- 48 - แบบสงั เกตการตอบคาถามของเดก็ หนว่ ยท่ี 1 ช่อื หน่วย การคดิ แยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี 9 เร่อื ง การทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย วันที่.............เดือน.............................พ.ศ............................ คาช้แี จง : ให้ผปู้ ระเมนิ ทาเครอ่ื งหมาย ในช่องระดบั คุณภาพของเด็กในแต่ละประเด็นทป่ี ระเมิน บอกผลดี ของการมี บอกผลเสยี ของการ สามารถคิดแยกแยะ ความรับผดิ ชอบใน ไม่มีความรับผิดชอบ ผลดี และผลเสีย ของ การทางานท่ีได้รบั ในการทางานท่ีได้รบั การมีความรับผดิ ชอบ มอบหมาย ท่ีมตี ่อ มอบหมาย ท่ีมีต่อ ในการทางานที่ได้รับ ที่ ชือ่ -สกลุ ตนเองและผอู้ ื่น ตนเองและผู้อ่ืน มอบหมาย ท่ีมตี อ่ ตนเองและผู้อนื่ 3 2 13 2 1 3 2 1 รวม เฉลีย่ ลงชอ่ื ...........................................................ผปู้ ระเมิน (...........................................................)
- 49 - บอกผลดี ของการมคี วามรับผดิ ชอบในการทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย ทม่ี ตี อ่ ตนเองและผอู้ ืน่ ระดับ 3 : บอกผลดี ของการมีความรับผิดชอบในการทางานท่ีได้รับมอบหมาย ท่ีมีต่อตนเองและผู้อ่ืนได้ ดว้ ยตนเอง ระดับ 2 : บอกผลดี ของการมีความรับผิดชอบในการทางานที่ได้รับมอบหมาย ที่มีต่อตนเองและผู้อื่น ได้ เมือ่ มผี ู้ชแ้ี นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถบอกผลดี ของการมีความรับผิดชอบในการทางานที่ได้รับมอบหมาย ที่มีต่อตนเอง และผู้อ่ืนได้ บอกผลเสีย ของการไมม่ ีความรบั ผิดชอบในการทางานท่ีได้รับมอบหมาย ที่มตี ่อตนเองและผูอ้ ่นื ระดับ 3 : บอกผลเสีย ของการไม่มีความรับผิดชอบในการทางานที่ได้รับมอบหมาย ที่มีต่อตนเองและผู้อื่น ไดด้ ้วยตนเอง ระดบั 2 : บอกผลเสีย ของการไมม่ ีความรับผิดชอบในการทางานที่ได้รับมอบหมาย ท่ีมีต่อตนเองและ ผู้อ่ืน ได้เมือ่ มีผ้ชู ี้แนะ ระดับ 1 : ไม่สามารถบอกผลเสีย ของการไม่มีความรับผิดชอบในการทางานท่ีได้รับมอบหมาย ท่ีมีต่อ ตนเองและผู้อนื่ ได้ สามารถคิดแยกแยะผลดีและผลเสีย ของการมีความรับผิดชอบในการทางานท่ีได้รับมอบหมาย ที่มีต่อตนเอง และผู้อน่ื ระดบั 3 : สามารถคดิ แยกแยะผลดี และผลเสีย ของการมีความรับผิดชอบในการทางานที่ได้รับ มอบหมาย ทมี่ ตี ่อตนเองและผอู้ น่ื ไดด้ ้วยตนเอง ระดบั 2 : สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการมีความรับผิดชอบในการทางานท่ีได้รับ มอบหมาย ทมี่ ีตอ่ ตนเองและผ้อู ่ืนไดเ้ มอื่ มีผู้ช้ีแนะ ระดบั 1 : ไม่สามารถสามารถคดิ แยกแยะผลดี และผลเสยี ของการมคี วามรบั ผดิ ชอบในการทางานท่ี ไดร้ ับ มอบหมาย ท่ีมีต่อตนเองและผอู้ ่ืนได้
- 50 - แผนการจดั ประสบการณ์ หน่วยที่ 1 ชอ่ื หน่วย การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ชนั้ ปฐมวยั แผนการจัดประสบการณ์ท่ี 10 เรื่อง การแบ่งปนั (๑) เวลา 1 ช่วั โมง ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชนส์ ่วนรวม ๑.๒๑/๑.๒ สามารถ+คิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ บอกความหมายของการแบง่ ปันได้ ๒.๒ สามารถคิดแยกแยะประโยชน์ของการแบ่งปันที่มตี ่อตนเองและผ้อู นื่ ได้ ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ การแบง่ ปัน คือ การแบง่ ปันสิ่งท่เี รามี หรือส่ิงทีเ่ ราสามารถใหแ้ กผ่ อู้ ื่นได้ และเปน็ ประโยชนก์ ับคนท่ี ได้รับ การแบ่งปนั หรอื การให้นนั้ หากได้มอบให้ผู้อืน่ โดยไม่หวังสง่ิ ตอบแทนและบริสุทธิ์ใจ จะทาให้ผทู้ มี่ อบนัน้ ไดร้ ับความสขุ ทีเ่ ป็นความทรงจายาวนาน มิใช่ความสขุ เพยี งชั่วครู่ 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทีเ่ กดิ ) 1) ความสามารถในการส่ือสารโดยการสนทนาโตต้ อบและเลา่ เร่อื งให้ผอู้ ่นื เขา้ ใจ 2) ความสามารถในการคดิ เชิงเหตผุ ลโดยอธิบายเช่ือมโยงสาเหตุและผลที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือ การกระทาด้วยตนเอง 3.3 คุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ / ค่านยิ ม ๑) การปฏบิ ัตติ นเบ้อื งตน้ ในการเป็นสมาชิกท่ดี ีของสังคม ๒) การมวี ินยั ในตนเอง ๔. การจดั ประสบการณ์ ๔.๑ ขน้ั ตอนการจดั ประสบการณ์ ๑) เด็กและครูร่วมกนั รอ้ งเพลง “การแบ่งปนั ” ๒) เด็กและครูรว่ มกันสนทนาถึงเนอ้ื หาของเพลง โดยครูใช้คาถาม ๒.๑ เด็กคิดวา่ เพลงทเ่ี ราร่วมร้อง เป็นเพลงเกี่ยวกับอะไร (การแบง่ ปัน) ๒.๒ เด็กคิดว่าการแบง่ ปนั คืออะไร (การทเ่ี ราให้สิ่งของท่ีเรามีอยูใ่ ห้กับผู้อน่ื ) ๓) เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการแบ่งปัน โดยให้เด็กช่วยกันยกตัวอย่างท่ีตนเองเคยมี นา้ ใจ แบง่ ปันต่อผอู้ ่นื (ใหเ้ พือ่ นยมื ดนิ สอ แบ่งขนมให้เพ่ือน เปน็ ตน้ ) ๔) ให้เด็กดูนทิ าน เรือ่ ง หนแู กงสม้ มนี ้าใจ จากน้นั สนทนารว่ มกัน โดยครใู ช้คาถาม ๔.๑ เด็กคิดว่าการที่หนูนิดแบ่งไอศกรีมให้น้องครึ่งหน่ึงนั้น เป็นการกระทาที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตใุ ด (ถกู ต้อง เพราะการทีเ่ รารจู้ ักแบ่งปนั สิง่ ของใหผ้ อู้ ื่นนน้ั เป็นการกระทาท่ีดี) ๔.๒ เด็กคิดวา่ หนแู กงส้มจะรสู้ กึ อยา่ งไรเม่อื แบง่ ไอศกรีมให้นอ้ ง (รู้สึกภมู ิใจในตนเอง) ๔.๓ การที่หนูนิดเป็นคนที่รู้จักแบ่งปัน เด็กคิดว่าใครจะได้รับประโยชน์จากการกระทานี้บ้าง ได้รับอย่างไร (๑. ตัวของหนูนิดเอง เพราะหนูนิดจะเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจต่อตนเอง, ทาให้หนูนิดเป็นที่รัก
- 51 - ของทุกคน ๒. บุคคลอื่นที่อยู่รอบข้างหนูนิด เช่น เพื่อนๆ เพราะ บุคคลเหล่าน้ันจะได้รับความช่วยเหลือ แบ่งปัน จากหนูนิด ทาสังคมน่าอยู่ เปน็ สงั คมแห่งการแบ่งปนั ) ๕) เด็กและครรู ่วมกนั สรุปถึงการมีความรแู้ ละประสบการณ์เรื่องการแบ่งปนั ทาให้เห็นคุณค่าของ การแบง่ ปันต่อผูอ้ ่นื 4.2 สื่อการเรยี นรู้ / แหล่งการเรียนรู้ ๑) เพลง “การแบง่ ปัน” ๒) นทิ าน เรอ่ื ง แกงสม้ มนี า้ ใจ ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5.1 วธิ กี ารประเมิน สงั เกตการตอบคาถามของเด็ก ๕.๒ เคร่ืองมือทีใ่ ชใ้ นการประเมิน แบบสังเกตการตอบคาถามของเด็ก 5.3 เกณฑ์การประเมิน เด็กผ่านการประเมนิ ระดับ 2 ข้นึ ไปถือวา่ ผา่ น ๖. บันทกึ หลังการจดั ประสบการณ์ ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................ .................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ ................................................ ครูผูส้ อน (.................................................)
- 52 - 7. ภาคผนวก เพลง “การแบ่งปัน” ผู้แตง่ บุญเอื้อ เหลา่ ชยั ประพันธ์ การแบ่งปันๆ อยรู่ ่วมกนั อยา่ งมีความสขุ ยามทกุ ข์ เดอื ดร้อนใจกาย กค็ ลค่ี ลาย กลับกลายเป็นสุขเอย (ซา้ )
- 53 - นทิ าน เร่ือง หนูแกงสม้ มีนา้ ใจ http://youtube.com/watch?v=UCXaf_cjB7A
- 54 - แบบสงั เกตการตอบคาถามของเด็ก หน่วยที่ 1 ชือ่ หนว่ ย การคดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม แผนการจัดประสบการณ์ที่ 10 เร่อื ง การแบ่งปัน วันท่.ี ............เดอื น.............................พ.ศ............................ คาช้แี จง : ใหผ้ ปู้ ระเมินทาเครอ่ื งหมาย ในช่องระดบั คุณภาพของเด็กในแตล่ ะประเด็นทป่ี ระเมนิ บอกความหมายของการ สามารถคดิ แยกแยะ ที่ ช่ือ-สกุล แบง่ ปันได้ ประโยชนข์ องการ แบง่ ปันท่มี ีต่อตนเองและ ผ้อู ่ืนได้ 3 213 21 รวม เฉลี่ย ลงช่อื ...........................................................ผู้ประเมนิ (...........................................................) บอกความหมายของการแบง่ ปันได้ ระดับ 3 : บอกความหมายของการแบง่ ปันไดด้ ว้ ยตนเอง ระดบั 2 : บอกความหมายของการแบ่งปนั ได้เมื่อมผี ู้ชีแ้ นะ ระดบั 1 : ไม่สามารถบอกความหมายของการแบ่งปันได้ สามารถคิดแยกแยะประโยชน์ของการแบ่งปันท่มี ตี ่อตนเองและผู้อ่นื ได้ ระดับ 3 : สามารถคดิ แยกแยะประโยชนข์ องการแบง่ ปนั ที่มีต่อตนเองและผ้อู ่นื ได้ดว้ ยตนเอง ระดบั 2 : สามารถคดิ แยกแยะประโยชน์ของการแบ่งปันท่ีมตี อ่ ตนเองและผู้อืน่ ไดเ้ มื่อมผี ู้ชีแ้ นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถคิดแยกแยะประโยชน์ของการแบง่ ปนั ทีม่ ีต่อตนเองและผู้อืน่ ได้
- 55 - แผนการจดั ประสบการณ์ หนว่ ยที่ 1 ชื่อหน่วย การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ชนั้ ปฐมวัย แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี 11 เร่ือง การแบ่งปัน (๒) เวลา 1 ช่ัวโมง ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๒.๑ บอกความหมายของการแบ่งปันได้ ๒.๒ สามารถคดิ แยกแยะประโยชนข์ องการแบง่ ปนั ทีม่ ตี ่อตนเองและผู้อืน่ ได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ การแบ่งปัน คือ การแบง่ ปันสิ่งทีเ่ รามี หรอื ส่งิ ทเี่ ราสามารถให้แกผ่ ูอ้ ่ืนได้ และเปน็ ประโยชนก์ บั คนที่ ได้รับ การแบ่งปันหรือการให้นน้ั หากไดม้ อบใหผ้ ู้อื่นโดยไม่หวังสิง่ ตอบแทนและบริสทุ ธิใ์ จ จะทาใหผ้ ู้ท่มี อบน้นั ไดร้ ับความสขุ ท่ีเปน็ ความทรงจายาวนาน มใิ ชค่ วามสขุ เพียงชั่วครู่ 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเี่ กดิ ) 1) ความสามารถในการสื่อสารโดยการสนทนาโตต้ อบและเล่าเร่ืองใหผ้ อู้ ่นื เขา้ ใจ 2 ความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลโดยอธิบายเชื่อมโยงสาเหตุและผลที่เกิดข้ึนในเหตุการณ์ หรือการกระทาดว้ ยตนเอง 3.3 คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ / คา่ นิยม ๑) การปฏบิ ัติตนเบ้อื งต้นในการเปน็ สมาชกิ ทีด่ ขี องสังคม ๒) การมีวินัยในตนเอง ๔. การจัดประสบการณ์ ๔.๑ ขัน้ ตอนการจดั ประสบการณ์ ๑) เด็กและครรู ว่ มกันร้องเพลง “น้าใจ” และรว่ มกันสนทนากนั ถงึ เน้ือหาในเพลง ๑.๑ เพลงทีเ่ รารว่ มร้องนน้ั มเี น้อื หาเกี่ยวกับอะไร (การมีนา้ ใจ, การแบ่งปัน) ๑.๒ การแบ่งปนั คอื อะไร (การทเี่ ราให้สิง่ ของท่ีเรามีอยู่ให้กับผู้อ่ืน) ๒) เด็กและครูร่วมกันสนทนาเก่ียวกับการแบ่งปัน โดยครูยกตัวอย่างของการแบ่งปัน เช่น การ แบง่ กันเล่นของเลน่ การแบ่งขนม การแบ่งปันกับเพอื่ นในการใช้สิง่ ของต่าง ๆ เป็นตน้ ๓) ให้เด็กดูนิทาน เรื่อง ชุมชนแห่งการแบ่งปัน จากน้ันเด็กร่วมกันสนทนาเก่ียวกับเนื้อเร่ืองใน นทิ าน โดยครูใชค้ าถาม ๓.๑ ทาไมชุมชนแห่งการแบ่งปันถึงไม่ใช้เงินในการซ้ือขายสิ่งของ (เพราะทุกคนในชุมชนจะ เอาสิ่งของท่ีตนเองมีไปแลกกับสิ่งของของผู้อ่ืน เช่น บ้านนาย ก ทานา ก็จะเอาข้าวไปแลก ไข่ไก่ บ้าน นาย ข เปน็ ต้น) ๓.๒ ถา้ ชมุ ชนที่เด็กอยู่เป็นแบบชุมชนแห่งการแบ่งปันนั้น เด็กคิดว่าจะดีหรือไม่ เพราะเหตุใด (ดี เพราะทกุ คนจะมีน้าใจใหก้ นั แบง่ ปนั กนั สังคมกจ็ ะน่าอยู่ สงบสุข)
- 56 - ๓.๓ เด็กคิดวา่ ถา้ ชุมชนของเราเป็นชุมชนแห่งการแบ่งปันแล้ว จะเกิดผลดีกับตัวเราและสังคม อย่างไร (๑. ผลดีต่อตัวเรา คือ เราจะมีความสุข รู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง เวลาที่เราได้แบ่งปันของให้ผู้อ่ืน ๒. ผลดีต่อสงั คม คอื สังคมก็จะนา่ อยู่ ทุกคนในสงั คมเอ้อื เฟือ้ แบง่ ปนั ) ๔) เด็กและครูรว่ มกันสรปุ ถงึ ข้อดขี องการแบง่ ปันท่ีมีตอ่ ตนเองและสังคม 4.2 ส่ือการเรยี นรู้ / แหล่งการเรียนรู้ ๑) เพลง “น้าใจ” ๒) นทิ านเรอื่ ง ชุมชนแหง่ การแบ่งปัน ๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5.1 วธิ กี ารประเมนิ สงั เกตการตอบคาถามของเด็ก ๕.๒ เคร่อื งมอื ทีใ่ ช้ในการประเมิน แบบสังเกตการตอบคาถามของเด็ก 5.3 เกณฑ์การประเมนิ เด็กผา่ นการประเมิน ระดบั 2 ขึน้ ไปถือว่าผา่ น ๖. บันทึกหลังการจดั ประสบการณ์ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื ................................................ ครผู สู้ อน (.................................................)
- 57 - 7. ภาคผนวก เพลง นา้ ใจ ไมท่ ราบนามผ้แู ตง่ ดอกไม้ช่างมีนา้ ใจแบง่ ปนั น้าหวานใหเ้ จ้าผเี สอ้ื กนิ กนั ต้นไมก้ ม็ นี ้าใจแบง่ ผลไมม้ าให้เธอกับฉนั * โลกนชี้ า่ งแสนสดใส ถา้ มีนา้ ใจใหก้ นั และกัน ชว่ ยเหลือเกอ้ื กลู แบ่งปนั ท้ังเธอและฉนั มารว่ มแรงรว่ มใจ ** อย่าเห็นแก่ตวั อย่ามวั คดิ ถงึ ตัวเอง คนทาดีนคี่ อื คนเก่ง เปน็ คนเก่งกต็ อ้ งมีน้าใจ อยา่ เหน็ แก่ตวั อย่ามัวชกั ช้าเอียงอาย ทาเพอื่ สว่ นรวมเปน็ เรือ่ งง่ายๆ แค่มนี า้ ใจไม่เหน็ แกต่ ัว (ซ้า*/**/**) -----------------------------------------------------------------
- 58 - นทิ าน เร่ือง ชุมชนแหง่ การแบ่งปัน http://youtube.com/watch?v=DEi82uoAQTY
- 59 - แบบสงั เกตการตอบคาถามของเด็ก หน่วยที่ 1 ชือ่ หนว่ ย การคดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม แผนการจัดประสบการณ์ที่ 1๑ เร่อื ง การแบ่งปัน วันท่.ี ............เดอื น.............................พ.ศ............................ คาช้แี จง : ใหผ้ ปู้ ระเมินทาเครอ่ื งหมาย ในช่องระดบั คุณภาพของเด็กในแตล่ ะประเด็นทป่ี ระเมนิ บอกความหมายของการ สามารถคิดแยกแยะ ที่ ช่ือ-สกุล แบง่ ปันได้ ประโยชนข์ องการ แบง่ ปันทีม่ ตี ่อตนเองและ ผ้อู ่ืนได้ 3 21 3 21 รวม เฉลี่ย ลงช่อื ...........................................................ผูป้ ระเมนิ (...........................................................) บอกความหมายของการแบง่ ปันได้ ระดับ 3 : บอกความหมายของการแบง่ ปันไดด้ ว้ ยตนเอง ระดบั 2 : บอกความหมายของการแบ่งปนั ได้เมื่อมผี ชู้ ีแ้ นะ ระดบั 1 : ไม่สามารถบอกความหมายของการแบ่งปนั ได้ สามารถคิดแยกแยะประโยชน์ของการแบ่งปันท่มี ตี ่อตนเองและผู้อ่นื ได้ ระดับ 3 : สามารถคดิ แยกแยะประโยชนข์ องการแบง่ ปันที่มีต่อตนเองและผ้อู ่นื ได้ดว้ ยตนเอง ระดบั 2 : สามารถคดิ แยกแยะประโยชน์ของการแบ่งปนั ท่ีมตี อ่ ตนเองและผู้อืน่ ไดเ้ มื่อมผี ู้ชแี้ นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถคิดแยกแยะประโยชน์ของการแบง่ ปนั ทีม่ ีต่อตนเองและผู้อืน่ ได้
- 60 - แผนการจัดประสบการณ์ หน่วยท่ี 1 ช่ือหน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ช้นั ปฐมวยั แผนการจัดประสบการณ์ท่ี 12 เรอ่ื ง การแต่งกาย เวลา 1 ชว่ั โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน กับผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๒.๑ บอกความสาคญั ของการแต่งกายดว้ ยตนเองได้ ๒.๒ สามารถคิดแยกแยะผลดีของการแตง่ กายด้วยตนเอง ทสี่ ่งผลตอ่ ตนเองและผู้อนื่ ได้ ๒.๓ สามารถคดิ แยกแยะผลเสียของการแตง่ กายดว้ ยตนเองไมไ่ ด้ ทีส่ ง่ ผลตอ่ ตนเองและผู้อน่ื ได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ การแต่งกายหมายถึง หมายถึง การสวมใส่เสื้อผ้าและเคร่ืองแต่งกายท่ีเหมาะสมกับวัย เพศ ฤดูกาล โอกาส และสถานท่ี เราควรแต่งกายด้วยเสื้อผ้าท่สี ะอาดเรียบรอ้ ย เพ่อื ใหด้ ูสุภาพเรยี บร้อย สวยงามน่ารกั 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะที่เกิด) 1) ความสามารถในการส่ือสาร (สนทนาโตต้ อบและเลา่ เรือ่ งให้ผู้อื่นเข้าใจ) 2) ความสามารถในการคิดเชิงเหตผุ ลโดยอธิบายเช่ือมโยงสาเหตุและผลที่เกิดข้ึนในเหตุการณ์หรือ การกระทาด้วยตนเอง 3.3 คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ / คา่ นยิ ม ๑) การปฏิบัติตนเบ้อื งตน้ ในการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม ๒) การมีวนิ ยั ในตนเอง 4. การจัดประสบการณ์ ๔.๑ ขั้นตอนการจดั ประสบการณ์ ๑) เด็กและครูดวู ดี ีโอ เพลง คนเกง่ แตง่ ตัวได้เอง ๒) เด็กและครูร่วมกนั สนทนา โดยครูใช้คาถาม ๒.๑ จากวดี โี อทเ่ี ด็กดนู ้ัน เปน็ เรอื่ งเกี่ยวกบั อะไร (การแตง่ กายดว้ ยตนเอง) ๓) เด็กและครรู ว่ มกนั สนทนาเก่ยี วกบั ความสาคญั และประโยชน์ของการแต่งกาย โดยใช้คาถาม ๓.๑ เด็กคิดว่าการท่ีเราสามารถแต่งตัวได้เองน้ันสาคัญหรือไม่ อย่างไร (สาคัญ เพราะถ้าเรา ไปอยูท่ ี่อนื่ ไมม่ คี ุณพ่อคณุ แมแ่ ต่งตวั ให้ เราจะไดแ้ ต่งตวั เองได้) ๓.๒ เด็กคิดว่าการที่เราสามารถแต่งตัวได้เองน้ัน จะเกิดผลดีกับใครบ้าง เพราะเหตุใด (๑. เกิดผลดีกับตนเอง เพราะเราจะสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ไม่ต้องรอให้ผู้อ่ืนแต่งตัวเองได้ ๒. ผลดีกับ ผู้อื่น เช่น พ่อแม่ หรือครู เพราะ พ่อแม่ คุณครู จะได้ลดภาระที่จะมาแต่งตัวให้เรา ทาให้ท่านมีเวลาพักผ่อน หรอื ไปทาอย่างอืน่ มากขึ้น ๔) นาภาพการแต่งกายทเี่ รยี บร้อยถูกตอ้ งตามกฎระเบยี บของโรงเรียนมาให้เด็กดแู ละภาพ ของเด็กท่ีแต่งกายไม่เรียบร้อยมาให้เด็กสังเกตเปรียบเทียบ พร้อมร่วมสนทนาตอบคาถามแสดงความคิดเห็น เกีย่ วกบั ภาพและใช้คาถามดังน้ี
- 61 - ๔.๑ ถา้ เด็กแตง่ กายไม่ถูกต้องตามกฎระเบียบของโรงเรียน เด็กคิดว่าจะเกิดผลต่อตนเองและ ผู้อ่ืนอย่างไร (๑. ตอ่ ตนเอง ก็จะทาให้ผู้อ่ืนมองเราว่าเป็นคนไม่มีวินัย ๒. ต่อผู้อื่น (โรงเรียน) ทาให้เสียชื่อเสียง ของโรงเรียนทม่ี ีเด็กท่ไี มม่ วี ินัยในเร่ืองการแต่งกาย) ๕) เด็กและครรู ว่ มกนั สรุปเกย่ี วกับเรอ่ื งการแตง่ กาย 4.2 สื่อการเรยี นรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑) เพลง : คนเก่งแต่งตัวได้เอง ๒) ภาพการแต่งกายทถ่ี ูกตอ้ งตามกฎระเบยี บของโรงเรยี นและไม่เรียบร้อย 5. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5.1 วิธีการประเมนิ สงั เกตการตอบคาถามของเด็ก ๕.๒ เคร่อื งมอื ทีใ่ ช้ในการประเมิน แบบสงั เกตการตอบคาถามของเด็ก 5.3 เกณฑก์ ารประเมนิ เด็กผา่ นการประเมนิ ระดับ 2 ข้ึนไปถือว่าผา่ น ๖. บันทึกหลังการจดั ประสบการณ์ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ ................................................ ครูผสู้ อน (.................................................)
7. ภาคผนวก - 62 - เพลง : คนเกง่ แต่งตวั ไดเ้ อง (Official Karaoke) http://youtube.com/watch?v=7BeRa7s6quI
- 63 - แบบสงั เกตการตอบคาถามของเดก็ หน่วยที่ 1 ชอื่ หนว่ ย การคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม แผนการจัดประสบการณ์ท่ี 12 เรื่อง การแตง่ กาย วันที่.............เดอื น.............................พ.ศ............................ คาชี้แจง : ให้ผ้ปู ระเมนิ ทาเครื่องหมาย ในชอ่ งระดับคุณภาพของเด็กในแต่ละประเด็นทปี่ ระเมิน บอกความสาคัญของ สามารถคดิ สามารถคดิ แยกแยะ การแตง่ กายด้วย แยกแยะผลดขี อง ผลเสียของการแต่ง ตนเองได้ การแตง่ กายดว้ ย กายด้วยตนเองไม่ได้ ตนเอง ทสี่ ง่ ผลต่อ ที่ส่งผลต่อตนเอง ท่ี ช่ือ-สกลุ ตนเองและผู้อน่ื ได้ และผูอ้ ่นื ได้ 3 2 13 2 13 2 1 รวม เฉล่ยี ลงชื่อ...........................................................ผปู้ ระเมนิ (...........................................................)
- 64 - บอกความสาคญั ของการแต่งกายดว้ ยตนเองได้ ระดบั 3 : บอกความสาคญั ของการแตง่ กายด้วยตนเองได้ด้วยตนเอง ระดับ 2 : บอกความสาคญั ของการแต่งกายดว้ ยตนเองไดเ้ มอื่ มีผ้ชู ้ีแนะ ระดับ 1 : ไม่สามารถบอกความสาคัญของการแตง่ กายดว้ ยตนเองได้ สามารถคดิ แยกแยะผลดีของการแต่งกายด้วยตนเอง ท่ีส่งผลตอ่ ตนเองและผู้อ่นื ได้ ระดับ 3 : สามารถคิดแยกแยะผลดขี องการแตง่ กายด้วยตนเอง ทส่ี ่งผลต่อตนเองและผู้อ่ืนได้ด้วยตนเอง ระดับ 2 : สามารถคิดแยกแยะผลดขี องการแตง่ กายด้วยตนเอง ท่ีส่งผลต่อตนเองและผ้อู ื่นได้เมื่อมีผู้ชีแ้ นะ ระดบั 1 : ไมส่ ามารถคดิ แยกแยะผลดีของการแต่งกายด้วยตนเอง ทสี่ ่งผลต่อตนเองและผอู้ น่ื ได้ สามารถคดิ แยกแยะผลเสียของการแต่งกายดว้ ยตนเองไม่ได้ ที่สง่ ผลต่อตนเองและผูอ้ นื่ ได้ ระดับ 3 : สามารถคดิ แยกแยะผลเสยี ของการแต่งกายด้วยตนเองไมไ่ ด้ ท่สี ง่ ผลตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื ได้ ไดด้ ้วยตนเอง ระดับ 2 : สามารถคิดแยกแยะผลเสียของการแต่งกายดว้ ยตนเองไมไ่ ด้ ท่สี ่งผลตอ่ ตนเองและผู้อน่ื ได้ เมอ่ื มผี ชู้ แี้ นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถคิดแยกแยะผลเสยี ของการแต่งกายด้วยตนเองไมไ่ ด้ ทีส่ ่งผลตอ่ ตนเองและผู้อนื่ ได้
- 65 - แผนการจัดประสบการณ์ หน่วยที่ 1 ชื่อหนว่ ย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ช้นั ปฐมวยั แผนการจัดประสบการณ์ท่ี ๑๓ เร่ืองกิจวัตรประจาวัน (การใช้น้าอย่างประหยดั ขณะแปรงฟัน) เวลา 1 ช่ัวโมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๑.๒. สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เด็กสามารถ ๒.๑ บอกวธิ กี ารประหยดั น้าระหว่างแปรงฟนั ได้ ๒.๒ บอกผลดขี องการประหยัดนา้ ระหว่างแปรงฟัน ทีส่ ่งผลต่อตนเองและสว่ นรวมได้ ๒.๓ บอกผลเสยี ของการไมป่ ระหยัดนา้ ระหวา่ งแปรงฟนั ทส่ี ่งผลตอ่ ตนเองและสว่ นรวมได้ ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ ในขณะท่ีเราแปรงฟัน เราต้องปิดก๊อกนา้ แล้วหาแก้วมารองน้าไวส้ าหรบั ใช้ในการแปรงฟัน เพอื่ เปน็ การประหยัดนา้ 3.2 ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะที่เกิด) 1) ความสามารถในการส่ือสาร (สนทนาโตต้ อบและเล่าเรอ่ื งใหผ้ ้อู นื่ เขา้ ใจ) 2) ความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลโดยอธิบายเชื่อมโยงสาเหตุและผลท่ีเกิดข้ึนในเหตุการณ์หรือ การกระทาด้วยตนเอง 3.3 คณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์ / ค่านยิ ม ๑) การปฏิบัติตนเบอ้ื งต้นในการเป็นสมาชิกทด่ี ีของสงั คม ๒) การมวี ินยั ในตนเอง 4. การจดั ประสบการณ์ ๔.๑ ข้ันตอนการจัดประสบการณ์ ๑) ให้เด็กดูวีดีโอ เพลงกิจวัตรประจาวัน และร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับเน้ือหาในเพลง โดยครูใช้ คาถาม ๑.๑ เด็กคิดวา่ เนื้อหาในเพลง เปน็ เรื่องเกี่ยวกบั อะไร (กจิ วตั รประจาวนั ) ๑.๒ เด็กคิดว่า กิจวัตรประจาวันของเรามีอะไรบ้าง (อาบน้า ล้างหน้า แปรงฟัน แต่งตัว ขบั ถ่าย รบั ประทานอาหาร ฯลฯ) ๒) ให้เด็กดูวีดีโอ เร่ืองเทคนิคประหยัดน้าระหว่างแปรงฟัน ประหยัดเงินในกระเป๋า แล้วสนทนา ซกั ถาม โดยครใู ช้คาถาม ๒.๑ เด็กคดิ ว่าการกระทาน้องนิชาถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตุใด (ไม่ถูกต้อง เพราะนิชาเปิดน้า ทง้ิ ไวใ้ นขณะแปรงฟัน ทาใหส้ นิ้ เปลอื ง) ๒.๒ การที่น้องนิชาแปรงฟันแล้วเปิดน้าท้ิงไว้ในขณะแปรงฟัน เด็กคิดว่าจะส่งผลกับใครบ้าง และสง่ ผลอยา่ งไร (๑. ส่งผลกับตัวน้องนชิ าเอง เพราะจะต้องเสียเงินจ่ายค่าน้าประปาเพิ่มมากข้ึน ๒. ส่งผลต่อ ส่วนรวม เช่น ถ้าน้องนิชาไปแปรงฟันท่ีโรงเรียนแล้วเปิดน้าท้ิงไว้ ก็จะทาให้โรงเรียนมีค่าใช้จ่ายเพ่ิมมากข้ึน นอกจากนที้ าใหป้ ระเทศชาติ สูญเสียทรพั ยากรนา้ ทีเ่ สียไปโดยไม่มปี ระโยชน์)
- 66 - ๒.๓ ถ้าน้องนิชาเปล่ียนพฤติกรรมในการแปรงฟัน ไม่เปิดน้าท้ิงไว้ในขณะแปรงฟัน เด็กคิดว่า จะเกิดผลดีกับใครบ้าง อย่างไร (๑. เกิดผลดีกับตัวน้องนิชาเอง เพราะไม่ต้องเสียเงินจ่ายค่าน้าประปาเพิ่มขึ้น ๒. ส่งผลดีต่อส่วนรวม คือ โรงเรียนก็ไม่ต้องเสียเงินจ่ายค่าน้าประปาเพ่ิมขึ้น นอกจากน้ีทาให้ประเทศชาติ ไม่ ต้องสญู เสียทรพั ยากรนา้ ทเี่ สียไปโดยไม่มปี ระโยชน)์ ๓) เด็กและครูรว่ มกันสรปุ เกยี่ วกบั การแปรงฟันอย่างประหยัด ซึ่งจะส่งผลดีตอ่ ตนเองและส่วนรวม 4.2 ส่อื การเรยี นรู้ / แหล่งการเรียนรู้ ๑) เพลงกจิ วัตรประจาวนั ๒) วดี ีโอ เร่อื งเทคนิคประหยัดน้าระหว่างแปรงฟัน ประหยัดเงินในกระเป๋า 5. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5.1 วิธีการประเมิน สังเกตการตอบคาถามของเด็ก ๕.๒ เครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการประเมนิ แบบสังเกตการตอบคาถามของเด็ก 5.3 เกณฑ์การประเมนิ เด็กผ่านการประเมิน ระดับ 2 ขนึ้ ไปถือว่าผา่ น ๖. บันทกึ หลังการจดั ประสบการณ์ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ ................................................ ครผู ู้สอน (.................................................)
7. ภาคผนวก - 67 - เพลงกจิ วตั รประจาวัน https://www.youtube.com/watch?v=d1QVCtrf8eE เทคนคิ ประหยัดนา้ ระหวา่ งแปรงฟัน ประหยัดเงินในกระเป๋า http://youtube.com/watch?v=VZNbUlu6OVY&t=16s
- 68 - แบบสังเกตการตอบคาถามของเดก็ หนว่ ยที่ 1 ช่อื หนว่ ย การคดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี 13 เรื่อง กิจวัตรประจาวัน (การใช้อยา่ งประหยดั ) วันท.ี่ ............เดือน.............................พ.ศ............................ คาชี้แจง : ใหผ้ ูป้ ระเมินทาเครือ่ งหมาย ในช่องระดบั คุณภาพของเด็กในแตล่ ะประเด็นที่ประเมนิ บอกวิธีการ บอกผลดขี องการ บอกผลเสียของการ ประหยัดน้า ประหยดั นา้ ไม่ประหยัดนา้ ระหว่างแปรงฟันได้ ระหว่างแปรงฟัน ระหวา่ งแปรงฟัน ท่ี ทีส่ ่งผลต่อตนเอง ส่งผลตอ่ ตนเอง ท่ี ช่ือ-สกุล และส่วนรวมได้ และสว่ นรวมได้ 3 2 13 2 13 2 1 รวม เฉลยี่ ลงชื่อ...........................................................ผปู้ ระเมนิ (...........................................................)
- 69 - บอกวิธีการประหยัดนา้ ระหว่างแปรงฟนั ได้ ระดับ 3 : บอกวธิ ีการประหยัดนา้ ระหว่างแปรงฟนั ได้ดว้ ยตนเอง ระดบั 2 : บอกวธิ กี ารประหยัดน้าระหว่างแปรงฟันไดเ้ มื่อมีผชู้ ้แี นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถบอกวิธีการประหยดั นา้ ระหว่างแปรงฟนั ได้ บอกผลดีของการประหยดั นา้ ระหวา่ งแปรงฟนั ทสี่ ่งผลต่อตนเองและส่วนรวมได้ ระดบั 3 : บอกผลดขี องการประหยดั นา้ ระหว่างแปรงฟัน ที่สง่ ผลตอ่ ตนเองและส่วนรวมไดด้ ้วยตนเอง ระดับ 2 : บอกผลดขี องการประหยดั น้าระหวา่ งแปรงฟนั ทส่ี ง่ ผลต่อตนเองและส่วนรวมได้เมื่อมีผชู้ แี้ นะ ระดบั 1 : ไมส่ ามารถบอกผลดีของการประหยัดนา้ ระหวา่ งแปรงฟัน ท่สี ่งผลต่อตนเองและส่วนรวมได้ บอกผลเสยี ของการไม่ประหยัดน้าระหวา่ งแปรงฟัน ท่สี ง่ ผลต่อตนเองและส่วนรวมได้ ระดบั 3 : บอกผลเสียของการไม่ประหยดั น้าระหวา่ งแปรงฟัน ทสี่ ่งผลต่อตนเองและส่วนรวมไดด้ ้วยตนเอง ระดับ 2 : บอกผลเสียของการไมป่ ระหยดั น้าระหวา่ งแปรงฟนั ท่สี ่งผลตอ่ ตนเองและสว่ นรวมได้เม่ือมีผู้ชี้แนะ ระดบั 1 : ไม่สามารถบอกผลเสียของการไม่ประหยดั น้าระหว่างแปรงฟนั ทีส่ ่งผลต่อตนเองและสว่ นรวม ได้
- 70 - แผนการจัดประสบการณ์ หนว่ ยที่ 1 ช่ือหน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์สว่ นรวม ชนั้ ปฐมวยั แผนการจัดประสบการณ์ที่ ๑4 เร่ือง กิจวัตรประจาวนั (การใชห้ อ้ งนา้ หอ้ งสว้ มอยา่ งถูกวธิ )ี เวลา 1 ชว่ั โมง ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กับผลประโยชนส์ ่วนรวม ๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ เด็กสามารถ ๒.๑ บอกวธิ ีการใช้หอ้ งนา้ อย่างถูกวธิ ไี ด้ ๒.๒ บอกผลดีของการใช้ห้องน้าอย่างถูกวิธี ที่สง่ ผลตอ่ ตนเองและสว่ นรวมได้ ๒.๓ บอกผลเสียของการใช้ห้องนา้ ทไี่ ม่ถูกวธิ ี ทสี่ ง่ ผลตอ่ ตนเองและส่วนรวมได้ ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ การใชห้ อ้ งนา้ ห้องสว้ ม หลังเลิกใชแ้ ล้วตอ้ งราดนา้ หรอื กดชักโครกทกุ ครัง้ เพ่ือสุขอนามัยทดี่ ี 3.2 ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทีเ่ กิด) 1) ความสามารถในการสื่อสาร (สนทนาโต้ตอบและเล่าเรอ่ื งใหผ้ ้อู ื่นเข้าใจ) 2) ความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลโดยอธิบายเชื่อมโยงสาเหตุและผลที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือ การกระทาด้วยตนเอง 3.3 คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ / คา่ นยิ ม ๑) การปฏิบัติตนเบอื้ งตน้ ในการเป็นสมาชิกท่ีดีของสังคม ๒) การมีวนิ ยั ในตนเอง ๓) การดแู ลรกั ษาธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม 4. การจัดประสบการณ์ ๔.๑ ขน้ั ตอนการจดั ประสบการณ์ ๑) ให้เด็กดภู าพห้องน้าที่สกปรก จากนัน้ เด็กและครรู ่วมกันสนทนา โดยครูใชค้ าถาม ๑.๑ เด็กคิดว่าภาพท่คี รูนามาใหด้ เู ปน็ ภาพอะไร (ภาพห้องนา้ สกปรก) ๑.๒ เด็กคิดวา่ ทาไมห้องน้าถงึ สกปรก (คนใช้แลว้ ไม่ทาความสะอาด) ๒) ให้เด็กดูคลิปวีดีโอ เร่ือง มารยาทในการใช้ห้องน้า ฉบับแว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว จากนั้นร่วมกัน สนทนา โดยครใู ช้คาถาม - เด็กคิดวา่ การใช้หอ้ งน้าท่ีถกู วิธนี ั้นตอ้ งทาอย่างไร (ใช้แล้วต้องลาดน้าให้สะอาด, ต้องไม่ข้ึนไปเหยียบ บนซักโครก, เข้าแถวเรียงลาดบั ในการใช้, ต้องชว่ ยกนั รกั ษาความสะอาด) - ถา้ เราใช้ห้องน้าแล้ว ไม่ช่วยกันทาความสะอาด เด็กคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น และผลท่ีเกิดข้ึนน้ัน ส่งผล กับใครบ้าง และส่งผลอย่างไร (จะทาให้ห้องน้าสกปรก จะส่งผลต่อตัวเอง คือเราก็จะต้องใช้ห้องน้าท่ีสกปรก ส่งผลต่อส่วนรวม คือ ทาให้เพ่ือนๆ และคนอ่ืนๆ ก็ต้องใช้ห้องน้าที่สกปรกด้วย โดยที่เขาไม่ได้เป็นคนทาให้ หอ้ งนา้ สกปรก) - ถา้ เราใช้ห้องน้าแล้ว ชว่ ยกันทาความสะอาด เด็กคิดว่าจะเกิดอะไรข้ึน และผลท่ีเกิดขึ้นนั้น ส่งผลกับ ใครบ้าง และส่งผลอย่างไร (จะทาให้ห้องน้าสะอาด จะส่งผลต่อตัวเอง คือเราก็จะได้ใช้ห้องน้าท่ีสะอาด และ
- 71 - ส่งผลต่อส่วนรวม คือ ทาให้เพื่อนๆ และคนอื่นๆ ก็ได้ใช้ห้องน้าท่ีสะอาด ทาให้ทุกคนมีสุขสภาวะท่ีดี มี สขุ ภาพจิตที่ดดี ้วย) ๓) เด็กและครรู ่วมกนั สรปุ ถงึ วิธีการใชห้ ้องน้าที่ถกู วธิ ี 4.2 ส่อื การเรยี นรู้ / แหล่งการเรียนรู้ ๑) ภาพห้องน้าท่สี กปรก ๒) คลิปวีดีโอ เรอื่ ง มารยาทในการใชห้ ้องนา้ ฉบบั แว้นฟ้อหล่อเฟย้ี ว 5. การประเมินผลการเรียนรู้ 5.1 วธิ กี ารประเมนิ สังเกตการตอบคาถามของเด็ก 4.1 เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการประเมนิ แบบสังเกตการตอบคาถามของเด็ก 5.3 เกณฑ์การประเมิน เด็กผา่ นการประเมิน ระดบั 2 ข้นึ ไปถือวา่ ผ่าน ๖. บนั ทึกหลังการจัดประสบการณ์ ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................................................. .................................... .............................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... ..................................................................................................................................................... ............. ลงชอ่ื ................................................ ครูผูส้ อน (.................................................)
7. ภาคผนวก - 72 - ภาพหอ้ งน้าท่ีไมส่ ะอาด มารยาทการใช้ห้องนา้ ฉบับ แว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว http://youtube.com/watch?v=OfbE6Mqa5L0
- 73 - แบบสงั เกตการณ์ตอบคาถามของเด็ก หนว่ ยที่ 1 ชอ่ื หนว่ ย การคดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม แผนการจัดประสบการณ์ที่ 14 เร่ือง การใชอ้ ยา่ งประหยัด วันที่.............เดอื น.............................พ.ศ............................ คาชี้แจง : ใหผ้ ปู้ ระเมินทาเคร่ืองหมาย ในช่องระดบั คุณภาพของเด็กในแตล่ ะประเด็นทปี่ ระเมนิ บอกวธิ ีการใช้ บอกผลดขี องการ บอกผลเสยี ของการ หอ้ งน้าอย่างถูกวิธี ใชห้ ้องน้าอย่างถูก ไม่ประหยัดนา้ ได้ วธิ ี ท่สี ่งผลตอ่ ระหว่างแปรงฟัน ที่ ท่ี ชื่อ-สกุล ตนเองและ สง่ ผลต่อตนเองและ สว่ นรวมได้ สว่ นรวมได้ 3 2 13 2 13 2 1 รวม เฉลย่ี ลงชื่อ...........................................................ผู้ประเมิน (...........................................................)
- 74 - บอกวธิ กี ารใชห้ อ้ งนา้ อย่างถูกวธิ ีได้ ระดับ 3 : บอกวธิ กี ารใชห้ อ้ งน้าอยา่ งถูกวิธไี ด้ด้วยตนเอง ระดบั 2 : บอกวิธกี ารใช้ห้องนา้ อย่างถูกวธิ ีได้เม่ือมผี ชู้ แ้ี นะ ระดบั 1 : ไม่สามารถบอกวธิ ีการใช้หอ้ งนา้ อย่างถกู วิธีได้ บอกผลดีของการใชห้ ้องนา้ อย่างถูกวธิ ี ทส่ี ่งผลตอ่ ตนเองและส่วนรวมได้ ระดบั 3 : บอกผลดขี องการใชห้ ้องนา้ อยา่ งถกู วธิ ี ทสี่ ง่ ผลต่อตนเองและส่วนรวมได้ดว้ ยตนเอง ระดับ 2 : บอกผลดีของการใช้ห้องน้าอย่างถูกวธิ ี ทส่ี ่งผลต่อตนเองและสว่ นรวมไดเ้ มือ่ มีผ้ชู ้ีแนะ ระดับ 1 : ไม่สามารถบอกผลดีของการใชห้ ้องน้าอย่างถูกวธิ ี ทส่ี ง่ ผลตอ่ ตนเองและสว่ นรวมได้ บอกผลเสยี ของการไม่ประหยัดน้าระหว่างแปรงฟนั ทส่ี ่งผลตอ่ ตนเองและสว่ นรวมได้ ระดบั 3 : บอกผลเสยี ของการไมป่ ระหยดั น้าระหว่างแปรงฟัน ที่สง่ ผลต่อตนเองและส่วนรวมไดด้ ้วย ตนเอง ระดบั 2 : บอกผลเสยี ของการไม่ประหยัดน้าระหว่างแปรงฟนั ทสี่ ่งผลตอ่ ตนเองและสว่ นรวมไดเ้ มื่อมี ผ้ชู แ้ี นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถบอกผลเสียของการไม่ประหยดั น้าระหว่างแปรงฟัน ที่สง่ ผลต่อตนเองและ สว่ นรวมได้
- 75 - หนว่ ยท่ี 2 ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ
- 76 - แผนการจัดประสบการณ์ หนว่ ยที่ 2 ช่ือหนว่ ย ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ ชน้ั ปฐมวัย เวลา 1 ชั่วโมง แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี 1 เรื่อง ของเล่น ๑. ผลการเรยี นรู้ 1.1 มคี วามรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ 1.2 ปฏบิ ัตติ นเป็นผลู้ ะอายและไม่ทนต่อการทจุ รติ ทุกรูปแบบ ๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เด็กสามารถ 2.1 บอกความหมายของความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ ได้ 2.2 บอกวิธีการปฏิบตั ิตนในการเลน่ ของเล่นได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ ความละอาย เป็นความรู้สึก เกรงกลัวต่อสิ่งท่ีไม่ดี ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม เพราะเห็นถึงโทษหรือ ผลกระทบทจี่ ะได้รับจากการกระทาน้ัน จงึ ไม่กล้าที่จะกระทา ทาใหต้ นเองไม่หลงทาในส่ิงท่ีผิด ไมท่ น หมายถึง ไม่อดกลั้น ไม่อดทน ไม่ยอม ของเล่น คือ ส่ิงของใด ๆ ท่ีสามารถนามาใช้เล่นได้ ของเล่นทาจากวัสดุชนิดที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะ กับอายขุ องผู้เล่น 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทีเ่ กิด) 1. ความสามารถในการส่ือสาร (สนทนาโตต้ อบและบอกความหมายให้ผอู้ ่ืนฟงั ได้) 2. ความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลโดยอธิบายสาเหตุและผลท่ีเกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือการกระทา ดว้ ยตนเอง 3.3 คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ / คา่ นยิ ม 1. เด็กหยบิ เก็บของเล่น ของใช้อยา่ งเป็นระเบยี บเรียบร้อย 2. มวี ินยั ในตนเอง 4. การจดั ประสบการณ์ 4.1 ขั้นตอนการจัดประสบการณ์ 1. ครใู หเ้ ด็กดูภาพของเลน่ และรว่ มสนทนากบั เด็กโดยใช้คาถาม - ภาพที่ครนู ามาให้เด็กดเู ป็นภาพอะไร (ของเลน่ ) ๒. ครใู หเ้ ด็กดภู าพเด็กแย่งของเล่นกัน และร่วมสนทนากับเด็กโดยใช้คาถาม - ภาพทค่ี รูนามาให้เด็กดเู ปน็ ภาพอะไร (ภาพเด็กแยง่ ของเลน่ กัน) - ถ้าเด็กพบเห็นน้องทกี่ าลังแย่งของเล่นเพ่ือน เด็กจะทาอย่างไร (จะเข้าไปตักเตือนน้อง ว่าการแย่งของ ของผอู้ ื่นนน้ั มันเป็นพฤตกิ รรมท่ไี มถ่ ูกต้อง) - ถ้าในห้องเด็กมีของเล่นเพียงช้ินเดียว เพื่อนๆ กาลังเล่นอยู่ แต่เด็กก็อยากเล่นของเล่นน้ันด้วย เด็กจะ ทาอย่างไร เพราะเหตุใดจึงทาเช่นนั้น (จะรอให้เพ่ือนเล่นให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเล่น เพราะการไปแย่งของของ ผอู้ ื่นนัน้ เป็นสิง่ ทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง) ๓. เด็กและครรู ว่ มกนั สนทนาถงึ เร่อื งความละอายและความไม่ทนต่อการแยง่ ของเล่นผอู้ ่นื ๔. เด็กและครูรว่ มกนั สรุป เกีย่ วกบั การเลน่ ของเลน่
- 77 - 4.2 สอื่ การเรยี นรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ 1. ภาพของเลน่ 2. ภาพเด็กแยง่ ของเล่นกนั 5. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5.1 วิธีการประเมนิ 1. สังเกตการร่วมกจิ กรรม สนทนา ตอบคาถาม 5.2 เครือ่ งมอื ที่ใช้ในการประเมิน 1. แบบสงั เกตการตอบคาถามการเกบ็ ของเลน่ ของใช้ 5.3 เกณฑก์ ารตดั สนิ เด็กผ่านการประเมิน ระดบั 2 ขึ้นไปถือวา่ ผา่ น 6. บันทกึ หลังการจดั ประสบการณ์ ............................................................................................................................. ............................ ...................................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. .......................................... ......................................................................................... .............................................................................. ลงช่อื ................................................ ครผู ูส้ อน (.................................................)
7. ภาคผนวก - 78 - ภาพของเลน่ ภาพของเล่น
- 79 - แบบสังเกตการตอบคาถาม หน่วยที่ 2 ชอ่ื หน่วย ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต แผนการจัดประสบการณ์ท่ี 1 เรอ่ื ง ของเลน่ (๑) วันท.ี่ ............เดือน.............................พ.ศ. ................ คาชี้แจง : ให้ผปู้ ระเมินทาเครือ่ งหมาย ในช่องระดับคุณภาพของ ในแต่ละประเด็นทป่ี ระเมิน บอกความหมายของความละอายและความไมท่ นต่อ ที่ ช่อื -สกลุ การทุจรติ ได้ 321 ลงชื่อ...........................................................ผปู้ ระเมนิ (..................................................) เกณฑ์การประเมนิ 3 = บอกความหมายของความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริตได้ด้วยตนเอง 2 = บอกความหมายของความละอายและความไมท่ นต่อการทุจรติ ได้โดยมีผูช้ แี้ นะ 1 = ไม่สามารถบอกความหมายของความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริตได้
- 80 - แบบสังเกตการตอบคาถาม หน่วยที่ 2 ชอ่ื หน่วย ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต แผนการจัดประสบการณ์ท่ี 1 เรอ่ื ง ของเล่น (๑) วันท.ี่ ............เดือน.............................พ.ศ. ................ คาชี้แจง : ให้ผปู้ ระเมินทาเครือ่ งหมาย ในช่องระดับคุณภาพของ ในแตล่ ะประเด็นทป่ี ระเมิน บอกความหมายของความละอายและความไมท่ นต่อ ที่ ช่อื -สกลุ การทุจรติ ได้ 321 ลงชื่อ...........................................................ผปู้ ระเมนิ (..................................................) เกณฑ์การประเมนิ 3 = บอกความหมายของความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริตได้ด้วยตนเอง 2 = บอกความหมายของความละอายและความไมท่ นต่อการทุจรติ ได้โดยมีผูช้ แี้ นะ 1 = ไม่สามารถบอกความหมายของความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริตได้
- 81 - แผนการจดั ประสบการณ์ หนว่ ยที่ 2 ช่ือหนว่ ย ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ ชน้ั ปฐมวยั เวลา 1 ช่ัวโมง แผนการจดั ประสบการณ์ที่ 2 เรือ่ ง ของเล่น (๒) 1. ผลการเรียนรู้ 1.1 มีความรูค้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต 1.2 ปฏบิ ัตติ นเป็นผูล้ ะอายและไม่ทนต่อการทจุ ริตทุกรปู แบบ 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เด็กสามารถ 2.๑ บอกวิธใี นการเกบ็ ของเล่นใหเ้ ป็นระเบยี บเรยี บร้อยแก่บุคคลอ่ืนได้ 2.๒ บอกโทษของการนาของผู้อนื่ เป็นของตน โดยไม่ไดร้ บั อนญุ าต 3.สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ การทุจริต สิ่งท่ีไม่ดี มีการแสวงหาหรือเอาผลประโยชน์ของส่วนรวม ทั้ง ๆ ท่ีตนเองไม่ได้มีสิทธิ์ในสิ่งนั้น ๆ การยึดถือเอามาดังกล่าวจึงถือวา่ เปน็ สิ่งท่ผี ิด ทั้งในแงข่ องกฎหมายและศีลธรรม ทจุ รติ หมายถึง ความประพฤติชั่ว คดโกง 3.2 ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทีเ่ กิด) 1. ความสามารถในการสือ่ สาร (สนทนาโต้ตอบและบอกความหมายใหผ้ ้อู ่นื ฟังได้) 2. ความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลโดยอธิบายสาเหตุและผลท่ีเกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือการกระทาด้วย ตนเอง 3. มีวินัยในตนเอง 3.3 คุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ / ค่านิยม 1. เด็กหยิบ เก็บของเลน่ เขา้ ที่ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบรอ้ ย 2. เด็กไม่นาของของผอู้ ่นื ไปเปน็ ของ ของตน โดยไมไ่ ดร้ บั อนุญาต 4. การจัดประสบการณ์ 4.1 ข้นั ตอนการจดั ประสบการณ์ 1. เด็กและครดู ูนทิ าน เรอื่ ง ของเล่นนอ้ ยใจ จากวดี โี อ ( YouTube : Sasawat Kesmanee) 2. เด็กและครรู ว่ มกันสนทนาเกีย่ วกับเนอื้ หาของนทิ าน โดยครใู ช้คาถาม ดังน้ี - ถา้ เด็ก เป็นของเล่นในนิทานเด็กจะทาอย่างไร (ทาอย่างของเลน่ ในนทิ าน) - เด็กได้รบั ความร้อู ะไรบา้ งจากการฟังเพลงของเลน่ น้อยใจ (ควรเก็บของใหเ้ ป็นระเบยี บเรยี บร้อย) ๓. เด็กและครสู นทนาถงึ การหยบิ และการเก็บของเล่นวา่ เราควรปฏบิ ัติอยา่ งไร ๔. เด็กและครูรว่ มกนั ร้องเพลง : เกบ็ ของเล่น สนทนาถงึ เนอื้ ร้องวา่ เป็นสิง่ ทท่ี ุกคนควรปฏิบัติ ๕. เด็กช่วยกันบอกเหตุการณ์ท่ีเด็กปฏิบัติหรือพบเห็นเก่ียวกับ พฤติกรรมการนาของของผู้อ่ืนไปเป็นของ ตนเอง โดยไมไ่ ด้รับอนญุ าตท้ังทบี่ ้าน โรงเรยี น หรือที่เคยพบเหน็ ในชีวิตประจาวัน ๖. เด็กและครูร่วมกันสนทนา เกี่ยวกับการนาของผู้อื่นเป็นของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต (ไม่ถูกต้อง ไม่ควร ปฏิบตั ิ) ๗. เด็กและครูบอกโทษ และส่ิงที่จะได้รับเม่ือนาของผู้อื่นเป็นของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต (ถูกลงโทษ มี ความผิด ถกู วา่ กล่าวตักเตอื น)
- 82 - ๘. เด็กและครูร่วมกันสรุปว่า การนาของผู้อ่ืนเป็นของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี อาจมี ความผดิ หรอื ไดร้ บั การลงโทษได้ 4.2 สือ่ การเรียนรู้ / แหล่งการเรียนรู้ 1. นทิ าน “ของเล่นน้อยใจ” 2. เพลงเกบ็ ของเลน่ (Official KaraoKe) 5. การประเมินผลการเรยี นรู้ 5.1 วิธกี ารประเมิน 1. แบบสังเกตการตอบคาถาม 5.2 เคร่ืองมือทีใ่ ชใ้ นการประเมิน 1. แบบสังเกตการรว่ มกจิ กรรม 5.3 เกณฑก์ ารตดั สิน เด็กผ่านการประเมินตั้งแตร่ ะดบั 2 ข้นึ ไปถือว่าผา่ น 6. บันทกึ หลังการจดั ประสบการณ์ ......................................................................................... ................................................................ ............................................................................................................................. .......................................... .................................................................................................................................................... ................... ............................................................................................................................. .......................................... ........................................................................................ ............................................................................... ลงชอ่ื ................................................ ครผู สู้ อน (.................................................)
- 83 - 7. ภาคผนวก นิทาน ของเลน่ น้อยใจ https://www.youtube.com/watch?v=X8kkl5Porn0 จาก YouTube : Sasawat Kesmenee เพลงเกบ็ ของเล่น (Official KaraoKe) https://www.youtube.com/watch?v=-X4LhKhXN1Y
- 84 - แบบสงั เกตการตอบคาถาม หน่วยที่ 2 ชือ่ หนว่ ย ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี 2 เรื่อง ของเล่น วนั ท.ี่ ............เดือน.............................พ.ศ. ................ คาชีแ้ จง : ให้ผ้ปู ระเมินทาเครือ่ งหมาย ในช่องระดบั คุณภาพของ ในแตล่ ะประเดน็ ท่ปี ระเมิน ที่ ชอื่ -สกุล บอกวิธีในการเก็บของเลน่ ให้เป็นระเบียบ เรยี บรอ้ ยแกบ่ ุคคลอืน่ ได้ 3 21 ลงชอื่ ...........................................................ผ้ปู ระเมิน (..................................................) เกณฑ์การประเมนิ 3 = บอกวิธใี นการเก็บของเล่นใหเ้ ป็นระเบียบเรียบร้อยแก่บคุ คลอ่ืนได้ดว้ ยตนอง 2 = บอกวธิ ีในการเกบ็ ของเล่นใหเ้ ปน็ ระเบียบเรียบร้อยแก่บคุ คลอื่นได้เม่ือมีผู้ชี้แนะ 1 = ไม่สามารถบอกวิธีในการเก็บของเล่นให้เปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ยแก่บุคคลอืน่ ได
- 85 - แบบสงั เกตการตอบคาถาม หน่วยท่ี 2 ชือ่ หน่วย ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต แผนการจัดประสบการณ์ที่ 2 เรอ่ื ง ของเลน่ วันที่.............เดือน.............................พ.ศ. ................ คาชแี้ จง : ให้ผปู้ ระเมินทาเครอ่ื งหมาย ในช่องระดบั คุณภาพของ ในแต่ละประเด็นทีป่ ระเมิน ท่ี ชือ่ -สกลุ บอกโทษของการนาของผูอ้ ่นื เปน็ ของตน โดย ไมไ่ ด้รับอนญุ าต 3 21 ลงช่ือ...........................................................ผูป้ ระเมิน (..................................................) เกณฑ์การประเมิน 3 = บอกโทษของการนาของผู้อน่ื เปน็ ของตน โดยไม่ได้รบั อนญุ าตได้ด้วยตนอง 2 = บอกโทษของการนาของผอู้ ืน่ เป็นของตน โดยไม่ไดร้ ับอนุญาตได้เมื่อมีผู้ช้แี นะ 1 = ไมส่ ามารถบอกโทษของการนาของผู้อ่ืนเปน็ ของตน โดยไม่ไดร้ บั อนญุ าตได้
- 86 - แผนการจัดประสบการณ์ หน่วยที่ 2 ชือ่ หนว่ ย ความละอายและความไมท่ นต่อการทุจรติ ชัน้ ปฐมวัย เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี 3 เรอื่ ง การรบั ประทานอาหาร ๓. ผลการเรยี นรู้ 1.1 มีความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับความละอายและไม่ทนต่อการทุจรติ 1.2 ปฏบิ ัติตนเปน็ ผทู้ มี่ ีความละอายและไม่ทนต่อการทจุ ริตทุกรปู แบบ ๔. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.๑ เด็กสามารถบอกวิธีปฏบิ ัติตนในการรบั ประทานอาหารไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง 2.๒ เด็กมีความละอายและไม่แย่งหรือขโมยอาหารเพอ่ื น ๕. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ มารยาทในการรับประทานอาหาร เป็นส่ิงท่ีทาให้ผู้ท่ีพบเห็นเกิดความชื่นชมหรืออาจตาหนิ ดังน้ัน จึงควรฝึกมารยาทในการรับประทานอาหาร ดังน้ีคือ การไม่ทาเสียงดังในขณะรับประทาน การตักอาหารควรตักแต่พอดีคา ไม่รับประทานมูมมาม เลอะเทอะ นอกจากนั้นแล้วเราต้องไม่ไปแย่ง หรือขโมยอาหารของผ้อู น่ื 3.2 ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะท่เี กดิ ) 1. ความสามารถในการส่ือสาร (สนทนาโต้ตอบและเล่าเร่อื งให้ผ้อู ืน่ เข้าใจ) 2. ความสามารถในการคิดแยกแยะ คิดเชงิ เหตผุ ลโดยอธิบายเชื่อมโยงสาเหตุและผลที่เกดิ ข้ึนในเหตุการณ์ 3.3 คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ / คา่ นยิ ม 1. เด็กรับประทานอาหารได้ดว้ ยตนเองอย่างถกู วิธี และไม่แยง่ หรือขโมยอาหารของผู้อื่น 2. การช่วยเหลอื ตนเองในการปฏิบัติกิจวตั รประจาวัน 4. การจดั ประสบการณ์ 4.1 ขนั้ ตอนการจัดประสบการณ์ 1. ครูนารูปภาพเด็กกาลังรับประทานอาหาร และภาพเด็กกาลังแย่งอาหารเพ่ือน มาให้เด็กดู แล้วสนทนา ซักถาม - เด็กคิดว่าภาพท้ังสองภาพที่ครูนามาให้ดูเป็นภาพเกี่ยวกับอะไร แล้วทั้งสองภาพมีความเหมือนหรือแตกต่าง กันอย่างไร (เป็นภาพเกี่ยวกับเด็กกาลังรับประทานอาหารและภาพเด็กแย่งอาหารของผู้อื่น, ท้ังสองภาพไม่ เหมือนกัน เพราะภาพแรกเป็นภาพเด็กรับประทานอาหารอย่างเรียบร้อย มีมารยาท แต่ภาพท่ีสองเป็นภาพ เด็กแยง่ ของกินของคนอื่น นสิ ยั ไม่ดี) - ถ้าจะให้เด็กเลือก เด็กอยากเป็นบุคคลในภาพไหน เพราะเหตุใด (เลือกเป็นเด็กในภาพที่หน่ึง เพราะ รับประทานอาหารเรยี บร้อย เปน็ เดก็ ดี ไม่แยง่ ของผ้อู ่นื ) - ถ้าเด็กพบเห็นเพื่อนหรือน้องๆ กาลังแย่งหรือขโมยอาหารผู้อ่ืน เด็กจะทาอย่างไร เพราะเหตุใดจึงทาเช่นน้ัน (จะเข้าไปตักเตือน บอกว่าการแย่งหรือขโมยอาหารผู้อ่ืนเป็นสิ่งที่ไม่ดี ผิดกฎหมาย สาเหตุท่ีเข้าไปตักเตือน เพราะไมอ่ ยากใหเ้ พอ่ื นและน้องๆ เป็นคนไมส่ จุ ริต เปน็ คนไมด่ ีของสังคม)
- 87 - 2. เด็กและครรู ว่ มกนั สนทนาเกี่ยวกับวิธีการรับประทานอาหาร จากน้ันเด็กและครูเดินทางไปที่โรงอาหาร แลว้ ลงมอื ฝกึ ปฏิบตั กิ ารรบั ประทานอาหาร 3. เด็กและครรู ่วมกนั สรา้ งขอ้ ตกลงในการรบั ประทานอาหาร ดงั น้ี - เราจะรับประทานอาหารให้หมด ไม่หกเลอะเทอะ ไมส่ ง่ เสยี งดังขณะรับประทานอาหาร - เราจะไมแ่ ย่งหรือขโมยอาหารของผอู้ นื่ 4.2 ส่ือการเรยี นรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ 1) ภาพเดก็ การรบั ประทานอาหารและภาพเด็กแยง่ หรือขโมยอาหารผู้อื่น 2) อาหาร (ของจริง) 3) โรงอาหารของโรงเรยี น 5. การประเมินผลการเรียนรู้ 5.1 วิธกี ารประเมิน 1. การสอบถามความรู้ เรอื่ ง วิธีการรับประทานอาหาร 2. สังเกตพฤติกรรมการรับประทานอาหาร 5.2 เครอื่ งมือทใ่ี ชใ้ นการประเมิน 1. แบบสังเกตการตอบคาถาม วิธีการรบั ประทานอาหาร 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการรบั ประทานอาหาร 5.3 เกณฑก์ ารตดั สนิ เด็กผ่านการประเมนิ ระดบั 2 ข้ึนไปถือว่าผ่าน 6. บันทกึ หลังการจัดประสบการณ์ ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. .......................................... ........................................................................................ ............................................................................... ............................................................................................................................. .......................................... ..................................................................................................................................... .................................. ลงชื่อ ................................................ ครผู ูส้ อน (.................................................)
7. ภาคผนวก - 88 - ภาพเดก็ รับประทานอาหาร ภาพเดก็ แยง่ อาหารผอู้ น่ื
- 89 - แบบสังเกตการตอบคาถาม เรอื่ ง วิธกี ารรบั ประทานอาหาร หน่วยที่ 2 ชื่อหนว่ ย ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต แผนการจดั ประสบการณ์ที่ 3 เรื่อง การรบั ประทานอาหาร วนั ท.่ี ............เดอื น.............................พ.ศ............................ คาชีแ้ จง : ให้ผู้ประเมินทาเครื่องหมาย ในชอ่ งระดับคุณภาพของเด็กในแต่ละประเด็นทป่ี ระเมนิ ที่ ช่อื -สกุล เด็กสามารถบอกวธิ ปี ฏบิ ตั ิตนในการรับประทาน อาหารได้อย่างถูกต้อง 3 21 ลงชอื่ ...........................................................ผปู้ ระเมนิ (..................................................) เกณฑ์การประเมนิ 1 = เด็กไม่สามารถบอกวธิ ปี ฏบิ ตั ิตนในการรบั ประทานอาหารได้อยา่ งถกู ต้อง 2 = เด็กสามารถบอกวิธปี ฏบิ ัติตนในการรับประทานอาหารไดอ้ ย่างถูกต้องโดยมีผ้ชู แี้ นะ 3 = เด็กสามารถบอกวิธปี ฏบิ ตั ติ นในการรับประทานอาหารได้อย่างถูกตอ้ งด้วยตนเอง
- 90 - แบบสังเกตพฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหารของเด็ก หนว่ ยท่ี 2 ช่อื หนว่ ย ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ แผนการจดั ประสบการณ์ที่ 3 เรื่อง การรับประทานอาหาร วันท.ี่ ............เดอื น.............................พ.ศ............................ คาชี้แจง : ใหผ้ ปู้ ระเมนิ ทาเครื่องหมาย ในชอ่ งระดับคุณภาพของเด็กในแต่ละประเด็นที่ประเมิน ท่ี ช่ือ-สกลุ เด็กมคี วามละอายและไม่แย่งหรอื ขโมย อาหารเพื่อน 3 21 ลงชอื่ ...........................................................ผปู้ ระเมิน (..................................................) เกณฑก์ ารประเมนิ 1 = เด็กสามารถรบั ประทานอาหารได้แต่ชอบแย่งหรอื ขโมยอาหารของผอู้ นื่ 2 = เด็กสามารถรบั ประทานอาหารได้ โดยมีผู้อน่ื แนะนาแตไ่ ม่แย่งหรือขโมยอาหารของผ้อู ื่น 3 = เด็กสามารถรบั ประทานอาหารได้อย่างถูกวธิ ีด้วยตนเองและไม่แยง่ หรอื ขโมยอาหารของผู้อ่ืน
- 91 - แผนการจัดประสบการณ์ หน่วยที่ 2 ชือ่ หนว่ ย ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ ชนั้ ปฐมวยั เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจัดประสบการณ์ท่ี 4 เรอ่ื ง การเข้าแถว 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกับความละอายและไม่ทนต่อการทุจริต 1.2 ปฏบิ ตั ติ นเป็นผ้ทู ี่มีความละอายและไม่ทนต่อการทจุ ริตทกุ รูปแบบ 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 เด็กสามารถบอกวิธกี ารเขา้ แถวเรียงลาดับได้ 2.2 เด็กสามารถปฏิบัติตนในการเขา้ แถวเรียงลาดับได้ 2.3 เด็กมีความละอายและไม่แซงควิ ผู้อ่ืน 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ เข้าแถวตามลาดบั คอื การยนื เรียงตอ่ กันเป็นแนวเรยี งหน่งึ โดยคนทม่ี าก่อนจะอยู่ข้างหน้า สว่ น คนมาทหี ลงั ก็จะยนื เรียงลาดับถัดไป และไม่แซงคิวผูอ้ ่นื 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทีเ่ กิด) 1. ความสามารถในการส่ือสาร (สนทนาโตต้ อบและเลา่ เรื่องให้ผูอ้ ื่นเขา้ ใจ) 2. ความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลโดยอธบิ ายเช่อื มโยงสาเหตแุ ละผลที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ 3.3 คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ / คา่ นิยม 1. เด็กเขา้ แถวตามลาดบั ก่อนหลงั ได้ด้วยตนเอง และไม่แซงคิวผูอ้ น่ื 2. การมวี ินยั ในตนเอง 4. การจดั ประสบการณ์ 4.1 ข้นั ตอนการจดั ประสบการณ์ 1. เด็กและครูรว่ มกันร้องเพลง “เรยี งลาดับ” 2. เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกีย่ วกบั เนอื้ หาของเพลง โดยครใู ช้คาถาม - เดก็ ๆ คดิ ว่าเพลงท่ีเราร้องไปเมื่อสักครู่น้เี ป็นเพลงเกย่ี วกับอะไร ( เกี่ยวกับการเข้าแถว เรยี งลาดับ) - เดก็ ๆ ลองคิดดซู ิว่า ถา้ ประเทศไทยของเรามีแต่คนท่ีไม่มวี ินยั ไปไหนกไ็ มร่ จู้ ักการเข้าแถว เรยี งลาดับก่อนหลงั เด็กๆ คดิ วา่ ประเทศไทยของเราจะเปน็ อย่างไร (ประเทศเราก็จะมีแต่ความวุน่ วาย ไรร้ ะเบยี บวินยั ) 3. เด็กและครดู คู ลปิ นิทานเรื่อง “เด็กดีต้องเข้าแถว” 4. เด็กและครรู ว่ มกนั สนทนา เกีย่ วกบั เนอื้ หาในนิทาน - เด็กๆ คดิ วา่ การกระทาของเจ้าหมาที่ไม่ยอมเข้าแถว ชอบแซงคิวผอู้ น่ื นน้ั ถกู ตอ้ งหรือไม่ เพราะเหตุใด (ไมถ่ ูกต้อง เพราะคนดจี ะต้องรจู้ ักการเข้าแถว เรียงลาดบั ก่อนหลัง และไม่แซงคิวผู้อื่น) - ถ้าเดก็ ๆ เปน็ เพ่ือนของเจ้าหมา เดก็ ๆ จะทาอย่างไร (จะตกั เตอื นเพ่ือน ใหร้ จู้ ักการเขา้ แถว เรยี งลาดบั กอ่ นหลัง เพราะการแซงคิวผอู้ ่นื นน้ั เป็นส่งิ ท่ีไม่ถูกตอ้ ง)
- 92 - - เด็กๆ คดิ วา่ การที่เจา้ กระต่ายและเจา้ สงิ โตไมพ่ ดู ไมเ่ ล่นกบั เจา้ หมาเพราะเจา้ หมาไม่ยอม เขา้ แถวและชอบแซงคิวผอู้ ื่นนั้นถกู ต้องหรือไม่ เพราะเหตุใด (ถกู ต้อง เพราะจะได้ทาให้เจา้ หมาได้ร้วู า่ การกระทาของตนนน้ั ไม่ถูกต้อง เปน็ การกระทาทผ่ี ู้อน่ื หรอื สงั คมไม่ยอมรบั เจา้ หมาจะได้ปรบั ปรงุ ตวั เอง) 5. ครูจาลองสถานการณ์ของการเขา้ แถวซอื้ ขนมโดยให้เด็กฝึกปฏบิ ัตกิ ารเขา้ แถวเรียงลาดับ กอ่ นหลัง มากอ่ นอยู่หน้า มาช้าอยหู่ ลัง ไม่แซงคิวผู้อ่นื 6. เด็กและครูร่วมกนั อภปิ รายสรุป เก่ยี วกับเรื่องการเข้าแถววา่ ตอ้ งเรียงลาดับก่อน – หลงั และตอ้ งไม่แซงคิวผ้อู น่ื 7. เด็กและครรู ว่ มกันร้องเพลง “เรยี งลาดบั ” อกี ครงั้ หนึ่ง 4.2 ส่ือการเรียนรู้ / แหล่งการเรียนรู้ 1) เพลง “เรียงลาดบั ” 2) คลิปนทิ าน เรอื่ ง เด็กดีต้องเข้าแถว ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ 5.1 วิธกี ารประเมนิ 1. สอบถามความรู้ เร่ือง การเขา้ แถวเรยี งลาดบั 2. สงั เกตพฤติกรรมการเข้าแถวเรียงลาดับ 5.2 เครื่องมือที่ใช้ในการประเมนิ 1. แบบสอบถามความรู้ เรอ่ื ง การเข้าแถวเรียงลาดับ 2. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ แถวเรียงลาดบั 5.3 เกณฑ์การตัดสิน เด็กผา่ นการประเมนิ ระดบั 2 ขน้ึ ไปถือวา่ ผ่าน 6. บนั ทกึ หลังการจดั ประสบการณ์ ............................................................................................................................. ............................ ...................................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. .......................................... ................................................................................................................................................... .................... .............................................................................................................. ......................................................... ลงช่อื ................................................ ครูผู้สอน (.................................................)
- 93 - 7. ภาคผนวก เพลงเรียงลาดับ เรียงมาเรยี งลาดบั ลาดับ ลาดบั กอ่ นหลงั คนน่าชงั คนน่าชงั มาทีหลงั ไม่เรียงลาดับ มาก่อนก็อยูข่ า้ งหน้า มาช้าต้องอย่ถู ดั ไป จาไว้นะเด็กไทย จาไวน้ ะเด็กไทย ระเบยี บวินัยเป็นสง่ิ สาคัญ ระเบียบวนิ ยั เปน็ สิ่งสาคัญ คลิปนิทานเรอ่ื งเดก็ ดีตอ้ งเขา้ แถว https://www.youtube.com/watch?v=IlMJGvBMKvU
- 94 - แบบสงั เกตการณ์ตอบคาถาม เรอื่ ง การเข้าแถวเรียงลาดับ หนว่ ยท่ี 2 ชื่อหนว่ ย ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ แผนการจัดประสบการณ์ที่ 4 เรือ่ ง การเข้าแถว วันที.่ ............เดือน.............................พ.ศ............................ คาชีแ้ จง : ใหผ้ ้ปู ระเมินทาเครอ่ื งหมาย ในช่องระดบั คุณภาพของเด็กในแต่ละประเด็นทีป่ ระเมนิ ที่ ช่อื -สกุล บอกวิธีการการเขา้ แถวเรยี งลาดบั ระดบั คุณภาพ 3 21 ลงชอื่ ...........................................................ผู้ประเมนิ (..................................................) เกณฑ์การประเมิน 3 = เด็กสามารถบอกวิธีการการเขา้ แถวเรียงลาดับได้ดว้ ยตนเอง 2 = เด็กสามารถบอกวิธกี ารการเข้าแถวเรยี งลาดับไดโ้ ดยมีผชู้ แี้ นะ 1 = เด็กไมส่ ามารถบอกวธิ กี ารการเข้าแถวเรยี งลาดับได้
- 95 - แบบสังเกตการเขา้ แถวของเด็ก หนว่ ยที่ 2 ช่ือหน่วย ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ แผนการจัดประสบการณ์ท่ี 4 เรอื่ ง การเข้าแถว วันท.่ี ............เดอื น.............................พ.ศ............................ คาช้แี จง : ให้ผูป้ ระเมินทาเครอื่ งหมาย ในชอ่ งระดับคุณภาพของเด็กในแต่ละประเด็นทีป่ ระเมนิ การเข้าแถวตามลาดับก่อนหลัง ท่ี ช่อื -สกลุ ระดบั คุณภาพ 3 21 ลงชอื่ ...........................................................ผู้ประเมิน (..................................................) เกณฑก์ ารประเมิน 3 = เด็กสามารถเข้าแถวเรียงลาดับได้ดว้ ยตนเองโดยไม่แซงคิวผ้อู ื่น 2 = เด็กสามารถเข้าแถวเรยี งลาดบั ได้โดยมีผอู้ ืน่ แนะนา แต่ไม่แซงคิวผ้อู ่นื 1 = เด็กสามารถเขา้ แถวเรียงลาดบั ได้ แต่แซงควิ ผู้อ่ืน
- 96 - แผนการจัดประสบการณ์ หนว่ ยท่ี 2 ชือ่ หนว่ ย ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ รติ ชั้น ปฐมวัย เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจดั ประสบการณ์ที่ 5 เร่ือง การเก็บของใชส้ ่วนตัว (๑) 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1 มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับความละอายและไม่ทนต่อการทจุ รติ 1.2 ปฏบิ ัตติ นเป็นผูท้ ม่ี ีความละอายและไม่ทนต่อการทุจริตทกุ รปู แบบ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 เด็กสามารถบอกชื่อของใชส้ ว่ นตวั ,วธิ ีการใช้และประโยชนข์ องของใช้นัน้ ๆ ได้ 2.2 เด็กสามารถใชข้ องใช้สว่ นตัวได้อยา่ งถูกต้อง ถูกวิธี 2.3 เด็กมีความละอายและไม่แยง่ หรือขโมยของใช้ของผูอ้ นื่ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ การเกบ็ ของใช้ส่วนตัวให้เปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ย จะทาให้ง่ายต่อการหยบิ จบั นามาใชใ้ นครงั้ ต่อไป และ ยงั ทาให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบรอ้ ย ดสู วยงาม นอกจากน้ีจะตอ้ งไม่ขโมยของใชข้ องผู้อื่นมาเปน็ ของของ ตนเอง 3.2 ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเี่ กดิ ) 1. ความสามารถในการสื่อสาร (สนทนาโต้ตอบ เลา่ เร่ืองให้ผอู้ น่ื เขา้ ใจ) 2. ความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลโดยอธิบายเช่ือมโยงสาเหตุและผลทเี่ กิดข้ึนในเหตุการณ์ 3.3 คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ / ค่านิยม 1. เด็กใชข้ องใชส้ ว่ นตวั อย่างถกู ต้อง และไม่ขโมยของใชข้ องผอู้ ื่นมาเปน็ ของของตนเอง 2. การมีวินัยในตนเอง 4. การจัดประสบการณ์ 4.1 ขั้นตอนการจัดประสบการณ์ 1. ครูสาธิตวิธีการใช้ของใช้ส่วนตัวอย่างถูกวิธีและไม่ถูกวิธีให้เด็กดู (การเปิดหนังสือแบบแรงๆ และ การเปิดหนงั สอื แบบเบาๆ, การใชด้ ินสอเพ่ือการเขียนและการใช้ดนิ สอขว้างปาเพอื่ นๆ เปน็ ต้น) 2. เด็กและครูร่วมกนั สนทนาถงึ วธิ ีการใช้ของใช้ส่วนตัวอยา่ งถูกวิธี 3. ครนู าภาพเด็กขโมยของเพื่อนมาให้เด็กดู แล้วสนทนาซกั ถาม - เด็กคิดว่าในภาพนี้ เกิดเหตุการณ์อะไรขน้ึ (เด็กกาลงั ขโมยของของเพ่อื น) - ถ้าเด็กในภาพน้ีเป็นเพ่ือนเด็ก เด็กจะทาอย่างไร (จะตักเตือน ไม่ให้ลักขโมยของ ของผู้อื่น เพราะเปน็ การกระทาทีไ่ ม่สุจรติ และเป็นส่งิ ทผี่ ิดกฎหมายด้วย) - เด็กคิดว่าการที่เราไปแย่งหรือหยิบของของผู้อ่ืนโดยท่ีเจ้าของไม่ได้อนุญาต และการไปขโมย ของของผู้อ่ืนน้ัน เป็นการกระทาท่ีถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตุใด (ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการกระทาท่ี ทุจรติ ผดิ กฎหมาย) - เด็กจะมีวิธีการอย่างไรที่จะป้องกันหรือช่วยลดปัญหาการลักขโมยของในห้องเรา ให้ลด น้อยลง (ช่วยกันดูแล สอดส่อง และคอยตักเตือนเพื่อนที่ชอบลักขโมยของผู้อื่นให้เขาได้ตระหนักรู้ว่า การลกั ขโมยของของผอู้ น่ื นั้นเป็นส่งิ ที่ไม่ดี ไมถ่ กู ต้อง มนั เป็นพฤตกิ รรมท่ที ุจริต)
- 97 - 4. เด็กและครูรว่ มกันสรา้ งขอ้ ตกลงในการใชข้ องใชส้ ่วนตัว - หลังจากการใชข้ องใชส้ ่วนตวั เสร็จแลว้ เราจะเกบ็ ให้ถูกทอ่ี ย่างเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย - เราจะไม่แยง่ หรือหยิบของของผู้อื่นโดยทีเ่ จ้าของไมไ่ ด้อนญุ าต และไม่ขโมยของของผอู้ นื่ มาเป็น ของของเรา 4.2 ส่ือการเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ 1. ของใชส้ ว่ นตัวของเด็ก เชน่ แกว้ นา้ แปรงสฟี นั สมุด ดินสอ ฯลฯ (ของจริง) 2. ภาพเดก็ ขโมยของของผู้อื่น 5. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5.1 วธิ กี ารประเมนิ 1. การสอบถามความรู้ เรอ่ื ง วิธกี ารใชข้ องใช้สว่ นตัว 2. สงั เกตการใชข้ องใช้สว่ นตัวของเด็ก 5.2 เคร่อื งมือท่ใี ช้ในการประเมนิ 1. แบบสอบถามความรู้ เรือ่ ง วธิ กี ารใชข้ องใชส้ ่วนตัว 2. แบบสังเกตการใชข้ องใชส้ ่วนตัวของเด็ก 5.3 เกณฑก์ ารตัดสิน เด็กผ่านการประเมินระดบั 2 ข้ึนไปถือว่าผา่ น 6. บันทกึ หลังการจัดประสบการณ์ ............................................................................................................................. ............................ ...................................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. .......................................... ................................................................................................................................................... .................... .............................................................................................................. ......................................................... ลงชือ่ ................................................ ครผู สู้ อน (.................................................)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211