กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นักเรียนอธิบายเกีย่ วกบั คุณคาดา นวรรณศิลป จากโคลงโลกนติ ิ ดังนี้ ๖.๒ คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ “คณุ แมห นาหนกั เพย้ี ง พสุธา คณุ บดิ รดจุ อา- กาศกวา ง โคลงโลกนิติ เป็นวรรณคดีที่มีความดีเด่นในด้านถ้อยค�าและส�านวนโวหารที่เข้าใจง่าย คุณพ่ีพา งศขิ รา เมรุมาศ แตม่ คี วามหมายลึกซ้งึ และมคี วามไพเราะสละสลวย เน่ืองดว้ ยกวมี ีกลวธิ ใี นการประพันธ์ ดงั ตอ่ ไปนี้ คณุ พระอาจารยอ าง อาจสูสาคร” • โคลงโลกนติ ิท่ียกมามีความโดดเดนในดาน ๑) การใชภ้ าพพจน์ ดว้ ยการใชค้ วามเปรยี บวา่ สงิ่ หนงึ่ เหมอื นกบั สง่ิ หนง่ึ หรอื อปุ มา วรรณศิลปอยา งไร เป็นการเปรียบเทียบกับสิ่งใกล้ตัวเพ่ือให้เห็นจริง กลวิธีน้ีเป็นการน�าสิ่งใกล้ตัวท่ีผู้อ่านพบเห็นหรือรู้จัก (แนวตอบ โคลงโลกนิติท่ยี กมามีความโดดเดน มาใช้เป็นคติเตือนใจ ท�าให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจมากขึ้น ดังบทที่กล่าวถึงผลมะเด่ือ เม่ือสุกจะมีสีแดง สวยงาม แตภ่ ายในกลบั มหี นอนแมลงวนั มากมายเปรยี บเทยี บกบั คนทภี่ ายนอกดดู ี แตก่ ลบั มจี ติ ใจชว่ั รา้ ย ในการใชภ าพพจนอ ปุ มาแสดงการเปรยี บเทยี บ (๗) ผลเด่ือเมอ่ื สุกไซร้ มีพรรณ โดยใชคาํ วา “เพี้ยง” “ดุจ” “พาง” มาแสดง ภำยนอกแดงดฉู นั ชำดบำ้ ย ความเปรยี บ ดังน้ี เปรยี บเทยี บพระคุณแมวา ภำยในยอ่ มแมลงวัน หนอนบ่อน ยิ่งใหญเทา ฟา พระคณุ บิดาเทา อากาศ ดุจดั่งคนใจรำ้ ย นอกน้นั ดงู ำม พระคณุ ของผเู ปนพ่เี ปรยี บไดกับเขาพระสุเมรุ ๒) การใช้ภาษาสร้างจินตภาพ เป็นศิลปะการประพันธ์ที่พบมากในโคลงโลกนิติ และพระคุณของครบู าอาจารยเ ทียบเทาไดกับ ท�าให้เนื้อความลึกซ้ึงและสร้างจินตนาการได้อย่างแจ่มชัด เช่นโคลงท่ีกล่าวถึงการไม่ท�าอะไรเกิน แมนํ้า) ความพอดีทวี่ า่ ขยายความเขา ใจ Expand (๖๐) จระเข้คบั น่ำนน้ำ� ไฉนหำ ภกั ษ์เฮย รถใหญ่กวา่ รัถยำ ยำกแท้ 1. ใหน กั เรียนยกบทประพันธท ่นี ักเรียนเห็นวา เสือใหญ่กวา่ วนำ ไฉนอย่ ู ไดแ้ ฮ เปนการใชภ าษาสรา งจนิ ตภาพไดชัดเจนที่สดุ เรือเขื่องคบั ชเลแล้ แล่นโลไ้ ปไฉน (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยกู บั ดลุ ยพินิจของครู โคลงบทนเี้ น้นใช้คา� วา่ “คับ” ซ่ึงแปลว่า มลี ักษณะหรอื ปริมาณเกินพอดี และ “กวา่ ” ผูสอน ตัวอยา งเชน ซึ่งแปลว่า เกิน อันเป็นค�าท่ีท�าให้รู้สึกหรือนึกถึงเรื่องของ ขนาด เพื่อแสดงให้เห็นว่าการขาดความ- “นาคมี ีพษิ เพ้ยี ง สรุ ิโย พอดีหรอื ความเหมาะสมจะสง่ ผลเสียอยา่ งไร โดยอาศัยการเปรียบเทยี บคา� ทสี่ ื่อความหมายเขา้ คูก่ ันได้ เล้อื ยบทําเดโช แชม ชา ตามการรบั ร้ขู องคนทั่วไป ไดแ้ ก่ พษิ นอ ยหยง่ิ โยโส แมลงปอ ง ชแู ตหางเองอา อวดอางฤทธ”ี ) จระเข้ กบั แม่นา้� ➝ จระเข้ หากมีขนาดใหญ่กวา่ แมน่ �้า ย่อมหาเหย่อื ไดย้ าก 2. นกั เรยี นเขยี นบรรยายโคลงบทที่ยกมาเปน รถ กบั ถนน ➝ รถ หากมขี นาดใหญก่ ว่าถนน ยอ่ มสัญจรติดขดั รอ ยแกว เสือ กบั ป่า ➝ เสือ หากมขี นาดใหญ่กวา่ ปา่ ยอ่ มมีชวี ิตอยูอ่ ยา่ งลา� บาก 3. ครูสมุ นักเรยี น 3-4 คน มาอา นโคลงทน่ี ักเรยี น เรือ กบั ทะเล ➝ เรอื หากมีขนาดใหญก่ ว่าทะเล คงแลน่ ไปไหนไมไ่ ด้ เลอื ก และถอดความโคลงพรอ มทง้ั อา นให จุดมุ่งหมายของโคลงบทนี้ คือ สอนให้ทุกคนด�ารงตนหรือด�าเนินชีวิตให้พอเหมาะกับ เพ่ือนฟง สภาพแวดลอ้ มและฐานะความเป็นอยู่ 40 เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอใดจัดเปน คณุ คา ทส่ี าํ คญั สูงสุดของโคลงโลกนิติ ครใู หความรนู ักเรยี นเพม่ิ เตมิ เก่ียวกับการใชภาษาสรางจินตภาพทที่ ําใหเกดิ 1. ความงามและความซาบซ้ึงในรสวรรณคดี กระบวนจนิ ตภาพวา มีความสําคัญตอ บทประพันธทัง้ หลาย โดยเฉพาะบทรอ ยกรอง 2. การใชถ อยคําเหมาะสมกบั ลักษณะคาํ ประพนั ธ เพ่อื ใหบ งั เกิดประสทิ ธผิ ล ในดานเราความรูสกึ ใหความประทับใจ ปลกุ จิตสาํ นกึ 3. นําคติท่ไี ดไปประยุกตใชใ นการดําเนินชวี ิต ชวยสง สารหรอื แนวคดิ ใหกวางขวางและลึกซึง้ ขนึ้ กระบวนจนิ ตภาพเปน คณุ สมบัติ 4. เห็นภาพสะทอนสังคมในอดตี ชัดเจนมากขึ้น และคุณคา ท่แี สดงแงงามและใหรสแหง วรรณคดนี น้ั ๆ โดยตรง วิเคราะหค ําตอบ จุดมงุ หมายของโคลงโลกนิติ คอื สอนใหท ุกคนในสงั คม เปนคนดี ปฏบิ ตั ิไดอยางถกู ตอ งเหมาะสมในทุกโอกาส และสามารถดาํ รงชวี ติ ไดอ ยา งมคี วามสุข ดังนน้ั การนาํ คตจิ ากโคลงโลกนิติไปใชในชีวิตประจาํ วนั นับวาเปนสิ่งทีท่ าํ ใหบ รรลุจุดมุง หมายและจดั เปน คณุ คาสงู สดุ ของโคลงโลกนติ ิ ตอบขอ 3. 40 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ นกั เรียนเลอื กบทประพนั ธที่นักเรียนช่นื ชอบมา ๓) การเลน่ เสยี ง เปน็ การใชส้ มั ผสั สระหรอื สมั ผสั อกั ษรในวรรคเดยี วกนั ชว่ ยทา� ใหเ้ กดิ 1 บท แลววเิ คราะหวา บทประพันธท่ีนักเรยี นเลอื ก ความไพเราะ มลี ลี าจังหวะ และเสยี งของค�ากลมกลนื กัน ดงั ในโคลงบททีก่ ลา่ วว่า มีการซํ้าคาํ หรือไม อยางไร (แนวตอบ ตัวอยางเชน การซํ้าคาํ โดยซํ้าคาํ วา (๓๑๙) สงู สารสเี่ ทา้ ย่าง เหยียบยัน “บาป” เหน็ การเนน ยาํ้ ความหมายเพ่อื เตอื นสติ บางคาบเชีย่ วไปพลนั พลวกพลัง้ ใหร ะวงั บาป ทาํ ใหจ ดุ มงุ หมายของโคลงบทนี้ นกั รูร้ า่� เรยี นธรรม ์ ถึงมาก ก็ดี แจม ชดั ย่งิ ข้ึน กล่าวดงั่ น�้าผลั้งผลง้ั พลาดถอ้ ยทางความ สนมิ เหลก็ เกิดแตเนอ้ื ในตน กินกดั เน้อื เหล็กจน กรอ นขร้าํ โคลงบทนี้ใช้การเล่นเสียงสัมผัสอักษร เพื่อเน้นเนื้อความซึ่งเป็นการเปรียบเทียบกัน บาปเกิดแตตนคน เปน บาป ระหวา่ งสัตวส์ เ่ี ท้า คอื ชา้ ง และสตั ว์สองเทา้ คอื คน ซ่งึ ในท่ีนี้ไดแ้ ก่ นกั ปราชญ์ ว่า ช้าง แม้สูงใหญ่ บาปยอ มทาํ โทษซํา้ ใสผบู าปเอง) และใช้เท้าถึงสี่ข้างในการเดิน บางครั้งหากรีบร้อนก็อาจท�าให้เดินหรือก้าวพลาดได้ เช่นเดียวกับ ครทู ดสอบความรโู ดยใหนักเรยี นทํากจิ กรรรม ตามตัวชีว้ ัด จากแบบวดั ฯ ภาษาไทย ม.1 กจิ กรรม นักปราชญ์ แม้จะมีความรู้ แต่หากรีบร้อน โดยเฉพาะในเรื่องของการพูด คือ ขาดความระมัดระวัง ที่ 1.3 ในการพดู กอ็ าจพดู ผิดหรอื พูดในส่งิ ทีก่ อ่ ให้เกิดความเสียหายและไมเ่ ปน็ ประโยชน์ได้ การเล่นค�า1 2 ๔) ดังเช่น ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ โดยใช้การซ�้าค�าเพื่อช่วยด้านเสียงและเน้นย�้าความหมาย โคลงบทที่ ๔๑ ๕๖ และโคลงบทท่ี ๖๙ ซงึ่ ใชค้ า� ซา�้ ต้นวรรคด้วยคา� เดียวกันว่า ห้าม ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมท่ี 1.3 เร่�อง การอธบ� ายคุณคาของวรรณคดี (๔๑) ห้ามเพลิงไวอ้ ยา่ ให ้ มคี วนั ส่องไซร้ กจิ กรรมท่ี ๑.๓ ใหนักเรียนพิจารณาวาโคลงตอไปน้ีมีความหมายตรงกับ คะแนนเตม็ คะแนนทีไ่ ด หา้ มสรุ ิยแสงจันทร์ คืนเลา่ สาํ นวนใด (ท ๕.๑ ม.๑/๔) จึ่งหา้ มนินทา õ หา้ มอายใุ ห้หนั ๏ รูนอยวามากรู เริงใจ ๏ เพื่อนกิน ส้ินทรัพยแลว แหนงหนี กลกบเกิดอยูใน สระจอย ห้ามด่ังนี้ไวไ้ ด ้ ไปเห็นชเลไกล กลางสมุทร หางาย หลายหมื่นมี มากได ชมวาน้ําบอนอย มากล้ําลึกเหลือ เพ่ือนตาย ถายแทนชี- วาอาตม หายาก ฝากผีไข ยากแทจ กั หา โคลงโลกนิติ นอกจากจะได้รับการยอมรับว่าเป็นหนังสือที่แต่งดีมีศิลปะ สํานวนอะไรนะ สํานวนอะไรนะ การประพนั ธท์ โ่ี ดดเดน่ ทง้ั ในดา้ นถอ้ ยคÓและสÓนวนภาษาทมี่ คี วามไพเราะและอา่ นเขา้ ใจ กบในกะลา................................................................................................................. ....เ.พ....ื่อ....น....ก....นิ.....ห....า...ง...า ...ย.........เ.พ....อื่....น....ต....า...ย....ห....า..ย....า..ก............................. งา่ ย ยังเป็นวรรณคดีทีท่ รงคณุ ค่าควรแกก่ ารศึกษาและสามารถนÓคÓสอนในเรอื่ งตา่ งๆ ไปปรับใช้ในการดÓเนินชวี ิตประจÓวนั ในปจั จุบนั ไดเ้ ป็นอยา่ งดี ................................................................................................................. ................................................................................................................. ๏ เสียสินสงวนศักดิ์ไว วงศหงส ๏ ตีนงูงูไซรหาก เห็นกัน เฉฉบลับย เสียศักด์ิสูประสงค ส่ิงรู นมไกไกสําคัญ ไกรู เสียรูเรงดํารง ความสัตย ไวนา หมูโจรตอโจรหัน เห็นเลห กันมา เสียสัตยอยาเสียสู ชีพมวยมรณา เชิงปราชญฉลาดกลาวผู ปราชญรูเชิงกัน สาํ นวนอะไรนะ สาํ นวนอะไรนะ ....เ.ส....ีย....ช...ีพ.......อ...ย....า...เ.ส.....ยี ...ส....ัต....ย.... ........................................................... ....ไ..ก....เ..ห....็น....ต....นี.....ง...ู...ง...ูเ..ห....น็ ....น.....ม...ไ...ก.... .................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ๏ พระสมุทรสุดลึกลน คณนา ๏ ความรูผูปราชญนั้น นักเรียน ฝนท่ังเทาเข็มเพียร ผายหนา สายด่ิงทิ้งทอดมา หยั่งได คนเกียจเกลียดหนายเวียน วนจิต กลอุทกในตะกรา เปยมลนฤๅมี เขาสูงอาจวัดวา กําหนด จิตมนุษยนี้ไซร ยากแทหย่ังถึง 41 สํานวนอะไรนะ สํานวนอะไรนะ ....ร...หู....น....า...ไ...ม...ร....ใู ..จ................................................................................... ....ฝ...น.....ท....่งั ...ใ..ห....เ..ป....น....เ..ข...ม็......................................................................... ................................................................................................................. ................................................................................................................. ๘๔ โคลงโลกนิติบทตอ ไปนสี้ อนในเรื่องใด ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู จามรขี นขอ งอยู หยดุ ปลด 1 การเลน คํา เปนกลวธิ อี ยา งหนงึ่ ในการแตง หนังสอื โดยใชอักษร คํา วลี หรอื ชพี บร กั รักยศ ย่ิงไซร ขอความเปน พิเศษ นอกเหนือจากทีก่ าํ หนดไวเปน กฎเกณฑ เพือ่ ใหเกิดความงาม 1. ใหม นษุ ยร ักษาความดีเชน เดียวกับจามรีหวงแหนขน ทางภาษาหรอื วรรณศิลป เกิดเสยี งประกอบและจังหวะลีลาท่ีชวยใหไพเราะย่ิงข้ึน 2. ใหมนษุ ยมีความอดทนเชน เดยี วกับจามรีหวงแหนขน ทําใหบทประพนั ธมีความหมายที่นาประทบั ใจ กนิ ใจยงิ่ ขนึ้ เชน การเลนคาํ ดวยการ 3. ใหมนุษยรกั ษาความสตั ยเ ชนเดยี วกบั จามรหี วงแหนขน ซา้ํ คํา ทาํ ใหเห็นความมงุ หมายของกวที ่จี ะเนน หรอื ย้าํ เน้ือความทีแ่ ตง หรืออารมณ 4. ใหม นุษยรูจกั รกั ษาเกยี รติยศเชนเดียวกบั จามรหี วงแหนขน ที่ผแู ตง ตอ งการแสดงใหแ นนแฟน กระจางชดั 2 การซา้ํ คาํ อาจซ้ําคาํ ทม่ี เี สียงและความหมายเหมือนกนั เพือ่ เนนคําสําคัญ วเิ คราะหค าํ ตอบ โคลงโลกนติ ิบทขางตน สอนใหมนุษยรูจกั รักษาเกียรตยิ ศ ใหม นี า้ํ หนักเพ่มิ มากขึ้นหรอื ลดลง เปน การสรางความงามในวรรณคดอี ยางหนึ่ง เชนเดียวกบั จามรีสตั วท ี่มขี นงามหวงแหนขนของตนยงิ่ กวาชีวติ โดยสังเกต ลกั ษณะการซาํ้ คํานชี้ ว ยสรา งอารมณ ความนกึ คดิ หรอื สรางความสนใจดวยการ กลาวถึงบอ ยๆ หรอื การซ้ําคาํ อาจซา้ํ คาํ ทม่ี เี สยี งเหมือนกันแตค วามหมายตา งกัน จากคําวา “ขนของอย”ู และ “รกั ยศ” ดังน้ันจึงตอบขอ 4. ซ่งึ เกดิ การซํา้ เสียงแตไ มซ ํ้าความหมายทําใหบ ทประพันธล ึกซ้งึ คมคายย่งิ ขนึ้ คมู อื ครู 41
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. นกั เรยี นวิเคราะหก ารเลน คาํ ในบทประพันธที่ ค�ำถำม ประจำ� หน่วยกำรเรยี นรู้ เลือกมาได ๑. โคลงโลกนติ สิ ะทอ้ นใหเ้ ห็นความเช่ือ คา่ นยิ ม และจรยิ ธรรมของคนในสังคมไทยอย่างไรบา้ ง 2. นกั เรียนนาํ ขอคิดทีไ่ ดจ ากโคลงโลกนติ มิ าแตง ๒. โคลงโลกนติ ิบทใดบ้างท่ีสามารถนา� ไปประพฤตปิ ฏิบัติไดใ้ นชีวติ ประจา� วนั ยกตวั อยา่ งมา ๓ บท เปนนทิ านได ๓. ใ ห้นกั เรียนเขยี นเล่าเรอ่ื งราวหรือประสบการณ์ของนักเรียนทีอ่ าจเทยี บกบั ค�าสอนหรอื ขอ้ คดิ 3. นกั เรียนบอกขอคดิ คําสอนท่ีมีในบทประพนั ธ ในโคลงโลกนติ ิ และนาํ ไปใชในชีวติ ประจาํ วนั ได 4. นกั เรียนเขยี นความเรียงทีม่ ีขอ คดิ เรื่องการรูจัก ประมาณตนหรือการรูจักตนเอง หลักฐานแสดงผลการเรียนรู กจิ กรรม สร้ำงสรรคพ์ ฒั นำกำรเรยี นรู้ 1. บันทกึ ขอ คดิ ท่ไี ดจากการอานโคลงโลกนติ ิ 2. การทองจาํ บทอาขยานทีน่ ักเรียนช่ืนชอบ 3. การแตงนิทานทสี่ อดคลองกบั ขอ คิดใดแนวคดิ หนงึ่ ในโคลงโลกนติ ิ 4. ความเรียงเร่อื งการรูจ กั ประมาณตนและการรูจกั ตนเอง กจิ กรรมท่ี ๑ ใ หน้ กั เรยี นทา� “บตั รสา� นวนสภุ าษติ ” โดยศกึ ษาคน้ ควา้ โคลงโลกนติ ิ แลว้ เปรยี บเทยี บกบั กิจกรรมที่ ๒ สา� นวนไทยคนละ ๑ ส�านวน บอกความหมายของส�านวนให้ชัดเจน กิจกรรมที่ ๓ จ ดั กจิ กรรมสวนสภุ าษติ ทสี่ วนหยอ่ มโรงเรยี นหรอื หอ้ งสมดุ ตามความเหมาะสม โดยให้ นกั เรยี นวาดภาพระบายสปี ระกอบโคลงสุภาษิต จดั ตกแตง่ ใหส้ วยงาม ใ หน้ กั เรยี นเลอื กโคลงโลกนติ บิ ททชี่ น่ื ชอบ แลว้ เรยี บเรยี งเปน็ รอ้ ยแกว้ พรอ้ มทงั้ อธบิ าย ความหมายหรือคา� สอนของโคลงบทนน้ั แนวตอบ คาํ ถามประจําหนวยการเรยี นรู “ออ นหวานมานมติ รลน เหลอื หลาย 1. โคลงโลกนติ ิสะทอนใหเห็นประเดน็ ตอ ไปน้ี หยาบบม เี กลอกราย เกลอื่ นใกล ดจุ ดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดบั นา ความเชอื่ สรุ ยิ ะสอ งดาราไร เพ่อื รอ นแรงแสง” • เรอ่ื งการทําความดียอมไดรบั ผลดี สว นผทู ท่ี ําช่ัว ยอ มไดร บั ผลของความช่วั • ความรูเ ปน สง่ิ มีคาท่ีผูใดก็แยง ชิงเอาไปมไิ ด • เร่ืองความกตญั ู ผทู มี่ ีความกตัญู จะเปนผูท ่ีมีแตค วามสุขความเจริญ “ความรูด ยู ิง่ ลํ้า สินทรัพย คา นิยม คดิ คา ควรเมอื งนบั ย่ิงไซร • การรกั ษาความสตั ย เพราะเหตจุ ักอยกู ับ กายอาต- มานา • การศกึ ษาหาความรู โจรจักเบียนบไ ด เรง รเู รียนเอา” • การมชี ีวิตอยอู ยางพอเพียง • ความกตัญูเปน คณุ ธรรมอันประเสรฐิ ท่ีจะทาํ ใหชีวิตเจริญงอกงาม จริยธรรม “คณุ แมหนาหนักเพยี้ ง พสุธา • พูดจาไพเราะออ นหวาน คุณ บิดรดุจอา- กาศกวาง • การมไี มตรจี ติ ตอ กัน คณุ พ่ีพางศิขรา เมรมุ าศ • ยึดมนั่ ในความดี คุณ พระอาจารยอา ง อาจสสู าคร” 2. โคลงโลกนิตทิ ีส่ ามารถนําไปประพฤติปฏบิ ัตไิ ดในชวี ิตประจําวนั • การพดู จาไพเราะออ นหวานจะเปนทน่ี ิยมชมชอบ 42 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรียนรู 1. สรปุ เนื้อหาสภุ าษิตพระรว ง 2. วเิ คราะหเ รือ่ งสภุ าษติ พระรว ง พรอ มยกเหตุผล ประกอบ 3. สรุปความรแู ละขอคิดจากเรอ่ื งสุภาษิตพระรว ง เพ่อื ประยกุ ตใ ชในชีวิตจริง สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชท ักษะชีวติ óหนว ยที่ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค สุภำษิตพระร่วง 1. มวี ินัย 2. ใฝเ รยี นรู 3. มุง มน่ั ในการทํางาน 4. รกั ความเปนไทย กระตนุ ความสนใจ Engage ตวั ชี้วดั สุ ภาษิต หมายถึง ถอยคําหรือขอความ ครูกระตนุ ความสนใจนักเรียน โดยใหน ักเรียน พิจารณาภาพหนาหนวย แลว รว มกันแสดงความ ■ สรปุ เน้ือหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๑/๑) ท่ีกลาวสืบตอกันมาชานานและมีความหมายเปน คิดเหน็ ■ วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมทอ่ี า น พรอมยกเหตผุ ลประกอบ คติสอนใจ ดังที่ปรากฏในพระไตรปฎกหรือที่เรียกวา พทุ ธศาสนสภุ าษิต • จากลักษณะความใกลช ิดระหวาง (ท ๕.๑ ม.๑/๒) พระมหากษัตรยิ ก ับราษฎรในภาพ นกั เรียน ■ อธบิ ายคุณคาของวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อา น (ท ๕.๑ ม.๑/๓) คนไทยคงจะใชสุภาษิตซ่ึงสวนใหญไดรับอิทธิพลจาก คดิ วาเปนสมยั ใด เพราะเหตุใด ■ สรปุ ความรูแ ละขอคดิ จากการอา นเพื่อประยกุ ตใชใ นชีวิตจริง (แนวตอบ สมยั สุโขทยั เพราะสมยั สุโขทัย (ท ๕.๑ ม.๑/๔) มีจาํ นวนประชากรนอย จึงเหมาะแกก าร ปกครองดว ยระบอบพอปกครองลูก พระพุทธศาสนามาสั่งสอนและแนะนําลูกหลาน เพื่อใหมี พระมหากษตั ริยม ีความใกลช ดิ กับราษฎร ทรงรบั เรือ่ งรอ งทกุ ขข องราษฎรและตดั สนิ สาระการเรียนรูแกนกลาง แนวทางในการปฏบิ ตั ติ นไดอ ยา งถกู ตอ งเหมาะสม เนอ่ื งจาก ความให ทรงสั่งสอนราษฎรเหมอื นพอ สภุ าษิตเปน ขอ ความขนาดสน้ั สามารถจดจําไดงาย มเี นอ้ื หา สอนลกู ) ■ การวเิ คราะหคณุ คาและขอคดิ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรม สาระลกึ ซงึ้ กนิ ใจ และสามารถนาํ ไปเปน ขอ คดิ ในการดาํ เนนิ ชวี ติ เร่ือง สุภาษติ พระรว ง ไดเปนอยางดี จึงไดรับความนิยมแพรหลายและมีการถายทอด ไพสเืบราตะอสกลันะสมลาวยในแลสะมมัยสี หมั ลผังสั จคึงลไดอ งมจีกอางรดรววยบกราวรมปแรละพะเนัรธียใบนเรรปู ียขงอใ4หง3 บทรอยกรองประเภทตา งๆ เกรด็ แนะครู การจัดการเรยี นการสอนของหนว ยการเรยี นรูน้ี ครูควรใหน ักเรียนไดแ ลกเปลี่ยน ความคดิ เหน็ โดยการยกตวั อยางสุภาษิตพระรว งและรวมกนั อธบิ ายความหมาย จากนนั้ ครชู ี้แนะใหนักเรยี นเหน็ คุณคาทางสังคมจากเนือ้ เร่ืองที่สะทอ นใหเ ห็นการ ดําเนนิ ชีวิตของคนในสมยั นั้น และการสอดแทรกขอ คิดคตสิ อนใจที่นาํ ไปปรับใชได ในชวี ติ ประจําวัน คูมอื ครู 43
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครูและนกั เรียนรว มกนั สนทนาเกยี่ วกบั ๑ ความเป็นมา ความหมายของ “สุภาษิต” โดยครูต้งั คาํ ถามตอไปนี้ สุภาษิตพระร่วง หรือท่ีเรียกอีกช่ือหน่ึงว่า บัญญัติ • นกั เรยี นรจู ักสุภาษติ ใดบาง และรูความหมาย พระร่วง เป็นสุภาษิตเก่าแก่ เช่ือกันมาแต่เดิมว่าแต่งข้ึนใน ของสุภาษิตน้ันหรอื ไม สมัยสุโขทัย แต่ท้ังน้ีมีปรากฏเป็นหลักฐานว่าใน พ.ศ. ๒๓๗๙ (แนวตอบ นกั เรยี นตอบไดห ลากหลาย ขน้ึ อยกู บั พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณา ความรูและประสบการณข องนกั เรยี น โปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ารกึ เรอื่ งสภุ าษติ พระรว่ งลงบนแผน่ ศลิ าประดบั ครูพจิ ารณาสุภาษติ และความหมายที่นกั เรยี น ไว้บนฝาผนังดา้ นในศาลาหลังเหนอื หน้าพระมหาเจดีย์ ภายใน ยกมา) สาํ รวจคน หา Explore วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม อย่างไรก็ตาม นอกจากจารึกเร่ืองสุภาษิตพระร่วงท่ี ใหน ักเรียนสืบคนความรูต ามหวั ขอ ตอไปน้ี วัดพระเชตุพนฯ แล้วยังพบสุภาษิตพระร่วงในสมุดไทย แผ่นศิลาจารึกเร่ืองสุภาษิตพระร่วง • ศึกษาความเปน มาของสภุ าษติ พระรว ง อีกหลายฉบับ รวมถึงสมุดไทยด�าเรื่อง บัณฑิตพระร่วง มีรูปร่างคล้ายกับศิลาจารึก เร่ือง • ศึกษาลักษณะคําประพันธข องสุภาษิต พระนพิ นธ์สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส โคลงโลกนิติ แต่ติดไว้บนผนังซุ้ม รวมอยู่กับเร่ือง กฤษณาสอนน้องค�าฉันท์ และ แม่สอนลูก กา� แพงดา้ นในพระมหาเจดยี ์ ๔ รชั กาล พระรวง วดั พระเชตุพนฯ (วัดโพธ์ิ) อธบิ ายความรู Explain เรื่องบัณฑิตพระร่วงนี้มีข้อความคล้ายคลึงสุภาษิตพระร่วงมากและมีเน้ือเรื่องครบถ้วน กรมศิลปากร จงึ ใชเ้ ปน็ เอกสารในการตรวจสอบชา� ระสุภาษิตพระร่วงจนเป็นฉบับสมบูรณ์ ส�าหรับสุภาษิตพระร่วงฉบับที่กรมวิชาการก�าหนดให้เป็นวรรณคดีที่เสนอให้เลือกเรียน นักเรียนอธิบายความรูเก่ียวกับความเปนมา ในชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ น้ี พิมพ์รวมอยู่ในหนังสือประชุมสุภาษิตพระร่วงของสถาบันภาษาไทย ของสุภาษติ พระรว ง โดยใหน ักเรียนตอบคําถาม กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงมีอยู่ทั้งหมด ๖ ส�านวน ส�าหรับฉบับท่ีน�ามาเป็นแบบเรียนน้ี ในประเด็นตอ ไปนี้ เป็นสุภาษติ พระรว่ งส�านวนท่ี ๑ • สุภาษติ พระรวงมกี สี่ ํานวน อะไรบาง (แนวตอบ สุภาษิตพระรวงท่ีกรมวิชาการเสนอ ๑. รา่ ยสุภาษิตพระร่วง สุภาษิตพระรว่ ง ๖ สา� นวน ใหเ ลือกเรียน มี 6 สํานวน ไดแก 1. รา ยสุภาษิตพระรว ง (ฉบบั จารึกวดั เชตพุ น- ๒. โคลงประดิษฐพ์ ระร่วง ฉบบั จารกึ วัดพระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม วิมลมังคลาราม สมเด็จพระมหาสมณเจา ๓. ร่ายสุภาษติ พระร่วง พระนิพนธ์ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส กรมพระปรมานุชิตชโิ นรสทรงนาํ มาชําระ ใหม) เปน สํานวนทนี่ กั เรยี นกําลงั เรยี นอยู ๔๕.. สรา่ภุ ยาสษภุ ติ าพสริทะตรัง่ว1งคา� โคลง ฉบับพระราชนพิ นธ์ สมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั บรมโกศ 2. โคลงประดิษฐพระรวง 3. รา ยสภุ าษิตพระรว ง ๖. กาพย์สภุ าษติ พระร่วง ฉบบั วดั เกาะ สา� นวนร่าย (ฉบับวดั เกาะสํานวนราย) ฉบับพระราชนพิ นธ์ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัว 4. สภุ าษติ พระรว งคําโคลง ฉบบั วัดลาด อา� เภอเมอื ง จังหวดั เพชรบรุ ี 5. รายสภุ าสิทตัง ฉบับวัดเกาะ ส�านวนกาพย์ 6. กาพยสภุ าษติ พระรวง) 44 เกร็ดแนะครู บูรณาการเชื่อมสาระ ครสู ามารถบูรณาการเชอื่ มสาระความรกู บั กลมุ สาระการเรียนรู ครแู นะความรจู ากตอนข้นึ ตนและลงทายของสภุ าษิตพระรว งท่ีระบุไวช ัดเจนวา สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม วชิ าประวตั ิศาสตร ซ่ึงจะใหความรู พระรว งเจา เปน ผูบ ญั ญัตคิ าํ สอนนี้ ประกอบกบั ภาษาท่ปี รากฏบางแหง มีลักษณะ เกี่ยวกับการเมืองการปกครองของสมัยสโุ ขทยั รวมถึงสภาพสังคมและ โบราณแบบสุโขทัย จงึ เปนเหตุผลสนับสนนุ ใหจ ดั วรรณกรรมเรอ่ื งนี้อยูในสมัยสุโขทัย ความเปน อยขู องผคู นในสมัยน้ัน เม่ือนกั เรยี นมคี วามรูค วามเขาใจเก่ยี วกบั ซ่ึงยังไมมขี อยุตหิ รอื แกไ ขเปนอยางอื่น ประวตั ศิ าสตรในชวงสุโขทัยแลว กจ็ ะทาํ ใหนกั เรยี นรู เขาใจ จดุ มุงหมาย ของกวใี นการแตง สภุ าษิตพระรว งหรอื บัญญตั พิ ระรวงทีต่ องการใหร าษฎร นักเรียนควรรู นําคาํ สอนจากบัญญัตินไ้ี ปใชในชวี ิต เพอ่ื ใหร าษฎรอยรู วมกนั อยางรม เย็น เปนสุข และคาํ สอนดงั กลา วเปนสิ่งทมี่ คี ณุ คา ทางประวัติศาสตรเ ปน มรดก 1 รายสุภาสทิ ตงั ผพู บตน ฉบบั คือ นายลอม เพ็งแกว เม่อื นาํ มาเปรยี บเทียบกับ ที่ตกทอดสืบตอกนั มาเปนเวลาหลายรอ ยป ควรชวยกันรักษาสืบตอ ไป “โคลงประดษิ ฐพ ระรว ง” แลว เทยี บไดตรงกนั วรรคตอ วรรค นายลอ มจึงสนั นษิ ฐาน วา “โคลงประดษิ ฐพ ระรวง” นาจะลอกขยายมาจากสภุ าสิทตัง อยางไรก็ดีสภุ าสทิ ตงั เปน รา ยท่ีแตง ตามกฎเกณฑเ ครงครัด วรรคละ 6 คาํ เชน “เมื่อนอยใหเรียนวชิ า ใหค ดิ หาสนิ ตอ ใหญ อยา ไดใ ฝเ อาสนิ ทา น” จงึ นา จะสรปุ ไดอ ยา งเดยี วกบั “รา ยสภุ าษติ พระรวง” วา แตงขน้ึ ตามกฎเกณฑใ หมในสมัยรัตนโกสนิ ทร 44 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒ ประวัติ¼้แÙ ต่ง จากทน่ี ักเรียนไดส บื คน เกยี่ วกับลักษณะ คําประพนั ธ ใหนกั เรยี นอธิบายลกั ษณะคาํ ประพันธ สุภาษิตพระร่วง ไม่ปรากฏนามผู้แต่งแน่นอนและพบ ของสภุ าษติ พระรวง หลายฉบับ ส�าหรับฉบับที่น�ามาเป็นแบบเรียนในหนังสือเล่มน้ี ได้รับการช�าระโดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิต- (แนวตอบ สุภาษติ พระรวงแตง ดว ยคาํ ประพันธ ชโิ นรส ประเภทรายสภุ าพ ซึง่ ประกอบดวย รา ยสภุ าพและ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส โคลงสองสุภาพ โดยรา ยสุภาพในแตล ะวรรคจะมคี าํ เป็นพระราชโอรส พระองค์ที่ ๒๘ ในพระบาทสมเด็จ- 5-8 คํา มกี ารรับสง สมั ผสั สระในคําสดุ ทายของวรรค- พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ประสูติเม่ือวันเสาร์ที่ หนากบั คําใดกไ็ ดข องวรรคถัดไป และแตง โคลงสอง- สุภาพปด ทายเร่ือง) ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๓๓ มีพระนามว่า พระองค์เจ้าวาสุกรี ขยายความเขา ใจ Expand ทรงผนวชเป็นภิกษุและประทับจ�าพรรษาท่ีวัดพระเชตุพนวิมล- มังคลาราม จนตลอดพระชนมชีพ สิริรวมพระชนมายุได้ ๖๓ นกั เรยี นพิจารณาตัวอยา งบทประพนั ธในหนา 45 พรรษา พระรูปสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ แลวคัดลอกตวั อยา งคาํ ประพนั ธประเภทรา ยสภุ าพ บทพระนิพนธ์ของพระองค์มีเป็นจ�านวนมาก เช่น ลิลิต- กรมพระปรมานชุ ติ ชิโนรส ประดษิ ฐาน และโคลงสองสภุ าพลงสมดุ โยงเสน สัมผัสใหถกู ตอง ณ พระตา� หนกั วาสกุ รี วัดพระเชตุพน- ตะเลงพา่ ย ปฐมสมโพธกิ ถา โคลงดนั้ เรอ่ื งปฏสิ งั ขรณว์ ดั พระเชตพุ นฯ วิมลมงั คลาราม (แนวตอบ ตัวอยา งบทประพนั ธทเี่ ลอื กมาโยงเสน กฤษณาสอนน้องค�าฉันท์ สมุทรโฆษค�าฉันท์ตอนปลาย สรรพสิทธิค�าฉันท์ ต�าราฉันท์มาตราพฤติและ สมั ผสั มดี งั น้ี วรรณพฤติ เป็นต้น • รายสุภาพ ๓ ลกั ษณะคÓประพัน¸์ “ปางสมเดจ็ พระรว งเจา เผา แผน ภพสุโขทัย สุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยค�าประพันธ์ประเภทร่ายสุภาพ วรรคละ ๕-๘ ค�า ร่ายแต่ละวรรค มลกั เห็นในอนาคต จงึ ผายพจนประภาษ เปน อนุสาสนกถา สอนคณานรชน...” แมตีกไ่ามรม่ รีกับา� สห่งนสดัมตผา� ัสแอหยน่าง่ งคส�ามรับ่�าเสสมั มผอัสทโ่ีตดายยคต�าวั สแุดลทะ้จายบขดอ้วยงวโครลรงคสหอนง้สาจภุ ะาพสั1มดผังัสตสวั รอะยก่างับตค่อ�าไใปนนว้ี รรคต่อไป ร่ายสุภาพ • โคลงสองสภุ าพ “โดยอรรถอันถองถว น แถลงเลศเหตุเลือกลวน เลศิ อางทางธรรม แลนาฯ”) ป่างสมเด็จพระร่วงเจ้า เผ้าแผ่นภพสุโขทัย มลักเห็นในอนาคต จึงผายพจน ประภาษ เป็นอนุสาสนกถา สอนคณานรชน….. โคลงสองสุภาพ โดยอรรถอันถอ่ งถว้ น แถลงเลศเหตุเลือกลว้ น เลศิ อ้างทางธรรม แลนา ฯ 45 ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู โดยอรรถอนั ถองถว น แถลงเลศเหตเุ ลือกลว น 1 โคลงสองสภุ าพ มีสมั ผัสบงั คับกําหนดไวแหงเดียว คอื คาํ ที่ 5 ของวรรคที่ 1 เลิศอางทางธรรม แลนา สง สัมผสั ไปยงั คําที่ 5 ของวรรคท่ี 2 อน่ึงการวางรปู โคลงสองสภุ าพ อาจเรียง คาํ ในขอ ใดเปนสัมผัสบงั คบั ระหวา งวรรคของโคลงสองสภุ าพ ตอเน่ืองกันไป ไมจ าํ เพาะเจาะจงวางอยา งแผนผัง 1. ถอง - ถว น 2. ถวน - ลวน เบศูรณรากษารฐกิจพอเพยี ง 3. เลอื ก - ลว น 4. ลวน - เลศิ คําสอนท่ีไดจากวรรณคดีเร่ือง สุภาษิตพระรวง สะทอนใหเห็นถึง คานิยม วิเคราะหคําตอบ สัมผสั บงั คบั ระหวางวรรคของโคลงสองสุภาพมีเพยี ง ของสังคมไทยในอดีตในดานตางๆ เชน ดานการศึกษาหาความรู ความประหยัด แหง เดียว คอื คําสุดทายของวรรคแรกสมั ผสั สระกบั คาํ สดุ ทายของวรรคท่ี 2 ความกตญั รู คู ณุ เปน ตน นกั เรยี นคดิ วา ขอ คดิ และคตคิ าํ สอนจากเรอ่ื งนแ้ี สดงใหเ หน็ ถึงคุณคาท่ีสําคัญที่สุดของชีวิตมนุษยในดานใด และคุณคานั้นสามารถนํามาใชเปน ดงั นี้ “โดยอรรถอันถอ งถว น แถลงเลศเหตุเลือกลว น” ตอบขอ 2. แนวทางในการดํารงชีวิตไดอยา งไร คูม ือครู 45
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครขู ออาสาสมัคร 2-3 คน มาแสดงทา ทาง ๔ เน้×อเร่อ× ง ประกอบสํานวนสภุ าษิตท่คี รูกาํ หนดให ใหเพือ่ นใน ชั้นทาย และบอกความหมายของสํานวนสภุ าษิตนน้ั สภุ าษติ พระรว่ ง ตัวอยางสาํ นวนสภุ าษิตทค่ี รูกาํ หนดให เชน ปา่ งสมเดจ็ พระรว่ งเจา้ เผา้ แผน่ ภพสโุ ขทยั มลกั เหน็ ในอนาคต • ตีงใู หก ากนิ จึงผายพจนประภาษ เปน็ อนุสาสนกถา สอนคณานรชน ทั่วธราดล (แนวตอบ ทาํ สง่ิ ทต่ี นควรไดป ระโยชนแ ตผ ล พึงเพียร เรียนอ�ารุงผดุงอาตม์ อย่าเคล่ือนคลาดคลาถ้อย เม่ือ กลับไปตกแกผอู ืน่ ) นอ้ ยใหเ้ รยี นวชิ า ใหห้ าสนิ เมื่อใหญ่ อยา่ ใฝ่เอาทรพั ย์ท่าน อย่าริ ร่านแก่ความ ประพฤติตามบูรพระบอบ เอาแต่ชอบ • ตีปลาหนา ไซ เสียผิด อย่าประกอบกิจเป็นพาล อย่าอวด (แนวตอบ ตปี ลาหนาไซ หมายถึง พูดหรอื หาญแก่เพ่ือน เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า หน้า ทาํ ใหกิจการของผอู ่นื ซ่ึงกําลังดาํ เนินไปดว ยดี ศึกอย่านอนใจ ไปเรือนท่านอย่าน่ังนาน ตองเสยี ไป) การเรือนตนเร่งคิด อย่านั่งชิดผู้ใหญ่ อย่า ใฝ่สูงให้พ้นศักด์ิ ที่รักอย่าดูถูก ปลูกไมตรี • ห่ิงหอยอยา แขงไฟ อย่ารู้ร้าง สร้างกุศลอย่ารู้โรย อย่าโดยค�า (แนวตอบ ผทู ่มี ีกาํ ลังนอ ยกวาไมควรแขงกับผทู ี่ คนพลอด เข็นเรอื ทอดทางถนน เป็นคนอยา่ มีกําลังมากกวา เปน ตน ) ท�าใหญ่ ข้าคนไพร่อย่าไฟฟุน คบขุนนาง อย่าโหด โทษตนผิดร�าพึง อย่าคะนึงถึง สาํ รวจคน หา Explore โทษท่าน หว่านพืชจักเอาผล เลี้ยงคน จกั กินแรง อย่าขดั แขง็ ผู้ใหญ่ อย่าใฝต่ น 1. นักเรียนศกึ ษาเนอ้ื เร่อื งสภุ าษติ พระรว งจาก ให้เกิน เดินทางอย่าเดินเปล่ียว น�้าเช่ียว หนังสือเรยี นดว ยตนเอง อย่าขวางเรอื ทสี่ ุม้ ๑เสือจงประหยดั จงเร่งระมัดฟน ไ1ฟ ตนเปน็ ไทอย่าคบทาส อยา่ 2ประมาท 2. ครใู หน กั เรยี นอานเน้ือเร่ืองสุภาษติ พระรวง พรอมเพรยี งกัน 1 รอบ ทา่ นผดู้ ี มสี นิ อยา่ อวดมง่ั ผเู้ ฒา่ สง่ั จงจา� ความ ทข่ี วากหนามอยา่ เสยี เกอื ก ทา� รว้ั เรอื กไวก้ นั ตน 3. นักเรียนจดบนั ทึกคํา หรอื ขอความทีน่ ักเรยี นไม คนรักอย่าวางใจ ท่ีมีภัยพึงหลีก ปลีกตนไปโดยด่วน ได้ส่วนอย่ามักมาก อย่ามีปากว3่าคน เขาใจเพอ่ื คน ความหมายของคาํ นนั้ รักตนกว่ารักทรัพย์ อยา่ ไดร้ บั ของเขญ็ เหน็ งามตาอย่าปอง ของฝากทา่ นอย่ารบั ทท่ี ับจงมี อธบิ ายความรู Explain ไฟ ทไี่ ปจงมีเพ่อื น ทางแถวเถ่อื นไคลคลา ครูบาสอนอยา่ โกรธ โทษตนผดิ พึงรู้ ส้เู สยี สนิ อย่า เสียศักดิ์ ภกั ดีอย่าดว่ นเคียด อยา่ เบยี ดเสียดแกม่ ิตร ทีผ่ ดิ ช่วยเตอื นตอบ ที่ชอบชว่ ยยกยอ 1. ครแู บง เน้ือเรอื่ งสภุ าษิตพระรวงใหน กั เรยี นแตละ อยา่ ขอของรกั มิตร ชอบชิดมกั จางจาก พบศตั รูปากปราศรยั ความในอย่าไขเขา อย่ามัวเมา คนอธบิ ายความหมายและความสําคญั ของสุภาษิต นัน้ คนละ 2-3 ประโยค ๑ ปจ จุบันสะกดวา ซุม 2. นักเรียนทาํ บัตรคํา โดยเขยี นเนือ้ เรื่องและคํา 4๖ อธบิ ายสภุ าษิตพระรว งทร่ี บั ผดิ ชอบลงกระดาษแข็ง ตกแตง ใหสวยงาม กจิ กรรมสรา งเสรมิ 3. จากน้นั นักเรียนยืนขึ้นอธิบายสุภาษิตเรียง ตอกันจนจบเนือ้ เรือ่ ง 4. นักเรยี นนําบตั รคําไปจัดปายนเิ ทศในช้นั เรยี น นกั เรียนควรรู 1 ขวาก ความหมายโดยตรง หมายถึง ไมหรือเหล็กเปนเครอื่ งดักชนดิ หนง่ึ นักเรยี นเลอื กสภุ าษติ ไทยจากแหลง การเรียนรตู า งๆ ทม่ี ีความหมาย ทาํ ดวยไมห รือเหลก็ มีปลายแหลม สําหรบั ปกใหคนและสัตวเหยียบหรือสะดุด เดียวกับสุภาษิตพระรวง 2 สาํ นวน และบอกความสาํ คญั ของสภุ าษิตน้ัน สวนความหมายโดยนัยทีป่ รากฏรว มกับคําวา “หนาม” เปน “ขวากหนาม” หมายถึง ปรปก ษ ศัตรู อนั ตราย หรอื อปุ สรรค เครอื่ งขดั ของ เคร่ืองขดั ขวาง กิจกรรมทา ทาย 2 เรอื ก คือ ไมไ ผห รอื ไมร วกเปนตนท่ีผาออกเปนซีกๆ แลว ถักดวยหวายสําหรับ ปูพนื้ หรือกน้ั เปนรวั้ ทัง้ นใี้ ชเรียกพ้นื ท่ลี าดปูดวยไมถ ักหรอื ดวยหวาย และเรยี ก นกั เรยี นจัดแยกขอ คดิ และคตคิ าํ สอนในสุภาษติ พระรวงตามเกณฑ สะพานชวั่ คราวทีท่ าํ ดวยไมไ ผผ าซกี ถักดวยหวายหรอื เชือกวา สะพานเรือก ตอ ไปนี้ 3 ทบั มหี ลายความหมาย ในทีน่ เ้ี ปน คํานาม หมายถงึ กระทอมหรือสง่ิ ปลกู สราง ท่ีทําเพอื่ อยูช่ัวคราว • หลักการปฏิบตั ติ นโดยทวั่ ไป • หลักการปฏบิ ัตติ อ ผูที่สงู กวา 46 คมู อื ครู • หลกั การปฏบิ ตั ิตอ ผูเ สมอกัน • หลกั การปฏิบตั ิตอผูต่ํากวา • หลักการปฏบิ ัติตอ ผูท ่ีตนรกั
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู Explain เนืองนิตย์ คดิ ตรองตรกึ ทกุ เม่ือ พึงผันเผอ่ื ต่อญาติ รทู้ ี่ขลาดท่ีหาญ คนพาลอยา่ พาลผิด นักเรียนอธบิ ายความรูเก่ยี วกับเนือ้ เร่ืองใน อย่าผูกมิตรไมตรี เมื่อพาทีพึงตอบ จงนบนอบผู้ใหญ่ ช้างไล่แล่นเล่ียงหลบ สุวานขบ ประเด็นตอ ไปนี้ อย่าขบตอบ อย่ากอปรจิตริษยา เจรจาตามคดี อย่าปลุกผีกลางคลอง อย่าปองเรียน อาถรรพ์ พลันฉบิ หายวายม้วย อย่ายลเยยี่ งถว้ ยแตกมิติด จงยลเยีย่ งสมั ฤทธิแ์ ตกมิเสีย • นกั เรยี นอธบิ ายจุดมุง หมายของกววี า มี ลกู เมยี อยา่ วางใจ ภายในอยา่ นา� ออก ภายนอกอยา่ นา� เขา้ อาสาเจา้ จนตวั ตาย อาสานายจง ความเหมาะสมสัมพันธกับภาษาท่ใี ชอยา งไร พอแรง ของแพงอย่ามักกิน อย่ายินค�าคนโลภ โอบออ้ มเอาใจคน อยา่ ยลเหตุแตใ่ กล้ ท่าน (แนวตอบ สุภาษิตพระรวงใหขอคิดเตือนใจ ไท้อยา่ หมายโทษ คนโหดให้เอน็ ดู ยอครยู อต่อหน้า ยอขา้ เมือ่ แลว้ กจิ ยอมติ รเมือ่ ลบั หลงั ในการดําเนนิ ชวี ิต คาํ สอนมีทัง้ เปน ขอ หา ม ลกู เมยี ยงั อยา่ สรรเสรญิ เยยี วสะเทนิ จะอดสู อยา่ ชงั ครชู งั มติ ร ผดิ อยา่ เอาเอาแตช่ อบ นอบ และคําแนะนํา กวีใชภ าษาไดเหมาะสมกับ ตนต่อผเู้ ฒ่า เขา้ ออกอยา่ วางใจ ระวงั ระไวหนา้ หลงั เยยี วผชู้ ังจะคอยโทษ อย่ากรวิ้ โกรธ ลกั ษณะคําสอน โดยคาํ สอนที่เปน ขอหา ม เนืองนติ ย์ ผวิ ผดิ ปลดิ ไปร่ า้ ง ขา้ งตนไวอ้ าวธุ เครอ่ื งสรรพยทุ ธอยา่ วางจติ คดิ ทกุ ขใ์ นสงสาร จะขึ้นตนดวยคาํ วา “อยา ” ในขณะที่ อย่าทา� การท่ผี ิด คดิ ขวนขวายทชี่ อบ โตต้ อบอย่าเสยี ค�า คนขา� อย่ารว่ มรกั พรรคพวกพงึ คาํ แนะนําจะใชคาํ ทส่ี ื่อความตรงไปตรงมา ท�านุก ปลุกเอาแรงทว่ั ตน ยลเยี่ยงไกน่ กกระทา พาลูกหลานมากนิ ระบือระบลิ อย่าฟังค�า คาํ สัน้ กระชบั เขาใจงา ย) การจะทา� อย่าด่วนได้ อย่าใชค้ นบังบด ทดแทนคณุ ท่านเมือ่ ยาก ฝากของรักจงพอใจ เฝ้า ท้าวไทอย่าทะนง ภักดีจงอย่าเกียจ เจ้าเคียดอย่าเคียดตอบ นอบนบใจใสสุทธิ์ อย่าขุด ขยายความเขา ใจ Expand คนด้วยปาก อย่าถากคนดว้ ยตา อยา่ พาผิดดว้ ยหู อย่าเลียนครูเตือนดา่ อย่าริกลา่ วค�าคด คนทรยศอย่าเช่อื อยา่ แผเ่ ผ่ือความผิด อย่าผกู มิตรคนจร ทา่ นสอนอยา่ สอนตอบ ความ นักเรยี นรวมกันแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ชอบจา� ใส่ใจ ระวังระไวที่ไปมา เมตตาตอบต่อมิตร คิดแลว้ จ่ึงเจรจา อยา่ นินทาผอู้ นื่ อย่า ความสาํ คญั ของสุภาษิตพระรว งในประเด็นตอ ไปน้ี ตื่นยกยอตน คนจนอย่าดูถกู ปลูกไมตรที ั่วชน ตระกูลตนจงค�านบั อย่าจบั ลิน้ แก่คน1ทา่ น • สาระสาํ คัญในสุภาษติ พระรวงจะนํามาใชใ น สงั คมปจ จบุ ันไดหรือไม อยา งไร รกั ตนจงรกั ตอบ ทา่ นนอบตนจงนอบแทน ความแหนให้ประหยดั เผ่ากษตั ริยเ์ พลิงงู อย่า (แนวตอบ สาระสาํ คญั นํามาใชใ นสังคม ดูถกู ว่าน้อย หิง่ หอ้ ยอยา่ แข่งไฟ อยา่ ปองภยั ต่อท้าว อย่ามกั ห้าวพลนั แตก อย่าเข้าแบก ปจจบุ ันไดเ ปนอยางดี เชน งาชา้ ง อย่าออกกา้ งขุนนาง ปางมชี อบท่านชว่ ย ปางป่วยท่านชงิ ชัง ผิจะบังบงั จงลบั ผิ • การศกึ ษาหาความรยู งั เปน ส่งิ จาํ เปน ดังวา จะจบั จบั จงมน่ั ผจิ ะคนั้ คน้ั จงตาย ผจิ ะหมายหมายจงแท้ ผจิ ะแกแ้ กจ้ งกระจา่ ง อยา่ รกั หา่ ง “เมือ่ นอยใหเ รียนวชิ า ใหหาสินเมอ่ื ใหญ” กวา่ ชดิ คดิ ขา้ งหนา้ อยา่ เบา อยา่ ถอื เอาตนื้ กวา่ ลกึ เมอื่ เขา้ ศกึ ระวงั ตน เปน็ คนเรยี นความรู้ • สอนในเรอ่ื งการทาํ งานสจุ ริต ดงั วา จงยง่ิ ผู้ผมู้ ีศักดิ์ อยา่ มักงา่ ยมดิ ี อยา่ ตีงูใหแ้ กก่ า อย่าตีปลาหนา้ ไซ อย่าใจเบาจงหนกั อย่า “อยาทาํ การทผี่ ิด คิดขวนขวายทช่ี อบ” ตีสนุ ขั หา้ มเหา่ ขา้ เก่าร้ายอดเอา อย่ารักเหากว่าผม อย่ารักลมกว่ารักนา�้ อย่ารกั ถา�้ กว่า • สอนใหเหน็ ความสําคญั ของการพูด เรอื น อยา่ รกั เดอื นกวา่ ตะวนั สบสงิ่ สรรพโอวาท ผเู้ ปน็ ปราชญพ์ งึ สดบั ตรบั ตรติ รองปฏบิ ตั ิ รูกาลเทศะและจังหวะในการพูด ดังวา โดยอรรถอันถ่องถ้วน แถลงเลศเหตุเลอื กลว้ น เลิศอ้างทางธรรม แลนา ฯ “ยอครยู อตอ หนา ยอขา เม่อื แลวกิจ ยอมติ รเมอ่ื ลับหลัง” และ “คิดแลวจงึ เจรจา อยา นินทาผอู ่นื ”) ตรวจสอบผล Evaluate ขอใดท่ไี มใ ชคําสอนเกย่ี วกบั การพดู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT 47 1. นักเรยี นอธบิ ายความหมายและบอก 1. อยา ขุดคนดว ยปาก ความสําคัญของสุภาษติ พระรว งได 2. ยอมิตรเมื่อลับหลัง 3. อยา รกิ ลาวคําคด 2. นักเรยี นนําคาํ สอนจากสภุ าษติ พระรวง 4. อยา เบา ไปปรบั ใชในชีวติ ประจาํ วนั ได นกั เรียนควรรู 1 เผา กษัตรยิ เพลงิ งู หมายความวา ระมดั ระวงั ตวั อยูเสมอ อยา ประมาท คือ อยาทําใหกษตั รยิ ขัดเคอื ง เพราะทรงมพี ระราชอาํ นาจเดด็ ขาด หากทําสิ่งท่ไี มถูก ไมค วรจะทําใหไดร บั โทษ อยาไวใจงู เพราะเปน สตั วอันตรายแมจะฝก ดกี ็ไมส ามารถ ทาํ ใหเชอื่ งได และอยาประมาทฟนไฟ เพราะเมือ่ ไฟลกุ ลามแลวกย็ ากทจ่ี ะควบคมุ ได วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ 1. อยาขุดคนดว ยปาก หมายความวา อยา พดู จา ทมิ่ แทงใหค นอืน่ เสียหาย ขอ 2. ยอมิตรเม่อื ลบั หลังเปนการพูดถงึ มิตรในทาง ทดี่ ี แมผ ูเ ปนมติ รจะไมไ ดยินก็ตาม ขอ 3. อยาริกลาวคาํ คด หมายถึง อยา เร่ิมโกหก สว นขอ 4. อยาเบา หมายถงึ อยา หลงเชื่อคนงาย เรามักจะคนุ กบั สํานวนวา “อยา หเู บา” ซึง่ ไมเกยี่ วกบั การพดู แตเ กี่ยวกบั การฟง ตอบขอ 4. คมู อื ครู 47
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ Engage ครยู กคําศพั ทใ นบทเรียนมา 4-5 คํา ใหน ักเรียน ๕ คÓศัพท์ ชว ยกันหาความหมายของคําศพั ท ตวั อยา งเชน คา� ศพั ท ์ ความหมาย • อยาดว นเคยี ด (แนวตอบ อยา ดว นโกรธ) ของเขญ็ สง่ิ ของทน่ี า� ความเดอื ดรอ้ นมาให้ ของทม่ี ลี บั ลมคมใน ของไมส่ จุ รติ เข็นเรอื ทอดทางถนน (อยา่ ) เข็นเรอื จอดขวางทางผู้อ่นื • อยา จับล้ินคนแก คนข�า คนเจา้ เลห่ ์ คนทีม่ ลี ับลมคมใน (แนวตอบ อยาคอยจบั ผิดคาํ พูดผูอ ่นื ) คนพาลอยา่ พาลผดิ คนเขาพาลกอ็ ยา่ หลงผิดไปกับเขา คนโหดใหเ้ อน็ ดู ให้สงสารคนทีย่ ากไร้ คา� วา่ โหด ในท่ีน้ี หมายถึง ยากไร้ • เผา แผน ภพ ความแหนใหป้ ระหยัด สิ่งที่ควรหวงแหนก็ให้ระมัดระวัง รักษาให้ดี หรืออาจแปลว่า (แนวตอบ พระเจา แผน ดนิ ) สิ่งใดเปน็ ความลับก็ใหร้ ักษาไว้ให้ได้ เคียด โกรธ • คนขํา จงยลเย่ียงสัมฤทธแ์ิ ตกมเิ สีย เป็นการเปรียบเทียบกับสัมฤทธ์ิ ซ่ึงเมื่อแตกหักแล้วก็น�ามาหลอมใหม่ให้ดี (แนวตอบ คนเจาเลห คนที่มลี ับลมคมใน ไดด้ งั เดิม เปน ตน ) ใหพ้ ูดความจรงิ หรอื พดู ตามทางทค่ี วรพูด มีความหมายเช่นเดียวกับ ได้คืบอย่าเอาศอก หมายความว่า อย่าอยากได้ สาํ รวจคน หา Explore มากกว่าท่ีได้มาแลว้ ใหค้ วามเคารพและไมอ่ บั อายในชาตกิ า� เนดิ ของตระกูลตน 1. นักเรยี นคน หาคําศพั ทท่เี ปนสํานวนหรอื ใกลเ คียง เจรจาตามคดี พูดสิง่ ใดออกไปแล้ว กอ็ ยา่ กลบั ค�าพดู กับสํานวนในเรอื่ งสุภาษติ พระรวง พรอมศกึ ษา ไดส้ ว่ นอยา่ มกั มาก สิง่ ทีถ่ กู ตอ้ งตามทา� นองคลองธรรม ความหมาย ทอ่ี ยูอ่ าศยั บ้านเรือน (แนวตอบ ตัวอยางเชน สาํ นวนวา “ขุดดวยปาก ตระกูลตนจงคา� นับ ท่ที ี่เสอื แอบซ่อนอยู่ ให้มคี วามระมัดระวงั ถากดว ยตา” มคี วามหมายใกลเ คียงกบั สํานวน โตต้ อบอยา่ เสยี คา� พื้นแผ่นดิน “อยาขุดคนดว ยปาก” ในสุภาษิตพระรว ง ทชี่ อบ แบบแผนแตค่ รง้ั โบราณ • อยาขุดคนดว ยปาก หมายความวา อยาพดู จา บ�ารงุ เล้ยี ง ให้เขามีแรง ทิ่มแทงคนอนื่ ใหไ ดรับความเสียหาย ททส่ีท่ี มุ้ับเสอื จงประหยัด1 อย่าทา� ในสิง่ ท่ผี ดิ ใหท้ �าในส่ิงทีช่ อบธรรม • ขดุ ดว ยปาก ถากดวยตา หมายความวา แสดง ถา้ ทา� ความผดิ ความผดิ น้นั ย่อมตดิ ตวั ไปตลอด อาการเหยียดหยามทง้ั วาจาและสายตา) ธราดล พระเจ้าแผ่นดิน บรู พระบอบ ปจั จบุ นั ใช้ ฟนื ไฟ ในทน่ี ห้ี มายถงึ โมโหกราดเกรย้ี ว เปน็ ฟนื เปน็ ไฟ 2. นกั เรียนศึกษาคนควาเกยี่ วกับ “พระรว ง” จาก ปลุกเอาแรง เมื่อ (ท่าน) ล�าบาก แหลงเรียนรูตา งๆ เชน หอ งสมดุ อนิ เทอรเน็ต ผดิ อย่าเอาเอาแต่ชอบ เปน ตน ผิวผดิ ปลิดไปร่ ้าง เผา้ แผ่นภพ ไฟฟนุ เมื่อยาก 48 นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT สภุ าษติ พระรวงทีว่ า “ทีส่ ุมเสอื จงประหยดั ” คําวา “ประหยดั ” มีความหมาย 1 จงประหยดั คําวา “ประหยดั ” เปน คาํ กรยิ า หมายความวา ยบั ยั้ง ระมดั ระวัง ตรงกับขอ ใด ซงึ่ ผูใชภาษามกั คนุ เคยทจ่ี าํ ใชค าํ น้ีกับเงินหรือทรัพยากรธรรมชาติ แตใ นบริบทอ่ืน 1. สมุ นาเปนคนตระหน่ี กม็ ใี ช เชน ประหยดั ปาก ประหยดั คาํ คําวา “จงประหยดั ” ในสภุ าษิตพระรว ง 2. อรทยั ทําอะไรระมดั ระวังเสมอ จึงหมายถึง จงระมัดระวัง 3. สพุ รจะยั้บยง้ั เพอ่ื นไมใหไ ปเที่ยว 4. กาญจนาใชจา ยแตพ อควรแกฐานะ มมุ IT วเิ คราะหคาํ ตอบ “ท่สี มุ เสอื ” ในความหมายตรง อาจหมายถงึ ที่ท่ีมีเสืออยู จริงๆ หรอื ความหมายโดยนัยอาจหมายถึงทอ่ี นั ตราย จากความหมายตรง ศกึ ษาเกี่ยวกบั คาํ สภุ าษิตพระรว งและความหมายเพิ่มเติม ไดที่ http://www. และความหมายโดยนยั “จงประหยดั ” จงึ หมายถึง ระมดั ระวัง ซ่งึ ตรงกับ school.net.th/library/create-web/10000/literature/10000-6006.html ความหมายทีว่ า “อรทยั ทําอะไรระมัดระวังเสมอ” ตอบขอ 2. 48 คูม ือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู คาํ ศพั ท ความหมาย นกั เรียนนําสาํ นวนสภุ าษติ ที่นักเรยี นรวบรวม ยอครยู อตอหนา ได มาวเิ คราะหค วามเปลีย่ นแปลงทางดา นภาษา ยอขาเมอื่ แลวกิจ ควรชมครูหรอื เชิดชูครเู ม่ืออยตู อ หนา ยอมติ รเมอื่ ลบั หลัง รจู กั ชมขา ทาสเมอื่ งานเสรจ็ เขาจะไดม กี ําลงั ใจ หายเหนื่อย • สภุ าษิตพระรวงมกี ารใชภาษาตา งจาก เยยี วผูชงั จะคอยโทษ เปนการชมอยา งจรงิ ใจ ไมเ สแสรง ปจ จบุ นั อยางไร เยียวสะเทนิ จะอดสู คนท่ีไมชอบเรา อาจจะคอยหาเรอ่ื งหรอื ทาํ รา ยเรา (แนวตอบ มกี ารเปลยี่ นแปลงคาํ คอื บางคาํ ระบอื ระบิล ถาทําสง่ิ ใดไมพอดีหรือไมดีพอกอ็ าจเปน ท่อี บั อาย ในสภุ าษติ พระรวงใชต างจากปจจุบนั เชน หนาศึก ถอ ยคาํ เลาลือ ขาวลือ “เคยี ด” ในความหมายวา โกรธ ปจจบุ นั อยา เกยี จ ชวงทม่ี ีศึกสงครามหรอื เม่ืออยตู อ หนาขาศึก ใชร ว มกับคําวา “แคน” เปน “เคยี ดแคน ” อยา ขุดคนดว ยปาก อยาไมซ่ือ อยา คด หมายถงึ โกรธมากจนฝง ใจ จากตวั อยาง อยาเขาแบกงาชาง อยาพูดจาท่ิมแทงใหคนอื่นเสยี หาย จะเห็นไดว า นอกจากจะเปลี่ยนแปลงการ อยา จับลิน้ แกค น อยาทําการใดที่เสี่ยงภัยอนั ตรายและไมเ กดิ ประโยชน ใชค ําแลว ความหมายทใ่ี ชก็เปล่ยี นแปลง อยา ใชค นบังบด อยา จับผดิ คาํ พดู คนอืน่ ไปดว ย) เม่ือใชเขาทําส่ิงใดแลว อยา ปด บงั ความดขี องเขา หรืออาจแปลวา อยาใชค น อยา ดวนเคียด ทท่ี ําอะไรไมโ ปรง ใส คนที่มีเง่ือนงาํ ขยายความเขา ใจ Expand อยา เดินเปล่ียว อยา ดว นโกรธ (คนทภ่ี กั ดตี น) อยา โดยคาํ คนพลอด อยาเดนิ คนเดยี ว ครูอานโคลงบทตอ ไปน้ีใหนกั เรยี นฟง แลว ให อยาตีงูใหแ กกา อยาเช่ือตามคําพูดท่ีหวานหู นักเรียนยกสาํ นวนท่มี คี วามหมายตรงกบั โคลง อยา ตีปลาหนาไซ อยาทาํ สิ่งอนั ไรประโยชน เพราะอาจเกิดโทษแกตน บทน้ี พรอมถอดคาํ ประพันธ อยา ขัดขวางประโยชนท ก่ี าํ ลังจะเกดิ ข้ึน ºÍ¡àÅÒ‹ à¡ÒŒ ÊÔº “กระทุม น้ําทีห่ นา ลอบไซ ปลากระจายเลยไป ลอบแหง ไซ เจาของดักเสียใจ จกั ขาด ไซเปนเคร่ืองมือดักสัตวนํ้า โดยเฉพาะปลาขนาดเล็กและมัก ลาภทา นหาอยา แกลง กลาวกนั้ กางขวาง” (แนวตอบ โคลงบทนต้ี รงกับสํานวนวา “อยาตี ใชงานในแหลงนํ้าไมลึก มีหลายรูปทรง เชน ไซปากแตร สานเปน ปลาหนาไซ” ซงึ่ หมายความวา อยา ขดั ขวาง รปู กรวย ปากไซบานออกเปน รปู ปากแตร ไซทอ สานคลา ยทอ ดกั ปลา ประโยชนท ีก่ าํ ลงั จะเกิดข้ึน ดงั ที่กลา วในโคลง ไซสองหนา มชี อ ง ๒ ดาน ไซลอย ใชวางลอยในชวงนํา้ ตนื้ ๆ ไซปลา ถอดคําประพนั ธไ ดวา เม่อื กระทมุ นํ้าที่หนาไซที่ลอบ กระดี่ ใชดักปลากระดี่ ไซกบสานเปนลายขัดส่ีเหล่ียมรูปทรง จับปลาอยู จะทําใหปลาต่ืนตกใจหนีไปไมเ ขาใกล กระบอก ใชด ักกบ ไซโปง สานกน โปง เลก็ นอ ย แมไซจะมรี ูปทรงท่ี กบั ดักนัน้ ผูเปน เจาของกเ็ สยี ใจท่ีตอ งสญู เสียปลา ตา งกนั แตม ลี กั ษณะรว มกนั คอื สานเปน ทรงกระบอกและทาํ ปากทางเขา เปน ซไ่ี มเ สย้ี มปลายแหลม ที่เปรยี บเหมอื นลาภท่ีควรจะได หากไมม คี นจงใจ รูปทรงคลายกรวยท่ีบีบแบนๆ ทาํ ใหป ลาเขาได แตวา ยสวนความคมของปลายไมอ อกมาไมไ ด ขดั ขวาง) ๔๙ บรู ณาการเชอื่ มสาระ เกรด็ แนะครู ในแงห น่ึง สุภาษติ จะกลาวถงึ เหตกุ ารณอยา งใดอยา งหน่งึ การสรปุ ครจู ดั กจิ กรรมเก่ยี วกบั คาํ ศัพทเพิ่มเตมิ โดยการใหน กั เรียนคนหาคําศัพทใน ประสบการณ การเปรยี บเทียบสิ่งแวดลอมใกลต ัว สิ่งของเครือ่ งใชทพ่ี บเหน็ บทเรียน เรม่ิ จากครูบอกคําศพั ทมา 1 คาํ แลว ใหนักเรียนหาคาํ ศัพทจากเน้ือเร่อื ง อยเู สมอ โดยเฉพาะเครอื่ งมอื ในการประกอบอาชพี สงิ่ ทเี่ กยี่ วขอ งกบั การทาํ - ใหถกู ตอง จากน้นั ใหน กั เรียนทุกคนหรือครอู าจสุม นกั เรียนบางคนมาอธบิ าย มาหากิน ซงึ่ คนสมัยกอนทําอาชีพเกษตรกรรม ปลกู พชื เลยี้ งสตั วเปนหลกั ความหมายของคําศัพทนน้ั ทป่ี รากฏอยใู นเนื้อเรอ่ื ง นกั เรียนจดบนั ทึกคําศพั ท สํานวนสุภาษติ จึงมักกลาวถงึ สัตวท ่ีใกลช ดิ กับมนุษย ปรากฏการณท าง และความหมายท่ไี ดจ ากการทาํ กิจกรรมคน หาคาํ ศพั ทลงในสมุด โดยเรยี งตาม ธรรมชาติ ดังนนั้ การมคี วามรูรอบตวั ในสาระความรูวิชาตางๆ เชน พจนานุกรมใหถ กู ตอง วทิ ยาศาสตร งานเกษตร จะเปน ประโยชนต อการเรียนรสู ภุ าษติ และ วรรณกรรม คมู อื ครู 49
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ นักเรยี นแบงกลุม กลุมละเทา ๆ กนั ทํารายงาน ค�าศพั ท ์ ความหมาย โดยยกเหตกุ ารณหรอื สถานการณในปจจุบนั ที่ อย่าตสี นุ ัขห้ามเหา่ นกั เรียนคดิ วาเปนปญหา มารว มกันอภิปรายและหา อย่าขดั ขวางผทู้ ีป่ ฏิบตั ติ ามหน้าท่ี หรอื อาจแปลอกี อยา่ ง แนวทางการแกไ ขปญ หา โดยใชข อคิดและคติ อย่าเบา วา่ อย่าทา� สงิ่ ทสี่ วนทางกับธรรมชาติ คําสอนจากสุภาษติ พระรวง อยา่ ปลุกผีกลางคลอง อย่าเชอื่ คนง่าย อย่าท�าสง่ิ ทไี่ มเ่ หมาะสมสอดคล้องกับสถานทห่ี รอื อย่าท�าสิ่งที่ (แนวตอบ นักเรยี นตอบไดห ลากหลายขน้ึ อยกู ับ อย่าแผเ่ ผื่อความผิด ไม่สมควร เพราะอาจน�าภยั มาสู่ตนเอง ประสบการณข องนักเรียน ครูพจิ ารณาวาเหตกุ ารณ อย่าพาผิดด้วยหู อยา่ โยนความผิดหรือความไม่ดใี ห้แกค่ นอืน่ ทีน่ กั เรยี นยกมาตรงตามคาํ ศัพทในบทเรยี นหรอื ไม อย่ามกั ห้าวพลันแตก อย่าด่วนเชอ่ื สิ่งทีไ่ ดย้ นิ โดยครใู หนกั เรยี นอธบิ ายเหตผุ ล ตัวอยา งเชน ขา ว อยา่ ยลเยี่ยงถ้วยแตกมิติด อยา่ แขง็ เกินไป จะก่อใหเ้ กิดอนั ตรายแก่ตนเอง จากไทยรัฐออนไลน วนั ที่ 19 กรกฎาคม 2555 อย่าเอาอย่างถ้วย (กระเบ้ือง) ซึ่งเม่ือแตกแล้ว ไม่สามารถท�าให้กลับคืนดี http://www.thairath.co.th/content/edu/272801 อย่าริร่านแก่ความ ดังเดิมได้ เร่ืองการเรยี กรองใหกระทรวงพัฒนาสังคมและความ อยา่ เลียนครู อยา่ ใจรอ้ นหาเรอ่ื งหรอื อยา่ หาเหตกุ อ่ การววิ าท (รา่ น แปลวา่ อยาก) มั่นคงของมนษุ ยเ ปน เจา ภาพหลกั ในการรณรงคการ อยา่ ล้อเลยี นครู พนันทุกรูปแบบ หลงั การแขงขันฟุตบอลยโู รจบลง รวมถึงใหมีมาตรการแกไ ขปญหา ฟน ฟู ผตู ดิ การ พระมหาเจดีย์ ๔ รัชกาล (ตงั้ อยูใ่ นวัดโพธ์ิ) มจี ารกึ เรอ่ื งต่างๆ รวมทงั้ จารกึ เรื่องสภุ าษิตพระรว่ ง พนันทอี่ ยากเลกิ พรอมทง้ั เสนอแนวทางจดั ตัง้ กองทุนเยียวยาสังคมลดปญหาการพนัน จากปญ หา การพนนั ทมี่ แี นวโนมการเกดิ อาชญากรรมสูงข้นึ จึงควรมีหนว ยงานทเ่ี กี่ยวของทบทวนถึงผลกระทบท่ี รนุ แรงท่ีเกดิ จากการพนัน โดยขอ มูลทางการแพทย ระบชุ ดั เจนวา โรคติดการพนันสามารถรักษาใหหาย ได ดว ยการทาํ พฤติกรรมบาํ บดั และฟนฟเู ยยี วยา จากสถานการณดงั กลา วเปน ปญหาทางสงั คม ในขณะนี้ ซ่ึงเปน เรอ่ื งเกีย่ วกบั พฤติกรรมของบคุ คล บางกลมุ ท่สี งผลกระทบตอความปลอดภัยของคนใน สังคม ตรงกบั เนอื้ ความท่วี า “อยา ใฝเ อาทรพั ย ทา น อยารริ านแกค วาม ประพฤตติ ามบรู พระบอบ เอาแตชอบเสยี ผิด อยาประกอบกจิ เปนพาล” ซ่งึ เปน ขอหา มไมใหเ อาทรัพยสินของคนอนื่ มาเปน ของตน ไมใ หม เี รื่องทะเลาะวิวาท ใหประพฤตติ ามแบบแผน ท่ีดีงาม) 5๐ เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอ ใดเปน คําสอนทนี่ ํามาใชใ นการทํางาน ครใู หน กั เรียนสังเกตภาพพระมหาเจดีย ๔ รัชกาล (ในหนา ๕๐) แลว ศกึ ษา 1. อยาพาผิดดว ยหู หาความรูเพิม่ เตมิ ในบรบิ ทที่เกย่ี วขอ งกบั สุภาษิตพระรว งดานการเมืองการปกครอง 2. อยา เขาแบกงาชาง ประเพณวี ฒั นธรรมในสมัยสโุ ขทยั จากนั้นอภปิ รายแลกเปลยี่ นความรใู นชน้ั เรียน 3. อยา โดยคําคนพลอด 4. อยา ยลเย่ยี งถวยแตกมติ ิด วิเคราะหค าํ ตอบ อยา พาผิดดว ยหู คือ อยา ดว นเชอื่ ในสิ่งท่ีไดยิน อยา เขา แบกงาชา ง คือ อยาทาํ การเสย่ี งภัยอันใดโดยไมเ กิดประโยชน อยา โดยคาํ คนพลอด คอื อยาเช่ือตามคาํ พดู ทห่ี วานหู และอยา ยลเยี่ยงถว ยแตกมิติด คอื อยา เอาอยา งถวยทีเ่ ม่ือแตกแลว เพราะถว ยทแ่ี ตกแลว ไมสามารถทาํ ให ดไี ดดังเดิม ดงั นั้น สํานวนทสี่ อนเก่ียวกับการทํางาน คอื อยาเขา แบกงาชาง สอนใหระวังอยาทํางานทเ่ี สยี่ งภยั โดยไมเกิดประโยชนกับตนเองหรอื ผูอ่ืน ตอบขอ 2. 50 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู Explain บอกเลา่ เกา้ สิบ 1. นกั เรยี นอธบิ ายความรเู กย่ี วกับคาํ วา “พระรว ง” ดงั หวั ขอ ตอ ไปน้ี พระร่วง • ความเปน มา • คาํ ศัพท “พระรว ง” พระร่วง สันนิษฐานกันว่าเป็นค�าที่ใช้เรียกกษัตริย์สมัยสุโขทัย โดยไม่เจาะจงว่าเป็น พระองค์ใด นอกจากนี้ ยังมีนัยท่ีแสดงให้เห็นถึงความโบราณเก่าแก่จนไม่สามารถสืบหาท่ีมา 2. ครูสมุ นกั เรียน 2-3 คน มานาํ เสนอหนา ช้ันเรยี น หรือตน้ ตอที่แทจ้ ริงของเร่อื งราวได้ เชน่ เดียวกับสุภาษิตพระร่วง ซ่งึ ไมป่ รากฏหลกั ฐานอย่างชัดเจน ว่าแต่งข้ึนในสมัยใด แต่เช่ือกันมาแต่เดิมว่าอาจแต่งข้ึนในสมัยสุโขทัยและได้มีการคัดลอกสืบต่อ ขยายความเขา ใจ Expand กันมาเป็นเวลาช้านาน จึงมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างไรก็ตาม ค�าว่า พระรว่ งยงั ถกู นา� ไปใชเ้ ปน็ ชอ่ื เรยี กสงิ่ ของและสถานทต่ี า่ งๆ อยา่ งเชน่ 1. นักเรียนบนั ทึกประสบการณการอานเกีย่ วกับ “พระรวง” ข้าวตอกพระร่วง ในทางธรณีวิทยาถือว่าเป็นแร่โลหะ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถเขียนเกีย่ วกับพระรวง ชนดิ หนงึ่ ชอื่ วา่ แรไ่ พไรต ์ (Pyrite) แตใ่ นทางตา� นาน เชอ่ื กนั วา่ เกดิ จาก ไดห ลากหลายข้ึนอยกู ับความรแู ละประสบการณ วาจาสทิ ธข์ิ องพระรว่ งในขณะออกผนวช วันหนง่ึ เม่อื ฉันภัตตาหาร ของนักเรียน ตวั อยางเชน วรรณคดีเร่ือง เสรจ็ ขา้ วทเ่ี หลอื กน้ บาตรทา่ นไดโ้ ปรยลงบนลานวดั และอธษิ ฐานวา่ ไตรภูมพิ ระรวง เปน พระราชนิพนธใ นพระมหา- ขอข้าวนี้กลายเป็นหนิ และมีอายุยนื นานชว่ั ลูกชัว่ หลาน ธรรมราชาลไิ ท โดยมีพระประสงคทจี่ ะเทศนา โปรดพระมารดา และเพ่อื จาํ เรญิ พระอภิธรรม แก้งขี้พระร่วง เป็นไม้ยืนต้น เปลือกสีเทา ก้านใบและ ไตรภมู พิ ระรว งเปน หลกั ฐานชน้ิ หน่งึ ท่ีแสดงให ชอ่ ดอกมขี นนมุ่ สน้ั ใบเปน็ รปู ไขแ่ กมรปู ใบหอก ดอกมขี นาดเลก็ ออก เห็นถึงพระปรชี าสามารถอยางลึกซ้งึ ในดา น เปน็ ช่อสั้นๆ ตามงา่ มใบ ผลรปู ไข่ แตป่ ลายผลเป็นตง่ิ เนื้อไมม้ ีกลนิ่ พระพทุ ธศาสนาของพระมหาธรรมราชาลไิ ทท่ี เหมน็ คลา้ ยกลน่ิ อจุ จาระ มกั นา� มาปรงุ เปน็ ยาขบั พยาธไิ สเ้ ดอื นในเดก็ ทรงรวบรวมขอ ความตางๆ ในคัมภรี พ ระพทุ ธ ในทางต�านานเล่าวา่ ครั้งหนง่ึ พระรว่ งประพาสป่า เสด็จไปลงพระ- ศาสนา นับแตพระไตรปฎ ก อรรถกถา ฎกี า บงั คน เมอ่ื แลว้ เสรจ็ ทรงหยิบไม้ใกลๆ้ พระองค์มาทรงช�าระแล้วโยน และปกรณพ เิ ศษตางๆ มาเรียบเรียงขน้ึ เปน วรรณคดีโลกศาสตรเ ลมแรกที่แตง เปนภาษาไทย ทง้ิ ไป ไมน้ ทั้น�ากน็เบกพดิ เรปะน็ รตว่ น้ ง1ไ มห้แรลอื ะสขรยีดาภยงพคัน์ เธปุ์มน็ าทจ�านนทบกุ กว้ันันนนา�้ี้ หรือเขือ่ น เทาทม่ี ีหลักฐานอยูในปจ จุบันนี้) ตั้งอยู่ตรงบริเวณที่ถูกขนาบด้วยภูเขาสองลูกเป็นรูปก้ามปู คือ 2. ครขู ออาสาสมคั ร 2-3 คน มาเลา เร่ืองเก่ยี วกบั เขาพระบาทใหญแ่ ละเขากวิ่ อา้ ยมา ภเู ขาทง้ั สองลกู นอ้ี ยใู่ นทวิ เขาหลวง พระรว งหนา ชัน้ เรยี น ดา้ นหลงั ตวั เมอื งสโุ ขทัยเกา่ คนทอ้ งถนิ่ ต�าบลเมืองเกา่ อา� เภอเมือง จงั หวดั สโุ ขทยั เรยี กรอ่ งรอยคนั ดนิ โบราณเพอื่ การชลประทานแหง่ นี้ ตรวจสอบผล Evaluate วา่ ทา� นบพระรว่ ง เนอื่ งจากเชอ่ื กนั สบื มาวา่ กษตั รยิ ส์ โุ ขทยั พระองคใ์ ด พระองค์หนึ่งทรงสร้างขึ้น จึงถือว่าเป็นของที่ท�าหรือเกิดข้ึนด้วย อทิ ธิฤทธิ์ของพระรว่ ง 51 1. นกั เรียนบอกความหมายของคําศพั ทใน บทเรียนได 2. นกั เรียนยกคําศพั ทใหต รงกบั โคลงทกี่ ําหนดได 3. นักเรียนเลาเร่อื งเก่ียวกบั พระรวงจาก ประสบการณไ ด บรู ณาการเชื่อมสาระ นักเรยี นควรรู สภุ าษติ พระรว ง บางตอนแปลจากพุทธศาสนสภุ าษติ โดยตรง บางตอน 1 ทาํ นบพระรว ง มีลกั ษณะเปน คนั ดินไมสงู นกั รวมทงั้ มิไดมสี ภาพการกอสราง ดดั แปลงมาจากศาสนธรรม เชน อยาใฝเ อาทรพั ยท าน ดัดแปลงมาจาก ที่แข็งแรงพอ จึงอาจทีจ่ ะวิเคราะหไ ดวา คันดินโบราณที่เรยี กวาทาํ นบพระรวงน้ี “อทินนาทานา เวรมณ”ี หมายความวา เวนจากการลักทรัพย เปนตน สวนที่ มิไดทาํ หนา ท่ีเปนเขื่อนกกั เกบ็ นํา้ เหมอื นกับเขื่อนดินท่กี รมชลประทานมาสรา งไว แปลมาจากพทุ ธศาสนสุภาษติ มอี ยมู าก เชน “เอาแตชอบเสยี ผดิ ” คอื ทาํ นบพระรว งของเดิมจะทําหนา ที่บงั คับทิศทางของน้ําที่มีมากในฤดูฝน มิใหไ หลลน ตํ คณเยยยํ ยทปณณกํ หมายความวา สงิ่ ใดไมผ ิดถือเอาส่ิงนัน้ “อยาประกอบ ไปในทศิ ทางอื่นที่มิใชท ศิ ทางไปสูเ มอื งสุโขทัย แตจ ะทําหนา ทีเ่ บนน้าํ ทั้งหมดท่ีไหล กิจเปน พาล” คือ ปาปานิ ปรวิ ชชฺ เย หมายความวา พึงละเวน กรรมชว่ั ท้งั หลาย มาจากเขาทัง้ สองลกู นีใ้ หไหลลงไปในคลองเสาหอทง้ั หมด เพ่ือนําไปสคู เู มืองสุโขทยั เปนตน สุภาษิตพระรวงเปน วรรณกรรมที่ไดรับอิทธพิ ลจากพระพทุ ธศาสนา ดังน้นั การบูรณาการความรูร ะหวางวรรณคดีและวรรณกรรมกับกลุมสาระการ มมุ IT เรยี นรูสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม วชิ าพระพุทธศาสนาเขา ดวยกัน จะทาํ ใหน กั เรยี นเขา ใจหลกั คดิ ความเชือ่ ของคนในสังคมไทยทั้งในอดตี และ ศึกษาเก่ยี วกบั ทํานบพระรวงและการปรับปรงุ ตง้ั แตอดตี จนถึงปจจุบนั เพ่มิ เตมิ ปจจุบันมากข้นึ ไดท ่ี http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=4b6fc8c325dd4756 คมู อื ครู 51
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ครูยกขอ คิดหรอื คตคิ ําสอนของบคุ คลสาํ คัญ ๖ บทวิเคราะห์ หรอื ของครูเอง โดยเลอื กท่ีเหมาะกับนักเรยี นมา พูดใหน ักเรียนฟง นกั เรยี นแสดงความคิดเห็นวา เนื่องจากเนื้อความของสุภาษิตพระร่วง มีท่ีมาจากการรวบรวมค�าสอนหรือสุภาษิตเก่าแก่ นกั เรยี นจะนาํ ขอคิดหรอื คตคิ ําสอนนัน้ ไปใชใน ชีวิตไดห รือไม อยา งไร เตน้ังอื้ แคตว่สามมัยหโรบอื รคา�าณสอเขน้าในไวส้ดุภ้วายษกิตันพรจะึงรไ่วมง1่มแีกบาง่ รอเรอียกงเปล็น�าด๒ับเลนกั ้ือษคณวะามด้วทย่ีแกนนั ่นไอดน้แกแ่ ตค�า่สสาอมนาทรถเี่ ปสน็ รขุปอ้ ไหด้า้วม่า ตัวอยา งเชน • “ปญ ญาดียอ มมีความสุข คนมีปญ ญายอมใช และค�าสอนทเี่ ป็นค�าแนะน�า ดงั ตัวอย่างตอ่ ไปน้ี ปญ ญาในการแกป ญหาเพื่อใหพน ทกุ ข ดังน้ัน สาํ หรับคนมีปญ ญา วิกฤตอยไู หน ปญ ญา คำ� สอนทเ่ี ป็นข้อหำ้ ม ➝ อย่าใฝเ่ อาทรพั ยท์ า่ น อย่าประกอบกิจเป็นพาล อยนู ั่น สวนคนดอยปญญา โอกาสอยูไหน วิกฤตอยนู ัน่ จงเรยี นรูท ี่จะเปลย่ี นปญ หาให อยา่ อวดหาญแกเ่ พอื่ น อย่าชังครูชังมติ ร อย่ามีปากวา่ คน เปน ปญญา เปล่ยี นอปุ สรรคเปนอปุ กรณ (ว. วชิรเมธ)ี อย่าขดุ คนด้วยปาก อย่าถากคนดว้ ยตา อย่านง่ั ชิดผใู้ หญ่ • “ผูท ่ีออนแอไมส ามารถใหอภยั ใครได เพราะ การใหอภยั นนั้ นับเปน ความเขม เเข็งทเ่ี เทจริง” อย่าใฝ่ตนใหเ้ กิน (มหาตมะ คานธี) คำ� สอนที่เปน็ คำ� แนะน�ำ ➝ ผจิ ะบังบังจงลบั ผิจะจับจับจงมนั่ ผิจะค้นั คน้ั จงตาย 2. ครใู หนกั เรียนมสี วนรวมในการแสดงความ คิดเห็น โดยใหนักเรยี นบอกขอ คิดหรอื คติ ท่มี ภี ัยพงึ หลีก โอบอ้อมเอาใจคน คนโหดให้เอ็นดู คาํ สอนประจาํ ใจของตนเอง เมอ่ื น้อยให้เรียนวชิ า ประพฤตติ ามบูรพระบอบ สาํ รวจคน หา Explore ๖.๑ คณุ คา่ ดา้ นเนอื้ หา 1. นกั เรียนศกึ ษาสุภาษติ พระรวง แลวคนหาขอ คดิ ค�าสอนในสุภาษิตพระร่วง เป็นการสอนอย่างกว้างๆ ครอบคลุมทั้งคติทางโลกและ และคติท้งั ทางโลกและทางธรรม ทางธรรม สามารถนา� ไปปฏบิ ตั ิไดจ้ รงิ ในชวี ิต จงึ ทา� ใหส้ ภุ าษติ พระร่วงมคี ุณค่าในดา้ นเนอื้ หา ดังนี้ 2. นักเรียนพิจารณาการใชค ําและลกั ษณะเดนทาง ๑) ข้อคิดและคติทางโลก สุภาษิตพระร่วงมีเนื้อหามุ่งสอนให้รู้วิธีด�าเนินชีวิต วรรณศิลปอ ่ืนๆ ในสภุ าษติ พระรวง และการปฏบิ ัตใิ นด้านตา่ งๆ ทง้ั ตอ่ ตนเองและผู้อน่ื อย่างเหมาะสม เพือ่ ความสงบสุขในสังคม เชน่ ๑.๑) ความส�าคัญของการศึกษาหาความรู้ สุภาษิตพระร่วงมีค�าสอนที่ส่ือ ใหเ้ หน็ คณุ ค่าของการศึกษาเลา่ เรียน เชน่ เมอ่ื นอ้ ยให้เรยี นวชิ า เป็นคนเรยี นความรู้ ๑.๒) ข้อคิดในการท�างาน สุภาษิตพระร่วงมีค�าสอนให้ประกอบอาชีพหรือ การท�างานท่ีสุจริตและไม่เกิดโทษ เช่น อย่ากอปรกิจเป็นพาล ให้หาสินเม่ือใหญ่ อย่าท�าการท่ีผิด คดิ ขวนขวายที่ชอบ ๑.๓) ความส�าคัญของการพูด สุภาษิตพระร่วงมีค�าสอนให้รู้กาลเทศะหรือ จงั หวะเวลาในการพดู รู้จกั รบั ผดิ ชอบในสง่ิ ทีพ่ ูด รู้จักคดิ กอ่ นพูด และไม่พดู เท็จ เชน่ ➝ ยอครูยอต่อหนา้ ยอขา้ เม่ือแล้วกิจ ยอมติ รเมื่อลับหลงั ลูกเมียยงั อย่าสรรเสริญ 52 นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอใดเปนความหมายของสุภาษติ พระรว งทว่ี า “อยาเขาแบกงาชาง” 1 คาํ สอนในสภุ าษติ พระรวง จะใชเ ปนเกณฑใ นการจําแนกวรรณคดจี ากทไ่ี ด 1. เพราะงาเปนของมคี าไมค วรนํามาแบกเลน พิจารณาเนื้อหาและเนื้อเรอ่ื งวาเปนเรอ่ื งทีเ่ กี่ยวกบั พระพทุ ธศาสนา ทง้ั โดยตรงและ 2. เพราะงาไมใชข องเลน ที่จะนํามาแบกได ทม่ี ีอิทธพิ ลมาจากความเชอ่ื ทางศาสนา จงึ อาจจัดสภุ าษิตพระรว งใหเ ปนวรรณคดี 3. เพราะงาชาหนักอาจถูกงาทับได ศาสนาหรอื วรรณคดสี ุภาษติ ซ่ึงรวมเปนประเภทเดยี วกัน 4. เพราะอาจถกู ชางแทงได วเิ คราะหค ําตอบ งาชางเปน ส่งิ ทีม่ คี า ท้ังนเี้ พราะเอามายากและเสี่ยงตอ การถกู ชา งทาํ รา ย เสี่ยงตอการถูกชา งแทง การเขาแบกงาชา งเปน การทําโดย ไมค มุ กับผลประโยชนท ี่จะไดรบั จึงมีคําสอนเตอื นวา “อยาเขาแบกงาชา ง” ตามความหมายทกี่ ลา ววา อยา ทําอะไรที่เสย่ี งโดยไมคมุ คากบั ผลท่จี ะไดรบั อยา เอาชีวิตเขา เส่ยี งเพือ่ แลกกบั งาชาง ตอบขอ 4. 52 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู รับผดิ ชอบในสง่ิ ที่พดู ➝ โต้ตอบอย่าเสยี คา� นักเรียนอธบิ ายความสัมพนั ธระหวา งคติทางโลก และทางธรรม คดิ ก่อนพดู ➝ คดิ แล้วจึงเจรจา (แนวตอบ คตทิ างโลกเปนหลกั ในการดําเนินชีวิต ไม่จบั ผดิ คำ� พดู คนอื่น ➝ อยา่ จับลนิ้ แกค่ น 1 ประจาํ วัน เปนวิถีในการปฏิบัติตนทัว่ ไป เชน การ ศึกษาหาความรู การทํางาน การพูดใหถกู กาลเทศะ ไม่พูดเท็จ ➝ อยา่ รกิ ล่าวคา� คด เจรจาตามคดี เปนตน ในขณะทคี่ ตทิ างธรรมเปนสิ่งท่คี อยควบคุม กํากบั ความคดิ และพฤตกิ รรมของคนในสังคม ใหคดิ ๑.๔) มารยาทในการเข้าสังคม การใช้ชีวิตอยู่ในสังคม ย่อมต้องพบปะกับ ดี พดู ดี และทําดี อันกอ ใหเกดิ สิ่งท่ีดที ้ังตอ ผูป ฏิบตั ิ บคุ คลอนื่ ๆ อยู่เสมอ จึงต้องปฏิบัติตนใหเ้ หมาะสมกบั โอกาสและบุคคล เชน่ ไปเรือนท่านอยา่ นงั่ นาน ผอู ่ืน และสังคม จงึ สรุปไดว า เราตอ งนาํ คตทิ างธรรม อยา่ นั่งชิดผ้ใู หญ่ จงนบนอบผ้ใู หญ่ มาใชร ว มกนั กบั คติทางโลก จึงจะบงั เกิดความสขุ ๑.๕) การรู้จักปรบั ตัวในสงั คม เชน่ น้า� เช่ยี วอย่าขวางเรอื เขน็ เรอื ทอดทางถนน ความสําเร็จในชีวิต) ๑.๖) การประหยัด เช่น ของแพงอยา่ มักกิน ๑.๗) การด�าเนินชีวิตครอบครัวให้มีความสุข เช่น การเรือนตนเร่งคิด จงเร่ง ขยายความเขา ใจ Expand ระมัดฟนื ไฟ ความในอยา่ ไขเขา ภายในอย่านา� ออก ภายนอกอย่าน�าเข้า ๑.๘) การให้ความส�าคัญของญาติพี่น้องท่ีมีสายเลือดเดียวกัน ให้มากกว่า นกั เรยี นยกขอ ความท่มี เี นอื้ หาสาระเกยี่ วกับ คนนอกครอบครัว เชน่ อยา่ รักหา่ งกว่าชิด ขอคิดและคตคิ าํ สอนทางโลกหรอื ทางธรรมท่ีนกั เรยี น ๑.๙) การรับราชการ มุ่งเน้นสอนผู้ท่ีท�างานใกล้ชิดเจ้านาย ต้องเป็นผู้รู้จัก พบเห็นในชีวติ ประจําวนั จากส่ือตางๆ ไดแก ระมดั ระวงั ตน ร้จู กั การเคารพนับถือกนั ตามล�าดับชนั้ ดังทเ่ี คยปฏิบตั ิกันมาแตอ่ ดีต เช่น อยา่ ออกกา้ ง หนงั สอื พมิ พ วารสาร/นติ ยสาร วทิ ยุ โทรทศั น ขนุ นาง คบขนุ นางอยา่ โหด อาสาเจา้ จนตวั ตาย อาสานายจนพอแรง เฝา้ ทา้ วไทอยา่ ทะนง เจา้ เคยี ดอยา่ และอนิ เทอรเนต็ เปน ตน จากนนั้ ใหนักเรยี นแสดง เคยี ดตอบ ความคดิ เหน็ ๒) ข้อคิดและคติทางธรรม เป็นค�าสอนท่ีเช่ือมโยงกับหลักศาสนา จริยธรรม และ คณุ ธรรมมหี ลายด้าน เชน่ (แนวตอบ ตัวอยางเชน บทสมั ภาษณณเดชน ๒.๑) สอนใหม้ ีศลี มีธรรม และมคี วามเมตตา เช่น อย่าใฝเ่ อาทรัพย์ทา่ น เมตตา คูกิมิยะ ในนติ ยสารซีเคร็ต ปท ่ี 4 ฉบับท่ี 97 วนั ที่ ตอบต่อมติ ร สรา้ งกุศลอย่าร้โู รย อยา่ มัวเมาเนอื งนติ ย์ อยา่ กร้ิวโกรธเนอื งนิตย์ 10 กรกฎาคม 2555 หวั เรือ่ ง “เผยเบือ้ งหลงั ซูเปอร ๒.๒) สอนให้มีความโอบอ้อมอารี เช่น ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง พึงผันเผื่อต่อญาติ สตาร พรอ มเปด ตวั มารดาผูเปนด่งั ลมใตปก ” จาก โอบอ้อมเอาใจคน คาํ ถามทว่ี า “โลกทกุ วนั นเี้ ตม็ ไปดว ยสารพดั สง่ิ มที ง้ั ดี ๒.๓) สอนให้มีความกตัญญูรู้คุณ เช่น อย่าชังครูชังมิตร ครูบาสอนอย่าโกรธ และไมดี คิดวา การเปน วยั รนุ ทีอ่ ยูในศลี ธรรมยาก ทดแทนคณุ ทา่ นเมอ่ื ยาก อย่าเลียนครูเตือนดา่ แคไหนครับสําหรบั ตวั เอง” ณเดชนต อบคาํ ถามวา ๒.๔) สอนให้ต้ังตนอยู่ในความไม่ประมาท เช่น เข้าเถ่ือนอย่าลืมพร้า เดินทาง “จริงๆ แลวไมย ากนะครบั เพียงแตเ ราจะมสี ติพอท่ี อยา่ เดินเปลีย่ ว ที่สุ้มเสอื จงประหยดั จงเรง่ ระมดั ฟืนไฟ จะนํามาใชใ หเหมาะกับวยั และสถานะของตัวเอง อยางไร วยั รุนเปน วัยอยากรูอยากเห็น มสี งิ่ ทีต่ อ ง 53 เรยี นรมู ากมาย แตก ค็ วรมศี ลี ธรรมกาํ กบั ชวี ติ สง่ิ หนง่ึ ที่วัยรุนสมยั นีข้ าดคอื เวลาที่ควรจะมใี หค รอบครวั เอาใจใสครอบครัว รวมถึงการดูแลขางในตนเอง... คอื มีสติและความคิดอยา งการมองโลกในแงด”ี ) กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู นกั เรยี นบอกขอ คดิ และคติคาํ สอนท่นี ําไปปรับใชไ ดเหมาะสมและ ครแู นะแนวทางในการคนหาขอ มลู จากส่อื การเรียนรูอยา งเหมาะสม โดยครูอาจ สอดคลอ งกับชีวิตประจําวันของนกั เรียน จดั กิจกรรมพานักเรยี นไปเรียนรทู ีห่ อ งสมดุ ใหน ักเรียนเลอื กสืบคน ความรูตา งๆ จากหองสมดุ แลว ใหน กั เรยี นบันทกึ ความรทู ่ไี ดลงสมุด ครูแนะนกั เรยี นเพมิ่ เตมิ วา กจิ กรรมทา ทาย ใหนกั เรยี นระบแุ หลงทีม่ าของขอ มูลใหครบถวนชดั เจน นกั เรียนยกสถานการณปจ จบุ นั ที่เปนปญ หา แลว ใหน กั เรยี นพิจารณาวา นกั เรยี นควรรู จะนําขอ คดิ และคติคําสอนในสภุ าษติ พระรว งไปปรบั ใชในการปอ งกันหรือ แกไขปญหาน้นั ไดอยา งไร 1 คดี มคี วามหมายวา เร่อื ง “การเจรจาตามคดี” จงึ หมายถงึ การพดู คุยตาม เรอ่ื ง คือ พดู กนั อยา งตรงไปตรงมา ไมออกนอกเรอ่ื งไมบ ิดเบอื นเร่อื ง หรอื พูดจา คลุมเครือชวนใหเขาใจผดิ สบั สน กอกวนใหก ารสนทนาพูดคุยกนั ไมเ ปน ผลสาํ เร็จ ท้งั น้คี าํ วา “คดี” มกั ใชประกอบคําศพั ทอ่นื ๆ เชน โบราณคดี วรรณคดี สารคดี คดีโลก คดธี รรม เปน ตน คมู ือครู 53
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรยี นอธิบายเกยี่ วกับคุณคา ดานวรรณศิลป ๒.๕) สอนให้เป็นผู้รู้ประมาณ เช่น อย่าใฝ่ตนให้เกิน มีสินอย่าอวดม่ัง รักตน • การใชคาํ นอ ยแตกนิ ความมาก กว่ารักทรพั ย์ อย่าใฝ่สูงให้พ้นศกั ดิ์ (แนวตอบ สุภาษิตพระรว งแตงดวยรายสภุ าพ ซึง่ มขี อจํากดั เร่ืองจํานวนคาํ ทาํ ใหแตละวรรค ๖.๒ คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ จาํ เปน ตอ งใชคาํ สั้น กระชับ แตมีใจความ มาก) สุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยร่ายสุภาพที่มีสัมผัสคล้องจอง จดจ�าง่าย มีความไพเราะ 2. นกั เรยี นพิจารณาการใชคาํ ในสุภาษติ พระรว ง และยังมีประโยชน์ต่อการศึกษาภาษาไทย ด้วยท�าให้มีความรู้เร่ืองค�าศัพท์และส�านวนเก่าท่ีใช้กันมา เปรยี บเทียบกบั ปจจุบนั และอธิบายการ ตั้งแต่ครั้งอดีต ท�าให้เห็นการเปล่ียนแปลงของภาษาที่เป็นไปตามกาลเวลา คุณค่าด้านวรรณศิลป์ เปล่ียนแปลงของภาษาอยางกวา งๆ ของสุภาษิตพระร่วงมีดงั ต่อไปนี้ (แนวตอบ การใชค ําในสุภาษิตพระรว งไมม กี าร ๑) การใช้ค�าน้อยแต่กินความมาก เนื่องจากสุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยร่ายสุภาพ ใชค าํ สนั ธาน ไมมีสว นขยายหรือรอ ยเรียงเปน ซึ่งมีข้อจ�ากัดเรื่องจ�านวนค�า ท�าให้ในแต่ละวรรคจ�าเป็นต้องใช้ค�าน้อยแต่ให้ได้ใจความมาก ผู้อ่าน ประโยคความรวมและความซอ น ใชค ํานอ ยแต ตอ้ งตีความให้ถูกตอ้ งจึงจะเข้าใจความหมายทแ่ี ท้จริง เช่น กนิ ความมาก ใชค ําสน้ั กระชบั ซ่งึ แตกตา งจากคํา ท่ีใชใ นปจจุบนั ทีใ่ ชคําจํานวนพยางคม ากขึ้นและ อย่ำปลุกผีกลำงคลอง1 มีความหมายว่า ไม่ควรร้ือฟื้นเร่ืองราวท่ีได้ยุติหรือ มีลกั ษณะเปนคาํ ซอน เชน “จงเรงระมดั ฟนไฟ” ปจจุบนั ใชเ ปน “ระมัดระวัง” “นอบตนตอผเู ฒา ” สิ้นสุดลงไปแล้วขึ้นมาใหม่ ในขณะท่ีการงานก�าลังด�าเนินไปได้ด้วยดีหรือในระหว่างที่อยู่ ปจ จบุ ันใชเ ปน “นบนอบ” หรอื “นอบนอ ม” เปนตน) ในภาวะคับขัน เป็นค�าสอนที่เป็นความเปรียบและแสดงให้เห็นถึงความเชื่อของคนในอดีต ที่ถือกันว่าเมื่อน�าวิญญาณไปถ่วงน�้า (คลอง) แล้ว ไม่ควรปลุกหรือเรียกวิญญาณนั้นให้ ฟืน้ ข้ึนมาอีก อนั เป็นการกระทา� ที่ไม่มเี หตุผลและไม่ก่อใหเ้ กิดประโยชนแ์ ต่อย่างใด ขยายความเขา ใจ Expand เผ่ำกษัตริย์เพลิงงู อย่ำดูถูก น้อย มีความหมายว่า อย่าได้ประมาทหรือ ดูหม่ินใน ๓ ส่ิง คือ พระเจ้าแผ่นดิน ไม่ควรหม่ินว่าทรงพระเยาว์ ไฟ ไม่ควรดูหม่ิน นกั เรียนยกตัวอยางประโยค ทม่ี ีการเปล่ียนแปลง ว่าเล็กน้อย งู ไม่ควรดูหม่ินว่าตัวเล็ก เพราะ ๓ ส่ิงนี้สามารถบันดาลความหายนะและ ทางภาษานอกเหนือจากตวั อยางในบทเรียน คนละ 3 ความทกุ ข์มาให้ได้ ประโยค พรอมอธบิ ายการเปลย่ี นแปลง ๒) การใช้ค�าศัพท์ค�าเดียว เป็นการน�าศัพท์มาใช้เพียงค�าเดียวโดดๆ และแตกต่าง (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถยกตวั อยางไดหลาก จากค�าทใ่ี ช้ในปจั จบุ นั มาก ผอู้ ่านตอ้ งพินิจพิจารณา จึงจะเข้าใจความหมายของคา� และเนือ้ ความ หลาย โดยครูพจิ ารณาบรบิ ทของเน้ือความวามกี ารใช คาํ ในปจ จุบนั อยางถกู ตองเหมาะสมหรือไม ตัวอยา ง จงเร่งระมัดฟืนไฟ ปัจจุบนั ใช้ ระมดั ระวัง เชน นอบตนต่อผู้เฒ่า ปจั จบุ ันใช ้ นบนอบ หรอื นอบนอ้ ม พรรคพวกพึงท�ำนกุ ปัจจุบนั ใช้ ท�านุบ�ารงุ หรอื ทะนุบา� รงุ • ครูบาสอนอยา โกรธ ปจ จุบันมักใชเปน ปัจจุบนั ใช ้ ม่ังมี ครูบาอาจารยส อนอยาโกรธ มีสินอยา่ อวดม่ัง • ภักดีอยาดว นเคียด ปจจบุ นั มกั ใชเ ปน 54 ภกั ดีอยาดว นเคยี ดแคน • ความแหนใหป ระหยัด ปจจบุ ันมกั ใชเ ปน ความหวงแหนใหป ระหยัด เปนตน) นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอ ใดคอื คณุ คา ดานวรรณศลิ ปของสภุ าษิตพระรว ง 1 อยาปลุกผีกลางคลอง ตรงกบั สํานวนปลา้ํ ผลี กุ ปลุกผนี ง่ั หมายความวา 1. มีการเลนเสียงสัมผัสคลองจองในวรรค พยายามทาํ เรือ่ งท่จี บใหก ลบั เปน เรอ่ื งขึ้นมาใหม สํานวนน้ีมที ม่ี าจากความเช่อื ของ 2. มีการพรรณนาดว ยภาษาสละสลวย คนสมัยกอ นวา อาจใชเ วทมนตรปลกุ คนตายข้นึ มา เพื่อใชใหท าํ การอยา งใดอยา ง 3. มีการใชภ าพพจนอติพจน หนึ่งได 4. มขี อคดิ คําสอน วิเคราะหค ําตอบ ลักษณะทางวรรณศลิ ปของสุภาษติ พระรว งมีการใชค าํ นอ ย แตก นิ ความมาก ใชค ําไมเ ยนิ่ เยอ จงึ ไมมกี ารพรรณนาดวยภาษาสละสลวย ตามขอ 2. อีกท้งั ไมม กี ารใชภาพพจนอตพิ จน ซงึ่ เปนการกลา วเกินจริงตาม ขอ 3. สวนขอคดิ คําสอนในขอ 4. เปนสง่ิ ทสี่ ามารถนําไปปฏบิ ตั ิไดจริง แต ท้งั น้ีขอคดิ คําสอนไมใชค ุณคา ดานวรรณศลิ ปแตเปนคุณคา ดานเนื้อหา คณุ คา ดา นวรรณศลิ ป คอื การเลน เสยี งสมั ผสั ในวรรคท้งั สัมผสั สระและสัมผัสอกั ษร ตอบขอ 1. 54 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓) การสรรค�า1สุภาษิตพระร่วง เป็นร่ายท่ีใช้ภาษาได้อย่างกระชับตรงไปตรงมา นักเรยี นอธิบายการสรรคําในสุภาษิตพระรวง จากประเดน็ ตอไปนี้ แต่มีสัมผัสคล้องจอง จึงจดจ�าได้ง่ายและมีความไพเราะ โดยเฉพาะจากการเล่นเสียงและการเล่นค�า ดังนี้ • การเลนเสยี ง ๓.๑) การเล่นเสียง เป็นการเล่นเสียงสัมผัส ท้ังสัมผัสสระและสัมผัสอักษร (แนวตอบ มีการเลนเสียงสัมผสั ทัง้ เสยี งสัมผัส ในวรรคเดยี วกัน เช่น สระและสัมผัสอกั ษรในวรรคเดยี วกนั การเลน เสยี งอักษร เชน สัมผสั อกั ษร “สเู สียสนิ อยาเสยี ศกั ดิ์” ส-ู เสีย-สนิ -เสยี -ศักด์ิ เปนตน การเลน เสียงสระ เชน “อยา เบยี ด อย่าเคลอ่ื นคลำดคลำถอย เลน่ เสียงสัมผสั อักษร คือ เคลือ่ น-คลาด-คลา เสียดแกมติ ร” เบียด-เสยี ด เปนตน) อยา่ ก รธเนืองนติ ย ์ เลน่ เสียงสัมผสั อักษร คือ กริว้ -โกรธ, เนือง-นิตย์ ช้างไลแ่ ลน่ เล่ียงหลบ เลน่ เสียงสมั ผสั อักษร คอื ไล่-แล่น-เลยี่ ง-หลบ • การเลน คาํ สเู้ สยี สินอย่าเสยี ศกั ด์ิ เลน่ เสยี งสัมผสั อักษร คอื ส-ู้ เสยี -สิน-เสยี -ศักด์ิ (แนวตอบ ลักษณะการเลน คาํ ในสภุ าษติ - พระรวง มีการซํ้าคํา เชน คาํ วา “ยอ” ความ สัมผสั สระ วา “ยอครยู อตอหนา ยอขา เม่ือแลว กิจ ยอ มิตรเมอ่ื ลบั หลงั ” ซา้ํ คาํ วา “อยา ” ในความวา อย่าตีปลำหน้ำไซ เลน่ เสยี งสมั ผัสสระ คอื ปลา-หน้า “อยารกั เหากวา ผม อยา รกั ลมกวารกั นํ้า อยารกั ถํา้ กวา เรอื น อยารกั เดือนกวา ตะวนั ” อยา่ กอปรจิตรษิ ยา เลน่ เสียงสมั ผสั สระ คอื จติ -รษิ (ยา) เปน ตน ซ่งึ การเลนคําในลักษณะน้ีเปน การ เนนเจตนาของกวใี หม นี ้ําหนกั มากขนึ้ ) อย่าเบียดเสยี ดแกม่ ิตร เล่นเสยี งสัมผสั สระ คอื เบียด-เสยี ด พลันฉบิ หำย ม้วย เล่นเสียงสมั ผสั สระ คือ หาย-วาย ๓.๒) การเล่นค�า การเล่นค�าโดยเฉพาะการซ้�าค�าที่ต้นวรรค ภายในวรรค และ ขยายความเขา ใจ Expand ระหว่างวรรค ชว่ ยเน้นย้�าความหมายและยงั ได้ความไพเราะจากเสียงสมั ผัสทีค่ ลอ้ งจอง เช่น ยอครูยอตอ่ หนา้ ยอข้าเม่ือแล้วกจิ ยอมติ รเมือ่ ลับหลัง นักเรยี นจบั คูกันแตง คําประพนั ธเ ร่ืองท่นี ักเรยี น อยำ่ ถากคนด้วยตา อยำ่ พาผดิ ดว้ ยห ู อยำ่ เลียนครูเตอื นดา่ อย่ำรกิ ล่าวคา� คด สนใจดว ยรายสุภาพ ใหม ลี ักษณะการเลน คําโดย อยำ่ รกั เหากวา่ ผม อยำ่ รกั ลมกวา่ รกั นา้� อยำ่ รกั ถา้� กวา่ เรอื น อยำ่ รกั เดอื นกวา่ ตะวนั การซา้ํ คาํ ขน้ึ ตนประโยค อยางนอย 3 วรรคขนึ้ ไป อย่ายลเย่ียงถ้วยแตกมติ ดิ จงยลเยย่ี งสัมฤทธ์แิ ตกมิเสยี ท่ำนรักตนจงรกั ตอบ ท่ำนนอบตนจงนอบแทน (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแตง คําประพนั ธไ ด รูท้ ่ีขลาดที่หาญ คนพำลอย่าพำลผดิ หลากหลายตามความสนใจของนกั เรียน แตค รู เขา้ เถอ่ื นอยำ่ ลมื พร้า หน้าศกึ อยำ่ นอนใจ ไปเรือนทา่ นอยำ่ นัง่ นาน พิจารณาวา ควรเปนเรอ่ื งท่ีสรา งสรรคเ หมาะกบั วัย ผจิ ะบงั บงั จงลบั ผจิ ะจบั จบั จงมนั่ ผจิ ะคน้ั คนั้ จงตาย ผจิ ะหมายหมายจงแท ้ ผจิ ะแกแ้ กจ้ งกระจา่ ง ของนกั เรียน สามารถนําไปเปน ขอคดิ หรือคติ เตอื นใจได ตัวอยางเชน “อยานอนตืน่ สาย อยา อาย สภุ าษติ พระร่วง แมจ้ ะเป็นวรรณคดที ี่มีขนาดสน้ั แต่คุณคา่ นัน้ มีมากมายดว้ ยได้ ทํากนิ อยาหมิ่นเงนิ นอ ย อยา คอยวาสนา”) ให้แนวทางในการปฏบิ ัตติ นท่ีเปน็ ประโยชนอ์ ย่างย่ิงต่อการดÓเนนิ ชวี ิต 55 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู ผจิ ะบงั บงั จงลบั ผิจะจบั จับจงม่นั 1 การสรรคํา การสรรคาํ ทดี่ ีมีประสทิ ธิผลเปนเครื่องแสดงออกของความเขา ใจ ผิจะคนั้ ค้นั จงตาย ผิจะหมายหมายจงแท ความรู และความคิดของผูพูด หรอื ผูป ระพันธ ซึง่ ไมเพยี งแตจ ะมีความถกู ตอง ขอใดไมใชล กั ษณะทางวรรณศิลปข องบทประพนั ธข า งตน ชัดเจนตรงเจตนาเทา นั้น แตจะตอ งประกอบดว ยความสงา งาม โดยคํา ความคดิ 1. มีการซํา้ คําทุกวรรค และวิธกี ารแสดงออกจะผสมผสานกันอยา งกลมกลนื แมถ อ ยคาํ และวธิ กี ารเรียบ 2. มีการซาํ้ คําท่ีขนึ้ ตนวรรค เรียงคําจะแตกตางกันไปตามยุคสมยั 3. มีการใชคําเลยี นเสยี งธรรมชาติ 4. มกี ารเลน เสียงสัมผสั ระหวา งวรรค คูมอื ครู 55 วิเคราะหคาํ ตอบ ลักษณะทางวรรณศิลปของบทประพันธน ี้ มีดงั นี้ มกี าร เลน เสียงสมั ผสั ระหวางวรรค คอื ลบั -จับ มัน่ -คนั้ และตาย-หมาย มีการซ้าํ คาํ วา “ผิ” ในตนวรรค มกี ารซํ้าคําทุกวรรค ไดแก “บงั บงั ” ในวรรคแรก “จับจับ” ในวรรคที่ 2 “คั้นคน้ั ” ในวรรคที่ 3 และ “หมายหมาย” ในวรรคท่ี 4 ดงั นั้นจงึ เหน็ ไดวา สุภาษติ พระรว งไมม กี ารใชคําเลียนเสยี งธรรมชาติ ตอบ ขอ 3.
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. นกั เรยี นอธบิ ายความสัมพันธระหวางคตทิ างโลก คำ� ถำม ประจำ� หนว่ ยกำรเรียนรู้ และคติทางธรรมได ๑. สุภาษิตพระร่วงแสดงใหเ้ หน็ ลักษณะเดน่ ของภาษาไทยอยา่ งไรบา้ ง 2. นักเรยี นยกขอความท่มี เี นื้อหาสาระเกยี่ วกบั ขอคดิ ๒. ค�าสอนในสุภาษิตพระรว่ งขอ้ ใดทีน่ กั เรยี นสามารถน�ามาประยกุ ต์ใชไ้ ด้ในการศกึ ษาเลา่ เรียน และคตคิ าํ สอนทางโลกหรอื ทางธรรมท่ีนกั เรยี น พบเหน็ ในชีวติ ประจาํ วนั จากส่อื ตางๆ ได จงยกตัวอยา่ งประกอบ ๓. เพราะเหตุใดค�าสอนในวรรณคดีเร่ืองสภุ าษิตพระรว่ งยงั คงทนั สมยั น�ามาปรบั ใชไ้ ด้อยเู่ สมอ 3. นักเรียนยกตัวอยางประโยคที่มกี ารเปลยี่ นแปลง ทางภาษาทนี่ อกเหนือจากตัวอยางในบทเรียนได 4. นกั เรียนแตงคาํ ประพันธเ ร่ืองทน่ี ักเรียนสนใจ ดวยรายสุภาพ และคาํ ประพันธทแี่ ตง มีลักษณะ การเลน คําโดยการซา้ํ คําข้นึ ตนประโยค หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู กิจกรรม สรำ้ งสรรคพ์ ัฒนำกำรเรียนรู้ 1. เขยี นแผนผังลกั ษณะคําประพนั ธป ระเภท กจิ กรรมท่ ี ๑ ใ หน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งสภุ าษติ พระรว่ ง ทน่ี กั เรยี นยดึ เปน็ คตปิ ระจา� ใจไดใ้ นการดา� เนนิ รา ยสภุ าพและโคลงสองสุภาพ กิจกรรมที่ ๒ ชวี ติ คนละ ๑ สุภาษิต พร้อมท้งั บอกวธิ ีการปฏิบตั ิตนและผลจากการปฏบิ ัติ ใ หน้ กั เรียนแบ่งออกเป็นกลมุ่ แต่ละกลุม่ ร่วมกนั ศกึ ษาค้นคว้าเรือ่ งสภุ าษติ สา� นวน 2. จัดปายนิเทศดว ยบัตรคาํ ศัพทใ นบทเรียน กจิ กรรมท่ ี ๓ และคา� พงั เพย กลุม่ ละ ๑ ตวั อยา่ ง และชว่ ยกนั วาดภาพประกอบ แลว้ น�าไปติดไว้ที่ 3. รายงานเกี่ยวกับเหตุการณในสังคมทน่ี าํ คาํ สอน ป้ายนเิ ทศ จ ดั นทิ รรศการให้ความรเู้ กีย่ วกบั คา� สอนในสุภาษติ พระร่วงในหวั ข้อท่นี า่ สนใจ เช่น ในสภุ าษติ พระรว งไปปรับใชในชีวิตจรงิ สุภาษติ กับวถิ ชี ีวิตไทย คณุ ค่าสุภาษิตไทย สภุ าษติ ในวรรณกรรมไทย สุภาษิตกับ 4. บนั ทกึ ขอ คิดและคตคิ าํ สอนท่นี กั เรียนประทับใจ นิทานพ้ืนบา้ น เปน็ ตน้ 5. แตง คาํ ประพันธเ รอื่ งท่นี ักเรยี นสนใจ ดวยรา ย สภุ าพ ใหมลี ักษณะการเลน คําโดยการซํ้าคาํ ข้ึนตนประโยค แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนวยการเรียนรู 1. สุภาษิตพระรว งแสดงใหเ หน็ ลกั ษณะเดน ของภาษาไทย ดงั นี้ 1) การเปล่ียนแปลงของภาษาท่เี ปน ไปตามกาลเวลา 2) การใชค าํ นอ ยแตก นิ ความมาก 3) การเลนเสียงเปนการเลนเสยี งสมั ผสั คลองจอ ง จดจาํ งา ยมีความไพเราะ 4) การเลนคํา การซ้าํ คาํ ทําใหเกดิ ความไพเราะ 2. คําสอนในสุภาษิตพระรวงสามารถนาํ มาประยุกตใ ชใ นการศกึ ษาเลา เรยี น ยกตวั อยา งเชน 1) เม่ือนอยใหเ รียนวชิ า ใหหาสนิ เมื่อใหญ 2) ครูบาสอนอยา โกรธ 3) อยา ชังครชู ังมิตร 4) เปนคนเรยี นความรู 3. แมเ วลาจะผานเลยไปคําสอนในสุภาษิตพระรวงกค็ งทนั สมัยอยเู สมอ เพราะเปน การสอนทงั้ ทางคดีโลกและคดีธรรม สอนความเปนไปของชีวติ สามารถนําไปปฏิบตั ิ ไดจ รงิ ในชวี ิต เชน 1) ความสําคัญของการศกึ ษาหาความรู 2) ความสําคัญของการพดู 3) การรูจ กั ปรบั ตัวใหอยูใ นสงั คมอยางมีความสขุ 4) มศี ลี ธรรม มคี วามเมตตา เอือ้ เฟอ อารี มีความกตัญู เปนตน 56 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรียนรู 1. สรุปเนือ้ หากาพยเร่อื งพระไชยสุรยิ า 2. วิเคราะหค ณุ คา กาพยเรอ่ื งพระไชยสรุ ิยา 3. สรปุ ความรแู ละขอคดิ จากกาพยเรอื่ ง พระไชยสุริยา 4. ทอ งจําบทอาขยานตามความสนใจ สมรรถนะของผูเรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชทักษะชวี ิต ๔หนว่ ยที่ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค กาพยเ์ รอื่ งพระไชยสุรยิ า 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ รียนรู 3. มุงมั่นในการทาํ งาน 4. รักความเปนไทย กระตนุ ความสนใจ Engage ตัวชี้วดั กาพยเ์ รอื่ งพระไชยสรุ ยิ าเปน็ หนงั สอื แบบเรยี น ครูกระตุนความสนใจของนกั เรียนดว ยการให นกั เรียนดูภาพหนา หนว ย จากนนั้ ครูชวนนกั เรียน ■■ สรปุ เนือ้ หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่อี ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑) สนทนาเกยี่ วกบั เหตุการณทอี่ ยูในภาพ และให ■■ วิเคราะหว์ รรณคดีและวรรณกรรมที่อา่ น พรอ้ มยกเหตผุ ลประกอบ นักเรยี นรวมกนั เลา เร่อื งจากภาพ (ท ๕.๑ ม.๑/๒) ที่มีคุณค่าและน่าสนใจ เน่ืองจากเน้ือเรื่องเป็นนิทาน ช่วยตอบสนองธรรมชาติของเด็ก นับเป็นกุศโลบาย • ถา นกั เรยี นอยใู นเหตุการณด ังภาพหนา หนวย ■■ อธบิ ายคณุ คา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓) อย่างหน่ึงทีท่ า� ใหบ้ รรยากาศในการเรยี นสนุกสนาน นกั เรียนจะทําอยางไร ■■ สรุปความรแู้ ละข้อคิดจากการอา่ นเพื่อประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ นอกจากนี้ กาพย์พระไชยสุริยายังมีความไพเราะ (แนวตอบ นักเรยี นตอบไดหลากหลาย ข้นึ อยูกบั เหตุผลของนกั เรียน) (ท ๕.๑ ม.๑/๔) ■■ ท่องจา� บทอาขยานตามที่ก�าหนด และบทรอ้ ยกรองทมี่ ีคณุ คา่ ตามความสนใจ (ท ๕.๑ ม.๑/๕) ค�าที่ใช้เป็นค�าไทยง่ายๆ มีสัมผัสคล้องจอง เหมาะส�าหรับ การท่องจ�า และยังได้เรียนรู้เก่ียวกับมาตราตัวสะกดและ สาระการเรียนรู้แกนกลาง ลกั ษณะของการแตง่ คา� ประพนั ธป์ ระเภทกาพย์ ทงั้ ยงั ไดข้ อ้ คดิ คตธิ รรมจากเนอื้ เร่ืองอีกด้วย ■■ การวิเคราะห์คณุ คา่ และขอ้ คิดจากวรรณคดี และวรรณกรรม เรอื่ ง กาพยพ์ ระไชยสุรยิ า ■■ บทอาขยานและบทร้อยกรองท่มี คี ณุ คา่ 57 เกรด็ แนะครู การสอนใหน กั เรยี นเกดิ ความซาบซึ้งในรสวรรณคดีข้นึ อยูกบั ปจ จยั หลาย ประการ เชน ความเขาใจในเนอื้ เร่อื ง ความหมายของคําศพั ท ความสามารถของ กวีในการบรรยาย เลาเรื่อง การพรรณนาความงามขององคป ระกอบตา งๆ ในเรื่อง การเลือกสรรถอยคํามาใช การใชถอ ยคําเปรยี บเทียบอปุ มาอุปไมย เปน ตน ดงั นั้น จงึ ควรจดั กิจกรรมใหน กั เรียนปฏิบัติใหสอดคลองกับจดุ มุงหมายของการเรยี น คอื ใหเ กิดความซาบซึ้งในรสวรรณคดแี ละเขาใจเน้อื เรื่อง คูมือครู 57
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครูเปดวดี ิทศั นเก่ยี วกับการอา นกาพยเรอ่ื ง ๑ ความเป็นมา พระไชยสรุ ิยาใหนกั เรยี นชม จากน้นั ใหน กั เรยี น บนั ทกึ ความประทบั ใจจากการชมกาพยเ รื่อง กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา มีเนื้อหาเป็นนิทานขนาดสั้น มีความยาวเพียง ๑ เล่มสมุดไทย พระไชยสุรยิ าลงสมุด บสุนวชทอรยภ่ทู ู่ไ่ีวดัด้แเตท่งพขธึ้นิดขาณราะมจ1ร�าะพหรวร่าษงาพอ.ยศู่ท. ๒่ีจัง๓ห๘ว๒ัด-เ๒พ๓ช๘ร๕บุรี ราว พ.ศ. ๒๓๖๘ หรืออาจแต่งขึ้นเม่ือคร้ัง สาํ รวจคน หา Explore สุนทรภู่แต่งกาพย์พระไชยสุริยาข้ึนเพื่อใช้เป็นแบบสอนอ่านและเขียนสะกดค�าในมาตรา 1. นกั เรยี นศึกษาความเปนมาของกาพยเร่อื ง ต่างๆ โดยผูกให้เป็นเร่ืองราว เพื่อให้เด็กมีความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการอ่านและการเล่าเรียน พระไชยสุริยา ศึกษา ครั้นต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ครั้งเป็นหลวงสารประเสริฐ เม่ือแต่งหนังสือมูลบทบรรพกิจ ส�าหรับใช้เป็นแบบเรียน 2. นักเรยี นศกึ ษาและสรปุ ความรูเกีย่ วกบั ลกั ษณะ คาํ ประพันธแ ละเรือ่ งยอ กาพยเรอื่ ง จหึงนไังดส้นือ�าไมทายรใวนมโไรวงใ้ เนรียหนนหังสลือวมงูลคบงทเหบ็นรวรพ่ากกาิจพ2ย์เร่ืองพระไชยสุริยาเป็นบทกวีท่ีไพเราะ ท้ังอ่านเข้าใจง่าย พระไชยสรุ ยิ าลงสมุด ºÍ¡àÅÒ‹ ࡌÒÊÔº อธบิ ายความรู Explain โอเอวหิ ารราย นกั เรยี นอธิบายความเปน มาของกาพยเร่ือง พระไชยสรุ ยิ าพรอมท้ังตอบคําถาม ความสําคัญของกาพยเร่ืองพระไชยสุริยา นอกจากจะเปนแบบเรียนสอนอานที่มีคุณคาดาน เนอ้ื หาแลว ยงั มกี ารนาํ มาเปน บทสวดทเ่ี รยี กวา การสวดโอเ อว หิ ารราย คอื การสวดกาพยเ ปน ทาํ นอง (แนวตอบ กาพยพระไชยสุริยาเปนแบบเรยี น ตามศาลารายรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันเขาพรรษา วันกลางพรรษา และ ทส่ี นุ ทรภแู ตง ข้นึ ในสมยั รชั กาลที่ 3 แหงกรงุ - วันออกพรรษา สันนิษฐานวามีมาต้ังแตสมัยอยุธยา เรื่องที่นิยมนํามาสวด คือ มหาชาติ ตอมา รัตนโกสินทร ทา นสุนทรภแู ตง ข้ึน เมอ่ื ประมาณ พ.ศ. สมยั รัตนโกสนิ ทร พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา เจา อยูหัวโปรดเกลา ฯ ใหม ีการสวดโอเอวิหารราย 2382-2385 ขณะทบี่ วชเปน พระอยทู ่ีวดั เทพธดิ าราม ในชว งเขา พรรษาโดยนาํ กาพยเ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ ามาสวดเปน ครง้ั แรก เนอ่ื งจากการใชบ ทสวดมหาชาติ ทา นแตงเปนกาพยซึ่งแทรกความรูเกีย่ วกบั ภาษาไทย มผี สู นใจฟงนอย ในเรื่องของมาตราตวั สะกดแมต า งๆ นอกจากน้ัน ยังสอดแทรกคตธิ รรมตา งๆ ที่เปน ประโยชนอ ีกดวย การสวดโอ้เอ้วิหารรายในปจ จุบนั ศาลารายรอบพระอโุ บสถวดั พระศรรี ัตนศาสดาราม ครัน้ ตอ มาในรัชกาลที่ 5 เมื่อพระยาศรีสนุ ทรโวหาร (นอ ย อาจารยางกรู ) แตง หนงั สือมลู บทบรรพกจิ 58 สําหรับใชเ ปนแบบเรียนหนังสือไทยในโรงเรยี นหลวง คงเห็นวา กาพยเ รือ่ งพระไชยสรุ ยิ านี้เปนบทกวีนพิ นธ ทไี่ พเราะทั้งอานเขาใจงา ยและเปน คตจิ ึงนํามาบรรจุ ไวในมลู บทบรรพกจิ เปน ตอนๆ ตั้งแตแม ก กา ไปจนจบแมเ กย ในการศึกษากาพยพระไชยสรุ ิยา ผูเรยี นจะไดเ รยี นรเู กีย่ วกบั ลักษณะการแตง คาํ ประพันธป ระเภทกาพย ไดแ ก กาพยย านี 11 กาพยฉบงั 16 และกาพยสุรางคนางค 28) นกั เรียนควรรู บรู ณาการเชือ่ มสาระ การอานบทรอ ยกรองกาพยเรอื่ งพระไชยสรุ ยิ าใหไพเราะตามเจตนาของ 1 วดั เทพธิดาราม เปน วดั อารามชน้ั ตรี รัชกาลท่ี 3 ทรงโปรดฯ ใหส รา งขึ้นเพอื่ ผูแ ตง ที่แตง ขึ้นเพอ่ื ใชเ ปนแบบสอนอานและเขยี นสะกดคาํ ในมาตราตา งๆ เฉลิมพระเกียรตแิ กพระเจาบรมวงศเธอ กรมหม่นื อปั สรสดุ าเทพ ใน พ.ศ. 2379 ซง่ึ รูปแบบแตกตางจากหนังสอื เรียนแบบเดิม คอื ผูกใหเ ปนเรอื่ งราว และ ต้ังอยทู ีร่ ิมถนนมหาไชยใกลว ัดราชนดั ดา เดิมช่อื วดั บา นพระยาไกรสวนหลวง มีความสนกุ สนานเพลิดเพลินไปกับการอา น ทาํ ใหก ารเรียนภาษานาสนใจ 2 หนงั สือมูลบทบรรพกจิ เปน ตําราทว่ี าดว ยเรอื่ งของสระ พยญั ชนะ จาํ แนก ครูบูรณาการความรนู ีเ้ ขากบั กลมุ สาระการเรยี นรศู ลิ ปะ วิชาดนตรี ซึ่งสอน เปนมาตราแม ก กา และมาตราทม่ี ตี ัวสะกด มแี บบฝกหดั อานกาพยเร่อื งพระไชย- เรอ่ื งการขับรอง นักเรยี นนาํ เทคนคิ การขับรองจากวิชาดนตรมี าปรบั ใชใน สุริยาของสุนทรภแู ทรกอยใู นเลมดวย การอา นกาพยเร่ืองพระไชยสุรยิ าใหนาสนใจ 58 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒ ประวตั ิผู้แต่ง นักเรียนอธิบายลกั ษณะคาํ ประพนั ธข องกาพย เร่ืองพระไชยสุริยา ดังตอไปนี้ ประวัติของสุนทรภู่ ผู้แต่งกาพย์เร่ืองพระไชยสุริยา สามารถอ่านได้จากหน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ เรื่องนิราศภูเขาทอง • กาพยยานี 11 (แนวตอบ กาพยย านี 11 มี 2 บาท คือ บาท ๓ ลักษณะคÓประพนั ธ์ เอกและบาทโท บาทหนึ่งมี 2 วรรค วรรคหนา มี 5 คํา วรรคหลงั มี 6 คาํ รวมบาทละ 11 คาํ กาพย์เร่ืองพระไชยสุริยา แต่งด้วยค�าประพันธ์ประเภทกาพย์ ได้แก่ กาพย์ยานี ๑๑ สัมผสั บังคับเปน สมั ผัสสระ คอื คําสดุ ทา ยของ กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘ วรรคท่ี 1 สมั ผัสกบั คาํ ที่ 1 2 หรอื 3 ของวรรค ท่ี 2 และคาํ สุดทา ยของวรรคท่ี 2 สง สมั ผสั ไป แผนผงั และตวั อย่างกาพย์ยานี ๑๑ ยงั คาํ สุดทา ยของวรรคท่ี 3 ถาแตงสองบทข้นึ ไปคาํ สดุ ทายของบทแรก สัมผสั กบั คาํ สดุ ทา ย ของวรรคท่ี 2 ในบทถัดไป ในกาพยเ ร่อื งพระ * ไชยสุริยาใชกาพยย านี 11 ในการบรรยาย • กาพยฉบัง 16 (แนวตอบ กาพยช นดิ นมี้ จี าํ นวนคาํ ในบท 16 คาํ แบงออกเปน 3 วรรค วรรคแรกมี 6 คาํ วรรค ที่ 2 มี 4 คํา และวรรคท่ี 3 มี 6 คาํ โดยคํา ขุนนางต่างลุกว่ิง ทา่ นผู้หญิงว่งิ ยดุ หลัง สดุ ทา ยของวรรคท่ี 1 สง สมั ผสั ไปยงั คาํ สดุ ทา ย พัลวันดันตึงตัง พลั้งพลัดตกหกคะเมน ของวรรคที่ 2 และสมั ผัสระหวา งบท คอื ว่งิ อุตลุดฉดุ มอื เณร คาํ สดุ ทา ยของบทแรกสง สมั ผสั ไปยงั คาํ สดุ ทา ย พระสงฆล์ งจากกฏุ ์ิ ลงโคลนเลนเผ่นผาดโผน ของวรรคแรกในบทที่ 2 กาพยน้ีจะบรรยาย หลวงชีหนีหลวงเถร เหตกุ ารณทร่ี วบรดั รวดเรว็ ) แผนผังและตัวอย่างกาพยฉ์ บงั ๑๖ • กาพยสุรางคนางค 28 (แนวตอบ กาพยส ุรางคนางค 28 บทหนึ่ง ประกอบดว ยคาํ ทงั้ หมด 7 วรรค วรรคละ 4 คาํ รวมเปน 28 คํา โดยสัมผัสบงั คบั ในบทมดี ังน้ี คําท่ี 4 ของวรรคที่ 1 สง สมั ผัสไปยังคําที่ 4 ของวรรคที่ 2 คาํ ท่ี 4 ของวรรคที่ 3 สง สัมผสั ไปยังคาํ ท่ี 4 ของวรรคท่ี 5 และคําท่ี 4 ของ วรรคที่ 6 สว นสัมผสั ระหวา งบท คอื คํา สดุ ทา ยของบทแรก สมั ผสั กบั คาํ ที่ 4 ของวรรค ที่ 3 ในบทถดั ไป กาพยช นดิ นมี้ ลี ลี าออ นหวาน * หมายเหตุ คาำ สดุ ทา้ ยของวรรคที่ ๓ อาจจะสมั ผสั กบั คาำ ท่ี ๑ ๒ หรือ ๓ ของวรรคท่ี ๔ หรือไม่สมั ผสั ก็ได้ เศรา มกั ใชใ นการพรรณนาอารมณความรูสึก) 59 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู บทประพนั ธต อ ไปนีเ้ รยี งลาํ ดับใหถกู ตอ งตามฉันทลกั ษณไ ดต รงกบั ขอใด ก. แตน้าํ ใจไมนาํ พา ข. ขาเฝา เหลา เสนา ครูแนะความรใู หนกั เรยี นเพม่ิ เตมิ เก่ยี วกับการเสริมสัมผัสในกาพยเรอ่ื ง ค. มไิ ดว าหมขู าไท ง. ถอื นํา้ รา่ํ เขาไป พระไชยสุรยิ าวา มลี กั ษณะเสรมิ ระหวา งจงั หวะกบั จงั หวะในวรรคท้ัง 4 วรรค 1. (ก) (ข) (ค) (ง) ทั้งสัมผสั สระและสัมผัสอกั ษร ดังบทประพนั ธ 2. (ข) (ค) (ง) (ก) 3. (ค) (ง) (ก) (ข) “ขนึ้ กก/ตกทุกยาก แสนลําบาก/จากเวยี งไชย 4. (ค) (ง) (ก) (ข) มนั เผือก/เลอื กเผาไฟ กนิ ผลไม/ ไดเปนแรง” กวีใชส ัมผสั สระคั่นระหวา งจังหวะกับจังหวะในแตละวรรค ดังน้ี วรรคแรก คาํ วา วิเคราะหคาํ ตอบ บทประพันธข า งตนจะสงั เกตไดวา บางวรรคมี 5 คาํ กก-ตก วรรคท่ี 2 คําวา บาก-จาก วรรคท่ี 3 คําวา เผอื ก-เลอื ก และวรรคที่ 4 คาํ วา บางวรรคมี 6 คํา ซ่ึงเปน ฉนั ทลักษณข องกาพยยานี 11 ทว่ี รรคหนา มี 5 คาํ ไม- ได วรรคหลังมี 6 คํา และการลําดบั ความท่กี ลา วถงึ หมเู สนาเขา พธิ ถี อื นาํ้ ดว ยใจ ทไ่ี มซ่ือสัตยภ กั ดี เรียงลาํ ดบั ไดว า (ข) (ค) (ง) (ก) ตอบขอ 2. คูมือครู 59
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นักเรียนอา นเรอ่ื งยอกาพยเ ร่อื งพระไชยสรุ ิยา กลางไพรไก่ขนั บรรเลง ฟังเสยี งเพยี งเพลง แลวสรปุ เปน สํานวนภาษาของนักเรียนเอง ซอเจง้ จา� เรียงเวยี งวัง เพียงฆอ้ งกลองระฆงั (แนวตอบ มีกษตั รยิ พ ระองคหนง่ึ มีพระนามวา ยูงทองรอ้ งกะโตง้ โหง่ ดงั “พระไชยสรุ ิยา” ครองเมอื งสาวัตถี มพี ระมเหสี แตรสังขก์ งั สดาลขานเสยี ง พระนามวา “สุมาล”ี ครองบานเมอื งดว ยความผาสกุ ตอมาขา ราชการเสนาอาํ มาตยประพฤตติ นไมถ กู ตอง แผนผังและตัวอยา่ งกาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ ตามทํานองคลองธรรม จงึ เกิดเหตอุ าเพศนา้ํ ปาไหล ทวมเมือง ผปี า อาละวาด ทาํ ใหช าวเมืองลมตาย จํานวนมาก พระไชยสรุ ิยากับพระมเหสจี ึงหนลี งเรือ สําเภา แตก ถ็ ูกพายุพดั จนเรือแตก พระไชยสรุ ิยาและ มเหสขี นึ้ ฝง ได พระอินทรจ ึงเสด็จมาสั่งสอนธรรมะ ใหทงั้ สองพระองคปฏบิ ัติธรรมตลอดชีวติ จนไดเ สดจ็ ไปสสู วรรค) ขยายความเขา ใจ Expand วันนัน้ จันทร มีดารากร เป็นบริวาร เห็นสน้ิ ดินฟ้า ในป่าท่าธาร มาลีคล่ีบาน ใบก้านอรชร 1. นกั เรียนอานเรอ่ื งยอกาพยเรื่องพระไชยสรุ ิยา ชื่นชะผกา วายุพาขจร แลว วาดภาพจากจนิ ตนาการ ตกแตงระบายสี เยน็ ฉ�่าน้า� ฟ้า แตนตอ่ คลอรอ่ น ว้าว่อนเวยี นระวัน ภาพใหสวยงาม สารพนั จนั ทน์อนิ รื่นกล่ินเกสร 2. นักเรียนนาํ ภาพทวี่ าดไปจัดปา ยนิเทศ ๔ เรื่องย่อ ในชั้นเรยี น หรือชมรมภาษาไทย กาพย์เร่ืองพระไชยสุริยา เริ่มต้นด้วยบทไหว้ครูโดยใช้ค�าในมาตราแม่ ก กา จากน้ันเป็น ตรวจสอบผล Evaluate เน้ือความ แต่งเรียงตามมาตราตัวสะกด คือ แม่ ก กา แม่กน แม่กง แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กม และแม่เกย เมอ่ื จะขึ้นมาตราใดกจ็ ะบอกไว้อยา่ งชัดเจน 1. นกั เรียนอธิบายความเปนมาของกาพยเ ร่อื ง พระไชยสรุ ยิ าได ต่อมาเป็นเน้ือเรื่องกล่าวถึงพระไชยสุริยาครองเมืองสาวัตถี มีมเหสีพระนามว่า สุมาลี พระไชยสุริยาทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความผาสุก แต่ต่อมาบรรดาข้าราชการประพฤติตนไม่ดี 2. นกั เรียนอธบิ ายลักษณะคาํ ประพนั ธของกาพย ไม่อยู่ในศีลธรรม ท�าให้เกิดอาเพศ น้�าป่าไหลท่วมบ้านเมือง พระไชยสุริยาจึงทรงพานางสุมาลีลง เรอ่ื งพระไชยสรุ ยิ าได เรือส�าเภา เรือถูกพายุพัดอับปาง พระไชยสุริยาและมเหสีขึ้นฝั่งได้ ก็เดินทางรอนแรมกลางป่าได้รับ ความทุกข์ ต่อมาพบพระอินทร์เสด็จมาสอนธรรมะ พระไชยสุริยาและพระมเหสีจึงเสด็จออกผนวช 3. นักเรยี นสรุปเรอื่ งยอ กาพยเ ร่ืองพระไชยสุริยาได บ�าเพ็ญพรตตลอดพระชนมชพี 60 เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครูเพ่ิมเติมความรเู ร่อื งสมั ผสั ภายในบทของคําประพันธก าพยสุรางคนางค 28 นกั เรียนศกึ ษารปู แบบแผนผังลกั ษณะคาํ ประพนั ธก าพยส ุรางคนางค 28 วามกี ารเพม่ิ สมั ผัสอกี 1 แหง คือคําสดุ ทา ยของวรรคที่ 4 สงสัมผัสไปยังคาํ ที่ 2 ของ ทีม่ ี 2 แบบ โดยนํารปู แบบทีต่ างไปจากหนงั สือเรียน มาเขียนแผนผัง วรรคท่ี 5 ทง้ั นอ้ี า งตามหลกั ฐานทางวรรณคดที เ่ี ชอ่ื ถอื ไดว า ผทู ส่ี รา งสมั ผสั คนู ล้ี งไปใน คาํ ประพันธลงสมุด บทของกาพยส ุรางคนางค คือ สุนทรภู ดงั ที่ปรากฏในกาพยเรอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า กิจกรรมทาทาย มุม IT นกั เรยี นโยงเสน สัมผสั แผนผังลกั ษณะคาํ ประพนั ธกาพยสรุ างคนางค 28 ศกึ ษาเกย่ี วกบั ลักษณะคําประพนั ธก าพยเร่ืองพระไชยสุริยาเพ่มิ เติม ไดท ี่ ท้งั 2 รูปแบบ บนั ทกึ ลงสมุด http://www.nmk.ac.th/myweb/de_poet.html 60 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage 61 กระตนุ ความสนใจ ๕ เนือ้ เรอ่ื ง ครูเลา นิทานเรอื่ งทีม่ ขี อคดิ เหมาะกับนกั เรียน ใหนกั เรยี นฟง จากน้นั ครตู ้ังคาํ ถามกระตุน ความ กาพย์เรื่องพระไชยสรุ ิยา สนใจนกั เรยี น ยานี ๑๑ พระศรไี ตรสรณา • นกั เรยี นชอบฟงนทิ านหรอื ไม ทาํ ไมจึงชอบ เทวดาในราศี • จากนทิ านท่คี รูเลา นกั เรียนไดขอ คดิ อะไร สะธุสะจะขอไหว้ พ่อแมแ่ ลครบู า เดขีม้าดิมีอายตา่อ่ ตกรีชกา1ามี และนกั เรียนจะนําไปปรบั ใชในชีวิตจรงิ ได อยางไร ข้าเจ้าเอา ก ข พอลอ่ ใจกมุ ารา • นักเรียนชอบแบบเรยี นทเี่ นอื้ เรอ่ื งมลี กั ษณะ แก้ไขในเทา่ นี้ เจ้าพาราสาวะถี เปน นทิ านใหขอ คิดสอนใจหรือไม อยา งไร มสี ดุ ามเหสี จะรา่� ค�าต่อไป อยู่บุรไี มม่ ภี ยั สาํ รวจคน หา Explore ธรณีมีราชา มีกริ ยิ าอัชฌาศัย ได้อาศยั ในพารา 1. นกั เรียนศึกษากาพยเร่ืองพระไชยสุรยิ า ชือ่ พระไชยสรุ ยิ า ชาวบรุ ีกป็ รีดา จากหนังสอื เรียน ช่ือว่าสมุ าลี ได้ขา้ วปลาแลสาลี กห็ าเยาวนารี 2. นกั เรยี นศึกษาคนควา เกยี่ วกบั มาตราตวั สะกด ข้าเฝา้ เหล่าเสนา ท�ามโหรที ีเ่ คหา ในภาษาไทย พ่อค้ามาแต่ไกล เขา้ แตห่ อลอ่ กามา โลโภพาใหบ้ ้าใจ 3. นกั เรยี นรวบรวมคาํ ศพั ทจ ากกาพยเ รือ่ ง ไพร่ฟา้ ประชาชี เหไปเข้าภาษาไสย พระไชยสรุ ิยาตามมาตราตวั สะกด ดงั น้ี ท�าไรข่ ้าวไถนา ฉ้อแต่ไพรใ่ ส่ข่อื คา แม ก กา แมกน แมกก แมก ง แมกด แมก บ คอื ไก่หมเู จ้าสภุ า แมกม แมเกย อยูม่ าหมู่ขา้ เฝ้า ให้สุภาก็ว่าดี ท่หี น้าตาดีดี ไม่ถอื พระประเวณี อธบิ ายความรู Explain ไลด่ า่ ตีมีอาญา คา่� เช้าเฝา้ สีซอ 1. นกั เรียนจบั คูฝ ก อานกาพยเ รื่องพระไชยสุริยา หาไดใ้ หภ้ ริยา 2. ครูใหน ักเรียนจับคถู อดคาํ ประพนั ธคลู ะ 3 บท 3. นักเรียนแตล ะคูมาทองบทประพันธแ ละ ไม่จ�าคา� พระเจ้า ถอื ดีมีขา้ ไท ถอดความตามท่ีรบั ผดิ ชอบหนา ช้ันเรียน คดที ี่มีคู่ ใครเอาข้าวปลามา ท่แี พ้แก้ชนะ ข้ีฉอ้ ก็ไดด้ ี ตาํ แหนง สมั ผัสในขอใดตา งจากขอ อื่น ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู 1. ทําไรขา วไถนา ไดข าวปลาแลสาลี ในการจัดกิจกรรมใหน ักเรียนแตล ะคทู องจําบทอาขยานใหครูฟง เพอ่ื ใหนักเรยี น 2. ทีแ่ พแกช นะ ไมถ ือพระประเวณี สามารถทาํ กจิ กรรมนไ้ี ดค รบทุกคน ครอู าจใหนักเรยี นทองจํานอกเวลาเรียน เพอ่ื 3. ธรณมี รี าชา เจาพาราสาวะถี นกั เรยี นจะไดมเี วลาในการทาํ กจิ กรรมอื่นในชัน้ เรยี นตอ ไป การทอ งจาํ บทอาขยานน้ี 4. ข้ฉี อ กไ็ ดดี ไลด าตมี ีอาญา นอกจากจะใหความรูเ ก่ยี วกับแบบเรียนสระ พยญั ชนะของไทยสมัยกอ นแลว นักเรียน จะไดตระหนักและเห็นคณุ คา ของภาษาไทยทตี่ องใชใหถกู ตอ ง และเปน แนวทาง วิเคราะหค าํ ตอบ สมั ผสั ในวรรคมที ง้ั สมั ผสั สระและสมั ผสั อกั ษร โดยสมั ผสั ใน ในการฝกหดั การอา นการเขียนภาษาไทย ในขอ 2. ไดแ ก แพ-แก พระ-ประ ขอ 3. ณี-มี พารา-สา ขอ 4. ฉอ-ก็ ตี-มี สัมผสั ในลว นอยตู ดิ กนั แตข อ 1. สมั ผสั ในอยคู าํ ที่ 2 และ 4 ในวรรคแรก และ นักเรยี นควรรู สมั ผสั อยูในคําท่ี 3 และ 5 ในวรรคหลงั ตอบขอ 1. 1 ตรีชา ไมมีในพจนานกุ รม แตใ นวรรณคดมี ีใชอ ยใู นหลายแหง มคี วามหมายวา ติฉิน ตําหนิ ในทอ่ี นื่ ก็มใี ช เชน ในเรือ่ งพระอภัยมณวี า “มาตรีชาวากูผิดในกจิ กรม” คมู ือครู 61
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain วา่ โง่เงา่ เตา่ ปูปลา อธบิ ายความรู วา่ ใบ้บา้ สาระยา� เหลา่ กล็ ะพระสธรรม 1. นักเรยี นอธิบายความรเู กยี่ วกับมาตราแม ก กา ในกาพยเรื่องพระไชยสุรยิ า ไปเรร่ ่า� ทา� เฉโก1 (แนวตอบ มาตราแม ก กา คําในแม ก กา เปน ทซ่ี ือ่ ถือพระเจา้ คาํ ทไ่ี มมพี ยญั ชนะเปนตัวสะกดทา ยคาํ หรือ ผ้เู ฒา่ เหลา่ เมธา ศีรษะไมใ้ จโยโส ทา ยพยางค อานออกเสียงสระโดยไมมีเสียง ข้าขอโมทนาไป พยัญชนะ ภกิ ษสุ มณะ ใครไมม่ ปี รานีใคร ตวั อยางคําทีส่ ะกดในมาตราแม ก กา ใน คาถาว่าล�าน�า ท่ีใครได้ใส่เอาพอ กาพยเรอ่ื งพระไชยสุริยา เชน พระศรีไตรสรณา ทา� ดุด้ือไมซ่ ือ้ ขอ อานออกเสยี งสระอยางเดยี วไดว า พระ-สี-ไตร- ไมจ่ า� ค�าผใู้ หญ่ อะไรล่อก็เอาไป สะ-ระ-นา เปน ตน) ท่ดี ีมีอะโข มิได้วา่ หม่ขู ้าไท 2. นักเรยี นตอบคําถามเกีย่ วกบั เน้อื เร่อื งตอนตน แต่นา้� ใจไม่น�าพา ของกาพยเรื่องพระไชยสรุ ยิ า พาราสาวะถี ไพรฟ่ า้ เศร้าเปล่าอุรา • สาเหตใุ ดทท่ี าํ ใหบ านเมอื งเกิดอาเพศภัย ดุด้ือถอื แตใ่ จ ไลต่ ดี ่าไมป่ รานี ธรรมชาติ มรณกรรมชาวบรุ ี (แนวตอบ สาเหตเุ กดิ จากบรรดาขุนนาง ผทู้ มี่ ีฝมี อื ก็ไมม่ ที ่ีอาศัย ขา ราชการประพฤตติ นไมด ี ไมอยูในศลี ธรรม ไลค่ วา้ ผ้าทีค่ อ หนีไปหาพาราไกล คดโกงฉอ ราษฎรบ ังหลวง เม่ือเกดิ อาเพศ ไมม่ ีใครในธานี ฯ น้าํ ปา ไหลทวมบา นเมือง ก็ไมสามารถแกไ ข 2ขา้ เฝ้าเหล่าเสนา ปญหาได ชาวเมืองพากนั เดอื ดรอ น) พาพระมเหสี • นักเรยี นยกบทประพันธท ่ีแสดงใหเหน็ สภาพ ถอื น�้าร�่าเขา้ ไป บา นเมอื งที่กําลงั เกดิ ปญ หา พรอมทั้งอธบิ าย หาไดใ้ ครหาเอา นารีทีเ่ ยาว์ ใหเหน็ สภาพปญ หา (แนวตอบ ตัวอยา งบทประพนั ธทีแ่ สดงใหเห็น ผูท้ ี่มอี าญา เสนีเสนา สภาพบานเมืองท่ีกําลงั เกิดปญหา ผปี ่ามากระท�า “พาราสาวะถี ใครไมม ปี รานใี คร ดดุ อ้ื ถอื แตใ จ ทใ่ี ครไดใสเอาพอ น้า� ป่าเข้าธานี ผทู ่มี ฝี มือ ทาํ ดดุ ือ้ ไมซ ้อื ขอ ข้าเฝ้าเหลา่ เสนา ไลค วาผาที่คอ อะไรลอกเ็ อาไป” จากบทประพนั ธกลา วถงึ เมืองสาวัตถีวา ไมมีใคร ชบี าล่าล้ไี ป มีความเมตตา มีแตผทู ําตามใจตนเอง อยากได อะไรก็ไปแยง ควา เอาของผูอืน่ มาโดยไมซ ้ือหรือ ฉบงั ๑๖ ขอ ทําใหประชาชนเจาของทรัพยส ินเดอื ดรอน) พระไชยสุริยาภูมี มาท่ใี นล�าสา� เภา ข้าวปลาหาไปไมเ่ บา กเ็ อาไปในเภตรา เถา้ แก่ชาวแม่แซม่ า กม็ าในล�าส�าเภา 62 นักเรยี นควรรู บูรณาการเชอ่ื มสาระ ครูบูรณาการความรูเก่ยี วกับพระราชพิธีถือนํ้าพิพัฒนสัตยากบั กลุมสาระ 1 ศีรษะไมใจโยโส เปนความเปรยี บถงึ เด็กหรอื ผูที่อายอุ อนกวา วา ไมเคารพผูท ี่ การเรียนรสู ังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม วชิ าประวัติศาสตรว า มอี ายุมากกวา เรียกพฤตกิ รรมลักษณะนว้ี า “ศีรษะไม” คือ หวั แข็ง ไมเช่อื ฟงผูใ หญ พระราชพิธีน้ีมีความเกยี่ วขอ งกบั ประวัตศิ าสตรความเปนมาของชาตไิ ทย ท่ีมีประสบการณมากกวา “ศรี ษะไมใจโยโส” คือ คนแขง็ กราวไมเคารพยําเกรงผใู หญ เปน พระราชพิธที ่ีศกั ด์ิสทิ ธ์แิ ละยง่ิ ใหญม าตั้งแตโบราณ มีความผูกพันกับ 2 ถือนํา้ เปน คาํ ท่ีตัดมาจาก “ถอื น้ําพิพัฒนสัตยา” หมายความวา ดื่มน้าํ สาบาน สถาบันพระมหากษตั ริยใ นระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธิราชยท พ่ี ระมหากษตั รยิ ถวายพระเจาแผน ดนิ วา ถา ไมซ ่ือสตั ยแ ลว จะตอ งมอี นั เปนไปตางๆ ในทนี่ ี้ ขาราชการ ทรงมพี ระราชอํานาจสูงสุด และเปน ศนู ยกลางของพระราชอาณาจักร เมอื งสาวัตถีก็ถอื นา้ํ ดงั กลา วน้ันไปตามพิธี แตไ มไ ดปฏบิ ัตติ นไปตามคาํ สาบานแต พระราชพธิ นี ้ีเชือ่ วามีมากอ นการกอตงั้ กรงุ ศรอี ยธุ ยา และเปน ทีแ่ พรหลาย ประการใด ในดินแดนภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต รปู แบบทจ่ี ัดขึ้นเพ่ือให พระบรมวงศานวุ งศแ ละขาราชการดม่ื นํ้าสาบานวา จะจงรกั ภกั ดี และซ่ือตรง ตอ พระมหากษตั ริ ยเปน การใหสตั ยส าบานประเภทหนงึ่ ท่ีใชนํ้าเปน ส่อื กลาง มกั ปรากฏเปนหลักฐานในวรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยหลายเรอ่ื ง ดังที่ ปรากฏในกาพยเ รอื่ งพระไชยสุริยา ความวา “ถอื นํ้าร่าํ เขาไป แตน้ําใจ ไมนําพา” 62 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain วายพุ ยเุ พลา อธบิ ายความรู คา่� เช้าเปล่าใจ ตมี า้ ล่อชอ่ ใบใส่เสา ราชานารี นกั เรยี นรว มกันตอบคําถามในประเด็นตอ ไปน้ี เหราปลาทู • เมื่อเกดิ เหตุวนุ วายในเมืองสาวัตถีแลว ส�าเภาก็ใช้ใบไป วายพุ าคลาไคล เปล่าใจนัยนา พระไชยสรุ ิยาและพระมเหสีสุมาลีทาํ อยา งไร เภตรามาในน�า้ ไหล ใครรคู้ ดี (แนวตอบ พระไชยสรุ ิยาพาพระมเหสลี งเรอื วา่ พระมหา สาํ เภาหนีออกจากเมือง โดยนําเสบยี งอาหาร ทีใ่ นมหาวาร ี แผ่ไปใหญโ่ ต ลงเรอื ไปจํานวนมาก และมขี าราชบริพาร ขา้ พเจา้ เข้าใจ ตามเสด็จไปดวย) พสุธาอาศัยไม่มี ใหญโ่ ตมโหฬาร์ • กวเี ลา เหตุการณความวนุ วายในขางตน ใครร่ ูค้ ดี โดยใชล กั ษณะคําประพันธอ ยา งไร อยูท่ ีพ่ รปะแลกาลกแะโลหด้โู ลมาราห1ู พอพระสรุ ิใส (แนวตอบ กวีเลาเหตกุ ารณท ก่ี ําลังเดินทางลง เรือ ดว ยกาพยฉ บัง 16 ทต่ี องการเลา ความ เปน ไปตางๆ ใหไ ดใจความ และใชค าํ ท่เี ปน มอี ยูใ่ นน�้าคล�่าไป มาตราตวั สะกดแม ก กา ซง่ึ เปน คําอา นงา ย เขา ใจเรว็ คาํ ประพันธต อนน้ีเปนการแตง ราชาว้าเหวห่ ฤทัย เพ่ือใหผ อู า นอา นเอาเรื่องเปน สาํ คญั วา ใคร ทาํ อะไร ทไ่ี หน และอยา งไร ไมไดสอดแทรก มาในทะเลเอกา การพรรณนาอารมณค วามรูสกึ ของตัวละคร ท่ีตอ งเผชิญกับความยากลําบากและ แลไปไม่ปะพสุธา เหตกุ ารณท ไ่ี มคาดคดิ ) โพล้เพล้เวลาราตรี ราชาว่าแก่เสนี วารนี ี้เทา่ ใดนา ข้าเฝ้าเล่าแก่ราชา วารีนี้ไซไรห้ใลหมญาโ่ แตตใ่ นคอโค2 มโหฬารล์ ้�าน�้าไหล บาลีมไิ ดแ้ กไ้ ข ผใู้ หญ่ผู้เฒา่ เล่ามา ว่ามีพญาสกุณา กายาเทา่ เขาคีรี ช่อื วา่ พญาส�าภาท ี วารนี ี้โตเท่าใด โยโสโผผาถาไป จะใกล้โพลเ้ พล้เวลา 63 ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู “พระไชยสุรยิ าภูมีพาพระมเหสมี าทใ่ี นลําสําเภา” ขอความขา งตนแบง 1 ราหู ชอื่ ปลากระเบนทะเลชนิดหน่งึ ลักษณะท่ัวไปคลายปลากระเบนนก จังหวะอานเปน พยางคอ ยา งไรใหไพเราะ มเี นื้อย่นื เปน แผน คลา ยใบหูอยทู ่ีมุมขอบนอกปลายสดุ ของหัวขางละอันใชสําหรบั โบกพดั อาหารเขาปาก 1. 2/2/3// 2/3// 3/2// 2 คอโค คนในอนิ เดยี เชอื่ วา นา้ํ ในแมนา้ํ คงคาไหลมาจากคอของโคอุสภุ ราช 2. 2/3/2// 2/3// 2/2/2// ซง่ึ เปน พาหนะของพระอิศวร 3. 3/2/2// 2/3// 2/2/2// 4. 2/3/2// 3/2// 2/2/2// มุม IT วิเคราะหคาํ ตอบ เน้ือความขา งตน เปน คําประพนั ธป ระเภทกาพยฉ บงั 16 ใหดทู ่เี นอ้ื ความเปน หลกั คือ วรรคแรก 6 คาํ วรรคที่สอง 4 คาํ และวรรคที่ ศกึ ษาเกย่ี วกบั คณุ คาดานเน้ือหาในกาพยเ รอื่ งพระไชยสรุ ยิ าเพิ่มเตมิ ไดที่ สาม 6 คํา จังหวะของกาพยฉบงั วรรคที่มี 6 คาํ มักจะอา นเปน 2/2/2 ทั้งน้ี https://sites.google.com/site/kruthai012/kaphy-phra-chiy-suriya/bth-thi-6 ตอ งดูเนือ้ ความ คอื ตองแบง จังหวะแลว ไมขาดชว งเสียความวา พระไชย/ -khunkha-wrrnkhdi สุรยิ า/ภมู ี พาพระ/มเหสี มาท/่ี ในลาํ /สาํ เภา ตอบขอ 2. คูม อื ครู 63
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู 1. นกั เรยี นเขียนเลาเหตกุ ารณท ่ีเกิดข้ึน หลังจากที่ แลไปไมป่ ะพสุธา ย่อท้อรอรา พระไชยสรุ ยิ าพาพระมเหสลี งเรอื สาํ เภาลงใน ชวี าก็จะประลยั สกณุ าถาไป สมุดบันทกึ จ�าของอ้ ปลา (แนวตอบ เม่อื พากันลงเรือมาแลว กเ็ กิดพายุพัด พอปลามาในน้�าไหล ใกลห้ รือว่าไกล กระหน่าํ เรือ สภาพเรือทม่ี สี มอและเสาใบเกา อาศัยทศ่ี รี ษะปลา มไิ ดไ้ ปมา ทาํ ใหน ํ้าไหลเขา เรือ พระไชยสรุ ยิ ามัดสไบของ ลาปลาจรลี พระมเหสีไวก ับตวั ไมใ หหลดุ จากกนั สวนขาราช- ชะแง้แลไปไกลตา พระเจ้าเข้าใจ บริพารก็ถูกจระเขเ หราเอาชวี ติ ดวยผลกรรมท่ี วา่ ขอษมาอภัย พายใุ หญม่ า ทาํ มา ทําใหพระไชยสรุ ยิ าและพระมเหสีถกู พัด ทะลปุ รไุ ป ขึ้นฝง และเดนิ ทางรอนเรทา มกลางปาเขาตอไป) วารที ี่เราจะไป เจ้ากรรมซา้� เอา ขา้ ไหว้จะขอมรคา เอาผา้ สไบ 2. ครูสุม นักเรียน 2-3 คน มาชว ยกันเลาเรอ่ื ง น้�าเข้าหตู า หนาชัน้ เรียน ปลาวา่ ข้าเจา้ เยาวภา มีกรรมจ�าใจ อาศัยอย่ตู อ่ ธรณี เขา้ ไปไสยา ขยายความเขา ใจ Expand สกณุ าอาลยั ชีวี นักเรียนจดั ทําตารางมาตราแม ก กา จากคาํ สทู่ ่ภี ผู าอาศัย ในกาพยเรอื่ งพระไชยสรุ ยิ า โดยแยกคําตามตาราง ตอไปน้ี ข้าเฝา้ เล่าแกภ่ ูวไนย ฤทยั วา้ เหว่เอกา สระ -ะ สระ -า สระ - ิ สระ -ี สระ - ิ จา� ไปในทะเลเวรา เภตรากสเ็ หมเอซกไเ็ปกาเสาใบ1 น�า้ ไหลเขา้ ล�าสา� เภา ผีน�้าซ�า้ ไต่ใบเสา ส�าเภาระยา� คว�า่ ไป ราชาคว้ามืออรไท ตอ่ ไวไ้ มไ่ กลกายา จระเข้เหเถรา้า2แคกร่ชา่ ไาปวแม่เสนา ราชานารีรา่� ไร จ�าไปพอปะพสธุ า มีไม้ไทรใหญใ่ บหนา เวลาพอค่า� รา� ไร ฯ 64 นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 สมอกเ็ กาเสาใบ “สมอก็เกา” เปน คาํ ของชาวเรือ อธิบายวาเรือทีจ่ อดอยูโ ดย นักเรยี นแตงประโยคชนิดใดกไ็ ด คนละ 5 ประโยค โดยใชค าํ ศพั ท ทิง้ สมอลงดิน เพอื่ ยึดเรือใหอยูใ นตําแหนง นนั้ หากมคี ลนื่ ลมแรงเรืออาจเคลอ่ื นท่ี ทปี่ รากฏในกาพยเร่อื งพระไชยสรุ ิยาท่ีเปนมาตราแม ก กา จากน้นั นาํ ทําใหสมอลากครูดไปกบั พนื้ ดิน สวนคําวา “เสาใบ” เปนคาํ ท่ีมคี วามหมายตอเนือ่ ง ประโยคดังกลา วมารอ ยเรยี งเปนความเรียง โดยใชค าํ เชือ่ มชว ยให กับคําวา “ทะลุปรุไป” หมายความวา สมอลากครูดไปตามพืน้ และใบเรือทะลปุ รุ สละสลวย ไปหมด 2 เหรา เปน สตั วในหิมพานต มลี ักษณะคอนไปทางจําพวกจระเขผสมนาค กิจกรรมทา ทาย เช่อื วาเปนสัตวท ่ีอยไู ดท้งั บนบกและในนํ้า กินเน้ือเปนอาหาร กลาวถึงในวรรณคดี เรอ่ื งอืน่ คือ เรือ่ งอณุ รุท ตอนนางศรสี ุดาลงสาํ เภาในทะเลวา “มังกรเกีย้ วกัน นักเรียนแตงประโยคประโยคชนิดใดก็ได คนละ 5 ประโยค โดยใช กลับกลอก เหราเลน ระลอกกระฉอกสินธ”ุ คําศพั ทที่ปรากฏในกาพยเ ร่อื งพระไชยสุริยาท่ีเปน มาตราแม ก กา จากน้นั นาํ ประโยคดงั กลา วมารอยเรยี งเปนความเรยี งใหส ละสลวย โดยไมใ ช 64 คูมือครู คําเช่ือมในการแตงประโยคแตล ะประโยค แตใหค วามตอ เนื่องกนั
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู สรุ างคนางค์ ๒๘ 1. นกั เรียนอธบิ ายความรูเก่ียวกับมาตราตัวสะกด แมกน พรอ มท้งั ยกคําจากกาพยเ รื่องพระไชย- ขึ้นใหม่ในกน ก กา ว่าปน ระคนกันไป สุริยาประกอบ (แนวตอบ มาตราแมกน คือ พยางคท อ่ี อกเสยี ง เอ็นดูภธู ร มานอนในไพร มณฑลตน้ ไทร แทนไพชยนตส์ ถาน เหมือนมตี ัว “น” สะกด พยญั ชนะท่ีใชเ ปนตัว สะกดในมาตราแมกน ไดแ ก น ณ ญ ร ล ฬ ส่วนสมุ าลี วันทาสามี เทวอี ยงู่ าน เปนตัวสะกด เชน ระคน เอ็นดู นอน มณฑล ตน ภบู าล จันทร บรวิ าร อรชร อารัญ เปนตน ) เฝา้ อยูด่ แู ล เหมอื นแตก่ ่อนกาล ให้พระภบู าล ส�าราญวญิ ญา 2. นักเรยี นยกคาํ ท่มี ตี วั สะกดมาตราแมกน พระชวนนวลนอน เข็ญใจไมข้ อน เหมือนหมอนแม่นา ในกาพยเรอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า (แนวตอบ ตัวอยางคาํ ท่ีมตี วั สะกดมาตราแมกน ภูธรสอนมนต์ ให้บน่ ภาวนา เยน็ ค่�ารา�่ ว่า กนั ป่าภัยพาล • สะกดดวย “น” เชน ชวน นอน ขอน หมอน เยน็ เปน ตน วันน้นั จันทร มดี ารากร เปน็ บรวิ าร • สะกดดว ย “ล” เชน นวล ภบู าล พาล เปนตน เห็นส้นิ ดินฟา้ ในป่าทา่ ธาร มาลคี ล่ีบาน ใบก้านอรชร • สะกดดว ย “ร” เชน ภธู ร บริวาร อรชร เปน ตน ) เย็นฉา่� น�้าฟา้ ช่นื ชะผกา วายุพาขจร สารพันจันทนอ์ นิ รนื่ กลิน่ เกสร แตนต่อคลอรอ่ น วา้ วอ่ นเวียนระวัน จันทราคลาเคลือ่ น กระเวนไพรไก่เถ่ือน เตือนเพ่อื นขานขัน ปเู่ จา้ เขาเขิน กูเ่ กริ่นหากนั สนิ ธพุ ลุ ่ัน ครื้นครัน่ หวัน่ ไหว พระฟ้ืนตนื่ นอน ไกลพระนคร สะทอ้ นถอนหทัย เชา้ ตรสู่ รุ ยิ น ขนึ้ พ้นเมรุไกร มีกรรมจ�าไป ในป่าอารญั ฯ ฉบงั ๑๖ ขยายความเขา ใจ Expand ขนึ้ กงจงจา� สา� คัญ ท้ังกนปนกนั 1. นักเรียนแตง ประโยคความซอ นโดยใชค าํ ที่ ร�าพันม่งิ ไม้ในดง ตะลงิ ปลงิ ปรงิ ประยงค์ สะกดดวยแมกน ใหมากที่สุด 1 ประโยค หล่นเกลื่อนเถ่อื นทาง พรอ มท้ังระบวุ า คาํ ใดทใี่ ชตวั สะกดแมก นบาง ไกรกรา่ งยางยงู สงู ระหง เหมือนอย่างนางเชญิ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแตงประโยคได คนั ทรงสง่ กลิ่นฝ่นิ ฝาง เริงร้องซ้องเสยี ง หลากหลาย ทั้งน้ีนกั เรยี นจะนําศพั ททอ่ี ยูใ น กาพยเ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ ามาแตง ดว ยหรอื ไมก ไ็ ด มะมว่ งพลวงพลองช้องนาง ครูพิจารณาประโยคที่นกั เรียนแตงวาสะกดได กนิ พลางเดนิ พลางหวา่ งเนิน ถูกตอง โดยยกตัวอยา งประโยค เชน • ฉันต่ืนนอนตอนที่คุณแมท ําอาหาร เห็นกวางย่างเยือ้ งชา� เลืองเดิน • บนตน ตาลมผี ลตาลเบยี ดแนน กนั อยู เปน ตน ) พระแสงส�าอางขา้ งเคียง 2. ครสู ุม นกั เรียน 4-5 คน มานาํ เสนอตัวอยาง เขาสงู ฝงู หงส์ลงเรียง ประโยค และใหเพือ่ นๆ ในชนั้ ชว ยกนั พิจารณา สา� เนียงนา่ ฟงั วงั เวง วา คาํ ใดในประโยคที่สะกดดว ยมาตราตัวสะกด แมก น 65 ขอ ใดท่ีไมไดกลา วถงึ ในแมกง ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู 1. เห็นกวางยางเยือ้ งชําเลอื งเดิน 2. ไกรกรางยางยงู สงู ระหง ครูแนะความรใู หน ักเรยี นเพิ่มเตมิ เกย่ี วกับคาํ ที่ใชต วั จ ญ ร ล ฬ สะกด เปน คาํ 3. ฝูงละม่งั ฝง ดินกินเพลิง ทไี่ ทยรับมาจากคาํ เขมรหรอื คําบาลีสนั สกฤตเปน สว นใหญ ตวั สะกดเหลา นมี้ กั เขียน 4. ก่ิงกาหลงสงกลิน่ เปนรูปคาํ ในภาษาเดิม จึงตองใชการสังเกตจดจํา เชน “ญ” สะกด คาํ วา ลาํ เค็ญ เหรยี ญ สําคัญ เจรญิ “ล” สะกด คําวา ตาํ บล กาํ นลั รางวลั “ร” สะกด คาํ วา เพยี ร วเิ คราะหคําตอบ กลอนทส่ี อนมาตราตวั สะกดแมก ง เนอ้ื เรอื่ งจะพรรณนา ละคร ควร “ฬ” สะกด คาํ วา กาฬ ทมิฬ เปน ตน ถึงธรรมชาตบิ รรดาสัตวปา ตา งๆ กวใี ชค าํ ประพนั ธประเภทกาพยฉ บัง 16 ใน การพรรณนา ทุกขอ กลาวถงึ ธรรมชาติทงั้ หมด แตหากพจิ ารณาทจ่ี ํานวนคาํ ใหต รงตามลกั ษณะคาํ ประพนั ธข องกาพยฉ บงั 16 ซง่ึ แตล ะบทมี 3 วรรค คอื วรรคแรก 6 คํา วรรคท่สี อง 4 คาํ และวรรคทีส่ าม 6 คํา จะเหน็ ไดวา ขอ 4. “กง่ิ กาหลงสงกลิ่น” มี 5 คาํ ซง่ึ ไมต รงกับจํานวนคําท่บี งั คับในกาพยฉ บัง ตอบขอ 4. คูมือครู 65
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรยี นอธบิ ายความรเู ก่ยี วกับมาตราตวั สะกด กลางไพรไกข่ นั บรรเลง ฟงั เสียงเพยี งเพลง แมกง พรอมทง้ั ยกคาํ ท่มี ีตวั สะกดแมก งจาก ซอเจ้งจา� เรยี งเวยี งวงั กาพยเ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ าประกอบ เพียงฆอ้ งกลองระฆงั (แนวตอบ พยัญชนะทเี่ ปน ตวั สะกดในมาตราตัว ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดงั สะกดแมกง ใช “ง” สะกด เชน ดง กรา ง ยงู สูง แตรสงั ข์กงั สดาลขานเสียง พญาลอคลอเคยี ง ระหง ประยงค ชองนาง ทาง เปน ตน) กะลงิ กะลางนางนวลนอนเรียง เพลินฟังวังเวง 2. นกั เรียนพิจารณาและอธบิ ายการซ้ําคาํ โดยการ แอ่นเอย้ี งอโี ก้งโทงเทง เลียนเสียง จากบทประพนั ธท เี่ ปนมาตราตวั คา่ งแขง็ แรงเริง สะกดแมก ง คอ้ นทองเสยี งร้องป๋องเปง๋ (แนวตอบ การซ้าํ คาํ มีลักษณะแบบคําสรอย กลา ว อีเก้งเรงิ ร้องลองเชงิ องึ คะนึงผงึ โผง คือเปน การซํ้าเพยี งบางเสียงหรอื หลายเสียง โดย ซํา้ กับคาํ ที่กลา วมาแลว และคําท่ซี า้ํ นนั้ ไมม ี ฝงู ละม่ังฝังดินกินเพลงิ แสนล�าบากจากเวยี งไชย ความหมายใดๆ ท่ีจะเปนคาํ สมบรู ณใ นภาษาได ยนื เบง่ิ บง้ึ หน้าตาโพลง กินผลไมไ้ ดเ้ ปน็ แรง มหี นา ทีเ่ พียงเพม่ิ ความไพเราะหรือเพ่มิ จังหวะ พระสุรยิ งเย็นยอแสง ของคําใหไ ดต ามท่กี วตี องการ) ปา่ สูงยูงยางชา้ งโขลง แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร โยงกันเล่นน้�าคล�่าไป ฯ ฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน ขยายความเขา ใจ Expand นกหกรอ่ นนอนรงั เรยี ง ยานี ๑๑ อา้ ปากรอ้ งซ้องแซเ่ สียง 1. นักเรยี นยกบทประพันธมาตราตัวสะกดแมก ง เลี้ยงลูกออ่ นป้อนอาหาร ทก่ี ลาวพรรณนาธรรมชาติอยางนอ ย 2 บท ขนึ้ กกตกทุกขย์ าก เคยี งคลึงเคล้าเยาวมาลย์ (แนวตอบ ตวั อยางเชน มนั เผอื กเลือกเผาไฟ สงสารนอ้ งหมองพักตรา สร่างโศกเศรา้ เจ้าพอ่ี า “ยูงทองรองกะโตง โหง ดัง เพยี งฆองกลองระฆัง รอนรอนออ่ นอัสดง มาหมน่ หมองละอองนวล แตรสงั ขก ังสดาลขานเสยี ง ช่วงดังน�า้ ครง่ั แดง จะรกั เจา้ เฝา้ สงวน นวลพักตร์นอ้ งจะหมองศรี กะลิงกะลางนางนวลนอนเรยี ง พญาลอคลอเคยี ง ลงิ คา่ งครางโครกครอก แอนเอ้ียงอโี กงโทงเทง ชะนีวเิ วกวอน คอนทองเสียงรอ งปอ งเปง เพลนิ ฟงวังเวง ลกู นกยกปกี ป้อง แมน่ กปกปีกเคียง อีเกง เริงรองลองเชงิ ”) 2. นกั เรยี นจดบันทกึ ลงสมุด ครสู ุมนกั เรียน 2-3 คน ภธู รนอนเนินเขา ตกยากจากศฤงคาร อา นบทประพนั ธท ่ีนักเรียนยกมาใหเ พ่ือนฟง ยากเยน็ เหน็ หนา้ เจา้ อยูว่ ังดงั จนั ทรา เพอ่ื นทกุ ข์สุขโศกเศรา้ ม่งิ ขวญั อย่ารัญจวน 66 เกร็ดแนะครู บรู ณาการเชือ่ มสาระ การใชนคิ หติ (อํ) ออกเสยี งในมาตราตัวสะกดแมก ง ซึง่ จะใชใ นภาษา ครูแนะการอา นบทประพันธในหนา 66 น้ีวา กาพยเ ร่ืองพระไชยสุรยิ าตอนนี้ บาลีสันสกฤต ครบู รู ณาการเรื่องนี้เช่ือมกับกลุมสาระการเรียนรสู ังคมศกึ ษา บรรยายฉากปา ซ่ึงมีสตั วหลายชนดิ ควรอานในลักษณะบทบรรยาย ทอดเสยี ง ศาสนา และวัฒนธรรม วชิ าพระพุทธศาสนา เพราะนักเรยี นจะพบคําศัพท ปานกลาง เนน ความชดั เจนแจม ใสของนาํ้ เสยี งและชือ่ สตั ว ทง้ั ตองรวบคําเลียนเสียง ทีใ่ ชตวั นิคหติ ในหนังสอื หรอื ตาํ ราทางพระพุทธศาสนา หรือทเี่ กย่ี วขอ งกบั ดังนี้ คาํ ท่ีตองรวบเสยี งใหกระชบั เปน 1 จงั หวะ คือ กะลงิ กะลาง พระยาลอ เนอ้ื หาคําสอนทางพระพุทธศาสนา เชน การยกพทุ ธศาสนสภุ าษติ เปนตน ฝูงละมง่ั อึงคะนงึ คาํ ท่ีตอ งเลียนเสียงธรรมชาติ คือ ปองเปง คาํ ที่ตอ งอานใหได นกั เรยี นจงึ ควรสังเกตลักษณะการใชตวั นคิ หติ และวิธีการอานออกเสยี งให รสคําและรสความ คอื เบิ่ง บึง้ หนาตาโพลง อึงคะนงึ ผงึ โผง คําทตี่ องอานเนน ถกู ตอ ง โดยศกึ ษาความรเู พิ่มเติมเร่อื งการอา นคําบาลสี นั สกฤตไดท ั้งจาก ความชดั เจนแจมแจง คอื ชือ่ สัตวท้ังหมด หนังสือเรียนภาษาไทย หลักภาษาและการใชภ าษา หรอื หนงั สอื เรยี น พระพุทธศาสนา 66 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ชวนชน่ื กลืนกลำ้� กล่นิ มริ สู้ นิ้ กลิน่ มำลี 1. นกั เรยี นอธบิ ายความรเู กย่ี วกับมาตราตัวสะกด คลึงเคล้ำเยำ้ ยวนย ี ท่ที กุ ข์รอ้ นหย่อนเย็นทรวง ฯ แมกด พรอมทั้งยกคาํ จากกาพยเรื่องพระไชย- สรุ ิยาประกอบ ยำนี ๑๑ 1 (แนวตอบ มาตราตัวสะกดแมกด คอื คําทีม่ ตี ัว จ ช ชร ซ ด ต ตร ติ รถ รท ฎ ฏ ฐ ฒ ถ ท ธ ขึ้นกดบทอัศจรรย ์ เสียงคร้ืนครน่ั ช้ันเขำหลวง ศ ษ ส เปนตัวสะกด อานออกเสียง “ด” สะกด สตั ว์ทั้งปวงงว่ งงุนโงง เชน ดจุ มนษุ ย โลด ระนาด ยุด ธาตุ เปนตน ) นกหกตกรังรวง เสียงดงั ดจุ พระเพลิงโพลง โคลงคลอนเคล่อื นเขยื้อนโยน 2. นักเรียนอธบิ ายบรรยากาศหรือฉากทีช่ ว ยใน แดนดนิ ถิ่นมนุษย์ บำ้ งตื่นไฟตกใจโจน การดําเนินเร่ือง ในหนา 67 ลุกโลดโผนโดนกนั เอง (แนวตอบ เมอื่ เกิดภัยพิบัตทิ กุ คนตา งต่นื ตึกกวำ้ นบำ้ นเรือนโรง ตะโพนกลองรอ้ งเป็นเพลง ตระหนกตกใจ บรรยากาศในเร่อื งเกดิ ความ โหง่งหง่ำงเหงง่ เกง่ ก่ำงดงั โกลาหลปน ปวน ตา งพากนั หนีเอาตวั รอด กวี บ้ำนช่องคลองเล็กใหญ่ ท่ำนผู้หญงิ ว่งิ ยุดหลัง บรรยายเหตกุ ารณช าวบาน ขุนนาง พระสงฆ พล้ังพลดั ตกหกคะเมน เณร ชี พากันวง่ิ หนีกนั อลหมานเห็นภาพความ ปลกุ เพื่อพนิณเตพือำนทตย2ะร์ โะกนนำ ดฆอ้ ง ว่งิ อุตลดุ ฉดุ มอื เณร วนุ วายอยางชัดเจน) ลงโคลนเลนเผ่นผำดโผน ล้ำนต่อล้ำนซำนเซโดน ระฆงั ดังวังเวง ลงิ คำ่ งโจนโผนหกหัน ตดิ จมกู ลูกตำพลัน ขนุ นำงต่ำงลุกวง่ิ ป้ันไม่ทันมนั เดอื ดใจ โลกธำตหุ วำดหวั่นไหว พลั วนั ดนั ตึงตงั เดินไมไ่ ด้ใหอ้ ำดูร ฯ พระสงฆล์ งจำกกฏุ ิ ขยายความเขา ใจ Expand หลวงชหี นีหลวงเถร จากบทประพนั ธเหตุการณท ีต่ องหนีภัยพิบัติ พวกวดั พลัดเข้ำบำ้ น นกั เรียนยกบทประพนั ธท ม่ี กี ารเลยี นเสยี งธรรมชาติ ตน้ ไม้ไกวเอนโอน จากเหตกุ ารณดงั กลาว พวกผที ี่ป้ันลกู (แนวตอบ ตัวอยา งบทประพนั ธท่ีมกี ารเลยี นเสยี ง ขกิ ขกิ ระริกกัน ธรรมชาติ สององค์ทรงสงั วำส “พิณพาทยร ะนาดฆอง ตะโพนกลองรอ งเปน เพลง ต่นื นอนอ่อนอกใจ ระฆงั ดงั วงั เวง โหงงหงา งเหงงเกง กา งดัง” ยำนี ๑๑ จากบทประพนั ธมกี ารเลียนเสียงของระฆงั ดัง “โหงงหงา งเหงงเกงกาง”) ขนึ้ กบจบแม่กด พระดำบสบชู ำกูณฑ์ ผำสกุ รุกขมูล พนู สวัสดสิ์ ัตถำวร ระงับหลบั เนตรนิง่ เอนองค์องิ พิงสงิ ขร เหมอื นกับหลบั สนิทนอน สงั วรศีลอภิญญำณ 67 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู พณิ พาทยระนาดฆอ ง ตะโพนกลองรองเปนเพลง ระฆังดังวงั เวง โหงง หงา งเหงง เกง กางดงั 1 บทอศั จรรย เปน บทรักหรือบทโลมท่บี รรยายโดยการใชส ญั ลักษณ โดยใชคาํ ขอ ใดเปนลักษณะเดน ของคําประพันธขา งตน ทเ่ี ปนคําสญั ลักษณ คอื มีความหมายไมต รงกับความหมายในพจนานุกรม แตมี 1. การเลน คํา ความหมายโดยนัย การใชสัญลกั ษณล ักษณะนเี้ ปนศลิ ปะทีล่ บลา งความรูสึกวาขดั 2. การใชค าํ หนกั เบา กับขนบธรรมเนียมประเพณไี ทยในเรื่องการบรรยายบทโอโ ลม และเปนเคร่อื งชใ้ี ห 3. การใชความเปรยี บ เหน็ ความเปนศิลปะท่ไี มใ ชอ นาจาร 4. การเลยี นเสียงธรรมชาติ 2 พิณพาทย หมายถึง เคร่ืองประโคมวงหนึง่ มีกําหนดเครื่องดนตรีต้งั แต 5 ชนิ้ ขึ้นไป คอื ตะโพน ป ฆองวง ระนาด กลอง บางทีเรยี ก ปพาทย วเิ คราะหคาํ ตอบ ลกั ษณะเดนของคาํ ประพันธข างตน คือ มกี ารเลียนเสยี ง ธรรมชาติวา “โหงงหงา งเหงง เกงกาง” ซง่ึ เปน เสยี งทีเ่ กดิ จากการตรี ะฆงั ตอบขอ 4. คูมอื ครู 67
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรียนอธบิ ายความรเู ก่ียวกับมาตราตัวสะกด บ�าเพง็ เล็งเหน็ จบ พน้ื พภิ พจบจกั รวาล แมกบ พรอมทั้งยกคาํ จากกาพยเ รื่องพระไชย- สวรรคช์ ้ันวมิ าน ทา่ นเหน็ แจง้ แหล่งโลกา สุรยิ าประกอบ ไม่เขยอื้ นเคล่อื นกายา (แนวตอบ มาตราตวั สะกดแมกบ คือ คําท่มี ตี ัว บ เขา้ ฌานนานนับเดือน เปน็ ผาสุกทุกเดือนปี ป พ ภ เปน ตัวสะกด อานออกเสียง “บ” สะกด จา� ศลี กินวาตา เกิดเหตุใหญ่ในปถพี เชน ระงบั หลบั จบ พิภพ ประกอบ ชอบ ลอบ กาลกณิ ีส่ีประการ โลภ ลาภ บาป เปน ตน ) วันนั้นคร้นั ดินไหว กลบั จรติ ผดิ โบราณ เลง็ ดรู คู้ ดี ผลาญคนซ่ือถือสตั ย์ธรรม์ 2. นักเรยี นอธบิ ายความรูเกย่ี วกับมาตราตัวสะกด ลูกไมร่ ู้คุณพอ่ มัน แมกก แมกด และแมกบ ซึ่งเปน มาตราตวั สะกด ประกอบชอบเป็นผดิ ลอบฆา่ ฟันคอื ตณั หา ทเี่ ปนคําตาย พรอ มท้ังยกตัวอยา งประกอบ สามญั อนั ธพาล โจทก์จบั ผิดริษยา (แนวตอบ คาํ ตายนอกจากจะเปน คาํ ที่ประสมดวย สระเสียงสนั้ ทไ่ี มม ตี วั สะกด ยังเปนคาํ ทม่ี ตี ัวสะกด ลกู ศิษยค์ ดิ ล้างครู เปก่วิดนวเิบปัต็นิปบตั ้าตฟปิ ้าบาปดงับ1งั ในมาตราตวั สะกดแมก ก แมก ด และแมกบ เชน ส่อเสยี ดเบยี ดเบยี นกัน ทุกข สุข พกั ตร กุฏิ วัด พิภพ หลับ เปน ตน ) สังวจั ฉระอวสาน ฯ โลภลาภบาปบคดิ 3. นักเรยี นถอดคําประพันธห นา 68 แลว ตอบ อุระพสุธา เอ็นดูภบู าล คาํ ถาม ดังน้ี • กาลกิณสี ี่ประการทีเ่ ปนสาเหตใุ หบ า นเมือง บรรดาสามัญสตั ว์ กลอกกลับอัปรีย์ เกดิ ความปน ปว นไดแกอ ะไรบาง ไตรยุคทุกขตรงั (แนวตอบ กาลกณิ ีส่ีประการ มดี งั น้ี นง่ิ นง่ั ต้ังใจ 1. การเหน็ ผดิ เปน ชอบ ฉบัง ๑๖ 2 2. การไมร บู ญุ คณุ บอกข้อมรณา 3. การเบยี ดเบยี นทํารา ยซงึ่ กันและกัน ขนึ้ กมสมเดจ็ จอมอารย์ 4. ความโลภ) บาปกรรมน�าตน ผ้ผู า่ นพาราสาวะถี ซือ่ ตรงหลงเลห่ เ์ สนี บุรจี ึงล่มจมไป ขยายความเขา ใจ Expand ประโยชน์จะโปรดภวู ไนย นักเรยี นคดั ลอกบทประพันธตอ ไปนท้ี อ่ี ยใู นหนา เล่ือมใสสา� เรจ็ เมตตา 67 ลงสมดุ แลวระบุคําในบทประพนั ธท เี่ ปนคําตาย เปลง่ เสยี งเพียงพณิ อินทรา “แดนดินถน่ิ มนุษย เสยี งดังดจุ พระเพลงิ โพลง ตึกกวา นบา นเรอื นโรง โคลงคลอนเคลื่อนเขยื้อนโยน คงมาวนั หนึ่งถงึ ตน บานชอ งคลองเล็กใหญ บางตน่ื ไฟตกใจโจน เบียนเบียดเสียดสอ่ ฉ้อฉล ปลกุ เพอ่ื นเตอื นตะโกน ลกุ โลดโผนโดนกนั เอง” ไปทนทุกขน์ บั กปั กัลป์ (แนวตอบ คาํ ตายในบทประพนั ธบ ทแรก ไดแก คําวา มนุษย ดุจ พระ ตกึ บททสี่ อง ไดแ กคําวา 68 เลก็ ตก ปลกุ ตะ (โกน) ลุก โลด) เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ หลงั จากทีน่ กั เรยี นอา นเนอ้ื เรอ่ื งกาพยเรื่องพระไชยสรุ ิยาจบแลว ครูสรุปความรู นกั เรยี นอา นกาพยเ ร่ืองพระไชยสุรยิ า แลวสรุปสาเหตทุ ่นี าํ ไปสูค วาม เรอื่ งตัวสะกดของภาษาไทยใหนกั เรียนฟง โดยครสู รุปความรูเ พิม่ เตมิ วา พยญั ชนะท่ี ปน ปว นวนุ วายทช่ี าวเมอื งตางพากนั หนี ลงในสมดุ ไมน ยิ มใชเ ปน ตัวสะกดมอี ยู 6 ตัว (ไมร วม ฃ กบั ฅ และ ห ท่ตี องมี ม สะกดดว ย) คือ ฉ ฌ ผ ฝ อ ฮ ทัง้ นี้ ตวั “อ” ในหนงั สือเรยี นสมัยกอ นจดั ใหเ ปนตวั สะกดในแม กิจกรรมทา ทาย เกย เชน เคย คือ เคอ+ย ฯลฯ แตปจ จุบันถือวา เปน สระ และจดั ใหอ ยใู นแม ก กา นกั เรียนควรรู นักเรยี นพิจารณาสาเหตุทนี่ าํ ไปสคู วามวุน วายตา งๆ ในกาพยเ รอื่ ง พระไชยสรุ ยิ า แลวใหน ักเรียนเสนอแนวทางในการปองกนั ไมใ หเกดิ ความ 1 ปต ติปาปง มาจากคาํ วา ปตต+ิ ปาปง ซ่ึงมาจากภาษาบาลี “ปต ต”ิ แปลวา เดือดรอนดังเน้ือเรอ่ื ง โดยนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาเปนหลกั คดิ ถงึ แลว หรือบรรลแุ ลว “ปาปง ” คาํ บาลวี า “ปาป” ไทยใชเ ปน “บาป” แปลรวมไดว า บาปหรอื บรรลุบาปแลว 2 จอมอารย ในที่นห้ี มายถงึ พระอินทร (อารย แปลวา เจรญิ ) 68 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เมตตากรุณาสามัญ จะได้ไปสวรรค์ 1. นักเรยี นอธบิ ายความรูเก่ยี วกับมาตราตวั สะกด เปน็ สุขทุกวนั หรรษา กลอกกลบั อัปรา แมเกย พรอ มทง้ั ยกคําจากกาพยเ รือ่ งพระไชย- สมบัตสิ ตั ว์มนุษย์ครุฑา อมิ่ หน�าส�าราญ สรุ ิยาประกอบ เทวาสมบตั ชิ ัชวาล ขบั ร�าจ�าเรียง (แนวตอบ มาตราแม เกย คอื คาํ ทีม่ ตี วั ย เปน สุขเกษมเปรมปรดี ว์ิ ิมาน สง่ิ ใดใจหวงั ตัวสะกด อานออกเสยี ง ย สะกด เชน เลย ศฤงคารห้อมลอ้ มพร้อมเพรยี ง สวดมนตภ์ าวนา เขนย เหนอ่ื ย เสวย นอ ย เปน ตน) กระจบั ป่ีสีซอทอ่ เสียง พระองค์ทรงธรรม์ ส�าเนียงนางฟ้านา่ ฟงั 2. ในตอนทายเรอื่ งพระไชยสรุ ยิ าและพระมเหสี เดชะพระกศุ ลหนหลัง สมุ าลที รงพบกับความสุขหรอื ไม อยา งไร ไดด้ งั ม่งุ มาดปรารถนา (แนวตอบ เมือ่ ทง้ั สองพระองคไ ดต ัง้ ใจใฝใ นธรรม จรงิ นะประสกสกี า มีจติ เมตตาเล่ือมใสศรัทธาในพระธรรมคาํ สอน เบ้อื งหนา้ จะไดไ้ ปสวรรค์ รักษาศลี ปฏิบัตธิ รรมเปน ประจํา แมเ หนอื่ ยยาก จบเทศนเ์ สร็จค�ารา� พนั กพ็ ยายามปฏบิ ตั อิ ยา งพากเพยี ร จนสําเร็จ ดน้ ดนั้ เมฆาคลาไคล ฯ ไดไ ปเปน สขุ อยูบนสวรรค) ขยายความเขา ใจ Expand ฉบัง ๑๖ นกั เรยี นรว มกนั อภิปรายแสดงความคดิ เห็น ในประเด็นคําถามตอ ไปน้ี แลวสรุปความรูลงสมดุ ขน้ึ เกยเลยกล่าวทา้ วไท ฟังธรรมน�า้ ใจ ตัดหว่ งบว่ งมาร • นกั เรียนคดิ วาเปาหมายของการบําเพญ็ เลอื่ มใสเหศร็นัทภธยั าใกนลข้านั หธาสญนั ดาน1 จัดจบี กลบี ชฎา ตนรักษาศีลคือการไดไ ปสวรรคจ ริงหรอื ไม กองกณู ฑอ์ ัคคี อยางไร เอนองคล์ งนอน (แนวตอบ นกั เรยี นแสดงความคิดเห็นได สา� ราญส�าเรจ็ เมตตา หลากหลาย แตครูควรชี้ใหนักเรียนเหน็ คุณคาของวรรณคดีท่ีไดรบั อทิ ธิพลจาก สององคท์ รงหนังพยัคฆา พระพทุ ธศาสนาวา เปา หมายของการบาํ เพญ็ ตนรกั ษาศลี แลว จะไดไ ปสวรรคห รอื ไมน น้ั เปน รักษาศีลถือฤๅษี เรอ่ื งท่พี สิ ูจนไมไ ด แตเปนกศุ โลบายใหค นทํา ความดี ประพฤติปฏบิ ตั ิตนอยูในศลี ในธรรม เชา้ ค�า่ ท�ากิจพธิ ี เพ่อื ใหส ังคมไมเ กิดปญ หาความวุนวาย หากทกุ คนปฏิบตั ิดมี ีศีลธรรมกํากบั ยอ ม เป็นท่ีบชู าถาวร ไมเ บยี ดเบยี นกนั คนในสังคมไมเ ดอื ดรอ น สงั คมมีแตค วามสงบสุข) ปถพีเป็นท่ีบรรจถรณ์ เหนือขอนเขนยเกยเศยี ร 69 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู นักเรยี นศกึ ษาคนควาเกีย่ วกบั วรรณคดีและวรรณกรรมไทยที่ไดรบั ครูแนะขอสังเกตใหน กั เรียนเห็นวา เมอ่ื เรยี นกาพยเรอ่ื งพระไชยสรุ ิยามาถึงแมก ม อิทธิพลจากพระพทุ ธศาสนา โดยรวบรวมรายชอื่ วรรณคดีหรอื วรรณกรรม คําทเี่ คยเขียนเปนแม ก กา มาแตกอ น เชนคาํ วา “สาวัตถี” กอ นนน้ั เขยี นเปน ใหไ ดมากที่สุด “สาวะถี” นน้ั ถึงตอนน้ีสนุ ทรภูก็กลับมาเขียนเปน “สาวัตถ”ี ตามเดมิ กจิ กรรมทา ทาย นกั เรียนควรรู นกั เรียนสรุปความรูในประเด็นทีว่ า “พระพทุ ธศาสนามีอทิ ธิพลตอ 1 ขนั ธสนั ดาน มาจากคําวา “ขนั ธสนั ดาน” ตัวการนั ต “ธ” เพอ่ื ลดพยางคใ หค ํา วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา งไร” ลงกบั คาํ ประพนั ธก าพยฉ บัง 16 ทีว่ รรคแรกมี 6 คาํ ขนั ธสนั ดาร แปลวา การสืบตอ แหง ขนั ธ คูมอื ครู 69
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Expand ขยายความเขา ใจ นกั เรียนยกตวั อยา งบทประพันธกาพยเ รื่อง พระไชยสุริยาทีเ่ ปน ขอคดิ เตือนใจที่ไมควรปฏบิ ัติ (แนวตอบ ตัวอยางการประพฤตปิ ฏบิ ัติทีไ่ มดี ค่�าเชา้ เอากราดกวาดเตียน เหนื่อยยากพากเพียร • “ทแี่ พแ กชนะ ไมถอื พระประเวณี เรียนธรรมบา� เพญ็ เครง่ ครัน เสวยสขุ ทกุ วัน ขี้ฉอ ก็ไดดี ไลดาตมี ีอาญา” ไว้หวงั ส่ังสอน • “ผูท ี่มีฝม ือ ทาํ ดดุ ื้อไมซ ้ือขอ สา� เรจ็ เสรจ็ ไดไ้ ปสวรรค์ หนูน้อยค่อยเพยี ร ไลควา ผา ท่ีคอ อะไรลอก็เอาไป” นานนับกัปกัลปพ์ ทุ ธันดร ไมเ้ รียวเจยี วเหวย • “ลูกศิษยค ิดลางครู ลูกไมร ูค ุณพอ มนั หยิกซ้�าช�า้ เขียว สอ เสียดเบยี ดเบียนกนั ลอบฆา ฟน คือตณั หา”) ภมุ ราการุญสนุ ทร เรยี งเรียบเทียบทา� เดก็ ออ่ นอนั เยาวเ์ ล่าเรยี น ใครเห็นเปน็ คณุ ตรวจสอบผล Evaluate ก ข ก กา วา่ เวียน 1. นักเรียนถอดคาํ ประพนั ธต ามบททีร่ บั ผิดชอบได อา่ นเขยี นผสมกมเกย 2. นักเรยี นจาํ แนกคําตามตารางมาตราแม ก กาได 3. นกั เรียนแตงประโยคคําซอนโดยใชคําที่สะกด ระวังตวั กลัวครูหนเู อย๋ กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวยี ว ดว ยมาตราแมกนได 4. นกั เรยี นยกบทประพันธท่มี มี าตราตัวสะกดแมกง หันหวดปวดแสบแปลบเสียว อยา่ เทยี่ วเล่นหลงจงจ�า และเปนบทกลาวพรรณนาธรรมชาตไิ ด 5. นกั เรยี นยกบทประพันธท มี่ ีการเลียนเสียง บอกไว้ใหท้ ราบบาปกรรม แนะนา� ให้เจา้ เอาบญุ ธรรมชาติได 6. นกั เรยี นทองจําบทอาขยานตามทกี่ ําหนดได เดชะพระมหาการญุ แบง่ บุญให้เราเจ้าเอย ฯ 70 เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอใดเปน สาเหตุสําคญั ที่ทําใหเมอื งสาวตั ถีลมจม วรรณคดีกับจนิ ตนาการนัน้ เปน สง่ิ ท่ีแยกกนั ไมได ครจู งึ ควรจัดบรรยากาศ 1. เพราะประชาชนประพฤติชว่ั การเรยี นและหาวิธกี ารตา งๆ ท่จี ะชวยสง เสริมจนิ ตนาการท่ไี ดจ ากการเรียน 2. เพราะขนุ นางประพฤตมิ ิชอบ วรรณคดี เชน ใหน ักเรียนพูดหรือเขียนแสดงความรสู กึ ของตนเอง ความรสู ึกดื่มดา่ํ 3. เพราะนางสุมาลปี ระพฤตติ นเหลวไหล ตื่นเตน ความเศราโศกเสยี ใจตอเนื้อเรอื่ ง และความประทับใจในความไพเราะของ 4. เพราะพระไชยสุริยาไมต ้งั อยใู นทศพธิ ราชธรรม วรรณคดี วเิ คราะหค าํ ตอบ เหตุความวุน วายของบา นเมือง เรม่ิ มาจากการทข่ี ุนนาง ประพฤตติ นมิชอบในหนา ที่ ไมจ งรกั ภกั ดตี อ พระมหากษัตรยิ เอารัดเอาเปรียบ มมุ IT ประชาชน บา นเมอื งจึงตกอยใู นสภาพย่ําแย ประชาชนเรม่ิ เบยี ดเบียนกัน ไมเคารพยาํ เกรงผใู หญ จนเกดิ น้าํ ทว มเมืองทาํ ใหประชาชนลมตายไรท ีอ่ ยู ศกึ ษาเกี่ยวกับการสรุปประเดน็ สาํ คัญของกาพยเร่อื งพระไชยสุริยาเพิ่มเตมิ ไดที่ ดังน้ัน สาเหตสุ าํ คญั ที่ทําใหเ มืองสาวตั ถีลม จม คอื ขุนนางประพฤตมิ ชิ อบ http://www.kaipop.com/CAI/midci.htm ตอบขอ 2. 70 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๖ คÓศัพท์ ความหมาย ครูใหนักเรียนเลนตอ คําศัพท โดยครกู าํ หนด มาตราตวั สะกดให แลว ใหนักเรยี นบอกคําศัพทท ม่ี ี ค�าศพั ท์ พิณสส่ี าย ตัวสะกดตรงตามที่ครูกําหนด กระจับป่ี ระฆงั วงเดอื น กังสดาล ระยะเวลาอันยาวนาน โบราณถอื ว่าโลกประลยั ครง้ั หนงึ่ เป็นสน้ิ กัปหรอื กลั ป์หนึ่ง (แนวตอบ ครูยกมาตราตัวสะกดในภาษาไทย กปั กลั ป์ ลกั ษณะทเ่ี ปน็ อปั มงคล ทง้ั 9 มาตรา ดงั นี้ แม ก กา แมกน แมก ก แมก ง กาลกิณี ไฟ แมก ด แมกบ แมกม แมเ กย และแมเ กอว กณู ฑ์ ขอโทษ ขออภัย (ในกาพยเ ร่อื งพระไชยสุรยิ าไมไดแ ยกมาตรา ขอษมา อุปนสิ ยั ท่มี ีมาแตก่ า� เนดิ ในตวั ของตนเอง ตัวสะกดแมเกอว)) ขันธสนั ดาน เครื่องจองจ�านักโทษ ท�าด้วยไม้เจาะรูประกอบกับคอและข้อมือท้ังสองข้างของ ข่อื คา นักโทษ สาํ รวจคน หา Explore คนอนิ เดยี เชอ่ื วา่ นา้� ในแมน่ า�้ คงคาไหลมาจากคอของโคอสุ ภุ ราชพาหนะ คอโค ของพระอิศวรซึง่ อยวู่ ิมานบนเขาไกรลาส 1. นักเรียนคน หาและนาํ คําศพั ทใ นบทเรยี นมา โกง ขโ้ี กง ใช้อุบายหลอกลวง จัดกลมุ ตามมาตราตวั สะกด มาตราละ 10 คาํ ฉอ้ ฉลาดแกมโกง ไมต่ รงไปตรงมา เฉโก ความหมายตามบรบิ ท หมายถงึ ตเิ ตยี น (ไมม่ คี วามหมายในพจนานกุ รม) 2. นักเรียนศกึ ษาคําภาษาอ่นื ในกาพยเ รอื่ ง ตรชี า ดัน้ ตะบงึ ไป พระไชยสุริยา กา� หนดเวลาของโลกมี ๔ ยคุ ไดแ้ ก่ กฤดายคุ ไตร (ดา) ยคุ ทวาปรยคุ และกลยี คุ ไตตะรรยังุค1 ระยะเวลาของทงั้ ๔ ยคุ ยาวไมเ่ ทา่ กนั โดยไตรยคุ เปน็ ยคุ ทคี่ วามเทย่ี งธรรมหายไป 3. นกั เรียนสาํ รวจคนหาคาํ ทมี่ ีความหมาย ๑ ใน ๔ ความเสอ่ื มเรมิ่ เขา้ มา มนษุ ยเ์ หน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นตน เหมอื นกนั ในกาพยเ รื่องพระไชยสรุ ยิ า ไตรสรณา ทีพ่ ่ึงทัง้ สาม คือ พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ ถอื น้�า เป็นการท�าพิธีดืม่ นา้� สาบานถวายพระเจ้าแผน่ ดนิ เถื่อน ป่า บรรจถรณ์ ทน่ี อน บา ครู อาจารย์ ชายหนมุ่ ประเวณี ในทนี่ ้ใี ช้ในความหมายว่า ประเพณี 71 จะรํ่าคําตอ ไป พอลอใจกุมารา ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู ธรณีมรี าชา เจาพาราสาวะถี 1 ยคุ ตามคตพิ ราหมณ เชอ่ื วา มี 4 ยคุ ไดแ ก กฤดายคุ ไตรดายคุ ทวาปรยุค คาํ ประพันธใ นขอ ใดมคี วามหมายตา งจากคาํ ท่ีขีดเสนใต และกลียุค กฤดายคุ เปน ยุคทอง เปน ยุคทีป่ ราศจากความช่ัว ทุกคนนับถือเทพเจา 1. ชอ่ื วาสุมาลี อยูบรุ ีไมม ีภยั องคเ ดยี วกนั และปฏิบตั ิตามกฎหมายฉบับเดียวกนั ไตรดายุคเปน ยุคทมี่ คี วาม 2. หาไดใ ครหาเอา ไพรฟ า เศรา เปลาอุรา เทีย่ งธรรมหายไป 1 ใน 4 ความเสือ่ มเริ่มเขามาเพราะมนุษยเ ร่ิมปรารถนาสงิ่ 3. พระฟน ตืน่ นอน ไกลพระนคร ตอบแทนจากสงิ่ ท่ตี นกระทาํ ทวาปรยุคเปนยคุ ทคี่ วามเที่ยงธรรมหายไปคร่ึงหน่ึง 4. นา้ํ ปาเขาธานี ก็ไมมีท่อี าศยั ความทะเยอทะยานอยากและภยั พบิ ตั กิ เ็ ขา มาแผว พานจนทาํ ใหต อ งหนั ไปบาํ เพญ็ ตบะ สวนกลยี ุค เปน ยคุ ทีค่ วามเที่ยงธรรมเหลือเพียง 1 ใน 4 มนุษยละทง้ิ หนาทแ่ี ละ วเิ คราะหค ําตอบ จากคาํ ประพนั ธ “เจา พาราสาวะถ”ี คาํ วา “พารา” มี ศาสนา มีรา งกายและจิตใจออ นแอ มคี วามเส่ือมอยูทว่ั ไป ความหมายวาเมือง เปนคําทมี่ ีความหมายเหมือนกบั คําอนื่ อีกหลายคาํ เชน ธานิน ธานี นคร นคเรศ บรุ ี ซง่ึ หากไมรูค วามหมายสามารถพิจารณาดว ยการ คมู อื ครู 71 ถอดคําประพันธ โดยการแทนความหมายวาเมืองในคาํ ที่ขดี เสน ใตแ ตละขอ ใหสอดคลอ งกบั เนื้อเรอ่ื ง ดงั นี้ ขอ 1. ชอ่ื สุมาลอี ยเู มอื งไมมีภยั ขอ 3. พระตื่น ขึน้ มารูวาหางจากเมืองแลว เศราใจ ขอ 4. นํา้ ปา ไหลเขาเมืองไมมที อ่ี ยู จากเนอื้ เรอื่ งขอทไี่ มส มเหตสุ มผล คอื ประชาชนเศรา เมือง ตอบขอ 2.
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนหาคําศัพททมี่ ีความหมายตรงตามท่ีครู คําศัพท ความหมาย กําหนดจากกาพยเร่ืองพระไชยสรุ ิยาอยางนอ ย 2 คํา ประสกสกี า อธิบายความหมายของคาํ ศพั ทน้ันและจาํ แนกวาเปน ประสก มาจากคาํ วา อุบาสก สกี า มาจากคาํ วา อุบาสิกา หมายถึง ชายหญิงท่ี มาตราตวั สะกดแมใด คําท่ีครูกําหนดมดี งั นี้ คําวา ปตติ เปน คฤหสั ถท ี่นบั ถอื พระพุทธศาสนา อรญั ไฟ กษตั ริย และเมอื ง ปาปง พญาสําภาที สว นบญุ (แนวตอบ นักเรียนสามารถนําเสนอความรูไดหลาย รูปแบบ เชน การนาํ เสนอดว ยตาราง พพรระะดแกาบลส1 บาป คําศพั ท มาตราตวั คาํ ที่มคี วามหมาย พระแสง พญานกในวรรณคดเี รอื่ งรามเกยี รติ์ พขี่ อง สะกด เหมอื นกัน พุทธนั ดร นกสดายเุ ปน ผบู อกทางไปกรงุ ลงกาใหแ ก หนมุ าน อรญั แมก น เถื่อน พงไพร ไพชยนต ภาษาไสย ไฟ แม ก กา เพลงิ กณู ฑ ภุมรา หนาตาง เภตรา กษัตริย แมกด ราชา ภวู ไนย มรคา ผบู ําเพญ็ ตบะ ฤๅษี พญาสาํ ภาที โมทนา เมือง แมก ง พารา บรุ ี ) ยอแสง อาวธุ หรอื เครอ่ื งใชม ีคมท่พี ระมหากษตั ริยทรงใชส อย เยาวนารี ขยายความเขา ใจ Expand โยโส ชว งเวลาทีว่ า งจากพระพทุ ธเจา คือ ชวงเวลาหลังจากท่พี ระพทุ ธเจาองคห นงึ่ 1. นกั เรียนจบั คกู ัน แตละคูเลือกคําศพั ทท ี่มี นิพพานแลว กับทพี่ ระพทุ ธเจา2อกี องคหน่งึ จะมาตรัสรู ความหมายเหมือนกนั (แนวตอบ ตวั อยางเชน คําวา “พสุธา” กับ “ธรณี” ชื่อรถและวมิ านของพระอนิ ทร ปราสาททัว่ ไปของหลวง ท่มี ีความหมายเหมือนกนั วา “แผนดนิ ”) ลทั ธอิ นั เน่อื งดว ยเวทมนตรค าถา 2. นักเรยี นยกบทประพนั ธท ีม่ ีคาํ ศัพทดังขา งตน (แนวตอบ คําวา “พสุธา” ในบทประพนั ธทว่ี า แมลงภู ผงึ้ ในทน่ี ้ีหมายถึง ตัวสนุ ทรภู “พสธุ าอาศยั ไมม ี ราชานารี อยทู ี่พระแกลแลด”ู เรอื และ คาํ วา “ธรณี” ในบทประพันธทีว่ า “ปลาวา ขาเจา เยาวภา มไิ ดไปมา ทาง อาศยั อยูตอธรณ”ี ) บันเทงิ ยนิ ดี พลอยบนั เทงิ พลอยยนิ ดี อาการท่ีพระอาทิตยอ อนแสงลง เวลาจะพลบคา่ํ สาวรุน อวดดี ๗๒ นักเรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 พระดาบส นักพรตผูบ ําเพญ็ ตบะเพ่อื เผากิเลส การบําเพ็ญตบะเปนการ นกั เรยี นศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เกย่ี วกับคําศัพทท่มี ีประวตั ิ หรอื คาํ อธิบาย ทรมานกายอยา งย่งิ ยวด ใชจ ติ เพง วัตถอุ ยางใดอยา งหนึง่ เพ่ือใหจ ติ แนวแนเปน ยาวๆ เชน พทุ ธนั ดร ไพชยนต พญาสําภาที เปน ตน ครูมอบหมายให สมาธิ เชื่อกนั วา เปนผมู ีสมาธจิ นสามารถบรรลุฌานสมาบตั ิและอภิญญา 6 ประการ นักเรยี นไปศกึ ษาคนควา ขอ มูลเก่ยี วกบั คําศพั ทน ้ันเพิม่ เติม สงเปนบันทึก ไดแ ก มฤี ทธิ์ หูทิพย รูจักกาํ หนดใจผูอน่ื ระลกึ ชาติได ตาทพิ ย และรจู ักทําอาสวะ ความรู ใหส ้นิ ไป จึงนบั เปน ดาบส 2 พระอินทร เปนเทพที่มบี ทบาทมากทส่ี ดุ ในวรรณคดี พระอนิ ทรซึ่งเดิมเปน กิจกรรมทา ทาย เทพชั้นสงู สดุ ถูกลดฐานะลงใหต ่ํากวาพระพรหม พระศิวะ และพระนารายณ ในยคุ มหากาพยใหเ ปนแตเ พยี งราชาแหง ทวยเทพเทานั้น พระอนิ ทรเ สื่อมความนิยมลง นักเรียนพจิ ารณาคาํ ศัพทใ นบทเรียนวามีคาํ ใดบางทเ่ี ปนคาํ พองรูป คํา เพราะความประพฤตไิ มด งี ามในกามวสิ ัย แตใ นทางพระพุทธศาสนา พระอินทร พองเสยี ง และคาํ พองความหมาย เลอื กมาคาํ ใดคําหน่งึ แลว ระบวุ า เปนคํา เปนผทู รงคณุ ธรรมเปน สาวกท่ีดี เปน อุบาสกทเี่ ปนเลศิ พอ งชนิดใด จากนน้ั ใหนกั เรียนคน หาคาํ ศัพทนอกบทเรยี นอยา งนอย 3 คํา ท่ีเปนคาํ พอ งกบั คาํ ศพั ทท ่ีเลือกมา 72 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรยี นอธิบายคาํ ภาษาอื่นทมี่ ีปรากฏใน ค�าศัพท์ ความหมาย วรรณคดไี ทย (แนวตอบ คําในภาษาอ่นื ท่นี ํามาใชใ นภาษาไทย รัญจวน ป่วนใจ สะเทือนใจด้วยความกระสันถึง โดยมากมคี าํ บาลสี นั สกฤต คาํ เขมร คาํ จนี ราศี ลกั ษณะความดีงามของคน สิรมิ งคล คาํ องั กฤษ ทัง้ นีท้ ีพ่ บมากในกาพยก ลอนคอื รกุ ขมลู โคนต้นไม้ คาํ บาลี คาํ สันสกฤต และคาํ เขมร ท้งั น้ี เนื่องจากอทิ ธิพลทางศาสนาและวัฒนธรรมของ โลโภ ความโลภ ความอยากไดไ้ ม่รู้จักพอ อนิ เดยี ซึง่ เปนตน กาํ เนิดของภาษาบาลีสันสกฤต วิบตั ิ พิบตั ิ ความเคล่ือนคลาด ความผิด โทษ ความตาย ความยากเข็ญ อนั ตราย ทมี่ ีตอ เขมร ซึง่ เปนชาตทิ ีเ่ จริญรงุ เรืองมากอน สะธสุ ะ ค�าที่เปล่งข้ึนก่อนกล่าวค�าอ่ืน เพ่ือขอความสวัสดิมงคล เม่ือเป็นภาษาพูด ไทยไดร ับอิทธพิ ลดงั กลาว จึงทาํ ใหไทยรบั เอา จะพูดสนั้ ๆ วา่ สาธุ ในความหมายวา่ ดีแลว้ ชอบแลว้ เปล่งวาจาแสดงความ วฒั นธรรมและภาษาทั้งเขมรและอนิ เดยี เปน เหน็ วา่ ชอบแล้ว อนั มาก) 2. นกั เรียนระบุคําภาษาอ่ืนท่ีปรากฏในกาพย สงั วจั ฉระ ปี เรื่องพระไชยสุรยิ า สตั ถาวร แผลงมาจากคา� ว่า สถาวร แปลวา่ ยัง่ ยนื (แนวตอบ คําในภาษาอ่นื ท่ีมีในกาพยเรือ่ ง สุภา หมายถึง พระยาราชสุภาวดี ซ่ึงเป็นบรรดาศักดิ์ของผู้มีต�าแหน่งตุลาการใน พระไชยสรุ ยิ า ไดแก คําบาลี คําสันสกฤต สมัยโบราณ และคําเขมร) เมธา นักปราชญ์ ผรู้ ู้ ขยายความเขา ใจ Expand อภญิ ญาณ ความรู้ยิ่ง มี ๖ อย่าง คือ ๑. อิทธิวิธี แสดงฤทธ์ิได้ ๒. ทิพยโสต มีหูทิพย์ ๓. เจโตปริยญาณ รู้จักก�าหนดใจผ้อู นื่ ๔. ปุพเพนวิ าสานสุ ติญาณ ระลกึ ชาติได้ ๕. ทพิ ยจกั ขุ มีตาทพิ ย์ ๖. อาสวักขยญาณ รู้จักท�าอาสวะ (กิเลสทีห่ มกั หมมใน 1. นักเรียนยกคาํ ศัพทในกาพยเ ร่อื งพระไชยสุรยิ า ใจ) ให้ส้ินไป ท่เี ปนคาํ บาลี คาํ สันสกฤต และคําเขมร อยางละ 3 คํา อะโข มาจากค�าวา่ อกั โขภิณี มีความหมายว่า มากมาย (แนวตอบ ตวั อยา งคําบาลี คําสนั สกฤต และ อชั ฌาศยั กริ ยิ าดี นสิ ยั ใจคอ ความรจู้ กั ผอ่ นปรน คําเขมรในกาพยเร่ืองพระไชยสุริยา • คาํ บาลี เชน เมตตา มนต องค อคั คี อัปรา แพ้ เปนตน อสั ดง เวลาพระอาทติ ยต์ ก • คาํ สันสกฤต เชน รักษา ศลี ฤๅษี ศรทั ธา อาญา อา� นาจ โทษ ธรรม ศฤงคาร สวรรค เปน ตน • คาํ เขมร เชน สาํ ราญ เสรจ็ สาํ เรจ็ เขนย อารย์ เจริญ เปนตน ) 73 2. นักเรยี นบนั ทกึ ความรูลงสมดุ ครูขออาสา- สมัครนําเสนอความรหู นา ช้นั เรียน 3-4 คน ครูเพ่มิ เตมิ คาํ ศพั ทใหนักเรียน นกั เรียนจด บันทึกคําศัพทจ ากเพ่อื นและครูเพ่มิ เตมิ บรู ณาการเช่ือมสาระ เกร็ดแนะครู การศกึ ษาความรเู รอ่ื งคาํ บาลีสนั สกฤตและคําเขมรในภาษาไทยเพ่มิ เติม โดยครเู ช่อื มสัมพันธความรเู รอ่ื งหลกั ภาษาและการใชภาษา ซง่ึ จะบอก ขอ สงั เกตของคําที่มาจากภาษาตางประเทศ โดยเฉพาะคําบาลีสันสกฤตและ การสอนคําศัพทใ นวรรณคดีนนั้ เปน เรือ่ งสาํ คญั จึงจาํ เปนตองแบงเวลาให คําเขมรท่พี บมากในภาษาและวรรณกรรมไทย รวมไปถึงความเขาใจเรือ่ งการ เหมาะสม เพราะนกั เรียนจะตอ งเรียนวรรณคดดี า นอืน่ ๆ อาจใหนกั เรยี นเลน ตอ มรี ากทางภาษาและวฒั นธรรมรวมกันกับชาติดังกลา ว การมีความคดิ คาํ ศพั ทใหส อดคลองตอเนอื่ งกนั โดยครูกาํ หนดเง่ือนไขของเกมคําศพั ท ท้งั นอ้ี าจให ความเช่อื ที่คลายคลึงกันของคนในสังคม นกั เรียนใชค วามรูในหลกั ภาษามารว มในการเลน เกม เชน การจาํ แนกชนดิ ของคํา การสรา งคาํ การแตง ประโยคชนดิ ตางๆ เปน ตน มมุ IT ศึกษาเกยี่ วกับคําศพั ทจากกาพยเร่อื งพระไชยสรุ ยิ าเพมิ่ เตมิ ไดท ี่ http://www.st.ac.th/bhatips/tip48/student48/gbpsuriya_history_st48.html คมู ือครู 73
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Expand ขยายความเขา ใจ นักเรียนยกบทประพันธท ่กี ลา วถึงสาํ เภาใน ºÍ¡àÅÒ‹ ࡌÒÊºÔ กาพยเ รือ่ งพระไชยสุรยิ า พรอ มท้ังถอดคําประพนั ธ บทน้นั (แนวตอบ บทประพนั ธท ก่ี ลาวถงึ สาํ เภาในกาพย เรอื สําเภา เรอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า ความวา สมัยกอ นบา นเรือนของคนไทยมักตั้งอยูริมแมน้ํา ซงึ่ ตอ งอาศยั เรอื เปน พาหนะในการเดินทาง “จาํ ไปในทะเลเวรา พายใุ หญมา จงึ ปรากฏมเี รอื ลกั ษณะตา งๆ เกดิ ขนึ้ มากมาย อยา งเชน ในกาพยเ รอื่ งนี้ พระไชยสรุ ยิ า จาํ ตอ งเดนิ ทาง เภตรากเ็ หเซไป ออกจากเมืองสาวตั ถีดว ยเรือสําเภา ซึ่งเปนเรอื ทมี่ ีทมี่ าจากประเทศจีน คาํ วา ส1าํ เภา (Junk) มาจาก สมอกเ็ กาเสาใบ ทะลุปรไุ ป คําวา ตะเภา หมายถงึ ลมทีพ่ ัดมาจากทศิ ใตเขา สอู าวไทยในฤดรู อน เรือสาํ เภาเปน เรือที่มีลักษณะ ทา ยเรอื สงู และยน่ื ออกนอกตวั เรอื สว นหวั เรอื จะอยตู าํ่ กวา ทา ยเรอื มจี ดุ เดน ทใี่ ชใ บแขวน เรอื สาํ เภา น้าํ ไหลเขาลาํ สาํ เภา มหี ลายชนดิ ดวยกัน ดังน้ี 2 ผนี ํ้าซํา้ ไตใบเสา เจากรรมซ้ําเอา สําเภาไทย เปนเรือสําเภาท่ีตอดวยไมตะเคียน มีตนแบบมาจากเรือสําเภาจีน ๓ กระโดง สาํ เภาระยําควาํ่ ไป” มคี วามยาวประมาณ ๓๐-๔๐ เมตร สาํ เภาจนี ๒ กระโดง เปน เรอื สาํ เภาทมี่ เี สากระโดงเพยี ง ๒ เสา ถอดคําประพนั ธไ ดว า พระไชยสุริยาและมเหสี ออกแบบมาใหสามารถฝามรสุมได ดังน้ัน สมุ าลีพรอ มท้งั ขา ราชบริพารตองตดิ อยใู นเรอื สาํ เภา จนกระทงั่ เกดิ พายุใหญม าพัดเรอื ใหเซไปมา สมอดงึ การที่มีเสากระโดง ๒ เสา ก็เพ่ือประโยชน ในการลดแรงตานลม เรือสําเภาจีน รัง้ ตา นแรงพายุไมไ หวครดู ไปกบั พื้น ใบเรือน้นั เม่อื ๒ กระโดงน้ีนยิ มใชในการขนสงสินคา สําเภาจีน ๓ กระโดง เปนเรือ โดนพายุก็ขาด ทาํ ใหเ รือไปตอ ไมไ ดน ํ้าไหลทะลกั สําเภาท่มี เี สากระโดง ๓ เสา มขี นาด เขาไปในลาํ เรอื ในท่ีสดุ เรือกค็ ว่าํ ) เล็กและเหมาะสําหรับแลนในนํ้าต้ืน ใชใ นการขนสง สนิ คา และการโดยสาร ตรวจสอบผล ไดรับการออกแบบใหสามารถผาน Evaluate ทางแคบและกระแสนํ้าเชย่ี วได 1. นักเรียนคน หาและนําคาํ ศพั ทในบทเรยี นมาจดั สําเภาจีน ๔ กระโดง เปนเรือ กลุมตามมาตราตวั สะกดตา งๆได สาํ เภาทม่ี เี สากระโดง ๔ เสา มขี นาดใหญ เหมาะสําหรับแลนในนํ้าลึก ใชในการ 2. นกั เรียนจาํ แนกคาํ ศพั ทใหถ กู ตองตรงตาม บรรทุกสินคาท่ีมีน้ําหนัก ๕๐๐-๑,๐๐๐ มาตราตวั สะกดได ตัน 3. นักเรียนยกคาํ ศพั ทในกาพยเร่อื งพระไชยสุริยา ท่ีเปน คําบาลี คาํ สันสกฤต และคาํ เขมรได 74 นกั เรียนควรรู บูรณาการเช่ือมสาระ จากความรเู รอ่ื งเรอื สําเภาซ่ึงเปน พาหนะสําคัญในกาพยเรอื่ งพระไชย- 1 เรือสาํ เภา ในสมยั โบราณการแลกเปล่ียนสนิ คา และการคาขายจะคา ขายกนั สรุ ิยา ครูบรู ณาการความรูกบั กลุม สาระการเรยี นรสู ังคมศกึ ษา ศาสนา เฉพาะในเขตพ้นื ท่ที ีส่ ามารถไปถึงดว ยเทา ลา มา และเรอื แจว เพอื่ ขนถายสนิ คา และวัฒนธรรม วชิ าประวตั ศิ าสตร สมยั รตั นโกสินทรต อนตน ในสว นทม่ี ี จากถ่นิ หน่งึ ไปยงั อีกถ่ินหนึง่ ตอ มาเมื่อการคา ขายเร่ิมขยายวงกวางมากขึน้ สนิ คา หน่งึ ความเก่ียวของกับชาวจีน โดยเฉพาะอยา งย่งิ กบั ชาวจนี ทไ่ี ดติดตอ คา ขายกบั เปนทตี่ อ งการของอกี สถานที่หน่ึง เหลา พอคา จงึ ไดคดิ สรา งเรอื เพ่อื ขนสง สินคา ไปยัง ชาวไทยมายาวนาน ทั้งนกี้ ารรปู ระวตั ิศาสตรดงั กลา วจะชว ยในการวเิ คราะห สถานทอ่ี ันไกลนัน้ ๆ จนเกดิ เปน เรือสาํ เภา การไปคา ขายแตละคร้งั ใชเวลานานเปน ประเดน็ ที่วา ผูม ีเรอื สาํ เภาตอ งเปนผูม ีความมงั่ คง่ั และการเดนิ ทางขามทะเล แรมเดอื น แรมป แตพ อกลบั มาแตละครงั้ เหลาพอ คา จะไดความรใู หมๆ สนิ คาใหมๆ มหาสมทุ รในยคุ สมัยกอ นเหมาะทจ่ี ะใชเ รอื สําเภา เพราะเปน ทคี่ ุนเคยและ กลับมาดวย จึงทําใหผ ทู เ่ี ปน พอคา ทางเรือจะเปน ผทู ีม่ ที กั ษะความรูใ หมๆ พรั่งพรอม รูจักกนั ดใี นสมยั นนั้ ดังท่ีปรากฏการใชเรือสาํ เภาในกาพยเ รือ่ งพระไชยสรุ ิยา ดว ยความมั่งค่งั รํา่ รวย จึงทาํ ใหมีผคู นนบั หนาถอื ตา เพราะการไดไ ปพบเหน็ ศลิ ปะ ซึ่งมีตน แบบมาจากจีน วัฒนธรรมของตางถิ่น ตางแดน ท่มี คี วามเจริญรุงเรอื งกวา กจ็ ะนํากลบั มาสูด นิ แดน ของตนเอง จงึ พูดไดว าผูท ่มี เี รอื สําเภาเปนผูท่ีมั่งคัง่ ทัง้ ความรู ทรพั ยส ิน และเกยี รตยิ ศ ชือ่ เสยี ง สามารถเปนขุนนางสรางความเจริญรุงเรืองใหแ กตนเองและประเทศชาตไิ ด 2 กระโดง คือ เสาสาํ หรับกางใบเรอื เสาเดินเรือในทะเลใหญๆ บนยอดเสามี รงั กาซึ่งเปนทส่ี ําหรบั ใหย ามยืนเฝา คอยระวงั สิ่งผิดปกตติ างๆ 74 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๗ บทวเิ คราะห์ ครกู ระตุนความสนใจของนกั เรียนดว ยคําถาม ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นรว มกนั กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแต่งขึ้นเพื่อเป็นแบบเรียนเร่ืองการสะกดและการใช้ถ้อยค�า เหมาะ • นักเรยี นจําไดหรอื ไมวาเรยี นเรื่องมาตรา ส�าหรับเ1ด็ก เนื่องด้วยส�านวนภาษาที่ใช้ในการเรียบเรียงตรงไปตรงมา เรียงตามล�าดับมาตรา ตัวสะกดในช้ันเรียนใด ตัวสะกด คือ แม่ ก กา แม่กน แม่กง แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กม แม่เกย ส่วนแม่เกอว ไม่มีบท • นักเรียนคิดวาแบบเรียนมาตราตวั สะกดใน อ่านแยกออกมาต่างหาก แต่รวมไว้ในแม่เกย ลักษณะเนื้อหาเร่ิมสอนจากง่ายไปหายาก มีการ ภาษาไทยของสมยั กอนยากหรอื งายกวา ที่ ทบทวนความรู้เดมิ ทกุ ครงั้ เช่น บทที่ใช้ค�าในแมก่ ก มีการแทรกค�าในแม่ ก กา แม่กน แมก่ ง เพ่ือให้ นักเรียนเรียนอยางไร อา่ นทบทวน ท�าใหบ้ ทเรียนสนุกน่าสนใจ น่าติดตาม สาํ รวจคน หา Explore นอกจากผู้อ่านจะได้รับความเพลิดเพลินจากเนื้อหาของนิทานเรื่องพระไชยสุริยาแล้ว ยังได้รับคุณค่าจากบทฝึกอ่านเขียนภาษาไทยตามแบบโบราณ ที่สามารถท่องจ�าเพื่อประโยชน์ 1. นกั เรยี นศกึ ษาคน ควาเกย่ี วกบั แบบเรียนของ ในการศกึ ษาเรอ่ื งมาตราตัวสะกดและลักษณะของการแตง่ ค�าประพนั ธ์ประเภทกาพยไ์ ดเ้ ปน็ อยา่ งดี ไทยในชวงสมยั รชั กาลท่ี 3 จนถงึ ปจจบุ ัน ๗.๑ คณุ คา่ ดา้ นเนอ้ื หา 2. นกั เรยี นศึกษาคนควาเกี่ยวกับการเลนเสียงใน กาพยเรือ่ งพระไชยสุริยา ๑) ให้ความรตู้ ามจุดประสงค์ของผูแ้ ตง่ คือ ใชเ้ ป็นสอ่ื ในการสอนมาตราตัวสะกด ผู้ที่ใช้กาพย์เร่ืองพระไชยสุริยาเป็นแบบเรียนจะสามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง 3. นกั เรียนศกึ ษาบทวเิ คราะหว รรณคดีจากบทเรียน และสามารถใช้ทบทวนความรทู้ างการใชภ้ าษาได้ อธบิ ายความรู Explain ๒) สะท้อนสภาพสังคมไทย สุนทรภู่เกิดหลังการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์เพียง สามปี ได้รับรูเ้ หตุการณต์ อนเสยี กรงุ จากผู้ใหญ่ทเี่ คยพบสภาพท้ังกอ่ นเสยี กรุง ขณะเสยี กรุง การกอบกู้ หลงั จากทน่ี กั เรยี นอานกาพยพระไชยสรุ ิยาจบแลว บ้านเมือง และสร้างบ้านแปลงเมืองมา จึงสอดแทรกสภาพสังคมไทยก่อนเสียกรุง โดยสร้างตัวละคร และไดศ กึ ษาบทวเิ คราะห ใหน ักเรยี นพจิ ารณาและ ในเรื่องว่าข้าราชบริพาร เสนาบดีไม่ใส่ใจบ้านเมือง ฉ้อราษฎร์บังหลวง คดโกง ไม่ยุติธรรม หมกมุ่น อธบิ ายคณุ คา ดา นเน้อื หาของกาพยเรอื่ งพระไชยสรุ ยิ า อยกู่ บั ความสนุกสนานเพลดิ เพลินมัวเมาในกาม เหมือนสภาพคนไทยกอ่ นเสียกรงุ ดงั น้ี (แนวตอบ กาพยเ รอ่ื งพระไชยสุริยาใชส อนเร่ือง อยู่มาหมู่ขา้ เฝ้า ก็หาเยาวนารี การสะกดคํา โดยเรยี งตามลาํ ดับมาตราตวั สะกด คอื ทีห่ น้าตาดีดี ท�ามโหรีทเ่ี คหา แม ก กา แมกน แมก ง แมก ก แมก ด แมก บ แมกม เข้าแต่หอลอ่ กามา แมเ กย ลกั ษณะเน้อื หาเรมิ่ สอนจากงา ยไปหายาก ค�า่ เชา้ เฝา้ สซี อ โลโภพาใหบ้ ้าใจ มกี ารทบทวน ความรูเดิมทกุ ครั้ง ทําใหน า สนใจ หาไดใ้ ห้ภริยา เหไปเขา้ ภาษาไสย นาติดตาม แตย งั ไมจ บเร่ือง คอื ขาดมาตราตวั สะกด ฉอ้ แตไ่ พร่ใสข่ อื่ คา แมเ กอวไปอกี หน่ึงมาตรา กาพยพ ระไชยสรุ ิยาเปน ไมจ่ า� ค�าพระเจ้า แบบฝกอา นท่ีมคี ณุ คา ดานเนอื้ หา คือ เปน นิทาน ถือดีมีข้าไท เรอื่ งเลา ทีใ่ หแงคดิ ในการประพฤติปฏบิ ัติตนใหด ี มศี ลี ธรรม และใหความซ่ึงตรงตามจุดประสงคข อง 75 การแตง คือ ตองการใหผอู า นมคี วามรเู ร่ืองสระและ พยญั ชนะท่เี ปนตวั สะกดในมาตราตา งๆ) ขอใดไมป รากฏในบทประพนั ธตอไปนี้ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู ค่าํ เชาเฝาสีซอ เขา แตหอลอกามา 1 ตวั สะกด กลา วอกี นยั หนง่ึ คอื พยญั ชนะท่ที ําหนา ทป่ี ระสมเปน สว นที่ 4 หาไดใหภ ริยา โลโภพาใหบา ใจ ของคาํ ไดแก สระ+พยัญชนะ+วรรณยุกต+ ตัวสะกด ซ่งึ ตัวสะกดแบงออกเปน ไมจําคาํ พระเจา เหไปเขา ภาษาไสย 5 ชนิด ดังน้ี ถอื ดีมขี า ไท ฉอแตไพรใ สข่ือคา 1. หลงระเริงมัวเมาในกามารมณ 2. งมงายในเวทมนตรค าถา 1. เปนพยญั ชนะโดด เชน คน ว่ิง มาก ขาด ฯลฯ 3. เชือ่ ในภาษาศาสตร 4. ฉอ ราษฎรบ ังหลวง 2. เปนอักษรควบแท เชน บุตร จักร อคั ร นทิ ร ฯลฯ 3. เปนอักษรควบไมแ ท เชน สรรพ มารค ธรรม พรหม ฯลฯ วเิ คราะหค าํ ตอบ จากบทประพันธกลาวถึงการฉอราษฎรบังหลวง ยดึ ถือ 4. เปน อกั ษรนํา เชน พศิ วง เมขลา วาสนา ศาสนา ฯลฯ ประโยชนสว นตนเปน สาํ คัญมีแตความโลภ หลงระเรงิ ในกามารมณ และ 5. เปนนคิ หิต เชน พุทธํ ธมฺมํ สงฆฺ ํ ฯลฯ ไมเ ชอื่ ในคาํ สอนของพระพทุ ธศาสนางมงายในเวทมนตรค าถาไสยศาสตร ไมมศี ลี ธรรม ขอ ทีไ่ มเกีย่ วของและไมไ ดกลาวถึงในบทประพนั ธขา งตน คือ เช่ือในภาษาศาสตร ซงึ่ เปน การศึกษาเก่ียวกับภาษาในสังคม ตอบขอ 3. คมู อื ครู 75
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นักเรยี นรวมกันอภปิ รายเกีย่ วกบั เน้อื หาของ นอกจากนี้ในการตัดสินคดีความต่างๆ ตุลาการก็ไม่มีความยุติธรรม ใครติดสินบนก็พลิกคดี กาพยเ รือ่ งพระไชยสรุ ยิ าในประเด็นตอ ไปน้ี จากท่ีแพ้ให้ชนะ คนช่ัวได้ดี คนดีถูกกดขี่ข่มเหง ซ่ึงสภาพสังคมไทยก่อนกรุงศรีอยุธยาแตก คงเป็นเช่นน้ี จนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงทนไม่ได้และคงทรงเห็นสุดก�าลังท่ีจะรักษากรุง • ตัวสะกดหรอื พยญั ชนะทา ยในภาษาไทย ไวไ้ ด้ จงึ ตอ้ งหาสมคั รพรรคพวกหนไี ปต้งั หลกั ท่จี นั ทบรุ ี สภาพก่อนกรงุ สาวัตถจี ะลม่ จมเป็น ดังนี้ มีลักษณะอยา งไร (แนวตอบ ตัวสะกดหรือพยัญชนะทา ย คดที ม่ี ีคู่ คอื ไก่หมเู จ้าสภุ า ในภาษาไทยจะออกเสยี งไดค ราวละเสยี งเดยี ว) ใครเอาขา้ วปลามา ให้สภุ าก็วา่ ดี ไม่ถือพระประเวณี • นกั เรยี นคดิ วา การสอนมาตราตวั สะกด ทแี่ พแ้ กช้ นะ ไลด่ ่าตีมอี าญา ในภาษาไทย โดยการใชน ทิ านมคี วามนา สนใจ ขีฉ้ อ้ กไ็ ด้ดี ว่าโง่เงา่ เตา่ ปูปลา กวา การสอนโดยตรงหรอื ไม อยา งไร ว่าใบ้บ้าสาระยา� (แนวตอบ การสอนโดยการใชนิทานมคี วาม ที่ซ่ือถอื พระเจ้า นาสนใจมากกวา การสอนโดยตรง เพราะ ผ้เู ฒา่ เหล่าเมธา ผูเรยี นจะสนใจติดตามเรอื่ งราวในนทิ าน ตง้ั แตต น จนจบ ทาํ ใหไ ดเ รยี นรมู าตราตวั สะกด ๓) แสดงความคิด ความเช่อื และค่านิยมของคนในสงั คม เช่น ตา งๆ ไปพรอ มกนั และกวีเนน ความสําคญั ๓.๑) ความเช่ือเรื่องไสยศาสตร์ กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแสดงให้เห็นความเชื่อ ของมาตราตัวสะกดแมตางๆ ดวยการข้นึ ตน บทประพนั ธเปนตอนๆ ตอ เนอื่ งสัมพันธ ของผู้คนในสมัยน้ันว่านับถือไสยศาสตร์มากกว่าหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา จนมีความประพฤติ กบั การดําเนนิ เร่อื งเปนอยางดี ผูเรยี นจึงได ท้งั ความรแู ละความเพลิดเพลนิ ) ในทางทผ่ี ิด เชน่ ไม่จ�าค�าพระเจ้า เหไปเข้าภาษาไสย ถอื ดีมขี ้าไท ฉ้อแต่ไพรใ่ สข่ อ่ื คา ๓.๒) แสดงค่านิยมของครอบครัว คู่สามีภรรยายามตกทุกข์ได้ยากต้อง ไม่ทอดท้งิ กนั ภรรยาต้องให้ความเคารพและปรนนบิ ัตสิ ามีทั้งยามทกุ ขแ์ ละยามสขุ เช่น สว่ นสมุ าลี วนั ทาสามี เทวีอยู่งาน สา� ราญวญิ ญา เฝ้าอย่ดู ูแล เหมอื นแต่ก่อนกาล ใหพ้ ระภูบาล ๓.๓) แสดงความเคารพในส่ิงท่ีควรเคารพ การแสดงความเคารพศรัทธาใน พระรัตนตรัย พอ่ แม่ ครูบาอาจารย์ และสงิ่ ศักด์สิ ิทธ์ิ เชน่ สะธสุ ะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา พ่อแมแ่ ลครบู า เทวดาในราศี 76 เกรด็ แนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครแู นะความรใู หนักเรยี นเพ่มิ เติมเกย่ี วกับตัวสะกดในภาษาไทยวา เสยี ง นักเรยี นอธิบายเร่ืองระบบมาตราตวั สะกดไทยและการออกเสียง พยัญชนะทา ยในภาษาไทยจะออกเสยี งไดเ พียงคราวละเสยี งเดยี ว ซงึ่ ผดิ กบั ภาษาอ่ืน พยัญชนะทายของภาษาไทย พรอมยกตัวอยางประกอบ เชน ภาษาอังกฤษที่อาจจะออกเสียงพยญั ชะทา ยไดมากกวาคราวละหนง่ึ เสยี ง เมื่อไทยรบั คําภาษาอังกฤษเขา มาในภาษาไทยจึงตอ งตดั เสียงพยัญชนะทายใหเ หลอื กจิ กรรมทาทาย เพยี งเสียงเดยี ว เชน คาํ วา “เตน็ ท” ไทยตัดเสยี งสุดทา ยออกใหเ หลือเพยี งเสียงเดียว คือ พยญั ชนะสะกดตามมาตราตัวสะกดแมก น นกั เรยี นยกตัวอยางคําภาษาอื่นท่ีมกี ารตัดเสยี งพยญั ชนะทา ยออกให เหลือเพยี งเสยี งเดียว ยกมาคนละ 2 คาํ พรอมบอกท่มี าและความหมาย ของคาํ นน้ั 76 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓.๔) ใหข้ ้อคดิ คตธิ รรม ส�าหรบั นา� ไปใช้ในการดา� เนนิ ชีวิต ดงั นี้ นกั เรยี นบอกขอคิดทีไ่ ดจ ากการศึกษากาพยเรื่อง ❀■ข้าราชการที่ดีต้องไม่คดโกง ฉอ้ ราษฎรบ์ ังหลวง กดขี่ขม่ เหงประชาชน พระไชยสรุ ยิ า ❀■คนไทยไม่ควรหลงระเรงิ มัวเมาแต่ความสนุกสนานเพลิดเพลินในกามารมณ์ ❀■ผู้นา� ของประเทศต้องควบคมุ ดแู ลขา้ ราชการ อยา่ ให้รังแกประชาชน (แนวตอบ ขอ คดิ ทไ่ี ดจากกาพยเ รอ่ื งพระไชยสรุ ิยา ❀■ถา้ ขา้ ราชการไมส่ จุ รติ คดโกง ผนู้ า� ไมเ่ ขม้ แขง็ ประชาชนหลงระเรงิ เอาแตส่ นกุ • คนเราเม่ือประพฤตดิ ยี อมไดด แี ละมคี วามสขุ ประเทศชาติจะประสบความหายนะต่างๆ • คนเราควรเคารพในสิ่งทีค่ วรเคารพเทา นัน้ ❀■บ้านเมืองจะเกิดภัยพิบัติถ้าสังคมเกิดกาลกิณี ๔ ประการ คือ ผู้คนเห็น • การประพฤติตนอยใู นศลี ในธรรม ยอมทาํ ให ผิดเป็นชอบ เปิดโอกาสให้คนผิดท�าลายล้างคนดี ลูกศิษย์คิดล้างครู ลูกไม่กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้คน ในสังคมเบียดเบียนกนั สงั คมไม่มคี วามสขุ และเกดิ ความเดือดร้อนไปทุกหยอ่ มหญา้ ตนเองและสงั คมเจรญิ ดวย ❀■คนเราทุกคนต้องตาย ไม่มีใครอยู่ค้�าฟ้า การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข คือ • การประพฤตชิ วั่ นอกจากจะทําใหต นเอง ทุกคนต้องไม่เบียดเบียนกนั เมตตาตอ่ กนั หมัน่ รกั ษาศลี สวดมนต์ภาวนา ท�าจิตใจให้สงบ ดไู มด แี ลวยังทําใหป ระเทศชาตแิ ละสังคม ๗.๒ คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ เสื่อมโทรมดว ย • ความเจรญิ รุงเรืองของชาติบานเมืองขน้ึ อยกู บั ๑) การใช้ค�าง่ายๆ บรรยายให้เห็นภาพชัดเจน เช่น การเริ่มต้นเร่ืองด้วยเนื้อความ ทกุ คนในชาตทิ จี่ ะตอ งชวยกันธํารงรกั ษาไว) ส้นั ๆ วา่ มีเมอื งๆ หนง่ึ มพี ระราชาและมเหสี รวมท้ังขา้ ราชการและประชาชนซึ่งทา� มาหาเลี้ยงชีพและ มีความเป็นอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ นอกจากน้ียังมีพ่อค้าเดินทางมาค้าขายจากต่างแดน ทุกคนในเมือง ขยายความเขา ใจ Expand ล้วนอยูร่ ว่ มกันได้อย่างเปน็ สุข 1. นกั เรยี นแสดงความคิดเห็นรวมกันในประเดน็ ข้าเฝา้ เหลา่ เสนา มกี ิรยิ าอชั ฌาศยั ตอไปน้ี พ่อค้ามาแตไ่ กล ได้อาศยั ในพารา • นักเรยี นคดิ วาจะนาํ ขอคดิ ที่ไดจากกาพยเ ร่อื ง ชาวบรุ ีกป็ รดี า พระไชยสรุ ยิ าไปแกไขสถานการณความ ไพรฟ่ ้าประชาชี ได้ข้าวปลาแลสาลี วุนวายในสังคมปจ จบุ ันไดหรือไม อยางไร ทา� ไร่ข้าวไถนา (แนวตอบ สามารถนาํ ขอ คดิ ท่ีไดจ ากกาพย เรือ่ งพระไชยสุรยิ าไปแกไ ขสถานการณ ๒) ใชถ้ ้อยค�าใหเ้ กิดจนิ ตภาพ เช่น การพรรณนาบรรยากาศและธรรมชาติแวดลอ้ ม ความวุนวายในสังคมปจ จุบนั ได เชน ท่ีมีความสวยงามในยามค่�าคืน ท�าให้นึกถึงภาพของดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าท่ีปลอดโปร่ง สถานการณน ํา้ ทวมที่เปนปญหารนุ แรง และเต็มไปดว้ ยดวงดาวจา� นวนมาก ธรรมชาติมีแตค่ วามสดช่ืนและช่มุ ช้ืน มสี ายลมอ่อนๆ พัดกลน่ิ หอม ในประเทศ ประชาชนไดรับความเดือดรอน ของเกสรดอกไมก้ ระจายไปทั่ว แมว า สาเหตุสว นใหญจะเกดิ จากความ แปรปรวนทางธรรมชาติ แตอีกสว นมสี าเหตุ วนั นัน้ จนั ทร มดี ารากร เป็นบริวาร เหมอื นในกาพยเ รอื่ งพระไชยสรุ ยิ า จงึ ควรนาํ เหน็ สน้ิ ดินฟ้า ในป่าทา่ ธาร มาลีคลบ่ี าน ใบก้านอรชร ขอคดิ จากเรือ่ งมาปรบั เปล่ยี นคา นิยมการทาํ ชนื่ ชะผกา วายพุ าขจร ประโยชนแ ละเสียสละเพ่อื สังคม เพื่อแกไข 1 เยน็ ฉา่� นา�้ ฟา้ แตนต่อคลอร่อน ว้าวอ่ นเวยี นระวัน สถานการณท่ีเปนปญ หาดังกลาว) สารพนั จนั ทนอ์ ิน รื่นกลนิ่ เกสร 2. นกั เรียนบันทกึ ความรลู งสมุด 77 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู คาํ ประพันธใ นขอ ใดเปนจดุ ประสงคใ นการแตง กาพยเ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า 1. ภุมราการุญสนุ ทร ไวห วงั ส่ังสอน ครแู นะนาํ ความรูเรอ่ื งเสียงของคําทท่ี ําใหเ กดิ ภาพชัดเจน สามารถจินตภาพ เดก็ ออ นอนั เยาวเลาเรยี น ตามทีก่ วบี รรยายได โดยกวีเลอื กใชค ําที่ทาํ ใหค ลอยตามงายใหความหมายกินใจ 2. จรงิ นะประสกสีกา สวดมนตภาวนา การอานวรรณคดีและวรรณกรรม ชว ยฝกการคดิ จนิ ตภาพ ชว ยสงเสรมิ ประสบการณ เบ้อื งหนาจะไดไปสวรรค การเรียนรใู นเรอ่ื งราวและความรสู ึกตา งๆ ชวยสรา งความสัมพนั ธท ่ดี กี บั ผอู น่ื และ 3. ประโยชนจะโปรดภวู ไนย น่ิงนงั่ ตง้ั ใจ ธรรมชาติรอบตัว เลื่อมใสสําเร็จเมตตา 4. ซือ่ ตรงหลงเลหเสนี กลอกกลับอัปรีย นกั เรียนควรรู บรุ ีจงึ ลมจมไป 1 จนั ทนอ นิ ปจ จุบันเขียนเปน “จันอิน” เปนช่ือไมส ูง ผลสุกมีสีเหลือง มกี ลิ่นหอม วิเคราะหคําตอบ จากบทประพนั ธก าพยเ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ าน้ี แมเ น้อื เรื่อง รปู รา งของผลอว นหรือกลมแปน เน้ือผลมรี สหวาน นิยมรับประทานเมื่อสกุ จะใหข อคดิ ทว่ี า ขุนนางตองซื่อสัตยส จุ รติ แตจ ดุ มุงหมายของการแตง คือ เพราะตอ งการใหใ ชเปน แบบเรียนสอนการอาน เขียน ภาษาไทย ตอบขอ 1. คูมอื ครู 77
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นักเรยี นอธบิ ายเกยี่ วกับคุณคาทางวรรณศลิ ปใน ๓) ใชโ้ วหารนาฏการ คอื เห็นกริ ยิ าอาการทที่ า� ต่อเน่ือง เชน่ กาพยเรื่องพระไชยสรุ ยิ า เหน็ กวางยา่ งเย้อื งช�าเลอื งเดิน เหมือนอย่างนางเชญิ • กาพยเร่อื งพระไชยสุริยามลี ักษณะเดนทาง พระแสงสา� อางขา้ งเคียง วรรณศลิ ปอ ยางไรบาง ................................... (แนวตอบ กาพยเ รือ่ งพระไชยสุรยิ ามีลกั ษณะ ................................... 1 ค่างแขง็ แรงเรงิ เดนทางวรรณศลิ ป คือ การใชคํางา ยในการ บรรยายเร่อื งราว ทาํ ใหการดําเนินเรื่องนา ฝงู ละมง่ั ฝังดินกนิ เพลิง องึ คะนึงผึงโผง ตดิ ตามเขา ใจงา ย ใชถอยคําใหเ กิดจนิ ตภาพ ยนื เบ่ิงบ้ึงหน้าตาโพลง ทําใหเหน็ ภาพชดั เจน ฉากและบรรยากาศ ................................... ในเรอื่ งมคี วามสมจรงิ เชน เหตุการณต อนท่ี ป่าสูงยงู ยางชา้ งโขลง ฝูงจง้ิ จอกออกเห่าหอน เกิดอาเพศในเมืองสาวัตถปี ระชาชนแตกตืน่ โยงกันเล่นน�้าคล�า่ ไป นกหกร่อนนอนรงั เรยี ง หนกี นั วุนวาย เหตกุ ารณความยากลาํ บาก อ้าปากรอ้ งซ้องแซ่เสียง ของพระไชยสุรยิ าและพระมเหสตี อนทีอ่ ยใู น ................................... เลยี้ งลกู ออ่ นป้อนอาหาร ปา เปน ตน และยงั มกี ารใชค วามเปรียบทาํ ให ลงิ คา่ งครางโครกครอก เขา ใจเน้อื เร่ืองไดแจมชัดยง่ิ ข้นึ เชน “ยงู ทอง ชะนีวิเวกวอน รองกะโตงโหงดัง เพยี งฆองกลองระฆงั ” ใช ลูกนกยกปีกป้อง คาํ วา “เพยี ง” ซึ่งมคี วามหมายวา “เหมอื น” แมน่ กปกปีกเคยี ง ยงู ทองรอ งเสียงดังเหมือนฆอง กลอง และ ระฆัง) ๔) การใชค้ วามเปรยี บวา่ สงิ่ หนงึ่ เหมอื นกบั สงิ่ หนงึ่ หรอื อปุ มาคอื การเปรยี บเทยี บ สงิ่ หนง่ึ เหมอื นกบั อกี สง่ิ หนงึ่ ทา� ใหเ้ ขา้ ใจไดช้ ดั เจน เชน่ ขยายความเขา ใจ Expand กลางไพรไกข่ นั บรรเลง ฟังเสียงเพียงเพลง ซอเจ้งจ�าเรียงเวียงวัง นักเรียนยกบทประพันธท่ีมกี ารใชค วามเปรียบ เพียงฆ้องกลองระฆงั หรอื อุปมา พรอมถอดคําประพันธใหเห็นการใช ยงู ทองร้องกะโตง้ โห่งดงั ความเปรียบ แตรสงั ขก์ ังสดาลขานเสียง ................................... สรา่ งโศกเศร้าเจ้าพ่ีอา (แนวตอบ ตวั อยา งบทประพนั ธท ใี่ ชความเปรียบ ................................... มาหม่นหมองละอองนวล เชน ยากเยน็ เหน็ หน้าเจา้ จะรักเจา้ เฝ้าสงวน อยูว่ ังดงั จนั ทรา นวลพกั ตรน์ อ้ งจะหมองศรี “เหน็ กวางยา งเยื้องชําเลืองเดิน เหมือนอยา งนางเชญิ เพือ่ นทุกข์สุขโศกเศรา้ พระแสงสําอางขางเคยี ง” มิง่ ขวญั อย่ารัญจวน จากบทประพนั ธใชความเปรียบวา “เหมือน” 78 กลา วถึงทา ชายตาเดินของกวางวา เหมือนทาทางของ หญิงสาว) นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT คําประพันธในขอ ใดใชโวหารนาฏการ 1 กนิ เพลงิ ชะลอ ชว ยบาํ รงุ ไดค นควา วา ละม่ังกนิ พืชชนดิ หนึง่ เปน พืช 1. ปาสงู ยูงยางชา งโขลง องึ คะนงึ ผึงโผง ประเภทขิง เรยี กวา “ขงิ ปา ” หรอื บางสํานวนทเี่ ปน “ดนิ เพลิง” จะหมายถึง ดินโปง โยงกันเลน น้ําคลา่ํ ไป ดนิ เปน อาหารของสตั วประเภทกวางลักษณะเปนดินเค็มหรือดินทม่ี เี กลือปนอยู 2. สําเร็จเสร็จไดไปสวรรค เสวยสขุ ทกุ วัน นานนับกัปกัลปพ ุทธนั ดร 78 คูมือครู 3. ระวังตัวกลัวครหู นูเอย ไมเ รียวเจียวเหวย กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวยี ว 4. กระจบั ปสซี อคลอเสยี ง ขบั ราํ จําเรียง สาํ เนยี งนางฟานาฟง วเิ คราะหคาํ ตอบ โวหารนาฏการเปน โวหารทแี่ สดงใหเ หน็ ภาพการเคลอื่ นไหว ภาพการแสดงกริ ิยาอาการของสงิ่ ตา งๆ ใหเหน็ ชัดเจน ในขณะท่ีกาํ ลงั ดําเนนิ ไปอยา งสวยงาม ขอทเ่ี ห็นภาพการเคลือ่ นไหว คอื ขอ ท่เี ห็นภาพโขลงชาง เอะอะเสยี งดังพากันเลน น้าํ ตอบขอ 1.
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนรวมกนั อธบิ ายความรูเกี่ยวกบั การ มโนภาพ1เหมือน๕ไ)ด้ยกินาเรสเลียียงนนั้นเสจียรงิงธๆรรเมชช่นาตเิสคียือง เลียนเสียงธรรมชาตใิ นกาพยเ รอ่ื งพระไชยสุรยิ า การน�าเสยี งท่ไี ดย้ นิ มาบรรยาย ซ่งึ จะทา� ใหเ้ กิด จากนนั้ บันทึกความรูลงสมดุ กะโต้งโห่ง ของนกยูงท่ีดังกังวานคล้ายเสียง • การเลียนเสียงธรรมชาติ เครื่องดนตรีไทยหลายชนิดผสมกัน เสียง ป๋องเป๋ง ของนกค้อนทอง ที่มีความไพเราะจับใจ คลา้ ยเสียงเพลง เสียง โครกครอก ของลิงคา่ ง หรอื เสียง หงา่ งเหงง่ ของระฆังเมือ่ ถูกตี เป็นต้น (แนวตอบ การเลยี นเสยี งธรรมชาตทิ ่ีพบใน กาพยเ รอื่ งพระไชยสรุ ิยา เชน เสยี งดนตรี ยงู ทองร้องกะโตง้ โหง่ ดัง เพยี งฆ้องกลองระฆงั เสยี งสัตว ประโยชนของคาํ เลียนเสียง แตรสังข์กังสดาลขานเสยี ง ธรรมชาตจิ ะเราจินตนาการของผูอ า นไดด ขี ึน้ ................................... การใชค าํ เลยี นเสียงลักษณะนจี้ ะทาํ ใหเหมอื น ................................... เพลินฟงั วงั เวง ไดย นิ เสยี งน้นั จริงๆ) คอ้ นทองเสยี งรอ้ งปอ๋ งเปง๋ • การเลน เสยี งและการใชลีลาในการอาน อเี กง้ เริงรอ้ งลองเชงิ ลงิ คา่ งครางโครกครอก ฝงู จ้ิงจอกออกเหา่ หอน (แนวตอบ การเลน เสียงในกาพยเ รอ่ื งพระไชย- ชะนีวเิ วกวอน นกหกรอ่ นนอนเรยี งรงั สุริยามกี ารเลน เสียงสมั ผัสใน ท้ังสัมผัสสระ ................................... และสมั ผสั อกั ษรทาํ ใหเสียงรน่ื หู สว นจังหวะ ................................... ตะโพนกลองรอ้ งเป็นเพลง ลีลา กวใี ชคําเหมาะสมกับคาํ ประพันธที่เปน พณิ พาทยร์ ะนาดฆ้อง โหง่งหง่างเหงง่ เกง่ กา่ งดงั กาพยช นดิ ตางๆ เชน การใชกาพยยานที ี่เนน ระฆงั ดงั วังเวง เสียงหนกั เบาในตอนท่ีตอ งการใหเ รอื่ งสนกุ มี ๖) การเลน่ เสยี ง คอื การเลน่ เสยี งสมั ผสั ซงึ่ หมายถงึ พยางคท์ ค่ี ลอ้ งจองกนั ดว้ ยเสยี ง อารมณข ัน และใชกาพยสุรางคนางคใ นการ สระและเสยี งพยญั ชนะ กาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ ามกี ารเนน้ สมั ผสั ในทกุ วรรคทง้ั สมั ผสั สระและสมั ผสั อกั ษร บรรยายบรรยากาศท่ีมีความสงบ สรรพสิ่ง ดําเนินไปอยางชาๆ เปนท่ีจับจองใหคดิ คํานงึ ) ขนึ้ กงจงจ�าสา� คัญ ทงั้ กนปนกัน รา� พนั มิ่งไม้ในดง ขยายความเขา ใจ Expand ไกรกร่างยางยูงสูงระหง ตะลงิ ปลงิ ปริงประยงค์ นักเรยี นยกบทประพนั ธทม่ี ีการเลียนเสียง คนั ทรงส่งกลิ่นฝิ่นฝาง หล่นเกล่ือนเถอ่ื นทาง ธรรมชาตจิ ากกาพยเ รือ่ งพระไชยสรุ ยิ า อธบิ ายการ เลียนเสยี งธรรมชาติในบทนั้น และการเลน เสียง มะม่วงพลวงพลองชอ้ งนาง สัมผัสในทงั้ สัมผัสสระและสมั ผัสอกั ษร กนิ พลางเดนิ พลางหว่างเนนิ สัมผัสอักษร เช่น จง-จ�า มิ่ง-ไม้ ไกร-กร่าง ยาง-ยูง ปริง-ประยงค์ ฝิ่น-ฝาง (แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธ “คอนทองเสยี งรองปองเปง เพลินฟงวังเวง พลวง-พลอง อเี กงเรงิ รอ งลองเชิง” สัมผสั สระ เชน่ กง-จง จ�า-สา� กน-ปน ไม้-ใน กร่าง-ยาง ยงู -สูง ลิง-ปรงิ -ปลงิ จากบทประพันธมกี ารเลียนเสียงรองของสตั ว ทรง-ส่ง กลิน่ -ฝ่ิน ม่วง-พลวง พลอง-ช้อง เกลื่อน-เถ่อื น พลาง-หว่าง คือ นกคอ นทองรอ งเสยี งดัง “ปองเปง” และ การเลนเสียงสัมผสั ในวรรค ดงั น้ี สมั ผสั สระ ไดแก 79 ทอง-รอง, ฟง -วงั , เรงิ -เชิง รอ ง-ลอง สมั ผัสอกั ษร ไดแ ก ปอ ง-เปง, เริง-รอง) กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู นักเรยี นศึกษาคน ควา เกยี่ วกบั การเลยี นเสียงธรรมชาตใิ นวรรณคดไี ทย ครูแนะความรใู หน ักเรียนเพิ่มเตมิ เกีย่ วกับลลี าการอานกาพยเรือ่ งพระไชยสรุ ิยา อยางกวางขวาง จากนัน้ นกั เรยี นยกบทประพนั ธจ ากวรรณคดเี รอ่ื งใดกไ็ ด ใหส นุก ครชู ใ้ี หนกั เรยี นเหน็ วา บางตอนของกาพยเรอื่ งพระไชยสุรยิ ามที ้ังการเลียน ทีน่ ักเรยี นเหน็ วามีการพรรณนาหรือบรรยายโดยการเลียนเสียงธรรมชาติ เสยี งธรรมชาตแิ ละการสอดแทรกอารมณข นั เชน บททเ่ี กดิ เหตกุ ารณช ลุ มนุ ตอ งอา น นกั เรียนยกตัวอยางมา 1 ตัวอยา ง เขยี นเปน บันทึกความรสู งครู ดวยลลี ากระชบั ฉับไว กจิ กรรมทาทาย นักเรียนควรรู นักเรยี นศกึ ษาวรรณศลิ ปท ีม่ ีการเลยี นเสียงธรรมชาติในงานประพันธ 1 มโนภาพ หมายความวา ความคดิ ท่เี ห็นเปนภาพข้ึนในใจ ซง่ึ การเกิดมโนภาพ จากนนั้ ใหน ักเรยี นวเิ คราะหว า การเลียนเสยี งธรรมชาติสงผลตอ วรรณคดี ไดนัน้ ขน้ึ อยูกับความสามารถของกวีในการเลอื กสรรคาํ วลี หรือการลําดบั ภาพดว ย อยา งไร โดยนักเรียนยกตัวอยางประกอบการอธิบาย นกั เรยี นทาํ เปน ใบงาน ถอ ยคํา สง ครู คมู ือครู 79
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ นกั เรียนยกบทประพนั ธก าพยเ รอื่ งพระไชยสรุ ยิ า กระจับปี่สซี อทอ่ เสียง ขับรา� จ�าเรยี ง1 ที่นกั เรียนเหน็ วา มีลลี าจงั หวะในการอา นสนกุ และ ส�าเนียงนางฟ้านา่ ฟงั เกดิ อารมณต ามเน้ือเร่ือง พรอ มยกเหตผุ ลประกอบ สงิ่ ใดใจหวัง เดชะพระกุศลหนหลงั (แนวตอบ นักเรยี นยกบทประพนั ธไ ดห ลากหลาย ได้ดงั มุง่ มาดปรารถนา ขน้ึ อยกู บั เหตุผลของนักเรยี น สัมผสั อักษร เช่น สี-ซอ-เสียง ร�า-เรยี ง เนยี ง-นาง-น่า ฟ้า-ฟัง ได-้ ดงั มุ่ง-มาด “เภตรามาในนาํ้ ไหล คา่ํ เชาเปลา ใจ สัมผัสสระ เช่น ป่-ี สี ซอ-ทอ่ ร�า-จา� ฟา้ -น่า ชะ-พระ ศล-หน ใด-ใจ มาด-ปรารถ(นา) ที่ในมหาวารี กาพยเ์ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า มลี กั ษณะการแตง่ เหมาะสมกบั เนอ้ื หา ใหค้ วามสนกุ สนาน พสธุ าอาศยั ไมม ี ราชานารี เพลดิ เพลนิ ไมย่ าวเกนิ ไป เหมาะสมกบั วยั ของเดก็ สามารถใชส้ อนไดผ้ ลตามจดุ ประสงค์ อยทู ่ีพระแกลแลดู วขรอรงณผู้แคตด่งที ่เี ปนน็ อมกรจดากกนขอ้ียงังชมาีคต2ุณิ คคว่ารดค้า่านแวกร่กรณารศศิลึกปษ์แาดลว้ะดยค้านวาสมังภคูมมิใหจลแาลยะปมรีคะวกาามรเหนมับาเะปส็นม ปลากระโหโ ลมาราหู เหราปลาทู มอี ยูในนํ้าคลํา่ ไป ท่ีได้รับเลอื กเป็นแบบเรียนแกเ่ ยาวชนไทย ตั้งแตส่ มัยรัชกาลท่ี ๕ เป็นตน้ มา ราชาวา เหวหฤทยั วายุพาคลาไคล มาในทะเลเอกา” บทประพนั ธท่ียกมาเปนกาพยฉบัง 16 กวีเลอื กสรรถอยคาํ ทส่ี นั้ กระชบั มคี วามหมายเดนทุก ถอยคาํ และมีเสียงสัมผัสในวรรคท่ีทําใหคาํ ประพนั ธ มีความไพเราะ จังหวะของคําชวยกระตนุ ใหเ หน็ ภาพ ของเรือที่แลน ไปตามนํ้าทะเลเปนวนั แลว วนั เลา ได แตม องหาแผนดินจากขา งหนา ตา งแตกไ็ มเหน็ เห็น แตส ตั วท ะเลตางๆ พระไชยสรุ ยิ ากร็ ูสึกเศรา ใจ) 80 นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรียนจะอา นบทรอ ยกรองใหส นกุ และเกดิ อารมณตามเนอ้ื เรอื่ งไดอยางไร 1 จําเรยี ง เปน คํากรยิ า หมายถึง ขับรอ ง ขบั กลอ ม รองเพลง แผลงมาจาก แนวตอบ การอา นบทรอยกรองใหส นกุ และเกิดอารมณตามเน้อื เรื่องน้ัน คําเขมร คําวา “เจรยี ง” เรมิ่ ตน จากการศึกษาคําใหเขา ใจ ใหถกู ตองตามหลักภาษาและพจนานุกรม 2 วรรณคดที ่เี ปนมรดกของชาติ หมายถึง วรรณคดีท่ีไดรับการยกยอ งกันมา ราชบณั ฑติ ยสถาน และทส่ี ําคัญตอ งรูวาเมื่อไรจะตอ งอา นโดยอนุโลมของ หลายช่วั อายคุ น ในดานวรรณศิลปกับในดา นทีแ่ สดงคา นยิ มและความเชอื่ ในสมัย บทรอ ยกรอง โดยสังเกตจากการใชส มั ผัสในวรรค เชน เคารพอภวิ นั ท ของบรรพบรุ ษุ สงเสริมใหเ ปรียบเทียบชวี ิตมนษุ ยใ นสมัยของบรรพบุรษุ กบั ชีวิตใน อานวา เคา-รบ-อบ-พิ-วนั เปน ตน ออกเสยี งตัว ร ล ตวั ควบกลํา้ และเสยี ง ปจ จุบนั วรรณยกุ ตต า งๆ ใหชัดเจน ปรับเสยี งใหสอดคลองกบั เน้อื ความ คอื นกั เรยี น ตองพยายามทาํ ความเขา ใจกับเนือ้ เรอ่ื งวา กลา วถงึ ส่ิงใด เหตุการณและ บรรยากาศของเรือ่ งเปนอยางไร แลว อา นใหเ สียงคลอยตามสมั พันธก นั ใชน ํ้าเสยี งใหเหมาะสมกับตัวบท เชน อารมณโ กรธอา นใหเ ตม็ เสยี ง หนกั แนน กระชบั ถา เศราอาจใชเ สียงเบากวา ปกติ เปน ตน 80 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate คา� ถาม ประจา� หนว่ ยการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นสรปุ ความรทู ่ีไดจ ากการอา นกาพยเรื่อง พระไชยสุริยา ๑. นักเรียนคิดวา่ การนา� นทิ านมาเป็นแบบเรยี นมีผลดีหรือไม ่ อยา่ งไร ๒. การประพฤติมิชอบของบรรดาเสนาอา� มาตย์ในเมอื งสาวัตถีมผี ลต่อบ้านเมอื งอย่างไรบา้ ง 2. นกั เรยี นบอกขอคดิ ทไ่ี ดจ ากกาพยเ รอ่ื งพระไชย- ๓. ก าพย์เร่ืองพระไชยสรุ ิยากล่าวถึงตวั สะกดมาตราใดบ้าง ยกตัวอยา่ งตวั สะกด มาตราละ ๑ บท สุรยิ า และบอกแนวทางในการนําขอคิดไปใชใน ชีวติ จรงิ ได 3. นักเรยี นยกบทประพนั ธท ม่ี กี ารใชความเปรยี บ หรืออปุ มาได 4. นกั เรยี นอธบิ ายความรูแ ละยกบทประพนั ธท ี่มี การเลียนเสยี งธรรมชาตใิ นกาพยเ รือ่ งพระไชย- สุริยาได กิจกรรม สรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการเรยี นรู้ หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. ตารางจาํ แนกคาํ ศัพทต ามมาตราตัวสะกด 2. บอกขอ คิดที่ไดจากกาพยเ รื่องพระไชยสรุ ิยา 3. การยกบทประพันธท่มี กี ารใชความเปรียบหรือ อุปมา 4. การทอ งจําบทอาขยานท่ชี ืน่ ชอบได กิจกรรมที่ ๑ ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ตามความเหมาะสม วาดภาพประกอบจากนทิ านเรอื่ งพระไชยสรุ ยิ า กิจกรรมที่ ๒ กลมุ่ ละ ๑-๒ ภาพ ระบายสีให้สวยงาม ตดิ ปา้ ยนิเทศในห้องเรยี น กจิ กรรมที่ ๓ อ า่ นทา� นองเสนาะกาพยเ์ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ าเปน็ รายบคุ คล เลอื กทอ่ งจา� คนละ ๑ มาตรา จ�านวน ๓ บท หลงั จากนน้ั อา่ นท�านองเสนาะพรอ้ มกันท้งั ชัน้ เรยี น ศึกษาค้นคว้าลักษณะของพรรณไม้และสัตว์ป่าท่ีปรากฏในกาพย์เรื่องพระไชยสุริยา พรอ้ มภาพประกอบ คัดเลือกมา คนละ ๕ ชนิด จัดทา� เปน็ รูปเลม่ ใหส้ วยงาม แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนวยการเรียนรู 1. การนาํ นิทานมาเปนแบบเรียนมีผลดีทําใหผอู านไดรบั ความเพลิดเพลินจากเนอ้ื เรือ่ ง แลวยงั ไดรบั ขอคิดคุณธรรมจริยธรรมจากนทิ านอีกดว ย 2. การประพฤติที่มชิ อบของเหลาเสนาอํามาตย สง ผลใหเ มืองสาวตั ถีเกิดภัยพิบัติ ทุกคนในเมอื งตางพยายามเอาตัวรอดหนีออกนอกเมือง 3. กาพยเรอื่ งพระไชยสุรยิ ากลา วถึงมาตราตัวสะกด ดงั น้ี • แม ก กา เชน “จะรํ่าคําตอไป พอลอ ใจกุมารา • แมก ด เชน “พระสงฆล งจากกฏุ ์ิ ว่งิ อุตลดุ ฉดุ มอื เณร ธรณีมรี าชา เจา พาราสาวะถี” หลวงชีหนหี ลวงเณร ลงโคลนเลนเผน ผาดโผน” • แมกน เชน “สวนสมุ าลี วันทาสามี เทวอี ยูงาน • แมก บ เชน “ประกอบชอบเปนผิด กลบั จรติ ผดิ โบราณ เฝา อยูดแู ล เหมือนแตก อ นกาล ใหพระภบู าล สําราญวญิ ญา” สามญั อันธพาล ผลาญคนซอื่ ถือสัตยธรรม” • แมกง เชน “เห็นกวางยา งเย้อื งชําเลอื งเดิน เหมอื นอยางนางเชิญ • แมกม เชน “สขุ เกษมเปรมปรีด์ิวมิ าน อ่ิมหนาํ สําราญ พระแสงสําอางขา งเคยี ง” ศฤงคารหอ มลอ มพรอ มเพรยี ง” • แมกก เชน “ลูกนกยกปก ปอ ง อาปากรอ งซอ งแซเสยี ง • แม เกย เชน “ขึน้ เกยเลยกลา วทา วไท ฟงธรรมนํา้ ใจ แมนกปกปกเคยี ง เลีย้ งลูกออนปอ นอาหาร” เล่อื มใสศรทั ธากลาหาญ” คมู ือครู 81
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปาหมายการเรียนรู 1. สรปุ เนอ้ื หาเร่ืองราชาธริ าช ตอน สมิงพระราม อาสา 2. วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมเรอื่ ง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา 3. อธบิ ายคณุ คา วรรณคดีเร่ืองราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา 4. สรปุ ความรแู ละขอคดิ จากการอานเรือ่ ง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา เพอ่ื ประยุกตใชในชีวิตจรงิ สมรรถนะของผูเรียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ติ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค ๕หนว่ ยที่ 1. มวี นิ ัย ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา 2. ใฝเ รยี นรู 3. มุง มนั่ ในการทาํ งาน กระตนุ ความสนใจ Engage ตวั ชว้ี ดั ราชาธิราชเป็นเรื่องแปลจากพงศาวดารมอญ นักเรียนดภู าพหนาหนว ย จากน้นั ครูตั้งคาํ ถาม ■■ สรุปเน้อื หาวรรณคดีและวรรณกรรมท่อี ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑) ซ่ึงเชื่อถือกันสืบมาว่าเขียนข้ึนจากเร่ืองจริงเก่ียวกับ แลวใหนักเรยี นรวมกนั ระดมความคิดตอบคาํ ถาม ■■ วเิ คราะห์วรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่านพรอ้ มยกเหตุผลประกอบ บุคคลในประวัติศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธ- ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ • บคุ คลในภาพกาํ ลงั อยูในสถานการณใ ด (ท ๕.๑ ม.๑/๒) (แนวตอบ ครใู หน ักเรยี นบรรยายเหตกุ ารณใ น ■■ อธิบายคณุ ค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓) เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็นผู้อ�านวยการแปลและ ภาพหนา หนว ยดว ยมุมมองของนกั เรียนเอง) ■■ สรุปความร้แู ละขอ้ คิดจากการอ่านเพื่อประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริง (ท ๕.๑ ม.๑/๔) • นกั เรยี นบอกไดห รอื ไมว า เหตกุ ารณในภาพ เปน การสกู นั ระหวา งทหารชาติใด เรยี บเรยี งแตง่ รว่ มกบั นกั ปราชญใ์ นราชสา� นกั อกี หลายทา่ น (แนวตอบ นักเรยี นอาจตอบวาไดห รือไมได ครูแนะใหน กั เรยี นสงั เกตการแตงกายวา เปน สาระการเรียนรู้แกนกลาง ราชาธิราชถือเป็นวรรณคดีร้อยแก้วท่ีมีส�านวนโวหาร เอกลกั ษณข องชาติมอญหรือพมา กับชาติจนี ) คมคาย ไพเราะ เน้ือเร่ืองชวนติดตาม และมีข้อคิดเป็นคติ ■■ การวิเคราะห์คณุ ค่าและข้อคดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรม เตอื นใจ ตลอดจนปลกู ฝงั ให้มคี วามรักชาติและภกั ดีต่อสถาบัน เร่อื ง ราชาธริ าช พระมหากษัตริย์ 82 เกร็ดแนะครู หนวยการเรียนรูน ้ี ครคู วรใหน กั เรยี นปฏบิ ัติกจิ กรรมท่ชี วยสรางปฏสิ มั พันธแ ละ รวมกันระดมความคิดทม่ี ีตอการดูภาพหนา หนว ย หรอื จากขอมลู ความรูเก่ียวกับ เรื่องราชาธริ าช เพ่ือพัฒนาสติปญ ญาและสรา งความสัมพนั ธอ ันดีระหวางเพ่ือนรว ม ช้ันเรียน โดยในการปฏิบตั กิ จิ กรรมนัน้ นกั เรียนตง้ั คาํ ถามเพ่อื คน หาคําตอบจากเรอื่ งท่ี กําลังจะอา น โดยจดคาํ ถามลงสมุดเพอื่ รว มกันหาคําตอบ หรือการแบง กลุมรวมกนั ตั้งสมมตฐิ าน เพอื่ คาดเดาความหมายของถอ ยคาํ หรือแนวคดิ ที่ไดจ ากเร่ือง จากน้นั จงึ รว มกันอภิปราย 82 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๑ ความเป็นมา ครใู ชคําถามกระตนุ ความสนใจนกั เรยี น ดังนี้ • นักเรยี นคดิ วา เรือ่ งราชาธิราชเปน เรือ่ ง ราชาธิราชตอนสมิงพระรามอาสาเป็นหนังสือที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก- มหาราชโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพระคลัง (หน) พระยาอินทรอัคคราช พระภิรมย์รัศมีและพระศรี- เกี่ยวกับอะไร ภูริปรีชาช่วยกันแปลและเรียบเรียงแต่งขึ้น เม่ือ พ.ศ. ๒๓๒๘ “ด้วยพระราชหฤทัยประสงค์จะให้เป็น (แนวตอบ นกั เรยี นตอบไดห ลากหลาย เชน หิตานุหิตประโยชน์แก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้น้อยผู้ใหญ่ในฝ่ายทหาร เปน เรื่องเก่ยี วกับประวตั ิศาสตรเกีย่ วกบั การ ทําสงคราม เก่ียวกับวรี บุรุษ ผชู นะสงคราม เปน ตน) ฝา่ ยพลเรอื น จะได้สดับจ�าไวเ้ ป็นคตบิ �ารงุ สติปัญญาไปภายหน้า” สาํ รวจคน หา Explore ราชาธิราชมีเน้ือหาสาระและส่วนประกอบปลีกย่อยมาจากมหายุทธสงครามในพระราช- พงศาวดารรามญั (มอญ) แปลจากภาษารามัญเป็นภาษาสยาม นิยมอ่านเพอ่ื เป็นความรู้ดา้ นกลอบุ าย 1. นกั เรยี นศึกษาประวัติความเปน มาของเร่อื ง ทางการเมอื ง เหน็ ถึงวสิ ยั ของมนุษย์ เร่ืองราวทางศลี ธรรม และการใชส้ ติปญั ญาในการแก้ปญั หา ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา ๒ ประวัตผิ แู้ ตง่ 2. นักเรียนศึกษาลักษณะคาํ ประพนั ธเ รอ่ื ง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เกิดในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสมัยอยุธยาตอนปลาย 3. นักเรียนอานเรือ่ งยอเร่ืองราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา และถงึ แกอ่ สัญกรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๘ ในแผ่นดนิ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช อธบิ ายความรู Explain ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้รับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสรวิชิต นายด่าน เมืองอุทัยธานี ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้เลื่อนเป็นพระยา นกั เรียนอธบิ ายความรูเก่ียวกบั ประวตั ิความ พพิ ฒั นโกษาและเจ้าพระยาพระคลงั เปนมาของเรอื่ งราชาธิราช ตอน สมงิ พระราม อาสา ที่ส�าคัญ เจได้าพ้แกร่ะ ลยิลาพิตเรพะชครลมังง ก(หุฎน )อ ิเมหีคนวาาคม�าสฉาันมทา์ รรถาใชนากธาิรราปชร ะสพามันกธ๊ก์ท1 ้ังกร้อากยีคแ�ากก้วลแอลนะ รล้อิลยิตกพรอยงุห ยผาลตงราาน- (แนวตอบ เจา พระยาคลงั (หน) พระยาอนิ ทร- อคั คราช พระภริ มยรศั มีและพระศรภี ูมปิ รชี า เพชรพวง ลิลิตศรีวิชัยชาดก กลอนและร่ายจารึกเรื่องสร้างภูเขาท่ีวัดราชคฤห์ ร่ายยาวมหาเวสสันดร ชวยกันแปลและเรยี บเรียงแตง ข้นึ เมือ่ พ.ศ. 2328 ชาดก กัณฑ์กุมารและกณั ฑ์มทั ร ี สมบัติอมรนิ ทรค์ า� กลอน เปน็ ต้น ซึง่ แปลตามพระราชประสงคของพระบาทสมเดจ็ ๓ ลักษณะคÓประพันธ์ พระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราชทต่ี องการใหเ ปน ประโยชนแกพ ระบรมวงศานวุ งศ ขา ราชการนอ ย ใหญท ั้งฝายทหารและฝา ยพลเรือน ราชาธิราชมี ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา แปลและเรยี บเรียงแต่งเป็นรอ้ ยแก้ว ใชป้ ระโยคที่มีขนาด เน้อื หามาจากยทุ ธสงครามในพระราชพงศาวดาร ส้ันยาวได้จังหวะ มีคารมคมคาย ใช้โวหารต่างๆ ได้อย่างจับใจ และมีกลวิธีในการด�าเนินเรื่องแบบ รามัญ) เรื่องเลา่ ลกั ษณะคลา้ ยนิทาน • คาํ ประพันธเรื่องราชาธริ าช ตอน 83 สมิงพระรามอาสา มีลักษณะอยางไร (แนวตอบ ลกั ษณะคําประพนั ธเรอ่ื งราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา แปลและเรียบเรียง แตงเปนรอยแกว) กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรียนควรรู นกั เรยี นศึกษาคน ควา เกี่ยวกบั ประวัตคิ วามเปนมาของเรอื่ งราชาธริ าช 1 สามกก เปนผลงานเลม หน่ึงท่เี จา พระยาพระคลงั (หน) เปน ผอู าํ นวยการแปล เพม่ิ เติม เชน ราชาธิราชมีทั้งหมดกตี่ อน และมกี ารแบงใหเรียนกีต่ อน ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟาจฬุ าโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ใน พ.ศ. 2345 มตี อนใดบา ง ในรปู แบบสมดุ ไทย สามกกเปนวรรณกรรมจีนอิงประวตั ิศาสตร และจัดเปน วรรณกรรมเพชรน้าํ เอกของโลก เปน มรดกทางปญ ญาของปราชญชาวตะวันออก กิจกรรมทาทาย เนอ้ื เรือ่ งของสามกก คลายกบั เรอ่ื งราชาธริ าชทใี่ หค วามรูเรอ่ื งกลอบุ ายทางการเมอื ง และการสงคราม นกั เรยี นศึกษาเรื่องราชาธิราชทุกตอน จากน้ันสรุปเร่อื งยอ ทง้ั หมด ลงสมดุ ครูใหนักเรียนชว ยกนั เลาเรอื่ งยอ หนาชัน้ เรียน คูม ือครู 83
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166