Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู วรรณคดีฯ ม.1

คู่มือครู วรรณคดีฯ ม.1

Published by hamas1426, 2021-06-09 17:58:12

Description: คู่มือครู วรรณคดีฯ ม.1

Search

Read the Text Version

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Expand ขยายความเขา ใจ ครูสมุ นกั เรยี น 3-4 คน มาเลาเรอ่ื งยอ หนา ๔ เร่ืองยอ่ ช้นั เรียน พระเจ้ากรุงต้าฉิงแห่งเมืองจีนยกทัพมาล้อมกรุงอังวะ ต้องการให้พระเจ้ามณเฑียรทอง (แนวตอบ พระเจากรงุ ตาฉิงแหง จีน ยกทัพมา ออกไปถวายบังคมและขอให้ส่งทหารออกมาขี่ม้าร�าทวนต่อสู้กันตัวต่อตัวกับกามะนีทหารเอก ลอ มกรงุ รัตนบุระองั วะ ใหพระเจา มณเฑยี รทอง ของเมอื งจนี ถา้ ฝา่ ยกรุงรตั นบุระองั วะแพ้ตอ้ งยกเมืองให้ฝ่ายจีน แต่ถา้ ฝา่ ยจีนแพ้กจ็ ะยกทัพกลับทนั ที ออกไปถวายบงั คม และขอใหสงทหารออกมาขมี่ า พระเจ้ามณเฑียรทองประกาศหาผู้ท่ีจะอาสาออกไปรบกับกามะนี ถ้าสามารถรบชนะจีน ราํ ทวนตอ สูก ันตัวตอ ตัวกับกามะนีทหารเอกของ จะโปรดเกลา้ ฯ แตง่ ตงั้ ใหเ้ ป็นพระมหาอปุ ราชและแบง่ สมบัตใิ ห้กึ่งหน่ึง พระเจา กรุงจีน ถา ฝายกรงุ รตั นบรุ ะอังวะแพต องยก ฝ่ายสมงิ พระรามท่ถี ูกจับเป็นเชลยเมืองอังวะทราบข่าวก็คิดตรึกตรองวา่ หากจีนชนะศึกคร้ังนี้ เมอื งใหฝา ยจีน แตถาฝา ยจีนแพจ ะยกทพั กลับทนั ที จีนคงจะยกทัพไปตีเมืองหงสาวดีของตนต่อเป็นแน่ ควรคิดป้องกันไว้ก่อนจึงอาสาออกรบ แม้แรกๆ พระเจากรงุ อังวะประกาศหาผทู ่จี ะอาสาออกไปรบ จะเกรงว่าการอาสาออกรบคร้ังนี้จะเป็นการ หาบสองบ่าอาสาสองเจ้า ก็ตาม โดยขอพระราชทาน กับกามะนี เมอื่ สมิงพระรามทราบขาว กค็ ิด มา้ ฝเี ทา้ ดตี วั หนงึ่ และไดเ้ ลอื กมา้ ของหญงิ มา่ ย ซงึ่ มลี กั ษณะดที กุ ประการ สมงิ พระรามนา� มา้ ออกไปฝกึ หดั ตรกึ ตรองวา หากจีนชนะศึกคร้งั น้ี จนี คงยกทัพไปตี ใหร้ ู้จักทา� นองจนคลอ่ งแคล่วสนั ทดั ขึน้ พรอ้ มทั้งทูลขอขอเหล็กและตะกรวยผูกข้างมา้ เมืองหงสาวดีของตนตอ ไปแน ควรคดิ ปอ งกันไวกอ น ในระหว่างการรบ สมิงพระรามเห็นว่ากามะนีมีความช�านาญด้านการรบเพลงทวนมากและ จงึ อาสาออกรบสูศกึ และขอพระราชทานมา ฝเ ทา ดี ยังสวมเกราะไวแ้ น่นหนา สมิงพระรามจงึ ใชอ้ ุบายว่าให้แต่ละฝา่ ยแสดงทา่ ร�าใหอ้ ีกฝ่ายร�าตามกอ่ นท่จี ะ ตัวหน่งึ เปนลกู มาของหญงิ มาย สมงิ พระรามนาํ มา ตอ่ สู้กนั ท้งั นีเ้ พอ่ื จะคอยหาช่องทางทจ่ี ะแทงทวนให้ถกู ตัวกามะน ี ออกไปฝกหัด เมอ่ื สูกนั สมงิ พระรามเห็นวา กามะนมี ี เมื่อสมิงพระรามได้หลอกล่อให้กามะนีร�าตามในท่าต่างๆ สมิงพระรามเห็นช่องใต้รักแร้ ความชาํ นาญดานการรบเพลงทวนมาก และยงั สวม กับบริเวณเกราะซ้อนท้ายหมวกเปิดออกได้ สมิงพระรามจึงหยุดร�าและให้ต่อสู้กันโดยท�าทีว่าสู้ไม่ได้ หุมเกราะไวแนน หนา สมงิ พระรามจงึ ใชอบุ ายวา ให จากนั้นจึงขับม้าหนีให้ม้าของกามะนีเหนื่อยเม่ือได้ทีก็สอดทวนแทงซอกใต้รักแร้แล้วฟันย้อนกลีบ- แตละฝายแสดงทา ราํ ใหอ ีกฝายรําตามกอ นทจี่ ะตอสู เกราะตัดศีรษะของกามะนีขาดและเอาขอเหล็กสับใส่ตะกรวยโดยไม่ให้ศีรษะตกดิน น�ามาถวาย กนั คร้ันเมอ่ื สกู นั ไมเ หน็ ผลแพชนะ สมิงพระรามจงึ พระเจ้ามณเฑียรทอง หยดุ รําทาํ ทวี าสไู มไดขบั มาหนี ใหมา ของกามะนี เม่ือฝ่ายจีนแพ้ พระเจ้ากรุงจีนก็สั่งให้ยกทัพกลับตามสัญญา พระเจ้ามณเฑียรทอง ตามจนเหน่อื ย เมือ่ ไดทีก็สอดทวนแทงซอกใตรักแร พระราชทานต�าแหน่งพระมหาอุปราชและพระราชธิดาให้เป็นบาทบริจาริกาแก่สมิงพระรามตามท่ีได้ แลว ฟนยอนกลบี เกราะตัดศีรษะของกามะนขี าด รบั ส่ังไว้ แลวเอาขอเหล็กสับใสตะกรวยโดยไมใ หต กดนิ นาํ มา ถวายพระเจา มณเฑียรทอง เมือ่ ฝา ยจีนแพพระเจา กรงุ จีนก็ส่ังใหยกทพั กลับตามสัญญา พระเจา มณเฑียรทองพระราชทานตําแหนงมหาอปุ ราชและ พระราชธิดา ใหเปนบาทบริจาริกาแกส มงิ พระราม ตามที่ไดรับสั่งไว) ตรวจสอบผล Evaluate นกั เรียนสรุปและเลาเรอื่ งยอเปนสาํ นวนภาษา 84 ของนกั เรียนเอง บเศูรณรากษารฐกจิ พอเพียง บูรณาการเชอ่ื มสาระ เรอื่ งราชาธริ าชเปนเรือ่ งท่ีมเี นอ้ื หาสาระและสว นประกอบตา งๆ มาจาก จากวรรณคดีเรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ใหนักเรียนวิเคราะห มหาสงครามในพระราชพงศาวดารมอญ ซึ่งเปนชนชาตทิ เี่ คยรงุ เรืองในอดตี ลักษณะและพฤติกรรมของตัวละคร “สมงิ พระราม” วา เปนผูท ่นี า ยกยอ งและสมควร มีประวัติศาสตรความเปน มาทนี่ า สนใจ เร่ืองราวทีบ่ นั ทึกเปนพงศาวดารมี นํามาเปนแบบอยางในการดําเนินชีวิตอยางไร ครูช้ีแนะใหศึกษาวิเคราะหตัวละคร อิทธพิ ลตอ วรรณคดีและวรรณกรรมชาตมิ อญและชาตใิ กลเคียง จงึ เปน เรือ่ ง ภายใตบริบทของความมเี หตุผลและการมภี ูมคิ มุ กันที่ดใี นตัว ทน่ี า สนใจหากจะศกึ ษาหาความรูเ พ่ิมเติม โดยครูบูรณาการเกี่ยวกบั ประวัติ ความเปนมาของเรอ่ื งราชาธริ าชเขา กบั วิชากลมุ สาระการเรียนรูสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม วิชาประวตั ิศาสตร 84 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๕ เนื้อเร่อื ง ครูเปด วซี ดี ลี ะครพนั ทาง เร่ืองราชาธิราช ตอน สมิงพระรามรบกามะนี ใหน ักเรียนชม แลว ให ราชาธิราช นักเรียนตง้ั คาํ ถามแลกเปลย่ี นความคิดเห็น ตอน สมิงพระรามอาสา สาํ รวจคน หา Explore ฝ่ายพระเจ้ากรุงต้าฉิง ซึ่งเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงจีนน้ันมีทหารเอกคนหนึ่งชื่อกามะนีมีฝีมือ 1. นกั เรียนอานเรอ่ื งราชาธริ าช ตอน ข่ีม้าแทงทวนสันทัดดีหาผู้เสมอมิได้ จีนท้ังปวงก็สรรเสริญว่า กามะนีมิใช่มนุษย์ดุจเทพยดาก็ว่าได้ สมงิ พระรามอาสาในใจ อยมู่ าวนั หนงึ่ พระเจา้ กรงุ จนี เสดจ็ ออกตรสั ปรกึ ษาดว้ ยเสนาบดมี นตรมี ขุ ทง้ั ปวงวา่ ทา� ไฉนเราจะไดเ้ หน็ ทหารข่ีม้าสู้กันกับกามะนีตัวต่อตัวดูเล่นให้เป็นขวัญตาสักคร้ังหนึ่ง กษัตริย์กรุงใดยังจะมีทแกล้วทหาร 2. นกั เรียนสบื คนประเด็นสําคญั ของเร่อื งราชาธิราช ท่ีสามารถจะสู้กามะนีได้ แต่พอชมเล่นเป็นที่เจริญตาได้บ้าง เสนาบดีท้ังปวงจึงกราบทูลว่า กษัตริย์ท่ี ตอน สมงิ พระรามอาสา จะมีทแกล้วทหารข่ีม้าสันทัดน้ันมีอยู่แต่กรุงรัตนบุระอังวะกับกรุงหงสาวดี กษัตริย์ท้ังสองพระองค์นี้ • นกั เรยี นรวบรวมพระนามทีห่ มายความถงึ ยอ่ มทา� สงครามแกก่ ันอยมู่ ิไดข้ าด กษัตรยิ แ หง กรุงรตั นบรุ ะองั วะ (แนวตอบ พระนามท่ีหมายความถงึ พระเจ้ากรุงจีนได้ทรงฟังก็มีพระทัยยินดีนัก จึงสั่งให้จัดพลพยุหเสนาทั้งปวงเป็นอันมากจะนับ กษตั รยิ แหง กรงุ รัตนบรุ ะองั วะ ไดแก ประมาณมิได้ คร้ันได้ศุภฤกษ์แล้ว พระองค์ก็เสด็จทรงม้าพระท่ีนั่ง ยกทัพบกมายังกรุงรัตนบุระอังวะ พระเจา มณเฑยี รทอง พระเจา กรุงองั วะ พระเจาฝร่ังมงั ฆอ ง) พระเจ้ากรุงจีนยกมาคร้ัง1นั้น อุปมาดังฝนตกห่าใหญ่ตกลงน�้านองท่วมป่าไหลเช่ียวมาเม่ือวสันตฤดูนั้น อธบิ ายความรู Explain หาส่ิงใดจะต้านทานมิได้ ครั้นเสด็จด�าเนินกองทัพมาถึงกรุงรัตนบุระอังวะ ทอดพระเนตรเห็นก�าแพง เมอื งถนดั กใ็ หต้ ้ังทัพมนั่ ลง นักเรยี นอธบิ ายประเด็นคําถามตอ ไปน้ี • ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาเปนการสู ฝ่ายพระเจ้าฝร่ังมังฆ้องได้แจ้งว่า ทัพจีนยกมามากเหลือก�าลังก็มิให้ออกรบสู้ต้านทาน ให้แต่ รักษาพระนครม่ันไว้เป็นสามารถ ฝ่ายพระเจ้ากรุงจีน จึงให้มีพระราชก�าหนดประกาศแก่ทหาร รบกนั ระหวา งเมืองใด (แนวตอบ พระเจากรงุ ตา ฉงิ แหง เมืองจีนกบั คทร้ังป้ันวพงรวะ่าเจถ้า้ากผรู้ใุงดจไีนมใ่มหีอ้ตาั้งวคุธ่าสยู้รมบ่ันอลยง่แาไลด้ว้ทก�า็ใอหัน้แตตร่งาพยรเะปร็นาอชันสขาาสด์นฉถบ้าับผู้ใหดนมึ่งิฟังแจละ้วใใหห้ต้จัดัดศแีรพษระล2เาสยียมบังเสกียร พระเจา มณเฑียรทองกรงุ รัตนบุระองั วะ) • เหตุใดจึงมกี ารสูรบกนั ระหวางสองเมือง รอ้ ยม้วน แพรลายทองร้อยมว้ น กับเคร่ืองยศประดับหยกอย่างกษัตรยิ ส์ �ารบั หน่งึ ใหข้ ุนนางในต�าแหนง่ (แนวตอบ เพราะพระเจา กรงุ ตาฉิงแหง เมืองจีน ฝ่ายพลเรือน ชื่อโจเปียวพูดภาษาพม่าได้ กับไพร่พอสมควร เชิญพระราชสาส์นกับเครื่องราช- ตอ งการเห็นกามะนีทหารเอกของตนขี่มา สกู ับ บรรณาการเข้ามาถวายพระเจ้าฝร่ังมังฆ้อง โจเปียวก็ถวายบังคมลา ถือพระราชสาส์นคุมเคร่ืองราช- ทหารทมี่ ฝี มือทัดเทียมกัน จึงจดั ทัพไปยงั บรรณาการมากับด้วยไพร่ จึงเรียกทหารผู้รักษาหน้าที่ให้เปิดประตูเมืองรับ นายทัพนายกองได้แจ้ง กรงุ รตั นบรุ ะองั วะ สงพระราชสาสน พรอม ดังน้ัน ก็เข้ากราบบังคมทูลพระเจ้าฝร่ังมังฆ้อง จึงโปรดให้รับผู้ถือพระราชสาส์นเข้ามา โจเปียว เครือ่ งราชบรรณาการถวายแกพระเจา ฝรง่ั - ก็เข้ามากราบถวายบังคมหน้าพระที่น่ัง ถวายพระราชสาส์นกับเคร่ืองราชบรรณาการพระเจ้า มังฆอ ง และใหส ง ทหารฝม อื ดมี าสูก บั ทหาร ฝร่ังมังฆ้องๆ จึงรับสั่งให้ล่ามเจ้าพนักงานเข้ามาแปลพระราชสาส์น ล่ามแปลแล้วจึงตรัสสั่งให้ ของฝายตน หากทหารของตนคือกามะนชี นะ อาลักษณ์อ่าน ในพระราชสาสน์ น้ันวา่ ก็จะยดึ เอากรงุ รตั นบุระอังวะ แตห ากแพก็จะ ถอยทัพกลบั ) 85 บรู ณาการเชอื่ มสาระ เกรด็ แนะครู จากเนื้อเรือ่ งจะเห็นวา พระเจากรงุ จนี ใชก าํ ลงั ทางทหารเขา รุกราน และ ครเู สริมความรใู หนักเรียนเพม่ิ เติมเกีย่ วกบั เรือ่ งราชาธริ าช ตอน สมงิ พระราม ย่ืนขอ ความประสงคเ รียกรอ งขมขดู ว ยกําลังทางทหารใหพ ระเจา ฝรัง่ มงั ฆอ ง อาสา วานิยมนําไปแสดงมหรสพ นาํ ไปแสดงละครพันทาง ท้งั นเี้ พราะเรอื่ ง ปฏิบัติตาม ซ่งึ ในอดีตการครอบครองและขยายเขตแดนการปกครองจะใช ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสามคี วามสมบรู ณด ว ยอรรถรสของเน้อื เรือ่ ง กาํ ลังเขายึด ครูบรู ณาการความรูเขา กับกลุมสาระการเรยี นรูสงั คมศกึ ษา การรายราํ ท่ีสวยงาม เพลงและดนตรที ี่ผสานและสอดคลองกับเรอื่ งอยางกลมกลนื ศาสนา และวฒั นธรรม วิชาประวัติศาสตร เร่ืองการปกครองและการขยาย อาณาเขตของอาณาจักรตางๆ ในสมยั กอน นักเรียนควรรู 1 อปุ มาดังฝนตกหา ใหญตกลงนํ้านองทว มปา ไหลเชี่ยวมาเมื่อวสนั ตฤดูนนั้ หา สิง่ ใดจะตานทานมิได หมายถึงเหตุการณท พ่ี ระเจา กรุงจีนยกทพั กําลงั พลมามาก ยากทีก่ รงุ รตั นบรุ ะองั วะจะตา นทานได 2 แพร ผา ท่มี ีเนอ้ื ลน่ื เรยี บเปนมนั เนื้อหนาหรอื บางก็ได เดมิ ทอดว ยใยไหม ปจ จบุ ันอาจทอดวยไหมเทียม คูมือครู 85

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. นักเรยี นรวมกันอธิบายประเดน็ คําถามตอ ไปนี้ เรายกพยุหเสนามาคร้ังนี้ ด้วยมีความปรารถนาสองประการๆ หนึ่งจะให้พระเจ้าอังวะ • ในความเหน็ ของพระเจา ฝรงั่ มังฆองเรอ่ื งการ อยู่ในอ�านาจออกมาถวายบังคมเรา ประการหนึ่งจะใคร่ดูทหารขี่ม้าร�าทวนสู้กันตัวต่อตัว ทําศึกตามพระราชประสงคของพระเจาตาฉิง ชมเล่นเป็นขวัญตา แม้นทหารกรุงรัตนบุระอังวะแพ้ ก็ให้ยอมถวายเมืองแก่เราโดยดี มีความยุตธิ รรมหรือไม อยา งไร อย่าให้สมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนเลย ถ้าทหารฝ่ายเราแพ้ก็จะ (แนวตอบ พระเจาฝรั่งมงั ฆอ งเห็นวาการสรู บ เลิกทัพกลับไปยังพระนคร และราษฎรในกรุงรัตนบุระอังวะน้ันโดยต่�าลงไปแต่กระท่อมน้อย กันตามความประสงคข องพระเจากรงุ ตาฉงิ หลังหนึ่ง ก็มิใหเ้ ป็นอันตราย พระเจา้ อังวะจะคิดประการใดก็เรง่ บอกออกมา มีความยตุ ธิ รรม ดังที่กลา วในเน้ือเร่อื งวา “ดวยทรงพระดํารวิ าการทาํ สงครามครั้งน้ี พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้แจ้งในพระราชสาส์นนั้นแล้วก็ดีพระทัยนัก ด้วยทรงพระด�าริว่า เปนธรรมยุทธใหญย ิ่ง สมณชพี ราหมณอาณา การสงครามครั้งนี้เป็นธรรมยุทธ์ใหญ่ย่ิง สมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรจะมิได้ความเดือดร้อน ประชาราษฎรจ ะมิไดค วามเดือดรอ นสมควร สมควรแก่พระเจ้าแผ่นดินผู้ต้ังอยู่ในยุติธรรม ทรงพระด�าริแล้วจึงให้พระราชทานเงินทองเส้ือผ้าแก่ แกพ ระเจา แผน ดนิ ผูต้งั อยใู นยตุ ิธรรม” พระเจาฝร่ังมงั ฆองทรงเห็นความปลอดภัย ผผู้า้ถสือักหหนลังาสดือยเ่ีสปิบ็นพอับันมนาอกระมแาลด้ว1หให้าส้แิบตย่งอพดระนร�้าาดชอสกาไสม์้เนทตศอ2สบามฉสบิบับเหต้าน่ึงช้าใงหพ้จลัดาเยคผรูก่ือเคงรรา่ือชงทบอรงรชณ้าางหกนาร่ึง ของประชาชนเปนสาํ คญั ) มอบให้โจเปียวผู้จ�าทูลพระราชสาส์นน�ากลับไปถวายพระเจ้ากรุงจีนๆ จึงรับสั่งให้ล่ามพม่าเข้ามาแปล 2. ครูทบทวนความรูค วามเขา ใจเกยี่ วกับตวั ละคร ใหเ้ จ้าพนักงานอ่านถวาย ในพระราชสาสน์ ตอบนัน้ วา่ โดยใหน กั เรียนทํากิจกรรมตามตวั ชี้วดั จาก แบบวดั ฯ ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.10 ซึ่งพระเจ้ากรุงจีนมีพระทัยปรารถนาจะใคร่ชมฝีมือทหารฝ่ายพม่าข่ีม้าร�าทวนสู้กัน เป็นสงครามธรรมยุทธ์น้ัน เราเห็นชอบด้วยมีความยินดีย่ิงนัก เพราะสมควรแก่พระองค์ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ เป็นกษัตริย์ผู้ใหญ่อันประเสริฐ แต่การสงครามครั้งนี้เป็นมหายุทธนาการใหญ่หลวง จะด่วน ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.10 กระทา� โดยเรว็ นนั้ มไิ ด ้ ของดไวภ้ ายในเจด็ วนั อนึ่ง พระองคก์ เ็ สดจ็ มาแตป่ ระเทศไกล ไพรพ่ ล เร่�อง ราชาธร� าช ทั้งปวงยังเหน็ดเหนื่อยเม่ือยล้าอยู่ ขอเชิญพระองค์พักพลทหารระงับพระกายให้ส�าราญ พระทยั กอ่ นเถดิ แลว้ เราจึงจะใหม้ กี า� หนดนดั หมายออกไปแจ้ง ตามมีพระราชสาสน์ มาน้นั กจิ กรรมที่ ๑.๙ ใหนักเรียนบอกชอื่ ตวั ละครจากขอ ความตอ ไปน้ี คะแนนเตม็ คะแนนท่ีได พระเจ้ากรุงจีนได้แจ้งในพระราชสาส์นตอบแล้วก็ดีพระทัย จึงส่ังให้นายทัพนายกองทั้งปวง (ท ๕.๑ ม.๑/๑) õ สงบไว้ หญิงสาวผูสมบูรณดวยลักษณะและสิริ ..พ....ร....ะ..ร....า...ช...ธ...ดิ....า...ข...อ...ง...พ....ร....ะ..เ..จ....า ..ฝ....ร...งั่....ม...ัง...ฆ.....อ...ง..... ฝ่ายพระเจ้ามณเฑียรทอง คร้ันส่งพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการไปแล้ว จึงตรัส มารยาทที่งดงาม กามะนี......................................................................................... ปรึกษาเสนาพฤฒามาตย์ราชปุโรหิตข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยทแกล้วทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดจะรับอาสา ........................พ....ร....ะ..เ..จ....า..ก....ร....ุง...ต....า...ฉ....งิ......................... ข่ีม้าแทงทวนสู้กามะนีทหารพระเจ้ากรุงจีนตัวต่อตัวได้บ้าง เสนาพฤฒามาตย์ผู้ใหญ่ผู้น้อยทแกล้ว ทหารเอกคนหนึ่งมีฝมือขี่มา แทงทวน สมงิ พระราม......................................................................................... ทหารท้ังปวงก็มิอาจรับอาสาได้ พระเจ้ามณเฑียรทองก็ทรงพระวิตกเป็นทุกข์พระทัยนัก จึงให้หาโหร สันทัดดีหาผูเสมอมิได จีนทั้งปวงตาง ......................พ.....ร...ะ...เ.จ....า...ฝ...ร....่ัง...ม...ัง....ฆ....อ ...ง........................ มาค�านวณพระชันษาและชะตาเมืองดู โหรก็ค�านวณฎีกาดูทูลถวายว่าพระชันษาและชะตาเมืองยังดี สรรเสริญวาทหารผนู ี้ดุจเทพยดา อย่หู าเสยี ไม่ นานไปจะไดล้ าภอันประเสรฐิ อีก 86 เฉฉบลบั ย เรารกั สตั ยย งิ่ กวา ทรพั ย อยา วา แตส มบตั ิ มนุษยนี้เลย ถึงทานจะเอาทิพยสมบัติ กจิ กรรมสรา งเสรมิ ของสมเด็จอมรินทรมายกใหเรา เราก็ มิไดป รารถนา มเิ สยี ทที เ่ี กดิ มาเปน เชอื้ ชาตทิ หาร นบั วา ชายชาตรีแท มิไดเกรงกลวั แกค วามตาย ท้ังราชสมบัติก็มิไดรักใคร แลวองอาจ แกลว กลา หาผใู ดเปรยี บเสมอมไิ ด พระเจาอยูหัวของเราทรงโปรดทแกลว ทหาร รักยิ่งกวาพระราชธิดาอันเกิดแต พระอรุ ะ หวงั จะบาํ รงุ พระนครใหค นทงั้ ปวง อยูเปนสุข และจะใหขาศึกยําเกรง พระเดชานุภาพ ๙๐ เกรด็ แนะครู ครูใหนักเรยี นถายทอดประสบการณกอ นเรม่ิ เรยี นเรือ่ งราชาธริ าช ตอน สมิง- นักเรียนศกึ ษาเนื้อเร่อื งราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา ในหนา 86 พระรามอาสา ครขู ออาสาสมัครทร่ี ูจกั เรอื่ งราชาธริ าชมาเลาใหเ พือ่ นฟงหนา ช้ันเรยี น โดยพิจารณาวา เนอื้ ความตอนใดในเรือ่ งทแี่ สดงใหเห็นความเชื่อของ โดยครคู อยซักถามใหก ารเลา เร่ืองของนักเรยี นนาํ ไปสูการเรมิ่ บทเรียน และเปด คนสมัยนน้ั จดบันทกึ ลงสมุด โอกาสใหนกั เรียนคนอ่ืนๆ ซักถาม โดยครูชวยแนะคาํ ตอบ หรอื ใหนักเรียนบันทึก คําถามนนั้ ลงสมดุ และตอบคาํ ถามเมอ่ื อานเนื้อเรือ่ งจบแลว กจิ กรรมทาทาย นกั เรียนควรรู นกั เรยี นศกึ ษาเนอื้ เรื่องราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา ในหนา 86 โดยพจิ ารณาวา เนื้อความตอนใดในเรื่องทีแ่ สดงใหเห็นความเชื่อของ 1 นอระมาด หรือหนอแรด ใชทําเครอ่ื งประดบั ในอดีตใชเ ปน เคร่ืองบรรณาการ คนสมัยนัน้ และวิเคราะหวาความเชอ่ื น้นั สง ผลตอการดาํ เนินเรื่องอยางไร 2 นํา้ ดอกไมเทศ หมายถึง หัวน้ําหอมทําจากดอกกหุ ลาบชนิดหน่ึง นักเรยี นจดบนั ทึกความรลู งสมุด 86 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทรงฟังก็ดีพระทัย จึงให้ตีฆ้องร้องป่าวท่ัวท้ังพระนครว่า ถ้าผู้ใดรับ นกั เรยี นอธบิ ายเกยี่ วกับสถานการณข อง อาสาสู้กับกามะนีทหารพระเจ้ากรุงจีนได้ พระเจ้าแผ่นดินจะโปรดให้เป็นมหาอุปราช เสนาบดีรับส่ัง สมงิ พระรามอาสา แล้วกใ็ หป้ า่ วรอ้ งไปท่วั พระนคร ไมม่ ผี ใู้ ดทจี่ ะอาจออกรบั อาสาได้ • สมงิ พระรามมปี ระวตั ิความเปน มาอยางไร ฝ่ายผู้คุมซ่ึงคุมสมิงพระรามน้ัน จึงเจรจากับเพื่อนกันตามเรื่องราว แล้วคร้ังน้ีพระเจ้าอยู่หัว (แนวตอบ สมงิ พระรามเปนเชลยศกึ เมอื ง จะแบ่งสมบัติให้กึ่งหนึ่ง ก็ยังไม่มีผู้ใดรับอาสา เห็นเมืองจะตกต�่าเสียละกระมัง สมิงพระรามได้ยิน หงสาวดี เปน ทหารเอกมีฝมือของพระเจา ดังนั้นก็คิดว่า แต่เราต้องพันธนาการตรากตร�าอยู่นานแล้ว มิได้ขี่ช้างขี่ม้าเหยียดมือเหยียดเท้า ราชาธิราช ซึ่งครง้ั หนึง่ มังรายกะยอฉะวา เยื้องแขนซ้ายย้ายแขนขวาเล่นบ้างเลยร�าคาญใจนัก เราจะกลัวอะไรกับกามะนีทหารจีน อันจะเอา พระราชโอรสของพระเจา ฝร่ังมังฆอ ง ยกทพั ชัยชนะน้ันไม่สู้ยากนัก ครั้นจะรับอาสาบัดน้ีเล่าก็เหมือนหาบสองบ่าอาสาสองเจ้าหาควรไม่ คิดแล้ว มาตีเมอื งหงสาวดี คร้ังนั้นสมงิ พระราม ก็นิ่งอยู่ คร้ันรุ่งขึ้นผู้คุมได้ยินข้าหลวงมาป่าวร้องอีก จึงพูดกับเพ่ือนกันว่า ทัพจีนยกมาคร้ังน้ี ทหารมอญผมู ฝี มอื ในการรบเปน เย่ยี ม ใหญ่หลวงนัก หาทหารผู้ใดที่จะรับอาสาป้องกันพระนครไว้นั้นเป็นอันยากแล้ว อย่าว่าแต่เมืองพม่า มคี วามองอาจเขม แข็งบังคบั ชาง มา เท่าน้เี ลย ถงึ เมืองใหญ่ๆ กว่าเมอื งพม่าสกั สิบเมืองก็เห็นจะสไู้ มไ่ ด้ นา่ ท่ีจะเสยี เมืองแกจ่ ีนเปน็ มน่ั คง ไดช ํานาญ แตชางศกึ พลายประกายมาศ ตกหลม มงั รายกะยอฉะวาจงึ จบั สมงิ - สมิงพระรามได้ฟังดังน้ันก็คิดว่า กรุงอังวะน้ีเป็นต้นทาง อุปมาดังหน้าด่านกรุงหงสาวดี พระรามได และนําไปจองจําไวท ี่กรุงองั วะ พระเจ้ากรุงจีนยกทัพมาคร้ังน้ีก็มีความปรารถนาจะใคร่ดูทแกล้วทหารอันมีฝีมือข่ีม้าร�าเพลงทวน ในฐานะเชลย) สู้กันตัวต่อตัว ถ้าไม่มีผู้ใดสู้รบ ถึงจะได้เมืองอังวะแล้วก็ไม่ส้ินความปรารถนาแต่เพียงน้ี เห็นศึกจีน จะก�าเริบยกล่วงเลยลงไปติดกรุงหงสาวดีด้วยเป็นมั่นคง ตัวเราเล่าก็ต้องจองจ�าตรากตร�าอยู่ ถ้าเสีย • เหตุใดสมิงพระรามจงึ อาสาออกรบ กรุงอังวะแล้วจะหมายใจว่าจะรอดคืนไปเมืองหงสาวดีได้ก็ใช่ที่ จ�าเราจะรับอาสาตัดศึกเสียจึงจะชอบ (แนวตอบ สมิงพระรามรวู าการศกึ คร้งั น้ี อยา่ ให้ศกึ จนี ยกลงไปติดกรุงหงสาวดีได้ คิดแล้วจึงพูดกับผูค้ ุมวา่ จะกลัวอะไรกับกามะนีทหารพระเจา้ ยงิ่ ใหญ ความปรารถนาของพระเจา กรุงจนี กรุงจีนน้ันจะมีฝีมือดีสักเพียงไหน เรากลัวแต่ทหารเทพยดาท่ีเหาะได้ ซึ่งกามะนีกับเราก็เป็นมนุษย์ ท่ีตอ งการเหน็ ทหารเอกของตนสกู ันตวั ตอตวั เดินดินเหมือนกันเราหากลัวไม่ พอจะสู้รบเอาชัยชนะได้ นายผู้คุมได้ฟังก็ดีใจจึงตอบว่า ถ้าท่านรับ กบั ทหารของเมอื งอนื่ ยากจะหยดุ ยั้ง อาสาได้แล้วก็ดีย่ิงนัก เห็นท่านจะพ้นโทษได้ท่ีมหาอุปราชมียศถาศักดิ์ใหญ่เป็นมั่นคง ไปเบ้ืองหน้า หากไมมีใครในกรงุ องั วะรับอาสาการศกึ เราจะขอพ่ึงบุญท่าน สมิงพระรามตอบว่า ซึ่งเรารับอาสาน้ีจะหวังยศถาบรรดาศักดิ์หามิได้ ประสงค์ ครั้งนี้ พระเจากรุงจีนจะยึดกรุงอังวะไวใน จะกู้พระนครให้เป็นเกียรติยศไว้ และจะให้ราษฎรสมณชีพราหมณ์อยู่เย็นเป็นสุขเท่าน้ัน ผู้คุมได้ฟัง ครอบครอง และจะเสาะหาทหารทจ่ี ะมาทา ก็ชอบใจ จึงน�าถ้อยค�าสมิงพระรามรีบเข้าไปแจ้งแก่เสนาบดีๆ ได้ฟังก็มีความชื่นชม จึงน�าความเข้า สกู ับกามะนใี นเมืองอื่นตอไป ซึ่งสมิงพระราม กราบทลู พระเจา้ มณเฑยี รทองตามคา� สมิงพระรามวา่ นนั้ ทกุ ประการ ก็คาดวานา จะเปนกรงุ หงสาวดีของตน จงึ ถอื โอกาสนช้ี วยกรุงหงสาวดีและชวยให พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ทรงฟังก็เฉลียวพระทัย ทรงพระด�าริระลึกข้ึนมาได้ว่า สมิงพระรามนี้ ตัวเองหลดุ พนโทษเปน อิสระ) ขช่ี ้างม้าสันทดั ดี ฝีมือเข้มแขง็ แกล้วกล้าในการสงครามหาผ้เู สมอตวั ยาก เห็นจะสูท้ หารพระเจา้ กรุงจนี ได้เป็นแท้ ทรงพระด�าริแล้วก็มีพระทัยยินดีนัก จึงตรัสแก่เสนาบดีทั้งปวงว่า สมิงพระรามนี้มีฝีมือ เป็นทหารเอกเมืองหงสาวดี เราลืมคิดไปพ่ึงระลึกข้ึนได้ จึงตรัสสั่งขุนนางกรมนครบาล ให้ไปถอดสมิง พระรามมากระท�าสัตย์เสียจึงน�าเข้าเฝ้า สมิงพระรามก็เข้ามากราบถวายบังคมหน้าพระท่ีน่ัง พระเจ้า 87 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู เหตุใดสมงิ พระรามจึงกลา ววา “เหมอื นหาบสองบา อาสาสองเจาหาควรไม” ครูแนะใหน กั เรียนเห็นวา กอนจะตดั สนิ ใจทํากิจการงานใดๆ นั้น ควรตรกึ ตรอง 1. เพราะคนเราไมค วรทํางานพรอมๆกันสองอยา ง พิจารณาใหรอบคอบ ดังท่สี มงิ พระรามใครค รวญปญหากอนจะตดั สินใจวาควร 2. เพราะสมงิ พระรามนั้นเปนชาวมอญไมควรไปรับใชชาวพมา หรอื ไม ท่ีจะรบั อาสาสูศ กึ จีน ท้ังนีส้ มิงพระรามนอกจากจะเปนผูทีม่ ปี ญญามีฝมือแลว 3. เพราะสมิงพระรามอาสามาสูร บกับพมา แลวยังจะอาสาไปสูร บกับจีนอกี สมิงพระรามยงั มองการณไ กล สามารถคดิ ถึงปญหาใหญท่จี ะเกิดแกกรงุ หงสาวดไี ด 4. เพราะสมงิ พระรามนัน้ เปน ทหารของพระเจา ราชาธริ าชแลวยังจะมารับใช จึงหาวิธกี ารปอ งกันปญหาดว ยการรับอาสาสูศึกจนี พระเจาฝร่งั มังฆอง มุม IT วิเคราะหคาํ ตอบ สมิงพระรามเปน ทหารเอกของพระเจาราชาธริ าช แตตอ มาถกู จบั มาเปนเชลยท่กี รงุ อังวะ เม่ือเกดิ ศึกจนี กรุงอังวะประกาศหาผูม า ศกึ ษาเก่ยี วกบั ประวัติของสมงิ พระรามจากเรอ่ื งราชาธริ าชเพ่ิมเติม ไดที่ อาสาขมี่ า ราํ ทวนสตู วั ตอตัวกับทหารจีน แมสมิงพระรามเหน็ วาศึกจนี ครง้ั น้ี http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=12b5ad97ea4090c6 คงไมย ากทจ่ี ะเอาชนะ แตการรับอาสานัน้ อาจเปนเรือ่ งไมค วร เพราะตนเปน ทหารของพระเจาราชาธริ าชแลว ยังจะมารับใชพ ระเจา ฝรั่งมงั ฆอ งเปน เรอื่ ง คมู อื ครู 87 ไมค วร แตทา ยทส่ี ุด เม่ือเห็นวากรงุ องั วะชนะจะเปนประโยชนต อกรงุ หงสาวดี ดวยจึงรับอาสา ตอบขอ 4.

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนอธบิ ายความรูเกย่ี วกบั เรื่องดังตอ ไปนี้ ฝร่ังมังฆ้องทอดพระเนตรเห็นสมิงพระรามก็มีพระทัยยินดีนัก จึงตรัสถามว่า ศึกมาติดกรุงอังวะครั้งน้ี • สมิงพระรามอาสากลา วถึงการเลือกมาทดี่ ี หาผู้ใดที่จะอาสาออกสู้กับทหารจีนมิได้ ท่านจะรับอาสาเราหรือประการใด สมิงพระรามจึงกราบทูล ว่า อันการสงครามเพียงน้ีมิพอเป็นไรนัก ข้าพเจ้าจะขอรับอาสาพระองค์ออกไปต่อสู้ด้วยกามะนี อยางไรบา ง สนองพระเดชพระคุณมิให้อัปยศแก่พระเจ้ากรุงจีนน้ันพอจะได้อยู่ แต่ข้าพเจ้าจะขอรับพระราชทาน (แนวตอบ ลกั ษณะชางดีเมื่อขจ่ี ึงจะรวู าดี มาดี ม้าท่ีดีมีฝีเท้าตัวหนึ่ง ถ้าได้สมคะเนแล้วอย่าว่าแต่กามะนีผู้เดียวเลย เว้นไว้แต่เทพยดานอกกว่านั้น ตอ งเอามือตองหลังดูจึงจะรวู า ดี ทหารตอง ข้าพเจ้าจะสูไ้ ด้สิ้น เห็นตอนอาสาทําศกึ จงึ จะรูวาดี ทองตอ งลอง ขดี ลงบนหนิ จงึ จะรวู า ดี สตรตี อ งมกี ริ ิยา ฝ่ายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ทรงฟังสมิงพระรามทูลดังน้ัน ก็มีความโสมนัสยินดีย่ิงนัก จึงตรัสว่า มารยาทดีจงึ จะเรยี กวา งาม อาหารตอ งชิมรส ม้าของเรามีอยู่เป็นอันมากนับได้หลายหม่ืนแสน ท่านจะปรารมภ์ไปไยด้วยม้าตัวเดียวท่ีจะให้ชอบใจ กอนจึงจะรูว า ด)ี นัน้ พอจะหาได้ ถา้ ชอบใจตวั ใดแลว้ ก็เลอื กเอาเถดิ สมงิ พระรามจึงทลู ว่าลักษณะชา้ งดตี ่อเมื่อขจี่ ึงรู้วา่ ดี • จากคาํ กลาวของสมิงพระรามในการเลือกมา ม้าดีได้ต้องเอามือต้องหลังดูก่อนจึงจะรู้ว่าดี ทแกล้วทหารก็ดี ถ้าอาสาออกสงครามท�าศึกจึงจะรู้ว่าดี แสดงใหเ หน็ คณุ ลักษณะใด ทองนพคุณเล่าขีดลงหน้าศิลาก่อน จึงจะรู้ว่าดี สตรีรูปงามถ้าพร้อมด้วยลักษณะกิริยามารยาท (แนวตอบ จากคาํ กลาวของสมิงพระรามใน ต้องอย่างจึงควรนับว่างาม ถ้าจะให้รู้รสอร่อยได้สัมผัสถูกต้องก่อนจึงนับถือว่ามีโอชาอร่อย ถ้าใจดี การเลือกมา แสดงใหเ ห็นวา เปนผมู ปี ญญา ต้องทดลองให้สิ้นเชิงปัญญาก่อนจึงจะนับว่าดี ความอุปมาสี่ข้อ ข้าพเจ้าทูลถวายดังนี้เป็นของหายาก และมคี วามรอบรูใ นเร่อื งตา งๆ ดงั ท่ีพระเจา ซงึ่ พระองคต์ รสั วา่ มา้ มมี ากนนั้ กม็ ากจรงิ แตข่ า้ พเจา้ เกรงวา่ จะไมใ่ ครม่ ดี ี ทด่ี จี ะหายาก พระเจา้ ฝรงั่ มงั ฆอ้ ง ฝรั่งมงั ฆองตรสั สรรเสริญสมิงพระรามวา ได้ทรงฟังสมิงพระรามทูลเปรียบเทียบหลักแหลมดังนั้น ก็แย้มพระสรวลชอบพระทัยจึงสั่งกรมม้า “สมิงพระรามนนี้ บั วาเปนชายผูห นง่ึ มีความ ให้จัดม้าต้น ม้าทรงระวางนอกระวางใน และม้าท้ังปวงมาให้สมิงพระรามดูท่ีหน้าพระลานหลวง สตั ยซอ่ื ยิง่ นกั และกลา หาญเขมแขง็ รูศ ิลป- พระองค์ก็เสด็จไปทอดพระเนตรพร้อมด้วยเสนาบดีขุนนางผู้ใหญ่ท้ังปวง กรมม้าผู้รับสั่ง ก็ให้จัดม้า ศาสตรส ันทดั หาตวั เปรยี บเสมอมิได” ) ส่งเข้ามามากกว่าหม่ืนแสน สมิงพระรามกราบถวายบังคมแล้วก็ออกไปยกมือข้ึนต้องหลังดู ม้าบรรดา ที่ส่งเข้ามาเป็นอันมากน้ันเลือกเสียสิ้นไม่ชอบใจสักตัวหนึ่ง ขุนนางท้ังปวงเห็นดังนั้นก็พากันหัวเราะ เยาะเล่นว่า มอญพูดมากอวดแต่ปาก ครั้นจะเอาจริงแสร้งเลือกม้าเสียนับหม่ืนนับแสนม้าทั้งปวงนี้ กส็ ามารถ เคยผจญทา� สงครามไดร้ บั อบั จนมาเปน็ อนั มาก แตล่ ว้ นดๆี ทงั้ นน้ั เลอื กมไิ ด้ แกลง้ ทา� บดิ เบอื น แก้ไขแต่พอให้เนิ่นช้าไปกว่าจะได้ช่องก็จะหนีเอาตัวรอดกลับไปเมือง แต่พระเจ้าฝร่ังมังฆ้องน้ัน พระองค์มิได้สงสัย เพราะทรงทราบอยู่ว่าสมิงพระรามเป็นคนดีมีฝีมือจริง สมิงพระรามก็เข้ามา กราบทลู วา่ ขา้ พเจา้ เลอื กมา้ มไิ ดช้ อบใจสกั ตวั หนงึ่ พระเจา้ ฝรง่ั มงั ฆอ้ งจงึ ตรสั วา่ เราจะใหห้ ามาเลอื กอกี ใหช้ อบใจท่านจงได้ จงึ ตรัสสั่งเสนาบดีให้จัดหามา้ เชลยศกั ด์ใิ นพระนครนอกพระนครมาให้สน้ิ เชิง ขณะเม่ือพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง ให้มีพระราชก�าหนดออกไปแก่พระเจ้ากรุงจีนไปครั้งน้ัน ไพร่พล ทั้งสองฝ่ายและชาวบ้านชาวเมืองก็เที่ยวไปมา เดินซ้ือขายแก่กันเป็นปรกติอยู่หาท�าอันตรายแก่กันไม่ พวกเสนาข้าหลวงจึงเที่ยวจัดหาม้าเชลยศักด์ิไปใกล้กองทัพ1นอกเมือง พบม้าสองตัวแม่ลูก หญิงม่าย ผู้หน่ึงเป็นเจ้าของเล้ียงไว้ ม้าสองตัวนั้นกินหญ้าอยู่ริมมาบน�้าแห่งหนึ่งลึกเพียงขาม้า กว้างประมาณ 88 เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอใดไมใชสงิ่ ทีส่ มิงพระรามกลาวเปรยี บขณะเลอื กมา ศึก ครูแนะความรเู ก่ียวกบั คุณลักษณะท่ดี ขี องสมงิ พระรามเพ่มิ เติม ในเรอ่ื งการเปน 1. ผา แพรดีตองไดลองสวมใส คนมสี ติปญ ญาและรอบคอบ โดยแนะวาการเปน คนฉลาดแตขาดความเฉลียวคือ 2. สตรีงามตอ งมกี ริ ยิ ามารยาทงาม รอบคอบถถ่ี วนน้ัน จะทาํ ใหป ระสบกับอปุ สรรคติดขัดและทําการใดๆ กไ็ มป ระสบ 3. ทองนพคณุ แทต องลองขดี กบั หนิ ความสาํ เร็จ นักเรยี นจงึ ควรขยนั หมั่นเรียนรูเ พ่อื ใหเปน ผมู ีปญ ญา และตองมีสติ 4. ทหารดีรวู าดีเมอื่ อาสาออกสงครามทาํ ศกึ คิดพิจารณาในการตัดสนิ ใจ โดยนักเรยี นสามารถยึดเอาคุณลักษณะการเปนคนมี วิเคราะหค ําตอบ จากเนอ้ื ความท่ีสมงิ พระรามเปนผูกลา วความเปรียบถงึ ปญญาและรอบคอบมายึดถอื เปน แบบอยางในการดําเนินชีวิต คณุ ลกั ษณะของส่งิ ตางๆ ที่ดีและควรเลอื ก โดยกลา ววา “ลักษณะชา งดีตอ เมอ่ื ขจี่ งึ จะรวู าดี มาดีไดตองเอามือตองหลงั ดูกอ นจงึ จะรูวาดี ทแกลว ทหารก็ นกั เรียนควรรู ดี ถา อาสาออกสงครามทําศึกจึงจะรูวาดี ทองนพคุณเลาขดี ลงหนาศลิ ากอ น จงึ จะรวู า ดี สตรีรูปงามถาพรอมดว ยลกั ษณะกิริยามารยาทตอ งอยางจงึ ควร 1 มาบ หมายความวา บริเวณที่ลมุ กวา งใหญซ ่งึ อาจมีน้าํ ขังหรอื ไมม กี ไ็ ด นับวา งาม ถาจะใหรรู สอรอ ยไดส มั ผัสถกู ตอ งกอ นจึงนับถือวา มโี อชาอรอย ถา ใจดีตอ งทดลองใหส ้ินเชงิ ปญญากอ นจึงจะนบั วา ดี” สิ่งทีไ่ มไดกลาวถึงคอื 88 คมู ือครู ผา แพร ตอบขอ 1.

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู 1 นกั เรียนรวมกันอธิบายเกยี่ วกบั ลกั ษณะนสิ ยั ของตัวละครสมิงพระรามอาสา ห้าวา ลูกม้าน้ันโจนข้ามไปฟากข้างหนึ่งได้ทุกวัน หญิงม่ายเจ้าของต�าข้าวฝัดร�าไว้แล้วก็ร้องเรียก ลูกม้านั้นๆ ก็กระโจนข้ามมาบน�้ามากิน แต่แม่ม้านั้นก�าลังน้อยโจนข้ามล�ามาบมิได้ ลงลุยข้ามน�้ามา • จากคํากลาวของพระเจา ฝรัง่ มังฆองตอ ผคู มุ แต่ดังนั้นทุกวันมิได้ขาด เสนาบดีเห็นลูกม้าตัวนั้นมีก�าลังมาก และประกอบด้วยลักษณะต้องอย่าง วา “สมงิ พระรามจะลอ ลวงเราหนไี ปจรงิ ก็ชอบใจ จึงให้พวกข้าหลวงช่วยกันล้อมเข้าจะจับเอาลูกม้าๆ เปรียวอยู่ก็ดีดขบกัดด้วยก�าลังจับมิได้ หรอื ประการใด” นกั เรยี นเห็นดว ยหรอื ไม เสนาบดีจึงให้เรียกหญิงเจ้าของมาแล้วบอกว่า บัดนี้พระเจ้าแผ่นดินมีพระราชประสงค์ม้า เราเห็น อธิบายยกตัวอยางประกอบ ม้าของท่านงามดีต้องลักษณะในต�ารา ท่านจงยอมให้เราน�าไปถวายเถิด จะได้รับพระราชทานรางวัล (แนวตอบ เห็นดว ยทก่ี ลา ววา สมงิ พระราม แต่ท่านเป็นเจ้าของคุ้นเคยช่วยจับให้เราด้วย หญิงเจ้าของจึงค�านับว่าถ้าท่านจะให้ข้าพเจ้าจับให้แล้ว เปน ชายทีม่ ีความสัตยซ ือ่ เพราะจากทผ่ี ูคุม เชิญท่านกบั ข้าหลวงพากันหลีกไปเสียกอ่ นเถิด อย่าท�าวุน่ วายเลย หญิงเจ้าของว่าดังนั้นแลว้ เสนาบดี กลา วกบั พระเจา ฝรั่งมงั ฆองวา “อนั สมิง- กับข้าหลวงทั้งปวงก็ชวนกันถอยออกไปให้ห่างไกล หญิงเจ้าของจึงเอาข้าวเปลือกมาต�าได้ร�าแล้ว พระรามผูน มี้ คี วามสัตยซ ่อื ม่ันคงนัก ซึง่ จะ ก็ร้องเรียกลูกม้าดุจดังทุกวัน แม่ม้านั้นก็ท่องน้�าข้ามคลองมา ลูกม้าน้ันโจนข้ามคลองมากินร�า หนีพระองคไปนน้ั ขา พเจาหาเหน็ เปนไม” หญิงเจ้าของจึงยกมือขึ้นลูบหน้าลูบหลังลูกม้าแล้วก็ปลอบโยนให้กินร�า จึงค่อยเอาเชือกสอดผูกคอ คํากลาวของผูค มุ ตอสมงิ พระรามเปน ส่ิง เข้าไว้กับต้นไม้ให้มั่นคง แล้วไปค�านับเชิญเสนาบดีกับข้าหลวงทั้งปวงให้ผูกเอาลูกม้านั้นไป เสนาบดี สนบั สนุนท่ีวาสมิงพระรามสัตยซ ือ่ ) แจ้งแล้วก็ดีใจ จึงชวนกันมาดู ให้ผูกม้าน้ันจูงเข้าไปถวายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องเสด็จออก เสนาบดีน�าม้า เข้าไปถวาย กราบทลู โดยความทไี่ ด้แต่หญงิ ม่ายน้ันทุกประการ • หลงั จากท่ีพระเจาฝร่งั มังฆอ งไดฟงทีผ่ ูคมุ กราบทลู แลว ทรงมที ที า อยางไร พระเจ้าฝร่ังมังฆ้องทอดพระเนตรเห็นลูกม้ารูปร่างอ้วนงามดีก็ชอบพระทัย จึงตรัสส่ังให้สมิง (แนวตอบ หลังจากท่ีฟง ผูคมุ กราบทลู วา พระรามมาดูม้าหน้าพระท่ีน่ัง สมิงพระรามกราบถวายบังคมแล้ว ก็ออกไปพิจารณาดูเห็นลูกม้าน้ัน สมงิ พระรามคนนเ้ี ปนคนสตั ยซือ่ เมือ่ มามี รูปงาม ประกอบด้วยลักษณะดีต้องอย่าง สมเป็นม้าส�าหรับรบศึกจึงเอามือต้องหลังดู ม้านั้นมิได้ กําลงั เหนอื่ ยออ นก็จะกลับ กไ็ มท ําใหพ ระเจา อ่อนหลังทรุดลงดุจม้าทั้งปวงท่ีเลือกมาแต่หนหลัง ก็รู้ว่าม้าตัวนี้ดีมีก�าลังมาก หาม้าอื่นเสมอมิได้ ฝรงั่ มงั ฆองคลายความกงั วลลงแตอ ยา งใด จึงให้เอาบังเหียนมาใส่ผูกอานเข้าแล้ว ก็กราบทูลว่าม้าตัวนี้ดีได้ลักษณะตามต�ารับท่ีเคยเช่ือถือ อกี ท้ังก็มีเหลา เสนาบดที ่ีคอยกลา วรา ย ชอบใจข้าพเจ้านัก ข้าพเจ้าจะขอทดลองฝึกหัดเสียให้เชื่องก่อน กราบถวายบังคมแล้วก็จูงม้าออกมา สมิงพระรามอยูตลอด พระเจาฝร่งั มังฆอ งจึง พ้นหน้าพระท่ีน่ัง จึงถือทวนสะพายแส้เผ่นขึ้นหลังม้า พาควบออกไปนอกเมือง ผงคลีกลุ้มตลบมืดไป รสู ึกไมค อยไวใ จสมงิ พระราม) แลมิได้เหน็ ตวั ม้าและคน ฝ่ายเสนาบดีก็ร้องอ้ืออึงข้ึนว่า อ้ายมอญโกหกมันลวงพระองค์หนีกลับไปเมืองหงสาวดีแล้ว พระเจา้ ฝรั่งมงั ฆอ้ งไดท้ รงฟงั เสนาบดีวา่ ดังนนั้ ก็ตกพระทยั จงึ ให้หาผคู้ มุ เข้ามาตรัสถามด้วยพระองคว์ ่า สมิงพระรามจะลอ่ ลวงเราหนีไปจรงิ หรอื ประการใด ผูค้ ุมก็กราบทลู วา่ อันสมงิ พระรามผูน้ ม้ี คี วามสัตย์ ซ่ือม่ันคงนัก ซ่ึงจะหนีพระองค์ไปน้ันข้าพเจ้าเห็นหาเป็นไม่ เพราะม้าตัวน้ีเป็นลูกม้าหนุ่มยังมิได้พาด อานมีก�าลังนัก สมิงพระรามจึงควบไปไกล หวังจะทรมานให้เหนื่อยอ่อนลง จึงจะฝึกสอนได้โดยง่าย ข้าพเจ้าเห็นคงจะกลับมา ขอพระองค์ทรงเสด็จคอยท่าอยู่ก่อนเถิด พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ทรงฟังผู้คุม ดังน้ันก็ยังไม่คลายพระวิตก มิได้เสด็จเข้า ตรัสบัญชาการด้วยเสนาบดีทั้งปวงต้ังพระทัยคอยท่าสมิง พระรามอยู่ 89 กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู นักเรียนขยายความรูความเขา ใจเพมิ่ เติมเกีย่ วกบั ชื่อเมืองท่ปี รากฏอยู 1 ฝด เปนคํากริยา หมายถึง อาการกระพือขา ว เพือ่ ใหแกลบหรือเศษผงออก ในเรื่องราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา นกั เรียนคน หาขอ มูลเกีย่ วกบั จากขาว กรุงรัตนบุระองั วะและกรุงหงสาวดอี าณาจักรทเี่ จรญิ รุง เรืองในอดตี มมุ IT กจิ กรรมทาทาย ศึกษาเกยี่ วกบั ละครพันทางและชมการแสดงละครพนั ทางเรอ่ื งราชาธิราช ตอน นกั เรียนสรุปปญ หาความขดั แยง ระหวางกรุงรัตนบุระอังวะ กรงุ หงสาวดี สมิงพระรามรบกามะนี ไดท ี่ http://www.youtube.com/watch?v=LOoCWy_ และกรุงตาฉงิ โดยบอกสาเหตุของความขัดแยง ชว งระยะเวลาของความ ayGg ขัดแยง และผลจากความขดั แยง คูมอื ครู 89

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนอธิบายความรูเกี่ยวกบั การสง เครือ่ งราช- ฝ่ายสมิงพระรามข้ึนม้าควบไปแต่เวลาเช้าจนสามโมงบ่าย ฝึกหัดม้านั้นให้รู้จักท�านองรบรับ บรรณาการในเรื่องราชาธิราช ตอน สมงิ พระราม ได้แคล่วคล่องสันทัดแล้ว ก็ชักม้าสะบัดย่างน้อยเป็นเพลงทวนกลับเข้ามา เสนาบดีทั้งปวงแล อาสา เห็นสมิงพระรามข่ีม้ามาแต่ไกล ก็ร้องอ้ืออึงขึ้นว่า สมิงพระรามกลับมาแล้วเหมือนค�าผู้คุมทูลจริง ทกุ ประการ • การสง เคร่อื งราชบรรณาการมีลกั ษณะอยางไร (แนวตอบ การสงเครือ่ งราชบรรณาการจะสงไป เปน็ ชายผพู้หระนเงึ่จ้ามฝีครวั่งามมังสฆัต้อยงท์ซอื่อยด่ิงพนรักะเนแตลระเกหล็น้าหกา็ดญีพเขระ้มทแขัย็งนรักู้ศจิลึงปตศรัสาสสตรรรเ์ส1สนั รทิญดั ว่าหาสตมัวิงเพปรระยี รบาเมสนมี้นอับมวิได่า้ พรอ มกับพระราชสาสนเพ่ือแจง ความประสงค ของแตละฝาย ดังจะเห็นไดวา เม่ือพระเจา ฝ่ายสมิงพระรามก็ชักม้าร�าเป็นเพลงทวนเข้ามา จนถึงหน้าพระท่ีนั่งก็ลงจากหลังม้าเข้าเฝ้ากราบถวาย กรุงจนี ตอ งการแจงความประสงคในการทาํ บังคมพระเจ้ามณเฑียรทองแล้วทูลว่า ข้าพเจ้าได้ม้าสมคะเนชอบใจแล้ว อันศีรษะกามะนีนั้นก็อยู่ใน สงครามก็จะสงพระราชสาสน ไปแจงพระเจา เงื้อมมือข้าพเจ้า จะเอามาถวายพระองค์ให้จงได้ ข้าพเจ้าจะขอรับพระราชทานขอเหล็กกับตะกรวย ฝร่งั มงั ฆอ ง พรอ มกบั ทีม่ กี ารแตงเครอ่ื งราช- ใบหนึ่งส�าหรับผูกข้างม้า เม่ือข้าพเจ้าตัดศีรษะกามะนีขาดแล้ว จะได้รับเอาศีรษะมิให้ทันตกลงถึงดิน บรรณาการไปดวย เมือ่ พระเจาฝร่งั มงั ฆอ ง ใสใ่ นตะกรวยซ่งึ แขวนไปกับข้างมา้ น้นั เขา้ มาถวายพระองค์ มพี ระราชสาสน ตอบรับการทําศกึ กม็ อบ เคร่อื งราชบรรณาการใหแ กล ามคอื โจเปย ว ฝ่ายเสนาบรรดาเฝ้าอยู่พร้อมกัน ได้ยินสมิงพระรามทูลดังนั้นก็กระซิบเจรจากันว่า มอญพูด นาํ กลับไปถวายพระเจา กรงุ จนี พรอ มกบั มากเห็นพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดสรรเสริญว่าดีแล้วก�าเริบใจอวดตัวเหลือไปนัก พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง พระราชสาสน ทีต่ อบรบั ) กท็พองรตะ้นราแชขทนาปนลเาคยรแื่อขงนม2้าแทหอวงนคส�าอปดรกะ้อดัยบแพตล่ลอ้วยนสป�ารหะรดับับมเ้านากวับรัตผน้าโ์สพิ้นกศจีรึงสษ่ังะใเหส้มื้อังชนมันพทูขะลมิบิตทรอจงัดจเคีบรเอ่ือวง • การสงเครื่องราชบรรณาการมคี วามสําคญั อยา งไร ยุทธนาการทั้งปวงให้สมิงพระรามตามปรารถนา แล้วให้มีพระราชสาส์นก�าหนดนัดหมายออกไปถึง (แนวตอบ การสง เคร่ืองราชบรรณาการแสดงให พระเจ้ากรุงจีนอีกฉบับหน่ึง ให้จัดฉลองพระองค์อย่างดี ท�าด้วยขนสมุนคู่หน่ึง ให้มังมหาราชาเป็นผู้ เห็นถงึ การใหเ กียรติกับอีกฝายไมวาจะเปน ผู จ�าทลู คุมส่ิงของออกไปถวายพระเจ้ากรงุ จีน ทีม่ ีอํานาจเหนือกวาหรือนอ ยกวา และการสง เคร่อื งราชบรรณาการเปนขั้นตอนแรกของวิธี มังมหาราชาก็ถวายบังคมลา ถือพระราชสาส์นก�าหนด คุมเคร่ืองราชบรรณาการออกไปยัง การเจรจาตอรอง ซึง่ จะทําใหฝ ายทีม่ อี าํ นาจ กองทพั นอกเมอื ง ทหารทง้ั ปวงเหน็ กไ็ ปแจง้ แกเ่ สนาบดๆี จงึ เขา้ กราบทลู พระเจา้ กรงุ จนี จงึ โปรดใหร้ บั นอ ยกวา อยางพระเจา องั วะมที างเลือกมากข้นึ เข้าไป ณ พลับพลาในค่ายมังมหาราชาก็เข้าไปกราบถวายบังคมหน้าพระท่ีนั่ง ถวายพระราชสาส์น ดวยการสง เครื่องราชบรรณาการตอบแทน ก�าหนดกบั เครอ่ื งราชบรรณาการแกพ่ ระเจา้ กรุงจีน หรือหากไมยนิ ดีกับขอเรยี กรอ งกจ็ ะเลือกวิธี ตอ สใู ชก าํ ลงั ) พระเจ้ากรุงจนี จงึ รบั ส่งั ใหล้ า่ มแปล ใหเ้ จา้ พนกั งานอา่ นถวาย ในพระราชสาสน์ กา� หนดนน้ั ว่า ซึ่งพระองค์มพี ระทยั ปรารถนาจะใคร่ทอดพระเนตรดูทหารข่ีมา้ รา� ทวนสกู้ ันตวั ตอ่ ตวั นน้ั ขอพระองคใ์ หต้ กแต่งการซึ่งจะทอดพระเนตรไวจ้ งพร้อมเถดิ ถึง ณ วันพฤหสั บดี เปน็ คา� รบ เจด็ วันแล้วเมอ่ื ใด จงแต่งทหารใหอ้ อกมาสู้กนั ตามสญั ญา จะได้ทรงชมส�าราญพระทยั 90 นกั เรียนควรรู บรู ณาการเชือ่ มสาระ ครูบรู ณาการเรอ่ื งการสง เคร่อื งราชบรรณาการเขา กบั กลมุ สาระการเรียนรู 1 ศลิ ปศาสตร หมายถึง การศึกษาท่มี ุงจะใหความรทู ั่วไป และทักษะเชิง สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม วชิ าประวัตศิ าสตร ในการทําการคากบั ปญญา มิใชวชิ าชีพเฉพาะดา น หรือความทกั ษะเชิงชา ง เดิมนั้น คาํ วา จีนในสมยั โบราณ พอคา มักจะนําของกาํ นลั ไปใหเ พอ่ื ขอความสะดวกในการ “ศิลปศาสตร” เปนศัพทภาษาสนั สกฤต (ศลิ ฺป + ศาสตฺ ฺร) หมายถึง วชิ าความรทู งั้ ทาํ มาคา ขาย แตจ นี มกั ถือวาผูท่มี าสวามิภกั ดิ์ขอเปน เมืองขึน้ เมอ่ื มขี องกํานัล ปวง มาให นอกจากจนี จะใหความสะดวกในการคา แลว พระเจากรุงจีนยงั ตอบแทน 2 ทองตนแขนปลายแขน คือ ทองตนแขนกับทองปลายแขน ทองตน แขนเปน ดวยของกาํ นัลอยา งมากมายดว ย พอ คาไทยจึงนยิ มสงเครอื่ งราชบรรณาการ เครอ่ื งประดบั ชนิดหนึ่งใชสาํ หรับสวมรดั ตน แขน เรียกอีกชอื่ หนึง่ วา “พาหรุ ัด” สวน ใหจ นี จงึ เห็นไดว าการสง เครือ่ งราชบรรณาการกบั จีนนน้ั มปี ระวตั ิศาสตรม า ทองปลายแขนใชสวมรดั ขอมอื ยาวนานและเปนธรรมเนียมการปฏิบตั ทิ ่มี ีปรากฏในวรรณคดีและวรรณกรรม 90 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู พระเจ้ากรุงจีนได้แจ้งในพระราชสาส์นก�าหนดนั้นแล้ว ก็ดีพระทัยนัก จึงสั่งให้จัดฉลอง- นกั เรียนตอบคาํ ถามจากสถานการณการสกู ัน พระองค์มังกรห้าเล็บอย่างดี กับเคร่ืองม้าทองประดับพลอยลายหยกส�ารับหนึ่ง เป็นราชบรรณาการ ระหวางสมงิ พระรามและกามะนี ตอบแทน มอบให้มังมหาราชาคุมเข้ามาถวายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง มังมหาราชาก็ถวายบังคมลา คุมส่ิงของตอบแทนกลับมาถวายพระเจ้าฝร่ังมังฆ้องๆ ก็มีพระทัยยินดี คร้ันก�าหนดสัญญากัน • สมงิ พระรามมีแผนในการสกู นั คร้งั นอ้ี ยางไร เสร็จแล้ว กษัตริย์ท้ังสองพระองค์ก็สั่งให้เสนาบดีแต่งที่ปลูกพลับพลาหน้าเมือง เสนาบดีฝ่ายพม่า (แนวตอบ สมิงพระรามสงั เกตวา กามะนีขม่ี า และนายทัพนายกองฝ่ายจีนรับรับส่ังสองกษัตริย์แล้ว ก็ให้เกณฑ์พลมาจัดการปลูกพลับพลา แตงตวั หมุ เกราะอยู กามะนมี ีทา ทางชํานาญ ในการรําทวนอยา งยิ่ง ไมเหน็ ชองทีจ่ ะใช ทั้งสองข้างให้ตรงกัน ประกอบด้วยที่ข้างหน้าข้างใน1 และโรงใหญ่ส�าหรับเสนาข้าราชการใหญ่น้อย ทวนแทงเขาไปได จงึ วางแผนชวนใหร าํ เพลง ทวนกนั กอน ใหมา อกี ฝายวงิ่ จนออ นกําลัง อันจะได้เฝ้าอยู่ตามต�าแหน่งมีระยะห่างกันยี่สิบเส้น ไว้หว่างกลางเป็นสนามทวนซึ่งจะสู้กันในขบวน ซ่ึงจะทําใหสมิงพระรามมโี อกาสสอดทวน ทวนนน้ั เจ้าพนกั งานก็ผูกพระวสิ ูตรแตง่ พระท่ีรับเสด็จเตรียมไว้พรอ้ มท้ังสองขา้ ง แทงตรงชองเกราะเอาชนะ คดิ ไดดงั น้นั สมิงพระรามกร็ องชวนกามะนีรําเพลงทวน คร้ันถึงวันนัดก�าหนดแล้ว 2กษัตริย์ทั้งสองก็พรั่งพร้อมไปด้วยพยุหเสนาแห่แหนหน้าหลัง ถวายพระเจา อยหู ัวทง้ั สองพระองคใหไ ด ทอดพระเนตร และใหท หารทัง้ สองฝา ย เป็นอันมาก ตามขบวนพิชัยสงครามเสด็จไปสทู่ อ้ งสนาม ขน้ึ ยังทพี่ ลับพลาประทบั พร้อมกัน ไดช มฝมือ แสดงไวเปน เกียรติยศสืบไป) ฝ่ายกามะนีก็แต่งตัวใส่เส้ือหุ้มเกราะ แล้วด้วยทองเป็นอันงาม คาดสายรัดเอวประดับหยก • สง่ิ สําคญั ทท่ี าํ ใหก ารออกอบุ ายของสมงิ - เหน็บกระบี่ ขึ้นขี่ม้าร�าทวนออกมา ณ ท้องสนาม ฝ่ายสมิงพระรามก็แต่งตัว ใส่เส้ือสีชมพูขลิบทอง พระรามในการชักชวนใหก ามะนีราํ เพลงทวน จบี เอว โพกผา้ ชมพขู ลบิ แลว้ ไปดว้ ยทอง ใสก่ า� ไลตน้ แขนปลายแขน แหวนสอดกอ้ ยแลว้ ไปดว้ ยเนาวรตั น์ ประสบความสาํ เรจ็ คืออะไร แต่ล้วนทองเป็นอันงาม แล้วสอดดาบสะพายแล่งข้ึนม้า ฟ้อนร�าเป็นเพลงทวนออกมายังท้องสนาม (แนวตอบ การใชว าทศิลปพ ูดจาโนม นาว แลเห็นกามะนีข่ีม้าแต่งตัวหุ้มเกราะอยู่ ไม่เห็นส�าคัญที่จะหมายแทงได้ จึงคิดว่ากามะนีคนน้ี ช�านาญ เยนิ ยออีกฝา ย โดยการช้ใี หเหน็ ดานดีของ ในเพลงทวนว่องไวนัก แล้วก็หุ้มเกราะใส่เส้ือบังอยู่ยังไม่เห็นช่องท่ีจะสอดทวนแทงแห่งใดได้ จ�าจะ การรําเพลงทวนกอน ทําใหฝายกามะนี ชวนให้ร�าดูส�าคัญก่อน อน่ึงเล่าก�าลังม้าก็ยังก้�าก่ึงกันอยู่กับก�าลังม้าเรา จ�าจะขับเค่ียวกันไปก่อนจึงจะ ตายใจยอมตกลงดวยด)ี หย่อนก�าลังลง เหน็ จะเสียทที า� นองจึงเอาชัยชนะได้โดยงา่ ย คิดแลว้ กใ็ หล้ า่ มรอ้ งแปลไปว่า เราทง้ั สอง เป็นทหารเอกอันประเสริฐ จะสู้กันครั้งน้ีเป็นที่สุด จะไว้เกียรติยศการงานจนตลอดกัลปาวสาน ครั้นจะสู้กันเอาแพ้ชนะทีเดียวก็หาส้ินฝีมือไม่ เราทั้งสองอย่าเพ่อท�าอันตรายแก่กันก่อน ให้ท่าน ร�าเพลงทวนถวายไปให้ส้ินฝีมือแล้ว เราจะร�าตามท่านให้เหมือนจงได้ แล้วเราจะร�าให้ท่านร�าตาม เราบ้างให้ส้ินฝีมือเหมือนกัน ให้พระเจ้าอยู่หัวท้ังสองพระองค์ทอดทัศนาเจริญพระเนตรและทแกล้ว ทหารท้ังสองฝ่ายดูเล่นเป็นขวัญตา ถ้าเราร�าส้ินเพลงหยุดหายเหน่ือยแล้ว เมื่อจะสู้กันเอาแพ้และ ชนะนนั้ จึงจะบอกกนั ใหร้ ู้ตวั ท้งั สองฝ่าย กามะนีไดฟ้ งั ล่ามรอ้ งออกมาดงั นนั้ ก็มคี วามยินดนี กั จึงรอ้ งตอบมาวา่ ชอบแลว้ แต่เราเปน็ แขก มาท่านเป็นเจ้าของบ้าน เราจะร�าก่อนให้ท่านท�าตามเราไปเถิด ว่าแล้วกามะนีก็ขับม้าสะบัดย่างเป็น เพลงทวนฟอ้ นร�าออกมา สมิงพระรามก็ขบั ม้าฟอ้ นรา� ตามกามะนไี ด้ทกุ เพลง 91 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู ขอใดสอดคลอ งกับขอความตอ ไปนี้ 1 เสน ช่ือมาตราวดั 20 วา เปน 1 เสน โดยมมี าตราเทยี บดังนี้ “สงครามถายังไมสิ้นสดุ จะคาดหมายวาใครเปนผแู พห รือชนะมิได” 12 นว้ิ เทา กบั 1 คืบ 2 คบื เทากบั 1 ศอก 1. การสงครามเปรยี บดงั ฟองอัณฑชะจะหมายแนวา ผเู มยี แพและชนะนั้นมิได 4 ศอก เทากับ 1 วา 2. อนั ตัวขาพเจา บดั เดย๋ี วน้ีอุปมาดงั วานรนงั่ อยบู นตอไม อันไฟไหมม าเมื่อ 20 วา เทากบั 1 เสน วสนั ตฤดนู ั้นจะงามฉันใด 2 พชิ ยั สงคราม ชอื่ ตาํ ราวาดวยกลยุทธวธิ ีการเอาชนะในศึกสงคราม อาทิ 3. ครง้ั น้พี ระเจา ราชาธิราชเปรียบเหมอื นอสรพษิ หาเขย้ี วแกวมิได การรุก การตัง้ รบั การใชอ บุ ายทาํ ลายขาศกึ การแปรขบวนทัพ โดยมีความเชือ่ ทาง 4. ครงั้ นีแ้ ขนเราขาดไปสองขา ง คดิ อะไรก็ขัดขวาง ดา นโหราศาสตรแ ทรกอยดู วย เชน การดูฤกษย ามในการเคล่ือนทพั การทําพธิ ี วเิ คราะหค ําตอบ ขอ 1. “ฟองอณั ฑชะ” หมายถงึ ไขท่ยี งั ไมฟ กออกเปนตวั ขม ขวัญขา ศึก เปนตน ไมม ีใครรูวา จะเปนตัวผหู รือตวั เมยี เชนเดียวกับสงครามหากยังไมถ ึงที่สิ้นสุด จะคาดหมายวาใครเปนผแู พห รอื ชนะมไิ ด ขอ 2. กลา วถึงการทสี่ มงิ พระราม คูมอื ครู 91 อยูใ นสงครามจงึ จะมคี วามสงางาม ขอ 3. งูไมมีเขี้ยวก็ไมน ากลัว เชน เดียว กบั พระเจา ราชาธิราชหากไมมีทหารเอกกไ็ มน ากลวั ขอ 4. หากพระราชา ไมม ีทหารกลากเ็ หมอื นกับคนไมม ีแขนซายขวา ดงั นัน้ ขอ 1. มคี วามหมาย สอดคลองกับขอความขา งตน ตอบขอ 1.

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. นักเรียนตอบคําถามตอไปน้ี ขณะเม่ือสมิงพระรามร�าตามกันน้ัน พระเจ้ากรุงต้าฉิงและพระเจ้าฝร่ังมังฆ้องทอดพระเนตร • ชองเกราะทีส่ มงิ พระรามเห็นในตวั กามะนอี ยู ตําแหนง ใดบาง กเหัน็นททั้งหสาอรงเฝอก่ายท้ังสเปอรงียรบ�าปเยรอ้ื ะงดกุจรไาดย้เตหา็นมเขทบพวยนดเพาลแงลทะวพนิทดยทูาธว่ รง1ทอันีรบั รร�าอณงรวงอ่ คงไ์ปวรนะกั ลองางมกเันปใ็นนอกศั ลจารงรสยนด์ า้วมย (แนวตอบ ชองเกราะบนตวั กามะนที ่สี มงิ - พระรามสงั เกตเห็นมอี ยูสองท่ี คอื “ชอ งใต นายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งสองฝ่าย ก็สรรเสริญกามะนีและสมิงพระรามว่า เหมือนเทพยดา รกั แรทั้งสองเปนหวางอยพู อสอดทวนได” และ ลงฟ้อนร�ากลางสนามงามยิ่งนัก มีตาสองตาดูมิทันเลย ดูกามะนีแล้วกลับมาดูสมิงพระรามเล่า “เกราะซอ นทายหมวกเปด ออก พอจะยอนฟน ดูสมิงพระรามแล้วกลับมาดูกามะนีเป็นขวัญตายิ่งนัก คร้ันกามะนีร�าสิ้นเพลงแล้ว สมิงพระรามก็ร�าให้ ไดแหง หน่ึง”) กามะนีร�าตามบา้ ง 2. นกั เรียนอธบิ ายกลอุบายของสมงิ พระรามในการ ขณะเม่ือสมิงพระรามร�าสิ้นเพลงทวนแล้ว แกล้งท�ากลอุบายหวังจะดูช่องเกราะหมายส�าคัญ ทําใหมา ของกามะนีออนกาํ ลงั ท่ีจะสอดทวนแทงน้ัน ก็แสร้งท�ายกแขนซ้ายเหยียดตรง เหยียดแขนขวาเบื้องบนแล้วท�ายืนควบม้า (แนวตอบ สมิงพระรามแกลงควบมา หนใี หก ามะนี ไปมา แล้วกลับห้อยศีรษะลงบ้าง แล้วท�ากลับเอาหลังนอนลงควบวกเวียนไปต่างๆ กามะนีหารู้ ควบมาไลตามตนเอง เมือ่ เหน็ กามะนีควบมา กลไม่ สา� คัญวา่ เพลงทวนฝา่ ยพม่าดังนั้นจริงก็มไิ ดส้ งสยั ร�าตามไปสิน้ ทุกประการ สมิงพระรามทอดตา เต็มกําลงั กร็ ัง้ มารอ เพอ่ื ดกู ําลังของมากามะนี แลดู เห็นเป็นช่องใต้รักแร้ทั้งสองเป็นหว่างอยู่พอจะสอดทวนแทงได้ แล้วเมื่อกลับศีรษะลงมานั้น พอเหน็ วา เหงือ่ มา กามะนีตกถึงกีบก็รูวา มา ออน เห็นเกราะซ้อนท้ายหมวกเปิดออก พอจะย้อนฟันได้แห่งหน่ึงหมายส�าคัญได้ถนัดม่ันคงแล้ว ก็ชักม้า กําลังลงแลว จึงชักมาเปนเพลงโคมเวียนตาม หยุดพักพอหายเหน่ือยจึงให้ล่ามร้องบอกว่า เราท้ังสองร�าถวายก็ส้ินเพลงด้วยกันแล้ว ทีน้ีเราทั้งสอง ดว ยเพลงผาหมาก จนมา กามะนีหอบรวนกลับ จะสกู้ ันเอาแพ้และชนะแก่กัน ตวั ตามเพลงไมท ัน จงึ ไดโ อกาสสอดทวนแทง เขา ไปทีช่ อ งรกั แร เมอื่ กามะนเี อนตัวลงกฟ็ น ซํา้ กามะนีได้ฟังดังน้ันก็ขับม้าร�าเข้ามา สมิงพระรามก็ขับม้าออกไปสู้กันเป็นหลายสิบเพลง อกี ครง้ั ที่ศรี ษะซึง่ เปนชอ งเกราะ) ต่างคนต่างรับรองว่องไว ยังหาเพล่ียงพล้�าแก่กันไม่ สมิงพระรามจึงคิดว่า ถ้าจะสู้กันอยู่ฉะน้ีเห็นจะ เอาชัยชนะยาก ด้วยม้ากามะนีก็ยังมิถอยก�าลัง จ�าจะลวงให้ม้ากามะนีหย่อนก�าลังลงจงได้จึงจะท�า ถนัด คิดแล้วแกล้งท�าเป็นเสียทีควบม้าหนีออกไป กามะนีเห็นได้ทีก็ควบม้าทะลวงไล่ตามม้า สมงิ พระรามไป คร้ันสมิงพระรามแลเห็นกามะนีควบม้าเต็มก�าลังแล้วมิทัน ก็แสร้งรอม้าไว้หวังจะดูท่วงที เห็นกามะนียังไกลเชิงนักอยู่ ส�าคัญได้ว่าเหง่ือม้ากามะนีตกจนถึงกีบ ก็รู้ว่าม้าหย่อนก�าลังลงแล้ว จึงชักม้าวกเป็นเพลงโคมเวียน เข้ารับกามะนีๆ ชักม้าเป็นเพลงผ่าหมากแลกเปล่ียนกันต่างๆ ฝ่าย ม้ากามะนีหอบรวนหย่อนก�าลังลงกลับตัวตามเพลงไม่ทัน สมิงพระรามได้ทีก็สอดทวนแทงถูก ซอกรักแร้กามะนีๆ เอนตัวลง สมิงพระรามจึงชักดาบกระทืบม้า เข้าฟันย้อนตามกลีบเกราะขึ้นไป ต้องศีรษะกามะนีขาดออกตกลงมายังมิทันถึงดิน ก็เอาขอเหล็กสับเอาศีรษะกามะนีได้ ใส่ตะกรวย แล้วก็ชกั ม้าฟอ้ นรา� เปน็ เพลงทวนเขา้ มา ตรงหนา้ พลบั พลาพระเจ้าฝรัง่ มงั ฆอ้ ง 92 นักเรียนควรรู บรู ณาการเช่ือมสาระ การราํ เพลงทวนเปน การรําที่มีความสาํ คญั ในการดําเนนิ เรือ่ ง เปนการ 1 พทิ ยาธร เปน ภาษาบาลี หมายถึง อมนุษยพ วกหนึ่ง มีฐานะตํา่ กวา เทวดา รําตอสูระหวางสมิงพระรามกับกามะนี ครูบูรณาการความรูเขากับกลมุ สาระ เช่อื วามวี ชิ ากายสิทธิส์ ามารถเหาะเหนิ เดนิ อากาศได อยใู นภูเขาหิมาลัย มีหนาท่ี การเรยี นรศู ลิ ปะ วชิ านาฏศิลป รําทวนจดั เปน การรําคเู ชิงศิลปะการตอสู ปรนนิบตั พิ ระศิวะ ภาษาสันสกฤตใชวา วิทยฺ าธร เชนเดียวกับการรํากระบ่กี ระบอง ราํ ดาบสองมอื รําโล รําดาบ รํากรชิ คอื เปนการราํ ท่ีไมม ีบทรอง ผรู าํ ท้ังคตู อ งมที า รําทสี่ มั พนั ธก นั อยา งดใี นเชิง มุม IT ศิลปะการตอ สูทห่ี วาดเสยี วกับความสวยงามในทางนาฏศลิ ป เปนการอวด ลีลาทาราํ เพราะการตอสมู ีทง้ั รกุ และรับ ผูแสดงทัง้ สองฝา ยตอ สูกนั ดวยลีลา ศึกษาเก่ยี วกบั การรําเพลงทวนเพ่ิมเตมิ ไดท่ี http://www.oknation.net/blog/ คนละแบบ ในการแสดงละครพนั ทางมักใชแสดงสลับฉาก หรอื ในโอกาส assada999/2009/11/23/entry-1 ตา งๆ ตามความเหมาะสม 92 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู พระเจ้ากรุงจีนและนายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็อัศจรรย์ย่ิงนัก จึงให้ “เมือ่ กามะนพี า ยแพแกส มิงพระราม ฝา ย ทหารไปเอาศพกามะนีมาท�าศีรษะต่อเข้า ใส่หีบไปฝังเสียในท่ีสมควร พระเจ้ากรุงจีนก็เสด็จกลับ เสนาบดนี ายทัพนายกองของพระเจา กรงุ จีนไม เข้าค่าย สมิงพระรามก็เอาศีรษะเข้ามาถวายพระเจ้ามณเฑียรทองๆ ทอดพระเนตรเห็นดังน้ัน ยอม ตอ งการท่จี ะยดึ กรุงองั วะใหไดแตพระเจา ก็มีพระทัยยินดีนัก แล้วเสด็จกลับคืนเข้าสู่พระนคร ฝ่ายพม่าเสนาบดีขุนนางน้อยใหญ่ไพร่พลทั้งปวง กรงุ จนี คดั คา น” นักเรียนคิดวาการยกคํากลา วของ กส็ รรเสรญิ สมงิ พระรามวา่ มใิ ชม่ นษุ ยเ์ ลยเสมอเทพยดา แตศ่ รี ษะกามะนนี น้ั กม็ ใิ หต้ กถงึ ดนิ เอาขอเหลก็ พระเจา กรงุ จีนนี้ แสดงใหเห็นวา พระเจา กรงุ จีน สับเอาไดด้ งั ทูลไว้ทุกประการ ทรงมีคณุ ธรรมในฐานะท่เี ปน กษตั รยิ อ ยา งไร ฝ่ายเสนาบดีนายทัพนายกองจีนท้ังปวง คร้ันเห็นเสียกามะนีดังน้ันแล้วก็โกรธ จึงกราบทูล (แนวตอบ จากท่ีพระเจากรุงจีนตรสั กับเหลา พระเจ้ากรงุ จนี ว่า พระองคเ์ สด็จยาตราทัพมาครง้ั นี้ ตง้ั พระทยั จะท�าสงครามให้พระเจ้ากรงุ อังวะอยู่ใน เสนาบดนี ายทัพนายกองทหารท้ังหลายวา “เราเปน เง้ือมพระหัตถ์ ถึงมาตรว่าเสียกามะนีทหารเอกแล้วใช่ข้าพเจ้าท้ังปวงน้ีจะตีกรุงอังวะถวายไม่ได้น้ัน กษัติยผ ูใ หญอันประเสรฐิ ไดใหคาํ ม่ันสญั ญาแกเ ขา หามิได้ เสยี แรงดา� เนนิ กองทัพเขา้ มาเหยียบถึงชานกา� แพงเมืองแลว้ จะกลับไปเปลา่ น้นั ได้ความอปั ยศ ไวแลว จะกลับคาํ ดังน้นั ควรไม พมาท้ังปวงจะ แก่พม่านัก ท�าไมกับเมืองอังวะสักหยิบมือหน่ึงเท่านี้จะเอาแต่มูลดินท้ิงเข้าไปในก�าแพงเมืองคนละ ชวนกนั ดูหมนิ่ ไดวา จีนพูดมิจริง เรารกั สัตยยิง่ กวา กอ้ นๆ เทา่ น้ัน ถมเสยี ใหเ้ ต็มกา� แพงเมอื งในเวลาเดียวกจ็ ะได้ ทรพั ย อยาวา แตส มบตั ิมนษุ ยนเ้ี ลย ถึงทานจะเอา ทิพยสมบัตขิ องสมเด็จอมรนิ ทรม ายกใหเราๆ ก็ พระเจ้ากรุงจีนได้ฟังก็ตรัสห้ามนายทัพนายกองทแกล้วทหารท้ังปวงว่าเราเป็นกษัตริย์ผู้ใหญ่ มไิ ดป รารถนา” แสดงใหเ หน็ วา พระเจา กรุงจนี ทรง อันประเสริฐ ได้ให้ค�าม่ันสัญญาไว้แก่เขาแล้ว จะกลับค�าไปดังน้ันควรไม่ พม่าท้ังปวงจะชวนกันดูหมิ่น มคี ณุ ธรรมเรือ่ งการรักษาความสตั ย พดู แลว ไม ได้ว่าจีนพูดมิจริง เรารักสัตย์ยิ่งกว่าทรัพย์ อย่าว่าแต่สมบัติมนุษย์นี้เลย ถึงท่านจะเอาทิพยสมบัติของ คนื คาํ ดว ยทรงเหน็ วาตนเปนกษัตริยท ่ีมรี าชอาํ นาจ สมเดจ็ อมรนิ ทรม์ ายกใหเ้ ราๆ กม็ ิไดป้ รารถนา ตรสั ดงั นนั้ แล้วกส็ งั่ ให้เลกิ ทพั เสด็จกลบั ไปยงั กรุงจนี มากกวา ไมค วรถือโอกาสในการศกึ ครง้ั นีย้ ึดครอง กรุงองั วะท่ีเลก็ กวา มาเปนของตน แสดงใหเหน็ ทั้งปวง พจึรงตะเรจัส้าวม่าณโหเฑรซีย1ึ่งรดทูชอะงตเสาดเม็จือองอวก่าทไมรง่ขบาัญดพชารระาชชันกษาารเลพ่ารก้อ็ดมีอดย้วู่ ยนเาสนนไาปพจฤะฒไดา้ลมาาภตยอ์ัรนาปชรปะุโเรสหริติฐ ศักดศิ์ รีความทะนงตนของผูเปนกษัตริย) อีกนั้นก็ต้องด้วยค�าท�านาย จึงให้พระราชทานบ�าเหน็จและเคร่ืองอุปโภคบริโภคเป็นอันมาก แล้วพระราชทานบา้ นสว่ ยแหง่ หนงึ่ ให้เป็นค่าผลหมากดว้ ย และหญิงมา่ ยเจา้ ของม้านัน้ กพ็ ระราชทาน เครื่องอุปโภคบริโภคให้ตามสมควร และอ�าเภอแขวงบ้านซ่ึงอยู่น้ันก็ให้ข้ึนแก่หญิงม่ายนั้น แล้วตรัสว่า พระเจ้ากรุงจีนยกพลทแกล้วทหารมาเหยียบเมืองเราครั้งนี้ ประดุจดังแผ่นดินจะถล่มลง หามีผู้ใด ที่จะรบสู้ต้านทานไม่ ครั้งน้ีสมิงพระรามรับอาสากู้เมืองเราไว้ได้ชัยชนะแล้ว ศึกจีนยกทัพเลิกกลับ ไป สมิงพระรามมีความชอบมาก บัดนี้ควรเราจะให้สมิงพระรามเป็นมหาอุปราช และราชธิดาเรา จะประทานให้เป็นบาทบริจาริกาด้วยตามสัญญาจึงจะชอบ ท่านทั้งปวงจะเห็นเป็นประการใด เสนาพฤฒามาตย์ราชกระวมี นตรีมขุ ทงั้ ปวงยังมิทันจะกราบทลู ขณะน้ันสมิงพระรามเฝ้าอยู่ด้วย ครั้นได้ฟังพระราชโองการก็กราบทูลว่า ข้าพเจ้ารับอาสา พระองค์ครั้งนี้ มีความปรารถนาส่ีประการ คือข้าพเจ้าต้องพันธนาการตรากตร�าล�าบากอยู่นานแล้ว หวังจะใหพ้ ้นจากเคร่ืองจองจ�าหนึง่ จะไวฝ้ ีมอื ให้เปน็ เกียรตยิ ศไปชั่วกัลปาวสานหน่งึ จะใหพ้ ระองคฆ์ ่า ข้าพเจ้าหน่ึง ถ้าพระองค์มิฆ่าข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะขอกราบถวายบังคมลากลับไปเมืองหงสาวดีหน่ึง 93 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู เมื่อกามะนเี สียทแี กส มงิ พระรามแลว พระเจา กรงุ จนี ทรงกระทําตามขอใด ครูแนะแนวทางการดาํ รงตนใหเปนคนรจู ักรกั ษาคาํ สตั ย โดยนําขอ คิดจากเรื่อง 1. เตรยี มบุกเขา ตีกรุงองั วะ ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา มาแนะแนวทางใหน ักเรียนวา นอกจากจะเปน 2. สงทตู มาขอตวั สมิงพระรามไปอยูยงั กรุงจนี คณุ ธรรมสําหรับผปู กครองและเหลา ทหารแลว นกั เรียนสามารถนาํ คุณธรรมขอนี้ 3. สงพระราชสาสน มาทารบกับพระเจาฝรง่ั มังฆอง มาปรับใชกบั ตนเอง เพ่อื ใหเปน บุคคลนา เชอ่ื ถือไดร บั ความไวว างใจใหร บั ผดิ ชอบ 4. ใหเลิกทัพกลับไปยังกรุงจนี ตามที่ไดใหส ญั ญาไว งานสาํ คัญตา งๆ ซึง่ นําไปสูโอกาสท่ีจะเจริญกา วหนาในอาชีพการงาน และทสี่ ําคญั วเิ คราะหคําตอบ เม่อื สมิงพระรามสศู กึ ชนะกามะนี เสนาบดีและเหลา เปน การเสริมสรา งคณุ ลักษณะเดน ใหเ ปนคนทมี่ ีเกยี รติ มคี ณุ คา นา นับถือ นายทัพนายกองทหารท้ังหลายของพระเจา กรงุ จีน ไมยอมรับความพายแพ ตอ งการทีจ่ ะทําสงครามกับกรงุ รัตนบุระองั วะ ดวยเห็นวาฝา ยตนมกี าํ ลัง นกั เรียนควรรู มากกวา การเอาชนะกรงุ รัตนบุระองั วะเปนเรอื่ งงาย แตพระเจากรุงจนี เปน กษตั รยิ ท ่ียึดมน่ั ในคําสัตย จึงส่ังใหเลกิ ทพั กลบั ไปกรุงจีนตามทไ่ี ดใ หสญั ญาไว 1 โหร นับเนอื่ งสมยั โบราณ คําวา โหรมิไดใ ชกนั เปรอะ เพราะโหรตอ งเปนโหรหลวง คอื ขุนนางสังกดั กรมโหร ตําแหนงท่รี ูจักกนั มาก คือ โหราธิบดี อธบิ ดีโหร นอกจาก ตอบขอ 4. ชํานาญโหราศาสตรแลวยงั เช่ยี วชาญทางอักษรศาสตร ตอ มาสมัยที่มีนามสกลุ โหรที่ ขอพระราชทานนามสกุล โดยมากทีท่ ายนามสกลุ กจ็ ะลงทา ยวา “โชติ” คูมือครู 93

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. นักเรยี นตอบคาํ ถามในประเดน็ ตา งๆ ตอไปน้ี เปน็ ความปรารถนาสป่ี ระการ ซง่ึ พระองคจ์ ะพระราชทานใหข้ า้ พเจา้ เปน็ มหาอปุ ราช และพระราชทาน • พระเจาฝรง่ั มังฆอ งพระราชทานสงิ่ ใดเปน พระราชธิดานั้นพระคุณหาท่ีสุดมิได้ ข้าพเจ้ามิได้รับพระราชทานแล้วจะขอคืนถวายไว้ดังเก่า พระเจ้า บําเหน็จรางวัลใหแ กสมงิ พระรามทชี่ นะศกึ มณเฑียรทองได้ทรงฟังก็ทรงพระด�าริว่า สมิงพระรามคนน้ีมิเสียทีที่เกิดมาเป็นเช้ือชาติทหารนับว่า (แนวตอบ พระเจาฝร่งั มังฆองพระราชทาน ชายชาตรีแท้ มิได้เกรงกลัวแก่ความตาย ท้ังราชสมบัติก็มิได้รักใคร่ แล้วองอาจแกล้วกล้าหาผู้ใด ตําแหนงมหาอปุ ราชพรอมกบั ยกพระราชธดิ า เปรียบเสมอมิได้ คร้ันจะฆ่าเสียตามค�าบัดนี้เล่าก็มิควร เขาได้มีคุณแก่เรา ช่วยกู้พระนครไว้เป็น ใหแ กสมงิ พระราม) ความชอบใหญ่หลวงยังเสียดายนัก ครั้นจะปล่อยให้กลับไปเมืองหงสาวดีเล่า การสงครามพระเจ้า • ความปรารถนาของสมงิ พระราม 4 ประการ ราชาธริ าชกบั เรากย็ งั ตดิ พนั กนั อยหู่ าขาดกนั ไม่ ทรงพระดา� รดิ งั นน้ั แลว้ กท็ รงนงิ่ อยมู่ ไิ ดต้ รสั ประการใด ทท่ี ูลขอพระเจา ฝรงั่ มงั ฆอ งมอี ะไรบา ง แล้วก็เสดจ็ เข้าข้างใน (แนวตอบ คําขอของสมงิ พระราม มดี ังน้ี 1. หวงั จะหลดุ พนจากการเปนเชลยทีต่ องถกู ฝ่ายเสนาท่ีเฝ้าผู้ใหญ่ผู้น้อยท้ังปวงและสมิงพระรามก็กลับไปที่อยู่สิ้น พระเจ้ามณเฑียรทอง จองจํา 2. ตอ งการจะฝากฝมือไวใ หเปนเกยี รติยศ เสด็จเข้าข้างในแล้ว ก็ทรงพระวิตกนัก จึงต1รัสบอกแก่พระอัครมเหสีว่า สมิงพระรามนี้มีความซ่ือสัตย์ ตลอดไป 3. ใหพระเจา ฝรงั่ มังฆอ งประหารชีวิตได ม่ันคงนัก เราจะให้ธิดาเป็นบ�าเหน็จรางวัลและที่มหาอุปราชก็มิรับ จะขอให้ฆ่าเสีย ถ้าแม้นมิฆ่าก็จะ 4. หากพระเจาฝรัง่ มังฆอ งไมฆ าก็จะขอกลบั ลากลับไปเมืองหงสาวดี เราเสียดายนัก ด้วยเขารู้ศิลปศาสตร์สันทัด และฝีมือเล่าก็เข้มแข็งกล้าหาญ ไปกรุงหงสาวดี) ยิง่ นกั หาผูเ้ สมอมิได้ ท�าไฉนจึงจะใหส้ มงิ พระรามรบั ราชสมบัตอิ ยู่ดว้ ยเราได้ 2. นกั เรยี นอธบิ ายความหมายของคําตอ ไปนี้ พระอคั รมเหสีได้ฟังดงั นัน้ จงึ ทลู วา่ พระองค์จะทรงพระวติ กไปไย ซง่ึ จะเกลยี้ กลอ่ มผูกพนั สมงิ • ดวยเขารูศลิ ปศาสตรสันทัด พระรามไว้ให้ต้ังใจสวามิภักด์ิอยู่ด้วยพระองค์น้ัน ตกพนักงานข้าพเจ้าจะรับอาสาผูกจิตสมิงพระรามไว้ (แนวตอบ หมายความวา สมงิ พระรามเปน ผูม ี ให้อยู่จงได้ อุปมาดังแพทย์ผู้วิเศษผูกกัณหสัปปะชาติคืองูเห่าใหญ่ด้วยมนตราคมอันกล้าขลัง มิให้พ่น ความรูความสามารถทางศิลปะการตอ สอู ยาง พิษและเลื้อยหนีไปได้ พระเจ้ามณเฑียรทองจึงตรัสถามว่า น้องจะคิดอ่านประการใด หรือมีมนตรา เช่ียวชาญ) วิเศษจึงจะผูกจิตสมิงพระรามไว้ได้ พระอัครมเหสีทูลว่า ข้าพเจ้าจะได้มีเวทมนตร์ผูกน้ันหามิได้ ซ่ึง • ผกู สมงิ พระรามใหอ ยูกห็ วงั จะผกู ดว ยยางรกั ข้าพเจ้าจะคิดผูกสมิงพระรามให้อยู่ก็หวังจะผูกด้วยยางรัก เพราะธรรมดาชนอันเวียนวนข้องอยู่ใน (แนวตอบ ใชความรักมาผูกใจใหสมิงพระราม สงสารภพน้ี แต่ล้วนมีความก�าหนัดยินดีในกามสังวาสรสสิ้นท้ังนั้น เพราะมูลตัณหาเคร่ืองเกี่ยวพัน ไมไปไหน) รอ้อุดงหเนพุนราเปะจ็นับปจัจิตจเัยข้าแกต็ย่พังพระลดัดาตบกสลทงรมงาฌสู่ภานูมสิภมาาคบปัตัถิเพหีาดะ้วเหยินคไวปาไมดก้ใ�านหอนาัดกใานศรแัชลน้วียพารอมไณด้ย์ 2ินจเะสนียับงอสะตไรรีขกับับ- 3. นกั เรียนแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับแผนการ ของพระมเหสพี ระเจา ฝร่งั มังฆอ ง เจ้าสมิงพระรามน้ี ซึ่งว่ามิรับที่มหาอุปราชและราชธิดา เพราะยังมิได้เห็นราชธิดาของเราอันสมบูรณ์ (แนวตอบ พระมเหสวี างแผนที่จะใชความรัก ด้วยลักษณะและสิริมารยาทงามยิ่งนัก ถ้าบุรุษผู้ใดได้เห็นและได้น่ังใกล้แล้วเมื่อใด ก็มิอาจจะด�ารงจิต ผกู ใจสมิงพระราม ใชค วามงามของพระราชธดิ า อยู่ได้ ดวงกมลก็จะหว่ันไหวไปด้วยความปฏิพัทธ์ อุปมาดังชายธงอันต้องลม ข้าพเจ้าคิดจะให้แต่ง มาลอ ใจสมิงพระราม อกี ทงั้ ทรงใชธ รรมชาติของ สุปะเพียญชนาหารเคร่ืองเลี้ยงอันประณีต เวลาพรุ่งนี้ขอพระองค์ให้หาเจ้าสมิงพระรามเข้ามากินเลี้ยง มนุษยเพศชายท่มี ักจะหลงใหลพึงใจสตรีรูปงาม) ในพระราชมนเทียร แล้วจึงให้พระธิดาเราออกไปให้เจ้าสมิงพระรามเห็นตัวถนัดแต่ข้างเดียว เจ้าสมิง พระรามได้เห็นรูปโฉมธิดาเราเท่านั้น ยังมิทันจะเข้าใกล้ได้กลิ่น ก็จะมีความปล้ืมปลาบจนสุดจิต ไหนจะคิดกลับเมืองหงสาวดีได้ เพราะพระธิดาของเรางามเป็นเสน่ห์อยู่ท่ัวกาย ซ่ึงข้าพเจ้าคิดท�าดังนี้ 94 นักเรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 บําเหนจ็ รางวัล เปนการสรางความรสู ึกทด่ี กี บั ผูใตบ ังคับบัญชาที่ทําประโยชน นกั เรยี นสรุปประเดน็ หลักของเรื่องตามทน่ี ักเรียนเห็นวา นาสนใจ โดยปกติจะพจิ ารณาจากผลงาน และในบางคร้ังกพ็ จิ ารณาจากความสัมพนั ธระหวาง จากนน้ั เขียนแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับประเดน็ ดังกลาว บุคคล ซง่ึ ระบบการใหรางวัลจะชวยกระตนุ การปฏบิ ัตงิ าน สรา งขวัญและกําลงั ใจแก พนกั งานในการปฏบิ ตั งิ าน กจิ กรรมทาทาย 2 รัชนยี ารมณ หมายความวา อารมณอ นั เปน ท่ีตัง้ แหงความรกั ใคร จากการอา นเนอ้ื เรอ่ื งแลว สรุปเปน ประเด็นสาํ คญั นกั เรยี นยกสาํ นวน สุภาษติ ไทยทีน่ กั เรยี นคิดวา ตรงกบั ประเด็นของเร่อื งทีน่ กั เรยี นสรุปมา โดยยกเนื้อเรอื่ งตอนนน้ั ประกอบ 94 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เปรียบประดุจนางเมขลาเทพธิดาล่อแก้วให้รามสูรเห็น รามสูรหรือจะไม่รักแก้ว ซ่ึงข้าพเจ้าว่าจะ นักเรยี นตอบคาํ ถามตอ ไปนี้จากคํากลาวของ ผูกจิตสมิงพระรามให้อยู่ด้วยยางรักน้ัน ก็คือจะให้ใจสมิงพระรามมาผูกรักอยู่ด้วยส่ิงน้ี อันจะผูกด้วย พระมเหสที ่ีกลา วกับพระราชธิดาวา มนตราคมและโซ่ตรวนเชือกพวนสรรพเคร่ืองจองจ�าท้ังส้ินน้ัน ก็พลันที่จะหลุดถอนเคล่ือนคลาย ไม่แน่นเหนียวเหมือนยางรัก ถ้าผู้ใดผูกติดอยู่ด้วยยางรักแล้ว ถึงจะเอาเชือกพวนเข้ามาฉุดชักก็มิอาจ “อันบรุ ษุ เปรยี บประดุจพืชธญั ญาหาร ถา โรย จะหลุดเคล่อื นคลายได้ เหน็ สมิงพระรามจะสวามภิ กั ด์อิ ยดู่ ้วยพระองคเ์ พราะสง่ิ นีเ้ ป็นมน่ั คง ปลูกเพาะหวานแลว ก็มีแตงอกงามสงู ใหญข ้ึนไป ลูกนีถ้ งึ เปน ราชบุตรี เกิดในวงศก ษัตริยม ชี าติ พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทรงฟังพระอัครมเหสีทูลดังนั้น ก็เห็นด้วยจึงตรัสว่า การข้างใน ตระกลู สงู ก็เปรยี บเหมอื นตัณฑลุ า จะโปรยหวาน พระน้องเข้าใจจงช่วยคิดอ่านเถิด แล้วบอกกล่าวธิดาของเราให้รู้ตัวส่ังสอนเสียด้วย พระอัครมเหสี เพาะปลูกมอิ าจเจริญขึ้นได” รับสั่งแล้ว เวลาค�่าก็เสด็จไปสู่ห้องต�าหนักพระราชธิดา จึงตรัสบอกว่า บัดนี้สมเด็จพระราชบิดา จะโปรดให้เจา้ สมิงพระรามผู้มคี วามชอบเปน็ มหาอปุ ราชแลว้ พระราชทานพระลูกให้เปน็ มเหสี พระลกู • คาํ กลา วในขางตน หมายความวาอยางไร อยา่ มีความโทมนสั เก่ยี งงอนขดั พระราชโองการเลย (แนวตอบ ผชู ายนนั้ เปรียบไดกบั พืชพนั ธุข าว อาหาร ถาเอาไปหวานเพาะก็เจรญิ งอกงาม พระราชธิดาได้ฟังก็ทรงพระกันแสง ซบพระพักตร์ลงทูลว่า ลูกนี้คิดจะไม่มีสวามีแล้ว หวังจะ ขึ้นมาได ตางกบั ผหู ญิงทแ่ี มจ ะเกิดในตระกูล บวชเป็นชีบ�าเพ็ญกุศลหมายสวรรค์นิพพานฝ่ายเดียว เมื่อสมเด็จพระราชบิดาตรัสห้ามมิให้เดินทาง สงู ศกั ดกิ์ เ็ หมือนขาวสารจะเอาไปหวา นเพาะ ตรงจะให้เดินทางอ้อมแล้วก็จนใจ แท้ว่ากรรมลูกท�ามาแต่หลัง อนึ่งถ้าได้สวามีเป็นลูกกษัตริย์ มี กไ็ มอาจเติบโตข้นึ มาได) ชาติตระกูลเสมอกันเล่าก็ตาม น่ีจะได้ผัวมอญต่างภาษาเป็นเพียงนายทหาร อุปมาดังหงส์ตกลงใน ฝูงกา ราชสีห์เข้าปนกับหมู่เสือ ลูกมีความโทมนัสนัก พระอัครมเหสีจึงตรัสปลอบว่า ซ่ึงลูกมีศรัทธา • สารในคํากลา วนีค้ ืออะไร จะบวชเปน็ ชีหนสี งสารนนั้ กช็ อบอยู่ แต่จะดว่ นบวชเมอ่ื ยงั เจริญรุ่นสาวฉะน้ี แมเ่ กรงจะถอื เครง่ บวชไป (แนวตอบ แมตอ งการใหลูกสาวลดทิฐมิ านะท่ี มิตลอด ด้วยโรคสาวเป็นข้าศึกคอยเบียดเบียนน้ันมีอยู่ มักกระท�าศีลให้เศร้าหมอง ค่อยบวชเม่ือแก่ มตี อชายตาํ่ ศกั ดิ์กวาตนเองคอื สมิงพระราม เถิดแม่จะบวชด้วย ซึ่งลูกจะถือชาติตระกูลว่ามีอิสริยยศอยู่น้ันหาควรไม่ ด้วยสมเด็จพระราชบิดา โดยชีใ้ หเ หน็ วา แมจะเปน ผตู าํ่ ศักดิ์กวาแต เห็นชอบแล้ว จึงจะทรงปลูกฝัง อันสมิงพระรามน้ีเขามีความชอบในแผ่นดินเป็นอันมาก ช่วยกู้ ผชู ายนน้ั ก็สามารถเตบิ โตกา วหนาเปนใหญ พระนครไว้ใหส้ มณพราหมณ์ราษฎรอยเู่ ป็นสุข เหมือนรักษาชาตติ ระกลู ของลูกไว้ ถา้ มไิ ดส้ มงิ พระราม ในภายภาคหนา ได) แล้วเมืองเราก็จะเสียแก่กรุงจีน ซึ่งลูกเปรียบชาติเขาเหมือนกาน้ันก็ชอบอยู่ แต่เขาประกอบ ศลิ ปศาสตรว์ ชิ าการเปน็ ทหารมฝี มี อื หาผเู้ สมอมไิ ด้ กเ็ ปรยี บเหมอื นกาขาวมใิ ชก่ าดา� สมเดจ็ พระราชบดิ า ขยายความเขา ใจ Expand จะทรงชุบขึ้นแล้วก็คงเป็นหงส์ ซ่ึงเปรียบเหมือนเสือนั้น ถ้าพระราชบิดาชุบย้อมแล้ว ก็คงจะกลับเป็น ราชสีห์ อันบุรุษเปรียบประดุจพืชธัญญาหาร ถ้าโรยปลูกเพาะหว่านแล้ว ก็มีแต่งอกงามสูงใหญ่ขึ้นไป นักเรยี นยกสํานวนสุภาษิตทีม่ คี วามหมายตรง ลูกนี้ถึงเป็นราชบุตรี เกิดในวงศ์กษัตริย์มีชาติตระกูลสูง ก็เปรียบเหมือนตัณฑุลา จะโปรยหว่าน กบั คาํ กลา วของพระมเหสีในกิจกรรมขางตน เพาะปลูกมิอาจเจริญขึ้นได้ ลูกอย่าถือทิฐิมานะเลย สมเด็จพระราชบิดาได้ทราบจะทรงพระพิโรธนัก ถงึ บรุ ุษจะมชี าตสิ ูงต�า่ เป็นประการใดเขาได้เป็นสวามีแลว้ จงปฏบิ ตั เิ คารพนบน้อม นบั ถือดุจเจา้ ของตน (แนวตอบ สาํ นวนสุภาษติ วา “ชายขา วเปลือก หญิงขาวสาร” ผูห ญิงมกั เสยี หายไดมากกวา ผชู าย จตเสึง่าาจงวๆะนเจียใรต์หิญร้พสัสรสิระ่ังิรรพาาศวชกีเธปวิด็นเิ าสสคทวล2ชัสาาดยวิมทเคงิฐคริมือ่ลางอนันใะหย1ลแ้่ิงงตแพ่งลโร้วภะชอพนัคราระหมนาเารหงขสกอีต็เงสรเดัลส็จี้ยสกงออลนันับพเมอราะมยรโัอางหชชธ้อทิดงงั้ าพปดรว้วะงยเตตค�ารวหยี านมมักไอวุป้ มมีพารอะุปรไามชย- กลา วคือ ขา วเปลอื กตกไปไหนกง็ อกขยายพนั ธไุ ด แตข าวสารงอกใหมไ มไ ด หรือผหู ญงิ มโี อกาสนอยที่ 95 จะเจริญกา วหนาไดเ ทากับผชู าย) ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู นกั เรยี นคิดวา เพราะเหตใุ ดแรกเรมิ่ ตน พระราชธิดาในพระเจาฝรั่งมังฆอ ง 1 ทฐิ ิมานะ มาจาก ทฐิ ิ+มานะ “ทิฐ”ิ หมายถงึ ความเห็น สวนคาํ วา “มานะ” จึงไมย ินยอมท่ีจะแตงงานตามคาํ สัง่ พระราชบดิ า ยกเหตุผลประกอบ หมายถงึ ดอ้ื ร้นั อวดดีหรอื ถอื ตวั ทิฐิมานะ จึงหมายถงึ ความเห็นดอื้ ดึง แมว าผิด แนวตอบ เพราะพระราชธดิ ายงั ไมร จู ักนิสยั ใจคอของสมงิ พระราม และการ กไ็ มยอมแกไข ที่สมิงพระรามเปน เพยี งทหารท่ถี ูกจบั มาเปนเชลย ทําใหพระราชธิดาตง้ั แง 2 วิเสท อา นวา ว-ิ เสด หมายถึง ผทู ท่ี ํากับขาวหลวง รังเกียจคดิ วาไมเหมาะสมกบั ตนซง่ึ เปน ถึงเชือ้ วงศก ษตั รยิ  จนกระทงั่ พระ- ราชมารดาไดชใ้ี หเ ห็นวา การทส่ี มงิ พระรามอาสาออกสูศึกและชนะนั้นแสดง วา เปนผูเ กง กลา มีความสามารถ ตอไปภายหนา จะย่ิงใหญม ีเกยี รตยิ ศ จงึ ลด ทิฐิและยอมแตง งานกับสมงิ พระราม คูม อื ครู 95

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู นกั เรยี นอธบิ ายการใชความเปรยี บในหนา 95 • การใชความเปรยี บเหมาะสมกับเนอื้ เร่ืองใน หนา 95 หรอื ไม อยางไร ครน้ั เวลาเชา้ พระเจา้ มณเฑยี รทอง จึงมรี บั สัง่ ใหห้ าเจ้าสมงิ พระรามเข้ามากินเล้ยี งบนพระราช- (แนวตอบ เร่ืองราชาธริ าช ตอน สมงิ พระราม มนเทียร สมิงพระรามรับพระราชทานเครื่องเล้ียงพอควรแล้ว ก็เข้ามากราบถวายบังคมเฝ้าอยู่ อาสา มีความโดดเดน ทางวรรณศลิ ปในการใช โดยล�าดับ พระเจ้ามณเฑียรทองจึงตรัสว่า เราเป็นกษัตริย์อันประเสริฐได้ออกวาจาแล้ว จึงจะตาย ความเปรียบท้ังเรื่อง จากเนือ้ เรอ่ื งในหนา 95 ก็หาเสียดายชีวิตไม่ เพราะรักสัตย์ยิ่งกว่ารักชีวิตได้ร้อยเท่า ซึ่งที่มหาอุปราชกับราชธิดาเราน้ัน เราได้ เปนตอนท่ีพระมเหสีเกล้ียกลอ มพระราชธิดา ออกปากแล้วว่าจะให้เป็นบ�าเหน็จความชอบแก่ท่าน ถึงมาตรว่าจะมิรับด้วยท่านค�านึงถึงพระเจ้า ใหย นิ ยอมอภเิ ษกกบั สมิงพระราม จงึ ใชความ ราชาธิราชอยู่ กจ็ งรับเสียแตพ่ อเปน็ เหตุตามสัญญาเถิด อยา่ ให้เราเสยี สัตย์เลย อนง่ึ เราเกรงคนท้ังปวง เปรียบมาเปนวาทศลิ ปเกลี้ยกลอมใหถอยคํามี จะครหานินทาได้ ท่านรับอาสากู้พระนครไว้มีความชอบเป็นอันมาก มิได้รับบ�าเหน็จรางวัลส่ิงใด น้ําหนักพอทจี่ ะทาํ ใหพ ระราชธิดาคลอ ยตาม) นานไปเบื้องหน้าถ้าบ้านเมืองเกิดจลาจลหรือข้าศึกมาย่�ายีเหลือก�าลัง ก็จะไม่มีผู้ใดรับอาสาอีกแล้ว เห็นเราจะได้ความขัดขวางเป็นมั่นคง ตรัสแล้วจึงสั่งให้พระราชธิดายกพานพระศรีมาต้ัง ให้เจ้าสมิง พระรามกินต่อหน้าพระท่ีน่ัง พระราชธิดาก็อายพระทัยยิ่งนัก ด้วยเป็นราชบุตรีกษัตริย์ แต่ทรง ขยายความเขา ใจ Expand พระเยาว์มาจนเจริญพระชนม์ ยังไม่เคยยกพานพระศรีให้ทหารและขุนนางผู้ใดกิน แต่ขยับขยั้นยั้ง 1. นกั เรยี นยกเนื้อความทน่ี ักเรยี นเห็นวา เปน ความ พเกรระงอพงรคะ์อรยาชู่มอิใคารญ่จาะขแัดหรวับกสพ่ังรสะมวเิสดูต็จพรอรอะกรามชาบไดิด้ าพมริไดะเ้ จก้า็ยฝกรพ่ังมานังฆพ้อรงะกศ็ตรร1ีมัสาเตต้ังือลนงวเฉ่าพมาาเะรห็วนๆ้าสพมริงะพรารชะธราิดมา เปรียบท่ีนา สนใจ อยา งนอ ย 2 แหง พรอม แพตร่หะร่าางมๆเหช็น้อพยชระ�าเรลาือชงบดุตูสรมียิงกพพราะนรพามรไะมศ่ทรันีออจะกเมตา็มนพั้นระปเนระตกรอดบ้วดย้วคยวเยามาวอราูปยสกิร็เสิวดิล็จาสกลล2ักับษเขณ้าไ์เปป็นเอจัน้าสงามมิง อธบิ ายความหมายประกอบ (แนวตอบ ตัวอยา งเชน ก็แลตะลึงลืมตัวไม่เป็นสมประดี จนพระราชบุตรีเสด็จกลับเข้าไป พระเจ้าฝร่ังมังฆ้องทอดพระเนตร • “นี่จะไดผ ัวมอญตางภาษาเปนเพยี งนายทหาร เห็นแล้วก็ดีพระทัย ทรงด�าริว่า เจ้าสมิงพระรามเห็นจะมีความรักธิดาเราว่ารูปงาม สมค�าพระอัคร- อุปมาดังหงสตกลงในฝงู กา” เปน สิ่งทีพ่ ระ มเหสที ูลไว้ ทรงพระรา� พงึ นง่ิ อยใู่ นพระทยั แล้วกเ็ สดจ็ ขนึ้ ราชธดิ าพูดกับพระมเหสวี า การแตงงานท่มี ี สามเี ปนชาวมอญตา งภาษาอีกทัง้ เปน เพยี ง คร้ันเวลาวันหน่ึง เสด็จออกพร้อมด้วยเสนาบดีข้าราชการทั้งปวง พระองค์จึงตรัสแก่ ทหาร กเ็ ปรียบตนเองเปนหงส สวนทหาร สมิงพระรามว่าท่านอาสากู้พระนครเราไว้ได้ครั้งน้ี มีพระเกียรติยศปรากฏไปแก่ประเทศราชธานี มอญท่ีจะมาเปนสามีเปน กา ท้ังปวง จนตลอดกัลปาวสาน ซ่ึงท่านจะไม่รับรางวัลนั้นมิชอบ ดุจท�าลายเกียรติยศเราให้เสื่อมเสีย • “ถาบุรุษใดไดเห็นและไดน่ังใกลแลวเม่อื ใด เพราะจะเป็นท่ตี ิเตยี นแกก่ ษตั รยิ ท์ ง้ั ปวง ท่านด�าริดจู งควรเถดิ กม็ ิอาจจะดํารงจติ อยูไ ด ดวงกมลก็หวน่ั ไหว ไปดว ยความปฏิพทั ธ อุปมาดังชายธงอนั ตอง สมิงพระรามได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า เรารับอาสาท�าความชอบคร้ังน้ี คิดจะแก้ตัวกลับไปเมือง ลม” เปนสง่ิ ทพี่ ระมเหสีกลา วกับพระสวามี เมื่อพระเจ้ามณเฑียรทองมิทรงพระอนุญาต จะหน่วงเหน่ียวไว้ฉะน้ี ครั้นเราจะหนีไปก็เสียสัตย์ พระเจาฝร่ังมังฆอง ดวยเห็นวา บตุ รธดิ าของ หาควรไม่ ทง้ั นก้ี ต็ ามแตว่ าสนา เมื่อพระเจา้ อังวะจะโปรดพระราชทานพระราชธดิ าแลว้ เรากจ็ ะอยชู่ ม ตนน้ันงดงามมากไมม ีชายใดที่จะไมหวนั่ ไหว รสนางพม่าเสียก่อน เผื่อจะมีโอชาหวานดีกว่ารสมอญกระมัง ถ้าแม้บุญยังจะกลับไปเมืองหงสาวดี ไปกับความงามของพระราชธิดา เปรียบชาย ได้โดยสตั ย์ คดิ แล้วจงึ ทูลวา่ ซ่งึ พระองคท์ รงพระราชทานทมี่ หาอุปราชแก่ข้าพเจ้าๆ มริ บั นัน้ เหตุด้วย ท้งั หลายเปนเหมือนธงท่ีเมอื่ ตองลม ก็คือได พระราชบตุ รของพระองค์ยงั จะมีอยู่ อนึ่งข้าพเจา้ เลา่ ก็ตา่ งประเทศภาษา อุปมาดังนกเค้าถึงมกี �าลงั อยู่ เขา ใกลความงามของพระราชธดิ ายอ มเปน ก็จริง แต่ตกเข้าอยู่ในท่ามกลางฝูงกาเมื่อกลางวัน ข้าพเจ้าจะบัญชาราชกิจฉันใด คร้ันข้าพเจ้ามิรับ ธรรมดาทจ่ี ะไหวเหมือนธง) บ�าเหนจ็ รางวลั เลา่ กจ็ ะเสยี ราชประเพณีของพระองค์ไป ขา้ พเจ้าจะยอมเป็นทหารอย่กู ับพระองคแ์ ล้ว 96 2. ครูสมุ นักเรยี น 2-3 คน มานาํ เสนอใหเหน็ การใชค วามเปรยี บ บรู ณาการเชอื่ มสาระ นกั เรียนควรรู จากเนื้อเรอ่ื งเมอื่ สมิงพระรามสามารถเอาชนะกามะนที หารเอกของ 1 พานพระศรี เปนคาํ ราชาศัพทในหมวดเครอื่ งราชปู โภค เปนสํารับสําหรบั ทรง จนี ได พระเจา ฝร่ังมงั ฆอ งไดม อบบําเหน็จรางวัลใหแ กสมิงพระราม ซึง่ เปน ใชป ระจาํ วนั พานใสหมากพลขู องพระเจาแผน ดนิ โบราณเรียก พานพระขันหมาก แนวคดิ สําคญั ของตอน สมิงพระรามอาสา ครูบูรณาการความรเู ขา กบั วิชา หรอื พระขันหมาก เคร่อื งพานพระศรี แบงไดอกี 2 สาํ รบั คอื เคร่อื งทองลงยาและ พระพทุ ธศาสนา เรอ่ื งหลกั ปฏบิ ตั ริ ะหวางผบู งั คบั บญั ชาและผูทอ่ี ยใู ตบังคับ เครือ่ งนาก เคร่ืองทองลงยาใชวันเวลาปกติ และเครอ่ื งนากใชส ําหรับใชในวนั พระ บญั ชา ซง่ึ กค็ ือ ทศิ 6 โดยเฉพาะ “เหฏฐมิ ทศิ ” ทศิ เบือ้ งตํ่า เจานาย ผูบังคับ 2 วลิ าส หรือพลิ าส เปน คําบาลีสันสกฤต แปลวา งามมีเสนห  งามอยา งสดใส บญั ชา พึงบํารุงบา ว หรือผใู ตบงั คับบญั ชา ดวย 5 สถาน ไดแ ก ดว ยการ จัดงานใหตามกําลัง ดว ยการใหอาหารและบําเหน็จรางวลั ดวยการรักษา พยาบาลยามเจบ็ ไข ดวยแจกของมรี สดแี ปลกๆ ใหก ิน และดว ยใหม วี ันหยุด และพักผอ นหยอนใจตามโอกาสอันควร ดวยหลกั คิดนจ้ี ะทาํ ใหค วามสมั พันธ ระหวางผบู ังคับบญั ชากบั ผอู ยูใตบ ังคับบัญชากระชับแนนแฟน ข้ึน พระเจา ฝรงั่ มงั ฆองกป็ รารถนาท่จี ะใหส มงิ พระรามมใี จภกั ดีอยรู ับใช นอกจากนี้การ มอบบําเหน็จรางวลั ใหแ กผ ทู ําความดคี วามชอบตามสัญญา จะทาํ ใหไมเ ปนที่ ครหาวาเปนกษตั รยิ ผมู อี ํานาจแลว ไมร ักษาคาํ สัตย 96 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู แต่จะขอรับพระราชทานความอนุญาตอยู่สองประการๆ หน่ึงห้ามมิให้คนทั้งปวงเรียกว่าเชลย ถ้าผู้ใด นกั เรยี นตอบคําถามและรว มกันแสดงความคดิ มิฟังขืนเรียก ข้าพเจ้าได้ยินแล้วก็จะถวายบังคมลากลับไปเมืองหงสาวดี ประการหน่ึงถ้ามีสงคราม เห็นในประเดน็ ตอไปน้ี สมเด็จพระเจา้ ราชาธริ าชมาเม่ือใด ขา้ พเจา้ มิขอเข้าทา� สงครามดว้ ยทัง้ สองฝ่าย แม้นมสี งครามกษัตริย์ อ่ืนมา ข้าพเจ้าจะขอรับอาสาสู้รบกว่าจะสิ้นชีวิต ถ้าพระองค์โปรดอนุญาตความสองประการน้ีแล้ว • สมิงพระรามตดั สินใจทีจ่ ะรบั บาํ เหนจ็ รางวลั ขา้ พเจ้าก็จะยอมรบั พระราชทานรางวัลอยดู่ ้วยพระองค์สืบไป จากพระเจา ฝรัง่ มังฆองหรือไม อยางไร (แนวตอบ สมงิ พระรามยอมรับบาํ เหนจ็ รางวลั พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทรงฟังก็ดีพระทัยนัก จึงตรัสว่า เหตุเท่าน้ีเราจะอนุญาตให้ได้ อย่าว่า ทพี่ ระเจาฝรง่ั มงั ฆอ งจะพระราชทานให แตมี แต่ท่านจะขออนญุ าตเท่าน้ีเลย ถึงจะใหม้ ากกวา่ น้สี กั ร้อยประการ ถ้าควรแลว้ เราจะอนญุ าตใหท้ า่ นสนิ้ เงอ่ื นไข 2 ขอ ทีจ่ ะขอกับพระเจา ฝรง่ั มังฆอง จึงสงั่ ให้เสนาบดขี า้ ราชการผ้ใู หญ่ผนู้ ้อยทง้ั ปวง ใหต้ ฆี อ้ งรอ้ งปา่ วทว่ั ทัง้ พระนครว่า ตั้งแต่วนั น้ีไปใหค้ น คือ ขอ แรกหา มไมใหผ ูใดเรยี กตนวาเชลย ทั้งปวงเรียกว่าเจ้าสมิงพระรามกู้เมือง ถ้าผู้ใดเรียกเชลยแล้ว จะฆ่าเสียให้ส้ินท้ังโคตร ถ้าเราแต่งการ ถา มีผใู ดเรยี ก แลวตนไดยินจะลากลบั อภิเษกสมิงพระรามข้ึนเป็นอุปราชแล้วให้ออกนามว่า พระมหาอุปราชผดุงพระนคร เสนาบดี เมอื งหงสาวดี ขอสองถา มีสงครามระหวา ง ข้าราชการใหญ่น้อยรับๆ สั่งแล้วก็ถวายบังคมลาออกจากเฝ้า จึงแต่งคนให้เท่ียวตีฆ้องร้องป่าวไปท่ัว พระเจา ราชาธริ าชกับพระเจา ฝรัง่ มังฆอ ง กรุงรัตนบุระอังวะ ชาวเมืองท้ังปวงรู้แล้วก็เกรงพระราชอาญา ต่างคนชวนกันสรรเสริญพระเจ้าฝร่ัง เม่อื ใด จะไมเ ขา ทาํ สงครามกบั ท้ังสองฝา ย มังฆ้องว่า พระเจ้าอยู่หัวของเราทรงโปรดทแกล้วทหารรักย่ิงกว่าพระราชธิดาอันเกิดแต่พระอุระ นอกจากจะเปน สงครามกษัตริยอ ่นื จะขอ หวังจะบ�ารุงพระนครให้คนทั้งปวงอยู่เป็นสุข และจะให้ข้าศึกย�าเกรงพระเดชานุภาพจึงทรงปลูก อาสารบจนกวาจะส้ินชีพ) เลีย้ งสมงิ พระรามไว้ ตั้งให้เป็นมหาอุปราชแลว้ ชมฝีมอื และบุญญาธกิ ารสมงิ พระรามเปน็ อันมาก • เหตุใดสมงิ พระรามจงึ รับบาํ เหน็จรางวัลจาก พระเจ้าฝร่ังมังฆ้องจึงตรัสสั่งให้ปลูกต�าหนักใหญ่อย่างท่ีมหาอุปราช และแต่งการเฉลิม พระเจาฝรง่ั มงั ฆอ ง พระต�าหนักเครื่องภิเษกท้ังปวงเสร็จแล้ว พระโหรจึงถวายฤกษ์อันเป็นศุภมงคล เข้าพิธีเฉลิม (แนวตอบ เหตทุ สี่ มงิ พระรามยอมรบั บาํ เหน็จ พระต�าหนักพรอ้ มด้วยพระญาติวงศา พราหมณ์พฤฒามาตย์ราชปุโรหติ ทงั้ ปวง อภิเษกพระราชธิดากับ รางวัล เพราะคดิ วา หากจะกลับไปเมอื ง เจ้าสมิงพระรามเป็นมหาอุปราช ตามราชประเพณีมาแต่ก่อนแล้ว พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องก็พระราชทาน หงสาวดพี ระเจา ฝร่ังมงั ฆอ งก็คงไมอนุญาต เคร่ืองยศส�าหรับที่ลูกหลวงเอกให้สมิงพระรามเป็นมหาอุปราช คร้ังนั้นกรุงรัตนบุระอังวะก็เงียบสงบ หากจะหนไี ปทง้ั สมิงพระรามและพระเจา ศกึ ลง สมณพราหมณ์อาณาประชาราษฎรอย่เู ย็นเปน็ สุข ฝรั่งมงั ฆองกค็ งเสียเกยี รติ) คร้ันอย่มู าประมาณสามเดอื น พระราชธดิ าพระเจา้ มณเฑียรทองกท็ รงพระครรภ์ ถว้ นทศมาส ขยายความเขา ใจ Expand แล้วก็ประสูติพระราชโอรส พระเจา้ มณเฑยี รทองไดท้ ราบกม็ พี ระทัยเสนห่ ายิ่งนกั เสดจ็ ไปรบั พระราช- จากท่สี มิงพระรามตดั สินใจหนกี ลบั เมือง ขนบัดวดนาลดกู้วหยลพวรงะเหอกัตถ1์ของพระองค์ แล้วพระราชทานเครื่องประดับท้ังปวงส�าหรับพระราชกุมารโดย หงสาวดี นักเรียนคิดวา สมิงพระรามมีลักษณะนสิ ยั อยา งไร คร้ันพระราชกุมารมีชันษาได้ขวบเศษ พอย่างพระบาทด�าเนินได้ พระเจ้ามณเฑียรทองเสด็จ ออกว่าราชการคร้ังใด ก็ทรงอุ้มพระราชนัดดาข้ึนนั่งเหนือพระเพลาทุกคร้ัง อยู่มาวันหนึ่งทรงอุ้ม (แนวตอบ สมงิ พระรามเปนผทู ยี่ ดึ ม่ันกับคาํ สตั ย พระราชนัดดาเสด็จออก ณ พระที่นั่งพร้อมด้วยเสนาบดีทั้งปวง สมิงพระรามมหาอุปราชก็เฝ้าอยู่ วาจา เปน ผูท่ที าํ ตามคาํ สัตยที่ใหไวก ับพระเจา ทนี่ น้ั ด้วย ฝรั่งมงั ฆองและคาดหวังวาจะไดรับการยึดม่ัน รกั ษาคาํ สตั ยดุจเดยี วกัน เพื่อใหสามารถอยูร วมกัน 97 ไดอยา งปกตสิ ุขไมบาดหมางกัน กต็ องเชื่อใจกัน การละเมิดคาํ สัตยจะทาํ ใหไมส ามารถอยูร วมกันได เพราะไมไวใจกนั สมงิ พระรามจงึ หนีกลบั เมือง หงสาวด)ี ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู ขอ ใดกลา วไมถ ูกตอ งเก่ยี วกบั เงอ่ื นไขสัญญาท่ีสมิงพระรามทลู ขอจาก 1 ลกู หลวงเอก หมายถึง พระราชโอรสซ่งึ ประสตู ิจากพระมารดาซึง่ ทรงเปน พระเจา ฝรง่ั มงั ฆอ ง พระราชธดิ าของสมเด็จพระเจา แผนดิน หรือทเ่ี รยี กกันในสมยั นั้นวา ลูกหลวง เพราะทรงมีฐานันดรศกั ดเิ์ ปน “ลูกหลวงเอก” 1. เม่อื เกิดศกึ ระหวางพมา และมอญ สมิงพระรามจะชวยพมา 2. เมอื่ เกดิ ศึกระหวา งพมาและมอญ สมงิ พระรามจะชวยมอญ มมุ IT 3. เม่อื เกิดศกึ ระหวางพมาและมอญ สมงิ พระรามจะชว ยท้ังสอง 4. เมอ่ื เกดิ ศึกระหวางพมาและมอญ สมงิ พระรามจะไมช ว ยทั้งสอง วเิ คราะหค าํ ตอบ สัญญาทส่ี มิงพระรามทลู ขอจากพระเจาฝร่งั มงั ฆอ งกเ็ พอ่ื ศกึ ษาเกยี่ วกับฐานนั ดรศกั ดิข์ องกษัตริยเพิ่มเตมิ ไดท่ี http://www.laksanathai. รอมชอมกัน ไมใหฝ า ยใดฝา ยหน่ึงเสียเปรยี บ เพราะไมเ ชน น้ันแลว com/book2/p007.aspx พระเจาฝร่ังมังฆองจะไมย นิ ยอมรับเงอ่ื นไขสญั ญา หากชว ยฝายใดฝายหนง่ึ ก็ ไมอ าจตกลงกันได และเม่ือเกดิ สงครามกเ็ ปนไปไมไ ดทส่ี มิงพระรามจะรบทง้ั สองฝา ย ดังนัน้ สง่ิ ท่สี มิงพระรามจะเสนอ คือ ไมช วยทัง้ สองฝา ย ตอบขอ 4. คมู อื ครู 97

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นักเรียนตอบคําถามและรว มกันแสดงความ ฝา่ ยพระราชกมุ ารเปน็ ทารกยงั ทรงพระเยาวไ์ มแ่ จง้ ความกา� ดดั คะนองลกุ จากพระเพลา ยนื ขนึ้ คิดเหน็ ในประเดน็ ตอ ไปนี้ ยุดพระอังสาพระเจ้ามณเฑียรทองไว้แล้วเอ้ือมพระหัตถ์ขึ้นไปเล่นบนท่ีสูง พระเจ้ามณเฑียรทองผัน พระพักตร์มา ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ตรัสพล้ังพระโอษฐ์ออกไปว่า ลูกอ้ายเชลยนี้กล้าหาญนัก • เหตใุ ดสมิงพระรามจงึ หนีไปเมืองหงสาวดี นานไปเห็นองอาจแทนมังรายกะยอฉะวาได้ สมิงพระรามได้ยินพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องดังน้ันก็น้อยใจ (แนวตอบ เหตุท่สี มงิ พระรามหนไี ปเมือง จึงคิดว่าคร้ังนี้ส้ินวาสนากันแล้ว เป็นผลที่เราจะได้กลับไปเมืองหงสาวดีด้วยความสัตย์ ครั้นพระเจ้า หงสาวดอี นั เมืองท่อี ยูเดมิ ของตนเองนั้น มณเฑียรทองเสด็จขึน้ แลว้ กเ็ พราะพระเจาฝรง่ั มังฆอ งพล้ังเผลอพดู ใน สง่ิ ท่ีสมิงพระรามเคยขอหา มไมใหผ ูใดพดู คอื ฝา่ ยสมิงพระรามก็กลบั มาท่ีอยู่ จงึ เขยี นหนังสือสองฉบบั ฉบับหน่ึงซอ่ นไว้ใตห้ มอน ฉบับหนึ่ง พูดวา สมิงพระรามเปนเชลย สมงิ พระรามจึง เหน็บพกไว้ แลว้ คิดเปน็ หว่ งอาลยั บตุ รและพระราชธิดา แล้วหักจิตขม่ ลงได้ มไิ ด้บอกผใู้ ด พระราชธดิ า หนไี ปโดยไมลา ดวยไมอยากใหม คี นมา อันเป็นท่ีรักนั้นก็มิแจ้งให้รู้ กลัวจะห้ามปรามขัดขวาง ความจะทราบถึงพระเจ้าฝร่ังมังฆ้องจึงเอาเบาะ ขัดขวางได) บงั เหยี นมาผกู มา้ ซง่ึ ขสี่ กู้ บั กามะนนี น้ั แลว้ จดั แจงแตง่ กายนงุ่ หม่ เสรจ็ ถอื ทวนสะพายดาบเผน่ ขนึ้ หลงั มา้ ควบหนอี อกจากเมอื งองั วะ • นกั เรียนคดิ วา สมิงพระรามตดั สินใจถูกหรือ ไมท ีห่ นีไปท้ังที่มคี วามรักใครห ว งใยพระราช- ฝ่ายพม่าชาวเมืองเห็นก็ร้องอ้ืออึงข้ึนว่า มหาอุปราชผดุงพระนครหนีไปแล้ว ความทราบถึง ธดิ าและบุตร เสนาบดๆี กร็ ีบเข้าไปกราบทูลพระเจา้ มณเฑียรทองๆ ไดแ้ จง้ แลว้ ก็สะด้งุ ตกพระทยั จึงสง่ั ใหจ้ ดั ทพั ม้า (แนวตอบ การทส่ี มงิ พระรามหนีไปทัง้ น้ี พันหน่ึง ไปตามเจ้าสมิงพระรามๆ ก็ควบม้าหนีมาเต็มพักม้าแล้วก็หยุดพักม้า น่ังคอยท่าอยู่กลาง เกิดจากพระเจา ฝรง่ั มงั ฆองไมร กั ษาคําสตั ย ท้องนาใต้ต้นไม้แห่งหนึ่ง มีต้นตาลเรียงอยู่ที่นั้นสามต้น สูงประมาณสิบห้าวาสิบหกวา มีผลสุกต้นละ ทต่ี นเองเปนผูรบั ปาก หากอยูต อไปกอ็ าจเกิด ส่ีทะลายบ้างห้าทะลายบ้าง คร้ันแลเห็นทัพพม่ายกตามมาแต่ไกล จึงขึ้นบนหลังม้า ชักม้าฟ้อนร�าเป็น ความระแวงสงสัยกนั นาํ ความเดือดรอนมาให เพลงทวน แล้วพุ่งผลตาลสุกทั้งสามต้นหล่นลงทีละผล มือขวารับทวนมือซ้ายรับผลตาลหล่นลงมา แกทัง้ สองฝา ย เพราะเมอ่ื ไดเ สียสตั ยไปแลว หาทันจะตกถึงดินไม่ แล้วก็โยนไปให้นายทัพนายกองพม่าๆ เห็นดังน้ันก็ตกใจหยุดยืนอยู่สิ้น กลัว ครง้ั หนึ่งกย็ อ มเกิดครั้งตอๆ ไปได การทาํ ตาม ขยาดฝีมือนัก ไม่มีผู้ใดจะสามารถเข้าหักหาญจับกุมได้ ก็ค่อยรอตามมาจนสุดแดน สมิงพระรามจึง สญั ญาทีใ่ หไวจ งึ ดที สี่ ดุ เพราะตามสัญญาที่ เอาหนังสือน้ันใส่ไม้คบี ปักไว้ แล้วก็รีบควบม้ากลบั เขา้ กรงุ หงสาวดี พระเจา ฝร่งั มงั ฆอ งใหไ วน้นั ผูท่ีเอยวา สมงิ พระรามจะตอ งถูกประหารทงั้ โคตร ฝ่ายนายทัพนายกองพม่าทั้งปวงที่ติดตามมาน้ัน คร้ันได้หนังสือแล้ว ก็พากันยกกลับไปยัง แตผ ูท่ีผิดสัญญากลับเปน คนเดยี วกับผูท ่ีให กรุงรัตนบุระอังวะ จึงน�าหนังสือเข้าถวายพระเจ้ามณเฑียรทองๆ ทรงรับหนังสือนั้นมาทอดพระเนตร สญั ญา การจากไปจึงเปนการเหน็ แก ด้วยพระองค์เป็นใจความว่า พระราชธดิ าและบตุ ร) ขา้ พเจา้ สมงิ พระรามขอกราบถวายบงั คมทลู ไวใ้ หท้ ราบใตฝ้ า่ พระบาทยคุ ล ดว้ ยพระองค์ ขยายความเขา ใจ Expand ออกพระโอษฐ์ทรงพระอนุญาตให้ความสัตย์ไว้แก่ข้าพเจ้าว่า จะมิให้ผู้ใดเรียกว่าเป็นเชลย ถา้ ผอู้ นื่ เรยี กแลว้ จะใหล้ งพระราชทณั ฑต์ ดั ศรี ษะเสยี สนิ้ ทงั้ โคตร บดั นี้พระองคก์ ลบั มาเรยี กวา่ นักเรียนแสดงความคดิ เหน็ ท่ีมีตอ ตวั ละครทต่ี นเอง อ้ายเชลยอีกเล่า ซึ่งข้าพเจ้าจะอยู่ด้วยพระองค์สืบไปนั้นก็เห็นว่าผิดประเพณีแผ่นดิน ประทับใจในเร่อื งราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา เมืองอังวะแปรปรวนมิได้ย่ังยืนแล้ว ข้าพเจ้าจะขอถวายบังคมลา กลับไปเมืองหงสาวดีที่ โดยเขยี นความยาวไมนอยกวา 15 บรรทัด เคยอยู่ข้าพเจ้าแล้ว เชิญพระองค์จงเสวยสิริราชสมบัติเป็นสุขพระทัยเถิด ซ่ึงพระราชธิดา และพระราชนัดดาของพระองค์นั้น ข้าพเจ้าขอฝากไว้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วย ถ้า (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถเขียนแสดงความคิดเห็น เจริญพระชนม์ย่งิ ยนื แล้ว จะไดอ้ ยู่ท�าราชการสนองพระเดชพระคณุ แทนตัวขา้ พเจ้าสบื ไป ไดห ลากหลายข้นึ อยกู บั ความประทบั ใจของนักเรียน แตละคน) 98 บรู ณาการอาเซียน ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ขอใดมใิ ชเหตุผลทีส่ มงิ พระรามกลับกรงุ หงสาวดี ราชาธิราช เปน เร่ืองที่มาจากเคาเรอ่ื งจริงในพงศาวดารมอญทีม่ ีการบนั ทกึ 1. เกรงพระราชทัณฑตดั ศรี ษะท้งั โคตร เรื่องราวทางประวัตศิ าสตรข องอาณาจกั รไว ซงึ่ เปน ชว งเวลาทีม่ อญและดนิ แดนใน 2. เกรงจะเสยี งานที่ไดรบั มอบหมาย เอเชียถูกคุกคามจากกษตั รยิ มองโกลผูย ิง่ ใหญ “กบุ ไลขาน” แตท ั้งนไี้ ทยไมไดร บั 3. เกรงวา จะผิดประเพณีแผน ดิน ผลกระทบเพราะกษัตรยิ ไ ทยสงเคร่ืองราชบรรณาการไปเจริญสมั พนั ธไมตรเี สยี กอน 4. ไดร ับความอัปยศ แตอยางไรก็ตามเหตกุ ารณท างประวตั ศิ าสตรด งั กลาวเปนบอเกิดวรรณกรรมของ วเิ คราะหคําตอบ ภายหลังพระเจา ฝรัง่ มงั ฆองพล้งั เผลอเรยี กลูกสมิงพระราม เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตท ี่มีการแทรกปนเรือ่ งจากจินตนาการเขา ไปดวยแตยังคงท่ี ซงึ่ กเ็ ปน หลานของพระองคว า “ลูกอายเชลย” สมงิ พระรามรูสกึ อปั ยศจึง มาไวว า จนี ไดแผขยายอาํ นาจมาถึงอาณาจกั รของตน ภายหลงั การจัดตง้ั สมาคม ตดั สินใจกลบั กรุงหงสาวดี เพราะตามท่ไี ดสัญญากันไว ผใู ดเรยี กสมิงพระราม อาเซียนในความรวมมอื ทางวฒั นธรรมไดมีการจัดโครงการเกย่ี วกับวรรณกรรมของ วาเชลยจะไดรับโทษประหารชวี ติ ทงั้ โคตร ในท่ีนี้หมายถึงพระราชธดิ าและ กลมุ ประเทศอาเซียน เชน โครงการโลกทัศนพ มา จากวรรณกรรมหายาก พระราชนัดดาของพระเจา ฝรงั่ มังฆอง และหากไมทําก็จะเสียสัตยผ ดิ ประเพณี เรอ่ื งราชาธริ าช เปน ตน นับวาเปนจดุ เรมิ่ ตน ของการขยายและพฒั นาในเชงิ แผนดนิ แตการไปจากกรงุ องั วะไมเกี่ยวกับงาน สมงิ พระรามไมไ ดร บั มอบ- วชิ าการสูเ วทีอาเซยี น ซ่ึงจะนําไปสูการกําหนดนโยบายระหวา งพมากบั ไทยสบื ไป หมายงานแตอ ยางใด ตอบขอ 2. 98 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้แจ้งดังน้ันก็ทรงทราบว่าเจ้าสมิงพระรามหนีไปทั้งน้ีด้วยมีความน้อยใจ นกั เรยี นรวมกันอภิปรายแสดงความคิดเหน็ ใน ในถอ้ ยคา� ทเ่ี ราพดู พลัง้ ไปน้นั กม็ ีพระทยั อาลยั เสียดายนกั มิไดต้ รสั ประการใดแก่เสนาบดที ั้งปวง เกรง ประเดน็ ตอ ไปนี้ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยจะติเตียนได้ว่า พระองค์ไม่รักษาพระวาจาตรัสผิดไปเอง สมิงพระรามจึงได้ หนีไป อุปมาดังคนปลูกพฤกษชาติให้ใหญ่สูงแล้วตัดยอดหักกิ่งเสีย จึงเสด็จเข้าข้างใน พระราชทาน • คุณธรรมใดในเร่ืองราชาธริ าช ตอน หนงั สอื นน้ั ให้แก่พระอัครมเหสี สมิงพระรามอาสาที่สําคัญท่ีสดุ (แนวตอบ การรักษาคําสตั ยเปน คุณธรรมท่ี พระอคั รมเหสรี ับมาอ่านแจ้งความแลว้ ก็เสยี ดายสมิงพระรามย่งิ นัก และเกรงว่าพระราชธดิ า มคี วามสาํ คัญท่สี ดุ ในเร่อื งราชาธิราช ตอน จะเป็นม่าย จึงทูลว่าเป็นธรรมดาสืบมา พลั้งปากก็ย่อมเสียการ พลั้งมีดพล้ังขวานมักจะบาดเจ็บ สมิงพระรามอาสา การรกั ษาคาํ สัตยส ง ซ่ึงพระองค์เสียทแกล้วทหารท่ีดีไปท้ังนี้ เพราะพล้ังพระโอษฐ์มิทันทรงด�าริ ถึงกระน้ันก็อย่าเพ่อ ผลตอ การดําเนินเรอื่ งกลา วคอื ตลอดการ ทรงพระวิตกเลย ด้วยพระราชนัดดาของพระองค์ยังมีอยู่ ถ้าเจริญพระชนม์เติบใหญ่ไปเบ้ืองหน้า ดาํ เนินเร่ืองตวั ละครจะตัดสินใจทาํ การใด แล้วเราจะใหไ้ ปตดิ ตามมา ถงึ สมงิ พระรามจะไมส่ ูร้ ักใคร่อาลัยแม่ก็คงอาลัยลกู ข้าพเจา้ เหน็ ทจี ะเสยี ลกู จะตอ งมีการขอคําสตั ยจ ากอีกฝา ยและให มิได้คงจะกลบั มา คําสตั ยก บั อกี ฝา ย เชน สมงิ พระรามขอ คําสตั ยก บั พระเจา ฝรงั่ มังฆอ งวาตองไมให ฝ่ายพระราชธิดาเม่ือสมิงพระรามหนีไปน้ัน เป็นเวลาตะวันบ่าย พระราชธิดาบรรทมหลับอยู่ ผูใ ดเรยี กตนวาเชลย และใหค าํ สตั ยว าจะ คร้ันฟื้นบรรทมข้ึน นางสาวใช้เข้ามาทูลว่าพระมหาอุปราชหนีไปแล้ว พระราชธิดาได้แจ้งก็ตกพระทัย ยอมเปน ทหารอยกู บั พระเจาฝรง่ั มังฆอ ง ทรงพระกันแสงร�่ารัก แล้วเข้าไปดูดาบในท่ีนอนสมิงพระรามก็หายไป ดูผ้าโพกและแหวนเครื่อง- เปน ตน) ประดับมีค่าท้ังปวงก็หาเห็นไม่ จึงเหลือบพระเนตรเห็นหนังสือที่ใต้หมอน พระนางก็หยิบมาคลี่อ่าน ใจความในหนังสอื น้นั ว่า ขยายความเขา ใจ Expand สมเด็จพระราชบิดาปลูกเล้ียงให้เราท้ังสองอยู่ครองกันเป็นสุขสถาพรแล้ว บัดนี้ นกั เรยี นยกเหตกุ ารณและเนอื้ ความท่ีนักเรยี น พระองค์เสียสัตย์ท�าให้เราได้ความอัปยศ เราอยู่ด้วยมิได้จึงหนีไป ขอฝากแต่หลานหลวง เห็นวาเปน คุณธรรมท่ีสําคัญท่สี ดุ ในเรือ่ งราชาธิราช ไว้ด้วยเถิด ชาตินี้เรามีกรรมจึงจากกันท้ังรัก ไปในชาติเบื้องหน้าขอให้เราได้เป็นคู่ครองกัน ตอน สมงิ พระรามอาสา อย่ารู้แรมนริ าศจนบรรลุนฤพาน (แนวตอบ เนอ้ื ความตอนท่ีพระเจา กรงุ จีนตรสั พระราชธิดาได้แจ้งในหนังสือน้ันแล้ว ก็ยิ่งทรงพระโศกด้วยความอาลัย แค้นสมเด็จพระราช- กับเหลา นายทัพนายกองของพระองควา “เราเปน บดิ านกั กษตั ริยผใู หญอนั ประเสริฐไดใหคาํ มั่นสัญญาแกเ ขา ไวแ ลว จะกลับคําดงั นน้ั ควรไม พมาทั้งปวงจะชวน ฝ่ายสมิงพระรามเข้ามาถึงกรุงหงสาวดีแล้ว ชาวพระนครท้ังปวงเห็นก็ร้องชมอ้ืออึงไปว่า กันดูหม่นิ ไดว า จนี พูดมจิ รงิ เรารักสัตยยิ่งกวาทรพั ย เจ้าสมิงพระรามหนีกลับมาได้แล้ว เสนาบดีท้ังปวงรู้ ต่างคนก็ออกมาพูดไต่ถามกันแล้ว จึงพากัน อยาวา แตสมบัตมิ นษุ ยนีเ้ ลย ถึงทา นจะเอาทิพย- เข้าไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าราชาธิราช เจ้าสมิงพระรามจึงกราบทูลตามกิจการทั้งปวง ซ่ึงได้กระท�ามา สมบัติของสมเดจ็ อมรินทรมายกใหเราๆ กม็ ไิ ด แตห่ นหลังส้นิ ทุกประการ ปรารถนา”) 99 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู นกั เรียนจัดกลมุ ชวยกันระดมความคิดเหน็ นาํ คุณธรรมจากเร่อื ง ครูเนนเกี่ยวกับคณุ ธรรมเรื่องความกลาหาญและการรักษาคําสตั ยข องตวั ละครใน ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา มาแตงคาํ ขวัญเชิญชวนเพือ่ สราง เรื่องราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา โดยแนะใหนกั เรยี นพจิ ารณาภาพทสี่ ะทอ น คา นิยมทด่ี ีของคนในสงั คม นักเรียนนาํ คาํ ขวัญที่ไดม าจัดปายนเิ ทศใน จากเรื่องวา ไดสงเสริมความดงี ามใหคณุ คา ทางจติ ใจแกผ อู าน เปน เครื่องหมาย ชัน้ เรียน ชใ้ี หเห็นถึงคา นิยมหรอื ความตองการสรา งคา นิยมทด่ี ใี หแ กคนในยุคสมัยนั้น ครใู ห นักเรียนพจิ ารณาประเด็นน้ภี ายหลังการอา นเนื้อเรอื่ งจบ กจิ กรรมทาทาย มมุ IT นกั เรยี นจัดกลุมทาํ ผังความคดิ คุณธรรมของตัวละครหลักในเร่ือง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา จดั แสดงผลงานของนกั เรยี นในช้นั เรียน ศกึ ษาเกย่ี วกับวรรณคดเี รือ่ งสมงิ พระราม ตอน สมงิ พระรามอาสา ซง่ึ เปน ความรเู สริมเพ่มิ เตมิ ไดท ี่ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/424755 คูม อื ครู 99

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Expand ขยายความเขา ใจ จากเนอ้ื เร่อื งท่ีนกั เรียนศึกษาและอา นนักเรียน สมเดจ็ พระเจา้ ราชาธริ าชไดฟ้ งั ดงั นนั้ กม็ พี ระทยั โสมนสั ยงิ่ นกั จงึ สงั่ ใหเ้ ลน่ การมหรสพ สมโภช สรุปขอ คิดท่ไี ดจากเรื่อง เจา้ สมงิ พระรามเจด็ วนั เจด็ คนื แลว้ พระราชทานเครอื่ งยศและเครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภคเปน็ อนั มาก แลว้ โปรด ใหก้ นิ เมอื งวาน ขณะเมอ่ื เจา้ สมงิ พระรามกลบั มาไดแ้ ตก่ รงุ องั วะครง้ั นน้ั จุลศักราชได้ ๗๘๗ ปี (แนวตอบ ขอ คดิ ทีไ่ ดจากเร่ือง มดี งั น้ี 1. คนดีมคี วามสามารถแมอ ยใู นเมืองศตั รูกย็ ังมี บอกเล่าเก้าสิบ หงสาวดี คนเชดิ ชไู ดเสมอ 2. ผเู ปนกษตั ริยย อมถอื ความสตั ยเ ปน สิ่งประเสรฐิ หงสาวดี หรือท่ีเรยี กอกี ชอ่ื หนง่ึ วา พะโค เปน หน่ึงในหลายเมืองสาํ คญั ของมอญทีป่ รากฏอยู ในเรื่องราชาธิราช ตั้งอยูทางตอนใตข องประเทศพมา ในอดีตหงสาวดเี คยเปนเมอื งของมอญ กอ นที่ ท่ีสดุ 3. ความประมาทเปน หนทางแหงความตาย เชน พระเจาตะเบ็งชะเวตี้จะยึดครองไดใน พ.ศ. ๒๐๘๒ หงสาวดีเจริญรุงเรืองถึง1ขีดสุดในรัชสมัยของ กามะนี พระเจาบุเรงนอง พระองคไดโปรดใหสรางพระราชวังที่ชื่อวา กัมโพชธานี เปนพระราชวังท่ีมี 4. ผทู ีท่ ํากิจโดยอาศยั ปฏิภาณไหวพริบและความ ขนาดใหญไ วเปนที่ประทับ สามารถเฉพาะตนจะประสบความสาํ เร็จใน หงสาวดยี ังมสี ถานที่สําคญั ประจําเมือง ไดแ ก พระธาตุชเวมอดอ หรือท่คี นไทยนิยมเรียกวา ชีวิตได พระธาตุมุเตา เปนพระธาตุศักด์ิสิทธ์ิคูเมือง เลากันวา เม่ือพระเจาบุเรงนองจะทรงทําศึกคร้ังใด 5. บานเมอื งจะประกอบไปดว ยกษัตรยิ ท่ีอยูใ น ความสตั ย) จะเสด็จมาทรงสักการะพระธาตุแหงนี้ทุกครั้ง แมแตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 2เม่ือไดประทับ ตรวจสอบผล Evaluate ที่เมืองหงสาวดีก็ไดเสด็จมาทรงสักการะพระธาตุแหงนี้ดวยเชนกัน ปจจุบันหงสาวดีเปนเมืองท่ีทํา รายไดใหแกประเทศพมาเปนอยางมาก ดวยความที่เปนเมืองทองเที่ยวที่มีความสําคัญทาง 1. นักเรียนยกสาํ นวนสุภาษติ ที่มีความหมาย ประวัติศาสตรศ ิลปะและวฒั นธรรม ตรงกบั เนือ้ ความทก่ี าํ หนดได 2. นกั เรยี นยกเนือ้ ความท่นี กั เรียนเห็นวาเปน ความเปรียบทน่ี า สนใจได 3. นกั เรียนเขียนแสดงความคดิ เห็นท่มี ตี อตัวละคร ทีน่ ักเรยี นประทับใจในเรื่องราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสาได พระราชวัง (จ�าลอง) ท่ีประทับของพระเจ้าบุเรงนองที่เมืองหงสาวดี สร้างเลียนแบบของเดิมที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งได้รับ ความเสียหายในช่วงสงครามโลกคร้ังที่ ๒ 100 นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT ขอใดไมใ ชบคุ ลกิ ลักษณะของสมงิ พระราม 1 กมั โพชธานี เปนพระราชวังใหญโ ต สรา งขึน้ เมื่อครง้ั ทพ่ี ระเจาบเุ รงนองเสดจ็ 1. รักศักด์ศิ รี รอบคอบ ขน้ึ ครองราชย ใน พ.ศ.2094 ดวยการปราบดาภิเษก เพราะมีกบฏเกดิ หลงั การ 2. รกั ษาคาํ สตั ย ไหวพรบิ ดี ส้นิ พระชนมของพระเจาตะเบงชะเวต้ี ทรงสรางพระราชวังกมั โพชธานี (Kamboza 3. โหดเหยี้ ม มีเลหเ หล่ียม Thadi Palace) ของพระองคท ่กี รุงหงสาวดี 4. กลา หาญ เฉลยี วฉลาด 2 หงสาวดี เดิมเปนเมอื งศูนยก ลางของมอญ ตอ มาศนู ยก ลางอํานาจไดยาย วิเคราะหค ําตอบ การท่ีสมิงพระรามเอาชนะกามะนีทหารเอกของพระเจา ไปยงั อังวะ อมรปุระ และมณั ฑะเลยตามลําดับ จนถึงวนั ทพ่ี มา เสียเอกราชใหแ ก กรุงจีนไดน ัน้ ตอ งอาศัยปญญา ไหวพริบ ความรอบคอบ และทส่ี ําคัญคอื องั กฤษ เมอ่ื สมิงพระรามเผชิญหนากับกามะนกี ร็ ูท นั ทวี ากามะนเี ปนทหารเกงกลา มฝี ม อื แตสมิงพระรามกไ็ มไดขลาดกลัว คิดวางแผนพยายามท่จี ะเอาชนะ 100 คมู อื ครู ใหไ ด แสดงใหเหน็ ความมุง มนั่ และกลาหาญ เม่ือชนะไดร ับบาํ เหนจ็ รางวลั สมงิ พระรามกป็ ฏเิ สธดว ยสํานกึ วา ตนเปน ทหารของพระเจาราชาธริ าชควร ยึดมน่ั ในศกั ดศ์ิ รี ดงั น้ัน ความโหดเหย้ี มจึงไมใชบุคลกิ ลกั ษณะเดนของสมงิ - พระราม เพราะการตดั ศีรษะของกามะนนี น้ั ทาํ ไปตามหนาท่ี ตอบขอ 3.

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๖ คÓศัพท์ ควำมหมำย ครใู หน ักเรียนเลนเกมคําศพั ท โดยครบู อก คําศพั ทจ ากบทเรียน 4-5 คาํ แลว ใหนกั เรยี นบอก ค�ำศพั ท์ เร่งม้า ความหมาย กระทบื ม้ำ ในท่ีนีห้ มายถึง งเู ห่าใหญ่ (กณั ห-ดา� , สปั ปะ-ง,ู ชาติ-จ�าพวก) กณั หสัปปะชำติ ในความว่า ทารกยังทรงพระเยาว์ไม่แจ้งความ ก�าดัดคะนองลุกจากพระเพลา (แนวตอบ ตัวอยา งคาํ ศพั ท เชน กำ� ดัดคะนอง หมายถงึ วยั กา� ลงั ซน • ธรรมยทุ ธ หมายความวา การรบในทางธรรม ครองเมอื ง • มาบนํ้า หมายความวา บรเิ วณฝง แมน ้ําที่ กนิ เมือง รายได้ที่เป็นค่าเล้ียงชีพ ในความว่า พระราชทานบ้านส่วยแห่งหนึ่งให้เป็นค่า ค่ำผลหมำก ผลหมาก กวางใหญ ในความวา่ ตกพนักงานขา้ พเจ้า หมายถงึ เป็นหน้าท่ี • กัณหสปั ปะชาติ หมายความวา งเู หา ใหญ ตกพนกั งำน กรวย • บาทบรจิ าริกา หมายความวา หญงิ ทมี่ ี ตะกรวย ข้าวสาร ตัณฑลุ ำ เหน่อื ย หนาทีร่ ับใชปฏิบตั ิพระเจาแผนดิน เปนตน) ถอยกำ� ลัง อาวธุ คล้ายหอกแต่เรียวเลก็ กวา่ เบากว่า ด้ามยาวมาก ทวน ผ้กู ล้า ทหาร สาํ รวจคน หา Explore ทแกล้ว ศีรษะ ในความวา่ เอื้อมพระหัตถ์ข้นึ ไปเล่นบนทีส่ งู ท่ีสงู การรบในทางธรรม คือการรบในการแข่งขันสร้างส่ิงใดสง่ิ หน่งึ 1. นกั เรียนพจิ ารณาคําศพั ทใ นเรอ่ื งราชาธิราช ธรรมยทุ ธ์ สิ่งที่งอกขึ้นเหนือจมูกแรด ยาวประมาณ ๑๒-๑๕ เซนติเมตร แข็งเหมือน ตอน สมงิ พระรามอาสาทเี่ ปน สาํ นวน นอ เขาสัตว์ สง่ิ ท่ีส่งไปดว้ ยความเคารพนับถอื 2. นักเรยี นรวบรวมคําศัพททเ่ี ปนสาํ นวนนนั้ บรรณำกำร หญิงท่ีมีหน้าทร่ี บั ใช้ปฏบิ ัตพิ ระเจ้าแผน่ ดนิ บันทึกลงสมุด บำทบรจิ ำริกำ หม่บู า้ นที่ตอ้ งส่งส่วย (แนวตอบ คาํ ศพั ทท เ่ี ปน สาํ นวน เชน เหงอื่ ตกกบี บำ้ นส่วย ผ้าท่ที า� ด้วยขนสัตว์ ตกพนกั งาน กินเมอื ง เปนตน ) ผ้ำสักหลำด ผูน้ า� สาสน์ ไปถวาย ผู้จ�ำทูล หมู่เสนา อธบิ ายความรู Explain พยหุ เสนำ จดหมายของกษตั รยิ ์ที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ พระรำชสำส์น อาจารย์ผเู้ ฒ่า พราหมณ์ผู้เฒ่า นักเรียนอธิบายคําศพั ททเี่ ปน สาํ นวนตอ ไปนี้ พฤฒำมำตย์ • เหงื่อตกกบี 101 (แนวตอบ เหงื่อตกกีบ หมายถึง อาการของมา ท่ีเหน่อื ยมากจนเหงอื่ ไหลลงมาถึงกบี เทา ) • กินเมือง (แนวตอบ กินเมอื ง หมายถึง ครองเมืองทีอ่ ยู รอบเมืองหลวง) กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู นกั เรยี นทบทวนคาํ ศพั ทใ นวรรณคดเี ร่อื งราชาธริ าช ตอน ครูชี้ใหนักเรยี นเหน็ วา คาํ ศพั ทเรือ่ งราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา โดย สมิงพระรามอาสา จากน้ันเลือกคาํ ศพั ททไี่ มน ิยมใชใ นปจจบุ ัน มา 2 คํา ทัว่ ไปแลวเปน คาํ อา นงายๆ ไมใชค าํ ศัพทย ากจนไมสามารถอธบิ ายความได แตห าก บอกความหมายและอธบิ ายเนื้อความที่ปรากฏคําศัพท มีบางคําที่นักเรียนไมรูความหมายของคําศัพทน้ัน นกั เรียนควรพจิ ารณาบริบทรอบ เนือ้ ความนน้ั เพ่ือนกั เรียนจะเขาใจไดวา คาํ ศัพทนนั้ เก่ียวขอ งกบั อะไร และนักเรียน กจิ กรรมทาทาย จะเขาใจความหมายไดใ นท่สี ดุ หรือถาหากนกั เรียนไมเขา ใจบรบิ ทโดยรอบแลว นักเรยี นควรจดคาํ ศพั ทน นั้ ไวและนําไปหาความหมายเพมิ่ เติมจากแหลงการเรียนรู ตางๆ นักเรยี นศกึ ษาคําศัพทใ นบทเรยี น จากนั้นนําทกั ษะความรเู ก่ยี วกบั การ สรางคํา ไดแ ก การประสม การสมาสอยางมสี นธิ การสมาสอยา งไมมีสนธิ มาเปนแนวทางการวิเคราะหคาํ ศพั ท โดยยกคําศพั ทในบทเรยี นมาแสดง ใหเหน็ วธิ ีสรา งคํา วธิ ีละ 1 คํา คมู อื ครู 101

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นักเรียนอธบิ ายเกีย่ วกบั สํานวนตอ ไปน้ี โดยยก ค�าศพั ท์ ความหมาย เนอื้ ความมาประกอบ พลบั พลา ทป่ี ระทบั ช่วั คราวของพระมหากษตั ริย์ (แนวตอบ สาํ นวน “เหงือ่ ตกกีบ” มาจากเนื้อความ ที่วา “คร้นั สมิงพระรามแลเหน็ กามะนีควบมาเตม็ พันธนาการ การจองจา� กาํ ลงั แลว มทิ นั กแ็ สรง รอมา ไวห วังจะดทู วงทเี หน็ กามะนียังไกลเชิงนกั อยู สําคญั ไดวาเหง่ือมา กามะนี พานพระศรี พานหมาก ตกจนถึงกบี กร็ วู ามา หยอ นกําลังลงแลว ” จาก เนื้อความที่ยกมา หมายความวา สมิงพระรามลอ ให พทิ ยาธร อมนุษยพ์ วกหนง่ึ มีฐานะต�่ากว่าเทวดา กามะนคี วบมา เตม็ กาํ ลัง แตม า ของกามะนีก็ยงั วิง่ เช่ือวา่ สามารถเหาะเหินได้ ตามไมท ันมาของสมงิ พระราม สมงิ พระรามจงึ ร้ังมา รอเพอื่ สังเกตมาของกามะนวี า ออนกาํ ลังลงหรอื ยงั และเหน็ วามา ของกามะนเี หนอื่ ยมากจนมเี หง่อื ไหล เพลงโคมเวียน โคมเวียน หมายถึง โคมชนิดท่ีมีที่ครอบ ไปถงึ กบี แลว ) หมุนได้ เมื่อจุดไฟแล้วท่ีครอบจะหมุน ไปช้าๆ เพลงโคมเวียน เป็นกระบวน พานพระศรี วิธีร�าดาบร�าทวนในการต่อสู้ ลักษณะ การเคล่อื นไหวเปน็ วงกลม เพลงผา่ หมาก ผ่าหมาก ใชเ้ รยี กอาการเตะเขา้ หว่างขาของค่ตู อ่ สู้วา่ เตะผ่าหมาก เพลงผา่ หมาก หมายถึง วธิ รี �าดาบรา� ทวนในการตอ่ สู้แบบฝ่าเข้าไปตรงกลางวง ขยายความเขา ใจ Expand ฟากมาบนา้� บริเวณฝั่งแม่นา�้ ทก่ี ว้างใหญ่ นกั เรียนยกตวั อยางคาํ กลาวท่ีสนับสนนุ การเปน มนตราคม เวทมนตร์คาถา มาจากคา� ว่า มนตร์และอาคม กษัตริยทด่ี ี ม้าเชลยศักดิ์ ม้าทไี่ ม่ใช่ม้าหลวงเปน็ มา้ ของชาวบ้าน (แนวตอบ ตวั อยางเชน ไดใหค ําม่นั สัญญา แลวจะไมคนื คาํ รักสัตยย ่งิ กวา ทรพั ย เปน ตน) ระมาด แรด เป็นสัตวเ์ ลย้ี งลกู ด้วยนม มีขนาดใหญ ่ มนี อ วเิ สท ผู้ทา� กบั ข้าวของหลวง ตรวจสอบผล Evaluate ศุภฤกษ์ คราว เวลาทกี่ า� หนดหรือคาดวา่ จะให้ผลดี 1. นกั เรียนรวบรวมคาํ ศัพททเี่ ปน สํานวนและ สนั ทดั 1 ถนัด จัดเจน อธบิ ายความหมายประกอบในเนือ้ ความได สุปะเพยี ญชนาหาร อาหารจา� พวกแกง (สปุ ะ) และที่ไม่ใช่แกง (เพยี ญชนะ) 2. นักเรียนยกตวั อยางคํากลา วที่สนบั สนนุ การเปน หยก หินแก้วมีลักษณะแข็ง เป็นสีต่างๆ ใช้ท�าเคร่ืองประดับและเคร่ืองใช้ ถือว่าเป็น กษัตรยิ ทดี่ ไี ด ของมีราคา เหง่อื ตกกีบ ส�านวน หมายถึง เหนือ่ ยมาก ในทนี่ ีก้ ลา่ วถงึ ลักษณะอาการของมา้ ท่ีเหนื่อยมาก จนเหงอ่ื ออกและไหลลงมาถึงเลบ็ เท้ามา้ อมรนิ ทร์2 พระอินทร์ อัปยศ เสือ่ มเสยี ชอ่ื เสยี ง นา่ อบั อาย อาลักษณ์ ผทู้ �าหน้าที่ทางหนงั สือในราชสา� นัก 102 เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอ ใดมีความหมายตรงกับสํานวน “เหงอ่ื ตกกีบ” ครูแนะนักเรยี นใหอานและทอ งจําคําศพั ทท ี่นาสนใจ จากน้ันครจู ัดกิจกรรม 1. กระวนกระวายตดั สินใจไมไ ด ทดสอบความรเู กี่ยวกบั คาํ ศพั ทในบทเรยี น โดยใหนกั เรยี นอธบิ ายความหมายของ 2. วง่ิ ไมห ยดุ จนเหนอื่ ยหอบ คําศพั ทท คี่ รูถาม หากนกั เรยี นตอบไมได ครแู นะวิธกี ารแกป ญ หาดังกลาว โดยให 3. เหง่ือออกเพราะรอนจัด นักเรียนสืบคนความรจู ากบทประพันธอ ่นื ๆ และสังเกตเรียนรูคําศัพทตา งๆ 4. รบี รอ นจนลนลาน วเิ คราะหค าํ ตอบ เหงือ่ ตกกีบเปนสํานวนทใี่ ชก ับมา ในเร่อื งเปนเหตกุ ารณ นกั เรียนควรรู ท่ีสมิงพระรามกบั กามะนีข่ีมารําทวนสูกนั สมิงพระรามทดสอบกาํ ลงั มาของ กามะนี โดยการควบมาหนีใหก ามะนคี วบมา ตาม ปรากฏวามาของกามะนี 1 สปุ ะเพียญชนาหาร มาจากคําวา “สุปะ” ที่มักเขา คกู บั คาํ วา “พยัญชนะ” ซึง่ กําลงั ลดลงกอ น ขอท่ีมีสํานวนตรงกับ “เหงอ่ื ตกกบี ” คือ ว่งิ ไมห ยุดจนเหนื่อย สมาสอยา งมีสนธิกบั คาํ วา “อาหาร” รวมเปน สปุ ะเพียญชนาหาร หอบ ตอบขอ 2. 2 อมรินทร เปนช่ือพระอนิ ทรใ นภาษาสนั สกฤต มีชือ่ และฉายาอื่นๆ ทเ่ี ปน ภาษาสนั สกฤต เชน “ศจี” แปลวา ผูมกี ําลัง ผูมคี วามสามารถ “มฆั วาน” แปลวา ผเู อื้อเฟอ เผอื่ แผ “สหัสนัยน” แปลวา ผมู ีนัยนตาเปนพนั ทา วพันตา เปน ตน 102 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๗ บทวิเคราะห์ ครยู กสํานวนสุภาษิตท่ีเกี่ยวกับการรกั ษา คาํ สตั ยว า “พล้งั ปากเสยี สิน(ศีล) พล้งั ตีนตกตน ไม” ราชาธิราชเป็นเรื่องแต่งที่มีเร่ืองราวสนุกสนานเพลิดเพลิน การด�าเนินเรื่องชวนติดต1าม แลวใหนักเรียนชว ยกันบอกความหมาย เรียบเรียงด้วยส�านวนภาษาสละสลวย นับเป็นวรรณคดีที่ถือเป็นแบบฉบับในการเขียนความเรียงท่ีดี (แนวตอบ “พล้งั ปากเสียสิน(ศีล) พลงั้ ตีนตก เรื่องหนง่ึ และมขี ้อคดิ เป็นคติเตือนใจหลายประการ แบ่งตามหัวข้อได ้ ดงั ต่อไปนี้ ตน ไม” หมายความวา พดู หรือทาํ โดยไมร ะมดั ระวงั ยอมไดรับความเดอื ดรอน นักเรียนชว ยกันแสดง ๗.๑ แนวคดิ หรอื สาร ความคดิ เห็น และครูสรปุ ในตอนทา ยวาเรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาเนน การรกั ษา ขอ้ คดิ ทไ่ี ดร้ บั จากเรอ่ื งราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา มดี งั น้ี คาํ สตั ย) ๑) ปัญญายอ่ มน�ามาสู่ความสา� เรจ็ แนวคดิ สา� คญั ของเรอื่ ง คอื คณุ ค่าของสตปิ ญั ญา เพราะความส�าเร็จเกิดข้ึนได้ด้วยสติปัญญาและฝีมือ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม ควรใช้ สาํ รวจคน หา Explore ความรอบคอบ คิดไตร่ตรองให้ถ้วนถ่ี ในการท�าศึกสงครามนั้น ทหารท่ีดีนอกจากมีฝีมือและมี ความกล้าหาญแล้ว ยังต้องมีไหวพริบในการวางแผนอย่างฉลาดรอบคอบ จึงจะสามารถชนะศัตรูได้ 1. นกั เรยี นศกึ ษาแนวคิดสาํ คัญของเรอ่ื งราชาธิราช ดังสมิงพระรามเม่ือครั้งอาสาประลองฝีมือทวนกับกามะนี ได้ทูลขอม้าฝีเท้าดีฝึกม้าจนรู้จักท�านอง ตอน สมิงพระรามอาสา รกุ รบั ได ้ ทง้ั ยงั ใชอ้ บุ ายอนั ชาญฉลาด “จา� จะขบั เคย่ี วกนั ไปกอ่ นจงึ จะหยอ่ นกา� ลงั ลง เหน็ จะเสยี ทที า� นอง จงึ เอาชยั ชนะไดโ้ ดยงา่ ย” สมงิ พระรามสงั เกต “เหน็ เปน็ ชอ่ งใตร้ กั แรท้ ง้ั สองเปน็ หวา่ งอยพู่ อจะสอดทวน 2. นักเรยี นศกึ ษาคุณคา ดานเนอ้ื หาและวรรณศลิ ป แทงได”้ ท�าใหส้ ามารถสงั หารกามะนีไดใ้ นทส่ี ดุ ในเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ๒) การรักษาค�าสัตย์ย่อมเป็นที่สรรเสริญ ผู้รักษาวาจาย่อมได้รับความนับถือจาก ผู้คนทั่วไป ผู้ที่จะปกครองผู้อ่ืนได้น้ันต้องมีน�้าใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ มีใจเป็นธรรม และรักษาค�าสัตย์ อธบิ ายความรู Explain ดังเช่นตัวละครเด่นหลายตัวในราชาธิราชที่ยึดถือความสัตย์เป็นท่ีตั้ง ผู้ท่ีเอ้ือนเอ่ยวาจาแต่มิสามารถ ปฏิบัติได้ด่ังค�าพูด ย่อมได้รับการต�าหนิจากผู้คนทั่วไป ดังพระเจ้ากรุงจีนและพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องที่ นกั เรยี นสรปุ ความรเู ก่ียวกับแนวคิดของเรือ่ ง ยดึ มั่นในวาจายง่ิ กวา่ ชีวติ ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ลงสมุด พระเจ้ากรุงจีนตรัสว่า “...เราเป็นกษัตริย์ผู้ใหญ่อันประเสริฐ ได้ให้ค�าม่ันสัญญาไว้ (แนวตอบ แนวคดิ ที่ไดจ ากเรอ่ื ง มดี งั น้ี ปญ ญา แก่เขาแล้ว จะกลับค�าไปดังนั้นหาควรไม่ พม่าทั้งปวงจะชวนกันดูหม่ินได้ว่าจีนพูดมิจริง ยอ มนํามาซงึ่ ความสาํ เรจ็ สมงิ พระรามเปน ผูทม่ี ี เรารกั สตั ย์ยิ่งกว่าทรพั ย.์ ..” ศิลปศาสตรวทิ ยารูจักวางแผนในการศกึ ดงั ที่ พระเจา้ ฝรง่ั มังฆอ้ งตรสั ว่า “...เราเปน็ กษัตริย์อันประเสริฐ ได้ออกวาจาแล้วถงึ จะตาย กามะนแี มจ ะมีฝมือการตอสูท ดั เทียมกับ กห็ าเสียดายชวี ิตไม่ เพราะรกั สตั ยย์ ิ่งกวา่ รกั ชีวิตได้รอ้ ยเทา่ ...” สมิงพระราม แตสมงิ พระรามมสี ตปิ ญ ญาไหวพรบิ ดีกวา ก็เปน ฝายชนะ และสาระสําคัญทไี่ ดจ ากเรอื่ ง 103 คือ การรักษาคาํ สตั ยยอมเปน ทีส่ รรเสริญ โดย เฉพาะผปู กครองการรกั ษาคําสัตยมีความสําคญั อยา งยิ่ง เพราะผูปกครองท่รี ักษาคาํ สัตยจ ะไดร ับ ความนับถอื และความจงรักภักดีเช่ือมนั่ จากผูใต ปกครอง) กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู นกั เรียนบอกแนวคิดหรือสารท่ีไดจ ากการอา นเรื่องราชาธริ าช ตอน ครูแนะความรูใหน กั เรยี นเพิ่มเตมิ เก่ียวกับตวั ละครในเรื่องราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสาจากมุมมองของนักเรยี นเอง สมงิ พระรามอาสา โดยครใู หความรเู ร่อื งประเภทของตวั ละครทแี่ บงตามบทบาท หนาที่ท่ที าํ ใหต วั ละครสมงิ พระรามเปน ตัวละครเอก เพราะมบี ทบาทในเหตุการณ กจิ กรรมทาทาย หลกั หรือเหตุการณส ําคญั ของเรือ่ ง มีบุคลิกลกั ษณะนิสัยท่ีนา ชน่ื ชม ครใู หน ักเรยี น แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับบุคลิกที่นาช่ืนชอบของสมิงพระราม นกั เรยี นเสนอแนวทางในการดํารงตนตามแนวคดิ จากเรือ่ งราชาธริ าช นกั เรียนควรรู ตอน สมงิ พระรามอาสา ทน่ี กั เรียนเหน็ วา เหมาะทจ่ี ะนําไปปรบั ใชในชีวติ จริง 1 ความเรียง เปนลกั ษณะคําประพนั ธเ รอื่ งราชาธิราช ซึง่ จดั วา เปนความเรยี งแบบ เปน กนั เอง คือ ไมเ ครงครัดในเรอื่ งรูปแบบ โครงสรา ง มลี ีลาการเขียนแบบสนทนา สามารถใชพ รรณนาโวหารบรรยายโวหาร และอารมณขันเพ่อื ใหบรรลุจุดประสงค นอกจากนค้ี วามเรยี งแบบนี้ก็มักใหค วามรู สติปญญาและความหย่ังเห็นในดาน อดุ มคติและสรา งแรงจูงใจใหแ กผูอานดว ย คูมอื ครู 103

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นักเรียนรว มกันอภิปรายวา ตัวละครตอ ไปนี้ ๗.๒ ตลกั วั ษลณะะคนรสิ ยั ของตัวละคร1สา� คญั ในเรอื่ งราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา รักษาคําสัตยหรือไม อยา งไร ๑) สมงิ พระราม ทหารเอกของพระเจา้ ราชาธริ าชกษตั รยิ ม์ อญแหง่ กรงุ หงสาวด ี มฝี มี อื • สมงิ พระราม การรบเก่งกาจจนเป็นท่ีเล่ืองลือว่า “สมิงพระรามนี้ขี่ช้างข่ีม้าสันทัดดี ฝีมือเข้มแข็งแกล้วกล้าใน (แนวตอบ สมงิ พระรามเปน ตวั ละครท่ยี ึดมน่ั การสงครามหาผู้เสมอตัวยาก” สมิงพระรามนอกจากจะช�านาญการยุทธแล้วยังเปี่ยมไปด้วยไหวพริบ ในการรักษาวาจาสตั ยและเกยี รตยิ ศของตน สตปิ ญั ญา รู้จกั กลอุบายศึกจนมชี ัยเหนือกามะนที หารฝมี อื เกง่ กาจของพระเจ้ากรุงจีนได้ เม่ือรบั ปากวา จะอาสาออกรบกท็ ําตามทีพ่ ูด สมิงพระรามเป็นตัวละครที่ยึดมั่นในการรักษาวาจาสัตย์และเกียรติยศของตน เมื่อรบ ไมหลบหนี และเม่ือไดรบั บาํ เหน็จรางวลั กท็ ํา ชนะกามะนี จ�าต้องรับพระราชทานรางวัลจากพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง เพราะเหตุว่า “คร้ันเราจะหนีไป ตามขอตกลงทใี่ หไ วก ับพระเจาฝรง่ั มังฆอ ง ก็จะเสยี สตั ยห์ าควรไม”่ แต่ก็ตระหนกั ดวี า่ ตนเป็นคนตา่ งบ้านตา่ งเมอื ง ตา่ งภาษา อาจไมเ่ ปน็ ทย่ี อมรบั สมงิ พระรามยึดเอาสญั ญาในการตดั สินใจที่ ของชาวองั วะ จึงยนื่ วาจาเด็ดขาดเพ่อื รกั ษาเกียรติยศของตนวา่ หา้ มมิใหใ้ ครเรียกตนวา่ เชลย มิฉะน้นั จะอยหู รอื หนีไป) จะขอกลับเมืองหงสาวดที ันที สง่ิ ทน่ี า่ ยกยอ่ งทสี่ ดุ ของสมงิ พระราม คอื ความจงรกั ภกั ดตี อ่ พระเจา้ ราชาธริ าชแตผ่ เู้ ดยี ว • พระเจา กรงุ จีน สมงิ พระรามตระหนกั วา่ ไมส่ มควรอาสาพระเจา้ ฝรงั่ มงั ฆอ้ งกษตั รยิ พ์ มา่ สรู้ บกบั ทพั จนี “ครนั้ จะรบั อาสา (แนวตอบ พระเจา กรุงจนี หรือพระเจาตา ฉิงเปน บดั นเี้ ล่า กเ็ หมอื นหาบสองบา่ อาสาสองเจ้าหาควรไม่” แตเ่ ม่อื ตริตรองอยา่ งถว้ นถ่ี เห็นว่าถา้ กรงุ องั วะ กษัตริยที่รกั ษาคาํ สตั ย คือ เมอื่ สงพระราช- ต้านทานกา� ลงั จีนไมไ่ ด้ อันตรายอาจไปสู่เมืองหงสาวดดี ้วยเพราะทพั จนี อาจแสดงแสนยานภุ าพยกทัพ สาสนใหพ ระเจาฝรัง่ มังฆอ งก็ทาํ ตามขอ ตกลง ไปตีบ้านเมืองของตน จึงคิดได้ว่า“จ�าเราจะรับอาสาตัดศึกเสียจึงจะชอบ อย่าให้ศึกจีนยกลงไปติด นัน้ คอื เมอ่ื ทหารตนแพกย็ กทัพกลบั เมือง) กรงุ หงสาวดไี ด”้ และเมอ่ื ครง้ั ตอ้ งอยกู่ รงุ องั วะในตา� แหนง่ มหาอปุ ราช กท็ ลู ขอพระเจา้ ฝรงั่ มงั ฆอ้ งวา่ หากมี สงครามระหว่างพมา่ กับมอญตนจะไม่ขอเข้าทา� สงครามกบั ฝา่ ยใดเลย • พระเจาฝรง่ั มงั ฆอ ง (แนวตอบ พระเจาฝร่ังมังฆองเปน นกั ปกครอง ๒) พระเจา้ ฝรง่ั มงั ฆอ้ ง หรอื พระเจา้ มณเฑยี รทอง กษตั รยิ พ์ มา่ ครองกรงุ รตั นบรุ ะองั วะ ท่ีรักษาคาํ สตั ยม ุงมนั่ ในการรกั ษาบา นเมอื ง โปรดชุบเลี้ยงนักรบ ผู้ที่เก่งกล้ามีความสามารถ ทรงชื่นชมในความเก่งกล้าสามารถของสมิงพระราม ครั้นสมงิ พระรามไมข อรบั พระราชทานรางวลั จงึ พระราชทานรางวัลเพื่อเหนย่ี วร้ังสมิงพระรามให้อย่เู ป็นกา� ลงั สา� คญั ให้กับบ้านเมืองของพระองค์ ใดๆ พระองคทรงเกลีย้ กลอ มและใหเหตผุ ลวา พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องเป็นนักปกครองท่ีรักษาค�าสัตย์มุ่งม่ันในการรักษาบ้านเมือง “...ถงึ มาตรวา จะมิรับดว ยทา นคาํ นึงถึง คร้นั สมิงพระรามไมข่ อรบั พระราชทานรางวัลใดๆ พระองคท์ รงเกลยี้ กล่อมและให้เหตผุ ลว่า พระเจาราชาธริ าชอยู ก็จงรบั เสียแตพ อเปน เหตุตามสัญญาเถดิ อยาใหเราเสยี สัตยเ ลย “...ถึงมาตรว่าจะมิรับด้วยท่านค�านึงถึงพระเจ้าราชาธิราชอยู่ ก็จงรับเสียแต่พอ อนึ่งเราเกรงคนท้งั ปวงจะครหานนิ ทาได”) เป็นเหตตุ ามสญั ญาเถดิ อยา่ ให้เราเสียสตั ยเ์ ลย อนึ่งเราเกรงคนท้งั ปวงจะครหานินทาได ้ ทา่ น รบั อาสากพู้ ระนครไวม้ คี วามชอบเปน็ อนั มาก มไิ ดร้ บั บา� เหนจ็ รางวลั สง่ิ ใด นานไปเบอื้ งหนา้ ถา้ บา้ น เมืองเกดิ จลาจลหรือขา้ ศึกมาย่า� ยีเหลอื ก�าลังก็จะไมม่ ีผใู้ ดรับอาสาอกี แล้ว...” 104 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ลกั ษณะนสิ ยั ของตัวละครสมิงพระรามทส่ี ามารถนาํ มาเปน แบบอยางของ ครเู ชญิ ชวนใหนกั เรยี นมสี ว นรว มในการทํากจิ กรรมทมี่ ีการวเิ คราะหหรอื นกั เรยี นในเรือ่ งใดบา ง อภปิ รายในประเด็นคําถามตางๆ โดยอาจจดั นกั เรียนออกเปน 2 กลมุ แลวให แนวตอบ ลักษณะนสิ ัยของสมงิ พระรามทสี่ ามารถนํามาเปน แบบอยาง ไดแ ก อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ โตแยงกันอยางมเี หตุผล ครูกลาวชมเชยนักเรียนทก่ี ลา เร่ืองการรักษาสัตยคาํ พดู ความรกั ชาตบิ า นเกดิ เมืองนอน และความจงรกั แสดงความคดิ เหน็ และครสู รุปความรูใ หน ักเรียนในการทาํ กิจกรรมแตละครัง้ หรอื ภักดตี อ พระมหากษตั รยิ ทีเ่ ทิดทนู ไวเหนือสิ่งใด สง่ิ เหลา น้เี ปนสง่ิ ที่สามารถ เพ่มิ ชิ้นงานใหน ักเรยี นไปตอยอดความรใู นประเดน็ ตา งๆ ทค่ี รแู ละนักเรยี นเห็นวา นํามาปรับใชใ นชวี ิตจรงิ ได ซึ่งจะทําใหช ีวติ เจริญกา วหนา การเทิดทูนสถาบัน นาสนใจ พระมหากษัตรยิ ซ่ึงเปนทหี่ ลอมรวมใจของคนในชาติใหร ูสึกเปนหนงึ่ เดียวกัน ในการดํารงความเปนชาตไิ ทย นักเรยี นควรรู 1 ตัวละคร อาจเปนกลมุ คนในเร่อื งเลา ท่ผี แู ตง สรางข้ึน ถา เปน เร่อื งแนว จินตนาการเหนอื จริง ตัวละครอาจไมใชมนุษย เชน เทพ เทวดา สัตว แตผ ูแตง ก็จะ ใหอมนุษยเ หลาน้นั แสดงพฤตกิ รรมของคน ดังนนั้ ตวั ละครดังกลา วจงึ เปนมนุษย ในรปู แบบอน่ื นั่นเอง 104 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู บรรดาชาวเมืองอังวะต่างพากันสรรเสริญพระเกียรติยศพระองค์ว่า “พระเจ้าอยู่หัว 1. นักเรียนรวมกันอภปิ รายประเดน็ ตอไปน้ี ของเราทรงโปรดทแกล้วทหารรักย่ิงกว่าพระราชธิดาอันเกิดแต่พระอุระหวังจะบ�ารุงพระนครให้คน • เรอ่ื งราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา ทัง้ ปวงอยู่เป็นสขุ และจะใหข้ า้ ศกึ ย�าเกรงพระเดชานุภาพจึงทรงปลกู เลยี้ งสมิงพระรามไว้” ตัวละครมสี วนในการดําเนินเรือ่ งอยางไร (แนวตอบ ลักษณะนิสัยของตวั ละครจะนํา ๓) พระอัครมเหสีของพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง เป็นผู้มีบทบาทส�าคัญในเร่ืองราชาธิราช ไปสูเ หตุการณ ปมปญหา และการหาวิธี ตอนสมิงพระรามอาสาอย่างย่ิง ทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องให้ดูแล แกไ ขปญ หา ทําใหเรอ่ื งดาํ เนนิ ไปดว ยความ กิจการฝ่ายใน “การข้างในพระน้องเข้าใจจงช่วยคิดอ่านเถิด” พระอัครมเหสีมีความเฉลียวฉลาด สนุกสนานนา ติดตาม) รู้ซ้ึงถึงจิตใจคน ทรงผูกใจสมิงพระรามด้วยความรักอันเป็นธรรมดาของมนุษย์ และโน้มน้าวใจ • กลวิธใี นการแตงเรือ่ งราชาธิราช ตอน พระราชธดิ าให้ละทฐิ ิยอมอภเิ ษกกับสมงิ พระรามเพ่ือบ้านเมือง สมงิ พระรามอาสา มลี กั ษณะอยา งไร (แนวตอบ กลวธิ ีในการแตงเร่อื งราชาธริ าช ๗.๓ กลวธิ กี ารแตง่ ตอน สมงิ พระรามอาสามีลกั ษณะคลาย นวนิยายในปจ จุบนั มีความตอเนอื่ งกัน) กลวิธีการแต่งวรรณกรรมเรื่องราชาธิราช มีลักษณะคล้ายกับนวนิยายในปัจจุบัน ทั้งการด�าเนินเรื่อง ตัวละคร บทสนทนา ฉาก การเขียนบรรยายความที่ต่อเน่ืองกันไป บทสนทนา 2. ครูใหน ักเรียนทํากจิ กรรมตามตัวช้ีวัดทบทวน มิได้แยกให้เห็นชัดเจนอย่างนวนิยาย แต่ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ว่าส่วนใดเป็นบทบรรยาย ส่วนใด ความรคู วามเขาใจเก่ียวกับตัวละคร เปน็ บทสนทนา โดยมีหลกั สงั เกตคือค�าเช่อื ม “ว่า” ดงั เช่น จงึ ตรัสวา่ จงึ พูดว่า จงึ ตอบวา่ กราบทูลว่า จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.1 กจิ กรรมท่ี 1.9 เป็นต้น และสรรพนามแทนตวั ผู้พดู ในขอ้ ความนั้นๆ ดังตวั อย่าง ดูก่อน“จ.ึง..จสะมริงู้วพ่ารดะี รทาแมกจลึง้วททูลหวา่ารลกัก็ดษี ณถ้าะอชา้าสงาดอีตอ่อกเมสื่องคขี่รจาึงมรูท้ว่า�าดศี ึกมจึ้งาจดะีไรดู้ว้ต่า้อดงี เทออามงนือพต้อคงุณห1เลล่ัาง ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.9 ขีดลงหน้าศิลาก่อนจึงจะรู้ว่าดี สตรีรูปงามถ้าพร้อมด้วยลักษณะกิริยามารยาทต้องอย่าง เร�อ่ ง ราชาธร� าช จึงควรนบั ว่างาม ถ้าจะใหร้ ูร้ สอร่อยได้สมั ผัสถูกต้องกอ่ นจงึ นบั ถอื ว่ามีโอชาอรอ่ ย...” กจิ กรรมท่ี ๑.๑๐ ใหนักเรียนปฏิบัติตามกิจกรรมที่กําหนดตอไปน้ีใหถูกตอง คะแนนเตม็ คะแนนท่ีได บอกเลา่ เก้าสิบ (ท ๕.๑ ม.๑/๑) ñð ๑. ตวั ละครตอไปนี้เปนตัวละครของฝายใด ใหน กั เรียนนํามาใสล งในตารางใหถกู ตอง พระเจา กรุงตาฉงิ โจเปย ว กามะนี ขนมจีน อาหารมอญ มงั มหาราชา สมิงพระราม หญิงมา ยเจา ของมา พระเจาฝรั่งมังฆอ ง นอกจากวรรณกรรมเรอ่ื งราชาธิราชแลว ไทยยังอาจไดร บั อิทธพิ ล กรงุ ตาฉิง กรงุ หงสาวดี กรงุ รัตนบุระอังวะ ทางดานอาหารมาจากชนชาติมอญ ซ่ึงหน่ึงในอาหารมอญท่ีไดรับ ..พ.....ร...ะ...เ.จ....า ...ก....ร...ุง...ต....า...ฉ....งิ................................... ...ส....ม....งิ ...พ....ร....ะ..ร....า...ม.............................................. ...ห....ญ.....ิง...ม...า...ย....เ.จ....า ...ข..อ....ง...ม....า............................... ความนิยมในหมูคนไทย คงไดแก ขนมจีน กามะนี............................................................................. ...ม...งั....ม...ห....า...ร...า...ช...า................................................ คําวา “ขนมจีน” อันที่จริงแลวไมใชอาหารหรือขนมของชาวจีน โจเปย ว............................................................................. ............................................................................. ...พ....ร...ะ...เ..จ...า...ฝ....ร...ัง่...ม....งั ...ฆ....อ....ง............................... ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. เน่อื งจากคาํ วา “จนี ” ท่ีตอ ทา ยคําวาขนมนัน้ สนั นษิ ฐานวาอาจจะมาจาก ๒. เรอ่ื งราชาธริ าช ตอนสมงิ พระรามอาสาใหข อคิดอะไรบาง เฉฉบลับย ภาษามอญ ซึ่งเรียกขนมจีนวา “คนอมจิน” คนอม หมายความวา จบั กนั เปน กลมุ เปนกอ น จนิ แปลวา ทาํ ใหส ุก ..-........ป....ญ.....ญ.....า...ย...อ...ม....น....าํ...ม....า..ส....คู....ว...า...ม...ส.....าํ ..เ..ร...จ็.......เ.ห....น็.....ไ..ด....จ....า..ก....ก....า...ร...ท....สี่....ม....งิ...พ....ร....ะ..ร....า..ม....ม...ไี...ห....ว...พ....ร...บิ....แ...ล....ะ...ใ..ช...ป....ญ.....ญ.....า..ใ...น....ก....า...ร...ร....บ....... จงึ สามารถชนะกามะนไี ด................................................................................................................................................................................................................................................ นอกจากนี้คําวา “คนอม” ยังใกลเ คียงกับคาํ ไทยวา “เขา หนม” ซง่ึ หมายถงึ ขาวทน่ี ํามานวดให ..-........ก.....า..ร....ร...ั.ก....ษ....า...ค....ํา...ส....ัต....ย....ย....อ...ม....เ..ป....น.....ท....่ีส....ร....ร....เ.ส.....ร...ิญ..........เ..ห....็น....ไ...ด....จ....า...ก....พ....ร....ะ...เ..จ...า...ก....ร....ุง...จ....ีน.....แ...ล....ะ...พ....ร....ะ..เ..จ....า...ฝ....ร...ั่ง....ม...ัง....ฆ....อ....ง...... เปน แปง ภายหลงั ไดก รอ นเปน “ขนม” ดงั นนั้ คาํ วา ขนมในความหมายดง้ั เดมิ จงึ มใิ ชข องหวานอยา งท่ี ..........ท....ีย่....ึด....ม...่นั.....ใ..น.....ว...า..จ....า...ส....ตั ....ย...ย....่งิ ...ก....ว...า ..ช....ีว..ติ.............................................................................................................................................................. สคนมมไทตยฐิ เาขนา วใจา กดนั ง้ั ใเนดปมิ ขจ นจบุมนัจนี (ขเปนน มอหารหอื าหรนมอมญในภแาลษว จาเงึ ขแมพรรกห ห็ลมายาไยปถสงึ ชู อนาชหาาตรอิ ทนื่ ท่ี ๆาํ จในาดกแนิ ปแงด)นจสงึ วุทราํ รใหณเ กภดิมู 2ิ ๓. หากตกอยูในฐานะเชลยเชน เดยี วกบั สมงิ พระราม นกั เรยี นจะอาสาออกรบใหก บั เมอื งทข่ี น้ึ ชอ่ื วาเปนศตั รูกบั เมืองของนกั เรยี นหรือไม อยา งไร ตัง้ แตเ ม่อื ครง้ั โบราณกาล ..ข...า...พ....เ..จ...า...จ....ะ..อ....อ...ก....ร....บ.......เ.พ.....ร...า...ะ..ถ....ือ....ว..า...เ..ป....น....ก....า...ร...ช....ว..ย....ป....อ ...ง...ก....ัน.....ไ..ม....ใ..ห....ข...า...ศ....กึ....ร...กุ....ร....า...น....ไ...ป...ถ....ึง...เ..ม....อื ...ง...ข...อ....ง...ข...า...พ....เ..จ...า...เ..อ...ง.............. 105 ................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................ (พิจารณาคาํ ตอบของนกั เรยี น โดยใหอ ยใู นดุลยพนิ ิจของครผู สู อน) ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ๙๑ ขอ ใดกลา วไมถ กู ตองเกีย่ วกับกลวิธกี ารแตง ในขอ ความตอ ไปนี้ นักเรยี นควรรู “...สมงิ พระรามจึงทลู วา ลกั ษณะชา งดตี อ เม่อื ขี่จึงรูวาดี มาดไี ดตอ งเอามอื ตอ งหลงั ดกู อ นจงึ จะรวู าดี ทแกลวทหารก็ดี ถา อาสาออกสงครามทาํ ศกึ จงึ จะ 1 ทองนพคณุ หรอื ทองคาํ เนอ้ื เกา เปนทองบรสิ ทุ ธิ์ โบราณกาํ หนด ราคาตาม รูว าดี ทองนพคณุ เลาขีดลงหนา ศิลากอ นจงึ จะรูว าดี สตรีรูปงามถา พรอมดวย คุณภาพของเนอื้ ทอง หนกั 1 บาท เปน เงิน 9 บาท เรียกวา ทองเนอื้ เกา หรอื ลักษณะกิริยามารยาทตองอยางจึงควรนับวางาม ถาจะใหร รู สอรอ ยไดสัมผัส ทองนพคุณเกาน้ํา เรียกส้นั ๆ วา ทองนพคณุ ทองธรรมชาติ ทองเน้อื แท หรือ ถูกตองกอ นจึงนบั วา มีโอชาอรอย...” ทองชมพนู ทุ ก็เรยี ก 1. บทสนทนา 2. บรรยายโวหาร 2 สวุ รรณภมู ิ มีความหมายวา “แผน ดนิ ทอง” หมายถงึ ดนิ แดนท่ีมคี วามอุดม 3. พรรณนาโวหาร 4. สาํ นวนเปรียบเทยี บ สมบรู ณ สวนมากปรากฏในคมั ภรี พ ทุ ธศาสนาชาดก (เรอ่ื งราวท่ีมีอดตี มายาวนาน) เชน มหาชนกชาดก สุวรรณภมู อิ ยทู างทิศตะวนั ออกของอินเดยี เมอื่ พจิ ารณา วเิ คราะหคําตอบ กลวิธีในการแตง ของเรือ่ งราชาธิราช ตอน สมงิ พระราม จากแผนทโี่ ลก จึงนา จะสนั นษิ ฐานไดตอไปวา สุวรรณภมู ิ สว นท่เี ปนแผน ดิน ไดแก อาสา มีลักษณะการดาํ เนินเร่ืองดว ยบทสนทนา และการบรรยายวธิ ีการเลอื ก พมา ไทย กมั พชู า สวนสุวรรณทวีป ทเ่ี ปนเกาะ นาจะไดแก หมูเกาะชวา สุมาตรา มา โดยใชส าํ นวนเปรียบเทยี บกับการเลือกสิ่งอืน่ เพอื่ ใหเ หน็ ความสาํ คัญของ หรอื อินโดนีเซีย ตลอดทง้ั ฟล ปิ ปน ส การเลือกมา เพมิ่ ข้ึน ดงั น้ัน ขอ ทก่ี ลา วไมถกู ตอ งเกย่ี วกับกลวธิ กี ารแตงใน ขอความขางตน คือ การใชพรรณนาโวหาร ตอบขอ 3. คูมือครู 105

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนอธบิ ายเก่ียวกับคณุ คาดานเนอื้ หาจาก ๗.๔ คณุ คา่ ดา้ นเนอ้ื หาและวรรณศลิ ป์ เร่ืองราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสาวา สะทอน สังคม คา นิยม และความเชอื่ อยางไร ๑) คณุ คา่ ดา้ นสังคม คา่ นยิ ม และความเชอื่ ๑.๑) ความเช่ือถือในเรื่องฤกษ์ เช่น ตอนพระเจ้ากรุงต้าฉิงยกทัพมายัง (แนวตอบ สะทอนสงั คม คานยิ ม และความเช่อื ดังนี้ กพรรุงะรทัตัยนยบินุรดะีนอักังวจะึงตส้อ่ังงใรหอ้จใัดหพ้ไรดะ้ฤพกยษุห์ดเีกส่อนนา1ทจะั้งปยกวงทเัพป็นมอาไันดม้ าดกังจคะวนาับมปว่าร ะ“ม.า..ณพรมะิไดเจ้ ้าคกรร้ันุงไจดีน้ศไุภดฤ้ทกรษงฟ์แลังก้ว็ • ความเช่ือในเร่อื งฤกษ เชน ตอนพระเจา กรุง พระองค์กเ็ สดจ็ ทรงม้าพระที่น่ังยกทัพบกมายังกรุงรตั นบุระอังวะ...” ตาฉิงยกทพั มายังกรงุ รตั นบรุ ะอังวะก็ตองรอ ใหฤกษด ีกอ นจะยกทพั มาได ๑.๒) ขนบธรรมเนียมของการส่งเครื่องราชบรรณาการไป2เพื่อตอบแทน เม่ือ • ขนบธรรมเนียมในการสง เครอื่ งราชบรรณาการ อีกฝ่ายหนึ่งประพฤติปฏิบัติตามท่ีฝ่ายตนร้องขอหรือส่งเคร่ืองราชบรรณาการไปเพื่อขอให้อีกฝ่าย ไปเพ่อื ตอบแทน เมื่ออกี ฝายหนึ่งประพฤติ หน่ึงท�าตามที่ตนเองขอ เช่น การส่งพระราชสาส์นจากพระเจ้ากรุงต้าฉิง เพ่ือจะให้พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง ปฏบิ ตั ิตามที่ฝายตนรอ งขอ หรือสงเครือ่ งราช- อยใู่ นอ�านาจออกมาถวายบังคมและมพี ระราชประสงคจ์ ะดูทหารรา� ทวนขมี่ ้าสกู้ นั บรรณาการไปเพื่อขอใหอ ีกฝายหน่ึงทําตามที่ ตนเองขอ เชน การสง พระราชสาสน จาก ๑.๓) การรกั ษาสจั จะของบคุ คลท่ีอยูใ่ นฐานะกษตั รยิ ์ เชน่ การรักษาค�าพดู ของ พระเจา กรุงตาฉงิ เพื่อจะใหพ ระเจา องั วะออก พระเจ้ากรุงต้าฉิงเม่ือกามะนีแพ้ก็ยกทัพกลับไปโดยไม่ท�าอันตรายแก่ผู้ใดเลย ตามท่ีได้พูดไว้ ดังตอน มาถวายบงั คมและตอ งการจะดทู หารราํ ทวน ทวี่ ่า ขี่มา สูก นั “...พระเจา้ กรงุ จนี ไดฟ้ งั กต็ รสั หา้ ม นายทพั นายกองทแกลว้ ทหารทง้ั ปวงวา่ เราเปน็ กษตั รยิ ์ • การรกั ษาสัจจะของบุคคลที่อยูในฐานะ ผใู้ หญอ่ นั ประเสรฐิ ไดใ้ หค้ า� มน่ั สญั ญาไวแ้ กเ่ ขาแลว้ จะกลบั คา� ไปดงั นน้ั หาควรไม ่ พมา่ ทงั้ ปวง กษัตรยิ  เชน การรกั ษาคําพูดของพระเจากรุง จะชวนกนั ดหู มน่ิ ได้วา่ จีนพดู มจิ รงิ เรารักสัตยย์ ิ่งกวา่ ทรัพย.์ ..” ตา ฉงิ เมือ่ กามะนีแพก็ยกทัพกลับไปโดยไมทาํ อันตรายแกผ ูใดเลยตามท่ีไดพดู ไว ๑.๔) ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น สมิงพระรามแม้จะ อาสารบให้กับพระเจ้าอังวะ แต่โดยใจจริงแล้วก็ท�าเพื่อบ้านเมืองของตนและยังคงจงรักภักดีต่อ • ความจงรักภกั ดตี อพระมหากษตั ริย เชน พระมหากษตั ริยข์ องตนเสมอ ดังความตอนหนงึ่ ว่า สมิงพระรามแมจะอาสารบใหกับพระเจาองั วะ แตโดยใจจริงแลวก็ทาํ เพือ่ บานเมอื งของตน “...เห็นศึกจนี จะกา� เริบยกลอ่ งเลยลงไปติดกรงุ หงสาวดีด้วยเป็นม่ันคง ตัวเราเล่าก็ต้อง และยงั คงจงรกั ภกั ดีตอ พระมหากษัตริย จองจ�าตรากตร�าอยู่ ถ้าเสียกรุงอังวะแล้วจะหมายใจว่าจะรอดคืนไปเมืองหงสาวดีได้ก็ใช่ที่ ของตน จ�าเราจะรบั อาสาตดั ศึกเสยี จึงจะชอบ อย่าใหศ้ ึกจีนยกลงไปติดกรงุ หงสาวดไี ด.้ ..” • การปนู บําเหน็จรางวลั ใหแกผ ูท ําคณุ ประโยชน ๑.๕) การปูนบ�าเหน็จรางวัลให้แก่ผู้ท�าคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็นการ ตอ ประเทศชาติ เปนการสรางกาํ ลงั ใจและผูก สร้างก�าลังใจและผูกใจคน ดังตอนที่พระเจ้าอังวะให้เหตุผลต่อสมิงพระราม เมื่อคร้ันรู้ว่าสมิงพระราม ใจคนไวไ ด) จะไมร่ ับบ�าเหนจ็ จากการอาสารบ “...อนึ่งเราเกรงคนท้ังปวงจะครหานินทาได้ ท่านรับอาสากู้พระนครไว้มีความชอบ เป็นอันมาก มไิ ด้รับบ�าเหนจ็ รางวลั สิ่งใด นานไปเบ้ืองหนา้ ถา้ บา้ นเมืองเกดิ จลาจลหรือขา้ ศึก มาย�่ายีเหลือกา� ลงั กจ็ ะไม่มีผู้ใดรับอาสาอกี แลว้ ...” 106 นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอใดเปนคา นิยมทเี่ กดิ ประโยชนต อตนเองและสังคม 1 พระพยุหเสนา เปนคาํ บาลมี าจากคาํ วา พยฺ ูห + เสนา แปลวา หมเู สนา 1. การรกั ษาคําสตั ย 2 เครื่องราชบรรณาการ คือ สิง่ ของทมี่ ีคา ทเี่ มืองประเทศราชตางๆ ตองสงให 2. ความเช่อื ถอื ในเรอื่ งโชคลาง ประเทศอาํ นาจเพอ่ื แสดงความจงรักภกั ดี ตอ เมอื งนนั้ ๆ จะเปน สิ่งของเครือ่ งใช 3. ขนบธรรมเนียมการสง เครือ่ งราชบรรณาการ ตางๆ เชน แกว แหวน เงิน ทอง จนไปถึงบุตรธดิ าของเจาเมืองน้ันๆ ไทยนน้ั ได 4. การปนู บาํ เหน็จรางวลั ใหแ กผ ูทาํ คุณประโยชนตอประเทศชาติ รับและสงเคร่ืองราชบรรณาการมาตั้งแตส มยั สโุ ขทยั จนถงึ กรุงรตั นโกสินทร ซ่ึงหน่ึง วเิ คราะหค าํ ตอบ คานิยม หมายถงึ สงิ่ ท่สี งั คมถือวามคี า พึงปรารถนา ในทๆี่ ไทยเคยสง เครอื่ งราชบรรณาการให กค็ อื จนี การสง เครือ่ งราชบรรณาการ ตอ งการใหเ ปนเปาหมายรว มกันของสงั คม และปลูกฝง ใหส มาชกิ ของสงั คม ใหก บั จีนน้ันมีคาํ เฉพาะอยู คาํ หนึ่ง คอื คําวา “จิ้มกอ ง” ซง่ึ หมายถึง การเชื่อมความ ยึดถือเปน เปา หมายในการดาํ เนนิ ชวี ติ คานิยมเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาได สัมพันธร ะหวางประเทศสองประเทศใหเปนมติ รที่ดีตอกนั จมิ้ กองมาจากภาษาจนี และมคี วามแตกตา งกันไปตามสงั คมและวฒั นธรรม ดงั ขอ 1. การรักษา คาํ วา “จิ้นกง” เปนธรรมเนียมทํากนั มาโดยตลอด ซึ่งทาํ เพ่ือประโยชนทางดา น ความสตั ย ซ่งึ ทกุ คนสามารถปฏบิ ัติได การรักษาคําสตั ยช ว ยสงเสรมิ ใหส ังคม การคา มากกวา ดานการทตู นาอยู จัดวาเปนคานยิ มทีเ่ กิดประโยชนท ั้งตอ ตนเองและสังคม ตอบขอ 1. 106 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ดว้ ยเหตุผลของพระเจา้ อังวะขา้ งต้น สมงิ พระรามจึงต้องรับรางวัลในคร้งั น้ี 1. นกั เรยี นอธิบายคุณคา ดานวรรณศิลปเรอื่ ง ๒) คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา (แนวตอบ คุณคาดา นวรรณศลิ ป มีการเลาเรือ่ ง ๒รา.๑ชา)ธิรกาาชร เตลอ่านเร สื่อมงใงิ ชพ้บระรรรายมาอยาโวสาหมาีครว 1ารมูปดปีเรดะ่นโดย้าคนไมวร่ซรับณซศ้อลิ นปแ์ ตด่ทังนว่า้ี ผูกประโยค ดว ยการใชบรรยายโวหาร และใชส าํ นวน เปรียบเทียบไดอยางคมคาย) ได้เหมาะสม เลอื กสรรถอ้ ยค�าได้จินตภาพเดน่ ชดั ภาษาทใี่ ช้สละสลวย ดงั เชน่ บทชมโฉมพระราชธดิ า พระเจา้ ฝรงั่ มงั ฆอ้ งวา่ “สมบูรณด์ ว้ ยลักษณะและสริ มิ ารยาทงามย่งิ นกั ถา้ บรุ ษุ ผใู้ ดไดเ้ หน็ และไดน้ งั่ ใกล้ 2. ครูอธบิ ายความรเู พมิ่ เติม จากน้ันนกั เรยี นสรุป แล้วเม่ือใดก็มิอาจจะด�ารงจิตอยู่ได้ ดวงกมลก็จะหวั่นไหวไปด้วยความปฏิพัทธ์” ส่วนส�านวนถ้อยค�า ความรูลงสมุด บางค�าเป็นค�าเก่า อาจต้องศึกษาความหมายจึงจะเข้าใจความทั้งหมด แต่ผู้อ่านก็สามารถเข้าใจ ความหมายได ้ ดังเช่นลลี าการเขยี นทีอ่ ธิบายความหมายของคา� ไปพรอ้ มๆ กัน ดังความวา่ ขยายความเขา ใจ Expand “...อุปมาดังแพทย์ผู้วิเศษผูกกัณหสัปปะชาติคืองูเห่าใหญ่ด้วยมนตราคมอันกล้าขลัง นักเรยี นยกตัวอยางเนอ้ื ความท่แี สดงใหเห็นวา มใิ ห้พ่นพิษและเล้ือยหนีไปได้...” การเลาเรอื่ งดว ยการใชบรรยายโวหารมคี วาม สมั พนั ธใ นการดาํ เนินเรือ่ งกนั ๒.๒) การใช้ส�านวนเปรียบเทียบคมคาย ราชาธิราชตอนท่ีจัดมาให้เรียนนี้ มีความโดดเด่นด้านความเปรียบเกือบตลอดท้ังเรื่อง เช่น เปรียบกับต�านานเร่ืองเล่าท่ีเป็นที่รับรู้ (แนวตอบ ตัวอยา งเชน ในสังคมไทยเป็นอย่างด ี ดงั ความว่า “กามะนไี ดฟ ง ดังนัน้ กข็ บั มา รําเขามา สมิง พระรามกข็ ับมา ออกไปสูก นั เปน หลายสบิ เพลงตาง “...เวลาพรุ่งนี้ขอพระองค์ให้หาเจ้าสมิงพระรามเข้ามากินเล้ียงในพระราชมนเทียร คนตางรับรองวองไว ยังหาเพล่ยี งพล้าํ แกกนั ไม แล้วจึงให้พระธิดาเราออกไปให้เจ้าสมิงพระรามเห็นตัวถนัดแต่ข้างเดียว เจ้าสมิงพระราม สมงิ พระรามจงึ คิดวา ถา จะสูกนั อยฉู ะนี้เหน็ จะ ได้เห็นรูปโฉมธิดาเราเท่านั้น ยังมิทันจะเข้าใกล้ได้กลิ่น ก็จะมีความปล้ืมปลาบจนสุดจิต เอาชนะยาก ดวยกามะนีก็ยงั มิถอยกาํ ลัง จําจะลวง ไหนจะคิดกลับเมืองหงสาวดีได้ เพราะพระธิดาของเรางามเป็นเสน่ห์อยู่ท่ัวกาย ซึ่งข้าพเจ้า ใหก ามะนีหยอนกาํ ลังจงไดจ งึ จะทาํ ถนดั คิดแลว คดิ ทา� ดงั นี้เปรยี บประดจุ นางเมขลาเทพธดิ าลอ่ แกว้ ใหร้ ามสรู เหน็ รามสรู หรอื จะไมร่ กั แกว้ ...” แกลงทําเปน เสียทีควบมาหนอี อกไป กามะนีเห็น ไดท กี ค็ วบมา หนที ะลวงไลต ามมาสมงิ พระรามไป” นอกจากนย้ี งั ใชก้ ารเปรยี บเทียบทแ่ี ฝงข้อคิดและใหภ้ าพชัดเจนดังตอนที่ว่า จากเนอ้ื ความทย่ี กมา แสดงใหเ หน็ วา การเลา เร่อื ง โดยใชบ รรยายโวหารมคี วามสาํ คญั อยา งยง่ิ ในการ “...พระองค์เสด็จยาตราทัพมาครั้งนี้ ตั้งพระทัยท�าสงครามให้พระเจ้ากรุงอังวะอยู่ใน บรรยายเหตุการณก ารตอ สรู ะหวางสมิงพระรามกับ เงื้อมพระหัตถ์ ถึงมาตรว่าเสียกามะนีทหารเอกแล้ว ใช่ข้าพเจ้าทั้งปวงนี้จะตีกรุงอังวะถวาย กามะนี ในขณะทที่ ้ังสองตอสกู ันอยูนัน้ สมิงพระราม ไมไ่ ดน้ ้ันหามไิ ด้ เสยี แรงดา� เนนิ กองทพั เข้ามาเหยียบถึงชานก�าแพงเมอื งแล้ว จะกลบั ไปเปลา่ ไดค ิดวางแผนทีจ่ ะหลอกลอใหม า กามะนีออนกาํ ลงั น้ันได้ความอัปยศแก่พม่านัก ท�าไมเมืองอังวะสักหยิบมือหนึ่งเท่านี้จะเอาแต่มูลดินท้ิงเข้าไป จะไดมีโอกาสเอาชนะได บรรยายโวหารชว ยใหผู ในก�าแพงเมอื งคนละก้อนๆ เท่านัน้ ถมเสียให้เต็มกา� แพงเมอื งในเวลาเดยี วก็จะได้ อานเขาใจความคิดของตัวละครและทาํ ใหเ หน็ วา เหตกุ ารณดาํ เนินไปอยา งไร) 107 ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู ขอ ใดใชโ วหารตา งจากขอ อ่ืน ครูเพ่มิ เตมิ ความรดู านวรรณศิลปในการอานเรือ่ งราชาธิราช ตอน สมงิ พระราม 1. อนั ตวั ขาพเจา บดั เด๋ยี วนีอ้ ุปมาดังวานรนง่ั อยบู นตอไม อันไฟไหมม าเม่ือ อาสา โดยครเู สนอมมุ มองใหนกั เรยี นไดพ ิจารณาในแงท่ีวา วรรณกรรมทป่ี ระสบ ความสาํ เรจ็ นั้น คอื วรรณกรรมท่ีสามารถทําใหผ อู า นเกิดอารมณค ลอ ยตาม ทง้ั ยงั วสันตฤดนู น้ั จะงามฉันใด ไมไดแสดงขอ มลู ใหร ูเทาน้ัน แตเ ปน การถายทอดอารมณค วามรสู กึ เขาแทรกดวย 2. การสงครามเปรียบดังฟองอัณฑชะจะหมายแนว าผเู มียแพแ ละชนะนั้นมิได เมื่ออา นแลวนอกจากจะเขาใจเนอื้ เร่ืองยงั เปน การสง ใหเ ร่ืองมีความสมจรงิ อกี ดวย 3. ครง้ั น้พี ระเจาราชาธริ าชเปรียบเหมอื นอสรพษิ หาเข้ียวแกวมไิ ด 4. ครง้ั นี้แขนเราขาดไปสองขาง คิดอะไรก็ขดั ขวาง นกั เรียนควรรู วิเคราะหคาํ ตอบ ขอ 4. ใชภาพพจนแ บบอุปลกั ษณใ นการเปรยี บเทยี บ ส่งิ หนงึ่ เปนอีกสงิ่ หนึ่ง อปุ ลักษณจะไมก ลาวโดยตรงเหมือนอุปมา แตใ ชว ธิ ี 1 บรรยายโวหาร เปน กระบวนการแตง ท่มี เี น้อื เรือ่ ง มีบทบาท ดาํ เนนิ เร่ือง กลาวเปน นัยใหเขา ใจเอาเองดงั วา “คร้งั น้ีแขนเราขาดไปสองขา ง คิดอะไร วาใครทําอะไร ทาํ อยา งไร ท่ไี หน และเมอื่ ไร บรรยายโวหารใชในการเลาเรอ่ื ง กข็ ัดขวาง” อปุ ลกั ษณจะไมมคี ําเชื่อมเหมอื นอุปมาซ่ึงปรากฏในขอ อน่ื ๆ ทาํ ใหทราบวาเรือ่ งราวดําเนินไปอยา งไร รวมถึงเขาใจความรสู ึกหย่ังลึกในจติ ใจ ของตัวละคร ดงั นั้นจึงตอบขอ 4. คูมอื ครู 107

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ นักเรยี นยกเนอ้ื ความท่นี กั เรียนเหน็ วามีการใช พระเจา้ กรงุ จนี ไดฟ้ ังกต็ รัสหา้ มนายทพั นายกองทแกล้วทหารทั้งปวงวา่ เราเปน็ กษตั ริย์ สาํ นวนเปรียบเทียบที่นาประทับใจ และแสดงใหเห็น ผู้ใหญ่อันประเสริฐ ได้ให้ค�าม่ันสัญญาไว้แก่เขาแล้ว จะกลับค�าไปดังนั้นหาควรไม่ พม่าท้ัง วา มีการใชส าํ นวนเปรยี บเทยี บอยา งไร ปวงจะชวนกนั ดูหมนิ่ ได้ว่าจีนพดู มิจรงิ เรารกั สตั ยย์ ิ่งกวา่ ทรพั ย ์ อย่าว่าแตส่ มบัตมิ นุษย์นี้เลย ถึงท่านจะเอาทิพยสมบัติของสมเด็จอมรินทร์มายกให้เราๆ ก็มิได้ปรารถนา ตรัสดังนั้นแล้ว (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถยกตวั อยางได ก็ส่งั ใหเ้ ลกิ ทัพเสดจ็ กลับไปยังกรุงจีน...” หลากหลายขน้ึ อยูกบั ความสนใจของนักเรียน ทงั้ น้ี ครพู ิจารณาวา ตวั อยา งท่นี กั เรียนยกมามีการใช บทสนทนาในเร่ืองใช้โวหารเปรียบเทียบที่คมคายและให้แง่คิดสอนใจ ดัง สํานวนเปรียบเทียบ เชน บทสนทนาระหว่างพระอัครมเหสีและพระราชธิดาของพระเจ้าฝร่ังมังฆ้อง พระราชธิดาตรัสว่า “อน่ึงถ้าได้สวามีเป็นลูกกษัตริย์ มีชาติตระกูลเสมอกันเล่าก็ตาม น่ีจะได้ผัวมอญต่างภาษา “พระเจากรงุ จนี ยกมาครัง้ นีอ้ ปุ มาดังฝนตก เป็นเพียงนายทหาร อุปมาดังหงส์ตกลงในฝูงกา ราชสีห์เข้าปนกับหมู่เสือ ลูกมีความโทมนัสนัก” หา ใหญตกลงน้ํานองทวมปาไหลเชยี่ วมาเมอื่ พระอคั รมเหสตี รัสโนม้ นา้ วใจว่า วสันตฤดนู น้ั หาส่ิงใดจะตา นทานมไิ ด” หมายถงึ กองทัพของพระเจา กรุงจนี เปนกองทพั ทย่ี ง่ิ ใหญไมมี “...ซึ่งลูกเปรียบชาติเขาเหมือนกาน้ันก็ชอบอยู่ แต่เขาประกอบศิลปศาสตร์วิชาการ ใครสามารถตานทานได” จากเน้อื ความที่ยกมาเปน เป็นทหารมีฝีมือหาผู้เสมอมิได้ ก็เปรียบเหมือนกาขาวมิใช่กาด�า สมเด็จพระราชบิดาจะ ตวั อยางเปนตอนทพี่ ระเจากรุงจีนยกทพั มาประชิด ทรงชุบขึ้นแล้วก็คงเป็นหงส์ ซ่ึงเปรียบเหมือนเสือนั้น ถ้าพระราชบิดาชุบย้อมแล้วก็คงจะ กรุงอังวะ ดวยวากรุงจนี ทรงมีพระราชอาํ นาจมาก กลบั เปน็ ราชสีห์...” การยกทัพมานไี้ พรพลจึงมกี ําลงั พลจาํ นวนมากและ มคี วามยิง่ ใหญเปรยี บไดกับปรมิ าณนํา้ ฝนที่ตกลงมาก จะเห็นได้ว่ามีการเปรียบเทียบกับส่ิงตรงกันข้าม1ต่างเผ่าพันธุ์กัน (กา-หงส์, และความรุนแรงของการเกดิ น้าํ ทวมปาไหลเช่ียวใน ฤดูฝนทไี่ มมอี ะไรมาตา นทานได การเปรยี บเทียบ เสือ-ราชสีห์) ท�าให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันอย่างชัดเจน หงส์และราชสีห์ย่อมมีศักดิ์และเกียรติ ลกั ษณะนีเ้ ปนการใชแ นวเทียบกบั ภยั ธรรมชาติ สงู กว่า แต่ด้วยฝีมอื ความสามารถ กากอ็ าจกลายเปน็ หงส ์ เสอื กอ็ าจกลายเปน็ ราชสีหไ์ ด้เชน่ กัน ซ่งึ เปน สถานการณทีผ่ ูคนรูจ กั ดี ทําใหเหน็ ภาพความ ยิง่ ใหญข องทพั พระเจา กรงุ จีนไดชดั เจนข้ึน) จากการศกึ ษาขา้ งตน้ นบั ไดว้ า่ ราชาธริ าชเปน็ หนงั สอื ทม่ี คี ณุ คา่ อยา่ งสงู เนอื้ เรอื่ ง ช่วยเพ่ิมพูนความรู้ทางสติปัญญาแก่ผู้อ่าน การดÓเนินเรื่องสนุกสนานชวนติดตามและ มศี ลิ ปะแหง่ การรอ้ ยเรยี งถอ้ ยคÓสละสลวย เปน็ วรรณคดที ถ่ี อื เปน็ แบบฉบบั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี หากมีเวลาผู้เรียนควรหาโอกาสอ่านราชาธิราชในตอนอื่นๆ ประกอบ เพื่อเพ่ิมพูน ความร้แู ละสติปญั ญา 108 นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT จากเน้ือความ “พระเจากรงุ จนี ไดฟงก็ตรสั หามนายกองทแกลวทหารท้งั 1 การเปรียบเทียบกบั ส่งิ ตรงกันขา ม คอื การใชค าํ หรอื ขอ ความท่ีมคี วามหมาย ปวงวา เราเปนกษัตริยผใู หญอันประเสรฐิ ไดใ หคําม่ันสัญญาแกเ ขาแลว จะกลับ ตรงกนั ขา มหรอื แตกตา งกนั มาเทียบกัน เพ่ือใหความหมายคมชดั ขนึ้ คําไปดงั นน้ั หาควรไม พมา ทัง้ ปวงจะชวนดหู มน่ิ ไดวาจีนพูดมิจรงิ เรารกั สัตย ยิ่งกวาทรพั ย อยาวาแตส มบัติมนุษยน้เี ลย ถึงทา นจะเอาทพิ ยสมบัตขิ อง มุม IT สมเด็จอมรนิ ทรมายกใหเราๆ กม็ ไิ ดปรารถนา” ตรงกับสาํ นวนใดในโคลง โลกนิติ เพราะเหตุใด ศึกษาเกีย่ วกับความเปน มาของเรอื่ งราชาธริ าชทเี่ ปน ตน ฉบับเพิ่มเติม ไดท ี่ http://blogazine.in.th/blogs/ong/post/2611 แนวตอบ เนื้อความที่ยกมาตรงกบั โคลงโลกนิตบิ ทท่วี าดวยเร่อื งการให ความสาํ คัญกับการรกั ษาคําสตั ย ดังวา เสียสนิ สงวนศักดิ์ไว วงศห งส เสยี ศกั ด์ิสปู ระสงค ส่ิงรู เสยี รเู รง ดาํ รงความสัตย ไวนา เสียสตั ยอ ยา เสยี สู ชพี มว ยมรณา 108 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate คา� ถาม ประจา� หนว่ ยการเรียนรู้ 1. นักเรยี นสรปุ ความรเู ก่ียวกบั แนวคิดของเร่อื ง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาได ๑. นกั เรยี นคิดว่าเพราะเหตใุ ดสมิงพระรามจึงรับอาสาสรู้ บกบั กามะนี ๒. นกั เรียนประทับใจบทบาทของตวั ละครใดมากทส่ี ดุ เพราะเหตุใด 2. นักเรยี นยกตวั อยา งเนอื้ ความทมี่ ีการเลาเรือ่ ง ๓. ค า� เปรียบเทียบที่วา่ “หาบสองบ่าอาสาสองเจา้ หาควรไม”่ เปน็ ความคิดของตวั ละครใด และมี โดยการใชบ รรยายโวหารได ความหมายวา่ อยา่ งไร 3. นักเรียนยกเนอื้ ความที่นกั เรียนเหน็ วามกี ารใช สํานวนเปรียบเทยี บได หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู 1. บันทึกการสรปุ เรือ่ งยอ 2. การเขยี นแสดงความคิดเหน็ ท่ีมีตอ ตวั ละคร ในเรอ่ื ง 3. การเขียนสรปุ แนวคิดท่ไี ดจ ากเรื่องราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา กิจกรรม สรา้ งสรรค์พฒั นาการเรียนรู้ กจิ กรรมที่ ๑ จัดทา� ที่ค่นั หนงั สือ “ค�าคมจากราชาธริ าช” เลอื กคา� คมทีน่ ักเรยี นประทบั ใจทง้ั จาก บทเรียนหรือนอกบทเรียน เขยี นลงในทค่ี ่ันหนังสือคนละ ๓ อัน เพอื่ แลกเปลี่ยน กิจกรรมที่ ๒ กับเพ่อื น แสดงบทบาทสมมตใิ นชนั้ เรยี น ใหน้ กั เรยี นแบง่ เปน็ ๒ กลมุ่ แตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั เขยี น กจิ กรรมที่ ๓ บทสนทนาเร่ืองราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา คัดเลือกนักแสดง น�าเสนอ กิจกรรมท่ี ๔ หน้าชน้ั เรยี น ให้นกั เรียนย่อเร่อื งราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา เพ่ือพฒั นาทกั ษะการจับใจ ความสา� คญั จากเรือ่ งที่อ่าน ความยาว ๑ หน้ากระดาษ รวบรวมความเปรยี บทปี่ รากฏในวรรณคดเี รอื่ งราชาธริ าช จากนน้ั ใหจ้ บั กลมุ่ กลมุ่ ละ ๓ คน รว่ มกนั อภปิ รายความหมายของความเปรยี บทแี่ ตล่ ะคนรวบรวมได้ แนวตอบ คาํ ถามประจําหนวยการเรยี นรู 1. สมงิ พระรามสรู บกับกามะนี เพราะเห็นวาถาพมาตานทานกําลังจนี ไมไ ด ทัพจีนอาจจะรุกไปถงึ เมอื งหงสาวดไี ด เพราะทัพจีนอาจจะแสดงแสนยานภุ าพ ยกทัพไปตี บานเมืองของตน จึงคดิ ไดต ามท่กี ลาววา “จาํ เราจะรับอาสาตดั ศึกเสียจึงจะชอบ อยา ใหศกึ จีนยกลงไปติดกรุงหงสาวดไี ด” 2. ประทบั ใจบทบาทของตวั ละครสมงิ พระราม เพราะเปนตวั ละครทีย่ ึดมั่นในการรักษาวาจาสัตย รกั เกยี รตขิ องตน มีความกลา หาญ มไี หวพริบสตปิ ญ ญา มคี วามรักชาติ บานเมอื ง มีความจงรกั ภักดีตอพระมหากษัตรยิ  3. คําเปรยี บเทียบท่ีวา “หาบสองบาอาสาสองเจาหาควรไม” เปนความคดิ ของสมงิ พระราม มคี วามหมายวา การทีส่ มิงพระรามอาสาออกรบรบั ใชกรงุ อังวะทงั้ ท่ตี นเอง เปนทหารของกรงุ หงสาวดตี อ งมารบั อาสาท้งั สองเมือง รบั ใชกษัตริยทงั้ 2 พระองค ทง้ั พระเจา ราชาธิราชและพระเจาฝรง่ั มังฆอง ซงึ่ ทัง้ สองเมอื งทําสงครามกนั อยู มิไดข าด สมิงพระรามอยใู นสถานะที่ตัดสินใจยาก คมู อื ครู 109

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปา หมายการเรียนรู 1. สรุปเน้อื หาวรรณคดีเร่อื งกาพยเ หชมเคร่อื ง คาวหวาน 2. อธิบายคณุ คา ของเร่อื งกาพยเ หชมเครอื่ ง คาวหวาน 3. สรุปความรูและขอ คิดจากการอานเรื่องกาพยเ ห ชมเคร่ืองคาวหวาน 4. ทอ งจําบทอาขยานทก่ี ําหนด และบทรอยกรอง ทีม่ ีคุณคา ตามความสนใจ สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ติ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค ๖หนว่ ยท่ี 1. มีวนิ ยั กาพยเ์ หช่ มเครือ่ งคาวหวาน 2. ใฝเรยี นรู 3. รกั ความเปน ไทย กระตนุ ความสนใจ Engage ตัวชวี้ ัด อ าหารไทย นับเป็นท่ีรู้จักในระดับ ■■ สรปุ เน้ือหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑) ครใู ชคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียน ■■ วิเคราะห์วรรณคดแี ละวรรณกรรมทีอ่ ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ โดยถามวา นกั เรยี นเคยอานหรอื เคยฟง กาพยเห (ท ๕.๑ ม.๑/๒) นานาชาติ โดดเด่นทั้งรสชาติ สีสัน ความ ชมเครอ่ื งคาวหวานหรอื ไม หากนักเรยี นเคยรจู ัก ประณีตในการปรุงและการจัดวาง เป็นเสน่ห์ นกั เรียนรจู กั จากท่ีใด นักเรียนรว มกนั แสดงความ ■■ อธิบายคุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓) ทางศลิ ปะทเี่ ปน็ ความภาคภมู ใิ จของคนไทยทงั้ ชาติ คดิ เห็น ■■ สรุปความรูแ้ ละข้อคดิ จากการอา่ นเพ่ือประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตจริง เมอื่ พดู ถงึ อาหารไทยทงั้ คาวหวาน ผลไมร้ สเลศิ (ท ๕.๑ ม.๑/๔) (แนวตอบ นักเรยี นตอบไดห ลากหลาย ขึ้นอยกู บั ■■ ทอ่ งจ�าบทอาขยานตามทก่ี �าหนดและบทรอ้ ยกรองที่มีคุณค่า ประสบการณของนักเรียนแตล ะคน) ตามความสนใจ (ท ๕.๑ ม.๑/๕) ในวรรณคดี ยอ่ มนกึ ถงึ พระราชนพิ นธใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ซ่ึงพรรณนาอาหารคาวหวาน ผลไม้หลากชนิด ทง้ั รปู ลกั ษณ์ สสี นั วธิ กี ารตกแตง่ อยา่ งวจิ ติ ร และตอ้ ง สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ใช้ฝีมือในการถ่ายทอดผ่านชั้นเชิงทางด้านวรรณศิลป์ ■■ การวิเคราะห์คณุ ค่าและข้อคดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรม ได้อย่างไพเราะคมคาย และยังสะท้อนให้เห็นสภาพ เรื่อง กาพยเ์ หช่ มเครอ่ื งคาวหวาน ความเป็นอยู่ของผคู้ นในสมยั รัชกาลท่ี ๒ อีกดว้ ย 1■■10บทอาขยานและบทร้อยกรองท่ีมคี ุณค่า เกรด็ แนะครู หนวยการเรยี นรนู ้ี ครูแนะความรเู กย่ี วกับอาหารวาเปนภมู ปิ ญ ญาทตี่ กทอดมา จากบรรพบรุ ุษจนถึงปจ จุบนั อาหารสะทอนใหเ หน็ เอกลกั ษณข องความเปนชาติ อาหารจะสมั พนั ธกบั สภาพแวดลอ มของแตล ะภมู ิภาค วิถีชีวิตความเปนอยขู องคน ข้นึ อยกู บั อาหารซง่ึ เปนปจจยั ในการดํารงชีวิต ดังนั้นดวยสภาพแวดลอ มทต่ี า งกนั ทําใหอาหารแตละภูมิภาคตางกนั ดวย นอกจากนอ้ี าหารทปี่ รากฏในบทประพันธ สามารถสะทอนการไดรบั การถา ยทอดวัฒนธรรมจากตา งชาติดวย 110 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๑ ความเป็นมา 1. ครูกระตนุ ความสนใจของนักเรียนโดยถาม เก่ียวกบั เรื่องอาหาร ดังนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ารงราชานุภาพ ได้ประทานค�าอธิบายความเป็นมา • นักเรยี นรูจกั อาหารไทยอะไรบา ง ของกาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานไว้ว่า รัชกาลท่ี ๒ คงได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นต้ังแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ (แนวตอบ นกั เรยี นชวยกันบอกชือ่ อาหารไทย ที่นกั เรียนรจู ัก) บเพุญ่ือรชอมดสม เดด้ว็จยพทรระศงมรีสีคุรวิเายมนสทารมาบารรมถรเปาช็นินเี ลแิศตใ่คนรก้ังายรังทปรรงุงเเปค็นรสื่อมงเเดส็จวพยร ะแเจล้าะหเพลาื่อนใเชธ้เอป ็นเจบ้าฟท้าเหหญ่เริงือ1- • นกั เรียนเคยทาํ อาหารหรือไม เปนอาหาร ชนดิ ใด เสด็จประพาสส่วนพระองค์ กาพย์เห่บทนี้มิได้ชมขบวนเรือ หรือชมธรรมชาติในการเดินทางแต่เป็นการเห่ชมเคร่ืองคาว 2. นกั เรยี นแลกปลย่ี นประสบการณเ กย่ี วกับอาหาร ผลไม้ และเครื่องหวานเป็นส�าคัญ ซ่ึงต่อมาในสมัยรัชกาลท่ี ๕ ได้ใช้กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานใน รวมกัน การเหเ่ รอื ของทางราชการคูก่ ับบทเห่เรอื ของเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร สาํ รวจคน หา Explore ๒ ประวตั ิผู้แตง่ 1. นักเรียนศึกษาประวัตคิ วามเปน มาของ กาพยเ หช มเคร่ืองคาวหวาน 2. นกั เรยี นศกึ ษาลักษณะคาํ ประพันธของ กาพยเหชมเคร่อื งคาวหวาน พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั เปน็ พระมหากษตั รยิ พ์ ระองคท์ ี่ ๒ ในพระบรมราชวงศจ์ กั ร ี 3. นกั เรียนศึกษาเนือ้ เร่อื งกาพยเหช มเครอ่ื ง- มพี ระนามเดมิ ว่า ฉมิ ทรงพระราชสมภพเมอื่ วนั ท่ี ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ ทตี่ า� บลอมั พวา อา� เภอ อัมพวา เมืองสมุทรสงคราม เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช คาวหวานวามีอะไรบาง และสมเดจ็ พระอมรินทราบรมราชินี (แนวตอบ บทเหชมเครอ่ื งคาว บทเหช มผลไม ในรัชสมัยของพระองค์ วรรณคดีและศิลปกรรมเจริญรุ่งเรืองมาก พระองค์มีพระอัจฉริยภาพ และบทเหช มเคร่ืองหวาน) ทางด้านวรรณศิลป์ พระราชนิพนธ์ของพระองค์หลายเรื่องมีความประณีตงดงามในเชิงอักษรศาสตร์ อธบิ ายความรู Explain และสามารถน�าไปผสมผสานกับนาฏยศาสตร์และดุริยางคศาสตร์ได้อย่างกลมกลืน พระองค์ทรงฟื้นฟู การแสดงละคร โขน การขับรอ้ ง และดนตรี ใหม้ ีระเบยี บแบบแผนถูกตอ้ งจนเป็นทน่ี ยิ มสบื มา นกั เรียนอธิบายประวตั ิความเปนมาของ ผลงานด้านภาษา ศิลปะ และวัฒนธรรมของพระองค์เป็นที่ประจักษ์เด่นชัดแก่สายตา กาพยเ หช มเครือ่ งคาวหวาน ชาวโลก จึงทรงได้รับการเทิดพระเกียรติจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่ง สหประชาชาติหรือยูเนสโก (UNESCO) เนื่องในอภิลักขิตสมัยครบ ๒๐๐ ปีแห่งพระบรมราชสมภพ (แนวตอบ กาพยเหชมเครือ่ งคาวหวาน เมอื่ พ.ศ. ๒๕๑๑ ในฐานะบุคคลสา� คัญของโลกและรัฐบาลไทยจงึ กา� หนดใหว้ ันคล้ายวนั พระราชสมภพ สันนษิ ฐานวา รัชกาลท่ี 2 ทรงพระราชนิพนธข น้ึ วันท่ ี ๒๔ กุมภาพันธข์ องทกุ ปเี ปน็ วนั ศิลปินแหง่ ชาต ิ จนถึงทกุ วันนี้ ในสมัยรัชกาลที่ 1 เพราะมคี วามบางตอนทรงชม สมเดจ็ พระศรสี รุ ิเยนทราบรมราชินี เม่ือครั้งยงั เปน สมเด็จพระเจาหลานเธอ ซึ่งมฝี พระหัตถใน กระบวนเคร่ืองเสวยไมมีผใู ดจะมฝี มอื เทยี บได กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน สะทอนใหเ ห็น 111 ความประณตี ละเอียดออนของชนชาติไทยทบี่ รรจง กจิ กรรมสรา งเสรมิ ประดดิ ประดอยอาหารนานาชนิดใหเ ลิศดว ย รสชาติและงดงามดวยรูปลกั ษณ บทเหแ บง เปนชม เครอ่ื งคาว ชมผลไม และชมเครอื่ งหวาน) นกั เรียนควรรู นักเรียนศกึ ษาคนควาความรเู กีย่ วกบั บทประพนั ธก าพยเ หเ รอื สาํ นวน 1 บทเหเรือ บทเหเรอื ทเ่ี กาทสี่ ดุ และเหลือเปน หลกั ฐานสบื ทอดมาจนถึงปจ จบุ นั เจาฟา ธรรมธิเบศร (เจาฟา กุง) โดยนกั เรียนสรุปประวตั คิ วามเปน ของกาพย คือ กาพยเ หเรือบทพระนพิ นธในเจาฟา ธรรมธิเบศร หรอื ทเ่ี รยี กกนั ท่ัวไปวา เหเรือสาํ นวนนัน้ พรอมทง้ั ยกตัวอยางประพนั ธที่เปน โคลงบทนําและกาพย กาพยเหเรือเจา ฟากงุ ซง่ึ พระนิพนธในขณะท่ีทรงเปน พระมหาอุปราชในรัชสมัย บทตน ประกอบ สมเดจ็ พระเจา อยหู ัวบรมโกศ ในสมยั อยธุ ยาตอนปลาย กิจกรรมทา ทาย มุม IT นักเรยี นศึกษาประเพณีการเหเรอื ในอดีต จากนัน้ เปรียบเทยี บการเหเรือ ศึกษาเกย่ี วกับประวัติความเปน มาของกาพยเ หช มเครือ่ งคาวหวานเพ่ิมเตมิ ไดท ่ี ในอดีตกบั ปจจุบนั ใหเหน็ พัฒนาการการเหเรือวา เหมอื นหรอื ตางไปจากเดมิ http://www.suandusitcuisine.com/food4/central/royalfood/kab_index.php อยา งไร คูมอื ครู 111

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นักเรยี นอธิบายความรูและตอบคาํ ถามตอไปน้ี ๓ ลกั ษณะคÓประพนั ธ์ • จุดมุงหมายของกาพยเ หเรอื คอื อะไร 1 (แนวตอบ จุดมุง หมายเพอื่ เปน บทเหเรอื พระที่น่งั เวลาเสดจ็ ประพาสสว นพระองค กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานแต่งเป็นกาพย์เห่ ประกอบด้วยโคลงส่ีสุภาพและกาพย์ยานี ๑๑ และเพ่ือชมฝพ ระหัตถใ นการปรงุ เคร่ืองเสวย ของสมเดจ็ พระศรสี ุริเยนทราบรมราชินี) สโดอยดมคโี ลค้อลงงแสลี่สะภุ สาัมพพ ๑ัน ธบก์ ทบั โเปคลน็ งบบททนนา� า�ห2รอื บทขึน้ ต้น แล้วแตง่ กาพยย์ านี ๑๑ อกี หลายบท ให้มีเน้ือความ • กาพยเ หชมเคร่อื งคาวหวานแตงดวย คําประพนั ธใด ๔ เน้ือเรอื่ ง (แนวตอบ กาพยเ หชมเคร่อื งคาวหวาน แตงดวย กาพยแ ละโคลงส่ีสภุ าพ ประกอบดว ยโคลง กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ มีเน้ือความพรรณนาอาหาร สสี่ ุภาพ จํานวน 1 บท และกาพยย านี 11) คาวหวานและผลไม้แตล่ ะชนดิ ดังตอ่ ไปนี้ 2. ครูสุมนักเรยี น 10 คน บอกช่อื อาหารคาวหรือ เห่ชมเครอ่ื งค�ว อาหารหวานทม่ี ีในเนอื้ เรอ่ื งกาพยเหชมเครอื่ ง- มัสมัน่ ยา� ใหญ ่ ตบั เหลก็ ลวก หมูแนม ก้อยกุ้ง แกงเทโพ คาวหวาน น้า� ยา แกงอ่อม ข้าวหงุ เครอื่ งเทศ แกงคัว่ ส้มหมูปา ใส่ระก�า พลา่ เนือ้ ลา่ เตียง หร่มุ รังนก ไตปลา แสร้งวา่ ขยายความเขา ใจ Expand เหช่ มผลไม้ นกั เรียนจดั ทาํ แผนผงั ช่อื อาหารทีป่ รากฏใน ผลชิด ลกู ตาล ลกู จาก มะปราง มะมว่ ง ลนิ้ จี ่ ลูกพลับ กาพยเหช มเคร่ืองคาวหวาน อาหารเคร่อื งคาว นอ้ ยหน่า ผลเกด ทับทิม ทเุ รียน ลางสาด เงาะ สละ ผลไม เคร่ืองหวาน ตรวจสอบผล Evaluate นกั เรยี นจดั ทําแผนผงั ชอ่ื อาหารจากกาพยเหช ม เคร่อื งคาวหวานได เหช่ มเครือ่ งหว�น ขา้ วเหนียวสงั ขยา ซ่าหรมิ่ ลา� เจียก มศั กอด ลุดต ่ี ขนมจีบ ขนมเทยี น ทองหยิบ ขนมผิง รังไร ทองหยอด ทองมว้ น จ่ามงกฎุ บัวลอย ช่อม่วง ฝอยทอง 112 นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT คาํ ประพนั ธใ นขอ ใดกลาวถึงอาหาร 2 ชนดิ 1 กาพยเ ห หมายถงึ กาพยเ หเรอื หรอื กาพยห อโคลงเปนกาพยผสมท่ีใชก าพยย านี 1. ไตปลาเสแสรง วา ดุจวาจากระบดิ กระบวน แตง รว มกบั โคลงสส่ี ภุ าพ แบบรปู ของกาพยย านที น่ี าํ มาแตง นน้ั มลี กั ษณะบงั คบั พน้ื ฐาน 2. ตบั เหล็กลวกหลอ นตม เจอื นา้ํ สมโรยพริกไทย ตามที่กําหนดไว สว นโคลงสีส่ ภุ าพมีขอ ยกเวน บางประการ กลา วคือ ไมเครงครดั 3. กอยกงุ ปรุงประทิ่น วางถึงลิน้ ดิน้ แดโดย คําเอกในทกุ ตาํ แหนง 4. ขาวหุงปรุงอยางเทศ รสพิเศษใสล ูกเอ็น 2 โคลงบทนาํ เปนการแตงโคลงส่ีสภุ าพกอ น 1 บท แลวแตง กาพยย านพี รรณนา ความทีไ่ มก าํ หนดหรอื จํากดั จาํ นวนบท ท้ังน้กี าพยบ ทตน ตอ งมเี นอ้ื ความเชน เดยี วกบั วเิ คราะหค ําตอบ คําประพันธแตละขอเปน กาพยเ หช มเครอ่ื งคาว ขอ 1. โคลงทแี่ ตงไวกอนนน้ั สว นกาพยบทตอๆ ไปจะขยายความใหล ะเอียดพิสดารอยางไร กลาวถึงไตปลาและแสรง วา ขอ 2. กลาวถึงตับเหลก็ ลวก ขอ 3. กลา วถึง ก็ได เพยี งแตใหมีเน้ือหาสอดคลอ งกัน โคลงส่สี ุภาพที่ขึ้นตนน้ีเรยี กวา “โคลงเกร่ิน” กอยกงุ และขอ 4. กลาวถึงขาวหงุ เครอื่ งเทศ คําประพันธทีก่ ลา วถึงอาหาร เมื่อจบความแลวจึงข้นึ โคลงใหมใ นบทตอ ไป 2 ชนิด คือ “ไตปลาเสแสรงวา ดุจวาจากระบิดกระบวน” กวีเลอื กใชค ําวา “เสแสรงวา” หรอื “แสรง วา ” เปนการเลน คําที่มี 2 ความหมาย คอื แกลง พดู ใหเขา ใจผดิ จากความจริง และอกี ความหมายเปนชือ่ อาหารชนิดหน่งึ ท่ี ทําดว ยกงุ ปรงุ เปน เครือ่ งจิ้ม ตอบขอ 1. 112 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ¡Ò¾Âà˪‹ Áà¤ÃèÍ× §¤ÒÇËÇÒ¹ ครูเปด วซี ดี ใี หน กั เรยี นชมการขบั กาพยเหชม เครอื่ งคาวหวาน แลว ใหน กั เรยี นอานออกเสียงเปน โคลง ทํานองเสนาะตามวีซีดี แกงไก่มสั มั่นเนื้อ นพคณุ พเ่ี อย สาํ รวจคน หา Explore เฉยี บร้อน หอมย่ีหร่�รสฉุน นักเรียนศกึ ษาและอา นเนอื้ เรื่อง จากนน้ั ให คนหาและรวบรวมรายชื่ออาหารท้ังอาหารคาว ช�ยใดบรโิ ภคภุญช์ พศิ ว�ส หวังน� อาหารหวาน และผลไม จากกาพยเหชม เคร่อื งคาวหวาน แรงอย�กยอหัตถ์ข้อน อกใหห้ วนแสวง ฯ หอมยี่หร่�รสร้อนแรง ก�พย์ มัสม่ันแกงแก้วต� ช�ยใดได้กลนื แกง แรงอย�กใหใ้ ฝฝ นห� อธบิ ายความรู Explain ยำ�ใหญ่ใส่ส�รพดั ว�งจ�นจัดหล�ยเหลือตร� 1. นกั เรียนพิจารณาโคลงส่สี ภุ าพทข่ี ึ้นตน เร่ือง รสดดี ้วยน้�ำ ปล� 1 ญีป่ นุ ล�ำ้ ย�ำ้ ยวนใจ • โคลงสีส่ ุภาพกลา วถึงอาหารใด เจอื นำ�้ ส้มโรยพรกิ ไทย (แนวตอบ แกงมสั ม่ันไก) ตับเหลก็ ลวกหลอ่ นต้ม ไพมร่มอ้ ีเมทพยี รบิกเปสรดียใบบทมออื งนห�ลง�ง2 2. นกั เรยี นถอดคําประพันธโ คลงบทนาํ โดยยก โอช�จะห�ไหน กาพยยานีบทท่ีแตง เลียนโคลงประกอบ (แนวตอบ ถอดคําประพันธไดว า แกงมัสมัน่ ไก หมแู นมแหลมเลศิ รส ทีน่ องปรงุ ดว ยยหี่ รา นั้น มกี ลิ่นหอมฉนุ รสชาติ จดั จา น เมอื่ พไ่ี ดชมิ ก็ถกู ปากจนอยากจะกนิ พิศห่อเห็นร�งช�ง ห่�งห่อหวนปวนใจโหย อีกครั้งใหได ดงั กาพยบ ทแรกวา กอ้ ยกงุ้ ปรงุ ประท่ิน ว�งถึงลน้ิ ดิน้ แดโดย “มสั ม่ันแกงแกว ตา หอมยี่หรา รสรอนแรง ชายใดไดก ลืนแกง แรงอยากใหใ ฝฝ นหา”) รสทิพย์หยิบม�โปรย ฤ ๅจะเปรยี บเทียบทนั ขวญั เทโพพ้นื เนื้อท้อง เปน็ มนั ยอ่ งล่องลอยมนั น�่ ซดรสคร�มครัน ของสวรรค์เสวยรมย์ คว�มรักยักเปลย่ี นท�่ ทำ�น้�ำ ย�อย�่ งแกงขม กลอ่อมกลอ่ มเกลี้ยงกลม ชมไมว่ �ยคลบั คล�้ ยเหน็ ข�้ วหงุ ปรงุ อย่�งเทศ รสพิเศษใส่ลกู เอน็ ใครหุงปรงุ ไมเ่ ปน็ เชน่ เชงิ มติ รประดิษฐ์ท�ำ เหลือรู้หมูป� ตม้ แกงค่วั ส้มใสร่ ะก�ำ รอยแจง้ แหง่ คว�มข�ำ ชำ�้ ทรวงเศร้�เจ้�ตร�กตรอม ช้�ช้�พล่�เนอ้ื สด ฟุ้งปร�กฏรสหน่ื หอม คดิ คว�มย�มถนอม สนิทเนอ้ื เจือเส�วคนธ์ 11๓ “แกงไกมัสมั่นเนอ้ื นพคณุ พเ่ี อย”ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู คาํ ที่ขดี เสนใตในคําประพันธนี้สอดคลอ งกับขอ ใด 1 ตบั เหล็ก คอื การนาํ สวนทีเ่ ปนมา มของหมู นาํ มาหั่นซาวนํ้าเกลอื แลวลวก 1. เหมอื นสีฉวกี าย สายสวาทพ่ที ี่คคู ิด น้ํารอน ผสมกบั เครื่องปรงุ อื่นๆ 2. คิดความยามนิทรา อรุ าแนบแอบอกอร 2 ใบทองหลาง มรี ูปลักษณะของใบทองหลาง เปน ไมย นื ตน ผลดั ใบ สงู 10-15 3. พศิ หอเหน็ รางชาง หา งหอหวนปวนใจโหย เมตร ใบประกอบ มีใบยอย 3 ใบ เรียงสลบั ใบยอยรูปไข หรือรปู แกมไขส ่เี หลย่ี ม 4. ความรักยักเปลี่ยนทา ทําน้าํ ยาอยางแกงขม ขนมเปย กปูน ดอกชอ ออกท่ีปลายกง่ิ กลีบดอกสีสมหรอื แดง รูปดอกถัว่ ผล เปน ฝก ยาวคอดเปน ขอ ๆ สีนา้ํ ตาลเขม เมล็ดสีแสด สรรพคณุ ของใบทองหลาง วเิ คราะหคําตอบ จากเนอ้ื ความวา “แกงไกม ัสมนั่ เน้ือ นพคุณ พเี่ อย” ใชใบแกส ดรมควนั ชุบน้ําสกุ ปด แผล และเน้อื รายท่ีบวม ดดู หนองใหไ หลออกมา หมายความถงึ แกงมัสม่ันไกเปนดังเนอ้ื นพคณุ “นพคุณ” จงึ ตคี วามได และทําใหแ ผลยุบ ใบค่ัวใชเปน ยาเยน็ ดับพษิ บดทาแกข อ บวม วา หญิงสาว เชนเดียวกับคาํ วา “สายสวาท” ท่หี มายถงึ หญงิ สาว “นทิ รา” หมายถงึ หลบั “รางชาง” แปลวา งาม สวน “แกงขม” เปนเครอื่ งกนิ กบั ขนมจีนนา้ํ ยา มมี ะระห่นั เปน ช้นิ เล็กๆ แลว ลวกใหสุก ดังนัน้ จึงตอบขอ 1. คมู อื ครู 113

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand 11๔ อธบิ ายความรู นักเรียนอธบิ ายการเปรียบเทียบอาหารกบั นาง ล่�เตยี งคดิ เตยี งน้อง นอนเตยี งทองท�ำ เมอื งบน ผเู ปนทีร่ กั ลดหล่ันชนั้ ชอบกล ยลอย�กนทิ รคดิ แนบนอน เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้� ร่มุ รุ่มเร�้ คือไฟฟอน (แนวตอบ การพรรณนาถึงอาหารแตล ะชนดิ เจบ็ ไกลใจอ�วรณ ์ ร้อนรมุ รมุ่ กลมุ้ กล�งทรวง เปน การชน่ื ชมฝมอื ของหญิงผูเปน ทีร่ ักท่เี ปน รังนกนงึ่ น่�ซด โอช�รสกว�่ ท้งั ปวง ผูปรุงอาหาร จงึ แสดงใหเ หน็ ความรกั ใครตอ กัน ดงั นกพร�กจ�กรงั รวง เหมือนเรยี มร�้ งห�่ งห้องหวน บทประพันธทวี่ า ไตปล�เสแสร้งว�่ ดจุ ว�จ�กระบดิ กระบวน ใบโศกบอกโศกครวญ ใหพ้ ่เี คร�่ เจ�้ ดวงใจ “ผักโฉมชอื่ เพราะพรอง ผกั โฉมช่ือเพร�ะพร้อง เป็นโฉมน้องฤ ๅโฉมไหน เปนโฉมนอ งฤๅโฉมไหน ผักหว�นซ�่ นทรวงใน ใคร่ครวญรกั ผักหว�นน�ง ฯ ผกั หวานซานทรวงใน ใครครวญรกั ผกั หวานนาง”) เอมใจ อกชู ้ ขยายความเขา ใจ Expand ฤ าดจุ นี้แม ่ แต่เนื้อนงพ�ล ฯ นักเรยี นเลือกอาหารคาวท่ีนกั เรยี นรูจักหรือ โคลง เปนชื่ออาหารทนี่ กั เรยี นสนใจในกาพยเหชมเคร่อื ง หอมตลบล�้ำ เหลอื หว�น คาวหวาน จากนั้นนกั เรียนหาภาพประกอบใหต รง ผลชดิ แชอ่ ิ่มโอ้ หว�นเหลอื แล้วแกว้ กลอยใจ กบั ช่อื อาหารชนดิ น้ัน พรอมทงั้ เขียนแนะนาํ บรรยาย รสเยน็ ยง่ิ ย่งิ เยน็ ใจ โดยมจี ดุ ประสงคเ พือ่ แนะนําเชญิ ชวนใตภ าพ หอมชื่นกลืนหว�นใน หม�ยเหมอื นจริงยง่ิ อย�กเห็น บอกคว�มแลว้ จ�กจำ�เป็น รืน่ ร่นื รสรมยใ์ ด เป็นทกุ ข์ท�่ หน�้ นวลแตง ใส่โถแก้วแพรว้ พร�ยแสง หว�นเลศิ เหลือรูร้ ู้ ปร�งอ่มิ อ�บซ�บน�ส� อีกอกร่องรสโอช� ก�พย์ อรุ �แนบแอบอกอร ผลชิดแช่อิม่ อบ รสไหนไม่เปรยี บป�น ต�ลเฉ�ะเหม�ะใจจริง ค ดิ คว�ม ยผ�ลมจพ�กสิ1เมจยั�้ ลอ ยแ กว้ จ�กช้ำ�น�้ำ ต�กระเดน็ หม�กปร�งน�งปอกแล้ว ย�มชนื่ ร่ืนโรยแรง หวนห่วงมว่ งหมอนทอง คิดคว�มย�มนทิ ร� นักเรียนควรรู บูรณาการเชอื่ มสาระ ครูบรู ณาการเชอ่ื มโยงความรูเ ก่ียวกับเร่อื งอาหาร จากกาพยเหชม 1 ผลจาก หรือ “จาก” เปนพชื ในวงศเดยี วกบั “ตาว” ซง่ึ ลกู ของตาวน้นั เมอ่ื นํา เครือ่ งคาวหวานกบั สาระการเรียนรกู ารงานอาชีพและเทคโนโลยี วชิ างานบา น มาทําขนมเรียกวา ลูกชิด ดว ยลักษณะทคี่ ลายคลงึ กัน จงึ มักจะมคี วามเขา ใจสับสน ซึ่งจะเพมิ่ เติมความรูท่วั ไปเกีย่ วกับอาหารและโภชนาการ การรจู กั วัตถุดิบใน วา “จาก” กับ “ชิด” เปน พชื ชนิดเดียวกัน โดยเรยี กตนวา “จาก” และเรียกผลวา การปรงุ อาหารประเภทตา งๆ ทั้งอาหารแหง และอาหารสด ไดแก ผกั ผลไม “ชดิ ” ดังทีก่ ลา วไวในบทประพนั ธดังนี้ เนอ้ื สัตว รวมถึงเรยี นรขู ้ันตอนพ้นื ฐานของการประกอบอาหาร ความรูเบอื้ งตน “ในลําคลองสองฟากลวนจากปลูก ทะลายลูกดอกจากขึ้นฝากแฝง เก่ยี วกบั อาหารน้จี ะชวยใหนกั เรยี นเหน็ ภาพการปรุงอาหาร การจัดวางท่กี วี ตนจากถูกลูกชดิ น้นั ติดแพง เขาชา งแปลงชื่อถกู เรียกลกู ชิดฯ” พรรณนาในกาพยเ หชมเครอ่ื งคาวหวาน (คาํ กลอนในนิราศเมอื งเพชร ของสุนทรภ)ู มุม IT ศกึ ษาเก่ียวกับเนื้อเร่ืองกาพยเ หชมเครือ่ งคาวหวานเพม่ิ เตมิ ไดท่ี http://www. yorwor2.ac.th/thaionline/work%20web%20page%20maker/kaphechom. html 114 คูม อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ลนิ้ จี่มีครุ่นครนุ่ เรียกสม้ ฉนุ ใชน้ �มกร 1. ครูทําสลากบทเหชมผลไม โดยใหนักเรียนจบั คู ชะอ้อนถอ้ ยร้อยกระบวน ถอดคาํ ประพันธสลากท่จี ับไดค ลู ะ 1 บท หวนถวิลลนิ้ ลมงอน ทำ�ประณตี น้ำ�ต�ลกวน (แนวตอบ ครูพจิ ารณาการถอดคาํ ประพันธของ ยลยงิ่ พลบั ยบั ยบั พรรณ นกั เรียนใหม คี วามถูกตอ งเหมาะสม) พลับจีนจักดว้ ยมดี ปลอ้ นเปลอื กปอกเป็นอัศจรรย ์ เทียบเทยี มทีฝ่ ีมอื น�ง 2. นักเรยี นแตล ะคูมาอา นคาํ ประพันธและถอด คดิ โอษฐอ์ ่อนยมิ้ ยวน โอช�รสลำ้�เลศิ ป�ง คาํ ประพนั ธใหเ พอ่ื นฟงหนาช้นั เรียน ส�งเกศเสน้ ขนเมน่ สอย น้อยหน�่ นำ�เมล็ดออก ใสจ่ �นดดู ุจเม็ดพลอย 3. นักเรียนอธิบายการเตรียมและจัดวางผลไม อย�่ งแหวนก้อยแก้วต�ช�ย ในบทเหช มผลไมก อ นรับประทาน มือใครไหนจักทนั1 เนอื้ ดดี เู หลืองเรืองพร�ย (แนวตอบ การเตรยี มผลไมแ ตละชนิดจะ ส�ยสว�ทพที่ ค่ี ่คู ดิ แตกตา งกนั ไป ข้นึ อยูก ับลกั ษณะของผลไมวา ผลเกดพเิ ศษสด ผลงอมงอมรสหว�นสนทิ จะรับประทานสว นไหน หรอื นําไปแปรรูปเพ่มิ คดิ ย�มส�รทย�ตร�ม� รสชาตอิ ยางไร เชน ผลจากจะนาํ มาทําเปน ค�ำ นึงถงึ เอวบ�ง มล่อนเมลด็ และเหลือปญญ� ลอยแกว หมากปรางหรือมะปรางก็ตองปอก จ�เจ้�เง�ะเพร�ะเห็นง�ม เปลอื กกอ นแลวนําไปจดั วางใสใ นโถแกวอยาง ทับทมิ พร้มิ ต�ตรู คิดล�ำ ต้นแน่นหน�หน�ม สวยงาม หรอื การเตรยี มผลนอยหนา นอกจาก น�มสละมละเมตต� ฯ จะลอกเปลือกพรอมแลว ยังตองเอาเมล็ดออก สุกแสงแดงจักยอ้ ย กอนดวย การจัดทบั ทิมนั้นจะแกะเอาเมล็ดไป เคยมี จัดวางใสจานใหนากิน การวางเนื้อทุเรียนจะ ทุเรยี นเจียนตองป ู โศกย้อม วางบนใบตองทเี่ จยี นหรอื ตัดเล็มขอบใหไ ดรปู สมรแม ่ มาแม ่ แลว และผลเงาะทีต่ อ งควา นเมลด็ ออกกอ น) เหมอื นสีฉวีก�ย เพียบแออ้ กอร ฯ ล�งส�ดแสวงเนอื้ หอม ข้�วเหนยี วใส่สโี ศกแสดง แจ้งว�่ เจ�้ เศร�้ โศกเหลือ กลืนพล�งท�งเพง่ พิศ แทรกใสน่ ำ�้ กะทเิ จือ ได้เสพหริม่ พิมเสนโรย ผลเง�ะไมง่ �มแงะ หวนเห็นเชน่ รจน� สละส�ำ แลงผล ท่�ท่ิมปิมปน ก�ม โคลง ขยายความเขา ใจ Expand สังขยาหนา้ ไข่คุ้น แกมกับข้าวเหนยี วส ี นักเรียนจัดปายนเิ ทศเพื่อเปน ส่ือการเรยี นรูใ น หองเรยี น โดยนําภาพผลไมมาจับคใู หต รงกบั บท เแปถน็ ลนงวยั ่านโ�าศวก2าเทสี มอพอ้ ม ประพันธท่ีมีชอ่ื ผลไมทป่ี รากฏในกาพยเ หชมเครื่อง คาวหวาน ก�พย์ (แนวตอบ นกั เรียนรับผดิ ชอบตามท่ไี ดจ บั คู ในการถอดคําประพันธ) สังขย�หน�้ ต้งั ไข ่ เป็นนยั ไมเ่ คลอื บแคลง ซ่�หร่มิ ลมิ้ หว�นล�ำ้ วิตกอกแห้งเครอื 11๕ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู “พศิ หอเหน็ รางชาง” มีความหมายสอดคลอ งกบั ขอใด ครูแนะความรใู หน กั เรียนเพมิ่ เติม สาํ หรับการใชค ําวา “หมาก” ข้นึ ตน ชอื่ ผัก 1. มองดหู อแลว นึกถึงความอรอย ผลไมใ นสมัยกอ น ดังท่ปี รากฏในบทประพนั ธวา “หมากปรางนางปอกแลว” 2. มองดหู อแลว เหน็ วา สวยงาม ปจ จบุ ันมีการเปล่ียนแปลงดา นเสยี ง คอื มกี ารกรอนเสยี งทาํ ใหออกเสยี งเปน 3. มองดูหอแลวรูสึกสบายใจ “มะ” เชน มะปราง มะพรา ว มะมว ง มะขาม มะนาว เปนตน 4. มองดหู อ แลวรสู ึกอิม่ เอม นักเรยี นควรรู วิเคราะหคําตอบ “พศิ หอเห็นรางชาง” มาจากคําประพันธทวี่ า “หมูแนมแหลมเลิศรส พรอ มพรกิ สดใบทองหลาง 1 ผลเกด หรือลูกเกด คือ ลูกองุน แหง ชนิดหน่งึ ทเี่ พี้ยนมาจากคาํ วา grape ท่ี พศิ หอเห็นรางชาง หา งหอหวนปวนใจโหย” แปลวา องุน คนไทยออกเสยี งแลวลากเขา ความวา “เกด” ถอดคาํ ประพนั ธไดวา หมูแนมหอดวยใบทองหลาง เมื่อเห็นวา สวยก็ทําให 2 โศก เปน สีเขยี วออ นอยางสีใบอโศกออ น เรยี กวา สีโศก รสู กึ หวนไหเมือ่ ตอ งหางกนั ตอบขอ 2. คูมอื ครู 115

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นักเรียนอธบิ ายความรูเก่ยี วกับขนมหวานและ ลำ�เจียกชอ่ื ขนม นกึ โฉมฉมหอมชวยโชย อาหารวา งทป่ี รากฏในกาพยเหชมเครือ่ งคาวหวาน ไกลกลิ่นด้ินแดโดย โหยไห้ห�บุหง�ง�ม มศั กอดกอดอย�่ งไร • ขนมหวานหรอื อาหารวา งชนิดใดที่กวไี มได กอดเคลน้ จะเห็นคว�ม ขนน่�สมงนส�ัยมในคีย้ รงัข่ แอคถล�งม1 อธิบายรูปรางลกั ษณะและมีความสงสยั ในช่อื ท่ี ลุดตีน่ ้นี �่ ชม ใชเ รยี ก โอช�หน้�ไก่แกง แผแ่ ผน่ กลมเพียงแผน่ แผง (แนวตอบ มศั กอด เปน ชื่อขนมชนิดหนึ่งท่ีกวี ขนมจบี เจ�้ จีบห่อ แคลงของแขกแปลกกล่นิ อ�ย ไมไดอธิบายวา มีลกั ษณะรปู รา งอยา งไร นึกน้องนงุ่ จีบกร�ย ๑ ง�มสมส่อประพมิ พป์ ระพ�ย ความวา รสรกั ยักล�ำ น�ำ ช�ยพกจีบกลบี แนบเนียน “มัศกอดกอดอยางไร นา สงสยั ใครขอถาม คำ�นงึ นว้ิ น�งเจียน ประดิษฐ์ท�ำ ขนมเทียน กอดเคลนจะเหน็ ความ ขนมนามน้ียงั แคลง”) ทองหยิบทิพย์เทียมทดั เทยี นหลอ่ เหล�เกล�กลึงกลม หลงหยบิ ว�่ ย�ดม ส�มหยิบชดั น่�เชยชม ขยายความเขา ใจ Expand ขนมผงิ ผงิ ผ่�วร้อน กม้ หน�้ เมนิ เขินขวยใจ ร้อนนักรักแรมไกล เพยี งไฟฟอนฟอกทรวงใน นักเรยี นยกบทประพันธทมี่ ชี อื่ อาหารที่นักเรยี น รงั ไรโรยดว้ ยแปง้ เมอื่ ไรเหน็ จะเย็นทรวง ชนื่ ชอบมาหนึง่ บท จากนน้ั นักเรียนศึกษาวธิ ที ํา โอ้อกนกทง้ั ปวง เหมอื นนกแกลง้ ทำ�รังรวง อาหารในบทประพันธท ี่เลอื กและเขยี นอธบิ าย ทองหยอดทอดสนทิ ยังยนิ ดีดว้ ยมรี ัง ขั้นตอนการทําอาหารชนิดน้ัน สองปสี องปิดบัง ทองมว้ นมดิ คิดคว�มหลงั ง�มจรงิ จ่�มงกฎุ แต่ลำ�พงั สองตอ่ สอง (แนวตอบ นักเรียนสามารถเลอื กบทประพนั ธ เรยี มร่ำ�คำ�นึงปอง ไดห ลากหลายตามความสนใจของนกั เรยี น ครู บัวลอยเล่หบ์ วั ง�ม ใส่ชอื่ 2ดจุ มงกฎุ ทอง พจิ ารณาการเขียนอธบิ ายลําดับข้นั ตอนวิธกี ารทาํ ให ปล่ังเปล่งเครง่ ยุคล ถูกตองชัดเจน) ช่อมว่ งเหม�ะมรี ส สะองิ้ นอ้ งน้นั เคยยล คดิ สีสไบคลุม คดิ บวั ก�มแก้วกบั ตน ตรวจสอบผล Evaluate ฝอยทองเปน็ ยองใย สถนนชุ ดจุ ประทุม คดิ คว�มย�มเย�วม�ลย์ หอมปร�กฏกลโกสุม 1. นกั เรียนเลือกภาพประกอบอาหารใหต รงกับชือ่ หุม้ ห่อม่วงดวงพุดต�น อาหารคาวที่มีในกาพยเ หช มเครือ่ งคาวหวาน เหมือนเสน้ ไหมไขข่ องหว�น และเขยี นคาํ บรรยายใตภ าพได เย็บชนุ ใช้ไหมทองจนี ฯ 2. นักเรียนยกบทประพันธท ่ีมีชื่ออาหารท่นี กั เรียน ชื่นชอบ และเขียนอธิบายขน้ั ตอนการทําอาหาร ชนดิ นั้นได ๑ บางฉบบั วา นุงจีบทวาย บางฉบับวา นุง จีบถวาย 11๖ นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ขอใดใชโ วหารภาพพจนต างจากขออนื่ 1 ขนมนามนยี้ ังแคลง ในท่นี ี้ มัศกอด ก็คือ “ฮะหรว่ั ” ชนดิ หนึง่ ท่ีเวลากวนใช 1. ฝอยทองเปน ยองใย เหมอื นเสน ไหมไขข องหวาน น้าํ มันเนยแทนกะทิ กวนคอนขางยาก เมอื่ จวนสุกจะใส “มะดา่ํ ” (ภาษาเปอรเ ซยี ) 2. ขนมผงิ ผิงผา วรอ น เพยี งไฟฟอนฟอกทรวงใน หรอื เมลด็ อลั มอนดบ ุบปนไปในเนือ้ ขนมดวย รสชาติจะหอมเนยเปน พเิ ศษ เรียก 3. ทับทิมพรม้ิ ตาตรู ใสจานดูดจุ เม็ดพลอย ฮะหรวั่ ชนิดนีว้ า “ฮะหร่ัวเนย” หรอื “ฮะหรัว่ มัศกอด” บางคนเรยี กวา “ฮะหร่ัว- 4. เหน็ หรมุ รมุ ทรวงเศรา รุมรมุ เราคือไฟฟอน มสั กัด” ชอ่ื “มัศกอด” นั้น มาจากชอื่ เมือง “มัสกตั ” (Muscat) เปน เมอื งทา บรเิ วณ ปากอา วโอมาน ในอดตี หากจะเดนิ ทางจากประเทศเปอรเ ชีย (อิหรานในปจจุบัน) วิเคราะหค ําตอบ ดังท่ีปรากฏมกี ารใชโวหารภาพพจนอุปมาและการใช จะตอ งเดนิ ทางโดยทางเรอื ผานอา วเปอรเ ชยี ไปออกอาวโอมาน จอดเรอื พกั ทเ่ี มอื ง โวหารภาพพจนอุปลักษณ การแยกโวหารวาเปนชนดิ ใดนั้นสามารถพจิ ารณา มสั กัตแลว จงึ ออกสูม หาสมุทรอนิ เดยี ไดจ ากคําทีแ่ สดงความเปรยี บ กลาวคือ โวหารภาพพจนอ ปุ มาจะมีคําวา 2 สะองิ้ เปนคาํ กริยา หมายถงึ อาการท่ีเดนิ เอวออ นไปออ นมา เชน เดนิ สะอิง้ “เหมือน” “ดุจ” “ดงั ” “เพยี ง” “เทา ” ในขณะทีโ่ วหารภาพพจนอปุ ลักษณจ ะ สวนคาํ นาม หมายถึง สายรดั เอว ในท่นี ้ี “สะอ้งิ นองน้ันเคยยล” หมายความวา มีคําวา “เปน ” “คอื ” ขอที่มีโวหารตางจากขอ อื่น คือ “เห็นหรุมรุมทรวงเศรา เคยมองดูสายคาดเอวนอ ง รุม รุมเราคือไฟฟอน” เปน โวหารอุปลกั ษณ เพราะมีคําวา “คือ” ตอบขอ 4. 116 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๕ คÓศัพท์ คว�มหม�ย ครใู หน กั เรยี นเลน เกมคําศพั ท โดยใหน ักเรยี น เขียนคําศัพทท ี่อยใู นบทเรียนท่ีนกั เรยี นสนใจ คนละ ค�ำ ศพั ท์ เหมือน 1 คาํ ลงบนกระดาน ครตู รวจสอบวา คําศัพทไ มซ ้ํา ยกมือทุบแรงๆ กัน จากน้นั ใสกระดาษคาํ ศพั ทลงในกลอ ง ครเู รียก กล สิ่งหรือข้อความท่ีมีนัย ไม่ควรเปิดเผย ในที่น้ีหมายถึงความสงบระหว่างกวี ชอ่ื นกั เรียนทลี ะคนจบั สลาก ใหนกั เรียนบอก ข้อน กบั นาง ความหมายของคําศัพทท นี่ กั เรียนจับสลากได คว�มขำ� คอย งามนา่ ดู สาํ รวจคน หา Explore เคร�่ ตดั ขรบิ หรือเฉือนให้ไปตามแนวหรอื ใหไ้ ดร้ ปู ตามทต่ี อ้ งการ เช่น ง�มแงะ เจียนใบตอง นกั เรยี นคดั เลอื กคําศพั ทในบทเรียนท่ีมี เจียน กลิ่นหอม ความหมาย ดังตอไปนี้ ใจ ในท่นี ีอ้ ่านว่า นดิ หมายถงึ นอน • งาม เครื่องหอม (แนวตอบ เชน งามแงะ รางชาง เปน ตน ) ฉม ลักษณะหรอื สว่ นท่ีคล้ายคลงึ กนั แด พูด กลา่ ว • หญงิ สาวหรือคนรกั นิทร ชอ่ื สารชนิดหน่ึง มลี ักษณะเป็นเกล็ดสขี าวขนุ่ มีทัง้ ท่ไี ดจ้ ากธรรมชาติ (แนวตอบ เชน เสาวคนธ เอวบาง เปนตน) ประทนิ่ และไดจ้ ากการสังเคราะห์ ใช้ท�ายา ประพิมพป์ ระพ�ย กองไฟท่ีแม้ดบั แล้ว ยงั มีความรอ้ นระอุ เปรยี บไดก้ บั จิตใจอนั รมุ่ ร้อน อธบิ ายความรู Explain พร้อง รบั ประทาน พิมเสน ฝมี ือของนาง 1. นักเรยี นรว มกันอภิปราย การใชค ําศัพททีม่ ี เมืองสวรรค์ ความหมายวา “งาม” ในบทประพนั ธว า ในทน่ี ี้หมายถงึ สวยงาม เด่น มลี ักษณะการใชอ ยางไร ลวดลายทีเ่ ปน็ ชัน้ ๆ มีความสวยงาม (แนวตอบ การชืน่ ชมความงามในกาพยเ หชม- ไฟฟอน กลิ่นหอม ในทนี่ ีห้ มายถึง คนรัก เครื่องคาวหวาน ใชค ําวา “งาม” ชมฝม ือการ ภุญช์ ผทู้ มี่ เี อวบอบบางออ้ นแอ้น ในท่นี ห้ี มายถงึ ผหู้ ญงิ ทาํ อาหารของนางผเู ปน ท่รี กั วา ทาํ ไดงาม คอื มอื น�ง มีรสด ี อร่อย อาหารงามละเมยี ดละไม และชมอาหารวา เมอื งบน งามเหมือนนางทเี่ ปนคนทาํ ) ร�งช�ง 117 ลดหลัน่ ชนั้ ชอบกล 2. นกั เรยี นบนั ทกึ ความรลู งสมุด เเอสว�วบค�นง1ธ์ โอช� กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ใหน ักเรียนศกึ ษาลกั ษณะคาํ ประพนั ธประเภทกาพยย านี 11 และแตง กาพยเหช มเครอื่ งคาวหวานมีคาํ ศพั ทบางคาํ ท่เี ปน คาํ ไวพจน ครูจัดกิจกรรม คาํ ประพนั ธประเภทกาพยย านี 11 จาํ นวน 1 บท ทัง้ นน้ี กั เรียนเลือกหวั ขอ ท่สี งเสรมิ การเรียนการสอนเกี่ยวกบั คาํ ศัพทใ นบทเรียนท่มี ีลกั ษณะการหลากคาํ ในการแตงไดตามความสนใจ และใหน าํ คาํ ศัพทในบทเรยี นไปใชใ นการแตง โดยอาจใหนกั เรยี นหาคําท่มี ีความหมายเหมือนกนั กับวรรณกรรมเร่ืองอืน่ หรือให คําประพนั ธ โดยแตงใหถูกตองตามฉนั ทลักษณท ีน่ กั เรยี นไดศึกษามา นกั เรยี นจดั กลุมจําแนกคาํ ไวพจนใ หเปน หมวดหมู นาํ ไปจัดปา ยนเิ ทศใหค วามรู หนาชัน้ เรยี น กจิ กรรมทาทาย นกั เรยี นควรรู ใหนกั เรียนศึกษาลกั ษณะคําประพนั ธประเภทกาพยยานี 11 และศึกษา เกย่ี วกับคําไวพจนแ ละการหลากคาํ เพิ่มเตมิ เพื่อแตง คําประพนั ธป ระเภท 1 เอวบาง มีความหมายวา ผหู ญงิ เปนคาํ ไวพจนท่มี ีความหมายเหมือนกับคําวา กาพยยานี 11 จาํ นวน 1 บท ทง้ั นนี้ กั เรยี นเลอื กหวั ขอในการแตง ไดตาม อนงค สมร พะงา ความสนใจ แตใหนําคําศัพทในบทเรียนท่ีเปนคําไวพจนไ ปใชใ นการแตง คําประพันธแ ละแสดงใหเห็นการหลากคาํ ในบทประพันธน ้ัน คูมือครู 117

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Expand ขยายความเขา ใจ 1. นกั เรียนยกบทประพันธจากกาพยเหช ม บอกเลา่ เกา้ สบิ เครอ่ื งคาวหวานทป่ี รากฏการใชคําวา “งาม” (แนวตอบ บทประพนั ธท ่ปี รากฏการใชคาํ วา ขนมมงคล ๙ อยา ง ยา ง “งาม” ตัวอยา งเชน ขนมไทย นับเป็นส่ิงหน่ึงท่ีแสดงให้เห็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของไทย ในกาพย์ “งามจรงิ จามงกุฎ ใสชอื่ ดุจมงกฎุ ทอง เห่ชมเคร่ืองคาวหวาน มีการกล่าวถึงช่ือขนมต่างๆ หลายชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความไพเราะและ ส่ือให้เห็นความหมายอันเป็นมงคล อันเป็นภูมิปญญาของคนไทยในอดีตที่มีความชาญฉลาด เรยี มรํา่ คํานงึ ปอง สะองิ้ นอ งนนั้ เคยยล”) ในการผนวกชื่อเรียกขนมไทย ด้วยค�าที่แฝงความหมายอันเป็นมงคลเข้ากับงานพิธีมงคลต่างๆ 2. หลังจากนกั เรียนยกบทประพนั ธแ ลว ครใู ห ไดอ้ ย่างกลมกลืน นกั เรียนทํากิจกรรมตามตัวชวี้ ดั จากแบบวัดฯ ในงานพิธีมงคลต่างๆ นิยมน�าขนมไทยไปใช้ประกอบเคร่ืองคาวหวานเพื่อถวายพระหรือ ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.11 เลย้ี งแขก ตวั อย่างขนมมงคล ๙ อยา่ ง มดี งั นี้ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ เสนหจนั ทร ทองเอก ภาษาไทย ม.1 กจิ กรรมท่ี 1.11 เรอ่� ง กาพยเหช มเครอ�่ งคาวหวาน แสดงถึงความมีเสนห่ ์ ค�าอวยพรแสดงถงึ ความ แกผ่ พู้ บเห็น เปน็ หนึ่ง กจิ กรรมท่ี ๑.๑๑ ใหนักเรียนพิจารณาวาคําประพันธตอไปนี้กลาวถึงอาหาร คะแนนเต็ม คะแนนทีไ่ ด ชนดิ ใดบา ง (ท ๕.๑ ม.๑/๑) จา มงกฎุ ขนมถว ยฟู õ แสดงถงึ การเปน็ แสดงถึงความเจรญิ ๑. มสั มน่ั แกงแกวตา หอมยหี่ รารสรอนแรง มัสมนั่........................................................................ หัวหน้าสูงสดุ ความ รุง่ เรืองเฟองฟู ชายใดไดกลนื แกง แรงอยากใหใฝฝ น หา มเี กียรติยศสูงส่ง ๒. หมแู นมแหลมเลศิ รส พรอมพรกิ สดใบทองหลาง หมูแนม........................................................................ พิศหอ เห็นรางชาง หา งหอ หวนปว นใจโหย ๓. ความรกั ยักเปลย่ี นทา ทําน้าํ ยาอยา งแกงขม ..ข..น.....ม...จ...นี....น.....า้ํ ..ย....า.....แ...ก...ง...ข...ม......แ...ก....ง...อ...อ ...ม... กลออ มกลอมเกลีย้ งกลม ชมไมวายคลายคลา ยเห็น ๔. ผลจากเจาลอยแกว บอกความแลว จากจาํ เปน ..................ล....ูก....จ...า...ก....ล....อ...ย....แ...ก....ว.................. จากช้ําน้ําตากระเด็น เปน ทุกขทา หนานวลแตง ทองหยบิ เฉฉบลับย ๕. หมากปรางนางปอกแลว ใสโถแกว แพรว พรายแสง มะปราง........................................................................ ยามชื่นรืน่ โรยแรง ปรางอมิ่ อาบซาบนาสา แสดงถงึ การหยบิ จับ การงานสง่ิ ใดก็จะ ๖. ทับทมิ พร้ิมตาตรู ใสจ านดดู จุ เมด็ พลอย ทบั ทิม........................................................................ ร�า่ รวยมีเงนิ มที อง สกุ แสงแดงจกั ยอย อยา งแหวนกอ ยแกว ตาชาย ๗. มศั กอดกอดอยางไร นา สงสัยใครข อถาม มศั กอด........................................................................ ขนมชน้ั กอดเคลนจะเหน็ ความ ขนมนามนี้ยังแคลง ๘. งามจรงิ จา มงกฎุ ใสชือ่ ดจุ มงกฎุ ทอง จามงกุฎ........................................................................ การได้เล่อื นขั้น เล่ือนยศ เรยี มรา่ํ คํานงึ ปอง สะอ้ิงนอ งนน้ั เคยยล ต�าแหน่งให้สูงยิง่ ๆ ขึน้ ไป ๙. สังขยาหนา ต้ังไข ขาวเหนียวใสสโี คกแสดง ................ข...า...ว...เ..ห....น....ีย....ว..ส.....งั ...ข...ย...า................. ทองหยอด เมด็ ขนุน เปนนยั ไมเ คลือบแคลง แจงวาเจาเศราโศกเหลือ แสดงถงึ การจบั วางอะไร ๑๐. รงั ไรโรยดวยแปง เหมอื นนกแกลง ทาํ รังรวง ................ข...น....ม....ร...ัง....ไ..ร......(...เ..ร...ไ...ร...)................ เป็นเงนิ เปน็ ทอง ชว่ ยให้มคี นสนบั สนนุ โออ กนกท้งั ปวง ยงั ยนิ ดีดว ยมรี งั หนนุ ใหช้ ีวติ กา้ วหน้า ฝอยทอง ๙๒ ตรวจสอบผล Evaluate ค�าอวยพรให้มชี วี ิต ยืนยาวหรือครองชีวิตคู่ ยืนยาวตลอดไป 1. นกั เรียนคดั เลอื กคําศัพทใ นบทเรยี นไดต รงตาม 11๘ ความหมายที่กําหนด กจิ กรรมสรา งเสรมิ 2. นกั เรยี นยกบทประพนั ธจากกาพยเหช ม เคร่ืองคาวหวานทป่ี รากฏการใชคําวา “งาม” บูรณาการอาเซียน สง่ิ ทีเ่ ปน เอกลกั ษณและบงบอกความเปนชาตมิ ีหลายอยา ง และอาหารคอื หนึง่ นกั เรยี นรวบรวมรายชอ่ื ขนมไทยทเ่ี ปนมงคล ลกั ษณะของขนม และ ในเอกลกั ษณท่แี ตละประเทศมีตา งกันทัง้ การปรุงและรสชาติ ปจจัยสาํ คัญทท่ี ําให บอกรายละเอียดวา งานมงคลตางๆ มีการใชข นมชนิดใดบาง จัดทําเปน อาหารแตล ะประเทศแตกตางกนั คอื แหลงวัตถดุ ิบ ซึง่ เปน ตวั กําหนดรูปลกั ษณ ใบความรูส งครู รสชาตขิ องอาหาร รวมไปถึงคนในถ่นิ นนั้ จะตอ งรังสรรคด ัดแปลงปรงุ แตงอาหาร ใหหลากหลายจากวตั ถดุ ิบทมี่ ีในทองถิน่ ตน ดังน้ัน อาหารการกินในแตละสํารบั กจิ กรรมทาทาย จะบอกเลาอะไรไดม ากมาย ทงั้ เชอ้ื ชาติ วัฒนธรรมประเพณี ฐานะทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงสภาพแวดลอม นอกจากความภาคภมู ใิ จในเอกลกั ษณของชาตแิ ลว ดา น นกั เรียนยกงานมงคลของไทย 1 งาน จากนน้ั ระบวุ างานมงคลน้นั ใช เศรษฐกิจในปจจบุ ันอาหารไดเปล่ยี นเปน อตุ สาหกรรมระดบั โลกท้ังทแ่ี ปรรปู และไม ขนมใดบาง ขนมทีใ่ ชแ ตละชนดิ มีลกั ษณะอยา งไรพรอมทงั้ อธิบายความ แปรรูป ซ่งึ ประเทศสมาชกิ อาเซียนเปนประเทศสาํ คญั ในการสงออกอาหาร ซง่ึ เปน สําคญั และความหมายของชื่อขนมไทยท่ีใชใ นงานมงคลวา มขี นมแตล ะ สนิ คาสาํ คัญทีแ่ ตละปม ลู คา สงู การรวมตวั กันจงึ มแี นวโนม ท่ีจะชว ยสง เสริมความ ชนดิ มคี วามสอดคลอ งกับงานมงคลนนั้ อยา งไร จดั ทําเปนใบความรสู ง ครู ม่ันคงทางเศรษฐกิจใหเ ขม แขง็ ย่ิงขึ้น 118 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๖ บทวิเคราะห์ ครนู ํารูปภาพอาหารไทยทัง้ คาวหวาน หรอื บัตรคาํ ทายบอกลักษณะเดนของอาหารทปี่ รากฏ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานบรรยายอาหารคาวหวานและผลไม้ได้อย่างละเอียดอ่อน นับเป็น ในกาพยเ หชมเคร่อื งคาวหวาน เพ่ือใหนักเรียนทาย วรรณคดีท่ีส�าคัญอีกเร่ืองหน่ึงท่ีแสดงพระปรีชาสามารถในเชิงกวีของรัชกาลท่ี ๒ แม้เน้ือเร่ือง ชือ่ อาหาร จะไม่มากนกั ทว่าใหค้ ุณค่าทเี่ ป็นประโยชน์หลายประการ ดังนี้ สาํ รวจคน หา Explore ๖.๑ คณุ คา่ ดา้ นเนอื้ หา นักเรียนศกึ ษาเกี่ยวกับคุณคาดา นเนื้อหา ๑) ให้คว�มรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมด้�นอ�ห�รก�รกินของคนไทยสมัยโบร�ณ ดานวรรณศิลป และดา นสงั คม ในกาพยเหช ม กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน สะท้อนให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการท�า เคร่อื งคาวหวาน อโดายหอาารห ไามร่วบ่าาจงะชเนปิด็นนกั้นาไรมจ่ปัดวราางก ฏสแีสพันร ่หแลลาะยรหูปรลือักไษมณ่ค์ุข้นอชง่ืออใานหปาจรจคุบาันวห เวชา่นน แรสวมร้งทว้ัง่าผ ลหไรมุ่ม้ช นลิด่าตเ่าตงียๆง1 ยา� ใหญ่ มศั กอด ช่อมว่ ง เป็นต้น อธบิ ายความรู Explain แสรง้ ว�่ 1. นักเรียนรวมกนั อภิปรายเกยี่ วกับวฒั นธรรม เรอ่ื งอาหารของคนในสมัยกอน เปนอาหารประเภทยํา วิธีทํา นํากุงชีแฮ ยางไฟพอน้ําตก ปอกเปลือกแลวเอา • กาพยเหชมเครือ่ งคาวหวานสะทอน เสนดําที่หลังออก นําน้ํามะนาวหรือมะกรูดผสมกับเกลือปนใหเขากัน เทลงในถวยกุง วฒั นธรรมของคนไทยในสมยั กอ นอยา งไร เคลาใหเขากนั โรยตะไครห่นั ซอย หวั หอมเล็กซอย ขิงออ นซอย ตนหอม ผักชี พรกิ แดง (แนวตอบ กาพยเหช มเครอ่ื งคาวหวานสะทอ น พริกเหลืองหัน่ โรย คลกุ เคลา ใหเขา กนั รบั ประทานพรอ มกบั ผกั แตงกวา มะเขือ วัฒนธรรมดา นอาหารการกิน สะทอ นใหเห็น ถงึ ความประณีตพถิ พี ถิ นั ในทกุ ขนั้ ตอนของ ล่�เตียง การทําอาหาร ต้งั แตการทาํ เครอื่ งปรงุ การจดั วาง สสี นั และรปู ลักษณของอาหาร เปนอาหารวาง วิธีทํา นํารากผักชี กระเทียม พริกไทยท่ีบดแลวผัดจนหอม คาวหวาน และผลไม แสดงใหเหน็ วาชนชาติ ใสหอมแดง หมูบด กุงแหง ปรุงรสดวยนํ้าปลา น้ําตาล ผัดจนแหง ใสถั่วลิสงคั่วบด ไทยเปน ชนชาติทม่ี ีศิลปะความงดงาม ตกั ใสจ าน ตไี ขไก ๑ ฟอง ไขเปด ๓ ฟองจนเขากนั ใชนวิ้ จมุ ไข โรยไขในกระทะใหเปน ในทุกอยาง แมเรอ่ื งอาหารการกินกช็ าง รูปตารางส่ีเหลี่ยม ลอกใสจาน วางพริกชี้ฟาแดงหั่นเปนเสนยาวบนแผนไข วางทับดวย ประดดิ ประดอยใหง ดงาม) ผกั ชี ใสไสท ีผ่ ดั ไวห อ เปนรปู สเี่ หลี่ยมขนาดพอคํา 2. นักเรยี นบันทกึ ความรูท ไ่ี ดจ ากการอภิปราย รว มกันลงสมุด 11๙ ขอใดกลา วถงึ สวนประกอบของอาหาร ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู 1. ซา หริ่มล้มิ หวานลํ้า แทรกใสน้าํ กะทิเจือ 1 ลาเตยี ง มีลักษณะวิธที าํ คลา ยหรุม คือ ใชไ ขโรยฝอยเปนรา งแห ไสทําดวยหมู วติ กอกแหงเครือ ไดเ สพหรมิ่ พิมเสนโรย หั่นเปนชิ้นเล็กๆ ผัดกับถ่ัวลสิ งหวั หอมและเคร่อื งปรุง หอ ขนาดพอดคี าํ แตต า งกนั 2. ลาํ เจยี กช่อื ขนม นึกโฉมฉมหอมชวยโชย ทีล่ าเตียงหอ ไสซ ึ่งทําดวยกงุ ผดั กบั เคร่ืองปรงุ ในขณะทหี่ รมุ เวลาหอจะแผแ ผน หรุม ไกลกล่นิ ด้ินแดโดย โหยไหหาบหุ งางาม แลวเรียงเครอื่ งลงไป เรมิ่ จากพริกชี้ฟา แดงห่นั เปน เสน ใบผกั ชสี ด ทับดว ยหนากุง 3. มศั กอดกอดอยางไร นาสงสยั ใครข อถาม ตามลาํ ดับ เมอื่ มวนหอ พอดคี ํา จะมองทะลรุ างแหหรมุ เห็นสสี นั ของหนากงุ ทุกวนั น้ี กอดเคลนจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง หรุม ไมค อยจะเปนท่พี บเห็นโดยทว่ั ไป แตจ ะเปนอาหารเฉพาะขอกุฎใี หญห รือมัสยดิ 4. ขนมจีบเจา จบี หอ งามสมสอ ประพิมพป ระพาย ตน สน นกึ นอ งนุงจีบกราย ชายพกจบี กลีบแนบเนียน วิเคราะหคาํ ตอบ ขอที่กลาวถงึ สวนประกอบอาหาร คอื ขอ 1. กลา วถึง ขนมซา หรม่ิ ซงึ่ มสี ว นผสมของกะทิ และพิมเสน สว นในขอ อนื่ กลา วถึง ชือ่ ขนมและความรูส ึกของกวีท่มี ตี อ นางอนั เปนท่รี ัก ดังนนั้ จงึ ตอบขอ 1. คูมือครู 119

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรยี นอธบิ ายเก่ียวกบั การแกะสลักผกั ผลไม ความประณีตพิถีพิถัน ช่างประดิดประดอยท่ีปรากฏในเร่ือง นับวันจะมีผู้รู้กรรมวิธี ซงึ่ เปน ศลิ ปะเดน ของไทย เหล่านี้น้อยลง เช่น ศิลปะในการจัดแต่งอาหารด้วยการแกะสลัก ซึ่งเป็นงานท่ีผู้หญิงไทยสมัยก่อน (แนวตอบ การแกะสลักผกั และผลไมเ ดมิ เปน ตอ้ งเรยี นรูแ้ ละฝก หัดโดยเฉพาะผูห้ ญงิ ท่ีอยูใ่ นวัง วิชาการข้ันสงู ของกุลสตรใี นร้วั ในวงั ตอ งฝก ฝน การแกะสลักผักผลไม้เป็นงานฝีมือที่แสดงถึงความพยายามและความประณีตของผู้ท�า และเรยี นรูจนเกดิ ความชาํ นาญ บรรพบรุ ษุ ของ ปรุงแต่งด้วยความวิจิตรสวยงามท้ังรูปลักษณ์ภายนอกและรสชาติของอาหาร ผลไม้ต้องปอกเปลือก ไทยเราไดม ีการแกะสลกั กันมานานแลว คว้านเมล็ดออก โดยยังคงรูปลกั ษณเ์ ดิม เช่น “นอ ยหนานําเมล็ดออก ปลอ นเปลือกปอกเปนอัศจรรย”์ ในสมยั รัตนโกสินทรต อนตน พระบาทสมเดจ็ - หรอื ดัดแปลงให้งดงามยิง่ ขึน้ อยา่ งมะปรางริว้ “หมากปรางนางปอกแลว ใสโ ถแกว แพรว พรายแสง” พระพทุ ธเลิศหลา นภาลัย ทรงโปรดการประพันธ ส่วนขนมไทยน้ัน บางชนิดคนรุ่นหลังแทบไม่มีโอกาสได้เห็น เนื่องจากกรรมวิธีการท�า ยง่ิ นัก พระองคท รงพระราชนพิ นธกาพยแหชม ย่งุ ยาก ต้องอาศยั ฝีมือและความอตุ สาหะอย่างย่ิง เช่น เครื่องคาวหวาน และบทเหชมผลไมไ ดพรรณนา ชมฝมือการทาํ อาหาร การปอกควานผลไม จ่�มงกุฎ และประดิดประดอยขนมอรอยและสวยงาม เปนสุดยอดขนมไทยที่ร่ําลือกันวายากนัก เพราะตองใชมือกวาดเมล็ดแตงโม ทงั้ หลายวา เปน ฝมืองามเลศิ ของสตรีชาววัง สมัยนัน้ ดงั บทประพันธท ี่พรรณนาถงึ การจัด ในกระทะทองเหลืองท่ีตั้งบนเตาไฟ จนน้ําเช่ือมท่ีพรมลงไปจับท่ีผิวเมล็ดแตงโมจนเปน เตรียมผลไมอ ยางพถิ พี ถิ นั วา หนามพราว เอาไปติดประดับรอบๆ ตัวขนม ที่ตองทําฐานเปนถวยขนมกอน โดยปน “นอ ยหนา นาํ เมล็ดออก ขนมจากแปงสาลีและไขแดงเปนทองเอกกลมๆ วางตรงกลาง ใชมีดปลายแหลมผาเปน ปลอนเปลือกปอกเปน อัศจรรย ๖ พู เหมอื นเม็ดมะยม แลวปนเปนกอ นเลก็ ๆ วางบนยอดขนม ใชทองคําเปลวตัดเปน มอื ใครไหนจักทัน สีเ่ หล่ียมเล็กๆ ติดตรงยอดมองเหน็ เหมอื นมงกฎุ เทียบเทียมทฝ่ี ม อื นาง” และ “ผลเงาะไมง ามแงะ ชอ่ มว่ ง 1 มลอนเมล็ดและเหลอื ปญ ญา หวนเห็นเชนรจนา เปนขนมไทยท่ีตองใชฝมือในการทําอยางมาก โดยผสมแปงกับนํ้าดอกอัญชัน จา เจา เงาะเพราะเหน็ งาม”) คนในกระทะทองเหลืองดวยไฟออนๆ ใหสุก นํามานวด แบงเปนกอน กอนจะนําแปง มาแผตักไสท่ีมีสวนผสมของถ่ัวน่ึงบดกับฟก ผสมนํ้าตาลทรายและเกลือ คนในกระทะ 2. ครูสุม นักเรียน 2-3 คน มาชว ยกันนาํ เสนอ ทองเหลือง ท้ิงใหเย็นหอแปงใหมิด ใชที่หนีบขนมจับจีบใหเปนกลีบดอกไมนึ่งจนสุก หนา ชั้นเรยี น จากนนั้ ครชู ี้แนะเพ่มิ เติม แลวใชหวั กะทิพรมไมใหต ิดกนั 120 นกั เรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT คาํ ประพันธใ ดสะทอ นวัฒนธรรมไทยสมยั กอน 1 ดอกอัญชัน ควรเลอื กอัญชันสนี ํา้ เงนิ มาประกอบอาหาร เชื่อวา สารอาหาร 1. ชอ มว งเหมาะมรี ส หอมปรากฏกลโกสมุ จะมมี ากกวาสีอ่ืนและใหส สี วยงาม หากมีดอกสดมากสามารถผึ่งในที่รอ นและแหง 2. ทุเรยี นเจียนตองปู เนือ้ ดีดเู หลอื งเรอื งพราย โดยไมโดนแดดจดั รอใหแหง เก็บไวใ นโถปด สนทิ จะใชไดประมาณ 6 เดือน 3. ทองหยอดทอดสนทิ ทองมว นมดิ คิดความหลงั ดอกอัญชันแหง 10 ดอกตอแกว แทนดอกสด 5 ดอก ดอกแหงสามารถนาํ มาทาํ ชา 4. นึกนอ งนุงจบี กราย ชายพกจีบกลีบแนบแนน อญั ชัน ซงึ่ จะไมม ีกล่ินเหมน็ เขียว และไมม รี สชาติ สามารถปรงุ แตงรสไดตามชอบ วเิ คราะหคาํ ตอบ ขอ 1. กลาวชมขนมชอมวงวา หอมเหมอื นดอกไม ขอ 2. เชน นํา้ ผง้ึ น้ําตาล นาํ้ มะนาว เปน ตน กลาวถงึ ทุเรียนทวี่ างบนใบตองที่เจยี นอยา งดี ขอ 3. กลาวถงึ ทองหยอดและ ทองมว นท่ที าํ ใหนึกถึงความหลงั และขอ 4. กลาวถึงผานงุ ของนางผเู ปน ท่รี กั มุม IT ท่จี บั จีบชายพกไวอยางแนน ซ่ึงสะทอ นใหเห็นวัฒนธรรมการแตงกายของ หญงิ สาวในสมยั นั้น ตอบขอ 4. ศึกษาเก่ยี วกับขนั้ ตอนวิธกี ารประกอบอาหารชนดิ ตางๆ ที่ปรากฏในกาพยเหชม- เครอ่ื งคาวเพิ่มเติม ไดที่ http://www.siamsouth.com/smf/index. php?topic= 8153.0 120 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู บอกเล่าเกา้ สิบ นักเรียนอธิบายเกย่ี วกับการรับวฒั นธรรม อาหารการกนิ ของตา งชาติในสมัยกอ นท่พี บไดจาก เคร่อื งเทศ กาพยเ หชมเครื่องคาวหวาน เครอ่ื งเทศ เปน็ ของเผด็ รอ้ นและมกี ลน่ิ • คนไทยรับเอาวฒั นธรรมการกนิ ของตางชาติ หอมฉุน มีสรรพคุณทางยา ได้มาจากส่วน อยางไรบาง ตา่ งๆ ของพชื เชน่ เมล็ด ผล ดอก ราก หรือ (แนวตอบ ไทยมกี ารแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ล�าต้น แล้วน�ามาท�าให้แห้ง เพ่ือใช้ปรุงแต่ง การกินจากชาตทิ ่ีมาตดิ ตอ คาขายดวยท้ังจีน อาหารใหม้ รี สและกล่นิ ท่ีชวนรบั ประทาน อินเดีย เปอรเ ซีย แตท ี่กลา วถงึ ในกาพยเ ห เคร่ืองเทศส่วนหนึ่งเป็นพืชท้องถ่ิน ชมเครือ่ งคาวหวาน ไดแ ก ขา วหุงของ ของไทย แต่ส่วนใหญ่มักน�าเข้ามาโดย ชาวเปอรเ ซยี แตเดมิ เรยี กขาวชนดิ นีว้ า ชาวต่างชาติ จึงได้ชื่อหรือเป็นที่มาของ “บริญาณี” เปน การหุงขา วโดยใชเ นยหรอื คา� วา่ เครอื่ งเทศ และสนั นษิ ฐานกนั วา่ อาจนา� นํา้ มันเนยเปนตัวรัดเมลด็ ขาวใหเรยี งตัว เข้ามาสู่ครัวไทยตามการอพยพโยกย้าย สวยงาม และใสเ คร่อื งเทศทม่ี ชี ่ือวา ของชาวอินเดยี ตั้งแตส่ มัยโบราณ 1 “ลกู เฮลท” ไทยเพ้ียนเสียงมาเปน “ลูกเอ็น” เคร่ืองเทศซ่ึงเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยมีหลายอย่าง อาทิ อบเชย ลูกผักชี ย่ีหร่า หญ้าฝร่ัน ดังความวา “ขาวหุงปรุงอยางเทศ รสพเิ ศษ จนั ทนเ์ ทศ พรกิ ไทย กระวานหรอื ลกู เอน็ กานพลู เป็นต้น ใสล กู เอน็ ” และสีเหลอื งของขา วที่หุงนั้น เกิดจากการใชสมุนไพรชนดิ หนง่ึ ท่ีเรยี กวา ๒) สะท้อนสภ�พบ้�นเมืองในสมัยอดีต การติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ เช่น “หญาฝรน่ั ” ความจรงิ ไมใชห ญาแตเ ปนเกสร ชาวจีน ชาวอินเดีย หรือชาวเปอร์เซีย ท�าให้มีการแลกเปล่ียนวัฒนธรรมด้านอาหารการกิน ในเร่ือง ดอกไมชนิดหน่ึง ขาวหงุ น้เี มอื่ เขา มาเผยแพร กล่าวถึงอาหารคาวหวานท่ีไทยได้รับกรรมวิธีการท�ามาจากชาวต่างชาติ เช่น การหุงข้าวโดยใช้เนย ในไทยจากทเี่ รียก “บรญิ าณ”ี กเ็ พยี้ นมาเปน หรือน้�ามันเนยเป็นตัวรัดเมล็ดข้าวให้เรียงตัวดูสวยงามและใส่เครื่องเทศชนิดหน่ึงมีช่ือว่า ลูกเฮลท์ “ขาวบุเหลา ” และ “ขาวบุหลี่” ในท่สี ุด ซึง่ เพ้ยี นเสียงมาเป็น ลกู เอน็ ทา� ใหม้ กี ลิ่นเป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะ ซึ่งปจจุบันนาํ ไปปรบั ปรงุ เปนขาวหมกไก ขา วหมกแพะ) ข�้ วหุงปรุงอย�่ งเทศ รสพเิ ศษใสล่ กู เอ็น ใครหงุ ปรงุ ไมเ่ ปน็ เช่นเชงิ มติ รประดษิ ฐท์ �ำ นอกจากนี้ยังมีอาหารท่ีเรียกว่า ลุดต่ี มีลักษณะเป็นแผ่น ท�าจากข้าวเจ้าที่ ขยายความเขา ใจ Expand โม่ใหม่ๆ เป็นวิธีแบบโบราณโดยน�าไข่ไก่มาตีผสมกับแป้งข้าวเจ้า แล้วผสมด้วยสีเหลืองท่ีได้จาก หญ้าฝรั่นหรือขมิ้นผง เสร็จแล้วตักแป้งหยอดลงกระทะ กลอกแป้งไปมาให้แป้งแผ่เป็นแผ่นกลม นักเรยี นบอกช่อื อาหารในกาพยเ หช ม เม่ือแป้งสกุ จะร่อนจากกระทะ มสี เี หลืองนวล รับประทานกับแกงไก ่ ซ่งึ ต่อมากนิ เปน็ ขนมหรือของวา่ ง เคร่อื งคาวหวานท่ีไดร บั อิทธิพลจากตางชาติ ลุดต่นี ี้น่�ชม แผแ่ ผ่นกลมเพยี งแผ่นแผง (แนวตอบ อาหารคาวทไี่ ทยรับมาจากตางชาติ โอช�หน้�ไกแ่ กง แคลงของแขกแปลกกล่นิ อ�ย เชน มสั ม่ัน ขาวหุงเครื่องเทศ เปนตน อาหาร หวานและอาหารวา งทไ่ี ทยรบั มาจากตา งชาติ เชน 121 ลุดต่ี ซาหร่มิ เปน ตน) ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรียนควรรู ขอใดไมก ลา วถึงการรบั วัฒนธรรมจากตางประเทศ 1. ยาํ ใหญใสส ารพัด วางจานจดั หลายเหลอื ตรา 1 ย่หี รา มีสรรพคุณทางอาหาร ใชเ ปนเครอื่ งปรุง นําไปใชเ ปน สว นประกอบใน รสดดี วยน้าํ ปลา ญ่ีปนุ ลํา้ ย้าํ ยวนใจ การปรงุ อาหารบางชนดิ ไดแก แกง ตมยํา ซุป มกั เปน ที่นิยมกนั ในแถบยโุ รปหรอื 2. รังนกน่ึงนาซด โอชารสกวาทัง้ ปวง ตะวนั ออกกลาง ชวยใหม กี ล่ินหอมดบั กล่นิ คาวของเน้ือสตั ว และเปนสวนประกอบ นกพรากจากรังรวง เหมอื นเรยี มรา งหา งหองหวน ของการถนอมอาหารประเภทเนือ้ สัตว โดยนํามาปน หรือตาํ ผสมหมักในเน้ือสัตว 3. มศั กอดกอดอยา งไร นาสงสัยใครขอถาม เพราะนา้ํ มันหอมระเหยมีฤทธฆิ์ าเชอื้ จลุ นิ ทรียได ชวยปองกันไมใหเกดิ การบูดเนา กอดเคลนจะเห็นความ ขนมนามน้ยี งั แคลง เรว็ ขึน้ ปอ งกนั กลน่ิ เหมน็ อบั ของเน้อื สัตวเ วลาหมักกอนนําไปตากแหง สวนประกอบ 4. ลดุ ต่ีนน้ี า ชม แผแ ผนกลมเพยี งแผน แผง ของเครือ่ งแกง เชน แกงกะหรี่ แกงมัสมั่น แกงเผ็ดเหด็ แกงฮังเล บาเยยี การทาํ โอชาหนาไกแ กง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย เนอื้ สวรรค วิเคราะหค าํ ตอบ อาหารไทยท่กี ลาวถงึ ในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน คูมอื ครู 121 แสดงใหเห็นการติดตอคา ขายระหวางไทย เปอรเซีย และญี่ปุนกอใหเ กิดการ รับวัฒนธรรมการบรโิ ภคอาหารจากตางประเทศเขา มาในวฒั นธรรมไทย ซึ่ง ไดแ ก รสดีดว ยนํา้ ปลาจากญปี่ นุ มศั กอดและลุดตจ่ี ากเปอรเ ซีย ขอท่ีไมได กลาวถึงวฒั นธรรมอาหารท่ีรับจากตางประเทศ ตอบขอ 2.

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนอธิบายการใชว รรณศิลปใ นกาพยเ หช ม ๖.๒ คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ เคร่ืองคาวหวาน กวีสามารถพรรณนาอาหารคาวหวาน ผลไม้แต่ละชนิดได้อย่างเห็นภาพ เข้าใจชัดเจน • กาพยเ หชมเครือ่ งคาวหวานมกี ารใชโ วหาร มีการใช้ถ้อยคา� เปรยี บเทียบลกึ ซงึ้ กินใจและไพเราะ เช่น เปรียบเทยี บอยางไร (แนวตอบ ใชโ วหารเปรยี บเทยี บส่งิ ที่ไมมีชีวิต ๑) ก�รเลน่ เสยี งพยญั ชนะและก�รเลน่ เสยี งวรรณยกุ ต ์ ชว่ ยใหเ้ กดิ ความคลอ้ งจอง อยางอาหารกับนางผเู ปนทร่ี กั โดยเทียบกบั ไพเราะ เชน่ รปู ลกั ษณ สสี นั เครือ่ งแตง กาย กลน่ิ กริ ิยา ทา ทาง ดังทเี่ ปรยี บทบั ทมิ กับแหวนที่เปน เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้� รุม่ รุม่ เร�้ คอื ไฟฟอน เครือ่ งประดบั ของนางผูเ ปน ทรี่ ัก ความวา เจ็บไกลใจอ�วรณ์ ร้อนรมุ รุม่ กลุ้มกล�งทรวง “ทับทมิ พริม้ ตาตรู ใสจานดูดจุ เมด็ พลอย สกุ แสงแดงจกั ยอย อยางแหวนกอยแกวตาชาย” พลบั จนี จักด้วยมีด ท�ำ ประณตี น�ำ้ ต�ลกวน คดิ โอษฐ์ออ่ นยิ้มยวน ยลยงิ่ พลบั ยับยบั พรรณ และมีการกลาวเปรยี บเกนิ จริง เพื่อตองการให เกิดจินตภาพชดั เจนยงิ่ ขึ้น จําเปนตองแสดง ๒) ก�รใช้โวห�รเปรียบเทียบ ช่วยทา� ให้เกดิ จินตภาพ เช่น ดว ยถอ ยคาํ ท่ีมคี วามหมายเกินจริงจึงจะมีน้าํ หนกั เทียบเทากับสงิ่ ทอี่ ยใู นจินตภาพได ทบั ทมิ พรม้ิ ต�ตร ู ใส่จ�นดดู จุ เมด็ พลอย “กอยกงุ ปรุงประท่นิ วางถึงลนิ้ ดนิ้ แดโดย สุกแสงแดงจกั ยอ้ ย อย่�งแหวนก้อยแกว้ ต�ช�ย รสทพิ ยหยบิ มาโปรย ฤๅจะเปรียบเทยี บทนั ขวัญ”) ๓) ก�รใชโ้ วห�รเกนิ จรงิ เพอื่ เนน้ ยา�้ ความหมาย ใหผ้ อู้ า่ นเหน็ ถงึ ฝมี อื การปรงุ อาหาร ทเี่ ป็นเลศิ ยากจะหาใครเทยี บได ้ เช่น ขยายความเขา ใจ Expand กอ้ ยก้งุ ปรงุ ประท่นิ ว�งถึงล้ินดน้ิ แดโดย นักเรียนยกบทประพนั ธท่มี ีการใชโวหารเปรยี บ รสทพิ ย์หยบิ ม�โปรย ฤๅจะเปรียบเทยี บทนั ขวัญ เทียบ คนละ 1 บท และระบสุ มั ผสั ในของแตวรรค ๔) ก�รเลน่ ค�ำ เพ่อื สร้างอารมณ์สะเทือนใจให้แกผ่ ู้อ่าน เชน่ (แนวตอบ บทประพนั ธท ี่มีการใชโวหาร เปรียบเทยี บ ตวั อยา งเชน ผลจ�กเจ้�ลอยแก้ว บอกคว�มแลว้ จ�กจำ�เปน็ “ขนมผงิ ผงิ ผา วรอน จ�กช�ำ้ น�้ำ ต�กระเด็น เปน็ ทุกขท์ �่ หน�้ นวลแตง เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน รอนนักรักแรมไกล อาหารคาว อาหารหวาน และผลไม้ท่ีปรากฏในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เมื่อไรเห็นจะเยน็ ทรวง” สามารถเลา่ เรอ่ื งราวได้มากมาย ท้ังวัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ิต และสภาพบ้านเมอื ง สมั ผสั ในมที งั้ สมั ผัสสระและสมั ผัสอักษร ดงั น้ี ทÓใหภ้ มู ใิ จในเอกลกั ษณข์ องอาหารไทยทม่ี คี วามงดงามวจิ ติ ร ละเอยี ดออ่ น และพถิ พี ถิ นั สมั ผสั สระ ไดแก ผงิ -ผงิ , ไฟ-ใน, นัก-รกั , เหน็ -เย็น ในทกุ ขนั้ ตอนการทÓ เปน็ แบบอยา่ งทดี่ ที ผ่ี หู้ ญงิ ไทยในปจั จบุ นั ควรยดึ ถอื และตระหนกั ถงึ สัมผสั อกั ษร ไดแ ก ผงิ -ผาว, ไฟ-ฟอน-ฟอก, รอ น- ความสÓคัญของเสน่ห์ปลายจวัก ซ่ึงผู้เรียนสามารถนÓความรู้ที่ได้รับจากการอ่านไปใช้ รัก-แรม) ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจÓวนั ได้ รวมทง้ั สามารถถา่ ยทอดความรทู้ ไ่ี ดร้ บั ใหก้ บั บคุ คลใกลช้ ดิ หรอื คนในสงั คมให้เหน็ ถึงความประณตี ในการปรงุ อาหารของคนไทย 122 เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอ ใดกวีใชโวหารเปรยี บเทียบไดช ัดเจนทส่ี ุด ครสู รปุ ความรคู วามเขา ใจเร่อื งอาหารและวรรณคดไี ทยวา อาหารในกาพยเหช ม 1. เหน็ หรมุ รมุ ทรวงเศรา รุม รมุ เราคอื ไฟฟอน เครอ่ื งคาวหวานมีความสาํ คญั เทียบไดกับขบวนเรอื พยหุ ยาตรา อนั ถือวา เปน 2. ตับเหลก็ ลวกหลอ นตม เจือนํา้ สม โรยพริกไทย ศิลปกรรมชัน้ สงู และเปนสญั ลักษณแทนความยิง่ ใหญแหง สถาบันพระมหากษัตรยิ  3. เทโพพนื้ เน้ือทอ ง เปน มนั ยอ งลองลอยมัน คือ การยกยองอาหารใหเ ปน ตัวแทนของนางอันเปนทร่ี ัก ทําใหก าพยเหชม 4. ยําใหญใสสารพดั วางจานจดั หลายเหลอื ตรา เคร่ืองคาวหวานเปน หลักฐานสําคญั ในการรังสรรคบทกวรี กั ในรูปแบบอลังการที่ สะทอ นทศั นคตเิ ก่ยี วกบั ความสําคญั ของอาหาร และอารมณรกั ใครทมี่ ีตอ นาง วเิ คราะหคาํ ตอบ การใชโวหารเปรียบเทยี บทาํ ใหเกดิ จินตภาพไดช ัดยิ่งขน้ึ อนั ทําใหผอู านเกิดความสะเทือนอารมณ จากขอ ทวี่ า “เหน็ หรมุ รมุ ทรวงเศรา รุมรุมเรา คอื ไฟฟอน” กวใี ชค าํ วา “คอื ” ซึง่ เปน โวหารภาพพจนอ ปุ ลักษณ ถอดคาํ ประพันธไ ดว า เมอ่ื เห็นหรมุ ก็รสู ึก รอ นรุมในทรวง เปรียบความรอ นรมุ นนั้ คอื ไฟทย่ี ังรอนระออุ ยแู มจ ะดับมอด ไปแลว ตอบขอ 1. 122 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ค�าถาม ประจ�าหนว่ ยการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนบอกช่อื อาหารทไ่ี ดร บั อทิ ธิพลจาก ตางชาติได ๑. นกั เรยี นคดิ วา่ ความไพเราะของกาพยเ์ หช่ มเคร่ืองคาวหวาน เป็นผลมาจากการประพนั ธ์ด้วยกลวิธี ใดบ้าง ยกตัวอยา่ งและอธิบาย 2. นกั เรียนยกบทประพันธท มี่ ีการใชโ วหาร เปรียบเทยี บ คนละ 1 บท และระบุสัมผัสใน ๒. ใ ห้นักเรยี นยกตัวอยา่ งอาหารคาว อาหารหวาน ในกาพยเ์ หช่ มเครอ่ื งคาวหวานท่ีไทยรับมาจาก ของแตว รรคได ต่างชาติ ประเภทละ ๒ ตวั อย่าง หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ๓. น กั เรยี นคิดวา่ ลักษณะเด่นของอาหารไทย ดงั ทปี่ รากฏในกาพยเ์ หช่ มเคร่อื งคาวหวานคืออะไร และท�าใหอ้ าหารไทยมีความแตกต่างจากอาหารของชาตอิ ่ืนอยา่ งไร 1. ปา ยนเิ ทศสื่อการเรยี นรภู าพผลไมจ บั คกู ับ บทประพันธใ นหอ งเรียน 2. การเขียนคําบรรยายภาพอาหาร 3. การยกบทประพันธท่มี โี วหารเปรยี บเทยี บ กจิ กรรม สรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการเรียนรู้ กิจกรรมที่ ๑ ใหน้ ักเรียนศกึ ษาคน้ คว้าขนมไทย จากแหล่งเรียนรตู้ า่ งๆ เชน่ ห้องสมดุ กิจกรรมที่ ๒ อนิ เทอร์เน็ต จัดท�าป้ายนิเทศ นา� รูปภาพมาติดประกอบ โดยอาจอธบิ ายเก่ียวกบั กิจกรรมที่ ๓ สว่ นประกอบ วธิ ีท�าขนมไทยชนดิ ตา่ งๆ กจิ กรรมท่ี ๔ ใหน้ กั เรยี นเขยี นบนั ทกึ ความทรงจา� ถงึ งานประเพณตี า่ งๆ ทมี่ ขี นมไทยจากกาพยเ์ ห-่ ชมเคร่ืองคาวหวานเป็นส่วนประกอบพิธกี รรม เรยี บเรยี งดว้ ยถอ้ ยค�าที่สละสลวยและ บรรยายให้เห็นภาพชัดเจน แ บ่งนักเรียนออกเป็น ๕ กลมุ่ หรือตามความเหมาะสม แข่งขันทายปรศิ นาอาหาร อะไรเอ่ย ตัวแทนกลุ่มสลับออกมาหน้าชั้น บอกส่วนประกอบ รูปลกั ษณ์ รสชาติ อาหาร กลุม่ ใดตอบถูกต้องและรวดเรว็ ทสี่ ุดจะได้คะแนน ให้นักเรียนฝกึ แตง่ กาพย์ยาน ี ๑๑ ชมเครอ่ื งคาวหวานในปัจจบุ ัน คนละ ๓ บท แนวตอบ คาํ ถามประจําหนว ยการเรยี นรู 1. ความไพเราะของกาพยเ หช มเครอื่ งคาวหวานเปนผลมาจากการประพันธทใ่ี ชก ลวธิ ี ดังน้ี • การใชโวหารเปรียบเทียบทําใหเกิดจินตภาพ • การใชโ วหารเกินจรงิ เนน ยํา้ ความหมายใหผ ูอานเห็นถึงฝม ือการปรงุ อาหารทเ่ี ปนเลศิ ยากจะหาใครเทียบได • การเลน คาํ เพ่อื สรางอารมณส ะเทือนใจ • การเลนเสยี งทัง้ เสียงพยัญชนะและเสียงวรรณยุกต ทาํ ใหเ กิดความคลองจองไพเราะ 2. อาหารคาวทไี่ ทยรบั มาจากตางชาติ เชน มสั มั่น ขา งหงุ เคร่อื งเทศ อาหารหวานท่ไี ทยรบั มาจากตางชาติ เชน ลดุ ต่ี ซา หรมิ่ 3. ลักษณะของอาหารไทยดังที่ปรากฏในกาพยเ หชมเครื่องคาวหวาน คือ มคี วามงดงามละเอยี ดออน และความพิถีพถิ ันในการปรงุ อาหารของคนไทย ซึง่ ทาํ ใหอาหาร มีรูปลักษณส วยงาม เปนเอกลักษณเ ฉพาะตัวทไี่ มเหมอื นชาตอิ ่นื คูมือครู 123

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปา หมายการเรยี นรู 1. สรปุ เน้ือหานทิ านพน้ื บาน 2. วเิ คราะหนทิ านพ้ืนบา นพรอมยกเหตุผลประกอบ 3. อธบิ ายคณุ คา ของนทิ านพนื้ บาน 4. สรุปความรแู ละขอ คดิ ทไ่ี ดจากนทิ านพ้นื บา น เพอ่ื ใชใ นชีวิตจริง สมรรถนะของผูเรยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชท ักษะชีวติ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค 1. ใฝเ รียนรู 2. รกั ความเปนไทย กระตนุ ความสนใจ Engage ๗หนว่ ยที่ ครูใหน กั เรยี นดภู าพหนาหนวย แลว ถาม นทิ านพืน้ บ้าน นักเรยี นวา ตัวชี้วัด นิทานพน้ื บา้ น เปน็ เรอ่ื งราวทเ่ี ลา่ ขานกนั • จากภาพหนา หนว ยนกั เรยี นคดิ วาเปนนิทาน เรอ่ื งอะไร และมตี ัวละครใดในภาพบา ง ■■ สรุปเนือ้ หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอี่ า่ น (ท ๕.๑ ม.๑/๑) สืบมา แม้ยากที่จะเช่ือว่าเป็นความจริง แต่ถ้า (แนวตอบ เรือ่ งสงั ขทอง มีนางรจนา เจาเงาะ ■■ วเิ คราะห์วรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่านพรอ้ มยกเหตุผลประกอบ ได้พิจารณาเน้ือหาอย่างถ่องแท้แล้ว จะพบว่า และพระสงั ข) แฝงเร้นไว้ด้วยสาระท่ีเป็นประโยชน์ และยัง (ท ๕.๑ ม.๑/๒) สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ภมู ปิ ญั ญาและทศั นคตขิ องมนษุ ย์ ■■ อธิบายคุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอี่ า่ น (ท ๕.๑ ม.๑/๓) ■■ สรปุ ความรแู้ ละข้อคดิ จากการอ่านเพ่ือประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ จริง (ท ๕.๑ ม.๑/๔) สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ในแตล่ ะสงั คม ในแต่ละด้านไดเ้ ป็นอย่างดี นอกจากนี้ การศกึ ษานทิ านพนื้ บา้ นยงั จะทา� ใหเ้ กดิ ■■ การวเิ คราะห์คณุ ค่าและขอ้ คดิ จากวรรณคดี และวรรณกรรม เร่ือง นิทานพืน้ บ้าน ความเข้าใจในเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถ่ินอันน�าไปสู่ การยอมรับในความหลากหลายทางวัฒนธรรมซ่ึงจะ 124 ทา� ใหม้ นษุ ยส์ ามารถอยรู่ ว่ มกนั ในสังคมไดอ้ ย่างเป็นสุข เกรด็ แนะครู หนวยการเรยี นรนู ้ี ครใู หนักเรียนแลกเปลยี่ นประสบการณและความรูเ กีย่ วกับ นทิ านพ้นื บา น โดยครูขออาสาสมคั รมาเลานิทานเรื่องทเ่ี หน็ วา เปน เร่ืองที่นาสนใจท่ี เคยอานหรอื เคยฟง หนา ชน้ั เรียน และใหเ พ่ือนในชัน้ เรยี นรว มกันแสดงความคิดเห็น เกีย่ วกบั นทิ านทเ่ี พ่ือนเลา เชน บอกขอคิดทไี่ ดจากเรอ่ื ง แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับ ตัวละครในเรือ่ ง เปน ตน 124 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๑ ความเป็นมา ครใู หน กั เรียนออกมาเลาประสบการณเ กย่ี วกับ นิทานหนาช้ันเรียน นิทานพ้ืนบ้าน คือ เร่ืองราวท่ีเล่าสืบทอดกันมาด้วยปากต่อปากจากความทรงจ�าโดยไม่อาจ สบื สาวไดว้ า่ ใครเปน็ ผแู้ ตง่ หรอื ผเู้ ลา่ เปน็ ครงั้ แรก บอกไดแ้ ตเ่ พยี งวา่ เปน็ เรอ่ื งเกา่ ทเ่ี ลา่ สบื กนั มา ภายหลงั • นกั เรยี นชอบฟงหรอื อา นนิทานหรือไม เพราะเหตุใด จงึ ไดม้ ีกานรทิ ถาา่ นยพทนื้อบดา้เรน่อื ถงอืเลเปา่ เน็ หมลรา่ ดนกน้ั ทเปางน็ วลฒั านยธลรกั รษม1ณทอ์ปี่ ักรษากรฏดอ้วยยกใู่ นาทรเกุขทียอ้นงหถรน่ิ ือขกอางรไพทิมยพเ์นอื่ งจากสามารถ • นักเรียนเคยฟง เคยอา น หรอื เคยเลานทิ าน นา� มาเลา่ ไดใ้ นทกุ โอกาส ทกุ สถานท่ี แมก้ ารถา่ ยทอดอาจท�าใหม้ กี ารเปลย่ี นแปลงใหเ้ ขา้ กบั ความเคยชนิ พื้นบานหรอื ไม อยางไร ในท้องถ่ิน แต่เน้ือหาและโดยเฉพาะโครงเรื่องของนิทานมักมีความคล้ายคลึงกัน สะท้อนให้เห็นว่า นทิ านพ้ืนบา้ นไดร้ ับความนิยมแพรห่ ลายไปทัว่ ทกุ ภาคของประเทศไทย สาํ รวจคน หา Explore ๑.๑ ความสา� คญั และประโยชนข์ องนทิ านพนื้ บา้ น 1. นกั เรียนศกึ ษาความเปน มาและความสาํ คัญ ของนิทานพนื้ บา น ฟังนิทานเป็นกิจ๑ก)ร รใมหบ้คันวเทามิงใบจันเเนท่ือิงงแจกา่ผกู้นฟิทังานส2ังสคามมไาทรยถในน�าอมดาีตเลโด่าไยดเฉ้โดพยาไะมส่ตัง้อคงมมชีพนิธบีรทีตนอิยงมจเลึง่าไดแล้รับะ 2. นกั เรียนศกึ ษาประเภทของนิทานพ้ืนบา น การสืบทอดและแพรห่ ลายในทุกท้องถนิ่ แม้เน้ือหาของนทิ านจะมีหลายรูปแบบ แต่จุดประสงค์ดัง้ เดิม ของการเล่านิทาน คอื เพื่อเป็นส่ิงบนั เทงิ ใจในยามวา่ งจากการงาน อธบิ ายความรู Explain ๒) ให้ความรู้ นิทานพื้นบ้านหลายเร่ืองอาจมีความรู้สอดแทรกอยู่ เช่น ความรู้ 1. นกั เรยี นสรุปความเปน มาของนทิ านพนื้ บา น เก่ยี วกับจารตี ประเพณี พธิ ีกรรม ศาสนา และประวัติศาสตร์ ลงสมดุ (แนวตอบ นิทานพน้ื บา นเปนเรื่องทเ่ี ลาสบื ตอกนั ๓) ให้แนวทางในการด�าเนินชีวิต นิทานพ้ืนบ้านโดยทั่วไปมักมีแก่นหรือแนวคิด มาจากความทรงจําแบบปากตอปาก โดยไม ส�าคัญของเร่ืองอิงอยู่กับหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา ดังน้ัน การเล่า การอ่าน หรือการแสดง สามารถบอกไดวา ใครเปนคนเลาหรือคนแตง นิทานพื้นบ้านในที่ประชุมชน จึงมีส่วนปลูกฝังจริยธรรมพร้อมๆ กับความบันเทิงแก่ผู้ฟัง เช่น ชีวิต คนแรก ตอมาจึงมกี ารบนั ทกึ เปน ลายลกั ษณ หรือพฤติกรรมของตัวเอกฝ่ายดีและฝ่ายไม่ดี เป็นแบบอย่างให้ผู้ฟังน�ามาใช้และละเว้นการปฏิบัติ อกั ษร) ในการด�าเนินชีวิตหรือนา� มาอบรมบุตรหลานของตนต่อไป 2. ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คน มานาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น ๔) ให้ค�าอธิบายความเป็นมาของชุมชนและเผ่าพันธุ์ นิทานพ้ืนบ้านบางส่วน มีเนื้อหาเป็นต�านาน หรืออธิบายความเป็นมาของชุมชนเผ่าพันธุ์ที่ตั้งรกรากอยู่ในแต่ละท้องถิ่น ของไทย เช่น เรื่อง ท้าวแสนปม เป็นนิทานพื้นบ้านท่ีอธิบายความเป็นมาของบรรพบุรุษของ ชาวภาคกลาง เรื่อง ขนุ บรม อธบิ ายความเปน็ มาของบรรพบุรุษของชาวอสี าน เป็นต้น ๕) ให้แรงจูงใจชาวบ้านในการไปวัด ชาวไทยในอดีตนิยมไปวัดเพื่อฟังธรรม ซึ่งมักมีนิทานสอดแทรกอยู่ด้วย เพราะเช่ือว่าการฟังธรรมเป็นกุศลผลบุญอย่างหนึ่งท่ีมีอานิสงส์ สูงมาก ความเชื่อเร่ืองนี้ได้สืบต่อกันมา โดยจะพบเห็นได้อย่างชัดเจนเม่ือนิทานพื้นบ้านอยู่ในรูปของ วรรณกรรมลายลักษณ์ 125 บูรณาการเช่อื มสาระ นกั เรียนควรรู ครูบรู ณาการความรจู ากการจาํ แนกนิทานพน้ื บา นตามความสาํ คัญและ 1 มรดกทางวัฒนธรรม นทิ านพน้ื บา นแสดงใหเ ห็นถึงวฒั นธรรมของผคู น ประโยชนเขากับกลุมสาระการเรียนรูสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในทองถน่ิ หรือชุมชนนั้น นทิ านมีความสัมพันธก บั วถิ ีชีวิตของคนในทอ งถิ่น ทําให วิชาประวตั ิศาสตร ซึง่ ประวตั ิศาสตรทอ งถิน่ จะเปนเรอื่ งราวและประวัติ มองเหน็ การดาํ เนินชวี ิต อาชพี ความเชื่อ ศาสนา และแนวความคดิ ของคน ความเปน มาของคนในทองถ่นิ หรือชมุ ชน โดยวธิ ีการเลาสบื ตอ กันมาและแมว า ในทองถิน่ จึงนับวานิทานเปน บนั ทกึ สังคมท่สี ําคัญ และเปน มรดกทางวัฒนธรรม จะไดร บั การแตง เตมิ จากจิตนาการของผูเลา แตกม็ ีการองิ เคา ความเปนจริง ที่มคี ณุ คาอยางหน่ึง ตามวถิ ีชีวติ และสภาพแวดลอ มของทอ งถ่ิน การศกึ ษานิทานพน้ื บา นทาํ ให 2 นิทาน เปนเรือ่ งทีเ่ กดิ จากจนิ ตนาการกจ็ รงิ แตเนื้อเรื่องของนิทานมกั จะ เหน็ การดาํ เนินชวี ติ อาชพี ความเชือ่ ศาสนา และแนวความคิดของคน เลียนแบบชวี ติ จริงของคนอ่ืนๆ คือสรางเร่ืองใหตวั ละคร ซง่ึ มกั จะเปน ตวั พระเอก ในทอ งถ่นิ เม่อื นาํ ไปบรู ณาการเช่ือมสาระกับวชิ าประวตั ิศาสตรจ ะชวยให ออกเดนิ ทางไปผจญภัยในโลกกวาง ไดพบกบั อปุ สรรคนานปั การ พระเอกฝา ฟน นกั เรยี นเห็นคุณคา ของนทิ านพนื้ บานในฐานะที่เปนมรดกทางวัฒนธรรมทมี่ ี อปุ สรรคและไดร ับความสุขสาํ เร็จในตอนจบเรือ่ ง คุณคาอยา งหน่งึ ท่ีตอ งเรยี นรูและรกั ษาตอ ไป คมู ือครู 125

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นักเรยี นอธบิ ายความสําคญั และประโยชนข อง ๖) ให้เน้ือเร่ืองแก่การแสดงพ้ืนบ้าน การละเล่นและการแสดงพื้นบ้านในแต่ละ นทิ านพ้ืนบา น ท้องถ่ิน ส่วนหนึ่งมักสัมพันธ์กับนิทานพ้ืนบ้าน เน่ืองด้วยนักแสดงหรือนักเล่านิทานย่อมได้รับอิทธิพล หรอื ได้เนื้อเรื่องบางสว่ นบางตอนมาจากนทิ านพืน้ บา้ น (แนวตอบ ความสาํ คัญและประโยชนของนิทาน นิทานพื้นบ้านท๗่ีม) ีเนให้ืออ้หทิ าธเกพิ ่ียลวตเอ่นศื่อลิงปกับกรพรรมะพนุททิ าธนศพานื้สบนา้านแมลอี ะทิ ชธาพิ ดลก1ตอ่ เศชลิ่นปกภรารพมทจอ้ิตงรถกน่ิ รรโดมยฝเาฉผพนาะัง พืน้ บาน มดี งั นี้ เรื่อง คันธกุมารหรือคัชนาม ที่วิหารจัตุรมุข วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน ภาพจิตรกรรมฝาผนัง เร่อื ง สนิ ไซ ทพ่ี ระอโุ บสถวัดฝงั แดง จังหวัดนครพนม เป็นต้น 1. ใหความรูเกย่ี วกับวัฒนธรรมของเจา ของ นทิ าน เชน ความรเู กย่ี วกับชวี ติ ความเปน วิหารจัตุรมขุ วัดภมู นิ ทร์ จงั หวัดนา่ น อยู จารีตประเพณี ความเชอ่ื คา นยิ ม สภาพ เศรษฐกจิ ภมู ปิ ระเทศ และถ่นิ ฐานบา นเรอื น เน่ืองจากนทิ านพนื้ บ้านเปน็ วรรณกรรมประเภทหนึ่งซงึ่ เรยี กวา่ วรรณกรรมมุขปาฐะ คือ เปน็ ทัง้ รูปแบบการเลา นิทานท่ีใชค ําประพันธ วรรณกรรมที่เป็นเร่อื งเลา่ สบื ตอ่ กันมา ครั้นเม่ือมผี ้บู ันทึกเป็นลายลกั ษณอ์ กั ษร จึงเรยี กว่า วรรณกรรม เขามาชวย เชน แหล เทศน เสภา ท้งั ยังสรา ง ลายลกั ษณ์ และถา้ ปรงุ แตง่ สา� นวนโวหารดเี ยย่ี มเปน็ ทย่ี อมรบั กนั ทว่ั ไป กบ็ ญั ญตั เิ รยี กวา่ วรรณคดี ดงั นน้ั ความงามดานรูปแบบอีกประการหนึ่ง ดงั นน้ั นทิ านพน้ื บ้านจงึ เปน็ สว่ นหนึ่งของวรรณกรรมลายลกั ษณ์ วรรณคดี และส�านวนโวหาร นทิ านพืน้ บา้ น หากเยาวชนไดเรยี นรูนิทานพน้ื บา นของตน จงึ มคี ณุ คา่ ในด้านภาษาและวรรณคดีไทยอีกหลายประการ ไดแ้ ก่ จึงเปน ชองทางในการรูตนเอง สามารถ อธิบายท่ีมาของตนเองได รวมทั้งอาจจะบอก 126 ไดถ ึงขอ ดแี ละขอจํากดั ในวัฒนธรรมนั้นๆ ของตน 2. ใหความสนุกสนานเพลิดเพลนิ ปกตแิ ลว ผูเ ลานิทานมกั เปน ผใู หญห รือผูมปี ระสบการณ สว นผูฟงมกั จะเปนเดก็ หรือมปี ระสบการณ นอยกวา การเลานทิ านพน้ื บานเปนกจิ กรรม ที่ผูฟงทุกหมูท ุกเหลา ชน่ื ชอบ ปจจุบนั การเลา นทิ านกย็ งั มอี ยทู ั่วไป เพยี งแตเ ปลยี่ นไปตาม สถานการณห รอื ผูฟง เทา นนั้ 3. นทิ านพื้นบานนอกจากจะใหความบันเทิงแลว ยงั แทรกคตคิ าํ ส่ังสอน แนวทางการประพฤติ ปฏบิ ัติ ใหแงค ิดและแนวทางการดาํ เนินชวี ิต สว นใหญจ ะเปน หลกั ธรรมวา “ทาํ ดีไดด ี ทําชั่วไดชั่ว” แนวปฏิบตั ทิ ี่มกั จะสอดแทรก ในเน้ือหา เชน ความซ่อื สตั ย ความกตญั ู ความขยนั หมั่นเพียร การเชือ่ ฟง ผูใหญ เปนตน ) นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอใดหมายถงึ นทิ านมขุ ปาฐะ 1 ชาดก คอื เรือ่ งราวหรอื ชวี ประวตั ใิ นชาตกิ อนของพระพทุ ธเจา ในสมยั ท่ีพระองค 1. นิทานทถี่ ายทอดกันปากตอ ปาก เปนพระโพธิสตั วบําเพ็ญบารมีเพ่ือตรสั รอู ยู พระองคท รงนํามาเลา ใหพ ระสงฆฟ ง 2. นทิ านทถี่ า ยทอดกันดวยการเขยี น ในโอกาสตางๆ คือเลา ถงึ การท่ีพระพทุ ธเจา ทรงเวยี นวา ยตายเกิด ถอื เอากําเนดิ 3. นทิ านทถี่ ายทอดกันดว ยตวั หนงั สอื ในชาตติ างๆ ไดพ บปะผจญกับเหตกุ ารณด บี างชัว่ บาง แตก ็ไดพ ยายามทาํ ความดี 4. นทิ านที่ถายทอดกนั ดวยลายลกั ษณอกั ษร ติดตอ กันตลอดมาจนเปนพระพทุ ธเจา ในชาตสิ ดุ ทา ย กลาวอกี อยา งหนึง่ จะถือวา วิเคราะหค าํ ตอบ นทิ านเริ่มถายทอดดวยการเลาสูก ันฟง หากนิทานเรื่องใด เรื่องชาดกเปนววิ ฒั นาการแหง การบาํ เพ็ญคณุ งามความดีของพระพทุ ธเจา ตั้งแต ทม่ี ีการใชภ าษาสาํ นวนโวหารดกี จ็ ะมีการบันทึกเปนลายลักษณอ ักษรเรียกวา ยงั เปน พระโพธสิ ตั วอ ยกู ไ็ ด ในอรรถกถาแสดงดว ยวา ผนู น้ั ผนู ก้ี ลบั ชาตมิ าเกดิ เปน ใคร วรรณกรรมลายลักษณ ดงั นัน้ ขอ ท่ีไมใ ชว รรณกรรมลายลักษณแตเปน ในสมยั พระพทุ ธเจา แตใ นบาลพี ระไตรปฎกกลา วถึงเพียงบางเร่ือง เพราะฉะน้นั วรรณกรรมมุขปาฐะ คอื นทิ านท่ีถายทอดกันปากตอ ปาก ตอบขอ 1. สาระสําคญั จงึ อยูท ค่ี ณุ งามความดแี ละอยูท ่ีคติธรรมในนทิ านนั้นๆ 126 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๑) นิทานพื้นบ้านเป็นบ่อเกิดของวรรณกรรมลายลักษณ์และวรรณคด ี 1. นักเรียนอธิบายหวั ขอตอ ไปนี้ วรรณกรรมลายลักษณ์ในท้องถ่ินต่างๆ ได้พัฒนามาจากนิทานพ้ืนบ้านในท้องถิ่นนั้นๆ โดยมีการน�า • วรรณกรรมมขุ ปาฐะ เน้ือเรื่องนิทานพ้ืนบ้านมาประพันธ์ตามฉันทลักษณ์ท่ีนิยมกันในท้องถิ่น เป็นวรรณกรรมลายลักษณ์ (แนวตอบ วรรณกรรมมุขปาฐะ คอื เพอ่ื ใชอ้ า่ นหรอื ขบั ลา� นา� ในทช่ี มุ ชน นอกจากนยี้ งั มกี ารนา� นทิ านพนื้ บา้ นบางเรอ่ื งมาปรงุ แตง่ ดว้ ยสา� นวน วรรณกรรมที่เปนเรือ่ งเลาสืบตอกันมา) และโวหารอันประณตี จนไดร้ บั การยกย่องวา่ เปน็ วรรณคดีของชาติ เช่น กลอนบทละครเรอื่ งสงั ข์ทอง • วรรณกรรมลายลกั ษณ เสภาเรือ่ งขุนช้างขนุ แผน เป็นตน้ (แนวตอบ วรรณกรรมลายลกั ษณ คอื วรรณกรรมท่มี ีการบันทกึ ไวเ ปน ลายลักษณ ๒) นิทานพื้นบ้านมีอิทธิพลต่อส�านวนที่ใช้ในภาษาไทย ส�านวนพูดในภาษาไทย อักษร ซ่ึงหากใชส าํ นวนภาษาดีเย่ยี ม ส่วนหนึ่งมีท่ีมาจากนิทานพื้นบ้าน โดยอาจน�ามาจากช่ือตัวละครหรือเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่อง เช่น ก็บัญญตั ิวา เปน “วรรณคดี”) กระต่ายต่ืนตูม ได้ทีขี่แพะไล่ หัวล้านได้หวี ตาบอดได้แว่น กิ้งก่าได้ทอง ลูกทรพี แพะรับบาป สบิ แปดมงกฎุ ไก่ได้พลอย กบเลือกนาย เป็นตน้ 2. นักเรยี นอธิบายวา เหตุใดนทิ านพ้นื บานจงึ มี อิทธพิ ลตอ สาํ นวนทีใ่ ชในภาษาไทย ๑.๒ ประเภทของนทิ านพนื้ บา้ น (แนวตอบ เหตทุ ่นี ิทานพืน้ บานมอี ทิ ธพิ ลตอ สาํ นวนทใ่ี ชใ นภาษาไทย กเ็ พราะนทิ านพน้ื บา น นิทานพื้นบ้านไทย จ�าแนกได้เป็น ๗ ประเภท โดยพิจารณาจากเนื้อหาหรือรูปแบบ ใหข อ คดิ เตอื นใจทสี่ ามารถนาํ มาใชใ นชวี ติ จรงิ ได ท่มี คี วามคลา้ ยกัน ดงั น้ี ซ่งึ ประโยชนดังกลาวทําใหม ผี กู ลา วถึงนทิ าน พื้นบา นเมือ่ ตองการใหข อคดิ เตอื นใจ โดยนาํ ๑) นิทานมหัศจรรย์ หรือนิทานประโลมโลกหรือนิทานจักรๆ วงศ์ๆ มักมีเนื้อเร่ือง ชือ่ ตัวละครหรือเหตกุ ารณสําคญั ในเรื่องมาเปน ที่ให้ความสนุกสนาน เล่าถึงการผจญภัยของตัวเอก ของวิเศษ อิทธิฤทธ์ิต่างๆ โดยมีแนวคิดหลัก สาํ นวน เชน กระตายตนื่ ตูม ไดทีข่แี พะไล คอื ธรรมะย่อมชนะอธรรม เช่น เรอื่ งทา้ วก�า่ กาดา� โสนน้อยเรอื นงาม มโนราห์ เป็นตน้ กง้ิ กา ไดท อง กบเลอื กนาย เปน ตน ) ๒) นิทานวีรบุรุษ เป็นเร่ืองราวของวีรบุรุษประจ�าท้องถ่ินท่ีเช่ือกันว่าบุคคลเหล่าน้ัน 3. นกั เรยี นตอบคําถามวา นิทานพ้ืนบา นไทย มีชีวิตจริง มีชื่อปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ และได้สร้างวีรกรรมไว้ โดยน�าเน้ือเร่ืองมาผูกกับอิทธิฤทธิ์ แบงเปนกีป่ ระเภทอะไรบาง ปาฏิหาริย์และความเก่งกล้าเหนือมนุษย์ธรรมดามา1กกว่าที่จะเล่าตามข้อเท็จจริง เช่น เรื่องพระร่วง (แนวตอบ นิทานพน้ื บานไทย แบงเปน 7 มีวาจาสิทธ์ิเป็นกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ท้าวแสนปมคือพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ประเภท ไดแ ก นิทานมหัศจรรย นิทานวีรบรุ ษุ เป็นต้น นทิ านประจาํ ถิน่ นทิ านอธบิ ายเหตุ นทิ าน เทพนยิ าย นิทานคตธิ รรม นทิ านมกุ ตลก) ๓) นิทานประจ�าถ่ิน เป็นเรื่องท่ีเล่าสืบต่อกันมาในท้องถ่ิน ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นการ อธิบายชื่อสถานที่หรือประวัติความเป็นมาของโบราณสถาน โดยน�าเนื้อเร่ืองหรือตัวละครมาเกี่ยวพัน กับสถานที่ในท้องถิ่น และเช่ือกันว่าเป็นเหตุการณ์จริงท่ีเกิดข้ึนเม่ือคร้ังอดีตกาลนานมาแล้ว แต่ยัง ปรากฏหลกั ฐานเปน็ พยานยนื ยนั อยู่ เชน่ เรอื่ งพระยากงพระยาพาน เลา่ ความเปน็ มาของพระปฐมเจดยี ์ เรื่องท้าวปาจิต-นางอรพิม เล่าความเป็นมาของปราสาทหินพิมาย เร่ืองเจ้าแม่ล่ิมกอเหน่ียว เล่าความ เป็นมาของมสั ยดิ กรือเซะและศาลเจ้าแมล่ ม่ิ กอเหนี่ยว เป็นตน้ 127 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู นิทานพ้ืนบานประเภทนิทานมหศั จรรยมคี วามสาํ คัญและประโยชนใ น 1 ทา วแสนปม นอกจากคาํ เลาขานของชาวบา นแลว ทาวแสนปมตามตาํ นานใน ขอ ใดมากท่ีสดุ ตนพระราชพงศาวดารกรุงเกา ฉบบั สมเด็จพระปรมานชุ ิตชิโนรสวา ใน จ.ศ. 681 หรอื พ.ศ. 1862 ทาวแสนปม ไดไปสรางเมอื งใหมข้นึ ทเี่ มอื งเทพนครและข้นึ ครองราชย 1. ใหค วามรู สมบัติในเมอื งเทพนครทรงพระนามวาพระเจาสิรชิ ยั เชยี งแสนครองราชยสมบตั ิ 2. ใหค วามบนั เทงิ 25 ป สวรรคตเม่อื จ.ศ. 706 หรอื พ.ศ. 1887 ทรงมพี ระราชโอรสพระนามวา 3. ใหแ รงจูงใจในการไปวดั “พระเจาอทู อง” ไดชื่อเชนนี้ เพราะพระราชบดิ านําทองคาํ มาทําเปน อู (เปล) ใหน อน 4. ใหค าํ อธิบายความเปน มาของชมุ ชน จงึ ขนานนามพระองคว าพระเจา อูทอง ภายหลังพระเจาอทู องเปน ผสู ถาปนา วเิ คราะหค าํ ตอบ นิทานพื้นบานมหศั จรรยม ักมเี นอื้ เรอื่ งใหความสนุกสนาน กรุงศรอี ยุธยาเปนเมอื งหลวง พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลาเจาอยูห ัว ทรงวิจารณ เลา ถงึ การผจญภยั ของตวั เอก ของวเิ ศษ และอทิ ธฤิ ทธติ์ า งๆ จากจนิ ตนาการ เร่อื งทา วแสนปมไวในหนงั สอื บทละครเร่ืองทาวแสนปมทพ่ี ระองคท รงพระราชนิพนธ ของผแู ตง ซ่งึ ตัวละครและสถานท่อี าจไมมีอยูจรงิ และไมเกยี่ วกับคานยิ ม วา ตํานานเรอ่ื งทาวแสนปมนจี้ ะตองมมี ูลความจริง เพราะอยางนอยศักราชทท่ี รง ความเช่ือเร่อื งการฟงธรรมแลวจะเกดิ อานิสงสท จ่ี ะทําใหเกดิ แรงจูงใจในการ ทวิ งคตเปน ของแนน อน แตมผี ูเ ลา ตอ ๆ กันมาภายหลงั เลา ไปในทางปาฏหิ ารยิ  จนเหลือเชอ่ื ไปวัด จึงเห็นไดวา นิทานมหัศจรรยใ หค วามบนั เทงิ มากกวา ขอ อื่น ตอบขอ 2. คมู ือครู 127

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Expand ขยายความเขา ใจ 1. นักเรยี นจับคูเลานิทานทเ่ี ปน บอ เกดิ ของสาํ นวน ๔) นทิ านอธบิ ายเหตุ เปน็ นทิ านทตี่ อบคา� ถามเกยี่ วกบั ความเปน็ มาของสง่ิ ของตา่ งๆ ทใ่ี ชใ นภาษาไทยคูละ 1 เรือ่ ง พรอ มบอก และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ส่วนใหญ่มีขนาดสั้นๆ เล่ากันกว้างขวางไม่จ�ากัดท้องถิ่น เช่น ท�าไม ความหมายของสํานวนนน้ั จึงมีรูปกระต่ายในดวงจันทร์ ท�าไมข้าวจึงมีเมล็ดเล็ก ท�าไมหมากับแมวเป็นศัตรูกัน หรืออธิบาย (แนวตอบ นักเรียนเลอื กไดหลากหลาย ตัวอยาง ความเช่ือและพิธีกรรม เช่น นิทานเรื่องธงจระเข้ในงานทอดกฐิน ประเพณีการปล่อยปลา เรื่อง เชน สาํ นวนกบเลือกนาย สํานวนนมี้ าจากนิทาน บวชนาค เปน็ ตน้ อสี ปเรอ่ื งกบเลือกนาย กบขอใหเทวดาสง นาย ลงมาให เทวดาสง ขอนไมลงมา แตกบเลือก ๕) นิทานเทพนิยาย เป็นนิทานท่ีอธิบายถึงการสร้างโลก ก�าเนิดโลก ก�าเนิดมนุษย์ มากอยากเปล่ียนนาย เทวดาจงึ สง นกกระสาซึง่ เทวดา และสิง่ ศักดิส์ ทิ ธท์ิ ง้ั หลายหรอื อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาตแิ ละพธิ ีกรรม เชน่ เรือ่ งพระยาแถน ชอบกินกบลงมาให นกกระสาไดกินกบจนหมด สร้างโลก เร่ืองเม1ขลารามสูรที่อธิบายเร่ืองฟ้าแลบฟ้าผ่า เร่ืองท้าวมหาสงกรานต์ท่ีอธิบายประเพณี สํานวนนี้ หมายความวา คนชา งเลอื ก เลือกจน วันตรษุ สงกรานต์ เรอื่ งพญาคนั คากที่อธบิ ายเรอ่ื งการแหบ่ ั้งไฟ เป็นตน้ ทําใหตวั เองเดอื ดรอ น) ๖) นิทานคติธรรม หรือนิทานสอนใจ นิทานประเภทนี้น�าหลักธรรมมาผูกเป็น 2. นกั เรียนเลอื กนทิ านเร่ืองใดเร่อื งหนึ่งที่นักเรยี น เรื่องให้สนุกสนาน ตัวละครเป็นบุคคลท่ีปรากฏอยู่ในพุทธประวัติบ้าง อัครสาวกบ้าง และสัตว์บ้าง ช่นื ชอบ แลววิเคราะหว า นทิ านเรื่องทีน่ ักเรยี น เนื้อเรื่องช้ีให้เห็นการท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ชั่ว แสดงถึงคุณธรรมต่างๆ เพื่อสอนใจในการด�าเนินชีวิต เช่น เลือกเปน นทิ านประเภทใด เพราะเหตใุ ด นทิ านชาดก นทิ านสภุ าษิต นทิ านทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั พุทธประวตั ิ เป็นตน้ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถเลอื กนิทานได หลากหลาย ครพู จิ ารณาแนวทางการวเิ คราะห ๗) นิทานมุกตลก เป็นนิทานท่ีมุ่งเสนอความขบขัน ให้ความบันเทิงใจแก่ผู้ฟัง ของนักเรียนวา สมเหตสุ มผลหรือไม ตัวอยาง เนื้อเรื่องส่วนใหญ่เป็นเรื่องส้ันๆ ตอนเดียวจบ ผูกเรื่องข้ึนเพ่ือความขบขัน เช่น เร่ืองศรีธนญชัย นทิ านพน้ื บา น เชน เร่อื งพระยาแถนสรา งโลก เปน็ ต้น เปนตน ) บอกเล่าเก้าสบิ ตรวจสอบผล Evaluate ทำ�ไมข�้ วจึงมีเมล็ดเล็ก 1. นกั เรยี นเลานิทานทเ่ี ปน บอเกดิ ของสํานวนทใี่ ช ในภาษาไทยได ในภาคเหนือ มีนิทานอธิบายเหตุว่า ท�าไมข้าวจึงมี เมล็ดเล็ก โดยเล่าว่าแต่เดิมเมล็ดข้าวมีขนาดเท่าลูกฟัก 2. นกั เรยี นวเิ คราะหนทิ านพ้นื บานและจดั แบง ผูค้ นไม่ต้องปลกู และเก็บเก่ยี วเอง พอขา้ วสกุ กจ็ ะกล้ิงมา ประเภทไดถ ูกตอ ง เขา้ ยงุ้ ฉางเอง แตม่ หี ญงิ มา่ ยคนหนงึ่ สรา้ งฉางไมท่ นั เสรจ็ เมลด็ ขา้ วกลงิ้ เขา้ มาในฉางมากมาย นางโกรธจงึ ควา้ คอ้ น ไล่ทุบเมลด็ ข้าว เมลด็ ขา้ วแตกกระจาย ทา� ให้ขา้ วมีเมล็ด เล็กแต่นัน้ มา 128 เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครูแนะความรูใหนกั เรยี นเพ่มิ เตมิ เกย่ี วกบั ความสําคญั ของนิทานพืน้ บานวา นทิ าน นักเรยี นทํากิจกรรมเพ่ิมเตมิ ความรเู กย่ี วกบั นทิ านพื้นบาน โดยนกั เรียน พืน้ บานใหค วามสําคัญและคตใิ นการดาํ รงชีวติ ใหความสาํ คัญแกวีรบรุ ุษประจําถ่ิน ศึกษาและคน หานิทานพ้ืนบานทีน่ า สนใจจากแหลงการเรยี นรูใดก็ไดมา หรือประจําชาติ ใหค ําอธบิ ายเก่ยี วกบั ปรากฏการณธ รรมชาติหรอื ที่มาของสถานที่ 1 เร่อื ง จากนั้นจดบันทกึ จากการอา นการฟง หรือนทิ านพ้ืนบา นนน้ั ลงสมุด ตา งๆ ในทอ งถน่ิ ใหกาํ ลังใจในการดาํ เนนิ ชีวิตและยังใหค วามเพลิดเพลินใจอกี ดวย กิจกรรมทา ทาย นกั เรียนควรรู นักเรยี นเลา นิทานพ้ืนบานทอ่ี านหรอื ฟง มาหนาช้ันเรียน โดยใชท ักษะ 1 ประเพณวี ันตรษุ สงกรานต สบื เน่อื งจากสงกรานตเปน ประเพณีเกาแกข องไทย ในการเลา เรอ่ื งใหน าสนใจ พรอมบอกขอคดิ จากนิทานท่ีเลา ซ่งึ สืบทอดมาแตโ บราณคมู ากบั ประเพณีตรุษ จงึ มีการเรียกรวมกันวา “ประเพณีตรุษ สงกรานต” หมายถึง ประเพณีสงทา ยปเ กา และตอนรับปใ หม คาํ วา “ตรษุ ” เปน ภาษาทมฬิ แปลวา การส้ินป แตในปจ จุบนั การเฉลิมฉลองในประเพณีสงกรานตน ั้น ไดล ะทง้ิ ความงดงามของประเพณใี นสมยั โบราณไปเกอื บหมดสิ้น คงไวเ พียงแต ภาพลกั ษณแ หงความสนุกสนาน 128 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๒ นิทาน¾ืนé บา้ นไทยãนทอ้ ง¶ิ่นµา่ งæ ครูใหนักเรยี นเลน เกมทายภมู ิภาค โดยให นกั เรยี นทายวานทิ านทค่ี รูยกมาเปน นิทานจาก สามกษตั รยิ ์ ภูมภิ าคใดของประเทศไทย อนสุ าวรีย์สามกษัตริย์ • มโนราห จังหวัดเชยี งใหม่ (แนวตอบ ภาคใต) • พระยาแถน (แนวตอบ ภาคเหนอื กบั ภาคอีสาน) • พระยากงพระยาพาน (แนวตอบ ภาคกลาง) อสุ าบารส หอนางอุสา สาํ รวจคน หา Explore จงั หวดั อุดรธานี พระยากง พระยาพาน 1. นักเรียนอา นตวั อยา งเนื้อเรอ่ื งนทิ านพื้นบาน พระปฐมเจดีย์ ภาคเหนือ ภาคอสี าน ภาคกลาง และภาคใต จงั หวัดนครปฐม 2. นักเรียนคนหาวา แตละทองถิ่นในประเทศไทย มนี ทิ านใดเปนทร่ี จู กั บา ง อธบิ ายความรู Explain เจ้าแม่ล่ิมกอเหน่ียว มสั ยดิ กรอื เซะ จังหวัดปัตตานี 1. นกั เรยี นแบง กลมุ ออกเปน 4 กลมุ จบั สลาก นทิ านพื้นบานไทยในหนงั สือเรียนดงั น้ี เรือ่ ง สามกษัตรยิ  เรอื่ งอสุ าบารส เรือ่ งพระยากง พระยาพาน และเรอ่ื งเจา แมล ่มิ กอเหนย่ี ว 2. นกั เรยี นแตละกลมุ สง ตัวแทนมาเลาเรือ่ งยอ หนา ชนั้ 3. หลงั จากนกั เรียนแตละกลมุ นาํ เสนอ ใหเพอ่ื นๆ ในหองชว ยกันตอบคาํ ถาม ศาลเจ้าแม่ลม่ิ กอเหนยี่ ว จงั หวัดปัตตานี 129 บรู ณาการเชือ่ มสาระ เกรด็ แนะครู การศกึ ษานิทานพนื้ บานโดยแบง ตามประเพณีวฒั นธรรมของไทยออกเปน ครูจดั กิจกรรมพัฒนาทกั ษะการพูดของนกั เรยี นควบคกู ับการศึกษานทิ านพนื้ บา น ภาคตางๆ 4 ภาค คือ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต และภาคตะวันออก- ไทยในทอ งถนิ่ ตางๆ โดยใหน ักเรียนจัดกลมุ แลวเลือกศึกษานทิ านพื้นบา นทน่ี ักเรยี น เฉียงเหนอื โดยครเู ช่ือมโยงความรูเขากบั กลมุ สาระการเรยี นรสู งั คมศึกษา มคี วามสนใจรว มกัน จากนั้นใหน กั เรียนทุกคนในแตล ะกลุมมานําเสนอนิทานทีศ่ ึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาการปกครองทอ งถน่ิ ซ่ึงเนอื้ หาจะอธบิ ายเกย่ี วกบั มาหนา ชนั้ เรยี น เมื่อนกั เรยี นเลา เรื่องจบแลว ครตู งั้ คําถามเกี่ยวกบั นทิ านที่นกั เรียน ลักษณะทางวฒั นธรรมของแตล ะทองถิน่ ทงั้ ความเหมอื นและความแตกตาง แตล ะกลุมนําเสนอ เพือ่ นําไปสกู ารเปดอภปิ รายประเด็นตา งๆ ที่เหมาะสมหรอื นําไป ทางวฒั นธรรมประเพณจี ะสอดคลอ งกบั เนอ้ื หา ประวตั คิ วามเปน มา และการ ประยกุ ตใ ชใ นชวี ิตประจาํ วันได ครูชวยกระตนุ ใหน ักเรียนทกุ คนมสี ว นรว มในการ อธบิ ายสถานที่สาํ คญั ของแตละทองถน่ิ ในนทิ านพน้ื บาน แสดงความคดิ เหน็ ไมว า จะเปน การเหน็ ดวยหรือการโตแยง นําความรเู ก่ยี วกับ มารยาทในการพดู และการฟง มาเปนกรอบในการรว มกันอภิปราย คมู อื ครู 129

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นักเรียนกลุม ที่ 1 มาเลา เร่อื งยอเรอ่ื งสามกษัตรยิ  เรื่อง สามกษตั ริย์ หนา ช้นั เรยี น นทิ านพื้นบา้ นภาคเหนอื (แนวตอบ เรอ่ื งสามกษัตรยิ  เปนเร่อื งเก่ียวกบั พอ่ ขนุ รามคา� แหง พอ่ ขุนมังราย พ่อขนุ งา� เมอื ง เป็นโอรสของกษัตรยิ ์ ทง้ั ๓ พระองค์อยู่ใน กษัตรยิ  3 องค คอื พอ ขนุ รามคําแหง พอ ขุนมงั ราย วัยเดียวกัน เป็นพระสหายกันมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์และได้เดินทางไปศึกษาศิลปวิทยาการด้วยกัน พอ ขนุ งําเมือง ทั้งสามพระองคเ ปนเพ่อื นรักกัน มกั ไป ที่ส�านักสุกทันตฤษี วัดเขาสมอคอน เมืองละโว้ ครั้นเม่ือเจริญวัยต่างก็ได้ครองเมืองทุกพระองค์ มาหาสกู นั เสมอ พอขนุ รามคําแหงหรือพระยารวงมัก คอื พอ่ ขนุ รามคา� แหงครองเมอื งสโุ ขทยั พอ่ ขนุ มงั รายครองเมอื งเชยี งราย (ภายหลงั ยา้ ยมาเมอื งเชยี งใหม)่ เดินทางโดยขบวนชา งผานเมืองแพรไปเมอื งพะเยา พอ่ ขนุ งา� เมอื งครองเมอื งพะเยา ทง้ั สามพระองคย์ งั เปน็ พระสหายรกั ใครก่ นั อยู่ เชน่ เมอ่ื ครงั้ พอ่ ขนุ มงั ราย จนเปนรองลกึ และเกดิ เปน ลาํ ธารจงึ เรียกวา “แมร อง ชา ง” เม่อื ครง้ั พระยางําเมอื งมพี ระชายาชือ่ “นางอั้ว ย้ายราชธพา่อนขีมุนาเรมาือมงคเช�าียแงหใหงม(่ พยังงเศชาิญวพดราะรสโหยานยกทเ้งัรสียอกงวไป่าพดูทระา� เยลา1สรร่ว้างงเ)มปืองกดต้วิจยะเสด็จไปเยี่ยมพระยา เชียงแสน” ผมู ีรปู โฉมงดงาม พระยารวงเสด็จมา เย่ียมเยียนพระยางําเมอื ง แตกลบั หลงใหลรักใคร งา� เมือง ปีละครั้ง และถอื โอกาสเสดจ็ ไปสรงน�้าในแม่น้า� โขงดว้ ย พระยารว่ งจะเสด็จโดยขบวนชา้ งผ่าน นางอ้วั เชียงแสนซึง่ มีใจตรงกนั ทัง้ สองลอบเปน ชูกัน เมืองแพร่ไปเมืองพะเยาจนเส้นทางเป็นรอ่ งลกึ เกดิ เปน็ ทางลา� ธารเรยี กชือ่ วา่ แม่รอ่ งชา้ ง จนรถู ึงพระยางาํ เมอื ง พระยางําเมอื งรา ยเวทมนตใส พระยารว ง ซงึ่ ไดแปลงกายเปนนกเอ้ียงบินหนไี ปและ พระยาง�าเมืองก็ทรงต้อนรับพระสหายอย่างดียิ่ง เม่ือยามพระร่วงเสด็จมาเย่ียมเยียน พระยา ไปตกท่หี นองนาํ้ จงึ เรียกกนั ตอมาวา “หนองนกเอ้ยี ง” ง�าเมืองมีพระชายาช่ือ นางอ้ัวเชียงแสน มีรูปโฉมงดงาม พระยาร่วงเห็นเข้าก็ทรงสมัครรักใคร่ พระยางําเมอื งจบั ตวั พระยารว งไดก็นาํ ไปขงั ไว และ ส่วนพระนางก็มีพระทัยตรงกัน พระยาร่วงหาโอกาสลอบเป็นชู้กับพระนางจนทราบถึงพระยาง�าเมือง สง พระราชสาสนไปถงึ พระยามงั รายใหช ว ยมาตดั สิน จึงส่ังให้เสนาจับตัวพระยาร่วง พระยาร่วงจ�าแลงเป็นนกเอี้ยง พระยาง�าเมืองร่ายเวทมนตร์ให้นก ในขณะทพ่ี ระยารว งถูกขังไดค ดิ หนโี ดยแปลงกายเปน เอ้ียงอ่อนกา� ลังบินไม่ไดต้ กลงในหนองน้�าซง่ึ เรยี กว่า หนองเอย้ี ง ทุกวันนี้ ในท่ีสุดพระยางา� เมืองจบั ตวั ตนุ ขดุ รหู นี เรียกบริเวณนั้นวา “บา นตนุ ” และบรเิ วณ พระยาร่วงได้และกักขังไว้เพราะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะท�าอย่างไรกับพระสหาย จึงส่งพระราชสาส์น ทีเ่ ปน นํ้า เรียก “หว ยแมตุน” แตเมือ่ พระยารว งรูว า เชิญพระยามังรายพระสหายมาเป็นผู้ตัดสิน เมื่อพระยามังรายมาถึงเมืองพะเยาแล้วทรงร�าพึงว่า ถ้า พระยามังรายมาถึงจงึ ไมค ดิ หนีอีกตอ ไป พระยา- หากพระยาร่วงกับพระยาง�าเมืองผิดใจกันก็จะเป็นเวรกรรม (รบราฆ่าฟันกัน) ต่อไปภายหน้า พระยา มังรายตัดสินใหพระยารวงเสยี คา ปรบั ไหมใหแก มังรายจึงหาวิธีการท่ีนุ่มนวลคือให้พระยาร่วงเสียค่าสินไหมแก่พระยาง�าเมือง แล้วไกล่เกล่ียให้ท้ัง พระยางาํ เมอื งและปรบั ความเขาใจกนั ท้งั สาม สองสหายเป็นมติ รไมตรีกันเช่นเดมิ ไดก ลาวคําปฏญิ าณตอ กันวา จะซื่อตรงตอ กนั ทีร่ มิ ฝง แมนาํ้ “ขนุ ภ”ู ทัง้ สามนั่งอิงปรกึ ษาหารือกันอยนู าน ในระหว่างนั้นพระยาร่วงถูกจองจ�าอยู่ด้วยความทุกข์จึงจ�าแลงกายเป็นตุ่นขุดดินเป็นรู จงึ เรียกแมนาํ้ น้นั วา “แมอิง” จากน้นั จงึ แยกยา ยกลบั หนีออกจากท่ีจ�าขัง บริเวณนั้นเรียกช่ือว่า บ้านตุ่น และรูท่ีตุ่นขุดหนีนั้นกลายเป็นแม่น้�าเรียกว่า เมอื งของตน) หว้ ยแม่ตนุ่ แตพ่ ระยาง�าเมอื งกจ็ ับพระยารว่ งไดอ้ ีก และพระยาร่วงทราบว่าพระยามังราย พระสหาย • นักเรยี นบอกขอคดิ ทไ่ี ดจ ากนทิ านพืน้ บา นเรือ่ ง มาถงึ เมือเมงพื่อะพเยระาแยลาว้มจังงึ รไามยค่ ตดิ ัดจสะหินนใหตี ่อ้พไรปะยาร่วงเสียค่าสินไหม2แก่พระยาง�าเมืองและให้คืนดีเป็น สามกษตั รยิ  (แนวตอบ การเปนเพ่อื นกนั ควรมคี วามซ่ือสตั ย มติ รไมตรกี นั ตอ่ ไป พระยารว่ งกร็ บั เสยี สนิ ไหมใหแ้ ตโ่ ดยดี ทงั้ สามสหายกพ็ ากนั ไปกลา่ วคา� สจั จะปฏญิ าณ ตอ กนั ควรใหค วามสาํ คญั กบั มติ รภาพ เพราะ กันที่ริมฝั่งแม่น�้า ขุนภู ว่าต่อไปจะเป็นมิตรสหายที่ซื่อตรงต่อกัน ไม่ท�าศึกสงครามกันไม่ว่ากรณี เม่อื ถึงคราวเดอื ดรอ นมติ รแทจ ะใหค วาม ใดๆ ทั้งสามกษัตริย์ทรงนั่งอิงปรึกษากันอยู่นาน จึงเรียกชื่อแม่น้�าน้ันว่า แม่อิง สืบต่อมาจนทุกวันนี้ ชวยเหลอื ) เม่อื เสรจ็ พิธีปฏญิ าณแลว้ พระยาร่วงและพระยามังรายกแ็ ยกยา้ ยกลับเมือง (สรปุ จาก พงศาวดารโยนก ฉบับหอสมดุ แห่งชาติ ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๔) 130 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นกั เรยี นไดข อ คิดอะไรบา งจากการอานนิทานพนื้ บา นเรอื่ งพระยากง ครแู นะใหนกั เรยี นศกึ ษาขอ มลู เกี่ยวกบั นทิ านพื้นบานภาคเหนอื ท่เี นื้อเรอ่ื งมี พระยาพาน และขอคดิ นั้นชว ยดาํ รงและสง เสริมสงั คมอยา งไร ลักษณะเปนนทิ านประเภทอธิบายความเปน มาของชมุ ชนและเผาพันธุ โดยครใู ห แนวตอบ พระยาพานไดทาํ ปตุฆาต ซ่ึงเปนอนนั ตรยิ กรรมเปน บาปสงู สุด นักเรยี นเลือกนทิ านพื้นบา นภาคเหนอื มา 1 เรือ่ ง แลวใหนักเรียนรวมกนั อภปิ ราย คือการทาํ รา ยผูทใ่ี หก ําเนดิ และผูมพี ระคุณที่เลีย้ งดูมา และจากการอานนิทาน ถงึ ความสาํ คญั ของการใชนทิ านอธบิ ายความเปน มาของชมุ ชนเพอื่ แสดงใหเห็นถึง พื้นบานเร่ืองพระยากง พระยาพาน ใหขอ คดิ เร่ืองความกตญั รู ูคุณบดิ า วัฒนธรรมของผคู นในชุมชน มารดา ผูเลี้ยงดเู รามาใหเ ติบใหญใ หเ ปน ผูทมี่ ีความพรอ มบรบิ รู ณท ้ังทางกาย และปญ ญาตามความสามารถ แตสิง่ ที่สาํ คญั ท่สี ุด คอื การท่ผี มู ีพระคณุ ตา งก็ นกั เรียนควรรู คาดหวังมอบสิง่ ทด่ี ที ่ีสุดใหกบั ผูท่อี ยใู นความดูแล การแสดงความกตัญู จึงชว ยดาํ รงความสัมพนั ธร ะหวางคนในครอบครัว ซงึ่ เปน สถาบนั สาํ คัญทจ่ี ะ 1 พระยา เดิมใชค าํ วา “พญา” ใชก บั เจาแผน ดิน เชน พญาลิไทย ผูเปนใหญ ชวยสง เสรมิ ใหส งั คมอยูรว มกันอยา งปกตสิ ขุ ผเู ปน หวั หนา (มักใชน าํ หนา นามอ่ืน) เชน พญานาค พญาหงส 2 สนิ ไหม เงนิ คาปรบั ผแู พคดใี หแกผชู นะ 130 คูมอื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เร่ือง อุสาบารส นกั เรยี นกลุม ท่ี 2 มาเลา เรอื่ งยอเร่ืองอุสาบารส หนา ชน้ั เรยี น นิทานพ้นื บา้ นภาคอีสาน (แนวตอบ พระเจากรุงพานและพระมเหสไี มม ี พระเจ้ากรุงพานและมเหสีครองเมืองมานาน แต่ไม่มีโอรสหรือธิดาที่จะสืบสันตติวงศ์ พระธิดา แมจะทําพิธีขอจากเทพยดาหลายคร้งั ก็ยัง พระองค์ทรงท�าพิธีขอโอรสต่อเทพยดาหลายคร้ังหลายคราแต่ก็ไม่ได้ผล ในป่าบนเทือกเขาน้ัน ไมม ี จนกระท่ังเมอื่ ไดยินวาพระฤๅษีมธี ิดาบุญธรรม มีพระฤๅษีตนหนึ่งบ�าเพ็ญฌานแก่กล้ามาก วันหนึ่งพระฤๅษีอยากได้ธิดา ก็มีกุมารีเกิดในดอกบัวอยู่ใน ชือ่ นางอุสามีรูปโฉมงามจงึ ขอมาเล้ียงไวใ นวงั สระน้�าข้างอาศรม พระฤๅษีได้น�ามาเลี้ยงเป็นธิดาบุญธรรมให้ชื่อว่า นางอุสา คร้ันเจริญวัย นางอุสา ทรงจัดหานางสนมคอยรับใชม ากมายและสรา ง มีโฉมงามย่ิงนัก ความงามของนางได้เล่ืองลือไปถึงพระเจ้ากรุงพาน พระเจ้ากรุงพานจึงเสด็จมายัง หอคําให วนั หน่งึ นางอสุ ารอ ยมาลยั แตง เปนกระทง อาศรมพระฤๅษี และทรงเห็นว่านางอุสามีลักษณะเป็นผู้มีบุญญาธิการมากจึงตรัสขอไปเป็นพระธิดา เสย่ี งหาเนอ้ื คูลอยนา้ํ ไปถงึ เมืองพะโค เมอื งพะโค บุญธรรม พระฤๅษีไม่ขัดข้องจึงยินยอมให้นางอุสามาอยู่ในพระราชวังของพระเจ้ากรุงพาน พระเจ้า มโี อรสเปน หนุมใหญยงั ไมมชี ายาชอ่ื ทา วบารส กรุงพานได้จัดนางสนมก�านัลอยู่รับใช้นางอุสามากมาย และสร้างหอค�า (หอทองค�า) ให้เป็นท่ีประทับ ไดล งสรงนาํ้ แลว เหน็ กระทงมาลัยลอยนํา้ มากเ็ กดิ นางอุสามีความสุขอยู่กับเหล่านางสนม วันหน่ึงนางประพาสอุทยานพบล�าธารซ่ึงมีน้�าไหลอยู่เสมอ ความตองใจ จงึ ออกคนหาเจา ของกระทงมาลัย นางคิดว่าล�าธารนี้คงไหลไปไกลผ่านเมืองหลายเมือง นางจึงร้อยมาลัยตกแต่งเป็นกระทงลอยน้�าไป เดินทางมาถงึ อุทยานหลวงไดย นิ เสยี งเพลงจึงตาม เพื่อเสยี่ งทายหาเน้ือคู่ โดยขอให้กระทงลอยน้�าไปยงั เมืองที่เนอื้ คู่อย่แู ละดลใจใหเ้ ขาทราบความนยั ของ ไปจนพบนางอุสา ทัง้ สองเกดิ ความพสิ มยั ตอกัน ตามเทพบนั ดาล นางอสุ าพาทาวบารสซอ นไว พระนางกดลว้ ย่าวถงึ เมอื งพะโค1มโี อรสช่อื วา่ ท้าวบารส เจริญวัยเป็นหนุม่ ใหญ่ แตย่ ังไม่มีพระชายา อยูม่ า ในหอคาํ เมอ่ื ความรถู ึงพระเจา กรุงพานจงึ รับส่ัง ประหารทาวบารส ทา วบารสจึงทูลวา ตนเปน ใคร วันหนึ่งท้าวบารสทรงสุบินว่า “มีแก้วสว่างไสวลอยจากนภากาศมาสู่พระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ พระเจากรงุ พานจึงแจง ไปยงั เมืองพะโค ทรงทาํ ให ทรงมีความปล้ืมปีติกับแก้วดวงนี้มาก” คร้ันต่ืนบรรทมแก้วก็หายไป ท้าวบารสกลัดกลุ้มพระทัยมาก พระเจา เมอื งพะโคและพระเจา กรงุ พานทาํ สงคราม จึงชวนเสนาอมาตย์ไปสรงน้�า ขณะที่สรงน้�าน้ันเห็นกระทงอันตกแต่งร้อยกรองดอกมาลัยอย่างวิจิตร ธรรมแขงกันสรางวดั ฝา ยใดสรา งวัดเสร็จภายใน ทา้ วบารสจงึ ไปเกบ็ กระทงนนั้ และทรงพจิ ารณาวา่ กระทงนฝ้ี มี อื ผปู้ ระดษิ ฐค์ งไมใ่ ชฝ่ มี อื ชาวบา้ นธรรมดา คนื เดียวจะเปน ฝา ยชนะ หากพระเจา กรงุ พานชนะ ครน้ั พจิ ารณาอยนู่ านๆ กลน่ิ ไม้หอมจากกระทงไดส้ ง่ กล่ินให้ท้าวบารสเกิดความรญั จวนใจ อยากจะพบ ทาวบารสจะยอมใหป ระหารชีวิต แตหากแพก ็ตอ ง ผู้เปน็ เจา้ ของกระทง ยนิ ยอมยกนางอุสาใหเ ปน ชายาทา วบารส ปรากฏ วาทาวบารสชนะไดนางอสุ ามาเปนชายาและไปอยู ท้าวบารสจึงทูลลาพระราชบิดาติดตามเจ้าของกระทงนั้น ท้าวบารสทรงม้าเสด็จไปแต่ผู้เดียว เมอื งพะโค) เทพดลใจให้เข้ามายังเมืองพาน ผูกม้าไว้แล้วก็เข้าไปในเมืองสืบหานางในฝัน วันหนึ่งท้าวบารส หลงเข้าไปในอุทยานหลวงได้ยินเสียงเพลงขับขานไพเราะ ท้าวบารสจึงตามหาเจ้าของเสียงเพลง ครั้นพบนางอุสาท่ีก�าลังขับขานเพลงอยู่ในอุทยาน ท้ังสองต่างก็มีจิตพิสมัยซึ่งกันและกันตาม เทพบันดาล ทง้ั สองกป็ ราศรัยไมตรีกนั และนางอุสากพ็ าทา้ วบารสมาซอ่ นไวท้ ห่ี อคา� 131 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู นักเรยี นศกึ ษาเก่ยี วกับนทิ านพื้นบานไทยทม่ี เี คาโครงเรือ่ งเก่ยี วกบั ครใู หค วามรนู ักเรยี นเกีย่ วกับนทิ านพืน้ บานเพมิ่ เตมิ วา เกดิ จากจินตนาการของ ความรกั การพลดั พรากจากกนั จากน้นั นักเรียนรวบรวมช่อื เร่ืองนทิ าน ผูแตง ดังนั้นจงึ ไมมกี ฎเกณฑเ ฉพาะในการแตง เนื้อเรือ่ งไมซับซอ นแตหลากหลาย พื้นบานเรอื่ งตา งๆ ท่ีมีเคาโครงลักษณะนี้ จดบันทกึ ลงสมุดสง ครู ไปตามความคดิ ฝนของผูแตง เนอื้ เรอื่ งของนทิ านพ้นื บา นจึงเปนเรอ่ื งนานาชนดิ แตกตา งกนั ไป อาจเปน เรื่องเกย่ี วกบั การผจญภยั ความรัก ความโกรธ เกลยี ด กจิ กรรมทาทาย ริษยา อาฆาต ตลกขบขนั หรือแมแ ตเ รื่องแปลกประหลาดผิดปกตธิ รรมดา นักเรียนยกตัวอยา งนทิ านพื้นบานทมี่ เี คาโครงเร่อื งเกี่ยวกับความรกั นักเรยี นควรรู การพลัดพรากจากกนั มา 1 เรื่อง จากนั้นเขียนอธิบายความรูองคป ระกอบ ของนิทานเรอ่ื งนัน้ ไดแก โครงเร่ือง ตวั ละคร แกนเรอ่ื งหรือแนวคดิ 1 เมอื งพะโค หรอื เมอื งเวยี งงัว ซง่ึ อยใู นพน้ื ทอ่ี าํ เภอเมือง จังหวัดหนองคาย ฉาก บทสนทนา บันทึกลงในใบความรสู ง ครู กบั เมอื งพาน อําเภอบา นผือ จงั หวดั อดุ รธานี บนเทือกเขาภูพาน ซ่ึงยงั คงมซี าก สถานท่ีปรากฏใหเ ห็นเปนหลักฐานอยใู นปจจบุ ันวาเปน “หอนางอสุ า” คมู ือครู 131

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนฟงเพ่ือนเลา เรื่องยอนิทานพ้ืนบา น อยู่ต่อมาข่าวเล่าลือถึงพระกรรณของพระเจ้ากรุงพาน พระองค์จึงให้เสนามาจับตัวท้าวบารส อสุ าบารสแลว ชว ยกันตอบคําถามตอไปนี้ ไปเฝ้า ทรงกร้ิวท่ีท้าวบารสบังอาจไม่เกรงพระราชอาญาจึงส่ังให้ประหารท้าวบารสโดยมิได้ไต่สวน คดีความ ฝ่ายท้าวบารสเห็นเช่นนั้นจึงกราบทูลความจริง พระเจ้ากรุงพานจึงแจ้งไปยังเมืองพะโค • นทิ านพ้ืนบานเร่ืองอุสาบารสเลาความเปนมา ของสถานทีใ่ ด เจ้าเมืองพะโคเห1็นว่าจะเกิดสงครามใหญ่เป็นแน่แท้ จึงยกทัพมาประชิดเมืองพานและให้ต่อสู้กัน (แนวตอบ หอคํานางอุสา) โดยสงครามธรรมเพ่ือที่จะไม่เป็นเวรเป็นกรรมต่อไปภายหน้า ในที่สุดทั้งสองเมืองก็พนันแข่งขันกัน • สงครามธรรมหมายความวา อยา งไร สร้างวัดให้เสร็จในเวลาเพียงคืนเดียว หากพระเจ้ากรุงพานชนะจะให้มีการประหารชีวิตท้าวบารส (แนวตอบ สงครามธรรมเปน สงครามท่ไี ม หากท้าวบารสชนะพระเจ้ากรุงพานต้องยอมยกพระธิดาให้เป็นชายา ท้ังสองเมืองแข่งขันกันสร้าง เบียดเบยี นชีวติ ไมมีผูบาดเจ็บลม ตายในการ วัด ปรากฏว่าวัดของท้าวบารสร้างเสร็จก่อนรุ่งอรุณ แต่วัดของพระเจ้ากรุงพานไม่เสร็จ เป็นอันว่า แขง ขันเอาชนะ) ทา้ วบารสเป็นผชู้ นะและไดน้ างอุสาไปอภเิ ษกสมรสท่ีเมืองพะโค • นิทานพน้ื บานเร่ืองอสุ าบารสเปน นิทานใน ทองถนิ่ ใด (แนวตอบ จังหวดั อุดรธานี ภาคตะวนั ออก- เฉยี งเหนอื ของไทย) ขยายความเขา ใจ Expand นักเรียนเขยี นแผนผงั ลาํ ดับเหตุการณข องนทิ าน หอนางอุสา เป็นโขดดินทรายขนาดใหญ่ ๒ ก้อน ซ้อนเทินกันอยู่ มีรูปร่างคล้ายดอกเห็ดที่ก�าลังบาน สูงประมาณ พน้ื บานเร่อื งอสุ าบารส ๑๐ เมตร ด้านบนเจาะเปน็ หอ้ งขนาดเล็ก ตอ้ งท�าเปน็ บันไดขึ้นไป (แนวตอบ แผนผงั ลาํ ดบั เหตุการณของนทิ าน 132 พนื้ บานเรือ่ งอุสาบารส มดี ังนี้ • เหตุการณแรก พระเจา กรงุ พานและพระมเหสี ไมม ีโอรสธดิ า จงึ ขอธดิ าบญุ ธรรมของพระ- ฤๅษชี ่อื นางอสุ าผูง ดงามมาเล้ียง • นางอุสาทาํ กระทงมาลยั ลอยน้ําเสยี่ งหาเนือ้ คู ทา วบารสโอรสเมืองพะโคเจอกระทงมาลัย ตองใจออกตามหาเจา ของ • ทาวบารสพบนางอุสาเกดิ รักใครก ัน นางอสุ า พาทา วบารสซอ นไวในหอคํา • พระเจากรุงพานทราบเร่อื งทรงกริว้ แจง ไปยงั เมอื งพะโค เมอื งพะโคยกทัพมา • แขง กันสรา งวดั ใหเสรจ็ ในคนื เดยี ว ทาวบารส ชนะไดน างอสุ าเปน ชายาอภเิ ษกทเี่ มืองพะโค) เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT “เจาเมอื งพะโคเหน็ วา จะเกดิ สงครามใหญเ ปน แนแทจ งึ ยกทัพมาประชดิ ครูใหน ักเรยี นทบทวนความรคู วามเขา ใจภายหลงั การอานนิทานพื้นบานเรื่อง เมืองพานและใหต อสกู ันโดยสงครามธรรม เพือ่ ที่จะไมเ ปน เวรเปนกรรมตอไป อุสาบารส โดยครูต้ังประเดน็ คาํ ถามเกย่ี วกบั การใหอภยั เพือ่ ใหนักเรียนสามารถ ในภายหนา” ขอใดสอดคลอ งกบั ความเชอ่ื ในขางตน พฒั นาการใชท ักษะชีวติ การแกไขปญ หา การปรบั ตวั ใหเ ขา กับสังคม และการมี 1. ขนุ แผนวาจะอยูดไู มไ ด ในคกุ ใหญยากแคนมนั แสนเขญ็ มนุษยสัมพนั ธท ่ดี กี ับเพอื่ น ครอบครวั และการปฏิสัมพนั ธท ่ดี กี บั ผอู ื่น 2. จะสูม ว ยดว ยองคพ ระทรงธรรม ตามไปเมืองสวรรคช ั้นฟา 3. มามลี กู ลกู กจ็ ากวิบากกรรม สะอ้นื รา่ํ รันทดสลดใจ นักเรยี นควรรู 4. ชาตนิ ีม้ ึงมีแตส องหตั ถ จงไปอบุ ัติเอาชาติใหม 1 สงครามธรรม หมายถึง สงครามทไี่ มข ดั กับศีลธรรม หรือแมก ระท่งั เปน วิเคราะหค ําตอบ จากขอ ความในขางตนสะทอนความเชื่อเรื่องเวรกรรมอยา ง หนา ทที่ างศีลธรรมทห่ี ากไมปฏบิ ัติแลว จะเกิดความเสียหาย ทัง้ นีพ้ ิจารณาภายใต เดนชัด ขอ ท่ปี รากฏความเช่ืออยา งเดียวกนั นีค้ อื “มามีลกู ลูกก็จากวิบากกรรม เง่ือนไขหนึง่ ๆ ของการเร่มิ ตนและการปฏิบตั สิ งคราม สะอืน้ รํ่ารันทดสลดใจ” สอดคลองกบั ขอ ความในขางตน ตอบขอ 3. 132 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เร่ือง พระยากง พระยาพาน นักเรยี นกลุมที่ 3 มาเลา เรือ่ งยอ เร่ืองพระยากง พระยาพานหนาชน้ั เรียน นิทานพ้ืนบา้ นภาคกลาง (แนวตอบ พระยากงครองเมืองกาญจนบุรี เมอื่ ครง้ั หน่งึ พระยากง ไดค้ รองเมอื งกาญจนบรุ ี (บางส�านวนวา่ เมืองนครชยั ศรี จงั หวดั นครปฐม) คร้งั ทพ่ี ระมเหสีทรงพระครรภโ หรทํานายวา ในครรภ เม่ือพระมเหสีทรงพระครรภ์ ได้หาโหรมาท�านายทารกในครรภ์ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย โหรท�านาย เปนพระราชโอรสเปนผูมีบญุ หนัก จติ ใจเหย้ี มหาญ ว่าเป็นชายมีบุญบารมีมาก แต่มีจิตใจเห้ียมหาญ และอาจจะเป็นปิตุฆาต คือ ผู้ท่ีฆ่าพ่อของตน ครั้น อาจเปน ปต ุฆาต เมื่อพระโอรสประสตู ไิ ดน าํ พาน เมอื่ ประสูติ ขา้ ราชบรพิ ารก็น�าพานทองมารองรับตามราชประเพณี แตพ่ ระนลาฏ (หน้าผาก) กระทบ มารองรบั แตห นาผากพระกมุ ารกระทบพานจน กบั ขอบพานจนพานเปน็ รอยบแู้ ละเกดิ แผลเปน็ ทพี่ ระนลาฏ จงึ ชอื่ วา่ พระยาพาน พระยากงทราบดงั นน้ั ขอบพานบแู ละพระกุมารมแี ผลท่พี ระนลาฏ (หนา ก็คิดถึงค�าท�านายของโหรว่า พระกุมารมีบุญมากจริงจนท�าให้ขอบของพานบู้เป็นรอย จึงสั่งให้น�า ผาก) จึงตง้ั ชือ่ วาพระยาพาน พระยากงนึกถึงคาํ พระกุมารไปประหาร พระมเหสีทราบดังนั้นก็พยายามที่จะหาทางผ่อนคลาย เมื่อคิดหาอุบายแล้ว ทาํ นายโหรจึงรบั สัง่ ใหน ําพระกุมารไปประหาร ไดน้ �าพระกุมารไปฝากยายหอมเลย้ี งไว้ (บางส�านวนว่า นา� พระกมุ ารไปทง้ิ ไว้ แลว้ ยายหอมมาพบเขา้ จงึ พระมเหสีทลู ขอใหเพยี งเอาพระกุมารไปใหคนอ่นื นา� ไปเลีย้ ง) เล้ียง ซง่ึ คนทเี่ ล้ียงก็คอื ยายหอม เมอื่ พระกุมาร เจรญิ วยั ยายหอมไดน ําพระกมุ ารไปถวายใหเ ปน คร้ันเจริญวัย ยายหอมก็น�าไปถวายพระยาราชบุรี พระยาราชบุรีทรงพอพระทัยเด็กชาย บตุ รบญุ ธรรมพระยาราชบุรี เมอื่ เติบใหญไ ดท าํ พานมาก ประจวบกับไม่มีพระโอรสจึงรับไว้เป็นพระราชบุตรบุญธรรม พระยาพานได้รับการศึกษา สงครามสรู บกับพระยากง และไดฟ นพระยากง เล่าเรยี นศิลปศาสตร์จนมีความรูแ้ กก่ ล้ามาก ส้นิ พระชนม โดยไมรูวาพระยากงเปน พระราชบดิ า ผูใหก าํ เนิด เมือ่ ชนะไดครองเมืองกาญจนบุรไี ด คร้ังหนึ่งพระยาพานถามพระยาราชบุรีว่า ท�าไมต้องส่งเคร่ืองบรรณาการแก่เมืองกาญจนบุรี เขา หาพระมเหสขี องพระยากง พระมเหสีพระยากง ทุกปี ขณะนี้บ้านเมืองเราก็ขัดสน งดเว้นมิได้หรือ พระยาราชบุรีตรัสว่าเมืองกาญจนบุรีจะหาว่าขบถ จาํ รอยแผลเปน ทีพ่ ระนลาฏของพระยาพานได จึง และจะยกทัพใหญ่มา เราไม่มีก�าลังต่อสู้ได้ เมื่อพระยาพานรับอาสาที่จะป้องกันเมือง พระยาราชบุรี ถามถึงบุพการี ผใู หก าํ เนิดพระยาพาน และเลาเร่อื ง จึงงดส่งเคร่ืองบรรณาการ พระยากงเจ้าเมืองกาญจนบุรีเห็นว่าเมืองราชบุรีไม่ส่งเคร่ืองบรรณาการ เก่ียวกบั พระโอรสของพระองคใ หพ ระยาพานฟงวา ตามปกติจึงยกทัพใหญ่มาประชิดเมืองราชบุรี พระยาราชบุรีจึงให้พระยาพานผู้เป็นพระราชบุตร พระโอรสเม่อื ประสตู บิ ญุ หนักเอาพานมารองรับขอบ บญุ ธรรมเปน็ แม่ทัพออกไปส้กู ับพระยากง พระยาพานและพระยากงได้ตอ่ ส้กู ันจนถงึ ชนช้าง พระยากง พานบู พระกมุ ารมแี ผลทห่ี นา ผาก โหรเคยทาํ นาย เสียทีจงึ ถูกฟนั สน้ิ พระชนม์ กองทัพเมืองกาญจนบรุ ีแตกถอยกลบั เมือง กองทัพของพระยาพานตดิ ตาม วา จะฆาพระราชบิดาจงึ สงั่ ใหประหาร แตสุดทาย เข้ายึดทรัพย์สินในเมืองกาญจนบุรีได้ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของการสงครามท่ีผู้ชนะย่อมเป็นเจ้าของ กเ็ อาไปฝากยายหอมเลี้ยง พระยาพานไดฟ งกเ็ สีย กรรมสิทธิ์ในทุกสงิ่ ของผู้แพ้ พระทยั และโกรธยายหอมมาก จงึ รบั สง่ั ประหาร ชีวิตยายหอม เมือ่ คดิ ไดสํานกึ ผิดจงึ ประชมุ พระ เม่ือเขา้ เมืองกาญจนบรุ ไี ด้แลว้ เสนาอ�ามาตย์จึงยกเมอื งให้พระยาพานข้นึ ครองต่อไป คืนหน่งึ สงฆเ พือ่ หาทางบรรเทาเวรกรรมทตี่ นทาํ พระสงฆ พระยาพานคิดจะเข้าห้องบรรทมพระมเหสีของพระยากง โดยไม่ทราบว่าเป็นพระราชมารดาของตน จึงแนะใหสรางเจดยี สงู เทา นกเขาบนิ เหินเพือ่ ลด เม่ือปฐมยาม พระยาพานก็เสด็จไปต�าหนักใน ได้พบแมวแมล่ กู อ่อนนอนขวางทางเดนิ ครัน้ เมอ่ื เดนิ เขา้ บาปหนกั หน่งึ ในสิบท่ฆี า บดิ า และสรา งพระ มาใกล้ได้ยินแม่แมวพูดว่า “ลูกอย่าเพ่ิงร้องหิวนม คอยดูลูกเขาเข้าหาแม่ก่อน” พระยาพานสะดุดใจ ประโทนเพ่อื ไถโทษความผดิ บาปทฆ่ี ายายหอม) ที่เห็นแมวพดู ได้ และเรื่องทพี่ ดู นัน้ มีความหมายชอบกลจึงถอยกลับมาตา� หนกั 133 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู นกั เรยี นศกึ ษาเก่ยี วกบั ประวัตคิ วามเปน มาของพระปฐมเจดียเพิ่มเติม จากกิจกรรมเลาเรื่องยอนทิ านพน้ื บา นหนาชัน้ เรยี น ครแู นะใหน ักเรยี นใชน ํา้ เสยี ง จากนน้ั ใหนักเรยี นรวบรวมขอมลู เก่ยี วกับมลู เหตใุ นการสรา งพระปฐมเจดีย แสดงความสมจรงิ ตามอารมณของตัวละครในเรื่อง เพ่ือใหนกั เรยี นท่ฟี งเพอ่ื นเลา จากนั้นสรปุ ประเดน็ ตา งๆ ที่อธิบายประวตั ิความเปนมาของพระปฐมเจดีย เร่อื งยอ เขาใจเรือ่ งไดดียงิ่ ขนึ้ อีกทงั้ ยงั เปน การดึงความสนใจของเพอ่ื นๆ ใหสนใจฟง ลงสมดุ บนั ทึกสง ครู ในขณะทีม่ ีการเลานิทานดวย กิจกรรมทาทาย นักเรียนศกึ ษาเกี่ยวกับประวตั คิ วามเปน มาของพระปฐมเจดยี เพมิ่ เติม คูม อื ครู 133 จากนน้ั ใหนักเรียนรวบรวมขอ มูลเก่ียวกบั มลู เหตุในการสรางพระปฐมเจดีย แลวเขยี นวิเคราะหล งสมุดบนั ทึกวา นิทานพื้นบา นท่ีใชอธิบายประวตั คิ วาม เปนมาของพระปฐมเจดยี น ม้ี คี วามเก่ยี วขอ งสอดคลอ งกบั ประวัติศาสตร อยางไร บันทึกลงสมดุ สง ครู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook