Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู วรรณคดีฯ ม.1

คู่มือครู วรรณคดีฯ ม.1

Published by hamas1426, 2021-06-09 17:58:12

Description: คู่มือครู วรรณคดีฯ ม.1

Search

Read the Text Version

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นักเรียนอธิบายเกีย่ วกบั คุณคาดา นวรรณศิลป จากโคลงโลกนติ ิ ดังนี้ ๖.๒ คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ “คณุ แมห นาหนกั เพย้ี ง พสุธา คณุ บดิ รดจุ อา- กาศกวา ง โคลงโลกนิติ เป็นวรรณคดีที่มีความดีเด่นในด้านถ้อยค�าและส�านวนโวหารที่เข้าใจง่าย คุณพ่ีพา งศขิ รา เมรุมาศ แตม่ คี วามหมายลึกซ้งึ และมคี วามไพเราะสละสลวย เน่ืองดว้ ยกวมี ีกลวธิ ใี นการประพันธ์ ดงั ตอ่ ไปนี้ คณุ พระอาจารยอ าง อาจสูสาคร” • โคลงโลกนติ ิท่ียกมามีความโดดเดนในดาน ๑) การใชภ้ าพพจน์ ดว้ ยการใชค้ วามเปรยี บวา่ สงิ่ หนงึ่ เหมอื นกบั สง่ิ หนง่ึ หรอื อปุ มา วรรณศิลปอยา งไร เป็นการเปรียบเทียบกับสิ่งใกล้ตัวเพ่ือให้เห็นจริง กลวิธีน้ีเป็นการน�าสิ่งใกล้ตัวท่ีผู้อ่านพบเห็นหรือรู้จัก (แนวตอบ โคลงโลกนิติท่ยี กมามีความโดดเดน มาใช้เป็นคติเตือนใจ ท�าให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจมากขึ้น ดังบทที่กล่าวถึงผลมะเด่ือ เม่ือสุกจะมีสีแดง สวยงาม แตภ่ ายในกลบั มหี นอนแมลงวนั มากมายเปรยี บเทยี บกบั คนทภี่ ายนอกดดู ี แตก่ ลบั มจี ติ ใจชว่ั รา้ ย ในการใชภ าพพจนอ ปุ มาแสดงการเปรยี บเทยี บ (๗) ผลเด่ือเมอ่ื สุกไซร้ มีพรรณ โดยใชคาํ วา “เพี้ยง” “ดุจ” “พาง” มาแสดง ภำยนอกแดงดฉู นั ชำดบำ้ ย ความเปรยี บ ดังน้ี เปรยี บเทยี บพระคุณแมวา ภำยในยอ่ มแมลงวัน หนอนบ่อน ยิ่งใหญเทา ฟา พระคณุ บิดาเทา อากาศ ดุจดั่งคนใจรำ้ ย นอกน้นั ดงู ำม พระคณุ ของผเู ปนพ่เี ปรยี บไดกับเขาพระสุเมรุ ๒) การใช้ภาษาสร้างจินตภาพ เป็นศิลปะการประพันธ์ที่พบมากในโคลงโลกนิติ และพระคุณของครบู าอาจารยเ ทียบเทาไดกับ ท�าให้เนื้อความลึกซ้ึงและสร้างจินตนาการได้อย่างแจ่มชัด เช่นโคลงท่ีกล่าวถึงการไม่ท�าอะไรเกิน แมนํ้า) ความพอดีทวี่ า่ ขยายความเขา ใจ Expand (๖๐) จระเข้คบั น่ำนน้ำ� ไฉนหำ ภกั ษ์เฮย รถใหญ่กวา่ รัถยำ ยำกแท้ 1. ใหน กั เรียนยกบทประพันธท ่นี ักเรียนเห็นวา เสือใหญ่กวา่ วนำ ไฉนอย่ ู ไดแ้ ฮ เปนการใชภ าษาสรา งจนิ ตภาพไดชัดเจนที่สดุ เรือเขื่องคบั ชเลแล้ แล่นโลไ้ ปไฉน (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยกู บั ดลุ ยพินิจของครู โคลงบทนเี้ น้นใช้คา� วา่ “คับ” ซ่ึงแปลว่า มลี ักษณะหรอื ปริมาณเกินพอดี และ “กวา่ ” ผูสอน ตัวอยา งเชน ซึ่งแปลว่า เกิน อันเป็นค�าท่ีท�าให้รู้สึกหรือนึกถึงเรื่องของ ขนาด เพื่อแสดงให้เห็นว่าการขาดความ- “นาคมี ีพษิ เพ้ยี ง สรุ ิโย พอดีหรอื ความเหมาะสมจะสง่ ผลเสียอยา่ งไร โดยอาศัยการเปรียบเทยี บคา� ทสี่ ื่อความหมายเขา้ คูก่ ันได้ เล้อื ยบทําเดโช แชม ชา ตามการรบั ร้ขู องคนทั่วไป ไดแ้ ก่ พษิ นอ ยหยง่ิ โยโส แมลงปอ ง ชแู ตหางเองอา อวดอางฤทธ”ี ) จระเข้ กบั แม่นา้� ➝ จระเข้ หากมีขนาดใหญ่กวา่ แมน่ �้า ย่อมหาเหย่อื ไดย้ าก 2. นกั เรยี นเขยี นบรรยายโคลงบทที่ยกมาเปน รถ กบั ถนน ➝ รถ หากมขี นาดใหญก่ ว่าถนน ยอ่ มสัญจรติดขดั รอ ยแกว เสือ กบั ป่า ➝ เสือ หากมขี นาดใหญ่กวา่ ปา่ ยอ่ มมีชวี ิตอยูอ่ ยา่ งลา� บาก 3. ครูสมุ นักเรยี น 3-4 คน มาอา นโคลงทน่ี ักเรยี น เรือ กบั ทะเล ➝ เรอื หากมีขนาดใหญก่ ว่าทะเล คงแลน่ ไปไหนไมไ่ ด้ เลอื ก และถอดความโคลงพรอ มทง้ั อา นให จุดมุ่งหมายของโคลงบทนี้ คือ สอนให้ทุกคนด�ารงตนหรือด�าเนินชีวิตให้พอเหมาะกับ เพ่ือนฟง สภาพแวดลอ้ มและฐานะความเป็นอยู่ 40 เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอใดจัดเปน คณุ คา ทส่ี าํ คญั สูงสุดของโคลงโลกนิติ ครใู หความรนู ักเรยี นเพม่ิ เตมิ เก่ียวกับการใชภาษาสรางจินตภาพทที่ ําใหเกดิ 1. ความงามและความซาบซ้ึงในรสวรรณคดี กระบวนจนิ ตภาพวา มีความสําคัญตอ บทประพันธทัง้ หลาย โดยเฉพาะบทรอ ยกรอง 2. การใชถ อยคําเหมาะสมกบั ลักษณะคาํ ประพนั ธ เพ่อื ใหบ งั เกิดประสทิ ธผิ ล ในดานเราความรูสกึ ใหความประทับใจ ปลกุ จิตสาํ นกึ 3. นําคติท่ไี ดไปประยุกตใชใ นการดําเนินชวี ิต ชวยสง สารหรอื แนวคดิ ใหกวางขวางและลึกซึง้ ขนึ้ กระบวนจนิ ตภาพเปน คณุ สมบัติ 4. เห็นภาพสะทอนสังคมในอดตี ชัดเจนมากขึ้น และคุณคา ท่แี สดงแงงามและใหรสแหง วรรณคดนี น้ั ๆ โดยตรง วิเคราะหค ําตอบ จุดมงุ หมายของโคลงโลกนิติ คอื สอนใหท ุกคนในสงั คม เปนคนดี ปฏบิ ตั ิไดอยางถกู ตอ งเหมาะสมในทุกโอกาส และสามารถดาํ รงชวี ติ ไดอ ยา งมคี วามสุข ดังนน้ั การนาํ คตจิ ากโคลงโลกนิติไปใชในชีวิตประจาํ วนั นับวาเปนสิ่งทีท่ าํ ใหบ รรลุจุดมุง หมายและจดั เปน คณุ คาสงู สดุ ของโคลงโลกนติ ิ ตอบขอ 3. 40 คูมือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ นกั เรียนเลอื กบทประพนั ธที่นักเรียนช่นื ชอบมา ๓) การเลน่ เสยี ง เปน็ การใชส้ มั ผสั สระหรอื สมั ผสั อกั ษรในวรรคเดยี วกนั ชว่ ยทา� ใหเ้ กดิ 1 บท แลววเิ คราะหวา บทประพันธท่ีนักเรยี นเลอื ก ความไพเราะ มลี ลี าจังหวะ และเสยี งของค�ากลมกลนื กัน ดงั ในโคลงบททีก่ ลา่ วว่า มีการซํ้าคาํ หรือไม อยางไร (แนวตอบ ตัวอยางเชน การซํ้าคาํ โดยซํ้าคาํ วา (๓๑๙) สงู สารสเี่ ทา้ ย่าง เหยียบยัน “บาป” เหน็ การเนน ยาํ้ ความหมายเพ่อื เตอื นสติ บางคาบเชีย่ วไปพลนั พลวกพลัง้ ใหร ะวงั บาป ทาํ ใหจ ดุ มงุ หมายของโคลงบทนี้ นกั รูร้ า่� เรยี นธรรม ์ ถึงมาก ก็ดี แจม ชดั ย่งิ ข้ึน กล่าวดงั่ น�้าผลั้งผลง้ั พลาดถอ้ ยทางความ สนมิ เหลก็ เกิดแตเนอ้ื ในตน กินกดั เน้อื เหล็กจน กรอ นขร้าํ โคลงบทนี้ใช้การเล่นเสียงสัมผัสอักษร เพื่อเน้นเนื้อความซึ่งเป็นการเปรียบเทียบกัน บาปเกิดแตตนคน เปน บาป ระหวา่ งสัตวส์ เ่ี ท้า คอื ชา้ ง และสตั ว์สองเทา้ คอื คน ซ่งึ ในท่ีนี้ไดแ้ ก่ นกั ปราชญ์ ว่า ช้าง แม้สูงใหญ่ บาปยอ มทาํ โทษซํา้ ใสผบู าปเอง) และใช้เท้าถึงสี่ข้างในการเดิน บางครั้งหากรีบร้อนก็อาจท�าให้เดินหรือก้าวพลาดได้ เช่นเดียวกับ ครทู ดสอบความรโู ดยใหนักเรยี นทํากจิ กรรรม ตามตัวชีว้ ัด จากแบบวดั ฯ ภาษาไทย ม.1 กจิ กรรม นักปราชญ์ แม้จะมีความรู้ แต่หากรีบร้อน โดยเฉพาะในเรื่องของการพูด คือ ขาดความระมัดระวัง ที่ 1.3 ในการพดู กอ็ าจพดู ผิดหรอื พูดในส่งิ ทีก่ อ่ ให้เกิดความเสียหายและไมเ่ ปน็ ประโยชน์ได้ การเล่นค�า1 2 ๔) ดังเช่น ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ โดยใช้การซ�้าค�าเพื่อช่วยด้านเสียงและเน้นย�้าความหมาย โคลงบทที่ ๔๑ ๕๖ และโคลงบทท่ี ๖๙ ซงึ่ ใชค้ า� ซา�้ ต้นวรรคด้วยคา� เดียวกันว่า ห้าม ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมท่ี 1.3 เร่�อง การอธบ� ายคุณคาของวรรณคดี (๔๑) ห้ามเพลิงไวอ้ ยา่ ให ้ มคี วนั ส่องไซร้ กจิ กรรมท่ี ๑.๓ ใหนักเรียนพิจารณาวาโคลงตอไปน้ีมีความหมายตรงกับ คะแนนเตม็ คะแนนทีไ่ ด หา้ มสรุ ิยแสงจันทร์ คืนเลา่ สาํ นวนใด (ท ๕.๑ ม.๑/๔) จึ่งหา้ มนินทา õ หา้ มอายใุ ห้หนั ๏ รูนอยวามากรู เริงใจ ๏ เพื่อนกิน ส้ินทรัพยแลว แหนงหนี กลกบเกิดอยูใน สระจอย ห้ามด่ังนี้ไวไ้ ด ้ ไปเห็นชเลไกล กลางสมุทร หางาย หลายหมื่นมี มากได ชมวาน้ําบอนอย มากล้ําลึกเหลือ เพ่ือนตาย ถายแทนชี- วาอาตม หายาก ฝากผีไข ยากแทจ กั หา โคลงโลกนิติ นอกจากจะได้รับการยอมรับว่าเป็นหนังสือที่แต่งดีมีศิลปะ สํานวนอะไรนะ สํานวนอะไรนะ การประพนั ธท์ โ่ี ดดเดน่ ทง้ั ในดา้ นถอ้ ยคÓและสÓนวนภาษาทมี่ คี วามไพเราะและอา่ นเขา้ ใจ กบในกะลา................................................................................................................. ....เ.พ....ื่อ....น....ก....นิ.....ห....า...ง...า ...ย.........เ.พ....อื่....น....ต....า...ย....ห....า..ย....า..ก............................. งา่ ย ยังเป็นวรรณคดีทีท่ รงคณุ ค่าควรแกก่ ารศึกษาและสามารถนÓคÓสอนในเรอื่ งตา่ งๆ ไปปรับใช้ในการดÓเนินชวี ิตประจÓวนั ในปจั จุบนั ไดเ้ ป็นอยา่ งดี ................................................................................................................. ................................................................................................................. ๏ เสียสินสงวนศักดิ์ไว วงศหงส ๏ ตีนงูงูไซรหาก เห็นกัน เฉฉบลับย เสียศักด์ิสูประสงค ส่ิงรู นมไกไกสําคัญ ไกรู เสียรูเรงดํารง ความสัตย ไวนา หมูโจรตอโจรหัน เห็นเลห กันมา เสียสัตยอยาเสียสู ชีพมวยมรณา เชิงปราชญฉลาดกลาวผู ปราชญรูเชิงกัน สาํ นวนอะไรนะ สาํ นวนอะไรนะ ....เ.ส....ีย....ช...ีพ.......อ...ย....า...เ.ส.....ยี ...ส....ัต....ย.... ........................................................... ....ไ..ก....เ..ห....็น....ต....นี.....ง...ู...ง...ูเ..ห....น็ ....น.....ม...ไ...ก.... .................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. ๏ พระสมุทรสุดลึกลน คณนา ๏ ความรูผูปราชญนั้น นักเรียน ฝนท่ังเทาเข็มเพียร ผายหนา สายด่ิงทิ้งทอดมา หยั่งได คนเกียจเกลียดหนายเวียน วนจิต กลอุทกในตะกรา เปยมลนฤๅมี เขาสูงอาจวัดวา กําหนด จิตมนุษยนี้ไซร ยากแทหย่ังถึง 41 สํานวนอะไรนะ สํานวนอะไรนะ ....ร...หู....น....า...ไ...ม...ร....ใู ..จ................................................................................... ....ฝ...น.....ท....่งั ...ใ..ห....เ..ป....น....เ..ข...ม็......................................................................... ................................................................................................................. ................................................................................................................. ๘๔ โคลงโลกนิติบทตอ ไปนสี้ อนในเรื่องใด ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู จามรขี นขอ งอยู หยดุ ปลด 1 การเลน คํา เปนกลวธิ อี ยา งหนงึ่ ในการแตง หนังสอื โดยใชอักษร คํา วลี หรอื ชพี บร กั รักยศ ย่ิงไซร ขอความเปน พิเศษ นอกเหนือจากทีก่ าํ หนดไวเปน กฎเกณฑ เพือ่ ใหเกิดความงาม 1. ใหม นษุ ยร ักษาความดีเชน เดียวกับจามรีหวงแหนขน ทางภาษาหรอื วรรณศิลป เกิดเสยี งประกอบและจังหวะลีลาท่ีชวยใหไพเราะย่ิงข้ึน 2. ใหมนษุ ยมีความอดทนเชน เดยี วกับจามรีหวงแหนขน ทําใหบทประพนั ธมีความหมายที่นาประทบั ใจ กนิ ใจยงิ่ ขนึ้ เชน การเลนคาํ ดวยการ 3. ใหมนุษยรกั ษาความสตั ยเ ชนเดยี วกบั จามรหี วงแหนขน ซา้ํ คํา ทาํ ใหเห็นความมงุ หมายของกวที ่จี ะเนน หรอื ย้าํ เน้ือความทีแ่ ตง หรืออารมณ 4. ใหม นุษยรูจกั รกั ษาเกยี รติยศเชนเดียวกบั จามรหี วงแหนขน ที่ผแู ตง ตอ งการแสดงใหแ นนแฟน กระจางชดั 2 การซา้ํ คาํ อาจซ้ําคาํ ทม่ี เี สียงและความหมายเหมือนกนั เพือ่ เนนคําสําคัญ วเิ คราะหค าํ ตอบ โคลงโลกนติ ิบทขางตน สอนใหมนุษยรูจกั รักษาเกียรตยิ ศ ใหม นี า้ํ หนักเพ่มิ มากขึ้นหรอื ลดลง เปน การสรางความงามในวรรณคดอี ยางหนึ่ง เชนเดียวกบั จามรีสตั วท ี่มขี นงามหวงแหนขนของตนยงิ่ กวาชีวติ โดยสังเกต ลกั ษณะการซาํ้ คํานชี้ ว ยสรา งอารมณ ความนกึ คดิ หรอื สรางความสนใจดวยการ กลาวถึงบอ ยๆ หรอื การซ้ําคาํ อาจซา้ํ คาํ ทม่ี เี สยี งเหมือนกันแตค วามหมายตา งกัน จากคําวา “ขนของอย”ู และ “รกั ยศ” ดังน้ันจึงตอบขอ 4. ซ่งึ เกดิ การซํา้ เสียงแตไ มซ ํ้าความหมายทําใหบ ทประพันธล ึกซ้งึ คมคายย่งิ ขนึ้ คมู อื ครู 41

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. นกั เรยี นวิเคราะหก ารเลน คาํ ในบทประพันธที่ ค�ำถำม ประจำ� หน่วยกำรเรยี นรู้ เลือกมาได ๑. โคลงโลกนติ สิ ะทอ้ นใหเ้ ห็นความเช่ือ คา่ นยิ ม และจรยิ ธรรมของคนในสังคมไทยอย่างไรบา้ ง 2. นกั เรียนนาํ ขอคิดทีไ่ ดจ ากโคลงโลกนติ มิ าแตง ๒. โคลงโลกนติ ิบทใดบ้างท่ีสามารถนา� ไปประพฤตปิ ฏิบัติไดใ้ นชีวติ ประจา� วนั ยกตวั อยา่ งมา ๓ บท เปนนทิ านได ๓. ใ ห้นกั เรียนเขยี นเล่าเรอ่ื งราวหรือประสบการณ์ของนักเรียนทีอ่ าจเทยี บกบั ค�าสอนหรอื ขอ้ คดิ 3. นกั เรียนบอกขอคดิ คําสอนท่ีมีในบทประพนั ธ ในโคลงโลกนติ ิ และนาํ ไปใชในชีวติ ประจาํ วนั ได 4. นกั เรียนเขยี นความเรียงทีม่ ีขอ คดิ เรื่องการรูจัก ประมาณตนหรือการรูจักตนเอง หลักฐานแสดงผลการเรียนรู กจิ กรรม สร้ำงสรรคพ์ ฒั นำกำรเรยี นรู้ 1. บันทกึ ขอ คดิ ท่ไี ดจากการอานโคลงโลกนติ ิ 2. การทองจาํ บทอาขยานทีน่ ักเรียนช่ืนชอบ 3. การแตงนิทานทสี่ อดคลองกบั ขอ คิดใดแนวคดิ หนงึ่ ในโคลงโลกนติ ิ 4. ความเรียงเร่อื งการรูจ กั ประมาณตนและการรูจกั ตนเอง กจิ กรรมท่ี ๑ ใ หน้ กั เรยี นทา� “บตั รสา� นวนสภุ าษติ ” โดยศกึ ษาคน้ ควา้ โคลงโลกนติ ิ แลว้ เปรยี บเทยี บกบั กิจกรรมที่ ๒ สา� นวนไทยคนละ ๑ ส�านวน บอกความหมายของส�านวนให้ชัดเจน กิจกรรมที่ ๓ จ ดั กจิ กรรมสวนสภุ าษติ ทสี่ วนหยอ่ มโรงเรยี นหรอื หอ้ งสมดุ ตามความเหมาะสม โดยให้ นกั เรยี นวาดภาพระบายสปี ระกอบโคลงสุภาษิต จดั ตกแตง่ ใหส้ วยงาม ใ หน้ กั เรยี นเลอื กโคลงโลกนติ บิ ททชี่ น่ื ชอบ แลว้ เรยี บเรยี งเปน็ รอ้ ยแกว้ พรอ้ มทงั้ อธบิ าย ความหมายหรือคา� สอนของโคลงบทนน้ั แนวตอบ คาํ ถามประจําหนวยการเรยี นรู “ออ นหวานมานมติ รลน เหลอื หลาย 1. โคลงโลกนติ ิสะทอนใหเห็นประเดน็ ตอ ไปน้ี หยาบบม เี กลอกราย เกลอื่ นใกล ดจุ ดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดบั นา ความเชอื่ สรุ ยิ ะสอ งดาราไร เพ่อื รอ นแรงแสง” • เรอ่ื งการทําความดียอมไดรบั ผลดี สว นผทู ท่ี ําช่ัว ยอ มไดร บั ผลของความช่วั • ความรูเ ปน สง่ิ มีคาท่ีผูใดก็แยง ชิงเอาไปมไิ ด • เร่ืองความกตญั ู ผทู มี่ ีความกตัญู จะเปนผูท ่ีมีแตค วามสุขความเจริญ “ความรูด ยู ิง่ ลํ้า สินทรัพย คา นิยม คดิ คา ควรเมอื งนบั ย่ิงไซร • การรกั ษาความสตั ย เพราะเหตจุ ักอยกู ับ กายอาต- มานา • การศกึ ษาหาความรู โจรจักเบียนบไ ด เรง รเู รียนเอา” • การมชี ีวิตอยอู ยางพอเพียง • ความกตัญูเปน คณุ ธรรมอันประเสรฐิ ท่ีจะทาํ ใหชีวิตเจริญงอกงาม จริยธรรม “คณุ แมหนาหนักเพยี้ ง พสุธา • พูดจาไพเราะออ นหวาน คุณ บิดรดุจอา- กาศกวาง • การมไี มตรจี ติ ตอ กัน คณุ พ่ีพางศิขรา เมรมุ าศ • ยึดมนั่ ในความดี คุณ พระอาจารยอา ง อาจสสู าคร” 2. โคลงโลกนิตทิ ีส่ ามารถนําไปประพฤติปฏบิ ัตไิ ดในชวี ิตประจําวนั • การพดู จาไพเราะออ นหวานจะเปนทน่ี ิยมชมชอบ 42 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรียนรู 1. สรปุ เนื้อหาสภุ าษิตพระรว ง 2. วเิ คราะหเ รือ่ งสภุ าษติ พระรว ง พรอ มยกเหตุผล ประกอบ 3. สรุปความรแู ละขอคิดจากเรอ่ื งสุภาษิตพระรว ง เพ่อื ประยกุ ตใ ชในชีวิตจริง สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชท ักษะชีวติ óหนว ยที่ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค สุภำษิตพระร่วง 1. มวี ินัย 2. ใฝเ รยี นรู 3. มุง มน่ั ในการทํางาน 4. รกั ความเปนไทย กระตนุ ความสนใจ Engage ตวั ชี้วดั สุ ภาษิต หมายถึง ถอยคําหรือขอความ ครูกระตนุ ความสนใจนักเรียน โดยใหน ักเรียน พิจารณาภาพหนาหนวย แลว รว มกันแสดงความ ■ สรปุ เน้ือหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๑/๑) ท่ีกลาวสืบตอกันมาชานานและมีความหมายเปน คิดเหน็ ■ วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมทอ่ี า น พรอมยกเหตผุ ลประกอบ คติสอนใจ ดังที่ปรากฏในพระไตรปฎกหรือที่เรียกวา พทุ ธศาสนสภุ าษิต • จากลักษณะความใกลช ิดระหวาง (ท ๕.๑ ม.๑/๒) พระมหากษัตรยิ ก ับราษฎรในภาพ นกั เรียน ■ อธบิ ายคุณคาของวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อา น (ท ๕.๑ ม.๑/๓) คนไทยคงจะใชสุภาษิตซ่ึงสวนใหญไดรับอิทธิพลจาก คดิ วาเปนสมยั ใด เพราะเหตุใด ■ สรปุ ความรูแ ละขอคดิ จากการอา นเพื่อประยกุ ตใชใ นชีวิตจริง (แนวตอบ สมยั สุโขทยั เพราะสมยั สุโขทัย (ท ๕.๑ ม.๑/๔) มีจาํ นวนประชากรนอย จึงเหมาะแกก าร ปกครองดว ยระบอบพอปกครองลูก พระพุทธศาสนามาสั่งสอนและแนะนําลูกหลาน เพื่อใหมี พระมหากษตั ริยม ีความใกลช ดิ กับราษฎร ทรงรบั เรือ่ งรอ งทกุ ขข องราษฎรและตดั สนิ สาระการเรียนรูแกนกลาง แนวทางในการปฏบิ ตั ติ นไดอ ยา งถกู ตอ งเหมาะสม เนอ่ื งจาก ความให ทรงสั่งสอนราษฎรเหมอื นพอ สภุ าษิตเปน ขอ ความขนาดสน้ั สามารถจดจําไดงาย มเี นอ้ื หา สอนลกู ) ■ การวเิ คราะหคณุ คาและขอคดิ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรม สาระลกึ ซงึ้ กนิ ใจ และสามารถนาํ ไปเปน ขอ คดิ ในการดาํ เนนิ ชวี ติ เร่ือง สุภาษติ พระรว ง ไดเปนอยางดี จึงไดรับความนิยมแพรหลายและมีการถายทอด ไพสเืบราตะอสกลันะสมลาวยในแลสะมมัยสี หมั ลผังสั จคึงลไดอ งมจีกอางรดรววยบกราวรมปแรละพะเนัรธียใบนเรรปู ียขงอใ4หง3 บทรอยกรองประเภทตา งๆ เกรด็ แนะครู การจัดการเรยี นการสอนของหนว ยการเรยี นรูน้ี ครูควรใหน ักเรียนไดแ ลกเปลี่ยน ความคดิ เหน็ โดยการยกตวั อยางสุภาษิตพระรว งและรวมกนั อธบิ ายความหมาย จากนนั้ ครชู ี้แนะใหนักเรยี นเหน็ คุณคาทางสังคมจากเนือ้ เร่ืองที่สะทอ นใหเ ห็นการ ดําเนนิ ชีวิตของคนในสมยั นั้น และการสอดแทรกขอ คิดคตสิ อนใจที่นาํ ไปปรับใชได ในชวี ติ ประจําวัน คูมอื ครู 43

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครูและนกั เรียนรว มกนั สนทนาเกยี่ วกบั ๑ ความเป็นมา ความหมายของ “สุภาษิต” โดยครูต้งั คาํ ถามตอไปนี้ สุภาษิตพระร่วง หรือท่ีเรียกอีกช่ือหน่ึงว่า บัญญัติ • นกั เรยี นรจู ักสุภาษติ ใดบาง และรูความหมาย พระร่วง เป็นสุภาษิตเก่าแก่ เช่ือกันมาแต่เดิมว่าแต่งข้ึนใน ของสุภาษิตน้ันหรอื ไม สมัยสุโขทัย แต่ท้ังน้ีมีปรากฏเป็นหลักฐานว่าใน พ.ศ. ๒๓๗๙ (แนวตอบ นกั เรยี นตอบไดห ลากหลาย ขน้ึ อยกู บั พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณา ความรูและประสบการณข องนกั เรยี น โปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ารกึ เรอื่ งสภุ าษติ พระรว่ งลงบนแผน่ ศลิ าประดบั ครูพจิ ารณาสุภาษติ และความหมายที่นกั เรยี น ไว้บนฝาผนังดา้ นในศาลาหลังเหนอื หน้าพระมหาเจดีย์ ภายใน ยกมา) สาํ รวจคน หา Explore วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม อย่างไรก็ตาม นอกจากจารึกเร่ืองสุภาษิตพระร่วงท่ี ใหน ักเรียนสืบคนความรูต ามหวั ขอ ตอไปน้ี วัดพระเชตุพนฯ แล้วยังพบสุภาษิตพระร่วงในสมุดไทย แผ่นศิลาจารึกเร่ืองสุภาษิตพระร่วง • ศึกษาความเปน มาของสภุ าษติ พระรว ง อีกหลายฉบับ รวมถึงสมุดไทยด�าเรื่อง บัณฑิตพระร่วง มีรูปร่างคล้ายกับศิลาจารึก เร่ือง • ศึกษาลักษณะคําประพันธข องสุภาษิต พระนพิ นธ์สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส โคลงโลกนิติ แต่ติดไว้บนผนังซุ้ม รวมอยู่กับเร่ือง กฤษณาสอนน้องค�าฉันท์ และ แม่สอนลูก กา� แพงดา้ นในพระมหาเจดยี ์ ๔ รชั กาล พระรวง วดั พระเชตุพนฯ (วัดโพธ์ิ) อธบิ ายความรู Explain เรื่องบัณฑิตพระร่วงนี้มีข้อความคล้ายคลึงสุภาษิตพระร่วงมากและมีเน้ือเรื่องครบถ้วน กรมศิลปากร จงึ ใชเ้ ปน็ เอกสารในการตรวจสอบชา� ระสุภาษิตพระร่วงจนเป็นฉบับสมบูรณ์ ส�าหรับสุภาษิตพระร่วงฉบับที่กรมวิชาการก�าหนดให้เป็นวรรณคดีที่เสนอให้เลือกเรียน นักเรียนอธิบายความรูเก่ียวกับความเปนมา ในชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ น้ี พิมพ์รวมอยู่ในหนังสือประชุมสุภาษิตพระร่วงของสถาบันภาษาไทย ของสุภาษติ พระรว ง โดยใหน ักเรียนตอบคําถาม กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงมีอยู่ทั้งหมด ๖ ส�านวน ส�าหรับฉบับท่ีน�ามาเป็นแบบเรียนน้ี ในประเด็นตอ ไปนี้ เป็นสุภาษติ พระรว่ งส�านวนท่ี ๑ • สุภาษติ พระรวงมกี สี่ ํานวน อะไรบาง (แนวตอบ สุภาษิตพระรวงท่ีกรมวิชาการเสนอ ๑. รา่ ยสุภาษิตพระร่วง สุภาษิตพระรว่ ง ๖ สา� นวน ใหเ ลือกเรียน มี 6 สํานวน ไดแก 1. รา ยสุภาษิตพระรว ง (ฉบบั จารึกวดั เชตพุ น- ๒. โคลงประดิษฐพ์ ระร่วง ฉบบั จารกึ วัดพระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม วิมลมังคลาราม สมเด็จพระมหาสมณเจา ๓. ร่ายสุภาษติ พระร่วง พระนิพนธ์ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส กรมพระปรมานุชิตชโิ นรสทรงนาํ มาชําระ ใหม) เปน สํานวนทนี่ กั เรยี นกําลงั เรยี นอยู ๔๕.. สรา่ภุ ยาสษภุ ติ าพสริทะตรัง่ว1งคา� โคลง ฉบับพระราชนพิ นธ์ สมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั บรมโกศ 2. โคลงประดิษฐพระรวง 3. รา ยสภุ าษิตพระรว ง ๖. กาพย์สภุ าษติ พระร่วง ฉบบั วดั เกาะ สา� นวนร่าย (ฉบับวดั เกาะสํานวนราย) ฉบับพระราชนพิ นธ์ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัว 4. สภุ าษติ พระรว งคําโคลง ฉบบั วัดลาด อา� เภอเมอื ง จังหวดั เพชรบรุ ี 5. รายสภุ าสิทตัง ฉบับวัดเกาะ ส�านวนกาพย์ 6. กาพยสภุ าษติ พระรวง) 44 เกร็ดแนะครู บูรณาการเชื่อมสาระ ครสู ามารถบูรณาการเชอื่ มสาระความรกู บั กลมุ สาระการเรียนรู ครแู นะความรจู ากตอนข้นึ ตนและลงทายของสภุ าษิตพระรว งท่ีระบุไวช ัดเจนวา สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม วชิ าประวตั ิศาสตร ซ่ึงจะใหความรู พระรว งเจา เปน ผูบ ญั ญัตคิ าํ สอนนี้ ประกอบกบั ภาษาท่ปี รากฏบางแหง มีลักษณะ เกี่ยวกับการเมืองการปกครองของสมัยสโุ ขทยั รวมถึงสภาพสังคมและ โบราณแบบสุโขทัย จงึ เปนเหตุผลสนับสนนุ ใหจ ดั วรรณกรรมเรอ่ื งนี้อยูในสมัยสุโขทัย ความเปน อยขู องผคู นในสมัยน้ัน เม่ือนกั เรยี นมคี วามรูค วามเขาใจเก่ยี วกบั ซ่ึงยังไมมขี อยุตหิ รอื แกไ ขเปนอยางอื่น ประวตั ศิ าสตรในชวงสุโขทัยแลว กจ็ ะทาํ ใหนกั เรยี นรู เขาใจ จดุ มุงหมาย ของกวใี นการแตง สภุ าษิตพระรว งหรอื บัญญตั พิ ระรวงทีต่ องการใหร าษฎร นักเรียนควรรู นําคาํ สอนจากบัญญัตินไ้ี ปใชในชวี ิต เพอ่ื ใหร าษฎรอยรู วมกนั อยางรม เย็น เปนสุข และคาํ สอนดงั กลา วเปนสิ่งทมี่ คี ณุ คา ทางประวัติศาสตรเ ปน มรดก 1 รายสุภาสทิ ตงั ผพู บตน ฉบบั คือ นายลอม เพ็งแกว เม่อื นาํ มาเปรยี บเทียบกับ ที่ตกทอดสืบตอกนั มาเปนเวลาหลายรอ ยป ควรชวยกันรักษาสืบตอ ไป “โคลงประดษิ ฐพ ระรว ง” แลว เทยี บไดตรงกนั วรรคตอ วรรค นายลอ มจึงสนั นษิ ฐาน วา “โคลงประดษิ ฐพ ระรวง” นาจะลอกขยายมาจากสภุ าสิทตัง อยางไรก็ดีสภุ าสทิ ตงั เปน รา ยท่ีแตง ตามกฎเกณฑเ ครงครัด วรรคละ 6 คาํ เชน “เมื่อนอยใหเรียนวชิ า ใหค ดิ หาสนิ ตอ ใหญ อยา ไดใ ฝเ อาสนิ ทา น” จงึ นา จะสรปุ ไดอ ยา งเดยี วกบั “รา ยสภุ าษติ พระรวง” วา แตงขน้ึ ตามกฎเกณฑใ หมในสมัยรัตนโกสนิ ทร 44 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒ ประวัติ¼้แÙ ต่ง จากทน่ี ักเรียนไดส บื คน เกยี่ วกับลักษณะ คําประพนั ธ ใหนกั เรยี นอธิบายลกั ษณะคาํ ประพันธ สุภาษิตพระร่วง ไม่ปรากฏนามผู้แต่งแน่นอนและพบ ของสภุ าษติ พระรวง หลายฉบับ ส�าหรับฉบับที่น�ามาเป็นแบบเรียนในหนังสือเล่มน้ี ได้รับการช�าระโดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิต- (แนวตอบ สุภาษติ พระรวงแตง ดว ยคาํ ประพันธ ชโิ นรส ประเภทรายสภุ าพ ซึง่ ประกอบดวย รา ยสภุ าพและ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส โคลงสองสุภาพ โดยรา ยสุภาพในแตล ะวรรคจะมคี าํ เป็นพระราชโอรส พระองค์ที่ ๒๘ ในพระบาทสมเด็จ- 5-8 คํา มกี ารรับสง สมั ผสั สระในคําสดุ ทายของวรรค- พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ประสูติเม่ือวันเสาร์ที่ หนากบั คําใดกไ็ ดข องวรรคถัดไป และแตง โคลงสอง- สุภาพปด ทายเร่ือง) ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๓๓ มีพระนามว่า พระองค์เจ้าวาสุกรี ขยายความเขา ใจ Expand ทรงผนวชเป็นภิกษุและประทับจ�าพรรษาท่ีวัดพระเชตุพนวิมล- มังคลาราม จนตลอดพระชนมชีพ สิริรวมพระชนมายุได้ ๖๓ นกั เรยี นพิจารณาตัวอยา งบทประพนั ธในหนา 45 พรรษา พระรูปสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ แลวคัดลอกตวั อยา งคาํ ประพนั ธประเภทรา ยสภุ าพ บทพระนิพนธ์ของพระองค์มีเป็นจ�านวนมาก เช่น ลิลิต- กรมพระปรมานชุ ติ ชิโนรส ประดษิ ฐาน และโคลงสองสภุ าพลงสมดุ โยงเสน สัมผัสใหถกู ตอง ณ พระตา� หนกั วาสกุ รี วัดพระเชตุพน- ตะเลงพา่ ย ปฐมสมโพธกิ ถา โคลงดนั้ เรอ่ื งปฏสิ งั ขรณว์ ดั พระเชตพุ นฯ วิมลมงั คลาราม (แนวตอบ ตัวอยา งบทประพนั ธทเี่ ลอื กมาโยงเสน กฤษณาสอนน้องค�าฉันท์ สมุทรโฆษค�าฉันท์ตอนปลาย สรรพสิทธิค�าฉันท์ ต�าราฉันท์มาตราพฤติและ สมั ผสั มดี งั น้ี วรรณพฤติ เป็นต้น • รายสุภาพ ๓ ลกั ษณะคÓประพัน¸์ “ปางสมเดจ็ พระรว งเจา เผา แผน ภพสุโขทัย สุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยค�าประพันธ์ประเภทร่ายสุภาพ วรรคละ ๕-๘ ค�า ร่ายแต่ละวรรค มลกั เห็นในอนาคต จงึ ผายพจนประภาษ เปน อนุสาสนกถา สอนคณานรชน...” แมตีกไ่ามรม่ รีกับา� สห่งนสดัมตผา� ัสแอหยน่าง่ งคส�ามรับ่�าเสสมั มผอัสทโ่ีตดายยคต�าวั สแุดลทะ้จายบขดอ้วยงวโครลรงคสหอนง้สาจภุ ะาพสั1มดผังัสตสวั รอะยก่างับตค่อ�าไใปนนว้ี รรคต่อไป ร่ายสุภาพ • โคลงสองสภุ าพ “โดยอรรถอันถองถว น แถลงเลศเหตุเลือกลวน เลศิ อางทางธรรม แลนาฯ”) ป่างสมเด็จพระร่วงเจ้า เผ้าแผ่นภพสุโขทัย มลักเห็นในอนาคต จึงผายพจน ประภาษ เป็นอนุสาสนกถา สอนคณานรชน….. โคลงสองสุภาพ โดยอรรถอันถอ่ งถว้ น แถลงเลศเหตุเลือกลว้ น เลศิ อ้างทางธรรม แลนา ฯ 45 ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู โดยอรรถอนั ถองถว น แถลงเลศเหตเุ ลือกลว น 1 โคลงสองสภุ าพ มีสมั ผัสบงั คับกําหนดไวแหงเดียว คอื คาํ ที่ 5 ของวรรคที่ 1 เลิศอางทางธรรม แลนา สง สัมผสั ไปยงั คําที่ 5 ของวรรคท่ี 2 อน่ึงการวางรปู โคลงสองสภุ าพ อาจเรียง คาํ ในขอ ใดเปนสัมผัสบงั คบั ระหวา งวรรคของโคลงสองสภุ าพ ตอเน่ืองกันไป ไมจ าํ เพาะเจาะจงวางอยา งแผนผัง 1. ถอง - ถว น 2. ถวน - ลวน เบศูรณรากษารฐกิจพอเพยี ง 3. เลอื ก - ลว น 4. ลวน - เลศิ คําสอนท่ีไดจากวรรณคดีเร่ือง สุภาษิตพระรวง สะทอนใหเห็นถึง คานิยม วิเคราะหคําตอบ สัมผสั บงั คบั ระหวางวรรคของโคลงสองสุภาพมีเพยี ง ของสังคมไทยในอดีตในดานตางๆ เชน ดานการศึกษาหาความรู ความประหยัด แหง เดียว คอื คําสุดทายของวรรคแรกสมั ผสั สระกบั คาํ สดุ ทายของวรรคท่ี 2 ความกตญั รู คู ณุ เปน ตน นกั เรยี นคดิ วา ขอ คดิ และคตคิ าํ สอนจากเรอ่ื งนแ้ี สดงใหเ หน็ ถึงคุณคาท่ีสําคัญที่สุดของชีวิตมนุษยในดานใด และคุณคานั้นสามารถนํามาใชเปน ดงั นี้ “โดยอรรถอันถอ งถว น แถลงเลศเหตุเลือกลว น” ตอบขอ 2. แนวทางในการดํารงชีวิตไดอยา งไร คูม ือครู 45

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครขู ออาสาสมัคร 2-3 คน มาแสดงทา ทาง ๔ เน้×อเร่อ× ง ประกอบสํานวนสภุ าษิตท่คี รูกาํ หนดให ใหเพือ่ นใน ชั้นทาย และบอกความหมายของสํานวนสภุ าษิตนน้ั สภุ าษติ พระรว่ ง ตัวอยางสาํ นวนสภุ าษิตทค่ี รูกาํ หนดให เชน ปา่ งสมเดจ็ พระรว่ งเจา้ เผา้ แผน่ ภพสโุ ขทยั มลกั เหน็ ในอนาคต • ตีงใู หก ากนิ จึงผายพจนประภาษ เปน็ อนุสาสนกถา สอนคณานรชน ทั่วธราดล (แนวตอบ ทาํ สง่ิ ทต่ี นควรไดป ระโยชนแ ตผ ล พึงเพียร เรียนอ�ารุงผดุงอาตม์ อย่าเคล่ือนคลาดคลาถ้อย เม่ือ กลับไปตกแกผอู ืน่ ) นอ้ ยใหเ้ รยี นวชิ า ใหห้ าสนิ เมื่อใหญ่ อยา่ ใฝ่เอาทรพั ย์ท่าน อย่าริ ร่านแก่ความ ประพฤติตามบูรพระบอบ เอาแต่ชอบ • ตีปลาหนา ไซ เสียผิด อย่าประกอบกิจเป็นพาล อย่าอวด (แนวตอบ ตปี ลาหนาไซ หมายถึง พูดหรอื หาญแก่เพ่ือน เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า หน้า ทาํ ใหกิจการของผอู ่นื ซ่ึงกําลังดาํ เนินไปดว ยดี ศึกอย่านอนใจ ไปเรือนท่านอย่าน่ังนาน ตองเสยี ไป) การเรือนตนเร่งคิด อย่านั่งชิดผู้ใหญ่ อย่า ใฝ่สูงให้พ้นศักด์ิ ที่รักอย่าดูถูก ปลูกไมตรี • ห่ิงหอยอยา แขงไฟ อย่ารู้ร้าง สร้างกุศลอย่ารู้โรย อย่าโดยค�า (แนวตอบ ผทู ่มี ีกาํ ลังนอ ยกวาไมควรแขงกับผทู ี่ คนพลอด เข็นเรอื ทอดทางถนน เป็นคนอยา่ มีกําลังมากกวา เปน ตน ) ท�าใหญ่ ข้าคนไพร่อย่าไฟฟุน คบขุนนาง อย่าโหด โทษตนผิดร�าพึง อย่าคะนึงถึง สาํ รวจคน หา Explore โทษท่าน หว่านพืชจักเอาผล เลี้ยงคน จกั กินแรง อย่าขดั แขง็ ผู้ใหญ่ อย่าใฝต่ น 1. นักเรียนศกึ ษาเนอ้ื เร่อื งสภุ าษติ พระรว งจาก ให้เกิน เดินทางอย่าเดินเปล่ียว น�้าเช่ียว หนังสือเรยี นดว ยตนเอง อย่าขวางเรอื ทสี่ ุม้ ๑เสือจงประหยดั จงเร่งระมัดฟน ไ1ฟ ตนเปน็ ไทอย่าคบทาส อยา่ 2ประมาท 2. ครใู หน กั เรยี นอานเน้ือเร่ืองสุภาษติ พระรวง พรอมเพรยี งกัน 1 รอบ ทา่ นผดู้ ี มสี นิ อยา่ อวดมง่ั ผเู้ ฒา่ สง่ั จงจา� ความ ทข่ี วากหนามอยา่ เสยี เกอื ก ทา� รว้ั เรอื กไวก้ นั ตน 3. นักเรียนจดบนั ทึกคํา หรอื ขอความทีน่ ักเรยี นไม คนรักอย่าวางใจ ท่ีมีภัยพึงหลีก ปลีกตนไปโดยด่วน ได้ส่วนอย่ามักมาก อย่ามีปากว3่าคน เขาใจเพอ่ื คน ความหมายของคาํ นนั้ รักตนกว่ารักทรัพย์ อยา่ ไดร้ บั ของเขญ็ เหน็ งามตาอย่าปอง ของฝากทา่ นอย่ารบั ทท่ี ับจงมี อธบิ ายความรู Explain ไฟ ทไี่ ปจงมีเพ่อื น ทางแถวเถ่อื นไคลคลา ครูบาสอนอยา่ โกรธ โทษตนผดิ พึงรู้ ส้เู สยี สนิ อย่า เสียศักดิ์ ภกั ดีอย่าดว่ นเคียด อยา่ เบยี ดเสียดแกม่ ิตร ทีผ่ ดิ ช่วยเตอื นตอบ ที่ชอบชว่ ยยกยอ 1. ครแู บง เน้ือเรอื่ งสภุ าษิตพระรวงใหน กั เรยี นแตละ อยา่ ขอของรกั มิตร ชอบชิดมกั จางจาก พบศตั รูปากปราศรยั ความในอย่าไขเขา อย่ามัวเมา คนอธบิ ายความหมายและความสําคญั ของสุภาษิต นัน้ คนละ 2-3 ประโยค ๑ ปจ จุบันสะกดวา ซุม 2. นักเรียนทาํ บัตรคํา โดยเขยี นเนือ้ เรื่องและคํา 4๖ อธบิ ายสภุ าษิตพระรว งทร่ี บั ผดิ ชอบลงกระดาษแข็ง ตกแตง ใหสวยงาม กจิ กรรมสรา งเสรมิ 3. จากน้นั นักเรียนยืนขึ้นอธิบายสุภาษิตเรียง ตอกันจนจบเนือ้ เรือ่ ง 4. นักเรยี นนําบตั รคําไปจัดปายนเิ ทศในช้นั เรยี น นกั เรียนควรรู 1 ขวาก ความหมายโดยตรง หมายถึง ไมหรือเหล็กเปนเครอื่ งดักชนดิ หนง่ึ นักเรยี นเลอื กสภุ าษติ ไทยจากแหลง การเรียนรตู า งๆ ทม่ี ีความหมาย ทาํ ดวยไมห รือเหลก็ มีปลายแหลม สําหรบั ปกใหคนและสัตวเหยียบหรือสะดุด เดียวกับสุภาษิตพระรวง 2 สาํ นวน และบอกความสาํ คญั ของสภุ าษิตน้ัน สวนความหมายโดยนัยทีป่ รากฏรว มกับคําวา “หนาม” เปน “ขวากหนาม” หมายถึง ปรปก ษ ศัตรู อนั ตราย หรอื อปุ สรรค เครอื่ งขดั ของ เคร่ืองขดั ขวาง กิจกรรมทา ทาย 2 เรอื ก คือ ไมไ ผห รอื ไมร วกเปนตนท่ีผาออกเปนซีกๆ แลว ถักดวยหวายสําหรับ ปูพนื้ หรือกน้ั เปนรวั้ ทัง้ นใี้ ชเรียกพ้นื ท่ลี าดปูดวยไมถ ักหรอื ดวยหวาย และเรยี ก นกั เรยี นจัดแยกขอ คดิ และคตคิ าํ สอนในสุภาษติ พระรวงตามเกณฑ สะพานชวั่ คราวทีท่ าํ ดวยไมไ ผผ าซกี ถักดวยหวายหรอื เชือกวา สะพานเรือก ตอ ไปนี้ 3 ทบั มหี ลายความหมาย ในทีน่ เ้ี ปน คํานาม หมายถงึ กระทอมหรือสง่ิ ปลกู สราง ท่ีทําเพอื่ อยูช่ัวคราว • หลักการปฏิบตั ติ นโดยทวั่ ไป • หลักการปฏบิ ัตติ อ ผูที่สงู กวา 46 คมู อื ครู • หลกั การปฏบิ ตั ิตอ ผูเ สมอกัน • หลกั การปฏิบตั ิตอผูต่ํากวา • หลักการปฏบิ ัติตอ ผูท ่ีตนรกั

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู Explain เนืองนิตย์ คดิ ตรองตรกึ ทกุ เม่ือ พึงผันเผอ่ื ต่อญาติ รทู้ ี่ขลาดท่ีหาญ คนพาลอยา่ พาลผิด นักเรียนอธบิ ายความรูเก่ยี วกับเนือ้ เร่ืองใน อย่าผูกมิตรไมตรี เมื่อพาทีพึงตอบ จงนบนอบผู้ใหญ่ ช้างไล่แล่นเล่ียงหลบ สุวานขบ ประเด็นตอ ไปนี้ อย่าขบตอบ อย่ากอปรจิตริษยา เจรจาตามคดี อย่าปลุกผีกลางคลอง อย่าปองเรียน อาถรรพ์ พลันฉบิ หายวายม้วย อย่ายลเยยี่ งถว้ ยแตกมิติด จงยลเยีย่ งสมั ฤทธิแ์ ตกมิเสีย • นกั เรยี นอธบิ ายจุดมุง หมายของกววี า มี ลกู เมยี อยา่ วางใจ ภายในอยา่ นา� ออก ภายนอกอยา่ นา� เขา้ อาสาเจา้ จนตวั ตาย อาสานายจง ความเหมาะสมสัมพันธกับภาษาท่ใี ชอยา งไร พอแรง ของแพงอย่ามักกิน อย่ายินค�าคนโลภ โอบออ้ มเอาใจคน อยา่ ยลเหตุแตใ่ กล้ ท่าน (แนวตอบ สุภาษิตพระรวงใหขอคิดเตือนใจ ไท้อยา่ หมายโทษ คนโหดให้เอน็ ดู ยอครยู อต่อหน้า ยอขา้ เมือ่ แลว้ กจิ ยอมติ รเมือ่ ลบั หลงั ในการดําเนนิ ชวี ิต คาํ สอนมีทัง้ เปน ขอ หา ม ลกู เมยี ยงั อยา่ สรรเสรญิ เยยี วสะเทนิ จะอดสู อยา่ ชงั ครชู งั มติ ร ผดิ อยา่ เอาเอาแตช่ อบ นอบ และคําแนะนํา กวีใชภ าษาไดเหมาะสมกับ ตนต่อผเู้ ฒ่า เขา้ ออกอยา่ วางใจ ระวงั ระไวหนา้ หลงั เยยี วผชู้ ังจะคอยโทษ อย่ากรวิ้ โกรธ ลกั ษณะคําสอน โดยคาํ สอนที่เปน ขอหา ม เนืองนติ ย์ ผวิ ผดิ ปลดิ ไปร่ า้ ง ขา้ งตนไวอ้ าวธุ เครอ่ื งสรรพยทุ ธอยา่ วางจติ คดิ ทกุ ขใ์ นสงสาร จะขึ้นตนดวยคาํ วา “อยา ” ในขณะที่ อย่าทา� การท่ผี ิด คดิ ขวนขวายทชี่ อบ โตต้ อบอย่าเสยี ค�า คนขา� อย่ารว่ มรกั พรรคพวกพงึ คาํ แนะนําจะใชคาํ ทส่ี ื่อความตรงไปตรงมา ท�านุก ปลุกเอาแรงทว่ั ตน ยลเยี่ยงไกน่ กกระทา พาลูกหลานมากนิ ระบือระบลิ อย่าฟังค�า คาํ สัน้ กระชบั เขาใจงา ย) การจะทา� อย่าด่วนได้ อย่าใชค้ นบังบด ทดแทนคณุ ท่านเมือ่ ยาก ฝากของรักจงพอใจ เฝ้า ท้าวไทอย่าทะนง ภักดีจงอย่าเกียจ เจ้าเคียดอย่าเคียดตอบ นอบนบใจใสสุทธิ์ อย่าขุด ขยายความเขา ใจ Expand คนด้วยปาก อย่าถากคนดว้ ยตา อยา่ พาผิดดว้ ยหู อย่าเลียนครูเตือนดา่ อย่าริกลา่ วค�าคด คนทรยศอย่าเช่อื อยา่ แผเ่ ผ่ือความผิด อย่าผกู มิตรคนจร ทา่ นสอนอยา่ สอนตอบ ความ นักเรยี นรวมกันแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ชอบจา� ใส่ใจ ระวังระไวที่ไปมา เมตตาตอบต่อมิตร คิดแลว้ จ่ึงเจรจา อยา่ นินทาผอู้ นื่ อย่า ความสาํ คญั ของสุภาษิตพระรว งในประเด็นตอ ไปน้ี ตื่นยกยอตน คนจนอย่าดูถกู ปลูกไมตรที ั่วชน ตระกูลตนจงค�านบั อย่าจบั ลิน้ แก่คน1ทา่ น • สาระสาํ คัญในสุภาษติ พระรวงจะนํามาใชใ น สงั คมปจ จบุ ันไดหรือไม อยา งไร รกั ตนจงรกั ตอบ ทา่ นนอบตนจงนอบแทน ความแหนให้ประหยดั เผ่ากษตั ริยเ์ พลิงงู อย่า (แนวตอบ สาระสาํ คญั นํามาใชใ นสังคม ดูถกู ว่าน้อย หิง่ หอ้ ยอยา่ แข่งไฟ อยา่ ปองภยั ต่อท้าว อย่ามกั ห้าวพลนั แตก อย่าเข้าแบก ปจจบุ ันไดเ ปนอยางดี เชน งาชา้ ง อย่าออกกา้ งขุนนาง ปางมชี อบท่านชว่ ย ปางป่วยท่านชงิ ชัง ผิจะบังบงั จงลบั ผิ • การศกึ ษาหาความรยู งั เปน ส่งิ จาํ เปน ดังวา จะจบั จบั จงมน่ั ผจิ ะคนั้ คน้ั จงตาย ผจิ ะหมายหมายจงแท้ ผจิ ะแกแ้ กจ้ งกระจา่ ง อยา่ รกั หา่ ง “เมือ่ นอยใหเ รียนวชิ า ใหหาสินเมอ่ื ใหญ” กวา่ ชดิ คดิ ขา้ งหนา้ อยา่ เบา อยา่ ถอื เอาตนื้ กวา่ ลกึ เมอื่ เขา้ ศกึ ระวงั ตน เปน็ คนเรยี นความรู้ • สอนในเรอ่ื งการทาํ งานสจุ ริต ดงั วา จงยง่ิ ผู้ผมู้ ีศักดิ์ อยา่ มักงา่ ยมดิ ี อยา่ ตีงูใหแ้ กก่ า อย่าตีปลาหนา้ ไซ อย่าใจเบาจงหนกั อย่า “อยาทาํ การทผี่ ิด คิดขวนขวายทช่ี อบ” ตีสนุ ขั หา้ มเหา่ ขา้ เก่าร้ายอดเอา อย่ารักเหากว่าผม อย่ารักลมกว่ารักนา�้ อย่ารกั ถา�้ กว่า • สอนใหเหน็ ความสําคญั ของการพูด เรอื น อยา่ รกั เดอื นกวา่ ตะวนั สบสงิ่ สรรพโอวาท ผเู้ ปน็ ปราชญพ์ งึ สดบั ตรบั ตรติ รองปฏบิ ตั ิ รูกาลเทศะและจังหวะในการพูด ดังวา โดยอรรถอันถ่องถ้วน แถลงเลศเหตุเลอื กลว้ น เลิศอ้างทางธรรม แลนา ฯ “ยอครยู อตอ หนา ยอขา เม่อื แลวกิจ ยอมติ รเมอ่ื ลับหลัง” และ “คิดแลวจงึ เจรจา อยา นินทาผอู ่นื ”) ตรวจสอบผล Evaluate ขอใดท่ไี มใ ชคําสอนเกย่ี วกบั การพดู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT 47 1. นักเรยี นอธบิ ายความหมายและบอก 1. อยา ขุดคนดว ยปาก ความสําคัญของสุภาษติ พระรว งได 2. ยอมิตรเมื่อลับหลัง 3. อยา รกิ ลาวคําคด 2. นักเรยี นนําคาํ สอนจากสภุ าษติ พระรวง 4. อยา เบา ไปปรบั ใชในชีวติ ประจาํ วนั ได นกั เรียนควรรู 1 เผา กษัตรยิ เพลงิ งู หมายความวา ระมดั ระวงั ตวั อยูเสมอ อยา ประมาท คือ อยาทําใหกษตั รยิ ขัดเคอื ง เพราะทรงมพี ระราชอาํ นาจเดด็ ขาด หากทําสิ่งท่ไี มถูก ไมค วรจะทําใหไดร บั โทษ อยาไวใจงู เพราะเปน สตั วอันตรายแมจะฝก ดกี ็ไมส ามารถ ทาํ ใหเชอื่ งได และอยาประมาทฟนไฟ เพราะเมือ่ ไฟลกุ ลามแลวกย็ ากทจ่ี ะควบคมุ ได วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ 1. อยาขุดคนดว ยปาก หมายความวา อยา พดู จา ทมิ่ แทงใหค นอืน่ เสียหาย ขอ 2. ยอมิตรเม่อื ลบั หลังเปนการพูดถงึ มิตรในทาง ทดี่ ี แมผ ูเ ปนมติ รจะไมไ ดยินก็ตาม ขอ 3. อยาริกลาวคาํ คด หมายถึง อยา เร่ิมโกหก สว นขอ 4. อยาเบา หมายถงึ อยา หลงเชื่อคนงาย เรามักจะคนุ กบั สํานวนวา “อยา หเู บา” ซึง่ ไมเกยี่ วกบั การพดู แตเ กี่ยวกบั การฟง ตอบขอ 4. คมู อื ครู 47

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ Engage ครยู กคําศพั ทใ นบทเรียนมา 4-5 คํา ใหน ักเรียน ๕ คÓศัพท์ ชว ยกันหาความหมายของคําศพั ท ตวั อยา งเชน คา� ศพั ท ์ ความหมาย • อยาดว นเคยี ด (แนวตอบ อยา ดว นโกรธ) ของเขญ็ สง่ิ ของทน่ี า� ความเดอื ดรอ้ นมาให้ ของทม่ี ลี บั ลมคมใน ของไมส่ จุ รติ เข็นเรอื ทอดทางถนน (อยา่ ) เข็นเรอื จอดขวางทางผู้อ่นื • อยา จับล้ินคนแก คนข�า คนเจา้ เลห่ ์ คนทีม่ ลี ับลมคมใน (แนวตอบ อยาคอยจบั ผิดคาํ พูดผูอ ่นื ) คนพาลอยา่ พาลผดิ คนเขาพาลกอ็ ยา่ หลงผิดไปกับเขา คนโหดใหเ้ อน็ ดู ให้สงสารคนทีย่ ากไร้ คา� วา่ โหด ในท่ีน้ี หมายถึง ยากไร้ • เผา แผน ภพ ความแหนใหป้ ระหยัด สิ่งที่ควรหวงแหนก็ให้ระมัดระวัง รักษาให้ดี หรืออาจแปลว่า (แนวตอบ พระเจา แผน ดนิ ) สิ่งใดเปน็ ความลับก็ใหร้ ักษาไว้ให้ได้ เคียด โกรธ • คนขํา จงยลเย่ียงสัมฤทธแ์ิ ตกมเิ สีย เป็นการเปรียบเทียบกับสัมฤทธ์ิ ซ่ึงเมื่อแตกหักแล้วก็น�ามาหลอมใหม่ให้ดี (แนวตอบ คนเจาเลห  คนที่มลี ับลมคมใน ไดด้ งั เดิม เปน ตน ) ใหพ้ ูดความจรงิ หรอื พดู ตามทางทค่ี วรพูด มีความหมายเช่นเดียวกับ ได้คืบอย่าเอาศอก หมายความว่า อย่าอยากได้ สาํ รวจคน หา Explore มากกว่าท่ีได้มาแลว้ ใหค้ วามเคารพและไมอ่ บั อายในชาตกิ า� เนดิ ของตระกูลตน 1. นักเรยี นคน หาคําศพั ทท่เี ปนสํานวนหรอื ใกลเ คียง เจรจาตามคดี พูดสิง่ ใดออกไปแล้ว กอ็ ยา่ กลบั ค�าพดู กับสํานวนในเรอื่ งสุภาษติ พระรวง พรอมศกึ ษา ไดส้ ว่ นอยา่ มกั มาก สิง่ ทีถ่ กู ตอ้ งตามทา� นองคลองธรรม ความหมาย ทอ่ี ยูอ่ าศยั บ้านเรือน (แนวตอบ ตัวอยางเชน สาํ นวนวา “ขุดดวยปาก ตระกูลตนจงคา� นับ ท่ที ี่เสอื แอบซ่อนอยู่ ให้มคี วามระมัดระวงั ถากดว ยตา” มคี วามหมายใกลเ คียงกบั สํานวน โตต้ อบอยา่ เสยี คา� พื้นแผ่นดิน “อยาขุดคนดว ยปาก” ในสุภาษิตพระรว ง ทชี่ อบ แบบแผนแตค่ รง้ั โบราณ • อยาขุดคนดว ยปาก หมายความวา อยาพดู จา บ�ารงุ เล้ยี ง ให้เขามีแรง ทิ่มแทงคนอนื่ ใหไ ดรับความเสียหาย ททส่ีท่ี มุ้ับเสอื จงประหยัด1 อย่าทา� ในสิง่ ท่ผี ดิ ใหท้ �าในส่ิงทีช่ อบธรรม • ขดุ ดว ยปาก ถากดวยตา หมายความวา แสดง ถา้ ทา� ความผดิ ความผดิ น้นั ย่อมตดิ ตวั ไปตลอด อาการเหยียดหยามทง้ั วาจาและสายตา) ธราดล พระเจ้าแผ่นดิน บรู พระบอบ ปจั จบุ นั ใช้ ฟนื ไฟ ในทน่ี ห้ี มายถงึ โมโหกราดเกรย้ี ว เปน็ ฟนื เปน็ ไฟ 2. นกั เรียนศึกษาคนควาเกยี่ วกับ “พระรว ง” จาก ปลุกเอาแรง เมื่อ (ท่าน) ล�าบาก แหลงเรียนรูตา งๆ เชน หอ งสมดุ อนิ เทอรเน็ต ผดิ อย่าเอาเอาแต่ชอบ เปน ตน ผิวผดิ ปลิดไปร่ ้าง เผา้ แผ่นภพ ไฟฟนุ เมื่อยาก 48 นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT สภุ าษติ พระรวงทีว่ า “ทีส่ ุมเสอื จงประหยดั ” คําวา “ประหยดั ” มีความหมาย 1 จงประหยดั คําวา “ประหยดั ” เปน คาํ กรยิ า หมายความวา ยบั ยั้ง ระมดั ระวัง ตรงกับขอ ใด ซงึ่ ผูใชภาษามกั คนุ เคยทจ่ี าํ ใชค าํ น้ีกับเงินหรือทรัพยากรธรรมชาติ แตใ นบริบทอ่ืน 1. สมุ นาเปนคนตระหน่ี กม็ ใี ช เชน ประหยดั ปาก ประหยดั คาํ คําวา “จงประหยดั ” ในสภุ าษิตพระรว ง 2. อรทยั ทําอะไรระมดั ระวังเสมอ จึงหมายถึง จงระมัดระวัง 3. สพุ รจะยั้บยง้ั เพอ่ื นไมใหไ ปเที่ยว 4. กาญจนาใชจา ยแตพ อควรแกฐานะ มมุ IT วเิ คราะหคาํ ตอบ “ท่สี มุ เสอื ” ในความหมายตรง อาจหมายถงึ ที่ท่ีมีเสืออยู จริงๆ หรอื ความหมายโดยนัยอาจหมายถึงทอ่ี นั ตราย จากความหมายตรง ศกึ ษาเกี่ยวกบั คาํ สภุ าษิตพระรว งและความหมายเพิ่มเติม ไดที่ http://www. และความหมายโดยนยั “จงประหยดั ” จงึ หมายถึง ระมดั ระวัง ซ่งึ ตรงกับ school.net.th/library/create-web/10000/literature/10000-6006.html ความหมายทีว่ า “อรทยั ทําอะไรระมัดระวังเสมอ” ตอบขอ 2. 48 คูม ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู คาํ ศพั ท ความหมาย นกั เรียนนําสาํ นวนสภุ าษติ ที่นักเรยี นรวบรวม ยอครยู อตอหนา ได มาวเิ คราะหค วามเปลีย่ นแปลงทางดา นภาษา ยอขาเมอื่ แลวกิจ ควรชมครูหรอื เชิดชูครเู ม่ืออยตู อ หนา ยอมติ รเมอื่ ลบั หลัง รจู กั ชมขา ทาสเมอื่ งานเสรจ็ เขาจะไดม กี ําลงั ใจ หายเหนื่อย • สภุ าษิตพระรวงมกี ารใชภาษาตา งจาก เยยี วผูชงั จะคอยโทษ เปนการชมอยา งจรงิ ใจ ไมเ สแสรง ปจ จบุ นั อยางไร เยียวสะเทนิ จะอดสู คนท่ีไมชอบเรา อาจจะคอยหาเรอ่ื งหรอื ทาํ รา ยเรา (แนวตอบ มกี ารเปลยี่ นแปลงคาํ คอื บางคาํ ระบอื ระบิล ถาทําสง่ิ ใดไมพอดีหรือไมดีพอกอ็ าจเปน ท่อี บั อาย ในสภุ าษติ พระรวงใชต างจากปจจุบนั เชน หนาศึก ถอ ยคาํ เลาลือ ขาวลือ “เคยี ด” ในความหมายวา โกรธ ปจจบุ นั อยา เกยี จ ชวงทม่ี ีศึกสงครามหรอื เม่ืออยตู อ หนาขาศึก ใชร ว มกับคําวา “แคน” เปน “เคยี ดแคน ” อยา ขุดคนดว ยปาก อยาไมซ่ือ อยา คด หมายถงึ โกรธมากจนฝง ใจ จากตวั อยาง อยาเขาแบกงาชาง อยาพูดจาท่ิมแทงใหคนอื่นเสยี หาย จะเห็นไดว า นอกจากจะเปลี่ยนแปลงการ อยา จับลิน้ แกค น อยาทําการใดที่เสี่ยงภัยอนั ตรายและไมเ กดิ ประโยชน ใชค ําแลว ความหมายทใ่ี ชก็เปล่ยี นแปลง อยา ใชค นบังบด อยา จับผดิ คาํ พดู คนอืน่ ไปดว ย) เม่ือใชเขาทําส่ิงใดแลว อยา ปด บงั ความดขี องเขา หรืออาจแปลวา อยาใชค น อยา ดวนเคียด ทท่ี ําอะไรไมโ ปรง ใส คนที่มีเง่ือนงาํ ขยายความเขา ใจ Expand อยา เดินเปล่ียว อยา ดว นโกรธ (คนทภ่ี กั ดตี น) อยา โดยคาํ คนพลอด อยาเดนิ คนเดยี ว ครูอานโคลงบทตอ ไปน้ีใหนกั เรยี นฟง แลว ให อยาตีงูใหแ กกา อยาเช่ือตามคําพูดท่ีหวานหู นักเรียนยกสาํ นวนท่มี คี วามหมายตรงกบั โคลง อยา ตีปลาหนาไซ อยาทาํ สิ่งอนั ไรประโยชน เพราะอาจเกิดโทษแกตน บทน้ี พรอมถอดคาํ ประพันธ อยา ขัดขวางประโยชนท ก่ี าํ ลังจะเกดิ ข้ึน ºÍ¡àÅÒ‹ à¡ÒŒ ÊÔº “กระทุม น้ําทีห่ นา ลอบไซ ปลากระจายเลยไป ลอบแหง ไซ เจาของดักเสียใจ จกั ขาด ไซเปนเคร่ืองมือดักสัตวนํ้า โดยเฉพาะปลาขนาดเล็กและมัก ลาภทา นหาอยา แกลง กลาวกนั้ กางขวาง” (แนวตอบ โคลงบทนต้ี รงกับสํานวนวา “อยาตี ใชงานในแหลงนํ้าไมลึก มีหลายรูปทรง เชน ไซปากแตร สานเปน ปลาหนาไซ” ซงึ่ หมายความวา อยา ขดั ขวาง รปู กรวย ปากไซบานออกเปน รปู ปากแตร ไซทอ สานคลา ยทอ ดกั ปลา ประโยชนท ีก่ าํ ลงั จะเกิดข้ึน ดงั ที่กลา วในโคลง ไซสองหนา มชี อ ง ๒ ดาน ไซลอย ใชวางลอยในชวงนํา้ ตนื้ ๆ ไซปลา ถอดคําประพนั ธไ ดวา เม่อื กระทมุ นํ้าที่หนาไซที่ลอบ กระดี่ ใชดักปลากระดี่ ไซกบสานเปนลายขัดส่ีเหล่ียมรูปทรง จับปลาอยู จะทําใหปลาต่ืนตกใจหนีไปไมเ ขาใกล กระบอก ใชด ักกบ ไซโปง สานกน โปง เลก็ นอ ย แมไซจะมรี ูปทรงท่ี กบั ดักนัน้ ผูเปน เจาของกเ็ สยี ใจท่ีตอ งสญู เสียปลา ตา งกนั แตม ลี กั ษณะรว มกนั คอื สานเปน ทรงกระบอกและทาํ ปากทางเขา เปน ซไ่ี มเ สย้ี มปลายแหลม ที่เปรยี บเหมอื นลาภท่ีควรจะได หากไมม คี นจงใจ รูปทรงคลายกรวยท่ีบีบแบนๆ ทาํ ใหป ลาเขาได แตวา ยสวนความคมของปลายไมอ อกมาไมไ ด ขดั ขวาง) ๔๙ บรู ณาการเชอื่ มสาระ เกรด็ แนะครู ในแงห น่ึง สุภาษติ จะกลาวถงึ เหตกุ ารณอยา งใดอยา งหน่งึ การสรปุ ครจู ดั กจิ กรรมเก่ยี วกบั คาํ ศัพทเพิ่มเตมิ โดยการใหน กั เรียนคนหาคําศัพทใน ประสบการณ การเปรยี บเทียบสิ่งแวดลอมใกลต ัว สิ่งของเครือ่ งใชทพ่ี บเหน็ บทเรียน เรม่ิ จากครูบอกคําศพั ทมา 1 คาํ แลว ใหนักเรียนหาคาํ ศัพทจากเน้ือเร่อื ง อยเู สมอ โดยเฉพาะเครอื่ งมอื ในการประกอบอาชพี สงิ่ ทเี่ กยี่ วขอ งกบั การทาํ - ใหถกู ตอง จากน้นั ใหน กั เรียนทุกคนหรือครอู าจสุม นกั เรียนบางคนมาอธบิ าย มาหากิน ซงึ่ คนสมัยกอนทําอาชีพเกษตรกรรม ปลกู พชื เลยี้ งสตั วเปนหลกั ความหมายของคําศัพทนน้ั ทป่ี รากฏอยใู นเนื้อเรอ่ื ง นกั เรียนจดบนั ทึกคําศพั ท สํานวนสุภาษติ จึงมักกลาวถงึ สัตวท ่ีใกลช ดิ กับมนุษย ปรากฏการณท าง และความหมายท่ไี ดจ ากการทาํ กิจกรรมคน หาคาํ ศพั ทลงในสมุด โดยเรยี งตาม ธรรมชาติ ดังนนั้ การมคี วามรูรอบตวั ในสาระความรูวิชาตางๆ เชน พจนานุกรมใหถ กู ตอง วทิ ยาศาสตร งานเกษตร จะเปน ประโยชนต อการเรียนรสู ภุ าษติ และ วรรณกรรม คมู อื ครู 49

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ นักเรยี นแบงกลุม กลุมละเทา ๆ กนั ทํารายงาน ค�าศพั ท ์ ความหมาย โดยยกเหตกุ ารณหรอื สถานการณในปจจุบนั ที่ อย่าตสี นุ ัขห้ามเหา่ นกั เรียนคดิ วาเปนปญหา มารว มกันอภิปรายและหา อย่าขดั ขวางผทู้ ีป่ ฏิบตั ติ ามหน้าท่ี หรอื อาจแปลอกี อยา่ ง แนวทางการแกไ ขปญ หา โดยใชข อคิดและคติ อย่าเบา วา่ อย่าทา� สงิ่ ทสี่ วนทางกับธรรมชาติ คําสอนจากสุภาษติ พระรวง อยา่ ปลุกผีกลางคลอง อย่าเชอื่ คนง่าย อย่าท�าสง่ิ ทไี่ มเ่ หมาะสมสอดคล้องกับสถานทห่ี รอื อย่าท�าสิ่งที่ (แนวตอบ นักเรยี นตอบไดห ลากหลายขน้ึ อยกู ับ อย่าแผเ่ ผื่อความผิด ไม่สมควร เพราะอาจน�าภยั มาสู่ตนเอง ประสบการณข องนักเรียน ครูพจิ ารณาวาเหตกุ ารณ อย่าพาผิดด้วยหู อยา่ โยนความผิดหรือความไม่ดใี ห้แกค่ นอืน่ ทีน่ กั เรยี นยกมาตรงตามคาํ ศัพทในบทเรยี นหรอื ไม อย่ามกั ห้าวพลันแตก อย่าด่วนเชอ่ื สิ่งทีไ่ ดย้ นิ โดยครใู หนกั เรยี นอธบิ ายเหตผุ ล ตัวอยา งเชน ขา ว อยา่ ยลเยี่ยงถ้วยแตกมิติด อยา่ แขง็ เกินไป จะก่อใหเ้ กิดอนั ตรายแก่ตนเอง จากไทยรัฐออนไลน วนั ที่ 19 กรกฎาคม 2555 อย่าเอาอย่างถ้วย (กระเบ้ือง) ซึ่งเม่ือแตกแล้ว ไม่สามารถท�าให้กลับคืนดี http://www.thairath.co.th/content/edu/272801 อย่าริร่านแก่ความ ดังเดิมได้ เร่ืองการเรยี กรองใหกระทรวงพัฒนาสังคมและความ อยา่ เลียนครู อยา่ ใจรอ้ นหาเรอ่ื งหรอื อยา่ หาเหตกุ อ่ การววิ าท (รา่ น แปลวา่ อยาก) มั่นคงของมนษุ ยเ ปน เจา ภาพหลกั ในการรณรงคการ อยา่ ล้อเลยี นครู พนันทุกรูปแบบ หลงั การแขงขันฟุตบอลยโู รจบลง รวมถึงใหมีมาตรการแกไ ขปญหา ฟน ฟู ผตู ดิ การ พระมหาเจดีย์ ๔ รัชกาล (ตงั้ อยูใ่ นวัดโพธ์ิ) มจี ารกึ เรอ่ื งต่างๆ รวมทงั้ จารกึ เรื่องสภุ าษิตพระรว่ ง พนันทอี่ ยากเลกิ พรอมทง้ั เสนอแนวทางจดั ตัง้ กองทุนเยียวยาสังคมลดปญหาการพนัน จากปญ หา การพนนั ทมี่ แี นวโนมการเกดิ อาชญากรรมสูงข้นึ จึงควรมีหนว ยงานทเ่ี กี่ยวของทบทวนถึงผลกระทบท่ี รนุ แรงท่ีเกดิ จากการพนัน โดยขอ มูลทางการแพทย ระบชุ ดั เจนวา โรคติดการพนันสามารถรักษาใหหาย ได ดว ยการทาํ พฤติกรรมบาํ บดั และฟนฟเู ยยี วยา จากสถานการณดงั กลา วเปน ปญหาทางสงั คม ในขณะนี้ ซ่ึงเปน เรอ่ื งเกีย่ วกบั พฤติกรรมของบคุ คล บางกลมุ ท่สี งผลกระทบตอความปลอดภัยของคนใน สังคม ตรงกบั เนอื้ ความท่วี า “อยา ใฝเ อาทรพั ย ทา น อยารริ านแกค วาม ประพฤตติ ามบรู พระบอบ เอาแตชอบเสยี ผิด อยาประกอบกจิ เปนพาล” ซ่งึ เปน ขอหา มไมใหเ อาทรัพยสินของคนอนื่ มาเปน ของตน ไมใ หม เี รื่องทะเลาะวิวาท ใหประพฤตติ ามแบบแผน ท่ีดีงาม) 5๐ เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอ ใดเปน คําสอนทนี่ ํามาใชใ นการทํางาน ครใู หน กั เรียนสังเกตภาพพระมหาเจดีย ๔ รัชกาล (ในหนา ๕๐) แลว ศกึ ษา 1. อยาพาผิดดว ยหู หาความรูเพิม่ เตมิ ในบรบิ ทที่เกย่ี วขอ งกบั สุภาษิตพระรว งดานการเมืองการปกครอง 2. อยา เขาแบกงาชาง ประเพณวี ฒั นธรรมในสมัยสโุ ขทยั จากนั้นอภปิ รายแลกเปลยี่ นความรใู นชน้ั เรียน 3. อยา โดยคําคนพลอด 4. อยา ยลเย่ยี งถวยแตกมติ ิด วิเคราะหค าํ ตอบ อยา พาผิดดว ยหู คือ อยา ดว นเชอื่ ในสิ่งท่ีไดยิน อยา เขา แบกงาชา ง คือ อยาทาํ การเสย่ี งภัยอันใดโดยไมเ กิดประโยชน อยา โดยคาํ คนพลอด คอื อยาเช่ือตามคาํ พดู ทห่ี วานหู และอยา ยลเยี่ยงถว ยแตกมิติด คอื อยา เอาอยา งถวยทีเ่ ม่ือแตกแลว เพราะถว ยทแ่ี ตกแลว ไมสามารถทาํ ให ดไี ดดังเดิม ดงั นั้น สํานวนทสี่ อนเก่ียวกับการทํางาน คอื อยาเขา แบกงาชาง สอนใหระวังอยาทํางานทเ่ี สยี่ งภยั โดยไมเกิดประโยชนกับตนเองหรอื ผูอ่ืน ตอบขอ 2. 50 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู Explain บอกเลา่ เกา้ สิบ 1. นกั เรยี นอธบิ ายความรเู กย่ี วกับคาํ วา “พระรว ง” ดงั หวั ขอ ตอ ไปน้ี พระร่วง • ความเปน มา • คาํ ศัพท “พระรว ง” พระร่วง สันนิษฐานกันว่าเป็นค�าที่ใช้เรียกกษัตริย์สมัยสุโขทัย โดยไม่เจาะจงว่าเป็น พระองค์ใด นอกจากนี้ ยังมีนัยท่ีแสดงให้เห็นถึงความโบราณเก่าแก่จนไม่สามารถสืบหาท่ีมา 2. ครูสมุ นกั เรียน 2-3 คน มานาํ เสนอหนา ช้ันเรยี น หรือตน้ ตอที่แทจ้ ริงของเร่อื งราวได้ เชน่ เดียวกับสุภาษิตพระร่วง ซ่งึ ไมป่ รากฏหลกั ฐานอย่างชัดเจน ว่าแต่งข้ึนในสมัยใด แต่เช่ือกันมาแต่เดิมว่าอาจแต่งข้ึนในสมัยสุโขทัยและได้มีการคัดลอกสืบต่อ ขยายความเขา ใจ Expand กันมาเป็นเวลาช้านาน จึงมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างไรก็ตาม ค�าว่า พระรว่ งยงั ถกู นา� ไปใชเ้ ปน็ ชอ่ื เรยี กสงิ่ ของและสถานทต่ี า่ งๆ อยา่ งเชน่ 1. นักเรียนบนั ทึกประสบการณการอานเกีย่ วกับ “พระรวง” ข้าวตอกพระร่วง ในทางธรณีวิทยาถือว่าเป็นแร่โลหะ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถเขียนเกีย่ วกับพระรวง ชนดิ หนงึ่ ชอื่ วา่ แรไ่ พไรต ์ (Pyrite) แตใ่ นทางตา� นาน เชอ่ื กนั วา่ เกดิ จาก ไดห ลากหลายข้ึนอยกู ับความรแู ละประสบการณ วาจาสทิ ธข์ิ องพระรว่ งในขณะออกผนวช วันหนง่ึ เม่อื ฉันภัตตาหาร ของนักเรียน ตวั อยางเชน วรรณคดีเร่ือง เสรจ็ ขา้ วทเ่ี หลอื กน้ บาตรทา่ นไดโ้ ปรยลงบนลานวดั และอธษิ ฐานวา่ ไตรภูมพิ ระรวง เปน พระราชนิพนธใ นพระมหา- ขอข้าวนี้กลายเป็นหนิ และมีอายุยนื นานชว่ั ลูกชัว่ หลาน ธรรมราชาลไิ ท โดยมีพระประสงคทจี่ ะเทศนา โปรดพระมารดา และเพ่อื จาํ เรญิ พระอภิธรรม แก้งขี้พระร่วง เป็นไม้ยืนต้น เปลือกสีเทา ก้านใบและ ไตรภมู พิ ระรว งเปน หลกั ฐานชน้ิ หน่งึ ท่ีแสดงให ชอ่ ดอกมขี นนมุ่ สน้ั ใบเปน็ รปู ไขแ่ กมรปู ใบหอก ดอกมขี นาดเลก็ ออก เห็นถึงพระปรชี าสามารถอยางลึกซ้งึ ในดา น เปน็ ช่อสั้นๆ ตามงา่ มใบ ผลรปู ไข่ แตป่ ลายผลเป็นตง่ิ เนื้อไมม้ ีกลนิ่ พระพทุ ธศาสนาของพระมหาธรรมราชาลไิ ทท่ี เหมน็ คลา้ ยกลน่ิ อจุ จาระ มกั นา� มาปรงุ เปน็ ยาขบั พยาธไิ สเ้ ดอื นในเดก็ ทรงรวบรวมขอ ความตางๆ ในคัมภรี พ ระพทุ ธ ในทางต�านานเล่าวา่ ครั้งหนง่ึ พระรว่ งประพาสป่า เสด็จไปลงพระ- ศาสนา นับแตพระไตรปฎ ก อรรถกถา ฎกี า บงั คน เมอ่ื แลว้ เสรจ็ ทรงหยิบไม้ใกลๆ้ พระองค์มาทรงช�าระแล้วโยน และปกรณพ เิ ศษตางๆ มาเรียบเรียงขน้ึ เปน วรรณคดีโลกศาสตรเ ลมแรกที่แตง เปนภาษาไทย ทง้ิ ไป ไมน้ ทั้น�ากน็เบกพดิ เรปะน็ รตว่ น้ ง1ไ มห้แรลอื ะสขรยีดาภยงพคัน์ เธปุ์มน็ าทจ�านนทบกุ กว้ันันนนา�้ี้ หรือเขือ่ น เทาทม่ี ีหลักฐานอยูในปจ จุบันนี้) ตั้งอยู่ตรงบริเวณที่ถูกขนาบด้วยภูเขาสองลูกเป็นรูปก้ามปู คือ 2. ครขู ออาสาสมคั ร 2-3 คน มาเลา เร่ืองเก่ยี วกบั เขาพระบาทใหญแ่ ละเขากวิ่ อา้ ยมา ภเู ขาทง้ั สองลกู นอ้ี ยใู่ นทวิ เขาหลวง พระรว งหนา ชัน้ เรยี น ดา้ นหลงั ตวั เมอื งสโุ ขทัยเกา่ คนทอ้ งถนิ่ ต�าบลเมืองเกา่ อา� เภอเมือง จงั หวดั สโุ ขทยั เรยี กรอ่ งรอยคนั ดนิ โบราณเพอื่ การชลประทานแหง่ นี้ ตรวจสอบผล Evaluate วา่ ทา� นบพระรว่ ง เนอื่ งจากเชอ่ื กนั สบื มาวา่ กษตั รยิ ส์ โุ ขทยั พระองคใ์ ด พระองค์หนึ่งทรงสร้างขึ้น จึงถือว่าเป็นของที่ท�าหรือเกิดข้ึนด้วย อทิ ธิฤทธิ์ของพระรว่ ง 51 1. นกั เรียนบอกความหมายของคําศพั ทใน บทเรียนได 2. นกั เรียนยกคําศพั ทใหต รงกบั โคลงทกี่ ําหนดได 3. นักเรียนเลาเร่อื งเก่ียวกบั พระรวงจาก ประสบการณไ ด บรู ณาการเชื่อมสาระ นักเรยี นควรรู สภุ าษติ พระรว ง บางตอนแปลจากพุทธศาสนสภุ าษติ โดยตรง บางตอน 1 ทาํ นบพระรว ง มีลกั ษณะเปน คนั ดินไมสงู นกั รวมทงั้ มิไดมสี ภาพการกอสราง ดดั แปลงมาจากศาสนธรรม เชน อยาใฝเ อาทรพั ยท าน ดัดแปลงมาจาก ที่แข็งแรงพอ จึงอาจทีจ่ ะวิเคราะหไ ดวา คันดินโบราณที่เรยี กวาทาํ นบพระรวงน้ี “อทินนาทานา เวรมณ”ี หมายความวา เวนจากการลักทรัพย เปนตน สวนที่ มิไดทาํ หนา ท่ีเปนเขื่อนกกั เกบ็ นํา้ เหมอื นกับเขื่อนดินท่กี รมชลประทานมาสรา งไว แปลมาจากพทุ ธศาสนสุภาษติ มอี ยมู าก เชน “เอาแตชอบเสยี ผดิ ” คอื ทาํ นบพระรว งของเดิมจะทําหนา ที่บงั คับทิศทางของน้ําที่มีมากในฤดูฝน มิใหไ หลลน ตํ คณเยยยํ ยทปณณกํ หมายความวา สงิ่ ใดไมผ ิดถือเอาส่ิงนัน้ “อยาประกอบ ไปในทศิ ทางอื่นที่มิใชท ศิ ทางไปสูเ มอื งสุโขทัย แตจ ะทําหนา ทีเ่ บนน้าํ ทั้งหมดท่ีไหล กิจเปน พาล” คือ ปาปานิ ปรวิ ชชฺ เย หมายความวา พึงละเวน กรรมชว่ั ท้งั หลาย มาจากเขาทัง้ สองลกู นีใ้ หไหลลงไปในคลองเสาหอทง้ั หมด เพ่ือนําไปสคู เู มืองสุโขทยั เปนตน สุภาษิตพระรวงเปน วรรณกรรมที่ไดรับอิทธพิ ลจากพระพทุ ธศาสนา ดังน้นั การบูรณาการความรูร ะหวางวรรณคดีและวรรณกรรมกับกลุมสาระการ มมุ IT เรยี นรูสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม วชิ าพระพุทธศาสนาเขา ดวยกัน จะทาํ ใหน กั เรยี นเขา ใจหลกั คดิ ความเชือ่ ของคนในสังคมไทยทั้งในอดตี และ ศึกษาเก่ยี วกบั ทํานบพระรวงและการปรับปรงุ ตง้ั แตอดตี จนถึงปจจุบนั เพ่มิ เตมิ ปจจุบันมากข้นึ ไดท ่ี http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=4b6fc8c325dd4756 คมู อื ครู 51

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ครูยกขอ คิดหรอื คตคิ ําสอนของบคุ คลสาํ คัญ ๖ บทวิเคราะห์ หรอื ของครูเอง โดยเลอื กท่ีเหมาะกับนักเรยี นมา พูดใหน ักเรียนฟง นกั เรยี นแสดงความคิดเห็นวา เนื่องจากเนื้อความของสุภาษิตพระร่วง มีท่ีมาจากการรวบรวมค�าสอนหรือสุภาษิตเก่าแก่ นกั เรยี นจะนาํ ขอคิดหรอื คตคิ ําสอนนัน้ ไปใชใน ชีวิตไดห รือไม อยา งไร เตน้ังอื้ แคตว่สามมัยหโรบอื รคา�าณสอเขน้าในไวส้ดุภ้วายษกิตันพรจะึงรไ่วมง1่มแีกบาง่ รอเรอียกงเปล็น�าด๒ับเลนกั ้ือษคณวะามด้วทย่ีแกนนั ่นไอดน้แกแ่ ตค�า่สสาอมนาทรถเี่ ปสน็ รขุปอ้ ไหด้า้วม่า ตัวอยา งเชน • “ปญ ญาดียอ มมีความสุข คนมีปญ ญายอมใช และค�าสอนทเี่ ป็นค�าแนะน�า ดงั ตัวอย่างตอ่ ไปน้ี ปญ ญาในการแกป ญหาเพื่อใหพน ทกุ ข ดังน้ัน สาํ หรับคนมีปญ ญา วิกฤตอยไู หน ปญ ญา คำ� สอนทเ่ี ป็นข้อหำ้ ม ➝ อย่าใฝเ่ อาทรพั ยท์ า่ น อย่าประกอบกิจเป็นพาล อยนู ั่น สวนคนดอยปญญา โอกาสอยูไหน วิกฤตอยนู ัน่ จงเรยี นรูท ี่จะเปลย่ี นปญ หาให อยา่ อวดหาญแกเ่ พอื่ น อย่าชังครูชังมติ ร อย่ามีปากวา่ คน เปน ปญญา เปล่ยี นอปุ สรรคเปนอปุ กรณ (ว. วชิรเมธ)ี อย่าขดุ คนด้วยปาก อย่าถากคนดว้ ยตา อย่านง่ั ชิดผใู้ หญ่ • “ผูท ่ีออนแอไมส ามารถใหอภยั ใครได เพราะ การใหอภยั นนั้ นับเปน ความเขม เเข็งทเ่ี เทจริง” อย่าใฝ่ตนใหเ้ กิน (มหาตมะ คานธี) คำ� สอนที่เปน็ คำ� แนะน�ำ ➝ ผจิ ะบังบังจงลบั ผิจะจับจับจงมนั่ ผิจะค้นั คน้ั จงตาย 2. ครใู หนกั เรียนมสี วนรวมในการแสดงความ คิดเห็น โดยใหนักเรยี นบอกขอ คิดหรอื คติ ท่มี ภี ัยพงึ หลีก โอบอ้อมเอาใจคน คนโหดให้เอ็นดู คาํ สอนประจาํ ใจของตนเอง เมอ่ื น้อยให้เรียนวชิ า ประพฤตติ ามบูรพระบอบ สาํ รวจคน หา Explore ๖.๑ คณุ คา่ ดา้ นเนอื้ หา 1. นกั เรียนศกึ ษาสุภาษติ พระรวง แลวคนหาขอ คดิ ค�าสอนในสุภาษิตพระร่วง เป็นการสอนอย่างกว้างๆ ครอบคลุมทั้งคติทางโลกและ และคติท้งั ทางโลกและทางธรรม ทางธรรม สามารถนา� ไปปฏบิ ตั ิไดจ้ รงิ ในชวี ิต จงึ ทา� ใหส้ ภุ าษติ พระร่วงมคี ุณค่าในดา้ นเนอื้ หา ดังนี้ 2. นักเรียนพิจารณาการใชค ําและลกั ษณะเดนทาง ๑) ข้อคิดและคติทางโลก สุภาษิตพระร่วงมีเนื้อหามุ่งสอนให้รู้วิธีด�าเนินชีวิต วรรณศิลปอ ่ืนๆ ในสภุ าษติ พระรวง และการปฏบิ ัตใิ นด้านตา่ งๆ ทง้ั ตอ่ ตนเองและผู้อน่ื อย่างเหมาะสม เพือ่ ความสงบสุขในสังคม เชน่ ๑.๑) ความส�าคัญของการศึกษาหาความรู้ สุภาษิตพระร่วงมีค�าสอนที่ส่ือ ใหเ้ หน็ คณุ ค่าของการศึกษาเลา่ เรียน เชน่ เมอ่ื นอ้ ยให้เรยี นวชิ า เป็นคนเรยี นความรู้ ๑.๒) ข้อคิดในการท�างาน สุภาษิตพระร่วงมีค�าสอนให้ประกอบอาชีพหรือ การท�างานท่ีสุจริตและไม่เกิดโทษ เช่น อย่ากอปรกิจเป็นพาล ให้หาสินเม่ือใหญ่ อย่าท�าการท่ีผิด คดิ ขวนขวายที่ชอบ ๑.๓) ความส�าคัญของการพูด สุภาษิตพระร่วงมีค�าสอนให้รู้กาลเทศะหรือ จงั หวะเวลาในการพดู รู้จกั รบั ผดิ ชอบในสง่ิ ทีพ่ ูด รู้จักคดิ กอ่ นพูด และไม่พดู เท็จ เชน่ ➝ ยอครูยอต่อหนา้ ยอขา้ เม่ือแล้วกิจ ยอมติ รเมื่อลับหลงั ลูกเมียยงั อย่าสรรเสริญ 52 นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอใดเปนความหมายของสุภาษติ พระรว งทว่ี า “อยาเขาแบกงาชาง” 1 คาํ สอนในสภุ าษติ พระรวง จะใชเ ปนเกณฑใ นการจําแนกวรรณคดจี ากทไ่ี ด 1. เพราะงาเปนของมคี าไมค วรนํามาแบกเลน พิจารณาเนื้อหาและเนื้อเรอ่ื งวาเปนเรอ่ื งทีเ่ กี่ยวกบั พระพทุ ธศาสนา ทง้ั โดยตรงและ 2. เพราะงาไมใชข องเลน ที่จะนํามาแบกได ทม่ี ีอิทธพิ ลมาจากความเชอ่ื ทางศาสนา จงึ อาจจัดสภุ าษิตพระรว งใหเ ปนวรรณคดี 3. เพราะงาชาหนักอาจถูกงาทับได ศาสนาหรอื วรรณคดสี ุภาษติ ซ่ึงรวมเปนประเภทเดยี วกัน 4. เพราะอาจถกู ชางแทงได วเิ คราะหค ําตอบ งาชางเปน ส่งิ ทีม่ คี า ท้ังนเี้ พราะเอามายากและเสี่ยงตอ การถกู ชา งทาํ รา ย เสี่ยงตอการถูกชา งแทง การเขาแบกงาชา งเปน การทําโดย ไมค มุ กับผลประโยชนท ี่จะไดรบั จึงมีคําสอนเตอื นวา “อยาเขาแบกงาชา ง” ตามความหมายทกี่ ลา ววา อยา ทําอะไรที่เสย่ี งโดยไมคมุ คากบั ผลท่จี ะไดรบั อยา เอาชีวิตเขา เส่ยี งเพือ่ แลกกบั งาชาง ตอบขอ 4. 52 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู รับผดิ ชอบในสง่ิ ที่พดู ➝ โต้ตอบอย่าเสยี คา� นักเรียนอธบิ ายความสัมพนั ธระหวา งคติทางโลก และทางธรรม คดิ ก่อนพดู ➝ คดิ แล้วจึงเจรจา (แนวตอบ คตทิ างโลกเปนหลกั ในการดําเนินชีวิต ไม่จบั ผดิ คำ� พดู คนอื่น ➝ อยา่ จับลนิ้ แกค่ น 1 ประจาํ วัน เปนวิถีในการปฏิบัติตนทัว่ ไป เชน การ ศึกษาหาความรู การทํางาน การพูดใหถกู กาลเทศะ ไม่พูดเท็จ ➝ อยา่ รกิ ล่าวคา� คด เจรจาตามคดี เปนตน ในขณะทคี่ ตทิ างธรรมเปนสิ่งท่คี อยควบคุม กํากบั ความคดิ และพฤตกิ รรมของคนในสังคม ใหคดิ ๑.๔) มารยาทในการเข้าสังคม การใช้ชีวิตอยู่ในสังคม ย่อมต้องพบปะกับ ดี พดู ดี และทําดี อันกอ ใหเกดิ สิ่งท่ีดที ้ังตอ ผูป ฏิบตั ิ บคุ คลอนื่ ๆ อยู่เสมอ จึงต้องปฏิบัติตนใหเ้ หมาะสมกบั โอกาสและบุคคล เชน่ ไปเรือนท่านอยา่ นงั่ นาน ผอู ่ืน และสังคม จงึ สรุปไดว า เราตอ งนาํ คตทิ างธรรม อยา่ นั่งชิดผ้ใู หญ่ จงนบนอบผ้ใู หญ่ มาใชร ว มกนั กบั คติทางโลก จึงจะบงั เกิดความสขุ ๑.๕) การรู้จักปรบั ตัวในสงั คม เชน่ น้า� เช่ยี วอย่าขวางเรอื เขน็ เรอื ทอดทางถนน ความสําเร็จในชีวิต) ๑.๖) การประหยัด เช่น ของแพงอยา่ มักกิน ๑.๗) การด�าเนินชีวิตครอบครัวให้มีความสุข เช่น การเรือนตนเร่งคิด จงเร่ง ขยายความเขา ใจ Expand ระมัดฟนื ไฟ ความในอยา่ ไขเขา ภายในอย่านา� ออก ภายนอกอย่าน�าเข้า ๑.๘) การให้ความส�าคัญของญาติพี่น้องท่ีมีสายเลือดเดียวกัน ให้มากกว่า นกั เรยี นยกขอ ความท่มี เี นอื้ หาสาระเกยี่ วกับ คนนอกครอบครัว เชน่ อยา่ รักหา่ งกว่าชิด ขอคิดและคตคิ าํ สอนทางโลกหรอื ทางธรรมท่ีนกั เรยี น ๑.๙) การรับราชการ มุ่งเน้นสอนผู้ท่ีท�างานใกล้ชิดเจ้านาย ต้องเป็นผู้รู้จัก พบเห็นในชีวติ ประจําวนั จากส่ือตางๆ ไดแก ระมดั ระวงั ตน ร้จู กั การเคารพนับถือกนั ตามล�าดับชนั้ ดังทเ่ี คยปฏิบตั ิกันมาแตอ่ ดีต เช่น อยา่ ออกกา้ ง หนงั สอื พมิ พ วารสาร/นติ ยสาร วทิ ยุ โทรทศั น ขนุ นาง คบขนุ นางอยา่ โหด อาสาเจา้ จนตวั ตาย อาสานายจนพอแรง เฝา้ ทา้ วไทอยา่ ทะนง เจา้ เคยี ดอยา่ และอนิ เทอรเนต็ เปน ตน จากนนั้ ใหนักเรยี นแสดง เคยี ดตอบ ความคดิ เหน็ ๒) ข้อคิดและคติทางธรรม เป็นค�าสอนท่ีเช่ือมโยงกับหลักศาสนา จริยธรรม และ คณุ ธรรมมหี ลายด้าน เชน่ (แนวตอบ ตัวอยางเชน บทสมั ภาษณณเดชน ๒.๑) สอนใหม้ ีศลี มีธรรม และมคี วามเมตตา เช่น อย่าใฝเ่ อาทรัพย์ทา่ น เมตตา คูกิมิยะ ในนติ ยสารซีเคร็ต ปท ่ี 4 ฉบับท่ี 97 วนั ที่ ตอบต่อมติ ร สรา้ งกุศลอย่าร้โู รย อยา่ มัวเมาเนอื งนติ ย์ อยา่ กร้ิวโกรธเนอื งนิตย์ 10 กรกฎาคม 2555 หวั เรือ่ ง “เผยเบือ้ งหลงั ซูเปอร ๒.๒) สอนให้มีความโอบอ้อมอารี เช่น ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง พึงผันเผื่อต่อญาติ สตาร พรอ มเปด ตวั มารดาผูเปนด่งั ลมใตปก ” จาก โอบอ้อมเอาใจคน คาํ ถามทว่ี า “โลกทกุ วนั นเี้ ตม็ ไปดว ยสารพดั สง่ิ มที ง้ั ดี ๒.๓) สอนให้มีความกตัญญูรู้คุณ เช่น อย่าชังครูชังมิตร ครูบาสอนอย่าโกรธ และไมดี คิดวา การเปน วยั รนุ ทีอ่ ยูในศลี ธรรมยาก ทดแทนคณุ ทา่ นเมอ่ื ยาก อย่าเลียนครูเตือนดา่ แคไหนครับสําหรบั ตวั เอง” ณเดชนต อบคาํ ถามวา ๒.๔) สอนให้ต้ังตนอยู่ในความไม่ประมาท เช่น เข้าเถ่ือนอย่าลืมพร้า เดินทาง “จริงๆ แลวไมย ากนะครบั เพียงแตเ ราจะมสี ติพอท่ี อยา่ เดินเปลีย่ ว ที่สุ้มเสอื จงประหยดั จงเรง่ ระมดั ฟืนไฟ จะนํามาใชใ หเหมาะกับวยั และสถานะของตัวเอง อยางไร วยั รุนเปน วัยอยากรูอยากเห็น มสี งิ่ ทีต่ อ ง 53 เรยี นรมู ากมาย แตก ค็ วรมศี ลี ธรรมกาํ กบั ชวี ติ สง่ิ หนง่ึ ที่วัยรุนสมยั นีข้ าดคอื เวลาที่ควรจะมใี หค รอบครวั เอาใจใสครอบครัว รวมถึงการดูแลขางในตนเอง... คอื มีสติและความคิดอยา งการมองโลกในแงด”ี ) กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู นกั เรยี นบอกขอ คดิ และคติคาํ สอนท่นี ําไปปรับใชไ ดเหมาะสมและ ครแู นะแนวทางในการคนหาขอ มลู จากส่อื การเรียนรูอยา งเหมาะสม โดยครูอาจ สอดคลอ งกับชีวิตประจําวันของนกั เรียน จดั กิจกรรมพานักเรยี นไปเรียนรทู ีห่ อ งสมดุ ใหน ักเรียนเลอื กสืบคน ความรูตา งๆ จากหองสมดุ แลว ใหน กั เรยี นบันทกึ ความรทู ่ไี ดลงสมุด ครูแนะนกั เรยี นเพมิ่ เตมิ วา กจิ กรรมทา ทาย ใหนกั เรยี นระบแุ หลงทีม่ าของขอ มูลใหครบถวนชดั เจน นกั เรียนยกสถานการณปจ จบุ นั ที่เปนปญ หา แลว ใหน กั เรยี นพิจารณาวา นกั เรยี นควรรู จะนําขอ คดิ และคติคําสอนในสภุ าษติ พระรว งไปปรบั ใชในการปอ งกันหรือ แกไขปญหาน้นั ไดอยา งไร 1 คดี มคี วามหมายวา เร่อื ง “การเจรจาตามคดี” จงึ หมายถงึ การพดู คุยตาม เรอ่ื ง คือ พดู กนั อยา งตรงไปตรงมา ไมออกนอกเรอ่ื งไมบ ิดเบอื นเร่อื ง หรอื พูดจา คลุมเครือชวนใหเขาใจผดิ สบั สน กอกวนใหก ารสนทนาพูดคุยกนั ไมเ ปน ผลสาํ เร็จ ท้งั น้คี าํ วา “คดี” มกั ใชประกอบคําศพั ทอ่นื ๆ เชน โบราณคดี วรรณคดี สารคดี คดีโลก คดธี รรม เปน ตน คมู ือครู 53

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรยี นอธิบายเกยี่ วกับคุณคา ดานวรรณศิลป ๒.๕) สอนให้เป็นผู้รู้ประมาณ เช่น อย่าใฝ่ตนให้เกิน มีสินอย่าอวดม่ัง รักตน • การใชคาํ นอ ยแตกนิ ความมาก กว่ารักทรพั ย์ อย่าใฝ่สูงให้พ้นศกั ดิ์ (แนวตอบ สุภาษิตพระรว งแตงดวยรายสภุ าพ ซึง่ มขี อจํากดั เร่ืองจํานวนคาํ ทาํ ใหแตละวรรค ๖.๒ คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ จาํ เปน ตอ งใชคาํ สั้น กระชับ แตมีใจความ มาก) สุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยร่ายสุภาพที่มีสัมผัสคล้องจอง จดจ�าง่าย มีความไพเราะ 2. นกั เรยี นพิจารณาการใชคาํ ในสุภาษติ พระรว ง และยังมีประโยชน์ต่อการศึกษาภาษาไทย ด้วยท�าให้มีความรู้เร่ืองค�าศัพท์และส�านวนเก่าท่ีใช้กันมา เปรยี บเทียบกบั ปจจุบนั และอธิบายการ ตั้งแต่ครั้งอดีต ท�าให้เห็นการเปล่ียนแปลงของภาษาที่เป็นไปตามกาลเวลา คุณค่าด้านวรรณศิลป์ เปล่ียนแปลงของภาษาอยางกวา งๆ ของสุภาษิตพระร่วงมีดงั ต่อไปนี้ (แนวตอบ การใชค ําในสุภาษิตพระรว งไมม กี าร ๑) การใช้ค�าน้อยแต่กินความมาก เนื่องจากสุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยร่ายสุภาพ ใชค าํ สนั ธาน ไมมีสว นขยายหรือรอ ยเรียงเปน ซึ่งมีข้อจ�ากัดเรื่องจ�านวนค�า ท�าให้ในแต่ละวรรคจ�าเป็นต้องใช้ค�าน้อยแต่ให้ได้ใจความมาก ผู้อ่าน ประโยคความรวมและความซอ น ใชค ํานอ ยแต ตอ้ งตีความให้ถูกตอ้ งจึงจะเข้าใจความหมายทแ่ี ท้จริง เช่น กนิ ความมาก ใชค ําสน้ั กระชบั ซ่งึ แตกตา งจากคํา ท่ีใชใ นปจจุบนั ทีใ่ ชคําจํานวนพยางคม ากขึ้นและ อย่ำปลุกผีกลำงคลอง1 มีความหมายว่า ไม่ควรร้ือฟื้นเร่ืองราวท่ีได้ยุติหรือ มีลกั ษณะเปนคาํ ซอน เชน “จงเรงระมดั ฟนไฟ” ปจจุบนั ใชเ ปน “ระมัดระวัง” “นอบตนตอผเู ฒา ” สิ้นสุดลงไปแล้วขึ้นมาใหม่ ในขณะท่ีการงานก�าลังด�าเนินไปได้ด้วยดีหรือในระหว่างที่อยู่ ปจ จบุ ันใชเ ปน “นบนอบ” หรอื “นอบนอ ม” เปนตน) ในภาวะคับขัน เป็นค�าสอนที่เป็นความเปรียบและแสดงให้เห็นถึงความเชื่อของคนในอดีต ที่ถือกันว่าเมื่อน�าวิญญาณไปถ่วงน�้า (คลอง) แล้ว ไม่ควรปลุกหรือเรียกวิญญาณนั้นให้ ฟืน้ ข้ึนมาอีก อนั เป็นการกระทา� ที่ไม่มเี หตุผลและไม่ก่อใหเ้ กิดประโยชนแ์ ต่อย่างใด ขยายความเขา ใจ Expand เผ่ำกษัตริย์เพลิงงู อย่ำดูถูก น้อย มีความหมายว่า อย่าได้ประมาทหรือ ดูหม่ินใน ๓ ส่ิง คือ พระเจ้าแผ่นดิน ไม่ควรหม่ินว่าทรงพระเยาว์ ไฟ ไม่ควรดูหม่ิน นกั เรียนยกตัวอยางประโยค ทม่ี ีการเปล่ียนแปลง ว่าเล็กน้อย งู ไม่ควรดูหม่ินว่าตัวเล็ก เพราะ ๓ ส่ิงนี้สามารถบันดาลความหายนะและ ทางภาษานอกเหนือจากตวั อยางในบทเรียน คนละ 3 ความทกุ ข์มาให้ได้ ประโยค พรอมอธบิ ายการเปลย่ี นแปลง ๒) การใช้ค�าศัพท์ค�าเดียว เป็นการน�าศัพท์มาใช้เพียงค�าเดียวโดดๆ และแตกต่าง (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถยกตวั อยางไดหลาก จากค�าทใ่ี ช้ในปจั จบุ นั มาก ผอู้ ่านตอ้ งพินิจพิจารณา จึงจะเข้าใจความหมายของคา� และเนือ้ ความ หลาย โดยครูพจิ ารณาบรบิ ทของเน้ือความวามกี ารใช คาํ ในปจ จุบนั อยางถกู ตองเหมาะสมหรือไม ตัวอยา ง จงเร่งระมัดฟืนไฟ ปัจจุบนั ใช้ ระมดั ระวัง เชน นอบตนต่อผู้เฒ่า ปจั จบุ ันใช ้ นบนอบ หรอื นอบนอ้ ม พรรคพวกพึงท�ำนกุ ปัจจุบนั ใช้ ท�านุบ�ารงุ หรอื ทะนุบา� รงุ • ครูบาสอนอยา โกรธ ปจ จุบันมักใชเปน ปัจจุบนั ใช ้ ม่ังมี ครูบาอาจารยส อนอยาโกรธ มีสินอยา่ อวดม่ัง • ภักดีอยาดว นเคียด ปจจบุ นั มกั ใชเ ปน 54 ภกั ดีอยาดว นเคยี ดแคน • ความแหนใหป ระหยัด ปจจบุ ันมกั ใชเ ปน ความหวงแหนใหป ระหยัด เปนตน) นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอ ใดคอื คณุ คา ดานวรรณศลิ ปของสภุ าษิตพระรว ง 1 อยาปลุกผีกลางคลอง ตรงกบั สํานวนปลา้ํ ผลี กุ ปลุกผนี ง่ั หมายความวา 1. มีการเลนเสียงสัมผัสคลองจองในวรรค พยายามทาํ เรือ่ งท่จี บใหก ลบั เปน เรอ่ื งขึ้นมาใหม สํานวนน้ีมที ม่ี าจากความเช่อื ของ 2. มีการพรรณนาดว ยภาษาสละสลวย คนสมัยกอ นวา อาจใชเ วทมนตรปลกุ คนตายข้นึ มา เพื่อใชใหท าํ การอยา งใดอยา ง 3. มีการใชภ าพพจนอติพจน หนึ่งได 4. มขี อคดิ คําสอน วิเคราะหค ําตอบ ลักษณะทางวรรณศลิ ปของสุภาษติ พระรว งมีการใชค าํ นอ ย แตก นิ ความมาก ใชค ําไมเ ยนิ่ เยอ จงึ ไมมกี ารพรรณนาดวยภาษาสละสลวย ตามขอ 2. อีกท้งั ไมม กี ารใชภาพพจนอตพิ จน ซงึ่ เปนการกลา วเกินจริงตาม ขอ 3. สวนขอคดิ คําสอนในขอ 4. เปนสง่ิ ทสี่ ามารถนําไปปฏบิ ตั ิไดจริง แต ท้งั น้ีขอคดิ คําสอนไมใชค ุณคา ดานวรรณศลิ ปแตเปนคุณคา ดานเนื้อหา คณุ คา ดา นวรรณศลิ ป คอื การเลน เสยี งสมั ผสั ในวรรคท้งั สัมผสั สระและสัมผัสอกั ษร ตอบขอ 1. 54 คูมือครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓) การสรรค�า1สุภาษิตพระร่วง เป็นร่ายท่ีใช้ภาษาได้อย่างกระชับตรงไปตรงมา นักเรยี นอธิบายการสรรคําในสุภาษิตพระรวง จากประเดน็ ตอไปนี้ แต่มีสัมผัสคล้องจอง จึงจดจ�าได้ง่ายและมีความไพเราะ โดยเฉพาะจากการเล่นเสียงและการเล่นค�า ดังนี้ • การเลนเสยี ง ๓.๑) การเล่นเสียง เป็นการเล่นเสียงสัมผัส ท้ังสัมผัสสระและสัมผัสอักษร (แนวตอบ มีการเลนเสียงสัมผสั ทัง้ เสยี งสัมผัส ในวรรคเดยี วกัน เช่น สระและสัมผัสอกั ษรในวรรคเดยี วกนั การเลน เสยี งอักษร เชน สัมผสั อกั ษร “สเู สียสนิ อยาเสยี ศกั ดิ์” ส-ู เสีย-สนิ -เสยี -ศักด์ิ เปนตน การเลน เสียงสระ เชน “อยา เบยี ด อย่าเคลอ่ื นคลำดคลำถอย เลน่ เสียงสัมผสั อักษร คือ เคลือ่ น-คลาด-คลา เสียดแกมติ ร” เบียด-เสยี ด เปนตน) อยา่ ก รธเนืองนติ ย ์ เลน่ เสียงสัมผสั อักษร คือ กริว้ -โกรธ, เนือง-นิตย์ ช้างไลแ่ ลน่ เล่ียงหลบ เลน่ เสียงสมั ผสั อักษร คอื ไล่-แล่น-เลยี่ ง-หลบ • การเลน คาํ สเู้ สยี สินอย่าเสยี ศกั ด์ิ เลน่ เสยี งสัมผสั อักษร คอื ส-ู้ เสยี -สิน-เสยี -ศักด์ิ (แนวตอบ ลักษณะการเลน คาํ ในสภุ าษติ - พระรวง มีการซํ้าคํา เชน คาํ วา “ยอ” ความ สัมผสั สระ วา “ยอครยู อตอหนา ยอขา เม่ือแลว กิจ ยอ มิตรเมอ่ื ลบั หลงั ” ซา้ํ คาํ วา “อยา ” ในความวา อย่าตีปลำหน้ำไซ เลน่ เสยี งสมั ผัสสระ คอื ปลา-หน้า “อยารกั เหากวา ผม อยา รกั ลมกวารกั นํ้า อยารกั ถํา้ กวา เรอื น อยารกั เดือนกวา ตะวนั ” อยา่ กอปรจิตรษิ ยา เลน่ เสียงสมั ผสั สระ คอื จติ -รษิ (ยา) เปน ตน ซ่งึ การเลนคําในลักษณะน้ีเปน การ เนนเจตนาของกวใี หม นี ้ําหนกั มากขนึ้ ) อย่าเบียดเสยี ดแกม่ ิตร เล่นเสยี งสัมผสั สระ คอื เบียด-เสยี ด พลันฉบิ หำย ม้วย เล่นเสียงสมั ผสั สระ คือ หาย-วาย ๓.๒) การเล่นค�า การเล่นค�าโดยเฉพาะการซ้�าค�าที่ต้นวรรค ภายในวรรค และ ขยายความเขา ใจ Expand ระหว่างวรรค ชว่ ยเน้นย้�าความหมายและยงั ได้ความไพเราะจากเสียงสมั ผัสทีค่ ลอ้ งจอง เช่น ยอครูยอตอ่ หนา้ ยอข้าเม่ือแล้วกจิ ยอมติ รเมือ่ ลับหลัง นักเรยี นจบั คูกันแตง คําประพนั ธเ ร่ืองท่นี ักเรยี น อยำ่ ถากคนด้วยตา อยำ่ พาผดิ ดว้ ยห ู อยำ่ เลียนครูเตอื นดา่ อย่ำรกิ ล่าวคา� คด สนใจดว ยรายสุภาพ ใหม ลี ักษณะการเลน คําโดย อยำ่ รกั เหากวา่ ผม อยำ่ รกั ลมกวา่ รกั นา้� อยำ่ รกั ถา้� กวา่ เรอื น อยำ่ รกั เดอื นกวา่ ตะวนั การซา้ํ คาํ ขน้ึ ตนประโยค อยางนอย 3 วรรคขนึ้ ไป อย่ายลเย่ียงถ้วยแตกมติ ดิ จงยลเยย่ี งสัมฤทธ์แิ ตกมิเสยี ท่ำนรักตนจงรกั ตอบ ท่ำนนอบตนจงนอบแทน (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแตง คําประพนั ธไ ด รูท้ ่ีขลาดที่หาญ คนพำลอย่าพำลผดิ หลากหลายตามความสนใจของนกั เรียน แตค รู เขา้ เถอ่ื นอยำ่ ลมื พร้า หน้าศกึ อยำ่ นอนใจ ไปเรือนทา่ นอยำ่ นัง่ นาน พิจารณาวา ควรเปนเรอ่ื งท่ีสรา งสรรคเ หมาะกบั วัย ผจิ ะบงั บงั จงลบั ผจิ ะจบั จบั จงมนั่ ผจิ ะคน้ั คนั้ จงตาย ผจิ ะหมายหมายจงแท ้ ผจิ ะแกแ้ กจ้ งกระจา่ ง ของนกั เรียน สามารถนําไปเปน ขอคดิ หรือคติ เตอื นใจได ตัวอยางเชน “อยานอนตืน่ สาย อยา อาย สภุ าษติ พระร่วง แมจ้ ะเป็นวรรณคดที ี่มีขนาดสน้ั แต่คุณคา่ นัน้ มีมากมายดว้ ยได้ ทํากนิ อยาหมิ่นเงนิ นอ ย อยา คอยวาสนา”) ให้แนวทางในการปฏบิ ัตติ นท่ีเปน็ ประโยชนอ์ ย่างย่ิงต่อการดÓเนนิ ชวี ิต 55 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู ผจิ ะบงั บงั จงลบั ผิจะจบั จับจงม่นั 1 การสรรคํา การสรรคาํ ทดี่ ีมีประสทิ ธิผลเปนเครื่องแสดงออกของความเขา ใจ ผิจะคนั้ ค้นั จงตาย ผิจะหมายหมายจงแท ความรู และความคิดของผูพูด หรอื ผูป ระพันธ ซึง่ ไมเพยี งแตจ ะมีความถกู ตอง ขอใดไมใชล กั ษณะทางวรรณศิลปข องบทประพนั ธข า งตน ชัดเจนตรงเจตนาเทา นั้น แตจะตอ งประกอบดว ยความสงา งาม โดยคํา ความคดิ 1. มีการซํา้ คําทุกวรรค และวิธกี ารแสดงออกจะผสมผสานกันอยา งกลมกลนื แมถ อ ยคาํ และวธิ กี ารเรียบ 2. มีการซาํ้ คําท่ีขนึ้ ตนวรรค เรียงคําจะแตกตางกันไปตามยุคสมยั 3. มีการใชคําเลยี นเสยี งธรรมชาติ 4. มกี ารเลน เสียงสัมผสั ระหวา งวรรค คูมอื ครู 55 วิเคราะหคาํ ตอบ ลักษณะทางวรรณศิลปของบทประพันธน ี้ มีดงั นี้ มกี าร เลน เสียงสมั ผสั ระหวางวรรค คอื ลบั -จับ มัน่ -คนั้ และตาย-หมาย มีการซ้าํ คาํ วา “ผิ” ในตนวรรค มกี ารซํ้าคําทุกวรรค ไดแก “บงั บงั ” ในวรรคแรก “จับจับ” ในวรรคที่ 2 “คั้นคน้ั ” ในวรรคที่ 3 และ “หมายหมาย” ในวรรคท่ี 4 ดงั นั้นจงึ เหน็ ไดวา สุภาษติ พระรว งไมม กี ารใชคําเลียนเสยี งธรรมชาติ ตอบ ขอ 3.

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. นกั เรยี นอธบิ ายความสัมพันธระหวางคตทิ างโลก คำ� ถำม ประจำ� หนว่ ยกำรเรียนรู้ และคติทางธรรมได ๑. สุภาษิตพระร่วงแสดงใหเ้ หน็ ลักษณะเดน่ ของภาษาไทยอยา่ งไรบา้ ง 2. นักเรยี นยกขอความท่มี เี นื้อหาสาระเกยี่ วกบั ขอคดิ ๒. ค�าสอนในสุภาษิตพระรว่ งขอ้ ใดทีน่ กั เรยี นสามารถน�ามาประยกุ ต์ใชไ้ ด้ในการศกึ ษาเลา่ เรียน และคตคิ าํ สอนทางโลกหรอื ทางธรรมท่ีนกั เรยี น พบเหน็ ในชีวติ ประจาํ วนั จากส่อื ตางๆ ได จงยกตัวอยา่ งประกอบ ๓. เพราะเหตุใดค�าสอนในวรรณคดีเร่ืองสภุ าษิตพระรว่ งยงั คงทนั สมยั น�ามาปรบั ใชไ้ ด้อยเู่ สมอ 3. นักเรียนยกตัวอยางประโยคที่มกี ารเปลยี่ นแปลง ทางภาษาทนี่ อกเหนือจากตัวอยางในบทเรียนได 4. นกั เรียนแตงคาํ ประพันธเ ร่ืองทน่ี ักเรียนสนใจ ดวยรายสุภาพ และคาํ ประพันธทแี่ ตง มีลักษณะ การเลน คําโดยการซา้ํ คําข้นึ ตนประโยค หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู กิจกรรม สรำ้ งสรรคพ์ ัฒนำกำรเรียนรู้ 1. เขยี นแผนผังลกั ษณะคําประพนั ธป ระเภท กจิ กรรมท่ ี ๑ ใ หน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งสภุ าษติ พระรว่ ง ทน่ี กั เรยี นยดึ เปน็ คตปิ ระจา� ใจไดใ้ นการดา� เนนิ รา ยสภุ าพและโคลงสองสุภาพ กิจกรรมที่ ๒ ชวี ติ คนละ ๑ สุภาษิต พร้อมท้งั บอกวธิ ีการปฏิบตั ิตนและผลจากการปฏบิ ัติ ใ หน้ กั เรียนแบ่งออกเป็นกลมุ่ แต่ละกลุม่ ร่วมกนั ศกึ ษาค้นคว้าเรือ่ งสภุ าษติ สา� นวน 2. จัดปายนิเทศดว ยบัตรคาํ ศัพทใ นบทเรียน กจิ กรรมท่ ี ๓ และคา� พงั เพย กลุม่ ละ ๑ ตวั อยา่ ง และชว่ ยกนั วาดภาพประกอบ แลว้ น�าไปติดไว้ที่ 3. รายงานเกี่ยวกับเหตุการณในสังคมทน่ี าํ คาํ สอน ป้ายนเิ ทศ จ ดั นทิ รรศการให้ความรเู้ กีย่ วกบั คา� สอนในสุภาษติ พระร่วงในหวั ข้อท่นี า่ สนใจ เช่น ในสภุ าษติ พระรว งไปปรับใชในชีวิตจรงิ สุภาษติ กับวถิ ชี ีวิตไทย คณุ ค่าสุภาษิตไทย สภุ าษติ ในวรรณกรรมไทย สุภาษิตกับ 4. บนั ทกึ ขอ คิดและคตคิ าํ สอนท่นี กั เรียนประทับใจ นิทานพ้ืนบา้ น เปน็ ตน้ 5. แตง คาํ ประพันธเ รอื่ งท่นี ักเรยี นสนใจ ดวยรา ย สภุ าพ ใหมลี ักษณะการเลน คําโดยการซํ้าคาํ ข้ึนตนประโยค แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนวยการเรียนรู 1. สุภาษิตพระรว งแสดงใหเ หน็ ลกั ษณะเดน ของภาษาไทย ดงั นี้ 1) การเปล่ียนแปลงของภาษาท่เี ปน ไปตามกาลเวลา 2) การใชค าํ นอ ยแตก นิ ความมาก 3) การเลนเสียงเปนการเลนเสยี งสมั ผสั คลองจอ ง จดจาํ งา ยมีความไพเราะ 4) การเลนคํา การซ้าํ คาํ ทําใหเกดิ ความไพเราะ 2. คําสอนในสุภาษิตพระรวงสามารถนาํ มาประยุกตใ ชใ นการศกึ ษาเลา เรยี น ยกตวั อยา งเชน 1) เม่ือนอยใหเ รียนวชิ า ใหหาสนิ เมื่อใหญ 2) ครูบาสอนอยา โกรธ 3) อยา ชังครชู ังมิตร 4) เปนคนเรยี นความรู 3. แมเ วลาจะผานเลยไปคําสอนในสุภาษิตพระรวงกค็ งทนั สมัยอยเู สมอ เพราะเปน การสอนทงั้ ทางคดีโลกและคดีธรรม สอนความเปนไปของชีวติ สามารถนําไปปฏิบตั ิ ไดจ รงิ ในชวี ิต เชน 1) ความสําคัญของการศกึ ษาหาความรู 2) ความสําคัญของการพดู 3) การรูจ กั ปรบั ตัวใหอยูใ นสงั คมอยางมีความสขุ 4) มศี ลี ธรรม มคี วามเมตตา เอือ้ เฟอ อารี มีความกตัญู เปนตน 56 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรียนรู 1. สรุปเนือ้ หากาพยเร่อื งพระไชยสุรยิ า 2. วิเคราะหค ณุ คา กาพยเรอ่ื งพระไชยสรุ ิยา 3. สรปุ ความรแู ละขอคดิ จากกาพยเรอื่ ง พระไชยสุริยา 4. ทอ งจําบทอาขยานตามความสนใจ สมรรถนะของผูเรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชทักษะชวี ิต ๔หนว่ ยที่ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค กาพยเ์ รอื่ งพระไชยสุรยิ า 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ รียนรู 3. มุงมั่นในการทาํ งาน 4. รักความเปนไทย กระตนุ ความสนใจ Engage ตัวชี้วดั กาพยเ์ รอื่ งพระไชยสรุ ยิ าเปน็ หนงั สอื แบบเรยี น ครูกระตุนความสนใจของนกั เรียนดว ยการให นกั เรียนดูภาพหนา หนว ย จากนนั้ ครูชวนนกั เรียน ■■ สรปุ เนือ้ หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่อี ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑) สนทนาเกยี่ วกบั เหตุการณทอี่ ยูในภาพ และให ■■ วิเคราะหว์ รรณคดีและวรรณกรรมที่อา่ น พรอ้ มยกเหตผุ ลประกอบ นักเรยี นรวมกนั เลา เร่อื งจากภาพ (ท ๕.๑ ม.๑/๒) ที่มีคุณค่าและน่าสนใจ เน่ืองจากเน้ือเรื่องเป็นนิทาน ช่วยตอบสนองธรรมชาติของเด็ก นับเป็นกุศโลบาย • ถา นกั เรยี นอยใู นเหตุการณด ังภาพหนา หนวย ■■ อธบิ ายคณุ คา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓) อย่างหน่ึงทีท่ า� ใหบ้ รรยากาศในการเรยี นสนุกสนาน นกั เรียนจะทําอยางไร ■■ สรุปความรแู้ ละข้อคิดจากการอา่ นเพื่อประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ นอกจากนี้ กาพย์พระไชยสุริยายังมีความไพเราะ (แนวตอบ นักเรยี นตอบไดหลากหลาย ข้นึ อยูกบั เหตุผลของนกั เรียน) (ท ๕.๑ ม.๑/๔) ■■ ท่องจา� บทอาขยานตามที่ก�าหนด และบทรอ้ ยกรองทมี่ ีคณุ คา่ ตามความสนใจ (ท ๕.๑ ม.๑/๕) ค�าที่ใช้เป็นค�าไทยง่ายๆ มีสัมผัสคล้องจอง เหมาะส�าหรับ การท่องจ�า และยังได้เรียนรู้เก่ียวกับมาตราตัวสะกดและ สาระการเรียนรู้แกนกลาง ลกั ษณะของการแตง่ คา� ประพนั ธป์ ระเภทกาพย์ ทงั้ ยงั ไดข้ อ้ คดิ คตธิ รรมจากเนอื้ เร่ืองอีกด้วย ■■ การวิเคราะห์คณุ คา่ และขอ้ คิดจากวรรณคดี และวรรณกรรม เรอื่ ง กาพยพ์ ระไชยสุรยิ า ■■ บทอาขยานและบทร้อยกรองท่มี คี ณุ คา่ 57 เกรด็ แนะครู การสอนใหน กั เรยี นเกดิ ความซาบซึ้งในรสวรรณคดีข้นึ อยูกบั ปจ จยั หลาย ประการ เชน ความเขาใจในเนอื้ เร่อื ง ความหมายของคําศพั ท ความสามารถของ กวีในการบรรยาย เลาเรื่อง การพรรณนาความงามขององคป ระกอบตา งๆ ในเรื่อง การเลือกสรรถอยคํามาใช การใชถอ ยคําเปรยี บเทียบอปุ มาอุปไมย เปน ตน ดงั นั้น จงึ ควรจดั กิจกรรมใหน กั เรียนปฏิบัติใหสอดคลองกับจดุ มุงหมายของการเรยี น คอื ใหเ กิดความซาบซึ้งในรสวรรณคดแี ละเขาใจเน้อื เรื่อง คูมือครู 57

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครูเปดวดี ิทศั นเก่ยี วกับการอา นกาพยเรอ่ื ง ๑ ความเป็นมา พระไชยสรุ ิยาใหนกั เรยี นชม จากน้นั ใหน กั เรยี น บนั ทกึ ความประทบั ใจจากการชมกาพยเ รื่อง กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา มีเนื้อหาเป็นนิทานขนาดสั้น มีความยาวเพียง ๑ เล่มสมุดไทย พระไชยสุรยิ าลงสมุด บสุนวชทอรยภ่ทู ู่ไ่ีวดัด้แเตท่งพขธึ้นิดขาณราะมจ1ร�าะพหรวร่าษงาพอ.ยศู่ท. ๒่ีจัง๓ห๘ว๒ัด-เ๒พ๓ช๘ร๕บุรี ราว พ.ศ. ๒๓๖๘ หรืออาจแต่งขึ้นเม่ือคร้ัง สาํ รวจคน หา Explore สุนทรภู่แต่งกาพย์พระไชยสุริยาข้ึนเพื่อใช้เป็นแบบสอนอ่านและเขียนสะกดค�าในมาตรา 1. นกั เรยี นศึกษาความเปนมาของกาพยเร่อื ง ต่างๆ โดยผูกให้เป็นเร่ืองราว เพื่อให้เด็กมีความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการอ่านและการเล่าเรียน พระไชยสุริยา ศึกษา ครั้นต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ครั้งเป็นหลวงสารประเสริฐ เม่ือแต่งหนังสือมูลบทบรรพกิจ ส�าหรับใช้เป็นแบบเรียน 2. นักเรยี นศกึ ษาและสรปุ ความรูเกีย่ วกบั ลกั ษณะ คาํ ประพันธแ ละเรือ่ งยอ กาพยเรอื่ ง จหึงนไังดส้นือ�าไมทายรใวนมโไรวงใ้ เนรียหนนหังสลือวมงูลคบงทเหบ็นรวรพ่ากกาิจพ2ย์เร่ืองพระไชยสุริยาเป็นบทกวีท่ีไพเราะ ท้ังอ่านเข้าใจง่าย พระไชยสรุ ยิ าลงสมุด ºÍ¡àÅÒ‹ ࡌÒÊÔº อธบิ ายความรู Explain โอเอวหิ ารราย นกั เรยี นอธิบายความเปน มาของกาพยเร่ือง พระไชยสรุ ยิ าพรอมท้ังตอบคําถาม ความสําคัญของกาพยเร่ืองพระไชยสุริยา นอกจากจะเปนแบบเรียนสอนอานที่มีคุณคาดาน เนอ้ื หาแลว ยงั มกี ารนาํ มาเปน บทสวดทเ่ี รยี กวา การสวดโอเ อว หิ ารราย คอื การสวดกาพยเ ปน ทาํ นอง (แนวตอบ กาพยพระไชยสุริยาเปนแบบเรยี น ตามศาลารายรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันเขาพรรษา วันกลางพรรษา และ ทส่ี นุ ทรภแู ตง ข้นึ ในสมยั รชั กาลที่ 3 แหงกรงุ - วันออกพรรษา สันนิษฐานวามีมาต้ังแตสมัยอยุธยา เรื่องที่นิยมนํามาสวด คือ มหาชาติ ตอมา รัตนโกสินทร ทา นสุนทรภแู ตง ข้ึน เมอ่ื ประมาณ พ.ศ. สมยั รัตนโกสนิ ทร พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา เจา อยูหัวโปรดเกลา ฯ ใหม ีการสวดโอเอวิหารราย 2382-2385 ขณะทบี่ วชเปน พระอยทู ่ีวดั เทพธดิ าราม ในชว งเขา พรรษาโดยนาํ กาพยเ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ ามาสวดเปน ครง้ั แรก เนอ่ื งจากการใชบ ทสวดมหาชาติ ทา นแตงเปนกาพยซึ่งแทรกความรูเกีย่ วกบั ภาษาไทย มผี สู นใจฟงนอย ในเรื่องของมาตราตวั สะกดแมต า งๆ นอกจากน้ัน ยังสอดแทรกคตธิ รรมตา งๆ ที่เปน ประโยชนอ ีกดวย การสวดโอ้เอ้วิหารรายในปจ จุบนั ศาลารายรอบพระอโุ บสถวดั พระศรรี ัตนศาสดาราม ครัน้ ตอ มาในรัชกาลที่ 5 เมื่อพระยาศรีสนุ ทรโวหาร (นอ ย อาจารยางกรู ) แตง หนงั สือมลู บทบรรพกจิ 58 สําหรับใชเ ปนแบบเรียนหนังสือไทยในโรงเรยี นหลวง คงเห็นวา กาพยเ รือ่ งพระไชยสรุ ยิ านี้เปนบทกวีนพิ นธ ทไี่ พเราะทั้งอานเขาใจงา ยและเปน คตจิ ึงนํามาบรรจุ ไวในมลู บทบรรพกจิ เปน ตอนๆ ตั้งแตแม ก กา ไปจนจบแมเ กย ในการศึกษากาพยพระไชยสรุ ิยา ผูเรยี นจะไดเ รยี นรเู กีย่ วกบั ลักษณะการแตง คาํ ประพันธป ระเภทกาพย ไดแ ก กาพยย านี 11 กาพยฉบงั 16 และกาพยสุรางคนางค 28) นกั เรียนควรรู บรู ณาการเชือ่ มสาระ การอานบทรอ ยกรองกาพยเรอื่ งพระไชยสรุ ยิ าใหไพเราะตามเจตนาของ 1 วดั เทพธิดาราม เปน วดั อารามชน้ั ตรี รัชกาลท่ี 3 ทรงโปรดฯ ใหส รา งขึ้นเพอื่ ผูแ ตง ที่แตง ขึ้นเพอ่ื ใชเ ปนแบบสอนอานและเขยี นสะกดคาํ ในมาตราตา งๆ เฉลิมพระเกียรตแิ กพระเจาบรมวงศเธอ กรมหม่นื อปั สรสดุ าเทพ ใน พ.ศ. 2379 ซง่ึ รูปแบบแตกตางจากหนังสอื เรียนแบบเดิม คอื ผูกใหเ ปนเรอื่ งราว และ ต้ังอยทู ีร่ ิมถนนมหาไชยใกลว ัดราชนดั ดา เดิมช่อื วดั บา นพระยาไกรสวนหลวง มีความสนกุ สนานเพลิดเพลินไปกับการอา น ทาํ ใหก ารเรียนภาษานาสนใจ 2 หนงั สือมูลบทบรรพกจิ เปน ตําราทว่ี าดว ยเรอื่ งของสระ พยญั ชนะ จาํ แนก ครูบูรณาการความรนู ีเ้ ขากบั กลมุ สาระการเรยี นรศู ลิ ปะ วิชาดนตรี ซึ่งสอน เปนมาตราแม ก กา และมาตราทม่ี ตี ัวสะกด มแี บบฝกหดั อานกาพยเร่อื งพระไชย- เรอ่ื งการขับรอง นักเรยี นนาํ เทคนคิ การขับรองจากวิชาดนตรมี าปรบั ใชใน สุริยาของสุนทรภแู ทรกอยใู นเลมดวย การอา นกาพยเร่ืองพระไชยสุรยิ าใหนาสนใจ 58 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒ ประวตั ิผู้แต่ง นักเรียนอธิบายลกั ษณะคาํ ประพนั ธข องกาพย เร่ืองพระไชยสุริยา ดังตอไปนี้ ประวัติของสุนทรภู่ ผู้แต่งกาพย์เร่ืองพระไชยสุริยา สามารถอ่านได้จากหน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ เรื่องนิราศภูเขาทอง • กาพยยานี 11 (แนวตอบ กาพยย านี 11 มี 2 บาท คือ บาท ๓ ลักษณะคÓประพนั ธ์ เอกและบาทโท บาทหนึ่งมี 2 วรรค วรรคหนา มี 5 คํา วรรคหลงั มี 6 คาํ รวมบาทละ 11 คาํ กาพย์เร่ืองพระไชยสุริยา แต่งด้วยค�าประพันธ์ประเภทกาพย์ ได้แก่ กาพย์ยานี ๑๑ สัมผสั บังคับเปน สมั ผัสสระ คอื คําสดุ ทา ยของ กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘ วรรคท่ี 1 สมั ผัสกบั คาํ ที่ 1 2 หรอื 3 ของวรรค ท่ี 2 และคาํ สุดทา ยของวรรคท่ี 2 สง สมั ผสั ไป แผนผงั และตวั อย่างกาพย์ยานี ๑๑ ยงั คาํ สุดทา ยของวรรคท่ี 3 ถาแตงสองบทข้นึ ไปคาํ สดุ ทายของบทแรก สัมผสั กบั คาํ สดุ ทา ย              ของวรรคท่ี 2 ในบทถัดไป ในกาพยเ ร่อื งพระ       *         ไชยสุริยาใชกาพยย านี 11 ในการบรรยาย                        • กาพยฉบัง 16 (แนวตอบ กาพยช นดิ นมี้ จี าํ นวนคาํ ในบท 16 คาํ          แบงออกเปน 3 วรรค วรรคแรกมี 6 คาํ วรรค ที่ 2 มี 4 คํา และวรรคท่ี 3 มี 6 คาํ โดยคํา ขุนนางต่างลุกว่ิง ทา่ นผู้หญิงว่งิ ยดุ หลัง สดุ ทา ยของวรรคท่ี 1 สง สมั ผสั ไปยงั คาํ สดุ ทา ย พัลวันดันตึงตัง พลั้งพลัดตกหกคะเมน ของวรรคที่ 2 และสมั ผัสระหวา งบท คอื ว่งิ อุตลุดฉดุ มอื เณร คาํ สดุ ทา ยของบทแรกสง สมั ผสั ไปยงั คาํ สดุ ทา ย พระสงฆล์ งจากกฏุ ์ิ ลงโคลนเลนเผ่นผาดโผน ของวรรคแรกในบทที่ 2 กาพยน้ีจะบรรยาย หลวงชีหนีหลวงเถร เหตกุ ารณทร่ี วบรดั รวดเรว็ ) แผนผังและตัวอย่างกาพยฉ์ บงั ๑๖ • กาพยสุรางคนางค 28 (แนวตอบ กาพยส ุรางคนางค 28 บทหนึ่ง             ประกอบดว ยคาํ ทงั้ หมด 7 วรรค วรรคละ 4 คาํ รวมเปน 28 คํา โดยสัมผัสบงั คบั ในบทมดี ังน้ี             คําท่ี 4 ของวรรคที่ 1 สง สมั ผัสไปยังคําที่ 4 ของวรรคที่ 2 คาํ ท่ี 4 ของวรรคที่ 3 สง สัมผสั                 ไปยังคาํ ท่ี 4 ของวรรคท่ี 5 และคําท่ี 4 ของ วรรคที่ 6 สว นสัมผสั ระหวา งบท คอื คํา          สดุ ทา ยของบทแรก สมั ผสั กบั คาํ ที่ 4 ของวรรค ที่ 3 ในบทถดั ไป กาพยช นดิ นมี้ ลี ลี าออ นหวาน * หมายเหตุ คาำ สดุ ทา้ ยของวรรคที่ ๓ อาจจะสมั ผสั กบั คาำ ท่ี ๑ ๒ หรือ ๓ ของวรรคท่ี ๔ หรือไม่สมั ผสั ก็ได้ เศรา มกั ใชใ นการพรรณนาอารมณความรูสึก) 59 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู บทประพนั ธต อ ไปนีเ้ รยี งลาํ ดับใหถกู ตอ งตามฉันทลกั ษณไ ดต รงกบั ขอใด ก. แตน้าํ ใจไมนาํ พา ข. ขาเฝา เหลา เสนา ครูแนะความรใู หนกั เรยี นเพม่ิ เตมิ เก่ยี วกับการเสริมสัมผัสในกาพยเรอ่ื ง ค. มไิ ดว าหมขู าไท ง. ถอื นํา้ รา่ํ เขาไป พระไชยสุรยิ าวา มลี กั ษณะเสรมิ ระหวา งจงั หวะกบั จงั หวะในวรรคท้ัง 4 วรรค 1. (ก) (ข) (ค) (ง) ทั้งสัมผสั สระและสัมผัสอกั ษร ดังบทประพนั ธ 2. (ข) (ค) (ง) (ก) 3. (ค) (ง) (ก) (ข) “ขนึ้ กก/ตกทุกยาก แสนลําบาก/จากเวยี งไชย 4. (ค) (ง) (ก) (ข) มนั เผือก/เลอื กเผาไฟ กนิ ผลไม/ ไดเปนแรง” กวีใชส ัมผสั สระคั่นระหวา งจังหวะกับจังหวะในแตละวรรค ดังน้ี วรรคแรก คาํ วา วิเคราะหคาํ ตอบ บทประพันธข า งตนจะสงั เกตไดวา บางวรรคมี 5 คาํ กก-ตก วรรคท่ี 2 คําวา บาก-จาก วรรคท่ี 3 คําวา เผอื ก-เลอื ก และวรรคที่ 4 คาํ วา บางวรรคมี 6 คํา ซ่ึงเปน ฉนั ทลักษณข องกาพยยานี 11 ทว่ี รรคหนา มี 5 คาํ ไม- ได วรรคหลังมี 6 คํา และการลําดบั ความท่กี ลา วถงึ หมเู สนาเขา พธิ ถี อื นาํ้ ดว ยใจ ทไ่ี มซ่ือสัตยภ กั ดี เรียงลาํ ดบั ไดว า (ข) (ค) (ง) (ก) ตอบขอ 2. คูมือครู 59

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นักเรียนอา นเรอ่ื งยอกาพยเ ร่อื งพระไชยสรุ ิยา กลางไพรไก่ขนั บรรเลง ฟังเสยี งเพยี งเพลง แลวสรปุ เปน สํานวนภาษาของนักเรียนเอง ซอเจง้ จา� เรียงเวยี งวัง เพียงฆอ้ งกลองระฆงั (แนวตอบ มีกษตั รยิ พ ระองคหนง่ึ มีพระนามวา ยูงทองรอ้ งกะโตง้ โหง่ ดงั “พระไชยสรุ ิยา” ครองเมอื งสาวัตถี มพี ระมเหสี แตรสังขก์ งั สดาลขานเสยี ง พระนามวา “สุมาล”ี ครองบานเมอื งดว ยความผาสกุ ตอมาขา ราชการเสนาอาํ มาตยประพฤตติ นไมถ กู ตอง แผนผังและตัวอยา่ งกาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ ตามทํานองคลองธรรม จงึ เกิดเหตอุ าเพศนา้ํ ปาไหล ทวมเมือง ผปี า อาละวาด ทาํ ใหช าวเมืองลมตาย               จํานวนมาก พระไชยสรุ ิยากับพระมเหสจี ึงหนลี งเรือ สําเภา แตก ถ็ ูกพายุพดั จนเรือแตก พระไชยสรุ ิยาและ                      มเหสขี นึ้ ฝง ได พระอินทรจ ึงเสด็จมาสั่งสอนธรรมะ ใหทงั้ สองพระองคปฏบิ ัติธรรมตลอดชีวติ จนไดเ สดจ็                  ไปสสู วรรค)                      ขยายความเขา ใจ Expand วันนัน้ จันทร มีดารากร เป็นบริวาร เห็นสน้ิ ดินฟ้า ในป่าท่าธาร มาลีคล่ีบาน ใบก้านอรชร 1. นกั เรียนอานเรอ่ื งยอกาพยเรื่องพระไชยสรุ ิยา ชื่นชะผกา วายุพาขจร แลว วาดภาพจากจนิ ตนาการ ตกแตงระบายสี เยน็ ฉ�่าน้า� ฟ้า แตนตอ่ คลอรอ่ น ว้าว่อนเวยี นระวัน ภาพใหสวยงาม สารพนั จนั ทน์อนิ รื่นกล่ินเกสร 2. นักเรียนนาํ ภาพทวี่ าดไปจัดปา ยนิเทศ ๔ เรื่องย่อ ในชั้นเรยี น หรือชมรมภาษาไทย กาพย์เร่ืองพระไชยสุริยา เริ่มต้นด้วยบทไหว้ครูโดยใช้ค�าในมาตราแม่ ก กา จากน้ันเป็น ตรวจสอบผล Evaluate เน้ือความ แต่งเรียงตามมาตราตัวสะกด คือ แม่ ก กา แม่กน แม่กง แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กม และแม่เกย เมอ่ื จะขึ้นมาตราใดกจ็ ะบอกไว้อยา่ งชัดเจน 1. นกั เรียนอธิบายความเปนมาของกาพยเ ร่อื ง พระไชยสรุ ยิ าได ต่อมาเป็นเน้ือเรื่องกล่าวถึงพระไชยสุริยาครองเมืองสาวัตถี มีมเหสีพระนามว่า สุมาลี พระไชยสุริยาทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความผาสุก แต่ต่อมาบรรดาข้าราชการประพฤติตนไม่ดี 2. นกั เรียนอธบิ ายลักษณะคาํ ประพนั ธของกาพย ไม่อยู่ในศีลธรรม ท�าให้เกิดอาเพศ น้�าป่าไหลท่วมบ้านเมือง พระไชยสุริยาจึงทรงพานางสุมาลีลง เรอ่ื งพระไชยสรุ ยิ าได เรือส�าเภา เรือถูกพายุพัดอับปาง พระไชยสุริยาและมเหสีขึ้นฝั่งได้ ก็เดินทางรอนแรมกลางป่าได้รับ ความทุกข์ ต่อมาพบพระอินทร์เสด็จมาสอนธรรมะ พระไชยสุริยาและพระมเหสีจึงเสด็จออกผนวช 3. นักเรยี นสรุปเรอื่ งยอ กาพยเ ร่ืองพระไชยสุริยาได บ�าเพ็ญพรตตลอดพระชนมชพี 60 เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครูเพ่ิมเติมความรเู ร่อื งสมั ผสั ภายในบทของคําประพันธก าพยสุรางคนางค 28 นกั เรียนศกึ ษารปู แบบแผนผังลกั ษณะคาํ ประพนั ธก าพยส ุรางคนางค 28 วามกี ารเพม่ิ สมั ผัสอกี 1 แหง คือคําสดุ ทา ยของวรรคที่ 4 สงสัมผัสไปยังคาํ ที่ 2 ของ ทีม่ ี 2 แบบ โดยนํารปู แบบทีต่ างไปจากหนงั สือเรียน มาเขียนแผนผัง วรรคท่ี 5 ทง้ั นอ้ี า งตามหลกั ฐานทางวรรณคดที เ่ี ชอ่ื ถอื ไดว า ผทู ส่ี รา งสมั ผสั คนู ล้ี งไปใน คาํ ประพันธลงสมุด บทของกาพยส ุรางคนางค คือ สุนทรภู ดงั ที่ปรากฏในกาพยเรอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า กิจกรรมทาทาย มุม IT นกั เรยี นโยงเสน สัมผสั แผนผังลกั ษณะคาํ ประพนั ธกาพยสรุ างคนางค 28 ศกึ ษาเกย่ี วกบั ลักษณะคําประพนั ธก าพยเร่ืองพระไชยสุริยาเพ่มิ เติม ไดท ี่ ท้งั 2 รูปแบบ บนั ทกึ ลงสมุด http://www.nmk.ac.th/myweb/de_poet.html 60 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage 61 กระตนุ ความสนใจ ๕ เนือ้ เรอ่ื ง ครูเลา นิทานเรอื่ งทีม่ ขี อคดิ เหมาะกับนกั เรียน ใหนกั เรยี นฟง จากน้นั ครตู ้ังคาํ ถามกระตุน ความ กาพย์เรื่องพระไชยสรุ ิยา สนใจนกั เรยี น ยานี ๑๑ พระศรไี ตรสรณา • นกั เรยี นชอบฟงนทิ านหรอื ไม ทาํ ไมจึงชอบ เทวดาในราศี • จากนทิ านท่คี รูเลา นกั เรียนไดขอ คดิ อะไร สะธุสะจะขอไหว้ พ่อแมแ่ ลครบู า เดขีม้าดิมีอายตา่อ่ ตกรีชกา1ามี และนกั เรียนจะนําไปปรบั ใชในชีวิตจรงิ ได อยางไร ข้าเจ้าเอา ก ข พอลอ่ ใจกมุ ารา • นักเรียนชอบแบบเรยี นทเี่ นอื้ เรอ่ื งมลี กั ษณะ แก้ไขในเทา่ นี้ เจ้าพาราสาวะถี เปน นทิ านใหขอ คิดสอนใจหรือไม อยา งไร มสี ดุ ามเหสี จะรา่� ค�าต่อไป อยู่บุรไี มม่ ภี ยั สาํ รวจคน หา Explore ธรณีมีราชา มีกริ ยิ าอัชฌาศัย ได้อาศยั ในพารา 1. นกั เรียนศึกษากาพยเร่ืองพระไชยสุรยิ า ชือ่ พระไชยสรุ ยิ า ชาวบรุ ีกป็ รีดา จากหนังสอื เรียน ช่ือว่าสมุ าลี ได้ขา้ วปลาแลสาลี กห็ าเยาวนารี 2. นกั เรยี นศึกษาคนควา เกยี่ วกบั มาตราตวั สะกด ข้าเฝา้ เหล่าเสนา ท�ามโหรที ีเ่ คหา ในภาษาไทย พ่อค้ามาแต่ไกล เขา้ แตห่ อลอ่ กามา โลโภพาใหบ้ ้าใจ 3. นกั เรยี นรวบรวมคาํ ศพั ทจ ากกาพยเ รือ่ ง ไพร่ฟา้ ประชาชี เหไปเข้าภาษาไสย พระไชยสรุ ิยาตามมาตราตวั สะกด ดงั น้ี ท�าไรข่ ้าวไถนา ฉ้อแต่ไพรใ่ ส่ข่อื คา แม ก กา แมกน แมกก แมก ง แมกด แมก บ คอื ไก่หมเู จ้าสภุ า แมกม แมเกย อยูม่ าหมู่ขา้ เฝ้า ให้สุภาก็ว่าดี ท่หี น้าตาดีดี ไม่ถอื พระประเวณี อธบิ ายความรู Explain ไลด่ า่ ตีมีอาญา คา่� เช้าเฝา้ สีซอ 1. นกั เรียนจบั คูฝ ก อานกาพยเ รื่องพระไชยสุริยา หาไดใ้ หภ้ ริยา 2. ครูใหน ักเรียนจับคถู อดคาํ ประพนั ธคลู ะ 3 บท 3. นักเรียนแตล ะคูมาทองบทประพันธแ ละ ไม่จ�าคา� พระเจ้า ถอื ดีมีขา้ ไท ถอดความตามท่ีรบั ผดิ ชอบหนา ช้ันเรียน คดที ี่มีคู่ ใครเอาข้าวปลามา ท่แี พ้แก้ชนะ ข้ีฉอ้ ก็ไดด้ ี ตาํ แหนง สมั ผัสในขอใดตา งจากขอ อื่น ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู 1. ทําไรขา วไถนา ไดข าวปลาแลสาลี ในการจัดกิจกรรมใหน ักเรียนแตล ะคทู องจําบทอาขยานใหครูฟง เพอ่ื ใหนักเรยี น 2. ทีแ่ พแกช นะ ไมถ ือพระประเวณี สามารถทาํ กจิ กรรมนไ้ี ดค รบทุกคน ครอู าจใหนักเรยี นทองจํานอกเวลาเรียน เพอ่ื 3. ธรณมี รี าชา เจาพาราสาวะถี นกั เรยี นจะไดมเี วลาในการทาํ กจิ กรรมอื่นในชัน้ เรยี นตอ ไป การทอ งจาํ บทอาขยานน้ี 4. ข้ฉี อ กไ็ ดดี ไลด าตมี ีอาญา นอกจากจะใหความรูเ ก่ยี วกับแบบเรียนสระ พยญั ชนะของไทยสมัยกอ นแลว นักเรียน จะไดตระหนักและเห็นคณุ คา ของภาษาไทยทตี่ องใชใหถกู ตอ ง และเปน แนวทาง วิเคราะหค าํ ตอบ สมั ผสั ในวรรคมที ง้ั สมั ผสั สระและสมั ผสั อกั ษร โดยสมั ผสั ใน ในการฝกหดั การอา นการเขียนภาษาไทย ในขอ 2. ไดแ ก แพ-แก พระ-ประ ขอ 3. ณี-มี พารา-สา ขอ 4. ฉอ-ก็ ตี-มี สัมผสั ในลว นอยตู ดิ กนั แตข อ 1. สมั ผสั ในอยคู าํ ที่ 2 และ 4 ในวรรคแรก และ นักเรยี นควรรู สมั ผสั อยูในคําท่ี 3 และ 5 ในวรรคหลงั ตอบขอ 1. 1 ตรีชา ไมมีในพจนานกุ รม แตใ นวรรณคดมี ีใชอ ยใู นหลายแหง มคี วามหมายวา ติฉิน ตําหนิ ในทอ่ี นื่ ก็มใี ช เชน ในเรือ่ งพระอภัยมณวี า “มาตรีชาวากูผิดในกจิ กรม” คมู ือครู 61

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain วา่ โง่เงา่ เตา่ ปูปลา อธบิ ายความรู วา่ ใบ้บา้ สาระยา� เหลา่ กล็ ะพระสธรรม 1. นักเรยี นอธิบายความรเู กยี่ วกับมาตราแม ก กา ในกาพยเรื่องพระไชยสุรยิ า ไปเรร่ ่า� ทา� เฉโก1 (แนวตอบ มาตราแม ก กา คําในแม ก กา เปน ทซ่ี ือ่ ถือพระเจา้ คาํ ทไ่ี มมพี ยญั ชนะเปนตัวสะกดทา ยคาํ หรือ ผ้เู ฒา่ เหลา่ เมธา ศีรษะไมใ้ จโยโส ทา ยพยางค อานออกเสียงสระโดยไมมีเสียง ข้าขอโมทนาไป พยัญชนะ ภกิ ษสุ มณะ ใครไมม่ ปี รานีใคร ตวั อยางคําทีส่ ะกดในมาตราแม ก กา ใน คาถาว่าล�าน�า ท่ีใครได้ใส่เอาพอ กาพยเรอ่ื งพระไชยสุริยา เชน พระศรีไตรสรณา ทา� ดุด้ือไมซ่ ือ้ ขอ อานออกเสยี งสระอยางเดยี วไดว า พระ-สี-ไตร- ไมจ่ า� ค�าผใู้ หญ่ อะไรล่อก็เอาไป สะ-ระ-นา เปน ตน) ท่ดี ีมีอะโข มิได้วา่ หม่ขู ้าไท 2. นักเรยี นตอบคําถามเกีย่ วกบั เน้อื เร่อื งตอนตน แต่นา้� ใจไม่น�าพา ของกาพยเรื่องพระไชยสรุ ยิ า พาราสาวะถี ไพรฟ่ า้ เศร้าเปล่าอุรา • สาเหตใุ ดทท่ี าํ ใหบ านเมอื งเกิดอาเพศภัย ดุด้ือถอื แตใ่ จ ไลต่ ดี ่าไมป่ รานี ธรรมชาติ มรณกรรมชาวบรุ ี (แนวตอบ สาเหตเุ กดิ จากบรรดาขุนนาง ผทู้ มี่ ีฝมี อื ก็ไมม่ ที ่ีอาศัย ขา ราชการประพฤตติ นไมด ี ไมอยูในศลี ธรรม ไลค่ วา้ ผ้าทีค่ อ หนีไปหาพาราไกล คดโกงฉอ ราษฎรบ ังหลวง เม่ือเกดิ อาเพศ ไมม่ ีใครในธานี ฯ น้าํ ปา ไหลทวมบา นเมือง ก็ไมสามารถแกไ ข 2ขา้ เฝ้าเหล่าเสนา ปญหาได ชาวเมืองพากนั เดอื ดรอ น) พาพระมเหสี • นักเรยี นยกบทประพันธท ่ีแสดงใหเหน็ สภาพ ถอื น�้าร�่าเขา้ ไป บา นเมอื งที่กําลงั เกดิ ปญ หา พรอมทั้งอธบิ าย หาไดใ้ ครหาเอา นารีทีเ่ ยาว์ ใหเหน็ สภาพปญ หา (แนวตอบ ตัวอยา งบทประพนั ธทีแ่ สดงใหเห็น ผูท้ ี่มอี าญา เสนีเสนา สภาพบานเมืองท่ีกําลงั เกิดปญหา ผปี ่ามากระท�า “พาราสาวะถี ใครไมม ปี รานใี คร ดดุ อ้ื ถอื แตใ จ ทใ่ี ครไดใสเอาพอ น้า� ป่าเข้าธานี ผทู ่มี ฝี มือ ทาํ ดดุ ือ้ ไมซ ้อื ขอ ข้าเฝ้าเหลา่ เสนา ไลค วาผาที่คอ อะไรลอกเ็ อาไป” จากบทประพนั ธกลา วถงึ เมืองสาวัตถีวา ไมมีใคร ชบี าล่าล้ไี ป มีความเมตตา มีแตผทู ําตามใจตนเอง อยากได อะไรก็ไปแยง ควา เอาของผูอืน่ มาโดยไมซ ้ือหรือ ฉบงั ๑๖ ขอ ทําใหประชาชนเจาของทรัพยส ินเดอื ดรอน) พระไชยสุริยาภูมี มาท่ใี นล�าสา� เภา ข้าวปลาหาไปไมเ่ บา กเ็ อาไปในเภตรา เถา้ แก่ชาวแม่แซม่ า กม็ าในล�าส�าเภา 62 นักเรยี นควรรู บูรณาการเชอ่ื มสาระ ครูบูรณาการความรูเก่ยี วกับพระราชพิธีถือนํ้าพิพัฒนสัตยากบั กลุมสาระ 1 ศีรษะไมใจโยโส เปนความเปรยี บถงึ เด็กหรอื ผูที่อายอุ อนกวา วา ไมเคารพผูท ี่ การเรียนรสู ังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม วชิ าประวัติศาสตรว า มอี ายุมากกวา เรียกพฤตกิ รรมลักษณะนว้ี า “ศีรษะไม” คือ หวั แข็ง ไมเช่อื ฟงผูใ หญ พระราชพิธีน้ีมีความเกยี่ วขอ งกบั ประวัตศิ าสตรความเปนมาของชาตไิ ทย ท่ีมีประสบการณมากกวา “ศรี ษะไมใจโยโส” คือ คนแขง็ กราวไมเคารพยําเกรงผใู หญ เปน พระราชพิธที ่ีศกั ด์ิสทิ ธ์แิ ละยง่ิ ใหญม าตั้งแตโบราณ มีความผูกพันกับ 2 ถือนํา้ เปน คาํ ท่ีตัดมาจาก “ถอื น้ําพิพัฒนสัตยา” หมายความวา ดื่มน้าํ สาบาน สถาบันพระมหากษตั ริยใ นระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธิราชยท พ่ี ระมหากษตั รยิ  ถวายพระเจาแผน ดนิ วา ถา ไมซ ่ือสตั ยแ ลว จะตอ งมอี นั เปนไปตางๆ ในทนี่ ี้ ขาราชการ ทรงมพี ระราชอํานาจสูงสุด และเปน ศนู ยกลางของพระราชอาณาจักร เมอื งสาวัตถีก็ถอื นา้ํ ดงั กลา วน้ันไปตามพิธี แตไ มไ ดปฏบิ ัตติ นไปตามคาํ สาบานแต พระราชพธิ นี ้ีเชือ่ วามีมากอ นการกอตงั้ กรงุ ศรอี ยธุ ยา และเปน ทีแ่ พรหลาย ประการใด ในดินแดนภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต รปู แบบทจ่ี ัดขึ้นเพ่ือให พระบรมวงศานวุ งศแ ละขาราชการดม่ื นํ้าสาบานวา จะจงรกั ภกั ดี และซ่ือตรง ตอ พระมหากษตั ริ ยเปน การใหสตั ยส าบานประเภทหนงึ่ ท่ีใชนํ้าเปน ส่อื กลาง มกั ปรากฏเปนหลักฐานในวรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยหลายเรอ่ื ง ดังที่ ปรากฏในกาพยเ รอื่ งพระไชยสุริยา ความวา “ถอื นํ้าร่าํ เขาไป แตน้ําใจ ไมนําพา” 62 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain วายพุ ยเุ พลา อธบิ ายความรู คา่� เช้าเปล่าใจ ตมี า้ ล่อชอ่ ใบใส่เสา ราชานารี นกั เรยี นรว มกันตอบคําถามในประเด็นตอ ไปน้ี เหราปลาทู • เมื่อเกดิ เหตุวนุ วายในเมืองสาวัตถีแลว ส�าเภาก็ใช้ใบไป วายพุ าคลาไคล เปล่าใจนัยนา พระไชยสรุ ิยาและพระมเหสีสุมาลีทาํ อยา งไร เภตรามาในน�า้ ไหล ใครรคู้ ดี (แนวตอบ พระไชยสรุ ิยาพาพระมเหสลี งเรอื วา่ พระมหา สาํ เภาหนีออกจากเมือง โดยนําเสบยี งอาหาร ทีใ่ นมหาวาร ี แผ่ไปใหญโ่ ต ลงเรอื ไปจํานวนมาก และมขี าราชบริพาร ขา้ พเจา้ เข้าใจ ตามเสด็จไปดวย) พสุธาอาศัยไม่มี ใหญโ่ ตมโหฬาร์ • กวเี ลา เหตุการณความวนุ วายในขางตน ใครร่ ูค้ ดี โดยใชล กั ษณะคําประพันธอ ยา งไร อยูท่ ีพ่ รปะแลกาลกแะโลหด้โู ลมาราห1ู พอพระสรุ ิใส (แนวตอบ กวีเลาเหตกุ ารณท ก่ี ําลังเดินทางลง เรือ ดว ยกาพยฉ บัง 16 ทต่ี องการเลา ความ เปน ไปตางๆ ใหไ ดใจความ และใชค าํ ท่เี ปน มอี ยูใ่ นน�้าคล�่าไป มาตราตวั สะกดแม ก กา ซง่ึ เปน คําอา นงา ย เขา ใจเรว็ คาํ ประพันธต อนน้ีเปนการแตง ราชาว้าเหวห่ ฤทัย เพ่ือใหผ อู า นอา นเอาเรื่องเปน สาํ คญั วา ใคร ทาํ อะไร ทไ่ี หน และอยา งไร ไมไดสอดแทรก มาในทะเลเอกา การพรรณนาอารมณค วามรูสกึ ของตัวละคร ท่ีตอ งเผชิญกับความยากลําบากและ แลไปไม่ปะพสุธา เหตกุ ารณท ไ่ี มคาดคดิ ) โพล้เพล้เวลาราตรี ราชาว่าแก่เสนี วารนี ี้เทา่ ใดนา ข้าเฝ้าเล่าแก่ราชา วารีนี้ไซไรห้ใลหมญาโ่ แตตใ่ นคอโค2 มโหฬารล์ ้�าน�้าไหล บาลีมไิ ดแ้ กไ้ ข ผใู้ หญ่ผู้เฒา่ เล่ามา ว่ามีพญาสกุณา กายาเทา่ เขาคีรี ช่อื วา่ พญาส�าภาท ี วารนี ี้โตเท่าใด โยโสโผผาถาไป จะใกล้โพลเ้ พล้เวลา 63 ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู “พระไชยสุรยิ าภูมีพาพระมเหสมี าทใ่ี นลําสําเภา” ขอความขา งตนแบง 1 ราหู ชอื่ ปลากระเบนทะเลชนิดหน่งึ ลักษณะท่ัวไปคลายปลากระเบนนก จังหวะอานเปน พยางคอ ยา งไรใหไพเราะ มเี นื้อย่นื เปน แผน คลา ยใบหูอยทู ่ีมุมขอบนอกปลายสดุ ของหัวขางละอันใชสําหรบั โบกพดั อาหารเขาปาก 1. 2/2/3// 2/3// 3/2// 2 คอโค คนในอนิ เดยี เชอื่ วา นา้ํ ในแมนา้ํ คงคาไหลมาจากคอของโคอุสภุ ราช 2. 2/3/2// 2/3// 2/2/2// ซง่ึ เปน พาหนะของพระอิศวร 3. 3/2/2// 2/3// 2/2/2// 4. 2/3/2// 3/2// 2/2/2// มุม IT วิเคราะหคาํ ตอบ เน้ือความขา งตน เปน คําประพนั ธป ระเภทกาพยฉ บงั 16 ใหดทู ่เี นอ้ื ความเปน หลกั คือ วรรคแรก 6 คาํ วรรคที่สอง 4 คาํ และวรรคที่ ศกึ ษาเกย่ี วกบั คณุ คาดานเน้ือหาในกาพยเ รอื่ งพระไชยสรุ ยิ าเพิ่มเตมิ ไดที่ สาม 6 คํา จังหวะของกาพยฉบงั วรรคที่มี 6 คาํ มักจะอา นเปน 2/2/2 ทั้งน้ี https://sites.google.com/site/kruthai012/kaphy-phra-chiy-suriya/bth-thi-6 ตอ งดูเนือ้ ความ คอื ตองแบง จังหวะแลว ไมขาดชว งเสียความวา พระไชย/ -khunkha-wrrnkhdi สุรยิ า/ภมู ี พาพระ/มเหสี มาท/่ี ในลาํ /สาํ เภา ตอบขอ 2. คูม อื ครู 63

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู 1. นกั เรยี นเขียนเลาเหตกุ ารณท ่ีเกิดข้ึน หลังจากที่ แลไปไมป่ ะพสุธา ย่อท้อรอรา พระไชยสรุ ยิ าพาพระมเหสลี งเรอื สาํ เภาลงใน ชวี าก็จะประลยั สกณุ าถาไป สมุดบันทกึ จ�าของอ้ ปลา (แนวตอบ เม่อื พากันลงเรือมาแลว กเ็ กิดพายุพัด พอปลามาในน้�าไหล ใกลห้ รือว่าไกล กระหน่าํ เรือ สภาพเรือทม่ี สี มอและเสาใบเกา อาศัยทศ่ี รี ษะปลา มไิ ดไ้ ปมา ทาํ ใหน ํ้าไหลเขา เรือ พระไชยสรุ ยิ ามัดสไบของ ลาปลาจรลี พระมเหสีไวก ับตวั ไมใ หหลดุ จากกนั สวนขาราช- ชะแง้แลไปไกลตา พระเจ้าเข้าใจ บริพารก็ถูกจระเขเ หราเอาชวี ติ ดวยผลกรรมท่ี วา่ ขอษมาอภัย พายใุ หญม่ า ทาํ มา ทําใหพระไชยสรุ ยิ าและพระมเหสีถกู พัด ทะลปุ รไุ ป ขึ้นฝง และเดนิ ทางรอนเรทา มกลางปาเขาตอไป) วารที ี่เราจะไป เจ้ากรรมซา้� เอา ขา้ ไหว้จะขอมรคา เอาผา้ สไบ 2. ครูสุม นักเรียน 2-3 คน มาชว ยกันเลาเรอ่ื ง น้�าเข้าหตู า หนาชัน้ เรียน ปลาวา่ ข้าเจา้ เยาวภา มีกรรมจ�าใจ อาศัยอย่ตู อ่ ธรณี เขา้ ไปไสยา ขยายความเขา ใจ Expand สกณุ าอาลยั ชีวี นักเรียนจดั ทําตารางมาตราแม ก กา จากคาํ สทู่ ่ภี ผู าอาศัย ในกาพยเรอื่ งพระไชยสรุ ยิ า โดยแยกคําตามตาราง ตอไปน้ี ข้าเฝา้ เล่าแกภ่ ูวไนย ฤทยั วา้ เหว่เอกา สระ -ะ สระ -า สระ - ิ สระ -ี สระ - ิ จา� ไปในทะเลเวรา เภตรากสเ็ หมเอซกไเ็ปกาเสาใบ1 น�า้ ไหลเขา้ ล�าสา� เภา ผีน�้าซ�า้ ไต่ใบเสา ส�าเภาระยา� คว�า่ ไป ราชาคว้ามืออรไท ตอ่ ไวไ้ มไ่ กลกายา จระเข้เหเถรา้า2แคกร่ชา่ ไาปวแม่เสนา ราชานารีรา่� ไร จ�าไปพอปะพสธุ า มีไม้ไทรใหญใ่ บหนา เวลาพอค่า� รา� ไร ฯ 64 นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 สมอกเ็ กาเสาใบ “สมอก็เกา” เปน คาํ ของชาวเรือ อธิบายวาเรือทีจ่ อดอยูโ ดย นักเรยี นแตงประโยคชนิดใดกไ็ ด คนละ 5 ประโยค โดยใชค าํ ศพั ท ทิง้ สมอลงดิน เพอื่ ยึดเรือใหอยูใ นตําแหนง นนั้ หากมคี ลนื่ ลมแรงเรืออาจเคลอ่ื นท่ี ทปี่ รากฏในกาพยเร่อื งพระไชยสรุ ิยาท่ีเปนมาตราแม ก กา จากน้นั นาํ ทําใหสมอลากครูดไปกบั พนื้ ดิน สวนคําวา “เสาใบ” เปนคาํ ท่ีมคี วามหมายตอเนือ่ ง ประโยคดังกลา วมารอ ยเรยี งเปนความเรียง โดยใชค าํ เชือ่ มชว ยให กับคําวา “ทะลุปรุไป” หมายความวา สมอลากครูดไปตามพืน้ และใบเรือทะลปุ รุ สละสลวย ไปหมด 2 เหรา เปน สตั วในหิมพานต มลี ักษณะคอนไปทางจําพวกจระเขผสมนาค กิจกรรมทา ทาย เช่อื วาเปนสัตวท ่ีอยไู ดท้งั บนบกและในนํ้า กินเน้ือเปนอาหาร กลาวถึงในวรรณคดี เรอ่ื งอืน่ คือ เรือ่ งอณุ รุท ตอนนางศรสี ุดาลงสาํ เภาในทะเลวา “มังกรเกีย้ วกัน นักเรียนแตงประโยคประโยคชนิดใดก็ได คนละ 5 ประโยค โดยใช กลับกลอก เหราเลน ระลอกกระฉอกสินธ”ุ คําศพั ทที่ปรากฏในกาพยเ ร่อื งพระไชยสุริยาท่ีเปน มาตราแม ก กา จากน้นั นาํ ประโยคดงั กลา วมารอยเรยี งเปนความเรยี งใหส ละสลวย โดยไมใ ช 64 คูมือครู คําเช่ือมในการแตงประโยคแตล ะประโยค แตใหค วามตอ เนื่องกนั

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู สรุ างคนางค์ ๒๘ 1. นกั เรียนอธบิ ายความรูเก่ียวกับมาตราตัวสะกด แมกน พรอ มท้งั ยกคําจากกาพยเ รื่องพระไชย- ขึ้นใหม่ในกน ก กา ว่าปน ระคนกันไป สุริยาประกอบ (แนวตอบ มาตราแมกน คือ พยางคท อ่ี อกเสยี ง เอ็นดูภธู ร มานอนในไพร มณฑลตน้ ไทร แทนไพชยนตส์ ถาน เหมือนมตี ัว “น” สะกด พยญั ชนะท่ีใชเ ปนตัว สะกดในมาตราแมกน ไดแ ก น ณ ญ ร ล ฬ ส่วนสมุ าลี วันทาสามี เทวอี ยงู่ าน เปนตัวสะกด เชน ระคน เอ็นดู นอน มณฑล ตน ภบู าล จันทร บรวิ าร อรชร อารัญ เปนตน ) เฝา้ อยูด่ แู ล เหมอื นแตก่ ่อนกาล ให้พระภบู าล ส�าราญวญิ ญา 2. นักเรยี นยกคาํ ท่มี ตี วั สะกดมาตราแมกน พระชวนนวลนอน เข็ญใจไมข้ อน เหมือนหมอนแม่นา ในกาพยเรอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า (แนวตอบ ตัวอยางคาํ ท่ีมตี วั สะกดมาตราแมกน ภูธรสอนมนต์ ให้บน่ ภาวนา เยน็ ค่�ารา�่ ว่า กนั ป่าภัยพาล • สะกดดวย “น” เชน ชวน นอน ขอน หมอน เยน็ เปน ตน วันน้นั จันทร มดี ารากร เปน็ บรวิ าร • สะกดดว ย “ล” เชน นวล ภบู าล พาล เปนตน เห็นส้นิ ดินฟา้ ในป่าทา่ ธาร มาลคี ล่ีบาน ใบก้านอรชร • สะกดดว ย “ร” เชน ภธู ร บริวาร อรชร เปน ตน ) เย็นฉา่� น�้าฟา้ ช่นื ชะผกา วายุพาขจร สารพันจันทนอ์ นิ รนื่ กลิน่ เกสร แตนต่อคลอรอ่ น วา้ วอ่ นเวียนระวัน จันทราคลาเคลือ่ น กระเวนไพรไก่เถ่ือน เตือนเพ่อื นขานขัน ปเู่ จา้ เขาเขิน กูเ่ กริ่นหากนั สนิ ธพุ ลุ ่ัน ครื้นครัน่ หวัน่ ไหว พระฟ้ืนตนื่ นอน ไกลพระนคร สะทอ้ นถอนหทัย เชา้ ตรสู่ รุ ยิ น ขนึ้ พ้นเมรุไกร มีกรรมจ�าไป ในป่าอารญั ฯ ฉบงั ๑๖ ขยายความเขา ใจ Expand ขนึ้ กงจงจา� สา� คัญ ท้ังกนปนกนั 1. นักเรียนแตง ประโยคความซอ นโดยใชค าํ ที่ ร�าพันม่งิ ไม้ในดง ตะลงิ ปลงิ ปรงิ ประยงค์ สะกดดวยแมกน ใหมากที่สุด 1 ประโยค หล่นเกลื่อนเถ่อื นทาง พรอ มท้ังระบวุ า คาํ ใดทใี่ ชตวั สะกดแมก นบาง ไกรกรา่ งยางยงู สงู ระหง เหมือนอย่างนางเชญิ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแตงประโยคได คนั ทรงสง่ กลิ่นฝ่นิ ฝาง เริงร้องซ้องเสยี ง หลากหลาย ทั้งน้ีนกั เรยี นจะนําศพั ททอ่ี ยูใ น กาพยเ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ ามาแตง ดว ยหรอื ไมก ไ็ ด มะมว่ งพลวงพลองช้องนาง ครูพิจารณาประโยคที่นกั เรียนแตงวาสะกดได กนิ พลางเดนิ พลางหวา่ งเนิน ถูกตอง โดยยกตัวอยา งประโยค เชน • ฉันต่ืนนอนตอนที่คุณแมท ําอาหาร เห็นกวางย่างเยือ้ งชา� เลืองเดิน • บนตน ตาลมผี ลตาลเบยี ดแนน กนั อยู เปน ตน ) พระแสงส�าอางขา้ งเคียง 2. ครสู ุม นกั เรียน 4-5 คน มานาํ เสนอตัวอยาง เขาสงู ฝงู หงส์ลงเรียง ประโยค และใหเพือ่ นๆ ในชนั้ ชว ยกนั พิจารณา สา� เนียงนา่ ฟงั วงั เวง วา คาํ ใดในประโยคที่สะกดดว ยมาตราตัวสะกด แมก น 65 ขอ ใดท่ีไมไดกลา วถงึ ในแมกง ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู 1. เห็นกวางยางเยือ้ งชําเลอื งเดิน 2. ไกรกรางยางยงู สงู ระหง ครูแนะความรใู หน ักเรยี นเพิ่มเตมิ เกย่ี วกับคาํ ที่ใชต วั จ ญ ร ล ฬ สะกด เปน คาํ 3. ฝูงละม่งั ฝง ดินกินเพลิง ทไี่ ทยรับมาจากคาํ เขมรหรอื คําบาลีสนั สกฤตเปน สว นใหญ ตวั สะกดเหลา นมี้ กั เขียน 4. ก่ิงกาหลงสงกลิน่ เปนรูปคาํ ในภาษาเดิม จึงตองใชการสังเกตจดจํา เชน “ญ” สะกด คาํ วา ลาํ เค็ญ เหรยี ญ สําคัญ เจรญิ “ล” สะกด คําวา ตาํ บล กาํ นลั รางวลั “ร” สะกด คาํ วา เพยี ร วเิ คราะหคําตอบ กลอนทส่ี อนมาตราตวั สะกดแมก ง เนอ้ื เรอื่ งจะพรรณนา ละคร ควร “ฬ” สะกด คาํ วา กาฬ ทมิฬ เปน ตน ถึงธรรมชาตบิ รรดาสัตวปา ตา งๆ กวใี ชค าํ ประพนั ธประเภทกาพยฉ บัง 16 ใน การพรรณนา ทุกขอ กลาวถงึ ธรรมชาติทงั้ หมด แตหากพจิ ารณาทจ่ี ํานวนคาํ ใหต รงตามลกั ษณะคาํ ประพนั ธข องกาพยฉ บงั 16 ซง่ึ แตล ะบทมี 3 วรรค คอื วรรคแรก 6 คํา วรรคท่สี อง 4 คาํ และวรรคทีส่ าม 6 คํา จะเหน็ ไดวา ขอ 4. “กง่ิ กาหลงสงกลิ่น” มี 5 คาํ ซง่ึ ไมต รงกับจํานวนคําท่บี งั คับในกาพยฉ บัง ตอบขอ 4. คูมือครู 65

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรยี นอธบิ ายความรเู ก่ยี วกับมาตราตวั สะกด กลางไพรไกข่ นั บรรเลง ฟงั เสียงเพยี งเพลง แมกง พรอมทง้ั ยกคาํ ท่มี ีตวั สะกดแมก งจาก ซอเจ้งจา� เรยี งเวยี งวงั กาพยเ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ าประกอบ เพียงฆอ้ งกลองระฆงั (แนวตอบ พยัญชนะทเี่ ปน ตวั สะกดในมาตราตัว ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดงั สะกดแมกง ใช “ง” สะกด เชน ดง กรา ง ยงู สูง แตรสงั ข์กงั สดาลขานเสียง พญาลอคลอเคยี ง ระหง ประยงค ชองนาง ทาง เปน ตน) กะลงิ กะลางนางนวลนอนเรียง เพลินฟังวังเวง 2. นกั เรียนพิจารณาและอธบิ ายการซ้ําคาํ โดยการ แอ่นเอย้ี งอโี ก้งโทงเทง เลียนเสียง จากบทประพนั ธท เี่ ปนมาตราตวั คา่ งแขง็ แรงเริง สะกดแมก ง คอ้ นทองเสยี งร้องป๋องเปง๋ (แนวตอบ การซ้าํ คาํ มีลักษณะแบบคําสรอย กลา ว อีเก้งเรงิ ร้องลองเชงิ องึ คะนึงผงึ โผง คือเปน การซํ้าเพยี งบางเสียงหรอื หลายเสียง โดย ซํา้ กับคาํ ที่กลา วมาแลว และคําท่ซี า้ํ นนั้ ไมม ี ฝงู ละม่ังฝังดินกินเพลงิ แสนล�าบากจากเวยี งไชย ความหมายใดๆ ท่ีจะเปนคาํ สมบรู ณใ นภาษาได ยนื เบง่ิ บง้ึ หน้าตาโพลง กินผลไมไ้ ดเ้ ปน็ แรง มหี นา ทีเ่ พียงเพม่ิ ความไพเราะหรือเพ่มิ จังหวะ พระสุรยิ งเย็นยอแสง ของคําใหไ ดต ามท่กี วตี องการ) ปา่ สูงยูงยางชา้ งโขลง แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร โยงกันเล่นน้�าคล�่าไป ฯ ฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน ขยายความเขา ใจ Expand นกหกรอ่ นนอนรงั เรยี ง ยานี ๑๑ อา้ ปากรอ้ งซ้องแซเ่ สียง 1. นักเรยี นยกบทประพันธมาตราตัวสะกดแมก ง เลี้ยงลูกออ่ นป้อนอาหาร ทก่ี ลาวพรรณนาธรรมชาติอยางนอ ย 2 บท ขนึ้ กกตกทุกขย์ าก เคยี งคลึงเคล้าเยาวมาลย์ (แนวตอบ ตวั อยางเชน มนั เผอื กเลือกเผาไฟ สงสารนอ้ งหมองพักตรา สร่างโศกเศรา้ เจ้าพอ่ี า “ยูงทองรองกะโตง โหง ดัง เพยี งฆองกลองระฆัง รอนรอนออ่ นอัสดง มาหมน่ หมองละอองนวล แตรสงั ขก ังสดาลขานเสยี ง ช่วงดังน�า้ ครง่ั แดง จะรกั เจา้ เฝา้ สงวน นวลพักตร์นอ้ งจะหมองศรี กะลิงกะลางนางนวลนอนเรยี ง พญาลอคลอเคยี ง ลงิ คา่ งครางโครกครอก แอนเอ้ียงอโี กงโทงเทง ชะนีวเิ วกวอน คอนทองเสียงรอ งปอ งเปง เพลนิ ฟงวังเวง ลกู นกยกปกี ป้อง แมน่ กปกปีกเคียง อีเกง เริงรองลองเชงิ ”) 2. นกั เรยี นจดบันทกึ ลงสมุด ครสู ุมนกั เรียน 2-3 คน ภธู รนอนเนินเขา ตกยากจากศฤงคาร อา นบทประพนั ธท ่ีนักเรียนยกมาใหเ พ่ือนฟง ยากเยน็ เหน็ หนา้ เจา้ อยูว่ ังดงั จนั ทรา เพอ่ื นทกุ ข์สุขโศกเศรา้ ม่งิ ขวญั อย่ารัญจวน 66 เกร็ดแนะครู บรู ณาการเชือ่ มสาระ การใชนคิ หติ (อํ) ออกเสยี งในมาตราตัวสะกดแมก ง ซึง่ จะใชใ นภาษา ครูแนะการอา นบทประพันธในหนา 66 น้ีวา กาพยเ ร่ืองพระไชยสุรยิ าตอนนี้ บาลีสันสกฤต ครบู รู ณาการเรื่องนี้เช่ือมกับกลุมสาระการเรียนรสู ังคมศกึ ษา บรรยายฉากปา ซ่ึงมีสตั วหลายชนดิ ควรอานในลักษณะบทบรรยาย ทอดเสยี ง ศาสนา และวัฒนธรรม วชิ าพระพุทธศาสนา เพราะนักเรยี นจะพบคําศัพท ปานกลาง เนน ความชดั เจนแจม ใสของนาํ้ เสยี งและชือ่ สตั ว ทง้ั ตองรวบคําเลียนเสียง ทีใ่ ชตวั นิคหติ ในหนังสอื หรอื ตาํ ราทางพระพุทธศาสนา หรือทเี่ กย่ี วขอ งกบั ดังนี้ คาํ ท่ีตองรวบเสยี งใหกระชบั เปน 1 จงั หวะ คือ กะลงิ กะลาง พระยาลอ เนอ้ื หาคําสอนทางพระพุทธศาสนา เชน การยกพทุ ธศาสนสภุ าษติ เปนตน ฝูงละมง่ั อึงคะนงึ คาํ ท่ีตอ งเลียนเสียงธรรมชาติ คือ ปองเปง คาํ ที่ตอ งอานใหได นกั เรยี นจงึ ควรสังเกตลักษณะการใชตวั นคิ หติ และวิธีการอานออกเสยี งให รสคําและรสความ คอื เบิ่ง บึง้ หนาตาโพลง อึงคะนงึ ผงึ โผง คําทตี่ องอานเนน ถกู ตอ ง โดยศกึ ษาความรเู พิ่มเติมเร่อื งการอา นคําบาลสี นั สกฤตไดท ั้งจาก ความชดั เจนแจมแจง คอื ชือ่ สัตวท้ังหมด หนังสือเรียนภาษาไทย หลักภาษาและการใชภ าษา หรอื หนงั สอื เรยี น พระพุทธศาสนา 66 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ชวนชน่ื กลืนกลำ้� กล่นิ มริ สู้ นิ้ กลิน่ มำลี 1. นกั เรยี นอธบิ ายความรเู กย่ี วกับมาตราตัวสะกด คลึงเคล้ำเยำ้ ยวนย ี ท่ที กุ ข์รอ้ นหย่อนเย็นทรวง ฯ แมกด พรอมทั้งยกคาํ จากกาพยเรื่องพระไชย- สรุ ิยาประกอบ ยำนี ๑๑ 1 (แนวตอบ มาตราตัวสะกดแมกด คอื คําทีม่ ตี ัว จ ช ชร ซ ด ต ตร ติ รถ รท ฎ ฏ ฐ ฒ ถ ท ธ ขึ้นกดบทอัศจรรย ์ เสียงคร้ืนครน่ั ช้ันเขำหลวง ศ ษ ส เปนตัวสะกด อานออกเสียง “ด” สะกด สตั ว์ทั้งปวงงว่ งงุนโงง เชน ดจุ มนษุ ย โลด ระนาด ยุด ธาตุ เปนตน ) นกหกตกรังรวง เสียงดงั ดจุ พระเพลิงโพลง โคลงคลอนเคล่อื นเขยื้อนโยน 2. นักเรียนอธบิ ายบรรยากาศหรือฉากทีช่ ว ยใน แดนดนิ ถิ่นมนุษย์ บำ้ งตื่นไฟตกใจโจน การดําเนินเร่ือง ในหนา 67 ลุกโลดโผนโดนกนั เอง (แนวตอบ เมอื่ เกิดภัยพิบัตทิ กุ คนตา งต่นื ตึกกวำ้ นบำ้ นเรือนโรง ตะโพนกลองรอ้ งเป็นเพลง ตระหนกตกใจ บรรยากาศในเร่อื งเกดิ ความ โหง่งหง่ำงเหงง่ เกง่ ก่ำงดงั โกลาหลปน ปวน ตา งพากนั หนีเอาตวั รอด กวี บ้ำนช่องคลองเล็กใหญ่ ท่ำนผู้หญงิ ว่งิ ยุดหลัง บรรยายเหตกุ ารณช าวบาน ขุนนาง พระสงฆ พล้ังพลดั ตกหกคะเมน เณร ชี พากันวง่ิ หนีกนั อลหมานเห็นภาพความ ปลกุ เพื่อพนิณเตพือำนทตย2ะร์ โะกนนำ ดฆอ้ ง ว่งิ อุตลดุ ฉดุ มอื เณร วนุ วายอยางชัดเจน) ลงโคลนเลนเผ่นผำดโผน ล้ำนต่อล้ำนซำนเซโดน ระฆงั ดังวังเวง ลงิ คำ่ งโจนโผนหกหัน ตดิ จมกู ลูกตำพลัน ขนุ นำงต่ำงลุกวง่ิ ป้ันไม่ทันมนั เดอื ดใจ โลกธำตหุ วำดหวั่นไหว พลั วนั ดนั ตึงตงั เดินไมไ่ ด้ใหอ้ ำดูร ฯ พระสงฆล์ งจำกกฏุ ิ ขยายความเขา ใจ Expand หลวงชหี นีหลวงเถร จากบทประพนั ธเหตุการณท ีต่ องหนีภัยพิบัติ พวกวดั พลัดเข้ำบำ้ น นกั เรียนยกบทประพนั ธท ม่ี กี ารเลยี นเสยี งธรรมชาติ ตน้ ไม้ไกวเอนโอน จากเหตกุ ารณดงั กลาว พวกผที ี่ป้ันลกู (แนวตอบ ตัวอยา งบทประพนั ธท่ีมกี ารเลยี นเสยี ง ขกิ ขกิ ระริกกัน ธรรมชาติ สององค์ทรงสงั วำส “พิณพาทยร ะนาดฆอง ตะโพนกลองรอ งเปน เพลง ต่นื นอนอ่อนอกใจ ระฆงั ดงั วงั เวง โหงงหงา งเหงงเกง กา งดัง” ยำนี ๑๑ จากบทประพนั ธมกี ารเลียนเสียงของระฆงั ดัง “โหงงหงา งเหงงเกงกาง”) ขนึ้ กบจบแม่กด พระดำบสบชู ำกูณฑ์ ผำสกุ รุกขมูล พนู สวัสดสิ์ ัตถำวร ระงับหลบั เนตรนิง่ เอนองค์องิ พิงสงิ ขร เหมอื นกับหลบั สนิทนอน สงั วรศีลอภิญญำณ 67 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู พณิ พาทยระนาดฆอ ง ตะโพนกลองรองเปนเพลง ระฆังดังวงั เวง โหงง หงา งเหงง เกง กางดงั 1 บทอศั จรรย เปน บทรักหรือบทโลมท่บี รรยายโดยการใชส ญั ลักษณ โดยใชคาํ ขอ ใดเปนลักษณะเดน ของคําประพันธขา งตน ทเ่ี ปนคําสญั ลักษณ คอื มีความหมายไมต รงกับความหมายในพจนานุกรม แตมี 1. การเลน คํา ความหมายโดยนัย การใชสัญลกั ษณล ักษณะนเี้ ปนศลิ ปะทีล่ บลา งความรูสึกวาขดั 2. การใชค าํ หนกั เบา กับขนบธรรมเนียมประเพณไี ทยในเรื่องการบรรยายบทโอโ ลม และเปนเคร่อื งชใ้ี ห 3. การใชความเปรยี บ เหน็ ความเปนศิลปะท่ไี มใ ชอ นาจาร 4. การเลยี นเสียงธรรมชาติ 2 พิณพาทย หมายถึง เคร่ืองประโคมวงหนึง่ มีกําหนดเครื่องดนตรีต้งั แต 5 ชนิ้ ขึ้นไป คอื ตะโพน ป ฆองวง ระนาด กลอง บางทีเรยี ก ปพาทย วเิ คราะหคาํ ตอบ ลกั ษณะเดนของคาํ ประพันธข างตน คือ มกี ารเลียนเสยี ง ธรรมชาติวา “โหงงหงา งเหงง เกงกาง” ซง่ึ เปน เสยี งทีเ่ กดิ จากการตรี ะฆงั ตอบขอ 4. คูมอื ครู 67

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรียนอธบิ ายความรเู ก่ียวกับมาตราตัวสะกด บ�าเพง็ เล็งเหน็ จบ พน้ื พภิ พจบจกั รวาล แมกบ พรอมทั้งยกคาํ จากกาพยเ รื่องพระไชย- สวรรคช์ ้ันวมิ าน ทา่ นเหน็ แจง้ แหล่งโลกา สุรยิ าประกอบ ไม่เขยอื้ นเคล่อื นกายา (แนวตอบ มาตราตวั สะกดแมกบ คือ คําท่มี ตี ัว บ เขา้ ฌานนานนับเดือน เปน็ ผาสุกทุกเดือนปี ป พ ภ เปน ตัวสะกด อานออกเสียง “บ” สะกด จา� ศลี กินวาตา เกิดเหตุใหญ่ในปถพี เชน ระงบั หลบั จบ พิภพ ประกอบ ชอบ ลอบ กาลกณิ ีส่ีประการ โลภ ลาภ บาป เปน ตน ) วันนั้นคร้นั ดินไหว กลบั จรติ ผดิ โบราณ เลง็ ดรู คู้ ดี ผลาญคนซ่ือถือสตั ย์ธรรม์ 2. นักเรยี นอธบิ ายความรูเกย่ี วกับมาตราตัวสะกด ลูกไมร่ ู้คุณพอ่ มัน แมกก แมกด และแมกบ ซึ่งเปน มาตราตวั สะกด ประกอบชอบเป็นผดิ ลอบฆา่ ฟันคอื ตณั หา ทเี่ ปนคําตาย พรอ มท้ังยกตัวอยา งประกอบ สามญั อนั ธพาล โจทก์จบั ผิดริษยา (แนวตอบ คาํ ตายนอกจากจะเปน คาํ ที่ประสมดวย สระเสียงสนั้ ทไ่ี มม ตี วั สะกด ยังเปนคาํ ทม่ี ตี ัวสะกด ลกู ศิษยค์ ดิ ล้างครู เปก่วิดนวเิบปัต็นิปบตั ้าตฟปิ ้าบาปดงับ1งั ในมาตราตวั สะกดแมก ก แมก ด และแมกบ เชน ส่อเสยี ดเบยี ดเบยี นกัน ทุกข สุข พกั ตร กุฏิ วัด พิภพ หลับ เปน ตน ) สังวจั ฉระอวสาน ฯ โลภลาภบาปบคดิ 3. นักเรยี นถอดคําประพันธห นา 68 แลว ตอบ อุระพสุธา เอ็นดูภบู าล คาํ ถาม ดังน้ี • กาลกิณสี ี่ประการทีเ่ ปนสาเหตใุ หบ า นเมือง บรรดาสามัญสตั ว์ กลอกกลับอัปรีย์ เกดิ ความปน ปว นไดแกอ ะไรบาง ไตรยุคทุกขตรงั (แนวตอบ กาลกณิ ีส่ีประการ มดี งั น้ี นง่ิ นง่ั ต้ังใจ 1. การเหน็ ผดิ เปน ชอบ ฉบัง ๑๖ 2 2. การไมร บู ญุ คณุ บอกข้อมรณา 3. การเบยี ดเบยี นทํารา ยซงึ่ กันและกัน ขนึ้ กมสมเดจ็ จอมอารย์ 4. ความโลภ) บาปกรรมน�าตน ผ้ผู า่ นพาราสาวะถี ซือ่ ตรงหลงเลห่ เ์ สนี บุรจี ึงล่มจมไป ขยายความเขา ใจ Expand ประโยชน์จะโปรดภวู ไนย นักเรยี นคดั ลอกบทประพันธตอ ไปนท้ี อ่ี ยใู นหนา เล่ือมใสสา� เรจ็ เมตตา 67 ลงสมดุ แลวระบุคําในบทประพนั ธท เี่ ปนคําตาย เปลง่ เสยี งเพียงพณิ อินทรา “แดนดินถน่ิ มนุษย เสยี งดังดจุ พระเพลงิ โพลง ตึกกวา นบา นเรอื นโรง โคลงคลอนเคลื่อนเขยื้อนโยน คงมาวนั หนึ่งถงึ ตน บานชอ งคลองเล็กใหญ บางตน่ื ไฟตกใจโจน เบียนเบียดเสียดสอ่ ฉ้อฉล ปลกุ เพอ่ื นเตอื นตะโกน ลกุ โลดโผนโดนกนั เอง” ไปทนทุกขน์ บั กปั กัลป์ (แนวตอบ คาํ ตายในบทประพนั ธบ ทแรก ไดแก คําวา มนุษย ดุจ พระ ตกึ บททสี่ อง ไดแ กคําวา 68 เลก็ ตก ปลกุ ตะ (โกน) ลุก โลด) เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ หลงั จากทีน่ กั เรยี นอา นเนอ้ื เรอ่ื งกาพยเรื่องพระไชยสรุ ิยาจบแลว ครูสรุปความรู นกั เรยี นอา นกาพยเ ร่ืองพระไชยสุรยิ า แลวสรุปสาเหตทุ ่นี าํ ไปสูค วาม เรอื่ งตัวสะกดของภาษาไทยใหนกั เรียนฟง โดยครสู รุปความรูเ พิม่ เตมิ วา พยญั ชนะท่ี ปน ปว นวนุ วายทช่ี าวเมอื งตางพากนั หนี ลงในสมดุ ไมน ยิ มใชเ ปน ตัวสะกดมอี ยู 6 ตัว (ไมร วม ฃ กบั ฅ และ ห ท่ตี องมี ม สะกดดว ย) คือ ฉ ฌ ผ ฝ อ ฮ ทัง้ นี้ ตวั “อ” ในหนงั สือเรยี นสมัยกอ นจดั ใหเ ปนตวั สะกดในแม กิจกรรมทา ทาย เกย เชน เคย คือ เคอ+ย ฯลฯ แตปจ จุบันถือวา เปน สระ และจดั ใหอ ยใู นแม ก กา นกั เรียนควรรู นักเรยี นพิจารณาสาเหตุทนี่ าํ ไปสคู วามวุน วายตา งๆ ในกาพยเ รอื่ ง พระไชยสรุ ยิ า แลวใหน ักเรียนเสนอแนวทางในการปองกนั ไมใ หเกดิ ความ 1 ปต ติปาปง มาจากคาํ วา ปตต+ิ ปาปง ซ่ึงมาจากภาษาบาลี “ปต ต”ิ แปลวา เดือดรอนดังเน้ือเรอ่ื ง โดยนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาเปนหลกั คดิ ถงึ แลว หรือบรรลแุ ลว “ปาปง ” คาํ บาลวี า “ปาป” ไทยใชเ ปน “บาป” แปลรวมไดว า บาปหรอื บรรลุบาปแลว 2 จอมอารย ในที่นห้ี มายถงึ พระอินทร (อารย แปลวา เจรญิ ) 68 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เมตตากรุณาสามัญ จะได้ไปสวรรค์ 1. นักเรยี นอธบิ ายความรูเก่ยี วกับมาตราตวั สะกด เปน็ สุขทุกวนั หรรษา กลอกกลบั อัปรา แมเกย พรอ มทง้ั ยกคําจากกาพยเ รือ่ งพระไชย- สมบัตสิ ตั ว์มนุษย์ครุฑา อมิ่ หน�าส�าราญ สรุ ิยาประกอบ เทวาสมบตั ชิ ัชวาล ขบั ร�าจ�าเรียง (แนวตอบ มาตราแม เกย คอื คาํ ทีม่ ตี วั ย เปน สุขเกษมเปรมปรดี ว์ิ ิมาน สง่ิ ใดใจหวงั ตัวสะกด อานออกเสยี ง ย สะกด เชน เลย ศฤงคารห้อมลอ้ มพร้อมเพรยี ง สวดมนตภ์ าวนา เขนย เหนอ่ื ย เสวย นอ ย เปน ตน) กระจบั ป่ีสีซอทอ่ เสียง พระองค์ทรงธรรม์ ส�าเนียงนางฟ้านา่ ฟงั 2. ในตอนทายเรอื่ งพระไชยสรุ ยิ าและพระมเหสี เดชะพระกศุ ลหนหลัง สมุ าลที รงพบกับความสุขหรอื ไม อยา งไร ไดด้ งั ม่งุ มาดปรารถนา (แนวตอบ เมือ่ ทง้ั สองพระองคไ ดต ัง้ ใจใฝใ นธรรม จรงิ นะประสกสกี า มีจติ เมตตาเล่ือมใสศรัทธาในพระธรรมคาํ สอน เบ้อื งหนา้ จะไดไ้ ปสวรรค์ รักษาศลี ปฏิบัตธิ รรมเปน ประจํา แมเ หนอื่ ยยาก จบเทศนเ์ สร็จค�ารา� พนั กพ็ ยายามปฏบิ ตั อิ ยา งพากเพยี ร จนสําเร็จ ดน้ ดนั้ เมฆาคลาไคล ฯ ไดไ ปเปน สขุ อยูบนสวรรค) ขยายความเขา ใจ Expand ฉบัง ๑๖ นกั เรยี นรว มกนั อภิปรายแสดงความคดิ เห็น ในประเด็นคําถามตอ ไปน้ี แลวสรุปความรูลงสมดุ ขน้ึ เกยเลยกล่าวทา้ วไท ฟังธรรมน�า้ ใจ ตัดหว่ งบว่ งมาร • นกั เรียนคดิ วาเปาหมายของการบําเพญ็ เลอื่ มใสเหศร็นัทภธยั าใกนลข้านั หธาสญนั ดาน1 จัดจบี กลบี ชฎา ตนรักษาศีลคือการไดไ ปสวรรคจ ริงหรอื ไม กองกณู ฑอ์ ัคคี อยางไร เอนองคล์ งนอน (แนวตอบ นกั เรยี นแสดงความคิดเห็นได สา� ราญส�าเรจ็ เมตตา หลากหลาย แตครูควรชี้ใหนักเรียนเหน็ คุณคาของวรรณคดีท่ีไดรบั อทิ ธิพลจาก สององคท์ รงหนังพยัคฆา พระพทุ ธศาสนาวา เปา หมายของการบาํ เพญ็ ตนรกั ษาศลี แลว จะไดไ ปสวรรคห รอื ไมน น้ั เปน รักษาศีลถือฤๅษี เรอ่ื งท่พี สิ ูจนไมไ ด แตเปนกศุ โลบายใหค นทํา ความดี ประพฤติปฏบิ ตั ิตนอยูในศลี ในธรรม เชา้ ค�า่ ท�ากิจพธิ ี เพ่อื ใหส ังคมไมเ กิดปญ หาความวุนวาย หากทกุ คนปฏิบตั ิดมี ีศีลธรรมกํากบั ยอ ม เป็นท่ีบชู าถาวร ไมเ บยี ดเบยี นกนั คนในสังคมไมเ ดอื ดรอ น สงั คมมีแตค วามสงบสุข) ปถพีเป็นท่ีบรรจถรณ์ เหนือขอนเขนยเกยเศยี ร 69 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู นักเรยี นศกึ ษาคนควาเกีย่ วกบั วรรณคดีและวรรณกรรมไทยที่ไดรบั ครูแนะขอสังเกตใหน กั เรียนเห็นวา เมอ่ื เรยี นกาพยเรอ่ื งพระไชยสรุ ิยามาถึงแมก ม อิทธิพลจากพระพทุ ธศาสนา โดยรวบรวมรายชอื่ วรรณคดีหรอื วรรณกรรม คําทเี่ คยเขียนเปนแม ก กา มาแตกอ น เชนคาํ วา “สาวัตถี” กอ นนน้ั เขยี นเปน ใหไ ดมากที่สุด “สาวะถี” นน้ั ถึงตอนน้ีสนุ ทรภูก็กลับมาเขียนเปน “สาวัตถ”ี ตามเดมิ กจิ กรรมทา ทาย นกั เรียนควรรู นกั เรียนสรุปความรูในประเด็นทีว่ า “พระพทุ ธศาสนามีอทิ ธิพลตอ 1 ขนั ธสนั ดาน มาจากคําวา “ขนั ธสนั ดาน” ตัวการนั ต “ธ” เพอ่ื ลดพยางคใ หค ํา วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา งไร” ลงกบั คาํ ประพนั ธก าพยฉ บัง 16 ทีว่ รรคแรกมี 6 คาํ ขนั ธสนั ดาร แปลวา การสืบตอ แหง ขนั ธ คูมอื ครู 69

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Expand ขยายความเขา ใจ นกั เรียนยกตวั อยา งบทประพันธกาพยเ รื่อง พระไชยสุริยาทีเ่ ปน ขอคดิ เตือนใจที่ไมควรปฏบิ ัติ (แนวตอบ ตัวอยางการประพฤตปิ ฏบิ ัติทีไ่ มดี ค่�าเชา้ เอากราดกวาดเตียน เหนื่อยยากพากเพียร • “ทแี่ พแ กชนะ ไมถอื พระประเวณี เรียนธรรมบา� เพญ็ เครง่ ครัน เสวยสขุ ทกุ วัน ขี้ฉอ ก็ไดดี ไลดาตมี ีอาญา” ไว้หวงั ส่ังสอน • “ผูท ี่มีฝม ือ ทาํ ดดุ ื้อไมซ ้ือขอ สา� เรจ็ เสรจ็ ไดไ้ ปสวรรค์ หนูน้อยค่อยเพยี ร ไลควา ผา ท่ีคอ อะไรลอก็เอาไป” นานนับกัปกัลปพ์ ทุ ธันดร ไมเ้ รียวเจยี วเหวย • “ลูกศิษยค ิดลางครู ลูกไมร ูค ุณพอ มนั หยิกซ้�าช�า้ เขียว สอ เสียดเบยี ดเบียนกนั ลอบฆา ฟน คือตณั หา”) ภมุ ราการุญสนุ ทร เรยี งเรียบเทียบทา� เดก็ ออ่ นอนั เยาวเ์ ล่าเรยี น ใครเห็นเปน็ คณุ ตรวจสอบผล Evaluate ก ข ก กา วา่ เวียน 1. นักเรียนถอดคาํ ประพนั ธต ามบททีร่ บั ผิดชอบได อา่ นเขยี นผสมกมเกย 2. นักเรยี นจาํ แนกคําตามตารางมาตราแม ก กาได 3. นกั เรียนแตงประโยคคําซอนโดยใชคําที่สะกด ระวังตวั กลัวครูหนเู อย๋ กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวยี ว ดว ยมาตราแมกนได 4. นกั เรยี นยกบทประพันธท่มี มี าตราตัวสะกดแมกง หันหวดปวดแสบแปลบเสียว อยา่ เทยี่ วเล่นหลงจงจ�า และเปนบทกลาวพรรณนาธรรมชาตไิ ด 5. นกั เรยี นยกบทประพันธท มี่ ีการเลียนเสียง บอกไว้ใหท้ ราบบาปกรรม แนะนา� ให้เจา้ เอาบญุ ธรรมชาติได 6. นกั เรยี นทองจําบทอาขยานตามทกี่ ําหนดได เดชะพระมหาการญุ แบง่ บุญให้เราเจ้าเอย ฯ 70 เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอใดเปน สาเหตุสําคญั ที่ทําใหเมอื งสาวตั ถีลมจม วรรณคดีกับจนิ ตนาการนัน้ เปน สง่ิ ท่ีแยกกนั ไมได ครจู งึ ควรจัดบรรยากาศ 1. เพราะประชาชนประพฤติชว่ั การเรยี นและหาวิธกี ารตา งๆ ท่จี ะชวยสง เสริมจนิ ตนาการท่ไี ดจ ากการเรียน 2. เพราะขนุ นางประพฤตมิ ิชอบ วรรณคดี เชน ใหน ักเรียนพูดหรือเขียนแสดงความรสู กึ ของตนเอง ความรสู ึกดื่มดา่ํ 3. เพราะนางสุมาลปี ระพฤตติ นเหลวไหล ตื่นเตน ความเศราโศกเสยี ใจตอเนื้อเรอื่ ง และความประทับใจในความไพเราะของ 4. เพราะพระไชยสุริยาไมต ้งั อยใู นทศพธิ ราชธรรม วรรณคดี วเิ คราะหค าํ ตอบ เหตุความวุน วายของบา นเมือง เรม่ิ มาจากการทข่ี ุนนาง ประพฤตติ นมิชอบในหนา ที่ ไมจ งรกั ภกั ดตี อ พระมหากษัตรยิ  เอารัดเอาเปรียบ มมุ IT ประชาชน บา นเมอื งจึงตกอยใู นสภาพย่ําแย ประชาชนเรม่ิ เบยี ดเบียนกัน ไมเคารพยาํ เกรงผใู หญ จนเกดิ น้าํ ทว มเมืองทาํ ใหประชาชนลมตายไรท ีอ่ ยู ศกึ ษาเกี่ยวกับการสรุปประเดน็ สาํ คัญของกาพยเร่อื งพระไชยสุริยาเพิ่มเตมิ ไดที่ ดังน้ัน สาเหตสุ าํ คญั ที่ทําใหเ มืองสาวตั ถีลม จม คอื ขุนนางประพฤตมิ ชิ อบ http://www.kaipop.com/CAI/midci.htm ตอบขอ 2. 70 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๖ คÓศัพท์ ความหมาย ครูใหนักเรียนเลนตอ คําศัพท โดยครกู าํ หนด มาตราตวั สะกดให แลว ใหนักเรยี นบอกคําศัพทท ม่ี ี ค�าศพั ท์ พิณสส่ี าย ตัวสะกดตรงตามที่ครูกําหนด กระจับป่ี ระฆงั วงเดอื น กังสดาล ระยะเวลาอันยาวนาน โบราณถอื ว่าโลกประลยั ครง้ั หนงึ่ เป็นสน้ิ กัปหรอื กลั ป์หนึ่ง (แนวตอบ ครูยกมาตราตัวสะกดในภาษาไทย กปั กลั ป์ ลกั ษณะทเ่ี ปน็ อปั มงคล ทง้ั 9 มาตรา ดงั นี้ แม ก กา แมกน แมก ก แมก ง กาลกิณี ไฟ แมก ด แมกบ แมกม แมเ กย และแมเ กอว กณู ฑ์ ขอโทษ ขออภัย (ในกาพยเ ร่อื งพระไชยสุรยิ าไมไดแ ยกมาตรา ขอษมา อุปนสิ ยั ท่มี ีมาแตก่ า� เนดิ ในตวั ของตนเอง ตัวสะกดแมเกอว)) ขันธสนั ดาน เครื่องจองจ�านักโทษ ท�าด้วยไม้เจาะรูประกอบกับคอและข้อมือท้ังสองข้างของ ข่อื คา นักโทษ สาํ รวจคน หา Explore คนอนิ เดยี เชอ่ื วา่ นา้� ในแมน่ า�้ คงคาไหลมาจากคอของโคอสุ ภุ ราชพาหนะ คอโค ของพระอิศวรซึง่ อยวู่ ิมานบนเขาไกรลาส 1. นักเรียนคน หาและนาํ คําศพั ทใ นบทเรยี นมา โกง ขโ้ี กง ใช้อุบายหลอกลวง จัดกลมุ ตามมาตราตวั สะกด มาตราละ 10 คาํ ฉอ้ ฉลาดแกมโกง ไมต่ รงไปตรงมา เฉโก ความหมายตามบรบิ ท หมายถงึ ตเิ ตยี น (ไมม่ คี วามหมายในพจนานกุ รม) 2. นักเรียนศกึ ษาคําภาษาอ่นื ในกาพยเ รอื่ ง ตรชี า ดัน้ ตะบงึ ไป พระไชยสุริยา กา� หนดเวลาของโลกมี ๔ ยคุ ไดแ้ ก่ กฤดายคุ ไตร (ดา) ยคุ ทวาปรยคุ และกลยี คุ ไตตะรรยังุค1 ระยะเวลาของทงั้ ๔ ยคุ ยาวไมเ่ ทา่ กนั โดยไตรยคุ เปน็ ยคุ ทคี่ วามเทย่ี งธรรมหายไป 3. นกั เรียนสาํ รวจคนหาคาํ ทมี่ ีความหมาย ๑ ใน ๔ ความเสอ่ื มเรมิ่ เขา้ มา มนษุ ยเ์ หน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นตน เหมอื นกนั ในกาพยเ รื่องพระไชยสรุ ยิ า ไตรสรณา ทีพ่ ่ึงทัง้ สาม คือ พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ ถอื น้�า เป็นการท�าพิธีดืม่ นา้� สาบานถวายพระเจ้าแผน่ ดนิ เถื่อน ป่า บรรจถรณ์ ทน่ี อน บา ครู อาจารย์ ชายหนมุ่ ประเวณี ในทนี่ ้ใี ช้ในความหมายว่า ประเพณี 71 จะรํ่าคําตอ ไป พอลอใจกุมารา ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู ธรณีมรี าชา เจาพาราสาวะถี 1 ยคุ ตามคตพิ ราหมณ เชอ่ื วา มี 4 ยคุ ไดแ ก กฤดายคุ ไตรดายคุ ทวาปรยุค คาํ ประพันธใ นขอ ใดมคี วามหมายตา งจากคาํ ท่ีขีดเสนใต และกลียุค กฤดายคุ เปน ยุคทอง เปน ยุคทีป่ ราศจากความช่ัว ทุกคนนับถือเทพเจา 1. ชอ่ื วาสุมาลี อยูบรุ ีไมม ีภยั องคเ ดยี วกนั และปฏิบตั ิตามกฎหมายฉบับเดียวกนั ไตรดายุคเปน ยุคทมี่ คี วาม 2. หาไดใ ครหาเอา ไพรฟ า เศรา เปลาอุรา เทีย่ งธรรมหายไป 1 ใน 4 ความเสือ่ มเริ่มเขามาเพราะมนุษยเ ร่ิมปรารถนาสงิ่ 3. พระฟน ตืน่ นอน ไกลพระนคร ตอบแทนจากสงิ่ ท่ตี นกระทาํ ทวาปรยุคเปนยคุ ทคี่ วามเที่ยงธรรมหายไปคร่ึงหน่ึง 4. นา้ํ ปาเขาธานี ก็ไมมีท่อี าศยั ความทะเยอทะยานอยากและภยั พบิ ตั กิ เ็ ขา มาแผว พานจนทาํ ใหต อ งหนั ไปบาํ เพญ็ ตบะ สวนกลยี ุค เปน ยคุ ทีค่ วามเที่ยงธรรมเหลือเพียง 1 ใน 4 มนุษยละทง้ิ หนาทแ่ี ละ วเิ คราะหค ําตอบ จากคาํ ประพนั ธ “เจา พาราสาวะถ”ี คาํ วา “พารา” มี ศาสนา มีรา งกายและจิตใจออ นแอ มคี วามเส่ือมอยูทว่ั ไป ความหมายวาเมือง เปนคําทมี่ ีความหมายเหมือนกบั คําอนื่ อีกหลายคาํ เชน ธานิน ธานี นคร นคเรศ บรุ ี ซง่ึ หากไมรูค วามหมายสามารถพิจารณาดว ยการ คมู อื ครู 71 ถอดคําประพันธ โดยการแทนความหมายวาเมืองในคาํ ที่ขดี เสน ใตแ ตละขอ ใหสอดคลอ งกบั เนื้อเรอ่ื ง ดงั นี้ ขอ 1. ชอ่ื สุมาลอี ยเู มอื งไมมีภยั ขอ 3. พระตื่น ขึน้ มารูวาหางจากเมืองแลว เศราใจ ขอ 4. นํา้ ปา ไหลเขาเมืองไมมที อ่ี ยู จากเนอื้ เรอื่ งขอทไี่ มส มเหตสุ มผล คอื ประชาชนเศรา เมือง ตอบขอ 2.

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนหาคําศัพททมี่ ีความหมายตรงตามท่ีครู คําศัพท ความหมาย กําหนดจากกาพยเร่ืองพระไชยสรุ ิยาอยางนอ ย 2 คํา ประสกสกี า อธิบายความหมายของคาํ ศพั ทน้ันและจาํ แนกวาเปน ประสก มาจากคาํ วา อุบาสก สกี า มาจากคาํ วา อุบาสิกา หมายถึง ชายหญิงท่ี มาตราตวั สะกดแมใด คําท่ีครูกําหนดมดี งั นี้ คําวา ปตติ เปน คฤหสั ถท ี่นบั ถอื พระพุทธศาสนา อรญั ไฟ กษตั ริย และเมอื ง ปาปง พญาสําภาที สว นบญุ (แนวตอบ นักเรียนสามารถนําเสนอความรูไดหลาย รูปแบบ เชน การนาํ เสนอดว ยตาราง พพรระะดแกาบลส1 บาป คําศพั ท มาตราตวั คาํ ที่มคี วามหมาย พระแสง พญานกในวรรณคดเี รอื่ งรามเกยี รติ์ พขี่ อง สะกด เหมอื นกัน พุทธนั ดร นกสดายเุ ปน ผบู อกทางไปกรงุ ลงกาใหแ ก หนมุ าน อรญั แมก น เถื่อน พงไพร ไพชยนต ภาษาไสย ไฟ แม ก กา เพลงิ กณู ฑ ภุมรา หนาตาง เภตรา กษัตริย แมกด ราชา ภวู ไนย มรคา ผบู ําเพญ็ ตบะ ฤๅษี พญาสาํ ภาที โมทนา เมือง แมก ง พารา บรุ ี ) ยอแสง อาวธุ หรอื เครอ่ื งใชม ีคมท่พี ระมหากษตั ริยทรงใชส อย เยาวนารี ขยายความเขา ใจ Expand โยโส ชว งเวลาทีว่ า งจากพระพทุ ธเจา คือ ชวงเวลาหลังจากท่พี ระพทุ ธเจาองคห นงึ่ 1. นกั เรียนจบั คกู ัน แตละคูเลือกคําศพั ทท ี่มี นิพพานแลว กับทพี่ ระพทุ ธเจา2อกี องคหน่งึ จะมาตรัสรู ความหมายเหมือนกนั (แนวตอบ ตวั อยางเชน คําวา “พสุธา” กับ “ธรณี” ชื่อรถและวมิ านของพระอนิ ทร ปราสาททัว่ ไปของหลวง ท่มี ีความหมายเหมือนกนั วา “แผนดนิ ”) ลทั ธอิ นั เน่อื งดว ยเวทมนตรค าถา 2. นักเรยี นยกบทประพนั ธท ีม่ ีคาํ ศัพทดังขา งตน (แนวตอบ คําวา “พสุธา” ในบทประพนั ธทว่ี า แมลงภู ผงึ้ ในทน่ี ้ีหมายถึง ตัวสนุ ทรภู “พสธุ าอาศยั ไมม ี ราชานารี อยทู ี่พระแกลแลด”ู เรอื และ คาํ วา “ธรณี” ในบทประพันธทีว่ า “ปลาวา ขาเจา เยาวภา มไิ ดไปมา ทาง อาศยั อยูตอธรณ”ี ) บันเทงิ ยนิ ดี พลอยบนั เทงิ พลอยยนิ ดี อาการท่ีพระอาทิตยอ อนแสงลง เวลาจะพลบคา่ํ สาวรุน อวดดี ๗๒ นักเรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 พระดาบส นักพรตผูบ ําเพญ็ ตบะเพ่อื เผากิเลส การบําเพ็ญตบะเปนการ นกั เรยี นศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เกย่ี วกับคําศัพทท่มี ีประวตั ิ หรอื คาํ อธิบาย ทรมานกายอยา งย่งิ ยวด ใชจ ติ เพง วัตถอุ ยางใดอยา งหนึง่ เพ่ือใหจ ติ แนวแนเปน ยาวๆ เชน พทุ ธนั ดร ไพชยนต พญาสําภาที เปน ตน ครูมอบหมายให สมาธิ เชื่อกนั วา เปนผมู ีสมาธจิ นสามารถบรรลุฌานสมาบตั ิและอภิญญา 6 ประการ นักเรยี นไปศกึ ษาคนควา ขอ มูลเก่ยี วกบั คําศพั ทน ้ันเพิม่ เติม สงเปนบันทึก ไดแ ก มฤี ทธิ์ หูทิพย รูจักกาํ หนดใจผูอน่ื ระลกึ ชาติได ตาทพิ ย และรจู ักทําอาสวะ ความรู ใหส ้นิ ไป จึงนบั เปน ดาบส 2 พระอินทร เปนเทพที่มบี ทบาทมากทส่ี ดุ ในวรรณคดี พระอนิ ทรซึ่งเดิมเปน กิจกรรมทา ทาย เทพชั้นสงู สดุ ถูกลดฐานะลงใหต ่ํากวาพระพรหม พระศิวะ และพระนารายณ ในยคุ มหากาพยใหเ ปนแตเ พยี งราชาแหง ทวยเทพเทานั้น พระอนิ ทรเ สื่อมความนิยมลง นักเรียนพจิ ารณาคาํ ศัพทใ นบทเรียนวามีคาํ ใดบางทเ่ี ปนคาํ พองรูป คํา เพราะความประพฤตไิ มด งี ามในกามวสิ ัย แตใ นทางพระพุทธศาสนา พระอินทร พองเสยี ง และคาํ พองความหมาย เลอื กมาคาํ ใดคําหน่งึ แลว ระบวุ า เปนคํา เปนผทู รงคณุ ธรรมเปน สาวกท่ีดี เปน อุบาสกทเี่ ปนเลศิ พอ งชนิดใด จากนน้ั ใหนกั เรียนคน หาคาํ ศัพทนอกบทเรยี นอยา งนอย 3 คํา ท่ีเปนคาํ พอ งกบั คาํ ศพั ทท ่ีเลือกมา 72 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรยี นอธิบายคาํ ภาษาอื่นทมี่ ีปรากฏใน ค�าศัพท์ ความหมาย วรรณคดไี ทย (แนวตอบ คําในภาษาอ่นื ท่นี ํามาใชใ นภาษาไทย รัญจวน ป่วนใจ สะเทือนใจด้วยความกระสันถึง โดยมากมคี าํ บาลสี นั สกฤต คาํ เขมร คาํ จนี ราศี ลกั ษณะความดีงามของคน สิรมิ งคล คาํ องั กฤษ ทัง้ นีท้ ีพ่ บมากในกาพยก ลอนคอื รกุ ขมลู โคนต้นไม้ คาํ บาลี คาํ สันสกฤต และคาํ เขมร ท้งั น้ี เนื่องจากอทิ ธิพลทางศาสนาและวัฒนธรรมของ โลโภ ความโลภ ความอยากไดไ้ ม่รู้จักพอ อนิ เดยี ซึง่ เปนตน กาํ เนิดของภาษาบาลีสันสกฤต วิบตั ิ พิบตั ิ ความเคล่ือนคลาด ความผิด โทษ ความตาย ความยากเข็ญ อนั ตราย ทมี่ ีตอ เขมร ซึง่ เปนชาตทิ ีเ่ จริญรงุ เรืองมากอน สะธสุ ะ ค�าที่เปล่งข้ึนก่อนกล่าวค�าอ่ืน เพ่ือขอความสวัสดิมงคล เม่ือเป็นภาษาพูด ไทยไดร ับอิทธพิ ลดงั กลาว จึงทาํ ใหไทยรบั เอา จะพูดสนั้ ๆ วา่ สาธุ ในความหมายวา่ ดีแลว้ ชอบแลว้ เปล่งวาจาแสดงความ วฒั นธรรมและภาษาทั้งเขมรและอนิ เดยี เปน เหน็ วา่ ชอบแล้ว อนั มาก) 2. นกั เรียนระบุคําภาษาอ่ืนท่ีปรากฏในกาพย สงั วจั ฉระ ปี เรื่องพระไชยสุรยิ า สตั ถาวร แผลงมาจากคา� ว่า สถาวร แปลวา่ ยัง่ ยนื (แนวตอบ คําในภาษาอ่นื ท่ีมีในกาพยเรือ่ ง สุภา หมายถึง พระยาราชสุภาวดี ซ่ึงเป็นบรรดาศักดิ์ของผู้มีต�าแหน่งตุลาการใน พระไชยสรุ ยิ า ไดแก คําบาลี คําสันสกฤต สมัยโบราณ และคําเขมร) เมธา นักปราชญ์ ผรู้ ู้ ขยายความเขา ใจ Expand อภญิ ญาณ ความรู้ยิ่ง มี ๖ อย่าง คือ ๑. อิทธิวิธี แสดงฤทธ์ิได้ ๒. ทิพยโสต มีหูทิพย์ ๓. เจโตปริยญาณ รู้จักก�าหนดใจผ้อู นื่ ๔. ปุพเพนวิ าสานสุ ติญาณ ระลกึ ชาติได้ ๕. ทพิ ยจกั ขุ มีตาทพิ ย์ ๖. อาสวักขยญาณ รู้จักท�าอาสวะ (กิเลสทีห่ มกั หมมใน 1. นักเรียนยกคาํ ศัพทในกาพยเ ร่อื งพระไชยสุรยิ า ใจ) ให้ส้ินไป ท่เี ปนคาํ บาลี คาํ สันสกฤต และคําเขมร อยางละ 3 คํา อะโข มาจากค�าวา่ อกั โขภิณี มีความหมายว่า มากมาย (แนวตอบ ตวั อยา งคําบาลี คําสนั สกฤต และ อชั ฌาศยั กริ ยิ าดี นสิ ยั ใจคอ ความรจู้ กั ผอ่ นปรน คําเขมรในกาพยเร่ืองพระไชยสุริยา • คาํ บาลี เชน เมตตา มนต องค อคั คี อัปรา แพ้ เปนตน อสั ดง เวลาพระอาทติ ยต์ ก • คาํ สันสกฤต เชน รักษา ศลี ฤๅษี ศรทั ธา อาญา อา� นาจ โทษ ธรรม ศฤงคาร สวรรค เปน ตน • คาํ เขมร เชน สาํ ราญ เสรจ็ สาํ เรจ็ เขนย อารย์ เจริญ เปนตน ) 73 2. นักเรยี นบนั ทกึ ความรูลงสมดุ ครูขออาสา- สมัครนําเสนอความรหู นา ช้นั เรียน 3-4 คน ครูเพ่มิ เตมิ คาํ ศพั ทใหนักเรียน นกั เรียนจด บันทึกคําศัพทจ ากเพ่อื นและครูเพ่มิ เตมิ บรู ณาการเช่ือมสาระ เกร็ดแนะครู การศกึ ษาความรเู รอ่ื งคาํ บาลีสนั สกฤตและคําเขมรในภาษาไทยเพ่มิ เติม โดยครเู ช่อื มสัมพันธความรเู รอ่ื งหลกั ภาษาและการใชภาษา ซง่ึ จะบอก ขอ สงั เกตของคําที่มาจากภาษาตางประเทศ โดยเฉพาะคําบาลีสันสกฤตและ การสอนคําศัพทใ นวรรณคดีนนั้ เปน เรือ่ งสาํ คญั จึงจาํ เปนตองแบงเวลาให คําเขมรท่พี บมากในภาษาและวรรณกรรมไทย รวมไปถึงความเขาใจเรือ่ งการ เหมาะสม เพราะนกั เรียนจะตอ งเรียนวรรณคดดี า นอืน่ ๆ อาจใหนกั เรยี นเลน ตอ มรี ากทางภาษาและวฒั นธรรมรวมกันกับชาติดังกลา ว การมีความคดิ คาํ ศพั ทใหส อดคลองตอเนอื่ งกนั โดยครูกาํ หนดเง่ือนไขของเกมคําศพั ท ท้งั นอ้ี าจให ความเช่อื ที่คลายคลึงกันของคนในสังคม นกั เรียนใชค วามรูในหลกั ภาษามารว มในการเลน เกม เชน การจาํ แนกชนดิ ของคํา การสรา งคาํ การแตง ประโยคชนดิ ตางๆ เปน ตน มมุ IT ศึกษาเกยี่ วกับคําศพั ทจากกาพยเร่อื งพระไชยสรุ ยิ าเพมิ่ เตมิ ไดท ี่ http://www.st.ac.th/bhatips/tip48/student48/gbpsuriya_history_st48.html คมู ือครู 73

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Expand ขยายความเขา ใจ นักเรียนยกบทประพันธท ่กี ลา วถึงสาํ เภาใน ºÍ¡àÅÒ‹ ࡌÒÊºÔ กาพยเ รือ่ งพระไชยสุรยิ า พรอ มท้ังถอดคําประพนั ธ บทน้นั (แนวตอบ บทประพนั ธท ก่ี ลาวถงึ สาํ เภาในกาพย เรอื สําเภา เรอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า ความวา สมัยกอ นบา นเรือนของคนไทยมักตั้งอยูริมแมน้ํา ซงึ่ ตอ งอาศยั เรอื เปน พาหนะในการเดินทาง “จาํ ไปในทะเลเวรา พายใุ หญมา จงึ ปรากฏมเี รอื ลกั ษณะตา งๆ เกดิ ขนึ้ มากมาย อยา งเชน ในกาพยเ รอื่ งนี้ พระไชยสรุ ยิ า จาํ ตอ งเดนิ ทาง เภตรากเ็ หเซไป ออกจากเมืองสาวตั ถีดว ยเรือสําเภา ซึ่งเปนเรอื ทมี่ ีทมี่ าจากประเทศจีน คาํ วา ส1าํ เภา (Junk) มาจาก สมอกเ็ กาเสาใบ ทะลุปรไุ ป คําวา ตะเภา หมายถงึ ลมทีพ่ ัดมาจากทศิ ใตเขา สอู าวไทยในฤดรู อน เรือสาํ เภาเปน เรือที่มีลักษณะ ทา ยเรอื สงู และยน่ื ออกนอกตวั เรอื สว นหวั เรอื จะอยตู าํ่ กวา ทา ยเรอื มจี ดุ เดน ทใี่ ชใ บแขวน เรอื สาํ เภา น้าํ ไหลเขาลาํ สาํ เภา มหี ลายชนดิ ดวยกัน ดังน้ี 2 ผนี ํ้าซํา้ ไตใบเสา เจากรรมซ้ําเอา สําเภาไทย เปนเรือสําเภาท่ีตอดวยไมตะเคียน มีตนแบบมาจากเรือสําเภาจีน ๓ กระโดง สาํ เภาระยําควาํ่ ไป” มคี วามยาวประมาณ ๓๐-๔๐ เมตร สาํ เภาจนี ๒ กระโดง เปน เรอื สาํ เภาทมี่ เี สากระโดงเพยี ง ๒ เสา ถอดคําประพนั ธไ ดว า พระไชยสุริยาและมเหสี ออกแบบมาใหสามารถฝามรสุมได ดังน้ัน สมุ าลีพรอ มท้งั ขา ราชบริพารตองตดิ อยใู นเรอื สาํ เภา จนกระทงั่ เกดิ พายุใหญม าพัดเรอื ใหเซไปมา สมอดงึ การที่มีเสากระโดง ๒ เสา ก็เพ่ือประโยชน ในการลดแรงตานลม เรือสําเภาจีน รัง้ ตา นแรงพายุไมไ หวครดู ไปกบั พื้น ใบเรือน้นั เม่อื ๒ กระโดงน้ีนยิ มใชในการขนสงสินคา สําเภาจีน ๓ กระโดง เปนเรือ โดนพายุก็ขาด ทาํ ใหเ รือไปตอ ไมไ ดน ํ้าไหลทะลกั สําเภาท่มี เี สากระโดง ๓ เสา มขี นาด เขาไปในลาํ เรอื ในท่ีสดุ เรือกค็ ว่าํ ) เล็กและเหมาะสําหรับแลนในนํ้าต้ืน ใชใ นการขนสง สนิ คา และการโดยสาร ตรวจสอบผล ไดรับการออกแบบใหสามารถผาน Evaluate ทางแคบและกระแสนํ้าเชย่ี วได 1. นักเรียนคน หาและนําคาํ ศพั ทในบทเรยี นมาจดั สําเภาจีน ๔ กระโดง เปนเรือ กลุมตามมาตราตวั สะกดตา งๆได สาํ เภาทม่ี เี สากระโดง ๔ เสา มขี นาดใหญ เหมาะสําหรับแลนในนํ้าลึก ใชในการ 2. นกั เรียนจาํ แนกคาํ ศพั ทใหถ กู ตองตรงตาม บรรทุกสินคาท่ีมีน้ําหนัก ๕๐๐-๑,๐๐๐ มาตราตวั สะกดได ตัน 3. นักเรียนยกคาํ ศพั ทในกาพยเร่อื งพระไชยสุริยา ท่ีเปน คําบาลี คาํ สันสกฤต และคาํ เขมรได 74 นกั เรียนควรรู บูรณาการเช่ือมสาระ จากความรเู รอ่ื งเรอื สําเภาซ่ึงเปน พาหนะสําคัญในกาพยเรอื่ งพระไชย- 1 เรือสาํ เภา ในสมยั โบราณการแลกเปล่ียนสนิ คา และการคาขายจะคา ขายกนั สรุ ิยา ครูบรู ณาการความรูกบั กลุม สาระการเรยี นรสู ังคมศกึ ษา ศาสนา เฉพาะในเขตพ้นื ท่ที ีส่ ามารถไปถึงดว ยเทา ลา มา และเรอื แจว เพอื่ ขนถายสนิ คา และวัฒนธรรม วชิ าประวตั ศิ าสตร สมยั รตั นโกสินทรต อนตน ในสว นทม่ี ี จากถ่นิ หน่งึ ไปยงั อีกถ่ินหนึง่ ตอ มาเมื่อการคา ขายเร่ิมขยายวงกวางมากขึน้ สนิ คา หน่งึ ความเก่ียวของกับชาวจีน โดยเฉพาะอยา งย่งิ กบั ชาวจนี ทไ่ี ดติดตอ คา ขายกบั เปนทตี่ อ งการของอกี สถานที่หน่ึง เหลา พอคา จงึ ไดคดิ สรา งเรอื เพ่อื ขนสง สินคา ไปยัง ชาวไทยมายาวนาน ทั้งนกี้ ารรปู ระวตั ิศาสตรดงั กลา วจะชว ยในการวเิ คราะห สถานทอ่ี ันไกลนัน้ ๆ จนเกดิ เปน เรือสาํ เภา การไปคา ขายแตละคร้งั ใชเวลานานเปน ประเดน็ ที่วา ผูม ีเรอื สาํ เภาตอ งเปนผูม ีความมงั่ คง่ั และการเดนิ ทางขามทะเล แรมเดอื น แรมป แตพ อกลบั มาแตละครงั้ เหลาพอ คา จะไดความรใู หมๆ สนิ คาใหมๆ มหาสมทุ รในยคุ สมัยกอ นเหมาะทจ่ี ะใชเ รอื สําเภา เพราะเปน ทคี่ ุนเคยและ กลับมาดวย จึงทําใหผ ทู เ่ี ปน พอคา ทางเรือจะเปน ผทู ีม่ ที กั ษะความรูใ หมๆ พรั่งพรอม รูจักกนั ดใี นสมยั นนั้ ดังท่ีปรากฏการใชเรือสาํ เภาในกาพยเ รือ่ งพระไชยสรุ ิยา ดว ยความมั่งค่งั รํา่ รวย จึงทาํ ใหมีผคู นนบั หนาถอื ตา เพราะการไดไ ปพบเหน็ ศลิ ปะ ซึ่งมีตน แบบมาจากจีน วัฒนธรรมของตางถิ่น ตางแดน ท่มี คี วามเจริญรุงเรอื งกวา กจ็ ะนํากลบั มาสูด นิ แดน ของตนเอง จงึ พูดไดว าผูท ่มี เี รอื สําเภาเปนผูท่ีมั่งคัง่ ทัง้ ความรู ทรพั ยส ิน และเกยี รตยิ ศ ชือ่ เสยี ง สามารถเปนขุนนางสรางความเจริญรุงเรืองใหแ กตนเองและประเทศชาตไิ ด 2 กระโดง คือ เสาสาํ หรับกางใบเรอื เสาเดินเรือในทะเลใหญๆ บนยอดเสามี รงั กาซึ่งเปนทส่ี ําหรบั ใหย ามยืนเฝา คอยระวงั สิ่งผิดปกตติ างๆ 74 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๗ บทวเิ คราะห์ ครกู ระตุนความสนใจของนกั เรียนดว ยคําถาม ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นรว มกนั กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแต่งขึ้นเพื่อเป็นแบบเรียนเร่ืองการสะกดและการใช้ถ้อยค�า เหมาะ • นักเรยี นจําไดหรอื ไมวาเรยี นเรื่องมาตรา ส�าหรับเ1ด็ก เนื่องด้วยส�านวนภาษาที่ใช้ในการเรียบเรียงตรงไปตรงมา เรียงตามล�าดับมาตรา ตัวสะกดในช้ันเรียนใด ตัวสะกด คือ แม่ ก กา แม่กน แม่กง แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กม แม่เกย ส่วนแม่เกอว ไม่มีบท • นักเรียนคิดวาแบบเรียนมาตราตวั สะกดใน อ่านแยกออกมาต่างหาก แต่รวมไว้ในแม่เกย ลักษณะเนื้อหาเร่ิมสอนจากง่ายไปหายาก มีการ ภาษาไทยของสมยั กอนยากหรอื งายกวา ที่ ทบทวนความรู้เดมิ ทกุ ครงั้ เช่น บทที่ใช้ค�าในแมก่ ก มีการแทรกค�าในแม่ ก กา แม่กน แมก่ ง เพ่ือให้ นักเรียนเรียนอยางไร อา่ นทบทวน ท�าใหบ้ ทเรียนสนุกน่าสนใจ น่าติดตาม สาํ รวจคน หา Explore นอกจากผู้อ่านจะได้รับความเพลิดเพลินจากเนื้อหาของนิทานเรื่องพระไชยสุริยาแล้ว ยังได้รับคุณค่าจากบทฝึกอ่านเขียนภาษาไทยตามแบบโบราณ ที่สามารถท่องจ�าเพื่อประโยชน์ 1. นกั เรยี นศกึ ษาคน ควาเกย่ี วกบั แบบเรียนของ ในการศกึ ษาเรอ่ื งมาตราตัวสะกดและลักษณะของการแตง่ ค�าประพนั ธ์ประเภทกาพยไ์ ดเ้ ปน็ อยา่ งดี ไทยในชวงสมยั รชั กาลท่ี 3 จนถงึ ปจจบุ ัน ๗.๑ คณุ คา่ ดา้ นเนอ้ื หา 2. นกั เรยี นศึกษาคนควาเกี่ยวกับการเลนเสียงใน กาพยเรือ่ งพระไชยสุริยา ๑) ให้ความรตู้ ามจุดประสงค์ของผูแ้ ตง่ คือ ใชเ้ ป็นสอ่ื ในการสอนมาตราตัวสะกด ผู้ที่ใช้กาพย์เร่ืองพระไชยสุริยาเป็นแบบเรียนจะสามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง 3. นกั เรียนศกึ ษาบทวเิ คราะหว รรณคดีจากบทเรียน และสามารถใช้ทบทวนความรทู้ างการใชภ้ าษาได้ อธบิ ายความรู Explain ๒) สะท้อนสภาพสังคมไทย สุนทรภู่เกิดหลังการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์เพียง สามปี ได้รับรูเ้ หตุการณต์ อนเสยี กรงุ จากผู้ใหญ่ทเี่ คยพบสภาพท้ังกอ่ นเสยี กรุง ขณะเสยี กรุง การกอบกู้ หลงั จากทน่ี กั เรยี นอานกาพยพระไชยสรุ ิยาจบแลว บ้านเมือง และสร้างบ้านแปลงเมืองมา จึงสอดแทรกสภาพสังคมไทยก่อนเสียกรุง โดยสร้างตัวละคร และไดศ กึ ษาบทวเิ คราะห ใหน ักเรยี นพจิ ารณาและ ในเรื่องว่าข้าราชบริพาร เสนาบดีไม่ใส่ใจบ้านเมือง ฉ้อราษฎร์บังหลวง คดโกง ไม่ยุติธรรม หมกมุ่น อธบิ ายคณุ คา ดา นเน้อื หาของกาพยเรอื่ งพระไชยสรุ ยิ า อยกู่ บั ความสนุกสนานเพลดิ เพลินมัวเมาในกาม เหมือนสภาพคนไทยกอ่ นเสียกรงุ ดงั น้ี (แนวตอบ กาพยเ รอ่ื งพระไชยสุริยาใชส อนเร่ือง อยู่มาหมู่ขา้ เฝ้า ก็หาเยาวนารี การสะกดคํา โดยเรยี งตามลาํ ดับมาตราตวั สะกด คอื ทีห่ น้าตาดีดี ท�ามโหรีทเ่ี คหา แม ก กา แมกน แมก ง แมก ก แมก ด แมก บ แมกม เข้าแต่หอลอ่ กามา แมเ กย ลกั ษณะเน้อื หาเรมิ่ สอนจากงา ยไปหายาก ค�า่ เชา้ เฝา้ สซี อ โลโภพาใหบ้ ้าใจ มกี ารทบทวน ความรูเดิมทกุ ครั้ง ทําใหน า สนใจ หาไดใ้ ห้ภริยา เหไปเขา้ ภาษาไสย นาติดตาม แตย งั ไมจ บเร่ือง คอื ขาดมาตราตวั สะกด ฉอ้ แตไ่ พร่ใสข่ อื่ คา แมเ กอวไปอกี หน่ึงมาตรา กาพยพ ระไชยสรุ ิยาเปน ไมจ่ า� ค�าพระเจ้า แบบฝกอา นท่ีมคี ณุ คา ดานเนอื้ หา คือ เปน นิทาน ถือดีมีข้าไท เรอื่ งเลา ทีใ่ หแงคดิ ในการประพฤติปฏบิ ัติตนใหด ี มศี ลี ธรรม และใหความซ่ึงตรงตามจุดประสงคข อง 75 การแตง คือ ตองการใหผอู า นมคี วามรเู ร่ืองสระและ พยญั ชนะท่เี ปนตวั สะกดในมาตราตา งๆ) ขอใดไมป รากฏในบทประพนั ธตอไปนี้ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู ค่าํ เชาเฝาสีซอ เขา แตหอลอกามา 1 ตวั สะกด กลา วอกี นยั หนง่ึ คอื พยญั ชนะท่ที ําหนา ทป่ี ระสมเปน สว นที่ 4 หาไดใหภ ริยา โลโภพาใหบา ใจ ของคาํ ไดแก สระ+พยัญชนะ+วรรณยุกต+ ตัวสะกด ซ่งึ ตัวสะกดแบงออกเปน ไมจําคาํ พระเจา เหไปเขา ภาษาไสย 5 ชนิด ดังน้ี ถอื ดีมขี า ไท ฉอแตไพรใ สข่ือคา 1. หลงระเริงมัวเมาในกามารมณ 2. งมงายในเวทมนตรค าถา 1. เปนพยญั ชนะโดด เชน คน ว่ิง มาก ขาด ฯลฯ 3. เชือ่ ในภาษาศาสตร 4. ฉอ ราษฎรบ ังหลวง 2. เปนอักษรควบแท เชน บุตร จักร อคั ร นทิ ร ฯลฯ 3. เปนอักษรควบไมแ ท เชน สรรพ มารค ธรรม พรหม ฯลฯ วเิ คราะหค าํ ตอบ จากบทประพันธกลาวถึงการฉอราษฎรบังหลวง ยดึ ถือ 4. เปน อกั ษรนํา เชน พศิ วง เมขลา วาสนา ศาสนา ฯลฯ ประโยชนสว นตนเปน สาํ คัญมีแตความโลภ หลงระเรงิ ในกามารมณ และ 5. เปนนคิ หิต เชน พุทธํ ธมฺมํ สงฆฺ ํ ฯลฯ ไมเ ชอื่ ในคาํ สอนของพระพทุ ธศาสนางมงายในเวทมนตรค าถาไสยศาสตร ไมมศี ลี ธรรม ขอ ทีไ่ มเกีย่ วของและไมไ ดกลาวถึงในบทประพนั ธขา งตน คือ เช่ือในภาษาศาสตร ซงึ่ เปน การศึกษาเก่ียวกับภาษาในสังคม ตอบขอ 3. คมู อื ครู 75

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู นักเรยี นรวมกันอภปิ รายเกีย่ วกบั เน้อื หาของ นอกจากนี้ในการตัดสินคดีความต่างๆ ตุลาการก็ไม่มีความยุติธรรม ใครติดสินบนก็พลิกคดี กาพยเ รือ่ งพระไชยสรุ ยิ าในประเด็นตอ ไปน้ี จากท่ีแพ้ให้ชนะ คนช่ัวได้ดี คนดีถูกกดขี่ข่มเหง ซ่ึงสภาพสังคมไทยก่อนกรุงศรีอยุธยาแตก คงเป็นเช่นน้ี จนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงทนไม่ได้และคงทรงเห็นสุดก�าลังท่ีจะรักษากรุง • ตัวสะกดหรอื พยญั ชนะทา ยในภาษาไทย ไวไ้ ด้ จงึ ตอ้ งหาสมคั รพรรคพวกหนไี ปต้งั หลกั ท่จี นั ทบรุ ี สภาพก่อนกรงุ สาวัตถจี ะลม่ จมเป็น ดังนี้ มีลักษณะอยา งไร (แนวตอบ ตัวสะกดหรือพยัญชนะทา ย คดที ม่ี ีคู่ คอื ไก่หมเู จ้าสภุ า ในภาษาไทยจะออกเสยี งไดค ราวละเสยี งเดยี ว) ใครเอาขา้ วปลามา ให้สภุ าก็วา่ ดี ไม่ถือพระประเวณี • นกั เรยี นคดิ วา การสอนมาตราตวั สะกด ทแี่ พแ้ กช้ นะ ไลด่ ่าตีมอี าญา ในภาษาไทย โดยการใชน ทิ านมคี วามนา สนใจ ขีฉ้ อ้ กไ็ ด้ดี ว่าโง่เงา่ เตา่ ปูปลา กวา การสอนโดยตรงหรอื ไม อยา งไร ว่าใบ้บ้าสาระยา� (แนวตอบ การสอนโดยการใชนิทานมคี วาม ที่ซ่ือถอื พระเจ้า นาสนใจมากกวา การสอนโดยตรง เพราะ ผ้เู ฒา่ เหล่าเมธา ผูเรยี นจะสนใจติดตามเรอื่ งราวในนทิ าน ตง้ั แตต น จนจบ ทาํ ใหไ ดเ รยี นรมู าตราตวั สะกด ๓) แสดงความคิด ความเช่อื และค่านิยมของคนในสงั คม เช่น ตา งๆ ไปพรอ มกนั และกวีเนน ความสําคญั ๓.๑) ความเช่ือเรื่องไสยศาสตร์ กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแสดงให้เห็นความเชื่อ ของมาตราตัวสะกดแมตางๆ ดวยการข้นึ ตน บทประพนั ธเปนตอนๆ ตอ เนอื่ งสัมพันธ ของผู้คนในสมัยน้ันว่านับถือไสยศาสตร์มากกว่าหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา จนมีความประพฤติ กบั การดําเนนิ เร่อื งเปนอยางดี ผูเรยี นจึงได ท้งั ความรแู ละความเพลิดเพลนิ ) ในทางทผ่ี ิด เชน่ ไม่จ�าค�าพระเจ้า เหไปเข้าภาษาไสย ถอื ดีมขี ้าไท ฉ้อแต่ไพรใ่ สข่ อ่ื คา ๓.๒) แสดงค่านิยมของครอบครัว คู่สามีภรรยายามตกทุกข์ได้ยากต้อง ไม่ทอดท้งิ กนั ภรรยาต้องให้ความเคารพและปรนนบิ ัตสิ ามีทั้งยามทกุ ขแ์ ละยามสขุ เช่น สว่ นสมุ าลี วนั ทาสามี เทวีอยู่งาน สา� ราญวญิ ญา เฝ้าอย่ดู ูแล เหมอื นแต่ก่อนกาล ใหพ้ ระภูบาล ๓.๓) แสดงความเคารพในส่ิงท่ีควรเคารพ การแสดงความเคารพศรัทธาใน พระรัตนตรัย พอ่ แม่ ครูบาอาจารย์ และสงิ่ ศักด์สิ ิทธ์ิ เชน่ สะธสุ ะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา พ่อแมแ่ ลครบู า เทวดาในราศี 76 เกรด็ แนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครแู นะความรใู หนักเรยี นเพ่มิ เติมเกย่ี วกับตัวสะกดในภาษาไทยวา เสยี ง นักเรยี นอธิบายเร่ืองระบบมาตราตวั สะกดไทยและการออกเสียง พยัญชนะทา ยในภาษาไทยจะออกเสยี งไดเ พียงคราวละเสยี งเดยี ว ซงึ่ ผดิ กบั ภาษาอ่ืน พยัญชนะทายของภาษาไทย พรอมยกตัวอยางประกอบ เชน ภาษาอังกฤษที่อาจจะออกเสียงพยญั ชะทา ยไดมากกวาคราวละหนง่ึ เสยี ง เมื่อไทยรบั คําภาษาอังกฤษเขา มาในภาษาไทยจึงตอ งตดั เสียงพยัญชนะทายใหเ หลอื กจิ กรรมทาทาย เพยี งเสียงเดยี ว เชน คาํ วา “เตน็ ท” ไทยตัดเสยี งสุดทา ยออกใหเ หลือเพยี งเสียงเดียว คือ พยญั ชนะสะกดตามมาตราตัวสะกดแมก น นกั เรยี นยกตัวอยางคําภาษาอื่นท่ีมกี ารตัดเสยี งพยญั ชนะทา ยออกให เหลือเพยี งเสยี งเดียว ยกมาคนละ 2 คาํ พรอมบอกท่มี าและความหมาย ของคาํ นน้ั 76 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓.๔) ใหข้ ้อคดิ คตธิ รรม ส�าหรบั นา� ไปใช้ในการดา� เนนิ ชีวิต ดงั นี้ นกั เรยี นบอกขอคิดทีไ่ ดจ ากการศึกษากาพยเรื่อง ❀■ข้าราชการที่ดีต้องไม่คดโกง ฉอ้ ราษฎรบ์ ังหลวง กดขี่ขม่ เหงประชาชน พระไชยสรุ ยิ า ❀■คนไทยไม่ควรหลงระเรงิ มัวเมาแต่ความสนุกสนานเพลิดเพลินในกามารมณ์ ❀■ผู้นา� ของประเทศต้องควบคมุ ดแู ลขา้ ราชการ อยา่ ให้รังแกประชาชน (แนวตอบ ขอ คดิ ทไ่ี ดจากกาพยเ รอ่ื งพระไชยสรุ ิยา ❀■ถา้ ขา้ ราชการไมส่ จุ รติ คดโกง ผนู้ า� ไมเ่ ขม้ แขง็ ประชาชนหลงระเรงิ เอาแตส่ นกุ • คนเราเม่ือประพฤตดิ ยี อมไดด แี ละมคี วามสขุ ประเทศชาติจะประสบความหายนะต่างๆ • คนเราควรเคารพในสิ่งทีค่ วรเคารพเทา นัน้ ❀■บ้านเมืองจะเกิดภัยพิบัติถ้าสังคมเกิดกาลกิณี ๔ ประการ คือ ผู้คนเห็น • การประพฤติตนอยใู นศลี ในธรรม ยอมทาํ ให ผิดเป็นชอบ เปิดโอกาสให้คนผิดท�าลายล้างคนดี ลูกศิษย์คิดล้างครู ลูกไม่กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้คน ในสังคมเบียดเบียนกนั สงั คมไม่มคี วามสขุ และเกดิ ความเดือดร้อนไปทุกหยอ่ มหญา้ ตนเองและสงั คมเจรญิ ดวย ❀■คนเราทุกคนต้องตาย ไม่มีใครอยู่ค้�าฟ้า การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข คือ • การประพฤตชิ วั่ นอกจากจะทําใหต นเอง ทุกคนต้องไม่เบียดเบียนกนั เมตตาตอ่ กนั หมัน่ รกั ษาศลี สวดมนต์ภาวนา ท�าจิตใจให้สงบ ดไู มด แี ลวยังทําใหป ระเทศชาตแิ ละสังคม ๗.๒ คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ เสื่อมโทรมดว ย • ความเจรญิ รุงเรืองของชาติบานเมืองขน้ึ อยกู บั ๑) การใช้ค�าง่ายๆ บรรยายให้เห็นภาพชัดเจน เช่น การเริ่มต้นเร่ืองด้วยเนื้อความ ทกุ คนในชาตทิ จี่ ะตอ งชวยกันธํารงรกั ษาไว) ส้นั ๆ วา่ มีเมอื งๆ หนง่ึ มพี ระราชาและมเหสี รวมท้ังขา้ ราชการและประชาชนซึ่งทา� มาหาเลี้ยงชีพและ มีความเป็นอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ นอกจากน้ียังมีพ่อค้าเดินทางมาค้าขายจากต่างแดน ทุกคนในเมือง ขยายความเขา ใจ Expand ล้วนอยูร่ ว่ มกันได้อย่างเปน็ สุข 1. นกั เรยี นแสดงความคิดเห็นรวมกันในประเดน็ ข้าเฝา้ เหลา่ เสนา มกี ิรยิ าอชั ฌาศยั ตอไปน้ี พ่อค้ามาแตไ่ กล ได้อาศยั ในพารา • นักเรยี นคดิ วาจะนาํ ขอคดิ ที่ไดจากกาพยเ ร่อื ง ชาวบรุ ีกป็ รดี า พระไชยสรุ ยิ าไปแกไขสถานการณความ ไพรฟ่ ้าประชาชี ได้ข้าวปลาแลสาลี วุนวายในสังคมปจ จบุ ันไดหรือไม อยางไร ทา� ไร่ข้าวไถนา (แนวตอบ สามารถนาํ ขอ คดิ ท่ีไดจ ากกาพย เรือ่ งพระไชยสุรยิ าไปแกไ ขสถานการณ ๒) ใชถ้ ้อยค�าใหเ้ กิดจนิ ตภาพ เช่น การพรรณนาบรรยากาศและธรรมชาติแวดลอ้ ม ความวุนวายในสังคมปจ จุบนั ได เชน ท่ีมีความสวยงามในยามค่�าคืน ท�าให้นึกถึงภาพของดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าท่ีปลอดโปร่ง สถานการณน ํา้ ทวมที่เปนปญหารนุ แรง และเต็มไปดว้ ยดวงดาวจา� นวนมาก ธรรมชาติมีแตค่ วามสดช่ืนและช่มุ ช้ืน มสี ายลมอ่อนๆ พัดกลน่ิ หอม ในประเทศ ประชาชนไดรับความเดือดรอน ของเกสรดอกไมก้ ระจายไปทั่ว แมว า สาเหตุสว นใหญจะเกดิ จากความ แปรปรวนทางธรรมชาติ แตอีกสว นมสี าเหตุ วนั นัน้ จนั ทร มดี ารากร เป็นบริวาร เหมอื นในกาพยเ รอื่ งพระไชยสรุ ยิ า จงึ ควรนาํ เหน็ สน้ิ ดินฟ้า ในป่าทา่ ธาร มาลีคลบ่ี าน ใบก้านอรชร ขอคดิ จากเรือ่ งมาปรบั เปล่ยี นคา นิยมการทาํ ชนื่ ชะผกา วายพุ าขจร ประโยชนแ ละเสียสละเพ่อื สังคม เพื่อแกไข 1 เยน็ ฉา่� นา�้ ฟา้ แตนต่อคลอร่อน ว้าวอ่ นเวยี นระวัน สถานการณท่ีเปนปญ หาดังกลาว) สารพนั จนั ทนอ์ ิน รื่นกลนิ่ เกสร 2. นกั เรียนบันทกึ ความรลู งสมุด 77 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู คาํ ประพันธใ นขอ ใดเปนจดุ ประสงคใ นการแตง กาพยเ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า 1. ภุมราการุญสนุ ทร ไวห วงั ส่ังสอน ครแู นะนาํ ความรูเรอ่ื งเสียงของคําทท่ี ําใหเ กดิ ภาพชัดเจน สามารถจินตภาพ เดก็ ออ นอนั เยาวเลาเรยี น ตามทีก่ วบี รรยายได โดยกวีเลอื กใชค ําที่ทาํ ใหค ลอยตามงายใหความหมายกินใจ 2. จรงิ นะประสกสีกา สวดมนตภาวนา การอานวรรณคดีและวรรณกรรม ชว ยฝกการคดิ จนิ ตภาพ ชว ยสงเสรมิ ประสบการณ เบ้อื งหนาจะไดไปสวรรค การเรียนรใู นเรอ่ื งราวและความรสู ึกตา งๆ ชวยสรา งความสัมพนั ธท ่ดี กี บั ผอู น่ื และ 3. ประโยชนจะโปรดภวู ไนย น่ิงนงั่ ตง้ั ใจ ธรรมชาติรอบตัว เลื่อมใสสําเร็จเมตตา 4. ซือ่ ตรงหลงเลหเสนี กลอกกลับอัปรีย นกั เรียนควรรู บรุ ีจงึ ลมจมไป 1 จนั ทนอ นิ ปจ จุบันเขียนเปน “จันอิน” เปนช่ือไมส ูง ผลสุกมีสีเหลือง มกี ลิ่นหอม วิเคราะหคําตอบ จากบทประพนั ธก าพยเ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ าน้ี แมเ น้อื เรื่อง รปู รา งของผลอว นหรือกลมแปน เน้ือผลมรี สหวาน นิยมรับประทานเมื่อสกุ จะใหข อคดิ ทว่ี า ขุนนางตองซื่อสัตยส จุ รติ แตจ ดุ มุงหมายของการแตง คือ เพราะตอ งการใหใ ชเปน แบบเรียนสอนการอาน เขียน ภาษาไทย ตอบขอ 1. คูมอื ครู 77

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นักเรยี นอธบิ ายเกยี่ วกับคุณคาทางวรรณศลิ ปใน ๓) ใชโ้ วหารนาฏการ คอื เห็นกริ ยิ าอาการทที่ า� ต่อเน่ือง เชน่ กาพยเรื่องพระไชยสรุ ยิ า เหน็ กวางยา่ งเย้อื งช�าเลอื งเดิน เหมือนอย่างนางเชญิ • กาพยเร่อื งพระไชยสุริยามลี ักษณะเดนทาง พระแสงสา� อางขา้ งเคียง วรรณศลิ ปอ ยางไรบาง ................................... (แนวตอบ กาพยเ รือ่ งพระไชยสุรยิ ามีลกั ษณะ ................................... 1 ค่างแขง็ แรงเรงิ เดนทางวรรณศลิ ป คือ การใชคํางา ยในการ บรรยายเร่อื งราว ทาํ ใหการดําเนินเรื่องนา ฝงู ละมง่ั ฝังดินกนิ เพลิง องึ คะนึงผึงโผง ตดิ ตามเขา ใจงา ย ใชถอยคําใหเ กิดจนิ ตภาพ ยนื เบ่ิงบ้ึงหน้าตาโพลง ทําใหเหน็ ภาพชดั เจน ฉากและบรรยากาศ ................................... ในเรอื่ งมคี วามสมจรงิ เชน เหตุการณต อนท่ี ป่าสูงยงู ยางชา้ งโขลง ฝูงจง้ิ จอกออกเห่าหอน เกิดอาเพศในเมืองสาวัตถปี ระชาชนแตกตืน่ โยงกันเล่นน�้าคล�า่ ไป นกหกร่อนนอนรงั เรยี ง หนกี นั วุนวาย เหตกุ ารณความยากลาํ บาก อ้าปากรอ้ งซ้องแซ่เสียง ของพระไชยสุรยิ าและพระมเหสตี อนทีอ่ ยใู น ................................... เลยี้ งลกู ออ่ นป้อนอาหาร ปา เปน ตน และยงั มกี ารใชค วามเปรียบทาํ ให ลงิ คา่ งครางโครกครอก เขา ใจเน้อื เร่ืองไดแจมชัดยง่ิ ข้นึ เชน “ยงู ทอง ชะนีวิเวกวอน รองกะโตงโหงดัง เพยี งฆองกลองระฆงั ” ใช ลูกนกยกปีกป้อง คาํ วา “เพยี ง” ซึ่งมคี วามหมายวา “เหมอื น” แมน่ กปกปีกเคยี ง ยงู ทองรอ งเสียงดังเหมือนฆอง กลอง และ ระฆัง) ๔) การใชค้ วามเปรยี บวา่ สงิ่ หนงึ่ เหมอื นกบั สงิ่ หนงึ่ หรอื อปุ มาคอื การเปรยี บเทยี บ สงิ่ หนง่ึ เหมอื นกบั อกี สง่ิ หนงึ่ ทา� ใหเ้ ขา้ ใจไดช้ ดั เจน เชน่ ขยายความเขา ใจ Expand กลางไพรไกข่ นั บรรเลง ฟังเสียงเพียงเพลง ซอเจ้งจ�าเรียงเวียงวัง นักเรียนยกบทประพันธท่ีมกี ารใชค วามเปรียบ เพียงฆ้องกลองระฆงั หรอื อุปมา พรอมถอดคําประพันธใหเห็นการใช ยงู ทองร้องกะโตง้ โห่งดงั ความเปรียบ แตรสงั ขก์ ังสดาลขานเสียง ................................... สรา่ งโศกเศร้าเจ้าพ่ีอา (แนวตอบ ตวั อยา งบทประพนั ธท ใี่ ชความเปรียบ ................................... มาหม่นหมองละอองนวล เชน ยากเยน็ เหน็ หน้าเจา้ จะรักเจา้ เฝ้าสงวน อยูว่ ังดงั จนั ทรา นวลพกั ตรน์ อ้ งจะหมองศรี “เหน็ กวางยา งเยื้องชําเลืองเดิน เหมือนอยา งนางเชญิ เพือ่ นทุกข์สุขโศกเศรา้ พระแสงสําอางขางเคยี ง” มิง่ ขวญั อย่ารัญจวน จากบทประพนั ธใชความเปรียบวา “เหมือน” 78 กลา วถึงทา ชายตาเดินของกวางวา เหมือนทาทางของ หญิงสาว) นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT คําประพันธในขอ ใดใชโวหารนาฏการ 1 กนิ เพลงิ ชะลอ ชว ยบาํ รงุ ไดค นควา วา ละม่ังกนิ พืชชนดิ หนึง่ เปน พืช 1. ปาสงู ยูงยางชา งโขลง องึ คะนงึ ผึงโผง ประเภทขิง เรยี กวา “ขงิ ปา ” หรอื บางสํานวนทเี่ ปน “ดนิ เพลิง” จะหมายถึง ดินโปง โยงกันเลน น้ําคลา่ํ ไป ดนิ เปน อาหารของสตั วประเภทกวางลักษณะเปนดินเค็มหรือดินทม่ี เี กลือปนอยู 2. สําเร็จเสร็จไดไปสวรรค เสวยสขุ ทกุ วัน นานนับกัปกัลปพ ุทธนั ดร 78 คูมือครู 3. ระวังตัวกลัวครหู นูเอย ไมเ รียวเจียวเหวย กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวยี ว 4. กระจบั ปสซี อคลอเสยี ง ขบั ราํ จําเรียง สาํ เนยี งนางฟานาฟง วเิ คราะหคาํ ตอบ โวหารนาฏการเปน โวหารทแี่ สดงใหเ หน็ ภาพการเคลอื่ นไหว ภาพการแสดงกริ ิยาอาการของสงิ่ ตา งๆ ใหเหน็ ชัดเจน ในขณะท่ีกาํ ลงั ดําเนนิ ไปอยา งสวยงาม ขอทเ่ี ห็นภาพการเคลือ่ นไหว คอื ขอ ท่เี ห็นภาพโขลงชาง เอะอะเสยี งดังพากันเลน น้าํ ตอบขอ 1.

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนรวมกนั อธบิ ายความรูเกี่ยวกบั การ มโนภาพ1เหมือน๕ไ)ด้ยกินาเรสเลียียงนนั้นเสจียรงิงธๆรรเมชช่นาตเิสคียือง เลียนเสียงธรรมชาตใิ นกาพยเ รอ่ื งพระไชยสุรยิ า การน�าเสยี งท่ไี ดย้ นิ มาบรรยาย ซ่งึ จะทา� ใหเ้ กิด จากนนั้ บันทึกความรูลงสมดุ กะโต้งโห่ง ของนกยูงท่ีดังกังวานคล้ายเสียง • การเลียนเสียงธรรมชาติ เครื่องดนตรีไทยหลายชนิดผสมกัน เสียง ป๋องเป๋ง ของนกค้อนทอง ที่มีความไพเราะจับใจ คลา้ ยเสียงเพลง เสียง โครกครอก ของลิงคา่ ง หรอื เสียง หงา่ งเหงง่ ของระฆังเมือ่ ถูกตี เป็นต้น (แนวตอบ การเลยี นเสยี งธรรมชาตทิ ่ีพบใน กาพยเ รอื่ งพระไชยสรุ ิยา เชน เสยี งดนตรี ยงู ทองร้องกะโตง้ โหง่ ดัง เพยี งฆ้องกลองระฆงั เสยี งสัตว ประโยชนของคาํ เลียนเสียง แตรสังข์กังสดาลขานเสยี ง ธรรมชาตจิ ะเราจินตนาการของผูอ า นไดด ขี ึน้ ................................... การใชค าํ เลยี นเสียงลักษณะนจี้ ะทาํ ใหเหมอื น ................................... เพลินฟงั วงั เวง ไดย นิ เสยี งน้นั จริงๆ) คอ้ นทองเสยี งรอ้ งปอ๋ งเปง๋ • การเลน เสยี งและการใชลีลาในการอาน อเี กง้ เริงรอ้ งลองเชงิ ลงิ คา่ งครางโครกครอก ฝงู จ้ิงจอกออกเหา่ หอน (แนวตอบ การเลน เสียงในกาพยเ รอ่ื งพระไชย- ชะนีวเิ วกวอน นกหกรอ่ นนอนเรยี งรงั สุริยามกี ารเลน เสียงสมั ผัสใน ท้ังสัมผัสสระ ................................... และสมั ผสั อกั ษรทาํ ใหเสียงรน่ื หู สว นจังหวะ ................................... ตะโพนกลองรอ้ งเป็นเพลง ลีลา กวใี ชคําเหมาะสมกับคาํ ประพันธที่เปน พณิ พาทยร์ ะนาดฆ้อง โหง่งหง่างเหงง่ เกง่ กา่ งดงั กาพยช นดิ ตางๆ เชน การใชกาพยยานที ี่เนน ระฆงั ดงั วังเวง เสียงหนกั เบาในตอนท่ีตอ งการใหเ รอื่ งสนกุ มี ๖) การเลน่ เสยี ง คอื การเลน่ เสยี งสมั ผสั ซงึ่ หมายถงึ พยางคท์ ค่ี ลอ้ งจองกนั ดว้ ยเสยี ง อารมณข ัน และใชกาพยสุรางคนางคใ นการ สระและเสยี งพยญั ชนะ กาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ ามกี ารเนน้ สมั ผสั ในทกุ วรรคทง้ั สมั ผสั สระและสมั ผสั อกั ษร บรรยายบรรยากาศท่ีมีความสงบ สรรพสิ่ง ดําเนินไปอยางชาๆ เปนท่ีจับจองใหคดิ คํานงึ ) ขนึ้ กงจงจ�าสา� คัญ ทงั้ กนปนกัน รา� พนั มิ่งไม้ในดง ขยายความเขา ใจ Expand ไกรกร่างยางยูงสูงระหง ตะลงิ ปลงิ ปริงประยงค์ นักเรยี นยกบทประพนั ธทม่ี ีการเลียนเสียง คนั ทรงส่งกลิ่นฝิ่นฝาง หล่นเกล่ือนเถอ่ื นทาง ธรรมชาตจิ ากกาพยเ รือ่ งพระไชยสรุ ยิ า อธบิ ายการ เลียนเสยี งธรรมชาติในบทนั้น และการเลน เสียง มะม่วงพลวงพลองชอ้ งนาง สัมผัสในทงั้ สัมผัสสระและสมั ผัสอกั ษร กนิ พลางเดนิ พลางหว่างเนนิ สัมผัสอักษร เช่น จง-จ�า มิ่ง-ไม้ ไกร-กร่าง ยาง-ยูง ปริง-ประยงค์ ฝิ่น-ฝาง (แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธ “คอนทองเสยี งรองปองเปง เพลินฟงวังเวง พลวง-พลอง อเี กงเรงิ รอ งลองเชิง” สัมผสั สระ เชน่ กง-จง จ�า-สา� กน-ปน ไม้-ใน กร่าง-ยาง ยงู -สูง ลิง-ปรงิ -ปลงิ จากบทประพันธมกี ารเลียนเสียงรองของสตั ว ทรง-ส่ง กลิน่ -ฝ่ิน ม่วง-พลวง พลอง-ช้อง เกลื่อน-เถ่อื น พลาง-หว่าง คือ นกคอ นทองรอ งเสยี งดัง “ปองเปง” และ การเลนเสียงสัมผสั ในวรรค ดงั น้ี สมั ผสั สระ ไดแก 79 ทอง-รอง, ฟง -วงั , เรงิ -เชิง รอ ง-ลอง สมั ผัสอกั ษร ไดแ ก ปอ ง-เปง, เริง-รอง) กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู นักเรยี นศึกษาคน ควา เกยี่ วกบั การเลยี นเสียงธรรมชาตใิ นวรรณคดไี ทย ครูแนะความรใู หน ักเรียนเพิ่มเตมิ เกีย่ วกับลลี าการอานกาพยเรือ่ งพระไชยสรุ ิยา อยางกวางขวาง จากนัน้ นกั เรยี นยกบทประพนั ธจ ากวรรณคดเี รอ่ื งใดกไ็ ด ใหส นุก ครชู ใ้ี หนกั เรยี นเหน็ วา บางตอนของกาพยเรอื่ งพระไชยสุรยิ ามที ้ังการเลียน ทีน่ ักเรยี นเหน็ วามีการพรรณนาหรือบรรยายโดยการเลียนเสียงธรรมชาติ เสยี งธรรมชาตแิ ละการสอดแทรกอารมณข นั เชน บททเ่ี กดิ เหตกุ ารณช ลุ มนุ ตอ งอา น นกั เรียนยกตัวอยางมา 1 ตัวอยา ง เขยี นเปน บันทึกความรสู งครู ดวยลลี ากระชบั ฉับไว กจิ กรรมทาทาย นักเรียนควรรู นักเรยี นศกึ ษาวรรณศลิ ปท ีม่ ีการเลยี นเสียงธรรมชาติในงานประพันธ 1 มโนภาพ หมายความวา ความคดิ ท่เี ห็นเปนภาพข้ึนในใจ ซง่ึ การเกิดมโนภาพ จากนนั้ ใหน ักเรยี นวเิ คราะหว า การเลียนเสยี งธรรมชาติสงผลตอ วรรณคดี ไดนัน้ ขน้ึ อยูกับความสามารถของกวีในการเลอื กสรรคาํ วลี หรือการลําดบั ภาพดว ย อยา งไร โดยนักเรียนยกตัวอยางประกอบการอธิบาย นกั เรยี นทาํ เปน ใบงาน ถอ ยคํา สง ครู คมู ือครู 79

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ นกั เรียนยกบทประพนั ธก าพยเ รอื่ งพระไชยสรุ ยิ า กระจับปี่สซี อทอ่ เสียง ขับรา� จ�าเรยี ง1 ที่นกั เรียนเหน็ วา มีลลี าจงั หวะในการอา นสนกุ และ ส�าเนียงนางฟ้านา่ ฟงั เกดิ อารมณต ามเน้ือเร่ือง พรอ มยกเหตผุ ลประกอบ สงิ่ ใดใจหวัง เดชะพระกุศลหนหลงั (แนวตอบ นักเรยี นยกบทประพนั ธไ ดห ลากหลาย ได้ดงั มุง่ มาดปรารถนา ขน้ึ อยกู บั เหตุผลของนักเรยี น สัมผสั อักษร เช่น สี-ซอ-เสียง ร�า-เรยี ง เนยี ง-นาง-น่า ฟ้า-ฟัง ได-้ ดงั มุ่ง-มาด “เภตรามาในนาํ้ ไหล คา่ํ เชาเปลา ใจ สัมผัสสระ เช่น ป่-ี สี ซอ-ทอ่ ร�า-จา� ฟา้ -น่า ชะ-พระ ศล-หน ใด-ใจ มาด-ปรารถ(นา) ที่ในมหาวารี กาพยเ์ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า มลี กั ษณะการแตง่ เหมาะสมกบั เนอ้ื หา ใหค้ วามสนกุ สนาน พสธุ าอาศยั ไมม ี ราชานารี เพลดิ เพลนิ ไมย่ าวเกนิ ไป เหมาะสมกบั วยั ของเดก็ สามารถใชส้ อนไดผ้ ลตามจดุ ประสงค์ อยทู ่ีพระแกลแลดู วขรอรงณผู้แคตด่งที ่เี ปนน็ อมกรจดากกนขอ้ียงังชมาีคต2ุณิ คคว่ารดค้า่านแวกร่กรณารศศิลึกปษ์แาดลว้ะดยค้านวาสมังภคูมมิใหจลแาลยะปมรีคะวกาามรเหนมับาเะปส็นม ปลากระโหโ ลมาราหู เหราปลาทู มอี ยูในนํ้าคลํา่ ไป ท่ีได้รับเลอื กเป็นแบบเรียนแกเ่ ยาวชนไทย ตั้งแตส่ มัยรัชกาลท่ี ๕ เป็นตน้ มา ราชาวา เหวหฤทยั วายุพาคลาไคล มาในทะเลเอกา” บทประพนั ธท่ียกมาเปนกาพยฉบัง 16 กวีเลอื กสรรถอยคาํ ทส่ี นั้ กระชบั มคี วามหมายเดนทุก ถอยคาํ และมีเสียงสัมผัสในวรรคท่ีทําใหคาํ ประพนั ธ มีความไพเราะ จังหวะของคําชวยกระตนุ ใหเ หน็ ภาพ ของเรือที่แลน ไปตามนํ้าทะเลเปนวนั แลว วนั เลา ได แตม องหาแผนดินจากขา งหนา ตา งแตกไ็ มเหน็ เห็น แตส ตั วท ะเลตางๆ พระไชยสรุ ยิ ากร็ ูสึกเศรา ใจ) 80 นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรียนจะอา นบทรอ ยกรองใหส นกุ และเกดิ อารมณตามเนอ้ื เรอื่ งไดอยางไร 1 จําเรยี ง เปน คํากรยิ า หมายถึง ขับรอ ง ขบั กลอ ม รองเพลง แผลงมาจาก แนวตอบ การอา นบทรอยกรองใหส นกุ และเกิดอารมณตามเน้อื เรื่องน้ัน คําเขมร คําวา “เจรยี ง” เรมิ่ ตน จากการศึกษาคําใหเขา ใจ ใหถกู ตองตามหลักภาษาและพจนานุกรม 2 วรรณคดที ่เี ปนมรดกของชาติ หมายถึง วรรณคดีท่ีไดรับการยกยอ งกันมา ราชบณั ฑติ ยสถาน และทส่ี ําคัญตอ งรูวาเมื่อไรจะตอ งอา นโดยอนุโลมของ หลายช่วั อายคุ น ในดานวรรณศิลปกับในดา นทีแ่ สดงคา นยิ มและความเชอื่ ในสมัย บทรอ ยกรอง โดยสังเกตจากการใชส มั ผัสในวรรค เชน เคารพอภวิ นั ท ของบรรพบรุ ษุ สงเสริมใหเ ปรียบเทียบชวี ิตมนษุ ยใ นสมัยของบรรพบุรษุ กบั ชีวิตใน อานวา เคา-รบ-อบ-พิ-วนั เปน ตน ออกเสยี งตัว ร ล ตวั ควบกลํา้ และเสยี ง ปจ จุบนั วรรณยกุ ตต า งๆ ใหชัดเจน ปรับเสยี งใหสอดคลองกบั เน้อื ความ คอื นกั เรยี น ตองพยายามทาํ ความเขา ใจกับเนือ้ เรอ่ื งวา กลา วถงึ ส่ิงใด เหตุการณและ บรรยากาศของเรือ่ งเปนอยางไร แลว อา นใหเ สียงคลอยตามสมั พันธก นั ใชน ํ้าเสยี งใหเหมาะสมกับตัวบท เชน อารมณโ กรธอา นใหเ ตม็ เสยี ง หนกั แนน กระชบั ถา เศราอาจใชเ สียงเบากวา ปกติ เปน ตน 80 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate คา� ถาม ประจา� หนว่ ยการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นสรปุ ความรทู ่ีไดจ ากการอา นกาพยเรื่อง พระไชยสุริยา ๑. นักเรียนคิดวา่ การนา� นทิ านมาเป็นแบบเรยี นมีผลดีหรือไม ่ อยา่ งไร ๒. การประพฤติมิชอบของบรรดาเสนาอา� มาตย์ในเมอื งสาวัตถีมผี ลต่อบ้านเมอื งอย่างไรบา้ ง 2. นกั เรยี นบอกขอคดิ ทไ่ี ดจ ากกาพยเ รอ่ื งพระไชย- ๓. ก าพย์เร่ืองพระไชยสรุ ิยากล่าวถึงตวั สะกดมาตราใดบ้าง ยกตัวอยา่ งตวั สะกด มาตราละ ๑ บท สุรยิ า และบอกแนวทางในการนําขอคิดไปใชใน ชีวติ จรงิ ได 3. นักเรยี นยกบทประพนั ธท ม่ี กี ารใชความเปรยี บ หรืออปุ มาได 4. นกั เรยี นอธบิ ายความรูแ ละยกบทประพนั ธท ี่มี การเลียนเสยี งธรรมชาตใิ นกาพยเ รือ่ งพระไชย- สุริยาได กิจกรรม สรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการเรยี นรู้ หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. ตารางจาํ แนกคาํ ศัพทต ามมาตราตัวสะกด 2. บอกขอ คิดที่ไดจากกาพยเ รื่องพระไชยสรุ ิยา 3. การยกบทประพันธท่มี กี ารใชความเปรียบหรือ อุปมา 4. การทอ งจําบทอาขยานท่ชี ืน่ ชอบได กิจกรรมที่ ๑ ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ตามความเหมาะสม วาดภาพประกอบจากนทิ านเรอื่ งพระไชยสรุ ยิ า กิจกรรมที่ ๒ กลมุ่ ละ ๑-๒ ภาพ ระบายสีให้สวยงาม ตดิ ปา้ ยนิเทศในห้องเรยี น กจิ กรรมที่ ๓ อ า่ นทา� นองเสนาะกาพยเ์ รอ่ื งพระไชยสรุ ยิ าเปน็ รายบคุ คล เลอื กทอ่ งจา� คนละ ๑ มาตรา จ�านวน ๓ บท หลงั จากนน้ั อา่ นท�านองเสนาะพรอ้ มกันท้งั ชัน้ เรยี น ศึกษาค้นคว้าลักษณะของพรรณไม้และสัตว์ป่าท่ีปรากฏในกาพย์เรื่องพระไชยสุริยา พรอ้ มภาพประกอบ คัดเลือกมา คนละ ๕ ชนิด จัดทา� เปน็ รูปเลม่ ใหส้ วยงาม แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนวยการเรียนรู 1. การนาํ นิทานมาเปนแบบเรียนมีผลดีทําใหผอู านไดรบั ความเพลิดเพลินจากเนอ้ื เรือ่ ง แลวยงั ไดรบั ขอคิดคุณธรรมจริยธรรมจากนทิ านอีกดว ย 2. การประพฤติที่มชิ อบของเหลาเสนาอํามาตย สง ผลใหเ มืองสาวตั ถีเกิดภัยพิบัติ ทุกคนในเมอื งตางพยายามเอาตัวรอดหนีออกนอกเมือง 3. กาพยเรอื่ งพระไชยสุรยิ ากลา วถึงมาตราตัวสะกด ดงั น้ี • แม ก กา เชน “จะรํ่าคําตอไป พอลอ ใจกุมารา • แมก ด เชน “พระสงฆล งจากกฏุ ์ิ ว่งิ อุตลดุ ฉดุ มอื เณร ธรณีมรี าชา เจา พาราสาวะถี” หลวงชีหนหี ลวงเณร ลงโคลนเลนเผน ผาดโผน” • แมกน เชน “สวนสมุ าลี วันทาสามี เทวอี ยูงาน • แมก บ เชน “ประกอบชอบเปนผิด กลบั จรติ ผดิ โบราณ เฝา อยูดแู ล เหมือนแตก อ นกาล ใหพระภบู าล สําราญวญิ ญา” สามญั อันธพาล ผลาญคนซอื่ ถือสัตยธรรม” • แมกง เชน “เห็นกวางยา งเย้อื งชําเลอื งเดิน เหมอื นอยางนางเชิญ • แมกม เชน “สขุ เกษมเปรมปรีด์ิวมิ าน อ่ิมหนาํ สําราญ พระแสงสําอางขา งเคยี ง” ศฤงคารหอ มลอ มพรอ มเพรยี ง” • แมกก เชน “ลูกนกยกปก ปอ ง อาปากรอ งซอ งแซเสยี ง • แม เกย เชน “ขึน้ เกยเลยกลา วทา วไท ฟงธรรมนํา้ ใจ แมนกปกปกเคยี ง เลีย้ งลูกออนปอ นอาหาร” เล่อื มใสศรทั ธากลาหาญ” คมู ือครู 81

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปาหมายการเรียนรู 1. สรปุ เนอ้ื หาเร่ืองราชาธริ าช ตอน สมิงพระราม อาสา 2. วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมเรอื่ ง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา 3. อธบิ ายคณุ คา วรรณคดีเร่ืองราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา 4. สรปุ ความรแู ละขอคดิ จากการอานเรือ่ ง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา เพอ่ื ประยุกตใชในชีวิตจรงิ สมรรถนะของผูเรียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ติ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค ๕หนว่ ยที่ 1. มวี นิ ัย ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา 2. ใฝเ รยี นรู 3. มุง มนั่ ในการทาํ งาน กระตนุ ความสนใจ Engage ตวั ชว้ี ดั ราชาธิราชเป็นเรื่องแปลจากพงศาวดารมอญ นักเรียนดภู าพหนาหนว ย จากน้นั ครูตั้งคาํ ถาม ■■ สรุปเน้อื หาวรรณคดีและวรรณกรรมท่อี ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑) ซ่ึงเชื่อถือกันสืบมาว่าเขียนข้ึนจากเร่ืองจริงเก่ียวกับ แลวใหนักเรยี นรวมกนั ระดมความคิดตอบคาํ ถาม ■■ วเิ คราะห์วรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่านพรอ้ มยกเหตุผลประกอบ บุคคลในประวัติศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธ- ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ • บคุ คลในภาพกาํ ลงั อยูในสถานการณใ ด (ท ๕.๑ ม.๑/๒) (แนวตอบ ครใู หน ักเรยี นบรรยายเหตกุ ารณใ น ■■ อธิบายคณุ ค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓) เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็นผู้อ�านวยการแปลและ ภาพหนา หนว ยดว ยมุมมองของนกั เรียนเอง) ■■ สรุปความร้แู ละขอ้ คิดจากการอ่านเพื่อประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริง (ท ๕.๑ ม.๑/๔) • นกั เรยี นบอกไดห รอื ไมว า เหตกุ ารณในภาพ เปน การสกู นั ระหวา งทหารชาติใด เรยี บเรยี งแตง่ รว่ มกบั นกั ปราชญใ์ นราชสา� นกั อกี หลายทา่ น (แนวตอบ นักเรยี นอาจตอบวาไดห รือไมได ครูแนะใหน กั เรยี นสงั เกตการแตงกายวา เปน สาระการเรียนรู้แกนกลาง ราชาธิราชถือเป็นวรรณคดีร้อยแก้วท่ีมีส�านวนโวหาร เอกลกั ษณข องชาติมอญหรือพมา กับชาติจนี ) คมคาย ไพเราะ เน้ือเร่ืองชวนติดตาม และมีข้อคิดเป็นคติ ■■ การวิเคราะห์คณุ ค่าและข้อคดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรม เตอื นใจ ตลอดจนปลกู ฝงั ให้มคี วามรักชาติและภกั ดีต่อสถาบัน เร่อื ง ราชาธริ าช พระมหากษัตริย์ 82 เกร็ดแนะครู หนวยการเรียนรูน ้ี ครคู วรใหน กั เรยี นปฏบิ ัติกจิ กรรมท่ชี วยสรางปฏสิ มั พันธแ ละ รวมกันระดมความคิดทม่ี ีตอการดูภาพหนา หนว ย หรอื จากขอมลู ความรูเก่ียวกับ เรื่องราชาธริ าช เพ่ือพัฒนาสติปญ ญาและสรา งความสัมพนั ธอ ันดีระหวางเพ่ือนรว ม ช้ันเรียน โดยในการปฏิบตั กิ จิ กรรมนัน้ นกั เรียนตง้ั คาํ ถามเพ่อื คน หาคําตอบจากเรอื่ งท่ี กําลังจะอา น โดยจดคาํ ถามลงสมุดเพอื่ รว มกันหาคําตอบ หรือการแบง กลุมรวมกนั ตั้งสมมตฐิ าน เพอื่ คาดเดาความหมายของถอ ยคาํ หรือแนวคดิ ที่ไดจ ากเร่ือง จากน้นั จงึ รว มกันอภิปราย 82 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๑ ความเป็นมา ครใู ชคําถามกระตนุ ความสนใจนกั เรยี น ดังนี้ • นักเรยี นคดิ วา เรือ่ งราชาธิราชเปน เรือ่ ง ราชาธิราชตอนสมิงพระรามอาสาเป็นหนังสือที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก- มหาราชโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพระคลัง (หน) พระยาอินทรอัคคราช พระภิรมย์รัศมีและพระศรี- เกี่ยวกับอะไร ภูริปรีชาช่วยกันแปลและเรียบเรียงแต่งขึ้น เม่ือ พ.ศ. ๒๓๒๘ “ด้วยพระราชหฤทัยประสงค์จะให้เป็น (แนวตอบ นกั เรยี นตอบไดห ลากหลาย เชน หิตานุหิตประโยชน์แก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้น้อยผู้ใหญ่ในฝ่ายทหาร เปน เรื่องเก่ยี วกับประวตั ิศาสตรเกีย่ วกบั การ ทําสงคราม เก่ียวกับวรี บุรุษ ผชู นะสงคราม เปน ตน) ฝา่ ยพลเรอื น จะได้สดับจ�าไวเ้ ป็นคตบิ �ารงุ สติปัญญาไปภายหน้า” สาํ รวจคน หา Explore ราชาธิราชมีเน้ือหาสาระและส่วนประกอบปลีกย่อยมาจากมหายุทธสงครามในพระราช- พงศาวดารรามญั (มอญ) แปลจากภาษารามัญเป็นภาษาสยาม นิยมอ่านเพอ่ื เป็นความรู้ดา้ นกลอบุ าย 1. นกั เรยี นศึกษาประวัติความเปน มาของเร่อื ง ทางการเมอื ง เหน็ ถึงวสิ ยั ของมนุษย์ เร่ืองราวทางศลี ธรรม และการใชส้ ติปญั ญาในการแก้ปญั หา ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา ๒ ประวัตผิ แู้ ตง่ 2. นักเรียนศึกษาลักษณะคาํ ประพนั ธเ รอ่ื ง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เกิดในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสมัยอยุธยาตอนปลาย 3. นักเรียนอานเรือ่ งยอเร่ืองราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา และถงึ แกอ่ สัญกรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๘ ในแผ่นดนิ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช อธบิ ายความรู Explain ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้รับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสรวิชิต นายด่าน เมืองอุทัยธานี ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้เลื่อนเป็นพระยา นกั เรียนอธบิ ายความรูเก่ียวกบั ประวตั ิความ พพิ ฒั นโกษาและเจ้าพระยาพระคลงั เปนมาของเรอื่ งราชาธิราช ตอน สมงิ พระราม อาสา ที่ส�าคัญ เจได้าพ้แกร่ะ ลยิลาพิตเรพะชครลมังง ก(หุฎน )อ ิเมหีคนวาาคม�าสฉาันมทา์ รรถาใชนากธาิรราปชร ะสพามันกธ๊ก์ท1 ้ังกร้อากยีคแ�ากก้วลแอลนะ รล้อิลยิตกพรอยงุห ยผาลตงราาน- (แนวตอบ เจา พระยาคลงั (หน) พระยาอนิ ทร- อคั คราช พระภริ มยรศั มีและพระศรภี ูมปิ รชี า เพชรพวง ลิลิตศรีวิชัยชาดก กลอนและร่ายจารึกเรื่องสร้างภูเขาท่ีวัดราชคฤห์ ร่ายยาวมหาเวสสันดร ชวยกันแปลและเรยี บเรียงแตง ข้นึ เมือ่ พ.ศ. 2328 ชาดก กัณฑ์กุมารและกณั ฑ์มทั ร ี สมบัติอมรนิ ทรค์ า� กลอน เปน็ ต้น ซึง่ แปลตามพระราชประสงคของพระบาทสมเดจ็ ๓ ลักษณะคÓประพันธ์ พระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราชทต่ี องการใหเ ปน ประโยชนแกพ ระบรมวงศานวุ งศ ขา ราชการนอ ย ใหญท ั้งฝายทหารและฝา ยพลเรือน ราชาธิราชมี ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา แปลและเรยี บเรียงแต่งเป็นรอ้ ยแก้ว ใชป้ ระโยคที่มีขนาด เน้อื หามาจากยทุ ธสงครามในพระราชพงศาวดาร ส้ันยาวได้จังหวะ มีคารมคมคาย ใช้โวหารต่างๆ ได้อย่างจับใจ และมีกลวิธีในการด�าเนินเรื่องแบบ รามัญ) เรื่องเลา่ ลกั ษณะคลา้ ยนิทาน • คาํ ประพันธเรื่องราชาธริ าช ตอน 83 สมิงพระรามอาสา มีลักษณะอยางไร (แนวตอบ ลกั ษณะคําประพนั ธเรอ่ื งราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา แปลและเรียบเรียง แตงเปนรอยแกว) กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรียนควรรู นกั เรยี นศึกษาคน ควา เกี่ยวกบั ประวัตคิ วามเปนมาของเรอื่ งราชาธริ าช 1 สามกก เปนผลงานเลม หน่ึงท่เี จา พระยาพระคลงั (หน) เปน ผอู าํ นวยการแปล เพม่ิ เติม เชน ราชาธิราชมีทั้งหมดกตี่ อน และมกี ารแบงใหเรียนกีต่ อน ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟาจฬุ าโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ใน พ.ศ. 2345 มตี อนใดบา ง ในรปู แบบสมดุ ไทย สามกกเปนวรรณกรรมจีนอิงประวตั ิศาสตร และจัดเปน วรรณกรรมเพชรน้าํ เอกของโลก เปน มรดกทางปญ ญาของปราชญชาวตะวันออก กิจกรรมทาทาย เนอ้ื เรือ่ งของสามกก คลายกบั เรอ่ื งราชาธริ าชทใี่ หค วามรูเรอ่ื งกลอบุ ายทางการเมอื ง และการสงคราม นกั เรยี นศึกษาเรื่องราชาธิราชทุกตอน จากน้ันสรุปเร่อื งยอ ทง้ั หมด ลงสมดุ ครูใหนักเรียนชว ยกนั เลาเรอื่ งยอ หนาชัน้ เรียน คูม ือครู 83


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook