Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนฯ NEW EXPRESS ENGLISH ป3 ฮากัม

แผนฯ NEW EXPRESS ENGLISH ป3 ฮากัม

Published by hakam1tuan, 2022-02-19 13:31:53

Description: แผนฯ NEW EXPRESS ENGLISH ป3 ฮากัม

Search

Read the Text Version

2

s NEW EXPRESS ENGLISH เป็นชุดการเรียนการสอนท่ีมุ่งส่งเสริมการเรียน ภาษาเพ่ือการสื่อสาร การใชภ้ าษาเป็นเคร่ืองมือสาคญั ในการศึกษา การแสวงหาความรู้ การประกอบอาชีพและการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนที่ทาให้ผูเ้ รียนได้เรียนรู้ชีวิต ความเป็ นอยู่และวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา มองเห็นความแตกต่างระหว่างชีวิต ความเป็ นอยู่และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย สามารถนาไปใช้ได้อย่าง เหมาะสม รวมท้งั มีเจตคติท่ีดีต่อการใชภ้ าษาตา่ งประเทศตามแนวหลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ผเู้ รียบเรียงไดก้ าหนดและควบคุมการนาเสนอ คาศพั ทแ์ ละไวยากรณ์ใหม้ ีความยากเพมิ่ ข้ึนทีละนอ้ ย โดยเนน้ ใหผ้ ูเ้ รียนสามารถเลือกใช้ คาศพั ท์และไวยากรณ์ไดเ้ พียงพอที่จะนาไปใช้ส่ือสารกับบุคคลต่าง ๆ ไดใ้ นชีวิตจริง ตามระดบั ความสามารถและระดบั ช้นั ของผเู้ รียน NEW EXPRESS ENGLISH เป็นชุดการเรียนการสอนซ่ึงเหมาะสาหรับผูท้ ี่ เริ่มเรียนภาษาองั กฤษ มีท้งั หมด 6 ระดบั ผเู้ รียนจะไดป้ ระสบการณ์ทางภาษาเกี่ยวกบั เร่ืองตา่ ง ๆ รอบ ๆ ตวั ท่ีตนเองมีความคุน้ เคย บทเรียนทุก ๆ บทจะประกอบด้วยบทสนทนา กิจกรรม และแบบฝึ กหัดท่ี เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ผเู้ รียนจะมีโอกาสฝึกคิด ซ่ึงมีท้งั การคิดอยา่ งมีข้นั ตอน คิดอยา่ งมี วจิ ารณญาณ คิดเชิงสร้างสรรคแ์ ละฝึกถ่ายทอดความคิดเป็ นรูปภาษาจนเกิดความมน่ั ใจและ คุน้ เคยกบั การใชภ้ าษา ท้งั น้ีการฝึกจะเป็นไปในหลายรูปแบบ มีท้งั การฝึกเด่ียว ฝึกคู่และฝึก เป็นกลุ่มอนั เป็ นหวั ใจสาคญั ในการจดั การเรียนการสอนและการเรียนรู้ นอกจากน้นั ผจู้ ดั ทายงั ไดจ้ ดั ทาแบบทดสอบทา้ ยหน่วยไวใ้ หท้ ุกหน่วยการเรียนรู้ เพื่อใชใ้ นการประเมินวา่ ผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้มากนอ้ ยเพยี งใดในแตล่ ะหน่วย โดยแสดงผล ออกมาเป็ นคะแนน คณะผเู้ รียบเรียงและผจู้ ดั ทาชุดการเรียนการสอนชุดน้ีลว้ นเป็นผทู้ ี่มีประสบการณ์ ในการสอนภาษาองั กฤษในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงของประเทศมาแลว้ เป็นเวลานาน ทุกทา่ น ไดป้ ระมวลประสบการณ์ของทา่ นมาจดั ทาเป็ นชุดการเรียนการสอน NEW EXPRESS ENGLISH ข้ึน เพ่ือใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุดตอ่ ผูเ้ รียนและผสู้ อน สถาบันพฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.) 3

การจดั หน่วยการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ 4 ตารางแสดงความสอดคลอ้ งกบั สาระ มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และ สาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศในหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา 5 ข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ของแผนการจดั การเรียนรู้ NEW EXPRESS ENGLISH 3 ตารางแสดงการส่งเสริมใหเ้ กิดสมรรถนะสาคญั ของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 6 NEW EXPRESS ENGLISH 3 เพื่อพฒั นาคุณภาพของผเู้ รียนตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 6 ตารางแสดงการส่งเสริมใหเ้ กิดคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 7 NEW EXPRESS ENGLISH 3 เพ่อื พฒั นาคุณภาพของผเู้ รียนตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา 8 ข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 11 บทนา (Introduction) 14 เทคนิคการสอนภาษาองั กฤษ 24 หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ Backward Design 27 การจดั กิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือพฒั นาผเู้ รียนใหม้ ีความรู้ และคุณธรรมตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 28 โครงสร้างการจดั หน่วยการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ 39 สาระการเรียนรู้พ้นื ฐานภาษาองั กฤษ ภาคเรียนท่ี 1, 2 48 แผนการจดั การเรียนรู้สาหรับหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 59 แผนการจดั การเรียนรู้สาหรับหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 70 แผนการจดั การเรียนรู้สาหรับหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 82 แผนการจดั การเรียนรู้สาหรับหน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 92 แผนการจดั การเรียนรู้สาหรับหน่วยการเรียนรู้ที่ 5 101 แผนการจดั การเรียนรู้สาหรับหน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 114 แผนการจดั การเรียนรู้สาหรับหน่วยการเรียนรู้ที่ 7 124 แผนการจดั การเรียนรู้สาหรับหน่วยการเรียนรู้ที่ 8 Let’s sing a song (เน้ือเพลง 44 เพลง สาหรับใชจ้ ดั กิจกรรมการเรียนรู้) เกณฑก์ ารประเมินแบบ Rubrics ตามเป้าหมายการเรียนรู้และแบบประเมิน 4

การจัดหน่วยการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ สาระการเรียนรู้พืน้ ฐานภาษาองั กฤษ ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 3 เวลา 80 ช่ัวโมง คาอธิบายรายวชิ า หน่วยการเรียนรู้ ศึกษาคาสัง่ คาขอร้องที่ใชใ้ นหอ้ งเรียน Unit 1 : Friends การอา่ นออกเสียง คา กลุ่มคา ประโยคเดี่ยว และ - Greeting and introducing someone บทพดู เขา้ จงั หวะ และการสะกดคา ตามหลกั การ - Getting to know people from อ่านออกเสียง ศึกษาวงคาศพั ทส์ ะสม ที่เป็น other countries รูปธรรม ประมาณ 350-450 คา และการใช้ Unit 2 : My meals พจนานุกรม การเลือก หรือระบุภาพใหต้ รงกบั - Talking about healthy food ความหมายของคา กลุ่มคาและประโยคเดี่ยว Unit 3 : Whose purse is it? เก่ียวกบั ตนเอง ครอบครัว โรงเรียน สิ่งแวดลอ้ ม - Talking about possession ใกลต้ วั อาหาร เคร่ืองด่ืม และนนั ทนาการ การ Unit 4 : What are you doing? ตอบคาถามจากการฟังประโยคสนทนา หรือ - Talking about activities and นิทานง่าย ๆ ท่ีมีภาพประกอบ การพูดโตต้ อบ daily routines ดว้ ยคาตอบส้ัน ๆ ง่าย ๆ การสื่อสารระหวา่ งบุคคล Unit 5 : Telling the time ไดแ้ ก่ การกล่าวทกั ทาย ,กล่าวลา,ขอบคุณ,ขอโทษ - Asking and answering what oneis การใชป้ ระโยคหรือขอ้ ความท่ีใชแ้ นะนาตนเอง doing at a particular time การใชค้ าสงั่ คาขอร้องง่าย ๆ ท่ีใชใ้ นหอ้ งเรียน - Talking about different time in การใชค้ าศพั ท,์ สานวนภาษาและประโยคท่ีใช้ each country บอกความตอ้ งการหรือการพูดขอและใหข้ อ้ มูล Unit 6: Free time ง่าย ๆ เกี่ยวกบั ตวั เองและเร่ืองใกลต้ วั คา และ - Talking about sports andhobbies ประโยคที่ใชแ้ สดงความรู้สึกเก่ียวกบั สิ่งตา่ ง ๆ Unit 7: Places around me ใกลต้ วั หรือกิจกรรมตา่ ง ๆ คาและประโยคที่ใช้ - Asking and answering about ในการพูดใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง บุคคลใกลต้ วั people’s destination และเร่ืองใกลต้ วั คา กลุ่มคาที่มีความหมายเก่ียวกบั - Asking and answering about บุคคล สตั วแ์ ละส่ิงของ การพดู และทาทา่ ประกอบ location of places ตามมารยาทสงั คม วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา Unit 8: Home sweet home คาศพั ทเ์ ก่ียวกบั เทศกาล วนั สาคญั งานฉลอง และ - Asking and answering about ชีวติ ความเป็ นอยขู่ องเจา้ ของภาษา การเขา้ ร่วม location of things in the house กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรม การเปรียบเทียบ ความแตกต่างของเสียงตวั อกั ษร คา กลุ่มคา และ ประโยคของภาษาต่างประเทศ และภาษาไทย 5

คาอธิบายรายวชิ า หน่วยการเรียนรู้ การคน้ ควา้ การรวบรวม และการนาเสนอคาศพั ท์ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน การใช้ ภาษาในการฟังและพดู /อ่านในสถานการณ์ท่ี เกิดข้ึนในหอ้ งเรียนและสถานศึกษา การใช้ ภาษาต่างประเทศในการสืบคน้ และการรวบรวม คาศพั ทท์ ี่เก่ียวขอ้ งใกลต้ วั จากสื่อและแหล่งการ เรียนรู้ตา่ ง ๆ โดยใชท้ กั ษะและกระบวนการทางภาษา เนน้ การฟัง-พูด ใชป้ ระโยคคาเดียว (One Word Sentence) ประโยคเด่ียว (Simple Sentence) ในการสนทนา โตต้ อบตามสถานการณ์ในชีวติ ประจาวนั เพือ่ ใหม้ ีความรู้ ความเขา้ ใจ และมีทกั ษะใน การส่ือสารทางภาษา สามารถแลกเปล่ียนขอ้ มูล ข่าวสารแสดงความรู้สึก แสดงความคิดเห็น ได้ อยา่ งเหมาะสมกบั วยั เห็นความสาคญั ของการ เรียนภาษาองั กฤษ เป็นผใู้ ฝ่ เรียนรู้ แสวงหาความรู้ ไดด้ ว้ ยตนเอง รักความเป็ นไทย ดาเนินชีวิตอยใู่ น สงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสุข 6

7

องคป์ ระกอบของแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ NEW EXPRESS ENGLISH จะมี เน้ือหาสัมพนั ธ์กนั ตลอดท้งั หน่วย โดยมีการเพิ่มระดบั ความยากง่าย และความซบั ซอ้ นข้ึนทีละนอ้ ย องคป์ ระกอบของแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ท่ีกล่าวมามีดงั น้ี เป็นการเร่ิมตน้ บทเรียนดว้ ยบทสนทนาที่ผเู้ รียนจะสามารถนาไปใชส้ ื่อสารในสถานการณ์จริงไดห้ รืออาจ เป็นขอ้ ความส้ัน ๆ เพอื่ กระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนเกิดความสนใจในส่ิงที่กาลงั จะเรียนในหน่วยการเรียนรู้น้นั ๆ ท้งั น้ีผเู้ รียน จะไดฟ้ ังบทสนทนาจากซีดีเสียงท่ีผสู้ นทนาเป็นเจา้ ของภาษา (native speaker) ไดฝ้ ึกทกั ษะการฟัง การทาความ เขา้ ใจกบั เร่ืองที่ฟัง จากน้นั กจ็ ะไดฝ้ ึกพดู เป็นคู่ รวมท้งั เป็ นกลุ่ม นาเสนอรูปภาษาท่ีมีคาศพั ท์ (lexicon) และไวยากรณ์ (grammar) ซ่ึงสมั พนั ธ์กบั รูปภาษาที่ผเู้ รียนไดพ้ บ แลว้ ใน FIRST TRY โดยอาจมีการนาเสนอคาศพั ทแ์ ละไวยากรณ์เพม่ิ เติมหรือซบั ซอ้ นข้ึน จากท่ีผเู้ รียนพบแลว้ ใน FIRST TRY ท้งั น้ีผเู้ รียนจะไดม้ ีโอกาสในการฝึกพดู เป็นคู่ รวมท้งั เป็ นกลุ่ม เช่นเดียวกบั ในช่วง FIRST TRY เน้ือหาในส่วนน้ีจะเป็นการสรุปคาศพั ทแ์ ละไวยากรณ์ในส่วน FIRST TRY และ STUDY MORE ในรูป ของแผนภูมิและคาอธิบาย เพือ่ ใหง้ ่ายแก่การทบทวนของผเู้ รียนและเอ้ือใหผ้ ูเ้ รียนสามารถนาไปใชส้ ื่อสารใน สถานการณ์จริงในข้นั ต่อ ๆ ไป ในส่วนน้ี ผเู้ ขียนไดน้ าคาศพั ทแ์ ละไวยากรณ์จากส่วน FIRST TRY และ STUDY MORE มานาเสนออีก คร้ัง โดยใหผ้ เู้ รียนฝึกอา่ นบทสนทนา หรือขอ้ ความส้นั ๆ เป็นการเสริมความรู้ใหก้ บั ผเู้ รียน และฝึกใหเ้ คยชินกบั การนาทกั ษะภาษาองั กฤษไปแสวงหาความรู้ ในบางหน่วยการเรียนรู้มีการนาเสนอคาศพั ทเ์ พิ่มเติมให้อีก ภายใต้ กรอบ NEW WORDS ท้งั น้ีผเู้ รียนจะไดร้ ับความสนุกสนานจากการอา่ นเร่ืองสนุก ๆ และไดพ้ ฒั นาทกั ษะการอ่าน ไปพร้อม ๆ กนั ดว้ ย กิจกรรมลกั ษณะตา่ ง ๆ ในส่วนน้ี จะเปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึกคิดแบบตา่ ง ๆ โดยไดท้ บทวนคาศพั ท์ และ โครงสร้างประโยคท่ีไดเ้ รียนไปแลว้ ไปพร้อม ๆ กนั ดว้ ย เพ่ือทากิจกรรมที่กาหนดใหใ้ นส่วนน้ีใหป้ ระสบความสาเร็จ 8

เป็นกิจกรรมสนุก ๆ เสริมต่อจากกิจกรรมในส่วน LET'S THINK ซ่ึงจะเช่ือมโยงกบั ชีวติ จริงของผเู้ รียน มากข้ึน โดยเช่ือมโยงกบั สาระการเรียนรู้อื่น ๆ ดว้ ย นอกจากน้นั ยงั เปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนรู้วฒั นธรรมของ เจา้ ของภาษาเพ่ือใหเ้ ขา้ ใจและสามารถใชภ้ าษาองั กฤษไดล้ ึกซ้ึงข้ึน ผเู้ รียนจะมีโอกาสใชภ้ าษาองั กฤษส่ือสารกบั เพอ่ื น ๆ เพอ่ื ทางานเป็นกลุ่ม และไดแ้ สดงความสามารถทางดา้ นทกั ษะการเขียนเพมิ่ ข้ึนอีก โดยผเู้ รียนจะได้ ประเมินวา่ ตนเองมีความสาเร็จมากนอ้ ยเพียงใดในการเรียนดว้ ย กิจกรรมในใบงานน้ีจะสมั พนั ธ์กบั กิจกรรมในส่วน EXTRA! EXTRA! และเปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนประเมิน ตนเองดว้ ย เป็นแบบทดสอบทา้ ยหน่วย เพื่อช่วยใหร้ ู้วา่ ผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้มากนอ้ ยเพยี งใดในแต่ละหน่วย โดย แสดงผลออกมาเป็ นคะแนน ท้งั ยงั เป็นการเตรียมตวั ผเู้ รียนสาหรับการทาขอ้ สอบดว้ ย อน่ึง ในการจดั การเรียนการสอน ผสู้ อนอาจเลือกแบบฝึ กหดั เกม เพลง รวมท้งั บทพดู เขา้ จงั หวะจาก เวลิ ดไ์ วดเ์ วบ็ ท่ีเชื่อถือไดใ้ นเรื่องความถูกตอ้ งของเน้ือหา มาใชจ้ ดั กิจกรรมเสริมใหก้ บั ผเู้ รียนใหเ้ หมาะกบั เวลาและ ระดบั ความสามารถของผเู้ รียนได้ เช่น จาก http://www.britishcouncil.org/kids.html?pollid=12407990&questionid=4 http://www.english_online.org.uk/gameszone2.htm เป็นตน้ สาหรับการใชเ้ พลงในการจดั กิจกรรม ผจู้ ดั ทาชุดการเรียนการสอน NEW EXPRESS ENGLISH ได้ เตรียมเพลง 44 เพลงไวใ้ หผ้ สู้ อนเลือกใชไ้ ดต้ ามความเหมาะสม โดยผสู้ อนสามารถดูเน้ือเพลงไดท้ ่ีทา้ ยเล่มของ คูม่ ือครูและเปิ ดใชเ้ พลงไดจ้ ากซีดีเสียงในชุดการเรียนการสอนทุกระดบั 1. การออกเสียง เป็นสิ่งจาเป็นท่ีครูผสู้ อนจะตอ้ งใหค้ วามสาคญั เพราะถา้ ผเู้ รียนออกเสียงไมถ่ ูกตอ้ งต้งั แต่ เร่ิมแรกแลว้ ก็ยากที่จะแกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ งได้ วธิ ีการที่ดีที่สุดคือ ผสู้ อนควรใหผ้ เู้ รียนฟังเสียงของเจา้ ของภาษาจากซีดี เสียงแลว้ ใหผ้ เู้ รียนฝึกพูดหลาย ๆ คร้ัง โดยสงั เกตดูวา่ ผเู้ รียนคนใดมีปัญหาเร่ืองการออกเสียงอาจแยกออกมาฝึก ตา่ งหากส่วนผเู้ รียนคนอื่น ๆ ก็ใหจ้ บั คูก่ บั เพ่อื นเพื่อฝึกเป็ นคู่ ๆ ส่ิงหน่ึงท่ีผสู้ อนละเลยไมไ่ ด้ คือ การออกเสียงที่ไม่ไดม้ ีใชใ้ นภาษาไทยและเป็นปัญหาสาหรับผเู้ รียนชาว ไทยที่เรียนภาษาองั กฤษ เช่น เสียง /D/,/z/,/dz/ เป็นตน้ ไมว่ า่ จะเป็นเสียงตน้ หรือเสียงทา้ ย ท้งั น้ีผสู้ อนตอ้ งใชเ้ วลา และความอดทน ย้า ซ้า ทวน ใหผ้ เู้ รียนมีโอกาสฝึกอยูเ่ สมอ 9

2. คาศัพท์ ในการสอนคาศพั ทใ์ หม่ ผสู้ อนควรใชข้ องจริง ภาพวาด ภาพถ่าย การสร้างสถานการณ์หรือสื่อ อื่น ๆ เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนเขา้ ใจความหมายของคาศพั ท์ จากน้นั ผสู้ อนจะตอ้ งฝึกใหผ้ ูเ้ รียนออกเสียงหลาย ๆ คร้ังอยา่ ง ถูกตอ้ ง ตลอดจนฝึกสะกดคาเพ่ือใหจ้ าได้ และสุดทา้ ยจะตอ้ งสอนใหผ้ เู้ รียนใชค้ าศพั ทท์ ี่อยใู่ นรูปประโยคเสมอ เพราะในสภาพชีวติ จริงเราจะไม่พดู คาศพั ทโ์ ดด ๆ 3. ไวยากรณ์ เวลาผสู้ อนสอนไวยากรณ์ อาจทาตามวธิ ีต่อไปน้ี เริ่มจากเสนอตวั อยา่ งประโยคต่าง ๆ ในโครงสร้างทางไวยากรณ์แต่ละโครงสร้าง โดยใชค้ าศพั ทท์ ่ีเรียนไป แลว้ และเสนอคร้ังละโครงสร้างเดียว (One concept at a time) เช่น I like those birds. Jim likes the red apples. She likes milk. เป็นตน้ แลว้ ใหผ้ เู้ รียนสังเกตรูปภาษาและสรุปกฎเกณฑก์ ารใชจ้ ากตวั อยา่ งดว้ ยตนเองโดยใหผ้ เู้ รียนบอกไดว้ า่ จะใชก้ ฎเกณฑน์ ้ีเมื่อไรดว้ ย สรุปไดว้ า่ ในการสอนไวยากรณ์น้นั ผสู้ อนจะเนน้ เฉพาะใหผ้ เู้ รียนจากฎเกณฑท์ างไวยากรณ์อยา่ งเดียว ไม่ได้ ผเู้ รียนจะตอ้ งสามารถนากฎเกณฑน์ ้นั ๆ ไปใชส้ ่ือสารในสถานการณ์ต่าง ๆ ไดด้ ว้ ย การสอนอ่าน ก่อนใหผ้ เู้ รียนอ่าน ผสู้ อนควรทบทวนความหมายของคาศพั ท์ และทบทวนไวยากรณ์ให้ ผเู้ รียนเขา้ ใจก่อน จากน้นั จึงใหผ้ เู้ รียนฟังซีดีเสียง อา่ นตาม หรืออ่านในใจ แลว้ ช่วยกนั ศึกษาความหมายของ เน้ือความที่อ่าน สุดทา้ ยมีการทดสอบความเขา้ ใจในการอ่าน วา่ ผเู้ รียนจบั ประเด็นหรือใจความไดม้ ากนอ้ ยเพยี งไร การสอนเขียน ผูเ้ รียนควรมีโอกาสฝึกเขียน ต้งั แต่ตวั อกั ษร คา วลี ประโยคตา่ ง ๆ ในแบบฝึกหดั จากน้นั จึง ค่อย ๆ ขยายออกไปถึงการเขียนที่เป็นเรื่องราวส้ัน ๆ ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ที่เป็นจริงในชีวติ ประจาวนั ดว้ ยตนเอง เพือ่ ใหเ้ กิดความภาคภูมิใจในความสาเร็จของตน ท้งั น้ีอาจใหผ้ เู้ รียนทากิจกรรมเขียนท้งั ท่ีโรงเรียนและท่ีบา้ น อยา่ งไรกต็ าม ก่อนใหท้ า ผสู้ อนควรไดอ้ ธิบายวธิ ีการทาแบบฝึกหดั น้นั ๆ ใหผ้ เู้ รียนเขา้ ใจก่อน เพ่อื สร้างความมน่ั ใจ ในการทางาน การสอนภาษาองั กฤษโดยใช้งานปฏบิ ตั เิ ป็ นฐานในการเรียนรู้ Task-Based Learning (TBL) การสอนภาษาองั กฤษโดยใชง้ านปฏิบตั ิเป็นฐานในการเรียนรู้มีลกั ษณะสาคญั คือ เป็ นการสอนที่มีผเู้ รียน เป็นศูนยก์ ลางในการเรียนรู้ ผสู้ อนเป็นเพียงผใู้ หค้ าปรึกษา คอยเสนอแนะแนวทางในการดาเนินกิจกรรมและ จดั เตรียมภาระงาน (task) สาหรับใชใ้ นกิจกรรมการเรียนการสอน ท่ีมีข้นั ตอนดงั น้ี 1. ข้นั นาก่อนการปฏิบตั ิงาน (pre-task) เป็นการแนะนาหวั ขอ้ และอธิบายชิ้นงาน โดยใชก้ ิจกรรมเขา้ ช่วยเพอื่ ใหผ้ เู้ รียนเขา้ ใจ ท้งั น้ีผสู้ อนจะตอ้ งแน่ใจวา่ ผูเ้ รียนเขา้ ใจงานท่ีจะทาน้นั ก่อนที่จะดาเนิน กิจกรรมข้นั ต่อไป 2. ข้นั ดาเนินงานตามวงจรของการปฏิบตั ิงาน (task cycle) ประกอบดว้ ย 2.1 งานปฏิบตั ิ (task) ซ่ึงใหผ้ เู้ รียนลงมือปฏิบตั ิในลกั ษณะการทากิจกรรมเป็นคู่หรือกลุ่ม 2.2 การเตรียมการนาเสนอ (planning) ซ่ึงเป็นข้นั ท่ีใหผ้ เู้ รียนเตรียมการรายงานผลการ ปฏิบตั ิงานต่อช้นั เรียน โดยมีผสู้ อนคอยช่วยเหลือในดา้ นการใชภ้ าษาของผเู้ รียน 2.3 รายงานต่อช้นั เรียน (report) ในข้นั น้ีผเู้ รียนจะเสนอผลการปฏิบตั ิงานต่อช้นั เรียน 3. ข้นั ศึกษาไวยากรณ์และคาศพั ทใ์ นแต่ละงานปฏิบตั ิ (Language Focus) ประกอบดว้ ย 3.1 การวเิ คราะห์ (analysis) ซ่ึงเป็นข้นั ตรวจสอบและอภิปรายลกั ษณะสาคญั ของเน้ือหาท่ีอยู่ ในงานท่ีผเู้ รียนปฏิบตั ิ 10

3.2 การฝึก (practice) ในข้นั น้ีผเู้ รียนจะทาแบบฝึกหดั ทางดา้ นไวยากรณ์เสริมหลงั จากเขา้ ใจ กฎเกณฑไ์ วยากรณ์แลว้ การนาวธิ ีการสอนดงั กล่าวไปใช้ ผสู้ อนตอ้ งจดั เน้ือหาของบทเรียนใหอ้ ยใู่ นรูปหน่วยการเรียนรู้ และจดั ระยะเวลาในแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ใหเ้ หมาะสมเพราะในข้นั ดาเนินงานตามวงจรของการปฏิบตั ิงานและข้นั ศึกษา ไวยากรณ์และคาศพั ทใ์ นแตล่ ะงานปฏิบตั ิจะใชเ้ วลามาก นอกจากน้ีผสู้ อน ยงั ควรใชภ้ าษาองั กฤษในช้นั เรียน (classroom expression) กบั ผเู้ รียนเพื่อใหผ้ เู้ รียนมีโอกาสไดแ้ สดงออกทางภาษาอยา่ งเป็นธรรมชาติ ดว้ ยการพูด โตต้ อบกบั ผสู้ อนและควรสนบั สนุนใหผ้ เู้ รียนฝึกภาษากบั เพือ่ นในกลุ่มของตนในขณะปฏิบตั ิงานดว้ ยเช่นกนั การแบ่งกล่มุ ผู้เรียนสาหรับฝึ กภาษาหรือทากจิ กรรม การแบง่ กลุ่มผเู้ รียนเพอ่ื ทางานมีหลากหลายวธิ ี ก่อนลงมือแบง่ กลุ่ม ผสู้ อนตอ้ งแน่ใจวา่ ผเู้ รียนเขา้ ใจส่ิงท่ี ผสู้ อนสอนไปแลว้ เป็นอยา่ งดี จานวนผเู้ รียนที่จะแบง่ เป็นกลุ่มข้ึนอยกู่ บั จุดประสงคข์ องผสู้ อนและเน้ือหาท่ีจะให้ ฝึก แตม่ ีจุดสาคญั อยทู่ ่ีวา่ ผเู้ รียนควรจะไดร้ ่วมกิจกรรมอยา่ งทว่ั ถึง และผสู้ อนตอ้ งสามารถควบคุมระเบียบวินยั ใน ช้นั เรียนไดเ้ ป็นอยา่ งดี โดยอาจแบง่ เป็นกลุ่มเลก็ ๆ มีจานวน 4-5 คน หรือเป็นคู่ เพือ่ ท่ีผเู้ รียนจะไดม้ ีโอกาสพดู โตต้ อบซ่ึงกนั และกนั เหมือนในสถานการณ์จริง นอกจากน้นั ในการแบ่งกลุ่ม ผสู้ อนยงั ควรจะคละความสามารถ ของผเู้ รียนดว้ ย คือใหม้ ีท้งั เด็กเก่ง กลาง ออ่ น ผเู้ รียนจะไดเ้ รียนรู้ประสบการณ์ของกนั และกนั ไดแ้ ลกเปล่ียนขอ้ มูล ความคิดเห็นและซกั ถามขอ้ สงสยั ต่าง ๆ ได้ ในกรณีท่ีผเู้ รียนไม่กลา้ ถามผสู้ อน นอกจากน้นั ผสู้ อนยงั ควรทาความ ตกลงเรื่องระเบียบวนิ ยั และเดินดูรอบ ๆ เพื่อใหค้ าแนะนา หรือขอ้ ช้ีแนะต่าง ๆ เพอ่ื ควบคุมการฝึกใหอ้ ยใู่ นประเดน็ หลงั จากท่ีผเู้ รียนไดฝ้ ึกพร้อมกนั ท้งั ช้นั เรียน ฝึกเป็นกลุ่ม ฝึกเป็นคูแ่ ลว้ ผสู้ อนควรหาโอกาสใหผ้ เู้ รียนไดม้ ีโอกาส ฝึกเดี่ยวหนา้ ช้นั เรียนบา้ ง ในรูปของเกมหรือบทบาทสมมุติ เพอ่ื สร้างความมน่ั ใจในการแสดงออกทางภาษาใหก้ บั ผเู้ รียน การทากจิ กรรมทางภาษาเพ่ือการสื่อสาร สิ่งที่ผสู้ อนควรคานึงถึงคือ จะตอ้ งเปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนไดล้ งมือทากิจกรรมในช้นั เรียนใหม้ ากท่ีสุด ผสู้ อน ตอ้ งวางแผนข้นั ตอนการทากิจกรรมล่วงหนา้ ก่อนจะส่ังใหผ้ เู้ รียนลงมือทาเอง การกาหนดข้นั ตอนแต่ละข้นั ตอ้ ง ชดั เจนไมว่ กวน เขา้ ใจไดง้ ่าย ไมซ่ บั ซอ้ น เหมาะกบั ระดบั ช้นั ของผเู้ รียน ต้งั วตั ถุประสงคห์ ลกั ของการใชก้ ิจกรรมวา่ ตอ้ งการให้ผเู้ รียนฝึกอะไร ฝึ กภาษา ฝึกทกั ษะเฉพาะ หรือฝึกทว่ั ๆ ไป นอกจากน้นั ควรเลือกกิจกรรมใหเ้ หมาะกบั ความสนใจของผเู้ รียน เพื่อใหม้ ีแรงจูงใจในการฝึก ตลอดจนพจิ ารณาช่วงเวลาและระยะเวลาที่จะใหผ้ เู้ รียนทา กิจกรรมน้นั ๆ ดว้ ย สุดทา้ ยผสู้ อนจะตอ้ งพิจารณาถึงความพร้อมของสื่อและวสั ดุอุปกรณ์ที่จะตอ้ งใชใ้ นการทากิจกรรม ดว้ ย ท้งั น้ีเพือ่ ใหก้ ารทากิจกรรมดาเนินไปไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อน่ึง กิจกรรม เทคนิค และแนวการสอนที่เสนอแนะไวใ้ นคู่มือการจดั การเรียนรู้เล่มน้ี ผสู้ อนจะตอ้ งใช้ วจิ ารณญาณเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ผเู้ รียนของตน อยา่ งไรกต็ าม เดก็ ไทยของเรายงั ขาดโอกาสที่จะไดฝ้ ึกคิดดว้ ย ตนเองเพราะผสู้ อนห่วงเน้ือหาท่ีปรากฏในหลกั สูตรกลวั จะสอนไมท่ นั ตามหลกั สูตร ดงั น้นั ผูเ้ ขียนจึงพยายามเสนอ แนวความคิดในการเสนอบทเรียน และเทคนิคการสอนเป็นสาคญั รวมท้งั เลือกสรรกิจกรรมตา่ ง ๆ ใหผ้ สู้ อนได้ มองเห็นวา่ กิจกรรมที่จะใหผ้ ูเ้ รียนทาควรมีลกั ษณะอยา่ งไร เพอื่ ช่วยใหก้ ารสอนภาษาองั กฤษในปัจจุบนั เปล่ียนรูป โฉมไปใกลก้ บั การเรียนการสอนที่เรียกวา่ การเรียนการสอนภาษาเพ่ือการส่ือสาร และใหเ้ ด็กไทยไดเ้ รียนรูปภาษาท่ี ใกลเ้ คียงกบั เจา้ ของภาษามากท่ีสุด ขณะเดียวกนั กเ็ กิดเจตคติที่ดีต่อการใชภ้ าษาตา่ งประเทศและรู้วา่ เราเรียน ภาษาองั กฤษไปทาไม เพื่ออะไร ภาษาองั กฤษมีความสาคญั แก่เราอย่างไร 11

การแบ่งเวลาเรียน (Time Guidelines) ผสู้ อนควรใชเ้ วลาส่วนใหญ่ในช้นั เรียนใหผ้ เู้ รียนไดม้ ีส่วนร่วมในการทากิจกรรม มีโอกาสฝึกฝนตนเองใน รูปของการฝึกเป็นกลุ่ม ฝึกเป็ นคู่ และฝึกเดี่ยว การใชเ้ วลากบั การเปิ ดหนงั สือเพื่อเป็นการตอกย้าสิ่งที่เรียนไปแลว้ ให้ เกิดความเขา้ ใจแมน่ ยายง่ิ ข้ึน ตอ่ ไปน้ีเป็นการเสนอการจดั แบ่งเวลาของแตล่ ะชวั่ โมง ซ่ึงครูผสู้ อนสามารถนาไปปรับ ยดื หยนุ่ เวลาให้ เหมาะสมกบั สภาพของนกั เรียนของตนเองได้  ทบทวน/นาเขา้ สู่บทเรียน 5 นาที  เสนอบทเรียนใหม่ดว้ ยกิจกรรมหลากหลาย 25 นาที  เปิ ดหนงั สือ 10 นาที  ทากิจกรรมเสริมรวมการทาแบบฝึกหดั ท่ีสามารถใหน้ กั เรียนไปทาต่อนอกเวลาได้ 20 นาที รวม 60 นาที ท้งั น้ีผจู้ ดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ไดจ้ ดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ไวเ้ ป็นรายชวั่ โมง จานวน 80 แผน 80 ชว่ั โมงแมว้ า่ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 จะกาหนดเวลาเรียนภาษาองั กฤษใหก้ บั ช้นั ป.3 เพยี ง 40 ชวั่ โมง แตห่ ากโรงเรียนเพิ่มเวลาเรียนภาษาองั กฤษข้ึนมากกวา่ 40 ชว่ั โมงกส็ ามารถเลือกใชแ้ ผนการ สอนรายชวั่ โมง เหล่าน้ีไดต้ ามความพร้อมและจุดเนน้ ของโรงเรียน หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ทาไมต้องเรียนภาษาต่างประเทศ ในสังคมโลกปัจจุบนั การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศมีความสาคญั และจาเป็นอยา่ งยงิ่ ในชีวติ ประจาวนั เนื่องจากเป็นเคร่ืองมือสาคญั ในการติดต่อสื่อสาร การศึกษา การแสวงหาความรู้ การประกอบอาชีพ การสร้างความ เขา้ ใจเกี่ยวกบั วฒั นธรรมและวสิ ัยทศั นข์ องชุมชนโลก และตระหนกั ถึงความหลากหลายทางวฒั นธรรมและมุมมอง ของสงั คมโลกนามาซ่ึงมิตรไมตรีและความร่วมมือกบั ประเทศต่าง ๆ ช่วยพฒั นาผูเ้ รียนใหม้ ีความเขา้ ใจตนเองและ ผอู้ ่ืนดีข้ึน เรียนรู้และเขา้ ใจความแตกตา่ งของภาษาและวฒั นธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี การคิด สงั คม เศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง มีเจตคติท่ีดีตอ่ การใชภ้ าษาตา่ งประเทศ และใชภ้ าษาตา่ งประเทศเพื่อการสื่อสารได้ รวมท้งั เขา้ ถึงองคค์ วามรู้ตา่ ง ๆ ไดง้ ่ายและกวา้ งข้ึน และมีวสิ ยั ทศั นใ์ นการดาเนินชีวิต ภาษาต่างประเทศที่เป็นสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน ซ่ึงกาหนดใหเ้ รียนตลอดหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน คือ ภาษาองั กฤษ ส่วนภาษาต่างประเทศอ่ืน เช่น ภาษาฝรั่งเศส เยอรมนั จีน ญ่ีป่ ุน อาหรับ บาลี และภาษา กลุ่มประเทศเพอื่ นบา้ น หรือภาษาอื่น ๆ ใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาท่ีจะจดั ทารายวชิ าและจดั การเรียนรู้ตาม ความเหมาะสม เรียนรู้อะไรในภาษาต่างประเทศ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศมุ่งหวงั ใหผ้ ูเ้ รียนมีเจตคติท่ีดีต่อภาษาต่างประเทศ สามารถใชภ้ าษา ต่างประเทศ ส่ือสารในสถานการณ์ต่าง ๆ แสวงหาความรู้ ประกอบอาชีพ และศึกษาตอ่ ในระดบั ท่ีสูงข้ึน รวมท้งั มี ความรู้ความเขา้ ใจในเรื่องราวและวฒั นธรรมอนั หลากหลายของประชาคมโลกและสามารถถ่ายทอดความคิดและ วฒั นธรรมไทยไปยงั สงั คมโลกไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ ประกอบดว้ ยสาระสาคญั ดงั น้ี  ภาษาเพื่อการสื่อสาร การใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการฟัง-พดู -อา่ น-เขียน แลกเปล่ียนขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึกและความคิดเห็น ตีความ นาเสนอขอ้ มูล ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องตา่ ง ๆ และ สร้างความสัมพนั ธ์ระหวา่ งบุคคลอยา่ งเหมาะสม 12

 ภาษาและวฒั นธรรม การใชภ้ าษาต่างประเทศตามวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา ความสมั พนั ธ์ ความ เหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ภาษาและวฒั นธรรมไทยและนาไปใช้ อยา่ งเหมาะสม  ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่ืน การใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเช่ือมโยงความรู้ กบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น เป็นพ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน  ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก การใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ท้งั ใน หอ้ งเรียนและนอกหอ้ งเรียน ชุมชน และสงั คมโลก เป็นเคร่ืองมือพ้ืนฐานในการศึกษาต่อ ประกอบอาชีพ และ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กบั สังคมโลก คุณภาพผู้เรียน จบช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 3  ปฏิบตั ิตามคาสง่ั คาขอร้องท่ีฟัง อ่านออกเสียงตวั อกั ษร คา กลุ่มคา ประโยคง่าย ๆ และบทพดู เขา้ จงั หวะง่าย ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอ่าน บอกความหมายของคาและกลุ่มคาท่ีฟังตรงตามความหมาย ตอบคาถามจาก การฟังหรืออา่ นประโยค บทสนทนาหรือนิทานง่าย ๆ  พูดโตต้ อบดว้ ยคาส้นั ๆ ง่าย ๆ ในการสื่อสารระหวา่ งบุคคลตามแบบท่ีฟัง ใชค้ าส่งั และคาขอร้องง่าย ๆ บอกความตอ้ งการง่าย ๆ ของตนเอง พดู ขอและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองและเพอ่ื น บอกความรู้สึกของตนเอง เกี่ยวกบั สิ่งตา่ ง ๆ ใกลต้ วั หรือกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามแบบที่ฟัง  พดู ใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองและเร่ืองใกลต้ วั จดั หมวดหมู่คาตามประเภทของบุคคล สัตวแ์ ละสิ่งของ ตามที่ฟังหรืออ่าน  พูดและทาท่าประกอบตามมารยาทสงั คม/วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา บอกชื่อและคาศพั ทง์ ่าย ๆ เกี่ยวกบั เทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลอง และชีวติ ความเป็ นอยขู่ องเจา้ ของภาษา เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและ วฒั นธรรมที่เหมาะกบั วยั  บอกความแตกตา่ งของเสียงตวั อกั ษร คา กลุ่มคา และประโยคง่าย ๆ ของภาษาตา่ งประเทศและ ภาษาไทย  บอกคาศพั ทท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น  ฟัง/พูดในสถานการณ์ง่าย ๆ ท่ีเกิดข้ึนในห้องเรียน  ใชภ้ าษาตา่ งประเทศ เพ่ือรวบรวมคาศพั ทท์ ่ีเกี่ยวขอ้ งใกลต้ วั  มีทกั ษะในการใชภ้ าษาต่างประเทศ (เนน้ การฟัง-พูด) สื่อสารตามหวั เรื่องเก่ียวกบั ตนเอง ครอบครัว โรงเรียน ส่ิงแวดลอ้ มใกลต้ วั อาหาร เครื่องด่ืม และเวลาวา่ งและนนั ทนาการ ภายในวงคาศพั ทป์ ระมาณ 300-450 คา (คาศพั ทท์ ี่เป็นรูปธรรม)  ใชป้ ระโยคคาเดียว (One Word Sentence) ประโยคเด่ียว (Simple Sentence) ในการสนทนาโตต้ อบ ตามสถานการณ์ในชีวติ ประจาวนั 13

มาตรฐาน ต 1.1 มาตรฐาน ต 1.2 มาตรฐาน ต 1.3 เขา้ ใจและตีความเรื่องที่ฟังและอา่ นจาก มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการ- นาเสนอขอ้ มลู ขา่ วสาร ความคิดรวบยอด ส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอยา่ ง แลกเปล่ียนขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึก และความคิดเห็นในเรื่องตา่ ง ๆ โดยการพดู และ มีเหตุผล และความคิดเห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ การเขียน ตัวชีว้ ดั ช้ันปี ตัวชีว้ ัดชั้นปี ตวั ชีว้ ัดช้ันปี 1. ปฏิบตั ิตามคาสง่ั และคาขอร้องท่ีฟัง 1. พดู โตต้ อบดว้ ยคาส้นั ๆ งา่ ย ๆ ใน 1. พดู ให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองและเร่ือง หรืออ่าน การส่ือสารระหวา่ งบุคคลตามแบบท่ีฟัง ใกลต้ วั 2. อ่านออกเสียงคา สะกดคา อา่ นกลุ่มคา 2. ใชค้ าสง่ั และคาขอ้ ร้องงา่ ย ๆ ตามแบบ 2. จดั หมวดหม่คู าตามประเภทของบคุ คล ประโยค และบทพดู เขา้ จงั หวะ (chant) ที่ฟัง สตั ว์ และส่ิงของตามท่ีฟังหรืออ่าน งา่ ย ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น 3. บอกความตอ้ งการง่าย ๆ ของตนเอง 3. เลือก/ระบุภาพหรือสญั ลกั ษณ์ตรงตาม ความหมายของกลุ่มคาและประโยค ตามแบบที่ฟัง ท่ีฟัง 4. พดู ขอและให้ขอ้ มลู งา่ ย ๆ เกี่ยวกบั 4. ตอบคาถามจากการฟังหรืออ่านประโยค บทสนทนา หรือนิทานง่าย ๆ ตนเองและเพอ่ื นตามแบบท่ีฟัง 5. บอกความรู้สึกของตนเองเก่ียวกบั สิ่งตา่ ง ๆ ใกลต้ วั หรือกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามแบบท่ีฟัง มาตรฐาน ต 2.1 มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของ เขา้ ใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาและ ภาษา และนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และ ตัวชีว้ ดั ช้ันปี นามาใชอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม 1. พดู และทาทา่ ประกอบตามมารยาทสงั คม/วฒั นธรรมของ ตวั ชีว้ ดั ช้ันปี 1. บอกความแตกต่างของเสียงตวั อกั ษร คา กลุ่มคาและ เจา้ ของภาษา 2. บอกช่ือและคาศพั ทง์ ่าย ๆ เกี่ยวกบั เทศกาล/วนั สาคญั / ประโยคงา่ ย ๆ ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย งานฉลอง และชีวติ ความเป็นอยขู่ องเจา้ ของภาษา 3. เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมท่ีเหมาะกบั วยั มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน และเป็นพ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และ เปิ ดโลกทศั น์ของตน ตัวชีว้ ัดช้ันปี 1. บอกคาศพั ทท์ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน มาตรฐาน ต 4.1 มาตรฐาน ต 4.2 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ใชภ้ าษาตา่ งประเทศเป็ นเคร่ืองมือพ้นื ฐานในการศึกษาต่อ ชุมชนและสงั คม การประกอบอาชีพ และการแลกเปล่ียนเรียนรู้กบั สงั คมโลก ตัวชีว้ ดั ช้ันปี ตวั ชีว้ ัดชั้นปี 1. ฟัง/พดู ในสถานการณ์ง่าย ๆ ที่เกิดข้ึนในห้องเรียน 1. ใชภ้ าษาต่างประเทศเพ่ือรวบรวมคาศพั ทท์ ี่เก่ียวขอ้ งใกลต้ วั 1134

การออกแบบการเรียนรู้ เป็ นงานพ้ืนฐาน ของครู ผูท้ ่ีมุ่งหวงั เพิ่มพูนคุณภาพผูเ้ รียน ลดความต่างระหว่างเด็กเก่งกบั เด็กอ่อน และพยายามจดั การเรียนรู้ที่ดีท่ีสุดให้กับ ผูเ้ รียนทุกคน จาเป็ นตอ้ งปรับเพ่ิมคุณภาพ ของกิจกรรมการเรี ยนรู้ให้นาสู่ผลการ เรียนรู้ได้จริง วิธีหน่ึงท่ีช่วยเพิ่มคุณภาพ แผนการสอนไดด้ ี คือ การออกแบบโดยยึด ผลปลายทางเป็ นหลักเรียกว่า “Backward Design” วิธี ก า รน้ี มี ผลก า รพ ัฒนา สื บเนื่ องม า จา ก แนวพฒั นา การศึกษาในอเมริกา ที่เห็นว่า การเรียนรู้เน้นขอ้ มูล ความจามากเกินไป จึงเร่ิมนาเสนอการสอนเพ่ือความเขา้ ใจที่ คงทน หรื อความรู้ฝังแน่ น (Enduring Understanding) ซ่ึงอธิบายเป็ น 6 ด้าน ขยายจากการคิดไปถึงเข้าใจผู้อื่น และ เข้าใจตนเอง โดยเน้นย้าให้ผู้เรี ยนเป็ น ผูส้ ร้างความรู้ได้เอง ผ่านการคิดที่ลึกซ้ึง กระบวนการคิดระดบั สูง วิกกินส์และแม็คไท เสนอการออกแบบท่ี เรียกว่า Backward Design ด้วยการ กาหนดความรู้ฝังแน่น เป็ นเป้าหมายก่อน พร้อมท้งั เลือกการแสดงออกของผูเ้ รียนท่ี เสนอความรู้จริ ง แล้วจึงคิดย้อนมาถึง กิจกรรมการเรียนรู้ที่เป็ นลาดบั ผูเ้ รียนตอ้ ง รู้อะไร ตอ้ งทาอะไร นาสู่ผลความรู้ฝังแน่น น้นั ครูตอ้ งถาม คาถามทา้ ทายใด ที่ผูกให้ ผูเ้ รียนลงมือทากิจกรรม การเรียนรู้ ติดอยู่ กบั งานการเรียนรู้ จนไปถึงความรู้ฝังแน่น ตามเป้าหมายที่กาหนด 15

เช่น ผลการเรียนรู้ดา้ นความคิดรวบยอดคา ว่า สัตว์ท่ีมี 2 ขา ผูเ้ รียนแสดงความรู้ดว้ ย ผังใยแมงมุมซ่ึงจะช้ีถึงระดบั คุณภาพเป็ น Rubrics ได้ ใชใ้ นการประเมินตามสภาพ จริง มีกิจกรรมสาคญั ในการคิดเพื่อนาสู่ ความรู้ คือ การคิดแบบต่างเหมือนและหา องคป์ ระกอบร่วมของสัตวท์ ี่มี 2 ขา โดยมี คาถามทา้ ทายนาสู่การเรียนรู้ ผูเ้ รียนสรุป จากผงั เป็นคาพดู แสดงความรู้แบบความคิด รวบยอดไดใ้ นท่ีสุด องค์ประกอบแรกของการออกแบบการ เรี ยนรู้ ด้วยการคิดย้อนทาง คือ การ กาหนดภาพปลายทาง ท่ีเรียกว่าความรู้ฝัง แน่ น ซ่ึ ง จ ะ ต้อ ง เ ป็ น ค วา ม รู้ ท่ี น า ไ ป ประยุกต์ใช้หรือนาไปบูรณาการได้ และ เป็ นความรู้ที่ติดตวั ผูเ้ รียนจนเป็ นลกั ษณะ นิสัยความรู้ฝังแน่นประกอบดว้ ย ความคิด รวบยอด หลักการในสาระ กระบวนการ และค่านิยมท่ีใชไ้ ดท้ ุกสาระ ในการสอน ครูมกั ยึดติดกบั ความรู้เฉพาะ หรือขอ้ มูล เช่น คานี้เป็ นคานาม 5 คานี้เป็ น คานามไม่ขยายออกไปเป็ นคาอ่ืน ความรู้ท่ี นาไปใช้ได้จึงต้องเป็ น คาแบบนี้เป็ น คานาม ซ่ึ งผู้เรี ยนนาไปใช้ได้เรี ยกว่า ความคิดรวบยอด เป็ นความรู้ ฝังแน่นติด กบั สาระมีอยูใ่ นเน้ือหาสาระต่าง ๆ ผูเ้ รียน แสดงออกดว้ ยการจดั กลุ่ม จาแนกส่ิงของ ต่าง ๆ และบอกลักษณะสาคัญได้ด้วย กระบวนการคิดสร้างความคิดรวบยอด 16

การปฏิบตั ิหรือการกระทาก็เช่นเดียวกนั ถา้ 17 ครูสอนจบแลว้ นกั เรียนรู้วา่ ทาอย่างนี้ (แบบของครูน้ี) แลว้ ไดผ้ ล ไดร้ ูปสวย เป็ น ความรู้เฉพาะหรือขอ้ มูล นาไปใชไ้ ม่ได้ แต่ ถา้ ครูขยายขอ้ มูลเป็นความรู้วา่ ทาแบบน้ีได้ รูปสวย นกั เรียนกจ็ ะนาไปใชไ้ ด้ เรียกวา่ ความรู้แบบหลกั การ การเรียนรู้ท่ีดีครูตอ้ ง ทาใหเ้ กิดความรู้ที่นาไปใชไ้ ด้ ขยายไปใน สาระอ่ืนได้ เพ่มิ จากบทความ สื่อท่ีอา่ น นาไปใชใ้ นชีวติ จริงได้ ดว้ ยกระบวนการคดิ ในหน่วยการเรียนรู้ ถา้ ครูสอนให้นกั เรียน ได้ขอ้ มูลที่อยู่ในสื่อเท่าน้ัน ก็เรียกวา่ สอน แบบได้ข้อมูลเฉพาะ นาไปใช้ไม่ได้ ถา้ จะ ให้นกั เรียนเกิดความรู้ ครูตอ้ งขยายขอ้ มูล ออกไปถึ งส่ิ งท่ีอยู่นอกตารานอกส่ื อ ครอบคลุมชีวิตจริง สรุปรวมเป็ นกลุ่ม จดั กลุ่มได้ เรียกว่า ความคิดรวบยอด สรุป เป็นความสมั พนั ธ์แบบต่าง ๆ ได้ กลายเป็ น หลักก าร แล ะ รู ปแ บบ คว าม สั ม พัน ธ์ นาไปใชข้ ยายความรู้ได้ เช่น ครูสอนทศั นธาตุเร่ือง เส้น ครูสอนให้ รู้จกั เส้น เส้นตรง เส้นโคง้ และเส้นหยกั ฝึ กเขียนเส้น แลว้ ใหน้ กั เรียนนาเส้นมาต่อ เป็ นรู ป เป็ นการสอนแบบให้นักเรียนรู้ ขอ้ มูล ทาได้ แต่ครูตอ้ งสอนให้เลยไปอีกวา่ เกิดความรู้แบบใด ขยายไปเป็ นความคิด รวบยอดและหลักการใดนักเรี ยนจึงจะ นาไปใช้ได้ โดยครูสอนดว้ ยการใช้คาถาม ใ ห้ นัก เ รี ย น ส รุ ป เ ป็ น ค ว า ม รู้ ไ ด้เ อ ง ตามลาดบั กิจกรรม ท่ีนาสู่ความรู้ได้จริงท่ี ออกแบบไว้

เช่น ถามให้นกั เรียนอธิบายวา่ เส้นคืออะไร นามาใชอ้ ยา่ งไร เส้นแบบใดมองแลว้ รู้สึก อย่างไร เรามองเส้นเดียวกันรู้สึกต่างกัน หรือไม่ ดงั น้ันเม่ืออยากให้คนดูรู้สึกแบบ ใดก็ต้อง เลื อก เส้ นให้นา สู่ ค วา มรู้ สึ ก น้ ัน และท้ายท่ีสุดลองฝึ กการลากเส้นต่าง ๆ จนสรุ ปได้ว่าเส้ นสวยมาจากลีลามื อ นกั เรียนตอ้ งฝึ กลีลามือจึงจะเป็ นจิตรกรท่ีดี วาดรูปไดส้ วย เขียนหนงั สือไดส้ วย เมื่อครูกาหนดผลการเรียนรู้แบบฝังแน่นได้ แลว้ ครูจาเป็ นตอ้ งคิดเลยไปอีกข้นั หน่ึงว่า นกั เรียนจะแสดงออกอยา่ งไร ซ่ึงครูบางคน อาจให้นักเรี ยนเป็ นผู้เลือกเองว่าจะใช้ ผลงานใดมาแสดงอย่างไรก็ตาม ครูตอ้ ง ตรวจดูดว้ ยวา่ การแสดงออกของผูเ้ รียนน้นั มีความรู้ท่ีตอ้ งการแฝงอยู่อยา่ งไร ความรู้ แฝงมาในคาพูด การทาและผลงาน ครูจึง ต้องมีความชานาญในการตรวจผลงาน ชิ้นงานเห็นคุณภาพ ความรู้ที่แฝงอยู่ใน ผลงานน้นั ๆ การตรวจดูคุณภาพความรู้ของผูเ้ รียนเร่ิม จากการดูปริมาณและคุณภาพของข้อมูลท่ี อยู่ในการแสดงออก ปริมาณและคุณภาพ ขอ้ มูลเป็น มิตพิ ืน้ ฐาน ถา้ ในการแสดงออก น้นั มีขอ้ มูลจากดั เช่น คาตอบ ถูกผิด ตอบ ส้ัน ๆ ผลงานก็แสดงไดแ้ ต่เพียงรู้หรือไม่รู้ คาตอบถูก แต่ความรู้ท่ีเรามองหาเป็ น ความรู้ฝังแน่น ซ่ึงผูเ้ รียนตอ้ งอธิบายยาว ๆ แสดงวิธีทา มีกรอบความคิด แนวเร่ือง ชัดเจน ข้อมูลเป็ นหน่วยพ้ืนฐาน ท่ีช้ีว่า ผลงานน้ีเป็ นความรู้หรือจาข้อมูลได้ 18

การท่ีจะสรุปว่า นกั เรียนมีความรู้แบบใด 19 ลึกซ้ึงเพียงใด จึงตอ้ งดูแบบแผน ที่ปรากฏ อยู่ในผลงานหรือการพูดของผูเ้ รียน โดยดู ว่า ข้อมูลและแบบแผนในผลงานน้ันเป็ น อย่างไร ถ้ามีแต่แบบแผนแต่ไม่มีข้อมูล เพ่ิมเติมจากที่ครู หรือส่ือกาหนดให้เลย ความรู้น้นั ก็จะเป็ นความจา คือ ทาไดต้ าม แบบ แต่ถา้ มีขอ้ มูลเพ่ิมเป็ นนามธรรม แบบ แผนจึงจะบอกได้ว่า ผูเ้ รียนคิดเป็ นแลว้ มี ความรู้ฝังแน่นแล้ว ครู สามารถนาเอา ลกั ษณะพ้ืนฐานน้ีไปสร้างเป็ นมิติคุณภาพ (Rubrics) เพื่อใช้ในการประเมินที่บอก ระดบั คุณภาพได้ ความรู้ฝังแน่น หรือความเข้าใจที่คงทน เหล่าน้ีไดจ้ ากการวิเคราะห์มาตรฐาน และ/ หรือเน้ือหาสาระ กาหนดมาเป็ นความคิด รวบยอดสาคัญ และหลักการสาคญั ของ เรื่ องน้ัน ๆ หรื อมาตรฐานน้ัน ๆ ผู้ท่ีรู้ หลกั การในเน้ือหาที่สอน จะกาหนดความรู้ ฝังแน่น ได้ดี ครูจึงต้องมีความเข้าใจใน เน้ือหาที่จะสอน มองเห็นว่าจะนาผูเ้ รียน ไ ป สู่ ห ลัก ก า ร ส า คัญ ข อ ง วิช า ไ ด้อ ย่า ง ไ ร ความรู้สุดทา้ ยท่ีจะติดตวั ผเู้ รียนคืออะไร การกาหนดมาตรฐานช้นั ปี เป็ นตวั ความคิด รวบยอด หรือหลกั การสาคญั ของเรื่องน้นั ๆ จะช่วยให้ครูนามาใชเ้ ป็ นความรู้ฝังแน่น ได้เลย หรื อในการจัดการศึกษาท่ีใช้ หลักสู ตรเน้ นความคิดรวบยอดมีการ เรี ยงลาดับความคิดรวบยอดสาคัญจาก พ้ืนฐาน สูงข้ึน ลึกซ้ึงข้ึน จนกลายเป็ น ความรู้เชิงระบบใหญ่ กวา้ งขวางก็ย่ิงช่วย ให้ครู กาหนดความรู้ฝังแน่นได้ดียิ่งข้ึน และยงั ทาใหก้ ารพฒั นาของผูเ้ รียนกา้ วหนา้ ตอ่ เน่ืองเป็นลาดบั

อยา่ งไรก็ตามมาตรฐานฯ ในหลกั สูตรของ ไทยเป็ นมาตรฐานฯ แบบหัวเร่ือง หรื อ เน้ือหา ครูจึงต้องนามาวิเคราะห์ เพื่อหา ความคิดรวบยอด และหลักการสาคญั ใน เน้ือหาน้ัน ๆ และจาเป็ นต้องมีการเรียง ระดับความลึกซ้ึงจากช้ันปี หน่ึงไปยงั อีก ช้นั ปี หน่ึงท่ีสูงข้ึน มิฉะน้นั การสอนก็จะไม่ ต่อเน่ืองกนั ไม่นาไปสู่มาตรฐานหลกั ใน หลักสูตร ผูจ้ ัดหลักสูตรจึงควรนาเสนอ ความคิดรวบยอดสาคัญไวด้ ้วยเพื่อการ พฒั นาที่เป็นเน้ือเดียวกนั วิธีหน่ึงท่ีนามาใช้ในการหาความคิดรวบ ยอดและหลักการสาคัญ คือ การขยาย มุมมองจากเนื้อหา เช่น หน่วยผ้าปั ก ความรู้เฉพาะคือ รูปร่าง ลกั ษณะนาไปจดั กลุ่มกเ็ รียกวา่ อยพู่ วกใด กลายเป็น ความคิด รวบยอด นามาขยายสมั พนั ธ์ในมุมมองต่าง ๆ ก็จะได้เป็ นความสัมพนั ธ์และหลกั การ โ ด ย เ ฉ พ า ะ ด้า น คุ ณ ค่ า แ ล ะ เ ห ตุ ผ ล ผลกระทบ ซ่ึงถือเป็นความรู้ท่ีลึกซ้ึง การวเิ คราะห์เน้ือหาและมาตรฐานจะจบลง ดว้ ยบนั ทึกความคิดรวบยอด และหลกั การ สาคญั ในการสอน ใหเ้ กิดความคิดรวบยอด และหลกั การตอ้ งมีกระบวนการ ท้งั การคิด และการทาเป็ นโครงสร้างหลกั อยเู่ สมอ ใน บางเร่ื องก็จะแทรกคุณธรรม ค่ านิยม ความรู้สึกไว้ด้วย แบบบนั ทึกน้ีก็จะใชเ้ ป็ น กรอบหลกั ในการกาหนดผลการเรียนรู้ท่ี คาดหวงั ที่เป็ นความรู้ฝังแน่นของหน่วย หรือแผนการสอนน้นั 20

เช่น ในหน่วย Home sweet home สามารถ กาหนดความคิดรวบยอดที่ต้องสอนเป็ น พ้ืนฐานคือ ครอบครัว ทาดี และเป็ นสุข ความสัมพนั ธ์ และหลกั การในหน่วยน้ีคือ ทุกคนมีหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบและการทาหนา้ ท่ี ท่ีดีทาให้เป็ นสุข คุณธรรมที่แทรกไว้คือ ความรับผดิ ชอบ กระบวนการคิด เช่น การ หาความคิดรวบยอด และการคิดหา หลักการซ่ึงเป็ นกรอบความรู้ฝังแน่นท่ี นาไปออกแบบ เม่ือได้ความคิดรวบยอดแล้ว ก็นาเอา ความคิดรวบยอดน้ันมาต้ังเป็ นประโยค บอกลักษณะสาคัญนาไปกาหนดการ แสดงออก แลว้ จึงมาจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ซ่ึงตอ้ งมีข้นั ตอนสาคญั ในการหาความคิด รวบยอด ได้แก่ คิดแบบต่างเหมือน คิด แบบหาตัวร่วม และการนาลกั ษณะสาคญั ไปใช้จดั กลุ่มสิ่งของ คือ กระบวนการหา ความคดิ รวบยอด นน่ั เอง การหาแบบแผนความสมั พนั ธ์ก็มีข้นั ตอน การคิดเช่นเดียวกนั ไดแ้ ก่ จดั กลุ่มขอ้ มูลท่ี มีการเคล่ือนไหว เปลี่ยนแปลงไปในแนว เดียวกนั และมาเรียงลาดบั บอกลกั ษณะ สาคญั ของการเรียง เรียกวา่ การหาแบบ แผน แลว้ นาแบบแผนน้ี ไปใชใ้ นการ ทานาย สร้างมุมมองขยายภาพตอ่ ไป การ คิดแบบน้ีเรียกวา่ การหาความสัมพนั ธ์ โดย ผเู้ รียนตอ้ งเป็นผสู้ รุปเอง ถา้ ครูบอกก็ กลายเป็นการจาความสัมพนั ธ์ทนั ที 21

การหาความสัมพนั ธ์แบบเฉพาะ ซ่ึงช้ีถึง ความเป็นเหตุเป็นผลก็จะเรียกวา่ หลกั การ การหาความสมั พนั ธ์ท่ีดี ผเู้ รียนตอ้ งคิด แบบสรุปความเป็ น บอกเหตุผลไดด้ ี อธิบายเป็นแผนภาพ แบบเหตุผล แบบ ระบบ นาหลกั การไปใชแ้ กป้ ัญหา เพ่มิ พูน คุณภาพเป็น เรียกวา่ กระบวนการคิดแบบ เหตุผลเชิงระบบ ส่วนใหญ่ความรู้ฝังแน่น มกั เป็นความรู้แบบหลกั การและความรู้เชิง ระบบแบบน้ี เมื่อออกแบบโดยคิดย้อนทางได้แล้ว มี กิจกรรมท่ีดีนาไปสู่ ความรู้ฝังแน่ นได้จริ ง แล้ว ครู ก็นาสาระสาคัญมาเขียนเป็ น แผนการสอน โดยใช้รูปแบบแผนเดิมท่ีมี อยู่แล้ว เพียงแต่ นาเอาสาระสาคัญมา เพ่ิมเติมในแผน โดยเขียนสาระการเรียนรู้ ให้มีความคิดรวบยอด และหลักการสาคัญ กาหนดเป็ นผลการเรี ยนรู้ท่ีคาดหวงั ให้ ชัดเจน เป็ นความรู้ฝังแน่ นท่ีออกแบบ มาแล้ว ในแผนการสอนเดิมมีจุดประสงค์อยู่แล้ว ครูก็ตรวจดูว่าตรงกบั ผลการเรียนรู้ที่เป็ น ความรู้ฝังแน่นหรือไม่ ปรับให้ตรงกนั แลว้ เพิ่มคาถามสาคญั ที่ได้จากการออกแบบ เป็ นกิจกรรมเริ่ มต้นการสอนครูใช้ การ นาเสนอปัญหาเป็ นจุดเร่ิมต้นการสอน นั่นเอง คาถามที่ดีจะตอ้ งทา้ ทายผูเ้ รียน นาผู้เรี ยน ให้ค้นหาคาตอบ มิใช่รอฟัง ข้อมูลคาตอบถูกจากครู คาถามท่ีดีคือ คาถามขยายมุมมองดงั ท่ีนาเสนอมาแลว้ 22

หลังจากน้ ันก็นาเอากิ จกรรมการเรี ยนรู้ ท่ี ออกแบบไว้แล้วมาลงในแผนการสอน เสนอรูปแบบการคิดต่าง ๆ จดั ฝึ กตามตารา หรือชุดฝึ กท่ีมีอยู่แล้วเพ่ิมกิจกรรมการคิด กระบวนการคิด และค่ านิยม ตามที่ ออกแบบไว้แล้ว ประเมินดูว่ากิจกรรม ตามลาดบั ที่ออกแบบไวน้ าสู่ความรู้ฝังแน่น ไดจ้ ริง เกิดผลงานตรงตามการแสดงออกที่ เลือกไว้ ลงมือสอนจริงแลว้ ก็จะไดค้ วามรู้ ฝังแน่นจริง การแสดงออกของผูเ้ รียนท่ีกาหนดไวแ้ ล้ว นามาใช้ในการประเมิน โดยจดั ทาคาอธิบาย ระดบั คุณภาพ เรียกวา่ มิติคุณภาพ (Rubrics) เพื่อใช้เป็ นมาตรวัดคุณภาพของผลงาน เมื่อนักเรียนแสดงออก ก็ช้ีระดับคุณภาพ ให้เห็นอย่างชดั เจน บอกคุณภาพได้ทนั ที มิติคุณภาพนี้ยังนาไปใช้ ในการมอบหมาย งาน และช่วยเหลือเพมิ่ พูนคุณภาพระหว่าง สอนได้อกี ด้วย สาระสาคญั ในการออกแบบการสอนก็คือ ก า ร มี กิจ ก ร ร ม ท่ีก า ห น ด ว่ า ผู้ เ รี ย น ต้ อ ง รู้ อะไร ต้องทาอะไร จึงจะเกิดความรู้ท่ีฝัง แน่นได้จริง กิจกรรมสาคญั เหล่าน้ีจะเป็ น ตัวชี้คุณภาพของแผนการสอน ซ่ึงนอกจาก จะทาให้เกิดความรู้ฝังแน่นแล้ว ยังฝึ ก กระบวนการต่าง ๆ และค่านิยมอีกดว้ ย จึง สรุปรวมเป็ นแผนการพฒั นาผูเ้ รียนรอบ ดา้ น เลยไปถึงคุณธรรมคา่ นิยมตา่ ง ๆ 23

คาอธิบายอีกอยา่ งหน่ึงของ Backward Design ก็คือ การสอนแบบกลบั ทศิ จากเดมิ การสอนแบบเดมิ ครูจะบอกหลกั การ บอก ความคิดรวบยอด บอกความรู้เลย กลบั ไปเป็นครูนาผเู้ รียนใหส้ รุปความรู้เอง เป็นข้นั สุดทา้ ย ครูจะไม่บอกความรู้ แต่พา ทา เฝ้าดู ช่วยเหลือให้นักเรียนสรุปเป็ น ความรู้ฝังแน่นได้เอง จากกิจกรรมท่ี เรียงลาดบั ไวแ้ ลว้ อยา่ งดี และมีคาถามนา ผเู้ รียนสู่ความรู้ได้ การสอนแบบ Backward Design จึงเร่ิม จากคาถาม ครูเสนอคาถามสาคญั คาถาม ทา้ ทายแลว้ พาผเู้ รียนทากิจกรรม หาขอ้ มูล คิด สรุปเป็ นความรู้ หรือลงมือทา สรุปเป็น ผล ผลกระทบ นาเสนอเป็นผงั ความรู้ แสดงผลการคิด ผลการทาเป็ นความรู้ทีฝ่ ัง แน่น ครูอาจใหผ้ เู้ รียนใชก้ ารนาเสนอแบบ ต่าง ๆ ตามท่ีนกั เรียนถนดั กไ็ ด้ แต่ตอ้ งเป็ น การแสดงความรู้ที่ชดั เจน การเสริมสร้างคา่ นิยม ไดแ้ ก่ การฝึกให้ ผเู้ รียนประเมินผลการทาและเลือกอยา่ งเสรี มีเหตุผลวา่ จะทาอยา่ งไร ผลที่ตกตอ่ ใคร เป็นสาคญั ถา้ เลือกผลที่ดีตอ่ ตนเทา่ น้นั ก็ เรียกวา่ มีคุณธรรมต่า จริยธรรมต่า ถ้าเลือก ผลที่ดีต่อสังคมมาก ๆ ก็แสดงว่ามี คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมในระดบั ทสี่ ูง เรียกว่า เห็นแก่ตวั น้อยทสี่ ุด และตอ้ งมีการ แสดงอยา่ งเป็นธรรมชาติดว้ ยความช่ืนชม ไปพร้อม ๆ กนั ดว้ ย การสอนโดยใหผ้ เู้ รียนออกแบบ ตดั สินใจทาเองอยา่ งเสรี ผา่ นการคิดอยา่ งมีเหตุมีผลมุง่ ผลดีตอ่ สังคม ต่อโลก ปฏิบตั ิจนเป็ นธรรมชาติอยา่ งช่ืนชมเช่นน้ี จึงนาสู่การมีคุณธรรมค่านิยมจริง 24

ชุดกิจกรรมพัฒนาการคิดของ พว. มีการออกแบบและนาเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อพัฒนา ผู้เรียนให้มีความรู้และคุณธรรมตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างสมดุล มั่นคง และยั่งยืน ตาม มาตรฐานการเรียนรู้ เศรษฐกจิ พอเพยี งของกระทรวงศึกษาธกิ าร 1.1 นิยามของความพอเพยี ง ความพอเพียงจะตอ้ งประกอบดว้ ย 3 คุณลกั ษณะพร้อม ๆ กนั ดงั น้ี  ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีท่ีไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียน ตนเองและผอู้ ื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยใู่ นระดบั พอประมาณ  ความมีเหตุผล หมายถึง การตดั สินใจเกี่ยวกบั ระดบั ความพอเพียงน้นั จะตอ้ งเป็ นไปอยา่ งมีเหตุผล โดยพจิ ารณาจากเหตุปัจจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ งตลอดจนคานึงถึงผลที่คาดวา่ จะเกิดข้ึนจากการกระทาน้นั ๆ อยา่ งรอบคอบ  การมีภูมิคุ้มกันในตัวท่ดี ี หมายถึง การเตรียมตวั ใหพ้ ร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงดา้ น ต่าง ๆ ท่ีจะเกิดข้ึน โดยคานึงถึงความเป็ นไปไดข้ องสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนในอนาคตท้งั ใกลแ้ ละไกล 25

1.2 เงื่อนไข การตดั สินใจและการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ใหอ้ ยูใ่ นระดบั พอเพยี งน้นั ตอ้ งอาศยั ท้งั ความรู้และ คุณธรรมเป็นพ้นื ฐาน กล่าวคือ  เงื่อนไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรู้เก่ียวกบั วชิ าการตา่ ง ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งอยา่ งรอบดา้ น ความ รอบคอบที่จะนาความรู้เหล่าน้นั มาพจิ ารณาใหเ้ ช่ือมโยงกนั เพื่อประกอบการวางแผนดว้ ยความระมดั ระวงั ในข้นั ปฏิบตั ิ  เง่ือนไขคุณธรรม ท่ีจะตอ้ งเสริมสร้างประกอบดว้ ย มีความตระหนกั ในคุณธรรม เช่น มีความ ซื่อสัตยส์ ุจริต ความอดทน ความเพยี ร ใชส้ ติปัญญาในการดาเนินชีวติ ไม่โลภ และไม่ตระหน่ี 1.3 แนวทางปฏิบัติ/ผลทค่ี าดว่าจะได้รับ จากการนาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ตใ์ ช้ คือ การพฒั นาท่ี สมดุลและยง่ั ยนื พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในทุกดา้ น ท้งั ดา้ นเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดลอ้ ม ความรู้และเทคโนโลยี 2. มาตรฐานการเรียนรู้เศรษฐกจิ พอเพยี ง ช่วงช้ันที่ 1 เนน้ ใหเ้ ดก็ ใชช้ ีวติ พอเพียงระดบั บุคคลและครอบครัว รู้จกั ช่วยเหลือตนเอง และรู้จกั ช่วยเหลือ งานในครอบครัว แบง่ ปันสิ่งของใหเ้ พือ่ น ช่วยเหลือผอู้ ่ืน รู้จกั วิเคราะห์รายรับ-รายจ่ายของตนเอง สอนใหเ้ ดก็ เห็น คุณคา่ ของสิ่งของ ตระหนกั ถึงคุณคา่ ของเงินทอง จะไดฝ้ ึกนิสัยประหยดั ฝึกจิตสานึกและนิสัยพอเพยี ง ช่วงช้ันท่ี 2 ฝึกให้เดก็ รู้จกั ประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ความพอเพียงในโรงเรียนและมีส่วนร่วมในการสร้างความพอเพียง ระดบั โรงเรียนและชุมชนใกลต้ วั โดยเร่ิมจากการสารวจทรัพยากรตา่ ง ๆ ในโรงเรียนและชุมชน มีส่วนร่วมในการ ดูแลบารุงรักษาทรัพยากรตา่ ง ๆ ท้งั ดา้ นวตั ถุ เศรษฐกิจ ส่ิงแวดลอ้ ม ภูมิปัญญา วฒั นธรรมและรวบรวมองคค์ วามรู้ มาเป็นขอ้ มูลในการเรียนรู้วถิ ีชีวติ ของชุมชน รวมท้งั เห็นคุณค่าของการใชช้ ีวติ อยา่ งพอเพียง ช่วงช้ันท่ี 3 ประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั เศรษฐกิจพอเพยี งกบั ชุมชน มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชน สามารถ สารวจและวเิ คราะห์ความพอเพียงในระดบั ตา่ ง ๆ และในมิติตา่ ง ๆ ท้งั ทางวตั ถุ สังคม สิ่งแวดลอ้ มและวฒั นธรรม ในชุมชนใกลต้ วั เห็นคุณคา่ ของการใชห้ ลกั พอเพยี งในการพฒั นาชุมชน สามารถนาหลกั การพอเพียงมาประยกุ ตใ์ ช้ ในชีวติ ประจาวนั ของแตล่ ะคน จนนาไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสู่ความพอเพียงไดใ้ นที่สุด ช่วงช้ันท่ี 4 เตรียมคนใหเ้ ป็ นคนท่ีดี สามารถทาประโยชนใ์ หก้ บั สงั คมและประเทศชาติได้ โดยเนน้ เรื่อง การเขา้ ใจความพอเพยี งระดบั ประเทศและการพฒั นาประเทศภายใตก้ ระแสโลกาภิวฒั น์ เช่น การวเิ คราะห์ สถานการณ์การคา้ ระหวา่ งประเทศหรือการศึกษาสถานการณ์สิ่งแวดลอ้ ม สภาพปัญหาดา้ นสังคม เป็นตน้ ทม่ี า: ปรียานุช พิบูลสราวธุ . การขับเคลื่อนเศรษฐกจิ พอเพยี งด้านการศึกษา. ศูนยป์ ระสานงานกลาง การดาเนินงาน โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ, 2550. 26

3. แนวทางการจัดกจิ กรรมตามแนวพระราชดาริเศรษฐกจิ พอเพยี งทุกกล่มุ สาระการเรียนรู้ในสถานศึกษา ปัจจัย ประเด็นหลัก 1. ดา้ นเศรษฐกิจ 1. รู้จกั ใชจ้ ่ายของตนเอง 1.1 ใชจ้ ่ายอยา่ งมีเหตผุ ล 2. ดา้ นสงั คม 1.2 ใชจ้ ่ายอยา่ งพอประมาณ 3. ดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม 1.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั 4. ดา้ นวฒั นธรรม 1.4 ใชจ้ ่ายเท่าที่จาเป็ น 5. ดา้ นศาสนา ฯลฯ 2. รู้จกั ออมเงิน 2.1 เรียนรู้ระบบการฝากเงิน 2.2 เรียนรู้ระบบเงินฝาก 2.3 เรียนรู้ระบบออมเงินกบั สหกรณ์ ฯลฯ 3. รู้จกั สร้างรายไดห้ รืออาชีพ 3.1 สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ 3.2 สอดคลอ้ งกบั ภมู ิสงั คม 3.3 สอดคลอ้ งกบั ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น 3.4 สอดคลอ้ งกบั ทรัพยากรทอ้ งถิ่น ฯลฯ 4. รู้จกั ช่วยเหลือสงั คมหรือชุมชน 4.1 ปลกู จิตสานึกสาธารณะ 4.2 ปลูกฝังความสามคั คี 4.3 ปลูกฝังความเสียสละ 4.4 เผยแพร่องคค์ วามรู้เศรษฐกิจพอเพยี ง ฯลฯ 5. สร้างสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติ 5.1 ปลกู จิตสานึกรักส่ิงแวดลอ้ ม 5.2 ฟ้ื นฟแู หลง่ เสื่อมโทรมในทอ้ งถิ่น 5.3 ฟ้ื นฟดู ูแลสถานท่ีท่องเที่ยวในทอ้ งถิ่น ฯลฯ 6. สืบสานวฒั นธรรมไทย 6.1 สร้างจิตสานึกรักษไ์ ทยรักบา้ นเกิด 6.2 ฟ้ื นฟแู ละอนุรักษอ์ าหารประจาทอ้ งถ่ิน 6.3 ฟ้ื นฟแู ละอนุรักษด์ นตรีไทยและเพลงไทย 6.4 ฟ้ื นฟแู ละอนุรักษโ์ บราณสถานและโบราณวตั ถุ ฯลฯ 7. ส่งเสริมศาสนา 7.1 ปลกู ฝังจิตสานึกความรักชาติ ศาสนาพระมหากษตั ริย์ ฯลฯ 27

โครงสร้างการจัดหน่วยการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ สาระการเรียนรู้พืน้ ฐานภาษาองั กฤษ ภาคเรียนที่ 1 เวลาเรียน 40 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ 9 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 : Friends 10 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 : My meals แผนการจัดการเรียนรู้ 10 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 : Whose purse is it? แผนการจัดการเรียนรู้ 11 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 : What are you doing? 40 รวมเวลาเรียน โครงสร้างการจัดหน่วยการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ สาระการเรียนรู้พืน้ ฐานภาษาองั กฤษ ภาคเรียนที่ 2 เวลาเรียน 40 ช่ัวโมง แผนการจัดการเรียนรู้ 10 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 : Telling the time 10 แผนการจัดการเรียนรู้ 10 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 : Free time 10 แผนการจัดการเรียนรู้ 40 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 : Places around me 28 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 : Home sweet home รวมเวลาเรียน

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 : Friends รหสั วชิ า/ช่ือรายวชิ า ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ช้ัน ประถมศึกษาปี ที่ 3 เวลาเรียน 9 ชวั่ โมง ภาคเรียนที่ 1 ครูผ้สู อน อบั ดุลฮากมั ตวนกะจิ โรงเรียน บา้ นป่ ามว่ ง สพป.ปน.3 1. สาระสาคญั คนเราทุกคนเป็นเพื่อนกนั ไดท้ ้งั ที่มีเช้ือชาติเดียวกนั หรือต่างเช้ือชาติกนั 2. เป้าหมายการเรียนรู้ • ปฏิบตั ิตามคาส่งั และคาขอร้องท่ีฟังหรืออา่ น (ต 1.1 ป.3/1) • ตอบคาถามจากการฟังหรืออ่านประโยค บทสนทนา หรือนิทานง่ายๆ (ต 1.1 ป.3/4) • พูดโตต้ อบดว้ ยคาส้ัน ๆ ง่ายๆ ในการส่ือสารระหวา่ งบุคคลตามแบบท่ีฟัง (ต1.2 ป.3/1) • พดู ขอและใหข้ อ้ มูลง่าย ๆ เกี่ยวกบั ตนเองและเพอ่ื นตามแบบท่ีฟัง (ต 1.2 ป.3/4) • บอกความรู้สึกของตนเองเก่ียวกบั สิ่งต่าง ๆ ใกลต้ วั หรือกิจกรรมต่าง ๆตามแบบที่ฟัง (ต 1.2 ป.3/5) • พูดใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเองและเร่ืองใกลต้ วั (ต 1.3 ป.3/1) • พดู และทาทา่ ประกอบตามมารยาทสงั คม/วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา (ต 2.1 ป.3/1) • เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมท่ีเหมาะสมกบั วยั (ต 2.1 ป.3/3) • บอกความแตกตา่ งของเสียงตวั อกั ษรคากลุ่มคาและประโยคง่ายๆของภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย(ต2.2 ป.3/1) • บอกคาศพั ทท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น (ต 3.1 ป.3/1) • ฟัง/พูดในสถานการณ์ง่าย ๆ ที่เกิดข้ึนในห้องเรียน (ต 4.1 ป.3/1) • ใชภ้ าษาตา่ งประเทศเพื่อรวบรวมคาศพั ทท์ ่ีเกี่ยวขอ้ งใกลต้ วั (ต 4.2 ป.3/1) 3. จุดประสงค์ของบทเรียน เพ่ือใหน้ กั เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจ และมีทกั ษะการใชภ้ าษาองั กฤษในเร่ืองตอ่ ไปน้ี คือ สามารถ 29 • กล่าวทกั ทายผอู้ ่ืนไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม • พดู ขอและใหข้ อ้ มูลง่าย ๆ เก่ียวกบั ตนเองและเพ่ือนตามแบบท่ีฟังได้ • พดู โตต้ อบดว้ ยคาส้ัน ๆ ง่ายๆ เพอื่ ในการสื่อสารระหวา่ งบุคคลตามแบบที่ฟังได้ • แสดงท่าทางประกอบการพูดโตต้ อบไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม • ตอบคาถามจากการฟังและอ่านเร่ืองส้นั ๆ ง่าย ๆ ได้ • บอกคาศพั ทท์ ่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน เช่น ช่ือประเทศตา่ ง ๆ ได้ • เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมในช้นั เรียนได้

4. เนื้อหาทางภาษา โครงสร้างประโยค : Good morning. Welcome back to school. คาศัพท์ This is Miko. สื่อการเรียนรู้ Where are you from? I am from Japan. : new, nice, chubby, slim, happy, best, friend, brown, blond, China, Japan, Korea, Singapore, England, Australia, USA, Thailand :  บตั รคา  บตั รภาพ  แถบประโยค  ตุก๊ ตากระดาษ 8 ตวั  ธงชาติ 8 ชาติ (จีน ญี่ป่ ุน เกาหลี องั กฤษ สิงคโปร์ อเมริกา ออสเตรเลีย ไทย)  CD Track 1 - 4 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1 FIRST TRY นาเข้าสู่บทเรียน ทบทวนและเตรียมความพร้อม (Warm Up and Review) ครูทกั ทายนกั เรียน แนะนาตนเอง และใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนแนะนาตนเองใหเ้ พ่ือน ๆ รู้จกั ดงั น้ี T : Good morning/ (Good afternoon). My name is Miss. (Wanee). / I am Miss (Wanee) . What’s your name? S1 : My name is (Siri) . S2 : My name is (Sompong) . S3 : I’m (Nicha) . การดาเนินการสอน (Presentation)  สอนคาศพั ท์ เม่ือนกั เรียนทุกคนแนะนาตนเองครบทุกคนแลว้ ครูบอกนกั เรียนวา่ เรามีนกั เรียนมาใหม่ 7 คน เพื่อน ใหม่ของนกั เรียนมาจากประเทศใดบา้ ง ใหช้ ่วยกนั ทาย ครูหยบิ ตุก๊ ตากระดาษ 8 ตวั ธงชาติ 8 ชาติ 1. ครูสอนคาศพั ทค์ าวา่ China T : This is Lee. He is from C __ __ __ __. ครูติดธงชาติจีน (ทาดว้ ยกระดาษ) และตุก๊ ตาจีนบนกระดาน ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทายช่ือ ประเทศ เม่ือนกั เรียนทายถูกตอ้ ง ครูเติมอกั ษรตวั ต่อไปบนกระดาน Ch i n a 2. ครูเติมอกั ษรจนครบช่ือประเทศ China ครูออกเสียงนาและใหน้ กั เรียนออกเสียงตามโดยสะกด คาศพั ท์ 2-3 คร้ัง 30

T : China Ss : China C-h-i-n-a C-h-i-n-a 3. ครูสอนคาศพั ทค์ าวา่ Japan, England, Singapore, Korea, USA, Australia และ Thailand โดย ดาเนินการตามวธิ ีขา้ งตน้  สอนประโยคคาถาม Where are you from? 1. ครูนาตุก๊ ตากระดาษติดลงบนถุงกระดาษทาเป็นหุ่นถุงมือ ครูแนะนาตุก๊ ตากระดาษ ดงั น้ี T : This is Miko. She’s new. Ss : Hello, Miko. Puppet Miko : Hello, friends. T : Where are you from? ใหน้ กั เรียนพูดตาม Ss : Where are you from? Puppet Miko : I’m from Japan. Ss : I’m from Japan. 2. ครูติดแถบประโยค Where are you from? และประโยคคาตอบ I’m from (Japan). บนกระดาน 3. ครูแบ่งกลุ่มนกั เรียนเป็น 8 กลุ่ม แจกบตั รคาชื่อประเทศและธงชาติชาติตา่ ง ๆ ใหก้ ลุ่มละ 1 ใบ จากน้นั สนทนาถามตอบกบั นกั เรียน ดงั น้ี T : Where are you from? Gp1 : I’m from (Thailand). นกั เรียนลุกข้ึนยนื ตอบพร้อม ๆ กบั ช้ีไปที่ตวั เองและโบกธงชาติไทย 4. ครูใหน้ กั เรียนพูดประโยคคาถาม-คาตอบ เป็นลูกโซ่ โดยกลุ่ม 1 ถามกลุ่ม 2 กลุ่ม 2 ถามกลุ่ม 3 กลุ่ม 3 ถามกลุ่ม 4 ช่ัวโมงที่ 2 การฝึ ก (Practice) 1. ครูเปิ ด CD Track 1 ใหน้ กั เรียนฟังและพูดตาม 2. ใหน้ กั เรียนเปิ ดชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 9-10 ครูเปิ ด CD Track 1 ใหน้ กั เรียนฟัง และอ่าน ตามทีละประโยค 3. ใหน้ กั เรียนเปิ ดชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 11 ครูสนทนากบั นกั เรียนถึงช่ือตวั ละคร และช่ือ ประเทศ โดยใหน้ กั เรียนช่วยกนั อา่ น ครูอธิบายใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั สนทนา แนะนาตนเอง โดยสมมุติเป็นนกั เรียน ใหม่ มาจากประเทศตา่ ง ๆ ตามตวั อยา่ งบทสนทนาหนา้ 12 ดงั น้ี S1 : Hello. I’m Lee. I’m new. S2 : Where are you from? S1 : I’m from China. 4. ครูเปิ ดเพลงท่ี 31 ใน CD ใหน้ กั เรียนฟังและร้องตาม 31

ช่ัวโมงท่ี 3 STUDY MORE กจิ กรรมการเรียนรู้ ทบทวน (Review) ครูแบ่งนกั เรียนเป็น 8 กลุ่ม ผแู้ ทนกลุ่มออกมาจบั สลากชื่อประเทศ แต่ละกลุ่มปรึกษากนั วา่ จะต้งั ช่ือ สมาชิกในกลุ่มวา่ อะไร ครูเริ่มการทบทวน T : ช้ีไปที่กลุ่ม 2 Gp2 : ผแู้ ทนกลุ่ม 2 ยนื ข้ึนแนะนาตนเอง I’m Nid. I’m new. Gps : Where are you from? GP2 : I’m from Thailand. สมาชิกในกลุ่ม 2 จะเลือกใหเ้ พือ่ นกลุ่มอื่นแนะนาตนเอง เวยี นไปจนครบทุกกลุ่ม ส่วนกลุ่มอ่ืน ๆ จะ เป็นผถู้ ามคาถามพร้อมกนั การดาเนินการสอน (Presentation)  สอนคาศพั ท์ friend, best, same, nice, slim, brown, blond, chubby, happy 1. ครูติดบตั รคาหรือเขียนคาศพั ทบ์ นกระดาน ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงตามครู โดยสะกดคาศพั ท์ คาละ 2-3 คร้ัง 2. ครูยกตวั อยา่ งประโยคเพ่ือแสดงความหมายของคาศพั ท์ เช่น Puntip, Yupin, Suchat are my friends. Yupin is my best friend. Yupin and I sit in the same class. 3. ครูชูภาพ Yupin และ Suchat พร้อมกบั พูดอธิบายภาพ T : Yupin, she is nice and slim. Suchat, he is chubby and happy. 4. ครูติดบตั รคาหรือเขียนคาศพั ท์ nice, slim, chubby, happy บนกระดาน ใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียง และสะกดคาศพั ท์ คาละ 2-3 คร้ัง 5. ครูติดกระดาษแผนภูมิบนกระดานซ่ึงมีประโยค ดงั น้ี ________ and I are best ________. We are in the ________ class. He/She is ________. 6. สุ่มเรียกนกั เรียนใหพ้ ูดเป็นประโยคท่ีสมบูรณ์  สอนประโยคคาถามคาตอบ Where is he/she from? 1. ครูติดภาพ มิโกะ บนกระดาน ช้ีไปท่ีภาพ และถามคาถาม T : Look at this picture. Who is she? Ss : She is Miko. T : Where is she from? Ss : She’s from Japan. 32

2. ครูติดแถบประโยคคาถามและคาตอบบนกระดาน และใหน้ กั เรียนเขียนประโยคคาถามคาตอบอีกคร้ัง ช่ัวโมงท่ี 4 การฝึ ก (Practice) 1. ครูเปิ ด CD Track 2 ใหน้ กั เรียนฟังและพูดตาม 2. ใหน้ กั เรียนเปิ ดชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 12 ครูเปิ ด CD Track 2 ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านตาม ทีละประโยค 3. ครูเปิ ดชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 13 ช้ีไปที่ตวั ละครท้งั 4 อา่ นชื่อและคาศพั ทใ์ ตภ้ าพใหน้ กั เรียน ฟัง 4. ครูช้ีไปที่ภาพ ใหน้ กั เรียนบอกชื่อ และคาศพั ทใ์ ตภ้ าพ จากน้นั ครูทบทวนกบั นกั เรียน ตวั ละคร ท้งั 4 มาจากประเทศอะไรบา้ ง 5. ครูช้ีไปท่ีภาพที่ 1 และใหน้ กั เรียนพูดตาม ดงั น้ี T : Miko is my best friend. Ss : Miko is my best friend. T : She’s new. Ss : She’s new. T : Where is she from? Ss : Where is she from? T : She’s from Japan. Ss : She’s from Japan. T : She has black hair. Ss : She has black hair. T : She’s nice. Ss : She’s nice. 6. ครูใหน้ กั เรียนฝึกพูดตามตวั อยา่ ง โดยใหน้ กั เรียนจบั กลุ่ม กลุ่มละ 3 คน ผลดั กนั ถามคาถามภาพ ท่ี 2, 3 และ 4 ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 13 โดยใหเ้ พื่อนในกลุ่มช่วยกนั แนะนาและแกไ้ ขซ่ึงกนั และกนั ครูเดิน สงั เกตการฝึกพดู ของนกั เรียน ช่ัวโมงท่ี 5 สรุป (Wrap Up) ครูและนกั เรียนช่วยกนั สรุปหวั ขอ้ ต่าง ๆ ดงั น้ี 1. คาศพั ทช์ ื่อประเทศต่าง ๆ เช่น Japan, Korea, Singapore, England, Australia คาศพั ทบ์ อกลกั ษณะ และคาศพั ทอ์ ื่น ๆ เช่น new, friend, same, best, brown, blond 2. การกล่าวคาสวสั ดี ในภาษาองั กฤษมีหลายคา เช่น Hello, Hi ใชก้ บั เพอื่ น ใชไ้ ดท้ ุกเวลาและ โอกาส Good morning ใชก้ ล่าวในตอนเชา้ ในตอนกลางวนั และตอนเยน็ จะใช้ Good afternoon และ Good evening ตามลาดบั คาสวสั ดี 3 คาน้ี จะใชก้ บั ผทู้ ่ีอาวโุ สกวา่ หรือไม่คุน้ เคย เช่น “Good morning, Miss.” ใชก้ บั ครูหรือผอู้ าวุโสหรือผไู้ ม่คุน้ เคยท่ีเป็นหญิง 33

“Good morning, Sir.” ใชก้ บั ครูหรือผอู้ าวุโสหรือผทู้ ี่ไมค่ ุน้ เคยที่เป็นชาย 3. เม่ือตอ้ งการทราบวา่ ผทู้ ่ีพูดดว้ ยมาจากประเทศอะไร จะใชค้ าถาม Where are you from? คาตอบ คือ I’m from _______ (ช่ือประเทศ). 4. เม่ือตอ้ งการบอกวา่ เพื่อนมาจากประเทศอะไร จะพูดประโยค He/She is from _______ (ชื่อ ประเทศ). 5. คาบอกลกั ษณะ nice, happy, chubby, slim ใชก้ บั กริยา to be (is, am, are ตามประธาน) ข้อแนะนาเพมิ่ เติม : ครูควรอธิบายใหน้ กั เรียนไดเ้ ขา้ ใจวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษาดว้ ย เช่น จะไม่ พดู วา่ ใครอว้ นโดยใชค้ าวา่ fat แตจ่ ะพูดวา่ He is chubby. (รูปร่างทว้ ม ๆ) She is thin. ก็จะไม่นิยมพดู จะพดู วา่ She is slim. (สะโอดสะอง) แตเ่ ป็ นสัตวพ์ ูดได้ วา่ It is fat. กจิ กรรมเสริม (PRODUCTION) ช่ัวโมงที่ 6 LET’S READ อ่านคล่อง Can you read? 1. ครูเปิ ดชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 16 ชูใหน้ กั เรียนดูภาพตวั ละคร แนะนาแมวชื่อ Snow และ สุนขั ชื่อ Go-Go พร้อมกบั อ่านเรื่องใหน้ กั เรียนฟัง 2. ครูใหเ้ วลานกั เรียนอ่านในใจ แลว้ ต้งั คาถามเพือ่ ทดสอบความเขา้ ใจ เช่น Tell me the name of the cat and the dog. Where is the cat? Where is the dog? Is Go-Go fat? Is Snow slim? Are they happy? 3. ครูเปิ ด CD Track 3 ใหน้ กั เรียนฟัง และอ่านตามทีละประโยค จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านพร้อมกนั อีกคร้ัง และสุ่มใหน้ กั เรียนอ่านทีละคน และเป็นกลุ่ม 4. ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั How well did you read? ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 16 โดยตรวจ คาตอบพร้อมกนั บนกระดาน ชั่วโมงท่ี 7 LET’S THINK คดิ วเิ คราะห์ 1. ครูนาภาพธงชาติ ญ่ีป่ ุน สิงคโปร์ จีน องั กฤษ และเกาหลี ติดบนกระดาน ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอก วา่ เป็นธงชาติของประเทศใดบา้ ง จากน้นั ใหน้ กั เรียนอ่านช่ือตวั ละครพร้อม ๆ กนั 2. ครูใหน้ กั เรียนเปิ ดชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 17 ครูอธิบายวธิ ีการทาแบบฝึกหดั ดงั น้ี 2.1 ช้ีไปท่ีชื่อ Lee อ่านออกเสียง ใหน้ กั เรียนบอกวา่ Lee มาจากชาติอะไร เมื่อนกั เรียนตอบวา่ ประเทศจีน ครูโยงเส้นชื่อ Lee ไปยงั ธงชาติจีน 2.2 เขียนชื่อ Lee ในช่องวา่ งขอ้ 4 อ่านประโยค Lee is my best friend. 2.3 เขียน He ในช่องวา่ งและอ่านประโยค He is from China. อธิบาย Lee เป็นชื่อผชู้ าย จึงใชค้ า สรรพนาม He แทน แลว้ ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั ขอ้ ท่ีเหลือ EXTRA! EXTRA! กจิ กรรมเสริมทกั ษะ 1. ใหน้ กั เรียนเขียนเร่ืองเก่ียวกบั เพอื่ นที่ดีที่สุดของนกั เรียน 1 คน โดยติดภาพเพือ่ นในชุดกิจกรรมการ เรียนรู้หนา้ 18 แลว้ เขียนชื่อ ช้นั อายุ สี อาหาร และงานอดิเรกท่ีชอบ รวมท้งั หมายเลขโทรศพั ทข์ องเพ่ือนดว้ ย ให้ 34

นกั เรียนทากิจกรรมลงในใบงาน 2. ใหน้ กั เรียนฝึกออกเสียงคาในหวั ขอ้ Say the words. ที่หนา้ 14 ของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 3. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม ๆ นาแผนท่ีภาษาองั กฤษมาแจกให้ แลว้ ใหน้ กั เรียนเลือกช่ือประเทศบนแผน ท่ีท่ีกลุ่มของตนเองสนใจ มาเขียนลงในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ขอ้ G หนา้ 23 โดยสะกดใหถ้ ูกตอ้ ง 4 ชื่อ ฝึกอา่ น ช่ือเหล่าน้นั โดยใหค้ ุณครูช่วย และใหน้ กั เรียนในกลุ่มช่วยกนั หาความรู้เกี่ยวกบั ประเทศท่ีเลือกมาเสนอตอ่ ช้นั เรียน ส้ัน ๆ 1 ประเทศ แบบฝึ กหดั ท้ายหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1: Friends ช่ัวโมงที่ 8 หน้า 19 กจิ กรรมข้อ A. Listen and match. 1. ครูอธิบายวธิ ีทาแบบฝึกหดั โดยใหน้ กั เรียนฟัง CD Track 4 จากน้นั ใหน้ กั เรียนโยงเส้นจากชื่อใน คอลมั น์ A ไปยงั ช่ือประเทศในคอลมั น์ B 1. I’m Miko. I’m from Japan. 2. I’m Lee. I’m from China. 3. I’m Kim. I’m from Korea. 4. I’m Susan. I’m from Australia. 5. I’m Mali. I’m from Thailand. 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจคาตอบบนกระดาน ดงั น้ี Key: Mali - Thailand, Susan - Australia, Miko - Japan, Kim - Korea, Lee - China หน้า 19 กจิ กรรมข้อ B. Look, spell and circle. ครูแนะนาวธิ ีหาคาศพั ท์ โดยใหส้ งั เกตทีละบรรทดั ตามแนวนอนและแนวต้งั เมื่อพบคาศพั ทใ์ หว้ งกลม ลอ้ มรอบ ดงั ตวั อยา่ งในหนงั สือแบบฝึกหดั หนา้ 6 Key: C H I L DO HA P PY D A DO P S L MNE AP E LN I C EY S I Y N TF PPN ICY N ET L T T O OR PL A YS O C OT I N K C H I LD R EN P E GG M A N T NE YOY OE P E NT C H I E RN R E D YW H N U T X N A W KD OG F AT H E RO 35

W U S P LT HA I LA N D R I หน้า 20 กจิ กรรมข้อ C. Answer the questions. ใหน้ กั เรียนตอบคาถามโดยใชช้ ่ือประเทศต่าง ๆ ที่อยทู่ างดา้ นล่างของคาถาม และใช้ สรรพนามแทนชื่อ He ใชแ้ ทนช่ือผชู้ าย และ She ใชแ้ ทนชื่อผหู้ ญิง Key: 1. I am from Thailand. 2. He is from China. 3. She is from Singapore. 4. He is from the USA. 5. She is from Korea. ชั่วโมงท่ี 9 หน้า 21 กจิ กรรมข้อ D. Fill in the missing words. ใหน้ กั เรียนเติมคาศพั ทเ์ พื่อเขียนถึงเพ่ือนท่ีดีที่สุด วา่ ช่ืออะไร อายเุ ท่าไร และลกั ษณะรูปร่างอยา่ งไร ไม่ ชอบดื่มอะไร ครูสามารถแนะนาคาศพั ทต์ า่ ง ๆ ใหก้ บั นกั เรียนได้ เช่น five, six, seven, happy, chubby, milk, coffee, tea, juice จากน้นั วาดภาพตามประโยคท่ีเติมคาศพั ทล์ งในกรอบ  พร้อมระบายสีใหส้ วยงาม Key: This is my best friend. His name is Fred. He is nine years old. He is not chubby. He is slim. He does not like drinking milk. หน้า 22 กจิ กรรมข้อ E. MY FRIEND ใหน้ กั เรียนวาดภาพเพื่อน 1 คน วาดสิ่งของที่เพอ่ื นมี ระบายสีใหส้ วยงาม จากน้นั เติมคาในช่องวา่ งใหไ้ ด้ ใจความท่ีสมบูรณ์ หน้า 23 กจิ กรรมข้อ F. Write the words. ครูใหน้ กั เรียนเขียนคาศพั ทต์ ามรูปแบบคาท่ีกาหนดให้ หน้า 24-25 Test ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 Key: 1. a 2. c 3. c 4. b 5. a 6. c 7. b 8. a 9. b 10. a 6. การวดั และประเมินผล 1. สังเกตการโตต้ อบสนทนากบั ครูและเพอื่ น ๆ 2. สังเกตความคล่องแคล่วชดั เจนในการพูด 3. ตรวจแบบฝึกหดั ทา้ ยบทเรียนและการทาแบบทดสอบ 7. ความสัมพนั ธ์กบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน 1. กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ: ทศั นศิลป์ มฐ.ศ 1.1 ป.3/4 36

ดนตรี มฐ.ศ 2.1 ป.3/4 2. กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม มฐ.ส 5.1 ป.3/1 Unit 1 Friends Script CD FIRST TRY นาเข้าสู่บทเรียน 1. Listen and say.  Teacher : Good morning, children. Welcome back to school. Girl 1, 2 and Boy : Good morning, Miss. Teacher : This is Miko. She’s your new friend. Miko : Hello, friends. Girl 1 : Hello, Miko. Boy : Hi, Miko. Girl 2 : Hello, Miko. Girl 1 : Where are you from? Miko : I’m from Japan. STUDY MORE กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. Listen and read.  Susan : Peter is my best friend. He’s new. He has brown hair. He’s happy. He’s chubby. Where is he from? He’s from the USA. Peter : Susan and I are best friends. She has blond hair. She’s nice. She’s slim. We are in the same class. Where is she from? She is from Australia. LET’S READ อ่านคล่อง Can you read?  Snow (cat) : I am Snow, the cat. My best friend is Go-Go, the dog. We live in the same house. I am fat. Go-Go is slim. We are best friends. We are very very happy. 37

แบบฝึ กหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 1: Friends A. Listen and match.  1. I’m Miko. I’m from Japan. 2. I’m Lee. I’m from China. 3. I’m Kim. I’m from Korea. 4. I’m Susan. I’m from Australia. 5. I’m Mali I’m from Thailand. 38

แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 : My meals รหสั วชิ า/ช่ือรายวชิ า ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ช้ัน ประถมศึกษาปี ท่ี 3 เวลาเรียน 10 ชว่ั โมง ภาคเรียนท่ี 1 ครูผ้สู อน อบั ดุลฮากมั ตวนกะจิ โรงเรียน บา้ นป่ าม่วง สพป.ปน.3 1. สาระสาคญั ผทู้ ่ีเลือกรับประทานอาหารท่ีมีประโยชนจ์ ะมีสุขภาพดี แข็งแรง 2. เป้าหมายการเรียนรู้ • ปฏิบตั ิตามคาสง่ั และคาขอร้องท่ีฟังหรืออ่าน (ต 1.1 ป.3/1) • อา่ นออกเสียงคา สะกดคา อ่านกลุ่มคา ประโยค และบทพดู เขา้ จงั หวะ (chant) ง่าย ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การ อา่ น (ต 1.1 ป.3/2) • เลือก/ระบุภาพหรือสัญลกั ษณ์ตรงตามความหมายของกลุ่มคาและประโยคท่ีฟัง (ต 1.1 ป.3/3) • ตอบคาถามจากการฟังหรืออา่ นประโยค บทสนทนา หรือนิทานง่ายๆ (ต 1.1 ป.3/4) • พูดโตต้ อบดว้ ยคาส้ัน ๆ ง่ายๆ ในการสื่อสารระหวา่ งบุคคลตามแบบที่ฟัง (ต1.2 ป.3/1) • บอกความตอ้ งการง่าย ๆ ของตนเองตามแบบที่ฟัง (ต 1.2 ป.3/3) • พูดขอและใหข้ อ้ มูลง่าย ๆ เกี่ยวกบั ตนเองและเพื่อนตามแบบท่ีฟัง (ต 1.2 ป.3/4) • บอกความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกบั สิ่งต่าง ๆ ใกลต้ วั หรือกิจกรรมตา่ ง ๆตามแบบท่ีฟัง (ต 1.2 ป.3/5) • พดู ใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองและเร่ืองใกลต้ วั (ต 1.3 ป.3/1) • จดั หมวดหมู่คาตามประเภทของบุคคล สัตว์ และส่ิงของตามที่ฟังหรืออา่ น (ต 1.3 ป.3/2) • พดู และทาทา่ ประกอบตามมารยาทสงั คม/วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา (ต 2.1 ป.3/1) • บอกชื่อและคาศพั ทง์ ่าย ๆ เกี่ยวกบั เทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลอง และชีวติ ความเป็นอยขู่ องเจา้ ของภาษา (ต 2.1 ป.3/2) • เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมท่ีเหมาะสมกบั วยั (ต 2.1 ป.3/3) • บอกความแตกต่างของเสียงตวั อกั ษร คา กลุ่มคาและประโยคง่าย ๆ ของภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย (ต 2.2 ป.3/1) • บอกคาศพั ทท์ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น (ต 3.1 ป.3/1) • ฟัง/พูดในสถานการณ์ง่าย ๆ ที่เกิดข้ึนในห้องเรียน (ต 4.1 ป.3/1) • ใชภ้ าษาต่างประเทศเพื่อรวบรวมคาศพั ทท์ ี่เกี่ยวขอ้ งใกลต้ วั (ต 4.2 ป.3/1) 39

3. จุดประสงค์ของบทเรียน เพื่อใหน้ กั เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจ และมีทกั ษะการใชภ้ าษาองั กฤษในเรื่องต่อไปน้ี คือ สามารถ • บอกความตอ้ งการง่าย ๆ ของตนเองวา่ ตอ้ งการรับประทานอาหารชนิดใดตามแบบท่ีฟังได้ • จดั หมวดหมูค่ าศพั ทท์ ่ีเป็นช่ืออาหารโดยใชม้ ้ือตา่ ง ๆ เป็ นเกณฑไ์ ด้ • พดู และทาท่าประกอบไดถ้ ูกตอ้ งตามมารยาทสงั คมของเจา้ ของภาษา • บอกช่ือและคาศพั ทง์ ่าย ๆ เกี่ยวกบั ชีวติ ความเป็นอยขู่ องเจา้ ของภาษาได้ 4. เนื้อหาทางภาษา โครงสร้างประโยค : Milk is good for you. It’s good for you. It’s bad for you. What are you going to have for lunch? I’m going to have veggie soup. คาศัพท์ : a sandwich, fruit, milk, coffee, juice, fish, fried rice, spaghetti, veggie soup, meat, a banana, a chocolate doughnut ส่ือการเรียนรู้ :  บตั รคา  บตั รภาพ อาหาร เครื่องด่ืมและผลไม้  อาหารของจริง  CD Track 5 - 8 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1 FIRST TRY นาเข้าสู่บทเรียน เตรียมความพร้อม (Warm Up) ครูนาถาดใส่อาหาร ไดแ้ ก่ แซนดว์ ชิ 1 ชิ้น ผลไม้ เช่น ส้ม กลว้ ย กาแฟ 1 ถว้ ย น้าผลไม้ นม ใส่ถาดท่ี มีผา้ คลุม ยกมาวางที่โตะ๊ หนา้ ช้นั สนทนากบั นกั เรียนวา่ นี่คืออาหารเชา้ ของครู ใหน้ กั เรียนทายวา่ มีอะไรบา้ ง นกั เรียนสามารถทายโดยพยายามใชภ้ าษาองั กฤษใหม้ ากทีส่ ุด เมื่อนกั เรียนทายถูกครูหยบิ อาหารน้นั ข้ึนมาวางบน โตะ๊ และพูดประโยคพร้อมกนั เช่น It’s (milk). หมายเหตุ : ครูสามารถใชภ้ าพแทนไดใ้ นกรณีที่ไมส่ ะดวกในการเตรียมของจริง การดาเนินการสอน (Presentation)  สอนคาศพั ท์ (a sandwich, fruit, coffee, juice, milk) 1. ครูติดภาพ a sandwich, fruit, coffee, juice และ milk บนกระดาน พดู ออกเสียงใหน้ กั เรียน พดู ตามทีละคา 2. ครูชูบตั รคาศพั ท์ ใหน้ กั เรียนอ่านและสะกดคาละ 2-3 คร้ัง 3. ครูใหน้ กั เรียนอาสาสมคั รนาบตั รคาศพั ทไ์ ปติดใตภ้ าพบนกระดาน แลว้ เขียนหมายเลข 1, 2, 3, 4, 5 ไวห้ นา้ คาศพั ท์ 40

4. ครูออกเสียงคาศพั ท์ ใหน้ กั เรียนบอกวา่ ตรงกบั หมายเลขอะไร T : fruit Ss : No. 2 T : Spell the word, please. Ss : f - r - u - i - t 5. ครูแบ่งนกั เรียนเป็น 2 กลุ่ม แขง่ กนั บอกคาศพั ท์ และช้ีไปท่ีภาพ โดยครูบอกหมายเลข ดงั น้ี T : No. 5 Gr.1 : ช้ีไปที่ภาพและพดู คาศพั ท์ milk (ในการเล่นเกมน้ี ครูอาจบอกคาศพั ทท์ ่ีไมม่ ีอยบู่ นกระดาน กลุ่มใดช้ีไปที่กระดาน ครูหกั คะแนน กลุ่มได)้  สอนประโยค 1. ครูนาอาหาร ไดแ้ ก่ กาแฟ 1 ถว้ ย นม 3 กล่อง น้าผลไม้ 4 กล่อง ผลไม้ (กลว้ ย ส้ม) และแซนดว์ ชิ 4-5 ชิ้น 2. ครูบอกกบั นกั เรียนวา่ ไดจ้ ดั อาหารเชา้ เรียบร้อยแลว้ มองนาฬิกา เขียนภาพนาฬิกาบอกเวลา 7.00 น. บนกระดาน พร้อมกบั พูดวา่ T : Breakfast is ready. (ติดแถบประโยคบนกระดาน) ครูออกเสียง Breakfast is ready. อีก 2-3 คร้ัง ใหน้ กั เรียนพดู ตามและสะกดคาศพั ท์ รวมท้งั ใหน้ กั เรียนเดาความหมาย ถา้ นกั เรียนบอกไม่ ถูกตอ้ ง ครูสรุปความหมายใหน้ กั เรียนฟัง 3. ครูหยบิ ถว้ ยกาแฟข้ึนมาทาท่าดื่ม พูดประโยค และติดแถบประโยคบนกระดาน T : Coffee is for me. (พร้อมกบั ช้ีมาท่ีตวั เอง) ใหน้ กั เรียนพูดตามและทาทา่ ทางประกอบ Ss : Coffee is for me. (พดู พร้อมกบั ช้ีมาท่ีตวั เอง) ครูหยบิ นม 1 กล่อง ชูข้ึนพร้อมกบั พูด และ ส่งกล่องนมใหน้ กั เรียน T : Milk is for you. It is good for your health. (ติดแถบประโยค 2 ประโยคบนกระดาน) ให้ นกั เรียนท้งั ช้นั พดู และทาท่าทางประกอบ Ss : Milk is for you. It is good for your health. 4. สุ่มเรียกนกั เรียน 5-6 คน ออกมาหนา้ ช้นั เรียน เลือกหยบิ อาหารให้ตนเอง และส่งใหเ้ พ่อื นทุกคน ในช้นั พดู ตาม S1 : Juice is for me. A sandwich is for you. It’s good for your health. Ss : Juice is for me. A sandwich is for you. It’s good for your health. 41

ช่ัวโมงที่ 2 การฝึ ก (Practice) 1. ครูเปิ ด CD Track 5 ใหน้ กั เรียนฟังและพดู ตาม 2. ใหน้ กั เรียนเปิ ดชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 27 ครูเปิ ด CD Track 5 ใหน้ กั เรียนฟัง และอา่ นตาม ทีละประโยค 3. ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั ฝึกพูดบทสนทนา โดยใชภ้ าพในชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 28 ดงั น้ี S1 : A sandwich is for me. Fish is for you. It’s good for your health. S2 : Milk is for you. Juice is for me. 4. ใหน้ กั เรียนฝึกออกเสียงคาในหวั ขอ้ Say the words. ท่ีหนา้ 31 ของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 3 STUDY MORE กจิ กรรมการเรียนรู้ เตรียมความพร้อม (Warm Up) ครูสนทนากบั นกั เรียนวา่ เม่ือตอนเยน็ รับประทานอาหารอะไรกนั บา้ ง และวนั น้ีอาหารกลางวนั ที่ โรงเรียนจะมีรายการอาหารอะไร ใครทราบ หรือนกั เรียนอยากใหม้ ีรายการอาหารอะไร ใหน้ กั เรียนตอบโดยใช้ ภาษาองั กฤษใหม้ ากท่ีสุด การดาเนินการสอน (Presentation)  สอนคาศพั ท์ (school canteen, menu, fried rice, spaghetti, veggie soup, meat, a chocolate doughnut, a banana) โดยครูแบ่งสอนตามความเหมาะสมของเวลา ดงั น้ี 1. สอน school canteen โดยใหน้ กั เรียนเล่นเกมทายสถานท่ี 10 คาถาม เม่ือนกั เรียนทายถูกครูติด บตั รคาบนกระดาน ครูอา่ นใหน้ กั เรียนอ่านตามและสะกดคาศพั ท์ 2. สอนคา menu โดยใชเ้ กม Hangman เม่ือนกั เรียนทายถูก ครูอา่ นออกเสียงและใหน้ กั เรียนอ่าน ตามและสะกดคาศพั ท์ จากน้นั นาตวั อยา่ งรายการอาหารใหน้ กั เรียนดู 3. ครูเขียนกรอบส่ีเหลี่ยมผนื ผา้ แนวต้งั บนกระดาน เขียนหวั กระดาษวา่ Today’s menu จากน้นั ติด ภาพขา้ วผดั สปาเกตตี ซุปผกั เน้ือ โดนตั ช็อกโกแลตและกลว้ ย ครูช้ีไปที่ภาพ ออกเสียง ติดบตั รคาใตภ้ าพ ให้ นกั เรียนออกเสียงตามและสะกดคาศพั ท์  สอนประโยคคาถาม-คาตอบ What are you going to have for breakfast / lunch / dinner? 1. ครูติดภาพแซนดว์ ชิ ขา้ วผดั และปลา บนกระดาน เขียนเวลาใตภ้ าพ 7.00, 12.00 และ 18.00 ช้ีไป ที่ภาพและพดู ประโยค ดงั น้ี T : I’m going to have a sandwich for breakfast. I’m going to have fried rice for lunch. I’m going to have fish for dinner. 42

2. ครูติดแถบประโยคตวั อยา่ งใตภ้ าพ ช้ีไปท่ีภาพและถามคาถาม T : What are you going to have for breakfast? ช้ีไปที่ประโยคคาตอบและพูด I’m going to have a sandwich. 3. ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั ฝึกถามตอบ และตอบคาถามโดยดาเนินการตามขอ้ 2 ช่ัวโมงที่ 4 การฝึ ก (Practice) 1. ครูเปิ ด CD Track 6 ใหน้ กั เรียนฟังและพูดตาม 2. ใหน้ กั เรียนเปิ ดชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 29 ครูเปิ ด CD Track 6 ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านตาม ทีละประโยค 3. แบง่ กลุ่มนกั เรียนกลุ่มละ 4 คน ฝึกถามตอบจากภาพในชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 30 ดงั ตวั อยา่ ง S1 : What are you going to have for breakfast, S2? S2 : Meat and a banana. What are you going to have for dinner, S3? S3 : Veggie soup and an apple. What about you? S4 : Spaghetti and meat. 4. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มจดั menu อาหาร วาดภาพประกอบในกระดาษ ช่ัวโมงที่ 5 สรุป (Wrap Up) 1. ครูและนกั เรียนช่วยกนั สรุปคาศพั ทใ์ นกลุ่มอาหาร ซ่ึงมีท้งั เป็นคานามนบั ได้ และคานามนบั ไม่ได้ Countable Noun Uncountable Noun a sandwich fruit a banana milk a chocolate doughnut coffee an apple veggie soup 2. สรุปสานวน _______ is for me/you. และ It’s good for your health. 3. สรุปประโยคคาถาม-คาตอบ What are you going to have for _______ ? I’m going to have (chicken). ใช้ to have = to eat ในความหมายวา่ คุณจะรับประทานอะไรเป็นอาหารเชา้ ส่วน to be going to ใชใ้ น ความหมายวา่ “กาลงั จะ.......” ข้อแนะนาเพม่ิ เติม : ครูควรอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรียนทราบวา่ อาหารบางอยา่ ง เช่น แซนดว์ ชิ สปาเกตตี โดนตั เป็นอาหารของชาวต่างชาติ ไมใ่ ช่อาหารไทย และนิยม รับประทานตา่ งวาระกนั 43

กจิ กรรมเสริม (PRODUCTION) ชั่วโมงท่ี 6 LET’S READ อ่านคล่อง 1. ครูเปิ ด CD Track 7 ใหน้ กั เรียนฟัง 2. ใหน้ กั เรียนเปิ ดชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 33 ครูเปิ ด CD Track 7 ใหน้ กั เรียนฟัง และอา่ นตาม 3. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มอา่ นชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 33 อีกคร้ัง นกั เรียนช่วยกนั สรุปใจความสาคญั จากเรื่องที่อ่านวา่ รับประทานอะไร ดื่มอะไรจึงจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ 4. ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เขียนสรุปลงในกระดาษ A4 วาดภาพประกอบงานดว้ ย พร้อมท้งั ต้งั ชื่อเร่ือง จากน้นั ติดรายงานของนกั เรียนไวท้ ่ีบอร์ดในช้นั เรียน 5. ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั How well did you read? ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 34 ชั่วโมงท่ี 7 LET’S THINK คดิ วเิ คราะห์ 1. ครูเขียนประโยค It’s good for me. และ It’s bad for me. บนกระดาน 2. แบ่งนกั เรียนเป็น 2 กลุ่ม แต่ละกลุ่มส่งผแู้ ทนออกมาเขียนชื่ออาหารท่ีเป็ นประโยชน์ และไม่เป็น ประโยชน์ต่อสุขภาพ ใหเ้ วลาเขียน 5 นาที จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั อา่ นช่ืออาหารท้งั 2 กลุ่ม 3. ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 35 ช่ัวโมงท่ี 8 EXTRA! EXTRA! กจิ กรรมเสริมทกั ษะ 1. ใหน้ กั เรียนดูภาพอาหาร 7 ภาพ ในหนา้ 36 ของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ระบายสีภาพใหส้ วยงาม แลว้ ถามนกั เรียนวา่ นกั เรียนรู้จกั ภาษาองั กฤษของอาหารในภาพรายการใดบา้ ง ใหน้ กั เรียนเขียนช่ือลงในชุดกิจกรรม การเรียนรู้ของตน หากไม่ทราบ หรือไม่แน่ใจ ใหใ้ ชพ้ จนานุกรมช่วย หลงั จากน้นั ฝึกอ่านช่ืออาหารเหล่าน้ี โดยให้ คุณครูช่วย 2. Worksheet ใบงาน Draw your favorite food for breakfast, lunch and dinner. Write the names of the food under the pictures. ใหน้ กั เรียนวาดภาพอาหารที่ชอบรับประทาน ม้ือเชา้ ม้ือกลางวนั และม้ือเยน็ พร้อมท้งั เขียนคาศพั ทช์ ่ืออาหารใตภ้ าพ ครูสามารถใหค้ าแนะนาหากนกั เรียนวาดภาพอาหารอ่ืน ๆ นอกเหนือบทเรียน ให้ นกั เรียนทากิจกรรมลงในใบงาน ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 37 3. ใหน้ กั เรียนฝึกอา่ นตามบทพดู เขา้ จงั หวะ ที่หวั ขอ้ Let’s chant. ท่ีหนา้ 42 ของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จากน้นั คุณครูเปิ ดเพลงท่ี 33 ใน CD ใหน้ กั เรียนฟัง ใหน้ กั เรียนร้องตาม 44

แบบฝึ กหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2: My meals หน้า 38 กจิ กรรมข้อ A. Listen to the names of the food for breakfast, lunch and dinner. Cross () the pictures you hear. 1. ครูอธิบายวธิ ีทาแบบฝึกหดั โดยครูเปิ ด CD Track 8 ใหน้ กั เรียนฟัง จากน้นั ใหน้ กั เรียนเขียน  บน ภาพอาหารที่ไดย้ นิ 1. I have soup and bread for breakfast. 2. My friend has spaghetti and water for lunch. 3. My father has fruit and fish for dinner. 2. ครูและนกั เรียนตรวจคาตอบบนกระดาน Key: Breakfast - soup, bread Lunch - spaghetti, water Dinner - fruit, fish ช่ัวโมงที่ 9 หน้า 39 กจิ กรรมข้อ B. Tick () for food that’s good for you. Cross () for food that’s bad for you. 1. ครูเขียนชื่ออาหารบนกระดาน หรือใหน้ กั เรียนดูภาพอาหาร เช่น juice, coffee, candy, milk ให้ นกั เรียนตอบพร้อมกนั วา่ อาหารเหล่าน้ีดีหรือไมด่ ีตอ่ สุขภาพ โดยพดู ประโยค It’s good for you. หรือ It’s bad for you. 2. ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั โดยการเขียน  ในขอ้ ท่ีเป็นอาหารท่ีดีต่อสุขภาพ หรือ  ในขอ้ ท่ีเป็ น อาหารท่ีไม่ดีต่อสุขภาพ Key: 1.  2.  3.  4.  5.  หน้า 40 กจิ กรรมข้อ C. Answer the questions. Plan the food for camping with your family. 1. ครูสมมุติสถานการณ์วา่ นกั เรียนและครอบครัวจะไปแคมป์ นกั เรียนจะเตรียมอาหารอะไรสาหรับอาหาร ม้ือเชา้ กลางวนั และเยน็ ถา้ นกั เรียนตอ้ งการเตรียมอาหารอ่ืน ๆ นอกเหนือบทเรียน ครูแนะนาคาศพั ทบ์ นกระดาน เช่น papaya salad (ส้มตา) curry (แกงเผด็ ) etc. 2. ใหน้ กั เรียนเขียนคาตอบ 3 ขอ้ ครูเขียนคาตอบเป็ นตวั อยา่ งบนกระดาน เช่น I am going to have a sandwich for breakfast. ชั่วโมงท่ี 10 หน้า 41 กจิ กรรมข้อ D. Draw and write the names of the food you should eat after school. ครูสนทนากบั นกั เรียนเกี่ยวกบั อาหารวา่ งที่นกั เรียนรับประทานหลงั เลิกเรียนวา่ มีอะไรบา้ ง ครูเขียน คาศพั ท์บนกระดาน ให้นกั เรียนแสดงความคิดเห็นว่าอาหารเหล่าน้ีควรหรือไม่ควรรับประทาน โดยวาด ภาพเขียนช่ืออาหารท่ีควรรับประทานลงในกรอบ  45

หน้า 42 กจิ กรรมข้อ E. Write the words. ครูใหน้ กั เรียนเขียนคาศพั ทต์ ามรูปแบบคาที่กาหนดให้ หน้า 43-44 Test ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 Key: 1. b 2. c 3. b 4. b 5. a 6. b 7. c 8. a 9. a 10. a 6. การวดั และประเมินผล 1. สงั เกตการพดู ออกเสียง อา่ นคาศพั ท์ ประโยคคาถามคาตอบไดช้ ดั เจน คล่องแคล่ว 2. ดูความคล่องแคล่วในการโตต้ อบบทสนทนา คาถาม-คาตอบ 3. ดูความร่วมมือในการทางานกลุ่ม 4. ตรวจแบบฝึกหดั ทา้ ยบทเรียนและการทาแบบทดสอบ 7. ความสัมพนั ธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น 1. กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ: ทศั นศิลป์ มฐ.ศ 1.1 ป.3/4 ดนตรี มฐ.ศ.2.1 ป.3/4 2. กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มฐ.พ 4.1 ป.3/3 Unit 2 My meals Script CD FIRST TRY นาเข้าสู่บทเรียน 1. Listen and say.  John’s mother : Breakfast is ready. John : What’s for breakfast, Mom? John’s mother : We have sandwiches and fruit. Coffee is for dad. And juice is for you. It’s good for your health! STUDY MORE กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. Listen and say.  Boy 1 : What are you going to have for lunch? Girl 1 : I’m going to have fried rice and a chocolate doughnut. What about you? Boy 1 : Spaghetti and a banana. 46

LET’S READ อ่านคล่อง Can you read?  Teacher : Eat fruit. It’s good for you. Drink milk. It’s good for you, too. What are you going to eat? What are you going to drink? Student : I’m going to eat fruit, fruit, fruit. I’m going to drink milk, milk, milk. Teacher : Wow, that’s great! Teacher : Don’t eat candies. They’re bad for you. Don’t drink coffee. It’s bad for you. What are you going to eat? What are you going to drink? Student : I’m not going to eat candies, candies, candies. I’m going to eat fruit, fruit, fruit. I’m not going to drink coffee, coffee, coffee. I’m going to drink milk, milk, milk. Teacher : Wow, that’s good for your health. แบบฝึ กหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 2: My meals A. Listen to the names of the food for breakfast, lunch and dinner. Cross () the pictures you hear.  1. I have soup and bread for breakfast. 2. My friend has spaghetti and water for lunch. 3. My father has fruit and fish for dinner. 47

แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 : Whose purse is it? รหสั วชิ า/ช่ือรายวชิ า ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ช้ัน ประถมศึกษาปี ท่ี 3 เวลาเรียน 10 ชวั่ โมง ภาคเรียนที่ 1 ครูผ้สู อน อบั ดุลฮากมั ตวนกะจิ โรงเรียน บา้ นป่ าม่วง สพป.ปน.3 1. สาระสาคญั ของส่วนใหญ่มีผเู้ ป็นเจา้ ของ เราไมค่ วรถือเอาของผอู้ ่ืนมาเป็นของตน 2. เป้าหมายการเรียนรู้ • ปฏิบตั ิตามคาสงั่ และคาขอร้องที่ฟังหรืออ่าน (ต 1.1 ป.3/1) • อา่ นออกเสียงคา สะกดคา อ่านกลุ่มคา ประโยค และบทพูดเขา้ จงั หวะ (chant) ง่าย ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การ อ่าน (ต 1.1 ป.3/2) • ตอบคาถามจากการฟังหรืออา่ นประโยค บทสนทนา หรือนิทานง่ายๆ (ต 1.1 ป.3/4) • พูดโตต้ อบดว้ ยคาส้ัน ๆ ง่ายๆ ในการส่ือสารระหวา่ งบุคคลตามแบบที่ฟัง (ต1.2 ป.3/1) • ใชค้ าสัง่ และคาขอร้องง่าย ๆ ตามแบบท่ีฟัง(ต 1.2 ป.3/2) • พดู ขอและใหข้ อ้ มูลง่าย ๆ เกี่ยวกบั ตนเองและเพือ่ นตามแบบท่ีฟัง (ต 1.2 ป.3/4) • พดู ใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเองและเรื่องใกลต้ วั (ต 1.3 ป.3/1) • พดู และทาท่าประกอบตามมารยาทสังคม/วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา (ต 2.1 ป.3/1) • เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมท่ีเหมาะสมกบั วยั (ต 2.1 ป.3/3) • บอกความแตกตา่ งของเสียงตวั อกั ษร คา กลุ่มคาและประโยคง่าย ๆ ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย (ต 2.2 ป.3/1) • บอกคาศพั ทท์ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน (ต 3.1 ป.3/1) • ฟัง/พูดในสถานการณ์ง่าย ๆ ที่เกิดข้ึนในห้องเรียน (ต 4.1 ป.3/1) • ใชภ้ าษาตา่ งประเทศเพื่อรวบรวมคาศพั ทท์ ่ีเก่ียวขอ้ งใกลต้ วั (ต 4.2 ป.3/1) 3. จุดประสงค์ของบทเรียน เพ่อื ใหน้ กั เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจ และมีทกั ษะการใชภ้ าษาองั กฤษในเร่ืองต่อไปน้ี คือ สามารถ • พูดขอและใหข้ อ้ มูลง่าย ๆ ตามแบบที่ฟังไดว้ า่ ส่ิงของชิ้นใดเป็นของใคร • พดู ขอและใหข้ อ้ มูลง่าย ๆ ตามแบบที่ฟังไดว้ า่ สิ่งของชิ้นท่ีระบุเป็นของบุคคลท่ีกล่าวถึงใช่หรือไม่ • ตอบคาถามจากการฟังและอา่ นเรื่องส้ัน ๆ ง่าย ๆ ได้ 48

4. เนื้อหาทางภาษา โครงสร้างประโยค : Whose (book) is this/that? It is my/your/his/her/our/their (books). Whose (books) are these/those? They are my/your/his/her/our/their (books). คาศัพท์ : a bench, a purse, a wallet, an umbrella, a boat, a comb, a skateboard, look for  บตั รคา  บตั รภาพ  แถบประโยค  CD Track 9 - 13  ของจริง เช่น ส่ือการเรียนรู้ : กระเป๋ าสตางคช์ าย กระเป๋ าสตางคห์ ญิง ร่ม หวี ลูกโป่ ง 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 FIRST TRY นาเข้าสู่บทเรียน การเตรียมความพร้อม (Warm Up) ครูหยบิ ธนบตั ร 3-4 ใบข้ึนมานบั และครูใหน้ กั เรียนดู สนทนากบั นกั เรียนวา่ ครูควรจะเก็บธนบตั ร เหล่าน้ีไวท้ ่ีไหน นกั เรียนตอบคาถามโดยใช้ T : Where can I keep the money? S1 : ใส่ไวใ้ นกระเป๋ ากระโปรง S2 : ใส่ไวใ้ นกระเป๋ าสตางค์ S3 : ใส่ไวใ้ นกระเป๋ าถือ การดาเนินการสอน (Presentation)  สอนคาศพั ท์ a purse, a wallet, a handbag, a bench 1. ครูสอนคาศพั ท์ a purse ครูชูกระเป๋ าสตางคใ์ หน้ กั เรียนดู พดู ออกเสียง ติดบตั รคาบนกระดานให้ นกั เรียนอา่ น และสะกดคาศพั ทพ์ ร้อม ๆ กนั 2-3 คร้ัง 2. ครูชูกระเป๋ าสตางคอ์ ีกคร้ัง พร้อมพดู T : It is a black purse. It is my purse. 3. ครูถามนกั เรียนหญิงวา่ ใครมีกระเป๋ าสตางคบ์ า้ ง ใหห้ ยบิ ข้ึนมาแสดงใหเ้พื่อนดู และพูดประโยคประกอบ Malee : This is my purse. Weena : It is my red purse. Sunee : It is purple. It is my purple purse. 4. ครูถามนกั เรียนชายวา่ ใครมีกระเป๋ าสตางคบ์ า้ งใหห้ ยบิ ข้ึนมาแสดงให้เพ่ือนดู และพดู ประโยคประกอบ Suwit : This is my purse. T : No. It is not a purse. It is a wallet. ครูพดู คาวา่ wallet ใหน้ กั เรียนพดู ซ้าและสะกดคาศพั ท์ จากน้นั พูดประโยคประกอบ Ss : wallet, wallet w-a-ll-e-t, w-a-ll-e-t Suwit : This is my black wallet. 49

Chatchai : It is my black wallet. 5. ครูและนกั เรียนช่วยกนั สรุปวา่ purse กบั wallet มีความหมายต่างกนั อยา่ งไร พร้อมชูภาพ purse และ wallet ใหน้ กั เรียนดูอีกคร้ัง purse เป็ นกระเป๋ าใส่สตางคส์ าหรับผูห้ ญิง wallet เป็ นของผูช้ าย แต่เรามกั จะใช้ ปนกนั ผหู้ ญิงมกั จะไปเอา wallet มาใชใ้ ส่เงิน จากน้นั ครูสอนคา a handbag ดาเนินการสอนตามขอ้ 1-2  สอนประโยคคาถาม Whose _______? 1. ครูชูกระเป๋ าสตางคข์ องมาลี ครูพดู ประโยคคาถามและคาตอบ T : Whose purse is this? T : It is Malee’s purse. ครูติดแถบประโยคคาถามและคาตอบบนกระดาน ครูหยบิ กระเป๋ า สตางคข์ องวนี าข้ึน พดู ประโยคคาถาม T : Whose purse is this? Ss : It is Weena’s purse. T : Whose wallet is that? Ss : It is Chatchai’s wallet. 2. ครูช้ีไปที่สิ่งของอ่ืน ๆ ของนกั เรียน และถามคาถามนกั เรียนอีก 5-6 ประโยค ช่ัวโมงท่ี 2 การฝึ ก (Practice) 1. ครูเปิ ด CD Track 9 ใหน้ กั เรียนฟัง และพูดตาม 2. ใหน้ กั เรียนเปิ ดชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 46 ครูเปิ ด CD Track 9 ใหน้ กั เรียนฟังและอา่ นตามที ละประโยค 3. ครูอธิบายเพิ่มเติม ถา้ ของที่มีเจา้ ของ 2 คน จะใส่ ’s ไวท้ ่ีชื่อคนหลงั ครูเขียนประโยคตวั อยา่ งบน กระดาน It is Jop and Jip’s house. 4. ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั ผลดั กนั ถามตอบ จากภาพในชุดกิจกรรมการเรียนรู้หนา้ 48 5. ครูใหน้ กั เรียนทุกคนแสดงของใชส้ ่วนตวั 1 ชิ้นใหเ้ พ่ือน ๆ ดูทีละคน พร้อมกบั พดู ประโยค This is my (pencil). จะใหน้ กั เรียนพยายามจาใหไ้ ดว้ า่ ของสิ่งใดใครเป็นเจา้ ของ เม่ือพดู เสร็จนาของมาวางไวบ้ นโตะ๊ หนา้ ช้นั เรียน 6. ครูแบง่ นกั เรียนเป็น 2 กลุ่มชาย-หญิง และใหอ้ อกมาเขา้ แถวเรียงหน่ึง หวั แถวอยหู่ นา้ ช้นั เรียน ปลายแถวอยหู่ ลงั ช้นั เรียน 7. ครูหยบิ สิ่งของท่ีวางบนโตะ๊ และถามคาถาม ใหน้ กั เรียนหวั แถว 2 คน ตอบคาถาม ใครตอบได้ ถูกตอ้ งก่อนเดินกลบั ไปต่อทา้ ยนกั เรียนลาดบั ที่ 2 ข้ึนมาเป็นหวั แถว เตรียมตอบคาถามต่อไป (ถา้ ตอบพร้อมกนั ได้ เดินกลบั ไปตอ่ ทา้ ยท้งั 2 คน) T : Whose ruler is this? B : It’s Nida’s ruler. 8. ครูหยบิ สิ่งของถามไปเร่ือย ๆ จนไดก้ ลุ่มท่ีเป็นฝ่ ายชนะ 50

ชั่วโมงที่ 3 STUDY MORE กจิ กรรมการเรียนรู้ ทบทวน (Review) 1. ครูใหน้ กั เรียนนาของใชส้ ่วนตวั มาวางบนโตะ๊ เรียน ครูสุ่มหยบิ มา 10 ชิ้น ใส่ไวใ้ นถุงกระดาษ 2. ใหน้ กั เรียนอาสาสมคั รออกมาหนา้ ช้นั เรียน หยบิ ของในถุง 1 ชิ้น ถามเพอ่ื น ๆ วา่ เป็นของใคร ถา้ ใครจาไดว้ า่ เป็นของตนเองก็สามารถตอบคาถามไดว้ า่ เป็ นของนกั เรียนเอง S1 : Whose eraser is this? S2 : It’s Suwit’s eraser. S3 : Whose key is this? S4 : It’s my key. การดาเนินการสอน (Presentation)  สอนคาศพั ท์ an umbrella, a comb, a boat, a skateboard, a balloon โดยใชว้ ธิ ีใบค้ าศพั ทท์ ีละคา 1. ครูนาภาพร่ม หวี เรือ สเกตบอร์ด และลูกโป่ ง วางควา่ ไวท้ ี่รางชอลก์ 2. ใหน้ กั เรียนอาสาสมคั รออกมาเปิ ดดูภาพทีละคน แลว้ ใบค้ าถามใหเ้ พือ่ นทายวา่ เป็ นภาพอะไร เม่ือเพ่ือน ๆ ทายถูก ครูติดบตั รคาบนกระดาน อ่านออกเสียงใหน้ กั เรียนพูดตาม และสะกดคาศพั ท์ ครู ทาตวั อยา่ งการทายภาพที่หน่ึง เช่น T : (เป็ นสิ่งของที่มีขนาดเล็ก ลกั ษณะยาว ใส่ไวใ้ นกระเป๋ าเส้ือได)้ It’s small and long. We can keep it in our pocket. What is it? S1 : ดินสอ (a pencil) T : No. S2 : ไมบ้ รรทดั (a ruler) T : No. It has many teeth. (ครูวาดภาพบนกระดาน) S3 : หวี T : That’s correct. It’s a comb. a comb Ss : a comb c-o-m-b c-o-m-b ครูสอนลกั ษณะเช่นน้ีทีละคาจนครบคาศพั ทท์ ุกคา ชั่วโมงท่ี 4  สอน adjective possessive his, her, our, their 1. ครูสอนคาแสดงความเป็นเจา้ ของ โดยใชส้ ิ่งของตา่ ง ๆ ของนกั เรียนในช้นั เช่น his ครูหยิบกล่อง ดินสอของสุวทิ ยข์ ้ึนมา ถามคาถามและตอบคาถามใหน้ กั เรียนดูเป็นตวั อยา่ ง T : Whose pencil case is this? It is Suwit’s pencil case. It is his pencil case. Ss : Whose pencil case is this? It is Suwit’s pencil case. It is his pencil case. 51


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook