51 เรืองที . การวิเคราะห์ทาํ ความเข้าใจและรู้จักตวั ตนทแี ท้จริง ลกั ษณะบ่งชีความสําเร็จของการเรียนรู้ 1. รู้จกั และจาํ แนกองคป์ ระกอบตวั ตนทีแทจ้ ริงของตนเองได้ 2. บอกหนา้ ทีองคป์ ระกอบของตวั ตนได้ แผนปฏบิ ตั กิ ารเรียนรู้ ลกั ษณะบ่งชีความสําเร็จ กจิ กรรม การวดั ผล ประเมนิ ผล สือการเรียนรู้ ของการเรียนรู้ . รู้จกั และจาํ แนก เรียนรู้ด้วยตนเอง ความเขา้ ใจองคป์ ระกอบ เอกสารหมายเลข องคป์ ระกอบตวั ตน . ใหผ้ เู้ รียนศึกษาเอกสาร ร่วมในตวั ตนของเรา ใบความรู้เรืองตวั ตนที ทีแทจ้ ริงของตนเองได้ ใบความรู้ เรืองตวั ตนทีแทจ้ ริง แทจ้ ริงของตนเอง ของตนเองใหเ้ ขา้ ใจ . บอกหนา้ ทีองคป์ ระกอบ . ใหผ้ เู้ รียนวิเคราะห์ บอกหนา้ ทีและ ตวั ตนของตนเองได้ ความเขา้ ใจตวั ตน ตามเอกสาร ปรากฏการณ์ความคิดต่อ ใบความรู้อยา่ งเคร่งครัด องคป์ ระกอบตวั ตนที . ประเมินตนเองว่า ความรู้ทีเกิด แทจ้ ริงของตนเองได้ จากใจของตนเองเป็ นจริ ง หรือไม่
52 เอกสารหมายเลข : ใบความรู้ เรือง ตวั ตนทีแท้จริงของตนเอง กรอบแนวคดิ ตวั ตนของเราประกอบดว้ ย กายและใจ ความรู้สึก รูปกาย ใจ ความจาํ ได้ หมายรู้ การคดิ ปรุงแต่ง การรับรู้ โครงสร้างของตวั ตนทีแทจ้ ริงมกี ารทาํ งานทีสอดประสานกนั ทงั ทางบวกและทางลบที ทาํ ใหค้ นเรามคี วามแตกต่างกนั คนทีประสบความสาํ เร็จมกั จะเป็ นบุคคลทีมีความสามารถควบคุมกาย และใจใหอ้ ยกู่ บั สมมติค่านิยมของสังคมชุมชนได้ ผทู้ ีไม่สามารถควบคุมไดม้ กั จะเป็ นบุคคลทีตกอย่ใู น สภาพคล้อยตามความอยากของกายและใจ พึงพาตนเองได้จากความคิดดังกล่าวอาจสรุ ปได้ว่า องคป์ ระกอบทงั ประการนี สามารถพฒั นายกระดบั คุณค่าขึนไดด้ ว้ ยตนเองดว้ ยการเรียนรู้ทาํ ความรู้จกั และรู้เท่าทนั ตลอดเวลา รูปกาย เป็นองคป์ ระกอบของอวยั วะต่าง ๆ ทงั ภายนอกและภายใน ทาํ หน้าทีสอดประสานกนั พร้อมทาํ งานตามทีใจสงั การ โดยคุณภาพของการกระทาํ เป็นตวั บ่งชีสมรรถภาพทางใจ ความรู้สึก เป็นองคป์ ระกอบแรกของใจทีจะตอบสนองออกมาเป็นความรู้สึกพอใจ ความรู้สึกเฉย ๆ และความรู้สึกไมพ่ อใจต่อสภาวะแวดลอ้ มทีเป็นอยู่ ชอบ – สุข – พึงพอใจ ความรู้สึก เฉย ๆ ไม่ชอบ – ทุกข์ – โกรธ
53 ความจาํ ได้หมายรู้ เป็ นองค์ประกอบของใจทีทาํ หนา้ ทีจดจาํ หรือลืมความรู้สึกต่าง ๆ ทีกระทบเขา้ มาทัง ทางบวกและทางลบ ชอบ – สุข – พงึ พอใจ จาํ ได้ หมายรู้ จาํ ได้ ไม่ชอบ – ทุกข์ – โกรธ จาํ ไม่ได้ การคดิ ปรุงแต่ง เป็นองคป์ ระกอบของใจ ทาํ หนา้ ทีคิดปรุงแต่งสร้างสรรคอ์ อกมาเป็นทางบวกหรือทางลบ ปรุงแต่งเชิงบวก คิดปรุงแต่ง ปรุงแต่งเชิงลบ การรับรู้ เป็นองคป์ ระกอบสุดทา้ ยทีทาํ หนา้ ทีรับรู้จากการเห็น การไดย้ นิ การไดก้ ลนิ การรู้รส และการ สมั ผสั การเห็น การรับรู้ การไดย้ นิ การไดก้ ลนิ การรู้รส การสมั ผสั ปฏบิ ตั กิ ารวเิ คราะห์ทําความเข้าใจตวั ตน จากความเข้าใจในองค์ประกอบของตวั ตนทีแทจ้ ริง เป็ นความเขา้ ใจแบบรู้จาํ ได้ แต่ ความรู้ ความเขา้ ใจตอ้ งเกิดจากภายในตวั ตนทีแทจ้ ริงของเราดว้ ยตนเอง โดยมีขนั ตอนดงั นี . องคป์ ระกอบทีเราจะเรียนรู้ตน้ แบบดา้ นการนึกคิดตรึกตรองจากตวั เราเอง คือ . ความรู้สึก . การจาํ ได้ หมายรู้ . การคิดปรุงแต่ง . การรับรู้ . การเตรียมการ ควรใชส้ ถานทีสงบ สภาพอากาศสิงแวดลอ้ มสบาย ๆ มสี ิงรบกวนนอ้ ย . วธิ ีการ
54 . ความรู้สึก ใหผ้ เู้ รียนมองสภาพแวดลอ้ ม (กลุ่มคน ตน้ ไม้ ทศั นียภาพ) เมอื สายตา กระทบสิงสนใจ ใจเราจะเกิดความรู้สึก ชอบ – ไมช่ อบ หรือเป็น ความสุข – ความทุกข์ หรือ พึงพอใจ – โกรธ หรือว่าเฉย ๆ ใช่หรือไม่ ทาํ หลาย ๆ กรณี ใจเรามีคาํ ตอบใหเ้ ราว่า สิงกระทบนีรู้สึก อย่างไร เช่น รู้สึกชอบ พอใจ จากนัน ก็เปรียบเทียบไปฟังเสียงต่าง ๆ ทีจะเกิดขึนว่า มีความรู้สึก เช่นเดียวกบั การมองหรือไม่ . การจาํ ได้ หมายรู้ ใหผ้ เู้ รียนนึกถึง บุคคล เหตุการณ์ทีเราพึงพอใจ หรือไม่พอใจ เราจะนึกเห็นเป็นภาพในใจ ปรากฎการณ์นนั เป็นสิงทีเรามคี วามจาํ ไดห้ มายรู้ . การคิดปรุงแต่ง ใหผ้ เู้ รียนมองหรือฟังเสียง บุคคล สถานที สิงแวดลอ้ มต่าง ๆ จะ เกิดความรู้สึก จากนนั ปรุงแต่งต่อไปวา่ สิงทีคิดนนั จะเป็นทางบวกหรือทางลบ ปรากฏการณ์นีจะเป็ นการ นําสิงทีรับรู้มาประมวลกับประสบการณ์เดิม ผลการปรุ งแต่งมักจะอาศัยความจาํ ได้หมายรู้ของ ประสบการณ์เดิม . การรับรู้ ให้ผเู้ รียนสังเกต การมอง การฟังของตนเอง จะเป็ นกระบวนการ ต่อเนือง ตารับรู้ภาพ การจาํ ไดห้ มายรู้จะประมวลใหใ้ จบอกตนเองวา่ คืออะไร 4. สรุปปรากฏการณ์ของตนเอง ทาํ เป็นเช่นนีหรือไม่ . รู้จกั เขา้ ใจอยา่ งกระจ่างเกียวกบั องคป์ ระกอบทางใจของตวั เราเอง . องคป์ ระกอบทางใจสามารถฝึกใหต้ อบสนองออกมาทางบวก หรือทางลบได้ โดย ใชก้ รณีศึกษาทีเป็นจริงในสภาวะแวดลอ้ มของเราเป็นเครืองมือในการเรียนรู้ . ถา้ ใจเราตอบสนองออกมาเชิงบวกมาก ๆ เราสามารถพฒั นาตนเองอย่กู ับอาชีพ สงั คม สิงแวดลอ้ มต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งยงั ยนื กจิ กรรมที ใหผ้ เู้ รียนวิเคราะห์ความเขา้ ใจ ตวั ตนตามเอกสารใบความรู้และประเมินตนเองว่าความรู้ทีเกิดจากใจ ของตนเองเป็ นจริ งหรื อไม่
55 เรืองที การพฒั นาทกั ษะการขยายอาชีพให้เป็ นลกั ษณะนิสัย ลกั ษณะบ่งชีความสําเร็จของการเรียนรู้ 1. สามารถพฒั นาใชช้ ่องทางการรับรู้ และกระบวนการตอบสนองการรับรู้ได้ 2. สามารถพฒั นาทกั ษะการขยายอาชีพและอนื ๆ ทีมีคุณค่าใหเ้ ป็นลกั ษณะนิสยั ได้ แผนปฏิบัตกิ ารเรียนรู้ ลกั ษณะบ่งชีความสําเร็จ กจิ กรรม การวดั ผล ประเมนิ ผล สือการเรียนรู้ ของการเรียนรู้ . สามารถพฒั นาใชช้ ่อง ใหผ้ เู้ รียนศึกษาทาํ ความเขา้ ใจ - ช่องทางการรับรู้ทาง เอกสารหมายเลข ทางการรับรู้และ เกียวกบั ช่องทางการรับรู้ และ ตาและหู ใบความรู้เรืองการ กระบวนการ กระบวนการตอบสนองการรับรู้ - กระบวนการตอบสนอง พฒั นาทกั ษะการขยาย ตอบสนองการรับรู้ได้ จากเอกสารใบความรู้ การรับรู้ อาชีพใหเ้ ป็นลกั ษณะ นิสยั . สามารถพฒั นาทกั ษะ . ใหผ้ เู้ รียนทาํ ความเขา้ ใจระบบ การขยายอาชีพและ การพฒั นาสือการรับรู้ทีมี อืน ๆ ทีมคี ุณค่าใหเ้ ป็น คุณค่าใหเ้ ป็นลกั ษณะนิสยั ลกั ษณะนิสยั ได้ . ปฏบิ ตั ิการวเิ คราะหแ์ ละพฒั นา - ผลการวิเคราะหแ์ ละ ทกั ษะการขยายอาชีพใหเ้ ป็น พฒั นาทกั ษะการขยาย ลกั ษณะนิสยั อาชีพใหเ้ ป็นลกั ษณะ นิสยั
56 เอกสารหมายเลข : ใบความรู้ เรือง การพฒั นาทกั ษะการขยายอาชีพให้เป็ นลกั ษณะนิสัย ความคดิ รวบยอด การสร้างลกั ษณะนสิ ัยให้กบั ตนเอง เปิ ดช่องทางการรับรู้ ตวั ตน ใชก้ ระบวนการ ตอบสนองการรับรู้ - ความรู้ทกั ษะ ตา – รู้เห็น ขอ้ มลู สมอง เกดิ พอใจเหน็ คุณค่า - ประมวลผล ในอาชีพ หู – รู้ฟัง ความรู้สึก เฉย ๆ ตดั สินใจ - สิงมีคุณค่าต่อชีวิต จมูก – รู้กลิน ไม่ชอบ - ทาํ จนมีความ จาํ ได้ ชาํ นาญยดึ ติด หมายรู้ จาํ ได้ เป็ นลกั ษณะนิสยั ไม่จาํ ปาก – รู้รส นึกคิด คิดสร้างสรรคเ์ ชิงบวก กาย – รู้สัมผสั ปรุงแต่ง คิดเชิงลบ จากแผนภูมิ บอกภาพคิดรวบยอดได้ว่า การสร้างลกั ษณะนิสัยให้เกิดในตนเอง ตอ้ งเริมตน้ ที ปัจจยั นาํ เขา้ คือ ความรู้ทกั ษะในอาชีพ หรือสิงทีมีคุณค่าต่อชีวิต จากนันกระบวนการสร้างลกั ษณะนิสัย จะเริมตน้ ทีตวั ตนของเราตอ้ งเปิ ดช่องทางการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ การมอง การรับฟัง การรู้กลิน การรู้รส และ การรู้สมั ผสั ช่องทางเหลา่ นีจะทาํ ใหเ้ ราไดข้ อ้ มลู ขอ้ มลู เหล่านีจะถกู นาํ เขา้ มาสู่กระบวนการตอบสนองการ รับรู้ทีเริมตน้ จากสมองรับขอ้ มลู เขา้ มาสู่องคป์ ระกอบดา้ นความรู้สึกจะรับรู้และแสดงออกในความพอใจ (เฉย ๆ หรือไมพ่ อใจ ก็จะหลุดออกไป) ส่งต่อไปยงั องคป์ ระกอบดา้ นการจาํ ได้ หมายรู้ จะประมวลว่ามี ความจาํ อะไรทีเกียวขอ้ งจะตอบสนองแสดงออกจาํ ไดเ้ ห็นความสาํ คญั (จาํ ไมไ่ ด้ สาระทีเขา้ มาก็จะหยดุ ลง หรือหลุดออกไป) แลว้ ส่งต่อไปยงั องคป์ ระกอบดา้ นนึกคิดปรุงแต่ง จะประมวลคิดสร้างสรรค์ เป็ นสิง ใหม่หรือแนวทางการทาํ งาน ดงั นัน ถา้ เราไดย้ อ้ นกลบั มาเริมตน้ ใหม่อีกครัง เราจะพบว่ากระบวนการ ตอบสนองการรับรู้ จะทาํ งานอยา่ งรวดเร็ว ถา้ ทาํ ซาํ อีก อตั ราความเร็ว ในการตอบสนองจะรวดเร็วขึนโดย ลาํ ดบั จนตวั ตนติดยดึ ถา้ จะทาํ อะไรเกียวกบั เรืองนีจะตอบสนองอยา่ งเป็นอตั โนมตั ิหรือเป็นลกั ษณะนิสยั
57 วธิ กี ารสร้างลกั ษณะนสิ ัย ตอบสนองการเรียนรู้ เปิ ดช่องทางการเรียนรู้ บนฐานทีมีอคตินอ้ ยทีสุด อยา่ งมวี จิ ารณญาณ . ตารู้เห็น มองวิเคราะห์ . ความรู้สึก . จาํ ได้ หมายรู้ . คิดปรุงแต่ง - ดาํ รงงานอาชีพ วิเคราะหใ์ หเ้ ห็นโครงสร้าง เมอื รับรู้แลว้ จาํ สิงทีรู้สึกชอบ สิงทีรู้เห็นรับว่า ขยายให้ โครงสร้างหลกั และ เกิดความรู้สึก ไมช่ อบเกียวขอ้ งกบั มคี วามสาํ คญั ความมนั คง ความสมั พนั ธเ์ ชือมโยง ชอบ ไมช่ อบ อะไร อยา่ งไร จึงสร้างสรรค์ - ดาํ รงสงั คม ไปยงั องคป์ ระกอบต่าง ๆ บนฐานของใจ สาํ คญั แค่ไหน ใหค้ ุณค่าสูงขึน อยา่ งสนั ติสุข สรุ ปเป็ นความรู้ ทีมีอคตินอ้ ยทีสุด . หูฟัง ฟังอยา่ งจบั ประเด็น เชือมโยง ความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งประเด็น สรุ ปเป็ นความรู้ จากแผนภูมิ จะพบวา่ เครืองมือสาํ คญั ของการสร้างลกั ษณะนิสยั คือ ( ) ความมวี ิจารณญาณ และ ( ) การควบคุมอคติภายในตนเองใหล้ ดนอ้ ยทีสุด จึงเป็นตวั ผนั แปรต่อการสร้างลกั ษณะนิสยั . การเปิ ดช่องทางการเรียนรู้ โดยผา่ นทางดวงตา หูฟัง จมกู รู้กลิน ลนิ รู้รส กายรู้สมั ผสั ตวั เราจะตอ้ งรวบรวม สืบคน้ ขอ้ มลู ใหล้ ะเอียดรอบคอบอยา่ งมีวิจารณญาณ โดยเฉพาะสิงรับรู้ทีเป็ นทาง ธรรม คือ การรับรส การรับกลนิ และการรับสมั ผสั จะตอ้ งแยกคุณลกั ษณะทีโดดเด่นและคุณลกั ษณะรอง และผลกระทบใหช้ ดั เจน ตวั อย่าง การชิมนาํ ทบั ทิมเป็นรูปธรรมและนามธรรม 1. รูปธรรม สีของนาํ ทบั ทิม สีแดงสดใส กระทบกบั ความรู้สึกร่าเริง 2. นามธรรม (1) รสฝาด ทาํ หนา้ เปรียวตามมาและอมหวานในตวั ใหค้ วามรู้สึกมนั คง (2) กลินนาํ ออกมาตอนแรกเป็นกลนิ ของดอกการเวก หอมสดใส เมอื ลมหายใจ สะทอ้ นกลบั มาเป็นกลนิ อ่อนโยนคลา้ ยดอกกหุ ลาบ ทาํ ใหจ้ ิตใจ สดชืนและ อบอุ่น ตวั อยา่ ง การรับรู้ในการชิมนาํ ทบั ทิม เป็นการรายงานขอ้ มลู อยา่ งมีวิจารณญาณให้ความละเอียด เพยี งพอต่อการตอบสนองทีมคี วามเทียงตรงต่อไปได้
58 . การตอบสนองการรับรู้ เมอื ขอ้ มลู จากการรับรู้ผา่ นเขา้ มาทางสมอง กระบวนการตอบสนองจะทาํ งานทนั ที โดย 1. ความรู้สึก เมอื ขอ้ มลู เขา้ มากระทบความรู้สึก จะตอบสนองออกมาว่าพอใจ หรือไม่พอใจ 2. ความจาํ ได้ หมายรู้ เมอื ขอ้ มลู เขา้ มาพร้อม ๆ กนั องคป์ ระกอบความจาํ จะตอบสนองประมวล วา่ ขอ้ มลู ใหมเ่ ขา้ มามคี วามเกียวขอ้ งกบั ขอ้ มลู เก่าอะไรบา้ ง 3. การคิด ปรุงแต่ง เมือขอ้ มลู เขา้ มาผา่ นขนั ตอนความรู้สึกและความจาํ ผลตอบสนองจะกระทบ กบั การคิดปรุงแต่งในอนั ทีจะปรุงแต่งในทางสร้างสรรคห์ รือในทางกลบั กนั กระบวนการตอบสนองการรับรู้ดงั กล่าวจะตอ้ งเป็ นกระบวนการทีมีอคติน้อยทีสุดหรือไม่มีเลย การทาํ ใหอ้ คติมนี อ้ ยหรือไมม่ นี นั สามารถทาํ ไดด้ ว้ ยการวางจิตใจให้สงบลง คิดไตร่ตรองอยกู่ บั กระบวนการตอบสนองการรับรู้เพียงอย่างเดียว จะเกิดสมาธิให้เราดาํ เนินการคิดทัง องคป์ ระกอบไดอ้ ยา่ งเทียงตรงมากขึนโดยลาํ ดบั จึงอาจสรุปการใชท้ กั ษะขยายอาชีพใหเ้ ป็นลกั ษณะนิสยั ไดด้ งั นี เปิ ดช่องทางการรับรู้ดา้ น การอ่าน ศึกษา ความรู้ ทกั ษะการขยายอาชพี ปฏบิ ตั ิการวิเคราะห์ เริมตน้ นึกคิดในใจ กระบวนการตอบสนองการรับรู้จะเริม ระบบทกั ษะการขยาย วเิ คราะหร์ ะบบอยา่ ง ไปพร้อม ๆ กบั การวเิ คราะหร์ ะบบอาชีพ อาชีพอยา่ งมี เป็นขนั เป็นตอน วิจารณญาณ ดว้ ยการ - องคป์ ระกอบดา้ นความรู้สึก จะเกิดนึกรู้ อยใู่ นทีสงบใน ในใจว่าเห็นดว้ ย หรือไมเ่ ห็นดว้ ยกบั การวเิ คราะห์ อริ ิยาบถทีสบาย ๆ - พร้อมกนั นนั องคป์ ระกอบดา้ นความจาํ หมายรู้ กจ็ ะประมวลประสบการณ์ภมู ิหลงั ทีจาํ ได้ - ขณะเดียวกนั องคป์ ระกอบดา้ นการคิด ปรุงแต่ง ก็จะนึกคิดเห็นว่าควรสร้างสรรค์ อยา่ งไร แผนภูมสิ รุป ดงั กล่าว เป็นกระบวนการทางสมาธิทีจะสร้างให้เรามีทกั ษะการคิดอยา่ งมี วิจารณญาณและรอบดา้ น จะทาํ ใหค้ วามคิดของเราปราศจากอคติ ผลการคิด วเิ คราะห์ จะมีโอกาสถูกตอ้ ง มากขึน ถา้ ใชก้ ระบวนการนีมีความถีมากยิงขึน ตัวตนของเราจะพฒั นาทักษะการทาํ งานให้เกิดเป็ น ลกั ษณะนิสยั ได้ และปรับไปสู่สิงใหมท่ ีดีกวา่ ไดง้ ่ายใหก้ ารคิดมปี ระสิทธิภาพสูงส่งเขา้ สู่ภมู ิปัญญาในทีสุด
59 กจิ กรรมที ให้ผเู้ รียนวิเคราะห์และพฒั นาทกั ษะการขยายอาชีพให้เป็ นลกั ษณะนิสัยในอาชีพของตนเอง หรืออาชีพทีสนใจมา อาชีพ
60 บทที ความหมาย ความสําคัญของการขยายอาชีพ ผลการเรียนรู้ทคี าดหวงั อธิบายความหมาย ความสาํ คญั ความจาํ เป็ นในการขยายอาชีพใหม้ ีผลิตภณั ฑห์ รืองาน บริการ สร้างรายไดพ้ อเพยี งต่อการดาํ รงชีวติ มเี งินออมและมีทุนในการขยายอาชีพ ขอบข่ายเนือหา เรืองที . ความหมายของการจดั การขยายอาชีพ ตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง เรืองที . ความสาํ คญั ของการจดั การขยายอาชีพเพอื ความมนั คงตามแนวคิดปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง สือประกอบการเรียนรู้ 1. เอกสารหมายเลข ใบความรู้เรือง ความหมายของการจดั การขยายอาชีพเพือความ มนั คงตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2. เอกสารหมายเลข แบบประเมินความเขา้ ใจเกียวกบั ความหมายของการจดั การ ขยายอาชีพตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 3. เอกสารหมายเลข ใบความรู้เรือง ความสําคญั ของการจดั การขยายอาชีพตาม แนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. เอกสารหมายเลข ใบความรู้เรืองการประเมินตนเองเกียวกบั การรับได้ของ ความสาํ คญั ในการจดั การขยายอาชีพ ตามกระบวนการคิดเป็น
61 เรืองที ความหมายของการจัดการขยายอาชีพตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง ลกั ษณะบ่งชีความสําเร็จของการเรียนรู้ 1. บอกความหมายของการจดั การขยายอาชีพ 2. บอกความหมายของความมนั คง 3. บอกความหมายของการจดั การขยายอาชีพ เพือความมนั คงตามแนวคิดปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง แผนปฏิบตั กิ ารเรียนรู้ ลกั ษณะบ่งชีความสําเร็จของ กจิ กรรม การวดั ผล ประเมนิ ผล สือการเรียนรู้ การเรียนรู้ . บอกความหมายของการ อ่านเอกสารหมายเลข : ใบ ทดสอบความเขา้ ใจ เอกสารหมายเลข จดั การขยายอาชีพ ความรู้เรือง ความหมายของ ความหมายของการจดั การ ใบความรู้เรืองความหมาย การจดั การขยายอาชีพ เพือ ขยายอาชีพ เพือความมนั คง การจดั การขยายอาชีพ เพือ ความมนั คงตามแนวคิด ตามแนวคิดปรัชญาของ ความมนั คงตามแนวคิด ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง . บอกความหมายของความ ประเมินความเขา้ ใจตนเอง ผลการประเมนิ ความเขา้ ใจใน เอกสารหมายเลข มนั คง ตามเอกสารหมายเลข กรณีตวั อยา่ งในเอกสาร แบบประเมินความเขา้ ใจ หมายเลข เกียวกบั ความหมายของการ จดั การขยายอาชีพ ตาม แนวคิดปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง
62 เอกสารหมายเลข : ใบความรู้ เรือง ความหมายของการจดั การขยายอาชีพ เพอื ความมนั คง ตามแนวคดิ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ความหมายตามพจนานุกรม ฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ดงั นี 1. การจดั การ หมายถงึ กรรมวธิ ีในการสงั งาน ควบคุมงาน ดาํ เนินงาน 2. ขยายอาชีพ หมายถงึ การทาํ ใหก้ ารทาํ มาหากิน แผก่ วา้ งออกไป 3. ความมนั คง หมายถึง เกียวกบั การเกิดความแน่น และทนทานไมก่ ลบั เป็นอนื 4. การจดั การขยายอาชีพเพือความมนั คง หมายถึง กรรมวิธีในการควบคุมการดาํ เนินงานทาํ มาหากินใหแ้ ผ่ กวา้ งออกไปดว้ ยความทนทานไมก่ ลบั เป็นอนื 5. เศรษฐกิจ หมายถึง งานเกียวกบั การผลติ การจาํ หน่ายจ่ายแจกและการบริโภค ใชส้ อยสิงต่าง ๆ ของชุมชน 6. พอเพียง หมายถึง เท่าทีตอ้ งการ ควรแก่ความตอ้ งการ เตม็ ความตอ้ งการ 7. ปรัชญา หมายถึง วชิ าดว้ ยหลกั แห่งความรู้ ความจริง . เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง หลกั แห่งความรู้ ความจริ งของงานเกียวกับการผลิต การจาํ หน่ายจ่ายแจกและการบริโภคใชส้ อยสิงต่าง ๆ ของชุมชน เป็นไปตามตอ้ งการ ดงั นนั การจดั การขยายอาชีพ เพือความมนั คงตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จึง อาจใหค้ วามหมายไดว้ ่า “กรรมวิธีในการควบคุมการดําเนินงานทํามาหากนิ ให้ขยายก้าวออกไปให้เกดิ ความแน่นและทนทานไม่กลบั เป็ นอนื ตามหลกั ความรู้ ความจริงของงานเกยี วกบั การผลติ การจาํ หน่าย จ่ายแจกและการบริโภคใช้สอยสิงต่าง ๆ ของชุมชนเป็ นไปตามต้องการ”
63 เอกสารหมายเลข : แบบประเมนิ ความเข้าใจเกยี วกบั ความหมายของการจดั การขยายอาชีพ ตามแนวคดิ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง . อ่านกรณตี วั อย่างแล้วตอบคาํ ถามด้วยตนเอง “ ลงุ อนิ ปลกู ขา้ วโพดหวาน ขนาดร่องกวา้ ง . เมตร ยาว เมตร สัปดาห์ละ ร่อง อยา่ งต่อเนืองไดผ้ ลผลิตสปั ดาห์ละ กิโลกรัม ขายให้กบั ลูกคา้ ประจาํ มีรายได้ , บาทค่อนขา้ ง แน่นอน แต่ปี นีลกู เขา้ เรียนระดบั อดุ มศึกษา คน จะตอ้ งมรี ายจ่ายเพมิ อีกเดือนละ , บาท ลุงอินหาตลาดขา้ วโพดหวาน ไดล้ กู คา้ เพิมสามารถรับซือขา้ วโพดหวานตามปริมาณที เพมิ ขึนไดต้ ามตอ้ งการ อย่มู าไม่นานเพือนบา้ นหลายครอบครัวเอาอย่างปลูกขา้ วโพดหวานขาย ทาํ ให้ ขา้ วโพดมปี ริมาณมาก ราคาตก ลงุ อิน เห็นวา่ เพอื นบา้ นต่างกย็ ากจน หากปล่อยใหส้ ภาพเหตุการณ์เป็นเช่นนีก็จะพากนั ขาดทุน เสียหาย ลุงอินประเมินปริมาณข้าวโพดหวานทีผลิตไดแ้ ละมีคุณภาพปานกลางกบั ของลุงอิน ประมาณสัปดาห์ละ , กิโลกรัม จึงตดั สินใจไปพบพ่อคา้ ขายส่งรายใหม่ต้องการข้าวโพดหวาน ปริมาณมาก หากลงุ อินสามารถรวบรวมผลผลิต ควบคุมคุณภาพใหไ้ ดม้ าตรฐานทีตอ้ งการและจดั การส่ง มอบให้ได้จะรับซือกิโลกรัมละ บาท ลุงอินจึงเจรจารับซือข้าวโพดหวานของเพือนบา้ นให้ราคา กิโลกรัมละ บาท หักค่าขนส่งกิโลกรัมละ บาท ลุงอินไดก้ าํ ไรกิโลกรัมละ บาท เดือนหนึงจะมี รายได้ , บาท พอเพียงใชจ้ ่ายดาํ รงชีวติ ส่งลกู เรียนได้ ทีดินทีเคยปลกู ขา้ วโพดและว่างเปล่า จาํ นวน ไร่ ลุงอนิ ปลกู ไมป้ ่ าตน้ ยางนา ตน้ สกั เป็นไมโ้ ตไวได้ , ตน้ อีก ปี ขา้ งหนา้ จะสามารถตดั โค่น ขายไดต้ น้ ละ , บาท คาดว่าจะไดเ้ งินประมาณ ลา้ นบาท ” จากเรืองราวของลุงอนิ ท่านมีความเขา้ ใจอยา่ งไร 1. การดาํ เนินงานปลกู ขา้ วโพดหวานขนาดร่องกวา้ ง . เมตร ยาว เมตร สปั ดาห์ละ ร่อง เปรียบไดก้ บั ขอ้ ใด ก. ความมนั คง ข. การขยายอาชีพ ค. การจดั การ ง. ความพอเพียง 2. มีรายได้ สปั ดาห์ละ , แน่นอน สอดคลอ้ งกบั ขอ้ ใดมากทีสุด ก. ความมนั คง ข. การขยายอาชีพ ค. การจดั การ ง. ความพอเพยี ง
64 3. ลุงอินหาตลาดขา้ วโพดหวานเพิมขึนเกียวขอ้ งกบั ขอ้ ใด ก. ความมนั คง ข. การขยายอาชีพ ค. การจดั การ ง. ความพอเพียง 4. เพือนบา้ นเอาอยา่ งปลกู ขา้ วโพดหวานกนั มาก ราคาตก เกียวขอ้ งกบั ขอ้ ใด ก. ความไม่มนั คง ข. การขยายอาชีพ ค. การจดั การ ง. ความพอเพียง 5. ลุงอินไปพบพ่อคา้ ขายส่งรายใหญ่ เกียวขอ้ งกบั ขอ้ ใด ก. ความมนั คง ข. การขยายอาชีพ ค. เศรษฐกิจ ง. ความพอเพยี ง 6. การรวบรวมผลผลิต การควบคุมคุณภาพผลผลิต การจดั การรายไดก้ ับสมาชิกเพือนบา้ น ขอ้ ใดถกู ตอ้ งมากทีสุด ก. ความมนั คง ข. การขยายอาชีพ ค. เศรษฐกิจ ง. ความพอเพยี ง 7. ลุงอนิ ใหร้ าคาขา้ วโพดหวานของเพือนบา้ น กิโลกรัมละ บาท ขอ้ ใดถกู ตอ้ งมากทีสุด ก. ความมนั คง ข. การขยายอาชีพ ค. เศรษฐกิจ ง. ความพอเพยี ง 8. รายไดเ้ ดือนละ , บาทของลุงอิน สอดคลอ้ งกบั ขอ้ ใดมากทีสุด ก. ความมนั คง ข. การขยายอาชีพ ค. เศรษฐกิจ ง. ความพอเพยี ง
65 9. รายไดจ้ ากการปลกู ไมป้ ่ า ไร่ เป็นเงิน ลา้ นบาท อีก ปี ขา้ งหน้าของลุงอินตรงกบั ขอ้ ใดมากทีสุด ก. ความมนั คง ข. การขยายอาชีพ ค. เศรษฐกิจ ง. ความพอเพียง กจิ กรรมที ให้ผเู้ รียนร่วมกนั อภิปรายทาํ ความเขา้ ใจแบบประเมินกรณีตวั อย่างหมายเลข แลว้ สรุปให้ เหตุผลเป็นขอ้ ๆ
66 เรืองที ความสําคัญของการจดั การขยายอาชีพเพอื ความมนั คงตามแนวคิดปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ลกั ษณะบ่งชีความสําเร็จของการเรียนรู้ ลกั ษณะบ่งชีความสําเร็จของ กจิ กรรม การวดั ผล ประเมนิ ผล สือการเรียนรู้ การเรียนรู้ 1.ยอมรับวา่ การขยายอาชีพ 1.อ่านเอกสารหมายเลข 1. ทดสอบความเขา้ ใจ เอกสารหมายเลข ทาํ ใหต้ นเอง เพมิ ผลผลติ เพอื ทาํ ความเขา้ ใจเกียวกบั ความสาํ คญั ของการจดั การ ใบความรู้เรืองความสาํ คญั เพมิ รายไดแ้ ละช่องทาง ความสาํ คญั ของการจดั การ ขยายอาชีพตามแนวคิด ของการจดั การขยายอาชีพ อาชีพเปิ ดกวา้ งออกไป ขยายอาชีพตามแนวคิด ปรัชญาของเศรษฐกิจ ตามแนวคิดปรัชญาของ ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง เศรษฐกิจพอเพยี ง พอเพียง 2. ผลการวเิ คราะหก์ าํ หนดวลี 2.ผเู้ รียนวเิ คราะหก์ าํ หนดวลี ความสาํ คญั การจดั การ ความสาํ คญั การจดั การ ขยายอาชีพ ขยายอาชีพ 2.เห็นว่าการขยายอาชีพทาํ อ่านเอกสารหมายเลข ให้ ผลการวิเคราะห์ เอกสารหมายเลข ใหม้ ีสิงบริโภคสร้างความ เขา้ ใจ แลว้ วิเคราะหผ์ ลการ ผลการประเมินตนเอง ใบความรู้เรืองการประเมิน พอเพยี งใหก้ บั ชุมชน ช่วย ประเมินตนเองเกียวกบั สาระ ตนเองเกียวกบั การรับได้ ลดรายจ่าย สร้างงาน สร้าง การรับได้ ความสาํ คญั การ ของความสาํ คญั ในการ รายไดใ้ หก้ บั ชุมชน จดั การขยายอาชีพตาม จดั การขยายอาชีพตาม กระบวนการคิดเป็ นพร้อมทงั กระบวนการคิดเป็ น สรุปผล แผนปฏิบตั กิ ารเรียนรู้ เรียนรู้ดว้ ยตนเอง ดงั นี 1. อ่านเอกสารหมายเลข : ใบความรู้ เรือง ความสาํ คญั ของการจดั การขยายอาชีพ ตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2. ประเมินตนเองตามเอกสารหมายเลข : แบบประเมินตนเองเกียวกบั การรับไดข้ อง ความสาํ คญั ในการจดั การขยายอาชีพตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
67 เอกสารหมายเลข : ใบความรู้ เรือง ความสําคญั ของการจดั การขยายอาชีพตามแนวคดิ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ความรู้ ความเขา้ ใจเกียวกบั ความสาํ คญั ของการจดั การขยายอาชีพในเชิงวิชาการมผี กู้ ล่าว ไวม้ ากพอสมควรแลว้ ผเู้ รียนสามารถคน้ ควา้ ได้ แต่การระบุความสาํ คญั ในเรืองใด ๆ ย่อมผนั แปรไปตาม ประสบการณ์เชิงประจักษ์ของแต่ละบุคคลหรื อกลุ่มคนไม่มีอะไรแน่นอน เรามีหน้าทีจะต้องระบุ ความสาํ คญั ในสิงขา้ งหนา้ และประเมนิ ตดั สินใจดว้ ยตวั เราเอง เช่นเดียวกบั การระบุความสาํ คญั ของการจดั การขยายอาชีพเพือความมนั คงไมม่ ีใครบอก สิงทีถกู ตอ้ งใหใ้ ครได้ เราจึงมคี วามจาํ เป็นทีจะตอ้ งนาํ ตนเอง ระบุความสาํ คญั ไดด้ ว้ ยตนเองมากกวา่ การใช้ ขอ้ มลู จากภายนอก ตามเอกสารใบความรู้ฉบบั นี จึงขอนาํ เสนอหลกั การคิด วเิ คราะห์ หาความสาํ คญั ของ การจดั การขยายอาชีพดว้ ยตนเอง ดงั นี 1. ตอ้ งเริมตน้ จากความหมายของภาษาโดยยึดพจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. พบวา่ “ ความสาํ คญั ” มคี วามหมายตามลกั ษณะคาํ วเิ ศษณ์ คือ (1) เป็นพเิ ศษกวา่ ธรรมดา (2) มคี ุณค่า (3) มีชือเสียง “ การจดั การขยายอาชีพเพือความมนั คง” มคี วามหมาย คือ (1) การสงั งาน ควบคุมงาน ดาํ เนินงาน (2) ทาํ ใหข้ ยายกวา้ งออกไป (3) ทาํ ใหม้ นั คง 2. ใหน้ าํ องคป์ ระกอบความหมายของคาํ ทงั สองประโยคมาวิเคราะหร์ ะบุความสมั พนั ธ์ ดงั ตวั อยา่ งนี ตวั อย่าง : ตารางวิเคราะห์ สร้างวลี เหตุการณ์จากความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประโยชน์ ความสําคญั ลักษณะทีต่างออกไป มีคณุ ค่า เกอื กลู ชือเสียง ยอมรับ การจดั การ เป็ นพิเศษกว่าธรรมดา ขยายอาชีพ มันคง การสังงาน ควบคมุ งาน และดาํ เนินงาน การทาํ ใหข้ ยาย กวา้ งออกไป ทาํ ใหม้ นั คง
68 ตารางดงั กล่าวขา้ งตน้ ใชด้ าํ เนินการวิเคราะห์ความสัมพนั ธ์แลว้ ระบุเป็ นวลี เหตุการณ์ บนฐานของเหตุและผลตามประสบการณ์ของผเู้ รียน ดงั ตวั อยา่ งนี ตัวอย่าง การวิเคราะห์ กาํ หนด วลี ความสําคัญของการจดั การขยายอาชีพตามเหตุผลและ ประสบการณ์ของผเู้ รียน ความสําคญั ลกั ษณะทีต่างออกไป มคี ุณค่า เกอื กูล ชือเสียง ยอมรับ การจดั การ เป็ นพเิ ศษกว่าธรรมดา ขยายอาชีพ มนั คง การสงั งาน เป็นการเพมิ กจิ กรรมบน ทาํ ใหป้ ระสิทธิภาพการ การยอมรับของบุคลากร ควบคุมงาน ฐานการควบคุมดาํ เนิน ใชท้ รัพยากรการ ในองคก์ รสูงขึน และดาํ เนินงาน กิจกรรมหลกั ทีทาํ อยู่ ดาํ เนินงานไดผ้ ลผลติ สูงขึน การทาํ ใหข้ ยาย - มีผลติ ภณั ฑอ์ อกสู่ มีพนั ธมิตรทางธุรกิจ การยอมรับในธุรกจิ กวา้ งออกไป ตลาดเพมิ ขึน เพมิ ขึน ขยายกวา้ งออกไป - ฐานลกู คา้ ขยาย ทาํ ใหม้ นั คง กลยทุ ธธ์ ุรกิจถกู เครือข่ายลกู คา้ มคี วาม องคค์ วามรู้การผลติ ปรับเปลยี นใชส้ ร้าง เชือมนั มีความภกั ดีใน การตลาด ยกระดบั ความมนั คงในธุรกิจ การซือขายมากขึน คุณค่าเป็นทุนในการ แข่งขนั 3. นาํ ผลการวิเคราะห์ กาํ หนด วลี ความสาํ คญั ของการจดั การขยายอาชีพทีวิเคราะห์ ไดม้ าพจิ ารณาทบทวนหาขอ้ บกพร่องและพฒั นา เรากจ็ ะพบว่า ความสาํ คญั ของการ พฒั นาอาชีพประกอบดว้ ย (1) เป็นการเพมิ กิจกรรมอาชีพบนฐานการจดั การอาชีพหลกั ทีทาํ อยู่ (2) ทาํ ใหป้ ระสิทธิภาพการใชท้ รัพยากรดาํ เนินงาน สามารถสร้างผลผลิตเพิมสูงขึนได้ (3) ทาํ ใหผ้ รู้ ่วมงานมคี วามเชือมนั วา่ ธุรกิจเจริญกา้ วหนา้ สามารถอย่รู ่วมทาํ งานได้ อยา่ งมนั คง (4) มผี ลิตภณั ฑเ์ พมิ ขึน สามารถขยายฐานลกู คา้ ออกไปไดก้ วา้ งขึน (5) มพี นั ธมิตรทางธุรกิจเพมิ ขึน (6) วงการธุรกิจยอมรับกวา้ งออกไป (7) กลยทุ ธท์ างธุรกิจถกู ปรับเปลียนใชส้ ร้างความมนั คงในธุรกิจ (8) เครือข่ายลกู คา้ และพนั ธมิตรทางธุรกิจ มคี วามเชือมนั มีความภกั ดีในการซือขาย มากขึน (9) องคค์ วามรู้ดา้ นการผลิตและการตลาดยกระดบั คุณค่าใชเ้ ป็นทุนในการแข่งขนั
69 สรุป จะเห็นว่าการคิดการพิจารณาความสาํ คญั นนั จาํ เป็ นทีเราจะตอ้ งมองเห็นดว้ ยตวั เราเอง และนาํ ไปเทียบเคียงกบั ความเห็นทางวชิ าการก็จะทาํ ใหเ้ รามโี อกาสตดั สินใจไดถ้ กู ตอ้ งมากยงิ ขึน นาํ ไปสู่ ความสาํ เร็จทียงั ยนื ได้ กจิ กรรมที ใหผ้ เู้รียนวเิ คราะห์ กาํ หนดวลคี วามสาํ คญั การจดั การขยายอาชีพตามเหตุผลจากประสบการณ์ของตนเอง หรือสมั ภาษณ์พดู คุยกบั ผปู้ ระสบความสาํ เร็จในอาชีพทีสนใจ โดยบนั ทึกลงในตารางดงั ตวั อยา่ งหนา้
70 เอกสารหมายเลข : ใบความรู้ เรือง การประเมินตนเองเกียวกับการรับได้ของความสําคัญ ในการจดั การขยายอาชีพตามกระบวนการคดิ เป็ น การประเมินเพือตดั สินใจ รับความคิดเห็นเกียวกบั ความสาํ คญั ของการจดั การขยายอาชีพ ตามกระบวนการคิดเป็นทีผเู้ รียนวิเคราะห์ขึนเองนนั สามารถทาํ ไดห้ ลายวิธี เช่น (1) การนาํ ผลวิเคราะห์ไปแลกเปลียนเรียนรู้กบั ผมู้ ีประสบการณ์แลว้ สรุปขอ้ บกพร่อง ความคิดเห็นทีรับไดม้ าพฒั นาสาระความสาํ คญั (2) ประเมินตนเองดว้ ยการวิเคราะห์ขอ้ มลู ดา้ นตนเอง สงั คมสิงแวดลอ้ มและวิชาการ ในเอกสารใบความรู้นีจะให้ความคิด ความเข้าใจ การประเมินและพัฒนาสาระ ความสาํ คญั ของการจดั การขยายอาชีพดว้ ยตนเอง ดงั นี 1. กรอบการประเมนิ ตดั สินใจ ตามกระบวนการคิดเป็นประกอบดว้ ย 1.1 ขอ้ มลู ดา้ นตนเอง มตี วั แปรทีใชค้ ิด ตดั สินใจ เรือง คือ (1) ความมนั ใจทีจะทาํ ได้ (2) ความมีคุณค่า ประโยชน์ต่อการขยายอาชีพ 1.2 ขอ้ มลู ดา้ นสงั คมสิงแวดลอ้ ม มีตวั แปรทีใชค้ ิด ตดั สินใจ เรือง คือ (1) ผเู้ กียวขอ้ งเห็นสอดคลอ้ ง (2) ผเู้ กียวขอ้ งส่วนใหญ่ยอมรับ 1.3 ขอ้ มลู ดา้ นวชิ าการ มตี วั แปรทีใชค้ ิด ตดั สินใจ เรือง คือ (1) ความสอดคลอ้ งกบั ความเห็นทางวิชาการ (2) มขี อ้ มลู และแหล่งเรียนรู้เพยี งพอ 2. ลกั ษณะแบบประเมนิ อยา่ งง่าย โดยใชต้ ารางมิติสมั พนั ธร์ ะหว่างกรอบการประเมิน กบั สาระความสาํ คญั ทีผเู้ รียนวเิ คราะห์ขึน ดงั ตวั อยา่ งนี
71 เอกสารตวั อย่าง : การวิเคราะห์ผลการประเมินตนเองเกียวกับการรับได้ของสาระความสําคัญ ในการจดั การขยายอาชีพทีผเู้ รียนวเิ คราะห์ขึนเอง ด้านตนเอง ด้านสังคม ด้านวชิ าการ รวม คะแนน สาระความสําคญั ของการ ความมันใจ มคี ณุ ค่า ผู้เกยี วข้อง ผู้เกยี วข้องส่วน สอดคล้องกบั มขี ้อมูล จัดการขยายอาชีพทีผู้เรียน ทจี ะทาํ ได้ ประโยชน์ต่อการ เหน็ สอดคล้องด้วย ใหญ่ยอมรับ ความเห็นทาง และแหล่ง วเิ คราะห์ได้ ขยายอาชีพ วิชาการ เรียนรู้เพียงพอ ใช่ ไม่ใช่ ใช่ ไม่ใช่ ใช่ ไม่ใช่ ใช่ ไม่ใช่ ใช่ ไม่ใช่ ใช่ ไม่ใช่ . เป็นการเพมิ กจิ กรรม อาชพี บนฐานอาชพี หลกั - - - - - - ทีทาํ อยู่ . ทาํ ใหป้ ระสิทธิภาพการ ใชท้ รัพยากรดาํ เนินงาน - - - - - - สามารถสร้างผลผลิต เพิมขนึ . ทาํ ใหผ้ ูร้ ่วมงานมคี วาม เชอื มนั วา่ ธุรกจิ กา้ วหนา้ - - - - - - อยรู่ ่วมงานได้ . มีผลิตภณั ฑเ์ พิมขนึ ขยายฐานลกู คา้ ออกไปได้ - - - - - - กวา้ งขึน . มีพนั ธมติ รทางธุรกิจ - - - - - - เพิมขนึ . วงการธุรกจิ ยอมรับ - - - - - - กา้ วออกไป . เกิดกลยทุ ธ์ทางธุรกิจ ใชส้ ร้างความมนั คงใน - - - - - - ธุรกิจได้ . เครือขา่ ยลกู คา้ และ พนั ธมิตรทางธุรกิจ มี - - - - - - ความเชือมนั ภกั ดใี นการ ซือขาย . องคค์ วามรู้ยกระดบั คณุ คา่ ใชเ้ ป็นทนุ ในการ - - - - - - แข่งขนั รวม ตนเอง = 18 สงั คม = 15 วิชาการ = 17
72 3. การแปรผลและใชผ้ ล มีตวั อยา่ งดงั นี 3.1 การแปรผล จากตารางตวั อยา่ งขา้ งตน้ และสามารถแบ่งผลจากการวิเคราะห์ได้ ดงั นี (1) มิติทางดา้ นสังคม สิงแวดลอ้ ม สรุปไดว้ ่า มีสาระทีผเู้ กียวขอ้ งเห็นว่า ไม่ สอดคลอ้ งและไมน่ ่าจะยอมรับได้ สาระ คือ ก. ทาํ ใหป้ ระสิทธิภาพการใชท้ รัพยากรดาํ เนินงานสามารถสร้างผลผลิต เพมิ ขึน ข. วงการธุรกิจยอมรับกวา้ งขวางออกไป (2) มิติทางวชิ าการ พบวา่ ขอ้ มลู แหล่งวิชาการทีเกียวขอ้ งกบั การเพิมกิจกรรม อาชีพบนฐานอาชีพหลกั ทีทาํ อยู่ มีไม่พอเพียง (3) หากพจิ ารณาภาพรวม จะพบว่า มีคะแนนรวม คะแนน เป็ นคะแนนใน ระดบั สูง คิดเป็ นร้อยละ . จึงอาจสรุปไดว้ ่า ความสาํ คญั ของการขยาย อาชีพทีผเู้ รียนวิเคราะห์ สามารถรับไดว้ า่ เป็นความสาํ คญั จริง 3.2 การนาํ ไปใช้ ผลการวิเคราะห์ พบว่า สามารถรับเป็ นความสาํ คญั จริง ทาํ ให้มี ความมนั ใจมองเห็นคุณค่าประโยชน์นาํ ไปกาํ หนดเป้ าหมายการบริหารจดั การ ขยายอาชีพไดอ้ ยา่ งเชือมนั จึงอาจสรุปไดว้ า่ การบ่งชีความสาํ คญั ของการดาํ เนินกิจกรรมใด ๆ ควรจะเป็ นการระบุ โดยตรงของผปู้ ระกอบการหรือผเู้ รียน การใชค้ วามคิดของผรู้ ู้ ความคิดทางวชิ าการ ควรเป็ นเพียงขอ้ มูลที นาํ มาใชเ้ ปรียบเทียบกบั การคิด วเิ คราะห์ของเราเอง กจิ กรรมที ใหผ้ เู้ รียนวเิ คราะหผ์ ลการประเมินตนเองเกียวกบั การรับไดข้ องสาระความสาํ คญั การจดั การขยาย อาชีพของตนเอง หรืออาชีพทีผเู้ รียนสนใจตามกระบวนการคิดเป็ น พร้อมแปรผลและสรุปผลโดยยึด ตารางและรูปแบบตามตวั อยา่ งหนา้ ที
73 บทที ความรู้เบอื งต้นเกยี วกบั การบริหารจดั การในการขยายอาชีพ ผลการเรียนรู้ทีคาดหวงั มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกียวกบั การบริหารจดั การ ไดแ้ ก่การทาํ แผนธุรกิจ การจดั การความเสียง การ จดั การการผลติ การจดั การตลาด และบญั ชีธุรกิจเพือสามารถนาํ สู่การปฏิบตั ิทาํ แผนธุรกิจในบทต่อไป ขอบข่ายเนือหา การบริหารจดั การ 1) การทาํ แผนธุรกิจ 2) การจดั การความเสียง 3) การจดั การการผลติ 4) การจดั การการตลาด 5) บญั ชีธุรกิจ สือประกอบการเรียนรู้ 1. เอกสารหมายเลข ใบความรู้เรืองการบริหารจดั การในการขยายอาชีพ
74 เอกสารหมายเลข ใบความรู้เรืองการบริหารจดั การในการขยายอาชีพ 1) การทาํ แผนธุรกจิ 1.1 ความหมายของแผนธุรกจิ แผนธุรกิจ คือแผนงานทางธุรกิจทีแสดงกิจกรรมต่างๆ ทีต้องปฏิบัติในการลงทุน ประกอบการ โดยมีจุดเริมตน้ จากจะผลติ สินคา้ และบริการอะไร มีกระบวนการปฏิบตั ิอยา่ งไรบา้ ง และผล จากการปฏิบตั ิออกมาไดม้ ากน้อยแค่ไหน ใชง้ บประมาณและกาํ ลงั คนเท่าไร เพือให้เกิดเป็ นสินคา้ และ บริการแก่ลกู คา้ และจะบริหารธุรกิจอยา่ งไรธุรกิจจึงจะอยรู่ อด (แหลง่ ทีมา : มาณพ ชิวธนาสุนทร. แผนธุรกิจ SMEs. สาํ นกั พฒั นาธุรกิจอตุ สาหกรรมและผปู้ ระกอบการ, กรมส่งเสริมอตุ สาหกรรม, กระทรวงอุตสาหกรรม. ) 1.2 การศึกษาวเิ คราะห์ชุมชนเพอื การพฒั นาอาชีพ การวิเคราะห์ชุมชน หมายถึง การนาํ เอาขอ้ มูลทวั ไปของชุมชนทีเราอาศยั อยู่ ซึงอาจจะเป็ น หมบู่ า้ น ตาํ บล หรืออาํ เภอก็ไดข้ ึนอยกู่ บั การกาํ หนดขอบเขตของชุมชนวา่ จะนาํ ขอ้ มลู ของชุมชนในระดบั ใดมาพจิ ารณา โดยการจาํ แนกขอ้ มลู ดา้ นต่างๆ เพอื ใหท้ ราบถงึ ประเด็นปัญหา และความตอ้ งการทีแทจ้ ริง ของชุมชน เพือจะนาํ มากาํ หนดแนวทางการขยายอาชีพให้ตอบสนองตรงกบั ความตอ้ งการของคนใน ชุมชน โดยเฉพาะเกียวกบั การประกอบอาชีพ รายไดข้ องประชากรต่อคน ต่อครอบครัว เป็ นอย่างไร ลกั ษณะของการประกอบอาชีพของประชากรเป็นอย่างไร รวมถึงขอ้ มลู อืนทีเกียวขอ้ ง ไดแ้ ก่ ขอ้ มลู ดา้ น การตลาด แนวโนม้ ของความตอ้ งการของการตลาด นโยบายของรัฐทีจะเอือประโยชน์ต่อการผลิตหรือ การประกอบอาชีพ เป็นตน้ ขอ้ มลู เหล่านีจะช่วยใหเ้ ราวางแผนการดาํ เนินการพฒั นาอาชีพไดร้ อบคอบ ขึน การวิเคราะห์ข้อมูล โดยวิเคราะห์สภาพการภายใน ภายนอกของชุมชน โดยใชเ้ ทคนิค SWOT (SWOT Analysis) การศกึ ษาความตอ้ งการของชุมชนเป็ นการสาํ รวจความตอ้ งการของชุมชนเพือให้ทราบถึง จุดเด่น จุดดอ้ ย อปุ สรรคหรือความเสียงและโอกาสในดา้ นต่างๆ ของขอ้ มูลและความตอ้ งการของชุมชน ทงั นีโดยใชเ้ ทคนิค SWOT ในการวเิ คราะห์ชุมชน มีดงั นี S (Strengths) จุดแขง็ หรือจุดเด่นของชุมชน W (Weaknesses) จุดอ่อนหรือขอ้ ดอ้ ยของชุมชน O (Opportunity) โอกาสทีจะสามารถดาํ เนินการได้ T (Threats) อุปสรรคหรือปัจจยั ทีเป็นความเสียงของชุมชนทีควรหลกี เลียง ในการปฏิบตั ิ
75 ในการวเิ คราะห์ชุมชน อาจจะเขียนเป็นตารางวเิ คราะหไ์ ดด้ งั นี ปัจจัยภายใน S (จุดแข็ง ) W (จุดอ่อน) ปัจจัยภายนอก O (โอกาส) T (อปุ สรรคหรือ ความเสียง) การวิเคราะห์ขอ้ มูล ผวู้ ิเคราะห์ควรพิจารณาจาํ แนกขอ้ มูลในดา้ นต่างๆ โดยให้สมาชิกใน ชุมชนหรือกลุ่มอาชีพนันร่วมกันช่วยวิเคราะห์ หากพบขอ้ มูลส่วนใดทีเป็ นจุดเด่นของชุมชนหรือกลุ่ม อาชีพนนั ใหใ้ ส่ขอ้ มลู ในช่อง S หากพบขอ้ มลู ใดทีเป็นจุดอ่อนหรือขอ้ ดอ้ ยของชุมชนหรือกลมุ่ อาชีพให้ใส่ ขอ้ มูลในช่อง W หากส่วนใดทีเป็ นโอกาสช่องทางของชุมชน เช่น ความตอ้ งการสินคา้ ของประชาชน นโยบาย หรือจุดเนน้ ของรัฐหรือของชุมชนทีเป็นโอกาสดีใหใ้ ส่ในช่อง O และในขณะเดียวกนั ขอ้ มูลใดที เป็นความเสียง เช่น ขอ้ มูลเกียวกบั การกระทาํ ผดิ กฎหมาย หรือความตอ้ งการของชุมชนไม่มีหรือมีน้อย ขาดแคลนวตั ถุดิบหรือปัจจยั การผลิต เป็นตน้ ใหน้ าํ ขอ้ มลู ใส่ในช่อง T ทาํ เช่นนีจนครบถว้ น หากส่วนใด ขอ้ มลู ไม่ชดั เจนเพยี งพอกต็ อ้ งสาํ รวจขอ้ มลู เพมิ เติมได้ จากนนั นาํ ขอ้ มลู ไปวิเคราะห์เพือกาํ หนดทางเลือก ในการพฒั นาอาชีพหรือทางเลือกในการแกป้ ัญหาอกี ครังหนึง ก่อนทีจะกาํ หนดเป็นวิสยั ทศั น์ต่อไป 1.3 การกาํ หนดวสิ ัยทัศน์ พนั ธกจิ เป้ าหมายและกลยุทธ์ในการวางแผนขยายธุรกจิ ของชุมชน วสิ ัยทัศน์ เป็ นการกาํ หนดภาพในการประกอบอาชีพในอนาคต มุ่งหวงั ให้เกิดผลอย่างไร หรือกลา่ วอกี นยั หนึงคือการมองเป้ าหมายของธุรกิจว่าตอ้ งการใหเ้ กิดอะไรขึนขา้ งหนา้ โดยมีขอบเขตและ ระยะเวลากาํ หนดทีแน่นอน ในการกาํ หนดวิสยั ทศั นเ์ ป็นการนาํ เอาผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ชุมชนและขอ้ มลู อาชีพของผปู้ ระกอบการ มาประกอบการพิจารณาอย่างรอบคอบเพือการตดั สินใจทีดี มีความเป็ นไปได้ เพอื นาํ ไปสู่ความสาํ เร็จของธุรกิจในทีสุด พนั ธกิจ คือ ภาระงานทีผปู้ ระกอบการจะต้องดาํ เนินการใหเ้ กิดผลสาํ เร็จตามวิสัยทศั น์ที กาํ หนดไวใ้ หไ้ ด้ ผปู้ ระกอบการจะตอ้ งสร้างทีมงานและกาํ หนดภารกิจของสถานประกอบการใหช้ ดั เจน ครอบคลุมทงั ดา้ นการผลติ และการตลาด การวเิ คราะห์พนั ธกจิ ของสถานประกอบการ สามารถตรวจสอบว่าพนั ธกิจใดควรทาํ ก่อน หรือหลงั หรือพนั ธกิจใดควรดาํ รงอยหู่ รือควรเปลียนแปลง ผปู้ ระกอบการและทีมงานจะตอ้ งร่วมกัน วิเคราะห์ เพือกาํ หนดพนั ธกิจหลกั ของสถานประกอบการ ผปู้ ระกอบการและทีมงานจะตอ้ งจดั ลาํ ดับ ความสาํ คญั ของพนั ธกิจและดาํ เนินการใหบ้ รรลุเป้ าหมายใหไ้ ด้ เป้ าหมายหรือเป้ าประสงค์ เป้ าหมายในการขยายอาชีพ คือการบอกให้ทราบว่าสถาน ประกอบการนนั สามารถทาํ อะไรไดภ้ ายในระยะเวลาเท่าใด ซึงอาจจะกาํ หนดไวเ้ ป็ นระยะสนั หรือระยะ ยาว ปี หรือ ปี ก็ได้ การกาํ หนดเป้ าหมายของการขยายอาชีพตอ้ งมีความชัดเจนสามารถวดั และ
76 ประเมนิ ผลได้ การกาํ หนดเป้ าหมายหากสามารถกาํ หนดเป็นจาํ นวนตวั เลขไดก้ จ็ ะยงิ ดี เพราะทาํ ใหม้ คี วาม ชดั เจนจะช่วยใหก้ ารวางแผนมีคุณภาพยงิ ขึน และจะส่งผลในทางปฏิบตั ิไดด้ ียงิ ขึน กลยุทธ์ในการวางแผนขยายอาชีพ เป็นการวางแผนกลยทุ ธใ์ นการขยายอาชีพหรือธุรกิจนนั ๆ ใหส้ าํ เร็จตามเป้ าหมายทีวางไว้ การวางแผนจะตอ้ งกาํ หนดวิสัยทศั น์เป้ าหมายระยะยาวใหช้ ดั เจน มีการ วเิ คราะห์สิงทีจะเกิดขึนในอนาคต และมกี ารทาํ งาน วางระบบไวค้ ่อนขา้ งสูงเพือใหม้ ีความคลอ่ งตวั ในการ ปรับเปลยี นไดต้ ามสถานการณ์ทีเปลียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว ทงั นี เพือใหผ้ ปู้ ระกอบการและทีมงานสามารถ พฒั นาอาชีพใหม้ ีประสิทธิภาพและมคี วามกา้ วหนา้ ไดใ้ นอนาคต ขันตอนกระบวนการวางแผน ขนั ตอนของกระบวนการวางแผนในการขยายธุรกิจของชุมชน มีดงั นี 1. ขันการกาํ หนดวตั ถุประสงค์ตอ้ งให้ชัดเจน เพือเป็ นแนวทางการปฏิบตั ิหรือการดาํ เนิน กิจกรรมต่างๆ 2. ขนั การกาํ หนดวตั ถุประสงคก์ ารกาํ หนดวตั ถุประสงค์ตอ้ งมีความชดั เจนว่าจะทาํ เพืออะไร และวตั ถุประสงคน์ นั จะตอ้ งมีความเป็นไปไดห้ รือไม่ และสามารถวดั ผลได้ 3. ขนั การตงั เป้ าหมาย เป็นการระบุเป้ าหมายทีจะทาํ ว่าตงั เป้ าหมายในการดาํ เนินการไวจ้ าํ นวน เท่าใด และสามารถวดั ไดใ้ นช่วงเวลาสนั ๆ 4. ขนั การกาํ หนดขนั ตอนการทาํ งาน เป็ นการคิดไวก้ ่อนว่าจะทาํ กิจกรรมอะไรก่อน หรือหลงั ซึงการกาํ หนดแผนกิจกรรมนีจะทาํ ใหก้ ารดาํ เนินงานบรรลุตามวตั ถุประสงคไ์ ดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 5. ขนั ปฏิบตั ิกิจกรรมตามแผน ซึงจะตอ้ งดาํ เนินการอยา่ งต่อเนืองจึงจะไดผ้ ล 6. ขนั การปรับแผนการปฏิบตั ิงาน ในบางครังแผนทีวางไวเ้ มือไดด้ าํ เนินการไประยะหนึง อาจจะทาํ ใหส้ ถานการณ์เปลียนไป ผปู้ ระกอบการจึงควรมีการปรับแผนบา้ งเพือใหส้ อดคลอ้ งกบั ความ เป็นจริงมากขึน และการดาํ เนินงานตามแผนจะมีประสิทธิภาพขึน 1.4 การวางแผนปฏบิ ัตกิ าร การวางแผนปฏิบตั ิการเป็ นขนั ตอนสุดทา้ ยของการทาํ แผนธุรกิจเพือการพฒั นาอาชีพ ทีมี รายละเอยี ดมาจากแผนกลยทุ ธ์ มากาํ หนดเป็นโครงการ/กิจกรรมทีจะตอ้ งดาํ เนินการ โดยจะตอ้ งกาํ หนด วตั ถปุ ระสงค์ เป้ าหมาย ระยะเวลา และผรู้ ับผดิ ชอบ โดยผเู้ รียนและผนู้ าํ ชุมชนตอ้ งช่วยกนั กาํ หนด 2) การจดั การความเสียง (Risk Management) ความเสียง คือ ความไม่แน่นอนต่อการประสบกบั เหตุการณ์ หรือ สภาวะทีเราตอ้ งเผชิญ กบั สถานการณ์อนั ไม่พึงประสงคโ์ ดยมีความน่าจะเป็น หรือโอกาสในสิงนนั ๆ เป็นศนู ย์ 2.1) ความหมาย การจัดการความเสียง (Risk Management) หมายถึง กระบวนการในการระบุ วเิ คราะห(์ en:risk analysis) ประเมนิ (en:risk assessment) ดแู ลตรวจสอบและควบคุมความเสียงทีสมั พนั ธ์
77 กบั กิจกรรม หน้าทีและกระบวนการทาํ งาน เพือให้องคก์ รลดความเสียหายจากความเสียงมากทีสุด อนั เนืองมาจากภยั ทีองคก์ รตอ้ งเผชิญในช่วงเวลาใดเวลาหนึงหรือเรียกว่า อุบตั ิภยั (accident) ความเสียง (Risk) มคี วามหมายในหลากหลายแง่มมุ เช่น - ความเสียงคือโอกาสทีเกิดขึนแลว้ ธุรกิจจะเกิดความเสียหาย (chance of loss) - ความเสียงคือความเป็นไปไดท้ ีจะเกิดความเสียหายต่อธุรกิจ (possibility of loss) - ความเสียงคือความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ทีจะเกิดขึน (uncertainty of event) - ความเสียงคือการคลาดเคลือนของการคาดการณ์ (dispersion of actual result) - ความเสียง คือ ความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ ซึงไม่สามารถคาดเดาไดว้ ่าจะ เกิดขึนเมือใด แต่ความเสียงนนั ๆ จะมแี นวโนม้ ทีเกิดขึนไมม่ ากกน็ อ้ ย ภัย (peril) หมายถึง สาเหตุของความเสียหายซึงภยั สามารถเกิดขึนไดจ้ ากภยั ธรรมชาติ เช่น เกิดพายสุ ึนามิ นาํ ท่วม แผน่ ดินไหว เป็นตน้ ภยั นอกจากจะเกิดขึนไดจ้ ากภยั ธรรมชาติแลว้ ภยั นันยงั เกิดขึนจากการกระทาํ ของมนุษย์ เช่น อคั คีภยั จลาจล ฆาตกรรม เป็ นตน้ สาํ หรับสาเหตุสุดทา้ ยทีจะเกิด ภยั ไดน้ ันคือภยั ทีเกิดขึนจากภาวะเศรษฐกิจ เพราะภยั ทีเกิดจากภาวะเศรษฐกิจ เป็ นอีกสาเหตุทีสาํ คญั เพราะเมอื เกิดขึนแลว้ คนทงั ประเทศ หรือทงั ภมู ภิ าคจะไดร้ ับผลกระทบอยา่ งกวา้ งขวาง สภาวะทีจะทาํ ให้เกดิ ความเสียหาย (hazard) หมายถึง สภาพเงือนไขทีเป็ นสาเหตุทีทาํ ให้ความเสียหายเพิมสูงขึน โดยสภาวะต่าง ๆ นัน สามารถแบ่งออกได้เป็ นสภาวะทางดา้ นกายภาพ (physical) คือ สภาวะของโอกาสทีจะเกิดความเสียหาย เช่น ชนิดและทาํ เลทีตงั ของสิงปลกู สร้าง อาจเอือ ต่อการเกิดเพลิงไหม้ สภาวะทางดา้ นศีลธรรม (moral) คือ สภาวะของโอกาสทีจะเกิดขึนจากความ ไม่ซือสัตยต์ ่อหน้าทีการงาน เช่น การฉ้อโกงของพนักงาน และสภาวะดา้ นจิตสาํ นึกในการป้ องกนั ความเสียง (morale) คือ สภาวะทีไมป่ ระมาทและเลินเล่อ หรือการไม่เอาใจใส่ในการป้ องกนั ความเสียง เช่น การทีพนกั งานปลอ่ ยใหเ้ ครืองจกั รทาํ งานโดยไม่ควบคุม 2.2) องค์ประกอบการจดั การความเสียง 2.2.1) การระบุชีว่าองคก์ รกาํ ลงั มีภยั เป็ นการระบุชีว่าองค์กรมีภยั อะไรบา้ งทีมา เผชิญอยู่ และอย่ใู นลกั ษณะใดหรือขอบเขตเป็ นอย่างไร นับเป็ นขนั ตอนแรกของการจดั การความเสียง 2.2.2) การประเมนิ ผลกระทบของภยั เป็ นการประเมินผลกระทบของภยั ทีจะมีต่อ องคก์ รซึงอาจเรียกอกี อยา่ งหนึงวา่ การประเมินความเสียงทีองค์กรตอ้ งเตรียมตวั เพือรับมือกบั ภยั แต่ละ ชนิดไดอ้ ยา่ งเหมาะสมมากทีสุด
78 2.2.3) การจดั ทาํ มาตรการตอบโตต้ อบความเสียงจากภยั การจดั ทาํ มาตรการตอบ โต้ตอบความเสียงเป็ นมาตรการทีจดั เรี ยงลาํ ดบั ความสาํ คัญแล้วในการประเมินผลกระทบของภัย มาตรการตอบโต้ทีนิยมใช้เพือการรับมือกับภัยแต่ละชนิด อาจจาํ แนก ได้ 5 มาตรการ ดังนี (1) มาตรการขจดั หรือลดความรุนแรงของความอนั ตรายของภยั ทีตอ้ งประสบ ( ) มาตรการทีป้ องกนั ผรู้ ับภยั มิใหต้ อ้ งประสบภยั โดยตรง เช่น ภยั จากการที ตอ้ งปี นไปในทีสูงก็มมี าตรการป้ องกนั โดยตอ้ งติดเขม็ ขดั นิรภยั กนั การพลาดพลงั ตกลงมา หรือภยั จากไอ ระเหยหรือสารพิษก็ป้ องกนั โดยออกมาตรการใหส้ วมหนา้ กากป้ องกนั ไอพษิ เป็นตน้ (3) มาตรการลดความรุนแรงของสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น กรณีเกิดเพลงิ ไหม้ ในอาคาร ไดม้ ีการขจดั และลดความรุนแรง โดยออกแบบตวั อาคารให้มีผนังกนั ไฟ กนั เพลิงไหมร้ ุกลาม ไปยงั บริเวณใกลเ้ คียง และมีการติดตงั ระบบสปริงเกอร์ กจ็ ะช่วยลดหรือหยดุ ความรุนแรงของอบุ ตั ิภยั ลงได้ (4) มาตรการกภู้ ยั ก็เป็นการลดความสูญเสียโดยตรง (5) มาตรการกลบั คืนสภาพ ก็เป็ นอีกมาตรการในการลดความเสียหาย ต่อเนืองจากภยั หรืออบุ ตั ิภยั แต่ละครังลงได้ การรับมอื กบั ภัย 5 มาตรการ (1) การเตรียมความพร้อม (Readiness) องคก์ รต้องเตรียมความพร้อมระบบการ บริหารความเสียงให้มีความพร้อมในการจดั ทาํ มาตรการขจดั หรือควบคุมภยั ต่าง ๆ เอาไวล้ ่วงหน้า (2) การตอบสนองอยา่ งฉบั ไว (Response) เมอื เกิดอุบตั ิภยั ขึนระบบตอ้ งมีสมรรถนะ ทีดีพอในการตอบโตภ้ ยั แต่ละชนิดอยา่ งไดผ้ ลและทนั เวลา (3) การช่วยเหลือกภู้ ยั (Rescue) เป็ นกระบวนการปกป้ องชีวิตและทรัพยส์ ินของ องคก์ ร ทีไดผ้ ลและทนั เวลา (4) การกลบั เขา้ ไปทาํ งาน (Rehabilitation) เมอื อบุ ตั ิภยั สินสุดลงแลว้ ตอ้ งกลบั เขา้ ไป ทีเดิมใหเ้ ร็วทีสุดเพอื การซ่อมแซม การเปลียนใหม่ หรือการสร้างขึนใหม่ (rebuild) เพือใหอ้ าคารสถานที พร้อมทีจะดาํ เนินกิจการต่อไปได้ อาจรวมไปถึงการประกนั ภยั ดว้ ย (5) การกลบั คืนสู่สภาวะปกติ (Resumption) องคก์ รสามารถเปิ ดทาํ การ หรือ ดาํ เนิน ธุรกิจต่อไปตามปกติไดเ้ สมือนว่าไม่มีอุบตั ิภยั มาก่อน การตอบสนองอยา่ งฉบั ไว (Response) กบั การช่วยเหลือกภู้ ยั (Rescue) อาจดูเหมือน เป็นเรืองเดียวกนั แต่ความจริงแลว้ แตกต่างกนั เช่น กรณีเกิดอคั คีภยั อุปกรณ์ดบั เพลิงอตั โนมตั ิรวมถึง
79 fire alarm คือขนั ตอนของการตอบสนองอย่างฉบั ไว (Response) แต่ไฟฉุกเฉินและเครืองช่วยหายใจ เพอื ใหพ้ นกั งานสวม เพอื หนีออกจากอาคาร เป็นขนั ตอนของ การช่วยเหลอื กภู้ ยั (Rescue) 2.3 การวเิ คราะห์ปัจจยั ความเสียงทางธุรกจิ การวิเคราะห์ปัจจยั ความเสียง ทางธุรกิจ จะใชธ้ ุรกิจทีเราอยเู่ ป็นตวั ตงั แลว้ มองสิงแวดลอ้ มรอบธุรกิจและตวั ธุรกิจเองว่า มีอะไรบา้ งที เป็นจุดสาํ คญั และถา้ จุดนนั สาํ คญั ถึงขนาดทีเรียกว่า ถา้ เกิดผลกระทบเลวร้ายกบั จุดนีแลว้ ธุรกิจของเรา อาจมปี ัญหาไดจ้ ุดนี คือ Critical point ประโยชน์ของการวเิ คราะห์ปัจจยั ความเสียง การวิเคราะห์ปัจจัยความเสียงนอกจากเกิดประโยชน์กบั ธุรกิจแลว้ ยงั ส่งผลถึงองค์กรและ ลกู คา้ ทีมาใชห้ รือขอรับบริการอีกดว้ ย ซึงพอสรุปได้ ดงั นี 1. สามารถสร้างเสริมความเขา้ ใจการดาํ เนินการของธุรกิจและจัดทําแผนธุรกิจที ใกลเ้ คียงความเป็นจริง มากขึนในเรืองการประมาณการค่าใชจ้ ่าย และระยะเวลาดาํ เนินการ 2. เพมิ พนู ความเขา้ ใจความเสียงในธุรกิจมากขึน โดยเฉพาะอยา่ งยงิ ผลกระทบทีจะเกิด กบั ธุรกิจหากจดั การความเสียงไม่เหมาะสมหรือละเลยการบริหารความเสียงนนั 3. มีอิสระในการพิจารณาความเสียงของธุรกิจซึงจะช่วยให้การตดั สินใจจดั การความ เสียงใหม้ ีประสิทธิผลและประสิทธิภาพมากขึน 4. ทาํ ใหย้ อมรับความเสียงไดม้ ากขึน และสามารถไดป้ ระโยชน์จากการยอมรับความ เสียงนนั ไดม้ ากขึนดว้ ย 2.4 การประเมนิ ความเสียง กระบวนการประเมินความเสียง มีดงั ต่อไปนี 2.4.1 กาํ หนดความเสียง โดยตรวจสอบวา่ ในธุรกิจของเรามเี รืองใดทีเป็นความเสียง บา้ ง ซึงมีประเดน็ ต่าง ๆทีสามารถวางกรอบในการกาํ หนดความเสียงเป็นดา้ น ๆ 5 ดา้ น ดงั นี 1) ดา้ นการตลาด เช่น การเปลยี นแปลงของสินคา้ การเปลียนแปลงราคาสินคา้ อตั ราดอกเบีย อตั ราแลกเปลียน ความผนั ผวนราคาหุน้ การแข่งขนั ทางตลาด 2) ด้านการผลิต เช่น วตั ถุดิบ กาํ ลงั การผลิต ตน้ ทุนการผลิต เทคโนโลยี เครืองจกั ร ความปลอดภยั ความผดิ พลาดในขนั ตอนการผลติ 3) ดา้ นการเงิน เช่น ความเปลียนแปลงดา้ นสินเชือ ความเปลียนแปลงสินทรัพย์ ทีใชค้ าํ ประกนั สินเชือ สภาพคล่อง 4) ดา้ นบุคลากร เช่น ความรู้ความสามารถ ทกั ษะ ทศั นคติ ความรับผิดชอบ การทุจริต ความสามคั คี อตั ราการลาออก
80 5) ดา้ นศกั ยภาพ เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ ภูมิอากาศ ภยั ธรรมชาติ ทาํ เลทีตงั ศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี วิถีชีวิต ทรัพยากรมนุษย์ 2.4.2 เมือสามารถกาํ หนดความเสียงไดแ้ ลว้ ตอ้ งประเมินอีกครังว่าความเสียงนัน รุนแรงระดบั ใด และ จดั ลาํ ดบั ความเสียง ตามลาํ ดบั ความรุนแรง 1) การประมาณระดบั ความรุนแรงของความเสียง การประมาณระดบั ของความ เสียงเพือประกอบการตดั สินใจในการดาํ เนินการแกไ้ ข เมอื ประเมนิ แลว้ นาํ ขอ้ มลู มาเรียงลาํ ดบั ความเสียง ซึงการประมาณความเสียงดูไดจ้ าก การเรียงลาํ ดบั ของความรุนแรงของสิงทีจะเกิดขึน(ผลกระทบ) และ การเรียงลาํ ดบั ของโอกาสทีจะเกิดขึนของเหตุการณ์ ดงั นี 1.1) ความรุนแรงของอนั ตราย ลกั ษณะความรุนแรง - ระดบั ความรุนแรงมาก - ระดบั ความรุนแรงปานกลาง - ระดบั ความรุนแรงนอ้ ย การพิจารณาระดบั ความรุนแรง ระดบั ความรุนแรงหรือผลกระทบทีเกิดจากเหตุการณ์ที เกิดขึน หรือคาดคะเนวา่ จะเกิดเหตุการณ์นนั ๆ และเมือเกิดขึนแลว้ จะเกิดความรุนแรง หรือผลกระทบกบั สิงต่าง ๆ และความเสียหายทีจะเกิดขึนในดา้ นต่าง ๆ เช่น ดา้ นทรัพยส์ ิน เงิน ดา้ นเวลา ดา้ นบุคคล ดา้ น ลกู คา้ และดา้ นภาพลกั ษณ์ แลว้ พิจารณาวา่ ความรุนแรงอยใู่ นระดบั ใด
81 ตวั อยา่ ง การกาํ หนดเกณฑใ์ นการพจิ ารณาระดบั ความรุนแรง ความเสียหาย ระดบั ความรุนแรง มาก ปานกลาง นอ้ ย 1. ดา้ นทรัพย์สิน/ 1,000,000 บาทขึนไป 100,000 บาทขึนไปแต่ ตาํ กว่า 100,000 บาท เงิน ไมเ่ กิน 1,000,000 บาท 2. ดา้ นเวลา < 15 วนั 3- 5 วนั 1-3 วนั 3. ดา้ นบุคคล - บ า ด เ จ็ บ สา หัส/ - บาดเจบ็ ไมส่ าหสั - บาดเจบ็ เลก็ นอ้ ย 4. ดา้ นลกู คา้ - โทษตกั เตือน พิการ - โทษตดั เงินเดือน ความพึงพอใจ - โทษใหอ้ อกขึนไป ความพึงพอใจ ความพึงพอใจ ตาํ กวา่ 60% 60 – 74 % 75 – 79 % 5. ดา้ นภาพลกั ษณ์ ส่งผลในระดบั องคก์ ร ส่งผลในระดบั ฝ่ าย ส่งผลในระดบั พนกั งาน 1.2) โอกาสทีจะเกิดอนั ตราย - โอกาสมาก - โอกาสปานกลาง - โอกาสนอ้ ย โอกาสทีจะเกิดหมายถึงความน่าจะเป็ นทีจะเกิดเหตุการณ์ทีนาํ มาพิจารณาเกิดขึนมาก นอ้ ยเพยี งใด ซึงจะมีโอกาสทีจะเกิด ดงั นี ตวั อย่าง การกาํ หนดเกณฑใ์ นการพิจารณาระดบั ของโอกาสทีจะเกิดขึน ระดบั ของโอกาส ความน่าจะเป็ น โอกาสทีจะเกิด 1. โอกาสมาก 1:100 - เกิดภายใน 1 ปี 2. โอกาสปานกลาง 1:1000 - เกิดภายใน 1 – 2 ปี 3. โอกาสนอ้ ย < 1 : 100000 - เกิดภายใน 2 – 5 ปี
82 ตวั อย่าง การประเมินเพือจดั ลาํ ดบั ของระดบั ของความรุนแรงของความเสียง ความเสียง ระดบั ความรุนแรงของความเสียง มากทีสุด มาก ปานกลาง นอ้ ย 1. ดา้ นการตลาด 2. ดา้ นการผลติ 3. ดา้ นการเงิน 4. ดา้ นบุคลากร 5. ดา้ นศกั ยภาพ ตวั อย่าง การกาํ หนดเกณฑก์ ารประเมนิ เพอื จดั ลาํ ดบั ความสาํ คญั ของความเสียง ลาํ ดบั ที ความเสียงจะตอ้ งถกู ขจดั ใหห้ มดสินไป หรือลดความเสียงนนั ในทนั ทีทนั ใด 1 (ระดบั มากทีสุด) 2 ความเสียงทีจาํ เป็นตอ้ งตรวจสอบอยา่ งใกลช้ ิด และอาจตอ้ งมแี ผนปฏิบตั ิการเพือป้ องกนั ไมใ่ หเ้ กิดผลกระทบต่อธุรกิจ(ระดบั มาก) 3 ความเสียงทีจาํ เป็ นต้องตรวจสอบ แต่เขม้ งวดน้อยและแผนการลดความเสียงมีความ เร่งด่วนนอ้ ย(ระดบั ปานกลาง) 4 ความเสียงในระดบั นีอยใู่ นระดบั ตาํ สุด และตอ้ งการความเอาใจใส่นอ้ ย แต่ไมค่ วร ละเลยทงั หมด(ระดบั นอ้ ย) การจัดลาํ ดบั ความสาํ คญั ของความเสียงช่วยให้เจา้ ของธุรกิจ และสมาชิกทีมงานให้ ความสนใจหรือเนน้ การบริหารความเสียงทีมผี ลกระทบต่อธุรกิจมากทีสุด 2.5 การกาํ หนดมาตรการแกไ้ ขและป้ องกนั ความเสียง เมือจดั ลาํ ดบั ความสาํ คญั ของความ เสียงไดแ้ ลว้ ใหพ้ ิจารณาจุดวกิ ฤตแต่ละประเด็นทีเป็นความเสียง ดงั นี 2.5.1 สาเหตุของการเกิดจุดวิกฤตนนั ๆ 2.5.2 ผลกระทบของจุดวิกฤตทีจะเกิดกบั ธุรกิจเป็นอยา่ งไร 2.5.3 การเกิดจุดวิกฤตนนั จะมอี ะไรเป็นตวั บอกเหตุ 2.5.4 มีแนวโนม้ ว่าจะเกิดจุดวิกฤตนนั กบั ธุรกิจของเรา องคก์ รจะป้ องกนั อยา่ งไร 2.5.5 ถา้ จุดวิกฤตนนั มาถึงแลว้ องคก์ รจะมีมาตรการอะไรมาแกไ้ ข
83 2.6 การประเมินผลของมาตรการแก้ไขและป้ องกัน ควรให้ทีมงานทีทาํ แผนธุรกิจ วิเคราะห์ ประเด็นต่อไปนี 2.6.1 ความเสียงเรืองใดทีเราผ่านเลยไปแลว้ และเราผ่านไปได้อย่างไร และมี มาตรการอะไรทีเคยใชไ้ ดผ้ ล 2.6.2 ความเสียงเรืองใดทีกาํ ลงั เผชิญอยู่ และมาตรการแก้ไขทีเราใช้อยู่ มีการ ประเมนิ หรือไม่วา่ มาตรการแกไ้ ขนนั ใชไ้ ดผ้ ลหรือไม่ ถา้ ใชไ้ มไ่ ดผ้ ลเราตอ้ งปรับกลยทุ ธอ์ ยา่ งไร 2.6.3 ความเสียงเรืองใดทีกาํ ลงั จะมาถึง มาตรการป้ องกนั ทีวางไวไ้ ดล้ งมือทาํ แลว้ หรือยงั ถา้ ทาํ แลว้ เป็นอยา่ งไร ตอ้ งปรับกลยทุ ธใ์ หม่หรือไม่ 2.6.4 ความเสียงเรืองใดทียงั มาไม่ถึง องคก์ รไดศ้ ึกษาความเป็ นไปไดห้ รือไม่ว่า มาตรการป้ องกนั ทีเตรียมไว้ จะไดผ้ ลดีหรือไม่ หรือเคยใชไ้ ดผ้ ลในองคก์ รอนื ๆ หรือไม่ 2.6.5 กาํ หนดความถีในการประเมินผลมาตรการแก้ไขและป้ องกนั เป็ นระยะ ๆ เพอื จะไดค้ อยปรับแผนกลยทุ ธใ์ หม่ เมอื เห็นว่าไม่ไดผ้ ล 2.7 การวางแผนการบริหารความเสียง (Risk Management Planning) การวางแผนการบริหารความเสียง มีวตั ถุประสงค์ทีสาํ คญั คือ การตดั สินใจเลือก วธิ ีการและแผนกิจกรรมจดั การความเสียงของธุรกิจ ดงั นนั กิจกรรมจะครอบคลมุ และมีความสัมพนั ธ์กบั การบริหารความเสียง เพือใหก้ ารดาํ เนินการธุรกิจบรรลุเป้ าหมายทีกาํ หนดและเพือใหก้ ารดาํ เนินการ ธุรกิจเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล จึงตอ้ งมีการวางแผนกิจกรรมบริหารความเสียง พร้อมทงั จดั สรร งบประมาณและทรัพยากรต่าง ๆในการดาํ เนินงาน เพือให้การบริหารความเสียงบรรลุวตั ถุประสงคแ์ ละ เป้ าหมายทีตงั ไว้ องคป์ ระกอบของแผนบริหารความเสียง องคป์ ระกอบ รายละเอยี ด 1. ชือความเสียง เขียนอธิบายสัน ๆว่าประเด็นทีเป็ นความเสียงคือ อะไร 2. ลาํ ดบั ความเสียงเพอื การปฏิบตั ิ ระบุระดบั ของความเสียง 3. ประเภทของความเสียง ระบุวา่ เป็นความเสียงประเภทใด 4. การควบคุมความเสียงในปัจจุบนั ระบุแนวทางการควบคุมความเสียงในปัจจุบนั 5. แผนปฏบิ ตั ิการเพอื ควบคุมความเสียง ระบุแนวทางการดําเนินงาน เป้ าหมาย เวลา ผรู้ ับผดิ ชอบ
องคป์ ระกอบ 84 .ตวั ชีวดั ความคืบหนา้ และความสาํ เร็จ รายละเอียด .แนวทางการตรวจสอบและรายงาน ระบุว่าถา้ ทาํ ตามตวั ชีวดั แลว้ ความสาํ เร็จจะลดลง หรือไม่ ระบุความคืบหนา้ ในการดาํ เนินการ (ร้อยละ) ตวั อย่าง แผนการบริหารความเสียง ลาํ ดบั ที รายการความเสียง ผลเสีย/ กิจกรรม ตวั ชีวดั ระยะเวลา ผรู้ ับผดิ ชอบ ผลกระทบ ความสาํ เร็จ ดาํ เนินการ 2.8 การติดตามประเมนิ ผลการบริหารความเสียง ซึงเป็นขนั ตอนสาํ คญั ในการศึกษาปัญหา และอุปสรรค ในการปฏิบตั ิตามแผนบริหารความเสียง และช่วยให้ทีมงานบริหารความเสียงไดข้ อ้ มลู เพมิ เติม เพอื นาํ ไปปรับปรุงวิธีการจดั การความเสียงใหม้ ปี ระสิทธิภาพสูงขึน ทังนี การบริหารความเสียงเป็ นงานทีต้องทําอย่างต่อเนือง ความเสียงแต่ละประเภท เปลียนไปตามความเปลียนแปลงของโลก การบริหารความเสียงจึงตอ้ งได้รับการประเมินผล และ ปรับปรุงให้สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ปัจจุบนั การประเมินผลจึงไม่ใช่ขนั ตอนสุดทา้ ยของการบริหาร ความเสียง แต่เป็นขนั ตอนทีนาํ ไปสู่ระบบการบริหารความเสียง ทีมีความต่อเนืองและทนั ต่อเหตุการณ์ ) การจดั การการผลติ ความหมายของการจดั การการผลติ การบริการ และการควบคุมคุณภาพ การจดั การการผลติ หมายถึง กระบวนการทีดาํ เนินงานผลิตสินค้าตามขนั ตอนต่าง ๆ อยา่ งต่อเนืองและมกี ารประสานงานกนั เพือใหบ้ รรลุเป้ าหมายขององคก์ รหรือกิจการ การบริการ หมายถึง กระบวนการทีเน้นการให้บริการแก่ลกู คา้ โดยตรง โดยการทาํ ให้ ลกู คา้ ไดร้ ับความพึงพอใจ มีความสุขและไดร้ ับผลประโยชน์อยา่ งเตม็ ที
85 การควบคุมคุณภาพ หมายถึง การจดั กิจกรรมต่างๆ เพือให้ผลิตภณั ฑ์ตอบสนองความ ตอ้ งการและสามารถสร้างความพึงพอใจใหก้ บั ลกู คา้ บนแนวคิดพืนฐานว่า เมือกระบวนการดี ผลลพั ธ์ที ออกมากจ็ ะดีตาม การจดั การเกยี วกบั การควบคุมคณุ ภาพการผลติ การควบคุมคุณภาพนัน มีวตั ถุประสงคเ์ พือให้สินค้าหรือผลิตภณั ฑ์หรือการบริการบรรลุ จุดมุ่งหมายดงั ต่อไปนี 1. สินคา้ ทีสงั ซือหรือสงั ผลติ มคี ุณภาพตรงตามขอ้ ตกลงหรือเงือนไขในสญั ญา 2. กระบวนการผลติ ดาํ เนินไปอยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม 3. การวางแผนการผลติ เป็นไปตามทีกาํ หนดไว้ 4. การบรรจุหีบห่อดีและเหมาะสม หมายถึงสามารถนาํ ส่งวสั ดุยงั จุดหมายปลายทางใน สภาพดี ขันตอนการควบคุมคุณภาพการผลติ แบ่งออกเป็น ขนั ตอน คือ 1. ขนั การกาํ หนดนโยบาย ในขนั นีจะเป็นการกาํ หนดวตั ถุประสงคก์ วา้ งๆ เช่น ระดบั สินคา้ ขนาดของตลาด วิธีการจาํ หน่าย ตลอดถึงการรับประกนั ขอ้ กาํ หนดเหล่านีจะเป็ นเครืองชีนาํ ว่ากิจการ จะตอ้ งทาํ อะไรบา้ ง เพอื ใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคท์ ีไดว้ างเอาไว้ 2. ขันการออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบผลิตภัณฑ์ในทีนี หมายถึง การกําหนด คุณลกั ษณะของผลิตภณั ฑ์ การออกแบบผลติ ภณั ฑจ์ ึงตอ้ งมีความสมั พนั ธก์ บั ระบบการผลติ 3. ขนั ตอนการควบคุมคุณภาพของการผลิต การควบคุมคุณภาพการผลิต แบ่งออกเป็ น ขนั ตอนยอ่ ย ขัน คือ การตรวจสอบคุณภาพของชินส่วน การควบคุมกระบวนการการผลิตและการ ตรวจสอบคุณภาพของผลติ ภณั ฑ์ โดยในการตรวจสอบทงั ขนั นี ส่วนใหญ่จะใชเ้ ทคนิคการสุ่มตวั อย่าง เพราะผลิตภณั ฑท์ ีผลิตไดน้ นั มีจาํ นวนมากไม่อาจจะทาํ การตรวจสอบไดอ้ ยา่ งทวั ถงึ ภายในเวลาจาํ กดั 4. ขนั การจาํ หน่าย การควบคุมคุณภาพ จะมีลกั ษณะเป็ นการให้บริการหลงั การขาย ซึงใน ระบบการตลาดสมยั ใหม่ถอื ว่าเป็นเรืองสาํ คญั มาก เพราะสินคา้ บางชนิดโดยเฉพาะอย่างยงิ สินคา้ ประเภท เครืองมอื เครืองจกั รหรืออุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึงมีวิธีการใชแ้ ละการดูแลรักษาทีค่อนขา้ งยุง่ ยาก ผผู้ ลิตหรือผขู้ ายจะตอ้ งคอยดูแล เพือให้บริการหลงั การขายแก่ผูซ้ ืออย่เู สมอ เพือสร้างความพึงพอใจ ซึงจะมีผลต่อความเชือมนั และความกา้ วหนา้ ทางธุรกิจในอนาคต การใช้นวตั กรรมและเทคโนโลยใี นการผลติ การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิต เป็ นการพัฒนาความสามารถในการผลิต ผลิตภณั ฑข์ องมนุษย์ ช่วยในการแกป้ ัญหาและสนองความตอ้ งการของมนุษยอ์ ยา่ งสร้างสรรค์ โดยนาํ ความรู้มาใชก้ บั กระบวนการเทคโนโลยี เพือสร้างและใช้สิงของเครืองใช้ วิธีการให้การดาํ รงชีวิตมี คุณภาพดียงิ ขึน
86 นวตั กรรม หมายถงึ ความคิด การปฏิบตั ิ หรือสิงประดิษฐ์ใหม่ ทียงั ไม่เคยมีใชม้ าก่อนหรือ เป็นการพฒั นาดดั แปลงมาจากของเดิมทีมีอยแู่ ลว้ เทคโนโลยี หมายถึง สิงทีมนุษยพ์ ฒั นาขึน เพือช่วยในการทาํ งานหรือแกป้ ัญหาต่างๆ เช่น อปุ กรณ์ เครืองมือ เครืองจกั ร วสั ดุ หรือแมก้ ระทงั สิงทีไม่ไดเ้ ป็ นสิงของทีจบั ตอ้ งไดห้ รืออาจเป็ นระบบ หรือกระบวนการต่างๆ เพือใหก้ ารทาํ งานบรรลุผลเป้ าหมาย เทคโนโลยจี ะมีประโยชนอ์ ยา่ งมาก เมือผใู้ ชม้ ีการนาํ ไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งถกู วิธีและเหมาะสม และ จะเกิดผลกระทบอยา่ งมากมาย เมือผใู้ ชน้ าํ เทคโนโลยไี ปใชแ้ บบผิดๆ ดว้ ยความไม่รู้ หรือใชเ้ ทคโนโลยี มากเกินกว่าความจาํ เป็น กระบวนการเทคโนโลยใี นการผลติ กระบวนการเทคโนโลยเี ป็ นกระบวนการทีเกียวขอ้ งกบั การแกป้ ัญหา โดยการใชค้ วามคิด ริเริมอยา่ งสร้างสรรคแ์ ละรอบคอบ เพือสร้างผลติ ภณั ฑท์ ีก่อใหเ้ กิดประโยชน์ตามความตอ้ งการของมนุษย์ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ หลกั การเบืองต้นของกระบวนการทางเทคโนโลยีการออกแบบผลิตภณั ฑ์ สามารถแบ่ง ออกเป็นขนั ตอน ไดด้ งั นี . กาํ หนดปัญหาหรือความตอ้ งการ 2. สร้างทางเลือกหรือวิธีการ . ออกแบบและลงมือสร้าง . เลือกวธิ ีการทีเหมาะสม . ทดสอบและประเมนิ ผล ปรับปรุงแกไ้ ข แผนภูมิ กระบวนการเทคโนโลยใี นการออกแบบผลติ ภณั ฑ์
87 การเลอื กใช้เทคโนโลยอี ย่างสร้างสรรค์ การเลอื กใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งสร้างสรรคต์ ่อชีวติ สงั คม สิงแวดลอ้ มและงานอาชีพ มีหลกั การ ดงั ต่อไปนี 1. การวิเคราะห์เปรียบเทียบผลิตภณั ฑ์หรือวิธีการทีไดจ้ ากเทคโนโลยีต่างๆ ทงั ทางด้าน คุณภาพ รูปแบบ วสั ดุ ความสะดวกในการใช้ ความคุม้ ค่า โดยก่อนทีจะตดั สินใจเลือกเทคโนโลยใี ดมาใช้ นัน ผปู้ ระกอบการหรือเจา้ ของกิจการ ควรนาํ คุณลกั ษณะทัวไป คุณลกั ษณะเฉพาะของเทคโนโลยีมา ศกึ ษาเปรียบเทียบก่อนการตดั สินใจเลอื ก 2. เมือมีการเลือกใชเ้ ทคโนโลยสี าํ หรับการสร้างและพฒั นาผลิตภณั ฑ์ เพือสนองต่อความ ตอ้ งการของมนุษยแ์ ลว้ ยอ่ มตอ้ งมีผลกระทบต่อสงั คมและสิงแวดลอ้ มตามมาดว้ ย ดงั นนั ผปู้ ระกอบการ หรือเจา้ ของกิจการตอ้ งศึกษาทบทวนว่าเทคโนโลยีทีกาํ หนดใชน้ ันมี ขอ้ ดี ขอ้ เสียและผลต่อสังคมและ สิงแวดลอ้ มทีจะไดร้ ับนนั เป็นอยา่ งไร 3. ตดั สินใจเลือกและใชเ้ ทคโนโลยที ีมผี ลดีตอ่ สงั คมและสิงแวดลอ้ มในทางสร้างสรรคม์ ากทีสุด การลดต้นทุนการผลติ และการบริการ การดาํ เนินงานธุรกิจทุกประเภท ใหส้ ามารถดาํ รงอย่ไู ดอ้ ย่างมนั คง จาํ เป็ นทีผปู้ ระกอบการ หรือเจ้าของธุรกิจตอ้ งหาวิธีการลดตน้ ทุนการผลิตและการบริการ โดยแนวคิดในการลดและควบคุม ตน้ ทุนการผลิตนนั มหี ลกั การดงั นี 1. ศึกษาวเิ คราะหแ์ ละสาํ รวจสถานภาพปัจจุบนั ของการผลิต คือแรงงาน วตั ถดุ ิบ ตน้ ทุน การ ผลติ เมือรู้ปัจจยั การผลิตแลว้ ทาํ ใหส้ ามารถหาขอ้ บกพร่องและหาวิธีลดตน้ ทุนได้ 2. วิเคราะห์หาสาเหตุของตน้ ทุนสูญเปล่าทีเกิดขึนจากการผลิตสินค้า และการบริการ หมายถงึ การเสียค่าใชจ้ ่ายแต่ไมไ่ ดก้ ่อใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อธุรกิจ 3. ปฏิบตั ิการลดและควบคุมตน้ ทุนการผลิตในส่วนของค่าใชจ้ ่ายทีไร้ประสิทธิภาพ มีความ สูญเปลา่ โดยดาํ เนินการต่อเนืองใหบ้ รรลุผลสาํ เร็จ การดาํ เนินธุรกิจตอ้ งเผชิญกบั ขอ้ จาํ กดั หลายอยา่ งทีเป็ นอุปสรรคและเป็ นเหตุให้ตน้ ทุนการ ผลิตสูงขึน จากหลายปัจจยั คือ ตน้ ทุนแรงงานมแี นวโนม้ สูงขึน ตน้ ทุนวตั ถดุ ิบแพงขึน โดยเฉพาะการนาํ วตั ถุดิบจากภายนอกเขา้ มา ทาํ ใหต้ น้ ทุนการผลติ สูงขึน เช่น ค่านาํ มนั ค่าไฟฟ้ า คู่แข่งขนั มีมากขึนและทวี ความรุนแรงมากขึน จาํ เป็นทีผปู้ ระกอบการหรือเจา้ ของธุรกิจตอ้ งลดตน้ ทุนการผลติ ต่อหน่วยสินคา้ ทีผลติ จะมผี ลใหไ้ ดก้ าํ ไรมากขึน ดงั นนั ผปู้ ระกอบการตอ้ งปรับวิธีการทาํ ธุรกิจ เพือลดตน้ ทุนการผลิตใหต้ าํ ลง โดยกาํ หนดเป้ าหมายการผลิตใหเ้ หมาะสมเพือความอยรู่ อด มีการปรับปรุงโครงสร้างในการประกอบ ธุรกิจพฒั นาระบบการส่งเสริมการขาย ซึงเป็นกุญแจสาํ คญั สู่ความสาํ เร็จ
88 ปัจจยั ในการลด และควบคุมต้นทุนการผลติ ในการผลิตสินคา้ ตน้ ทุนการผลิตจะสูงหรือตาํ นนั ขึนอยกู่ บั ปัจจยั ต่างๆ หลายประการดงั นี 1. ผบู้ ริหารตอ้ งมีนโยบายและโครงการเพือลดตน้ ทุนการผลิตอยา่ งจริงจงั และชดั เจนไม่ว่า จะเป็นนโยบายดา้ นคุณภาพมาตรฐานระดบั สากล เช่น ISO , การสนับสนุนศกั ยภาพของบุคลากร ฯลฯ หรือระบบและวิธีการลดตน้ ทุน ซึงตอ้ งดาํ เนินการอยา่ งจริงจงั และต่อเนือง 2. สร้างจิตสาํ นึกพนกั งาน ใหม้ จี ิตสาํ นึกทีดีต่อโครงการลดตน้ ทุนการผลิต จึงจะไดร้ ับความ ร่วมมือและประสบความสาํ เร็จได้ 3. มีมาตรการเพมิ ประสิทธิภาพและคุณภาพของการบริหารจดั การธุรกิจอยา่ งจริงจงั ทุกปัจจัยทีกล่าวมามีความสาํ คญั เท่ากนั หมด แต่การดาํ เนินการให้บรรลุเป้ าหมายอย่างมี คุณภาพผบู้ ริหารธุรกิจตอ้ งกาํ หนดเป้ าหมายและการดาํ เนินงานอยา่ งจริงจงั และตอ้ งมกี ารจดั ทาํ ขอ้ มลู และ วดั ประสิทธิภาพของการลดตน้ ทุนอยา่ งต่อเนือง ) การจดั การการตลาด การจดั การการตลาด หมายถึง การดาํ เนินกิจกรรมต่างๆ ดา้ นธุรกิจ ซึงจะตอ้ งมีการวางแผนการ ผลติ การโฆษณา การประชาสมั พนั ธ์ การวิจยั การตลาด การส่งเสริมการขาย การทาํ ฐานขอ้ มลู ลกู คา้ การ กระจายสินคา้ การกาํ หนดราคา การจัดจาํ หน่าย ตลอดจนการดาํ เนินกิจการทุกอย่างเพือสนองความ ตอ้ งการ และบริการใหแ้ ก่ผซู้ ือหรือผบู้ ริโภคพอใจ ทงั ในเรืองราคาและบริการ การจดั การการตลาดเกยี วข้องกบั เรืองต่างๆ ดงั นี 1. การโฆษณา หมายถึง การนาํ เสนอหรือส่งเสริมความคิดในการขายสินคา้ หรือบริการผา่ นสือ ต่างๆ มีผอู้ ุปถมั ภเ์ ป็นผเู้ สียค่าใชจ้ ่ายในการโฆษณา โดยมวี ตั ถปุ ระสงคข์ องการโฆษณา เพือใหเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจเกียวกับสินค้าและงานบริการ เป็ นการให้ข่าวสารและชักจูงให้ซือสินคา้ และซือบริการ สือทีใช้ในการโฆษณามีหลายประเภท เช่น นิตยสาร หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ป้ ายโฆษณา การโฆษณาทางไปรษณีย์ เป็ นตน้ สือโฆษณาแต่ละประเภทจะมีจุดเด่นและจุดดอ้ ยแตกต่างกนั ดงั นัน การเลือกสือโฆษณาควรคาํ นึงถงึ วตั ถปุ ระสงค์ ดงั นี 1) สามารถเขา้ ถงึ กล่มุ เป้ าหมายใหม้ ากทีสุดเท่าทีจะมากได้ 2) สือนนั มีประสิทธิภาพและไดผ้ ลสูงสุด 3) เสียค่าใชจ้ ่ายตาํ ทีสุด 2. การประชาสัมพนั ธ์ หมายถึง การติดต่อสือสารเพือส่งเสริมความเขา้ ใจทีถูกตอ้ งร่วมกนั ตลอดจนสร้างความสัมพนั ธ์อนั ดีต่อกนั ระหว่างลูกคา้ กบั ผผู้ ลิต เพือใหเ้ กิดความเชือถือศรัทธา ความ คิดเห็น ทศั นคติทีดีต่อองคก์ าร การประชาสมั พนั ธ์ ไดแ้ ก่ ข่าวแจกสาํ หรับเผยแพร่ การแถลงข่าว 3. การส่งเสริมการขาย หมายถึง กิจกรรมการส่งเสริมการตลาดนอกเหนือจากการโฆษณาการ ขายโดยบุคคล และการประชาสมั พนั ธ์ เป็ นการช่วยกระตุน้ ความสนใจ การซือของผบู้ ริโภคหรือบุคคล
89 อนื ในช่องทางการจดั จาํ หน่าย การจดั แสดงในงานแสดงสินคา้ การแจกของแถม การลดราคา การชิงโชค การแข่งขนั การแจกคูปอง 4. การวจิ ยั การตลาด หมายถึง การศึกษาปัจจยั ภายนอกและภายในเกียวกบั การตลาด ทาํ ให้ ผปู้ ระกอบการมีขอ้ มูลในการวางแผนการตลาดได้อย่างมนั ใจและสามารถบอกรายละเอียดในการ ดาํ เนินงานไดอ้ ยา่ งชดั เจน การวิจยั การตลาดหรือการศึกษาตลาดควรวิเคราะห์พฤติกรรมผบู้ ริโภคมาปรับ ใช้ ดงั นี . ผบู้ ริโภคของกิจการคือใคร ใชห้ ลกั การแบ่งส่วนตลาดเขา้ มาประกอบการพิจารณา คือ หลกั ภมู ศิ าสตร์ หลกั ประชากรศาสตร์ หลกั จิตวทิ ยา หลกั พฤติกรรมศาสตร์ . ตลาดตอ้ งการซืออะไร ผปู้ ระกอบการจะตอ้ งศึกษาว่าผบู้ ริโภคตอ้ งการอะไรจากผลิตภณั ฑ์ที ซือ เช่น บางคนใชร้ ถยนตร์ าคาแพง เพราะตอ้ งการความภาคภูมใิ จ บางคนเลือกรับประทานอาหารในร้าน หรูหรา นอกจากเขาตอ้ งการความอร่อยจากรสชาติของอาหารแลว้ เขายงั ตอ้ งการความสะดวกสบาย การ บริการทีดี เป็นตน้ นกั การตลาดจะตอ้ งวิเคราะห์ดูว่าผบู้ ริโภคตอ้ งการซืออะไรเพือทีจะจดั องค์ประกอบ ของผลติ ภณั ฑใ์ หค้ รบถว้ นตามทีเขาตอ้ งการ . ซืออยา่ งไร ผปู้ ระกอบการตอ้ งศกึ ษาถึงกระบวนการตดั สินใจในการซือของผบู้ ริโภค กระบวนการการตดั สินใจในการซือนีจะเริมจากความรู้สึกว่าตอ้ งการสินคา้ นัน จนไปถึงความรู้สึกหลงั การซือ กระบวนการดงั กลา่ วนีจะกินเวลามากหรือนอ้ ย ยากหรือง่ายเพียงใดขึนอยกู่ บั ชนิดของสินคา้ ตวั บุคคลทีทาํ การซือ ผูต้ ดั สินใจซือ การส่งเสริมการตลาด ฯลฯ แต่ละขนั ของกระบวนการซือใชเ้ วลาไม่ เท่ากนั และบางครังการซืออาจจะไม่ไดด้ าํ เนินไปจนจบกระบวนการก็ได้ เพราะผบู้ ริโภคเปลียนใจหรือ เกิดอปุ สรรคมาขดั ขวางทาํ ใหเ้ ลกิ ซือหรืออาจตอ้ งทอดระยะเวลาในการซือออกไป 4. ทาํ ไมผบู้ ริโภคจึงซือ เป็นการพจิ ารณาถงึ วตั ถุประสงคห์ รือจุดมงุ่ หมายของการซือ . เมือไรผบู้ ริโภคจะซือ นักการตลาดจาํ ตอ้ งทราบถึงโอกาสในการซือของผูบ้ ริโภค ซึงจะ แตกต่างกันตามลกั ษณะสินคา้ นันๆ เพือวางกลยุทธ์ทางตลาดได้เหมาะสมกับพฤติกรรมการซือของ ผบู้ ริโภค 6. ผบู้ ริโภคจะซือทีไหน เป็ นการถามเรืองช่องทางการจาํ หน่าย แหล่งขายทีเหมาะสมกบั สินคา้ โดยพิจารณาดวู า่ สินคา้ ชนิดนีผบู้ ริโภคมกั จะซือจากทีไหน ซือจากหา้ งสรรพสินคา้ ใหญ่ หรือจากร้านขาย ของชาํ ใกลบ้ า้ น เป็นตน้ 7. ใครมีส่วนร่วมในการตดั สินใจซือ เป็ นการถามเพือให้ทราบถึงบทบาทของกลุ่มต่างๆทีมี อทิ ธิพลหรือมีส่วนร่วมในการตดั สินใจซือ โดยสรุปผปู้ ระกอบการและนกั การตลาดจะตอ้ งศึกษาปัจจยั ทีมีอิทธิพลต่อผบู้ ริโภค เพือทราบ ลกั ษณะความต้องการของผบู้ ริโภค เพือจดั ส่วนประสมทางการตลาด ไดแ้ ก่ ดา้ นผลิตภณั ฑ์ ดา้ นการ ส่งเสริมการตลาด ดา้ นแผนการจดั จาํ หน่ายและแผนราคาใหเ้ หมาะสม 8. การวางแผนการตลาด หมายถึง การกาํ หนดกลุ่มลูกคา้ เป้ าหมาย สร้างความน่าเชือถือให้กบั กิจการและผทู้ ีจะร่วมลงทุน สามารถอธิบายวิธีการทีจะดึงดดู และรักษาลกู คา้ ทงั รายเก่ารายใหมไ่ วไ้ ด้
90 9. การทาํ ฐานขอ้ มูลลูกค้า หมายถึง ขอ้ มูลจะช่วยในการกาํ หนดส่วนต่างของการตลาด การ กาํ หนดกลยทุ ธ์ การตลาดทางตรงไม่วา่ จะเป็น กลยทุ ธก์ ารสร้างสรรคง์ านโฆษณา กลยทุ ธส์ ือ ตลอดจนใช้ ในการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ต่างๆ เป็นสิงสาํ คญั สาํ หรับการทาํ ตลาดทางตรง เพราะกิจการจะไม่สามารถสือสาร หรือเขา้ ใจถงึ กลมุ่ ลกู คา้ ทีคาดหวงั ได้ หากปราศจากขอ้ มลู ลกู คา้ วตั ถุประสงคก์ ารทาํ ฐานขอ้ มลู ลกู คา้ มีดงั นี 1) เพอื ใหท้ ราบถึงความสาํ คญั ของการจดั ทาํ บญั ชีรายชือลกู คา้ 2) เพอื ใหท้ ราบถงึ วิธีการเบืองตน้ ในการจดั ทาํ บญั ชีรายชือลกู คา้ 3) เพือใหเ้ ขา้ ใจถึงประเภทของฐานขอ้ มลู 4) เพอื ใหท้ ราบถึงองคป์ ระกอบของฐานขอ้ มลู ลกู คา้ . การกระจายสินคา้ ในวงการธุรกิจปัจจุบนั นักการตลาดใหค้ วามสาํ คญั เกียวกบั การกระจาย สินคา้ ไม่น้อยกว่าตวั แปรอืนๆ ในดา้ นการตลาด หากผลิตภณั ฑ์เป็ นทีตอ้ งการของตลาด แต่ระบบการ กระจายสินคา้ ไมด่ ี เช่น ส่งสินคา้ ผดิ พลาด ลา่ ชา้ ผดิ สถานที เป็นตน้ เป็นความสูญเสียอนั ยงิ ใหญ่ เพราะทาํ ใหย้ อดขายลดลงและสูญเสียลกู คา้ จุดประสงคข์ องการกระจายสินคา้ คือการจดั ส่งสินคา้ ใหล้ กู คา้ ไดถ้ ูกตอ้ ง ไปยงั สถานทีทีถกู ตอ้ ง ในเวลาทีเหมาะสม โดยเสียค่าใชจ้ ่ายนอ้ ยทีสุด ตลอดจนการใหบ้ ริการลกู คา้ ทีดีทีสุด บทบาทและความสาํ คญั ของการกระจายสินคา้ เป็นการเชือมโยงระหว่างผผู้ ลติ กบั ผบู้ ริโภค หรือ กลา่ วไดว้ า่ การทีนาํ สินคา้ ออกจาํ หน่ายใหผ้ บู้ ริโภคทนั ตามเวลาทีตอ้ งการกระจายสินคา้ จึงมคี วามสาํ คญั ที ผปู้ ระกอบการจะตอ้ งระมดั ระวงั ในเรืองต่อไปนี 1) สินคา้ ทีถกู ตอ้ ง 2) เวลาทีถกู ตอ้ ง 3) จาํ นวนทีถกู ตอ้ ง 4) สถานทีทีถกู ตอ้ ง 5) รูปแบบทีตอ้ งการ การจดั การกระจายสินคา้ คือการนาํ สินคา้ ไปถึงมอื ผบู้ ริโภคหรือลกู คา้ ซึงกระจายสินคา้ เกียวขอ้ ง กบั การงานในหน้าทีอืนๆ ได้แก่ การเริมตน้ จากการพยากรณ์การขายซึงเกียวกบั การวางแผนการจดั จาํ หน่าย และวางแผนการผลิต ส่วนการกระจายสินคา้ หมายถึง การบริหารระบบการขนส่งระบบช่อง ทางการจดั ซือ ระบบช่องทางการจดั จาํ หน่าย ระบบสินค้าคงคลงั เพือให้ไดม้ าซึงประสิทธิภาพในการ จดั ซือวสั ดุ วตั ถดุ ิบเพอื การผลิต และเพือใหไ้ ดม้ าซึงประสิทธิภาพทางการตลาดทีจะขายสินคา้ สาํ เร็จรูป และบริการสู่มือผบู้ ริโภค 1) การวางแผนการตลาดเชิงกลยทุ ธ์ การวางแผนการตลาดเชิงกลยทุ ธ์ จะทาํ ใหพ้ นกั งานทุกคนไดร้ ู้ว่า จะปฏิบตั ิใหบ้ รรลุเป้ าหมายใน ระยะเวลาไดอ้ ย่างไร แผนการตลาดเป็ นเอกสารทีเขียนขึน เพือใชเ้ ป็ นเสมือนหนังสือนาํ ทางสําหรับ กิจกรรมทางการตลาดแก่ผจู้ ดั การฝ่ ายการตลาด
91 แผนการตลาดจะระบุวตั ถปุ ระสงค์ และกิจกรรมทีตอ้ งทาํ เพือใหบ้ รรลุวตั ถปุ ระสงคน์ นั การตลาด ถือเป็นกิจกรรมทียากทีสุด ทีพนกั งานและผบู้ ริหารเขา้ ใจร่วมกนั และทาํ เพือนาํ ไปสู่เป้ าหมายร่วมกนั การ เขียนแผนการตลาดทีชดั เจนเป็นงานทีตอ้ งใชเ้ วลา แต่เป็นพืนฐานในการสือสารภายในองค์การ แผนการ ตลาดจะทาํ ให้พนักงานทุกคนทราบว่าตนมีความรับผิดชอบอะไร ตอ้ งทาํ อะไร มีกรอบเวลาในการ ปฏิบตั ิงานอย่างไร แผนการตลาดบ่งบอกวตั ถุประสงค์และแนวทางการจดั สรรทรัพยากรเพือให้บรรลุ วตั ถปุ ระสงค์ แผนการตลาดเป็นกรอบความคิดและให้ทิศทางเชิงกลยุทธ์ ส่วนการนาํ ไปปฏิบตั ิเป็ นการ ทาํ งานในลกั ษณะทีจดั การกบั ปัญหา โอกาส และสถานการณ์ แผนการตลาดแสดงขนั ตอนงานทีเรียงเป็ น ลาํ ดบั ก่อนหลงั กจ็ ริง แต่ขนั ตอนเหล่านนั อาจเกิดขึนพร้อมกนั หรือประสานกนั ก็ได้ การเขียนแผนมีหลาย รูปแบบ ขึนอยกู่ บั องคก์ ร พนั ธกิจ วตั ถุประสงค์ กลุม่ เป้ าหมาย และส่วนประสมทางการตลาดขององค์กร นนั 2) การนําแผนไปปฏิบัตแิ ละการควบคุม เป็ นกระบวนการทีผทู้ าํ การตลาด ตอ้ งดาํ เนินงานตาม แผนการตลาดทีวางไว้ ดว้ ยความมนั ใจว่าสามารถบรรลุวตั ถุประสงคไ์ ด้ ซึงรายละเอียดในแผนจะระบุ กิจกรรม เวลา งบประมาณ ซึงตอ้ งมีการสือสารทีดี เมือนาํ แผนการตลาดไปปฏบิ ตั ิแลว้ จะตอ้ งมกี ารประเมนิ เพือใหท้ ราบวา่ ไดด้ าํ เนินการบรรลุตาม วตั ถุประสงคเ์ พยี งใด มีอะไรทีควรแกไ้ ข การวางแผนมีความสมั พนั ธใ์ กลช้ ิดกบั การควบคมุ เนืองจากแผน ไดร้ ะบุถึงสิงทีองคก์ รตอ้ งการบรรลุ 3) บญั ชีธุรกจิ 3.1 ความหมายของบญั ชีธุรกจิ บญั ชีธุรกิจ หมายถงึ ระบบประมวลขอ้ มลู ทางการเงิน การจดบนั ทึกรายการคา้ ต่างๆ ที เกียวกบั การรับ – จ่ายเงิน สิงของ และสิทธิทีมีมลู ค่าเป็ นเงินไวใ้ นสมุดบญั ชีอย่างสมาํ เสมอ เป็ นระเบียบ ถกู ตอ้ งตามหลกั การและสามารถแสดงผลการดาํ เนินงานและฐานะการเงินของกิจการในระยะเวลาหนึง ได้ 3.2 ความสําคญั ของการทําบญั ชี . เป็นเครืองมอื วดั ความสาํ เร็จในการดาํ เนินธุรกิจ โดยพิจารณาจากผลการดาํ เนินงาน ฐานะทางการเงินของธุรกิจ และความมนั คงของธุรกิจ จะบนั ทึกบญั ชีรายการต่างๆ ทีเกิดขึนในการ ดาํ เนินธุรกิจ เช่น การลงทุน การรับ การจ่าย โดยไม่นําส่วนทีเป็ นของส่วนตวั เขา้ มาบนั ทึกดว้ ย สิงที บนั ทึกไวจ้ ะสามารถนาํ มาจดั ทาํ เป็ นรายงานทางการเงินได้ เช่น งบดุล งบกาํ ไร ขาดทุน ซึงเป็ นภาพ สะทอ้ นในการดาํ เนินธุรกิจ 2. เป็นเครืองมอื ช่วยในการวางแผนและตดั สินใจธุรกิจ สามารถนาํ มาวิเคราะห์ความ เป็นไปไดข้ องการลงทุนทีจะเกิดขึนในอนาคต ดงั นนั หากมกี ารบนั ทึกทีถกู ตอ้ ง จะทาํ ใหส้ ามารถพฒั นา กิจการใหเ้ จริญกา้ วหนา้ อยา่ งยงั ยนื
92 . เป็ นเครืองมือในการวางแผนกาํ ไร และควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัท ช่วยในการ ตดั สินใจกาํ หนดราคาสินคา้ ช่วยในการควบคุมตน้ ทุนการผลิต และสามารถวิเคราะห์ปรับปรุงรายจ่ายที ไม่จาํ เป็นออก รวมถึงช่วยในการวางแผนการดาํ เนินงานไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสมกบั ทรัพยากรทีมีอยู่ 3.3 ประเภทและขันตอนของการทาํ บัญชีธุรกจิ บัญชีรับ – จ่าย การทาํ บญั ชีรายรับ – รายจ่าย หมายถึง การจดบนั ทึกเหตุการณ์ต่างๆ เกียวกบั การเงินหรืออยา่ งนอ้ ยทีสุดบางส่วนเกียวขอ้ งกบั การเงิน โดยผา่ นการวิเคราะห์ จดั ประเภทและ บนั ทึกไวใ้ นแบบฟอร์มทีกาํ หนดเพือแสดงฐานะการเงิน และผลการดาํ เนินงานของกิจการในช่วง ระยะเวลาหนึง การจดบนั ทึกการปฏิบตั ิงานและการทาํ บญั ชีรายรับ – รายจ่าย เป็ นการช่วยความทรงจาํ และถา้ มกี ารจดบนั ทึกกิจการต่างๆ อยา่ งมรี ะบบ การลงบญั ชีทีดี มีความเขา้ ใจในการจดบนั ทึก และการ สรุปขอ้ มลู ใหเ้ หมาะสมแลว้ สามารถนาํ ขอ้ มูลทีไดร้ ับมาใชป้ ระโยชน์ในการตดั สินใจทาํ การปลูกพืชให้ สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของตลาด แนวโนม้ ของราคา ตลอดจนเหตุการณ์ต่างๆ ทีมีผลกระทบต่อการ ดาํ เนินกิจกรรมไดอ้ ย่างเหมาะสมยิงขึน ทาํ ใหผ้ ผู้ ลิตทราบไดว้ ่ากิจการของตนเป็ นอยา่ งไร และวิธีการ อย่างหนึงทีจะแสดงฐานะทางการเงินและผลการดาํ เนินงานว่ามีรายรับ – รายจ่ายอย่างไร ช่วยในการ ประเมินผลการดาํ เนินงานวา่ มีกาํ ไร หรือขาดทุนอยา่ งไรอีกดว้ ย รูปแบบการบนั ทึกการทาํ บญั ชีรายรับ – รายจ่าย ดงั ตวั อยา่ ง ตวั อย่าง แบบฟอร์มการทาํ บญั ชีรายรับ – รายจ่าย แบบบญั ชีรายรับ - รายจ่าย วนั เดอื น ปี รายรับ จาํ นวนเงนิ วนั เดอื นปี รายจ่าย จาํ นวนเงนิ บาท สต. บาท สต. บัญชีทรัพย์สิน – หนีสิน เป็นการบนั ทึกรายการทรัพยส์ ิน หนีสินต่างๆ เช่น ทีดิน เครืองมือ เครืองจกั รกลต่างๆ อุปกรณ์ การเกษตร ปัจจัยการผลิต จาํ นวนผลผลิต ผลผลิตทีคงเหลือ ตลอดจนหนีสินต่างๆ ทีเกิดขึนในการ ดาํ เนินการผลิต ในการบนั ทึกทรัพยส์ ิน – หนีสินต่างๆ เพือจะนาํ ไปใชส้ รุปฐานะทางการเงินของตนเอง และเป็นขอ้ มลู ทีจะใชใ้ นการคาํ นวณหารายไดต้ ่อไป โดยสรุปเป็ นฤดูกาลเพาะปลกู หรือสินปี ใหก้ าํ หนด เป็นมลู ค่าจาํ นวนเงิน ดังตวั อย่าง บญั ชีทรัพยส์ ิน – หนีสิน
93 บญั ชีทรัพย์ – หนีสิน ร้านขายขนมเบเกอรี ทรัพย์สิน หนีสิน วนั เดอื น ปี รายการ จาํ นวน จาํ นวน วนั เดอื น ปี รายการ จาํ นวน จาํ นวน หน่วย เงิน หน่วย เงนิ ม.ค. รถยนต์ , ม.ค. กเู้ งินซือทีดิน ต.ร.ว , มี.ค. ทีดิน ม.ี ค. ร้านคา้ ต.ร.ว , ฯลฯ มี.ค. อปุ กรณ์ทาํ เบเกอรี , ฯลฯ ชุด ,
94 กจิ กรรมที ใหผ้ เู้ รียนศึกษาใบความรู้ เรืองการบริหารจดั การในการขยายอาชีพให้เขา้ ใจ แลว้ สรุปแต่ละเรือง ใหส้ อดคลอ้ งกบั อาชีพของตนเองหรืออาชีพทีสนใจมาพอสงั เขป 1. การทาํ แผนธุรกิจ …………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… 2. การจดั การความเสียง …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… 3. การจดั การการผลติ …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… 4. การจดั การการตลาด …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… 5. บญั ชีธุรกิจ …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………
95 บทที การจัดทาํ และพฒั นาระบบการขยายอาชีพตามแนวปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลการเรียนรู้ทคี าดหวงั สามารถดาํ เนินการจดั ทาํ หรือปรับปรุงแผนธุรกิจดา้ นการจดั การการผลิตหรือการบริการ และ ดา้ นการจดั การการตลาด ตามแนวคิดของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ขอบข่ายเนือหา เรืองที . องคป์ ระกอบของระบบขยายอาชีพตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เรืองที . การจดั ทาํ แผนธุรกิจ สือประกอบการเรียนรู้ 1. เอกสารหมายเลข ใบความรู้เรือง องคป์ ระกอบของระบบขยายอาชีพตามแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง 2. เอกสารหมายเลข ใบความรู้เรืองการประยุกต์หลกั เศรษฐกิจพอเพียงกบั ประสบการณ์ ตนเอง จดั ทาํ กรอบความคิดเห็นธุรกิจทีเหมาะสมกบั ตนเอง 3. เอกสารหมายเลข คู่มือจดั ทาํ แผนธุรกิจตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้เหมาะ กบั ตนเอง
96 เรืองที . องค์ประกอบของระบบขยายอาชีพตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง ลกั ษณะบ่งชีความสําเร็จของการเรียนรู้ 1. ชีแจงภาพรวมขององคป์ ระกอบในระบบการขยายอาชีพตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง 2. บอกความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ความมเี หตุผล ความพอดี และภูมิคุม้ กนั ทีนาํ ไปสู่การจดั ทาํ แผน ธุรกิจของการขยายอาชีพ 3. บอกเหตุผลเชิงสมั พนั ธใ์ นการใชค้ วามรอบรู้เพือจดั การการตลาดและการผลติ 4. บ่งชีลกั ษณะการใชค้ ุณธรรมขบั เคลอื นธุรกิจ ลกั ษณะบ่งชีความสําเร็จของ กจิ กรรม การวดั ผล ประเมนิ ผล สือการเรียนรู้ การเรียนรู้ 1. ชีแจงภาพรวมของ . อ่านเอกสารหมายเลข . ทดสอบความเขา้ ใจ เอกสารหมายเลข องคป์ ระกอบในระบบการ เรืององคป์ ระกอบของระบบ . สงั เกต การแสดงความ ใบความรู้เรืององคป์ ระกอบ ขยายอาชีพตามแนวคิด ขยายอาชีพตามแนวเศรษฐกิจ คิดเห็น ของระบบขยายอาชีพตาม ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง แลว้ คิดความคิดรวบ . ประเมินความเป็นไปไดใ้ น แนวคิดปรัชญาของ พอเพียง ยอดเป็นของตนเอง เกียวกบั การนาํ ไปใชจ้ ริง เศรษฐกิจพอเพยี ง 2. บอกความสมั พนั ธร์ ะหว่าง . ความพร้อมของระบบ . องคค์ วามรู้ทีเกิดขึนใหม่ ความมเี หตุผลความพอดี การขยายอาชีพตามปรัชญา และภูมคิ ุม้ กนั ทีนาํ ไปสู่การ ของเศรษฐกิจพอเพยี ง จดั ทาํ แผนธุรกจิ ของการ . ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง ขยายอาชีพ ความมีเหตุผล ความพอดี และ 3. บอกเหตุผลเชิงสมั พนั ธใ์ น ภมู คิ ุม้ กนั กบั การจดั ตาํ แหน่ง การใชค้ วามรอบรู้ เพือ ธุรกิจการขยายอาชีพ จดั การการตลาดและการ . เหตุผลเชิงสมั พนั ธใ์ น ผลติ การใชค้ วามรอบรู้ เพอื จดั การ 4. บ่งชีลกั ษณะการใช้ การตลาดและการผลิต คุณธรรมขบั เคลอื นธุรกิจ . สาระคุณธรรมทีใช้ ขบั เคลือนธุรกิจ . ผเู้ รียนนาํ ความรู้ทีสรุปจาก เอกสารหมายเลข ไป แลกเปลยี นเรียนรู้กบั ผรู้ ู้
ลกั ษณะบ่งชีความสําเร็จของ กจิ กรรม การวดั ผล ประเมนิ ผล 97 การเรียนรู้ สือการเรียนรู้ ผเู้ ชียวชาญและผปู้ ระกอบการ กบั ประสบการณ์ของตนเอง เป็ นความรู้ใหม่ . ผเู้ รียนนาํ ความรู้ใหม่ทีเกิด จากการบูรณาการมา ตรวจสอบ ทดลองปฏิบตั ิการ หาความรู้ ความจริงกบั ตนเอง . ผเู้ รียนดาํ เนินการประเมนิ ความเป็นไปไดใ้ นการ นาํ ไปใชจ้ ริง แลว้ สรุปเป็น องคค์ วามรู้ของตนเอง
98 เอกสารหมายเลข : ใบความรู้เรือง องค์ประกอบของระบบขยายอาชีพตามแนวคิดปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. ภาพรวมขององค์ประกอบระบบการขยายอาชีพตามแนวคดิ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ระบบต่างๆ ทวั ไปมกั จะประกอบดว้ ยการจดั ปัจจยั นาํ เขา้ กระบวนการดาํ เนินงานผลผลิต และการประเมนิ พฒั นา ดงั นนั การจดั ทาํ ระบบขยายอาชีพตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพือ พฒั นาเศรษฐกิจของผเู้ รียน ครอบครัวชุมชนใหม้ ีความพอเพียงไดด้ ว้ ยการนําเป้ าหมายความคิดของ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาอา้ งอิง ประยกุ ตเ์ ป็นระบบดาํ เนินการ ซึงมลี กั ษณะภาพรวมดงั นี ใชเ้ หตุผล ใชห้ ลกั ความ ใชห้ ลกั ภมู ิคมุ้ กนั สร้างความ ใชห้ ลกั คุณธรรม วิเคราะห์ปัญหา พอดีจดั ทาํ แผน วิเคราะหค์ วามเสียง รอบรู้ ขบั เคลือน ควบคุม ความตอ้ งการ ธุรกิจทีเหมาะสม ใหก้ บั ประเมนิ และพฒั นา ทปี ระเภทต่างๆ ตนเอง - ลกู คา้ แผนธุรกิจ การ - ผลิตภณั ฑ์ - ผลติ ภณั ฑ์ ขยายอาชีพ วเิ คราะหแ์ ละ แผนจดั การ ขบั เคลอื น เขา้ สู่ตลาด - ช่องทางตลาด จดั การความเสียง การตลาด - ทุน ดา้ นแผนกลยทุ ธ์ ธุรกิจ - ฐาน - องคค์ วามรู้ แกผานรจตดั ลกาาดร ลกู คา้ ขยายตวั การผลิต - พนั ธมติ ร ทางธุรกิจ เพมิ แผนภูมิ : แสดงระบบการขยายอาชีพตามแนวคดิ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จากแผนภูมขิ า้ งตน้ ทาํ ใหท้ ราบวา่ ระบบการขยายอาชีพตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีขนั ตอนดงั นี . ขันตอนการใช้เหตุผล วิเคราะห์ ปัญหาความตอ้ งการ ของการขยายอาชีพ เพือได้ ขอ้ มูลสารสนเทศทีเป็ นเหตุเป็ นผล ดว้ ยการศึกษาสาํ รวจ ตรวจสอบเหตุการณ์ สรุปจาํ แนกข้อมูลเชิง เหตุผลดา้ นต่างๆ เช่น ( ) ลกู คา้ ( ) คุณภาพผลิตภณั ฑ์ทีลกู คา้ ตอ้ งการ ( ) ช่องทางการตลาดเพือการจดั จาํ หน่าย ( ) ทุนทีมอี ยู่ ทงั เงินทุน อุปกรณ์ ทีดิน แรงงาน และองคค์ วามรู้ทีจะตอ้ งใช้ . ขนั ตอนการใช้หลกั ความพอประมาณความพอดี กาํ หนดแผนธุรกิจทีเหมาะสม ทาํ ไดจ้ ริง ตอ้ งการนาํ ขอ้ มลู เชิงเหตุและผลมาเป็นฐานในการคิด
99 . ขนั ตอนการใช้หลกั ภูมคิ ้มุ กนั สร้างความมนั คงลดความเสียงทีจะเกิดขึนกบั การขยาย อาชีพดว้ ยการวิเคราะห์ศกั ยภาพ เพือจดั การความเสียงกบั ผลการดาํ เนินงาน เช่น ( ) สภาวะแวดลอ้ ม ภายใน จุดอ่อน จุดแข็ง ของการดาํ เนินงานทีเกียวขอ้ งกบั ผลิตภณั ฑ์ ค่าใชจ้ ่ายต่างๆ ของกาํ ไร คู่แข่ง ส่วน แบ่งตลาด และสมรรถนะของธุรกิจ ( ) สภาวะแวดลอ้ มภายนอกดา้ นโอกาสและอุปสรรคทีเกียวขอ้ ง นโยบาย ของฝ่ ายปกครอง ค่แู ข่งขนั กฎหมายระเบียบต่างๆ . ขนั ตอนการใช้หลกั ความรอบรู้ เพอื วางระบบการจดั การการตลาดและการจดั การการ ผลิต ขนั ตอนนีเป็ นการกาํ หนดกิจกรรมและขนั ตอนดาํ เนินกิจกรรมเป็ นรายละเอียดของการทาํ งานที จะตอ้ งใหผ้ รู้ ่วมงานไดร้ ู้เท่ากนั ทุกฝ่ าย จึงมรี ายละเอยี ดของความรู้มากมายทีจะตอ้ งเรียนรู้ ทาํ ความเขา้ ใจ จดั เป็นเอกสารคู่มอื ดาํ เนินงาน . ขนั ตอนการใช้หลกั คุณธรรม เพือการขบั เคลือน ควบคุม ประเมินและพฒั นาผลได้ ทางธุรกิจทีมีลกั ษณะสงั คมชืนชมยนิ ดีและเป็นไปในทางทีตอ้ งการ
100 2. ความสัมพนั ธ์ ระหว่างความมเี หตุผล ความพอดี และภูมคิ ้มุ กนั เพอื นาํ ไปสู่การจดั ทําแผนธุรกจิ ของ การขยายอาชีพ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีความประสงคท์ ีจะใหป้ ระชาชนดาํ เนินการประกอบอาชีพ ไปอย่างมีเหตุผล มีความพอดี มีภูมิคุม้ กันให้ปลอดจากอันตราย ดังนันแผนพฒั นาธุรกิจจึงต้องมี ความสมั พนั ธก์ บั หลกั การดงั กล่าวดงั แผนภมู ิ เหตุผลทีทาํ ใหเ้ กิด แผนธุรกิจขยาย ความพอดีของ ผลสาํ เร็จของอาชีพ อาชีพ อาชีพ - ทุน วิสยั ทศั น์ ความถกู ตอ้ ง - ผลิตภณั ฑ์ พนั ธกิจ ความพอดีกบั ทีตอ้ งการ - ลกู คา้ กลยทุ ธ์ - ความสามารถของตนเอง ภูมคิ ุม้ กนั ใหป้ ลอด จากอนั ตราย - ความรู้ในจุดอ่อน จุดแขง็ โอกาสและอปุ สรรค ของธุรกิจ - ระวงั ความคาดหวงั ทีคิดว่าตนเองไปถึงและ ความกลา้ เผชิญหนา้ กบั สิงทีไมต่ อ้ งการใหเ้ กิด - ไมเ่ อาตวั เองเป็นศนู ยก์ ลาง ยดึ หลกั การทาํ งาน ร่วมกนั ทีใหท้ ุกคนรู้เท่ากนั จากแผนภมู ิดงั กล่าวทาํ ใหม้ องเห็นว่า การขยายหรือพฒั นาอาชีพจะตอ้ งเริมมาจากการใช้ ขอ้ มลู สารสนเทศของเหตุผล หรือสิงทีทาํ ใหเ้ กิดผลทางธุรกิจไดแ้ ก่ ทุน ลกู คา้ ผลติ ภณั ฑ์ และความสามารถ ของกลุ่มหรือบุคคลทีประกอบการอาชีพ มากาํ หนดวิสยั ทศั น์ พนั ธกิจ และกลยทุ ธด์ าํ เนินงานของแผนธุรกิจ ทีมีความถกู ตอ้ ง มคี วามเท่ากบั ความตอ้ งการ หรือความพอดีทีควรจะเป็ น โดยผปู้ ระกอบการอาชีพจะตอ้ ง เขา้ ถงึ จุดออ่ น จุดแขง็ โอกาสทีควรจะไดร้ ับและอุปสรรคต่างๆ ทีขวางหนา้ ไมค่ าดหวงั ทะเยอทะยานเกินตน มคี วามกลา้ ทีจะเผชิญหนา้ แกป้ ัญหากบั สิงทีไม่ตอ้ งการให้เกิด และยดึ หลกั การทาํ งานร่วมกนั ทีให้ทุกคน รู้เท่าทนั กนั ซึงเป็นภมู คิ ุม้ กนั ใชเ้ ป็นหลกั ในการกาํ หนดแผนพฒั นาธุรกิจ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161