผ่าพันธุ์ที่ตั้งรกรากอยู่ในแต่ละท้องถิ่น ของไทย เช่น เรื่อง ท้าวแสนปม เป็นนิทานพื้นบ้านท่ีอธิบายความเป็นมาของบรรพบุรุษของ ชาวภาคกลาง เรื่อง ขนุ บรม อธบิ ายความเปน็ มาของบรรพบุรุษของชาวอสี าน เป็นต้น ๕) ให้แรงจูงใจชาวบ้านในการไปวัด ชาวไทยในอดีตนิยมไปวัดเพื่อฟังธรรม ซึ่งมักมีนิทานสอดแทรกอยู่ด้วย เพราะเช่ือว่าการฟังธรรมเป็นกุศลผลบุญอย่างหนึ่งท่ีมีอานิสงส์ สูงมาก ความเชื่อเร่ืองนี้ได้สืบต่อกันมา โดยจะพบเห็นได้อย่างชัดเจนเม่ือนิทานพื้นบ้านอยู่ในรูปของ วรรณกรรมลายลักษณ์ 125 บูรณาการเช่อื มสาระ นกั เรียนควรรู ครูบรู ณาการความรจู ากการจาํ แนกนิทานพน้ื บา นตามความสาํ คัญและ 1 มรดกทางวัฒนธรรม นทิ านพน้ื บา นแสดงใหเ ห็นถึงวฒั นธรรมของผคู น ประโยชนเขากับกลุมสาระการเรียนรูสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในทองถน่ิ หรือชุมชนนั้น นทิ านมีความสัมพันธก บั วถิ ีชีวิตของคนในทอ งถิ่น ทําให วิชาประวตั ิศาสตร ซึง่ ประวตั ิศาสตรทอ งถิน่ จะเปนเรอื่ งราวและประวัติ มองเหน็ การดาํ เนินชวี ิต อาชพี ความเชื่อ ศาสนา และแนวความคดิ ของคน ความเปน มาของคนในทองถ่นิ หรือชมุ ชน โดยวธิ ีการเลาสบื ตอ กันมาและแมว า ในทองถิน่ จึงนับวานิทานเปน บนั ทกึ สังคมท่สี ําคัญ และเปน มรดกทางวัฒนธรรม จะไดร บั การแตง เตมิ จากจิตนาการของผูเลา แตกม็ ีการองิ เคา ความเปนจริง ที่มคี ณุ คาอยางหน่ึง ตามวถิ ีชีวติ และสภาพแวดลอ มของทอ งถ่ิน การศกึ ษานิทานพน้ื บา นทาํ ให 2 นิทาน เปนเรือ่ งทีเ่ กดิ จากจนิ ตนาการกจ็ รงิ แตเนื้อเรื่องของนิทานมกั จะ เหน็ การดาํ เนินชวี ติ อาชพี ความเชือ่ ศาสนา และแนวความคิดของคน เลียนแบบชวี ติ จริงของคนอ่ืนๆ คือสรางเร่ืองใหตวั ละคร ซง่ึ มกั จะเปน ตวั พระเอก ในทอ งถ่นิ เม่อื นาํ ไปบรู ณาการเช่ือมสาระกับวชิ าประวตั ิศาสตรจ ะชวยให ออกเดนิ ทางไปผจญภัยในโลกกวาง ไดพบกบั อปุ สรรคนานปั การ พระเอกฝา ฟน นกั เรยี นเห็นคุณคา ของนทิ านพนื้ บานในฐานะที่เปนมรดกทางวัฒนธรรมทมี่ ี อปุ สรรคและไดร ับความสุขสาํ เร็จในตอนจบเรือ่ ง คุณคาอยา งหน่งึ ท่ีตอ งเรยี นรูและรกั ษาตอ ไป คมู ือครู 125
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นักเรยี นอธบิ ายความสําคญั และประโยชนข อง ๖) ให้เน้ือเร่ืองแก่การแสดงพ้ืนบ้าน การละเล่นและการแสดงพื้นบ้านในแต่ละ นทิ านพ้ืนบา น ท้องถ่ิน ส่วนหนึ่งมักสัมพันธ์กับนิทานพ้ืนบ้าน เน่ืองด้วยนักแสดงหรือนักเล่านิทานย่อมได้รับอิทธิพล หรอื ได้เนื้อเรื่องบางสว่ นบางตอนมาจากนทิ านพืน้ บา้ น (แนวตอบ ความสาํ คัญและประโยชนของนิทาน นิทานพื้นบ้านท๗่ีม) ีเนให้ืออ้หทิ าธเกพิ ่ียลวตเอ่นศื่อลิงปกับกรพรรมะพนุททิ าธนศพานื้สบนา้านแมลอี ะทิ ชธาพิ ดลก1ตอ่ เศชลิ่นปกภรารพมทจอ้ิตงรถกน่ิ รรโดมยฝเาฉผพนาะัง พืน้ บาน มดี งั นี้ เรื่อง คันธกุมารหรือคัชนาม ที่วิหารจัตุรมุข วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน ภาพจิตรกรรมฝาผนัง เร่อื ง สนิ ไซ ทพ่ี ระอโุ บสถวัดฝงั แดง จังหวัดนครพนม เป็นต้น 1. ใหความรูเกย่ี วกับวัฒนธรรมของเจา ของ นทิ าน เชน ความรเู กย่ี วกับชวี ติ ความเปน วิหารจัตุรมขุ วัดภมู นิ ทร์ จงั หวัดนา่ น อยู จารีตประเพณี ความเชอ่ื คา นยิ ม สภาพ เศรษฐกจิ ภมู ปิ ระเทศ และถ่นิ ฐานบา นเรอื น เน่ืองจากนทิ านพนื้ บ้านเปน็ วรรณกรรมประเภทหนึ่งซงึ่ เรยี กวา่ วรรณกรรมมุขปาฐะ คือ เปน็ ทัง้ รูปแบบการเลา นิทานท่ีใชค ําประพันธ วรรณกรรมที่เป็นเร่อื งเลา่ สบื ตอ่ กันมา ครั้นเม่ือมผี ้บู ันทึกเป็นลายลกั ษณอ์ กั ษร จึงเรยี กว่า วรรณกรรม เขามาชวย เชน แหล เทศน เสภา ท้งั ยังสรา ง ลายลกั ษณ์ และถา้ ปรงุ แตง่ สา� นวนโวหารดเี ยย่ี มเปน็ ทย่ี อมรบั กนั ทว่ั ไป กบ็ ญั ญตั เิ รยี กวา่ วรรณคดี ดงั นน้ั ความงามดานรูปแบบอีกประการหนึ่ง ดงั นน้ั นทิ านพน้ื บ้านจงึ เปน็ สว่ นหนึ่งของวรรณกรรมลายลกั ษณ์ วรรณคดี และส�านวนโวหาร นทิ านพืน้ บา้ น หากเยาวชนไดเรยี นรูนิทานพน้ื บา นของตน จงึ มคี ณุ คา่ ในด้านภาษาและวรรณคดีไทยอีกหลายประการ ไดแ้ ก่ จึงเปน ชองทางในการรูตนเอง สามารถ อธิบายท่ีมาของตนเองได รวมทั้งอาจจะบอก 126 ไดถ ึงขอ ดแี ละขอจํากดั ในวัฒนธรรมนั้นๆ ของตน 2. ใหความสนุกสนานเพลิดเพลนิ ปกตแิ ลว ผูเ ลานิทานมกั เปน ผใู หญห รือผูมปี ระสบการณ สว นผูฟงมกั จะเปนเดก็ หรือมปี ระสบการณ นอยกวา การเลานทิ านพน้ื บานเปนกจิ กรรม ที่ผูฟงทุกหมูท ุกเหลา ชน่ื ชอบ ปจจุบนั การเลา นทิ านกย็ งั มอี ยทู ั่วไป เพยี งแตเ ปลยี่ นไปตาม สถานการณห รอื ผูฟง เทา นนั้ 3. นทิ านพื้นบานนอกจากจะใหความบันเทิงแลว ยงั แทรกคตคิ าํ ส่ังสอน แนวทางการประพฤติ ปฏบิ ัติ ใหแงค ิดและแนวทางการดาํ เนินชวี ิต สว นใหญจ ะเปน หลกั ธรรมวา “ทาํ ดีไดด ี ทําชั่วไดชั่ว” แนวปฏิบตั ทิ ี่มกั จะสอดแทรก ในเน้ือหา เชน ความซ่อื สตั ย ความกตญั ู ความขยนั หมั่นเพียร การเชือ่ ฟง ผูใหญ เปนตน ) นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอใดหมายถงึ นทิ านมขุ ปาฐะ 1 ชาดก คอื เรือ่ งราวหรอื ชวี ประวตั ใิ นชาตกิ อนของพระพทุ ธเจา ในสมยั ท่ีพระองค 1. นิทานทถี่ ายทอดกันปากตอ ปาก เปนพระโพธิสตั วบําเพ็ญบารมีเพ่ือตรสั รอู ยู พระองคท รงนํามาเลา ใหพ ระสงฆฟ ง 2. นทิ านทถี่ า ยทอดกันดวยการเขยี น ในโอกาสตางๆ คือเลา ถงึ การท่ีพระพทุ ธเจา ทรงเวยี นวา ยตายเกิด ถอื เอากําเนดิ 3. นทิ านทถี่ ายทอดกันดว ยตวั หนงั สอื ในชาตติ างๆ ไดพ บปะผจญกับเหตกุ ารณด บี างชัว่ บาง แตก ็ไดพ ยายามทาํ ความดี 4. นทิ านที่ถายทอดกนั ดวยลายลกั ษณอกั ษร ติดตอ กันตลอดมาจนเปนพระพทุ ธเจา ในชาตสิ ดุ ทา ย กลาวอกี อยา งหนึง่ จะถือวา วิเคราะหค าํ ตอบ นทิ านเริ่มถายทอดดวยการเลาสูก ันฟง หากนิทานเรื่องใด เรื่องชาดกเปนววิ ฒั นาการแหง การบาํ เพ็ญคณุ งามความดีของพระพทุ ธเจา ตั้งแต ทม่ี ีการใชภ าษาสาํ นวนโวหารดกี จ็ ะมีการบันทึกเปนลายลักษณอ ักษรเรียกวา ยงั เปน พระโพธสิ ตั วอ ยกู ไ็ ด ในอรรถกถาแสดงดว ยวา ผนู น้ั ผนู ก้ี ลบั ชาตมิ าเกดิ เปน ใคร วรรณกรรมลายลักษณ ดงั นัน้ ขอ ท่ีไมใ ชว รรณกรรมลายลักษณแตเปน ในสมยั พระพทุ ธเจา แตใ นบาลพี ระไตรปฎกกลา วถึงเพียงบางเร่ือง เพราะฉะน้นั วรรณกรรมมุขปาฐะ คอื นทิ านท่ีถายทอดกันปากตอ ปาก ตอบขอ 1. สาระสําคญั จงึ อยูท ค่ี ณุ งามความดแี ละอยูท ่ีคติธรรมในนทิ านนั้นๆ 126 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๑) นิทานพื้นบ้านเป็นบ่อเกิดของวรรณกรรมลายลักษณ์และวรรณคด ี 1. นักเรียนอธิบายหวั ขอตอ ไปนี้ วรรณกรรมลายลักษณ์ในท้องถ่ินต่างๆ ได้พัฒนามาจากนิทานพ้ืนบ้านในท้องถิ่นนั้นๆ โดยมีการน�า • วรรณกรรมมขุ ปาฐะ เน้ือเรื่องนิทานพ้ืนบ้านมาประพันธ์ตามฉันทลักษณ์ท่ีนิยมกันในท้องถิ่น เป็นวรรณกรรมลายลักษณ์ (แนวตอบ วรรณกรรมมุขปาฐะ คอื เพอ่ื ใชอ้ า่ นหรอื ขบั ลา� นา� ในทช่ี มุ ชน นอกจากนยี้ งั มกี ารนา� นทิ านพนื้ บา้ นบางเรอ่ื งมาปรงุ แตง่ ดว้ ยสา� นวน วรรณกรรมที่เปนเรือ่ งเลาสืบตอกันมา) และโวหารอันประณตี จนไดร้ บั การยกย่องวา่ เปน็ วรรณคดีของชาติ เช่น กลอนบทละครเรอื่ งสงั ข์ทอง • วรรณกรรมลายลกั ษณ เสภาเรือ่ งขุนช้างขนุ แผน เป็นตน้ (แนวตอบ วรรณกรรมลายลกั ษณ คอื วรรณกรรมท่มี ีการบันทกึ ไวเ ปน ลายลักษณ ๒) นิทานพื้นบ้านมีอิทธิพลต่อส�านวนที่ใช้ในภาษาไทย ส�านวนพูดในภาษาไทย อักษร ซ่ึงหากใชส าํ นวนภาษาดีเย่ยี ม ส่วนหนึ่งมีท่ีมาจากนิทานพื้นบ้าน โดยอาจน�ามาจากช่ือตัวละครหรือเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่อง เช่น ก็บัญญตั ิวา เปน “วรรณคดี”) กระต่ายต่ืนตูม ได้ทีขี่แพะไล่ หัวล้านได้หวี ตาบอดได้แว่น กิ้งก่าได้ทอง ลูกทรพี แพะรับบาป สบิ แปดมงกฎุ ไก่ได้พลอย กบเลือกนาย เป็นตน้ 2. นักเรยี นอธิบายวา เหตุใดนทิ านพ้นื บานจงึ มี อิทธพิ ลตอ สาํ นวนทีใ่ ชในภาษาไทย ๑.๒ ประเภทของนทิ านพนื้ บา้ น (แนวตอบ เหตทุ ่นี ิทานพืน้ บานมอี ทิ ธพิ ลตอ สาํ นวนทใ่ี ชใ นภาษาไทย กเ็ พราะนทิ านพน้ื บา น นิทานพื้นบ้านไทย จ�าแนกได้เป็น ๗ ประเภท โดยพิจารณาจากเนื้อหาหรือรูปแบบ ใหข อ คดิ เตอื นใจทสี่ ามารถนาํ มาใชใ นชวี ติ จรงิ ได ท่มี คี วามคลา้ ยกัน ดงั น้ี ซ่งึ ประโยชนดังกลาวทําใหม ผี กู ลา วถึงนทิ าน พื้นบา นเมือ่ ตองการใหข อคดิ เตอื นใจ โดยนาํ ๑) นิทานมหัศจรรย์ หรือนิทานประโลมโลกหรือนิทานจักรๆ วงศ์ๆ มักมีเนื้อเร่ือง ชือ่ ตัวละครหรือเหตกุ ารณสําคญั ในเรื่องมาเปน ที่ให้ความสนุกสนาน เล่าถึงการผจญภัยของตัวเอก ของวิเศษ อิทธิฤทธ์ิต่างๆ โดยมีแนวคิดหลัก สาํ นวน เชน กระตายตนื่ ตูม ไดทีข่แี พะไล คอื ธรรมะย่อมชนะอธรรม เช่น เรอื่ งทา้ วก�า่ กาดา� โสนน้อยเรอื นงาม มโนราห์ เป็นตน้ กง้ิ กา ไดท อง กบเลอื กนาย เปน ตน ) ๒) นิทานวีรบุรุษ เป็นเร่ืองราวของวีรบุรุษประจ�าท้องถ่ินท่ีเช่ือกันว่าบุคคลเหล่าน้ัน 3. นกั เรยี นตอบคําถามวา นิทานพ้ืนบา นไทย มีชีวิตจริง มีชื่อปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ และได้สร้างวีรกรรมไว้ โดยน�าเน้ือเร่ืองมาผูกกับอิทธิฤทธิ์ แบงเปนกีป่ ระเภทอะไรบาง ปาฏิหาริย์และความเก่งกล้าเหนือมนุษย์ธรรมดามา1กกว่าที่จะเล่าตามข้อเท็จจริง เช่น เรื่องพระร่วง (แนวตอบ นิทานพน้ื บานไทย แบงเปน 7 มีวาจาสิทธ์ิเป็นกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ท้าวแสนปมคือพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ประเภท ไดแ ก นิทานมหัศจรรย นิทานวีรบรุ ษุ เป็นต้น นทิ านประจาํ ถิน่ นทิ านอธบิ ายเหตุ นทิ าน เทพนยิ าย นิทานคตธิ รรม นทิ านมกุ ตลก) ๓) นิทานประจ�าถ่ิน เป็นเรื่องท่ีเล่าสืบต่อกันมาในท้องถ่ิน ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นการ อธิบายชื่อสถานที่หรือประวัติความเป็นมาของโบราณสถาน โดยน�าเนื้อเร่ืองหรือตัวละครมาเกี่ยวพัน กับสถานที่ในท้องถิ่น และเช่ือกันว่าเป็นเหตุการณ์จริงท่ีเกิดข้ึนเม่ือคร้ังอดีตกาลนานมาแล้ว แต่ยัง ปรากฏหลกั ฐานเปน็ พยานยนื ยนั อยู่ เชน่ เรอื่ งพระยากงพระยาพาน เลา่ ความเปน็ มาของพระปฐมเจดยี ์ เรื่องท้าวปาจิต-นางอรพิม เล่าความเป็นมาของปราสาทหินพิมาย เร่ืองเจ้าแม่ล่ิมกอเหน่ียว เล่าความ เป็นมาของมสั ยดิ กรือเซะและศาลเจ้าแมล่ ม่ิ กอเหนี่ยว เป็นตน้ 127 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู นิทานพ้ืนบานประเภทนิทานมหศั จรรยมคี วามสาํ คัญและประโยชนใ น 1 ทา วแสนปม นอกจากคาํ เลาขานของชาวบา นแลว ทาวแสนปมตามตาํ นานใน ขอ ใดมากท่ีสดุ ตนพระราชพงศาวดารกรุงเกา ฉบบั สมเด็จพระปรมานชุ ิตชิโนรสวา ใน จ.ศ. 681 หรอื พ.ศ. 1862 ทาวแสนปม ไดไปสรางเมอื งใหมข้นึ ทเี่ มอื งเทพนครและข้นึ ครองราชย 1. ใหค วามรู สมบัติในเมอื งเทพนครทรงพระนามวาพระเจาสิรชิ ยั เชยี งแสนครองราชยสมบตั ิ 2. ใหค วามบนั เทงิ 25 ป สวรรคตเม่อื จ.ศ. 706 หรอื พ.ศ. 1887 ทรงมพี ระราชโอรสพระนามวา 3. ใหแ รงจูงใจในการไปวดั “พระเจาอทู อง” ไดชื่อเชนนี้ เพราะพระราชบดิ านําทองคาํ มาทําเปน อู (เปล) ใหน อน 4. ใหค าํ อธิบายความเปน มาของชมุ ชน จงึ ขนานนามพระองคว าพระเจา อูทอง ภายหลังพระเจาอทู องเปน ผสู ถาปนา วเิ คราะหค าํ ตอบ นิทานพื้นบานมหศั จรรยม ักมเี นอื้ เรอื่ งใหความสนุกสนาน กรุงศรอี ยุธยาเปนเมอื งหลวง พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลาเจาอยูห ัว ทรงวิจารณ เลา ถงึ การผจญภยั ของตวั เอก ของวเิ ศษ และอทิ ธฤิ ทธติ์ า งๆ จากจนิ ตนาการ เร่อื งทา วแสนปมไวในหนงั สอื บทละครเร่ืองทาวแสนปมทพ่ี ระองคท รงพระราชนิพนธ ของผแู ตง ซ่งึ ตัวละครและสถานท่อี าจไมมีอยูจรงิ และไมเกยี่ วกับคานยิ ม วา ตํานานเรอ่ื งทาวแสนปมนจี้ ะตองมมี ูลความจริง เพราะอยางนอยศักราชทท่ี รง ความเช่ือเร่อื งการฟงธรรมแลวจะเกดิ อานิสงสท จ่ี ะทําใหเกดิ แรงจูงใจในการ ทวิ งคตเปน ของแนน อน แตมผี ูเ ลา ตอ ๆ กันมาภายหลงั เลา ไปในทางปาฏหิ ารยิ จนเหลือเชอ่ื ไปวัด จึงเห็นไดวา นิทานมหัศจรรยใ หค วามบนั เทงิ มากกวา ขอ อื่น ตอบขอ 2. คมู ือครู 127
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Expand ขยายความเขา ใจ 1. นักเรยี นจับคูเลานิทานทเ่ี ปน บอ เกดิ ของสาํ นวน ๔) นทิ านอธบิ ายเหตุ เปน็ นทิ านทตี่ อบคา� ถามเกยี่ วกบั ความเปน็ มาของสง่ิ ของตา่ งๆ ทใ่ี ชใ นภาษาไทยคูละ 1 เรือ่ ง พรอ มบอก และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ส่วนใหญ่มีขนาดสั้นๆ เล่ากันกว้างขวางไม่จ�ากัดท้องถิ่น เช่น ท�าไม ความหมายของสํานวนนน้ั จึงมีรูปกระต่ายในดวงจันทร์ ท�าไมข้าวจึงมีเมล็ดเล็ก ท�าไมหมากับแมวเป็นศัตรูกัน หรืออธิบาย (แนวตอบ นักเรียนเลอื กไดหลากหลาย ตัวอยาง ความเช่ือและพิธีกรรม เช่น นิทานเรื่องธงจระเข้ในงานทอดกฐิน ประเพณีการปล่อยปลา เรื่อง เชน สาํ นวนกบเลือกนาย สํานวนนมี้ าจากนิทาน บวชนาค เปน็ ตน้ อสี ปเรอ่ื งกบเลือกนาย กบขอใหเทวดาสง นาย ลงมาให เทวดาสง ขอนไมลงมา แตกบเลือก ๕) นิทานเทพนิยาย เป็นนิทานท่ีอธิบายถึงการสร้างโลก ก�าเนิดโลก ก�าเนิดมนุษย์ มากอยากเปล่ียนนาย เทวดาจงึ สง นกกระสาซึง่ เทวดา และสิง่ ศักดิส์ ทิ ธท์ิ ง้ั หลายหรอื อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาตแิ ละพธิ ีกรรม เชน่ เรือ่ งพระยาแถน ชอบกินกบลงมาให นกกระสาไดกินกบจนหมด สร้างโลก เร่ืองเม1ขลารามสูรที่อธิบายเร่ืองฟ้าแลบฟ้าผ่า เร่ืองท้าวมหาสงกรานต์ท่ีอธิบายประเพณี สํานวนนี้ หมายความวา คนชา งเลอื ก เลือกจน วันตรษุ สงกรานต์ เรอื่ งพญาคนั คากที่อธบิ ายเรอ่ื งการแหบ่ ั้งไฟ เป็นตน้ ทําใหตวั เองเดอื ดรอ น) ๖) นิทานคติธรรม หรือนิทานสอนใจ นิทานประเภทนี้น�าหลักธรรมมาผูกเป็น 2. นกั เรียนเลอื กนทิ านเร่ืองใดเร่อื งหนึ่งที่นักเรยี น เรื่องให้สนุกสนาน ตัวละครเป็นบุคคลท่ีปรากฏอยู่ในพุทธประวัติบ้าง อัครสาวกบ้าง และสัตว์บ้าง ช่นื ชอบ แลววิเคราะหว า นทิ านเรื่องทีน่ ักเรยี น เนื้อเรื่องช้ีให้เห็นการท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ชั่ว แสดงถึงคุณธรรมต่างๆ เพื่อสอนใจในการด�าเนินชีวิต เช่น เลือกเปน นทิ านประเภทใด เพราะเหตใุ ด นทิ านชาดก นทิ านสภุ าษิต นทิ านทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั พุทธประวตั ิ เป็นตน้ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถเลอื กนิทานได หลากหลาย ครพู จิ ารณาแนวทางการวเิ คราะห ๗) นิทานมุกตลก เป็นนิทานท่ีมุ่งเสนอความขบขัน ให้ความบันเทิงใจแก่ผู้ฟัง ของนักเรียนวา สมเหตสุ มผลหรือไม ตัวอยาง เนื้อเรื่องส่วนใหญ่เป็นเรื่องส้ันๆ ตอนเดียวจบ ผูกเรื่องข้ึนเพ่ือความขบขัน เช่น เร่ืองศรีธนญชัย นทิ านพน้ื บา น เชน เร่อื งพระยาแถนสรา งโลก เปน็ ต้น เปนตน ) บอกเล่าเก้าสบิ ตรวจสอบผล Evaluate ทำ�ไมข�้ วจึงมีเมล็ดเล็ก 1. นกั เรยี นเลานิทานทเ่ี ปน บอเกดิ ของสํานวนทใี่ ช ในภาษาไทยได ในภาคเหนือ มีนิทานอธิบายเหตุว่า ท�าไมข้าวจึงมี เมล็ดเล็ก โดยเล่าว่าแต่เดิมเมล็ดข้าวมีขนาดเท่าลูกฟัก 2. นกั เรยี นวเิ คราะหนทิ านพ้นื บานและจดั แบง ผูค้ นไม่ต้องปลกู และเก็บเก่ยี วเอง พอขา้ วสกุ กจ็ ะกล้ิงมา ประเภทไดถ ูกตอ ง เขา้ ยงุ้ ฉางเอง แตม่ หี ญงิ มา่ ยคนหนงึ่ สรา้ งฉางไมท่ นั เสรจ็ เมลด็ ขา้ วกลงิ้ เขา้ มาในฉางมากมาย นางโกรธจงึ ควา้ คอ้ น ไล่ทุบเมลด็ ข้าว เมลด็ ขา้ วแตกกระจาย ทา� ให้ขา้ วมีเมล็ด เล็กแต่นัน้ มา 128 เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครูแนะความรูใหนกั เรยี นเพ่มิ เตมิ เกย่ี วกบั ความสําคญั ของนิทานพืน้ บานวา นทิ าน นักเรยี นทํากิจกรรมเพ่ิมเตมิ ความรเู กย่ี วกบั นทิ านพื้นบาน โดยนกั เรียน พืน้ บานใหค วามสําคัญและคตใิ นการดาํ รงชีวติ ใหความสาํ คัญแกวีรบรุ ุษประจําถ่ิน ศึกษาและคน หานิทานพ้ืนบานทีน่ า สนใจจากแหลงการเรยี นรูใดก็ไดมา หรือประจําชาติ ใหค ําอธบิ ายเก่ยี วกบั ปรากฏการณธ รรมชาติหรอื ที่มาของสถานที่ 1 เร่อื ง จากนั้นจดบันทกึ จากการอา นการฟง หรือนทิ านพ้ืนบา นนน้ั ลงสมุด ตา งๆ ในทอ งถน่ิ ใหกาํ ลังใจในการดาํ เนนิ ชีวิตและยังใหค วามเพลิดเพลินใจอกี ดวย กิจกรรมทา ทาย นกั เรียนควรรู นักเรยี นเลา นิทานพ้ืนบานทอ่ี านหรอื ฟง มาหนาช้ันเรียน โดยใชท ักษะ 1 ประเพณวี ันตรษุ สงกรานต สบื เน่อื งจากสงกรานตเปน ประเพณีเกาแกข องไทย ในการเลา เรอ่ื งใหน าสนใจ พรอมบอกขอคดิ จากนิทานท่ีเลา ซ่งึ สืบทอดมาแตโ บราณคมู ากบั ประเพณีตรุษ จงึ มีการเรียกรวมกันวา “ประเพณีตรุษ สงกรานต” หมายถึง ประเพณีสงทา ยปเ กา และตอนรับปใ หม คาํ วา “ตรษุ ” เปน ภาษาทมฬิ แปลวา การส้ินป แตในปจ จุบนั การเฉลิมฉลองในประเพณีสงกรานตน ั้น ไดล ะทง้ิ ความงดงามของประเพณใี นสมยั โบราณไปเกอื บหมดสิ้น คงไวเ พียงแต ภาพลกั ษณแ หงความสนุกสนาน 128 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๒ นิทาน¾ืนé บา้ นไทยãนทอ้ ง¶ิ่นµา่ งæ ครูใหนักเรยี นเลน เกมทายภมู ิภาค โดยให นกั เรยี นทายวานทิ านทค่ี รูยกมาเปน นิทานจาก สามกษตั รยิ ์ ภูมภิ าคใดของประเทศไทย อนสุ าวรีย์สามกษัตริย์ • มโนราห จังหวัดเชยี งใหม่ (แนวตอบ ภาคใต) • พระยาแถน (แนวตอบ ภาคเหนอื กบั ภาคอีสาน) • พระยากงพระยาพาน (แนวตอบ ภาคกลาง) อสุ าบารส หอนางอุสา สาํ รวจคน หา Explore จงั หวดั อุดรธานี พระยากง พระยาพาน 1. นักเรียนอา นตวั อยา งเนื้อเรอ่ื งนทิ านพื้นบาน พระปฐมเจดีย์ ภาคเหนือ ภาคอสี าน ภาคกลาง และภาคใต จงั หวัดนครปฐม 2. นักเรียนคนหาวา แตละทองถิ่นในประเทศไทย มนี ทิ านใดเปนทร่ี จู กั บา ง อธบิ ายความรู Explain เจ้าแม่ล่ิมกอเหน่ียว มสั ยดิ กรอื เซะ จังหวัดปัตตานี 1. นกั เรยี นแบง กลมุ ออกเปน 4 กลมุ จบั สลาก นทิ านพื้นบานไทยในหนงั สือเรียนดงั น้ี เรือ่ ง สามกษัตรยิ เรอื่ งอสุ าบารส เรือ่ งพระยากง พระยาพาน และเรอ่ื งเจา แมล ่มิ กอเหนย่ี ว 2. นกั เรยี นแตละกลมุ สง ตัวแทนมาเลาเรือ่ งยอ หนา ชนั้ 3. หลงั จากนกั เรียนแตละกลมุ นาํ เสนอ ใหเพอ่ื นๆ ในหองชว ยกันตอบคาํ ถาม ศาลเจ้าแม่ลม่ิ กอเหนยี่ ว จงั หวัดปัตตานี 129 บรู ณาการเชือ่ มสาระ เกรด็ แนะครู การศกึ ษานิทานพนื้ บานโดยแบง ตามประเพณีวฒั นธรรมของไทยออกเปน ครูจดั กิจกรรมพัฒนาทกั ษะการพูดของนกั เรยี นควบคกู ับการศึกษานทิ านพนื้ บา น ภาคตางๆ 4 ภาค คือ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต และภาคตะวันออก- ไทยในทอ งถนิ่ ตางๆ โดยใหน ักเรียนจัดกลมุ แลวเลือกศึกษานทิ านพื้นบา นทน่ี ักเรยี น เฉียงเหนอื โดยครเู ช่ือมโยงความรูเขากบั กลมุ สาระการเรยี นรสู งั คมศึกษา มคี วามสนใจรว มกัน จากนั้นใหน กั เรียนทุกคนในแตล ะกลุมมานําเสนอนิทานทีศ่ ึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาการปกครองทอ งถน่ิ ซ่ึงเนอื้ หาจะอธบิ ายเกย่ี วกบั มาหนา ชนั้ เรยี น เมื่อนกั เรยี นเลา เรื่องจบแลว ครตู งั้ คําถามเกี่ยวกบั นทิ านที่นกั เรียน ลักษณะทางวฒั นธรรมของแตล ะทองถิน่ ทงั้ ความเหมอื นและความแตกตาง แตล ะกลุมนําเสนอ เพือ่ นําไปสกู ารเปดอภปิ รายประเด็นตา งๆ ที่เหมาะสมหรอื นําไป ทางวฒั นธรรมประเพณจี ะสอดคลอ งกบั เนอ้ื หา ประวตั คิ วามเปน มา และการ ประยกุ ตใ ชใ นชวี ิตประจาํ วันได ครูชวยกระตนุ ใหน ักเรียนทกุ คนมสี ว นรว มในการ อธบิ ายสถานที่สาํ คญั ของแตละทองถน่ิ ในนทิ านพน้ื บาน แสดงความคดิ เหน็ ไมว า จะเปน การเหน็ ดวยหรือการโตแยง นําความรเู ก่ยี วกับ มารยาทในการพดู และการฟง มาเปนกรอบในการรว มกันอภิปราย คมู อื ครู 129
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นักเรียนกลุม ที่ 1 มาเลา เร่อื งยอเรอ่ื งสามกษัตรยิ เรื่อง สามกษตั ริย์ หนา ช้นั เรยี น นทิ านพื้นบา้ นภาคเหนอื (แนวตอบ เรอ่ื งสามกษัตรยิ เปนเร่อื งเก่ียวกบั พอ่ ขนุ รามคา� แหง พอ่ ขุนมังราย พ่อขนุ งา� เมอื ง เป็นโอรสของกษัตรยิ ์ ทง้ั ๓ พระองค์อยู่ใน กษัตรยิ 3 องค คอื พอ ขนุ รามคําแหง พอ ขุนมงั ราย วัยเดียวกัน เป็นพระสหายกันมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์และได้เดินทางไปศึกษาศิลปวิทยาการด้วยกัน พอ ขนุ งําเมือง ทั้งสามพระองคเ ปนเพ่อื นรักกัน มกั ไป ที่ส�านักสุกทันตฤษี วัดเขาสมอคอน เมืองละโว้ ครั้นเม่ือเจริญวัยต่างก็ได้ครองเมืองทุกพระองค์ มาหาสกู นั เสมอ พอขนุ รามคําแหงหรือพระยารวงมัก คอื พอ่ ขนุ รามคา� แหงครองเมอื งสโุ ขทยั พอ่ ขนุ มงั รายครองเมอื งเชยี งราย (ภายหลงั ยา้ ยมาเมอื งเชยี งใหม)่ เดินทางโดยขบวนชา งผานเมืองแพรไปเมอื งพะเยา พอ่ ขนุ งา� เมอื งครองเมอื งพะเยา ทง้ั สามพระองคย์ งั เปน็ พระสหายรกั ใครก่ นั อยู่ เชน่ เมอ่ื ครงั้ พอ่ ขนุ มงั ราย จนเปนรองลกึ และเกดิ เปน ลาํ ธารจงึ เรียกวา “แมร อง ชา ง” เม่อื ครง้ั พระยางําเมอื งมพี ระชายาชือ่ “นางอั้ว ย้ายราชธพา่อนขีมุนาเรมาือมงคเช�าียแงหใหงม(่ พยังงเศชาิญวพดราะรสโหยานยกทเ้งัรสียอกงวไป่าพดูทระา� เยลา1สรร่ว้างงเ)มปืองกดต้วิจยะเสด็จไปเยี่ยมพระยา เชียงแสน” ผมู ีรปู โฉมงดงาม พระยารวงเสด็จมา เย่ียมเยียนพระยางําเมอื ง แตกลบั หลงใหลรักใคร งา� เมือง ปีละครั้ง และถอื โอกาสเสดจ็ ไปสรงน�้าในแม่น้า� โขงดว้ ย พระยารว่ งจะเสด็จโดยขบวนชา้ งผ่าน นางอ้วั เชียงแสนซึง่ มีใจตรงกนั ทัง้ สองลอบเปน ชูกัน เมืองแพร่ไปเมืองพะเยาจนเส้นทางเป็นรอ่ งลกึ เกดิ เปน็ ทางลา� ธารเรยี กชือ่ วา่ แม่รอ่ งชา้ ง จนรถู ึงพระยางาํ เมอื ง พระยางําเมอื งรา ยเวทมนตใส พระยารว ง ซงึ่ ไดแปลงกายเปนนกเอ้ียงบินหนไี ปและ พระยาง�าเมืองก็ทรงต้อนรับพระสหายอย่างดียิ่ง เม่ือยามพระร่วงเสด็จมาเย่ียมเยียน พระยา ไปตกท่หี นองนาํ้ จงึ เรียกกนั ตอมาวา “หนองนกเอ้ยี ง” ง�าเมืองมีพระชายาช่ือ นางอ้ัวเชียงแสน มีรูปโฉมงดงาม พระยาร่วงเห็นเข้าก็ทรงสมัครรักใคร่ พระยางําเมอื งจบั ตวั พระยารว งไดก็นาํ ไปขงั ไว และ ส่วนพระนางก็มีพระทัยตรงกัน พระยาร่วงหาโอกาสลอบเป็นชู้กับพระนางจนทราบถึงพระยาง�าเมือง สง พระราชสาสนไปถงึ พระยามงั รายใหช ว ยมาตดั สิน จึงส่ังให้เสนาจับตัวพระยาร่วง พระยาร่วงจ�าแลงเป็นนกเอี้ยง พระยาง�าเมืองร่ายเวทมนตร์ให้นก ในขณะทพ่ี ระยารว งถูกขังไดค ดิ หนโี ดยแปลงกายเปน เอ้ียงอ่อนกา� ลังบินไม่ไดต้ กลงในหนองน้�าซง่ึ เรยี กว่า หนองเอย้ี ง ทุกวันนี้ ในท่ีสุดพระยางา� เมืองจบั ตวั ตนุ ขดุ รหู นี เรียกบริเวณนั้นวา “บา นตนุ ” และบรเิ วณ พระยาร่วงได้และกักขังไว้เพราะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะท�าอย่างไรกับพระสหาย จึงส่งพระราชสาส์น ทีเ่ ปน นํ้า เรียก “หว ยแมตุน” แตเมือ่ พระยารว งรูว า เชิญพระยามังรายพระสหายมาเป็นผู้ตัดสิน เมื่อพระยามังรายมาถึงเมืองพะเยาแล้วทรงร�าพึงว่า ถ้า พระยามังรายมาถึงจงึ ไมค ดิ หนีอีกตอ ไป พระยา- หากพระยาร่วงกับพระยาง�าเมืองผิดใจกันก็จะเป็นเวรกรรม (รบราฆ่าฟันกัน) ต่อไปภายหน้า พระยา มังรายตัดสินใหพระยารวงเสยี คา ปรบั ไหมใหแก มังรายจึงหาวิธีการท่ีนุ่มนวลคือให้พระยาร่วงเสียค่าสินไหมแก่พระยาง�าเมือง แล้วไกล่เกล่ียให้ท้ัง พระยางาํ เมอื งและปรบั ความเขาใจกนั ท้งั สาม สองสหายเป็นมติ รไมตรีกันเช่นเดมิ ไดก ลาวคําปฏญิ าณตอ กันวา จะซื่อตรงตอ กนั ทีร่ มิ ฝง แมนาํ้ “ขนุ ภ”ู ทัง้ สามนั่งอิงปรกึ ษาหารือกันอยนู าน ในระหว่างนั้นพระยาร่วงถูกจองจ�าอยู่ด้วยความทุกข์จึงจ�าแลงกายเป็นตุ่นขุดดินเป็นรู จงึ เรียกแมนาํ้ น้นั วา “แมอิง” จากน้นั จงึ แยกยา ยกลบั หนีออกจากท่ีจ�าขัง บริเวณนั้นเรียกช่ือว่า บ้านตุ่น และรูท่ีตุ่นขุดหนีนั้นกลายเป็นแม่น้�าเรียกว่า เมอื งของตน) หว้ ยแม่ตนุ่ แตพ่ ระยาง�าเมอื งกจ็ ับพระยารว่ งไดอ้ ีก และพระยาร่วงทราบว่าพระยามังราย พระสหาย • นักเรยี นบอกขอคดิ ทไ่ี ดจ ากนทิ านพืน้ บา นเรือ่ ง มาถงึ เมือเมงพื่อะพเยระาแยลาว้มจังงึ รไามยค่ ตดิ ัดจสะหินนใหตี ่อ้พไรปะยาร่วงเสียค่าสินไหม2แก่พระยาง�าเมืองและให้คืนดีเป็น สามกษตั รยิ (แนวตอบ การเปนเพ่อื นกนั ควรมคี วามซ่ือสตั ย มติ รไมตรกี นั ตอ่ ไป พระยารว่ งกร็ บั เสยี สนิ ไหมใหแ้ ตโ่ ดยดี ทงั้ สามสหายกพ็ ากนั ไปกลา่ วคา� สจั จะปฏญิ าณ ตอ กนั ควรใหค วามสาํ คญั กบั มติ รภาพ เพราะ กันที่ริมฝั่งแม่น�้า ขุนภู ว่าต่อไปจะเป็นมิตรสหายที่ซื่อตรงต่อกัน ไม่ท�าศึกสงครามกันไม่ว่ากรณี เม่อื ถึงคราวเดอื ดรอ นมติ รแทจ ะใหค วาม ใดๆ ทั้งสามกษัตริย์ทรงนั่งอิงปรึกษากันอยู่นาน จึงเรียกชื่อแม่น้�าน้ันว่า แม่อิง สืบต่อมาจนทุกวันนี้ ชวยเหลอื ) เม่อื เสรจ็ พิธีปฏญิ าณแลว้ พระยาร่วงและพระยามังรายกแ็ ยกยา้ ยกลับเมือง (สรปุ จาก พงศาวดารโยนก ฉบับหอสมดุ แห่งชาติ ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๔) 130 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นกั เรยี นไดข อ คิดอะไรบา งจากการอานนิทานพนื้ บา นเรอื่ งพระยากง ครแู นะใหนกั เรยี นศกึ ษาขอ มลู เกี่ยวกบั นทิ านพื้นบานภาคเหนอื ท่เี นื้อเรอ่ื งมี พระยาพาน และขอคดิ นั้นชว ยดาํ รงและสง เสริมสงั คมอยา งไร ลักษณะเปนนทิ านประเภทอธิบายความเปน มาของชมุ ชนและเผาพันธุ โดยครใู ห แนวตอบ พระยาพานไดทาํ ปตุฆาต ซ่ึงเปนอนนั ตรยิ กรรมเปน บาปสงู สุด นักเรยี นเลือกนทิ านพื้นบา นภาคเหนอื มา 1 เรือ่ ง แลวใหนักเรียนรวมกนั อภปิ ราย คือการทาํ รา ยผูทใ่ี หก ําเนดิ และผูมพี ระคุณที่เลีย้ งดูมา และจากการอานนิทาน ถงึ ความสาํ คญั ของการใชนทิ านอธบิ ายความเปน มาของชมุ ชนเพอื่ แสดงใหเห็นถึง พื้นบานเร่ืองพระยากง พระยาพาน ใหขอ คดิ เร่ืองความกตญั รู ูคุณบดิ า วัฒนธรรมของผคู นในชุมชน มารดา ผูเลี้ยงดเู รามาใหเ ติบใหญใ หเ ปน ผูทมี่ ีความพรอ มบรบิ รู ณท ้ังทางกาย และปญ ญาตามความสามารถ แตสิง่ ที่สาํ คญั ท่สี ุด คอื การท่ผี มู ีพระคณุ ตา งก็ นกั เรียนควรรู คาดหวังมอบสิง่ ทด่ี ที ่ีสุดใหกบั ผูท่อี ยใู นความดูแล การแสดงความกตัญู จึงชว ยดาํ รงความสัมพนั ธร ะหวางคนในครอบครัว ซงึ่ เปน สถาบนั สาํ คัญทจ่ี ะ 1 พระยา เดิมใชค าํ วา “พญา” ใชก บั เจาแผน ดิน เชน พญาลิไทย ผูเปนใหญ ชวยสง เสรมิ ใหส งั คมอยูรว มกันอยา งปกตสิ ขุ ผเู ปน หวั หนา (มักใชน าํ หนา นามอ่ืน) เชน พญานาค พญาหงส 2 สนิ ไหม เงนิ คาปรบั ผแู พคดใี หแกผชู นะ 130 คูมอื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เร่ือง อุสาบารส นกั เรยี นกลุม ท่ี 2 มาเลา เรอื่ งยอเร่ืองอุสาบารส หนา ชน้ั เรยี น นิทานพ้นื บา้ นภาคอีสาน (แนวตอบ พระเจากรุงพานและพระมเหสไี มม ี พระเจ้ากรุงพานและมเหสีครองเมืองมานาน แต่ไม่มีโอรสหรือธิดาที่จะสืบสันตติวงศ์ พระธิดา แมจะทําพิธีขอจากเทพยดาหลายคร้งั ก็ยัง พระองค์ทรงท�าพิธีขอโอรสต่อเทพยดาหลายคร้ังหลายคราแต่ก็ไม่ได้ผล ในป่าบนเทือกเขาน้ัน ไมม ี จนกระท่ังเมอื่ ไดยินวาพระฤๅษีมธี ิดาบุญธรรม มีพระฤๅษีตนหนึ่งบ�าเพ็ญฌานแก่กล้ามาก วันหนึ่งพระฤๅษีอยากได้ธิดา ก็มีกุมารีเกิดในดอกบัวอยู่ใน ชือ่ นางอุสามีรูปโฉมงามจงึ ขอมาเล้ียงไวใ นวงั สระน้�าข้างอาศรม พระฤๅษีได้น�ามาเลี้ยงเป็นธิดาบุญธรรมให้ชื่อว่า นางอุสา คร้ันเจริญวัย นางอุสา ทรงจัดหานางสนมคอยรับใชม ากมายและสรา ง มีโฉมงามย่ิงนัก ความงามของนางได้เล่ืองลือไปถึงพระเจ้ากรุงพาน พระเจ้ากรุงพานจึงเสด็จมายัง หอคําให วนั หน่งึ นางอสุ ารอ ยมาลยั แตง เปนกระทง อาศรมพระฤๅษี และทรงเห็นว่านางอุสามีลักษณะเป็นผู้มีบุญญาธิการมากจึงตรัสขอไปเป็นพระธิดา เสย่ี งหาเนอ้ื คูลอยนา้ํ ไปถงึ เมืองพะโค เมอื งพะโค บุญธรรม พระฤๅษีไม่ขัดข้องจึงยินยอมให้นางอุสามาอยู่ในพระราชวังของพระเจ้ากรุงพาน พระเจ้า มโี อรสเปน หนุมใหญยงั ไมมชี ายาชอ่ื ทา วบารส กรุงพานได้จัดนางสนมก�านัลอยู่รับใช้นางอุสามากมาย และสร้างหอค�า (หอทองค�า) ให้เป็นท่ีประทับ ไดล งสรงนาํ้ แลว เหน็ กระทงมาลัยลอยนํา้ มากเ็ กดิ นางอุสามีความสุขอยู่กับเหล่านางสนม วันหน่ึงนางประพาสอุทยานพบล�าธารซ่ึงมีน้�าไหลอยู่เสมอ ความตองใจ จงึ ออกคนหาเจา ของกระทงมาลัย นางคิดว่าล�าธารนี้คงไหลไปไกลผ่านเมืองหลายเมือง นางจึงร้อยมาลัยตกแต่งเป็นกระทงลอยน้�าไป เดินทางมาถงึ อุทยานหลวงไดย นิ เสยี งเพลงจึงตาม เพื่อเสยี่ งทายหาเน้ือคู่ โดยขอให้กระทงลอยน้�าไปยงั เมืองที่เนอื้ คู่อย่แู ละดลใจใหเ้ ขาทราบความนยั ของ ไปจนพบนางอุสา ทัง้ สองเกดิ ความพสิ มยั ตอกัน ตามเทพบนั ดาล นางอสุ าพาทาวบารสซอ นไว พระนางกดลว้ ย่าวถงึ เมอื งพะโค1มโี อรสช่อื วา่ ท้าวบารส เจริญวัยเป็นหนุม่ ใหญ่ แตย่ ังไม่มีพระชายา อยูม่ า ในหอคาํ เมอ่ื ความรถู ึงพระเจา กรุงพานจงึ รับส่ัง ประหารทาวบารส ทา วบารสจึงทูลวา ตนเปน ใคร วันหนึ่งท้าวบารสทรงสุบินว่า “มีแก้วสว่างไสวลอยจากนภากาศมาสู่พระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ พระเจากรงุ พานจึงแจง ไปยงั เมืองพะโค ทรงทาํ ให ทรงมีความปล้ืมปีติกับแก้วดวงนี้มาก” คร้ันต่ืนบรรทมแก้วก็หายไป ท้าวบารสกลัดกลุ้มพระทัยมาก พระเจา เมอื งพะโคและพระเจา กรงุ พานทาํ สงคราม จึงชวนเสนาอมาตย์ไปสรงน้�า ขณะที่สรงน้�าน้ันเห็นกระทงอันตกแต่งร้อยกรองดอกมาลัยอย่างวิจิตร ธรรมแขงกันสรางวดั ฝา ยใดสรา งวัดเสร็จภายใน ทา้ วบารสจงึ ไปเกบ็ กระทงนนั้ และทรงพจิ ารณาวา่ กระทงนฝ้ี มี อื ผปู้ ระดษิ ฐค์ งไมใ่ ชฝ่ มี อื ชาวบา้ นธรรมดา คนื เดียวจะเปน ฝา ยชนะ หากพระเจา กรงุ พานชนะ ครน้ั พจิ ารณาอยนู่ านๆ กลน่ิ ไม้หอมจากกระทงไดส้ ง่ กล่ินให้ท้าวบารสเกิดความรญั จวนใจ อยากจะพบ ทาวบารสจะยอมใหป ระหารชีวิต แตหากแพก ็ตอ ง ผู้เปน็ เจา้ ของกระทง ยนิ ยอมยกนางอุสาใหเ ปน ชายาทา วบารส ปรากฏ วาทาวบารสชนะไดนางอสุ ามาเปนชายาและไปอยู ท้าวบารสจึงทูลลาพระราชบิดาติดตามเจ้าของกระทงนั้น ท้าวบารสทรงม้าเสด็จไปแต่ผู้เดียว เมอื งพะโค) เทพดลใจให้เข้ามายังเมืองพาน ผูกม้าไว้แล้วก็เข้าไปในเมืองสืบหานางในฝัน วันหนึ่งท้าวบารส หลงเข้าไปในอุทยานหลวงได้ยินเสียงเพลงขับขานไพเราะ ท้าวบารสจึงตามหาเจ้าของเสียงเพลง ครั้นพบนางอุสาท่ีก�าลังขับขานเพลงอยู่ในอุทยาน ท้ังสองต่างก็มีจิตพิสมัยซึ่งกันและกันตาม เทพบันดาล ทง้ั สองกป็ ราศรัยไมตรีกนั และนางอุสากพ็ าทา้ วบารสมาซอ่ นไวท้ ห่ี อคา� 131 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู นักเรยี นศกึ ษาเก่ยี วกับนทิ านพื้นบานไทยทม่ี เี คาโครงเรือ่ งเก่ยี วกบั ครใู หค วามรนู ักเรยี นเกีย่ วกับนทิ านพืน้ บานเพมิ่ เตมิ วา เกดิ จากจินตนาการของ ความรกั การพลดั พรากจากกนั จากน้นั นักเรียนรวบรวมช่อื เร่ืองนทิ าน ผูแตง ดังนั้นจงึ ไมมกี ฎเกณฑเ ฉพาะในการแตง เนื้อเรือ่ งไมซับซอ นแตหลากหลาย พื้นบานเรอื่ งตา งๆ ท่ีมีเคาโครงลักษณะนี้ จดบันทกึ ลงสมุดสง ครู ไปตามความคดิ ฝนของผูแตง เนอื้ เรอื่ งของนทิ านพ้นื บา นจึงเปนเรอ่ื งนานาชนดิ แตกตา งกนั ไป อาจเปน เรื่องเกย่ี วกบั การผจญภยั ความรัก ความโกรธ เกลยี ด กจิ กรรมทาทาย ริษยา อาฆาต ตลกขบขนั หรือแมแ ตเ รื่องแปลกประหลาดผิดปกตธิ รรมดา นักเรียนยกตัวอยา งนทิ านพื้นบานทมี่ เี คาโครงเร่อื งเกี่ยวกับความรกั นักเรยี นควรรู การพลัดพรากจากกนั มา 1 เรื่อง จากนั้นเขียนอธิบายความรูองคป ระกอบ ของนิทานเรอ่ื งนัน้ ไดแก โครงเร่ือง ตวั ละคร แกนเรอ่ื งหรือแนวคดิ 1 เมอื งพะโค หรอื เมอื งเวยี งงัว ซง่ึ อยใู นพน้ื ทอ่ี าํ เภอเมือง จังหวัดหนองคาย ฉาก บทสนทนา บันทึกลงในใบความรสู ง ครู กบั เมอื งพาน อําเภอบา นผือ จงั หวดั อดุ รธานี บนเทือกเขาภูพาน ซ่ึงยงั คงมซี าก สถานท่ีปรากฏใหเ ห็นเปนหลักฐานอยใู นปจจบุ ันวาเปน “หอนางอสุ า” คมู ือครู 131
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนฟงเพ่ือนเลา เรื่องยอนิทานพ้ืนบา น อยู่ต่อมาข่าวเล่าลือถึงพระกรรณของพระเจ้ากรุงพาน พระองค์จึงให้เสนามาจับตัวท้าวบารส อสุ าบารสแลว ชว ยกันตอบคําถามตอไปนี้ ไปเฝ้า ทรงกร้ิวท่ีท้าวบารสบังอาจไม่เกรงพระราชอาญาจึงส่ังให้ประหารท้าวบารสโดยมิได้ไต่สวน คดีความ ฝ่ายท้าวบารสเห็นเช่นนั้นจึงกราบทูลความจริง พระเจ้ากรุงพานจึงแจ้งไปยังเมืองพะโค • นทิ านพ้ืนบานเร่ืองอุสาบารสเลาความเปนมา ของสถานทีใ่ ด เจ้าเมืองพะโคเห1็นว่าจะเกิดสงครามใหญ่เป็นแน่แท้ จึงยกทัพมาประชิดเมืองพานและให้ต่อสู้กัน (แนวตอบ หอคํานางอุสา) โดยสงครามธรรมเพ่ือที่จะไม่เป็นเวรเป็นกรรมต่อไปภายหน้า ในที่สุดทั้งสองเมืองก็พนันแข่งขันกัน • สงครามธรรมหมายความวา อยา งไร สร้างวัดให้เสร็จในเวลาเพียงคืนเดียว หากพระเจ้ากรุงพานชนะจะให้มีการประหารชีวิตท้าวบารส (แนวตอบ สงครามธรรมเปน สงครามท่ไี ม หากท้าวบารสชนะพระเจ้ากรุงพานต้องยอมยกพระธิดาให้เป็นชายา ท้ังสองเมืองแข่งขันกันสร้าง เบียดเบยี นชีวติ ไมมีผูบาดเจ็บลม ตายในการ วัด ปรากฏว่าวัดของท้าวบารสร้างเสร็จก่อนรุ่งอรุณ แต่วัดของพระเจ้ากรุงพานไม่เสร็จ เป็นอันว่า แขง ขันเอาชนะ) ทา้ วบารสเป็นผชู้ นะและไดน้ างอุสาไปอภเิ ษกสมรสท่ีเมืองพะโค • นิทานพน้ื บานเร่ืองอสุ าบารสเปน นิทานใน ทองถนิ่ ใด (แนวตอบ จังหวดั อุดรธานี ภาคตะวนั ออก- เฉยี งเหนอื ของไทย) ขยายความเขา ใจ Expand นักเรียนเขยี นแผนผงั ลาํ ดับเหตุการณข องนทิ าน หอนางอุสา เป็นโขดดินทรายขนาดใหญ่ ๒ ก้อน ซ้อนเทินกันอยู่ มีรูปร่างคล้ายดอกเห็ดที่ก�าลังบาน สูงประมาณ พน้ื บานเร่อื งอสุ าบารส ๑๐ เมตร ด้านบนเจาะเปน็ หอ้ งขนาดเล็ก ตอ้ งท�าเปน็ บันไดขึ้นไป (แนวตอบ แผนผงั ลาํ ดบั เหตุการณของนทิ าน 132 พนื้ บานเรือ่ งอุสาบารส มดี ังนี้ • เหตุการณแรก พระเจา กรงุ พานและพระมเหสี ไมม ีโอรสธดิ า จงึ ขอธดิ าบญุ ธรรมของพระ- ฤๅษชี ่อื นางอสุ าผูง ดงามมาเล้ียง • นางอุสาทาํ กระทงมาลยั ลอยน้ําเสยี่ งหาเนือ้ คู ทา วบารสโอรสเมืองพะโคเจอกระทงมาลัย ตองใจออกตามหาเจา ของ • ทาวบารสพบนางอุสาเกดิ รักใครก ัน นางอสุ า พาทา วบารสซอ นไวในหอคํา • พระเจากรุงพานทราบเร่อื งทรงกริว้ แจง ไปยงั เมอื งพะโค เมอื งพะโคยกทัพมา • แขง กันสรา งวดั ใหเสรจ็ ในคนื เดยี ว ทาวบารส ชนะไดน างอสุ าเปน ชายาอภเิ ษกทเี่ มืองพะโค) เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT “เจาเมอื งพะโคเหน็ วา จะเกดิ สงครามใหญเ ปน แนแทจ งึ ยกทัพมาประชดิ ครูใหน ักเรยี นทบทวนความรคู วามเขา ใจภายหลงั การอานนิทานพื้นบานเรื่อง เมืองพานและใหต อสกู ันโดยสงครามธรรม เพือ่ ที่จะไมเ ปน เวรเปนกรรมตอไป อุสาบารส โดยครูต้ังประเดน็ คาํ ถามเกย่ี วกบั การใหอภยั เพือ่ ใหนักเรียนสามารถ ในภายหนา” ขอใดสอดคลอ งกบั ความเชอ่ื ในขางตน พฒั นาการใชท ักษะชีวติ การแกไขปญ หา การปรบั ตวั ใหเ ขา กับสังคม และการมี 1. ขนุ แผนวาจะอยูดไู มไ ด ในคกุ ใหญยากแคนมนั แสนเขญ็ มนุษยสัมพนั ธท ่ดี กี ับเพอื่ น ครอบครวั และการปฏิสัมพนั ธท ่ดี กี บั ผอู ื่น 2. จะสูม ว ยดว ยองคพ ระทรงธรรม ตามไปเมืองสวรรคช ั้นฟา 3. มามลี กู ลกู กจ็ ากวิบากกรรม สะอ้นื รา่ํ รันทดสลดใจ นักเรยี นควรรู 4. ชาตนิ ีม้ ึงมีแตส องหตั ถ จงไปอบุ ัติเอาชาติใหม 1 สงครามธรรม หมายถึง สงครามทไี่ มข ดั กับศีลธรรม หรือแมก ระท่งั เปน วิเคราะหค ําตอบ จากขอ ความในขางตนสะทอนความเชื่อเรื่องเวรกรรมอยา ง หนา ทที่ างศีลธรรมทห่ี ากไมปฏบิ ัติแลว จะเกิดความเสียหาย ทัง้ นีพ้ ิจารณาภายใต เดนชัด ขอ ท่ปี รากฏความเช่ืออยา งเดียวกนั นีค้ อื “มามีลกู ลูกก็จากวิบากกรรม เง่ือนไขหนึง่ ๆ ของการเร่มิ ตนและการปฏิบตั สิ งคราม สะอืน้ รํ่ารันทดสลดใจ” สอดคลองกบั ขอ ความในขางตน ตอบขอ 3. 132 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เร่ือง พระยากง พระยาพาน นักเรยี นกลุมที่ 3 มาเลา เรือ่ งยอ เร่ืองพระยากง พระยาพานหนาชน้ั เรียน นิทานพ้ืนบา้ นภาคกลาง (แนวตอบ พระยากงครองเมืองกาญจนบุรี เมอื่ ครง้ั หน่งึ พระยากง ไดค้ รองเมอื งกาญจนบรุ ี (บางส�านวนวา่ เมืองนครชยั ศรี จงั หวดั นครปฐม) คร้งั ทพ่ี ระมเหสีทรงพระครรภโ หรทํานายวา ในครรภ เม่ือพระมเหสีทรงพระครรภ์ ได้หาโหรมาท�านายทารกในครรภ์ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย โหรท�านาย เปนพระราชโอรสเปนผูมีบญุ หนัก จติ ใจเหย้ี มหาญ ว่าเป็นชายมีบุญบารมีมาก แต่มีจิตใจเห้ียมหาญ และอาจจะเป็นปิตุฆาต คือ ผู้ท่ีฆ่าพ่อของตน ครั้น อาจเปน ปต ุฆาต เมื่อพระโอรสประสตู ไิ ดน าํ พาน เมอื่ ประสูติ ขา้ ราชบรพิ ารก็น�าพานทองมารองรับตามราชประเพณี แตพ่ ระนลาฏ (หน้าผาก) กระทบ มารองรบั แตห นาผากพระกมุ ารกระทบพานจน กบั ขอบพานจนพานเปน็ รอยบแู้ ละเกดิ แผลเปน็ ทพี่ ระนลาฏ จงึ ชอื่ วา่ พระยาพาน พระยากงทราบดงั นน้ั ขอบพานบแู ละพระกุมารมแี ผลท่พี ระนลาฏ (หนา ก็คิดถึงค�าท�านายของโหรว่า พระกุมารมีบุญมากจริงจนท�าให้ขอบของพานบู้เป็นรอย จึงสั่งให้น�า ผาก) จึงตง้ั ชือ่ วาพระยาพาน พระยากงนึกถึงคาํ พระกุมารไปประหาร พระมเหสีทราบดังนั้นก็พยายามที่จะหาทางผ่อนคลาย เมื่อคิดหาอุบายแล้ว ทาํ นายโหรจึงรบั สัง่ ใหน ําพระกุมารไปประหาร ไดน้ �าพระกุมารไปฝากยายหอมเลย้ี งไว้ (บางส�านวนว่า นา� พระกมุ ารไปทง้ิ ไว้ แลว้ ยายหอมมาพบเขา้ จงึ พระมเหสีทลู ขอใหเพยี งเอาพระกุมารไปใหคนอ่นื นา� ไปเลีย้ ง) เล้ียง ซง่ึ คนทเี่ ล้ียงก็คอื ยายหอม เมอื่ พระกุมาร เจรญิ วยั ยายหอมไดน ําพระกมุ ารไปถวายใหเ ปน คร้ันเจริญวัย ยายหอมก็น�าไปถวายพระยาราชบุรี พระยาราชบุรีทรงพอพระทัยเด็กชาย บตุ รบญุ ธรรมพระยาราชบุรี เมอื่ เติบใหญไ ดท าํ พานมาก ประจวบกับไม่มีพระโอรสจึงรับไว้เป็นพระราชบุตรบุญธรรม พระยาพานได้รับการศึกษา สงครามสรู บกับพระยากง และไดฟ นพระยากง เล่าเรยี นศิลปศาสตร์จนมีความรูแ้ กก่ ล้ามาก ส้นิ พระชนม โดยไมรูวาพระยากงเปน พระราชบดิ า ผูใหก าํ เนิด เมือ่ ชนะไดครองเมืองกาญจนบุรไี ด คร้ังหนึ่งพระยาพานถามพระยาราชบุรีว่า ท�าไมต้องส่งเคร่ืองบรรณาการแก่เมืองกาญจนบุรี เขา หาพระมเหสขี องพระยากง พระมเหสีพระยากง ทุกปี ขณะนี้บ้านเมืองเราก็ขัดสน งดเว้นมิได้หรือ พระยาราชบุรีตรัสว่าเมืองกาญจนบุรีจะหาว่าขบถ จาํ รอยแผลเปน ทีพ่ ระนลาฏของพระยาพานได จึง และจะยกทัพใหญ่มา เราไม่มีก�าลังต่อสู้ได้ เมื่อพระยาพานรับอาสาที่จะป้องกันเมือง พระยาราชบุรี ถามถึงบุพการี ผใู หก าํ เนิดพระยาพาน และเลาเร่อื ง จึงงดส่งเคร่ืองบรรณาการ พระยากงเจ้าเมืองกาญจนบุรีเห็นว่าเมืองราชบุรีไม่ส่งเคร่ืองบรรณาการ เก่ียวกบั พระโอรสของพระองคใ หพ ระยาพานฟงวา ตามปกติจึงยกทัพใหญ่มาประชิดเมืองราชบุรี พระยาราชบุรีจึงให้พระยาพานผู้เป็นพระราชบุตร พระโอรสเม่อื ประสตู บิ ญุ หนักเอาพานมารองรับขอบ บญุ ธรรมเปน็ แม่ทัพออกไปส้กู ับพระยากง พระยาพานและพระยากงได้ตอ่ ส้กู ันจนถงึ ชนช้าง พระยากง พานบู พระกมุ ารมแี ผลทห่ี นา ผาก โหรเคยทาํ นาย เสียทีจงึ ถูกฟนั สน้ิ พระชนม์ กองทัพเมืองกาญจนบรุ ีแตกถอยกลบั เมือง กองทัพของพระยาพานตดิ ตาม วา จะฆาพระราชบิดาจงึ สงั่ ใหประหาร แตสุดทาย เข้ายึดทรัพย์สินในเมืองกาญจนบุรีได้ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของการสงครามท่ีผู้ชนะย่อมเป็นเจ้าของ กเ็ อาไปฝากยายหอมเลี้ยง พระยาพานไดฟ งกเ็ สีย กรรมสิทธิ์ในทุกสงิ่ ของผู้แพ้ พระทยั และโกรธยายหอมมาก จงึ รบั สง่ั ประหาร ชีวิตยายหอม เมือ่ คดิ ไดสํานกึ ผิดจงึ ประชมุ พระ เม่ือเขา้ เมืองกาญจนบรุ ไี ด้แลว้ เสนาอ�ามาตย์จึงยกเมอื งให้พระยาพานข้นึ ครองต่อไป คืนหน่งึ สงฆเ พือ่ หาทางบรรเทาเวรกรรมทตี่ นทาํ พระสงฆ พระยาพานคิดจะเข้าห้องบรรทมพระมเหสีของพระยากง โดยไม่ทราบว่าเป็นพระราชมารดาของตน จึงแนะใหสรางเจดยี สงู เทา นกเขาบนิ เหินเพือ่ ลด เม่ือปฐมยาม พระยาพานก็เสด็จไปต�าหนักใน ได้พบแมวแมล่ กู อ่อนนอนขวางทางเดนิ ครัน้ เมอ่ื เดนิ เขา้ บาปหนกั หน่งึ ในสิบท่ฆี า บดิ า และสรา งพระ มาใกล้ได้ยินแม่แมวพูดว่า “ลูกอย่าเพ่ิงร้องหิวนม คอยดูลูกเขาเข้าหาแม่ก่อน” พระยาพานสะดุดใจ ประโทนเพ่อื ไถโทษความผดิ บาปทฆ่ี ายายหอม) ที่เห็นแมวพดู ได้ และเรื่องทพี่ ดู นัน้ มีความหมายชอบกลจึงถอยกลับมาตา� หนกั 133 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู นกั เรยี นศกึ ษาเก่ยี วกบั ประวัตคิ วามเปน มาของพระปฐมเจดียเพิ่มเติม จากกิจกรรมเลาเรื่องยอนทิ านพน้ื บา นหนาชัน้ เรยี น ครแู นะใหน ักเรยี นใชน ํา้ เสยี ง จากนน้ั ใหนักเรยี นรวบรวมขอมลู เก่ยี วกับมลู เหตใุ นการสรา งพระปฐมเจดีย แสดงความสมจรงิ ตามอารมณของตัวละครในเรื่อง เพ่ือใหนกั เรยี นท่ฟี งเพอ่ื นเลา จากนั้นสรปุ ประเดน็ ตา งๆ ที่อธิบายประวตั ิความเปนมาของพระปฐมเจดีย เร่อื งยอ เขาใจเรือ่ งไดดียงิ่ ขนึ้ อีกทงั้ ยงั เปน การดึงความสนใจของเพอ่ื นๆ ใหสนใจฟง ลงสมดุ บนั ทึกสง ครู ในขณะทีม่ ีการเลานิทานดวย กิจกรรมทาทาย นักเรียนศกึ ษาเกี่ยวกับประวตั คิ วามเปน มาของพระปฐมเจดยี เพมิ่ เติม คูม อื ครู 133 จากนน้ั ใหนักเรียนรวบรวมขอ มูลเก่ียวกบั มลู เหตุในการสรางพระปฐมเจดีย แลวเขยี นวิเคราะหล งสมุดบนั ทึกวา นิทานพื้นบา นท่ีใชอธิบายประวตั คิ วาม เปนมาของพระปฐมเจดยี น ม้ี คี วามเก่ยี วขอ งสอดคลอ งกบั ประวัติศาสตร อยางไร บันทึกลงสมดุ สง ครู
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166