Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นิราศภูเขาทอง

นิราศภูเขาทอง

Published by fonprem16, 2019-06-23 22:49:47

Description: เล่าถึงการเดินทางเพื่อไปนมัสการเจดีย์ภูเขาทองที่เมืองกรุงเก่า หรือจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน หลังจากจำพรรษาอยู่ที่วัดราชบูรณะหรือวัดเลียบ

Keywords: ภาษาไทย วรรณคดี

Search

Read the Text Version

นริ าศภูเขาทอง

สนุ ทรภู่ หรือ พระสนุ ทรโวหาร เกดิ วันท่ี ๒๖ มิถุนายน ๒๓๒๙ มีบตุ รชาย ช่ือ หนพู ัด ซึ่ง นามเดิมคอื ภู่ เกิดกับนางจนั ผเู้ ปน็ ภรรยา เป็นอาลกั ษณช์ าวไทย ที่มชี ื่อเสยี งเชงิ กวี เข้ารับราชการในสมัย ได้รับยกยอ่ งเป็นเชก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศ สเปยี รแ์ หง่ ประเทศไทย หล้านภาลยั (รชั กาลท่ี ๒)

ผลงานของสุนทรภู่ นริ าศ นทิ าน บทเหก่ ลอ่ ม วรรณกรรม บทละคร คาสอน ๙ เรอื่ ง ๕ เรือ่ ง ๔ เรือ่ ง ๒ เร่อื ง ๑ เร่ือง

นิราศเป็นงานประพันธ์ประเภทหนึ่ง นิราศ ของไทย มีมาต้ังแต่สมัยโบราณ คืออะไร ? นิราศเรื่องแรกของไทยน้ัน ได้แก่ โคลงนิราศหริภุญชัย เน้อื หาของนริ าศมักเปน็ การ ใชจ่ ะมที ร่ี กั สมคั รมาด คร่าครวญของกวีต่อสตรีอัน แรมนริ าศรา้ งมติ รพสิ มยั เ ป็ น ท่ี รั ก เ น่ื อ ง จ า ก ต้ อ ง พ ลั ด ซง่ึ ครวญครา่ ทาทีพริ พ้ี ไิ ร พรากจากนางมาไกล ตามนสิ ยั กาพยก์ ลอนแตก่ อ่ นมา ดงั เช่นที่สุนทรภู่แตง่ นริ าศภเู ขา อย่างไรก็ตาม นางในนิราศ ทองขณะ ทกี่ าลงั บวชอยู่ แต่ยงั มี ที่กวีกล่าวถึง อาจมีตัวตนจริง บทอาลัยถึงนางตามขนบนิราศ หรือไมจ่ รงิ กไ็ ด้ สังเกตจากบทประพันธ์ทา้ ยเรอื่ ง

วรรณคดีที่ไดร้ บั การ ดีเด่นทั้งด้าน อีกท้ังยังเป็นวรรณคดี ยกย่องว่าเป็นนิราศ ถ้ อ ย ค า แ ล ะ ซ่ึงถือเป็นแบบอย่างใน เร่อื งเอกของสุนทรภู่ สานวนโวหาร การแต่งนิราศในสมัย ต่อมาอีกด้วย นริ าศภูเขาทอง

ความเปน็ มาของ สุนทรภู่ แตง่ นิราศภเู ขาทองในรชั สมัยพระบาทสมเดจ็ นิราศภเู ขาทอง พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยู่หัว เม่อื ราวปลาย พ.ศ. ๒๓๗๓ โดยเลา่ ถงึ การเดินทางเพื่อไปนมสั การเจดีย์ภเู ขาทอง ที่เมืองกรุงเก่า หรือจังหวัดพระนครศรีอยุธยาใน ปัจจุบัน หลังจากจาพรรษา อยู่ที่วัดราช บูรณะ หรือวัดเลียบ

ลกั ษณะ นริ าศภเู ขาทอง แต่งดว้ ยคาประพันธป์ ระเภท คาประพันธ์ กลอนนริ าศ มีลกั ษณะคล้ายกลอนสุภาพ แตก่ ลอนนิราศจะข้นึ ตน้ ด้วยวรรครบั และเมื่อจะจบ เร่ืองใหค้ าสดุ ท้ายในวรรคสง่ จบด้วยคาวา่ “เอย” กลอนนริ าศ

ตวั อยา่ ง เดอื นสบิ เอด็ เสร็จธรุ ะพระวสา บทขึ้นต้น รบั กฐนิ ภญิ โญโมทนา ชลุ ีลาลงเรือเหลอื อาลัย บทลงท้าย จงทราบความตามจรงิ ทกุ ส่งิ สิ้น อย่านกึ นนิ ทาแถลงแหนงไฉน นกั เลงกลอนนอนเปลา่ กเ็ ศรา้ ใจ จึงร่าไรเรอ่ื งรา้ งเลน่ บา้ งเอย

เน้อื เร่อื งย่อ สุนทรภูเ่ ริ่มเรื่องดว้ ยการปรารภถงึ สาเหตทุ ต่ี อ้ งออกจากวัดราชบรู ณะและ การเดนิ ทางโดยเรือพรอ้ มหนพู ดั ซงึ่ เปน็ บตุ รชาย ลอ่ งไปตามลาน้าเจา้ พระยาผา่ นพระบรมมหาราชวัง จนมาถงึ วดั ประโคนปกั ผ่านโรงเหล้า บางจาก บางพลู บางพลัด บางโพ บ้านญวน วัดเขมา ตลาดแก้ว ตลาดขวัญ บางธรณี เกาะเกร็ด บางพูด บางเด่ือ บางหลวง เชงิ ราก สามโคก บา้ นงวิ้ เกาะใหญ่ราชคราม จนถงึ กรุงเกา่ เมอ่ื เวลาเยน็

เน้อื เร่อื งย่อ(ตอ่ ) โดยจอดเรือพักที่ท่าน้าวัดพระเมรุ คร้ันรุ่งเช้าจึงไปนมัสการเจดีย์ ภูเขาทอง ส่วนขากลับ สนุ ทรภกู่ ลา่ วแตเ่ พยี งว่า เมื่อถึงกรุงเทพฯ ไดจ้ อดเทยี บเรอื ที่ ทา่ นา้ หนา้ วดั อรณุ ราชวรารามราชวรมหาวหิ าร



เรอื่ งนา่ รู้ เกยี่ วกับเจดยี ภ์ เู ขาทอง เจดีย์ภูเขาทองเป็นโบราณสถานเก่าแก่ ตั้งอยู่กลางทุ่ง-ภูเขาทอง นอกเกาะเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกไปทางทิศ ตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ ๒ กิโลเมตร เป็นเจดีย์ย่อมุม ไม้สิบสองบนฐานส่ีเหลี่ยมี ขนาดใหญ่๔ ชั้น กว้าง ๘๐ เมตร ความสูง จากพน้ื ถึงยอด ๖๔ เมตร

สนั นิษฐานวา่ เจดยี ภ์ ูเขาทองสรา้ งขึน้ ในสมัยกรงุ ศรีอยุธยา ในรัชกาลสมเด็จพระราเม ศวรเมอื่ ประมาณ พ.ศ.๑๙๓๐แตไ่ มป่ รากฏหลกั ฐานวา่ มชี อ่ื เดมิ อยา่ งไร ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๑๑๒ ซ่งึ ตรงกับรชั กาลสมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชพระเจา้ บุเรงนอ้ งแห่งกรุงหงสาวดียกกองทพั เขา้ มาตี กรุงศรอี ยธุ ยาได้สาเรจ็ จงึ โปรดให้สร้างเจดีย์องคใ์ หญใ่ นแบบมอญขน้ึ ไวเ้ ป็นอนุสรณ์ แห่งชัย ชนะแล้วให้เรียกช่ือวา่ เจดีย์ภูเขาทอง ครัน้ ถึงรัชกาลสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั บรมโกศในพ.ศ.๒๒๘๗ เจดีย์ภูเขาทองพังทลายลง พระองค์จึงโปรดเกล้าฯให้ปฏิสังขรณ์และเปล่ียนรูปแบบองค์เจดีย์ใหม่ให้เป็นทรงย่อมุมไม้สิบ สองส่วนฐานเจดีย์ยังคงเป็นรูปทรงแบบมอญ หลังจากนั้นยังไม่พบ หลักฐานว่ามี พระมหากษัตรยิ พ์ ระองคใ์ ดในสมัยกรงุ ศรอี ยุธยาได้โปรดใหป้ ฏิสังขรณ์เจดียแ์ หง่ น้จี นเมอ่ื ต้นกรงุ รัตนโกสินทร์ในพ.ศ.๒๓๗๓ สุนทรภู่ได้เดินทางมานมัสการ พร้อมท้ังแต่งนิราศภูเขา ทองไว้ในครั้งนั้น

เดอื นสบิ เอด็ เสร็จธรุ ะพระวสา รับกฐินภญิ โญโมทนา ชุลลี าลงเรือเหลืออาลัย ถึงเดือน ๑๑ ซึ่งออกจากการจาพรรษาแล้ว เมื่อรับกฐินอย่างยินดีเสร็จแล้ว ก็ต้องลงเรือไป ดว้ ยความเศร้าโศก ออกจากวดั ทศั นาดูอาวาส เมือ่ ตรษุ สารทพระพรรษาไดอ้ าศัย สามฤดอู ยู่ดไี มม่ ภี ัย มาจาไกลอารามเมื่อยามเยน็ ออกจากวัดก็มองดวู ดั ทเ่ี คยอาศัยอยู่เมือ่ ปีท่ีผา่ นมา อีกท้งั ๓ ฤดูทอ่ี ยมู่ ากไ็ ม่มอี ะไรมากวนใจ

โอ้อาวาสราชบรุ ณะพระวิหาร แต่น้นี านนบั ทิวาจะมาเหน็ เหลือราลกึ นึกน่าน้าตากระเดน็ เพราะขุกเข็ญคนพาลมารานทาง อีกทั้งวัดราชบุรณะพระวิหารน้ีคงอีกนานกว่าจะได้มาเห็น นึกแล้วเศร้าใจย่ิงนักท้ังนี้เป็นเพราะมี คนพาลมารังแกใสร่ ้าย จะยกหยิบธิบดเี ป็นท่ตี ั้ง กใ็ ช้ถังแทนสดั เห็นขดั ขวาง จง่ึ อาลาอาวาสนิราศรา้ ง มาอา้ งวา้ งวิญญาณ์ในสาคร คิดจะให้ผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือท่านก็ไม่มีความยุติธรรม จึงต้องอาลาวัดไปจนต้องมาอ้างว้างอยู่ กลางสายนา้

ถึงหนา้ วังดังหนึ่งใจจะขาด คิดถงึ บาทบพิตรอดศิ ร โอผ้ ่านเกลา้ เจา้ ประคณุ ของสุนทร แต่ปางกอ่ นเคยเฝ้าทกุ เชา้ เยน็ ถึงหน้าวังก็เศร้าโศกมาก คิดถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยผู้ซึ่งมีพระคุณกับ สนุ ทรภ่อู ยา่ งมาก เมื่อกอ่ นเคยเขา้ เฝ้าพระองคอ์ ยา่ งใกลช้ ดิ และบ่อยคร้งั พระนพิ พานปานประหน่ึงศรี ษะขาด ด้วยไร้ญาตยิ ากแคน้ ถึงแสนเข็ญ ทัง้ โรคซา้ กรรมซัดวบิ ัติเปน็ ไม่เลง็ เหน็ ที่ซ่งึ จะพงึ่ พา เม่ือพระองค์สวรรคตก็เหมือนกับสุนทรภู่ตายไปด้วยเพราะไม่มีญาติหรือคนคอยช่วยเหลือ ชวี ิตจึงยากแคน้ แสนเข็ญ อกี ทง้ั มีโรคมกี รรมเขา้ มารมุ ลอ้ ม ไมเ่ หน็ ใครท่ีจะพึง่ พาได้

จงึ สร้างพรตอตสา่ ห์สง่ ส่วนบญุ ถวาย ประพฤติฝ่ายสมถะทั้งวสา เปน็ ส่ิงของฉลองคณุ มุลิกา ขอเป็นข้าเคียงบาททกุ ชาติไป จึงได้บวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่รัชกาลท่ี ๒ ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมตลอดเวลา เพื่อเป็นสง่ิ ทดแทนคณุ พระองค์ แมเ้ กิดชาตใิ ดใดก็ขอใหเ้ ปน็ ข้ารับใชพ้ ระองคต์ ลอดไป ถึงหน้าแพแลเหน็ เรือทีน่ ัง่ คดิ ถึงครัง้ ก่อนมาน้าตาไหล เคยหมอบรับกับพระจมืน่ ไวย แลว้ ลงในเรือที่น่งั บัลลังกท์ อง เม่ือถึงหน้าแพก็เห็นเรือพระท่ีน่ัง คิดถึงเม่ือก่อนก็เศร้าจนน้าตาไหล เคยหมอบกราบรัชกาล ท่ี ๒ กบั พระจม่นื ไวยซ่ึงเป็นเพื่อน แล้วกล็ งไปในเรือบลั ลังกท์ อง

เคยทรงแต่งแปลงบทพจนารถ เคยรบั ราชโองการอา่ นฉลอง จนกฐินสน้ิ แมน่ ้าในลาคลอง มไิ ดข้ ้องเคอื งขัดหัทยา เคยแตง่ แปลงบทความ เคยรบั ราชโองการอ่านในงานฉลอง จนเรือท่ีมาทอดกฐินหมดแล้วก็ยัง มิไดท้ าใหพ้ ระองค์ขัดใจแต่อยา่ งใด เคยหมอบใกล้ได้กล่ินสคุ นธ์ตรลบ ละอองอบรสร่ืนช่ืนนาสา สน้ิ แผ่นดนิ สิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิน้ เหมือนกลิน่ สุคนธ์ เคยหมอบกราบใกล้จนได้กล่ินหอมจากพระวรกาย กล่ินหอมนั้นหอมจนติดจมูก แต่เม่ือ พระองคส์ วรรคตกส็ นิ้ กล่ินหอมไปดว้ ย อีกทั้งยังเหมอื นวาสนาของสุนทรภกู่ ็ส้ินตามกล่ินไป

ดใู นวงั ยงั เห็นหอพระอัฐิ ต้ังสติเตมิ ถวายฝ่ายกุศล ทงั้ ป่ินเกลา้ เจ้าพิภพจบสากล ให้ผอ่ งพ้นภยั สาราญผา่ นบรุ นิ ทร์ มองไปในวงั ยงั เห็นหอทเ่ี กบ็ พระอฐั ขิ องรชั กาลที่ ๒ ก็ต้งั สตถิ วายสว่ นบญุ สว่ นกศุ ล ท้ังส่งส่วน กุศลไปใหร้ ัชกาลที่ ๓ ให้พ้นภยั ในการปกครองบ้านเมือง ถึงอารามนามวดั ประโคนปกั ไมเ่ หน็ หลกั ลอื เลา่ วา่ เสาหิน เปน็ สาคัญปนั แดนในแผน่ ดิน มิร้สู น้ิ สดุ ชอื่ ที่ลอื ชา ถึงวดั ประโคนปกั กม็ องไปไม่เหน็ เสาหินทล่ี อื กนั เปน็ เสาท่ีสาคัญในแผน่ ดนิ

ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย แมน้ มอดมว้ ยกลบั ชาติวาสนา อายยุ ืนหม่ืนเทา่ เสาศลิ า อยู่คู่ฟ้าดนิ ไดด้ ังใจปอง ถงึ จะไม่เหน็ กข็ อเดชะพระพุทธคณุ ชว่ ย ขอใหอ้ ายยุ นื หม่ืนๆปีดังเสาศิลา อย่คู ู่ฟา้ ดนิ ได้ตลอดไป ไปพน้ วดั ทัศนาริมทา่ น้า แพประจาจอดรายเขาขายของ มแี พรผา้ สารพัดสีมว่ งตอง ทง้ั สง่ิ ของขาวเหลอื งเครือ่ งสาเภา มองดูริมท่าน้า มีแพมาจอดขายของอยู่เรียงราย มีขายท้ังผ้าแพรสีม่วงและสีอ่ืนๆ ท้ังสิ่งของ ท่ีมาจากเมืองจีน

ถงึ โรงเหลา้ เตากลั่นควนั โขมง มีคันโพงผกู สายไวป้ ลายเสา โอ้บาปกรรมน้านรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนง่ึ บา้ เป็นน่าอาย ถึงโรงเหล้าก็มีควันออกมาจากเตากลั่นมากมาย มีเคร่ืองตักน้าผูกไว้ปลายเสา สุนทรภู่เคยด่ืม นา้ เหล้าจนเมาเหมือนคนบ้า ทาบุญบวชกรวดน้าขอสาเรจ็ พระสรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย ถงึ สรุ าพารอดไม่วอดวาย ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินกเ็ กินไป จึงได้บวชเพ่ือจะได้พ้นจากอบายมุข ขอให้ได้ตรัสรู้ดังพระพุทธเจ้า แต่เหล้าเคยทาให้รอดชีวิต ดงั น้ันจะเมินไปกเ็ กนิ ไป

ไม่เมาเหล้าแลว้ แตเ่ รายังเมารกั สุดจะหักหา้ มจติ คดิ ไฉน ถงึ เมาเหลา้ เช้าสายกห็ ายไป แต่เมาใจนปี้ ระจาทุกคา่ คืน ถึงจะไม่เมาเหล้าแต่ยังเมารักอยู่ หักห้ามจิตใจไม่ให้รักไม่ได้ การเมาเหล้าน้ันพอรุ่งขึ้นก็หายไป แตก่ ารเมารกั นจ้ี ะเปน็ ทุกๆคืน ถงึ บางจากจากวัดพลัดพ่นี ้อง มามวั หมองม้วนหน้าไม่ฝ่าฝนื เพราะรกั ใคร่ใจจดื ไม่ยืดยนื จาตอ้ งขืนใจพรากมาจากเมอื ง ......ถงึ บางจากไมอ่ ยากไดย้ นิ คาวา่ จาก เพราะสนุ ทรภจู่ ากหลายๆอยา่ งมา ตอ้ งมีใจมวั หมองเพราะ รกั น้นั ไมย่ นื ยาว จึงต้องจากเมืองพรากมา

ถงึ บางจากจากวดั พลัดพีน่ อ้ ง มามัวหมองม้วนหน้าไมฝ่ ่าฝืน เพราะรักใครใ่ จจดื ไมย่ ดื ยนื จาตอ้ งขนื ใจพรากมาจากเมอื ง ถงึ บางจากไมอ่ ยากไดย้ นิ คาวา่ จาก เพราะสนุ ทรภจู่ ากหลายๆอยา่ งมา ตอ้ งมใี จมวั หมองเพราะรกั นนั้ ไม่ยืนยาว จึงตอ้ งจากเมืองพรากมา ถงึ บางโพโอพ้ ระศรีมหาโพธิ ร่มนโิ รธรกุ ขมูลใหพ้ นู ผล ขอเดชะอานุภาพพระทศพล ให้ผ่องพ้นภยั สาราญผ่านบุรินทร์ ถงึ บางโพกค็ ดิ ถึงตน้ โพธิ์ ให้ร่มเงา ให้ความรม่ เย็นทั้งยังทาให้โคนต้นไม้งอกงามได้ ขอเดชะ ของพระพุทธเจ้า ให้พน้ ภัยพาลตลอดไป

ถึงบ้านญวนล้วนแตโ่ รงแลสะพร่งั มีขอ้ งขังกงุ้ ปลาไว้คา้ ขาย ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพรอ้ มเพรียงมาเมียงมอง ถึงบ้านญวนเห็นมีโรงเรือนมากมาย มีคนค้าขายของเช่นกุ้งหรือปลาโดยการขังไว้ในข้อง ข้างหน้าโรงวางทส่ี าหรับดักปลาวางเรยี งไว้ มที ั้งผู้หญิงและผู้ชายมาจบั จ่ายซื้อของ จะเหลียวกลบั ลับเขตประเทศสถาน ทรมานหมน่ ไหม้ฤทัยหมอง ถึงเขมาอารามอร่ามทอง พงึ่ ฉลองเลกิ งานเม่ือวานซืน จะมองกลบั ไปยังประเทศบา้ นเกิดกท็ รมานเหมือนโดนไฟสุมในใจ จิตใจก็หม่นหมอง ล่องเรือ มาจนถงึ วดั เขมา กร็ ูว้ า่ พ่ึงเลกิ งานฉลองไปเม่อื วานซนื

โอ้ปางหลงั ครั้งสมเดจ็ บรมโกศ มาผกู โบสถก์ ็ได้มาบูชาชน่ื ชมพระพิมพร์ มิ ผนังยงั ย่งั ยืน ทง้ั แปดหมื่นสี่พันได้วันทา คิดถึงเมื่อก่อนซึ่งรัชกาลที่ ๒ ได้มาตัดหวายลูกนิมิต ได้ชมพระพิมพ์ท้ัง ๘๔,๐๐๐ องค์ ซ่งึ เทา่ กับจานวนพระธรรมท่ีอยใู่ นพระไตรปิฎกท่ีอยู่ริมผนงั โอ้ครั้งนม้ี ิได้เหน็ เลน่ ฉลอง เพราะตวั ตอ้ งตกประดาษวาสนา เป็นบุญนอ้ ยพลอยนกึ โมทนา พอนาวาตดิ ชลเข้าวนเวยี น แต่ครั้งน้ีไม่ได้เห็นการเล่นฉลองเพราะสุนทรภู่ต้องหมดวาสนาและลาบาก เป็นเพราะบุญน้อยก็ นึกเศร้า แต่แลว้ เรอื กต็ ดิ น้าวน

ดนู ้าวิง่ กลงิ้ เช่ียวเป็นเกลยี วกลอก กลบั กระฉอกฉาดฉดั ฉวดั เฉวยี น บา้ งพลุง่ พลงุ่ วุ้งวงเหมอื นกงเกวียน ดูเวยี นเวียนควา้ งควา้ งเป็นหวา่ งวน มองเห็นน้าวิ่งเชี่ยวหมุนเป็นเกลียว พุ่งไปมาตัดกัน บางส่วนก็พุ่งวนเหมือนกงเกวียน ดูเวียนๆ เป็นเหมอื นพายวุ น ทั้งหวั ท้ายกรายแจวกระชากจว้ ง ครรไลลว่ งเลยทางมากลางหน โอ้เรอื พ้นวนมาในสาชล ใจยังวนหวังสวาทไมค่ ลาดคลา ท้ังหัวท้ายเรือได้รีบแจวเรือดังนั้นเรือจึงหลุดน้าวนออกมาได้ แต่ถึงเรือจะพ้นน้าวนมาแล้วแต่ใจ สุนทรภูก่ ็ยังไม่พน้ จากวงั วนของความรกั

ตลาดแก้วแล้วไม่เห็นตลาดตัง้ สองฟากฝ่ังกแ็ ตล่ ้วนสวนพฤกษา โอร้ นิ รินกลนิ่ ดอกไมใ้ กล้คงคา เหมอื นกลิ่นผา้ แพรดารา่ มะเกลอื ถึงตลาดแก้วแต่ไม่เห็นมีตลาดต้ังขายของทั้งสองฝั่งเห็นแต่ต้นไม้พืชพันธุ์ต่างๆ ได้กลิ่นดอกไม้ หอมไปเรอ่ื ยๆตลอดทางและกล่นิ เหมือนผา้ แพรทีย่ ้อมดว้ ยมะเกลอื เหน็ โศกใหญใ่ กล้น้าระกาแฝง ท้งั รักแซงแซมสวาทประหลาดเหลอื เหมอื นโศกพีช่ า้ ระกาเจือ เพราะรกั เรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย เห็นต้นโศกใหญ่และต้นระกาเป็นแผงแต่แปลกที่มีต้นรักขึ้นแซมอยู่ด้วย เหมือนความโศกเศร้า ระกาใจที่สนุ ทรภู่ต้องเปน็ เพราะรกั แม่จัน

ถงึ แขวงนนทช์ ลมารคตลาดขวัญ มีพว่ งแพแพรพรรณเขาคา้ ขาย ท้งั ของสวนลว้ นเรืออย่เู รยี งราย พวกหญิงชายประชุมกันทกุ วนั คืน ถึงจังหวัดนนทบุรีก็เห็นมีตลาดน้า มีแพอยู่ซ่ึงขายเส้ือผ้าเครื่องนุ่งห่ม มีทั้งเรือจอดอยู่เพ่ือขาย ผลไมจ้ ากสวนแท้ มีท้ังผหู้ ญิงผู้ชายมาประชมุ ซื้อของกนั อยทู่ กุ วันทกุ คืน มาถึงบางธรณีทวโี ศก ยามวิโยคยากใจใหส้ ะอื้น โอส้ ุธาหนาแนน่ เปน็ แผ่นพนื้ ถึงสหี่ มน่ื สองแสนทงั้ แดนไตร มาถึงหมู่บ้านบางธรณีก็โศกเศร้ามากข้ึนมาก เพราะตอนลาบากพาให้ใจสะอ้ืนมาก ทัง้ ท่ีแผ่นดินหนาขนาดสองแสนส่ีหมืน่ โยชน์

เมอ่ื เคราะหร์ ้ายกายเราก็เทา่ นี้ ไม่มที ่พี สธุ าจะอาศัย ล้วนหนามเหนบ็ เจ็บแสบคบั แคบใจ เหมอื นนกไร้รังเร่อยู่เอกา แต่เม่ือถึงคราวลาบากแม้แต่แผ่นดินก็ไม่มีที่อาศัย เหมือนโดนหนามเสียดแทงเจ็บแสบมาก เหมือนกบั นกไม่มรี ังทจี่ ะอาศัยตอ้ งเรร่ อ่ นไปเร่อื ยๆ ถงึ เกร็ดยา่ นบา้ นมอญแต่กอ่ นเก่า ผู้หญงิ เกล้ามวยงามตามภาษา เดีย๋ วนมี้ อญถอนไรจุกเหมอื นต๊กุ ตา ท้ังผดั หนา้ จับเขมา่ เหมอื นชาวไทย ถึงตาบลปากเกร็ดซ่ึงเป็นบริเวณท่ีชาวมอญอพยพมา ตามธรรมเนียมผู้หญิงมอญจะเกล้าผม แต่สมัยน้ีผู้หญิงมอญมาถอนไรผมเหมือนตุ๊กตา ท้ังยังใช้เครื่องสาอาง ใช้แป้งผัด หน้า ซึ่งเหมือนกบั ชาวไทย

โอ้สามัญผนั แปรไม่แท้เทีย่ ง เหมอื นอยา่ งเย่ยี งชายหญิงทิ้งวสิ ยั นห่ี รือจติ คดิ หมายมหี ลายใจ ท่ีจติ ใครจะเป็นหน่งึ อย่างพึงคดิ ทาให้เห็นได้ว่าสมัยน้ีทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีความเท่ียงแท้ เหมือนดังที่ชาวมอญละท้ิงประเพณี วัฒนธรรมของตนเองแล้วจะนบั ประสาอะไรกับจติ ใจของคน ซ่ึงไม่มใี ครมีใจเดียวแตม่ หี ลายใจ ถึงบางพดู พูดดีเปน็ ศรีศกั ดิ์ มคี นรกั รสถอ้ ยอรอ่ ยจิต แม้นพดู ช่วั ตัวตายทาลายมติ ร จะชอบผดิ ในมนุษยเ์ พราะพูดจา ถึงหมู่บ้านบางพูดสุนทรภู่ก็นึกถึงคาว่าพูด ดังว่า ถ้าใครพูดดีก็จะมีคนรัก แต่ถ้าพูดไม่ดีก็ อาจจะเป็นภัยต่อตนเองได้อีกทั้งยังไม่มีใครคบ ไม่มีเพื่อนสนิทมิตรสหาย ท้ังการจะดูว่าใครดี ไมด่ ีดูได้จากการพูด

ถึงบ้านใหม่ใจจติ กค็ ิดอ่าน จะหาบา้ นใหมม่ าดเหมือนปรารถนา ขอใหส้ มคะเนเถดิ เทวา จะได้ผาสกุ สวัสด์กิ าจัดภยั ถึงหมู่บ้านบ้านใหม่สุนทรภู่ก็คิดอยากจะได้บ้านซักหลังตามที่ต้องการโดยขอกับเทวดาให้สม ดังปรารถนา เพราะ การมีบ้านใหมจ่ ะไดม้ คี วามสุขและมที ีอ่ าศัยอยา่ งปลอดภัย ถึงบางเดอ่ื โอ้มะเดอื่ เหลือประหลาด บังเกดิ ชาตแิ มลงหว่ีมีในไส้ เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อปุ ไมยเหมือนมะเดือ่ เหลือระอา ถึงหมู่บ้านบางเด่ือก็คิดถึงลูกมะเด่ือท่ีภายนอกนั้นดูสวยงามน่ารับประทานแต่ภายในกลับมี แมลงมหี นอนชอนไชอยู่ เหมอื นกับคนพาลท่ีปากพูดดแี ตใ่ นใจคิดทาอันตราย

ถงึ บางหลวงเชงิ รากเหมือนจากรกั สเู้ สยี ศักด์สิ งั วาสพระศาสนา เป็นล่วงพน้ รนราคราคา ถงึ นางฟา้ จะให้ไมใ่ ยดี ถึงบางหลวงเหมือนจากนางจันมานานแล้วเราต้องสละจากยศถาบรรดาศักดิ์เพ่ือมาบวชเพื่อจะได้ พ้นจากกิเลสท้ังหลายท้งั ปวง ถงึ จะมนี างฟา้ มายว่ั ก็ไมส่ นใจ ถงึ สามโคกโศกถวลิ ถึงปน่ิ เกล้า พระพทุ ธเจา้ หลวงบารุงซึง่ กรงุ ศรี ประทานนามสามโคกเป็นเมอื งตรี ชือ่ ปทุมธานเี พราะมีบัว ถึงสามโคกก็คิดถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยซึ่งพระองค์ปกครองเมือง กรุงเทพฯ พระองค์ได้พระราชทานนามเมืองจากสามโคกซึ่งเป็นหัวเมืองช้ันสามเป็นเมือง ปทุมธานีเป็นเพราะมีบวั เยอะ

โอ้พระคุณสูญลบั ไมก่ ลับหลงั แต่ช่อื ตง้ั กย็ ังอยเู่ ขารทู้ ่ัว แต่เรานท้ี ีส่ ุนทรประทานตวั ไม่รอดชว่ั เช่นสามโคกย่ิงโศกใจ ถึงพระองคจ์ ะเสดจ็ สวรรคตไปแล้วแตช่ ่อื ปทมุ ธานคี งอยตู่ ลอดไป แต่ทาไมชื่อของสนุ ทรภชู่ อ่ื ขนุ สุนทรโวหารทไี่ ดร้ บั พระราชทานนามมาแตก่ ลบั ไมม่ ีชื่อในแผน่ ดินหลงั จากพระองค์สวรรคตเลย ซ่งึ ต่างกับปทมุ ธานี ส้นิ แผน่ ดนิ ส้นิ นามตามเสด็จ ตอ้ งเทย่ี วเตรด็ เตร่หาทอี่ าศัย แมน้ กาเนิดเกิดชาติใดใด ขอให้ได้เป็นขา้ ฝ่าธุลี สุนทรภู่ต้องเร่ร่อนหาที่อาศัยเพราะขณะนี้ไม่มีบ้าน สุนทรภู่ขอให้เกิดทุกชาติได้เป็นข้ารับใช้ พระองค์ตลอดไป

สน้ิ แผ่นดนิ ขอใหส้ ิ้นชีวติ บา้ ง อย่าร้รู า้ งบงกชบทศรี เหลอื อาลัยใจตรมระทมทวี ทุกวันนกี้ ็ซังตายทรงกายมา พอพระองค์สวรรคตสุนทรภู่ก็ขออยากตายตามบ้างเพื่อจะได้รับใช้และพึ่งพระองค์ เดี๋ยวนี้ ก็เศรา้ โศกใจทกุ ข์ระทมอย่างทวีคณู มาก ตอ้ งเร่ร่อนไปเรื่อยๆชีวติ ไมม่ ีจดุ มุ่งหมาย ถึงบ้านง้ิวเห็นแตง่ ้วิ ละล่วิ สงู ไม่มีฝูงสตั ว์สงิ ก่ิงพฤกษา ดว้ ยหนามดกรกดาษระดะตา นกึ ก็นา่ กลวั หนามขามขามใจ ถึงหมู่บ้านบ้านงิ้วก็เห็นมีแต่ต้นงิ้วซ่ึงไม่มีนกหรือสัตว์อ่ืนๆอยู่บนกิ่งเลยเพราะต้นงิ้วมีหนาม ขนึ้ อยู่มากมายนึกถงึ ก็นา่ กลัวหนาม

งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดงั ขวากแซมเสีย้ มแทรกแตกไสว ใครทาชู้คู่ท่านครนั้ บรรลยั ก็ตอ้ งไปปีนต้นนา่ ขนพอง เพราะถ้าโดนคงเจ็บมาก แต่ง้ิวในนรกยาวถึง ๑๖ ข้อนิ้วแหลมเหมือนกับไม้ไผ่เหลาทากับดัก ซงึ่ ใครมชี ูเ้ มือ่ ตายไปแล้วก็ต้องไปปนี ต้นง้วิ ในนรก เราเกดิ มาอายุเพยี งน้ีแล้ว ยงั คลาดแคลว้ ครองตัวไม่มวั หมอง ทกุ วนั นวี้ ิปริตผิดทานอง เจียนจะต้องปนี บ้างหรอื อยา่ งไร แต่สนุ ทรภูเ่ กดิ มาอายุมากแล้วแต่ยังครองตวั อยู่ในศีลธรรมไม่มีชู้ แตท่ กุ วันนี้ผู้คนวิปริตมีชู้กัน มากคงต้องไปปีนตน้ งว้ิ ในนรกกนั บา้ ง

โอ้คิดมาสารพดั จะตดั ขาด ตดั สวาทตดั รกั มยิ ักไหว ถวลิ หวังน่งั นกึ อนาถใจ ถึงเกาะใหญ่ราชครามพอยามเย็น ทั้งหมดทคี่ ดิ มานนั้ สนุ ทรภสู่ ามารถตดั ขาดไดแ้ ตก่ ารตดั ความรกั นน้ั ยากย่งิ นัก นั่งนกึ อนาถใจ ไปจนเยน็ กถ็ งึ เกาะใหญร่ าชคราม ดหู า่ งยา่ นบ้านช่องทงั้ สองฝ่ัง ระวังทัง้ สตั วน์ า้ จะทาเข็ญ เปน็ ท่อี ยผู่ รู้ า้ ยไมว่ ายเวน้ เทีย่ วซ้อนเรน้ ตีเรือเหลอื ระอา มองไปเหน็ บ้านเรอื นต่างๆอย่หู ่างจากสองฝั่งมาก ในที่น้ีต้องระวังจระเข้จะทาร้าย ท้ังท่ีน่ียังเป็น ทีอ่ ยูข่ องผรู้ า้ ยซ่ึงมาคอยดักตเี รอื สนุ ทรภู่คดิ แลว้ นา่ เบ่อื ยง่ิ นกั

พระสุริยงลงลับพยับฝน ดูมัวมนมดื มดิ ทกุ ทศิ า ถงึ ทางลัดตดั ทางมากลางนา ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเรีย้ ว เม่ือพระอาทติ ยต์ กกม็ เี มฆมดื ครม้ึ มาจนดมู ดื มวั ไปทุกทศิ ทกุ ทาง พายเรอื ถึงทางลัดซงึ่ เปน็ ทาง ตดั กลางนากเ็ ห็นมีตน้ แฝกต้นคาต้นแขมตน้ กกขึ้นปะปนกันอยู่มากมาย เป็นเงาง้านา้ เจ่งิ ดเู ว้ิงวา้ ง ทงั้ กว้างขวางขวัญหายไมว่ ายเหลียว เหน็ ดมุ่ ด่มุ หนุม่ สาวเสียงกราวเกรียว ล้วนเรือเพรียวพรอ้ มหนา้ พวกปลาเลย เงาของต้นพวกน้ีทอดลงน้าทาให้ดูเวิ้งว้างดูกว้างขวางเหลียวมองทีไรก็รู้สึกขวัญหายทุกที มองเห็นเงาของหญิงชายท้ังยังมีเสียงคุยกัน เรือของพวกเขาเพรียวเล็กและมีปลาอยู่บนเรืออีก ด้วย

เขาถ่อคลองวอ่ งไวไปเปน็ ยดื เรอื เราฝดื เฝือมานิจจาเอ๋ย ตอ้ งถ่อคา้ ร่าไปล้วนไมเ่ คย ประเดี๋ยวเสยสวบตรงเขา้ พงรก พวกเขาถ่อเรือคล่องแคล่วเดินทางไปอย่างรวดเร็ว แต่เรือของสุนทรภู่ไปช้ามากช่างน่าสงสาร ลูกศษิ ยท์ ต่ี ้องถอ่ เรอื อยา่ งเหน็ดเหนอื่ ยทงั้ ๆทไ่ี มเ่ คยเสน้ ทาง บางทเี รอื ก็เสยเขา้ พงหญา้ รกรุงรัง กลับถอยหลงั รัง้ รอเฝ้าถอ่ ถอน เรือขยอ้ นโยกโยนกระโถนหก เงียบสงดั สตั ว์ปา่ คณานก นา้ คา้ งตกพร่างพรายพระพายพดั จะถอยหลงั กถ็ อยยาก เรือก็โคลงจนกระโถนใสห่ มากหก พอเง่ียหฟู ังกไ็ มไ่ ดย้ นิ เสียงสตั วเ์ ลย สกั ตัว มแี ตน่ ้าคา้ งตกเพราะลมพดั

ไม่เห็นคลองต้องค้างอยกู่ ลางทงุ่ พอหยดุ ยงุ ฉู่ชมุ มารมุ กัด เปน็ กลุม่ กลุ่มกล้มุ กายเหมอื นทรายซัด ต้องนั่งปัดแปะไปมิได้นอน มองไปไม่เห็นคลองเลยต้องค้างอยู่กลางทุ่ง แต่พอหยุดเรือยุงก็มารุมกัดเจ็บเหมือนโดนทราย ซดั เลยไมไ่ ด้นอนเพราะตอ้ งนั่งปดั ยงุ แสนวติ กอกเอย๋ มาอา้ งวา้ ง ในทงุ่ กว้างเหน็ แต่แขมแซมสลอน จนดึกดาวพราวพรา่ งกลางอัมพร กระเรียนรอ่ นร้องก้องเมือ่ สองยาม สุนทรภู่รู้สึกอ้างว้างมาก มองไปในทุ่งกว้างเห็นมีแต่ต้นแขมขึ้นอยู่ปะปนกัน จนดึกก็มีดาวอยู่ กลางท้องฟา้ มีนกกระเรยี นบนิ รอ่ นและรอ้ งก้องเมื่อตอนเทย่ี งคนื

ทงั้ กบเขียดเกรยี ดกรดี จังหรดี เรื่อย พระพายเฉอ่ื ยเฉอ่ื ยฉิววะหววิ หวาม วังเวงคิดจติ คะนงึ ราพงึ ความ ถึงเมอื่ ยามยงั อดุ มโสมนสั มีเสียงกบเขียดร้องเรื่อยๆ มีลมพัดเฉ่ือยๆ สุนทรภู่รู้สึกวังเวงก็คิดราพึงเม่ือตอนมี ยศถาบรรดาศักดิ์ สารวลกบั เพอ่ื นรักสะพรกั พรอ้ ม อยูแ่ วดลอ้ มหลายคนปรนนบิ ัติ โอย้ ามเขญ็ เห็นอยู่แตห่ นูพดั ช่วยนั่งปัดยุงใหไ้ ม่ไกลกาย ได้หวั เราะเฮฮากบั เพอ่ื น มคี นคอยปรนนิบัติรับใช้ แต่ยามลาบากเห็นแต่หนูพัดลูกชายคอยช่วย นงั่ ปดั ยุงให้

จนเดือนเด่นเหน็ เหล่ากระจบั จอก ระดะดอกบัวเผ่ือนเมอ่ื เดือนหงาย เหน็ ร่องน้าลาคลองท้ังสองฝ่าย ขา้ งหนา้ ทา้ ยถอ่ มาในสาคร จนพระจันทร์ขึ้นก็เห็นต้นกระจับจอก มีดอกบัวเผ่ือนข้ึนมากเมื่อคืนเดือนหงาย มองเห็นคลอง ทัง้ สองดา้ นหวั ท้ายเรอื กร็ บี ถอ่ เรอื ลงคลอง จนแจ่มแจ้งแสงตะวนั เหน็ พันธผุ์ กั ดนู ่ารกั บรรจงส่งเกสร เหลา่ บวั เผ่อื นแลสล้างริมทางจร ก้ามกุ้งซ้อนเสียดสาหรา่ ยใตค้ งคา จนพระอาทิตย์ข้ึนก็เห็นพันธุ์ผักดูน่ารักส่งเกสรแก่กัน มีบัวเผื่อนอยู่สองข้างทางที่เรือพายไป มตี ้นก้ามกุ้งขึ้นอยู่กบั สาหร่ายใต้นา้

สายติ่งแกมแซมสลับต้นตับเตา่ เป็นเหล่าเหล่าแลรายท้งั ซ้ายขวา กระจับจอกดอกบัวบานผกา ดาษดาดูขาวดังดาวพราย มีต้นสายต่ิงข้นึ สลบั กับต้นตบั เตา่ เป็นกลุ่มๆมองไปเหมือนกบั ดาวบนทอ้ งฟา้ โอ้เช่นนสี้ กี าได้มาเหน็ จะลงเล่นกลางทุ่งเหมือนม่งุ หมาย ท่ีมีเรือนอ้ ยนอ้ ยจะลอยพาย เท่ยี วถอนสายบัวผันสันตะวา เหล่านี้ถ้าผู้หญิงไดม้ าเหน็ กค็ งจะลงเล่นกลางทุ่ง ทีม่ เี รือก็คงจะพายไปเก็บสายบัว

ถึงตัวเราเล่าถ้ามโี ยมหญงิ ไหนจะนงิ่ ดดู ายอายบุปผา คงจะใชใ้ ห้ศิษยท์ ่ีตดิ มา อุตสา่ ห์หาเอาไปฝากตามยากจน ถ้าสุนทรภู่มีโยมผู้หญิงก็คงไม่น่ิงเฉยให้อายดอกไม้ คงจะใช้ให้ศิษย์ไปเก็บของฝากเท่าที่ทา ไดใ้ นตอนนี้ นี่จนใจไมม่ ีเทา่ ขีเ้ ลบ็ ขเี้ กยี จเกบ็ เลยทางมากลางหน พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุรยิ น ถึงตาบลกรงุ เก่ายง่ิ เศร้าใจ แต่นี่จนใจไม่มีผู้หญิงสักคน ข้ีเกียจเก็บจึงเลยมา พอมีแสงอ่อนๆของพระอาทิตย์ก็ถึงกรุงศรี อยุธยา สนุ ทรภรู่ ู้สกึ เศร้าใจ

มาทางทา่ หนา้ จวนจอมผู้รงั้ คดิ ถึงคร้งั กอ่ นมาน้าตาไหล จะแวะหาถา้ ทา่ นเหมือนเม่ือเป็นไวย กจ็ ะได้รับนมิ นต์ขนึ้ บนจวน เม่ือถึงหน้าจวนของเพ่ือนของสุนทรภู่ สุนทรภู่ก็คิดถึงเมื่อก่อนจนน้าตาไหล สุนทรภู่ตั้งใจจะ แวะหาถ้ายงั เหมือนเม่ือก่อนกค็ งจะได้รับนิมนตข์ ึ้นบนจวน แตย่ ามยากหากว่าถา้ ท่านแปลก อกมแิ ตกเสียหรือเราเขาจะสรวล เหมอื นเขญ็ ใจใฝส่ งู ไมส่ มควร จะต้องม้วนหนา้ กลบั อปั ระมาณ แต่ถ้าหากว่าท่านแปลกไปก็คงจะโดนหัวเราะเยาะจะต้องอายมาก รู้สึกไม่กล้าใฝ่สูงเป็นเพื่อนได้ จึงได้เดนิ ทางต่อไปยงั เจดียภ์ ูเขาทอง

มาจอดท่าหน้าวดั พระเมรุขา้ ม ริมอารามเรือเรียงเคยี งขนาน บา้ งขน้ึ ล่องร้องราเลน่ สาราญ ท้ังเพลงการเกยี้ วแก้กันแซ่เซ็ง จอดเรือที่ข้างวัดพระเมรุซึ่งริมวัดมีเรือจอดเรียงอยู่ บางลามีคนร้องเล่นเต้นสาราญ บาง ลา ก็ร้องเพลงเกี้ยวกนั บ้างฉลองผ้าป่าเสภาขับ ระนาดรบั รวั คล้ายกับนายเส็ง มโี คมรายแลอร่ามเหมอื นสามเพง็ เมื่อคราวเคร่งก็มิใครจ่ ะได้ดู บางลาฉลองผ้าป่าด้วยการขับเสภา ท้ังยังมีคนตีระนาดซ่ึงตีเก่งเหมือนนายเส็ง (คนเก่งระนาด สมยั สนุ ทรภู่) มีโคมแขวนอยเู่ รียงรายเหมือนอย่สู ามเพง็ เม่ือคราวเคร่งในพระศาสนาก็ไม่ไดด้ ู

ไอ้ลาหนง่ึ คร่ึงทอ่ นกลอนมันมาก ชา่ งยาวลากเลอื้ ยเจ้อื ยจนเหน่ือยหู ไมจ่ บบทลดเลีย้ วเหมือนเงย้ี วงู จนลูกคขู่ อทุเลาว่าหาวนอน มีเรอื ลาหน่ึงกลอนมันมาก รอ้ งกลอนยากลากเล้ือยฟังแล้วเหน่ือยหู กลอนลดเล้ียวเหมือนทาง งู จนลูกค่บู อกวา่ ง่วงนอน ได้ฟงั เล่นตา่ งต่างทีข่ ้างวัด ดกึ สงัดเงียบหลบั ลงกับหมอน ประมาณสามยามคลา้ ในอัมพร อา้ ยโจรจรจจู่ ว้ งเข้าลว้ งเรือ ได้ฟงั การละเล่นต่างๆท่ีข้างวัดพอดึกกน็ อน ประมาณสามยามกม็ โี จรข้นึ เรอื

นาวาเอียงเสยี งกกุ ลกุ ข้ึนร้อง มนั ดาลอ่ งน้าไปช่างไวเหลอื ไมเ่ ห็นหน้าสานุศิษยท์ ีช่ ดิ เชอ้ื เหมือนเน้ือเบอ้ื บา้ เลอะดเู ซอะซะ พอมีเสียงกุกกักสุนทรภู่ก็ลุกขึ้นโวยวาย โจรก็รีบดาน้าไปอย่างว่องไว มองไปไม่เห็นหน้าลูก ศษิ ย์กร็ ู้สกึ ทาอะไรไมถ่ กู ด้วยความกลัว แตห่ นพู ัดจดั แจงจดุ เทยี นสอ่ ง ไม่เสยี ของขาวเหลืองเคร่อื งอฏั ฐะ ด้วยเดชะตบะบญุ กบั คุณพระ ชยั ชนะมารไดด้ งั ใจปอง แต่หนูพัดจุดเทียนส่องดูว่ามีอะไรหายไปบ้าง แต่ไม่มีเลยแม้แต่เครื่องอัฐบริขาร ทั้งน้ีด้วยเดชะ ตบะบุญและคุณพระท่ีคุ้มครอง ทาให้ชนะมารได้

ครั้นรุ่งเชา้ เป็นวนั อุโบสถ เจรญิ รสธรรมาบชู าฉลอง ไปเจดยี ์ที่ชื่อภเู ขาทอง ดสู งู ล่องลอยฟ้านภาลัย ......วันร่งุ ข้ึนจะเปน็ วันพระซึง่ จะไดบ้ ูชาพระธรรม ได้ไปเจดีย์ภูเขาทองซึง่ ดสู ูงเสยี ดฟ้า อยู่กลางทุ่งร่งุ โรจนส์ ันโดษเด่น เปน็ ทเ่ี ลน่ นาวาคงคาใส ทพี่ นื้ ลานฐานบทั ม์ถดั บนั ได คงคาลยั ลอ้ มรอบเป็นขอบคัน ......อยู่กลางทุ่งดูโดดเด่นมีน้าใสอยู่รอบๆที่ฐานพื้นที่เป็นรูปกลีบบัวถัดจากบันไดมีน้าไหล ล้อมรอบเปน็ ขอบ

มเี จดีย์วหิ ารเป็นลานวดั ในจงั หวดั วงแขวงกาแพงกนั้ ท่ีองคก์ อ่ ย่อเหลย่ี มสลบั กัน เป็นสามชน้ั เชงิ ชานตระหงา่ นงาม ......มีเจดีย์มีวิหารท่ีลานวัด มีกาแพงกั้นอยู่ องค์เจดีย์ย่อเหล่ียมไม้ ๑๒ มุมอย่างสวยงาม มี เป็นสามช้นั อย่างงดงาม บนั ไดมีสดี่ ้านสาราญร่ืน ตา่ งชมช่ืนชวนกนั ขึ้นชน้ั สาม ประทกั ษณิ จินตนาพยายาม ได้เสรจ็ สามรอบคานับอภวิ ันท์ ......บันไดมี ๔ ด้าน คณะของสุนทรภู่ชวนกันขึ้นไปชั้น ๓ ตั้งใจเดินวนขวา ๓ รอบจนครบก็ กราบเจดีย์

มหี อ้ งถ้าสาหรบั จดุ เทียนถวาย ดว้ ยพระพายพัดเวียนอยู่เหียนหนั เปน็ ลมทกั ษิณาวรรตน่าอัศจรรย์ แต่ทุกวนั นี้ชราหนกั หนานกั ......มีหอ้ งทเี่ ปน็ ถ้าสาหรบั จดุ เทยี นเพราะลมจะพัดแรงพาธปู เทยี นดับ ตอนนน้ั บงั เกิดส่ิงอศั จรรย์ มีลมพดั เวยี นขวาราวกบั จะเวียนเทียนดว้ ย ทกุ วนั น้พี ระเจดีย์เก่าและทรดุ โทรมมาก ทัง้ องคฐ์ านรานร้าวถงึ เกา้ แฉก เผยอแยกยอดทรุดก็หลดุ หัก โอเ้ จดยี ท์ ่ีสรา้ งยังร้างรกั เสยี ดายนกั นกึ นา่ นา้ ตากระเด็น ......ทฐี่ านรา้ วถงึ เกา้ แฉก ท่ยี อดก็หกั องคพ์ ระเจดียก์ ็ทรุด เป็นเพราะเจดยี ไ์ ม่มีคนคอยดูแล นกึ แลว้ เสยี ดายจนน่ารอ้ งไห้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook