Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓

พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓

Description: พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓

Search

Read the Text Version

พระราชบญั ญัติ องค์กรจัดสรรคลื่นความถ่ีและกากับการ ประกอบกิจการวทิ ยุกระจายเสียง วทิ ยุ โทรทัศน์ และกจิ การโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓

พระราชบญั ญตั ิ องค์กรจดั สรรคล่ืนความถแ่ี ละกากบั การประกอบกจิ การ วทิ ยุกระจายเสียง วทิ ยุโทรทศั น์ และกจิ การโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ภมู ิพลอดุลยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๑๗ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นปี ที่ ๖๕ ในรัชกาลปัจจุบนั พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช มีพระบรมราช โองการโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศวา่ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายวา่ ดว้ ยองคก์ รจดั สรรคล่ืนความถี่ และกากบั กิจการวทิ ยกุ ระจายเสียง วิทยโุ ทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม พระราชบญั ญตั ิน้ีมีบทบญั ญตั ิบางประการเกี่ยวกบั การจากดั สิทธิและ เสรีภาพของบุคคล ซ่ึงมาตรา ๒๙ ประกอบกบั มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๓ มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ มาตรา ๖๑ และมาตรา ๖๔ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย บญั ญตั ิให้กระทาไดโ้ ดยอาศยั อานาจตามบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ตราพระราชบญั ญตั ิข้ึนไวโ้ ดย คาแนะนาและยนิ ยอมของรัฐสภา ดงั ต่อไปน้ี

มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั ิน้ีเรียกว่า “พระราชบญั ญตั ิองคก์ รจดั สรรคลื่น ความถ่ีและกากบั การประกอบกิจการวิทยกุ ระจายเสียง วทิ ยโุ ทรทศั น์ และกิจการ โทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓” มาตรา ๒[๑] พระราชบญั ญตั ิน้ีให้ใชบ้ งั คบั ต้งั แต่วนั ถดั จากวนั ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นตน้ ไป มาตรา ๓ ใหย้ กเลิกพระราชบญั ญตั ิองคก์ รจดั สรรคล่ืนความถี่และกากบั กิจการวทิ ยกุ ระจายเสียง วทิ ยโุ ทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญตั ิน้ี “คล่ืนความถ่ี” หมายความวา่ คล่ืนวทิ ยหุ รือคล่ืนแฮรตเซียนซ่ึงเป็นคลื่น แม่เหลก็ ไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ากวา่ สามลา้ นเมกะเฮิรตซล์ งมาท่ีถูกแพร่กระจายในที่วา่ ง โดยปราศจากสื่อนาท่ีประดิษฐ์ข้ึน “โทรคมนาคม” หมายความว่า การส่ง การแพร่ หรือการรับเคร่ืองหมาย สญั ญาณ ตวั หนงั สือ ตวั เลข ภาพ เสียง รหสั หรือส่ิงอื่นใดซ่ึงสามารถใหเ้ ขา้ ใจ ความหมายไดโ้ ดยระบบคลื่น ความถ่ี ระบบสาย ระบบแสง ระบบแม่เหลก็ ไฟฟ้า หรือ ระบบอื่น “วิทยคุ มนาคม” หมายความวา่ การส่ง การแพร่ หรือการรับเคร่ืองหมาย สญั ญาณ ตวั หนงั สือ ตวั เลข ภาพ เสียง รหสั หรือส่ิงอื่นใดซ่ึงสามารถให้เขา้ ใจ ความหมายไดด้ ว้ ยคล่ืนความถี่ “วิทยกุ ระจายเสียง” หมายความวา่ วทิ ยคุ มนาคมที่ส่งหรือแพร่เสียง เพ่อื ใหบ้ ุคคลทวั่ ไปรับไดโ้ ดยตรง “วทิ ยโุ ทรทศั น์” หมายความวา่ วทิ ยคุ มนาคมที่แพร่ภาพและเสียงเพื่อให้ บคุ คลทว่ั ไปรับไดโ้ ดยตรง

“กิจการกระจายเสียง” หมายความวา่ กิจการวทิ ยกุ ระจายเสียงและกิจการ กระจายเสียง ซ่ึงให้บริการการส่งข่าวสารสาธารณะหรือรายการไปยงั เครื่องรับที่ สามารถรับฟังการให้บริการน้นั ๆ ได้ ไมว่ า่ จะส่งโดยผา่ นระบบคลื่นความถี่ ระบบสาย ระบบแสง ระบบแม่เหลก็ ไฟฟ้า หรือระบบอ่ืน ระบบใดระบบหน่ึง หรือหลายระบบ รวมกนั หรือกิจการอื่นทานองเดียวกนั ท่ี กสทช. กาหนดใหเ้ ป็นกิจการกระจายเสียง “กิจการโทรทศั น์” หมายความวา่ กิจการวิทยโุ ทรทศั นแ์ ละกิจการ โทรทศั น์ซ่ึงให้บริการการส่งข่าวสารสาธารณะหรือรายการไปยงั เคร่ืองรับที่สามารถ รับชมและฟังการให้บริการน้นั ๆ ได้ ไม่วา่ จะส่งโดยผ่านระบบคลื่นความถี่ ระบบสาย ระบบแสง ระบบแม่เหลก็ ไฟฟ้า หรือระบบอื่น ระบบใดระบบหน่ึง หรือหลายระบบ รวมกนั หรือกิจการอ่ืนทานองเดียวกนั ท่ี กสทช. กาหนดใหเ้ ป็นกิจการโทรทศั น์ “กิจการวทิ ยคุ มนาคม” หมายความวา่ กิจการซ่ึงเป็นการรับและส่ง เคร่ืองหมาย สญั ญาณ ตวั หนงั สือ ตวั เลข ภาพ เสียง รหสั หรือส่ิงอ่ืนใด ซ่ึงสามารถให้ เขา้ ใจความหมายไดโ้ ดยระบบคลื่นความถี่ เพอ่ื ความมงุ่ หมายทางโทรคมนาคมใน กิจการใดกิจการหน่ึงโดยเฉพาะหรือเป็นการเฉพาะกิจที่มิใช่เป็นการประกอบกิจการ โทรคมนาคมตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบกิจการโทรคมนาคมหรือกิจการกระจาย เสียงหรือกิจการโทรทศั น์ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบกิจการกระจายเสียงและ กิจการโทรทศั น์ “กิจการโทรคมนาคม” หมายความวา่ กิจการซ่ึงใหบ้ ริการการส่ง การ แพร่ หรือการรับเคร่ืองหมาย สญั ญาณ ตวั หนงั สือ ตวั เลข ภาพ เสียง รหสั หรือส่ิงอื่นใด ซ่ึงสามารถให้เขา้ ใจความหมายไดโ้ ดยระบบคล่ืนความถ่ี ระบบสาย ระบบแสง ระบบ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า หรือระบบอื่น ระบบใดระบบหน่ึง หรือหลายระบบรวมกนั และรวมถึง กิจการซ่ึงให้บริการดาวเทียมส่ือสาร หรือกิจการอ่ืนที่ กสทช. กาหนดใหเ้ ป็นกิจการ โทรคมนาคม แต่ไม่รวมถึงกิจการท่ีเป็นกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั นแ์ ละ กิจการวิทยคุ มนาคม

“ตารางกาหนดคลื่นความถ่ี” หมายความวา่ การกาหนดยา่ นความถี่วิทยุ ของวิทยกุ ระจายเสียง วทิ ยโุ ทรทศั น์ วทิ ยคุ มนาคม โทรคมนาคม และการอ่ืนเพื่อใชง้ าน ภายใตเ้ ง่ือนไขท่ี กสทช. กาหนด “แผนความถี่วิทย”ุ หมายความว่า การกาหนดช่องความถี่วทิ ยสุ าหรับ กิจการวิทยกุ ระจายเสียง กิจการวิทยโุ ทรทศั น์ กิจการวิทยคุ มนาคม และกิจการ โทรคมนาคม เพ่อื ใชง้ านภายใตเ้ งื่อนไขท่ี กสทช. กาหนด “จดั สรรคลื่นความถ่ี” หมายความวา่ การอนุญาตใหส้ ถานี วิทยกุ ระจายเสียง สถานีวิทยโุ ทรทศั น์ หรือสถานีวทิ ยคุ มนาคม ใชค้ วามถ่ีวิทยหุ รือช่อง ความถ่ีวทิ ยตุ ามตารางกาหนดคลื่นความถ่ีหรือแผนความถ่ี วิทยเุ พือ่ ใชง้ านภายใต้ เงื่อนไขที่ กสทช. กาหนด “ชุมชน” หมายความวา่ กลุ่มประชาชนท่ีมีพ้นื ท่ีอาศยั ในแหล่งเดียวกนั ไม่วา่ จะในเมือง หรือในชนบท และใหห้ มายความรวมถึงกลุ่มประชาชนท่ีมีความ สนใจร่วมกนั และอยใู่ นพ้ืนท่ีใกลเ้ คียงกนั หรือสื่อสารถึงกนั ได้ โดยมีผลประโยชน์ดา้ น สงั คมและวฒั นธรรมเก่ียวขอ้ งเช่ือมโยงกนั ทากิจกรรมอนั ชอบดว้ ยกฎหมายและ ศีลธรรมร่วมกนั มีการดาเนินการอยา่ งตอ่ เนื่อง มีการจดั การและการแสดงเจตนาแทน กลุ่มได้ “กองทนุ ” หมายความวา่ กองทนุ วิจยั และพฒั นากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั นแ์ ละกิจการโทรคมนาคม เพอ่ื ประโยชน์สาธารณะ “กรรมการ” หมายความวา่ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการ โทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ “พนกั งานเจา้ หนา้ ที่” หมายความวา่ ผซู้ ่ึงคณะกรรมการกิจการกระจาย เสียง กิจการโทรทศั นแ์ ละกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ แตง่ ต้งั ใหป้ ฏิบตั ิการตาม พระราชบญั ญตั ิน้ี มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี

หมวด ๑ คณะกรรมการกจิ การกระจายเสียง กจิ การโทรทัศน์ และกจิ การโทรคมนาคมแห่งชาติ ส่วนท่ี ๑ องค์ประกอบ คุณสมบตั ิและลกั ษณะต้องห้ามของกรรมการ มาตรา ๖ ใหม้ ีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรียกโดยยอ่ ว่า “กสทช.” จานวนสิบเอด็ คน ประกอบดว้ ย (๑) ผทู้ ่ีมีผลงานหรือมีความรู้ และมีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ ดา้ นกิจการกระจายเสียงจานวนหน่ึงคน และกิจการโทรทศั น์ จานวนหน่ึงคน (๒) ผทู้ ี่มีผลงานหรือมีความรู้ และมีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ ดา้ นกิจการโทรคมนาคม จานวนสองคน (๓) ผทู้ ่ีมีผลงานหรือมีความรู้ และมีความเช่ียวชาญหรือประสบการณ์ ดา้ นกฎหมาย ดา้ นเศรษฐศาสตร์ อนั เป็นประโยชน์ต่อการกากบั ดูแลกิจการกระจาย เสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม ดา้ นละสองคน (๔) ผทู้ ี่มีผลงานหรือมีความรู้ และมีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ ดา้ นการคุม้ ครองผบู้ ริโภค หรือดา้ นการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน อนั เป็นประโยชน์ต่อการกากบั ดูแลกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั น์ จานวนหน่ึง คน และการกากบั ดูแลกิจการโทรคมนาคม จานวนหน่ึงคน (๕) ผทู้ ี่มีผลงานหรือมีความรู้ และมีความเช่ียวชาญหรือประสบการณ์ ดา้ นการศึกษา วฒั นธรรมหรือการพฒั นาสงั คม อนั เป็นประโยชน์ต่อการกากบั ดูแล กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม จานวนหน่ึงคน ให้เลขาธิการ กสทช. เป็นเลขานุการ กสทช.

มาตรา ๗ กรรมการตอ้ งมีคุณสมบตั ิและไม่มีลกั ษณะตอ้ งห้าม ดงั ตอ่ ไปน้ี ก. คุณสมบตั ิทว่ั ไป (๑) มีสญั ชาติไทยโดยการเกิด (๒) มีอายไุ ม่ต่ากวา่ สามสิบห้าปี บริบรู ณ์ แต่ไมเ่ กินเจด็ สิบปี บริบูรณ์ ข. ลกั ษณะตอ้ งหา้ ม (๑) ไมเ่ ป็นผดู้ ารงตาแหน่งทางการเมือง (๒) ไม่เป็นผดู้ ารงตาแหน่งใดในพรรคการเมือง (๓) ไมเ่ ป็นบุคคลวกิ ลจริตหรือจิตฟั่นเฟื อนไม่สมประกอบ (๔) ไม่ติดยาเสพติดใหโ้ ทษ (๕) ไม่เป็นบุคคลลม้ ละลายหรือเคยเป็นบุคคลลม้ ละลายทุจริต (๖) ไมเ่ ป็นบคุ คลท่ีตอ้ งคาพิพากษาให้จาคุกและถูกคุมขงั อยโู่ ดยหมาย ของศาล (๗) ไมเ่ คยตอ้ งคาพิพากษาอนั ถึงที่สุดวา่ กระทาความผดิ ใด เวน้ แต่ เป็นความผิดอนั ไดก้ ระทาโดยประมาท ความผดิ ลหุโทษ หรือความผิดฐานหม่ิน ประมาท (๘) ไมเ่ คยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงาน ของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจหรือจากหน่วยงานของเอกชน เพราะทจุ ริตต่อหนา้ ที่ หรือประ พฤติชวั่ อยา่ งร้ายแรง หรือถือวา่ กระทาการทจุ ริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (๙) ไมเ่ คยตอ้ งคาพิพากษาหรือคาสงั่ ของศาลใหท้ รัพยส์ ินตกเป็นของ แผน่ ดินเพราะร่ารวยผดิ ปกติหรือมีทรัพยส์ ินเพ่ิมข้ึนผิดปกติ (๑๐) ไม่เป็นตลุ าการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกต้งั ผตู้ รวจการแผน่ ดิน กรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ กรรมการ ตรวจเงินแผน่ ดิน หรือกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (๑๑) ไมเ่ คยถูกวฒุ ิสภามีมติให้ถอดถอนออกจากตาแหน่ง

(๑๒) ไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผจู้ ดั การ ผบู้ ริหาร ท่ีปรึกษา พนกั งาน ผถู้ ือหุ้น หรือหุน้ ส่วนในบริษทั หรือหา้ งหุน้ ส่วนหรือนิติบุคคลอื่นใดบรรดาที่ ประกอบธุรกิจดา้ นกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ หรือกิจการโทรคมนาคม ใน ระยะเวลาหน่ึงปี ก่อนไดร้ ับการเสนอช่ือตามมาตรา ๑๐ หรือก่อนไดร้ ับการคดั เลือกตาม มาตรา ๑๕ (๑๓) ไมอ่ ยใู่ นระหวา่ งตอ้ งห้ามมิใหด้ ารงตาแหน่งทางการเมือง มาตรา ๘ กรรมการตอ้ ง (๑) ไม่เป็นขา้ ราชการซ่ึงมีตาแหน่งหรือเงินเดือนประจา (๒) ไม่เป็นพนกั งานหรือลูกจา้ งของหน่วยงานของรัฐ รัฐวสิ าหกิจหรือ ราชการส่วนทอ้ งถ่ินและไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐวสิ าหกิจหรือหน่วยงาน ของรัฐ (๓) ไม่ประกอบอาชีพหรือวชิ าชีพอิสระอื่นใดท่ีมีส่วนไดเ้ สียหรือมี ผลประโยชน์ขดั แยง้ ไม่วา่ โดยตรงหรือโดยออ้ มกบั การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีในตาแหน่ง กรรมการ ส่วนที่ ๒ การได้มาซ่ึงรายช่ือผ้สู มควรได้รับเลือกเป็ นกรรมการ โดยวธิ กี ารคดั เลือกกนั เอง มาตรา ๙ เพือ่ ประโยชนใ์ นการเสนอชื่อผสู้ มควรไดร้ ับเลือกเป็น กรรมการตามส่วนท่ี ๔ ให้สมาคม สถาบนั หรือองคก์ รที่มีลกั ษณะดงั ต่อไปน้ี มีสิทธิขอ ข้ึนทะเบียนไวต้ ่อสานกั งานเลขาธิการวุฒิสภา (๑) สมาคมวิชาชีพดา้ นกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทศั นแ์ ละได้ จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมาแลว้ เป็นเวลาไม่นอ้ ยกวา่ ห้าปี

(๒) สมาคมวิชาชีพดา้ นกิจการโทรคมนาคมและไดจ้ ดทะเบียนเป็นนิติ บคุ คลมาแลว้ เป็นเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ หา้ ปี (๓) สถาบนั อดุ มศึกษาท่ีเป็นนิติบคุ คลและมีการสอนในระดบั ปริญญาใน สาขาวิชานิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ หรือส่ือสารมวลชน เป็นเวลาไม่นอ้ ยกวา่ หา้ ปี (๔) สถาบนั อุดมศึกษาท่ีเป็นนิติบุคคลและมีการสอนในระดบั ปริญญาใน สาขาวชิ าเก่ียวกบั โทรคมนาคม เป็นเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ ห้าปี (๕) สถาบนั อดุ มศึกษาที่เป็นนิติบคุ คลและมีการสอนในระดบั ปริญญาใน สาขาวิชานิติศาสตร์ เป็นเวลาไม่นอ้ ยกวา่ หา้ ปี (๖) สถาบนั อดุ มศึกษาท่ีเป็นนิติบุคคลและมีการสอนในระดบั ปริญญาใน สาขาวชิ าเศรษฐศาสตร์ เป็นเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ ห้าปี (๗) องคก์ รเอกชนท่ีดาเนินการโดยมิใช่เป็นการหาผลกาไรหรือรายไดม้ า แบ่งปันกนั ซ่ึงมีวตั ถุประสงคห์ ลกั ในดา้ นการคุม้ ครองสิทธิของผบู้ ริโภค หรือการ ส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชนและจดทะเบียนเป็นนิติบคุ คลมาแลว้ เป็นเวลา ไม่นอ้ ยกว่าหา้ ปี (๘) องคก์ รเอกชนที่ดาเนินการโดยมิใช่เป็นการหาผลกาไรหรือรายไดม้ า แบ่งปันกนั ซ่ึงมีวตั ถุประสงคห์ ลกั ในดา้ นการศึกษา วฒั นธรรม หรือการพฒั นาสงั คม และจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมาแลว้ เป็นเวลาไม่นอ้ ยกว่าห้าปี สมาคมวชิ าชีพตามวรรคหน่ึงตอ้ งเป็นสมาคมท่ีมีวตั ถุประสงคห์ ลกั เก่ียวขอ้ งกบั วชิ าชีพและมีสมาชิกของสมาคมเป็นผปู้ ระกอบวิชาชีพในดา้ นกิจการ กระจายเสียง กิจการโทรทศั นห์ รือกิจการโทรคมนาคม สมาคมหรือองคก์ รที่มีสิทธิขอข้ึนทะเบียนตาม (๑) (๒) (๗) และ (๘) ตอ้ ง เป็นสมาคมหรือองคก์ รท่ีมีการดาเนินกิจกรรมอยา่ งต่อเน่ืองและมีผลงานเป็นที่ ประจกั ษ์ และถา้ สมาคมหรือองคก์ รใดมีวตั ถุประสงคห์ ลกั หลายดา้ น ใหเ้ ลือกข้ึน ทะเบียนเป็นสมาคมหรือองคก์ รตาม (๑) (๒) (๗) หรือ (๘) อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงเทา่ น้นั เมื่อสานกั งานเลขาธิการวฒุ ิสภาไดร้ ับจดทะเบียนสมาคม สถาบนั หรือ องคก์ รใดตามวรรคหน่ึงแลว้ ให้เป็นอนั ใชไ้ ด้ การวินิจฉยั ของศาลในภายหลงั วา่ การจด

ทะเบียนน้นั เป็นการไมช่ อบไมใ่ ห้มีผลกระทบต่อการที่สานกั งานเลขาธิการวฒุ ิสภาได้ ดาเนินการไปแลว้ ก่อนวนั ท่ีศาลมีคาวินิจฉยั สมาคม สถาบนั หรือองคก์ รใดที่ถูกปฏิเสธการขอข้ึนทะเบียนตามวรรค หน่ึง ใหม้ ีสิทธิฟ้องคดีตอ่ ศาลปกครองได้ แตก่ ารฟ้องคดีดงั กล่าวไมเ่ ป็นเหตุใหต้ อ้ ง ระงบั หรือชะลอการดาเนินการเสนอช่ือหรือการคดั เลือกตามพระราชบญั ญตั ิน้ี การข้ึนทะเบียนสมาคม สถาบนั และองคก์ รตามวรรคหน่ึง ให้เป็นไป ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่เลขาธิการวฒุ ิสภาประกาศกาหนด ใหส้ านกั งานเลขาธิการวฒุ ิสภาประกาศรายช่ือสมาคม สถาบนั หรือ องคก์ รที่ไดร้ ับจดทะเบียนไวใ้ ห้ทราบโดยทว่ั กนั และให้บญั ชีรายช่ือดงั กล่าวใชไ้ ด้ ตลอดไปจนกวา่ จะมีการปรับปรุงแกไ้ ขตามเงื่อนไขท่ีเลขาธิการวฒุ ิสภาประกาศ กาหนด มาตรา ๑๐ เม่ือมีเหตุที่ตอ้ งมีการเลือกและแตง่ ต้งั กรรมการ ใหส้ านกั งาน เลขาธิการวฒุ ิสภาประกาศทางวทิ ยกุ ระจายเสียง วิทยโุ ทรทศั น์ สื่อส่ิงพมิ พ์ และส่ือ อิเล็กทรอนิกส์อยา่ งน้อยเจด็ วนั ติดต่อกนั และใหส้ มาคม สถาบนั หรือองคก์ รท่ีไดข้ ้ึน ทะเบียนแลว้ ตามมาตรา ๙ ที่ประสงคจ์ ะเสนอชื่อผสู้ มควรไดร้ ับเลือกเป็นกรรมการ เสนอชื่อพร้อมท้งั หนงั สือยนิ ยอมของบุคคลดงั กล่าวภายในระยะเวลาที่เลขาธิการ วฒุ ิสภาประกาศกาหนด ตามหลกั เกณฑ์ ดงั ต่อไปน้ี (๑) สมาคมวชิ าชีพตามมาตรา ๙ (๑) และสถาบนั อดุ มศึกษาตามมาตรา ๙ (๓) มีสิทธิเสนอช่ือบุคคลตามมาตรา ๖ (๑) ไดส้ มาคมหรือสถาบนั ละสองคน (๒) สมาคมวชิ าชีพตามมาตรา ๙ (๒) และสถาบนั อดุ มศึกษาตามมาตรา ๙ (๔) มีสิทธิเสนอช่ือบคุ คลตามมาตรา ๖ (๒) ไดส้ มาคมหรือสถาบนั ละสองคน (๓) สถาบนั อดุ มศึกษาตามมาตรา ๙ (๕) มีสิทธิเสนอชื่อบคุ คลท่ีมีผลงาน หรือมีความรู้และมีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ดา้ นกฎหมายตามมาตรา ๖ (๓) ได้ สถาบนั ละสองคน

(๔) สถาบนั อุดมศึกษาตามมาตรา ๙ (๖) มีสิทธิเสนอช่ือบุคคลที่มีผลงาน หรือมีความรู้และมีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ดา้ นเศรษฐศาสตร์ตามมาตรา ๖ (๓) ไดส้ ถาบนั ละสองคน (๕) องคก์ รเอกชนตามมาตรา ๙ (๗) มีสิทธิเสนอช่ือบคุ คลตามมาตรา ๖ (๔) ไดอ้ งคก์ รละสองคน (๖) องคก์ รเอกชนตามมาตรา ๙ (๘) มีสิทธิเสนอชื่อบคุ คลตามมาตรา ๖ (๕) ไดอ้ งคก์ รละสองคน การท่ีสมาคม สถาบนั หรือองคก์ รที่จดทะเบียนไวต้ ามมาตรา ๙ สมาคม สถาบนั หรือองคก์ รใดไมเ่ สนอชื่อตามวรรคหน่ึงไม่ว่าดว้ ยเหตใุ ด ไม่เป็นเหตใุ ห้การ คดั เลือกท่ีดาเนินการตอ่ ไปตอ้ งเสียไป มาตรา ๑๑ เม่ือครบกาหนดระยะเวลาตามมาตรา ๑๐ แลว้ ใหส้ านกั งาน เลขาธิการวฒุ ิสภาตรวจสอบคุณสมบตั ิของผไู้ ดร้ ับการเสนอชื่อวา่ ถูกตอ้ งตามที่กาหนด ในมาตรา ๗ และมาตรา ๑๐ หรือไม่ ในกรณีที่เห็นวา่ ผไู้ ดร้ ับการเสนอช่ือผใู้ ดมี คุณสมบตั ิไม่ถูกตอ้ งตามมาตรา ๗ หรือมาตรา ๑๐ ใหแ้ จง้ สมาคมสถาบนั หรือองคก์ ร ซ่ึงเสนอชื่อบุคคลน้นั ดาเนินการเสนอชื่อใหม่ภายในเวลาที่เลขาธิการวฒุ ิสภากาหนด เม่ือพน้ กาหนดดงั กล่าวแลว้ หากสมาคม สถาบนั หรือองคก์ รดงั กล่าวไม่เสนอชื่อใหถ้ ือ วา่ สละสิทธิในการเสนอช่ือ เม่ือพน้ กาหนดระยะเวลาการเสนอช่ือตามวรรคหน่ึงหรือตามมาตรา ๑๐ แลว้ แต่กรณีแลว้ หากผไู้ ดร้ ับการเสนอช่ือตาย หรือยกเลิกหนงั สือยนิ ยอมใหเ้ สนอช่ือ หรือขาดคุณสมบตั ิไม่วา่ ดว้ ยเหตุใดใหส้ านกั งานเลขาธิการวฒุ ิสภาดาเนินการต่อไป โดยจะไม่ดาเนินการใหม้ ีการเสนอชื่อใหมก่ ไ็ ด้ มาตรา ๑๒ เม่ือครบกาหนดระยะเวลาการเสนอช่ือแลว้ หากมีผไู้ ดร้ ับ การเสนอชื่อนอ้ ยกวา่ สองเท่าของจานวนตามท่ีระบไุ วใ้ นแต่ละประเภทตามมาตรา ๑๓

(๑) (๒) (๓) (๔ ) และ (๕) ให้เลขาธิการวฒุ ิสภาขยายระยะเวลาการเสนอช่ือออกไปอีก ไม่เกินสามสิบวนั นบั แตว่ นั ที่ครบกาหนดระยะเวลาตามมาตรา ๑๐ เมื่อพน้ กาหนดระยะเวลาที่ขยายตามวรรคหน่ึงแลว้ ยงั มีผไู้ ดร้ ับการเสนอ ชื่อนอ้ ยกวา่ ที่กาหนดในวรรคหน่ึง ให้ปลดั สานกั นายกรัฐมนตรี ปลดั กระทรวง กลาโหม และปลดั กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร ร่วมกนั เสนอชื่อผู้ สมควรไดร้ ับเลือกเป็นกรรมการซ่ึงมีคุณสมบตั ิและไมม่ ีลกั ษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๖ และมาตรา ๗ ใหค้ รบในแตล่ ะประเภทตามจานวนที่กาหนดในวรรคหน่ึง มาตรา ๑๓ เมื่อพน้ กาหนดระยะเวลาการเสนอชื่อตามมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ หรือมาตรา ๑๒ แลว้ แต่กรณีแลว้ ใหส้ านกั งานเลขาธิการวฒุ ิสภาจดั ใหผ้ ไู้ ดร้ ับการ เสนอช่ือท้งั หมดมาประชุมร่วมกนั เพอ่ื คดั เลือกกนั เองตามวิธีการ ดงั ต่อไปน้ี (๑) ผไู้ ดร้ ับการเสนอช่ือตามมาตรา ๑๐ (๑) จากสมาคมวชิ าชีพตามมาตรา ๙ (๑) คดั เลือกกนั เองให้เหลือผทู้ ี่สมควรเป็นกรรมการตามมาตรา ๖ (๑) จานวนสองคน โดยแยกเป็ นดา้ นกิจการกระจายเสียงจานวนหน่ึงคน และดา้ นกิจการโทรทศั นจ์ านวน หน่ึงคน และผไู้ ดร้ ับการเสนอชื่อตามมาตรา ๑๐ (๑) จากสถาบนั ตามมาตรา ๙ (๓) คดั เลือกกนั เองให้เหลือผทู้ ่ีสมควรเป็นกรรมการตามมาตรา ๖ (๑) จานวนสองคน โดย แยกเป็นดา้ นกิจการกระจายเสียงจานวนหน่ึงคนและดา้ นกิจการโทรทศั น์จานวนหน่ึง คน (๒) ผไู้ ดร้ ับการเสนอชื่อตามมาตรา ๑๐ (๒) จากสมาคมวชิ าชีพตาม มาตรา ๙ (๒) คดั เลือกกนั เองใหเ้ หลือผทู้ ี่สมควรเป็นกรรมการตามมาตรา ๖ (๒) จานวน สองคน และผไู้ ดร้ ับการเสนอช่ือตามมาตรา ๑๐ (๒) จากสถาบนั ตามมาตรา ๙ (๔) คดั เลือกกนั เองใหเ้ หลือผทู้ ี่สมควรเป็นกรรมการตามมาตรา ๖ (๒) จานวนสองคน (๓) ผไู้ ดร้ ับการเสนอช่ือตามมาตรา ๑๐ (๓) และมาตรา ๑๐ (๔) ให้ แยกกนั คดั เลือกกนั เองให้เหลือผทู้ ่ีสมควรเป็นกรรมการตามมาตรา ๖ (๓) จานวนแปด คน โดยแยกเป็นดา้ นกฎหมายจานวนสี่คนและดา้ นเศรษฐศาสตร์จานวนสี่คน

(๔) ผไู้ ดร้ ับการเสนอชื่อตามมาตรา ๑๐ (๕) คดั เลือกกนั เองใหเ้ หลือผทู้ ่ี สมควรเป็นกรรมการตามมาตรา ๖ (๔) จานวนสี่คน โดยแยกเป็นดา้ นการกากบั ดูแล กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั น์ จานวนสองคน และดา้ นการกากบั ดแู ลกิจการ โทรคมนาคม จานวนสองคน (๕) ผไู้ ดร้ ับการเสนอชื่อตามมาตรา ๑๐ (๖) คดั เลือกกนั เองให้เหลือผทู้ ่ี สมควรเป็นกรรมการตามมาตรา ๖ (๕) จานวนสองคน การลงคะแนนคดั เลือกใหเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการท่ีเลขาธิการ วฒุ ิสภากาหนด โดยให้ผไู้ ดร้ ับคะแนนสูงสุดเรียงตามลาดบั เป็นผไู้ ดร้ ับการคดั เลือก เม่ือไดค้ ดั เลือกบคุ คลตามวรรคหน่ึงและวรรคสองแลว้ ใหถ้ ือวา่ ผทู้ ี่ไดร้ ับ การคดั เลือกตาม (๑) (๒) (๓) (๔) และ (๕) เป็นผมู้ ีคุณสมบตั ิตามมาตรา ๖ (๑) (๒) (๓) (๔) และ (๕) และใหเ้ ป็นที่สุด ท้งั น้ี การดาเนินการคดั เลือกดงั กล่าวตอ้ งดาเนินการให้ แลว้ เสร็จภายในระยะเวลาไมเ่ กินเกา้ สิบวนั นบั แต่วนั ที่ไดป้ ระกาศใหส้ มาคม สถาบนั หรือองคก์ รท่ีไดข้ ้ึนทะเบียนไวเ้ สนอชื่อผสู้ มควรไดร้ ับเลือกเป็นกรรมการ ส่วนที่ ๓ การได้มาซ่ึงรายช่ือผู้สมควรได้รับเลือกเป็ นกรรมการ โดยวธิ ีการสรรหา มาตรา ๑๔ เม่ือมีเหตุที่ตอ้ งมีการเลือกและแต่งต้งั กรรมการ ใหม้ ี คณะกรรมการสรรหากรรมการคณะหน่ึงมีจานวนสิบหา้ คน ทาหนา้ ที่คดั เลือกผู้ สมควรไดร้ ับเลือกเป็นกรรมการ ประกอบดว้ ย (๑) ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (๒) ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ (๓) ปลดั สานกั นายกรัฐมนตรี (๔) ปลดั กระทรวงกลาโหม

(๕) ปลดั กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร (๖) ผอู้ านวยการศูนยเ์ ทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพวิ เตอร์แห่งชาติ (๗) นายกสภาวศิ วกร (๘) ประธานสภาคนพกิ ารทกุ ประเภทแห่งประเทศไทย (๙) นายกสมาคมวิชาการนิเทศศาสตร์และการสื่อสารมวลชนแห่ง ประเทศไทย (๑๐) นายกสมาพนั ธ์สมาคมวิชาชีพวิทยกุ ระจายเสียงและวทิ ยโุ ทรทศั น์ (๑๑) ประธานคณะกรรมการประสานงานองคก์ รพฒั นาเอกชน (๑๒) ประธานกรรมการสมาคมส่งเสริมสถาบนั กรรมการบริษทั ไทย (๑๓) ประธานสภาวิชาชีพข่าววิทยแุ ละโทรทศั นไ์ ทย (๑๔) ประธานสหพนั ธ์วทิ ยชุ ุมชนแห่งชาติ (๑๕) ประธานสหพนั ธอ์ งคก์ รผบู้ ริโภค ประธานและกรรมการสรรหาไมม่ ีสิทธิสมคั รเป็นกรรมการ และองคก์ ร ตามวรรคหน่ึง ไมม่ ีสิทธิข้ึนทะเบียนเพ่ือเสนอช่ือผสู้ มควรไดร้ ับเลือกเป็นกรรมการ ตามส่วนท่ี ๒ ใหค้ ณะกรรมการสรรหาคดั เลือกกรรมการสรรหาคนหน่ึง เป็นประธาน กรรมการสรรหาและคดั เลือกกรรมการสรรหาอีกคนหน่ึง เป็นเลขานุการ คณะกรรมการสรรหา ในกรณีท่ีไมม่ ีกรรมการสรรหาในตาแหน่งใด หรือมีแต่ไมส่ ามารถ ปฏิบตั ิหนา้ ที่ได้ ถา้ กรรมการสรรหาท่ีเหลืออยนู่ ้นั มีจานวนไม่นอ้ ยกวา่ ก่ึงหน่ึง ให้ คณะกรรมการสรรหาประกอบดว้ ยกรรมการสรรหาที่เหลืออยู่ ให้สานกั งานเลขาธิการวฒุ ิสภาทาหนา้ ที่เป็นหน่วยธุรการในการ ดาเนินการสรรหาและคดั เลือกกรรมการ มาตรา ๑๕ ในการดาเนินการคดั เลือกกรรมการตามส่วนน้ี ให้สานกั งาน เลขาธิการวฒุ ิสภาประกาศการเปิ ดรับสมคั รบคุ คลผมู้ ีคุณสมบตั ิตามมาตรา ๖ ใหท้ ราบ

เป็นการทว่ั ไปผา่ นทางวิทยกุ ระจายเสียง วิทยโุ ทรทศั น์ สื่อส่ิงพมิ พ์ และส่ือ อิเลก็ ทรอนิกส์อยา่ งน้อยสามสิบวนั ติดต่อกนั ผมู้ ีสิทธิสมคั รรับคดั เลือกเป็นกรรมการจะตอ้ งไม่เป็นผทู้ ่ีไดร้ ับการเสนอ ช่ือจากสมาคม สถาบนั หรือองคก์ รตามมาตรา ๑๐ เมื่อพน้ กาหนดระยะเวลาตามวรรคหน่ึงแลว้ ใหค้ ณะกรรมการสรรหา พิจารณาคดั เลือกผสู้ มคั รท่ีมีคุณสมบตั ิท่ีจะเป็นกรรมการให้ไดจ้ านวนสองเท่าของ จานวนกรรมการตามมาตรา ๖ (๑) (๒) (๓) (๔) และ (๕) หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการคดั เลือกใหเ้ ป็นไปตามท่ีเลขาธิการวฒุ ิสภากาหนด โดยให้ผไู้ ดร้ ับคะแนนสูงสุดเรียงตามลาดบั เป็นผไู้ ดร้ ับการคดั เลือก ให้นาความในมาตรา ๑๓ วรรคสาม มาใชบ้ งั คบั กบั การคดั เลือกผสู้ มควร ไดร้ ับเลือกเป็นกรรมการของคณะกรรมการสรรหาโดยอนุโลม ผทู้ ่ีไดร้ ับความเสียหายจากการคดั เลือก อาจยน่ื คาฟ้องต่อศาลปกครองได้ แต่ไมเ่ ป็นเหตุใหต้ อ้ งระงบั หรือชะลอการดาเนินการใด ๆ ที่ไดด้ าเนินไปแลว้ เวน้ แต่ ศาลปกครองจะมีคาพิพากษาหรือคาสงั่ เป็นอยา่ งอื่น ท้งั น้ี หากศาลปกครองมีคา พพิ ากษาหรือคาส่ังใด ๆ อนั เป็นผลใหบ้ ุคคลที่ไดร้ ับการคดั เลือกขาดคุณสมบตั ิหรือมี ลกั ษณะตอ้ งห้ามหรือไดร้ ับการคดั เลือกโดยไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย ให้ผทู้ ่ีไดร้ ับการ คดั เลือกน้นั พน้ จากตาแหน่งนบั แตว่ นั ที่ศาลปกครองมีคาพิพากษาหรือคาสง่ั ส่วนท่ี ๔ การเลือกและการแต่งต้ังกรรมการ มาตรา ๑๖ เม่ือไดร้ ายชื่อผสู้ มควรไดร้ ับเลือกเป็นกรรมการจากการ คดั เลือกกนั เองตามส่วนที่ ๒ และจากการสรรหาตามส่วนที่ ๓ แลว้ ใหเ้ ลขาธิการ วฒุ ิสภานารายชื่อดงั กล่าวท้งั หมดมารวมเป็นบญั ชีเดียวกนั หากมีผสู้ มควรไดร้ ับเลือก เป็นกรรมการไม่นอ้ ยกว่าสองเทา่ ของจานวนกรรมการตามที่กาหนดไวใ้ นมาตรา ๖ (๑)

(๒) (๓) (๔) และ (๕) ให้เสนอบญั ชีรายชื่อ พร้อมท้งั ประวตั ิและผลงานของบคุ คล ดงั กล่าว ซ่ึงตอ้ งระบใุ ห้ชดั เจนหรือมีหลกั ฐานแสดงให้เห็นวา่ เป็นบคุ คลท่ีมีความ เหมาะสมตามมาตรา ๖ ต่อประธานวฒุ ิสภาภายในสามสิบวนั นบั แตว่ นั ท่ีไดร้ ับรายชื่อ ตามมาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๕ เพื่อนาเสนอให้วฒุ ิสภาพิจารณาและมีมติเลือกต่อไป ในกรณีท่ีการดาเนินการโดยวธิ ีการคดั เลือกกนั เองตามส่วนท่ี ๒ หรือ วิธีการสรรหาตามส่วนท่ี ๓ วธิ ีการใดวธิ ีการหน่ึงดาเนินการไมแ่ ลว้ เสร็จภายใน กาหนดเวลาตามมาตรา ๑๓ วรรคสาม ใหเ้ ลขาธิการวฒุ ิสภานารายช่ือผสู้ มควรไดร้ ับ เลือกเป็นกรรมการโดยวธิ ีการท่ีดาเนินการแลว้ เสร็จภายในกาหนดเวลา พร้อมท้งั ประวตั ิและผลงานของบุคคลดงั กล่าว ซ่ึงตอ้ งระบใุ หช้ ดั เจนหรือมีหลกั ฐานแสดงให้ เห็นวา่ เป็นบุคคลท่ีมีความเหมาะสมตามมาตรา ๖ เสนอตอ่ ประธานวุฒิสภาภายใน สามสิบวนั นบั แต่เมื่อพน้ กาหนดระยะเวลาตามมาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๕ เพอื่ นาเสนอ ให้วฒุ ิสภาพิจารณาและมีมติเลือกต่อไป มาตรา ๑๗ ให้วฒุ ิสภามีมติเลือกบุคคลจากบญั ชีรายช่ือท่ีเลขาธิการ วฒุ ิสภาเสนอใหแ้ ลว้ เสร็จภายในหกสิบวนั นบั แต่วนั ท่ีไดร้ ับบญั ชีรายชื่อ เพื่อใหไ้ ด้ กรรมการตามมาตรา ๖ โดยให้ผซู้ ่ึงไดร้ ับคะแนนสูงสุดเรียงตามลาดบั เป็นผไู้ ดร้ ับเลือก เป็นกรรมการ ซ่ึงตอ้ งกระทาโดยวิธีลงคะแนนลบั แลว้ แจง้ ใหผ้ ไู้ ดร้ ับการเลือกทราบ เมื่อล่วงพน้ กาหนดเวลาตามวรรคหน่ึง ถา้ ยงั มีผไู้ ดร้ ับเลือกเป็นกรรมการ ไมค่ รบตามจานวนที่กาหนดในมาตรา ๖ ให้ประธานวฒุ ิสภาแจง้ ให้นายกรัฐมนตรี ทราบ และใหน้ ายกรัฐมนตรีนาบญั ชีรายช่ือเสนอคณะรัฐมนตรีเพ่ือพิจารณาและ ดาเนินการเพอื่ ให้ไดก้ รรมการตามมาตรา ๖ ใหค้ รบจานวนโดยตอ้ งดาเนินการให้แลว้ เสร็จภายในสามสิบวนั นบั แต่วนั ท่ีนายกรัฐมนตรีไดร้ ับแจง้ ให้ผไู้ ดร้ ับการเลือกเป็นกรรมการตามวรรคหน่ึง หรือวรรคสอง แลว้ แต่ กรณี ประชุมร่วมกนั ภายในสิบหา้ วนั นบั แต่วนั ท่ีมีผูไ้ ดร้ ับเลือกเป็นกรรมการครบ จานวนแลว้ เพ่ือคดั เลือกผสู้ มควรเป็นประธานกรรมการคนหน่ึงและรองประธาน

กรรมการสองคน แลว้ แจง้ ผลใหน้ ายกรัฐมนตรีทราบ และให้นายกรัฐมนตรีนาความ ข้ึนกราบบงั คมทลู เพือ่ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ แต่งต้งั ตอ่ ไป มาตรา ๑๘ ในกรณีท่ีผไู้ ดร้ ับเลือกตามมาตรา ๑๗ มีลกั ษณะตอ้ งหา้ มตาม มาตรา ๘ (๑) (๒) หรือ (๓) นายกรัฐมนตรีจะนาความข้ึนกราบบงั คมทลู เพื่อทรงพระ กรุณาโปรดเกลา้ ฯ แต่งต้งั ไดต้ ่อเม่ือผนู้ ้นั ไดล้ าออกจากการเป็นบุคคลตามมาตรา ๘ (๑) หรือ (๒) หรือแสดงหลกั ฐานใหเ้ ป็นที่เช่ือถือไดว้ า่ ตนไดเ้ ลิกประกอบอาชีพหรือ วิชาชีพตามมาตรา ๘ (๓) แลว้ ซ่ึงตอ้ งกระทาภายในสิบห้าวนั นบั แต่วนั ที่ไดร้ ับเลือก แต่ถา้ ผนู้ ้นั มิไดล้ าออก หรือมิไดเ้ ลิกประกอบอาชีพหรือวชิ าชีพอิสระภายในเวลาท่ี กาหนดให้ถือวา่ ผนู้ ้นั ไม่เคยไดร้ ับเลือกให้เป็นกรรมการ และใหว้ ฒุ ิสภาเลือกกรรมการ ใหม่จากบญั ชีรายชื่อที่เลขาธิการวฒุ ิสภาเสนอตามมาตรา ๑๖ ส่วนที่ ๕ วาระการดารงตาแหน่งและการพ้นจากตาแหน่งของกรรมการ มาตรา ๑๙ กรรมการมีวาระการดารงตาแหน่งหกปี นบั แตว่ นั ที่ พระมหากษตั ริยท์ รงแต่งต้งั และใหด้ ารงตาแหน่งไดเ้ พียงวาระเดียว ใหก้ รรมการซ่ึงพน้ จากตาแหน่งตามวาระ อยใู่ นตาแหน่งเพื่อปฏิบตั ิ หนา้ ที่ต่อไปจนกวา่ จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ แตง่ ต้งั กรรมการข้ึนใหม่ ก่อนครบกาหนดตามวาระเป็นเวลาไม่นอ้ ยกวา่ เกา้ สิบวนั ให้สานกั งาน เลขาธิการวฒุ ิสภาดาเนินการจดั ใหม้ ีการเสนอชื่อและแต่งต้งั กรรมการข้ึนใหม่ให้แลว้ เสร็จโดยเร็ว มาตรา ๒๐ นอกจากการพน้ จากตาแหน่งตามวาระ กรรมการพน้ จาก ตาแหน่งเมื่อ

(๑) ตาย (๒) มีอายคุ รบเจด็ สิบปี บริบูรณ์ (๓) ลาออก (๔) ขาดคุณสมบตั ิหรือมีลกั ษณะตอ้ งห้ามตามมาตรา ๗ (๕) กระทาการอนั เป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๘ (๖) วฒุ ิสภามีมติให้พน้ จากตาแหน่งตามมาตรา ๒๑ (๗) วฒุ ิสภามีมติให้ถอดถอนจากตาแหน่งตามกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต การพน้ จากตาแหน่งกรรมการตาม (๑) (๒) หรือ (๓) ให้นาความกราบ บงั คมทลู เพ่ือทรงทราบ ถา้ เป็นการพน้ จากตาแหน่งตาม (๔) (๕) (๖) หรือ (๗) ใหน้ า ความกราบบงั คมทลู เพื่อมีพระบรมราชโองการให้พน้ จากตาแหน่ง พระบรมราช โองการดงั กล่าวใหม้ ีผลต้งั แต่วนั ที่ขาดคุณสมบตั ิหรือมีลกั ษณะตอ้ งหา้ ม หรือวนั ท่ี กระทาการอนั เป็นการฝ่าฝืน หรือวนั ที่วฒุ ิสภามีมติให้พน้ จากตาแหน่ง หรือวนั ท่ีถูก ถอดถอนจากตาแหน่ง แลว้ แตก่ รณี เมื่อมีกรณีตามวรรคหน่ึง ใหก้ รรมการเทา่ ที่เหลืออยปู่ ฏิบตั ิหนา้ ที่ต่อไป ไดแ้ ละใหถ้ ือวา่ กสทช. ประกอบดว้ ยกรรมการเท่าที่เหลืออยู่ แตท่ ้งั น้ีจะตอ้ งมีจานวน ไม่นอ้ ยกวา่ หกคน ในกรณีที่กรรมการพน้ จากตาแหน่งก่อนวาระ ให้ผไู้ ดร้ ับแต่งต้งั ใหด้ ารง ตาแหน่งแทน อยใู่ นตาแหน่งเทา่ กบั วาระที่เหลืออยขู่ องกรรมการซ่ึงตนแทน และใน กรณีที่วาระที่เหลืออยไู่ ม่ถึงสามปี ให้ผนู้ ้นั มีสิทธิไดร้ ับการแต่งต้งั อีกวาระหน่ึงได้ ในกรณีท่ีประธานกรรมการหรือรองประธานกรรมการพน้ จากตาแหน่ง ตามวรรคหน่ึง ให้ กสทช. ประชุมกนั เพ่ือเลือกกรรมการคนหน่ึงเป็นประธานกรรมการ หรือรองประธานกรรมการ แลว้ แจง้ ใหน้ ายกรัฐมนตรีทราบ และใหน้ ายกรัฐมนตรีนา ความข้ึนกราบบงั คมทลู เพ่ือทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ แตง่ ต้งั เป็นประธานกรรมการ หรือรองประธานกรรมการ แลว้ แต่กรณี

มาตรา ๒๑ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรหรือสมาชิกวฒุ ิสภาไมน่ อ้ ยกวา่ หน่ึงในสี่ของจานวนสมาชิกท้งั หมดเท่าท่ีมีอยขู่ องแตล่ ะสภา มีสิทธิร้องขอตอ่ ประธาน วฒุ ิสภาเพอ่ื ใหว้ ฒุ ิสภามีมติให้กรรมการพน้ จากตาแหน่งเพราะเหตทุ ่ีกรรมการน้นั มี ความประพฤติเส่ือมเสียอยา่ งร้ายแรงหรือบกพร่องต่อหนา้ ท่ีอยา่ งร้ายแรง มติของวฒุ ิสภาตามวรรคหน่ึงตอ้ งไดค้ ะแนนเสียงไม่นอ้ ยกวา่ สามในห้า ของจานวนสมาชิกท้งั หมดเท่าที่มีอยู่ มาตรา ๒๒ เมื่อปรากฏวา่ กสทช. ไมป่ ฏิบตั ิหนา้ ท่ีตามที่กฎหมาย กาหนดอยา่ งมีประสิทธิภาพให้บุคคลดงั ต่อไปน้ีมีสิทธิร้องขอต่อประธานวฒุ ิสภา เพอื่ ใหว้ ฒุ ิสภามีมติให้ กสทช. พน้ จากตาแหน่งท้งั คณะ (๑) สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรจานวนไม่นอ้ ยกว่าหน่ึงในส่ีของจานวน สมาชิกท้งั หมดเทา่ ท่ีมีอยขู่ องสภาผแู้ ทนราษฎร (๒) สมาชิกวฒุ ิสภาจานวนไม่นอ้ ยกวา่ หน่ึงในส่ีของจานวนสมาชิก ท้งั หมดเท่าท่ีมีอยขู่ องวฒุ ิสภา (๓) ประชาชนผใู้ ชบ้ ริการซ่ึงไดร้ ับผลกระทบจากการกระทาตามวรรค หน่ึงจานวนไม่นอ้ ยกวา่ สองหมื่นคน ท้งั น้ี โดยทาเป็นคาร้องยนื่ ตอ่ ประธานวฒุ ิสภา ตามหลกั เกณฑท์ ี่ประธานวฒุ ิสภากาหนด มติของวฒุ ิสภาตามวรรคหน่ึงตอ้ งไดค้ ะแนนเสียงไมน่ อ้ ยกวา่ สองในสาม ของจานวนสมาชิกท้งั หมดเทา่ ที่มีอยู่ โดยในการลงมติน้นั ตอ้ งนารายงานของ คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบตั ิงานท่ีไดส้ ่งมายงั วฒุ ิสภาตามมาตรา ๗๒ มาพจิ ารณาประกอบดว้ ย ในกรณีท่ีกรรมการพน้ จากตาแหน่งท้งั คณะตามวรรคหน่ึง ให้ คณะกรรมการท่ีพน้ จากตาแหน่งยงั คงรักษาการในตาแหน่งน้นั ต่อไปเพยี งเทา่ ท่ีจาเป็น จนกวา่ คณะกรรมการชุดใหมจ่ ะเขา้ รับหนา้ ที่ ส่วนท่ี ๖

การประชุมและอานาจหน้าทขี่ องคณะกรรมการ มาตรา ๒๓ การประชุม การลงมติ และการปฏิบตั ิงานของ กสทช. ให้ เป็นไปตามระเบียบที่ กสทช. กาหนด ในการประชุม ถา้ มีการพจิ ารณาเรื่องที่กรรมการผใู้ ดมีส่วนไดเ้ สีย กรรมการผนู้ ้นั ไม่มีสิทธิเขา้ ประชุม ในการปฏิบตั ิหนา้ ที่ กสทช. อาจมอบหมายใหก้ รรมการคนหน่ึงหรือ หลายคนปฏิบตั ิงานแทน กสทช. ได้ แต่ กสทช. จะปฏิเสธความรับผิดเพราะเหตุท่ีได้ มอบหมายให้กรรมการไปทาแทนแลว้ ไมไ่ ด้ มาตรา ๒๔ การปฏิบตั ิหนา้ ที่ของ กสทช. กสท. และ กทค. ในเรื่องใดที่ เก่ียวขอ้ งหรือมีผลกระทบตอ่ ประโยชนส์ าธารณะ ตอ้ งกระทาโดยมติของท่ีประชุม และตอ้ งเปิ ดเผยรายงานการประชุม พร้อมท้งั ผลการลงมติของที่ประชุมท้งั รายบคุ คล และท้งั คณะใหส้ าธารณชนทราบผา่ นทางสื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ของสานกั งาน กสทช. และ โดยวธิ ีการอ่ืนท่ีเหมาะสมตามที่ กสทช. ประกาศกาหนด ขอ้ มูลท่ีปรากฏอยใู่ นรายงานการประชุมเรื่องใดมีลกั ษณะตามท่ีกฎหมาย วา่ ดว้ ยขอ้ มูลขา่ วสารของราชการกาหนดมิให้ตอ้ งเปิ ดเผยกไ็ ด้ กสทช. อาจมีมติมิให้ เปิ ดเผยขอ้ มลู เฉพาะในส่วนน้นั ได้ การเปิ ดเผยรายงานการประชุมพร้อมท้งั ผลการลงมติตามวรรคหน่ึง ตอ้ ง ดาเนินการภายในระยะเวลาไม่เกินสามสิบวนั นบั แต่วนั ท่ีไดม้ ีการลงมติ เวน้ แต่มีเหตุ จาเป็นใหข้ ยายเวลาออกไปไดอ้ ีกไมเ่ กินสิบหา้ วนั แตต่ อ้ งแสดงเหตุผลและความจาเป็น ท่ีตอ้ งขยายเวลาไวด้ ว้ ย

มาตรา ๒๕ ใหก้ รรมการเป็นผดู้ ารงตาแหน่งระดบั สูงตามกฎหมาย ประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต และเป็นเจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖ ให้ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการ ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีเตม็ เวลา ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการ ไดร้ ับ คา่ ตอบแทนเหมาจ่ายเป็นรายเดือนตามท่ีกาหนดในพระราชกฤษฎีกา ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการ อาจไดร้ ับ ค่าใชจ้ ่ายอนั เก่ียวกบั การเดินทางไปปฏิบตั ิหนา้ ท่ีตา่ งทอ้ งที่ไดไ้ มเ่ กินอตั ราที่กาหนดใน พระราชกฤษฎีกา มาตรา ๒๗ ให้ กสทช. มีอานาจหนา้ ท่ี ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) จดั ทาแผนแมบ่ ทการบริหารคลื่นความถ่ี ตารางกาหนดคลื่นความถ่ี แห่งชาติ แผนแมบ่ ทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั น์ แผนแม่บทกิจการ โทรคมนาคม แผนความถี่วทิ ยุ และแผนเลขหมายโทรคมนาคม (๒) กาหนดการจดั สรรคลื่นความถี่ระหวา่ งคล่ืนความถ่ีท่ีใชใ้ นกิจการ กระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ กิจการวิทยคุ มนาคม และกิจการโทรคมนาคม (๓) กาหนดลกั ษณะและประเภทของกิจการกระจายเสียง กิจการ โทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม (๔) พจิ ารณาอนุญาตและกากบั ดูแลการใชค้ ลื่นความถ่ีและเครื่องวิทยุ คมนาคมในการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม หรือในกิจการวิทยคุ มนาคมและกาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการเก่ียวกบั การอนุญาต เงื่อนไข หรือค่าธรรมเนียมการอนุญาตดงั กล่าว

(๕) กาหนดหลกั เกณฑก์ ารใชค้ ล่ืนความถี่ให้เป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ และปราศจากการรบกวนซ่ึงกนั และกนั ท้งั ในกิจการประเภทเดียวกนั และระหวา่ ง กิจการแตล่ ะประเภท (๖) พจิ ารณาอนุญาตและกากบั ดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม เพอ่ื ใหผ้ ใู้ ชบ้ ริการไดร้ ับบริการที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ รวดเร็ว ถูกตอ้ ง และเป็นธรรมและกาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการเกี่ยวกบั การอนุญาต เง่ือนไข หรือคา่ ธรรมเนียมการอนุญาตดงั กล่าว (๗) พิจารณาอนุญาตและกากบั ดูแลการใชเ้ ลขหมายโทรคมนาคม และ กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการเก่ียวกบั การอนุญาต เงื่อนไข หรือคา่ ธรรมเนียมการ อนุญาตดงั กล่าว (๘) กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการในการใชห้ รือเช่ือมตอ่ และหลกั เกณฑ์ และวธิ ีการในการกาหนดอตั ราค่าใชห้ รือคา่ เชื่อมตอ่ โครงขา่ ยในการประกอบกิจการ กระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม ท้งั ในกิจการประเภทเดียวกนั และระหวา่ งกิจการแตล่ ะประเภท ให้เป็นธรรมต่อผใู้ ชบ้ ริการ ผใู้ ห้บริการและผลู้ งทนุ หรือระหวา่ งผใู้ ห้บริการโทรคมนาคม โดยคานึงถึงประโยชนส์ าธารณะเป็นสาคญั (๙) กาหนดโครงสร้างอตั ราคา่ ธรรมเนียมและโครงสร้างอตั ราค่าบริการ ในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม ใหเ้ ป็นธรรมต่อ ผใู้ ชบ้ ริการและผใู้ หบ้ ริการโดยคานึงถึงประโยชน์สาธารณะเป็นสาคญั (๑๐) กาหนดมาตรฐานและลกั ษณะพงึ ประสงคท์ างดา้ นเทคนิคในการ ประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ กิจการโทรคมนาคม และในกิจการวิทยุ คมนาคม (๑๑) กาหนดมาตรการเพ่ือป้องกนั มิให้มีการกระทาอนั เป็นการผกู ขาด หรือก่อให้เกิดความไมเ่ ป็นธรรมในการแขง่ ขนั ในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม (๑๒) กาหนดมาตรการใหม้ ีการกระจายบริการดา้ นโทรคมนาคมให้ ทว่ั ถึงและเท่าเทียมกนั ตามมาตรา ๕๐

(๑๓) คุม้ ครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมิใหถ้ กู เอาเปรียบจากผู้ ประกอบกิจการและคุม้ ครองสิทธิในความเป็นส่วนตวั และเสรีภาพของบุคคลในการ ส่ือสารถึงกนั โดยทางโทรคมนาคมและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของ ประชาชนในการเขา้ ถึงและใชป้ ระโยชนค์ ล่ืนความถ่ีท่ีใชใ้ นกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม (๑๔) ประสานงานเกี่ยวกบั การบริหารคลื่นความถี่ท้งั ในประเทศและ ระหวา่ งประเทศ (๑๕) วนิ ิจฉยั และแกไ้ ขปัญหาการใชค้ ลื่นความถี่ที่มีการรบกวนซ่ึงกนั และกนั (๑๖) ติดตามตรวจสอบและใหค้ าปรึกษาแนะนาการประกอบกิจการ กระจายเสียง กิจการโทรทศั นแ์ ละกิจการโทรคมนาคม (๑๗) กาหนดลกั ษณะการควบรวม การครองสิทธิขา้ มส่ือ หรือการ ครอบงากิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั นท์ ี่ใชค้ ล่ืนความถ่ี ระหวา่ งส่ือมวลชน ดว้ ยกนั เองหรือโดยบุคคลอ่ืนใด ซ่ึงจะมีผลเป็นการขดั ขวางเสรีภาพในการรับรู้ขอ้ มลู ข่าวสารหรือปิ ดก้นั การไดร้ ับขอ้ มูลขา่ วสารที่หลากหลายของประชาชน (๑๘) ส่งเสริมการรวมกลุ่มของผรู้ ับใบอนุญาต ผผู้ ลิตรายการ และผู้ ประกอบวชิ าชีพสื่อสารมวลชนท่ีเก่ียวกบั กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั นเ์ ป็น องคก์ รในรูปแบบต่าง ๆ เพอื่ ทาหนา้ ท่ีจดั ทามาตรฐานทางจริยธรรมของการประกอบ อาชีพหรือวิชาชีพและการควบคุมการประกอบอาชีพหรือวชิ าชีพกนั เองภายใต้ มาตรฐานทางจริยธรรม (๑๙) ออกระเบียบหรือประกาศตามมาตรา ๕๘ (๒๐) อนุมตั ิงบประมาณรายจ่ายของสานกั งาน กสทช. รวมท้งั เงินที่จะ จดั สรรเขา้ กองทุนตามมาตรา ๕๒ (๒๑) พจิ ารณาและใหค้ วามเห็นชอบเกี่ยวกบั การจดั สรรเงินกองทุน ตามที่คณะกรรมการบริหารกองทุนเสนอตามมาตรา ๕๕

(๒๒) ใหข้ อ้ มูลและร่วมดาเนินการในการเจรจาหรือทาความตกลง ระหวา่ งรัฐบาลแห่งราชอาณาจกั รไทยกบั รัฐบาลต่างประเทศหรือองคก์ ารระหวา่ ง ประเทศ ในเร่ืองท่ีเกี่ยวกบั การบริหารคลื่นความถ่ี กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ กิจการโทรคมนาคม หรือกิจการอ่ืนท่ีเกี่ยวขอ้ ง (๒๓) เสนอแนะตอ่ คณะรัฐมนตรีเพอ่ื ให้มีกฎหมายหรือแกไ้ ขปรับปรุง หรือยกเลิกกฎหมายท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การจดั สรรคลื่นความถ่ีและการดาเนินการอื่น ๆ ท่ี เกี่ยวขอ้ งกบั คล่ืนความถ่ี กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม (๒๔) ออกระเบียบ ประกาศ หรือคาสงั่ อนั เก่ียวกบั อานาจหนา้ ที่ของ กสทช. (๒๕) ปฏิบตั ิการอื่นใดตามที่กาหนดไวใ้ นพระราชบญั ญตั ิน้ีหรือ กฎหมายอื่น การกาหนดลกั ษณะการควบรวม การครองสิทธิขา้ มส่ือหรือการครอบงา ตาม (๑๗) ให้ กสทช. รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผเู้ กี่ยวขอ้ งประกอบดว้ ย การใชอ้ านาจหนา้ ท่ีตามวรรคหน่ึง ตอ้ งไมข่ ดั หรือแยง้ กบั กฎหมายว่าดว้ ย การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั น์ กฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบ กิจการโทรคมนาคม และกฎหมายวา่ ดว้ ยวทิ ยคุ มนาคม บรรดาระเบียบ ประกาศ หรือคาสงั่ ใด ๆ ท่ีใชบ้ งั คบั เป็นการทว่ั ไปเม่ือได้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ชบ้ งั คบั ได้ มาตรา ๒๘ ให้ กสทช. จดั ให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผมู้ ีส่วนไดเ้ สีย และประชาชนทวั่ ไปเพ่อื นาความคิดเห็นท่ีไดม้ าประกอบการพจิ ารณาก่อนออก ระเบียบ ประกาศ หรือคาสง่ั เก่ียวกบั การกากบั ดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคมที่มีผลใชบ้ งั คบั เป็นการทว่ั ไปและเก่ียวขอ้ ง กบั การแข่งขนั ในการประกอบกิจการหรือมีผลกระทบต่อประชาชนอยา่ งมีนยั สาคญั โดยตอ้ งให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ความเป็นมา เหตุผล ความจาเป็น และสรุปสาระสาคญั เก่ียวกบั เรื่องท่ีจะรับฟังความคิดเห็น ตลอดจนประเดน็ ท่ีตอ้ งการรับฟังความ

คิดเห็น ท้งั น้ี ระยะเวลาในการรับฟังความคิดเห็นตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ สามสิบวนั เวน้ แต่ใน กรณีมีเหตฉุ ุกเฉินหรือมีความจาเป็นเร่งด่วน กสทช. อาจกาหนดระยะเวลาในการรับ ฟังความคิดเห็นให้นอ้ ยกวา่ ระยะเวลาท่ีกาหนดได้ ใหส้ านกั งาน กสทช. จดั ทาบนั ทึกสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นท่ี ประกอบดว้ ยความคิดเห็นที่ไดร้ ับมติหรือผลการพิจารณาของ กสทช. ที่มตี อ่ ความ คิดเห็นดงั กล่าว พร้อมท้งั เหตผุ ลและแนวทางในการดาเนินการตอ่ ไป และเผยแพร่ บนั ทึกดงั กล่าวในระบบเครือข่ายสารสนเทศของสานกั งาน กสทช. มาตรา ๒๙ การกาหนดอตั ราค่าใชห้ รือคา่ เชื่อมตอ่ โครงขา่ ย คา่ ธรรมเนียมใด ๆ หรือค่าบริการในการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคมตามพระราชบญั ญตั ิน้ีและตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบ กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั น์ หรือตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบกิจการ โทรคมนาคม ให้ กสทช. คานึงถึงประโยชนส์ าธารณะและภาระของผบู้ ริโภคความ สอดคลอ้ งกบั ตน้ ทุนการใหบ้ ริการ ความคุม้ ค่า และการจดั สรรทรัพยากรที่มี ประสิทธิภาพดว้ ย มาตรา ๓๐ ในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของ กสทช. กสท. กทค. คณะกรรมการ อื่น และคณะอนุกรรมการที่จดั ต้งั ข้ึนตามพระราชบญั ญตั ิน้ี ตลอดจนเลขาธิการ กสทช. และพนกั งานของสานกั งาน กสทช. เก่ียวกบั การพจิ ารณาคาขอหรือคาร้องเรียนที่ ประชาชนยน่ื ตามกฎหมาย ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ประกาศ หรือสญั ญาท่ี กสทช. หรือ สานกั งาน กสทช. ทากบั เอกชน หากกฎหมาย ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ประกาศ หรือสญั ญา ดงั กล่าวมิไดก้ าหนดระยะเวลาในการดาเนินการไวโ้ ดยเฉพาะให้ กสทช. กาหนด ระยะเวลาการดาเนินการแลว้ เสร็จและประกาศให้ประชาชนทราบโดยทว่ั ไป เรื่องใดท่ี มิไดก้ าหนดระยะเวลาไว้ จะตอ้ งดาเนินการใหแ้ ลว้ เสร็จภายในเวลาไม่เกินสิบห้าวนั นบั แตว่ นั ท่ีไดร้ ับเรื่อง

ในกรณีที่ กสทช. กสท. กทค. คณะกรรมการอื่นและคณะอนุกรรมการท่ี จดั ต้งั ข้ึนตามพระราชบญั ญตั ิน้ี เลขาธิการ กสทช. หรือพนกั งานของสานกั งาน กสทช. ปฏิบตั ิหนา้ ที่ล่าชา้ กวา่ ที่กาหนดตามวรรคหน่ึงโดยไม่มีเหตุอนั สมควร หากก่อใหเ้ กิด ความเสียหายแก่บุคคลใด ใหส้ านกั งาน กสทช. รับผิดชดใชค้ วามเสียหายให้แก่บุคคล น้นั และใหเ้ รียกเงินชดใชค้ ืนจาก กสทช. กสท. กทค. คณะกรรมการอ่ืนและ คณะอนุกรรมการท่ีจดั ต้งั ข้ึนตามพระราชบญั ญตั ิน้ี เลขาธิการ กสทช. หรือพนกั งาน ของสานกั งาน กสทช. ผเู้ ป็นตน้ เหตแุ ห่งความล่าชา้ น้นั แลว้ แตก่ รณี หากความเสียหาย น้นั เกิดจากการกระทาหรืองดเวน้ การกระทาดว้ ยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออยา่ ง ร้ายแรง มาตรา ๓๑ เพ่อื ประโยชน์ในการคุม้ ครองผบู้ ริโภคมิใหถ้ ูกเอาเปรียบจาก ผปู้ ระกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม ให้ กสทช. มี หนา้ ท่ีตรวจสอบการดาเนินการของผปู้ ระกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม มิให้มีการดาเนินการใด ๆ ในประการท่ีน่าจะเป็นการเอา เปรียบผบู้ ริโภค ท้งั น้ี โดยให้ กสทช. แต่งต้งั คณะอนุกรรมการข้ึนสองคณะ ประกอบดว้ ยผทู้ ่ีมีความรู้ ความเช่ียวชาญ และประสบการณ์อนั เป็นประโยชน์ต่อการ ปฏิบตั ิหนา้ ที่ของ กสทช. ในการคุม้ ครองผบู้ ริโภคดา้ นกิจการกระจายเสียงและกิจการ โทรทศั น์ และในการคุม้ ครองผบู้ ริโภคดา้ นกิจการโทรคมนาคมโดยให้มีอานาจหนา้ ท่ี ในการพจิ ารณาและเสนอความเห็นเก่ียวกบั เร่ืองร้องเรียนและปฏิบตั ิหนา้ ท่ีอื่น ท้งั น้ี ตามท่ี กสทช. กาหนด ในกรณีท่ีผปู้ ระกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ หรือกิจการ โทรคมนาคม ดาเนินการใด ๆ ในประการท่ีน่าจะเป็นการเอาเปรียบผบู้ ริโภค โดยอาศยั การใชเ้ ครือขา่ ยหรือการโฆษณาอนั มีลกั ษณะเป็นการคา้ กาไรเกินควร หรือก่อให้เกิด ความเดือดร้อนราคาญ ไมว่ า่ ดว้ ยวิธีการใดตามหลกั เกณฑท์ ี่ กสทช. กาหนด ให้ กสทช. มีอานาจสงั่ ระงบั การดาเนินการดงั กล่าวได้

มาตรา ๓๒ เพ่อื ประโยชน์ในการคุม้ ครองสิทธิในความเป็นส่วนตวั และ เสรีภาพของบคุ คลในการส่ือสารถึงกนั โดยทางโทรคมนาคม ให้ กสทช. มีอานาจ กาหนดมาตรการคุม้ ครองสิทธิของผใู้ ชบ้ ริการโทรคมนาคมเกี่ยวกบั ขอ้ มูลส่วนบคุ คล สิทธิในความเป็นส่วนตวั และเสรีภาพในการส่ือสารถึงกนั โดยทางโทรคมนาคม ในกรณีท่ีมีการกระทาความผิดโดยการดกั รับไว้ ใชป้ ระโยชน์ หรือ เปิ ดเผยขอ้ ความข่าวสารหรือขอ้ มูลอ่ืนใดท่ีมีการส่ือสารทางโทรคมนาคมโดยไมช่ อบ ดว้ ยกฎหมาย ให้ถือวา่ กสทช. เป็นผเู้ สียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา ในกรณีที่ผไู้ ดร้ ับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมเป็นผกู้ ระทา ความผิดตามวรรคสอง หรือรู้ว่ามีการกระทาความผดิ ตามวรรคสอง แตเ่ พิกเฉยหรือไม่ ดาเนินการตามกฎหมายภายในเวลาอนั สมควร ให้ กสทช. มีอานาจสั่งพกั ใชห้ รือเพิก ถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมได้ มาตรา ๓๓ ให้ กสทช. มีอานาจแต่งต้งั คณะอนุกรรมการ คณะทางาน หรือมอบหมายใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ที่ปฏิบตั ิหนา้ ที่ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี หรือตามที่ ไดร้ ับมอบหมายได้ อนุกรรมการ และคณะทางานตอ้ งไมม่ ีลกั ษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๗ ข. (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐) และ (๑๑) มาตรา ๓๔ ในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีตามพระราชบญั ญตั ิน้ี ให้ กสทช. กสท. กทค. และคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบตั ิงานมีอานาจสง่ั หน่วยงาน ของรัฐหรือบุคคลใดใหช้ ้ีแจงขอ้ เทจ็ จริง มาให้ถอ้ ยคาหรือส่งเอกสารหลกั ฐานท่ี เก่ียวขอ้ งเพ่อื ประกอบการพิจารณาได้ หมวด ๒ การกากบั ดูแลการประกอบกจิ การ

ส่วนท่ี ๑ คณะกรรมการกจิ การกระจายเสียงและกจิ การโทรทัศน์ มาตรา ๓๕ ใหม้ ีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั น์ คณะหน่ึง เรียกโดยยอ่ ว่า “กสท.” ประกอบดว้ ย (๑) ประธานกรรมการ ซ่ึง กสทช. แต่งต้งั จากรองประธาน กสทช. (๒) กรรมการ ซ่ึง กสทช. แตง่ ต้งั จากกรรมการ กสทช. ท่ีมิไดเ้ ป็น ประธานหรือรองประธาน กสทช. จานวนสี่คน ซ่ึงตอ้ งมีกรรมการตามมาตรา ๖ (๓) จานวนสองคน และกรรมการตามมาตรา ๖ (๔) จานวนหน่ึงคน กรรมการตามวรรคหน่ึงจะเป็น กทค. ในขณะเดียวกนั มิได้ ให้เลขาธิการ กสทช. แต่งต้งั พนกั งานเจา้ หนา้ ท่ีของสานกั งาน กสทช. เป็นเลขานุการและผชู้ ่วยเลขานุการตามความจาเป็น มาตรา ๓๖ ใหน้ าความในมาตรา ๒๓ มาใชบ้ งั คบั กบั การประชุมของ กสท. โดยอนุโลม เวน้ แต่ในส่วนท่ีเก่ียวกบั องคป์ ระชุม ตอ้ งมีกรรมการ กสท. มา ประชุมไมน่ อ้ ยกวา่ ก่ึงหน่ึงของจานวนกรรมการ กสท. ท้งั หมด จึงจะเป็นองคป์ ระชุม ในกรณีท่ีกรรมการ กสท. พน้ จากตาแหน่งก่อนวาระ ถา้ ยงั มีกรรมการ กสท. อยไู่ มน่ อ้ ยกวา่ สามคนใหก้ รรมการ กสท. เทา่ ท่ีเหลืออยปู่ ฏิบตั ิหนา้ ที่ตอ่ ไปได้ มาตรา ๓๗ ให้ กสท. มีอานาจหนา้ ท่ีปฏิบตั ิการใด ๆ แทน กสทช. ตาม มาตรา ๒๗ (๔) (๖) (๘) (๙) (๑๐) (๑๑) (๑๓) (๑๖) และ (๑๘) ในส่วนท่ีเก่ียวกบั กิจการ กระจายเสียงและกิจการโทรทศั นแ์ ละปฏิบตั ิหนา้ ที่อ่ืนตามที่ กสทช. มอบหมาย ส่วนท่ี ๒

คณะกรรมการกจิ การโทรคมนาคม มาตรา ๓๘ ใหม้ ีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมคณะหน่ึง เรียกโดย ยอ่ ว่า “กทค.” ประกอบดว้ ย (๑) ประธานกรรมการ ซ่ึง กสทช. แตง่ ต้งั จากรองประธาน กสทช. (๒) กรรมการ ซ่ึง กสทช. แตง่ ต้งั จากกรรมการ กสทช. ท่ีมิไดเ้ ป็น ประธานหรือรองประธาน กสทช. จานวนส่ีคน ซ่ึงตอ้ งมีกรรมการตามมาตรา ๖ (๓) จานวนสองคน และกรรมการตามมาตรา ๖ (๔) จานวนหน่ึงคน กรรมการตามวรรคหน่ึงจะเป็น กสท. ในขณะเดียวกนั มิได้ ให้เลขาธิการ กสทช. แตง่ ต้งั พนกั งานเจา้ หนา้ ที่ของสานกั งาน กสทช. เป็นเลขานุการและผชู้ ่วยเลขานุการตามความจาเป็น มาตรา ๓๙ ใหน้ าความในมาตรา ๓๖ มาใชบ้ งั คบั กบั การประชุมและการ ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของ กทค. โดยอนุโลม มาตรา ๔๐ ให้ กทค. มีอานาจหน้าท่ีปฏิบตั ิการใด ๆ แทน กสทช. ตาม มาตรา ๒๗ (๔) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐) (๑๑) (๑๒) (๑๓) และ (๑๖) ในส่วนที่เก่ียวกบั กิจการโทรคมนาคมและกิจการวทิ ยคุ มนาคม และปฏิบตั ิหนา้ ท่ีอ่ืนตามท่ี กสทช. มอบหมาย ส่วนท่ี ๓ การกากบั กจิ การกระจายเสียงและกจิ การโทรทศั น์

มาตรา ๔๑ ผใู้ ดประสงคจ์ ะใชค้ ล่ืนความถ่ีเพ่อื กิจการกระจายเสียงหรือ กิจการโทรทศั นต์ อ้ งไดร้ ับใบอนุญาตตามพระราชบญั ญตั ิน้ี การยน่ื คาขออนุญาต และการอนุญาต ใหเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงื่อนไขที่กสทช. ประกาศกาหนด เวน้ แต่การประกอบกิจการทางธุรกิจใหเ้ ป็นไป ตามท่ีกาหนดในวรรคหก ให้ถือวา่ การยน่ื คาขอรับใบอนุญาตใหใ้ ชค้ ลื่นความถ่ีตามวรรคหน่ึง เป็น การยนื่ คาขออนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทศั น์ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั นด์ ว้ ย และเม่ือ กสทช. อนุญาต ใหใ้ ชค้ ลื่นความถี่แลว้ ใหถ้ ือวา่ อนุญาตใหป้ ระกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการ โทรทศั นต์ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั น์ และใหถ้ ือวา่ ไดร้ ับอนุญาตให้มีและใชเ้ คร่ืองวทิ ยคุ มนาคมและต้งั สถานีวิทยคุ มนาคม ตามกฎหมายว่าดว้ ยวทิ ยคุ มนาคมดว้ ย ท้งั น้ี เฉพาะในส่วนท่ีเกี่ยวกบั เครื่องวทิ ยุ คมนาคมท่ีระบไุ วใ้ นคาขออนุญาต การอนุญาตใหใ้ ชค้ ล่ืนความถ่ีเพื่อกิจการกระจายเสียงและกิจการ โทรทศั นต์ อ้ งคานึงถึงประโยชนส์ ูงสุดของประชาชนในระดบั ชาติ ระดบั ภมู ิภาค และ ระดบั ทอ้ งถิ่น ในดา้ นการศึกษา วฒั นธรรม ความมนั่ คงของรัฐ และประโยชน์ สาธารณะอ่ืน รวมท้งั การแขง่ ขนั โดยเสรีอยา่ งเป็นธรรมและตอ้ งดาเนินการในลกั ษณะ ท่ีมีการกระจายการใชป้ ระโยชน์โดยทว่ั ถึงในกิจการดา้ นตา่ ง ๆ ให้เหมาะสมแก่การ เป็นทรัพยากรส่ือสารของชาติเพ่อื ประโยชน์สาธารณะ เพอ่ื ประโยชน์ในการส่งเสริมรายการวิทยแุ ละรายการโทรทศั นท์ ่ีมี เน้ือหาสร้างสรรคส์ งั คมหรือรายการสาหรับเด็กและเยาวชน ให้ กสทช. กาหนด เงื่อนไขในการอนุญาตใหผ้ รู้ ับใบอนุญาตตอ้ งจดั เวลาให้รายการดงั กล่าวไดอ้ อกอากาศ ในช่วงเวลาท่ีเหมาะสมสาหรับกลุ่มเป้าหมาย ในกรณีท่ีเป็นการอนุญาตให้ใชค้ ลื่นความถี่เพอ่ื กิจการกระจายเสียงหรือ กิจการโทรทศั น์ ซ่ึงเป็นการประกอบกิจการทางธุรกิจตามท่ีกาหนดไวใ้ นกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั น์ ใหใ้ ชว้ ธิ ีคดั เลือกโดยวิธีการ

ประมลู คลื่นความถ่ี ท้งั ในระดบั ชาติ ระดบั ภมู ิภาคและระดบั ทอ้ งถิ่น โดยใหแ้ ยกกนั ประมูลในแตล่ ะระดบั ท้งั น้ี ตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ ระยะเวลาและเง่ือนไขท่ี กสทช. ประกาศกาหนด การกาหนดคุณสมบตั ิของผมู้ ีสิทธิเขา้ ร่วมประมลู คล่ืนความถ่ีตามวรรค หก ใหค้ านึงถึงประโยชน์ในการจดั สรรทรัพยากรคลื่นความถ่ีอยา่ งมีประสิทธิภาพและ เกิดความคุม้ ค่า การป้องกนั การผกู ขาด การส่งเสริมการแขง่ ขนั โดยเสรีอยา่ งเป็นธรรม การให้บริการอยา่ งมีประสิทธิภาพ ภาระของผบู้ ริโภคและการคุม้ ครองสิทธิของผู้ ขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการทางธุรกิจระดบั ภมู ิภาคและระดบั ทอ้ งถิ่น การอนุญาตให้ใชค้ ล่ืนความถี่เพ่ือกิจการกระจายเสียงและกิจการ โทรทศั นท์ ี่ก่อใหเ้ กิดหรืออาจเกิดการรบกวนหรือทบั ซอ้ นกบั คล่ืนความถ่ีที่ไดร้ ับ อนุญาตอยกู่ ่อนแลว้ จะกระทามิได้ มาตรา ๔๒ ให้ กสทช. มีอานาจกาหนดอตั ราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ตามมาตรา ๔๑ โดยแยกเป็ นคา่ ธรรมเนียมใบอนุญาตใหใ้ ชค้ ล่ืนความถ่ี และ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการ ซ่ึงตอ้ งชาระเมื่อไดร้ ับใบอนุญาตและตอ้ ง ชาระเป็นรายปี ในอตั ราที่เหมาะสมกบั ประเภทของใบอนุญาต ตามกฎหมายว่าดว้ ยการ ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั น์ เวน้ แตค่ ่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ ใชค้ ล่ืนความถ่ีเพื่อประกอบกิจการทางธุรกิจ ให้ถือวา่ เงินที่ไดจ้ ากการประมลู ตาม มาตรา ๔๑ วรรคหก เป็นคา่ ธรรมเนียมใบอนุญาตใหใ้ ชค้ ล่ืนความถ่ีซ่ึงตอ้ งชาระเมื่อ ไดร้ ับใบอนุญาต และเมื่อหกั คา่ ใชจ้ ่ายแลว้ ให้นาส่งเขา้ เป็ นรายไดแ้ ผน่ ดิน[๒] คา่ ธรรมเนียมใบอนุญาตตามวรรคหน่ึงซ่ึงตอ้ งชาระเป็นรายปี ให้ กสทช. กาหนด โดยคานึงถึงรายจา่ ยในการกากบั ดูแลการใชค้ ล่ืนความถ่ีและการกากบั ดูแลการ ประกอบกิจการอยา่ งมีประสิทธิภาพในอตั รารวมท้งั สิ้นไมเ่ กินร้อยละสองของรายได้ ก่อนหกั ค่าใชจ้ า่ ยของผรู้ ับใบอนุญาต และให้นาส่งเป็นรายไดข้ องสานกั งาน กสทช. บรรดาหน่วยงานที่ไดร้ ับยกเวน้ ไมต่ อ้ งปฏิบตั ิตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการ ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั น์ไมว่ า่ ท้งั หมดหรือบางส่วน ตอ้ งเสีย

คา่ ธรรมเนียมตามวรรคหน่ึงดว้ ย แต่ กสทช. จะลดหยอ่ นให้ตามที่เห็นสมควรก็ได้ โดย คานึงถึงวตั ถุประสงคข์ องกิจการของหน่วยงานน้นั มาตรา ๔๓ ใบอนุญาตให้ใชค้ ล่ืนความถี่เพอื่ กิจการกระจายเสียงและ กิจการโทรทศั นเ์ ป็นสิทธิเฉพาะตวั ของผไู้ ดร้ ับใบอนุญาต จะโอนแก่กนั มิได้ ผไู้ ดร้ ับใบอนุญาตใหใ้ ชค้ ลื่นความถี่เพือ่ กิจการกระจายเสียงหรือกิจการ โทรทศั น์ตอ้ งประกอบกิจการดว้ ยตนเอง จะมอบการบริหารจดั การท้งั หมดหรือ บางส่วนหรือยนิ ยอมใหบ้ ุคคลอ่ืนเป็นผมู้ ีอานาจประกอบกิจการแทนมิได้ แต่การให้ บคุ คลอื่นเช่าเวลาดาเนินรายการบางช่วงเวลาอาจกระทาไดต้ ามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และ เง่ือนไขที่ กสทช. กาหนด มาตรา ๔๔ ผไู้ ดร้ ับใบอนุญาตให้ใชค้ ล่ืนความถี่เพื่อกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทศั น์ผใู้ ดมิไดป้ ระกอบกิจการที่ใชค้ ล่ืนความถ่ีน้นั ภายในระยะเวลาท่ี กสทช. กาหนดหรือนาคลื่นความถ่ีไปใชใ้ นกิจการนอกวตั ถุประสงค์ หรือไมป่ ฏิบตั ิ ตามเง่ือนไขการประกอบกิจการท่ีใชค้ ลื่นความถี่ หรือกระทาการอนั มีลกั ษณะตอ้ งห้าม ตามท่ีกาหนดในมาตรา ๒๗ (๑๑) และ (๑๗) หรือไม่ปฏิบตั ิตามมาตรา ๔๓ ให้ กสทช. ดาเนินการเพ่ือใหม้ ีการแกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ งหรือมีคาสงั่ เพกิ ถอนใบอนุญาตให้ใชค้ ล่ืน ความถี่น้นั ท้งั หมดหรือบางส่วน ส่วนท่ี ๔ การกากบั กจิ การโทรคมนาคม มาตรา ๔๕ ผใู้ ดประสงคจ์ ะใชค้ ล่ืนความถ่ีเพื่อกิจการโทรคมนาคมตอ้ ง ไดร้ ับใบอนุญาตตามพระราชบญั ญตั ิน้ี ซ่ึงตอ้ งดาเนินการโดยวิธีการประมูลคลื่น ความถ่ี ท้งั น้ี ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการระยะเวลาและเงื่อนไขที่ กสทช. ประกาศกาหนด

โดยให้นาความในมาตรา ๔๑ วรรคสี่ และวรรคเจด็ มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม และเงินที่ ไดจ้ ากการประมูลเม่ือหกั ค่าใชจ้ า่ ยแลว้ ใหส้ ่งเขา้ เป็นรายไดแ้ ผน่ ดิน ให้ถือวา่ การยนื่ คาขอรับใบอนุญาตใหใ้ ชค้ ล่ืนความถี่ตามวรรคหน่ึง เป็น การยน่ื คาขออนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบ กิจการโทรคมนาคมดว้ ย และเม่ือ กสทช. อนุญาตให้ใชค้ ล่ืนความถี่แลว้ ให้ถือวา่ อนุญาตใหป้ ระกอบกิจการโทรคมนาคมตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบกิจการ โทรคมนาคม และใหถ้ ือวา่ ไดร้ ับอนุญาตให้มีและใชเ้ ครื่องวทิ ยคุ มนาคมและต้งั สถานี วิทยคุ มนาคมตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวิทยคุ มนาคมดว้ ย ท้งั น้ี เฉพาะในส่วนท่ีเก่ียวกบั เคร่ืองวิทยคุ มนาคมที่ระบไุ วใ้ นคาขออนุญาต ให้ กสทช. มีอานาจกาหนดอตั ราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบ กิจการตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบกิจการโทรคมนาคมและค่าธรรมเนียมซ่ึงตอ้ ง ชาระเป็นรายปี โดยคานึงถึงรายจา่ ยในการกากบั ดูแลการใชค้ ล่ืนความถี่และการกากบั ดูแลการประกอบกิจการอยา่ งมีประสิทธิภาพในอตั รารวมท้งั สิ้นไม่เกินร้อยละสองของ รายไดก้ ่อนหกั ค่าใชจ้ า่ ยของผรู้ ับใบอนุญาต และใหน้ าส่งคา่ ธรรมเนียมดงั กล่าวเป็น รายไดข้ องสานกั งาน กสทช. มาตรา ๔๖ ใบอนุญาตให้ใชค้ ล่ืนความถ่ีเพอ่ื กิจการโทรคมนาคมเป็น สิทธิเฉพาะตวั ของผไู้ ดร้ ับใบอนุญาต จะโอนแก่กนั มิได้ ผไู้ ดร้ ับใบอนุญาตใหใ้ ชค้ ล่ืนความถ่ีเพือ่ กิจการโทรคมนาคม ตอ้ ง ประกอบกิจการดว้ ยตนเองจะมอบการบริหารจดั การท้งั หมดหรือบางส่วนหรือยนิ ยอม ใหบ้ คุ คลอ่ืนเป็นผมู้ ีอานาจประกอบกิจการแทนมิได้ มาตรา ๔๗ ผไู้ ดร้ ับใบอนุญาตใหใ้ ชค้ ลื่นความถ่ีเพอ่ื กิจการโทรคมนาคม ผใู้ ดมิไดป้ ระกอบกิจการที่ใชค้ ลื่นความถี่น้นั ภายในระยะเวลาที่ กสทช. กาหนด หรือ นาคล่ืนความถ่ีไปใชใ้ นกิจการนอกวตั ถุประสงค์ หรือไม่ปฏิบตั ิตามเงื่อนไขการ ประกอบกิจการท่ีใชค้ ล่ืนความถ่ีหรือกระทาการอนั มีลกั ษณะตอ้ งห้ามตามที่กาหนดใน

มาตรา ๒๗ (๑๑) หรือไมป่ ฏิบตั ิตามมาตรา ๔๖ ให้ กสทช. ดาเนินการเพ่ือให้มีการ แกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ ง หรือมีคาสง่ั เพกิ ถอนใบอนุญาตให้ใชค้ ลื่นความถี่น้นั ท้งั หมดหรือ บางส่วน หมวด ๓ แนวทางการจดั ทาแผน มาตรา ๔๘ ให้มแี ผนแม่บทการบริหารคลื่นความถ่ีซ่ึงอยา่ งนอ้ ยตอ้ งมี รายการ ดงั ต่อไปน้ี (๑) รายละเอียดเกี่ยวกบั ตารางกาหนดคล่ืนความถี่ท้งั หมดท่ีประเทศไทย สามารถนามาใชป้ ระโยชน์ได้ (๒) แนวทางการดาเนินการเกี่ยวกบั คลื่นความถ่ีระหวา่ งประเทศ (๓) รายละเอียดเกี่ยวกบั คล่ืนความถ่ีที่กาหนดใหใ้ ชใ้ นกิจการกระจาย เสียงและกิจการโทรทศั น์กิจการโทรคมนาคม และกิจการอ่ืน (๔) แนวทางในการคืนคลื่นความถี่เพื่อนาไปจดั สรรใหมห่ รือการ ปรับปรุงการใชค้ ล่ืนความถ่ี แผนแม่บทการบริหารคล่ืนความถี่ เม่ือประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ให้ใชบ้ งั คบั ไดแ้ ละใหใ้ ชเ้ ป็นหลกั เกณฑแ์ ละเง่ือนไขเบ้ืองตน้ ในการอนุญาตและการ ดาเนินกิจการท้งั ปวงท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การใชค้ ลื่นความถ่ี ให้ กสทช. ติดตามประเมินผลการดาเนินงานตามแผนแม่บทการบริหาร คลื่นความถี่ และตอ้ งปรับปรุงแผนแมบ่ ทดงั กล่าว เพือ่ ประโยชนใ์ นการบริหารคล่ืน ความถ่ีใหม้ ีประสิทธิภาพและสอดคลอ้ งกบั ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยที ่ี เปลี่ยนแปลงไป ในการจดั ทาแผนแมบ่ ทการบริหารคล่ืนความถี่ ให้ กสทช. รับฟังความ คิดเห็นของประชาชนผปู้ ระกอบกิจการที่ใชป้ ระโยชนค์ ลื่นความถี่ และหน่วยงานของ

รัฐท่ีเกี่ยวขอ้ ง เพ่ือเป็นขอ้ มลู ประกอบการพจิ ารณาดว้ ย ท้งั น้ี ระยะเวลาในการรับฟัง ความคิดเห็นตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ สามสิบวนั และการจดั ทาแผนแมบ่ ทการบริหารคลื่น ความถี่ใหค้ านึงถึงการใชง้ านดา้ นความมน่ั คงของรัฐตามความจาเป็น มาตรา ๔๙ ในการกากบั ดูแลการประกอบกิจการ ให้ กสทช. จดั ใหม้ ี แผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั น์ และแผนแม่บทกิจการ โทรคมนาคม เพอ่ื ใชเ้ ป็นแนวทางในการดาเนินการระยะหา้ ปี โดยในแผนดงั กล่าวตอ้ ง สอดคลอ้ งกบั แผนแม่บทการบริหารคล่ืนความถ่ีและอยา่ งนอ้ ยตอ้ งมีแนวทางการ พฒั นาและการส่งเสริมแข่งขนั โดยเสรีอยา่ งเป็นธรรมระหวา่ งผปู้ ระกอบกิจการแนว ทางการอนุญาตใหใ้ ชค้ ล่ืนความถ่ีและการอนุญาตให้ประกอบกิจการ โดยในส่วน กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั น์ ตอ้ งจดั ใหภ้ าคประชาชนไดใ้ ชค้ ลื่นความถี่ เพ่ือประโยชนส์ าธารณะ และไมแ่ สวงหากาไรในทางธุรกิจในการประกอบกิจการ บริการชุมชนไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละยสี่ ิบของคล่ืนความถ่ีในแต่ละพ้นื ที่ของการอนุญาต ประกอบกิจการ ในการจดั ทาแผนแม่บทตามวรรคหน่ึง ให้ กสทช. รับฟังความคิดเห็น ของประชาชนผปู้ ระกอบกิจการ และหน่วยงานของรัฐท่ีเก่ียวขอ้ ง เพื่อเป็ นแนวทางใน การพจิ ารณาดว้ ย ท้งั น้ี ระยะเวลาในการรับฟังความคิดเห็นตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ สามสิบวนั ในกรณีที่ กสทช. วนิ ิจฉยั เร่ืองใดไม่สอดคลอ้ งกบั ความคิดเห็นของ ประชาชน ผปู้ ระกอบกิจการหรือหน่วยงานของรัฐตามท่ีปรากฏในการรับฟังความ คิดเห็นตามวรรคสอง กสทช. ตอ้ งช้ีแจงและแสดงเหตผุ ลใหป้ ระชาชน ผปู้ ระกอบ กิจการ หรือหน่วยงานของรัฐทราบ ประชาชน ผปู้ ระกอบกิจการ หรือหน่วยงานของรัฐตามวรรคสาม ผใู้ ด เห็นวา่ แผนแม่บทท่ี กสทช. กาหนดขดั ต่อบทบญั ญตั ิของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย ใหม้ ีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองไดโ้ ดยใหถ้ ือวา่ แผนแมบ่ ท ดงั กล่าวเป็นกฎตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการจดั ต้งั ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง

แผนแมบ่ ทตามวรรคหน่ึง เม่ือไดป้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ให้ ผกู พนั กสทช. และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวขอ้ ง มาตรา ๕๐ เพ่อื ประโยชนใ์ นการจดั ให้มีบริการโทรคมนาคมพ้นื ฐาน โดยทวั่ ถึงและบริการเพอื่ สงั คมตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบกิจการโทรคมนาคม ให้ กสทช. กาหนดแผนการจดั ใหม้ ีบริการโทรคมนาคมพ้ืนฐานโดยทว่ั ถึงและบริการ เพอื่ สงั คม โดยในแผนอยา่ งนอ้ ยจะตอ้ งกาหนดพ้ืนที่และกลุ่มเป้าหมาย ระยะเวลาใน การดาเนินการ พร้อมท้งั ประมาณการค่าใชจ้ ่ายท่ีจะเกิดข้ึนจากการดาเนินการดงั กล่าว การจดั ทาแผนตามวรรคหน่ึง ให้ กสทช. หารือกบั หน่วยงานของรัฐอื่นท่ี เกี่ยวขอ้ งโดยตอ้ งสอดคลอ้ งกบั นโยบายท่ีคณะรัฐมนตรีแถลงไวต้ ่อรัฐสภา ให้ กสทช. ประกาศกาหนดจานวนคา่ ใชจ้ ่ายที่จะเรียกเก็บจากผไู้ ดร้ ับ ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมเพ่ือนาไปใชด้ าเนินการสนบั สนุนการจดั ให้มี บริการโทรคมนาคมตามวรรคหน่ึง ท้งั น้ี โดยคานึงถึงรายไดท้ ี่ผูไ้ ดร้ ับใบอนุญาตไดร้ ับ จากการใหบ้ ริการโทรคมนาคม ให้ กสทช. ประกาศกาหนดจานวนเงินจากกองทนุ ตามมาตรา ๕๓ (๔) ที่ จะนามาสนบั สนุนผไู้ ดร้ ับใบอนุญาตเพ่ือใหส้ ามารถดาเนินการจดั ใหม้ ีบริการดงั กล่าว ได้ มาตรา ๕๑ เพ่อื ส่งเสริมใหภ้ าคประชาชนไดใ้ ชค้ ล่ืนความถี่ตามสดั ส่วน ที่กาหนดไวใ้ นมาตรา ๔๙ วรรคหน่ึง ให้ กสทช. กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการในการ ส่งเสริมชุมชนท่ีมีความพร้อมให้เป็นผมู้ ีคุณสมบตั ิในการขอรับใบอนุญาตประกอบ กิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทศั น์ประเภทบริการชุมชน การหารายได้ และการ สนบั สนุนผปู้ ระกอบกิจการบริการชุมชนท่ีมีคุณภาพ ท้งั น้ี โดยใหร้ ับฟังความคิดเห็น จากประชาชน และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวขอ้ ง ประกอบดว้ ย

รายไดข้ องผปู้ ระกอบกิจการบริการชุมชนตอ้ งเป็นรายไดจ้ ากการบริจาค การอดุ หนุนสถานีหรือรายไดท้ างอ่ืนซ่ึงมิใช่การโฆษณาหรือการประกอบกิจการ กระจายเสียงหรือกิจการโทรทศั น์ การสนบั สนุนผปู้ ระกอบกิจการบริการชุมชนที่มีคุณภาพตอ้ งเป็นการ อดุ หนุนการดาเนินการของสถานีมิใช่เป็นการสนบั สนุนรายการใดโดยเฉพาะ และมี สดั ส่วนไมเ่ กินก่ึงหน่ึงของรายไดท้ ้งั หมดของผปู้ ระกอบกิจการบริการชุมชน รวมท้งั ตอ้ งจดั ใหม้ ีการประเมินผลคุณภาพการใหบ้ ริการและประสิทธิภาพในการใชจ้ ่ายเงินท่ี ไดร้ ับการอดุ หนุนเพ่ือใชป้ ระกอบการพิจารณาจดั สรรเงินอุดหนุนในแต่ละคราว หมวด ๔ กองทุนวจิ ยั และพฒั นากจิ การกระจายเสียง กจิ การโทรทศั น์ และกจิ การโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ มาตรา ๕๒ ใหจ้ ดั ต้งั กองทนุ ข้ึนในสานกั งาน กสทช. เรียกวา่ “กองทุน วิจยั และพฒั นากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อ ประโยชน์สาธารณะ” โดยมีวตั ถุประสงค์ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ดาเนินการใหป้ ระชาชนไดร้ ับบริการดา้ นกิจการกระจายเสียง กิจการ โทรทศั นแ์ ละกิจการโทรคมนาคม อยา่ งทวั่ ถึง ตลอดจนส่งเสริมชุมชนและสนบั สนุนผู้ ประกอบกิจการบริการชุมชนตามมาตรา ๕๑ (๒) ส่งเสริมและสนบั สนุนการพฒั นาทรัพยากรสื่อสาร การวิจยั และ พฒั นาดา้ นกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม รวมท้งั ความสามารถในการรู้เท่าทนั สื่อเทคโนโลยดี า้ นการใชค้ ล่ืนความถี่ เทคโนโลยี สารสนเทศ เทคโนโลยสี ่ิงอานวยความสะดวกสาหรับผพู้ กิ าร ผสู้ ูงอายุ หรือ ผดู้ อ้ ยโอกาส ตลอดจนอตุ สาหกรรมโทรคมนาคม และอตุ สาหกรรมต่อเน่ือง

(๓) ส่งเสริมและสนบั สนุนการพฒั นาบคุ ลากรดา้ นกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ กิจการโทรคมนาคม และเทคโนโลยสี ารสนเทศ ตลอดจนการ ดาเนินการขององคก์ รซ่ึงทาหนา้ ท่ีจดั ทามาตรฐานทางจริยธรรมของการประกอบ อาชีพหรือวิชาชีพตามกฎหมายว่าดว้ ยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการ โทรทศั น์ (๔) สนบั สนุน ส่งเสริม และคุม้ ครองผบู้ ริโภคดา้ นกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์และกิจการโทรคมนาคม (๕) สนบั สนุนการดาเนินการตามกฎหมายวา่ ดว้ ยกองทนุ พฒั นาส่ือ ปลอดภยั และสร้างสรรคโ์ ดยจดั สรรเงินใหแ้ ก่กองทุนพฒั นาส่ือปลอดภยั และ สร้างสรรค์ (๖)[๓] ส่งเสริมและสนบั สนุนดา้ นงบประมาณใหก้ ระทรวงการคลงั สามารถยมื เงินกองทุนเพือ่ นาไปใชใ้ นกิจการของรัฐอนั เป็นประโยชน์สาธารณะ มาตรา ๕๓ กองทนุ ตามมาตรา ๕๒ ประกอบดว้ ย (๑) ทุนประเดิมที่รัฐบาลจดั สรรให้ (๒)[๔] (ยกเลิก) (๓) เงินที่ไดร้ ับการจดั สรรตามมาตรา ๖๕ วรรคสอง (๔) เงินท่ีส่งเขา้ กองทุนตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบกิจการกระจาย เสียงและกิจการโทรทศั น์และกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบกิจการโทรคมนาคม (๕) เงินค่าปรับทางปกครองที่ปรับตามพระราชบญั ญตั ิน้ี และตาม กฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั น์ และตาม กฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบกิจการโทรคมนาคม (๖) เงินหรือทรัพยส์ ินที่มีผมู้ อบให้เพอ่ื สมทบกองทุน (๗) เงินและทรัพยส์ ินท่ีไดร้ ับโอนมาตามมาตรา ๙๑

(๘) ดอกผลและรายไดข้ องกองทุน รวมท้งั ผลประโยชนจ์ ากคา่ ตอบแทน การใชป้ ระโยชนจ์ ากการวิจยั และพฒั นาดา้ นกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และ กิจการโทรคมนาคม (๙) เงินและทรัพยส์ ินอื่นท่ีตกเป็นของกองทนุ เงินกองทนุ ตาม (๔) และ (๗) ใหใ้ ชไ้ ดเ้ ฉพาะเพ่ือวตั ถุประสงคต์ ามมาตรา ๕๒ (๑) เงินกองทนุ ตาม (๔) ที่ไดร้ ับจากกิจการใดใหใ้ ชเ้ ฉพาะเพื่อกิจการน้นั เวน้ แตเ่ งินท่ีไดร้ ับจากกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทศั น์ ใหใ้ ชเ้ พอื่ กิจการกระจาย เสียงหรือกิจการโทรทศั น์กไ็ ด้ มาตรา ๕๔[๕] ให้มีคณะกรรมการบริหารกองทนุ คณะหน่ึง ประกอบดว้ ย (๑) ประธาน กสทช. เป็นประธานกรรมการ (๒) ปลดั สานกั นายกรัฐมนตรี ปลดั กระทรวงกลาโหม เลขาธิการ คณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ผอู้ านวยการสานกั งบประมาณ อธิบดีกรมบญั ชีกลาง และผอู้ านวยการศูนยเ์ ทคโนโลยอี ิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ แห่งชาติ เป็นกรรมการโดยตาแหน่ง (๓) ผทู้ รงคุณวฒุ ิ จานวนสองคน ซ่ึงกรรมการตาม (๑) และ (๒) เป็นผู้ คดั เลือก ใหเ้ ลขาธิการ กสทช. เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้เลขาธิการ กสทช. แต่งต้งั พนกั งานของสานกั งาน กสทช. เป็นผชู้ ่วยเลขานุการ กรรมการตามวรรคหน่ึง (๓) ตอ้ งไมม่ ีลกั ษณะตอ้ งห้ามตามมาตรา ๗ ข. (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐) และ (๑๑) และมีวาระการดารงตาแหน่งคราว ละสามปี และอาจไดร้ ับการแตง่ ต้งั อีกได้ แต่จะดารงตาแหน่งติดต่อกนั เกินสองวาระ มิได้ ให้นามาตรา ๒๓ มาใชบ้ งั คบั กบั การประชุมของคณะกรรมการบริหาร กองทนุ โดยอนุโลม

มาตรา ๕๕ คณะกรรมการบริหารกองทุนมีอานาจหน้าที่ในการบริหาร กองทนุ และเสนอความเห็นเก่ียวกบั การจดั สรรเงินกองทนุ เพอื่ ใชจ้ ่ายตามวตั ถุประสงค์ ตามมาตรา ๕๒ ต่อ กสทช. เพือ่ พจิ ารณาให้ความเห็นชอบ ในกรณีที่ กสทช. มี ความเห็นแตกต่างจากคณะกรรมการบริหารกองทุน กสทช. ตอ้ งใหเ้ หตผุ ล ประกอบการพจิ ารณาไวด้ ว้ ย ใหค้ ณะกรรมการบริหารกองทนุ เปิ ดเผยรายละเอียดเกี่ยวกบั การจดั สรร เงินกองทุน และการดาเนินการตามวรรคหน่ึงใหป้ ระชาชนทราบผา่ นทางส่ือ อิเลก็ ทรอนิกส์ของสานกั งาน กสทช. โดยตอ้ งแสดงขอ้ มูลเกี่ยวกบั ผทู้ ี่ขอและผทู้ ่ีไดร้ ับ การจดั สรรเงินจากกองทนุ และจานวนเงินท่ีไดร้ ับจากการจดั สรรท้งั หมดดว้ ย การเกบ็ รักษา การใชจ้ ่าย การจดั ทาบญั ชีและระบบบญั ชี ให้เป็นไปตาม ระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกองทุนกาหนด หมวด ๕ สานกั งานคณะกรรมการกจิ การกระจายเสียง กจิ การโทรทศั น์ และกจิ การโทรคมนาคมแห่งชาติ มาตรา ๕๖ ใหม้ ีสานกั งานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการ โทรทศั น์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรียกโดยยอ่ วา่ “สานกั งาน กสทช.” เป็นนิติ บคุ คล มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐท่ีไมเ่ ป็นส่วนราชการตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบียบ บริหารราชการแผน่ ดินและไมเ่ ป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวิธีการงบประมาณ หรือกฎหมายอื่น และอยภู่ ายใตก้ ารกากบั ดูแลของประธานกรรมการ กิจการของสานกั งาน กสทช. ไม่อยภู่ ายใตบ้ งั คบั แห่งกฎหมายวา่ ดว้ ยการ คุม้ ครองแรงงาน กฎหมายว่าดว้ ยแรงงานสมั พนั ธ์ กฎหมายวา่ ดว้ ยการประกนั สงั คม และกฎหมายวา่ ดว้ ยเงินทดแทน

มาตรา ๕๗ ให้สานกั งาน กสทช. มีอานาจหนา้ ที่ ดงั ต่อไปน้ี (๑) รับผดิ ชอบในการรับและจ่ายเงินรายไดข้ องสานกั งาน กสทช. (๒) จดั ทางบประมาณรายจา่ ยประจาปี ของสานกั งาน กสทช. เพ่ือเสนอ กสทช. อนุมตั ิโดยรายจ่ายประจาปี ของสานกั งาน กสทช. ใหห้ มายความรวมถึงรายจ่าย ใด ๆ อนั เก่ียวกบั การดาเนินการตามอานาจหนา้ ท่ีของ กสทช. กสท. กทค. และ สานกั งาน กสทช. (๓) ตรวจสอบและติดตามการใชค้ ล่ืนความถี่ (๔) รับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกบั การใชค้ ลื่นความถี่ การ ประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อตรวจสอบ และแกไ้ ขปัญหาหรือเสนอความเห็นต่อ กสทช. เพอ่ื พจิ ารณาตามหลกั เกณฑท์ ี่ กสทช. กาหนด (๕) ศึกษารวบรวมและวเิ คราะห์ขอ้ มลู เก่ียวกบั คลื่นความถี่ การใชค้ ล่ืน ความถี่ การประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม (๖) รับผดิ ชอบงานธุรการของ กสทช. กสท. กทค. และคณะกรรมการ บริหารกองทุน (๗) ปฏิบตั ิการอ่ืนตามที่ กสทช. กสท. และ กทค. มอบหมาย มาตรา ๕๘ ให้ กสทช. มีอานาจออกระเบียบหรือประกาศเก่ียวกบั การ บริหารงานทวั่ ไปการบริหารงานบคุ คล การงบประมาณ การเงินและทรัพยส์ ิน และการ ดาเนินการอ่ืนของสานกั งาน กสทช. โดยให้รวมถึงเร่ืองดงั ต่อไปน้ีดว้ ย (๑) การแบ่งส่วนงานภายในของสานกั งาน กสทช. และขอบเขตหนา้ ที่ ของส่วนงานดงั กล่าว (๒) การกาหนดตาแหน่ง อตั ราเงินเดือน และค่าตอบแทนอ่ืนของ เลขาธิการ กสทช. พนกั งานและลูกจา้ งของสานกั งาน กสทช. ตลอดจนค่าตอบแทน และคา่ ใชจ้ ่ายของกรรมการอื่นและอนุกรรมการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี

(๓) การคดั เลือกหรือการประเมินความรู้ความสามารถเพอื่ ประโยชนใ์ น การบรรจุและแตง่ ต้งั ใหด้ ารงตาแหน่ง หรือการเล่ือนข้นั เงินเดือน หลกั เกณฑก์ ารต่อ สญั ญาจา้ ง และการจา่ ยเงินชดเชยกรณีเลิกจา้ งเนื่องจากไมผ่ ่านการประเมิน (๔) การบริหารงานบคุ คล รวมตลอดท้งั การดาเนินการทางวินยั การ อุทธรณ์ และร้องทุกข์ (๕) การรักษาการแทนและการปฏิบตั กิ ารแทน (๖) การกาหนดเคร่ืองแบบและการแตง่ กายของพนกั งานและลูกจา้ งของ สานกั งาน กสทช. (๗) การจา้ งและการแตง่ ต้งั บคุ คลเพ่อื เป็นผเู้ ช่ียวชาญหรือเป็น ผชู้ านาญการเฉพาะดา้ นอนั จะเป็นประโยชนต์ อ่ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของ กสทช. รวมท้งั อตั ราคา่ ตอบแทนการจา้ ง (๘) การบริหารและจดั การงบประมาณ ทรัพยส์ ิน และการพสั ดุของ สานกั งาน กสทช. (๙) การจดั สวสั ดิการหรือการสงเคราะห์อื่น ระเบียบหรือประกาศตามวรรคหน่ึง ใหป้ ระธานกรรมการเป็นผลู้ งนาม และเมื่อไดป้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ชบ้ งั คบั ได้ มาตรา ๕๙ ให้สานกั งาน กสทช. เปิ ดเผยขอ้ มูลเก่ียวกบั การดาเนินงาน ของ กสทช. และสานกั งาน กสทช. ใหป้ ระชาชนทราบทางระบบเครือข่ายสารสนเทศ หรือวธิ ีการอ่ืนที่เห็นสมควรโดยอยา่ งน้อยตอ้ งเปิ ดเผยขอ้ มลู ดงั ต่อไปน้ี (๑) ใบอนุญาตประกอบกิจการของผไู้ ดร้ ับใบอนุญาตทุกราย พร้อมท้งั เง่ือนไขที่กาหนด (๒) รายไดข้ องสานกั งาน กสทช. ตามมาตรา ๖๕ เป็นรายเดือนโดยสรุป (๓) รายจ่ายสาหรับการดาเนินงานของ กสทช. และสานกั งาน กสทช. เป็ นรายเดือนโดยสรุป

(๔) รายละเอียดของอตั ราค่าตอบแทนกรรมการ กสท. กทค. อนุกรรมการ และที่ปรึกษาตา่ ง ๆ เป็นรายบุคคล (๕) ผลการศึกษาวิจยั และผลงานอ่ืนๆ ท่ีวา่ จา้ งให้หน่วยงานภายนอก ดาเนินการ (๖) รายการเรื่องร้องเรียน ความคืบหนา้ และผลการพิจารณาเร่ือง ร้องเรียนของผบู้ ริโภคและผรู้ ับใบอนุญาตและจานวนเร่ืองที่ยงั คา้ งพิจารณา (๗) รายละเอียดของผลการจดั ซ้ือจดั จา้ งของสานกั งาน กสทช. และ สญั ญาต่าง ๆ ที่เก่ียวขอ้ ง มาตรา ๖๐ ใหส้ านกั งาน กสทช. มีเลขาธิการ กสทช. คนหน่ึงรับผดิ ชอบ การปฏิบตั ิงานของสานกั งาน กสทช. ข้ึนตรงตอ่ ประธานกรรมการ และเป็น ผบู้ งั คบั บญั ชาพนกั งานและลูกจา้ งของสานกั งาน กสทช. ในกิจการของสานกั งาน กสทช. ท่ีเก่ียวกบั บุคคลภายนอก ให้เลขาธิการ กสทช. เป็นผแู้ ทนของสานกั งาน กสทช. เพอ่ื การน้ีเลขาธิการ กสทช. จะมอบอานาจให้ บุคคลใดปฏิบตั ิงานเฉพาะอยา่ งแทนกไ็ ด้ ท้งั น้ี ตามระเบียบท่ี กสทช. กาหนด โดย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ระเบียบดงั กล่าวจะกาหนดในลกั ษณะบงั คบั ให้ เลขาธิการ กสทช. ตอ้ งมอบอานาจใหบ้ ุคคลใดมิได้ มาตรา ๖๑ ให้ประธานกรรมการ โดยความเห็นชอบของ กสทช. เป็นผู้ แต่งต้งั และถอดถอนเลขาธิการ กสทช. เลขาธิการ กสทช. ตอ้ งมีอายไุ มต่ ่ากวา่ สามสิบห้าปี บริบูรณ์ในวนั แต่งต้งั และตอ้ งมีคุณสมบตั ิและไมม่ ีลกั ษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๗ รวมท้งั คุณสมบตั ิอ่ืน ตามท่ี กสทช. กาหนด

มาตรา ๖๒ เลขาธิการ กสทช. มีวาระการดารงตาแหน่งคราวละหา้ ปี นบั แตว่ นั ท่ีไดร้ ับแตง่ ต้งั และอาจไดร้ ับแตง่ ต้งั อีกได้ แต่จะดารงตาแหน่งติดต่อกนั เกินสอง วาระไม่ได้ มาตรา ๖๓ นอกจากการพน้ จากตาแหน่งตามวาระตามมาตรา ๖๒ เลขาธิการ กสทช. พน้ จากตาแหน่งเม่ือ (๑) ตาย (๒) มีอายคุ รบหกสิบปี บริบูรณ์ (๓) ลาออก (๔) เป็นบคุ คลลม้ ละลาย (๕) ไดร้ ับโทษจาคุกโดยคาพพิ ากษาถึงท่ีสุดให้จาคุก (๖) ขาดคุณสมบตั ิหรือมีลกั ษณะตอ้ งห้ามตามมาตรา ๖๑ วรรคสอง (๗) กสทช. มีมติดว้ ยคะแนนเสียงไม่นอ้ ยกวา่ สองในสามของจานวน กรรมการท้งั หมดใหอ้ อกจากตาแหน่งเพราะบกพร่องต่อหน้าที่ มีความประพฤติเส่ือม เสีย หยอ่ นความสามารถ หรือไม่สามารถปฏิบตั ิหนา้ ที่ได้ มาตรา ๖๔ ใหเ้ ลขาธิการ กสทช. และพนกั งานของสานกั งาน กสทช. เป็นเจา้ หนา้ ที่ของรัฐตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการป้องกนั และ ปราบปรามการทุจริต พนกั งานของสานกั งาน กสทช. ตอ้ งมีคุณสมบตั ิและไมม่ ีลกั ษณะ ตอ้ งหา้ มตามระเบียบท่ี กสทช. กาหนด และตอ้ งไม่เป็นกรรมการ ผจู้ ดั การ ผูบ้ ริหาร ท่ี ปรึกษา พนกั งาน ผถู้ ือหุ้น หรือหุ้นส่วนในบริษทั หรือหา้ งหุน้ ส่วนหรือนิติบุคคลอ่ืนใด บรรดาท่ีประกอบธุรกิจดา้ นกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์หรือกิจการ โทรคมนาคม ใหเ้ ลขาธิการ กสทช. เป็นผดู้ ารงตาแหน่งระดบั สูงตามกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต

ในการปฏิบตั ิหนา้ ที่ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี ให้ เลขาธิการ กสทช. และ พนกั งานเจา้ หนา้ ท่ีเป็นเจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๕ รายไดข้ องสานกั งาน กสทช. มดี งั ตอ่ ไปน้ี (๑) ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใชค้ ลื่นความถี่และคา่ ธรรมเนียม ใบอนุญาตประกอบกิจการตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง และมาตรา ๔๕ วรรคสาม (๒) รายไดห้ รือผลประโยชน์อนั ไดม้ าจากการดาเนินงานตามอานาจ หนา้ ที่ของ กสทช. และสานกั งาน กสทช. (๓) รายไดจ้ ากทรัพยส์ ินของสานกั งาน กสทช. (๔) เงินและทรัพยส์ ินที่มีผบู้ ริจาคให้แก่สานกั งาน กสทช. ตามระเบียบที่ กสทช. กาหนดเพือ่ ใชใ้ นการดาเนินงานของสานกั งาน กสทช. (๕) เงินอดุ หนุนทว่ั ไปที่รัฐบาลจดั สรรให้ รายไดข้ องสานกั งาน กสทช. ตาม (๑) และ (๒) เม่ือไดห้ กั รายจ่ายสาหรับ การดาเนินงานอยา่ งมีประสิทธิภาพของสานกั งาน กสทช. คา่ ภาระตา่ ง ๆ ท่ีจาเป็น เงินท่ี จดั สรรเพ่ือสมทบกองทุนตามมาตรา ๕๒ และกองทุนพฒั นาเทคโนโลยเี พอื่ การศึกษา ตามกฎหมายว่าดว้ ยการศึกษาแห่งชาติเหลือเท่าใดใหน้ าส่งเป็นรายไดแ้ ผน่ ดิน ในกรณีรายไดข้ องสานกั งาน กสทช. มีจานวนไมพ่ อสาหรับคา่ ใชจ้ ่ายใน การดาเนินงานอยา่ งมีประสิทธิภาพของสานกั งาน กสทช. รวมท้งั ค่าภาระต่าง ๆ ที่ จาเป็นและไมส่ ามารถหาเงินจากแหล่งอื่นไดร้ ัฐพึงจดั สรรเงินงบประมาณแผน่ ดิน ให้แก่สานกั งาน กสทช. เทา่ จานวนท่ีจาเป็น มาตรา ๖๖ เพื่อประโยชน์ในการจดั สรรเงินงบประมาณแผน่ ดินใหแ้ ก่ สานกั งาน กสทช. ตามมาตรา ๖๕ วรรคสาม ใหส้ านกั งาน กสทช. เสนองบประมาณ รายจ่ายของปี งบประมาณท่ีขอความสนบั สนุนตอ่ คณะรัฐมนตรี เพอื่ จดั สรรเงิน อดุ หนุนทวั่ ไปของสานกั งาน กสทช. ไวใ้ นร่างพระราชบญั ญตั ิงบประมาณรายจ่าย ประจาปี หรือร่างพระราชบญั ญตั ิงบประมาณรายจ่ายเพ่ิมเติม แลว้ แตก่ รณี ในการน้ี

คณะรัฐมนตรีอาจทาความเห็นเก่ียวกบั การจดั สรรงบประมาณของสานกั งาน กสทช. ไวใ้ นรายงานการเสนอร่างพระราชบญั ญตั ิงบประมาณรายจ่ายประจาปี หรือร่าง พระราชบญั ญตั ิงบประมาณรายจ่ายเพ่ิมเติมดว้ ยก็ได้ และในการพิจารณาร่าง พระราชบญั ญตั ิงบประมาณรายจา่ ยประจาปี หรือร่างพระราชบญั ญตั ิงบประมาณ รายจ่ายเพ่ิมเติม สภาผแู้ ทนราษฎรหรือวฒุ ิสภาอาจขอใหเ้ ลขาธิการ กสทช. เขา้ ช้ีแจง เพ่อื ประกอบการพิจารณาได้ มาตรา ๖๗ บรรดาอสงั หาริมทรัพยท์ ่ีสานกั งาน กสทช. ไดม้ าโดยการซ้ือ หรือแลกเปล่ียนจากรายไดข้ องสานกั งาน กสทช. ตามมาตรา ๖๕ (๑) (๒) หรือ (๓) หรือ ที่มีผบู้ ริจาคใหต้ าม (๔) ใหเ้ ป็นกรรมสิทธ์ิของสานกั งาน กสทช. อสงั หาริมทรัพยท์ ี่เป็นท่ีราชพสั ดุตามกฎหมายวา่ ดว้ ยที่ราชพสั ดุท่ีอยใู่ น ความครอบครองของสานกั งาน กสทช. ให้สานกั งาน กสทช. มีอานาจในการปกครอง ดูแล บารุงรักษา ใช้ และจดั หาผลประโยชนไ์ ด้ ตามระเบียบที่ กสทช. กาหนด ทรัพยส์ ินของสานกั งาน กสทช. ไม่อยใู่ นความรับผดิ แห่งการบงั คบั คดี มาตรา ๖๘ การบญั ชีของสานกั งาน กสทช. ให้จดั ทาตามหลกั สากลตาม มาตรฐานของสภาผสู้ อบบญั ชี และตอ้ งจดั ให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกบั การเงิน การบญั ชี และการพสั ดุของสานกั งาน กสทช. ตามระเบียบท่ี กสทช. กาหนด ในการตรวจสอบภายในตามวรรคหน่ึง ใหม้ ีคณะกรรมการตรวจสอบ ภายในจานวนไมน่ อ้ ยกวา่ สามคนและไมเ่ กินหา้ คน ซ่ึง กสทช. แตง่ ต้งั จากผทู้ รงคุณวฒุ ิ ซ่ึงมีความรู้ความสามารถในการตรวจสอบภายในและมีคุณสมบตั ิและไมม่ ีลกั ษณะ ตอ้ งห้ามตามมาตรา ๗ และมาตรา ๘ และใหส้ านกั งาน กสทช. จดั ให้มีเจา้ หนา้ ที่ผู้ ตรวจสอบภายในมีจานวนตามสมควรข้ึนตรงต่อคณะกรรมการตรวจสอบภายใน เพอื่ ทาหนา้ ท่ีช่วยคณะกรรมการตรวจสอบภายในในการดาเนินการตามอานาจหนา้ ที่

ให้คณะกรรมการตรวจสอบภายในมีอิสระในการปฏิบตั ิหนา้ ที่ และให้ กสทช. เลขาธิการ กสทช. และพนกั งานของสานกั งาน กสทช. อานวยความสะดวกแก่ คณะกรรมการตรวจสอบภายในและเจา้ หนา้ ท่ีผตู้ รวจสอบภายในตามท่ีร้องขอ ใหค้ ณะกรรมการตรวจสอบภายในแจง้ ผลการตรวจสอบต่อ กสทช. ทกุ หน่ึงร้อยแปดสิบวนั วาระการดารงตาแหน่ง การพน้ จากตาแหน่ง และการประชุมของ คณะกรรมการตรวจสอบภายในใหเ้ ป็นไปตามระเบียบท่ี กสทช. กาหนด มาตรา ๖๙ ใหส้ านกั งาน กสทช. จดั ทางบดุล งบการเงิน และบญั ชีทาการ ส่งผสู้ อบบญั ชีภายในหกสิบวนั นบั แตว่ นั สิ้นปี บญั ชี ในทกุ รอบปี ใหส้ านกั งานการตรวจเงินแผน่ ดินเป็นผสู้ อบบญั ชีและ ประเมินผลการใชจ้ า่ ยเงินและทรัพยส์ ินของสานกั งาน กสทช. โดยใหว้ ิเคราะห์ ประสิทธิผลของการใชจ้ า่ ยเงินพร้อมท้งั แสดงความคิดเห็นว่าการใชจ้ ่ายดงั กล่าว เป็นไปตามวตั ถุประสงค์ และไดผ้ ลตามเป้าหมายเพยี งใดดว้ ยแลว้ ทาบนั ทึกรายงานผล เสนอต่อ กสทช. คณะรัฐมนตรี และรัฐสภา ให้สานกั งาน กสทช. เป็นหน่วยรับตรวจตามกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการตรวจเงินแผน่ ดิน หมวด ๖ การตดิ ตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดาเนินการและการบริหารงาน มาตรา ๗๐ ให้มีคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบตั ิงาน คณะหน่ึง ประกอบดว้ ยประธานกรรมการคนหน่ึงและกรรมการอื่นอีกจานวนสี่คน ซ่ึง มีคุณสมบตั ิ ดงั ต่อไปน้ี

(๑) เป็นผทู้ ี่มีผลงานหรือมีความรู้ และมีความเช่ียวชาญหรือ ประสบการณ์ดา้ นกิจการกระจายเสียง จานวนหน่ึงคน และดา้ นกิจการโทรทศั น์ จานวนหน่ึงคน (๒) เป็นผทู้ ่ีมีผลงานหรือมีความรู้ และมีความเช่ียวชาญหรือ ประสบการณ์ดา้ นกิจการโทรคมนาคม จานวนหน่ึงคน (๓) เป็นผทู้ ่ีมีผลงานและประสบการณ์ดา้ นการคุม้ ครองผบู้ ริโภค จานวน หน่ึงคน (๔) เป็นผทู้ ่ีมีผลงานและประสบการณ์ดา้ นการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพ ของประชาชน จานวนหน่ึงคน ใหป้ ระธานวฒุ ิสภาจดั ใหม้ ีการดาเนินการคดั เลือกบคุ คลผสู้ มควรไดร้ ับ การเสนอช่ือเป็นกรรมการจานวนสองเทา่ ของจานวนกรรมการตามวรรคหน่ึง เพือ่ นาเสนอให้วฒุ ิสภาพิจารณาคดั เลือกต่อไป ท้งั น้ี ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการท่ีประธาน วฒุ ิสภากาหนด ให้ผไู้ ดร้ ับการคดั เลือกเป็นกรรมการประชุมร่วมกนั เพอ่ื คดั เลือกผสู้ มควร เป็ นประธานกรรมการ มาตรา ๗๑ กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบตั ิงานมีวาระการ ดารงตาแหน่งคราวละสามปี และจะแตง่ ต้งั ใหด้ ารงตาแหน่งสองวาระติดต่อกนั มิได้ กรรมการตามวรรคหน่ึงตอ้ งไม่เป็นกรรมการ กสทช. กสท. กทค. อนุกรรมการ เลขาธิการ กสทช. พนกั งานหรือลูกจา้ งของสานกั งาน กสทช. และให้นา ความในมาตรา ๗ มาตรา ๘ และมาตรา ๒๐ (๑) (๓) (๔) และ (๕) มาใชบ้ งั คบั โดย อนุโลม ในกรณีท่ีกรรมการติดตามและประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงานพน้ จาก ตาแหน่งดว้ ยเหตอุ ื่นนอกจากการพน้ จากตาแหน่งตามวาระ ให้กรรมการเทา่ ท่ีเหลืออยู่ ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีตอ่ ไปได้ และใหถ้ ือวา่ คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการ

ปฏิบตั ิงานประกอบดว้ ยกรรมการเทา่ ท่ีเหลืออยู่ เวน้ แต่มีกรรมการเหลืออยไู่ ม่ถึงสาม คน วธิ ีการประชุมและการลงมติให้เป็นไปตามระเบียบท่ีคณะกรรมการ ติดตามและประเมินผลการปฏิบตั ิงานกาหนด ค่าตอบแทนและค่าใชจ้ า่ ยอ่ืนในการสรรหาและการปฏิบตั ิงานของ กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบตั ิงานใหเ้ ป็นไปตามระเบียบที่ กสทช. กาหนด มาตรา ๗๒ ใหค้ ณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบตั ิงาน มี อานาจหนา้ ที่ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดาเนินการและการบริหารงานของ กสทช. กสท. กทค. สานกั งาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. แลว้ แจง้ ผลให้ กสทช. ทราบภายในเกา้ สิบวนั นบั แตว่ นั สิ้นปี บญั ชี และให้ กสทช. นารายงานดงั กล่าวเสนอตอ่ รัฐสภาพร้อมรายงานผลการปฏิบตั ิงานประจาปี ของ กสทช. ตามมาตรา ๗๖ และ เปิ ดเผยรายงานดงั กล่าวใหป้ ระชาชนทราบทางระบบเครือขา่ ยสารสนเทศของ สานกั งาน กสทช. หรือวิธีการอ่ืนท่ีเห็นสมควร การประเมินตามวรรคหน่ึงตอ้ งอยบู่ นพ้ืนฐานขอ้ เทจ็ จริงและขอ้ มูลต่าง ๆ และตอ้ งมีการรับฟังความคิดเห็นของผูม้ ีส่วนไดเ้ สียประกอบดว้ ย คณะกรรมการอาจมอบหมายให้หน่วยงานหรือองคก์ รท่ีมีความเชี่ยวชาญ เป็นผรู้ วบรวมขอ้ มูล วเิ คราะห์ และประเมินผลเพอื่ ประโยชน์ในการจดั ทารายงาน มาตรา ๗๓ รายงานตามมาตรา ๗๒ อยา่ งนอ้ ยจะตอ้ งมีเน้ือหา ดงั ต่อไปน้ี (๑) ผลการปฏิบตั ิงานของ กสทช. กสท. กทค. สานกั งาน กสทช. และ เลขาธิการ กสทช. (๒) รายงานขอ้ เทจ็ จริงหรือขอ้ สงั เกตจากการปฏิบตั ิตามอานาจหนา้ ที่ ของ กสทช. ในส่วนท่ีเกี่ยวกบั การปฏิบตั ิหนา้ ที่อยา่ งมีประสิทธิภาพและความ สอดคลอ้ งกบั นโยบายของรัฐบาล พร้อมท้งั ความเห็นและขอ้ เสนอแนะ

(๓) ความเห็นเกี่ยวกบั รายงานประจาปี ท่ี กสทช. ไดจ้ ดั ทาข้ึนตามมาตรา ๗๖ (๔) เร่ืองอื่น ๆ ท่ีเห็นสมควรรายงานให้ กสทช. รัฐสภา หรือประชาชน ทราบ ให้ กสทช. กสท. กทค. สานกั งาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. ให้ความ ร่วมมือและอานวยความสะดวกใหแ้ ก่คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการ ปฏิบตั ิงานตามที่ร้องขอ หมวด ๗ ความสัมพนั ธ์กบั รัฐบาลและรัฐสภา มาตรา ๗๔ ในการดาเนินการตามอานาจหนา้ ท่ี กสทช. ตอ้ งดาเนินการ ให้สอดคลอ้ งกบั นโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงไวต้ ่อรัฐสภา มาตรา ๗๕ ในกรณีท่ีจะตอ้ งมีการเจรจาหรือทาความตกลงระหวา่ ง รัฐบาลแห่งราชอาณาจกั รไทยกบั รัฐบาลตา่ งประเทศหรือองคก์ ารระหวา่ งประเทศ ใน เร่ืองที่เกี่ยวกบั การบริหารคลื่นความถ่ี กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ กิจการ โทรคมนาคม หรือการอื่นท่ีเกี่ยวขอ้ ง กสทช. และสานกั งาน กสทช. มหี นา้ ที่ตอ้ งให้ ขอ้ มูลและร่วมดาเนินการตามท่ีรัฐบาลแจง้ ใหท้ ราบ มาตรา ๗๖ ให้ กสทช. จดั ทารายงานผลการปฏิบตั ิงานประจาปี ในดา้ น การบริหารคลื่นความถี่ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม แลว้ แตก่ รณี ซ่ึงตอ้ งแสดงรายละเอียดแผนงานและผลการปฏิบตั ิงาน รายละเอียด เก่ียวกบั การบริหารคลื่นความถี่ การจดั สรรคล่ืนความถ่ี การประกอบกิจการกระจาย เสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม แลว้ แต่กรณี และแผนการดาเนินงาน